พิมพ์หน้านี้ - [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: naoto ที่ 13-06-2018 13:26:30

หัวข้อ: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 13-06-2018 13:26:30
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

++++++++++++++++++++++++++++++++++


Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก

(https://www.picz.in.th/images/2018/08/19/BvWB4f.jpg)

เห็นแฟนที่คบมา 3 ปี มีอะไรกับผู้หญิงอยู่บนเตียงที่เคยนอน ปิดเทอมนี้ของ คีตะ จึงจมอยู่กับหมอนเปื้อนน้ำตา
แถมแฟนหนุ่มที่เพิ่งบอกเลิกไปหมาดๆ ยังโทรมาตื๊อให้ต้องหลบหน้า กลัวหัวใจตัวเองจะยอมยกโทษให้อีกฝ่าย

กระทั่งพี่สาวนักเรียนนอกทนไม่ไหว ต้องเชียร์ให้น้องชายหนีไปทำงานอาสาสมัครที่เมืองนอกซะเลย แถมยังเป็นงานอาสาสมัครดูแลสัตว์ป่าที่นามิเบียเสียอีก

รู้ตัวอีกที หนุ่มน้อยกับหัวใจพังๆ ก็บินข้ามทะเลไปถึงแอฟริกาใต้ซะแล้ว

...หนีรักไปเสียไกล จะได้หัวใจที่แข็งแรงดวงเดิมกลับมา...
...หรือว่าจะเสียหัวใจดวงนี้ให้ใครกันแน่.....

บทที่ 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3845913#msg3845913)บทที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3846588#msg3846588) บทที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3847633#msg3847633) บทที่ 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3849573#msg3849573) บทที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3850318#msg3850318) บทที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3853629#msg3853629) บทที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3858494#msg3858494) บทที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3862663#msg3862663)
บทที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3866252#msg3866252) บทที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3868495#msg3868495) บทที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3869381#msg3869381)
บทที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3869502#msg3869502)บทที่ 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3870783#msg3870783)บทที่ 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3871610#msg3871610)บทที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3874075#msg3874075)บทที่ 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3874872#msg3874872)บทที่ 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3875868#msg3875868)
บทที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3880102#msg3880102)บทที่ 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3881663#msg3881663)บทที่ 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3882899#msg3882899)บทที่ 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3884267#msg3884267)บทที่ 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3885986#msg3885986)
บทที่ 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3885986#msg3885986)บทที่ 23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3888051#msg3888051)บทที่ 24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3891571#msg3891571)บทที่ 25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3893869#msg3893869)
บทที่ 26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3895364#msg3895364)
บทที่ 27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3896248#msg3896248)
บทที่ 28 Special Chapter: Lion’s Eyes (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3897634#msg3897634)
บทที่ 29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3898675#msg3898675)
บทที่ 30 (ตอนจบ)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67498.msg3901655#msg3901655)





บทที่ 1

“คี มันไม่ใช่อย่างที่คีคิดนะ!”
   
“ไม่ใช่ยังไงอ่ะ พี่เมธ พี่เมธนอกใจคี พี่เมธนอนกับมัน!”
   
“พี่ก็แค่...อยากพิสูจน์...”
   
“พิสูจน์ว่าอะไร? พิสูจน์ว่าพี่ยังชอบผู้หญิง ยังเอาผู้หญิงได้ หรือว่าแม่งจะเอาทั้งหน้าทั้งหลัง”
   
“คี พูดดีๆ หน่อย อย่าใช้แต่อารมณ์ มาคุยกันก่อน”
   
“คีไม่มีอะไรจะคุยด้วยแล้ว พี่เมธกลับไปหามันเถอะ เราเลิกกัน”

.
.
.

ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว! ไอ้พวกได้หน้าลืมหลัง! ไอ้คนหลายใจ!

ผมนอนคว่ำหน้า ปล่อยให้น้ำตาไหลซึมลงไปกับหมอน ความจริงน้ำตามันควรจะหมดได้หรือยังวะ ผมร้องไห้มาหลายวันแล้ว ร้องไห้แล้วก็หลับ แล้วก็ตื่นมาร้องไห้ต่อ
   
ผมอกหัก ถูกแฟนที่คบกันมาสามปีนอกใจไปนอนกับคนอื่น...ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน น้องรหัสของเจ้าตัว ที่เขาบอกเองว่า ไม่ได้คิดอะไรด้วยเพราะน้องเป็นผู้หญิง และเขาไม่สนใจผู้หญิง เหอะ! แม่ง!  ไม่สนใจแต่พาขึ้นเตียงได้ แถมดูจากท่าทางของผู้หญิงคนนั้นตอนที่ผมเปิดประตูไปเจอพวกเขาคลอเคลียกันอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า นี่คงจะไม่ใช่ครั้งแรก ดีไม่ดี นังนั่นคงจงใจจะให้ผมเห็น ถึงได้ไม่ล็อคทั้งประตูห้องนอนแล้วก็ประตูคอนโดพี่เมธ
   
ผมปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เหลือบมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่มีสายโทรเข้าเป็นสิบๆ มีไลน์อีกเกือบร้อยข้อความ แต่ผมไม่คิดจะรับสายหรือกดเข้าไปอ่านข้อความแก้ตัวพวกนั้น เสียงเคาะประตู 2-3 ที ก่อนที่พี่สาวของผมจะเปิดประตูเข้ามา
   
“คี กินข้าวมั้ยแก”
   
ผมพยักหน้า ถามถึงพ่อกับแม่ “ป๊ากับม้าละ เจ๊เคท”
   
“ออกไปงานบ้านตั่วกู๋ เจ้ต้องเคลียร์งานหน่อยเลยขออยู่บ้าน ห่วงแกด้วย ไปๆ ไปกินข้าว สายจนจะเที่ยงแล้ว” พี่สาวบอกแล้วกวักมือเรียก ความจริงผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่ไม่อยากให้พี่สาว รวมถึงพ่อแม่เป็นห่วงมากกว่านี้ ก็เลยฝืนใจลงไปหาอะไรใส่ท้อง
   
ผมตักโจ้กที่คงมีใครสักคนออกไปซื้อมาให้ตั้งแต่เช้าเข้าปากอย่างแกนๆ โทรศัพท์สั่นอีก ผมปิดเสียงเอาไว้เหลือแต่ระดับสั่น ก็เลยไม่มีเสียงกวน ผมปล่อยให้มันสั่นไปแบบนั้น พี่สาวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม มองผมด้วยสายตาสงสารแกมอ่อนใจ
   
“ไม่รับสายหรือไง จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง”
   
ผมส่ายหน้า “คียังไม่อยากคุย ถ้าคุย...กลัวตัวเองจะใจอ่อน” ผมรู้ว่า หัวใจผมยังไม่พร้อมจะบอกลาพี่เมธ แต่ผมก็ไม่อยากเดินวนกลับไปที่จุดเดิมอีก ความจริงผมเองก็เอะใจเรื่องเขากับน้องรหัสมานาน มีหลายคนมากระซิบบอกผมว่าเห็นพวกเขาไปกินข้าว ไปดูหนังด้วยกันด้วยซ้ำ แต่ผมปลอบตัวเองให้เชื่อตามที่เขาบอกว่า ไม่มีอะไร
   
ผมแค่หลอกตัวเอง...เพราะไม่อยากเสียเขาไป จนกระทั่งความจริงมากระแทกหน้าจังๆ
   
พี่เคทถอนใจเฮือกใหญ่ “ยังดีนะที่แกมาจับมันได้ตอนสอบวิชาสุดท้ายเสร็จพอดี เจ้นึกสภาพแกลากสังขารแบบนี้ไปสอบไม่ออกเลยว่ะ แล้วนี่ปิดเทอมจะเอายังไง ตอนแรกแกจะไปฝึกงานที่บริษัทไอ้เชี่ยเมธไม่ใช่เหรอ”

พี่สาวผมใส่อารมณ์นิดหน่อยตอนเอ่ยชื่อพี่เมธ คงเพราะตอนแรกเจ้แกก็เอ็นดูแฟนผมอยู่พอสมควร
คนในครอบครัวรู้ว่าผมเป็นเกย์ตั้งแต่ผมเข้ามหาวิทยาลัย และทุกคนรู้จักพี่เมธดีเพราะผมพามาแนะนำตั้งแต่คบกันได้ 3 เดือน บ้านผมเลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่และเปิดกว้าง พี่สาวผมเองก็ไปเรียนเมืองนอกจบกลับมา สมัยอยู่ที่โน่นก็มีเพื่อนเป็นเกย์เป็นเลสเบี้ยนอยู่หลายคน

“คีคงจะขอแคนเซิล ความจริงคณะคีไม่ได้บังคับฝึกงานอยู่แล้ว ตอนที่สมัคร...ก็แค่อยากทำงานที่เดียวกับพี่เมธ”
ผมตอบเสียงแหบแห้ง แฟนผมอายุมากกว่าผม 2 ปี ผมเรียนปีหนึ่งตอนที่เขาอยู่ปีสาม ตอนนี้เขาเรียนจบทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่ ส่วนผมเรียนหนัก พวกเราก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน เขาอ้างว่างานยุ่ง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า คง ‘ยุ่ง’ เรื่องอื่นมากกว่า

“แล้วจะเอายังไง หาที่ฝึกงานที่อื่น หรือจะไปฝึกงานที่บริษัทกับป๊ากับเจ้”

พี่สาวของผมถามต่อ แต่ผมส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะเจ้ คียังนึกไม่ออก ถ้าจะหาที่ฝึกงานที่อื่นตอนนี้ก็คงทำเรื่องไม่ทันแล้ว แต่จะไปฝึกงานที่บริษัท คีจะทำอะไรได้วะ คีไม่ได้เรียนมาทางนี้ อย่างมากก็ทำได้แค่ชงกาแฟ ถ่ายเอกสาร” ผมเรียนอยู่คณะแนวมนุษย์ศาสตร์ เน้นภาษากับพวกการสื่อสารอะไรแบบนั้น จะให้ไปทำสายธุรกิจเหมือนพ่อกับพี่สาวก็คงไม่ถนัด

โทรศัพท์สั่นอีกแล้ว ผมเหลือบมองมันแวบหนึ่งแล้วเบือนหน้าหนี

“โทรมาถี่ขนาดนี้ เจ้ว่าสักพักมันคงตามมาตื๊อแกถึงบ้านแน่” เจ๊เคทบอก

ผมนิ่งอึ้งไป รู้ว่าที่พี่เมธไม่มาตอนนี้ก็เพราะเขาต้องตามเจ้านายไปตรวจงานต่างจังหวัดเกือบเดือน ดูจากสภาพที่เขาโทรหาผมวันละเป็นสิบๆ สาย ผมเชื่อว่าถ้ากลับมาเขาก็ต้องมาหาผมที่บ้าน และผมก็กลัว...กลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนยอมยกโทษให้เขา

พี่สาวเห็นสภาพผมแล้วก็เสนอขึ้นว่า “ไปเมืองนอกมั้ยแก”

“หา?” ผมหันหน้าไปมองคนพูด “เมืองนอก? ไปเที่ยวอ่ะนะ จะไปกับใคร ตอนนี้ที่บ้านก็ยุ่งกันหมด”
บ้านผมพอจะมีฐานะอยู่บ้าน เรื่องไปเที่ยวต่างประเทศก็ไปกันอยู่ปีละครั้ง สมัยเรียนมัธยม ช่วงปิดเทอมผมกับพี่สาวก็ไปเคยเรียนคอร์สภาษาที่ออสเตรเลียบ้าง อังกฤษบ้าง แต่อยู่ๆ พี่สาวก็เสนอให้ไปเมืองนอกกะทันหันก็ทำเอาผมงงไปเหมือนกัน

“ไม่ได้ไปเที่ยว ไปทำงาน งานอาสาสมัครน่ะ...ก็คล้ายๆ ฝึกงานนั่นแหละ แบบที่พวกวัยรุ่นฝรั่งชอบไปกันช่วงปิดเทอม สมัยเรียนเจ้ก็เคยไปทำงานดูแลพวกสัตว์ป่าที่แอฟริกา ที่เคยส่งรูปให้แกดูไง” เจ้เคทบอก “เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม อยู่ให้ห่างมันสักหน่อย ไปทำงาน ไมได้ไปเที่ยว ไม่มีเวลามาฟุ้งซ่าน เผื่อแกจะคิดอะไรได้มากขึ้น” 

“แล้วจะไปยังไง ทำงานพวกนี้มันต้องสมัคร ต้องมีขั้นตอนตั้งเยอะแยะไม่ใช่เหรอ”
ผมถาม รู้สึกสนใจขึ้นมานิดหนึ่ง

เห็นสวยเปรี้ยวแบบนี้ ความจริงพี่สาวผมเป็นสายเอ็กสตรีม สมัยเรียนอยู่ที่อเมริกาก็ทำกิจกรรมหลายอย่าง ผมยังจำรูปที่เจ้เคทเคยส่งมาให้ดูได้ ตอนนั้นผมยังนึกว่า พี่สาวตัวเองโคตรเท่

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพื่อนเจ้ที่เรียนด้วยกันที่เมกาเขาได้พักร้อน 3 เดือน ก็เลยกลับไปทำงานที่โน่นพักสมอง ก็ไม่มีอะไรมากก็ให้อาหาร ช่วยทำความสะอาดกรงอะไรแบบนี้ เดี๋ยวเจ้ให้เขาจัดการเรื่องงานเรื่องที่พักทางโน้นให้ ขอวีซ่าเดี๋ยวให้ Fedex ช่วยส่งพาสปอร์ตแกไปทำเรื่อง แกไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากลุกขึ้นมาเตรียมร่างกาย จัดข้าวของ”

พี่สาวจัดการให้เสร็จสรรพ ผมที่กำลังเบลอๆ ก็เลยพยักหน้าตกลงโดยไม่ทันถามรายละเอียด
   
รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2 สัปดาห์ ผมสะพายกระเป๋าเป้ ยืนอยู่ที่สนามบิน ข้างตัวมีกระเป๋าลากอีกใบ ผมกอดป๊า กอดม้า ซึ่งมาส่งและอวยพรให้ผมมีปิดเทอมที่สนุก ทั้งพ่อทั้งแม่ไม่มีใครค้านที่ผมจะไปลองทำงานอาสาสมัครที่เมืองนอก บอกว่า ผมออกไปเปิดหูเปิดตาดูโลกบ้างก็เป็นประสบการณ์ที่ดี
   
“ตั้งใจทำงานนะแก ขอให้สนุก”
   
เจ้เคทอวยพร ทุกคนเลี่ยงไม่พูดถึงพี่เมธ และผมเองก็ไม่เอ่ยถึงเขา ผมเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ ให้เบอร์ไว้เฉพาะกับป๊าม้ากับพี่สาวจะติดต่อได้ เจ้เคทบอกว่าทางโน้นไม่ค่อยมีสัญญาณอินเตอร์เนต ผมคงไม่ได้เข้าโซเชียลไปอีกสักพัก ซึ่งก็ดี
.
.
.
ผมใช้เวลา 9 ชั่วโมง นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพมาลงที่เอธิโอเปีย แล้วก็ต่อเครื่องไปโจฮันเนสเบิร์กที่ประเทศแอฟริกาใต้อีก 5 ชั่วโมง ก่อนจะเปลี่ยนไฟลท์มาลงที่สนามบิน Windhoek Husea Kutako Airport ในเมืองวินด์ฮุก เมืองหลวงของประเทศนามิเบีย ผมเดินออกมาจากเกทในสภาพสุดโทรม

สนามบินที่นี่เล็กมาก น่าจะพอกับสนามบินภูเก็ตของบ้านเราเท่านั้น ผมไปถึงตอนบ่ายต้นๆ แต่ในตัวสนามบินไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ ผมนึกใจเสียขึ้นมานิดหนึ่ง จะว่าไปถึงผมจะไปต่างประเทศบ่อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาประเทศที่ไม่ค่อยเจริญ ถ้าเกิดเพื่อนของเจ้เคทไม่มารับ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะหาทางไปศูนย์อนุรักษ์ที่ต้องทำงานนั่นได้ยังไง

...แต่เจ้บอกว่า เพื่อนเจ้รับคำเป็นมั่นเหมาะว่าจะมารับผมนี่นา

ผมเข็นรถเข็นกระเป๋าพลางกวาดตามองไปรอบๆ แล้วจึงสะดุดกับป้ายที่เขียนชื่อของตัวเอง KITA

นั่นไง เพื่อนเจ้เคทที่มารับผม ผมรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถือป้ายแล้วก็ชะงักไปนิด
   
เจ้บอกว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่อเมริกา ก็น่าจะเป็นฝรั่งใช่ไหมนะ...แต่คนที่ผมเห็นนั่นเป็นผู้ชายเอเชีย แต่ตัวโตมาก ทั้งสูงทั้งหนาหยั่งกับกำแพง แถมยังไว้ผมยาว หนวดไว้เคราเฟิ้มจนรกไปทั้งหน้า เจ้าตัวสบตาผมด้วยดวงตาคมที่ดูดุๆ ชวนให้นึกถึงอะไรสักอย่าง
   
นึกออกแล้ว...เพื่อนเจ้คนนี้เหมือนสิงโตไม่มีผิดเลยครับ!


...............................TBC........................................


เรื่องแรกที่ลงในในเล้า ขอฝากตัวด้วยนะคะ /โค้ง

เรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะเราเคยดูรายการ Divas Hit the Road เป็นรายการวาไรตี้ท่องเที่ยวของช่องหูหนานทีวี ประเทศจีน ซีซั่น 3 ไปที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าที่ประเทศนามิเบีย เลยอยากลองเขียนเรื่องรักใสๆ ที่มีฉากเป็นซาฟารีดูบ้าง เป็นโรแมนติคคอมมิดี้ ไม่มีดราม่า และความยาวน่าจะไม่มากนัก ขอฝากผลงานด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 13-06-2018 15:10:17
เริ่มมาก็น่าสนใจหลาวววววว
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 13-06-2018 16:45:20
ติดตามจ้า

 :L2:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-06-2018 22:26:00
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 14-06-2018 00:14:29
เห็นชื่อคนเขียน ต้องรีบเข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 2
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 15-06-2018 00:18:37
บทที่ 2



เพื่อนของเจ้เคธยังคงยืนจ้องผมนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมมองเขาแล้วก็หันมองซ้ายมองขวา หรือว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าผมใช่คนที่เขามารับหรือเปล่า แต่ดูแล้วผมก็เป็นคนเอเชียผิวเหลืองคนเดียวกลางสนามบินนี้นะ งั้นผมเข้าไปทักเขาก็แล้วกัน ผมเข็นรถเข็นกระเป๋าตรงเข้าไปหาเขา
   
“Hi, I am KITA, Kathie’s brother. Are you Mr.Lee?”
   
อีกฝ่ายกระพริบตาคล้ายเพิ่งรู้สึกตัวตอนที่ผมถาม เจ้าตัวพยักหน้ารับ “Yes. My name’s Mathew Lee, you can call me Matt. Welcome to Namibia Kita” เสียงทุ้มต่ำเขาออกเสียงเรียกชื่อผมว่า คีตะ นั้นค่อนข้างชัดทีเดียว
   
“ขอบคุณครับ แมท” ผมตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ “คุณเรียกผมว่า คี ก็ได้นะ”
   
“โอเค คี” ใบหน้าที่รกไปด้วยหนวดยกยิ้มนิดหนึ่ง เขาก้มลงมองกระเป๋าเดินทางของผมแล้วถามว่า “รถฉันจอดอยู่ข้างนอก ยังมีข้าวของอะไรอีกไหม”
   
“ไม่มีแล้วครับ ผมเอามาแค่กระเป่ากับเป้อย่างละใบ

แมทพยักหน้ารับ “ดีแล้ว เอาของมามากจะลำบากเข้าที่พัก ตอนพวกเคธี่มาครั้งก่อน ขนเสื้อผ้าใส่กระเป๋ากันมาคนละหลายใบจนแทบยัดใส่รถไม่ไหว” เขาเอ่ยถึงพี่สาวผมด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ช่วยให้ออร่าดุๆ ที่แผ่ออกมาตอนแรกจางไปนิดหน่อย

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ ต้องขับรถอีก 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงฮาร์นาส”
คุณสิงโตตัวใหญ่(ที่ผมแอบคิดในใจ) ดึงกระเป๋าลากของผมออกจากรถเข็น แล้วหยิบเป้ใบใหญ่ของผมไปสะพายให้ ก่อนจะเดินนำดุ่มๆ จนผมต้องรีบลากกระเป่าตามเขาไป

ลานจอดรถอยู่ด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร รถของแมทเป็นรถกะบะแบบออฟโรดสีขาวสภาพขะมุกขะมอมเล็กน้อย กะบะข้างหลังหุ้มด้วยประตูเหล็กบนหลังคารถมีผ้าใบสีดำมัดติดอยู่ น่าจะเป็นเต๊นท์ติดหลังคาสำหรับแคมป์ปิ้ง เขาเห็นผมมองดูรถก็เลยอธิบายว่า
“รถเช่าน่ะ ฉันเช่าเอาไว้เผื่อจะขับออกไปซื้อของหรือทำธุระ สะดวกกว่ารอรถของที่ปาร์ก เธอขับรถเป็นไหม”

“พอได้ครับ แต่ไม่ค่อยคล่อง” ป๊าเคยหัดให้ผมขับรถจนทำใบขับขี่แล้ว ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ป๊าเคยเกริ่นว่าจะซื้อรถให้ แต่ผมขี้เกียจดูแล พอดีเจ้เคธกลับจากเมืองนอกพอดี เจ้เลยขับรถไปส่งผมทุกเช้า และหลังจากคบกับพี่เมธ รายนั้นก็จะมารับมาส่งผมตลอด ผมเลยไม่ค่อยได้ขับรถเองเท่าไหร่ 

“ขับเป็นก็ดี ถ้าจะต้องใช้รถก็มายืมคันนี้ไปขับได้นะ”

แมทบอกอย่างใจดีก่อนจะช่วยผมลำเลียงกระเป๋าใส่เบาะหลัง ผมเก็บของแล้วก็ขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับ พอรถแล่นออกจากสนามบิน ผมก็เกาะหน้าต่าง มองออกไปนอกรถด้วยอย่างสนอกสนใจ

(https://www.picz.in.th/images/2018/06/15/4iyiVD.jpg)

cr. pix by Nel_NZ pixabay.com

ถนนไฮเวย์ที่รถของเราแล่นผ่านนั้นเป็นคอนกรีต แต่สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ตอนนี้เป็นฤดูแล้ง ทุ่งหญ้าจึงกลายเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล เห็นต้นไม้ใหญ่ที่ยังคงสีเขียวเป็นหย่อมๆ ท้องฟ้าข้างบนเป็นสีน้ำเงินสดแทบจะไม่มีเมฆ สุดสายตาตรงจุดที่ตัดกับเส้นขอบฟ้าเป็นเทือกเขาสูง ไม่เห็นบ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอะไรเลย

ผมมาถึงแอฟริกาแล้วจริงๆ ด้วยแฮะ

ผมหันกลับไปถามคนที่อยู่หลังพวงมาลัย “ฮาร์นาสอยู่ไกลจากสนามบินมากไหมครับ”

“ประมาณ 300 กิโล ต้องขับรถประมาณ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นเหนือเข้าเขตเมืองโกเบบิสก่อน” แมทตอบกลับมาทั้งที่สายตายังจ้องมองถนน “แถวนั้นจะค่อนข้างโดดเดี่ยว ไม่ค่อยมีพวกร้านค้า ระหว่างทางมีแค่ปั้มน้ำมัน เธอต้องซื้อของใข้จำเป็นอะไรอีกไหม”

“ไม่มีแล้วครับ พี่เคธช่วยทำลิสให้ ผมเตรียมของมาครบหมดแล้ว” ผมตอบเขาไป แล้วนึกขึ้นมาได้ “ที่ฮาร์นาสมีไวไฟไหมครับ ผมอาจจะต้องติดต่อทางบ้านบ้าง เมื่อกี้ตอนจะออกจากสนามบิน ผมซื้อซิมของ MTC ไว้ แต่ไม่รู้จะมีสัญญาณหรือเปล่า”

“สัญญาณไม่มีหรอก แต่ที่ปาร์กมีไวไฟ ถ้าอยู่ตรงส่วนกลางพอใช้ได้ แต่ตรงที่พักใช้ไม่ค่อยได้”
แมทละสายตาจากถนนหันมามองผมแวบหนึ่ง เห็นผมทำหน้าม่อยตามประสาเด็กยุคใหม่ที่ติดอินเตอร์เนต คุณหนวดเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ตอนเคธี่มาครั้งแรกก็ทำหน้าแบบเธอเปี๊ยบเลย แต่อยู่หลายวันหน่อยก็ชิน”

“ครับ” ผมตอบแล้วก็ถอนใจ ความจริงก็ดีเหมือนกัน ออกห่างจากโซเชียลก็แปลว่า ไม่มีใครตามตัวผมได้ โดยเฉพาะพี่เมธ ผมยอมรับว่า ผมตั้งใจหนีหน้าเขาและหวังว่าจะทำสำเร็จ

   
วิวข้างทางนั้นแปลกตาจริง แต่พอมองนานเข้าก็ไม่มีอะไรใหม่นอกจากทุ่งหญ้า ผมยังเพลียจากการนั่งเครื่องบินก็เลยผล็อยหลับไป ผมคิดว่าตัวเองหลับไปแป๊บเดียว แต่พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แสงอาทิตย์ก็อ่อนลงไปมากแล้ว ท้องฟ้ากลายเป็นสีชมพูจาง ถนนข้างหน้ากลายเป็นลูกรัง แต่สองข้างทางมีต้นไม้หนาแน่นขึ้นมาหน่อย

แมทได้ยินเสียงผมขยับตัวก็เลยหันมา “ใกล้ถึงแล้ว ฤดูนี้ดวงอาทิตย์ตกเร็วหน่อย ดีที่มาถึงได้ก่อนค่ำ”
   
รถผ่านด่านทางเข้าที่เขียนว่า HARNAS WILDLIFE FOUNDATION แต่กว่าจะถึงที่พักก็เข้าไปอีกไกล ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าพอดี แมทจอดรถแล้วช่วยผมถือกระเป๋าลากใบใหญ่ ส่วนผมสะพายเป้ เดินตามเขาไปลงทะเบียนที่รีเซบชั่น

ระหว่างนั้นเขาก็อธิบายกับผมด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ขอโทษนะ ตอนเคธี่ติดต่อมา ฉันพยายามจะจองห้องเดี่ยวให้ แต่ช่วงนี้เป็นไฮซีซั่น ห้องเต็มไปอีก 2 อาทิตย์ เธอคงต้องพักกับฉันไปก่อน”

“ผมอยู่ได้ครับ สบายมาก” ผมรีบตอบเขาไป ผมหาข้อมูลมาบ้างเลยรู้ว่า ไฮซีซั่นแบบนี้มีคนมาเป็นอาสาสมัครที่นี่ค่อนข้างมาก แค่รบกวนให้เขาจัดการลงชื่อให้แถมยังไปรับที่สนามบิน ผมก็เกรงใจเขาจะแย่แล้ว “ผมกินง่ายอยู่ง่าย ไม่นอนกรนครับ”

คุณหนวดยิ้มเจื่อนๆ  “ฉันไม่ห่วงเรื่องนอนกรนหรอก เพียงแต่กลัวเธอจะอึดอัดน่ะ” เขาโคลงศีรษะเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง จนกระทั่งผมตามเขาไปถึงกระท่อมดินหลังเล็กแล้วถึงเข้าใจ...ห้องของเขาเป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียง แต่ด้วยความที่ห้องค่อนข้างแคบ ทางปาร์กก็เลยดันเตียงมาชิดกันจนเกือบจะเป็นเตียงคู่

“โทษทีนะ ตอนจองห้อง ฉันกะว่าจะนอนคนเดียว เลยคิดแค่ว่า แบบนี้ก็เตียงกว้างดี”
   
แมทบอก ส่วนผมยิ้มแหยๆ ให้เขา “อ่า...ไม่เป็นไรครับ ผมไม่นอนดิ้น”

อีกฝ่ายเห็นว่าผมไม่งอแงอะไรก็พยักหน้า ชมเสียงกลั้วหัวเราะ “อยู่ง่ายจริงๆ ด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ล้างหน้าล้างตาก่อนนะ เดี๋ยวฉันพาไปกินข้าว” เขาบอกแล้วก็เดินไปเปิดไม้ที่อยู่ติดผนัง หยิบเสื้อออกมาตัวหนึ่ง แล้วถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก เปลี่ยนเป็นเสื้อแขนยาวอีกตัว

“คี เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อให้หนาหน่อย หรือหาแจ็กเกตมาสวมทับด้วยนะ ฤดูนี้พอพระอาทิตย์ตกแล้วอุณหภูมิจะลดลงไปเกือบสิบองศา อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็น”

“ครับ” ผมรับคำ แล้วยืนกะพริบตาปริบมองกล้ามอกกับกล้ามท้องแน่นๆ ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมา แล้วรีบเปิดกระเป๋า หยิบผ้าขนหนูออกมา “งั้นผมไปล้างหน้าก่อนนะครับ”

ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำเล็กๆ ในห้องพัก โดยมีแมทที่สวมเสื้อเรียบร้อยแล้วมองตามมาแบบงงๆ

............................TBC....................................


มาทีละนิด เพราะต้องนั่งเปิดข้อมูลไปด้วย
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ด้วยนะคะ /โค้ง
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-06-2018 00:55:46
 :katai2-1:

ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 3
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 17-06-2018 01:42:59
บทที่ 3

ผมล้างหน้าล้างตา หาแจ็กเกตมาสวมตามที่แมทบอก แล้วเดินตามเขาออกไปกินอาหารเย็น ข้างนอกฟ้ามืดสนิทแล้ว แต่พวกเราเดินไปร้านอาหารได้ไม่ลำบากเพราะมีแสงไฟสว่างอยู่หน้าที่พักและทางเดิน แมทอธิบายว่า ฮาร์นาสใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีไฟฟ้า

“ที่พักแบ่งเป็น 2 โซนนะ มีส่วนที่เป็น Volunteer Village กับห้องพักแขก ส่วนที่เราอยู่เป็นส่วนห้องพักสำหรับแขก ฉันไม่ได้อยู่หมู่บ้านอาสาสมัครเพราะโปรแกรมอาสาสมัครของที่นี่แบ่งเป็นรอบ รอบละ 14 วัน เริ่มต้นวันพฤหัส พออาสาสมัครรอบนี้หมดก็จะมีคนใหม่เข้ามาพักแทน ฉันตั้งใจว่าจะอยู่เป็นเดือน ไม่อยากกินที่คนอื่น ก็เลยจองห้องพักแขกระยะยาวไปเลย”

“ห้องพักแขกราคาแพงกว่าไม่ใช่เหรอครับ ผมจะอยู่ห้องคุณตั้งหลายอาทิตย์ ถ้าอย่างนั้นผมช่วยแชร์ค่าห้องนะ” ผมรีบบอกเขา

ฮาร์นาสไม่ใช่งานองค์กรการกุศล แต่เป็นศูนย์อนุรักษ์ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวมาทำงานใกล้ชิดกับสัตว์ป่า เพราะฉะนั้นถึงจะเรียกว่าอาสาสมัครแต่ก็ไม่ได้กินฟรีอยู่ฟรี ค่าที่พักกับโปรแกรมทัวร์ของที่นี่แพงอยู่เหมือนกัน ยิ่งเป็นห้องพักแขกที่มีห้องน้ำในตัว สะดวกสบายกว่าหมู่บ้านอาสาที่ต้องใช้ห้องน้ำรวม ราคายิ่งสูง ผมเลยค่อนข้างเกรงใจเจ้าของห้องที่ผมมาค้างด้วย

“ไม่เป็นไร เคธี่จ่ายค่าสมัครของคีไว้หมดแล้ว ส่วนค่าห้องยังไงฉันก็จ่ายราคานี้แล้ว ให้เธอมาอาศัยด้วย ไม่ได้จ่ายค่าห้องเพิ่มนี่นา คีตัวเล็กนิดเดียว ไม่กินที่ในห้องเท่าไหร่หรอก”

แมทตอบกลั้วหัวเราะแล้วเดินดุ่มๆ นำไป ผมหรี่ตามองแผ่นหลังของเขา แซวว่าผมตัวเล็ก ผมสูงตามมาตรฐานชายไทยนะ คนพูดนั่นแหละที่สูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น


พวกผมเดินไปถึงร้านอาหาร ผมชะงักไปหน่อยเมื่อเห็นว่า ตรงทางเข้านั่นมี...เอ่อ หมู..ใช่มั้ยนะ หมูตัวหนึ่งนอนอุตุอยู่ริมประตูอย่างสบายใจ แต่มันไม่ใช่หมูตัวอ้วนสีชมพูแบบหมูเมืองไทย เป็นหมูป่าที่มีขนแถมมีเขี้ยวโง้งออกมาสองข้าง หน้าตาคุ้นๆ อยู่

“แมทครับ นั่นมัน...”
ผมพยายามนึกคำศัพท์ภาษาอังกฤษแต่นึกไม่ออก เลยเรียกชื่อแต่ผุดขึ้นมาในหัวเสียงดัง “พุมบ้าใช่ไหม! พุมบ้าที่อยู่กับทิโมนแล้วก็ซิมบ้าน่ะ”

“พุมบ้า?” แมทเลิกคิ้ว ทำหน้างงๆ แต่พอเห็นเจ้าหมูป่าที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงผม และหันหน้ามองพวกเราอย่างงัวเงีย เขาก็หัวเราะ  “ไลอ้อนคิงสินะ ฮ่าๆ ใช่แล้ว ตัวนี้เขาเรียกว่าวาร์ทฮอก (Warthog) เป็นหมูป่าแอฟริกา คีชอบดูการ์ตูนดิสนีย์ด้วยเหรอ” ประโยคหลังเขาแกล้งแซว

“เฉพาะพวกเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ละครับ ไลอ้อนคิงนี่ชอบเป็นพิเศษ ตอนเด็กๆ ดูบ่อยจนแทบจะจำบทได้เลยละ ที่นี่เขาปล่อยให้พวกสัตว์เข้ามาด้วยเหรอครับ ผมนึกว่าจะต้องเข้าไปในเขตอนุรักษ์ถึงจะเห็น”

“ถ้าพวกสัตว์ไม่ดุร้ายก็ไม่ต้องกั้นเขตหรอก ที่นี่ปล่อยฟรี เดินๆ อยู่ก็มีเมียแคทไม่ก็หนูน้ำยกขบวนเดินตัดหน้า ไว้กลางวันจะเห็นชัดหน่อย มียีราฟกับกวางเข้ามาดื่มน้ำที่บ่อด้วย อ้อ พูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ถ้าเข้าห้องแล้วหรือจะออกจากห้องไปไหน ต้องปิดประตูเคบินให้สนิทนะ ไม่งั้นอาจจะมีแขกมาเยี่ยม แถวนี้มีพวกตัวแสบที่ชอบเข้ามาค้นข้าวของในห้องพักแขกหลายตัวเลย”

ผมพยักหน้าพลางกลืนน้ำลาย...ที่ว่าใกล้ชิดธรรมชาตินี่ใกล้ชิดจริงๆ ด้วยแฮะ

พวกเราจัดการอาหารเย็นอย่างรวดเร็ว แมทบอกว่า ความจริงคืนนี้มีไนท์ทัวร์ แต่ผมเพิ่งเดินทางมาถึง คงยังเหนื่อย ยังไงก็ยังอยู่อีกเกือบเดือน ไว้ค่อยไปวันหลังดีกว่า “วันนี้รีบกลับไปพัก แล้วเข้านอนเร็วๆ ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไหว ตอนเช้าจะพาไปเลี้ยงอาหารสิงโต ทีนี้คีจะได้เห็นซิมบ้าตัวจริงบ้าง”

เขาบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ อย่างกับผู้ใหญ่หลอกเด็กให้นอนเร็วแล้วจะพาไปเที่ยวอย่างนั้นแหละ แต่ข้อเสนอนี้ผมยอมถูกหลอก ผมรีบพยักหน้าตกลงทันที “ตื่นไหวครับ ผมจะตั้งนาฬิกาปลุก”

พวกเราเดินออกมาจากร้านอาหาร สวนกับคนกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งเข้ามา ทั้งหมดเป็นวัยรุ่นตะวันตกผิวขาว 7-8 คน หญิงสาวผมบลอนด์หน้าสวยเด่นคนหนึ่งในกลุ่มทักพี่หนวดที่อยู่ข้างๆ ผม “ไฮ แมท มากินข้าวเหรอคะ ทำไมวันนี้ฉันไม่เห็นคุณเลย”

“ผมไปรับเพื่อนที่สนามบินน่ะ”
แมทยิ้มบางแล้วตอบกลับ หญิงสาวคนนั้นกับคนอื่นๆ ในกลุ่มเลยพากันมองมาทางผม แมทจึงแนะนำว่า “นี่คีตะ เขามาจากประเทศไทย ส่วนทางนี้ลิซ่ากับเพื่อนๆ เป็นอาสาสมัครที่นี่มาจะครบ 2 สัปดาห์แล้ว”

“ไฮ เรียกผมว่า คี ก็ได้ครับ” ผมยิ้มแล้วแนะนำตัวเอง

หญิงสาวที่ชื่อลิซ่ายิ้มตอบ แต่ดวงตาของเธอกลับไม่ยิ้มด้วย หล่อนมองผมอย่างสงสัย “ยินดีต้อนรับสู่ฮาร์นาสนะคะ คี แหม ไม่ยักรู้ว่าแมทมี ‘เพื่อน’ น่ารักแบบนี้ด้วย เราคงได้เจอกันอีก พรุ่งนี้คุณมีแผนยังไงคะแมท เห็นสต๊าฟบอกว่า จะพาพวกเราไปมอร์นิ่งวอร์กกับเสือชีต้า คุณจะไปด้วยกันไหม”

ลิซ่าชวนด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นแถมยังมองแมทตาหวานเชื่อม แต่คนถูกมองกลับส่ายหน้า ปฏิเสธเสียงเรียบเฉย “คงไม่ได้ พรุ่งนี้ผมว่าจะพาคีไปลองให้อาหารสิงโตก่อนน่ะ เขาเพิ่งมาถึง ยังไม่ค่อยชินกับพวกสัตว์”

“เหรอคะ...น่าเสียดายจัง”
ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าม่อยแต่ผมเห็นว่าเจ้าหล่อนแอบเหลือบมองผมแวบหนึ่งอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่

...อ่า เต๊าะพี่หนวดไม่สำเร็จแล้วมาโทษว่าเป็นเพราะผมเหรอครับ

ผมยิ้มแหยแต่ไม่ได้พูดอะไร รอจนกระทั่งกลับมาถึงห้องพักแล้ว จึงค่อยบอกเจ้าของห้องว่า “แมทครับ พรุ่งนี้คุณจะเปลี่ยนแผนไปมอร์นิ่งวอร์กกับคุณลิซ่าก็ได้นะครับ ผมยังไม่ชินกับพวกสัตว์ ผมนอนเฝ้าห้องก็ได้”

แมทขมวดคิ้ว ค้านเสียงดุๆ “ไม่ได้สิ เคธี่ฝากให้ฉันดูแลคี ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่ห้องได้ยังไง”

“เอ่อ...ก็...” ผมอึกอัก ก็ผมมารบกวนแบ่งที่พักเขา ให้เขาดูแลแล้ว ถ้าขืนเป็นต้นเหตุให้เขาเสียโอกาสอยู่กับสาวสวยด้วย ผมคงรู้สึกผิดไปกันใหญ่น่ะสิ

คุณยักษ์เห็นผมทำหน้าลำบากใจก็เลยเดินมาลูบหัวปลอบ
“ตามแผนเดิมนั่นแหละ คีรีบนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปให้อาหารสิงโต”

เขาทำเหมือนผมเป็นเด็กอีกแล้ว สงสัยเพราะผมเป็นน้องชายของเพื่อน เขาเลยมองผมเป็นน้องไปด้วย ผมเลยได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ตกลง

พวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เข้านอน เตียงเดี่ยวที่เลื่อนมาติดกันนั่นก็กว้างพอประมาณ นอน 2 คนได้แบบไม่เบียดกัน ผมเคยชินกับเวลาไปนอนค้างคอนโดพี่เมธ ก็เลยไม่รู้สึกอึดอัดที่มีคนมานอนข้างๆ

...ตอนนี้พี่เมธเองก็คงมีคนอื่นมานอนบนเตียงหลังนั้นแทนผมแล้วละมั้ง

ผมคิดแล้วก็รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งเลื่อนมาจุกที่คอ ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมยุ่งเรื่องเตรียมตัวเดินทางจนลืมความเศร้าไปได้บ้าง แต่อยู่ๆ คืนนี้กลับรู้สึกโหวงๆ ขึ้นมาอีก

ผมพลิกตัวนอนตะแคง หันไปที่ขอบเตียงอีกฝั่ง พยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายมันก็ยังไหลลงมาเปียกหมอน ข้างนอกตอนนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงสัตว์ป่าร้องอยู่ไกลๆ กับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่ตะแคงหันหลังให้

ไม่รู้ว่าแมทหลับไปแล้วจริงๆ หรือแค่พยายามทำเป็นหลับเพื่อไม่ให้ผมอาย แต่ผมก็พยายามกลั้นเสียงสะอื้นและสูดจมูกเบาๆ จะได้ไม่รบกวนเขา

อย่าร้องสิวะ คี หนีมาไกลขนาดนี้เพื่อจะลืมไม่ใช่หรือไง

............................TBC....................................


เท่าที่คำนวน น่าจะมาต่อได้ความยาวประมาณนี้ทุกตอน อาจจะสั้นหน่อย ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ตอนหน้าน้องคีจะได้เห็นสิงโตตัวจริงแล้วค่ะ หลังจากที่อยู่กับคุณสิงโตมาข้ามวันข้ามคืน

(https://www.picz.in.th/images/2018/06/17/4quSuk.jpg)

แนบภาพซิมบ้า, ทิโมน และพุมบ้าค่ะ ใครดูไลอ้อนคิงน่าจะชอบบอยแบนด์กลุ่มนี้เหมือนน้องคี "ฮาคูน่ามาทาท่า"

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ด้วยนะคะ /โค้ง
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 3
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-06-2018 11:30:19
น่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-06-2018 23:47:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 3
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 18-06-2018 02:41:56
เนื้อเรื่องน่าสนใจ
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 3
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 18-06-2018 07:11:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 21-06-2018 14:51:52
บทที่ 4

เมื่อคืนผมนอนร้องไห้จนผล็อยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนฟ้าสาง ได้ยินเสียงแมทเปิดประตูห้องน้ำก็เลยลืมตาขึ้นมาดู ข้างนอกท้องฟ้าเพิ่งจะเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีฟ้าอมส้ม มีเสียงนกร้องดังจุ๊บจิ๊บ ผมขยับตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามารอใช้ห้องน้ำต่อจากเจ้าของห้อง

พักหนึ่งแมทก็เดินออกมา เขาใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงแบบคาร์โกลายพราง พอเห็นผมยืนกอดเสื้อผ้าตัวเองหน้าตางัวเงีย เขาก็ยิ้มแล้วทักว่า “มอร์นิ่ง คี หลับสบายดีไหม”

“สบายครับ” ผมยิ้มตอบ คิดว่าเขาคงทักทายตามมารยาท และหวังว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของผมเมื่อคืน

ผมเข้าห้องน้ำต่อจากแมท จัดการอาบน้ำสระผมเรียบร้อยแล้วจึงใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมผมเปียกๆ เดินออกมา
“ขอโทษครับ แมท ในห้องนี้มีไดร์เป่าผมไหมครับ”

อีกฝ่ายพยักหน้า ชี้มือไปทางชั้นซึ่งอยู่มุมห้อง “อยู่บนชั้นโน่นแน่ะ แต่ไม่รู้ใช้ได้หรือเปล่านะ ฉันไม่เคยหยิบมาใช้เลย ปกติสระแล้วก็เช็ดๆ ผมเอา”

ผมมองเส้นผมยาวๆ ที่หยักศกเล็กน้อยของเขา ตอนนี้เจ้าตัวมัดไว้เรียบร้อย ดูท่าพร้อมจะออกไปข้างนอกแล้ว ผมก็เลยเปลี่ยนใจไม่เป่าผม แต่เช็ดๆ เอาพอแห้งอย่างที่เขาว่า แมทมองดูผมตากผ้าเช็ดตัวแล้วก็ถาม “คีสระผมทุกเช้าเลยเหรอ”

“ครับ ผมขี้ร้อนน่ะ ถ้าไม่สระผมจะรู้สึกไม่ค่อยสบายหัว เอ๊ะ หรือว่าถ้าอยู่ที่นี่จะไม่ควรอาบน้ำสระผมบ่อยๆ ครับ” ผมถาม “กลิ่นสบู่กลิ่นแชมพูจะไปรบกวนพวกสัตว์หรือเปล่า”
   
แมทเห็นท่าทางกังวลของผมแล้วก็รีบส่ายหน้า เอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “เปล่าหรอก ถามเพราะแปลกใจเท่านั้น ปกติจะเห็นคนชอบสระผมกันตอนกลางคืนมากกว่า เรื่องกลิ่นไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่ฉุนมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าขนาดใส่น้ำหอม พวกสัตว์อาจจะไม่ค่อยชอบ”
   
ผมยังห่วงไม่หายเลยลองจับปลายผมตัวเองมาดมๆ ดู
“แชมพูของผมก็มีกลิ่นนิดหน่อยนะครับ มันเป็นกลิ่นสมุนไพรด้วย คุณว่าจะแรงไปไหม ถ้าแรงไป ผมจะได้ไปล้างออกอีกที”
   
แมทลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ผม แต่ไม่ได้ประชิดตัวจนเกินไปนัก เขาก้มหน้าลงมาใกล้ศีรษะผมแล้วสูดลมหายใจเข้าช้าๆ
พอยืนเทียบกันแบบนี้แล้วถึงเห็นว่า เขาสูงกว่าผมอยู่เป็นคืบเลย ระดับสายตาผมอยู่แค่คางเขาเท่านั้นเอง แล้วตอนนี้ริมฝีปากที่อยู่ใต้เครารกๆ ก็กำลังขยับเอ่ยว่า
“โอเคแล้ว กลิ่นไม่แรงไปหรอก”

เขาบอกแล้วก็ถอยออกไป ก่อนจะถามต่อ “คีใช้แชมพูอะไร กลิ่นหอมแปลกดีนะ”

“อ๋อ ผมชอบใช้แชมพูสมุนไพรน่ะ อันนี้กลิ่น...แฝกหอม เอ่อ Vetiver Grass น่ะครับ”
ผมคิดหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่ 2-3 วิแล้วตอบเขา “เป็นสมุนไพรไทย รากมีน้ำมันหอมระเหย ได้กลิ่นแล้วสดชื่นดี ถ้าคุณสนใจลองใช้ดูก็ได้นะ ผมเอามาขวดใหญ่เลย อยู่ในห้องน้ำ” ผมเผลอโฆษณาสินค้าโอท็อปของประเทศเลยร่ายยาว

แมทหัวเราะ “อืม กลิ่นหอมเย็นชวนให้สบายใจจริงๆ ด้วย ไว้วันหลังจะลองบ้าง ตอนนี้ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปดูสิงโต” เขาบอกแล้วก็เดินนำผมออกไปจากห้อง


พวกเราไปกินอาหารเช้าที่โรงอาหารซึ่งแมทพาผมมาแล้วเมื่อคืน ตอนที่เรากินมื้อเย็นยังไม่ค่อยมีคนเท่าไร แต่เช้าวันนี้มีคนนั่งอยู่เต็มทุกโต๊ะ แมทบอกว่าเพราะที่ฮาร์นาสมีตารางเวลาชัดเจน ส่วนใหญ่ทั้งแขกที่มาพักและอาสาสมัครในหมู่บ้านอาสาจึงจะมากินอาหารเช้าพร้อมกันตอน 7 โมง ก่อนจะแยกย้ายไปตามจุดต่างๆ

“ถ้าเป็นโปรแกรมอาสาสมัครแบบ 14 วัน อาสาสมัครจะมาถึงกันตอนบ่ายวันศุกร์ วันเสาร์ถึงจะเริ่มโปรแกรมน่ะ ก็จะมีการแนะนำก่อนแล้วค่อยเป็นทัวร์ฟาร์มช่วงบ่าย เริ่มงานจริงก็วันอาทิตย์ แต่ของคี เคธี่บอกให้ฉันบุ๊คเป็น exclusive volunteer จะเริ่มวันจันทร์หน้าพร้อมแขกคนอื่น 2-3 วันนี้ก็พักผ่อน ดูอะไรไปก่อน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกะว่าจะอยู่ตั้งเกือบเดือน มีเวลาเหลือเฟือ” ผมตอบแล้วหยิบแซนวิชขึ้นมากัด

พวกลิซ่ากับเพื่อนซึ่งผมเพิ่งเจอเมื่อคืนเดินเข้ามาพอดี หญิงสาวผมบลอนด์คนนั้นสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขา แต่ก็ดูทะมัดทะแมงดี พอเห็นพวกผม หล่อนก็เดินเข้ามาทัก “มอร์นิ่งค่ะ แมท มอร์นิ่ง คี ขอพวกเรานั่งด้วยได้ไหม”

แมทพยักหน้าแล้วเขยิบที่ให้ ผมก็เลยทำตาม ลิซ่าทรุดนั่งลงข้างแมท ขณะที่เพื่อนเธออีก 2 คนนั่งฝั่งผม ลิซ่ากินอาหารเช้าพลางชวนคุย “วันนี้พวกคุณมีแผนจะไปไหนกันหรือคะ”

“เดี๋ยวผมจะพาคีไปมอร์นิ่งทัวร์ก่อนน่ะ พอดีเควินชวนไปช่วยให้อาหารพวกสิงโตด้วย ส่วนตอนบ่ายคงพาคีดูรอบๆ ฟาร์มก่อน” แมทตอบ

“ว้าว น่าอิจฉาคีจังเลย มีไกด์นำเที่ยวกิตติมศักดิ์ด้วย”
ลิซ่าแกล้งเย้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ผมแอบเห็นว่า สายตาเธอออกจะแข็งๆ ในใจคงไม่ได้ยินดีเหมือนปากพูด ถ้าถามว่า ผมรู้ได้ยังไง ก็เพราะผมเคยเห็นสายตาแบบนี้จากน้องรหัสพี่เมธอยู่บ่อยๆ น่ะสิ ตอนแรกผมแค่คิดว่าเธอแค่ไม่ชอบผม แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า สายตาแบบนี้แปลว่า อิจฉา

โดนสาวสวยอิจฉาเพราะคุณสิงโตต้องมาเทคแคร์ผม ควรจะบอกเธอดีไหมเนี่ยว่า ที่เขาดูแลผมก็เพราะเจ้เคธฝากฝังมา - - แต่เห็นท่าทางแบบนี้แล้วไม่บอกดีกว่า

ลิซ่ายังอ้อยอิ่งชวนแมทคุยอยู่พักใหญ่ พวกผมกินอาหารเสร็จก่อนพวกเธอ แต่ไม่อยากจะลุกหนีให้เสียมารยาท จนกระทั่งเพื่อนของลิซ่ากินอาหารเสร็จแล้วมาชวนเธอไปมอร์นิ่งวอร์กกับชีต้าตามกำหนด หญิงสาวขัดเพื่อนไม่ได้ก็เลยบอกลาแล้วลุกไป ผมแอบถอนใจเบาๆ

แมทดูนาฬิกาแล้วก็บอกว่า “ไปเถอะ ได้เวลาพอดี ป่านนี้เควินไปรอพวกเราที่โรงรถแล้ว”

ผมเดินตามพี่ยักษ์ไปตามทางเดินจนถึงโรงเรือนชั้นเดียวสีส้ม ตรงนี้เป็นที่เตรียมอาหารของพวกสัตว์ มีอาหารและของสดหลายชนิดอยู่ในถังที่ตั้งเรียงราย กลิ่นค่อนข้างแรงอยู่เหมืนกัน แต่ผมไม่ได้รังเกียจอะไร

เควินซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของฮาร์นาสรอพวกเราอยู่ แมทแนะนำให้ผมรู้จักเขา แล้วผมช่วยแมทกับเควินถือถังที่เป็นเนื้อสดสีแดงเปื้อนเลือดขึ้นไปบนรถกะบะแบบที่มีกรงเหล็กติดทางด้านหลัง แล้วพวกเราสองคนก็ต้องนั่งไปในกรงนั่นแหละ ดีว่าด้านบนเปิดเป็นช่องให้ยืดตัวขึ้นไปยืดดูอะไรๆ ได้

“ถ้าไม่มีช่องข้างบนนี่ ผมต้องนึกว่าตัวเองเป็นสิงโตที่กำลังจะถูกจับไปปล่อยแน่เลยครับ”
ผมพูดกับแมทระหว่างที่รถแล่นออกจากโซนที่พัก

เขาหันกลับมาแล้วส่ายหน้าขำๆ “คีดูไม่เหมือนสิงโตนะ ถ้าเป็นลูกแมวก็ว่าไปอย่าง หน้าตาบ้องแบ๊วเหมือนกัน”

ผมเบิกตาโต โอ้โห นี่เริ่มสนิทกันแล้วแซวผมเลยนะ ผมก็เลยแซวเขากลับไปบ้าง 
“ผมไม่เหมือนสิงโตก็ได้ แต่แมทน่ะเหมือนแน่ๆ ยิ่งมีทั้งหนวดทั้งเคราแบบนี้ ถ้าปล่อยผมนะ เหมือนเปี๊ยบเลย”

คุณสิงโตถูกผมแซวแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากหัวเราะเสียงดังจนลั่นกรง

............................TBC....................................

มาทีละนิดอีกแล้ว พอดีช่วงนี้ตารางงานเราค่อนข้างแน่น เลยแอบมาจิ้มได้ทีละหน่อยค่ะ
น้องคีไม่ได้เห็นสิงโตตัวจริงสักที เห็นแต่พี่สิงโตข้างตัวนี่แหละ ไว้ตอนหน้าค่อยไปทัวร์ฮาร์นาสกันจริงจังนะคะ

แอบแปะอิมเมจน้องคีในความคิดคุณสิงโต

(https://www.picz.in.th/images/2018/06/21/4nEeZV.jpg)

cr. pix by jessiefeross pixabay.com


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่ะ /โค้ง
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 21-06-2018 18:20:32
น่ารักมากค่า
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 21-06-2018 20:14:53
น่าติดตามมาค่ะ เหมือนได้ตามไปเที่ยวด้วย
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-06-2018 20:55:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-06-2018 22:16:38
รัก คุณสิงโต~ :o8:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-06-2018 22:32:30
มารอ
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-06-2018 00:36:46
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 23-06-2018 01:09:40
บทที่ 5

พวกเรานั่งอยู่ในกรงท้ายรถกะบะของเควิน ผ่านด่านกั้นเข้าไปในส่วนของพื้นที่อนุรักษ์ซึ่งเป็นทุ่งหญ้ากับป่าโปร่งมีต้นไม้ต้นไม่สูงนัก ในที่สุดผมก็เห็นสิงโต 3 ตัวเดินอยู่ในทุ่งหญ้าข้างทาง เควินจอดรถให้พวกเราดูมันใกล้ๆ แต่ไม่ให้ออกจากกรงตาข่าย แค่ยืดตัวโผล่ออกมาทางช่องด้านบนเท่านั้น

“เป็นไง คี เหมือนซิมบ้าในการ์ตูนไหม”
แมทเห็นผมเบิกตากว้างอย่างตื่นตาตื่นใจก็ออกปากแซวผมอีกแล้ว ผมหรี่ตามองเขา “เหมือนอยู่แล้วละครับ ผมเคยเห็นสิงโตแล้วน่า ที่เมืองไทยก็มีสวนสัตว์เปิดนะ” ซาฟารี เวิร์ลไง สมัยเด็กๆ ผมไปประจำเลย เพียงแต่สิงโตที่เมืองไทยจะทำหน้าง่วงๆ หน่อย เอาแต่นอน ไม่เดินไปเดินมาเหมือนที่นี่
   
“เราจะให้อาหารสิงโตที่นี่เหรอครับ”
ผมถามชะโงกหน้าไปถามเควินที่ออกมายืนข้างตัวรถแบบไม่กลัวพวกสิงโตที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ คุณเจ้าหน้าที่หัวเราะแล้วตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่หรอก แมทขอให้วนเข้ามาให้คีได้เห็นสิงโตเดินเล่นกันตามธรรมชาติก่อน ถ้าจะให้อาหารต้องไปให้ตรงจุดที่เตรียมไว้ ตรงนั้นจะมีรั้วลวดเหล็กกั้นเพื่อความปลอดภัย”

เขาบอกแล้วก็ถามว่า ผมอยากไปต่อหรือยัง ผมขอเวลายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเจ้าสิงโต 3 ตัวนั้นไว้ เสร็จแล้วเควินจึงกลับขึ้นรถแล้วขับพาพวกเราอ้อมออกมาจากตรงนั้น

พวกเรามาถึงจุดให้อาหารสิงโตซึ่งมีรั้วตาข่ายเหล็กสูงกั้นเป็นแนวยาว พอรถจอด พวกสิงโตที่มารอกินอาหารเช้าก็เยื้องย่องออกมาเดินวนเวียนอยู่หน้ารั้วลวด ส่งเสียงคำรามต่ำๆ ผมช่วยแมทกับเควินขนถังอาหารลงจากรถ แล้วพวกเขาก็ช่วยกันสาธิตให้ดูว่าจะให้อาหารพวกสิงโตอย่างไร ก็ไม่อยากหรอกครับ แค่โยนข้ามรั้วไปเท่านั้น
   
ผมสวมถุงมือยางคู่ใหญ่ แล้วก้มลงหยิบขาแกะเปื้อนเลือดในถัง ออกแรงโยนข้ามรั้วสูงไปตกปุลงบนพื้นดินฝั่งตรงข้าม สิงโตตัวเมียท่าทางปราดเปรียวตัวหนึ่งตรงเข้ามาขย้ำเนื้อกินท่าทางเอร็ดอร่อย ผมหยิบเนื้อส่วนซี่โครงแผ่นใหญ่โยนข้ามไป คราวนี้เป็นสิงโตตัวผู้ที่มีแผงคอฟูสวย มันเงยหน้า อ้าปากคว้าเนื้อที่ลอยลิ่วมาไปแทะกินทั้งชิ้น

เสร็จจากให้อาหารสิงโต เราก็ไปให้อาหาร African Wild Dog ต่อ หมาป่าแอฟริกันนี่ไม่เหมือนหมาป่าตะวันตกที่คนไทยคุ้นเคย หน้ามันค่อนข้างสั้น ตัวก็เล็ก มีจุดเด่นที่หูกลมใหญ่ ขนสั้นเแล้วก็มีลายสีดำตามลำตัว คนเลยมักจำมันสับสนกับตัวไฮยีน่าเสียมากกว่า

เจ้าหมาป่าพวกนี้ไม่เหมือนบรรดาคุณสิงโตที่กินอาหารอย่างสงบ พวกมันกรูกันเข้ามากระโดดแย่งอาหาร ขนาดผมกับแมทช่วยกันโยนอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องในข้ามไปให้พวกมันตั้งหลายชิ้น พวกมันก็ยังกัดกันเองวุ่นวาย

ระหว่างที่ยืนดูพวกหมาป่าแย่งอาหารกัน เควินก็อธิบายให้ผมฟังว่า หมาป่าแอฟริกันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ไอคิวสูงมาก อยู่รวมกันเป็นฝูงและชอบล่าสัตว์ใหญ่ อย่างลูกยีราฟ หรือควายป่า พวกมันจะเริ่มจากคว้าหางดึงให้เหยื่อล้ม แล้วกัดศีรษะก่อนจะคว้านที่ท้อง

ผมนึกภาพตามพลางมองดูพวกหมาป่าที่กำลังฉีกเครื่องในกินอย่างตะกรุมตะกรามแล้วก็แอบกลืนน้ำลาย แมทเห็นผมทำหน้าหวาดเสียวก็เลยต่อท้ายว่า “ถึงมันจะดุร้ายและเจ้าเล่ห์ แต่ก็ถูกมนุษย์ล่าไปจนเกือบจะหมดแล้วละ ในธรรมชาติเหลือไม่ถึง 5000 ตัวแล้ว ที่นี่ถึงต้องมีโครงการอนุรักษ์พันธุ์หมาป่าแอฟริกันเป็นพิเศษ”

ผมฟังแล้วก็ถอนใจ “สุดท้ายมนุษย์เราก็ร้ายกาจที่สุดสินะครับ”
ขนาดคนรักกันยังทำร้ายกันได้ลงคอเลย...นี่ผมจะวกกลับมาคิดเรื่องพี่เมธอีกทำไมวะ ไม่เอาแล้ว เลิกคิดๆ

อาหารที่เตรียมมาหมดเกลี้ยงทุกถังแล้ว เควินขับรถพาพวกเราทัวร์ฟาร์มคร่าวๆ (ความจริงแค่ผม เพราะแมทคงสำรวจจนทั่วไปหลายรอบแล้ว) แมทชวนผมยืดตัวยืนผ่านช่องด้านบนของกรงที่เจาะไว้ แล้วชี้อธิบายจุดต่างๆ ในฮาร์นาส แถมยังเล่าประวัติให้ผมฟังย่อๆ

ที่นี่ก่อตั้งมาเกือบ 40 ปี เริ่มจากฟาร์มเล็กๆ ที่อนุรักษ์ลิงพันธุ์หายาก จนกลายเป็นศูนย์อนุรักษ์ที่มีพื้นที่เกือบสี่หมื่นแปดพันไร่ มีสัตว์ป่าสายพันธุ์ต่างๆ ถูกส่งตัว มาจากทั่วแอฟริกา


กว่าพวกเราจะกลับไปถึงที่พักก็ใกล้เที่ยง ผมกับแมทบอกลาเควินแล้วกลับมากินอาหารที่โรงอาหาร คราวนี้ไม่เจอพวกลิซ่ากับเพื่อนอีก พวกเธอคงวุ่นอยู่ที่อื่น ผมแอบโล่งใจ ก็นะ...ผมเพิ่งมาใหม่ ช่วงนี้คงต้องติดสอยห้อยตามแมทไปก่อน ถ้าต้องมานั่งกินข้าวโดยมีสาวสวยมานั่งมองแบบหงุดหงิดไม่ชอบใจอยู่ทุกมื้อ ผมคงฝืดคอแย่

ผมคิดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองพี่ยักษ์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม แมทหน้าตาดีจริงๆ แหละ ไม่แปลกที่แม่สาวผมบลอนด์จะอยากกิ๊กด้วย เพราะถึงแมทจะเป็นอเมริกันเอเชีย แถมมีหนวดเครารกไปทั้งหน้า แต่รูปตาเขาเรียวสวย จมูกก็โด่งเป็นสัน แถมตัวก็สูงเกินมาตรฐานผู้ชายเอเชียหรือฝรั่งหลายคนด้วยซ้ำ

“แมทสูงเท่าไหร่ครับเนี่ย” ผมอดถามออกไปไม่ได้

“1.93 เมตร ทำไมเหรอ” เขาตอบแล้วก็ถามกลับมาหน้าตางงๆ

"แค่อยากรู้น่ะ คุณสูงดีจัง เป็นกรรมพันธุ์หรือเปล่าครับ” ผมถาม

แมทหัวเราะ “กรรมพันธุ์เกินครึ่งเลยละ แม่ฉันเป็นลูกครึ่งเยอรมัน ตัวสูงกว่าพ่อฉันอีก”

“มิน่าละ...” ผมหน้าม่อย ตอนแรกกะว่าถ้าไม่ใช่กรรมพันธุ์จะต้องขอเคล็ดลับเพิ่มส่วนสูงจากเขาซะหน่อย “คุณพ่อคุณเป็นเอเชียสินะครับ” ผมเดาจากนามสกุลของเขา

“อืม ไต้หวันน่ะ ท่านมาเรียนที่อเมริกาแล้วเจอแม่ ก็เลยตัดสินใจแต่งงานตั้งรกรากอยู่ที่โน่น”  แมทบอกแล้วก็เปิดรูปคุณพ่อคุณแม่ในโทรศัพท์มือถือให้ผมดู คุณแม่เขาตัวสูงกว่าคุณพ่อจริงๆ ด้วย แต่พวกท่านก็ดูเป็นคู่ที่น่ารัก แถมหน้าตาดีทั้งคู่ ไม่แปลกที่มีลูกชายหล่อ

ช่วงบ่ายพวกเราไม่มีโปรแกรมอะไร เจ้าหน้าที่ของศูนย์มาขอแรงแมทไปช่วยขนย้ายสัตว์บาดเจ็บเพราะอยู่ที่นี่เป็นเดือนจนชินงานแล้ว แมทชวนผมไปด้วยแต่ผมกลัวว่าตัวเองจะเกะกะก็เลยขอนั่งพักอยู่ที่โซนพักผ่อนตรงส่วนกลาง จะได้ใช้ไวไฟคุยกับที่บ้านซักหน่อย
   
เวลาที่นามิเบียช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง ตอนนี้ที่กรุงเทพคงสองทุ่มกว่าๆ พ่อแม่กับพี่สาวผมน่าจะถึงบ้านกินข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว ผมเลยใช้วิดีโอคอลเข้าเครื่องเจ้เคธ
   
พี่สาวผมรับสายแล้วก็ทักมาหน้าตาตื่นเต้น “ไอ้คี! เป็นไงบ้างแก ป๊า! ม้า! ไอ้คีคอลมาแล้ว”

เจ้เคธหันไปเรียกป๊าม้าให้มารุมหน้าโทรศัพท์ ทั้งสามคุมรุมถามผมกันใหญ่ว่าเป็นไงบ้าง ผมเล่าให้ฟังคร่าวๆ แล้วก็บอกว่า “ป๊าม้าไม่ต้องห่วงนะ คีสบายดี ที่พักก็โอเค เพื่อนเจ้เคธช่วยพาทัวร์ด้วย”

“เออ ว่าจะถามอยู่ว่า แมทไปไหนซะละ” พี่สาวผมถามขึ้นมา

“ออกไปช่วยที่ศูนย์ย้ายสัตว์บาดเจ็บน่ะ คีกลัวเกะเกะเลยไม่ได้ไปด้วย”

“โอเค งั้นฝากแกขอบคุณเขาด้วย แล้วไว้เจ้ค่อยทักไปหาเขาเองอีกที” เจ้เคธบอก

ผมเห็นว่าคุยกันมาสักพักแล้ว ก็เลยบอกลาที่บ้าน สัญญาว่าจะคอลไปเป็นระยะ แล้วก็วางสาย สักพักหนึ่งแมทก็เดินเข้ามา “คี ไวไฟใช้ได้ไหม ได้โทรหาที่บ้านหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ พี่สาวผมฝากขอบคุณคุณด้วยนะ บอกว่าเดี๋ยวจะส่งข้อความมาอีกที”

ผมพูดจบประโยค โทรศัพท์มือถือของแมทก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูหน้าจอแล้วก็ยิ้มกว้าง “เคธี่ส่งข้อความมาแล้ว ยังทำอะไรรวดเร็วเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” เขาบอกแล้วก็ก้มลงพิมพ์ข้อความกลับไป

ไม่รู้คุยกันอีท่าไหน ใบหน้ารกๆ นั่นถึงได้ยิ้มเขินออกมา

แมทเขินเจ้เคธ? หรือว่าเขาจะแอบปิ๊งพี่สาวผม?

ก็เป็นไปได้แฮะ...มิน่า เขาถึงได้ใจดีกับผมจัง เพราะผมเป็นน้องชายของผู้หญิงที่ชอบสินะ

ไม่อย่างนั้นใครจะมาเทคแคร์น้องชายเพื่อนเก่าขนาดนี้ละเนอะ


............................TBC....................................


มาทีละนิดอีกแล้ว แต่อย่างน้อยน้องคีก็ได้เห็นสิงโตตัวเป็นๆ แล้วละเนอะ ^^

แปะรูปสัตว์ป่าสำหรับตอนนี้ African Wild Dog ค่ะ

(https://www.picz.in.th/images/2018/06/23/4Vt49R.jpg)

cr. pix by FotoshopTofs pixabay.com

ตอนนี้เขียนแล้วก็ลบไปตั้งหลายบรรทัด เราติดนิสัยชอบบรรยายยาวๆ จะพยายามคุมไม่ให้กลายเป็นสารคดีท่องเที่ยวนะคะ ^^!

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-06-2018 14:11:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-06-2018 20:22:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-06-2018 17:56:05
เราว่าแมทแอบชอบคีนะ
หัวข้อ: Re: Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 24-06-2018 19:58:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 6
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 30-06-2018 01:37:17
บทที่ 6

เวลาที่เหลือในช่วงบ่าย แมทพาผมเดินดูรอบๆ พื้นที่ส่วนกลางของฮาร์นาส ซึ่งมีคลินิกรักษาสัตว์ ส่วนเตรียมอาหาร และที่ทำเวิร์คช็อป เลยออกไปบริเวณที่ใกล้ที่สุดจะเป็นส่วนดูแลลิงบาบูน และส่วนอนุบาลเสือชีตาห์ซึ่งยังไม่ปล่อยออกสู่ธรรมชาติ
   
ผมเดินไปบนสนามหญ้าเรียบ อ้อมผ่านฝูงพังพอนที่กำลังกินอาหารซึ่งทางศูนย์เตรียมไว้ให้ เดินไปอีกหน่อยก็สวนทางกับคุณเต่าตัวใหญ่ที่กำลังคลานต้วมเตี้ยม ที่นี่ปล่อยฟรีสัตว์ที่ไม่เป็นอันตรายจริงๆ ด้วยแฮะ
   
แมทชี้มือไปที่เมียร์แคทซึ่งอยู่ตรงบ่อน้ำ “นั่นไง ทิโมนของคี ทีนี้ก็เห็นครบ 3 ตัวเพื่อนซี้แล้วนะ” เขาบอกเสียงกลั้วหัวเราะ

ผมหรี่ตาแล้วแกล้งทำปากขมุบขมิบประชด “ขอบคุณนะครับ ที่อุตส่าห์จำได้” นี่เขาจะล้อผมเรื่องไลอ้อนคิงไปตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่เลยไหมเนี่ย

พวกเราเดินวนครบรอบก็ไปกินอาหารเย็นที่โรงอาหาร ระหว่างที่กำลังกิน แมทก็เอ่ยขึ้นมาว่า “จริงสิ เมื่อกี้ตอนกลับจากไปช่วยขนย้ายพวกสัตว์ ฉันเจอกับลิซ่า เธอชวนว่า ค่ำนี้ที่หมู่บ้านอาสาจะจัดปาร์ตี้ เพราะพรุ่งนี้มีหลายคนจะกลับ เลยชวนฉันกับคีไปด้วย สนใจไหม”

“คุณลิซ่าชวนผมด้วยหรือครับ” ผมถามอย่างประหลาดใจ ชวนพี่หนวดน่ะไม่แปลก แต่ชวนผมไปด้วยนี่สิ

แมทพยักหน้า “ปกติฉันจะไม่ค่อยไปจอยปาร์ตี้ เพราะเหนื่อยจากทำงานแล้วอยากนอนมากกว่าน่ะ แต่ฉันเห็นคียังไม่มีเพื่อน ถ้าไปปาร์ตี้เจอคนอื่น เวลาไปทำงานด้วยกันจะได้คุยกันสะดวก เลยบอกลิซ่าว่าจะมาถามคีดูก่อน”

อาฮะ ปริศนากระจ่างแล้ว ที่แม่คุณลิซ่าออกปากชวนผม เพราะคิดว่าถ้าผมอยากไป แมทจะได้ไปด้วยนี่เอง แต่ที่แมทพูดก็ถูกเหมือนกัน ผมเพิ่งมาใหม่ ไป make new friend บ้างก็ดี

ผมพยักหน้าตกลง “ผมอยากไปครับ”


หลังจากกินอาหารเสร็จ พวกเราก็เลยออกเดินไปหมู่บ้านอาสาสมัครซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ส่วนกลางไปประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาเดินเท้าสัก 10 นาทีได้ แมทบอกว่า ควรติดแจ็กเก็ตไปด้วยเพราะขากลับอากาศน่าจะเย็น พวกเราก็เลยเดินกลับไปหยิบเสื้อคลุมกับไฟฉาย เดินไปได้ครึ่งทางพระอาทิตย์ก็ตก รอบด้านกลายเป็นความมืดสลัว มีแสงไฟอยู่ไกลๆ    
ผมเดินตามแมทไปเงียบๆ พอเดินไปถึงหมู่บ้านอาสาสมัครก็ค่อยมีคนเดินผ่านไปมา หลายคนทักแมทอย่างสนิทสนม คงเพราะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่ เขาเลยถือโอกาสแนะนำผมไปด้วย

ผมมองไปรอบด้านอย่างสนใจ หมู่บ้านอาสาสมัครจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าบริเวณลอจ์ดที่ผมพักอยู่กับแมท ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม แต่ก็ดูคึกคักดี ถ้ามากับเพื่อนหลายคนคงสนุก ให้อารมณ์เหมือนออกค่ายอาสา ไม่ก็ตอนไปกางเต็นท์เที่ยวภูกระดึงอะไรแบบนั้น

ปาร์ตี้เลี้ยงส่งคนที่จะกลับจัดขึ้นง่ายๆ ที่โรงอาหารในส่วนของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นกระท่อมไม้ไผ่แบบเปิดโล่ง มีเสียงดนตรีจากลำโพงดังแว่ว หลายคนถือขวดเบียร์ไม่ก็แก้วเหล้าเล็กๆ ติดมือ ลิซ่ากับเพื่อนของเธออยู่ใกล้กับเคาน์เตอร์ สาวสวยโบกมือทักพวกผม “แมท คี ทางนี้ค่ะ”

เธอเสนอเมื่อพวกเราเดินเข้าไปถึง “ดื่มอะไรกันดี เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”

แมทส่ายหน้ายิ้มๆ “อย่าเลย เกรงใจคุณ วันก่อนบ่นว่าแลกเงินมาไม่พอไม่ใช่หรือ” พี่หนวดหันมาถามผม “คีจะดื่มอะไร ดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือเปล่า”

ผมส่ายหน้าพลางยิ้มแหย “ผมแพ้เบียร์น่ะ ขอเป็นโคล่าดีกว่าครับ”

แมทสั่งเบียร์ให้ตัวเองและโคล่าให้ผม แล้วพวกเราก็ยืนคุยกับลิซ่าและเพื่อนของเธอ ถ้าพูดให้ชัดๆ คือ ลิซ่าจับคู่คุยกับแมท ส่วนเพื่อนสาวอีก 2 คนของเธอคุยกับผม ไปๆ มาๆ เลยแยกไป 2 วงห่างกันโดยปริยาย

“พวกคุณแพลนว่าจะอยู่นานแค่ไหนครับ”
ผมถามเจนกับคอร์เดีย สองสาวเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของลิซ่า ใช้เวลาตอนปิดเทอมมาเที่ยวด้วยกัน ตอนแรกผมกลัวว่าพวกเธอจะเขม่นผมเหมือนเพื่อนสาวผมบลอนด์ แต่พอคุยกันแล้วปรากฏว่า คุยง่ายกว่าเยอะ

 “กะว่าจะอยู่สัก 4 สัปดาห์น่ะ นี่ก็ผ่านไปครึ่งทางแล้วละ” เจนตอบคำถามของผม “พรุ่งนี้พี่ชายของลิซ่าจะมาสมทบ รายนั้นเขาไม่ได้กะจะมาทำงานอาสาอย่างเดียว เลยขอไปเที่ยวที่อื่นก่อน แล้วมาทำงานที่นี่แค่ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นพวกเราจะไปเที่ยวทะเลทรายนามิบกัน”

“จะไปนามิบด้วยเหรอครับ ดีจัง ผมก็อยากไปอยู่เหมือนกัน แต่คงไปยาก”
ผมเองก็สนใจทะเลทรายสีแดงที่ได้ชื่อว่า เป็นทะเลทรายที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งนั้นตั้งแต่ตอนที่เปิดข้อมูลประเทศนามิเบียแล้ว ติดที่ว่าที่นั่นอยู่ไกลจากฮาร์นาสหลายร้อยกิโล แทบจะเรียกว่าคนละภูมิภาค ถ้าจะไปก็ต้องเช่ารถขับ ซึ่งผมคงไม่สามารถ

“ถ้าอยากไปทำไมไม่ให้แมทพาไปล่ะ รายนั้นมาเที่ยวนามิเบียหลายรอบ แถมอยู่นาน น่าจะเคยไปทั่วแล้ว” คอร์เดียซึ่งดูท่าทางเป็นสาวมั่นเสนอ “คีเป็นแฟนแมท เขาน่าจะอยากพาเธอไปเที่ยวนะ” 

“อุ๊บ!” ผมสำลักโคล่าที่เพิ่งยกขึ้นจิบ “แคกๆ ผมไม่ใช่แฟนของแมทนะครับ เป็นน้องชายของเพื่อนเขาต่างหาก” ผมรีบละล่ำละลักชี้แจง

“อ้าว ซอรี่ เข้าใจผิดหรอกหรือ ตั้งแต่มาพวกฉันเห็นแมทพักอยู่คนเดียว แล้วอยู่ๆ คีก็ตามมา แถมแมทยังเทคแคร์อย่างดี เลยคิดว่าเป็นแฟนกัน” คอร์เดียบอกหน้าซื่อ อืม พวกสาวๆ เป็นอเมริกัน คงคุ้นเคยกับคู่เกย์ พอเห็นผู้ชายสองคนที่ไม่น่าใช่เพื่อนหรือญาติพักอยู่ห้องเดียวกัน เลยคิดไปในแง่นั้นสินะ

ผมเลยได้แต่ยิ้มแหยแล้วปฏิเสธ “พี่สาวผมเป็นเพื่อนสมัยเรียนของแมทน่ะ พอดีผมจะมาที่นี่กะทันหัน แต่ที่พักในลอจ์ดเต็ม แมทเลยให้ผมพักด้วยไปก่อน”

“อ้อ แบบนี้นี่เอง” คอร์เดียพยักหน้าหงึกๆ “ถ้าอย่างนั้นต้องไปแก้ความเข้าใจผิดให้ยัยลิซ่า วันนี้ยัยนั่นแบดมู้ดทั้งวันเพราะคิดว่าพ่อหนวดรูปหล่อมีแฟนแล้ว ทีนี้จะได้เร่งทำคะแนนละ”

ผมฟังแล้วมองไปทางสาวผมบลอนด์ซึ่งยืนคุยอยู่กับพี่ยักษ์ เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานตาเชื่อม ผมส่ายหน้าพลางนึกขำในใจ

...ดูท่าถึงจะไม่แก้ความเข้าใจผิด เจ้าตัวก็เร่งทำคะแนนอยู่นะครับ


............................TBC....................................


