พิมพ์หน้านี้ - Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ppm ที่ 18-02-2010 16:54:14

หัวข้อ: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 18-02-2010 16:54:14
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

===============================


เรื่องสำคัญที่อยากขอทำความเข้าใจก่อนอ่าน

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ มีหลายอย่างต้องทำความเข้าใจกันนิดหน่อย เลยอยากให้อ่านตรงนี้ก่อนนะคะ เพื่อที่จะได้ไม่งง

1. นิยายเรื่องนี้เขียนในแบบของเรื่องสั้นจบในตอน เอามาต่อกัน ดังนั้นอ่านแรก ๆ อาจจะยังงงกับเนื้อเรื่อง และชื่อของตัวละครอยู่บ้าง ยังไงขอให้อ่านไปเรื่อย ๆ ก่อน แล้วจะเข้าใจในภายหลังเองค่ะ เพราะแต่ละตอน จะมีเนื้อเรื่องในตัวมันเอง และจะจบ ในตัวมันเองอยู่แล้ว เพียงแต่จะมาเชื่อมโยงกันภายหลัง อยากให้คิดเสียว่า กำลังอ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มหนึ่งแทน จะเข้าใจได้ง่ายกว่า

2. ตัวเรื่องเขียนในแต่ละตอน จะมีการสลับ เรทบ้างไม่เรทบ้าง แต่ตอนที่เรทในบางตอน จะค่อนข้างแรงพอสมควร กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ โดยจะเขียนคำเตือน ในตอนที่เรท เอาไว้ที่หัวตอนด้วย

3. เรื่องนี้ไม่ใช่แนวเรื่องเล่า และมีความไม่สมจริงสูง พูดง่าย ๆ ก็คือค่อนข้างออกแนวการ์ตูนอยู่มาก ดังนั้นแล้วแต่ความชอบในการอ่านแล้วกันค่ะ

4. อ่านแล้วรบกวนช่วยกันคอมเมนต์หน่อยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

5. ห้ามคัดลอก ไม่ว่าจะทั้งหมด หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของเรื่องนี้ไปลงที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก ppm อย่างเด็ดขาด ขอความร่วมมือด้วยนะคะ

6. เรื่องนี้ค่อนข้างยาวมาก ถ้าสนใจเก็บแบบเป็นรูปเล่ม จะมีการเปิดจองรีปริ้นเป็นช่วง ๆ ค่ะ สนใจส่งเมล์สอบถามได้ที่ ppmfic at yahoo.com

----------------------------------------

นิยายที่ลงไปแล้วในบอร์ดนี้ เผื่อสนใจอยากอ่านเพิ่ม: Special Triple (จบภาค) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12935.0), สืบเสน่หา (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27706.0), หรรษาฆาตกรรม (TBC) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27792)
เรื่องสั้น (จบ): ทายาทมรณะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12350.0), Full moon night (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14120.0), Give me your hands (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14381.0), เรื่องอย่างว่าของเซี่ยเอ๋อร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21649.0), เรื่องสั้นนัท-เนยซีรี่ส์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=20360.0)
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 1/1 อัพ 18-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 18-02-2010 16:55:01
ตอนที่ 1 Welcome to Absolution Café : ยินดีต้อนรับสู่ Absolution Café

Rate: G


(ตอนที่ 1/1)

บ้านโบราณหลังน้อยตั้งโดดเดี่ยวในตรอกตันแห่งนี้ ถูกทิ้งร้างมาเนิ่นนานจากข่าวไม่สู้ดีเกี่ยวกับประวัติอันน่าพรั่นพรึงของมัน ที่เคยมีผู้คนมากหน้าหลายตา ได้เสียชีวิตอยู่ภายในอย่างลี้ลับ ยังไม่นับถึงคดีล่าสุด ซึ่งเป็นการฆ่าล้างครอบครัวจากหนึ่งในสมาชิกของบ้าน ที่มิได้มีวี่แววจะเป็นฆาตกรมาก่อน

จากปากต่อปากและบรรยากาศโดยรอบเมื่อมองจากภายนอก จะเห็นรั้วเหล็กสีดำสนิททรงสูง มีไม้เลื้อยพันรกครึ้ม สุมทุมพุ่มไม้เป็นระยะยิ่งสร้างเงามืดและบรรยากาศชวนยะเยือกจนน้อยคนนักจะกล้าเดินผ่าน ไหนจะด้านหลังซึ่งเป็นป่ารกและติดกับพื้นที่ป่าช้าเสียด้วย ยิ่งเสริมให้ยากจะหาลูกค้ามาซื้อมันได้

ทว่าหลังจากขายไม่ออกมายาวนาน ก็ได้มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามผู้หนึ่งซื้อมันไป เป็นเพราะโศกนาฏกรรมสยดสยองที่เกิดขึ้น จึงทำให้ราคาขายถูกเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับพื้นที่อันอยู่ไม่ไกลความเจริญ ตัวบ้านที่ยังแข็งแรงมั่นคง และยังที่ตั้งซึ่งใกล้ชิดธรรมชาติได้ขนาดนี้
 
ในเวลาต่อมา ทีมก่อสร้างจากเมืองข้าง ๆ ก็ได้ช่วยกันทำการปรับปรุงขนานใหญ่ เปลี่ยนแปลงบรรยากาศน่ากลัวให้กลายเป็นน่ารักได้อย่างคาดไม่ถึง ชนิดที่ถ้าเจ้าของเก่ามาเห็นก็คงจำบ้านตัวเองไม่ได้แน่ ๆ

เริ่มต้นด้วยจากด้านหน้า จะพบทางเข้าทำด้วยเหล็กสีทองดัดลวดลายสวย เป็นซุ้มโค้งเหนือบานประตูโปร่ง ด้านบนนั้นแขวนป้ายใหญ่ แต่งตัวอักษรหลากสีเขียนไว้อย่างน่ารักว่า

'Welcome to Absolution Café'

ทางเดินจากประตูบานนั้น ยาวทอดสู่ตัวบ้านโรยกรวดสีขาวสะอาด ประดับด้วยตุ๊กตาปูนปั้นเจ้าหญิงเจ้าชายและเรื่องราวต่าง ๆ ในเทพนิยายเป็นระยะ ส่วนหน้ามุขชั้นล่างของตัวบ้านเก่าถูกดัดแปลงให้เป็นห้องกระจกใส สำหรับเป็นร้านคาเฟ่ขนาดกะทัดรัด สีอ่อนคลาสสิคของผนังที่ทาขึ้นใหม่บวกกับไม้ดอกกำลังงามโดยรอบทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก

จากผนังบานกระจกสามารถมองทะลุเห็นภายในห้องได้ ตัวร้านแบ่งโซนด้านหน้าทาสีหวานแต่งลายดอกไม้และตัวการ์ตูน มีเคาน์เตอร์ใหญ่อยู่ริมด้านใน พร้อมผนังด้านหลังที่กั้นทางไปยังห้องครัวภายในร้าน การตกแต่งภายในทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว รวมถึงโต๊ะเก้าอี้บุผ้านุ่มหลากสี ที่จัดวางไว้พร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ

เบื้องหน้าอาคารที่ตกแต่งจนเรียบร้อย ในตอนนี้มีกลุ่มคนคนห้าคน ยืนมองมันอย่างชื่นชม

“ในที่สุด ร้านของพวกเราก็พร้อมจะเปิดตัวได้แล้ว” เสียงหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ใช้เวลาไปหลายเดือนทีเดียว กว่าจะปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของบ้านน้อยให้กลายเป็นร้านคาเฟ่น่ารักขนาดนี้ได้ แผนการครั้งนี้ ก็นับว่าประสบความสำเร็จไปได้เกินครึ่งแล้ว

“ทาโนเอะ ที่นี่จะเป็นบ้านของพวกเราเหรอ?” เสียงใสเล็ก ๆ ในชุดกระโปรงระบายกว้างแนวโกธิคถามขึ้น ทำให้หญิงสาวในร่างโปร่งบาง ผู้มีผมดำตรงยาวสยายถึงกลางหลัง หันมาแย้มยิ้ม

“ใช่แล้วจ้า ยูเมะ ที่นี่แหละ จะเป็น ‘บ้าน’ ใหม่ ของพวกเรา แล้วก็เป็น ‘ร้านคาเฟ่’ ตามความใฝ่ฝันของพวกเราด้วยนะ”

ร่างป้อมมองตัวร้านอีกครั้งอย่างละเอียดกว่าเดิม ยังคงประทับใจกับตัวตุ๊กตาที่เรียงรายอยู่เบื้องหน้า ซึ่งหนึ่งในนั้น คล้ายกับตุ๊กตาเจ้าหญิงตัวน้อย ที่เธอกอดอยู่ไม่ยอมวาง
 
“ทาโนเอะ พวกเราอยู่ที่นี่ได้จริง ๆ เหรอ?” เด็กน้อยยังคงถามซ้ำ ร่างเล็ก ๆ นั้นแอบเกาะอยู่ด้านหลังหนึ่งในสมาชิกในกลุ่ม พลางมองสบตากับคนที่เหลืออย่างไม่มั่นใจ

หญิงสาวยิ้มกว้างให้อีกครั้ง “แน่นอนสิจ๊ะ เพราะ ‘คน ๆ นั้น’ ช่วยเหลือพวกเราไว้ แถมยังให้บ้านหลังนี้มาด้วย พวกเราต้องไม่ทำให้เขาผิดหวังใช่ไหมล่ะ” เธอพูดต่อไป พร้อมกวาดสายตามองสมาชิกที่เหลือ

“เราจะต้องทำตัวให้เหมือนคนปกติ แล้วก็ทำให้ร้านนี้ เป็นร้านคาเฟ่ของคนธรรมดาให้ได้!”

“อื้ม” เด็กน้อยรับคำแข็งขัน พร้อม ๆ กับสมาชิกที่เหลือ

หญิงสาวหันไปหาทุกคนอีกครั้ง พลางพูดว่า “เราเข้าไปกันเถอะ ยังมีงานที่จะต้องทำอีกมาก ก่อนร้านจะเปิดตัว พรุ่งนี้ ‘เขาคนนั้น’ จะส่งผู้ช่วยคนใหม่มาช่วยพวกเราด้วย ผู้ช่วยคนนั้นจะต้องช่วยสอนให้พวกเรากลับสู่วิถีทางการเป็นคนธรรมดาได้แน่ ๆ”

“ค่า…อ๊ะ ทาโนเอะ…เราจะดูแลลูกค้า ‘แบบพิเศษ’ บ้างได้ไหม?” เธอถามขึ้นด้วยดวงตากลมโตที่ออดอ้อน
หากทาโนเอะส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ได้นะยูเมะ บอกแล้วไง ว่าพวกเราตั้งใจจะกลับเนื้อกลับตัวแล้ว”

“ฮึ ก็ได้ ๆ ยูเมะจะพยายามไม่เผลอนะ” เธอรับคำ ก่อนจะวิ่งนำหน้าคนทั้งหมดไปอย่างร่าเริง…สู่ร้านที่กำลังจะเปิดตัวในวันรุ่งขึ้น

…Absolution Café…


...........................................


แสงไฟสว่างขึ้นในห้องเช่าขนาดเล็กทรุดโทรมราคาถูก เมื่อร่างสูงทะมัดทะแมงย่างก้าวเข้าไปภายใน สภาพห้องที่ค่อนข้างรกขาดการดูแล ทำให้เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาเก่าคร่ำคร่าไม่ต่างกัน ห้องราคาเท่านี้ เขายังลำบากที่จะเช่าด้วยซ้ำ เพราะเขาตกงานเสียแล้ว

งานในบาร์ยามค่ำคืนรายได้ดี แต่มันแย่ตรงที่เขานั้นมีอายุเพียงแค่ 17 จะหลอกยังไง สุดท้ายความก็แตกจนได้ เด็กหนุ่มหลับตาลงอย่างเซ็ง ๆ ถ้าไม่ไปมีเรื่องกับรุ่นพี่ในร้าน คงไม่โดนแฉหรอก แต่ช่างมันเถอะ เขาก็ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง ไม่จำเป็นที่จะมานั่งเสียใจสักนิด

งานน่ะ ไม่ได้หายากสักหน่อย เขาพยายามปลอบใจตัวเอง

แต่ก็ปลอบได้ครู่เดียว ก็หลุดถอนหายใจยาวอีกรอบเสียแล้ว ใบหน้าอ่อนเยาว์ของวัยรุ่น ที่มีเค้าอ่อนโยนคล้ายผู้เป็นบิดา เหม่อมองไปตรง ๆ อย่างไร้จุดหมาย

...เฮ้อ... คงต้องคิดเรื่องหางานใหม่แล้วสินะ...

เห็นทีเขาจะต้องทำงานกลางวัน แล้วเรียนกลางคืนดีกว่า งานกลางวัน คงจะเปิดกว้างให้กับเด็กอย่างเขาได้มากกว่านี้ มือคล่องแคล่วพลิกเปิดหาที่รับสมัครงานอย่างเซ็ง ๆ โชคดีที่ปิดเทอมแล้ว เขาอาจจะถือโอกาสนี้ ย้ายโรงเรียนเสียเลย ถ้าเป็นโรงเรียนภาคค่ำ คงไม่น่าจะสมัครได้ยากเย็นนัก

ร่างสูงเอนตัวลงบนโซฟา ก่อนที่ดวงตาสีเข้มจะพริ้มหลับลง ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อย เมื่อนึกย้อนถึงสภาพชีวิตช่วงนี้

กลางวันที่ยังต้องเรียนหนังสือ กลางคืนที่ต้องทำงาน ชีวิตที่แสนจะยากจนข้นแค้น แต่ฝันไปเถอะ ที่เขาจะยอมตามเจ้าพ่อบ้านั่นไปแอฟริกาด้วย

เสียงกริ่งโทรศัพท์รุ่นโบราณที่โต๊ะข้างโซฟาดังขึ้นจนคนอยู่ในภวังค์แทบสะดุ้ง มือควานหาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้าหูขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตาเสียอย่างนั้น

“ไง ไอ้ลูกชาย สบายดีมั้ยล่ะ” เสียงตามสายทักห้วนสั้นสนิทสนม …จะใครเสียอีก ถ้าไม่ใช่คนที่กำลังนึกถึงอยู่เมื่อครู่ โทรมาได้เวลาเหมือนหยั่งรู้ดินฟ้าอากาศเชียวนะ เด็กหนุ่มคิดแกมประชดในใจ

“ก็ดีฮะ” เขาตอบอย่างเฉยชา

“กำลังกรอบอยู่สิท่า?” คนถามเหมือนจะรู้ทันไปเสียทุกอย่าง “มาอยู่กับพ่อซะก็สิ้นเรื่องแล้ว”

“ที่กันดารขนาดนั้น ไปก็บ้าแล้ว พ่อนั่นแหละ กลับมาซะทีเถอะน่า แม่จะได้กลับบ้านบ้าง” เขาพูดต่ออย่างอดไม่ได้

“ไว้เจ้าหนี้ลืม ๆ พ่อก่อนละกันนะ” ผู้เป็นบิดาพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เล่นเอาคนฟังคิ้วขมวด

“แม่แกสบายดีรึเปล่า พ่อล่ะคิดถึงหุ่นเซ็กซี่บั้นท้ายดินระเบิดนั่นจัง ฝากบอกด้วยล่ะ ว่าพ่อกลับได้ จะไปปั่มป๊ามถึงเตียงเลย”

“เรื่องแบบนั้น ไว้พูดกันเองเหอะพ่อ ถ้าจะมาคุยแค่นี้ ผมวางแล้วนะ” เขาตัดบทอย่างรำคาญ

“แหม เรย์จิ อย่าตัดรอนกันอย่างนั้นซี่ พ่อโทรมาก็ต้องคิดถึงอยู่แล้ว”

“แต่ผมไม่คิดถึงหรอกนะ คิดถึงข้าวเย็นหรู ๆ ยังจะดีกว่า” เรย์จิรับคำแบบซังกะตายเล็กน้อย จนคนฟังแอบขำอีกรอบ แทบจะคาดเดาสภาพลูกชายที่รักได้เลยทีเดียว แต่ด้วยความที่เลี้ยงแบบปล่อย ๆ มาเนิ่นนานแล้ว เขาเลยไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงสักเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าเรย์จิดูแลตัวเองได้

“ก็บอกแล้ว ว่ามาอยู่ด้วยกัน ท่าทางตอนนี้แกจะจนสุด ๆ เลยสินะ”

“เรื่องอะไรล่ะ ไกลขนาดนั้น แถมสาวแต่ละคนก็ดำปิ๊ดปี๋ จ้างให้ซักล้านก็ไม่ไปหรอก สเปคผมมันต้องขาว ๆ อวบ ๆ อึ๋ม ๆ สิ” คนพูดหลับตาพริ้ม จินตนาการถึงแม่สาวอกโตจากในนิตยาสารปลุกใจเสือป่า ที่ไม่เคยมีปัญญาหาจีบได้สักที

เสียงหัวเราะตามสายยังมีต่อเนื่อง “แกนี่นะ สมกับเป็นลูกพ่อจริง ๆ จะไม่มาก็ตามใจ แต่พ่อมีข่าวดีมาบอก”

“อะไรเหรอฮะ ถ้าจะส่งเงินมาให้ล่ะก็ รีบ ๆ หน่อยล่ะ ผมจะอดตายแล้ว”

“ใครบอกล่ะ ถ้าพ่อมีเงิน หาเมียใหม่ไปนานแล้ว..อ๊ะ ล้อเล่นนะ อย่าไปฟ้องแม่แกล่ะ” เขารีบแก้อย่างรวดเร็ว บ่งบอกได้ถึงความเคารพบูชาภรรยาเป็นที่หนึ่ง ซึ่งเรย์จิรู้ดี แม้พ่อของเขาจะลามกไปเรื่อย แต่กับแม่ ยังคงมาเป็นอันดับแรกเสมอ

“ผมไม่ต้องบอกแม่ก็คงไม่สนใจหรอก คงยุ่งกับธุรกิจพันล้านอยู่เหมือนเดิมนั่นล่ะ แทนที่จะแบ่งเงินมาให้บ้าง” แม่ของเขาก็แบบนี้ แม้จะรวยแค่ไหน ก็ถือคติว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เขาเองโดนไล่ออกมาหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่จำความได้ด้วยซ้ำ โดยพูดง่าย ๆ ขำ ๆ ว่า ก็เหมือนสิงโตที่ผลักลูกลงจากหน้าผา ให้หัดพึ่งตัวเองนั่นแหละ

ตระกูลเขามีแต่พวกแบบนี้หรือไงก็ไม่รู้ แต่เขาก็ชินชาพอสมควรแล้ว จะว่าไปมันก็อิสระดีกว่าบางบ้านที่กระทั่งจะทำอะไร ก็โดนผู้ปกครองคอยชี้นำแกมบังคับอยู่ตลอด

“เออน่า พ่อเข้าใจ ข่าวดีที่ว่าคือ พ่อมีงานดี ๆ ให้แกทำ สนใจรึเปล่า”

“ไม่เอาฮะ” คนฟังปฏิเสธทันควัน โดยไม่ต้องคิด “งานของพ่อ มีแต่งานการกุศล หรือไม่ก็มีอะไรแอบแฝงทุกที คราวก่อนผมเกือบโดนกระเทยปล้ำเลยนะพ่อ ถ้าเป็นงานพวกนั้นอีกล่ะก็ ผมไม่เอาเด็ดขาด

“แหม ริซ่าเขาบอกพ่อว่า แกออกจะมีเสน่ห์ในหมู่หนุ่ม ๆ นะ น่าภูมิใจดีไม่ใช่เหรอ ยิ่งซิกแพ็คของแก ใครเห็นก็ตาวาวกันทั้งนั้น” แน่ล่ะว่ามันเป็นผลพลอยได้จากงานหนักที่ทำเพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้องของเขานั่นเอง

เด็กหนุ่มเอนตัวลงบนโซฟาอีกครั้งอย่างขำไม่ออก พร้อมกับถอนหายใจยาว ยังสยองไม่หายเมื่อนึกถึงเรื่องคราวก่อน “มีเสน่ห์ในหมู่กระเทยควายอย่างริซ่าของพ่อน่ะ ผมไม่ดีใจด้วยหรอกนะ”

“เออน่า งวดนี้ไม่ใช่แบบนั้นหรอก อย่างน้อย…ก็น่ารักกว่าจมล่ะน่า แกสนใจจะทำงานในคอสเพลย์คาเฟ่มั้ย..เพื่อนพ่อกำลังต้องการผู้ช่วยเพิ่ม อ้อ คงรู้จักใช่มั้ย คาเฟ่ที่เสิร์ฟชา กาแฟ หรู ๆ แล้วก็มีแม่สาวน่าหม่ำแต่งตัวน่ารัก หรือไม่ก็แต่งเมดมานั่งเป็นเพื่อนนั่นแหละ”

ดวงตาคนฟังเริ่มเป็นประกาย คาเฟ่แบบนั้น ในฝันเลยด้วยซ้ำ นึกถึงสาวน่ารักน่ากอดมานั่งตักแล้วถามว่า ‘จะรับชาหรือกาแฟดีคะ?’ แค่นึกก็อยากจะหม่ำไปทั้งตัวแล้ว!

“ตกลงฮะพ่อ!”

ผู้เป็นพ่อชะงัก “นี่แกจะไม่คิดหน่อยเรอะ แกต้องทำสัญญาอย่างต่ำ 1 ปีนา”

“ให้สาวในนั้นน่ารักจริงเถอะ จะให้ผมทำกี่ปีก็ได้ จะให้ขนของ ล้างจาน ทำครัว หรือทำบัญชี ผมทำได้หมดแหละ แต่ว่า…พ่อต้องให้ผมเห็นหน้าสาว ๆ พวกนั้นก่อนนะ ผมถึงยอมเซ็น” เรย์จิต่อรอง

“เออ รอบคอบสมกับเป็นลูกพ่อ รับรอง แกต้องติดใจแน่ ฮ่า ๆ ๆ เออนี่ ยกเลิกห้องเช่าของแกไปเลยนะ แล้วพรุ่งนี้ ย้ายไปตามที่อยู่นี่” เขาหยุดค้นของบนโต๊ะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอ่านสิ่งที่จดไว้ให้เด็กหนุ่มฟัง

“ที่นั่นมีห้องให้แกอยู่ได้แบบกินนอนฟรี มีค่าจ้างรายเดือน แล้วก็ทิปแยกต่างหากด้วย คงแก้โรคกินแกลบของแกไปได้อีกสักพัก เอ้อ ถ้าแกจะย้ายไปเรียนภาคค่ำด้วยก็ดีนะ กลางวันจะได้ทำงานแทน ถ้าแกตกลง พ่อจะฝากเข้าโรงเรียนใหม่ให้เอง ผอ. ที่นั่นเป็นคนรู้จักพ่อ ดังนั้นไม่ต้องห่วง”

พูดมาเหมือนล่วงรู้ความคิดของเขาอีกแล้ว เด็กหนุ่มเผลอยิ้มด้วยความยินดี การจะย้ายที่เรียนไม่ได้ทำง่ายนัก สำหรับเด็กอย่างเขา แต่ถ้ามีพ่อจัดการให้ เขาจะได้ตัดปัญหานี้ออกไปได้อีกเปลาะ

“ผมก็กะอย่างนั้นเหมือนกันฮะ ถ้าพ่อช่วยได้ก็โอเค ส่วนเรื่องงาน พรุ่งนี้ผมจะลองไป เอ้อ…งวดนี้คงไม่มีอะไรแอบแฝงอีกนะพ่อ” คนถามชักเริ่มไม่ไว้วางใจ งานแสนดีแสนสะดวก เงินก็มากแถมสบายขนาดนี้ ลงท้ายด้วยเรื่องยุ่งยากตามมาประจำ เขารู้จักพ่อตัวเองดี แต่ที่ยังลังเลก็เพราะเป็นคอสเพลย์คาเฟ่หรอกนะ

ถ้าพนักงานในนั้นหน้าตาดีไม่พอ อย่าได้หวังเลยว่าเขาจะตกลง เด็กหนุ่มดีดลูกคิดรางแก้วต่อไป

“เออน่า ไปถึงแกก็รู้เอง ตัดสินใจเองก่อนเซ็นสัญญาจ้างล่ะ อ๊ะ พ่อไปก่อนนะ เหมือนเจ้าหนี้จะมาทวงเงิน” ว่าแล้วโทรศัพท์ก็ถูกวางดังโครมใหญ่ เล่นเอาเด็กหนุ่มอดส่ายหน้าอย่างระอาไม่ได้ มารดาที่ตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน แต่ไม่ยอมแบ่งใคร กับบิดาที่ตั้งหน้าตั้งตาใช้เงิน จนหนี้ท่วมหัว ก็ยังแจกไม่เลิกรา ไม่รู้ทำไมถึงโคจรมาพบกันได้ แต่สุดท้าย ก็ต่างคนต่างอยู่อยู่ดี แม้จะรู้ดีว่าทั้งสองรักกันมากเพียงใด

…มีแต่คนประหลาด ๆ…

เขาคิดพลางถอนใจอีกครั้ง

เอาเถอะ อย่างน้อยพรุ่งนี้ เขาก็จะมีที่อยู่ใหม่แล้ว หวังว่าชีวิตนี้คงจะสบายกว่าเดิมล่ะน่า!
เด็กหนุ่มคิดในใจ ก่อนจะเอนตัวลงนอนหลับไปบนโซฟาทั้งอย่างนั้นด้วยความเหนื่อยอ่อน


..........................................




เช้าวันรุ่งขึ้นที่รอคอยมาถึงสักที เรย์จิแต่งตัวด้วยชุดที่ดูหล่อที่สุดเท่าที่เขาจะค้นได้ ก่อนจะเร่งรีบออกเดินทางไปตามแผนที่แต่เช้า พ่อของเขาไม่ได้บอกเวลานัดที่แน่นอน แต่เขาก็ถือคติว่า รีบไปก่อนย่อมได้เปรียบ

เด็กหนุ่มตั้งใจว่าจะไปแอบมองทำทีเป็นลูกค้าเสียก่อน เพื่อความชัวร์ว่าสาวน้อยในร้านจะหน้าตาดีจริง ๆ!

ประสบการณ์เลวร้ายหลายหนจากพ่อตัวแสบของเขา เล่นเอาจะลืมก็ลืมไม่ลงเลยทีเดียว แต่งวดนี้ เขาจะไม่พลาดอีกแน่ เรื่องอะไรจะยอมทำงานในร้านที่ไม่เจริญหูเจริญตา แถมสัญญานั่น ยังบังคับตั้งปี ไม่รู้จะมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า

ร้านตามที่อยู่นั้น อยู่ในเมืองตรงย่านที่ไม่จอแจนัก แต่ก็ยังมีคนเดินเข้าออกตามตรอกซอกซอย ที่ล้วนแล้วแต่มีร้านค้าสำหรับจับจ่ายซื้อของ ร่างสูงเดินมองป้ายบอกทางไปเรื่อย จนมาถึงตรอกแห่งหนึ่ง ที่ดูจะลับตากว่าที่อื่น ป้ายชื่อบอกตรงกับที่ระบุไว้ตามที่อยู่ที่จดมา เขาจึงเลี้ยวเข้าไปตามทางนั้น ตรอกแคบเดินเข้าไม่ลึกนัก ก็เห็นรั้วสีสดที่มีป้ายร้านต้อนรับแล้ว

ไม่มีผู้คนผ่านร้านนี้สักคน หรือจะพูดให้ชัดกว่าเดิมก็คือ ตรอกนี้ราวตรอกร้าง จริง ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะทำเลที่ตั้งที่จงใจหลบมุมขนาดนี้ ราวกับต้องการซุกซ่อนความลับบางอย่างไว้

อดคิดไม่ได้ ว่าทำไมมาแอบอยู่แถวนี้ แล้วแบบนี้จะมีลูกค้าเข้าร้านหรือ?

แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของเขา และอีกอย่าง ตราบใดที่ร้านค้ามีสาวน้อยน่ารักพอล่ะก็ ต่อให้อยู่ไกลสักแค่ไหน บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ก็ต้องแวะเวียนไปไม่เว้นว่างเป็นแน่

ก็แต่งร้านได้สวยดีอยู่หรอกนะ ดวงตาคมเข้มสำรวจรอบ ๆ ที่นี่จะเป็นบ้านใหม่ของเขาอย่างต่ำก็ 1 ปีเช่นกัน ถ้าตกลงเงื่อนไขตามสัญญานั่น

เดี๋ยวก็รู้…!

เขาคิดในใจด้วยความตื่นเต้น ขณะตัดสินใจเปิดบานประตูกระจก ที่แขวนป้ายว่าร้านเปิดแล้วเข้าไป

เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังกังวานใส ภาพตรงหน้าทำให้ใจเขาเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อสายตาสบกับสาวน้อยน่ารักเข้าเสียก่อน ในชุดกระโปรงบานตัวจิ๋ว ผ้ากันเปื้อนสีชมพูอ่อนผืนน้อยที่ปิดกระโปรงสั้นจู๋นั้นแทบไม่มิด ยิ่งเน้นขับให้เรือนร่างกระฉับกระเฉงดูมีชีวิตชีวานั้นดูน่ารักแกมซุกซน ผมบลอนด์ซอยสั้น รับกับผิวที่ขาวผ่อง สดใสจนคนมองแอบเคลิบเคลิ้ม ท่าทางพึ่งจะวัยแรกแย้ม กะจากสายตาคงราว ๆ  13-14 ปี เท่านั้น

ที่โต๊ะด้านข้างของเธอคนนี้ มีเด็กผู้หญิง 8 ขวบตัวเล็ก ๆ นั่งอยู่ที่เก้าอี้ เธอเกล้าผมแกะสองข้าง ทิ้งผมสีน้ำตาลหยิกลอนเป็นเกลียวระสองไหล่ ดวงตากลมโตราวตุ๊กตาชั้นดีจับจ้องเขาตาไม่กระพริบ ก่อนที่ริมฝีปากสีสดจิ้มลิ้มจะเริ่มส่งรอยยิ้มน่าเอ็นดูเป็นที่สุดมาให้ ขนาดเขาไม่ได้ชอบเด็กเป็นพิเศษ แต่ก็อดมองอย่างชื่นชมไม่ได้

แต่คนที่ทำให้เขาใบ้รับประทานพูดไม่ออก กลับเป็นสาวใหญ่ที่อยู่หลังเคาน์เตอร์นี่เอง เธอคนนี้คงราว ๆ เบญจเพส เป็นหญิงสาวเต็มตัวที่ดูเพรียบพร้อมมากมาย เพียงแค่เธอแย้มยิ้ม โลกก็คล้ายจะหยุดหมุน เขาแทบอยากจะตรึงเวลาวินาทีนั้นไว้ให้นานที่สุดเลยด้วยซ้ำ

ผมตรงดำคลับยาวถึงกลางหลัง ท่าทางนุ่มสลวยน่าลูบไล้เสียเหลือเกิน ไหนจะยังรูปร่างที่สมส่วน ใบหน้าหวานแกมซึ้ง ที่พออยู่ในชุดกระโปรงเรียบร้อยคาดผ้ากันเปื้อนแล้ว ก็เหมือนเป็นพี่สาวใจดีในอุดมคติของเด็กหนุ่มหลาย ๆ คน

แน่นอน รวมถึงเขาคนนี้ด้วย!

สวรรค์จริง ๆ !!!

“มีแขกมาแล้ว! รับอะไรดีคะ?” เสียงหวานระคนตื่นเต้นของเธอก็ใสไม่เบาเสียด้วย รอยยิ้มหวานที่โปรยมา ทำเอาใจเขาหล่นหายไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เด็กหนุ่มยืนละล้าละลังชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวตะกุกตะกักว่า “เอ้อ ผม…”

เสียงลงบันไดมาของใครบางคน ทำให้เขาหันไปมองแก้เขิน ไม่อยากสบตาจัง ๆ กับดวงตาน้ำตาลอมเทาคู่งามนั้นนานนัก เพราะเกิดอาการทำตัวไม่ถูกเสียแล้ว

“มีลูกค้ามาแล้วเหรอ!” คำถามแกมตื่นเต้นพอ ๆ กัน ถูกถามขึ้นจากคนที่เดินลงมา พอมองตามต้นเสียงขึ้นไป เขาก็ยิ่งตาค้าง คนที่ถามเป็นหญิงสาวร่างสูงสวยสง่า เกล้าผมทรงสูงสีดำสนิท มือข้างหนึ่งถูกชายหนุ่มผู้ยืนนอบน้อมด้านข้างประคองอยู่ ราวกับการเชิญเสด็จของเจ้าหญิง รองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ด และถุงน่องตาข่าย ไหนจะยังกระโปรงหนังตัวแคบผ่าลึกสีแดงสดนั่นอีก ภาพรวมที่เห็นจึงดูเหมือนเธอกำลังเดินลงมาพร้อมกับองครักษ์สุดหล่อที่ราวกับหลุดออกมาจากในนิยายเลยทีเดียว

พอมองได้ชัดตาก็พบว่า คนที่ยืนเคียงข้างนั้นเป็นชายหนุ่มรูปงามผิวขาวสะอาดในชุดสูทสีขาวเรียบกริบ เขาคนนั้นมีใบหน้าสวยแอบหวาน แม้นัยน์ตาเรียวยาวจะดูดุเล็กน้อยแกมเย็นชา ผมยาวตรงสีดำสนิทถูกรวบไว้ด้านหลัง รูปร่างสูงโปร่งผอมบางเสียจนเรย์จิแอบคิดว่าดูเป็นหญิงไปนิด จากที่เห็นคงรุ่นราวคราวเดียวกับเขา อาจจะอ่อนกว่าเล็กน้อยก็เป็นได้

แต่คนที่เขาสนใจ ไม่ใช่คนผู้นี้ หญิงสาวที่ทำตัวดุจราชินีด้านข้างต่างหาก เธอดูเหมาะกับชุดนี้ราวกับเกิดมาเพื่อเป็นราชินีเสียจริง แทบนึกถึง ‘การลงทัณฑ์อันแสนหวาน’ ได้เลยทีเดียว

จากท่วงท่ามั่นอกมั่นใจ การแต่งหน้าจัดจนยากจะคาดเดาอายุ รวมถึงการแต่งกายของเธอคนนี้ ดูยังไง…ก็ดูเหมือนราชินี SM มากกว่า

คอสเพลย์…ลืมไปเลย ว่าที่นี่คือคอสเพลย์คาเฟ่ พ่อของเขาพูดถูก ที่ร้านนี้ มีแต่คนน่ารักจริงด้วย!

คนทั้งหมดมารุมล้อมเขาราวกับเป็นตัวประหลาด ต่างคนต่างจ้องราวกับว่าเป็นของแปลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เล่นเอาบรรยากาศเปลี่ยนเป็นอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด

“เอ่อ…คือว่า…คือ….” ปกติเรย์จิเป็นคนมั่นใจในตัวเองมากอยู่ แต่คราวนี้กลับติดอ่างเสียได้

“รับอะไรดีคะ!” ทุกคนถามเกือบจะพร้อมกัน ในน้ำเสียงนั้นเคอะเขินไม่เบา ราวกับว่าเขาเป็นลูกค้าคนแรก นับตั้งแต่เปิดร้านมา

ขณะที่หนุ่มคนเดียวในกลุ่ม กลับยืนแยกตัวอยู่ห่าง ๆ แต่ยังคงมองมาด้วยสายตาที่ไม่อาจแปลความหมายได้

“คือ…ผมมาสมัครงานครับ”

รอยยิ้มตื่นเต้นของทุกคนสลายหายไปอย่างรวดเร็ว “ว้า ไม่ใช่ลูกค้าหรอกเหรอ” เด็กน้อยบ่นแกมเซ็ง ๆ “ยูเมะรอจนเบื่อแล้วน้า ทาโนเอะจัง เมื่อไหร่ลูกค้าจะมาล่ะ”

“เฮ้อ งั้นชั้นไปนอนก่อนดีกว่า ถ้ามีลูกค้ามาจริง ๆ ค่อยปลุกนะ” ริมฝีปากที่ทาลิปสีแดงสดเชิดน้อย ๆ ราชินีในชุด SM ว่าพลางหันหลังก้าวฉับ ๆ จากไป ทิ้งให้เรย์จิผู้ใจยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ได้แต่มองอย่างอึ้ง ๆ

“เอาน่า ยูเมะจัง อีกไม่นานคงมีลูกค้ามานั่นแหละ เรามาทักทายสมาชิกใหม่ของเรากันก่อนดีกว่า เอ้อ เธอคือ ยามาโนะ เรย์จิคุงสินะ?” หญิงสาวผู้ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม เริ่มบทสนทนาก่อนอย่างอ่อนโยน

“ทาโนเอะ เขาจะมาเป็น ‘ครู’ ให้เราสินะ?” เด็กน้อยเอียงคอถาม ตัวป้อมน่าเอ็นดูแอบอยู่ด้านหลังสาวน้อยในชุดผ้ากันเปื้อนกระโปรงสั้นคนนั้นด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อยกับสมาชิกใหม่ที่จู่ ๆ โผล่ขึ้นมา

“อื้ม ทำนองนั้นแหละจ้า” เธอรับคำ

เป็นครู? เรย์จิมองสองคนนั้นอย่างไม่เข้าใจ

“จริงสิ ต้องถามความสมัครใจของเธอก่อนนี่นะ เรย์จิคุง เธอว่ายังไงล่ะ แค่ช่วยงานในร้าน กับดูแลเด็ก ๆ พวกนี้ เธอจะรับทำไหมจ๊ะ?”

“ทำครับ!” คำตอบทันควันกระตือรือร้นเป็นที่สุด ทำให้สาวน้อยกระโปรงสั้นด้านข้างแอบหัวเราะคิก

“ซานะจัง อย่าเสียมารยาทสิจ๊ะ จริงสิ ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ฉันชื่อ มัตสึโตะ ทาโนเอะจ้า เป็นคล้าย ๆ หัวหน้าครอบครัวของที่นี่ เรียกทาโนเอะได้เลยนะ”

“อ่ะ..ครับ คุณทาโนเอะ”

หญิงสาวหยิบใบสัญญาจากหลังเคาน์เตอร์มาส่งให้ ด้วยความที่มัวแต่มองคนงาม ๆ เด็กหนุ่มจึงเซ็นชื่อไปอย่างรวดเร็วโดยแทบจะไม่ได้อ่านเลย รอยยิ้มพึงใจปรากฎวูบหนึ่งที่มุมปากบอบบางนั้น พริบตาเดียว เธอก็กลับมาเป็นพี่สาวแสนดีอย่างรวดเร็วโดยที่กระทั่งเรย์จิเอง ก็ยังไม่ทันสังเกตเห็น

“ในเมื่อเธอตัดสินใจร่วมงานกับพวกเราแล้ว ขอแนะนำสมาชิกในนี้คร่าว ๆ ก่อนละกันนะจ๊ะ เด็กคนนี้คืออาคาริยะ  ยูเมะจัง เป็นพี่น้องกับซานะจัง” เธอว่าพลางผายมือไปทางเด็กสาวในชุดผ้ากันเปื้อนที่แอบขำเขาเมื่อครู่ มิน่าล่ะ หน้าถึงได้คล้ายกันอยู่บ้าง ผมบลอนด์นั้นน่าจะเป็นวิกผม เพราะสีมันไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ จะอย่างไร ชุดที่แต่งก็เป็นสาวเมดคอสเพลย์ การใส่วิกจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

“ส่วนคนที่ดูราชินีหน่อย ที่พึ่งขึ้นไปชั้นสองเมื่อกี้ คือมามิยะ อายาเมะ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า อายะจัง แล้วก็…” เธอหันไปพยักเพยิดกับชายหนุ่มในชุดสูทสุดเท่ด้านข้าง ที่ยืนราวเป็นใบ้มานานแล้ว “มิซึฮิโกะ ซากุระคุง เขาพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ก็หวังว่าคงเป็นเพื่อนที่ดีกับเรย์จิคุงได้นะ”

“พวกเรามีกันแค่ห้าคนเท่านั้นเอง เธอจะมาเป็นสมาชิกคนที่หกของบ้านหลังนี้ ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ”

“พรุ่งนี้เริ่มงานเลยละกัน อย่าลืมย้ายของมาด้วย ห้องของเธออยู่ชั้นบน ซากุระคุงจะพาเธอไปเอง”

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะแวะมาเย็นนี้นะครับ วันนี้ผมจะต้องไปเคลียร์เอกสารกับทางโรงเรียน จะได้ทำเรื่องย้ายที่เรียนไปเรียนโรงเรียนสอนภาคค่ำ ทีนี้คงจะช่วยงานคุณทาโนเอะได้สะดวกมากขึ้นตอนกลางวันแล้ว”

ทาโนเอะยิ้มรับ เธอรู้ดีว่า ‘คน ๆ นั้น’ คงจะจัดการทุกอย่างให้แล้ว เพราะรอบคอบในเรื่องพวกนี้เสมอมา และไม่มีอะไร ที่เขาคนนั้นรับปากแล้ว จะทำไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้น เจอกันเย็นนี้นะครับ” เรย์จิว่า ก่อนจะเอ่ยคำอำลาคนทั้งหมด แล้วเดินออกมาด้วยหัวใจที่พองโต ชีวิตของเขาคงจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแน่

อย่างน้อย...ก็มีอะไรเจริญหูเจริญตาให้มองทุกวัน
เป็นใครก็มีความสุขมาก ๆ แน่นอนอยู่แล้ว!

“คน ๆ นี้งั้นเหรอ ที่เป็นลูกของ ‘เขาคนนั้น’” เสียงรำพึงแผ่วเบาดังมาจากหนุ่มในชุดสูท ดวงตาคมกริบยังคงมองไล่หลังร่างสูงนั้นจนลับตาไป ผมสีดำสนิทตัดสั้นทรงนักเรียน...และแผ่นหลัง ที่ดูกว้างกว่าที่คิด ไหนจะยังดวงตาสีดำสนิทที่ดูเอื้ออารีย์อยู่เสมอนั่นอีก

มันทำให้เขารู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยนัก ตั้งแต่แรกเจอ อาจจะเพราะความคล้ายคลึงมากเกินไปนี่เอง

คล้ายกันมากเกินไป...!

“ใช่แน่นอนล่ะ ยามาโนะ เรย์จิ...นามสกุลยามาโนะเหมือนกันเลย” ดวงตากลมใสปิ๊งของซานะ ผู้มายืนอยู่ด้านข้างมองส่งตามอีกคนตั้งแต่เมื่อครู่ อ่านสิ่งที่อยู่ในมืออย่างคล่องแคล่ว

บัตรนักเรียนของเรย์จิ มาอยู่ในมือของเธอตั้งแต่เมื่อใด ไม่มีใครรู้

“ซานะจัง เอาอีกแล้วนะ” เสียงทาโนเอะปรามไม่จริงจังนัก ใบหน้าสวยมีรอยยิ้ม

“แหม ทาโนเอะล่ะก็ มันชินนี่นา” ซานะพึมพำแก้เขิน

“อย่าไปทำแบบนี้กับลูกค้าก็แล้วกัน”

“หึ…ทาโนเอะเองก็เถอะ อย่าแกล้งคนอื่นมากนักล่ะ โดยเฉพาะกับเรย์จิคุงน่ะ” ซานะแลบลิ้นล้อเลียนอย่างรู้ทัน

หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ดวงตาที่เป็นประกายยามมองมา อาจทำเอาคนถูกมองใจหายวาบเอาง่าย ๆ ท่าทางของเธอดูคล้ายนักล่าที่กำลังไล่ต้อนเหยื่ออย่างสนุกสนานไม่มีผิด ทว่าบุคลิกที่เปลี่ยนไปในพริบตาเดียวไม่ได้ทำให้คนที่เห็นบ่อยครั้งอย่างซานะแปลกใจมากนัก

“ก็เด็กคนนั้นน่ารักนี่นา เป็นแบบที่ชอบเสียด้วย”

“จริงค่า ยูเมะเห็นด้วย เรย์จิคุงคนนั้น ‘น่าแกล้ง’ จริง ๆ เขาจะเป็น ‘ครู’ ให้พวกเราได้แน่จริง ๆ เหรอ” ยูเมะถามต่ออย่างสงสัย

“นั่นสินะ…คงต้องดูกันต่อไป จะยังไง…เราก็มีสัญญาฉบับนี้อยู่” ทาโนเอะพูดต่ออย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม

“ถึงเขาจะเห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราแล้ว เขาก็หนีไม่ได้อยู่ดี!”

คนทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ในขณะที่หนุ่มคนเดียวในกลุ่ม ก็ยังคงไม่พูดไม่จาอยู่เช่นเดิม นอกจากดวงตาคู่นั้น ที่ดูวาววับกว่าที่เคย โดยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่


.......................................

