พิมพ์หน้านี้ - One man story 12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Red....[em] ที่ 05-08-2007 18:48:19

หัวข้อ: One man story 12
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 05-08-2007 18:48:19
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

-----------------------------------------------------------------



ฝากกันอีกเรื่องหนึ่งนะครับ เป็นวันแมนฯของพี่ชายใบหน้าคมหัวนมฟิตของผมเองครับ แฮ่ๆๆ (พี่ชายคาโอรุ...ณ Dir en grey)


One man story 1

“เฮ้ออออ ! ไม่ไหวแล้วน้า!" สุดละเหี่ยใจเหลือหลาย ใจอ่อน อ่อนใจ วันนี้ผมถอนหายใจเป็นรอบที่สองร้อยสองแล้วมั่งครับนี่ เป็นอะไรที่เซ็งสุดขีดเลยล่ะครับ ที่ต้องมานั่งรอไอ้เพื่อนบ้าอยู่หน้าห้องมันแบบนี้ เหนื่อยก็เหนื่อย หนาวก็หนาว หิวก็หิว มันไปไหนของมันว้อย!เนี้ยนะพอ teen แตะสนามบินปุ๊บ ผมก็รีบจับแท็กซี่มายังที่พักของมันทันที หิวจนตาลายแทบจะจับคน(ผู้ชาย)แถวนี่กินได้แล้วนะมึง ไอ้จี้! มึงตายแน่!...ผมคำรามอยู่ในลำคอ ด้วยความเหนื่อยและโมโหหิว


ดูสิครับมีอย่างที่ไหนเมื่อ ประมาณ 1 เดือน ก่อนหน้านี้ ผมได้รับเมล์จากไอ้เพื่อนบ้า ไอ้จี้มันครับ มันชวนผมให้มาเที่ยวโตเกียวแล้วมาพักอยู่กับมัน ทีแรกผมก็ไม่อยากมาหรอกครับ แต่มันก็รบเร้าอยู่นั่นแหละ และอีกอย่างผมก็เรียนจบมาได้เดือนกว่าๆแล้ว ก็เลยอยากมาหางานทำไปในตัวด้วย ตามประสาเด็กบ้านนอกแหละฮะ พอเรียนจบก็เข้ากรุง ทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้อยู่รอด ผมว่าสภาพแวดล้อมภายในเมืองใหญ่ๆมันดูเครียดและเหนื่อยยังไงไม่รู้ คิดดูนะฮะ แค่นั่งรถเมล์หรือรถไฟเฉยๆก็ยังเหนื่อยได้เลย แถมยังต้องดิ้นรนถีบตัวเองอยู่ตลอดเวลาอีก ผมเห็นอาการเพื่อนผมแต่ละคนแล้ว ต้องบอกเลยล่ะฮะ ว่าผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่คิดที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ๆแบบนี้ ไม่น่าอยู่เหมือนบ้านนอกเราหรอกครับ ผมรักสงบ เงียบๆ อะไรที่มันดูวุ่นวายสับสนรู้สึกมันไม่เข้ากับผมซักเท่าไหร่

มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องคิดหนักมากถึงมากที่สุด คิดแล้วคิดอีกกว่าจะตัดสินใจแพ็กกระเป๋าออกจากบ้านเกิดที่เฮียวโงได้ น้ำตาร่วงไปหลายปี๊บครับ

ผมก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองแล้วก็เป็นเดือดเป็นแค้นให้ไอ้เจ้าจี้มันต่อ ก่อนจะมาไอ้ผมหรือก็โทรมาบอกย้ำแล้วย้ำอีกแล้วนะ ฮึ่ม !ไอ้จี้ แกตาย !!!...แค้นมันขึ้นมาอีกรอบ ยิ่งนึกก็ยิ่งหงุดหงิดถึงโตเกียวผมก็โทรหาไอ้เพื่อนตัวดีทันที แต่แล้ว... หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ...น้าน!มันดันเสือกปิดโทรศัพท์ทำเตี่ยมันทำไมมิทราบ!... ผมกด ๆ จิ่ม ๆเบอร์ของไอ้จี้จนเครื่องจะพังอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันหายหัวไปไหนของมัน เล่นแบบนี้ผมก็แย่ซิฮะ!... แย่แน่ๆ มันทำอะไรของมันอยู่

ผมมืดแปดด้านไปหมดไม่รู้จะทำยังไง เด็กใสซื่อบริสุทธิ์แบบผมมาโตเกียวกับเค้าเป็นครั้งแรกด้วย ไม่รู้จะไปทางไหนถนนหนทางก็ไม่รู้

แต่ในที่สุดหลังจากที่นั่งคอยมันอยู่ที่สนามบินจนทนไม่ไหว ผมก็ตัดสินใจนั่งแท๊กซี่มาคอยมันอยู่ที่หน้าห้องพักของมันแทน แล้วตอนนี้ผมก็คอยมันมาสี่ห้าชั่วโมงแล้วครับ

โธ่!... มันไปไหนของมันนะ ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้จดที่อยู่และเบอร์ห้องผิดหรอกครับ หิวข้าวจนไส้จะขาดอยากจะไปหาอะไรใส่ท้องก็กลัวว่าไอ้จี้กลับมาจะไม่เจอผมเข้า คอยมันต่ออีกซักหน่อยแล้วกันไหนๆก็มาถึงแล้วนี่ ตาก็จะปิดอยู่ร่อมมะรอแล้ว การเดินทางจากเฮียวโงถึงตัวเกียวมันเหนื่อยไม่น้อย พอง่วงแบบนี้ใจมันนึกถึงเตียงนุ่มๆที่บ้านนอกขึ้นมาทันใดเลยฮะ...

ผมวางสัมภาระลงบนพื้นหน้าประตูห้อง แล้วก็นั่งคอยมันหน้าห้องนี่แหละ ช่างมันไม่องไม่อายไม่สนใจแล้ว ชั้นนี้ก็ไม่เห็นจะมีคนเข้าคนออกซักเท่าไหร่หรอก ยิ่งดึกดื่นแบบนี้ไม่มีใครมาสนใจผมหรอกฮะ...เงียบและสงบพอจะนั่งหลับคอยมันได้น่า

ฟี้ๆๆๆ.....

................

“ เฮ้ ๆ ตื่นๆ ได้แล้ว”

“ งะ ฮะ อะไรๆ “ ผมตาลีตาลานสะดุ้งตื่น ตกใจเมื่อมีตัวอะไรไม่รู้มันมาสะกิดที่ต้นแขน ไหน ๆ ใครบังอาจมาขัดจังหวะการหลับการนอนของผม ผมขยี้หูขยี้ตามองหาตัวมารที่บังอาจมารบกวนเวลาหลับของผมได้

เจออะไรเข้ารู้มั๊ยครับ...นี่เลยครับ เบ่อเร่อเลย เท้าใหญ่ๆภายใต้รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังที่เห็นได้ตามป้ายโมษณาอยู่ข้างสนามบอลบ่อยๆมันอยู่ห่างจากหน้าผมไปแค่คืบเดียวเองอะ...พอผมทอดสายตาไล่มองสูงขึ้นไปอีกนิด...


กร๊าซซซซซซซซซซ แทบบ้าตาย!...ขาแม่งมันสวยชิบหาย!...ภายใต้กางเกงยีนส์ขาดๆเข้ารูป เห็นหน้าแข้งที่ไร้ขนวับๆแวมๆด้วย......

เสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ อยากจะกร๊าซอีกแล้ว!...ไอ้บ้านี่มันแต่งตัวได้ใจผมชิบหายเลยครับ...

ขอยืนดูหน้าตามันหน่อยเถอะ ปล่อยให้กูแหงนมองจนเมื่อยคอแล้วนะเฟ้ย!

ผมลุกขึ้นยืนประชันความหน้าตาดีกับมัน...อะนะ...ขอบอกว่าผมสูงเพียงแค่คางมันเองครับ ผมยักคิ้วให้ทักทายมันก่อน นิ้วชี้ๆเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามไอ้บ้าหัวแดงที่มันมาจากไหนไม่รู้ ยืนอยู่ข้างหน้าผมในขณะนี้ ท่าทางมันเหมือนยากูซ่าที่หลุดออกมาจากในโทรทัศน์เลยล่ะ หน้าตากวนส้นตีนสิ้นดี!

หมอนี้...มันหมายถึงผมเหรอ...ไอ้ที่เรียกเมื่อกี้อะ?

ผมหันซ้ายหันขวา หันหน้าหันหลัง หว่า... ก็แถวนี้มันมีผมอยู่แค่คนเดียว ไอ้หัวแดงท่าทางขี้เก๊กชิบโป้ง พยักหน้าหงึกๆ ท่าทางโกรธ ๆ ทำหน้าตึงๆเชิดๆหยิ่งๆเข้าใส่ เชอะ! นึกว่ากูอยากจะคุยกับมึงนักเหรอไง...แอ๊คอยู่ได้ ...จะหาเรื่องกูใช่ม๊ะ...? ผมชักยัวะฮะ หิวก็หิว ยุงก็กัด โกรธให้ไอ้จี้จนผมว่าตัวเองชักจะพาลแล้วครับ แต่ผมเปล่ากวนประสาทตาหัวแดงนี่นะ ...ท่าทางมันเป็นของมันเอง ...จะหาเรื่องผมเหรอ ตัวมันใหญ่โคตรเลยครับสูงยังกับเปรต...ซวยละสิ

  ซวยอีกแล้วสิกู ซวยอีกเลยซิว้อยไอ้ม่า มึงโดนฆ่าหมกอ่าวโตเกียวแน่ๆ...วันนี้มันเป็นวันอะไรเนี้ย เจอแต่เรื่อง ผมจะสู้หมอนี่ได้ไหมตัวแม่งก็โคตรใหญ่ ประมาณจากสายตาแล้วท่าทางผมจะเจอคู่ต่อสู้ที่ลำบากเข้าให้แล้ว เอาวะเต๊ะจุ้ยมาก็เต๊ะจุ้ยไปแล้วกัน กวนโอ้ยเป็นบ้า ผมลุกขึ้นยืนกอดอกพร้อมจะมีเรื่อง หน๋อย! ไม่รู้จักคาสุม่า ณ เฮียวโงซะแล้ว แบบนี้ต้อง..

“ ก็นายนั่นแหละ” อัยขี้เก๊กหัวแดง หน้าตาก็...งั้นแหละฮะ อย่าไปชมว่ามันหน้าตาดีเลย...น้อยกว่าผมเยอะครับ มันตอบผมขึ้น ก่อนที่ผมจะทันได้ฝ่าไฟแดงกลางสี่แยกอันตราย พลางปรายสายตาคมดุมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ...บอกไว้ก่อนนะเฟ้ยถึงจะตัวเล็กแต่ใจสู้นะเว้ย! ผมร้องท้าอยู่ในใจ พลางยักไหล่เป็นเชิงถาม

“มีไร...?” ไอ้ท่าทางหยักไหล่ถามนี่มันก็เป็นของมันเองนะฮะ ผมเปล่ากวนตีนมันซักนิด...มันเป็นของมันเองครับ...

"เด็กๆ.."

"ตรงไหน...?"หน๋อยว่ากูเด็ก...มึงอะจะแก่กว่าปีซักกี่ปีเชียว...ไอ้นั้นน่ะใหญ่กว่ากูซักแค่ไหนวะ...

ผมไม่ชอบสายตาดุๆของมันนัก...แม่งมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า..มันยิ้มขื่นๆตรงมุมปากได้อย่างกวนโทสะมากเลยครับ

“หลีก” โห! อะ...ไอ้แดง!...มันพูดแค่เนี้ยแล้วก็ทำเป็นเดินผ่านแถมชนไหล่ผมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เอ่อ... หมอนี่เล่นเอาผมงงเต็กอะ เอ๋อ ไปพักใหญ่ในใจนึกว่าจะต้องได้วางมวยกับมันซะอีก...

 แล้วมันก็ล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงออกมา ...ผมก็ดันเผลอมองตามมันด้วยความสงสัย...มันจะทำอะไรวะ...?...อะนั้น กุญแจ !!! เปิดประตูห้องเข้าไปแล้ว

เฮ้ ! ช้าก่อน ๆ หมอนี่ มันยังไงกันแน่ ก็ห้องนี้มันห้องท็อตจินี่หน่า ผมเดินตามเขา แฮ่ๆๆ ขอเรียกมันด้วยความสุภาพขึ้นมาบ้างนะฮะ ลางสังหรณ์มันเริ่มบอกผมว่า ผมควรจะเป็นมิตรกับมันเอาไว้น่าจะดีกว่าอะครับ...ผมเดินตามมันเข้าห้องพร้อมกับลากกระเป๋าใบโตเข้าไปด้วยความว่องไว กลัวหมอนี่จะปิดประตูห้องใส่หน้าผมซะก่อนนะสิ เขาหันมามองผมท่าทางโกรธๆ...ผมรู้...มันคงไม่พอใจในพฤติกรรมของผมแหละฮะ

ชักสยองขึ้นมานิดๆแฮะ ผมแอบบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ...เมื่อเห็นสายตาดุๆของคนหัวแดงข้างหน้าตัวเอง

“นาย เข้ามาทำไม!...?” มันเท้าสะเอวถามผมอะ

“ อ้าว ก็นี่มันห้องเพื่อนชั้นอะ นายนั่นแหละเป็นใคร...?" ผมเท้าสะเอวตอบและถามกลับบ้าง...สยองฮะสยอง...เห็นสายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้อของหมอนี่แล้วผมก็อยากให้ประโยคเมื่อกี้กลับเข้าไปทางเก่าจัง ชักปอดแหกขึ้นมายังไงไม่รู้

2 ขาก้าวถอย แล้วหันหลังวิ่งกลับไปที่ประตูห้องเพื่อตรวจสอบความถูกต้องให้อุ่นใจอีกครั้งหนึ่ง แล้วผมก็ยิ้มออกก่อนที่จะรีบวิ่งกลับมายืนที่เก่า หมอนี่ทำหน้างงติดตลก คงสงสัยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ละซิ

“เอาล่ะ ไม่ผิดแน่” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ พลางเป่าลมออกปาก ถนนก็ถูก ชื่อคอนโดก็ถูก เลขที่ห้องก็ถูกนี่หว่า หมอหัวแดงนี่มันมีกุญแจ เปิดเข้ามาได้ก็แสดงว่ามันต้องเป็นเจ้าของห้องหรือไม่ก็เพื่อนไอ้ท็อต หรือไม่ก็...ช่างหัวมันเถอะมันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ยังไงๆตอนนี้ก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าที่มันสามารถเข้าออกห้องนี้ได้ บางทีหมอนี่อาจจะรู้เรื่องท็อตจิบ้างก็ได้...ลองถามมันดูก่อนก็ไม่ผิดนี่หว่า...

ผมสรุปข้อสันนิษฐานของตัวเอง แล้วเริ่มยิ้มเรี่ยราดตีสีหน้าไม่ถูกให้หมอนี่ก่อนที่เขาจะหมดความอดทนกับผมเอาได้

“เอ่อ... ชั้นเป็นเพื่อนท็อตจิ นี่ ๆ เอ้า! ดูซิ" ท็อตจิก็คือไอ้จี้นั้นแหละฮะ...ผมควักกระดาษที่จดชื่อที่อยู่พร้อมเลขที่ห้องให้หมอหัวแดงดู ชักใจแป้วเหมือนกันครับกลัวคำตอบของหมอนี่ ถ้าเขาไม่รู้จักท็อตจิล่ะก็..

“เป็นเพื่อนท็อตจิ...?” เค้าเงยหน้าถามผม ชื่อของไอ้บ้าท็อตจิที่เค้าเอ่ยออกมาทำให้ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก รีบพยักหน้าตอบแล้วส่งยิ้มให้ก่อน ต้องทำเป็นผูกมิตรไว้ ไม่งั้นคืนนี้ผมอาจมีสิทธิ นอนตากยุ่งและลมหนาวอยู่นอกห้องถ้าเผลอแผลงฤทธิ์ให้หมอนี่เห็นไปมากกว่านี้นะครับ

“ท็อตจิมัน ไม่อยู่หรอกนะเห็นบอกว่ามีงานถ่ายแบบด่วนเข้ามา ต้องไปโชว์ตัวที่ปารีส 2 อาทิตย์"

“ ฮึ่ม ! เข้าใจล่ะ ห๋า !!! อะไรนะ ไหงเป็นงั้นล่ะ” ผมแหกปากลั่น โธ่ !อัยทอดกล้วย กล้วยทอด ทำตูจนได้ มันไม่อยู่แบบนี้แล้วมันเสือกโทรชวนผมมาโตเกียวทำหอยอะไรของมัน ทำเป็นว่าอยากเจอผมอย่างนู่นอย่างนี้ คิดถึงผมใจจะขาด แหวะ! ไอ้ตอแหล คิดแล้วผมก็อยากจะตึ้บหน้าหล่อ ๆ ของมันขึ้นมาตะหงิดๆ รู้ว่าตัวเองไม่อยู่แล้วทำไมไม่บอกนะ

“เอ้านี่!... หมอนั้น ฝากไว้” ตาหัวแดงยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผม เมื่อคงจะเป็นว่าผมยืนเอ๋ออยู่นาน แล้วเขาก็เดินไปปิดประตูห้องเข้ามาและเลยเดินไปที่ห้องครัว อะนะน่าจะใช่ห้องครัว ก็เขาหาอะไรบางอย่างอยู่ในตู้เย็น อ๊ะ! หลายมือ ท็อตจิ

‘ Hi bybe and my darling' โธ่ ! อัยท็อตจิยิ่งอยากเหยียบให้มันจมธรณีชะมัด

‘ I ขอโทษด้วยน้า มันเป็นงานด่วนจริงๆ พึ่งจะรู้เมื่อเช้านี้เอง อย่าโกรธน้า แล้วก็อย่าหนีกลับเฮียวโงล่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้วต้องรออยู่พบนะ ก็แกน่ะทำเป็นมายากมาเย็นนักนี่ไอ้โตเกียวเนี้ย!... ทีแรกชั้นก็กะจะโทรไปบอกแกตั้งแต่เช้า แต่ก็กลัวจะไม่มาหาอย่าโกรธเลยนะแกที่ไม่ได้บอกก่อน แต่ถ้าโกรธก็อย่าหนีกลับเฮียวโงเป็นอันขาดนะ รอชั้นก่อนเดี๋ยวจะกลับไปให้กระทืบสัญญาเลยเอ้า!.. และถ้าม่าได้อ่านแล้วก็แสดงว่าได้เจอไดสุเกะแล้วสินะ’ อ๋อหมอนี่ชื่อไดสุเกะเหรอ ...ตั้งชื่อไม่เข้ากับหน้าอย่างแรง.. ผมแอบมองไดสุเกะคุงแวบหนึ่งก็เห็นเขากำลังชูขวดเบียร์ในมือให้...

ไดสุเกะเป็นเพื่อนและ Room mate ของฉันเอง แล้วชั้นก็ฝากม่าจัง (อย่าเรียกกูว่าม่าจังอีกนะมึงอีจี้)ให้ไดสุเกะมันช่วยดูแลไว้แล้ว มีอะไรก็ถามมันได้ มันจะช่วยได้ทุกอย่าง รบกวนมันได้ทุกเมื่อ ถ้ามีอะไรไม่พอใจเดี๋ยวกลับไปแล้วจะไปกระทืบไอ้ได(ไดสุเกะ)มันคืนให้ ม่าจังเข้าใจชั้นน้า ...ไม่เข้าใจวะ.. ทำไมต้องฝากชั้นไว้กับเจ้าลิงหัวแดงนี่ด้วย ท่าทางนักเลงออกปานนั้น

‘ ห้ามหนีกลับเฮียวโงะเป็นอันขาดถ้าชั้นกลับไปแล้วไม่เจอนายละก็ ตัดเพื่อน OK นะ แล้วค่อยเจอกัน บาย บ่าย bybe' เอา ๆ ขู่กันเข้าไปเหมือนกับไอ้จี้มันจะรู้ว่าผมต้องหนีกลับบ้านแน่ๆ ถ้าไม่พบมันถึงขนาดย้ำแล้วย้ำอีกแบบนี้... ผมเผลออมยิ้มน้อย ๆ เมื่อคิดถึงเพื่อนตัวดีตัดสินใจอยู่แป๊บหนึ่ง มาแล้วนี่จุดมุ่งหมายและจุดประสงค์หลักคือหางานทำ ไดคุง...ผมขอเรียกมันแบบนี้นะครับ ชื่อเต็มของมันยาวอะ ไดคุงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ มองผมที่จ้องกระดาษโน้ตของท็อตจิอยู่พลางส่งกระป๋องเบียร์ให้ ผมมองไดคุงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจในที่สุด...ไหนก็ไหนๆแล้ว

“ไดสุเกะคุงรบกวนด้วยนะ แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" ผมค้อมหัวให้ไดคุงนิด ๆ พอเป็นพิธี แล้วก็รับกระป๋องเบียร์ยกขึ้นดื่ม

“คาสุม่าซินะ... นึกว่าจะเป็นผู้หญิงซะอีก" หมายความว่ายังไงไอ้ได...! ถ้าชั้นเป็นผู้หญิงจะต้อนรับให้ดีกว่านี้เหรอ ชักเคืองๆ กับประโยคของไดคุงแล้วครับ

“ ถ้าเป็นผู้หญิง แล้วไงล่ะ ผู้ชายครับบอกไว้ก่อน" ผมยืดอกอวดเบ่งจนคับห้องมองไดคุงอย่างไม่ค่อยพอใจ เห็นทีผมคงจะได้เปิดศึกย่อยๆกับไอ้ไดก่อนเป็นแน่ ถ้าหากว่าไดยังคงพูดไม่เข้าหูแบบนี้

“ อ่าๆๆ  ก็มันเหนือความคาดหมายนะสิคาสุม่า... ไอ้ท็อตมันบอกว่าเพื่อนมันนะเจ๋ง ขาว สวย หมวย อึ๋ม แถมเซ็กซี่ด้วยนะ แล้วดูนายสิ โถ!สวรรค์ชั้นเจ็ดของชั้นล่มซะแล้ว” สวรรค์ล่มเหรอ ดูมันพูดได้กวนส้นไหมล่ะฮะ...ไอ้บ้าท็อตจิพอๆกันเลยกับไอ้บ้าได..มิหน่าพวกมันถึงได้อยู่ด้วยกันได้

“บอกไว้อีกข้อนะไดคุง ชั้นนะวิเศษและสุดยอดกว่าอัย ขาว สวย หมวย อึ๋ม ของนายและอัยท็อตเยอะเฟ้ย” เล่นกับใครไม่เล่น ต้องเอาให้สะอึก

“ ฮ่า ๆ ๆ นายนี่ตลกเป็นบ้า พอแล้ว ๆ ชั้นไม่อยากทะเลาะกับนาย เกิดเดี๋ยวนายหนีกลับบ้านท็อตจิเอาชั้นตายพอดี แต่นายนี่ท่าทางหาเรื่องดี เอาเรื่องน่าดูเลยนะ... พอแล้วอย่ามองชั้นแบบนั้นเอาของไปเก็บในห้องนอนนู้นไป๊ แล้วก็ทำตัวตามสบายเลยนะคาสุม่า คิดว่าเป็นบ้านของนายแล้วกัน" ผมส่งสายตาร้ายให้เค้าก่อนที่ไดคุงจะบอกให้เอากระเป๋าไปเก็บ

“ดุและเอาเรื่องอย่างกับแม่เสือเลยวุ้ย ตัวก็เล็กนิดเดียว ไอ้ท็อตสงสัยกูจะเละก็คราวนี้แหละ"

“ว่าไงนะครับไดคุง” ผมหันกลับทันทีเมื่อ ประโยคแปลกๆมันเข้าหูอีก

“หูแกว่งจังวุ้ย เอ่อ เปล่า ๆ ๆ ไม่มีอะไรนี่ ไม่ได้พูดอะไร" ดายหันมาบอก โบกไม้ โบกมือให้ยุ่งไปหมด

"แล้วไป..เอ่อ..เรียกฉันว่าม่าก็ได้นะ"

"ม่าเหรอ...โอเค...ม่าคุง...แล้วนายอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?"

"แก่แล้วล่ะ...อย่าถามเลยอายุมันเป็นเพียงตัวเลข"ผมเอาคำตอบสุดฮิตขึ้นมาใช้ ...ไม่อยากบอกอายุจริงๆกับไดมันหรอกฮะ...มันยิ่งว่าผมเด็กๆอยู่

"บรรลุนิติภาวะยังล่ะ..เอ่อจะได้ทำตัวถูก..."แล้วมันเกี่ยวไรด้วย...กูเลยมาสองปีแล้วว้อย ทำตัวตามปกติของแกนั้นแหละ

"เลยแล้ว.."ผมบอกพร้อมกับมองไปทั่วห้อง

“เหรอ...?"

"เออดิ..."ไม่เชื่อหรือไง...?


"อ้อ แล้วนายหิว มะ" คุยกันตั้งนานเพิ่งจะมีประโยคนี้ที่เข้าหูนี่แหละ ผมยิ้มหวานให้ไดทันทีครับ แล้วเดินกลับไปใกล้ ๆ เขา

“หิวจะแย่แล้วได ฉันรออยู่หน้าห้องเป็นชาติยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย หิวจนไส้บิดพันกันไปหมดแล้วอะ"อ้อนไว้ ๆ แล้วท้องเราจะสบาย ก็มันหิวจริงๆนี่หน่าช่วยไม่ได้ ไดคุงนี่น่าจะเป็นประเภทอาแป๊ะหลงตัวเองแพ้คำพูดหวานๆ อ้อนๆ แน่ๆ แบบเดียวกับไอ้ท็อต

“ ไดคงทำกับข้าวอร่อยสินะ เห็นท็อตจิ เล่าให้ฟังบ่อย ๆ"

“ ฮ่าๆๆ ไม่ต้องมายอเลย ไปไป๊ ไปอาบน้ำเดี๋ยวทำอะไรง่ายๆ ให้ทานแล้วกัน ดึกดื่นป่านนี้ร้านค้าคงปิดหมดแล้ว" เห็นมะในที่สุดก็สำเร็จ แลกกับยอมให้ไดมันตบหัวที สองทีเพราะไล่ผมไปอาบน้ำ

อืม...ห้องนี้ใหญ่และกว้างน่าดู ผมเดินเข้าห้องน้ำพลางสำรวจนู่นสำรวจนี่รอบๆห้อง แต่ไม่ไหวไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเอาซะเลย ของก็วางรกไปหมด แถมยังมีเตียงเดียวซะอีก ถึงเตียงจะกว้างอะนะ แต่ผมก็ว่ามันไม่ดีอยู่ดี หว้า!แล้วอย่างนี้ผมจะนอนที่ไหนดีหว่า ผมยืนคิดสอดส่องสายตาหาทำเลให้ตัวเอง นั่งไงเจ๋งเป้ง!... โซฟาหน้าทีวีนี่แหละเจ๋งที่สุด มันอยู่เบี่ยงออกมาทางเตียงไกลพอดู ผมยิ้มให้กับตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

“ม่า! จะทำอะไรน่ะ?” ดายร้องถามเสียงหลงเลยครับ

 หลังจากกินข้าวกินปลาอิ่มและด้วยความเจริญอาหาร ทำให้ผมซัดข้าวเกลี้ยงหม้อ อดชมฝีมือคนทำไม่ขาดปาก นั่นก็อะไร นี่ก็อร่อย นู่นก็อร่อย อู้ย อร่อยไปหมด ไดคุงอิ่มกับคำชมของผมจนตัวพอง แล้วผมก็ไปช่วยล้างถ้วยล้างจานจนเสร็จแล้วจากนั้นผมก็เร่ไปที่เตียงทันทีก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ซักพักก็หยิบหมอนกับผ้าห่มออกมานี่แหละฮะ

“ อ้าวก็ไปนอนไง ง่วงจะตายชัก" ผมว่าพลางดึงผ้าห่มคลุมตัวเอง พันๆตัวเอาไว้ ก็มันหนาวนี่หน่า แล้วก็กระดึ๊บๆ ไปที่โซฟา

“จะไปนอนไหน...?”

“ นี่ไง โซฟาตรงนี้น่าจะสบาย"

“ จะบ้าเหรอ ได้หนาวตายกันพอดี ห้องนี้มันไม่มีฮีตเตอร์ เดี๋ยวนายก็ไม่สบายหรอก อากาศติดลบขนาดนี้... ไม่ต้องมาเถียง ชั้นขี้เกียจพานายส่งโรงพยาบาล นู่นไปนอนเตียงนู่น" จะอ้าปากบอกว่าผมแข็งแรงจะตายไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก แต่ก็ดันคันจมูกขึ้นมาจนต้องจามออกไปเสียก่อน ปล่อยให้ไดยกมือห้ามว่าผมไปแล้วกัน

“ ทำยังกับเป็นผู้หญิง ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า..." ไดว่าพร้อมกับคว้าเอาหมอนจากมือผมไป และดึงชายผ้าห่มให้ผมกระดึ๊บ ๆ ตามไปที่เตียง

“จริงๆ เลยนะนายเนี้ย!" ดายส่ายหน้าแต่ก็แอบขำกับท่าทางของผมนะ

“เด็กจริงๆ นายอายุเท่าไหร่หรือคาสุม่า เอ๊า! นายไปนอนฝั่งนู่นไป" ช่างเถอะอยากว่าอะไรก็ว่าไปแล้วกันตอนนี้อิ่มและอยากนอนจะแย่ รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ ยังไงไม่รู้ฮะ

“ นอนดิ้นหรือเปล่านายน่ะ "

“ไม่หรอก” ผมตอบ หนังตาหนักไปหมด

“ ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะต้องนอนผวากลัวตกเตียงไปทั้งคืนซะอีก”

“บ้า” ผมแลบลิ้นให้ได พูดประชดดีนักเดี๋ยวก็แกล้งถีบตกเตียงจริงๆ ซะเลย ไดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ครู่ก็ล้มตัวนอนตะแคงหันหลังให้ผม ผมถอนหายใจเบาๆ เหนื่อยเหมือนกันแฮะกับการต่อปากต่อคำกับได มือไม้ก็พลางตบหมอนตบผ้าห่มไปตามเรื่อง ไม่ใช่ไม่อยากนอนเตียงเดียวกับไดหรอกเอ้ย !ไม่ใช่ ๆว่าผมไม่เคยนอนเตียงเดียวกับผู้ชายหรอก แต่ผมไม่คุ้นที่จะนอนกับคนแปลกหน้าต่างหาก ผมหันไปมองได... ทำไมต้องใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ด้วยนะ ...ไดไม่เห็นจะหล่อ...หล่อ...ตรงไหน?

แล้วมันเกี่ยวกับดายไม่หล่อยังไงวะ อย่านะ อย่าคิดเชียวนะว้อยไอ้ม่า... อย่าแม้แต่จะคิด มึงจะบ้าเหรอ ทำไมจะต้องรู้สึกตะขวิดตะขวงใจกับไดมันด้วย
ที่เมื่อก่อนนอนกับไอ้ท็อตไม่เห็นเป็นไร หรือกูจะเป็นตุ๊ด ว๊าก!!!...ใกล้ชิดผู้ชายหน้าตาดี...เอาวะมึงอะไอ้ไดหน้าตาดีก็ได้ อยู่ใกล้ผู้ชายที่ตรงสเปคทีไรใจมันหยิวๆทุกที...ไม่อยากจะบอกเลยครับว่าในหัวผมมันเห็นไดคุงตรงสเปคของผมตั้งแต่แรก.

ใจผมกับสมองมันเถียงกันไปมาไม่มีใครยอมใคร เฮ้ย! แล้วผมจะนอนหลับไปมั๊ยเนี้ย...ดายหลับไปตั้งนานแล้ว เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้รู้ ผมก็ได้แต่นอนพลิกซ้ายพลิกขวาไปมา

นี่หมอนี่ไม่รู้สึกไม่คิดอะไรเลยเหรอ ...ไม่คิดอะไรกับผมเลยเหรอ...หรือว่าเราไม่มีแรงดึงดูด...^O^

ให้ตายเถอะปล่อยให้เรานอนไม่หลับอยู่ได้ ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆไดสุเกะมันตะแคงพลิกตัวหันหน้ามาทางผมแล้ว แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ มันคงเป็นเพราะ(สัญชาตญาณความหื่น)ไออุ่นกระมัง ถึงทำให้เด็กขี้หนาวต้องการความอบอุ่นแบบผมโหยหาและขยับเข้าไปใกล้โดยอัตโนมัติ กลิ่นกายของไดคุงกับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆก็กระตุ้นความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ยิ่งทำให้ผมอยากเข้าไปใกล้ไดมันมากกว่านี้ แต่ก็ระวังไม่ให้ถูกตัวไดนะครับ เดี๋ยวเขาตื่นผมก็แย่นะสิ

ผมนอนจ้องสำรวจใบหน้าที่หลับไม่รู้เรื่องนี่เพลินๆ ไม่มีไรทำ นอนก็ไม่หลับ ขอจ้องไดมันหน่อยแล้วกัน

ให้ตายเหอะครับไม่อยากจะเชื่อ และไม่อยากยอมรับอะครับว่ามองใกล้ ๆแล้ว ไดคุงจะดูดีได้ถึงเพียงนี้ ...รู้สึกเขินๆยังไงชอบกลแฮะไดจะรู้มั้ยเนี้ยว่าผมแอบจ้องเขา คิ้วเรียวรับกับสันจมูก จมูกก็โด่งเป็นบ้า! ริมฝีปากก็หยักสวยได้รูป โหนกแก้มที่สูงเน้นโครงหน้าให้คมเข้ม เรียวปากสวยสีแดงนิด ๆ แถมยังเผลอหน่อย ๆ อ๋อย !!! อยากจูบ ว๊ากๆๆ ไม่ใช่ๆ มันหล่ออะ...หล่อจริงๆด้วยวุ้ย! หน้างี้ใสเชียวนะมึง

ฟังเสียงหัวใจผมสิครับเต้นรัว เร็วและแรงเกินไปแล้ว อย่าพึ่งตื่นขึ้นมาเชียวนะได อย่าพึ่งตื่น!...(ขอกูแอบสำรวจมึงอีกนิดเถอะ)

ดูเหมือนคำขอของผมมันจะไม่เป็นใจ คงเพราะความตื่นเต้นและความกระสับกระส่ายของผมเลยพลอยทำให้คนถูกแอบมองรู้สึกตัวขึ้นมา ไดคุงขยับตัวแล้วครับ.. ไม่ได้ๆ เดี๋ยวความแตก รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมหลับตาลงทันที ทำเป็นหลับไปซะงั้น รู้สึกว่าไดสุเกะจะตื่นจริงๆ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขารดอยู่เหนือใบหน้าจนรู้สึกได้

เอ๋...อย่าบอกว่าดายแอบมองผมคืนนะ ชักทำตัวไม่ถูกแล้ว จะลืมตาดีไหม? แล้วดายจะทำมากกว่าจ้องมั้ย ? อ๊ากก...อย่านะ อย่า ๆ คิดอีกซิคาสุม่า!

โธ่! ความคิดเจ้ากรรมเลยเถิดคิดไปถึงไหนต่อไหน ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด ไม่ต้องบอกป่านนี้มันคงจะแดงประจานให้ไดเห็นแน่ ๆ ในหูของผมได้ยินเสียงหัวเราะของคนตัวโตที่อยู่ข้างหน้าก็ยิ่งอยากเอาปิ๊บคลุมหัวขึ้นมาทันที

“เป็นไข้เหรอ แก้มแดงเชียว" อึก! นั่นประไรโดนเข้าอย่างจัง ดายพูดประชดปนขันอยู่ข้างๆ หู ...มันรู้ว่าผมแกล้งหลับ

“ฮือ” ผมครางอยู่ในลำคอแกล้งเป็นไข้ขึ้นมาซะงั้น...รู้จักผมน้อยไปแล้วพี่ได... แล้วก็กระเถิบตัวเข้าไปติดตัวไดมากกว่าเก่าอีก อยากว่ามาก่อนนี่ เสียงหัวเราะของไดยิ่งดังขึ้นกว่าเดิมอีกครับ

“เด็กบ้า!” ไดว่าที่ข้างๆหูจนผมรู้สึกจั๊กจี้ พลางลูบหัวผมไปด้วย แล้วด้วยความคาดไม่ถึงวงแขนยาวก็ทาบลงบนตัวผม ตามด้วยขาหนักๆ ที่ยกขึ้นมาก่ายบนขาของผม

โอ้ย! หนักอะผมไม่ใช่หมอนข้างนะ ผมแกล้งดิ้นและครางอย่างขัดใจ ทำเป็นว่ารำคาญให้ไดรู้ แต่ก็อีกนั่นแหละไดยิ่งแกล้งรัดแน่นเข้าไปใหญ่ ผมคงไม่มีทางหลุดจากวงแขนแกร่งของอัยคนตัวโตขี้แกล้งได้แน่ แต่ก็อุ่นนะสุขใจอย่างประหลาด อุ่นจังเลย ไม่คิดมาก่อนว่านอนกับผู้ชายด้วยกันจะให้ความรู้สึกที่ดีแบบนี้

ไดเอื้อมปิดไฟบนหัวเตียงแล้วหันมาหนีบผมต่อ ผมซุกหน้าลงกับอกแกร่งทันที แอบสูดกลิ่นกายของไดเข้าเต็มปอด ผมคงหลงไหลกลิ่นกายที่เร้าใจนี้เข้าให้แล้ว ตอนนี้ผมกำลังอุ่นสบาย หลับละนะดาย กอดให้ถึงเช้าเลยล่ะ ผมขดตัวและยกแขนกอดไดบ้างก็มันเมื่อยนี่นา แขนมันคู้อยู่แบบนี้ ให้ผมมีโอกาสได้เก็บเล็กผสมน้อยบ้างสิ (มันก็เก็บเล็กผสมน้อยเหมือนกันนั่นแหละ : ได)

ผมไม่ปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองหรอกครับ... ก็ดีแล้ว 2 อาทิตย์ที่อยู่กับไดจะได้ไม่น่าเบื่อ อาจจะมีอะไรสนุกๆตื่นเต้นเร้าใจบ้างก็ได้.

To be continue...


รบกวนด้วยนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ o15


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย


หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-08-2007 19:02:40
คนแรก  o16  o16  o16
ขยันจริง ๆ ลงสองเรื่องพร้อมกัน   :m12:  :m12:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-08-2007 19:40:20
เปงญาติก่าแอม ณ Dir en grey ป่าวเนี่ย  :m24:



 :a4:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 05-08-2007 19:49:08
 :m11: :m11: :m11:

สนุกอะ ต้องติดตาม

 :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 05-08-2007 19:59:39
ลงสองเรื่องท่าทางจะสนุกทั้งสองเรื่องเลย  เยี่ยม  :a2:

รออ่านต่อจ้า สู้ๆ  :a1:  :a1:  :a1:
เอาไปบวกหนึ่งเลย สนุกดี
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-08-2007 23:59:37
มาให้กำลังใจจ้า  :m3:  :m3:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 06-08-2007 14:25:28
เปงญาติก่าแอม ณ Dir en grey ป่าวเนี่ย  :m24:



 :a4:


เพื่อนกันน่ะ กั่กๆๆๆ :m14: :m27:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 06-08-2007 14:52:58
ตามมาอ่านเรื่องใหม่   :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-08-2007 15:11:23

เข้ามาเม้นต์ให้แล้วเด้ออีน้อง

ส่วนของฝากน่ะ  เอื้อยสิแวะไปเอานำอยู่ดอกเน้อ  อิอิ  :m18:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 06-08-2007 22:37:46
สนุกดีนะ  :m1:  มาให้กำลังใจด้วยคน
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ :m9:

คุณRed....[em] ขยันหยั่งงี้ โหวตให้เลย 1+
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 07-08-2007 13:41:49
ว่าแย้วเชียวว่าต้องเปงญาติผู้เพื่อนก่าแอม สำนวนคล้ายๆกันเยย ไม่ใช่สำนวนการแต่งนะ สำนวนแนวเรื่องอ่ะ  :a9:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 07-08-2007 18:34:14
มาดันและ รอๆๆๆๆ  :impress:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 10-08-2007 00:20:20
หุหุหุ.....ตามมาเม้นต์ + มาเป็นแฟนคลับที่บอร์ดแห่งนี้ต่อ   หุหุหุ  :m3:

รอตอนต่อไปอยู่นะเค๊อะ   :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: One man story 1
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 11-08-2007 13:23:12
รอตอนต่อไปอยู่น้า  :m15:
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 12-08-2007 14:02:52
 o14 ขอบคุณทุกคนมากๆสำหรับคอมเม้นต์ในตอนที่ 1ครับ วันนี้ไม่ได้แถที่ไหนขออัพ 2 ตอนนะครับ


 :m9:

One man story 2


“ไดกินข้าวได้แล้ว”

“จ๊ะเอ๋วันนี้มีอะไรกินเอ่ย...?”

“มีตาก็หัดมองเองสิ”

“ โห! ม่าแต่เช้าเลยนะ ทำไมนายนี่ปากคอเลาะร้ายจัง พูดดีๆ บ้างไม่เป็นเหรอ"

“ฝันเอาดิ"

“ อะนะ คงต้องฝันเอามั้ง"

“ว่าไงนะได"

“ เอ้า มีหูก็หัดฟังเอาสิ”

“จะกินไหมข้าวน่ะ!"

“กินๆ จ้า" ไดจัดการเอาข้าวยัดปากไปโดยปริยาย นี่เป็นบทสนทนาเบสิคเพียงเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างผมกับไดครับ 1 อาทิตย์แล้วที่อยู่กับไดคุง... ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกวันเมื่อตื่นขึ้นมา ผมจะมีอาการเหน็บชากินก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถูกไดใช้เป็นหมอนข้างทั้งคืน

ไดก็เหมือนเดิมชอบแกล้งและแหย่ผมอยู่ยังไงก็อยู่อย่างงั้น ช่วงนี้รู้สึกว่าเบื่อ ๆ แต่ว่าไม่ได้เบื่อไดนะครับ เบื่อที่ไม่ได้ออกไปไหน ไดคุงพาไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ไม่กี่แห่ง คงเพราะเค้าต้องทำงานด้วยเลยไม่ค่อยมีเวลามาเซอร์วิสผมเท่าไหร่ ผมยังสงสัยไม่หายตกลงผมกับไดใครดูแลใครกันแน่คงเพราะนิสัยจุกจิกจู้จ้ขี้บ่นของผมหรือเปล่า ถึงเล่นเอาผมหมดแรง เพราะมัวแต่เก็บห้องรกๆนี้ แล้วคืนนั้นที่บอกว่าไดทำอาหารอร่อยนะ ไม่รู้เพราะหิวจนตาลายมั่งถึงได้บอกแบบนั้น แต่พอมื้อต่อไปนี่สิครับขอโทษเถอะนะครับไดสุเกะคุง...สุนัขมันยังเมิน [ก็ดีกว่าไม่รับประทานนะเดี๋ยวมันอาจจะเดินกลับมากินก็ได้ : ได]

ไม่ได้เรื่องครับสงสารตัวเองจะแย่... ลำบากผมต้องลงมือทำกินเองจนได้ ไหนจะความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยภายในห้องอีก ไม่รู้คนบ้าสองคนทนอยู่เข้าไปได้ยังไง ผมอีกแหละครับที่ต้องตามเก็บกวาดเช็ดถูให้ เหนื่อยแทบตายต้องโทษนิสัยเจ้าระเบียบที่คุณยายสอนมาดีเห็นแล้วมันอดไม่ไหวนี่ครับขวางหูขวางตาชะมัด...อะไรรกๆไอ้ม่าเก็บเรียบ!

“ม่าไอ้นี่อร่อยจัง ตักไม่ถึงอ่ะ”

“ เอ้า! กินเข้าไปเยอะ ๆ เดี๋ยวชั้นกลับแล้วนายจะอดฝีมือชั้นไปอีกนาน" ผมคีบกุ้งทอดพร้อมตักน้ำจิ้มรสเด็ดให้ได

“ไม่จริงหรอกไหนคืนก่อนบอกว่าจะอยู่หลายเดือน" ไดว่าพลางคีบกุ้งทอดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

“บางทีอาจเปลี่ยนใจก็ได้" ไดทำหน้าสลดไปเลยมีอะไรเหรอ..?

“ม่าชั้นอะนะอาจจะดูแลนายไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ชั้นก็ชอบนะที่มีนายมาอยู่ด้วยแบบนี้ จริง ๆ นะมีนายอยู่ด้วยสนุกออก" แต่ชั้นเหนื่อยอะได เบื่อด้วยไม่มีไรทำ

“ แค่บางทีอะได อาจจะรอตอกหน้าเจ้าท็อตจิก่อนก็ได้” ล้อเล่นหน่อยเดียวซึมไปเลยแหะ

“ หรือนายไม่พอใจอะไรชั้นบอกมานะ”

“ ฮ่าๆ ๆ ไม่มีอะไรหรอกน่า ไว้จะกลับเมื่อไหร่จะบอกนายก่อนแล้วกัน”

“ โธ่!ม่างะ” ดายงอนตุ้บป่องลุกขึ้นคว้าจานกุ้งทอดข้างหน้าผมไปเฉย แล้วก็คีบเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

เฮ้ย! ไดคุงมันเพ้อหรือเปล่านะ มันคงจะเพ้อแหละฮะ...อะไรมันจะมารู้สึกดีกับผมป่านนั้น แค่ได้อยู่ด้วยกันเพียงอาทิตย์เดียว...แต่ว่ามันก็อดดีใจไม่ได้นะฮะ ...มีผมอยู่ด้วยแล้วดีจริง ๆ เหรอได?... จิตใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมา เหมือนปลากระดี่ได้น้ำเลยแหะ

"วันนี้ติดรถไปข้างนอกด้วยได้เปล่า?” หลังจากที่ปล่อยให้ไดสวาปามกุ้งทอดตัวสุดท้ายเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อยแล้วผมก็ถามขึ้น

“ไปไหนอะ?”

“เบื่ออะ จะไปหางานทำ"

“นายไปถูกเหรอ ไม่หลงนะ"ไดท่าจะเป็นห่วง ผมจัด

“ตามี ปากมีไว้ทำอะไรล่ะ”

“ครับๆ คุณชายเก่งคร๊าบบ...”

“ฮึๆ ๆ รู้ไว้ด้วยว่าคุยกับใครอยู่”

“แต่ว่านะม่า วันนี้ชั้นว่างนะ เอางี้ฉันจะเป็นสารถีให้แล้วกัน O.K."

“เจ๋งเป้ง O.K. ได” ผมยิ้มจนตาหยีให้ได

“ฮ่าๆ ๆ แล้วก็บอกว่าเก่ง"

“อะๆ เสนอมาเองนะ ไม่ได้ขอร้องซักหน่อย”

“ยอมให้แล้วกันคาสุม่า เถียงกับนายไม่เคยชนะซักครั้ง”

“ไม่ได้ชวนทะเลาะซักหน่อยจะมาเถียงเถิงอะไรกันล่ะได... เอ่อได ถามอะไรอย่างได้ม๊า...?” ผมส่งชามใบสุดท้ายที่ล้างเรียบร้อยให้ไดคว่ำบนชั้น แล้วก็เดินมานั่งที่โซฟา อากาศเย็นไม่อยากให้ร่างกายสัมผัสน้ำหรือยืนนานๆครับ

“ไรเหรอ...?” ไดตามมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมองผมอย่างสงสัย

“อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะได ไดทำงานอะไรอะ?" คำถามที่จะถามมาหลายวันแล้ว

ห้องทำงานของไดคุงเป็นห้องเก็บเสียงอย่างดี มันมีกีตาร์ตั้งอยู่หลายตัวพร้อมกับแอมป์ขยายเสียง แถมยังมีคอมพิวเตอร์และเครื่องอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด

“นึกว่าจะถามอะไรเสียอีก... นักดนตรี"

“ฮ้า! จริงเหรอได!"

“จริงดิ... แต่งเพลงด้วย โปรดิวส์เองด้วย”

“ว้าวๆ สุดยอดๆ เลยได” ผมยิ้มร่าก็งานดนตรีเป็นงานที่ผมอยากทำที่สุด และผมก็รักและหลงใหลเสียงดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ

“ฉันเล่นกีตาร์อยู่ในคลับ และแต่งเพลงให้นักร้องดังๆ หลายคน" ไดบอกแล้วก็ลุกออกจากเก้าอี้ลงมานั่งเบียดกับผมที่โซฟาแทน

"หนาวเนอะ...?" ผมไม่ตอบแต่ขยับเข้าไปใกล้มันพลางยิ้มให้มันไปอีกอีก

มิน่าทำงานแบบนี้เอง ไดถึงได้ออกไปทำงานตอนเที่ยงแล้วก็กลับห้องตีหนึ่งตีสองทุกวัน เขาน่าจะอายุมากกว่าผม 6หรือ 7 ปีได้ ผมขยับเข้าไปใกล้ไดจนช่องว่างระหว่างกันแทบจะไม่มี นึกขอบคุณอากาศหนาวเหน็บ ที่ทำให้ผมได้อิงแอบเขาบ่อยๆ (ทุกวันเลยครับ : ได)

ไดจะรู้ไหมนะว่าผมเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ กับเค้า ความรู้สึกที่ว่ามันเริ่มย่างกรายเข้ามาจนบางครั้งก็อยากแสดงออก... แล้วไดล่ะ...เขาจะมีความรู้สึกแปลก ๆ กับผมเหมือนกันหรือเปล่า ...?

“ไดขอเล่นมั่งได้ม้า กีตาร์ที่ตั้งอยู่ในห้องอะ" ไดสุเกะเอามือลูกหัวยุ่งๆ ของผมเล่นไปพลางดูทีวีไปพลาง

“เล่นเป็นหรือ สอนให้เอาไหม?”

“โธ่! แล้วจะหาว่าคุย" ผมยิ้มแป้นยืดอกอย่างภาคภูมิใจ...และก็มั่นใจในฝีมือการเล่นกีตาร์ของตัวเองไม่น้อย

“อนุญาตหรือเปล่า? ให้เล่นมั๊ย?" ลองพูดเสียงอ่อนๆ เข้าไปอิงๆแอบๆ ชิดตัวได รู้ว่าไดไม่หวงหรอกไอ้กีตาร์น่ะ แต่ว่าผมอยากอ้อนเค้ามากกว่า

“เอาซิไม่เห็นเป็นไร”

“ใจดีจัง ขอบใจนะได” มือมันดันไปไวกว่าความคิดอีกว้อย!... เผลอไปลูบแก้มไดเฉยเลย เขินตัวเองจังโว้ย!

คาสุม่านายทำอะไรอยู่...กร๊าซซซซซซซซซซซ เขินชะมัดเลยครับ


ไดมันก็แปลกนะครับ ไม่ยักกะว่าอะไรให้ผมซักคำ แถมยังทำท่าชอบเสียอีกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่นแหละ ผมก็เลยแกล้งมั่วอิงหัวซบกับอกของไดสบายใจเฉิบเลยฮะ อุ่นแล้วก็หอมดีด้วย ฮ่าๆๆ อุ่นใจไม่อยากคิดอะไรอีก... แต่ อะ อืม เกือบลืมแล้ว คำถามอีกข้อที่อยากถามไดเหลือหลาย ตั้งแต่อยู่กับไดคุงมา ยังไม่เห็นไดติดต่อกับใครหรือพาใครเข้าออกห้องนี้เลยอะ ไดจะมีแฟนหรือยังน้า...?...

คำถามค้างคาใจต้องรู้ให้ได้เลยครับ

แล้วผมก็ถูกไดยกตัวขึ้นให้นั่งบนตักของเค้า ทำอย่างกับผมเป็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยเลยอะได...ผมเขินจนตัวอ่อนแทบจะลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง ไม่กล้าสบตาไดคุง  ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น...ทำได้ก็แค่เอาหน้าไสๆมุดๆอยู่ที่อกของมันแค่นั้น...ไม่กล้าส่งเสียงขึ้นมาทำลายบรรยากาศอะครับ...อารมณ์ก็ประมาณนั่งดูมิวสิควีดีโอซึ้งๆนั้นแหละครับ...

“ม่าหนาวมั้ย?... หนาวเหรอ?" ถูกลวนลามด้วยการกอดอีกแล้วครับ! ...ถามเองและสันนิษฐานคำตอบเอาเองเลยนะเพ่

“อืม หนาวเนอะ แฮ่ๆๆ" ก็มันหนาวจริงๆนี่ 2 มือน้อยๆ ของผมถูกไดจับไปกอดตัวมันไว้ซะงั้น..แต่ผมก็ชอบล่ะ จะได้ลวนลามมันกลับบ้างซิครับ กรั๊กๆๆ ...แค่คิด ไม่ผิดใช่มั๊ย..? ผมไม่ชักมือออกแต่กลับสวมกอดไดมันอย่างที่มันอยากให้ทำ...อื่ม...มันก็อุ่นดีครับ..ตัวมันก็นิ่มๆหอมๆ...แต่ชักรู้สึกแปลกๆที่บั้นท้ายแล้วฮะ

“ ตกลงไม่ไปหางานแล้วนะ เอ่อๆ ถ้าไม่ไปจะได้นอนหรือไม่ก็ทำอย่างอื่น" เสียงไดแหบพล่าแปลกไปจากเดิม คิดอะไรบ้าๆ อยู่แน่ๆ เห็นเรายอมให้หน่อยเป็นไม่ได้ ดูสายตาไดมันสิจะเอาไปเชื่อมเผือกเชื่อมมันได้อยู่แล้ว ผมเด้งตัวลุกออกจากตักไดทันทีเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

“ไปๆ สิได เอ่อๆ ฉันไปแต่งตัวก่อนนะ!" แล้วผมก็เผ่นแนบวิ่งเข้าห้องนอนไปทันที รู้หรอกน่าว่าไดคิดอะไรกับผมๆ ไม่ใช่เด็กอินโนเซนต์มาจากต่างดาวซะที่ไหน ของอย่างนี้เรื่องใต้สะดือหรือเรื่องบนผ้าปูที่นอนมันก็ต้องมีประสบการณ์กันมาบ้าง แต่ไม่ใช่กับผู้ชายด้วยกันนะ เรื่องพวกนี้บอกตรงๆ ผมยังไม่เคยกับเพศเดียวกันมาก่อน ความอัศจรรย์ลี้ลับหฤหรรษ์ตรงนี้มันยังเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผมอยู่มาก ..ผมไม่กล้าเสี่ยงที่จะลองกับใคร

มันเป็นเรื่องที่ลองกันเล่นๆ ไม่ได้....สำหรับผมกว่าวันนั้นจะมาถึง ผมคงต้องมั่นใจว่าคนที่ผมจะมอบสิ่งที่มีค่าและหวงแหนให้นั้น เขาต้องสำคัญกับผมมากแค่ไหน ผมสามารถมีเขายืนเคียงข้างได้อย่างไม่ต้องอายใคร...และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดมันจะต้องเกิดจากความรักครับ รักแท้ที่ไม่ใช่แค่ความหลง หรือคลั่งไคล้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม

กับไดคุง... ถึงผมจะยังไม่มั่นใจกับความรู้สึกตัวเองที่คิดกับเขาแปลกๆ รู้สึกกับเขาเกินกว่าที่ผู้ชายปกติธรรมดาๆคนหนึ่งจะเป็นได้นั้น ถึงมันจะยังไม่กระจ่างแจ้งชัด...แต่ผมก็พอจะเข้าใจตัวเองแหละครับ

แต่กับได...ผมไม่กล้าคิดว่าเขาจะเป็นแบบเดียวกับผมไหม...เขาอาจจะเห็นผมเป็นเพื่อนหรือน้องชายคนหนึ่งที่เขานึกเอ็นดูมากๆก็เท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเห็นเป็นของเล่นสนุก ๆ เอาไว้ผ่อนคลายเท่านั้น

ถ้ามันจะเป็นแบบนั้น ผมก็คงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นหรอกครับ... อย่าให้มันมีอะไรเลยเถิดตอนนี้เลย ...อย่าให้มันเกิดขึ้นในเวลาที่ผมไม่มั่นใจและไม่รู้อะไรทั้งนั้น...ให้เวลาตัวเองได้ทำใจและชั่งใจอีกหน่อยนะ...
 ที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้ ก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้ว ผมยังทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อก่อนเคยหลีกเลี่ยงมาตลอดในทางที่จะทำให้ตัวเองเข่วไป...แต่พอมาเจอได...อาการที่ผมเคยเก็บมันจนมิดได้...มันเริ่มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผมเป็นเกย์จริง ๆ เหรอ...?

ขอลูกทำใจให้รับกับสภาพตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ...

ผมนั่งคิดถึงสภาพตัวเองและปัญหางี่เง่าๆทั้งหลายที่จะตามมา...จนลืมคำถามค้างคาใจไปสนิท

.......

...
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 12-08-2007 14:06:50
และแล้ววันนี้ทั้งวันไดก็พาผมไปสมัครงานให้ทั่วย่านที่ไปกัน ใบสมัครที่กรอกเอาไว้หลาย ๆแห่ง จะมีซักแห่งไหมนะที่จะรับผม เด็กอิเล็กฯอย่างผมก็มีความฝันอยากเป็นวิศวกรกับเค้าเหมือนกัน แต่คำว่าไอ้เด็กช่างนี่ล่ะที่ถูกใครต่อใครเขาเหมาเอาว่าเป็นเด็กอันตราย

เฮ้ย! เหนื่อยใจนะครับ...บางครั้งผู้ใหญ่นั่นแหละครับที่ผลักให้เด็กเป็นโดยไม่รู้ตัว จบวิศวะกรรมอิเล็กทรอนิคมาครับ อยากสร้างระบบวงจรควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ดู เฮ้ย !ไม่ใช่ พูดออกไปได้ไง เอาล่ะมาเข้าเรื่องต่อดีกว่า อันเมื่อกี้มันเป็นความอึกอัดใจเล็ก ๆ น้อยของผมที่ถูกมองเวลาไปสมัครงานหรือสัมภาษณ์งาน แต่งตัวก็สุภาพเรียบร้อยดีครับ แต่ว่าหัวม่วงๆนี่ ถ้าจะเด่นเกินไป บวกกับหน้าตายียวนกวนประสาทเวลาที่ไม่พอใจของผม มันคงไปเตะหน้าแข้งคนสัมภาษณ์เข้าให้ เขาจึงเหมาเอาว่าผมนี้เป็นเด็กเกเรแหง ๆ

ทั้ง ๆที่ยังไม่ได้ดูใบรับรองการเรียนกับเกรดนิยมของผมเลย อาวุธนิวเคลียร์ 8,000 ล้านชนิดที่อยู่ในหัวคงคงต้องหยุดไว้ก่อนแหละครับ


วันนี้ไดสุเกะชวนกินข้าวเย็นนอกบ้าน และบอกว่าขอแวะไปดูงานหน่อย ผมก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปที่ทำงานของไดด้วย แต่ว่าไม่ใช่ที่คลับนะครับ น่าจะเป็นห้องอัดเสียงมากกว่า มีห้องซ้อม ห้องตัดแต่ง โอ้ย! เยอะแยะไปหมด เค้าน่าจะเรียกกันว่าสตูดิโอนะเท่าที่จำไม่ผิด

“คาสุม่า ปิดประตูด้วยนะ!” ว้าว!... แค่เปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงกลองกระหึ่มไปทั่ว ตื่นเต้นๆจริง ๆ อะ ผมดูคึกคักเป็นพิเศษเลยครับเวลาที่ได้ยินเสียงดนตรี จังหวะเพลงที่โดนๆ

“ครับ” ผมเดินไปปิดประตู สงสัยกลัวเสียจะออก แล้วเสียงกลองก็หยุดลงเมื่อไดเดินเข้าไป

“หวัดดีไดสุเกะ เฮ้ !พาจิ๊กโก๋ ที่ไหนมาวะ..?" เอาอีกแล้ว จิ๊กโก๋อีกแล้ว ...

ท่าทางกูมันเป็นแบบนี้เว้ย!...มันเป็นของมันเองต่างหาก!...ไอ้พวกนี้นี่!

เสียงห้าว ๆ ดังขัดหู อุตส่าห์หายหงุดหงิดจากคนสัมภาษณ์งานแล้วนะ ไดไม่ตอบแต่เขากลับหัวเราะดังลั่นแทน ผมก็เลยหันไปมองด้วยความไม่พอใจ...มากไปแล้วนะเพ่...อย่าทำให้มีน้ำโห...

“ นี้ก่อนจะว่าใครหัดดูตัวเองก่อนซิเพ่” ผมตอกหน้าคนถามให้สะอึกไปหนึ่งทีแล้วก็เดินหน้าบึ้งไปยืนข้าง ๆ ไดคุง หน๋อย! มาว่าเราเป็นจิ๊กโก๋ ดูตัวเองก่อนเหอะครับ ไม่อยากจะเซด หัวเหอเหลืองเถือกทองไปทั้งหัว หน้าตาก็น่าจะน่ารักดีดอกครับ ถ้ามันไม่ไปเจาะหน้าเจาะตาแถมสักยันต์กันหมาหายให้ลายพร้อยไปทั้งตัว อยากรู้นักที่ปากน่ะ ทำไมไม่ตอกใส่ห่วงเหล็กให้หมดล่ะ มันจะได้ถ่วงให้ปากมันหนักเที่ยวไปกัดใครไม่ได้บ้าง

คนพาลตัวเล็กกว่าจ้องผมตาไม่กระพริบ ใบหน้าเล็กของมันบู้หงอหงิกอย่างกับจะปล่อยหมาในปากออกมากัดผมทั้งคอก และผมก็เริ่มหน้างอง้ำเข้าไปอีก คนอะไรวะจ้องกูอยู่ได้ ส่วนไดก็เอาแต่ขำไม่ช่วยอะไรเลยครับ

“ได น้องแกเหรอ...?" ทำไมจะแกล้งกันเหรอ...?  ท่าทางไม่พอใจมีไรอะ...? ผมเอาศอกกระทุ้งสีข้างได

“อ้อ ๆ อื่ม พึ่งมาจากบ้านน่ะ คาสุม่า นี่ไคย์นะเป็นนักร้องนำวงฉันเอง"ไดมันแนะนำให้รู้จักแล้วครับ...เป็นนักร้องนำด้วย!

 ไคย์ยิ้มให้อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจหรอกครับ โชว์เคี้ยวหมาในปากให้ผมดูด้วย

“หวัดดี” เมื่อเห็นผมไม่ทักไคย์ก็ทักขึ้นก่อน

“หวัดดี ไคย์” เค้าหุบยิ้มทันทีที่ผมทักจบแล้วหันไปมองดายแบบเคืองๆ ...อะไรกันอีกวะ...?

“น้องแกนี่หน้าตาน่ารักซะเปล่า แต่ไม่มีสัมมาคารวะเลยวะให้มันรู้จักผู้ยงผู้ใหญ่หน่อยสิวะจะพูดจะจา"

ไคย์นี่นิสัยไม่น่ารักเหมือนหน้าตาและรูปร่างเลยอะ ผมว่าผมร้ายแล้วนะ แต่มาเจอไคย์นี่ท่าทางจะยิ่งกว่า

“อ๋ออออ ! แก่แล้วเหรอไม่รู้นะเนี้ย ถ้าไม่บอก" ผมลากเสียงยาน สุภาษิตของผมมีอยู่ว่าถ้าหมากัดให้รีบกัดตอบซะด้วย ไคย์อ้าปากเหวอพูดไม่ออก ผมสะใจยิ่งนักที่ได้แหย่เสือตัวเล็กๆอย่างไคย์

“ได คนนั้นใครอะ....น่ารักจังเลยครับ" นอกจากไม่ขอโทษแล้วผมยังเมินใส่ไคย์ไม่สนใจอีกด้วย ก็ผมไม่ผิดนี่ ผมหันไปถามพี่ชายอุปโลกของผมเมื่อสายตามันหันไปเจออีกคนที่ท่าทางเป็นมิตรกว่าแถมยังน่ารักสุดๆ นั่งยิ้มอยู่ที่โซฟาคนเดียว ไดตบไหล่ไคย์ขำ ๆ แล้วก็ลากผมออกจากที่ตรงนั้น คงจะกลัวว่าผมจะเปิดศึกย่อย ๆ กับไคย์ขึ้นมาก่อนเลยพาผมไปทางคนน่ารัก ๆ นั้นแทน

“คาสุม่า คร๊าบบบบบ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ผมโค้งและยิ้มหวานหยดให้คนน่ารักข้างหน้าอดหันไปยิ้มยักคิ้วเย้ยไคย์ไม่ได้

“น้อยหน่อย ไอ้ม่า" ท่าทางผมคงยียวนกวนประสาทมากไป จนไดมันหันมาว่าเอาอะ...ขึ้นไอ้เชียวนะมึง ...แต่ยอมครับเพราะไดมันเอามือมาขยี้หัวผมเล่นอีกแล้ว...ยอมๆ ผมชอบให้ไดมันทำแบบนี้จะตาย...จะรักมันก็เพราะมันชอบเล่นแบบนี้แหละฮะ ฮี่ๆๆ

เขินหมดทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนน่ารักๆนั้น...ผมทนเสียดายยอมปัดมือมันออกให้คนอื่นดูเหมือนว่าผมรำคาญแทน

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"คนน่ารักข้างหน้าทักกลับครับ ...น่ารักอะ ยิ้มให้ผมทีงี้ โอ่ยยยยยยยยยย...บรรเจิด!

“เรียวคุง มือกลองที่น่ารักที่สุดแล้วในวงฉันม่า” เสียงกลองเมื่อกี้ของพี่เรียวนี่เอง

“...เก่งจังครับแถมพี่ยังน่ารักอีก ฮี่ๆๆ” ผมกระดี้กระด้าน่าดูไปด้อมๆ มองๆใบหน้าหวานนั้นด้วยความชื่นชม พี่เรียวหัวเราะชอบใจอะ ท่าทางใจดีด้วยนะ ยิ้มกว้างให้ผมแล้วก็ตบโซฟาที่ข้าง ๆ ให้ผมลงไปนั่งกับแกด้วย กร๊าซซซซซซซซซซ ตื่นเต้นจังเยยครับ

วงของไดคุงนี้แต่ละคนหน้าตาดีๆกันทั้งนั้นเลยอะ...

“อย่าไปสนใจไอ้บ้านั่นเลยคาสุม่า มานี่มะมาคุยกับพี่ดีกว่า" โอ้ !สะใจอะไคย์จ๋อยไปเลยครับ

และแล้วผมก็ได้เพื่อนไม่ได้มานั่งเบื่อรอดายแล้วฮะ ผมกับพี่เรียวจ้อกันไม่หยุด ปล่อยให้ไดไปเคลียร์กับไคย์เองแล้วกัน แล้วหลังจากนั้นก็มีบุคคลอีก 3 –4 คนเข้ามาฮะ ไดคุงแนะนำให้รู้จักว่าเป็นทั้งสมาชิกในวง และสต๊าฟของวง

ผมถูกพี่เรียวลากไปดูโน่นดูนี่อยู่พักใหญ่ เมื่อพี่เค้ารู้ว่าผมสนใจเครื่องมือเครื่องดนตรีเหล่านั้น...เห็นพวกเขาแล้ว ก็นึกถึงวงของผมบ้าง ...เมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็กช่างอยู่นะฮะ ผมก็เคยมีวงผมเป็นของตัวเองกับเหล่าเพื่อนๆ เคยร้องและเล่นกีตาร์ตามงานต่างๆของมหาลัยมานับไม่ถ้วน...เห็นแล้วคิดถึงจริงๆครับ

แล้วในที่สุดผมก็ได้ดูการซ้อมของวงไดซะที อยากไปร่วมแจมจังสนุกอะ ไม่น่าเชื่อว่าเสือหมอบตัวเล็ก ๆ อย่างไคย์จะมีเสียงร้องที่มีเพาเวอร์สุดยอด อึ้งกิมกี่ครับสงสัยผมคงต้องกลับไปมองไคย์มันใหม่ ต้องยอมรับล่ะครับว่าไคย์มีพรสวรรค์ในการร้องเพลงจริงๆ เส้นเสียงนี่ใสกิ๊ก...ไม่มีเพี้ยน ไม่มีผิดคีย์หรือทำนองแม้แต่เพลงเดียวครับ...มันเป็นคนที่ตั้งใจมากจริงๆ...ผมซึ่งใจกับไคย์มันเลยครับ ยอมรับๆมัน

 ส่วนพี่ไดสุเกะของผมนะเหรอ...?ขอพ่นไฟหน่อยเถอะครับ ฮ่าๆๆ
สุดยอดเลยคร๊าบบบบบบบบบบบบบ! กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซว
ผมล่ะอยากจะกรี๊ดๆกับพี่ไดจริงๆ!
มันเท่ห์มากเลยครับ..โอ้ย!เป็นปลื้มสุดๆ! ... ถ้าลงไปนอนดิ้นได้ผมคงลงไปแล้วล่ะครับ หน้าผมนี้มันร้อนผ่าวๆขึ้นมาซะเดี๋ยวนั้นเวลาที่มันหันมามองพร้อมกับการยักคิ้วให้...อายซิครับ มันโดนครับมันโดน!...มันเป็นผู้ชายที่ทั้งเท่ห์ทั้งหล่อทั้งมีเสน่ห์ ยิ่งเวลาที่มันอ้อนๆนะโอ้ยยย! ..มันยิ่งน่ารักครับ...ผมชักไม่มั่นใจตัวเองแล้วล่ะครับว่าจะเก็บความรู้สึกพวกนี้ไว้ได้นานแค่ไหน ...กลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้ครับ....
ไดมันดีดกีตาร์เก่งมากๆ ดูดีและเท่ห์สุดๆ เวลาที่ไดมันปล่อยตัวไปตามจังหวะเพลง เขาทำให้ผมคลั่งไคล้มากขึ้นอีกแล้วกร๊าซซซซซซซซซซ   ผมจะทำยังไงดีครับ..จะทำยังไงดี ...ยิ่งหลงมันมากไปอีกแน่ๆ

...........................

ซ้อมเสร็จก็เกือบจะตี 2 แล้วมั้ง พวกดายก็มานั่งแต่งเพลงและแก้โน้ตกันต่อ ส่วนผมไม่ได้รู้สึกว่าง่วงหรือเป็นส่วนเกินอะไรแถมยังสนุกไปด้วย ก็ไดมันดันปากโป้ง พูดออกไปว่าผมมีความรู้ด้านนี้ และแต่งเพลงได้ก็เลยได้มีส่วนร่วมและความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆครับ

 ทั้งวงนี่น่ารักกันหมดเลยนะ อ้อ ยกเว้น เฮียไคย์ไว้คนหนึ่งล่ะครับ ขานี้ชอบแหย่และกัดผมบ่อย ๆ แล้วก็มีอยู่ช่วงที่เฮียไคย์มันลากผมออกไปเป็นเพื่อนซื้อเบียร์กับมันด้วย เพราะคนอื่นไม่ว่างกัน ผมก็คิดว่าเฮียมันจะหาเรื่องแกล้งผมแน่ๆแต่ว่าก็ผิดความคาดหมายครับ ไคย์มันก็ไม่เห็นจะแกล้งอะไรผม

.....  ... ...