ตอนนี้มาสั้นๆ เพราะสัปดาห์นี้เราเจอมรสุมงานค่ะ ปลีกเวลามาเขียนได้นิดเดียวจริงๆ พรุ่งนี้ต้องลุยงานต่อแล้ว คงมาได้ทีละนิดละน้อย หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการทำงานของน้องคีนะคะ


แปะรูปสัตว์ป่าสำหรับตอนนี้ Meerkat หรือเจ้าทิโมนใน Lion King ค่ะ

(https://www.picz.in.th/images/2018/06/30/N7qh8t.jpg)

Photo by Erik-Jan Leusink on Unsplash

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-07-2018 01:52:57
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 6
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 01-07-2018 08:19:57
อยากไปเที่ยวเเอฟฟริกาเลยค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 6
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-07-2018 05:25:45
555แทบสำลักโคล่าเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 7
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 10-07-2018 17:50:44
บทที่ 7

คงเพราะความเหนื่อยสะสมบวกกับผมเริ่มชินที่ทางบ้างแล้ว คืนที่สองในฮาร์นาส ผมจึงผล็อยหลับไปตั้งแต่หัวถึงหมอนแถมยังหลับสนิท รู้สึกตัวนิดหน่อยตอนกลางดึกเพราะอากาศเย็นลงจนหนาว ผมพยายามเขี่ยเท้าจะควานหาผ้าห่มปลายเตียงก็หาไม่เจอ โชคดีที่ไม่นานก็รู้สึกอุ่นแล้วหลับต่อได้

ผมลืมตาตื่นตอนเช้า ตลบผ้าห่มที่ดึงขึ้นมาคลุมตัวตอนไหนก็ไม่รู้ออกไป แมทล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนผมจะตื่นเหมือนเมื่อวาน กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรอยู่ที่โต๊ะ พอได้ยินเสียงผมขยับลุก เขาจึงค่อยหันมา “มอร์นิ่ง คี วันนี้อยากทำอะไรเป็นพิเศษไหม”

“ไม่มีหรอกครับ ผมเพิ่งมาอยู่ใหม่ ยังไม่รู้ว่าที่นี่เขาทำอะไรกันบ้าง ทำตามตารางปกติของคุณเถอะ”

ผมตอบแมทไปอย่างนั้นแล้วรีบคว้าเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำสระผม เตรียมพร้อมออกไปช่วยงานเขา พวกเราออกไปกินอาหารเช้าที่โรงอาหาร เจอพวกลิซ่าเหมือนเมื่อวาน แต่ที่ต่างไปคือ วันนี้สาวผมบลอนด์คนนั้นโบกมือทักทายเสียงร่าเริง แถมยังมองผมแล้วยิ้มให้อีก

“มอร์นิ่งค่ะ แมท มอร์นิ่ง คี”

ผมยิ้มตอบ นึกขำขึ้นมาอีก นี่เจนกับคอร์เดียคงบอกเธอแล้วว่า ผมกับแมทไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วผมก็แค่มาขออาศัยพักห้องเขาเท่านั้น เจ้าตัวก็เลยเป็นมิตรกับผมขึ้นมานิดหน่อย

เอ่อ...ความจริงก็ไม่หน่อย ออกจะมากเกินไปนิดนึงด้วยซ้ำ เพราะเธอถามผมเรื่องโน้นเรื่องนี้ เน้นซักเรื่องพี่สาวผมที่เป็นเพื่อนเก่าของแมท แต่ระวังไม่ให้ดูละลาบละล้วงเกินไปจนพี่หนวดที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมจับสังเกตได้

ตอนที่แมทลุกขึ้นไปสั่งอาหารเพิ่ม ลิซ่าก็ถามผมว่า

“คีสมัครโปรแกรมอาสาแบบ Exclusive เริ่มวันจันทร์หน้าใช่ไหม พี่ชายฉันก็จะเข้าโปรแกรมนี้เหมือนกัน วันนี้เขาจะขับรถมาจาก Swakopmund น่าจะถึงช่วงค่ำๆ”

เธอเอ่ยชื่อเมืองท่าตากอากาศซึ่งอยู่ทางตะวันตกของนามิเบียก่อนจะชวน “เขาพักที่หมู่บ้านอาสา ห้องคู่แต่อยู่คนเดียว คีสนใจมาจอยห้องกับพี่ฉันไหม เวลาออกไปทำงานก็ไปพร้อมกัน กลับพร้อมกัน สะดวกดี ยังไงพอเริ่มโปรแกรมแล้วตารางเวลาเธอจะไม่ตรงกับแมท ต้องรอกันก็ลำบาก”

เธอเสนอเหมือนหวังดีกับผม แต่ผมก็มองเห็นเป้าหมายส่วนตัวของหญิงสาว ถึงจะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรกับแมท แต่เธอก็คงไม่อยากให้ใครมาอยู่ใกล้หนุ่มหล่อที่ตัวเองหมายตาละมั้ง

ถึงอย่างนั้นข้อเสนอของลิซ่าก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน ผมออกจะเกรงใจที่มาอาศัยห้องแมทอยู่ แถมเขายังต้องช่วยดูแลพาไปโน่นไปนี่ ทำให้เขาเสียเวลาช่วงพักร้อนที่ตั้งใจจะมาทำงานที่ฮาร์นาสไปตั้งหลายวัน “ก็น่าสนนะครับ ไว้ผมจะลองคิดดู”

“อืม ค่ำนี้ฉันจะพาพี่ชายมาดินเนอร์ที่ห้องอาหารฝั่งลอด์จ คีแวะมาสิ จะได้รู้จักกันไว้”

สาวผมบลอนด์ตอบกลับมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ผมได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มตอบ พอแมทกลับมา พวกเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปแล้ว


หลังมื้อเช้าพวกลิซ่าก็แยกตัวไปทำงานอีกส่วนหนึ่ง แมทหันมาถามผม “สนใจจะไปเดินเล่นกับชีต้ามั้ย คี”

“เอ๋? เดินเล่น แบบมอร์นิ่งวอร์กที่พวกลิซ่าชวนคุณเมื่อวานน่ะหรือครับ” ผมย้อนถาม

“ไม่เหมือนเสียทีเดียว ปกติมอร์นิ่งวอร์กกับชีต้าจะเป็นกลุ่มใหญ่ พาชีต้าไป 4-5 ตัว แต่พอดีวันนี้เบน สต๊าฟส่วนดูแลชีต้าบอกว่าจะถ่ายคลิปโปรโมท จะถ่ายเจ้าไพรด์ ชีต้าตัวเด่นไปถ่ายตัวเดียวก่อน เขามาถามฉันว่าจะช่วยเป็นตากล้องให้ได้ไหม ฉันเลยจะหาลูกมือไปช่วยน่ะ”

“ไปสิครับ” ผมรีบรับคำ ถ้าเขาจะพาผมไปเที่ยว ผมคงเกรงใจ แต่นี่ไปเป็นลูกมือช่วยเขาบ้าง ค่อยยังชั่วหน่อย

...............................................................


พวกเรานั่งรถกระบะติดกรงเหมือนที่ไปให้อาหารสิงโตเมื่อวาน แต่คราวนี้ตื่นเต้นกว่ามาก เพราะเบนแวะรับผู้โดยสารอีกคน...เอ๊ย อีกตัว เจ้าชีต้าตัวเพรียวกระโดดขึ้นมาในกรงอย่างนุ่มนวล ผมเผลอถอยไปติดกรงเหล็กด้านหลัง กลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ พอนั่งอยู่ในที่แคบแบบนี้ หน้ามันแทบจะอยู่ระดับเดียวกับหน้าผมแน่ะ

“ไม่ต้องกลัวนะ คี ไพรด์อยู่ที่ฟาร์มมาตั้งแต่เล็ก มันคุ้นกับคน”

เบนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คนพื้นเมือง แต่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องปลอบผมแล้วปิดประตูกรง ผมได้แต่ยิ้มแหย นึกตอบในใจว่า เจ้าไพรด์อาจจะคุ้นกับคน แต่ผมที่เป็นคนน่ะ ไม่คุ้นกับการอยู่ร่วมกรงกับชีต้านี่ครับ

“ไฮ ไพรด์” แมทที่นั่งอยู่ตรงข้ามเรียกชื่อแล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะมัน เจ้าชีต้าหันทำจมูกฟุดฟิดดมเขานิดหนึ่ง แล้วก็หันมา ขยับมาดมผมบ้าง ตัวมันมีกลิ่นสาบสัตว์นิดหน่อย ผมทำใจกล้ายกมือขึ้นลูบขนมันเบาๆ ขนมันหนาและหยาบกว่าขนแมวแต่ก็นุ่มดี เจ้าไพรด์ส่งเสียงครางต่ำออกมานิดหนึ่ง

“ดูท่าทางมันจะชอบเธอนะ” แมทบอกยิ้มๆ หลังจากนั้นพวกเราก็ออกไปเดินทางไปตรงจุดที่จะถ่ายคลิป

ระหว่างนั้นแมทเล่าให้ผมฟังว่า ไพรด์มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุ 2 เดือน เพราะถูกแม่ของมันทอดทิ้ง จะว่าทอดทิ้งก็ไม่ถูก ตามธรรมชาติ ชีต้าเป็นสัตว์ที่จะดูแลลูกของมันจนกระทั่งโตพอที่จะออกล่าหาอาหารเองได้ แต่เพราะความประมาทเลินเล่อของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งซึ่งไปเที่ยวซาวันน่าแล้วไปลูบตัวเจ้าชีต้าน้อยตอนที่แม่ของมันไม่อยู่ เมื่อผิดกลิ่น แม่ชีต้าก็จะไม่ยอมรับมันอีก สุดท้ายมันจึงถูกเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ส่งตัวมาที่ฮาร์นาสและถูกเลี้ยงดูมาโดยมนุษย์

ผมฟังแล้วก็ถอนใจ เอื้อมมือไปเกาหลังศีรษะที่อยู่ใต้ปลอกคอสีแดงเพื่อเอาใจมันอีกหน่อย

รถของเราแล่นผ่านรั้วกันมาถึงส่วนทุ่งโล่งกว้าง เบนจอดรถแล้วมาเปิดกรงให้ ไพรด์กระโดดนำลงไปก่อนอย่างร่าเริง แมทกับผมตามไป พี่ยักษ์เดินไปหยิบกระเป๋ากล้องซึ่งวางไว้ในรถของเบนออกมาเตรียมพร้อม ส่วนผมก็หันซ้ายหันขวา

“มีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับ แมท” ผมถาม วันนี้ผมมาเป็นลูกมือเขานี่นา

“คีไปเดินเล่นกับไพรด์ก่อนก็ได้ ไปกับเบนน่ะ” แมทบอกพลางหยิบเลนส์มาใส่กล้อง DSLR ซึ่งใช้ถ่ายวิดีโอได้ด้วย

ผมพยักหน้าแล้วเดินตามเบนกับเจ้าชีต้าไป พักหนึ่งแมทก็สะพายกล้องเดินตามมา ถามเบนว่าต้องการมุมภาพแบบไหน ระหว่างที่พวกเขาคุยกัน ผมก็เลยเดินลุยหญ้าไปกับเจ้าไพรด์ มันเดินช้าๆ อยู่ข้างๆ ผมเหมือนอยากจะอวดสนามวิ่งเล่นของตัวเอง ผมมัวแต่ก้มมองมันเพลิน รู้ตัวอีกทีตอนที่รู้สึกว่ามีคนมอง เลยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นว่า แมทกำลังเล็งกล้องมาทางนี้

“แมท จะถ่ายไพรด์แล้วหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะได้ออกจากเฟรมละนะ” ผมร้องถามเขา

“อืม แต่ไม่เป็นไร คีเดินตามหลังมันทิ้งระยะหน่อยก็พอ ฉันไม่ได้ถ่ายมุมกว้างมาก ไพรด์จะอารมณ์ดีเวลาที่มีคนเดินเล่นด้วยน่ะ” แมทตะโกนตอบกลับมา ผมก็เลยทำอย่างที่เขาบอก ผมเดินวนเป็นวงกลมกว้างๆ แล้วจึงวกกลับมา แมทขยับเข้ามาถ่ายแบบใกล้บ้าง ไกลบ้าง สุดท้ายเขาก็เอากล้องไปให้เบนดู เบนพยักหน้าบอกว่าโอเคแล้ว เขาจึงเรียกผมให้เดินกลับไปหา บอกให้ปล่อยเจ้าไพรด์วิ่งเล่นสักครู่แล้วค่อยกลับกัน

“ขอผมดูบ้างได้ไหมครับ” ผมถามอย่างกระตือรือร้น แมทหัวเราะแล้วส่งกล้องมาให้

คลิปส่วนใหญ่เป็นคลิปสั้นๆ แมทบอกว่าเบนจะเอาไปตัดต่อใส่เพลงประกอบอีกที ผมไล่ดูตั้งแต่ท้ายๆ ไปจนถึงตอนแรก แล้วก็เห็นว่าไฟล์ก่อนหน้านั้นไม่ใช่คลิป แต่เป็นภาพนิ่ง ภาพของผมที่เดินเล่นอยู่กับเจ้าชีต้า ช่างภาพจับจังหวะกับมุมหน้าได้ดี แสงแดดอ่อนส่องมาต้องใบหน้าตอนที่ลมพัดมา ทำให้ใบหน้าของผมดูละมุนกว่าปกติ แถมบรรยากาศรอบด้านก็ดูผ่อนคลายมากด้วย

“โอ้โห แมท คุณถ่ายรูปสวยมากเลยครับ ในรูปผมหล่อกว่าตัวจริงตั้งหลายเท่าแน่ะ”

ผมอุทานแล้วชมเขา แมทยิ้มกว้าง ทำท่ายืดอกภูมิใจ “สมัยเรียนฉันเคยลงคอร์สถ่ายภาพเล่นๆ อยู่น่ะ เวลาไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนก็โดนโบ้ยให้เป็นตากล้องตลอด เคธี่เนี่ยนางแบบขาประจำ”

คุณสิงโตเอ่ยถึงพี่สาวผม แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ในห้องของเจ้เคธมีภาพถ่ายภาพหนึ่งที่ผมชอบมาก เป็นภาพของพี่สาวผมยืนอยู่กลางกลุ่มคน มันดูเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ผมยังชมกับเจ้เคธว่า ช่างภาพที่ถ่ายภาพนี้เก่งมาก เจ้บอกว่าเพื่อนถ่ายให้ หรือว่าจะเป็นแมท?

ผมส่งกล้องคืนให้เขา “ถ้าผมขอรูปผมเอาไว้ได้ไหมครับ ผมชอบรูปนี้มากๆ ขนาดอยากเอาไปขยายใหญ่ ใส่กรอบติดในห้องนอนที่บ้านเลยละ”

“ได้สิ ไว้เดี๋ยวฉันโหลดลงโน๊ตบุ๊คแล้วดาวน์โหลดใส่ดร็อปบ็อกส์ไว้ให้นะ”

แมทตอบตกลงแล้วก็มองผมนิ่ง ใบหน้ารกด้วยหนวดยิ้มบางตอนที่ถามเสียงอ่อนโยน

“คีสนุกไหม สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”

ผมชะงักไปนิดหนึ่ง นึกถึงคืนแรกที่ตัวเองนอนร้องไห้ ตอนนั้นแมทแกล้งทำเป็นหลับจริงๆ สินะ เขาคงเป็นห่วงผมอยู่เหมือนกัน ก็เลยพยายามหาอะไรให้ผมทำก่อนจะถึงเวลาเริ่มโปรแกรม ผมจะได้ไม่เศร้าหรือคิดถึงบ้าน

ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา

“สนุกครับ ขอบคุณมากนะครับ แมท”

............................TBC....................................


ต้องขออภัยผู้อ่านที่หายไปนานด้วยค่ะ ช่วงก่อนหน้านี้เราติดงานจ็อบกับนิยายเรื่องประจำที่ลงอยู่ ก็เลยไม่มีเวลาปั่นเรื่องนี้เลย พอว่างแล้วรีบมาจิ้มต่อ

ยังคงเรื่อยๆ เรียบๆ นะคะ (ความจริงก็ตั้งใจให้บรรยากาศของเรื่องนี้เรื่อยๆ เรียบๆ เหมือนการพักร้อน+ปิดเทอมที่ผ่อนคลาย นี่ละค่ะ ^^)

(https://www.picz.in.th/images/2018/07/10/NUm5dP.jpg)

Photo by jean wimmerlin on Unsplash

ตอนนี้น้องคีได้พาชีต้าไปเดินเล่นค่ะ เราได้แรงบันดาลใจมาจากคลิปของรายการ Divas Hit the Road3 ประกอบกับคลิปของ The Harnas Wildlife Foundation ที่อยู่ในยูทูป เลยเอามาดีไซน์เป็นฉากคุณสิงโตแอบถ่ายรูปน้องคีค่ะ ถ้าใครสนใจดูคลิปชีต้า กดไปได้ที่ลิ้งข้างล่างนี้นะคะ

https://www.youtube.com/watch?v=nn8mPrvYNVI (https://www.youtube.com/watch?v=nn8mPrvYNVI)

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 7 [Update]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 11-07-2018 12:34:30
รอตอนต่อไปค่า
หลงรักคุณแมทแรง
ผู้ชายผมยาวไว้หนวดเครา  :katai5:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 7 [Update]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-07-2018 14:37:48
 :L2: :L1: :pig4:

น่าสนใจ ติดตาม
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 8 [Update 20/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 20-07-2018 13:29:18
บทที่ 8

หลังจากพาเจ้าไพรด์ไปเดินเล่นและถ่ายคลิปโปรโมทเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กลับไปที่ส่วนกลางเพื่อกินอาหารกลางวัน ระหว่างนั้นผมลองทำใจกล้าเข้าไปถามเบนว่า มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม โปรแกรมอาสาสมัครแบบ Exclusive ที่แมทลงชื่อให้จะเริ่มพรุ่งนี้ วันนี้ผมว่าง ไม่มีอะไรทำ

คุณสต๊าฟใจดีเลยช่วยหางานให้ผม บอกว่าไปช่วยเขาทำความสะอาดส่วนอนุบาลชีต้าก็ได้ พวกอาสาสมัครที่มาช่วยเขาเพิ่งกลับไปกันพอดี ผมรีบตกลงอย่างดีใจ ไม่ใช่อะไรหรอก ผมไม่อยากติดสอยห้อยตามเป็นภาระให้แมทต้องคอยดูแลตลอด เขาจะได้ไปทำงานที่เขาตั้งใจจะมาทำบ้าง 

แมทเห็นผมมีงานทำแล้วก็เลยขอแยกตัวไปช่วยส่วนอื่น นัดว่าเดี๋ยวกลับมาเจอกันตอนเย็นแล้วค่อยไปกินมื้อค่ำ ก่อนแยกกัน เขายื่นมือมาวางบนศีรษะผมแล้วบอกว่า “ขยันทำงานนะ คี แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกเบน อย่าฝืนละ”   
   
“รับทราบครับ คุณพ่อ” ผมรับคำหน้ามุ่ย แกล้งประชดเขาเบาๆ ก็เขาเล่นทำท่ากำชับซะอย่างกับตัวเองเป็นคุณพ่อมาส่งลูกไปโรงเรียนนี่นา

คุณสิงโตหัวเราะแล้วเดินจากไปอีกทาง ส่วนผมเดินตามเบนไปที่ส่วนอนุบาลชีต้าที่เราเพิ่งเอาเจ้าไพรด์ไปส่ง ผมช่วยเขากวาดใบไม้ ตักน้ำออกจากบ่อตื้นๆ ที่พวกชีต้าจะมาดื่มกิน แล้วก็ขัดพื้นบ่อจนสะอาดไม่เหลือตะไคร่หรือตะกอนดิน  เจ้าไพรด์กำลังเล่นกับชีต้าอีกตัวอยู่ไม่ไกลกันนัก เบนบอกว่า ตัวนั้นเป็นตัวเมีย ชื่อ เอวา

พวกมันกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นหญ้า ระหว่างที่ผมกำลังนั่งขัดบ่อน้ำ เจ้าไพรด์ลุกเดินเข้ามาหา ยกขาหน้าเกาะหลังผมแล้วเลียศีรษะผมแผล็บๆ ผมเริ่มจะชินกับการอยู่ใกล้สัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงมาโดยมนุษย์บ้างแล้ว รู้ว่าพวกมันไม่ทำอันตราย ก็เลยไม่ได้ตกใจ เพียงแต่ย่นคอหนี ดุมันว่า

“โน ไพรด์ ไม่เอาน่า ฉันกำลังทำความสะอาดบ่อน้ำให้แก จะได้มีน้ำอร่อยๆ กินไง”
พอเบนที่ทำความสะอาดอยู่อีกทางหันมาเห็นเข้าก็หัวเราะลั่น “มันอ้อนน่ะ เมื่อกี้ตอนถ่ายคลิป แมทบอกว่า สงสัยไพรด์จะติดใจคี ดูท่าจะจริง”

ผมฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มอ่อนใจ ไม่ใช่แค่เจ้าไพรด์ที่มากวนผม ตอนผมเอากระสอบใส่เศษใบไม้กับเศษดินไปทิ้ง เอวาก็มาแกล้งตะปบกระสอบ เอาตัวทับไว้ไม่ยอมให้ผมยก “เฮ้ เอวา ลุกสิ” ผมต้องออกแรงดึงอยู่ตั้งนานกว่าเจ้าชีต้าจะยอมลุกให้ สรุปแล้ว พวกตัวแสบนี่ถูกใจผมหรืออยากแกล้งผมกันแน่ละเนี่ย

.....................................................................


ผมช่วยเบนทำความสะอาดอยู่จนตลอดบ่าย พอตกเย็นก็เดินกลับไปที่ห้องพัก ถือโอกาสอาบน้ำเสียเลยเพราะทั้งตัวผมมีแต่คราบฝุ่น ตอนที่เดินออกจากห้องน้ำ แมทก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี “อ้าว วันนี้คีอาบน้ำเร็วจัง”

“ผมเหนียวตัวน่ะครับ เสื้อก็เลอะดินด้วย” ผมตอบกลับ

อีกฝ่ายพยักหน้า ถามต่อ “หิวหรือยัง ฉันขอล้างหน้าล้างมือหน่อย แล้วเดี๋ยวเราไปกินมื้อค่ำกัน”
   
พวกเราเดินออกมาจากห้องพักด้วยกัน ผมนึกขึ้นมาได้ก็เลยบอกแมทเรื่องที่ลิซ่าชวนว่า ให้ไปพักกับพี่ชายของเธอที่หมู่บ้านอาสาฯ แมทฟังแล้วขมวดคิ้ว ถามเสียงกังวล “ทำไมคีถึงคิดจะย้ายไปพักทางโน้น มีอะไรไม่สบายใจ หรือฉันทำให้เธออึดอัดอะไรหรือเปล่า”

ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ครับ ไม่มีเลย คุณดูแลผมดีมากๆ เพียงแต่ผมเกรงใจน่ะครับ คุณอุตส่าห์ใช้วันหยุดพักร้อนมาทำงานที่นี่ แต่ต้องมาเสียเวลากับผมตั้งหลายวัน” ผมอธิบายต่อ “คุณลิซ่าบอกว่า พี่ชายของเธอสมัครโปรแกรม Exclusive เหมือนผม น่าจะออกจากที่พักแล้วก็กลับเวลาเดียว ผมก็เลยคิดว่าน่าจะสะดวกดี”

แมทถอนใจเบาๆ “ก็น่าจะสะดวก แต่คียังไม่เคยเจอพี่ชายของลิซ่า ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง นิสัยโอเคหรือเปล่า อย่าเพิ่งรีบไปรับปากเรื่องจอยห้องเลย ลองไปทำงานกับเขาดูก่อนสักอาทิตย์หนึ่ง ถ้าเข้ากันได้ดี แล้วคีอยากย้ายไปอยู่กับเพื่อนใหม่ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก”

เขาบอกหน้าขรึม แล้วเอื้อมมือมาลูบศีรษะผม “แต่ถ้าเธอจะย้ายเพราะเกรงใจฉัน เลิกคิดมากได้แล้ว ฉันเต็มใจให้คีพักอยู่ด้วย คีเป็นน้องชายของเคธี่ ก็เหมือน...เป็นน้องชายฉันด้วยนั่นแหละ” ประโยคหลังเขาเว้นจังหวะนิดหน่อยเหมือนไม่รู้จะพูดยังไงดี

แมทพูดมาขนาดนี้ ผมก็เลยได้แต่พยักหน้ารับ “โอเคครับ”

พี่ยักษ์พูดแล้วก็เดินนำหน้าผมไปนิดหนึ่ง ผมเดินตามเขาไป มองแผ่นหลังของคนตัวสูงเหมือนกำแพงแล้วก็แอบยิ้ม ดูเหมือนที่ผมเดาว่า เขาน่าจะรู้สึกดีๆ กับเจ้เคธ สงสัยจะไม่ผิดแล้วละ

................................................................

ตอนที่พวกเรามาถึงห้องอาหาร ลิซ่ากับเพื่อนของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งแล้ว มีชายหนุ่มผมบลอนด์อีกคนนั่งอยู่ด้วย พอเห็นพวกเราเดินเข้ามา ลิซ่าก็โบกมือทัก “แมท คี มานั่งด้วยกันไหมคะ”

ผมกับแมทเดินเข้าไปหาตามที่เธอชวน ลิซ่าแนะนำชายหนุ่มแปลกหน้าให้พวกเรารู้จัก
“นี่ร็อบ พี่ชายฉันค่ะ เขาเพิ่งมาถึง ฉันก็เลยพาเขามาเลี้ยงต้อนรับ”

หนุ่มผมบลอนด์หน้าหล่อยิ้มทักพี่ยักษ์ที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามาที่ผม “ไฮ แมทกับ..คี ใช่ไหมครับ? ผมร็อบ ยินดีที่ได้รู้จัก” เจ้าตัวบอกแล้วยื่นมือมาขอเช็คแฮนด์กับผมตามทำธรรมเนียมอเมริกัน เขายิ้มกว้าง ดูท่าทางเปิดเผยเหมือนพวกเด็กผู้ชายซนๆ

ผมยิ้มตอบพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเขา นึกในใจว่า พี่ชายของลิซ่าดูท่าจะเข้าถึงง่ายกว่าน้องสาวแฮะ ค่อยยังชั่ว

พวกเรานั่งกินอาหารเย็นด้วยกัน ร็อบเล่าให้ผมฟังเรื่องที่ไปท่องเที่ยวแถบภาคตะวันตกของนามิเบียพร้อมกับเปิดรูปในกล้องถ่ายรูปที่ถือติดมาให้ดู “คีน่าจะลองหาโอกาสไปเที่ยวสวาคอปมุนด์นะ ชายฝั่งแอตแลนติคแถบนั้นสวยมาก เอ...แต่ผมเคยได้ยินว่า ทะเลที่ประเทศไทยก็สวยมากเหมือนกัน คีอาจจะไม่สนใจละมั้ง”

“ทะเลไทยสวยจริงครับ แต่ก็ไม่เหมือนที่นี่หรอก น่าสนใจคนละแบบ”
ผมตอบกลับแบบอวยทั้งบ้านตัวเองแล้วก็ที่นี่ด้วย แต่ก็ไม่อวยเกินจริงหรอกนะ ผมก้มลงมองภาพในกล้องของร็อบ เป็นภาพอ่าว Walvis Bay ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกฟลามิงโกนับพันตัว เห็นสีชมพูตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าแปลกตา

ผมมัวแต่คุยกับร็อบ เพิ่งสังเกตตอนที่กินอาหารไปได้สักพักว่า แมทเงียบไป ไม่ค่อยคุยอะไร เขาอาจจะเห็นว่าผมมีเพื่อนคุยแล้ว เลยไม่ได้ชวนผมคุยเหมือนมื้ออื่นๆ มีแค่หันไปตอบคำถามที่ลิซ่าถามบ้าง

“คี ดื่มไวน์ไหม” ลิซ่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมถามขึ้น
ผมกวาดตามองดูทั้งโต๊ะดื่มไวน์กันหมด ถ้าจะไม่ดื่มอยู่คนเดียวก็ดูแปลกๆ อีกอย่างคืนนี้ผมก็นึกครึ้มเพราะวันนี้ทำงานสนุกทั้งวัน แถมมีเพื่อนคุยถูกคอก็เลยพยักหน้า “นิดหนึ่งก็ได้ครับ”

แมทขมวดคิ้ว หันมาห้าม “คีแพ้แอลกอฮอล์ไม่ใช่หรือ อย่าดื่มดีกว่า”

“ไม่เป็นไรครับ ผมแพ้เบียร์มากกว่า ไวน์พอดื่มได้” ผมบอกแล้วส่งแก้วไวน์ให้ลิซ่า แมทก็เลยไม่ได้ว่าอะไรอีก เพียงแต่คอยมองมาอย่างเป็นห่วงเท่านั้น

จบมื้ออาหาร ร็อบถามผมว่า “พรุ่งนี้ตอนเช้าผมว่าจะไปมอร์นิ่งทัวร์ดูสักรอบ คีสนใจไหม”

ผมส่ายหน้า “แมทพาผมไปตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้วครับ คุณไปเถอะ ไว้เจอกันตอนบ่าย” พรุ่งนี้อาสาสมัครคนอื่นที่ลงทะเบียนโปรแกรม Exclusive Volunteer จะมาจากวินด์ฮุค ตอนบ่ายจะมีการบรีฟแล้วก็ทำความรู้จักกันแล้วก็มีปาร์ตี้ต้อนรับ

“โอเค ไว้เจอกัน” ร็อบยิ้มกว้างแล้วโบกมือลา
ลิซ่าที่วันนี้เป็นมิตรกับผมมากขึ้นก็บอกเสียงใส “ไว้เจอกันนะคี แมทด้วยนะคะ”

“อืม” พี่หนวดข้างๆ ผมยิ้มให้เธอนิดหนึ่ง

..................................................................

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินกลับห้องพักด้วยกัน ผมเดินตามแมทเหมือนขามา เพิ่งรู้ตัวว่า เมื่อกี้ดื่มไวน์ไปหลายแก้วจนชักจะมึน พื้นที่เดินอยู่โคลงเคลงเล็กน้อย ต้องพยายามสั่นหน้าตบแก้มตัวเองเบาๆ

คนที่เดินนำหน้าได้ยินเสียงผมตบแก้มเลยหันมาถาม “เป็นอะไรหรือ คี”

“มึนหัวนิดหน่อยน่ะครับ แหะๆ” ผมตอบเขาไปตามตรงแล้วยิ้มแหย ไวน์ของลิซ่าออกฤทธิ์ช้า ผมก็เลยกินเพลิน รู้ตัวอีกทีตอนเมาแล้วนี่แหละ

แมทหมุนตัว ขยับเข้ามาดูหน้าผมชัดๆ “หน้าคีแดงแจ๋เลย เดินไหวรึเปล่า”

ผมพยักหน้า “ไหวครับ ไหว แต่อาจจะเดินช้าหน่อย” ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากให้แมทเป็นห่วง เขาอุตส่าห์เตือนแล้วว่าอย่ากินก็ไม่เชื่อ

แมทถอนใจ “ดูสภาพแล้วไม่น่าจะเดินไหวนะ มิน่า วันนี้คีถึงคุยเก่งกว่าปกติ เมานี่เอง” เขาออกปากบ่นผมเบาๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง “มา ขึ้นหลังฉัน เดี๋ยวฉันแบกเธอกลับห้องพัก เร็วกว่า”

“เห? ให้ผมขี่หลังแมทเนี่ยนะครับ”  ผมอุทานแล้วรีบส่ายหน้าดิก “ไม่ไหวหรอกครับ ผมตัวหนัก เดี๋ยวคุณปวดหลัง”

“สบายมากน่า คีตัวเล็กแค่นี้เอง ฉันช่วยพวกสต๊าฟแบกของยังหนักกว่า อีกอย่าง นี่เริ่มดึกแล้วด้วย อยู่กลางแจ้งนานๆ เดี๋ยวน้ำค้างลงจะไม่สบายเอา” เขาคะยั้นคะยอแถมยังไม่ยอมลุกขึ้นมา

ผมมองแผ่นหลังกว้างที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็กลืนน้ำลาย พยักหน้าหงึก “ก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่ไหว คุณต้องบอกนะ”

ผมขยับเข้าไปเอื้อมแขนเกาะไหล่เขา แมทสอดแขนใต้ขาผมแล้วยกขึ้นหลังง่ายๆ เหมือนผมเป็นเด็กตัวเล็ก “พร้อมนะ เกาะดีๆ ละ คนเมา”

“ครับ” ผมรับคำเสียงเบา เพราะตอนนี้ริมฝีปากผมอยู่ไม่ห่างจากหูเขาเท่าไหร่ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยลอยออกมาจากเส้นผมค่อนข้างยาวของเขา “แมทลองใช้แชมพูของผมหรือครับ หอมดีใช่ไหมละ”

“อืม หอมดีจริงๆ” แมทตอบ แต่ผมอยู่ข้างหลังก็เลยไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไง

ผมชักเริ่มมึนขึ้นมาอีกก็เลยซบหน้าลงกับบ่าเขา “คิดถึงจัง ผมเคยขี่หลังพ่อครั้งสุดท้ายตอนหกขวบละครับ ตอนนั้นบ้านเราไปทะเล ผมเดินเล่นเก็บเปลือกหอยไปจนสุดหาด แล้วก็เดินกลับมาไม่ไหว พ่อก็เลยให้ผมขี่หลัง...เหมือนแบบนี้เปี๊ยบเลย”  ผมหลับตา ปากก็พูดต่อไม่หยุด พี่เมธเคยบอกว่า เวลาเมาผมจะพูดมากกว่าปกตินิดหน่อย

“แมทเหมือนพ่อผมเลยครับ ใจดีเหมือนคุณพ่อด้วย”

คนที่แบกผมอยู่ไม่ได้ตอบ แต่กลับเดินต่อไปด้วยจังหวะสม่ำเสมอจนกระทั่งพวกเรามาถึงห้องพัก

ผมมึนจนเริ่มง่วง แมทช่วยหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ดีว่าผมอาบน้ำตั้งแต่ก่อนจะไปกินข้าวเลยไม่สกปรกนัก
ผมนอนตาปรืออยู่บนเตียง ใกล้จะหลับเต็มทน ได้ยินเสียงแมทพึมพำเบาๆ อย่างอ่อนใจ

“ฉันไม่ได้อยากเป็นคุณพ่อสักหน่อยนะ คี”

............................TBC....................................

ตอนนี้ยาวนิดหนึ่งให้สมกับที่หายไปหลายวันค่ะ ตัวละครใหม่โผล่มาอีกแล้ว จังหวะเรื่องน่าจะคีกคักขึ้นไปอีก ไว้ตามไปดูน้องคีทำงานอย่างจริงจังกันนะคะ

(https://www.picz.in.th/images/2018/07/20/NV3bOg.jpg)
Photo by jean wimmerlin on Unsplash

ปิดท้ายด้วยภาพเจ้าจอมแสบ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 8 [Update 20/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-07-2018 14:27:58
 :L2: :L1: :pig4:

พี่อยากเป็นอย่างอื่น :katai5:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 8 [Update 20/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-07-2018 23:30:41
สารภาพอะไรตอนเมาล่ะแมท :ling1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 8 [Update 20/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-07-2018 23:31:24
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 8 [Update 20/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-07-2018 03:32:25
สนุกดีค่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 8 [Update 20/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-07-2018 04:01:43
อีแมทชอบน้องละสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 9 [Update 27/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 27-07-2018 15:23:53
บทที่ 9

วันต่อมาเป็นวันแรกของโปรแกรม Exclusive Volunteer ที่แมทลงชื่อไว้ให้ผมล่วงหน้า แต่ช่วงเช้าผมยังว่างอยู่เพราะต้องรออาสาสมัครคนอื่นที่จะเดินทางมาจากสนามบินวินฮุค ผมก็เลยติดสอยห้อยตามแมทกับเควินไปให้อาหารพวกสิงโตกับหมาป่าแอฟริกันอีกรอบ พอกลับมากินอาหารกลางวันแล้ว แมทก็ขอตัวไปทำงานต่อ ส่วนผมนั่งรออยู่ที่ส่วนกลาง ใช้ไวไฟเช็คอัพเดทโซเชียลไปตามเรื่อง
   
ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์และสมัครไอดีไลน์ใหม่ ให้เบอร์ไว้แค่เจ้เคทกับป๊าม้า ส่วนเพื่อนๆ ที่สนิทกัน ผมบอกพวกมันว่าปิดเทอมนี้จะไปเมืองนอกยาว อาจจะไม่สะดวกรับสายหรือตอบไลน์ ถ้ามีอะไรให้มันส่งข้อความมาทางแมสเซสเฟสบุ๊คแทน แน่นอนว่า ผมบล็อกเฟสพี่เมธไปตั้งแต่วันที่ผมบอกเลิกเขา เลยไม่ห่วงว่าเขาจะส่งข้อความมาหาอีก
   
“ไฮ คี” เสียงทักดังขึ้นจากด้านข้าง

ผมหันไปดูแล้วก็ยิ้มให้ “ไฮ ร็อบ เป็นไงครับ มอร์นิ่งทัวร์สนุกไหม”

หนุ่มอเมริกันผมบลอนด์ยิ้มกว้างพลางพยักหน้า “เจ๋งดีนะ ทัวร์พาไปตรงส่วนซาฟารีเปิด ดูสิงโตกับชีต้ามา แล้วก็มีบาบูน กับตัวอะไรอีกตัวที่คล้ายๆ แมว...อ่า...คาราคัล (caracal) น่ะ” ร็อบเล่าด้วยเสียงตื่นเต้น “แต่คีมาอยู่หลายวัน คงได้เห็นหมดแล้วละมั้ง เมื่อกี้ผมเล่าให้พวกลิซ่าฟัง น้องผมบอกว่า เห็นมาทุกอย่างแล้ว แถมทำท่าข่มผมด้วย”

เขาว่าแล้วก็แกล้งทำท่าหงอย ผมมองแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ ปลอบเขาว่า “ผมยังไม่เห็นทุกตัวหรอกครับ ได้ไปดูแค่สิงโต ชีต้า กับหมาป่าแอฟริกัน คาราคัลนี่ยังไม่เคยเห็นตัวจริงเลย ร็อบมาวันเดียว ได้ดูเยอะกว่าผมอีก”
   
 “ถ้างั้นไว้เดี๋ยวเริ่มโปรแกรมแล้วเราไปดูพร้อมกันนะ นี่ก็ใกล้บ่ายสามแล้ว เดี๋ยวพวกอาสาสมัครคนอื่นก็มาละมั้ง” อีกฝ่ายยิ้มแล้วทรุดนั่งข้างผม

พวกเราคุยเรื่องสัพเพเหระฆ่าเวลากันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ร็อบจะถามผมเรื่องเมืองไทย เขาชอบเที่ยวที่ใหม่ๆ ประเทศทางแถบเอเชียก็เคยไปมาหลายที่ แต่ยังไม่เคยไปเมืองไทยสักที
   
“ฝั่งอันดามันทางภาคใต้เหมาะกับการดำน้ำมากเลยครับ ถ้าคุณไป ห้ามพลาดนะ” ผมโฆษณาบ้านเกิดตัวเองไปรัวๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนมาสะกิดบ่า “อ้าว แมท งานเสร็จแล้วเหรอครับ” ผมทักคุณสิงโตที่มายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
   
“เปล่า ยังไม่เสร็จหรอก แต่พอดีเควินจะกลับมาเอาของที่คลินิก ฉันเลยติดรถกลับมาดูว่า คีเป็นไง กลัวว่าจะเบื่อ แต่เห็นมีเพื่อนคุยแล้วก็ค่อยยังชั่ว” พี่หนวดตอบพร้อมกับยิ้มทักร็อบที่นั่งอยู่ข้างผม
   
“อื้อ ไม่ต้องห่วงครับ ผมเริ่มชินแล้วละ” ผมยิ้ม ทำท่ามั่นใจ เขาจะได้ไม่กังวล

คุณสิงโตเอื้อมมือมาขยี้ผมของผมเบาๆ “คีไม่เบื่อก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำงานต่อละนะ ไว้ตอนดินเนอร์เจอกัน ฝากด้วยนะครับ” เขาหันไปบอกร็อบทิ้งท้าย ผมย่นจมูกใส่พี่ยักษ์ไปนิดหนึ่ง แมททำเหมือนผมเป็นเด็กอีกแล้ว

ร็อบมองพวกเราสลับกัน แต่ไม่ได้ว่าอะไรจนกระทั่งแมทเดินจากไป เขาถึงค่อยเปรย “แมทเหมือนเป็นพี่ชายคีเลยนะ คอยห่วงตลอดเลย จะว่าไป ห่วงกว่าที่ยัยลิซ่าห่วงผมอีก รายนั้นตอนเจ็ดโมงผมไปเคาะกระท่อมบอกว่าจะไปมอร์นิ่งทัวร์ มีแต่โบกมือบอกตามสบายแล้วปิดประตูใส่เฉยเลย”

“พอดีพี่สาวผมที่เป็นเพื่อนสนิทของแมทฝากฝังไว้นะครับ แมทใจดีแล้วก็ชอบเทคแคร์คนอื่นอยู่แล้ว เลยห่วงผมมากหน่อย ผมว่าเหมือนคุณพ่อมากกว่าพี่ชายแล้วละ” ผมอธิบายแล้วออกปากบ่นคนที่เพิ่งเดินจากไปอย่างไม่จริงจังนัก

......................................................

พอบ่ายสามกว่า รถตู้ที่ไปรับอาสาสมัครคนอื่นที่วินฮุคก็เดินทางมาถึง พวกอาสาสมัครใหม่สิบกว่าคนลงจากรถมาด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย ทุกคนมาจัดการเรื่องเช็คอินก่อน ส่วนกระเป๋าจะขนไปที่หมู่บ้านอาสาทีหลัง สต๊าฟเรียกทุกคนไปรวมตัวกันเพื่อแนะนำตัวและทำความรู้จัก ผมกับร็อบเดินเข้าไปแจม

อาสาสมัครกลุ่มนี้มาจากทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย มีคนเอเชียผิวเหลืองผมดำเหมือนผม 4 คน แต่ดูหน้าตาแล้วน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น แถมมาเป็นคู่ ชายสองหญิงสอง พวกเขาคุยกันเองมากกว่า ผมก็เลยเพียงแค่ยิ้มแล้วทักทายสั้นๆ หลังจากนั้นก็หันมาคุยกับหญิงสาวอีก 2 คนที่มาจากสเปนแทน รู้ว่าคนหนึ่งชื่อโซเฟีย อีกคนชื่อมาเรียนน่า รายหลังหูหนวกและพูดไม่ได้ ต้องสื่อสารด้วยภาษามือ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะโซเฟียที่มาด้วยกันทำหน้าที่เป็นล่ามได้
   
“พวกคุณเป็นญาติกันหรือครับ ผมเห็นนามสกุลเดียวกัน” ผมถาม
   
“โน...ไม่ใช่ญาติ ฉันกับมาเรียนน่าเป็นคู่แต่งงานต่างหาก” โซเฟียบอกหน้าตาเฉย “เพิ่งจดทะเบียนกันหมาดๆ เมื่อตอนต้นปี ที่มานามิเบียก็มาฮันนีมูนน่ะ มาเรียนน่าเปลี่ยนมาใช้นามสกุลฉัน บอกว่าเวลาเขียนป้ายหน้าอพาร์ตเมนท์แล้วมันน่ารักดี”

ผมกะพริบตาปริบ มองสองสาวสวยสลับกันแล้วก็อุทานออกมาว่า “ว้าว ถ้าอย่างนั้นขอแสดงความยินดีย้อนหลังด้วยนะครับ”

โซเฟียยิ้มกว้าง ทำภาษามือบอกมาเรียนน่า หญิงสาวก็เลยยิ้มเขิน ทำมือบอกผมว่า ขอบคุณ

หลังจากนั้นทางฮาร์นาสแนะนำสต๊าฟในส่วนต่างๆ ตามด้วยผู้จัดการของฟาร์มที่มากล่าวต้อนรับ ผมซี้กับโซเฟียและมาเรียนน่าอย่างรวดเร็ว ก็เลยนั่งด้วยกัน ร็อบไปคุยกับผู้ชายอเมริกัน 2 คนแล้วก็พามารวมกลุ่มกับพวกเรา แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะถึงเวลาดินเนอร์พอดี

พวกเราเดินไปที่โรงอาหารส่วนกลางด้วยกัน ผมเดินนำหน้า เห็นร่างสูงหนาของแมทยืนรออยู่ตรงทางเข้า ก็เลยรีบสาวเท้าตรงไปหาเขา พี่หนวดเห็นผมก็ยิ้มให้ ถามเสียงอ่อนโยน “สนุกไหม คี”

“สนุกครับ ผมได้เพื่อนใหม่ด้วยละ” ผมตอบกลับอย่างกระตือรือร้น เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กอนุบาลไม่ก็เด็กประถมที่กลับบ้านมาเล่าเรื่องโรงเรียนให้คุณพ่อฟัง พอดีโซเฟียกับมาเรียนน่าเดินตามมาถึง ผมก็เลยแนะนำให้พวกเขารู้จักกัน แมทเองก็ไม่แปลกใจกับเรื่องของสองสาว เขาแสดงความยินดีกับพวกเธออย่างสุภาพ

หลังจากนั้นพวกเราก็ไปดินเนอร์ด้วยกัน แมทคุ้นกับสต๊าฟของฮาร์นาสจนเกือบจะเหมือนเจ้าหน้าที่อีกคนอยู่แล้ว เขาช่วยอธิบายเรื่องรายละเอียดต่างๆ ให้อาสาสมัครใหม่ฟัง ผมพลอยนั่งฟังไปด้วย ถึงจะรู้บางเรื่องบ้างแล้ว จนกระทั่งจบมื้อ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับที่พัก

“พรุ่งนี้ทางฮาร์นาสคงพาไปเซอร์เวย์รอบๆ ก่อน ฉันคงไม่ได้ไปด้วยนะ เบนจะให้ช่วยขับรถเข้าเมืองโกเบบิสไปซื้อพวกของใช้ คีอยู่ทางนี้ ถ้ามีอะไรก็บอกพวกสต๊าฟนะ อยากได้อะไรจากในเมืองไหม”

“ไม่ครับ” ผมส่ายหน้า “แมทไปเถอะ ไม่ต้องห่วงผมหรอก วันนี้ผมได้เพื่อนใหม่ตั้ง 2 คน ไม่เหงาแล้ว อยู่ได้สบายมาก” ผมบอกแล้วทำท่ามั่นใจ คุณสิงโตก็เลยหัวเราะออกมา แล้วพวกเราก็เดินกลับที่พักด้วยเงียบๆ

............................TBC....................................

ตอนนี้มาสั้นเพราะจิ้มก่อนเดินทางไกลไปเที่ยวช่วงหยุดยาวค่ะ ทิ้งไว้ให้อ่านเพลินๆ นะคะ ไว้ตอนหน้าเราไปเที่ยวกับน้องคีกันต่อ

(https://www.picz.in.th/images/2018/07/27/BdUa1S.jpg)
Photo by InspiredImages pixabay.com

สัตว์ป่าน่ารู้ตอนนี้ คาราคัล caracal เป็นแมวป่าพันธุ์หนึ่ง พบในป่าวูดแลนด์ ซาวันนา และป่าละเมาะอะคาเซียทั่วทวีปแอฟริกา พบได้บ่อยในป่าที่ชุ่มชื่นใกล้ชายฝั่งเหนือทะเลทรายซาฮารา และยังพบในทะเลทรายของอินเดียด้วย [ขอบคุณข้อมูลจาก www.verdantplanet.org]


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 9 [Update 27/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-07-2018 15:36:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 9 [Update 27/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-07-2018 23:09:47
 :katai2-1:


พี่สิงห์
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 9 [Update 27/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-07-2018 23:41:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 10 [Update 1/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 01-08-2018 00:58:39
บทที่ 10

มาอยู่นามิเบียได้เกือบสัปดาห์ ผมติดนิสัยตื่นเช้าขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ผมตื่นตอนหกโมงครึ่ง ฟ้ายังมืดอยู่เพราะช่วงฤดูแล้งดวงอาทิตย์ขึ้นช้า กว่าจะสว่างก็เจ็ดโมงกว่าโน่น แมทที่นอนอยู่เตียงอีกฝั่งยังไม่ตื่น ผมก็เลยขยับตัวลุกอย่างระมัดระวัง เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า
   
พอกลับออกมา คุณสิงโตที่ยังหลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว แมทกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่ที่ข้างหน้าต่าง ดูท่าทางคงเป็นกิจวัตรประจำวันที่เขาทำทุกเช้าก่อนผมจะตื่นนั่นละ นี่แสดงว่าทุกวันเขาตื่นก่อน แล้วก็ทำนั่นนี่รอผมตื่นนานพอสมควรเลย พอได้ยินเสียงประตู เขาก็หันมา ใบหน้ารกด้วยหนวดยิ้มให้

“วันนี้คีตื่นเร็ว ตื่นเต้นเรื่องจะได้เริ่มโปรแกรมอาสาหรือ” เขาแกล้งเย้า
   
“ไม่ใช่หรอกครับ เริ่มติดเป็นนิสัยมากกว่า คงเพราะตอนกลางคืนไม่ได้ทำอะไรก็เลยเข้านอนเร็วด้วย” ผมตอบแล้วเดินเข้าไปหา ชะโงกตัวมองข้ามไหล่เขาไปดูหน้าต่างข้างนอก  “ดวงอาทิตย์ขึ้นหรือยังครับ”
   
“กำลังจะขึ้นเลย ออกไปดูข้างนอกกันไหม” แมทชวน

ผมรีบพยักหน้ารับ เดินไปหยิบแจ็กเก็ตมาสวมแล้วก็เดินออกจากห้องพักไปพร้อมเขา


(https://www.picz.in.th/images/2018/08/01/BhhMIS.jpg)

Photo by FuN_Lucky pixabay.com

ฮาร์นาสอยู่ในเขตทุ่งหญ้า ทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ขึ้นจึงไม่ได้หวือหวานัก มีเพียงท้องฟ้าโล่งกว้างไล่เฉดจากสีเหลืองทองด้านล่างไปจนถึงสีครามด้านบนที่แสงอาทิตย์ยังส่องไปไม่ถึง กรอบภาพด้านล่างเป็นเงาต้นไม้ใหญ่ แต่บรรยากาศรอบตัวของพวกเราตอนนี้ก็สงบและสดชื่น ได้ยินเสียงนกที่กำลังออกหากินร้องแว่ว ลมเย็นพัดมาเบาๆ

ผมยกแขนทั้งสองข้างเหยียดขึ้นเหนือศีรษะ สูดหายใจรับออกซิเจนเต็มปอด

แมทหันมามองเห็นท่าทางของผมแล้วก็ยิ้ม “พร้อมเริ่มงานหรือยัง”

“พร้อมครับ!” ผมหันไปตอบรับเขาเสียงขึงขัง แถมยังทำท่าตะเบ๊ะให้ด้วย

คุณสิงโตหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นยืนชมวิวไปก่อนนะ ฉันขอไปล้างหน้าล้างตาแป๊บเดียว เดี๋ยวเราไปกินอาหารเช้ากัน” เขาว่าแล้วก็เดินกลับเข้าห้องพักไป

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือที่แทบจะไม่ค่อยได้ใช้งานออกมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น ว่าเดี๋ยวตอนไปกินข้าวจะโพสลงเฟซบุ๊คสักหน่อย พวกเพื่อนๆ มันจะได้ไม่คิดว่า ผมมาเมืองนอกแล้วหายเงียบไปเป็นเดือน ตอนที่กำลังเล็งว่าจะถ่ายมุมไหน อยู่ดีๆ ก็มีใครบางคนวิ่งเหยาะๆ เข้ามาในเฟรมภาพ เจ้าตัวโบกมือให้ ผมก็เลยลดโทรศัพท์ลงแล้วโบกมือตอบ

“ร็อบ มอร์นิ่งครับ ทำไมวันนี้มาถึงโซนนี้ได้ละ”

หนุ่มอเมริกันผมบลอนด์ซึ่งสวมชุดวอร์มกับรองเท้าผ้าใบเดินเข้ามาหา ใบหน้าหล่อจัดยิ้มกว้างเหมือนเด็กตามเคย “ผมออกมาจ็อกกิ้งน่ะ ดูแผนที่ฟาร์มแล้วเห็นว่าถ้าวิ่งจากหมู่บ้านอาสาอ้อมส่วนกลางมาตรงนี้แล้ววกกลับไป น่าจะได้ระยะทางเท่ากับที่วิ่งทุกเช้าพอดี นี่ก็กำลังจะวกกลับแล้ว”

“โห ฟิตจังเลยครับ ให้ผมลุกมาวิ่งตอนเช้านี่ขอยอมแพ้ดีกว่า”

ผมแกล้งทำหน้าเหนื่อย อีกฝ่ายก็เลยหัวเราะ ออกตัวว่า “ปกติผมวิ่งเพราะช่วงกลางวันทำงานนั่งโต๊ะไงละ แต่ถ้าอยู่ฮาร์นาส คงได้ทำงานหนักทั้งวัน เดี๋ยวพอเริ่มงานจริงผมก็คงลุกมาวิ่งไม่ไหวเหมือนกัน”

จังหวะนั้นแมทก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้องพัก ผมหันไปเห็นเขาตอนที่พี่ยักษ์กำลังมองผมกับร็อบอยู่พอดี ใบหน้ารกๆ นั่นขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แต่แล้วก็คลายออก เขาเดินเข้ามาหาแล้วทักชายหนุ่มผมบลอนด์ข้างๆ ผม “มอร์นิ่งครับ ออกมาวิ่งหรือ”

ร็อบยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า “ครับ นี่ก็เพิ่งบอกคีว่า คงได้วิ่งอีกแค่ไม่กี่วัน เดี๋ยวทำงานแล้วก็คงเหนื่อยจนสลบเหมือด เออ จริงสิ คี เห็นลิซ่าบอกผมว่า ชวนคีมาจอยห้องกับผมที่หมู่บ้านอาสา คีสนใจไหม” เจ้าตัวถามด้วยเสียงกระตือรือร้น

ผมยิ้มแหย นึกถึงคำแนะนำของแมทที่บอกให้ลองดูนิสัยของอีกฝ่ายไปก่อนจะรับคำชวนเป็นรูมเมท ก็เลยบอกเขาไปว่า “พอดีผมเพิ่งรื้อกระเป๋าเก็บของไว้ในห้องทางฝั่งนี้ ยังขี้เกียจแพ็คกระเป๋าย้ายน่ะ เอาไว้ก่อนแล้วกันนะครับ”

ผมเลี่ยงเขาไป ร็อบก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ทำหน้าม่อย “โอเค ถ้าคีเปลี่ยนใจก็บอกผมแล้วกันนะ ผมอยู่คนเดียวก็เหงานิดหน่อยเหมือนกัน” เขาบอกแล้วก็ตัดบท “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับไปอาบน้ำก่อนละ จะได้เวลากินอาหารเช้าแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าตื่นเช้าแต่ดันไปเลท”
   
ร็อบวิ่งเหยาะๆ จากไปแล้ว แมทซึ่งเงียบมาตลอดบทสนทนาจึงเปรยว่า “ดูเป็นคนคุยสนุกดีนะ”
   
“เอ๋ ร็อบน่ะหรือครับ?” ผมถามงงๆ “ก็คงคุยสนุกละมั้งครับ เจอกันก็มีเรื่องชวนคุยตลอด” อย่างน้อยก็ดีกว่าน้องสาวที่เจอผมทีไร ไม่เขม่นก็ตั้งท่าจะสอบสวนผมเรื่องคุณสิงโตท่าเดียว
   
“อืม คีมีเพื่อนก็ดีแล้วละ” แมทยิ้มออกมานิดหนึ่ง “ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะได้มีเวลากินอาหารเช้า ไม่ต้องรีบ”
เขาบอกแล้วก็ออกเดินนำผมไป ผมขมวดคิ้ว นึกสงสัย วันนี้แมทเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีหรือเปล่านะ ปกติเขาก็นิ่งอยู่แล้ว ผมเลยดูไม่ค่อยออก แค่รู้สึกว่าออร่ารอบตัวเขามันขุ่นๆ นิดหน่อย

   
..........................................................
   
ดูเหมือนแมทจะมีเรื่องให้คิด ระหว่างกินอาหารเช้ากันเขาก็เลยเงียบกว่าปกติ ผมไม่กล้ากวนใจเลยก้มหน้าก้มตากินอาหาร เสร็จแล้วก็นั่งอัพรูปที่ถ่ายเมื่อเช้าลงเฟซบุ๊ค บรรยากาศมาดีขึ้นหน่อยตอนที่โซเฟียกับมาเรียนน่าเดินเข้ามาในห้องอาหาร ผมรีบโบกมือทักสองสาวแล้วชวนเพื่อนใหม่มาร่วมโต๊ะ
   
โซเฟียถามแมทเรื่องรายละเอียดของฮาร์นาส ความจริงคนที่สนใจมากกว่าคงเป็นมาเรียนน่า เธอส่งภาษามือให้แฟนสาวช่วยแปลให้แมทฟังด้วยท่าทางกระตือรือล้น แมทตอบอย่างละเอียดเท่าที่เขารู้ ผมช่วยเสริมตามสายตาคนมาใหม่ บรรยากาศเลยค่อยคลี่คลายไปบ้าง
   
พอกินอาหารเช้าเสร็จ แมทก็บอกว่า ถึงเวลาที่นัดเควินว่าจะขับรถเข้าเมืองไปซื้อของแล้ว เขาหันมาถามโซเฟียกับมาเรียนน่าเหมือนที่ถามผมเมื่อคืนว่า ต้องการอะไรจากในเมืองไหม สองสาวปฏิเสธบอกว่า เตรียมของมาพร้อมหมดแล้ว แมทก็เลยหันกลับมาหาผม “ถ้าอย่างนั้นคีก็ไปเถอะ บ่ายๆ ฉันคงกลับมาถึงแล้ว คีคงกลับมาจากทัวร์รอบฟาร์มพอดี”
   
ผมพยักหน้ารับคำ “ครับ ขับรถดีๆ นะครับ”
   
คุณสิงโตยิ้มแล้วก็ยกมือขึ้นมาขยี้ผมของผมอีกทีหนึ่ง ก่อนจะเดินจากไป ผมมองตามแผ่นหลังของเขา ใจโหวงนิดหน่อย วันก่อนๆ ถึงแมทจะแยกไปทำงาน แต่ผมรู้ว่าเขายังอยู่ใกล้ๆ ในฮาร์นาส ถ้ามีปัญหาอะไรก็คงให้เขาช่วยได้ แต่วันนี้ผมต้องอยู่เองให้ได้

อารมณ์เหมือนเด็กที่พ่อแม่พามาส่งโรงเรียนแล้วเดินออกไปเลยแฮะ ไม่ได้ๆ เมื่อวานผมเพิ่งจะแซวแมทอยู่ว่าทำตัวเหมือนคุณพ่อพาลูกมาส่ง วันนี้ผมดันทำตัวเหมือนเด็กเองซะงั้น


“สู้โว้ย” ผมสูดลมหายใจฮึด แล้วเดินกลับไปหาโซเฟียกับมาเรียนน่าที่ยืนรออยู่ เตรียมพร้อมไปเริ่มโปรแกรมอาสาสมัครวันแรก


............................TBC....................................

รอบนี้ไม่มีรูปสัตว์ แต่แปะรูปพระอาทิตย์ขึ้นในนามิเบียแทนนะคะ

ยังคงเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่คุณสิงโตเหมือนจะไม่ค่อยเรื่อยๆ เสียแล้ว ทิ้งน้องไว้แบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าน้า

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 10 [Update 1/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-08-2018 01:52:23
พี่สิงโต หวงน้องอะจิ อิอิ มัวแต่รีรอ ระวังอีร๊อบ คาบไปกินนะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 10 [Update 1/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-08-2018 09:02:24
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 11 [Update 3/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 03-08-2018 01:09:59
บทที่ 11

ผมกับโซเฟียและมาเรียนน่าเดินไปสมทบกับอาสาสมัครใหม่คนอื่นๆ ริมสนามหญ้าของลานหน้าพื้นที่ส่วนกลาง คนยังมากันไม่ครบ พวกเรานั่งคุยฆ่าเวลากันไปตามเรื่อง เลยไปหน่อยมีฝูงพังพอนกับนกกระจอกเทศกำลังก้มหน้าก้มตากินอาหารที่อาสาสมัครเก่ากำลังโปรยให้ มาเรียนน่ายืดคอมองตาโต ท่าทางสนใจมาก
   
โซเฟียเล่าให้ผมฟังว่า มาเรียนน่าชอบพวกสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่า ความจริงเจ้าตัวอยากเรียนสัตวแพทย์ น่าเสียดายที่มหาวิทยาลัยที่มีคณะสัตวแพทย์ในสเปนยังไม่เอื้อสำหรับคนหูหนวก หญิงสาวจึงต้องไปเรียนสาขาอื่นแทน พอแต่งงานกัน โซเฟียจึงตั้งใจเก็บเงินเตรียมทริปฮาร์นาส 1 เดือนเต็มเป็นของขวัญแต่งงานให้แฟนสาว
   
“สุดยอดเลยครับ” ผมยกนิ้วให้โซเฟีย แล้วหันไปสะกิดไหล่มาเรียนน่าซึ่งยังดูฝูงพังพอนอยู่ ทำภาษามือที่เรียนมาจากโซเฟีย ถามเธอไปว่า ชอบไหม มาเรียนน่าพยักหน้าหงึกหงัก ยิ้มกว้างตาพราว

ผมมองรอยยิ้มของสาวสเปนตรงหน้าอย่างชื่นชม ถึงจะหูหนวกและพูดไม่ได้ แต่มาเรียนน่าก็เป็นคนสวย ผมสีบรูเนต ตาคมแบบสาวยุโรปใต้ ยิ่งเมื่อรวมกับประกายสดใสอย่างคนที่เพิ่งแต่งงานมาไม่กี่เดือน เธอก็ยิ่งมีออร่าน่ามอง
   
โซเฟียเห็นผมมองมาเรียนน่าแบบเคลิ้มๆ ก็เลยเอานิ้วมาจิ้มเอวผม ส่งเสียงดุเอาว่า
“เดี๋ยวเถอะ หนุ่มน้อย มองภรรยาคนอื่นตาเยิ้มแบบนี้ได้ยังไง”

ผมสะดุ้ง รีบยกมือปฎิเสธ “เปล่านะครับ ผมไม่ได้คิดไม่ดีนะ ซอรี่ๆ ผมชอบมองสาวสวยเพราะดูแล้วสบายใจเท่านั้นเอง” ผมแก้ตัวลิ้นพันกัน ยิ่งฟังเหมือนจะยิ่งแย่ แต่โซเฟียที่เก็กหน้าดุก็หลุดขำพรืด

“ฮ่าๆ ฉันแกล้งเล่นน่ะ รู้หรอกว่า คีไม่สนใจแฟนฉันแบบนั้นหรอก” เธอเดายิ้มๆ “คีไม่สนใจผู้หญิงใช่ไหมละ”

ผมอึ้งไปนิด ก่อนจะยิ้มแหย “ผมดูออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ตอนอยู่เมืองไทย ผมไม่ได้ประกาศตัวว่าเป็นเกย์ แต่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พวกคนที่คณะมารู้ว่าผมชอบผู้ชายก็ตอนผมคบกับพี่เมธแล้ว

“เรดาร์ฉันไม่เคยพลาด” โซเฟียทำท่ายืด ก่อนจะหัวเราะอีกครั้ง “ความจริงเพราะฉันคบเพื่อนที่เป็นเกย์กลุ่มใหญ่เลยน่ะ พอจะมองสายตาพวกเขาเวลามองสาวสวยออก”

โซเฟียอมยิ้มแล้วแกล้งแซวผมว่า “ไอ้ที่พวกฉันไม่ใช่แบบที่คีชอบน่ะ รู้แล้ว แต่สงสัยว่า สเป๊คคีจะเป็นแบบไหนกันน้า ระหว่าง...พี่หนวดคนเข้ม dark tall and handsome กับพ่อหนุ่มผมบลอนด์สุดหล่อ สไตล์ขวัญใจสาวไฮสคูล” เธอถามพลางพยักเพยิดไปทางร็อบซึ่งกำลังเดินตัดสนามตรงเข้ามาหาพวกเรา

“เห? หมายถึงแมทกับร็อบเหรอครับ? ผมไม่ได้คิดอะไรกับพวกเขานะ คนนึงก็เพื่อนของพี่ อีกคนก็เพิ่งรู้จักกันได้ 2 วันเอง” ผมรีบปฎิเสธ จะว่าไป พวกเขาก็ไม่ใช่สเป๊คผมทั้งคู่จริงๆ นะ ถ้าแบบที่เห็นปุ๊บแล้วรู้ว่าชอบ คงเป็นแบบพี่เมธละมั้ง หนุ่มแว่นหล่อสะอาด ดูขรึมๆ หน่อย

“อ้าว ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นเขา....”
โซเฟียขยับจะถาม แต่ร็อบเดินเข้ามาถึงพวกเราพอดี เธอก็เลยไม่พูดต่อ แต่เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน


ไม่กี่นาทีต่อมา เฮเลนกับสตีฟ สต๊าฟของฮาร์นาสซึ่งจะเป็นพี่เลี้ยงให้อาสาสมัครกลุ่มนี้ ก็เรียกพวกเราไปรวมตัวใต้ต้นไม้ ทั้งคู่ผลัดกันบรีพรายละเอียดคร่าวๆ ของสัปดาห์แรก สองวันต่อจากนี้จะเป็นการเซอร์เวย์บริเวณรอบๆ ฟาร์มและเรียนรู้เรื่องสัตว์ หลังจากนั้นพวกเราก็จะได้ลงมือทำงานจริงในวันที่สาม เริ่มต้นเรียนรู้การดูแลสัตว์แต่ละประเภท ไล่ไปทีละชนิด เริ่มจากชีต้าก่อน

พอบรีฟจบเฮเลนกับสตีฟก็พาพวกเราเดินชมรอบพื้นที่ส่วนกลาง แนะนำส่วนต่างๆ อย่างละเอียด ตั้งแต่ส่วนอนุบาลสัตว์ คลินิก โรงเรียน ไปจนถึงโบสถ์ที่จะมีชาวบ้านพื้นเมืองแถบนี้แวะมาทำกิจกรรมในวันอาทิตย์ โซเฟียกับมาเรียนน่าเดินคู่กัน รายแรกตั้งอกตั้งใจแปลภาษามือตามที่สต๊าฟบรรยายให้รายหลังฟัง ผมไม่อยากเป็นก้างขวางคอคู่แต่งงานใหม่ เลยชะลอฝีเท้ามาเดินคู่กับร็อบ

“เลยไปข้างหน้าเป็นส่วนอนุบาลชีต้าละครับ ผมเคยไปช่วยเบน สต๊าฟของส่วนนั้นทำความสะอาดเมื่อวันก่อน”
ผมชี้ให้เขาดูแล้วเล่าเรื่องที่ไปช่วยแมทกับเบนถ่ายคลิปโปรโมทให้ฟังด้วย

ชายหนุ่มผมบลอนด์พยักหน้าหงึกๆ ฟังอย่างสนใจ “คีมาอยู่แค่ไม่กี่วันแต่ทำอะไรเยอะเลย ขยันจัง” เขาชมยิ้มๆ

ผมส่ายหน้าแล้วออกตัวว่า “ผมโชคดีเพราะได้แมทเป็นพี่เลี้ยง เลยติดสอยห้อยตามเขาไปน่ะ ไม่อย่างนั้นก็คงได้แต่นั่งหง่าว”


หลังจากนั้นก็พักกินอาหารกลางวัน แล้วขึ้นรถไปดูรอบฟาร์ม รถที่พาไปรอบนี้ไม่ใช่รถกะบะติดกรงแบบตอนที่ผมไปกับแมทวันแรก แต่เป็นรถจี๊บแบบติดรถพ่วงที่นั่งด้านหลัง มีที่นั่ง 3 แถว จุคนได้สัก 8-9 คน แล่นตามกันไป 2 คัน ผมนั่งกับโซเฟียและมาเรียนน่า ร็อบเขยิบไปนั่งแถวหลังถัดไป แต่ก็ชะโชกตัวมาคุยกับผมเป็นระยะ

รถแล่นมาถึงจุดที่ผมเคยมาให้อาหารสิงโต แล้วก็จอดเพื่อให้อาสาสมัครใหม่ลงมาดูพวกสิงโตผ่านรั้วกั้น ผมก้าวลงจากรถ เพิ่งเห็นจุดที่เท้าเหยียบลงไปเป็นแอ่งที่ดินค่อนข้างเหลว กำลังจะหันไปบอกโซเฟียกับมาเรียนน่าที่ตามมาให้ไปลงอีกฝั่งของตัวรถแทน แต่ปรากฏว่าห้ามไม่ทัน โซเฟียที่ก้าวตามผมลงมาเหยียบดินลื่นแล้วเซมาทางผม

“ระวัง!” ผมยื่นแขนรับตัวเธอไว้ ทำท่าจะล้มลงไปด้วยกัน ดีว่าผมมือไวคว้าขอบรถไว้ได้ แต่จังหวะที่ลงน้ำหนัก เท้าขวาของผมก็พลิก เจ็บแปล๊บตรงข้อเท้าไปวูบหนึ่ง

“ซอรี่ คี เป็นอะไรหรือเปล่า!” โซเฟียที่ทรงตัวได้แล้วหันมาขอโทษ ก่อนจะถามผมด้วยสีหน้าร้อนรน

ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ไม่เป็นอะไรๆ ผมกำลังจะเตือนอยู่ว่าดินตรงนี้มันลื่น แต่เตือนช้าไปหน่อย” ผมหันไปชี้บอกมาเรียนน่าที่ยังนั่งหน้าตื่นอยู่บนรถให้ไปลงอีกด้าน หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินเลาะด้านหลังรถไปหาเธอ

โซเฟียยังเป็นห่วงว่าผมจะเจ็บ แต่ผมโบกมือบอกว่า ไม่เป็นไร ซึ่งก็ไม่เป็นไรจริงๆ นั่นแหละ เจ็บแปล๊บเมื่อกี้นิดเดียว ตอนนี้ก็เดินได้ปกติ


ชั่วโมงแรกผมก็คิดแบบนั้น แต่พอนั่งรถต่อไปจุดอื่น แล้วก้าวขึ้นลงรถหลายๆ ครั้งเข้า ไอ้อาการเจ็บแปล๊บๆ ตรงข้อเท้าก็กลับมาอีก แต่ผมพยายามกลบเกลื่อนไว้เพราะไม่อยากให้โซเฟียรู้สึกผิด กะว่ากลับเข้าที่พักแล้วค่อยไปคุ้ยยาทาแก้ปวดในกระเป๋ามาทา

ตอนที่พวกเรากลับมาถึงส่วนกลางในช่วงบ่ายแก่ๆ ข้อเท้าผมก็ชักแย่แล้ว ผมกัดฟันก้าวลงจากรถ โบกมือให้พวกโซเฟียกับมาเรียนน่าที่จะแยกกลับไปหมู่บ้านอาสาก่อน

ร็อบบอกว่าจะมาใช้ไวไฟที่ส่วนกลางเช็คอีเมล์สักหน่อย เลยเดินมากับผมด้วย เขามองผมแล้วถามว่า “คีเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าซีดๆ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่เจ็บเท้า สงสัยว่าเมื่อกี้จะก้าวผิดจังหวะ” ผมตอบกลับไป พยายามฝืนยิ้มให้เขา “เดี๋ยวผมว่าจะกลับไปห้องพักแล้วทายา ร็อบจะใช้ไวไฟอยู่ที่นี่ใช่ไหม งั้นไว้เจอกันตอนมื้อเย็นนะ”

ผมบอกลาแล้วจะแยกมา แต่ร็อบกลับยื่นมือมาแตะแขนผม ทำหน้าเป็นห่วงแล้วบอกว่า “เจ็บเท้าแล้วเดินไหวหรือ มา...ผมช่วยประคองไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องลงน้ำหนักที่เท้ามาก”

ร็อบช่วยประคองแขนผมเดินกลับไปที่ห้องพักฝั่งลอดจ์ ตอนที่เดินผ่านโรงจอดรถก็เจอแมทกับเบนกำลังช่วยกันขนของลงจากรถของแมท มีลิซ่ายืนอยู่ด้วย ดูท่าทางเหมือนเพิ่งกลับมาพร้อมกัน

พอเห็นผมเดินผ่านมาโดยมีร็อบประคองแขนอยู่ คุณสิงโตก็ขมวดคิ้ว รีบเดินเข้ามาถาม “คีเป็นอะไร”

“เจ็บข้อเท้านิดหน่อยครับ เมื่อกี้เดินไม่ระวังเลยเท้าพลิก ร็อบเห็นผมเดินไม่สะดวกเลยช่วยประคองมา ผมว่าจะกลับไปทายาที่ห้อง” ผมยิ้มแหยแล้วบอกเขาตามจริง

แมทก้มลงมองข้อเท้าขวาของผมแล้วย่อตัวลงไป เลื่อนขอบถุงเท้าของผมลง พอเห็นข้อเท้าที่เริ่มบวมแดงนิดๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาออกเสียงดุ “ข้อเท้าบวมขนาดนี้ แค่ทายาจะหายได้ยังไง ไปห้องพยาบาลที่คลินิกเถอะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้ปวดเท่าไหร่”
ผมรีบปฏิเสธ ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่แมทไม่ยอม “ตอนนี้ไม่ปวด แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ พรุ่งนี้เธอปวดจนเดินไม่ไหวแน่”

เขาลุกขึ้นยืนแล้วบอกร็อบที่ประคองผมอยู่
“รบกวนคุณช่วยเบนกับลิซ่าขนของหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมพาคีไปห้องพยาบาลเอง”

ร็อบขยับจะตอบอะไรสักอย่าง แต่แมทไม่รอฟัง เขาก้มลงช้อนตัวผมขึ้นมาอุ้มแล้วออกเดินฉับๆ ออกมา ท่ามกลางสายตาของร็อบ ลิซ่ากับเบนที่มองอยู่ ผมอ้าปากหวอ “แมท! อุ้มผมทำไมครับ วางเถอะ ตัวผมหนักจะตาย ไปห้องพยาบาล ผมเดินไหวๆ”

ผมร้องบอกเขาแต่พี่หนวดกลับขมวดคิ้ว ก้มหน้าลงมาดุผมเสียงเย็น “ข้อเท้าบวมขนาดนี้ยังฝืนอีก คีรู้รึเปล่าว่า ตอนนี้หน้าซีดแค่ไหน อยู่นิ่งๆ เลย” เขาบอกแล้วกระชับอ้อมแขน อุ้มผมเดินลิ่วเหมือนผมเป็นเด็กเล็กตัวเบาอย่างนั้นแหละ

ผมถูกคุณสิงโตใจดีดุเป็นครั้งแรกก็เลยได้แต่อึ้ง หุบปากสนิท แล้วยอมให้เขาอุ้มพาไปห้องพยาบาลโดยดี พอมองข้ามไหล่แมทไปด้านหลังก็เห็นลิซ่ามองตามพวกเรามา สีหน้าไม่พอใจสุดๆ ผมรีบหดคอกลับมา กลืนน้ำลายแล้วนึกบ่นแมทในใจ

แมทครับ ผมเพิ่งทำให้แม่สาวผมบลอนด์เลิกเขม่นผมเพราะคุณได้วันเดียวเอง ตอนนี้เจ้าหล่อนต้องเหม็นขี้หน้าผมหนักกว่าเดิมแน่เลย!