TBC
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 1/1 อัพ 18-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 18-02-2010 17:40:39
^
^
^
^
เปิดซิง  :m20: :laugh:

เข้ามาต้อนรับเรื่องใหม่

หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 1/1 อัพ 18-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 19-02-2010 01:17:40
 :mc4: ต้อนรับเรื่องใหม่
บวก 1 แต้ม เป็นกำลังใจจ้า

แฟนตาซีหรือป่าวนะ
ท่าทางสนุกไม่น้อย
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 1/1 อัพ 18-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 19-02-2010 08:51:37
 :mc4:เย้ๆ เรื่องใหม่
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 1 อัพ 19-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 19-02-2010 21:19:55
ตอนที่ 1/2 (จบตอน)


ป้ายปิดร้านแขวนไว้หน้าบานกระจกแล้ว ตอนเรย์จิกลับมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต กว่าเขาจะเคลียร์ของและคืนห้องเช่าเรียบร้อย ก็ปาเข้าไปยันค่ำ สายนิดหน่อยแต่คิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะรับปากไว้ว่าจะเริ่มงานพรุ่งนี้ คาเฟ่ปิดไฟส่วนใหญ่แล้ว เหลือเพียงไฟตรงส่วนหน้าเคาน์เตอร์เท่านั้น ที่ยังเปิดอยู่

ทาโนเอะยังคงนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ จัดนู่นจัดนี่อย่างเพลิดเพลิน เมื่อเสียงกระดิ่งที่บานประตูดังขึ้น ใบหน้าอ่อนโยนเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานไปให้

“มาแล้วหรือจ๊ะ เรย์จิคุง” ท่าทางของเธอเห็นได้ชัดว่ารอเขาอยู่นั่นเอง เด็กหนุ่มหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีสาวสวยรอคอยการกลับมาของเขามาก่อน แถมยังน่ารักขนาดนี้ด้วย นึกขอบคุณผู้เป็นพ่ออยู่ในใจอย่างปลาบปลื้ม โชคดีจริง ๆ ที่ได้มาทำงานที่ร้านนี้

เด็กหนุ่มวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงข้างตัวแล้วทรุดตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้าม พลางทักทาย “วันนี้ลูกค้าเยอะมั้ยครับ”
หญิงสาวถอนใจพลางส่ายหน้า “หลังจากเธอไปแล้ว ก็ยังไม่มีใครมาอีกเลย เล่นเอายูเมะงอนไปแล้วที่ต้องรอเก้อ”

คำตอบนั้นเล่นเอาเด็กหนุ่มอึ้ง แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนัก ร้านที่อยู่หลบมุมขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่จะไม่มีใครล่วงรู้ แถมท่าทางแต่ละคน ดูมือสมัครเล่นเอามาก ๆ เสียด้วย ขนาดเขาเองไม่ได้เคยขายของเปิดร้านมาก่อน แต่เขาก็ทำงานพิเศษตามร้านค้ามาหลายประเภทแล้ว จึงรู้ดีว่าร้านนี้มีจุดอ่อนอย่างไร

“เอ่อ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

“จ้า”

“พวกคุณไม่เคยเปิดร้านมาก่อนใช่มั้ยครับ”

ทาโนเอะนิ่งไปครู่ ก่อนจะตอบอย่างเขิน ๆ ว่า “วันนี้เป็นวันแรกน่ะ สำหรับร้านของพวกเรา และก็เป็นครั้งแรกสำหรับทุกคน ที่จะได้เป็นพนักงานขาย ‘แบบธรรมดา’ ด้วย”

“ถึงว่าล่ะ…” เด็กหนุ่มอุทาน แอบงงกับคำว่า ‘แบบธรรมดา’ นิดหน่อย แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก สาวสวยหลังเคาน์เตอร์ก็ขยับเข้ามาใกล้จนชิดเสียแล้ว เล่นเอาเรย์จิแทบผงะ ด้วยใบหน้าที่แดงฉาน

“เธอรู้ใช่มั้ยจ๊ะ ว่าเราต้องทำยังไง ถึงจะมีคนเข้าร้าน” เสียงที่ถามกระตือรือร้นเต็มที่ มือขาวสะอาดคว้ามือแข็งแรงของเขาไว้ เล่นเอาใจเต้นแรงอีกครั้ง

“…คือ..จะว่าพอรู้ก็ได้มั้งครับ”

“ร้านนี้ไม่ดีตรงไหนเหรอ คนถึงไม่ยอมเข้ามา หรือว่า..เพราะตกแต่งร้านไม่สวยพอ?” เสียงที่ถามดูกังวลจนน่าสงสาร ท่าทางคงจะจริงจังกับการทำร้านนี้เอามาก

“ร้านน่ะดีทุกอย่างเลย แต่ขาดการโฆษณาน่ะครับ ถ้าเราไม่บอกว่าแถวนี้มีร้าน คนก็คงจะไม่รู้หรอก” เด็กหนุ่มตอบง่าย ๆ

“จริงสินะ! แหม ทำไมเรื่องแค่นี้เราพลาดกันไปได้! ถ้าอย่างนั้น เธอคงจะช่วยเรื่องนี้ได้ใช่มั้ยจ๊ะ”

ดวงตากลมโตตื่นเต้นกระตือรือร้นขนาดนี้ มีหรือเขาจะปฏิเสธได้

“ได้สิครับ ก็ผมเป็นพนักงานของที่นี่แล้วนี่นา อะไรที่ทำเพื่อที่นี่ได้ ก็ต้องทำอยู่แล้ว”

ร่างบอบบางโผเข้ากอดเต็มรัก ทำเอาเรย์จิแข็งทื่อไปแล้ว “เธอน่ารักจริง ๆ เลย ฉันดีใจมากนะ ที่เราได้ทำงานร่วมกัน”

“เอ้อ..อ้า..ครับ ผมก็…ก็ดีใจ” เด็กหนุ่มชักติดอ่าง หญิงสาวเห็นแล้วก็แอบหัวเราะเบา ๆ
 
“เธอเป็นคนดีจริง ๆ เหมือนกับเขาคนนั้นไม่มีผิด” ทาโนเอะพึมพำอย่างปลาบปลื้ม

“ใครเหรอครับ”

ใบหน้าของเธอเริ่มแดงเรื่อ ดวงตากลมหลุบต่ำอย่างเขินอาย “เขาคนนั้น ช่วยพวกเราทุกอย่าง เป็นคนที่ดีมาก ๆ แล้วก็ยัง…ทำให้พวกเรา มีทุกวันนี้ได้ด้วย”

ท่าทางที่ดูเหมือนสาวน้อยอยู่ในห้วงรัก ทำให้เรย์จิอดอิจฉาผู้ชายคนนั้นไม่ได้

“เขาคนนั้น…คุณเรอิจิ …ยามาโนะ เรอิจิ คุณพ่อของเธอยังไงล่ะ”

“อ๊ะ” เด็กหนุ่มหลุดอุทาน เจ้าพ่อบ้านั่น…แอบไปมีกิ๊กจริง ๆ หรือเนี่ย

“อ้อ…อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันชอบเขาข้างเดียวนั่นล่ะ พ่อเธอ..เป็นคนน่ารักมาก เหมือนเธอนี่ล่ะ” ทาโนเอะพูดราวล่วงรู้ แต่อย่างว่า สีหน้าของเด็กหนุ่ม คิดอะไรก็แสดงออกมาหมด ไร้เดียงสาจนน่าแกล้งจริง ๆ

ขณะเรย์จิกำลังก้มหน้างุดบดบังความร้อนผ่าวบนใบหน้านั้น ก็สบสายตากลมโตที่จ้องแป๋วมองขึ้นมาพอดิบพอดี มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย เด็กหนุ่มเริ่มอายมากขึ้นไปอีก ทั้ง ๆ ที่คนมองเป็นแค่เด็กเท่านั้น

ยูเมะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตรงเข้าไปหาหญิงสาวแทนอย่างออดอ้อน “ทาโนเอะ ยูเมะหิวแล้ว”

“จ้า เดี๋ยวจะเตรียมอะไรให้ทานนะ”

“ผม…อืม..อ๊ะ ใกล้จะมืดแล้ว ผมว่า…ผมขอตัวไปที่ห้องพักดีกว่ามั้ยครับ ผมจะได้เตรียมตัว แล้วจะได้คิดแผนการโฆษณาวันพรุ่งนี้ด้วย” เรย์จิว่าแก้เขิน เพราะสายตาจากดวงตากลมโตไร้เดียงสานั้น ยังแอบจับจ้องเขาอย่างสังเกตสังกาไม่เลิกราจนรู้สึกได้

“ก็ได้จ้า ซากุระคุง…อยู่มั้ยจ๊ะ” เธอเรียกเด็กหนุ่มอีกคน พริบตาเดียว เขาก็มาโผล่ด้านข้าง แบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ราวกับว่าอยู่ในห้องนี้มาเนิ่นนานแล้ว เล่นเอาเรย์จิสะดุ้งอีกรอบ

“ซากุระคุง พาเรย์จิคุงไปที่ห้องนั้นหน่อยนะ อ้อ ขอโทษนะจ๊ะเรย์จิคุง คงต้องให้อยู่ห้องคู่ เพราะห้องของเรามีไม่พอน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ได้สบายมาก” เขาตอบรับ ไม่แปลกนักที่จะอยู่ห้องคู่ ตึกน้อยหลังนี้ ขนาดไม่ได้ใหญ่มากมาย เขาซึ่งเป็นผู้ชายคนที่สอง ก็คงหนีไม่พ้น ต้องนอนห้องเดียวกับซากุระคนนี้แน่ ๆ

ซากุระเดินนำเด็กหนุ่มขึ้นไปชั้นสอง โดยไม่พูดไม่จาเช่นเคย เรย์จิขยับจะชวนคุย แต่สายตาดุ ๆ แปลก ๆ แกมไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่นั้น ทำให้เขาหยุดคำถามไว้จนได้

ร่างผอมสูง ที่ดูจะเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย ดูบอบบางแต่กลับสอดแทรกความแข็งแกร่งที่มองไม่เห็นเอาไว้จนรู้สึกได้ บางอย่างรอบตัวของคนผู้นี้ ทำให้เรย์จิรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่เข้าใกล้ อาจจะเพราะเป็นคนไม่ค่อยพูด ก็เลยดูเหมือนจะคบอยากอยู่สักหน่อย

จากที่มองเห็นภายนอก คน ๆ นี้คงรุ่นราวคราวเดียวกับเขาแท้ ๆ แต่แววตาคู่นั้น กลับดูคล้ายมีประสบการณ์มายาวนานกว่าที่เห็นภายนอกเสียอีก ไม่รู้ว่าทำไม

เดินไปไม่ไกลนักกับห้องไม่กี่ห้องที่อยู่ติดระเบียงชั้นสอง ซากุระก็มาหยุดที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง

“ห้องนี้แหละ” เสียงเพราะกว่าที่คิดดังขึ้น หวานจนถ้าไม่รู้ว่าเป็นชาย คงเข้าใจว่าเป็นสาวน้อยเลยทีเดียว เสียงนั้นเล่นเอาเขาเกือบสะดุ้ง เพราะมัวแต่เคลิ้มกับการคิดถึงเรื่องเมื่อครู่กับสาวสวยที่หน้าเคาน์เตอร์นั้น

“อื้ม” เรย์จิรับคำ ก่อนจะก้าวเข้าไป ห้องนั้นเป็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง มีเตียงคู่ขนาดใหญ่เพียงเตียงเดียวตั้งอยู่มุมด้านหนึ่ง และข้าวของจำเป็นต่าง ๆ ที่วางไว้เป็นระเบียบแยกไว้อีกด้าน คงเพราะรู้ว่าเขาจะมา จึงกันที่เอาไว้เรียบร้อย

ขยับจะหันไปถามคนพามา ก็พบแต่ความว่างเปล่า ซากุระคนนั้นหายไปแล้ว ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ได้ราวกับนินจาจริง ๆ ฝีเท้าเงียบเชียบราวแมวเดิน บวกกับดวงตาเรียวสวยสีดำสนิท ที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่นั้น ทำให้เขาหนาว ๆ ร้อน ๆ เอาการ

แต่ช่างเถอะ…เขาเองมีพรสวรรค์ในการเป็นมิตรกับทั้งคนและสัตว์มากพอตัว เรย์จิยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก อีกไม่นานก็คงผูกมิตรได้ วันนี้พึ่งวันแรก มันก็แบบนี้แหละ เขาเจอมาเยอะแล้ว กับหลากหลายที่ทำงานในอดีต

ที่ด้านหนึ่งของเตียง มีกองผ้าห่มผืนใหญ่วางอยู่ สงสัยจะวางคลุมหมอนข้างอยู่ เพราะมันใหญ่ใช่เล่น แต่ด้วยความที่วันนี้วิ่งไปวิ่งมาทั้งวัน เขาจึงขี้เกียจจะไปยุ่งกับมัน ร่างสูงโปร่งของเขา จึงทรุดตัวลงนั่งที่อีกฝั่งใกล้ตัว แล้วเอนตัวนอนลงไปทั้งอย่างนั้น

เตียงเพียงเตียงเดียว…ก็หมายความว่า เขาต้องนอนกับซากุระคนนั้นคืนนี้สินะ?

หรือจะนอนข้างล่างดี?

ไม่สิ นอนด้วยกันข้างบนนี่แหละ จะได้สนิทสนมกันได้ไว ๆ

ก็แค่นอนเฉย ๆ มันจะมีอะไรมาก

เขาคิดในใจก่อนจะหลับตาลงเคลิ้มหลับไปทั้งอย่างนั้น


..........................................


ครัวของร้าน เป็นครัวทำอาหารทานในบ้านไปในตัว มีโต๊ะตัวใหญ่สำหรับหกที่วางอยู่ด้านข้าง ส่วนเคาน์เตอร์ครัวมีทุกสิ่งพร้อมสรรพสำหรับการทำอาหาร ซึ่งในตอนนี้ ร่างโปร่งบางในชุดคาดทับผ้ากันเปื้อน กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเย็น โดยมียูเมะนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ไซด์พิเศษตัวเล็กของเธอ รอคอยอย่างเงียบเชียบ มีตุ๊กตาตัวเดิมอยู่บนตัก มือน้อย ๆ ลูบไล้ผมสีทองเส้นละเอียดเล็กของตัวหุ่นนั้นแผ่วเบาอย่างทะนุถนอม

ทาโนเอะละสายตาจากผักที่กำลังหั่นอยู่ เมื่อรู้สึกว่ามีสมาชิกใหม่ก้าวย่างเข้ามาภายใน พอเห็นเป็นคนที่คาดคิดก็ส่งยิ้มให้

“เรียบร้อยแล้วเหรอจ๊ะ ซากุระคุง?”

“อืม” เสียงรับคำแผ่วเบา ก่อนที่ร่างสูงโปร่งคล่องแคล่วนั้น จะเริ่มลงมือทำอาหารแทนที่หญิงสาว ผู้ตระเตรียมเครื่องปรุงไว้รอให้อย่างชำนาญ

“หิวจังเลย ซากุระคุง วันนี้มีอะไรทานฮะ” ร่างบอบบางที่วิ่งเข้ามาใหม่ โผเข้ากอดเอวคนทำอาหารอย่างสนิทสนม

“อีกเดียวน่ะ” ซากุระตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ นิ้วเรียวยาวหยิบจับอย่างคล่องแคล่วชำนาญชนิดที่คนอื่นมาเห็นคงแอบประหลาดใจ ที่คนทำกับข้าวตัวจริง หาใช่ทาโนเอะไม่

ในเวลาไม่นาน อาหารน่าทานหลายอย่างก็วางพร้อมบนโต๊ะ ขณะกำลังปรุงจานถัดไป มือซน ๆ มือหนึ่ง ก็เริ่มแอบเลื้อยมาใกล้จานอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับหยิบลูกชิ้นเนื้อนุ่มเข้าปากอย่างอร่อย ก่อนจะเริ่มลองจานถัดไป

เสียงตีดังเพี้ยะ เล่นเอาคนทำสะดุ้ง

“อย่าแอบกินก่อนสิจ๊ะ เด็กดี” จอมซนผู้กำลังแอบชิมอาหารรีบกลืนของกลางลงคอรวดเดียวแทบเกือบสำลัก ก่อนจะหันมายิ้มแห้ง ๆ กับสายตาดุนิด ๆ ของทาโนเอะ โดยไม่กล้าที่จะแอบชิมต่อ หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจ รู้ดีว่าต้องสอนอีกมาก แต่เด็ก ๆ ก็ดูจะเชื่อฟังดี เพื่อจะได้เป็น ‘คนปกติ’ เหมือนคนอื่นได้เสียที

“ซานะจัง กินไม่แบ่งก็แบบนี้แหละ” เสียงแขวะดังมาจากเก้าอี้ตัวเล็ก เด็กหญิงแอบค้อนให้เล็กน้อย เพราะหิวอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้กิน

“ยูเมะจังล่ะก็ แอบกินนิด ๆ หน่อย ๆ เอง เดี๋ยวซานะแบ่งให้ก็ได้”

“ซานะจัง” เสียงเข้มของทาโนเอะดุอีกครั้ง “อย่าเอายูเมะเป็นพวกเลยน่า”

เด็กสาวตัวน้อยแลบลิ้นให้ผู้เป็นพี่แกมล้อเลียน ทาโนเอะมองทั้งคู่อย่างเอ็นดู ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“จริงสิ แล้วอายะจังไปไหนล่ะ? ไม่เห็นตั้งนานแล้ว” หญิงสาวพึมพำ เริ่มรู้สึกแปลกใจ คงเพราะมัวแต่เห่อร้านใหม่ จนลืมไปเสียสนิทว่าสมาชิกคนหนึ่งหายไปนานแล้ว

“ก็หลับอยู่ไงฮะ ในห้องตั้งแต่เมื่อเช้านั่นล่ะ” คนถูกดุเอนตัวพิงพนัก พลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก

“ตายล่ะ ในห้องนั้นเหรอ? แล้วนี่เรย์จิคุงรู้รึเปล่า ซากุระคุง?”

ไม่มีคำตอบ นอกจากรอยยิ้มแกมขบขันจากริมฝีปากคู่นั้น

“เดี๋ยวคงมีอะไรสนุก ๆ ดูแน่” ซานะว่าพลางหัวเราะคิก พอจะคาดเดาเรื่องได้ราง ๆ แล้ว

พูดไม่ทันขาดคำ เสียงร้องว้ากดังลั่น ก็ดังมาจากชั้นสอง…


..............................................


ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังเคลิ้มจนใกล้จะหลับแล้ว กลับรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวบนเตียงนุ่มที่นอนอยู่นั้น มือของใครบางคน ขยับป่ายพาดมาตรงไหล่ ก่อนที่ใบหน้างามนั้น จะเข้ามาใกล้จนชิด ลมหายใจอุ่น ๆ ทำให้เขาลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง

ในห้องที่ยังไม่ได้ปิดไฟ ทำให้เขาเห็นหน้านั้นอย่างชัดเจน หน้าขาวละเอียดที่งดงาม แม้จะไร้ซึ่งเครื่องสำอางประทินผิว แต่เขาก็จดจำได้ดี

“คะ…คุณอายาเมะ?”

มือที่ดันร่างใกล้ตัวนั้นออกไปโดยสัญชาตญาณแทบจะชักกลับด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่ปกคลุมนั้น อายาเมะไม่ได้สวมอะไรเลย

แรงผลักทำให้คนงัวเงียชันตัวขึ้นในท่ากึ่งนั่ง ลำตัวที่สูงใหญ่กว่าที่คิด แทบจะคร่อมเขาเอาไว้ทั้งหมด

ดวงตาหยาดเยิ้มที่ดูว่ายังไม่ได้สติสมบูรณ์ จับจ้องเรย์จิที่กำลังตื่นตกใจพลางตีสีหน้าหงุดหงิด ลิ้นนุ่มไล้เลียริมฝีปากอิ่มด้วยทีท่าหิวกระหายคุกคาม
   
“ชั้นยังนอนไม่พอเลยนะ เดี๋ยวก็ปล้ำซะนี่”

ว่าแล้วก็โน้มร่างลงบนตัวเขา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเย้ายวน ฟีโรโมนหอมกรุ่นที่ชิดเข้ามา ทำเอาเรย์จิเริ่มขนลุก

ปากสีสดใกล้เข้ามาจนเกือบจะแตะแล้ว...

“ว้าก!!!” เรย์จิร้องขึ้นสุดเสียงอย่างตื่นตระหนก

…ถ้าเป็นสาวจริง เขาก็คงยินดีหรอก

แต่นี่มัน…

เพราะเมื่อครู่นั้นได้เห็นจะ ๆ แล้ว ท่อนบนที่เปลือยเปล่า ปรากฎต่อสายตาชัดเจน หาได้มีทรวงอกอวบอิ่มเหมือนตอนแต่งชุดราชินีเมื่อเช้าไม่ แผ่นอกขาวนวลที่มีกล้ามเนื้อพองาม เอวคอดได้รูปชวนเคลิ้มฝัน

สำหรับสาว ๆ คงกรี๊ดอยู่ แต่ไม่ใช่กับคนอย่างเขาแน่ ๆ เพราะร่างได้สัดส่วนงดงามของอายาเมะคนนี้เป็น...

...เป็นรูปร่างของผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์!!!

เท้าที่เป็นอิสระ ยันร่างที่คร่อมอยู่ออกไปสุดกำลังดังโครมใหญ่ ก่อนที่เรย์จิจะเผ่นลงชั้นล่างด้วยสติที่แตกกระเจิง


.......................................

   
ร่างสูงหอบหายใจถี่ ขณะโผล่มาที่ประตูห้องครัว ด้วยหัวใจที่เต้นแรงไม่หยุด ขยับจะถาม หากภาพที่เห็นในครัว กลับทำช็อคกว่าเก่าเสียได้

สาวน้อยเมื่อตอนเช้า…ซานะจัง…อยู่ในชุดกางเกงขาสั้น และเสื้อกล้ามตัวบางเข้ารูป ร่างเพรียวผอมบาง ที่ไม่มีหน้าอก ไหนจะยังผมสีน้ำตาลตัดสั้นเหมือนนักเรียน ที่ไม่ว่าดูยังไง ก็ยังเป็นเด็กผู้ชายอยู่ดี

“อ้าว มาแล้วนั่นไง ดีฮะ เรย์จิคุง” ซานะทักทายก่อน ด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่สาวเลยสักนิด

“ซะ...ซานะจัง? ทำไมแต่งตัวแบบนั้น…เธอ..ไม่ใช่ผู้หญิงหรอกเหรอ…แล้ว..คุณอายา..อายาเมะ….คุณอายาเมะ...” เขาเริ่มพึมพำแบบจับใจความไม่ได้อย่างช็อค ๆ

ทุกคนแอบขำแม้จะรู้สึกสงสารเรย์จิอยู่บ้าง แต่ท่าทางนั้น ทำให้ทั้งหมดลงความเห็นตรงกันว่า ช่างเป็นคนที่ ‘น่าแกล้ง’ เสียนี่กระไร!

“ก็ตอนนี้ร้านปิดแล้วนี่ พวกเราก็กลับเป็นแบบปกติสิฮะ” ซานะพูดง่าย ๆ หลังจากเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อีกครั้งอย่างสบายอารมณ์ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับทีท่าตื่นตกใจของอีกฝ่าย แต่ในใจนั้นแอบฮาไปเต็ม ๆ

“กลับมาเป็นแบบปกติ?” เรย์จิทวนคำอย่างช็อคเล็กน้อย ภาพสาวน้อยน่ารักกระโปรงสั้น ในชุดผ้ากันเปื้อนผืนน้อย…ละลายหายวับไปกับตา
   
“เอ้อ ขอโทษนะจ๊ะ ที่เมื่อกี้ไม่ได้บอก เรย์จิคุง อายะจังน่ะ จะเป็นเพื่อนร่วมห้องกับเธอ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจ้ะ” ทาโนเอะเข้ามาไขข้อข้องใจ

เรย์จิมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ สาวน่ารักคนเดียวที่เหลืออยู่…คงไม่หรอกมั้ง…???

แต่ก่อนจะได้ถามอะไรออกไป เสียงตึงตังลงมาจากชั้นสอง พร้อมร่างที่ใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวก็เดินลงมาอย่างขัดใจ มือข้างหนึ่งยังคงคลำหัวป้อย ๆ คงโดนกระแทกเมื่อตอนโดนถีบตกเตียงเมื่อครู่

“ทาโนเอะ ใครเข้าไปยุ่งตอนชั้นกำลังนอน?” เสียงห้วน ๆ แบบของขึ้นถามทันที

นิ้วชี้จากหลายคน ชี้ไปยังเรย์จิโดยพร้อมเพรียง

ร่างสูงเพรียวก้าวเข้าตรงเข้าหา ก่อนจะกระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มขึ้นมา อายาเมะที่ดูราชินีเมื่อเช้า กลับสูงพอ ๆ กัน แถมแรงเยอะกว่าเขาอีก เรย์จิใบ้รับประทานไปแล้ว เมื่อดวงตาคู่งามจ้องมองเขาจนแทบจะละลายกลายเป็นน้ำ ด้วยสายตาอันเกรี้ยวกราด

“นายบังอาจถีบชั้นตกเตียงงั้นเรอะ”

“เอาน่า อายะจัง เรย์จิคุงเขาไม่ได้ตั้งใจ” ทาโนเอะไกล่เกลี่ยอีกครั้ง อายาเมะถลึงตาใส่เด็กหนุ่ม ก่อนจะปล่อยร่างนั้นลง

“กะ…ก็นาย…” เสียงว่าตะกุกตะกัก ใบหน้าเริ่มแดงเรื่อ “นายจะ…จูบชั้นนี่นา”

“เฮอะ ก็ใครให้นายไปนอนเตียงเดียวกับชั้นล่ะ!” อายาเมะยังไม่ยอมแพ้

“ฉัน…ไม่เห็นนี่” เรย์จิพยายามโต้

“เรย์จิจะอยู่ห้องเดียวกับเธอตั้งแต่วันนี้นะอายะจัง เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ” ทาโนเอะว่าเรียบ ๆ หากมันทำให้อายาเมะหยุดโทสะลงได้อย่างประหลาด

ดูทุกคนจะเชื่อฟังทาโนเอะเป็นพิเศษ เพราะเพียงแค่เธอพูดเท่านี้ อายาเมะก็สงบลงอย่างเห็นได้ชัด

“ชั้นไม่ได้อยากอยู่กับนายหรอกนะ แต่เพราะทาโนเอะขอร้อง ดังนั้นคราวหน้า ทำตัวดี ๆ หน่อยล่ะ!” หลังจากส่งสายตาดุ ๆ จนคนมองเสียววาบไปให้แล้ว อายาเมะก็ทรุดตัวลงที่เก้าอี้ แล้วเริ่มต้นนั่งกิน โดยไม่รอใครทั้งนั้น

ไม่มีใครขัดตอนราชินีกำลังโมโหได้ และทุกคนก็รู้ดี

ทาโนเอะจึงหันไปหาเรย์จิ แล้วชวนทานข้าวเปลี่ยนบรรยากาศแทน “มาทานข้าวดีกว่านะจ๊ะ ฝีมือของซากุระคุงน่ะ ชั้นยอดเลยนา”

ฝีมือซากุระ?

เด็กหนุ่มเหลือบมองเจ้าของผลงานชั้นเลิศบนโต๊ะอาหารอย่างทึ่ง ๆ แล้วความคิดอย่างหนึ่งก็เข้ามาแทนที เขาหันไปหาทาโนเอะ แล้วถามว่า

“เอ้อ…คุณทาโนเอะ คือว่า…ถ้าคุณอายะไม่ชอบ ผมนอนห้องเดียวกับคุณซากุระแทนก็ได้นะครับ”

ทุกคนกำลังเริ่มต้นทานอาหารแล้ว ในตอนนั้น ทว่าพอเรย์จิพูดจบ ก็มีเสียงช้อนกระทบจานดังแกร๊ก เด็กหนุ่มใจหายวูบ เมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตจากฝั่งตรงข้าม

“ถ้านายไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม อย่าได้พูดแบบนี้อีก!”

นั่นเป็นคำพูดประโยคเดียวจากซากุระ ที่แม้เสียงนั้นจะยังหวานเหมือนเดิม แต่มันกลับดูน่ากลัวกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

เรย์จิหน้าซีด ก้มหน้าก้มตามองจานอาหารตัวเองแทนที่

“เอ้อ…ผมนอนกับคุณอายะเหมือนเดิมก็ได้ครับ”

คราวนี้ราชินีเองชักจะหงุดหงิดรอบสองอีกแล้ว ดวงตาคู่งามคมกริบส่งมาให้อย่างไม่พอใจ “เฮอะ อดีตโฮสต์ชื่อดังอย่างชั้นคนนี้ อุตส่าห์ให้เกียรตินายได้นอนร่วมเตียง มีคนตั้งมากมาย อยากทำแบบนี้แต่ไม่เคยได้ทำ ถ้านายยังเรื่องมากอีกล่ะก็…”

เรย์จิได้แต่รับคำโดยดุษฎี ไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรอีก

สวรรค์เมื่อเช้า กลายเป็นนรกตอนเย็นไปเสียแล้ว

แผนการของพ่อ…ต้องใช่แน่ ๆ!

เด็กหนุ่มผู้น่าสงสาร จึงได้แต่นั่งกินข้าวเงียบ ๆ พลางนึกสาปแช่งพ่อตัวเองในใจ อย่างไม่อาจทำอะไรได้ดีไปกว่านี้…

   
- จบตอนที่ 1 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 1 อัพ 19-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: SPY ที่ 19-02-2010 21:35:50
น่าสนุกดีครับ
เพราะเป็นเรื่องสั้นจบในตอน
และยังเพิ่งเป็นตอนแรก เลยยังไม่เข้าใจนัก
แต่น่าติดตามมากครับ เนื้อเรื่องก็แปลกดีด้วย
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 1 อัพ 19-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 20-02-2010 01:57:31
น่าสงสารเรย์จิคุงจริงๆ
จากสาวน้อยกลายเป็นหนุ่มน้อยไปซะนี่
กำลังสนุกเลย รออ่่านต่อจ้า

หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 1 อัพ 19-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 20-02-2010 13:58:51
สวรรค์ที่มีแต่สาวน้อยของเรย์จิคุง ล่มซะแล้ว

แถมยังต้องไปนอนกับราชนีจอมวีนอีก

น่าสงสารเรย์จิ  :jul3:

ตอนแรกจบแล้ว แต่ก็ยังมึนๆอยู่

รออ่านตอนต่อไปล่ะกัน  :L2:
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 2 Part 1 อัพ 20-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 20-02-2010 16:00:54
หมายเหตุก่อนอ่านตอน 2: อ่านแล้วจะงงแน่ ๆ ว่าเกี่ยวอะไรกับตอนที่ 1 แต่ขอให้อ่านโดยคิดว่าเป็นเรื่องสั้นอีกเรื่องที่เราเอามาแปะแล้วกันค่ะ
แล้วมันจะค่อย ๆ เฉลยไปเอง ว่าเกี่ยวข้องกันยังไง ในภายหลัง ไม่ต้องบ่นว่างงกันหรอกนะคะ ^^


........................................................


ตอนที่ 2 Liar : โกหก

Rate: NC-17, SM

(ตอนที่ 2/1)

สายลมอ่อน ๆ พัดผมซอยระไหล่สีน้ำตาลอ่อนปลิวน้อย ๆ เมื่อร่างในชุดโค้ทยาว ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างของชั้นที่ 15 ของตึกสูง คนผู้นั้นกำลังมองไปที่ลานจอดรถเบื้องล่างอย่างตั้งใจ ด้านข้างเป็นชายหนุ่มอีกคนในชุดสีดำสนิท ที่มองลงไปข้างล่างเช่นกัน พร้อมกับกล้องส่องทางไกลในมือ

“สายของเรารายงานว่า ‘เป้าหมาย’ ระวังตัวมาก” ชายในชุดสีดำพูด

“ดูสิ คนที่ยืนข้างรถสีดำนั่นแหละ” เขาพูดต่อพลางส่งกล้องให้   

มือเรียวยาวรับกล้องไปส่องดูบ้าง ภาพที่เห็นผ่านเลนส์ เป็นชายที่ดูแกร่งสมชายผู้หนึ่ง ใบหน้ากร้าวดูหยาบหากแฝงความหยิ่งทะนงและเข้มแข็งไว้ภายใน ดวงตากลมโตที่จับจ้องจากทางไกล ตวัดมือกวาดสายตาผ่านกล้องไล่ลงต่ำ จากใบหน้าคมสันไล่เรื่อยลงยังแผ่นอกหนา ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจนซ่อนรูปไม่มิด ลงไปยังเอวแคบและช่วงขาแข็งแรงมั่นคง

เผลอมองจริงจังอยู่เป็นครู่ ก่อนเผยอยิ้ม “จะให้ลงมือเมื่อไหร่”

คนด้านข้างมีรอยยิ้มจาง ๆ รู้ได้ดีว่าเป้าหมายถูกชะตาคนของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ทันทีที่พร้อม”

“ตกลง แล้วชั้นจะจัดการเอง” เขารับคำแล้วหยิบแว่นตามาสวม ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป


..........................................


ที่ลานจอดรถ ผู้เป็นเป้าหมายเมื่อครู่ขยับนั่งอยู่บนรถแล้ว ในตอนที่เห็นคนผู้นั้นเดินเข้ามา ร่างบอบบางนั้นก้าวย่างอย่างมั่นคง ตรงเข้ามาหาอย่างชัดแจ้ง จนการ์ดที่ยืนอยู่ซ้ายขวาที่เห็นการมานั้นแต่แรก เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ในระยะระวังภัย หากกลับถูกเจ้าของรถห้ามปรามให้กลับไปประจำที่เสียก่อน

จากประสบการณ์อันยาวนานของเขา บ่งบอกได้ว่า อีกฝ่ายมาแบบไร้อาวุธ

“รถสวยดีนี่” ใบหน้างามที่สวมแว่นตาดำทักขึ้น ราวกับไม่เห็นบอดี้การ์ดที่ยืนขนาบอยู่ด้านข้าง

ชายหนุ่มผู้ถูกทัก ซึ่งตอนนี้ยังคงนั่งอยู่ในรถหรูคันงามเงยหน้ามอง พลางขมวดคิ้ว

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นก็ได้ บอกตามตรง ชั้นเป็นคนน่าสงสัยมาก” คนแปลกหน้าคนนั้นพูดยิ้ม ๆ พลางถอดแว่นตาออก ดวงตากลมโตคู่นั้นงดงามจนคนบนรถได้แต่เหม่อมองเคลิบเคลิ้ม จากที่เห็นนั้น แขกไม่ได้รับเชิญ กลับดูอ่อนเยาว์กว่าที่คิด อายุคงไม่ถึง 20 ปีเป็นแน่

ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มรับ ขยับเสื้อคลุมตัวยาวถอยร่นลงไปเล็กน้อยอย่างจงใจ โชว์ไหล่ขาวน่าลูบไล้ ดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มบนรถ มองโลมเลียอย่างไม่เกรงใจอะไรทั้งสิ้น

“อยากพิสูจน์มั้ย ว่าชั้นไว้ใจได้หรือเปล่า เปิดประตูก่อนสิ”

ไม่ต้องขบคิดให้มากความ ประตูรถก็เปิดออกด้วยมือแข็งแรงนั้น เรียวขาคู่งามก้าวขึ้นไปอย่างมั่นใจ ก่อนจะเอนตัวเข้าไปหาจนแทบชิด ลมหายใจระอุอุ่นทำคนด้านข้างหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงหวานใกล้ ๆ

“คืนนี้อยู่กับชั้นนะ ชั้นจะทรยศคุณให้ดู”

คนฟังหันมามองแขกปริศนาอย่างเต็มตา ดวงตาคมกริบจ้องทะลุราวล่วงรู้ เสียงมั่นคงตอบกลับไปแกมท้าทาย

“ฉันยอมให้ทรยศเลย แต่ก่อนจะทำแบบนั้น…ต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนนะ ว่ามีค่าพอที่ฉันจะเสียใจ เมื่อโดนทรยศหรือเปล่า” เสียงกลั้วหัวเราะดังมาจากร่างสูงแข็งแกร่งนั้น

ริมฝีปากอิ่มจุ๊บเบา ๆ ที่ข้างแก้มสากนั้น พลางกระซิบตอบเสียงแผ่วเบา “ถ้าทำให้ชั้นเลิกคิดทรยศคุณได้ ชั้นจะเป็นของคุณ”


....................................


เรือนร่างเร่าร้อนบนเตียงนุ่มครางเสียงแผ่วหวาน เมื่อมือแกร่งลูบไล้ตามจุดอ่อนไหวอย่างช่ำชอง ดวงตางามพริ้มหลับเคลิ้มชวนฝัน เมื่อถูกปากอุ่นจุมพิตฝากรอยรักย้ำที่เนินไหล่ ไซ้คอขาวขบติ่งหูนุ่ม พลางกระซิบสอบถาม

“ทำไมเมื่อกี้ ไม่บอกว่าเป็นผู้ชายล่ะ”

“สำคัญด้วยเหรอ?” เสียงกระเส่าถามทั้ง ๆ ที่ยังหอบถี่ ปลายลิ้นนุ่มชื้นที่ซอกซอนไปทั่ว ทำให้ร่างกายของเขาปั่นป่วนกว่าที่เคย..ครั้งแล้ว…ครั้งเล่า

“ไม่สำคัญนักหรอก..ถ้ามีร่างกายที่วิเศษขนาดนี้” เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับ

“อา…ในเมื่อไม่สำคัญ ก็ไม่เห็นต้องบอกเลย” เขาว่าเหมือนไม่ใส่ใจนัก หากคำตอบกลับเรียกรอยยิ้มจากอีกฝ่ายอย่างพึงใจ

“หึ นายนี่…ไม่น่าไว้ใจสักอย่างเลยนะ” สายตาค้นหาคำตอบยังจับจ้องไม่วางตา

ร่างบอบบางยิ้มรับคำท้า “ใช่ ชั้นมันคนน่าสงสัย จับตาดูชั้นสิ…ดูให้ลึกถึงข้างในเลย” ว่าพลางแหวกเรียวขาออกอ้ากว้าง เชิญชวนอย่างเห็นได้ชัด คนมองได้แต่ชะงักค้างเพลิดเพลินกับสายตาตัวเองเมื่อมองเห็นร่างบอบบางบีบเจลใสลงบนแก่นกายที่ตื่นตัวนั้น พลางเคล้นคลึงโดยรอบปลุกเร้า นิ้วเรียวแทรกเข้าทางคับแคบ ขยับไล้เล้าโลมแกมกระตุ้นจุดเพลิงเสน่หาด้วยตัวเอง เชิงโชว์ให้อีกฝ่ายเห็นจะ ๆ เรียกร้องความสนใจให้เพิ่มเป็นทวีคูณ

“อึ้ก…อื้อ…” มืออีกข้างเค้นเร่งเร้าแก่นกาย สลับกับปล่อยให้ปลายนิ้วแทรกลึกถึงภายใน ร่างกายที่ปั่นป่วนส่งฟีโรโมนเข้มข้นชวนลุ่มหลง

มือหนากดแผ่นหลังงามลงกับเตียงนุ่มก่อนจะจับขาเรียวยกพับขึ้นให้อ้ากว้าง นำร่องด้วยนิ้วแกร่งแทรกลึก เรียกเสียงใสจากร่างบนเตียงได้ชะงัดนัก มือที่ล่วงรู้เบิกทางสู่ห้วงหฤหรรษ์จนอีกฝ่ายเกือบไปถึงก่อนกาลอันควรเลยทีเดียว เสียงหวานห้ามปรามกึ่งสมยอมดังเป็นระยะ เรียกร้องการกระทำที่รุนแรงกว่าเดิม

“อ๊า..ตรงนั้น….อา…อีกสิ”

นิ้วที่แช่ค้างขยับแรงขึ้นอีก เสียงเคร่งเครียดดุดันกระซิบห้วนถาม “บอกก่อนสิ ว่าใครใช้นายมา”

“อื้อ!” คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความเจ็บปวดแทรกเข้า มือเรียวโอบเอวหนา พลางพูดเสียงแผ่ว “ชั้นก็บอกแล้ว…ว่าจะทรยศนาย…จะถามทำไมกัน” ใบหน้าชื้นเหงื่อที่ซีดขาวพูดต่อ ไม่ได้มีวี่แววแห่งความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

“ไม่เคยมีใคร…พูดกับฉันแบบนี้ แล้วรอดจากความตายไปได้!”

ร่างบนเตียงกลับยังคงยิ้มได้ สร้างความประหลาดใจให้กับคนมองกว่าเดิม

“ถ้าอย่างนั้น ก็ฆ่าชั้นสิ!”

“อ๊า!!” ในความเจ็บกลับแทรกความสุขสันต์ นิ้วถูกดึงออกเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่งจากอีกฝ่าย ถาโถมเข้าหาราวพายุลูกโตที่กำลังบ้าคลั่ง

คลื่นความทรมานที่แทรกเข้ามาเป็นริ้ว ๆ ทั้งกระแทกกระทั้น ทั้งรุนแรงจนยากจะต้านทาน ...นานแค่ไหน สมองอันพร่ามัวไม่อาจจดจำได้ ในความเจ็บปวดและสติที่เลือนราง ริมฝีปากนุ่มนั้น ก็ยังโน้มขึ้นไปจูบร่างแกร่งอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหมดสติไป

สัมผัสนุ่มละมุนที่ปลายลิ้นยังคงอยู่ แม้คนด้านล่างจะไม่มีสติแล้ว หว่างขาที่เต็มไปด้วยเลือด ทำให้ชายหนุ่มชะงัก ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ถอนตัวออกแม้ยังไม่เสร็จสิ้น อารมณ์ที่ค้างคา ถูกกระตุ้นอีกครั้งด้วยร่างที่หมดสตินั้น มือแกร่งเร่งเร้าแก่นกายที่ยังตื่นตัวของตนเอง พลางมองคนบนเตียงด้วยอารมณ์ที่ขึ้นสูง

เขาหอบหายใจถี่เมื่อรู้สึกถึงการปลดปล่อย สายน้ำที่ฉีดพุ่ง เปรอเปื้อนร่างบอบบาง ขาขาวที่ตัดย้อมด้วยคราบเลือดและคราบแห่งกามารมณ์

...กลิ่นคาวเลือด...กลิ่นอายแห่งการสังหาร

อันตราย มักมาพร้อมความเย้ายวนเสมอ หากพลั้งพลาด ย่อมหมายถึงชีวิต
คนที่อยู่ในระหว่างความเป็นความตายมาตลอดอย่างเขา รู้ซึ้้งเป็นอย่างดี

กับคนที่จู่ ๆ ก็เข้ามาเช่นนี้

...ไว้ใจไม่ได้...

มองคนบนเตียงพร้อมถอนใจยาว ไม่ว่าคน ๆ นี้จะเป็นใคร เข้ามาใกล้ชิดด้วยจุดประสงค์อะไร
แต่มันก็ดึงความสนใจจากเขาได้ไปเต็ม ๆ แล้ว

นายเป็นใครกันนะ? ...คนแปลกหน้าที่ไม่รู้ชื่อคนนี้?


.........................................


แสงไฟในห้องยังสว่างอยู่ เมื่อร่างที่บอบช้ำยันตัวขึ้นจากเตียง ร่างกายในตอนนี้ สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย และยังมีผ้าห่มคลุมกายอยู่ด้วย แม้จะยังมึนไปหมด แต่เขาก็ยังอมยิ้ม

ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน

ห้องนี้เป็นห้องหนึ่งในโรงแรมมีระดับ ที่เขาและเป้าหมายเข้ามาเมื่อวาน...น่าจะเมื่อวาน สมองอันสับสนบอกได้แค่บางอย่าง ในตอนนั้น เขาจำได้แค่ตอนเริ่มต้นเท่านั้น พอหลังจากถูกคาดคั้นเรื่องผู้จ้างวานอย่างรุนแรง เขาก็จำอะไรไม่ได้อีก แต่ที่แน่ ๆ มืออาชีพระดับเขา ไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องใดออกไปอยู่แล้ว

ร่างกายยังคงเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ มือเรียวค่อย ๆ เสยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยให้เข้าที่ รู้สึกเหมือนจะมีไข้ด้วย แต่ตอนนี้คงค่อยยังชั่วแล้ว เขาก้มมองตัวเองพลางปลดกระดุมออกสำรวจร่างกาย เสื้อผ้าชุดนี้ ไม่ใช่ชุดเมื่อวาน แสดงว่าถูกเปลี่ยนให้ตอนยังไม่ได้สติ ภายใต้ผ้าตัวบาง เผยให้เห็นผิวขาวละเอียดที่มีรอยฟกช้ำและรอยประทับตราหนัก ๆ ด้วยจุมพิตเต็มไปหมด

ไหนจะสะโพกที่ขยับก็เจ็บแปลบ คน ๆ นั้น รุนแรงน่าดู

กระดุมถูกกลัดกลับอีกครั้งอย่างใจเย็น ร่างกายเจ็บแค่นี้น่ะเรื่องเล็ก ถ้างานจะเดินต่อได้

และอีกอย่าง...ไม่ว่าจะทำให้คน ๆ นั้นติดใจได้หรือไม่ เขาก็ยังรู้สึกว่า เซ็กส์ครั้งนี้ไม่เลวอยู่ดี

เป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ

น่าเสียดาย...ที่เขาคงต้อง...


เสียงประตูเปิดเบา ๆ คนบนเตียงล้มตัวลงทำทีเป็นหลับอีกครั้ง ร่างสูงของใครบางคนเดินเข้ามา มือหยาบอังที่หน้าผากเนียน แล้วถอนใจยาว ไข้ลดลงไปเยอะแล้ว ถ้าเทียบกับคืนนั้น

ไม่เข้าใจตัวเองนัก ถ้าเป็นปกติ เขาคงโยนเงินปึกโตทิ้งไว้ให้ แล้วปล่อยร่างที่สลบไสล อยู่ในสภาพนั้นโดยไม่คิดจะใส่ใจอีก แต่คราวนี้...กลับไม่ใช่

ทำไม เขาต้องอุ้มคนหมดสติไปอาบน้ำทำความสะอาดให้
ทำไม เขาต้องจับเปลี่ยนชุดใหม่ให้
ทำไม เขาต้องห่มผ้าให้ เมื่อเห็นร่างนั้นหนาวสั่นด้วยพิษไข้

แล้วที่สำคัญ ทำไม จนกระทั่งไข้ก็ลดแล้ว แต่เขายังไม่จากไปเสียที

ทั้ง ๆ ที่สัญชาตญาณเตือนอยู่ตลอดเวลา ว่าคน ๆ นี้ จะต้องนำอันตรายมาให้แน่ ๆ

"อืม.." เสียงพึมพำเบา ๆ จากร่างนั้น ทำให้เขาสลัดเรื่องในหัวอันยุ่งเหยิงออกไป มือที่อุ่นน้อย ๆ แต่ไม่ร้อนจัดเหมือนวันก่อน จับที่มือเขาไว้

"ฉันบอกว่าฉันจะทรยศนาย ทำไมยังกลับมาอีก?"

ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียง "ฉันไม่ชอบนอนกับคนที่ฉันไม่รู้จัก" เขาพูดต่อ "ดังนั้น...ฉันเลยรอถามชื่อจากนายก่อน"

ใบหน้าขาวซีดมีรอยยิ้ม "งั้นเหรอ แต่ชั้นชอบนอนกับคนแปลกหน้านะ ดังนั้น ถ้าเราจะไม่รู้จักกันต่อไป สำหรับชั้นแล้ว ก็ไม่มีปัญหา"

ชายหนุ่มอดขำไม่ได้ คนตรงหน้า เข้าหาเขาด้วยวิธีการแปลกประหลาด จนกระทั่งในตอนนี้ ก็ยังพูดคุยด้วยเรื่องแปลก ๆ อีกเช่นเคย

"ถ้านายไม่อยากรู้จักฉัน ก็ไม่เป็นไร แต่ฉันอยากรู้จักนายนี่ บอกแค่ชื่อคงได้ใช่มั้ย"

ร่างบนเตียงถอนหายใจ "น่าเสียดาย ที่ชั้นรู้จักชื่อนายเสียแล้วน่ะสิ ส่วนชื่อของชั้น...ถ้าอยากจะรู้ ก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน" เขาว่าเรื่อย ๆ

ดวงตาคนฟังเป็นประกายวูบหนึ่ง ก่อนจะหันไปถาม "ต้องการอะไรล่ะ"

ไม่มีใครที่เข้าหาเขา โดยไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง

มันเป็นเรื่องที่เขาชินชาเสียแล้ว

"ชั้นหิว...ขออาหารอร่อย ๆ ของที่นี่สักมื้อ เป็นการแลกเปลี่ยนได้มั้ย"

คนฟังยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดูดีเสียจนร่างบนเตียงเองยังเผลอมองเพลิน "เลี้ยงมากกว่ามื้อนี้ด้วยก็ยังได้"

"ถ้าอย่างนั้น...ขอกินก่อน แล้วค่อยว่ากัน" ร่างบอบบางพูดง่าย ๆ อีกฝ่ายจึงขยับลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ และสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมา

ในเวลาไม่นาน รอบเตียงก็เต็มไปด้วยอาหารขึ้นชื่อของทางโรงแรมแล้ว

คนบนเตียงกินเก่งเกินคาด ระหว่างที่นั่งกินบนเตียงนั้น ชายหนุ่มก็พยายามชวนคุย แต่อีกฝ่ายกลับตัดบทว่า

"กินด้วยกันสิ ไหน ๆ มันก็เงินของนาย" คนปากยังไม่ว่างพูดต่อไป ก่อนจะยื่นจานใส่อาหารใบหนึ่งให้ คนยืนมองได้แต่มอง ไม่ยอมรับมา ทำให้คนส่งยื่นมาตรงหน้าอีกครั้งอย่างตั้งใจ

"ไม่วางยาหรอกน่า ชั้นแค่บอกว่า จะทรยศนาย ไม่ได้บอกว่าจะวางยานายหรอกนะ"

"อืม ฉันรู้ แต่ตอนนี้ ฉันอยากรู้ชื่อของนายมากกว่า ไหนบอกว่ารู้ชื่อฉันแล้ว แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย"

ร่างบอบบางเอนตัวพิงหมอนนุ่มที่วางขวางไว้ให้นั่งได้ พลางตอบว่า "ในโลกนี้ ไม่มีอะไรยุติธรรมอยู่แล้ว...ริวยะ นายคือ ทสึกิ ริวยะ ใช่มั้ยล่ะ หัวหน้ายากูซ่าแก๊งใหม่ที่กำลังมีชื่ออยู่ตอนนี้"

คนฟังคิ้วขมวด รู้จักชื่อเขา..จริง ๆ ซะด้วย สายตาที่มองมา ระมัดระวังกว่าเดิม

"แล้วนายล่ะ"

"อืม...ถ้านายคือริวยะ งั้นชั้นเป็น...ฮาคุโช ละกัน" คนตอบเล่นลิ้น

"ตั้งแต่ตอนนี้ไป นายเรียกชั้นว่า ฮาคุก็ได้"

ริวยะถอนหายใจยาว รู้ดีว่าคนตรงหน้า จงใจตั้งชื่อใหม่ ให้คล้องกับชื่อของเขาเอง

...มังกรริวยะ กับหงส์ฮาคุโช...

"เอาเถอะ ฮาคุก็ฮาคุ"

"เอาล่ะ ตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้วนี่ นายจะไปหรือยังล่ะ" ฮาคุถามง่าย ๆ

"นี่มันห้องฉันนะ" ริวยะตอบยิ้ม ๆ

"อ้อ จริงสิ ถ้างั้นชั้น..." ร่างบอบบางพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ จนชายหนุ่มต้องห้ามไว้

"ไม่ต้องไปหรอก อยู่ด้วยกันนี่แหละ จนกว่านายจะหาย" ริวยะว่าพลางนั่งลงข้างเตียง

"ไม่เอา ชั้นไม่ชอบอยู่กับคนที่ไม่แปลกหน้า ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วนี่" ฮาคุตอบอย่างดื้อดึงราวเด็ก ๆ

"เรายังไม่รู้จักกันดีเลย ดังนั้นอยู่ไปก่อนเถอะ" ชายหนุ่มหว่านล้อม

ดวงตากลมโตจ้องมองมาจริงจัง "ถ้ารู้จักกันดีกว่านี้ ...ชั้นต้องทรยศนายนะ อยากให้อยู่ด้วยจริง ๆ เหรอ?"

คนฟังนิ่งคิดไปครู่ แล้วตอบว่า "ก็ดีกว่าคนที่บอกจะเป็นเพื่อน แล้วอยู่ ๆ ก็มาหักหลังกัน นายบอกฉันไว้ก่อนแบบนี้ ฉันจะได้ระวัง แล้วเราก็จะอยู่อย่างสบายใจได้ไง ยังจำที่นายพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้มั้ยล่ะ"

ฮาคุนิ่งคิด แล้วส่ายหน้า "ชั้นพูดว่าอะไร?"

"นายบอกว่า ถ้าฉันทำให้นายเลิกคิดจะทรยศฉันได้ นายจะเป็นของฉัน"

ร่างบอบบางเงียบไปพักใหญ่ "ถ้านายคิดว่านายทำได้ ก็ลองดู ชั้นจะอยู่เล่นกับนายอีกสักพักก็ได้" เขาว่าพลางลูบท้องเบา ๆ แล้วแย้มยิ้มอย่างน่ารัก "อย่างน้อย อาหารที่นี่ก็ไม่เลว"


...............................................


เวลาผ่านไปสามวันแล้ว นับตั้งแต่ฮาคุมาอยู่ด้วย หนุ่มน้อยไม่ทำอะไรเลย นอกจากรออยู่บนเตียง รอคอยเขากลับมา มีเซ็กส์ด้วย แล้วก็หลับไปยันเช้า กิจกรรมวนอยู่แค่นี้โดยที่เจ้าตัวดูคล้ายจะพึงพอใจ กับการอยู่แบบนี้ราวเป็นชีวิตประจำวันตามปกติ

เป็นคนที่แปลกมาก

มาถึงวันนี้ เขาก็ไม่รู้จักคน ๆ นี้ มากกว่าแค่ชื่อที่เจ้าตัวบอกเลย

ไม่ว่าจะใช้อำนาจและเงินตราที่มี สั่งให้ลูกน้องตรวจสอบแค่ไหน

ราวกับว่า คน ๆ นี้อยู่ดี ๆ ก็โผล่มา แล้วก็อาจจะจากไปอย่างไร้ร่องรอยได้ ในยามที่เขาไม่อยู่

ริวยะสั่งให้คนคอยจับตาดูห้องของเขาไว้ แต่ไม่ได้ห้าม หากหนุ่มน้อยผู้นี้จะจากไป เพียงแต่ให้สังเกตพฤติกรรม และคอยติดตามว่าออกไปที่ใดเท่านั้น

ทว่าจากคำตอบของคนสนิท สามวันมานี้ ฮาคุไม่ได้ไปไหนเลย นอกจากนอนกลิ้งรอเขาบนเตียง

คำพูดตั้งแต่แรกเจอที่ว่าจะทรยศเขา ทำให้เขาไม่อาจวางใจได้

ใช่...มันดูตอกย้ำจนเกินไป

แต่เขาก็มีศัตรูเยอะมาก มากจนไม่รู้ว่า ถ้าเป็นศัตรูจริง ใครจะเป็นผู้ส่งมา

ร่างสูงระบายลมหายใจยาวออกมา ก็แค่ให้ฮาคุจากไป มันก็แค่นั้น เขาจะยื้อเอาไว้ เพื่ออะไร เพื่อคำท้าทายนั้นหรือ?

เขาเองก็ตอบไม่ได้


.....................................