และแล้วผมก็ได้รู้ว่าไคย์ไม่ได้เกลียดผมอย่างที่ผมคิดไปเองหรอกครับ เค้าคงเอ็นดูผมอยู่ไม่น้อย ถึงได้เผลอลูบหัวม่วง ๆของผม แล้วก็ถามว่า คาสุม่านายง่วงหรือเปล่า หิวมั้ย ผมส่ายหน้าพลางยิ้มน้อย ๆ ให้ ในใจน่ะดีใจแทบลิงโลดแต่ก็เก๊กไว้เดี๋ยวไคย์มันรู้ อยากคุยกับไคย์ให้มากกว่านี้นะครับ มันเป็นคนที่น่าสนใจไม่น้อย จะเปลี่ยนเป็นคนละคนเวลาที่ได้ตั้งใจทำอะไร...ผมนับถือคนแบบนี้แหละครับ คนที่มีความตั้งใจจริง

พวกเราอยู่ในสตูดิโอจนเกือบตี 4 ก็ต้องแยกย้ายกันกลับ ไคย์ขอติดรถของไดคุงไปด้วย เพราะไม่ได้เอารถมาและบ้านไปทางเดียวกัน ในระหว่างที่เดินออกมาจากลานจอดรถ ไคย์กับไดคุงเดินออกมาก่อน ส่วนผมรอพี่เรียวเก็บของ และพากันเดินตามมาทีหลัง


เอ๊ะ! นั่นแย่แล้ว! เฮียไคย์กับไอ้คุณพี่ไดของผมมันดันไปเหยียบหางหมาเข้าอะครับ... มองเห็นไอ้คุณพี่ไดกับไอ้คุณไคย์กำลังทะเลาะกับไอ้พวกขี้เมาสี่ห้าคนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนอยู่อย่างหน้าดำหน้าแดง...เท่าที่จับใจความได้ พวกนั้นเมาแล้วเดินชนไคย์จนล้มแล้วไม่ขอโทษ แถมยังหาเรื่องหาว่าไคย์มันเดินไม่ดูตาม้าตาเรืออีก ผมชักมองออกราง ๆ ว่าคงต้องมีการลงไม้ลงมือกันแน่ๆ ก็ทั้งไอ้คุณไคย์กับไอ้คุณพี่ไดน่ะเลือดร้อนด้วยกันทั้งคู่ออกปานนั้น... นั่นปะไร!...พูดไม่ทันจบก็เอาให้ซะแล้ว!...พี่เรียวที่ยืนอยู่ข้างๆผมเอามือตบหน้าผากตัวเองเบาๆพลางส่ายหน้าอย่างละเหี่ยใจเลยกับผลงานของเพื่อนทั้งสอง

ไอ้พวกขี้เมาหมาหมู่ทั้งฝูงลงมือก่อน แต่ไคย์กับกับคุณพี่ไดของผมเหมือนจะรู้อยู่แล้วก็เลยตั้งรับได้ทัน

และแล้วการตะลุมบอนก็เกิดขึ้น ลานจอดรถถูกใช้เป็นสนามมวยชั่วคราว ผมอยากเข้าไปร่วมด้วย เอ้ย!ไม่ใช่ อยากเข้าไปช่วยไดคุงใจแทบขาด แต่ก็ถูกพี่เรียวดึงแขนไว้และบอกให้ดูๆ ไปก่อน... และด้วยความตัวเล็กเตี้ยตัน แขนขาสั้น ส่งผลให้เฮียไคย์มันลงไปนอนวัดพื้นเป็นรายแรก หน้าตาเฮียไคย์แกยัวะจัดเลยครับ แล้วผมก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วด้วย คันไม้คันมือตะหงิดๆ โอ้!!แย่แล้ว ไอ้ขี้เมาคนหนึ่งคว้าไม้หน้า 3 แถวนั้นขึ้นวิ่งหรี่เข้าหาคุณพี่ไดของผมแล้ว! ไดคุงที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเอากำปั้นอัดเพื่อนของมันจนเลือดกลบปากอยู่ไม่ได้สนใจข้างหลังตัวเองเลยครับ

 ผมสะบัดแขนพี่ชินยะจนหลุดวิ่งเข้ากระโดดถีบ ไอ้ขี้เมานั้นได้ทันก่อนที่ไม้หน้า 3 จะกระทบหน้าหล่อๆ ของไอ้คุณพี่ไดเข้า

“ไดเป็นไงบ้าง เหวอ ๆ ไม่ๆ เอานะ" ผมถามไดคุงแล้วก็ต้องแหกปากร้องห้ามพลางก็หลบมือหลบตีพัลวัล

 จริงๆ นะ ผมไม่อยากทำอะไรไอ้ขี้เมาหมาหมู่นี่เลย ฝีมือกระจอกๆ แล้วจะหนาว ไม่อยากทำให้เสียมือเล้ย ผมฉุดเฮียไคย์ลุกขึ้นพลางหันไปทีบไอ้โย้งหน้าโคตรแก่ ที่เข้ามาข้างหลัง โธ่! โกรธแล้วนะเว้ย บอกไม่เล่นด้วยๆ ยังจะตามมาอีก ผมชักหงุดหงิดอยากพาไดคุงกับกับไคย์คุงออกไปไว ๆ

“ได ระวัง!!!" ...โอ้ย! เจ็บชะมัดยาด!... ผมทรุดลงไปคุกเขากับพื้น

ไม่รู้โง่หรือบ้าถึงเข้าไปรับไม้หน้า 3 แทน บังให้ไอ้คุณพี่ไดจากไอ้มือไม้หน้า 3 คนเก่า ถูกฟาดเต็มกลางหลังจนถึงแขนซ้าย

เจ็บแล้วว้อย! เจ็บๆๆ!!!

“คาสุม่า!!! เป็นไงบ้าง" ไดคุงเข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วง ผมยิ้มหน้าเจื่อนๆ เจ็บจนสุดทนกับไอ้ไม้หน้า 3 โกรธจริงๆแล้ว เลือดอันธพาลเก่าสมัยวัยรุ่นเอาะ ๆ เดือดดานขึ้นข้างใน คงต้องเคาะสนิมเทควันโด้ที่ดัดแปลงท่าผ่าเหล่าผ่ากอจนเรียนไม่จบขึ้นมาอะ แล้วหลังจากนั้นผมก็ถูกพวกขี้เมา 5 คนซัด เอ้ย! พูดผิดครับ หลังจากนั้นด้วยความโกรธและเจ็บผมก็จับไอ้มือไม้หน้า 3 ลงไปนอนวัดพื้นแทน วิชาเทควันโดระบุว่า ข้อศอกเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกาย ผมก็แถมลูกศอกถองกลางกระบาลและกกหูมันไป 2-3 ที จนมันสลบและผมก็กระโจนเข้าไปช่วยเฮียไคย์ต่อ สอยปลายคางไอ้หน้าเหยิน ให้เหยินเพิ่มเข้าไปอีก

โธ่! ไอ้บ้านี่มาจากไหนอีกวะ! วอนหลังหักแล้วนะมึง!..เล่นขวดเหล้าเหรอ ได้เลยไอ้พวกเหี้ย!.. ความไวได้เปรียบเว้ย!... ผมแค่เหวี่ยงปลายเท้าวาดเตะขวดเหล้าในมือไอ้ขี้เมาที่เสือกวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาเอง ช่วยไม่ได้ แล้วก็คว้าข้อมือมันล็อคจับเหวี่ยงทุ้มลงบนพื้นคอนกรีตสุดแรง โอ้ย! แต่ผมก็ดันเจ็บบริเวณที่ถูกไม้ฟาดขึ้นมาอีกเผลอออกแรงมากไปหน่อย หันไปมองไดคุงก็เห็นอัดไอ้ขี้เมาอีกคนจนเดินไม่เป็นท่า

ส่วนเฮียไคย์ก็อ่า... ไคย์คุงโหดเป็นบ้าอะ คงนึกว่าหัวกระบาลตัวเองแข็งนักสิ ถึงได้เอาไปชนกับไอ้ถึกร่างควายนั้น ไม่เจียมบอดี้เล้ยพี่ไคย์ นั้นพูดยังไม่ทันขาดคำพี่แกก็เซ ซัดๆ มาทางผม ผมไม่อยากเสียเวลามากนัก เดี๋ยวหมาต๋าก็ได้มาซิวไปโรงพักกันหมด ไม่ทันแล้วมัวแต่พยุงไคย์ก็เลยโดนไอ้ทึกร่างควายซัดเข้าที่หน้าจนได้ รู้สึกรสเลือดเค็มประแล่มๆ ตรงมุมปาก

ว้อยเจ็บอีกแล้ว!กูต้องเสียโฉมแน่ๆมึง!

ต้องโทษเฮียไคย์เลยครับไม่น่าปล่อยมันหลุดมาทำผมปากแตกเลย เอาไว้ค่อยคิดกับไคย์คุงทีหลังแล้วกัน แต่ตอนนี้ผมขอจัดการไอ้ถึกควายนี่ก่อนเถอะ แรงเยอะชะมัดยื้อกับมันอยู่นาน ผมก็รวบรวมแรงกระโดดถีบยอดอกมันติดกำแพงลานจอดรถ (ดูเฉินหลงมากไปป่าวเนี้ยคาสุม่า55+)

“ ไคย์  ไดสุเกะ คาสุม่าคุง ไปเร็วตำรวจมา" พี่เรียวแกตะโกนบอกพลางขึ้นรถตัวเองไปก่อน..แฮ่ๆๆ ขอแอบกัดพี่เรียวมันนิดนะครับ พี่แกแม่งไม่ยอมให้ตัวเองดูสกปรกเลยจริงๆ ท่าทางแกยังเนี้ยบตลอดเวลาไม่ได้ดูมอมแมมเหมือนพวกผม 3 คนซักนิดอะ

 ผมหันไปมองคุณพี่ไดของผม... แป๊บนะไดขอเอาเข่าให้ไอ้ถึกนี่กินแก้จุกทีสองทีเถอะ นี่น่ะๆกระทุ้งๆๆ ไดคุงเห็นท่าว่าผมจะหยุดไม่อยู่แล้ว เขาก็เลยวิ่งมาลากผมไปที่รถ ส่วนไคย์ก็โดดไปนั่งที่ข้างๆคนขับ พี่ไดจับผมยัดลงบนเบาะหลัง แล้วแกก็รีบตะกายขึ้นรถขับตามพี่เรียวไปทันทีเลยครับ

“โว้ย!! สะใจเป็นบ้า เก่งไม่เบานี่ ทำได้ไง คาสุม่า" ไอ้คุณเฮียไคย์!...ไอ้คุณเฮียจะแหกปากร้องขึ้นมาทำไมไม่ทราบ!...ไอ้ที่โดนๆไปนี่มันไม่เจ็บบ้างเลยเหรอเฮีย..?

ผมนึกด่าไคย์มันในใจ...ทำมาพูดดีอีกไอ้คุณไคย์ ตัวเองนั่นแหละเป็นต้นเหตุ เดินไปให้หมามันกัดได้ไงล่ะ..แล้วก็อดทำตาประหลักประเหลือกใส่ไคย์มันไม่ได้

“แค่เอาตัวรอดน่า พูดมากไคย์" ผมเหนื่อยจนไม่อยากพูดอะไรกับไคย์แล้ว ล้มตัวเองลงนอนบนเบาะ เจ็บหลังและไหล่ครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาเต็มที

“ ม่า เป็นอะไรมากไหม...?" พี่ไดมองกระจกหลังถามขึ้นครับ

“ไม่เป็นอะไรก็แปลกแล้วไอ้ไดสุเกะ โดนไม้ฟาดซะขนาดนั้น" คนที่ตอบนี่ไคย์นะครับ มันเสือกตอบแทนผมอะ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้ไม่ตายหรอก" ผมไม่อยากให้พี่ไดกังวลมาก

“ไปหาหมอนะม่า"

“ไม่เอาอะ ไม่เป็นไรมากหรอกได”

“ แต่...ว่า…”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่เป็นอะไรจริง ๆ " จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงคาสุม่า...บริเวณที่โดนฟาดมันชาจนไม่รู้สึกเจ็บอยู่แล้ว ...แต่ผมก็ยังดันปากแข็ง...การเข้าโรงพยาบาลหรือการไปหาหมอแต่ละครั้งสำหรับผมแล้วมันเป็นอะไรที่ยากมากๆ ...ตั้งแต่ไหนแต่ไรผมก็ไม่ค่อยถูกธาตุกับโรงหมอเอามากๆซะด้วย...จะเจ็บแค่ไหนก็ขอบายล่ะครับ

“นายนี่อึดเป็นบ้า!"

“แล้วไงล่ะไคย์ ไม่เพราะไคย์เหรอชั้นเลยกลายเป็นจิ๊กโก๋อย่างที่ไคย์ว่าให้จนได้" ได้ยินเสียงไคย์หัวเราะอย่างชอบใจที่ผมดันทำตัวเข้าท่างที่มันว่ามาหมด

“แต่ก็ขอบใจนะ ไม่ได้คาสุม่า ชั้นกับไอ้ไดสุเกะมันเละแน่”

“พอแล้วพูดมากน่าไคย์... เหนื่อยจะนอน" ผมตัดบทขึ้นมา หลับตาลงง่วงจริง ๆ...รู้สึกเพลียมากกว่าครับ วันนี้ทั้งวันไดคุงพาตะลอนหางานจนเหนื่อยใจ ตกกลางคืนก็ดันมานั่งถ่างตาอยู่กับพวกไดอีกแถมยังซ่าไม่ดูตาม้าตาเรือมีเรื่องขึ้นอีก...ร่างกายล้าไปหมดเลยครับ...เหนื่อยโคตรๆ 

“คาสุม่า ไม่เป็นอะไรแน่นะ" ไดมันทำเสียงเก๊กเข้าใส่อะ...ดูมันจริงจังมาก

“อื้อ ขอบคุณนะได ไม่เป็นอะไรหรอก"

“แวะซื้อยาแล้วกันวะไดสุเกะ ดื้อแบบนี้...” เห็นไคย์ส่ายหัวให้ผมอย่างระอา...พร้อมกับบอกไดคุงไปแบบนั้น แล้วผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย....


To be continue...


หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 12-08-2007 14:11:09
“ ไดถึงห้องแล้วเหรอ แล้วทำไมไม่เรียกล่ะ” ผมหลับไม่รู้ตัว สงสัยไดมันจะอุ้มจากรถขึ้นมาบนห้อง เมื่อขยับตัวลุกขึ้นนั่งก็เจ็บบริเวณที่ถูกฟาดขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้าด้วยความปวด

“ก็เห็นหลับไม่รู้เรื่อง แล้วท่าทางม่าเหนื่อยก็เลยไม่อยากปลุก” พี่ไดน่ารักจังเลยฮะ...พี่แกถือเอาถุงยาหลายถุงมานั่งดูแล้วก็หันมามองอย่างสงสัย

"ทำไมถึงทำอะไรไม่คิดบ้าง ถ้านายหัวร้างข้างแตกขึ้นมาจะทำยังไง ไหนจะท็อตจิ แล้วไหนจะพ่อแม่นายอีก” อ่า... เอาแล้วไง...ดายท่าทางชีเรียสน่าดู จะสวดผมยาวแน่ๆ ผมก้มหน้าก้มตานิ่งจะให้ตอบว่าไงดีล่ะ ไหนจะอาการเจ็บจนทนไม่ไหวนี้อีก น้ำตาคลอเจ็บหัวไหล่และแขนซ้ายจนชาไปทั้งแถบ นึกไม่ถึงว่าอาการจะเป็นมากถึงขนาดนี้ เมื่อตอนที่โดนใหม่ๆยังไม่เห็นเจ็บเท่านี้เลย ผมไม่ตอบคำถามไดคุงซะทีเดียว เตรียมตัวผละไปแช่น้ำอุ่นดีกว่าเผื่ออาการจะดีขึ้นมาบ้าง

“จะไปไหน มาคุยกันก่อน”

“โอ้ย!ไอ้บ้า !! เจ็บนะ!!!” ผมเผลอร้องด่าให้ ก็ดันจับตรงไหนไม่จับไปจับบริเวณที่เจ็บเข้าพอดี

“โทษที ๆมานี่ซิ...” ไดคุงเปลี่ยนมาจับมือและพาไปที่ห้องนอนแทน

“ถอดเสื้อออก”แล้วมันก็สั่ง

“พูดอะไร ไม่มีอารมณ์นะเว้ยได... มาให้ถอดอะไรกันตอนนี้...” ผมไม่สบตาดาย เสพูดเล่นไปเรื่องอื่น...รู้นะว่าที่มันพูดอะจุดประสงค์ของมันหมายถึงอะไร

“คาสุม่า!” ดายก็เน้นเสียงเย็นใส่อีก มันเรียกชื่อจริงของผมเต็มๆเลยแหละ ไอ้ไดมันโกรธผมแน่ๆ

น้ำตาซึมขึ้นมาทันที...ชักจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ทำไมต้องมาอะไรกับกูกันนักหนา

...ผมรู้ว่าไดจะดูบริเวณที่โดนไม้ฟาด แต่ผมไม่อยากให้พี่ไดมันเห็น ไม่อยากให้มันเป็นห่วง ไปมากกว่านี้และให้ไดมันรู้สึกผิด น้ำตาพาลจะไหลออกมาทั้งเจ็บและไม่เข้าใจตัวเอง...พาลไม่เข้าใจไดมันด้วย

“ถอด คาสุม่า!” ไดก็ชักจะหมดความอดทนกับผมเต็มที

“อะไรเล้า!!”

“ คาสุม่า” เสียงเย็นเลยล่ะครับทีนี้

"จะถอดไม่ถอด....?"

“โธ่! ไอ้บ้า ก็มันยกแขนไม่ขึ้นนี่ ฮึก!….” กลั่นไม่อยู่แล้ว... ผมปล่อยโฮออกมาอย่างสุดห้าม

พี่ไดมันก็ดูตกใจที่เห็นผมร้องไห้ มันเข้ามาใกล้ๆไม่ได้ว่าอะไรอีก แต่เอื้อมมือมาปลดซิปเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่ออกให้แทน

“ คาสุม่า... ฉันขอโทษ...” พูดไปพลางมือก็จับแขนผมค่อยยกขึ้นตั้งกับไหล่ของมันเพื่อที่จะถอดเสื้อใหมพรมอีกตัวให้ได้

“เจ็บมากมั้ย...?”

“ฮื่ออ…เพราะนายนั้นแหละเสือกไปยื่นนิ่งๆให้มันทำไม กลัวมันจะตีไม่ถูกเอาเหรอไง? งี่เง่าที่สุดเลยฮึก!…..” ตกลงด่าไอ้คุณพี่ไดหรือตัวเองก็ไม่รู้ ด่าไปเช็ดน้ำตาไป ..ผมจะนิสัยเสียแบบนี้เวลาร้องไห้จะพาลไปหมด

“ ฮื่ออ … มันไปเอาแรงวัว แรงควายที่ไหนมา ฟาดลงมาได้ถ้าหลังชั้นหักละก้อ ….” ผมพูดยังไม่ทันจบก็พอดีที่เสื้อตัวสุดท้ายถูกไดถอดออกไปอูยย…หนาวง่ะ

“ ฮื้อ….ได เจ็บ.. อะ..เจ็บ ฮึก!..” ผมร้องไห้ไม่สนใจแล้วเมื่อเห็นต้นแขนซ้ายของตัวเองเต็มตา ไดจับตัวผมพลิกดูบริเวณที่โดนไม้ฟาดชัดๆ อือ….มันซ้ำและบวมขึ้นมา เป็นสีเขียวคล้ำเต็มหัวไหล่และแขนซ้าย พาดยาวไปถึงกลางหลัง จากที่พอจะทนได้ในทีแรก แต่เมื่อเห็นชัดแล้วกลับเจ็บขึ้นมายิ่งกว่าเก่าอีก

“ ฮือออ…ไม่ได้เรื่องๆ ทั้งนายทั้งไคย์เลย ปล่อยให้ชั้นโดนอยู่คนเดียว ดูซิปากก็แตกตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ชั้นยังไม่เคยเจ็บขนาดนี้ซักครั้ง” เมื่อเจ็บก็เลยพาลมั่วไปหมดทั้งเจ็บทั้งด่า ไดคุงคงได้นึกด่าผมอยู่ในใจแน่ แขนไม่มีแรงแม้แต่จะยกหรือแกว่ง ต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาเช็ดน้ำตา

“คอยดูนะชั้นจะกลับไปเผาบ้านมันให้ดูฮื่อออ…” ผมยังคงด่าไปร้องไห้ไป เห็นไดแอบส่ายหน้าระอา แต่ก็อมยิ้มนิดๆ

“เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่เห็นตายไง แล้วไหงกับร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้ละหื้อ?”

“ฮื่ออ..ไอ้บ้าไดไม่ต้องมาล้อเลย ชั้นเจ็บนะ”ผมเอามือข้างที่ไม่เจ็บปัดมือใหญ่ๆของมันที่เริ่มมาเล่นที่หัวทุยๆของผมอีก

“คาสุม่า” เสียงมันอ่อนๆเชียว...ทีเมื่อกี้แม่งทำเป็นโหด!

“ไปเปิดน้ำอุ่นให้ทีสิ นั่งจ้องอยู่ได้” แล้วไดก็โดนไปอีกยก ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา ผมหลบตาคมคู่นั้นมองที่แผลตัวเองไม่ได้นึกจะไปเผาบ้านมันจริงๆหรอก ไม่ได้แค้นมันอะไรกันนักหนาด้วย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี

ไดคุงยังไม่ลุกไปไหนทั้งนั้น พี่แกเล่นจ้องผมเอาเป็นเอาตายสายตาคาดคั่นเค้นหาบางอย่าง...ผมก็หลบตาซิฮะ เหมือนคนมีชนักติดหลังอะ รู้ทั้งรู้ว่าไดคุงต้องการอะไร ...เขาจับไหล่ผมหันเข้าหาทันทีเอามือเช็ดน้ำตาให้ด้วยความอ่อนโยน

“ทำไมต้องมาบังให้ชั้นด้วยละ คาสุม่า?” นั่นไงคำถามอันตราย กะแล้วว่าพี่ไดมันต้องคิดมาก ผมอึกอักจะให้ตอบไดว่ายังไงดีล่ะ ...หยุดร้องไห้ไปโดยอัตโนมัติ

“ทำยังกับกระดูกของไดมันแข็งยังงั้นแหละ กระดูกนายน่ะมันอ่อนกว่าชั้นเป็นไหนๆ” นั้นตอบมั่วเข้าไปนั้น ...

“ นี่คาสุม่า” ไอ้คุณพี่ไดมันชักยั๊วะขึ้นเสียงกระชากใส่ผม

“ก็มันจริงไหมล่ะแล้วอีกอย่างชั้นขี้เกียจมาดูแลปรนนิบัตินายเวลานายต้องใส่เผือก” ผมยังไปได้น้ำขุ่นๆไม่ได้โกหกทั้งหมดซักหน่อยนี่ครับ ไดทำหน้าระอาอีกแล้วเมื่อเห็นผมปากไม่ตรงกับใจ

“ จะกวนไปถึงไหนคาสุม่า”

“ ไดน่า!... ก็ดีกว่าไดเจ็บแล้วกันนะ” พูดไว้แค่นั้นแล้วผมก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

“ เอ้า! นั่งบื้ออยู่ได้มาอาบน้ำให้ด้วย เร็วๆ” เมื่อโผล่หน้ามาจากประตูห้องน้ำก็ยังเห็นไดมันยังนั่งหน้าเหวออยู่ที่เก่า อย่าบอกว่านั่งตีความหมายกับคำพูดของผมอยู่ สมองทำงานช้าจังพี่ไดนี่
...

“ให้อาบให้จริงงะ” ทำหน้าหื่นเชียวนะเพ่ ผมเจ็บไปหมดทั้งตัวหรอกก็เลยพาลขี้เกียจไม่อยากจะขยับตัวทำอะไรทั้งนั้น

“ คิดลามกอะไรอยู่อีก ชั้นก็มีเหมือนไดนั้นแหละ ทำอย่างกับไม่เคยเห็นของตัวเองมาก่อน แค่จะให้ถูหลังให้เท่านั้น...เหนื่อยล่ะไดเจ็บและเมื่อยไปหมดทั้งตัวอยากนอนแช่น้ำเฉยๆ” ไอ้คุณพี่ไดมันยิ้มจนปากแถ[จะถึงรูหูเลยครับ ฮ่าๆๆ...ตลกมันอะ

และแล้วการอาบน้ำและลงอ่างก็ทำท่าจะผ่านไปด้วยดีแต่แล้วก็...

“ ไดจะล้วง เข้าไปคลำหาอะไรบ่อยๆห๋า!ตรงนั้นน่ะ!?” โดนผมเอ็ดให้เลยคลำๆลูบๆอยู่ได้จั๊กจี้จะจับก็ไม่กล้าจับ

“ก็เห็นม่ายังไม่ได้ทำความสะอาด ฉันก็เลยจะทำให้” ดูมันตอบซิครับ ก้มหน้าตอบเขินๆด้วย

..กูก็เขินมึงจะแย่ไอ้คุณพี่ไดสุเกะ ตั้งแต่เล็กจนโตพอจะจำความได้ กูก็ยังไม่เคยให้ใครอาบน้ำให้ มีมึงนี้แหละที่เสือกดีนัก

“ ไม่ต้องชั้นทำของชั้นเอง มือขวายังใช้ได้ดี” แล้วผมก็นอนคว้ำเอาหน้าเกยกับขอบอ่างหันหลังให้ไดคุงมันไปเลย ทั้งผมและไดมีผ้าขนหนูผืนเล็กๆ พันช่วงสะโพกไว้แค่นั้น

ไดคุงใช้ปลายนิ้วคลึงเบาๆที่บริเวณท้ายทอยให้ ไล่ขึ้นมาหาขมับทั้งสองข้าง อ่า...รู้สึกดีจริงๆ สบายจังเลย ...ปลายนิ้วลื่นๆนวดต่อไปยังหัวไหล่และหลัง... ง่วงขึ้นมาจริงๆซะแล้ว มันสบายสุดๆเวลาไดนวดให้แบบนี้...ผมชอบบ

“ ง่วงเหรอ...?”

“ อื่อ”

“ งั้น..ก็พอ”

“ อื่อ”

“แต่ว่าตรงนั้นยังไม่ได้ล้าง” อีกแล้วไดเนี้ย!! มันจะอะไรกันนักหนากับอีตรงนั้นของผมนะ

“ อื่ม อยากทำก็ทำสิ” กะอีแค่มือของไดก็เหมือนมือของตัวเองนั้นแหละรีบๆล้างรีบๆจับจะได้ไปนอนชักที (แกชักจะขี้เกียจเกินไปแล้วคาสุม่า) ไดเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังให้แผ่นหลังของผมสัมผัสกับหน้าอกของตัวเขา ผมนั่งตักไดโดยมีผ้าขนหนูกั้นกลางพลางเอาหัวอิงกับซอกคอเค้าไปด้วย.... อยากหลับอยู่แบบนี้จังเลย กร๊าซซซซซซซซซ มีความสุขจังวุ้ย!

แต่แล้วมันก็ชักจะยังไงๆ...

อ๊ะ! นี่ไดจะล้าง จะลูบ หรือจะทำอะไรกันแน่ผ่านไป 10นาที จวนจะเปื่อยอยู่แล้วนะครับคุณพี่!.คุณพี่ก็ได้แต่ลูบขาอ่อนผมเล่นอยู่นั้นแหละ! มือก็ชักเข้าชักออกจากผ้าขนหนูเป็นรอบที่ร้อยแล้วกระมัง ...อ่อนหัดจริงๆพี่ไดเอ้ย! ไม่ได้เรื่องเลยคนเค้าอุตสาห์ปล่อยโอกาสให้แล้ว^__^

“ ไดเมื่อไหร่จะเสร็จซะที”...นี่กูยุส่งตัวเองให้มึงแล้วนะไอ้คุณพี่ได

“ ม่า...?" ...อะไร...?...ผมนั่งฟังมันนิ่งๆครับ

"ถ้าทำแล้วเอ้ย!!ไม่ใช่ ถ้าจับแล้วชั้นกลัวห้ามใจไม่ไหว เกิดฉุดไม่อยู่ เผลอทำมากกว่านั้นล่ะ” ก็อันตรายสิเพ่ถามได้

“ก็ไม่ต้องทำไม่ต้องจับแล้วกันนะได แค่นี้ก็หมดเรื่องไปเถอะอยากนอนแล้ว ” ผมลุกจากอ่างไปเช็ดตัวไม่ลืมที่จะฉุดแขนคนตัวโตหน้าบู้อย่างขัดใจออกไปด้วยกัน สมน้ำหน้าอยากช้าไม่ได้เรื่องดีนัก....ใส่เสื้อผ้าไปก็ขำไปครับ...ไดคุงมันยังนั่งหน้าตาบู้ๆอยู่ตรงขอบเตียง

“ เอ้า! นอนได้แล้วเพ่ พี่ไม่ง่วงแต่ผมง่วงนะครับ” ผมใชแขนข้างที่ไม่เจ็บดึงแขนไดลงมานอนด้วยกัน ดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวเองและไดให้เสร็จสรรพ

“ ยังนอนไม่ได้นายยังไม่ได้ทายาเลย”แล้วไดมันก็รีบลุกเหมือนมันก็พึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าผมต้องทายาแก้ฟกซ้ำด้วย

“ อะไรกันก็เมื่อกี้ให้กินไปแล้ว ยังจะมียาทาอีกเหรอ”

“ก็แก้อักเสบฟกซ้ำดำเขียว”

“ก็ได้ๆ เพื่อความสวยงามไร้รอยแผลเป็นของเรือนร่างเอ้า !!ทาให้หน่อย” ไดคุงถอดเสื้อนอนผมออกแล้วก็ให้ผมนอนฟุบหน้าลงกับหมอนเพื่อที่จะทายาที่หลังได้สะดวกขึ้น

“ ขอโทษนะม่า... ที่ทำให้เจ็บแบบนี้” เสียงอ่อยๆของไดดังขึ้นมา

“ ไม่เป็นไรดอกได ไม่ใช่ความผิดของนายซักหน่อย”

“ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของม่าเหมือนกัน” ก็ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้นแหละ

“แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ ถ้าหลังหักขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง”

“ไม่เอาน่าได อย่าคิดมากเลยนะชั้นไม่เป็นอะไรแล้ว"

“ก็เป็นห่วงที่หลังอย่าทำอีกนะ” ผมอมยิ้มซ่อนหน้าร้อนผ่าวลงกับหมอนทันที...กูก็เป็นห่วงมึงจะแย่ไอ้คุณพี่ไดรู้ตัวไว้ด้วย!

ดายลูบผมของผมเล่นไปมาซักพักก็ดึงผ้าห่มมาคลุมให้ แล้วตัวเองก็ลงมานอนซุกผ้าห่มกับผม

“ที่จริงแล้วเป็นห่วงฉันใช่มั้ย? ขอบคุณนะคาสุม่า ขอบคุณจริงๆ” น้ำเสียงนิ่มกระซิบที่หลังใบหูแผ่วเบา ผมหันหน้าเข้าหาซบหน้าลงบนคอเขา แอบสูดกลิ่นกายที่ผมหลงไหลและทำเป็นประจำทุกคืนเข้าปอด

“ ไม่อยากเห็นใครบางคนดีดกีตาร์ไม่ได้ต่างหาก...” แล้ววงแขนยาวเรียวก็โอบกอดรอบเอวผมแน่นทันทีที่ผมพูดจบ...เสียงหัวเราะด้วยความชอบใจก็ดังตามมาติดๆ

“ปากแข็ง” ก็รู้แล้วทำไมต้องคาดคั้นให้ตอบด้วยไม่เข้าใจไดจริงๆ...ไดคุงมันว่าผมอะ

“ เมื่อกี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย” นั้นไงได้คืบจะเอาศอกแล้วครับท่าน

“ หมดเวลานาทีทองแล้วเพ่”

“ ใจร้ายอะ”

“อะไรใจร้ายอะไร อย่ามั่วไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”

“ก็ไม่อยากเป็นเหรอ” ใจผมเต้นตุ้มๆต่อมๆ ดายพูดอะไรอยู่ ...รู้ตัวหรือเปล่า...?

“ อยากให้เป็นอะไรอะ...?”...ไอ้สตอเบอรรี่!..รู้ๆคำถามอยู่แต่ดันกระแดะแกล้งถามมันไปงั้นแหละฮะ

“ ก็ เอ่อๆก็..”

"ไม่เอาอะแบบนี้แหละดีแล้ว นอนเถอะไดพูดมากอยู่ได้” เขินวุ้ย ผมตัดบทไดคุงขึ้นมาเฉยๆ ไม่อยากคาดหวังกับคำตอบของมันซะแล้ว

“ตัวนิ่มจังม่า...”

“นอนได้แล้วไดพูดมากอยู่ได้!”

“ก็มันนอนไม่หลับ”

“งั้นชั้นหลับก่อน ห้ามนายทำอะไรพิเรนท์ๆกับชั้นเป็นอันขาด”

"ก็ไม่แน่ถ้านายยังใจดำอยู่แบบนี้”

“ อ้าวพูดงี้ก็สวยซิเพ่”

“ ไม่รู้เหรอนายน่ะสวยสะเด็ด”ไอ้บ้าได ตามันเชื่อมเยิ้มไปหมดแล้วครับ

“ไอ้บ้า!” ชมกันซะเวอร์ ก็เขินนะสิ หน้าร้อนผ่าวไปถึงใบหูพูดอะไรไม่ออกก็เลยด่าให้ซะเลย แล้วเสียงหัวเราะของไดก็ดังขึ้น

“สวยจริงๆนะม่า... สวยแบบโฉดๆโหดๆ สวยประหารอะไรทำนองเนี้ย!” พูดเสร็จไดมันก็หัวเราะขึ้นอีก นี่แน่ะๆโดนชกอกให้เลย ตกลงนี่มันชมผมจริงๆอะเปล่า..

“ จะไปสู้ขาว สวย หมวย อึ๋ม ของนายได้ไงแหละ” ผมว่าหน้างอจะหันหนีแต่ก็เหมือนไอ้คุณพี่ไดตัวดีมันจะรู้ มันรัดวงแขนแน่นขึ้น ไม่ให้ผมกระดุกกระดิกไปทางไหนเลยครับ

“ฉันชอบสวยแบบโฉดๆโหดๆขึ้นมาแล้วอะม่า...ทำยังไงดีล่ะ...” แล้วผมก็นอนนิ่งแข็งเป็นหุ่นไปทันทีที่ไดพูดจบ

ไดพูดจริงหรือพูดเล่น ไม่ต้องรอให้ผมสงสัยนานไปมากกว่านี้แล้วครับ

... สัมผัสแผ่วเบาของริมฝีปากก็ประทับลงมาบนหน้าผากอยู่เป็นนานจากนั้นริมฝีปากสวยก็ไล่พรมจูบพร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่รดผ่าวให้ทั่วใบหน้า ผมหลับตาพริ้มนึกถึงสัมผัสหวานต่อไปของไดอีก อ๊ะ.... อ๊ากกกกกกกกกก

“ ไดง่วงๆ ง่วงอะ นอนๆๆๆ” โอ้ย !!เกือบไปแล้ว เกือบเป็นลมแล้วคาสุม่า ดีนะที่รีบเบรกไดกลางอากาศได้ทัน เมื่อผมนึกได้ว่าไดจะทำอะไรผมต่อจากนี้ ริมฝีปากไดห่างจากปากผมไม่ถึงคืบ หายใจไม่ทั่วท้องเอาเลยให้ตายเถอะ ไดจะหยุดหรือจะต่อ ไม่อยากคิดอะ แต่จริงๆแล้วผมก็อยากอะนะ อยากจูบริมฝีปากสวย จูบรสหวานที่เคยฝันเล่นๆอยู่ต่อหน้าแท้ ๆแต่ไม่มีปัญญาทำ

เอื๊อกก!!! เสียงน้ำลายกลืนลงคอของใครก็ไม่รู้ดังขึ้น

“ก็ได้ๆคาสุม่า... ฝันดีนะ” ในที่สุดก็อด ผมหน้าง้ำแอบถอนหายใจอย่างเสียดาย ไม่น่าเบรกเพ่ไดมันกระทันหันเลยครับ เอ๊ะ !!

“ฮื้อออ ดะ ได” เอาแล้วไหมล่ะโดนเอาคืนให้แล้ว ไดแตะริมฝีปากลงมาตอนเผลอโดยไม่ให้รู้ตัว หรือเขาจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ จูบหวานละมุนที่หมอบให้ เล่นเอาผมอ่อนระทวย ปลายลิ้นก็หยอกเย้าเล่นอยู่ภายในปากล่อให้ผมใช้ลิ้นตัวเองไล่ออกไป ติดกับไดเข้าให้แล้ว ไม่มีทางละออกจากริมฝีปากนี้ได้แน่ มือใหญ่เลื่อนมาประคองที่ท้ายทอยให้ผมจูบตอบได้ถนัด ปลายลิ้นตวัดซอนไซร้อย่างเหนือกว่าของไดทำเอาผมดิ้นไปไหนไม่ได้ อื้ออ หายใจไม่ออก ไดจะจูบให้ผมตายได้ไหมนะ...ทำไมมันจูบเก่งอย่างเน้...

“ ชดเชยตอนอาบน้ำนะครับ” ไดคุงว่าเมื่อถอนริมฝีปากออกไปในที่สุด อ้อมแขนก็กอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ผมได้แต่นอนหอบหายใจปิดปากเงียบ จะให้พูดอะไรได้อีกล่ะครับ... อายจนไม่รู้จะเอาหน้ามุดไว้ตรงไหนแล้ว

“หลับได้แล้วเด็กบ๊องก์ นี่คือบทลงโทษสำหรับเด็กปากไม่ตรงกับใจ” ดายหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี และปล่อยให้ผมทุบอกเบาๆเล่นแก้เขิน

"ไอ้บ้า!"ขอด่ามันอีดหน่อยเถอะ...เขินว้อยได!

"คำก็บ้า สองคำก็บ้า เดี๋ยวจะโดนคนบ้าตบด้วยปากอีกรอบ..." ดูมัน ดูมันพูดซิครับ...อายปากมั้ยนั้น ไดมันยิ้มกรุ้มกริ่มเข้าใส่เลยล่ะ...ผมไม่พูดอะไรเลยครับ ปิดปากตัวเองไปโดยปริยาย กลัวถูกมันตบด้วยปากอีกรอบ...เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ซ่อนหน้าร้อนๆของตัวเองไว้ภายใต้ผืนผ้านวมหอมๆนั้นแทน...ได้ยินเสียงหัวเราะของไดดังลั่นด้วยความชอบใจ...

นี่ผมติดกับไดเข้าจริงๆนะเหรอ ไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาแค่ไม่กี้วันจะทำให้ผมชอบไดมากแบบนี้ ไดจะชอบผมบ้างหรือเปล่านะ ที่ทำลงไปแบบนี้หรือจะแค่แกล้งเล่น แค่สงสารอาจจะเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้...ถ้าคนอื่นรู้ผมจะทำยังไง แล้วถ้าท็อตจิรู้มันจะว่ายังไงบ้าง ไอ้บ้านี้มันชอบแกล้งอยู่ด้วย มันคงล้อผมตายจะทำหน้ายังไงยังนึกไม่ออกเลย...

“ ได….?”

……

“ ไดคุง...?”….

“ ว่าไง ยังไม่หลับอีกเหรอ...?”

“ก็ เอ่อ ก็...” อยากถามดายให้เคลียร์ที่ทำลงไปเมื่อกี้หมายความว่าไง

“ก็….. จะ เจ็บแขน ไดรัดแน่นอะ” เฮ้ย!!! ทำไมมันถึงอาศัยความกล้าหาญนักวะช่างเถอะจะด่วนใจเร็วไปทำไม รอดูไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่าคาสุม่า

“หลับแล้วเหรอ...?”

“อือ” ผมครางตอบเอามือยกขึ้นปิดปากไดก่อนที่เขาจะเอ่ยถามด้วยสงสัยอะไรที่ค้างอยู่อีก จะหกโมงเช้าแล้วมั่ง ไดก็ท่าจะเพลีย เขายอมคลายอ้อมกอดให้ผมเล็กน้อยแล้วก็ปิดตาลง อ๊ะ!...แล้วผมจะมัวมาเพ้อหาสวรรค์วิมานอะไรละเนี้ย นอนๆๆๆ...นอนแล้วครับ



To be continue.

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะครับที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้กัน...ไอ้เอ็มเป็นปลื้ม รู้สึกบ้านหลังนี้อบอุ่นมากมายเลยครับ...(ยิ้ม)
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 13-08-2007 01:09:36
I LOVE  DK   :m3: : :m11:m1:
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 13-08-2007 01:35:34
 :m3: :m3: :m3: :m3:  กรี๊ซซซซซซซซซซซซ....น่าร๊ากกกกกกกกกกกกก.....

 :m2: :m2: :m2: :m2: :m2:
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 13-08-2007 03:25:34
 :m11: :m11: :m11: :m11:

เย้ มาต่อซะที รอตั้งนาน

สนุกนะเนี่ย จะเป็นยังไงต่อ มาต่อไวไวน้า

 :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 15-08-2007 18:27:21
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 17-08-2007 16:24:00
หายไปอีกละรออยู่น้า ดันๆๆๆๆ  :m21: :m21: :m21:
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 19-08-2007 17:16:44
 o9 o9 หายไปอีกแย้ว หลายวันแล้วนะ  o9 o9
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 20-08-2007 00:29:16
สนุกมากค้าบแล้วมาต่อไวๆๆน้า
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 20-08-2007 21:35:17
เหอะๆ รอดมาได้เพราะเหนื่อยอ่ะป่าว
 :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: theera ที่ 21-08-2007 12:06:13
สนุกดีคับ :m12: :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: One man story 2,3
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 21-08-2007 12:33:46
รอรอรอรอรอรออรอรอรอรอรอ

 o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-08-2007 19:00:34
One man story < 4 >


“ไดๆ ตื่นเถอะ” ผมสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงโหวกเหวกอยู่หน้าห้อง

“ฮืออ …อะไรคาสุม่า...?”ไดสุเกะคุงงัวเงียๆ ผงกหัวขึ้นมองภายในห้องยังไม่มืดก็แสดงว่ายังเป็นตอนเย็นอยู่

“ได้ยินเสียงอะไรไหม...?” ไดตะแคงเงี่ยหูฟังตามที่ผมบอก

“ไคย์นี่มาทำไม...?”

“ตกใจหมดนึกว่าควายที่ไหนมาเกิดลูกอยู่หน้าห้องซะอีก” ก็ดันแหกปากตะโกนลั่นดีนะที่ข้างห้องเขาไม่ออกมาด่าเอาก็บุญแล้ว ไดคุงเข๊กหัวผมเบาๆในความช่างว่า

“ ไปว่าให้มันได้ยินสิ เดี๋ยวมันด่าเปิง” เขาว่ายิ้มๆแล้วก็ลุกออกจากเตียงไปเปิดประตูให้เฮียไคย์ ส่วนผมก็ปิดตาลงนอนต่อ...ก็มันยังง่วงอยู่

“ หวัดดีแก... ทำแม่งไรอยู่วะปล่อยให้เรียกตั้งนาน”

“โทษที พอดีหลับเพลินเลยไม่ได้ยิน”

“เหรอ...แล้วน้องแกล่ะ?”

“น้องไหนวะ?”

“อ้าวไอ้นี่! พ่อแกไข่ทิ้งไว้เรี่ยราดเหรอวะ ถึงมีน้องเต็มบ้านเต็มเมืองจนจำหน้าตาน้องตัวเองไม่ได้ ...ก็คาสุม่าไง”

“ อ้าวไอ้นี่! เล่นพ่อเชียวนะมึง! หัดให้ข้าวหมาบ้างสิวะ! ปล่อยให้มันตายอดตายอยากเที่ยวกัดคนอื่นเขาอยู่ได้!” อ๊ะ พี่ดายผมสุดยอด ต้องอย่างนี้สิเพ่ ...ผมนอนนิ่งเอาหูตะแคงฟังเอาแค่ผ่านๆ

“ เอ่อ ๆ ก็ได้วะ ก็แกอยากกวนก่อนทำไม”

“คาสุม่าไม่ใช่น้องฉัน แกน่ะโดนเด็กต้มแล้ว.... เขาเป็นเพื่อนท็อตจิมันเว้ย!”

“อ้าวไอ้เวร!ทีหน้าทีหลังก็เสือกบอกเพื่อนบ้างดิ ช่วยเด็กมันต้มกูอยู่ได้...โด่ !! ไอ้XXX!!.”

“พอๆๆ ไคย์มึงหยุดเลยนะ ..กูไม่ได้ตื่นขึ้นมาเพื่อมารับคำด่าของมึง...กูยิ่งนอนไม่เต็มตาอยู่ มึงมีอะไรก็ว่ามาลีลาอยู่นั้นแหละ กูง่วง... ว่าแต่มึงคงไม่ได้มาถามหาน้องกูจริงๆหรอกนะ”

“ ก็นั้นแหละ น้องร่วมโลกมึงเป็นไงบ้างล่ะ?”

“ท่าจะแย่คงจะปวดไปอีกหลายวัน ร้องเจ็บซะลั่นห้อง นู่นยังนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย”

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น น้องไรวะรักพี่เหลือเกินเข้าไปรับไม้แทนกันได้” อ้าวๆไอ้คุณเฮียไคย์ ปล่อยหมาออกมาไล่ฟัดผมอีกแล้ว ...ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะก็เสียงมันดังเข้าหูเอง ไปพูดกระแนะกระแหนไดคุง เดี๋ยวก็ได้มาคาดคั่นเอากับผมหรอก เสียงไดก็เงียบไปหรือว่ากำลังนึกสงสัยอะไรกับสิ่งที่ไคย์มันพูดอยู่อีก...

“ขอแอบไปดูหน่อยได้ไหมวะ อยากเห็นนักตอนหลับ ว่าจะร้ายเหมือนตอนที่ตื่นหรือเปล่า คนแม่งไรวะ หน้าตาก็สวยน่ารักดีแท้ แต่แม่ง ปากโคตรๆ”

มึงจะมาแอบดูกูหลับทำมายยยยยยยยยยยยยย...?...อย่าเชียวนะ อย่ามายุ่งกะกู

"มึงก็เหมือนกันพอกันนั้นแหละ”สมน้ำหน้า ถูกพี่ไดสุเกะของผมว่าให้บ้างเลย

“นี่พวกมึงนอนเตียงเดียวกัน???...”

“ก็เอ่อสิ ...จะให้ไปนอนไหนละ”

“หือ! จริงๆวะ คนไรวะไดสุเกะ? นี่ขนาดนอนหลับนะ หน้ายังหาเรื่องเลย” เตียงยวบลงไปเมื่อมีคนนั่งลง...เสียงกวนประสาทของไคย์ดังขึ้นข้างๆตัว...คิดว่าผมไม่ได้ยินเหรอไงเฮีย ไอ้ที่นินทาๆอะ

“ฮื้อ! ไดคุงครับหมาที่ไหนถูกกัดมาเห่าอยู่ในห้องแต่หัววันเลยครับ ไม่ไช่เสียงควายเกิดลูกที่หน้าห้องหรอกหรือครับ”กร๊าซซซซซซซซซซ ผมแกล้งพลิกซ้ายพลิกขวา ตายังปิดอยู่ทำหน้ารำคาญ

“ควายที่ไหนเกิดลูกอยู่หน้าห้อง?”ไคย์ทวนคำ แล้วผมก็ต้องอดขำแทบตายอยากแอบมองหน้าไคย์มันนัก นี่มันจะรู้ไหมว่าผมแอบด่าเฮียมันอยู่...มันทำหน้าได้สมกับไอ้ตัวที่ผมพึ่งด่ามันออกไปเลยครับ...ตลกชิบโป้ง!

“ โห!! นี่โดนหนักขนาดนี้เลยหรือวะเนี้ย”ไคย์เลิกผ้าห่มออกดูหลังผม

“คุยกันเบาๆหน่อยได้มั้ย คนจะนอน!...แล้วมายุ่งอะไรกับหลังชั้นด้วย! เอามานี่หนาว…”ผมหมดความอดทนหงุดหงิดที่ถูกรบกวนการหลับ ดึงผ้าห่มจากไคย์มาแล้วลงนอนต่อ

“อ้อ! ลืมไปหวัดดีเฮีย” ทักไคย์พอเป็นมารยาทแล้วหลับตาต่อทันที..ลองไม่ทักมันดูดิ...ต้องถูกมันแทะจนร่างพรุนแน่
 
“คาสุม่า นายนี่กระดูกแข็งเป็นบ้า”

“โอ้ย !!!ไอ้เตี้ย ไอ้บ้าไคย์ทำอะไร เจ็บ..เจ็บนะโว้ย!”

“เฮ้ยไคย์!! ทำแม่งอะไรอย่างนั้นเดี๋ยวม่าก็หลังหักหรอก ลงมาๆเดี๋ยวนี้เลยนะมึง!”ไดคุงช่วยผมด้วย...

“แฮะๆๆโทษทีๆ ก็กะจะทดสอบไงว่ากระดูกแข็งจริงเปล่า?”

“ไอ้บ้า ทดสอบอะไรแม่งทำแบบนี้วะ”ไดคุงเข้ามาดึงไคย์ออกจากเอวผม

ไคย์นะไคย์อยากจะแกล้งคืนก็ว่ามาซิ นั่งลงมาได้บนหลัง เจ็บขึ้นมาอีกแล้ว พี่ไดสุเกะของผมเข้ามาช่วยประคองให้ผมลงนอนได้ถนัด พอขยับตัวผมถึงได้รู้สึกว่ามันปวดไปหมดทั้งตัว..เจ็บจนน้ำตาซึมขึ้นมาเลยครับ เมื่อลองขยับแขนและหัวไหล่ดูก็แทบจะยกไม่ขึ้น

“คาสุม่า ขอโต๊ดดดด”เฮียไคย์มันพูดเสียงอ่อยๆหน้าซึมๆ คงจะรู้ว่าทำให้ผมเจ็บจริงๆ

“เจ็บมากไหมคาสุม่าไปหาหมอนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกได พอทนได้เดี๋ยวก็คงหาย” ผมยังคงนิ่วหน้าด้วยความปวด

“แน่นะ”

“อืม ยังไหวน่า”

“งั้นเดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวนะ นายจะได้กินยา ไปไคย์นายมานี่เลย”ไดคุงหันไปทำตาเขียวใส่ไคย์

“นายไปก่อนสิ คาสุม่าขอโทษนะ นี่ๆ มาหาโดยเฉพาะเลยนะเอายามาให้”เฮียไคย์มันมาแปลก เข้ามาดึงไดออกจากข้างๆผมแล้วตัวเองก็นั่งแหมะลงแทน

“เจ็บตรงไหนล่ะ จะทายาให้ ยานี่มันเย็นๆพอบรรเทาได้นะ”ไอ้คุณเฮียไคย์มันยิ้มแป้นหน้ากลม เมื่อเช้าต้องมีใครเอาอะไรผิดสำแดงให้เฮียมันกินแน่ๆเลยฮะ...ผมกับไดคุงงงเป็นไก่ตาแตกที่ไอ้เตี้ยเฮียไคย์ผิดปกติ เขายังหยิบยาหลายหลอดออกมาทำท่าจะทาให้ผมจริงๆขึ้นมา

“ขอบคุณมากไคย์”

“ไม่เป็นไรหรอกฉันยินดี บอกมาเลยๆ เจ็บตรงไหน”ไคย์มันมาแบบประหลาดๆจริงๆด้วยฮะ

“ไม่ต้องหรอกไคย์ เอาไว้ฉันทาให้ม่าเอง ให้ม่ามันนอนพักเถอะ นายมานี่ไปช่วยฉันทำกับข้าวซะดีๆ”

“ก็ได้วะโธ่!! ทำเป็นหวง แล้วนี่จะทำอะไรกินละ บอกไว้ก่อนนะไม่อร่อยเททิ้งจริงๆนะโว้ย!”แล้วไคย์คุงก็บ่นไม่สบอารมณ์ตามไดคุงออกไป ผมเพิ่งจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ก็ตอนตื่นเต็มตานี่แหละ ท่าทางจะลุกไม่ขึ้นแน่ๆ

แล้วผมก็หลับไปอีกรอบและมาตื่นเอาก็ต่อเมื่อดายมาปลุกให้กินข้าว เป็นไปตามที่คาดจริงๆ ผมไม่มีแรงแม้แต่จะลุก ตัวร้อนวูบวาบ ปวดหัว ปวดไปหมดทั้งตัวเลยก็ว่าได้ ถูกไดกับไคย์ช่วยกันจับเช็ดเนื้อเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนน้ำไปตามระเบียบ ผมป่วยไม่สบายเป็นภาระให้ดคุงอยู่สองสามวันก็หาย เฮียไคย์มันขยันมาเยี่ยมไข้ผมทุกวันเลยล่ะครับ เดี๋ยวก็ซื้อขนม ซื้อผลไม้มาฝาก เอานู่นเอานี่สารพัดที่เฮียมันจะหอบมาให้ผมได้ แล้วเมื่อวานตอนเย็นเฮียไคย์มันก็เอาข่าวดีมาบอกด้วยล่ะครับ

อยากรู้ไหมครับข่าวดีอะไร ก็ผมได้งานทำแล้วนะสิครับ แล้วงานอะไรรู้ไหม นี่เลย เล่นกีตาร์ ผมได้เล่นกีตาร์อยู่ในคลับบริเวณเดียวกันกับคลับที่พวกไดคุงทำงานอยู่ด้วย เจ๋งมั๊ยครับ ไคย์บอกว่าคลับที่ว่าพอดีมือกีตาร์เก่าเค้าลาออก ก็เลยขาดคนเล่นกระทันหัน ไดคุงกับไคย์คุงก็เลยให้ผมไปสมัครและลองเล่นดูทันที ถึงแม้ว่าผมจะยังปวดแขนอยู่นิดๆก็เถอะแต่ผมก็อยากจะทำงานนี้มากๆๆ แล้วผมก็ตั้งใจเล่นมากๆด้วย

ทันทีที่พวกนั้นฟังผมโซโล่กีตาร์จบพวกเขาก็ตกลงกันให้ผมร่วมด้วยแบบทันทีเลยละครับ..ผผมดีใจมาก..ยิ้มไม่ยอมหุบไปเลยทั้งวัน ให้ผมฝึกซ้อมกับวงตั้งค่อนคืน แล้วคืนนี้ผมก็อดตื้นเต้นไม่ได้ครับ ที่จะได้เล่นจริงๆแล้ว ไดคุงกับเฮียไคย์และก็พี่เรียวกก็แวะมาให้กำลังใจผมด้วย


และแล้วคืนแรกในการทำงานก็ผ่านไปด้วยดี ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก หมดกังวลใจ ไม่ต้องเป็นภาระให้ที่บ้านอีกแล้ว ไชโย! หายห่วงแล้ว แบบนี้ต้องฉลองๆๆๆ

อ๋อย!... แล้วในที่สุดก็เมาคาห้อง นอนกองกันอยู่ที่พื้นนั้นละ พี่เรียว เฮียไคย์และไดสุเกะคุงของผม...ขอแอบมั่วว่ามันเป็นของผมข้างเดียวนะครับ กรั๊กๆๆ  แล้วก็ตัวผม

ความคิดของใครเนี้ย! เบียร์ 2 โหลกับคน 4 คน อ๊า... คิดถึงไอ้ท็อตอะ ป่านนี้มันคงนอนกกสาวฝรั่งอยู่แน่ๆ ไอ้นี้มันชอบสไตล์เซ็กซ์บอม เนื้อ นมไข่ หน้าอกเป็นหน้าอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก แบนๆแฟบๆมันบอกไม่ใช่สเป็ค คิดถึงจังเลยน้าถ้ามันอยู่ด้วยต้องสนุกกว่านี้แน่ๆเลยครับ

คืนนี้ผมโดนมอมอยู่คนเดียว ก็จะใครซะอีกแหละ ก็ไคย์คุงนั้นล่ะตัวดี ปะเดี๋ยวก็เอ้า! คาสุม่าขาว ซักพักก็ คาสุม่า เอ้า! ขาว เป็นแบบนี้จนผมซักจะไม่ไหวแล้วครับ ไดคุงคงจะนึกสงสารคนคอแป็บ (เดียว) แบบผมถึงได้ดึงแก้วไปดื่มให้บ่อยๆ ผมชอบคุยกับพี่เรียวอะ พี่เค้าน่ารัก และคุยสนุก แต่เฮียไคย์กับไดคุงก็เข้ามาคอยขัดถูกระเดือกอยู่เรื่อยเลย

“ไคย์พอเถอะไม่ไหวแล้วจะอ๊วกอะ” ผมหันไปบอกไคย์เอามือยักแย้ยักยันตัวเองเอาไว้

“อ้าวหลับไปตั้งแต่ตอนหน๋ายยย...” อ๋อยยย ...เมาหลับกันหมดเลยอะ ทิ้งผมอยู่คนเดียว ผมคอเอียงเหล่สายตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝาผนัง ตาลายอะมองตัวเลขจนเบลอเพ่งแล้วเพ่งอีกกว่าจะเห็นว่ามันจวนจะตีห้ากว่าๆแล้วก็เล่นเอาคอแทบเคล็ด ไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าที่นั่งก๊งๆกันอยู่นี่มันปาเข้าไปหลายชั่วโมงน่าดูเหมือนกัน...มิน่าพวกคออ่อน(ซะเมื่อไหร่)อย่างสามคนนั้นถึงได้มีอาการพะงาบๆกันทุกคน...ผมสะบัดหัวตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติที่มีอยู่น้อยนิดในเวลานี้ให้กลับมา เดินลากฝืนสังขารทุลักทุเล ไปคายของเสียที่ห้องน้ำด้วยความกระอักกระอ่วนเต็มที่ รู้สึกว่าพื้นห้องที่ตัวเองเหยียบอยู่นั้นมันโครงเครงไปหมดเลยล่ะครับ คงเพราะไม่ได้ดื่มราวกับน้ำแบบ 3 คนนั้นมั่งถึงทำให้ประคองสติอยู่ได้

“ไคย์ๆ ตายยังอะ...?” ลองเอาส้น Teen ขาวๆของผมเขี่ยๆไคย์มันดูว่ารู้สึกตัวไหมอะ

“อือ ยัง ๆ แต่ก็ใกล้ล่ะ... อีกนิด...”ฮ่าๆๆ  ไคย์ปรือตามองผมๆก็เลยลากเอาเจ้าเตี้ยไปนอนบนฟูกที่ปูไว้ก่อนหน้านี้

“ฮือ! คาสุม่า หอมจัง” อ่า...ไคย์ทำบ้าอะไรฟะ! เข้ามากอดแล้วก็หอมแก้มผมอะ สงสัยจะเพ้อถึงสาวๆอยู่แน่ แต่เอ๊ะ มันชื่อผมนี้หว่า

“ ไอ้เตี้ย! พูดใหม่ซิว้อย!!!” ด้วยความเมาผมก็เลยจับคอเสื้อไคย์มันเขย่าๆซะจนหัวมันคอนไปมาอะครับ ด้วยความที่มันมือไปหน่อย...ไอ้คุณเฮียไคย์มันก็คอพับคออ่อนตาม แต่กระนั้นสายตามันงี้...เลยอะครับ

“นา...นะ... นาย สวยจัง คาโอรุ” ไอ้เตี้ยปรือตาฉ่ำเยิ้มราวกับจะกลืนกินผมให้ได้ ทิ้งน้ำหนักตัวที่ไม่น่าจะหนักแต่ก็หนักมากในเวลาที่ผมเมาอย่างนี้ลงมาบนตัวผมทั้งหมดจนล้มลงไปบนฟูกด้วยกันทั้งคู่ โอ๊ย!! แย่แล้วไคย์มันไม่พูดพร่ำทำเพลง ซุกหน้าซุกตาลงมาที่ซอกคอของผมพร้อมกับพรมจูบให้ทั่วไปหมด ..ไอ้บร้าเตี้ยไคย์มึงเป็นอะไรปายยยยยยยยยยยย


“คาสุม่าๆ รู้ไหม ชั้น ชะ”

“ไม่รู้โว้ย!ตื้นซิวะไคย์โธ่!! ทำอะไรน่ะ” ผมหลับหูหลับตาดิ้นส่ายหน้าหนีไคย์ไม่เอาท่าเดียว เมาจนเพี้ยนแล้วไอ้เตี้ยไคย์มึง

“ฉะ ฉันชอบนะ ไม่รู้เลยเหรอ”

“ไม่รู้โว้ย !! ปล่อยสิไคย์...ปล่อยกูดิ..”ผมในตอนนี้ไม่ได้สนใจและตกใจกับคำบอกชอบของไอ้คุณเฮียไคย์มันเท่าไรแล้วเพราะเมาด้วยกันทั้งคู่พูดไปก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ไอ้เตี้ยซ่านี่แม่งห้ามยังไงก็ยังไม่หยุด แม่ง! วอนโดนตีนผมซะแล้วเอาศอกไปกินดีมั้ยมึง!

 อ๊ะ... อยู่ๆไคย์มันก็ค่อยๆสะลึมสะลือสลบไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ทันทำอะไรซักนิด หลับไปแล้วนั้นเอง ค่อยยังชั่วนึกว่าจะต้องลงมือลงไม้กันซะอีกผมพลิกไคย์มันลงไปนอนแล้วก็ลุกไปเอาผ้าห่มมาคลุมให้ก่อนที่จะยืนปลงสังเวชมองมันด้วยความกลุ้มใจเล็กน้อย...แต่มันก็คงไม่คิดอะไรในกอไผ่กับผมหรอกนะครับ มันคงจะพูดๆไปงั้นแหละเนอะ...? แล้วก็เสร็จไป 1 ยังอีก 2 คน

........................

.................................

หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-08-2007 19:07:31
...................................


ผมเอาหลังมือเนียนๆของตัวเองปาดเหงื่อเล็กน้อย...ก่อนจะเซๆตัวเอียงๆไปลากเอาพี่เรียวที่หุ่นโคตรดี...หุ่นดีจริงๆนะครับ...แต่ขอบอกว่าน้อยกว่าไดสุเกะคุงของผมไปนิดหนึ่ง พี่ไดอะโคตรของโคตรเลยล่ะครับ...หุ่นงี้ทรมานใจผมอิบอ๋าย ฮ่าๆๆ ผมลากพี่เรียวไปนอนข้างๆเฮียไคย์

พี่เรียวน่ารักอะอยากแอบหอมแก้มจังเยยครับ กรั๊กๆๆ..คนอะไรก็ไม่รู้น่าหวานมาก...ผมชักอดสงสัยไม่ได้เลยล่ะครับ ว่าไดสุเกะคุงอยู่ไกล้ๆพี่เรียวทุกวันนี่ไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือไง ขนาดผมเป็นผู้ชายแค่ 70 % ผมยังหวั่นไหวกับหน้าหวานๆของพี่เรียวแกเลย...สาดจริงๆนี่พี่เขาจะรู้ไหมว่าผมคิดอะไรกับเขาแบบนี้ ไม่ได้ๆอย่าแสดงสันดานไม่ดีสิคาสุม่า ผมสะบัดหน้าผละออกจากพี่เรียวทันที

ไปดูพ่อตัวดีของผมบ้างดีกว่า รายนี้เมาไม่รู้เรื่องรู้ราว ซัดไปทั้งส่วนของผมและของตัวเอง เป็นคนน่ารักเนอะ ...?

อ่า...สงสารไดคุงจังเลยครับ

“ไดคุงๆ ๆ”

“ ฮื้อ อย่ายุ่งหน้า!!!!” แน้!! ดุยังกับหมา แค่เรียกแค่นี้เอง

“ไปนอนที่เตียงเร็ว” แบกไม่ไหวหรอกไดหนักเกินไป

“ไดลุกซิ”

“จะลุกไม่ลุกได อยากหนาวตายเหรอ...?”ไดคุงนี่ปลุกยากปลุกเย็นหูไม่กระดิกซักนิดอะ

“คาสุม่า มานี่”ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้คุณพี่ไดมันดึงผมล้มลงบนอกมันแล้ว!!!

“ว่าไงจะลุกไม่ลุก”

“ลุกไม่ไหววววววว” เสียงงี้ยานเลยอะ

“แล้วไง จะนอนตรงนี้”

“แล้วยอมให้นอนเหรอ...?”

ผมไม่ตอบฮะ ...เพราะขี้เกียจสบตาหวานเยิ้มของไดมันที่จะปิดมิปิดแหล่...เลยจัดการลากมันไปเท่าที่แรงจะทำได้นั้นแหละฮะ

“ชั้นแบกไดกลับไม่ไหวน้า เดี๋ยวหลังหักเอา... เอ้า! พยายามหน่อยเพ่ อย่าทิ้งน้ำหนักลงมาหมดสิได" ฝืนประคองทั้งลากและดึงดายมาจนถึงเตียงจนได้ เหนื่อยอะบัฟฟาโร่ ชัดๆเลย

“มานี่ จะไปไหนอีก...?”อ้าวเวร!...กูจะพาน้องไปร้องไห้...ปล่อยกูก่อนดิว้อย...ตัวเซซัดๆตามแรงถึกและหื่นของไอ้คุณพี่ไดมันเลยครับ ถูกไดมันดึงล้มลงไปบนตัวมันอีกครั้งแล้ว...

“ ปวดเยี่ยว...” อารมณ์หื่นของมันคงหายไปแน่เจอคำตอบผมแบบนี้เข้า ผมบอกพลางจ้องคนตัวโต ไดคุงหลับตาอยู่ครับผมเผ้าปรกลู่ลงมาบนใบหน้าดูน่ารำคาญน่าดู จนผมอดไม่ได้เผลอใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้เขาเบาๆ

“ คาสุม่า...” ดูมันดิ...เรียกโดยไม่ยอมเปิดตาขึ้นมามองกูเลย

“ว่าไง...?”

“อยู่หน๋ายยยย น่ะ...?”แดกจนเสียงงี้ยานเชียวนะไอ้คุณพี่!...แต่เสียงพี่ไดมันเป็นแบบนี้ฟังแล้วจั๊กจี้ใจเป็นบ้าเลยนะครับ กร๊าซซซซซซซซซ...เสียวๆอะ...เสียวหัวใจ555+

“ลืมตาสิ อยู่บนตัวไดนี่ไง”อื่ม...เขายกมือขึ้นมาจับมือผมไว้แล้ว

“อยู่นี่ไง...”

“คาสุม่า...”บอกว่ากูอยู่นี่!...เรียกอยู่ได้!!...เรียกทำเมียมึงหรือไง!!!...ผมชักรำคาญแล้วครับ ไดมันจะเอายังไงกับผม

“มีอะไร...?” ตาปรือนั้นยอมลืมขึ้นมามองผมแล้วฮะ

“วันนี้ นายน่ารักจังคาสุม่า”

“พูดแบบนี่แสดงว่าทุกวันชั้นไม่น่ารักงั้นเหรอ”...นี่ผมพูดอะไรออกปายยยย...เล่นมุขเต่าอีกแล้ว...ซื้อขนมกินได้เลยถ้าเวลาปกติจ้างให้หรือเอาไม้มาแงะปากผมคงไม่กล้าพูดหรอกไอ้ประโยคเลี่ยนๆชวนอ๊วกแบบนี้อะ

“ อื้อ น่ารักๆสิ รู้มั้ย น่ารักจนฉันจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว...” เสียงไดคุงแผ่วเบาลงไปตอนท้ายแต่ผมก็ทันได้ยินครับ...ตามประสาคนประสาทไว 

“ อดใจๆอะไรอะ...?”เมาหรือเปล่านะถึงได้กล้าพูดกล้าถามแบบนี้ …ขอแกล้งมึนมั่วๆไปหน่อยแล้วกันนะครับ...ตอแหลแต่พองามๆ.อะ

“ ก็อดใจไม่ให้...ทำอะไรม่านะสิ”...อ้าวไอ้คุณพี่สาดเอ้ย!...มึงอย่าพึ่งหลับเชียวนะว้อย!ไม่ได้นะว้อยไอ้ได !อย่าพึ่งหลับซิเพ่!ตื่นขึ้นมาคุยกันก่อน...ผมแทบจะเค้นคอไดมันอะ...มายั่วให้ผมอยากรู้อยากลองแบบนี้...แล้วใครจะรับผิดชอบกูล่ะวะ... เป้ากางเกงผมตุงๆปวดท้องเบาก็ปวด

“ได...ก็ไม่เห็นจะต้องอดใจ...”รู้จักผมน้อยไปซะแล้วพี่ได... ผมกระซิบลงไปที่หูไดคุง กล้าได้กล้าเสียเกินไปหรือเปล่าไม่รู้หรอก...ไม่มีเวลาคิด รู้แต่ว่าตอนนี้ตัวเองทำอะไรและคิดอะไรง่ายๆตามประสาคนเมาทั้งนั้น นี่ผมเปิดทางให้ไดอีกแล้วเหรอ…

ก็เอ่อสิวะมึง!...ตอบและด่าตัวเองเสร็จสรรพ

ได้ผลครับ...ไอ้คุณพี่ไดงี้แทบจะปรือตาขึ้นมามองผมอีกรอบ...ตามันงี้ฉ่ำเยิ้มไปหมด คงจะตีกันมั่วทั้งฤทธิ์เหล้าและแรงหื่นแหละครับ...

“ ก็... กลัวม่าเกลียด”ไดมันยืนมือมาลูบใบหน้าผมเล่นสายตาหยาดเยิ้มมากจนสามารถเรียกความกระดากอายของผมขึ้นมาได้ล่ะครับ

“ ชั้นไม่เคยแสดงออกว่าเกลียดนี่”…หอยจริงๆเลยกู...แม่งเหล้าเข้าปากทีไรใจเงี้ยง่ายทุกทีเลยครับ

“งั้นจูบหน่อยสิ ม่าคุง...จูบให้ฉันมั่นใจหน่อย...”ในเวลาปกติผมกับไดคงไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้แน่ๆ และผมก็ไม่นึกโกรธไดคุงอย่างที่ควรจะเป็นด้วย

ปลายนิ้วมือของผมมันลูบไล้ใบหน้าของไดเล่นช้าๆ...หน้าหล่อๆของมันทำให้ผมอยากจะกรี๊ดๆๆ อยากเอาไม้ทุบหัวแล้วลากมันทำผัวซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยครับ...สายตาหวานซึ้งของไดมันก็ทำเอาผมใจอ่อนไปหมด มือไม้มันมาหยุดที่ เรียวปากสวยของไดตั้งแต่เมื่อไหร่ผมยังไม่รู้ตัวเลย


อยากตีมือตัวเองจังครับ...ซนไม่เข้าเรื่องเลยอะ...ริมฝีปากไดมันนุ่มนิ่มมาก

“ดะ...ได คืออ ชั้น” กลายเป็นตะกุกตะกักขึ้นทันใด ความรู้สึกที่มีให้ไดมันท่วมท้นออกมาจนเกินยับยั้ง อยากตะโกนใส่หน้าไดถึงความในใจที่มีให้เขารับรู้ เค้าไม่รู้เลยหรือว่าผมก็อดใจมากแค่ไหนเหมือนกัน สายตาผมมันคงจะฟ้องออกมาหมดแล้วล่ะครับ เพียงแต่ไดคุงจะรู้ความหมายของมันหรือเปล่าก็เท่านั้น

ผมมองริมฝีปากเชิญชวนนั้นอย่างหลงใหล ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผลอเลียปากตัวเองตาม

และแล้วเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ผมทำได้ทุกอย่าง

ใบหน้านี้อยู่แค่เอื้อมมือถึง ริมฝีปากนั้นก็อยู่แค่จะเอื้อมสัมผัส

ค่อยๆโน้มใบหน้าลงประกบปากกับริมฝีปากสวยของได ไล้เลียจูบซับความหวานจากเรียวปากไปเรื่อยๆ ส่งปลายลิ้นผ่านเข้าไปช้าๆ ควานหาความหวานนุ่มล้ำลึกนั้นอย่างอดใจไม่ไหว ไดปล่อยให้ผมจูบดูดดื่มอยู่เนิ่นนานแล้วจึงแย่ปลายลิ้นยอกล้อกับเรียวลิ้นของผมบ้าง อา... ไม่ไหวแล้ว รสจูบของไดร้อนแรงขึ้นไปทุกที

“ฮื้อดะ ได พอ ๆ ก่อน” ผมร้องอู้อี้บอกพลางเอามือผลักอกไดเบาๆ ดันหน้าหนีออกมาได้

“ คาสุม่า” ไดยังคงเรียกเหมือนเพ้อแต่ก็ยอมให้ผม เปลี่ยนมาพลิกผมลงนอนข้างๆเขาแล้วกอดเอาไว้แทน

ไดคุงเมามากกว่าผมนัก ที่พูดออกมาเมื่อกี้อาจจะแค่เพ้อ... พอถึงวันพรุ่งนี้เขาอาจจะลืม จำไม่ได้ แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ไดเพ้อออกมานั้นมันจะเชื่อได้แค่ไหนด้วย ถ้าไม่เพราะเมาทั้งผมและไดจะกล้าทำอย่างนี้กันไหม ...?

“ ชั้นเชื่อไดได้แค่ไหนนะ”แอบถามออกมาที่หน้าอกรู้ว่าไดคงไม่ได้ยินแน่..ค่อยๆงัดตัวเองออกมาจากวงแขนที่รัดแน่นของได ย่องเข้าห้องน้ำก่อนครับ...ไม่ไหวแล้วจะรด!