............................TBC....................................


คุุณสิงโตโกรธซะแล้ววววว เอ โกรธหรือหวง หรือห่วง หรือหึง ก็ไม่รู้ละค่ะ แต่เอาเป็นว่าน้องคีถูกอุ้มตัวปลิวเลยก็แล้วกัน ^o^

ช่วงต่อไปน่าจะลงได้ถี่ขึ้นแล้วเพราะเราเพิ่งลงเรื่องที่ลงประจำทุกสัปดาห์จบค่ะ ไว้ไปเที่ยวฮาร์นาสกันต่อนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 11 [Update 3/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-08-2018 01:56:28
โอ๊ยยย ฟินๆๆ อิจฉาคีมากๆ มีแต่งานดีๆ :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 12 [Update 3/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 03-08-2018 14:14:24
บทที่ 12

แมทอุ้มผมเดินตัดลานจอดรถไปยังคลินิกของฮาร์นาสซึ่งอยู่ติดกัน โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงบ่าย พวกอาสาสมัครกับสต๊าฟส่วนใหญ่ยังไม่กลับมาพื้นที่ส่วนกลางจึงไม่มีใครมาเห็นพี่ยักษ์อุ้มผมท่านี้อีก ผมพยายามทำตัวนิ่งอยู่ในอ้อมแขนเขา จะได้ไม่ทำให้เขายุ่งยากกว่าเดิม

พอไปถึง คุณหมอประจำคลินิกก็ช่วยดูอาการให้ สรุปว่าผมข้อเท้าแพลง แต่ไม่รุนแรงเท่าไร แค่เอ็นยึดข้อถูกยืดมาจนอักเสบ แต่ไม่ถึงกับเอ็นฉีก ข้อเท้าก็เลยบวมนิดเดียว คุณหมอพันผ้ายืดให้แล้วบอกว่า ให้พักเท้าสักวัน โชคดีที่ตารางงานอาสาพรุ่งนี้ส่วนใหญ่เป็นการฟังเลคเชอร์เรื่องข้อมูลพื้นฐานของพวกสัตว์ชนิดต่างๆ ไม่ต้องเดินไปไหน จะมีแค่กิจกรรมให้อาหารสัตว์ตอนเช้าที่ผมคงต้องขอโดด

คุณหมอให้ถุงน้ำแข็งมาประคบกับแถมยาแก้ปวดเผื่อคืนนี้ข้อเท้าผมจะอักเสบขึ้นมาอีก หลังจากนั้นแมทก็พาผมกลับห้อง ทีนี้ก็มาถึงปัญหาที่ว่า ผมจะกลับห้องยังไง ตอนแรกแมททำท่าจะอุ้มผมอีกรอบ ผมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้ผมฝืนเดินกลับเองแน่ เลยรีบต่อรองว่า “เปลี่ยนเป็นขี่หลังเหมือนวันก่อนได้ไหมครับ คุณอุ้มผมแบบนั้น...ถ้ามีใครมาเห็น ผมอายตายเลย”

พี่ยักษ์หัวเราะ “คีเขินที่ถูกอุ้มท่าเจ้าสาวสินะ โอเคๆ” เขาว่าแล้วก็ย่อตัวลงอย่างว่าง่าย

ผมย่นจมูกใส่เขา “ที่เมืองไทยเขาเรียกว่า อุ้มท่าเจ้าหญิงน่ะครับ แต่ใช้คำไหนผมก็อายทั้งนั้นแหละ” ผมขยับเข้าไปเกาะหลังคุณสิงโต

เขาช้อนต้นขาผมขึ้น บอกเสียงอ่อนโยน “จับดีๆ ละ ถ้าจะตกก็บอกฉัน จะได้ระวัง”

“ครับ”


พวกเราเดินออกมาได้หน่อยก็เจอร็อบที่เดินสวนทางมา เขารีบเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง “คี เป็นไงบ้าง บาดเจ็บมากหรือเปล่า” เขาก้มลงมองข้อเท้าขวาผมที่มีผ้าพันไว้

ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า “นิดหน่อยเองครับ แค่เท้าแพลงน่ะ หมอบอกว่า พักสักวันก็หาย แต่เย็นนี้ผมคงไม่ได้ไปดินเนอร์ด้วยแล้ว ถ้าคุณเจอโซเฟียกับมาเรียนน่า ช่วยบอกพวกเธอได้ไหมครับว่า ผมป่วยนิดหน่อย...แต่อย่าเพิ่งบอกว่า ผมบาดเจ็บนะ” ผมขอร้องเขาไปเพราะไม่อยากให้โซเฟียรู้สึกผิด วันนี้เธอไม่เจอผม ถ้ารู้ว่าผมบาดเจ็บอาจจะกังวลมาก ไว้พรุ่งนี้ผมพอเดินได้แล้วค่อยไปบอกเธอเองดีกว่า

“โอเค คีก็พักผ่อนเถอะนะ” ร็อบพยักหน้าตกลง แล้วยื่นมือมาลูบศีรษะผมเหมือนเป็นห่วง ก่อนจะหันมาทางแมทที่อุ้มผมขึ้นหลัง บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กุญแจรถคุณอยู่ที่เบนนะครับ ผมช่วยขนของไปเก็บเรียบร้อยแล้ว ลิซ่าขอตัวกลับหมู่บ้านอาสาไปก่อน ฝากผมมาบอกคุณว่า ขอบคุณที่พาไปทำธุระ”

“ครับ” แมทยิ้มบางรับคำ

ผมมองพวกเขาสลับไปมา สองคนนี้เจอกันหลายครั้งแล้ว แต่เจอกันทีไรก็ทำนิ่งๆ ใส่กันตลอด เพราะร็อบเห็นว่าแมทเป็นหนุ่มที่น้องสาวตัวเองสนใจหรือเปล่านะ เลยเว้นระยะไม่สนิทด้วยเหมือนที่คุยกับผม

..............................................................

ผมกับแมทตกลงกันว่า วันนี้จะสั่งรูมเซอร์วิสเอาอาหารมาส่งที่ห้องสักมื้อหนึ่ง ผมจะได้ไม่ต้องฝืนเดินออกมาที่โรงอาหาร ผมบอกว่าจะเป็นคนจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนี้เอง เพราะผมทำให้เขายุ่งยากไปด้วย ตอนแรกแมทจะไม่ปฎิเสธ แต่ผมยืนยันเสียงแข็ง บอกว่าอยากเลี้ยงขอบคุณเขาด้วย เขาก็เลยยอมจนได้

มื้อนี้พวกเราจึงกินอาหารที่โต๊ะหน้าห้องพัก ชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากนั้นแมทก็บอกให้ผมพักผ่อน บอกว่าจะเดินไปใช้ไวไฟที่ส่วนกลางสักครู่ ผมอยู่ในห้องยังไม่รู้จะทำอะไรก็เลยไปอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย ช่วงบ่ายไปเซอร์เวย์รอบฟาร์ม ถนนลูกรังมีฝุ่นเยอะจนต้องสระผม

พอแต่งตัวออกมากำลังพันผ้ายืดรอบข้อเท้าใหม่ แมทก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
“อ้าว คีอาบน้ำหรือ” เขาย่นคิ้ว ถามแบบดุนิดหน่อย

ผมรีบยิ้มให้ “มันเหนียวตัวน่ะครับ ผมก็มีแต่ฝุ่น ไม่เป็นไรหรอก ผมแค่ข้อเท้าแพลงนะ ไม่ได้เป็นไข้ไม่สบายสักหน่อย”

“ตอนนี้ไม่เป็น แต่ถ้าคืนนี้ข้อเท้าอักเสบขึ้นมาก็อาจจะไข้ขึ้นได้เหมือนกันนะ” แมทถอนใจแล้วทรุดนั่งลงข้างเตียง จับเท้าผมไปวางบนหน้าตักของตัวเองแล้วดึงผ้ายืดไปจากมือผม บอกว่า “เดี๋ยวฉันพันให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมทำเองก็ได้” ผมทำท่าจะหดขากลับมา แต่แมทส่ายหน้า

“พันเองไม่ถนัดหรอก คีอยู่นิ่งๆ เถอะ อย่าดื้อเลย แค่วันนี้ที่ฝืนเดินทั้งที่เท้าเจ็บก็น่าตีแล้วนะ” เขาออกปากบ่นไม่จริงจังนัก ผมได้ยินก็เลยทำหน้าบูดบ้าง

“แมทดุเหมือนผมเป็นเด็กเลย”

“ก็คียังเด็กจริงๆ นี่นา” พี่ยักษ์ว่าแล้วก้มหน้าก้มตาพันข้อเท้าให้ผม ไล่ตั้งแต่โคนนิ้วเท้าจนถึงกลางหน้าแข้ง ทั้งที่มือของเขาใหญ่กว่าผมตั้งเยอะแต่กลับมือเบามากๆ ผ้ายืดที่พันให้ผมแน่นพอดี ไม่หลวมหรือรัดข้อเท้าเกินไป

เขาพันข้อเท้าให้ผมเสร็จแล้วก็ยืดตัวขึ้นมานั่งข้างกัน เตือนผมด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่คีเป็นห่วงเรื่องความรู้สึกของโซเฟีย ฉันเข้าใจนะ แต่คีก็ไม่ควรฝืนเหมือนกัน ถ้าคีเกิดบาดเจ็บมากแล้วโซเฟียมารู้ทีหลัง เธอจะยิ่งเสียใจ”

เขาเอื้อมมือมาลูบศีรษะผม “เป็นสุภาพบุรุษน่ะดีแล้ว แต่ก็ต้องดูลิมิทตัวเองด้วย โอเคไหม”

“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกรับคำ

คุณสิงโตเห็นผมหน้าม่อย ก็เลยยิ้มปลอบ “งั้นวันนี้ก็รีบพักผ่อนเถอะ เมื่อกี้ฉันไปบอกเฮเลนกับสตีฟให้แล้วว่า คีป่วย ของดไม่ไปให้อาหารพวกสัตว์ช่วงเช้า แต่จะไปฟังเลคเชอร์ตอนสายๆ แล้วก็เดินไปบอกโซเฟียกับมาเรียนน่าให้ด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าคีบาดเจ็บ รอให้คีไปบอกพวกเธอเองพรุ่งนี้ สบายใจหรือยัง”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา คุณสิงโตรู้ว่าผมไม่สบายใจกลัวโซเฟียกับมาเรียนน่าจะเป็นห่วง ก็เลยอุตส่าห์เดินไปหมู่บ้านอาสาที่อยู่ห่างไปเกือบกิโลเพื่อบอกเพื่อนๆ ของผมให้ ผมรีบพยักหน้าแล้วยิ้มกว้างให้เขา

“ครับ สบายใจแล้ว ขอบคุณนะครับ แมท”

   

แมทกลัวว่าข้อเท้าผมจะอักเสบขึ้นมาอีกก็เลยคอยถามว่าปวดไหม เจ็บมากขึ้นหรือเปล่า ผมตอบไปว่า ถ้าไม่ขยับเท้าทำอะไรก็ไม่เจ็บเท่าไร ก็เลยเข้านอนโดยไม่ได้กินยาแก้ปวด แต่พอตกดึก เหมือนข้อเท้าจะปวดมากขึ้นแถมผมยังรู้สึกเหมือนตัวเองจะมีไข้หน่อยๆ ด้วย
   
ผมหลับแบบไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ กลายเป็นว่าคิดถึงเรื่องเก่าจนเก็บไปฝัน
   
ผมฝันถึงช่วงที่คบกับพี่เมธ มีวันหนึ่งที่เขานัดผมไปกินข้าวเย็น ผมไปที่ร้านประจำของเราแล้วสั่งอาหารรอเขาเหมือนทุกที พี่เมธโทรมาบอกว่า มีงานด่วนเข้ามา ขอเวลาจัดการแป๊บหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ทำงานไม่เสร็จและมาไม่ทัน ผมต้องให้ที่ร้านห่ออาหารใส่กล่องแล้วไปรอเขาที่คอนโดแทน ยังไงคืนนี้ผมก็กะจะค้างกับเขาอยู่แล้ว 
   
ตอนขากลับมา ฝนตกหนัก ผมรอแท็กซี่อยู่หน้าร้านจนโดนละอองฝนอยู่พักหนึ่ง พอไปถึงคอนโดพี่เมธก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร เลยรีบอาบน้ำแล้วเข้านอน
   
คืนนั้นผมก็จับไข้เหมือนคืนนี้ ผมนอนตัวสั่นอยู่ในผ้าห่ม รู้สึกว่ามีมือมาอังที่หน้าผาก พี่เมธคงกลับมาแล้วสินะ แล้วสักพักก็มีคนประคองผมขึ้นมานั่ง ยื่นยาให้กินแล้วตามด้วยน้ำ ผมกินยาแล้วนอนต่อ แต่ขยับเข้าไปหาคนที่นอนอยู่อีกฝั่งของเตียง เรียกเขาเบาๆ
   
“พี่เมธ...”
   
“Hm….do you want anything else?”

เสียงทุ้มถามกลับมา ไหงวันนี้พี่เมธพูดภาษาอังกฤษละ จะแกล้งผมหรือไง ผมคิดอย่างงัวเงียแล้วก็ตอบกลับเขาไปเป็นภาษาเดียวกัน “Yes, can you hold me, please?”
   
“Ok, baby”

เขาตอบกลับแล้วดึงผมเข้าไปในอ้อมแขน กอดของเขาอุ่นและเหมือนจะกว้างกว่าเดิม มือใหญ่เอื้อมมาลูบหลังกล่อม
ผมนอนหนุนแขนเขา ซุกหน้าอยู่กับอกของคนข้างตัว รู้สึกปลอดภัยจนหลับลึกไปจนได้


............................TBC....................................

มาต่อได้อีกหน่อยค่ะ น้องคีไม่สบายแล้วฝันถึงแฟนเก่า แต่คนที่พยาบาลอยู่นี่ใครกันแน่ ความจริงหรือความฝันก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ ^o^

เรื่องนี้จะมาทีละสั้นๆ แต่จะพยายามลงให้สม่ำเสมอนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 12 [Update 3/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-08-2018 14:25:34
 :-[

"ok baby"
hhhhoooo คุณสิงโต อ๋าาาา
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 13 [Update 6/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 06-08-2018 14:49:20
บทที่ 13

เมื่อคืนผมละเมอขอให้แมทกอด...

ผมรู้ตัวตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตัวเองนอนอยู่บนเตียงอีกฝั่ง หนุนหมอนและห่มผ้าของเขาด้วย พอทบทวนความฝันแปลกๆ เมื่อคืนก็เข้าใจแจ่มแจ้งแบบไม่ต้องเดา ผมขดตัวซุกหัวเข้าไปใต้ผ้าห่มพลางด่าตัวเองในใจ ไอ้คีเอ๊ย! จะไข้ขึ้นหรือคิดถึงเรื่องเก่ายังไงก็ไม่น่ามึนขนาดนั้นนี่หว่า! ยังดีที่แมทลุกออกไปก่อน ถ้าขืนตื่นขึ้นมาเจอเขาแบบจังๆ ผมคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน 

ผมนอนเอาหัวทุ่มหมอนอยู่ในโปงผ้าห่มอีกครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงประตูห้องพักเปิด ตามด้วยเสียงฝีเท้า ผมจึงค่อยๆ โผล่ศีรษะออกจากโปง ทำหน้างัวเงีย

แมทยืนอยู่ข้างเตียง ก้มตัวลงมาถามผม “คีตื่นแล้วหรือ ลุกไหวไหม ฉันไปเอาอาหารเช้ามาให้ กินเสียก่อนแล้วค่อยนอนพักต่อ” มือใหญ่เอื้อมมาแตะหลังมือกับหน้าผากผมเบาๆ “ตัวไม่ร้อนแล้ว ข้อเท้ายังเจ็บอยู่หรือเปล่า”

ผมขยับลุกขึ้นนั่ง ห้อยขาลงมา จังหวะที่เท้าแตะพื้นยังรู้สึกแปลบๆ ตรงข้อเท้าอยู่หน่อย 
“ยังเจ็บนิดๆ ครับ แต่ไม่ตึงเท่าเมื่อวาน”

แมทก้มลงไปแกะผ้ายืดออกมาอย่างเบามือ พอเห็นว่าข้อเท้าผมยังบวมแดงอยู่ เขาก็เปรยว่า “คงต้องประคบน้ำแข็งอีกสักรอบ ฉันเอาน้ำแข็งมาจากโรงอาหารด้วยแล้ว คีไปจัดการธุระส่วนตัวก่อนเถอะ”

“ครับ” ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินเขยกไปทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย พอออกจากห้องน้ำ อาหารเช้าก็วางรอบนโต๊ะ แมทเตรียมน้ำแข็งใส่ถุงประคบเย็นที่คุณหมอให้มาเมื่อวาน เอามาให้ผมวางบนข้อเท้าระหว่างกินอาหาร ทิ้งไว้สัก 15 นาที พอกินเสร็จก็ค่อยเอาออก

“เดี๋ยวตอนที่ไปนั่งเลคเชอร์ก็เอาถุงน้ำแข็งไปประคบอีกรอบนะ แล้วคืนนี้ก่อนนอนประคบอีกสักที พรุ่งนี้ที่บวมก็น่าจะยุบแล้วละ ยื่นเท้ามาสิ เดี๋ยวฉันพันผ้ายืดให้” แมทบอกแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น เอาเท้าผมไปวางบนหน้าขาแล้วพันผ้ายืดรอบข้อเท้าให้ผมใหม่

ผมก้มมองเขา นึกขอบคุณที่เขาทำตัวตามปกติ ผมก็เลยพอจะกล้างึมงำขอโทษ
 “แมทครับ เรื่องเมื่อคืน ขอโทษนะที่ผมละเมอไป...กวนคุณ”

“ไม่เป็นไร คีไม่สบายนี่นา” คุณสิงโตส่ายศีรษะแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม “ว่าแต่ ใครคือ Pi Meth?” เขาถาม ลากเสียงนิดหนึ่งตอนออกเสียงคำว่า พี่เมธ เหมือนไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็ออกเสียงได้ชัดพอใช้

ผมฝืนยิ้ม ลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบไปตามตรง “He is my ex…boyfriend”

“อ้อ” แมทพยักหน้ารับรู้ เขาดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ผมใช้สรรพนาม He แถมยังคำว่า boyfriend อีก “คิดอยู่เหมือนกันว่าน่าจะใช่ เขาคือคนที่คีหนีเขามาสินะ”

“คุณรู้ด้วยหรือครับ” ผมเป็นฝ่ายแปลกใจบ้าง

แมทพยักหน้า “ตอนที่เคธี่ติดต่อมา เธอบอกว่าน้องชายเปลี่ยนแผนช่วงปิดเทอมกะทันหันเพราะมีปัญหากับแฟนหนุ่ม เลยอยากมาต่างประเทศเพื่อหนีจากสถานการณ์อึดอัด คืนแรกฉันได้ยินเสียงคีร้องไห้ก็ยังนึกเป็นห่วง แต่คิดว่าคีคงไม่สบายใจที่จะเล่าให้คนที่เพิ่งรู้จักกันฟัง ก็เลยไม่ถาม รอให้คีพร้อมจะเล่าเองดีกว่า”

ผมฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะยักไหล่ “มันก็ปัญหาเบสิคนั่นแหละครับ ผมเพิ่งรู้ตัวว่า ถูกนอกใจมานาน พอขอเลิกก็ดันอ่อนแอจนไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา กลัวว่าถ้าอยู่เมืองไทยแล้วจะใจอ่อน เลยหนีข้ามโลกมาเสียไกล แต่สุดท้ายก็ยังอดคิดเรื่องเก่าไม่ได้...” ผมถอนใจเบาๆ

แมทนั่งเงียบฟังจนจบ เขาเอื้อมมือมาวางบนศีรษะผม เอ่ยเสียงอ่อนโยน
“แรกๆ มันก็ยากแบบนี้ทุกคน แต่เวลาน่าจะช่วยได้นะ คีทำใจให้สบาย ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ จะได้ลืมเรื่องแย่ๆ...แต่ก็ห้ามฝืนอย่างเมื่อวานอีกนะ”

“รับทราบครับ” ผมยิ้มออกมาเมื่อแมทวกกลับมาเตือนเรื่องเก่า “ขอบคุณนะครับ”

คำขอบคุณนี้ไม่ได้หมายถึงแค่คำแนะนำของแมท แต่ขอบคุณที่เขาไม่ได้ทำท่าตกใจหรือรังเกียจตอนได้ยินว่าผมเป็นเกย์ ตอนแรกผมค่อนข้างกังวลอยู่เหมือนกัน ถึงคนอเมริกันจะไม่ต่อต้านเรื่องรักเพศเดียวกันเท่ากับคนเอเชีย แต่ถ้าต้องอยู่ร่วมห้องกันเป็นเดือนเขาก็อาจจะอึดอัด แต่นี่แมทกลับพูดถึงแต่เรื่องผมอกหัก โดยไม่โฟกัสประเด็นที่แฟนผมเป็นผู้ชายเลยสักนิด เขาทำเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ผมเลยโล่งใจขึ้นมาก

…………………………………………………………

ผมนั่งพักอยู่ในห้องจนถึงตอนสาย ได้เวลาที่พวกอาสาสมัครที่ไปมอร์นิ่งทัวร์เช้านี้ใกล้กลับมาแล้ว แมทจึงประคองผมเดินไปที่ส่วนกลาง ผมยังลงน้ำหนักที่เท้าขวามากไม่ได้ เลยใช้เวลามากกว่าปกตินิดหน่อย (ก่อนออกจากห้อง ผมขอร้องแกมห้ามคุณสิงโตอย่างจริงจัง ไม่ยอมให้เขาอุ้มผมไปส่งอีก)

โชคดีที่พอไปถึงห้องเรียนซึ่งทางฮาร์นาสสร้างไว้สำหรับทำเวิร์คช็อปยังไม่มีอาสาสมัครหรือสต๊าฟมาสักคน ที่นี่เป็นตึกดิน มีผนังด้านเดียว อีกสามด้านเปิดโล่ง หลังคาบุด้วยหญ้าแห้ง  ผมนั่งลงที่โต๊ะไม้ รับถุงน้ำแข็งสำหรับประคบข้อเท้ามาจากแมท แล้วจึงบอกเขาว่า
“คุณไปทำงานเถอะครับ ผมอยู่ได้ สบายมาก”

คุณสิงโตส่ายหน้า ทรุดนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างผมเสียอย่างนั้น “วันนี้ฉันจะอยู่ฟังเลคเชอร์กับคี ฉันบอกเควินไว้แล้วว่า จะไม่ได้ไปช่วยเขาวันหนึ่ง ตอนกลางวันจะได้ช่วยพาคีไปโรงอาหาร แล้วก็พากลับไปที่ห้องด้วย”

“เอ๋” ผมมองพี่หนวดแล้วกะพริบตาปริบ ก่อนจะรีบปฏิเสธ “อย่าเลยครับ รบกวนคุณเปล่าๆ คุณต้องไปช่วยงานเควินทุกวันไม่ใช่หรือครับ”

ผมถามอย่างกังวล เพราะตอนที่ไปเซอร์เวย์รอบฟาร์มด้วยกันวันแรก แมทบอกว่า อาสาสมัครระยะยาวอย่างเขา ทางฮาร์นาสเปิดโอกาสให้เลือกงานตามที่ถนัด แมทก็เลยเลือกช่วยเควินซึ่งอยู่ในส่วนเอาท์ดอร์ ดูแลพวกสิงโตเป็นหลัก

 “ตอนกินข้าว โรงอาหารก็อยู่แค่นี้เอง ผมพอจะเขยกไปได้ เดี๋ยวโซเฟียกับมาเรียนน่ามาก็คงพอช่วยได้ แล้วยังมีร็อบอีกคน ถ้าไม่ไหวผมค่อยให้เขาช่วยประคอง”
ผมยกเพื่อนๆ ร่วมกรุ๊ปมาอ้าง แต่แมทกลับส่ายหน้าอีกครั้ง

 “อย่ากวนพวกเขาเลย เรื่องช่วยเควิน คีไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้มีอาสาสมัครเก่าที่ยังอยู่หลายคนไปช่วยแล้ว พวกลิซ่าก็ไปด้วย เควินมีลูกมือเพียบจนไม่ง้อฉันแล้วละ” คุณสิงโตเอ่ยถึงสต๊าฟที่สนิทกันเหมือนเพื่อนด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ส่วนเฮเลนกับสตีฟก็คุ้นหน้าฉันอยู่ พวกเขาไม่ว่าหรอกถ้าฉันจะนั่งเรียนด้วย คีไม่ต้องห่วง”
   
เขาดักคอเหมือนจะรู้ว่าผมกังวลเรื่องอะไร ผมก็เลยได้แกล้งทำหน้าบูดใส่
“แมทตามมาคุมเพราะกลัวว่าผมจะฝืนเดินจนเจ็บอีกเหรอครับ”
   
“ก็ไม่เชิง” พี่หนวดตอบยิ้มๆ เอื้อมมือมาขยี้ผมของผมอีกแล้ว “ที่ผ่านมาฉันใจเย็นไปหน่อย คิดว่าตัวเองมีเวลามากพอจนรอให้อะไรๆ ลงตัวพร้อมเสียก่อน แต่ดูท่าว่าจะมัวรอไม่ได้แล้วละ ขนาดอยู่กลางทุ่งซาวันน่าแบบนี้ก็ยังมีคู่แข่ง ถ้ามัวรีรอ...อาจจะหลุดมือไปอีกก็ได้”
   
“หือ?” ผมขมวดคิ้วเพราะตามไม่ทัน ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมาสักนิด “คู่แข่ง? หลุดมือ? คุณหมายถึงอะไรครับ?”
   
แมทไม่ยอมตอบแต่กลับมองเลยไปด้านหลังผม ผมก็เลยหันไปดูบ้าง

ร็อบเดินเข้ามาใกล้ตึกดิน พอเห็นผมเขาร้องทักขึ้นมาก่อน “คี เป็นไงบ้าง มาไหวแล้วหรือ” เขารีบเดินเข้ามาหา แต่พอเห็นพี่หนวดนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกับผม ก็เลยเลือกนั่งโต๊ะข้างๆ กัน แล้วก้มลงมองข้อเท้าของผม
   
“ที่เท้าดีขึ้นแล้วใช่ไหม เมื่อเช้าโซเฟียถามผมใหญ่เลยว่า เมื่อวานหลังจากที่แยกกันแล้วคีเป็นอะไร ผมก็ได้แต่เลี่ยงๆ ไป” หนุ่มผมบลอนด์บอกแล้วยิ้มแหย ผมเลยรีบยิ้มกว้างให้เขา
   
“เดี๋ยวผมบอกโซเฟียเองครับ ขอบคุณนะครับ ร็อบ”
   
ผมตอบแล้วก็หันไปทางแมท ถึงได้เห็นว่าคุณสิงโตเพิ่งจะทำหน้าเหมือนเหนื่อยใจออกมานิดหนึ่ง
   
ตกลงก็เลยยังไม่รู้ว่า ที่เมื่อกี้แมทพูด มันหมายความว่ายังไงกันแน่ เอาไว้ก่อนแล้วกันนะ


............................TBC....................................


คุณสิงโตตามมาคุมน้องแมวเหมียวค่ะ น้องคีก็ช่างไม่รู้ตัวเลยน้า

เรื่องนี้เราจิ้มทีละประมาณ 1500 คำแล้วลงเลยนะคะ เพราะกลัวว่าถ้าทิ้งไว้ บางทีจะหายนาน เลยขอลงไว้เป็นตอนสั้นๆ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 13 [Update 6/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 06-08-2018 16:28:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 13 [Update 6/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-08-2018 17:30:32
 :L2: :L1: :pig4:

พี่/พ่อสิงโตเริ่มเครื่องร้อน
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 13 [Update 6/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: T_TARS ที่ 06-08-2018 18:28:40
หรือว่าพี่สิงโตแอบมองน้องคีย์มานานแล้ว ก่อนจะมาถึงฮาร์นาสซะอีก
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 13 [Update 6/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2018 19:35:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 13 [Update 6/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MeganMP ที่ 07-08-2018 20:00:32
งื้อออออออ มันดีมากเลย รอตอนต่อไปนะคะ ~
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 14 [Update 8/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 08-08-2018 14:51:16
บทที่ 14

พวกอาสาสมัครทยอยกันเดินเข้ามาในตึกดิน โซเฟียกับมาเรียนน่าเดินมาด้วยกัน กำลังคุยภาษามือท่าทางสนุกสนาน คงคุยกันเรื่องที่เพิ่งไปให้อาหารสัตว์มา พอเห็นผมนั่งรออยู่ พวกเธอก็รีบโบกมือให้เข้ามาหา หญิงสาวรายแรกทักทันที “คี ไม่สบายเป็นอะไรถึงโดดมอร์นิ่งทัวร์ เอ๊ะ! ที่เท้านั่นทำไมเอาผ้าพันไว้ละ คีบาดเจ็บหรือ...ที่ฉันล้มเมื่อวานใช่ไหม” โซเฟียถามรัวเร็ว สีหน้าสดใสตอนแรกเปลี่ยนเป็นร้อนใจขึ้นมาทันที

ผมรีบยิ้มให้แล้วโบกมือทำเหมือนไม่เป็นอะไรมาก “ขาแพลงน่ะ แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอก ผมถึงได้ไม่รู้ตัวจนกลับมาถึงนี่ไง เมื่อวานแมทพาให้คุณหมอที่คลินิกดูให้แล้ว หมอบอกว่าพักขาสักวันก็หาย ตอนเช้าผมเลยไม่ได้ไปมอร์นิ่งทัวร์”

ผมตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะยกมือขึ้นทำภาษามือบอกมาเรียนน่าซึ่งยืนมองหน้าเครียดอยู่ว่า ผมโอเค ไม่ต้องห่วง เธอพยักหน้ารับรู้แต่ยังไม่คลายขมวดคิ้ว

หลังจากนั้นสองสาวช่วยกันซักผมยกใหญ่ (มาเรียนน่าทำภาษามือถามแล้วให้โซเฟียแปล) แมทเห็นว่าพวกเธออยากคุยกับผม ก็เลยขยับที่ให้พวกเธอมานั่งโต๊ะเดียวกัน ส่วนตัวเขาลุกไปคุยกับสต๊าฟของฮาร์นาสที่กำลังเตรียมเลคเชอร์ สุดท้ายคุณสิงโตก็เลยกลายเป็นครูผู้ช่วย คอยฉายสไลด์ให้ระหว่างที่เฮเลนกับสตีฟบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์ชนิดต่างๆ รวมถึงลักษณะที่อยู่อาศัยและอาหารของพวกมัน

ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจไม่ได้หันไปคุยกับใครเลย เพราะโซเฟียเองก็สาละวนช่วยแปลภาษามือให้มาเรียนน่าฟัง พอเที่ยงพวกเราก็ไปกินอาหารกลางวัน แมทประคองผมเดิน บอกว่าจะได้ไม่ต้องลงน้ำหนักเท้ามาก ตอนแรกร็อบทำท่าจะเข้ามาช่วยด้วย แต่เห็นพี่ยักษ์ที่ประคองผมแบบเท้าผมแทบจะลอยไม่ติดพื้น เขาก็คงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องช่วยเลยเดินเยื้องไปข้างๆ แล้วชวนผมคุยแทน

สักพักหนุ่มผมบลอนด์ก็ชะโงกหน้าไปถามแมทที่เดินอยู่ข้างผมอีกฝั่ง “วันนี้คุณไม่ต้องไปช่วยงานเควินหรือครับ เห็นลิซ่าเล่าให้ผมฟังว่า ส่วนใหญ่คุณจะช่วยงานเอาท์ดอร์มากกว่า”

“ผมเห็นว่าเควินมีคนช่วยเยอะแล้วน่ะ ห่วงคี...ก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนเขาวันหนึ่ง”คุณสิงโตตอบหน้านิ่งๆ ตามปกติ

ร็อบยิ้มกว้าง เสนอตัวอย่างใจดี “จริงๆ ผมช่วยซัพพอร์ตคีให้ก็ได้นะครับ ยังไงก็ต้องทำกิจกรรมกลุ่มด้วยกันทั้งวันอยู่แล้ว จะให้ช่วยดูแลกี่วันก็ได้ คุณจะได้ไปทำงาน”

ผมขมวดคิ้วกำลังจะปฏิเสธคนตัวโตสองคนที่ขนาบข้างอยู่ว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมก็หาย เดินได้ตามปกติ ไม่ต้องให้พวกเขาคอยเป็นบุรุษพยาบาลก็ได้ แต่แมทกลับชิงตอบไปเสียก่อน “ไม่กวนคุณดีกว่าครับ พี่สาวของคีฝากให้ผมดูแลเขา ผมรับปากเธอไว้แล้ว”

 “อ้อ” ร็อบพยักหน้าส่งเสียงงึมงำในคอ

ผมเดินไปเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยแทรกอะไรอีก แม้จะรู้สึกลำบากใจนิดหน่อย แมทรับปากเจ้เคธไว้ก็เลยคอยเทคแคร์ผมเสียเต็มที่ เป็นแค่น้องชายเพื่อน ทำให้เขาต้องเสียงานมาหลายวัน ผมเกรงใจเขาจนไม่รู้จะเกรงใจยังไง


กินอาหารกลางวันเสร็จ พวกเราก็กลับไปที่ตึกดิน รอบบ่ายนี้พอฟังเลคเชอร์จบแล้ว สต๊าฟพี่เลี้ยงก็ให้พวกเราแบ่งกลุ่มที่จะทำงานร่วมกัน ผมจับกลุ่มกับโซเฟียและมาเรียนน่า มีร็อบพ่วงมาอีกคนก็เป็น 4 คน จำนวนลงตัวพอดี เฮเลนซึ่งเป็นสต๊าฟพี่เลี้ยงของกลุ่มเราอธิบายว่า ในช่วงแรกที่เป็นการเซอร์เวย์อาสาสมัครทุกคนจะได้ทำงานกับสัตว์ป่าทุกชนิด โดยเริ่มจากสัตว์ที่คุ้นกับคนมากหน่อย

พรุ่งนี้เราจะเริ่มจากชีต้าซึ่งยังไม่ปล่อยออกสู่ธรรมชาติ เราต้องพาพวกมันไปเดินเล่น ทำความสะอาดส่วนอนุบาลชีต้าซึ่งอยู่ด้านหน้าพื้นที่ส่วนกลางเหมือนตอนที่ผมไปช่วยเบนทำความสะอาดบ้านให้เจ้าไพรด์ หลังจากนั้นก็จะเป็นคาราคัล, เมียแคทและบาบูน ไล่ไปทีละวัน พอสัปดาห์ที่สองจึงจะค่อยเลือกว่าจะทำงานอยู่ในส่วนไหนเป็นหลัก

วางแผนงานเรียบร้อยแล้ว สตีฟกับเฮเลนก็ปล่อยให้เราพักผ่อนตามอัธยาศัย หลายคนเดินกลับไปพักที่ห้องพักในหมู่บ้านอาสา ร็อบบอกว่าจะไปลองใช้บริการโรงยิมของฮาร์นาส ส่วนโซเฟียกับมาเรียนน่าบอกว่าจะไปใช้ไวไฟที่ส่วนกลางติดต่อทางบ้าน
เท่าที่ฟังโซเฟียเล่า ดูเหมือนครอบครัวของสองสาวก็โอเคกับการที่พวกเธอแต่งงานกัน ทั้งคู่มาจากครอบครัวใหญ่ที่มีญาติเยอะมาก ก็เลยมีคุณย่าคุณยายกับพวกคุณป้าคุณน้าคอยห่วงต้องคอลไปรายงานตัวเป็นระยะ

ผมเองก็นึกขึ้นมาได้ว่า ควรจะติดต่อทางบ้านสักหน่อย หายไปหลายวัน ป๊าม้ากับเจ้เคธอาจจะเป็นห่วง ก็เลยไปกับพวกเธอด้วย แมทประคองผมไปส่งถึงพื้นที่พักผ่อนตรงส่วนกลาง แล้วบอกว่า จะออกไปดูเควินสักหน่อยว่าจะให้เขาช่วยงานอะไรไหม ผมรีบบอกเขาว่า ไม่ต้องห่วง

“งั้นคีใช้อินเตอร์เนตรอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวฉันมารับ อย่าฝืนเดินกลับห้องเองละ” คุณสิงโตย้ำ แอบทำหน้าดุนิดหนึ่งด้วย

ผมพยักหน้าหงึกหงัก “ครับๆ สัญญาว่าจะรออยู่ตรงนี้ ไม่ขยับไปไหนเลยครับ แด๊ดดี้” ผมแกล้งล้อเขากลับไปบ้าง ชอบสั่งเสียเหมือนผมเป็นเด็กๆ ผมเลยเรียกเขาว่าคุณพ่อเสียเลย

ใบหน้ารกด้วยหนวดยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นมาขยี้ผมของผมอย่างมันเขี้ยว
“ขาเจ็บอยู่นิ่งๆ นั่นแหละดีแล้ว Good Boy”

แมทว่าแล้วก็เดินจากไป โซเฟียกับมาเรียนน่ามองตามหลังพี่ยักษ์สลับกับมองหน้าผม หญิงสาวรายหลังหรี่ตาทำหน้ายิ้มๆ มีลับลมคมในแล้วยกมือขึ้นมาทำภาษามือใส่แฟนของตัวเองรัวเร็วจนผมมองตามไม่ทัน “มาเรียนน่าบอกว่าอะไรหรือครับ โซเฟีย”

โซเฟียลากเสียง ทำหน้ายิ้มๆ เหมือนกันไม่มีผิด “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก มาเรียนน่าแค่บอกว่า พวกหนุ่มๆ สนิทกันนี่ดีจังเลยน้า” เธอว่าแล้วก็จูงมือแฟนตัวเองแยกไปคอลหาคนที่บ้าน ผมก็เลยได้แต่ส่ายหน้างงๆ

ผมกดวิดีโอคอลไปคุยเข้าเครื่องเจ้เคธ ตอนนี้ที่เมืองไทยเป็นตอนค่ำ ป๊ากับม้าไม่อยู่บ้านเพราะออกไปงานเลี้ยงแต่งงานของลูกเพื่อน ส่วนพี่สาวผมก็เพิ่งกลับถึงบ้าน หน้าตาเหนื่อยอ่อนนิดหน่อย “ถนนตรงแถวบ้านเราเริ่มทำรถไฟฟ้าแล้ว รถโคตรติดเลยแก ดีแล้วละที่แกไปอยู่ที่โน่น ไม่ต้องทนอยู่บนถนน”

“เดี๋ยวคีกลับไปเปิดเทอมก็ต้องเจอรถติดเหมือนกันนั่นแหละ”
ผมตอบกลับ นึกถึงกรุงเทพที่เติมไปด้วยแสงสีและการจราจรติดขัดแบบคิดถึงนิดๆ อยู่เหมือนกันนะ

“เออ รุ่นน้องแกที่ชื่อ...บิว หรือเบลล์อะไรสักอย่าง โทรมาที่บ้าน บอกว่าขอเบอร์ใหม่แกหน่อย เห็นว่ามีธุระด่วนต้องคุยกับแก เรื่องกรรมการนิสิตอะไรสักอย่าง เจ้เลยบอกว่าจะมาถามแกก่อน”

“อ๋อ บิว...” ผมนึกถึงรุ่นน้องที่เคยรู้จักกัน ตอนปีสามผมทำกิจกรรมของคณะ เป็นเหรัญญิกให้คณะกรรมการนิสิต บิวก็คือรุ่นน้องที่จะมารับตำแหน่งต่อจากผม ผมเตรียมพวกเอกสารกับคู่มืออะไรให้น้องไปแล้ว แต่สงสัยจะมีเรื่องไม่เข้าใจถึงอยากติดต่อด่วน

“เจ้เคธให้เบอร์คีไปก็ได้ครับ บอกน้องว่า ถ้าจะโทรมาก็ส่งไลน์มานัดเวลากันล่วงหน้าก่อน คีจะได้มาใช้อินเตอร์เนตที่ส่วนกลางไลน์คอลไป ไม่ต้องเสียเงินโทรข้ามประเทศ”

“โอเค” พี่สาวของผมรับคำ ก่อนจะถามว่า “แล้วนี่ขาแกเจ็บเป็นไงบ้าง”

“อ้าว ทำไมเจ้รู้ด้วยอ่ะ” ผมถามอย่างงงๆ ความจริงตั้งใจจะปิดเรื่องที่ขาแพลงเอาไว้ไม่อยากให้ที่บ้านรู้นะเนี่ย กลัวว่าจะเป็นห่วงกัน แต่ถ้าผมไม่บอก คนเดียวที่บอกเจ้เคธได้ก็คงเป็น...

“แมทโทรหาเจ้เมื่อวานตอนดึกแล้ว บอกว่าคีขาแพลง แต่ไม่ต้องห่วง ไม่ได้เป็นอะไรมาก” พี่สาวผมตอบกลับมาเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แถมทำหน้ายิ้มๆ เสียอีก “เจ้ก็เลยบอกไปว่า เวลาแกไม่สบายจะงอแงกว่าปกติ ให้เขาช่วยดูแลให้ดีๆ หน่อย”

ผมทำหน้าบูดใส่พี่สาวตัวเอง “รายนั้นดูแลดีอยู่แล้ว ทำเหมือนผมเป็นเด็กเลยละ”
เจ้เคธกำชับแมทไว้จริงๆ ด้วย นี่ลับหลังสองคนนี้แอบเมาท์อะไรผมอีกบ้างละเนี่ย

จังหวะนั้นโซเฟียกับมาเรียนน่าคอลคุยกับที่บ้านเสร็จแล้วเดินมาหาผม ผมก็เลยแนะนำให้พวกเธอรู้จักกับเจ้เคธที่อยู่อีกฝั่งของหน้าจอ เจ้เคธฝากฝังผมกับเพื่อนใหม่อีกรอบแล้วจึงตัดสายไป

“พี่สาวคีนี่สวยเนอะ หน้าเหมือนคีเด๊ะเลยอ่ะ” โซเฟียออกปาก

ผมยิ้มกริ่ม “ชมแบบนี้ก็เท่ากับบอกว่า ผมหล่อไปในตัวนะ”

โซเฟียส่ายหน้า ยื่นมือมาดึงจมูกผมเล่นอย่างมันเขี้ยว “อย่างคีน่ะ เรียกว่า น่ารัก ต่างหากล่ะ Baby เพราะน่ารักน่ากินแบบนี้ไง ทั้งสิงโตทั้งจากัวร์ถึงได้เล็งกันตาวาว”

“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย แอฟริกาก็ไม่มีจากัวร์สักหน่อย จากัวร์อยู่ในทวีปอเมริกาต่างหากละครับ”
ผมท้วงออกไป ส่วนโซเฟียก็ไม่ยอมต่อความ กลับหันไปยิ้ม คุยภาษามือกับมาเรียนน่าเสียอย่างนั้น


............................TBC....................................


ศึกระหว่างสิงโตแห่งแอฟริกา กับจากัวร์จากอเมริกา โดยมีน้องเหมียวตัวน้อยที่ยังคงซื่อใสไม่รู้เรื่องเป็นเดิมพัน
 

(https://www.picz.in.th/images/2018/08/08/Bqgb9k.jpg)

Photo by Aurélien - Designatic on Unsplash

ตอนนี้เลยแปะรูปจากัวร์บ้างค่ะ จากัวร์กับเสือดาวจะคล้ายกัน แต่ถิ่นที่อยู่ไม่ใช่แหล่งเดียวกันนะคะ จากัวร์จะอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกา โดยเฉพาะอเมริกากลางและอเมริกาใต้ จากัวร์ว่ายน้ำและปีนต้นไม้ไม่เก่งเท่าเสือดาว มักล่าเหยื่อบนพื้นดินมากกว่า (ขอบคุณข้อมูลจากเวบไซต์โลกสีเขียว)

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 14 [Update 8/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-08-2018 15:41:45
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 14 [Update 8/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-08-2018 15:55:00
 :L2: :เฮ้อ: :pig4:

น้องเข้าใจไปหมด
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 14 [Update 8/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-08-2018 16:05:38
โอ๊ย น้องคี ผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นเรากินเรียบเลยจ้า อิอิ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 15 [Update 14/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 14-08-2018 13:28:04
บทที่ 15

หลังจากพักขาไปวันหนึ่งบวกกับประคบเย็นหลายครั้ง ข้อเท้าของผมก็ดีขึ้นมาก วันต่อมาผมจึงออกไปทำงานกับคนอื่นๆ ได้เสียที ตารางเช้านี้กลุ่มเราต้องไปช่วยตรวจความเรียบร้อยของรั้วกั้นเขตตั้งแต่หกโมงเช้า ผมตื่นนอนก่อนฟ้าสาง ล้างหน้าล้างตา สวมแจ็กเก็ตแล้วเดินออกไปที่ลานจอดรถส่วนกลางโดยมีแมทเดินไปเป็นเพื่อน

ตอนแรกเขาออกปากว่าจะไปด้วย แต่ผมปฏิเสธ ข้อเท้าผมดีขึ้นแล้ว ไม่อยากกวนเขาอีก
“แมทเทคแคร์ผมดีเกินไปแล้วครับ ถ้าคุณมัวแต่ดูแลผมจนไม่ได้ทำงาน ผมก็ไม่สบายใจเหมือนกันนะ”

ผมบอกเขาด้วยท่าทางจริงจัง คุณสิงโตจึงถอนใจเบาๆ แล้วพยักหน้ายอมแพ้ “โอเค ถ้าอย่างนั้นคีต้องคอยสังเกตอาการตัวเองด้วยนะ ถ้าเดินๆ อยู่แล้วเจ็บข้อเท้าขึ้นมาอีกก็ไปรออยู่บนรถ สตีฟกับเฮเลนไม่ว่าหรอก”

ผมยกมือตะเบ๊ะให้เขา “สัญญาว่าจะไม่ฝืนแล้วครับ แมทจะได้ไม่ต้องอุ้มผมไปส่งห้องพยาบาลอีก”
“ใส่ใจตัวเองน่ะดีแล้ว แต่ถ้าคีเจ็บขึ้นมาอีกจริงๆ ฉันก็อุ้มไปส่งได้ทุกครั้งนั่นละ” พี่ยักษ์ว่า

ผมกำลังจะอ้าปากตอบ แต่มีเสียงทักดังขึ้นมาเสียก่อน “มอร์นิ่ง คี มอร์นิ่งค่ะ แมท”

พวกเราหันไปดูพร้อมกัน โซเฟียกับมาเรียนน่าเดินมาจากหมู่บ้านอาสา เมื่อวานทั้งคู่กินอาหารเย็นกับพวกเราและนั่งคุยเป็นเพื่อนผมจนกระทั่งจนเกือบสองทุ่ม ท่าทางโซเฟียคงยังกังวลเรื่องที่ผมบาดเจ็บ คอยย้ำว่าถ้าไม่ไหวให้รีบบอก พอเห็นผมมาร่วมกิจกรรมตอนเช้าได้ ดูเธอค่อยโล่งใจขึ้น รีบจูงมือมาเรียนน่าตรงเข้ามาหา
“คีเป็นไงบ้าง ข้อเท้ายังเจ็บอยู่ไหม”

“ดีขึ้นแล้วละ ไม่ต้องห่วง” ผมตอบแล้วยกเท้าขวาให้เธอดู
หลังจากนั้นผมก็หันไปทางมาเรียนน่า ยกมือขวาขึ้นมากางออก แตะปลายนิ้วหัวแม่มือลงบนอกตัวเอง ทำภาษามือบอกเธอว่า I’m fine เธอยิ้มแล้วหงายมือขวา แตะหลังปลายมือลงบนปลายมือซ้าย ตอบผมกลับมาว่า Good

แมทเห็นผมเจอเพื่อนแล้วก็เลยขอตัว ก่อนไปเขาเอื้อมมือมาขยี้ผมของผมอีกครั้ง “คีไปดีๆ นะ ไว้เจอกันตอนกินอาหารเช้า ดูแลตัวเองดีๆ นะ ฝากด้วยนะครับ”  ประโยคหลังเขาหันมาบอกโซเฟียกับมาเรียนน่า

หญิงสาวคนแรกรีบรับคำ เธอยกมือขึ้นมาโอบไหล่ผม หยอดมุขแซวว่า
“ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณพ่อ คุณครูจะดูแลหนูน้อยอย่างดีเลยค่ะ”

“โซเฟีย...ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ” ผมค้านด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ ก่อนจะหันไปบอกคุณสิงโตที่ยืนยิ้มอยู่ “แมทชอบฝากฝังผมกับคนโน้นคนนี้ให้คอยดูแล เมื่อวันก่อนก็ร็อบ วันนี้ก็พวกโซเฟียกับมาเรียนน่า ผมโดนแซวแล้ว เห็นไหมครับ”

ผมแกล้งบ่นไปอย่างนั้นแต่จริงๆ ก็ไม่ได้เคืองอะไรหรอก ผมเป็นลูกคนเล็ก ชินกับการถูกพวกผู้ใหญ่แกล้ง รู้ว่าพวกเขาแหย่ก็เพราะเอ็นดู ผมอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม พวกโซเฟียกับมาเรียนน่าอายุยี่สิบกว่าแล้ว แมทเองก็เกือบสามสิบ เด็กมหาลัยเพิ่งจะสิบเก้าย่างยี่สิบอย่างผมก็เลยเหมือนเด็กในสายตาพวกเขา

แมทคงมองออกว่า ผมแค่งอนเท่านั้น ไม่ได้โกรธจริงจัง เขาก็เลยตอบกลั้วหัวเราะว่า
“เข้าใจแล้วๆ ต่อไปนี้จะฝากฝังแค่กับคุณครูโซเฟียกับคุณครูมาเรียนน่า จะไม่ฝากให้คุณร็อบช่วยดูแลอีก โอเคไหม ลูกแมว”
คุณสิงโตส่งเสียงเย้าพลางยกมือขึ้นมาขยึ้ผมของผม พอสนิทกันแล้วเขาชอบลูบศีรษะผมบ่อยๆ ส่วนสูงเราต่างกันเกือบยี่สิบเซน พอยืนเทียบกันผมดูตัวเล็กกว่าเขามาก ทำท่าแบบนี้เลยเหมือนผู้ใหญ่กับเด็ก

ผมเอนศีรษะหนี ห้ามเสียงอุบอิบ
“ห้ามเรียกผมว่า ลูกแมว นะครับ แมทเป็นอเมริกันแท้ๆ ไม่รู้เหรอว่า Kitten เป็นแสลงแปลว่าอะไร”

แมททำหน้างง กะพริบตาปริบ แล้วถามกลับมาหน้าซื่อ “ก็แปลว่า น่ารัก น่าเอ็นดู เหมือนเวลาเรียกเด็กๆ ไง ไม่ใช่หรอกหรือ?”

โซเฟียที่ฟังบทสนทนาของพวกเราอยู่หัวเราะคิก เธอเห็นผมทำหน้าพิพักพิพ่วนก็เลยช่วยอธิบายให้ “โน เดี๋ยวนี้เค้าใช้คำว่า Kitten กับเวลาที่สาวๆ เดทกับแฟนหนุ่มที่แก่กว่ามากด้วยค่ะ แบบ...แมวเหมียวของป๊ะป๋า อะไรแบบนี้น่ะ แมทเอามาใช้เรียกคีแบบนั้น คีก็เขินแย่สิคะ”

“ไม่ใช่เขินนะ ผิดประเด็นแล้วครับ โซเฟีย”
ผมประท้วง ยังนึกว่าไปแซวแบบนี้เดี๋ยวแมทจะอึดอัด แต่เขากลับพยักหน้าหงึกๆ บอกหน้าตาเฉย “โอเค ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คงไม่เหมาะจะเรียกคีแบบนั้น เอาเป็น...munchkin (หนูเปี๊ยก) แทนดีไหม” คุณสิงโตถามพลางยิ้มกว้าง

โซเฟียแปลภาษามือให้มาเรียนน่าดู หญิงสาวรายหลังยิ้มซน ทำมือตอบกลับมารัวเร็ว โซเฟียเลยช่วยแปลให้ “มาเรียนน่าบอกว่า หนูเปี๊ยก ก็ดีนะ คีตัวเล็กๆ น่ารักๆ”

“คำไหนก็ไม่เอาครับ” ผมทำหน้าบูดใส่ผู้ใหญ่ขี้แกล้งทั้งสามคน แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ไม่คุยแล้ว ขึ้นรถกันเถอะ เฮเลนเรียกแล้วนะ เอ...แล้วนี่ร็อบยังไม่มาอีกหรือ ลืมตั้งนาฬิกาปลุกจนตื่นสายหรือเปล่า” ผมถามถึงชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มที่เช้านี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

โซเฟียส่ายหน้า “เอ...ตอนฉันเดินออกมาจากหมู่บ้านอาสา เห็นกระท่อมของร็อบเปิดไฟแล้ว น่าจะตื่นแล้วนะ สงสัยมัวทำธุระอะไรอยู่”

โซเฟียช่วยเดินไปบอกสต๊าฟของฮานาสว่ามีเพื่อนยังมาไม่ถึง สตีฟก็เลยขับรถออกไปก่อนคันหนึ่ง ส่วนคันของเรา เฮเลนบอกว่าจะรอได้สัก 10 นาที แมทอาสาจะเดินไปตามที่หมู่บ้านให้ แต่ร็อบวิ่งเหยาะๆ เข้ามาเสียก่อน เขาขอโทษขอโพยเสียงปนหอบ “ขอโทษทีครับที่มาช้า พอดีน้องสาวไม่สบาย”

“ลิซ่าเป็นอะไรครับ” แมทรีบถาม สีหน้าเป็นห่วงขึ้นมานิดหนึ่ง

“อ๋อ ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่ปวดท้อง...ปกติของผู้หญิงน่ะ ยัยนั่นกินยาแล้วอยากได้กระเป๋าน้ำร้อนมาอังสักหน่อย พอดียังเช้าอยู่ที่ครัวหมู่บ้านอาสายังไม่จุดไฟ ผมก็เลยต้องวิ่งมาเอาน้ำร้อนที่ส่วนกลางให้”

ร็อบบอกพลางปาดเหงื่อที่ซึมหน้าผาก ผมมองแล้วก็นึกในใจว่า พี่น้องคู่นี้ก็สนิทกันดีแฮะ ร็อบเหมือนจะหงอกับลิซ่านิดหน่อย แต่พอน้องสาวไม่สบาย เขาก็พร้อมจะวิ่งจากหมู่บ้านอาสาเพื่อมาเอาน้ำร้อนไปให้ แล้วถึงค่อยวิ่งกลับมาที่นี่ ระยะทางเกือบ 3 กิโล ท่าทางน่าเหนื่อยอยู่เหมือนกัน

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเดินไปดูอาการเธอหน่อย ถ้าเผื่อไม่ไหวจะได้มาบอกเควินว่า วันนี้ให้ลิซ่าพักผ่อนไปก่อน” แมทบอกแล้วก็หันมาหาผม “ฉันไปหมู่บ้านอาสาก่อนนะ คีระวังด้วยละ”

“ครับ” ผมพยักหน้า เดินไปขึ้นรถนั่งติดกับโซเฟียกับมาเรียนน่า โดยมีร็อบนั่งอยู่เบาะหลังเหมือนเดิม รถแล่นออกมาและผมก็เห็นแมทเดินตัดทุ่งหญ้าไปทางหมู่บ้านอาสา

ถ้าคุณลิซ่าเห็นว่าเขาไปเยี่ยมคงจะดีใจมาก คุณสิงโตอ่อนโยนใจดีแบบนี้ สาวสวยผมบลอนด์มาดคุณหนูอย่างคุณลิซ่าถึงได้ตกหลุมรักได้รวดเร็วนัก แล้วก็มาคอยเขม่นผมอยู่นี่ละ...เฮ้อ!

............................TBC....................................

มาต่อหลังจากหายไปหลายวันค่ะ ช่วงหยุดยาวยุ่งขิงกับภารกิจวันแม่ เดี๋ยวจะรีบปั่นต่อนะคะ

(https://www.picz.in.th/images/2018/08/14/B69vBQ.jpg)
Photo by Kazuky Akayashi on Unsplash

เรื่องแสลง Kitten นี่ลองเช็กดูแล้ว คิดว่าน่าจะไม่ได้ popular มากในอเมริกาขนาดทุกคนจะเก็ทมุกกันหมด (แต่ถ้าเข้าใจผิดอย่างไร ผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ) แต่พี่แมทจะไม่รู้ หรือความจริงรู้แล้วแอบเนียนเรียกน้อง อันนี้ก็ไม่มีความเห็นเหมือนกันค่ะ อิอิอิ :p
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 15 [Update 14/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-08-2018 15:08:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 15 [Update 14/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-08-2018 17:59:47
เมื่อไหร่คุณสิงโตจะตะปบเหยื่อซักทีน้า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 15 [Update 14/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-08-2018 18:11:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 15 [Update 14/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-08-2018 00:51:05
  :z3:


ลิซีา !!!
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 15 [Update 14/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-08-2018 02:47:55
ติดตามต่อค่ะ
แฟนเลวๆแบบนั้น ลืมมันไปเถอะคี
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 16 [Update 16/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 16-08-2018 14:04:29
บทที่ 16

พื้นที่ของฮาร์นาสมีทั้งส่วนที่เป็นป่าธรรมชาติ ปล่อยให้พวกสัตว์ใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีวงจรห่วงโซ่อาหารตามระบบนิเวศน์ และส่วนที่กั้นเขตดูแลสัตว์แต่ละชนิดแยกกันคล้ายกับสวนสัตว์เปิด ตรงส่วนนี้จะมีรั้วตาข่ายเหล็กกั้นเป็นแนว และมีไฟฟ้าด้วย ภารกิจประจำวันของพวกอาสาสมัครทุกโปรแกรมคือ ช่วยตรวจสอบรั้วกั้นนี้ หากมีจุดไหนชำรุดจะได้รีบแจ้งให้ช่างมาซ่อมแซม

เฮเลนขับรถพาพวกเราไปยังบริเวณรั้วซึ่งกั้นแบ่งส่วนพื้นที่ให้พวกสัตว์ชนิดต่างๆ สตีฟกับอาสาอีกกลุ่มหนึ่งจอดรถรออยู่แล้ว พวกเรากระจายกันช่วยกันตรวจสอบความเรียบร้อยของรั้วในส่วนที่ได้รับมอบหมาย ระหว่างนั้นเฮเลนก็สอนวิธีสังเกตอาการผิดปกติของสัตว์ชนิดต่างๆ เผื่อพวกเราจะได้ช่วยกันสังเกตหากว่ามีสัตว์ตัวไหนป่วย

โซเฟียกับมาเรียนน่ากลัวผมจะฝืนแบบวันนั้นอีก พวกเธอเลยคอยถามว่าไหวไหม เดินๆ ไปแล้วก็บอกให้ผมหยุดรออยู่ตั้งหลายครั้ง

กว่าจะตรวจรั้วประจำวันเสร็จก็แปดโมงเช้า พวกเรานั่งรถกลับมาถึงส่วนกลางแล้วไปกินอาหารเช้า ร็อบขอตัวไปดูลิซ่าที่หมู่บ้านอาสาก่อน เขาบอกว่า ตอนแรกเจนกับคอร์เดีย รูมเมทของเธอจะอยู่เฝ้า แต่ลิซ่าออกปากเองว่า เธอแค่ปวดท้อง นอนพักเดี๋ยวก็หาย พวกเพื่อนๆ ไม่ต้องอยู่ด้วยก็ได้จะเบื่อกันเปล่าๆ ทั้งสองคนก็เลยออกไปทำงาน

ผมฟังแล้วก็นึกชมว่า คุณหนูลิซ่ามาดเหมือนพวกควีนบีในซีรีย์ไฮสคูล ที่จริงแล้วก็เป็นคนรักเพื่อนเหมือนกัน

พวกเราลงมือกินอาหารเช้ากันไปก่อน อาหารเช้าของฮาร์นาสเป็นอาหารง่ายๆ ประเภทซีเรียล, ขนมปัง เนยถั่ว แล้วก็ข้าวโอ๊ตต้ม คงเพราะตื่นแต่เช้าและไปออกแรงเดินกันมาเป็นชั่วโมง เราทุกคนเลยเจริญอาหารเป็นพิเศษ ขนาดผมที่ชินกับอาหารเช้าแบบไทยยังจ้วงข้าวโอ๊ตต้มร้อนๆ จนเกลี้ยงชาม

พอพวกเรากินอาหารเสร็จ ร็อบก็เดินกลับมาพอดี ผมโบกมือให้เขามานั่งที่โต๊ะแล้วถามว่า
“ร็อบรีบมากินอาหารเช้าเถอะครับ ลิซ่าเป็นไงบ้าง”

“มีคนไปเยี่ยมไข้ สงสัยจะดีขึ้นทันตาเลยละครับ นี่ก็ลุกตามแมทออกไปทำงานแล้ว ยังดีที่เขียนโน๊ตแปะบอกผมไว้หน้ากระท่อม” ร็อบยักไหล่ก่อนจะทรุดนั่งแล้วลงมือกินอาหารเช้าที่พนักงานของฮาร์นาสเอามาเสิร์พให้ เขากินค่อนข้างเร็วเพราะใกล้จะได้เวลาต้องไปอบรมเรื่องการเตรียมอาหารให้ชีตาร์ที่โรงเตรียมอาหาร

ผมยังห่วงเรื่องคุณลิซ่าอยู่นิดหน่อย แต่เห็นร็อบบอกว่าไม่เป็นอะไร ก็เลยไม่ได้ถามเขาอีก


พวกเราเดินไปที่โรงเตรียมอาหารซึ่งเป็นตึกชั้นเดียวสีส้มที่ผมเคยมาตอนช่วยแมทกับเควินเอาอาหารไปเลี้ยงสิงโต แต่วันนี้จะไม่ใช่แค่มาหิ้วถังอาหาร แต่ต้องลงมือหั่นเนื้อชิ้นติดกระดูกโตใส่ถังเหล็กขนาดใหญ่ กลิ่นเนื้อปนเลือดนั้นค่อนข้างสาบ ทำเอาโซเฟียกับมาเรียนน่าแอบย่นจมูก แต่ผมกับร็อบทนไหว เราสองคนจึงรับหน้าที่หั่นเนื้อให้พวกเธอด้วย

หลังจากนั้นพวกเราก็ช่วยกันเข็นถังเหล็กติดล้อขึ้นไปบนรถกะบะ ขับออกไปที่เขตดูแลชีต้า พวกชีต้าในพื้นที่ตรงนี้เป็นชีต้าที่อยู่ในธรรมชาติ ไม่คุ้นเคยกับมนุษย์เหมือนชีต้าในเขตอนุบาลอย่างเจ้าไพรด์หรือเอวาที่ผมเคยเล่นด้วย อาสาสมัครจึงได้แต่ยืนดูอยู่นอกรั้วกั้น ปล่อยให้สต๊าฟพื้นเมืองที่พวกสัตว์คุ้นเคยมากกว่าเข้าไปเปิดถังอาหารให้

ผมมองดูพวกชีต้าสิบกว่าตัวที่กระโดดคาบเนื้อชิ้นโตที่พวกเราช่วยกันหั่นจนเมื่อยแขนเมื่อกั้ไปกิน เห็นพวกมันแทะเนื้อกินท่าทางเอร็ดอร่อยแล้วก็รู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมานิดหนึ่ง

ให้อาหารชีต้าแล้ว เราก็กลับมาที่ส่วนกลางเพื่อเตรียมพาพวกชีต้าในส่วนอนุบาลไปเดินเล่นออกกำลัง แน่นอนว่ามีเจ้าไพรด์ไปด้วย สองสาวเพื่อนผมกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เจ้าจอมแสบก็ดูเหมือนจะชอบสาวสวยมากกว่าหนุ่มหล่อ มันเลยเดินคลอเคลียตามติดพวกเธอไม่ห่าง จนเบนหัวเราะ หันมาแซวผมว่า
“คีตกกระป๋องเสียแล้ว”

พวกผมเสร็จภารกิจช่วงเช้าตอนใกล้เที่ยง พาเจ้าไพรด์กับเพื่อนๆ ของมันกลับไปส่งบ้านแล้วก็เดินกลับมากินอาหารกลางวัน เบนบอกว่า วันนี้พวกกลุ่มอาสาสมัครเก่าออกไปทำงานในส่วนที่ใกล้ป่าเปิด ห่างออกไปหลายกิโล ผมเลยคิดว่าคงได้เจอแมทตอนเย็นโน่นเลย แต่ปรากฏว่าพอกินอาหารกลางวันเสร็จกำลังจะเดินไปที่ส่วนอนุบาลชีจ้า ก็เห็นแมทขับรถเข้ามาพอดี

คุณสิงโตเบรกรถกึก แล้ววิ่งไปเปิดประตูข้างคนขับ อุ้มลิซ่าซึ่งหมดสติ หน้าซีดเผือดตัวอ่อนปวกเปียกลงมา

ผมกับร็อบเห็นแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาทันที “ลิซ่าเป็นอะไรครับ!” พี่ชายของเธอเป็นคนออกปากถาม

“ทำงานอยู่แล้วเป็นลมน่ะครับ สงสัยว่าจะอ่อนเพลียเกินไป”
แมทว่าแล้วเดินดุ่มๆ ตรงไปที่คลีนิก มีร็อบเดินจ้ำตามไปด้วยท่าทางร้อนใจ ผมมองตามหลังพวกเขา แมทอุ้มคุณลิซ่าเหมือนที่อุ้มผมเมื่อวันก่อนเปี๊ยบเลย ก็อย่างที่บอกว่าเขาเป็นคนใจดี คอยห่วงทุกคน ที่เขาดูแลผมวันก่อนก็เพราะเหตุผลนี้แหละ

................................................................

งานช่วงบ่าย อาสาสมัครเราต้องช่วยกันทำความสะอาดส่วนอนุบาลชีต้าที่ยังไม่ปล่อยออกสู่ธรรมชาติ เหมือนวันที่ผมมาช่วยเบน ร็อบกลับมาสมทบกับพวกเราตอนเริ่มทำความสะอาด พอผมถามว่าน้องสาวเขาเป็นอย่างไรบ้าง หนุ่มผมบลอนด์ก็ส่ายหน้า

“ร่างกายยังอ่อนเพลียแล้วฝืนออกไปทำงานเอาท์ดอร์ ก็เลยหน้ามืดนั่นแหละครับ คุณหมอที่คลินิกบอกให้นอนพักไปก่อน ที่แมทก็ช่วยเฝ้าให้” ร็อบบอกด้วยเสียงอ่อนใจ ก่อนจะเปรยว่า “ปกติเวลาไม่สบาย ยัยลิซ่างอแงจะตาย นี่ถึงกับฝืนตามแมทออกไปทำงานจนเป็นลม สงสัยรอบนี้ยัยนั่นจะคิดจริงจัง เฮ้อ”

ผมได้แต่ฟังไม่ได้ตอบกลับไปว่าอะไร

พวกเราช่วยกันลงมือทำความสะอาดที่อยู่ของเจ้าไพรด์กับเพื่อนๆ วันนี้อาสาสมัครมาช่วยทำความสะอาดหลายคน เจ้าพวกจอมแสบเลยวิ่งป่วนไปทั่ว แต่สุดท้ายไม่รู้ทำไมพวกมันถึงไปรวมตัวกันอยู่รอบๆ ร็อบ นัวเนียจนเขาแทบทำงานไม่ได้ โซเฟียกับมาเรียนน่าเห็นแล้วก็คุยภาษามือกันหงุงหงิง ก่อนจะหันมาบอกผมว่า “สงสัยเสือจะคุ้นเคยกับเสือด้วยกัน”

ร็อบหิ้วกระสอบใส่เศษดินกับใบไม้แห้งไปทิ้งโดยมีเจ้าเอวาแกล้งกัดปลายกระสอบลากตัวไปด้วย เขาหันไปบ่นมันเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะเดินมาหาผม “คีเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมบ่ายนี้ดูเงียบๆ ยังเจ็บขาอยู่หรือ”

“เปล่าครับ ไม่ได้เจ็บขาแล้ว” ผมฝืนยิ้มพลางส่ายหน้าปฏิเสธ

ผมไม่เจอแมทจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น ร็อบเดินไปดูคุณลิซ่าที่คลินิกแล้วก็กลับมาบอกว่า คุณสิงโตช่วยพาคุณลิซ่าไปส่งที่หมู่บ้านอาสา แล้วก็คงจะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าเจนกับคอร์เดียรูมเมทของเธอจะกลับมา

พวกเรากินอาหารเย็นเสร็จแล้วก็นั่งประชุมกันตอนค่ำ พูดถึงสิ่งที่ทำวันนี้และฟังบรีฟกิจกรรมที่จะทำในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับที่พัก ร็อบอาสาจะเดินมาส่งผมที่ลอจ์ด แต่ผมปฏิเสธไปบอกว่า ใกล้แค่นี้ผมเดินกลับเองได้ วันนี้เขาวิ่งวุ่นทั้งวันแล้ว ควรจะรีบกลับหมู่บ้านอาสาไปพักผ่อน

ผมเดินช้าๆ พยายามไม่ลงน้ำหนักขาขวามาก ตอนนี้ฟ้ามืดสนิทแล้ว ดวงดาวเหนือศีรษะส่องแสงระยิบระยับ เห็นทางช้างเผือกทอดยาวพาดผ่าน ถ้าอยู่กรุงเทพคงไม่มีทางได้เห็น ผมหยุดยืนนิ่งอยู่กลางทุ่งหญ้า เงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีของนามิเบียอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะถอนสายตากลับมาแล้วเดินกลับที่พักคนเดียว

อยู่ดีๆ ก็รู้สึกโหวงในใจแบบแปลกๆ ผมคงจะเริ่มคิดถึงบ้านเสียแล้วละมั้ง

............................TBC....................................


ตอนนี้ปิดท้ายแบบหน่วงหน่อยๆ ขอแปะภาพทางช้างเผือกวิบวับฮีลลิ่งจิตใจผู้อ่านละกันนะคะ

(https://www.picz.in.th/images/2018/08/16/BHj2aD.jpg)

Photo by Hugo Kemmel on Unsplash

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า

หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 16 [Update 16/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-08-2018 14:24:59
สงสัยต้องเปลี่ยนใจมาเชียร์ร็อบแล้วหละ พ่อสิงโตต้วมเตี้ยมเหรอเกิน
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 16 [Update 16/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-08-2018 14:36:14
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 16 [Update 16/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-08-2018 15:53:32
พ่อสิงโตรุกหน่อย รุกหน่อย อย่ามัวแต่ใจดีกับคนอื่นให้มากนัก เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดหมดหรอกค่ะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 16 [Update 16/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 16-08-2018 16:43:13
คราวนี้ลูกแมวจะพอจับความรู้สึกตัวเองได้ไหมนะ
ว่ามีความหวง ไม่อยากให้พี่สิงโตดูแลคนอื่นใช่ไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 16 [Update 16/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-08-2018 16:50:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 16 [Update 16/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-08-2018 16:57:04
อีสิงโตดีกะเขาไปทั่วเลย น้องน้อยใจละ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 16 [Update 16/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 17-08-2018 10:31:02
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 17 [Update 19/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 19-08-2018 01:11:57
บทที่ 17

คืนนั้นแมทกลับห้องตอนดึกมาก ผมเข้านอนไปแล้วพักหนึ่งจึงได้ยินเสียงไขกุญแจ ตามด้วยเสียงประตูเปิด ผมรีบดึงผ้าห่มมาปิดหน้าแล้วพลิกตัวหันไปอีกด้าน อีกฝ่ายจรดปลายเท้าเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเตียงฝั่งผม ผมหลับตานอนนิ่ง เขาจึงผละเดินเข้าห้องน้ำไปโดยระวังให้เกิดเสียงน้อยที่สุด

ผมหลับตาฟังเสียงน้ำฝักบัวไปสักพักก็ผล็อยหลับไปจริงๆ ตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด ก็ไม่เจอแมทแล้ว เห็นแต่โน๊ตทิ้งไว้บนโต๊ะ เขียนว่า

[เมื่อคืนเห็นคีหลับแล้ว เลยไม่อยากปลุก
วันนี้ฉันต้องไปช่วยเควินรับตัวลูกสิงโตที่จะส่งมาจากแอฟริกาใต้ ต้องออกไปตั้งแต่ตีสี่ คงกลับมาค่ำๆ
คีเทคแคร์นะ ไว้เจอกัน, L.M.]