"คิดอะไรอยู่เหรอ" ร่างเปลือยเปล่าแสนงามของฮาคุ ยังอยู่บนร่างเขา ผิวเรียบลื่นชื้นเหงื่อ ยังคงไม่หยุดขยับ ยิ่งเคลื่อนไหว ยิ่งบีบรัด ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นกับภาพที่เห็น

ผิวขาวนวลน่าสัมผัส อยู่ใกล้แค่เอื้อม ไม่อยากจะคิดเลย ว่าฮาคุต้องการเพียงแค่มีเซ็กส์กับเขาเท่านั้น จึงไม่ยอมจากไป

"กำลังคิดว่า...วันนี้..นายจะเลิกคิดทรยศฉันแล้วหรือยัง" เขาตอบไปตามจริง

คนฟังอมยิ้ม "อื้อ..." สะโพกบางกดลงลึกแทนคำตอบ "...ทำให้...มากกว่านี้สิ..อา..นั่นล่ะ.. แล้วชั้นจะ...อื้อ...จะรับไว้พิจารณา..อีกที"

คำตอบแม้ขาดห้วง แต่ยังคงสอดแทรกความนัยไว้แกมเชิญชวน สีหน้าเสียวซ่านแกมสุขสันต์ ทำให้คนด้านล่างนึกอยากทำให้มากขึ้นไปอีก..นับร้อย นับพันเท่า...อยากเห็นร่างน่าสัมผัสนี้ มีความสุขเพราะเขาแต่เพียงผู้เดียว

"ถ้าอย่างนั้น...ก็ทบทวนใหม่ซะ เพราะเดี๋ยวฉันจะทำให้ถึงใจเลย" มือแกร่งโน้มไหล่บางเข้ามาจูบ ลิ้นร้อนผ่าวแตะรับแลกความอบอุ่นของกันและกัน ความอ่อนโยนที่ได้รับ ช่วยปลุกเร้าทุกส่วนสัดให้ตื่นตัวกว่าเดิม มือเรียวกอดคอริวยะไว้ปลายลิ้นนุ่มที่ผละออก ไล้เลียริมฝีปากสีสดแล้วพึมพำ "ชั้นชอบ...จูบกับนายจัง"

"ถ้าชอบก็จูบเยอะ ๆ สิ" คนพูดไม่พูดเปล่า กลับแกล้งขยับสวนร่างขึ้นจนคนด้านบนครางเสียงสูง

"อื้อ..ลึก...ฮ้า...." ร่างที่สั่นไหวสะท้านเฮือก กดสะโพกสวนทางกลับไม่มียั้ง เร่าร้อนจนเขาไฟติดเหมือนทุกครั้งที่มีความสุขร่วมกัน

"ขี้โกงนี่..อ๊ะ...อื้อ....ทำแบบนี้ จะจูบได้ยังไง" ฮาคุท้วงงอน ๆ

ชายหนุ่มหัวเราะพลางจับคางเรียวขยับเข้าหา ริมฝีปากอุ่นประกบจูบแนบแน่นให้อีกครั้งตามคำขอ ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับอย่างว่าง่าย

ความสุขที่สอดแทรกเข้ามายามสองร่างแนบชิดกัน...มันมากกว่าทุกคน...ที่เขาเคยรู้จัก..เคยสนิทสนมด้วย

มากกว่าจนไม่อาจหาอะไรมาแทนที่ได้


ทรยศ...จะเป็นไปได้ยังไง

ท่าทางของฮาคุ ดูจริงใจกว่าใครทั้งสิ้น..ที่เขาเคยพานพบมา


จะดูคนต้องดูบนเตียง

เขาเคยได้ยินมาเช่นนั้น ในสภาพที่อารมณ์พุ่งไปจนถึงจุด คนเราย่อมแสดงท่าทีออกมาแตกต่างกัน และนั่น..ก็สามารถบอกได้ ว่าคน ๆ นั้น..จริงใจแค่ไหน


ร่างกายที่ตอบรับอย่างไม่มีปิดบัง ร้อนแรงน่ะใช่ แต่มันมากกว่านั้น

เขารู้สึกได้ ถึงภาษากายที่แสดงออก

มันคือความต้องการเขา ต้องการ...จากเบื้องลึกของหัวใจ

ใช่...เขาอยากคิดเช่นนั้น

ฮาคุต้องการเขา


............................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 2 Part 1 อัพ 20-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 20-02-2010 17:08:44
พักเรื่องเรย์จิและหนุ่มน้อยในคาเฟ่ไว้ก่อน

มากรี๊ดหงส์เหนือมังกรดีกว่า

รออ่านตอนต่อไปน๊า
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 2 อัพ 21-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 21-02-2010 17:28:41
(ตอนที่ 2/2 จบตอนที่ 2)


วันนี้วันที่ห้าแล้ว

ฮาคุมองปฏิทินภายในห้อง

วันที่ห้า หมายถึง วันที่ตกลงกันไว้ เพื่อจัดการเป้าหมาย

ร่างบอบบางหลับตาลง บนเตียงที่เขาทั้งคู่ มีความสุขร่วมกัน หลับตาแล้วคิดถึง..ความร้อนแรงของเขา...อารมณ์ที่พุ่งสูงของเขาคนนั้น...ความอบอุ่น ที่เคยให้มาตลอดสี่วันมานี้

เต็มอิ่มแล้วใช่มั้ย? เขาถามตัวเอง

ใช่...วันนี้แล้ว ที่เขาจะต้องลงมือ


......................................................


ประตูเปิดออกเมื่อร่างสูงเดินเข้ามา พร้อมห่อข้าวของที่มักซื้อมาฝากเป็นประจำทุกวัน ทั้งเสื้อผ้า ทั้งเครื่องประดับ ริวยะรู้ดี ว่าฮาคุไม่ได้สนใจราคาค่างวด หรือการแต่งกายนัก ฮาคุชอบที่จะไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า

ของที่เขาให้ ฮาคุก็รับมันมาอย่างว่าง่าย

แต่ยังอดทิ้งท้ายย้ำทุกครั้งไม่ได้เช่นเดิมว่า "แค่นี้ไม่ทำให้ชั้น เลิกคิดจะทรยศนายได้หรอกนะ"

ชายหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ "ถ้างั้นฉันจะพยายามต่อไป"

หากในวันนี้ ไม่เหมือนทุกวัน การโอบกอดที่ร้อนแรง...มันร้อนแรงกว่าทุกครั้ง ฮาคุไม่พูดไม่จา ต่างจากครั้งอื่น ๆ ที่มักจะพูดเรื่องต่าง ๆ ให้เขาหัวเราะ

เขายังคงถาม ถามคำถามเดิมเหมือนทุกครั้ง เมื่ออยู่บนเตียงด้วยกัน

"นายจะเลิกคิดทรยศฉันแล้วหรือยัง?"

หากคำตอบวันนี้ กลับเป็นความเงียบ

ท่าทางที่เฉยชากว่าทุกครั้ง ทำให้เขาแปลกใจ ชายหนุ่มนั่งลงข้างเตียง พลางถามว่า "ไม่สบายหรือเปล่า?"

คนฟังได้แต่ส่ายหน้า

"ชั้นจะไปแล้ว" เขาตอบง่าย ๆ ขณะที่กำลังแต่งตัว

ริวยะใจหายกับคำพูดประโยคนั้น "ทำไมล่ะ?"

"เพราะชั้น...ไม่อยากโกหกนาย" เขาตอบ หน้าหวานหันมาสบตาอย่างจริงจัง "ถ้านายไม่ฆ่าชั้นตอนนี้ นายจะเสียใจ"

ริวยะอึ้งไปกับคำพูดนั้น ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อ หรือไม่เชื่อดี หากดวงตาจริงจัง กลับไม่ดูว่าเป็นการล้อเล่น

เขานิ่งไปเป็นครู่ ก่อนระบายลมหายใจยาว "นายไปเถอะ ฉันไม่เคยเสียใจ และฉันจะไม่ฆ่านาย"

"นายจะต้องเสียใจ...จริง ๆ นะ ที่นายไม่ฆ่าชั้น"

ฮาคุทิ้งท้าย ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป

"ไม่ต้องตาม" เสียงริวยะสั่งคนด้านนอก แล้วปล่อยตัวเองนั่งจมอยู่ในความคิดเพียงลำพัง

เกิดอะไรขึ้นกับฮาคุ เขาไม่เข้าใจเลย คน ๆ นี้ อยู่ดี ๆ ก็มา แล้วจู่ ๆ ก็ไป

จะทรยศ หรือจะฆ่าเขาก็ช่าง เขาไม่สนใจเลยสักนิด ถ้าเพื่อคน ๆ นี้


หากท่าทางที่ดูไม่ปกติของฮาคุ ทำให้เขากลัว...ใช่ คนอย่างเขา ก็กลัวเป็นเหมือนกัน

ท่าทางนั้น ดูราวกับตั้งใจจะไปตายเองก็ไม่ปาน

หรือว่า...ฮาคุตั้งใจจะช่วยเขา โดยยอมตายเอง ไม่แน่นัก ว่าคนที่ว่าจ้าง อาจจะกดดันฮาคุ จนไม่อาจจะมีทางเลือกอื่นได้

ฮาคุตั้งใจจะตาย?

'ชั้นไม่อยากโกหกนาย'

ใช่...ฮาคุไม่เคยโกหกเขาเลย ไม่เคยมาก่อน ฮาคุตั้งใจจะมาเพื่อทรยศ เพื่อหักหลังเขาอยู่แล้ว ร่างบอบบางบอกเขาไว้เช่นนั้น ตั้งแต่แรกพบ จนกระทั่งวันที่จากไป

จากไป...

ไม่นะ เขาจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้!

ริวยะรีบลุกขึ้น แล้วผลุนผลันออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว


....................................


ข้างนอกดึกแล้ว แถมฝนก็ยังตก ในความมืดด้านนอก ทำให้เขามืดแปดด้าน นี่เขาจะไปตามฮาคุได้ที่ไหน

ร่างสูงวิ่งไปตามถนน ไม่ใส่ใจต่อสายฝนที่ซัดสาดลงมา ชายหนุ่มสอดส่ายสายตาหาร่างในชุดขาว ใช่...ฮาคุใส่ชุดขาว เขาจำได้ดี

และในตอนนั้นเอง ที่เกาะกลางถนน เขาก็เห็นฮาคุ

ร่างบอบบางยืนโดดเดี่ยว ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก สัญญาณไฟ ที่กำลังเปลี่ยนไป เป็นสีเขียวแล้ว

ทัศนวิสัยที่แย่ ทำให้รถมองได้ไม่ชัดเท่าไหร่

ร่างบอบบางนั้น หลับตาลง ปล่อยสายฝนให้ระใบหน้า แล้วไหลลงไปเบื้องล่างโดยไม่ใส่ใจจะเช็ดออก

"ฮาคุ!!!" ริวยะตะโกนเรียกสุดเสียง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฮาคุหันมา

"ลาก่อน ริวยะ" ในเสียงแผ่วเบาราวกระซิบกลับมีรอยยิ้ม ขณะที่ก้าวเท้าลงไป สู่ถนนเบื้องล่าง ตอนสัญญาณไฟ เปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี

"ไม่นะ ฮาคุ!!!" ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้ามา แล้วผลักฮาคุออกไปพ้นทางรถ โดยเอาตัวเข้าขวางเอง

เสียงโครมดังลั่นเมื่อรถปะทะกับร่างของเขาเต็มแรง ร่างที่กระเด็นไปไกลเจ็บรวดร้าวไปทั้งตัว เลือดจำนวนมากไหลรินออกจากร่าง ลมหายใจที่ติดขัด บ่งบอกได้ดีว่าสาหัส

เขารู้ดี ว่าตัวเองคงไม่รอดแน่ หากดวงตาที่ลืมขึ้นได้อย่างยากเย็น ยังคงมองหาคน ๆ หนึ่ง

"ฮะ...ฮาคุ..." เสียงอ่อนล้าพึมพำแผ่วเบา มือของเขายื่นออกไป พยายามจะไขว่คว้า...หาคน ๆ นั้น

ภาพพร่าเลือนชัดเจนขึ้นแล้ว เมื่่อได้เห็นฮาคุยืนอยู่เหนือร่างเขาในตอนนี้

ยังปลอดภัย...ยังมีชีวิตอยู่!

ริวยะยิ้มให้อย่างยากเย็น ดีใจเป็นที่สุด...ที่รักษาชีวิตของฮาคุเอาไว้ได้

ทว่าเสียงจากอีกฝ่าย กลับทำให้ดวงตาที่หรี่ปรือต้องเบิกกว้าง ก่อนที่ความรู้สึกทั้งมวลจะหมดไปจากร่างนี้

...ชั่วนิรันดร์...

"ขอโทษนะ ที่วันนี้ ชั้นโกหกนาย" เสียงราบเรียบดังขึ้นจากหนุ่มน้อย "ลาก่อนริวยะ...ลาก่อน...ตลอดกาล"

ร่างบอบบางหันหลังให้ชายหนุ่มผู้นอนจมกองเลือด แล้วเดินจากไป ท่ามกลางสายฝนอันมืดมิด


ข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เช้าทุกฉบับลงเรื่องการตายของหัวหน้ายากูซ่าชื่อดัง ทสึกิ ริวยะ ซึ่งเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางท้องถนน เมื่อคืนก่อน

ดวงตากลมโตมองภาพข่าวนั้นนิ่งนาน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรหัส

"ยืนยันผลการทำงาน เป้าหมายถูกจัดการเรียบร้อยแล้วครับ"

...และแล้วงานของเขา ก็จบลงด้วยความสำเร็จอีกงาน...


รหัสของเขาครั้งนี้คือฮาคุโช...แต่ครั้งต่อไป จะเป็นอะไรนั้น แล้วแต่การกำหนด

เพราะเขาเป็นนักฆ่า..และเขา...ไม่เคยโกหก

ถ้าไม่จำเป็น!


- จบตอนที่ 2 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 2 อัพ 21-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 21-02-2010 21:22:53
นักฆ่ากับเหยื่อ แอบสงสารริวยะอ่ะ

หลงหงส์ตัวนี้เข้าเต็มๆ สุดท้ายก็โดนทรยศ

ยังหาความเชื่อมโยงระหว่าง 2 ตอนนี้ไม่ได้

รอคนแต่งมาเฉลยอยู่น๊า

+1 เป็นกำลังใจให้ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 2 อัพ 21-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: shine ที่ 21-02-2010 21:32:56
ตอนที่ 1 นี่ออกจะฮาๆ น่ารักๆ อยู่เลย แต่ไหงตอนที่ 2 เปลี่ยนอารมณ์เป็นเครียดแบบสุดๆ ได้ละเนี่ย o22

แต่แอบคิดว่าน่าจะเป็นอดีตของใครสักคนในหมู่ห้าคนนี้แน่เลย จะเป็นซากุระรึเปล่าน้า

หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 3 Part 1 อัพ 22-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 22-02-2010 08:11:39
ตอนที่ 3 Sin and Purification : บาปและการชำระล้าง

Rate: G

(ตอนที่ 3/1)


ยามเช้ามาเยือนร้านคาเฟ่หลังน้อย ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสดชื่นที่หน้าร้าน เรย์จิในชุดลำลองสบาย ๆ ออกกำลังกายตอนเช้าเป็นที่เรียบร้อย และเตรียมพร้อมจะเริ่มงานแล้ว เด็กหนุ่มหายใจเข้าลึก สูดอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่น่าจะพบพานได้ในเขตใกล้ตัวเมืองเช่นนี้ ด้วยเพราะที่ตั้งอันหลบมุมและติดกับป่ารกด้านข้าง ทำให้พื้นที่แถบนี้ ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก

ไม้กวาดในมือกวาดอย่างคล่องแคล่วด้วยความกระตือรือร้น เด็กหนุ่มทำความสะอาดลานหน้าบ้านไป ครุ่นคิดไปถึงคืนก่อน เมื่อวานนี้หลังจากเวลาอาหารเย็นที่เริ่มต้นด้วยความอึดอัด พอท้องอิ่ม หลาย ๆ คนก็อารมณ์ดีขึ้น รวมถึงอายาเมะที่หงุดหงิดเพราะถูกปลุกแบบเจ็บ ๆ ในตอนแรก

“คืนนี้ชั้นไม่กลับ นายจะนอนบนเตียงก็ตามสบาย” อดีตโฮสต์ราชินีพูดง่าย ๆ แล้วแต่งตัวอย่างเนี้ยบออกไปท่องราตรีตามลำพัง อายาเมะกลับมาในตอนรุ่งสาง และในตอนนี้ก็เข้านอนแทนไปเรียบร้อยแล้ว โดยทิ้งท้ายว่า จะนอนเพียงสองชั่วโมงแล้วจะตื่นเอง แถมขู่ห้ามใครเข้าไปปลุกอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่อยากโดนปล้ำ

เรย์จิอดส่ายหน้าอย่างขำ ๆ ไม่ได้ ใครจะไปอยากเสี่ยงอีกรอบ ปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่าตอนนั้นเขาเองก็เกือบเคลิ้ม

ไม่นะ เขาไม่มีทางชอบเรื่องพรรค์นั้นแน่!

เด็กหนุ่มไล่ความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกไป ก่อนจะเผลอคิดถึงคนอีกคน

ซากุระ หลังจากกล่าวประโยคชวนขนลุกเมื่อคืนแล้ว ก็ไม่พูดไม่จาอะไรอีก เรย์จิเองก็พอจะคุ้นเคยกับท่าทางเงียบ ๆ และไปมาราวกับวิญญาณได้ในระดับนึงแล้ว หากไม่โผล่พรวดพราดมาให้ตกใจ เขาก็พอจะรับมือได้อยู่

ไม่รู้ทำไม แต่คำพูดเมื่อคืนของซากุระ เขากลับคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ คน ๆ นี้ท่าทางพูดจริงทำจริงเสมอ จนบางครั้งเขาอดจะขนลุกไม่ได้

ไหนจะการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วผิดคนธรรมดาสามัญนั่นอีก

ทุกคนในบ้านนี้ จากที่รู้สึกได้ ก็ไม่ธรรมดาเลย คล้ายกับปิดบังอะไรอยู่

มีแต่เรื่องน่าสงสัย แต่เขาเองกลับไม่กล้าถาม


................................


“ตื่นเช้าจังเลยนะจ๊ะ” เสียงใสทักทายเมื่อก้าวลงมาจากประตูกระจกหน้าร้าน เป็นหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวน่ารัก ผมยาวเรียบลื่นของเธอ ปลิวน้อย ๆ ตามลม ทาโนเอะดูเป็นสาวเต็มตัว แต่คงอายุไม่เกิน 25 ปีหรอก เด็กหนุ่มคาดคะเนในใจ ร่างบอบบางที่ได้รูป รับกับใบหน้าสวยอ่อนหวาน เล่นเอาคนมองเกือบเคลิ้ม

“คุณทาโนเอะ อรุณสวัสดิ์ครับ” เรย์จิทักทาย

คนนี้ก็อีกคน ที่จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่กล้าถาม ‘ตกลงคุณเป็นชายหรือหญิงครับ’ คำถามแบบนี้…ใครจะกล้าถามเจ้าตัวกัน

จากสาวน้อยน่ารัก และราชินีสาวสุดเซ็กซี่ ที่อยู่ ๆ ก็กลายมาเป็นเด็กชายอายุ 13 และชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเขา..จากที่เห็น น่าจะซักสองสามปีไปได้

เรื่องไม่คาดคิดที่จู่โจมเข้ามา เล่นเอาเขามึนไปหมด กว่าจะตั้งหลักได้ ก็ยามเช้ามาเยือน

“พอจะคุ้นเคยกับที่นี่แล้วใช่มั้ย” หญิงสาวชวนคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“อ่ะ…ครับ ขอโทษนะครับที่เมื่อวาน ทำให้ทุกคนตกใจ”

ร่างบอบบางหัวเราะอย่างขบขัน “ทางนี้ต่างหาก ที่ต้องขอโทษ เพราะชุดคอสเพลย์ตอนเช้า ทำให้เธอเข้าใจผิดหมดเลย”

“เอ้อ…ไอเดียแต่งชุดพวกนั้น คนที่แนะนำ…คงไม่ใช่…”

ทาโนเอะหัวเราะอีกครั้ง “เธอเข้าใจถูกแล้ว คุณเรอิจิ แนะนำมาเอง เขาบอกกับพวกเราว่า ถ้าแต่งชุดแบบนั้น เธอจะต้องยอมทำงานที่นี่แน่ ๆ พวกเราก็เลย…”

“เธอคงไม่โกรธพวกเราใช่มั้ยจ๊ะ” ทาโนเอะถามพลางขยับเข้ามาใกล้ เล่นเอาเรย์จิต้องถอยไปก้าวหนึ่งอย่างลืมตัว

“มะ..ไม่หรอกครับ ผมแค่ตกใจนิดหน่อย วันนี้ก็โอเคแล้ว…ที่สำคัญ แผนการนั่นมาจากเจ้าพ่อบ้าของผมเอง ไม่ใช่เพราะพวกคุณสักหน่อย นี่เขาคงแนะนำว่า ถ้าจะเปิดคาเฟ่ ก็ต้องเป็นคอสเพลย์สาว ๆ น่ารักเท่านั้น ใช่มั้ยครับ”

“สมกับเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ” ทาโนเอะว่าอย่างประหลาดใจ “เขาพูดแบบนั้นแหละ และพวกเราก็…ยินดีจะทำตามที่เขาบอก ร้านนี้เป็นร้านแรกของพวกเรา เป็นโอกาสแรก ที่จะทำให้พวกเรามีชีวิตได้อย่างคนธรรมดา จะยังไง ฉันก็ต้องพยายามรักษามันเอาไว้”

‘คนธรรมดา’ หลายครั้งแล้วที่ทาโนเอะพูดเช่นนี้ แต่ท่าทางของเธอทำให้เขาไม่อยากถาม

ทาโนเอะมองเด็กหนุ่มอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจถามว่า “เธอสงสัยใช่มั้ยล่ะจ๊ะ ว่าทำไมถึงพูดแบบนี้”

เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร นอกจากรับฟัง ทั้งคู่เดินเล่นตามทางกรวดสีขาวที่โรยทอดยาวไปยังประตูใหญ่ ทาโนเอะหยุดยืนที่หน้าป้ายสีทองนั้น หญิงสาวมองมันอยู่ครู่หนึ่ง จึงเล่าต่อไป

“คาเฟ่ที่นี่ ชื่อ Absolution Café เธอรู้มั้ยว่าเพราะอะไร”

“Absolution…การให้อภัยต่อบาป…ใช่ พวกเราทั้งห้า ล้วนมีบาป ที่ต้องการให้ใครสักคน ให้อภัยกับเรา” น้ำเสียงของเธอเริ่มเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่งาม มองไปยังป้ายหน้าร้านอย่างเงียบงัน

“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรหรอกครับ” เรย์จิพูดต่อ “ผมพอจะรู้แล้ว ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย สำหรับพวกคุณ”

ทาโนเอะมองเด็กหนุ่มอย่างตะลึงงัน ท่าทางที่ดูเข้าใจในตัวเธอ ช่างคล้ายกับเขาคนนั้นเสียจริง

เรย์จิส่งยิ้มให้ “…มันเป็นเรื่องที่..ถ้าอยากเล่า ค่อยบอกออกมา น่าจะสบายใจกว่า ใช่ไหมล่ะครับ”

หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “เธอนี่นะ เหมือนกับพ่อเหลือเกิน ถ้าฉันพร้อมเมื่อไหร่ ฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง ส่วนเรื่องของคนอื่น ๆ เขาก็คงบอกออกมาเอง เมื่อพร้อมเช่นกัน เธอคงจะรอได้สินะ”

“แน่นอนครับ ผมรอได้เสมอ” เขาตอบรับแข็งขัน

ทาโนเอะอมยิ้ม นึกเอ็นดูเด็กหนุ่มไม่น้อย

“เราจะมาเป็นสมาชิกบ้านเดียวกันแล้วนะ เรียกฉันว่าทาโนเอะก็พอ เหมือนกับคนอื่น ๆ น่ะ ได้ไหม”

“มะ…มันไวเกินไปหรือเปล่าครับ” เรย์จิชักจะติดอ่าง หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงฉาน การเรียกชื่อห้วน ๆ เหมือนกับเรียกเป็นคนรักเลยทีเดียว แล้วแบบนี้ เขาจะเรียกได้งั้นหรือ

“แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ”

“เอ้อ ขอเป็นว่า เมื่อผม ‘พร้อม’ ก็แล้วกันครับ” เขาว่าแก้เขิน ซึ่งมันก็เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง

“จริงสิ เมื่อวานบอกว่า จะคิดวิธีโฆษณาร้านให้ใช่มั้ยจ๊ะ เธอได้ไอเดียบ้างหรือยังล่ะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่ใบหน้าใสของเด็กหนุ่ม จะแดงฉานไปกว่านี้

“ไม่ยากหรอกครับ เดี๋ยวพอทุกคนพร้อม เราก็เริ่มกันได้เลย คุณมีชุดคอสเพลย์อยู่เยอะใช่มั้ยครับ ผมคิดว่า ‘คน ๆ นั้น’ ของคุณ ต้องเตรียมไว้ให้มากพอแน่ ๆ” เด็กหนุ่มว่าต่อ อดแขวะผู้เป็นพ่อไม่ได้ ท่าทางนั้นทำให้หญิงสาวแอบขำ

“มีอยู่เยอะเลยเชียวล่ะ ส่วนใหญ่ก็น่ารักมากด้วย”

พ่อนะพ่อ เวลาขอเงินล่ะไม่เคยมี เวลาให้เงินสาวล่ะทุ่มสุดตัวเชียว เด็กหนุ่มแอบคิดในใจ แต่เพราะสายตาสนอกสนใจเบื้องหน้า ทำให้เขาต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“…ผมขอกระดาษสีกับปากกาเมจิกหลาย ๆ สีด้วยนะครับ เราอาจจะเสียเวลาช่วงเช้าทำงานนี้นิดหน่อย แต่ช่วงบ่ายรับรองว่ามีลูกค้ามาแน่ครับ”

“ไม่มีปัญหาจ้า ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ จะไปเตรียมไว้ให้เธอเลือก จะได้เสร็จไว ๆ” ว่าแล้วเธอก็เดินจากไปอย่างกระฉับกระเฉง ปล่อยให้เด็กหนุ่มมองบั้นท้ายสวยเดินจากไปอย่างเคลิบเคลิ้ม

…สะโพกงามขนาดนี้ คงไม่ใช่ผู้ชายหรอกน่า… เรย์จิปลอบใจตัวเอง


..........................................


ร้านยังไม่เปิดทำการ แต่สมาชิกกำลังขะมักเขม้นเต็มที่กับการแต่งตัวเต็มยศ เรย์จิเลือกชุดต่าง ๆ ออกมาให้ทุกคนแต่ง โดยทาโนเอะอาสาเฝ้าร้านไว้ เมื่อทุกคนแต่งตัวเสร็จ ป้ายที่เด็กหนุ่มกับทาโนเอะช่วยกันเขียนด้วยเมจิกหลากสีก็พร้อมพอดี

“พวกคุณ…เอ่อ มีความสามารถพิเศษกันใช่มั้ยครับ” เรย์จิถามตรง ๆ

ทั้งห้ามองหน้ากัน แม้จะยังไม่มีใครบอกอะไร แต่เรย์จิกลับรู้ได้มากกว่าที่คิด

“อะไรที่สามารถนำมาใช้เรียกคนดูได้ จัดการได้เลยนะครับ” เขาพูดต่อพร้อมกับยิ้มให้ “ผมรู้ว่าทุกคนทำได้ เพื่อร้านของเรา”

“ผมกับยูเมะจังเล่นกลได้ฮะ” ซานะจังเสนอ มือที่คล่องแคล่วฝึกปรือมาอย่างดี ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถล้วงกระเป๋าเรย์จิเอาบัตรนักเรียนไปได้โดยเจ้าตัวยังไม่รู้สึกอะไร

“เราเคย…เล่นกลหาเงินเลี้ยงปากท้องมาก่อน” ซานะมองยูเมะด้วยสายตาที่ขมขื่นเล็กน้อย แต่ใบหน้าหม่นก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เป็นรอยยิ้มกว้าง “ดังนั้นทำได้แน่ฮะ”

ชุดปีเตอร์แพนกับจิงเกอร์เบล รับกับเด็กทั้งสองเป็นอย่างดี ดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ

“ซากุระคุง…เอ้อ ขอเรียกแบบนี้นะ ฉันอยากให้ใช้ความสามารถที่สามารถเคลื่อนไหวได้ว่องไว แสดงบทเจ้าชายแสนเย็นชา โชว์แจกดอกไม้นี่ให้กับสาว ๆ แบบที่ทำให้แปลกใจแล้วก็ประทับใจกันคงได้ใช่ไหม” ซากุระในชุดเจ้าชายสีขาวสุดเท่ ด้านข้างห้อยดาบยาวสวมฝักหรู ที่แค่เดินผ่านคงทำคนหลายคนใจละลายแล้ว

ความเงียบคือคำตอบรับ เรย์จิยิ้มแล้วพยักหน้าขอบคุณ ก่อนจะหันไปหาตัวยุ่งอีกคนแทนที่

“อายะคุง เอ่อ…งวดนี้จะทำแบบคราวก่อนก็ได้ครับ คุณไม่ต้องทำอะไร แค่เดินเฉย ๆ ก็พอ คุณมีเสน่ห์มากอยู่แล้ว ถ้าคุณจะมองผู้ชายแบบเอ้อ…”

“นายไม่ต้องมาสอนชั้นหรอก เรื่องแบบนั้นน่ะ” อายาเมะขัดขึ้น ถึงจะยังไม่ญาติดีด้วยเท่าไหร่ แต่ก็หมดพยศไปเยอะแล้ว เมื่อได้นอนตอนเช้าโดยไม่มีใครรบกวน

ซานะอมยิ้มพลางตบบ่าเรย์จิอย่างขำ ๆ “เอาน่า อายะจังเขามือโปรเรื่องนี้อยู่แล้ว นายไม่ต้องห่วง”

“โอเค งั้นเราไปกันเถอะครับ อย่าลืมแจกใบปลิวนี่ ให้กับคนที่สนใจ พร้อม ๆ กับดอกไม้แล้วก็ขนมนี่ด้วยนะครับ” เรย์จิว่าพลางส่งกระเป๋าสะพายใส่ของแจกให้กับทุกคน ก่อนจะหยิบชุดจอมโจรขึ้นมาสวมใส่บ้าง มือแข็งแรงหยิบหน้ากากสีเงินมาคาดทับ สาเหตุที่เลือกชุดนี้ เพราะเด็กหนุ่มเริ่มสำนึก ว่าไม่อาจมีออร่าเปี่ยมเสน่ห์เทียบคนพวกนี้ได้

แต่ละคน…ช่างเกิดมาเพื่อเป็นจุดเด่นกันเสียจริง

“ผมจะถือป้ายร้านนำขบวนเอง ไปกันเถอะครับ”

สายตาราบเรียบมองมายังเรย์จิในชุดจอมโจรสวมหน้ากาก ก่อนจะพูดว่า “นายดูชำนาญกับเรื่องพวกนี้จังนะ”

เรย์จิชะงัก หันไปมองอย่างแทบไม่เชื่อหู เมื่อได้ยินเสียงจากซากุระ คน ๆ นี้…ชวนเขาคุยงั้นเหรอ?

อดตื่นเต้นไม่ได้เลยทีเดียว

“ซากุระคุง…เอ้อ ผมก็แค่ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาแต่เด็ก อะไรที่ลองทำแล้วได้เงิน ผมก็ลองมาหมดแหละ ไม่ได้พิเศษอะไร” เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง ๆ

“งั้นเหรอ นี่สินะ คือวิถีทางแห่งคนธรรมดา” ซากุระรำพึงแผ่วเบา “ฉันจะลองกับนายสักพักก็ได้ ถึงจะไม่รู้ ว่ามันจะช่วยให้คนเข้าร้านได้ยังไงก็เถอะ”

“จะมีคนเข้าร้านแน่ครับ ผมรับรอง” เขาว่าพลางส่งยิ้มให้ ดวงตาเรียวยาวจ้องใบหน้าหน้ากระตือรือร้นนั้น โดยไม่พูดอะไรอีก
   

....................................


ขบวนของร้าน Absolution Café ได้รับความสนใจตั้งแต่ก้าวออกจากตรอกที่เงียบเชียบนั้น ถัดไปอีกไม่กี่ซอย ก็มีผู้คนพลุกพล่านแล้ว จึงไม่ยากอะไร ที่ทั้งหมดจะดึงดูดสายตาฝูงชนที่ผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี

“Absolution Café ของเรา มีทั้งเจ้าหญิง เจ้าชาย แถมยังเด็กน้อยน่ารัก พร้อมจะบริการทุกคนอยู่ครับ มาภายในเดือนนี้พร้อมใบปลิวที่เราแจก จะลด 10% ให้กับทุกท่านด้วยครับ ร้านของเราจะเปิดตอนบ่ายโมงตรงวันนี้เป็นต้นไป อย่าลืมแวะมาให้ได้นะครับ!” เสียงกังวาลของเรย์จิประกาศไปเรื่อย ๆ ดึงดูดผู้คนเข้ามา

รอยยิ้มจากราชินีผู้ทรงเสน่ห์ ทำให้หนุ่มแถวนั้นอ่อนยวบกันเป็นแถว แม้จะไม่มีใครล่วงรู้ ว่าคนที่เห็นคือผู้ชายต่างหาก ส่วนกลของซานะกับยูเมะ ก็ดึงความสนใจและความเอ็นดูจากพ่อแม่รวมถึงเด็กเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งสองเข้าขากันดีสมกับที่บอกว่าเคยแสดงกลหาเลี้ยงชีพมาก่อน

เรย์จิหันไปมองซากุระ ไม่รู้ทำไม เขาจึงได้สนใจคน ๆ นี้เป็นพิเศษ แม้ว่าท่าทางนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาอะไรกับใคร แต่การคงอยู่ของเขา กลับทำให้สมาชิกทุกคนวางใจอย่างบอกไม่ถูก

ซากุระที่เพียงแค่เดินตัวตรงผ่านไป ก็ถูกสาว ๆ รุมล้อมเสียแล้ว แม้สีหน้าของเขาจะยังราบเรียบเช่นเดิม แต่กลับเรียกเสียงกรี๊ดจากคนผ่านไปผ่านมาได้ดีจริง ๆ

เวลาผ่านไปครึ่งวัน เขาก็พาทุกคนไปหยุดพักที่ร่มไม้ใกล้ ๆ ใบหน้าชุ่มเหงื่อถอดหน้ากากออก ดูสดใสและมีเสน่ห์จนคนมองด้านข้างสนใจไปเรียบร้อยแล้ว ซานะมองซากุระแล้วอมยิ้ม น้อยคนนัก ที่จะทำให้ซากุระสนใจขนาดนี้ได้

ส่วนหนึ่งคงเพราะเป็นลูกชายของคน ๆ นั้น

แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร มันคงทำให้พวกเขา ใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไปได้เสียที


...........................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 3 Part 1 อัพ 22-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 22-02-2010 17:57:46
นั้นแน่!!! ต่งตนต่างแอบสนใจซึ้งกันและกัน

มีแอบมองกันด้ววยอ่า น่ารัก :-[

รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 3 Part 1 อัพ 22-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 22-02-2010 23:00:52
ตอนที่อ่านตอนแรกจบ ยังไม่แน่ใจว่า "คนธรรมดา" ที่คนเหล่านี้อยากเป็นคืออะไร
เกือบเข้าใจผิด แหวกแนวไปด้านอื่น

แต่พออ่านตอนที่ 2 เริ่มคิดอะไรได้นิดนึง

พอมาอ่านตอนที่ 3 ก็เริ่มปะติดปะต่อภาพได้หน่อยนึง

เดาทั้งนั้น รอลุ้นดีกว่า ว่าที่คิดไว้ใช่ป่าว

ยิ่งอ่านยิ่งสนุก แต่งเก่งมากจ้า  o13
บวกให้อีก 1 แต้มนะจ๊ะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 3 อัพ 23-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 23-02-2010 16:34:16
(ตอนที่ 3/2 จบตอน)


ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นไม่ห่างไปนัก “ช่วยด้วยค่ะ ลูกสาวของชั้น! ช่วยด้วย!!!”

สายตาทุกคู่หันไปมองเป็นตาเดียว ไกลออกไปแต่ยังพอมองเห็นได้ เป็นถนนสายไม่ใหญ่นัก ตรงริมฟุตบาท ภาพที่เห็นคือผู้หญิงในชุดทำงานกระโปรงยาว ใบหน้าของเธอซีดเผือด มืออันสั่นเทาชี้ไปยังชายร่างผอม ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 2-3 เมตร ท่าทางของคนผู้นั้นดูจะไม่ปกตินัก สภาพร่างกายผอมแห้งซอมซ่อ สายตาที่เลื่อนลอยดูคล้ายคนอยู่ในโลกเพ้อฝัน หากในมือยังคงมีมีด และเด็กน้อยที่เธอบอกว่าเป็นลูกสาวในตอนนี้ ถูกดึงตัวไว้ในอ้อมแขนผอมเกร็งนั้นแล้วเป็นตัวประกัน

ชายผู้นั้นยังคงโวยวาย ตวาดไล่ไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ ด้วยการกวาดมีดไปรอบ ๆ ตัวอย่างคลุ้มคลั่ง

เด็กหญิงในอ้อมแขนนั้นอายุราว ๆ 5 ขวบเท่านั้น เมื่อถูกคุกคามด้วยอารมณ์รุนแรงก็ร้องไห้จ้า มันยิ่งทำให้อารมณ์ที่ไม่แน่นอนของคนติดยาปั่นป่วนกว่าเดิม นัยน์ตาแดงก่ำมองตาขวาง เสียงตวาดลั่นขู่ทำร้ายเด็ก กันคนไม่ให้ใครกล้าเข้าไปใกล้แม้กระทั่งตำรวจ มารดาของเด็กน้อยร่ำไห้ขอความช่วยเหลือ และพยายามจะเข้าไป แต่ถูกพลเมืองดีช่วยกันจับเธอไว้ ก่อนจะบุ่มบ่ามทำอะไรจนเด็กเป็นอันตรายได้

“เราต้องช่วยเด็ก!” เรย์จิร้องบอกคนในกลุ่มทันทีที่เข้าใจสถานการณ์แล้ว และผลุนผลันออกไปอย่างรวดเร็ว

คนที่เหลือมองหน้ากัน ด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า

“มันไม่ใช่เรื่องของพวกเราไม่ใช่เหรอ” อายาเมะว่า ด้วยทีท่าเหมือนจะไม่ใส่ใจนัก

“เป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์เสียจริง” ซากุระพูดอย่างไม่รู้สึกอะไร หากดวงตาเรียวยาวนั้น กลับมองตามหลังเด็กหนุ่มไปไม่คลาดสายตา

“ทีเวลาเราเดือดร้อน ยังไม่เห็นมีใครช่วยเราเลย” ยูเมะพึมพำ มือของเธอกอดตุ๊กตาตัวโปรดแนบแน่น ดวงตากลมโตหลุบต่ำมองพื้นนิ่งงัน

ทุกคนอยู่ในความเงียบ ความหนักอึ้งบางอย่างถาโถมเข้ามาจนทำให้ตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะทำเช่นไร

“แต่…ผมว่าไปดูกันดีกว่านะฮะ” ซานะตัดสินใจพูดขึ้น แม้จะเข้าใจความรู้สึกของยูเมะ แต่เขาก็สนใจเรย์จิขึ้นมาแล้ว “ทาโนเอะเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเรย์จิจะสอนพวกเรา…ให้กลับเป็นคนธรรมดาได้”

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองคนอื่น ๆ พลางถามว่า “พวกเรา…อยากจะเป็นเหมือนคนปกติ ไม่ใช่หรือฮะ?”

ความเงียบปกคลุมคนทั้งหมดอีกครั้ง

“ก็ได้” ทุกคนพยักหน้ายอมรับกับเหตุผลนั้นในที่สุด แล้วตัดสินใจตามไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว


.........................................


มีดในมือผอมสะท้อนแสงแดดวาบ เมื่อถูกกวัดแกว่งเหวี่ยงสุ่มไปมา ความคมของมันเห็นได้ชัดจากประกายสะท้อนนั้น แต่ถึงจะไม่คมนัก แต่ในระยะใกล้เช่นนี้ หนูน้อยที่โดนยึดจับ ก็ใช่ว่าจะรอด

ความคลุ้มคลั่งนั้นทำให้คนที่มามุงดู กระจายวงล้อมถอยออกไปค่อนข้างกว้าง เรย์จิแหวกกลุ่มฝูงชนเข้าไปจนเกือบถึงกลางวง จนเห็นร่างของคนทั้งคู่นั้นอย่างชัดเจน

“เอายามาให้ชั้นเดี๋ยวนี้นะ ชั้นอยากได้ยา…มากกว่านี้ เร็วเข้า! ไม่งั้นไอ้เด็กนี่ตายแน่!” เสียงหยาบกร้าวตะโกนขู่ ดวงตาขวางจับจ้องคนโดยรอบแล้วหัวเราะอย่างเป็นต่อ ท่าทางสติคงมีเหลือไม่ถึงครึ่ง กรณีแบบนี้อันตรายกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

ขณะที่คนอื่นกำลังลังเลนั้น เรย์จิก็ก้าวเข้าไปใกล้กว่าคนอื่น ในมือเขามีห่อผ้าห่อหนึ่ง มันคือห่อถุงใส่ใบปลิวเมื่อครู่ ที่แจกใบปลิวจนหมดแล้วนั่นเอง

“ยามาแล้วครับ” เขาตะโกนกลับไป

“เข้ามานี่ซิ ใกล้ ๆ ช้า ๆ นะ ตุกติกล่ะก็…”

มีดนั้นยังเหวี่ยงไปโดยรอบ ก่อนจะกลับมาจ่อที่คอแม่หนูน้อย

“ถ้าอยากเป็นคนธรรมดา ต้องช่วยเด็กคนนั้นใช่มั้ย ซานะจัง” ยูเมะกระซิบถาม คณะจากคาเฟ่ทั้งสี่ ตามมาถึงในระหว่างที่ทั้งสองกำลังจับจ้องกันอยู่

“น่าจะใช่ล่ะมั้ง” ซานะตอบอย่างไม่แน่ใจ ใบหน้าอ่อนเยาว์มีรอยยิ้ม “งั้นให้ยูเมะจัดการนะ ซากุระคุง ฝากที่เหลือด้วยได้มั้ย”

ร่างสูงของซากุระที่ยืนอยู่ด้านข้างพยักหน้ารับ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก

เด็กน้อยในอ้อมแขนยังร้องไห้จ้าและดิ้นรน ชายผู้นั้นยึดจับอย่างลำบาก จนเกือบจะละความสนใจต่อคนรอบข้างไป

เรย์จิจับจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ พุ่งตัวเข้าชาร์ต ทว่ามีดในมือนั้น กลับพุ่งสวนเข้ามา

เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบทันทีที่เห็น หากปลายมีดก็เฉี่ยวแถวบริเวณท้องไปจนได้เลือด เสียงกรีดร้องตกใจดังมาจากในฝูงชน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้มากขึ้น มีเพียงซานะ ที่รีบเข้าไปดูเรย์จิและพยุงหลบออกมาดูบาดแผล

“แกกล้าหลอกชั้นเรอะ ชั้นไม่โง่หรอกนะเฟ้ย แต่งตัวประหลาดขนาดนั้น ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” หัวเราะแล้วก็คิ้วขมวด หันไปตวาดเด็กในอ้อมแขนแทนที่ “นังเด็กนี่ เลิกดิ้นได้แล้ว เดี๋ยวก็เชือดซะหรอก!”

ความสนใจของทุกคนยังอยู่ที่เด็กน้อย ซึ่งในตอนนี้ ยิ่งร้องไห้จ้ากว่าเดิม อย่างขวัญเสีย คนอุ้มก็ชักจะเริ่มรำคาญและอยากโยนภาระนี้ทิ้งเสียที แต่ทำไม่ได้เนื่องจากใช้เด็กเป็นโล่อยู่

“พี่ชาย เอาหนูไปแทนเด็กคนนั้นมั้ยคะ หนูไม่ทำเสียงโหวกเหวกน่ารำคาญ แถมน่ารักกว่าด้วย” เด็กหญิงกระโปรงบาน ในชุดสาวน้อยจิงเกอร์เบลมีปีกน่ารัก เกล้าผมสองข้างปล่อยยาวระไหล่ เดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่ตอนไหนไม่มีคนรู้ ดวงตากลมโตของเธอ คล้ายสะกดคนตรงหน้าให้นิ่งเงียบไปได้ในพริบตา

คนดูมองพลางซุบซิบกัน เป็นห่วงก็เป็นห่วงแต่ไม่รู้จะทำเช่นไร เสียงพึมพำหาพ่อแม่เด็กผู้มาใหม่ ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมจึงปล่อยให้ออกมาเจออันตรายเช่นนี้

“ยูเมะ!” เรย์จิอุทานอย่างตกใจ แทบจะพุ่งตัวเข้าไปขวาง หากโดนซานะที่ทำแผลให้อยู่ ดึงตัวเอาไว้

“ยูเมะไม่เป็นอะไรหรอก มีซากุระคุงอยู่ทั้งคน” เด็กชายกระซิบ ท่าทางเชื่อมั่นฝีมือซากุระเต็มหัวใจ เรย์จิมองคนทั้งคู่เบื้องหน้าอย่างไม่มั่นใจนัก ซากุระคุงอยู่ไหน เขาก็ยังไม่เห็นเลย

“หนูน่ารักกว่า…ใช่มั้ยคะ ปล่อยเด็กคนนั้นแล้วเลือกหนูดีกว่าน่า” ยูเมะส่งยิ้มหวานไปให้ ดวงตากลมโตของเธอดูสดใสและมีประกายอย่างประหลาด วูบนั้นเรย์จิคิดว่า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอ กลับมีประกายทองแบบแปลก ๆ ออกมาด้วย

“อื้อ หนูน่ารักกว่าจริง ๆ” ชายคลั่งขาดยาว่า ตาของเขาจ้องยูเมะจนเคลิบเคลิ้ม พร้อมกับปล่อยเด็กที่จับไว้ลง ก่อนจะคว้าร่างบอบบางนั้นแทนที่

เด็กน้อยร้องไห้จ้า โผเข้าหามารดาที่รออยู่ ทั้งคู่กอดกันแนบแน่น จนยูเมะที่มองตามเผลออมยิ้ม ดวงตาคู่นั้นเศร้าลงนิดหน่อยกับภาพที่เห็น แต่ไม่มีเวลาจะซาบซึ้งกันมากนัก ด้วยร่างเล็ก ๆ ของเธอ ยังอยู่ในมือของคนร้าย

ชายติดยาหันมาสนใจคนรอบข้างอีกครั้งอย่างย่ามใจ มีดในมือเงื้อง้าง พร้อมขู่สำทับรอบสอง “พวกแกต้องส่งยามาซะดี ๆ ไม่งั้นเด็กคนนี้…”

ตอนนั้นเอง ยูเมะในอ้อมกอดก็มองเห็นซากุระเคลื่อนไหววูบผ่านไปในฝูงชนด้านข้าง เธอรู้ดีว่าซากุระคงจะเข้าทางด้านหลัง ยามอีกฝ่ายผลั้งเผลอเป็นแน่ เด็กน้อยจึงแกล้งดิ้นอย่างแรง ทำให้มือที่ถือมีด ต้องเลื่อนมาช่วยรับน้ำหนักด้วยกลัวจะลื่นหล่น

พริบตานั้น มีดกลับไปอยู่ในมือของยูเมะ ราวกับเล่นกล

ครู่หนึ่งมือที่เคยถือมีดก็รู้สึกตัว “มีด! มีดของชั้นไปไหน!”

คนเมายาเริ่มสับสน สมองนั้นมึนงงอยู่แล้ว ยิ่งมึนหนักกว่าเก่า ชั่วขณะที่ละความสนใจจากฝูงชน เขาก็สะดุ้งเฮือก เมื่อรู้สึกถึงวัตถุเรียวยาวเย็นเยียบที่คอของตน

“อยู่ตรงนี้ไง” เสียงราบเรียบดังขึ้นเบื้องหลัง ลำคอผอมถูกพาดด้วยดาบเปลือยฝัก ที่มีด้านคมกริบแนบอยู่ตรงตำแหน่งจุดตายในเสี้ยววินาที เงียบเชียบว่องไว เกินกว่าใครจะมองทัน ว่าคน ๆ นี้ มาจากที่ใด คนดูเงียบสนิทตะลึงตะลานไปแล้วเช่นกัน กับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นติด ๆ กันเช่นนี้

แววตาอำมหิตฉายวูบ ข้อมือนั้นเกือบจะตวัดอย่างรวดเร็วแล้ว ถ้าไม่มีเสียงห้ามขึ้นเสียก่อน

“อย่านะ ซากุระคุง!” เสียงเรย์จิตะโกนห้ามแทบจะในทันที ก่อนที่ร่างผอมเกร็งนั้น จะทรุดฮวบลง ด้วยสันมือที่ว่างอยู่ทดแทน

ซากุระในชุดเจ้าชายสุดเท่ ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเก็บดาบเข้าฝักด้วยท่าทางชำนาญเป็นที่สุด  ท่ามกลางเสียงกรี๊ดของบรรดาสาว ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น

เรย์จิยังคงนั่งอยู่กับพื้น แผลที่ท้องแค่เฉี่ยว ๆ แต่ซานะก็ฉีกผ้าจากป้ายที่ถือ มาพันให้อย่างคล่องแคล่วเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มถอนหายใจโล่งอก ที่เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี แม้ตัวเขาเอง จะแทบไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังรนหาเรื่องเจ็บตัวอีกต่างหาก

ใจของเขายังเต้นแรง รู้สึกว่าตอนนั้นถ้าห้ามไม่ทัน ซากุระคนนั้น คงจะลงมือฆ่าจริง ๆ เสียแล้ว จะล้อกันเล่น ก็น่าจะให้มันมีขอบเขตบ้างสิ

แต่ซากุระคุง ไม่เคยล้อเล่นนี่นา...

คิดแล้วชักเหงื่อตก คนพวกนี้ เป็นใครกันแน่นะ?

ดาบที่เหมือนดาบของเล่นที่มากับชุดคอสเพลย์ กลายเป็นดาบจริงได้ยังไงกัน...