ยืนมึนอยู่นานจนต้องเอาตัวเองวิ่งผ่านน้ำเย็นๆให้หัวมันโล่งขึ้นแล้วผมก็ปากสั่นคางสั่นวิ่งออกจากห้องน้ำ คงไม่มีคนดีๆที่ไหนเขาอาบน้ำเย็นเฉียบในอุณภูมิ เจ็ดแปดองศาหรอกครับ

ผมอยากจะวิ่งเข้าไปมุดตัวไดด้วยสภาพนี้ชะมัด กร๊าซซ มันคงจั๊กกระเดียมเข้าในถึงเซียงจี้นะครับ...แค่คิดเท่านั้นแหละครับ...ผมคว้าเอาเสื้อตัวใหญ่ๆของดายและกางเกงตัวโปรดของผมมาสวมแล้วก็จัดการมุดเอาตัวเองไปอยู่ในวงแขนไดคุงมันอีกรอบ...ไดมันก็เหมือนจะรู้อะครับ...วงแขนยาวๆเอื้อมกอดตอบผมทันทีเลย

“ฮือ” ไดครางในลำคอแล้วก็มุดหน้าลงมาซุกอยู่ที่ซอกคอผมบ้าง มันหลับสนิทไปแล้วฮะ ทิ้งปริศนาปล่อยให้ผมคิดไม่ตกอยู่คนเดียว นี่ขนาดเอาน้ำเย็นๆราดหัวแล้วนะ..แล้วผมก็ได้แต่เฝ้ามองใบหน้าคมด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจ  ความเมาเมื่อกี้หายไปมากกว่าครึ่ง กางแขนสวดกอดคนตัวโตหัวแดงของผมไว้เต็มอ้อมอก อ่า ...พรุ่งนี้ไดคงจะลืมแน่ๆ ถ้าไม่เมาจนเพ้อก็คงจะดีนะครับ.

To be continue...



หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-08-2007 19:11:42
One man story 5

 

โทรศัพท์ใครดังวะ? ....

เมื่อไหร่มันจะรับซักทีหว่า ?...

เพลงคิกขุอาโนเนะแบบนี้ไม่ใช่ของกรู ? ...

เสียงโทรศัพท์ใครดังวะ น่าหนวกหูชะมัด ? ...

รำคาญๆ ๆ หนวกหูๆ ๆ แม่งคนจะหลับจะนอนดังอยู่ได้!


“เว้ย! เฮ้ย! ใครก็ได้รับโทรศัพท์ซักทีซิวะ” และแล้วความอดทนของ 1 ใน 4 ก็หมดลง เสียงนรกนั้นมันทั้งดังและเรียกเข้ามาติด ๆ กัน มันก็ต้องได้ยินกันหมดนี่แหละ แต่เพราะความง่วงผสมความมึนปนความเอื่อยเฉื่อยไม่อยากรับรู้ ...หรืออีกนัยหนึ่งก็ขี้เกียจนั่นแหละ เลยทำให้ไม่มีใครขยันพอที่จะกระเดียดตัวออกจากผ้าห่มอุ่นๆ ขึ้นมาต้อนรับพญายม แต่ละคนก็ได้แต่คอยเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไหร่เสียงนรกนั้นมันจะหยุดลงซักที


“ เรียวของนายน่ะไปรับสิ” คนที่ดูจะหงุดหงิดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเฮียไคย์ ทั้งๆ ที่ตาปิดอยู่แท้ ๆ แต่หน้างี้บูดอย่างกับตูด เอาแขนดันๆ ผลักๆ พี่เรียวให้ไปรับโทรศัพท์ท่าเดียว


“หือ!... กวนน่านายก็ไปรับสิ ไม่ใช่ของชั้นซักหน่อย” พี่เรียวก็ใช่ย่อยเอาหมอนปิดหน้าปิดหูแล้วก็มุดหน้ากับฟูก ...นอนมันต่อปายยยย

ส่วนไอ้คนพูด (แหะ ๆ ๆ ผมเองครับ คาสุม่า ครับ) กับไดสุเกะคุงนะเหรอ ผมก็ขี้เกียจอะนะ โทรศัพท์มันอยู่ไกลเกินที่จะเอื้อมมือถึงได้ ขี้เกียจลุกด้วย อีกอย่างก็ถูกขาหนักๆของไดคุงทั้งทับทั้งหนีบอยู่ แล้วไดคุงก็คงจะขี้เกียจเหมือนกัน และผมก็คิดว่าเค้าคงไม่อยากจะลุกออกจากตัวนิ่มๆหอมๆของผมด้วย ..แฮ่ๆๆนี่คิดเอาเองนะครับ

“ ก็ได้ๆ วะ! อย่าให้รู้ก็แล้วกันว่าของใคร”เฮียไคย์มันลุกขึ้นด้วยอารมณ์ของข้าวที่ค้างอยู่ในหม้อหลายวัน พาร่างเตี้ยๆ หัวยุ่งเหยิงชี้โด่ชี้เด่ ไปยังต้นเสียงที่ดังได้ดังดี อยู่แถวๆ วงเหล้าที่ก๊งกันเมื่อคืน ..อะนะ ไคย์มันอยู่ใกล้ที่สุดแล้วล่ะครับ

“ไม่ใช่โว้ย!” น่านประลัย! ปลายสายคงสะดุ้งโหยง

“มันกำลังจะตาย !!!” เสียงตะโกนโหวกเหวกคุยโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ที่กวนส้น ไคย์มันนี่เหลือเกินนะครับ คงคิดว่าเมื่อกูไม่ได้นอน พวกมึงก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นสุขแบบนี้งั้นสิ ตะโกนซะลั่น 3 บ้าน 8 บ้าน

“ก็เมากัน ฉลองให้คาสุม่ามัน”…พูดถึงผมด้วย

“อ้อ มันก็กำลังจะตายเหมือนกัน” เสียงแดกดันฟังคล้ายไม่พอใจ พูดอยู่กับใครวะ? แล้วใครกำลังจะตายอะ?

“ ก็โดนไอ้ไดสุเกะมันทั้งทับทั้งบี้อยู่” อ๊า ไอ้มะหมะ….. หมูไคย์หมายถึงผม เหรอ?

“เอ่อได้! รอเดี๋ยว!”

“ คาสุม่ามีคนจะคุยด้วย เอ้า! หนีบกันอยู่ได้ ซุกๆมันเข้าไป หน้าหนากันจังนะ บอกไอ้ตัวหนีบนายด้วย ตั้งเสียงเรียกเข้าได้ปัญญาอ่อนมากกกก………” ไอ้คุณเอียไคย์มึงนี่มันจริงๆ เลย ...มันยัดโทรศัพท์ใส่มือผมเฉย จากนั้นมันก็เดินไปนอนสลบต่อ แมร่ง!!!

ไอ้XXX ไคย์!!!...มันปล่อยร็อตไวเลอร์ในปากออกมากัดผมกับไดคุงอีกแล้ว

อะโทรศัพท์ของไดคุงอะครับ... แต่ดันจะคุยกับผมนี่หว่า... แล้วทำไมโทรเข้าเครื่องได ใครฟะ...?

“คาสุม่า ครับ”

[ว่าไงจ๊ะ ถูกบี้ตายยัง]... ท็อตจิ !!! โทรมาได้ไง

“ ไอ้บ้า!!!นายอยู่ไหน...?” หน้าของเพื่อนรักลอยอยู่เต็มหัว น้ำเสียงร่าเริงแจ่มใส ไม่บอกก็รู้ว่ามันกำลังยิ้มยิงเขี้ยวเก๋ ๆ ของมันใส่โทรศัพท์ ไปพลางเหล่สาวไปด้วยแน่ๆ...ไอ้นี่มันเจ้าชู้จะตาย

[ปารีส เป็นไงนายสบายดีไหม...?]

“ฮื้อ ๆ สบายดีแล้วนายเป็นไงมั้ง เมื่อไหร่จะกลับไม่รู้เหรอคิดถึงนายจะแย่แล้วนะโว้ย!” หยอดลูกอ้อนตบท้ายเข้าให้หน่อยก็คิดถึงมันจริง ๆ ผมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หายง่วงหายมึนเป็นปลิดทิ้ง หันไปดูไดคุงก็เห็นตื่นแล้วเหมือนกัน เอาขาออกจากเอวผมแล้วด้วย นอนลืมตาโพลงมองผมด้วยใบหน้าบู้... เอ่อ...มันเป็นไรของมันอีกล่ะวะนั้น...?

[สบายดีแล้ว นายอยู่กับไดสุเกะมันได้นะ]

“อื่มได้ดิ.. ก็ดี”

[ได้ข่าวว่ามีความสุขน่าดูเลยนี่...]

“ไอ้บ้า ความสุขอะไรเล้า!” เขินน่าดูเมื่อโดนท็อตจิมันแซว... แต่แล้วผมก็ต้องหุบยิ้มกระทันหันเลยล่ะครับเมื่อหันไปเจอสายตาพิฆาตของไดคุงเข้า...แม่งเล่นเอาหัวหดเลยครับไอ้พี่ไดนี่เวลามันทำหน้าดุทีไรหมาทั้งคอกของไอ้คุณเฮียไคย์ยังต้องยอมแพ้มันเลยครับ

กูไปทำอะไรให้ไอ้แดงมันโกรธอีกล่ะเนี้ย!

[ดีแล้ว จะได้หายห่วง]

"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่าชั้นดูแลตัวเองได้ เอ่อนี่ ท็อตจิชั้นได้งานทำแล้วนะ เล่นกีตาร์อยู่ในผับล่ะ เป็นไง...?”...ช่างหัวไดมันเถอะครับ ขอคุยกับไอ้จี้ให้หายคิดถึงหน่อยเถอะ...ผมหันไปสนใจเสียงเจี้ยแจ้วของไอ้จี้และยิ้มยิงฟันใส่โทรศัพท์เหมือนเดิม...เพื่อนเก่าเพื่อนแก่เขาจะคุยกันเว้ย!

[เจ๋งนี่ ดีใจด้วยแบบนี้ก็ไม่ต้องกลับเฮียวโงแล้วนะ]

“ก็ว่างั้น นี่แล้วนายล่ะ ไหนบอกว่าคิดถึงชั้น เมื่อไหร่จะกลับมาซักที”

[คงต้องเลื่อนไปสิ้นเดือนนู่นแล้วแหล่ะ พอดีงานมันยังไม่เสร็จก็เลยโทรมาบอกนายก่อน เดี๋ยวกลัวจะถูกนายแช่งชักหักกระดูดเอา]

“รู้ด้วยเหรอ”

[ได้ไงก็เพื่อนบังเกิดเกล้านี่หว่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ อุ้ย! คาสุม่าเค้ามาตามแล้ว ฉันต้องไปแล้วนะ ฝากความคิดถึงให้ทุกคนด้วย แล้วนายก็รักษาสุขภาพด้วยแหล่ะ เอาไว้จะโทรมาใหม่นะ]

“อืม เหมือนกันอย่าทำให้เป็นห่วงนักล่ะแกอะ หัดๆดูแลตัวเองซะบ้างนะท็อตจิ ดูแลตัวเองด้วย บาย บ่ายแก” เสียงโทรศัพท์จากท็อตจิตัดไปแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งอมยิ้มกับโทรศัพท์เครื่องจ้อยในมือ อย่างน้อยท็อตจิมันก็ยังคิดถึงและเป็นห่วงผมอะนะ

... อะแฮ่มๆ เสียงเทสต์เสียง เหมือนไมค์มีปัญหาของคนข้างๆ ดังขัดความคิดขึ้น ...ส้นตีนใครติดคอมันวะ...?

“บาทาติดคอเหรอครับคุณไดสุเกะ...?"

ไอ้คุณพี่ไดมันไม่ตอบครับ..หน้าตามันงี้หงิกอย่างกับมะเหงก

" แล้วเป็นไรตื่นมาก็หน้าหงิกเชียว...?"เอาดิ ถ้ามึงไม่ตอบ...กูก็จะไม่ถามมึงอีก..ไม่ต้องมาพูดกัน

“ไปอี๋อ๋อกันห่างๆ ไม่ได้เหรอคนจะหลับ” ดูมัน...มึงงอนกูหรือนี่ไอ้คุณพี่ได..พูดเสร็จก็นอนหันหลังให้กูอีก... เป็นอะไรอีกละนั่น พอผมลองเอามือสะกิดๆ ที่สีข้างก็ไม่หันมามอง ไม่พูดด้วยเฉยเลยเป็นอะไรของมรึงงงง...หรือมันจะงอนจริงๆ...

“ไปทำกับข้าวดีกว่า”

“เสร็จแล้วอย่าลืมเรียกด้วย”  น้ำเสียงคล้ายน้อยใจเล็ดลอดออกจากโปงผ้าห่มให้ได้ยิน ผมพยักหน้ากับตัวเองงง ๆ แล้วผมก็ลุกออกจากเตียงไป เก็บกวาดขวดเหล้าขวดเบียร์ และทำกับข้าวต่อปล่อยให้พวกเมาค้างแข่งกันกรนต่อไป ง่วนอยู่ในครัวจนลืมเรื่องเมื่อคืนไปเสียสนิท ถ้าไดกับไคย์หายมึน แล้วตื่นขึ้นมาผมจะทำหน้ายังไงอะ แต่ว่าจากท่าทางเมื่อกี้ของทั้ง 2 น่าจะจำอะไรไม่ได้ สาธุ!!ขอให้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหอะ ไอ้เฉพาะไดคุงไม่เท่าไหร่หรอก ผมอยากให้ไดคุงมันจำได้ด้วยซ้ำ ความรู้สึกจะได้ไม่คาราคาซังแบบนี้ แต่เฮียไคย์นี่ผมไม่รู้จะบอกกับเขายังไงดี การจะปฏิเสธอะไรนี้มันยากกว่าตอบรับอีกนะครับ


และแล้วก็เป็นไปตามที่คิด ทั้งไดคุงและไคย์ไม่ได้เอ่ยอะไร เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน คุยกันแต่เรื่องอื่น กินข้าวเสร็จต่างคนต่างก็แยกย้ายตัวใครตัวมัน ไดคุงไม่พูดกับผมอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็หายกลับมาเป็นปกติ เค้าไม่คุยเรื่องเมื่อคืน แล้วผมก็ไม่อยากรื้อฟื้น ก็เลยปล่อยเลยตามเลย

ช่างหัวมันเถอะครับ...ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต จะผลีผลามใจร้อนด่วนตัดสินใจไปทำไม...ให้เวลาได้ศึกษากันให้มากกว่านี้ดีกว่าครับ

..............................
............................................
................................................
... ...  ...  ... 

ทุก ๆวันผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ ทำงาน3 ทุ่มถึงตี 2 แล้วก็ตื่นประมาณเที่ยงวัน ลุกขึ้นมาทำกับข้าว ทำความสะอาดห้อง วันดีคืนดี ก็ได้ไปเที่ยวกับไดหรือไม่ก็ไปคลุกอยู่ที่ทำงานของไดไปฟังเรื่องจี้ๆ จากเฮียไคย์ให้ไอ้คุณเฮียไคย์มันแกล้ง ไม่ก็ฝึกบริหารปากเล่น ก็สนุกดีครับ ชีวิตมีสีสันขึ้นมาบ้าง พอตกกลางคืน ผมก็ได้อิงแอบซุกซบกับอกกว้างของไดคุงนอนฟังเสียงหัวใจเขา ยิ่งใกล้ชิดไดคุงมัน ผมก็บอกตัวเองได้เลยล่ะครับว่ายิ่งพาตัวเองถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกที่มีให้เขามันรุนแรงขึ้นจนคับอกอยากบอกแต่ก็ไม่กล้า กลัวเจ็บครับในเมื่อไดสุเกะคุงเขาก็ไม่เห็นพูดอะไร ต่างคนต่างก็รู้สึกคลุมเครือ คงยังไม่เข้าใจตัวเอง และยังไม่มั่นใจกระมัง...

..........................................................

คืนนี้ผมออกมาทำงานคนเดียวไม่ได้ติดรถไดสุเกะคุงมาเหมือนปกติ เพราะวงของไดคุงจะหยุดทุก 2 วันต่ออาทิตย์ แต่ผมก็มีคนมารับนะครับ เฮียไคย์มันโทรเข้ามาบอกว่าจะเข้ามาดื่มข้างในร้าน แล้วเดี๋ยวพอเลิกจะแวะไปส่งให้ เฮียไคย์มันก็ยังเหมือนเดิมบ้าๆบอๆ ปากจัด ด่าเก่ง อ๊ะเข้าตัวเองหรือเปล่านะ...?  หมั่นมาหาและโทรมาคุยเป็นประจำ ถ้ามีพี่ชายแบบไคย์นี่คงจะดีนะครับ...ผมฝันอยากมีพี่ชายหรือไม่ก็พี่สาวที่อายุห่างๆกันมานาน...

ขอเท้าความถึงพี่น้องตัวเองนิดหนึ่งนะครับ...คือแฮ่ๆๆ อยากเล่าอะคร๊าบบบบ

ผมเป็นคนรองครับแต่ว่าคนพี่ของผมน่ะมันก็อายุเท่าผมแหละ เป็นฝาแผดกันที่นิสัยแมร่ง55+ ไม่อยากจะด่าตัวเองครับ...สุดตีนพอๆกัน...จะผิดกันก็ตรงที่ความหน้าตาดีเท่านั้น ไอ้คาสุยะมันจะน้อยกว่าผมไปประมาณเส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้นครับ(พูดให้งงกันอีกล่ะ...)

แต่ความเหี้ยและความสาด...ผมยกให้มันคนเดียวเลย...55+ ได้ทีขอเผามันหน่อยยย ..ก็คิดถึงมันตามประสาพี่น้องท้องเดียวกันครับ มันไม่ได้ปัย...แล้วแบบผมนะครับ อันนี้รับประกันได้เพราะว่ามันน่ะแมน And เจ้าชู้โคตรๆ...เปลี่ยนผู้หญิงทีเหมือนเปลี่ยนถุงยางอนามัย...สังเกตุได้จากกล่องถุงยางที่ไม่ซ้ำยี่ห้อไม่ซ้ำกลิ่นบนห้องนอนมัน...แต่มันก็ดีอย่างนะครับที่มันก็เลือกคบทีละคน ไม่ได้มั่วซะจนจำไม่ได้ใครเป็นใคร...ผมเคยถูกอดีตแฟนมันหลายคนทั้งเชิ่ดทั้งด่าใส่บ่อยจะตายไป มันกระล่อน ปลิ้นปล้อน เหล้า บุหรี่ หอย จิ้นและอะไรที่ไม่ดีๆทั้งหลาย มันผ่านและทดลองมาแล้วแทบจะทั้งสิ้นครบคุณสมบัติเลวจริงๆครับ แต่มันไม่ได้ติดนะครับ มันแค่ลองไว้เป็นครูเท่านั้น(มันบอกว่าอย่างนั้น)ยกเว้นบุหรี่ที่แม่งควักขึ้นมาสูบแทบจะมือหงิก มันจะรู้ถ้ามันมาพร้อมกับบุหรี่ที่คาบไว้อยู่ในมือหรือไม่ก็ในปากเฉียดมาใกล้ๆผมเมื่อไหร่ละก็...เราจะเล่นปวยปล้ำกันทุกที...

คาสุยะมันชอบแกล้งผมครับ มันจะหวงผมทุกครั้งเวลาที่เพื่อนเลวๆของมันมาเที่ยวบ้าน  ทุกคนจะพาลเข้าใจผิดทุกที เพราะความหน้าหวานด้วยกันทั้งคู่ คาสุยะมันไม่ชอบนะครับที่หน้าตามันเป็นแบบนั้น มันเล่นฟิตเน็ตออกกำลังกายจนมันบึกบึนและแมนกว่าผมมาก ผมมันก็ตัดสั้นๆไว้จอนหน่อยๆไว้หนวดด้วย ซึ้งทั้งหมดที่ผมกล่าวมานั้นมันต่างจากผมโดยสิ้นเชิง ...ผมไม่เคยปล่อยให้หนวดแม้ซักเส้นโผล่พ้นออกมาจากผิวหน้า...ผมนี่ก็ปล่อยจนยาวลงมาเลยบ่าเล็กน้อย...ทำสีด้วยนะครับล่อมันซะสีม่วงเชียว..แสบดี...ผมชอบ เชื่อมั้ยครับคาสุยะมันไม่เคยว่าให้ผมที่เป็นแบบนี้ซักครั้ง ผมรักมันก็ตรงนี้แหละครับ.55+ มันบอกว่ามึงเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว...กูอยากมีน้องสาว...55+ ดูมัน ...คิดถึงมันครับอยากให้มันขึ้นมาอยู่ด้วยผมกับมันไม่เคยห่างกันไกลๆซักครั้ง เป็นแฝดที่ต่างกันสุดขั้วแต่ว่าไม่เคยจากกันเลยครับ


ส่วนน้องชายคนสุดท้อง...คาสุโตะคุง...ไอ้นี่มันจะหน้าแมนกว่าผมกับคาสุยะเพราะตามันไม่เหมือนพวกผม คาสุโตะจะได้ตาเหมือนพ่อครับ ของพวกผมจะเหมือนแม่ที่โตและขนตายาวงอนกว่า จมูกมันก็โด่งมาก สูงกว่าพวกผมด้วย สรุปมันหล่อกว่า55+ ตอนนี้เรียนวิศวะกรรมสาขาเครื่องยนต์อยู่ปี3 ครับ...สงสารคาสุโตะมันเรียนไกลครับ ต้องไปเรียนที่ฮ็อกไกโดนู่นแน่ะ อยู่หอพัก นานๆทีถึงจะกลับบ้านครั้ง

ถ้าได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าสามคน พวกเราจะเสียงดังมากประมาณว่าที่บ้านกำลังเปิดคาโอเกะอยู่ยังไงยังนั้น...พวกเราเป็นพี่น้องที่ชอบทำอะไรด้วยกัน เล่นเกมส์ แข่งรถ ฟันดาบ ทำกับข้าว เล่นดนตรี  และสารพัดกิจกรรมที่สรรหากันมาทำมันจะสนุกและครึกครื้นมากๆที่ได้อยู่ร่วมกันครับ

ผมยิ้มอย่างเป็นสุขที่ได้นึกถึงพวกมัน...จนอยากกลับบ้านขึ้นมาแล้วล่ะครับ


เฮียไคย์มันว่าผมบ้า นั่งยิ้มคนเดียวก็ได้555+ มันดันมาเห็นผมเข้าตอนที่คิดเพลินครับ ไคย์มันมารับพอดี

ผมให้ไคย์จอดรถส่งแค่หน้าตึกแล้วก็ไล่ให้กลับไป ไม่ไหวครับอยู่กับไคย์นาน ๆ แล้วปวดหัวประสาทจะกินตาย จ้อได้ไม่หยุดตอนเล็กๆ สงสัยพ่อแม่มันจะเอาไก่จิกปาก พอโตขึ้นถึงได้เป็นแบบนี้ ผมไขกุญแจเปิดประตูห้อง อะไฟสว่างอยู่แสดงว่าไดสุเกะคุงยังไม่นอน รอผมอยู่หรือเปล่านะ

......................................
.........................
............
“จะทำอะไรน่ะ” เสียงไดคุยกับใครอยู่ในห้องไม่รู้ครับ

“ก็คิดถึงนี่หน่า ขอหอมหน่อยน้า” ใจผมกระตุกวูบเสียงผู้หญิง! หายใจไม่ทั่วท้องเอาซะเลย...

ตีนมันเสือกเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปเห็นช๊อตเด็ดเข้าเต็มตาพอดี

อ่า!!! อะไรกัน บ้าที่สุด!!!

หญิงสาวผมยาวหน้าตาดีนั่งอยู่บนตักไอ้ไดที่เก้าอี้กินข้าว หอมแก้มไอ้คุณพี่ไดดังฟอดใหญ่

“ทำอะไรแบบนี้เล่า!” ท่าทางที่ว่าดูไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่แถมมันยังดูเขินๆอีก...ตัวผมแข็งเป็นหินไปแล้วล่ะครับ ไม่สามารถละสายตาออกมาจากคนทั้งคู่ได้เลย...

แล้วทั้งสองก็หันมาเห็นผมเข้าพอดี

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

(พวกมึงจะหันมาทำไม จูบเย้ยกูไปเลยดิ!!!!)

ช็อค!!! ยิ่งกว่าโดนผีหลอกขาแข้งแข็งเป็นตะคริวขึ้นมา

เอายังไงดีคาสุม่า ผมเข้ามาขัดจังหวะของพวกเขาหรือเปล่า ถึงได้ผละลุกออกจากกันแบบนั้น ใบหน้าไอ้คุณพี่ไดมันถึงได้ซีดเผือดดูตกใจแบบนั้น...ใครก็ได้ช่วยเคาะกระโหลกผมที ไม่เข้าใจ มันคืออะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้...ไม่เข้าใจ!...ไม่อยากเข้าใจ! ...ไม่รู้!...ไม่อยากรู้เว้ย!


“ คา... คาสุม่า ไม่มีอะไรหรอกนะ คะ...คือ” ไดรีบร้องบอกหน้าตาตื่น... แล้วหลังจากนั้นสมองผมมันก็ไม่ซึมซับประโยคต่อไปของไดคุงอีกเลย

ไม่สนใจแล้วจะให้ฟัง..จะให้ผมดูอะไรอีก

“ โอ๊ะโอ... นี่เหรอเด็กใหม่ ชั้นไม่อยู่แค่ไม่กี่อาทิตย์ ก็มาหาถึงห้องเลย...”

ใบหน้ามันชาไปทั้งแถบ...คำพูดของผู้หญิงคนนี้มันหมายความว่ายังไง ผมเบลอไปหมดเหมือนถูกชกหน้าเข้าเต็มๆ สีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของไดคุงนั้นอีก มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ไม่ไหวแล้วขืนยืนอยู่แบบนี้ ผมต้องทำอะไรที่แย่ๆ ออกไปแน่นอน...ผมรู้ตัวเองดี

“เอ่อไม่มีอะไร ขอโทษนะ เข้าห้องผิดน่ะ” ...ถึงจะโกหกไม่เนียน แต่ผมก็พาตัวเองออกมายืนอยู่หน้าห้องได้สำเร็จ

ไดคุงทำท่าจะวิ่งตามออกมาแต่ถูกผู้หญิงคนนั้นดึงแขนไว้ก่อน งี่เง่าๆที่สุด เหมือนในมิวสิควีดิโอน้ำเน่าที่ผมเคยดู ทำไมตัวเองต้องมาเจอเรื่องน้ำเน่าแบบนี้ด้วยนะ ผมเดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้อง สมองมันรวน คิดอะไรไม่ออกเอาดื้อๆ แต่แล้วจู่ๆ หน้ากลมๆ แป้นๆ ของเฮียไคย์มันก็แว่บเข้าหัวมา ผมรีบกดโทรศัพท์หาไคย์แทบจะทันที

ไอ้เตี้ยแม่งทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ! ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมซักทีโธ่ ! ไอ้เตี้ยมัวทำอะไรอยู่ รับซักทีซิวะ!


“ไอ้เตี้ยไคย์ทำไมรับโทรศัพท์ช้านักวะ!” ทันทีทีปลายสายกดรับ อารมณ์ที่ประทุขึ้นก็ถูกปล่อยออกมาเป็นชุด

[โทษทีติดสายอยู่ แล้วเป็นไรไปกินรังต่อที่ไหนมา]

“เอ่อน่า ที่ไหนก็ช่าง!”

[ อ้าวว่ะไอ้เชี้ยม่า! กูถามดีๆ แล้วนะ มีอะไรว่ามามึง?]

“ คือ...เอ่อ..มัน.."

[ บ๊ะ! ไอ้นี่เม็นไม่มาหรือไง? อ้ำอึ้งอยู่ได้!]

"ไคย์...คือ...ชะ..ชั้น”

[มันอะไรหือ...?มันมีอะไร คือๆอยู่นั้นแหละ ... มีอะไรหรือจ๊ะ หรือว่าคิดถึงจนทนไม่ไหว ร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็นโทรมาหากู]

แมร่งมันขึ้นกูมึงกับผมหลายประโยคแล้วนะ...ผมจะสุภาพกับมันต่อดีมั้ย..?

.................
............................
หัวข้อ: Re: One man story 9,10
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-08-2007 19:16:33
……
[คาสุม่าๆ ๆ] แล้วผมโทร ไปหาไคย์มันทำไม จะบอกเรื่องนี้กับไคย์งั้นเหรอ

[เฮ้! คาสุม่าใบ้แดกเหรอเป็นอะไรหรือเปล่า คาสุม่า!?]

“คะไคย์นายอยู่ไหน..?”

[ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ]

“มะ มารับหน่อยไคย์... มารับฉันที”เข่าผมอ่อนไปเฉยๆแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น

[คาสุม่าเป็นอะไรไป! มีอะไรคาสุม่า!?}

...........................

“ไม่เป็นไรฉันคิดถึงนาย คิดถึงนายมากมั่ง”


[เพี้ยนแล้วไอ้เชี้ยม่า! ]

"เหรอ ไม่รู้ตัวเลยว่ะไคย์"ดูเหมือนจะตลกแต่ทำไมผมกลับหัวเราะไม่ออก

[เอ่อ!นึกถึงหน้ากูไว้แล้วกันไหนๆก็จะเพี้ยนแล้ว. รออยู่นั้นนะ กูจะรีบใส่ตีนผีไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ]

ไคย์ตัดสายไปแล้ว ผมเงยหน้ามองหน้าต่างที่ห้องของได..รู้สึกมันเหมือนหนังอิ้นดี้เรื่องหนึ่งที่ผมพึ่งจะดูมาเมื่อสามวันก่อน เห็นไฟยังสว่างอยู่ ป่านนี้บนห้องนั้น ไดคุงกับผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรกันอยู่ นี่นะเหรอแฟนสาวของไดสุเกะคุง ทำไมถึงได้โง่แบบนี้ ไดคุงเค้าไม่เคยเล่าให้ฟัง แล้วผมก็ไม่เคยถาม ลืมปัญหาค้างคาใจไปเสียสนิท

ภาพไดคุงถูกหอมแก้มยังติดตา ผมไม่ชอบให้ตัวเองรู้สึกอย่างนี้เลย...ไม่พอใจ ทำไมถึงต้องโกรธให้ตายเถอะคาสุม่ามีสติหน่อยซิ! เป็นอะไรไปเล้า เค้าไม่ลงมาตาม ไม่โทรมาหา มัวทำอะไรอยู่ เค้าไม่ห่วงผมเลยหรือไง...?


คงจะลืมผมไปแล้วมีแฟนอยู่ด้วยทั้งคน เค้าจะมานึกถึงผมไปทำไม เสียงกดแตรรถดังลั่น พร้อมกับไฟสว่างจ้าส่องหน้า


“ไอ้ม่าแมร่งเป็นเหี้ยอะไรของมึง! แล้วทำไมมานั่งตากลมตากยุง บริจาคเลือดอยู่อย่างนี้ด้วยวะ..เลือดมากนักไง...?” ไคย์คุงวิ่งพรวดมาเขย่าตัว แต่ผมไม่รู้สึก เอาแต่นั่งชันเข่าอยู่ที่บันไดขึ้นตึก

“ไม่ตลกนะมึง เหมอแบบนี้เรียกกูมาแล้วก็ไม่พูดไม่จา...มึงเป็นไร?”

“ไคย์ๆ ฉัน ๆ …..” พูด ไม่ได้ จะบอกไคย์ว่าโกรธหรืออะไรกันแน่ ทำไมถึงเจ็บที่หน้าอกด้วย

“คาสุม่าบอกมาซิโว้ย!...ไม่บอกกูจะรู้ได้ไง ไปขึ้นไปคุยกันข้างในห้อง!!!”

“ไม่! ไปไม่ได้!!!” ผมดึงเฮียไคย์มันเกือบถลาตกบันไดเมื่อถูกไคย์มันลากแขนจะไปที่บนห้องลูกเดียว

“ทำไมวะ!?” ไคย์มันหันมาทำหน้าหงุดหงิดเกาหัวแควก ๆ

“ฉัน...”

“เอาล่ะๆ ...ไอ้คาสุม่าใช่ว่ากูจะคุยดีๆกับมึงไม่เป็นนะ... ไหนบอกมาซิ เกิดอะไรขึ้น กูจะไม่ด่ามึง O.K. กูจะฟังอย่างเดียว มึงว่ามา!"

กูก็ไม่รู้ว่ากูเป็นอะไรเหมือนกัน...กูไม่รู้...ไม่รู้พอๆกับที่กูรู้ว่าทำไมกูต้องเสียใจที่เห็นอีผู้หญิงนั้นหอมแก้มไอ้ไดมัน

 "มีอะไรหือม่า...? ถึงทำให้นายเสียศูนย์มาแบบนี้”มือเล็กๆของไคย์ลูบลงบนหัวผมเบาๆ  มันเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกผมแล้ว..น้ำเสียงมันดูอ่อนโยนด้วย 

ไคย์ลงนั่งคู่กับผมที่บันได มันคงจะดูออกในความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผมแล้ว

“ไม่เป็นไรนะ ค่อย ๆ พูดฉันรอได้...” มันควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ อัดควันเข้าปอดแล้วนั่งเงียบ ๆ ไม่ด่าหรือว่าให้ผมอีก จะให้ผมบอกไคย์ว่ายังไงล่ะครับ ในเมื่อผมยังไม่รู้ตัวเองว่าเป็นอะไร ไอ้อาการแน่นหน้าอกจนอยากร้องไห้นี่อีก น้ำตาคลอเต็มเบ้าไม่ยอมไหล

......... เจ็บใจเสียใจอะไรกันคาสุม่า!

โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...กูจะกลับบ้าน!...กูคิดถึงไอ้คาสุยะ!...กูจะกลับไปให้มันปลอบ!

แฝดพี่ของผมมันจะต้องเข้าใจผมแน่ๆ..คาสุยะมันจะอยู่ข้างๆผมในเวลาแบบนี้เสมอ

“ไคย์…..ในห้อง...ดะ ...ไดอยู่กับผู้หญิง กอดกันอยู่ในห้อง ฮึก! …” ได้ยินเสียงตัวเองปล่อยโฮในที่สุด ยิ่งสะเทือนใจ คำพูดที่บอกก็ไม่รู้จะเรียบเรียงยังไงให้ฟังดูดี ให้ไคย์รู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกแย่ หรือทำตัวงี่เง่าอะไร 

สายตาไคย์มันสายแววเจ็บขึ้นมาให้ผมได้เห็นอยู่แป็บ แต่ผมไม่ได้ฉุกคิดหรือมัวไปสนใจ

“ ไม่เป็นไรๆ คาสุม่า” มือเล็กๆของมันตบหลังผมเบาๆ...มันนิ่งมาก คงจะจุกที่อก หรือไม่ก็ไม่รู้จะปลอบผมยังไง

“ฮึก…..” ผมโผเข้าหาไคย์ น้ำตามากมายไหลออกมาไม่หยุด ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีอะไรทำให้ผมเสียใจได้ถึงเพียงนี้

ใครก็ได้ช่วยปลอบผมหน่อย ภาพนั้นทำร้ายจิตใจผมเหลือเกิน คำพูดประโยคนั้นก็ก้องอยู่ในหัวสลัดไม่หลุด ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ ไคย์ลูบหัวลูบหลังผมอยู่นานจนหายสะอื้น

“ ไปๆ ดูกันมั้ย...?”

“ฮือ ไม่ๆ เอาหรอก" ผมส่ายหน้าไม่ยอมสบตา แค่นี้ผมก็จะเป็นจะตาย

“นายไม่อยากรู้เหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ไม่จำเป็นแล้วไคย์ เค้าประกาศออกชัด

“จะดีเหรอ ฉันบอกว่าเข้าห้องผิดไป...?” แต่ก็อยากเจอได.. บางทีผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้..ผมยังพยายามหาข้ออ้างให้มันนะครับ..มันยังเป็นคนดีในสายตาผมอยู่...(กูปลอบใจกูได้สาดมั้ยไอ้ไดคุง..?กูโกหกตัวเองเพื่อมึงนะว้อย!...สงสารกูม้างดิ!)

“แล้วอยากขึ้นไปไหมล่ะ?” ไคย์บีบไหล่ผมแน่นไม่ยอมให้ผมหลบหน้าหลบตา น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันมาคลอรวมกันให้ขายขี้หน้า แล้วก็ร่วงลงมาอีกรอบ อายไคย์มันชะมัดเลยครับ พยักหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังไงดีไปกว่านี้อีก จะให้โกหกตัวเองทั้ง ๆ ที่อยากรู้อยากเห็นว่าข้างบนนั้นจะทำอะไรเป็นยังไงต่อ ทั้งๆ ที่ใจมันร้อนรน พุ่งพล่านหาอะไรดับไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่อยากถามอยากด่าไอ้ไดเหลือหลายว่าทำไมถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหอมแก้มหน้าตาเฉย

 แต่คิดๆดูแล้วผมจะมีสิทธิไปทำอะไรแบบนั้นกัน ถือสิทธิอะไรล่ะคาสุม่า...? นายมีสิทธิ์อะไร...ไม่ได้เป็นอะไรกับไดคุง ไม่มีอะไรกันซักหน่อย เพราะฉะนั้นมันคงไม่ผิดที่ไดคุงจะพาใครเข้าออกหรือทำอะไรในห้องก็ได้...

ไดมันคงไม่ผิด...

.................................

ละแล้วเหี้ยไคย์มันก็ลากผมขึ้นมาจนได้
ผมกับไคย์มาหยุดที่หน้าห้อง ไคย์มันหันมามองคล้ายกับจะย้ำถามความมั่นใจของผมว่าผมยังโอเคอยู่

“เอาล่ะ! นายรออยู่นี่แล้วกัน ฉันจะเข้าไปเอง” มันทำท่าจะเคาะประตูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ จับลูกบิดลองเปิดเข้าไปดู มันยังไม่ได้ล็อคสงสัยมัวทำอย่างอื่นกัน ทำไมชะล่าใจกันนักนะ ผมหลบอยู่ข้างๆ บานประตูไม่ได้เดินตามไคย์เข้าไป แต่ก็พอจะเห็นข้างในห้องได้

“ไดสุเกะเว้ย! ออกมาต้อนรับเสด็จเพื่อนหน่อยโว้ย! หายหัวไปทำอะไรอยู่” ผมยืนใจเต้นอยู่ข้างประตูที่เปิดแง้มอยู่ เห็นไดสุเกะคุงเดินจูงมือผู้หญิงคนนั้นออกมาจากห้องพลางทำหน้าเซ็ง ๆ

“ซายากะเมื่อไหร่จะกลับซักที”

“ทำไมพอมีคนใหม่มาหาก็ไล่เลยหรือ”

“หยุดเลยนะซายากะ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้อีก”

“จะทำ หนูมีสิทธิ์ คนหน้าสวยผมม่วงนั่นยังไม่พอ ยังจะมีตัวเล็กๆ คนนี้อีกคนเหรอ”
 
“ไอ้ไดสุเกะ นี่มันอะไรกัน” เคียวทำหน้างงเต็กใบ้แดกสนิทที่ถูกชี้หน้าชี้ตา...มันยังไม่เก็ทอีกครับ

“จะอะไรซะอีก ชั้นซายากะเป็นแฟนไดสุเกะคุง แค่ชั้นไม่อยู่สามสี่อาทิตย์ ก็มีแต่หน้าใหม่ ๆ มาหา บอกมาซิยังมีอยู่ที่ไหนอีก?”

“ เฮ้ย !!!ไอ้ไดสุเกะ”

“โธ่โว้ย!!! หยุดนะ ซายากะ” ไดคุงท่าทางหงุดหงิดหัวเสีย...อะไรมันไม่ชอบเหรอ...?

ช่างแม่งมัน...ในหัวผมไม่รับรู้ความรู้สึกดีๆของมันอีกต่อไปแล้ว...มันจะเป็นแมร่งไรช่างป๊ะมัน

ตะ...แต่จริงเหรอได ที่ผู้หญิงชื่อซายากะนั้นพูดจริงน่ะจริงๆเหรอ...? น้ำตาไหลลงมาอีกระลอก

ปัญญาอ่อน งี่เง่าอะไรอย่างนี้ไอ้คาสุม่า...ทำไมมึงโง่แบบนี้!!!!

สะเทือนใจกับคำพูดที่กระแทกหูอย่างจัง เสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่สนหน้าอิฐหน้าปูนหน้าไหนทั้งสิ้นวิ่งผ่าคนทั้งสาม แล้วตรงเข้าผลักที่หน้าอกไดอย่างไม่พอใจก่อนที่กำปั้นของตัวเองจะประเคนลงบนหน้าไอ้ไดมันไปเต็มแรง

“ ไอ้บ้าๆบ้าที่สุด!!!” มองหน้าไดคุงทั้งน้ำตา ไม่เข้าใจสายตาที่เจ็บปวดของไดมันหรอก! ไม่ต้องมามองผมแบบนั้นแล้ว!!

ผมสะหลัดแขนให้หลุดจากมือมันพลางสะบัดมือตบหน้ามันไปอีกครั้ง

"ขอโทษนะ...แลกกันกับน้ำตางี่เง่านี่...เจ็บชะมัดเลยวะ!!!"ผมสะบัดหน้าหนีทันทีที่พูดจบพลางดึงแขนเอี้ยไคย์ที่ยืนมองการกระทำของผมตาค้างติดมือมาด้วย

“ไอ้นี่ก็บ้า ก็บอกแล้วเข้าห้องผิด ฮึก!…..” ร้องไปเหอะ สะอื้นไปเหอะ...คงไม่มีอะไรให้ขายขี้หน้ามากไปกว่านี้อีกแล้ว...น่าสังเวชตัวเองชะมัด!
รู้สึกทุเรศตัวเองจังเลยครับ

“คาสุม่าๆๆ อย่าเพิ่งไปเดี๋ยวก่อน” ไม่ฟังแล้วไดจะให้ชั้นอยู่ฟังอะไรอีก... แค่นี้ก็เจ็บจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ...ก็ในเมื่อผู้หญิงชื่อซายากะนั้นพูดชัดทุกถ้อยทุกคำ...จะให้ชั้นอยู่ฟังอะไรอีก...

........................................
...........................................




“คาสุม่าๆ stop ๆๆ หยุดๆๆ เว้ยเฮ้ย!+++ ไอ้ม่าหยุดโว้ย!!มึงจะพากูวิ่งไปถึงไหน ถึงรถแล้วนะว้อย!!!...เหี้ย! เหนื่อยชิบหาย!!"

“ไคย์ ฮึก! … ก็กู..บะ..บอกแล้วไอ้บ้าไดมัน...ทำไม!ๆ ๆ ๆ ๆ!” ผมเอากำปั้นทุบฝากระโปรงรถไคย์ใหญ่ เจ็บใจที่สุด!!

“ไปเถอะวะคาสุม่า..รถบุบหมดแล้ว เดี๋ยวหาอะไรมาให้ต่อยแทนหน้าไอ้ไดสุเกะมันดีกว่า” เฮียไคย์มันส่ายหน้าลากเอาร่างที่แทบไม่รับรู้อะไรของผมขึ้นรถไปทั้งอย่างนั้น

ในตอนนี้ผมอับจนด้วยคำพูดและความคิด...ในหัวมีแต่คำถามมากมาย...ทำไมและก็ทำไม เพราะอะไร...ผมเป็นเพียงไอ้บื้อไอ้โง่ตัวหนึ่งที่ไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของไดสุเกะ...เป็นไอ้งั่งตัวหนึ่งที่ปล่อยให้มันชักจูง

ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์สามารถสร้างความรู้สึกดีๆมากมายเกี่ยวกับไดมันขึ้นมาได้...แต่แล้วไอ้ความรู้สึกเหล่านั้น...มาบัดนี้ทำไมมันไม่ได้ช่วยฉุดรั้งให้ผมมองมันในแง่ดีขึ้นมาได้บ้างเลย...เหตุและผลและการกระทำมันทำให้ผมมองไดมันไปในทางลบจนหมด

หมดแล้วความอบอุ่น
หมดแล้วอ้อมอกที่แข็งแกร่ง
หมดแล้วกลิ่นกายที่ผมหลงใหล
หมดแล้วอ้อมกอดที่กระชับ...ผมแน่นทุกคืน มันจะไม่มีอีกต่อไป

แมร่งโง่ชิหาย!...มึงจะมัวมาเพ้อถึงมันอีกทำมายยยยยยย
ไอ้โง่เอ้ย!!!...ไปนอนกอดผัวคนอื่นอยู่ได้ทุกวัน..มึงไม่ละอายม้างงายยยยยย

ตีหัวชกอกตัวเองไปก็แค่นั้น...ผมนั่งร้องไห้ และก็ร้องไห้อย่างไม่อายต่อหน้าเฮียไคย์ ช่างหัวไคย์มัน...ผมยอมให้มันสมเพชคนเดียวครับในเวลานี้..คำด่าและความในใจมากมายถูกผมระบายออกมาหมดเปลือกให้พี่ชายฝาแฝดได้รับรู้ผ่านทางโทรศัพท์...ในเวลาแบบนี้ผมนึกถึงพี่คนเดียวครับ...ผมคร่ำครวญกับคาสุยะโดยที่มีเอียไคย์นั่งฟังอยู่ข้างๆ...คาสุยะมันไม่ยอมวางสายถึงแม้ในบ้างช่วงผมจะเอาแต่ร้องไห้ มันก็ยังรับฟังอยู่อีกฝั่งหนึ่งเงียบๆ ไม่มีซ้ำเติมหรือคำปลอบโยนตามสไตล์มัน..มันบอกมาแค่ว่า

...กูรู้ว่ามึงเข้มแข็ง...มึงเก่งจะตาย..เอางี้ วีคเอ็นนี้กูพักร้อนมีเวลาไปนั่งเล่นเกมส์กับมึงทั้งวัน...ถ้ากูแพ้มึงกูยอมอยู่โตเกียวกับมึงทิตย์หนึ่งเป็นไง...

ผมยิ้มทั้งน้ำตาไอ้คาสุยะมักจะทำให้ผมยิ้มได้เสมอเวลาที่ร้องไห้...มันเป็นห่วงผมจนนั่งไม่ติดอะดิ...ผมรู้ว่ามันเป็นห่วงผมมาก

ผมวางสายพี่ชายฝาแฝดไปในที่สุด...ไม่มีน้ำตาอีกแล้วครับ...มันแห้งไปแล้ว...ในใจยังไม่เรียบสนิทดีนัก..แต่ผมจะครองสติตั้งมั่นว่ากูควรตัดใจซะตั้งแต่เนิ่นๆ..ในตอนที่ยังไม่ถล่ำลึกมากไปกว่านี้...
.............................
กูจะตัดมึงให้ได้ไอ้ไดสุเกะ!!!
......................................................
......................................
............................
“ถึงแล้วครับคฤหาสน์น้อย ๆ ของชายไคย์ที่แสนจะอาภัพ ...ถึงมันจะไม่ค่อยกว้างขวางโอ่อ่า แต่ก็ยินดีต้อนรับเจ้าชายผู้เลอโฉมงดงามเป็นอย่างยิ่งคร๊าบบบ……” กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

ขำพรืดเลยครับ

แมร่งเฮียไคย์ดูมันพูดดิ แม่งสาดฉิบหายย... มันลากเสียงยาวเปิดประตูห้องแล้วผายมือเชิญให้ผมเดินเข้าไปในบ้านมัน

“ไอ้บ้า!!!” ผมด่าให้ ยิ้มทั้งน้ำตาเล็ดอดหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้ อย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็ยังมีไคย์คอยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ เขาไม่พูดอะไรระหว่างที่นั่งรถกันอยู่ ไม่ซ้ำเติมหรือหัวเราะเยาะ ปล่อยให้ผมได้ร้องไห้เงียบ ๆแล้วควบคุมความรู้สึกตามลำพัง

“เอ้า! ตามสบาย เลยนะคาสุม่า จะอยู่กับฉันเป็นปีก็ได้รับรองไม่มีสาวที่ไหนมาฉีกอกนาย” เฮียไคย์มันพูดดีๆกับผมแล้ว เรียกซะเพราะเชียว..ผมเผลอก้มหน้าลงต่ำเจ็บจิ๊ดขึ้นมาอีกแย้ว

“โอ๊ะ! โทษทีๆ มันพลั้งปากอย่าคิดมากน่าคาสุม่า ฉันไม่มีเจตนาพูดให้นายชีช้ำกระหล่ำดอกซักนิด”

“ไม่เป็นไรดอกไคย์”

“มานี่ๆ เลย นั่งกลุ้มอยู่ได้ มาทำให้หัวจิตหัวใจมันเย็นลงดีกว่าเฟ้ย!!!” เฮียไคย์มันไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยครับ พูดเสร็จไคย์มันก็ลากเอาผมไปตั้งวงเบียร์ทันทีเลยครับ
.............................
..................................
............................................

“คาสุม่า ถามอะไรหน่อยได้ไหม...?” เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆผมกับไคย์ก็เริ่มจะหมดสภาพ นั่งเอาหัวชนกันเอนไปมา

“ได้ๆ ๆ มีอะไรไคย์” ร่อแร่เอาการหัวเย็นลงไปอย่างที่ไคย์ว่าจริง ๆ ก็ซดเบียร์อย่างกับซดน้ำ ผมอยากให้มันดับความร้อนรุ่มในใจอะ...เลยยกซดทีเดียวแม่งหมดแก้วทุกที

“คาสุม่า ชอบไอ้ไดสุเกะมันมากเหรอ..?” เสียงเฮียไคย์ฟังดูก็รู้ว่าคงไม่ต่างจากผม ไม่งั้นคงไม่กล้าถามผมหรอกถ้าอยู่ในสภาพปกติ

“ฮ่าาาๆ ใครบอกมึง หน้าปัญญาอ่อน ลูกทุ่งบ้านนอก ห่างไกลความเจริญอย่างนั้น ยานเป็นลุงแก่หงำเหงือกแบบนั้น กะ..กู ไม่ ไม่………”

“ไม่อะไรฟะไอ้ม่า!” ผมยกเบียร์กระดกใส่ปากนึกมุขตลกขำไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ ...เฮียไคย์มันขึ้นมึงกูตามผมแล้วครับ...สาดๆๆๆ นึกว่ามันจะสุภาพได้นานซักแค่ไหนกัน

“ไม่น่าไปรักใช่มั๊ย?” ทันทีที่คำพูดไคย์จบก้อนสะอึกมันก็วิ่งมาชนลูกกระเดือกดังโป๊กอยู่ที่คอ เจ็บจนไม่สามารถหาคำอะไรมาแย้งไอ้คุณเฮียไคย์มันต่อไปได้

“ไอ้ม่า...มันเจ็บมากมั้ยอะ... มันเจ็บเท่ากับตอนที่กูเป็นเหมือนมึงตอนนี้หรือเปล่า...?” ผมส่ายหัวน้ำตาซึมออกมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ

 ไม่กล้าที่จะหันไปมองไคย์ ถึงจะคิดว่าไคย์เพ้อและถึงผมจะเมา แต่ผมก็รู้ความหมายของมันดีหลังจากที่หลับหูหลับตาทำเป็นจำไม่ได้ถึงเรื่องที่ไคย์มันเคยบอกชอบคืนนั้น


“มึงพูดอะไร...?”ไคย์ กูขอโทษษษษ กูเลววววววว แม่งชั่ว!!!

 รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังถาม ไคย์ก็ไม่หันมามองแต่กลับเอาหัวทองๆของมันกดไหล่ผมเอาไว้ เหยียดขานอนพิงหลังผมทั้งแบบนั้น

“กูเคยบอกชอบมึง...จำได้ป่ะ...?กูจำได้นะม่าว่าพูดอะไรออกไป ..ชอบมากจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ ถึงจะรู้ว่ามึงไม่เคยชอบกู..ไม่เคยมองกูอยู่ในสายตา และถึงจะรู้ว่ามึงชอบไอ้ไดสุเกะมันมากแค่ไหน แต่กูก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกชอบมึงเลย..."

***เพราะโลกนี้มีเธอเพียงคนเดียว...ฉันจึงเสียเธอไม่ได้
ถ้าเธออยากทำร้ายก็เชิญ เดินหนีไปจากฉัน...
นึกเสียว่าสงสาร...ไอ้บร้าๆๆๆ ไอ้บ้าได!!!

กูเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาอีก...ในขนาดที่ไคย์มันกำลังซึมๆซึ้งๆแต่ผมกลับนึกไปถึงไอ้คุณพี่ไดขึ้นมาซะงั้น

***ตัดใจไม่ไหว ทิ้งเธอไม่ลง
ไม่รู้ฉันเป็นอะไร เพียงแค่คิดหัวใจก็สั่นหวั่นไหว
กับเธอคนนี้ฉันก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ฉันต้องมนต์อะไร
ตัดเธอไปก็ทำไม่ลงซักที

"และที่กูดีใจที่สุดรู้มั้ยอะไรม่า...? อย่างน้อยๆ ในเวลาที่มึงทุกข์ใจแบบนี้ มึงก็ยังนึกถึงกูเป็นคนแรก กูได้ปลอบมึงได้อยู่เป็นเพื่อนมึงแบบนี้ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่กูก็ดีใจจริง ๆ นะคาสุม่า...”

กูซึ้งอะไคย์...กูก็ดีใจ กูขอบใจมาก...กูแมร่งเลวเอง กูแมร่งชั่วเองที่ไม่เคยมองมึง...กูแมร่งตาบอดดดดด

“แต่..กูไม่ได้คิดกับมึงแบบนั้นนะไคย์..ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้มึงไม่สบายใจไปด้วย...”ผมสลดเลยครับงานนี้ ...

“กูรู้ม่า.. กูก็ไม่ได้ขอให้มึงหันมาชอบกูซักหน่อยนี่” น้ำเสียงเฮียไคย์ฟังดูแล้วเจ็บปวดมากกว่าผมอีก ...นี่ผมกำลังทำร้ายเค้าเหรอครับ...?

มันก้มหน้าก้มตาซัดเบียร์อีกครั้ง...

"ถึงกูจะบอกให้มึงเลิกชอบไอ้ไดสุเกะ แล้วก็หันมาชอบกูแทนมันก็คงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม...? ไม่เป็นไรหรอกคาสุม่าไม่เป็นไรจริงๆ” ถ้าในใจกูมันไม่มีไอ้คุณพี่ไดอยู่ก็ไม่แน่หรอกไคย์

 ผมหันไปมองใบหน้ากลมแป้นเต็มตา ไคย์ละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้เชียวเหรอ แล้วก็อดน้ำตาไหลอีกไม่ได้เมื่อเห็นหน้าเศร้าซึมของมัน ที่บอกว่าไม่เป็นไรหรอกนี่ต้องการจะบอกผมจริงๆ หรือว่าบอกตัวเองกันแน่ไคย์...

“ไม่เป็นไรคาสุม่า ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องคิดมากนะ..” มันยังมีหน้ามาส่ายหน้ายิ้มน้อย ๆ ให้อีก

“กูขอโทษไคย์ กูขอโทษ” ไม่มีอะไรจะเอ่ยอีกแล้วถึงจะรู้ว่าไคย์ไม่ต้องการคำขอโทษจากผม แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่นี้จริงๆผมไม่สามารถบังคับจิตใจให้ไคย์เป็นมากกว่าเพื่อนหรือพี่ชายคนหนึ่งไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ผมจับไหล่คนตัวเล็กกว่าเข้าหาตัวเองทันทีปล่อยเสียงสะอื้นและน้ำตาลงกลางกระหม่อมของไคย์ มันทำเพียงแค่กอดตอบผมไว้หลวมๆ อิงไหล่ผมอยู่นิ่งๆแค่นั้นไม่ได้ร้องไห้เสียใจเหมือนผม

มันทำได้ยังไงนะเข้มแข็งขนาดนี้ ใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนอยู่ต่อหน้าไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น มือน้อยๆ คู่นั้นก็เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของผมให้อีก

“ไม่เอา ขอโทษทำไม ไม่เห็นเป็นไรซักหน่อย อย่าร้องไห้อีกเลยนะชั้นไม่ได้โทษม่าซักหน่อย... แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของม่าซักนิด เรื่องของจิตใจมันบังคับกันได้ที่ไหน ก็เหมือนม่าไง ต่อให้ไอ้ดายมีแฟน ก็ยังชอบมันอยู่ใช่มั้ยล่ะ จะให้เลิกชอบง่ายๆ ก็คงทำไม่ได้หรอก ...เราบอกตัวเองแบบนี้แล้วกันนะคาสุม่านะ อย่าร้องไห้พอได้แล้ว ตาช้ำหมด ดูซิชั้นนี่ปลอบใจคนไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ยิ่งปลอบยิ่งร้องดูสิ” เอียไคย์มันขยี้หัวผมจนผมเผ้ายุ่งเหยิง


“ฮื้ออออ ๆ ..ขอบใจนะไคย์ ขอบใจนะ”

เฮียไคย์มันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ครับ ...และผมก็รู้สึกว่าไคย์คนเดิมจะกลับมาแล้วด้วยอะ

“ไอ้ไดแมร่งนี่มันโง่จริงๆ พรุ่งนี้กูจะไปเอาเลือดโง่มันออกให้ดีมั้ยวะม่า!?” ไคย์ว่า แล้วฉีกยิ้มให้ผมอีก ทำเหมือนไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ผมอยากทำได้อย่างไคย์จังครับ ยอมรับและเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ ไม่ทำตัวชีช้ำกระหล่ำปลี หมกมุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ

...นี่ผมอกหักตั้งแต่ยังไม่ทันได้รักเลยหรือครับ...
... ไม่ได้รักแล้วทำไมมันเจ็บปวดเหลือเกิน...
... เจ็บจนทนไม่ไหว ไดสุเกะคุงจะรู้มั้ยว่าผมเป็นทุกข์จนเกือบคลั่งแบบนี้เพราะเขา...

“ไอ้ม่ามันเจ็บมากก็แบ่งมาให้กูครึ่งหนึ่ง หรือทั้งหมดก็ได้ กูยินดีรับไว้ ถึงแม้กูจะต้องเจ็บจนกระอักเลือดก็เถอะ ถ้ามันจะทำให้มึงสบายใจไม่เป็นทุกข์แบบนี้ กูยินดี”

กูซึ้งใจวะไคย์...กูขอบใจ...กูทราบซึ้งจริงๆ...โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แต่กูเสียใจๆๆ แมร่งเหล้าเข้าปากทีไร...ทำไมกูถึงได้งี่เง่า ขี้แงแบบเน๊ทุกที...

 ในที่สุดผมก็อดกอดเจ้าเทวดาสีขาวตัวเล็กอีกไม่ได้ ร้องไห้เป็นเต่าถูกเผ่าครั้งแล้วครั้งเล่ากับปีกสีขาวของเทวดาตัวเล็กที่ปลอบโยนผมอยู่ขณะนี้ เจ้าเทวดาสีขาวตัวเล็กมองข้างนอกเหมือนเข้มแข็งอดทน แต่ในใจกำลังอ่อนแอร้องไห้ใช่ไหม ถึงจะอ่อนแอร้องไห้สักปานใด แต่ก็ไม่แสดงออกมาเป็นอันขาด ไม่งั้นจะปกป้องดูแลคอยปลอบคนที่รักได้ยังไงจริงมั้ยเจ้าเทวดาสีขาวตัวเล็ก... จริงมั้ยไคย์คุง... ไม่อยากให้กูเห็นน้ำตามึงใช่มั้ยไคย์...?



ผมและไคย์ต่างก็พิงบ่ากันและกันไว้แค่นั้นไม่มีใครพูดหรือเอ่ยอะไรออกมาอีก ปล่อยให้จิตใจดำดิ่งคิดลึกถึงก้นบึ้งหัวใจของใครของมัน ความเงียบคงจะปลอบเราทั้งสองได้ดีที่สุดในเวลานี้ เสียงหัวใจที่ยังคงอยู่ก็จะยืนยันความเข้มแข็งได้ในสักวัน แต่...ทำไมล่ะคาสุม่าคิดได้แบบนี้แล้ว ทำไมที่หัวใจมันยังร่ำร้องหาแต่ไดสุเกะคุงอยู่ได้ จะมีวิธีไหนที่จะลืมไดคุงได้บ้าง... เวลาสินะ... ขอเวลาให้ผมทำใจยอมรับได้แล้วผมจะกลับไปตะบันหน้าปัญญาอ่อนงี่เง่าๆ...เอาเลือดโง่ไดออกเอง เจ็บใจนัก!

เฮ้ย!!!…. แล้วเสียงถอนหายใจผมก็ดังขึ้นพร้อมกับไคย์

“อ้า... หมดเวลาน้ำเน่าแล้วไคย์ ขอเบียร์อีก ขอเบียร์อีกไคย์ เอามาอีกกกกกกกก” ผมลุกขึ้นสะบัดหัว

“โย่! เต็มที่เอาเลยเพื่อนได้เลยคืนนี้ไม่เมาจนสลบ ไม่ใช่ไอ้ไคย์กับคาสุม่าโว้ย!!!” น่านแทนที่จะห้ามกลับยิ่งส่งเสริม เฮียไคย์แม่งรีบเอาเบียร์ในตู้เย็นออกมาใหญ่

และแล้วในที่สุดวงเบียร์ก็กลายเป็นวงโต้วาทีขึ้นมาทันตาเห็น ผมกับไคย์ต่างก็ปล่อยสุนัขที่เลี้ยงไว้ในคอกออกมาไล่ฟัดไล่กัดกันอย่างคึกคักลั่นห้อง ดูแทบไม่รู้ว่ามันอกหักมากันทั้งคู่จริงหรือเปล่า ภาพเทวดาสีขาวตัวเล็กเมื่อกี้หายวับไปกับตาผม ไม่รู้สุนัขใครกัดสุนัขใคร จนหลับฟุบสลบไปทั้งคู่นั้นแหละครับ... .


To be continue...

สายตาเริ่มไม่ดี ทำไมตัวหนังสือเล็กจัด หรือว่าสายตาสั้นไปแล้วเรา

กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

เห็นคอมเม้นต์แล้ว...ต้องขอบอกว่าขอบคุณมากๆๆๆคร๊าบบบบบบบบบบบบบ
ขอบคุณที่ถามกันเข้ามา ...ถ้าเป็นได้ตลอดจนเวลาเอื้ออำนวยกันมากๆผมจะรีบมาต่อไวๆเลยครับ(ยิ้ม)

ขอบคุณอีกครั้งคร๊าบบบบบบบบบ o14
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-08-2007 19:32:16
หุหุ อกหักมารักกับผม  :m27:   :m27:   :m27:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 21-08-2007 23:29:23
 :m26:คุณไคก็บอกไปซิ ว่าเนี่ยน้องสาว 55555  เดี๋ยวของเสียนู๋ม่าไปเหรอ

สนุกดี  แล้วจะตามต่อนะ :m4:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 22-08-2007 10:03:06
ลุ้นตอนต่อปายยย  :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 22-08-2007 11:54:11
 :m3:.... :m3:... :m3:..... :m3:

สนุกดี.....ลุ้นต่อปาย........... 55555 :a2: 
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5
เริ่มหัวข้อโดย: trickikids ที่ 22-08-2007 16:41:51
 o7 เฮ้อ จี๊ดเหมือนกันน้อ ! ! !
หัวข้อ: Re: One man story up 4,5
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 22-08-2007 18:47:43
เศร้า เศร้า เศร้า  :m8: :m8: :m8:
หัวข้อ: Re: One man story up 4,5
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 24-08-2007 08:18:01
โปรดฟังผมสักนิดได้ไหม
 :m17: :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: One man story up 4,5
เริ่มหัวข้อโดย: theera ที่ 24-08-2007 11:36:43
อกหักรักคด เป็นตุ๊ด ชายเมิน o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: One man story up 4,5
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 25-08-2007 14:10:34
อกหักรักคด เป็นตุ๊ด ชายเมิน o7 o7 o7

 :try2: :try2: :try2:
หัวข้อ: Re: One man story up 4,5
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 29-08-2007 20:07:34
เมื่อไหร่จะมาต่อเนี่ย รอต่อไป  :m21: :m21: :m21:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 02-09-2007 16:18:45
อ่า...ในที่สุดก็หาโอกาสมาอัพได้แล้ว...ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาต่อช้า ไม่ว่ากันนะฮะ ไหนๆก็อัพแล้ว ขอทีเดียว 3 ตอนเลยแหละกันครับ

แล้วก็ต้องขอบคุณทุกคนมากๆเลยครับที่ตามอ่านกันต่อ แฮ่ๆๆไอ้เอ็มเป็นปลื้มครับ!

อยากบอกว่าตอนนี้ยาวมากกกกกก โฮกกกกกกกกกก กรุณาพยายามอ่านกันหน่อยนะค๊าบบบบบ ขอบคุณคับผม!


One man story 6


ย่างเข้าวันที่ 8 แล้วครับที่ผมต้องมาอยู่กับไคย์ โดยที่มีพี่ชายฝาแฝด เจ้าคาสุยะมันมาอยู่เป็นเพื่อนผมอีกคน แต่ว่ามันก็กลับไปทำงานต่อที่บ้านได้สองวันแล้วครับ ผมเลยนอนแกร่วอยู่คนเดียว...ไม่ยอมไปพบไม่ยอมคุยกับไดสุเกะไม่แม้แต่จะรับโทรศัพท์ของเขาเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองนักหรอกผมยังทำใจให้ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มั้ง แล้วไหนจะที่ชกหน้าไดคุงแล้ววิ่งหนีออกมานั่นอีก ไดมันคงจะรู้ว่าผมคิดยังไงกับมันไปหมดแล้วแน่ ๆ แล้วจะให้ผมแบกหน้าไปเจอมันยังไงล่ะครับ น่าขายหน้าจะตาย ถึงจะทำงานอยู่ใกล้ๆ กันทุกคืนผมยังไม่กล้าไปแอบดูไดคุงมันเลย

ส่วนเฮียไคย์ก็ไม่ค่อยมาเล่าอะไรเกี่ยวกับไดสุเกะคุงให้ผมฟังเท่าไหร่ รู้จากเฮียไคย์ก็แค่ว่าไดคุงรู้ว่าผมอยู่กับไคย์ แล้วไดคุงมันก็มีท่าทางเย็นชาไม่ค่อยพูดค่อยจาหรือกระตือรือล้นเหมือนเก่า แถมยังทำท่าจะโกรธไคย์เข้าไปด้วยอีกคน...ทำไมล่ะไม่เข้าใจ ก็มีแค่นี้แหละครับที่ไคย์เอามาบอก เอียไคย์มันก็คงไม่อยากให้ผมเสียใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว..ถึงได้ไม่อยากจะเล่าเรื่องไดคุงให้ฟังเท่าไหร่ด้วย...

คงไม่อยากเห็นผมหมกมุ่นคิดมากนั้นเอง ผมก็ไม่พยายามแสดงออกให้เฮียไคย์รู้นะครับ เพราะรู้ว่าเฮียมันก็ไม่สบายใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน

หลายวันมานี่มันกร่อยๆ ไม่กระดี๊กระด๊ากระตู้วู้เอาซะเลย เห็นอะไรก็พาลขัดหูขัดตาหงุดหงิดไปเสียหมดแม้แต่ปลาหน้าย่นที่เฮียไคย์เลี้ยงไว้ในตู้ผมก็ยังตาลายเห็นเป็นหน้าไดคุงไปซะงั้น ทนไม่ไหวจนผมต้องตักเอามันไปปล่อยลงคลองหน้าตึก

โดนเฮียมันด่าเอายกใหญ่ที่เอาปลาสุดรักของมันไปปล่อยหน้าตาเฉย ทนเอาหน่อยแล้วกันครับ อีกไม่กี่วัน ท็อตจิก็จะกลับมาแล้ว คงคลายเหงาหงุดหงิดใจไปได้เยอะ ...


วันนี้ผมหยุดไม่ได้ไปทำงานเพราะตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้  ไคย์จึงบอกให้พักแล้วลางานซัก 2 วัน ก็เลยนอนมันทั้งวัน หนีจากเตียงก็มานอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยบนโซฟาต่อ ไม่เห็นหน้าไดสุเกะคุง 8 วัน ชีวิตมันเหมือนขาดอะไรบางอย่าง (ขอยืมประโยคฮิตติดหูหน่อยนะฮะ ) คงไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว คิดถึงครับ คิดถึงมันแต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ จะให้กลับไปหาคงทำไม่ได้แน่ ในเมื่อไดมันก็มีแฟนอยู่ด้วยทั้งคนแบบนั้น ผมคงทนไม่ได้ถ้าต้องไปเห็นภาพบาดตาและคำพูดบาดหูเสียดแทงใจให้เจ็บไปกว่านี้อีก เขาจะนึกถึงคิดถึงผมบ้างหรือเปล่านะ จะเศร้าและเจ็บปวดเหมือนที่ผมเป็นตอนนี้หรือเปล่า?


ถึงผมจะปลอบใจตัวเองหาคำตอบเข้าข้างตัวเองให้สวยหรู ดีเลิศซักแค่ไหน แต่ท้ายสุดคำตอบที่ถูกต้องมันก็คือไม่ หรือเป็นไปไม่ได้อยู่ดีโง่จริง ๆ เลยคาสุม่าเอ้ย

เฮ้ย!!! คิดไปคิดมาผมจะมาพำเพ้อรำพันหาสวรรค์หรือนรกให้เศร้าไปใยละครับ มันไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรเลยซักอย่าง (สำนวนลิเกอีกแล้ว ) เรื่องขี้ประติ๋วแค่นี้ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ คาสุม่าผู้มาดมั่น ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด ต้องมาเสียเซ็ลฟเอาแบบนี้ ช็อค! จนเพี้ยนเลยดีไหม?หรือมัน เป็นเพราะผมไม่เคยชอบและจริงจังกับใครมากเท่าไดสุเกะคุงมาก่อนด้วยกระมัง ถึงทำเอาผมซึมมะทือไม่เป็นอันทำอะไรแบบนี้ไปได้
...................................................................
................................................
...........................

เสียงเปิดและปิดประตูห้อง เฮียไคย์คงกลับมาแล้ว แต่ผมก็ไม่มีกระจิตกระใจลุกขึ้นไปดูเขา... ผมนี่ใจดำจัง ทั้งที่ไคย์ใจดีกับผมตั้งหลายอย่าง

“กลับมาแล้วเหรอไคย์หิวหรือเปล่า เฮ้ย! ขอโทษนะไคย์ถึงจะถามนายแบบนี้ แต่ชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเอาไว้ให้กินเลย ชั้นนี่ไม่ได้เรื่องเอาเลย ทำให้นายลำบากตลอด ดูสิตั้งแต่มาอยู่กับนายชั้นก็เอาแต่นอนเป็นภาระให้นายจริงๆ ใช้ไม่ได้เลยเนอะ เป็นเด็กนิสัยเสียอย่างที่นายว่าให้จริงๆ นั่นแหละ”


ผมก้มหน้านอนคว่ำ เอาคางเกยหมอนบนโซฟาหันหลังให้ไคย์แสงไฟในห้องสว่างขึ้นไคย์คงเปิดให้... ผมอยู่กับความมืดแม้แต่ไฟในห้องก็ไม่ยอมเปิด ..

“แย่จริงๆ นั่นแหละเป็นเด็กอมมือเอามากๆ ซะด้วย เด็กนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจเป็นที่สุด!!!”

ไดสุเกะคุง!!!

เสียงไอ้คุณเหี้ยได!!! ...ผมหูผึ่งกางตั้ง เด้งตัวลุกขึ้นนั่งคอตรงมองไปทางต้นเสียงทันที ไดจริงๆ ด้วย หน้าตาบอกบุญไม่รับยืนกัดเขี้ยวกัดฟันกรอดๆ ตาขวางอยู่ตรงประตูทางเข้าห้อง ไปโกรธอะไรมาทำไมต้องมาทำสายตาปานจะกินเลือดกินเนื้อกันแบบนั้น

แล้ว ความคิดถึงที่มีให้มันก็จู่โจมเข้ากะทันหันเอ่อแน่นเต็มอกเลยครับ... แต่ผมก็ยังสะบัดหน้าหันไปทางอื่นด้วยความน้อยใจ...ไม่อยากเห็นไม่อยากเจอหรอก!

ทั้งๆ ที่อยากจะเข้าไปหาใจแทบขาดอย่างงั้นเหรอคาสุม่า!

 กลัวว่าเขาจะเห็นน้ำตาต่างหากไม่อยากร้องไห้หรือให้รู้ว่าผมคิดถึงมันแค่ไหน เมื่อไดมาอยู่ต่อหน้าแบบนี้ความน้อยใจเสียใจกับเหตุการณ์คืนนั้นก็ย้อนกลับมาจนผมแทบควบคุมเอาไม่ไหว น้ำตารื้นคลอเต็มเบ้า

“มาทำไม?” ผมพยายามบังคับไม่ให้น้ำเสียงสั่นได้ยากเย็นเหลือเกิน ทำไมนะแค่ใบหน้าคมเข้ม สายตาดุดันของมันช่างมีอิทธิพลทำให้ผมหวั่นไหวได้มากถึงเพียงนี้

“มาดูเด็กอวดเก่งที่เอาแต่พูดดี ไม่พอใจอะไรก็จะหนีกับบ้านลูกเดียวนะสิ” ใครหนีกลับบ้านนอก!