ผมอ่านโน้ตแผ่นนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะเพิ่งเคยเห็นลายมือแมทเป็นครั้งแรก ลายมือภาษาอังกฤษของเขาอ่านง่ายและเป็นระเบียบ ลงเส้นหนักนิดหนึ่ง ให้ความรู้สึกมั่นคงเหมือนเจ้าตัวคนเขียนนั่นแหละ
จะว่าไป ผมก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับแมทเท่าไหร่เลยนี่นะ

ผมเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบหนังสือเล่มบางที่ติดมาเผื่อจะอ่านฆ่าเวลาออกมา สอดกระดาษแผ่นนั้นเก็บไว้อย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา แล้วออกไปช่วยตรวจรั้วกั้นเขตซึ่งเป็นภารกิจยามเช้า

พอเปิดประตูห้อง ก็เห็นร็อบกำลังวิ่งเหยาะๆ เข้ามาพอดี “อ้าว ร็อบ ต้องไปทำภารกิจแต่เช้า ยังมาวิ่งจ็อกกิ้งอีก ไม่เหนื่อยเหรอครับเนี่ย” ผมถามเขาอย่างแปลกใจ พอจะดูออกว่าหนุ่มอเมริกันคนนี้เป็นสปอร์ตแมน แต่นี่ก็ออกจะฟิตเกินไปหน่อย

“ไม่ได้จ็อกกิ้งหรอก ผมมารับคีนั่นแหละ”
ร็อบตอบพลางยิ้มกว้าง สีหน้าของเขาสดชื่นพอๆ กับอากาศยามเช้า มองแล้วรู้สึกสบายใจดีเหมือนกัน
“เมื่อคืนผมแวะไปดูลิซ่า ยัยนั่นบอกว่า วันนี้แมทต้องออกไปช่วยเควินรับลูกสิงโตใหม่ตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง ผมคิดว่า คีคงไม่มีคนเดินไปเป็นเพื่อน ก็เลยวิ่งมารับน่ะ” 

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะครับ”
ผมยิ้มตอบ อดนึกในใจไม่ได้ว่า แมทบอกคุณลิซ่าเรื่องไปรับลูกสิงโตด้วยเหมือนกันสินะ

ผมเดินไปด้วยกับร็อบ โซเฟียกับมาเรียนน่ารออยู่ที่ลานจอดรถแล้ว พอออกไปตรวจรั้วกั้นเขตเสร็จ พวกเราก็กลับมากินอาหารเช้า หลังจากนั้นก็ฟังบรีฟเรื่องคาราคัล สัตว์ที่เป็นเมนหลักของวันนี้
 
สตีฟกับเฮเลนอธิบายประวัติของคาราคัลว่า พวกมันเป็นแมวป่าที่มีจุดเด่นตรงใบหูใหญ่เรียวและมีขนปลายยาวชี้ออกมา หลังหูเป็นสีดำ เป็นที่มาของชื่อของพวกมันซึ่งมาจากภาษาตุรกี karakulak แปลว่า หูดำ* คาราคัลพบในพื้นที่แห้งแล้ง ตั้งแต่เขตซาวันน่าและป่าละเมาะในแอฟริกา ไปจนถึงใกล้ชายฝั่งเหนือทะเลทรายซาฮารา และยังพบในทะเลทรายของอินเดียด้วย

เฮเลนสรุปตอนท้ายว่า “ตอนนี้วิกฤติที่คุกคามพวกคาราคัล คือ ปัญหาการถูกมนุษย์รุกล้ำเข้าไปแย่งพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อทำการเกษตร พอพวกมันไม่มีพื้นที่หากิน ก็ต้องเข้ามาฆ่าสัตว์เลี้ยงในฟาร์มกินเป็นอาหาร แล้วก็ถูกมนุษย์ล่าอีกทอด วนเป็นลูกโซ่แบบนี้ จำนวนคาราคัลในธรรมชาติจึงลดลงมากในช่วงหลัง”

ผมฟังแล้วก็ถอนใจออกมาอีกเฮือก โซเฟียที่นั่งอยู่ด้านหลังถึงกับยืดตัวมา เคาะไหล่ผมแล้วแซวว่า
“วันนี้คีถอนหายใจบ่อยจริง ลมจะหมดตัวหรือยัง”

ผมย่นจมูกใส่เธอ “ผมไม่ใช่ลูกโป่งนะ ลมจะได้หมดตัวเพราะถอนหายใจเยอะน่ะ”

ร็อบที่นั่งอยู่ข้างผมหาวแล้วเอ่ยเสียงยานคาง “สงสัยคีจะเบื่อนั่งเลคเชอร์เหมือนผมแน่ๆ เลย เดี๋ยวตอนบ่ายเราออกไปดูคาราคัลกัน คียังไม่เคยเห็นนี่นะ” เขาหันมาถาม ผมยิ้มแล้วพยักหน้า
............................................................................

ช่วงบ่ายพวกเราออกไปดูคาราคัลที่อยู่ในพื้นที่กั้นเขตตามธรรมชาติ แต่ไม่ได้ลงมือทำงานอะไรมากนักเพราะส่วนอนุบาลคาราคัลไม่ได้มีพื้นที่มากเท่าส่วนของชีต้าที่เราไปทำความสะอาดเมื่อวาน มีแค่กรงกั้นสำหรับตัวที่ป่วยหรือลูกคาราคัลที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานเท่านั้น

พวกสต๊าฟคงกลัวว่าอาสาสมัครอาจจะเบื่อที่ไม่ได้ขยับแข้งขยับขา เลยจัดกิจกรรมตอนเย็นให้เป็นช่วงสันทนาการ เปิดสนามเล่นเกมกันที่ลานตรงส่วนกลาง พวกรักบี้หรือแข่งโยนลูกลงตะกร้าอะไรแบบนี้ แบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 ทีม  ร็อบเป็นมือหนึ่งของทีมเรา ส่วนผมโดนโซเฟียลากไปนั่งเชียร์ข้างสนามเพราะห่วงว่า ข้อเท้ายังไม่หายดี

พอกินอาหารเย็นเสร็จ ตกค่ำก็ถึงเวลาแยกย้าย ผมโบกมือลาพวกเพื่อนๆ แล้วเดินกลับที่พัก ความจริงร็อบอาสาจะเดินมาเป็นเพื่อนเหมือนเมื่อเช้า แต่ผมบอกว่า ใกล้แค่นี้ผมเดินกลับเองได้ เขากลับไปพักเถอะ

ระหว่างที่เดินอยู่คนเดียว ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไปพักที่หมู่บ้านอาสาเหมือนกันน่าจะสะดวกกว่า ตอนเช้าก็เดินออกมาพร้อมเพื่อนๆ ตอนเย็นก็กลับไปกับพวกเขา หมู่บ้านอาสาบรรยากาศเหมือนเข้าค่าย ถึงจะต้องเดินจากส่วนกลางไปไกลหน่อย และไม่สะดวกสบายเท่าที่ลอจ์ด แต่ก็คงสนุกดี
   

ผมเดินคิดไปเรื่อยๆ จนมาถึงที่ลอจ์ด กำลังจะหยิบกุญแจห้องแล้วก็ต้องชะงัก ร่างสูงหนาของใครอีกคนยืนอยู่ด้านหน้าที่พักของเรา แสงไฟจากตะเกียงส่องให้เห็นแค่เงาสลัว แต่ผมรู้ดีว่าเจ้าของเงานั้นเป็นใคร

พอเห็นผม เจ้าตัวก็รีบเดินเข้ามาหา ใบหน้ารกด้วยหนวดยิ้มทักทาย ก่อนจะเอ่ยถามว่า “กลับมาแล้วหรือ ฉันช่วยเควินพาลูกสิงโตใหม่เข้าส่วนอนุบาลสิงโตเพิ่งจะเสร็จ ขากลับเลยเดินอ้อมมาอีกทาง ไม่เห็นคีอยู่ในห้อง ยังคิดว่าจะเดินย้อนไปรับ”

ผมยิ้มให้ แปลกใจที่รู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นแมทมานาน ทั้งที่ความจริงเราไม่เจอกันแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
“ผมกินอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เดินกลับมา นี่คุณกินอาหารเย็นหรือยังครับ”

ผมถามพลางเงยหน้ามองเขาให้ชัดๆ ใบหน้าของคุณสิงโตดูเหนื่อยนิดหน่อย เขาพยักหน้า “กินมาจากข้างนอกแล้ว เควินให้เตรียมทางครัวอาหารใส่กล่องไปเพราะวันนี้ต้องออกเอาท์ดอร์ทั้งวันน่ะ”
   
“กินแล้วก็ดีครับ เมื่อคืนคุณนอนน้อย รีบเข้าห้องไปพักผ่อนเถอะ”

ผมบอกแล้วทำท่าจะหยิบกุญแจห้อง แต่แมทกลับเอื้อมมือมาแตะข้อศอก เรียกผมไว้ก่อน “ฉันเหนื่อยแต่ยังไม่อยากนอน คีง่วงหรือยัง ถ้ายังไม่ง่วง ออกไปนอนดูดาวด้วยกันไหม”

ผมกะพริบตาปริบ “นอนดูดาวหรือครับ?”

ใบหน้ารกด้วยหนวดนั้นยิ้มกว้าง “อืม ปกติเวลาเหนื่อยๆ ฉันชอบลากที่นอนปิกนิกออกไปนอนดูดาวข้างนอกน่ะ ตั้งแต่คีมาฮาร์นาส ยังไม่เคยได้ดูดาวจริงจังสักที ถ้าไม่เหนื่อย ก็ไม่สบาย ไม่งั้นก็เมาจนต้องเข้านอนเร็วทุกคืน แอฟริกาเป็นพื้นที่ที่ท้องฟ้าเคลียร์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ไม่มีมลพิษบดบัง เห็นดาวชัด ถ้าไม่ได้ดูดาวก็น่าเสียดายแย่”

“ผมเหนื่อยกับไม่สบายนั่นจริง แต่ที่เมา...แค่คืนเดียวเองนะครับ แมทเล่นเหมารวมแบบนี้ ฟังแล้วผมเป็นพวกขี้เหล้าเลย” ผมแกล้งบ่นแต่ก็ยอมตกลงออกไปดูดาวกับเขาโดยดี


แมทเข้าห้องพักไปหยิบแผ่นรองนอนสนามแบบพับได้ออกมาปูตรงพื้นระเบียงด้านหน้า ไม่ลืมเตือนให้ผมหยิบแจ็กเก็ตแบบมีฮู้ดมาสวมกันน้ำค้างด้วย แล้วพวกเราก็ลงไปนอนหงายเอาแขนรองศีรษะ มองท้องฟ้าด้วยกัน

ท้องฟ้าที่ฮาร์นาสเป็นสีดำสนิท ดวงดาวดารดาษเต็มท้องฟ้าราวกับเม็ดทรายบนชายหาด แข่งกันส่องแสงระยิบระยับ ทางช้างเผือกสีขาวพาดผ่านจากขอบฟ้าด้านหนึ่งไปอีกด้าน วิวสวยจับใจไม่ต่างจากที่ผมยืนมองท้องฟ้าตอนเดินกลับมาห้องพัก แต่วันนี้เห็นชัดกว่าแล้วก็ดูดาวสบายกว่านิดหน่อย คงเพราะได้นอนหงายมองฟ้า ไม่ต้องยืนแหงนคอตั้งบ่าเหมือนเมื่อคืนวาน

“สวยไหม”
   
“สวยมากครับ”

แมทถามออกมาลอยๆ แล้วผมก็ตอบโดยไม่ได้หันไปมองเขาเหมือนกัน พวกเราเงียบกันไปอีกครู่หนึ่ง แมทจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ได้เจอหน้าคีตั้ง 2 วัน เหงาเหมือนกันนะ” 
   
“เอ๋?” ผมกะพริบตาปริบ คราวนี้ผมต้องหันศีรษะไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ให้ชัด “เหงาหรือครับ?”

“อืม” พี่ยักษ์ตอบแล้วหันมาสบตา “มาอยู่ที่นี่ 2 เดือนกว่า ฉันไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไรน่ะ ตอนกลางวันเจอพวกสต๊าฟกับอาสาสมัครคนอื่นบ้าง แต่พอกลับมาห้องตอนเย็นก็อยู่คนเดียว ตอนแรกยังคิดว่าสบายดี แต่พอคีมาอยู่ด้วย แล้วไม่ได้เจอกัน กลับรู้สึกเหงา...แปลกดีนะ”

“คงเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมตามติดแมทเหมือนลูกเป็ดตามแม่ละมั้งครับ พอไม่มีผมเดินตาม แมทเลยไม่ชิน ผมก็...ไม่ค่อยชินเหมือนกัน”

ความจริงพอเขาพูดคำว่า เหงา ออกมา ผมก็เข้าใจอะไรยุ่งๆ ที่วนอยู่ในหัวมาตลอด 2 วัน ที่ผมรู้สึกเหมือนจะคิดถึงบ้านเมื่อคืน ก็คงเพราะเหงาเหมือนกัน ตอนอยู่เมืองไทย ผมมีป๊าม้ากับเจ้เคธ แล้วก็เคยมีพี่เมธ แทบจะไม่เคยอยู่คนเดียว พอมาอยู่ที่นี่ ผมเลยยึดแมทไว้แทนคนในครอบครัวโดยอัตโนมัติ

ถึงแม้ตอนกลางวันพวกเราจะแยกกันไปทำงาน แต่ตอนเช้ากับตอนเย็นผมก็ยังเจอเขา เมื่อวานตอนกลับมาห้องแล้วเห็นไฟปิดมืด ผมถึงได้รู้สึกใจหาย เหมือนเวลากลับบ้านแล้วไม่มีใครอยู่

คุณสิงโตยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบของผม เขาพลิกตัวนอนตะแคง เท้าแขนเอามือรองศีรษะ “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เรา 2 คน คงไม่เหงาแล้วละ เมื่อตอนกลับมากับเควิน ฉันเจอสตีฟ เขาบอกว่าอาสาสมัครกลุ่มนี้มีหลายคน เขากับเฮเลนกลัวว่าจะดูแลไม่ทั่วถึง เห็นฉันกับคีสนิทกันอยู่แล้ว ก็เลยชวนฉันไปช่วยเป็นพี่เลี้ยงดูแลกลุ่มของคี” 

“แมทจะมาเป็นพี่เลี้ยงให้กลุ่มผมหรือครับ” ผมเบิกตากว้าง 

“อืม ฉันตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้วด้วย” แมทพยักหน้า แกล้งเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “ทีนี้ฉันก็ไม่ต้องเป็นผู้ปกครองไปส่งเด็กขึ้นรถโรงเรียนแล้วนะ จะไปเป็นคุณครูบ้าง”

“ดีจังเลยครับ ถ้าอย่างนั้นก็ฝากตัวด้วยนะครับ คุณครู” ผมตอบกลับไปแบบขำๆ ในใจรู้สึกโล่งโปร่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากนั้นพวกเราจึงนอนดูดาวด้วยกันต่อ แมทชี้กลุ่มดาวต่างๆ แล้วอธิบายให้ผมฟัง สลับกับผมเล่านิทานเกี่ยวกับดวงดาวของไทยให้เขาฟังบ้าง

ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ท้องฟ้าคืนนี้ดูสวยกว่าท้องฟ้าเมื่อคืนหลายเท่าเลย


............................TBC....................................

ตอนนี้มายาวเป็นพิเศษ เพราะอยากเปิดพื้นที่ให้คุณสิงโตทำคะแนนบ้างค่ะ หลังจากตอนที่แล้วมัวไปใจดีจนทำน้องคีกับคุณผู้อ่านแทบจะเปลี่ยนใจย้ายไปทีมจากัวร์กันหมด (ฮา)

รอบนี้ไม่มีภาพสัตว์ป่า ขอแปะปกใหม่ที่เพิ่งไปคอมมิชชั่นมานะคะ

(https://www.picz.in.th/images/2018/08/19/BvWB4f.jpg)

Cover Commission โดยคุณ Movideae ค่ะ
https://www.facebook.com/movideae (https://www.facebook.com/movideae)
(กดลิ้งเข้าไปชมผลงานนักวาดได้ทางแฟนเพจนะคะ)

ตั้งใจไว้ว่าอยากได้ปกนิยายที่เป้นแนวนิทาน ออกมาน่ารักสมใจมากๆ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า

*Note : ขอบคุณข้อมูลคาราคัล จากเวบไซต์โลกสีเขียว
http://www.verdantplanet.org/ (http://www.verdantplanet.org/)
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 17 [Update 19/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-08-2018 01:53:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 17 [Update 19/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 19-08-2018 06:18:50
ยังคงเชียร์จากัวร์ เพราะหมั่นไส้คุณสิงโตจิตใจดีเรี่ยราด  5555555555555 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 17 [Update 19/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: anonymous ที่ 19-08-2018 12:09:16
พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ  ..วันนี้อ่านรวดเดียวตั้งแต่ตอนแรกเลยค่ะ น่ารักมากๆ  ปกก็น่ารักด้วยค่ะ

แอบอยากบอกว่าเราเห็นภาพปกใน TW ค่ะ เลยตามมาหานิยายอ่านต่อค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 17 [Update 19/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 19-08-2018 12:23:51
พ่อสิงโตกลับมาทำคะแนนแล้ว
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 17 [Update 19/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-08-2018 22:22:36
คุณสิงโตมัวแต่ไปใจดีกับคนอื่น จนน้องน้อยใจแล้วเนี่ย เราเกือบจะยกน้องให้ร๊อบแล้วนะ
แต่ต่อไปนี้คงมาเฝ้าน้องแจแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 17 [Update 19/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-08-2018 01:10:14
 :katai1:


เร่งเครื่องหน่อย พี่สิงห์
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 18 [Update 29/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 29-08-2018 01:55:34
บทที่ 18

“อ้าว แมท มอร์นิ่งค่ะ ไม่เจอตั้ง 2 วัน มาส่งคีหรือคะ”
   
โซเฟียร้องทักมาแต่ไกลเมื่อเห็นคุณสิงโตกับผมยืนอยู่ที่ลานจอดรถ เช้านี้พวกผมตื่นเร็ว จึงเดินมาถึงก่อน แล้วก็ยืนคุยกันไปเรื่อยเปื่อยระหว่างรออาสาสมัครคนอื่น ร็อบที่เดินตามหลังสองสาวมาทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “ผมกำลังจะเดินไปรับคีที่ลอด์จพอดีเลย ความจริงแมทไม่ได้ต้องเดินมาส่งคีก็ได้นะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเดินไปให้รับเอง คุณจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินกลับ” 

แมทปฏิเสธเสียงกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องเดินไปเดินกลับแล้วครับ วันนี้ผมจะไปกับพวกคุณด้วย สตีฟกับเฮเลนขอให้ผมไปเป็นผู้ช่วยสต๊าฟน่ะ ต่อไปพวกคุณได้เห็นหน้าผมจนเบื่อแน่ๆ”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” หนุ่มผมบลอนด์พยักหน้ารับรู้แล้วหันมาทางผม “มิน่า วันนี้คีหน้าตาสดใส มี ‘คุณพ่อ’ ไปด้วยแบบนี้ก็อุ่นใจดีเนอะ” เขาแกล้งแซวแถมยังเอื้อมมือมาขยี้ผมผมเบาๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้เหลือบตามองแมทไปด้วย

ผมทำหน้ามุ่ย พลางออกปากบ่น
“ร็อบทำเหมือนผมเป็นเด็กอีกคนแล้ว ทุกคนเลิกเล่นมุขคุณพ่อมาส่งลูกไปโรงเรียนเสียทีเถอะครับ เบื่อแล้วละ”

แมทขยับเข้ามาใกล้ ประคองหลังผมที่ถอยหนีมือของร็อบ ก่อนจะวางมือบนศีรษะ ช่วยจัดทรงผมของผมให้หายยุ่ง แล้วปลอบว่า “คุณร็อบแค่ล้อเล่นน่ะ คีไม่ได้เป็นลูกฉันจริงๆ สักหน่อย แล้วฉันก็ยังไม่อยากเป็นคุณพ่อที่มีลูกโตขนาดนี้ด้วย คีน่ารัก ทุกคนก็เลยอยากแกล้ง...เท่านั้นเอง” ประโยคท้ายคุณสิงโตละสายตาจากผมเงยหน้าขึ้นไปมองร็อบบ้าง

ผมมองผู้ชายตัวโต 2 คนที่ขนาบข้างตัวสลับไปมาอย่างงุนงง ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าแมทกับร็อบไม่ค่อยสนิทกัน เลยดูวางตัวสุภาพห่างเหินกันนิดหนึ่ง เช้านี้พวกเขาคุยกันหลายคำ แถมยังพูดไปยิ้มไปด้วย แต่ไหงมันยิ่งดูมาคุแบบแปลกๆ ละเนี่ย
   
เฮเลน สต๊าฟของฮาร์นาสที่ดูแลกลุ่มเรามาตะโกนเรียกขอแรงพวกผู้ชายไปช่วยกันขนถังอาหาร เพราะเช้านี้พอตรวจรั้วเสร็จแล้วพวกเราจะเลยไปให้อาหารพวกสิงโตด้วย แมทกับร็อบขยับตัวไปช่วยทันที ผมเองก็ทำท่าจะเดินไปบ้าง แต่ถูกเบรคเสียก่อน

“คีไม่ต้องไปหรอก รออยู่นี่แหละ” / “คีอยู่ที่นี่เถอะครับ เดี๋ยวผมไปเอง”

แมทกับร็อบหันมาบอกผมแทบจะพร้อมกันเป็นเสียงเดียว แล้วต่างฝ่ายต่างก็ขมวดคิ้วใส่กัน เดินไปช่วยขนของโดยไม่พูดอะไรอีก

โซเฟียที่ยืนคุยภาษามือกับมาเรียนน่าอยู่ด้านหลังผมหัวเราะคิก ก่อนจะทำหน้าขึงขัง เอ่ยเสียงต่ำเหมือนพิธีกรพากษ์มวย
“Let the War…Begin!!!”

“สงครามอะไรครับ โซเฟีย สองคนนั้นเป็นอะไรของเขาน่ะ”
ผมถามแต่เพื่อนสาวชาวสเปนไม่ยอมตอบ เอาแต่อมยิ้มแล้วคุยภาษามือกับภรรยาตัวเองต่อท่าทางหนุงหนิง ผมเลยได้แต่ระบายลมหายใจพรืดแบบกึ่งขำกึ่งอ่อนใจ พวกผู้ใหญ่พวกนี้เป็นอะไรกันหมดเนี่ย!

……………………………………………………….

   
เช้าวันนี้กลุ่มของพวกเราออกไปตรวจรั้วแล้วก็เลยไปให้อาหารสิงโตด้วย จึงกลับมากินอาหารเช้าสายกว่าวันก่อนๆ พอมาถึงโรงอาหาร อาสาสมัครกลุ่มอื่นก็ออกไปปฏิบัติงานกันหมดแล้ว ผมแอบโล่งใจที่ไม่ต้องเจอหน้าคุณลิซ่า เพราะดูท่าผมกับแม่สาวอเมริกันผมบลอนด์คนนั้นคงเข้ากันไม่ได้จริงๆ ถึงผมจะสนิทกับพี่ชายเธอพอสมควรก็เถอะ
   
กินอาหารแล้วพวกเราก็มานั่งเรียนภาคทฤษฎียามสาย วันนี้เป็นเรื่องตัวเมียร์แคท หรือก็คือเจ้าทิโมนในไลอ้อนคิง การ์ตูนเรื่องโปรดของผมนั่นแหละ (แน่นอนว่าแมทยังเก็บมาแซวผมอยู่)

เมียร์แคท (Meerkat) เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับพังพอนและชะมด อยู่เป็นฝูงตามแถบทะเลทรายในทวีปแอฟริกา พบมากในแอฟริกาใต้ บอตสวานา แล้วก็นามิเบีย พวกมันโชคดีกว่าสัตว์สปีชี่อื่น เพราะความเสี่ยงสูญพันธุ์ยังต่ำ แต่ก็ยังถูกจับไปขายเพื่อไปเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกๆ อยู่ดี
   
ช่วงบ่ายเราไม่ต้องไปดูแลพวกเมียร์แคท เพราะสต๊าฟส่วนกลางมาขอแรงให้อาสาสมัครกลุ่มเราไปช่วยขุดบ่อน้ำ สำหรับให้พวกสัตว์ในส่วนป่าเปิดใช้ดื่มกิน การขุดบ่อน้ำนี่ไม่ใช่แค่ขุดดินลงไปแล้วเอาน้ำมาใส่เฉยๆ แต่ต้องขุดร่องตื้นๆ ลากยาวจากบ่อน้ำบาดาลที่ทางฮาร์นาสขุดนานแล้ว ฝังท่อต่อน้ำไปยังบ่อน้ำซึ่งเพิ่งขุดใหม่ 

เห็นว่าอาสาสมัครกลุ่มก่อนหน้าพวกเราช่วยกันขุดร่องไปจนเกือบจะถึงจุดที่จะขุดบ่อน้ำใหม่แล้ว แต่พวกเขาขุดไปเจอช่วงดินซึ่งมีก้อนหินฝังอยู่ ขุดต่อไม่ได้ต้องรอรถแทรกเตอร์มาไถหน้าดินเอาหินออกไป อาสาสมัครกลุ่มนั้นครบกำหนดกลับพอดี งานเลยยังคั่งค้างจนตกมาถึงพวกเรา 

พวกผมนั่งรถกะบะคันใหญ่ไปจนถึงส่วนป่าเปิด สตีฟลงจากรถแล้วชี้ให้พวกเราดูร่องรอยของร่องน้ำที่ขุดและฝังท่อเอาไว้ เขาบอกว่า อาสากลุ่มเก่าทำงานกันหลายวัน ขุดร่องไว้เกือบ120 เมตรแล้ว เหลืออีกแค่ประมาณ 30 เมตรกับตัวบ่อน้ำเท่านั้น แต่วันนี้พวกเราคงต้องทำงานกันทั้งบ่าย ถ้าใครไม่ไหวก็ขอพักได้ ห้ามฝืน

พอสตีฟพูดมาถึงตรงนี้ แมทที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หันมามองผมทันที ผมรีบเอ่ยขัดก่อนที่เขาจะเตือน
“ไม่ต้องมองผมแบบนั้นเลยครับ แมท ข้อเท้าผมหายแล้วน่า ผมทำไหว ถ้าไม่ไหวจะบอกครับ” 

“ดีมาก” พี่หนวดยิ้มแยกเขี้ยวเมื่อถูกผมดักคอ

รถแทรกเตอร์ที่จ้างมาไถหน้าดินเอาหินออกไปทำงานเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเช้า พวกเราไปถึงแล้วก็ลงมือขุดร่องฝังท่อน้ำต่อได้เลย กลุ่มเรามีกันเกือบยี่สิบคน แต่ทางสต๊าฟก็เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือไว้พร้อม ผมหยิบจอบไปแซะดินเป็นร่องตามที่ทำเครื่องหมายไว้

ผมเป็นเด็กเมือง ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยจับจอบจับเสียมกับเขา ท่าทางเลยยังเก้ๆ กังๆ โซเฟียกับมาเรียนน่าก็ไม่ต่างกัน แต่แมทกับร็อบดูโปรมาก สองคนนั้นฟาดจอบไม่กี่ทีก็ขุดร่องดินไปได้เป็นฟุต แมทน่ะผมไม่แปลกใจ เขามาฮาร์นาสหลายรอบแล้ว คงชินงาน แต่ร็อบนี่สิ

ชายหนุ่มผมบลอนด์ยิ้มกว้างเมื่อผมออกปากถาม “ที่บ้านผมทำฟาร์มน่ะ ถึงสมัยนี้จะใช้เครื่องจักรกันหมดแล้ว แต่พ่อผมเขาอยากให้ลูกเรียนรู้จากพื้นฐานจริง เลยหัดให้จับจอบจับเสียมตั้งแต่เด็ก ผมมีแปลงข้าวโพดเป็นของตัวเองตั้งแต่เกรดสี่เลยนะ” เขาบอกเสียงอวดๆ

ผมฟังแล้วหัวเราะ “งั้นพวกเราคงต้องฝากความหวังไว้ที่แมทกับร็อบแล้วละครับ” ผมเหลือบมองร่องน้ำส่วนที่ตัวเองเพิ่งจะขุดไปได้ไม่เท่าไหร่ แล้วก็ถอนใจเฮือก

สุดท้ายพวกเราก็ต้องพึ่งแมทกับร็อบจริงๆ อาสาสมัครคนอื่นหมดแรงขอไปนั่งพักหลบแดดใต้ร่มไม้กันหมดแล้ว สองคนนั้นยังขุดดินต่อเหย็งๆ ทำท่าอย่างกับจะแข่งกันว่า ใครขุดได้ไกลกว่า แต่ดูแล้วคงจะเหนื่อยอยู่เหมือนกันเพราะเห็นเหงื่อซึมเปียกแผ่นหลังกันทั้งคู่

โซเฟียกับมาเรียนน่าให้ผมยกกระติกน้ำไปให้พวกเขา ผมรีบยกไปให้ ยืนห่างออกไปหน่อยจะได้ไม่เกะกะ
“แมท! ร็อบ! พักดื่มน้ำกันก่อนนะครับ”

แมทกับร็อบโบกมือ คุณสิงโตเป็นคนตอบกลับมา “อีกเดี๋ยวหนึ่ง คีวางกระติกไว้ตรงนั้นแล้วกลับไปเข้าร่มเถอะ”
   
ผมเดินกลับไปหาโซเฟียกับมาเรียนน่า เห็นสองสาวมองไปที่แมทกับร็อบ ผมก็เลยหันกลับไปดู อ้อ แมทกับร็อบคงเปียกเหงื่อจนรำคาญ พอกินน้ำแล้วเลยยกแก้วเทน้ำที่เหลือล้างหน้าล้างตัวเสียเลย
   
“วิวดีจังน้า...” โซเฟียนั่งเท้าคางพลางทำตาลอย

ผมเลิกคิ้ว แซวเธอว่า “นึกว่าคุณจะไม่สนใจหนุ่มๆ เสียอีก เดี๋ยวมาเรียนน่าก็หึงหรอก”

โซเฟียหรี่ตา ทำเสียงจิ๊กจั๊กขัดใจ “ไม่หึงหรอกจ้ะ บอดี้งามๆ แบบนี้ ถึงไม่ชอบผู้ชายก็ถือเป็นอาหารตาจ้ะ หนุ่มน้อย หรือคีว่าไม่ใช่?”

ผมมองชายหนุ่มร่างสูงสองคนที่กำลังขุดดินอยู่ อืม คนหนึ่งผิวขาว ผมบลอนด์ตัดสั้น ท่าทางปราดเปรียว อีกคนก็ตัวสูงหนา ผมดำสนิทยาวระต้นคอจนต้องมัดไว้ ผิวสีนวลอมเหลืองเกรียมแดดนิดๆ เซ็กซี่กันไปคนละแบบ...

วิวดีจริงๆ นั่นแหละ ผมคิดแต่ไม่ยอมตอบโซเฟียไปให้ถูกแซวหรอก


............................TBC....................................


ก่อนอื่นต้องขออภัยที่หายไปเกือบสิบวันนะคะ สัปดาห์ที่แล้วเราเจอพายุโรคภัยไข้เจ็บเข้าไปเต็มๆ เลยค่ะ

ประเดิมจากต้นสัปดาห์ ที่ตัวเองไวรัสลงลำไส้ ทำเอาท้องเสียอย่างหนักไป 2 วันติด แล้วพอไปหาหมอกินยา ดีขึ้นมานิดหนึ่ง ลูกลิงวัยอนุบาลที่บ้านก็ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ต้องแอทมิทโรงพยาบาลต่อ กว่าจะหายดีทั้งแม่ทั้งลูก ยัยแม่ก็เกือบหมดสภาพ เพิ่งจะได้เปิดคอมจิ้มคุณสิงโตต่อนี่ละค่ะ

ต้องขออภัยที่ให้รอด้วยนะคะ

ศึกระหว่างทีมสิงโตและทีมจากัวร์ก็ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว แม้คนกลางจะยังคงไม่รู้อะไรต่อไปก็ตาม (น้องคีเพิ่งอกหักเลยปิดประตูหัวใจเสียมิดชิด เรื่องรักๆ ใคร่ๆ น้องไม่สนเลยจริงค่ะ ถถถถ)

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ด้วยนะคะ /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 18 [Update 29/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-08-2018 02:33:26
เชียร์สิงโต ทำคะแนนไวๆก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 18 [Update 29/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-08-2018 13:35:37
Daddy สู้ๆ 55 น้องยิ่งเข้าใจผิดงาสอยากเป็นDaddy อยู่

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 18 [Update 29/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-08-2018 14:43:35
เชียร์พี่สิงค่ะ พี่สิงรีบทำให้น้องหวั่นไหวเร็ว ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 18 [Update 29/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-08-2018 00:21:39
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 18 [Update 29/8/61]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 30-08-2018 01:58:34
สนุกค่ะอ่านรวดเดียวจบ รอตอนต่อไปจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 19 [Update 2/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 02-09-2018 00:42:51
บทที่ 19

เนื่องจากทำงานกลางแดดจ้ามาเกือบตลอดทั้งบ่าย ตกเย็นพวกเราจึงหมดเรี่ยวหมดแรงกันทุกคน เฮเลนกับสตีฟเห็นว่าวันนี้อาสาสมัครทำงานหนักแล้ว จึงยกเลิกการประชุมสรุปงานประจำวัน แถมยังบอกว่า พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ตามปกติฮาร์นาสจะมีกิจกรรมที่โบสถ์ประจำฟาร์ม เพราะฉะนั้นจึงงดภารกิจตรวจรั้วกับคลาสเรียนตอนเช้าด้วย

นี่แปลว่าพวกเราตื่นสายได้หน่อย ไม่ต้องลุกตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ทุกคนฟังแล้วหน้าตาแช่มชื่นขึ้นมาทันที

ผมรีบกินอาหารเย็นแล้วโบกมือลาพวกเพื่อนๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่ลอจ์ดกับแมทในสภาพสะโหลสะเหล คุณสิงโตเองก็ท่าทางเหนื่อยมาก แต่ก็ยังชวนผมคุยจนกระทั่งกลับถึงห้องพัก ผมขอใช้ห้องน้ำก่อนเพราะเหนียวตัวเต็มที พอได้อาบน้ำสระผมเสร็จค่อยสดชื่นขึ้น

ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นแมทนั่งอยู่ที่เตียง ยกมือนวดต้นคอและบ่าของตัวเองอยู่ ใบหน้ารกๆ ขมวดคิ้วมุ่น

“ปวดไหล่ละสิครับ วันนี้คุณกับร็อบขุดดินกันไม่หยุดเลย”

ผมออกปากทักกึ่งบ่นกึ่งอ่อนใจ เห็นเขากับร็อบฟาดจอบกันไม่ยั้ง ต่อให้เป็นผู้ชายตัวโตแข็งแรงแค่ไหนก็ต้องปวดกล้ามเนื้อกันบ้างละ “คุณมียาทาแก้ปวดเมื่อยบ้างไหมครับ ทาเสียหน่อย ถ้าไม่มี ผมมีติดกระเป๋ามานะ เดี๋ยวผมเอาให้”

แมทยิ้มแหย เอียงคอบีบไหล่ตัวเองอีกทีแล้วพยักหน้ายอมรับ “สงสัยจะต้องทายาจริงๆ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ยอกทั้งหลังแน่ คีช่วยหยิบยาให้หน่อยนะ”

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นคุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวทายาแล้วจะได้นอน”

ผมบอกเขาและคุณสิงโตทำตามอย่างว่าง่าย ระหว่างที่เขาอาบน้ำ ผมก็เปิดกระเป๋าเป้หยิบยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อออกมาวางไว้ให้บนเตียงเขา ครู่หนึ่งแมทจึงเดินออกมา สวมกางเกงใส่นอนขายาวตัวนุ่ม แต่ท่อนบนไม่ได้ใส่เสื้อ คงกะว่าจะทายาก่อน เขาพาดผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมศีรษะไว้ แล้วทรุดนั่งลงตรงขอบเตียง หยิบหลอดยาขึ้นมาบีบ แล้วทาตรงบ่ากับต้นคอ

ผมนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงฝั่งตัวเอง มองเขาทายาแล้วก็เตือนว่า

“ค่อยๆ ทาทีละน้อยก่อนนะครับ เดี๋ยวพอทาแล้วจะร้อนขึ้นนิดหนึ่ง”

แมทพยักหน้ารับรู้ พอทายาที่ไหล่เสร็จ เขาก็บีบยาเพิ่มอีกหน่อยแล้วเอื้อมแขนข้ามไหล่ พยายามทายาที่หลัง

“ปวดหลังด้วยหรือครับ” ผมเห็นแล้วก็ออกปากถาม

“อืม ตรงสะบักน่ะ จังหวะที่ยกจอบขึ้น กล้ามเนื้อคงตึงไปหน่อย” คุณสิงโตงึมงำกลับมาระหว่างที่เอี้ยวตัวพยายามจะทายา ผมเห็นเขาเอื้อมแขนลำบากก็เลยขยับลุกเดินเข้าไปยืนชิดขอบเตียง

“ผมทาให้ไหมครับ น่าจะถนัดกว่า”

คุณสิงโตชะงักไปนิดหนึ่ง เขานิ่งไปเหมือนชั่งใจ แล้วจึงยิ้ม พยักหน้าตกลง “ดีเหมือนกัน รบกวนหน่อยนะ”

“ไม่รบกวนหรอกครับ แค่นี้เอง” ผมบอกแล้วหยิบหลอดยามาจากมือเขา

แมทขยับตัวหันหลังเพื่อให้ผมทายาได้สะดวก เขาคงเพิ่งสระผมมา เส้นผมยาวค่อนข้างหมาดชื้นถูกปล่อยระแผ่นหลัง แต่ผู้เป็นเจ้าของกลับรวบมันขึ้นแล้วใช้ยางรัดไว้ง่ายๆ

ผมมองแผ่นหลังกว้างที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็กะพริบตาปริบ

แมทเป็นคนหุ่นดี ไม่ได้ล่ำบึกแบบพวกที่เล่นฟิตเนสกินเวย์โปรตีนปั้นหุ่น แต่เป็นกล้ามเนื้อสมส่วนจากการออกกำลังกายกลางแจ้งอยู่เสมอ ผิวเหลืองนวลถูกแดดบ่มจนกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน ถ้าเมื่อตอนบ่ายเรียกว่า วิวดี ภาพตรงนี้ตอนนี้ก็เป็นภาพซูมคมชัดระดับ Full HD ที่ถ้าโซเฟียมาเห็นต้องกรี๊ดสลบแน่

ผมรีบสลัดศีรษะความคิดฟุ้งซ่าน เปิดหลอดยาทาแก้ปวด ขยับเข้าไปใกล้ แล้วทายาตรงสะบักของคนตรงหน้า “ปวดตรงนี้รึเปล่าครับ”

“อืม แล้วก็ไปทางขวาอีกหน่อย”

ผมก้มตัวลงไป เลื่อนมือไปทายาตรงจุดที่เขาบอก กดปลายนิ้วลงน้ำหนักเพื่อให้ยาซึมเข้าผิวเร็วขึ้น “เจ็บไหมครับ ผมกดแรงไปหรือเปล่า”

“ไม่เจ็บ น้ำหนักมือคีกำลังพอดีเลย” แมทตอบแล้วก้มคอลง มุมนี้ผมไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่เสียงทุ้มที่ได้ยินก็ราบเรียบเป็นปกติ มีแต่ผมนี่ละมั้งที่ใจเต้นแรงขึ้นมานิดหนึ่ง

พอมาดูใกล้ๆ แบบนี้ถึงรู้ว่า ผิวแมทเนียนละเอียดแบบผิวคนเอเชีย ซึ่งต่างจากผิวคนตะวันตกที่ค่อนข้างหยาบ ส่วนนี้เขาคงได้มาจากคุณพ่อ เหมือนเส้นผมสีดำสนิทหยักศกสวยที่พวกผู้หญิงเห็นแล้วต้องอิจฉา จะว่าไปคุณสิงโตนี่เป็นลูกครึ่งที่เก็บแต่ข้อดีของทั้งสองเชื้อชาติมาครบเลยแฮะ

ผมทายาแล้วนวดไล่จากสะบักขึ้นไปที่ไหล่และต้นคอให้ด้วย แมทส่งเสียงครางในคอ ท่าทางจะสบายจริงๆ

“คีนวดเก่งนะเนี่ย”

“ตอนเด็กผมโดนพ่อกับแม่ใช้ให้นวดให้บ่อยๆ น่ะ”

ผมตอบกลับ พยายามปรับเสียงตัวเองไม่ให้มีเค้าประหม่า นึกดีใจที่อีกฝ่ายหันหลังให้ เขาจะได้ไม่เห็นสีหน้าประหลาดๆ ที่ผมเป็นอยู่ พอทายาเสร็จ ผมก็ผละถอยห่างออกไปนิดหนึ่ง แล้วบอกเขาว่า “เสร็จแล้วครับ ถ้าพรุ่งนี้ยังปวดเมื่อยอยู่ค่อยทายาอีกรอบแล้วกันนะ คืนนี้รีบนอนก่อน ร่างกายจะได้พัก”

แมทหันกลับมา ใบหน้ารกด้วยหนวดนั้นคลี่ยิ้มกว้าง “อืม แต้งกิ้วนะ คี”

“ยินดีเสมอครับ” ผมก้มหน้าเลี่ยงสายตาเขา รับคำเสียงอุบอิบ แล้วเดินเอายาไปเก็บในกระเป๋าเป้ นึกบ่นหัวใจตัวเองที่ยังเต้นถี่ไม่เลิกสักที

Calm Dawn Kita! แค่ทายาให้ แมทก็ทำตัวเหมือนปกติ ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย เลิกเขินได้แล้ว!

...............................................................


เช้าวันต่อมาพวกเราไม่ต้องไปตรวจรั้วตอนเช้า ความจริงผมลืมตาตื่นขึ้นมาตอนฟ้าสางเพราะเริ่มเคยชินแล้ว แต่จะลุกก็กลัวจะกวนคนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่เตียงข้างๆ เลยนอนเล่นต่อไปอีกหน่อย นอนไปนอนมาก็เผลอหลับต่อ ตื่นอีกทีตอนฟ้าสว่างแล้ว แมทลุกขึ้นไปดูนาฬิกาแล้วบอกว่าเกือบแปดโมง วันนี้พวกเราตื่นสายกันจริงๆ

ผมกับแมทเดินไปกินอาหารเช้าที่โรงอาหาร ผมอยากไปดูกิจกรรมที่โบสถ์บ้าง แมทก็เลยพาเดินไป
โบสถ์ของฮาร์นาสอยู่ทางเดียวกับหมู่บ้านอาสา ห่างจากส่วนกลางไปประมาณกิโลครึ่ง ระหว่างเดินไปโบสถ์ ผมถามแมทว่า เขานับถือคริสต์ใช่หรือเปล่า เขาตอบว่า ใช่ นับถือตามคุณแม่ที่เป็นคนเยอรมัน ตอนเด็กๆ ก็ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ แต่พอทำงานแล้วก็มัวแต่ยุ่ง เลยกลายเป็นคนห่างวัดไปโดยปริยาย

เดินกันจนเหงื่อเริ่มซึมหลัง พวกเราก็มาถึงโบสถ์ซึ่งเป็นตึกชั้นเดียวสีเปลือกไข่ ผนังปูนก่อไว้แค่ครึ่งเดียวเพื่อให้แสงและลมผ่านได้ หลังคามุงสังกะสีอย่างง่ายๆ ได้ยินเสียงร้องเพลงกับเสียงปรบมือเป็นจังหวะดังแว่วออกมา ผมยืนหลบอยู่ตรงซุ้มทางเข้าซึ่งไม่มีประตู ยื่นหน้าเข้าไปดูข้างใน

ในโบสถ์เป็นห้องโล่ง ผนังด้านในสุดมีไม้กางเขนซึ่งหล่อปูนแล้วเอาหินก้อนใหญ่ๆ มาติดตกแต่ง แล้วก็มีม้านั่งไม้ตั้งเรียงกันอย่างเรียบง่าย คนที่อยู่ในโบสถ์นอกจากจะมีสต๊าฟของฮาร์นาสกับพวกอาสาสมัครบางคนแล้ว ยังมีคนนามิเบียพื้นเมืองอีกจำนวนหนึ่ง ดูท่าทางคงเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้ฟาร์ม พวกเขาพาเด็กๆ มาด้วย และตอนนี้ทุกคนก็กำลังร้องเพลงกันท่าทางสนุกสนาน

แต่คนที่ทำให้ผมแปลกใจที่สุด คือชายหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังร้องเพลงกับพวกเด็กๆ อยู่แถวหน้าสุด

“ร็อบมาโบสถ์ด้วยเหรอครับเนี่ย”

ผมอุทานเบาๆ กับแมทที่ยืนอยู่ข้างกัน พี่ยักษ์เองก็ทำหน้าแปลกใจ “นั่นสิ ดูไม่ออกเลยว่าคุณร็อบจะเป็นพวกเข้าโบสถ์วันอาทิตย์”

จังหวะนั้นร็อบหันมาเห็นพวกเรายืนอยู่ตรงซุ้มทางเข้าพอดี เขายิ้มกว้างทักทายแล้วโบกมือให้ ก่อนจะขยับบอกสต๊าฟของฮาร์นาสให้ช่วยมาเป็นต้นเสียงแทน แล้วเดินมาหาพวกผม “คี แมท มาโบสถ์ด้วยหรือครับ ผมนึกว่าคีนับถือศาสนาพุทธเสียอีก”

“ผมนับถือพุทธจริงๆ ครับ แต่ศาสนาพุทธไม่ถือเรื่องเข้าโบสถ์วิหารของศาสนาอื่น ผมอยากลองมาดูกิจกรรมที่โบสถ์บ้าง ก็เลยให้แมทพามา ไม่นึกว่าจะเจอร็อบอยู่ที่นี่ด้วย”

หนุ่มอเมริกันยิ้มกว้าง “บ้านผมค่อนข้างเคร่งน่ะ ปกติแด็ดกับมัมก็ไปจอยกิจกรรมที่โบสถ์ชุมชนทุกอาทิตย์ แถมยังลากผมไปด้วยประจำ มียัยลิซ่านี่แหละที่ชอบโดด ยิ่งโตยิ่งดื้อ ไม่ยอมไปท่าเดียว เมื่อเช้าผมไปชวนมาโบสถ์ยังโดนแหววใส่” เขาบ่นถึงน้องสาวแล้วทำหน้าแหย

ผมยิ้มตอบแล้วถามไปอีกเรื่อง “จริงสิ เมื่อคืนคุณปวดกล้ามเนื้อหรือเปล่าครับ ผมมียาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อนะ เห็นเมื่อวานคุณกับแมททำงานหนักที่สุด แมทยังบ่นปวดหลัง ผมต้องทายาให้เลย”

ผมเสนอเพราะเป็นห่วง แต่ไหงร็อบฟังแล้วถึงหรี่ตา เหลือบมองแมทที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมแวบหนึ่ง แล้วถึงค่อยหันกลับมาตอบ “จะว่าไปผมก็ปวดหลังอยู่เหมือนกัน พอคีถามขึ้นมาแล้วก็นึกได้ว่า น่าจะทายาสักหน่อย ถ้าอย่างนั้นคีช่วย...”

“ถ้าคุณปวดกล้ามเนื้อ ที่ห้องพยาบาลมียาครับ ทั้งแบบทาแบบพ่นสเปรย์ น่าจะสะดวกกว่า” แมทเอ่ยแทรกขึ้นมา

ร็อบเดาะลิ้น กำลังจะอ้าปากพูดตอบ แต่เด็กๆ ที่ดูเหมือนจะติดใจพี่ชายใจดีวิ่งมาดึงแขนชวนเขากลับไปร้องเพลงด้วยต่อ เขาเลยต้องโบกมือลาพวกผม “ไว้เจอกันตอนบ่ายนะครับ คี”

ผมมองตามชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ถูกเด็กๆ ลากกลับไปแล้วจึงค่อยหันมาถามพี่ยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ห้องพยาบาลมียาพ่นแก้ปวดกล้ามเนื้อด้วยเหรอครับ แล้วทำไมเมื่อคืนคุณไม่บอกผมละ ผมจะได้เดินไปเอามาให้ ยาพ่นน่าจะใช้สะดวกกว่า”

“เมื่อคืนฉันลืมน่ะ” คุณสิงโตตอบหน้าตาเฉย



............................TBC....................................



จริงๆ คุณสิงโตก็ร้ายนะคะ (หัวเราะ) แอบสงสารคุณจากัวร์เล็กๆ

ฉากทายานั่นบิ้วอยู่หลายวันเหมือนกันค่ะ น้องคีเขิน คนเขียนก็เขิน มีแต่พี่แมทนี่แหละที่ทำหน้านิ่งอยู่ได้

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยค่ะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง

หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 19 [Update 2/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-09-2018 01:16:44
อีสิงโตมันร้ายเหมือนกันนะเนี่ยะ อิอิอิ ร้ายหน้าตายมากๆ 5555
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 19 [Update 2/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-09-2018 00:21:23
ศึกชิงนาย
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 19 [Update 2/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-09-2018 00:35:59
 :katai2-1:

ขี้หวง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 19 [Update 2/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 04-09-2018 05:08:50
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 19 [Update 2/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-09-2018 23:25:21
คุณสิงโตร้ายสมชื่อเลยนะครับเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 20 [Update 5/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 05-09-2018 01:41:06
บทที่ 20


อาสาสมัครกลุ่มของเรามาเจอกันช่วงบ่ายหลังกินอาหารกลางวัน ตารางครึ่งบ่ายวันนี้ยังไม่มีอะไรมาก เป็นแค่เตรียมอาหารและเอาอาหารไปให้พวกสัตว์ป่า ผมว่าดีแล้วเพราะทุกคนดูท่าจะยังเพลียจากงานหนักเมื่อวาน ขนาดโซเฟียกับมาเรียนน่าที่ปกติจะร่าเริงแอคทีฟ วันนี้ยังดูซึมเซาไปนิดหนึ่ง

พอกลับจากให้อาหารสัตว์ เฮเลนกับสตีฟก็เรียกประชุมเพื่อบรีฟกิจกรรมวันพรุ่งนี้กับวันมะรืน ซึ่งจะเป็นการฝึกใช้ชีวิตในธรรมชาติ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่อง 2 วัน พวกเราต้องไปค้างแรมที่แคมป์ไซต์ซึ่งอยู่ห่างจากส่วนกลางออกไปคนละทิศกับหมู่บ้านอาสา ดังนั้นพรุ่งนี้ขอให้เตรียมของใช้ส่วนตัวสำหรับค้าง 1 คืนใส่เดย์แพ็คมาด้วย และคืนนี้ขอให้ทุกคนรีบเข้านอนเพื่อเก็บแรงไว้

ผมนึกขึ้นมาได้ว่า ไม่ได้คอลหาที่บ้านมา 3-4 วันแล้ว พอกินอาหารเย็นเสร็จก็เลยบอกแมทว่า จะกลับไปเอาโทรศัพท์มือถือที่ห้อง แล้วกลับมาที่ส่วนกลางเพื่อใช้อินเทอร์เน็ตสักหน่อย แมทบอกว่า เขาก็ว่าจะติดต่อที่บริษัทเรื่องงานเหมือนกัน เดี๋ยวจะเดินมากับผมด้วย

“แมททำงานด้านไหนหรือครับ”

ผมถามระหว่างที่เราเดินกลับไปที่ส่วนกลางด้วยกัน จะว่าไป อยู่ร่วมห้องกับคุณสิงโตมาเกือบสิบวัน ผมยังไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเขาเท่าไหร่เลย รู้แค่ว่าเขาเรียนจบมหาวิทยาลัยเดียวกับเจ้เคธเท่านั้นเอง

“ฉันเป็น Software developer น่ะ”

แมทตอบ และพอเห็นผมเบิกตากว้าง เขาก็ดักคอเสียงกลั้วหัวเราะ “ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไม่เชื่อละสิ”

“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อหรอกครับ แต่หน้าตาท่าทางแมทไม่บอกเลยว่า ทำงานด้านไอที” ผมยอมรับตามตรง ก็คุณพี่ตัวใหญ่หนา แถมผมยาว ไว้หนวดไว้เครารุงรังแบบนี้ นึกภาพเขาทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ออกเลย “ผมนึกว่าคุณทำงานเอาท์ดอร์เสียอีก ถ้าบอกว่าเป็นวิศวกรโยธา หรือพวกธุรกิจสายสุขภาพยังน่าเชื่อกว่า”

“สภาพที่คีเห็นนี่เพราะฉันอยู่ฮาร์นาสมา 2 เดือนแล้วต่างหาก ตอนอยู่ออฟฟิศทำงาน ฉันก็ไม่โทรมขนาดนี้หรอกนะ” คุณสิงโตออกตัวพลางยกมือลูบเคราเขียวๆ ที่คางของตัวเองอย่างเก้อๆ

“แมทไม่ได้โทรมหรอกครับ แค่ดูเซอร์ๆ เอง”

ผมตอบเอาใจ แล้วถามไปอีกเรื่อง “บริษัทคุณใจดีจังนะครับ ให้ลาพักร้อนตั้ง 3 เดือนแน่ะ”

“ทางออฟฟิศโอเคเพราะตั้งแต่เริ่มงานมา ฉันไม่เคยลาพักร้อนเลยน่ะ จริงๆ ก็ได้วันลาแค่ 2 เดือน แต่พอดีฉันจะไปประจำที่บริษัทย่อยที่กำลังจะเปิดใหม่ ทางนั้นยังไม่เรียบร้อย มีช่วงว่างรอยต่ออยู่ ฉันเลยขอ Leave without pay เองอีกเดือนหนึ่ง ทำงานมาหลายปี อยากพักสมองบ้าง ก็เลยเลือกกลับมาฮาร์นาสนี่แหละ”

“คุณเลือกพักสมองแบบสุดขั้วจริงๆ ครับ”

คนที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมมาตลอด มาอยู่ในที่ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตตั้ง 3 เดือน เรียกว่าหักดิบสุดๆ

พวกเราเดินมาถึงโซนส่วนกลางแล้วก็แยกกันไปคนละมุม ผมคอลหาที่บ้าน วันนี้เจ้เคธไม่อยู่ ไปกินข้าวกับพวกเพื่อนๆ สมัยมัธยม ผมก็เลยคุยกับพ่อแม่ ทั้งป๊าทั้งม้าบ่นคิดถึงผมกันใหญ่ จนผมต้องปลอบว่า “คีมาอยู่นี่แค่เดือนเดียวเอง อีก 20 วันก็กลับบ้านแล้วครับ ตอนไปซัมเมอร์ที่อังกฤษกับออสเตรเลียอยู่นานกว่านี้อีกนะ”

พูดไปแล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ ผมจะอยู่นามิเบียแค่ 1 เดือนเท่านั้น และนี่ก็ผ่านมาเกือบจะครึ่งทางแล้ว จะว่านานก็นาน เพราะผมได้ทำอะไรใหม่ๆ หลายอย่างที่ไม่เคยทำ แต่จะว่าสั้นก็สั้นเหมือนกัน เพราะอีกไม่กี่วันผมก็ต้องกลับบ้านแล้ว กลับไปเป็นคนเมือง เปิดเทอมรับชีวิตนิสิตปีสุดท้าย

...คิดแล้วก็ใจหายนิดๆ แฮะ


ผมวางสายจากที่บ้านแล้วก็เช็ก SNS ส่วนตัวนิดหนึ่ง มีไอดีที่ไม่คุ้นแอดไลน์มา ผมนึกขึ้นมาได้ว่า วันก่อนเจ้เคธบอกว่า บิว รุ่นน้องที่คณะโทรมาที่บ้าน ขอเบอร์ใหม่ผมเพื่อจะติดต่อถามเรื่องงานเหรัญญิกของกรรมการนิสิต นี่น้องแอดไลน์มาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ผมไม่ได้เปิดโทรศัพท์เช็ก ผมรีบรับแอดแล้วไลน์ไปหา

[บิว ว่าไง โทษทีนะ พี่เพิ่งได้เปิดโทรศัพท์เข้าเนต]

รออยู่ครู่หนึ่งก็มีข้อความกลับมา

[โอ้ย พี่คีรับแอดแล้ว หวัดดีค่า หนูนึกว่าจะติดต่อพี่ไม่ได้แล้วอ่ะ]

รุ่นน้องส่งสติ๊กเกอร์น้ำตานองหน้ามาให้รัวๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความต่อ

[นี่พี่อยู่เมืองนอกใช่ปะคะ พอดีหนูมีปัญหาเรื่องแผนงบพัสดุของปีหน้า อยากขอปรึกษาพี่คีหน่อย]

ผมพิมพ์ตอบไปว่า [ได้เลย จะถามทางนี้หรือใช้คอลคุยกันดี]

[อ่า...พอดีวันนี้หนูมาต่างจังหวัดกับที่บ้านอะค่ะ พรุ่งนี้ค่ำๆ พี่คีสะดวกปะคะ]

[พรุ่งนี้ไม่ได้อะบิว ที่ที่พี่อยู่ไม่มีไวไฟในห้องพัก ต้องมาใช้ที่ส่วนกลาง แล้วพรุ่งนี้พี่ต้องออกไปข้างนอก]

รุ่นน้องผมหายไปอีก 2-3 นาที แล้วตอบกลับมา

[ถ้างั้นเป็นคืนวันมะรืนได้ไหมคะ เดี๋ยวนัดเวลากันแล้วหนูคอลไป]

ความจริงผมจะบอกบิวว่า ถ้ามีปัญหาเร่งด่วนก็โทรถามเพื่อนผมที่เป็นผู้ช่วยเหรัญญิกก็ได้ไม่ต้องรอผม แต่มาคิดดู ตอนนี้ทุกคนคงกำลังฝึกงาน ไม่ก็ยุ่งเรื่องเรียนซัมเมอร์ ไหนๆ ผมก็ต้องส่งต่องานให้น้อง ก็ควรจัดการเองให้เรียบร้อย ผมก็เลยตอบตกลงแล้วนัดเวลาคอลคุยกับบิว

กว่าจะคุยเสร็จก็เกือบสามทุ่มแล้ว ผมรีบเดินกลับที่พักกับแมทแล้วเข้านอนเร็ว เพราะพรุ่งนี้เราต้องไปแคมป์ปิ้งอยู่กลางแจ้งทั้งวัน

.................................................................


เช้าวันต่อมา พวกเราก็สะพายเป้มารอที่ส่วนกลาง แล้วนั่งรถออกไปบริเวณใกล้ป่าเปิด เพื่อเรียนเรื่องเดินป่าและตามรอยสัตว์พื้นฐาน

สตีฟกับเฮเลนเชิญ เรย์ ไกด์ชาวนามิเบียซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมาเป็นวิทยากรพิเศษ เรย์กับทีมของเขาเปิดคอร์สนำเที่ยวทะเลทรายคาลาฮารี เป็นทริปแบบสมบุกสมบัน ประเภทพานักท่องเที่ยวไปส่องสัตว์ แกะรอยอะไรแบบนั้น เขามาเป็นวิทยากรให้ทางฮาร์นาสเดือนละครั้ง ถือว่าเป็นการโฆษณาคอร์สของตัวเองไปในตัว เผื่อว่าอาสาสมัครที่ติดใจจะตามไปเที่ยวต่อ

แมทคงเคยเรียนกับเรย์ตั้งแต่ตอนมาฮาร์นาสครั้งก่อน คุณสิงโตทักทายไกด์ชาวพื้นเมืองอย่างสนิทสนม แถมยังช่วยตอบคำถามบางคำถามที่ผมกับเพื่อนๆ สงสัยได้

เรยสอนให้พวกเราแยกประเภทรอยเท้าสัตว์อย่างง่ายๆ ไล่ตั้งแต่รอยเท้าสัตว์ใหญ่อย่างช้าง, ควายป่า, กวาง, สัตว์นักล่าอย่างเสือและสิงโต ไปจนถึงสัตว์เล็กอย่างกระต่ายและพังพอน รอยเท้าสัตว์ใหญ่อย่างช้าง มักเป็นเส้นทางที่สัตว์เหล่านั้นใช้ประจำ เรียกว่า ด่านสัตว์ ซึ่งนอกจากจะเป็นทางไปหาแหล่งอาหารและแหล่งน้ำแล้วยังเป็นเส้นทางหลบหนีศัตรูด้วย

สิ่งสำคัญนอกจากแยกได้ว่ารอยเท้าที่เห็นเป็นของสัตว์ประเภทไหนแล้ว ยังต้องแยกให้ออกว่าเป็นรอยเก่าหรือใหม่ เพื่อดูว่าสัตว์ที่ทิ้งรอยไว้นี้อยู่ใกล้หรือไกลจากตัวเราแค่ไหน

“ถ้าเจอรอยเท้าสิงโตใหม่เอี่ยมชัดแจ๋ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ต้องรีบเผ่นไปขึ้นรถทันที”

เรย์พูดติดตลก ทุกคนหัวเราะกันครืน แต่ถ้าเจอแบบนั้นจริงก็คงขำไม่ออกเหมือนกัน



พวกเราเรียนเรื่องเดินป่าส่องสัตว์กันตลอดทั้งวัน ช่วงเที่ยงก็กินอาหารที่สต๊าฟเตรียมมาให้ข้างนอก ไม่ได้กลับไปกินที่ส่วนกลางเหมือนวันก่อนๆ พอบ่ายแก่ๆ จึงไปตั้งแคมป์

เฮเลนกับสตีฟพาพวกเราไปยังบริเวณแคมป์ไซต์ซึ่งอยู่เลยจากลอด์จที่ผมกับแมทพักออกไปหน่อย ตรงนี้เป็นพื้นที่ตั้งแคมป์สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป หากไม่อยากจ่ายค่าพักที่ลอด์จก็สามารถมาเช่าพื้นกางเต็นท์ หรือนอนบนเต็นท์ติดหลังคาของรถแคมป์ปิ้ง ราคาถูกกว่าหลายเท่า แต่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไร เป็นแค่ลานดินรูปวงกลมปรับเรียบ ล้อมด้วยขอนไม้สำหรับนั่งรอบกองไฟ แล้วก็มีห้องน้ำห้องสุขาเล็กๆ สร้างเป็นเพิงขึ้นมาเท่านั้น

พอเดินไปถึงก็เห็นว่า ทางฮาร์นาสเตรียมเต็นท์กับอุปกรณ์พักแรมมาให้พร้อมแล้ว กลุ่มเรามีกัน 5 คน (รวมแมทด้วย) ได้เต็นท์ 2 หลัง หลังใหญ่กับหลังเล็ก โซเฟียกับมาเรียนน่าบอกให้พวกผู้ชายนอนเต็นท์หลังใหญ่ไปได้เลย

“ขนาดตัวพี่ยักษ์สองคนนั่น ขืนให้นอนเบียดกันในเต็นท์เล็กคงอึดอัดตาย” โซเฟียเอ่ยขำๆ

ผมกางเต็นท์และจุดไฟก่อกองไฟได้คล่องแคล่วจนพวกเพื่อนๆ แปลกใจกันใหญ่ พอถูกถาม ผมก็แกล้งทำท่าวางโต โอ่ไปว่า

“สมัยมัธยม ผมเป็นนายหมู่ลูกเสือนะ ขุดดินแบบเมื่อวานอาจจะไม่เก่ง แต่ถ้าเรื่องออกค่ายละสบายมาก”

แต่ดูเหมือนพวกคนฟังจะไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่ ลืมเลยไปว่าโรงเรียนในต่างประเทศไม่ได้บังคับเรียนลูกเสือเนตรนารีเหมือนเมืองไทย ผมเลยต้องมาอธิบายเรื่องวิชาลูกเสือให้พวกเขาฟังอีก

พอตั้งเต็นท์เสร็จ พวกเราก็ช่วยกันทำอาหารเย็นอย่างง่ายๆ กินอาหารเย็นแล้วก็พักผ่อนและผลัดกันไปใช้ห้องน้ำที่มีอยู่แค่ 3 ห้อง กว่าจะสะอาดเอี่ยมหมดทุกคนก็ฟ้ามืด ทำกิจกรรมรอบกองไฟได้พอดี

ความจริงกิจกรรมก็ไม่มีอะไรหวือหวา ไม่ใช่การแสดงรอบกองไฟเหมือนเวลาผมไปออกค่ายลูกเสือสมัยเด็กๆ แค่ร้องเพลงสลับกับพูดคุย เฮเลนเห็นว่าอาสาสมัครกลุ่มนี้มีหลายเชื้อชาติ ก็เลยเสนอขออาสาสมัครเล่าเรื่องเล่าจากบ้านเกิด จะเป็นนิทานหรือตำนานก็ได้

หนุ่มออสซี่ที่มากัน 3 คนประเดิมเล่านิทานเรื่องงูใหญ่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของภูเขาและธารน้ำในทวีปออสเตรเลีย ส่วนสาวญี่ปุ่นเป็นตัวแทนเล่านิทานเรื่องกลองกายสิทธิ์จากสวรรค์ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดปลาชนิดหนึ่งในทะเลสาบบิวะ

พอมาถึงร็อบ เขาออกตัวว่า คนอเมริกันไม่ค่อยรู้จักนิทานพื้นบ้าน แต่คนงานเก่าแก่ในฟาร์มของคุณพ่อเขามีเชื้อสายอินเดียนแดง เคยเล่านิทานเรื่องเด็กหนุ่มอินเดียนร่วมมือกับสัตว์ต่างๆ เพื่อขโมยไฟที่เทพแห่งไฟเก็บไว้ในดินแดนลับฟ้า เขายังพอจำได้ก็เลยเล่าให้พวกเราฟัง นิทานของร็อบสนุกทีเดียว ขนาดมาเรียนน่าที่หูไม่ได้ยิน อ่านภาษามือที่โซเฟียแปลแล้วยังยกนิ้วชม

ทีนี้ก็วนมาถึงผมที่เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ระหว่างที่ฟังคนอื่น ผมก็พยายามคิดถึงนิทานไทยที่ตัวเองพอจำได้ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก ผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่โตมากับนิทานอีสป ซึ่งคนอื่นก็คงเคยได้ยินกันมาแล้ว จะเอามาเล่าก็รู้สึกขายหน้าในฐานะตัวแทนประเทศอยู่นิดหน่อย

สุดท้ายผมก็นึกถึงหนังเก่าที่เคยเอาดีวีดีมาดูกับเจ้เคธ หนังเรื่องนี้ก็สร้างจากตำนานพื้นบ้านของไทยนี่นา

“เล่าเรื่องผีได้ไหมครับ”

ผมโพล่งออกไป พวกคนฟังฮือฮาแล้วส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ แต่ร็อบที่นั่งข้างผมชะงัก ท้วงว่า

“อ่า...เล่าเรื่องผีตอนกลางคืนจะดีเหรอครับ คี”

โซเฟียที่อยู่อีกด้านไม่ทันเห็นสีหน้าร็อบ ก็เลยเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียงกระตือรือร้น “เอาๆ เล่าเรื่องผีก็เข้ากับบรรยากาศดีออก ฉันได้ยินมาว่า ผีเอเชียโดยเฉพาะผีไทยน่ากลัว มีหนังฮอลลีวูดที่รีเมคจากหนังผีไทยด้วยนี่นา คีเล่าเลยๆ”

ผมได้แรงยุก็ค่อยมั่นใจขึ้น ก็เลยเริ่มเล่าเรื่องผีพื้นบ้านที่คนไทยรู้จักกันดี

“เมื่อร้อยกว่าปีก่อน สมัยที่กรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทยยังเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง และต้นไม้หนาทึบ มีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งอาศัยอยู่ด้วยกัน สามีชื่อนายมาก ส่วนภรรยาชื่อนางนาก

ทั้งสองแต่งงานอยู่ด้วยกันจนฝ่ายภรรยาตั้งครรภ์ ตัวสามีถูกหมายเรียกให้ไปเป็นทหาประจำการในเมือง ภรรยาที่ตั้งครรภ์จึงต้องอาศัยอยู่ลำพังจนครบกำหนดคลอด แต่โชคร้ายที่ลูกของนางไม่ยอมกลับหัว จึงไม่สามารถคลอดออกมาได้ จนสุดท้ายนางนากก็ทนเจ็บปวดไม่ไหว สิ้นใจไปพร้อมกับลูกในท้อง”

ระหว่างที่ผมเล่า ทุกคนพากันนิ่งฟัง ทำให้บรรยากาศสงัดเงียบ ได้ยินแต่เสียงแมลงกลางคืนกับเสียงฟืนในกองไฟที่แตกเปรี๊ยะ

“วันหนึ่ง สามีได้ปลดประจำการกลับบ้าน เขามาถึงบ้านในตอนกลางคืนจึงไม่พบชาวบ้านคนอื่น ภรรยาอุ้มลูกน้อยรอเขาอยู่ที่ท่าน้ำ ชายหนุ่มจึงอยู่กับลูกเมียอย่างมีความสุข แต่หลายวันเข้า เขาก็เริ่มแปลกใจว่า ทำไมชาวบ้านจึงหลบเลี่ยง ไม่ยอมผ่านเข้ามาในบริเวณบ้านของตน ซ้ำภรรยาสุดที่รักก็เหนี่ยวรั้งเขาไว้ไม่ยอมให้ออกไปไหน...”

ผมเล่าต่อไปเรื่อยๆ โดยนึกถึงหนังที่เคยดูเป็นหลัก พวกเพื่อนๆ อาสาสมัครก็เงียบฟังกันด้วยสีหน้าลุ้นสุดๆ มีเสียงเอฟเฟคอุทานเบาๆ เป็นระยะ จนกระทั่งผมเล่าจบตอนที่นางนากยอมตัดใจจากสามีแล้วจากไป ทุกคนค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ผีไทยแลนด์ ซึโก้ย! ”

หนุ่มญี่ปุ่นที่ไม่ค่อยได้เสวนากับผมเท่าไหร่ถึงกับยกนิ้วให้ หลังจากนั้นผมก็ได้รับเสียงปรบมือกราวใหญ่ พวกอาสาสมัครดูจะติดใจบรรยากาศการเล่าเรื่องผีรอบกองไฟแล้ว หลังจากนั้นเลยเริ่มเป็นมหกรรมการขุดเรื่องผีของแต่ละชาติมาแลกเปลี่ยนกันอย่างสนุกสนาน ทุกคนจิตแข็งกันน่าดู ไม่มีใครกลัวเลย จะมีก็แต่ร็อบที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ

ผมเห็นสีหน้าเขาดูไม่ดี เลยหันไปถาม “ร็อบเป็นอะไรรึเปล่าครับ ดูหน้าซีดๆ”

 “คี...ผมว่าผมไม่ไหวแล้วละ”

ชายหนุ่มผมบลอนด์หันมาตอบเสียงแผ่วโหย ผมรีบถามอย่างเป็นห่วง “ทำไมครับ คุณไม่สบายเหรอ”

ร็อบส่ายหน้า เอื้อมมือมาแตะหลังมือผม กระซิบสารภาพ “ผม...ไม่ค่อยถูกโรคกับเรื่องผีเท่าไหร่”

ผมกะพริบตาปริบ ตอนแรกคิดว่าเขาเล่นมุก แต่มือร็อบที่แตะมือผมเย็นเจี๊ยบเลย แถมหน้าเขาก็ซีดไป ดูท่าจะกลัวจริงจัง...หนุ่มอเมริกันกลัวผีเหรอเนี่ย ผมพยายามกลั้นยิ้ม ทั้งขำทั้งสงสาร จึงปลอบเขาไปว่า “ถ้าไม่ไหวก็ขอตัวไปนอนก่อนเถอะครับ พวกนั้นดูท่าจะติดลม ยังเล่ากันอีกหลายเรื่อง”

ร็อบส่ายหน้าดิก “ผมไม่กล้าเข้าไปนอนในเต็นท์คนเดียว” เขาบอกแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

ผมมองหนุ่มหล่อที่กลายสภาพเป็นเด็กงอแงด้วยแววตาสงสาร แอบรู้สึกผิดนิดหน่อยด้วย เพราะผมเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องผีขึ้นมากลางวงรอบกองไฟ ผมก็เลยเสนอว่า “งั้นเดี๋ยวผมไปนอนในเต็นท์เป็นเพื่อนคุณนะครับ”

ร็อบพยักหน้าหงึกๆ ท่าทางโล่งใจขึ้นมาหน่อย “แต้งกิ้วครับคี”

แมทนั่งคุยอยู่กับสตีฟที่อีกมุมหนึ่ง ผมลุกเดินไปบอกเขาว่าจะเข้านอนก่อน อีกฝ่ายทำหน้าสงสัย “อ้าว คีง่วงแล้วหรือ เพิ่งจะสองทุ่มเอง”

“ผมยังไม่ง่วงหรอกครับ แต่...อ่า...ร็อบไม่ถูกโรคกับเรื่องผี ดูเหมือนจะทนฟังต่อไม่ไหวแล้วนะ” ผมบอกไปตามจริง

คุณสิงโตหันไปมองดูตัวต้นเหตุ พอเห็นใบหน้าซีดเผือดหมดลุคหนุ่มหล่อของรายนั้นแล้วก็พยักหน้า “ดูท่าจะไม่ไหวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นคีก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเถอะ เดี๋ยวฉันคุยกับสตีฟเสร็จแล้วจะตามไปนะ”

“ครับ” ผมพยักหน้า พาร็อบเดินไปที่เต็นท์ของพวกเรา ให้เขานอนด้านในสุดที่ไม่ติดประตูเต็นท์ แล้วชวนคุยเป็นเพื่อนอยู่นาน ร็อบหลับไปก่อน ส่วนผมเริ่มจะเคลิ้มๆ แมทก็มุดเข้าเต็นท์มา

ผมพลิกตัวไปถามเสียงงัวเงีย “ทุกคนไปนอนแล้วเหรอครับ”

“อืม” แมทตอบกลับ เอนหลังนอนข้างผมอย่างง่ายๆ

“ผมรู้สึกผิดจังที่เล่าเรื่องผี ทำร็อบกลัวเลย” ผมออกปากบ่น

แมทตอบกลับมาเสียงกลั้วหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก คนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นกันดี จะว่าไป...ตอนเคธี่มาฮาร์นาส รายนั้นก็เล่าเรื่องผีให้เพื่อนฟังเหมือนกันนะ น่ากลัวกว่าของคีอีก เป็นผีที่มีแต่เครื่องในลอยไปลอยมา เรียกว่าอะไรนะ?”

“กระสือครับ” ผมตอบกลับ “เจ้เคธน่ะ คลังเรื่องผีเลยละ รายนั้นชอบดูหนังผี ดูคนเดียวไม่ได้ด้วย ต้องมาลากผมไปดูด้วยประจำ”

แมทหัวเราะออกมาเบาๆ “สมัยเรียนฉันก็ถูกเคธี่ลากไปดูหนังทริลเลอร์สยองๆ เป็นเพื่อนประจำเหมือนกัน”

คุณสิงโตเล่าเสียงเรียบเรื่อย แต่ผมที่ฟังอยู่กลับชะงักไปนิดหนึ่ง เจ้เคธเป็นสาวสังคมก็จริง แต่รายนั้นก็วางตัวมีระยะห่างกับพวกผู้ชาย จะไม่ไปดูหนังกับคนอื่นนอกจากคนที่บ้านหรือเพื่อนที่คุ้นเคยจริงๆ

...ตอนเรียนมหาวิทยาลัย แมทกับพี่สาวผมคงสนิทกันมากจริงๆ นั่นแหละ



............................TBC....................................