ในตอนนั้นเอง มือเรียวยาวของใครอีกคน ก็ยื่นลงมา

เรย์จิมองตามขึ้นไป เห็นเป็นอายาเมะ ที่ยืนอยู่ด้วยท่วงท่าสุดแสนจะราชินีเช่นเคย

“ลุกซะทีสิ ชั้นอยากกลับร้านจะแย่แล้วนะ” เสียงห้วน ๆ แกมออกคำสั่ง ยังคงเหมือนเดิม ดวงตาคมบาดใจคู่นั้น กวาดมองขึ้นลงสำรวจสภาพคนบนพื้นอย่างพินิจพิเคราะห์ พอเห็นว่าปลอดภัยดี ก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ

“อื้อ…อ๊ะ” มือของเรย์จิกำลังจะส่งให้ หากอีกฝ่ายชักมือหนีซะงั้น

“ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ เดินไปเองละกัน เร็ว ๆ เข้าล่ะ” อายาเมะว่าพลางหันตัวเดินกลับไปยังร่มไม้ที่วางข้าวของไว้ ปล่อยให้เรย์จิที่ยื่นมือมาให้เก้อ เอามือลงอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

“ไม่เป็นอะไรนะฮะ เรย์จิคุง” ซานะจังเข้ามาประคองแทน เด็กชายตัวเล็กนิดเดียว เลยไม่สามารถพยุงอะไรได้สักเท่าไหร่

“ไม่เป็นไร” เรย์จิยิ้มแห้ง ๆ ดีที่เขาแข็งแรงและแผลไม่ลึก จึงสามารถยืนเองได้

ร่างบางของซากุระคุงเดินผ่านไป ราวเห็นเขาเป็นอากาศธาตุ มียูเมะที่ปลอดภัยไร้กังวล อยู่ในอ้อมแขนเรียบร้อย เด็กน้อยหันมาส่งยิ้มให้เรย์จิอย่างน่ารัก ซึ่งเขาได้แต่ยิ้มเฝื่อน ๆ รับ โล่งไปเยอะที่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ปลอดภัย

คนทั้งหมดเก็บของที่ทิ้งไว้เมื่อครู่ ก่อนตั้งท่าจะเดินทางกลับร้าน เรย์จิที่เขินเล็กน้อย จึงได้พึมพำเสียงเบา แค่ได้ยินในกลุ่มว่า “เอ้อ…ยังไงฉันก็ ขอบคุณทุกคน แทนแม่ลูกคู่นั้นด้วยนะ”

“ก็แค่ลองทำตัวให้เป็นเหมือนคนธรรมดาเท่านั้นแหละ” ซากุระตอบกลับ

ไม่รู้ว่ามันเหมือนคนธรรมดาตรงไหน...เรย์จิแอบคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาพอจะคุ้นกับเรื่องพวกนี้บ้างแล้ว คนพวกนี้จะทำอะไรผิดชาวบ้านบ้าง ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก

มิน่าล่ะ ถึงได้พยายามจะเป็น 'คนธรรมดา' กันจัง

รู้รึเปล่านะ ว่าคนธรรมดาน่ะ เขาไม่ทำแบบนั้นกันหรอก

เด็กหนุ่มแอบขำในใจ

ขบวนคอสเพลย์คาเฟ่จึงเดินทางกลับร้านในลักษณะนั้น ซึ่งตอนนั้นก็ใกล้ถึงเวลาเปิดพอดิบพอดี ทิ้งความโกลาหลและการเคลียร์สถานการณ์ ไว้ให้ตำรวจที่ยังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับความตื่นเต้นของฝูงชน ต่อกลุ่มคนประหลาดในชุดคอสเพลย์ ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน

นักข่าวเริ่มตามมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบว่า คนทั้งห้าที่มาช่วยเคลียร์สถานการณ์นั้น ได้หายตัวไปเสียแล้ว...


....................................


เสียงกระดิ่งดังที่ประตูร้าน ทำให้หญิงสาวที่หน้าเคาน์เตอร์หันไปมองด้วยความยินดี ทุกคนกลับมาแล้ว มีทีท่าเพลียกันเล็กน้อย อาจจะเพราะสภาพอากาศที่ร้อนภายนอกด้วย พอเข้ามาถึง ต่างคนต่างหาที่พักเปลี่ยนอิริยาบถตามความคุ้นเคยของตน เรย์จิที่ยังมีผ้าพันแผลอยู่ที่ท้อง เดินตามทุกคนเข้ามาด้วยท่าทางที่ปกติ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง แต่ทาโนเอะก็ยังสังเกตเห็น

“ตายจริง ไปโดนอะไรมาเนี่ย” เลือดที่ยังซึมอยู่ ทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นแผล เธอหันไปหากล่องพยาบาลมาเปิดอย่างรวดเร็ว และเริ่มต้นแกะผ้าที่พันไว้เบื้องต้นนั้นออกสำรวจบาดแผลนั้น

แผลที่เห็นมาจากของมีคมเป็นรอยยาว แม้จะไม่ลึกเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้เธอมองมันอย่างไม่สบายใจนัก

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไกลหัวใจจะตาย” เด็กหนุ่มพยายามปลอบยิ้ม ๆ หากคนทำแผลกลับไม่ยิ้มด้วย ดวงตาจริงจังของเธอ จ้องมองเรย์จิพลางพึมพำ

“ถ้าพ่อเธอรู้ว่าพวกเราดูแลเธอไม่ดีแบบนี้ เขาคงจะผิดหวังมาก”

นิ้วคล่องแคล่วตัดผ้าพันแผลแล้วค่อย ๆ แปะทับลงไป หลังจากทำการเช็ดเลือดที่ซึมออกมาอีกและทายาฆ่าเชื้อแล้ว ดูท่าทางชำนาญไม่น้อยไปกว่าซานะเมื่อตอนกลางวัน

“ห่วงแต่พ่อผมเหรอเนี่ย” เด็กหนุ่มแกล้งอุทธรณ์ด้วยเสียงน่าสงสาร

“ห่วงหมดนั่นล่ะจ้า ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นเหรอ ถึงได้เจ็บตัวแบบนี้” ทาโนเอะมองไล่เบี้ยไปยังสี่คนที่เหลือทีละคน เล่นเอาแต่ละคนซีดไปเล็กน้อย จนไม่กล้าต่อคำกับเธอเลยสักคน

“ผมไม่ระวังเองนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรหรอก” เรย์จิพยายามไกล่เกลี่ยบรรยากาศมาคุนั้น

“ก็แค่ทำเรื่องไร้ประโยชน์ ‘ของคนธรรมดา’ เท่านั้นแหละ” ซากุระพูดขึ้นลอย ๆ ยังมีความไม่พอใจหลงเหลืออยู่บ้าง

“เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหน่อยสิจ๊ะ” ทาโนเอะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ อย่างตั้งใจรับฟังเต็มที่ พอพูดถึงเรื่อง ‘คนธรรมดา’ ทาโนเอะดูจะสนอกสนใจเป็นพิเศษจริง ๆ

ยูเมะอมยิ้มแล้วชิงบอกขึ้นก่อนว่า “วันนี้ยูเมะได้ลองทำตัวเป็นคนธรรมดาด้วยล่ะ ทาโนเอะ”

หญิงสาวลูบผมนุ่มสลวยนั้นเบา ๆ พลางรั้งร่างน้อยเข้ามากอด “จริงเหรอจ๊ะ ยูเมะเด็กดีจริง ๆ”

เรย์จิจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทาโนเอะฟังโดยมีคนที่เหลือ นิ่งฟังเฉย ๆ ไม่ได้พูดโต้แย้งอะไร พอเล่าจบ หญิงสาวก็สรุปขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอก็เป็นคนช่วยแม่ลูกคู่นั้นไว้สินะ”

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่ยูเมะกับซากุระคุง ที่เป็นคนจัดการเจ้านั่นจนเรียบร้อย ส่วนผมเองออกจะไร้ประโยชน์อย่างที่ซากุระคุงว่าจริง ๆ นั่นล่ะ” เด็กหนุ่มหัวเราะแหะ ๆ

“แต่เธอก็ห้ามซากุระคุงไว้ได้ทัน” ทาโนเอะรำพึงแผ่วเบา แต่เรย์จิก็ยังคงได้ยิน

“เจ้านั่นสมควรตายแล้ว จะห้ามทำไมกัน” เสียงไม่สบอารมณ์นักของซากุระแทรกเข้ามา

ใช่…ถ้าห้ามไม่ทัน อาจจะจบลงที่การฆาตกรรมผู้ชายคนนั้นก็เป็นได้

ซากุระตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริง ๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้น คนพวกนี้ ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว…

เรย์จิจ้องหน้าซากุระแน่วแน่ “คนทำผิดก็ต้องได้รับโทษ นั่นเป็นความจริง แต่เราไม่มีสิทธิ์ จะตัดสินชีวิตใคร เพียงเพราะรู้ว่าเขาทำผิดนะครับ”

หากเสียงราบเรียบกลับแย้งขึ้นทันที “ไม่มีใครให้อภัยกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้หรอก คนที่ทำผิด...ก็ทำได้แค่อดทนต่อไป เพื่อรอคอยการตัดสิน เพื่อรอวันตาย...อย่างเดียวดายเท่านั้น”

“การได้ตายเสียตั้งแต่ตอนนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ” ซากุระพูดต่อ นับเป็นประโยคแสนยาว ที่เขาพึ่งได้ยิน จากคน ๆ นี้ ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นจ้องมองเขาแน่วแน่จนรู้สึกได้

“มันไม่ใช่แบบนั้นแน่ ๆ การมีชีวิตอยู่เพื่อการแก้ไขสิ่งที่ผิด การอยู่..เพื่อคนที่รักเรา ไม่ว่าจะต้องอดทนต่อตราบาปนั้นแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่ดีกว่านะครับ!” เรย์จิพยายามแย้ง

“ถ้าไม่ได้เจอเอง จะพูดอะไรก็พูดได้สิ” อายาเมะพูดขึ้นลอย ๆ แม้ท่าทางของเขาจะเหมือนไม่ได้สนใจฟังมากนัก แต่ก็แทรกเข้ามาได้ถูกจุดเสียจริง ๆ

“ผมไม่รู้หรอกนะครับ ว่าพวกคุณเจออะไรมา” เรย์จิพูดต่ออย่างจริงจัง “แต่ว่าไม่ว่าใคร ก็เคยทำเรื่องไม่ดีได้ ดังนั้น…เราควรจะต้องเข้าใจเขาหน่อยสิครับ การจะไปตัดสินว่าเขาควรตาย มันไม่ยุติธรรมเสียหน่อย”

“ไม่เคยมีใครเข้าใจเราเลย!”   ยูเมะท้วงขึ้น ดวงตากลมโตของเธอมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ซานะกอดร่างสั่นน้อย ๆ ของเธอไว้ ราวกับต้องการปลอบประโลม แม้ตัวเองจะอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน

“ไม่ว่าพวกเราจะทำถูก หรือทำผิด…ก็ไม่เคยมีใคร…”

ภาพตรงหน้าช่างทรมานใจนัก กับเด็กตัวเล็ก ๆ เพียงแค่นี้..ก็ต้องเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นแล้วงั้นหรือ เรย์จิมองยูเมะ เขาอยากยื่นมือให้เด็กคนนี้ อยากช่วยประคับประคองจิตใจที่บอบบางนี้ไว้ ไม่ให้แตกสลาย

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะพยายามเข้าใจเอง...ถ้าไม่มีใครบอกว่าสิ่งที่ทำ มันถูก หรือผิด ผมจะบอกเอง!”

ทุกคนมองเขาเป็นตาเดียว

“คนนอกอย่างพวกเรา ใครจะสนใจขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็ดีแต่พูดนั่นแหละ” อายาเมะว่า ก่อนจะหันหลังทำทีจากไป แต่คำพูดของเรย์จิ ทำให้เขาต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง

“จะไม่เชื่อก็ได้ครับ แต่ไม่ว่าเรื่องอะไร ผมก็พร้อมจะรับฟัง ถ้าคุณพร้อมที่จะเล่า…ถ้าไม่มีใครอภัย ให้กับบาปของพวกคุณ…ผมนี่ล่ะ จะอภัยให้เอง”

“การชดใช้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ” เสียงราบเรียบจากซากุระพูดขึ้น

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน แต่ว่า…ถ้าพวกเราช่วยกัน มันก็เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ใช่หรือครับ”

ทุกคนนิ่งเงียบไปอีกครั้ง และในที่สุด ก็มีคนทำลายความเงียบขึ้น

“ก็ได้…พวกเราจะรอดูต่อไป” อายาเมะว่า ก่อนจะเดินจากไปจริง ๆ “ชั้นจะนอนแล้ว ไม่ต้องปลุกล่ะ”

ทาโนเอะถอนหายใจยาว พลางลุกขึ้นจากโต๊ะข้างตัวเรย์จิ บรรยากาศอึมครึมนั้นคงยากจะชะล้างไปได้ แต่จะอย่างไร เธอก็หวังว่าฟ้าที่สดใส จะตามมาหลังเมฆหมอกครึ้มบดบัง หากในตอนนี้ คงไม่มีประโยชน์ที่จะสนับสนุนหรือโต้แย้งอะไรอีก

หญิงสาวจึงตัดบทขึ้นว่า “บ่ายแล้ว อีกไม่นานลูกค้าคงจะมา เลิกคุยเรื่องพวกนี้ แล้วมาเปิดร้านกันเถอะ”

สายตาอีกสามคู่ ที่ยังคงมองไปที่เรย์จิ หันกลับมาทันที แทบจะลืมเรื่องที่ขุ่นข้องใจเมื่อครู่ไปหมด

“ลูกค้าจะมาแล้วแน่นะ?” ยูเมะถามหญิงสาว ในดวงตามีประกายแห่งความตื่นเต้น

“ถ้ายูเมะเชื่อมั่นในตัวเรย์จิคุง ลูกค้าก็ต้องมาแน่จ้า” ทาโนเอะตอบรับ

เด็กน้อยมองหน้าเรย์จิ เขาพยักหน้าให้อย่างมั่นใจ ใบหน้าใส ๆ จึงมีรอยยิ้มอย่างยินดี

“ค่า ยูเมะ…เชื่อเรย์จิคุงนะ ห้ามหลอกยูเมะล่ะ”

เด็กหนุ่มกอดร่างเล็ก ๆ นั้นแล้วตอบว่า “ผมไม่หลอกยูเมะจังแน่นอน แล้วก็นะ วันหลัง ห้ามทำเรื่องอันตรายแบบนี้อีก ถึงยูเมะจะเก่งแค่ไหน ก็ต้องรู้ไว้อย่างนึงนะ”

“คะ?”

“พวกเราทุกคน เป็นห่วงยูเมะ ซานะก็เหมือนกัน ที่เป็นห่วงยูเมะมากที่สุด ดังนั้นห้ามทำอะไรเสี่ยง ๆ อีกนะ ยูเมะยังเด็ก ถึงจะเก่งยังไง ผู้ใหญ่ที่โตมาก่อน ก็ต้องจัดการทุกอย่างก่อนอยู่ดี"

เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยนพลางลูบผมนุ่มสลวยของเด็กน้อยเบา ๆ "ไว้รอให้ยูเมะโตเป็นผู้ใหญ่ คราวนี้ยูเมะจังก็ต้องช่วยเหลือเด็กแทนแล้ว ดังนั้นตอนนี้ที่เรายังเป็นเด็ก ยังสบายอยู่ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเกินแรงของเรา เข้าใจมั้ยครับ”

เด็กน้อยฟังตามก่อนจะยิ้มรับ “ค่า ยูเมะจะเชื่อเรย์จิ แล้วก็จะเป็นเด็กดี ยูเมะรักทุกคนเลย” ว่าพลางโผเข้ากอดร่างสูงของเรย์จิไว้แน่น

“พวกเราก็รักยูเมะ รักซานะจังด้วยนะ” มือของเขาลูบผมเด็กชายแผ่วเบาราวต้องการแบ่งปันความรักไปให้

เด็กชายมองเรย์จิแล้วยิ้ม นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นน้องสาวสดชื่นได้ขนาดนี้ “ขอบคุณนะฮะ เรย์จิคุง”

ดวงตาเย็นยะเยือกคู่นั้น ยังคงจับจ้องเขาจนรู้สึกได้ “ชั้นยังไม่เชื่อนายหรอกนะ เรายังต้องพิสูจน์กันต่อไป” ซากุระว่า ก่อนจะหันหลังจากไปเตรียมอาหารสำหรับลูกค้าในครัว

“อืม แล้วเราจะได้รู้กัน” เรย์จิตอบรับ พลางมองร่างนั้นเดินไปจนลับตา


.........................................


ทั้งหมดแยกย้ายกันไปแล้ว เด็ก ๆ ไปเปลี่ยนชุดใหม่ ซากุระไปเตรียมอาหาร ในขณะที่อายาเมะไปนอน ไม่มีใครอยากจะยุ่งกับราชินีตอนหงุดหงิด ก็เลยปล่อยให้นอนต่อไป ท่าจะดีกว่า

เรย์จิช่วยหญิงสาวจัดโต๊ะรอรับลูกค้า โต๊ะสีสันสดใส ที่ยังใหม่เอี่ยมยังไม่เคยถูกใช้มาก่อน เมื่อได้มองมาก็อดตื่นเต้นไม่ได้ พอนึกถึงยามบ่ายที่จะมีลูกค้าทยอยกันเข้ามา

ร่างบอบบางจัดดอกไม้แจกันน้อยบนโต๊ะแต่ละตัวให้เข้าที่ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้เด็กหนุ่ม แล้วกระซิบเบา ๆ

“ขอบคุณมากนะ เรย์จิคุง”

เรย์จิหันมามองหน้าเธออย่างประหลาดใจ “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”

ทาโนเอะส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่หรอก อย่างน้อย เธอก็ทำให้ทุกคน…ได้รู้สึกว่า มีคนคอยรับฟังเขาแล้ว ถึงเขาจะยังไม่ไว้ใจเธอเท่าไหร่ก็เถอะ”   

เรย์จิระบายลมหายใจยาว เขานิ่งไปครู่ ก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นว่า “ถึงผมจะไม่เข้าใจ ว่าการรู้สึกผิด เมื่อได้ทำสิ่งเลวร้ายลงไป แล้วไม่มีใครเลยสักคน ที่จะยอมอภัยให้ มันเป็นเรื่องโหดร้ายขนาดไหน แต่อย่างน้อย…ผมก็เข้าใจนะครับ…ว่าการต้องอยู่ตามลำพังโดยไม่มีใครเลยน่ะ มันเหงาแค่ไหนกัน”

...สำหรับเขา ที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ครอบครัวที่ต่างคนต่างอยู่ จะอย่างไร มันก็ไม่อาจจะเติมเต็มช่องว่างแห่งความว้าเหว่ได้หรอก เขารู้...ว่ามันทรมานแค่ไหน ที่จะต้องทำตัวเข้มแข็ง และพยายามยืนหยัดอยู่ให้ได้

ความเหงา มักจะแทรกซึมเข้ามาทุกครั้ง เมื่อยามไม่มีใคร

สายตาอ่อนโยนของทาโนเอะมองมายังเด็กหนุ่มอย่างต้องการปลอบประโลม “ฉันรู้จ้า แต่ว่านะ…ไม่ว่าบาปที่พวกเราเคยทำไว้ มันจะหนักหนายังไง แต่ในตอนนี้พวกเรา ยังมีกันและกันอยู่ พ่อของเธอ บอกกับฉันอย่างนี้เสมอ”

มือของเธอบีบมือเขาไว้แผ่วเบา พลางยิ้มให้กำลังใจ “และในตอนนี้ ถึงคุณเรอิจิจะไม่อยู่กับพวกเราแล้ว แต่เขาก็ยังส่งเธอ...ที่เข้าใจพวกเราดีขนาดนี้มาให้”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็ต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ ใช่มั้ยล่ะจ๊ะ เพราะพวกเรา ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว”

เด็กหนุ่มรู้สึกฮึดขึ้นกว่าเดิมมากมายนัก…มือนุ่มนิ่มนั้น…จับมือเขา แถมให้กำลังใจอีกแน่ะ เขากล่าวต่ออย่างแข็งขันขึ้นว่า

“แน่นอนครับ ผมพร้อมจะช่วยทุกอย่างอยู่แล้ว”

สาวใหญ่ส่งยิ้มให้อีกครั้ง “คุณเรอิจิจะต้องภูมิใจมาก ที่มีลูกชายที่น่ารักอย่างเธอ”

เด็กหนุ่มก้มหน้าอย่างเขิน ๆ แม้จะแอบคิดค่อนขอดในใจว่า ถ้าทาโนเอะเลิกคิดถึงเจ้าพ่อบ้านั่นของเขาซักวัน แล้วหันมาคิดถึงแต่เขาแทน เขาคงจะน่ารักกว่านี้หลายร้อยเท่าแหง ๆ !



- จบตอนที่ 3 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 3 อัพ 23-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-02-2010 17:30:50
เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นอีกแล้ว
สนุกมากๆค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 3 อัพ 23-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 23-02-2010 17:59:58
ซากุระคุงแอบโหดนะเนี่ย

ชอบหนุ่มที่ทำกับข้าวเป็นจัง :m3:

+1 ให้เป็นขวัญและกำลังใจ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 4/1 อัพ 24-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 24-02-2010 10:38:31
ตอนที่ 4 Mirage : ภาพลวง

Rate: NC-17, SM

(ตอนที่ 4/1)

ประตูฝืด ๆ เปิดออกสู่ดาดฟ้ากว้างของตึกสูงหลังหนึ่ง เผยให้เห็นร่างได้รูปที่กำลังเดินออกมาอย่างคล่องแคล่วมั่นใจ ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ หาคนตามนัดหมาย ซึ่งในตอนนี้ ได้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากเลยเวลานัดมาเล็กน้อยด้วยความจงใจ จากนิสัยเสียอีกอย่างของตัวเขา ที่ชอบให้คนอื่นมารอตน มากกว่าจะเป็นผู้รอคอย

ชายในชุดดำผู้ยืนรออยู่ก่อนแล้วเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่เคยปริปากบ่น ตราบใดที่อีกฝ่าย ทำงานที่สั่งได้เสร็จลุล่วงด้วยดี เขาก็ยินดีจะรอคอย ถึงต้องรอนานกว่านี้ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

ดวงตาใต้แว่นดำกำลังมองอย่างครุ่นคิดไปยังตึกฝั่งตรงข้ามอยู่ในตอนนั้น จวบจนรู้สึกได้ถึงการมาถึงของคนที่รอ เขาจึงหันกลับไปหา พลางพยักหน้าทักทาย

ใบหน้าสวยยิ้มหวานตอบโดยไม่มีเคอะเขิน สมกับการแต่งตัวสุดมั่น เสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดัง ออกแบบแปลกตาแต่เข้ารูปพอดิบพอดี ความงามที่แฝงเร้น รูปร่างที่ยากแยกแยะเพศ เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่ได้ใกล้ชิด อดเคลิบเคลิ้มคล้อยตามมิได้

“คราวนี้เป็นใครล่ะ” คำถามรวบรัดตรงประเด็น

ชายชุดดำตอบช้า ๆ แต่ชัดเจนเหมือนทุกครั้ง “เป้าหมายครั้งนี้ ไม่มีการคุ้มกัน จัดการง่ายมาก…”

“หืม?” คนฟังเริ่มแปลกใจ เพราะถ้าเป็นงานที่เบื้องบนระบุให้เขาจัดการ มันจะต้องไม่ใช่งานสังหารทั่วไปแน่

การลอบสังหารใครสักคนนั้นง่าย แต่การเรียกเขามา นั่นหมายถึง การฆ่านั้น ต้องทำให้จบ …โดยหาผู้กระทำผิดไม่ได้เลย

ทุกอย่าง ต้องทำเป็นความลับ

ใกล้ชิด และหว่านเสน่ห์
ทำให้รัก ทำให้ไว้ใจ
ทำให้เป้าหมาย ก้าวสู่ความตาย ด้วยความยินยอมพร้อมใจของเจ้าตัวเอง

นั่นล่ะ คืองานของเขา!

“แต่คราวนี้…มีเงื่อนไขเพิ่ม”

หน้างามหันมามองอย่างสนใจ

“หาตราประทับของผู้ถือหุ้นสูงสุด จากคน ๆ นี้มาให้ได้”

มือนั้นส่งรูปผู้ชายคนหนึ่งให้ดู เป็นชายวัยราว ๆ 25 ปีที่ดูกระฉับกระเฉงผู้หนึ่ง กำลังอุ้มเด็กผู้หญิงตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน ผมตัดสั้น การแต่งตัวดูง่าย ๆ ท่าทางเป็นคนสบาย ๆ ที่ออกจะอ่อนโยนอยู่มาก สังเกตได้จากแววตาในภาพที่มองไปยังเด็กคนนั้น

“เอ็นโด ฮิโรอากิ ทายาทเพียงคนเดียวของบริษัทเครือเอ็นโดกรุ๊ป เขาเป็นคนฉลาดมาก และซ่อนตรานั้นไว้อย่างดี เราพยายามค้นหาแล้ว ล่อลวงให้เขาบอกมาหลายวิธีแล้วด้วย แต่ยังไม่เคยสำเร็จ”

จากภาพไม่น่าเชื่อเลย ว่าจะเป็นทายาทที่ร่ำรวยขนาดนั้น แต่อย่างว่า…

เสียงราบเรียบเปลี่ยนเป็นเน้นคำ “เอาของสิ่งนั้นมาให้ได้ แล้วจัดการเขาซะ อย่าให้เหลือร่องรอยเหมือนเดิม ให้เวลา 2 สัปดาห์ รหัสครั้งนี้ของนาย คือ ‘คิระ’”

เขาว่าพลางยื่นเอกสารปึกหนึ่งส่งให้ “นี่เป็นรายละเอียดของเป้าหมาย ส่วนที่อยู่…”

นิ้วของเขาชี้ไปยังตึกฝั่งตรงข้าม “ชั้นที่ 25 ของตึกนั้น ทั้งชั้นเป็นที่อยู่ของเขา”

“รับทราบ” เขาตอบรับ ก่อนจะมองไปยังตึกตรงข้ามอีกครั้ง

…ตึกสูงที่ออกแบบอย่างมีสไตล์ ที่เอ็นโดกรุ๊ปเป็นเจ้าของ และเป็นที่พำนักส่วนตัวของ เอ็นโด ฮิโรอากิ!

………………………………………………………………………
   
ตึกหลังนั้นมีประตูทางเข้าแบบเสียบการ์ดพร้อมกดรหัส แต่เมื่อยามเอ็นโด ฮิโรอากิ เดินผ่านเข้ามา มันกลับเปิดอัตโนมัติ พร้อมคำทักทาย ‘ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านฮิโรอากิ’

นวัตกรรมใหม่แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีของเครือเอ็นโด ทางด้านการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ภายในอาคารได้ดี หากคนเดินเข้าไปกลับไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะตัวลูกเล่นนี้ เขาเป็นคนออกแบบปรับปรุงเองกับมือ และเห็นจนชินชาแล้ว

ในชั้นที่ 25 ซึ่งเป็นชั้นส่วนตัวของชายหนุ่มทั้งหมด มีห้องติดหน้าต่างวิวสวย ตัวห้องไม่กว้างขวางนัก ตรงกลางมีโต๊ะทำงานตัวกว้าง จัดวางเอกสารไว้เต็มไปหมด

มันคงไม่แปลกนัก ถ้าเป็นขนาดของห้องทำงานลูกจ้างทั่วไป แต่สำหรับห้องประธานบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเขาแล้ว ห้องนี้กลับดูคับแคบเกินกว่าใครจะคาดคิดเลยทีเดียว

แต่ฮิโรอากิไม่เคยใส่ใจ เขาชอบที่มันจะดูคับแคบ
การตีกรอบตัวเองอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ กลับทำให้สมองเขาแล่นกว่าการอยู่ในที่โล่งกว้างมากมายนัก

ชายหนุ่มตรงไปที่โต๊ะ แล้วเริ่มทำงานอย่างคุ้นเคย หลายปีมาแล้ว ที่บิดาและเขา ร่วมกันก่อร่างสร้างมันขึ้นมา จนบริษัทเติบโตและยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบันนี้ มันเป็นงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่เขารัก...และถึงตอนนี้ เขาก็ยังชอบทำงานนี้อยู่

เป็นที่รู้กันว่าเวลาทำงาน เขาชอบอยู่เพียงลำพัง และมักจะห้ามไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนโดยไม่จำเป็น

ทว่าในวันนี้ ความสงบนั้นกลับถูกทำลายลงเสียแล้ว เมื่อร่างคล่องแคล่วของคนผู้หนึ่ง ก้าวเดินแผ่วเบาผ่านประตูที่เปิดออกโดยไร้เสียงเข้ามา ดวงตากลมโตสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจอย่างเห็นได้ชัด

เพราะห้องนั้นไม่กว้าง เข้ามาจึงเห็นโต๊ะทำงานเลย และแน่นอน เห็นคนที่นั่งทำงานอยู่ด้วย ตั้งเอกสารจำนวนมากบนโต๊ะ ยังไม่อาจบดบังร่างสูงดูโดดเด่นของเอ็นโด ฮิโรอากิ ผู้กำลังนั่งอ่านข้อความในกระดาษอย่างมีสมาธิไปได้

แขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ มองไปยังคนที่กำลังง่วนกับการทำงานตรง ๆ จงใจยืนมองการทำงานของเจ้าของห้องอยู่พักใหญ่ โดยไม่พูดหรือส่งสัญญาณใด ๆ ให้รู้ถึงการมาของเขา

หากสายตาที่จับจ้องมาอย่างไม่มีปิดบัง ทำให้คนที่กำลังยุ่งรู้สึกตัวจนได้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่อย่างสงสัย

“มีธุระอะไรหรือครับ” เขาถามอย่างเป็นงานเป็นการ คนเบื้องหน้างดงามกว่าที่คิด แม้มองคร่าว ๆ น่าจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เขาก็ไม่แน่ใจนัก

ร่างบอบบางได้รูป ส่งยิ้มเปิดเผยเชิญชวน รูปลักษณ์ภายนอกที่งดงามและคงยากจะลืมเลือนได้ แม้เพียงพบพานเพียงชั่วเวลาไม่กี่นาที เป็นจุดเด่นแรกที่เห็นได้ชัด เขานิ่งคิดไปเล็กน้อย ก็มั่นใจได้ว่า ไม่เคยพบคน ๆ นี้มาก่อนอย่างแน่นอน

ชายหนุ่มมองแผ่นกระดาษที่อ่านค้างในมือครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจวางมันลง นึกสงสัยไม่น้อย ว่าเลขาหน้าห้องมัวทำอะไรอยู่ ถึงได้ปล่อยแขกเข้ามาขัดจังหวะการทำงาน โดยไม่ได้แจ้งเขาล่วงหน้าเช่นนี้ อีกทั้งยังไม่ได้มีอยู่ในกำหนดการนัดหมายของวันนี้เสียด้วย

แขกผู้มาใหม่ยิ้มหวาน นิ้วเรียวจุ๊ที่ปากอิ่มเบา ๆ เชิงบอกใบ้ให้เจ้าของห้องเงียบ “ชั้นจะเข้ามาขโมยของน่ะ”

คำพูดผิดคาด เล่นเอาคนฟังเงียบไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ถาม สายตาที่มองตอบไปยังขโมยผู้ไม่ได้รับเชิญ กลับไม่ได้มีวี่แววแห่งความประหลาดใจมากนัก ชายหนุ่มเอนตัวพิงกับเก้าอี้ทำงานหนังตัวนุ่มที่นั่งอยู่ ด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลายผิดคาด

“เชิญค้นตามสบาย แล้วกรุณาเก็บของเข้าที่ด้วยนะครับ”

ร่างบอบบางขยับไปนั่งที่ขอบโต๊ะทำงานนั้นอย่างไม่ใส่ใจว่าคนที่ทำงานอยู่จะคิดยังไง ขาเรียวยาวสวยคู่นั้นพาดไขว้ เจตนายั่วยวน ก่อนจะถามว่า “คุณจะไม่ช่วยชั้นหาหน่อยเหรอ?”

“ถ้าช่วยผมเก็บ ผมอาจจะช่วยคุณหา” เขาตอบพลางถอนใจยาว “สองสามวันมานี้ คนของผมคงเบื่อจะเก็บข้าวของที่พวกคุณมาแอบรื้อกันจะแย่แล้ว ถ้ายังไงฝากบอกพวกเขาด้วย ว่าอยากจะค้นก็ตามสบาย แต่ช่วยเก็บให้เนียนหน่อยได้ไหมครับ”

“คุณนี่ขี้โกงจัง จะให้ขโมยเป็นคนเก็บของอีกเหรอ ของก็หาไม่เจอแท้ ๆ” แขกแปลกหน้าบ่นอุบอิบ

“ผมไม่เอาเปรียบคุณหรอกน่า ถ้าคุณช่วยผมเก็บหลังจากรื้อแล้ว ผมเลี้ยงข้าวกลางวันคุณตอบแทนด้วยก็ได้” เขาพูดง่าย ๆ

“งั้นถ้าชั้นไม่รื้อของคุณ คุณจะเลี้ยงข้าวชั้นรึเปล่า” ร่างบอบบางถามต่ออย่างกระตือรือร้น

คนตอบคลี่ยิ้มรับ “ยินดีสิครับ นาน ๆ ทีจะมีคนน่ารัก ๆ มาทานข้าวเป็นเพื่อน ผมก็ชอบอยู่แล้ว แต่ว่า…ให้ผมรู้จักชื่อของแขกวันนี้หน่อยได้ไหม จะได้เชิญอย่างเป็นทางการหน่อย”

มือเรียวน่าลูบยื่นมาให้จับ พลางเน้นชื่อคู่สนทนาอย่างจงใจ “เรียกว่าคิระก็ได้ คุณเอ็นโด ฮิโรอากิ”

“ชื่อดูลึกลับดีจัง คุณขโมยผู้น่ารัก ถ้าจะมาขโมยหัวใจล่ะก็ ผมยินดีให้ขโมยนะ” ชายหนุ่มพูดติดตลก ด้วยใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้ม

“ถ้าให้เรียกว่าฮิโระคุง ชั้นอาจจะลองขโมยมันดู” คนตอบจ้องตาเขาจริงจัง ด้วยท่าทางราวจะกลืนกิน ก่อนจะส่งยิ้มแบบทีเล่นทีจริงไปให้

คนฟังหัวเราะขบขัน “ได้สิ คิระ” เขาต่อให้อย่างสนิทสนมรวดเร็ว

คิระมีรอยยิ้มน่ารัก เมื่อพูดต่อไปว่า “คุณนี่เข้าใจอะไรง่ายดีนะ”

“ผมก็ว่าผมออกจะเข้าใจอะไรง่าย ๆ นะ แต่บางคนกลับไม่คิดแบบนั้น…เอาเถอะ ผมว่า ผมจะพักแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีกว่ามั้ย ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้จัง” เขาว่าพลางส่งมือให้อีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล “เชิญครับ”

…………………………………………………………..

ในความมึนงง เรือนร่างบางกลับรู้สึกเหมือนถูกอุ้มพาดหลัง พาตัวมาราวกับเป็นกระสอบใบใหญ่ คนอุ้มดูจะไม่ปรานีปราศรัยนัก เห็นได้ชัดจากการโยนคนที่เอาตัวมาลงบนเตียงนุ่มดังโครมใหญ่ พร้อมกับกระเป๋าใบย่อมอีกหนึ่งใบ ที่อีกฝ่ายถือติดมาแต่แรก

เสียงครางแผ่วแกมละเมองัวเงีย ดวงตากลมโตนั้นยังคงหรี่ปรือด้วยความง่วง ก่อนจะพลิกตัวแล้วนอนต่อ ท่าทางน่าเอ็นดูราวเด็กขี้เซาคนหนึ่ง

ปฏิกิริยานั้นทำให้คนที่ยืนมองอดจะยิ้มแกมขำ ๆ ไม่ได้

นี่เหรอ คนที่ทางนั้นว่าจ้างมา?

…น่าแปลก…ทำไมดูไร้เขี้ยวเล็บกว่าทุกที แถมยังโดนมอมยาได้ง่ายขนาดนี้ด้วย?

สายตาระแวดระวังสำรวจทั่วร่างของอีกฝ่าย ยังคงไม่ไว้ใจนัก จะให้ไว้ใจได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวประกาศชัด ว่าจะมาขโมยของ

จะบอกว่า หลังจากที่พวกนั้นพยายามมานับสิบ ๆ ครั้ง ด้วยพวกมืออาชีพ แล้วไม่สำเร็จ เลยส่งมือสมัครเล่น มาหลอกเขาแทนงั้นรึ?

กระเป๋าใบน้อยกลิ้งเอียงอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจสำรวจมันก่อน  ทว่าเมื่อได้เปิดกระเป๋าใบนั้นดู กลับเจอแต่ของแปลก ๆ ที่คาดไม่ถึงทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกุญแจมือติดโซ่หลายเส้น แส้สั้นขนาดพกพา เทียนยาวพร้อมไฟแช็ค ไหนจะขดเชือกสีแดงสด และของอื่น ๆ ที่หาดูได้จากหนังโป๊แนวซาดิสม์

ของพรรค์นี้ จะเอามาเล่น SM หรือยังไง?
ล้อเขาเล่นรึเปล่า?

…ก็ดี แล้วเราจะได้รู้กัน…

ดวงตาวาวโรจน์จับจ้องเรือนร่างอันแสนเย้ายวนใจนั้นเป็นครู่ เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง มือแกร่งปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ผิวขาวผ่องภายในร่มผ้าละเอียดใสน่าลูบนัก

แม้จะเป็นศัตรูอย่างแน่นอน แต่เขาเองก็ปฎิเสธไม่ได้ ว่าแค่มอง…ก็ยากจะละสายตาไปได้แล้ว

นิ้วยาวสำรวจจนทั่ว นอกเหนือจากของในกระเป๋านั้นกับเสื้อผ้าที่สวมอยู่แล้ว เขาไม่พบอะไรเลย

ไม่มีอาวุธ ไม่มีหลักฐานแสดงตัวตนใด ๆ

คน ๆ นี้ มาตัวเปล่าจริง ๆ

ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่เตียงด้านข้างซึ่งยังว่างอยู่ แล้วโน้มตัวเข้าใกล้คนบนเตียงอีกครั้งเพื่อสำรวจให้แน่ใจ แผงขนตาสีดำสนิท ตัดกับผิวหน้าขาวผ่องจนยากจะห้ามใจไม่ให้คิดอกุศล ความใกล้ชิดจนแทบรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย สร้างความปั่นป่วนให้ตัวเขาได้ไม่น้อย

จะมาไม้ไหนกันหนอ…

ขณะกำลังเผลอคิดอย่างเคร่งเครียด มือเรียวยาวก็โอบรอบคอเขาแล้ว เล่นเอาคนอยู่ในภวังค์ถึงกับสะดุ้ง ริมฝีปากอุ่นจู่โจมก่อนด้วยความจงใจจากคนบนเตียง ไม่ทันได้ต้านทาน เรียวลิ้นนุ่มก็แทรกแกมรุกเร้าเข้าหาแล้ว ปลายลิ้นตวัดกวาด เชิญชวนชาญชำนาญนัก ไม่ได้มีวี่แววแห่งความง่วงงุนที่เห็นในตอนแรกหลงเหลืออยู่เลย

ยานอนหลับของเขา…ใช้ไม่ได้ผลงั้นหรือ?

ทว่าจู่ ๆ ร่างสูงก็ชะงัก เมื่อพบว่าอยู่ดี ๆ กลับเป็นร่างกายเขาเองที่ร้อนกว่า…ร้อนและอึดอัดไปหมด ทั้งรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปลาบแปลบแปลก ๆ ยามโดนสัมผัส จากนั้น...ร่างกายก็เริ่มชาด้านไปทั้งแถบราวเป็นอัมพาต แม้จะยังมีสติอยู่ครบถ้วน แต่เขากลับไม่อาจขยับได้แม้ปลายนิ้ว

คนด้านล่างอมยิ้ม เมื่อเห็นได้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว ร่างหนาก็ล้มลงบนเตียงด้านข้างนั้น อย่างยากจะบังคับตัวเองได้อีกต่อไป
 
ในภาวะนั้น สมองของฮิโรอากิยังพอคาดคิดถึงบางอย่างได้…

…ยาปลุก?

ถึงเขาจะไม่เคยกินมันมาก่อน แต่สภาพร่างกายในตอนนี้ ทำให้เขาแน่ใจได้ทันที

มือสมัครเล่นที่คาดคิด หาใช่มือสมัครเล่นจริงไม่

แต่เป็นมืออาชีพต่างหาก!


...........................................


หลังจากจับคนหมดแรงนอนลงแทนที่แล้ว มือคล่องแคล่วก็จัดการล็อคแขนขาเอาไว้ด้วยกุญแจมือกับเสาข้างเตียง โชคดีนักที่เตียงที่นี่มีเสาสี่มุมด้วย ไม่ว่ารสนิยมเจ้าของห้องจะเป็นใจ หรือเพราะมันบังเอิญ เขาก็อดจะชื่นชมท่าทางที่จัดแจงเสร็จเรียบร้อยนั้นไม่ได้อยู่ดี

ลักษณะซ่อนรูปเห็นได้ชัด ยามเสื้อเชิร์ตถูกปลดกระดุมออกจนเปิดอ้า แผงอกและกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แถมยังยืดหยุ่นเมื่อถูกสัมผัส แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นคนทำงานนั่งโต๊ะ แต่ฮิโรอากิ ยังคงออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นความแข็งแกร่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ที่เพียงแค่ได้เห็น ก็สร้างความพึงใจให้ร่างบางได้ไม่น้อย

คนด้านบนไล้เลียริมฝีปากสีสดของตนเองอย่างกระหาย เจตนาเปลื้องผ้าตนเองออกทีละชิ้น ท้าทายสายตาคนด้านล่าง ที่แม้จะขยับไม่ได้ แต่ยังคงจ้องมองเขม็งมายังเขาตลอดเวลา

ทุกอิริยาบถที่เคลื่อนไหว ร่างบอบบางกระชับได้รูปขาวผ่องนั้น ยิ่งเชิญชวน

ร่างงดงามที่เปลือยเปล่า คร่อมเหนือลำตัวชายหนุ่ม นิ้วเรียวปลดตะขอกางเกงคนโดนขึงอย่างชำนาญ ไม่ได้ใส่ใจจะดึงเสื้อผ้าอีกฝ่ายออกให้หมด เพียงแค่ปลดแล้วดึงร่น สัดส่วนใต้ร่มผ้าก็ขยับขยายจนยากจะซุกซ่อนไว้ได้มิดแล้ว มือคล่องแคล่วลูบไล้แผ่วเบาที่ด้านล่าง ความเป็นชายที่เริ่มแข็งขืนตื่นตัวด้วยฤทธิ์ยา อึดอัดกระสับกระส่ายยากระงับ เพียงแค่ปลายลิ้นนุ่มนั้นแตะสัมผัส เขาก็แทบจะปลดปล่อยออกมา

“ยังหรอก…คุณคงยังไม่อยากเสร็จเร็วขนาดนี้หรอกใช่มั้ย” ริมฝีปากนุ่มขยับยิ้มยั่ว บั้นท้ายงามนั่งคร่อมบนตัวแกร่ง ที่แขนขาถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือติดโซ่ยากต่อต้านได้

เชือกเส้นเล็กถูกจับขึงให้ตึงด้วยมือทั้งสอง ก่อนจะลากแนวขวางครูดเบา ๆ ขึ้นลง เสียดสีกับส่วนที่ชูชันอย่างจงใจ เสียงครางหนัก ๆ จากอีกฝ่ายเรียกรอยยิ้มหวานกว่าเดิม ก่อนที่มือนั้นจะจัดการจับเชือกมัดรัดส่วนโคนไว้แน่นเชิงห้ามปลดปล่อย

“อา…อย่ะ…” เสียงร้องแหบแห้งพยายามจะห้าม ใบหน้าแกร่งนิ่วลงเล็กน้อย ร่างสูงขยับตัวอย่างยากเย็น แม้สภาพอากาศไม่ได้ร้อน เนื่องจากมีเครื่องปรับอากาศอย่างดีในห้อง แต่ภายในตัวเขา กลับรู้สึกร้อนผ่าวจนมึนไปหมด มันเป็นความร้อนที่ต้องการการระบายออกเสียด้วย

…ยาที่ได้รับนั้นแรงจริง ๆ แถมตอนไหน เขาก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!

เสียงกระซิบแผ่วที่ข้างหูพร้อมปลายลิ้นชื้นนุ่มที่แทรกเข้ามาทำให้เขาสะดุ้ง “ถ้าถ่ายวีดีโอคุณโดนทำ SM ไว้แบล็คเมล์ คงจะสนุกดีนะ?”

“คิดว่า…แค่นี้ จะให้ฉันบอกที่ซ่อนของได้งั้นเหรอ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้ลมหายใจระอุอุ่นปะปนด้วยความต้องการยังบงการร่างกายเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาคิดจะยอมแพ้

เรื่องนี้เท่านั้น…ที่เขายอมไม่ได้

“ก็คงต้องลองดู” คนตอบยิ้มหวานรับ

“อยากจะทำอะไรก็ทำ จะถ่ายคลิปวิตถารลงเน็ตก็ตามสบาย ผมจะประกาศไปเอง ว่านี่คือรสนิยมของผม คุณทำไปก็ไม่มีผลอะไรหรอกน่า”

คนฟังหัวเราะคิก “คุณนี่ยอมรับอะไรได้ง่าย ๆ จริงซะด้วย ไม่หรอก ชั้นไม่ทำแบบนั้นแน่”

“ปล่อย..ผม…นะ!” เขาย้ำทีละคำด้วยเสียงเข้ม

“ถ้าปล่อย คุณก็ข่มขืนชั้นพอดีสิ ยานี่น่ะ…แรงไม่เบาหรอกนะ คนพูดมองเบื้องล่างที่ตื่นตัวจนน่าอึดอัดแทนของชายหนุ่ม ส่วนปลายที่ปริ่มน้ำสั่นระริก ยามถูกดีดเบา ๆ ด้วยนิ้วเรียว ร่างหนาก็กระตุกเฮือก

“ตอนแรกชั้นกะจะมาแค่ขโมยของ แต่คุณกลับจะวางยา…และ…นี่คือวิธีการตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อ…ไม่เกี่ยวกับการขโมยที่ตั้งใจไว้ ดังนั้นสบายใจได้ ถ้าชั้นพอใจเมื่อไหร่ คุณก็เป็นอิสระ”

“จะให้ผมเลี้ยงข้าวขโมยฟรี ๆ แล้วบอก เชิญเอาทุกอย่างไปเท่าที่ต้องการได้เลย แทนงั้นเหรอ”

“หึ ชั้นไม่หวังขนาดนั้นหรอก…ก็แค่…จะมาขโมยหัวใจของคุณก็เท่านั้น”

“ใครจะไปเชื่อ!”

“เดี๋ยวพิสูจน์ให้ดูก็ได้” คนว่ายังคงยิ้มหวาน มือเรียวดึงแส้ออกมาจากในกระเป๋า ใช้ปลายแส้ไล้ไปทั่วแผ่นอกแกร่ง

“รูปร่างของคุณนี่…ดีจริง ๆ นะ ไม่คิดเลย ว่าจะซ่อนรูปได้ขนาดนี้” ว่าพลางตวัดแส้ในมือดังเพียะ สร้างรอยแดงตัดขวางที่หน้าท้องแบนราบ เล่นเอาอีกฝ่ายกัดฟันกรอด

“คุณกำลังคิดว่า อย่าให้หลุดไปได้นะ …ใช่มั้ย” ว่าพลางเหวี่ยงแส้ลงบนอกกว้างนั้นอีกไม่ยั้ง เรียกเสียงร้องจากอีกฝ่ายได้ชะงัดนัก

ร่างบนเตียงหอบหายใจถี่ แนวยาวสีแดงพาดซ้ำซ้อนจนแทบห้อเลือด เจ็บ…นั้นไม่เท่าไหร่…แต่เจ็บ แล้วมันยิ่งกระตุ้นความต้องการของเขา ให้มากขึ้นกว่าเดิม…สิ่งนี้ต่างหาก ที่เขาจะทนไม่ไหว

“ร้อนแรงยังไม่พอ?” ปลายแส้ที่กดต่ำ ถูไถส่วนตื่นตัวเบื้องหน้าไปมา จะขยับหนีก็ไร้หนทางไป ได้แต่จำยอมอดทนอดกลั้นต่อไปอีก

หากอีกฝ่ายกลับไม่ยอมเว้นช่วงให้หายใจ เมื่อเริ่มหยิบเทียนในกระเป๋าขึ้นมา แล้วจ่อจุดด้วยไฟแช็คจนสว่างวาบ

มือคล่องแคล่วเอนเอียงตัวเทียนจนเปลวของมันแทบจะจ่อกับร่างกายเบื้องล่าง ร้อน…วูบวาบไปหมด น้ำตาเทียนที่หยาดหยดลงไป ทีละหยด…แข็งตัวรวดเร็ว แต่ทิ้งความแสบลึก ชายหนุ่มร้องสุดเสียง เมื่อมือข้างนั้น เลื่อนลงต่ำ จดจ่อปลายเทียนที่ส่วนอ่อนไหวที่ตั้งชันนั้น

คราบแผ่นเทียนที่หยดลงถูกแกะออกทีละน้อย ก่อนไล้เลียซ้ำด้วยลิ้นนุ่ม ร่างกายที่พยายามข่มกลั้น ยิ่งเริ่มหมดความอดทน บั้นท้ายสวยก้าวคร่อมเหนือร่างเขาอีกครั้ง ปลุกเร้าแก่นกายตื่นตัวนั้นด้วยปลายลิ้น สะโพกแข็งแรงเกร็งแน่น อึดอัดกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

คราวนี้สติของเขาเริ่มไม่หลงเหลือแล้ว มีเพียงความต้องการที่บดบังทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ร่างกายที่ต่อต้านอย่างรุนแรงดิ้นรน ฉุดกระชากแขนขาที่ไม่สามารถขยับได้ดังใจนั้นตลอดเวลาจนแทบได้เลือด คิระมองคนบนเตียงอยู่เป็นครู่ รู้ดีว่าตอนนี้ คงพูดจากันไม่รู้เรื่องแล้ว

ร่างบางโน้มตัวลงจูบที่ข้างแก้มพลางพึมพำ “ไม่ต้องห่วงนะ ชั้นจะช่วยคุณเอง” ใบหน้าสวยยิ้มให้ ก่อนจะค่อย ๆ ไขกุญแจปลดปล่อยคนคลุ้มคลั่งนั่นให้เป็นอิสระ

ทันทีที่เคลื่อนไหวได้เป็นปกติ ฮิโรอากิที่โดนวางยา ก็ทำตามความปรารถนาที่ซ่อนเร้นทันที ร่างบอบบางที่เปลือยเปล่าถูกกดลงกับเตียงโดยแรงตามกระแสความบ้าคลั่ง สัญชาตญาณดิบที่เก็บกดมานานเริ่มแสดงออก นิ้วหยาบแทรกลึกรวดเดียวจนคนบนเตียงแทบหวีดร้อง  ขาที่โดนตรึงด้วยแขนแข็งแรงราวคีมเหล็ก ทำให้ไม่ว่าจะดิ้นรนสักเพียงใด ก็ไม่อาจจะหลุดจากเงื้อมมือนั้นได้

แต่เขาไม่ได้คิดจะดิ้นรน

ไม่ได้คิดจะหนีด้วย

เพราะการปลดปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ ผลของมัน เขาย่อมรู้ซึ้งเป็นอย่างดี ยาชนิดนี้แรงมาก…และคนที่ได้รับยานี้ ก็จะไม่หยุด…จนกว่าราตรีกาลจะผ่านพ้น

การปล่อยอีกฝ่ายออกมา จึงดูราวกับจงใจฆ่าตัวตายเสียอย่างนั้น
แต่คิระคิดจะทำอะไร คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้…

ร่างบอบบางปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการตามความปรารถนานั้น อย่างรุนแรง..และไม่มีการหยุดยั้งแม้เพียงเสี้ยววินาที

“อ๊า!!!” เสียงใสกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายที่บอบช้ำไม่ได้ต่อต้านเลยสักนิด รู้ดีว่าหากยิ่งไม่ให้ความร่วมมือ จะยิ่งทรมานกว่านี้หลายเท่านัก เขาเคยเห็นกระทั่งว่า คู่นอนของคนที่ได้รับยา ถูกบีบคอจนตายคามือ

แรงกระแทกที่ถาโถมเข้าใส่สร้างความเจ็บปวดแค่ไหน เขาไม่ได้ใส่ใจ จวบจนสติเลือนราง อีกฝ่ายก็ยังคล้ายไม่เลิกรา หน้าใสเหยียดยิ้มเย็นชาให้กับตัวเอง ความทรมานแค่นี้ ไม่ทำให้เขาพังทลายลงไปได้

นี่เป็นเกม…และการเดิมพันของเขา

ยิ่งเสี่ยง โอกาสชนะยิ่งสูง

และ..ท้ายที่สุด เขาจะต้องเป็นผู้ชนะ!

คิระหัวเราะเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหมดสติไปทั้งอย่างนั้น


…………………………………………….


กว่าฮิโรอากิจะรู้สึกตัวอีกครั้ง ยามเช้าก็มาเยือนแล้ว เขาขยับตัวอย่างอึดอัด รู้สึกปวดแปลบไปทั้งร่าง สมองมึนงงแทบจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอชายหนุ่มลืมตามองก็แทบสะดุ้งผุดลุกขึ้นนั่ง สภาพเตียงที่ยุ่งเหยิง และร่างบอบบางที่บอบช้ำและไม่ได้สติ

นี่เขาทำอะไรลงไป?

สภาพอีกฝ่ายที่เห็น ทำให้เขาคิดหนัก ในความทรงจำอันรางเลือนเมื่อคืน หลังจากที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกปลดล็อคออกมา เขาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว

รู้แค่ว่า คิระเป็นคนไขกุญแจนั่น…ทั้ง ๆ ที่รู้ ว่าอันตรายมาก

คน ๆ นั้น ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน เรียกคะแนนความสงสารงั้นเหรอ?
ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทำไมต้องลงทุนอะไรมากขนาดนี้ด้วย?

และแล้ว..ความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะทุกอย่าง ชายหนุ่มถอนใจยาว ก่อนจะตัดสินใจโทรตามหมอที่รู้จักกัน


………………………………………………….
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 4/1 อัพ 24-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 24-02-2010 14:45:57
 :pighaun: :m25: :jul1:

เคะราชินี ช่างยั่ว

หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 4/1 อัพ 24-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 24-02-2010 23:30:35
อีกคนนึงแล้ว

เหยื่อ!

บวกไปอีก 1 แต้มเช่นเคยจ้า
ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 4/2 อัพ 25-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 25-02-2010 16:37:11
(ตอนที่ 4/2)

นัยน์ตางามลืมขึ้นช้า ๆ เจ็บระบมไปทั้งตัว ทั้งข้างนอกข้างในจนถึงส่วนลึก แขนขาแผ่นอก ทั่วร่างที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนขบกัดจนเป็นแผล แต่ทุกส่วนได้รับการรักษาและปิดผ้าพันแผลไว้แล้ว แขนข้างหนึ่งถูกโซ่รั้งเมื่อพยายามจะขยับ พอมองให้เต็มตา ก็พบว่ากุญแจมือติดโซ่ยาวของเขา ถูกใช้เป็นเครื่องพันธนาการตัวเขาเองเสียแล้ว

“ฟื้นแล้วงั้นเหรอ” ร่างสูงที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียงมองมา ด้วยท่าทีที่ไม่ว่างใจกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าคงนั่งมองเขามานานแล้ว

“อึก...” เสียงครางแผ่วเมื่อเขาพยายามขยับตัว จนอีกฝ่ายอดไม่ได้ ต้องจับร่างนั้นกดลงไปให้นอนต่อ

“ปล่อยสิ…ชั้นจะกลับแล้ว” เขาพึมพำเสียงอ่อนแรง แม้จะพยายามลุกอย่างไร ก็สู้แรงจากฮิโรอากิไม่ได้ แต่ถึงชายหนุ่มปล่อยมือ ก็ยังไปไม่ได้อยู่ดี เพราะกุญแจมือนั่น ยังล็อคแขนขาวของเขาอยู่

“เรื่องอะไรจะปล่อย” คนด้านข้างตอบเรียบ ๆ ก่อนกลับไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ดังเดิม

ดวงตากลมโตวาววาบขู่ฟ่อ ดุจแมวน้อยถูกต้อนยามโดนรังแก “ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่อยากเข้าคุก ชั้นไม่ได้ขโมยอะไรเลยนะ แล้วตอนนี้…เป็นคนที่โดนคุณข่มขืนด้วย ไม่ว่าจะไปตรวจร่างกายที่ไหน คุณก็โดนข้อหาเต็ม ๆ”

คนมองมาแย้มยิ้มขบขัน “นายต่างหาก ที่เป็นคนบุกรุกบ้านฉัน”

“อ้อ งั้นเหรอ ถ้าชั้นให้การว่า นายวางยาชั้นที่ร้านอาหาร มีพยานและกล้องวงจรปิดถ่ายไว้ด้วย แถมยังอุ้มกลับมาบ้าน แล้วข่มขืนซ้ำอีก หลักฐานขนาดนี้ คงดิ้นไม่หลุดหรอก" ว่าพลางหันมาต่อรองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "แต่ถ้านายปล่อยชั้นล่ะก็…ชั้นจะถือว่าเราสมยอมกัน”

ร่างสูงถอนใจยาว คนเบื้องหน้าไม่ว่าจะทำอะไร ก็แปลกเกินคาดคิดไปหมด “ไม่…จนกว่านายจะบอกฉัน ว่าตอนที่ฉันกำลังคลั่ง นายปล่อยฉันทำไม”

“ก็นายดูทรมานมาก” คนตอบ ตอบโดยไม่ต้องคิดให้มากความ

“แล้วไง? ไม่เห็นมีเหตุผลเลย?” ชายหนุ่มยังไม่เข้าใจ

ร่างบอบบางยิ้มน้อย ๆ “เพื่อความเสมอภาคไงล่ะ นายวางยาชั้น…ชั้นก็วางยานายกลับ ชั้นเล่นซาดิสม์กับนาย ชั้นก็ยอมให้นายระบายออกหลังจากนั้น มันก็แค่นี้เอง”

“และเพราะชั้นมันเป็นคนมาโซ แถมไม่มีเหตุผลด้วย ดังนั้น…สิ่งที่นายทำ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

หากฮิโรอากิยังไม่หมดคำถาม จะว่าไปแล้ว เขามีคำถามตั้งมากมายอยากถามคนเบื้องหน้า แต่ก็ยังรู้อีกว่าถึงจะถามไป อีกฝ่ายก็คงไม่ตอบอยู่ดี

“แล้วเรื่องขโมย…?”

คนบนเตียงจ้องกลับมาแล้วถามอย่างจริงจัง “หัวใจนายยังอยู่รึเปล่าล่ะ”

คนฟังอึ้งไปเล็กน้อยกับคำถาม ไม่แน่ใจนัก ว่าคิระหมายถึงอะไร “ถ้าหมายถึงหัวใจที่เต้นอยู่ตอนนี้ มันก็ยังอยู่”

คิระหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน “ก็แสดงว่า ชั้นยังขโมยไม่สำเร็จ มันก็แค่นั้น” เขาตอบอย่างง่ายดาย ก่อนจะเอนกายลงบนเตียงอีกครั้งพร้อมถอนใจยาว กุญแจมือที่ล็อคแขนอยู่ ก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะเลิกใส่ใจแล้ว

"เฮ้อ...จะว่าไป เตียงนี่ก็นอนสบายดีนะ ในเมื่อนายไม่ยอมปล่อย ชั้นก็ขอยึดสักระยะก็แล้วกัน ถือเป็นค่าทำขวัญก็ได้"

หากฮิโรอากิยังตีสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่เข้าใจ ถ้าฉันควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วฆ่านายตายคาเตียงขึ้นมา นายจะว่ายังไง”

“ชั้นก็แค่ตาย คนตายยังไงก็บ่นไม่ได้อยู่แล้วนี่” คนถูกถามตอบง่าย ๆ แล้วหันไปส่งยิ้ม

“แต่ตอนนี้ ชั้นไม่ได้ตาย ดังนั้น…นายต้องรับผิดชอบชีวิตชั้น จนกว่าจะหายดี ได้มั้ยล่ะ” เขาว่าพลางส่งยิ้มหวานกลับมาให้

ดวงตาระแวดระวังมองมาอีกครั้ง “ตั้งใจจะใช้ช่วงเวลานี้ ขโมยของล่ะสิ” ชายหนุ่มพูดดักคอ

“ใช่” คนบนเตียงตอบรับไม่มีปิดบัง “ก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว …ว่าแต่จะให้อยู่รึเปล่าล่ะ”

"ถ้ามีค่าตอบแทนให้บ้าง อยากจะอยู่นานแค่ไหนก็ตามใจ" ฮิโรอากิตอบในที่สุด ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเช่นกัน "เผลอ ๆ ระหว่างที่นายกำลังพยายามขโมยของ ๆ ฉัน ไม่แน่นะ ฉันอาจจะขโมยหัวใจนายสำเร็จก่อนก็ได้"

"ก็ลองดูสิ ว่าใครจะขโมยของใครได้ก่อนกัน" คิระตอบยิ้ม ๆ "ส่วนค่าตอบแทน...ชั้นให้ได้แค่ร่างกายนี้ อยากจะกอดตอนไหนก็เชิญตามสบาย" เขาว่าพลางหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายไม่ทันจะได้โต้แย้งใด ๆ คงเพราะสภาพร่างกายที่ยังไม่ฟื้นคืนดีด้วยนั่นเอง

คนมองส่ายหน้าอย่างระอาเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าคนผู้นี้...ทำให้เขาสนใจจริงจังขึ้นมาแล้ว!


....................................


วันรุ่งขึ้นมีพิธีแถลงข่าวซอฟแวร์ตัวใหม่ของบริษัท ที่เขาเองต้องเป็นประธานในงาน แม้จะไม่อยากออกไปโดยทิ้งคิระไว้ลำพัง แต่มันก็จำเป็น ฮิโรอากิในชุดสูทสีขาว หันไปมองดวงตากลมโตที่อยากรู้อยากเห็นนั้น พลางพูดขึ้นว่า “ชั้นจะออกไปข้างนอก นายรออย่างสงบเสงี่ยมในห้องนี้ก็แล้วกันนะ”

“นั่นน่ะ ก็ได้อยู่ แต่ทำไมชั้นต้องใส่ชุดแบบนี้ด้วยล่ะ?” เสียงใสถามแย้งขึ้น มีแววแห่งความหงุดหงิดเล็กน้อย ที่ไม่ได้ทำตามใจชอบอย่างที่คิด

“ก็นายบอกเองนี่นา ว่าตอบแทนได้แค่ร่างกาย นักธุรกิจอย่างฉัน ก็ต้องหาทางใช้ร่างกายนี้ให้คุ้มค่าสิ” ฮิโรอากิพูดหน้าตาเฉย ดวงตาคมมองคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ มือแข็งแรงผูกปลอกคอห้อยกระดิ่งให้ที่คอ ตัวปลอกคอนั้นมีโซ่ยาวติดอยู่ด้วย

ร่างบอบบางบนเตียงในตอนนี้ จึงสวมแค่กางเกงตัวจิ๋วแนบเนื้อที่มีหางยาวสีดำสนิทต่อเชื่อมเพียงตัวเดียว แถมยังมีหูแมวเสียบอยู่ด้านบนอีกต่างหาก

“หึ เล่นด้วยก็ได้” หนุ่มน้อยในชุดแมวเหมียวฉีกยิ้มหวาน แววตาท้าทายนั่น มองทีไรฮิโรอากิก็นึกอยากจะกำหราบให้อยู่หมัด ให้นอนหมดสภาพใต้ร่างเขาซะทุกที

“แต่งแบบนี้แหละดี จะได้หนีไปไหนไม่ได้” เขาพูดต่อแกมหัวเราะ จนอีกฝ่ายแอบค้อนให้อย่างงอน ๆ “ที่สำคัญ คนป่วยน่ะ ต้องนอนนิ่ง ๆ เฉย ๆ ไม่งั้นจะไม่หายนะ” เขาพูดต่อเรื่อย ๆ ขณะกำลังแต่งตัว ดูมาดดีไม่เลวเลยทีเดียว ผิดกับท่าทางที่เห็นในรูป หรือชุดสบาย ๆ ที่ใส่ตอนทำงานลิบลับ

“รู้แล้วน่า แต่ว่า…แต่งแบบนี้…มันหนาวนะ…แล้วก็…ทำให้มีอารมณ์ด้วย” แมวหนุ่มน้อยในตอนนี้พึมพำเสียงแผ่ว มีหอบปะปนน้อย ๆ อีกด้วย จนคนมองเริ่มแอบหมั่นไส้ มือหนาคว้าหมับที่โซ่เส้นสั้นติดปลอกคอ ซึ่งเจ้าตัวสวมอยู่ ดึงขึ้นมา

“แง้ว!”

“นายนี่ อย่าซนเชียวนะ” ว่าแล้วก็ล็อคปลายโซ่เส้นนั้นอีกด้านเข้ากับเสาหัวเตียง

คนโดนล่ามพึมพำกระปอดกระแปด “นายห้ามแมวไม่ให้ซนไม่ได้หรอกน่า เออนี่  แล้วเขาก็ไม่เอาปลอกคอล่ามแมวกันหรอกนะ นั่นมันของหมาต่างหาก”

“กับแมวเชื่อง ๆ ก็ไม่ต้องหรอก แต่กับนาย…ไว้สักพักค่อยว่ากันอีกที” เขาว่าพลางเปิดประตูออกไป “เป็นเด็กดีอยู่เฉย ๆ ล่ะ แล้วฉันจะรีบกลับ”

“เมี้ยว!” แมวน้อยตอบรับ เล่นเอาคนกำลังจะก้าวออกจากห้อง หลุดขำออกมาจนได้

ประตูปิดลงอีกครั้ง คนบนเตียงถอนใจยาวพลางหยิบหางที่ยาวนั้นมาหมุนเล่น “ฮึ ของสั่นได้ออกจะเร้าใจกว่า ทำไมไม่หามาให้ใส่บ้าง”

“นอนดีกว่า” เขาพึมพำอีกครั้งราวแมวขี้เซา ก่อนจะซุกตัวลงบนที่นอนหนานุ่มนั้น โดยไม่ใส่ใจจะทำอะไร กระทั่งหาของตามที่ได้รับมอบหมาย

…เพราะคิระรู้ดี ว่าหากคนขององค์กรยังหามันไม่เจอ เขาที่ไม่ได้ชำนาญทางด้านนั้น ไม่มีทางหาเจอ
นอกซะจากว่า…ฮิโรอากิ จะบ่งบอกที่ซ่อนออกมาเอง
และนั่น…คือหน้าที่ของเขา

ร่างบอบบางในชุดแมว จึงนอนขดตัวหลับปุ๋ยอย่างสบายบนเตียงนั้น ฆ่าเวลาเพื่อรอการกลับมาของฮิโรอากิในห้องอย่างสบายใจ

ในตอนนั้น ฮิโรอากิที่เปิดประชุมในฐานะประธานเรียบร้อยแล้ว ก็แอบมองสภาพห้องตัวเอง ผ่านทางโน้ตบุ๊ค ที่เชื่อมสัญญาณกับกล้องวงจรปิดในห้องอย่างตั้งใจ

ภาพที่เห็นในคอม ฉายส่วนเตียงชัด โดยเฉพาะร่างที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ เจ้าแมวน้อยของเขา…ที่ยังคงไม่ได้ลุกออกจากเตียงเลยสักก้าว

ช่างนอนได้มีความสุขดีแท้

ดูได้สักพัก เขาก็เริ่มสังเกตสิ่งผิดปกติบนเตียง ใต้ผ้าห่มร่างนั้นเริ่มนอนอยู่ไม่สุข มีการขยับไปมา แม้ไม่รู้ว่าทำอะไร แต่สีหน้าแดงเรื่อนั้นก็ได้ใจไปเต็ม ๆ คนดูเริ่มร้อนผ่าว ราวกับว่าคิระ รู้ว่ามีกล้องแอบถ่ายอยู่ภายใน ผ้าห่มผืนหนาถูกตลบพับไปอีกข้าง เผยให้เห็นร่างบนเตียงชัดเจนขึ้นอีก

“อึก…ฮิ…โระ…” นิ้วเรียวลูบไล้ผ่านผ้าผืนน้อยนั้นเนิบช้า ขยับลูบไล้ไปมาจนเคลิบเคลิ้ม

ลิ้นนุ่มเลียปลายนิ้ว ดูดดึงยั่วยวนจนเปียกชื้น ร่างบอบบางพลิกตัวคว่ำลง ยกสะโพกขึ้นสูงก่อนนิ้วแสนซนนั้นจะแทรกเข้าผ่านกางเกงตัวน้อยนั้น ลึกเข้าไปภายในร่างกายอย่างช้า ๆ โชว์เต็ม ๆ ราวรู้ตำแหน่งกล้องแอบถ่ายเป็นอย่างดี

“แง้ว…อือ…” สะโพกสวยยักย้ายส่ายไปมา หางแมวที่ขอบกางเกงกวัดไกวยั่วยวนกลาย ๆ

เสียงใสแกล้งร้องแบบแมวเข้าไปอีก เล่นเอาชายหนุ่มที่แอบเสียบหูฟังดูภาพอยู่แทบสะดุ้ง แมวอะไร ยั่วได้ขนาดนี้ คนดูกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอเอื้อกใหญ่ รู้สึกหน้าร้อนผ่าว ร้อนลึกไปถึงข้างในกางเกงเลยทีเดียว

ในที่สุดเขาก็อดรนทนไม่ได้ มือปิดคอม แล้วผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง

“ท่านประธานครับ จะไปไหนน่ะครับ” เลขาคนสนิทกระซิบถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกออกจากที่ก่อนเวลาตามกำหนดการ

ชายหนุ่มพูดหน้าตาย “ฉันลืมแมวทิ้งไว้ในห้อง แล้วไม่ได้ให้อาหารไว้น่ะ ฝากจัดการที่นี่ต่อด้วยนะ” ว่าแล้วเขาก็ผลุนผลันออกไปอย่างรวดเร็ว ดีที่งานเปิดตัวนี้ จัดในตึกที่พักเขาเอง แต่เป็นชั้นล่าง เขาจึงไม่ได้ใช้เวลาในการมาถึงห้องส่วนตัวมากนัก
 
ประตูห้องนอนเปิดออกอีกครั้ง คนบนเตียงเริ่มมีรอยยิ้ม เสียงร้อง “เมี้ยว” ทักขึ้นทันที ทั้ง ๆ ที่มือยังไม่หยุดขยับในท่าเดิม ลมหายใจอุ่น ๆ ขาดห้วงน้อย ๆ แกมหอบ เร้าอารมณ์คนฟังได้ดีเป็นพิเศษเลยทีเดียว

หนุ่มเจ้าของห้องมองร่างบนเตียงด้วยสายตาดุ ๆ พลางพึมพำ “นายนี่นะ…”

เสียงร้องแง้วดังกว่าเดิม ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอน้อย ๆ ส่งมาให้อย่างออดอ้อนเชิงยั่วยวน

เสื้อสูทถูกเหวี่ยงออกไปจากตัว ตามด้วยเสื้อและกางเกง เมื่อฮิโรอากิก้าวขึ้นบนเตียงราวโดนดึงดูด คนตรงหน้า…ช่างยั่วได้เก่งเสียจนเขาแทบคลั่ง แม้จะยังไม่ไว้ใจแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่อาจละความสนใจจากคน ๆ นี้ไปได้เลย

ไม่เลยแม้เพียงเสี้ยววินาที!

คงเพราะเจ้าชุดนั่น ดึงดูดและปลุกอารมณ์ให้กับเขาเป็นพิเศษ เจ้าแมวน้อยแสนสวยของเขา …ช่างเหมือนแมวจริง ๆ เอวคอดกิ่วคลานสี่ขา ยกสะโพกสูงส่ายไปมาจนเขาแทบจะหยุดใจตัวเองไม่ได้

ทั้ง ๆ ที่คราวนี้ ไม่ได้มีการใช้ยาใด ๆ

เพียงแค่ลูบไล้ ร่างกายนั้นก็ยิ่งตอบรับ มือเขาค่อย ๆ แทรกเข้าทีละน้อย แล้วจึงพบว่า ช่องทางที่เปิดกว้างจากการใช้นิ้วผ่อนคลายเมื่อครู่ พร้อมกว่าที่คิด โดยไม่ต้องรีรอสิ่งใดอีก ชายหนุ่มตัดสินใจเข้าหาจากทางด้านหลังอย่างเชื่องช้าหยั่งเชิง

“แง้ว!!!” เสียงใสร้องเป็นเสียงแมวอีกแล้ว..ช่างน่ารักน่าแกล้ง น่าทำรุนแรงเสียจริง

แผ่นหลังที่ขาวเรียบลื่นน่าลูบไล้ที่แนบชิดขยับเสียดสีแผ่นอกเขาไปมาเนิบช้าตามการขยับตัวของเขาเอง บั้นท้ายกระชับยกสูงรับ เมื่อการล่วงล้ำจากด้านหลังนั้นแทรกเข้าสู่เบื้องลึก กระแทกกระทั้นไปจนสุดทางคับแคบ เสียงหวานครางแผ่วแทบไม่เป็นภาษา เพราะใบหน้าเนียนใสนั้นยังคงซุกลงกับหมอนนุ่ม แถมกัดงับบางส่วนของหมอนนั้นไว้เชิงห้ามเสียง

“อื้อ!!..อื้อ!!!” ดวงตาหวานฉ่ำไปด้วยน้ำตาคลอ ความเป็นชายที่ตื่นตัวเต็มที่ในร่างกายเขา ทั้งสร้างความอึดอัดและวาบหวามสุดจะทน สะโพกบางเกร็งน้อย ๆ ทั้งบีบรัดโอบล้อม สัมผัสอุ่นระอุเริ่มร้อนผ่าว เมื่อความต้องการสูงกว่าเดิม

แขนบอบบางพยายามทรงตัวยันกายขึ้นต้านทานอย่างยากเย็น หากถูกมือแกร่งกดหัวไหล่ของเขาแนบกับที่นอนจนยากจะดิ้นหลุด แรงสวนกลับนั้นมาไม่มียั้ง ความอึดอัดที่แทรกเข้า บีบบังคับขาสั่นระริกในท่ากึ่งคุกเข่าขยับอ้ากว้างกว่าเดิม

เจลใสถูกบีบราดเพิ่มลงที่ร่องก้น ก่อนมือหนาจะบีบเค้นบั้นท้ายเนียนแกมกระตุ้นซ้ำ เร่งเร้าเติมไฟร้อนในอารมณ์ การขยับที่รุนแรงเสียดสีจนเริ่มชา หากจอมมาโซด้านล่างเองกลับต้องการมากกว่านี้

“อ๊า…แรงอีก!” สะโพกเนียนขยับยกสูงขึ้นท้าสู้รับ คนทำด้านบนผ่อนลมหายใจยาว ก่อนแทรกเข้าหาถี่กว่าเดิม

มือแกร่งโอบเอวบางแนบชิด กดบั้นท้ายแข็งแรงดันแทรกลึก เรียกเสียงกรีดร้องแหลมได้อีกชะงัด เขาคว้าโซ่ที่ปลอกคอดึงรั้งให้เงยขึ้น ปากระอุอุ่นแนบชิดปากแดงเรื่อ ขยี้บดเบียดซ้ำ ลิ้นชำนาญแทรกเข้าหาลิ้มรสชาติหอมหวานภายในจนทั่ว จูบแล้วผละออก มือนั้นกลับดึงโซ่รั้งไว้ แล้วจูบซ้ำอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า

ร่างบางผ่อนลมหายใจออก ค่อยระบายความต้องการภายในที่อัดแน่น มืออีกข้างที่ว่างของคนด้านบน ล้วงลึกผ่านกางเกงตัวน้อย เค้นคลึงแกมรูดรีดเร้นส่วนไวต่อสัมผัสเบื้องหน้าของร่างด้านล่างไม่มีหยุด เสียงร้องขาดห้วงดังเป็นระยะ เมื่อจุดวิกฤติใกล้มาเยือน

“อ๊า..อึก…อื้อ….!!” สะโพกแกร่งสวนเข้าหาหนักหน่วง ยามช่วยกระตุ้นข้างหน้าของอีกฝ่ายไปพร้อม ๆ กัน สัมผัสที่เร่งเร้าถึงสองทาง เล่นเอาคนด้านล่างแทบทรงตัวไม่อยู่ จึงถูกรั้งขึ้นมานั่งตักแทน ริมฝีปากอุ่นจูบไซร้ซอกคอขาว ประทับรอยย้ำซ้ำรอยเก่า ที่ทิ้งไว้ในคราวก่อน

เรือนร่างบอบบางกระตุกเฮือก เสียงร้องแทบหลุดหาย พอ ๆ กับเรี่ยวแรงที่ลดลงหลังการเกร็งกระตุกจนปลดปล่อยไปพร้อม ๆ กัน ร่างหอบถี่ซบแนบไหล่กว้าง ดวงตาหรี่ปรือแทบลืมไม่ขึ้น ไร้สิ้นเรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง

“หมดแรงแล้วเหรอ เจ้าแมวน้อย” เสียงแซวข้างหู เล่นเอาหูแมวแทบกระดิก ดวงตาดุ ๆ ค้อนควับ แทบจะหันไปงับอีกฝ่ายเอาถ้าแรงเหลือ

“ขี้โกงนี่นา…คราวหน้า…ไม่ยอมให้ทำแบบนี้แน่” คนโดนแหย่พูดฝากไว้ ก่อนจะหลับใหลไปทั้งอย่างนั้น

คนบนตักเงียบไปแล้ว เมื่อร่างแกร่งช้อนตัวคนหลับขึ้นมาวางนอนบนหมอนอีกครั้ง

“หลับง่ายจริงเชียว” เขาพึมพำ มือเกลี่ยไรผมเปียกชื้นยุ่งน้อย ๆ นั้นให้เข้าที่ ก่อนจะปล่อยให้นอนต่อโดยไม่รบกวนอีก

ดวงตาอ่อนโยนลงมองไปยังร่างนั้น…ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขาถูกใจคนผู้นี้…มากกว่าที่คิด

กับดักรึเปล่า? หรืออะไรกันแน่?

แต่ไม่ว่าคิระคนนี้ จะเข้าใกล้เขา ด้วยจุดประสงค์อะไร
ในตอนนี้ คิระ ก็เป็นของเขา

ใช่…ยังเป็นของเขา อีกสักระยะ

จะอย่างไร เขาก็ยังกำไรอยู่ ชายหนุ่มคิดแล้วยิ้มให้กับตัวเองอย่างเยือกเย็น

………………………………………………………………………


เป็นเวลานานแล้ว ที่ฮิโรอากิยังคงง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์ตรงหน้าโดยแทบจะลืมเลือนคนบนเตียงด้านข้างไปแล้ว แม้ว่าจะถูกจับจ้องด้วยดวงตาคู่งามนั้นอยู่ตลอดเวลา คิระที่นอนอยู่บนเตียง ยังคงสวมปลอกคออยู่เหมือนเดิม แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นแต่อย่างใด นอกจากจะยืดตัวแล้วบิดร่างกายน้อย ๆ อย่างเกียจคร้าน ไม่ต่างไปจากแมวตัวหนึ่ง แล้วขดตัวนอนตาปรือ มองเขานั่งทำงานอยู่เงียบ ๆ

ตาคมลอบมองหนุ่มน้อยคิระ ที่ตอนนี้ ดูเหมือนแมวมากกว่าคนเสียอีก อย่างครุ่นคิด

กว่าจะหมดฤทธิ์…

ที่คิดเช่นนั้นก็เพราะเมื่อคืนเขาโดนเจ้าแมวจอมยุ่งปลุกกลางดึก แถมยังต้องตื่นมาอาบน้ำให้อีกต่างหาก จะไม่รับผิดชอบก็กระไรอยู่ เพราะตัวเขาเอง เป็นสาเหตุให้เจ้าแมวน้อยจอมซน รู้สึกอึดอัดภายในจนนอนต่อไม่ได้

แต่มันคงจะไม่เหนื่อยมากนัก ถ้าเจ้าแมวตัวน้อยไม่ยั่วเขาในห้องน้ำ จนต้องเหนื่อยอีกรอบ

ภาพคนตรงหน้าที่แสนจะยั่วยวนในห้องน้ำ ทำให้คนอย่างเขา…เสียแรงกว่าที่คิด

แต่นั่นก็ทำให้เขาได้ไอเดียงานชิ้นใหม่มาด้วย

และสาเหตุนั้น….จึงทำให้ชายหนุ่ม เอาแต่สนใจคอมพิวเตอร์มากกว่าเจ้าแมวตัวโปรดของเขาในยามนี้

“เมี้ยว~” เสียงแมวของเขายั่วอีกแล้ว  แถมกำลังจะเริ่มร้องประท้วงหนักกว่าเก่า เพราะถูกละความสนใจไปเสียด้วย

“เลิกร้องเป็นแมวได้แล้ว” เขาอดรนทนไม่ได้ ต้องเริ่มบทสนทนาก่อน คนคิดเกมแมวเหมียวนี่คือตัวเขา กะว่าจะแกล้งแก้เผ็ดอีกฝ่ายสักเล็กน้อย แต่ที่ไหนได้ กลับโดนเอาคืนเสียจนหมดเรี่ยวแรง

“ไม่ชอบงั้นเหรอ” เสียงใสถาม ดวงตากลมโตจ้องมองเขาตรง ๆ ร่างบนเตียงผุดลุกขึ้นนั่ง สายโซ่ที่ไม่ยาวนัก ทำให้อาณาเขตของคิระอยู่แค่บนเตียง ซึ่งเจ้าตัวก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทุกข์ร้อน

เป็นคนที่แปลกจริง ๆ

“ถ้านายยั่วฉันน้อยกว่านี้หน่อย ฉันก็ชอบอยู่หรอก” เชาพูดต่อเรื่อย ๆ นิ้วคล่องแคล่ว ก็ยังคงง่วนอยู่กับคีย์บอร์ด โดยไม่มีขาดตอน

ร่างบางเอนตัวลงบนหมอนนุ่มอีกครั้ง เสียงพึมพำแผ่วเบาตอบกลับ แทบจะไม่ได้ยิน

“ก็…ชั้นเหงานี่”

มือที่กำลังพิมพ์หยุดชะงักลง ท่าทางคนบนเตียง ดูซึมไปนิดหน่อย “นายไม่ให้ชั้นกลับบ้าน ก็ไม่เป็นไร จะล่ามชั้นไว้ ก็ไม่เป็นไรอีกเหมือนกัน แต่ว่า…อย่าทิ้งชั้นไว้คนเดียว…โดยไม่สนใจแบบนี้ จะได้ไหมล่ะ”

ดวงตากลมโตนั่นดูน่าสงสารนัก ฮิโรอากิได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็น เขาไม่อยาก...จะใจอ่อนเลย

“ขโมยก็ขี้เหงาได้เหมือนกันเหรอ” ชายหนุ่มพูดลอย ๆ บ้าง

“ฮึ ชั้นยังไม่ได้ขโมยอะไรเลยนะ” คนพูดเริ่มงอน ก่อนจะหันไปคว้าหมอนนุ่มมากอดไว้ พลางหันหลังให้

นั่นก็จริง…แล้วทำไม เขาถึงไม่ยอมปล่อยคิระไปล่ะ ทั้ง ๆ ที่แน่ใจ ว่าคิระ ไม่มีทางได้ของสิ่งนั้นไปจากเขาแน่ ๆ

แถมทำไมถึงต้องล่ามเอาไว้แบบนี้ เขากลัวคิระจะจากไปอย่างนั้นหรือ?

ไม่ใช่หรอกน่า เขาก็แค่ ต้องการจะจับตาดูผู้ต้องสงสัยคนนี้อย่างใกล้ชิด มันก็เท่านั้น

ความคิดที่น่าอึดอัดและยากจะเข้าใจของตัวเอง ทำให้เขาอดรนทนไม่ได้ ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ บิดตัวแก้เมื่อยขบ ก่อนจะหันมาหาคนบนเตียงอีกครั้ง “ฉันหิวแล้วล่ะ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

“นายก็หาสิ เกี่ยวอะไรกับชั้นล่ะ เจ้านายที่ดี ก็ต้องหาอาหารมาให้สัตว์เลี้ยงกินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เจ้าแมวน้อยจอมซนว่า พร้อมกับกระดิกขานอนรอ ดูสบายอารมณ์เสียจนน่าหมั่นไส้

“จะให้เสิร์ฟถึงเตียงเลยหรือไง” ฮิโรอากิถามเรียบ ๆ

ร่างบอบบางอมยิ้ม “ก็นายยังไม่เอาปลอกคอนี่ออก ถ้าไม่ทำแบบนั้น แล้วชั้นจะกินได้ยังไงล่ะ”

“ทำโทษอดข้าวอดน้ำสัตว์เลี้ยงซักสองสามวันดีมั้ยนะ เผื่อจะเลิกฮีทลงบ้าง” เขาแกล้งพึมพำให้ได้ยิน

“ถ้าสัตว์เลี้ยงอดข้าวอดน้ำจนตาย นายน่ะ บาปนะ จะบอกให้”

“ฉันไม่สนใจหรอก เรื่องพรรค์นั้น” เขาว่าพร้อมกับตั้งท่าจะออกไป ก่อนจะหันมาพูดยิ้ม ๆ “สัตว์เลี้ยงที่ฉลาดน่ะ ถึงเจ้านายไม่ให้ข้าวกิน ก็ต้องรู้จักขอเป็นใช่มั้ยล่ะ”

คนฟังนิ่วหน้า พลางจ้องตากลับอย่างดุ ๆ “สัตว์เลี้ยงบางประเภท ก็ยินดีที่จะอดตาย ถ้าต้องขอความกรุณาจากเจ้านายเลือดเย็นแบบนี้” ว่าแล้วก็ซุกตัวลงในผ้าห่มอีกครั้ง โดยไม่ยอมพูดจาอะไรอีก

ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ซึ้งแล้ว…ว่าจะอย่างไร ก็คงต้องประเคนถึงที่จริง ๆ …ไม่ว่าจะอาหาร หรือแม้แต่ร่างกายของตัวเขาเอง เพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ

…และทั้งหมดนั่น...ก็เพื่อให้ตัวเขาเอง พอใจด้วย…


……………………………………………………………


โต๊ะทำงานตัวเดิมที่เต็มไปด้วยเอกสาร ยังคงมีร่างสูงของฮิโรอากินั่งทำงานอยู่ พักนี้เขาไม่ค่อยได้เข้ามาทำงานในนี้สักเท่าไหร่ เพราะย้ายไปทำงานในห้องนอนแทน งานประเภทออกแบบซอร์ฟแวร์ เพียงแค่มีโน้ตบุ๊คอยู่ด้วย เขาก็สามารถทำงานได้แล้ว

แต่นาน ๆ ที เขาก็ยังต้องมาจัดการกับเอกสารมากมายก่ายกองนี้สักครั้ง ตามประสาประธานบริษัทที่ดีนั่นเอง

“ทางผู้ผลิตซอร์ฟแวร์ รายงานมาว่า เกมใหม่ล่าสุดที่เป็นไอเดียของท่าน ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก”

ร่างสูงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้พลางอมยิ้ม “งั้นเหรอ ไม่แปลกหรอก ที่จะเป็นที่นิยม” มันคือเกม…ต้นแบบ ที่เขาเขียนขึ้น จากชีวิตจริงสด ๆ ร้อน ๆ ในสัปดาห์นี้

หากเลขาหนุ่มยังคงมองมาอย่างสงสัย พลางถามต่อ “ตอนนี้ท่านประธานเลี้ยงแมวหรือครับ”

“หะ..หา อ๋อ ใช่ พอดีเก็บได้จากแถวนี้น่ะ” ชายหนุ่มแก้ตัวทันควัน พลางมองคนฝั่งตรงข้าม อย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะสงสัย

“มิน่าล่ะ คาแรกเตอร์ของมันถึงได้…สมจริงขนาดนี้” คนถามพูดต่ออย่างชื่นชม เล่นเอาคนฟังหันมามอง

“อย่าบอกนะ ว่ากระทั่งนาย…ก็ติดเกมนี้ด้วย? คุโรยาชิ?”

เลขาหนุ่มเกาแก้มอย่างเขิน ๆ พลางพึมพำ “แมวที่ร้อนแรงขนาดนี้…เป็นใคร ก็อยากได้เป็นเจ้าของทั้งนั้นแหละครับ”

“นั่นสินะ” ชายหนุ่มรับคำอย่างเลื่อนลอย ด้วยจินตนภาพกำลังลอยไปไกล…ถึงบนเตียงในห้องส่วนตัวแล้ว

“ฉันว่าจะพักสักหน่อย แล้วคืนนี้ จะออกแบบเกมเวอร์ชั่นสองเพิ่ม ไอเดียกำลังมา ต้องทำให้ต่อเนื่อง คุโรยาชิ ฝากจัดการงานที่เหลือด้วยนะ” ฮิโรอากิสั่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบจากไปโดยทิ้งท้ายไว้ว่า “ต้องรีบไปให้อาหารแมวด้วย พักนี้มันกำลังกินกำลังโต”

ท่าทางเหมือนคุณพ่อมือใหม่ ทำให้เลขาส่วนตัวอดขำไม่ได้ เมื่อเห็นร่างสูงก้าวฉับ ๆ อย่างเร่งรีบจากไป เจ้าแมวตัวนั้น….คงเสน่ห์แรงไม่เบาสินะ จะยั่วได้สักครึ่งหนึ่งของเกมใหม่นั่นรึเปล่าก็ไม่รู้ เขาคิดต่อในใจ พลางแอบฝันหวานถึงเจ้าแมวยั่วที่เป็นคาแรกเตอร์หลักในเกมนั้นอย่างมีความสุข

“เมี้ยว” เสียงตอบรับยามเปิดประตูเข้าไป ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ทำให้เขาสดชื่นกว่าเดิมมากมายนัก

ปลอกคอยังติดโซ่และล็อคคล้องอยู่กับเตียงเช่นเคย เมื่อร่างสูงเข้ามา เขาก็ปลดกุญแจนั้นออก ร่างบอบบางนั้นโผเข้าหา พลางเลียที่ข้างแก้ม เหมือนสัตว์เลี้ยงที่ยินดียามเจ้าของกลับมา

“พอ…พอเลย คิระ” เขากันใบหน้างามนั้นไว้ พลางทรุดตัวลงนั่ง โดยมีเจ้าแมวน้อย เอนอิงอยู่บนตักราวต้องการออดอ้อนเอาใจ

“ชั้นหิวแล้ว ฮิโระคุง…” เสียงหวานยังคงอ้อนต่อ

“อื้ม เดี๋ยวจะสั่งอาหารขึ้นมานะ” ชายหนุ่มรับคำ

“ไม่เอา ชั้นจะกินนาย” คนพูดไม่พูดเปล่า แต่ขึ้นคร่อมร่างเขาแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจ ก็เล่นหิวแบบนี้นี่นะ เขาจะพูดอะไรได้

นอกจากปล่อยให้เจ้าแมวน้อยกินจนเต็มอิ่ม…เหมือนทุกวันที่ผ่านมา

เจ้าแมวน้อยหลังกินจนอิ่มเอม ก็เอนตัวนอนกลิ้งบนเตียงอย่างมีความสุข มองดูแล้วช่างน่าอิจฉาเสียจริง ฮิโรอากิมองมาพลางครุ่นคิด ก่อนจะถามขึ้นเบา ๆ ว่า “นายคิดจะอยู่ที่นี่อีกนานมั้ย”

ร่างบอบบางผุดลุกขึ้นนั่ง ดวงตากลมโตจับจ้องที่หน้าของเขาจ้องหน้าเขา…นิ่งนาน ก่อนจะถามกลับว่า

“นายรักชั้นรึยังล่ะ”

คำถามตรง ๆ เล่นเอาฮิโรอากิอึ้งไปครู่ใหญ่ คิระเอนตัวกลับลงบนเตียงแล้วหลับตา “ถ้านายยังลังเล คำตอบก็คือ…ชั้นจะยังอยู่ต่อ” เขาพูดง่าย ๆ

“ถ้าฉันบอกว่า ฉันรักนาย แล้วล่ะ” ชายหนุ่มถามต่อ

คนบนเตียงถอนหายใจ “ถ้านายรักชั้นแล้วจริง ๆ…มันก็คงถึงเวลาที่…”

คิระหยุดพูดเอาดื้อ ๆ แล้วซุกหน้าลงกับหมอน

“ถึงเวลาอะไร?”

“ไว้นายรักชั้นจริง ๆ แล้ว ถึงตอนนั้น…ก็รู้เองนั่นแหละ” เสียงพึมพำเบา ๆ ดังมาจากร่างนั้น ก่อนจะไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ อีก แล้วหลับใหลไปอย่างรวดเร็ว

ฮิโรอากิจ้องมองคนกำลังนอนอย่างสบายอารมณ์นั้น โดยไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตัวเองอย่างไรดี

เขาเริ่มตกหลุมรักเจ้าแมวน้อยตัวนี้แล้วหรือยัง?

กระทั่งตัวเอง ก็ยังตอบไม่ได้


………………………………………………………….

หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 4/2 อัพ 25-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 25-02-2010 21:32:01
ฮิโรอากิผู้น่าสงสาร ถ้ารักคิระเมื่อไรก็ต้องตายเมื่อนั้นแน่ๆเลย

ยาวสะใจ สนุกมากๆ ขอบคุณนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 4/2 อัพ 25-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 25-02-2010 22:00:37
หลอกให้รักแล้วฆ่าทิ้งหรอ เจ็บปวดดีจัง

รอลุ้นว่าคิระจะล่วงความลับจากฮิโระยังไง

ดูท่าตอนนี้ก็หลงหัวปักหัวปำล่ะ

แมวน้อยช่างยั่วเหลือเกิน น่ารัก :-[
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 4/3 อัพ 26-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 26-02-2010 18:02:17
(ตอนที่ 4/3)

เวลาผ่านไปเร็วนัก สัปดาห์หนึ่งมาแล้ว ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้ เป็นสัปดาห์ที่เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีความสุขมากจริง ๆ

แต่นั่น…ก็เพียงแค่ความสุขทางกายเท่านั้น เอ็นโด ฮิโรอากิ พยายามเตือนตัวเอง ในภาวะเช่นนี้ เขาไม่คิดจะไว้ใจใครอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีทั้งที่มาและที่ไป และยังไม่สามารถสืบหาประวัติส่วนตัวใด ๆ ได้ด้วย อย่างคิระ

น่าแปลก ที่คิระเข้ามาหาเขา โดยไม่ได้ทำอย่างอื่นที่น่าสงสัยเลย คิระไม่เคยค้นข้าวของของเขา ไม่เคยลงจากเตียง ถ้าเขาไม่ปลดล็อคกุญแจให้ ทั้ง ๆ ที่เขาพอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว ว่าหากจะมาขโมยของ ตอนเขาไม่อยู่ จะต้องปลดล็อคกุญแจปลอกคอนั่นได้ เพราะมันไม่ได้ออกแบบไว้อย่างแน่นหนาแต่อย่างใด และคาดเอาไว้ว่า หลังปลอดคน จะต้องคอยขุดคุ้ยค้นหาของสำคัญเป็นแน่

แต่คิระก็ไม่เคยทำ ร่างบอบบางเพียงนอนขดอยู่บนเตียง รอคอยการกลับมาของเขาอยู่ทุกวันเท่านั้น
รอคอยราวสัตว์เลี้ยงที่รอเจ้าของมาเล่นด้วย
รอ…ด้วยความเหงาลึก ๆ ในใจ

อันนี้เขาปฏิเสธไม่ได้ ว่าแววตางามคู่นั้น เป็นเช่นนี้จริง ๆ

แต่ว่า…จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน

แค่มาทำสนิทสนมด้วย…หรือมาหว่านเสน่ห์…มาทอดกายให้ ก็ไม่ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้
ถึงจะทำให้เขาตกหลุมรักได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะยินยอมบอกที่ซ่อนของสำคัญ

ไม่มีวันยอมคล้อยตามเด็ดขาด

จะแก้คืนด้วยการหลอกใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ก่อนจะทำลายทิ้งไปด้วยมือของเขาเอง อย่าได้คิดเลยว่าจะมาหลอกลวงกันได้ง่าย ๆ ชายหนุ่มตั้งปณิธานไว้กับตัวเองอย่างแน่วแน่

เพื่อครอบครัวที่รักของเขา ที่ต้องจากไป… เขาไม่มีวันจะเชื่อใคร มากไปกว่าตัวเองอีกแล้ว

“ท่านประธานครับ?” เสียงเลขาหนุ่มเรียกเบา ๆ ซ้ำเป็นรอบที่สาม ชายหนุ่มผู้อยู่ในภวังค์ชะงัก แล้วหันไปมองอย่างงง ๆ

“หืม มีอะไรล่ะ คุโรยาชิ?”

“คุณมิซาโกะยังคงโวยวายไม่เลิกเรื่องพินัยกรรมเลยครับ จนวันนี้ ก็ยังเดินเรื่องทั้งบนดินใต้ดิน เพื่อยื่นคำร้องต่อศาล ในฐานะทายาทอันชอบธรรมอยู่เลย”

ฮิโรอากิระบายลมหายใจยาว คน ๆ นั้นอีกแล้ว…คิดเหรอ ว่าเขาจะยอม พินัยกรรมต้องถูกสับเปลี่ยนแน่ จะอย่างไรก็ไม่มีทางยกบริษัทนี้…ที่ก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบัน ด้วยการบริหารงานของเขา ให้กับคนที่คิดแต่จะฮุบกิจการคนอื่น แค่ถือดีว่าเป็นภรรยาใหม่ที่มีทะเบียนสมรสของพ่อ แถมยังมีคนรู้จักที่มีอำนาจทางการเมือง แล้วจะมาบีบคนอย่างเขาได้งั้นหรือ

“เฮอะ ตราบใดที่ตราประทับผู้ถือหุ้นสูงสุด ยังคงอยู่กับเรา มันไม่มีทางจะครอบครองหุ้นทั้งหมดของบริษัทได้หรอก” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ “ถึงมันจะค้นจนทั่วทั้งบริษัท ทั้งบ้านพัก ทั้งตู้เซฟ …พวกมันก็ไม่มีทางเจอ”

เขาไม่กลัวมิซาโกะคนนั้นนักหรอก หากรู้ดีว่า…หญิงสาวนั้นเป็นเพียงหัวโขน ให้กับองค์กรที่มีอำนาจเหนือกว่า อย่างลับ ๆ เพราะหุ้นของบริษัทเขาในตอนนี้ ทำเงินได้มหาศาล

และนั่น…ทำให้เขาโดนหมายหัวแล้ว
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขากลัวได้

คนที่สูญเสียจนไม่มีอะไรจะเสียได้อีกแล้ว มีหรือจะต้องกลัวอะไรอีก

“ถึงฉันคนนี้จะตาย หุ้นทั้งหมด ถ้าไร้ซึ่งตราประทับ ก็จะโอนไปให้ผู้ดูแลพิเศษ ซึ่งจะบริหารงานแทนและโอนรายได้ให้การกุศลตามโครงการของพ่อ คนอย่างมัน….ฉันไม่มีทางแบ่งหุ้นของพ่อให้อยู่แล้ว…มันทำได้กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างซายะจัง ชั้นไม่มีวันอภัยให้มันแน่!”

ดวงตาคมมีแววกร้าว เมื่อคิดถึงอดีตแสนเศร้าที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน มันเป็นความโกรธ ที่แปรเปลี่ยนเป็นความแค้น เมื่อต้องมาจัดงานศพให้ทั้งพ่อและน้องสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเขา เอ็นโด ซายะ เด็กสาวอายุเพียงห้าขวบ ที่เสียชีวิต…เพราะอุบัติเหตุ พร้อมกับบิดาอย่างปริศนา

และฮิโรอากิเองก็รู้…ว่ามันเป็นการตายอย่างมีเงื่อนงำ เนื่องจากก่อนตาย เอ็นโด ฮิโรยะ ผู้เป็นบิดา ได้ฝากฝังตราประทับนี้เอาไว้ให้เขา ราวล่วงรู้ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับตนเอง

เขาจะไม่มีวันให้ใครได้มันไป

ใครก็ตาม…ที่จะมาขโมยของสิ่งนี้ ก็เท่ากับว่า เป็นศัตรูของเขา

ศัตรูที่ฆ่าพ่อ…และซายะจัง

เขาไม่มีวันอภัยให้!

ใช่…ถึงแม้ว่า คน ๆ นั้น…จะคือคิระก็ตาม!