“ฉันมาแล้วไงคาสุม่า...บอกมาสิทำไมไม่ยอมพูดกับฉันจะหนีกลับเฮียวโงโดยไม่บอกฉันซักคำอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน แย่ชะมัด! ถ้าไคย์ไม่บอกฉันให้รู้ก่อน นายก็คงไม่คิดจะบอกฉันอยู่ดีใช่มั้ย?” ไดคุงขึ้นเสียงดังเป็นตะคอก ไอ้เตี้ยหาเรื่องให้ผมแล้วไง ผมไม่ได้บอกซักหน่อยว่าจะกลับบ้าน ทำไมต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมาโวยใส่หน้าผมด้วยฟะ!

“ทำไมถ้าฉันจะกลับ มันไปเดือดร้อนอะไรนายด้วย...?” ตกบันไดพลอยโจนตามที่เฮียไคย์มันให้บทมาแล้วกันผมก็อยากจะรู้ถ้าไคย์มันไม่โกหกว่าผมจะกลับเฮียวโง ไดคุงจะมาหาผมแบบนี้ไหม ...ไดท่าทางอ้ำอึ้ง

“นายเห็นฉันเป็นอะไรคิดจะมาก็มาแถมยังสร้างปัญหาเอาไว้ แล้วพอจะไปก็จะหนีกลับงั้นเหรอคาสุม่า?”

“ชั้นไปสร้างปัญหาทำอะไรให้นายได?”

“นี่ไง ไอ้ที่นายชกไปคืนนั้นมันยังไม่หายเลยนะ แล้วไอ้ที่นายร้องไห้วิ่งหนีออกมานั่นอีกมันหมายความว่ายังไงกันหือ คาสุม่า ตอบฉันมาซิ!” ไดคุงเดินเข้ามาเผชิญซึ่งๆ หน้า ที่มุมปากยังมีรอยเขียวคล้ำจากฝีมือของผมติดอยู่

มันคงกินข้าวไม่ได้ไปหลายวันแน่ๆเลยครับ...นึกสงสารมันขึ้นมาตะหงิดๆ...อาทิตย์เดียวดูเหมือนมันจะผอมลงไปด้วยอะ...


“ก็ไม่มีอะไร ชั้นลืมไปแล้ว นายก็ลืมมันด้วยแล้วกัน ชั้นไม่สนใจและเก็บเอามาใส่ใจหรอก” ถึงปากจะบอกไปแบบนั้นแต่ที่ใจมันกระตุกแรงจนเจ็บจี๊ดเลยครับ

“ฮึ! ทำเป็นปากดี แล้วทำอย่างที่ปากว่าได้หรือเปล่าล่ะ แล้วเนี่ยดูซิ ดูแลกันยังไงปล่อยให้ไข้ขึ้นหมดสภาพเอาแบบนี้ได้” มันรู้ได้ยังไงว่าผมไม่สบาย เชี้ยไคย์อีกแล้วแน่ๆ

“อย่าไปว่าไคย์นะ!” ผมเผลอตวาดเสียงดังกลับ ไดชักจะลามปามไปกันใหญ่แล้ว...ไคย์มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ซักหน่อย

“ทำไมอยู่กับมันแค่ไม่กี่วันว่าให้ไม่ได้เชียว ไปทำท่าพิสดารแบบไหนเข้าล่ะถึงได้นอนซมลุกไม่ขึ้นหมดเรี่ยวหมดแรงซะขนาดนี้ได้”

ไอ้สาดดดดดดดดด ดูมันๆ ปากแมร่งหาเรื่องอิบอ๋ายยย

อยากชกปากหมาๆ ของไดมันอีกซักรอบแต่เพียงแค่ลุกขึ้นยืนผมก็ยังเซ จนต้องลงไปนั่งบนโซฟาแบบเก่า ไม่งั้นผมไม่ปล่อยให้ไดมันมาพูดดูถูกกันเอาแบบนี้เป็นอันขาด

ไดมันถลาจะเข้ามาประคองแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่ทำซะอย่างนั้น...มันชะงักยืนดูอยู่กับที่ไปเสียเฉยๆ

เออ!...มึงไม่ต้องมาสงสารกูหรอก!

“ชั้นจะเล่นท่าไหนมันก็เป็นเรื่องบนเตียงของชั้นกับไคย์...นายไม่มีสิทธ์รู้แล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าให้ไคย์ด้วย เขาดูแลชั้นดีทุกอย่าง” ผมตอบออกไปแบบนั้นทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดี แค่เฮียไคย์จะกอดปลอบตอนผมร้องไห้ทุกคืน ผมก็ยังไม่ให้เขาแตะต้องตัว เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาเพิ่มขึ้นไปอีก


“ฮึ! ดีทุกอย่างๆ แล้วทำไมไม่มาพยาบาลปล่อยให้นอนแบะอยู่แบบนี้ทำไม?” แมร่งไอ้เหี้ยไดมรึงจะมาตอกย้ำกูทำมายยยยยยยย

สีหน้าและน้ำเสียงดูเยาะเย้ยกันเหลือเกิน จะมาพูดให้เจ็บซ้ำน้ำใจกันทำไมไอ้คุณพี่สาด!!!

“มันเรื่องของชั้น!!!” ผมตะโกนตอบด้วยความเหลืออด เหวี่ยงหมอนปาใส่ไดคุงด้วยความโกรธน้ำตาคลอขึ้นมาอีก ทนไม่ได้ที่ไดมาพูดดูถูกกันแบบนี้ จะตามมาหาเรื่องเอาเรื่องอะไรกับผมอีก

ผมไม่สามารถทำอะไรไดคุงให้หายเจ็บใจได้เลยเพราะอาการปวดหัวเวียนหัวขึ้นมารุมเร้า จนต้องเผลอหลับตานิ่งๆ เอามือกุมขมับแล้วเอนหลังพิงโซฟาไปเฉยๆ


“ไหน ดูซิเป็นมากหรือเปล่า...?” แล้วผมก็รีบเอามือปัดมือมันที่จะทาบลงมาบนหน้าผากของผมออกไป ตบหัวแล้วไม่ต้องมาลูบหลังหรอก รีบหันหน้าหนี น้ำตาพาลจะไหลเต็มที อาการไข้นี่กระมังถึงทำให้ผมอ่อนแอได้เพียงนี้ ผมจะไม่ให้ไดคุงรู้เป็นอันขาดว่าผมเสียใจมากแค่ไหน

หมอนที่ปาถูกมัน ถูกมันจับยัดลงที่ข้างๆ...แล้วมันก็ตามลงมานั่งด้วย

“นี่จับนิดจับหน่อย มันไม่ทำให้นายเฉาไปมากกว่านี้หรอกน่า” ผมกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลต่อหน้ามันแทบตายย

มือมันก็พาลหาเรื่องทำให้มันเจ็บตัวอีก...คว้าอะไรได้ก็โยนตูมใส่ไดมันอีกชุด...แต่มันก็ไม่ยักกะโกธรเป็นฟืนเป็นไฟนะครับ

 ไอ้บ้าได!ไม่รู้เลยเหรอเพราะมึงนั่นแหละ กูถึงได้แห้งเหี่ยวขาดน้ำขาดแร่ธาตุและสารอาหาร จนมีสภาพอย่างที่เห็น ผมนึกด่าไดคุงในใจไม่ยอมต่อปากต่อคำกับมันอีก...เหนื่อยครับ รู้สึกเหนื่อยและเพลียมากกว่า...ไดมันก็นั่งนิ่งๆจ้องผมอย่างเดียว


แล้วต่างคนต่างก็นั่งเงียบกันอยู่บนโซฟาตัวยาว ผมหลับตานิ่งๆ อยู่ซักพักให้อาการดีขึ้น ส่วนไดคุงก็เงียบคงนึกหาคำอะไรมาด่ามาว่าผมต่ออีกนั้นแหละ

แต่แล้วมือใหญ่ที่วางอยู่ข้างๆ ตัวก็เลื่อนขึ้นมาจับที่แขนของผม

“ตัวอุ่นๆ แล้วนี่ไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย?” น้ำเสียงที่ถามเบาลงมากไม่ออกอาการตะคอกเอาๆ จนผมเกือบร้องไห้เหมือนเมื่อกี้อีก มือใหญ่ของไดคุงเลื่อนไปทาบบนหน้าผากของผมได้สำเร็จจนได้

ไม่เป็นอะไรหรอก...ผมส่ายหัวหลับตาไม่อยากมองมัน และไม่ยอมตอบมันด้วย

“แล้วตั้งแต่เช้ากินข้าวกินยาบ้างหรือยัง?” ไม่หิว ...แล้วผมก็ส่ายหัวให้ไดคุงอีกครั้ง

“ทำไมไม่ไปหาหมอ?” ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก... ผมยังทำเหมือนเดิมส่ายหน้าส่ายหัวลูกเดียวครับ...ไม่อยากพูดกับมันแล้ว...ทะเลอะกับมันแล้วเหนื่อยย...

“เอาแต่ใจชัดๆ แบบนี้มันก็ไม่หายหรอกนะคาสุม่า”

“ช่างฉัน” ...ทำไมจะไม่หายไข้ใจเว้ย!ลองมึงมารักษาสิ รับรองหายเป็นปลิดทิ้ง ไอ้ที่กินไม่ได้นอนไม่หลับนี่มันก็เป็นเพราะมึงนั่นแหละไม่เคยเป็นหรือไงถึงดูไม่ออก โด่! นิ่มปัญญาอ่อนแบบนั้นคงไม่เคยหรอกมั่ง.... แอบด่าให้เลย

“พูดกันดีๆ แล้วนะคาสุม่า...อย่าทำให้ของขึ้นไม่งั้นนายจะลำบาก” อะโด่! ทำเป็นเบ่งไม่รู้จักอะของขึ้น

สายตาไดเหมือนอ่านใจผมออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ถึงพูดดักเอาไว้จนหมด

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนายแล้ว” ผมโพล่งขึ้น ยังเคืองไดคุงอยู่มากจะให้หายง่ายๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

“ปากแข็ง” แล้วผมก็หันขวับ ตาขวางเข้าใส่มันทันที... นิสัยไม่ดีของตัวเองทำท่าจะอยากออกมาช่วยผมทะเลาะกับไดคุงแล้ว

“ห้องก็ไม่กลับ หลบหน้าหลบตาชั้น โทรศัพท์ไปหาก็ไม่ยอมรับ มันคืออะไรไหนอธิบายมาซิ” ไอ้ซื่อบื้อได! ถามออกมาได้ มึงไม่ทุกข์ร้อนไม่รู้สึกอะไรกับกูเลยงั้นสิ

“ฉันพอใจ” คำตอบร้ายกาจแบบนี้คาสุม่าเท่านั้นที่ตอบได้ ผมปลอบใจตัวเอง ถึงแม้จะเกรงสายตาดุๆ ของไดมันแค่ไหนก็ยังไม่วายกวนอยู่ดีนั้นแหละ...ช่วยไม่ได้ อยากมาตะคอกทำเป็นไม่พอใจใส่ผมทำไม ผมก็ไม่พอใจเป็นเหมือนกันนะ

“พอใจให้เป็นแบบนี้เหรอ...นายโกรธชั้นมากเลยสิ” พึ่งจะรู้ตัวเหรอ ผมชายตาชำเลืองดูแต่ไม่ยอมตอบ...

“หมัดนายหนักไม่ใช่เล่น ฉันกินข้าวไม่ได้อยู่หลายวัน” หมัดเดียวยังน้อยไปด้วยซ้ำ

“ทำไม จะมาเอาคืน?...”


“ถามแบบนี้แล้วนายยอมให้เอาคืนไหมล่ะ” ไดถามกึ่งจริงกึ่งเล่น เอาล่ะสิจะมาไม้ไหนอีกสายตาที่ประสานกันเข้าท้ายทายผมอยู่ในที

“จะเอายังไง?” ผมถามยังกับนักเลง รู้ว่าไดคุงไม่กล้าทำอะไรผมหรอก หน้านิ่มๆ มวยไม่มีครูแบบนั้นจะซักแค่ไหน ผมสู้ตาไดมันไม่ลดละ

“ก็...ไม่เอาไงแค่ขอจูบปากเก่งๆ แลกกับหมัดนายแล้วกัน” กึก! เสียงหัวใจ stop ไป 5 วินาที จากนั้นก็ตาเหลือก (ไม่ได้ตายนะ : คาสุม่า) ไม่ทันจะโต้แย้งหรือคิดอะไรไอ้เชี้ยไดมันก็ทำอย่างที่ปากว่าจริงๆเลยครับ

“ไอ้นิ่ม!!!…ไม่ได้ให้ทำแบบนี้นะปล่อยช้านนน...” ผมถูกจับแขนทั้ง 2 ข้างกดติดโซฟาแล้วไอ้นิ่มไดก็ดันตัวขึ้นทาบทับให้ผมลงไปนอนบนโซฟา ประกบจูบแนบแน่นไม่ให้ทันตั้งตัว ผมทั้งดิ้นทั้งถีบไม่ยอม แต่เพราะความเพลียจากอาการไข้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรี่ยวแรงที่ใช้ไปเลยไม่มีผลต่อไอ้คนตัวโตที่กำลังรังแกและคร่อมอยู่บนตัวผม ได้แต่หายใจฮึดฮัด ปล่อยให้มันจูบจนพอใจอยู่เป็นนาน

แต่ถึงจะมึนแค่ไหนผมก็ยังรับรู้ได้ถึงสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ที่จับแขนทั้ง2 ข้างกดเอาไว้ จู่ๆก็เปลี่ยนเลื่อนขึ้นมาประคองแผ่นหลังโอบกอดแทน มันอ่อนโยนขึ้นหรือเปล่า? จูบดูดดื่มบ้างก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่านะ? ทำไมสัมผัสของได ...รสจูบที่เร่าร้อนทำเอาผมอ่อนปวกเปียกในตอนนี้นั้น เต็มไปด้วยความโหยหา และแรงปรารถนาของมันที่มีให้ผมรายล้อมอยู่รอบตัวมัน

น้ำตาคลอพาลจะไหลรินเต็มทีไม่อยากคิดอะไรอีกแล้วเพียงแค่ไดมันสัมผัสบวกกับความรู้สึกข้างในใจของผม แค่เพียงเท่านี้ผมก็เผลอยกแขนโอบหลังไดมันแน่น ทั้งคิดถึงและแรงโหยหาที่มีให้มัน...ฝืนไม่ได้จริงๆครับ

 ความโกรธที่ประทุขึ้นเมื่อครู่ถูกลืมไปเกือบหมด ปลายลิ้นที่ดุนดันอยู่ในปากนั้น ก็ล่อหลอกให้ผมติดกับ จูบตอบโดยอัตโนมัติ หลับตาแน่นแทบลืมหายใจไปกับแรงสัมผัสโหยหานั้น ผมนอนหอบไม่ยอมลืมตาขึ้นมองไดคุงเมื่อมันถอนจูบออกไปในที่สุด ถ้าให้มองหน้าไดสุเกะในสภาพนี้ผมต้องร้องไห้แน่ๆ ไดคุงยังอยู่บนตัวผม ลมหายใจอุ่นร้อนที่รดอยู่บนใบหน้ากลิ่นกายที่ผมแอบหลงใหลบอกความเป็นตัวมันได้ดีที่สุด ผมกลั้นน้ำตาจนปากสั่นคางสั่นพาลตัวก็สั่นตามไปหมดทั้งตัว

....ได้โปรดอย่ามองผมตอนอ่อนแอเช่นนี้ไดสุเกะคุง...


“ได มาทำไม”หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบควบคุมอยู่พักใหญ่ ในที่สุดผมก็ใจอ่อนยอมพูดกับเขาดีๆมั้ง คางสั่นปากก็สั่นระริก พยายามเป็นที่สุดที่จะไม่ให้เสียงสั่นไปด้วย ปลายนิ้วเรียวยาวของมันคลอเคลียอยู่ทั่วใบหน้าของผมแล้วก็เกลี่ยเส้นผมของผมเล่นไปมา...อย่างที่มันชอบทำ...

“มาตามเด็กดื้อ นิสัยเสียเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง หนีออกจากบ้านมาไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องนะสิครับ” แล้วผมก็ยอมเปิดตาเมื่อควบคุมอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง ใบหน้าคมแอบยิ้มทะเล้นให้ผมด้วย...ผมไม่ได้ตาฝาด มันยิ้มให้ผมจริงๆ

“รู้ว่านิสัยไม่ดีแล้วยังจะมาตามให้กลับไปอีกหรือได...?” ผมเม้มปากแน่น ก็ผมนิสัยไม่ดีอย่างที่ไดคุงว่ามาจริง ๆ

“ก็เพราะรู้ไง ยิ่งต้องอยู่ในสายตา ถึงต้องมารับ” ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้น ไดมันเป็นห่วงผมหรือเปล่านะ (นายก็บื้อใช่ย่อยคาสุม่า : ไดสุเกะ)

“ชั้นมันแย่นิสัยเสียหลายๆ อย่าง อย่าเอาชั้นไปเป็นภาระเป็นปัญหาให้นายอีกเลย” กูไม่ใด้เล่นตัว แต่เพราะความน้อยใจเป็นที่สุดทำให้ต้องพูดไปแบบนี้ว้อยไอ้คุณพี่ได

“ คาสุม่า ฉันอยากเคลียร์...” ไดเสียงอ่อนลงไปมาก ยังไม่ยอมละมือจากใบหน้าผมไปไหน

“กลัว ท๊อตจิว่าเอาเหรอไม่เป็นไรหรอกโต ๆ กันแล้ว เดี๋ยวอีกไม่กี่วันท็อตจิกลับมาแล้วฉันจะบอกเอง ไดกลับไปเถอะ ชั้นไม่กลับไปกับไดหรอก ไม่มีชั้นอยู่ด้วยไดคงสบายใจมากกว่า”

“มันไม่ใช่แบบที่นายว่าซักหน่อยม่า เอาอะไรมาตัดสินความสบายใจของฉัน”

“ไม่ใช่เหรอได มันไม่ดีเหรอไง ไม่มีฉันไปขัดหูขัดตาเวลานาย เอ่อ…ทำอะไรกับ…”

“กับใคร?” โธ่ไอ้เวรรร!!!

อีชะนีนั้นอะ...มึงจะให้กูย้ำอีกรึไง!!

มันชะงักมือออกไป สายตาดุเริ่มคาดคั้นให้ผมตอบให้ได้อย่างเคย

“จะใครซะอีกก็แฟนนาย ที่ชื่อซายากะนั่น” พูดทั้งๆที่ไม่ยอมมองมันหรอกครับ  ไม่เข้าใจทำไมต้องพูดขึ้นมาตอกย้ำ แทงใจดำให้ตัวเองยิ่งน้อยใจด้วยก็ไม่รู้...ผมมันก็คงบร้าไปแล้วนั้นแหละ

“ใครบอกฮื้อ ไปรู้มาจากไหน?” ผมเบียงตัวลุกขึ้น แต่ก็ยังถูกไอ้คุณพี่ไดมันตามเข้ามานั่งเบียดลงข้างๆอีกจนได้

“ชั้นไม่ได้หูหนวกตาบอดนะได ยายนั้นทั้งแสดงออกและประกาศโท่งๆเหมือนเร่ขายข้าวของออกอย่างนั้น”

“ก็เลยโกรธชั้น...? หึงใช่ไหมถึงไม่ยอมกลับ ไม่รับโทรศัพท์ของชั้นม่า”

“เสียใจ สำคัญตัวเองผิดแล้วไดบื้ออย่างนายเสียเวลา รกสมองชั้นเปล่า ๆ” ง๊าคคคคคคค อยากชกปากตัวเองๆๆ

“คิดแบบนี้จริงเหรอ ไม่เสียใจอะไรเลยงั้นสิ” ไดหน้าสลดไปอย่างเห็นได้ชัดกับคำพูดแรง ๆ ที่พลั้งปากออกไปเพราะแรงทิฐิของผม...ผมมันเลวๆๆๆ...ไอ้คุณพี่ไดของผมมันสลดลงไปเลยครับ

“ชั้นมีสิทธิอะไรไปเสียใจ หรือหึงหวงนายล่ะ” แต่ปากผมมันก็ยังไม่วายปูดออกมาด้วยความน้อยใจอีกอยู่ดี ...กูไม่ผิดๆๆ...ก็แค่กูไม่พอใจอะมีไรม๊ะ...?

“ฉันอุตส่าห์ดีใจ ที่จริงมันไม่ใช่หรอกเหรอม่า” ไอ้ซื่อบื้อออออ

บื้อจริงๆ buffalo ยังเรียกมึงว่าพ่อเลยได กูคงบอกมึงหรอกนะว่ากูนอนร้องไห้เพราะคิดถึงมึงทุกคืน ถ้ามึงดูไม่รู้ก็เชิญเป็น(ฟ)รายต่อไปเถอะ

“นายดีใจ เข้าใจว่าไงล่ะ” ผมใจเต้น แอบลุ้นกับคำตอบ ไดมันจะให้ความหวังหรือพูดอะไรที่ทำให้ผมเอาไปฝันลมๆ แล้งๆ อีกนะ

“ไม่ต้องถามหรอกไม่จำเป็นแล้วม่า เพราะนายไม่ได้หึงหวงไม่ได้ชอบฉันเลยซักนิดมันไม่จำเป็นแล้ว....”

ไอ้คุณพี่สาดดดดดด....มึงน้อยใจกูหรือนี่...ใช่ไหมครับ ไอ้ฟรายไดมันน้อยใจให้ผมใช่เปล่าาาาา...?

“นายก็มีซายากะที่ชอบและ หึงหวงนายขนาดนั้นทั้งคนแล้วยังจะเอาอะไรอีก”..กูก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะว้อย...แมร่งหอมกันต่อหน้าต่อตากูแบบนั้น...ขนาดกูนอนกอดมึงทุกคืนกูยังไม่กล้าเลยยย...ไอ้ฟรายยยยเอ้ย!!!

“มันไม่ใช่ซักหน่อย” ไดคุงลุกออกจากตัวผมแล้วนั่งลงข้างๆแทน

“อะไรไม่ใช่....?” ผมย้อนถามบ้าง...ขอฟังมันอธิบายหน่อยเถอะครับ...เผื่ออะไรๆที่ผมเห็นมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คิดก็ได้

“ก็ซายากะมันเป็นน้องที่คลานตามกันออกมาต่างหาก มันระแวงกลัวว่าชั้นจะมีจิตใจผิดปกติเบี่ยงเบนแยกเพศไม่ถูก ก็เลยจัดการอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ ยุ่งจนป่วนไปหมด มันระแวงตั้งแต่ไอ้ท็อตจินู่นแน่ะ ถ้านายไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามท็อตจิเองแล้วกัน ไม่ได้เป็นแฟนอะไรกันทั้งนั้น หน้าตายี่ห้อเดียวกันแบบนี้นายดูไม่ออกเอาเลยรึไงม่า... แล้วตอนนี้มันก็กลับบ้านไปแล้วด้วย กว่าจะกล่อมมันกลับได้เหนียงเกือบยาน ดื้อเหมือนใครบางคนแถวนี้ชะมัด!”


เอาจริงดิ++...โอ๊ย!! ใครก็ได้ช่วยเอาหม้อไห กาละมัง หรืออะไรก็ได้ มาเคาะกะบาลผมแรงๆทีเหอะ อยากเป็นลมอะ สลบได้ซัก 3 วันยิ่งดี ผมหน้าร้อนผ่าวคงแดงไปถึงไหนต่อไหนเมื่อไดร่ายคำตอบยาวเข้าใส่ หัวใจเต้นแรงดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้น ความโกรธเสียใจ น้อยใจทั้งหลายแหล่อันตธานหายไปหมดในพริบตา...ในพริบตาจริงๆครับ

ไอ้เหี้ยคุณพี่ได!!!...ทำไมมึงไม่มาบอกเอาตอนกูแก่ไปเลยแหละ...ปล่อยให้กูเสียใจเป็นวรรคเป็นเวรอยู่ได้คนเดียว...แมร่งมันสาดๆๆๆๆๆ

“นึกหน้าออกไหมถ้านึกออกก็ลองเทียบดูซิ ไอ้ซากะมันเหมือนฉันไหมม่า” มึงไม่ต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้หรอกน่าได ยี่ห้อบื้อเหมือนกันทำไมจะจำไม่ได้ ...ผมกลายเป็นใบ้รับประทานไปทันที เอามือยันใบหน้ามันออกห่างๆเมื่อไดมันยื่นหน้ามาจนจะชิดใบหน้าผม

เอาหน้าหล่อๆของมึงไปไกลๆกูเลยยยยยย กูยิ่งใจอ่อนกับมึงอยู่...นิ้วทั้งห้าประทับลงบนหน้ามันครับ...ปิดสายตายิ้มได้ของมันที่ล้อผมอยู่ได้

“จะบอกจะอธิบายให้นายฟัง แล้วนายยอมคุยกับฉันที่ไหน ไอ้ไคย์ก็อีกคนพอถามหานายหน่อยก็ทำเป็นไม่อยากตอบ ไม่อยากให้ชั้นรู้เรื่องของนาย ทำไมล่ะม่า ชั้นผิดมากหรือไง...ม่าถึงได้โกรธไม่พูดด้วยจนถึงขนาดต้องหนีกลับบ้านที่เฮียวโง?”

ผิดๆ มากๆ ด้วยถ้านายมาบอกช้ากว่านี่อีกนิด จนชั้นเหี่ยวแห้งหัวโตละก็ จะไม่ยกโทษให้เลยได

ไคย์อีกคนไม่รู้ไปจุดไฟกี่กองเอาไว้ให้ไดคุง หัวก็แดงพออยู่แล้ว ยิ่งเติมให้ทั้งหน้าและใจยิ่งแดงร้อนเข้าไปใหญ่ เอ้า! เอาเข้าไปซ้ำเติมกันเข้าไป ผมผิดใช่มั้ยครับ? งานนี้ผมเข้าใจผิดเองใช่ไหม หน๋อยอีเด็กซ่า! ซากะนั่นทำแสบนัก อายมั้ย? ขายขี้หน้าไหมล่ะคาสุม่า? ที่นี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ดีนะที่ไดสมองช้าเป็นเต่าล้านปี ไม่งั้นคงได้อายแทบแทรกแผ่นดินหนีกันจ้าละหวั่นแน่


ไดยังคงก้มหน้าเอามือประสานกันไว้บนตัก ในตอนนี้ท่าทางของไดคุงทำให้ผมรู้ว่าเขาชอบผมแค่ไหน ผมพูดแรงจนซึมไปแบบนี้คงเสียใจน่าดู แต่ก็ไม่รู้จะบอกเขายังไงนี่นา...


“ไม่กลับไปกับฉันแล้วใช่ไหมม่า นายไม่ได้ชอบฉันจริงๆ ด้วย” เสียงอ่อย ๆ บ่งบอกความน้อยใจของเจ้าของดังขึ้นในความเงียบ ผมไม่กล้าบอกความรู้สึกไปตอนนี้ แม้จะพอมั่นใจและดูออกถึงอาการของไดคุงและความรู้สึกที่มันมีให้ แต่ก็ยังไม่กล้าบอก

“นายยังอยากให้ชั้นกลับไปอีกหรือ?”

“นายจะไปกับฉันไหมล่ะ คาสุม่า?”
........................................................

...............................................................
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 02-09-2007 16:30:01
........................................................

...............................................................

ผมไม่ได้ตอบไดหรอกครับ แต่ว่าผมยอมให้ไดคุงจับมือพาเดินออกจากห้องไคย์ไปในที่สุด เพราะอะไรน่ะเหรอ คงเพราะสายตาวิงๆ น่าสงสารของไอ้บื้อที่ทำเอาผมใจยวบไปละมั่ง

เรานั่งเงียบๆ กันมาในรถ มาถึงห้องก็ตีสี่กว่าๆแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจก็ยังรู้สึกคลุมเคลือไม่กระจ่างแจ้ง ถึงห้องก็ต่างคนต่างอยู่ มันมีอะไรติดค้างมากกว่านี้อีกหรือ....?ไดคุงนิ่งเกินไปจนอึดอัด ไปวิ่งผ่านน้ำแล้วนอนดีกว่า (ก็ไม่สบายอยู่แค่ผ่าน ๆ ก็พอแล้ว :คาสุม่า)

ผมนอนตะแคงข้าง หันหลังให้ไดคุงที่ตามลงมานอนทีหลัง บรรยากาศเก่าๆ ในยามที่อยู่ในอ้อมกอดของมันหวนเข้ามาให้คิดถึง ความหนาวเหน็บของอากาศในปลายฤดูใบไม้ผลิก็ช่างเป็นใจให้ความเหงามาเยือน

ความเปล่าเปลี่ยวในช่วงที่ไม่ได้อิงแอบไดมันผุดขึ้นมาในห้วงแห่งความนึกคิด มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานกว่าอากาศที่รายล้อมอยู่หลายเท่านัก แม้ว่าตอนนี้ทั้งๆ ที่ไดมันอยู่ข้างๆผมแท้ๆ ผมน่าจะอุ่นใจและอบอุ่นมากกว่านี้ แต่ไอ้ความรู้สึกโหวงเหวง เปล่าเปลี่ยวนี่ล่ะ เสียใจอะไรกัน น้ำตารื่นขึ้นมาอีกรอบ อยากให้เขาปลอบเหรอคาสุม่า... ผมกลั้นน้ำตาไม่อยากให้ไดคุงรู้ว่าผมกำลังจะร้องไห้ ความอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้องเข้าครอบครองอยู่ซักพัก ก็ได้ยินเสียถอนหายใจแรงๆดังขึ้นข้างหลัง ...ไดคุงยังไม่หลับ...

“ ม่ า…ก อ ด….ไ ด้ มั้ ย?”

แค่น้ำเสียงนุ่มๆไม่ต้องถึงกับออดอ้อน เว้าวอนขออย่างที่ไดเอ่ยออกมานั้นมันดังขึ้นก็ทำเอาผมแน่นหน้าอกขึ้นมาทันที ผมไม่ตอบไม่พยักหน้านอนนิ่งๆ คอยดูปฎิกริยาต่อไปของได น้ำตาคลอจนปริ่มขอบตาไปหมด

ทำไมต้องขอด้วยได... ชั้นเคยปฏิเสธนายด้วยเหรอ...?
...............................
....................................

แล้วทันทีที่แผ่นอกแน่นเบียดชิดที่แผ่นหลังและวงแขนแกร่งคู่เดิมสวมกอดเข้าที่เอว ผมก็แทบจะโผหันหน้าเข้าหาไดมัน ซุกซบกับหน้าอกนั้นอย่างหวงแหนและห้ามใจไม่อยู่ ต้องการมัน ต้องการความอบอุ่นของมัน และถ้าผมไม่ได้รู้สึกไปเอง ไดคุงมันก็คงต้องการความอบอุ่นของผมด้วยเหมือนกัน

กอดที่เป็นมากกว่ากอด...ต้องการกันและกันมากมายเหลือเกิน...

“ ฮืออ…บ้าๆ ที่สุดเลย ได ฮึก!…”

ผมว่าพลางปล่อยเสียงโฮที่กักเก็บไว้นานกับหน้าอกของไดมัน สัมผัสที่เฝ้ารอและโหยหาความปรารถนาในใจทำลายทำนบน้ำตาจนได้ น้ำตาที่คลอจะไหลตั้งแต่อยู่ในห้องไคย์ในที่สุดก็ได้ออกมาซักที ในเวลานี้หรือตอนนี้ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอแค่อ้อมกอดที่สวมกอดผมอยู่นี้เป็นของผม... ของผมแค่คนเดียวก็พอ สวมกอดผมเอาไว้แค่คนเดียวก็พอแล้ว

“คาสุม่าเราเป็นอะไรกันนะ... เป็นอะไรกันไปนะม่า ...ม่ารู้สึกเหมือนฉันหรือเปล่า...?” มือใหญ่ลูบหลังลูบหัวปลอบผม แล้วก็กระชับวงแขนแน่นขึ้น เอาใบหน้าแนบกับกลางกระหม่อมผมไว้ ...ผมชอบให้ไดมันทำแบบที่สุด...ผมรักมัน รักมันๆๆๆ

“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้รู้ฉันรู้สึกดีกับม่ามากเลยนะ... "ผมใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา แล้วจากนั้นมันก็พองตัวจนคับอก ...มือและวงแขนของตัวเองก็เก้ก้างๆอยากรัดไดมันให้แน่นกว่านี้...


“ขอแค่นายใจตรงกับชั้น แค่ชอบชั้นสักนิดหนึ่งก็ดีแล้วนะ” ผมยิ้มทั้งน้ำตาซุกหน้าลงกับอกอุ่นๆ ที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดในเวลานี้ ...คิดว่าไดมันก็รู้นะ มันรีบขยับเข้ามาเบียดผมกระแซะเข้ามาให้ผมรัดมันแน่นๆนั้นแหละ

“มักน้อยจังเลยได” ผมพูดเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอตอบออกไป

“ก็ยังดีกว่านายเกลียดฉัน” รู้สึกถึงริมฝีปากสวยจูบเบาๆกลางกะหม่อม...ไม่กล้าเงยหน้ามองไดมันเลยครับ...ผมกลัวมันเห็น...ก็ผมเขินไอ้ที่มันพูดจะแย่...แต่ให้ตายเถอะครับด้วยความปากไวมันก็ทำให้ผมอดแหย่มันไม่ได้

“ให้ชอบแค่นิดเดียวจริงๆ เหรอ...? ” เงยหน้าขึ้นถามล้อ ๆ คราบน้ำตายังเปื้อนเต็มหน้า นึกอยากแกล้งไดซะงั้น

ไดนี่บื้อจริงๆ แหละเนอะให้กอดอยู่ทุกวี่ทุกวันยังไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงกับตัวเองอีก...

“แค่ไหน...?” ไดคุงเช็ดน้ำตาให้แววตามันลุ้นกับคำตอบผมน่าดู ...จ้องผมซะจน...

กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซววว...กูทนไม่ไหวแล้วนะว้อย!...มึงอย่าทำหน้าฉลาดน้อยแบบบนี้ได้มั้ยยยย....

กูแพ้ไอ้หน้าตาของมึงแบบนี้อิบอ๋าย...มันเชื่องดีครับ...(แฮ่ๆๆ)

มันน่ารักๆๆๆ...มันหล่อคร๊าบบบบบบบบบบบ

“เอาแค่ไหนดีล่ะ 5 % เป็นไง” ผมเริ่มกลับมายิ้มหน้าระรื่น แต่คนที่ห่อเหี่ยวคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นคนข้างๆ แทนซะแล้ว

“ม่าฉันจริงจังนะ” มันทำเสียงเข้ม ทำสีหน้าน่ากลัวอีกแล้ว ส่งแววตาดุเข้าใส่..แต่ว่าในใจผมนั้น

กรั๊กๆๆ เชิญลงโทษผมเลยครับๆ...ผมไม่กลัวคุณหรอกไดสุเกะคุง...ตีก้นผมเลยๆๆ...ลั่ลล่า~~~~~

“ก็ใครบอกว่าชั้นล้อเล่นล่ะ พูดจริ๊ง!” ผมอดยิ้มแทบตาย ไดมันหน้างอง้ำเป็นตะขอไปแล้วครับ..ผมละอดขำมันไม่ได้จริงๆ...มันน้อยใจได้น่ารักโคตรๆเลยอะ...ตัวแมร่งก็โตยังกะควายแต่มันกลับทำท่าทางหน้าตายังกับเด็ก...มันหน้าตาดีไงเลยไม่น่าเกลียดอะ...แต่มันน่า...กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซว

จับข่มขื่นครับ!!!!!!

“ใจร้ายอะ ถ้าแค่นี้ไม่ต้องมาชอบหรอก คนอะไรก็ไม่รู้” บู้ๆๆๆ ...เสียงน้อยใจของไดคุงมัน...ดังออกมาให้ได้ยิน ฮ่าๆๆ

“ก็ไดบอกเองไม่ใช่เหรอว่าขอแค่นิดเดียว” ดายปากบู้หน้างออย่างไม่พอใจ อยากจะหัวเราะให้ฟันหักกับความทึ่มที่ออกไปในทางปัญญาอ่อนของมันซะจริงๆ

“ไม่เอาก็ได้ฟะ ไม่ต้องมาชอบแล้ว” ฮ่าๆๆๆ ผมก็ไม่เอาแล้วไม่อยากจะแกล้งพ่อเจ้าประคุณทูนหัวของผมอีกแล้ว ผมอดหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง ป่านนี้คงน้อยใจไปถึงไหนต่อไหนแล้วไม่รู้ ดูสิชักแขนออกไม่ยอมกอดผมอีก นั้นมันยังเสือกนอนหันหลังให้ผมไปเฉยเลย...ดูมันๆทำ

นึกสภาพมันเอาเองนะครับ...แต่สำหรับผม มันน่าถีบตกเตียงซะจริงๆครับ...มันดูผมไม่ออกเลยหรือครับ...ควายยังวิ่งหนีมันไปแล้วล่ะครับ...อย่างไดมันตอนนี้ต้องกูปรีเท่านั้น...กร๊าซซซซซซซซซซซซ

ผู้ชายไรก็ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ขี้น้อยใจแบบเน้...ไดคุงน้อยใจใหญ่โตเลยครับ เรียกตั้งหลายครั้งก็ไม่ยอมหันมา ผมก็เลยลองเอาขาก่ายขามันนำทางไปก่อน เอ๋! โกรธและน้อยใจอย่างนี้จะทำยังไงดี สะกิดก็แล้ว เล่นปูไต่ก็แล้วก็ยังไม่หันมาอีก ผมขยับตัวเข้าไปชิดแผ่นหลังของมัน แล้วเอี่ยวตัวขึ้นไปปีนสีข้างของมันเล่น ทับร่างเพรียวๆของมันให้ซะเลย จากนั้นก็พลิกตัวลงมานอนสบตากับสายตาขึงขัง ทำน้อยใจใบหน้างอง้ำที่อยู่ต่อหน้าอย่างไม่นึกกลัว...ผมอมยิ้ม...ยั่วมัน


“ไม่ชอบแล้วอย่ามายั่วอารมณ์สิ” ไดมันพูดประชดปนน้อยใจเข้าใส่ แต่ผมก็ยังอมยิ้มแก้มป่องพลางส่ายหน้าช้าๆ ...

“ไม่ได้ยั่วซะหน่อย...” แล้วก็ยกแขนขึ้นโอบลำคอแกร่ง ส่งสายตาขี้เล่นให้มันต่อ

“...แต่ชั้น...ทำ...จริง” แล้วผมก็เหนี่ยวคอกดมันลงมาเอาจมูกจรดชิดฝังติดแก้มตอบๆ เต็มแรง สูดกลิ่นผิวกายของมันเข้าเต็มปอด อ่า...ก็มันอยากมาทำน่ารักน่าสงสารเองหนิ ผมก็อดใจเอาไว้ไม่ไหวเหมือนกัน...และไม่ต้องรอให้ไดมันตกใจในสิ่งที่มันคาดไม่ถึงอยู่นานหรอกครับ

ไดยังไม่ทันหายช็อคดี ผมก็เลื่อนใบหน้าลงมาประกบปากกับริมฝีปากได้รูปต่อ จูบปิดปากที่กำลังจะอ้าหวอนั้นเข้าให้อีก ดูซิ ทำถึงขนาดนี้แล้วยังจะบื้อและทึ่มอยู่อีกไหม แล้วผมก็จูบมันแบบที่มันทำกับผมบ้างถึงจะไม่เก่งกาจลูกเล่นและชั้นเชิงไม่แพรวพราวเทียบมันไม่ได้ก็เถอะ แต่ผมก็ตั้งใจทำอะนะ

จูบรสหวานที่ผมอยากมอบให้ค่อยๆ ดูดดื่มซึมซับสัมผัสความรู้สึกลึกๆ ของกันและกันช้าๆ ความรู้สึกที่มีให้ไดคุงสำหรับผมแล้ว มันมากนักถ้าจะให้พูดหรือบอกออกไปตรงๆคงจะยาก(เพราะผมมันประเภทปากแข็ง แต่ใจอ่อน)ให้การกระทำของผมตอนนี้ทำหน้าที่ ถ่ายทอดความในใจของผมส่งผ่านเป็นสื่อให้ไดมันได้รับรู้ดีกว่านะครับ

ได้มั้ยได.. ได้ไหม... มึงจะรู้หรือยังว่ากูก็รักมึง...รักมึงอะ

เสียงจากหัวใจที่ร่ำร้องช่วยบอกย้ำให้ความรู้สึกชัดเจนขึ้น ไดคุงยกแขนโอบรอบเอวผมแน่น

“คาสุม่า...” มันเรียกชื่อผมเหมือนเพ้อแล้วมันก็พลิกร่างผมลงด้านใต้เปลี่ยนมาขึ้นคร่อมอยู่บนตัวผมแทน นัยน์ตาของมันงี้...เชื่อมเป็นน้ำอ้อย น้ำตาลเลยครับ

กูจะละลายแล้วว้อย..!

“ฉันไม่ได้เข้าใจผิดคิดไปเองใช่มั้ย?” ผมยิ้มให้ไดมันครับ... ไม่ได้ตอบแต่ให้มันคิดเอาเองอย่างที่มันว่าแล้วกัน...

มันก็นิ่งครับ...แต่คิ้วมันกระตุกอยู่...

“ตาบื้อเอ้ย! ทึ่มจริงๆ เลย” พยักหน้ายักคิ้วไปก่อนที่จะหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งมัน

“นี่แน่ะ!บื้อเหรอ ทึ่มเหรอ อย่างนี้ต้อง….” Oops!!! จ๊ากกก…อ๊ะ…มาแล้วของจริง!

 ถูกตาทึ่มกดติดที่นอน ริมฝีปากจั๊กจี้ใจ ก็จูบไซ้ที่ซอกคอ อ่า.. ไดมันไม่ฟังฟ้าฟังฝนกระหน่ำจูบผมให้ทั่วไปหมด ซอกคอ หัวไหล่ ใบหน้า และริมฝีปากถูกจูบไล่ต้อนจนๆ มุม อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟอยู่ในอ้อมกอดแน่นหนาของมัน


“ทะ ทนไม่ไหวแล้วม่า” น้ำเสียงมันแหบพร่าเล่นเอาผมกลัวอะครับ...กลัวอดใจไม่ไหว กร๊าซซซ ล้อเล่นครับ กลัวมันปล้ำอะดิ ลมหายใจร้อนของมันรดอยู่บนหน้าอกเปลือยเปล่าของผม...ไม่รู้ไดมันไปถอดเสื้อผมออกตอนไหน ไวยังกะลิงเลยนะมึง!

 แล้วริมฝีปากอุ่นร้อนก็งับเข้าที่ติ่งเนื้อบนหน้าอกจนผมสะดุ้ง เส้นขนพากัน stand up เกรียว ผมเผลอปล่อยเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว...น่าอายๆๆ

ยัง...มันยังไม่ยอมปล่อยให้ผมหยุดเสียงครางลงโดยง่ายนะครับ...มันต้องแกล้งผมแน่ๆ... มือข้างที่ว่างๆของมันไล่บี้ลูบไล้ทั่วเนินอกและหน้าท้องของผม ก่อนที่จะตามลงมาด้วยสัมผัสที่ผมคาดไม่ถึงว่ามันจะกล้าทำกับผม(ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน)

ปลายลิ้นร้อนผ่าวของมันลากไล้ กดจูบหนักๆ บ้างก็แค่เพียงแผ่วผิวไล้วนทั่วหน้าท้องแบนราบ แถมมันยังกดปลายลิ้นลงบนรูสะดือจนผมผวาเฮือกอะ...ฉิบหายย ไอ้บร้าได! มันชักจะต่ำลงไปมากแล้วนะว้อย!

 กางเกงที่ผมสวมอยู่ก็ถูกพ่อตัวดีถอดออกแบบไม่แยแสแล้วครับ...มันเอาตีนยันๆออกด้วยซ้ำ(อย่าให้ถึงทีกูนะมึงนะ..กูจะถอดด้วยการยันคืน แฮ่ๆ) อากาศเย็นๆ ทำให้เริ่มรู้สึกตัวว่าเวลานี้ผมมีสภาพไม่แตกต่างจากเด็กแรกเกิดนัก ...กูเขิลลลลลลล อย่าเชียวนะมึง อย่าลุกขึ้นมาจ้องกูเชียวนะมรึงง


ความหนาวเย็นบวกอารมณ์ที่ถูกมันปลุกเร้าจนตะเลิดเปิดเปิงไปไกลชนิดที่กู่ไม่กลับแล้วล่ะครับ..(รู้ตัวเองๆ) กระตุ้นให้ผมต้องรีบเบียดตัวเข้าหาร่างกายของมันที่มีสภาพไม่แตกต่างไปจากผม มันไวจริงๆครับ ทำไมสมองมันไม่ไวอย่างเรื่องนี้บ้างนะ...?  ตาทึ่มหัวแดงกอดร่างเล็ก ๆ ของผมไว้เต็มอ้อมแขน

...สัมผัสของเลือดเนื้ออุ่นร้อน
สัมผัสของแก่นกายตึงเครียด...
..และความรู้สึกที่สัมผัสถึงกันได้...                             

(กูยอมเป็นเมียมึงงงงงงงงง./..กูจะเอามึงเป็นเมียยยยยยยยยยยยย)

มันสปาร์คแล้วครับ!!
มันไปปลุกความใคร่เร้นลับ ให้ต้องการกันและกันจนอารมณ์กระเจิง ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของร่างกายผม ก็ถูกไดคุงตีตราจองเอาไว้ทุกตารางนิ้ว

มันหื่นแตกกกกกกกกกกกกกกกกก
มันต้องแอบไซโคด้วยแน่ๆ...
จะดูดกูจนเป็นจ้ำๆหมดทั้งตัวเลยหรือไงฟะ!..กะกูเจ็บนะว้อยยย!
เหลือพื้นที่ไว้ให้กูภาคภูมิใจว่ายังมีที่ว่างที่มึงยังล่วงล่ำไปไม่ถึงบ้างซิว้อย!
ไอ้เถื่อนได!!!!

เสียงหอบหายใจเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นทั้งเสียงครางกระเส่า ครวญครางหวานหู ทั้งเสียงจูบหนักๆ ย้ำว่าหนักๆครับ ดังอื้ออึงไปทั่วห้องนั้น ในตอนนี้ฟังไม่รู้ว่าเป็นเสียงไดหรือเสียงของตัวเองแล้วละครับ...

ผมรู้แค่ว่า... ร่างกายของผมมันบิดเกร็งไปทุกส่วน 2 มือขยุ้มเส้นผมกดหัวไดมันเอาไว้ไม่ให้มันละออกมาจาก..ตรงนั้นของผม สัมผัสที่แทบจะกลืนกินผมทั้งร่างทำเอาผมดิ้นเร่าๆ มือเท้าเกร็งจิกผ้าปูที่นอน ปล่อยเสียงร้องของอารมณ์พลุ่งพล่าน ทนไม่ไหวครั้งแล้วครั้งเล่าที่ถูกกระตุ้นด้วยปลายลิ้นร้ายกาจ และริมฝีปากที่ปอกลอกให้ไม่ออมแรง อุ้งปากร้อน ๆ ดึงดูดตอดรัดเร่งจังหวะกระชั้นขึ้น  อ่า..ให้ตายยย...

ผมทนไม่ไหว ...สุดๆจริงๆครับ...

ไอ้บร้าไดมันยอดเยี่ยมกว่าที่ผมคิดซะอีกอะ

ในนที่สุดก็ทำเอาผมถึงฝั่งฝัน ปลดปล่อยความตึงเครียดแข็งตัวออกมาเต็มปากของมัน...( กูอายยยๆๆๆๆๆ )


“ม่าคร๊าบบบบบ......”

มึงไม่ต้องมาอ้อนนนนนนนน

กูจะไม่ใจอ่อนกับมึงงงงง

ไดมันส่งยิ้มให้อย่างกับรู้ทันความคิดของผมอะ
ทั้งคำพูดและท่าทางอ่อนโยนของมันเล่นเอาผมต้องกุมหัวใจตัวเองแล้วบีบเอาไว้แน่นๆ ให้อยู่กับตัวเองเลยครับ...อย่าเชียวนะมึง อย่าพึ่งไปนะว้อยไอ้ม่า!

 

“หื้อ ดะ.. ได” ผมอายมันจนหน้าร้อนผ่าว เมื่อมันขึ้นมาคร่อมจูบคลอเคลียอยู่ที่ปากและใบหน้าอีกรอบ...มันแกล้งผมๆ...มันรู้ว่าผมแพ้สัมผัสแบบนี้...ไอ้บร้าๆๆๆ

.......
...............
....................
.
“นาย...ผอมลงไปหรือเปล่าคาสุม่า...?” สายตาดุปนขี้เล่นโลมเลียไล่มองไปทั่วทั้งตัว

อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค
กูอายว้อยไอ้บร้า+++

“…. ไดก็เหมือนกันซี่โครงจะทิ่มชั้นตายอยู่แล้ว”

กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
เอาดิ มึงเล้าโลมด้วยสายตาเป็นคนเดียวที่ไหน สายตาของผมมันก็ขอซุกซนบ้างเถอะครับ
เผลอจ้องน้องชายมันซะตาค้าง...อะไรมันจะ...ขนาดนั้น(???)...นะ...เผลอคิดไปแล้วครับ...ถ้าบั้นท้ายของผมเอามันอยู่ เห็นทีผมคงต้องไปเช็คประสิทธิภาพบั้นท้ายของตัวเองใหม่แล้วล่ะครับ...สมตัวไดมันจริงๆ!

กลัวตายขึ้นมากระทันหันแล้วครับ เผลอขยับตูดและตัวออกจากรัศมีความหื่นของมันให้อย่างลืมตัว...ใบหน้าของผมมันร้อนไปหมดด้วยอะ ไอ้คุณพี่ไดมันก็เหมือนจะรู้อีกนะอมยิ้มล้อกูใหญ่เชียว

...และแล้วผมก็โดนบี้จมูกเล่นด้วยความหมั่นไส้ ...เขินจะแย่อยู่แล้ว!

“ก็รอคนกลับมาขุนอยู่นี่ไง จะรับขุนหรือเปล่าละฮื้อ…?” มันโน้มใบหน้าลงมาแล้วเอาจมูกชนกับจมูกผมเกลี่ยเล่นไปมาด้วย...กร๊าซซซซซวว...มันพูดและทำอะไรน่ารักๆแบบนี้เป็นด้วยอะ

กูอยากดิ้นตายยๆๆ...จะทำให้กูหลงมึงไปถึงหน๋ายยยย...

มันต้องอยากให้ผมกรี๊ดแตกแน่ๆเลยไอ้นี่!

“... ชั้นจะเอาอะไรไปขุนได” ผมถามกลับหน้าร้อนไปหมด

“ก็นี่ไง ขุนด้วยไอ้นี่ ร่างกาย และ ตรงนี้ไงครับ”

อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค
ใครก็ได้เอาผมไปมุดตู้ทีเถอะ!...ผมอายชาวบ้านเขาเหลือเกิน...

“บ้า!” อายม้วนต้วนไปเลยไหมคาสุม่า ถูกมันพูดและทำอะไรที่จักจี้ๆแล้ว...ไดมันก้มลงไปจูจุ๊บลงที่อกตรงตำแหน่งหัวใจแบบนั้น

กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ  เสียงร้องด้วยความเขินวิ่งแล่นชนกันคับอก ตาหัวแดงไดทำเอาผมพูดหรือทำอะไรไม่ถูกตัวแข็งทื่อไปเลย



“ขอได้ไหม ....นะครับ...” น้านมาไม้นี้แล้วครับ...คำออดอ้อน เว้าวอนหวานหูพร่ำขอเบาๆ น้องชายมันยังไม่ใด้รับการปลดปล่อยอารมณ์ที่คั่งค้าง ความปรารถนาที่แข็งขื่นบดเบียดอยู่ที่ต้นขาของผมบอกได้เป็นอย่างดี

กูอยากพ่นไฟๆๆ...
น้องชายมันยิ้มให้กูด้วยยยยยยยย
กร๊าซซซซซซ กูจะบ้าตาย
กะ...กูจะตายมั้ยยย...?
ต้องตายแน่ๆ...

“... มะ มันจะเจ็บหรือเปล่า...?” ผมเอาหน้ามุดกับอกของมันไปแล้วครับ ไม่ยอมให้มันมองด้วยสายตายิ้มได้ของมันแล้ว

“ลองดูไหม เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวก็รู้”มันว่าทำเสียงหื่นๆ จนซักสยอง

“อื้อ ไม่เอาอะ แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับชั้นนะสิ” กร๊าซซซซซ กะแร่งจริงๆเลยกู...ตอแหลอะตอแหล

“ม่าฉันอยากให้นายมีความสุข และฉันก็อยากมีความสุขกับนายนะ...อยากให้นายรู้ว่าฉันคิดยังไงกับนาย”โอ้ย!ผมจะถือว่ามันเป็นคำสารภาพรักอะนะ...ไดสุเกะคุงจะทำให้ผมจมอยู่กับกองน้ำตาลแล้วล่ะครับ

หรือว่ามันจะปากหวานเฉพาะเวลาที่มัน...อยาก..อะ

“ชั้นไม่เคยนี่ กลัวมันเจ็บ”

“ฉันจะค่อยๆทำอะนะ ฉันจะใจเย็นๆ”

“...........”ผมแอบเหล่ตามองขลาดๆครับ

“ ฉันอยากให้ม่ามีความสุขไปด้วยกันนะ...”

“อื่ม... ตามใจนายแล้วกัน”( เยส! :ไดมันร้องตะโกนอยู่ในใจได้ดังมาก(หัวเราะ)) พยักหน้าด้วยความอายให้มันไปแล้วครับ ตอนนี้ไดมันจะคิดอะไรอยู่ก็ช่างมันเถอะครับ
ผมอะ..ขอหน้ามืดตามัวเชื่อมันนะครับ ผมอยากให้ไดมันมีความสุขด้วยเหมือนกันในเมื่อผมรักมัน แต่มันจะรักผมหรือเปล่านั้น ปล่อยให้เวลามันพิสูจน์ดีกว่าครับ...ขอแค่เวลานี้ผมสามารถทำให้มันมีความสุขได้ก็พอแล้วครับ...อะไรจะเกิดก็ช่างหัวมัน

...ผมหลับตาลงทันที ไดมันยิ้มหน้าบาน กระหน่ำจูบลงมาให้ทั่วใบหน้าอีกครั้ง ผมหลับตาพริ้มหายใจไม่ทั่วท้อง ตื่นเต้นที่จะถูกเชือด เอ้ย! ตื่นกลัวกับสัมผัสแปลกใหม่ครั้งแรกในชีวิตไม่เคยมาก่อน ประตูหลังที่หวงแหน ความรู้สึกแอนตี้ที่เคยมีให้พวกผิดเพศ ย้อนกลับเข้ามาจนนึกรู้และเข้าใจความรู้สึกของพวกเค้าดี

“ไม่ต้องกลัวนะ คาสุม่า มันจะต้องราบรื่น...”

ไดคุงกระซิบปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน เมื่อเห็นสีหน้ากังวลและหวาดกลัวของผม เริ่มละเลงปลุกเร้าอารมณ์ของผมขึ้นมาอีกรอบ บดเบียดเนื้อตัวเข้าหาผมใหญ่ แนบแน่นสนิท จนไม่มีที่ว่าง แล้วก็เป็นไปดั่งใจมัน อารมณ์ผมโหมกระพือคุพุ่งขึ้นมาตั้งโด่ เสียงครางเครือของตัวเองก็บอกว่าผมต้องการไดมันมากแค่ไหน


“ไดคุงๆ ชั้น ๆ...”ไดละปลายลิ้นออกจากส่วนที่แข็งตึงที่สุดของผมแล้ว

“เจ็บหน่อยนะม่า...แต่ฉันจะไปช้าๆ นะ”

มันขึ้นมากระซิบบอก ทุกสัมผัสของมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนทุกอย่าง ทันทีที่ขาถูกยกขึ้นพาดบ่าแกร่งผมก็เกร็งไปหมด รู้ว่าอะไรจะเกิดกับตัวเองต่อไปจากนี้ นิ้วมือแกร่งรุกรานเข้ามาจนผมสะดุ้งเฮือก หลับตาแน่น ทนทำใจยอมรับสัมผัสแปลกใหม่ที่ไดมันนำพา วาสลีนกันผิวแตกที่วางอยู่บนหัวเตียง ถูกมันใช้เป็นเครื่องมือนำทางสู่จุดหมายหฤหรรษ์ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง ผมผวากอดหลังไดคุงแน่น และเผลอร้องเสียงหลง เมื่ออะไรที่ใหญ่กว่าแข็งกว่านิ้วแกร่งๆ นั้นเคลื่อนตัวเข้ามาแทนที่ ความเจ็บจุกเสียดที่ไดนำพาเข้ามา เล่นเอาผมน้ำตาซึม มันไม่ไหว เจ็บ เสียดทานอึดอัดไปหมด


“ ได …ได พะ พอก่อน” รีบบอกร่างสูงที่คร่อมอยู่บนตัว ไดมันยอมตามผมหันมาจูบคลอเคลียเล่นลิ้นปลุกอารมณ์ให้ผมคล้อยตามอีกรอบจนผมเผลอ มันก็เริ่มขยับกดกายเป็นจังหวะขึ้น

“ฮื้อ….คะ.. คาสุม่า….อ๊า” เสียงครางกระเส่าบ่งบอกอารมณ์ของมัน ผมเริ่มจะทนไม่ไหวสัมผัสแปลกใหม่ทั้งเสียด เจ็บ เสียวซ่านทะลักเข้ามาพร้อมกันหมด ปล่อยเสียงร้องครางไม่ได้ศัพท์ออกมาไม่ขาดปาก ความอัดแน่นที่ขยับอยู่เบี้ยงล่างถูกมันร่นจังหวะเข้ามากระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ เกร็งรับไปหมดเล็บทั้งสิบจิกเต็มแผ่นหลังกว้างของไดมันครับ....

ผมเกร็งขารับเอามันไว้ทั้งหมด...

อื้ออ...มันเก่งอะ...มันทำเก่ง!

“ม่า ๆ ฉันไม่ไหว แล้ว”

“ฮื้อได อื่ม…อ๊าาาา” แข้งขาสั่นระริก ...

เสียงแอ๊คโค่ของผมกับไดมันแข็งกันดังเป็นระยะๆ

“อ๊าาา…ได!” ผมร้องเสียงหลงเกร็งรับแรงกระแทกสุดท้ายที่มันกระหน่ำลงมา ร่างเจ้าทึ่มของผมกระตุกทีสองทีของเหลวอุ่นร้อนที่รู้สึกได้ในร่างกายเบื้องล่างก็พุ่งออกมา แล้วผมก็ทิ้งตัวปล่อยแผ่นหลังติดที่นอนอย่างอ่อนแรง แต่ว่าไดมันยังแกล้งขึ้นมาเป่าลมรดใบหน้าของผมเล่นนะ

“ขอบคุณนะครับ รักนายจังม่า” ผมปรือตามอง...รักกูจริงดิ!...มึงพูดจริงๆเหรอ...

มึงไม่ได้โกหกกูนะ...กูไม่ให้มึงเปลี่ยนใจนะว้อย...อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน...แม่งฆ่าทิ้งจริงๆด้วย!

“ลองไม่รักดิ ชั้นจะกระแทกนายกลับบ้างเจ็บจะตาชักก...” นั้นว่าเข้าไปนั้น...อายก็อายทำปากกล้าออกไปแก้เขินเสียอย่างนั้น

“งั้นก่อนที่นายจะกระแทกฉันๆก็ขอกระหน่ำนายให้หนำใจก่อนนะจ๊ะ”

“อ๊ากกกก…….ไอ้บ้าๆๆๆๆได ปล่อยช้านนนนนนนน”


จากนั้นเสียงสวดเพลงศพ เอ้ย! เสียงทำนองเพลงรักที่ไอ้ทึ่มไดมันบรรเลงเป็นจังหวะกระท่อนกระแท่นเพราะแอ่คโค่ไม่เป็นใจ ไม่ต้องสงสัยว่าผมจะถูกไดมันทำอะไรบ้างไปตลอดทั้งวันนี้ ถ้าเอาเทปมาอัดได้ผมคงส่งเข้าประกวดไปแล้ว คงได้เป็นนักร้องโอเปร่า ไอ้บ้าไดมันกระหน่ำลงมาไม่ยั้งกระแทกๆลงมาจนหนำใจ ตูดผมจะบานและพังเอาก็คราวนี้แหละ ครับ...มันจะรักบ้ารักบออะไรกันป่านนั้นไม่ได้ให้พักหายใจหายคอกันบ้างเลย  แรง(ฟ)ราย ดีๆ นี่เองครับ ผมได้ปิดตาสนิทจริงจังก็เย็นแล้วละครับ ฝากไว้ก่อนแล้วกันไดคุงอย่าให้มีแรงนะไม่งั้นละก้อ ฮึ่ม!!!.

To be Continue...

เขินมากมายกับตอนนี้ เขินจนเอาหน้าไสๆไถๆไปทั่ว... 3 ชั่วโมงเค้นแทบตายได้อย่างที่เห็น
จิ้นไม่จิ้น ก็ขอได้โปรด Ment มาบอกด้วยนะคับ Please
เพราะเราจะเป็นบ้ากับตอนนี้ให้ได้เลยยยย หัวฟูกระจายมาก
มันตีกันอะ มึนตึ๊บ ก็เลยออกมาแบบ มึน ๆ บ้า ๆ ผสมต๊องไปนิ๊ดดด


ถ้าใครอ่านแล้วเกิดพบชื่อที่สะดุดไม่คุ้นในเรื่องนี้ก็ไม่ต้องสงสัยนะครับ...แฮ่ๆๆ ไอ้เอ็มขอโทษด้วยที่ไม่ได้ตรวจทานให้ดี(เรื่องจริงมันอยู่ในบอร์ดเดอฟิค เอามาอีดิทรอบสองครับ)




 
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 02-09-2007 16:34:47
One man story 7


"ก๊อกๆ ๆ เปิดประตู เปิดออกดูใครมาเยือน" แม่ง ใครวะ ? ...มาร้องเพลงสำเนียงเปรตอยู่หน้าห้อง

"ก๊อกๆ ๆ เปิดให้ทีกูมาดีอย่าให้เตือน" สำเนียงคุ้น ๆเคยได้ยินที่ไหนวะเนี้ย ผมเอาท้าวเขี่ยๆร่างที่สลบอยู่ ไม่มีแรงลุกขึ้นมาปี้ผมได้อีกในตอนนี้ของไดสุเกะคุง

"หือ อะไรเล้าคาสุม่า!"

"ได ฟังซิเสียงใคร...?" นอกจากจะไม่ตอบแล้วไดคุงยังเอาผ้าห่มคลุมโปงอีกต่างหาก..ดูมันทำๆ...มันไม่คิดจะสนใจอะไรมั้งเลยหรือไงฟระ!

"ก๊อกๆ ๆ เปิดไม่เปิด เมิงไม่เปิดกูจะพัง"

จ๊ากกกกกกกกก!!! เปรตมาจริง ๆ ด้วยครับพ่อแม่พี่น้อง!

"ก๊อกๆ ๆ พวกมึงจะเปิดกันดี ๆ มั้ย?" น่าน! ชัด ๆ...ชัดแจ้งแดงแจ๋ไอ้น้ำเสียงกวนประสาทนั่น ไอ้จี้!!!

ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติไม่สนอะไรแล้ว หูผึ่งกางตั้ง ตาเหลือก จากนั้นก็แตกตื่น

" ว๊ากกกกกกกกกกก" แล้วก็ลุกขึ้นวิ่งวุ่นโทงเทงๆ อยู่บนเตียงไปมาคนเดียว

(นึกสภาพโทงเทง ๆเอาเองเน้อ ไม่อยากบรรยายยยยยยยยย มันจะยานนนนนนนนน ไหมนั้นน่ะ : RED...[em] )

วิ่งทำไมอะ ทำไมถึงมีแรงลุกขึ้นมาวิ่งโทงเทงได้
กร๊าซซซซซซซซซซซซซว กูจะบ้าตายยยย+++

ก็ตื่นไอ้จี้นะสิ!

อ๊ากกกกกกกกก บรรลัยแล้วครับ!

 ตายแน่ๆต้องตายแน่ ๆ  ไม่ได้จะให้มันมาเห็นเราในสภาพนี้ไม่ได้ ไหนมันบอกอีกตั้ง สอง สามวันกว่าจะกลับมาแล้วไหง มันกลับติดจรวดมาแบบนี้วะ



ผมล้มลุกคลุกคลานอยู่บนตัวไดสุเกะคุงบ้างอยู่บนที่นอนบ้างเพราะกระโดดหยองแหยง มัวแต่ตกใจแตกตื่นไอ้จี้ยิ่งกว่าอะไรซะอีก ก็เลยสะดุดหมอนข้างและขาไดคุงเข้า กระโดดลงเตียงหาเสื้อผ้าให้ควัก

...อยู่ไหนๆ เกงใน เสื้อใน ยกทรง เอ้ย! เสื้อนอน เกงนอน อยู่หน๋ายยยยย ๆ ไดคุงหัวเราะก๊าก แบบไม่เกรงอกเกรงใจท้องคัดท้องแข็ง พิงกับหัวเตียงคงเห็นผมเป็นตัวตลกอะไรซักอย่างไปแล้วล่ะครับ...ช่างมันเถอะะ.. ช่างมันไม่มีอะไรจะให้อายแล้วสำหรับไอ้คุณพี่ได ก็เห็นทุกส่วนบนร่างกายของผมไปหมดทุกรูขุมขนแล้วนี่น่า ...

(นับตั้งแต่วันนั้น...ที่ผมยอมมีอะไรกับมัน...นี่ก็ปาไปวันที่สามแล้วครับที่มันเล่นล้อจะเอาแต่ผมลูกเดียว...เห็นหน้าผมแม่งไม่สนใจอะไร...ยัดเยียดความเป็นผัวให้ผมอย่างเดียว...มันหื่นแค่ไหน...ก็คิดดูเอาเองแล้วกันครับ...แต่สำหรับผม..แม่งโคตรของโคตรเลยไอ้นี่!

"ไดใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า ...เอ้า!..นั่งทำเบี๊ยกอะไรอยู่ได้ เร็วเข้า!"

................................

........................................
"ทำหน้าบื้ออีกแล้ว เร็วสิได! เดี๋ยวมันก็ได้พังเข้ามาจริงๆ หรอก"

"ช่างปะไรเล่าม่า ทำเป็นไก่ตื่นไปได้" ได้ไง รู้จักฤทธิ์ไอ้จี้น้อยไปสิมึงน่ะ

"โธ่!ไดข้อร้องล่ะ" ผมเข้าไปถูลู่ถูกังลากเอามันลงจากเตียงอย่างยากลำบาก...ก็ตัวอย่างกะฟรายย

"ไอ้แดงมึงจะเปิด ดีๆ ไหม...?" นึกว่ามีแต่ผมคนเดียวซะอีกที่เรียกไดคุงแบบนี้..ที่แท้ไอ้จี้ก็อีกคน...เสียงเย็นๆของไอ้จี้ตะโกนถามเข้ามาอีกถ้าเดาไม่ผิดละก็ตอนนี้มันคงกำลังนับ หนึ่ง ถึง สิบอยู่

แล้วทันใดนั้นในขณะที่ผมทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นไอ้ไดครับ ไอ้ไดมันก็สาวเท้าก้าวฉับ ๆ ตรงดิ่งไปที่ประตูห้องเกือบจะทันที

ผมจะบ้าตายยย มันจะทำอะไร!!!
ไอ้นี่มันไม่อายเลยอะ...

ผมกวาดสายตาสำรวจความเรียบร้อยไปทั่วทั้งห้อง อ่า...สมรภูมิหื่นชัดๆ!!!

โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่อยากบรรยายยยยยย

กางเกงทั้งในและนอก เสื้อ ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม เจลหล่อลื่น ถุงยาง ถูกถอดทิ้งเรี่ยราดไปหมด(แฮ่ๆ)...ฝีมือใคร...ไอ้คุณพี่ไดคนเดียวเลย

ยัง ยังไม่รวมที่นอนที่ผ้าปูยับยู่ยี้นะ...แล้วไอ้อาการของผมอีกล่ะ...เดินเกือบจะไม่เป็นท่าแล้วคร๊าบบ

ใครมาเห็นเข้าไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ...เมื่อคืนอ่ะมันเล่นจ้ำจี้มะเขื่อเปราะกันเกือบปางตาย...ไอ้คุณพี่ไดคนเดียวเลย...แมร่งหื่นนรกแตกโลกันต์!!!

อย่าให้นับว่ากี่รอบ...ไม่รู้ไดมันไปเอาแรงวัวแรงควายที่ไหนมา..แมร่งอึดชิบหายเลยครับ!

ผมชำเลืองมองไอ้ตัวยัดเยียดความหื่นให้ผมอย่างเคืองๆ

"อย่านะได อย่าพึ่งไป!!! นายจะไปเปิดประตูทั้งสภาพเหี่ยว ๆ เนี้ยนะ"ไดมันก้มมองดูร่างตัวเองแล้วก็พยักหน้าให้ผมหงึก ๆ

กูอายแทนมรึงจริงๆ...

"ทำไมไม่เห็นเป็นไร ฉันกับไอ้ท็อตแช่ออนเซ็น ด้วยกันออกบ่อย"โธ่! ไม่รู้จักอายไอ้ที่เหี่ยว ๆของตัวเองเอาเลยนะเพ่!

ผมเดินขมิบบั้นท้ายด้วยอาการเสียดๆไงไม่รู้บอกไม่ถูก...รอดมาได้ก็บุญโขแล้วล่ะครับ...ของไอ้คุณพี่ไดตอนมันสำแดงฤทธิ์เดชอะ..อื่ม...เอาเป็นว่าผมยังสงสัยไม่หายในประสิทธิภาพบั้นท้ายของตัวเองก็แล้วกันนะครับ...

เอามันยัดเข้ามาได้ไงฟระ...!

ยักแย้ยักยันพาตัวเองไปเก็บไอ้ที่เรี่ยวราดทั่วห้อง พลางหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ไดมันนุ่งกันความอุจาดตา...เวลาที่มันหมดฤทธิ์อะ...ฮ่าๆๆ ผมว่ามันก็น่ารักดีน่ะครับ...น่าสงสารเมื่อคืนมันถูกใช้งานหนักน่าดู(แฮ่ๆๆ)

" เอ้าถ้าของเพ่! มันหญ่ายยยย อยากโชว์นักละก็ ผมขอร้องล่ะนะเก็บไว้ก่อนได้ไหม ตอนนี้ช่วยเอาไอ้นี้พันไว้ก่อนนะไดนะ แล้วก็ช่วยบอกมันว่าฉันอาบน้ำอยู่นะ" โยนผ้าเช็ดตัวให้ไดแล้วผมก็ลากสังขารเข้าห้องน้ำไปทันทีเลยครับ

"อะไรวะ เป็นอะไรของเค้าทำอย่างกับกำลังคบชู้ง่ะ เอ๊ะ! หรือว่า ไอ้ม่า!...จ๊ากกกกกกกก" มันเป็นอะไรของมันอีก!ได้ยินเสียงไดมันบ่นงุบงิบแล้วก็แหกปากลั่นไม่เกรงใจข้างห้องเลยให้ตายย

"เว้ยเฮ้ย! ไอ้แดงแหกปากอยู่ได้ มาเปิดซักทีซิวะ พระเอกเมื่อย!!!"ไอ้จี้!!!... มันก็ใช่ย่อยโหวกเหวกๆอยู่นั่นแหละ

"ง่า! เอ่อ!ๆ รอแป็บ ไปแล้วๆๆๆ"
..................................