ตอนนี้มาแบบยาวจุใจค่ะ เพราะสัปดาห์นี้น่าจะไม่มีคิวว่างให้จิ้มแล้ว คืนนี้เลยนอนดึกหน่อย เขียนให้จบตอน

รู้สึกว่า ช่วงนี้กลั่นแกล้งคุณจากัวร์เสียหลายรอบ ขอโทษนะร็อบ แต่ผู้ชายกลัวผีก็น่ารักดีออกนะ (ฮา)

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยค่ะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง

หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 20 [Update 5/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-09-2018 03:08:19
สงสารร็อบคงกลัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 20 [Update 5/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 06-09-2018 03:48:26

แง๊งงง คุณสิงโตต้องเดินหน้ามากกว่านี้นะคะ ก่อนที่น้องแมวน้อยจะเข้าผิดไปมากกว่านี้  :sad4: :sad4: :sad4: 

บรรยายได้เพลินมากค่ะ รอนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 20 [Update 5/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-09-2018 16:38:50
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 20 [Update 5/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-09-2018 18:33:57
สนุกมาก  ชอบบบบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แมท น่าจะชอบคี มาก่อน
แบบเคยเห็นคีจากรูปที่แคทพกไป
แคทเลยให้คีไปจากพี่เมธ แล้วพบแมทที่นาบิเมีย ซะเลย

แมท คี   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 20 [Update 5/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 06-09-2018 19:25:10
สิงโตมันร้าย  :mew4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 20 [Update 5/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 08-09-2018 09:48:03
ป๊าดชอบๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 08-09-2018 14:05:21
บทที่ 21

ด้วยความที่เมื่อคืนผมกับร็อบเข้านอนเร็วที่สุด เช้าวันต่อมาพวกเราจึงตื่นก่อนคนอื่นตั้งแต่ตอนรุ่งสาง ร็อบลุกออกไปจากเต็นท์ก่อนผมสักพัก ผมรู้สึกตัวตอนเขาขยับออกไปแต่ไม่ได้เรียกเพราะกลัวจะปลุกแมทที่ยังหลับอยู่ ผมรอจนร็อบออกไปแล้ว จึงค่อยขยับลุกไปหยิบแปรงสีฟันกับแก้วน้ำในเป้เดย์แพ็คอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงดัง แต่คุณสิงโตนอนหูไวเลยรู้สึกตัวจนได้

“คีจะไปล้างหน้าหรือ” เขาพึมพำถาม

“ครับ” ผมตอบ

“หยิบแจ็กเกตไปด้วยนะ ตอนเช้ามืดน้ำค้างลง เฮเลนเตรียมนมกล่องกับขนมปังไว้ให้เป็นอาหารเช้า มีกาแฟสำเร็จรูปด้วย อยู่ในกล่องปิกนิกตรงลานกลาง บอกว่าใครหิวก็หยิบไปกินรองท้องก่อนได้ เดี๋ยวอีกสักพักฉันตามออกไป”

เขาบอกแล้วหลับตา คงจะอยากนอนต่อไปอีกหน่อย ผมจึงเดินข้ามขาเขาไปอย่างระมัดระวัง

ข้างนอกเต็นท์ยังสลัวๆ ท้องฟ้าเป็นสีครามอมชมพู ผมเดินออกไปล้างหน้าแปรงฟันที่เพิงห้องน้ำ เพิงนี้ภายนอกอาจจะดูไม่หรูหรา แต่ก็มีเครื่องทำน้ำอุ่นพลังงานแสงอาทิตย์ให้ใช้ ผมเลยไม่ต้องทรมานกับการล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเจี๊ยบเหมือนออกมาจากตู้เย็น

ร็อบสวมชุดวอร์มแขนยาวยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ที่ลานกลาง พอผมเดินเข้าไปหา เขาก็หันมาทักทาย หน้าตาสดใสกว่าเมื่อคืนมาก “มอร์นิ่งครับ คี เมื่อคืนผมหมดสภาพเลย ขอโทษนะที่งอแงกวนให้ไปนอนเป็นเพื่อน คีเลยอดทำกิจกรรมรอบกองไฟต่อ” หนุ่มผมบลอนด์ขอโทษขอโพยพลางยิ้มแหย

ผมส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกครับ นอนเร็วก็ดีจะได้ตุนแรงไว้ วันนี้เราต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอกทั้งวันนี่นา” โปรแกรมอาสาสมัครวันนี้เป็น Culture Day ทางฮาร์นาสจะพาพวกเราออกไปเยี่ยมหมู่บ้านชนเผ่าซาน ชนเผ่าพื้นเมืองของนามิเบีย ออกไปกันแต่เช้าแล้วก็กลับมาตอนเย็นๆ โน่น

ผมชวนร็อบไปเปิดกล่องปิกนิกเพื่อหาอาหารเช้ารองท้อง ระหว่างที่พวกเรานั่งกินอยู่ สต๊าฟพี่เลี้ยงก็ลุกจากเต็นท์เดินออกมาล้างหน้า พักหนึ่งแมทจึงเดินออกมาจากเต็นท์มา เขาโบกมือให้พวกผมก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำ ร็อบมองตามหลังคุณสิงโตไปก่อนจะหันมาทางผม

“คีรู้จักกับแมทมาก่อนแล้วหรือครับ ดูสนิทกันดีจัง”

“ผมเพิ่งเจอแมทครั้งแรกตอนมาฮาร์นาสนี่แหละครับ แมทเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของพี่สาวผม เขาพักร้อนอยู่ฮาร์นาสตอนที่ผมจะมาที่นี่พอดี พี่สาวผมเลยฝากให้เขาช่วยเป็นธุระจัดการอะไรต่อมิอะไรให้” ผมอธิบายคร่าวๆ

ร็อบพยักหน้าหงึก ออกปากอย่างทึ่งๆ “โอ้โห เป็นเพื่อนสมัยเรียน ก็แปลว่าน่าจะรู้จักกันมาหลายปีแล้วสิครับ สนิทกันดีจัง อยู่กันคนละซีกโลก แต่ยัง keep connection กันอยู่ ผมกับพวกเพื่อนมหาวิทยาลัยเนี่ย แค่เรียนจบแล้วแยกกันไปอยู่คนละรัฐก็แทบไม่ได้คุยกันแล้ว มีแค่แวะมาคอมเมนท์ใน SNS บ้างเท่านั้น”

ผมนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับคุณสิงโตเมื่อคืนแล้วก็ยิ้มบาง

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่สาวผมไม่เคยพูดถึงแมทมาก่อน แต่ก็คงจะสนิทกันมากจริงๆ นั่นละครับ”




ฟ้าสว่างแล้ว อาสาสมัครที่เหลือทยอยลุกออกมาล้างหน้าล้างตาและกินอาหารเช้าง่ายๆ โซเฟียกับมาเรียนน่ามาเมาท์เรื่องผีที่ได้ฟังเมื่อคืนหลังจากผมเข้านอน (ร็อบเดินเลี่ยงไปคุยกับสต๊าฟอย่างจงใจหลบสุดฤทธิ์) หลังจากนั้นพวกเราก็ช่วยกันเก็บเต็นท์ แล้วขึ้นรถบัสซึ่งจุคนได้ประมาณ 30 คน ขับออกไปจากฮาร์นาสเพื่อไปยังหมู่บ้านพื้นเมืองของชนเผ่าซานที่อยู่ในเขตเมืองโกเบบิส

ชนเผ่าซาน (San) หรือที่เรียกกันว่า บุชเมน (Bushmen) เป็นชนเผ่าทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ในเขตประเทศบอตสวานา, แองโกลา และนามิเบีย ชนเผ่านี้ยังชีพด้วยการล่าสัตว์และเก็บของป่า พวกเขาได้รับการระบุว่า เป็นชนเผ่าที่เก่าแก่ที่สุดชนเผ่าหนึ่งในโลก

ตอนอยู่ในรถบัส อาสาสมัครคนอื่นฟังบรีพด้วยท่าทางปกติ มีแต่ผมที่ตื่นเต้นกว่าทุกคน เพราะก่อนมานามิเบีย พ่อผมเปิดดีวีดีหนังเรื่องโปรดที่เคยดูสมัยหนุ่มๆ ให้ดู เป็นหนังเรื่อง The Gods Must Be Crazy เคยเข้าฉายในเมืองไทยเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน มีชื่อไทยว่า เทวดาท่าจะบ๊องส์

หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่มีคนพื้นเมืองเผ่าซานของนามิเบีย ชื่อว่า นิเชา เป็นตัวเอก ป๊าบอกว่าดังมาก ถ้าถามคนที่อายุประมาณสามสิบปลายๆ เป็นต้นไปจะตอบว่ารู้จักกันแทบทุกคน แถมคุณนิเชายังเคยมาถ่ายโฆษณาสินค้าของไทยตัวหนึ่งด้วย ผมกับเจ้เคธดูดีวีดีที่ป๊าเปิดแล้วก็นั่งขำไม่หยุด หนังเก่าแต่มุกตลกยังสนุกชวนฮา คุณนิเชากับคนเผ่าซานในเรื่องน่ารัก วันนี้ได้มาเจอตัวจริง ผมเลยอดตื่นเต้นไม่ได้

สาวอังกฤษที่ดูเหมือนจะเป็นพวกนักอนุรักษ์หน่อยๆ ยกมือถามเฮเลนซึ่งกำลังบรีพอยู่ว่า

“ฉันอ่านข้อมูลมาว่า สต๊าฟพื้นเมืองก็ฮาร์นาสก็เป็นชาวเผ่าซานใช่ไหมคะ”

เฮเลนพยักหน้า “ใช่ค่ะ กว่า 90% ของลูกจ้างในฮาร์นาสของเรามาจากชุมชนชาวเผ่าซานซึ่งอยู่รอบๆ ฟาร์ม สภาพสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้ชาวเผ่าหลายหมู่บ้านต้องละจากชีวิตแบบดั้งเดิม ออกมาทำงานรับจ้างหาเลี้ยงปากท้อง แต่การขาดโอกาสด้านการศึกษาก็ทำให้พวกเขากลายเป็นแรงงานไร้ทักษะ และได้รับค่าจ้างต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศ”

สตีฟช่วยเสริมว่า นอกจากโครงการช่วยเหลือสัตว์ป่าแล้ว ที่ฮาร์นาสยังมีโครงการช่วยเหลือชนเผ่าซาน ทั้งจ้างให้ทำงานในฟาร์มและให้การศึกษากับพวกเด็กๆ ในฟาร์มมีศูนย์ดูแลเด็กอยู่ อาสาสมัครที่สนใจงานด้านสังคมสงเคราะห์สามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมสอนหนังสือเด็กๆ ชาวเผ่าซานได้ กำหนดระยะเวลา 2 สัปดาห์จนถึง 3 เดือน

ผมคิดเองว่า คงคล้ายครูอาสาบนดอยที่เมืองไทย อาสาสมัครชาวอังกฤษกลุ่มนั้นดูสนใจมาก เห็นคุยกันว่า พอหมดโปรแกรม Exclusive Volunteer สองสัปดาห์แล้วอาจจะย้ายไปทำส่วนนั้นแทน


ส่วนกิจกรรมที่กลุ่มของเรามาทำวันนี้ คือการเรียนรู้วิถีชีวิตแบบชนพื้นเมืองในหมู่บ้านของชนเผ่าซานซึ่งจัดไว้รับนักท่องเที่ยว ถ้าบอกว่าเหมือนเป็นการจัดฉากก็ใช่ แต่ก็เป็นวิธีที่ทำให้ชาวเผ่ามีรายได้พอเลี้ยงชีพ และได้อนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ด้วย จะถูกหรือผิดก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง

หมู่บ้านของชนเผ่าซานที่พวกเราไปเยี่ยมชมเป็นกระท่อมทำด้วยหญ้าแห้ง ลักษณะเหมือนเต็นท์หลังใหญ่ๆ 4-5 หลัง มีคนอยู่สัก 20 คน ทั้งผู้ใหญ่ เด็กและคนแก่ พวกเขาแต่งกายด้วยชุดแบบพื้นเมืองซึ่งมักจะทำจากหนังสัตว์ ผู้ชายมีแค่หนังสัตว์พันเอวปิดส่วนหน้า ส่วนของผู้หญิงจะผูกหนังสัตว์ยาวลงมาคล้ายกระโปรง แต่ไม่สวมเสื้อ ส่วนเด็กเล็กๆ วิ่งกันตัวเปล่าไม่ใส่อะไรเลย ทุกคนผมสั้นเกรียนติดหนังศีรษะ มีสร้อยลูกปัดสวมประดับที่คอ

พอนักท่องเที่ยวไปถึง พวกเขาก็จะออกมาต้อนรับด้วยการร้องเพลงและเต้นระบำ หลังจากนั้นสตีฟกับเฮเลนก็แบ่งพวกเราเป็นกลุ่มๆ สลับกันเรียนเรื่องต่างๆ ที่ชาวเผ่าจะเป็นผู้สอน ก็มีการแกะรอยสัตว์, หัดก่อไฟด้วยแท่งไม้, หัดยิงธนูแบบโบราณซึ่งเป็นธนูคันเล็กๆ ผมเอากล้องวิดีโอติดมาด้วย กะว่าจะถ่ายคลิปเก็บไปฝากเจ้เคธกับป๊า ไม่แน่ถ้าป๊าดูแล้วอาจจะสนใจ อยากมาเที่ยวนามิเบียตามรอยหนังเรื่องโปรดบ้างก็ได้

พวกเราอยู่ที่หมู่บ้านชนเผ่าซานจนกระทั่งบ่าย จึงนั่งรถต่อไปเที่ยวศูนย์วัฒนธรรม Tswana ซึ่งเป็นกึ่งๆ พิพิธภัณฑ์ บอกเล่าเรื่องราวของเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาตอนใต้ ตั้งแต่บอตสซาวันนา, แอฟริกาใต้, ซิมบัคเว่ และนามิเบีย

โซเฟียกับมาเรียนน่าซึ่งไม่ใช่สายชื่นชอบแนววัฒนธรรมแอบเบื่อเล็กน้อย บ่นว่าให้ไปทำความสะอาดกรงชีต้ายังสนุกกว่า แต่ผมว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดี วันนี้ผมนั่งรถบัสคู่กับร็อบ คุยกันติดลมเรื่องหนังที่ป๊าเปิดให้ดู แมทเห็นผมมีเพื่อนคุยแล้วก็เลยไปนั่งด้านหน้ากับพวกสต๊าฟ



พวกเรากลับมาถึงฮาร์นาสตอนเย็น กินอาหารแล้วก็แยกกันไปพักผ่อนตามปกติ วันนี้ทุกคนรีบกลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำสระผม เมื่อวานตอนค้างเอาท์ดอร์แทบไม่มีใครอยากอาบน้ำเนื่องจากไม่สะดวกเท่าไร วันนี้ก็ออกไปลุยมาทั้งวัน ทั้งเหงื่อทั้งฝุ่นเต็มตัว ผมกับแมทเองก็กลับไปอาบน้ำที่ลอด์จ แต่พออาบน้ำเสร็จแล้วผมก็บอกแมทว่า ผมต้องไปที่ส่วนกลางอีกครั้ง เพราะต้องคุยโทรศัพท์กับรุ่นน้องที่นัดกันไว้ แมทจึงเดินออกมาเป็นเพื่อนเหมือนเคย

“จริงๆ คุณไม่ได้ต้องเดินไปเป็นเพื่อนผมก็ได้นะครับ ผมเดินไปกลับจนชิน ไม่ต้องห่วงหรอก คุณเหนื่อยแล้ว น่าจะพักผ่อน”

ผมบอกเขา แต่แมทกลับส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ได้ห่วงกลัวคีจะหลงหรอก แค่อยู่ในห้องคนเดียวก็เบื่อ ออกไปเดินเล่นคุยกันดีกว่า”

พวกผมเดินไปถึงส่วนกลางแล้ว ผมเปิดอินเทอร์เน็ต ไลน์บอกบิวว่าพร้อมแล้ว ให้คอลมาได้เลย รุ่นน้องผมอ่านแล้วแต่ตอบกลับมาแค่ว่า [OK] แล้วก็เงียบหายไป สงสัยว่าจะไปหาที่ที่จะโทรคุยสะดวก

ผมเห็นตรงที่นั่งเล่นส่วนกลางวันนี้คนค่อนข้างเยอะ เลยเดินออกมาตรงลานด้านหน้าซึ่งเป็นสนามหญ้าตัดเรียบ เหนือศีรษะฟ้ามืดแล้ว ดวงดาวเริ่มส่องแสง แมทออกมายืนดูดาวเป็นเพื่อน ผมนึกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ก็เลยทักเขาไปว่า

“จริงสิ สองสามวันนี้ไม่เห็นคุณลิซ่าเลยนะครับ ไม่รู้ว่าออกไปทำงานตรงไหน”

แมทหน้าขรึมลงนิดหน่อย ตอนที่ตอบกลับมา “ลิซ่าก็คงทำงานอยู่ในฮาร์นาสที่แหละ แต่เขาคงไม่ได้แวะมาที่ส่วนกลาง อาจจะไม่สะดวกเจอหน้าฉัน”

“อ้าว” ผมอุทานออกมาอย่างแปลกใจ คุณลิซ่าเนี่ยเหรอจะไม่อยากเจอแมท เห็นก่อนหน้านี้ตามติดพี่ยักษ์แทบทุกฝีก้าว “ทำไมละครับ”

คุณสิงโตถอนใจออกมาครั้งหนึ่ง “วันก่อนที่ลิซ่าไม่สบาย แล้วฉันไปนั่งเฝ้าอยู่เป็นเพื่อน เธอมาบอกว่าชอบฉันน่ะ”

ผมชะงักไปนิดหนึ่ง ในใจนึกว่า สาวผมบลอนด์คนนั้นก็กล้าพุ่งชนดีแฮะ “แล้วคุณตอบเธอไปว่ายังไงหรือครับ”

“ฉันปฏิเสธไปว่า คงตอบรับความรู้สึกเธอไม่ได้ เพราะฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

แมทตอบแล้วหมุนตัวหันมามองผม แต่จากมุมที่พวกเรายืนอยู่ ผมไม่เห็นสีหน้าของเขาชัดเจนนัก ผมฝืนยิ้มแล้วตอบเขาไปตามมารยาท “น่าเสียดายจัง คุณลิซ่าก็เป็นคนสวย แต่คนที่แมทชอบก็คงจะเป็นคนที่ดีมากๆ เหมือนกัน ไม่งั้นคุณคงไม่ชอบหรอก”

“อืม เป็นคนที่ดีมาก ร่าเริง สดใส อยู่ด้วยแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ”

แมทเอ่ยแล้วเดินเข้ามาใกล้ผมอีกก้าว ผมกลืนน้ำลายลงคอ หันหน้าหลบสายตาเพราะไม่อยากให้เขาเห็นสีหน้าแปลกๆ ของตัวเองตอนนี้ งึมงำตอบเขาไปว่า “เหรอครับ....ฟังดูเป็นคนที่เหมาะกับคุณมากจริงๆ ไว้แนะนำให้ผมรู้จักบ้างนะ”

แมทขยับเข้ามาใกล้ผมอีกก้าว เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยว่า

“คนนั้น...คีเองก็รู้จักนะ”

“เอ๋?” ความแปลกใจทำให้ผมเผลอหันไปมองหน้าคนพูดโดยอัตโนมัติ แล้วก็เห็นรอยยิ้มบนใบหน้ารกด้วยหนวดนั่น ดวงตาเรียวสวยของเขามีประกายลึกซึ้งบางอย่างที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้น

คนที่ผมก็รู้จัก...หรือว่าจะเป็น...?

แมทกำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นเสียงก่อน ผมสะดุ้ง รีบละสายตาจากเขาแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู “รุ่นน้องผมโทรมาแล้วครับ ขอเวลาแป๊บหนึ่งนะ” ผมบอกแล้วกดรับโทรศัพท์ ทั้งนึกโล่งใจและหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ ผมพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ แล้วเอ่ยทักคนทางปลายสาย

“ฮัลโหล บิว ว่าไง”

[คี นี่พี่เอง]

ผมชะงักกึก เสียงทุ้มที่ตอบกลับมานั้นไม่ใช่เสียงรุ่นน้องของผม แต่เป็นเสียงของใครอีกคนที่ไม่ได้ยินมาเป็นเดือน เสียงที่เคยทำให้ผมอมยิ้ม รู้สึกว่าโลกสดใสทุกครั้งที่เขาโทรมาหา เสียงของคนที่เคยทำให้ผมเจ็บปวดจนต้องข้ามน้ำข้ามทะเลหนีมาถึงที่นี่

ผมนิ่งอึ้งอยู่ชั่วอึดใจ แล้วก็ได้แต่กระซิบเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วๆ

“พี่เมธ”


...........................TBC....................................


มาม่าร้อนๆ เสิร์ฟแล้วค่าาาา หลังจากที่ชิลมาเป็นสิบวัน ก็จะเริ่มมีช่วงหน่วงแล้วนะคะ มาเอาใจช่วยคุณสิงโตกับน้องคีแมวน้อยกันต่อนะคะ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยค่ะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-09-2018 14:45:36
ว่าแล้วว่ารุ่นน้องต้องโดนวานให้ช่วย
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 08-09-2018 15:39:20
 :L2:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-09-2018 16:34:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 08-09-2018 16:54:22
ทำให้น้องเสียใจจนน้องหนีมาไกลขนาดนี้แล้วยังจะมาขัดคุณสิงโตอีกนะอิตาเมธเนี่ย ดูท่าแล้วมาม่าคงร้อนจนลวกปากเลยแน่ๆเลย แง๊งงงงงง   :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-09-2018 17:04:18
ก็แอบเอะใจอยู่ว่ารุ่นนี้นี่ต้องรู้จักกับอิพี่เมธแน่เลย ฮึ่ยยยย
เอาใจช่วยทั้งคุณสิงโตและลูกแมวน้อยของเขา สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-09-2018 18:56:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-09-2018 21:49:28
เฮ้อ.........ซื้อหวยทำไมไม่ถูก นึกแล้ว  :z3: :z3: :z3:
ว่าอีพี่เมธ ต้องมาทางเพื่อน ให้เพื่อนโทรหา
เพราะนางหาทางติดต่อมาตลอด  เหอะ.......
ทีไปจ้ำจี้กับรุ่นนัองทะลึ่งไม่คิดถึงใจคี
ตอนนี้มาคิดหาหอกอะไร  นอกใจคี ทำร้ายจิตใจคี
คี เทไอ้พี่เมธ ไปเล้ยยยย คนที่ไม่เห็นคุณค่าของคี    :m20: :laugh:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-09-2018 03:41:13
ว่าแล้ว มาไกลขนาดนี้ยังตามตื้อไม่เลิกอีก เดี๋ยวให้แมทจัดการซะเลยนี่
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 21 [Update 8/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-09-2018 07:34:40
 :hao5:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 12-09-2018 13:26:05
บทที่ 22

“พี่เมธ”

ใจผมกระตุกวูบ เกือบจะดึงโทรศัพท์ลงมาแล้วกดตัดสายโดยอัตโนมัติ แต่ปลายสายกลับเรียกไว้เสียก่อน

[คี! อย่าเพิ่งตัดสายนะ ได้โปรด...พี่ขอร้อง]

น้ำเสียงของพี่เมธทั้งร้อนรนและแผ่วโหย ผมไม่เคยได้ยินเขาทำเสียงแบบนี้มาก่อน สุดท้ายก็เลยได้แต่นิ่งอึ้ง ส่วนแมทขมวดคิ้วตั้งแต่ตอนได้ยินผมเรียกชื่อ พี่เมธ เขาเดินเข้ามาหา ถามหน้าเครียด แต่ลดเสียงลงเพื่อไม่ให้ดังเข้าไปในโทรศัพท์ “Are you ok? Do you want me to talk to him?”

“No, Thank you. I am ok” ผมฝืนยิ้มแล้วขยับปากตอบเขาไป “Just a minute” ผมบอกแล้วก็หมุนตัว เดินห่างออกมานิดหนึ่ง ถึงแมทจะฟังภาษาไทยไม่ออก แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาได้ยินบทสนทนา ไม่อยากให้เขาเห็นสีหน้าผมตอนนี้

[คีคุยกับใครน่ะ] พี่เมธถามมา

“เพื่อนเจ้เคธที่คีมาพักอยู่ด้วยครับ” ผมตอบไปสั้นๆ

[คิดอยู่เหมือนกันว่า คีคงไม่ได้ไปกับทัวร์ น่าจะไปพักกับเพื่อนไม่ก็ญาติ นี่ตกลงคีอยู่ประเทศไหนกันแน่ ทำไมถึงไม่ค่อยมีอินเทอร์เน็ต] พี่เมธถามต่อ ไม่ได้ฟังคาดคั้นหรือหงุดหงิดเหมือนจะเป็นห่วงมากกว่า แต่ผมกลับถอนใจเมื่อได้ยิน แล้วก็ตอกกลับเขาไปแบบติดจะเย็นชา

“คีไม่จำเป็นต้องตอบนะครับ”

พี่เมธนิ่งอึ้ง พึมพำว่า [พี่ขอโทษ...]

“พี่เมธมาใช้ไลน์บิวโทรหาคีได้ยังไง” ผมถามเรื่องที่สงสัยที่สุดก่อน ผมไม่เคยรู้ว่าก่อนว่า พี่เมธรู้จักรุ่นน้องคณะผมคนนี้ด้วย

[บิวเป็นน้องชมรมพี่]

“อ้อ...” ผมครางแล้วจึงพยักหน้า แค่นหัวเราะออกมาเมื่อข้อสงสัยกระจ่าง “บิวหลอกคีสินะ” ผมนึกตงิดใจอยู่แล้วว่าทำไมรุ่นน้องถึงได้อยากโทรศัพท์คุยกับผมถึงขนาดต้องไปขอเบอร์ไลน์จากเจ้เคธ ที่แท้ก็ช่วยออกหน้าให้พี่เมธ อย่างนี้เรื่องที่บอกจะปรึกษาก็คงเอามาบังหน้าเท่านั้น

[อย่าโกรธบิวเลย พี่เป็นคนไปขอร้องน้องเขาเอง] พี่เมธยอมรับอ่อยๆ [คีไม่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ พี่ไปบ้านคี แต่ทั้งป๊าม้าแล้วก็เจ้เคธ ไม่มีใครยอมบอกพี่ว่า คีไปไหน พี่เลยต้องขอร้องทุกคนที่จะช่วยได้]

ผมนึกถึงตอนวิดีโอคอลคุยกับครอบครัว ไม่มีใครบอกผมเลยว่าพี่เมธมาหา ทุกคนคงอยากจะให้ผมอยู่ฮาร์นาสอย่างสบายใจที่สุด นี่ถ้าเจ้เคธรู้ว่า เขาถึงกับใช้น้องคณะโทรมาหลอกเอาไลน์ผมไป พี่สาวผมต้องเม้งแตกแน่

“พี่เมธอย่าไปกวนบ้านคีเลยครับ แล้วก็ไม่ต้องไปขอร้องใครให้ช่วยด้วย คีว่าเราคุยกันจบแล้วตั้งแต่วันนั้...”

[พี่เลิกกับเกลแล้ว]

อดีตคนรักของผมเอ่ยแทรกขึ้นมา ผมชะงัก “เลิกหรือครับ?”

[ใช่ เลิก ไม่สิ พี่ไม่เคยคบกับเขาอยู่แล้ว พี่กับเขา...มันก็แค่ความพลั้งเผลอนะคี พี่ไม่เจอเขาอีกเลย ตั้งแต่วันที่คีมาเจอพวกเรา....]

มีอะไรกันบนเตียงของพี่เมธ เตียงซึ่งผมเป็นคนไปช่วยเขาเลือกเข้าคอนโด ผมต่อให้ในใจ แต่ไม่อยากพูดออกไปให้ฟังเหมือนคำประชด ผ่านมาเดือนกว่าแล้วหลังจากวันนั้น อารมณ์ของผมเย็นลงมาก ไม่ได้เจ็บหนักเหมือนก่อนบินมาฮาร์นาส ถึงเวลาที่ควรจะพูดกับพี่เมธรู้เรื่องเสียที

“มันไม่สำคัญหรอกว่า พี่เมธจะเลิกกับเขาแล้ว หรือว่าระหว่างพี่กับน้องรหัสของพี่เป็นความสัมพันธ์แบบไหน ประเด็นคือ พี่เมธนอกใจและโกหกคี แล้วคีก็ทำใจยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้”

พี่เมธยังคงย้ำ [พี่ขอโทษ เรื่องนั้นพี่ผิดจริงๆ พี่แค่...สับสน...พี่ไม่รู้จะบอกคียังไง]

เขาเอ่ยอย่างอึกอัก ส่วนผมนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบคำแต่ก็ไม่ได้กดวางสาย ผมคิดว่า ผมควรให้โอกาสเขาได้อธิบาย และให้โอกาสตัวเองได้รู้เหตุผล พี่เมธถอนใจแล้วเริ่มพูดต่อ

[พอทำงานแล้ว ทุกอย่างไม่เหมือนตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยเลยคี ตอนนั้นพวกเรามีแต่เพื่อน อยู่ท่ามกลางคนที่เข้าใจและพร้อมจะยอมรับเราสองคน แต่พอมาทำงานในบริษัท ข้างในนั้นมีทั้งหัวหน้าหัวโบราณ คอยจับผิดชีวิตส่วนตัวของลูกน้อง แล้วก็พวกเพื่อนร่วมงานปากเปราะที่เห็นว่า การเป็นเกย์เป็นเรื่องน่ารังเกียจ น่าล้อเลียน...]

[พวกนั้นพูดจาดูถูกเกย์กับกะเทย พี่นั่งอยู่กลางวง ต้องหัวเราะเฮฮาไปกับพวกเขา แต่ในใจพี่กลัว...พี่ไม่กล้าบอกใครว่าพี่ก็เป็นเกย์ด้วยเหมือนกัน]

เสียงพี่เมธเหมือนจะร้องไห้ และผมก็ได้แต่นิ่งฟัง ผมไม่เคยรู้ว่าที่ทำงานเขาเป็นแบบนี้ มิน่าตอนผมบอกว่า ผมทำเรื่องขอไปฝึกงานในบริษัทเขา พี่เมธถึงได้ดูอึกอักลำบากใจ เขาพยายามยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้างเพื่อให้ผมเปลี่ยนใจไปฝึกงานที่อื่น

[ตอนเทอมสอง คณะส่งเกลมาฝึกงานในบริษัทพี่ พี่ก็เทคแคร์เขาตามประสาพี่รหัสน้องรหัส พาไปกินข้าวกลางวัน ไปส่งบ้านหลังเลิกงาน จนวันหนึ่ง คนในออฟฟิศมาถามว่า ได้ยินว่าพี่เป็นเกย์ พี่มีแฟนเป็นผู้ชาย จริงหรือเปล่า พี่ตกใจไม่รู้จะตอบยังไง สุดท้ายเกลก็เข้ามาช่วย บอกพวกนั้นว่า พี่จะเป็นเกย์ได้ยังไง พี่เป็นแฟนเขาต่างหาก]

[พวกเราทำเป็นคบกันเพื่อหลอกคนในออฟฟิศ พี่พาเขาไปกินข้าว ไปดูหนัง แล้วสุดท้าย...มันก็เกินเลยไป]

ผมยิ้มฝืนออกมาครั้งหนึ่ง นึกไปก็น่าขำ เขากับน้องรหัสแกล้งคบกันเพื่อนกลบเกลื่อนเรื่องที่พี่เมธเป็นเกย์ แล้วเขาก็มาโกหกผมอีกต่อว่า ระหว่างเขากับน้องรหัสไม่มีอะไร คำโกหกซ้อนโกหก แล้วสุดท้าย คำโกหกเรื่องหนึ่งก็กลายเป็นความจริง

“จบแล้วใช่ไหมครับ” ผมถาม

[ยังไม่จบนะคี พี่เลิกกับเกลแล้ว พี่บอกทุกคนในออฟฟิศไปแล้วด้วยว่า พี่ไม่ได้คบกับเกล คีให้โอกาสพี่ได้ไหม พี่รักคี พี่ขาดคีไม่ได้ พี่สัญญาว่า พี่จะไม่ขี้ขลาดตาขาว จะไม่ปิดบังใครต่อใครอีกว่า เราเป็นอะไรกัน]

“โอกาสของพี่เมธหมดไปตั้งนานแล้วครับ”

ผมพูดแล้วถอนใจออกมาเบาๆ เอ่ยต่อด้วยเสียงราบเรียบ “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเกล ถึงไม่มีเขาเข้ามาแทรก โอกาสของเราสองคนก็หมดไปตั้งแต่พี่ปิดบังคีเรื่องพี่มีปัญหาในออฟฟิศ พี่บอกว่าพี่รักคี แต่ความรักของพี่คงไม่มากพอที่พี่จะให้โอกาสคีเผชิญปัญหาพร้อมกับพี่ พี่ถึงเลือกจะปิดบังและโกหก...เลือกจะทิ้งคีไว้ข้างหลัง ”

ผมพยายามอธิบายอย่างใจเย็น “ถึงพี่เมธสัญญาว่าจะแก้ไขเรื่องทั้งหมด แต่ความเชื่อใจที่คีมีให้พี่ มันถูกทำลายไปหมดแล้ว คีไปต่อกับพี่ไม่ได้จริงๆ เราจบกันตรงนี้เถอะ”

พี่เมธเงียบไปนานจนผมเกือบจะคิดว่าเขาคงตัดสายไปแล้ว แต่เขากลับเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างวอนขอ

[พี่ขอโอกาสสุดท้ายได้ไหม ตอนคีกลับมา พี่ขอเจอคีสักครั้ง อย่างน้อย...ก็ให้เราได้คุยกันต่อหน้า]

“ไม่มีประโยชน์หรือครับ จะคุยต่อหน้าหรือคุยทางโทรศัพท์ คำตอบของคีก็จะเป็นคำตอบเดิม”

ผมถอนใจออกมา ก่อนจะตัดสินใจพบกันครึ่งทาง อย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องร้อนรนจนไปรบกวนครอบครัวหรือคนรอบตัวผมอีก

“ถ้าพี่เมธคิดว่า คุยกันต่อหน้าแล้วจะเคลียร์กว่า ไว้คีกลับเมืองไทย เราค่อยนัดกันอีกทีก็แล้วกันนะครับ คงต้องเป็นตอนมหาวิทยาลัยเปิดเทอม คียังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ระหว่างนี้พี่เมธไม่ต้องหาทางติดต่อมาอีก คีจะบล็อกไอดีบิว แล้วก็จะไม่รับสายใครนอกจากคนที่บ้าน”

[ก็ได้...แค่คียอมให้พี่ไปเจอ พี่ก็จะไม่โทรกวนคีแล้ว คีพักผ่อนให้สบายใจ ดูแลตัวเองให้ดีๆ ละ]

พี่เมธตอบกลับมา ดูท่าทางโล่งใจขึ้นนิดหนึ่ง คงคิดว่ายังมีโอกาสคุยกับผมอีกครั้ง เขาย้ำก่อนจะตัดสาย

[พี่รักคีนะ]

ผมลดโทรศัพท์ลงแล้วกดตัดสายโดยไม่ได้ตอบอะไรเขาไปแม้แต่คำเดียว หลังจากนั้นก็เดินกลับไปหาแมทซึ่งยืนหน้าเคร่งรออยู่ ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาคุณสิงโต ฝืนยิ้มแล้วบอกเขาว่า

“แมท ขอโทษที่ให้รอนะครับ กลับห้องกันเถอะ”
………………………………………………………..



ถึงพี่เมธจะรับปากแล้ว แต่ผมไม่อยากจะรู้สึกไม่ดีแบบเมื่อกี้อีก เลยขอเวลาแมทโทรหาเจ้เคธเพื่อย้ำว่า อย่าให้ไลน์กับเบอร์ใหม่ของผมกับใคร พี่สาวผมไม่รับสาย ผมจึงได้แต่ส่งไลน์ไปบอกก่อน เล่าให้ฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่เรื่องถูกบิวหลอกจนถึงพี่เมธสัญญาว่าจะไม่โทรมา

[เขาบอกว่าจะไม่ไปกวนบ้านเราอีก แต่คีก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะทำอย่างที่รับปากรึเปล่า เจ้สั่งคนงานไว้ว่าอย่าให้เขาเข้าบ้านดีกว่า ฝากบอกป๊าม้าด้วยว่า คีขอโทษที่เขาไปวุ่นวาย]

ผมกดส่งไลน์ไปแล้วก็ปิดโทรศัพท์ เพราะยังไงไปถึงลอด์จก็ใช้ไม่ได้ หลังจากนั้นจึงชวนแมทเดินกลับที่พัก


ผมเงียบไปตลอดทาง และแมทก็ไม่ได้ถามอะไรสักคำ จนเข้าห้องแล้วเขาถึงถามว่า ผมจะใช้ห้องน้ำก่อนหรือเปล่า ผมบอกไปว่า ขอนั่งคิดอะไรเงียบๆ สักครู่หนึ่ง ให้เขาอาบน้ำไปก่อนเลย คุณสิงโตรับคำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมนั่งนิ่งอยู่บนเตียงของตัวเอง พยายามทบทวนความรู้สึกสับสนปนเปในใจ

สิ่งที่เพิ่งได้ยินทำให้ความโกรธเคืองซึ่งฝังแน่นอยู่ในใจผมลดลงมาก ตอนเห็นพี่เมธกับเกลนัวเนียกันอยู่บนเตียง ผมรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ และผิดหวัง ผมบอกเลิกเขาแล้วกลับมานอนร้องไห้ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรักเขาอยู่ ผมถึงได้บินหนีมาเสียไกล เพราะกลัวว่าหากเจอหน้าพี่เมธ สุดท้ายตัวเองจะยอมยกโทษให้เขา

เมื่อผมมาอยู่ฮาร์นาส สิ่งแวดล้อมแปลกใหม่ ผู้คนที่พบเจอ รวมถึงเวลาก็ช่วยเยียวยาให้ความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นจางหายไป วันนี้หลังจากได้ฟังคำสารภาพของพี่เมธ ผมจึงพบว่า ตัวเองไม่รู้สึกโกรธหรือเจ็บปวดอีกแล้ว

สิ่งที่มาแทนที่คือความเศร้า... ผมรู้สึกเศร้ากับตัวเอง เศร้าแทนพี่เมธ และเศร้าแทนเกลด้วย

พอมาย้อนคิดถึงท่าทีของเกลตั้งแต่ตอนพวกผมเริ่มคบกัน ผมก็เดาได้ว่า เธอคงแอบชอบพี่รหัสตัวเองมานานแล้ว การที่เธอออกหน้ารับสมอ้างว่าเป็นแฟนเขา ตอนแรกเกลคงไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาส แต่น่าจะอยากช่วยพี่เมธจริงๆ ทั้งคู่ต้องแกล้งเป็นแฟนกัน สำหรับเธอมันคงเหมือนความฝัน หลังจากพวกเขาเกินเลยกันไปแล้ว เกลถึงได้พยายามจะแสดงออกให้ผมรู้ เธอพยายามยื้อแย่งอย่างสิ้นหวังเพื่อไม่ให้ฝันนั้นจบลง

ส่วนพี่เมธ ผมไม่คิดว่าเขาโกหกที่บอกว่ารักผม ตลอดเวลาที่คบกัน เขาดูแลผมอย่างดี และผมก็รู้ว่าเขาเองก็มีความสุข แต่ก็อย่างที่ผมบอกเขาไปนั่นแหละ ความรักของเขาไม่มากพอที่เขาจะพาผมก้าวไปด้วยกัน เมื่อถูกสภาพแวดล้อมรอบข้างกดดัน เขาถึงได้ลังเลว่า ตัวเองเลือกเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องอยู่หรือเปล่า แล้วสุดท้ายความลังเลนั้นก็นำไปสู่การโกหก

ช่วงหลังก่อนผมจะรู้ความจริง พี่เมธดูเคร่งเครียดและเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา พอผมถาม เขาก็ยิ้มแล้วตอบว่า เครียดเรื่องงาน แต่ความจริงผมว่าเขาคงจะกลัว พี่เมธไม่ใช่คนเลวร้ายถึงขนาดภูมิใจที่ได้หลอกลวงคนรัก เขาคบผมกับเกลพร้อมกัน ต้องอยู่กับคำโกหกและความกลัวว่า ความจริงจะปรากฏขึ้นสักวัน สำหรับเขามันคงเหมือนการเดินบนเส้นเชือก

ผมเข้าใจพี่เมธ ผมเศร้าแทนเขา แต่ผมก็ไม่สามารถกลับไปรักเขาได้อีก

ทุกอย่างมันจบลงแล้ว...

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังมาจากทางด้านหลัง แมทเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก้มลงมองผมซึ่งยังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง เขามองผมนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แล้วน้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลจากดวงตา ร่วงตกลงมาบนแก้ม

มือใหญ่หยาบกร้านยื่นมาแตะไล้ ปัดเช็ดน้ำตาหยดนั้นให้ ใบหน้ารกด้วยหนวดคลี่ยิ้มอ่อนโยน ขณะที่เสียงทุ้มเอ่ยปลอบ

“It’ s ok to cry.”

ประโยคนั้นราวกับคำอนุญาต ผมสูดลมหายใจแรงๆ เข้าครั้งหนึ่ง หยาดน้ำทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง

“อึก! ฮึก! ” ผมพยายามกัดฟันฝืนกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายผมก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น

แมทดึงตัวผมให้ลุกขึ้นจากเตียงแล้วกอดไว้แน่น สัมผัสอบอุ่นที่โอบล้อมรอบกายยิ่งทำให้ผมสะอื้นฮัก เบียดตัวสั่นเทาเข้าไปในอ้อมแขนนั้น ริมฝีปากของเขาแตะลงบนหน้าผาก ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะกระซิบแผ่วๆ

“Everything will be alright, baby. I’ ll always be with you.”



...........................TBC..............................



ตอนนี้มาสั้นๆ ก่อนนะคะ เราเข้าสู่ช่วงต้องปั่นงานแล้ว แต่คิดว่าทุกคนคงเป็นห่วงน้องคี เลยรีบจิ้มมาลงก่อน

สิ่งที่ยากสำหรับตอนนี้คือ คำขอโทษของพี่เมธ กับคำอธิบายของน้องคีค่ะ เราตั้งใจอยากให้ตัวพี่เมธก็ไม่ใช่คนเลวร้าย (ไม่อย่างนั้นน้องคีไม่น่าจะคบมาได้ตั้ง 3 ปึ แถมที่บ้านยังให้ผ่านด้วย) เพียงแต่เนื้อแท้ค่อนข้างอ่อนแอ เมื่อเจอปัญหาก็เลยโอนเอนไปมา สุดท้ายก็พังกันหมด

ส่วนคำอธิบายของน้องคี เราอยากให้น้องชัดเจนกับตัวเองเรื่องปัญหาที่หนีมาก่อนน่ะค่ะ เพราะลำพังเรื่องหัวใจวุ่นๆ ที่กำลังอีนุงตุงนังอยู่ที่ฮาร์นาสนี่ก็ลำบากแล้ว เอาใจช่วยน้องเหมียวกันด้วยนะคะ

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยค่ะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2018 14:29:27
ชอบบบ อ่ะ ........... คี ตัดจบพี่เมธได้  :katai2-1:

แมท จะบอกชอบคี ถูกสายพี่เมธตัดหน้าซะนี่
ไม่เป็นไรนะ  แมท ยังได้ปลอบคี   :mew1:
ได้พูด  “Everything will be alright, baby.  I’ ll always be with you.”
I’ ll always be with you.” สารภาพรักกลายๆหรือเปล่า   :z3: :z3: :z3:
แมท  คี   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-09-2018 14:50:31
เฮ้ออออ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะน้องคี โอ๋ๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-09-2018 14:50:38
เฮ้อออ สงสารพี่เมธอยู่นะ แต่ยังไงพี่สิงโตก็เป็นพระเอกนะจ๊ะเรื่องนี้อิอิ พี่เมธไว้เรื่องหน้าละกัน 55555
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-09-2018 15:41:42
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 12-09-2018 17:26:23
คุณสิงโตกอดปลอบใจน้องแล้ว เดี๋ยวน้องก็ดีขึ้น
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 12-09-2018 20:45:53
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-09-2018 22:17:17
ฝากฝังพี่แมทดูแลน้องคีให้ดีนะครับ ให้ดีกว่าคนก่อนหน้านี้ของน้อง ให้น้องได้พบคนดีๆ จะได้มีความสุขเสียที //สงสารน้อง :hao5:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-09-2018 01:18:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-09-2018 01:30:28
เมธ อย่าแอบเป็นตัวร้ายละกัน
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 22 [Update 12/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 13-09-2018 13:32:30
โอเคเข้าใจเมธละ แต่มันควรจะมีทางออกที่ดีกว่าการโกหกไม่ใช่หรอ แล้วน้องคีพูดถูกนะที่บอกว่า "ความรักของพี่คงไม่มากพอที่จะให้โอกาสผมเผชิญปัญหาไปพร้อมกับพี่" ดังนั้นมันก็ไม่แปลกที่ผลรับมันจะเป็นอย่างนี้อ่ะ เรียกว่าสมน้ำหน้าได้ป่ะ แล้วต่อให้น้องคีกลับไทยไปก็คงไม่ใจอ่อนง่ายๆแล้วล่ะ อันนี้ขอมโนว่าคุณสิงโตต้องตามน้องไปชัว  :z6: :z6: :z6: :z6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 23 [Update 17/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 17-09-2018 01:58:06
บทที่ 23

ผมร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนแมทอย่างนั้นเนิ่นนาน อาจจะหลายนาทีหรือเป็นชั่วโมง...ผมก็ไม่รู้ แมทประคองผมให้นั่งลงบนเตียง โอบแขนกอดผมไว้ไม่คลาย มือใหญ่ลูบหลังให้เป็นเชิงปลอบ ผมเอียงหน้าซบบ่าเขา พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

แมทยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาไปจากแก้มให้ ก่อนจะใช้สองมือประคองใบหน้าผมให้เงยขึ้นสบตาเขา ผมจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวคมวาวนั้นราวกับถูกสะกด เขามองผมแล้วกระซิบว่า

“ฉันไม่รู้ว่าแฟนเก่าคีพูดอะไร แต่คีมีค่าเกินกว่าที่จะต้องเสียใจเพราะผู้ชายคนนั้น”

ผมถอนสะอื้น แมทก้มหน้าลงมาหาขณะที่ผมหลับตาลง ริมฝีปากของเขาแตะแต้มลงบนปลายหางตาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลากไล้ลงมาตามผิวแก้ม สัมผัสของลมหายใจอุ่นที่เป่ารดริมฝีปากบ่งบอกว่า ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงนิดเดียว

Rrrrrrrrrrr

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เราสองคนสะดุ้งเฮือกแล้วรีบผละออกจากกัน แมทปล่อยมือจากผม ขยับลุกจากเตียงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนที่วางอยู่บนโต๊ะ เขายกมืออีกข้างเสยผมที่ปรกหน้าผากพลางระบายลมหายใจยาว และถ้าผมมองไม่ผิด สีหน้าเขาดู...เคร่งเครียด คิ้วขมวดมุ่นเหมือนกำลังโกรธหรือหงุดหงิดอะไรบางอย่าง

คุณสิงโตรับสายแล้วทักว่า “Hi Katie, yes, he is here.”

เขาฟังเสียงจากปลายสายอยู่ครู่หนึ่งก็เดินเข้ามาหาผม ยื่นโทรศัพท์ให้แล้วบอกเสียงราบเรียบ “เคธี่โทรมา เธอเห็นข้อความของคีแล้วตกใจมาก พยายามโทรเข้าเครื่องคี แต่โทรไม่ติด”

“ผมนึกว่ากลับมาห้องแล้วไม่มีสัญญาณ เลยปิดเครื่องน่ะครับ”

ผมบอกแล้วรับโทรศัพท์มา พยายามทำท่าทางปกติทั้งที่ยังรู้สึกขัดเขินกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ผมสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแล้วกรอกเสียง “ฮัลโหล เจ้เคธ”

[คี! เจ้ลงไปดูหนังกับป้าม๊าที่ห้องข้างล่างแล้วลืมหยิบมือถือลงไป เลยเพิ่งเห็นไลน์ นี่ไอ้เชี่ยเมธมันโทรไปกวนคีเหรอ! หน็อย ใช้เด็กมาหลอกเอาเบอร์คีไปจนได้ ทุเรศที่สุด!]

เจ้เคธถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแกมเป็นห่วง พี่สาวผมเม้งแตกอย่างที่คิด แถมทำท่าจะบ่นยาวอีกหลายคำ แต่ผมเกรงใจแมทเพราะใช้โทรศัพท์เขา แถมกลัวว่าค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศจะแพงเกินไป จึงตัดบทว่า “คีโอเค ไม่เป็นไรแล้วละ เจ้เคธ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่ำๆ คีคอลหาอีกทีได้ไหม คุยแบบนี้เปลืองค่าโทรศัพท์ตายเลย”

[แกก็ห่วงไม่เข้าเรื่อง แค่นี้ขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วงหรอกย่ะ เอาเถอะ ถ้าโอเคแล้วคืนนี้ก็รีบพักผ่อนซะ ถ้าไม่สบายใจขึ้นมาก็คุยกับแมทนะ รายนั้นเป็นที่ปรึกษาที่ดี]

พี่สาวผมแนะนำ ผมฟังเงียบๆ เหลือบมอง ‘ที่ปรึกษา’ ที่ยืนรออยู่แล้วก็รับคำ

“อืม เจ้ไม่ต้องห่วง จะคุยกับแมทไหม”

[ไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้ค่อยคุย แกรีบเข้านอนเถอะ] เจ้เคธบอกแล้วก็วางสายไป

ผมส่งโทรศัพท์คืนให้แมท “เจ้เคธเป็นห่วงน่ะครับ เลยโทรมาถาม”

คุณสิงโตพยักหน้า “อืม เมื่อกี้ตอนรับสาย เคธี่บอกแล้วละ” เขายกมือมาทำท่าเหมือนจะลูบศีรษะผม แต่แล้วก็ชะงัก ดึงมือกลับไปก่อนจะบอกขรึมๆ “คีไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยเถอะ ตาแดงหมดแล้ว เสร็จแล้วจะได้เข้านอน”

“ครับ” ผมรับคำแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ

ผมวักน้ำล้างหน้าก่อนจะเงยขึ้นสบตาตัวเองในกระจก ตาช้ำไปหมดแล้ว ปลายจมูกก็แดงก่ำ สภาพดูไม่ได้สุดๆ พรุ่งนี้คงตาบวมปูดไปทำงานแน่ๆ

พอกลับมา แมทก็บอกให้รีบปิดไฟเข้านอน เขาไม่ได้คุยอะไรกับผมอีก ผมนอนตะแคงหันหน้าเข้าผนัง พยายามข่มตาหลับ ผ่านไปพักใหญ่ตอนกำลังเคลิ้มๆ ก็ได้ยินเสียงแมทขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขายืดตัวมาดูผมนิดหนึ่ง ผมหลับตา พยายามผ่อนลมหายใจให้เหมือนกับหลับสนิทไปแล้ว เขาจึงค่อยถอยห่าง ดึงผ้าห่มที่ปลายเตียงมาคลี่คลุมตัวให้ แล้วจึงลุกจากเตียงไป

ผมได้ยินเสียงเขาคุยกับใครบางคนทางโทรศัพท์

“อืม..หลับไปแล้ว นี่อุตส่าห์รอจนถึงตอนนี้เลยเหรอ? ที่เมืองไทยเกือบตีสามแล้วนะ”

เมืองไทย? แมทโทรคุยกับเจ้เคธสินะ

เมธเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าห่วงเลย คีนิสัยเหมือนเด็ก แต่ข้างในเข้มแข็งมาก ก็เหมือนเธอนั่นแหละ เขาผ่านเรื่องนี้ไปได้แน่”

คนทางปลายสายพูดอะไรบางอย่าง แมทถอนใจเฮือก ก่อนจะหัวเราะเครียดๆ

“เรื่องนั้นไม่ต้องกลัวหรอก ฉันสัญญาไว้แล้วนี่...ยังไม่ไว้ใจอีกหรือไง”

ทางนั้นตอบกลับมาอีก คราวนี้คงเป็นการตัดบท เพราะแมทตอบว่า “อืม ถ้างั้นไว้ค่อยคุยกัน ฉันจะดูแลคีอย่างดีที่สุด” เขาตัดสายแล้วจึงค่อยเดินกลับมา เอนหลังนอนบนเตียง สักพักก็มีเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ

แมทคงหลับไปแล้ว แต่ผมกลับยังตื่นอยู่อย่างนั้นอีกเกือบค่อนคืน

...................................................................



“Dios Mío! (My God! ) คี ไปทำอะไรมา ทำไมตาบวมแบบนี้ละ”

โซเฟียถึงกับอุทานเป็นภาษาสเปนเมื่อเห็นหน้าโทรมๆ ของผมในเช้าวันรุ่งขึ้น ตาผมบวมช้ำอย่างที่กลัว แถมขอบตายังคล้ำเหมือนหมีแพนด้าเพราะนอนไม่หลับ ผมยิ้มแหย เอ่ยเสียงแหบๆ “พอดีเมื่อคืนผมมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ” ผมบอกโซเฟียแล้วทำมือโอเคให้มาเรียนน่า รายหลังทำสีหน้าเป็นห่วง รีบส่งภาษามือให้ภรรยาตัวเองรัวเร็ว

“มาเรียนน่าถามว่า คีทะเลาะกับแมทหรือ” โซเฟียช่วยแปลให้

“เปล่าๆ ผมไม่ได้ทะเลาะกับแมท” ผมส่ายหน้าดิก แล้วจึงอธิบายไปตามจริง “พอดีแฟนเก่าผมโทรมาน่ะ ผมกำลังหลบหน้าเขาอยู่ แต่เขาก็ให้คนอื่นโทรไปขอไลน์ผมจากพี่สาว กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็...”

ผมเล่าให้โซเฟียกับมาเรียนน่าฟังคร่าวๆ พอสองสาวรู้เรื่องแล้วก็พลอยเป็นเดือดเป็นแค้นเหมือนที่เจ้เคธเม้งแตกเมื่อคืนเปี๊ยบ โซเฟียพ่นลมหายใจพรืดอย่างหงุดหงิด “คนเลว! นอกใจแล้วมาอ้างว่าเผลอ โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง คีห้ามกลับไปคบกับคนแบบนั้นนะ! You are too good to be with him"

ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “รับทราบครับ คุณครู ผมบอกเลิกเขาไปแล้ว ไม่ต้องห่วง”

“ดีแล้ว” โซเฟียประคองใบหน้าผมขึ้นพลิกซ้ายพลิกขวา ส่ายหน้าพลางจุปากแล้วก็บ่น “ตาสวยๆ ของลูกแมวน้อยช้ำหมด พี่สาวมีอายเซรั่มของเอสเต้ติดกระเป๋ามาด้วย จะให้ยืมไปใช้นะ”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ตาช้ำเพราะร้องไห้หนักไปหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย” ผมตอบเธอไป นึกดีใจที่ความสดใสของสองสาวช่วยให้ความรู้สึกหม่นปนอึดอัดที่อยู่ในใจมาตั้งแต่เมื่อคืนคลายลงไปบ้าง

ผมตื่นตั้งแต่รุ่งสางเพื่อไปตรวจรั้วกั้น แมทเดินออกมาด้วยกันเหมือนทุกวัน คุณสิงโตดูเงียบขรึมไปนิดหนึ่งเหมือนมีเรื่องต้องคิด ผมเองก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขา เหตุการณ์เมื่อคืนก่อนที่เจ้เคธจะโทรมาทำให้บรรยากาศระหว่างเราสองคนกลายเป็นคลุมเครือ และผมก็ไม่รู้ว่าควรจะคลี่คลายมันอย่างไร

เช้านี้ร็อบมาสายกว่าโซเฟียกับมาเรียน่า แต่พอเขาเดินเข้ามาเห็นผม เจ้าตัวก็ออกปากทักทันทีเหมือนกัน

“มอร์นิ่งครับ ทุกคน...อ้าว คีไปทำอะไรมา ทำไมขอบตาคล้ำเหมือนอดนอนแบบนั้นละ”

“เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับน่ะ”

ผมตอบร็อบไปสั้นๆ ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะปิดบังอะไรเขาหรอก แค่ขี้เกียจเล่าเรื่องใหม่ตั้งแต่ต้นอีกรอบ อีกอย่างร็อบไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์เหมือนที่โซเฟียกับมาเรียนน่ามองออกแต่แรก ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเขารู้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร และตอนนี้ผมเหนื่อยใจมากอยู่แล้ว ไม่อยากเฟลเพิ่มถ้าเขาทำตัวห่างเหินไปอีกคน

แมทเดินเข้ามาเรียก “คี เฮเลนบอกว่าพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ”

“ครับ” ผมรับคำแล้วหันมาชวนชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไปกันเถอะครับ ร็อบ” ผมบอกแล้วก็เดินนำไปก่อน ไม่ได้รอโซเฟียกับมาเรียน่าหรือแมท ร็อบตามผมมา ใบหน้าหล่อๆ ขมวดคิ้วสงสัย ระหว่างที่เดินไปขึ้นรถ เขาจึงออกปากถามอย่างเป็นห่วง

“เช้านี้คีดูแปลกๆ นะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”

ผมส่ายหน้าแล้วฝืนยิ้ม อ้างเหตุผลไปเรื่อยเปื่อย “ไม่มีหรอกครับ แค่ง่วงเพราะนอนน้อยเท่านั้นเอง”

.................................................................



ธีมของกิจกรรมวันนี้ คือ Food Prep Day อาสาสมัครจะได้เรียนรู้เรื่องการเตรียมอาหารให้สัตว์ป่า นอกจากจะต้องเตรียมอาหารแล้วยังต้องทำความสะอาดภาชนะใส่อาหารและอุปกรณ์ด้วย หน้าที่หลักจึงเป็นของอาสาสมัครเก่า

แมทอธิบายว่า เมื่อหมดโปรแกรม Exclusive 2 สัปดาห์แล้ว อาสาสมัครที่อยู่ต่อจะทำงานเป็นกะ วันละ 2 กะ เช้าและบ่าย ตอนประชุมทุกเช้า สต๊าฟของฮาร์นาสจะแบ่งหน้าที่ให้ ตั้งแต่เตรียมอาหาร ไปให้อาหาร ทำความสะอาดกรง และพาพวกสัตว์ไปเดินเล่น ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แต่บางคนก็อาจถูกเลือกให้ช่วยงานจุดใดจุดหนึ่ง เหมือนที่เขาไปช่วยเควินดูแลพวกสิงโตก่อนจะมาเป็นพี่เลี้ยงให้พวกเรา

ช่วงบ่ายวันนี้พวกเราจึงขลุกอยู่ในโรงเตรียมอาหารที่เมื่อวันก่อนเคยมาช่วยเตรียมอาหารไปเลี้ยงชีต้า วันก่อนแค่หั่นเนื้อสด แต่วันนี้ต้องเตรียมอาหารสำหรับสัตว์ทุกชนิดในฟาร์ม ตั้งแต่ผลไม้, เนื้อสัตว์, ไข่, เศษอาหาร, อาหารหนู และอาหารนก โซเฟียกับมาเรียนน่าโล่งใจเป็นพิเศษที่งานวันนี้ไม่ได้มีแค่หั่นเนื้อเปื้อนเลือด สองสาวรีบไปจับจองที่หน้าเขียงหั่นผักผลไม้ทันที ส่วนผมกับร็อบช่วยกันหั่นเนื้อประเภทขาม้า ขาแกะท่อนใหญ่ๆ

วันนี้ผมเกาะร็อบแจเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ชวนผมคุยเหมือนปกติ ไม่ได้มองอย่างเป็นห่วงเหมือนเพื่อนอีก 2 คน แล้วก็ไม่ได้ทำตัวห่างเหินเหมือนแมท รายหลังนี่ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรโล่งใจหรือไม่สบายใจกันแน่ ที่วันนี้เขาไม่ได้เข้ามาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ



ตกเย็นพวกเรากินอาหารแล้วก็แยกย้ายกลับที่พัก ผมบอกแมทว่าต้องโทรหาเจ้เคธตามที่สัญญาไว้เมื่อคืน เขาจึงรออยู่เป็นเพื่อน ผมใช้เวลาคุยไม่นานนัก เจ้เคธถามย้ำแค่ว่า ผมโอเคไหม แล้วก็เตือนซ้ำๆ ว่าอย่ายอมยกโทษแล้วไปคืนดีกับพี่เมธเด็ดขาด ท่าทางคงจะกลัวผมใจอ่อน

“เจ้ไม่ต้องห่วง คีบอกพี่เมธไปแล้วด้วยว่าคีกลับไปคบกับเขาอีกไม่ได้ ที่รับปากว่าจะเจอเขาตอนกลับเมืองไทย ก็แค่อยากเขาเลิกวุ่นวายไปก่อน เขาจะได้ไม่กวนใครให้มาช่วยอีก” ผมเอ่ยเสียงจริงจัง

[อย่างนี้สิถึงจะสมเป็นน้องชายฉัน] เจ้เคธทำเสียงปลื้มใจ [เจ้รู้ว่าแกฉลาด แกคิดได้อยู่แล้ว ขนาดแมทยังชมเลยว่า คีอาจจะดูนิสัยเหมือนเด็ก แต่ความจริงแล้วเข้มแข็งมาก]

….เหมือนเจ้เคธ ผมนึกต่อประโยคที่ได้ยินจากปากคุณสิงโตเมื่อคืน

พี่สาวผมย้ำอีก 2-3 คำ ก่อนจะตัดบทเตรียมวางสาย แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ จึงเอ่ยต่อว่า

[เออ ตั๋วเครื่องบินขากลับของแก เจ้จองเป็นแบบ Fully Flexible ให้ เปลี่ยนวันกลับได้นะ เผื่อแกออกจากฮาร์นาสแล้วจะอยากเที่ยวแถวๆ วินดฮุกต่ออีกสัก 3-4 วันก็ยังไหว]

“งั้นเลื่อนไฟลท์บินกลับก่อนกำหนดเดิมก็ได้เหมือนกันใช่ไหม”

ผมโพล่งถามออกไปแบบไม่แน่ใจ เจ้เคธหัวเราะแล้วบอกว่า [ได้สิ แต่ต้องโทรแจ้งล่วงหน้าหน่อย ทางสายการบินจะได้ล็อกที่นั่งไว้ให้ได้ อะไร? อยากกลับแล้วหรือ นึกว่าสนุกอยู่ที่โน่นจนลืมคิดถึงบ้านซะอีก]

พี่สาวผมออกปากแซว ผมก็เลยต้องตอบเลี่ยงไป

“แค่ถามไว้เผื่อๆ น่ะ”



พอวางสายจากเจ้เคธ ผมก็ชวนแมทเดินกลับลอด์จ พวกเราเดินกันไปเงียบๆ จนกระทั่งถึงหน้าห้องพัก ผมกำลังจะไขกุญแจแต่ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน “คี”

“ครับ” ผมชะงักนิดหนึ่ง หันกลับไปหา แต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขา 

“เรื่องเมื่อคืน ฉันขอโทษนะที่...เผลอทำแบบนั้น คีกำลังเสียใจ ฉันไม่ควรจะ...”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”


เขากำลังจะพูดต่อ แต่ผมเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยเสียงค่อนข้างดัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพยายามฝืนยิ้มให้เขาแล้วตัดบท “คุณไม่ได้ตั้งใจ ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ถือซะว่า มันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน”

แมทขมวดคิ้วมุ่น ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก “คี...”

“ถ้าคุณจะไม่ว่าอะไร เราไม่คุยเรื่องนี้กันอีกได้ไหมครับ”

ผมขอร้องด้วยเสียงแผ่วโหย ผมไม่อยากได้ยินคำอธิบายที่เหลือแล้ว ผมกลัวว่ายิ่งฟัง ผมคงยิ่งรู้สึกแย่

คุณสิงโตชะงักไป ใบหน้ารกด้วยหนวดเหมือนมีแววเสียใจเจือปนอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่มันจะจางหายไป เหลือเพียงสีหน้าราบเรียบ แมทพยักหน้าขรึมๆ “เข้าใจแล้ว เราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก”

“ขอบคุณครับ” ผมตอบเขา แล้วก็ไขกุญแจเข้าห้อง

คืนนี้เป็นอีกคืนที่ผมนอนตะแคงหันเข้าหาฝาผนัง พยายามข่มตาหลับ แต่ก็หลับไม่ลงไปจนค่อนคืน



...........................TBC..............................



ตอนนี้เริ่มต้นด้วยความหวาน จบท้ายแบบขมปี๋ค่ะ ช่วงนี้จะเข้าสู่พาร์ทดราม่า เลยจะหนักหน่วงนิดนึงนะคะ น้องคีเพิ่งจะอกหักมา ยังหวั่นกลัวความรักอยู่ค่อนข้างมากค่ะ พอบวกกับความเข้าใจผิด เลยยิ่งปิดประตูหัวใจล็อคกลอนแน่นหนา ไม่อยากจะเจ็บอีก เอาใจช่วยคุณสิงโตกับน้องเหมียวกันด้วยนะคะ 

อย่างที่แจ้งไว้ท้ายตอนที่แล้วว่า ช่วงนี้เราติดภารกิจงานจ็อบแล้ว สัปดาห์หน้าอาจจะไม่ได้ลงตอนใหม่ (เพราะเป็นเดธไลน์ส่งงานพอดี) ต้องขออภัยที่ต้องให้ช่วยอดใจรอนิดหนึ่งนะคะ สัญญาว่าส่งงานครบแล้วจะรีบมาปั่นต่อเลยค่ะ 

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยค่ะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 23 [Update 17/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-09-2018 12:10:49
เชียร์ให้ทั้งคู่เข้าใจกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 23 [Update 17/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-09-2018 12:52:11
 :sad4 :sad4: :sad4: :sad4:   พี่สิงโต มัวแต่ลีลาอะ จีบไปเลยสิ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 23 [Update 17/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-09-2018 22:52:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 23 [Update 17/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-09-2018 23:06:17
ดูท่า แมท ไม่บอกความจริงกับคี คีก็เข้าใจผิดต่อไป  :hao5:
แต่แมท ก็เหมือนเข้าใจคีไปอีกทาง
ว่าคีไม่อยากมีสัมพันธ์กับตัวเอง   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 23 [Update 17/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-09-2018 23:19:10
ตายแล้ว คิดไปคนละทางแล้วแน่ๆ แล้วจะเริ่มปรับความเข้าใจกันยังไงเนี่ยคุณสิงโตกับแมวน้อย

ปล.รอได้ค่าาา
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 23 [Update 17/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 18-09-2018 14:39:49
หวังว่าคุณสิงโตจะใจกล้าๆทำให้คีเข้าใจอะไรให้ถูกต้องเร็วๆนะฮะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 23 [Update 17/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-09-2018 20:23:17
น้องคีดูยังไม่ไว้ใขใครนะครับ พี่แมทสู้ต่อไปนะครับ เป็นกำลังใจให้ ^^
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 24-09-2018 18:04:08
บทที่ 24

สองวันต่อมาเป็นช่วงที่อึดอัดใจที่สุดตั้งแต่ผมมาอยู่ฮาร์นาส ไม่ใช่ว่าแมทมีท่าทีเปลี่ยนไปหลังจากผมบอกเขาว่าไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องคืนนั้นอีก คุณสิงโตยังคงดูแลผมอย่างดี พวกเราออกไปทำงานแต่เช้าตรู่และกลับที่ห้องพักตอนค่ำด้วยกันเหมือนเดิม เพียงแต่ระยะห่างระหว่างเราสองคนดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น แมทระวังไม่เข้าใกล้ผมมากนัก หรือหากจำเป็นต้องสัมผัสตัวกัน เขาจะพึมพำขอโทษอย่างสุภาพทุกครั้ง ส่วนผมเองก็ได้ยิ้มและบอกเขาว่า ไม่เป็นไร

...แล้วผมก็พยายามบอกตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกันว่า ไม่เป็นไร

ท่าทางผิดปกติของเราสองคนอยู่ในสายตาเพื่อนในกลุ่ม โซเฟียกับมาเรียนน่าถึงกับแอบดึงผมไปถามว่า ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมผมกับแมททำเย็นชาใส่กัน ผมได้แต่อ้างไปว่า ผมกำลังทำใจเรื่องแฟนเก่า ไม่ค่อยอยากคุยอะไรกับใครมากนัก ส่วนแมทก็คงไม่อยากกวนผมก็เลยไม่ได้ชวนคุยเหมือนปกติ

โซเฟียหันไปแปลมาภาษามือให้มาเรียนน่า แล้วสองสาวก็หันกลับมา ทำหน้าบูด ส่งภาษามือใส่ผมพร้อมกันฉับๆ โดยโซเฟียออกเสียงกำกับไปด้วย

“พวกเรา-ไม่-เชื่อ”

ผมเลยได้แต่ยิ้มเซียวพร้อมกับถอนใจ สีหน้าของผมคงหงอยไปหน่อย เพื่อนทั้งสองเห็นแล้วก็เลยพลอยหงอยตาม

โซเฟียถอนใจเฮือกก่อนจะออกปากว่า “พวกฉันไม่ได้อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคีกับแมทหรอกนะ แค่เป็นห่วง คิดว่าถ้ามีเรื่องอะไรก็อยากให้เคลียร์กัน แต่มาคิดอีกที คีคงยังเครียดเรื่องแฟนเก่าห่วยๆ นั่น ก็คิดอะไรเงียบๆ รอให้อารมณ์ขึ้นดีกว่านี้ก่อนก็ได้ ยังไงคีก็ยังอยู่ที่นี่อีกตั้ง 2 สัปดาห์ มีเวลาคุยกับแมทอีกตั้งเยอะ”

ผมยิ้มแล้วพยักหน้า ไม่ได้บอกพวกเธอว่า ผมอาจจะไม่อยู่นานขนาดนั้น

ผมลองเช็กตารางไฟลท์บินและคำนวณเรื่องการเดินทางแล้ว เที่ยวบินขามาค่อนข้างฉุกละหุก เจ้เคธต้องจองตั๋วให้ผม 3 ไฟลท์กว่าจะมาถึง แต่ขากลับโชคดีที่ได้ไฟลท์บินตรงจากกาต้า ต่อเครื่องที่สนามบินโดฮาแค่ครั้งเดียวก็ถึงกรุงเทพ แถมเป็นตั๋วแบบ Fully Flexible ที่เปลี่ยนไฟลท์ได้ เพียงแต่ต้องโทรไปแจ้งเปลี่ยนไฟลท์ล่วงหน้าและดูว่ามีที่ว่างรึเปล่า

ส่วนการเดินทางจากฮาร์นาส รถบัสของที่นี่จะออกไปรับอาสาสมัครใหม่ที่สนามบิน Hosea Kutako เมืองวินดฮุกตอนเช้ามืดวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี วันจันทร์หน้าคงกะทันหันเกินไป วันพฤหัสน่าจะเหมาะกว่า ผมมีเวลาเปลี่ยนตั๋วและบอกลาเพื่อนๆ ...รวมถึงบอกลาใครอีกคนให้เรียบร้อย

ผมยังไม่ได้บอกเรื่องจะเลื่อนวันกลับกับใคร ตั้งใจว่าจะรอให้ถึงวันสุดท้ายของโปรแกรม Exclusive เสียก่อน อย่างน้อยก็อ้างได้ว่า จบโปรแกรมแล้ว ได้เห็นได้ลองทำทุกอย่างแล้ว เกิดคิดถึงบ้านขึ้นมามากๆ ก็เลยอยากกลับเร็วขึ้นเท่านั้นเอง


“คีโอเคแน่นะครับ”

ร็อบที่เดินอยู่ข้างๆ ผมถามขึ้นระหว่างที่เรากำลังทำภารกิจตรวจรั้วกั้นตอนเช้า ผมหันไปหาเขาแล้วพยักหน้า “อื้อ ผมโอเคสิครับ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

สองวันนี้ผมเกาะติดอยู่กับร็อบ เขาไม่ได้ซักไซ้ผมเหมือนที่โซเฟียกับมาเรียนน่าถาม เพียงแต่คอยมองผมอย่างเป็นห่วงเหมือนตอนนี้ เพื่อนชาวอเมริกันยกมือขึ้นยกมือลูบศีรษะผมทีหนึ่ง ยอมรับง่ายๆ “โอเคก็โอเค แต่ถ้าคีมีเรื่องไม่สบายใจแล้วไม่รู้จะคุยกับใคร ผมพร้อมจะรับฟังนะ”

“ขอบคุณนะครับ” ผมฝืนยิ้มให้อีกครั้ง

ร็อบมองแล้วถอนใจ “เฮ้อ เห็นคีซึมแบบนี้แล้วเป็นห่วงชะมัด ถ้าไม่ติดว่าผมรับปากยัยลิซ่าไว้ว่าจะพายัยนั่นกับพวกเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลทรายนามิบ ผมคงอยู่ฮาร์นาสต่อแล้วละ แต่นี่พวกนั้นจองที่พักไว้แล้ว จะปล่อยให้ไปกันเองแต่พวกสาวๆ ก็ไม่ได้เสียด้วย” เขาบ่นพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด

“ปล่อยให้พวกคุณลิซ่าไปกันเองไม่ได้อยู่แล้วละครับ มีแต่ผู้หญิง อันตรายเกินไป”

ผมรีบบอกเขาอย่างร้อนใจ กลัวเขาจะยกเลิกทริปเพราะผมจริงๆ “อีกอย่าง ร็อบเองก็อุตส่าห์มาถึงนามิเบียแล้ว ควรจะเที่ยวให้ทั่ว คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวอีกไม่กี่วันผมก็กลับไทยแล้วเหมือนกัน”

ร็อบทำท่าจะเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่พวกเราเดินมาถึงลานหน้าส่วนกลางที่จะประชุมประจำวันพอดี เห็นแมทที่เดินนำมาหยุดรออยู่ ร็อบก็เลยไม่ได้พูดต่อ พวกเรานั่งลงแล้วรอให้สตีฟกับเฮเลนมาบรีฟว่า กิจกรรมวันนี้มีอะไรบ้าง

ธีมของวันนี้เป็น Baboon Day ตอนเช้าเราจะไปให้อาหารลิงบาบูนที่อยู่ตามธรรมชาติตรงพื้นที่ด้านนอกก่อน คนไทยคุ้นหูกับชื่อลิงบาบูนมากกว่าสัตว์ป่าจากแอฟริกาใต้ชนิดอื่นๆ อาจจะเพราะชื่อของมันจำง่าย แม้ว่าจะไม่มีสวนสัตว์ในประเทศไทยที่มีลิงบาบูนให้ดูมากนัก

รูปร่างของลิงบาบูนค่อนข้างใหญ่ ใหญ่กว่าลิงกังซึ่งเป็นลิงพื้นเมืองของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่พอสมควร ขนเป็นสีน้ำตาลและใบหน้าสีดำ ลิงบาบูนขึ้นต้นไม้ไม่เก่ง จึงมักจะอยู่ตามเขาหินและอาศัยนอนน้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่รวมกันเป็นฝูง ฝูงหนึ่งอาจจะมีถึง 200-300 ตัว

สตีฟเล่าว่า บาบูนเป็นสัตว์ป่าที่มีความเสี่ยงสูญพันธุ์ต่ำ แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะไม่ถูกคุกคาม เมื่อ 4-5 ปีก่อนมีข่าวว่า เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งอยู่ติดกับนามิเบีย มีฝูงลิงบาบูนบุกรุกเข้าไปในเมือง บุกเข้าไปในอาคาร ขโมยอาหาร และถึงกับวิ่งไล่ผู้คนที่เพิ่งซื้อของออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต สร้างความโกลาหลไปทั่ว

ลิงพวกนี้เคยอาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรเคปใกล้กับแหลมกู๊ดโฮปมานาน จนกระทั่งผู้คนย้ายถิ่นฐานเข้าไปตั้งรกรากในแถบนั้น พวกลิงถูกล่าแถมยังถูกตัดห่วงโซ่อาหาร จนสุดท้ายเมื่อไม่มีแหล่งอาหารตามธรรมชาติ พวกมันจึงต้องดิ้นรนเข้ามาขโมยอาหารกินในเมือง

ผมฟังเรื่องฝูงลิงบุกเมืองแล้วก็นึกถึงภาพยนตร์ชุด Planet of the Apes ซึ่งเป็นเรื่องลิงกลายพันธุ์ที่เข้าครอบครองโลก พอนึกภาพเจ้าลิงบาบูนฝูงใหญ่ที่กำลังกินอาหารอยู่อีกฝั่งของรั้วกั้นบุกเข้าไปในเมืองเหมือนในหนัง ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่คิดแล้วมนุษย์เราก็เป็นสาเหตุหลักทั้งในหนังและในโลกจริงนั่นแหละ


กิจกรรมช่วงบ่ายพวกเราต้องแบ่งกันไปดูแลทำความสะอาดพื้นที่อนุบาลลิงบาบูนซึ่งยังไม่ปล่อยออกสู่ธรรมชาติ พื้นที่ของลิงบาบูนค่อนข้างใหญ่ กินอาณาเขตกว้างที่สุดในพื้นที่อนุบาลสัตว์ส่วนกลาง มีทั้งกรงใหญ่แล้วก็กรงย่อย ในกรงใหญ่จะมีบ่อน้ำและสนามให้พวกลิงเล่น

“ตรงกรงใหญ่เข้าไปพร้อมกันหลายๆ คนได้ แต่ส่วนกรงย่อยค่อนข้างแคบ เข้าไปได้แค่ 2 คน วันนี้อาสาสมัครกลุ่มเราส่วนหนึ่งจึงต้องแยกไปทำงานกับอาสาสมัครเก่าที่เคยทำงานแล้ว ขอตัวแทนกลุ่มละ 1 คนก็แล้วกันนะคะ”

เฮเลนบอกกลางวงประชุม ผมเห็นโซเฟียกับมาเรียนน่าหันไปมองหน้ากัน สองสาวคงต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นมาเรียนน่าก็จะไม่มีคนแปลภาษามือให้ฟัง กลุ่มเราจึงเหลือแค่ผมกับร็อบ ผมยกมืออาสา

“กลุ่มนี้ ผมไปเองครับ”

ผมบอกเฮเลนก่อนจะหันไปบอกเพื่อนๆ “งั้นผมไปทางโน้นแล้วกัน ไว้เจอกันตอนกินอาหารเย็นนะ”

ผมก้าวเท้าเข้าไปรวมกลุ่มกับตัวแทนที่เหลือ แมทขยับตัวเหมือนจะเดินมาหา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ชะงัก ใบหน้ารกด้วยหนวดถอนใจก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนตัวเดินตามสตีฟไป ผมมองตามหลังร่างสูงหนาไปด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ก่อนจะเดินตามเฮเลนแยกไปอีกทาง

เฮเลนเดินพาพวกเราไปส่งให้อาสาสมัครเก่าที่รออยู่แล้วทีละกรง จนกระทั่งเหลือผมเดินไปถึงกรงสุดท้าย แต่เมื่อเดินไปถึงผมก็กลับชะงัก พอคนที่ยืนอยู่รอเห็นผมเข้าก็ชะงัก พลอยทำหน้าพิพักพิพ่วนไปด้วยเหมือนกัน

อาสาสมัครเก่าที่ผมต้องมาช่วยงานวันนี้คือ...คุณลิซ่า

..............................................................