……………………………………………………………


ฮิโรอากิกลับมายังห้องอีกครั้งตอนค่ำ งานมากมายรอการสะสางทำให้เขาใช้เวลานานเกินที่ตั้งใจไว้ และอีกอย่าง เขาก็อยากจะรู้ ว่าคิระจะทำอะไร ยามที่เขาไม่อยู่เนิ่นนานขนาดนี้

ในตอนนี้ เขาเลิกใช้กล้องแอบดูแล้ว เพราะรู้ดีว่า คิระนั้นล่วงรู้มาตั้งแต่แรก ว่ามีกล้องอยู่ แต่คิระก็ไม่ได้ใส่ใจกับมัน นอกจากจะอาศัยมุมกล้อง ทำท่าทางยั่วยวนเขา ให้ตบะแตกก่อนกาลอันควรระหว่างแอบดูตอนทำงานเท่านั้น

ประตูเปิดออก ภายในกลับมืดสลัวกว่าที่เคย ร่างบอบบางนั้น ยังคงนอนอยู่บนเตียง แต่ไม่มีปฏิกิริยากระตือรือร้นเหมือนทุกครั้ง ที่ได้ยินเสียงเขากลับมา

ในความสลัวของห้อง ทำให้เห็นเพียงราง ๆ ว่ายังคงนอนอยู่ โดยไม่ได้รับรู้ใด ๆ

หลับอยู่งั้นหรือ? ชายหนุ่มคิดในใจ แต่เขาก็ยังจำได้ดี ว่าทุกครั้งที่เข้ามา ไม่มีครั้งใด ที่เจ้าแมวของเขา จะไม่รู้ว่าเขามา

ฮิโรอากิตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะเปิดไฟข้างหัวเตียงให้สว่างขึ้น สีหน้าซีดขาวของคนที่กำลังหลับ และหยาดเหงื่อที่ผุดพรายทั่วใบหน้า ทำให้เขารีบตรงเข้าไปดูอาการทันที

“คิระ…นายเป็นอะไรเนี่ย”

ร่างกายที่ร้อนผ่าว และดูอึดอัดทรมานสั่นน้อย ๆ ดวงตาพร่าจางลืมขึ้นอย่างเชื่องช้าเมื่อถูกเขย่าตัว

“อือ…ไม่…ไม่เป็นไร ปล่อยชั้นไว้แบบนี้แหละ เดี๋ยวก็หายเอง” เสียงแผ่วเบาพยายามบอก ในน้ำเสียงยังคงทรมานไม่น้อย

“ฉันจะตามหมอนะ” ฮิโรอากิผุดลุกขึ้นอย่างร้อนใจ

“ไม่! ไม่…ไม่มีประโยชน์หรอก เดี๋ยวก็หาย” มือบอบบางพยายามรั้งตัวเขาไว้

“ทำไมล่ะ แล้วนี่เป็นอะไรบ้าง ปวดหัว ปวดท้อง หรือเป็นอะไร บอกมาให้ละเอียดเร็ว ยาอยู่ไหนเนี่ย” ร่างสูงหันรีหันขวาง กระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

“ขอพัก…ซักหน่อย ก็ดีเอง หมอมา…ก็ช่วยไม่ได้หรอก”

คนมองจ้องเขม็ง ก่อนคาดคั้น “นายเป็นอะไรกันแน่”

“โรคประจำตัวน่ะ” คิระตอบง่าย ๆ ก่อนจะเงียบไปทั้งอย่างนั้น

หมอถูกตามมาจนได้ ฮิโรอากิที่ยืนไม่ติดที่ สอบถามอาการเสียถี่ยิบ หากคนตรวจได้แต่ส่ายหน้า “ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร ร่างกายน่ะ ผิดปกติมาก แต่หาสาเหตุไม่ได้”

“แล้วตอนนี้ล่ะ”

“ตอนนี้….ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว” นายแพทย์ผู้นั้นบอก ชายหนุ่มคุยกับหมออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะให้ออกไปก่อน เพราะเท่าที่ได้ข้อมูลมา คงทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น และจู่ ๆ อาการที่ว่า ก็หายไป ราวกับไม่ได้เคยเป็นมาก่อน เหลือเพียงความรู้สึกอ่อนแรง ที่คงจะเป็นอยู่อีกสักพักใหญ่เท่านั้น

โรคประหลาดจริง ๆ

“ชั้นไม่เป็นไรแล้ว บอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวก็ดีเอง” เสียงคนป่วยแทรกขึ้นมา

ร่างสูงทรุดตัวนั่งข้างเตียง ลูบผมนุ่มของคนไม่สบายเบา ๆ อย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ดวงตาคู่นั้นดูเศร้าลงเล็กน้อย “อย่าเป็นอะไรไปก็แล้วกัน….ฉันไม่อยาก…เห็นใครทรมานแบบนั้น….เหมือนซายะจัง อีกแล้ว”

“ใครคือซายะจัง” คนป่วยถามทันที

“น้องสาวฉันเอง เธอพึ่งจะห้าขวบเท่านั้น…อุบัติเหตุจากรถยนต์ เราพยายามช่วยเธอแล้ว…แต่มันสายเกินไป” น้ำเสียงนั้นดูเศร้าจนน่าใจหาย มือที่สั่นน้อย ๆ ของชายหนุ่ม ทำให้คนบนเตียง รู้สึกแปลก ๆ ไปกว่าเดิม

มือที่ยังเย็นเฉียบจับมือเขาไว้ ดวงตาคู่งามมองมาอย่างจริงจัง “ขอโทษนะ ที่ทำให้นายต้องคิดถึงเรื่องแบบนั้นอีก”

“ช่างมันเถอะ นอนพักดีกว่านะ” เขาตัดบท  คนบนเตียงรับคำเสียงแผ่ว ก่อนจะหลับตาลง แล้วหลับลึกไปอย่างรวดเร็ว คงเป็นเพราะสภาพร่างกาย ที่ต้องการการพักฟื้นนั่นเอง

ร่างสูงมองคนหลับอยู่เงียบ ๆ

ไม่อยากจะคิดเลย ว่าที่ซายะจังตายไป เป็นเพราะ…คนที่สั่งให้คิระ มาอยู่กับเขา

แล้วแบบนี้ เขาจะทำอย่างไรดี?

ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากฝ่ายตรงข้ามให้คุ้มค่า แต่เพียงแค่คิระป่วยเพียงเท่านี้ ใจเขาก็ว้าวุ่นแล้ว

จะต้องเข้มแข็งกว่านี้

ต้องเด็ดขาดกว่านี้สิ ฮิโรอากิ

ชายหนุ่มพร่ำบอกตัวเอง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป

ร่างสูงออกไปครู่ใหญ่แล้ว คงไปสั่งให้คนของเขา ส่งหมอกลับไป ในตอนนั้นเอง คนบนเตียง ที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว กลับผุดลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบงัน ในความมืดของห้อง ที่ไฟปิดไว้

“เหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์แล้วนะ…ฮิโระคุง” เสียงพึมพำดังคล้ายรำพึงกับตัวเอง

“ถ้าเป็นไปได้….นายอย่าหลงรักชั้นเลย” ดวงตากลมโตที่อยู่ในความมืดนั้น คล้ายเศร้าลงวูบหนึ่ง

คิระกำลังคิดอะไรอยู่

ไม่มีใครบอกได้

………………………………………………………….


ร่างแกร่งที่หลับใหลบนเตียงนุ่มเคียงข้างร่างบอบบางนั้นยังคงหลับ หลังจากเสร็จภารกิจให้อาหารแมวรายวัน ที่พักนี้ดูจะหิวโหยเป็นพิเศษ บทรักยาวนาน บนเรือนร่างแข็งแรงของอีกฝ่าย สร้างความอบอุ่นในใจของคนกำลังมองในยามนี้มากนัก มอง…แล้วหวนคิดถึง เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของตนเอง

กำหนดเวลาเส้นตายใกล้มาถึง….อีกไม่นานแล้วสินะ ที่จะมีใครสักคน ต้องเป็นฝ่ายไป

ดวงตากลมโตหม่นหมองลง นิ้วเรียวลากไล้ที่แผ่นอกตรงหน้าเบา ๆ คนกำลังหลับคงจั๊กจี้ เลยขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่จะรั้งร่างที่เอนอิงเคียงข้าง มากอดไว้ใกล้ชิดกว่าเดิม

ลมหายใจอุ่น ๆ ที่อยู่ในระยะประชิดขนาดนี้ ทำให้คนถูกกอดซุกตัวนิ่ง ร่างบอบบางนั้นสั่นเล็กน้อย ปลุกคนกำลังหลับให้ตื่นจนได้

“นายไม่เหนื่อยหรือไง นอนซะเถอะ” เสียงชายหนุ่มถามเบา ๆ

“ชั้นนอนไม่หลับ” คนตอบพึมพำแผ่ว

“หืม? ทุกทีเห็นหลับเป็นตาย ทำไมวันนี้นอนไม่หลับซะล่ะ?” ฮิโรอากิแซวยิ้ม ๆ "หรือว่านายรู้สึกไม่ค่อยดีอีก ฉันจะได้รีบตามหมอ" สีหน้าเขาเริ่มกังวล เพราะช่วงนี้ คิระจะอาการกำเริบในบางวัน ทำเอาเขาแทบหัวปั่นไปหมด

“ไม่หรอก...ชั้นไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่ว่า...มันมีเรื่องให้ต้องคิดน่ะสิ” ร่างบอบบางตอบ

“เรื่องอะไรงั้นเหรอ” ชายหนุ่มถามทันที ชักเริ่มสนใจมากขึ้น นาน ๆ ที…ที่คิระ จะเปิดเผยความในใจ ซึ่งเขาย่อมต้องการจะรู้มากเป็นพิเศษอยู่แล้ว

“นายรักฉันหรือยัง?” ดวงตากลมโตจ้องมองจริงจัง ยังคงเป็นคำถามเดิม

“จะขโมยหัวใจของฉันอีกแล้วล่ะสิ” เขาตอบกลั้วหัวเราะ “ฉันไม่ยอมให้ใครขโมยมันง่าย ๆ หรอกนะ”

…ใช่ ถ้าขโมยได้แล้วต้องจากไป ใครจะยอมกันล่ะ

ให้เข้าใจว่ายังไม่สำเร็จ แล้วอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ดีกว่าหรือ…

ฮิโรอากิไม่ตอบชัด แต่เขากลับคิดเช่นนั้น ลึก ๆ รู้สึกว่า หากงานนี้สำเร็จ คิระคงจากไปจริง ๆ

แต่ในตอนนี้ เขาคงทำได้เพียงปฏิเสธเข้าไว้ เพื่อที่จะ…รั้งคนด้านข้างไว้แนบกาย ให้นานกว่าเดิม

“ถ้าชั้นตาย นายจะร้องไห้มั้ย” คนถามพึมพำแผ่วเบาเปลี่ยนเรื่องจนคนฟังตามแทบไม่ทัน น้ำเสียงที่ได้ยิน คล้ายราวเป็นการรำพึงกับตัวเองเท่านั้น

มือแกร่งโน้มใบหน้าสวยเข้ามาใกล้ ดวงตาอ่อนโยนจับจ้องมาพลางตอบว่า “นายคิดว่า หัวใจของฉัน ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของกันล่ะ” ชายหนุ่มตอบเป็นนัย

คิระถอนหายใจ “ชั้นไม่ใช่นาย จะรู้ได้ยังไงกัน”

“ถ้าสัตว์เลี้ยงตายลง เจ้าของก็เศร้าเป็นนะ” เขาพึมพำอย่างเขิน ๆ แกมบอกใบ้

“ถ้าแมวที่เลี้ยงไว้ตายลง ถึงจะเสียใจ ถึงจะร้องไห้ แต่แค่ไม่กี่วัน แผลใจนั้นก็คงจางหาย” คิระพึมพำ “สัตว์เลี้ยงตัวเก่า ถึงจะตายไป ก็หาตัวใหม่ทดแทนได้”

“ฉันจะไม่เลี้ยงแมวอีก…ไม่มีแมวตัวไหน ที่ฉันรักเท่าแมวตัวนี้อีกแล้ว” เขากอดร่างบอบบางไว้แนบแน่นกว่าเดิม ดวงตากลมโตพริ้มตาลง

“คงไม่มีเจ้าของคนไหน ยอมตายแทนสัตว์เลี้ยงหรอก แม้ว่า…สัตว์เลี้ยงบางตัว จะยินดีตายเพื่อเจ้าของของมันก็ตาม”

คนฟังขัดขึ้นทันที “นายเข้าใจถึงจิตใจเจ้าของสัตว์เลี้ยงมากแค่ไหนกัน”

“ชั้นไม่เข้าใจหรอก ก็ชั้นเป็นแค่…สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง เท่านั้นนี่นา”

คิระว่าแล้วนิ่งเงียบไป โดยไม่คิดจะชวนคุยอีก ถึงตอนนี้….ต่างคนก็ต่างเงียบ เพราะมีความคิดเป็นของตัวเอง

…เป็นความคิดที่ไม่อาจบ่งบอก ให้อีกฝ่ายรับฟังได้…


.................................................


หลังจากวันนั้น โรคแปลกประหลาดของคิระ กลับเริ่มรุนแรงขึ้น อาการที่กำเริบถี่ โดยที่หมอไม่อาจช่วยเหลือได้ ทำให้ฮิโรอากิ ได้แต่มองอย่างเจ็บปวดใจ เมื่อเห็นร่างบอบบางที่สั่นสะท้าน ปวดแปลบไปทั่วร่าง บิดตัวอย่างอึดอัด...กระสับกระส่าย

ดวงตาคู่นั้น ทอแววปวดร้าว เมื่อมองมายังเขา แล้วทำได้เพียงส่ายหน้าเบา ๆ มือเย็นเฉียบ ที่จับกับมือแกร่ง บีบน้อย ๆ ราวโหยหาที่พึ่งพิง

"อยู่กับชั้นนะ...ได้ไหม ชั้นไม่อยาก...จะอยู่คนเดียว" คิระพึมพำด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

ฮิโรอากิพยักหน้า ระยะนี้เขาแทบไม่ได้ไปห่างเตียงเลย ยามที่อาการไม่กำเริบ คิระจะอ้อนเขา..ราวลูกแมวตัวหนึ่ง มือผอมบาง มักจะเหนี่ยวรั้ง ทุกครั้งที่เขาทำท่าจะจากไป

แววตาที่มองมานั้น คล้ายต้องการสื่ออะไรบางอย่าง

มันคล้ายบอกกับเขาว่า...เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว

แต่ยามใดที่มันกำเริบขึ้นอีกครั้ง เขาก็ได้แต่ปล่อยให้คิระทรมาน โดยช่วยอะไรไม่ได้เลย

ได้แต่เฝ้ามอง โดยไม่อาจช่วยเหลือ มันเจ็บปวดยิ่งกว่า

ความทรมานของคนที่รัก ย่อมเป็นความทรมานของเขาเช่นกัน

หากเจ็บแทนได้ ก็คงจะดี

ในตอนนี้ เขาเริ่มเข้าใจแล้ว

คิระ ไม่ใช่คนแปลกหน้า ไม่ใช่ศัตรูของเขาอีกต่อไป

ใครล่ะ จะทำร้ายคนป่วยแบบนี้ได้ลงคอ แถมคิระเอง ก็ไม่ได้ขโมยสิ่งใดจากตัวเขาไปได้ด้วย

…นอกจาก หัวใจ…

‘ฉันมาขโมยหัวใจของนาย’

นั่นคือสิ่งที่คิระ บอกกับเขาไว้ ตั้งแต่วันแรกที่เจอ

มือแกร่งเผลอจับหน้าอกตัวเองอย่างครุ่นคิด หากเดิมพันของคิระ คือหัวใจของเขาเล่า?

แล้วเขาจะทำอย่างไร เขาเอง สามารถช่วงชิงใจของคิระมาได้เช่นกันหรือเปล่า

หรือทุกอย่าง เป็นแค่คำลวง? ร่างบอบบางนี้กำลังคิดอะไรอยู่ จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่อาจล่วงรู้ได้...


...........................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 4/3 อัพ 26-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 26-02-2010 18:13:41
ฮิโระ นายไม่รู้ชั้นก้ไม่รู้เหมือนกัน :really2:

แมวน้อยป่วยเป็นอะไรเนี่ย เป็น 1 ในแผนการขโมยของคิระรึป่าวเนี่ย

กด + ให้แล้วน๊า  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 4/3 อัพ 26-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 26-02-2010 22:02:09
น่าสงสารทั้งคู่เลย

แต่สุดท้ายใครที่จะรอดกันแน่

บวก 1 แต้ม ตามลุ้นต่อค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 4/3 อัพ 26-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 27-02-2010 00:55:44
สนุกมากเลย  มาต่อเร็วๆนะ

+1 เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 4 อัพ 27-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 27-02-2010 16:23:56
(ตอนที่ 4/4 จบตอน)

คนบนเตียงเริ่มนอนซึม และขยับตัวน้อยลงทุกที ปกติก็ไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ กลับน้อยลงจนน่าใจหาย

“นายเป็นอะไรกันแน่” ฮิโรอากิถามในวันหนึ่ง…วันที่ใกล้จะถึงเส้นตาย สองสัปดาห์ที่เขาตกลงไว้

คิระไม่ตอบ ได้แต่นอนนิ่ง ดวงตาคู่สวยที่มีแววอ่อนล้า หลุบลงต่ำ

“บอกฉันสิ ฉันรู้นะ ว่านายยังมีความลับ…ที่สำคัญมาก ที่ไม่ยอมบอกฉัน” เขาเริ่มมีอารมณ์รุนแรงกว่าเดิม มันคือลางสังหรณ์ คือความรู้สึกว่า เขากำลังจะสูญเสีย

ใช่…กำลังจะสูญเสีย คนที่รักไป

“ได้โปรด บอกฉันเถอะ” คำพูดนั้น แทบจะเป็นการอ้อนวอน

ในความเงียบนั้น เสียงแผ่วเบาได้พูดขึ้น “ชั้นไม่อยากโกหกนาย”

มือของเขากุมมือผอมบางนั้นเอาไว้แนบแน่น “นาย…ไม่เคยโกหกฉันเลย ใช่มั้ย  นับตั้งแต่วันแรก ที่เราพบกัน”

“อืม” เสียงรับคำ เบากว่าเดิม แต่เขารู้ ว่ามันคือความจริง

ร่างบอบบางนั้นนิ่งเงียบไปพักใหญ่ สายตาจริงจังของฮิโรอากิ ยังคงจับจ้องมาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยทีท่าที่ว่ายังไงวันนี้ เขาก็จะต้องรู้ให้ได้

ในที่สุด คิระก็ระบายลมหายใจออกอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น “ชั้น…ไม่ได้เป็นขโมยหรอก จริง ๆ แล้ว…เป็นแค่ตัวประกันเท่านั้นเอง”

“ตัวประกัน?” ฮิโรอากิทวนคำอย่างผิดคาด

“ใช่…ตัวประกัน….ตั้งแต่เราอยู่ด้วยกันมา พรุ่งนี้…ก็จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่จะครบสองสัปดาห์”

คนฟังยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้ถาม คิระก็บอกมาเอง ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ…มันราบเรียบจนน่ากลัวนัก

“ถ้านายไม่มอบของสิ่งนั้นมา ภายในสองอาทิตย์นี้ ชั้นก็จะตาย และวันที่กำหนดไว้ ก็คือวันพรุ่งนี้”

คำตอบที่ฟังดูเหลือเชื่อ ทำให้ชายหนุ่มอึ้งไปครู่ใหญ่ “นายหมายความว่า?”

“พวกเขาฉีดยาพิษพิเศษนี้ให้กับชั้น และมีเพียงพวกเขา ที่จะมียาแก้”

“อะไรนะ?” เรื่องราวที่เหลือเชื่อ ทำให้เขางุนงงกว่าเดิม

“ตัวประกันไงล่ะ ถ้าชั้นไม่สามารถทำให้นาย…ส่งของสิ่งนั้นให้พวกเขาได้ ครบกำหนดไม่ได้ยาถอนพิษ ชั้นก็จะตาย เงื่อนไขที่มีก็คือ หนึ่ง ของสิ่งนั้น และ สอง ชีวิตของนาย ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป มันก็คือจบอยู่ดี”

การใช้งานคน ที่เดิมพันกันด้วยชีวิต

คนฟังแทบชาแข็ง สิ่งที่พวกนั้นทำ เลือดเย็นเกินไปแล้ว พวกมัน…จะต้องทำกับคนที่เขารัก อีกสักกี่คน ถึงจะเพียงพอ

“ชั้น…จะไม่ฆ่านาย จะไม่ถามนายด้วย ว่าซ่อนของนั่นไว้ที่ไหน” คิระยังคงพูดต่อไป “ปล่อยให้ชั้นตายไปแบบนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว” เขาว่าแล้วหลับตาลงอีกครั้ง อย่างเหนื่อยอ่อนกว่าเก่า ร่างบอบบางดูผอมลงไปมาก แถมยังหายใจอ่อนรวยริน

“ปล่อยให้ชั้นตาย…ได้ไหม ฮิโระคุง” คำพูดสุดท้าย ยังคงเป็นคำอ้อนวอน เขาเห็นน้ำตาจากดวงตาคู่นั้น แววตาที่ดูจริงจัง…เหมือนทุกครั้ง  “ให้ชั้นได้ตายอย่างสงบเสียที ขอร้องล่ะ"

ชายหนุ่มมองคนป่วยนิ่งนาน

คิระไม่เคยโกหกเลย

คิระไม่ได้มาขโมยของ แต่มาขโมยหัวใจจริง ๆ

หากเขายอมรับเงื่อนไขนี้ เขาก็จะช่วยชีวิตคนที่เขารักไว้ได้

เขาตั้งใจไว้แล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะไม่มีวัน ยกของสิ่งนั้นให้ใคร แม้แต่กับคิระ

แต่ว่า…ถ้ามันทำให้คิระมีชีวิตรอดล่ะก็…

“นายนัดกับพวกมันที่ไหน ถ้าได้ทุกอย่าง ที่พวกมันต้องการแล้ว?”

ดวงตาที่ปิดลงเปิดขึ้นทันควัน “อย่าบอกชั้นนะ ว่านายคิดจะ…”

“บอกฉันมา ว่านายนัดพวกนั้นไว้ที่ไหน” น้ำเสียงเร่งรัดร้อนรน เขาเข้าใจแล้ว ...เหลือเวลา...อีกไม่มากแล้วจริง ๆ เขาจะต้อง...

“ไม่… นายไม่จำเป็นต้องรู้!” เสียงคนป่วยเริ่มเด็ดขาด “…พวกเรา ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้วนี่ ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา…พวกเรามันก็เป็นแค่…ของเล่น ของกันและกัน มันก็เท่านั้นเอง”

“อย่างนายน่ะ ก็เป็นได้แค่ของเล่นของชั้นเท่านั้น …ไม่ได้มี…อะไรมากไปกว่านี้” คิระย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดูแคลน ร่างบอบบางพลิกตัวอย่างยากเย็น หันหลังให้กับฮิโรอากิ แล้วไม่ยอมพูดอะไรอีก

ท่าทางนั้น ฮิโรอากิรู้เป็นอย่างดี คิระชอบทำเสมอ เวลาที่ไม่ต้องการจะตอบคำถามแล้ว

และเขา…ก็ไม่เคยทำให้คิระ ยอมตอบคำถาม ที่ไม่อยากตอบ ได้เลยสักครั้ง

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

"เข้าใจแล้ว...ฉันคงเป็นได้แค่ของเล่นเท่านั้นสินะ สำหรับนาย"

คนบนเตียงได้แต่นิ่งเงียบ

“นายจะไม่บอกก็ตามใจ นายจะยอมตาย นั่นก็เรื่องของนายอีกเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องของฉันเลย” ฮิโรอากิพูดต่อในที่สุด

ร่างบอบบางถอนหายใจยาว ก่อนจะหลับตาลง ไม่มีน้ำตา จากดวงตาคู่นั้น

ริมฝีปากแห้งผาก กลับมีรอยยิ้ม แม้ฮิโรอากิ จะไม่ได้มองเห็นมัน

คิระยังคงไม่พูดอะไร

ความเงียบ เริ่มปกคลุมไปทั่วห้อง

มือแกร่งปลดกระดุมเสื้อออกช้า ๆ ก่อนจะดึงออกไป เผยให้เห็นแผ่นอกที่เปลือยเปล่า มือคว้ามีดเล่มหนึ่ง ซึ่งวางไว้ตรงเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ ในห้องนอนนั้นขึ้นมา

“ฉันจะให้ของสิ่งนั้นกับนาย พร้อมกับชีวิตนี้ ส่วนนายจะใช้มันเพื่อให้รอด หรือจะไม่ใช้มันทำอะไรเลย นั่นก็เป็นเรื่องของนาย!”

มีดในมือกรีดเป็นแนวลงมาที่แผ่นอกตามรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่ถ้าไม่สังเกต ก็จะไม่เห็น ก่อนมือนั้น จะค่อย ๆ กดไล่หาแล้วดึงเอาวัตถุแบนบางขนาดเล็ก ที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างกายในตำแหน่งที่ไม่ลึกนักออกมา

มันคือไมโครชิปส์ ที่มีข้อมูลของคำสั่ง หรือก็คือ ‘ตราประทับ’ ผู้ถือหุ้นสูงสุด นั่นเอง

ใครเล่าจะคาดคิด ว่าฮิโรอากิ จะซ่อนของสิ่งนี้ ไว้ในร่างกายตนเอง!

ชายหนุ่มวางของนั้นไว้ที่ข้างเตียง เลือดนั้นยังไหลอยู่ แต่เขาไม่ได้สนใจ

“ฉันรู้ ว่าถึงแม้นายจะไม่ได้โกหกเลย นับตั้งแต่เราเจอกัน แต่ว่า…”

“ฉันรู้ดี ว่าครั้งนี้ นายโกหก

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างอย่างตกใจ กับคำพูดนั้น

ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน ว่าครั้งสุดท้าย คือการโกหก

เขาเคยเป็นแต่นักฆ่า...ที่ไร้หัวใจเสมอมา นักฆ่าที่เคยแต่มองคนที่รักเขา ฆ่าตัวตายอย่างเฉยเมย

ใช่ ไม่เคยรู้สึกอะไรเลย...ไม่เคยเลยจริง ๆ

การแสดงออกซึ่งความรัก ไม่ว่าจะบนเตียง หรือที่อื่น ทุกอย่างล้วนเป็นละคร

เขาไม่เคยจริงใจ...ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น!

ก่อนที่คิระจะพูดอะไรอีก มือที่มั่นคง กลับปักมีดซ้ำลงไปที่เก่าโดยแรง...อย่างจงใจ คนมองตะลึงงันไปแล้ว กับการกระทำแบบคาดไม่ถึงนั้น

"อึ้ก.." เสียงร้องที่ข่มกลั้นความเจ็บปวดเต็มที่ เหงื่อที่ผุดพราย หากดวงตาคม ยังมองกลับมา สบตาหวานนั้นตรง ๆ

ร่างที่ยืนโงนเงนแทบทรงตัวไม่อยู่ หากยังพยายามยืนหยัดไว้อย่างยากเย็น  มือที่กุมตัวด้ามที่ยังฝังส่วนคมลงในร่าง เริ่มชุ่มโชกไปด้วยเลือด ที่ไหลซึมก่อนจะหยดแหมะลงบนพื้นห้องทีละน้อย

“...ถ้านายต้องการจะตายจริง ๆ ...นายไม่จำเป็นเลย…ที่จะต้องบอกทุกอย่างนี้กับฉัน แค่เก็บความลับนี้ไว้ ให้มันตายไปพร้อม ๆ กับนาย...เท่านี้ก็จบแล้ว” ชายหนุ่มกัดฟันพูดต่อไป

"นอกเสียจาก นายต้องการให้ฉัน...มอบของสิ่งนี้มาให้...ด้วยความต้องการ...ของตัวเอง"

“ถ้ารู้ว่าชั้นโกหก นายจะทำแบบนี้ทำไม” เสียงถามเคร่งเครียด ดังขึ้นมาทันควัน ร่างกายแม้ดูจะอ่อนแรง แต่ในยามนี้ กลับนั่งตัวตรงได้

คนบาดเจ็บหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย มือที่สั่นระริก ยึดเสาของหัวเตียงไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง

“นายมาขโมยหัวใจฉันไม่ใช่รึ ...ยินดีด้วยนะ...นายทำสำเร็จแล้ว ฉันยกมัน…ให้กับนาย!”

...หัวใจ...

คิระมองคนตรงหน้าอย่างตะลึงงัน

เขาตั้งใจมาขโมยหัวใจจริง ๆ หากเหยื่อตกหลุมรักแล้ว ทุกคนจะยอมยกสิ่งที่เขาต้องการให้...ได้ทุกอย่าง

ให้ได้...แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง!

นั่นคืองาน

และตัวเขา ก็คือมัจจุราช ...เสมอมา

เป็นมัจจุราชที่ไม่จำเป็นต้องลงมือฆ่าด้วยตนเอง!

ใบหน้าที่ยากจะระงับสีหน้าให้ปกติได้พึมพำอย่างสับสน “ไม่…ชั้นไม่อยากได้ซักนิด …ของแบบนั้น…”

“นายจะอยากได้มันหรือไม่...ฉันไม่สนใจหรอก เพราะอย่างน้อย นับแต่ตอนนี้...หัวใจของนาย ก็จะเป็นของฉันเช่นกัน!” ใบหน้าของฮิโรอากิ กลับมีรอยยิ้ม ร่างที่หมดเรี่ยวแรงไม่อาจทนยืนอยู่ได้อีกต่อไป ในที่สุดก็ล้มลงกับพื้น แล้วแน่นิ่งไป

คนฟังได้แต่อึ้งอยู่ตรงนั้น สิ่งที่ฮิโรอากิทำลงไป เพียงเพื่อที่จะแสดงให้เขาเห็น ว่าสามารถขโมยหัวใจของเขาได้งั้นหรือ?

ขโมยหัวใจเขา ล้อเล่นรึเปล่า?

สิ่งที่ฮิโรอากิทำ กลับแตกต่างจากเหยื่อทุกคน

เขานั่นหรือ จะมีความรู้สึกพิเศษกับเหยื่อได้...ไม่มีทางซะล่ะ!

ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเตียง มองร่างที่เต็มไปด้วยเลือดบนพื้น โดยไม่คิดจะเข้าไปใกล้กว่านี้ มือที่กำแน่นสั่นน้อย ๆ ดวงตาคู่งามเริ่มกราดเกรี้ยว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“คนบ้า! คนอย่างนาย คู่ควรได้หัวใจจากชั้นงั้นเรอะ!" แล้วดวงตาแดงก่ำคู่นั้น ก็เริ่มมีน้ำตาไหลเงียบ ๆ รินรดแก้มขาวซีด หยดน้ำตาที่ร่วงหล่น เล่นเอาเจ้าตัวแทบสะดุ้ง

มือเรียวรีบปาดเช็ดอย่างงุนงง ...น้ำตาของเขา? เป็นไปได้ยังไง?

"บ้าจริง ชั้นจะร้องไห้ทำไมกัน นายมันก็แค่…เหยื่อของชั้น….คนหนึ่งเท่านั้น เป็นเหยื่อที่ทั้งงี่เง่า ทั้งหลอกง่ายที่สุดด้วย!”

คิระหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดต่อไปอย่างหนักแน่น ราวกับต้องการปฏิเสธความจริงทั้งปวงที่ได้เกิดขึ้นในตอนนี้

"หัวใจของชั้น ไม่มีทางถูกนายขโมยไปได้หรอก!"

ร่างที่ตั้งหลักได้ หันไปหยิบกระเป๋าที่นำมาด้วยตั้งแต่วันแรก ที่ฮิโรอากิวางมันไว้ข้างเตียง โดยลืมเลือนมันไปแล้วด้วยซ้ำ ก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาออกมาจากที่ซ่อนลับด้านข้าง แล้วฉีดของเหลวในนั้นเข้าที่ต้นแขนของร่างตนเอง

ภายในเวลาไม่นาน ร่างที่ไร้เรี่ยวแรง กลับมามีแรงเหมือนเดิมได้อย่างน่าอัศจรรย์ แผ่นหลังบอบบางยืดตรงอีกครั้ง เมื่อมองคนบนพื้นด้วยแววตาเศร้าอย่างไม่อาจปิดบังได้มิด ด้วยความที่เป็นคนฉลาด คิระเข้าใจดี ถึงสิ่งที่ฮิโรอากิทำ แม้ว่าจะไม่อยากเข้าใจเลยสักนิดก็ตาม

ฮิโรอากิรู้...รู้ดีว่าไม่มีใครใช้ยาพิษกับเขาได้ นอกจากตัวเขาเอง
แถมยังรู้อีกว่า ถ้าไม่ฆ่าตัวตายเสีย...คนที่ตาย ย่อมเป็นเขา คิระคนนี้ อย่างแน่นอน

หากไม่ได้สิ่งที่ต้องการมาภายในกำหนด เขาก็ตั้งใจที่จะตาย

เพราะการเดิมพันทุกครั้งในการทำงานของเขา ชิปส์เดิมพันนั้น...คือชีวิต
ถ้าเหยื่อไม่ตาย...คนที่จะตาย ก็ต้องเป็นเขา

การพ่ายแพ้ เท่ากับการเสียชิปส์เดิมพันนั้น

มันเป็นเกมที่เขาเลือกเอง เพื่อให้สามารถอยู่ในเส้นทางสายนี้ได้...อย่างเลือดเย็นที่สุด!


...การมีความรัก จะทำให้ทุกอย่างพังทลาย...

มันคือการแก้แค้นของนายสินะ...ฮิโรอากิ?


สภาพอารมณ์ของเขาตอนนี้ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ต้องรีบจากไป...ไปจากที่นี่ ให้เร็วที่สุด

ก่อนที่เขาจะ...รักคนผู้นี้...มากไปกว่านี้!


เสียงเย็นชาพูดกับร่างนั้น ก่อนร่างบอบบางจะจากไป...

...ไปอย่างรวดเร็วกว่าทุกครั้ง...

“ลาก่อน ฮิโระคุง ลาก่อน…นายเป็นคนแรก…และคงเป็นคนสุดท้าย”

“ที่รู้ว่าชั้นพูดโกหก!”


- จบตอนที่ 4 -

หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 4 อัพ 27-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 27-02-2010 16:39:25
....ไร้หัวใจเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 4 อัพ 27-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 27-02-2010 16:50:27
ไม่เหลืออะไรแม้แต่ความรัก

น่าสงสารคนอยู่มากกว่าคนตายซะอีก
 :monkeysad:

ขอบคุณนะคะ

หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 4 อัพ 27-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 27-02-2010 22:25:29
ปวดใจดีแท้ ฮิโระยอมถูกหลอกงั้นหรอ

ความรักทำให้คนตาบอดจริงๆ

หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 5/1 อัพ 28-2-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 28-02-2010 12:27:20
ตอนที่ 5 Sleepless Beauty : เจ้าหญิงผู้ไม่ยอมนิทรา

(ตอนที่ 5/1)

Rate: G


เรย์จิเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตประจำวันในคาเฟ่แห่งนี้แล้ว คุ้นพอที่จะทำใจ เมื่อเห็นหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ แต่งชุดคอสเพลย์สาว ๆ น่ารักน่ากอดจนยากจะอดใจไหว แม้จะต้องคอยท่องอยู่เรื่อย ๆ ว่าที่เห็นนั้นเป็นชาย ...เป็นชายเท่านั้น อย่าเผลอเคลิ้มไปก็ตาม

สัญญาแบบมัดมือชกจากผู้เป็นพ่อ ที่ทำให้เขาหลวมตัวเข้ามาในร้านแห่งนี้ และเขาก็ยังคงต้องทำงานที่นี่ต่อไป แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักหรอก เพราะอย่างน้อย คาเฟ่แห่งนี้ ก็ยังมีคุณทาโนเอะของเขา ที่แสนจะน่ารักและใจดีอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องเยียวยาหัวใจชั้นเยี่ยมเลยก็ว่าได้ ไหนจะซานะและยูเมะจัง ที่ทั้งน่ารักและชอบอ้อนก็ด้วย

ส่วนคนอื่น ๆ น่ะหรือ…เขาก็…พยายามเข้าใจอยู่ แม้ตอนนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ก็เถอะ

ร้านในวันนี้ ดูครึกครื้นกว่าเดิมมากนัก การโฆษณาในคราวก่อน ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์คนร้ายเมายาจับเด็กเป็นตัวประกัน ที่ในที่สุด นักข่าวก็ตามสืบเรื่องเจอร้านนี้จนได้ และเพราะเหตุนั้น ร้านคาเฟ่น้อย ๆ แห่งนี้ เลยเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หลายต่อหลายวัน

คนที่เข้ามาไม่ขาดสาย บ่งบอกได้ดีถึงความนิยม เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงหนุ่มหล่อเย็นชา ผู้ใช้ดาบเดียวปราบคนร้ายเสียอยู่หมัด กับราชินีสาวแสนสวยที่เกาะกุมหัวใจชายทุกคนด้วยความรักอันเร้าใจ ไหนจะยังเด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดู น่าแอบเลี้ยงต้อยอีกสองสำหรับบรรดาโอตาคุรักเด็ก และแน่นอนว่ายังไม่ได้นับสาวสวยอ่อนหวานดุจแม่พิมพ์คนรักในอุดมคติอย่างทาโนเอะเข้าไปอีกคน

ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายขนาดนี้ จึงเป็นจุดแข็งทำให้คนสนใจและมาลองของกันไม่เว้นแต่ละวัน

ร้านที่ครึกครื้นเกินเหตุติดต่อกันมาได้จนจะสิ้นสัปดาห์แล้ว ทำให้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันไม่น้อย พอถึงเวลาร้านปิด บรรดาสมาชิกทั้งหลาย ก็แทบจะทรุดตัวลงนั่งกันอย่างเมื่อยขบและหมดสภาพ

เรย์จิที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เป็นคนที่เหนื่อยเป็นพิเศษ เพราะบรรดาคนหน้าตาดีในชุดคอสเพลย์ทั้งหลาย จะให้ลงมาขนของหอบหิ้วอะไรให้ดูเสื่อมภาพพจน์ คงเป็นเรื่องไม่ดีแน่

และนั่นทำให้งานทุกอย่างตกเป็นของเด็กหนุ่มโดยปริยาย

มือนุ่มนิ่มที่นวดตรงไหล่ ไล่ความคิดอยากไปทำงานที่อื่นไปไกลแสนไกล เหนื่อยแค่ไหนหากมีคนคอยเอาใจอย่างทาโนเอะแล้ว เขายินดีทำงานหนักกว่านี้เป็นสองเท่าด้วยซ้ำ

“วันเสาร์พรุ่งนี้เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของร้านเราแล้วล่ะ คงจะได้พักผ่อนกันมากขึ้นอีกหน่อย” ทาโนเอะปลอบทุกคนที่ยังคงนั่งจนเกือบหลับในไปแล้ว

“เราคงต้องออกไปซื้อของเข้าร้านกัน เรย์จิคุงท่าทางจะเหนื่อย พรุ่งนี้จะให้หยุดพักละกันนะจ๊ะ”

เด็กหนุ่มตาสว่างทันควัน “อ๊ะ ผมไปไหวนะครับ ไม่เป็นอะไรหรอก”

ไปซื้อของ...กันสองต่อสอง...หากในสมองมีแต่คำว่า..เดท…เดทกับคุณทาโนเอะ! จนทุกอย่างถูกลืมเลือนไปจนหมดสิ้น หน้าของเขาเริ่มแดงเรื่อพร้อมจินตนาการบรรเจิดอีกครั้ง ทาโนเอะขำน้อย ๆ กับท่าทีนั้น ซากุระมองมาด้วยดวงตาที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่วูบเดียวก็กลับเป็นปกติ

ทาโนเอะส่ายหน้าน้อย ๆ “ใช้งานเธอทุกวันออกจะเป็นการเอาเปรียบเกินไป แผลของเธอก็ยังไม่หายดีด้วย และอีกอย่างพรุ่งนี้ซากุระคุงจะต้องไปเลือกซื้อของสำหรับเตรียมทำอาหารอยู่แล้ว คงพอช่วยหิ้วได้ ดังนั้นพรุ่งนี้ เธอต้องพักนะ”

“แต่ว่า...” เรย์จิพยายามจะแย้งด้วยสีหน้าสุดแสนเสียดาย จนคนอื่น ๆ แอบขำ

“ไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละจ้า ถ้าเธออยากช่วย ก็ช่วยเฝ้าร้านแล้วกัน นึกว่าฉันขอร้อง นะ...ได้มั้ย” หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาคู่งามของเธอ ทำให้เรย์จิสติสตังหลุดลอยไปเรียบร้อยแล้ว

“ได้มั้ยจ๊ะ” คราวนี้ลมหายใจอุ่น ๆ แทบจะรดรินข้างหู เล่นเอาคนคิดลึกทำได้เพียงแต่ตอบตกลง

“ดะ..ได้ครับ” เขาเผลอรับคำไปในที่สุด

“ดีมาก” ทาโนเอะพึมพำอย่างพอใจ

เรย์จิทำหน้าผิดหวังนิดหน่อย แต่ไม่อาจขัดหญิงสาวได้ “ผมยอมหยุดพักอย่างที่คุณทาโนเอะบอกก็ได้ครับ แต่อาทิตย์หน้า ต้องให้ผมไปด้วยนะ”

หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ “จ้า”

“ทาโนเอะ...ให้ยูเมะไปด้วยนะ” เด็กน้อยกระตุกกระโปรงหญิงสาวเบา ๆ เชิงเรียกร้องความสนใจ

ทาโนเอะหันไปยิ้มให้ “ได้สิจ๊ะ ไปกันหลาย ๆ คน จะได้ซื้อเสร็จไว ๆ”

“ซานะจัง…ไปกับยูเมะนะ?” เด็กน้อยหันไปอ้อนพี่ชาย

“อื้ม” ซานะตอบรับกระตือรือร้น เป็นเรื่องดีอยู่แล้วที่จะได้ออกไปเที่ยวบ้าง หลังจากอุดอู้อยู่ในบ้านมาถึงหกวันแล้วในสัปดาห์นี้

“ชั้นจะนอน…” อายาเมะพูดแค่นี้แล้วก็เผลอฟุบหลับคาโต๊ะไป ด้วยความที่กลางคืนก็ไม่กลับห้อง กลางวันยังต้องทำงานอีก ทำให้คนนอนเช้าอย่างเขานอนไม่พอเลยสักวัน ดังนั้นเลยไม่มีใครโต้แย้ง เพราะเข้าใจดีว่าหากราชินีอารมณ์เสีย ร้านคงน่ากลัวขึ้นอีกเยอะแน่ แม้จะมีบรรดาแขกมาโซหลายคนยินดีรองรับอารมณ์ของเขาอยู่ก็เถอะ

“งั้นก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เราจะไปกันสาย ๆ หน่อย ไม่ต้องรีบตื่นก็ได้นะ จะได้พักผ่อนกันได้มาก ๆ”

ทุกคนพยักหน้ารับ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับห้อง เหลือเพียงซานะกับยูเมะ ที่ยังไม่ทันได้ออกไป เพราะเห็นเรย์จิกำลังมองอายาเมะอย่างตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะพากลับห้องอย่างไรดี

จะว่าไปร่างของชายหนุ่มก็ไม่ได้ใหญ่นัก เพียงแต่สูงโปร่งพอ ๆ กับตัวเขาเท่านั้น ถ้าจะอุ้ม...

ซานะมองเด็กหนุ่มแล้วหัวเราะคิก “ปล่อยอายะจังนอนที่นี่ก็ได้นะ เรย์จิคุง”

เรย์จิหันกลับมามองซานะ “ไม่ได้หรอกซานะจัง ปล่อยให้นอนหนาวตรงนี้ก็น่าสงสารแย่สิ เดี๋ยวไม่สบายกันพอดี”

“ถ้างั้นคงต้อง ‘อุ้มเจ้าสาว’ กลับห้องแล้วล่ะมั้ง” ซานะพูดต่อลอย ๆ เล่นเอายูเมะหัวเราะตามอย่างนึกสนุก ทั้งคู่รู้ดีว่าเรย์จิเป็นคนใจอ่อน ไม่มีทางไม่สนใจอายาเมะแล้วปล่อยทิ้งไว้อยู่แล้ว แต่การได้แกล้งเด็กหนุ่มสักนิด มันก็เป็นอะไรที่สนุกดีไม่เลวเหมือนกัน

“อะ…อุ้มเจ้าสาว..งั้นเหรอ”  หน้าเรย์จิร้อนผ่าว กับจินตนาการส่วนตัวที่โผล่ขึ้นมาแบบปุบปับ

จะให้อุ้มมันก็ไหวอยู่หรอก ถ้าไม่โดนปล้ำหลังจากส่งตัวเข้าหอล่ะก็นะ…

ขณะที่เดินวนไปวนมารอบโต๊ะ เพื่อหามุมถนัดในการอุ้ม (?) เขาก็เริ่มหน้าแดงขึ้นอีก เป็นนิสัยเสียอีกอย่าง ที่เขามักจะเขินง่ายดาย กับของสวย ๆ งาม ๆ ถึงแม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ

ก็ในตอนนี้…อายาเมะยังอยู่ในชุดราชินีสุดเซ็กซี่อยู่เลย ยังคงเป็นชุดกระโปรงผ่าสูงเสียด้วย ดวงตาที่พริ้มหลับดูราวเด็ก ๆ แม้ใบหน้าจะยังแต่งเข้ม หลับไปเสียอย่างนั้น โดยไม่มีวี่แววว่าจะตื่นเองได้เลย

ร่างสูงหันไปสบตาเด็กทั้งสอง ที่ยืนรอลุ้นอยู่ข้าง ๆ พลางพึมพำอย่างไม่แน่ใจ

“ก็คงต้องอุ้มเท่านั้นสินะ…” ถ้าปลุกตอนนี้ ราชินีคงยิ่งโกรธแน่ ๆ เขาจำได้ดี ว่าอายาเมะโกรธแค่ไหน ยามโดนคนปลุก และน่ากลัวขนาดไหน ยามที่ยังงัวเงียตื่นไม่เต็มตา

หลังจากเล็งจนได้ที่ เขาก็ค่อย ๆ ช้อนร่างนั้นขึ้นมา ในท่าอุ้มเจ้าสาวแบบที่ซานะล้อไว้ไม่มีผิด จะอุ้มท่าอื่นก็กลัวว่าจะกระเทือนจนตื่น ไหนจะยังชุดกระโปรง ที่ถ้าอุ้มไม่ดี คงโป๊เอาแน่ ๆ ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่ชุดวับแวมแบบนั้น ...เกิดทำเขาตบะแตกขึ้นมา จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน... เรย์จิคิดเผื่อไว้อย่างรอบคอบ

อีกอย่าง เขาไม่อยากรับมือกับราชินียามงัวเงียนักหรอก ดีไม่ดีอาจเสียความบริสุทธิ์ได้

ร่างในอ้อมแขนเบากว่าที่คิด แม้ตอนตื่นเจ้าตัวจะแรงเยอะผิดคาด ซานะรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ ในระหว่างที่เรย์จิค่อย ๆ ก้าวเดิน…อย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้อายาเมะตื่นขึ้นมาเสียก่อน

บันไดสั้น ๆ ขึ้นไปชั้นสอง ดูยาวนานกว่าที่คิด เมื่อรับรู้ถึงไออุ่นของคนในอ้อมแขน ที่ดูจะหลับสบายเสียเหลือเกิน เด็กหนุ่มพยายามจะไม่มอง ไม่คิดมาก แต่ความใกล้ชิดขนาดนี้ กับคนที่ภายนอกดูเป็นสาวงามราวราชินีที่อยู่สูงสุดเอื้อม เป็นใครก็ต้องใจเต้น

อย่าบอกนะ ว่าเขาตื่นเต้น เพราะได้ใกล้ชิดผู้ชาย!!!

รอบสองแล้วนะ เด็กหนุ่มชักเหงื่อตก ยังจำได้ไม่มีลืม กับการโดนลักหลับ (?) ครั้งแรกตอนพบกัน

เขาเตือนตัวเองในใจอีกเป็นรอบที่ร้อย นับตั้งแต่ก้าวออกจากห้องครัวเมื่อครู่

ว่าคนในอ้อมแขน เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง …เป็นผู้ชาย ผู้ชายจริง ๆ!

แถมยัง…แอบซาดิสม์อีกต่างหาก!

ไม่อย่างนั้น วันแรกที่เจอกัน เขาจะเกือบโดนต่อยได้ยังไง

พอคิดได้เช่นนั้น ขาที่เชื่องช้าก็ก้าวได้ไวกว่าเดิม ประตูห้องถูกเปิดรอไว้แล้ว ด้วยฝีมือของเด็กทั้งสอง ที่กำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ กับสีหน้าท่าทางของเรย์จิ ที่บ่งบอกออกมาชัดเจน

เรย์จิวางร่างที่กำลังหลับใหลลงบนเตียงอย่างเบามือ คนกำลังหลับ ก็ยังคงหลับอยู่ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วเตรียมตัวเข้านอนบ้าง

เด็กน้อยทั้งคู่จากไปแล้ว เมื่อเห็นอายาเมะนอนบนเตียงโดยสวัสดิภาพสำเร็จ มีแต่เสียดายเล็กน้อย ที่ไม่มีเรื่องสนุกอย่างที่แอบคิด ถ้าราชินีตกใจตื่นขึ้นมาเสียก่อน

เรย์จิในชุดนอนอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ยืนมองร่างที่หลับใหลอยู่อีกด้านอย่างครุ่นคิด เขาจัดวางคนกำลังหลับ ไปไว้อีกมุมที่ค่อนข้างไกล เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้ เพราะมันจะเป็นคืนแรก (จริง ๆ) ที่เขาจะได้นอนบนเตียงเดียวกันกับอายาเมะอีกครั้ง

ประสบการณ์การอยู่ร่วมห้อง ที่ไม่ได้นอนร่วมกันสักคืน เพราะอายาเมะไม่เคยอยู่ตอนกลางคืนเลย ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มเข้าใจ ว่าทำไมทาโนเอะ จึงจัดเขาให้นอนห้องเดียวกับอายาเมะ มันก็เป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่าพวกเขาคงสลับกันนอนอยู่แล้ว  ในขณะที่ถ้านอนกับคนอื่น ก็ต้องแบ่งที่นอนกันนอนทุกวัน

แต่ในวันนี้ ดูท่าทางอายาเมะจะเหนื่อยกว่าทุกครั้ง จึงได้ผล็อยหลับไป ทั้ง ๆ ที่ยามราตรีกำลังจะมาเยือน

ร่างสูงถอนใจยาวอีกรอบ จะว่าไปเขาก็เหนื่อยไม่น้อยในวันนี้ ได้พักบ้างพรุ่งนี้ก็ไม่เลวอยู่
เด็กหนุ่มคิดในใจ ก่อนจะปิดไฟในห้องแล้วเข้านอนบ้าง


.............................................


“ทำไม?...ทำไมถึงทำแบบนี้?......นายเท่านั้น…ที่ฉัน…เชื่อใจ”

มือที่ยื่นมาหา เงาร่างที่คุ้นตา คนที่เคยโอบกอด…คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ยังอยู่ในความทรงจำ ไม่อาจลบเลือนไปได้

…อาจจะไม่ได้เลย ตลอดชั่วชีวิตนี้...

…คำสัญญา
…คำโกหก
การหลอกลวง

…บาปที่ยากจะชำระล้างออกไป…

“นายทำให้ฉันต้องตาย…!!!”