.....................................................
"ช้านักนะมึง มัวทำอะไรกันอยู่...?แล้วนี่คาสุม่าล่ะ เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงแว้ดๆ อยู่หยก ๆ"

"นี่มึงไม่คิดจะทักกันเลยนะไอ้ท็อต เพื่อนกูแต่ละคน มาถึงก็ถามหาแต่คาสุม่ากันทั้งนั้น"

"ก็ มึงน่ะมันอยู่ด้วยกันมาตลอด ไม่มีอะไรให้ต้องคิดถึงนักหนานี่หว่า แต่ไอ้ม่าน่ะกูไม่ได้เห็นมันมาจะเป็นปีแล้ว เอ่อ...ดีๆมึงแล้วกันได..."...มันสองคนคุยกันอะ

"เอ่อ ดีมึงเหมือนกัน"..กร๊าซซซซมันทักกันแค่นี้นะ

"แล้วไอ้ม่าล่ะ..?"ไอ้จี้มันถามถึงผมอีกแล้วครับ

"นู่น ห้องน้ำ อาบน้ำอยู่"

"อาบน้ำเหรอ ? ..."เสียงไอ้จี้แม่งดังใกล้เข้ามาแล้วครับ

"โอ๊ะโอ่ เบบี๋ อาบน้ำรอผัวเหรอจ๊ะ"ไอ้เวร! เอาแล้วไหมล่ะไอ้จี้เล่นกูแล้ว มันมายืนเห่าอยู่หน้าประตูห้องน้ำแล้วครับท่าน

"มึงไปเป็นผัวไอ้ม่าตอนไหน?" แล้วก็ได้ยินเสียงใหญ่ ๆของไอ้แดง บ่งบอกว่าไม่พอใจถามขัดไอ้จี้ขึ้นมาหันที
 
โอ้ย!ไอ้นี่ก็งั่ง!! งั่งเข้าไปอีก อยากเอาหัวตัวเองชนกับประตูนัก หูเบาอะไรจะป่านนั้นเพ่ได

"เป็นตอนที่มึงไม่รู้ไม่เห็นนั้นแหละได...คาสุม่า ออกมาเดี๋ยวนี้นะ อยากเห็นหน้ามึงจะแย่อยู่แล้ว...ออกมาเร็วๆซิวะ กูคิดถึงมึงอ่ะ ไม่ต้องขัดสีฉวีวรรณเพื่อกูมากนักหรอกน่า มึงน่ะมันปิ๊งตลอดเวลาอยู่แล้ว"

ผมยืนพิงกรอบประตูห้องน้ำ คำพูดของไอ้จี้แต่ล่ะคำฟังแล้วอยากจะอ๊วก ..มันผิดปกติวิสัยของมัน ที่เคยคุยกันแล้วล่ะครับ...เข้าใจว่ามันไปอยู่ต่างที่มา คงกินอะไรผิดสำแดงเข้าไปเยอะแหละครับ...มันถึงได้เป็นแบบนี้


อ่ะตายแล้ว! แล้วไดล่ะมันได้ฟังอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้..ไม่ได้ๆๆ

ผมรีบถลันตัวพาตัวเองออกจากห้องน้ำด้วยวามเร็วปานกลาง ...ลางสังหรณ์ของผมมันบอกว่าถ้าผมออกไปช้ากว่านี้มันสองตัวต้องทะเลาะกันแน่ๆครับ

"แหกปากเป็นนกแก้วนกขุนทองอยู่ได้ เดี๋ยวข้างห้องเค้าก็ได้มาไล่ตะเพิดเอาหรอก"ในที่สุดผมก็พาตัวเองออกจากห้องน้ำ มายืนทำหน้ามู่ตู้ใส่พวกมัน เก๊กไว้ๆครับ กลัวว่าจะหลุดพิรุธให้ไอ้จี้จับได้เอา

"คาสุม่า เค้าคิดถึงอะ" ไอ้จี้มันเรียกชื่อผมลากเสียงซะยาน...เวลาที่มันกลับบ้านไปเจอแม่มันมันจะพูดกับแม่มันแบบนี้ไหมนะ...?

"ว๊าก ทำบ้าอะไร จี้ พอๆๆ เลี่ยนๆๆ"ก็ไอ้จี้เข้ามากอดพัวพันทำหน้าละห้อยอยู่ตรงเอวครับ

"ไม่เจอตั้งนาน นายสวยขึ้นตั้งเยอะ" ไอ้บร้า!! ไอ้จี้ตาเป็นประกายเชียว...อย่าชมว่ากูสวยอีกน่ะ...หล่อเว้ยหล่อ...กูหล่อ!(ฮ่าๆๆ)

"นายก็เหมือนกันนั่นแหละ!"อันนี้พูดจากใจจริงครับ...เรื่องหน้าตาและทรงผมของเพื่อนผมคนนี้มันไม่เป็นสองรองใคร...(ยกเว้นไอ้คุณพี่ไดน่ะ) คนอื่นๆอาจจะบอกว่ากินกันไม่ลง พอๆกันทั้งรูปร่างและหน้าตา...แต่สำหรับผมในตอนนี้คงจะหน้ามืดตามัวค่อนไปทางไอ้คุณพี่ไดซะมากกว่า...ไอ้จี้มันหน้าตาดีครับ...มากแค่ไหน...?

ก็ระดับนายแบบชื่อดังของประเทศล่ะครับ...เดินกับมันที มีแต่สาวๆตามกรี๊ด(อันนี้เคยคิดเล่นๆนะว่าสาวๆพวกนี้มากรี๊ดผมหรือไอ้จี้กันแน่ ฮ่าๆ)

"นี่ ฉันคิดถึงนายจริง ๆนะคาสุม่างานเสร็จนะก็ไม่อยู่เที่ยวรีบบินกลับมาหานายทันทีเลย" ท็อตจิมันไม่ใช้กูมึงกับผมแล้วครับ เข้ามากอดเอวผมอีกแล้ว เอาหน้าซุก ๆที่ซอกคอทำเป็นมาอ้อนเหมือนลูกแมวเชื่องๆตัวหนึ่ง...แต่ว่าทางทางมัน...

" ไอ้ตอแหล !!! ไม่ต้องเลยไอ้จี้ กลัวฉันจับนายทุ้มเหรอ ไอ้ที่ให้มาหาแล้วนายก็หนีไปน่ะ ไม่ต้องเลยนะชั้นยังไม่ลืมเลย"

"ไม่ได้หนีซะหน่อย มันเป็นงานด่วน จำเป็นจริงๆนี่หน่า อย่าโกรธเค้าเลยนะ น้าๆๆ" โอ้ย! ลูกอีช่างอ้อนนี่ยกให้ จี้มันเลย คงกลัวว่าผมจะโกรธเรื่องที่มันหลอกให้ขึ้นมาโตเกียว ผมลืมมันไปหมดแล้วละครับไม่ได้สนใจอะไรหรอก

อ๊ะ!!! รู้สึกจะมีรังสีอำมหิตส่งคลื่นรบกวนมายังผมกับท็อตจินะ...แรงขึ้นทุกทีแล้วครับ


"หือ!!! คาสุม่าคอนายไปโดนอะไรกัดมา ทำไมมันแดงเป็นจ้ำ ๆแบบนี้"

กร๊าซซซซซซซซซซซซซ ตายแล้ว!  เอาแล้วไง ไอ้จี้แหวกเสื้อคลุมอาบน้ำผมออกดู และผมก็พึ่งจะนึกออกนี่แหละ ปล่อยให้ไอ้จี้มันดมฟุดฟัดๆเหมือนตัวอะไรซักอย่างอยู่ที่ซอกคออยู่ตั้งเป็นนาน

"ไม่มีอะไรหรอกน่า! ก็มดแมงมันเยอะจะตาย"ผมรีบจับคอเสื้อขยุ้มเข้า แล้วก็รีบลุกหนีท็อตจิออกมา

"ไอ้ตอแหล!!! ขอด่าคืนบ้างเถอะ นึกเหรอว่ากูดูไม่ออก บอกมาเดี๋ยวนี้ไอ้ม่า ใครดูดมึง?"

อ้าวไอ้นี่!!!...ใครจะดูดกูมันก็เรื่องของกูอะ!

ท็อตจิฉวยคว้าแขนผมเอาไว้ ถามคาดคั้นกับผม ผมแอบส่งสายตาเหล่มองไดคุงมันแวบหนึ่ง เป็นเชิงขอร้องแกมบังคับ...มึงอย่าเชียวนะได...ห้ามปากหมาเป็นอันขาด!

ห้ามนะไดห้ามปากโป้งเป็นอันขาด มันเร็วไปที่จะให้ ท็อตจิรู้ความสัมพันธ์ของเรา...

"พ ว ก น า ย มี อ ะ ไ ร กันหรือเปล่า?"ตาเขๆของไอ้จี้เหล่ไปมาระหว่างผมกับไดคุง รู้สึกเหมือนจะถูกจับใส่เครื่องจับเท็จเลย

"มีสิ ก็ อ.. อุ๊บส์!!!"ว๊ากกกกกก ได!!!


"เปล่าๆๆไม่มีอะไรๆ แหะๆๆ" ผมกระโดดโหยงขึ้นไปนั่งตักไดเอามือปิดปากไอ้แดงได้ทัน...ด้วยความลืมสังขารครับ...บั้นท้ายเจ็บจี๊ดขึ้นมาจนน้ำตาแทบจะเล็ดออกมาให้ได้

"ไอ้มาม่า มานี่เดี๋ยวนี้ มานี่ๆ ไม่มีอะไรๆ หน๋อย โดดโหยงขึ้นไปนั่งตักกันแบบนั้น นิ่มๆ หัดโกหกไม่เนียนแบบมึงน่ะ อย่าคิดหลอกกูให้ยาก ตาไม่ได้บอดนะโว้ย!แล้วไอ้รอยนั้นมันก็ไม่ได้มีรอยเดียวซะที่ไหน นั่งแหวกกว้างเห็นไปถึงเครื่องในมึงอย่างนั้น ถ้าเกรงใจสายตากูก็หัดหุบซะบ้าง"

อ๊ากกกกกก โธ่! เสร็จๆ แน่ ไอ้จี้ชี้มือไปที่ขาอ่อนของผมที่ผมดันลืมตัวแหกแข้งแหกขา ต้องโทษไอ้ไดแล้วครับ ไอ้เสื้อคลุมนี้ก็ใช้งานไม่ค่อยได้เอาซะเลย ท็อตจิมันสงสัยและจับพิรุธได้แบบนี้ มีหวังมันต้องทำทุกวิถีทางให้รู้ให้ได้แน่ๆ

ผมตีสีหน้ากลบเกลื่อน ถึงจะไม่เนียนเหมือนนางเอกในละคร แต่ก็พอเอาไปสีๆแทนกันได้ล่ะนะ แล้วค่อยๆเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอ้อ ไม่ลืมที่จะลากเอาไดคุงมันติดมือไปด้วย ...ไม่ได้หรอกครับปล่อยไว้ตามลำพังกับท็อตจิไม่ได้ เดี๋ยวเรื่องแตก กะจะซุบซิบบอกไดซะหน่อย แต่ท่าทางไอ้ซื้อบื้อไดมันก็ไม่เป็นใจเอาซะเลย หน้างี้หงิกเป็นมะเหงก..มันไม่ให้ความร่วมมือครับ แล้วไอ้จี้ก็ยังเสือกเดินตามมาอีก...ให้มันได้แบบนี้ซิฟระ!

ผมมึนตึ๊บขึ้นมาทันที...เอายังไงดี...ผมยังไม่อยากให้ไอ้จี้รู้เรื่องของผมกับได...ผมยังไม่อยากให้มันรู้...กลัวมันรับไม่ได้ครับ

"พวกมึงมีอะไรปิดกูใช่ไหม ไอ้ได ไอ้ม่า...?"

"มีอะไร ไม่มีอะไรซักหน่อย มึงนี่มาเหนื่อยๆ แทนที่จะผักผ่อน กับมาสงสัยอะไรก็ไม่รู้"ผมแกล้งบ่น พลางรื้อเสื้อผ้าหาตัวที่คิดว่าใส่แล้วสามารถปิดรอยหื่นของไดที่ฝากไว้ตามตัวของผมได้ขึ้นมาใส่

"มันน่าสงสัยนี่หว่า หรือว่าพวกมึงเล่นจ้ำจี้มะเขือเปราะแปะกัน"ท็อตจิเอามือลูบค้างมองผมกับไดคุงด้วยสายตาคาดคั้นกัดไม่ปล่อย

ผมกำลังจะเอ่ยปากค้านมันต่อครับ...แต่ทว่า...

"ปัญญาอ่อน!!! ฉันทำมากกว่าไอ้เล่นมะเขือเปราะแปะนั่นซะอีก"

"ได!!!!!!!!!!!!!!"อ๊ากกกกกกกก ผมมองไอ้แดงตาค้าง ไอ้แดงโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเคืองสุดฤทธิ์ และเหลืออดสุดทน

เวร!...ไม่ทันแล้วล่ะครับ


"ไอ้ได!!!!!!"เอาแล้วไอ้จี้ก็กรนด่า แล้วผมก็แอบกลืนน้ำลายลงคอเริ่มปั้นสีหน้าไม่ถูก หน้าหงิกๆ ของไดคุงก็ยิ่งหงิกเข้าไปใหญ่...มันโกรธครับมันโกรธ...เห็นมันนิ่งเงียบอยู่ตั้งนาน...พอมันอ้าปากที......ผมหันไปจ้องไอ้จี้ด้วยสีหน้าปั้นไม่ถูกแล้วก็หันไปจ้องไอ้คุณพี่ไดมันต่อด้วยสีหน้า...พอกันแหละครับ

ใครก็ได้เอาผมไปมุดตู้ที...ขอร้อง...

สายตาดุดันที่แต่เดิมก็น่ากลัวอยู่แล้วยิ่งมาทำหน้าขึงขังแบบนี้เข้าอีก โอ๊ย!ผมอยากตัวหดเข้าไปอยู่ในกระดองอย่างตัวเต่าอะ ไดคุงท่าจะเข้าใจผิดไปแล้วแน่ ๆ ก็เลยคิดจะประกาศตัวเป็นเจ้าของผม แต่จะประกาศกับใครดันไม่ประกาศดันมาประกาศกับไอ้จี้

"หน๋อย ไอ้ได! มึงทำอะไรไอ้ม่าวะ?" เอาล่ะสิถลาเข้าหากันแล้ว มุมแดงกับมุมน้ำเงิน ผมจะเชียร์ข้างไหนดีละเนี้ย เอ้ย! พูดผิดพูดถูก ไม่รู้จะห้ามใครมันชักจะลุกลามกันไปใหญ่แล้ว

"กูให้มึงดูแลคาสุม่า ไม่ได้ให้มึงมารังแกหรือทำแบบนี้นะ!"

"แล้วกูไปรังแกม่าตรงไหน ที่มึงเห็นนั้นน่ะมันรอยรักของกูทั้งนั้น มึงดูไม่ออกรึไง?!!!"

แล้วมึงจะพูดขึ้นมาทำหอยอะรายยยยย ...กูอายยยยยยยยยว้อย++++

มึงไอ้ได มึงหยุดเลยๆ...มึงไม่อายแต่กูอาย

"รอยรักบ้าอะไร แดงเถือกเป็นปื้นไปทั้งตัวแบบนั้น อย่างงั้นมันเรียกรอยหื่นแล้วไอ้ได!!!"

ขอผมเข้าไปมุดอยู่ในตู้เสื้อผ้าได้ไหมครับ ปล่อยให้มันกัดกันเอง

"ก็รักน่ะสิวะ รักมากถึงได้หื่นมากไง อยากตีตราจองไว้ทุกส่วนรู้ไว้ด้วยเว้ย!!!"..เออ!กูรู้แล้วเว้ย!...มึงไม่ต้องแหกปากใครๆเขาก็รู้โด่ไอ้เวร...กูอายอิ๋บอ๋ายย...

"กูไม่รู้ ไม่ได้ ไม่ผ่าน เซ็นต์เซอร์โว้ยได!!!!" ท็อตจิยกแขนขึ้นพาดกันทำเครื่องหมายกากบาดใส่หน้าไดสุเกะคุงเลยครับ

"ทำไมมึงมีสิทธิ์อะไรมาห้ามกูไม่ให้รักม่า ในเมื่อไอ้ม่ามันก็รักกู จริงไหมม่า...?"เอ่อ...จะ..จร..ผมสะดุ้งเฮือกอีกแล้ว กำลังตะลึงกับคำรักของไอ้ไดมันหยกๆยังไม่ทันจะเรียบเลียงความรักของมันดีนัก มันก็หันมาพยักเพยิดเอากับผมอะ ผมหันไปยิ้มแหยะๆ ให้ไดเฉยๆครับ จะให้บอกรักต่อหน้าไอ้จี้แบบนี้เนี้ยนะได

 ....เอาผมไปยัดตู้จริงๆเถอะครับงานนี้


"เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่จริงใช่ไหมคาสุม่า แล้วมึงเอากูไปไว้ตรงไหนแล้วอะ ไหนบอกว่าจะรอกูกลับมาไง"

ผมได้แต่อ้ำอึ้งๆ พลางเกาหัวแกรกๆๆ...

แล้วกูไปบอกมันตอนไหนวะเนี้ย ไม่เห็นจะรู้เรื่อง...นึกไม่ออกโว้ย+++...ถึงจะเคยชื่นชมมัน แต่ผมก็ไม่เคยจะคิดกับมันเกินคำว่าเพื่อนเลยครับกับไอ้จี้เนี้ย

แล้วผมก็ได้แต่มองหน้าไดคุงกับไอ้จี้ไปมา ท็อตจิมันต้องโดดสาวฝรั่งหักอกมาแน่ๆมันถึงได้เพี้ยนมาแบบนี้...

"มึงปล่อยให้ไอ้แดงทำแบบนี้ได้ไง ไหนบอกว่าจะเก็บซิงเอาไว้ให้กูไงล่ะ ดูซิเต็มไปหมดทั้งตัวมึงเลยม่า"ท็อตจิเข้ามาจับตัวผม ตอนที่ผมกำลังเอ๋อๆงงๆอยู่

แล้วมันก็ถอดเสื้อผมออกอีกจนได้...

แล้วจากนั้นมันก็ได้แต่มองผมตาค้างอ้าปากพงาบๆ...

พอผมก้มลงมองตามสายตามันเข้า เท่านั้นแหละผมก็ทะลุทะลวง...หันไปมองมันตาค้างตามไปด้วยทันที...นึกด่ามันไม่ออกเลยครับ

รอยเถื่อนและรอยหื่นของไอ้คุณพี่ไดมันเต็มตัวไปหมด!

เอาผมไปยัดตู้ของโดราเอมอนจริงๆเถอะครับงานนี้...

อยากหายตัวไปซะเดี๋ยวนั้นให้รู้แล้วรู้แรด...ผมรีบคว้าเอาเสื้อมาคลุมตัวลวกๆ

ไอ้ ๆตอแหล !!! ขอด่ามันในใจแล้วกัน ใบหน้าแบบนี้เสแสร้งชัดๆ เจ้าเล่ห์แบบมัน คงวางแผนอะไรแกล้งผมกับไดอยู่ มีหวังงานนี้ได้หัวปั่นกันบ้างล่ะ

...ซิงเซิงอะไร กูก็ไม่รู้จัก มั่วแล้วไอ้จี้...

มันต้องเล่นตลกอะไรกับผมและไดคุงอยู่แน่ๆ...สำหรับไอ้จี้อะ..ผมมองมันออกมาตั้งนานแล้ว ให้มันเป็นแบบผมอะ มันโนหัวเด็ดตีนขาด แต่ถ้าแบบดาย...มันโอเคนะ....มันร้ายจะตายย หญิงก็ได้ชายก็ดี...

"ไม่เป็นไร มานี่ม่ามานี่ กูจะทำรอยรักของกูแทนรอยหื่นของไอ้ไดให้เองนะจ๊ะ"กูอยากตายยยย...พวกมึงยังเห็นหัวม่วงๆของกูอยู่ตรงนี้มั้ย...?

"นะจ๊ะๆ นี่แน่ะ ไอ้จี้ เป็นบ้าไรว่ะ!เป็นห่าอะไรของมึง...?" โดนชกหน้าอกให้ซะเลย หลังจากที่หายจากอาการงง ใบ้แดกรับประทานไปสามนาที เพราะมัวแต่ตะลึงอยู่ ที่ถูกไอ้จี้ผลักลงบนเตียงแล้วมันก็คร่อมลงมาจะจูบผมจริง ๆด้วยอะ

"ไอ้ท็อต!!! แกจะทำอะไรคาสุม่าของกู"

"ของมึงเหรอ ไอ้แดงพูดออกมาได้ไม่อายปาก กูก็จะทำแบบที่กูทำบ้างซิวะ"เอ่อ...ไม่ออายปาก...พูดออกมาได้มึงทั้งสองตัวอะ...พวกมึงยังเห็นกูยืนอยู่ตรงนี้กันไหมเนี้ย!

"ไม่ได้ โว้ย!!! คาสุม่าเป็นของกูแล้ว มึงไม่มีสิทธ์"

"ไม่มีสิทธิ์ งั้นมึงก็ไม่มีสิทธิ์เหมือนกัน เพราะคาสุม่ามันก็เป็นของกูด้วย!!!"

ไอ้มะ..หมาจี้ พูดไรของมันวะ!!!! กูไปเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่...พวกมึงทะเลาะกันไม่อายคนอื่นเขาบ้างเหรอไง...?

กูชักจะหมดความอดทนกับพวกมึงเข้าไปทุกทีแล้วนะว้อย...หน้าผมมันคงเป็นสีรุ้งแล้วล่ะครับ

"ไม่มีทาง ไม่ได้ก็คือไม่ได้โว้ย!!!"

"จะเอาโว้ย!!! จะทำอะมีปัญญาก็มาแย่งสิวะ คาสุม่ามานี่!"

"ไม่มีทางหรอกไอ้ท็อต มานี่ม่า!"

มันดึงผมไปมาอะ...ผมเริ่มไม่รับรู้แรงที่พวกมันสองตัวใช้ดึงผมแล้วล่ะครับ...ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าหน้าผมอะมันร้อบวูบวาบ...แถมยังชาไปหมด...อยากเอากำปั้นยัดปากพวกมันขึ้นมาแล้ว

"มึงไอ้ได!!"

"ทำไมไอ้จี้!!"


"เว้ยเฮ้ย!!!!! หยุดนะโว้ย!!! อยากทะเลาะกันมากนักใช่ไหม กูไม่ให้ใครทำอะไรทั้งนั้นแหละเข้ามาสิ ถ้าไม่กลัวโดนเตะก็เข้ามา กัดกันอย่างกับหมาติดสัด เห็นกูเป็นตัวอะไรยืนทนโท่อยู่ตรงนี้ ลากกูไปลากกูมา ไม่เกรงใจกันบ้าง ไอ้จี้ มึงไปเงี้ยนที่ไหนมากูไม่รู้ กูไม่ทราบ แต่ขอร้อง มึงอย่ามาเงี้ยนเอาแถวนี้ แล้วมาหื่นเอากับกู มึงไปเลยนะ เอากระเป๋ามึงไปเก็บซะดีๆ เดี๋ยวนี้ด้วย! ส่วนไอ้แดง ไม่ต้องมาทำตาละห้อย!!! ไม่สงสารโว้ย! ให้ไปทั้งคืนแล้ว หัดรู้จักพอซะบ้าง เข้าห้องน้ำไปเลยนะมึง ไปอาบน้ำซะดีๆ เดี๋ยวนี้ ถ้าพวกมึงยังไม่เชื่อและยังอยากจะกัดกันอยู่ละก็... ก็ได้ กูจะเป็นกรรมการให้ ไม่มีการใจอ่อนและไม่มีการเข้าข้างใครทั้งนั้น และก็บอกไว้ก่อนนะ เวทีกูใครแพ้โดนกระทืบซ้ำ กูทำพวกมึงได้แน่ ไม่เชื่อก็ลองดู!!!"

ผมอารมณ์เดือดดาล เข้าไปขวางกลางระหว่างไอ้แดงกับไอ้จี้ ตวาดใส่ทั้ง 2 คนด้วยอารมณ์สุดทน

"คาสุม่า!"

"ทำไม!...เรียกทำเมียมึงหรือไง?"ไดมันเรียกอย่างไม่พอใจ...ผมชี้หน้ามันอย่างไม่เกรงใจ ขึ้นมึงกูกับมันเป็นครั้งแรกด้วยความโกรธ

"คาสุม่าง่ะ" ทำไม มึงจะทำไมกูไอ้จี้...ท็อตจิก็หน้างอง้ำ

ผมไม่รู้ไอ้จี้คิดอะไรอยู่ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ไหวแน่ๆครับ รู้ว่าไอจี้มันไม่ได้พิศวาส(ฆาตกรรม???...)อะไรผมมากนักหรอก แต่ว่าไอ้ไดนี้สิ มันคงไม่คิดแบบผม มันคงไม่เป็นอันทำอะไร แล้วตอนนี้คงกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับไอ้จี้จนคับอกอยู่แหงๆ เดินหน้าบูด ส่งสายตาตัดพ้อให้ผม เข้าห้องน้ำไปแบบนั้นเฮ้ย! แล้วค่อยหาเวลาไปง้อมันแล้วกันครับ ส่วนไอ้จี้รายนี้ก็ตีหน้าหงิกลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้องนอน

.....................................................
..................................................................
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 02-09-2007 16:39:49
.....................................................
..................................................................

.
สงครามเล็กๆ กลางห้องย่อมๆทำท่าจะไม่สงบเงียบไปได้ตลอดวัน เพราะแต่ละฝ่าย เดี๋ยวก็คอยงัดถอดสลักระเบิด ปาตูมเข้าใส่กันอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่าง เช่น

"คาสุม่า ฉันอยากกินข้าวหน้าหัวใจรักอะ ทำให้กินหน่อยได้ม้า ฉันยังไม่ลืมรสฝีมือนายเลยนะ ที่เคยทำให้กินบ่อยๆไง กินจนหัวใจชั้นให้นายไปหมดแล้ว"

แหวะ!!!ท็อตจิเข้ามาด้อมๆมองๆอยู่ข้างๆ ในขณะที่ผมเข้าครัวอยู่ แล้วผมก็พลางคิดว่า ไอ้ข้าวหน้าหัวใจรักนี่ผมเคยทำให้มันกินด้วยหรือวะ แล้วหน้าตามันเป็นยังไงอะนึกไม่ออก


"แต่ฉันอยากกิน ข้าวหน้าคาสุม่าน้อยอะ กินแล้วคงรู้สึกเหมือนได้กินนายทั้งตัวแน่เลยม่า"ใบหนาผมมันร้อนผลุบผับขึ้นมาเลยครับ...อยากเอาตีนยันไอ้คนพูดมันซะจริงๆ

ไอ้คุณพี่ไดมันผละจากรายการทีวี เข้ามาก้อร่อก้อติกอยู่ข้างหลังอีกคนหนึ่งแล้ว

ผมหยุดชะงักกึกอยู่หน้าเตาแก๊ส ข้างหลังผมมีท็อตจิ และ ไดคุงยืนอยู่คนละมุม แล้วผมก็ถึงบางอ้อทันที อ๋อ! นี่เล่นมุกกันเหรอ เล่นกันแบบนี้ ปาระเบิดใส่กันแบบนี้โดยเอาผมเป็นตัวถอดสลัก ฮึ่มมม!!!


"แต่ว่านะได ท็อตจิ ชั้นอยากกินข้าวหน้าปลาตีนมากกว่าอะ กินแล้วตีนจะได้หนัก ๆกระทืบคนตายได้ว่ะ... อยากกินมะ ลองดูไหมเผื่อพวกนาย 2 คนจะติดใจไง"

ได้ผลครับแยกย้ายครับ แยกย้าย แอบยิ้มอยู่ในใจนัก ถึงจะพูดขู่ไม่ให้ทะเลาะกันแต่เสือ 2 ตัวก็ยังแอบใช้สายตา ฟาดฟัดกันอยู่ดี เฮ้ย!เป็นเวรเป็นกรรมของคนสวย เอ้ย!พูดผิดอีกแล้ว เป็นเวรเป็นกรรมของตู กรูเหนื่อยเลยอะ

"มีข้าวห่อไข่ แกงกะหรี่เนื้อ ซุปมิโซะ แล้วก็สลัดมันฝรั่ง ของโปรดฉันทั้งหมด เพราะฉะนั้นใครไม่กินก็ไปหาทานข้างนอกกันเอาเอง ไม่ต้องห่วงชั้นกินหมดได้อยู่แล้ว หรือใครอยากกินอะไรก็ทำกินกันเอาเองก็ได้ ไอ้ข้าวหน้าตาประหลาดๆ ของพวกนายฉันทำไม่เป็น!" ตัดปัญหา ไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น

แล้วมื้ออาหารก็ผ่านไปด้วยดี ไม่มีใครกล้าโยนระเบิดลงกลางโต๊ะกับข้าว เพราะจะอดแดกกันถ้วนหน้า สาเหตุหลัก ๆยังไม่รู้หรอก รู้แค่ว่า ท็อตจิต้องมีความคิดอะไรพิเรนๆ อยู่ในหัว ตอนนี้เห็นชัด ๆ ว่ามันกำลังปั่นหัวไดคุงอยู่ แต่ผมก็ไม่กล้าว่าอะไรแรงๆใส่ท็อตจิมันด้วยล่ะ เพราะไม่รู้ว่าที่ผมกำลังสงสัยนั้นมันจะเป็นไปได้มากแค่ไหน ถ้าเกิดมันดันคิดแบบที่มันว่ามากับผมจริงๆ และให้ผมเลือกระหว่างมันกับไดคุง ผมคงเลือกไม่ถูกหรอกครับ เพราะสำหรับผมมันรู้สึกคนละอย่างกัน

คนหนึ่งคิดแค่เพื่อน แต่อีกคนคิดแบบคนรักกัน ให้เข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งก็ทำไม่ได้อีก ไม่ได้คิดจับปลา 2 มือนะครับ เพราะผมมั่นใจว่าปลาตัวหนึ่งนั้นว่ายเข้ามาให้รัก และรักผมหมดใจ แต่อีกตัวจุดประสงค์ที่ว่ายเข้ามาให้จับ ยังไม่แน่ชัด อาจจะแค่เข้ามาส่ายหางยั่วๆ ให้ติดกับก็เป็นได้

ผมอาศัยช่วงที่ไดคุงเผลอทำงานอยู่ในห้องทำงานของเค้า เข้าไปเลียบๆ เคียงๆ แอบคุยและถามท็อตจิ ที่ห้องนอน

"จี้มึงทำอะไรของมึงอยู่"เอามือเท้าสะเอวถามเพื่อนหน้าหวานของผม

"คาสุม่า ไม่เอาน่า มึงน่ะแต๋วแตกแล้วนะไม่รู้ตัวเหรอ"

"ไอ้จี้!!!!!!!!!!"

"อย่ามาแยกเขี้ยวแยกคางใส่กูได้ไหม ก็ใครจะไปยอมให้คนรักของตัวเอง ไปเป็นของคนอื่นได้ล่ะมึง"

"กูไปเป็นคนรักของมึงเมื่อไหร่วะ" อยากจะตะโกนถามด้วยความข้องใจเป็นอย่างมากกกกก แต่ก็เกรงใจเดี๋ยวไดจะได้ยินเข้า แล้วออกมาผสมโรงด้วยอีกคน

"นี่มึงจำไม่ได้เหรอ ...ก็ตอนที่งานเลี้ยงรุ่นปีที่แล้วไง มึงบอกว่าถ้ากูทำให้มึงยอมขึ้นมาโตเกียวได้ละก็ มึงจะยอมเป็นแฟนกู"กูพูดอย่างนั้นเหรอว่ะ?
นึกแทบตายก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี หรือว่าจะเผลอพูดไปตอนเมา

"จำไม่ได้หรอก มึงอย่ามาอำ หรือแกล้งอะไรกันนะ จี้"ผมเหล่สายตาไม่น่าไว้วางใจเข้าใส่มัน

"ม่ามึงเห็นกูเป็นคนยังไง ไม่เคยเห็นความดีในตัวเพื่อนคนนี้ ไม่เคยเห็นความจงรักภักดีในตัวกูที่มีให้มึงบ้างเลยหรือ"


ไอ้จี้ เพี้ยนจนตกขอบไปแล้วแน่ๆ โอ้ย!อยากจะช็อค!!! ซีนีม่า แต่ก่อนแต่ไรไม่เคยเห็นมันทำตาซึ่งเข้าใส่ แล้วมานั่งหึง นั่งหวง ห่วงกันอย่างนี้มาก่อน

"กูไม่น่าฝากปลาย่างไว้กับแมวเลย ดูซิ มันกินปลาของโปรดกูจนเหลือแต่ก้าง...มึงน่ะใจอ่อนเกินไปแล้ว อยู่กับไอ้ไดได้แค่เดือนกว่า ก็หลงลมมันหมด ไปถูกมันทำอะไรต่อมิอะไรมากแค่ไหนก็ไม่รู้ แมวมันถึงได้ขู่ฟ่อๆ แม้แต่ก้างปลามันก็ยังหวงเอากับกูแบบนี้เลย"

"ไอ้จี้!!! มึงพูดดี ๆนะ"

"กูไม่รู้ว่ามึงรักได เหมือนที่มันบอกหรือเปล่าหรอกนะม่า แล้วก็ไม่คิดจะถามด้วย ...เพราะกูจะไม่ยอมให้มันแย่งมึงไปจากกูง่าย ๆ หรอก" ท็อตจิหันมาบอกตีสีหน้าเศร้า แต่ว่าแฝงความมั่นใจเอาไว้สุด ๆ

"จี้ มึงจะทำอะไรกันแน่...?"ผมถามเสียงเครียดไม่ได้คืดว่ามันจะเอาจริงมาก่อน แววตาแบบนี้ของท็อตจิ มันทำให้ผมนึกกลัวอยู่เหมือนกัน แล้วก็เห็นท่าจะไม่ได้คำตอบจากมันด้วย ไม่หน้ามาถามเลยแทนที่จะรู้เรื่อง กลับต้องมานั่งกลุ้มมากกว่าเก่าเสียอีก

และในขนาดที่ผมเผลอนั่งเหมอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นครับ...ไอ้จี้มันๆก็...

ผมอ้าปากค้างเมื่อถูกไอ้จี้จุ๊บแก้มไปหนึ่งที มันตีหน้าตายมาก ทำอย่างกับว่ารักผมป่านจะกลืนกิน อะไรของมัน!

เมื่อมันหอมเสร็จมันก็เผ่นเน็บพาตัวเองออกไปให้พ้นรัศมีของTeen ผมทันที ขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงเลยครับ...

"คิดมากน่า มานี่มะ มากล่อมฉันหลับหน่อย เร็ว" ดูมันกวักมือเรียกอยู่บนเตียง หน๋อยไอ้จี้ ไอ้ที่ถูกหอมแก้มเมื่อกี้ยังไม่ได้เอาคืนเลยเฟ้ย

"ไอ้บ้า ฝันเอาดิ" นี่แน่ะ เอาหมอนปาซะเลย

"โอ้ย! ไม่เอาคาสุม่า มามะ เร็วๆเข้า 55555555"

"ไอ้จี้ ไอ้บ้าๆๆๆๆๆ"

ผมวิ่งจู๊ดออกมาจากห้องทันทีเมื่อเห็นไอ้จี้หัวเราะก๊าก แล้วมันก็ไม่กลัวผมแล้วครับ มันก้าวยาวๆลงจากเตียงทำหน้าตาและท่าทางหื่นๆ จะมาจับตัวผมให้ได้ ...วิ่งวิ่งจู๊ดออกมาปิดประตูห้องนอนให้ทันที แล้วก็มานั่งแอบคอยดูมันอยู่บนโซฟา จนได้อึดใจใหญ่นั้นแหละก็ไม่เห็นมันจะโผล่หัวออกมา มันคงจะแกล้งผม และคงหลับไปแล้วแน่ๆ เงียบไปแล้ว ผมลองย่องไปแอบเปิดประตูดู จริง ๆด้วยไอ้จี้นอนหลับได้ยินเสียงกรนเบาๆ มันคงจะเหนื่อยอะนะ ถ้าเรื่องที่มันบอกว่าทำงานเสร็จแล้วก็รีบกลับมาทันที มิน่า ถึงได้หลับเป็นตาย


ดีล่ะ จะได้แอบไปหาไดสุเกะคุงครับ... ผมยิ้มให้ตัวเอง พลางเดินไปที่ห้องทำงานของได...ตั้งแต่ไอ้จี้กลับมา ผมกับไดยังไม่มีเวลาสวีทกันเลยครับ...เข้าไปเลียบๆ เคียงๆ เดินอ้อมหน้าอ้อมหลังเค้าเล่น ที่กำลังนั่งแต่งเพลงอยู่บนเครื่องคอมพ์บนโต๊ะทำงาน ตัวโน๊ตเพลงลายตาเต็มหน้าจอไปหมด แต่ดูถ้าคนแต่งจะไม่สนใจเท่าไหร่ ไอ้ตาน่ะอยู่บนจอคอมพ์ แต่ไอ้ใจนี่สิมันคิดอะไรอยู่หว่า...?

"ไดคุง..?"ไอ้แดงของผมทำหน้าตาหงิก หงอย เหงา ส่งสายตาวิงๆ คงยังโกรธอยู่ที่ผมไม่ยอมอธิบายอะไรให้ชัดเจน

"ไดคุงคร๊าบบบบ"มันไม่ตอบผมอะ...หรือมันยังงอนอยู่
............
.................

ผมปั่นหน้าไม่ถูกอะ...ไม่เคยง้อผู้ชายด้วยกันเลยครับ..เขาทำกันยังไง...?

"นาย รักกับท็อตจิอยู่ก่อนแล้วเหรอม่า...?" นั่นปะไร เสียงอ่อยๆนั่นน่าสงสารจังเลย ผมเดินเข้าไปหามันทันทีแล้วฉุดแขนไดมันลุกขึ้นก่อนที่จะพาเดินมานั่งที่โซฟาข้างโต๊ะทำงานของมันแทน...มันยอมคุยกับผมแล้วครับ


"แล้วนายคิดว่าฉันกับท็อตจิ มีอะไรกันมากกว่าเพื่อนหรือเปล่าล่ะ"นอกจากจะไม่ตอบ ผมยังทำให้ไดมันเอามือไปกุมขมับไปซะเฉย นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือ...?


"ก็ไอ้ท็อต มันทำท่าเป็นเจ้าข้าว เจ้าของนายแบบนั้น"

"มันก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหน แต่ไร"หัดโกหกอีกแล้ว แต่ เพื่อความสบายใจ และไม่คิดมากของใครบ้างคนอะ

"แต่ฉันไม่ชอบนี้ ชั้นไม่อยากให้ใครหน้าไหนมาถือสิทธ์ในตัวม่ามากกว่าชั้น"

"ได บางทีไดควรจะระงับอารมณ์ไว้บ้างนะ ฉันไม่อยากให้ เรา3 คนทะเลาะกัน" ผมพยายามบอกและแนะนำได เพราะตัวผมเองมั่นใจว่า ท็อตจิต้องก่อสงครามประสาทกับไดขึ้นอีก

"ฉันอดทนแล้วนะม่า แต่ไอ้ท็อต มันก็ยั่วขึ้นมาก่อน"

"ไดจะแพ้มันก็ตรงนี้แหละ ขอได้ไหมอย่าใจร้อน คอยดูท่าท่างมันไปก่อน เพราะชั้นก็ยังไม่รู้เหมือนกันนะไดว่ามันคิดอะไรหรือเล่นอะไรอยู่" ผมไม่กล้าบอกไดเรื่องที่ท็อตจิบอกมาทั้งหมด

"ฉันแค่อยากอยู่กับนายนี่ม่า อยากอยู่ 2 ต่อ 2อยากจู๋จี๋ กับนายต่อ ทั้งๆที่พึ่งจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วแท้ๆ"

"ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเสียที่ไหน ไม่ใช่ไม่ได้เห็นกันซักหน่อย แค่ท็อตจิมันกลับมาเท่านั้น"

"แล้วทำไมมันต้องเสือกกลับมาตอนนี้ มาตอนที่ฉันกับม่ากำลังมีความสุขก็ไม่รู้"ไอ้แดงของผมก้มหน้าบ่นด้วยความน้อยใจ...มันกลัวอะไรฟระ!

"ได...?"ผมสงสารมันจังเลยครับ...เวลาที่มันทำสายตาวิงๆทีไร ผมจะใจอ่อนยวบทันทีเลย...

โฮกกกกกกกกกกกก อยากกอดมันๆ อยากกอดมันครับ!

"...ม่า..."มันขยับเข้ามาแล้วครับ

"ถะ...ถถ้าชั้นอยากทำล่ะม่า...ถ้าชั้นอดใจไม่ไหวล่ะ..?"มันจ้องหน้าชนิดที่ไม่ให้ผมหลบสายตามันเลยล่ะครับ

" กะ...ก็ๆ ทำลับ ๆอย่าให้มันรู้ก็ได้นี่"อายจนต้องหันหน้าหนี ไม่รู้ตัวเองพูดประโยคหน้าขายหน้าออกไปได้ยังไง

กรีาซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ...แต่ก็พูดออกไปแล้วล่ะครับ...มันนั่งยิ้มปากกว้างเลยแลหะ

"คาสุม่า" มันเริ่มเรียกด้วยน้ำเสียง...ทำเมียมัน....อีกแล้ว..แต่ฟังแล้วดูไม่เชื่อหูอยู่นะ พลางกระเถิบตูดเข้ามานั่งใกล้ชิดกันเลย แล้วมันก็รั้งตัวผมขึ้นนั่งบนตักมันหน้าตาเฉย

"ได้จริง ๆเหรอ นายไม่ได้ชอบท็อตจิมันใช่ไหม"สายตาวิ่งๆ ดูเหงา ๆเมื่อครู่ กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง

"นายก็รู้ ความรู้สึกของชั้นที่มีให้ท็อตจิมันแตกต่างจากความรู้สึกที่มีให้นายนะ" ผมยก 2 แขนโอบรอบลำคอแกร่งของไดมันครับ...ไอ้ท่าทางแบบนี้มันเป็นโดยอัติโนมัตเลยอ่ะ...ทำไมผมกล้าทำ...??

"แตกต่างยังไงล่ะคาสุม่า...? นายไม่เคยบอกชั้นเลย ว่ารักฉันหรือเปล่ามีแต่ฉันที่ทึกทักเอาเองทั้งนั้น บอกรักนายอยู่ฝ่ายเดียว" สายตาวาวจ้องเขม็งลึกเข้าไปในดวงตาผม เหมือนกับกำลังล่วงลึกลงไปหยั่งรู้จิตใจหรือความรู้สึกนึกคิดของผม

ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมสีแดงที่ระลงมาปรกผิวแก้มบนใบหน้าคมเข้มของได เห็นผิวแก้มมันชัดๆแล้วใจสะหยิวเลยครับ...แก้มมันใสมาก ผิวมันก็ขาว...สรุปมันหล่ออีกแล้ว...ปล่อยเลยครับ ปล่อยตามหัวใจผมมันเรียกร้องเลยปลายนิ้ว มันไล้เล่นไปมาอยู่บนแก้มมันแล้ว... รูปหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ สันคางและจมูกคมโด่งที่ผมหลงใหล เห็นในระยะประชิดแบบนี้ บอกได้คำเดียว ว่าไดคุงหล่อมาก (ในระยะร้อยเมตร ฮ่าๆ)นี่ผมแต๋วแตกแบบที่ไอ้จี้ว่ามาจริงๆเหรอครับนี่


"ก็แตกต่างแบบนี้ไงได" ใครจะไปอดใจไหว...ผมกลายเป็นคนใจง่ายเพราะมันคนเดียว..ใจง่ายกับมันคนเดียวด้วยนะ เสน่ห์ที่น่าหลงใหลแบบนี้ มันเชิญชวนให้สัมผัสอยู่ในระดับสายตาไม่ถึงคืบ ผมจูบมันด้วยความลืมตัว แต่ใจจริง ๆของผมก็คงจะอยากอะครับ

ไดมันไม่รอช้าที่จะจูบตอบผม มันรั้งตัวผมเข้าไปชิดแนบติดเบียดตัวเข้าหากันอีก

"ไดพอ ๆ ก่อน"กว่าจะถอนจูบร้อนแรงที่ไดหมอบให้ก็เล่นเอาตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งล้นไฟไปทั้งตัว

"ฉันช- ชั้น ไม่มีทางที่จะทำแบบนี้ กับไอ้จี้ ได้หรอกนะได" ทำไม่ได้หรอกให้จูบกับไอ้จี้..ยังไงก็ไม่มีทางหรอกครับ

ใบหน้าร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู ความรักของผมไม่จำเป็นต้องบอกออกไป เดี๋ยวมันก็แสดงบอกออกมาของมันเอง

ไดมันยิ้มกว้างจากนั้นก็กระหน่ำจูบให้ทั่วใบหน้าประกบริมฝีปากลงมาไม่ให้ผมร้องห้ามได้ทัน จูบร้อนแรงเหมือนกับหิวกระหายดุนดันปลายลิ้นเล่นอยู่ในปากได้ไม่รู้จักอิ่ม นิ้วมือเรียวยาวของไดคุงก็สอดเข้าใต้สาบเสื้อไล่จิกบี้ และลูบไล้ อยู่บนหน้าอกจนผมนึกสงสัยไม่ได้...มันเอามือล่วงลงไปในเสื้อตอนไหนกัน ไวจริงๆเลยให้ตายยยยย....

"อ๊า.......ได"อดเปล่งเสียงครางไม่ได้เมื่อปลายนิ้วมือของมันไปสัมผัสถูกส่วนที่ไวต่อความรู้สึกเข้า

"หือ! อะไรม่า" ดูมันถามๆ... แล้วมันก็ลากปลายลิ้นผ่านปลายคางลงไปที่ลำคอ เอาจมูกคมโด่งซุกไซ้ที่ซอกคอ มืออีกข้างก็เอื้อมลงไปปลดตะขอกางเกง แล้วลวงลงไปสำรวจ ฟอนเฟ้นให้ทั่วในกางเกงชั้นในสุดของผม จนนำพาความรู้สึกตื่นตัวแข็งขื่นขึ้นมาตามความปรารถนาที่มันกำลังปลุกปั้นผมอยู่ ผมเริ่มนั่งไม่ติดโซฟาแล้วครับ อารมณ์กระเจิดกระเจิงขึ้นมาทันทีเมื่อถูกไดหื่นใส่อย่างนี้

"ค คาสุม่า... อื่มมม ในนี้ นะ น้าๆ" ไม่ไหวเหมือนกันได...

เสื้อยืดถูกไดคุงดึงออกให้ แล้วริมฝีปากสวยก็งับจูบเข้าดุนดันยอดอกของผมในทันที

"อ๊า......................." ผมผวากอดไดสุเกะคุงแน่น เมื่อสัมผัสของปลายลิ้นร้ายกาจมันไปถูกเข้ากับจุดอ่อนไหวจนถึงแก่นความเสียวซ่าน ไดมันเอาปลายนิ้วมือสอดเข้ามาในปากผมครับ

"คาสุม่า เดี๋ยวไอ้ท็อตได้ยิน"...อื้ออ..ในหัวผมเริ่มไม่รับรู้หรือสนใจแล้วอะครับ...นึกถึงแต่รสจูบของไดมันอย่างเดียวเลยยยย

"ฮื้ออ ดด ได ชั้น ๆ" ความปรารถนาที่แข็งขื่นข้างล่างก็ถูกมืออีกข้างดึงรูดอยู่ไม่ออมแรง มันทรมานและเสียวซ่านไปทุกเส้นประสาท ผมเริ่มดูดเลียเล่นลิ้นกับปลายนิ้วของไดคุงเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายลง ไดมันกดโน้มตัวให้ผมลงไปนอนอยู่บนโซฟา แล้วก็ตามจูบลงมางับที่หน้าอกทั้ง 2 ข้างไปมาอีกครั้ง จากนั้นมันก็ลากปลายลิ้นร้ายกาจผ่านท้องน้อยจนผมเสียววาบ ส่ายหน้าสะบัดผมให้ยุ่งพันกันไปหมด...ทรมานชะมัด!

"ไดๆ ๆ" ปากก็พร่ำเรียกชื่อเจ้าของร่างที่กำลังทำให้ผมหอบหายใจรวยรินลมหายใจร้อนผ่าวจะหยุดเสียให้ได้อย่างหน้าไม่อาย...อายไม่ออกแล้วครับ...มันแพ้ใจตัวเอง ผมยอมมันแล้ววว...ไดมันไม่ยอมจูบสัมผัสความแข็งขื่นของผมให้ซักที ทำแค่ลากปลายลิ้นวนไปมาแค่นั้น...ผมจะคลั่งตายยย


"ม่าทนไม่ไหวแล้ว ขอนะ...?"กางเกงถูกไดมันถอดออกทันทีโดยที่มันยังไม่ทันฟังคำตอบจากผม ผมดิ้นเร่าๆ ความตึงเครียดของตัวเองมันตั้งตะหง่าน ท้าทายสายตาไดมันนั้นบอกได้เป็นอย่างดีว่าอยากได้รับการปลดปล่อยเร็วๆ

"ร้อนแรงจังอะม่า ชินกับสัมผัสของฉันแล้วใช่ไหม หื้อ!"เสียงกระซิบที่ข้างหูแหบพล่า ...มันจะแกล้งผมอีกแล้ว...กูจะทนไม่ไหวแล้วนะว้อยยย+

"อ้า!! ได!!! อื่มมมม...ได" ผมเผลอปล่อยเสียงครางลั่นห้องทันทีที่ไดมันประกบอุ้งปากร้อนๆตอดรัดความแข็งขื่นตึงเครียดให้ผม

ดีที่ห้องทำงานไดเป็นห้องเก็บเสียง นอกห้องไม่มีทางจะได้ยินอะไรแน่ แต่ภายในห้องเดียวกันนี่สิ ท็อตจิอยู่ในห้องนอน แล้วห้องนี้มันก็ติดกับห้องนอน นึกกลัวว่าเสียงจากความสุขสมมันจะปลุกไอ้จี้เข้า ผมเผลอครางขึ้นมาอีก เพราะทั้งปากและมือของไดมันช่วยกันดึงรูดทั้งฟอนเฟ้นให้ ทำเอาผมดิ้นพล่านเลยครับ นิ้วมือทั้งสิบดึงทึ้งบ้างขยุ้มเส้นผมและกดศรีษะของไดมันเอาไว้ไม่ยอมให้มันผละออกมา อุ้งปากร้อนๆตอดรัดได้ถึงใจ รู้สึกเสียวซ่านจนเส้นประสาทลุกตั้งแทบยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่ไหว

"อือออ ได " ดายดันตัวเค้าออกจากมือผมทันที

"อย่าพึ่งนะครับ คนดี" เจ้าหัวแดงของผมหันมาบอกเสียงออดอ้อน ขึ้นมาจูบที่ริมฝีปาก...มันน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ผมหน้ามืดตามัวอีกแล้ว...มึงจะน่ารักไปถึงไหนนนนน

"ไปพร้อมๆกันนะครับ"ดูมันพูดๆๆ...กร๊าซซซซซซซซซซซ เขินชะมัดเลยครับ...ถูกมันจูบแล้วจูบอีก...น้องชายผมจ้องมันเขม็งเลยครับ...กรูอายยยยยยยยยย

สัมผัสของมันช่างอ่อนโยนและร้อนแรงในเวลาเดียวกันมันทำให้ผมทุรนทุรายแทบคลั่ง ส่งเสียงครวญครางกระเส่าไม่หยุดปาก เมื่อไดมันได้สอดแทรกเบียดเอาเจ้าน้องชายตัวแสบดันตัวเข้ามาทางเบี้ยงล่างในตัวของผมได้จนหมด

"อ๊า อะ!!! คาสุม่าฮึ่มม!!! อุ่นจังเลย"...มึงไม่ต้องพูดได้มั้ยยยไดดด...

เสียงครางของมันฟังดูก็รู้ว่าอดกลั้นแค่ไหน...มันยิ่งครางก็ยิ่งเล่นเอาผมอารมณ์กระเจิง...รู้ว่ามันก็ต้องการผมแค่ไหนเหมือนกัน


"ฮื่ออ ได ดะ แน่น ๆ อะ อ๊า!!!"...น่าไม่อาย...พูดได้อยากหน้าไม่อายแล้วล่ะครับในเวลานี้เอาอะไรมาขวางผมกับไดก็คงไม่สนใจทั้งนั้น ยังไม่ทันได้พูดจบไดก็เริ่มขยับตัวทันที มันสอดปลายลิ้นเข้าปากให้ผมได้ดูดเลียเล่นอีก คงจะกลัวว่าเสียงร้องของผมจะดังเข้าหูไอ้จี้ แล้วมันจะเข้ามาขัดเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มให้

....เสียงเนื้อกระทบเนื้อ
...เสียงโซฟาเสียดสีกับพื้นห้องดังเอี๊ยดอ๊าด
....เสียงครวญครางของตัวเอง
...และเสียงครางกระหึ่มอดกลั้นในลำคอของได

 อ๊า !!! ไม่ไหวแล้วไดคุงทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ไดมันทำให้ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการ และ ปรารถนาความหฤหรรษ์ เล้นลับจนควบคุมไม่ได้

"อ้า!!! ได ดะ ๆชั้น"

"คาสุม่า อื่มมมม ไม่ไหว แล้ว อ้า!!! ม่า!!!"

"เหมือนกัน ได อ๊ะ!!!"

"อ่า!!!"


สายธารรักสีขาวอุ่นร้อนของตัวเองรดพุ่งออกมาเลอะหน้าท้องและมือของไดคุงและพร้อมกับสารธารรักสีขาวของไดก็พุ่งรดออกมาอยู่ในตัวผมไปพร้อม ๆ กัน

ต่างคนต่างนอนหอบหายใจอยู่ครู่ แล้วไดมันก็เลื่อนตัวขึ้นมาพรมจูบให้ทั่วใบหน้าของผมอีกรอบ...มันฉีกยิ้มกว้างไม่ยอบหุบ กว่าจะยอมลุกออกจากตัวผม แล้วไปหยิบกระดาษทิชชู่ บนโต๊ะทำงานมาเช็ดทำความสะอาดให้ มันพลิกร่างที่แทบไม่เหลือแรงของผมพิงกับตัวของมันเอาไว้แล้วจัดการใส่เสื้อผ้าให้ด้วยครับ... กอดผมไว้ในอกด้วย...ไดมันเป็นคนน่ารักเนอะ...(ยิ้ม)

"ขอบคุณนะม่านะ ลุ้นระทึกดีจัง"ผมหยิกเบา ๆที่หน้าอกขาวจั๊วะของไดด้วยความหมั่นไส้เล็กน้อย

"ดีนะไอ้จี้ไม่เข้ามาเห็น" ก็แน่แหละไม่งั้นคงได้เอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนซักแห่งกันบ้าง ผมหลับตาพูด รู้สึกง่วงขึ้นมาอยากหลับอยู่แบบนี้จังเลยครับ

"ไอ้ท็อตมันจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ขออย่าให้นายไปรักมันแล้วกันคาสุม่า"

"นี่ ให้ทำจนป่านนี้ ยังไม่รู้ดูไม่ออกอีกเหรอได"

"ก็นายยังไม่บอกรักชั้นอยู่ดี"...มันจะเอาอะไรกับผมอีก...

ก็มันพูดยากจะตายยิ่งอยู่ต่อหน้ากันแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอก ผมมีวิธีบอกรักไดมันให้รู้ได้ตั้งหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องพูดหรือบอกหรอกครับ ผมคิดอยู่ในใจไม่รู้ตัวเองคิดผิดหรือคิดถูก กับความคิดแบบนี้

"หื้อ บอกด้วยร่างกาย และจิตใจไปหมดแล้วยังจะเอาอะไรอีกง่วงจะตายขอหลับก่อนได้ไหม"

"ก็อยากได้ยินจากปากมากกว่านี่หน่า คาสุม่า"

"ไม่เอา ไม่พูด ง่วงแล้ว ขอนอนก่อนน้า"ผมเลื้อยควับลงจากตักได แล้วลงไปนอนหันหน้าเข้าหาพนักโซฟา

"ก็ได้ ไม่บอกก็ได้ แต่ฉันจะทำให้นายพูดให้ได้คอยดูนะ แล้วก็ไอ้ท็อตแกก็อย่าหวังว่าจะได้ 3pieces ฝันไปเถอะ 3 pieces ไม่มีทางซะล่ะ"

ไอ้แดงของผมบอก และบ่นอะไรก็ไม่รู้ในตอนท้ายประโยค

3 pieces อะไร ๆ คือ 3 picecsงงอะ คิดอะไรบ้าๆอีกแล้วได แล้วมันก็จุ๊บลงมาเบา ๆที่แก้มปล่อยให้ผมได้นอนผัก แล้วตัวมันเองก็ไปนั่งทำงานต่อ ผมพลิกตัวหันหน้าออกมาหรี่ตามองมันอยู่แป็บหนึ่ง...มันก็ยังน่ารักและทึ่มเหมือนเดิม...

อดนึกถึงคืนนี้และคืนต่อไปอีกไม่ได้ ผม ไดสุเกะคุง แล้วก็ ไอ้ท็อตจิจะไปนอนที่ไหน นอนกันยังไงล่ะ เตียงก็กว้างอะนะ กับผู้ชายตัวโตๆยาวๆ 2 คน แล้วก็อีกหนึ่งคนที่ตัวเล็กบอบบางอย่างผม โอ้ย!!! มันคงได้เบียดกันให้ตกเตียงกันบ้างล่ะ แล้วมันก็คงจะมีอะไรยุ่งๆรออยู่แน่ เรื่องบนเตียงมันไม่เข้าใครออกใครซะด้วย ถ้าไอ้จี้เกิดหื่น และดายก็ดันอยากหื่นขึ้นมาด้วยพร้อมกันอีกละก็ โอ้ว!! ไม่อยากจะคิด แค่นึกก็เสียวแล้ว ขอหลับเอาแรงก่อนดีกว่าเผื่อตื่นขึ้นมาจะได้คิดหาวิธีรับมือได้ทันนะครับ.

To be contine

แหะๆๆ

หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 02-09-2007 16:51:20
One man story 8

อธิบายกันงงนะครับ...เหตุการณ์จากนี้เป็นคำบอกเล่าจากเฮียไคย์และพี่เรียวนะครับ...ซึ่งคุณเฮียและคุณพี่มันถูกผม(ไอ้ม่า)เค้นคอถามบวกกับท่านทั้งสองอยากมีส่วนร่วมให้มากกว่านี้อะครับ แฮ่ๆๆ

........................................
....................................................

“ไคย์เป็นไรวะ?” ร่างเล็กกะทัดรัดของผู้ที่ถูกถาม หันมามองผู้มาเยือนใหม่

“อ้าว! เรียวมึงมาได้ไง?” ผู้มาเยือนทิ้งตัวลงนั่งแปะที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน ใช้สายตาสำรวจเพื่อนร่างเล็กเบี้องหน้า ใบหน้าอมทุกข์ ดวงตายาวรีหม่นหมอง แถมยังมานั่งหลบมุมอยู่ในผับ จิบเหล้าเคล้าเสียงเพลงรักสลดหดหู่แบบนี้อีก สงสัยว่าไอ้เพื่อนร่างเล็ก เจ้าของฟาร์มหมาดุ คงผิดปกติมีอะไรซักอย่างเข้าแน่แล้ว

“ก็เดาๆ ซุ่มๆ มางั้นแหละ หายหัวกันไปหมดเลยนี่หว่า ไอ้ไดสุเกะก็ดันติดเด็กอยากเลี้ยงต้อย ส่วนแกก็.....................” อะไรดีล่ะวะ..

“เฮ้ย!ไคย์มึงอย่าบอกนะว่าอยากเลี้ยงต้อยเหมือนไอ้ไดสุเกะมัน”

“...เด็กมันมาให้กูเลี้ยงก็ดีซิวะ!” พูดเสร็จร่างเล็กก็ยกน้ำสีอำพันภายในแก้วใสแจ๋วกระดกเข้าปาก ผ่านลำคอลงไปอย่างง่ายดาย ราวกับไม่รู้สึกรู้สมกับรสชาติอันบาดคอของน้ำสีอำพันนั้นซักนิด

“เด็กที่ไหนวะที่มึงอยากเลี้ยงอะ?” เจ้าเพื่อนคนนี้วันดีคืนดี ไม่เคยเห็นมันมานั่งทำหน้าจะเป็นจะตายแบบนี้ให้เห็น...นึกอยากจะเห็นซะแล้วซิ...เป็นใครที่ไหนถึงทำให้ไอ้เตี้ยเสียศูนย์มาแบบนี้

“เอ่อ... เด็กที่ไหนก็ช่างมันเถอะ ว่าแต่แกอะ มีอะไร?”ไคย์ยังอำอึ้งไม่ยอมตอบ

“ก็จะมาชวนไปหาท็อตจิ เมื่อวานมันโทรมาบอกว่าจะมาถึงวันนี้” เสือกมาชวนให้ไปไหนไม่ไปอีก ดันมาชวนกูไปห้องไอ้ได ไปทำไมวะ? ไม่อยากไปเห็นคาสุม่าอยู่กับมัน แค่นี้กูก็เท่ง จนจะฟื้นไม่ขึ้นอยู่แล้ว หน๋อย! พอคืนดีกันกูก็กลายเป็นหมาหัวเน่าไปทันที พากันกะหนุงกะหนิงออกจากห้องกูไปไม่บอกกูซักคำ รู้งี้มันน่าจะปล่อยให้เหี่ยวเฉาตายทั้งคู่ก็ดีแล้ว!

ไคย์หงุดหงิดขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึงเรื่องวันก่อน เพราะทนเห็นสภาพของคาสุม่าที่กินไม่ได้นอนไม่หลับไม่ไหวทำท่าจะเป็นจะตาย หลังจากเหตุการณ์ในห้องไอ้ไดสุเกะผ่านพ้นไป คาสุม่าก็ไปพักอยู่กับเค้าเป็นอาทิตย์

ทั้งไดสุเกะและคาสุม่าต่างคนก็ต่างไม่มีใครง้อใคร แม่ง!ทิฐิแรงกันทั้งคู่...คนกลางอย่างเขาเห็นแล้วยังเอื่อมระอา ยิ่งปล่อยเอาไว้ก็รังแต่จะตายเพราะปากแข็งด้วยกันทั้งคู่..เขาก็จึงลองใช้อุบายกับไดสุเกะมันดู
.............................

......................................

“เฮ้ยไอ้ไดสุเกะ! กูขอคุยอะไรด้วยหน่อยดิ” เคืองไอ้ไดแทนคาสุม่ามันอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“มีไร...?” น้ำเสียงไดสุเกะฟังดูก็รู้ว่า ไม่พอใจที่เค้าไม่ยอมเล่าอะไรเกี่ยวกับคาสุม่าให้ฟัง โธ่! ไอ้หมาหวงกาง!!!

“คาสุม่ามันบอกว่า...จะกลับเฮียวโงพรุ่งนี้แล้ว... กูเห็นว่าพวกมึงเคยอยู่ด้วยกันมาก็เลยบอกให้รู้ไว้อะ...” ลองสังเกตไอ้เพื่อนหัวแดงดูเมื่อเขาเห็นมันเงียบไป...แต่หน้ามันงี้ เริ่มหงิกแล้วอะ

“เหรอ... เอาใจกันยังไงล่ะวะ...ถึงฉุดกันไว้ไม่อยู่?” ไอ้นี้แม่งวอนตีนกูแล้วไหม ดูมันถามๆ

“ อื่มกูก็ประเคนให้มันทุกอย่างแล้วนะได เห็นว่าไปแล้วก็คงจะไม่กลับมาอีกแล้วล่ะมั่ง ได้ยินว่าวันนี้จะไปลาออกจากงานด้วย” เย็นไว้ไคย์ๆ ...ส้นTeenเขามันกระดิกด้วยความถี่ขึ้นทุกที...กูสงสารคาสุม่าหรอกโว้ย!

“เหรอ...?” มันจะเก๊กหาพระแสงอะไรของมันกันนักหนาวะ?++ ไอ้นี่!!!...คนอย่างมึง กูดูตาก็รู้ ในใจคงร้อนเป็นไฟลุกแน่ๆ เต้นเป็นเจ้าแล้วยังไม่รู้ตัวอีกไอ้ไดสุเกะ

“เมื่อเช้าเห็นว่าไม่สบาย...” ขอเติมไฟอีกนิดนะไอ้ม่า..กูจะกระตุ้นให้มันรู้สึกตัว

“บอกให้ไปหาหมอ แล้วกินข้าวกินยาก็ไม่ยอมเอาอะไรทั้งนั้น แมร่งไอ้ม่ามันดื้อชิบ!!” เติมเชื้อเข้าไปอีกหน่อยเถอะ คอยดูซิมันจะนิ่งอยู่ได้อีกนานมั้ย

“'งั้นเหรอ...?”

“ลองเข้าไปกอดเอ้ย!พอกูเข้าไปจับตัวดู ตัวร้อนจี๋เลยวะได..แต่มันยังปากแข็งบอกไม่เป็นไรอีกนะ” ไอ้แดงนั่งไม่ติดแล้ว มันลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ในห้องซ้อม แล้วทำท่าหาอะไรมาแดกดับความร้อนในใจมันทันทีอะ

“แล้วไง มึงมาบอกกูทำไม ก็ดูแลกันเข้าไปดิ”โด่ไอ้เวร...ไอ้XXXเว้ย!!!มึงนี่มันสุดยอดเลย

“อ๋อ...กูก็แค่จะบอก ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับไอ้คาสุม่ามันแล้ว... กูก็จะสบายใจอะ คือ...กูจะไม่ปล่อยให้คาสุม่ามันกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ...กูจะดูแลมันเอง”

"มึงแน่ใจไอ้ไคย์...?"ไอ้ไดสุเกะมันมองเขาด้วยสายตาที่แทบจะกินเลือดกินเนื้อ

"คือ..กูก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะว้อยได แต่กูคิดว่าถ้าไอ้ม่ามันอยู่กับกู...กูรู้ว่ากูไม่มีวันที่จะทำให้มันเสียใจ...มึงว่าไง...?

“....อย่าแม้แต่จะฝันเลยไอ้ไคย์!” หึๆๆในที่สุดไอ้เพื่อนหัวแดงก็หันมาตีหน้ายักษ์เข้าใส่..มันตาขวาง ตีนเขากระดิกอีกแล้ว

“คาสุม่าอยู่ไหน?” ไอ้ไดสุเกะมันกัดฟันกรอดๆ นึกเป็นห่วงคาสุม่าแทนจริงๆวุ้ยกู

“อยู่ที่ห้องกูเอง...”...

"ทำไม...มึงจะไปหามันเหรอ...?" มันลบสายตาเขาอะ

“แล้วทำไมมึงไม่ลองรั้งไว้ดูล่ะวะ”แต่แล้วมันก็หันกลับมาถามพร้อมกับหยิบเอาเสื้อแจ็คเก็ตตัวเก่งของมันขึ้นมาใส่อะ...มันคงร้อนได้ที่แล้วนะ

“มึงอยากให้กูทำมั้ยล่ะ...?"
ถูกมันมองด้วยสายตาท้าทายอะ...เอออมึงมันแน่!โด่...ถ้าไอ้ม่ามันเจอกูก่อนมึง มันก็ไม่แน่หรอกวะไอ้ไดสุเกะ!

"กูจะบอกอะไรให้นะไอ้ไดเผื่อมึงจะได้ตาสว่างขึ้น... ถ้าไอ้ม่ามันยอมให้กูกอดซักนิดล่ะก็...” เขาหันไปสบสายตากินเลือดกินเนื้อของไสุเกะมันตรง ๆ

“...มึงอย่าหวังว่ากูจะมาบอกมึงแบบนี้ให้ยาก!” เท่านั้นแหละๆ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อไอ้แดงก็แทบจะวิ่งออกจากห้องซ้อมไปทันที แต่เขาซิ ต้องมานั่งซึมแด็ก แดกเหล้า อาลัยอาวรณ์อยู่คนเดียวแบบนี้เฮ้ย!
......................
....................................

“เอาไว้วันหลังได้มั้ยเรียว กูไม่มีอารมณ์ไป มึงมาดื่มเป็นเพื่อนกูหน่อยซิวะ”

“มึงยังไม่ได้บอกกูเลยว่ามึงไปโดนเด็กที่ไหน ทำอกมึงเดาะมาไคย์”กูอยากรู้

“เด็กซ่า ใกล้ๆตัวนี่แหละ”

“ทำไมไม่ตบกะโหลกมันไปซักที สองทีวะ มันจะได้หายซ่าอยู่ไนโอวาทมึงบ้าง”

“เด็กมันไม่ได้อยู่ในโอวาทกูมาตั้งแต่ต้นแล้วโว้ย! กูถึงต้องมานั่งเซ็งแบบนี่ไงล่ะมึง... มึงอย่าเอาเรื่องนี้มาชวนคุยอีกเลยวะเรียว  แม่งยิ่งคุยกูยิ่งกลุ้ม!”พูดเสร็จแม่งมันยกแก้วขึ้นกระดก รวดเดียวหมดในพริบตา..เออไอ้นี่มันท่าจะแย่จริงๆ

“เอ่อวะไอ้นี้..ก็ได้วะ ว่าแต่มึงเถอะเป็นแบบนี่แล้วไม่คิดที่จะมองไอ้แก่ๆรุ่นเดียวกันอย่างกูดูบ้างเหรอไคย์?..”

เฮ้ย! ต้องมาสารภาพกับไอ้ปากหมานี่ 2 ครั้งแล้วนะ มันจะทำใจแข็งไปถึงไหน ถึงไม่ยอมรับว่าเขาแอบชอบมันอยู่

"ไม่ลองหันมามองกูบ้างล่ะ...?"เขายกแก้วเหล้าขึ้นจิบพลางชำเลืองสายตามองอีกฝ่าย

“มึงยังรอกูอยู่อีกเหรอวะ นึกว่าหลงสาวที่ไหนไปซะแล้ว”

“อ้าว! กูพูดคำไหนคำนั้นโว้ย!” เห็นหน้าแป้นๆมึงอยู่ทุกวันมันยิ่งชอบมึงมากเข้าไปอีก มึงไม่รู้เลยหรือวะไคย์?

“แต่ว่าๆ กู” บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไงกับเรียวมัน ยิ่งไอ้หน้าสวยนี่เสือกดันเข้าใจจิตใจเขามาตลอดอีก...มันเข้าใจเขามากกว่าตัวเขาเองเสียอีกอะ..แถมมันยังหน้าหวานมาก เรียกว่าสวยเลยล่ะ...แต่ทำไมมันให้ความรู้สึก...

“เอาไว้ก่อนก็ได้น่ากูไม่ได้รีบร้อนให้มึงมารักมาชอบกูซักหน่อย คอยมึงได้อยู่แล้วล่ะน่า5555"

เรียวมันแกล้งหัวเราะฮา แต่เขารู้ว่าที่ใจมันคงปวดน่าดู เป็นเหมือนกับเขาอยู่ในตอนนี้ เพราะดันไปหลงชอบคาสุม่าเข้า ..รักเขาข้างเดียว รักคนที่เขาไม่รักเรา...มันก็เจ็บแบบนี้แหล่ะ

ไคย์เดินไปนั่งทิ้งตัวลงข้างๆเรียว นั่งเบียดๆจงใจเข้าไปชิด อย่างน้อยในตอนนี้ก็ขอมีคนที่เข้าใจเขาซักคนคอยอยู่ข้าง ๆ คอยอยู่ใกล้ๆไม่ให้รู้สึกอ้างว้างก็ยังดีวะ


“อย่าพึ่งไปไหนได้มั้ย? อยู่กับกูก่อน อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยนะเรียว” ไคย์ไม่พูดเปล่า พิงหัวลงมาอิงไหล่บางของเรียวเอาไว้

“ไคย์มึงเป็นอะไรวะกูตามอารมณ์ มึงไม่ทันเลยอะ”

“ก็เพราะมึงไม่ยอมรุกซักที ปล่อยให้กูไปชอบคนอื่นอยู่ได้ ดูซิแล้วตอนนี่มึงจะมาเอาอะไรกับกูอีก บอกว่าชอบกูๆ แล้วมึงก็ไม่ทำอย่างปากว่า ให้กูลอยไปลอยมา มึงไม่หึงไม่หวงกูบ้างเหรอวะเรียว..?” เหล้าที่เข้าปากเริ่มจะออกฤทธิ์ซะแล้ว...เขาพูดอะไรออกไป...?

“ก็กูกลัวถูกมึงด่า”

“เอองั้นมึงก็กลัวถูกกูด่าต่อไปแล้วกัน” น้ำเสียงอย่างนี้ นี่มันกำลังประชดเขาหรือเปล่านะ... เรียวคิดอยู่ในใจ

“ถ้ากูทำอย่างมึงว่า มึงจะหันมามองกูงั้นเหรอ” ก็มันไม่มั่นใจนี่หว่า ปากมันแม่งยิ่งกว่าอะไรเสียอีก

“มึงจะลองดูไหมไอ้เรียว ถ้ามึงไม่ลองกูก็ไม่มีรอบ 2 ให้มึงหรอกนะ”
....................
..............................