ผมเดินถือคราดกับถังใส่เศษใบไม้เข้าไปในกรงขนาดกว้างประมาณ 4 x 4 เมตร คุณลิซ่ายืนกอดอกรออยู่ด้านในแล้ว วันนี้เธอแต่งตัวทะมัดทะแมงกว่าทุกวัน สวมเสื้อแขนยาว กางเกงวอร์มขาห้าส่วน รวบผมบลอนด์เกล้าเป็นมวยเก็บเรียบ ใบหน้าสวยจัดมองผมนิ่งโดยไม่เอ่ยทักอะไร ผมได้แต่ยิ้มแหย เตรียมอ้าปากทักทายตามมารยาท

“ฮาย ลิซ่า..เป็นไงบ้างครั...อุ๊ปส์”

คำทักเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานเมื่อลูกลิงบาบูนตัวหนึ่งกระโดดจากซี่ลูกกรงไปเกาะกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง เฉี่ยวศีรษะผมไปนิดเดียว ผมสะดุ้งโหยง เบิกตากว้าง ขณะที่เจ้าลิงตัวนั้นหันกลับมามองแล้วแยกเขี้ยวขู่ฟ่อใส่

คุณลิซ่ายื่นขวดนมขวดเล็กให้เจ้าลิงตัวนั้น มันคว้าไปขวดนมไปกระดกคอดูดแล้วไม่สนใจผมอีก ส่วนคนที่เพิ่งป้อนนมลูกลิงก็หันมาทางผม เตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อย่าทำท่ากลัว ลิงพวกนี้ฉลาด ถ้าหงอใส่ มันจะข่มแล้วก็คอยแกล้ง ยืดหลังตรงไว้ อย่าทำตัวงอ ต้องทำให้มันรู้ว่า เราตัวใหญ่กว่าแล้วก็แข็งแรงกว่า”

คุณลิซ่าสอน ส่วนผมได้แต่กลืนน้ำลายแล้วพยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้ผมกลัวทั้งคนทั้งลูกลิงเลยละครับ

หลังจากนั้นผมก้มหน้าก้มตากวาดพื้นเก็บเศษใบไม้ตามหน้าที่ ขณะที่คุณลิซ่าให้อาหารพวกลิง เราต่างคนต่างทำงานโดยไม่ได้คุยกัน แต่ผมก็สัมผัสได้ว่า สาวสวยผมบลอนด์คอยมองมาทางผมอยู่เป็นระยะ

ตั้งแต่วันที่คุณลิซ่าไม่สบายจนแมทต้องพาไปห้องพยาบาล ผมก็ไม่ได้เจอเธออีก มาเจอกันอีกทีวันนี้ ท่าทางของหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ชวนคุยล้วงถามโน่นนี่เหมือนตอนที่เจอกันแรกๆ คงเพราะแมทปฏิเสธเธอจริงจังไปแล้ว ลิซ่าถอยห่างจากแมท เธอก็เลยพลอยวางตัวเหินห่างกับผมไปด้วย

...คือไม่ชวนคุยก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เล่นจ้องผมนิ่งๆ แบบนี้ ผมก็อึดอัดเหมือนกันนะ

ผมนึกในใจแต่ไม่กล้าชวนเธอคุยลดบรรยากาศอึดอัดเหมือนกัน

คุณลิซ่ารอจนลูกลิงบาบูนกินนมหมดขวดแล้วก็เก็บขวดนมใส่ตะกร้า หญิงสาวยืดตัวขึ้น ยื่นแขนไปข้างหน้าแล้วดึงตัวเจ้าลิงน้อยที่เกาะอยู่บนซี่กรงเข้าไปกอดอย่างง่ายดายเหมือนเวลาอุ้มเด็กทารก ผมอดอุทานอย่างทึ่งไม่ได้

“โอ้โห คุณเก่งจังครับ ไม่กลัวมันกัดเอาเหรอ”


คุณลิซ่าตวัดสายตามองผมทีหนึ่ง ไม่ได้ยิ้มรับคำชม แต่กลับชี้นิ้วไปที่ตะกร้าซึ่งวางอยู่บนพื้นกรง “หยิบผ้าอ้อมในนั้นมาให้หน่อย”

“หือ ครับ?” ผมถามอย่างงุนงง ก็เลยโดนถอนใจเฮือกใส่ไปอีกที

“ผ้าอ้อมสำเร็จรูปในตะกร้า...หยิบมาให้หน่อย แล้วก็ใส่ให้เจ้านี่ด้วย” อีกฝ่ายบอกพลางก้มลงมองเจ้าลิงที่เกาะตัวเองหนึบ

“เห? ผมเหรอครับ?” คราวนี้ผมถามเสียงดัง

คุณลิซ่าหรี่ สีหน้าขุ่นมัวแบบกึ่งๆ จะรำคาญ เธอออกปากเร่ง

“ถ้าไม่ใช่นายแล้วใครจะทำ ฉันต้องอุ้มมันอยู่เนี่ย เร็วหน่อย”

“ครับๆ” ผมรีบรับคำแล้วก้มตัวลงไปหยิบผ้าอ้อมสำเร็จรูปในตะกร้า เป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กทารกไซส์เล็กสุดนั่นแหละ พอเอามาใส่ให้เจ้าลูกลิงที่เริ่มตัวโตหน่อยพวกนี้แล้วก็พอดีเปี๊ยบ

ผมพยายามใส่ผ้าอ้อมอย่างเก้ๆ กังๆ กลัวทั้งลูกลิงกลัวทั้งเจ้าแม่ลิงที่กำลังมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด

พวกเราช่วยกันใส่ผ้าอ้อมให้ลิงอีก 2 ตัวที่เหลือ พอเสร็จแล้วคุณลิซ่าก็ปล่อยเจ้าลิงตัวสุดท้ายกลับไปเกาะยางรถยนต์เก่าที่ผูกโซ่ร้อยไว้เป็นที่เล่น ก่อนจะหันมาทางผมแล้วถามขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “ได้ยินร็อบเล่าว่า นายทะเลาะกับแมทหรือ?”

“เอ่อ...ไม่ได้ทะเลาะนะครับ” ผมตอบอึกอัก นึกในใจว่า นี่ร็อบเอาเรื่องผมไปเมาท์ให้น้องสาวเขาฟังด้วยเหรอเนี่ย “ผมแค่...มีเรื่องต้องคิด แล้วก็เกิดโฮมซิคขึ้นมานิดหน่อย ก็เลยดูนิ่งไปเท่านั้นเอง ร็อบเป็นห่วงมากไปแล้ว”

ผมพยายามออกตัว แอบนึกในใจอย่างหวาดเสียว นี่ร็อบคงไม่ได้ไปเปรยกับคุณลิซ่าว่าอยากล่มทริปนามิบเพื่ออยู่ฮาร์นาสต่อเหมือนที่บอกผมเมื่อเช้าหรอกนะ ไม่อย่างนั้นคุณลิซ่าได้กินหัวผมแน่

“อ้อ” หญิงสาวผมบลอนด์ทำเสียงอือออ

ผมฝืนยิ้มเลยเอ่ยต่อ “ฝากคุณบอกร็อบด้วยนะครับ ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมอาจจะกลับไทยสัปดาห์หน้านี้แล้ว”

คราวนี้คุณลิซ่าขมวดคิ้วฉับ “กลับไทยสัปดาห์หน้า? ตอนที่ฉันถามคราวก่อน นายบอกว่าจะอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนไม่ใช่หรือ”

“ก็พอดี...ผมเกิดคิดถึงบ้านขึ้นมาน่ะครับ ก็อีกไม่กี่วันจะหมดโปรแกรม Exclusive แล้ว เลยคิดว่า กลับบ้านดีกว่า พี่สาวผมจองตั๋วแบบ Flexible ให้ ถ้ามีที่นั่งว่าง ผมก็เลื่อนตั๋วกลับก่อนได้”

ผมอ้างเหมือนที่คิดว่าจะอ้างกับพวกเพื่อนๆ หรือเจ้เคธ แต่ดูเหมือนคุณลิซ่าจะไม่เชื่อ เธอเลิกคิ้วแล้วแค่นเสียงถาม “โฮมซิคก็เลยอยากกลับบ้านก่อน หรือว่าจริงๆ แล้วนายตั้งใจจะหนีหน้าใครกันแน่”

ผมหลบตาเธอแล้วงึมงำปฏิเสธ “ไม่ได้หนีสักหน่อยครับ”

ผมรู้แหละว่า ทำแบบนี้ก็เท่ากับหนีหน้าแมท แต่ผมยอมเป็นคนขี้ขลาดหนีไปเสียดีกว่าจะปล่อยให้เราสองคนต้องอยู่กันแบบอึดอัดอย่างนี้ไปอีกเกือบครึ่งเดือน แค่สองวันที่เรามองหน้ากันไม่ติดก็กระอักกระอ่วนจะแย่แล้ว ผมไม่อยากให้แมทต้องลำบากใจไปมากกว่านี้ ไม่งั้นคงกลายเป็นว่า การที่ผมมาฮาร์นาสทำให้แผนพักร้อนของเขาพังหมด

คุณลิซ่ามองผมนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะโพล่งถามขึ้นมาว่า

“แทนที่จะกลับไทย ไปเที่ยวนามิบกับพวกฉันไหม”


“เอ๋?” ผมเบิกตากว้างอย่างงุนงง “ไปเที่ยวทะเลทรายนามิบ...กับพวกคุณลิซ่าเหรอครับ?”

“อืม นายเคยบอกเจนกับคอร์เดียว่า อยากไปเที่ยวนามิบแต่ไม่สะดวกเพราะไม่มีรถไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นไปกับพวกฉันก็ได้ รถที่ร็อบเช่ามาค่อนข้างใหญ่ นั่ง 5 คนได้สบายๆ อีกอย่าง ฉันจองที่พักที่ Sossusvlei ไว้ 2 ห้อง แยกชายหญิง ร็อบพักคนเดียว มีเตียงว่างอีกเตียงพอดี นายไปแจมด้วยก็ได้ ช่วยหารแค่ค่าน้ำมันรถก็พอ”

“อย่าเลยครับ พวกคุณไปกันเป็นเพื่อนเป็นพี่น้อง ถ้าผมไปด้วย จะอึดอัดกันเสียเปล่าๆ” ผมค้านเสียงอึกอัก

“ถ้าอึดอัด ฉันไม่ชวนหรอกย่ะ ร็อบน่ะอยากให้นายไปด้วยแน่ๆ อยู่แล้ว เห็นพูดถึงนายทุกวันจนฉันจะเอียนตาย”

หญิงสาวว่าแขวะผมเสียอย่างนั้น ก่อนจะอธิบายต่อ “พวกฉันแพลนว่าจะเที่ยวนามิบ 3 วัน แล้วตีรถกลับมาวินดฮุก รอขึ้นเครื่องกลับบ้าน ส่วนนายก็ขึ้นรถบัสของฮาร์นาสที่มารับอาสาสมัครใหม่ที่สนามบินตอนวันพฤหัสกลับมาที่นี่ได้พอดี สนใจไหม”

“สนใจน่ะ สนใจอยู่หรอกครับ แต่ทำไมคุณลิซ่าถึงชวนผมละ” ผมถามออกไปตรงๆ

สาวผมบลอนด์ฟังแล้วระบายลมหายใจพรืดใหญ่

“เพราะฉันเกลียดการวิ่งหนีปัญหาที่สุดน่ะสิ เห็นใครทำแบบนี้แล้วก็หงุดหงิด ทนไม่ได้ทุกที”

เธอยกมือเท้าเอว จ้องผมแล้วร่ายต่อ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ระหว่างนายกับแมทมีเรื่องปัญหาอะไรกัน แต่ฉันรับไม่ได้ที่หนุ่มหล่อล่ำบึ้กที่ปฏิเสธสาวสวยสุดเพอร์เฟคอย่างฉันจะมาถูกเด็กอย่างนายทิ้งอีกทอด พ่อยักษ์นั่นน่ะฉันอ่อยแทบตาย เสียเวลาไปเป็นอาทิตย์ๆ ยังไม่ติดเบ็ด นายตกได้แล้วจะมาสะบัดทิ้งเหมือนของไม่มีค่าไม่ได้นะยะ”

ผมฟังคุณลิซ่าแล้วก็พยายามเรียบเรียงสิ่งที่เธอพูด แต่ยิ่งคิดยิ่งงง รู้แค่ว่า เธอไม่พอใจที่ผมจะทิ้งแมทกลับเมืองไทยไปก่อน ผมกำลังจะอ้าปากอธิบายว่า ผมไม่ได้ทิ้งแมทแบบนั้น แต่คุณลิซ่ากลับเอ่ยต่อเหมือนจะสอน

“ฉันว่าสถานการณ์ของนายไม่ได้เลวร้ายขนาดต้องหนีกลับไทยหรอกน่า ถ้าอึดอัดก็แค่ลองถอยห่างออกมาสักหน่อย คิดอะไรได้แล้วค่อยกลับมาเคลียร์กันใหม่ ดีกว่าหนีหายไปแล้วมานั่งเสียใจซะเอง”

ผมจุกไปนิดหนึ่งเมื่อถูกจี้ใจดำ เลยประชดเธอกลับเสียงอุบอิบ “คุณลิซ่าพูดง่ายจังนะครับ”

คนถูกประชดกลับยักไหล่ไม่สะทกสะท้าน “แล้วทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องยากละ โอกาสเจอหนุ่มฮอตแถมนิสัยดีไม่ได้วนมาบ่อยๆ นายทิ้งไปแล้วจะมาเสียดายทีหลัง” คุณลิซ่าสรุป ก่อนจะถามผมว่า

“ว่ายังไง ตกลงจะไปไหม? ไปเที่ยวทะเลทราย 4-5 วัน ให้เวลาตัวเองไปคิดให้ตก แล้วค่อยกลับมาใหม่”

ผมนิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ ไปเที่ยวที่อื่นสัก 5 วันกลับมาฮาร์นาสอีกทีก็เหลืออีกแค่อาทิตย์กว่าเท่านั้นก็ถึงกำหนดกลับบ้านแล้ว ติดรถเพื่อนไปเที่ยวก็ดูเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้นกว่าคิดถึงบ้านแล้วอยากกลับเร็วเสียอีก ดูจากเมื่อกี้ที่ผมอ้างกับคุณลิซ่าแล้วเธอไม่เชื่อ ไปอ้างกับเจ้เคธหรือพวกโซเฟียกับมาเรียนน่า พี่สาวผมกับเพื่อนๆ ก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน

สุดท้ายผมจึงพยักหน้าให้คุณลิซ่า

“ตกลงครับ ผมขอไปเที่ยวนามิบด้วยคนนะ”

.............................................................................



“ฉันไม่เข้าใจ ทำไมอยู่ๆ คีถึงตกลงจะไปกับพวกคุณร็อบ”


แมทถามด้วยน้ำเสียงเกือบจะเป็นหงุดหงิด วันนี้พอกลับมาถึงที่พัก ผมก็บอกเขาเรื่องที่คุณลิซ่าชวนไปเที่ยวนามิบด้วย พอรู้ว่าผมตอบตกลงไปแล้ว คุณสิงโตขมวดคิ้วมุ่นทันที

ผมก้มหน้าหลบสายตาเขา ตอบเสียงเบา “ผมแค่...เบื่อนิดหน่อยน่ะครับ อยู่ฮาร์นาสมาตั้งครึ่งเดือน มีแต่ทุ่งหญ้ากับท้องฟ้า ผมอยากไปเที่ยวที่อื่นบ้าง อีกอย่าง มาถึงนามิเบียทั้งที ผมก็อยากไปทะเลทรายนามิบอยู่แล้ว พอคุณลิซ่าชวน ผมก็เลยตกลง”

“ถ้าคีอยากไปเที่ยวนามิบ ฉันพาไปเองก็ได้ ไม่ต้องกวนพวกลิซ่ากับคุณร็อบ” แมทบอกเสียงจริงจัง

“ไม่ครับ! แมทไม่ต้องพาผมไปหรอก”

ผมรีบเงยหน้าขึ้นปฏิเสธเขาเสียงร้อนรน “แค่คุณขับรถไปรับผมที่สนามบินมาถึงที่นี่ แถมยังคอยดูแลผมตั้งหลายวัน ผมก็เกรงใจมากแล้ว คุณมาพักร้อนที่ฮาร์นาสเพราะตั้งใจจะมาทำงานดูแลสัตว์ป่า จะมาเสียเวลาพาคนอื่นเที่ยวได้ยังไงครับ”

“คีไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉัน ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่า ฉันยินดีจะดูแลคี”

แมทเอื้อมมือมาจะลูบศีรษะผม แต่ผมผละถอยหนีไปนิดหนึ่ง เขาชะงักก่อนจะถอนใจ เอ่ยปากยอมตกลงในที่สุด

“ถ้าคีอยากไปเที่ยวกับพวกคุณร็อบ ก็ไปเถอะ แล้ววันพฤหัส ฉันจะขับรถไปรับคีที่วินดฮุกเอง ไม่ต้องรอรถบัสที่ไปรับอาสาสมัครใหม่”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับมากับรถของฟาร์มก็ได้ ผมไม่อยากกวน...”

ผมแทรกขึ้นมาอีก แต่คราวนี้แมทจ้องผมแล้วดุเสียงเข้ม

“เลิกดื้อได้แล้ว คีตะ! ถ้าคลาดกับรถบัสของฟาร์ม คีจะกลับมาโกเบบิสยังไง อีกวันพวกคุณร็อบก็ต้องขึ้นเครื่องกลับอเมริกา คีอยู่ที่วินดฮุกคนเดียว มันอันตรายเกินไป ฉันไม่ว่าถ้าคีจะไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ควรจะรู้ด้วยว่า ทำยังไงตัวเองจะไม่เดือดร้อน และไม่ทำให้คนอื่นเป็นห่วง”

เขาดุผมยาวเหยียด แต่พอเห็นผมเม้มปาก พูดไม่ออกที่ถูกเขาดุเป็นครั้งแรก คุณสิงโตก็พยายามสะกดอารมณ์ แล้วเอ่ยเสียงอ่อนลง “รอฉันไปรับเถอะ ฉันรับปากกับเคธี่ว่าจะดูแลคีให้ดี อย่าให้ฉันผิดสัญญาเลยนะ”

อะไรๆ ก็เจ้เคธ...

ผมนึกในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป เพียงแต่ก้มหน้า ฝืนกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ครับ”

...........................TBC..............................



ส่งงานจ็อบเสร็จก็รีบมาต่อเลยค่ะ ยังคงหน่วงกันต่อไปอีก

ตอนนี้ลูกแมวน้อยทำท่าจะบินหนีกลับซะแล้ว แต่ถูกแม่เสือเกี่ยวคอไว้เสียก่อน (พี่ชายเป็นจากัวร์ น้องสาวก็จากัวร์นะคะ) ส่วนตัวแล้วเราชอบเขียนตัวละครผู้หญิงให้เก่งและฉลาดค่ะ (ใครอ่านเรื่องอื่นๆ ก็คงพอมองออก) คุณลิซ่าเองตอนแรกอาจจะเปิดตัวเหมือนนางอิจฉาตามละคร แต่ตอนหลังก็มีพาร์ทให้โชว์ความเริ่ดเหมือนกัน เราชอบมากๆ และหวังว่าจะถูกใจผู้อ่านทุกท่านนะคะ ^^

ตอนหน้าจะตามน้องคีข้ามประเทศไปเที่ยวทะเลทรายนามิบ ซึ่งอยู่อีกภูมิภาคหนึ่งของประเทศนามิเบียนะคะ วิวสวยขาดใจ แต่ใจลูกแมวน้อยจะรับรู้ความสวยงามรึเปล่าก็ไม่รู้

(https://www.picz.in.th/images/2018/09/24/fyqoiu.jpg)


cr. pix by GenesJourney pixabay.com



ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยค่ะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-09-2018 18:21:19
ไหนบอกจะกลับไงมาเปลี่ยนใจไปกับพวกร็อบกับลิซ่าแบบนี้พ่อสิงโตใจเสียแย่
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-09-2018 18:59:26
จังหวะสารภาพรักไม่ลงตัว  :really2:
คี ก็เข้าใจว่าแมท ชอบเจ้เคท  :serius2:
เลยอิหลักอิเหลื่อกันไป  :mew2:

ลิซ่า พูดกับคีว่าไม่พอใจเสียหน้าที่จีบแมท แล้วแมทไม่สน
มาแพ้คีที่เป็นผู้ชาย คียังคิดตามไม่ทัน  :เฮ้อ: :z3: :ling1:
แมท ก็บอกคีอีกครั้งให้ชัดๆกันไปเลยก็ดีนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-09-2018 08:32:00
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-09-2018 09:14:21
น้องคียังกลัวอยู่ หรือยังไงครับ ตอนนี้สงสารพี่แมทมากเลย พ่อสิงโตเศร้า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-09-2018 13:05:46
มันเหงาๆหน่วงๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-09-2018 18:32:36
คีชอบหนีปัญหาแบบที่ลิซ่าว่าจริงๆ
เลยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-09-2018 21:20:19
ดูเหมือนจะไปกันใหญ่แล้ว ต่างคนต่างเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
ฮือออ เอาใจช่วยทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: dyno ที่ 25-09-2018 23:34:16
ขัดจายยยย คี..เทอต้องรู้สิ ว่ามีหนุ่มหล่อล่ำบึ้กมาชอบ  o18
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 24 [Update 24/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-09-2018 01:21:12
 :katai2-1:

งอนอีก
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 25 [Update 29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 29-09-2018 22:22:42
บทที่ 25


คนที่งอนเรื่องผมจะไปเที่ยวนามิบมากที่สุดกลับเป็นโซเฟียกับมาเรียนน่า พอผมบอกพวกเธอตอนเช้าวันต่อมา สองสาวก็ทำหน้าบูด ถามเหมือนแมทเปี๊ยบว่า ทำไมผมถึงตัดสินใจปุบปับนัก ผมอ้างไปว่า ผมอยากไปเที่ยวทะเลทรายอยู่แล้ว พอคุณลิซ่าออกปากชวน ผมเลยตกลง อีกอย่างผมก็สนิทกับร็อบสนิทอยู่แล้วด้วย เขาโอเคที่ผมจะจอยทริป

สองสาวไม่รู้จะค้านยังไงเลยได้แต่งอน “ฉันนึกว่าจะได้ทำงานกลุ่มเดียวกันต่อเป็นสามทหารเสือ คีดันมาทิ้งกัน หนีตามดาตาญังร็อบไปเที่ยวเฉยเลย” โซเฟียบ่นน้อยใจออกมาดังๆ

“ผมไปแค่ 5 วันก็กลับแล้ว ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งอาทิตย์ไง”

ผมยิ้มแหย พยายามอ้อนพวกเพื่อนๆ แต่สองสาวก็ยังออกอาการงอนไปอีกพักใหญ่ ผมต้องตามง้ออยู่นานกว่าจะยอมพูดด้วย นึกภาพออกเลยว่า ถ้าผมทำตามแผนเดิมที่จะหนีกลับไทยก่อนกำหนด มีหวังต้องถูกโกรธมากกว่านี้แน่

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของโปรแกรม Exclusive พวกเราไม่ต้องไปทำภารกิจตอนเช้า มีแค่พอกินอาหารแล้วก็ประชุมครั้งสุดท้าย พูดคุยกันว่าใครจะกลับใครจะอยู่ต่อ และคนที่อยู่ต่อจะย้ายไปทำงานส่วนอื่นบ้างไหมเท่านั้น

อาสาสมัครที่มาจากอังกฤษสนใจเรื่องงานด้านสังคมสงเคราะห์ เลยจะย้ายไปสอนหนังสือเด็กๆ พื้นเมืองในศูนย์ของฮาร์นาส อาสาสมัครจากญี่ปุ่นกับพวกโซเฟียและมาเรียนน่าจะทำงานดูแลสัตว์ป่าต่อ คนที่จะกลับอย่างร็อบต้องไปเคลียร์บิลค่าใช้จ่ายกับทางฟาร์ม ส่วนผมแค่จะหนีไปเที่ยวเลยยังไม่เช็กเอาท์ เก็บเสื้อผ้ากับของใช้สำหรับ 5 วันลงกระเป๋าเป้ก็เสร็จ

แมทไม่ได้คัดค้านอะไรอีกเรื่องที่ผมจะไปเที่ยวกับพวกร็อบ เพียงแต่เตือนว่า ผมควรเตรียมอะไรใส่กระเป๋าไปเพิ่ม เพราะอากาศแถบนามิบต่างจากที่โกเบบิสพอสมควร “คีเตรียมรองเท้าผ้าใบที่ไม่หลุดง่าย หมวกกับแว่นกันแดดไปด้วย แล้วก็อย่าลืมพวกมอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์กับครีมกันแดด ทะเลทรายอากาศค่อนข้างแห้ง แดดจัดมาก ถ้าไม่ทาครีมกันไว้ ผิวเบิร์นแล้วจะลำบาก”

“ครับ” ผมรับคำแล้วเดินไปหยิบของที่เขาบอก ถ้าเป็นช่วงก่อนที่เรายังไม่มึนตึงใส่กัน ผมคงอดแซวคุณสิงโตไม่ได้ว่า ทำตัวเหมือนคุณพ่อที่ลูกจะไปออกค่ายลูกเสืออีกแล้ว แต่ตอนนี้ผมเพียงแต่จัดกระเป๋าต่อไปเงียบๆ

ตอนเย็นสตีฟกับเฮเลนพาพวกเราไปทัวร์ฟาร์มรอบสุดท้ายเพื่อบอกลาพวกสัตว์ป่า พอตกค่ำทางฟาร์มจัดงานเลี้ยงบาร์บีคิวปิดโปรแกรม แล้วก็เลี้ยงส่งอาสาสมัครที่จะกลับหรือไปเที่ยวที่อื่นต่อ

ร็อบดีใจออกนอกหน้าที่ผมตกลงไปเที่ยวกับเขา เลยกระตือรือร้นมาช่วยผมเอาใจโซเฟียกับมาเรียนน่า เขาอธิบายเรื่องทริปนามิบให้สองสาวฟังคร่าวๆ แล้วก็ย้ำว่า “ทริป 4-5 วัน เที่ยวทะเลทราย 2 วันเท่านั้นแหละครับ เดินทางไปกลับอีก 2 วัน ผมรับรองว่าจะดูแลคีอย่างดี จะพากลับมาที่วินดฮุก แล้วอยู่รอเป็นเพื่อนจนแมทไปรับคีกลับมาฮาร์นาส”

“เรื่องนั้นไม่ห่วงหรอกค่ะ รู้อยู่แล้วว่าร็อบใส่ใจดูแลคีแน่ๆ” โซเฟียตอบ สีหน้าดีกว่าตอนเช้านิดหน่อย เธอตวัดตาค้อนผมนิดหนึ่งแล้วบ่นต่อ “พวกเราแค่น้อยใจที่อยู่ๆ คีก็ตัดสินใจไปโดยไม่บอกกันล่วงหน้าเท่านั้นแหละ”

“จะบอกตอนไหนละ คุณลิซ่าเพิ่งจะชวนผมเมื่อวานนี้เอง” ผมแก้ตัวเสียงอ่อย

งานเลี้ยงยังต่อเนื่องจนดึก แต่พรุ่งนี้ผมกับร็อบและพวกคุณลิซ่าต้องออกจากฮาร์นาสแต่เช้า ขับรถยิงยาวเกือบ 8 ชั่วโมงกว่าจะถึงนามิบ พวกเราก็เลยขอตัวออกจากงานก่อน โซเฟียกับมาเรียนน่าออกตัวว่าคงไม่ได้มาส่ง พวกเธอกอดผมแน่น ย้ำว่ายังไงก็ต้องกลับมาฮาร์นาสนะ อย่างกับรู้ว่าก่อนหน้านี้ผมคิดจะหนีกลับเมืองไทยยังงั้นละ

ผมกอดตอบพวกเธอพร้อมกับสัญญาหนักแน่น “อืม เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้ว อีก 5 วันเจอกันนะ”



เช้าวันต่อมาจึงมีเพียงแมทเดินมาส่งผมที่ลานจอดรถ ร็อบขยับรถออกมารอที่ด้านหน้าแล้ว เขาช่วยรับกระเป๋าเป้ของผมไปใส่กระบะหลัง ผมยืนคุยกับเจนและคลอเดีย ขณะที่คุณลิซ่าเดินไปคุยกับแมท สาวสวยผมบลอนด์ไม่ได้ยิ้มหวานเหมือนช่วงก่อนที่ยังปิ๊งคุณสิงโต เธอยืนกอดอกคุยกับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะส่ายหน้าเหมือนอ่อนใจเมื่อแมทพูดอะไรบางอย่าง พอเธอหันมาเห็นว่าผมกำลังมองอยู่ ก็กลอกตาอย่างเบื่อๆ อีกรอบ

สองคนนั้นคุยอะไรกันอยู่ เกี่ยวกับผมรึเปล่าเนี่ย

ใกล้จะได้เวลาเดินทาง แมทจึงเดินเข้ามาหา ผมอดไม่ได้ที่จะถาม “เมื่อกี้คุยอะไรกับคุณลิซ่าหรือครับ”

แมทยิ้มอ่อนใจ “ไม่มีอะไรหรอก ลิซ่าแค่บ่นเรื่องที่ฉันทำอะไรไม่เคลียร์สักอย่างน่ะ” เขาว่าพลางยื่นมือมาลูบศีรษะผมโดยไม่ได้ทำท่าลังเลอย่างเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ผมเองก็ไม่ได้ถอยหนี เพียงแต่หรุบตาลงไม่สบตาเขา ได้ยินเสียงคุณสิงโตถอนใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ

“คีเที่ยวให้สนุกนะ อีก 4 วัน ฉันจะไปรับที่วินดฮุก ลิซ่าบอกที่อยู่โรงแรมไว้แล้ว ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉัน ฉันจะเปิดเครื่องไว้ตลอด 24 ชั่วโมง”

“ครับ” ผมพยักหน้า

ร็อบเดินเข้ามาหาพวกเรา “คี พร้อมหรือยังครับ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว” เขาว่าแล้วก็หันไปพูดกับแมท น้ำเสียงจริงจัง ไม่ได้มีเค้าเย้าแหย่เหมือนปกติ “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลคีอย่างดี”

“ฝากด้วยนะครับ” แมทยิ้มบาง ก่อนจะหันมาหาผมอีกครั้ง “คีไปเถอะ Have a good trip”

“ครับ ไว้เจอกันนะ” ผมบอกลาแล้วเดินไปเปิดประตูนั่งข้างคนขับ ร็อบสตาร์ทรถขับออกไป ผมเหลือบมองกระจกข้าง เห็นคุณสิงโตยืนมองรถของพวกเราแล่นจากมา เงาสะท้อนของเขาค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ จนลับสายตาไปในที่สุด ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย

รอก่อนนะครับ แมท ผมจะพยายามลบความรู้สึกพวกนั้นออกไปจากใจให้ได้ ช่วงเวลาที่เหลือในฮาร์นาส ผมจะได้เงยหน้ามองคุณให้เต็มตา แล้วก็บอกลาคุณกลับบ้านโดยไม่รู้สึกผิดหรือเจ็บปวดเหมือนตอนนี้อีก
…………………………………………………



จากเมืองโกเบบิสที่ตั้งของฮาร์นาสซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนามิเบีย ข้ามไปยังเขตทะเลทรายนามิบทางภาคตะวันตก กินระยะทาง 600 กว่ากิโลเมตร แปลว่าพวกเราต้องขับรถทั้งวันและน่าจะไปถึงที่พักช่วงค่ำ

ผมอาสาช่วยร็อบขับรถบ้างเพราะเห็นว่าถนนที่นามิเบียค่อนข้างโล่ง ความหนาแน่นของประชากรที่นี่ค่อนข้างเบาบาง นานครั้งจึงจะมีรถแล่นสวนทางกันบนไฮด์เวย์ อีกอย่างรถแคมป์ปิ้งที่ร็อบเช่ามาก็เป็นเกียร์ออโต้ ขับง่ายแม้จะคันใหญ่กว่ารถยนต์ที่ผมเคยขับที่เมืองไทยอยู่บ้างก็เถอะ

“ถ้าคุณเหนื่อยก็เปลี่ยนกันขับได้นะครับ”

ร็อบที่อยู่หลังพวงมาลัยหัวเราะ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ “โอเคครับ เดี๋ยวพวกเราหนุ่มๆ สองคนผลัดกันเป็นสารถีแล้วกันนะ ความจริงยัยลิซ่าก็ขับรถคล่อง สมัยอยู่ฟาร์มของพ่อแม่ยังขับโฟล์วิลลุยดะ พอเข้ามาเป็นสาวชาวเมือเข้าหน่อยคอยแต่จะนั่งเบาะหลังเป็นคุณหนูชี้นิ้วอยู่เรื่อย”

ร็อบแซวน้องสาว เลยถูกคุณลิซ่าแยกเขี้ยวใส่ “ฉันใช้แรงงานอยู่ในฮาร์นาสตั้ง 3 สัปดาห์นะยะ ยังจะใช้ฉันขับรถอีกเหรอ”

พี่ชายที่ถูกดุทำคอย่น “ไม่ได้ใช้ครับ ไม่กล้าใช้หรอก เชิญคุณหนูนั่งรถให้สบายเถอะ”

ผมหัวเราะท่าทางหงอๆ ของร็อบ เพิ่งจะเห็นเขาต่อปากต่อคำกับคุณลิซ่าแบบเต็มๆ ก็วันนี้ เป็นพี่ชายประเภทที่โดนน้องสาวข่มจริงๆ นั่นละ

พวกเราแวะกินอาหารกลางวันที่วินดฮุกตอนบ่าย เติมน้ำมันแล้วก็ซื้อเสบียงกับของใช้ส่วนตัวเพิ่มอีกนิด แล้วยิงยาวต่อไปยังโรงแรมที่พักใกล้ทะเลทรายนามิบ

ตอนที่ร็อบบอกว่าคุณลิซ่าจองที่พักไว้ ผมนึกว่าจะเป็นโรงแรมเล็กๆ พอเห็นประตูทางเข้าซึ่งเป็นซุ้มใหญ่อลังการ ข้างในมีสระว่ายน้ำกับร้านอาหารแบบโอเพนแอร์ใต้แสงเทียน ผมเลยถึงขั้นอ้าปากค้าง พอร็อบเห็นสีหน้าผมเข้าก็กลอกตา

“รีเควชคุณหนูลิซ่าครับ ผมบอกแล้วว่า ไปพักที่แคมป์ไซต์ของอุทยานดีกว่า ราคาถูกกว่ากันตั้งครึ่ง แถมอยู่ข้างในตัวอุทยาน ตอนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ไม่ต้องรอเวลาเปิดด่านตอนเช้าด้วย”

คุณลิซ่าฟังแล้วย่นจมูก “No more campsite! ฉันอยู่หมู่บ้านอาสาสมัคร ใช้ห้องน้ำรวมมามากพอแล้วย่ะ ขอพักสบายๆ นอนแช่อ่างอาบน้ำหลังลุยทะเลทรายมาเหนื่อยๆ บ้าง ไม่ต้องห่วง ปากับมาเห็นลูกสาวทำงานหนักมาเป็นเดือนก็เลยสงสาร โอนพ็อกเก็ตมันนี่มาให้ฉันเพิ่มแล้ว”

“เพราะเธอส่งรูปตอนทำงานกลางแจ้งตากแดดตากลมไปอ้อนน่ะสิ”

ร็อบช่วยเติมให้เพราะรู้จักนิสัยน้องสาวดี ส่วนผมเห็นที่พักก็ชักไม่ค่อยสบายใจ รู้ว่าราคาค่าห้องต่อคืนไม่ใช่ถูกๆ แน่ เลยออกปากอย่างเกรงใจว่า “เดี๋ยวผมช่วยหารค่าห้องกับร็อบดีกว่าครับ”

ร็อบส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกครับ คีหารแค่ค่าน้ำมันเหมือนเดิมนั่นแหละ ถึงคีไม่มาจอย ผมพักคนเดียวก็ต้องจ่ายค่าห้องเท่านี้อยู่แล้ว”

“งั้นขอผมเลี้ยงดินเนอร์ทุกคนมื้อหนึ่งนะ ที่นี่หรือที่วินดฮุกก็ได้”

ผมยังยืนกราน คนทั้งคณะคงรู้ว่าผมไม่สบายใจ ทุกคนก็เลยยอมตกลง


ห้องพักที่โรงแรมนี้เป็นยูนิตแยกจากกัน เป็นตึกแบบชั้นครึ่ง มีดาดฟ้าเตี้ยๆ เอาไว้ให้ปีนบันไดขึ้นไปยืนชมวิว พวกเราแวะกินอาหารเย็นง่ายๆ ตั้งแต่ก่อนจะถึงที่พัก ตอนนี้ก็เลยแยกทีม เข้าห้องพักของตัวเอง ร็อบดูค่อนข้างเหนื่อยเพราะวันนี้เขาขับรถทั้งวัน มีสลับให้ผมขับแทนบ้างแค่บางช่วง ผมเลยให้เขาใช้ห้องน้ำก่อน ส่วนตัวเองปีนบันไดขึ้นไปชมวิวทะเลทรายสักรอบหนึ่ง

ตอนนี้ทุ่มกว่าเกือบสองทุ่ม ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว น่าเสียดายที่โรงแรมเปิดไฟค่อนข้างสว่างเลยไม่เห็นดาวชัดเหมือนตอนอยู่ฮาร์นาส ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีภูเขาทรายเป็นขอบด้านล่าง พลางนึกถึงใครอีกคนซึ่งอยู่ห่างออกไปคนละภูมิภาคของประเทศ

แมทอยู่คนเดียว ไม่รู้จะลากที่นอนปิกนิกออกมาดูดาวอีกไหมนะ

ผมถอนใจแล้วปีนบันไดกลับลงมาข้างล่าง

...อย่าคิดดีกว่า ตั้งใจแล้วว่าจะพยายามลืมความรู้สึกนั้น อันดับแรกก็ควรจะเลิกคิดถึงให้ได้เสียก่อน

..........................................................



เช้าวันต่อมา พวกเราต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

อุทยานแห่งชาตินามิบ-น็อคลัฟท์ (Namib-Naukluft National Park) นั้นมีพื้นที่กว่า 49,768 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของแอฟริกา ถ้าจะเที่ยวให้ทั่วคงใช้เวลาเป็นเดือน แต่เขตที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ รวมถึงพวกเราเลือกมาคือ ซอสซัสเฟลย์ (Sossusvlei) ซึ่งได้ชื่อว่ามีสันทรายสีแดงที่ใหญ่และสวยที่สุดในโลก

จุดหมายแรกที่พวกเราจะไปกัน คือ Dune45 จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นยอดนิยมของซอสซัสเฟลย์ ที่เรียกว่า Dune45 ก็เพราะมันเป็นเนินทรายที่อยู่ห่างจากทางเข้าอุทยานไป 45 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถจากที่พักของพวกเราประมาณ 40-50 นาที แต่อาจจะต้องเสียเวลาเข้าคิวรอด่านหน้าอุทยานเปิดอีก เลยต้องเผื่อเวลากันอีกหน่อย

“ถ้าพักแคมป์ไซด์ข้างในก็ไม่ต้องรีบตื่นแบบนี้หรอก”

ร็อบงึมงำ เลยโดนน้องสาวหงุดหงิดใส่รับอรุณ “เรื่องตื่นเช้าพวกฉันไม่ยั่นอยู่แล้วย่ะ ตอนอยู่ฮาร์นาสก็ไม่ได้ตื่นสายสักวัน ที่เลือกพักโรงแรมเพราะฉันอยาก-พัก-ให้-สบาย! เข้าใจไหม เลิกบ่นได้แล้ว ฉันอุตส่าห์รีบวิ่งไปรับกล่องปิกนิกที่สั่งทางโรงแรมไว้มาให้ จะกินไหม อาหารเช้าเนี่ย”

“กินครับ กิน” ร็อบรีบรับคำ

พวกเราที่เหลือในรถมองฉากน้องสาวข่มพี่ชายแล้วก็หัวเราะกันครืน

เนื่องจากเป็นช่วงฤดูแล้ง พระอาทิตย์ขึ้นช้ากว่าฤดูอื่น ตอนที่พวกเราไปถึงตีนเนินของ Dune 45 แสงแรกของวันจึงเพิ่งจับปลายขอบฟ้า แสงแดดอุ่นสีทองทาบทับเนินทรายสูงตรงหน้า ผมหยิบเป้เดย์แพ็คขึ้นสะพายหลังแล้วก้าวตามพวกลิซ่าขึ้นไปบนเนิน

ทะเลทรายนามิบอยู่ใกล้กับมหาสมุทรแอทแลนติก อิทธิพลจากทะเลทำให้ลมค่อนข้างแรง พอลมแรงก็พัดทรายมาปะทะตัวพวกเราเป็นระยะ ทั้งกินแรงเดินทั้งแสบหน้าไปหมด ทำเอาเนินเตี้ยๆ ความสูงแค่ 170 เมตรที่เห็นจากด้านล่างดูสูงทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่ตอนปืนขึ้นไป

ผมหยิบแว่นกันแดดจากกระเป๋าเป้มาสวม พอกันไม่ให้ทรายเข้าตาได้บ้าง อดนึกขอบคุณคนที่เตือนให้หยิบแว่นกันแดดกับเลือกรองเท้าผ้าใบที่กระชับข้อเท้ามาใส่ไม่ได้ ถ้าขืนใส่รองเท้าที่ผมเลือกตอนแรกมีหวังรองเท้าหลุดหายไปตั้งแต่เดินได้ไม่ถึงครึ่งเนิน รอบคอบสมกับเป็นแมทจริงๆ

นั่นไง...คิดถึงอีกแล้ว ผมถอนใจพลางนึกบ่นตัวเอง

“คี หันมาหน่อยครับ เฮ้ ลิซ่า เธอด้วย ยิ้มกว้างๆ สดใสเลยนะ Smile! ”

เสียงร็อบตะโกนมาจากทางด้านหลัง ผมกับคุณลิซ่าหันกลับไป เห็นเขากำลังยกกล้องเล็งมาที่พวกเรา เลยได้แต่พยายามฉีกยิ้ม แต่ปรากฏว่าพอยิ้มยิงฟัน ลมก็พัดทรายเข้าปากไปเต็มๆ “แคกๆ แหวะ” ผมสำลักแล้วก้มหน้าลง พยายามจะถ่มทรายออก ได้ยินเสียงคุณลิซ่าโวยพี่ชายตัวเองลั่น

“ไอ้พี่งี่เง่า สั่งให้ยิ้มทำไมยะ ทรายเข้าปากหมดแล้ว”


พอเดินไปถึงจุดที่สูงที่สุดบนเนินผมก็ยอมแพ้ นั่งลงพักตรงนั้นแล้วปล่อยให้คนอื่นๆ เดินแซงไป

พวกสามสาว ทั้งคุณลิซ่า เจน และคลอเดียแกร่งกว่าผม พวกเธอลุยไปได้อีกตั้งไกล แถมยังบอกให้ร็อบที่เดินตามไปคอยถ่ายรูปให้ด้วย ส่วนผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นเอาไว้ กะว่ากลับโรงแรมแล้วจะโพสลงเฟสบุ๊ค ไหนๆ ก็พี่เมธก็รู้แล้วว่าผมอยู่ไหน ผมไม่ต้องปิดเรื่องที่มานามิเบีย ขออวดโซเชียลเสียหน่อยก็แล้วกัน

พอลงจากเนินแล้วพวกเราก็เอาน้ำที่เตรียมไว้มาล้างมือล้างหน้าเสียหน่อย กินอาหารเช้าง่ายๆ กันในรถ ก่อนจะขับต่อไปยัง Deadvlei แอ่งโคลนแห้งซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ต้นคาเมลธอร์นที่ยืนต้นตายเหลือแต่ซาก ตัดกับพื้นสีขาว

ตรงนี้รถธรรมดาเข้าไปไม่ได้ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ เพราะเป็นพื้นทรายทั้งหมด ถึงรถของร็อบจะเป็นระบบ 4x4 แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะขับรถไปบนทรายนุ่มๆ ได้ตลอดทาง ถ้าติดหลุมขึ้นมาจะลำบาก พวกเราเลยเลือกจ่ายเงินนั่งชัตเตอร์บัสของอุทยานเข้าไปแล้วเดินต่อ

Deadvlei เป็นแอ่งน้ำที่เกิดในสมัยโบราณที่ยังมีแม่น้ำไหลผ่านบริเวณนี้ ทำให้ต้นไม้อย่างต้นคาเมลธอร์นสามารถเจริญเติบโตได้ ต่อมาพอสภาพภูมิอากาศเปลี่ยน เกิดเนินทรายล้อมรอบแอ่ง ตัดทางเดินของแม่น้ำ น้ำในแอ่งก็ค่อยๆ เหือดแห้ง ต้นคาเมลธอร์นจึงยืนต้นตายหมด แต่ด้วยสภาพอากาศที่แห้งจัด ซากของต้นไม้เหล่านี้จึงคงสภาพอยู่ไม่ย่อยสลายมากกว่า 900 ปีแล้ว

ท้องฟ้าสีฟ้าสด เนินทรายสีแดง พื้นสีขาว กับซากต้นไม้สีดำ สีสันที่ตัดกันสุดๆ ทำให้เกิดภาพเหนือจริงเหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซี ดึงดูดให้ตากล้องและคนที่รักการถ่ายภาพ พากันดั้นด้นมาเก็บภาพที่นี่

ร็อบเองก็กระตือรือร้นมาก ขณะที่คนอื่นเดินลากขาเพราะตอนสายอากาศเริ่มร้อน แถมระยะทางก็ไกลเอาเรื่อง พ่อหนุ่มผมบลอนด์กลับเดินดุ่มๆ นำไปแถมหันมาเรียกพวกเราเป็นระยะ แต่พอไปถึงทุกคนก็หายเหนื่อย สวยคุ้มกับที่เดินลุยทรายตากแดดมาเป็นกิโลจริงๆ



ใกล้เที่ยง พวกเราขับรถกลับไปกินอาหารที่โรงแรมและหยุดพัก ช่วงบ่ายอากาศร้อนเกินกว่าจะเดินเที่ยวในทะเลทรายได้ ผมถือโอกาสใช้ไวไฟที่โรงแรมโพสรูปลงเฟสบุ๊คแล้วก็นอนพักเอาแรงหน่อยหนึ่ง พอบ่ายแก่ แสงแดดเริ่มอ่อนลง เราจึงค่อยออกไป Sesriem Canyon หุบเขาลึกที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำเมื่อ 2 ล้านปีก่อน แล้วกลับไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ Dune45 อีกครั้ง

ไม่รู้เพราะได้นอนกลางวันมาตื่นหนึ่งหรือเริ่มชินกันการเดินย่ำพื้นทราย ผมเลยปีนขึ้นเนินคล่องกว่าเมื่อเช้า คราวนี้ถึงกับเดินนำคนที่เหลือในกลุ่มมาตั้งไกล พอไปถึงก็ทรุดนั่งลงชมวิวรอคนอื่น

ผมนั่งกอดเข่าพลางท้องฟ้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีฟ้าสดเป็นสีส้มอมชมพูอยู่เงียบๆ นึกแปลกใจที่ทั้งที่เป็นสถานที่เดียวกัน แต่บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ใกล้ตกกลับให้อารมณ์แตกต่างกันคนละแบบ ทิวทัศน์ตอนพระอาทิตย์ขึ้นนั้นทำให้จิตใจสงบ แต่ท้องฟ้าเดียวกันตอนพระอาทิตย์ตกกลับทำให้รู้สึก...เหงานิดหน่อย ไม่รู้เป็นเพราะสภาพรอบด้านหรือเพราะใจของผมเอง

ใครอีกคนเดินมาทรุดนั่งลงข้างๆ ผมหันกลับไปแล้วก็เห็นว่าเป็นร็อบ

“คนอื่นละครับ” ผมถาม

ร็อบชี้ไปที่ด้านล่างเนิน ห่างออกไปสัก 20 เมตร ผมมองตามลงไป เห็นพวกคุณลิซ่านั่งปักหลักกันอยู่ “พวกสาวๆ ยอมแพ้แล้วครับ บอกว่าจะไม่ลุกขึ้นมาเดินอีกแม้แต่ก้าวเดียว เห็นว่าเมื่อตอนบ่ายไม่ยอมนอนพัก มัวแต่แชทคุยกับเพื่อนที่อเมริกาเพลินไปหน่อย ตอนนี้เลยแบตหมด” หนุ่มผมบลอนด์บ่นพลางส่ายหน้าอ่อนใจ

ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ร็อบมองหน้าผมแล้วก็ยิ้ม เปรยว่า

“ดีจังที่คีมาเที่ยวด้วย ค่อยรู้สึกว่าร่าเริงขึ้นมาหน่อย ไม่ดูเศร้าเหมือนเมื่อ 2-3 วันก่อน ถึงจะมีแอบถอนใจบ้างก็เถอะ”

ผมชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเสหลบตาเขา “ร็อบเห็นผมแอบถอนใจด้วยเหรอครับ”

“เห็นสิ ก็ผมมองคีอยู่ตลอด ตั้งแต่ตอนอยู่ฮาร์นาสแล้ว...”

ประโยคนั้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปสบตาคนพูดอย่างแปลกใจ ร็อบยังคงยิ้มกว้างสดใส ตอนที่เอ่ยออกมาว่า

“ผมว่า ผมชอบคีละ”

...........................TBC..............................


แฮ่ม! ตอนนี้คุณสิงโตบทน้อยมาก แต่ยังไม่เปลี่ยนพระเอกนะคะ เชื่อว่าทีมจากัวร์เตรียมโบกธงกันแน่เลย >_<

ตอนนี้มีกลิ่นสารคดีท่องเที่ยวอยู่ค่อนข้างมาก เพราะอยากให้เห็นภาพทะเลทรายนามิบ ที่อยู่คนละภูมิภาคกับฮาร์นาสค่ะ เลยใส่รายละเอียดเยอะหน่อย ถือว่าตามน้องคีไปเที่ยวเคลียร์สมองก่อน ตอนหน้ามาวุ่นๆ เรื่องหัวใจกันต่อนะคะ อย่างน้อยก็ต้องลุ้นละว่าน้องเหมียวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับการสารภาพรักสายฟ้าแลบ

แอบแปะภาพ Deadvlei ที่คณะของน้องคีดั้นด้นไปจนถีงค่ะ

เป็นวิวแบบที่หาไม่ได้ที่อื่นในโลกจริงๆ มิน่า ร็อบถึงกระตือรือร้นอยากไปมากๆ

(https://www.picz.in.th/images/2018/09/29/hY11Xl.jpg)


cr. pix by kuloser pixabay.com

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยค่ะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 25 [Update 29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-09-2018 22:31:49
โอ๊ยยย ร๊อบคะแนนนำไปละมั่ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 25 [Update 29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-09-2018 23:03:57
คุณสิงโตไม่ทันละ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 25 [Update 29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-09-2018 23:08:58
เมื่อไหร่คุณสิงโตจะทำแต้มบ้างค่ะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 25 [Update 29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-09-2018 23:12:33
โอ๊ะโอ เสือจากัวร์จะเริ่มออกตัวแล้วหรือเปล่านะ
พี่สิงโตจะมามัวใจเย็นไม่ได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 25 [Update 29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-09-2018 23:16:39
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 25 [Update 29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-09-2018 23:45:33
คุณสิงโตแมทต้องสู้นะครับ มัดใจน้องคีให้ได้
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 25 [Update 29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 30-09-2018 00:09:58
เป็นนิยายที่ดีมากๆเลย อ่านแล้วอิน อยากไปแอฟริกา
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 03-10-2018 12:27:28
บทที่ 26


ผมนิ่งอึ้งไปทันทีที่ร็อบพูดจบ ได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายรอให้เขาหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า ล้อเล่นน่า แต่ร็อบกลับจ้องตอบผมด้วยสีหน้าจริงจัง สุดท้ายผมจึงเป็นฝ่ายก้มหน้าละสายตาก่อน ก้มหน้าลงอึกอักบอกว่า

“ขอโทษนะครับ ผม...”

ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี ได้ยินเสียงร็อบถอนใจออกมาเบาๆ

“เฮ้อ! คีเล่นชิงขอโทษตั้งแต่ประโยคแรกแบบนี้ ผมหมดสิทธิ์แน่ๆ เลยสินะครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่ร็อบไม่ได้มีท่าทางหงุดหงิดหรือผิดหวังอย่างที่ผมหวั่น ใบหน้าหล่อเหลายังคงดูสบายๆ เหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่มแววตาอ่อนใจเข้ามาเท่านั้น “อย่างน้อยถ้าคีทำท่าตกใจสักหน่อย ถามว่า จริงเหรอครับ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงชอบผมละ? ผมยังพอมีหวังบ้างสัก 2-3 นาที นี่ขึ้นประโยคแรกมาก็รู้เลยว่าจะเซย์โน ตัดทางกันสุดๆ”

เขาออกปากบ่นเหมือนงอน ส่วนผมก็ได้แต่ฝืนยิ้มให้คำพูดติดตลกปนน้อยใจนั้น

“ขอโทษจริงๆ ครับ ผมไม่รู้เลยว่าร็อบคิดกับผมแบบนี้ ถ้ารู้คง...”

“ถ้ารู้ว่าผมคิดยังไงกับคี คีก็คงไม่มาเที่ยวนามิบกับพวกเรา เพราะกลัวจะกลายเป็นให้ความหวัง แล้วทำให้ผมรู้สึกแย่ทีหลังสินะครับ”

ร็อบช่วยต่อให้ พอเห็นผมกะพริบตาปริบเพราะแปลกใจที่เขาเดาความคิดผมได้ตรงเป๊ะ เขาก็หัวเราะ “คีน่ะดูออกง่ายจะตาย ชอบคิดมาก แล้วก็ห่วงความรู้สึกคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ ผมรู้ตั้งแต่ตอนที่คีข้อเท้าพลิกแล้วไม่ยอมบอกโซเฟียกับมาเรียนน่าแล้วละ จะว่าไป...นี่ก็เป็นจุดที่ทำให้ผมเริ่มสนใจคีละนะ”

“ตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอครับ”

ผมนึกสงสัยขึ้นมาบ้าง “ร็อบรู้ด้วยเหรอครับว่า ผมเป็นเกย์ ผมนึกว่ามีแค่โซเฟียกับมาเรียนน่าที่มองออก”

“อืม ก็ไม่เชิงว่ามองออกหรอกครับ แต่ผมไม่ถือเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าถูกใจ ไม่ว่าเป็นเพศไหนก็จีบได้ทั้งนั้นแหละ ปกติผมไม่ค่อยมองผู้ชาย ชอบควงสาวๆ มากกว่า แต่คีน่ารัก สดใส แล้วก็ซื่อๆ ดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ผมก็เลยสนใจคีขึ้นมาน่ะ”

ร็อบตอบกลับก่อนจะยักไหล่ “น่าเสียดายที่ตอนอยู่ฮาร์นาส เรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยไปหน่อย แถมดูท่าทางผมจะมาช้าไปก้าวหนึ่งด้วย แค่คิดจะเริ่มจีบ คีก็ยกหัวใจให้คนอื่นไปเสียแล้ว”

ชายหนุ่มผมบลอนด์ว่าพลางถอนใจ ขณะที่ผมนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง กลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วถามว่า

“แม้แต่เรื่องนั้น...คุณก็มองออกหรือครับ”

ร็อบหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของผม “ผมว่า ใครๆ ก็มองออกนะ ทั้งยัยลิซ่า แล้วก็พวกโซเฟียกับมาเรียนน่าด้วย พวกสาวๆ น่ะเซนส์ดีกว่าหนุ่มๆ อย่างพวกเราอีก เพียงแต่พวกเธอจะพูดออกมารึเปล่าก็เท่านั้นละ”

เขายกขามากอดเข่าแล้วเอียงคอมองผม ถามต่อเสียงอ่อนโยน “พวกเราทุกคนมองออกว่าคีรู้สึกยังไง แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมช่วงหลังอยู่ๆ คีถึงได้ทำท่าทางแปลกไปต่างหาก คีอยากเล่าให้ผมฟังไหม เราขับรถข้ามประเทศมาตั้ง 600 กว่ากิโล คนทางโน้นไม่รู้หรอกครับ ผมสัญญาว่าจะเก็บเงียบ”

เขาทำท่าเอามือปิดปาก จนผมต้องหัวเราะออกมา การที่ร็อบสารภาพความรู้สึกของเขา และถามผมอย่างตรงไปตรงมาทำให้ผมรู้สึกโล่งใจจนอยากระบายสิ่งที่ติดค้างอยู่ในหัวใจออกมาบ้าง

“ผมกลัวน่ะครับ...”

ผมนิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ แล้วจึงเอ่ยออกมา

“ผมมีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง เธอเป็นคนสวย เก่ง สอบได้ที่หนึ่งตลอด เป็นนักกีฬาเทนนิส เล่นเปียโนจนได้ขึ้นโชว์อยู่บ่อยๆ แล้วก็เป็นคนร่าเริงสนุกสนาน ขณะที่ผมเป็นเด็กขี้อายคอยหลบอยู่หลังพ่อกับแม่ ผมรู้ตัวดีว่า คงไม่มีทางเก่งได้เท่าเธอ ถ้าเราสองคนเป็นตัวเลือก 2 ช้อยส์ ทุกคนก็ต้องเลือกเจ้เคธ”

ร็อบนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่ได้เอ่ยขัด แม้สิ่งที่ผมพูดออกมาจะดูไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่เราคุยกันก่อนหน้าสักนิด

“ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้โตมาแบบมีปมด้อยอะไรนะ เจ้เคธเป็นพี่สาวที่ใจดีที่สุดในโลก เธอคอยหันมามองหาผมเสมอ ถ้าเห็นว่าผมยืนหงอยอยู่คนเดียว เจ้เคธจะละจากเพื่อน ละจากทุกสิ่งที่ทำ เดินมาจูงมือผมไปเล่นด้วยทันที แล้วเธอก็คอยห่วง คอยดูแลผมอย่างนี้มาตลอด”

ผมยิ้มบางเมื่อนึกถึงความทรงจำตอนเด็ก ก่อนจะถอนใจแล้วเบือนหน้าไปมองดวงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำ

“เพราะฉะนั้น ตอนนี้ผมจึงกลัวมาก...กลัวว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุทำให้พี่สาวที่รักผมมากสุดต้องเสียใจ กลัวจะทำให้คนที่คอยเทคแคร์ผมอย่างดีอย่างแมทต้องอึดอัด”

ผมยังจำความเจ็บปวดตอนที่ถูกพี่เมธนอกใจได้ ผมไม่อยากให้เจ้เคธรู้สึกแบบเดียวกัน และมันจะยิ่งแย่กว่ามาก ถ้าต้นเหตุของเรื่องมาจากผมซึ่งเป็นน้องชาย ผมควรหยุดความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นนี้เสียก่อนที่คนสองคนที่ผมแคร์มากที่สุดจะรับรู้

ร็อบนั่งฟังผมเล่าจนจบ แล้วก็เปรยว่า

“พอเข้าใจแล้วครับว่าทำไมคีถึงไม่สบายใจ ดูท่าทางเรื่องนี้จะซับซ้อนกว่าที่ผมคิดไว้นิดหน่อยแฮะ”

เขาว่าแล้วยื่นมือมาลูบศีรษะผม เอ่ยชมเหมือนผมเป็นเด็กเล็ก “คีเป็นเด็กดีนะ แต่เคสนี้ ตามความเห็นผม ผมว่า คีคิดเผื่อคนอื่นมากไปหน่อย ถ้าให้เดา คีคงไม่เคยบอกความรู้สึกของตัวเองกับแมท แล้วก็ไม่เคยถามเขาตรงๆ ด้วยละสิ”

พอผมพยักหน้าหงึกๆ อีกฝ่ายก็ส่ายหน้า

“กะแล้วเชียว แอบคิดเอง กลัวเอง แล้วก็ถอยหนีเองสินะครับ”

“ครับ” ผมอุบอิบตอบกลับเมื่อถูกจี้ใจดำ

ร็อบถอนใจใหญ่ “เฮ้อ คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเอง บางทีก็ไม่ดีนะครับ คีคิดแทนคนอื่นโดยอิงจากมุมมองของตัวเองอย่างเดียว ถ้าอีกฝ่ายเขาไม่ได้คิดแบบนั้น หรือคีมองผิดเข้าใจผิด คีจะเสียโอกาสดีๆ ในชีวิตไปแบบน่าเสียดายเลยนะ”

เขามองผมแล้วสรุปเสียงจริงจัง

“ผมว่าลองไปถามแมทตรงๆ เลยดีกว่าว่า เขาคิดยังไง”

ผมส่ายหน้าดิก รีบค้านทันที “ไม่เอาครับ จะให้ผมบอกแมทได้ยังไง ผมต้องอยู่ร่วมห้องกับเขาอีกตั้งหลายวัน ถ้าพูดออกไปแล้วขืนมองหน้ากันไม่ติด แมทคงลำบากใจแย่”

“คิดแทนคนอื่นอีกแล้ว กลัวอะไรครับ คีอยู่ฮาร์นาสอีกแค่อาทิตย์กว่าเองนะครับ” ร็อบดุเอาเบาๆ “ถ้าเป็นยัยลิซ่าก็คงบอกว่า ลองพุ่งชนเข้าไปสักที ไม่เวิร์คก็เลี้ยวกลับ ถ้าอึดอัดขนาดอยู่ร่วมห้องกันไม่ได้ ก็หนีมานอนหมู่บ้านอาสาเสียก็สิ้นเรื่อง ห้องว่างไม่มีก็ขอไปอาศัยนอนกับโซเฟียมาเรียนน่า สองสาวจะดีใจที่คีมาค้างด้วยเสียอีก เห็นไหมครับ ทางออกมีตั้งเยอะแยะ เพียงแต่คีจะกล้าเสี่ยงหรือเปล่าเท่านั้นเอง”

“ร็อบนี่สมกับเป็นพี่ชายคุณลิซ่าจริงๆ ด้วย”

ผมออกปากบ่นเขาบ้าง เรื่องที่ทำให้ผมคิดมากจนนอนไม่หลับมาตั้งหลายวัน เขากลับพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายอย่างนั้นละ แต่คนถูกกลับบ่นหัวเราะ ยอมรับเสียอย่างนั้น

“สงสัยจะเป็นนิสัยตามสายเลือดน่ะครับ คีลองกลับไปคิดดูนะ”

เขาบอกแล้วยกมือขยี้ผมของผมอีกที ส่วนผมยิ้มให้ แม้จะยังไม่ตัดสินใจว่าจะทำตามที่เขาแนะนำดีหรือเปล่า แต่อย่างน้อยการได้ระบายออกมาก็ทำให้ผมรู้สึกโล่งขึ้นจริงๆ

“ขอบคุณนะครับ ร็อบ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ตอบรับความรู้สึกของคุณไม่ได้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ รอบนี้ผมยังตกหลุมรักไม่ลึกเท่าไหร่ พอจะปืนขึ้นมาได้โดยไม่เจ็บหัวใจมาก ส่วนคำขอบคุณ ขอเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใสของคี ตลอดทริปที่เหลือของพวกเราดีกว่า โอเคไหมครับ”

“โอเคครับ” ผมพยักหน้ารับคำแล้วยิ้มกว้างขึ้นอีก

จังหวะนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงคุณลิซ่าร้องเรียกมาจากด้านล่างเนิน

“เฮ้! สองคนนั้นน่ะ จะคุยกันอีกนานไหม ดวงอาทิตย์ตกแล้ว ไม่รีบกลับเดี๋ยวก็ไม่ทันด่านปิดหรอก”


“บอกแล้วว่าให้พักแคมป์ไซต์ของอุทยาน จะได้ไม่ต้องกลัวปิดด่าน ก็ไม่เชื่อนี่นา”

ร็อบงึมงำแต่ไม่กล้าค้าน ผมหัวเราะท่าทางหงอน้องสาวของเขาอีกครั้ง พวกเราขยับลุกขึ้น ปัดทรายออกจากตัวแล้ววิ่งลงเนินไปหาสามสาวที่รอยืนอยู่

.............................................................


วันต่อมา ตอนเช้าพวกเราออกไปเที่ยวในอุทยานกันอีกรอบเพื่อเก็บบรรยากาศ แล้วจึงค่อยกลับมาเก็บกระเป๋า เช็กเอาท์ออกจากโรงแรมกลับวินดฮุก

ระหว่างทางเราแวะกินอาหารกลางวันที่เมืองโซลิแตร์ Solitaire ซึ่งอยู่บนทางหลวงหมายเลข c14 ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ริมขอบทะเลทราย มีแค่ร้านอาหาร คาเฟ่ ปั๊มน้ำมัน แล้วก็ที่พักประเภทลอดจ์กับแคมป์ไซต์ แต่เป็นจุดแวะพักขึ้นชื่อ เพราะอยู่ระหว่างเส้นทางจากวินดฮุกไปซอสซัสเฟลย์ และเส้นทางที่จะไปสวาคอปมุน เมืองท่องเที่ยวริมทะเลที่ร็อบเคยไปมาแล้ว

ร็อบเล่าว่า ตอนข้ามจากสวาคอปมุนไปฮาร์นาส เขาแวะพักค้างคืนที่นี่คืนหนึ่ง แล้วบอกว่า ทุกคนต้องชิมพายแอปเปิ้ลของร้านเบเกอรี่ที่โซลิแตร์ให้ได้ “เป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ครับ ในอินเทอร์เน็ตมีแต่คนบอกว่าเป็น Best Apple Pie Ever เลยละ” หนุ่มผมบลอนด์โฆษณาซ้ำ พวกเราที่เหลือเลยลองสั่งมาชิมกันคนละชิ้น แล้วก็อร่อยจริงๆ เสียด้วย คุณลิซ่าที่ตอนแรกบ่นว่าไม่อยากกินของหวานเยอะเพราะกลัวอ้วน ยังสั่งชิ้นที่สองมาแบ่งกับผมคนละครึ่ง

หลังจากนั้นพวกเราก็ตีรถตรงไปวินดฮุก ถึงตัวเมืองในช่วงบ่ายแก่ๆ เช็กอินในโรงแรมที่คุณลิซ่าจองไว้ แยกเข้าห้อง นอนพักกันตื่นหนึ่งแล้วค่อยออกไปกินอาหารเย็น

ผมตั้งใจจะเจ้ามือตามที่บอกทุกคนไว้ตั้งแต่ตอนอยู่นามิบ เลยนั่งค้นอินเทอร์เน็ตหาร้านอาหาร ในเว็บไซต์มีแต่คนแนะนำร้าน Joe’ s Beerhouse ซึ่งร้านสไตล์ซาฟารี มีอาหารแปลกๆ อย่างเนื้อม้าลาย, นกกระจอกเทศ แล้วก็จระเข้ แต่อาหารทั่วไปก็อร่อยมาก แถมให้เยอะด้วย ผมจึงชวนทุกคนไปกินอาหารเย็นที่นี่

ร้านนี้เป็นที่นิยมจริงๆ ค่อนข้างแน่นจนเกือบจะไม่มีโต๊ะว่าง โชคดีที่ขอจอยโต๊ะกับนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กอีกกลุ่ม ได้กินอาหารแล้วก็นั่งฟังเพลงสไตล์คันที่สลับกับคุยกันไปพอเพลินๆ อยู่ในทุ่งหญ้าต่อด้วยทะเลทรายมาครึ่งค่อนเดือน พอกลับมาชมแสงสีในเมืองแล้วก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาเหมือนกัน

พออิ่มแล้วคุณลิซ่านึกครึ้มขึ้นมา ชวนพวกเราไปหาที่แฮงค์เอาท์กันต่อ

“ถือว่าเลี้ยงส่งคีด้วยไง พรุ่งนี้แมทจะมารับกลับฮาร์นาสแล้ว”

ผมจะออกปากบอกว่าไม่ต้องเลี้ยงส่งก็ได้ แต่เห็นท่าทางกระตือรือร้นของคุณลิซ่าแล้วน่าจะอยากเที่ยวเองมากกว่า จึงเออออตามใจเธอ คุณลิซ่าไปถามพนักงานในร้านอาหารว่ามีไนต์คลับไหนน่าสน คนท้องที่แนะนำมาแห่งหนึ่ง เป็นผับกึ่งคลับเลาจน์ เปิดตั้งแต่ห้าทุ่มจนถึงตีสี่ มีวงดนตรี ดีเจเปิดแผ่นแล้วก็ฟลอร์เต้นรำ

คุณลิซ่าตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ชวนเพื่อนๆ กลับไปเปลี่ยนชุดที่โรงแรมก่อน พอลงมาเจอกันที่ล็อบบี้อีกครั้งตอนสี่ทุ่มครึ่ง ผมก็แทบอ้าปากค้าง สามสาวสลัดชุดเที่ยวทะเลทรายสมบุกสมบัน มาใส่สกินนี่ยีนพอดีตัวกับเสื้อแขนกุดสุดเซ็กซี่ แต่งหน้าแบบจัดเต็มอีกต่างหาก

“นี่เอาชุดแบบนี้มาด้วยเหรอครับเนี่ย...”