ร่างโชกเลือดของคนคุ้นตา...หลายต่อหลายคน ที่เคยสนิท ที่เคยแนบชิด เคยเป็นของกันและกันมาก่อน แต่สุดท้าย...ก็ต้องตาย อย่างเลือดเย็น

เพราะเขา...

เลือดสีแดงฉานที่แปดเปื้อนมือคู่นี้ ไม่มีวันจะชำระล้างให้จางหายได้

แววตาที่ตัดพ้อต่อว่า สายตาจงเกลียดจงชัง ความเสียใจและความปวดร้าว เมื่อได้รู้ว่าถูกหักหลัง

...เป็นสิ่งที่ยากจะทนทาน...

“อย่านะ อย่าเข้ามา …ขอโทษ…ชั้น…ผิดไปแล้ว!!!”

“ไม่!!!!”

ดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นในความมืด ก่อนจะกรีดร้องเสียงดังจนเรย์จิสะดุ้งตื่น รู้สึกได้ถึงร่างของใครบางคน โผเข้าหาเขาแล้วกอดแนบแน่น เด็กหนุ่มตกใจจนแทบขยับไม่ได้ หัวใจที่กำลังเต้นถี่รัวเร็วราวจะหลุดออกจากร่างนั้นดังมาจากคนในอ้อมกอด ร่างที่กำลังสั่นเทา ร่ำไห้ไม่หยุดจนเสื้อของเขาเปียกชุ่ม

กว่าจะตั้งสติได้ ก็พักใหญ่ แต่คนที่กอดอยู่ ก็ยังไม่ยอมปล่อย เขาพอจะจำได้แล้วว่าคืนนี้ เขานอนอยู่กับอายาเมะนั่นเอง จริงสิ…อายาเมะ!

“อะ..อายะคุง? เกิดอะไรขึ้น อายะคุง?” เรย์จิพยายามจะถาม แสงอันน้อยนิดที่เข้ามาในห้องอย่างรางเลือน ทำให้เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอายาเมะกันแน่

“อย่า..อย่าเข้ามา …ไม่นะ ไม่!!!” จู่ ๆ ร่างที่กอดอยู่ผลักตัวเขาออกเต็มแรง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้สติ เสียงกรีดร้องรุนแรงกว่าเดิม จนแทบคลุ้มคลั่ง ร่างตะคุ่มในเงามืดตะเกียกตะกายซุกหลบที่มุมห้องอย่างหวาดกลัวทุกสิ่งทุกอย่าง

ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยแรง และไฟในห้องก็สว่างขึ้น คนที่มุมห้องชะงักและหยุดอาละวาดลง แต่ถึงอย่างนั้น ลมหายใจของเขาก็ยังหอบถี่ ดวงตาที่ตื่นตระหนก ยังคงมองซ้ายมองขวา หวาดระแวงไปหมด

ทาโนเอะวิ่งเข้ามากอดอายาเมะที่ยังไม่สงบดีนั้นไว้ มือของเธอหยิบเข็มฉีดยาที่เตรียมมาด้วย เช็ดแอลกอฮอล์ที่ต้นแขนแล้วฉีดให้ร่างบอบบางนั้น พลางลูบหลังสั่นเทาปลอบโยน เวลาผ่านไปครู่หนึ่งอีกฝ่ายจึงค่อยสงบลง แสงสว่างภายในห้อง ทำให้คนตื่นกลัวโล่งใจขึ้นกว่าเดิมเยอะ และในที่สุด ก็หลับลงไปได้ในอ้อมแขนของหญิงสาวนั้น

ทาโนเอะมองเรย์จิแกมพยักหน้าขอความช่วยเหลือ เด็กหนุ่มจึงเข้ามาช่วยประคองร่างที่กำลังหลับใหล แล้วอุ้มกลับมาวางบนเตียงเหมือนเดิม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด เรย์จิยังคงงุนงง หากยังทำตาม จนจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย ทาโนเอะจึงพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “จะนอนต่อก็ได้นะ ยังไม่เช้าเลย แต่ว่า…อย่าปิดไฟนะ”

“ไฟเหรอครับ?” เรย์จิทวนคำอย่างงง ๆ

“ใช่ เปิดให้สว่างไว้แบบนี้แหละ ห้ามปิดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น อายะจังจะอาการกำเริบมากกว่าเดิม”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียง ใกล้ ๆ กับที่เรย์จิยืนอยู่ พลางพูดต่อไปว่า “ขอโทษนะจ๊ะ ที่ไม่ได้บอกเธอไว้ก่อน อายะจังน่ะ ไม่สามารถนอนหลับได้ ถ้าอยู่ในที่มืด”

“ถ้าเขาตื่นมาแล้วพบว่ารอบตัวมีแต่ความมืด เขาจะมีอาการอย่างที่เธอเห็น”

“เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือครับ” เรย์จิถามต่ออย่างสงสัย

ทาโนเอะเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามแทนคำตอบว่า “เธอเคยบอกฉันใช่มั้ยจ๊ะ ว่าเธอจะรอ…จนกว่าพวกเรา จะบอกออกมาเอง”

“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำ เขายังจำสิ่งที่พูดไว้ได้ดี

หญิงสาวระบายลมหายใจยาวออกมา “อายะจัง…คงจะบอกกับเธอเอง ถ้าเขาพร้อม”

ทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่ง เรย์จิพอจะเข้าใจแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น…สาเหตุของมัน คงเป็นสิ่งที่หญิงสาวเคยพูดมาก่อนหน้านี้ เรื่องที่…ไม่ได้บ่งบอกออกมากันได้ง่าย ๆ

เป็นตราบาปที่ประทับในจิตใจ ยากจะลบเลือน

การพูดถึง ย่อมสะกิดแผลเก่าจนเจ็บซ้ำ

ต้องรอเมื่อพร้อมที่จะบอกเท่านั้น จึงจะพร้อม…ที่จะรับการเยียวยาด้วย เด็กหนุ่มเข้าใจดี

“ตกลงครับ ผมจะรอ” เด็กหนุ่มยิ้มให้เพื่อเป็นกำลังใจกับหญิงสาว

“ขอบคุณมากจ้า ที่เข้าใจพวกเรา นอนต่อเถอะนะ แล้วก็…” ทาโนเอะลุกขึ้นจากขอบเตียง แล้วทิ้งท้ายไว้ว่า “พรุ่งนี้ ฝากดูแลอายะจังด้วยนะจ๊ะ”

“ได้ครับ” เรย์จิตอบ พลางมองร่างบอบบางนั้นก้าวเดินออกไปจากห้อง

บางที…เพราะอาการแปลกประหลาดยามนอนนี้กระมัง ที่ทำให้ทาโนเอะ จงใจให้เขา นอนกับอายาเมะที่ห้องนี้?

เด็กหนุ่มได้แต่คาดเดา แต่ไม่อาจจะสอบถามใครได้

เขาจะรอ…และรับฟัง นั่นคือคำสัญญาที่เขาได้ให้ไว้

ร่างสูงยืนมองอายาเมะที่หลับยาวไปแล้ว ก่อนตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งบนเตียง แล้วนอนต่อบ้าง


..............................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 5/1 อัพ 28-2-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 28-02-2010 16:30:35
หรือว่าคิระกับอายะจะเป็นคนเดียวกัน

เหมือนจะเริ่มเชื่อมโยงทั้ง 2 เรื่องเข้าด้วยกันแล้ว

รออ่านตอนต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 5/1 อัพ 28-2-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-02-2010 19:42:08
บาปในใจ รอวันลบล้าง
แล้วจะมีวันนั้นมั้ย

ขอบคุณ และบวกอีก 1 แต้มค่ะ

หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 5/1 อัพ 28-2-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 01-03-2010 14:20:26
หรือว่าคิระกับอายะจะเป็นคนเดียวกัน

เหมือนจะเริ่มเชื่อมโยงทั้ง 2 เรื่องเข้าด้วยกันแล้ว

รออ่านตอนต่อไปจร้า

น่าจะเป็นไปได้ครับ 
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 5 อัพ 1-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 01-03-2010 17:13:49
(ตอนที่ 5 จบ)


ยามสายมาเยือนพร้อมกับความมึนงง คงเพราะเมื่อคืนตื่นมากลางดึก เรื่องราวมากมายทำให้ดวงตาของเขาหนักอึ้งกว่าที่เป็น พอลืมตาขึ้นก็สบตากับใครบางคนเสียแล้ว

ใบหน้างามใกล้ ๆ ทำเด็กหนุ่มหน้าแดง รีบผงะถดถอยไปชิดหัวเตียงโดยอัตโนมัติ เรียกเสียงขำเบา ๆ ได้จากอีกฝ่าย ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นปกติแล้ว ไม่มีอาการหวาดกลัวหรือคลุ้มคลั่งแบบเมื่อคืนอีก ราวกับว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายที่ผ่านเข้ามา พอลืมตาตื่น ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม

“นายนอนฝันเปียกรึเปล่านั่น” คนด้านบนที่ยังคงอยู่บนเตียง แซวอย่างอารมณ์ดี

เด็กหนุ่มสะดุ้ง รีบพลิกผ้าห่มเปิด สำรวจโดยอัตโนมัติ แล้วพึ่งระลึกได้ว่าโดนแหย่

“โธ่ อายะคุงล่ะก็ …ผมไม่..เอ้อ เป็นแบบนั้น เพราะนอนเตียงเดียวกับผู้ชายหรอกนะ”

ร่างสูงแต่บอบบางของเขาขยับเข้ามาใกล้ ยังคงแต่งชุดราชินีอยู่ แม้จะหลุดลุ่ยไปบ้าง มันกลับทำให้คนตรงหน้า ดูเซ็กซี่กว่าเดิมด้วยซ้ำ เสียงหวานแกล้งเป่าลมหายใจเข้าข้างหูเด็กหนุ่มอย่างจงใจ

“จริงเหรอ?”

เรย์จิปิดหูทันควัน อายจนใบหน้าเริ่มแดงเรื่ออีกแล้ว

เขาทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วผุดลุกขึ้นจากเตียง “ผม..ผมจะลุกแล้วครับ บางทีคุณทาโนเอะ อาจจะอยากให้ช่วยอะไร”

ร่างสูงขยับตัวลงจากเตียงแล้วพูดอย่างเซ็ง ๆ ว่า “วันนี้วันหยุดนะ นายจะขยันไปหน่อยล่ะมั้ง”

เด็กหนุ่มมองอายาเมะอีกครั้ง ราวกับว่าอายาเมะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลย ท่าทางของคนตรงหน้า ดูสดชื่นกว่าเดิมมากนัก อาจจะเพราะได้นอนเต็มตื่นกว่าที่เคยก็เป็นได้

“เอ่อ...อายะคุง ...เมื่อคืน…?” เรย์จิพึมพำเบา ๆ แกมถาม

อายาเมะหันมามอง แล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ ชั้นคงไม่ได้ปล้ำนายใช่มั้ย?” คนถามจ้องเขม็งมาที่เขา คำถามเหมือนจะล้อเล่น หากดวงตากลับแฝงความกังวลบางอย่าง

“เอ้อ…เปล่าครับ ไม่มีอะไร เมื่อคืน… ไม่มีอะไรจริง ๆ”

ว่าแล้วเขาก็ผลุนผลันเข้าห้องน้ำไป เพราะไม่อาจสบตาคู่งามได้นานกว่านี้ โดยไม่เขินไปเสียก่อน
อายาเมะมองตามร่างเด็กหนุ่มที่เดินออกไป คิ้วเรียวยาวขมวดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก


........................................


เรย์จิมองคนฝั่งตรงข้ามรับประทานอาหารอยู่เงียบ ๆ พลางครุ่นคิด
อายาเมะจำไม่ได้จริง ๆ

เขาควรจะถามดีมั้ยเนี่ย?

‘อายะจัง…คงจะบอกกับเธอเอง ถ้าเขาพร้อม’

คำพูดของทาโนเอะเมื่อคืน ทำให้เด็กหนุ่มกล้ำกลืนคำถามไว้อีกครั้งจนได้ในยามเช้าที่อยู่กันตามลำพัง เพราะคนอื่นออกไปช็อปปิ้งกันหมดแล้ว

วันแรกที่ต้องอยู่กันสองต่อสอง ต่อจากเมื่อคืน… อายาเมะอาบน้ำแต่งตัวแล้ว ด้วยชุดสุดโฮสต์เหมือนเดิม เสื้อเชิร์ตแบรนด์เนมราคาแพงระยับ บวกกับกางเกงทรงเข้ารูปดูดีไม่หยอก แต่นักเที่ยวยามราตรี ท่าจะว่างงานมากยามกลางวันเสียแล้ว เห็นได้ชัดจากการกินอาหารอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับเจตนารอคอยให้เขามานั่งเป็นเพื่อน แม้เจ้าตัวจะไม่ได้พูดออกมา

ที่โต๊ะอาหาร ซากุระทำอาหารเตรียมไว้ให้ทั้งคู่ที่ตื่นสาย ปิดพลาสติกแรปไว้เป็นอย่างดี และมีโน้ตสั้น ๆ จากทาโนเอะ ว่าออกไปช็อปปิ้งแล้ว ในนั้นยังเขียนว่า ไม่ต้องเฝ้าร้านก็ได้ ออกไปพักผ่อนซื้อของตามสบาย แค่ปิดร้านแล้วใส่กุญแจไว้ก็พอ

มีแอบทิ้งท้ายด้วยลายมือเด็ก ๆ จากซานะจังและยูเมะด้วยว่า ‘เดทกันให้สนุกนะ’

เล่นเอาแทบอยากจะหยิบโน้ตอันนั้นไปซ่อนเลยทีเดียว

แต่อายาเมะที่มาถึงห้องครัวก่อน คงจะอ่านมันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะพอทั้งคู่กินเสร็จ เขาก็พูดขึ้นว่า “วันนี้ไปเดทกับชั้นนะ”

ยังคงเป็นคำสั่งอีกแล้ว

เด็กหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะชวนจริง ๆ ตอนแรกคิดว่า อายาเมะจะนอนทั้งวันเหมือนทุกครั้งเสียอีก

“จะไม่ไปหรือไง” คนถามเริ่มส่งสายตาดุ ๆ มาให้ เพราะไม่เคยมีใครปฏิเสธการชวนของเขามาก่อน

“ไป..ก็ได้ครับ” เรย์จิเริ่มรู้สึกเย็นวาบจากสายตาโหด ๆ ที่ขนาดไม่มองยังรู้สึกได้ เดี๋ยวคืนนี้จะไม่ได้หลับโดยสวัสดิภาพพอดี ถ้าทำอายาเมะของขึ้น และอีกอย่าง เขาก็อยากจะตะล่อมถามเรื่องเมื่อคืนด้วย ถึงตั้งใจว่าจะรอให้อายาเมะบอกออกมาเอง แต่ถ้าไม่ทำตัวให้น่าไว้วางใจ ใครไหนเลยจะกล้ามาปรึกษาด้วย

เขาก็แค่อยากทำให้ทุกคนที่อยู่ด้วยกันสบายใจ และมีความสุขเท่านั้น …ไหน ๆ ก็รับปากทาโนเอะไว้แล้ว

พอคิดถึงทาโนเอะ ก็อดหน้าแดงอีกไม่ได้ เขาจึงรีบขอตัวไปหยิบของ ก่อนที่ชายหนุ่มจะสังเกตเห็นท่าทางที่ผิดปกตินั้น

ดังนั้นในวันนี้ เรย์จิที่แต่งตัวค่อนข้างเชย เมื่อเทียบกับชุดสุดหรูของอีกฝ่าย ก็ได้แต่เดินตามร่างสูงของอายาเมะต้อย ๆ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้เตี้ยกว่าอายาเมะหรอก เพียงแต่รองเท้าเสริมส้นคู่สูงของอายาเมะ ทำให้เด็กหนุ่มดูเตี้ยกว่าไปเลย หนุ่มอดีตโฮสต์แวะร้านดอกไม้ใกล้ ๆ ก่อนจะสั่งซื้อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่ ให้ทางร้านจัดใส่ช่อเล็ก ๆ อย่างสวยติดมือมาด้วย

เรย์จิแอบสงสัยในใจ ว่าคงจะเอาไปเป็นของขวัญให้สาวสักคนกระมัง อดีตโฮสต์อย่างอายาเมะ คงชำนาญเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

เดินกันไปพักใหญ่ ทางเดินก็แคบลง และห่างไกลจากย่านค้าขายไปเรื่อย ๆ แต่คนนำหน้า ก็ยังเดินต่อไป เรย์จิจึงได้แต่เดินตามโดยไม่ได้ถาม แม้จะสงสัยอยู่บ้าง ว่าเดทวันนี้มีอะไรแปลก ๆ

สุดท้าย ทางเดินที่ทอดยาว ก็ไปหยุดที่หน้าสุสานเก่า

เป็นสุสานคริสต์เก่า ที่ตั้งอยู่ข้างโบสถ์โบราณ เรย์จิจำได้ ว่าเคยผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว มันคือสุสานที่อยู่ใกล้กับทางด้านหลังร้าน ติดกับป่ารกด้านข้างนั่นเอง

ทางเดินค่อนข้างอ้อม เมื่อเทียบกับตำแหน่งที่อยู่ใกล้ นั่นเป็นเพราะป่ารกทึบด้านข้าง และบรรยากาศไม่น่าเดินผ่าน จึงทำให้คนนิยมใช้ทางเดินด้านนอกมากกว่า

ร่างสูงของอายาเมะมาหยุดที่ป้ายหน้าหลุมศพเป็นไม้กางเขนสีขาว ทำด้วยหินอ่อนขนาดย่อม เขาวางดอกไม้ไว้ก่อนที่จะพูดขึ้นช้า ๆ ราวกับว่าเรย์จิไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น

“วันนี้ชั้นฝันถึงนายอีกแล้วนะ” แววตาของเขาดูเศร้าลงเล็กน้อย หน้างามก้มลงมองป้ายชื่อที่สลักไว้อย่างสวยงาม ซึ่งเขียนไว้ว่า ‘เอ็นโด ฮิโรอากิ’

“ฮิโระคุง…”

แล้วแววตานั้นก็กลับโหดขึ้นอีกครั้ง “ถ้านายไม่หยุดมาหลอกหลอนชั้นล่ะก็ โผล่มาคราวหน้า ชั้นจะจับนายกดจริง ๆ ด้วย!”

คำพูดนั้นเล่นเอาเด็กหนุ่มผู้ฟังอยู่ด้านข้าง แทบสะอึก พูดไม่ออกไปเลยทีเดียว

เสียงตะโกนเอาเรื่องนั้นเปลี่ยนเป็นหัวเราะ “เอาเถอะ ไม่ต้องหงอขนาดนั้นก็ได้ ยังไงนายก็อยู่ล่างอยู่แล้วล่ะ”

แล้วความเงียบก็ครอบงำโดยรอบ เมื่อคนที่ยังหัวเราะเมื่อกี้ กลับนิ่งไปอย่างน่าแปลกใจ เรย์จิมองแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นหยาดน้ำหยดแหมะลงบนพื้น มันคือน้ำตานั่นเอง ดวงตาคู่นั้น..คลอไปด้วยน้ำตา เมื่อเสียงสั่นครือพูดต่อไป

“คนบ้า ทำไมนายถึงได้ยอมตายง่ายนัก… ชั้น..เกลียดนายที่สุดเลย”

เขาว่าพลางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะพูดต่อไป “ถ้านายจะแก้แค้นล่ะก็ ไม่ต้องชวนคนอื่นมารบกวนชั้นเลยนะ คราวหลังมาคนเดียวล่ะ ชั้นไม่ชอบสนุกหมู่”

มือเรียวปาดเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยืนหยัดตัวตรงขึ้นอีกครั้ง อายาเมะหันไปหาเรย์จิที่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ  แล้วดึงเด็กหนุ่มมาตรงหน้าป้ายสุสาน “อ้อ วันนี้ชั้นจะออกไปเดทกับเด็กคนนี้แทนนายแล้ว เลิกคิดถึงแล้วก็มาหาชั้นตอนดึก ๆ ได้แล้วนะ ชั้นจะได้หลับสบาย ๆ บ้าง”

“ลาล่ะ ฮิโระคุง” เขาว่าพลางหันตัวออกไป โดยไม่ลืมที่จะลากเด็กหนุ่มไปด้วย

ที่มุมพักผ่อนสำหรับผู้มาเยี่ยมสุสาน ร่างบอบบางนั่งยืดขาพลางถอนหายใจยาว ราวกับว่าสิ่งอัดอั้นตันใจ ได้ถูกระบายออกมาส่วนหนึ่ง

เรย์จิยังคงมอง โดยไม่ได้ถามอะไร

จนคนที่นั่งอยู่ต้องพูดออกมาเอง “เขาคนนี้…เป็นคนที่ชั้น เคยรัก…และก็เป็นคนที่ชั้น…ฆ่าเป็นคนสุดท้าย”

ประโยคหลังนั่น ทำเอาเด็กหนุ่มหันไปมองทันที

“เรากลับกันเถอะ”

ร่างบอบบางยืนขึ้นอีกครั้ง ตัดบทเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วจนเขาตามไม่ทัน ก่อนจะก้าวฉับ ๆ นำหน้าเดินออกมา โดยไม่คิดจะอธิบายอะไรอีก

เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าอย่างงง ๆ แล้วเดินตามไปโดยไม่กล้าจะถาม

อายาเมะคงจะยังไม่พร้อมจริง ๆ

แต่อย่างน้อย การยอมให้เขามาเป็นเพื่อน ก็แสดงว่าคงไว้วางใจเขาระดับหนึ่งแล้ว…


..........................................


กว่าจะกลับมาถึงร้านก็เย็นแล้ว เพราะอายาเมะพาเด็กหนุ่มไปช็อปปิ้งก่อนกลับ เรย์จิต้องช่วยหอบหิ้วบรรดาถุงใบโตจนแทบเดินไม่ตรง ในขณะที่ราชินีหนุ่ม ไม่ได้ถืออะไรเลย

‘คิดเป็นค่าอาหารละกัน’ เขาว่าง่าย ๆ  หลังจากจ่ายค่าอาหารแพงระยับตอนกลางวันเอง เพราะเด็กหนุ่มไม่มีปัญญาจะจ่าย

กลิ่นอาหารหอมกรุ่นรับมื้อค่ำ เมื่อเดินเข้าไปในครัว ทำให้เด็กหนุ่มอดอมยิ้มไม่ได้ บรรยากาศของครอบครัว…ที่เขาเอง แทบไม่เคยได้สัมผัส ร่างสูงโปร่งของทาโนเอะในชุดผ้ากันเปื้อนราวแม่บ้านที่น่ารัก ยืนคู่กันอยู่กับซากุระ กำลังช่วยกันจัดโต๊ะที่มีอาหารชุดพิเศษอย่างตั้งใจ

“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ คู่รักสุดสวีท เดทสนุกมั้ยฮะ” เสียงใส ๆ ของซานะแซวขึ้นทันที เล่นเอาเรย์จิหน้าแดง

“เราแค่…ไปซื้อของกันเฉย ๆ นะครับ อย่าเข้าใจผิด” เด็กหนุ่มแก้ตัวตะกุกตะกัก

มือเล็ก ๆ กระตุกที่แขนของเขาเบา ๆ เรย์จิหันไปมองและพบหน้าใส ๆ ที่บึ้งตึงเล็กน้อย “คราวหน้าต้องไปเดทกับยูเมะบ้างนะ” เด็กหญิงพึมพำเสียงเบา “ยูเมะก็อยากไปซื้อของกับเรย์จิคุงเหมือนกัน” ว่าแล้วก็หันไปแลบลิ้นใส่อายาเมะ อย่างงอน ๆ ราวเด็กโดนแย่งของรัก

“…ก็เรย์จิน่ารักกว่าที่คิดนี่นา” มือเรียวโอบหลังเขา พลางเอียงหน้างาม ๆ เข้ามาใกล้ แกล้งแหย่ยูเมะเสียอย่างนั้น แต่มันกลับทำให้เด็กหนุ่มหน้าแดงหนักกว่าเก่า

“ฮึ อายะจังพึ่งรู้น่ะสิ ยูเมะน่ะ รู้มาตั้งนานแล้ว”

ร่างเล็กดึงแขนของเขาเข้ามากอดบ้าง พลางเอนอิงออเซาะ “เรย์จิคุง คราวหน้าถ้าไม่พายูเมะไปเดทล่ะก็ ยูเมะจะโกรธด้วย”

“เรามาทานข้าวกันดีกว่าจ้า” ทาโนเอะเบรก ก่อนจะมีศึกใหม่ ทั้งคู่สบตากับหญิงสาวที่ยังยิ้มหวานอยู่เช่นเดิม แล้วชะงัก ยอมทรุดตัวลงนั่งที่ประจำโดยดี แม้ว่ายูเมะจะยังแอบค้อนให้อายาเมะอีกวงโต ก่อนทั้งหมดจะลงมือรับประทานอาหาร

อาหารรสชาติไม่เลวเช่นเคย และเพราะวันนี้พึ่งกลับมาจากการไปซื้อเสบียงใหม่ จึงพิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงฝีมืออันยอดเยี่ยมของซากุระ

หลังรับประทานอาหารเสร็จ ทาโนเอะยิ้มให้แล้วบอกว่า “อาหารวันนี้ถือเป็นการขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ ที่เหน็ดเหนื่อยช่วยกันมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกคนทำได้ดีมาก”

บรรดาสมาชิกเริ่มก้มหน้าอย่างเขิน ๆ ต่างคนต่างไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่แสดงออกเป็นท่าทางที่ดูเงอะงะอย่างเห็นได้ชัด เรย์จิเริ่มเข้าใจธรรมชาติของคนกลุ่มนี้มากขึ้นแล้ว ยามปกติอาจจะดูเหมือนคนธรรมดา แต่ยามใดที่ได้อยู่ร่วมกัน ได้ทำอะไรร่วมกัน เป็นครอบครัวอย่างวันนี้ ทุกคนยังคงมีกำแพงบาง ๆ กางกั้น จนแสดงอารมณ์ออกมาได้ไม่เต็มที่

มันคล้ายกับตัวเขา …ครอบครัว… คงเป็นสิ่งแปลกใหม่ สำหรับพวกเขาแน่ ๆ

เด็กหนุ่มหันไปส่งยิ้มให้ทาโนเอะแทนบรรยากาศที่เริ่มอึดอัดนั้น “พรุ่งนี้คงมีลูกค้าน่ารัก ๆ มาอีกเยอะแน่ พวกเราก็จะทำงานอย่างเต็มที่ ให้สมกับอาหารอร่อยมื้อนี้ด้วยนะครับ”

“เรามาพยายามด้วยกันดีกว่า” ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาข้างหน้า แล้วทำท่าให้คนอื่นทำตาม

ซานะเข้าใจไวกว่าเพื่อน จึงยื่นมือมาแปะที่หลังมือเขา แล้วเรียกยูเมะให้ทำตามบ้าง

อายาเมะมองวูบเดียวก็เข้าใจ ราชินีถอนหายใจ ท่ามากขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนจะวางมือไปบนมือยูเมะอีกที

ทาโนเอะยิ้ม วางมือลงไปอีกคน แล้วบอกว่า “โอเคจ้า ฉันด้วยก็แล้วกัน เอ้า ซากุระคุง” เธอหันไปหาชายหนุ่มผู้นั่งมองเฉย ๆ ไม่มีทีท่าจะขยับพลางส่งสัญญาณให้

ซากุระมองทุกคนแล้วยื่นมือไปวางเป็นคนสุดท้าย “กิจกรรมของ ‘คนธรรมดา’ สินะ ไร้สาระจริง” เขาพึมพำ แต่ไม่โต้แย้งอะไร

เรย์จิยิ้มกว้าง “เอ้า ทุกคน สู้ ๆ! เพื่อวันพรุ่งนี้!”

มือทั้งหมดประสานกัน ก่อนจะปล่อยออกโดยพร้อมเพรียง “เฮ้!” เสียงซานะจังดังกว่าเพื่อน เด็กชายยิ้มรับอย่างกระตือรือร้น คนอื่น ๆ ยิ้มรับอย่างสดชื่น บรรยากาศอึดอัดเมื่อครู่ ค่อยจางหาย ซากุระถอนใจเบา ๆ แต่ไม่พูดอะไรอีกเช่นเคย

ร่างสูงโปร่งยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้ “เฮ้อ ไปเที่ยวดีกว่า” เขาพึมพำ ก่อนทำท่าจะเดินออกไป หากมือของใครบางคน ดึงมือเขาไว้ ราชินีหนุ่มชะงัก พลางมองคน ๆ นั้นอย่างงุนงง

“อายะคุง...คืนนี้…นอนกับผมเถอะครับ!” เรย์จิสบตาคมนั้น แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

แต่พอรู้สึกได้ถึงสายตาของคนที่เหลือ ซึ่งกำลังจับจ้องมาอย่างประหลาดใจ เด็กหนุ่มก็รีบปล่อยมือทันควัน เริ่มสำนึกได้ว่า เผลอพูดอะไรชวนคิดลึกออกไปเสียแล้ว

“เอ้อ…ไม่ใช่ อย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมก็แค่…เอ่อ แค่ไม่อยากให้อายะคุงต้องไปนอนนอกบ้านเท่านั้นเอง…กะ..ก็...เตียงยังว่างอีกเยอะน่ะครับ แล้วก็นะ…ผม” เขาแก้ตัวเป็นพัลวัน เล่นเอาคนที่เหลือแอบขำ

นิ้วเรียวแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากของเขา ทำให้เด็กหนุ่มชะงัก “งั้นขอออกไปซักสองสามชั่วโมงละกัน แล้วคืนนี้ชั้นจะกลับมานอนด้วยก็ได้…เตรียมตัวให้ดีล่ะ ถ้าไม่อยากโดนปล้ำ” อายาเมะพูดแล้วหัวเราะ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้น เรย์จิมองตามร่างคล่องแคล่วนั้น ใบหน้าใสของเด็กหนุ่ม มีรอยยิ้มจาง ๆ

“ก้าวหน้าไปอีกขั้นหรือไงจ๊ะ” ทาโนเอะทัก เล่นเอาเขาสะดุ้งเฮือก ขยับจะปฏิเสธแต่คนที่เหลือก็หัวเราะกันอย่างขบขัน จนเรย์จิไม่อาจจะปฏิเสธได้อีกเช่นเคย…


.................................................


เวลายามค่ำผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรย์จิอาบน้ำเรียบร้อย เตรียมตัวจะนอน ร่างสูงของเด็กหนุ่มมองไปที่หน้าต่าง พลางคิดในใจ

…อายาเมะจะกลับมารึเปล่านะ คืนนี้…?   

เขาไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนัก ว่าทำไมพูดออกไปเช่นนั้น แต่ค่อนข้างจะแน่ใจ ว่าการที่อายาเมะไม่กลับมานอนร้าน แต่ออกไปเที่ยวราตรีทุกคืน คงมีสาเหตุมาจากอาการนั่นแน่ ๆ และดูท่าจะมีเพียงทาโนเอะ ที่รู้เรื่องนี้ดี แต่เธอเองก็ไม่ยอมบอกสาเหตุนั่นกับเขา

คืนนี้จึงเป็นคืนที่เขาอาจจะสอบถามอะไรจากอีกฝ่ายได้เป็นพิเศษ

ดังนั้นเขาต้องรอ…

ไฟในห้องเปิดสว่าง เขายังจำได้ดี ถึงสิ่งที่ทาโนเอะบอกมา อายาเมะจะนอนไม่ได้ ถ้าตื่นมาแล้วพบกับความมืด

เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ แม้ตั้งใจว่าจะไม่หลับ แต่ในที่สุด เขาก็เคลิ้มหลับไป

นานแค่ไหนไม่รู้ หลังจากที่หลับไปแล้ว เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงยุบบนเตียงข้างตัว ร่างบอบบางของใครบางคน ซุกเข้ามาในผ้าห่มข้างตัวเขา ด้วยความที่เป็นคนหลับง่ายตื่นง่าย เด็กหนุ่มจึงสะดุ้งตื่นแทบจะในทันที แถมยังเผลอเกร็งหน่อย ๆ กับคนข้าง ๆ โดยสัญชาตญาณระวังภัย เพราะคนที่มาเอาแน่เอานอนไม่ได้ เผลอ ๆ จะปล้ำเอาไม่รู้ตัว

หากเสียงพึมพำเบา ๆ ทำให้เขาชะงัก “ขอนอนใกล้ ๆ ได้ไหม”

น้ำเสียงนั้นยังคงเป็นอายาเมะคนเดิม หากกระแสเสียงกลับอ้อนกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า มาดราชินีตอนกลางวันหายไปแบบไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว เมื่อร่างบอบบางนั้นขยับมาใกล้ แต่ยังไม่ยอมสบตาด้วย  

“ดะ…ได้สิครับ” เขาตอบรับ คนด้านข้างจึงหันมา แต่เพียงวูบเดียว ก่อนจะเสหลบอย่างเขิน ๆ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มมองมาเช่นกัน

“ชั้น…แค่เป็นโรคนอนไม่ค่อยหลับตอนกลางคืนเท่านั้นแหละ ไม่ต้องสนใจก็ได้ นอนไปเถอะ พรุ่งนี้นายต้องตื่นเช้า”

“สบายมากครับ ผมหลับไปบ้างแล้ว แถมเมื่อก่อนตอนเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ช่วงสอบนี่ผมแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ยังสบายมาก” เขาตอบยิ้ม ๆ

คนฟังพลิกตัวไปอีกข้าง ราวไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าที่แท้จริงนั้น เสียงแผ่วเบาพึมพำขึ้นว่า

“ชั้นไม่เป็นไรหรอก…ไม่เป็นไรจริง ๆ”

แม้จะพูดว่าไม่เป็นไร แต่ร่างที่สั่นน้อย ๆ คล้ายหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ทำให้เรย์จิไม่อาจวางใจได้อย่างที่อีกฝ่ายพูดไว้

“ผมจะอยู่เป็นเพื่อนนะครับ” เขาเอื้อมมือมาจับมืออายาเมะที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันนั้นไว้

“ถ้านอนไม่หลับ ผมจะคุยเป็นเพื่อน แล้วก็…ถ้าอายะคุงฝันร้าย ผมจะปลุกเอง คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ”

“อืม…” แผ่นหลังได้รูปที่ยังไม่หันกลับมาตอบรับ มือที่จับกัน ชื้นเหงื่อจนรู้สึกได้ เด็กหนุ่มจึงบีบมันเบา ๆ ปลอบใจ    

“ถ้านอนไม่หลับ แล้วอยากจะระบายเรื่องที่อัดอั้นอยู่…ก็เล่ามาได้นะครับ ผมฟังอยู่”

คนนอนด้านข้างนิ่งเงียบไปนานมาก คงตัดสินใจอย่างหนัก ที่จะพูดหรือไม่พูดออกมา เรย์จิมองเห็นแต่ด้านหลัง ที่มีผมนุ่มซอยเคลียไหล่ระใบหมอน เพราะไม่ได้ดับไฟในห้อง เขาจึงมองผู้ร่วมเตียงของเขาได้ค่อนข้างชัดเจน …และใกล้ชิดจนบางครั้งแทบลืมหายใจ

ปฎิเสธไม่ได้หรอก ว่าเสน่ห์ของอีกฝ่ายนั้น มากมายจนล้นเหลือจริง ๆ

“ชั้นจะนอนแล้ว” เสียงห้วนตอบกลับเป็นครั้งสุดท้าย คนฟังที่แอบลุ้นเก้อลอบถอนใจเฮือกใหญ่ สุดท้าย…อายาเมะก็ไม่ยอมบอกอะไรอีกเช่นเคย

“ก็ได้ครับ นอนเถอะนะ รับรองคืนนี้ไม่ฝันร้ายแน่ ๆ”

“อืม…” เสียงแผ่วเบาดังจากร่างนั้น แม้จะไม่มีคำตอบใด ๆ เป็นที่ชัดเจน แต่มือที่จับกันอยู่ กลับกระชับแนบแน่นกว่าเก่า

และแล้วในคืนนั้น อายาเมะก็หลับได้ในที่สุด แม้ว่าในคืนนั้นอีกเช่นกัน ที่เรย์จิกลับนอนไม่หลับเอาเสียเลย เพียงแค่รู้สึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มจากมือที่จับอยู่ ใจเขาก็เต้นแรงทั้งคืนแล้ว…

ฟ้าคงกลั่นแกล้งเขาแน่ ๆ ทำไมกันหนอ ต้องมานอนจับมือกับผู้ชายทั้งคืนด้วยนะ

แต่มันก็…ทำให้เขาสบายใจขึ้นเยอะในยามนี้….   


- จบตอนที่ 5 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 5 อัพ 1-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 01-03-2010 18:10:47
happy ending 
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 5 อัพ 1-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CHOKUN ที่ 01-03-2010 18:31:11
ที่แท้อายะ ก้อคือคิระ จริง ๆ ด้วยอ่ะ รอต่อไปอ่ะอยากรู้ว่าทุกคนทำบาปอะไร  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 5 อัพ 1-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 01-03-2010 18:41:32
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 5 อัพ 1-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 01-03-2010 18:43:37
เคลียร์เรื่องคิระกับอายะไปได้แล้ว 1 ประเด็น

อายะน่ารักได้อีกอ่ะ ยิ่งตอนที่ไปเยี่นมหลุมศพฮิโระคุงอ่ะ

ไม่รู้ว่าจะฮาหรือเศร้าดี เหมือนอายะยังขังตัวเองอยู่กับอดีต

หวังว่าเรย์จิคุงจะช่วยเยี่ยวยาให้ดีขึ้นนะ

รอตอนต่อไปว่าจะเป็นอดีตของใคร

+ 1 เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 5 อัพ 1-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 01-03-2010 22:00:44
ชอบๆหนุกมากๆ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 6/1 อัพ 2-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 02-03-2010 17:30:36
ตอนที่ 6 Passion Dolls : ตุ๊กตาแห่งความปรารถนา

Rate: NC-18, Shotacon, SM, Toys, Rape
(ตอนนี้เรทค่อนข้างสูง กรุณาอ่านโดยใช้วิจารณญาณด้วยค่ะ)

(ตอนที่ 6/1)


รถสิบล้อคันโตภายนอกทรุดโทรมไม่น่าสนใจ ขับมาจอดที่ลานจอดด้านข้างของอาคารขนาดใหญ่ ด้านหลังเป็นผ้าใบสีทึบ ชายร่างอ้วนที่นั่งด้านข้างคนขับเดินลงมาเปิดส่วนท้าย เมื่อตลบตัวผ้าขึ้น ภายในกลับเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ...เด็กน้อยทั้งชายหญิง ขดตัวรวมกันอยู่ที่ด้านหนึ่งของตัวรถ ดวงตายิบหยีเพ่งมองทั้งกลุ่มให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนจะออกคำสั่งให้ทั้งหมดลงมา

รถคนนั้นแล่นจากไป ทิ้งไว้เพียงเด็กชายหญิงตัวมอมแมมที่หวาดกลัว ยืนเกาะกลุ่มกันเป็นกลุ่มก้อนเหมือนเช่นตอนแรก เสียงกักขฬะหยาบคายตะโกนสั่งให้บรรดาร่างบอบบางนั้นรีบเร่งก้าวเดิน ในมืออ้วนถือแส้ยาว พร้อมตวัดสาดใส่ใครก็ได้ที่เริ่มงอแง

ร่างเล็ก ๆ กัดฟันเดินอย่างอดทน ปลอกคอโลหะกับสายโซ่กระทบกันทุกครั้งที่ย่างก้าว โซ่ยาวนั้นล่ามกันและกันไว้จนเป็นพรวนใหญ่ เด็กหน้าตาหลากหลายสัญชาติ มาอยู่รวมกัน บางคนก็ยังสะอื้นร่ำไห้ บางคนก็หยุดร้องแล้ว แต่แววตาอันหวาดกลัวของทุกคน กลับเห็นได้ชัด ปะปนกับความเกลียดชัง

โซ่เหล็กหนักอึ้ง ทำให้ก้าวย่างแต่ละก้าว หนักหน่วงแทบเกินกำลังจากอายุที่ดูแล้วคงไม่มีใครเกิน 12 แต่ส่วนใหญ่คงราว ๆ อยู่ในช่วงสิบขวบ ภัยสงครามทำให้อาชญากรรมมีอยู่ทั่วไป เด็กหลายคนโดนขายจากความยากจน ที่ดูดีหน่อย บ้างก็โดนลักพามา หรือแม้กระทั่ง เป็นลูกของเชลยสงครามที่ถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะพวกลักษณะแปลกตาหน่อย หนีไม่พ้นลูกครึ่ง ที่บางคนมีพ่อ หรือแม่ เป็นอาชญากรสงครามไม่อาจเลี้ยงดูได้

เด็กที่มีชะตากรรมแสนเศร้า แม้จะพึ่งลืมตาดูโลกมาได้ไม่กี่ปี รวมถึงยังไม่มีกำลังพอจะเรียกร้องความเป็นธรรมได้อีกด้วย เพราะที่นี่…เป็นตลาดมืดใต้ดิน ที่ขายสินค้าได้ทุกประเภท โดยอยู่เหนือกฎหมายอย่างสิ้นเชิง

"พวกแกรีบ ๆ เดินเข้าสิ เวลาเป็นเงินเป็นทองนะ โธ่เว้ย อย่าทำให้ชั้นหงุดหงิดนะ ถ้าได้แผลเยอะ ๆ สินค้าอย่างแกก็ราคาตกกันพอดี" คนพูดชักอารมณ์ขึ้น แม้แต่งตัวดูเหมือนคนอวดร่ำอวดรวย แต่ความหน้าเลือด ยังคงเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเขา รวมถึงขายได้ทุกอย่าง ที่สามารถทำกำไรได้

“ซานา…เอเมเหนื่อยแล้ว” เสียงพึมพำอ่อนล้ากระซิบข้างกายเด็กชายร่างมอมแมม ดวงตากลมโตมองมาอย่างอ้อนวอน

“อดทนเข้านะเอเม” เสียงไร้เรี่ยวแรงพอ ๆ กันจากอีกฝ่าย พยายามปลุกปลอบ “อย่าร้องไห้นะ รีบเดินเร็วเข้า”

“ฮื่อ” ร่างน้อย ๆ รับคำอย่างเสียไม่ได้ ทันใดนั้น ก้าวเล็ก ๆ ก็สะดุดกับก้อนหินก้อนหนึ่ง

"โอ๊ย" เธอร้องอย่างตกใจ สายโซ่ที่ไม่ยาวนัก ดึงให้หลาย ๆ คนล้มตาม

"เผี้ยะ" แส้เส้นนั้นตวัดลงบนกลางหลังเด็กชายผู้ใช้ร่างตนเองกางกั้นบังเด็กหญิงไว้ เสื้อมอมแมมตัวบางขาดเป็นแนวยาว เห็นรอยเลือดซึม เห็นแล้วยิ่งทำให้เด็กคนอื่นที่ล้มด้วย รีบผุดลุกอย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติ สายโซ่ที่ดึงรั้งจากร่างบนพื้น ทำให้เสียเวลามากขึ้น เมื่อทุกคนถูกล่ามรวมกัน การเดินจึงชะงักค้างช้าลงไปอีก จนพ่อค้าทาสชักเริ่มหงุดหงิด

"พวกแกทำให้ชั้นเสียเวลานะ!" แส้เส้นนั้นหวดลงไม่ยั้งบนแผ่นหลังบอบบางนั้น เรียกเลือดได้เป็นแนวยาวหลายแถบ

"ซานา! อย่านะ!" เสียงร้องแกมสะอื้นของเอเม พยายามจะห้ามไม่ให้อีกฝ่ายลงแส้มากไปกว่านี้ “อย่าทำซานา อย่า!” เสียงตะเบ็งของเธอ ทำให้หลายคนที่มาร่วมงานประมูลเริ่มหันมามอง หากมีเรื่องยุ่งยากขึ้นก่อนงานจะเริ่ม เขาเองจะเสียเครดิต แล้วการขออนุญาตเพื่อมาขายครั้งต่อไป คงยุ่งยากกว่าเดิมนัก

ด้วยเหตุนี้เอง เป้าหมายจึงเริ่มเปลี่ยนไปยังคนด้านข้างอย่างหงุดหงิดกว่าเก่า ดวงตาเล็กหยีจ้องเขม็งไปยังเด็กน้อย มือนั้นขยับแส้อย่างเอาเรื่อง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กน้อยอายุราว ๆ 6 ขวบเท่านั้น "ยัยเด็กคนนี้นี่"

"พวกเรา...จะรีบเดิน" เด็กชายกัดฟันตอบ หากยังคงกอดน้องสาวไว้แน่น เอาตัวเองเป็นโล่ไม่ยอมให้ทำอันตรายใด ๆ ได้

"รู้แล้วก็รีบ ๆ ลุกเข้า" แส้หวดควับแหวกอากาศลงกับพื้นข้างตัว เล่นเอาต้นหญ้าใกล้ ๆ ขาดกระจายอย่างพยายามระงับอารมณ์ เด็กผู้หญิงคนนั้น เป็นสินค้าชั้นดี ที่จะให้มีตำหนิไม่ได้ และนั่นยิ่งทำให้พ่อค้าหน้าเลือดอยากระบายอารมณ์คุกรุ่นนั้นกับคนอื่นแทนที่

“พี่จะไม่ให้พวกนั้นทำอะไรเอเมแน่นอน อดทนอีกหน่อยนะ” เด็กชายกระซิบ "ลุกเร็วเข้า" เขาพยายามประคองเด็กน้อยขึ้นมา โดยยังเอาร่างตัวเองคอยกำบังปกป้องไว้

เด็กหญิงพยายามทำตาม แส้ในมือพ่อค้าเตรียมตวัดใส่อีกครั้ง มุ่งเป้าไปที่แผ่นหลังบอบบางของเด็กชาย หากทันใดนั้น ร่างสูงของใครบางคน ก็มายืนเหนือคนทั้งคู่แล้ว เล่นเอาคนถือแส้ชะงักค้าง

ดวงตาคมกริบสำรวจจนทั่วทั้งร่างเด็กหญิงบนพื้น ผิวกายที่มอมแมมสกปรก แต่กลับไม่อาจบดบังความขาวและดูเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลได้ ดวงตากลมโตที่งดงาม…งามอย่างแปลกประหลาด เมื่อได้เห็นข้างหนึ่งเป็นสีเขียวมรกตอันเจิดจ้า ส่วนอีกข้าง…กลับเป็นสีฟ้านุ่มนวลชวนฝัน  ริมฝีปากสีชมพูอ่อน รับกับเรือนผมยาวสยายสีน้ำตาลทอง อายุคงไม่เกิน 5-6 ขวบ

ของแปลกหายาก…และท่าทางที่ดูดี ทั้งหมดนั้นบอกได้เลยว่า…เป็นสินค้าชั้นเยี่ยม

ตาสีดำสนิทคู่นั้น ดูเย็นเยียบเลือดเย็นอย่างบอกไม่ถูก เด็กน้อยรู้ถึงอันตรายโดยสัญชาตญาณทันที แม้จะเพียงแค่โดนจ้องเท่านั้น

“ไม่นะ!” ร่างเล็กขยับหนี แอบหลังพี่ชายอย่างหวาดกลัว

เด็กชายผู้มีดวงตาสีฟ้าเหมือนกับดวงตาข้างหนึ่งของเด็กหญิง เข้ามากางกั้นร่างบอบบางนั้นไว้ ดวงตาของเขา แม้ไม่งดงามสะกดใจเท่า แต่มันกลับแฝงแววเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งอย่างเห็นได้ชัด แม้อายุที่เห็นจากภายนอกนั้น คงเพียงแค่ราว ๆ 10-11 ขวบ

“เด็กคนนี้ราคาเท่าไหร่” ชายผู้นั้นชี้ไปยังร่างที่สั่นระริก ซึ่งซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเด็กชาย

“ขออภัยครับท่าน เราขายแบบแพ็คคู่ เด็กสองคน ไม่ขายแยก” พ่อค้าทาสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระด้าง “ที่สำคัญ นี่เป็นสินค้าประมูล…ท่านจะซื้อตอนนี้ไม่ได้”

“ฉันมีเงิน และตอนนี้ ฉันต้องการเฉพาะเด็กผู้หญิงคนนั้น” น้ำเสียงราบเรียบหากมีอำนาจพูดง่าย ๆ

“แต่ว่า…” คนขายเริ่มลังเล แต่ด้วยรู้ดี ว่าเด็กธรรมดา คงโก่งราคาได้ไม่มากนัก หากขายพร้อมกับเด็กหญิงคนนี้ ซึ่งมีดวงตาแบบที่หาได้ยาก ย่อมสามารถโก่งราคาได้มากขึ้นไปอีก แถมถ้าได้ขึ้นเวทีประมูล ราคาย่อมพุ่งสูงได้โดยง่ายกว่าเก่า

“ผมทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ท่านพอใจ ถ้าจะซื้อเอเมล่ะก็ ได้โปรด ซื้อผมไปด้วยเถอะครับ!”