“งั้นมึงไปห้องกูมั้ยไคย์...? กูสัญญาว่า ถ้ามึงไม่พร้อมกูจะไม่บังคับ...???” จะถูกมันด่าเปิงเอาไหมเรียวเอ้ย!! ลองเสี่ยงดูแล้วกัน ยิ่งมันมานั่งเบียดตัวอยู่ใกล้ๆแบบนี้ กูก็คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วไอ้ไคย์


“...ก็ได้เรียว... แต่ว่ากูขอเมายอมใจก่อนแล้วมึงค่อยลากกูไปห้องมึงแล้วกัน...” คิดบ้าอะไรอยู่นะไคย์ แน่ใจเหรอที่ให้เป็นแบบนี้

เรียวก็ไม่ใช่จะไม่ดีตรงไหน จำได้ว่ามันมาบอกชอบได้หลายเดือนแล้ว แต่ว่าต่างคนก็ต่างทำเป็นเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจัง ก็เพราะเป็นเพื่อนซี้กันนั้นแหละ มันถึงได้ไม่ไปถึงไหน แซวกันไปแหย่กันมาจนเค้าคิดว่าเรียวมันเลิกชอบเค้าไปแล้วเสียอีก ไม่เคยคิดว่ามันยังจะชอบเค้าอยู่อีก... บางทีเรียว...อาจจะทำให้เค้าเปลี่ยนใจก็ได้


... เพราะยังไงๆก็รู้ว่าคาสุม่าไม่มีทางที่จะมองเขาเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากพี่ชายคนหนึ่งหรือไม่ก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งแค่นั้น ...เรียวมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ ดีกับเขาไปเสียหมดทุกอย่างด้วยซ้ำไป

“งั้นมึงก็ดื่มเข้าไปให้เยอะๆเลยไคย์ เอ้า! เดี๋ยวกูจะลากกกกก มึงกลับเอง”

ไอ้นี่แม่งให้ท้ายหน่อยเดียวก็เอาใหญ่ ดูมันพูด

“ดีเหมือนกันว่ะ...กูก็กำลังอยากโดนใครซักคนลากกกกก อยู่พอดี5555+” กลายเป็นแบบนั้นไปได้ ไคย์หนอไคย์กูอยากจะบ้า!!!

นึกอายคำพูดของตัวเองสุดๆ ...ก็มันอยากร้องไห้ อยู่กับคาสุม่ามาหลายวันบรรยากาศรอบๆ ตัวไอ้ม่ามันกดดันเค้าไปเสียหมด เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงยิ่งเห็นไอ้ม่ามันกินไม่ได้นอนไม่หลับก็ยิ่งกระวนกระวายใจ สายตาของไอ้ม่ามันเหม่อมองไปไกลดูก็รู้ว่ามีแต่ไอ้ไดสุเกะเต็มไปหมด ไม่มีทางที่จะมีเค้าอยู่ในสายตาคู่นั้นได้ บางครั้งที่เค้าอ่อนแออยากร้องไห้ออกมามากแค่ไหนแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ ไม่อยากไห้ไอ้ม่ามันยิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ ไอ้ม่าคงหารู้ไม่ว่าเทวดาสีขาวตัวน้อยนั้นมันอ่อนแอและปกป้องมันเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ปีกของมันอ่อนแรง เหนื่อยเต็มทน คงต้องหาที่พักรักษาตัวเสียแล้วเจ้าเทวดาสีขาว...

ไคย์เอนตัวลงซบข้างๆไหล่บางของเรียวทันที ปล่อยให้เรียวลูบหัวลูบหลังเขาอยู่เบา ๆ มันอาจจะไม่ใช่การเอ่ยปลอบประโลมที่อ่อนโยน อ่อนหวาน นุ่มนวล ชวนให้เคลิบเคลิ้ม แต่แค่สัมผัสอบอุ่น และความเข้าใจที่ส่งผ่านฝ่ามือมา แค่นี่ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมากมาย จนอดน้ำตาคลอไม่ได้...ไม่ได้ร้องไห้มานานแค่ไหนแล้ว...

“เรียว...ถ้ากูร้องไห้มึงอย่าล้อกูนะ...” เสียงที่ถามสั่นไปหมดจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว...

ถึงเขาจะเฮ้วทำเป็นแกร่ง เข้มแข็งแค่ไหน...แต่มันก็ต้องมีบางเวลาที่เขาจะอ่อนแอบ้างล่ะ

“แล้วมึงคิดว่ากูจะทำอย่างนั้นเหรอ...เห็นกูเป็นแบบนั้นหรือไคย์?” เขาจับปลายคางของร่างเตี้ยกว่าออกห่างจากตัวเองเพียงเล็กน้อย จ้องลึกเข้าไปในดวงตายาวรีที่มีน้ำคลอเอ่ออยู่เต็มหน่วยตา

“กูทนไม่ไหวแล้ว มันเจ็บๆ ตรงนี้!!! ฮื้อออ เข้าใจไหมกูเจ็บๆเหลือเกิน ตรงนี้ ๆๆ!!!!”เสียงตะโกนก้องของหัวใจมันดังคับอกจนทนไม่ไหว

“คะ..ไคย์ ไม่เป็นไรๆ นะไคย์” เขาไม่สามารถเอ่ยปลอบอะไรร่างเล็กที่แอบชอบมาตลอดได้ ไคย์ตะโกนลั่นว่าเจ็บๆ แล้วก็ชี้ย้ำไปที่หัวใจ ร้องไห้เป็นเต่าเผาให้ได้เห็นเป็นครั้งแรก ได้แต่ซุกหน้าร้องไห้อยู่ที่อกของเขา

ไคย์... เพื่อนคนที่เขาอยากจะให้เป็นมากกว่าเพื่อน คนที่เขาอยากจะดูแลให้ดีที่สุด ทำท่าทางซึมเศร้าไม่แหย่หรือด่าใครมาหลายวันแล้ว จนอดห่วงไม่ได้ เขาดูออกว่ามันผิดไปจากเดิม...จนชักเป็นห่วง...

เขาจะไม่ปล่อยให้ไคย์ไปชอบใครอีกแล้ว อยากจะปลอบร่างเล็กกว่าแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร กอดอยู่นิ่งๆปล่อยให้ร้องไห้ไปแล้วกัน บางทีการที่ไคย์ได้ร้องปลดปล่อยน้ำตาออกมาแบบนี่อาจจะดีกว่าการบังคับอดกลั้นเอาไว้ก็เป็นได้

เสียงเพลงรัก อ้อมกอดที่อบอุ่น 2แขนที่โอบรอบตัว ไม่มีซึ่งคำพูดปลอบโยนหวานหูให้ได้ยิน

แต่...ทำไมแค่เพียงสัมผัสของทั้งหมดนี้มาร่วมกัน ก็รู้สึกว่าเกินพอแล้ว ไม่ต้องเอ่ยปลอบ ไม่ต้องสรรหาคำพูดรื่นหูเพื่อให้เขาสบายใจ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอ แค่อยู่นิ่งๆคอยอยู่ข้างๆก็พอแล้ว...


และแล้วในที่สุด


“ไคย์ๆๆ ถึงห้องกูแล้ว”

“ฮื้อ ...ถึงแล้วเหรอ กูจะนอนบนนู่น กูไม่นอนที่นี่นะ ตรงนี้มันแข็ง”

“เอ่อ! กูรู้แล้วน่า!! ไม่ปล่อยให้มึงมานอนที่โซฟานี่หรอก”

“มันไม่นิ่มกูไม่ชอบ”

“แล้วมึงจะอาบน้ำก่อนไหม...?” ไคย์เมาไม่เป็นท่าปล่อยให้เขาลากมาอย่างที่ปากว่าจนได้

จะทำคนเมาลงมั้ยเนี้ยกู!!!

 แต่ว่ามันเมาแบบนี่น่ารักเป็นบ้าเลยอะ ร่างเล็ก บอบบาง นุ่มนิ่มที่เบียดตัวเข้าหาอยู่ตลอดเวลา มันทำให้ต้องบอกตัวเองเอาไว้

ฮื่ม! ทนไว้ลูกพ่อๆอยู่บ่อยๆ ไคย์มันจะรู้ไหม ว่าร่างกายนุ่มนิ่ม กับสายตาฉ่ำเยิ้มของเจ้าตัว มันทำให้เขาคิดเตลิดเปิดเปิงไปถึงสวรรค์ชั้นไหนแล้ว

“ฮื้อ กูไม่มีปัญญาอาบมึงก็รู้ อาบให้จิ กูยอมมึงหมดเลยน้า วันนี้ไอ้ระ..เลวววว” เรียวเว้ยเรียว! ดูปากมันดิ...แมร่งนี่ขนาดมันเมาววนะ...มันยังพูดสะกดคำด่าเขาได้ถูกเลยอะ

ว่าแล้วมันก็ยังจับคอเสื้อเขาดึงเข้ามาหาตัวเองอีก โอ้ย! มันจะยั่วกูไปถึงไหนวะ

“งั้น........... ไป ๆอาบน้ำกันนะ กูจะขัดถูทำความสะอาดให้มึงทุกซอกทุกมุมเลยไอ้ไคย์” โอ้!เสียงของเขามันช่างแหบพร่าฟังดูพิกลๆ เพียงแค่คิด เป้ากางเกงกูมันก็เคร่งๆตุง ๆแล้วไคย์เอ้ย!

“อื่ม กูให้มึงเป็นของขวัญสำหรับการรอคอยกูล่ะกันเรียว”

อ๊ากกกกกกกกกกก  ดรีใจจนเนื้อเต้นเลยว้อย+++ไคย์มันตาเยิ้มจนทำให้เขารีบอุ้มร่างเล็กเข้าห้องน้ำไปทันที

เสื้อผ้าถอดออกได้ไม่อยาก เพราะไคย์ให้ความร่วมมือหมดทุกอย่าง

และแล้ว อ๊า! ร่างเล็กนุ่มนิ่มมือ ก็ได้นั่งตักเขาในอ่างอาบน้ำ หันหน้าเข้าหาซบใบหน้าลงที่ซอกคอของเขาเอาไว้ โอ้ย! จะรอให้อาบน้ำเสร็จได้ไหมเนี่ย ท่าทางการนั่งของไอ้ไคย์แมร่งมันก็ล่อแหลม และง่ายต่อการสอดใส่อาวุธของเขาเสียเหลือเกิน

“เรียวๆฉัน ฉ กู อยากลืมคาสุม่า” อ๊า! ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะคาสุม่าเองเหรอไคย์ 2 แขนเรียวเล็กของเจ้าตัวโอบกอดรอบคอของเขาแล้วโน้มตัวลงมาหา ...ด้วยฤทธิ์ของน้ำเมาทำให้ไคย์มันเริ่มเพ้อ

“ทำให้กู ลืมๆทีนะ น้า ทำให้กู มีแต่ อื่ม ทำให้ฉันมีแต่เรียวทีนะ”

“ไคย์ๆ นายจะไม่เสียใจใช่ไหม” นี่กูเป็นคนดีมากไปหรือเปล่าวะเนี้ย...?

“ไม่ๆหรอก ฉันอยากมีใครซักคน... เข้าใจ แล้วก็... อื่มๆ คนๆนั้น ฉันๆ ก็อยากจะให้เป็นเรียว” โอ้ย! แม่เจ้า ตบะความดงความดีกูแตกแล้ว ไคย์เอ้ย ฮื่ม! มึงไม่รอดแน่ คิดได้ดังนั้นก็เผลอรัดร่างเล็กแน่นขึ้นยิ่งกว่าเก่า

ร๊ากกกก ๆๆ มึงจริงๆเลยไคย์

“ก กอดฉัน กอดฉันนะเรียวๆกอดที นะ น้า” โอ้! ในที่สุดพระผู้เป็นเจ้าก็เปิดทางให้ลูกไม่ต้องรอฟ้าหลังฝนอีกต่อไป

แล้วเขาก็กระหน่ำจูบใบหน้าที่แอบหลงรักของไคย์ให้ทั่วใบหน้าไปหมด ปากหมาๆ ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะหอมหวานชวนให้หลงใหลได้เพียงนี้ ยั่วเย้าอารมณ์ได้ดีเหลือเกิน ปลายลิ้นดุนดันพัวพันกันให้มั่วไปหมดไม่รู้ของใครเป็นของใคร เสียงหอบปนหายใจของไคย์ก็ยิ่งเร้าให้ยิ่งควบคุมตัวเองไม่อยู่ อยากจับร่างเล็กกดซะเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด


แต่ว่าช้าก่อนเรียว... เดี๋ยวไคย์ได้แตกตื่น... เพราะท่าทางไคย์มันไม่น่าจะเคยมาก่อน ร่างเล็กอาจจะยังไม่คุ้นกับการที่ต้องมารับอะไรแบบนี้

... มือข้างซ้ายถูกนำมาใช้งานทันทีที่คิดจบ บีบเค้นคลึงเคล้าอยู่ที่สะโพกมนเล็กอัดแน่นไปด้วยเนื้อเต็มไม้เต็มมือ ส่วนข้างขวาก็ไล่บี้ลูบคลำทั่วหน้าอกขาวเนียนและยอดอกเล็กสีสด ชูชั้นท้าทายสายตาเชิญชวนให้ลิ้มรสเหลือเกิน แล้วเขาก็ไม่รอช้า ยกตัวร่างเล็กที่แอ่นกายขึ้นเลื่อนปลายลิ้นลงดึงดูด ขบงับเล่นดุนดันไล่งับติ่งเนื้อนั้นไปมาทั้ง 2 ข้าง

“อื่มๆ ๆเรียว ชั้นๆ”

“อื่มๆ ดีไหมไคย์ ดีมั้ย?”

“อ๊า! อื่ม สะ... เสียว”

“อ้า! อย่าพูดคำนี้สิ มันจะอดไม่ไหวนะไคย์”

"เรียวๆ...อ๊า!ๆ อีกข้าง ๆหนึ่งด้วย”

“แบบนี้เหรอ อื่มๆ นะ นาย เร่าร้อนดีเหลือเกินไคย์” ไม่ไหวแล้วกดมันในอ่างนี่แหละวะ!

“ไคย์... ในนี้นะ”

“อื่ม ไม่ไหวแล้ว เรียวๆฉันๆเสียว ตรงนั้นๆทีเร็ว” (อ๊าคคคคคคคคคคคคค กูอายแทนพวกมึงสองคนจังเลยย กร๊าซซซซ / ไอ้ม่า)

น้ำในอ่างกระเซ็นกระจายแล้วก็หลุดไหลออกไปจนหมดเพราะไคย์เอามือไปปัดถูกที่อุดเข้า เขาวางร่างเล็กลงนอนระทวยไปกับอาบอ่างน้ำ แล้วค่อมตัวลงทำตามที่ร่างเล็กต้องการทันที ใช้ปลายลิ้นและอุ้งปาก ตอบสนองให้ร่างเล็กก่อน

ร่างเล็กดิ้นเร่า ๆ กดหัวของเขาเอาไว้แน่น ทำให้เขารู้สึกอยากกลืนกินมันเข้าไปหมดทั้งตัวด้วยซ้ำ เสียงร้องครางกระเส่าของไคย์ก็ดังก้องกังวานในห้องน้ำแบบนี้ มันยิ่งเร้าอารมณ์ของเขาจนควบคุมไม่อยู่ ทั้งมือทั้งปากตอบสนองดึงรูดให้มันได้ไม่หยุด

“รู้สึกดีมั้ย ไคย์?” เขาขึ้นมากระซิบที่ริมหู (มึงพูดกันแบบนี้จริงๆดิ /ไอ้ม่า)

“อื่มๆ ต่อๆสิ หยุดทำไม...?” ไม่ต้องบอกแล้วมั่งว่าร่างเล็กต้องการมากแค่ไหน

“ไปที่เตียงนะไคย์ ที่นี่มันไม่สะดวก เดี๋ยวนายจะปวดเนื้อปวดตัว” เปลี่ยนใจแล้ว ร่างนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอม เรื่องอะไรจะมากดเอาในอ่าง เขาเดินลิ่วๆ อุ้มร่างเล็กไปวางที่เตียงทันที แล้วประกบริมฝีปากลงไปปลุกเร้าอารมณ์ของร่างเล็กให้กระเจิงอีกรอบ ร่างเล็กเปลือยเปล่านอนระทวยอยู่บนเตียงกว้างของเขา เป็นภาพที่เกินจะบรรยายจริง ๆ อยากได้อยากจับจองไปหมดทุกส่วน โอ้ย! ทนไม่ไหวแล้ว

“ไคย์จะใส่แล้วนะ...?” ( ไอ้พี่เรียวแม่งพูดซะเห็นภาพ กูอายยยแทน / ไอ้ม่า )

เขาละขึ้นมาจูบคลอเคลียอยู่ที่ใบหน้าอีก

“อื่ม จ... จะทำ อะไรก็ทำเถอะ ไม่ไหวแล้ว”

“แต่ นายจะเจ็บ” ยังนึกเป็นห่วงร่างเล็กไม่หาย ไคย์ตัวเล็กเกินไปเขากลัวว่า จะทนอารมณ์ตัวเองไม่ไหว ถ้าเผลอตะบี้ตะบันมันจนรั้งไว้ไม่อยู่ละก้อ ไคย์มันจะเจ็บตัวเอาได้

“ฉัน ทะ ทนได้”

“ฉันจะค่อยๆ ทำนะ ฉันๆรักนาย อยากบอกนายมาตั้งนาน..”

“เรียว ๆ” ไคย์เอามือเล็กๆประคองใบหน้าของร่างที่คร่อมเค้าอยู่บนตัวไว้

“รักฉันก็ กอดฉันนะ ๆ อย่าปล่อยให้ฉันเป็นแบบนี้อีก อย่าปล่อยให้ฉันไปชอบใครอีกนะ เรียว”
 
น้ำตาคลอขึ้นมาอีกรอบ ไม่รู้ทำไมแค่สัมผัสของร่างที่คร่อมอยู่บนตัวเขา ก็ทำให้รู้สึกอยากถูกคนๆนี้ปกป้อง และกอดเอาไว้แบบนี้ตลอดไป

“สัญญาเรียว ฉันสัญญานะ” เขาขึ้นมาจุ๊บจูบลงบนกลีบปากนุ่มอีกครั้งแทนคำสัญญา แล้วยก 2 ขาของร่างเล็กขึ้นพาดบ่า

“ทนหน่อยนะ” จูบปลอบไปอีกที แล้วค่อย ๆกดดันตัวเองเข้าไปในร่างของไคย์ช้า ๆ อ๊า! ภายในร่างกายของไคย์มันตอดรัดเขาแน่นเหลือเกิน

“อ๊า! เรียวๆ”

“เจ็บไหมไคย์ ทนไม่ไหวก็บอกนะ”

“ไม่ ๆ เป็นไร หรอก” ร่างเล็กสั่นหน้า หลับตา กัดริมฝีปากแน่น อดโน้มตัวลงไปจูบปลอบอีกไม่ได้ พลางก็ขยับตัวเข้าออกเป็นจังหวะไปด้วย จากช้า ๆ ก็ค่อย ๆเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ เร็วขึ้นไปเรื่อย ๆได้ยินเสียงครางประสานกันทั้งของตัวเองและของร่างเล็กให้ทั่วห้อง

“ไม่ไหวแล้ว อ๊า!”

“อื่ม ชิน อื่ม ...ไม่ไหวเหมือนกัน”

.?????????????????????????????????????...

ไม่สามารถบรรยายได้อีกแล้ว เนื่องจากไอ้ม่าเขิลลจนนึกไอ้ที่ต่อๆไปไม่ออก ข้าพเจ้าก็เลยไม่รู้จะพิมพ์อะไร ...จินตนาการเหตุการณ์ต่อไปกันเอาเองนะครับ กรั๊กๆๆ

ตัดตอนๆๆ......
...............................
.......................................


“ไคย์จำที่พูดเมื่อกี้ได้มั้ย”

“อะไร”

“ก็ที่ขอฉันเมื่อกี้”

“ฮื้อ! อย่ายุ่งน่า ง่วงแล้ว...”

“ไม่เอา บอกก่อนว่าจำได้มั้ย”

“จำได้” ร่างเล็กทำท่าหลับไปจริงๆไม่สนริมฝีปากของเขาที่จูบซอกไซ้ที่บริเวณใบหน้า

“จำได้ว่าไง หื้อ... ว่าไงบ้าง?”

“เรียว มึงจะเอาอะไรกับกูนักหนา” นั่นไงกลับมาแล้วร่างเล็กโหมดปากหมาคงจะหายสร่างเมาไปบ้างแล้ว

“มึงก็รู้ กูก็แค่อยากฟังอีกซักครั้ง” เขาอ้อนร่างเล็กเป็นครั้งแรก ตอนนี้ไม่นึกกลัวปากหรือคำด่าอะไรที่เคียวจะว่าอีกต่อไปแล้ว


“ไอ้นี้นี่ ก็ได้ยินไปชัดแล้วนะ”

“แต่กูก็ยังอยากได้ยินอีก”

“ประโยคไหนล่ะ...?”

“ก็ประโยคที่กูสัญญาไป”

“ไม่อะ... กูไม่มีรมณ์พูดแล้ว”

“โธ่! ไคย์มึงจะแกล้งกูไปถึงไหน”

“ก็กูไม่มีรมณ์อะ แล้วถ้ามึงฟังมันอาจจะความรู้สึกคนละอย่างกันกับเมื่อกี้ก็ได้”

“ไม่เป็นไรขอให้มึงจำได้ อารมณ์ไหนกูก็ไม่เกี่ยง”

“ไอ้เรียวมึงนี่! กูคงไม่ได้นอนแน่เลยถ้าเกิดกูไม่พูดใช่มั้ย?” เขายิ้มกว้างให้ไคย์ พลางพยักหน้าเป็นเชิงว่าถูกต้อง


“มึงฟังนะ...”

“กูบอกว่าให้มึงปล่อยกูไปแบบนี่เรื่อยๆ แหละดีแล้ว...แล้วก็ให้มึงปล่อยให้กูไปชอบคนอื่นได้อีกเรื่อยๆ ชัดมั้ย?!!!” ไคย์มันพูดจบก็นอนหันหลังให้เขาไปเลย

“โธ่! มันไม่ใช่แบบนี่ซักหน่อย มึงบอกให้กูชื่นใจอีกครั้งไม่ได้เลยหรือ?”


“โว้ย! รำคาญจริงวุ้ยไอ้นี้นี่! คนจะหลับจะนอน!” ไคย์มันหันหน้ามาว่าใส่เขาอีกรอบ

"โธ่ไคย์...มึงจะใจดำกับกูไปถึงไหน?"มันหน้างออะ...แต่มันทำได้หน้ารักอะ จริงๆนะ มันน่ารักจริงๆ...ไอ้เรียวมันน้อยใจ

“เอ้า! แค่นี้พอยัง *จุ๊บ* ถ้ามึงยังต้องการนู่นต้องการนี่อยู่อีกละก็ กูถีบมึงตกเตียงจริงๆด้วยไอ้เรียว นอนได้แล้ว!!” อ๊ากกกกกกกกกก ไคย์จูบที่ปากเขา แล้วก็อมยิ้มนอนหันหลังไปอีกรอบ ดูก็รู้ว่ามันกำลังเขินเขาอยู่


“ไคย์ขอบใจนะ รักมึงจังเลย” เขาอดไม่ได้ที่จะตวัดแขนกอดเอวของร่างเล็กเข้ามาในวงแขน นอนกอดร่างเล็กที่ขดคู่ตัวอยู่ด้วยความอิ่มเอิบหัวใจพองโต

"ลองมึงไม่รักกูดูดิ...กูจะฆ่ามึง"ไคย์มันพูดเบาๆแต่เขาก็ได้ยิน

"กูรักมึงๆๆๆ...พอใจยัง"...มันยิ้มนะ เขาเห็น

“เห่าอยู่ได้หลับได้แล้ว”ไคย์มันเขินอะ

“จ้า ๆ” วินาทีนี้อะไรก็ยอมวะ กับการได้ร่างเล็กมาอยู่แนบข้างแบบนี้ โอ้ย! เป็นสุขยิ่งกว่าอะไรเรียวเอ๋ย...มึงช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ

..................................................................

To be con...

(อธิบายๆกันงงนะครับ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไดสุเกะคุงไปตามง้อคาสุม่าจังกลับมาห้องแล้วนะครับ / RED...[em] )


หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-09-2007 16:58:46
ว้าว   :m10:  :m10: สองคู่เลยวุ้ย  :m3:  :m3:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 02-09-2007 18:58:48
 :oo1: :oo1: :oo1:

 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-09-2007 20:04:08
อ๊าก ไคน่าจังเลย มีเมียดุแล้ววุ้ยตาเรียว
 :m3: :m3: :m3:

เจ้าท๊อตจินี่จิคิดอะไรอยู่ จะเป็นเรื่องเครียดไหมนี่
 :m21: :m21: :m21:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 03-09-2007 01:02:37
 :m10: :m10: :m10:
 :m25: :m25: :m25:
คนโพสสุดยอดมาก  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 03-09-2007 02:22:42
 :m2:  :m2:  :m2:  :m2:  :m2:  :m2:

ยอมถอยคนละก้าว  เพราะว่ารักไง   :o8: :o8:

*กูรักมึงๆๆๆ...พอใจยัง*...บอกรักอย่างจริงใจ  ได้ใจมาก  :m3:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 09-09-2007 23:25:33
เมื่อไหร่จะมาต่อเนี่ย  :undecided: :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 16-09-2007 14:19:40
 :o11: :o11: :o11:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 20-09-2007 23:21:23
รอคับรอ  :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-09-2007 18:43:49
One man story 9


“ไอ้ไดสุเกะมึงไปนอนฝั่งนู่น กูจะนอนตรงนี่ แล้วคาสุม่าก็ต้องมานอนตรงนี้”

เสียงไอ้จี้ เจ้ากี้เจ้าการจัดสันปันส่วนเนื้อที่บนที่นอน ให้นอนกันได้ 3 คน

“มันแคบนัก กูไปนอนห้องทำงานกูกับคาสุม่า 2 คนก็ได้นะ ทำไมกูต้องมาฟังมึงด้วยวะท็อตจิ?”นั่นเดะ!...ทำไมกูต้องมาฟังมึงด้วยวะจี้

“ไม่ได้ ถ้ามึงจะไปมึงก็ไปคนเดียว ห้ามเอาไอ้ม่าไปด้วยเป็นอันขาด” มันพากันเห็นหัวม่วงๆของกูกันมั้ย?...

“แล้วทำไมกูต้องไปนอนติดฝั่งนู่น แล้วมึงก็ต้องอยู่กลาง แล้วคาสุม่าก็ต้องอยู่ข้างมึงด้วยล่ะ” เออนั้นน่ะดิ....?

“ก็ฝั่งนู่นมันเป็นที่ของมึงมาก่อนไม่ใช่เหรอ มึงก็ต้องไปนอนที่เดิมซิ”

“อ้าว!ก็แล้วฝั่งที่ม่านอนมันก็เป็นที่ของมึงเหมือนกันมึงก็ไปนอนที่ของมึงแทนซิ”

โอ้ย! ใครก็ได้ช่วยเอาผมไปมุดตู้ทีเหอะ รำคาญไอ้ 2 ตัวนี่จะแย่อยู่แล้วครับ ไม่รู้ชาติที่แล้วมันไปเกิดเป็นอสุรกายที่ไหนมาถึงได้มานั่งเถียงกันอยู่ได้เป็นวรรคเป็นเวร เป็นกรรมของเวร เอ้ย!เป็นเวรของกรรม เอ้ย! เป็นกรรมของกู คาสุม่าหนอคาสุม่า...  
 
...................................
............................................

“พวกมึงจะทะเลาะกันอีกนานมั้ย ถ้าจะทะเลาะกันต่ออยู่ละก็ กูขอร้องอะนะ โน่นประตู เชิญ!พวกมึงไปกัดกันข้างนอกโน้น กรูจะนอน! เข้าใจ้” ผมถามขึ้นเพราะรำคาญไดคุงกับไอ้จี้เหลือแสน ถ้ามันทั้งสองยังเถียงกันอยู่แบบนี้มีหวังคืนนี้ก็คงไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดีครับ

พอบอกเสร็จผมก็คว้าหมอนใบโปรดวางแหมะลงบนกลางที่นอน แล้วล้มตัวลงนอนไม่สนใจสิ่งมีชีวิต 2 ตัวที่มองผมตาค้าง ว่าผมจะไม่รู้สึกอีนังขังขอบกับการกระทำที่ไม่น่าสนใจของพวกเค้าอีกต่อไปแล้ว พวกบ้า!...บ้าบอสิ้นดี

“งั้นฉันนอนด้วยคนน้า ม่า” ไดมันยิ้มรีบถลาเข้ามาประจบยกหมอนขึ้นมาวางแหมะลงข้างกับใบของผม พร้อมกับที่ล้มตัวลงนอนข้างตัวที่ด้านขวามือของผมเอง

“ก็ได้วะแบบนี้ก็ได้วะ!” ไอ้จี้ก็หน้าตูมอย่างกับปลาปักเป้าทิ้งตัวนอนลงมาด้านซ้ายมือผมเหมือนกัน

“หวังว่าฉันคงได้นอนหลับอย่างสงบๆนะ” ผมบอกขึ้นลอยๆกับทั้ง 2 คน พร้อมกับเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง


และแล้วความสงบสงัดก็มาเยือนผมได้แค่ชั่วครู่ แค่แป็บๆเพียงเท่านั้น เพราะตอนนี้มันมีอวัยวะบางส่วนของใครบางคนมาปวนเปื้อนๆอยู่แถวๆบริเวณรอบเอวของผม ผมรีบคว้ามือจับมันเอาไว้ทันที ก่อนที่มันจะเลื่อนแล้วล่วงลงไปภายใต้สาบเสื้อนอนด้านในของผมได้

 ทันทีที่จับมือใหญ่เอาไว้ผมก็รู้ว่ามันเป็นอวัยวะที่มาจากใครแล้วล่ะครับ

ไดคุงนั่นเอง!เขาค่อยๆขยับเบียดตัวเข้ามาใกล้เมื่อเห็นว่าผมรู้ตัว เรียวแขนแกร่งตวัดเอวกอดผมเอาไว้ในความมืด พร้อมกับริมฝีปากประกบจูบเบาๆ ปิดปากผมไม่ให้ส่งเสียงใดๆออกมาในความมืดนั้น ผมใจเต้นโครมครามต้องรีบหันหน้าเข้าหามันครับ กลัวไอ้จี้รู้จะตายชักที่ไดคุงขโมยจูบจากผมได้ในระยะประชิดติดกันแบบนี้ มันกอดผมเอาไว้แน่น

... แล้วในที่สุดจูบรสหวานของไดคุงก็ถอนออกอย่างอ้อยอิ่ง เปลี่ยนมาเป็นจุ๊บที่หน้าผากผมไปเบาๆหนึ่งที ผมก็พยายามมุดตัวเข้าหาอ้อมอกมันเงียบๆนะครับ... อยากให้ไดคุงมันกอดเอาไว้แบบนี้ไปตลอดทั้งคืนเหมือนกันแฮ่ๆๆ...


“คาสุม่า! นายไม่ต้องไปเบียดชิดแนบสนิทติดตัวกับไอ้ไดสุเกะมันเป็นปลากระป๋องแบบนั้นก็ได้นะ” เสียงไอ้จี้ดังขึ้นในความมืด ทำให้ผมผวารีบแงะตัวออกมาจากอ้อมกอดไดคุงด้วยความตกใจและนึกเสียดายนิดๆ...มันรู้ได้ไงวะ?!!!

“ทำอะไรก็หัดอายชาวบ้านชาวช่องเขาบ้างซิวะไอ้ไดสุเกะ” ไอ้จี้มันจะขัดขวางผมกับไดคุงไปถึงไหน ...มันเหาขึ้นมาอีกแล้ว

“อะไร!!?...มึงก็ตะแคงหันหลังไปซิวะ แค่นี้ก็หมดเรื่อง” นั้นดิ...ชิ้วๆ..หันหลังไปเลยมึง...แฮ่ๆๆรู้สึกผมจะไม่ค่อยเข้าข้างพี่ไดมันเท่าไหร่เลยนะครับ

“ไม่ได้กูจะปล่อยให้มึงทำปู้ยี้ปู้ยำคาสุม่าต่อหน้าต่อตาได้ยังไง”ง่ะ..ท็อตจิรู้เหรอ...รู้จริงดิ

“กูไปปู้ยี้ปู้ยำม่าตรงไหน กูออกทะนุถนอมของกูจะตาย ไม่อยากเห็นก็หลับหูหลับตาไปเลยมึงน่ะ”แล้วมึงคิดหรือไดว่ากูจะยอมให้มึงทำอะไรต่อหน้าไอ้จี้...กูอายยย มึงมันอย่างหนาตราช้างแต่กูอะมันแค่ยางพลาสติก(ที่ยืดหยุ่นได้)

กรั๊กๆๆ ผมพึ่งรู้ว่าไอ้คุณพี่ไดของผมก็ใช่ย่อย...พึ่งรู้ว่ามันก็ชอบเลี้ยงหมาไว้เป็นคอกๆเอาไว้ในปากอะ มันใช่จะยอมลงให้ง่ายๆอีก

“โห! ไอ้นี่ไม่อายปากพูดออกมาได้ว่าของตัวเอง คาสุม่าไม่ใช่ของๆมึงนะเว้ย!” เอาละสิ ศึกย่อมๆกำลังจะเริ่มขึ้น ในฐานะที่ผมเป็นตัวกลาง ตอนนี้เริ่มเห็นวี่แววว่ามันจะไม่ยอมสงบลงง่ายๆเสียแล้ว

“จะอายทำไมก็ในเมื่อคาสุม่าเป็นของกูแล้วจริงๆ” มันเถียงข้ามกันไปมาอยู่ระหว่างผมหน้าตาเฉย ...นี่ไม่มีใครนึกถึงผมเลยหรือไงกัน? ชักยัวะแล้วนะเว้ย!

“ไม่ได้ คาสุม่ามึงมานี่!...มึงไปหลงลมไอ้ไดสุเกะเข้าตอนไหน” ไอ้จี้คว้าแขนผมเอาตัวไปกอดไว้ทันที ไม่ให้ผมดิ้นได้ แต่ผมก็ยังดิ้นขลุกขลักๆอยู่ในวงแขนไอ้จี้ ก็มันไม่เคยถูกเจ้าจี้กอดแบบนี้นี่ใครจะไปยอมฟระ!

“พูดกันดีๆก็ได้จี้ กูไม่ได้หลงลมไดคุงซักหน่อย” ผมบอกเสียงอ๋อย เขินก็เขิน นี่ไอ้จี้รู้ความจริงหมด แล้วผมก็กำลังนึกอยู่ในใจตามที่ไอ้จี้มันว่ามาด้วย... ว่าตัวเองไปหลงลมไดคุงอย่างที่ไอ้จี้มันว่ามาหรือเปล่า...?...นั้นดิครับ...ผมชักไม่แน่ใจตัวเองซะแล้ว

“ไม่หลง แล้วมึงจะยอมตามมัน ปล่อยให้มันทำแบบนี้เหรอ มึงน่ะเคยหวงตัวจะตายนะคาสุม่า” ผมได้แต่อึ้งปล่อยให้ไอ้จี้ว่าต่อไป... ก็จริงอย่างที่มันว่ามา แต่ก่อนผมไม่เคยเป็นแบบนี้

“แค่กูกอดมึงแค่นี้ มึงก็ยังดิ้นจะเป็นจะตายแต่ที่กับไอ้ไดมึงกับกระแซะเข้าไปให้มันรัดซะแน่น กูไม่ได้ตาบอดนะม่า” เอ่อ...ก็มันหนาวนี่น่า...ไอ้จี้พูดด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่าน้อยใจในตัวผม

“ก็ๆ.. กู ๆ..” พูดไม่ออก บอกไม่ได้โอ้ย!อึดอักอะ คนหนึ่งเพื่อน คนหนึ่งคนรัก กรูอยากบ้า!ผมร้องด่าตัวเองอยู่ในใจไม่อยากทำให้ใครเสียใจหรอกนะ

“ไอ้ท็อตจิมึงปล่อยม่าได้แล้วนะ!” ไฟสว่างขึ้นทั่วทั้งห้องทันทีพร้อมกันกับที่ไดคุงลุกขึ้นนั่ง หน้าตาบอกบุญไม่รับ ที่เห็นผมอยู่ในวงแขนของไอ้จี้

“กูเคยกอดของกูมาก่อน แค่ยอมให้มึงทำอะไรไอ้ม่าได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่ากูยอมมึงมากแล้วนะได!” น้อยหน่อยๆไอ้จี้...มันก็ไม่ยอมเหมือนกัน ยิ่งรัดผมแน่นขึ้นอีกเท่าตัว กระดูกผมจะป่นเพราะแรงถึกของมันก็คราวนี้แหละ

ตอนนี้สีหน้าของทั้งคู่ดูจริงจังน่ากลัว ไม่เหมือนทะเลาะกันเล่นๆเหมือนตอนหัวค่ำเลย ผมถูกไอ้จี้กอดอยู่ท่ามกลางรังสีอัมหิตที่ปล่อยเข้าใส่กันของมันทั้ง 2 แล้วผมก็ไม่กล้าพูดอะไรหรือทำอะไรแรงๆตอนนี้ขอดูสถานการณ์อีกหน่อยเถอะ บางทีอาจจะมีข้อตกลงที่ยอมกันได้บ้าง บางครั้งสถานการณ์แรงๆก็อาจจะมีหนทางที่ทำให้หาข้อสรุปได้นะ ..ผมยังใจเย็นดูท่าทีของทั้งคนถึงแม้ว่าในหัวมันเริ่มจะระเบิดทุกทีแล้ว

“แล้วมึงจะเอายังไงท็อตจิ? ม่ารักกู แล้วกูก็รักม่า มึงมาเกี่ยวอะไรกับเราสองคนด้วยวะ?” ไดนี่ไม่อายปาก ประกาศป่าวๆให้ไอ้จี้ฟังเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว แต่ว่าครั้งนี้ท่าทีของมันที่พูดออกมามันเปลี่ยนไปมาก ดูเหมือนมันจะหมดความอดทนกับท็อตจิ หมดเวลาเล่นแล้วแบบนั้นเหรอไดสุเกะคุง

สาธุ! เอาจริงให้ซักทีเถอะพี่ได รู้สึกว่าผมจะมีใจและแรงโน้มถ่วงค่อนไปอยู่ข้างไดคุงมากกว่าไอ้จี้ซะอีก

“กูก็ไม่เอายังไงหรอกได ตราบใดที่คาสุม่ายังไม่บอกรักมึง กูก็ยังมีสิทธิ์ที่จะหึงหวงไอ้ม่าได้เหมือนมึงทุกอย่าง เพราะกูถือว่ากูมาก่อนมึง และรู้จักไอ้ม่าดีกว่ามึงหลายเท่านัก” สิ่งที่ไอ้จี้พูดทำให้ผมนิ่งไปได้อีกไอ้จี้พูดถูกทุกคำ มันรู้ใจของผมยิ่งกว่าอะไรเสียอีก แล้วผมก็รู้ว่าไอ้จี้รักผมมาก แต่ว่าความรักของมันที่มีให้นั้นมันเป็นแบบเพื่อน แล้วตอนนี้มันยังจะมาเรียกร้องเอาอะไรจากผมล่ะ


“คาสุม่าบอกท็อตจิมันไปซิว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน” ไดเข้ามาเขย่าแขนผมแรงๆ

“เอ่อ...ๆ ก็.. ฉะ ฉันๆ” ผมได้แต่มองหน้าไดสลับกับไอ้จี้ไปมา ไม่ได้สับสนนะ แต่ว่าไม่รู้จะตอบยังไง สายตาไดที่มองผมนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาทั้งรักและหวงผมแค่ไหน แล้วผมก็รู้ใจตัวเองเหมือนกันรักไดมากแค่ไหนคงไม่ต้องบอกหรอก ไม่จำเป็นต้องพูดด้วยซ้ำ


แต่ว่าไอ้จี้นี่สิ เพื่อนรักของผมนัยน์ตาแดงกล่ำมีน้ำใสๆคลอหน่วยอยู่ ผมไม่อยากพูดอะไรที่ทำให้กระทบกระเทือนใจไอ้จี้ หรือกระทบกระเทือนความเป็นเพื่อนระหว่างกันและกันของผมกับเขา หรือของเขากับไดสุเกะคุง ถ้าผมตัดสินใจเลือกคนใดคนหนึ่งไปผมต้องเสียอีกคนที่ไม่ได้เลือกไปหรือเปล่า? ผมอยากอธิบายให้ไอ้จี้เข้าใจ และยอมรับการตัดสินใจของผมบ้าง ไม่ใช่หึงหวงผมไว้ในฐานะเพื่อนแบบนี้ (แล้วแบบนี้เพื่อนจะมีแฟนได้ไงวะจี้:Red….[em] )

แล้วไดก็คงจะเข้าใจผมนะ ถ้าผมจะเลี่ยงไม่ตอบคำถามเขาในตอนนี้ ผมเลือกที่จะนั่งนิ่ง เลือกไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

“กูว่าให้เวลาไอ้ม่ามันตัดสินใจเองดีกว่านะได ม่ามันอาจจะหลงมึงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ลองให้มันถามใจตัวเองให้ดีก่อนดีกว่ามั้ย?”

“ท็อตจิ พอได้แล้ว!!! มึงจะมารู้ดีกว่ากูได้ยังไง” ผมหันไปตวาดไอ้จี้ ที่พูดอะไรมั่วซั่วออกไป แล้วรีบกลับหันไปมองไดมันทันที

อยากบอกกับไดมันเหลือแสนให้เข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลที่ผมไม่สามารถตอบรับมันได้ แต่ว่ามันคงจะเข้าใจผมผิดไปเสียแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด...

“คาสุม่า ทำไม! แค่บอกรักฉันแค่นี้ นายยังไม่มั่นใจเหรอ...?” มันครางเสียงแผ่วเรียกผมซะเต็มยศ มือที่จับอยู่ที่แขนผมละออกไปตกอยู่ที่ข้างลำตัว

“ดะ ได ฉัน.ๆคือ”ผมใจยวบลงไปทันทีที่เห็นสีหน้าผิดหวัง และแววตาปวดร้าวของมัน...นี่มันคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วนี่...

“บอกซิม่า! บอกซิ!บอกให้ฉันมั่นใจหน่อย!!”ดะ...ได...แล้วผมก็แทบจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ ไดมันเดินเข้ามาเขย่าแขนผมอีกครั้ง มันรุกหนักเขย่าแรงขึ้น แต่ผมก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง...ในหัวแทบระเบิดคิดหาทางออกที่ดีที่สุดกับทั้ง 2 คน ยิ่งหันไปสบตาแต่ละคนผมก็แทบจะร้องไห้...ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้...?

ทำไมมันถึงรู้สึกกดดันแบบนี้นะ นี่อะไรกันนี่!คนหนึ่งเพื่อน คนหนึ่งคนรัก ทำไม? จะเอาอะไรกับผมนักหนา...

“มึงกล้าพูดไหมล่ะม่า ถ้ามึงกล้าพูดว่ามึงรักได กูก็จะไม่ยุ่งกับพวกมึงอีกต่อไป กูจะออกจากห้องนี้ไปตั้งแต่ตอนนี้!”ไอ้จี้ยื่นคำขาด..

“ทะ ท็อต..จิ” ทำไมต้องมาให้ผมเลือกอะไรแบบนี้ด้วยนะ ...พวกนี้จะบ้ากันหรือเปล่า เจ้าจี้มันบ้าหรือไงกัน?

“ฉะ...ฉันว่า เราค่อยๆคุยกันไม่ดีกว่าเหรอ ได? ท็อตจิ?” ผมครางเสียงแผ่วหวังประณีประนอมให้ทั้งสองเย็นลง รวมทั้งข้างในตัวเองด้วย

“ถ้านายไม่พูดหรือตัดสินใจอะไร ฉันก็จะถือว่าฉันมาทีหลังท็อตจินะม่า และฉันก็จะออกจากห้องนี้ไปทันทีเหมือนกัน จะไม่มากวนนายอีก” โธ่เว้ย! ผมรู้สึกถึงความกดดันอันน่าอึดอัดและความอดทนในตัวผมมันหมดลงแล้วนะ!...ในกายมันเดือดพล่านประทุขึ้นมาเรื่อยๆใช่จะใจเย็น สงบนิ่งอยู่ได้เสียเมื่อไหร่ล่ะ มันอึดอัดนะว้อย!บ้าชิบ!!

ทางเลือกบ้าบอคอแตก!! สวยเลือกได้อย่างนั้นเหรอ...ไม่ตลกซักนิดนะว้อย...อะไรของพวกมึง...รักอะไรกูมากมายขนาดนั้น...!!!?พวกมึงสองคนพิศวาสกูขนาดนั้นเชียว...บ้าบอ!!!!

“บ้าที่สุดได! มึงก็บ้าที่สุดเหมือนกันไอ้จี้!”แล้วผมก็เขวี้ยงหมอนปาใส่มันทั้ง2 คน เมื่อความอดทนผมมันมาถึงขีดสุด ความโกรธและหน้ามืดเข้ามาครอบงำแทน พร้อมกับฟาร์มหมาที่ขังอยู่ในปากก็พร้อมที่จะปล่อยออกมาเล่นงานใครต่อใครได้ทุกเมื่อที่อยู่ต่อหน้าผมในขณะนี้


“พวกมึงไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ กูไปของกูเองก็ได้! กูมันเสือ(ก)เข้ามาทำให้พวกมึงทะเลาะกันเอง เสือ(ก)มาเป็นเพื่อน เสือ(ก)มารู้จักกับคนไม่มีหัวคิดแบบพวกมึงเอง เชิญ!พวกมึงแย่งกูตามสบายเลย! ตีกันให้ตายไปเลยนะ! ตายแล้วก็ไม่ต้องไปบอกกูด้วย!ไอ้พวกบ้า!ไอ้งี่เง่า!!!”อารมณ์ยัวะจัดทำให้พรั่งพรูคำหยาบคายออกมา ความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนี่!จะให้ผมมานั่งเป็นใบ้บ้าทำบื้ออะไรอยู่ล่ะ เหมือนนางเอกหนังละครน้ำเน่า คอยดีใจที่เห็นพระเอกกับพระรองกำลังแย่งตัวเองอยู่ เป็นไปไม่ได้หรอก!

ถึงจะคิดแบบนั้น...ตะ..แต่...ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆและมันกำลังจะประจานให้ได้อายในอีกไม่กี่วินาทีนี้แล้ว...อย่านะว้อย!!!

"พวกงี่เง่า!เห็นกูเป็นตัวอะไร?!"...ผมไม่สามารถทนอยู่ต่อหน้ามันทั้งสองได้อีก...ถ้าให้ผมยืนนิ่งๆด่าพวกมันเหมือนไม่มีอะไรผมคงต้องร้องไห้ให้มันสองคนเห็นแน่ๆ

“คาสุม่า!” ทั้งไดกับไอ้จี้รีบวิ่งตามผมออกห้องนอนมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อเห็นผมทั้งด่า ทั้งร้องไห้น้ำตาไหลวิ่งหนีออกมาทั้งอย่างนั้น..มันทนไม่ไหวแล้วล่ะครับ...จะให้อยู่ต่อโดยที่อึดอัดคับข้องใจแบบนี้ผมคงจะทำอะไรที่มากกว่าด่าทั้งสองนี้เข้าเป็นแน่

“พวกมึงมันบ้า!อย่าตามมานะไม่งั้นกูจะหนีพวกมึงไปให้สุดหล้าฟ้าเขียวเลยฮึก!!”

“ควายๆๆกันหมด สมองมันมีแต่ขี้เรื่อยหรือยังไงวะ ฮึก!” ผมยัวะจัดโกรธทั้งไดและไอ้จี้ พาลทำนิสัยไม่ดีเตะโต๊ะเตะเก้าอี้ทานข้าวล้มระเนระนาดไปหมด ก่อนที่จะปิดประตูใส่หน้าพวกมันเสียงดังแล้ววิ่งออกห้องมา

ตะ...แต่แล้วข้างในมันยังไม่หายเจ็บใจโว้ย!!!


สองเท้าพาตัวเองวิ่งกลับไปกระชากประตูห้องให้เปิดออกอีกครั้งทันที ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น ด้วยความที่นิสัยไม่ดีเป็นทุนเดิมทำให้ผมพาลไม่เลือกอะไรที่อยู่ใกล้ๆมือถูกผมจับขึ้นมาเหวี่ยงใส่พวกมันพร้อมกับตะโกนด่าลั่นไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น...

“ฮือออออ ไอ้หมาบ้า! ไอ้บ้าๆๆ 2 คน กูไม่บ้าไปกับพวกมึงหรอก!” กูมันก็เป็นของกูแบบนี้..พวกมึงจะเอาอะไรกับกูนัหหนา...ผมหายใจด้วยความเหนื่อยการร้องไห้และด่ารู้สึกมันช่างใช้พลังงานเยอะเหลือเกินครับ

“ควาย! ปัฟฟะโร่! เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นผู้ชายแย่งผู้ชาย แมร่ง! ในหัวมีแต่เรื่องต่ำๆ ควายอย่างพวกมึงกูคงเอาไปเลี้ยงไว้ให้เปลืองหญ้าหรอก”สารพัดคำด่าที่พอจะนึกได้ ไม่สนใจว่าใครหน้าไหนจะอึ้งหรือตกใจ ...ผมนิสัยไม่ดีแล้วจะมายุ่งกับผมทำไม!นิสัยผมมันก็เสียแบบนี้แหละ ไม่ต้องมามองตาค้างกันเลยนะ!..

“ฮึก!ฮืออออ รอให้พระอาทิตย์ตกตอนตีห้าได้เมื่อไหร่ละก็ พวกมึงคงฉลาดเป็นคนกับเขาขึ้นมาบ้าง เชิญพวกมึงขวิดกันให้ตายอยู่ในห้องนี้แหล่ะ!” ไอ้ควาย 2 ตัว มองดูผมยืนด่า ตาค้างด้วยความตกใจ แล้วผมก็กระแทกปิดประตูดังลั่นใส่หน้าเข้าให้อีก...อย่าตามมานะ ไม่งั้นๆ...ฮึก!


“ฮือออออ บ้าๆๆๆที่สุดเลยคาสุม่า มึงมันก็ควายเหมือนกันนั้นแหละฮืออออๆ ไปรักพวกมันได้ยังไงฮืออออ” ผมด่าตัวเองไปวิ่งร้องไห้ไปตามระเบียงทางเดิน

“ฮือออ ไคย....ไคย์มึงอยู่ไหนมารับกูที มารับกูทีฮืออๆ” ร้องไห้มาจนถึงข้างล่างของใต้ตึกห้องพัก ก่อนที่จะหาตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญโทรหาไคย์ ...ผมพึ่งจะรู้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในห้อง...ในตอนนี้ผมนึกถึงแค่ใบหน้ากลมแป้นน่ารักน่าชังของเฮียไคย์มันเท่านั้น



----------------------------------------------------------------------------------------------



“เรียวโทรศัพท์มึงดังง่ะ”เสียงอู้อี้บอกว่าหงุดหงิดของร่างที่ถูกสวมกอดบอกขึ้น

“ฮืมมมม ใช่ของกูที่ไหน ของมึงอะไคย์”ร่างที่สวมกอดอยู่ก็ใช่ย่อยหลับหูหลับตาบอกปฏิเสธ

“ฮืออ แม่(ง) ใครวะโทรมากวนเวลานอนหลับของกูจริงๆเลย!”ร่างเล็กทำหน้าบู้ทั้งๆที่อยู่ในวงแขนของเรียว มือไม้ควานไปทั่วศีรษะตัวเองหาตัวต้นตอที่ส่งเสียงอยู่ได้นานเป็นชาติ ที่บังอาจดังทำลายความสงบและความสุขในการนอนของเขา

“เรียว มึงรับให้กูทีดิ กูลุกไม่ได้ มึงทับกูอยู่นี่” หาเรื่องแก้ตัวไม่อยากตื่น แถมยังหาไอ้ตัวต้นตอนั่นไม่เจออีก มันดังอยู่ที่ไหนวะเนี้ย?


“กูปล่อยมึงก่อนก็ได้ เอ้า! ไปรับซักทีดิ ดังอยู่นั่นแหละหนวกหูจะตายชัก!” ทีนี่ต่อให้ไม่อยากตื่นก็ต้องลืมตาตื่น หน้าหงิกขึ้นมาทันที หน๋อยไอ้นี่ แล้วไหนมันบอกว่ารักกูวะ? ใช้นิดใช้หน่อยแค่นี้ก็ยังไม่ได้เรื่องเลย


ร่างเล็กกระทัดรัดลุกนั่งพิงบนหัวเตียง เอามือเกาหัวเหอที่ยุ่งเหยิงกระเซิงหาทิศหาทางไม่เจอนั้นอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะคว้าโทรศัพท์มือถือเครื่องจ้อยที่วางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงมากดรับสาย

“ที่แท้ก็อยู่นี่เองปล่อยให้กูหาอยู่ได้ โธ่!อีหอย!” นั่น!...นี่คือชื่อโทรศัพท์ของไคย์อย่างงั้นหรือ อย่างกับว่ามันมีแขนมีขาวิ่งมาหาไคย์มันได้ยังงั้น เรียวแอบยิ้มกับความบ๊องของไคย์แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังถูกมันด่าได้...กูละเชื่อเลย...

"... ใครน่ะ?!” น้ำเสียงเคืองนิดๆ กรอกลงไปแรงๆ

[……………..] แล้วเขาก็ยิ่งหงุดหงิดที่ปลายสายไม่ยอมตอบมาซักที

“ไม่พูดกูวางนะ กูไม่ว่างมาเล่นเกมส์ทายปัญหาเว้ย!กูง่วง!” พูดเองเออเองก็ได้วะ เสียเวลาเขาฉิบโป้ง ใครมันโทรมากวนประสาทเขาเอาดึกดื่นป่านนี้

[ คะ... ไคย์ ..เดี๋ยว ๆก่อน ฉะ ฉันเอง ฮืออออ ] เสียงร้องไห้ของปลายสายมันทำให้เขาหยุดชะงักกึกอยู่กับที่เอาโทรศัพท์กดแนบกับหูในทันที


“คาสุม่าใช่ไหม? ปะ ..เป็นอะไร .. มึงเป็นอะไรไอ้ม่า!” ทีนี้ไม่ใช่แค่ไคย์คนเดียวแล้วที่ตื่นเต็มตา ร่างบางที่นอนอยู่ข้างๆตัวก็ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงด้วยอีกคน


[ฉะ..ฉัน ..มารับหน่อยไคย์ ..มารับฉันทีฮืออ] อะไรของไอ้เหลี่ยมมันอีกวะ? ...เสียงไคย์มันบ่นอยู่ในใจ

“ทะเลาะกับไอ้ไดสุเกะอีกแล้วเหรอวะม่า พึ่งคืนดีกันเองนะเว้ย” กรรมของเขาอีกแล้ว นี่กูต้องแปลงร่างเป็นเทวดาสีขาวปลอบมึงอีกแล้วเหรอเนี้ย

[ น..หนี ไดคุงกับ ท็อตจิ.อะ ออกมาฮืออ ไคย์มึงช่วยมารับกูทีฮืออออออ] แล้วไคย์ก็รีบกระโจนลงเตียงหาเสื้อผ้าใส่ให้วุ่นเมื่อเสียงร้องไห้ของคาสุม่าดังหนักขึ้นกว่าเก่า ตอนนี้ในหัวนึกเป็นห่วงคนปลายสายที่สุด

“นี่มึงอยู่ไหนน่ะม่า”รีบถามรัวเสียงลงไป กลัวว่าปลายสายจะวางสายหรือทำอะไรลงไปเสียก่อน

[ ฮืออ ตู้โทรศัพท์ หน้าตึกที่พักไคย์ ] ...ที่เดิมอีกแล้วไอ้เชี้ยม่า...เป็นกูอีกแล้ววว

“โอ.เค. มึงอยู่นั้นน่ะ อีก สิบห้านาทีกูไปถึงมึง” คาสุม่าวางสายไปแล้ว เขารีบใส่เสื้อผ้าทันที กลัวว่ามันจะเตลิดไปที่อื่นเสียก่อน ยิ่งอารมณ์ร้อน และเจ้าอารมณ์เป็นที่สุดอยู่ด้วย

“ไคย์มึงจะไปไหน?”ร่างเพรียวเอามือกอดอกถามเขาและส่งสายตาเคืองๆ...คาสุม่ายังมีอิทธิพลต่อมึงมากซินะ??ดูท่าทางมึงถึงเป็นแบบนี้ได้

“ไปรับคาสุม่าน่ะเรียว มันทะเลาะกันกับไอ้ไดอีกแล้ว...กูล่ะเบื่อหน่ายมันจริงๆ”

มึงแน่ใจ...?เขามองไคย์มมันด้วยสายตาระแวง...เชื่อมึงได้แค่ไหนเนี้ยไคย์..?

“ไปด้วยกันไหมล่ะ มึงจะได้สบายใจ” ไคย์ก็หันกลับไปถามร่างเพรียวต่อเมื่อเห็นสีหน้าโกรธและไม่พอใจของอีกฝ่าย


“ก็ได้ กูหึงกูหวงมึงหรอกนะไคย์ เป็นห่วงมึงด้วยไม่อยากให้มึงต้องเจ็บแล้วมานั่งร้องไห้อีก” เรียวก้มหน้าพูด เขาจะเจ็บมากกว่าไคย์มันยิ่งนักถ้าหากไคย์เกิดเป็นอย่างที่ว่าขึ้นมาอีกจริงๆ

“จุ๊บมึงทีน้าเรียว ก็กูบอกมึงแล้วนี่ว่ากูยอมให้มึงกอดแค่คนเดียวแค่นั้นไง แล้วกูก็บอกว่าอย่าปล่อยให้กูไปชอบใครอีก มึงจำไม่ได้เหรอไง? มึงก็ต้องไปกับกูด้วย ไม่เอาอย่าน้อยใจซิ”เขายิ้มตาหยีให้เรียว จุ๊บที่แก้มเนียนของคนขี้หึงไปทีด้วยความเขิน ในตอนนี้ถึงอาการอกหักจากคาสุม่าจะยังไม่หายดีแต่เขาก็เชื่อว่า เรียวจะทำให้เขาลืมความเจ็บนั้นได้ แล้วเขาก็รู้แล้วว่าวงแขนและอ้อมกอดที่อบอุ่นที่เรียมมีนสวมกอดเขานั้นมันอบอุ่นและปลอดภัยแค่ไหน มันมีแต่ความจงรักภักดีที่มีให้เขามาตลอด...

“อย่าทำน่ารักได้ไหมไคย์ เดี๋ยวกูก็ทนไม่ไหว อดใจไม่ได้ไม่รู้ด้วยนะ” เรียวคว้าคนตัวเล็กมากอดไว้อีกครั้ง


“ไม่เอาแล้วว้อยเรียว เดี๋ยวไอ้ม่ามันได้เตลิดเปิดเปิงไปไหนก็ไม่รู้กันพอดี...มึงอะ พอก่อนเรียว..มึงว่า...ว่าแต่มึงจะไปมั้ย?” ใบหน้าร้อนผ่าวคงแดงซ่านขึ้นมาให้ได้อับอายแน่ๆ

“ไปสิ อยากรู้เหมือนกันทำไมไอ้ไดมันถึงทำให้คาสุม่าเสียใจบ่อยนัก” เรียวตอบพร้อมกับมองร่างในวงแขนด้วยความเสียดาย เสียดายไม่ได้ทำอะไรในตอนนี้

“งั้นก็รับไปเร็วเข้า” ไคย์รีบเบี่ยงตัวออกมาทันทีเมื่อเห็นแววตาของหื่นของเรียวมันอีก

“เอาไว้ค่อยกลับมาคิดทบต้นทบดอกนะจ๊ะไคย์” เขายอมปล่อยคนตัวเตี้ยกว่าแล้วผละไปใส่เสื้อผ้าหัวเราะขึ้นมา กับความที่ไม่ค่อยจะได้เห็นคนตัวเตี้ยเขินแบบนี้บ่อยนัก

“ไอ้บ้าเรียว!พูดอะไรก็ไม่รู้”

ถึงจะปากหมาแต่ก็รักวะ ก็คนมันเสือกน่ารักด้วยนี่หว่า เขายิ้มหัวเราะลั่นกับอาการเขินหน้าแดงของไคย์

“55555+”

---------------------------------------------------


หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-09-2007 18:45:45
---------------------------------------------------


“เอามาอีกๆ กุจะเมา”น้ำเสียงอ้อแอ้ลากยานบ่งบอกระดับดีกรีของน้ำเปลี่ยนนิสัย ที่ซึมเข้าไปในกระแสเลือดให้รู้ว่าคนพูดมีสติสัมปชัญญะเหลือติดตัวอยู่ไม่ถึงครึ่งของระดับปกติ ร้องสั่งพนักงานในร้านให้เอาเบียร์มาเติมให้อีก

หลังจากที่ไคย์และเรียวห้อตะบึ่งเหยียบรถเสียหูหลับตับไหม้ไปรับคาสุม่ามาแล้วนั้น เจ้าตัวก็เอาแต่ด่าและบ่นลูกเดียว จนจับใจความไม่ค่อยได้ว่ามันเป็นอะไรกันมาแน่ จากนั้นก็ลากเอาเขาทั้ง 2 คนให้มาดื่มแก้กลุ้มเป็นเพื่อนอยู่ในผับ ร้านที่คาสุม่าทำงานประจำอยู่นี่แหละ


2 แสบซ่าก็ได้แต่นั่งมองหน้ากันไปมา

‘กูไม่รู้จะห้ามยังไง บอกไปก็ไลบอยวะ’ ไคย์ละสายตาจากคาสุม่าแล้วหันมาส่งสายตาอย่างคนปลงตกให้เรียว

‘ปล่อยให้คนกลุ้มเมาแล้วกันเนอะ เราก็ทำหน้าทีแบกมันกลับ’นี่คือความคิดของเรียวที่ส่งสายตาตอบกลับมาให้เขารู้

‘ไม่ดีมั้ง ดื่มมากๆเดี๋ยวมันก็แย่นะมึง’ เขาส่งสายตาเป็นเชิงออกความเห็นกลับไป

‘งั้นโทรให้ไอ้ไดมาจัดการเองดีไหม..?’ ดวงตาเจิดจ้าบอกว่าคิดอะไรดีๆออกของเรียวสื่อออกมาอีก

‘บอกให้ไอ้ม่ามันด่าเอาดิ’

‘งั้นเอาไงดี ปล่อยให้มันเมาแบบนี้นะเหรอ’

“เฮ้ย!มึงไม่มีปากหรือไงวะเรียว?” ไคย์หมดความอดทนในที่สุด คนอะไรวะมันจะส่งสายตาคุยกันรู้เรื่อง ยาวเป็นวรรคเป็นเวรได้ขนาดนี้

“ก็มึทำหน้าไม่อยากพูดกูก็ไม่อยากพูดตาม”

“พอเลยไอ้เรียวกูยังไม่อยากทะเลอะกับมึง แล้วมานั่งเมาอย่างไอ้เหลี่ยมนี่ กูว่าเรามาช่วยกันพามันกลับห้องดีกว่า ดูซิ!ไอ้นี่ก็เหลือเกินกลุ้มอะไรกันนักหนาวะ มาถึงก็ซัดโฮกๆอย่างกับเบียร์มันเป็นน้ำเปล่าแบบนี้ หือ?” มือเล็กป้อมของไคย์ขยี้หัวฟู่ๆยุ่งเหยิงของคาสุม่าด้วยความเอ็นดูและเห็นใจอยู่ในที

“คาสุม่าพี่ว่าพอเถอะนะ เมามากแล้ว” เรียวเองก็หันไปเขย่าแขนและรีบห้ามเบรกขึ้น หยิบแก้วเบียร์ในมือบางออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะยกกรอกเอาน้ำสีเหลืองใสเข้าปากแล้วทำให้เจ้าตัวไม่เหลือสติติดตัวได้อีก

“ฮื่มมม พี่เรียว...สวยจังเลยครับ”คนแม่(ง)ไรวะสวยฉิบหายวายป่วง...

“น้อยหน่อย ไอ้เหลี่ยมเมาแล้วนะมึง พอเถอะ ไปกลับได้แล้ว” ใบหน้ากลมแป้นหันไปทำเสียงดุ เมื่อเห็นสายตาปานน้ำเชื่อมของคาสุม่า

“อะไรเล่าไคย์กูไม่จีบพี่เรียวหรอกน่า ฮ่าๆๆหวงเหรอไอ้เตี้ย”เอาวะยอมๆคนเมามันหน่อยแล้วกัน คิดได้ดังนั้นแล้วเขาก็ส่ายหน้าอีก

“เฮ้!” แต่แล้วเขาก็ต้องร้องเสียงหลงแข่งกับเสียงเพลงดังกระหึ่ม

“คาสุม่าๆ”

“เรียกอยู่ได้มีอะไรไคย์” ทำอย่างกับเขาเมานักหนา ยังรู้ตัวและมีสติดีอยู่หรอกน่า!

“นั่นมันไอ้ไดกับไอ้ท็อตจินี่หว่า” ชื่อของทั้งสองแทบจะทำให้คาสุม่าหายมึนได้ทันที เขาหันไปมองตามที่เรียวบอก เห็นไดคุงกับไอ้จี้เดินเข้าประตูร้านมา ทั้งสองคนนั่งโต๊ะเดียวกันตรงข้างๆทางออกนั่นแหละ แต่ว่าแยกกันนั่งคนละฝั่ง สายตาและใบหน้าที่ต่างคนต่างจ้องมองกันบอกว่าสามารถกินเลือดกินเนื้อฝ่ายตรงข้ามได้ทุกเมื่อ แล้วก็คงยังมองไม่เห็นพวกเขาว่าอยู่ในร้านนี้ด้วย

“มันจะฆ่ากันแล้วมันเสือกมาด้วยกันทำไม” อาการหงุดหงิดขึ้นมาอีก นี่ขนาดหนีออกมาแล้วนะยังตามมาให้เห็นให้รู้สึกขวางหูขวางตาอีกทำไม เจ็บใจที่ทั้งไดและท็อตจิไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาเลย 2 คนนั้น เห็นเขาเป็นอะไรแย่งกันเหมือนกับเขาเป็นหมูหมากาไก่ก็ไม่ปาน คอยแต่จะเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เคยคิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงบ้างเอาเสียเลย

“ใครจะฆ่ากันคาสุม่า?”

“ก็ไอ้ควายทะเล 2 ตัวนั้นไง ดูมันดิจะขวิดกันแล้วไม่เห็นเหรอ?” น้ำเสียงแดกดันและสรรพนามที่ใช้เรียกแทนนั้นทำให้รู้ว่าคนพูดมีโทสะที่คั่งค้างอยู่มากโข แล้วมันก็จริงอย่างที่คาสุม่าบอก ทั้งไดและท็อตจิมีท่าทีแปลกๆทะเลาะกันหรือเปล่า? คาสุม่าก็ไม่ยอมเล่าสาเหตุอะไรให้เขากับเรียวฟังด้วยสิ

“ไคย์ช่วยอะไรกูหน่อยได้มั้ย” ในหัวของคาสุม่าพลันแล่นเกิดความคิดอะไรดีๆออก

“ม่าจะให้ไคย์เข้าไปห้ามไอ้บ้า 2 ตัวนั่นเหรอ ไม่เอานะคาสุม่าพี่ไม่ยอมให้ไคย์ไปหรอก” ไคย์หันไปถลึงตาใส่เรียวทันที รู้สึกว่าเรียวจะหวงเขาออกนอกหน้านอกตาเกินไปแล้วนะ คาสุม่ายังไม่ได้พูดซักคำ

“เปล่าๆ ครับพี่เรียว ผมขอยืมไคยฅ์มันแป็บเดียวพี่แค่นั่งอยู่เฉยๆก็พอรับรองผมไม่ทำให้ไคย์มันเจ็บแม้แต่ปลายเล็บ”เขาพอจะมองออกว่า 2 คนนี่ต้องมีอะไรกันแล้วแน่ๆไม่งั้นพี่เรียวจะมานั่งหึงนั่งหวงไคย์ใส่เขาแบบนี้ทำไม

"มึงจะทำอะไรของมึงม่า” ไคย์เริ่มทำสีหน้าไม่ไว้ใจในความเจ้าเล่ห์ของคนที่เอาแต่อารมณ์ตรงหน้า เมื่อเขาเห็นสีหน้าและดวงตาของคาสุม่ามันแฝงบางอย่างเอาไว้

“กูก็แค่อยากรู้ว่ามันจะหึงหวงกู จนทำให้ฆ่ากูไปด้วยได้หรือเปล่านะสิ”คำตอบที่แฝงความหมายที่ทำเอาคนฟังไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยมาก่อน

“จะบ้าเหรอคาสุม่า ดีไม่ดีไคย์นะสิจะถูกฆ่าน่ะ” เรียวรีบห้ามอีก เพราะรู้ทันทีว่าคาสุม่าจะทำอะไรถ้าเขาเดาไม่ผิดนะ...

“นะครับพี่เรียวมัน 2 คนนั่นต่างคนก็ต่างบอกผม ว่า รักผม ให้ผมเรียกใครคนใดคนหนึ่ง ..”

“คนหนึ่งเพื่อน คนหนึ่งก็คนที่รักใช่ไหมม่า? มึงไม่อยากเสียทั้ง 2 คนไปใช่ไหมถ้าหากต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง”

คาสุม่าได้แต่พยักหน้าตอบไคย์ ถ้าหากไม่เลือกใครซักคนหรือเลือกใครคนใดคนหนึ่ง ผลที่ออกมามันก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ คนที่เจ็บที่สุดก็คงเป็นเขาสินะ เพื่อกับคนรักมันคนละอย่างกันมันไม่เหมือนกัน เอามาแทนกันหรือให้รู้สึกเหมือนกันไม่ได้ ทำไมทั้ง 2 คนถึงไม่เข้าใจเขาเลย


"กูก็ไม่รู้ไอ้จี้มันจะแกล้งอะไรหรือเปล่า มันคงอยากให้กูกับไดเลิกกันมั้ง...มันถึงได้ทำแบบนี้กับกู” คาสุม่าเริ่มน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง หลังจากที่หยุดไหลไปได้พักใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าไดสุเกะที่หน้าดำคร่ำเครียด คุยกันอยู่กับไอ้จี้อยู่อีกฝั่ง...และเรื่องที่คุยกันคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของเขาแน่ ที่ไอ้จี้เข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาก็เพราะว่ามันหวังดีและเป็นห่วงเขาอย่างนั้นน่ะเหรอ? เห็นทีทั้งความเป็นเพื่อนและความรัก ที่มีให้ไอ้จี้กับได คงต้องจบลงซะแล้ว จบแบบไม่ต้องมีใครได้มีความสุข จบแบบเจ็บปวดกันทั้ง 3 คน ดีไหมไดสุเกะคุง? ดีไหมท็อตจิ?