ผมพึมพำกับร็อบ ส่วนพี่ชายของหนึ่งในสามสาวกลอกตา หันมากระซิบเมาท์ว่า

“พวกสาวๆ เขามีชุดปาร์ตี้ติดตัวไปไหนต่อไหนตลอดละครับ พร้อมเที่ยวกลางคืนได้ทั่วโลก ยัยลิซ่าเนี่ยตัวดีเลย นึกว่าไปเลี้ยงสัตว์อยู่ในทุ่งหญ้ามาตั้งเกือบเดือนจะสงบเสงี่ยมขึ้นบ้าง พอได้ยินว่ามีฟลอร์เต้นรำเข้าหน่อย ต่อมสาวเปรี้ยวทำงานทันที”



พวกเราไปถึงที่ผับนั้นตอนห้าทุ่มกว่าๆ คนเริ่มทยอยมาเที่ยว ตัวร้านค่อนข้างกว้าง แต่ที่จอดรถด้านนอกน้อยไปหน่อย ผมกับร็อบจอดส่งพวกสาวๆ ที่หน้าร้านแล้วขับเลยไปอีก 2-3 บล็อกเพื่อจอดรถในที่ฝากรถแบบจ่ายเงิน นามิเบียมีสถิติอาชญากรรมไม่สูง แต่ตามเมืองใหญ่ๆ ก็ยังมีคดีลักทรัพย์และทุบรถอยู่ ยิ่งเป็นรถเช่าแบบนี้ ถ้าโดนทุบต้องทำเรื่องเคลมประกันกันยุ่งยาก ไม่ประมาทดีกว่า

พอเข้าไปข้างในกำลังคึกคักพอดี ดีเจบนเวทีเริ่มเปิดแผ่นแล้ว เสียงดนตรีเร้าใจดังกระหึ่ม แสงไฟวูบวาบ ผมเคยเที่ยวกลางคืนบ้าง ส่วนใหญ่จะไปกับเจ้เคธไม่ก็พวกเพื่อนๆ เพราะพี่เมธไม่ชอบเที่ยวกลางคืน

ผมกวาดตามองรอบตัวอย่างสนใจ ไม่คิดว่านามิเบียที่เน้นการเที่ยวเที่ยวแนวธรรมชาติจะมีผับหรูไม่ต่างจากกรุงเทพ แต่เมืองใหญ่ทุกเมืองในโลกก็คงเหมือนกันละมั้ง นักเที่ยวเท่าที่มองดูก็มีหลากหลายเชื้อชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเหมือนพวกเรา

ผมไม่กินเหล้าเลยอาสาเป็นสารถีขับรถพาทุกคนกลับ บอกให้ร็อบดื่มเหล้าได้ตามสบาย เดี๋ยววันมะรืนพวกเขาก็จะบินกลับอเมริกาไปทำงานแล้ว ควรสนุกกันให้เต็มที่ ร็อบสั่งเหล้าแล้วมายืนจิบอยู่ข้างผมที่เคาน์เตอร์บาร์ ดูพวกคุณลิซ่าออกไปเต้นรำ

“ยัยลิซ่าปล่อยผีซะแล้ว”

ร็อบบ่นน้องสาวที่เป็นดาวเด่นอยู่กลางฟลอร์ มีหนุ่มๆ มาขอเต้นด้วยไม่ขาด สาวสวยพยักหน้าตกลง แต่ไม่เข้าใกล้ผู้ชายคนไหนมากเกินไป ร็อบเห็นทุกคนสนุกกันดี ก็หันไปคุยกับนักเที่ยวคนอื่นที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บ้าง มีผมแต่ที่คอยมองพวกสาวๆ บนฟลอร์อยู่

พักหนึ่งผมจึงสังเกตเห็นว่า มีผู้ชายคนหนึ่งพยายามจะเข้าไปนัวเนียกับคุณลิซ่า และสาวสวยผมบลอนด์ก็พยายามดันตัวเขาออกไปอย่างสุภาพ แม้สีหน้าจะเริ่มออกอาการหงุดหงิด ผมรีบสะกิดพี่ชายของเธอทันที

“ร็อบครับ ผมว่าคุณลิซ่ามีปัญหา”

ร็อบหันไปมองแล้วขมวดคิ้ว พอเห็นน้องสาวถูกผู้ชายตื๊อ เขาก็รีบลุกเดินเข้าไปช่วย ดึงผู้ชายคนนั้นออกมาจากจากคุณลิซ่าแล้วบอกด้วยสีหน้าดุดัน “เฮ้! คุณ เธอไม่โอเค เห็นรึเปล่า”

ชายหนุ่มซึ่งน่าจะเป็นนักเที่ยวเที่ยวลาตินอเมริกันหันมา ตาฉ่ำเยิ้มนิดๆ บ่งบอกว่าคงมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดพอสมควร ถามเสียงอ้อแอ้ “เสือกอะไรด้วยวะ แฟนมึงเหรอ”

“ไม่ใช่แฟน นั่นน้องสาว” ร็อบตอบเสียงเย็น

อีกฝ่ายเดาะลิ้น เอ่ยเสียงระคายหู “อ่อ...คุณพี่ชายหวงน้องสาว โตจนเต้นยั่วผู้ชายได้ทั้งฟลอร์แบบนี้คงไม่ต้องห่วงแล้วละมั้ง ฉันแค่ขอเต้นด้วยเพลงเดียวทำเป็นเล่นตัว หรือต้องจ่ายเงิน”

“เอ๊ะ ไอ้เวรนี่! ”

คุณลิซ่าอุทาน เตรียมถลันเข้าไปจัดการกับผู้ชายคนนั้น แต่ร็อบชิงเอากำปั้นตั๊นหน้าคนเมาปากหมาจนร่วงลงไปกองกับพื้นเสียก่อน พออีกฝ่ายลุกขึ้นมาได้ก็ทำท่าจะเข้ามาสวน คนทั้งฟลอร์แตกฮือ

การ์ดรีบเข้ามาเคลียร์ทันที โชคดีที่มีพยานเห็นว่าฝั่งนั้นมาหาเรื่องลวนลามคุณลิซ่าก่อน ผู้ชายคนนั้นจึงถูกลากออกไปนอกร้านทั้งที่ยังก่นด่าเสียงดัง พอจบเรื่อง ทุกอย่างก็กลับสู่สภาพปกติ แต่คุณลิซ่าชวนพวกเราเดินลงจากฟลอร์ แล้วหันมาบอกหน้าบึ้งตึง

“กลับเถอะ หมดสนุกแล้ว เพราะไอ้บ้านั่นคนเดียว” หญิงสาวบ่นเสียงเข่นเขี้ยว

พวกเราทุกคนเห็นด้วยกับเธอ ผมกับร็อบให้พวกสาวๆ ออกมายืนรอหน้าร้าน อย่างน้อยตรงนี้ก็สว่างแล้วก็มีการ์ดยืนคุมอยู่ด้วย แล้วเราสองคนก็เดินกลับไปเอารถที่ลานจอด

ตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมเองก็ชักเพลีย ส่วนร็อบดื่มไปพอสมควรคงชักมึนเหมือนกัน พวกเราเลยชะลอฝีเท้าเดินช้าลงนิดหนึ่ง เขาเงยหน้าสูดอากาศเย็นฉ่ำยามดึกเพื่อช่วยให้สร่างเมา แล้วก็เปรยว่า “พรุ่งนี้แมทจะมารับคีแล้ว กลับไปก็อย่าลืมลองวิธีที่ผมบอกนะครับ”

ผมแกล้งทำหน้าบึ้งใส่ “ร็อบย้ำจังเลย นี่ตกลงเป็นศัตรูหัวใจ หรือเป็นกองเชียร์ให้แมทกันแน่เนี่ย”

ชายหนุ่มผมบลอนด์หัวเราะแล้วตอบกลับ

“ผมเป็นกองเชียร์คีต่างหากละครับ อยากเห็นคีกลับมาร่าเริงเหมือนตอนแรกที่อยู่ฮาร์นาสไง”

ผมหัวเราะออกมาบ้าง กำลังจะอ้าปากตอบเขา แต่อยู่ๆ ก็มีใครบางคนโผล่ออกมาจากเงามืดข้างกำแพงมุมตึก เจ้าตัวฟาดอะไรบางอย่างใส่ศีรษะชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างผมอย่างแรง

ผลัวะ!

คนถูกฟาดล้มหน้าคว่ำลงไปทันที ผมรีบคว้าตัวเขาไว้ อุทานออกมาเสียงดังลั่น “ร็อบ! ”



...........................TBC..............................



ตอนนี้ร็อบมีบทเด่นอย่างจริงจังค่ะ รู้สึกเหมือนร็อบเป็นตัวแทนของคนเขียนและคนอ่านที่จะดุน้องคีจอมคิดมาก คุณจากัวร์เป็นตัวละครที่หลุดไปจากอิมเมจแรกที่เราวางไว้มากที่สุดแล้ว ไว้วันหลังจะเมาท์ Fact เรื่องร็อบลงในเพจเหมือนตอนเมาท์เรื่องคุณสิงโตนะคะ

ทิ้งท้ายจบตอนแบบตื่นเต้น ไว้มาติดตามตอนหน้านะคะว่าร็อบกับน้องคีจะเป็นอะไรรึเปล่า เรื่องนี้เท่าที่วางโครงไว้ น่าจะจบในอีก 3-4 ตอนข้างหน้านี้แล้วค่ะ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยนะคะ

หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-10-2018 13:24:30
อ้าว โดนหมาลอบกัดแล้ว
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-10-2018 13:47:21
อ้าว อีร๊อบจะเป็นไรมากไหมเนี่ยะ อุตสาห์ช่วยพูดให้คีคิดได้แล้วเชียว  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-10-2018 13:56:56
ร็อบอย่าเป็นอะไรมากนะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-10-2018 16:36:18
อ้าว หมาลอบกัดนี่หว่าซึ่งหน้าไม่ได้ลอบกัดมันซะเลย ไม่แมนหนี่หว่าไอ้นี่
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-10-2018 18:11:39
โอ้ยยยย ตายแล้ว ขอให้ร็อบกับคีปลอดภัย
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-10-2018 21:20:22
 :serius2:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-10-2018 22:14:34
สงสารร็อบที่ถูกทำร้ายร่างกายแบบนั้น เรื่องควรจะจบตั้งแต่ข้างในแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 04-10-2018 06:35:21
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-10-2018 07:50:40
ร็อบ เป็นคนดีมาก  :mew1:
ชอบคี พอคีไม่ชอบตอบก็ไม่เซ้าซี้
แถมเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจด้วย
ถูกลอบกัด ถูกทำร้ายร่างกาย ขออย่าเป็นอะไรร้ายแรงนะ  :mew2:

แมท  คี   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 26 [Update 3/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 04-10-2018 13:37:48
ชอบๆ รอติดตามต่อไปจร้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 05-10-2018 12:30:04
บทที่ 27

สิ้นเสียงของผม ร็อบที่เซล้มลงมาตั้งหลักได้ เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า มือคว้าตัวผมดึงเข้าไปหาเพื่อให้หลบไปด้านข้าง ฟึบ! ไม้ที่ฟาดลงมาเฉียดศีรษะผมไปนิดเดียว พวกเรารีบถอยห่างออกมายืนอยู่กลางถนนตรงที่มีแสงไฟส่อง คนสามคนเดินออกมาจากจุดอับตรงมุมตึก พวกมันใส่หมวกปิดหน้า แต่ผมพอจำเสื้อผ้าของคนหนึ่งในนั้นได้....เหมือนจะเป็นคนเมาที่มีเรื่องกับร็อบในผับเมื่อกี้

ร็อบรีบดันตัวผมไปหลบด้านหลัง ศีรษะเขาแตกเลือดไหลอาบลงมา แต่ยังคงไม่มีท่าทางหวาดกลัว ตะโกนถามคนที่จู่โจมพวกเราอย่างใจเย็น “เฮ้ พวก! ต้องการอะไร? ถ้าอยากได้เงินก็เอาไปเลย อย่าทำร้ายพวกเรา”

“หงอเลยโว้ย ไม่เห็นกร่างอย่างในผับเมื่อกี้”

คนพวกนั้นหัวเราะ ตอบเสียงกระด้าง “พวกกูแค่อยากถอนฟันมึงสัก 3-4 ซี่ แต่มาคิดดู ได้เงินด้วยก็ดีว่ะ”

สำเนียงภาษาอังกฤษแปร่งๆ แบบนี้ชัดเลย....ผู้ชายที่ลวนลามคุณลิซ่าแน่ๆ หมอนี่คงผูกใจเจ็บที่ถูกร็อบต่อยเลยตามมาเอาคืน ร็อบคงจำได้เหมือนกัน ผมเห็นเขากวาดตามองรอบตัวแล้วขมวดคิ้ว จุดที่พวกเรายืนอยู่เป็นจุดอับและตอนนี้ก็ดึกมาก จะตะโกนขอคนให้ช่วยอาจช้าเกินไป อีกฝั่งตั้งใจมาแก้แค้น คงไม่ยอมต่อรองด้วยแน่ พวกมันคงซ้อมเราให้หมอบแล้วค่อยหยิบของมีค่าไปมากกว่า

สามคนนั้นตีกรอบเข้ามา เจ้าคนที่ตีร็อบถือไม้ท่อนใหญ่มาด้วย ส่วนอีกสองคนไม่มีอาวุธ ร็อบดันผมให้หลบไปอีกทาง เขาล้วงหยิบกุญแจรถแอบส่งให้ กระซิบบอก “เดี๋ยวพอผมบอกให้วิ่ง คีวิ่งไปที่ที่จอดรถเลยนะ วิ่งให้เร็วที่สุด ไม่ต้องห่วงข้างหลัง ผมจะกันพวกมันไว้ คีขึ้นรถแล้วปิดล็อก รีบโทรแจ้งตำรวจ”

“แล้วคุณละครับ” ผมถามร้อนรน

“แค่ 3 คน ผมพอรับมือได้สักระยะ คีรีบตามตำรวจมา อย่าลงจากรถเด็ดขาด” ร็อบตอบรัวเร็ว

จังหวะนั้นคนร้ายที่ถือไม้ก็พุ่งเข้ามาก่อน ร็อบผลักผมให้ออกห่าง พร้อมกับเสยหมัดสวนเข้าดั้งจมูกหมอนั่น พลั่ก! คนที่ถูกต่อยส่งเสียงอึกอักอย่างผิดคาด ก่อนจะถอยไป ร็อบตะโกนบอกโดยไม่หันมามองผม “วิ่ง! ”

ผมออกวิ่งสุดฝีเท้า ได้ยินเสียงคนหนึ่งในพวกนั้นร้องบอกเป็นภาษาไม่คุ้นหู แต่ร็อบคงกันพวกนั้นไว้ได้เพราะไม่มีใครวิ่งตามผมมา ผมวิ่งเต็มความเร็วไปจนถึงลานจอดรถ โชคร้ายที่ตอนนี้ดึกเกินไป พวกพนักงานเลิกกะกลับหมด มีแต่เครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ

ผมกระหืดกระหอบ หัวใจเต้นกระหน่ำ รีบวิ่งเปิดประตูฝั่งคนขับเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ล็อกรถ รีบหยิบโทรศัพท์มาโทรแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ปลายสายบอกว่าจะรีบแจ้งตำรวจให้ แต่ผมคิดว่าอาจจะไม่ทัน ผมตัดสินใจสตาร์ทรถขับออกมา

ถนนตรงหน้าว่างโล่ง ร็อบกับพวกคนร้ายยังอยู่บนถนนตรงนั้น หนุ่มอเมริกันผมบลอนด์อยู่กลางวงล้อม ถ้าตัวต่อตัวเขาคงรับมือได้ แต่นี่ร็อบโดนไม้ตีแถมพวกมันก็มีมากกว่า เขาเลยชักเสียเปรียบ

ผมเห็นแบบนั้นก็รีบกดไฟสูงใส่ บีบแตรดังลั่น คนทั้งกลุ่มสะดุ้งโหยง จังหวะนั้นผมรีบลดกระจกลงครึ่งหนึ่ง ตะโกนเป็นภาษาไทย “ร็อบ! หลบไป! ”

ร็อบฟังประโยคหลังไม่ออก แต่แค่ได้ยินเสียง เขาคงรู้ว่าเป็นผม ชายหนุ่มรีบเบี่ยงตัวหลบติดกำแพงโดยไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ผมเร่งเครื่องพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนร้ายโดยไม่ลังเล พวกมันร้องตะโกนกระโดดหนี ดูเหมือนผมจะขับชนคนหนึ่งแบบเฉียดๆ ด้วย แต่ผมไม่สนใจ รีบหักเลี้ยว เบรกกึก กดปลดล็อก เรียกร็อบเสียงดัง

“Get in! ” (ขึ้นรถ)

ร็อบกัดฟันข่มความเจ็บ วิ่งตรงเข้ามาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ พอปิดประตูปัง ผมก็รีบเหยียบคันเร่งพุ่งออกไป

ผมเหลือบมองกระจกข้าง เห็นคนร้าย 3 คนนั้นถูกทิ้งไว้ด้านหลัง มีคนหนึ่งเอามือกุมสะโพก แต่ยังยืนอยู่ได้ แสดงว่าที่ผมชนเมื่อกี้คงไม่ได้เจ็บหนัก ผมถอนใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่ได้ขับรถชนใครตายที่เมืองนอกละ

ผมรีบหันไปทางร็อบที่นั่งหอบหายใจอยู่ข้างๆ “คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ”

“พอไหวครับ” ร็อบตอบกลับ เขายกมือแตะแผลที่ศีรษะ สูดปากด้วยความเจ็บ “คีใจเด็ดชะมัด เมื่อกี้ถ้าไอ้พวกนั้นหลบไม่ทันมีได้ขับรถทับกันบ้าง แต่คีไม่น่าขับรถมาเลย ผมบอกให้เรียกตำรวจไม่ใช่เหรอ” เขาออกปากชมและดุผมไปพร้อมกันในประโยคต่อมา

“เรียกแล้วครับ แต่กลัวตำรวจมาไม่ทัน คุณจะถูกซ้อมหมอบเสียก่อน”

ผมตอบพลางหัวเราะสั่นๆ พอผ่านช่วงเครียดสุดขีดที่อดินารีนหลั่งไปถึงรู้ตัวว่า มือทั้งสองข้างที่กำพวงมาลัยเย็นเฉียบ ร็อบคงสังเกตเห็นท่าทางนั้น เสียงพูดเลยอ่อนลง “ขอบคุณครับ คีเก่งมาก” เขาเอนหลังพิงเบาะรถ แกล้งถอนใจ

“เฮ้อ นี่ถ้าคุณพ่อของคีที่ฮาร์นาสรู้ว่าผมพาคีมาเที่ยวแล้วเจอเรื่องเสี่ยงๆ แบบนี้ ผมโดนเขม่นตายเลย”

ผมฝืนยิ้ม รู้ว่าร็อบคงแกล้งแซวไปถึงแมทเพื่อให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่พอได้ยินชื่อคุณสิงโตก็ทำให้ใจโหวงๆ ไปเหมือนกัน

“แมทจะมาถึงวินดฮุกพรุ่งนี้ เขาไม่รู้หรอกครับ”



อาการบาดเจ็บภายนอกของร็อบไม่รุนแรงนัก มีแต่แผลฟกช้ำกับปากแตก ผมห่วงตรงที่เขาถูกตีศีรษะตอนแรกมากกว่า อยากพาไปตรวจโรงพยาบาล แต่ต้องไปรับพวกคุณลิซ่าก่อน

พวกเราจอดรถตรงริมถนนหน้าผับ ผมให้ร็อบรออยู่ในรถก่อนจะรีบวิ่งลงไปเรียกพวกคุณลิซ่า สามสาวยังยืนรออยู่ที่เดิม แต่มีใครอีกคนยืนอยู่ด้วย ตอนแรกผมคิดว่าเป็นการ์ดของผับ แต่พอมองชัดๆ เห็นผมยาวกับใบหน้ารกด้วยหนวดที่จำได้ขึ้นใจ หัวใจผมก็กระตุกวูบ

“แมท! ” ผมเรียกชื่อเขาพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา

คุณสิงโตหันมา คว้าตัวผมเข้าไปในอ้อมแขนโดยอัตโนมัติ “คี! ไง...ฉันมาถึงเร็วก็เลยโทรหาลิซ่า...เกิดอะไรขึ้น! ” คำทักทายของเขาเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานเมื่อเห็นว่าผมตัวสั่น ผมรีบเงยหน้าขึ้น บอกรัวเร็ว

“ร็อบถูกทำร้ายครับ เขาบาดเจ็บ ผมจะพาเขาไปโรงพยาบาล”

คุณลิซ่าที่กำลังทำท่ากลอกตาเบื่อหน่ายเปลี่ยนเป็นตกใจทันที “อะไรนะ! ถูกทำร้าย! ? แล้วเป็นอะไรรึเปล่า” เธอละล่ำละลักถาม แต่ผมไม่อยากเสียเวลาจึงรีบบอกสั้นๆ

“น่าไม่เป็นอะไรมากครับ ไม่ได้หมดสติ...แต่หัวแตก เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะ รีบพาร็อบไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”

ผมรีบวิ่งนำทุกคนไปที่รถ พอเห็นสภาพโชกเลือดของร็อบ สามสาวก็หน้าซีด คุณลิซ่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แม้ว่าพี่ชายเธอจะปลอบว่าเขาโอเค แมทเห็นทุกคนคุมสติกันแทบไม่ได้จึงเสนอตัวเป็นคนขับรถไปโรงพยาบาลให้ ผมรีบต้อนพวกสาวๆ เข้าไปนั่งเบาะหลังก่อนจะตามขึ้นไป



ครึ่งชั่วโมงต่อมา ร็อบก็อยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หมอทำแผลและตรวจร่างกายเพื่อเช็กอาการบาดเจ็บภายใน เบื้องต้นน่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่คุณหมออยากให้เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดสัก 24 ชั่วโมง เลยแนะนำให้อยู่โรงพยาบาลสักคืน ร็อบไม่มีปัญหาอะไรเพราะทำประกันการเดินทางไว้เต็มแมค ครอบคลุมกรณีอุบัติเหตุพร้อม

ตอนที่ถูกซักประวัติ พวกผมบอกไปตามตรงว่าถูกคนทำร้ายเพราะมีเรื่องกันในผับ ทางโรงพยาบาลถามว่าจะแจ้งความไหม แต่พวกเราคิดว่า ถ้าถึงตำรวจคงเป็นเรื่องใหญ่ ดีไม่ดีจะกลายเป็นยุ่งกว่าเก่า ยังไงอีก 2 วันร็อบกับพวกคุณลิซ่าก็จะกลับอเมริกา จึงตัดสินใจปล่อยไป

“คีขับรถชนหมอนั่นสะโพกคราก ถือว่าหายกัน” ร็อบที่มีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะพูดติดตลก

คุณลิซ่าอาสาจะอยู่เฝ้าพี่ชายเอง ส่วนเจนกับคลอเดียกำลังตกใจและหวาดกลัว ไม่อยากกลับไปพักที่โรงแรมกันตามลำพัง แมทจึงเสนอว่า เขาจองที่พักที่เกสเฮาส์ของเพื่อนเอาไว้ ยังมีห้องว่าง ให้พวกเธอไปพักได้ ที่นั่นปลอดภัยและมีคนคอยดูแลตลอดเวลา

พวกเราที่เหลือจึงตกลงว่าจะกลับไปเอาเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวที่โรงแรม ย้ายไปพักที่เกสเฮาส์เพื่อนคุณสิงโต ก่อนไปผมถามคุณลิซ่าว่าเธออยากได้อะไรไหม แต่หญิงสาวผมบลอนด์ส่ายหน้า เธอเข้ามากอดผม พึมพำเสียงสั่น

“ขอบคุณนะคี ที่ช่วยชีวิตร็อบ”

ผมตบหลังเธอเบาๆ รู้ว่าหญิงสาวคนรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้พี่ชายของเธอมีเรื่องกับคนอื่นจนถูกทำร้ายทีหลัง

“ไม่เป็นไรครับ คุณอย่าคิดมากนะ ร็อบปลอดภัยแล้ว”

.................................................................



กว่าจะออกจากโรงพยาบาลและจัดการเรื่องย้ายที่พักเรียบร้อยก็เกือบรุ่งสาง ผมหิ้วกระเป๋าเป้เข้าไปในห้องพักของแมท ทิ้งตัวนั่งบนเตียงพลางถอนใจเฮือกอย่างเหนื่อยอ่อน แมทหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่ตรงราว เดินเข้าไปในห้องน้ำ พอออกมา เขาก็ยื่นผ้าชุบน้ำหมาดๆ ให้ผม

“คีเหนื่อยมากแล้ว เช็ดหน้าเช็ดตาเสียหน่อย นอนสักตื่น สายๆ ค่อยกลับไปดูอาการคุณร็อบที่โรงพยาบาลกัน”

“ขอบคุณครับ” ผมรับผ้าผืนนั้นมาเช็ดหน้าตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย พอเห็นเขายังก้มมองผมอย่างเป็นห่วง ผมก็ยิ้มถามเขาว่า “ทำไมคุณถึงมาเร็วละครับ ผมนึกว่าคุณจะออกจากฮาร์นาสพรุ่งนี้เช้าเสียอีก”

แมทยิ้มตอบ “ฉันอยากเจอคีเร็วๆ ก็เลยตัดสินใจขับรถมาตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย มาถึงตอนดึก คิดว่าจะไปหาคีที่โรงแรมพรุ่งนี้ แต่ลองเสี่ยงแวะไปดูที่โรงแรมก่อน เห็นที่ฟรอนต์บอกว่า พวกคีออกไปข้างนอกกัน ฉันเลยโทรหาลิซ่าน่ะ”

เขาเอื้อมมือมาลูบศีรษะผม “เมื่อกี้คุณร็อบเล่าให้ฉันฟัง คีกล้าหาญมากนะ เก่งมาก”

เสียงทุ้มที่เอ่ยชม กับมือใหญ่ที่วางอยู่บนศีรษะทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและวางใจ หลังจากผ่านเหตุการณ์เสี่ยงๆ ผมรู้สึกเหมือนชีวิตมันไม่มั่นคงเลยสักนิด ตอนที่ถูกคนร้ายพวกนั้นล้อมไว้ วินาทีนั้นผมกลัวมาก ผมคิดถึงป๊าม้ากับเจ้เคธ กลัวว่าจะไม่ได้กลับไปหาพวกเขาอีก แล้วก็คิดถึงหน้าแมท คิดว่าอาจไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีก

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา อ้าปากบอกเสียงอึกอัก “แมทครับ...ผม....” ผมพูดออกไปแค่นั้นก็หยุด

“หือ?” แมททรุดนั่งลงบนเตียงเพื่อให้ระดับสายตาเราใกล้กัน เขายื่นมือมากุมมือผม ถามอย่างเป็นห่วง “คีเป็นอะไรไป อยากได้อะไรหรือเปล่า”

ผมส่ายหน้า หัวใจเต้นรัว ทั้งที่มีอะไรจะบอกเขามากมาย แต่กลับพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่อยู่ในมือเขา สุดท้ายจึงเป็นแมทที่เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“ฉันเองก็มีอะไรอยากบอกคีนะ ที่รีบขับรถมาวินดฮุกก็เพราะอยากจะบอกคีเร็วๆ นี่แหละ คีจำคืนนั้นได้ไหม คืนที่แฟนเก่าของคีโทรมา ก่อนหน้านั้นฉันบอกคีว่า ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว และคนนั้นคีก็รู้จัก...”

ผมพยักหน้าหงึกเมื่อเขาย้อนถาม แต่ไม่ได้บอกเขาว่า เพราะคำพูดประโยคนั้นของเขา ทำให้ผมคิดว่า คนคนนั้นน่าจะเป็นเจ้เคธ

แมทเห็นผมไม่ยอมพูดอะไรจึงเล่าต่อ “ฉันพบคนคนนั้นครั้งแรกเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย จะเรียกว่า พบ ก็คงไม่ถูกนัก เพราะฉันแค่เห็นเขาผ่านรูปถ่ายบนโทรศัพท์ของเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันเท่านั้น”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนเล่า เบิกตากว้างอย่างแปลกใจ เมื่อกี้แมทใช้คำว่า เขา ไม่ใช่ เธอ ใช่ไหม? แถมยังบอกว่าเห็นจากรูปถ่ายในโทรศัพท์?

คุณสิงโตเห็นผมยอมเงยหน้าขึ้นมามองก็ยิ้มกว้าง

“เพื่อนฉันเปิดรูปให้ฉันดู แนะนำว่า คนนี้น้องชายสุดที่รักของเธอ ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กไฮสคูล สวมเครื่องแบบนักเรียนที่เป็นเสื้อสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ ยิ้มสดใสให้กล้อง ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตกหลุมรักเข้าอย่างจังเลยละ น่าตลกไหม อายุยี่สิบกว่าเพิ่งจะมี love at first sight หลงรักคนในรูปถ่ายอย่างกับเด็กพรีทีนแน่ะ”

แมทเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะที่ผมกะพริบตาปริบ รู้สึกเหมือนหัวใจในอกค่อยๆ พองโตขึ้น

“หลังจากนั้นฉันก็คอยแอบถามเรื่องของเด็กคนนั้นจากเพื่อน เธอเห่อน้องชายน่าดู เล่าให้ฉันฟังทุกเรื่อง ตอนน้องชายมาสารภาพกับครอบครัวว่าเป็นเกย์ เธอก็มาปรึกษาฉัน ฉันแนะนำว่า ปล่อยให้เขาได้เลือกอย่างอิสระเถอะ แต่ในใจฉันแอบดีใจอยู่เงียบๆ ได้แต่ด่าตัวเองว่า แล้วยังไง เขาชอบผู้ชาย แต่นายอยู่ไกลกันคนละซีกโลก เจอก็ไม่เคยได้เจอ โอกาสแทบจะเป็นศูนย์”

เขาถอนใจอีกเฮือกกก่อนจะเล่าต่อ “สุดท้ายเพื่อนฉันก็มาเล่าให้ฟังว่า น้องชายเธอมีแฟน เป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ฉันบอกตัวเองให้ว่าให้เลิกเพ้อได้แล้ว แต่ผ่านไปหลายปี คบกับใครมาหลายคน เด็กผู้ชายคนนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในความคิด แล้ววันหนึ่ง ระหว่างที่อยู่ฮาร์นาส เพื่อนฉันก็ติดต่อมา บอกว่า ช่วยดูแลน้องชายเธอสักระยะได้ไหม เขาอกหัก อยากหนีมาไกลๆ เพื่อลืม ฉันตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดซ้ำเลยละ”

คุณสิงโตกระชับมือที่กุมมือผมเอาไว้ ใบหน้ารกด้วยหนวดคลี่ยิ้มอ่อนโยน

“คืนแรกที่คมาถึง ฉันได้ยินเสียงคีนอนร้องไห้ ฉันรู้ว่าคียังเจ็บปวด เลยอยากรอให้คีค่อยๆ หายดีเสียก่อน ฉันวางใจไปหน่อย คิดตัวเองมีเวลาตั้งเกือบเดือนที่จะทำให้ความรู้จักและสนิทกับคีโดยไม่มีคนอื่นเข้ามาแทรก แต่ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดนะ...ลูกแมวน้อยน่ารัก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนสนใจ”

แมททำหน้าเหนื่อยใจ ผมรู้ว่าเขาคงหมายถึงร็อบ จึงรีบแก้ไขความใจผิด

“ผมไม่ได้มองร็อบแบบนั้นนะครับ”

คุณสิงโตแตะนิ้วลงบนริมฝีปากของผม พร้อมกับคลี่ยิ้ม “ฉันรู้แล้วละ ความจริงไม่ใช่ความผิดของคุณร็อบหรือคนอื่นหรอก ผิดที่ฉันไม่ยอมทำอะไรให้เคลียร์สักที วันนี้ฉันจึงตั้งใจจะรีบมาบอกคี โดยไม่รั้งรออะไรอีก...” เขาประคองใบหน้าผมขึ้นมาด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม ดวงตาเรียวสวยจ้องเข้าไปในตาผม บอกเสียงหนักแน่น

“ฉันชอบคี ชอบมาตั้งนานแล้ว คบกันฉันได้ไหม”

ผมกะพริบตาครั้งหนึ่งเพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อขึ้นมาเพราะความดีใจ ก่อนจะรีบพยักหน้าตกลง

“ครับ ผมก็ชอบแมท ขอบคุณนะครับ”

แมทยิ้มกว้าง ดึงผมเข้าไปในอ้อมแขนแล้วกอดไว้แน่น ผมซบหน้าลงกับแผ่นอกแข็ง รับรู้ว่าเขาถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอก ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหลังผม “พวกเรามัวรีรออยู่เสียนานเลยนะ”

เสียงทุ้มดังฮึมฮัมอยู่ข้างหู ผมส่ายหน้าประท้วงพร้อมกับสอดแขนกอดเขาตอบ

“ผมเพิ่งรู้ตัวเมื่อไม่กี่วันก่อนนะ คุณนั่นแหละ รอนานเกินไปแล้วครับ”

คุณสิงโตหัวเราะ ขยับห่างนิดหนึ่ง มือใหญ่เชยคางผมขึ้นแล้วก้มหน้าลงมาหา เขากระซิบบอกระหว่างที่ริมฝีปากของเราอยู่ห่างกันเพียงนิดเดียว “ต่อไปฉันจะบอกชอบเธอทุกวัน จนเธอเบื่อจะฟังเลยละ...เด็กดีของฉัน”

“ไม่มีทางเบื่อหรอกครับ”

ผมพึมพำรับคำแล้วหลับตา รอรับจูบแรกที่แตะแต้มลงบนริมฝีปากอย่างอ่อนโยน



...........................TBC..............................



เริ่มด้วยฉากบู๊ แล้วจบแบบหวานเจี๊ยบค่า ตอนแรกที่วางพล็อตฉากถูกทำร้าย ชั่งใจว่าจะให้คุณสิงโตตามมาช่วยดีไหม แต่สุดท้ายแล้ว กลับตัดสินใจว่า ปล่อยให้น้องคีรับมือกับสถานการณ์และแสดงมุมกล้าหาญออกมาบ้างดีกว่า (ถึงจะเป็นลูกแมวน้อย แต่ก็เป็นเด็กผุ้ชายนะ) เลยออกมาเป็นฉากขับรถพุ่งใส่นี่ละค่ะ

พูดถึงร็อบไปเมื่อตอนที่แล้ว ตอนนี้อยากเสริมอีกหน่อยว่า คุณจากัวร์เป็นตัวละครที่น่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ อกหักแล้วยังต้องมาเจ็บตัวอีก โถ พ่อคนดี ไว้ถ้ามีโอกาสก็อยากเขียนเรื่องราวของร็อบบ้างนะคะ หนุ่มหล่อขวัญใจสาวไฮสคูลที่กลัวผีสุดหัวใจ 5555

มาถึงฉากสารภาพความในใจกันบ้าง ผู้อ่านหลายคนเดาถูกตั้งแต่ตอนกลางๆ เรื่องว่า แมทแอบชอบคีอยู่ก่อน ใช่แล้วค่ะ แต่คู่นี้เป็นพวกคิดถึงความรู้สึกคนอื่นก่อนตัวเองกันทั้งคู่ เลยรีๆ รอๆ กันไปมาจนบางทีก็น่าเหนื่อยใจ เดี๋ยวตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษ Lion's Eyes ที่จะเล่าจากมุมมองของคุณสิงโตบ้างนะคะ

เรื่องนี้น่าจะเหลืออีก 3 ตอนจบอย่างที่แจ้งไว้ในท้ายตอนที่แล้ว เราตั้งใจจะให้จบได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ละค่ะ เพราะเดือนพฤศจิกายนมีภารกิจใหญ่ต้องเขียนตอนพิเศษสำหรับ ดุจภาพฝัน วันหิมะโปรย ที่จะออกเป็นฉบับรวมเล่มกับสำนักพิมพ์ฟาไฉในต้นปีหน้า (กระซิบว่า ตอนพิเศษแบบยาวจุใจบู้มๆ ค่ะ ต้องหัวปั่นทั้งเดือนแน่เลย /ร้องไห้ก่อน)

ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามและขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์นะคะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-10-2018 12:44:25
ใจตรงกันเสียทีนะครับ ลุ้นมากเลย
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-10-2018 13:14:18
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :o8: :o8: :o8: กว่าจะสารภาพกัน
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Blizzard_ ที่ 05-10-2018 14:14:28
 :z3: :z3: :katai3:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-10-2018 15:17:35
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-10-2018 19:50:06
ในที่สุดก็เข้าใจตรงกันเสียที
ปล แมวน้อยเก่งมากเลยลูกกกกก
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-10-2018 20:48:22
เฉียดเจ็บเฉียดตาย ก็จะตระหนักว่าชีวิดมันสั้น อย่ารีรอ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-10-2018 23:19:00
 :-[


หวานเจี๊ยบบบบบ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 06-10-2018 02:42:35
ในที่สุดก็บอกความในใจกันสักที เย่ๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: แต่อยากให้คุณสิงโตลองโกนหนวดดู ไม่ต้องโกนหมดแต่เอาให้มันดูไม่รก เชื่อว่าต้องออกมาดูเป็นแด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพอแน่นอนค่ะ  :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 06-10-2018 07:27:47
งื้อ ชอบบบ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 27 [Update 5/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-10-2018 15:30:30
เย้ๆ...........เข้าใจแล้ว  :mew1:

แมท คี   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 08-10-2018 18:56:35
บทที่ 28
Special Chapter: Lion’s Eyes


ทุกคนคงเคยมีของที่อยากได้ แล้วต้องพลาดหวังกันทั้งนั้นใช่ไหมครับ?

สมัยเด็กผมเคยอยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่ง เป็นหุ่นยนต์ทรานสฟอร์มเมอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ในร้านของเล่นที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน

ความจริงก่อนหน้านั้นผมไม่ได้ชอบหุ่นยนต์ ชอบพวกสัตว์ป่าไม่ก็ไดโนเสาร์มากกว่า ขนาดพ่อยังทักว่า โตขึ้นสงสัยผมจะเป็นสัตวแพทย์เหมือนดร.ดูลิตเติ้ล แต่ผมไม่ได้วางแผนระยะยาวอะไรหรอก ผมเพิ่งสิบขวบเอง อนาคตยังอีกไกล ดูอย่างพ่อสิ ตอนแรกมาเรียนปริญญาโทที่อเมริกาเพื่อกลับไปบริหารธุรกิจครอบครัว สุดท้ายพอเจอแม่ ก็แต่งงานตั้งรกรากอยู่ที่นี่ กลายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเสียอย่างนั้น

กลับมาที่ของเล่นดีกว่า สาเหตุที่ผมเกิดชอบหุ่นยนต์ขึ้นมาก็เพราะช่วงปีนั้นมีการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องใหม่ฉายทางทีวี ชื่อ Beast Wars: Transformers เป็นเฟรนด์ไชส์จากซีรีส์ทรานสฟอร์มเมอร์ที่เคยโด่งดังช่วงปี 80s เอามาดีไซน์คาแรกเตอร์ใหม่ โดยใช้พวกสัตว์ต่างๆ มาผสมกับหุ่นยนต์...ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่า ทำไมผมถึงได้ติดการ์ตูนเรื่องนี้หนึบ

ตัวละครที่ผมชอบที่สุดก็คือ Cheetor เป็นเสือชีต้าที่แปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ บุคลิกร่าเริงเหมือนเด็กผู้ชายวัยรุ่น (ถ้าเทียบกับทรานสฟอร์มเมอร์ออริจินอลที่คุ้นเคยกันก็คงเป็นบัมเบิ้ลบีละมั้ง) ร้านของเล่นร้านนั้นเอาหุ่นยนต์ทรานสฟอร์มเมอร์บีสวอร์มาวางขายครบเซต ชีเตอร์คนโปรดของผมยืนอยู่ในตู้โชว์ ถือปืนคู่ใจ แถมเปลี่ยนให้เป็นเสือชีต้าได้เหมือนในทีวี เท่สุดๆ

ผมเกาะตู้โชว์ตาวาวด้วยความอยากได้ แต่รู้ดีว่าคงยาก

ตอนนั้นบ้านผมไม่มีเงินมากนัก ถึงพ่อแม่จะทำงานทั้งคู่ แต่เงินเดือนไม่สูง ตอนพ่อตัดสินแต่งงานกับแม่และอยู่อเมริกาแทนที่จะกลับไต้หวัน ท่านก็สละสิทธิ์ในมรดกของคุณปู่ และตั้งใจจะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง พ่อแม่มีภาระมากมาย ไหนจะผ่อนบ้าน แล้วก็จ่ายภาษีอีก ผมไม่คิดว่าจะรบกวนพวกท่านให้ซื้อของเล่นราคาแพงให้หรอก

ผมกลับมาบ้าน นอนคิดถึงเจ้าหุ่นชีเตอร์อยู่ค่อนคืน สุดท้ายก็ลุกจากเตียง เปิดไฟฉาย หยิบสมุดเล่มเก่าที่ไม่ใช้แล้วออกมานั่งคำนวณ ผมมีเงินเก็บจากเงินปีใหม่ตามประเพณีจีนซึ่งคุณอา น้องสาวของพ่อมอบให้ตอนเธอแวะมาเยี่ยมเราครั้งก่อน

ถ้าผมเก็บเงินค่าขนมทุกวัน สัก 2 เดือนผมก็น่าจะมีเงินพอซื้อหุ่นยนต์ตัวนั้น ผมคิดอย่างฮึกเหิมแล้วกลับไปนอนหลับอย่างสบายใจ

หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มเก็บเงินค่าขนมใส่ไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ในลิ้นชักโต๊ะทำการบ้าน พยายามอดใจไม่กินไอศกรีม โคล่า หรือขนมอื่นๆ มันลำบากอยู่เหมือนกันสำหรับเด็กอายุสิบขวบ ผมต้องแวะไปดูเจ้าหุ่นชีเตอร์ที่ร้านของเล่นเป็นกำลังใจ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งใจหาย เพราะร้านทยอยขายเจ้าหุ่นตัวนั้นไปได้ทีละกล่องสองกล่อง

ผมเก็บเงินได้มากแล้ว เหลืออีกไม่กี่ดอลล่าห์ก็จะพอซื้อ ตอนนั้นเจ้าหุ่นชีเตอร์เหลือกล่องสุดท้าย ผมอยากขอร้องให้พี่พนักงานในร้านช่วยเก็บมาให้ แต่ก็เกรงใจ ไม่กล้าบอกเขา ได้แต่เร่งวันเร่งคืนให้เก็บเงินได้ครบไวๆ

วันที่ผมเก็บเงินได้ครบ ผมรีบตรงกลับบ้าน หยิบกล่องคุกกี้ที่เก็บเงินใส่กระเป๋าเป้ แล้ววิ่งกลับไปที่ร้านนั้น

...แต่เจ้าหุ่นชีเตอร์ตัวสุดท้ายเพิ่งถูกขายออกไปเมื่อสองวันก่อน

หน้าตาของผมคงช็อกสุดๆ พี่พนักงานในร้านพยายามเสนอขายหุ่นตัวอื่นให้ แต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เขาจึงได้แต่ปลอบใจว่า จะลองติดต่อบริษัทของเล่นดูว่ายังพอมีสินค้าในสต๊อกอยู่รึเปล่า

ผมเดินคอตกกลับบ้านด้วยอาการสิ้นหวัง พอกลับมาถึงก็เดินขึ้นห้องนอน เอากล่องคุ้กกี้ไปเก็บในลิ้นชัก พยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายมันก็ทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก ผมร้องไห้จนแสบจมูกไปหมด จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียงของแม่


“แมตตี้ ลงมาข้างล่างเร็ว พ่อแม่มีเซอร์ไพรส์ละ”

ผมยกมือป้ายน้ำตาแล้วพยายามสูดน้ำมูก ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง แล้วตรงนั้น ที่โต๊ะกินข้าว มีอาหารวางเต็มโต๊ะ เค้กก้อนหนึ่ง กับกล่องของขวัญ

“Happy Birthday! ”

พ่อกับแม่ร้องพร้อมกัน ผมกะพริบตาปริบ พลางอ้าปากหวอ ผมมัวแต่ตื่นเต้นเรื่องเก็บเงิน ลืมไปเลยว่า วันนี้เป็นวันเกิดของตนเอง ผมทรุดนั่งลงตรงเก้าอี้ แม่ยื่นกล่องของขวัญมาให้

“สุขสันต์วันเกิดนะ ลูกรัก ลองแกะดูซิว่าชอบไหม”

ท่านบอกเสียงตื่นเต้น ผมรับกล่องของขวัญมาแล้วแกะดู หัวใจเต้นแรงด้วยความยินดีเมื่อพบว่า มันคือ หุ่นยนต์ชีเตอร์ที่ผมอยากได้ที่สุด

“แต่...มันแพงมากไม่ใช่หรือครับ” ผมมองพ่อแม่อย่างเกรงใจ

“แม่เพิ่งได้โบนัสก้อนใหญ่มาจ้ะ ปีหน้าแม่จะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ ต่อไปบ้านเราจะสบายขึ้นแล้วนะ” แม่ของผมยิ้มแล้วยื่นมือมาลูบศีรษะผม “พ่อแม่เห็นว่าลูกเป็นเด็กดี อดทน ไม่เคยขอของเล่นอะไร แม่เลยซื้อเจ้าหุ่นนี่ให้เป็นของขวัญไงจ๊ะ ลูกชอบเจ้าเสือตัวนี้ที่สุดเลยนี่ ถูกใจรึเปล่า”

“ถูกใจครับ” ผมกอดกล่องของเล่นนั้นไว้แล้วพยักหน้าหงึกหงัก

“ถ้าอย่างนั้นก็รักษาให้ดีนะ แม่ตามหาเสียแทบแย่ ตอนแรกว่าจะไปซื้อที่ร้านของเล่นใกล้บ้านเรา เขาดันขายหมดไปเสียก่อน ต้องนั่งรถไฟไปอีกฟากของเมืองโน่น กว่าจะหาเจออีกร้านหนึ่ง”

แม่บ่นเหมือนจะเหนื่อย แต่สีหน้าดีใจที่ผมชอบของขวัญคืนนั้นผมเข้านอนโดยมีเจ้าหุ่นชีเตอร์ตั้งวางอยู่บนชั้นหนังสือในจุดที่มองเห็นถนัด

ของที่เคยคิดว่าพลาดหวังไปแล้ว เมื่อได้รับกลับมาอีกครั้ง จะยิ่งรู้สึกว่ามีค่าขึ้น

ผมตั้งใจว่าจะรักษามันไว้ให้ดีที่สุด

.

.

ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ตอนเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นครั้งแรกที่สนามบิน เขาเข็นรถเข็นกระเป๋าเดินเข้ามาหาเงยหน้ามองผมด้วยดวงตาสุกใส พร้อมกับเอ่ยทักว่า

“Hi, I am KITA, Kathie’ s brother. Are you Mr.Lee?”


ผมได้แต่พยักหน้ารับและพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา คนตรงหน้าดูโตขึ้นกว่ารูปถ่ายที่ผมเห็นครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อนอยู่พอสมควร แต่ก็ยังดูน่ารักเหมือนตอนครั้งแรกที่ผมเห็นเขาในภาพถ่ายไม่มีผิดเพี้ยน

คีไม่รู้ว่า ผมเคยรู้จักเขาผ่านพี่สาวของเขามานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พวกเรายังเรียนปริญญาโทอยู่ในมหาวิทยาลัย ผมเรียนด้านคอมพิวเตอร์ ส่วนเคธี่เรียนบริหารธุรกิจ เรารู้จักกันผ่านกลุ่มเพื่อนและสนิทกันอย่างรวดเร็วเพราะมีเชื้อสายเอเชียเหมือนกัน ผมพาเธอไปทัวร์ไชน่าทาวด์ หาร้านอาหารจีนอร่อยๆ ที่ไม่ใช่ร้านสำหรับทัวร์ริสต์

เคธี่ซี้กับผมเป็นพิเศษ แต่ระหว่างเราไม่เคยมีความรู้สึกอื่น เพราะผมแสดงตัวชัดตั้งแต่แรกว่า ผมชอบผู้ชาย ตอนนั้นผมกำลังควงกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่อยู่วิทยาลัยศิลปะ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เลิกรากันไปด้วยดี

หัวใจของผมกำลังว่าง ตอนที่เคธี่เปิดรูปในโทรศัพท์ให้ดู ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งรถเมโทรไปที่ไหนสักแห่ง

“แมท ขอแนะนำให้รู้จัก น้องชายสุดที่รักของฉัน”

เธอยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า เด็กผู้ชายในภาพส่งยิ้มสดใสมาให้ แล้วผมก็รู้สึกเหมือนใจกระตุกวูบ “น่ารักดีนี่ หน้าตาคล้ายๆ เธอเลย” ผมอ้อมแอ้มตอบกลับไป พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ ขณะที่เคธี่หัวเราะคิก

“คีน่ารักกว่าฉันอีก ขี้อ้อน แล้วก็อ่อนโยนด้วย รายนี้ชอบสัตว์เหมือนเธอเลย เวลาเจอหมาแมวถูกทิ้งชอบไปอุ้มกลับมาบ้าน พาไปหาสัตวแพทย์ หาบ้านใหม่ให้” เธออวดน้องชายตัวเองด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

ผมแกล้งแซว “โฆษณาขนาดนี้ เดี๋ยวผมสนใจอยากจีบนะ”

“แหม...อยากจีบก็ยากหน่อยละจ้ะ น้องฉันอยู่ตั้งประเทศไทยโน่น” เคธี่ตอบแบบทีเล่นทีจริงกลับมา “แต่ถ้าสนจริง ไปเที่ยวเมืองไทยสักครั้งสิ เดี๋ยวฉันแนะนำให้รู้จัก”

ผมหัวเราะ ในใจคิดว่า ไปเที่ยวเมืองไทยสักครั้งก็ดีเหมือนกัน หลังจากนั้นผมก็คอยแอบถามเรื่องของคีตะจากพี่สาวของเขา เคธี่เห่อน้องชายอยู่แล้ว เลยเล่าให้ผมฟังทุกเรื่อง แบบลงรายละเอียดเสียด้วย ผมรู้สึกว่าตัวเองรู้จักเด็กผู้ชายคนนั้นมากขึ้น

ปีถัดมาผมแพลนว่าจะไปเที่ยวประเทศไทยช่วงคริสต์มาส แต่ยังไม่ทันได้บอกเคธี่ เธอก็มาบอกผมเสียก่อนว่า น้องชายเธอมีแฟนไปเสียแล้ว ทำเอาผมอกหัก เฟลจนยกเลิกทริปเมืองไทย เปลี่ยนไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ไต้หวันแทน

พอกลับมาเรียน ผมก็บอกตัวเองว่า เลิกเพ้อได้แล้ว นายอยู่ไกลจากเขาเป็นพันๆ ไมล์ หมดโอกาสตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนาม

ผมกับเคธี่ยังติดต่อกันเป็นระยะ แม้ว่าต่างคนจะต่างเรียนจบแล้ว เธอกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้านที่เมืองไทย บางครั้งก็เขียนอีเมลหรือส่งข้อความมาทักทายผมบ้าง จะกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่ผมพักร้อน เธอก็ส่งข้อความมาว่า อยากให้ผมช่วยดูแลน้องชายของเธอหน่อย

ผมรีบจัดการเรื่องลงโปรแกรมอาสาสมัครให้คีตะ ตอนนั้นห้องพักที่หมู่บ้านอาสาสมัครเต็มหมด ผมถามเคธี่ไปว่า น้องชายเธอจะสะดวกอยู่ร่วมห้องกับผมสักระยะหรือเปล่า เคธี่ตอบกลับมาว่า น้องชายเธอคงไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้เขาไม่มีกระจิตกระใจจะคิดเรื่องอื่น มัวแต่นอนร้องไห้ ผมฟังแล้วก็นึกเป็นห่วง

สภาพจิตใจของคียังไม่ดีเท่าไรอย่างที่พี่สาวของเขาว่า ผมได้ยินเสียงเขานอนร้องไห้ในคืนแรกที่มาถึงฮาร์นาส ผมคิดว่าเขาคงยังไม่ลืมคนรักเก่าและยังเจ็บปวดอยู่ ผมยังไม่อยากให้เขารู้ความรู้สึกของผมตอนนี้ จึงวางตัวเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายคอยดูแลเขา แต่ไหงลูกแมวน้อยของผมถึงได้เรียกผมว่า คุณพ่อ ก็ไม่รู้ ทำเอาผมเหนื่อยใจไปนิดนึงเลยละ

หลังจากเขาเริ่มโปรแกรมอาสาสมัคร คีดูสดใสร่าเริงขึ้นมาก เขามีเพื่อนใหม่ ทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็นจนไม่มีเวลาคิดถึงคนที่เมืองไทย ผมว่าก็ดีแล้ว จะไม่ดีก็ตรง...หนึ่งในคนที่เขาสนิทด้วย มีหนุ่มหล่อที่มองแวบเดียวก็รู้ว่าสนใจเขาเป็นพิเศษ แต่คีดันดูไม่ออกเสียนี่

สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจตามไปประกบเขา อ้างว่า เฮเลนกับสตีฟขอให้ผมไปช่วยเป็นพี่เลี้ยง ความจริงผมเสนอตัวเองนั่นแหละ พอผมไปบอกเควินเรื่องจะขอไปช่วยงานทางนั้นแทน สต๊าฟของฮาร์นาสที่สนิทกับผมเหมือนเป็นเพื่อนซี้ก็แซวว่า ไปช่วยงานหรืออยากไปตามเฝ้าใครกันแน่ ผมได้แต่หัวเราะหึหึ



คืนนั้น ผมเกือบจะบอกความในใจกับคี แต่แฟนเก่าของคีก็คอลมา เขาทำเด็กน้อยของผมร้องไห้อีก ผมอยากจะบินไปเมืองไทยเพื่อตั๊นหน้าไอ้หมอนั่น แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมทำได้ก็มีแต่กอดคีที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเอาไว้กับอกใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเขาทำให้ผมใจอ่อนยวบ เกือบจะจูบเขาอยู่แล้ว ถ้าเคธี่ไม่โทรมาเสียก่อน

ผมด่าตัวเองที่ฉวยโอกาสตอนคีกำลังเสียใจ หลังจากคืนนั้น คีก็ถอยห่างจากผม เขาถึงกับตอบรับคำชวนของลิซ่าที่จะไปเที่ยวทะเลทรายนามิบ ผมอยากจะห้าม แต่พอเห็นสีหน้าอัดอั้นของเขา ผมก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่หวังว่า เมื่อคีกลับมา เขาจะรู้สึกดีขึ้น

คีดูเหมือนจะไม่สบายใจที่จะอยู่กับผมแล้ว ผมไม่รู้ว่า ผมควรจะบอกความในใจของตัวเองกับเขาหรือเปล่า



ผมส่งคีขึ้นรถคุณร็อบ กำชับว่าจะไปรับเขาที่วินดฮุกในอีก 4 วันข้างหน้า หลังจากนั้นผมก็กลับไปทำงาน

โปรแกรม Exclusive จบแล้ว ผมไปทำงานกับเควินตามเดิม เลยไม่มีโอกาสเจอโซเฟียกับมาเรียนน่า เพื่อนของคีอีกจนกระทั่งสองวันต่อมา วันนั้นผมขอทำงานครึ่งวัน เพราะตอนเที่ยงมีนัดคุยเรื่องงานทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับออฟฟิศสาขาใหม่ที่ถูกย้ายไป ทางนั้นพร้อมแล้ว มีเรื่องที่ต้องพูดคุยวางระบบกันอยู่พอสมควร พอไปถึงผมจะได้เริ่มงานได้เลย

พักร้อนใกล้จบแล้ว...เวลาของผมกับคีที่ฮาร์นาสด้วย

ผมปิดแล็ปทอป ตอนที่โซเฟียกับมาเรียนน่าเดินเข้ามาตรงส่วนกลาง สองสาวเอ่ยทักผม แล้วโซเฟียก็ขอตัวไปห้องน้ำ ทิ้งมาเรียนน่าเอาไว้กับโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง สาวสวยที่เป็นคนหูหนวกมองผมอย่างสังเกตสังกา ผมยิ้ม แต่ไม่รู้จะคุยกับเธออย่างไร เพราะล่ามประจำตัวเธอไม่อยู่

สุดท้ายมาเรียนน่าก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มข้อความ แล้วส่งมาให้ผมดู

[คิดถึงคีเหรอคะ? ]

ผมเลิกคิ้ว นึกขึ้นมาได้ว่า ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์แบบนี้ก็ได้ด้วยนี่นา จึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาพิมพ์ข้อความตอบ [Yes]

[ระหว่างพวกคุณมีอะไรเกิดขึ้นหรือ ทำไม 2-3 วันถึงดูห่างๆ กันไปทั้งคู่] มาเรียนน่าถามต่อ

ผมถอนใจก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป [ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยโอเคที่จะอยู่ใกล้ผม]

[คุณยังไม่ได้บอกชอบคีอีกหรือคะ]

ผมเลิกคิ้ว [นี่คุณดูออก? ]

มาเรียนน่าหัวเราะโดยไม่มีเสียง [ฉันว่า ใครๆ ก็ดูออกละมั้ง คุณตามเฝ้าเขาขนาดนั้น ทำไมไม่สารภาพรักสักที อีกไม่กี่วันคีก็จะกลับไทยแล้วนะ]

[ผมไม่แน่ใจว่าควรบอกดีไหม คีกำลังเจ็บฝังใจกับคนรักเก่า เขาอาจจะไม่พร้อมเริ่มต้นใหม่กับใคร]

หญิงสาวสเปนส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มอ่อนใจ

[ไม่เกี่ยวกับแฟนเก่าห่วยๆ คนนั้นสักหน่อย ฉันว่าคีลืมหมอนั่นไปหมดเรียบร้อยแล้วละ เพียงแต่คนเคยอกหัก...ยังเจ็บกับความรัก กำแพงใจก็จะหนากว่าคนทั่วไปหน่อยเท่านั้น คุณต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่า คุณคิดอย่างไรกับเขา ไม่อย่างนั้นเขาไม่กล้าก้าวออกมาจาก comfort zone หรอก]

[คุณพูดเหมือนมีประสบการณ์ตรงเลย] ผมแกล้งแซวมาเรียนน่า

หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้าง [แหงละสิ ฉันเคยจีบคนอกหักมาก่อนนี่] เธอพิมพ์ข้อความส่งมาแล้วพยักพเยิดไปอีกทาง ผมหันตามสายตาเธอ แล้วก็เห็นว่า โซเฟียกำลังเดินมาแต่ไกล

[คุณเป็นฝ่ายเริ่มจีบ? ]

ผมถามกลับไปอย่างแปลกใจ มาเรียนน่าพยักหน้ายิ้มๆ ไม่ตอบคำถามผม แต่กลับพิมพ์ว่า

[ฉันว่าคีรอให้คุณแสดงออกให้ชัดเจนอยู่นะ เด็กคนนั้นดูจะเป็นคนคิดมาก ดีไม่ดีจะเข้าใจอะไรไปเองผิดๆ ถูกๆ ด้วย คุณรีบไปเคลียร์กับเขาเถอะ]

ผมนิ่งคิดตัดสินใจก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู นี่เพิ่งจะบ่ายสี่โมง ถ้าขับรถออกไปตอนนี้ น่าจะถึงวินฮดฮุกตอนดึกๆ หน่อย แต่ผมคิดว่าผมอยากเจอคีให้เร็วๆ จึงพิมพ์บอกมาเรียนน่าไปว่า [ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะ ผมว่าจะออกไปหาคีวันนี้เลย]

มาเรียนยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาชูทั้งสองมือ

[ต้องให้ได้อย่างนี้สิ คุณสิงโต กล้าๆ เข้าไว้ พวกฉันอยู่ทีมคุณนะ]

ผมนึกแปลกใจคำเรียกของหญิงสาว แต่ไม่ได้ถามเธอ กลับลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากส่วนกลาง แวะบอกโซเฟียที่เดินสวนมาแค่ 2-3 คำ เธอทำท่าตื่นเต้น บอกว่าให้รีบไปรับคีกลับมาเร็วๆ เลย แล้วอย่าปล่อยมือจากเขาอีกละ

...นี่สองสาวรู้เรื่องผมกับคีดีกว่าพวกผมเองอีกละมั้งเนี่ย

ผมวิ่งกลับไปที่ลอด์จ เก็บเสื้อผ้าสำหรับค้าง 1 คืนใส่เป้ แล้ววิ่งกลับไปที่ลานจอดรถ ขับรถของตัวเองออกมา มุ่งตรงสู่วินดฮุกเพื่อไปหาคีตะ ผมตั้งใจว่าจะบอกความรู้สึกของตัวเองให้เด็กคนนั้นรับรู้ โดยไม่รีรออะไรอีก

อุตส่าห์ได้โอกาสครั้งที่สองแล้ว ผมควรเลิกลังเล แล้วคว้ามันไว้ให้ได้เสียที



...........................TBC..............................



ตอนพิเศษจากมุมมองของคุณสิงโต ตามที่ได้สัญญาไว้ค่ะ

คิดพล็อตตอนพิเศษช่วงคุณสิงโตเด็กๆ ไว้ตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งจะหาข้อมูลตอนเริ่มเขียนนี่เอง แล้วก็มาเจอะว่า ช่วงที่คุณสิงโตอายุสิบขวบ (ตีว่าปัจจุบันแมทอายุ 30) มีอนิเมชั่นเรื่อง ชื่อ Beast Wars: Transformers เป็นเฟรนด์ไชส์จากซีรีส์ทรานสฟอร์มเมอร์ ฉายระหว่างปี 1996-1998 พอดิบพอดีเลย พอเห็นว่าเป็นหุ่นยนต์ผสมสัตว์ป่านี่เรากรี๊ดว่า เดสตินี่! เลยละค่ะ ต้องเขียนใส่ลงไปให้ได้

เรื่องนี้เป็นการ์ตูนทีวีที่ได้รับความนิยมและได้รางวัลเอมมี่อวอร์ดด้วยค่ะ ใครสนใจลองเอาชื่อไปหาคลิปดูนะคะ

#คุณสิงโตที่รัก น่าจะจบได้ในอีก 2 ตอนข้างหน้าตามที่ได้แจ้งไว้นะคะ น่าจะจบได้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ มารอลุ้นความรักของคุณสิงโตกับน้องเหมียวกันเนอะ ^^

ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามและขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์นะคะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-10-2018 19:46:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 08-10-2018 20:51:17
คุณสิงโตชอบทำไรชักช้า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-10-2018 21:42:04
หวังว่าออฟฟิศใหม่ของคุณสิงโตจะอยู่ที่ไทยนะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-10-2018 22:14:14
เอาใจช่วยคุณสิงโตด้วย ไม่ต้องรออะไรแล้วเนอะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-10-2018 00:26:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-10-2018 01:00:08
โอ้ยยยน่ารัก
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-10-2018 09:19:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 28 [Update 8/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: _tosssalad ที่ 09-10-2018 09:52:02
น่าร๊ากกกก แมตตี้ พ่อสิงโตของน้องง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 29 [Update 11/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 11-10-2018 14:13:10
บทที่ 29


สายวันต่อมา ผมกับแมทไปเยี่ยมร็อบที่โรงพยาบาล เจนกับคลอเดียโทรหาคุณลิซ่าตั้งแต่เช้า ถามว่าให้ไปช่วยผลัดเฝ้าร็อบไหม เธอจะได้กลับมาพักสักหน่อย แต่คุณลิซ่าบอกเพื่อนๆ ว่าไม่เป็นไร เตียงเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลพอนอนได้ ช่วยเอาเสื้อผ้าของเธอมาให้เปลี่ยนก็พอ ตอนเย็นหมอน่าจะอนุญาตให้ร็อบออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

ผมอาสาเอาเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวของสองพี่น้องไปให้ เจนกับคลอเดียจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะพักผ่อนอยู่ในเกสเฮาส์เงียบๆ ไม่ออกไปเที่ยวที่ไหน ท่าทางสองสาวยังตกใจจากเรื่องเมื่อคืนอยู่ ผมจึงขับรถของร็อบไปทิ้งไว้ให้เขาที่โรงพยาบาล ส่วนแมทขับรถของเขาตามหลังมาอีกที

พวกเราเคาะประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องคนไข้ ร็อบกำลังนั่งดูโทรทัศน์ท่าทางเบื่อๆ พอเห็นพวกผมเดินเข้ามา เขาก็ทักทันที “คุยกันเข้าใจเรียบร้อย แฮปปี้เอนดิ้งแล้วสินะครับ เห็นแบบนี้ ผมเจ็บหัวใจจี๊ดเลยนะเนี่ย” ร็อบแซวพลางแกล้งยกมือขึ้นมากุมอกข้างซ้าย

“เอ๋?” ผมอุทานอย่างแปลกใจ กำลังถามว่า เขารู้ได้ยังไง แต่นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้ผมกับแมทจับมือกันอยู่ ความจริงคุณสิงโตดึงมือผมไปจับตั้งแต่ที่ลานจอดรถ แล้วก็เดินจูงมือผมมาถึงนี่ พอรู้ตัวผมก็ทำท่าจะปล่อยมือ แต่คุณลิซ่าซึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงโซฟาคนเฝ้าไข้บ่นออกมาดังๆ เสียก่อน

“ไม่ต้องปล่อยก็ได้ย่ะ ออร่าความรักแผ่กระจายขนาดนี้ ไม่จับมือกันก็ดูออก”


เธอกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อสุดๆ แมทหัวเราะแล้วละมือ ยกแขนขึ้นมาโอบบ่าผมแทน “ขอบคุณคุณสองคนนะ ที่ช่วยดูแลคีระหว่างที่ไปเที่ยวนามิบ แล้วก็ขอบคุณมากๆ ที่เมื่อคืนคุณปกป้องเขา”

ประโยคหลังแมทหันไปเอ่ยขอบคุณร็อบอย่างจริงจัง ชายหนุ่มผมบลอนด์ยิ้มเนือย ตอบกลับมาว่า “เป็นเรื่องที่ผมต้องทำอยู่แล้วนี่ครับ คีเป็นเพื่อนผม” เขาหันมายิ้มให้ผม ดวงตายังมีแววเสียดายอยู่นิดหน่อย

“ส่วนของฉัน เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นช่วยแนะนำเพื่อนหล่อๆ รวยๆ ให้สัก 2-3 คนดีกว่าค่ะ” คุณลิซ่าเอ่ยแทรกบรรยากาศหม่นซึมของพี่ชาย แล้วเปลี่ยนประเด็น “นี่พวกคุณจะกลับฮาร์นาสกันวันนี้แล้วสินะ”

“ครับ เดี๋ยวเที่ยงก็คงต้องออกจากวินดฮุกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถึงที่โน่นดึกเกินไป”

แมทตอบ ส่วนผมเดินไปใกล้เตียงคนเจ็บ ถามร็อบว่า “เป็นยังไงบ้างครับ มีปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

ร็อบส่ายหน้า “ไม่ปวดหัวครับ มีตึงๆ แผลนิดหน่อย เมื่อเช้าคุณหมอเข้ามาตรวจบอกว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ เย็นนี้น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่พอกลับอเมริกาแล้ว ผมควรจะไปเช็กให้ละเอียดอีกที”

“ดีแล้วครับ” ผมยิ้มโล่งอก

พวกเรานั่งคุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่ใหญ่ แลกเบอร์โทรศัพท์ อีเมลและ SNS เอาไว้ติดต่อกันให้เรียบร้อย “ถ้าพวกคุณไปกรุงเทพต้องโทรหาผมนะ ผมจะพาทัวร์เอง ตอบแทนที่พวกคุณพาผมไปเที่ยวนามิบ” ผมย้ำร็อบและคุณลิซ่า

สองพี่น้องรับคำ แต่คนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะไปเที่ยวเมืองไทยมากกว่าคงเป็นคุณร็อบ เพราะคุณลิซ่าออกตัวว่าเธอกำลังจะสอบเข้าเรียนปริญญาโทสาขาสิ่งแวดล้อม กลับไปคงต้องวุ่นอยู่กับตำราไปอีกหลายเดือน ผมพยักหน้ารับรู้พร้อมกับนึกแปลกใจ สาวสวยเปรี้ยวจัดคนนี้เป็นนักวิชาการแฮะ คนเราดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

หลังจากนั้นก็ถึงเวลาล่ำลา ผมเข้าไปกอดร็อบก่อน แมทไม่ได้ว่าอะไร แต่มองพวกเราไม่ยอมละจนร็อบกลอกตาอย่างอ่อนใจปนขำ หลังจากนั้นผมก็ไปกอดลาคุณลิซ่า เธอกอดผมแล้วกระซิบเตือนหน้าตาเฉย

“ก่อนกลับอย่าลืมซื้อคอนดอมกับ lube (เจลหล่อลื่น) ไปด้วยนะ ที่ฮาร์นาสไม่มีขาย”

ผมอ้าปากหวอ ผละจากหญิงสาวแล้วดุเธอเบาๆ “คุณลิซ่า แนะนำอะไรครับเนี่ย! ” ผมเหลือบมองแมทกับร็อบ เห็นสองหนุ่มกำลังจับมือเชคแฮนด์กันไม่ทันได้สนใจพวกเรา ดีนะที่พวกนั้นไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร ไม่งั้นผมคงทำหน้าไม่ถูกยิ่งกว่านี้

“อ้าว ก็ของจำเป็นนี่นา หรือนายจะไม่ใช้? จะไม่...ลำบากแย่เหรอ?”

คุณลิซ่าลากเสียง แกล้งเหล่มองแมทด้วยสายตามีเลศนัย ผมได้แต่แยกเขี้ยวใส่เธอ ไม่ต่อประเด็นเพราะคุณสิงโตเดินเข้ามาหาพอดี เขาแตะบ่าผมแล้วบอกว่า “ไปเถอะ เดี๋ยวเราต้องกลับไปเช็กเอาท์ที่โรงแรม” ผมพยักหน้ารับ บอกลาสองพี่น้องแล้วออกจากห้องคนไข้

คุณลิซ่าเดินมาส่งพวกเราตรงหน้าประตู ไม่วายทำปากขมุบขมิบเตือนผมว่า อย่าลืมล่ะ ผมย่นจมูกใส่เธอไปอีกรอบแล้วเดินตามแมทออกไป

.........................................................



“คี!!! ”

โซเฟียร้องเรียกผมเสียงดังลั่น เธอกับมาเรียนน่าผุดลุกจากโต๊ะในโรงอาหารส่วนกลาง วิ่งเข้ามากอดผม “โอ๊ย! คิดถึงๆ ๆ ๆ เป็นไงบ้าง เที่ยวทะเลทรายสนุกไหม” โซเฟียถามรัวเร็ว แล้วไม่รอฟังคำตอบ รีบประคองใบหน้าผมขึ้นมาพิจารณาซ้ายขวา

“หน้าตาสดใส ตาเป็นประกายแบบนี้ กลับมาเป็นลูกแมวน้อยตัวเดิมแล้วนี่นา อากาศแถวนามิบสดชื่น หรือที่วินดฮุกมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกันแน่น้า....” หญิงสาวคาดเดาแล้วเหล่มองไปทางแมท ส่วนมาเรียนน่ายกนิ้วหัวแม่มือให้คุณสิงโตทั้งสองข้าง เพื่อบอกว่า Good Job

“ก็มีนิดหน่อย” ผมยอมรับ ยิ้มเขิน แล้วดึงมือเธอออกจากแก้ม ท่าทางของสองสาวบอกชัดว่าคงรู้เรื่องผมกับแมทแล้ว ทุกคนดูออกกันหมดเลยสินะ

“ดีแล้วๆ” โซเฟียพยักหน้าหงึกหงัก แซวพวกผมต่อ “แบบนี้เวลาที่เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์ก็เป็นฮันนีมูนเลยสิ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า” ผมรีบออกตัว รอยยิ้มจางลงไปเมื่อนึกว่าเวลาที่ผมกับแมทจะอยู่ด้วยกันที่ฮาร์นาสเหลืออีกแค่ 7 วันเท่านั้น พอคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกหงอยขึ้นมานิดหนึ่ง

ระหว่างที่ขับรถกลับจากวินดฮุก ผมกับแมทคุยเรื่องเก่าๆ เขาเล่าให้ผมฟังว่า เกือบจะมาเที่ยวเมืองไทยเพราะอยากเจอผมสักครั้ง แต่ผมชิงมีแฟนไปเสียก่อน เขาเฟลก็เลยยกเลิกทริปไป ผมฟังแล้วนึกเสียดาย แต่มาคิดอีกที ถ้าเขาไปเมืองไทยแล้วได้เจอผมตั้งแต่ตอนนั้นจริงๆ พวกเราอาจจะไม่ได้ลงเอยกันแบบนี้ก็ได้ แมทคงไปเที่ยวแค่ไม่กี่วันแล้วก็ต้องกลับอเมริกาไปเรียนปริญาโทต่อ ส่วนผมเพิ่งเรียนปีหนึ่ง ยังตื่นเต้นกับชีวิตในมหาวิทยาลัย ไม่น่าจะสนใจเพื่อนพี่สาวซึ่งอยู่ห่างกันคนละซีกโลก

สำหรับพวกเราตอนนั้น ความรักทางไกลคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

...แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายหรอก

ผมระบายลมหายใจออกมาเบาๆ แมทบอกว่า พอกลับไปเขาต้องเตรียมตัวย้ายไปประจำที่สาขาย่อยของบริษัท กว่าจะลงตัวก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน ช่วงแรกเขาคงยุ่งมากจนขยับตัวทำอะไรไม่ได้ “ถ้าขอวันลาได้เมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปหาเธอที่เมืองไทยทันทีเลย” แมทละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัย เอื้อมมาจับมือผมแล้วบีบแน่นแทนคำสัญญา

ผมบีบมือเขาตอบพร้อมกับรับคำหนักแน่น “ครับ ผมจะรอคุณ”



พวกเรากินอาหารเย็นกับโซเฟียและมาเรียนน่า ก่อนจะแยกย้ายกลับที่พัก สองสาวนัดแนะกับผมว่า พรุ่งนี้จะมาเจอกันตรงส่วนกลางตอนประชุมแบ่งงานช่วงเช้า ผมตอบรับอย่างกระตือรือร้น ไปเที่ยวทะเลทรายเสียหลายวัน คิดถึงพวกสัตว์ป่าทั้งหลายอยู่เหมือนกัน

ผมกับแมทเดินจูงมือกันกลับมาที่ลอด์จ ผมเงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีซึ่งประดับด้วยดวงดาวพร่างพราว แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เคยสงสัยระหว่างพักอยู่ที่นามิบ เลยหันไปถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ “ตอนผมไม่อยู่ คุณออกมานอนดูดาวบ้างไหมครับ”

คุณสิงโตส่ายหน้า “ไม่เลย พอเคยมีคีอยู่ดูดาวด้วยแล้ว ให้ฉันออกมาดูดาวคนเดียวก็เหงาเกินไปน่ะ” เขาบอกเสียงหงอยๆ

ผมฟังแล้วก็ยิ้ม ชวนว่า “ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ลากที่นอนปิกนิกออกมาดูดาวกันไหมครับ”

“เอาไว้คืนพรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้คีนั่งรถมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ”

แมทเตือนตามประสาคนรอบคอบ พวกเราจึงกลับเข้าห้องพัก แมทให้ผมใช้ห้องน้ำก่อนเหมือนทุกที แต่ผมบอกว่า อยากจัดข้าวของสักหน่อย ให้เขาอาบน้ำไปก่อนได้เลย อีกฝ่ายรับคำแล้วจึงหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมรอจนเขาปิดประตูห้องน้ำแล้วจึงรูดซิปเปิดกระเป๋าเป้ มองของที่แอบซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตตรงปั๊มน้ำมันในตัวเมืองระหว่างแมทเติมน้ำมันรถ

ไม่ได้ซื้อมาเพราะถูกคุณลิซ่ายุหรอกนะ...แต่คิดดูแล้วมันก็จำเป็นจริงๆ

ผมนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพลางคิดชั่งใจ จะเร็วไปหรือเปล่านะ? ตอนคบกับพี่เมธ กว่าผมจะยอมไปค้างที่คอนโดเขาก็หลังจากเราคบกันไปได้หลายเดือนแล้ว นี่ผมกับแมทเพิ่งตกลงคบกันเมื่อวานนี้เอง แต่แมทเป็นอเมริกันคงไม่ถือเรื่องเวลาหรอก อีกอย่าง...พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกแค่ 7 วัน แล้วก็จะไม่ได้เจอกันอีกนานเลย

ผมคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายตลบ

เมื่อคืนหลังจากแมทสารภาพรักและจูบผม เราสองคนก็นอนกอดกันแล้วผล็อยหลับไป เพราะทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจากการเดินทางและเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจนไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องอื่น ส่วนวันนี้แมทก็ไม่ได้มีท่าทางอะไรมากกว่าแค่จับมือกับโอบไหล่ผม

ถ้าผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาจะโอเคไหมนะ

เสียงประตูห้องน้ำเปิดทำให้ผมรีบปิดกระเป๋าเป้ แมทสวมเสื้อยืดกับกางเกงขายาวตัวนุ่มซึ่งเป็นชุดนอนประจำ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมยาวๆ ของตนพลางเอ่ยเตือนว่า “คีรีบอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวดึกแล้วจะไม่สบาย”

“ครับ” ผมอ้อมแอ้มตอบแล้วรีบหยิบชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำ

ผมใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติเพื่อชำระร่างกายให้สะอาดทุกส่วน ก่อนจะมองตัวเองในกระจกเงา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกมา แมทนั่งอยู่บนเตียงฝั่งเขา คุณสิงโตเช็ดผมจนแห้งดีแล้วจึงกวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้ “คีสระผมจริงๆ ด้วย มานี่สิ เดี๋ยวฉันเช็ดผมให้”

ผมพยักหน้ารับ เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคุณสิงโต ก้มหน้าลงเรียกเขาเสียงแผ่วๆ “แมทครับ”

“หืม?”