คาสุม่าคิดอะไรตื้นๆอยู่ในใจ สายตาเริ่มเหมอมองไปไกลไร้จุดหมายอีกครั้ง ทั้งเรียวและไคย์ก็ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาแบบนี้ของเพื่อนได้ยังไง ก็เลยพากันเอาแต่นั่งเงียบ ขออยู่ข้างๆเป็นเพื่อนแบบนี้ไปดีกว่า ปัญหาบางอย่างให้เจ้าตัวแก้ไขเอง ปล่อยให้เจ้าตัวอยู่เงียบๆคิดอะไรอยู่คนเดียวบ้างก็ดี บางทีความเงียบอาจจะทำให้เจ้าตัวรู้จักตัวเองดีขึ้น ลองปล่อยให้รวบรวมความคิดและความรู้สึกที่สับสนนั้นดูดีๆใหม่ อาจทำให้คาสุม่าตัดสินใจได้ อาจทำให้มองเห็นปัญหานั่นเป็นแค่เพียงเส้นผมบังภูเขาเอาไว้ก็ได้ใครจะรู้


แต่แล้วเมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ได้ซักพัก สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจุดรวมสายตามันไปปะทะเข้ากับความเด่นสะดุดตาของสาวเจ้า 2 อนงค์นางที่เดินกรีดกรายนวยนาดโปรยยิ้มหวาน เข้ามาพะเน้าพะนอกับตัวต้นเหตุที่ทำให้เขากลัดกลุ้มใจในตอนนี้ทั้ง 2 คน หญิงสาวหน้าตาสะสวยมีทรวดทรงองเอวระดับเซ็กส์สตาร์ นั่งลงเบียดเสียดเนื้อตัวชิดกับไดและไอ้จี้ ในสายตาของคาสุม่าตอนนี้มองเห็นสาวเจ้า 2 นางนั่นสารพัดจะสรรหางัดเอาเทคนิค จริตมารยาของผู้หญิงออกมาอ๋อยทั้งคู่ให้ติดกับ เขาอยากจะเข้าไปจับไดแยกออกจากสาวเจ้าทรงโตนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งแววตาและท่าทางของแม่นั้นมันยั่วยวนไปหมด แล้วไอ้พี่ไดมันก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนถึงจะทำให้ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวได้ในเมื่อแม่นั้นแทบจะเอาหน้าอกหน้าใจ ที่ใหญ่โตมโหฐานแม่ให้มา เถือกถูไถไปบนตัวมันออกขนาดนั้น

โอ้ย! ใครก็ได้เอาน้ำเย็นมาราดเขาที! เขายกแก้วเบียร์กรอกเข้าปากผ่านลงคอเข้าไปหมดทีเดียวทั้งแก้ว ไม่สนใจว่าเรียวกับไคย์จะห้ามยังไงแล้ว

ส่วนไอ้จี้นั้นช่างหัวมัน อีชะนีอีกคนนั้นจะเอาหน้าอกร่อนอยู่บนหน้ามันเขาก็ไม่สนใจหรอก มันจะคั่วสาวซักกี่คนก็ช่างมัน ระดับเชี่ยวๆอย่างไอ้จี้ถ้ามันจะจีบใครไม่เห็นจะมีสาวที่ไหนรอดมือมันได้ซักราย ดูไอ้จี้มันมีความสุขใหญ่ที่อีชะนีนั้นแทบจะขึ้นนั่งคร่อมอยู่บนตักมัน โธ่!เนี้ยเหรอที่บอกว่ารักเขา ...

แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือทั้งคู่ไม่ยอมลุกหนีไปไหนเนี้ยสิ นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ส่งยิ้มเรี่ยราดปล่อยให้ชะนี 2 ตัวนั้นยั่วอยู่ได้ มันน่าโมโหนัก!


“เอาไงดีคาสุม่า...?? มีหวังบื้ออย่างไอ้ไดมันต้องโดนลากแน่” ไคย์คิดเหมือนเขาเลย นิ่มๆอย่างไดจะไปทันชะนีเรียกแม่อย่างนัง 2 คนนั้นยังไง

“ไดมันจะโง่ปล่อยให้ใครจูงก็ช่างเถอะ กูไม่อยากสนใจหรอก” นั้นน่ะ! ปากไม่ตรงกับใจอีกแล้วไอ้เชี้ยม่า...แล้วก็ตัดสินใจแล้วด้วยว่าจะกลับบ้านที่เฮียวโงะ เขาอยากให้เวลากับตัวเองซักพัก ขี้เกียจยุ่งขี้เกียจคิดเรื่องของ 2 คนนี้อีก ถึงมันจะเป็นความคิดที่งี่เง่าไม่เอาไหนก็ช่างเถอะนะ (นี่คือความเอาแต่ใจของใครบางคน)

“คาสุม่า...จะดีเหรอ?” เรียวอดถามอย่างไม่ได้...พลางแอบกลืนน้ำลายลงคอ คาสุม่าบอกกับพวกเขาแบบนั้น แต่ว่าปฏิกิริยาของไอ้ม่วงมันไม่ได้บอกพวกเขาแบบนั้นซักหน่อยนี่ สายตาวาวโรจน์ดุดันบอกว่าโกรธมากแค่ไหน ใบหน้าขึงขังบึ้งตึง กับมือที่จับแก้วเบียร์บีบแน่น จนเขากลัวว่ามันจะแตกคามือนั้นมันคืออะไร??? ไม่ใช่หึงไดสุเกะมันหรอกเหรอคาสุม่า???


“กลับเถอะครับพี่เรียว ไคย์กลับเถอะ ไม่อยากเห็นอะไรรกหูรกตา น่ารำคาญ!” อาการเมาของเขาแทบจะหายไปหมดแล้วทันทีที่เห็นแม่สาวไซด์มหึมานั้นขึ้นนั่งเบียดอยู่บนตักไอ้ฟรายได แล้วยังยกแก้วเหล้าป้อนเข้าปากให้มันอีก

มันจะมากไปแล้วนะได ยอมให้แม่นั้นทำถึงขนาดนั้นได้ยังไง?

“ไม่เข้าไปห้ามหน่อยเหรอวะม่า?”ไคย์ก็เห็นด้วยกับเรียว

“ไม่!อยากทำอะไรก็ช่างเค้า กลับกันเถอะ” โอ้ย! มันจะทำปากแข็งใจแข็งไปทำไมกันวะกุไม่เข้าใจ??

ไคย์ร้องตะโกนอยู่ในใจ ขนาดเขาเห็นแบบนั้นยังคิดเป็นเดือดเป็นแค้นแทนคาสุม่าเลย แล้วนี่กลับบอกว่าไม่สนใจ ไม่รู้สึกอะไร เฮ้ย! มันจะเย็นอยู่ได้นานแค่ไหนกันไอ้ม่า?


พวกเขาต้องเดินผ่านโต๊ะที่ไดสุเกะคุงกับท็อตจินั่งอยู่ถึงจะออกจากร้านไปได้ คาสุม่าฝืนตัวเองไม่ให้เดินเป๋ไปเป๋มาพยายามครองสติให้อยู่กับเนื้อกับตัวมากที่สุด เมื่อเดินใกล้เข้าไปยังโต๊ะที่ 2 คนนั้นนั่งอยู่แล้วก็เสมองหันไปทางอื่นเสียไม่อยากมองคนบางคนให้เสียลูกกะตา แต่แล้วดูเหมือนไดคุงกับท็อตจิจะหันมาเห็นพวกเขาเข้าเสียก่อน

ไคย์กับเรียวก็เลยต้องหยุดทักเสียอย่างนั้น ส่วนเขาก็ทำเป็นมองไม่เห็นไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นเขาเหมือนกัน ขอบคุณความมืดสลัวของผับ ของคุณไคย์กับพี่เรียวที่ช่วยบังให้ แต่ว่ารู้สึกความซวยจะมาเยือนให้ต้องหยุดหันรีหันขวางว่าจะไปทางไหนต่อ เพราะขาเจ้ากรรมที่มันชักกระตุกอยู่ก่อนหน้าอยากจะเตะคน แต่กลับดันไปเตะถูกเก้าอี้ให้ก่อน ก็เลยเกือบล้มไม่เป็นท่า ดีที่ไคย์มันคว้าเอวเขาเอาไว้ได้ทันแล้วก็เข้ามาประคองเขาลุกขึ้นได้ก่อนไม่งั้นได้ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าแน่


“คาสุม่า! มาทำอะไรที่นี่” ไดคุงทะเล่อทะล่าลุกขึ้นจากโต๊ะเข้ามาแย่งโอบเอวบางออกจากมือไคย์ทันที จนไคย์หันมาทำตาค้อนปลักเปลือกเข้าใส่

‘กุรู้หรอกน่าว่ามึงหวง แต่ไม่ต้องออกนอกหน้า หรือมาหวงใส่กุก็ได้’

“ฉันจะมาทำอะไรมันก็เรื่องของฉันได ทีนายยังมาได้เลย แล้วที่นี่มันก็ที่ทำงานฉัน ปล่อยได้แล้วได”เขาสลัดแขนเบี่ยงตัวออกจากตัวไดคุงด้วยท่าทีแข็งกร้าว

“ไม่ปล่อยไป!กลับห้องได้แล้วคาสุม่า!ดื่มเข้าไปเยอะไหมไคย์?แล้วทำไมพวกแกไม่ห้ามบ้างวะ?”

“เอ่อ..ๆ ..ก็ .. พวก.ฉัน”เรียวและไคย์ได้แต่มองหน้ากันไปมา ตะกุกตะกักไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าไง

“ฉันอยากดื่มเองมีอะไรไหมได? แล้วฉันก็ไม่กลับห้องกับนายด้วย!”

“จะมากไปแล้วนะคาสุม่าทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ กลับห้องเดี๋ยวนี้!”

“ไม่! นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งชั้น!” แขนเล็กๆของคาสุม่าคล้องสอดเข้ากับแขนไคย์ทันทีเหมือนหาที่พึ่งเพราะในใจนั้นมันหวาดหวั่นต่อสายตากร้าวของไดมันไปทุกขณะ แต่ว่าไดคงเข้าใจการกระทำของเขาผิดเป็นอย่างอื่นก็ได้ แต่ช่างเถอะจะเข้าใจว่ายังไงก็ช่าง เขาประสานสายตากับไดไม่ลดละ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่ทำให้โกรธถึงเพียงนี้ แต่ความที่ไม่ยอมลงให้ใครนั้นมันมีมากกว่า ทำให้ไม่มีใครยอมใคร

เพื่อนทั้ง 3 ก็ได้แต่ยืนมองหน้ากันไปมาเท่านั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามแต่อย่างใด

แต่แล้วจู่ๆแม่สาวทรงโตนั้นก็เดินกรีดกรายนวยนาดเข้ามาหาไดสุเกะ ใช้หางตามองเหยียดไปที่คาสุม่าเหมือนกับจะเยาะเย้ย สายตาอีชะนีนั้นบอกกับเขาว่าทำตัวงี่เง่าเป็นเด็กแบบนี้จะมีใครเอา มันกอดแขนของไดเอาไว้แล้วเบียดร่างเข้าชิดใกล้เข้าไปอีก


“ไดสุเกะซังกลับโต๊ะเถอะน้า ยังคุมิมีอะไรจะอวดคุณด้วย นะค่ะ น้า”คาสุม่ารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าก็คราวนี้แหละ ใบหน้าชาไปหมด แต่แค่ซักพักมันก็แล่นลิ่วร้อนขึ้นไปถึงใบหูพร้อมกับแผนการที่คิดเอาไว้ก่อนหน้า และความอยากเอาชนะที่ผุดพรายขึ้นในสมองสั่งให้โต้กลับชนิดทันด่วนทันใด

“ไคย์เราก็กลับห้องกันเถอะนะ ฉันง่วงอยากนอนแล้ว เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องไปเยอะแล้ว กลับกันเถอะนะ น้าไคย์” ไอ้เตี้ยไคย์เหวอไปทันที เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่มีวาจาออดอ้อน และการกระทำอ้อเซอะ ชนิดแตกต่างจากที่คุยและทำกับไดสุเกะจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ”ไดก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว เขาขึ้นเสียงตวาดทีเดียวคนรอบข้างก็กระเจิงกันไปหมด แกะมือของสาวเจ้ายังคุมินั้นออก แล้วเดินเข้าหาคาสุม่ากับไคย์ทันที

น้ำเสียงหวานออดอ้อนนั้นตอแหลชัดๆ เคืองหูเป็นบ้า!คิดจะไปคบกับไคย์เหรอคาสุม่า? ไอ้เตี้ยนี่มันเข้าใจนายมากกว่าฉันงั้นสิคาสุม่า?...

“ทำไม...?นายจะไปไหนก็ไปสิ สนใจอะไรกับฉันด้วย?” แน่มากคาสุม่าๆ ไดสุเกะกัดฟัดกรอดๆตาลุกแววจนคาสุม่าซักร้อนๆหนาวๆขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวออกมาให้เห็น แถมยังทำปากกล้าขึ้นมากกว่าเก่าเสียอีก

“จะบอกอะไรให้นะทั้งนาย...และไอ้จี้ ฉันไม่งี่เง่าทำหึงหวงพวกปัญญาอ่อนอย่างพวกนายหรอก!รู้เอาไว้ซะด้วย!” โกรธแล้วปากหมาทุกทีเลยให้ตายเถอะคาสุม่า!

ไคย์แอบคิดอยู่ในใจกลืนน้ำลายลงคอก่อนที่จะกระตุกแขนคาสุม่าให้รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เพราะสายตาของไดสุเกะมันแววโรจน์บอกว่าโกรธจัดแค่ไหน แต่ดูเหมือนคาสุม่าจะฟิวส์ขาดไม่สนใจเขาและคนรอบข้างอีกต่อไปแล้วอีกเช่นกัน

“จะพาใครไปกกกอดกันที่ห้องก็เชิญเลย!ฉันจะไม่สนใจพวกนายอีกแล้ว!”คาสุม่าแผดเสียงลั่นใส่หน้าไดสุเกะและท็อตจิ

“มานี่คาสุม่า!”ไดสุเกะก็ดึงแขนอีกข้างของคาสุม่ากระชากจนร่างบางถลาเข้าหาตัวเขา ด้วยแรงโทสะที่ปั่นป่วนแล่นพล่านที่ไอ้คนตัวเล็กยั่วมันให้พุ่งสูงทะลุปรอทขึ้นมา พลอยทำให้คาสุม่าดึงแขนไคย์ลากติดเข้าไปด้วยกันทั้งอย่างนั้น.

To be continue
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-09-2007 18:49:28
[ Fic ] One man story 10




One   man  story  10

“เฮ้ย!ไอ้ม่า ไอ้ไดดดดด!!” ไคย์แหกปากลั่นเมื่อรับรู้ถึงแรงที่ไดสุเกะใช้กระชากคน 2 คนให้ถลาตัวปลิวได้นั้นว่ามันมากขนาดไหน แรงควายดีๆนี่เอง

“เฮ้! ไดสุเกะเบาๆก็ได้” เรียวและไอ้จี้ก็รีบร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกันเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าไดสุเกะนั้นนอกจากจะมีอาการควันออกหูอยู่ก่อนหน้าแล้วในตอนนี้มันจะกลายเป็นเปลวไฟออกมาแทนที่แล้ว

“พวกนายมีอะไรก็ค่อยๆพูดกันดีกว่านะไม่อายคนอื่นบ้างเหรอ เขาพากันแห่มามองพวกนายกันหมดแล้ว”เรียวเป็นคนเดียวที่พอจะมีสติมากกว่าเพื่อน เขากำลังหาทางไกล่เกลี่ยเพื่อทำให้เพื่อนหัวเย็นลงได้อย่างยากเย็น

“ไม่จำเป็นแล้วครับพี่เรียว ผมไม่มีอะไรจะพูดกับสองคนนี่อีกแล้ว”ไอ้ม่วงม่าชิงตัดบทพูดขึ้นก่อนทำไม

ไคย์ทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้ซะเดี๋ยวนั้น...

“ม่าทำไมมึงถึงเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เข้าใจกูบ้าง” ท็อตจิก็ครางเสียงแผ่วในใจกระตุกวูบกลัวคาสุม่าตัดเพื่อนกับเขา เขารู้ดีว่ายามที่ไอ้เพื่อนตัวเล็กโกรธขึ้นมานั้นมันเป็นยังไง ...

ไม่มีใครจะเอาแต่ใจและนิสัยไม่ดีเท่าคาสุม่าได้อีกแล้วทั้งงี่เง่าและดื้อด้านไม่ฟังใคร ซ้ำยังอันธพาลใส่ได้ไม่เลือกหน้าอีก นั้นแหละไอ้ม่าในยามที่สติแตกล่ะ เขาผิดเองใช่ไหมที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น เขาผิดใช่ไหมที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด เขาก็แค่อยากจะให้เพื่อนค่อยๆตัดสินใจอย่าเพิ่งด่วนใจเร็ว แค่อยากจะพิสูจน์ว่าไอ้ไดและเพื่อนรักกันมากแค่ไหน ไม่อยากให้ไดมันมาทำเล่นๆกับเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆรู้ใจกันมากกว่าอะไรอย่างไอ้ม่าให้มันต้องมาเสียใจภายหลังเท่านั้น

 มันจะเจ็บมากแค่ไหนในวันที่เพื่อนมาร้องไห้ คร่ำครวญอยู่ต่อหน้า เขาไม่อยากเห็นเพื่อนเป็นแบบนั้น ในสายตาของเขาไอ้ไดสุเกะมันไม่ได้ดีพร้อมไปเสียหมดหรอกเห็นมันมาตั้งนานทำไมจะไม่รู้นิสัยมัน ซ้ำเขายังไม่แน่ใจว่าไอ้ไดมันจะเอาไอ้ม่าอยู่ไหม? จะทนนิสัยไอ้ม่ามันไปได้ถึงเมื่อไหร่กัน?มันจะเป็นเพราะความรักเพื่อนมากหรือเปล่านะ ไม่อยากให้เพื่อนที่รู้ใจและเข้าใจ แบ่งความรู้สึกแบบนี้ให้กับใคร อยากให้ความรู้สึกแบบนี้มีให้เขาแค่คนเดียว มันกลายเป็นความรักในแบบที่เรียกกันว่าเห็นแก่ตัวไปแล้วเหรอ?

แต่ไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อนหรือคนรัก มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เขาเห็นแก่ตัวจนเกิดความอิจฉาขึ้นในใจอย่างนั้นหรอกเหรอ อิจฉาไอ้ไดทั้งๆที่รู้จักกับคาสุม่าได้เดือนกว่าๆแต่ไดสุเกะก็สามารถได้ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างจากคาสุม่าไป ทั้งความไว้เนื้อเชื่อใจ ความสัมพันธ์เกินกว่าคำว่าเพื่อนแบบเขา แม้กระทั้งหัวใจไอ้ไดสุเกะก็ได้ไปหมด ไดมันได้ทุกอย่างจากเพื่อนของเขาไป ความรู้สึกที่คาสุม่ามีให้ไอ้ไดมันลึกยากเกินกว่าที่เพื่อนอย่างเขาจะหยั่งลงไปให้รู้ได้

....ไอ้ไดมันทำยังไงกับแค่เวลาเดือนกว่าๆที่เปลี่ยนเพื่อนเขาได้มากมายแบบนี้ ทั้งๆที่ตัวเขากว่าจะได้คำว่ามิตรภาพและคำว่าเพื่อนสนิทจากคาสุม่ามามันยากมากแค่ไหน

คงจะถึงเวลาแล้วที่ต้องเปิดใจให้กว้างขึ้นกว่าเก่า กับสิ่งที่เพื่อนเลือกว่าจะมีผลออกมาเป็นยังไง สุดท้ายเพื่อนก็จะต้องเข้าใจเพื่อนได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้เพื่อนก็จะอยู่ข้างเพื่อนตลอดไป ไอ้ม่าจะผิดหวังจากไอ้ไดหรือว่ามีความสุขตลอดไปกับมัน เขาก็จะร้องไห้และยิ้มร่วมไปกับไอ้ม่ามันเสมอ มันต้องเป็นแบบนี้ใช่ไหมถึงจะเรียกว่าเพื่อนกันจริง เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน ต้องเป็นแบบนี้ใช่ไหมวะม่า?..... มันคงต้องเป็นแบบนี้ซินะ


“คะ..ค .คาสุม่า..ชะ.ชั้นข...ขอ”

“มึงนั้นแหละไอ้จี้เกิดเพี้ยนห่าอะไรขึ้นมา อยู่ดีๆมึงก็เข้ามาบอกรักกู มึงจะให้กูทำยังไง เคยนึกถึงใจกูบ้างมั้ย? แล้วมึงไม่ใช่หรือไงที่อย่างให้กูเป็นแบบนี้ ไม่ชอบไม่อยากเห็นกูมีความสุข มึงถึงต้องทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองให้กูเป็นบ้าอยู่ในตอนนี้ไง แต่ว่านะไอ้จี้มึงน่ะ มันบ้ายิ่งกว่ากูอีกรู้ไว้ด้วย กูไม่หลงกลมึงหรอก นี่มึงไปปั่นหัวไอ้แดงนี่เถอะ กูเบื่อที่ต้องมานั่งฟังพวกมึงทะเลาะกันเต็มทนแล้ว รำคาญรู้ไว้ด้วย! ไปไคย์! พี่เรียวครับกลับกันเถอะ ยิ่งพูดกูยิ่งหงุดหงิด ปล่อยได้แล้วได!ปล่อยซักที ปล่อยเซ่!”

คาสุม่าตวาดแหลกแทรกท็อตจิขึ้นโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะได้กล่าวคำขอโทษ เลยทำให้ท็อตจิหน้าจ๋อยสนิท เมื่อถูกคาสุม่าปล่อยคำพูดผรุสวาทด่าทอด้วยคำหยาบคายเพราะความโกรธและฉุนเฉียวออกมา

ใช่สิโกรธมากด้วยโกรธทั้งไดละท็อตจิไม่อยากได้ยินคำขอโทษอะไรทั้งนั้น ทั้งน้อยใจและทนกับความอึดอัดที่เก็บไว้ตลอดเวลาช่วงที่ 2 คนนั้นปล่อยรังสีอำมหิตเข้าห้ำหั่นกัน มันจะอะไรกันนักหนากับการตัดผู้ชายไร้หัวคิดออกไปจากชีวิตและสมองซัก 2 คน ตัดไอ้งั่งปัญญาอ่อนออกไปจากหัวใจ 2 คนแค่นี้มันไม่ตายหรอก

คาสุม่าดิ้นสะบัดแขนอีกครั้งเพื่อให้หลุดออกมาจากไดสุเกะ เขาสะกดกลั่นน้ำตาที่พร้อมจะพังลงมาประจานความรู้สึกจริงๆที่อยู่ข้างในออกมาให้ขายหน้าเอาไว้จนแน่นหน้าอก ซ้ำยิ่งดิ้นไอ้บ้าไดมันก็ยิ่งบีบข้อมือแน่นเข้าจนเจ็บเข้าไปถึงกระดูก

“มันจะมากไปแล้วนะคาสุม่า ที่แท้นายมันมีนิสัยแบบนี้เองเหรอ แย่ที่สุด!!!” ไดสุเกะยึดข้อมือเล็กของร่างบางแน่นเข้าอีก ฤทธิ์มากนักต้องสั่งสอนบ้างแล้ว ทั้งๆที่เขาเอาใจและตามใจสารพัดยอมโอนอ่อนผ่อนตามมาตลอด ไม่คิดว่าคาสุม่าจะพูดตัดขาดเขาออกมาได้อย่างง่ายดาย แบบไม่เหลือเยื่อใยซักนิด.......... ช่วยไม่ได้นะคาสุม่านายทำให้ฉันโกรธเอง

“ใช่ชั้นมันมีนิสัยแบบนี้แหละ ชั้นมันแย่!นิสัยไม่ดี ปล่อยชั้นได้แล้ว!!ปล่อยโว้ยได!!!”คาสุม่าร้องลั่น เจ็บใจ โกรธตัวเอง โกรธไดเลยพาลมั่วไปทั่ว โมโหชนิดที่ตัวเองก็คาดไม่ถึงยังดีที่มีเสียงเพลงในผับช่วยกลบเสียงร้องของเขาไปบ้างไม่งั้นคงมีไอ้ยุ่นยืนมุงดูแต๋วแตกมาดเมะอาละวาดให้ได้อับอายแทบหาแผ่นดินอยู่ไม่ได้ก็คราวนี้แหละ

“ไม่ปล่อย!ดีในเมื่อมันแย่นักก็เอาออกมา แสดงออกมาให้หมดเลยคาสุม่า!ฉันจะดัดนิสัยแย่ๆของนายเอง ดูซิมันจะดัดกันไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป!!

“ไม่เว้ยได!ปล่อยดิโว้ย!!ปล่อยกูไอ้บ้า!!!” ในตอนนี้แทบจะร้องไห้ออกมา ทำได้ดีที่สุดก็แค่สะบัดตัวและกระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ เคืองไดเคืองตัวเองที่ไม่สามารถหนีออกมาและทำตามดังใจได้

“หยุดโวยวายได้แล้วคาสุม่า! ไคย์เว้ย!ไอ้เรียวมึงด้วยถ้าพวกมึงยังจะพาเจ้าเด็กดื้อด้านนี้กลับไปกับพวกมึงอยู่อีกละก็ พวกมึงกับกู เราไม่ต้องมาพูดกันอีก ส่วนมึงท็อตจิกูคงไม่มีอะไรที่ต้องเคลียร์กับมึงอีกต่อไป... ขอบใจมากว่ะเพื่อน ที่ทำให้เรื่องมันยุ่งได้ถึงขนาดนี้ มึงวางใจได้เลยนะ กูไม่เอาเพื่อนมึงถึงตายหรอก ส่วนนายคาสุม่า....ดื้อนักใช่ไหม? จะบอกอะไรให้นะชั้นน่ะชอบนักล่ะไอ้พูดไม่รู้เรื่องเนี้ย อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ทั้งนั้นนายต้องเคลียกับฉันให้รู้เรื่อง แล้วก็หยุดดิ้นเร่าๆนี้ซักที! มานี้ ไปได้แล้ว”

ไดสุเกะทั้งกระชากและลากบังคับกันเห็นๆ เขาใช้แรงไม่น้อยเพราะคาสุม่าไม่ยอมปล่อยแขนของไคย์ที่เกาะเกี่ยวเป็นหลักยึดเอาไว้แน่นนั้นออก......ไดสุเกะยิ่งเห็นดังนั้นก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก เขาตวัดแขนอีกข้างคว้าเอวของสาวเจ้ายังคุมิที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เข้ามาร่วมด้วยอีกคน ยังคุมิถลาเข้ามาแนบอกของไดสุเกะทันทีจนใบหน้าแทบจะกระทบเข้ากับใบหน้าของคาสุม่า

“ไปกับฉันหน่อยยังคุมิ ไปช่วยฉันกำราบเด็กดื้อนิสัยไม่ดีหน่อยนะ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มแล้วจูบเบาๆลงไปที่หน้าผากลมกลึงของเจ้าหล่อน...ปรายสายตามองคาสุม่า....จงใจแกล้งร่างบาง ซึ่งมันก็ได้ผล คาสุม่าแทบจะหันขวับมามองตาค้างแทบจะลงไปดิ้นเร่าๆขึ้นมาอีกรอบ เกิดอาการกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจให้เห็นทันที

“ไอ้แดงปล่อยซักทีซิโว้ย!ปล่อยกู!” แล้วความฉุนจัดอาการควันออกหูก็มาเยือนเมื่อไดสุเกะมาหยามกันซึ่งๆหน้า

“หยุดโวยวายได้แล้วทำตัวเป็นไอ้บ้าไปได้ ไม่เห็นเหรอว่าคนเขามุงดูนายกันใหญ่แล้วนะ”แล้วคาสุม่าก็ยิ่งเจ็บใจที่ถูกอีสาวทรงโตตวาดซ้ำ เขาหันไปส่งสายตาอ้อนวอนขอร้องให้ท็อตจิกับพี่เรียวเข้ามาช่วยแต่ก็ดูเหมือนทั้ง 2 คนจะเกรงใจและไม่อยากเข้ามายุ่งทะเลาะกับไดสุเกะด้วยเลย... ก็แหงล่ะไดสุเกะก็ใช่ย่อยส่งสายตากร้าวให้ทั้งคู่ทำยังกับเป็นนักเลงข่มขู่คู่ต่อสู้ ใส่ทั้ง 2 คนให้หัวหดรักตัวกลัวตายกันไปเสียหมด

ไดสุเกะคุงไม่สนคนมุ่งหน้าไหนทั้งนั้นในเวลานี้ เขาโกรธจนทนไม่ไหวอีกต่อไป ตบโต๊ะดังปัง เป็นเชิงข่มขู่และหยุดทุกคนที่อยากจะเสือกเข้ามายุ่งเรื่องนี้ คาสุม่ามีนิสัยเหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่มีผิด คราวที่แล้วก็ครั้งหนึ่ง เพราะความเอาแต่ใจและเข้าใจผิดโกรธเขาอยู่เป็นอาทิตย์ ดื้อด้านนิสัยไม่ดีคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป จะมาชิ่งหนีไปงั้นเหรอฝันไปเหอะ เอะอะไม่พอใจอะไรก็โกรธจะหนีกลับบ้านลูกเดียว ไม่มีทางเสียล่ะคาสุม่า ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่วิ่งหนีปัญหาขี้ขลาดเกินไปแล้ว

ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาที่เขาทำทุกอย่างให้มันไม่มีค่าเลยหรือไง?มันไม่มีความหมายเลยอย่างงั้นเหรอ? คาสุม่าไม่เคยบอกว่ารักเขาเลย ไม่เลยแม้ซักครั้งเดียว ไม่เคยยืนยันความรู้สึกของตัวเองให้เขามั่นใจเลยซักครั้ง เขาผิดด้วยหรือไงที่คิดหวาดระแวงเกี่ยวกับความสัมพันธุ์ของคาสุม่ากับท็อตจิ ปากก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อน แต่ว่าการแสดงออกมันไม่ใช่ ทั้งๆที่เขาเป็นคนรักแต่คาสุม่าก็ไม่เคยเข้าข้างเขา แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาหึงหวงหรือคิดไปเองได้ยังไง ของแบบนี้ถ้าคาสุม่าปฏิเสธออกไปท็อตจิก็ไม่กล้าแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของหรือมีอะไรกันมาก่อนกับคาสุม่า แต่ที่เขาเห็นมันไม่ใช่ ไอ้ม่ามันไม่ปฏิเสธซ้ำยังไม่อธิบายอะไรให้ชัดเจน เขาผิดด้วยเหรอที่สับสนกับความรู้สึกของมันที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย....เขาผิดงั้นหรือ..ไม่มีซะล่ะ...

แต่ก็ต้องยอมรับว่าทั้งหึงและหวงเจ้าตัวเล็กนี่แค่ไหนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆกับการเริ่มรักใครซักคน คาสุม่ามีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขและสบายใจ เขาไม่ผิดใช่ไหม?ที่จะคิดแบบนี้ ไอ้ท็อตจิมันจะตบมือข้างเดียวดังได้ยังไง ถ้าคาสุม่าไม่เข้าไปช่วยมันตบ.... ช่างเถอะเขาจะไม่ตามอารมณ์ที่แปรปวนขึ้นลงจากหน้ามือเป็นหลังมือของคาสุม่าอีก เอาแต่ใจและถูกเอาใจจนเหลิงไม่ฟังใคร จะไม่ยอมตามใจมันอีกแน่ ทำกันเกินไปแล้วด่ากันแต่ละคำแสบสันทั้งนั้น ซ้ำยังทำกับเขาเหมือนเขาไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึกแบบนี้อีก ม่ามันต้องรับผิดชอบที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้

“ไอ้บ้าไดปล่อยซิโว้ย!” คาสุม่าโวยวายตะโกนโหวกเหวกอีก เมื่อเห็นว่าร่างสูงเอาจริงแน่ ความกลัวก็เริ่มจู่โจมปล่อยคำด่าและมือไม้ทุบตีที่หน้าอกอีกฝ่ายพัลวัล

ดีที่ลูกค้าภายในร้านบางตาลงไปมากไม่งั้นคนทั้งห้าหกคนที่ฉุดกระชากลากถู่กันอยู่ในตอนนี้คงได้เป็นจุดสนใจและศูนย์รวมสายตาทุกคู่ให้ได้อับอายกันไป จนไม่กล้าเยี่ยงกรายเข้ามาในร้านนี้อีกแน่ โดยเฉพาะเขา คงไม่กล้ากับมาทำงานที่นี้อีกก็ออกฤทธิ์ไว้ขนาดนี้

“หยุดเอะอะโวยวายซักทีคาสุม่า!”

“นายนั้นแหละหยุด ไอ้บ้าไดไปให้ไกลๆชั้นเลยนะ”

“จะให้ฉันไปไหน นายนั่นแหละทำตัวงี่เง่าอยู่ได้ หัดคิดและใช้สมองเสียบ้างสิ!”

“ฉันใช้สมองคิดมากกว่าพวกนายเสียอีก นายกับอัยจี้นั้นแหละที่งี่เง่า ปล่อยซักทีซิเว้ย!”

แล้วท็อตจิกับเรียวก็ทำได้แค่อย่างเดียวในตอนนี้นั้นก็คือ ช่วยกันโค้งขอโทษขอโพยลูกค้าภายในร้านจากนั้นก็ดันให้ไดสุเกะรีบพาคาสุม่าออกจากร้านไปให้เร็วที่สุดก่อนที่จะถูกสายตาของแขกในร้านคุกคามและถูกนินทามากไปกว่านี้อีก

“เฮ้ย!ไอ้ไดสุเกะมันจะมากไปแล้วนะ มึงปล่อยกูกับคาสุม่าเดี๋ยวนี้นะว้อย!!”ไคย์ก็ชักจะทนไม่ไหวกับความบ้าระห่ำของเพื่อน มันจะห่ามเกินไปแล้วไอ้แดง!

“กูจับมึงตรงไหนกัน กูยังไม่ได้ทำอะไรมึงซักอย่างไม่อยากยุ่งก็บอกให้คาสุม่าปล่อยมึงเองซิ”ไดสุเกะเล่นไม้นี้หวังจะให้คาสุม่าปล่อยไคย์จริงๆ

“โธ่!ไอ้เชี้ยได กูไม่อยากให้มึงมาทำก้นกูไหม้นะ โด่ไอ้หลอดผอม!!ไอ้ก้นแต๊บเอ้ย!!โธ่เว้ย!! ไอ้เรียวช่วยกูด้วยยยย!!”ไๆคยฅ์แม่งยั๊วะจัดแหกปากด่าเพื่อนโวยวายลั่นด้วยความรักตัวกลัวตูดตัวเองถูกเสียบที่สุด เมื่อตระหนักว่าวิธีที่ไอ้เพื่อนห่ามของเขาจะใช้กำราบคาสุม่ามันคงจะหนีไม่พ้นเรื่องบนเตียงแน่ แล้วจะไม่ให้เขากลัวได้ยังไงในเมื่อคาสุม่าก็ไม่ยอมปล่อยเขา แบบนี้มันก็แหงอยู่แล้วที่เขาจะต้องเข้าไปร่วมอยู่ในวิธีของไอ้ไดมันด้วย............โอ้!โรบิ้นไม่น้า~~ เขายังไม่อยากได้หลอดผอมของไอ้ไดสุเกะ

“ไดสุเกะมึงปล่อยไคย์ กับคาสุม่าได้แล้วนะ!” เมื่อมาถึงด้านนอกของร้านเรียวก็เริ่มเห็นด้วยกับไคย์ เขาเป็นห่วงสุดที่รักตัวน้อยของเขาที่สุดเพราะรู้ดีว่าไอ้ไดสุเกะมันหื่น!

“นั้นนะสิได มึงอย่าทำอะไรไอ้ม่านะ” ท็อตจิก็ช่วยกันอีกแรงกลัวไดสุเกะทำอะไรบ้าๆ ไอ้นี้เวลามันโกรธแล้วใครก็เข้าหน้าไม่ติด

“กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน่าไคย์ แต่ว่า..คาสุม่าละก็..มันไม่แน่” ไดสุเกะทำเสียงเย็นใส่เพื่อนร่างเตี้ยกระจ้อยร่อยจนไคย์นึกเสียวสันหลังแทนคาสุม่า..... ไอ้เหลี่ยมม่วงมีหวังก้นใหม้ก็คราวนี้แหละ

“ฉันไม่ยอมให้นายมาทำอะไรฉันง่ายๆหรอกได!!!” 

“ฮึ!เก่งให้มันตลอดรอดฝั่งแล้วกัน!!”

ไดสุเกะยิ้มเยาะให้เขาอีก........... โอ้ย!มันน่าเจ็บใจจะทำยังไงดีให้ไอ้บ้าไดมันปล่อยเขา

“เอ๊ะได! น้องสาวขี้หึงนายมาแน่ะ ซายากะทางนี้ๆ”ทันทีที่คาสุม่าพูดจบไดสุเกะก็หันไปมองตามมือที่โบกไปมาเรียกน้องสาวของเขาอยู่ แล้วจังหวะนั้นเองคาสุม่าก็อาศัยช่วงที่ไดสุเกะเผลอยกหัวเข่าอัดเข้าที่ท้องน้อยไดไปเต็มแรง

“ฮึก!คาสุม่า เด็กบ้าเอ้ย!” ไดตัวงอเอามือกุมท้องด้วยความจุก ดีที่แม่สาวยังคุมิเข้ามาช่วยประคองไว้ ส่วนเจ้าเด็กตัวการที่หลอกเขานั้นก็สลัดตัวหลุดออกไปแล้ว แถมยังไปยืนเท้าสะเอวยักคิ้วลิ่วตาท้าทายเขาอยู่ไกลออกไปหลายเมตรคงจะกลัวว่าเขาจะตามไปเล่นงานคืนกระมัง  แล้วที่น่าเจ็บใจก็คือมีแบล๊คอัพหนุนอยู่ข้างหลังอีกไม่ว่าจะเป็นท็อตจิ ไคย์ และเรียว ทุกคนปั่นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแต่ว่าก็แอบกลั้นยิ้มไม่ให้เขาเห็นกลัวว่าเขาจะเสียหน้าที่เจ้าตัวเล็กโคตรแสบทำอะไรกับเขาลงไป

ไดสุเกะฝืนตัวลุกขึ้นเมื่อพอจะหายจากอาการจุกดี เขายิ้มเย้ยที่มุมปากให้อีกฝ่ายก่อน แล้วก็หันหน้าเข้าหาแม่สาวยังคุมิเอามือโอบเอวบางเข้ามาแนบติดตัวเองจากนั้นก็จูบบดเบียดริมฝีปากของอีกฝ่ายทันทีแลกลิ้นกันให้เห็นจะๆดูซิคาสุม่ายังจะยืนดูเฉยๆหรือว่าทนไม่ไหวจนต้องวิ่งเข้ามากระชากเขาออกเอง

ต้องยอมเสี่ยงแล้วไดสุเกะ ยอมเสี่ยงให้คาสุม่าโกรธไปมากกว่านี้ไม่งั้นคาสุม่าไม่ยอมให้เขาจับได้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: One man story 9,10
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-09-2007 18:51:40
“ยังคุมิเอากุญแจรถนี้ไปสตาร์ทเครื่องติดไว้รอเลยนะเดี๋ยวชั้นตามไป”ไดสุเกะจูบซอกไซ้อยู่ที่ซอกหูพลางบอกยังคุมิเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เว้ยไอ้ม่าเอาไงดี ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีนะ” เอาอีกแล้วคำถามเดิมๆ ไคย์รู้ว่าไม่ควรถามประโยคแบบนี้ออกไป เพราะมันเท่ากับไปจุดไฟหึงไฟหวงให้กับคาสุม่ามันขึ้นไปอีก

แต่ว่าเขาก็อดอยากรู้ไม่ได้เหมือนกันว่าคาสุม่าจะเอายังไง  ยิ่งไอ้เด็กบ้านี้มันยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุอยู่ด้วย...สนุกล่ะทีนี้...ไคย์แอบยิ้มร้ายอยู่ในใจ

คาสุม่ากำมือแน่นเป็นไปได้อยากจะเข้าไปชกหน้าหล่อๆตะบันหน้าทะเล้นๆของไอ้ไดให้ลงไปนอนนับดาวเล่นซักสองสามหมัดให้มันหายโมโหนัก

“ไคย์ขอยืมมือถือหน่อย”

“หา! อะไรนะไอ้ม่า”

“บอกว่าขอยืมโทรศัพท์หน่อย!”

ได้ยินแล้วแต่ว่ามันจะเอาโทรศัพท์ไปทำหอยอะไรวะ? หรือว่าจะโทรด่าไอ้ได ก็มันก็อยู่ใกล้กันแค่เนี้ย!

“เอ้า!เอาของพี่แทนก็ได้”เรียวรีบส่งโทรศัพท์เครื่องจิ๋วของตัวเองให้ไป กลัวว่ารางบางจะเข้าขย้ำไคย์แทนไดสุเกะ

คาสุม่ารับโทรศัพท์มาแล้วก็กดหาบุคคลคนหนึ่ง เดินเลี่ยงออกมาห่างพอสมควรเพื่อไม่ให้ใครได้ยินบทสนทนากับบุคคลปลายสาย

“ชั้นว่าพวกเรากลับไปคุยกันที่ห้องดีกว่านะ ยืนคุยกันตากลมหนาวแบบนี้ไม่ดีหรอกไข้จะแดกเอาอะ” เสียงไอ้จี้เอ่ยขัดความเงียบที่น่าอึดอัด และรังสีมาคุที่ไดและคาสุม่าปล่อยออกมาฟาดฟันกันให้บรรยากาศมันน่ากลัวพิกลนั้นออกมาขัดตาทัพแก้สถานการณ์ไปพลางๆ

“นั้นนะสิหนาวจะตาย มีอะไรกูว่าเราไปเคลียร์กันที่ห้องดีกว่านะ” เรียวได้ที รีบเป็นกองกำลังเสริมทับหน้าไปอีกแรง

“กูง่วงแล้วนะเว้ย!เห็นใจเพื่อนแบบพวกกูบ้างซิวะโธ่!งั่ง รู้จักไหมงั่งน่ะ พวกมึงมันก็บ้าและงั่งกันทั้งสองคนนั้นแหละ” ไคย์เริ่มปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากที่มัวแต่ตกใจไปพักใหญ่ สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นคอกก็พร้อมจะปล่อยออกมากัดหาเรื่องได้ เมื่อเกิดอาการง่วงนอนมาเยื่อน แถมยังไม่ได้นอนสมใจอยากอีกกับต้องมาคอยห้ามทัพงี่เง่านี้แทน

“ไอ้ม่าว่าไงมึงจะกลับไปกับพวกกูมั้ย?เลือกเอาซักอย่างนะเว้ย ไม่ใช่มัวมายืนแอ๊คท่าแต๋วแตกออกลายอยู่แบบนี้ กูเห็นแล้วรำคาญลูกกะตาแล้วแกไอ้ได มึงจะไปต้มยำทำแกงลงหม้อลงไหของใครที่ไหนมึงก็ไปเลยไป๊ ไว้รอให้ใจเย็นๆลงทั้งคู่แล้วค่อยมาคุยกัน ร้อนเป็นไฟทั้งคู่แบบนี้คุยกันไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก ขืนจะคุยกันก็พอดีไฟหึงไฟหวงคลอกพวกมึงตายอยู่กลางอากาศหนาวนี้แหละ ว่ายังไงเห็นด้วยกับกูไหม?”

ไคย์หันไปยักคิ้วถามเอากับเพื่อนทั้งสองที่ยืนกันอยู่คนละมุมในเวลานี้

ปล่อยให้มันยืนตัดสินใจกันซักครู่ก็ได้วะ? เขาลงไปนั่งยองๆคว้าบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบด้วยมาดใจเย็นของสิงห์โตแอบดุลอบมองเหยื่อ

แต่ว่าจะเย็นอยู่แค่บุหรี่หมดมวนเดียวแค่นั้นนะ.......... ถ้าไอ้สารนิโคตินที่คาบคาปากนี้หมดลงเมื่อไหร่ แล้วยังไม้ได้คำตอบที่พอใจละก็สิงห์โตคำรามแบบกูขออาละวาดบ้างล่ะหลังจากที่ปล่อยให้พวกมันลากกูไปลากกูมาไม่ให้มีปากเสียงกันไปแล้ว...ไคย์บ่นอยู่ในใจกระปอดกระแปด

“ม่า...กูขอโทษ กูมันงี่เง่า กูมันไม่ดีเองทำให้พวกมึงต้องทะเลาะกัน กูขอโทษอะ  เรากลับห้องกันเถอะนะ”ท็อตจิเอ่ยขอโทษเพื่อนออกไปด้วยความไม่สบายใจเท่าไหร่ แต่ว่าก็รู้สึกดีขึ้นที่ได้พูดขอโทษกับอีกฝ่าย

“เอาไว้ว่ากันทีหลังกูไม่สนใจเรื่องงี่เง่าของมึงแล้วล่ะ”

“มึงไม่โกรธกูแล้วนะม่า” ความกังวลใจของเขามันหายไปเกือบครึ่งเมื่อได้ยินที่คาสุม่าบอก

“ถ้ามึงช่วยกูเอาคืนไอ้ไดมันละก็ กูจะยกโทษให้มึงหมดเลยจิ้”ท็อตจิผวาเฮือก! เอาแล้วเจ้าเพื่อนตัวแสบจะทำอะไร?!!!!


รอยยิ้มร้ายกาจของคาสุม่าที่ไดสุเกะเห็นเล่นเอาขนลุก เจ้าเด็กดื้อนี้จะมาไม้ไหนกับเขาอีก

ไม่ต้องรอให้ลุ้นระทึกอยู่นานและยังไม่ทันที่บุหรี่ในปากไคย์จะหมดมวนดี จู่ๆก็มีบุคคลคนหนึ่งวิ่งทะเล่อทะร่าออกจากร้านเข้ามาหาคาสุม่าด้วยความตกใจ จากนั้นก็จับคาสุม่าหมุนไปมาเหมือนกำลังสำรวจความผิดปกติของร่างบางว่ายังอยู่ครบไม่มีส่วนไหนที่ผิดปกติหรือผิดแปลกไปนั้นเล่นเอาสายตาของเพื่อนทั้ง 4 มองตาค้าง ที่ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาขโมยซีนเด็ดไปหน้าตาเฉย ไอ้บ้าหัวชี้เหมือนพวกแยงกี้ยังตรวจดูร่างกายคาสุม่าไปมาจับหันหน้าหันหลังทำเป็นห่วงเป็นใยประดุจว่าคาสุม่ามันถูกทำร้ายร่างกายหรือร่างบางกำลังบุบสลายยังไงยังงั้น

“ไหนๆคาสุม่าพวกนี้มันทำอะไรนายบอกชั้นมาเดี๋ยวนี้นะ หน๋อย!ไม่รู้จักถิ่นใครเป็นถิ่นใครเสียแล้ว!!” แล้วไคย์ก็อ้าปางค้าง เหวอต่อทันทีพลอยทำให้บุหรี่ที่คาบคาปากอยู่ตกลงพื้นไปทั้งอย่างนั้น เขาลุกขึ้นมาเอาเท้าบี้มันซ้ำลงไปกับดินเหมือนกับคิดว่าได้บี้ไอ้หัวชี้แยงกี้นั่นอยู่

เอ่อว่ะ!ไอ้นี่มันนักเลงมาจากไหนกันวะ!!?

“อือออ ไม่มีอะไรหรอกมิยาบิชั้นแค่ถูกตามตอแยแค่นั้นนายไปอยู่เป็นเพื่อนชั้นหน่อยได้ไหม ชั้นกลัวว่าจะถูกไอ้หัวแดงนู่นตามชั้นไป”คาสุม่าไม่พูดเปล่าเขาเอามือโอบรอบคออีกฝ่ายกระซิบคำพูดให้ได้ยินแค่ 2 คน


ไดสุเกะกำหมัดแน่น กอดกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้มันไม่ได้น่าดูสำหรับเขาเลยซักนิด...กูไม่นงไม่นับมันแล้วหนึ่งถึงร้อยมันไม่เห็นจะช่วยให้ใจเย็นลงซักนิด...นี่คือความคิดของไดแบบนั้นเหรอ?

“ไอ้หัวแดงๆนั้นนะเหรอ ดีฉันจะไปตะบันหน้ามันให้นะข้อหาที่มาตามจีบนาย”คาสุม่ายิ้มชอบใจที่เห็นมิยาบิโกรธ แต่ว่าเขาแค่ต้องการใช้มิยาบิเป็นหมากล่อยั่วให้ไดสุเกะโกรธก็แค่นั้น แค่อยากรู้ว่าไดจะหึงเขามากแค่ไหนทีนี้เขาก็เป็นต่อ...แม่ยังคุมินั้นมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป เขาไม่ได้อยากให้มิยาบิไปทำร้ายร่างกายไดสุเกะคุงหรอก

“ไม่เอาน่า! ไปกับชั้นดีกว่ามั้งอย่าไปมีเรื่องกับเขาเลยน้ามิยะจังน้า~~~”แล้วก็เขย่งปลายเท้าขึ้นกระซิบที่ริมใบหูวงแขนเล็กก็โอบรอบคอแน่นขึ้นอีกหน่อย จงใจแสดงออกให้ใครต่อใครคิดว่าเขากอดกับมิยาบิอยู่

“นายเป็นอะไรไปคาสุม่าทำไมวันนี้ถึงยอมตามฉันล่ะ”มิยาบิได้ที เพราะโอกาสมาถึงแล้วเขารีบตวัดแขนกอดตอบร่างเล็กแบบไม่ลังเล จีบมาตั้งนานแล้วตั้งแต่คาสุม่าเข้าวงมาใหม่ๆจีบยากจีบเย็นมาตลอดแต่ว่าพอบทจะง่ายก็ง่ายแบบนี้เล่นเอาเขางงไปเหมือนกัน

“อย่าถามเลยนะ จะไปกับชั้นไหมมิยะจัง?”คาสุม่าเริ่มยั่วใช้ทั้งสายตาและท่าทางเล่นละครตบตาฝูงเพื่อนที่ยืนอ้าปากเหวอแล้วเหวออีก เขากำลังเปลี่ยนเป็นอีกคนที่ต้องการเอาชนะไดสุเกะคุงให้ได้...

อย่านึกว่าแค่จูบกับแม่นั้นมันจะทำอะไรเขาได้ มันไม่มีผลอะไรกับเขาหรอก เขาก็ทำได้เหมือนกันนึกว่าเขาจะโกรธอยู่ฝ่ายเดียวเหรอไง ไม่มีทางที่เขาจะเดินเข้าไปหาง่ายๆหรอกได

“อย่ามัวอึ้งอยู่ซิมิยะบิ เอ้า!..แบบนี้ยังจะไปกับฉันมั้ยหรือว่ายังจะไปต่อยไอ้แดงนั้นอยู่อีก”แล้วสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากคาสุม่าก็เกิดขึ้น เล่นเอาคุณเพื่อนทั้งหลายเหวอไปอีกรอบ เมื่อคาสุม่าเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบแก้มของอีกฝ่ายที่กอดกันกลมดิกอยู่อย่างไม่แคร์สายตาของคุณเพื่อนทั้งหลายบ้างเลย

“เอาแล้วไอ้เหลี่ยมเร่เรไร แรดออกแล้วมั้ยล่ะมึง” ไคย์ควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอัดควันเข้าปอดไปอีกมวน ถึงจะรู้ว่าทั้งไดสุเกะและคาสุม่าต่างฝ่ายต่างก็อยากเอาชนะกันแต่ว่าที่กำลังทำกันอยู่นี้มันออกจะเกินไปจริงๆ

ถึงรู้แบบนั้นเพื่อนอย่างพวกเขาจะทำอะไรได้แหละไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง... ปล่อยให้พวกมันสางกันเอาเองแล้วกัน เขารีบคว้าแขนท็อตจิเอาไว้เมื่อเห็นว่าจะเข้าไปแยกคาสุม่าออกมา แต่ว่าเขาก็ตาไวกว่ามันไม่ใช่กงการอะไรของไอ้จี้มันที่จะหึงหวงไอ้ม่า... พลางชี้นิ้วให้เพื่อนดู

...นู่นไอ้บ้าไดนู่นที่มันต้องเข้าไปจัดการของมันเอง...

ไดสุเกะเดินก้าวสามขุมไปยังคนสองคนที่กอดกันอยู่ทันที

“พวกมึงมาพนันกับกูไหมว่าไอ้บื้อได กับอิหอยแรดนั้นใครมันจะเอาใครอยู่...?”ไคย์พูดขึ้นเล่นๆกับเรียวและท็อตจิเบาๆ คอยดูเหตุการณ์อย่างใจเย็น...

ไม่ใช่ไม่รักเพื่อนนะโว้ยแล้วก็ไม่ได้เห็นมันเป็นเรื่องสนุกก็แค่จะฆ่าเวลาเล่นๆ แล้วถึงจะห้ามไปมันก็แค่นั้น พวกมันไม่ฟังหรอก!

“จะดีเหรอมึงไม่เข้าไปห้ามหน่อย...”ถึงแม้คำพูดฟังดูเหมือนหวังดีแต่ว่าดวงตาของเรียวมันบอกว่าชักสนุกซะแล้ว

“เอาไงเอากันวะห้ามมันก็คงไม่มีใครฟังเราอยู่แล้ว ร้อนและเอาแต่ใจกันทั้งคู่แบบนั้นดีไม่ดีพวกเรานี่แหละที่จะถูกเผาเอาเสียก่อน”ท็อตจิก็พร้อมที่จะผสมโรงไปด้วย

แล้วจากนั้น 3 เกลอก็ต้องนั่งลุ้นระทึกประดุจว่านั่งเชียร์บอลข้างสนามจนตัวโก่งเมื่อไดสุเกะเข้าไปกระชากแขนของคาสุม่าออกจากทางด้านหลัง

“อ๊ะ!ได!!”

“เดี๋ยวนี้กล้าทำแบบนี้แล้วเหรอ น่าไม่อายกันบ้างเลยนะ”

“ชั้นจะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น!เราไปกันเถอะมิยาบิ” คาสุม่านอกจากจะไม่แสดงอาการอะไรออกมาแล้วยังฉวยข้อมือมิยาบิเดินหนีออกมา....

“อ๋อ จะเอาอย่างงั้นเหรอ ได้คาสุม่า ชั้นจะจัดให้”เสียงคำรามในลำคอของไดสุเกะน่ากลัวพึลึก

แล้วเรื่องไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อสายตาเมื่อไดสุเกะคุงก้าวขายาวๆเดินตามไปกระตุกแขนของมิยาบิออกจากมือคาสุม่า จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ไดสุเกะปล่อยหมัดตรงเข้าสอยปลายคางของมิยาบิโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัวจนตัวเซไปตามแรงกระแทกที่อัดเข้ามาเต็มๆ ในขนาดที่คาสุม่ากำลังตกใจทำอะไรไม่ถูกนั้น ไดสุเกะก็ปล่อยอีกมัดเข้าที่กึ่งกลางระหว่างจมูกกับปากของมิยาบิทันที แล้วก็ได้ผลมิยาบิลงไปนอนร้องโอยให้กรรมการข้างสนามอย่างพวกไคย์นับแปดเรียบร้อยกระทิงแดงไดไปในที่สุด

“ไอ้บ้าได!พอได้แล้วนะมันจะมากไปแล้ว นายไปชกเขาทำไม!”คาสุม่าเข้ามาห้ามเอาตัวเข้าขวางมิยาบิไว้จากไดสุเกะ ในเมื่อเขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัว มันทำให้เขารู้สึกผิดที่ไม่น่าเอามิยาบิมาเกี่ยวด้วยเลย

“โกรธชั้นก็ชกชั้นสิไปทำเขาทำไม!”คาสุม่าฟิวส์ขาดทันทีด้วยความนึกไม่ถึง ว่าดายจะลงไม้ลงมือกับเพื่อนของตัวเองตวาดดังลั่นใส่หน้าไดสุเกะ

“ชั้นพึ่งจะรู้นอกจากนายจะไม่มีสมองแล้วนายยังเป็นพวกที่ดีแต่ใช้กำลังอีกนายมันป่าเถื่อน!อย่ามายุ่งกับชั้นอีกนะ!!”

“ค..คะ..คาสุม่า”ไดสุเกะครางเสียงแผ่วเมื่อสายตาของร่างบางมองเขาด้วยความผิดหวัง

“ไปมิยาบิลุกขึ้น”คาสุม่าตรงเข้าช่วยพยุงมิยาบิด้วยความเป็นห่วงที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรแต่ก็ต้องมาพลอยเจ็บตัวเพราะเขา...ภาพที่ไดสุเกะเห็นกับคำพูดของเจ้าตัวเล็กที่พูดใส่หน้า...จะให้ยอมง่ายๆ ..นายจะเอาแบบนี้ใช่ไหมคาสุม่า?

“มานี่เดี๋ยวนี้!นายจะไปไหนกับไอ้นี้ไม่ได้ทั้งนั้นชั้นไม่ให้นายไป!!ไคย์ เรียว ท็อตจิเว้ย!มาช่วยเพื่อนหน่อยโว้ย!!”รู้ว่ามันไม่เข้าท่าเอาซักนิดแต่จะปล่อยให้คาสุม่าคลาดจากสายตาได้ยังไง....แรงหึงแรงหวงของเขากำลังร้อนเต็มที..ใครต่อใครที่อยู่ใกล้ตอนนี้คงรับรู้ว่ามันสามารถเผาเจ้าของให้ตายทั้งเป็นได้ไม่ยาก

3 เกลอซึ่งกำลังหายตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นรีบวิ่งเข้าไปร่วมด้วยช่วยเพื่อนทันทีถึงจะรู้ว่ามันไม่ถูกที่ต้องทำกับคาสุม่าแบบนี้ แต่เพื่อตัวของเพื่อนทั้งสองเอง..เพื่อนมันจะได้เข้าใจและดีกันเสียที

แล้วที่นี้ก็เกิดเหตุการณ์ลากถูกันไปมาอีกครั้ง

“ไอ้บ้าได!ปล่อยกู !!ปล่อยเดี๋ยวนี้!!!”ไดสุเกะอุ้มคาสุม่าเอาไว้ทั้งยืน มือแกร่งรั้งอยู่ที่ท้องของร่างบางเข้ามาทางด้านหลัง โดยมีเรียวทำท่าประคับประคองคอยเอาใจช่วยให้ไปถึงรถเร็วๆก่อนที่คาสุม่าจะหลุดออกมาได้ก่อน

“พี่เรียวปล่อยผมนะ ปล่อยผมพี่มาช่วยไอ้บ้านี่จับผมทำไม”

“พี่ขอโทษนะคาสุม่า แหะๆๆ แต่พี่ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน มันจำเป็น...”..เอาวะให้คาสุม่าโกรธก็ดีกว่าให้ไอ้ไดสุเกะโกรธ.....นี่คือความคิดของเรียว...?

ส่วนไคย์กับท็อตจินั้นก็...

นู่นทั้งกันและช่วยกันจับมิยาบิที่จะเข้ามาช่วยคาสุม่า ล็อคปีกเอาไว้คนละข้าง

“น้องไปกับพี่ดีกว่านะ อย่าไปยุงกับเรื่องของชาวบ้านเขาเลย เรื่องของผัวเมียเค้าก็ปล่อยให้เค้าไปจัดการกันเอาเองนะ”ท็อตจิยิ้มหวานให้แต่ว่าน้ำเสียงที่พูดกับเย็นจัดมือที่บีบต้นแขนก็บีบแน่นเข้า...นี่คือการข่มขู่อย่างนั้นเหรอ?

“ไม่!ไม่เอา ผมไปกับพี่คนนี้ดีกว่า คุณมันน่ากลัว”อ้าวเวร!ไอ้ไคย์น้อยได้เป็นพระเอกเหรอวะเนี้ย อิเปรตนี้ทำไมมันมี..นอ..หรือว่ามันจะเป็นแร(ด)อย่างไอ้เหลี่ยมเร่เรไรม่า งั้นก็แสดงว่า...กูมีเสน่ห์มากกว่าไอ้บิ่น(ไอ้จี้มันเขี้ยวบิ่นอะ ฉายามัน)ฮ่าๆๆๆๆ...ไคย์กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจอาการแต๋วแตกที่เคยให้เรียวเห็นแค่คนเดียว เริ่มออกลายจิกสายตาใส่มิยาบิทันที

‘พี่ชอบแรงๆนะน้องแน่ใจเหรอว่าจะทำให้พี่ถึงใจ’สายตาไคย์น้อยช่างเร่าร้อนเหลือเกิน

‘แหวะ!กูอยากอ๊วกว่ะอิไคย์มึงนี้แรดเหมือนอิเหลี่ยมม่ามันอีกแล้ว’ท็อตจิส่งสายตาชวนขนลุกขนพองให้

‘เรื่องของกูมึงอย่ายุ่ง! หมูจะหามอย่าเอาค้านเข้ามาสอด!!’สายตามันเริ่มคุยกันได้อีกแล้ว

“ท็อตจิ ไคย์ช่วยชั้นด้วย ไม่เอานะ ไอ้บ้าไดปล่อยกู!!”เสียงโหวกเหวกของคาสุม่าทำให้ไคย์และท็อตจิเริ่มรู้ตัวว่ากำลังทำเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่

คาสุม่าถูกไดสุเกะจับหนีบข้างกับตัวเหมือนกับเจ้าตัวเล็กอย่างเขาตัวเบาๆแต่เปล่าเลย ไดสุเกะรัดท้องจนแน่นดิ้นแรงก็ไม่ได้มันเจ็บได้แต่กระโดดกระทืบเท้ากับพื้นด้วยความเจ็บใจเท่านั้น เรียวรีบวิ่งไปเปิดประตูรถด้านหลังให้ทั้งคู่แล้วไดสุเกะก็จับคาสุม่ายัดรถสำเร็จเขาตามเข้าไปนั่งประกบสั่งให้ยังคุมิออกรถไปทันที

เสียงปรบมือดังแปะๆของเรียวดังขึ้น เสมือนว่าภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่กระทำได้จบลงแล้วอย่างนั้น แต่ว่า...เปล่าเลยที่ไหนได้ล่ะ...เขากำลังยืนดูผลงานอันน่าละเหี่ยใจของเพื่อนที่ตอนนี้กำลังพารถเลื่อนออกไปเรื่อยๆต่างหาก..เรียวเดินเข้าไปหาท็อตจิกับไคย์ที่มะรุ่มมะตุ้มกับมิยาบิอยู่

“พวกเราเอาไงดี?”เขาเอ่ยถามขึ้นก่อน รอบมองหน้ามิยาบิที่นั่งหน้ามุ่ยไม่รู้เรื่องอะไรอยู่ที่พื้นอย่างเห็นใจ

“ตาม!!!” นี่คือคำสั่งของท็อตจิ ซึ่งเจ้าตัวพูดจริงทำจริงไคย์กับเรียวหันมามองหน้ากันทันทีก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเอาไงต่อไป

“ตามก็ตามวะเพื่อความปลอดภัยของก้นไอ้เหลี่ยมมัน”แล้วนี้ก็คือเหตุผลของไคย์

To be continue....

Talk
 ตอนนี้อยากจะขอสารภาพเหลือเกินว่าแต่งได้มั่วซั่วปัญญาอ่อนสมกับเป็นเราดีแท้TT__TT(ด่าตัวเองเฉยเลย)  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งแล้วไม่ซีเรียสที่สุดสำหรับเรามันก็เลยออกมาอย่างที่ได้อ่านนี้แหละฮะ

ขอบคุณทุกท่านมากที่มาติดตามอ่าน และคอมเมนต์ให้เรา ขอบคุณมากคับ

 
หัวข้อ: Re: One man story 9,10
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 21-09-2007 18:56:59
ลืมบอกๆๆ แฮ่ๆๆ

เนื่องจากไอ้เอ็มไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นบ่อย อัพทีก็เลยเยอะไปหน่อย คงไม่ว่ากันนะฮะ

และก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนมากครับที่เข้ามาตามอ่านกันเป็นประจำ เอ็มลงอีกเรื่องฝากไว้ด้วยนะครับ :m1:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 21-09-2007 22:07:24
ม่าจะรอดมั๊ยเนี่ย  :m26:
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 28-09-2007 22:53:42
อยากรู้แล้วน้าว่าเป็นไงต่ออะ  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 30-09-2007 16:12:44
One man story  11


“ไดปล่อยนะ!ปล่อย! จะทำอะไรชั้น” คาสุม่าร้องโวยวายทันทีที่ได้ยินไดสุเกะสั่งให้ยังคุมิเลี้ยวรถเข้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เขาพยายามสลัดตัวเองให้หลุดออกจากวงแขนแกร่งที่กอดรัดอยู่ในรถตรงเบาะนั่งด้านหลังอย่างเอาเป้นเอาตาย แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่มีทางที่จะหลุดออกจากไดสุเกะได้

“หยุดดิ้นได้แล้วน่าคาสุม่า นายน่ะยั่วโมโหชั้นก่อนนะ อยู่ดีๆไม่ว่า อยากให้ชั้นโกรธนักใช่มั้ย...?... ทีไปจูบกับไอ้หัวตั้งนั้นทำไมไม่คิดก่อนล่ะห๊า?” ไดสุเกะจับข้อมือเล็กกดลงกับเบาะรถ แล้วตะคอกเข้าใส่

“ชั้นอยากจะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น ทำไมจะต้องไปคิดและต้องกลัวว่านายจะโกรธด้วย!” คาสุม่าก็ไม่ยอมน้อยหน้า ตะคอกกลับบ้าง

ด้วยความปากกล้าปากเก่งปานลิงเขาวังอย่างเขาเหรอจะแสดงออกให้รู้ว่าข้างในมันลนลานและกลัวไดสุเกะคุงมากแค่ไหน แถมยังแรงรั้นและไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆเอาแต่ใจตัวเองของเขา ที่พูดออกไปแบบนั้นก็เท่ากับเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟดีๆนี้เอง

“งั้นชั้นจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉันซินะ  ไม่ต้องคิดถึงนายด้วยไงคาสุม่า” อารมณ์ที่กำลังร้อนได้ที่ ลุกขึ้นมาด้วยเชื้อเพลิงที่เติมเข้ามาอีก ไดสุเกะยิ้มเหี้ยมที่มุมปาก

คาสุม่าเริ่มหน้ามืดตามัวแล้ว  เมื่อมองเห็นว่ไดสุเกะหูแหลมตาวาว เหมือนซาตานในหนังสือการ์ตูนเล่มละสามสิบห้าบาทยังไงยังงั้นเลย

ในเมื่อไม่มีเยื่อใยให้กันแล้วจริงๆ ก็ให้มันรู้ไปคาสุม่า!!!

ไดสุเกะสบถอยู่ในใจด้วยก็ต้องการเอาชนะร่างเล็กเหมือนกัน

“ไอ้บ้าไดปล่อยซิเว้ย!ไอ้ๆ... ปล่อย!ไอ้นิ่มปล่อยชั้นนะ!” คาสุม่ากลับเข้าสู่โหมดปากไวใจกล้าด่าเจ็บอีกรอบ มองเห็นกลุ่มควันโขมงออกจากหูและตาของไดสุเกะ เขาซาตานบนหัวเริ่มงอกออกมาเมื่อรถจอดสนิท แล้วไดสุเกะก็ฉุดกระชากลากแขนให้ลงจากรถรวบตัวเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยหรือให้ดิ้นหลุดหนีไปทางไหน

คาสุม่าทำได้ก็เพียงแต่กระทืบเท้าลงบนพื้นคอนกรีตด้วยความเจ็บใจ ปนเปกับความกลัว เห็นชัดตาว่าที่ไดสุเกะคุงพาเขาเข้ามานั้นมันเป็นสถานที่ใช้ทำอะไรกัน

แรงเท่าหนูตะเภาปั่นกงล้อหรือจะไปงัดกับแรงถึกของควายป่าที่มีเขาโค้งยาวได้...

แล้วในที่สุดคาสุม่าก็ถูกไดสุเกะลากถูลู่ถูกังเข้าไปในห้องได้สำเร็จ

 
.................................

“เฮ้ย!รถไอ้ไดสุเกะมันเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดแล้ววะ” เสียงของกองกำลังสนับสนุนพกพาแรงเชียร์ ตามมากันอีกขบวนรถหนึ่งตะโกนลั่นบอกเพื่อนพ้อง

ไคย์แหกปาก ม่านตาขยายกว้างด้วยความอะแมซซิ่งปนความแปลกใจในรสนิยมของเพื่อนไดสุเกะที่เขาไม่เคยรู้ว่าไอ้ไดสุเกะมันจะชอบทำกิจกรรมใต้ร่มผ้าในสถานที่แปลกใหม่ที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเช่นนี้มาก่อนเลย

แผ่นป้ายที่มีหลอดไฟเล็กๆรายรอบให้สีสันสะดุดตา โชว์ชื่อหลาบอกยี่ห้อสถานบริการอยู่นั้นก็รู้แจ้งเห็นจริงขึ้นมาว่ามันเป็นอะไร

*********** ปีบอิน************อะล่าง!!!

“อัยหย๋า!ชื่อโรงแรมไรวะท็อตจิ ไม่เคยได้ยินมีอยู่ในญี่ปุ่นด้วยหรือเนี้ย?” ไคย์หันไปถามเอากับเพื่อน ที่นั่งคู่มากับมิยาบิทางด้านเบาะหลังด้วยความอะแมซซิ่งไม่หายกับชื่อสถานบริการ

“ไม่รู้วะไคย์ กูก็ไม่เคยใช้บริการไอ้ปีบอินนี้เหมือนกัน” ยอดชายใบหน้าคมหัวใจหลายกิ๊กอย่างท็อตจิทำหน้านึกก่อนที่จะตอบไป จำได้ว่าไม่เคยพาสาวหรือตุ๊ด กระเทย เกย์ที่ไหนเข้าโรงแรมชื่อนี้มาก่อนด้วยซ้ำ

เรียวหัวเราะเบาๆ กับความบ๊องตื้นของเพื่อนเกลอ แล้วเขาก็พารถเลี้ยวตามเข้าไปทันที ตรงเข้าไปจอดในช่องทางของอีกห้องที่ติดกับห้องที่มีรถไดสุเกะจอดอยู่ก่อนหน้า

พนักงานต้อนรับ ของโรงแรมวิ่งกระหืดหระหอบเข้ามาด้วยหน้าตาแตกตื่นเมื่อเห็นพวกเขาก้าวขาลงมาจากรถทั้ง 4 คน พลางอดคิดในใจไม่ได้

“แมร่งอีพวกนี้ เล่น 4 เลยหรือวะ?”
........................................................
...................................................

“น้องจะจ้องตูดพี่อีกนานมั้ย? ระวังเสียค่าลวนลามทางสายตาให้พี่นะ เปิดห้องนี้ให้ด่วนเลยก่อนที่พี่จะเงี้ยนแล้วลากน้องเข้าร่วมด้วยอีกคน”ไอ้จี้โพล่งขึ้นด้วยมาดของหนุ่มเพลย์บอยรักสนุก แต่ในใจของเขานั้นกำลังเป็นห่วงคาสุม่า อยากจะไปเคาะห้องที่ติดกันเรียกไดกับคาสุม่าออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

แต่เขาก็รู้นิสัยของไดสุเกะดี ลองท่าได้โกรธไม่ว่าใครหน้าไหนก็เอาไม่อยู่ ยิ่งกับคาสุม่าซึ่งมีนิสัยไม่ต่างกันนัก เขาก็ไม่อยากคิดเลยว่ามันจะออกมาแบบไหน

“เอ่อๆแหะๆๆ ขอโทษครับ เชิญครับเชิญ”พนักงานหนุ่มหัวเราะแก้เก้อ ก่อนที่จะเปิดประตูเชิญเข้าสู้ห้องที่เต็มไปด้วยกระจกและแสงสลัวน่าตื่นตาตื่นใจเป็นยิ่งนัก TT__TT

 

...
อีกฟากหนึ่ง ห้องของไดสุเกะ

..............................
...........................................

ไดสุเกะคุงกดล็อคประตูห้อง เขาจับข้อมือของผมไว้แน่นจนเจ็บไปหมด ในตอนนี้ผมพอจะเห็นเค้าลางๆแล้วว่าไอ้ไดมันจะทำอะไรกับผม
 
ไม่รู้ว่ามันไปตายอดตายยากที่ไหนมา
มันจะบ้ามากเกินไปแล้ว ถ้าคิดจะข่มเหงรังแกผมง่ายๆก็ตายกันไปข้างหนึ่งเถอะ!!

ผมคิดได้ดังนั้นก็กัดเข้าที่แขนของมันไปเต็มๆเมื่อมันเผลอ

“โอ้ย!คาสุม่า!” มันร้องลั่นทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บพลางยกแขนขึ้นมาดู ผมจึงได้โอกาสรีบถลาวิ่งออกมาจากตัวมันจากนั้นก็ตรงไปที่ประตูทันที

“จะไปไหนคาสุม่า ร้ายนักนะ!” โธ่!ยายยังคุมิหน้าวอก ก้าวเข้ามายืนขวางประตูไว้อีก

ชะนีหอก!
อกอีนี่ตูมจริงๆเลยครับ...ชีคิดจะเอาหน้าอกประทะผมเอาไว้...
ทำให้ผมหยุดชะงักอยู่กับที่ เห็นชัดๆว่ายายนี่ คงไม่ปล่อยให้ผมออกไปได้ง่ายๆ ไอ้ครั้งจะให้ทำร้ายผู้หญิงก็ทำไม่ได้ด้วยซิ ผมหันรีหันขวาง

“กลัวด้วยเหรอคาสุม่า ก็ไหนว่าเก่งนักหนาไง ไม่เห็นจะต้องหนีกันแบบนี้นะ” แล้วในที่สุดไอ้ไดมันก็ตามมารวมตัวผมไว้ได้อีก

“ชั้นไม่ได้เก่งในเรื่องแบบนี้โว้ย!นายจะไปหูดำ หน้าหม้อมุดกระโปรงใครนายก็ไปเลยนะได อย่ามาทำแบบนี้กับช้านนน!”

“มันจะมีใครที่ไหนที่ทำให้ชั้นยากด้วยอีกล่ะม่า” โธ่ว้อย!!

แค่มันกระซิบคำเลี่ยนๆข้างๆหูผมก็ฉุนกึกแล้วครับ ถ้าอารมณ์ปกติ ไม่แน่ผมอาจหลงลมกับคำพูดของมันก็ได้ แต่นี้มันไม่ใช่เวลาแบบนั้น

ผมสลัดตัวจากวงแขนแกร่งของมันให้ตายเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดเลยซักนิด ยิ่งดิ้นยิ่งเถียงมันก็ยิ่งรัด

“นายไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะได! ไม่เคยทำแบบนี้กับชั้นเลยด้วย!! เป็นบ้าไปแล้วเหรอไง!!!” ผมร้องว่าให้มันออกไปด้วยความกลัวนิดๆ ไอ้ไดที่ผมรู้จักมันอ่อนโยนใจดี ไม่ได้น่ากลัวและบังคับผมด้วยสีหน้า น้ำเสียง และท่าทางที่น่ากลัวเช่นนี้ มันเหมือนกลายร่างเป็นสัตว์ป่าไปแล้ว

ทำไมต้องมาทำแบบนี้กับผมด้วยล่ะไดสุเกะคุง...

“ใช่ไง ที่ฉันเป็นบ้าแบบนี้จะเพราะใครเสียอีกล่ะ ใครกันคาสุม่าที่ทำให้ฉันคลั่งอย่างนี้ได้ ใครกันที่ตามหึงตามหวงนายๆลืมไปแล้วเหรอ นายก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอไงม่า!”

ทั้งๆที่ใบหน้าแทบจะติดกันจนสามารถรับรู้ลมหายใจเข้าออกของกันและกัน แต่ไดก็ยังตะคอกเสียงดังเข้าใส่ผมอยู่ดีนั้นแหละ

“ไดปล่อย ได้โปรดเถอะไดปล่อยชั้น!” มันไม่ฟังคำร้องห้ามของผมอีกแล้ว

ผมถูกมันผลักลงบนที่นอนโดยที่มันไม่ออมแรงให้ซักนิด และไม่ปรานีผมอีก จากนั้นมันก็ตามลงมาทาบทับ ทิ้งน้ำหนักตัวกดผมเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนีไปทางไหนได้

อยากชกมันซักเปรี้ยง แต่ให้ตายเถอะครับ มันเอาหน้าหล่อๆโหดๆของมันยื่นใกล้เข้ามา พร้อมกับที่จมูกคมโด่งของมันก็ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอของผม

ผมเห็นยังคุมิยิ้มเยาะให้ ชีกอดอกยืนพิงประตูดูผมที่ถูกไดรังแกด้วยสายตาสมเพช คงจะนึกว่าผมเป็นของเล่นของไดสุเกะแบบนั้นซินะ

“ได...ไหนบอกว่ารักชั้นไงล่ะ แล้วทำไมถึงทำแบบนี้กับชั้นด้วยล่ะได” เมื่อไม้แข็งใช้กับมันไม่ได้ผล ก็ลองใช้ไม้อ่อนดู พูดดีๆกับมันบ้างนะครับ

“เพราะรักไงม่า รักมากไม่อยากให้นายไปเป็นของใครทั้งนั้น อยากให้นายอยู่กับฉัน...”

มันเข้าขั้นเพ้อ...ใบหน้าคมเข้มของมันก็ยังซุกไซ้อยู่ทั่วใบหน้าลำคอและบนหน้าอกของผมไปทั่ว

“แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับชั้นนะได เราพูดกันดีๆก็ได้”

“ก็เพราะนายไม่เคยนึกถึงชั้นเลยคาสุม่า เคยนึกบ้างมั้ยว่ามีชั้นอยู่ตรงนี้ทั้งคน ถ้านายนึกถึงชั้น คิดถึงชั้น นายคงไม่ปั่นหัวชั้นเล่นอยู่อย่างนี้หรอก”

โธ่ไอ้ทึ่มไดเอ้ย! ผมล่ะอยากหาอะไรมาเคาะหัวแดงๆของมันเหลือเกิน ผมไม่รู้จะสรรหาคำด่าอะไรมาด่ามันได้อีกแล้ว จะต้องให้บอกกี่ครั้งกันนะ ความรักของผมไม่จำเป็นจะต้องบอกด้วยคำพูด

ความรู้สึกและการกระทำต่างหากที่มันจะยืนยันความรักของผมได้
แสดงว่าความรู้สึกที่ผมถ่ายทอดออกมาและการกระทำต่างๆที่ผมมีให้มันมาตลอดนั้น มันไม่เคยรับรู้บ้างเลยเหรอ? ไดคุงไม่รู้ดูไม่ออกว่าผมรักเขามากแค่ไหนอย่างงั้นเหรอ? โธ่ว้อย!ทั้งนิ่มทั้งทึ่ม เป็นควายดึกดำบรรพถ์จริงๆ


“นายเล่นจนป่วนไปหมดอย่างนี้ แล้วนายยังไปจูบกับไอ้หัวตั้งนั้นอีก จะให้ชั้นเข้าใจว่ายังไงม่า  ไอ้แยงกี้นั้นมันเป็นแฟนนายยังงั้นซิ มันรักนายมากกว่าชั้นใช่มั้ย?... นายถึงไม่ยอมรับรักและบอกรักชั้นเลย ใช่มั้ยม่า?”

ขอเข้าใจว่ามันคงกรึมๆเบียรนะครับ...กลิ่นแอลกอฮอล์นี้หึ่งเชียว

“ไม่ใช่นะได ไม่ใช่” ด้วยไอ้ท่าทางอ้อนๆขี้น้อยใจของมัน สามารถเรียกคะแนนสงสารจากผมได้ทุกที

ผมเผลอร้องปฏิเสธลั่นส่ายหน้าไปมา มันกำลังเข้าใจผิดและน้อยใจให้ผมยกใหญ่ ริมฝีปากสวยของมันจูบลงมาบนใบหน้าของผมแบบไม่ลืมหูลืมตา

“ไม่ใช่อะไรม่า ชั้นรักนายจนจะคลั่งอยู่แล้ว นายจะแกล้งกันไปถึงไหน...ไม่สงสารชั้นบ้างเลยหรือไง ไม่รักกันทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรก เข้ามาหลอกเข้ามาทำให้ชั้นรักปล่อยให้ถลำลึกทำไมกันม่า?”

มันชักจะเพ้อไปกันใหญ่แล้วนะ ผมจะทำยังไงดีให้มันหยุดฟังผม..แค่คำกระซิบบวกสัมผัสของมันแค่นี้ก็เล่นเอาน้ำตาของผมคลอขึ้นมาได้ไม่ยาก

“ชั้นเปล่านะได ชั้นเปล่าทำ ฮึก!” ผมอยากจะบอกถึงเหตุผลทั้งหมดให้มันได้รู้อยู่หรอก เมื่อไม่มีพวกเพื่อนๆอยู่ด้วยแบบนี้ แต่ก็ยังติดอยู่ที่ยังคุมิ ผมไม่ชอบ ไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องของผมกับมัน ผมอยากให้ไดคุงรู้แค่คนเดียว ที่ได้เห็นผมในแบบที่เขาอยากให้เป็น ไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมกับเขาคบกันและมีอะไรกันหรอก! มันน่าอายจะตาย

ผมอยากอ้อนมัน อยู่กับมันแค่ 2 คน ผมรักช่วงเวลาที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของมันมากที่สุด...ได้อิงแอบแนบชิดตัวติดกัน ได้ออดอ้อนให้มันเอาใจ ผมชอบเวลาแบบนั้นมากกว่า เวลาที่ได้อยู่กับมัน 2 ต่อ 2

แต่ว่าในขณะนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว ทุกคนกำลังจะรับรู้ว่าผมกับมันมีอะไรกัน ทุกคนกำลังจะรู้ว่าผมกับมันมีความรักที่ผิดธรรมชาติต่อกัน

“บอกซิม่า ถ้ารักฉันก็บอกชั้นหน่อยได้มั้ย? ยืนยันความรู้สึกให้ชั้นมั่นใจหน่อยได้มั้ยม่า?”

ไดคุงควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว เสื้อเชิ้ตสีขาวของผมถูกมันกระชากออกจนกระดุมขาด ไดใช้ฝ่ามือลูบคลำไล้ไปทั่วแผงอก ร่างกายของผมทำให้มันหน้ามืดตามั่วได้เพียงนี้เชียวหรือ?ริมฝีปากก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าและแผงอกไม่รู้จักอิ่มจักพอ  บดบี้นิ้วมือลงบนเม็ดติ่งตรงหน้าอกของผมครั้งแล้วครั้งเล่า ผมต้องบังคับและฝืนตัวเองแค่ไหนที่ไม่ให้ร่างกายรู้สึกคล้อยตามสัมผัสของมันไปด้วย

กลิ่นของสุราปนออกมากับลมหายใจของมันทำให้ผมรู้ว่าที่มันเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ก็เพราะร่างกายมันมีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อยู่มากโขนี่เอง

แต่ทว่า.. ทำไมผมจะต้องมายอมให้มันบังคับ รังแกกันอย่างนี้ด้วย มันไม่แฟร์เลย พูดกันดีๆก็ได้ รอให้หายเมาแล้วคุยกันก็ได้ จะให้มันสัมผัสผมด้วยอารมณ์แบบนี้ไปตลอดไม่มีทางหรอก ไดกำลังหลงลืมตัวเอง

แค่คำว่ารัก นายต้องการมากเลยเหรอได?
 แล้วสิ่งที่ชั้นปฏิบัติต่อนายในตลอดเวลาที่ผ่านมาล่ะ มันไม่มีความหมายของคำว่ารักจากชั้นแฝงอยู่ให้นายรับรู้บ้างเลยเหรอ?
ความรู้สึกของนาย ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของชั้นบ้างเลยเหรอได...?

โธ!ไอ้งั่งไดเอ้ย!

“ไดปล่อยชั้นนะ!ปล่อย!!ไอ้บ้าปล่อยเว้ย!!!”

แล้วในที่สุดเมื่อคิดได้ดังนี้ความอดทนของผมมันก็หมดให้กับการอ่อนข้อพูดดีๆกับมันอีกต่อไป มันก็ไม่ยอมฟังผมแล้วแน่ๆ

ผมฮึดดิ้นสุดแรงเกิดอีกครั้งเมื่อร่างกายมันปะทะเข้ากับความเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้อง ที่บอกได้เป็นอย่างดีว่าเนื้อตัวของผมแทบไม่เหลืออะไรปกปิดอยู่ ความน้อยใจและความอายมันทำให้ผมโกรธขึ้นมาอีก หลับหูหลับตาทุบตีมันลูกเดียว ผลักหน้าอกมันแรงๆ ร้องตะโกนด้วยความโกรธและน้อยใจคับอก มันกำลังมั่วเมาหลงใหลกับร่างกายผมอยู่

ผมน้อยใจและโกรธให้มันอย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับมันมาก่อน ถ้าจะทำแล้วอยู่กันแค่ 2 คนผมจะไม่เสียใจเท่านี้เลย แต่นี้ต่อหน้าคนอื่น มันข่มเหงรังแกผมต่อหน้าคนอื่น ไม่ให้เกียรติผมซักนิด

ขณะที่ผมลุกขึ้นจากเตียงได้แล้ว มันก็ยังตามมากระชากแขนผมไว้อีก นิ้วแกร่งบีบแน่นจนเจ็บไปถึงกระดูก

นี่มันจะทำกับผมให้ได้เลยใช่มั้ย? บ้าไปแล้ว มันจะหื่นมากไปแล้วนะได!


แล้วด้วยความรู้สึกที่ประดังกันเข้ามาจนผมสุดทนได้อีกต่อไป มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะซัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของมันไปเต็มๆ

ไดแค่ชะงักไปไม่กี่วินาที แล้วก็ไม่สนใจว่าผมจะร้องด่าอะไรมันอีก ระดมจูบหนักๆลงมายิ่งกว่าเก่า แล้วมันก็ส่งผลทำให้ผมยิ่งดิ้นรนและตะโกนก้องกลัวและโกรธคับอก ทุบตีมันใหญ่และเผลอซัดฝ่ามือลงบนใบหน้ามันอีกครั้ง จริงๆแค่หวังให้มันรู้สึกตัวว่าทำอะไรผมอยู่

ในตอนนี้มันกลายเป็นคนที่ผมไม่รู้จัก กลายเป็นคนแปลกหน้า เป็นไอ้บ้าหื่นกามไปแล้ว!

ความรู้สึกทั้งหมดที่มันตีตื่นขึ้นมาคับอก ทำให้ผมอดน้ำตาคลอไม่ได้จริงๆ  ถึงจะโกรธมากแค่ไหน แต่ก็ ไม่เคยน้อยใจ เสียใจอะไรมากมายเหมือนเช่นนี้มาก่อนเลย ทั้งๆที่ผมนึกว่ามันเข้าใจผมมาตลอด แต่ก็...ไม่เลย ...ไม่เลยซักนิด


ผมเบือนหน้าหนีหันไปทางอื่น ไม่อยากสบตากับมันหรอก สายตาที่สายแววเจ็บปวดเสียใจของมัน ซึ่งมันก็คงไม่ต่างกับผมเท่าไหร่

และมันก็ไม่ยอมขยับตัวไปทางไหนอีกเลยเมื่อถูกผมตบหน้าไป 2 ครั้งติดกัน มือใหญ่ที่จับผมไว้แน่นในตอนแรกนั้นก็ค่อยๆคลายออกช้าๆ ให้อิสระแก่ผม ไม่รั้ง ไม่ว่า ไม่ด่า ไม่ตะคอก ไม่พูดอะไรกับผมเลยซักคำ

.....................

...เงียบ...ปราศจากเสียงพูดของใครแม้ซักคน ห้องทั้งห้องกำลังตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินก็แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศกับเสียงลมหายใจของตัวเองแค่นั้น

ผมไม่ปล่อยให้ความอึดอัด และความเงียบควบคุมอยู่นานอีกต่อไป ตัดสินใจคว้าเสื้อและกางเกงถลาลงจากเตียงทันที ถึงแม้ในใจนึกเสียใจต่อการกระทำเมื่อครู่แค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาขอโทษ  ก็เพราะมันบังคับและข่มเหงกันมันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?

“หลีกไปอย่ามาขวางนะ!” ตะโกนไล่ยังคุมิไม่ไว้หน้า เมื่อหล่อนมายืนขวางประตูเอาๆไว้อีกครั้ง

“ไดสุเกะซังแบบนี้จะดีเหรอค่?” ยายยังคุมิหันไปถามมัน ไม่สนใจผมซักนิด มันก็ไม่ตอบในทันทีหรอก

ยังนั่งนิ่งเป็นหุ่นอยู่บนเตียง หันข้างให้ผมกับยังคุมินานนับหลายนาที จนอึดอัดและทำให้ผมหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

“มันคงจบแล้วล่ะมั้งม่า?” ไอ้บ้าไดมันพูดอะไรออกมา ผมเริ่มทำนิสัยเสียอีกจนได้ เมื่อได้ยินประโยคนี้ของมัน เสื้อของตัวเองที่อยู่ในมือถูกขว้างออกไปปาหน้าของมันเต็มๆ

ไม่อยากได้ยินไอ้คำแสลงหูที่ผมพอจะเดาออกว่ามันจะพร่ำว่าอะไรต่อไป

“ปล่อยเขาไปยังคุมิ” อ๋อแน่ะ! ไม่โกรธอีก ไอ้ไดมันยังนั่งนิ่งไม่ยอมหันมามองผมอยู่ดี

“ไดซังค่ะ”

 ไอ้นิ่มไดมันน้อยใจผมยังงั้นเหรอ?

แต่ผมกำลังเดือดให้มันเต็มที่เลยล่ะ ไหนว่ารักมากไง บอกจบกันง่ายๆแบบนี้ใครจะยอมล่ะ  ที่ผมเตือนสติมันก็เพื่อให้มันรู้สึกตัว ใจเย็นลงแล้วค่อยคุยกันต่างหาก

“ถ้านายออกจากห้องนี้ไป เราก็คงจบกันที่นี่ และ...วันนี้” ผมกำมือแน่นจิกเล็บลงเนื้อเลยล่ะครับ เมื่อได้ยินคำที่ผมไม่อยากฟังจากมัน

“...  .....”

“ฉันเหนื่อยไม่อยากบังคับหัวใจและ ความรู้สึกของนายอีกแล้วล่ะม่า” น้ำตามันมาคลออยู่เต็มเบ้าตาเมื่อไหร่กัน! ใจหายวาบ ไอ้ควายดึกดำบรรพถ์ไดจะบังคับกันอย่างงั้นเหรอ?

“...   ...  ...”

“ฉันรักนาย... แต่ในเมื่อมันเป็นความรู้สึกที่รับรู้ได้แค่ฝ่ายเดียว... มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอีก…”

“…  …  …   …”

“ขอโทษด้วยกับทุกเรื่องที่ทำให้ลำบากใจ...”

“...   ..... .... .......................”อยากให้จบจริงๆเหรอวะ? ผมยิ่งไม่ค่อยจะมีน้ำอดน้ำทนอยู่ด้วย

“ไปหาคนที่เขารักนายมากกว่าชั้น...เรื่องระหว่างเราให้มันจบลงที่นี้วันนี้...”


“...............................................................”

“จะลืมว่ามีฉันเคยอยู่บนโลกนี้ไปเลยก็ได้นะ ไปซะคาสุม่า มันจบแล้ว ไปหาคนที่เข้าใจนายคาสุม่า ฉันมันไม่ได้รักนายหรอก ฉันไม่ได้เข้าใจนายเลยซักนิด ลาก่อนคาสุม่า...ไปซี้!”

“โธ่ว้อย!! ขอกูอีกซักทีเถอะ”ผมยัวะจัด สบถคำด่าออกมาพร้อมกับทำนิสัยไม่ดีพาลกันให้เห็นจะๆตา ความโกรธส่งผลให้เก้าอี้ข้างเตียงถูกผมถีบล้มระเนระนาดก่อนที่จะถึงตัวไอ้งี่เง่าไดด้วยซ้ำ แล้วผมก็ฟังฟ้าฟังฟืนอะไรทั้งนั้นแล้วครับซัดฝ่ามือลงบนใบหน้าเฉยชานั้นเข้าไปอีกครั้งเต็มแรง

ความรู้สึกต่างๆนาๆ ผสมปนเปกันไปหมด โกรธ เสียใจ น้อยใจ ไม่เข้าใจ ไอ้งี่เง่าไดที่สุดในโลก!!

น้ำตาเจ้ากรรมก็พาลแต่จะคอยไหลออกมาเสียให้ได้ มันเป็นอะไรกันไปหมด เป็นอะไรกันไปหมดวะ!!!?
นายเป็นอะไรไปคาl6,jk? นายเป็นอะไร...?เป็นบ้าอะไร!!!!
ไม่เข้าใจโว้ยๆ! ไม่เข้าใจตัวเองโว้ย!
ผมได้แต่พาล


“งี่เง่าที่สุดเลยได! ไอ้บ้า!!นายไม่เคยเข้าใจชั้นเลยจริงๆนั้นแหละ ...เสียแรง..ๆ ฮึก!” ผมหยุดคำพูดเอาไว้ถ้าพูดออกไปต้องร้องไห้แน่ๆ ไอ้บ้าไดยังนั่งนิ่งไม่ไหวติ่ง ไม่แม้แต่จะหันมามองผม

ไอ้งี่เง่า!ไอ้ซื่อบื้อ! ไอ้บ้าๆๆๆ...

“มันจบแล้วแบบนั่นเหรอwf..จบแล้วเหรอ.... ดี!!!” ผมเหลืออดกับมันแล้ว!
กำหมัดแน่นแล้วซกเปรี้ยงเข้าใส่ใบหน้ามันให้ลงไปนอนหงายทันที...


To be continue…

หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 30-09-2007 16:19:48
One man story  12

“หมัดนี้ให้กับความซื้อบื้อและงี่เง่าของนายได!ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักและคุยกันอีก!!พอเสียทีๆ!!...ลาก่อน!”

ผมตามเก็บเสื้อที่แทบไม่เหลือกระดุมซักเม็ดมาใส่ แล้วหุนหันพลันแล่นออกจากห้องไปทันที ก่อนที่ทำนบน้ำตาจะแตกลงมาให้ทั้งไดและยายยังคุมิเห็น

ไม่เคยเสียใจอะไรมากมายเท่านี้มาก่อนเลยซักครั้ง...อารมณ์และความคิดที่จะยับยั้งความรู้สึกของตัวเองเอาไว้แตกพ่ายออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งตัวและหัวใจไม่มีกะจิตกะใจไปห้ามน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป น้ำตามากมายไหลออกมาไม่หยุด ช่างมัน!

2 ขาของตัวเองพาผมวิ่งออกมาไกลไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้ว่าพาตัวเองไปที่ไหน...ผมไม่รู้ ไม่อยากมองหน้าเจ้าบ้านั้น...ผมเสียใจ....

ความรักที่เกิดจากความใกล้ชิด สนิทสนมเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ทำไมจะต้องไปแคร์และเสียใจมากมายขนาดนี้ด้วย...ตาบ้านั้นยังไม่เห็นจะแคร์หรือเสียใจเลย...ในเมื่อพูดตัดรอนออกมาแบบนั้นได้ ผมก็พูดได้เหมือนกัน!

“ไอ้บ้าได!ไอ้บ้า!คนบ้า!!บ้าที่สุด!!ไปลงนรกซะไป๊ฮึก!!!”

ต้นไม้ข้างถนนถูกผมชกลงไปตามจำนวนคำด่าด้วยความเจ็บใจ เนื้อบางส่วนหลุดติดเปลือกไม้จนได้เลือด กระดูกข้อมือลั่นจนเจ็บจี๊ดขึ้นมาแต่ผมก็ไม่สน จะเจ็บแค่ไหน แต่มันยังเทียบไม่ได้กับข้างในซักนิด!

“รักมากเหรอ ไอ้คนโกหก!ไอ้คนลวงโลก!!เก็บไว้ไปบอกแม่มึงเลยไป๊!!!”เท้าที่ยังว่างก็ถูกยกขึ้นมาใช้งานตามสภาวะอารมณ์ที่เดือดดาลของผมด้วยเช่นกัน...

ไอ้ทุเรศๆๆ!!!

“คาสุม่า!คาสุม่าหยุดนะ!!” และในขณะที่ผมกำลังเมามันกับการทำอะไรงี่เง่า อาละวาดแม้แต่ต้นไม้ระบายอารมณ์อยู่นั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ตะโกนลอยมาตามสายลม

น้ำเสียงเฉียบขาดสามารถหยุดอาการกระฟัดกระเฟือนของผมได้ แต่เมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใคร เท้ามันก็พาผมเดินหนีมันไปทันที

มันจะตามผมมาทำหอกอะไรอีก!!!
 
“หยุดนะคาสุม่า!ได้โปรด ...หยุดก่อน...ม่า!”

มึงไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนตีนกูเลยไอ้ได!

ผมออกวิ่งบ้างเดินบ้างไปตามฟุตบาทข้างถนน ไม่อยากเห็นหน้ามันอีกแล้ว...จะตามมาอีกทำไมกัน!!

“ขอร้องล่ะม่า!ฟังฉันก่อน...ฉันขอโทษ”ไม่อยากได้ยินแล้ว...ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหูตัวเอง...ดูงี่เง่าและไม่เข้าท่าเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน

“ม่าขอโทษ...ฉันขอโทษ!”ไอ้ไดมันยังตามมาไม่หยุด ผมเห็นมันวิ่งอยู่บนทางเท้าอีกฝั่งของถนน พลางตะโกนลั่นเพื่อให้ผมได้ยินคำพูดของมัน

“อย่าตามมานะ!!”ผมตะโกนสั่งลั่น ยังเดินหนีต่อไป ใจผมในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะฟังอะไรทั้งนั้นผมอยากอยู่เงียบๆ ถ้าให้ผมกับมันคุยกัน ไอ้ไดมันต้องเละด้วยตีนผมแน่ 

เริ่มรู้สึกเจ็บที่ข้อนิ้วขึ้นมาแล้วครับ มันปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ฉันเสียใจ...เสียใจคาโอรุ...”

แล้วนึกว่ากูไม่เสียใจอย่างนั้นเหรอ..!!!
บ้าชะมัด!!!

ผมตวัดสายตาไม่พอใจกลับไปมองหน้ามันที่เห็นในระยะไกลอย่างแค้นเคือง หน้ามันดูเหมือนหรือไม่แตกต่างจากคนที่กำลังจะร้องไห้เท่าไหร่..

มึงไม่ต้องมาพูดอะไรเลย…มึงไม่ต้องมาทำสายตาแบบนั้นด้วย!!
มึงรู้มั้ยกูเจ็บ!!
กะอีแค่คำบอกเลิกของมึง...กูจี๊ดเลย...
กูจี๊ด กูจี๊ด!!!
กูเสียใจโว้ย!
กูเหลียดมึงแล้วด้วย!!!
กูเจ็บใจ...กูไม่อยากเห็นหน้ามึง!!
กูโกรธมึงแล้ว!!!

ไอ้เจ้าร้องเท้าคู่ชีพถูกผมถอดปาหัวมันด้วยความโกรธ...แต่ว่าไอ้ไดมันเสือกรับได้ครับ มันถือร้องเท้าวิ่งตามมาผมก็เลยหยุดวิ่งแต่มือนี่ชี้หน้ามันเลยครับ อยากด่าไปถึงพ่อมัน...แต่สามัญสำนึกของผมมันก็นึกได้ว่า ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย อย่าเอาท่านมาลามปามเลยครับ

ผมหยุดยืนนิ่งกำมือชิดหน้าขาตัวเองเอาไว้แน่น ...ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกที่หน้าอกจนอึดอัด แทบจะระเบิด...ก่อนที่มันจะพูดทำไม่ไม่เห็นเสียใจ...ทำไมมันไม่คิด!!

“ม่าขอร้อง...ฟังฉันนะ ...ขอโทษ...จะให้ทำอะไรก็ยอม แค่นายอย่าไปจากฉัน...ฉันรักนายนะ!!”

มันยังตะโกนด้วยความหอบเนื่องจากมันคงเหนื่อยที่วิ่งตามผมมา ตอนนี้ไอ้ไดมันหยุดยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามถนนกับผม ใบหน้าคมดุที่ผมหลงใหลอ่อนแสงลง...แววตาของมันทั้งขอร้องและอ้อนวอน ถึงแม้จะมองเห็นอยู่ในระยะที่ห่างกันก็ตามแต่ผมก็เห้นแววสั่นระริกในดวงตาของมัน

ผู้คนที่เดินไปมาในยามค่ำคืนเริ่มหันมามองผมและไอ้ไดด้วยความสนใจบ้างแล้ว ...แต่ทั้งผมและมันคงไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจสิ่งรอบข้างไปมากกว่าความรู้สึกของตัวเองหรอกครับในเวลานี้

“ไม่ต้องมาพูด!”ผมสะบัดหน้าหนี เดินต่อไปอีกครั้ง ไม่ได้เล่นตัวหรือตั้งแง่ตั้งงอนอะไรทั้งนั้น...ความโกรธและความเสียใจมันยังไม่หายไปมากกว่า

“ม่า!โธ่!ม่าฟังก่อนซิ” เห็นมันเริ่มออกไล่ตามอีก...มันทำให้ผมยิ่งเร่งเท้าหนี

“...เราห่างกันซักพักเถอะนะได!!!”

ผมหันไปบอกมันทั้งน้ำตา รู้ตัวเองดีว่านิสัยตัวเองเป็นยังไง อารมณ์ของผมและได ยิ่งร้อนใส่กันเท่าไหร่ก็มีแต่จะแผดเผาให้เสียใจกันทั้งคู่...ความไกลห่างไม่เห็นกันซักระยะ บางทีอาจทำให้มองเห็นข้อผิดพลาดและเข้าใจกันและกันยิ่งขึ้นก็ได้

ผมหันไปตะโกนบอกทั้งที่ยังเดินอยู่ไม่คิดจะหยุดให้เสียเวลา แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าผมพลาดไปเสียแล้ว คำพูดเมื่อกี้เท่ากับบอกเป็นนัยให้มันเข้าใจว่าผมใจอ่อน ไม่นะ ไม่เด็ดขาด ในสมองมันสั่งให้หนีเท่านั้น...หนีตัวเอง หนีได หนีความรู้สึก...ยิ่งเห็นหน้าอีกฝ่ายนานเท่าไหร่...ก็ไม่ดีกับตัวเองเท่านั้น ...ผมกลัว...

ผมมองเห็น สี่แยกไฟแดงอยู่ข้างหน้า

“ขอฉันอยู่เงียบๆคนเดียว!อย่าตามฉันมาอีก!ขอร้องได...” ผมตะโกนบอกมันออกไปบ้าง อยากให้มันเข้าใจผม ก่อนที่ผมจะตัดสินใจก้าวเดินแยกไปอีกทางเพื่อที่มันจะได้ไม่ตามผมมาอีก แสงไฟของรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมาทำให้มองเห็นใบหน้ามันได้ชัดจากอีกฝั่งถนน

“ไม่นะม่า...ไม่นะ...อย่าพึ่งไป ฉันไม่ยอมให้นายหนีไปแบบนี้หรอก...มันจะต้องไม่เป็นแบบนี้ม่า!”มันยังตะโกนกลับมาลั่น พลางทำเรื่องบางอย่างด้วยความบ้าดีเดือดของมันซึ่งก็คงจะมีไม่ต่างจากผมเท่าไหร่...แต่ว่ามัน

มันต้องบ้าแน่ๆ...ไอ้ไดมันต้องบ้าแน่ๆ

สัณญาณไฟแดงที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียว ทำให้ผมต้องชะงักเท้า กลับไปยืนมองมันเต็มตา

จะบ้าเหรอไง?!!
ไอ้เวรเอ๊ย!!บ้าบอที่สุด งี่เง่า อยากตายเหรอไง อย่านะได!!!!

มันส่ายหน้าไม่ยอมฟังผม...ลงจากฟุตบาทเดินมุ่งหน้ามาทางผมที่ยืนตะลึงอยู่ทันที

ผมหลับตาปี้ กำมือแน่น หัวใจหล่นวูบ!!!
ไฟเขียวแล้ว!

มันไม่สนใจเสียงแตรรถที่ดังสนั่นและสัญจรไปมาซักนิด เสียงเบรกลั่นเอี๊ยดเต็มท้องถนน บ้างกรนด่า บ้างโบกมือให้หนีวุ่นวายไปหมด จนผมแทบหยุดหายใจยืนนิ่งมองสิ่งที่มันกำลังทำตาค้าง

“ไดไม่นะ!!!”แล้วผมก็ต้องตะเบ็งเสียงร้องห้ามความบ้าบิ่นเข้าขั้นอันตรายของมันออกไปสุดเสียง รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจไปเฉยๆ...หายใจไม่ออก...หน้ามืดไปหมด

ไอ้บ้าได!!

“อยากตายเหรอไง!”ไม่ว่าจะตะโกนห้ามอย่างไร ไดมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มันยังคงเดินฝ่าฝูงรถมากมายมุ่งหน้ามายังผมด้วยความมุ่งมั่น

ไอ้งี่เง่ามึงไม่ใช่แบรทพีท อย่างในเรื่องเดอะแมตทริคน!

“จะบ้าไปแล้วเหรอ?เสียสติไปแล้วหรือไง!!?”ความกระวนกระวายแทบคลั่งของตัวเอง จนพาตัวเองลงไปยืนอยู่ข้างล่างฟุตบาทโดยไม่รู้ตัว ซ้ำยังตวาดด่าด้วยความเหลืออดเข้าใส่ไดมัน

“ใช่เสียสติ!!!”มันยักไหล่อย่างไม่แคร์ชีวิตตัวเอง ไม่แคร์ต่อสิ่งที่มันทำ

“บ้าบอคอแตกที่สุด!ไดระวัง!!!!”ได้ยินตัวเองแผดเสียงลั่น

ไม่นะ!!! ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ผมหน้าถอดสี... แข้งขาแทบไม่มีแรงยกมือขึ้นปิดปาก คนที่เสียสติมันต้องกลายเป็นผมแน่ๆ รถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะเบรกจนคนขับตัวโก่ง เสียงล้อรถบดกับถนนลั่นเอี๊ยดดังเข้าหูบวกเสียงอื้ออึงและแสงไฟละลานตาจนผมตาลายมองไม่เห็นหน้าไอ้ไดมันไปดื้อๆ...หัวใจหล่นวูบ...แทบล้มทั้งยืน

ไม่นะได...มึงต้องไม่เป็นอะไรนะ....มึงอย่าเป็นอะไรนะ

“ไอ้เชี้ย!สิ้นคิด!! อยากตายเหรอไง!!!”ได้ยินเสียงคนขับเปิดกระจกรถแล้วกนด่าด้วยความตกใจด้วยความโกรธก่อนที่จะเหยียบรถหนีจากไป

“ดะ...ได...”ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว แข้งขาอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้นตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

……………………

………………………….

“คะ..คาสุม่า”ได้ยินเสียงมันมาเรียกอยู่ข้างตัว อยู่ใกล้ๆ แต่ผมไม่อยากมอง

“ฉันขอโทษ”

อยากตายมากนักใช่ไหม!!!?ถ้ารถคันเมื่อกี้หยุดไม่ทันมึงจะเป็นยังไง!...แล้วกูล่ะจะเป็นยังไง!!?..กูจะทำยังไง!!!?...กูจะอยู่ยังไง!!!

“คาสุม่า...โอเค.ฉันขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้น แต่ได้โปรดอย่าเมินเฉยใส่กันแบบนี้ได้ไหม?...ฉันอาจงี่เง่าไปบ้างแต่ทั้งหมดมันเกิดขึ้นกับนายเท่านั้น ฉันรักนาย ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่อยากให้นายคลาดสายตา...ไม่อยากให้นายเป็นของใครทั้งนั้น ไม่ยกให้ใครทั้งนั้น  ...เรื่องทั้งหมดฉันหึง หวงนายไม่เข้าท่าเอง...แต่ฉันผิดด้วยเหรอ? มันผิดมากนักเหรอไงม่า ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้นได้เลยหรือไง? ถึงมันจะดูไม่มีเหตุผล..แต่พอได้ยินคำว่าลาก่อนจากนายแล้ว...ฉันทนไม่ได้...ทนไม่ได้ที่จะเห็นนายไปกับใครๆหรือจากไป...นะ...คะ-คาสุม่า...”

ประโยคที่ไม่ได้ผ่านการเรียบเรียงมาก่อน ฟังดูสับสนวุ่นวายและยากต่อการเข้าใจ พูดพร่ำละลำละลักอยู่ข้างตัวผม บ่งบอกว่าเจ้าของประโยคต้องการสื่ออะไร ด้วยสีหน้าท่าทางไม่สะทกสะท้านว่าเมื่อซักครู่ตัวเองทำอะไรเสี่ยงตายและเกือบทำให้ผมหัวใจวายตายไปแล้ว

ไอ้ไดเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้น มันจับมือข้างที่เป็นแผลของผมขึ้นมาแล้วพันด้วยผ้าหรือเสื้ออะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่ามันเอามาจากไหน ...สายตาที่เลื่อนลอยคิดไปไกลของผม ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น...ไม่แม้แต่จะมองหน้ามัน

อาการใจหายใจคว่ำยังไม่หายไป แล้วนี้วินาทีนี้ความโกรธที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งเพิ่มระดับขึ้นมาอีก

“กลับบ้านด้วยกันนะ...”ถึงแม้น้ำเสียงกระซิบจะนุ่มนวลน่าฟัง แต่ผมในขณะนี้คงไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกที่แฝงมาด้วยนั้นได้ ความตื่นตระหนกจากเรื่องที่เจ้าตัวก่อไว้เมื่อกี้ยังติดชัดอยู่ที่ลูกกะตา...กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น ...จะด้วยความโล่งอกหรือเห็นว่าปลอดภัย...ผมก็ไม่อยากรับรู้มันอีก

“อย่ามายุ่งกับฉัน!"สะบัดตัวออกจากมัน น้ำตาไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ตวัดสายตากร้าวใส่ด้วยความโกรธ

มันจะทำอะไร จะเป็นยังไง ทำไมต้องไปห่วงมันด้วย!!!
ทำไมมึงต้องสนใจมันด้วยตาสุม่า!!

เคืองตัวเองนัก ผมสะบัดแขนจนหลุด เดินหนีมันอีกครั้ง ไม่เป็นอะไรแล้วก็ไปเสียทีซี้!!

“ม่า...ฉันขอโทษ”

"……………………….."

คำขอโทษของมันยังตะโกนตามหลังผมมา

“ฉันอาจงี่เง่า บ้าบอ โง่ในสายตานาย”

"......................................................"

“แต่...ฉันอยากทำอะไรบ้าบออย่างนั้นกับนายแค่นั้นนะ”

ผมยกมือขึ้นปิดหูน้ำตาไหลไม่หยุด...ไม่อยากฟัง!ไม่อยากฟัง!! ไม่อยากฟัง!!!ตั้งแต่ตอนไหนกันนะที่อ่อนแอแบบนี้...?

“ไม่รักฉันหรือไง...?”

ไอ้งั่ง! ยังจะมาถามอะไรบ้าบอคอแตกตอนนี้อีก

คำถามแทงใจดำ จนทำให้เท้าตัวเองแทบสะดุดกึกหยุดเดินลงไป

ไม่รักโว๊ย!กูไม่เคยรักผู้ชายสมองกลวงๆอย่างมึง...ไม่เคยห่วงหรือหึงไอ้บ้าอย่างมึง...ไม่เคยรัก... ซะ...ซะเมื่อไหร่กัน...โธ่โว๊ยยยย!!!

“แต่...ฉันรักนายนะ!!”

ไม่อยากได้ยินหรอก!เก็บเอาไปบอกยายยังคุมิหน้าวอก อกภูเขาไฟนั้นเลยไป๊!!

“รักนายที่สุด...ม่า”

จะแหกปากร้องตะโกนให้ชาวบ้านได้ยินด้วยเหรอไงเจ้าบ้า!มึงไม่อายแต่กูอายนะเว้ย!!

ผู้คนข้างถนนเริ่มมองผมกับมันอีกครั้ง คงจะนึกสงสัยว่าทะเลาะกันหรือจะตะโกนคุยกันหรือว่าง้องอนกันอยู่แน่

“จะไม่หึงหวงนายโดยไม่มีเหตุผลอีกแล้ว”

ลองทำอีกครั้งดูซิ...มึงตายแน่!อ๊ะ...ผมคิดอะไรตามคำพูดของมันออกไป

“โธ่!ม่าทำยังไงนายถึงจะเข้าใจฉัน”

ผมยืนอยู่นิ่งๆ ชี้หน้ามันไม่ให้มันตามมาอีก...ขอผมสงบสติอารมณ์คนเดียวซักพัก

“ฉันยอมให้นายหมดทุกอย่างแล้วนะม่า”

แน่ใจ...ถ้างั้นมึง...

ผมหยุดเดินพลางหันไปมองมันที่หยุดเดินตามไปด้วย...จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ หรือเพราะว่าเหตุการณ์ท้าความตายของไอ้บ้าไดเมื่อซักครู่...
 
ที่ทำให้นึกแปลกใจตัวเองไม่น้อย จะว่าเพราะคำว่ารักของอีกฝ่ายหรือเพราะความเพี้ยนที่ทำให้ผมใจหายใจคว่ำ ถึงทำให้ผมเข้าใจตัวเอง


“จะให้ทำยังไงบอกมาซิ...ที่มันจะทำให้นายหายโกรธม่า?”มันยืนร้องถามอยู่ห่างจากผมสามสี่เมตร

รักกูงั้นเหรอ?...อยากทำให้กูหายโกรธใช่ไหม? ทำยังไงก็ได้ใช่ไม๊!?

ผมไม่ได้ตอบมันหรอก แต่กลับทำในสิ่งที่มันไม่คาดคิดแทน...วิ่งตรงหรี่เข้าไปหา ในเมื่อมันบ้าดีเดือดมาก่อน ผมก็บ้าดีเดือดได้เหมือนกัน

“ถ้างั้น...นี่! ...ให้กับความงี่เง่าของนาย!”ถึงมือขวาจะใช้งานไม่ถนัดเพราะตอนนี้มันชาไปหมดทั้งแถบจากแผลเมื่อก่อนหน้า แต่ว่าข้างซ้ายผมยังทำงานได้ดี...แม้ว่าหมัดมันจะไม่หนักเท่าข้างขวาก็เถอะ

เอาไปเลย กับความงี่เง่าที่ไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองนอนหนีบใช้เป็นหมอนข้างอยู่ทุกคืนคิดกับตัวเองยังไง!เสร่อที่สุด!!

“และนี่...ให้กับความบ้าบอสิ้นคิด...ชีวิตคนเรามันมีได้แค่ครั้งเดียวเว้ย!” แก้มซ้ายของไดสะบัดไปตามแรงที่แขนซ้ายของผมยกขึ้นกระแทกออกไปอีกครั้ง

หมัดนี้ให้กับความบ้าบอสิ้นคิด!...ถ้าถูกชนขึ้นมา...ทำไมไม่คิดถึงตัวเอง คิดถึงผมบ้าง!...ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน...ห่วงพอๆกับ...

“สุดท้าย...กับ...รักไอ้บื้อที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างนาย!!”จากที่เตรียมจะชกอีกครั้งแต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ให้ฝ่ามือตัวเองกระแทกไปบนใบหน้าของมันเบาๆเท่านั้น

ไม่มีแรงแล้ว...น้ำตาบ้านี่ก็ไหลไม่ยอมหยุดตั้งแต่กำปั้นแรกกระแทกหน้าของไอ้ไดด้วยซ้ำ...จะมาใจอ่อนอะไรกันตอนนี้นะ!กะอีแค่แก้มตอบๆของมันเป็นรอยซ้ำขึ้นมาแล้วก็แค่มุมปากบางมีเลือดออกมานิดหน่อยก็เท่านั้นเอง

………………….

…………………….
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 30-09-2007 16:21:58
..............

......................

ความเงียบเข้ามาคลอบคลุมเรา 2 คนเอาไว้ชั่วขณะ ไร้เสียงห้ามจากมันหรือร้องโอดอวยด้วยความเจ็บ...ไอ้ไดยอมยืนนิ่งให้ผมชกหน้าตาย ไม่ขัดขืนต่อต้านหรือชกผมกลับแต่อย่างใด

ผมก้มหน้านิ่ง ทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้น ความเงียบเข้าครอบคลุมให้ต่างคนต่างตกใจและตกอยู่ในความสับสนไปชั่วขณะ แต่ในขณะนั้น...

กำปั้นซ้ายของตัวเองก็กระแทกลงบนใบหน้าของผมบ้าง หน้าขาของผมเองบ้าง หนำซ้ำมือข้างขวาที่แทบไม่รู้สึกนั้นก็เข้าช่วยกันทุบลงบนตักหรือพื้นถนนบ้างด้วยความเจ็บใจ...ฟูมฟายร้องไห้ไม่หยุดโดยไม่ทราบสาเหตุ รู้แต่ว่าผมอึดอัด ในอกตอนนี้แทบประทุด้วยแรงอัดอั้นมหาศาลอยากระบายมันออกมา อยากทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองสบายใจ ในตอนนี้ผมคงดูงี่เง่าบ้าบอเสียสติซินะ...

"คาสุม่าหยุดนะ!!"ไดเข้ามากระชากมือผมไปจับไว้ทันที

"บอกให้หยุด"ยื้อยุดฉุดกระชากตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงตกใจ คงไม่คิดว่าผมจะทำแบบนี้

"ม่า...ได้โปรด...อย่าทำแบบนี้..ม่า"เสียงทุ้มนุ่มแทบร้องไห้ของไอ้ไดกระซิบบอกด้วยความอ่อนโยนอยู่ข้างหู ลำแขนแกร่งโอบรอบเอวสวมกอดผมเอาไว้ให้หายคลั่งเพื่อให้ได้สติก่อนที่จะพรมจูบไปทั่วหน้า

"ได.. ฮึก!!"ไม่รู้ความอายมันหายไปไหนหมด ทั้งเรียกมันและรั่วกำปั้นลงบนอกมันไปเบาๆ เสียใจ เจ็บใจ โกรธ หึง หวง ห่วง และรัก ประดังกันเข้ามาในเวลาเดียวกันจนเกินที่ผมจะรับได้ ความรู้สึกทั้งหมดมันรุนแรงและมีให้กับคนๆเดียวเท่านั้น ร้องไห้อยู่ที่หน้าอกของมันอยู่เป็นนานจนเสื้อของไดชุ่มไปด้วยน้ำตาของผม



“คะ...คาสุม่า”เสียงเรียกของไดบ่งบอกว่าไม่ได้โกรธที่ผมทำกับเขาแบบนั้น...เขาโยกตัวผมไปมาคล้ายกับปลอบเด็กเล็กๆอยู่ก็ไม่ปาน ความเหนื่อยและความเพลียทำให้ผมยอมอยู่นิ่งๆสงบอาการลง

ไดนั่งทรุดเข่าลงกับพื้นอยู่ข้างๆตัวผมไปด้วยอีกคน ฝ่ามือใหญ่ที่สัมผัสถึงความอ่อนโยนและใจดีคว้าเอื้อมโอบรอบตัวผมเอาไว้แน่น มันไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ความอบอุ่นจากวงแขนที่ผมหลงใหลรัดแน่นอยู่รอบตัว

ทำไมถึงได้รู้สึกว่า...อ้อมกอดนี้ผมได้กลับมาแล้ว ทั้งๆที่เมื่อครู่ผมยังรู้สึกว่ามันหายไป...ความรู้สึกหล่นวูบเหมือนเขาจะจากไปและไม่มีอ้อมกอดนี้อีกต่อไป...ตอนนี้ผมได้กลับมาแล้ว...ผมยกแขนขึ้นกอดตอบเจ้าแดงของผมเอาไว้บ้าง...แม้แต่วงแขนแกร่งคู่นี้ผมก็หวงแหนเกาะเกี่ยวเอาไว้ด้วยแขนของผมเอง

"ขอโทษนะม่า ...ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแบบนี้...หายโกรธฉันนะ..."ไดกระซิบเกาะกอดผม

"ได ฮึก!!"ผมก็ได้แต่ร้องไห้ กลายเป็นเด็กขี้แยไปเสียแล้ว ทั้งพยักหน้าและร้องไห้ น้ำหูน้ำตายังคงไหลไม่หยุด...มือทั้งสองข้างถูกไดคุงยกขึ้นมาเป่าเบาๆ ก่อนที่จะกุมเอาไว้แนบใบหน้ามันและจุมพิตแผ่วเบาลงบนรอยแผลที่ซ้ำจนได้เลือด

ความอ่อนโยนและนุ่มนวลของไดเรียกความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กันค่อยๆกลับมาทีละนิดจนหมด มีแต่ความเต็มตื้นที่เคยมีกันและกันเข้ามาแทนที่

“ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม...?”มือใหญ่ประคองใบหน้าผมให้สบตาแล้วไล้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้เมื่อเห็นว่าผมสงบลงไปและหายร้องไห้ไปได้ซักพัก

“อะไร...?”ไม่รู้ความโกรธมันหายไปไหนหมดเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมันชัดๆ

เพียงแค่ใบหน้าปุบๆยับยู่ยี้จากหมัดของผมอยู่เพียงแค่เอื้อม ก็เรียกความสงสารจากผมได้หมดสิ้นทันที ใบหน้าคมดูตกตะลึงและเหมือนจะดีใจไปในตัว..ทำให้น้ำตาที่หยุดไปแล้วนั้นของผมเริ่มหลั่งรินออกมาอีกครั้ง

“ก็...ที่พูดเมื่อกี้...หยุดร้องเหอะตาบวมหมดแล้ว...”ไดถามอีกครั้ง ผมมั่นใจว่าเขาหูไม่ฝาดหรอก ก็ผมตะโกนบอกออกดังพร้อมกับตบแรงขนาดนั้น...ปลายนิ้วแกร่งยังเช็ดน้ำตาให้ผมช้าๆ ...ความอ่อนแอที่ให้มันเห็นคนเดียว

“พูดอะไร? อยากโดนตบอีกเหรอไง?... เจ็บมากไหม?”ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจนผมแน่ใจว่ามันคงแดงไปถึงไหนต่อไหน ก่อนที่ผมจะแกล้งตอบทำไม่รู้เรื่องถึงสิ่งที่สารภาพไป...ยกปลายนิ้วไล้ตรงมุมปากของไดบ้าง ริมฝีปากบางที่ขึ้นสีแดงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเข้าไปทุกที

“ฉันยอมให้นายชกหรือตบอีกกี่ครั้งก็ได้...”มันยังทำท่าไม่ยอม

 ความรู้สึกของผมที่ไดอยากได้ยินมาตลอด และผมก็ไม่เคยได้บอกกับมันซักครั้งจนมันกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่ไว้ใจ แล้วในที่สุดก็กลายเป็นโกรธจนสร้างทิฐิ ไม่มีใครยอมใครเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นแบบนี้

“ฉันลืมไปแล้ว”ผมแกล้งไม่สบตาตาได แต่ปลายนิ้วก็ไล้มุมปากบางไปมาเบาๆอย่างนึกเสียใจต่อการกระทำรุนแรงของตัวเอง

“คาสุม่า?”ไดเน้นเสียงไม่พอใจใส่อีกครั้ง...บังคับให้สบตาด้วย ท่าทางถ้าผมไม่พูดก็คงไม่ได้ย้ายตัวเองไปที่ไหนแน่

“ก็บอกมาก่อนซิ...เจ็บมากมั๊ย?”ผมยอมมองสบตากับดวงตาเหงาๆเศร้าๆนั้น

“อื้อ...ก็เจ็บ...แต่หายแล้วนะ”ผมเลื่อนมือตัวเองไปลูบมุมปากของมันเบาๆ มันตอบอย่างเอาใจ ก่อนที่จะประคองใบหน้าผมเอาไว้อย่างเดิม

“ฉันขอโทษ / ฉันขอโทษ”คำขอโทษของผมกับไดถูกเอ่ยขึ้นในเวลาพร้อมๆกัน...จนเผลอมองตากันเลิกลักอยู่เป็นครู่ ถึงได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเองและไดดังขึ้นนานนับหลายวินาที...ทิฐิ ความสับสน ความโกรธ อันตรธานหายไปหมดแล้ว เหลือไว้แค่ความโล่งอกและความเข้าใจกันเท่านั้น

หน้าผากของมันชนกับหน้าผากของผมเบาๆก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะกดลงไปพร้อมกับริมฝีปากสวยกดจูบย้ำลงไปอีกที

“ฉันขอโทษกับทุกๆอย่าง... ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้...” น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังคลออยู่ข้างแก้ม...จนทำให้น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วนั้นกลับมาคลอเอ่ออยู่เต็มเบ้า และพร้อมที่จะไหลออกมาได้อีกทุกเมื่อ

“ฉันก็ต้องขอโทษไดด้วย...ขอโทษที่เอาแต่ใจ นิสัยไม่ดี พาลไม่เข้าเรื่อง ขอโทษทั้งหมดเหมือนกันฮึก!” เมื่อย้อนนึกไปถึงสาเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันใหญ่โตแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาอีกจริงๆ...ไม่เข้าท่าเลยซักนิดคาสุม่า…เหมือนความรักของเด็กอนุบาลเลย

“ฉันผิดเองที่ไม่หนักแน่นพอ”

“ไม่ ฉันผิดเองที่เอาแต่ใจ ดื้อด้านไม่เข้าเรื่องเข้าราวได”ผมกับไดคุงเริ่มเกี่ยงกันอีกแล้ว

“แต่ฉันต้องการจากนายมากเกินไป โดยลืมคิดถึงความรู้สึกนาย”

“แต่ฉันก็ปากแข็ง ลืมคิดไปว่ามันอาจทำให้นายเสียใจด้วยเหมือนกัน”ผมพูดออกไปอย่างที่ใจคิด

“เอาเป็นว่าเราผิดด้วยกันทั้งคู่...?”มันพูดขึ้น มองตาผมเขม็ง อมยิ้มน้อยๆ

“อื้อ..ก็น่าจะใช่”ผมเริ่มพูดอะไรไม่ออก...มันยอมผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

ริมฝีปากสวยจูบซับทางน้ำตาให้โดยที่ผมไม่รู้ตัว ในขณะที่ผมกำลังจะเงยหน้ามองเจ้าแดงของผม

“ม่า..ฉันไม่ยอมยกนายให้ใครทั้งนั้นนะ”แก้มร้อนผ่าวถูกมันจูบและหอมไปทั่วบริเวณแล้วครับ...ความหน้าหนาของมันเริ่มออกมาแล้ว

“ไม่ให้ใครทั้งนั้น...”ก่อนที่จะประคองให้ผมสบตาอีกครั้ง สายตาที่ดุดันอยู่เสมออ่อนแสงลง มองผมด้วยความอ่อนโยน และสื่อความในใจทั้งหมดช่วยยืนยันคำพูดของเจ้าตัว

“ดะ...ได”ทำไมนะ ทำไมผมถึงได้คิดเอาตอนนี้ว่าคำรักของไดคุงที่เขาคอยบอกผมอยู่เสมอนั้นมันมีค่าและมีความหมายมากแค่ไหน

“อย่าทำแบบนี้อีกนะม่า เจ็บมากมั๊ย?รีบกลับห้องแล้วใส่ยาดีกว่ามั้ง?”ไดยกมือขวาของผมขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะปรามด้วยสายตาดุกับสิ่งที่ทำลงไป

“ไม่เจ็บแล้ว” มันชาไปหมดต่างหาก

“ไปหาหมอที่คลินิกให้หมอดูกระดูกนิ้วมือให้ก่อนดีกว่านะ”มันยังคงพูดไปและค่อยๆยกมือขวาของผมพิจารณาไป...ผมมองเจ้าแดงของผมนิ่ง ความในใจล้นทะลัก เอ่ออยู่เต็มอก อยากให้ไดรับเอามันไปเสียที

“ดะ..ได...ฉันก็ไม่ยอมยกไดให้ใครทั้งนั้นนะ...”ผมรีบโพล่งขึ้นทันที ก่อนที่ไดคุงจะหันไปสนใจแผลของผมมากกว่านี้ จนลืมสิ่งที่เขาเรียกร้องจากผมอยู่เสมอ

อยากให้ไดคุงรู้ เขาเป็นของผม ผมเป็นของเขา...เราเป็นของกันและกัน

“ม่า”ไดคุงดูตะลึงไปชั่วขณะ คงไม่นึกว่าจะได้ยินประโยคนี้จากคนปากแข็งอย่างผมซินะครับ

“ฉันรักได รักมากที่สุด...ลองนายไม่รักฉันดูซิ ฉันทำมากกว่าชกไดแน่!”ผมกระซิบบอกมันที่ริมฝีปากสวยเบาๆอย่างหน้าด้านสุดๆใบหูและหน้าตาร้อนผ่าวอายจนไม่รู้จะทำยังไงจนต้องแกล้งทำเป็นขู่มันกรายๆตบท้ายประโยคไปด้วย

ไดคุงอึ้งและนิ่งเกินไป...ผมชักใจเสียขึ้นมาเมื่อเห็นมันไม่มีปฏิกิริยาตอบรับคำสารภาพจากผม

“ได ๆ”อยากตบเรียกสติอีกซักยกด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็เกรงว่าใบหน้าหล่อๆของมันจะเสียโฉมไปมากกว่านี้ ผมจึงทำได้แค่เรียกอยู่ข้างหูเบาๆ แต่มันก็ยังคงนิ่งเป็นหุ่นเหมือนเดิม

“ไอ้บ้า!บอกว่ารักไง...ได้ยินมั๊ย?”ผมชักหงุดหงิดขึ้นมา จึงตะโกนใส่หูมันเสียงดังลั่น พลันหุนหันเบี่ยงตัวเองออกมาจากวงแขนแกร่งลุกเดินหนีหน้าเสร่อๆและดูตกตะลึงนั้นทันที

“คาสุม่า...ฮ่าๆๆ”ไอ้ไดบ้าไปแล้วแน่ๆ แค่คำว่ารักของผมทำให้มันเพี้ยนได้ถึงขนาดนี้เชียว

วงแขนแกร่งของมันรีบสวดกอดผมเอาไว้อย่างเก่า ไม่ยอมให้ลุกหนีไปไหน ใบหน้าคมนั้นก็ซุกซบอยู่ที่ซอกคอเรียกชื่อผมครั้งแล้วครั้งเล่า หัวเราะอย่างคนเสียสติก็ไม่ปาน

“คาสุม่า”....ยิ่งเรียกมันก็ยิ่งรัดแน่น

“คาสุม่า ฮ่าๆๆ”....เอาละสิไอ้หล่อไดยื่นจมูกทำฟุดฟิดๆอยู่แถวไหปลาร้าของผมแล้ว

“คา..สุ...ม่า...”...ใบหน้าคมสันที่ผมมองว่าหล่อสุดๆของไดเลื่อนขึ้นมาอยู่ห่างจากหน้าผมเพียงแค่ปลายจมูกแตะกันเท่านั้น

อาการเสียสติไปชั่วขณะของมันท่าจะหายไปแล้ว แววตาดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจแวววาวจนผมแอบขำ

“อะไร!จะเรียกทำเมียหรือไง เรียกติดๆกันอยู่ได้”จะว่าเขินก็เขินแหละครับ ก็เลยขึ้นเสียงเข้มดุเจ้าแดงออกไปอีกหนึ่งชุด

“อื้อ...ฮ่าๆก็อยากเรียกทำเมีย”มันยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก ก่อนที่จะหยุดแล้วก้มลงฉกฉวยจูบจากผมไปได้เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว

“ฉันดีใจ ดีใจที่สุด”เจ้าตัวไม่มียางอายซักนิด นอกจากจะจูบผมแล้วยังทำท่าจะปล้ำผมเอาข้างถนนเสียอีก เมื่อความดีใจของมันถูกแสดงออกด้วยการกอดรัดแน่น ทั้งจูบทั้งหอมไปทั่ว ทั้งปากและมือไม้ก็สารพัดที่จะฉกฉวยเอาจากผมให้ได้มากที่สุด

“จะบ้าเหรอได!ปล่อยได้แล้ว อายเขา”ผมดุเสียงเข้มเมื่อมันชักลามปามไม่หยุดและทั้งผมและมันต่างก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนกลุ่มขนาดย่อมๆได้แล้วในเวลานี้

“ฮ่าๆๆ”

“ก็นายน่ารัก...กลับห้องเรานะม่า?”

“ทะลึ้ง!”สายตาคมทั้งเจ้าเล่ห์และทะเล้นบอกใบ้ให้เข้าใจว่ากลับห้องไปต้องถูกทำมากกว่านี้...ไดจึงถูกผมด่าไปอีกครั้งโทษฐานลามกไม่เป็นเวล่ำเวลาและลวนลามทางสายตา

“ฮ่าๆๆ” เจ้าตัวดีไดหัวเราะดังลั่น ก่อนที่จะพยุงผมลุกขึ้น


“เฮ้!หวัดดีผองเพื่อนต้องการรถด่วนขบวนพิเศษ ไม่คิดตังค์ไหม?” เสียงตะโกนโหวกเหวกคุ้นหูดังลั่นอยู่บนถนน

...ไคย์นั้นเอง ใบหน้ากลมแป้นยิ้มอย่างทะเล้นโบกไม้โบกมือให้ ก่อนที่จะหันไปขยิบตาให้พี่เรียวซึ่งเป็นโซเฟอร์จำเป็น และเจ้าจี้ที่นั่งอยู่เบาะหลังพร้อมกับมิยาบิเพื่อนร่วมวงของผมที่ส่งยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนให้มา

ผมหันไปมองไดคุง...เพื่อปรึกษาและลงความเห็น...ยกขบวนมาล้อกันแบบนี้คงแอบดูลาดเลาของผมกับไดอยู่นานแล้วแน่ๆ ถึงได้โผล่เข้ามาแซวยกชุด

“ไม่ไปฉลองกันหน่อยเหรอ พรุ่งนี้เย็นฉันต้องกลับปารีสอีกแล้วนะ กะทิ้งห้องให้เป็นรังรักของพวกนายเลยอะ...ไปฉลองให้หน่อยเป็นไง”ไอ้เจ้าจี้ตัวดีหน้าทะเล้นกว่าใครเพื่อน ยื่นหน้าออกมาจากกระจกรถแหกปากถาม

“ดีๆกันแล้ว ก็จะรีบกลับไปฉลองความสุขกันสองคนเหรอวะ?”เฮียไคย์พลอยหัวเราะร่วมไปด้วยอีกคน

แต่ว่าไดมันไม่สนครับ ผมเห็นมันอมยิ้มแล้วจูงมือผมเดินไปเรื่อยๆ ส่ายหัวนิดๆก่อนที่จะยิ้มกว้างตอบให้เจ้าพวกนั้น

“ไม่ล่ะ...เอาไว้วันหลังวันนี้ขอตัว ใช้บริการแท็กซี่ดีกว่า”มันตะโกนบอกไคย์ ในขณะที่พี่เรียวก็พารถแล่นเอื่อยๆไปช้าๆ

ส่วนผมนั้นไม่กล้าพูดอะไรเท่าไหร่....เขินครับ เขิน ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้เจ้าพวกตัวดีทั้งหลายในรถไปเท่านั้น

“เอ่อไม่เป็นไร กูเข้าใจวะ..ไงๆก็เพลาๆ เบาๆกันบ้างนะฮ่าๆๆ”ไอ้ๆๆ

ไอ้เตี้ยเฮียไคย์พูดจบพร้อมกับทิ้งเสียงหัวเราะกวนเบื้องล่างที่ประสานกันดังขึ้นเอาไว้ ก่อนที่พี่เรียวจะรีบเหยียบพารถแล่นหายปะปนไปกับคันอื่น ไม่ทันให้ผมและไดได้ด่าหรือโต้กลับอะไร

ผมมองหน้าไดคุงด้วยความอายที่ซ่อนไม่มิดจากคำพูดของเอ๊ยไคย์มัน เห็นมันจ้องอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งเขิน ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนตัวโตกว่าก่อนที่มือใหญ่จะกระซับเกาะกุมมือของผมเอาไว้แน่น รอยยิ้มจริงใจ สายตาอบอุ่นดูอ่อนโยนทั้งมั่นคงและมุ่งมั่น เป็นหลักประกันให้ผมฝากชีวิตไว้ในอนาคตอันยาวไกลได้ทอดมองมายังผม

ผมยิ้มตอบมันด้วยความรู้สึกทั้งหมดของผมที่มีให้มันบ้าง ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมเชื่อว่าความรัก ไว้ใจและมั่นคงของผมและไดจะไม่ทำให้เราต้องเสียใจและทะเลาะกันอีก

ผมเกาะแขน เขย่งเท้าขึ้นเพื่อขโมยหอมแก้มไดบ้างอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเปลี่ยนมาจับกระซับมือใหญ่ตอบกลับ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของไดได้อีกครั้ง

ก่อนที่ไดคุงจะโบกแท็กซี่ข้างทางพาผมกลับห้องพักด้วยความสุขที่ล้นทะลักหัวใจของเราสองคน

อ๊ะ...ส่วนแผลที่มือของผม...คงต้องรอให้ออกจากห้องได้ก่อนเถอะครับถึงจะได้ไปให้หมอรักษา...ตอนนี้...ให้ไดคุงและผมได้รักษาหัวใจของกันและกันให้แน่นสนิทและมั่นใจว่าได้กันและกันกลับมาเหมือนเดิมแล้วก่อนนะครับ


The end.

จบแล้ว โล่งเลยเรา
ขายผ้าเอาหน้ารอดไปได้อีกเรื่อง แฮ่ๆๆพูดเล่นครับ พูดเล่น
บ้า ดี เดือด และเพี้ยนได้ขนาดนี้มีแต่ไอ้ม่าเท่านั้นที่สามารถแฮ่ๆๆ

จบแบบนี้ทำให้ใครค้างคาใจบ้างไหม...?
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกเสียงที่ถามไถ่เรื่องนี้มา และทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 30-09-2007 19:16:14
บ้าดีเดือดจริงๆอ่ะแหละ คงเหมาะสมกันที่สุดแล้วทั้งคู่
นี่เพิ่งเริ่มๆนะ มีหวังอยุ่ด้วยกัน
สงสัยมีเลือกตกยางออก
 :m18: :m18: :m18:


ขอบคุณคนเขียนด้วยนะครับที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่านกัน
 :m27: :m27: :m27:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 02-10-2007 22:24:18
สนุกน้าจะไม่ลืมเลยหละ ว่าแต่จริงๆน้าจะเขียนได้ยาวกว่านี้นะ
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: One man story 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: byzantines ที่ 07-10-2007 02:59:00
 o14 สนุกครับสนุก บอกได้คำเดียว สั้นๆหนักๆหน่วงๆแบบนี้ถูกใจครับ มีทุกอารมณ์ครับ แต่ขาดตอนสุดท้ายครับ ถ้าเป็นผมคิดนะครับ แหะๆ น่าจะมีหวานๆมาแกล้มสักกะนิดอะครับ  :m29:  เพราะ น่าจะ 2 ตอนหลังนะครับ อ่านแล้วจุกอกปวดท้องอะครับ  :m17: มันบีบหัวจิตหัวใจดีครับ ยังไงก็บอกได้คำเดียวครับ ว่าไม่ค้างครับ อารมณ์มันก็จบอยู่ แต่นึกถึงตอนง้อกัน มันหวิวๆ ฮุๆ ยังไงถ้ามีนิยายเรื่องใหม่หรือเรื่องอยากให้ผู้ชมติดตาม อย่าหาว่าขี้เกียจน้าครับ ส่ง จม.มาตามกันไปอ่านเลยน้าครับ ขอๆ  :m5: แฮะๆๆๆๆ  ติดตามต่อไปแน่นอนครับ  ขอบคุณอย่างสุดซึ่งครับผม  o14
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 07-02-2008 19:41:50
ง่า...ลืมฟิคเรื่องนี้ของตัวเองไปเสียสนิท!!!

ขอบคุณทุกคนและทุกรีพลายมากๆเลยนะครับสำหรับกำลังใจติดตามกันมาตลอดฮี่ๆๆ

ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: kik_guide ที่ 19-02-2008 19:09:53
ขอบคุณมากมายคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: sirasyung ที่ 26-04-2008 21:56:04
สนุกมากเลยคร๊าบบบบบ

โหดได้จายเจง ๆ  :serius2:

ขอบคุณคร๊าบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: thopia ที่ 03-05-2008 14:21:42
สนุกจริงๆค่ะ  อ่านแล้วรู้สึกหน้าร้อนเห่อ ความหวานนี่พุ่งทะลุเพดานเลย  :o8:
แหมแต่ตอนทะเลาะนี่อยากขอบอกว่าทิฐิล้วนๆเลยนะนั่น เถียงกันทีได้ใจมั๊กมากกกก   อิอิ  :m20:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 25-07-2008 10:48:46
ตามมาอ่านจนจบแล้วละหลาน

ลุงจิ้มให้แล้วละนะ
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: dekchin ที่ 26-07-2008 22:16:02
 o7 o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 14-08-2008 21:49:53
อ่านจบแล้วฮับ โหดจิงๆๆๆเรื่องนี้ แต่ก้อชอบนะ อย่างฮาอ่ะ ตลกมากๆๆ อ่ะ มีแอบซึ้งด้วย  น่ารักดี
อ่านแล้วเลือดกำดาวจะไหล  :o8: ชอบฮับบบบ o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: eoeo ที่ 15-08-2008 12:27:50
อ่านจบแล้วหนุกแต่โหดกันจัง
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-08-2008 16:15:26
โคตรโหดเลย ทั้งสองคนเลย 

แต่ก็สมกันแล้วละ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: bossbuyking ที่ 21-09-2008 23:40:24
เรื่องนี้แม่งสุดยอดของสุดยอด o13 :a1: o7

ให้คะแนน +10000 ไปเลย :m4: :m4:

ไม่รู้จะสุดยอดไปถึงใหน :o :man1:

หึงได้ใจ รักได้ใจจริงๆ :a2: :a2:

ขอบคุณมากนะคับที่เอามาให้อ่าน o13 o13

รักคนแต่งมากๆเลยคับผม  :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 27-09-2008 17:25:48
เรื่องนี้โหด ได้ใจอ่า





ชอบๆๆๆ





 :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaelover ที่ 04-12-2008 22:18:50
อ่านจบแย้ว เย้

ลุ้นจนตอนจบเลย

โหดสมชื่อจริงๆ นี้ถ้าไม่ดีกัน สักที ไม่ตายกันไปข้างเลยหรอ

ไม่มีตอนพิเศษหรอ ตอนง้อกันหลังจากนั้นอ่ะ ในห้องอ่ะ อิอิ :z1:

----------
ขอบคุณนะค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 07-12-2008 22:18:52
เคยอ่านไปรอบแล้ว...กลับมาอ่านอีกรอบ
ก็ยังถึงพริกถึงขิง เผ็ดร้อนเหมือนเดิม... :laugh:

แปลกใจทำไมอ่านรอบแรกไม่ได้ ment หว่า...  :o8:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 09-12-2008 16:15:54
เพิ่งตามมาอ่านค่ะ

คู่พระนายเรื่องนี้โหดพอกันเลยค่ะ

ได้ใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: hours ที่ 09-12-2008 23:10:26
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 01-05-2009 01:05:00
มาขอบคุณคนแต่งค่ะ
สนุก โหด น่ารัก
 :pig4:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: the_pooh9 ที่ 16-05-2009 00:52:46
บ้าเว่อร์เลย

ทั้งได ม่า จี้ ไคย์ พี่เรียว

ชอบอ่ะ อิหอย(แรด)  :m20:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 20-08-2009 02:13:40
 :a5:


อ่า...เปงอีกเรื่องที่แต่งเอามาลง แต่ไม่ค่อยได้เข้ามาตอบเม้นท์เท่าไหร่เลย

ไอ้เอ็มขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะครับสำหรับทุกๆรีเพล ขอบคุณมากๆคร๊าบ


 :pig4:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: cake ที่ 23-03-2010 21:55:55
น่ารักอ่ะ   :-[ :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: One man story 12 จบบริบูรณ์ ( จุดจบของความโหด)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 06-09-2010 07:07:32
แอบปั้มไว้ก่อน ^^ อิอิ~ ปกติไม่ชอบอ่านฟิค..แต่ก็เป็นบางอารมณ์อ่ะนะ~~
หัวข้อ: Re: One man story 12
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 13-03-2011 15:27:12
ขอบคุนมากค่า  o13 o13 o13


เพิ่งได้แวะเข้ามาอ่าน


บ้า  ดีเดือดทั้งคู่  ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: One man story 12
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 13-03-2011 21:55:53
บางทีไอ้ไดมันก้งี่เง่าไปนะ 5555555555555555
ม่าก้ปากแข็งเกิ๊น นน
แต่เราชอบไคย์นะ :กอด1:

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: One man story 12
เริ่มหัวข้อโดย: tatar* ที่ 30-03-2011 03:44:57
อารมณ์เดือด ร้อนแรง ทั้งคู่

= = เป็นความรักที่โคตรจะฮาร์ดคอร์


ฮ่าๆ สนุกมากค่ะ


ขอบคุณนะคะ o13
หัวข้อ: Re: One man story 12
เริ่มหัวข้อโดย: tuktukta ที่ 02-05-2011 00:59:56
บางครั้ง คำพูด ก็สำคัญมากพอ ๆ กับการกระทำ แต่ถ้าแสดงอย่างเดียว บางครั้งก็ทำให้เข้าใจผิดได้
แต่เป็นเรื่องที่ อดกลั้นมากกกกก อ่านแล้วบีบคั้นจิตใจพอสมควร
คนนึงก็งี่เง่า อีกคนก็เอาแต่ใจ กร๊ากกกกกกก
แต่ท้ายที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกััน ดีแล้ว มีความสุขเยอะ ๆ น๊าาาาา
หัวข้อ: Re: One man story 12
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 30-03-2015 12:14:01
คิดว่าจะตายกันไปค้างซะแล้ว อยากอ่านตอนกลับถึงห้องจัง
หัวข้อ: Re: One man story 12
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 08-05-2015 14:22:04
อืม หึงโหด อารมณ์ร้อนทั้งคู่