ผมกัดริมฝีปากแล้วตัดสินใจถามออกไปตรงๆ ว่า “คุณ...อยากกอดผมไหมครับ”

แมทชะงักไปนิดหนึ่ง เขาเงยหน้ามองผม พอเห็นว่าผมเสหลบสายตาเพราะความขัดเขิน คุณสิงโตก็เอื้อมมือมาดึงผมลงไปนั่งตักแล้วกอดไว้แน่น ก่อนจะระบายลมหายใจยาว “ฉันต้องการสุดหัวใจเลยละ เด็กน้อย แต่ตอนนี้ฉันทำไม่ได้”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา กะพริบตาปริบอย่างงุนงง “ทำไมละครับ”

แมทยิ้มอ่อนใจก่อนจะอธิบายเหตุผล “ฉันสัญญากับเคธี่เอาไว้น่ะ”

“สัญญา? คุณสัญญาอะไรไว้กับเจ้เคธครับ” ผมยิ่งงงขึ้นไปอีก

แมทถอนใจอีกรอบ ขยับให้ผมนั่งตักเขาให้ถนัดขึ้น แล้วจึงเริ่มเล่าว่า “ก่อนคีจะบินมาฮาร์นาส เคธี่ให้ฉันรับปากเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามฉันมีเซ็กกับคีเด็ดขาด แล้วถ้าทำได้...ก็ต้องช่วยเธอป้องกัน ไม่ให้คีเผลอไปมีอะไรกับใครที่นี่ด้วย”

ผมเบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบๆ “ทะ...ทำไมเจ้เคธให้คุณสัญญาแบบนี้ครับเนี่ย” นี่เจ้ไม่ไว้ใจน้องชายตัวเองเลยเหรอ ถึงขนาดให้แมทสัญญากันไว้ก่อนผมจะเจอหน้าเขา แค่นอนห้องเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าจะขึ้นเตียงด้วยง่ายๆ ไม่เลือกนะ ผมนึกบ่นน้อยใจพี่สาวตัวเอง

“อย่างอนเคธี่เลย เธอห่วงคีเพราะตัวเองเคยมีประสบการณ์ตรงน่ะ เคธี่เคยอกหัก รู้ดีว่าช่วงเวลาแบบนี้จิตใจคนเราจะอ่อนไหวเป็นพิเศษ อาจจะเผลอทำให้อะไรที่ต้องมาเสียใจภายหลัง” แมทโอบกอดผมเอาไว้หลอมๆ “เรื่องนี้ฉันขออนุญาตจากเคธี่แล้ว เธอโอเคที่จะให้ฉันเล่าให้คีฟัง คีจำได้ใช่ไหมว่า ตอนไปเรียนโทที่อเมริกา เคธี่เคยมีแฟนเป็นคนไทยด้วยกัน”

“จำได้ครับ เจ้เคธเคยส่งรูปมาให้ดู อวดใหญ่ว่า แฟนเก่งมาก เรียนด๊อกเตอร์อยู่” ผมขมวดคิ้ว นึกทบทวนความทรงจำ “ตอนหลังพอผู้ชายคนนั้นกลับเมืองไทยก็ค่อยๆ ห่างกันไป แต่เจ้เคธไม่ได้เล่ารายละเอียดนะครับ บอกแค่ว่าเลิกกันแล้วเฉยๆ ท่าทางไม่เสียใจอะไรมาก”

“เคธี่คงไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงน่ะ ความจริงคู่นั้นไม่ได้เลิกกันด้วยดี แต่ผู้ชายคนนั้นหลอกเธอ”

ผมชะงักกึก “หลอกหรือครับ?”

“อืม เคธี่รักผู้ชายคนนั้นมาก คอยช่วยเหลือเขาทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเงิน เรื่องเรียน คบกันจริงจังถึงขั้นคุยกันว่า พอเธอกลับเมืองไทยแล้วจะแต่งงานกันเลยละ แต่หลังจากหมอนั่นกลับเมืองไทยไปก่อน เขาก็ค่อยๆ ขาดการติดต่อ สุดท้ายก็เงียบหายเสียเฉยๆ

เคธี่เป็นห่วงมาก วานให้เพื่อนที่อยู่เมืองไทยช่วยตามหา จนกระทั่งรู้ความจริงว่า ผู้ชายคนนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ที่ผ่านมาเขาโกหกเธอทุกอย่างเพราะแค่หวังประโยชน์จากเธอเท่านั้น เคธี่เสียศูนย์ไปพักหนึ่ง เกือบต้องดร็อปเรียนเลยละ”

ผมกัดฟันกรอด “ไอ้เลว! โธ่เอ๊ย...แล้วตอนนั้นเจ้เคธทำยังไงครับ ทำไมเจ้ไม่บอกผม ไม่บอกป๊ากับม้าล่ะ” ผมนึกถึงพี่สาวตัวเองที่ต้องร้องไห้อยู่คนเดียวในต่างบ้านต่างเมืองแล้วก็ใจหาย

แมทถอนใจอีกเฮือก “ฉันเคยถามเธอเหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ยอมบอกที่บ้าน เธอบอกว่าไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง นิสัยแบบนี้เหมือนคีเปี๊ยบเลยใช่ไหมล่ะ? แล้วดูเหมือนตอนนั้นบริษัทคุณพ่อคุณแม่คีกำลังวุ่นด้วยนี่นา ตอนใกล้ซัมเมอร์ ปี...น่ะ”

พอเขาบอกช่วงเวลามา ผมก็ทบทวนความทรงจำ แล้วพยักหน้า “ใช่ครับ ช่วงนั้นป๊าเพิ่งพิชโปรเจคใหญ่มาได้เงินลงทุนก้อนโต ป๊ากับม้ายุ่งมากกลับบ้านดึกทุกวันอยู่เป็นเดือน” ส่วนผมกำลังสนุกกับการทำกิจกรรมที่คณะ แถมมีพี่เมธคอยประกบอยู่ข้างตัวตลอด เลยแทบไม่รู้สึกเหงา

“ทำไมเจ้เคธถึงไม่ยอมพูดอะไรเลยนะ ถ้าพวกเรารู้ ไม่ยอมให้เธอต้องร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนั้นแน่” ผมออกปากอย่างเจ็บใจ...เจ็บใจตัวเองที่ไม่เคยรู้ ไม่ได้ปลอบใจพี่สาวที่ผมรักที่สุดในวันที่เธอเศร้า

แมทจับมือผมไปกุมไว้เป็นเชิงปลอบใจแล้วจึงเล่าต่อ

“พวกเพื่อนๆ ก็เป็นห่วงเคธี่มากเหมือนกัน ต่อหน้าทุกคน เธอพยายามทำตัวร่าเริง แต่พวกเรารู้ดีว่า เธอแค่แกล้งทำเพราะไม่อยากให้คนอื่นเป็นกังวล พวกเราก็เลยผลัดกันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่อพาร์ตเมนท์ แต่ก็ยังไม่วายเกิดเรื่อง” คุณสิงโตถอนใจหนักๆ “คืนนั้นเคธี่โทรหาฉันตอนกลางดึก บอกว่ามีคนอยู่ในอพาร์ตเมนท์ของเธอ ขอให้ฉันรีบไปช่วยหน่อย”

“คนร้ายหรือครับ?” ผมอุทานอย่างตกใจ

“ไม่ใช่มิจฉาชีพหรอก แค่กุ๊ยธรรมดา เคธี่ไปผับคนเดียว เธอคงเหงา พอมีผู้ชายเข้ามาจีบก็กินเหล้ากับเขาจนเมา แล้วก็ชวนหมอนั่นกลับมาที่อพาร์ตเมนท์ แต่ระหว่างกำลังนัวเนียกัน เธอนึกถึงครอบครัวที่บ้าน เลยเปลี่ยนใจปฏิเสธ แต่หมอนั่นนึกว่าเธอเล่นตัวเลยรุกหนัก สุดท้ายเคธี่ต้องเอาของใกล้มือฟาดหัวหมอนั่นจนหัวแตก มันถึงได้เลือดขึ้นหน้า จะเข้ามาทำร้ายเธอ”

“แล้วเจ้เคธเป็นอะไรหรือเปล่า” หัวใจผมกระตุกวูบ นึกกลัวแทนพี่สาว แม้ว่าเรื่องจะผ่านมาหลายปีแล้ว

“ไม่เป็นอะไรนอกจากตกใจ เธอสติดีมาก อาศัยจังหวะที่หมอนั่นกำลังมึน รีบคว้าโทรศัพท์มือถือ วิ่งหลบเข้าห้องน้ำแล้วล็อกกลอน แต่อพาร์ตเมนท์ก็เละไปครึ่งหนึ่ง จนฉันไปถึงทำท่าจะแจ้งความ หมอนั่นถึงได้ยอมออกไป”

“ค่อยยังชั่ว” ผมถอนใจเบาๆ

“หลังจากเรื่องคืนนั้น เคธี่ก็รู้ตัวว่า เธอจะจมปลักอยู่กับความเศร้าแบบนี้ไม่ได้แล้ว เธอกลับไปมุเรียน พอมีเวลาว่างก็หากิจกรรมอาสาสมัครหรืออะไรที่มีประโยชน์ทำ เคธี่นี่แหละที่เป็นตัวตั้งตัวตี ชวนเพื่อนๆ บินมาทำงานอาสาสมัครที่ฮาร์นาสตอนปิดเทอม หลังจากทำงานกลางแจ้งสมบุกสมบันได้สักเดือน เธอก็บอกฉันพร้อมกับรอยยิ้มสดใสว่า เธอลืมความเศร้าได้หมดแล้ว”

“มิน่า...ตอนผมอกหัก เจ้เคธถึงแนะนำให้ผมมาที่นี่” ผมเปรยขึ้นมา

“ทีนี้คีเข้าใจแล้วสินะว่าทำไมเคธี่ถึงให้ฉันสัญญาแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจฉันกับคี แต่เธอไม่อยากให้คีพลาดพลั้งทำอะไรลงไปเพราะความเสียใจ เหมือนที่เธอเคยเกือบจะทำมาแล้ว ใช้เซ็กเพื่อเยียวยาความเจ็บปวดน่ะ มันไม่เวิร์คหรอก คืนนั้นที่เราเกือบจะจูบกัน ฉันถึงได้หงุดหงิดตัวเองมาที่ฉวยโอกาสตอนคีร้องไห้”

“เข้าใจแล้วครับ” ผมพยักหน้าหงึก แต่ก็อดงึมงำค้านขึ้นมาไม่ได้ว่า “แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันสักหน่อยนะครับ ผมลืมเรื่องพี่เมธไปหมดเกลี้ยงแล้ว และเราก็ใจตรงกัน...”

แมทยกมือเชยคางผมขึ้น “ฉันรู้ แต่ฉันอยากทำตามสัญญานี้ให้ลุล่วงน่ะ เป็นคำสัญญากับเพื่อนสนิทที่วางใจให้ฉันดูแลน้องชายคนสำคัญของเธอ เด็กผู้ชายที่ฉันเฝ้ารอและตั้งใจจะทะนุถนอมเขาให้ดีที่สุด”

คุณสิงโตก้มลงมาแตะริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มหนักหน่วงขึ้น ผมเอื้อมแขนขึ้นไปคล้องคอเขา เงยหน้ารับสัมผัสรุกเร้าอ่อนหวานนั้นอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดแมทก็ละริมฝีปากออก ใบหน้ารกด้วยหนวดก้มลงมองผมที่กำลังหอบหายใจด้วยสายตาเอ็นดู

“อดใจรอหน่อยนะ” เขาเย้าเสียงนุ่ม

ผมเบือนหน้าหลบสายตาคมวาวนั้น จูบแบบนี้...แล้วบอกให้ผมอดใจหรือ? แกล้งกันนี่นา ผมนึกอยากแกล้งเขากลับบ้าง จึงพึมพำตอบว่า “โอเคครับ” ก่อนจะขยับยืดตัวขึ้น กดจูบลงบนสันกรามสากตรงส่วนที่ใกล้กับต้นคอของเขา ใช้ฟันขบเม้มเบาๆ ก่อนจะกระซิบว่า “คุณเองก็อดใจไปก่อนนะครับ”

แมทสะดุ้งนิดหนึ่ง เขาคำรามในคอแล้วกดผมลงกับที่นอน ซุกหน้าลงกับซอกคอผมพลางงึมงำว่า

“Baby, you ganna kill me”

ผมหัวเราะออกมาบ้างพร้อมกับเอื้อมแขนไปกอดตอบเขา พวกเรานอนกอดกันพลางคุยกันอยู่อีกพักใหญ่ ผมหลับไปในอ้อมแขนคุณสิงโตอย่างสบายใจ อีกหนึ่งสัปดาห์ พวกเราต้องไปจากฮาร์นาส แต่เมื่อถึงตอนนั้น มันก็แค่การเริ่มนับเวลาถอยหลังเพื่อจะได้เจอกันอีกครั้งเท่านั้นเอง

ความรู้สึกชัดเจนของพวกเราชัดเจนแล้ว...ระยะทางหรือเวลาไม่เป็นอุปสรรคเท่าไหร่หรอกน่า



...........................TBC..............................



ตอนนี้มีฉากให้ใจเต้นด้วยนะคะ แต่เราตั้งใจไว้แต่แรกเริ่มเขียนแล้วว่า ระหว่างที่อยู่ฮาร์นาส จะไม่ขยับความสัมพันธ์ของคุณสิงโตกับน้องเหมียวไปอีกขั้น เพราะอยากจะให้ทั้งคู่ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เรียนรู้กันค่ะ คนอ่านช่วยอดใจรอไปพร้อมๆ กับคุณสิงโตนะคะ

น้องคีนี่ถึงจะซื่อๆ ก็มีแอบยั่วเหมือนกันน้า (FYI แต่น้องก็ไม่เวอร์จิ้นแล้วนะคะ คบกับพี่เมธมา 3 ปีก็พัฒนาความสัมพันธ์ไปขึ้นหนึ่งนั่นแหละ) ฉากในตอนนี้เลยอยากให้เห็นมุมอื่นๆ ของน้องด้วยน่ะค่ะ

ตอนหน้าคงเป็นตอนจบแล้ว เราจะกลับเมืองไทยไปสะสางเรื่องที่ค้างคาใจทั้งหมด และรอดูว่า คุณสิงโตจะได้มาหาลูกแมวน้อยของเขาเมื่อไร อย่างไร ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามและขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์นะคะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 29 [Update 11/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-10-2018 14:33:33
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 29 [Update 11/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 11-10-2018 14:51:27
น้องไฟแรงอยู่นะลูกกกกกกก อดทนอีกหน่อยนะลูก  :hao5: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 29 [Update 11/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-10-2018 15:52:15
เยี่ยมเลยน้องลุกก่อนอ่ะ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 29 [Update 11/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 15-10-2018 02:31:46
พี่คะ หนูเขินนนนนนนนนน แง จะรอวันที่น้องกับพี่สิงโตมาเจอกันนะคะะ :hao3:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 29 [Update 11/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 15-10-2018 20:09:18
 :-[ :-[ :-[
น้องร้ายยยยยย
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 29 [Update 11/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 15-10-2018 20:14:16
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Chapter 29 [Update 11/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-10-2018 21:03:28
บทเรียนสอนใจพี่เคท........
เลยนำมาใช้กับน้อง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :serius2: :really2:

แมท  คี     :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final C้hapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 18-10-2018 17:55:18
บทที่ 30 (ตอนจบ)

สัปดาห์สุดท้ายในฮาร์นาสผ่านไปอย่างเรียบง่าย ผมกับแมทตื่นตั้งแต่เช้ามืด ออกไปประชุมงานตอนเช้า สต๊าฟจะแบ่งกะให้พวกเราทำงานกะเช้ากับกะบ่าย ส่วนใหญ่ผมจะไปกับแมทและโซเฟียกับมาเรียนน่ารวมเป็นกลุ่ม 4 คน พวกอาสาสมัครคนอื่นที่รู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่โปรแกรม Exclusive แซวว่า พวกเราจับกลุ่มกันเหมือนออกเดทคู่ ซึ่งถ้าไม่นับที่พวกเราต้องทำงานกลางแจ้งอาบเหงื่อต่างน้ำทั้งวันก็เหมือนเดทอยู่หรอก

ทุกคืนหลังเสร็จงานและกินอาหารเย็นแล้ว ผมกับแมทจะเดินจูงมือกันกลับห้อง อาบน้ำแล้วลากที่นอนปิกนิกออกมานอนดูดาวไปพลางคุยกันไปพลาง ผลัดกันเล่าเรื่องต่างๆ ผมสารภาพกับแมทเรื่องที่เคยเข้าใจผิดว่าเขาชอบเจ้เคธ และบอกเขาเหมือนบอกร็อบว่า ถ้าเทียบกันแล้ว ผมคงสู้เจ้เคธซึ่งทั้งสวยทั้งเก่งไม่ได้

“คีคิดแบบนั้น เพราะคีมองเคธี่เป็นฮีโร่ของตัวเองมาตั้งแต่เด็กน่ะ”

แมทเอ่ยยิ้มๆ แล้วเอื้อมมือมาลูบศีรษะผม “เคธี่เองก็คงรู้ว่าคียึดเธอเป็นต้นแบบ เธอถึงได้พยายามเป็นคนเก่งและเข้มแข็งตลอดเวลาต่อหน้าน้องชาย แต่ความจริงเคธี่เองก็มีมุมอ่อนแอเหมือนกันนะ ไม่มีใครเฟอร์เฟ็คไปทุกอย่างหรอก”

“ครับ” ผมพยักหน้ารับ นึกถึงเรื่องที่แมทเล่าเมื่อวันก่อนเรื่องเจ้เคธเกือบจะเสียศูนย์ตอนอกหัก พี่สาวผมแบกรับความคาดหวังจากคนอื่นๆ ซึ่งรวมถึงตัวผมเองไว้มากเกินไป คิดแล้วก็ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาเหมือนกัน

“ส่วนเรื่องที่คีคิดว่า ถ้าเคธี่กับคีเป็นตัวเลือก 2 ช๊อยส์ แล้วทุกคนจะเลือกเคธี่น่ะ ไม่เสมอไปหรอกนะ”

แมทเอ่ยต่อพร้อมกับพลิกตัวตะแคง เท้าศอกเอามือรองศีรษะแล้วก้มมองผมซึ่งกำลังนอนหงายอยู่ “เคธี่มีเสน่ห์ในแบบของเธอ คีเองก็มีเสน่ห์ในแบบของคี ไม่อย่างนั้นไม่ทำให้คนแก่บางคนหลงจนลืมไม่ลงอยู่ตั้งหลายปีหรอก” เขาแซวตัวเอง

“แมทยังไม่แก่สักหน่อยครับ” ผมเอ่ยเอาใจ เอียงคอมองใบหน้ารกด้วยหนวดนั้น แล้วก็ยื่นมือขึ้นไปทาบฝ่ามือของตนเองกับแก้มเขา “คุณไว้หนวดไว้เคราก็เลยดูหน้าเข้ม ถ้าตัดผมสั้นกับโกนหนวดสักหน่อยต้องหน้าเด็กลงแน่ๆ ว่าแล้วก็อยากเห็นจัง”

อีกฝ่ายฟังแล้วก้มลงมาคร่อมตัวผมไว้ เลิกคิ้วพลางยิ้มกริ่ม “ลูกแมวน้อยไม่ชอบหนวดฉันหรือ หืม?” เขาถามพลางแกล้งไถแก้มสากๆ ของตัวเองกับแก้มผม ก่อนจะไซร้ลงมาตรงซอกคอจนผมขนลุกซู่ รีบหดคอหนี

“แมท อย่าแกล้งผมสิครับ จั๊กจี้”

ผมร้องบอกพลางหลับตาปี๋ ได้ยินเสียงคุณสิงโตหัวเราะแล้วผละห่างออกไปนิดหนึ่ง พอเขาละไปแล้ว ผมจึงค่อยลืมตาขึ้น อธิบายว่า “ก็แค่อยากเห็นว่า เวลาแมทไม่มีหนวดจะเป็นยังไงเท่านั้นละครับ ถ้าคุณจะโกนหนวดเมื่อไหร่ ต้องให้ผมดูเป็นคนแรกนะ ผมอยากเห็น แต่จริงๆ แมทจะเป็นแบบไหน ผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ”

คนฟังยิ้มกว้างจนตาหยี “พูดเอาใจกันแบบนี้ ต้องให้รางวัลเด็กปากหวานหน่อยแล้ว”

เขาบอกพลางก้มลงมาหา ทาบริมฝีปากกับริมฝีปากของผม ผมเหลือบตามองดวงดาวซึ่งส่องแสงวิบวับอยู่เหนือศีรษะแวบหนึ่ง ก่อนจะหลับตาลงแล้วขยับริมฝีปากตอบรับสัมผัสอ่อนหวานที่เขามอบให้ รอยยิ้มติดอยู่บนริมฝีปากของผมตลอดเวลาที่เราจูบกัน

คืนนี้เป็นคืนที่งดงามที่สุดคืนหนึ่งในชีวิตผมเลยละ

...................................................................



กำหนดไฟลท์บินกลับไทยของผมกับไฟลท์ไปอเมริกาของแมทเป็นวันเดียวกัน เพราะตอนเจ้เคธจองตั๋วเครื่องบินให้ผม เจ้ถามแมทก่อนแล้วว่าจะบินกลับวันไหนและจองตั๋วกลับวันเดียวกันไว้ ผมจะได้ติดรถเขาออกจากโกเบบิสกลับมาวินดฮุกได้เลย

ไฟลท์ผมบินตอนเที่ยง ส่วนของแมทบ่ายสอง ถ้าออกจากฮาร์นาสไปสนามบินตอนเช้ามืดอาจจะไม่ทัน พวกเราจึงแพลนว่าจะออกเดินทางล่วงหน้าหนึ่งวันไปค้างคืนที่วินดฮุก แมทจะได้จัดการคืนรถเช่าของเขาให้เรียบร้อยโดยไม่ฉุกละหุก

โซเฟียกับมาเรียนน่าจะบินกลับหลังพวกเราสี่วัน นั่งรถของฟาร์มตรงไปสนามบินเลย วันสุดท้ายของผมในฮาร์นาส สองสาวตัวติดกับผมเป็นพิเศษ พวกเราแลกที่อยู่ เบอร์ติดต่อ และ SNS กัน โซเฟียบอกว่ามีแพลนจะมานามิเบียอีกรอบ “คงหาวันลายาวๆ อยู่เป็นเดือนเหมือนครั้งนี้ไม่ได้ แต่พวกฉันตั้งใจจะมาอีกนะ อยากไปเที่ยวทะเลทรายนามิบกับชายฝั่งตะวันตกบ้าง คีมาเที่ยวด้วยกันไหม”

ผมพยักหน้ารับคำชวนของพวกเธอ รู้ดีว่าพวกเราคงไม่ได้กลับมานามิเบียอีกเร็วๆ นี้หรอก แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้คิดจะไปแล้วไปลับ

แมทกับผมไปลาพวกสต๊าฟของฮาร์นาสและขอบคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ไปลาเจ้าไพรด์ ชีต้าตัวแสบซึ่งสนิทกับผมเป็นพิเศษ แล้วก็ไปทัวร์รอบฟาร์มด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย ผมยืนพิงไหล่แมท มองทุ่งหญ้าสะวันนาทอดไกลออกไปจนสุดสายตา เห็นดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าส่องแสงเรืองรอง เสียงสิงโตคำรามดังแว่วสลับกับเสียงช้างและเสียงนกบินกลับรัง

ผมยืนมองอยู่อย่างนั้น พยายามบันทึกภาพ เสียง และความรู้สึกตรงหน้า ประทับเอาไว้ในความทรงจำให้มากที่สุด จนดวงอาทิตย์ลับหายไปแล้ว พวกเราจึงค่อยละจากมา



ตอนเช้าวันที่ผมกับแมทจะเดินทางมาวินดฮุก โซเฟียกับมาเรียนน่าขอโดดประชุมงานกะเช้าเพื่อมาส่งพวกผมตรงลานจอดรถ มีเควิน สต๊าฟของฮาร์นาส เพื่อนซี้ของแมทมาส่งด้วย โซเฟียกอดผมแน่น บอกเสียงดังจนได้ยินกันทุกคน “ถ้ามีโอกาส ไปเที่ยวสเปนนะ ทั้งสองคนเลย ไปฮันนีมูนที่โน่นก็ได้”

“โซเฟีย! เร็วไปแล้วครับ”
ผมร้องบอกเธอ พลางเหลือบตามองคนที่เหลือ

แมทกับเควินยืนฟังยิ้มๆ แถมคุณสิงโตยังก้มลงกดโทรศัพท์ส่งให้มาเรียนน่าดูด้วยว่าโซเฟียพูดอะไร พอรู้ว่าแฟนตัวเองแซวผมเรื่องนี้ สาวหูหนวกพยักหน้าหงึกหงัก รีบจิ้มโทรศัพท์พิมพ์ข้อความสนับสนุนว่า สเปนมีที่เที่ยวสวยๆ เหมาะกับคู่รักและคู่แต่งงานใหม่เพียบเลย

สองสาวช่วยกันแซวผม บรรยากาศการลาจากเลยไม่เศร้าซึมนัก พวกเรากอดกันแน่นๆ เป็นครั้งสุดท้ายแล้วผมกับแมทก็ขึ้นรถขับออกมา

พวกเราไปถึงวินดฮุกตอนบ่าย เข้าพักในเกสเฮาส์ของเพื่อนแมท คุณสิงโตจัดการคืนรถเช่า แล้วพรุ่งนี้ค่อยจ้างรถของเกสเฮาส์ไปส่งที่สนามบิน เราสองคนตกลงว่าจะออกไปกินอาหารเย็นแล้วกลับมาเข้านอนเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้ทั้งผมทั้งแมทต้องนั่งเครื่องบินยาวเป็นสิบชั่วโมงทั้งคู่

พวกเราผ่านคืนสุดท้ายในนามิเบียด้วยการนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันอย่างเงียบๆ


เพียงพริบตาเดียว ผมก็มายืนอยู่หน้าด่านในสนามบิน เช็กอินตั๋วและโหลดกระเป๋าลากใบใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เป้สะพายหลัง ผมเงยหน้าขึ้นสบตาคุณสิงโต อยู่ๆ ความหวาดหวั่นก็ถาโถมตีตื้นขึ้นมาจนใจหายวาบ รู้สึกถึงก้อนแข็งเลื่อนมาจุกอยู่ตรงคอ

ผมกัดริมฝีปาก พยายามกล้ำกลืนมันลงไปเพื่อจะบอกลาคุณสิงโตอย่างเข้มแข็ง เขาจะได้ไม่เป็นห่วง แมทดึงผมไปกอด กระซิบบอกหนักแน่น “ฉันจะไปหาคีทันทีที่ประเทศไทยทันทีที่ไปได้ ระหว่างที่เราอยู่ห่างกัน ฉันจะวิดีโอคอลไปทุกวัน”

“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงักอยู่ในกับอกเขา น้ำตาซึ่งพยายามกลั้นเอาไว้ไหลตกลงบนแก้มจนได้

คุณสิงโตผละออกนิดหนึ่งแล้วยกมือขึ้นมา ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้ เขาปลอบแล้วก็แกล้งเย้าว่า “ชู่ว ไม่เอา อย่าร้องไห้ ขืนคีร้องไห้ตาแดงกลับบ้าน เคธี่เล่นงานฉันตายแน่ พี่สาวคีน่ะ ดุยิ่งกว่าสิงโตทั้งฝูงรวมกันอีกนะ”

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้ว่าแมทอยากผมรู้สึกดีขึ้นเลยแกล้งแซวเจ้เคธให้ผมขำ ผมยิ้มให้แล้วแกล้งแซวกลับ

“คุณกลัวเจ้เคธด้วยหรือครับ”

“กลัวสิ เดี๋ยวเคธี่ไม่ยอมให้ฉันยื่นใบสมัครเป็นน้องเขย” คุณสิงโตตอบเสียงกลั้วหัวเราะ เขามองเข้ามาในดวงตาของผมพลางเอ่ยเสียงจริงจัง “ใกล้จะถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว คีเข้าไปเถอะ อีกเดี๋ยวเดียวเราก็ได้เจอกัน ฉันสัญญา”

เขาบอกแล้วก้มหน้าลงมาแตะริมฝีปากของตนกับหน้าผากผมโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นรอบตัวเรา

“Goodbye baby, until we meet again”

………………………………………………………………….


ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: naoto ที่ 18-10-2018 17:55:39
“อิ่มแล้ว...ป๊าม้า คีไปมหาลัยฯ ก่อนนะ มีเรียนเช้า”

ผมตักโจ๊กคำสุดท้ายเข้าปาก หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ยกมือไหว้พ่อกับแม่ซึ่งยังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว กำลังจะคว้ากระเป๋าเป้สะพายหลังเตรียมวิ่งออกจากบ้านเพื่อไปโบกวินมอเตอร์ไซล์ไปปากซอย ตอนได้ยินเสียงพี่สาวร้องเรียกมาจากชั้นสอง

“คี เดี๋ยวเจ้ไปส่ง วันนี้ต้องไปประชุมแถวนั้นพอดี”

เจ้เคธซึ่งสวมสูทตัวเนี้ยบ หน้าผมเป๊ะสุดวิ่งซอยขาลงบันไดมา ผมรีบท้วงอย่างเกรงใจ “เจ้ไม่กินข้าวก่อนเหรอ คีไปเองก็ได้”

“ไม่ทันแล้วแก ลูกค้าดันเลื่อนเวลานัดมาเป็นเก้าโมง เลขาเขาเพิ่งจะโทรมาแจ้งเมื่อกี้! ”

พี่สาวผมว่าพลางรีบร้อนสวมรองเท้าส้นสูง ปากก็บ่นไปด้วย “อีตาซีอีโอบริษัทนี้คิวทองยิ่งกว่าดารา นัดยากนัดเย็น แล้วพอถึงวันนัดดันมาบอกว่า ต้องรีบบินไปโตเกียวด่วน ขอเลื่อนจากบ่ายเป็นเช้า โว้ย! ฉันละอยากจะบ้า”

เจ้าตัวทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สีหน้าหงุดหงิดดีขึ้นมาหน่อยตอนม้าให้แม่บ้านวิ่งเอาแอปเปิลที่หั่นเตรียมไว้ให้ป๊าใส่กล่อง ส่งตามมาเป็นเสบียงให้ลูกสาวกินรองท้องก่อน

วันนี้ผมเลยโชคดีมีราชรถไปส่ง เจ้เคธขับรถไปพลางวางแผนการเดินทาง “เช้าๆ แถวนั้นรถติดจะตายชัก นี่ยังไม่รู้จะไปทันรึเปล่า ถ้าไม่ทันเจ้จะลงไปโบกวิน แกขับรถเจ้ไปมหาลัยก่อนแล้วกัน บ่ายเจ้ประชุมเสร็จแล้วค่อยไปเอา”

“โอเคจ้า” ผมตกลงขำๆ ดูท่าว่าคงได้เห็นเวิร์คกิ้งวูแมนสวยเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าโดดขึ้นมอเตอร์ไซล์รับจ้างแน่ พอกลับจากฮาร์นาส ผมก็เปลี่ยนมุมมองที่มองพี่สาวตัวเองใหม่ แล้วก็พบว่าเจ้เคธเองก็ไม่ได้เป๊ะตลอด 24 ชั่วโมง มีมุมล่กๆ รีบๆ แบบนี้เหมือนกัน

พอวางใจว่ายังไงก็ไม่น่าไปสาย พี่สาวผมค่อยอารมณ์ดีขึ้น เจ้เคธขับรถพลางเคี้ยวแอปเปิล แล้วถามผมว่า “แมทเป็นไงบ้างละ ออฟฟิศใหม่ลงตัวหรือยัง”

“อืม เห็นว่ารันระบบงานได้ลงตัวแล้วนะ ช่วงแรกทีมใหม่ยังทำงานไม่เข้าขากันเลยต้องเสียเวลาปรับจูน”

ผมเล่าตามที่ได้ยินคุณสิงโตอธิบายเมื่อคืนระหว่างเราวิดีโอคอลคุยกัน ผมกลับมาเมืองไทยได้เดือนกว่าแล้ว นั่งๆ นอนๆ พักผ่อนอยู่กับบ้านแค่ 2 สัปดาห์มหาวิทยาลัยก็เปิดเทอม แมทวิดีโอมาทุกวันอย่างที่เขาสัญญาไว้ เวลาที่กรุงเทพเร็วกว่าที่อเมริกา 14 ชั่วโมง ช่วงกลับมาจากนามิเบียใหม่ๆ เขาจะโทรหาผมตอนสี่ทุ่มของเมืองไทย หรือประมาณ 8 โมงเช้าของที่นั่น

หลังจากเขาย้ายไปทำงานสาขาย่อยของบริษัท แมทยังคอลหาผมเวลาเดิม บางครั้งก็ดึกกว่านั้นเล็กน้อย รอบตัวเขาเป็นห้องใหม่เอี่ยม แต่ยังไม่ค่อยมีอะไรให้ดูนอกจากพวกกล่องลังซึ่งเขาเพิ่งขนย้ายของมา แถมเขายังปิดม่านเสียมิดชิด ผมเลยดูไม่ออกว่าเขาย้ายไปอยู่เมืองไหน

ผมลองถามดูเขาก็ไม่ยอมบอก บ่ายเบี่ยงว่าให้บริษัทให้เขาประจำที่นี่แน่ๆ เสียก่อน

“ฉันจะเตรียมห้องไว้ให้คีพักตอนมาเที่ยวนะ”
เขาบอกผมยิ้มๆ พยายามพูดเอาใจเพราะเห็นผมเริ่มงอน

ท่าทางคุณสิงโตมีลับลมคมในยังไงพิกล ทำเอาผมแอบคิดไปเรื่อยเปื่อยว่า หรือแมทอาจจะได้มาประจำที่เมืองไทยแล้วโผล่มาเซอร์ไพรส์ผมในวันใดวันหนึ่ง แต่พอไปเช็กในอินเทอร์เน็ตก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ บริษัทเขาไม่มีสาขาในประเทศไทยสักหน่อย ผมเลยบอกตัวเองให้เลิกเพ้อเจ้อ

ความจริงแค่เขามีวันลาหยุดมาหาได้ ผมก็ดีใจมากแล้วละ ผมรู้ดีว่า รักทางไกลไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราเพิ่งเริ่มคบกัน ตอนนี้แค่รักษาระดับความสัมพันธ์ให้ราบรื่นก็พอ เอาไว้ผมเรียนจบแล้วค่อยคิดเรื่องอนาคตกันจริงจังอีกที

ผมนั่งคุยกับเจ้เคธไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือส่งเสียงสัญญาณข้อความเข้า ผมหยิบมาดูแล้วก็ขมวดคิ้ว นิ่งคิด เจ้เคธเห็นว่าอยู่ๆ ผมก็เงียบไปเลยหันมามองแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าผมแล้วก็เดาได้ทันที

“ไอ้เมธไลน์มาเหรอ”

ผมพยักหน้าตอบเสียงขรึม “อืม เขาขอนัดเจอคีพรุ่งนี้ ถ้าคีว่าง”

พี่สาวผมพ่นลมหายใจพรืดอย่างฉุนๆ “ไอ้นี่มันตื๊อไม่เลิกจริงๆ คีไม่ต้องไปเจอมันหรอก เลิกกันไปตั้งหลายเดือนแล้ว คีไลน์ไปบอกมันว่าไม่มีอะไรจะคุยด้วย คีมีแฟนใหม่แล้ว หล่อล่ำ ดีกว่ามันเป็นสิบเท่า” เจ้เคธด่าพี่เมธแล้วอวยเพื่อนตัวเองตบท้าย

ผมยิ้มขำก่อนจะส่ายหน้า “คีรับปากว่าจะยอมเจอหน้าเขาครั้งหนึ่ง ถ้าเขาไม่โทรไปกวนคีตอนอยู่โน่นอีก ก็คงต้องไปเจอเขาแหละ จะได้คุยกันให้หายคาใจ จบกันให้เรียบร้อย”

ผมอธิบายแล้วก็ถอนใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตอบข้อความตกลง เจ้เคธได้แต่ทำปากจิ๊กจั๊ก แต่ก็ไม่ได้ค้านอะไร

พอเข้าตัวเมืองชั้นในรถก็เริ่มติด สุดท้ายพี่สาวผมจึงต้องอาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดง โดดไปขึ้นมอเตอร์ไซล์รับจ้างบึ่งไปออฟฟิศลูกค้า ผมเปลี่ยนมานั่งหลังพวงมาลัย ขับรถไปจอดในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหาวิทยาลัย เพราะที่จอดรถในคณะผมมีไม่พอแถมจอดนานๆ ก็ไม่ได้ด้วย

ผมจอดรถแล้วจึงค่อยเดินไปคณะ ระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงอาศัยพี่วิน ไม่ก็โบกแท็กซี่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เดินได้สบายๆ ไม่ถึงกับเหนื่อย การทำงานกลางแจ้งที่ฮาร์นาสร่วมเดือนทำให้ร่างกายผมแข็งแรงกระฉับกระเฉงขึ้นมาก

ตอนเปิดเทอมวันแรก เพื่อนๆ พากันตกใจที่ผมตัวคล้ำขึ้นหลายเฉด หลายคนรู้ว่าผมไปแอฟริกาช่วงปิดเทอม เข้ามาถามอย่างสนใจว่าเป็นยังไงบ้าง คนในคณะดูเหมือนจะรู้เรื่องผมกับพี่เมธเลิกกันแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาถามอะไร ยกเว้นบิวซึ่งเข้ามาขอโทษเรื่องเป็นตัวกลางให้พี่เมธหลอกขอเบอร์ใหม่ผมไปจนได้

“บิวขอโทษนะคะ พี่คี พี่เมธบอกว่า พี่คีทะเลาะกับเขาแล้วหนีไปเมืองนอก ติดต่อไม่ได้เป็นอาทิตย์ๆ เขาร้อนใจ มาขอร้องบิว บิวไม่รู้ว่าพวกพี่เลิกกันแล้ว นึกว่าแค่งอนกันเฉยๆ เลยยอมช่วย”


รุ่นน้องอธิบายด้วยท่าทางรู้สึกผิด ผมยอมยกโทษให้ แต่ก็เตือนเธอว่า ครั้งหน้าอย่าถือวิสาสะให้เบอร์ติดต่อของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตเจ้าตัวก่อนแบบนี้อีก


ผมเลิกเรียนตอนเที่ยง ออกจากห้องเรียนแล้วก็หยิบโทรศัพท์มาดู เจ้เคธส่งข้อความมาว่า ประชุมกับลูกค้าเสร็จแล้ว แต่ต้องรีบกลับไปแก้งานกับทีมที่ออฟฟิศด่วน ฝากให้ผมขับรถกลับบ้านไปเลย ตบท้ายด้วยการก่นด่าซีอีโอบริษัทนั้นอีกยาวเหยียด ผมอ่านแล้วได้แต่ส่ายหน้าทั้งขำทั้งอ่อนใจแทนพี่สาว

ระหว่างที่ผมกินข้าวอยู่ในโรงอาหารคณะกับพวกเพื่อนๆ แมทก็โทรมา บางวันเขาจะโทรมาช่วงพักเที่ยงเพราะรู้ว่าผมพอมีเวลาว่างสักครู่หนึ่ง แต่ใช้คอลธรรมดา ไม่ได้คุยวิดีโอแบบเห็นหน้าตากัน

“ไฮ ว่าไงครับ” ผมรับสายเสียงสดใส

[คีกินอาหารกลางวันอยู่รึเปล่า ฉันจะโทรมาบอกว่า คืนนี้กับพรุ่งนี้ช่วงกลางวัน ฉันจะไม่ได้คอลหาคีนะ มีประชุมยาวแล้วก็ต้องเคลียร์งานน่ะ] เสียงทุ้มๆ ดังมาปลายสาย มีเสียงวุ่นวายเป็นแบคกราวด์ ดูท่าทางแมทคงยังอยู่ในออฟฟิศ

ผมหน้าม่อยไปนิดหนึ่ง แต่ก็ตอบเขาไปด้วยเสียงร่าเริง “โอเคครับ ไว้พรุ่งนี้ตอนดึกๆ เราค่อยคุยกันก็ได้” ผมนิ่งคิดว่าจะบอกเขาเรื่องพี่เมธขอนัดผมพรุ่งนี้ แต่ทางปลายสายมีคนเรียกแมทเสียก่อน เขารับคำแล้วบอกผมว่า

[ฉันต้องไปเข้าประชุมแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะ See you]

“ครับ” ผมไม่อยากกวนเขาตอนทำงานยุ่ง เลยไม่ได้เล่า คิดว่าเดี๋ยวไว้เล่าให้เขาฟังตอนคอลคุยกันคืนพรุ่งนี้ก็ได้

……………………………………………………



คืนนี้ผมว่าง ไม่ได้คุยโทรศัพท์กับแมท นอนเล่นอยู่บนเตียงแล้วนึกเหงาขึ้นมาก็เลยลุกเดินไปเคาะห้องพี่สาว

“เจ้เคธ นอนยังอะ”

พี่สาวผมเปิดประตูออกมา สวมชุดนอนทับเสื้อคลุม บนหน้ามีมาสก์แปะอยู่ เธอกวักมือเรียกผม บอกเสียงอู้อี้ “ยังไม่นอน เข้ามาสิแก เพื่อนเจ้ไปญี่ปุ่นซื้อมาสก์ตัวใหม่มาฝาก มาลองกันๆ” เจ้าตัวว่าพลางเดินนำผมเข้าไปในห้อง แกะมาสก์บนหน้าตัวเองทิ้งลงถังขยะแล้วยกมือแตะแก้ม

“ใช้แล้วหน้าเด้งดีเหมือนกันแฮะ แกมาลองดูบ้างสิ กลับจากนามิเบีย หน้ากร้านไปตั้งเยอะ” เจ้เคธบอกแล้วตบที่นอนข้างตัวแปะๆ ผมหัวเราะแล้วพยักหน้า เอนหลังนอนบนเตียงหนุนตักพี่สาว ให้เธอบรรจงวางแผ่นมาสก์ลงบนใบหน้าให้ ระหว่างผมกำลังมาสก์หน้า เจ้เคธก็ชวนคุย “พรุ่งนี้นัดไอ้เมธที่ไหนละ”

“คาเฟ่แถวๆ นี้แหละ คีกะว่าแค่กินกาแฟสักแล้ว คุยกันให้จบแล้วก็กลับ ความจริงเขาชวนกินข้าว แต่คีคิดว่าคงกินไม่ลงทั้งคู่ เลยบอกปัดไป”

“ดีแล้ว” เจ้เคธพยักหน้าหงึก สั่งเฉียบขาด “ปัดแล้วก็ตัดฉับๆ ไม่ต้องเหลือเยื่อใยเลยนะ”

ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะนิ่งไปนิดหนึ่ง ยกมือพี่สาวมาจับเล่นแล้วถามอีกฝ่ายว่า

“เจ้เคธ...ตอนเจ้อกหัก เสียใจมากไหม คีขอโทษนะ...คีไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

เจ้เคธว่าส่ายหน้า ยกมืออีกข้างลูบศีรษะผม “อยู่ไกลกันคนละทวีป แกจะช่วยอะไรได้เล่า ไม่เป็นไรหรอก เจ้ลืมไปหมดแล้ว ตอนนั้นร้องไห้จะเป็นจะตาย แต่พอผ่านมาได้แล้วมองย้อนกลับไป มันก็เป็นบทเรียนที่ดี ทำให้รู้ว่าไม่ว่าจะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องมีสติและรักตัวเองให้มาก”

“เจ้ได้เจอไอ้เลวนั่นอีกไหม” ผมถามอย่างนึกโกรธแทนพี่สาว

“เจอหนนึง ป๊ะกันในห้างเหมือนในละครหลังข่าวเลยแก เจ้ไปคนเดียว ส่วนมันไปกับเมีย เดินควงแขนกันมาหน้าตามีความสุข”

“แล้วเจ้ทำยังไง เข้าไปด่ามันเลยไหม”

ผมถามเสียงขุ่น แต่พี่สาวผมยักไหล้พลางส่ายหน้า “ตอนแรกเจ้ก็อยากจะเข้าไปด่ามันให้เมียมันรู้ แต่ดันไปเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นท้องอยู่ว่ะ ถ้ารู้ว่าผัวแอบนอกใจไปกิ๊กผู้หญิงอื่น ถึงไม่ขนาดบ้านแตกก็คงทะเลาะกันแน่ๆ เจ้ก็เลยเปลี่ยนใจ ไม่รู้จะเอาความเจ็บปวดในอดีตไปสร้างปัญหาให้คนอื่นที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ทำไม”

“อ้าว แล้วเจ้ก็ปล่อยไปเฉยๆ เนี่ยนะ” ผมถามอย่างแปลกใจ เหตุผลน่ะเข้าใจหรอก แต่ไม่ทำอะไรเลยก็ดูเป็นนางฟ้าโลกสวยไปหน่อย ไปสมกับนิสัยเจ้เคธ

“หึ” เจ้เคธส่ายหน้า ยกยิ้มเหี้ยม “เรื่องอะไรจะปล่อยไปง่ายๆ เรื่องหักอก เจ้ทำใจได้ แต่บังอาจมาหลอกคุณแคทรียาคนสวยสุดเพอร์เฟ็ค ต้องจัดการให้สาสม เจ้เดินเข้าไปหามันแล้ว...ทวงหนี้”

“ทวงหนี้?” ผมย้อนคำเสียงสูง “หมอนั่นติดหนี้เจ้ด้วยเหรอ”

“ช่าย” เจ้เคธยักคิ้ว “ตั้งหลายพันดอลล่าห์ คิดเป็นเงินไทยก็เกือบแสน หมอนั่นบอกว่า เงินทุนออกไม่ทัน เจ้เลยให้ยืมก่อน แต่ไม่ได้ให้ยืมเฉยๆ หรอกนะ จับเซ็นสัญญากู้เงินถูกต้องตามกฎหมาย มีพยานเซ็นรับรู้ ป๊าสอนไว้ตั้งนานแล้วว่า ถ้ายังไม่แต่งงานจดทะเบียนสมรส เงินของเราก็คือเงินของเรา ไม่ใช่ของแฟน ไอ้หมอนั่นคงคิดว่าเจ้รักมันหลงมัน ถึงมีสัญญาก็คงไม่ทวง เลยยอมเซ็นโดยดี คิดผิดแล้วย่ะ”

ผมอ้าปากหวอ ทึ่งพี่สาวตัวเอง “เจ้สุดยอดอะ! แล้วตกลงหมอนั่นยอมคืนเงินไหม”

เจ้เคธหัวเราะสะใจ “ตอนแรกหมอนั่นปฏิเสธเสียงแข็ง ทำท่าจะเดินหนี แต่เจ้เรียกชื่อมันเสียงดังลั่นห้าง โชว์สัญญาที่ถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์ให้ดู บอกว่ามันกลับเมืองไทยแล้วหายตัวไปไม่ยอมติดต่อมาใช้หนี้ แล้วเจ้ก็ขู่ว่าถ้าไม่คืนเงินจะแจ้งความ ทีนี้หมอนั่นเลยได้แต่ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม”

“แล้วเมียเขาทำไง” ผมถามต่อเสียงตื่นเต้น

“ก็เต้นผางเลยน่ะสิ ดูจากหน้าตาการแต่งตัว ผู้หญิงคนนั้นน่าจะรวยอยู่นะ แต่คงไม่ได้เรียนสูง ท่าจะอายุมากกว่าไอ้หมอนั่นด้วย เขาด่าผัวตัวเองยกใหญ่ว่า เงินแค่ไม่กี่หมื่นทำไมไม่ยอมคืน แล้วก็ขอเลขบัญชีของเจ้ไป บอกว่าจะโอนเงินคืนให้เอง ไม่ต้องแจ้งความ”

เจ้เคธเล่าถึงตรงนี้แล้วก็ถอนใจอีกเป็นเฮือกแล้วสรุปตบท้ายว่า “ฉันยืนมองหมอนั่นถูกเมียดึงหูลากไปแล้วก็ได้แต่สงสัยตัวเองว่า เมื่อก่อนเราหลงผู้ชายหงอๆ จ๋องๆ คนนี้หัวปักหัวปำได้ยังไงวะ”

“คงเพราะถอดฟิลเตอร์แฟนออกแล้วก็ได้เห็นเขาจากความจริงละมั้ง”

ผมออกความเห็นบ้าง นึกถึงตัวเองที่เพิ่งเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับพี่เมธหลังจากเลิกกับเขา ก่อนหน้านี้ผมมองว่าพี่เมธเป็นผู้ใหญ่ มั่นคง พึ่งพาได้ แต่ความจริงเขาก็มีจุดอ่อนตรงแคร์สายตาของคนรอบข้าง แถมยังโอนเอนไปตามสิ่งที่เข้ามากระทบได้ง่ายด้วย

เจ้เคธดึงแผ่นมาสก์ออกจากหน้าผมแล้วจิ้มปลายนิ้วลงบนแก้ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงปลุกใจ “เอาละ ผ่องขึ้นตั้งเยอะ พรุ่งนี้คีแต่งตัวหล่อๆ เดินเข้าไปหาไอ้เมธ แล้วเขี่ยมันทิ้งให้สะใจเลยนะ”

ผมยกมือขึ้นมาตะเบ๊ะ

“รับทราบครับ รับรองว่าจะไม่ให้เสียยี่ห้อนายคีตะ น้องชายคุณแคทรียาคนสวยสุดเพอร์เฟ็ค”

ผมทวนคำอีกฝ่าย แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมนึกถึงที่แมทเคยบอกว่า ผมนิสัยเหมือนเด็ก แต่ความจริงเข้มแข็งเหมือนเจ้เคธ เราสองคนพี่น้องบุคลิกภายนอกไม่เหมือนกัน แต่ข้างในจิตใจเหมือนกันจริงๆ อย่างที่เขาว่านั่นละ

.................................................................



บ่ายวันต่อมา ผมกินข้าวกลางวันแล้วค่อยเดินไปโบกมอเตอร์ไซล์ออกไปร้านกาแฟตรงต้นซอย ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ แต่เจ้าของร้านซึ่งควบตำแหน่งบาริสต้าด้วยชงกาแฟอร่อย เมื่อก่อนผมกับพี่เมธก็เลยแวะเวียนไปอุดหนุนบ่อย วันนี้พี่เมธนั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวเดิมที่พวกเรามักจะนั่งด้วยกัน ผมมองเห็นเขาตั้งแต่นอกร้าน กำลังจะเดินเข้าไปก็พอดีโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน

แมทคอลมาหา เสียงรอบตัวเขาดูวุ่นวายเหมือนอยู่ข้างนอก [คี ฉันเคลียร์งานเสร็จแล้ว นี่คีอยู่บ้านหรือเปล่า]

“ผมออกมาธุระครับ พี่เมธขอนัดเจอ ผมก็เลยมาพบเขา” ผมบอกไปตามตรง แล้วอธิบายเพิ่มว่า “เมื่อวานผมว่าจะบอกคุณ แต่เห็นคุณยุ่งอยู่ เลยกะว่าจะเล่าให้คุณฟังตอนคุยกันคืนนี้น่ะครับ”

แมทนิ่งเงียบไป 2-3 วินาที แล้วจึงถามกลับมาเสียงขรึม

[คีโอเคที่จะไปเจอหมอนั่นใช่ไหม ถ้าเขาพูดอะไรให้รู้สึกไม่ดี ก็ไม่ต้องทนคุยด้วยต่อนะ ตัดบทเลย]

ผมยิ้ม สมกับเป็นคุณสิงโตจริงๆ แทนที่จะซักไซ้เรื่องผมมาเจอแฟนเก่า กลับเป็นห่วงกลัวว่าพี่เมธจะทำให้ผมไม่สบายใจซะอย่างนั้น “ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว เขาทำให้ผมเฟลไม่ได้แล้วละ ว่าแต่...คุณจะไม่หึงสักหน่อยหรือครับ” ผมแกล้งหยอดถาม

แมทหัวเราะ แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ แถมยังดูมั่นใจมากเสียอีก

[หึงสิ แต่ฉันรู้ว่า คีฉลาดเกินกว่าจะกลับไปหาผู้ชายแย่ๆ คนนั้น เอาเป็นว่า อย่าคุยนานนักก็พอ คีเสร็จธุระแล้วก็รีบกลับบ้านนะ แล้วเราค่อยคุยกัน]

“ครับ” ผมรับคำแล้วก็บอกเขาว่า “แมทครับ ผมคิดถึงคุณนะ”

[I miss you too baby.] แมทตอบกลับมาแล้วก็ตัดสายไป

ผมอมยิ้มก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า แล้วเดินเข้าไปในร้าน ตั้งใจจะรีบจัดการ ‘ธุระ’ ให้จบแล้วกลับบ้านคุยกับแฟนผมเสียที



พี่เมธมองเห็นผมตั้งแต่ตอนผมเปิดประตูร้านเข้าไป ผมแวะทักพี่เจ้าของร้านตรงเคาน์เตอร์ สั่งเครื่องดื่มแล้วค่อยเดินไปที่โต๊ะ ทักเสียงราบเรียบ “มานานแล้วหรือครับ”

“ไม่หรอก มาก่อนคีสัก 15 นาที เพิ่งกินกาแฟหมดแก้ว” พี่เมธตอบ เลื่อนแก้วกาแฟร้อนว่างเปล่าออกไปอีกด้าน เขาเงยหน้าขึ้นสบตาผม ยิ้มแล้วก็เปรยว่า “คีคล้ำไปนะ แต่ดูสดใส ที่แอฟริกาคงอากาศดี”

“ดีมากครับ แต่แดดแรงก็เลยคล้ำลงไปหน่อย” ผมตอบกลับ เพิ่งสังเกตว่า อีกฝ่ายซูบลงไปนิดหนึ่ง ขอบตาที่อยู่หลังแว่นกรอบใสมีรอยคล้ำ “พี่เมธล่ะ เป็นไงบ้าง?”

“ก็ดีแหละ แต่งานยุ่งหน่อย เพราะช่วงนี้มีออดิธ....”

พี่เมธยกมือขึ้นมาดันแว่นกลับไปที่จมูก เป็นท่าทางที่ผมคุ้นตา เขามักจะทำดันแว่นเวลาที่รู้สึกประหม่าหรือเครียด พนักงานในร้านเอากาแฟมาเสิร์พให้ พวกเราจึงเงียบไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งพนักงานเดินละไปแล้ว พี่เมธจึงค่อยเอ่ยต่อ เปลี่ยนประเด็นไปบอกว่า

“เกลมาหาพี่ที่ออฟฟิศ แต่พี่ไม่ลงไปเจอเขา เขาพยายามโทรมา พี่ก็ไม่คุยด้วย ไปหาที่คอนโด พี่ก็หลบ สุดท้ายเขาก็ทำใจได้ ยอมเข้าใจแล้วก็ไม่มากวนพี่อีก”

อีกฝ่ายเล่าแล้วทิ้งระยะเหมือนจะสังเกตปฏิกิริยาของผม แต่สิ่งที่ผมแสดงออกมีเพียงพยักหน้ารับรู้อย่างนิ่งเฉย

“เหรอครับ” ผมรับคำ ในใจอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ ที่พี่เมธหลบหน้าเกล ก็ไม่ต่างจากที่ผมหนีเขาไปเมืองนอกนั่นแหละ ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะยื้อเขาเอาไว้จนสุดกำลัง

สีหน้าของพี่เมธดูซึมเซาลงไปอีก เขาคงดูออกว่า ผมไม่ได้สนใจเรื่องของเขากับน้องรหัสแล้วจริงๆ สุดท้ายเขาก็ถามผมตรงๆ ด้วยเสียงแห้งโหย

“คี...ไม่มีทางที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเลยหรือ”

ผมส่ายหน้า มองตาเขาขณะที่เอ่ยเสียงจริงจัง “คีบอกพี่ตั้งแต่ตอนคุยกันครั้งก่อนแล้วว่าถึงจะคุยกันกี่รอบ คำตอบของคีก็จะเป็นคำตอบเดิม คีเดินไปกับพี่ต่อไม่ได้จริงๆ เราจบกันตรงนี้เถอะครับ”

พี่เมธมองดูผมนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วอึดใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายละสายตาไปก่อน เขาคอตก พยักหน้ายอมรับ

“เข้าใจแล้ว...จริงๆ พี่ก็พอรู้ว่า มันเป็นไปได้ยาก แต่พี่ก็ยังอดหวังไม่ได้...” พี่เมธบอกแล้วก็ฝืนยิ้ม “ขอบคุณนะที่คียอมมาเจอเพื่อบอกกับพี่ต่อหน้า พี่จะได้ตัดใจเสียที”

ผมถอนใจออกมาครั้งหนึ่ง นึกถึงความทรงจำดีๆ ตอนเราอยู่ด้วยกันแล้วก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้ ผมกับพี่เมธคบกันมา 3 ปี ผ่านเรื่องต่างๆ มาด้วยกันมากมาย แต่เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดจบ เราก็ได้แต่ยอมรับแล้วก้าวผ่านมันไป

“คีก็ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่พี่ทำให้คีนะครับ คีคงต้องกลับแล้ว พอดีมีนัดต่อ”

ผมบอกแล้วตัดบท ทำท่าจะลุกจากโต๊ะ แต่พี่เมธเรียกไว้เสียก่อน “คี”

“ครับ?”

“ตอนนี้คีคุยกับใครอยู่หรือเปล่า”

อดีตคนรักของผมถาม น้ำเสียงไม่ได้คาดคั้น แค่มีแววอยากรู้เท่านั้น ตอนแรกผมตั้งใจจะตอบว่า ไม่ใช่เรื่องของเขาแล้ว แต่ไหนๆ ครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน ผมจึงพยักหน้า ตอบกลับเสียงเรียบเหมือนเดิม

“ครับ คีคุยกับคนหนึ่งอยู่ ก็...เป็นแฟนกันแล้วแหละ”

พี่เมธทิ้งหลังพิงพนักแล้วถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ “ใช่จริงๆ ด้วย เมื่อกี้พี่เห็นคีรับโทรศัพท์ที่นอกร้าน แล้วก็ยิ้ม...สีหน้าคีดูดีมาก พอเห็นพี่รู้แล้วว่า ตัวเองคงไม่มีหวังแล้ว” เขาเงยหน้ามองผม แล้วฝืนยิ้มออกมา แม้ว่าดวงตาจะหม่นหมอง

“คีไปเถอะ พี่ว่าจะนั่งคิดอะไรอีกสักพัก ขอให้มีความสุขมากๆ”

ผมยิ้มตอบเขา “ขอบคุณครับ พี่เมธก็เหมือนกันนะ”

ผมผุดลุกขึ้น ทิ้งเครื่องดื่มที่ไม่ได้แตะต้อง พร้อมกับความรักครั้งเก่าซึ่งเพิ่งปิดฉากลงไว้ที่โต๊ะตัวนั้น แล้วก้าวเดินจากมา

..................................................



พอผมลงจากมอเตอร์ไซล์ เปิดประตูเล็กเดินเข้าบ้านมา ป้าน้อย แม่บ้านที่อยู่กับครอบครัวเรามาตั้งแต่ผมยังเด็กก็รีบเข้ามาบอก “น้องคีคะ มีแขกมาหาค่ะ”

“เอ๋? แขกมาหาคีเหรอครับ”

ผมงงไปนิดหนึ่ง ผมไม่ค่อยมีแขกมาหาถึงบ้านโดยไม่ได้นัดล่วงหน้า ถ้าพวกเพื่อนๆ จะมา พวกมันจะโทรมาบอกก่อน น่าจะเป็นแขกของป๊าม้าไม่ก็เจ้เคธมากกว่า

“เขาบอกว่ามาหาน้องคีนะคะ เห็นเรียกคีตะกับเคธี่ แต่พูดภาษาอังกฤษป้าก็ไม่แน่ใจ คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่อยู่ ดีว่าน้องเคธโทรเข้ามือถือมาบอกป้าว่า จะมีเพื่อนฝรั่งมาหา ให้เขามารอในบ้านได้ ป้าเลยให้เขารอที่ห้องรับแขก” ป้าน้อยเล่า

“ฝรั่งหรือครับ?” ถ้าอย่างนั้นคงแขกของเจ้เคธละมั้ง เจ้เคธมีเพื่อนๆ ฝรั่งที่ทำงานในไทยหลายคน วันหยุดก็มาชวนเจ้เคธไปตีเทนนิสบ้าง ว่ายน้ำบ้าง

ป้าน้อยเล่าต่อ “พูดภาษาฝรั่ง แต่หน้าตี๋ๆ ค่ะ ตัวโตเป็นยักษ์เลย ตอนเห็นครั้งแรกป้าตกใจหม...”

ผมชะงัก ไม่รอฟังจนจบ รีบวิ่งเข้าบ้าน ตรงไปที่ห้องรับแขกทันที

คนที่อยู่ด้านในยืนหันหลัง กำลังมองภาพถ่ายในกรอบที่อยู่ตรงตู้โชว์ ร่างสูงนั้นสวมชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคสีเข้ม ผมตัดสั้นเป็นรองทรง ดูแปลกตากว่าที่ผมเคยคุ้น และพออีกฝ่ายหันหน้ากลับมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เป็นผมเองก็ลมหายใจสะดุด

หนวดเครารกถูกโกนออกไปเหลือเพียงไรหนวดเขียว หน้าตาเกลี้ยงเกลาส่งให้ผู้เป็นเจ้าของดูเด็กลงหลายปีอย่างที่ผมคิดไว้ แต่ดวงตาเรียวที่มองตรงมาที่ผมยังคงมีประกายสุขุมและอบอุ่นเหมือนเดิม

ให้ตายเถอะ...ถ้ารู้ว่าคุณสิงโตโกนหนวดแล้วจะหล่อจนใจสั่นแบบนี้ ผมบอกให้เขาโกนหนวดตั้งนานแล้ว

ผมคิดขณะที่ก้าวเดินไปหา เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าแล้วเลิกคิ้ว ถามเขาว่า

“มาได้ยังไงครับ? เมื่อวานคุณยังอยู่ที่ออฟฟิศไม่ใช่หรือ”

“ก็อยู่ที่ออฟฟิศ...ที่สิงคโปร์น่ะ”

แมทตอบกลับ เขาก้มหน้ามองผมแล้วยิ้มกว้าง “เมื่อวานมีประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับซีอีโอที่สาขาใหญ่ ฉันได้รับคำสั่งให้มาบรรจุที่สาขานี้อย่างเป็นทางการแล้ว...เมื่อคืนก็เลยรีบจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวเช้าสุดของวันนี้ บินมาหาคี”

“สิงคโปร์สินะครับ...”

ผมถามเสียงเข่นเขี้ยว ลืมไปเลยว่า ถึงออฟฟิศเขาจะไม่มีสาขาในประเทศไทย แต่ในแถบเอเชียแปซิฟิกยังมีที่สิงคโปร์อีกแห่ง “เรื่องนี้หรือครับ ที่คุณปิดผม”

“อืม จะรอเซอร์ไพรส์คี แต่ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ชัวร์ด้วย ถ้าทางซีอีโอกับ MD ที่นี่ไม่โอเคก็ต้องกลับไปที่สาขาใหญ่ ฉันเลยรอให้มีคำสั่งออกมาชัดเจนก่อน ไม่อยากให้คีรอแล้วผิดหวัง” แมทตอบแล้วดึงผมเข้าไปในอ้อมแขน “ต่อจากนี้ฉันก็บินมาหาคีได้บ่อยๆ เลยละ หรือถ้าคีอยากบินไปเที่ยว ฉันก็จะส่งตั๋วมาให้ คอนโดฉันพร้อมสำหรับให้คีไปพักได้ตลอดเวลา”

“แบบนี้ผมควรหายโกรธไหมครับ” ผมแกล้งถามพลางขึงตาดุใส่

“ควรสิ เพราะฉันอุตส่าห์ไปตัดผมกับโกนหนวดก่อนจะมาขึ้นเครื่องนะ ให้คีเห็นเป็นคนแรกเลย กว่าจะหาร้านตัดผมที่เปิดตอนเช้าได้ก็แทบแย่” คุณสิงโตเอ่ยเสียงอ้อนเอาใจ

ผมทำหน้าดุต่อไปไม่ไหว ก็เลยหลุดยิ้มออกมา ยกมือขึ้นลูบคางสากๆ ของเขา

“หน้าเกลี้ยงๆ แบบนี้ ผมไม่ชินเลยครับ สงสัยต้องทำความรู้จักกันใหม่แล้วละมั้ง”

แมทวางมือทับมือผมที่ประคองใบหน้าเขา เย้าว่า “เอ...แต่มีลูกแมวน้อยบางคนเคยบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เขาก็ชอบทั้งนั้นนะ”

ผมยิ้มกว้าง ยืดตัว เขย่งเท้าขึ้นไปจูบปลายคางเขา แล้วยอมรับเสียงกลั้วหัวเราะ “ก็ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็เป็นคุณสิงโตของผมนี่ครับ ยินดีต้อนรับสู่เมืองไทยนะครับ แมท”

แมทหัวเราะแล้วกอดผมแน่นๆ “ฉันมาตามสัญญาแล้ว ต่อไปจะไม่ปล่อยให้คีรอนานๆ อีกแล้วนะ”

เขาบอกก่อนจะก้มหน้าลงมาหา ผมยิ้มแล้วหลับตาลง รับจูบแสนละมุนที่คิดถึงอย่างเต็มใจ



.........................................The End..........................................



จบแล้วค่า!!! /จุดพลุปุ้งๆๆๆ

ตอนจบนี่มีอารมณ์หลากหลายมาก นั่งจิ้มอยู่หลายวันกว่าจะเสร็จเรียบร้อย แต่ก็จบแล้วค่ะ ฮือ เรื่องนี้ใช้เวลาเขียน 4 เดือนเต็ม เป็นการเดินทางระยะสั้นที่ยาวไกล และสนุกสนานมากค่ะ จากจุดเริ่มต้นที่อยากลองเขียนนิยายขนาดสั้น สัก 4 ตอนจบ จากฉากในรายการวาไรตี้จีนที่ติดตาม กลายเป็นเรื่องยาวขนาดนี้ได้ ต้องขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยนะคะ /โค้ง

แจ้งข่าวว่า #คุณสิงโตที่รัก ผ่านการพิจารณารอบแรกจากสำนักพิมพ์แล้วนะคะ น่าจะได้มีโอกาสพบกันในฉบับรวมเล่ม ในช่วงปีหน้าค่ะ  เท่าที่กะไว้น่าจะมีตอนพิเศษหวานๆ ของคุณสิงโตกับน้องแมว และเรื่องของคุณจากัวร์ร็อบค่ะ ส่วนจะมีตอนพิเศษอื่นๆ อีกไหม เราจะมาแจ้งให้ทราบเป็นระยะค่ะ

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามด้วยค่ะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-10-2018 18:45:29
 :L2: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: _tosssalad ที่ 18-10-2018 20:17:01
 :pig4:   :pig4:   :pig4:   o13   o13   o13   :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-10-2018 20:50:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-10-2018 20:56:42
จบแล้ว............  :mew1: :mew1: :mew1:
กลัวๆว่าพี่เมธ จะมีลูกไม้  :hao3:
บอกจบกันอย่างเป็นทางการ  ดีแล้ว

แมท คี   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-10-2018 21:16:28
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ รู้สึกอบอุ่นไปกับความรักของน้องคีย์และคุณสิงโต
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 18-10-2018 21:52:57
อย่างน้อยๆพี่เมธแกก็ยังมีความสุภาพบุรุษอยู่ จบคือจบ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจร้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-10-2018 22:35:10
จริงๆเมธก็น่าสงสารนะ นางคงรักคีจริงๆ แต่ตอนนั้นคงหาทางออกไม่เจอ บวกกับกลัวต่างๆนาๆนางเลยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดี ว่าที่ทำมันแย่มาก
ตอนนี้นุ้งคีมีสิงโตหล่อๆแล้ว แฮ๊ปปี้เอนดิ้งงงง :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 19-10-2018 21:54:16
น่ารัก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-10-2018 15:32:31
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 21-10-2018 00:49:38
แง่ๆๆๆจบแล้วววววันเดียวรวดเอ็นดูหนูคีมากส่วนแมทนี่ถ้าคีไม่เอาเราเอานะ 55555 ขอเซ้งต่อ จะมีตอนพิเศษไหมเอ่ยยอยากอ่านความหวานคู่นี้อีก
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 23-10-2018 16:42:45
สนุกมากกกกกกก  :heaven

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 23-10-2018 21:17:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Boom890 ที่ 25-10-2018 04:39:00
เอาจริงดิ แหมนึงว่าจะมีฉากวาบหวิวๆซะหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-10-2018 13:23:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 25-10-2018 23:14:25
ชอบมากเลยค่ะ เล่าเรื่องเที่ยวก็สนุก อยากตามรอยน้องๆเลยนะเนี่ย ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 27-10-2018 18:29:22
แต่งได้น่ารักมากๆเลยค่ะ ชอบช่วงที่พูดถึงเรื่องในมูลนิธิเลย ถึงขึ้นไปนั่งหาข้อมูลตาม อยากไปเลยค่ะ 555
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-10-2018 01:11:40
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 02-11-2018 08:17:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 05-11-2018 16:18:42
ขอบคุณฮะ หวาน น่ารักและแสนอบอุ่น
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 08-11-2018 21:53:57
พี่แมทน่ารักมากกกกก
รักเดียวใจเดียวสุดๆ
โลกเราควรมีผู้ชายแบบพี่แมทสักพันคนนะคะ
ฮืออออ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 12-11-2018 14:16:30
งื้อออ น่ารักทั้งคู่เลย  o13
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 22-11-2018 05:33:06
ชอบทุกคนในเรื่องนี้หมดเลยเท่ห์มากๆ ทุกคนเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-11-2018 05:28:36
Feel Good  o13
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 23-11-2018 12:45:45
น่ารักมาก บรรยายดีจนอยากไปบ้างเลย

ขอบคุณคนเขียนมากน้าาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 18-12-2018 20:56:13
เหมือนเรื่องของคีกับคุณสิงโตพึ่งจะเริ่มต้นเอง งื้อจบละ :mew2:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-02-2019 22:19:35
อ่านเพลินมากเลยค่ะ แอบไปดูสัตว์โลกน่ารักตามที่แปะมาด้วย ขอบคุณมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: blugar ที่ 11-02-2019 03:00:08
ชอบคาแรคเตอร์น้องคีจัง ไม่งี่เง่า เป็นเด็กน่ารัก เขียนออกมาดีมากทั้งพวกฉากแล้วก็การกระทำของตัวละคร ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลรองรับอ่ะ ขอบคุณนะคะ สนุกมากๆเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 13-02-2019 22:14:10
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่ทั้งอ่านสนุกและได้ความรู้นะคะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 14-02-2019 06:13:39
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ เราชอบมากๆ เลย
ถึงเรื่องราวจะจบลง แต่การเดินทางของคนสองคนเพิ่งเริ่มขึ้นเนาะ
ขอให้รักนี้คงอยู่ตลอดไปนะ คุณสิงโตกะน้องแมวเหมียว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 15-02-2019 00:50:37
 :pig4: อ่านรวดเดียวจบเลยสนุกมากชอบบรรยากาศในเรื่อง o13
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 18-02-2019 14:53:09
ภาษาดีเลยค่ะ อ่านลื่นไหล
โทนเรื่องเหมือนอ่านสารคดีเลยค่ะ
ชื่นชมคนเขียนเลย ข้อมูลแน่นจริงๆ
อ่านแล้วเข้าถึงบรรยากศ แวดล้อม และสัตว์ป่าต่างๆเลย

ส่วนเรื่องของแมทกับน้องคีนี่อุ่นๆ ให้ความรู้สึกคุณพ่อ พี่ชาย กว่าจะบอกความรู้สึกกันได้  น้องเข้าใจว่าแมทชอบเจ้เคธตั้งนาน

เป็นกำลังใจให้คนเขียนสร้างผลงานเรื่องใหม่ต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jincool ที่ 21-02-2019 00:43:26
ละมุนกับหัวใจมากเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับความสุขในครั้งนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 23-02-2019 01:57:01
ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นเรื่องที่น่ารักและอบอุ่นใจมากๆ
แอบสงสารพี่เมธนิดๆ ขอให้เจอรักที่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 25-03-2019 17:16:40
เป็นเรื่องที่มีเนื้อหาสาระน่าสนใจมากค่ะ ชอบๆออกแนวจีโอกราฟฟิกเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-06-2019 04:30:21
งื้อ~คุณสิงโต :o8:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 06-06-2019 11:59:36
อ่านรวดเดียวจบ เลยขอเมนท์รวดเดียวเลยน้าา น้องคีคือน่ารักมาก แต่ความรู้สึกหนูจะช้าไปไหนลูก ขนาดว่าพูดกันโต้งๆละหนูยังไม่เข้าใจ ส่วนแมทก็ชัดนะ ติดแค่เรื่องเคธี่ในมุมมองของน้องคีนั่นแหละ แต่ก็ดีที่เปิดใจพูดกันตรงๆ รักในความเฟียสๆของลิซ่าอ่ะ
ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องน่ารักๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ ดีต่อใจมาก 30ตอน ติดลมอ่านแปปเดียวจริงๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-06-2019 16:15:04
แมทน่ารักมากเลยอะ คืออบอุ่นมาก มั่นคงสุดด
คีตะก้น่ารักอะ น่ารักมากๆเลย
น่ารักด้วยนิสัย เพราะคนแต่งแทบจะไม่บรรยายถึงรูปลักษณ์ของน้องเลย
แต่นี่สัมผัสได้ว่าน้องน่ารักมากๆเลยอะ
ชอบบรรยากาศสถานที่มากๆเลยค่ะ แหวกแนวมากๆ
เราชอบสัตว์ป่าแบบนี้อยู่แล้วอ่านเพลินมากเลย
อยากไปเป็นอาสาอะไรแบบนี้บ้างเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ จะรอติดตามผลงานต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: songsa1234 ที่ 06-06-2019 17:15:45
ละมุนต่อใจ
เรียบๆง่ายๆ แต่ก็ละมุน งื้ออออ
แมทซื่อสัตย์มากๆเลย รอคีมาตั้งหลายปี
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 07-06-2019 19:21:27
อ่านไปก็หาข้อมูลไปด้วย สนุกค่ะขอบคุณมากๆ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-06-2019 14:00:34
 o13 เรื่องราวความรักในบรรยากาศธรรมชาติโซนนั้น บรรยายซะอยากไปทำดูบ้างเลยคะ  :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 08-06-2019 22:45:09
คุณสิงโตน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:21:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-09-2020 22:46:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 16-09-2020 17:53:33
อ่านแล้วรู้สึกหลงรักเลยย ขอบคุณนิยายดัๆแบบนี้ค๊าบบ feel good  มากเว่อออ
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 17-09-2020 22:31:29
จบแล้วววววว
เรื่องนี้น่ารักมากเลย
ชอบนัตว์ป่า
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 09-10-2020 14:13:35

very good story.

Thank you  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-10-2020 14:10:34
กลับมาอ่านอีกรอบ น่ารักมาก