น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวขัดขึ้น คนฟังหันควับไปหาทันที พอเห็นเป็นเด็กชายคนนั้น ร่างสูงก็แสยะยิ้ม มือกร้านจับแก้มใสก่อนจะเชยคางให้เงยขึ้นมองให้ชัด “แน่ใจงั้นรึ ว่าทำได้ทุกอย่าง”

มือนั้นบีบลงไปที่กรามเล็กนั้นอย่างจงใจ ใบหน้านิ่งสนิทสบตาอีกฝ่ายโดยไม่คิดจะหลบเลี่ยง

"ฉันกำลังอยากได้...คนช่วยปลดเปลื้องอารมณ์นะ เข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่า?" คำพูดนั้นออกแววเย้ยเยาะ จนคนฟังชะงักกึก แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ เสียงตอบกลับราบเรียบแต่หนักแน่น พูดขึ้นว่า

"ถ้าคุณต้องการ ไม่ว่าจะต้องให้ขายทั้งร่างกายและวิญญาณ ผมก็ทำได้...เพื่อเอเม"

คนฟังสบตาสีฟ้าดูรั้นนั้นอย่างพอใจในสีหน้า …เด็กคนนี้ ท่าทางจะใช้การได้ดีกว่าที่คิด

"ดี...ถ้างั้น ฉันเอาทั้งสองคน" มือนั้นเหวี่ยงถุงเงินไปให้พ่อค้าทาส โดยไม่ได้ถามราคาแม้แต่นิดเดียว

พ่อค้าที่ขยับจะแย้งอยู่หลายครั้งหลายคราเมื่อครู่ ด้วยกลัวว่าจะถูกซื้อแบบกดราคา รับถุงหนักอึ้งนั้นมาอย่างว่องไว มือที่สั่นเทาของร่างอ้วนเปิดถุงแล้วทำตาโต ท่าทีแข็งกร้าว เปลี่ยนเป็นนอบน้อมในพริบตา "ตกลงครับนายท่าน เด็กสองคนนี้ เป็นของท่านแล้ว"

"ถอดปลอกคอนั่นออกซะ แล้วตามฉันมา" เขาพูดพร้อมกับหันหลังเดินออกไป โดยไม่ได้มองสักนิด ว่าเด็ก ๆ เดินตามมาหรือไม่

ร่างบอบบางของเด็กชาย จูงมือน้องสาว มือนั้นยังกำแน่น แต่ก็ตัดสินใจที่จะตามไป โดยไม่ได้ถามเช่นกัน ว่าคนตรงหน้า จะไปที่ไหน

ยังไงตัวเขาตอนนี้ ก็เป็นเพียงสินค้า…ที่คนซื้อ คงซื้อไปเพียงต้องการสนองความใคร่เท่านั้น

ด้วยความเป็นเด็กฉลาด แม้จะยังเยาว์วัย เขาก็รู้ดี ว่าหากคิดจะหนี ไม่มีทางหนีคน ๆ นี้พ้น ไม่ต้องล่ามโซ่ ใส่ปลอกคอ เขาก็ไม่มีทางหนีได้ โดยเอเมไม่เป็นอันตราย

คน ๆ นี้ มีลักษณะที่แฝงไปด้วยอันตราย จนเขารู้สึกได้

หากหนีล่ะก็ คงไม่มีชีวิตรอดแน่นอน

มือเล็ก ๆ ที่จับมือเขาอยู่ ยังคงสั่นไม่เลิก  เอเมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา…เด็กชายปฏิญาณกับตัวเองอย่างแน่วแน่

…เพื่อเอเม ไม่ว่าจะเจออะไร เขาก็ต้องปกป้องน้องสาว …ญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่นี้ให้ได้!


……………………………………………………………..


ร่างสูงน่าเกรงขามสวมชุดสีดำสนิทรัดกุม ย่างก้าวของเขาแผ่วเบาหากหนักแน่น ดวงตาคมกริบเยือกเย็น มองตรงไปเบื้องหน้า แต่เขากลับล่วงรู้แน่ชัด ว่าเด็กทั้งสองคนที่พึ่งซื้อเมื่อครู่ ยังคงเดินตามเขามา

เขารู้ดีว่ากิริยาที่แสดงออกไปเมื่อครู่ ข่มขู่ให้ทั้งสองหวาดกลัวเขาขนาดไหน หากหนีได้ คงจะหนีไปแล้ว

แต่ที่ยังคงเดินตามมา ก็เพราะเด็กคนนี้…ฉลาดกว่าที่เห็น

เขาจะฆ่าแน่ ถ้าคิดหนี เด็กผู้หญิงจับเป็นได้ แต่เด็กผู้ชาย ก็เหมือนของแถม แม้ในตอนนี้ เขาจะค่อนข้างสนใจเป็นพิเศษก็ตาม

ดวงตาคู่นั้นของเด็กหญิง เป็นสิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุด เด็กคนนี้ จะเหมาะกับงานที่เขาวางแผนจะทำต่อไปอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องฝึกกันมากหน่อยเท่านั้น

อัญมณีที่มีค่า ต้องเจียระไนให้ถูกวิธี มันจึงจะเปล่งประกายงดงาม

อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่เขาก็มั่นใจ ว่าได้วัตถุดิบชั้นดีมาไว้ในมือ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!


………………………………………….
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/1 อัพ 2-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 02-03-2010 17:48:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/1 อัพ 2-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 02-03-2010 18:52:18
สงสารเด็กน้อย ...
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/1 อัพ 2-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 03-03-2010 01:21:56
ตอนนี้มีทุกอย่าง  :z1:

โดยเฉพาะ Shotacon  :haun4:

แต่เริ่มสงสารเด็กน้อยแล้วอ่ะ หื่นไม่ออกเลย
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/1 อัพ 2-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: archi_10_001 ที่ 03-03-2010 01:55:45
 :call: :call: :call: :call:

มาทักทายเจ้าค่ะ เพิ่งได้เข้ามา ฮุๆ ppm ซัง เอาเรื่องมาที่นี่

อิอิ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/1 อัพ 2-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 03-03-2010 12:18:35
เศร้าจังเลยค่ะ อ่านไปกลัวไป หงิงๆ
นี่ดีนะคะที่มีเส้นเวลาอดีตกับปัจจุบันมาเล่าไปแบบขนานสลับกัน
ไม่งั้นเรื่องนี้ต้องทำให้จิตตกยิ่งกว่านี้แหงๆเลย
ทุกคนเป็นคนมีปมทั้งนั้น...เฮ้อ

ขอบคุณwriterมากๆค่ะ จะติดตามต่อไป o13
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 6/2 อัพ 3-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 03-03-2010 18:01:50
(ตอนที่ 6/2)


ผิวใสขาวเนียนเมื่อได้รับการอาบน้ำทำความสะอาด ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ ดูขาวผ่องมีสง่าราศีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวน้อย ที่น่ารักราวตุ๊กตาชั้นดี ดวงตาสองสีแปลกประหลาดเสริมให้ใบหน้านวลโดดเด่น ยามเธอลอบมองมาด้วยสายตาระคนหวาดกลัวนั้น กลับดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหลอย่างเห็นได้ชัด

เด็กน้อยยังคงแอบอยู่ด้านหลังของเด็กชาย ผู้ซึ่งพยายามกางกั้นปกป้องสุดชีวิตเท่าที่จะทำได้ ดวงตาสีฟ้าใสกลับเข้มขึ้นอีก เมื่อจ้องมองมาอย่างเด็ดเดี่ยว ร่างแทบปลิวลมดูบอบบางอ่อนแอ ความสูงนั้นไม่ถึงอกของเขาด้วยซ้ำ หากแววตารั้นกลับไม่สยบยินยอมแม้แต่น้อย

ยิ่งในยามนี้ ที่สวมเพียงเสื้อเชิร์ตตัวโตของเขาตัวเดียวเท่านั้น โคนขาเรียวยาวโผล่พ้นชายเสื้อ ขับเน้นผิวสวยเนียนอ่อนเยาว์ ดูดีกว่าที่คิด

…สวย...ราวเด็กสาวแรกแย้ม…

คนมองมีรอยยิ้มพึงใจ ของแถม…ที่ได้มาโดยไม่ได้คาดคิด กลับดูคุ้มค่าสมราคาไม่น้อย คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ซื้อมา ดวงตากร้าวจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยไม่ปิดบังสายตาอันจาบจ้วง คนถูกมองเบือนหน้าหนี แต่ยังไม่ขยับไปจากที่ เนื่องจากด้านหลังยังมีเด็กน้อยเกาะยึดตัวเขาเป็นที่พึ่ง ทำให้ไม่อาจถอยหรือหนีไปได้

“ชื่อ…เอเมสินะ?” เขาพูดอย่างจงใจ แกล้งมองข้ามเด็กชายไปด้านหลัง เด็กหญิงสะดุ้งเฮือก ร่างน้อย ๆ หลบซุกตัวลีบกว่าเดิม
 
“เอเมรัลด์” เสียงเด็กชายพูดขึ้นอย่างฉะฉาน…เอเม…ชื่อนั้น มีเพียงเขาเท่านั้น ที่เรียกได้

“เอเมรัลด์ …อืม…ชื่อไม่เลวนี่ สวย…เหมือนดวงตาสีมรกตข้างนั้นเลย”

“เอเมยังเด็ก…ยังเด็กมาก ถ้าคุณต้องการ ไม่ว่าอะไร ผมก็จะทำแทนให้”

“ซานา..” เสียงเด็กน้อยพยายามจะห้าม มือบอบบางของเด็กชายแตะบ่าเล็กเชิงห้ามปรามให้หยุดพูด

“อ้อ แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไร ซานางั้นรึ?” สายตาดุดันแกมเย้ยหยัน เปลี่ยนเป้าหมายมามองยังคนกล้าด้านหน้าแทน

“ซานาเรย์” เด็กหนุ่มตอบ

ด้วยความรวดเร็วจนแทบไม่ทันได้หายใจ ร่างสูงก็ขยับเข้าไปใกล้จนเกือบชิดแล้ว มือหยาบเชยคางบอบบางนั้นขึ้นอีกครั้ง…เป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่เจอกัน ตาสีดำสนิทรับกับเรือนผมสีเดียวกัน จับจ้องมองมาอย่างพินิจพิเคราะห์กว่าเก่า

“อาบน้ำแล้ว…ก็ดูดีไม่เลวนี่”

ใบหน้าใสมีรอยยิ้ม แม้ดวงตาจะว่างเปล่า “ผมมีดีกว่านี้อีก…คุณจะได้ทุกอย่าง…ถ้า…” คำพูดหยุดลงอย่างจงใจยั่วยุ มันเป็นการยั่วเท่าที่เด็กอายุเพียงเท่านี้ พอจะคิดทำได้ หากมันกลับสร้างความพึงพอใจให้กับอีกฝ่าย มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

“…ถ้าเธอทำให้ชั้นพอใจได้ ชั้นจะไม่ยุ่งกับเด็กคนนั้น…สักพัก” คำหลังสุดถูกเน้นย้ำอย่างจงใจ

เด็กชายเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง “คุณสัญญาแล้วนะครับ ถ้าผมทำ…ทุกอย่างที่คุณต้องการ คุณจะ…ไม่ยุ่งกับเอเม”

“พาเด็กคนนั้น ไปไว้ในห้องซ้ายมือ แล้วใส่กลอนข้างนอกซะ” น้ำเสียงของเขาลดลงเป็นกระซิบ เมื่อเดินผ่านร่างที่ยืนอยู่ ตรงไปยังเตียงกว้างในห้องนั้น “ถ้าไม่อยากให้น้องสาวรับรู้เรื่องต่อจากนี้”

ร่างสูงเอนกายลงบนเตียงอย่างสบายอารมณ์ จ้องมองอีกฝ่าย ซึ่งเป็นของเล่นฆ่าเวลาชั้นดีในยามนี้

ปฏิกิริยาจากร่างเล็กของเด็กชาย ดูน่าสนใจกว่าทุกคน ที่เขาเคยใช้รองรับอารมณ์ที่ร้อนแรงของเขา

น่าสนใจจริง ๆ...

มือเล็ก ๆ กำแน่น ด้วยความที่เป็นคนฉลาดและเคยรับรู้เรื่องราวทำนองนี้มาบ้างจากเพื่อนทาสที่ถูกเกณฑ์จับมา เขาจึงเข้าใจความหมายนั้นเป็นอย่างดี แต่เขาก็ตัดสินใจแล้ว

เพื่อเอเม เขาทำได้ทุกอย่าง!

ร่างเล็กของเอเมรัลด์ถูกดันให้ไปยังห้องที่ชี้ไปเมื่อครู่ เด็กหญิงอิดเอื้อนไม่ยินยอม ด้วยรู้อยู่เต็มอก ว่าพี่ชายกำลังทำบางอย่าง เพื่อตนเองอยู่ แม้ว่าวัยที่ยังเล็กมาก ทำให้เธอไม่เข้าใจสิ่งที่ทั้งสองคุยกันนัก แต่บรรยากาศที่รู้สึกได้ คงจะไม่ใช่เรื่องดีต่อพี่ชายเธออย่างแน่นอน

“ไม่นะ…ซานา”

“เชื่อพี่สิเอเม จะไม่มีใคร ทำอะไรเอเมได้ เป็นเด็กดี ต้องเชื่อที่พี่บอกนะ อยู่ในนี้เงียบ ๆ ล่ะ” ซานาเรย์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน มือของเขาลูบผมนุ่มนั้นแผ่วเบา “พี่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วง”

เด็กชายปิดประตูอย่างรวดเร็วก่อนที่เอเมรัลด์จะแย้งอะไรได้อีก แล้วใส่กลอนจนแน่ใจว่าคนด้านในไม่สามารถเปิดออกเองได้

ร่างเล็ก ๆ เดินกลับมาที่หน้าเตียงใหญ่ คนบนเตียงนอนรออยู่ด้วยอากัปกิริยาเดิม ท่านอนกึ่งนั่งที่มีหมอนนุ่มหนุนอยู่ด้านหลัง ดูสบายไม่น้อย ดวงตาคมยังคงมองเด็กชายอย่างไม่ปล่อยให้คลาดสายตาไปได้ แม้เพียงเสี้ยววินาที

“ไม่ต้องทำหน้าน่ากลัวขนาดนั้นก็ได้” เขาพึมพำอย่างอารมณ์ดี หากคนฟังกลับยังมีสีหน้าเคร่งเครียด “เธอบอกชั้นแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าจะทำให้ชั้น…พอใจ ทำหน้าแบบนั้น มันจะใช้ได้เหรอ”

คนพูดพูดอย่างอารมณ์ดี ดวงตาสีฟ้ามองมาก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ….ใช่สิ…เขาจะต้อง ทำให้คน ๆ นี้ พอใจให้ได้ เพื่อเอเม…

ใบหน้าราบเรียบมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แม้จะเห็นได้ชัดว่ายังฝืน แต่คนบนเตียงทำเป็นไม่รู้ เขามองมาแล้วออกคำสั่งต่อไป

“ถอดให้หมดสิ แค่นี้ต้องให้บอกด้วยเหรอ”

ร่างบอบบางยืนนิ่งอยู่เป็นครู่ ก่อนตัดสินใจทำตาม มือนั้นสั่นน้อย ๆ แต่กลับหักใจปลดกระดุมลงทีละเม็ด ท่าทางที่จำยอมอย่างไม่เต็มใจ แสดงออกมาทางสีหน้าอ่อนเยาว์อย่างไม่อาจปิดได้มิด ด้วยความยังเป็นเด็กไร้เดียงสา จากที่เห็นเขาแน่ใจนัก ว่าเด็กคนนี้…ยังไม่เคยมือใครแน่นอน

ผิวอ่อนใสใต้ร่มผ้า ยิ่งดูขาวผ่องเรียบลื่นนัก แผ่นหลังยังมีรอยแส้เป็นแนวหลายรอย เป็นรอยถาก ๆ ไป ดีที่มีเสื้อกันไว้อีกชั้น เลยทำให้ได้แผลไม่มากนัก แม้ตอนก่อนจะอาบน้ำ จะมีเลือดไหลอยู่บ้างก็ตาม

แผลเล็กน้อยนั่นไม่ทำให้เด็กชายรู้สึกเจ็บมากมายนัก เมื่อเทียบกับการยืนเปลือยต่อหน้าคนผู้นี้ สายตาราวมองทะลุได้ถึงจิตใจเบื้องลึก ดูคมกริบน่าพรั่นพรึงกว่ายิ่งนัก ร่างบอบบางสั่นน้อย ๆ อย่างยากจะสะกัดกลั้นความกลัวไว้ได้ แต่ถึงกระนั้น ใบหน้างามก็ยังเชิดสูง สบตากับคนด้านหน้าตรง ๆ ไม่มีหลบเลี่ยง นัยน์ตาฟ้าใส ดูมีเสน่ห์ไม่ต่างกับผู้เป็นน้องสาว ถึงแม้ว่าจะมีเพียงสีเดียวก็ตาม

ชายหนุ่มเริ่มมีรอยยิ้ม ก่อนจะสั่งต่อไปว่า “บริการเข้าสิ โชว์สิ่งที่เธอบอกว่ามีดีกว่าที่เห็นให้ชั้นดู ถ้าทำได้ไม่ดีพอล่ะก็…”

ร่างกายบอบบางเย็นเยือกเมื่อสบสายตาคู่นั้น คำขู่ดูเอาจริงจนเขาไม่อาจปฏิเสธใด ๆ ได้ เท้าเล็กก้าวขึ้นบนเตียงนั้น พลางค่อย ๆ ปลดตะขอกางเกงของอีกฝ่าย โดยไม่จำเป็นต้องให้บอกซ้ำ มือที่เย็นเฉียบค่อย ๆ ดึงสิ่งกีดขวางทั้งหมดด้านล่างนั้นร่นลง ด้วยความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายอย่างอยากรู้ว่าเด็กชายจะรุกอย่างไรต่อ

แก่นกายขนาดใหญ่นักเมื่อเทียบกับของเขา เด็กน้อยจ้องมันอย่างลืมตัว เผลอกลืนน้ำลายเฝื่อน ๆ ลงคออย่างฝืดเคืองก่อนจะสบสายตาคมของคนบนเตียงนั้นอย่างไม่แน่ใจนัก

“ทำสิ” คำสั่งห้วนสั้นพูดเพียงเท่านี้ มือที่สั่นน้อย ๆ จึงค่อย ๆ แตะมันอย่างแผ่วเบา ขนาดยังไม่ตื่นตัวยังใหญ่ขนาดนี้ เล่นเอาทำอะไรต่อไม่ถูกเลยทีเดียว แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะถอยไม่ได้อย่างเด็ดขาด

เด็กหนุ่มปลอบใจตัวเองอีกครา ก่อนจะค่อย ๆ ใช้มือลูบไล้แกมปลุกเร้าอย่างเงอะงะ

“ใช้ปากด้วย แค่นั้นไม่ทำให้ชั้นมีอารมณ์ได้หรอกนะ”

คนฟังแทบกลั้นหายใจ ก่อนตัดสินใจโน้มตัวลงเข้าหาร่างแกร่งเบื้องล่าง ส่วนที่เริ่มตื่นตัวนั้นดูน่ากลัวนัก แต่เขาไม่มีทางเลือก เด็กชายตัดสินใจใช้ลิ้นเล็กแตะมันแผ่วเบา ก่อนจะตวัดเลียโดยรอบด้วยท่าทีราวลูกแมวตัวน้อยกำลังเลียนมในจานอาหาร แม้มิได้ปลุกเร้าอย่างชาญชำนาญนัก แต่ท่าทางที่ทำอย่างตั้งใจ ก็น่ามองไปอีกแบบ ทั้งยังน่ารังแกมากขึ้นอีกด้วย คนมองเหยียดยิ้มก่อนตีสีหน้าเคร่งเครียด

“เลียเป็นแมวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”

ชายหนุ่มว่าก่อนจะกดศีรษะเล็กเข้าหาจนแทบชิด ริมฝีปากถูกล่วงล้ำจนเข้าไปลึก ขนาดที่เริ่มตื่นตัว ยิ่งสร้างความอึดอัด ร่างเล็กพยายามดิ้นรนด้วยลมหายใจแทบขาดห้วง หากอีกฝ่ายหาได้สนใจไม่ ยังคงขยับจัดการรั้งเข้าออกอย่างต่อเนื่อง

“อื้อ!!” เด็กชายขัดขืนสุดแรง ทว่าแขนแข็งแรงราวคีมเหล็ก ยังคงกดตัวเขาไว้จนยากจะหลุดออกมาได้ สะโพกแกร่งรุกสวนเข้าหา ยิ่งขยับยิ่งรุนแรง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างตื่นตระหนก ความคับแน่นรุกลึก กรามเล็กโดนบังคับให้อ้ากว้างจนปวดหนึบ หากคนเบื้องหน้า กลับไม่มีทีท่าจะหยุดลง จวบจนอารมณ์เร้าได้ถึงที่สุด

“อึก…” คนด้านล่างเกร็งตัวแน่น ก่อนจะปลดปล่อยออกมาในโพรงปากเล็กนั้น แล้วจึงปล่อยการยึดจับลง สายน้ำที่ฉีดทะลักเข้าจนสำลัก เล่นเอาร่างเล็กไออย่างทรมาน รสฝาดเฝื่อนสุดทนจนยากจะกลืนกินได้ไหว  คราบสีขาวขุ่นที่เลอะเทอะจากริมฝีปากเปรอะเปื้อนไปทั่ว รดเลอะส่วนหน้าขาของอีกฝ่ายจนคนมองขมวดคิ้ว

“ทำความสะอาดให้หมดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงเข้มต่อว่าด้วยน้ำเสียงดุดัน เด็กชายพยายามกล้ำกลืนฝืนปรับสภาพตัวเองให้ปกติ ขยับลุกจะไปหาอะไรมาช่วยเช็ดอย่างตกใจ หากโดนมือแกร่งรั้งไว้

“เลียให้หมด อย่าให้เหลือ” เสียงสั่งอีกครั้งทำให้คนฟังอึ้งไป แต่สุดท้ายก็ขยับเข้าหาด้วยท่าเดิม ก่อนใช้ลิ้นค่อย ๆ เลียทำความสะอาดทีละน้อย แม้จะอัดอั้นตันใจนัก แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ…ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ตาม

ลิ้นนุ่มเลียรอบนอกเชื่องช้า ลังเลนิดหน่อยก่อนค่อย ๆ เข้ามาทำความสะอาดแก่นกายนั้นอีกครั้ง แม้จะปลดปล่อยไปแล้ว มันกลับยังฮึดสู้กว่าที่คิด ความหวาดกลัวยังไม่จางหาย ร่างบอบบางสั่นน้อย ๆ หากยังคงอดทนอย่างเต็มที่ เพื่อจะทำตามคำสั่ง ภาพจากด้านบนมองเห็นหน้าใสได้ชัด ริมฝีปากสีสดเชิญชวน ลิ้นนุ่มน่าเกี่ยวรัดหยอกล้อ ยิ่งมองยิ่งทำให้คนถูกสัมผัสเริ่มมีอารมณ์ มือหยาบบีบสะโพกบางอย่างมันเขี้ยวจนเด็กชายแทบหยุดชะงักอย่างตกใจ

“ทำต่อไปสิ อย่าหยุด” เสียงดุเล็กน้อยปลุกสติที่เกือบเตลิดกลับคืนมา หากมือนั้นยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น นิ้วแกร่งไล้ลงทางร่องก้น ช่องทางคับแน่นยากล่วงล้ำ เล่นเอาเจ็บแปลบแม้ยังไม่ทันได้แทรกเข้า คนทำมีรอยยิ้ม หยิบเจลบีบลงไปแล้วเริ่มลงมืออีกครั้ง

นิ้วแกร่งขยับวนบังคับแทรกเข้ามาอีก ความเจ็บแล่นริ้วจนกระตุกเฮือกตามการขยับนั้น ร่างเล็ก ๆ ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่ออย่างทรมาน สะโพกที่ยกสูงเพราะจำต้องก้มขณะทำความสะอาดให้ กลายเป็นเป้านิ่งอย่างไม่อาจจะหลีกหนีได้ และเขาเองก็ไม่กล้าขยับหนี ด้วยกลัวว่าจะทำสิ่งใดขัดใจอีกฝ่ายจนเปลี่ยนใจไปลงที่เด็กหญิงแทน

มันเป็นการตัดสินใจของเขาไม่ใช่หรือ?

เจ็บแค่นี้…เขาทนได้

ใช่…ต้องอดทน
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/2 อัพ 3-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 03-03-2010 21:13:56
อดทน ทน ทน ทนไม่ไหวแล้ววววววววววว

ค้าง :m25: แบบเสียเลือดเล็กน้อย

สงสารเด็กน้อยอ่ะ จะถูกทรมานยังไงบ้างก็ไม่รู้


หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/2 อัพ 3-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 05-03-2010 00:43:26
มาดันก่อนค่ะ สองตอนนี้ค่อนข้างเครียดๆแฮะ

เดี๋ยวมาตามอ่านนะคะ



หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 6/3 อัพ 5-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 05-03-2010 09:44:32
(ตอนที่ 6/3)

สิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้าในทางที่ไม่เคยมาก่อน ยิ่งทำให้ร่างกายเกร็งปฏิเสธอย่างช่วยไม่ได้ บั้นท้ายนวลสั่นน้อย ๆ อึดอัดคับแน่นหากปลายนิ้วที่ยังคงรุกคืบทีละน้อย กลับค่อยปลุกเร้าภายใน เป็นความรู้สึกที่แปลกไปกว่าเคย แม้จะยังต่อต้าน แต่เรี่ยวแรงที่มี กลับหายไปจนหมด

“อึก…ไม่…” คิ้วเรียวบางขมวดแน่น อยากจะหนีไปจากตรงนี้ใจจะขาด

“อย่าเกร็งสิ มันจะเจ็บนะ” เสียงเรียบ ๆ พึมพำ หากนิ้วนั้นกลับไม่ยอมหยุดขยับ

“เอา…ออกไป…อึ้ก…” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบพยายามบอก แต่มันกลับเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายแทรกเข้าลึกขึ้นไปอีก ขาที่สั่นระริก แทบจะทรงตัวไม่อยู่ โดยเฉพาะยามนิ้วคล่องแคล่วนั้นขยับไล้จุดอ่อนไหวภายใน ความรู้สึกเจ็บในตอนแรกเปลี่ยนแปรไป มันทำให้เขาหวาดกลัวกว่าเดิม

“ไม่นะ!” ร่างเล็กพยายามดิ้นรนหากยังคงไร้ผล เมื่อนิ้วนั้นกลับเพิ่มเป็นสองอย่างใจเย็น ในขณะที่มือแข็งแรงอีกข้าง กดแผ่นหลังบอบบางไว้ไม่ให้ขยับลุกขึ้นได้ เด็กชายกัดฟันแน่น เขาต้องอดทน…อดทนเท่านั้น …จะยอมให้คน ๆ นี้ ทำแบบนี้กับเอเมไม่ได้เด็ดขาด

สะโพกบางผ่อนคลายลงมากแล้ว ตามเวลาที่ใช้ไป ชายหนุ่มรู้ดีว่าสำหรับครั้งแรก ไม่ว่าอย่างไร เขาจะรุนแรงมากไม่ได้ ถ้ายังต้องการจะใช้เด็กคนนี้เป็นเครื่องมือต่อไป

แต่แน่นอน…มันก็แค่การช่วยผ่อนคลายเริ่มต้นเท่านั้น…หลังจากนี้สิ ถึงเป็นของจริง!

นิ้วแกร่งถอยออกมาจากช่องทางที่เริ่มเปิดรับ เด็กน้อยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายละไปเสียที แม้อีกใจกลับนึกเสียดายอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไม…นิ้วที่อยากให้ละออกไปใจจะขาด อยู่ดี ๆ เขาก็ไม่อยากให้ทำอย่างนั้น

ริมฝีปากสีสดถูกขบกัดจนเจ็บแปลบ มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา…ต้องควบคุมตัวเองสิ…ควบคุมตัวเอง จะยอมให้คน ๆ นี้มามีอิทธิพลเหนือไม่ได้เด็ดขาด

เด็กชายขยับร่างจะลุก หากมันไม่เป็นอย่างที่คิดนัก เมื่อร่างสูงผุดลุกขึ้นเสียก่อน ทั้งที่ยังกดร่างบอบบางนั้นเอาไว้ไม่ให้หนีได้ ก่อนจะสลับเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ด้านหลังแทน

“อยู่นิ่ง ๆ ล่ะ ถ้าคิดจะลุกหนีล่ะก็ ชั้นจะไปคิดบัญชีกับแม่หนูน้อยนั่นแทน” คำขู่เบา ๆ ได้ผลเป็นอย่างดี เด็กชายไม่กล้ากระทั่งจะขยับเขยื้อนไปจากท่าเดิม ไม่ต้องยึดจับ ไม่ต้องบีบบังคับ แค่คำขู่ประโยคเดียว ก็ใช้ได้ผลแล้ว มือที่กดแผ่นหลังไว้เมื่อครู่จึงปล่อยลง

“ยกบั้นท้ายให้สูงกว่านี้ นั่นล่ะ” มือดันไหล่บางกดแนบชิดกับเตียง ปล่อยให้สะโพกได้รูปบอบบางนั้นโชว์โด่ง “อย่าขยับเชียวนะ” เสียงดุ ๆ ยังคงย้ำ

บั้นท้ายบางยังคงสั่น มือน้อย ๆ กำแน่น รู้สึกได้ถึงเสียงลมหายใจที่ปะปนหอบ แม้ท่าทีจะดูคล้ายต่อต้านแต่จำใจต้องอดทนไว้ หากชายหนุ่มรู้…ว่าลึก ๆ แล้ว เด็กน้อยคงเริ่มมีความต้องการแน่ ๆ ด้วยวัยที่ยังไร้เดียงสา คงจะไม่เข้าใจนัก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ในยามนี้ คงเลิกคิดต่อต้านไปเยอะแล้ว ด้วยความปรารถนาจากเบื้องลึก กำลังผลักดันให้ยอมรับสภาพและไขว่คว้าหาคนช่วยผ่อนคลายจากความรู้สึกอึดอัดนั้น

มือแกร่งบีบเค้นสะโพกมน ก่อนสอดนิ้วหยั่งเชิงเข้าลึกรวดเดียว คนด้านล่างสะท้านเฮือก แต่ยังคงอดกลั้นไม่ให้เสียงหลุดรอดออกมาได้ เข้มแข็งไม่เบาทีเดียว ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มพึงใจกว่าเดิม ของเล่นชิ้นนี้…ใช้การได้ดี และจะเป็นกุญแจสำคัญ สำหรับการฝึกนี้ได้แน่นอน

นิ้วถูกรั้งดึงออก เมื่อแก่นกายที่ใหญ่กว่าจรดจ่อทางเข้า มือคล่องแคล่วบีบเจลเพิ่มก่อนค่อย ๆ สอดกายแทรกเข้าไปเนิบช้า

เสียงกรีดร้องตกใจแผ่วเบาหลุดออกมา เด็กชายคว้าหมอนใกล้มือมาแล้วซุกหน้าลงลึก เขาไม่ต้องการ…ให้เอเม ได้ยินเสียงใด ๆ จากตัวเขาทั้งนั้น

ถึงต้องตาย…ก็ให้รู้ไม่ได้

ช่องทางคับแคบเกร็งกว่าเก่าอย่างหวาดกลัว คนด้านหลังขมวดคิ้ว การบีบรัดที่มากกว่าที่คิด ทำให้เขาต้องถอนตัวออกช้า ๆ ก่อนจะบีบเจลเพิ่มลงไปแล้วสวนกลับเข้าใหม่

“อึ้ก!!”  เสียงแผ่วจากหมอนนุ่มรู้สึกได้ถึงความเจ็บ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงใช้มือจิกผมสีน้ำตาลนั้นขึ้นมาแกมบังคับให้เหลียวหลังเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบอบบางเม้มแน่น หากปลายลิ้นแข็งแรงกลับแทรกเข้าไปจนได้ เรียวลิ้นชำนาญกวาดไล้แกมปลอบโยนให้ผ่อนคลาย รุกเร้าจนเด็กน้อยหายใจขาดห้วง ร่างเล็กพยายามจะไม่ดิ้นรนตามคำสั่ง แต่เห็นได้ชัดว่าสุดฝืน

แต่เพียงไม่นานนัก…กับจูบแรก ที่เทคนิคดีเยี่ยมขนาดนี้ เล่นเอาเด็กน้อยแทบลืมหายใจ ปลายลิ้นที่กระวัดเกี่ยวสลับการดูดเม้ม ดึงความสนใจไปได้บางส่วน จนบั้นท้ายที่เกร็งแน่นค่อยผ่อนคลายลง คนโดนจูบเริ่มเคลิ้มคล้อยตาม ละพยศลงไปได้เยอะ

สะโพกแกร่งจึงสวนเข้าหา ในครั้งนี้กลับง่ายกว่าเดิมนัก สิ่งรุกรานขนาดใหญ่ ทั้งรุกเร้าเสียดสี จนถ้าไม่ประคองเอวบางนั้นเอาไว้ ก็คงล้มพับไปแล้ว แต่ในอารมณ์นั้น มันยากจะผ่อนแรงลงได้ หลังจากอดทนอดกลั้นมานาน ก็คล้ายกำแพงจะพังครืน

การขยับที่เข้าลึก ทั้งรุนแรงและรวดเร็วไม่มียั้ง ทำให้ฟันขาวขบกัดริมฝีปากจนได้เลือด ช่องทางด้านหลังเจ็บจนสมองไม่อาจคิดถึงเรื่องใด ๆ ได้อีกต่อไป เสียงร้องที่พยายามห้ามไว้ กลับดังขึ้นทุกที ๆ อย่างทรมานกว่าเดิม

“อื้อ…อย่า..พอแล้ว…อ๊า!!” เด็กหนุ่มพยายามร้องขอ ร่างที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปดิ้นรนหาอิสระ แต่มือแข็งแรงกลับยึดแน่นราวพันธนาการชั้นดี เสียงร้องห้ามดังสักเท่าไร กลับยิ่งเป็นการกระตุ้นอีกฝ่ายให้กลัดมันกว่าเดิม ร่างด้านบนขย่มซ้ำไม่ยั้ง จนช่องทางมีเลือดไหลซึมออกมา ก็ยังไม่มีหยุดแม้เสี้ยววินาที

การกระทำที่รุนแรงเกินกว่าร่างกายจะต้านทานไหว ทำให้เด็กน้อยเริ่มสติลางเลือน เบื้องหลังที่เจ็บจนด้านชา ความทรมานที่ทำได้แต่เพียงรับมันมา…นานจนจำความไม่ได้ จวบจนรู้สึกถึงน้ำที่ฉีดพุ่งเข้าภายใน กว่าคน ๆ นั้น…จะปลดปล่อยออกมาเขาก็ไม่สามารถขยับตัวได้อีกแล้ว มือแข็งแรงปล่อยร่างนั้นเป็นอิสระ ก่อนขยับไปรูดเร้นแก่นกายตนเองซ้ำ หยาดน้ำสาดรดร่างบอบบาง ที่ตอนนี้ล้มพับไปกับเตียงเรียบร้อยแล้ว

หยดเลือดเลอะบนเตียงกับคราบแห่งกามารมณ์ ดึงอารมณ์พุ่งสูงสู่จุดหมายได้ง่ายดายนัก ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจลงเมื่อร่างกายเริ่มปรับสภาพเข้าสู่ปกติ…แค่ครั้งเดียวสำหรับเขา ไม่ได้ทำให้หมดแรงมากนัก แต่เขารู้ดี ว่าคงต่ออีกครั้งไม่ได้แน่ ถ้าไม่อยากจะพังของเล่นชิ้นนี้ลงก่อนเวลาอันควร

ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งร่างที่หมดสติไว้อย่างนั้น โดยไม่คิดจะใส่ใจอีก


…………………………………….


นานแค่ไหนเขาไม่รู้ ที่หมดสติไปทั้งอย่างนั้น แต่พอรู้สึกตัว เขาก็แทบขยับไม่ได้ ดวงตาสีฟ้ามองไปรอบ ๆ แล้วสะดุ้ง เมื่อคนผู้นั้น ยังคงยืนอยู่ไม่ไกลออกไป ในชุดใหม่ที่ผลัดเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว มือคล่องแคล่วกำลังเก็บข้าวของบางอย่าง ตั้งท่าจะออกไปจากห้อง หากการเคลื่อนไหวบนเตียง ทำให้เสียงราบเรียบพูดขึ้นว่า

“ชั้นจะออกไปข้างนอกสักพัก คงรู้นะว่าควรจะจัดการกับตัวเองยังไง อาหารบนโต๊ะนั่น ของเธอกับน้องสาว จัดการเอาเองล่ะ”

เมื่อพยายามจะขยับตัว เด็กน้อยกลับนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด ภายในที่เจ็บจนแทบไม่อยากเคลื่อนไหว ทำให้เขาไม่อยากลุกจากเตียงเลยแม้แต่น้อย

“จัดการตัวเองให้เรียบร้อยซะก่อนล่ะ คงไม่อยากให้น้องสาวรู้หรอกนะ…ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น” คนพูดแสยะยิ้มอย่างจงใจ ก่อนจะเปิดประตูออกไป เสียงลงกลอนล็อคกุญแจจากด้านนอก ตอกย้ำเป็นอย่างดีโดยไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำ ว่าอย่าได้คิดหนี แต่ชายหนุ่มย่อมรู้ดี สภาพเด็กน้อยตอนนี้ แค่เดินยังลำบาก ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะหนีแต่อย่างใด

คำพูดนั้นบาดลึก ดวงตาคู่งามมีน้ำตาคลออย่างเจ็บปวด…ร่างกายน่ะเจ็บก็จริง แต่ใจนั้น…กลับเจ็บยิ่งกว่า

เรื่องที่โดนข่มเหงอย่างทารุณ จะให้เอเมรู้ไม่ได้…ใช่…ให้รู้ไม่ได้ เขาจะต้อง…

เด็กชายยันตัวขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น ทุกย่างก้าวนั้นเจ็บแปลบ แต่เขากลับไม่รู้สึกใด ๆ

ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย…ร่างนั้นหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน กว่าจะเข้าไปในห้องน้ำได้

ที่พื้นห้องน้ำ เขาได้แต่นั่งลงอย่างอ่อนแรง มือที่สั่นน้อย ๆ พยายามควบคุมตัว…คราบสกปรกพวกนั้น…ต้องล้างออกไป…ให้หมด

เอเมจะต้องไม่รู้…ทุกอย่างต้องเหมือนเดิม..เขาจะ…

วูบหนึ่งที่รู้สึกว่าใกล้จะหมดสติไปอีกรอบ เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปยังที่เปิดฝักบัว ปล่อยให้สายน้ำ…ชำระล้างทั้งสติและร่างกายที่แสนสกปรกนั้น… ดวงตาใต้สายน้ำ หลั่งน้ำตาไม่รู้ตัว…ให้น้ำ..มันชะล้างออกไป กับทุกสิ่งทุกอย่าง

เขาจะหมดสติไปอีกไม่ได้ เอเม…ยังไม่ได้กินอะไรเลย…นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้

ตอนนี้ ต้องยังร้องไห้อยู่แน่ ๆ เขาจะต้องรีบ…

ต้องทำทุกอย่าง…ให้ปกติ

น้ำที่เย็นจัดเรียกสติเขาคืนมาได้บางส่วน แผ่นหลังที่แผลเริ่มช้ำ ยามกระทบกับน้ำยิ่งแสบกว่าเดิม แต่เด็กน้อยไม่ได้ใส่ใจ ให้มันเจ็บนั่นแหละดี เขาจะได้ยังรู้สึกตัวอยู่

สมองเริ่มสั่งการได้ดีขึ้นแล้ว มือน้อย ๆ จึงปิดน้ำลง เรียวขาที่ช้ำจากการถูกกดกระแทกนับครั้งไม่ถ้วน ค่อย ๆ อ้าออก เด็กหนุ่มเริ่มลังเล…ไม่อยากเลย ที่จะมองในส่วนนั้น

นิ้วเรียวที่สั่นน้อย ๆ แตะจุดซ่อนเร้นแผ่วเบา ก่อนจะสะดุ้งเฮือก รู้สึกได้ถึงการระบมและอึดอัด…คราบเมือกสีขาวขุ่น เลอะมือเล็กน้อย ยังมีบางอย่าง อยู่ข้างในนั้น..และเขาต้องจัดการ เอาออกให้หมด ไม่เช่นนั้น…คงไม่สามารถออกไปพบกับเอเมได้

คราบของคนผู้นั้น…คนที่ข่มขืนเขา…ไม่…เขาต้องไม่คิดถึงมัน…ไม่คิดอะไรทั้งนั้น

เอามันออกไป…ให้หมด ก็จบแล้ว

นิ้วเรียวสั่นนิดหน่อย ก่อนจะหักใจสอดมันเข้าด้านใน ช่องทางนั้นยังคงเปิดกว่าปกติ ทั้งยังลื่นด้วยของเหลวที่คั่งค้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่น ลมหายใจกลับถี่กว่าเดิม…เขารู้สึก…แปลก ๆ อีกแล้ว

มืออีกข้างกอบกำแก่นกายเล็ก ขยับขึ้นลง พยายามไล่อารมณ์น่ารังเกียจนั้นให้จางหาย ศักดิ์ศรีที่เคยมี…กลับถูกทำลายลงไม่เหลือชิ้นดี แต่กระนั้น...เขาก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้

เรื่องน่าอัปยศอย่างนี้...ทำไมกัน

ริมฝีปากบางเม้มแน่น รสเลือดจากการขบกัดยังคงอยู่ แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย

เสียงหอบแผ่วเบาครางน้อย ๆ มือนั้นขยับไม่หยุดตามสัญชาตญาณ ยิ่งขยับยิ่งรั้งอารมณ์พุ่งสูง

เสียงอ๊าแผ่วหยุดกึก เพราะเจ้าตัวกัดฟันห้ามไว้...เสียงที่น่ารังเกียจ เขาจะต้อง..

สมองเริ่มว่างเปล่า แต่ร่างกายยังร้อนรุ่ม ไม่พอ...มากกว่านี้...ต้องการมากกว่านี้... มือนั้นแทรกเข้าช่องทางนั้น ความลื่นยังคงอยู่ ภายในที่ร้อนและบีบรัดเป็นจังหวะ นิ้วเรียวขยับเข้าออก พร้อมกับยังรูดเร้นที่ด้านหน้า

เสียงครางแผ่วหยุดไว้ไม่ได้แล้ว เขาตอบสนองทุกอย่างตามความรู้สึก ยิ่งทำ...ยิ่งคิดถึงร่างกายของคนผู้นั้น...ถึงจะหยาบคาย รุนแรง...แต่มันก็ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขึ้นมากมายนัก

"ฮึก...อ๊า.." ดวงตาสีฟ้าพริ้มลง ภาพถูกกระทำเมื่อครู่ ย้อนกลับมา ร่างกายของเขาเกร็งแน่นและกระตุกเฮือก

...ไม่..ไม่ไหวแล้ว!

สายน้ำที่ปลดปล่อยออกมาเมื่อถึงจุด ทำให้ร่างเล็กหอบหายใจ ภายในรู้สึกปลอดโปร่งกว่าเก่า แม้จะไม่ได้ยินดีไปด้วยกับมันเลยก็ตาม

ดวงตาแสนเศร้าเหม่อมองคราบเปื้อนในมือ…คราบสีขาวขุ่น ที่ไม่ต่างจากของคนผู้นั้น…เห็นแล้วยิ่งรู้สึกยากจะทนทาน

มัน…สะอิดสะเอียนจนอยากจะอ้วก…

ตัวเขา...ช่างสกปรกและน่ารังเกียจนัก!

ร่างบอบบางสั่นสะท้าน น้ำตาไหลเงียบ ๆ แต่เจ็บลึก ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างไม่ยินยอมพ่ายแพ้ เขาจะพังทลายไม่ได้ เอเม...ยังรอเขาอยู่

จะอย่างไร เขารู้ดีอยู่แล้ว ว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้…

อยากทำลายเขา…ก็เชิญ

ถึงจะทำมากกว่านี้…เขาก็จะอดทน

เพื่อน้องสาวที่รักเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร เขาก็จะผ่านมันไปให้ได้!


.......................................


ประตูบานนั้นถูกถอดสลักออก ห้องด้านในมีเตียงอยู่หลังหนึ่ง และนอกจากนั้น ก็ไม่มีอะไรอีก แม้กระทั่งหน้าต่าง ร่างเล็ก ๆ ของเอเมรัลด์ นั่งซุกอยู่ที่มุมในสุดของเตียง พอได้ยินเสียงที่ประตู ใบหน้าใสก็เงยขึ้นมองด้วยแววตาที่เจือความหวาดกลัวไม่น้อย

หากเมื่อเห็นคนที่เปิด เด็กหญิงก็โผเข้าหาอย่างยินดี ดวงตากลมโตแดงก่ำ คงร้องไห้มาหลายชั่วโมงแล้ว ร่างบอบบางของเด็กชาย กอดเธอเอาไว้แน่น ราวกับต้องการปกป้องจากทุกสิ่งทุกอย่าง เสียงนุ่มแม้แฝงอ่อนแรง ปลอบโยนแผ่วเบา แล้วบอกให้มากินอาหารด้านนอก

เตียงที่เลอะเทอะถูกผลัดเปลี่ยนผ้าปูเรียบร้อย ทุกอย่างดูราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กน้อยยิ้มรับ ก่อนทานอาหารอย่างว่าง่ายที่โต๊ะด้านข้าง

“ซานา ทานกับเอเมนะ” เธอว่าพลางจัดการตักอาหารให้พี่ชาย หากซานาเรย์ส่ายหน้าเบา ๆ

“พี่กินไปแล้วล่ะ เอเม…ทานเยอะ ๆ นะ” เด็กชายตอบรับ เขา..กินอะไรไม่ลงแล้วในยามนี้ กว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยได้ ก็แทบจะฝืนตัวให้ยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขาต้องทำ…ให้ทุกอย่าง เป็นปกติ

“ซานา…สีหน้าไม่ดีเลยนะ” เอเมรัลด์ทักเบา ๆ ดวงตาคู่สวยของเธอ จับจ้องมาอย่างสังเกตสังกา

“พี่…ไม่เป็น..อะไร” ว่าแล้วเขาก็รู้สึกวูบ ไม่อาจทรงตัวไว้ได้

“ซานา!!!”

ร่างนั้นล้มลงกับพื้น เด็กน้อยรีบลุกขึ้นช่วยแต่ด้วยวัยเพียงแค่นี้ จึงไม่อาจจะประคองขึ้นไหว มือบอบบางแตะเบา ๆ ที่หน้าผาก มันร้อนราวกับไฟ เอเมรัลด์ตกใจมากยิ่งขึ้น “แย่แล้ว…ซานา…ตัวร้อนมากเลย” เสียงใสเริ่มสะอึกสะอื้น อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ...ชีวิตเธอมีแต่เพียงพี่ชายคนนี้คอยอยู่เคียงข้าง…ถ้าต้องขาดซานา เธอจะทำอย่างไร...

…อย่าร้องไห้เลย เอเม…

ในความพร่าเลือน ซานาเรย์อยากปลอบเธอให้หยุดร้องไห้ แต่ในตอนนี้…เขากลับไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว สติที่ฝืนอยู่เนิ่นนานเริ่มหมดลง

เวลาผ่านไปพักใหญ่แล้ว ก่อนที่ประตูด้านนอกจะถูกเปิดออก ร่างสูงของเจ้าของห้องมองคนบนพื้น กับเด็กน้อยที่ร้องไห้เงียบ ๆ ใบหน้าอ่อนเยาว์เงยขึ้น ดวงตาคู่งามของเด็กหญิงจ้องเขาเขม็ง แม้จะหวาดกลัว เพราะรู้แน่ชัด ว่าเป็นตัวการทำให้พี่ชายของเธอต้องล้มป่วยแน่ ๆ

ร่างแข็งแรงขยับเข้ามาใกล้ เด็กหญิงเอาตัวขวางไว้ ไม่ยอมให้เข้าใกล้พี่ชาย ด้วยท่าทางที่เอาเรื่อง คนมองยิ้มอย่างพอใจ เด็กคนนี้…ตอนแรกดูอ่อนแอบอบบาง แต่ถ้ามีเรื่องกับผู้เป็นพี่อันเป็นที่รัก เธอเองก็เข้มแข็งได้ไม่แพ้พี่ชาย ช่างเป็นสายเลือดที่เหมือนกันจนน่ามหัศจรรย์นัก

“ชั้นไม่ทำอะไรเขาหรอกน่า แค่จะพาไปนอน” เขาพูดต่อ ด้วยเสียงที่อ่อนลง เด็กน้อยมองอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ด้วยความเป็นคนฉลาด จึงรู้ดีว่าลำพังแรงที่เธอมี ไม่อาจช่วยเหลือพี่ชายได้แน่นอน

ร่างเล็กจึงยอมถอยอีกก้าว ปล่อยให้มือแข็งแรงช้อนร่างที่ไม่ได้สติขึ้นมา ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องเล็กที่เคยขังเด็กน้อยไว้ แล้ววางเด็กชายที่หมดสติลงบนเตียงนั้น ก่อนจะหันไปสั่ง

“ผ้าอยู่นี่ ใช้เช็ดตัวให้ซะ แล้วนี่ยา” เขาวางยาไว้บนโต๊ะ รู้ดีว่าหลังจากเรื่องแบบนั้น เด็กน้อยคงจะล้มป่วยแน่ ๆ เขาจึงได้ซื้อยาติดมาตั้งแต่ก่อนจะกลับ พร้อมกับเสบียงอาหาร

“คงรู้นะว่าต้องทำยังไง อยู่ในห้องดี ๆ ก็แล้วกัน”

ห้องนั้นมีห้องน้ำในตัวจึงไม่จำเป็นต้องออกมาข้างนอกอีก ร่างสูงโยนถุงใส่อาหารไว้ให้ แล้วจึงออกไป โดยไม่ลืมที่จะล็อคห้องเล็กนั้นไว้อย่างเดิม

ดวงตาคมเข้มมองสภาพภายในห้องด้านนอก ห้องที่เขาใช้เมื่อหลายชั่วโมงก่อน ดูเรียบร้อยเหลือเชื่อ เตียงใหญ่ที่เคยเลอะเทอะ ถูกปูใหม่เรียบร้อย ผ้าปูผืนเก่ายัดอยู่ในตระกร้าผ้า วางแอบหลบข้างตู้สูงที่มุมอับสายตา

ในสภาพที่โดนทำจนเป็นแบบนั้น ยังเคลียร์ห้องได้ขนาดนี้  ก็นับว่าเด็กคนนี้ ใช้การได้อยู่

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียง แล้วหัวเราะให้กับตัวเองอย่างพอใจกว่าเดิม

งวดนี้เขาได้อัญมณีที่ล้ำค่ามาถึงสองทีเดียว กำไรจริง ๆ!


..................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/3 อัพ 5-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 05-03-2010 14:57:23
 :เฮ้อ: สงสารเด็กน้อย

หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/3 อัพ 5-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 05-03-2010 16:22:31
สงสารซานา :o12:
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 6/4 อัพ 6-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 06-03-2010 16:43:19
(ตอนที่ 6/4)


เสียงสะอื้นไห้คุ้นหูแผ่วเบาที่ข้างตัวทำให้ร่างบนเตียงสะดุ้งตื่น ซานาเรย์กระพริบตาถี่ ภาพที่เห็นยังคงพร่ามัว ก่อนที่จะชัดเจนขึ้น อาการอ่อนเพลียจนแทบลุกไม่ขึ้นยังคงอยู่ แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากนักแล้ว เด็กน้อยค่อย ๆ ขยับตัวอย่างลำบาก พลางมองหาต้นเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้

ร่างเล็กที่ข้างเตียงรีบป้ายคราบน้ำตาทิ้ง แล้วส่งยิ้มไปให้ราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ซานาฟื้นแล้ว!”

เด็กชายกัดฟันพยายามลุกขึ้นนั่ง โดยไม่แสดงสีหน้าท่าทางว่าเจ็บปวด มือของเขาเอื้อมไปหาร่างเล็กนั้น “เป็นอะไรไปเอเม ร้องไห้ทำไม… หรือว่า…เขา รังแกอะไรเอเมรึเปล่า” ประโยคหลังถามด้วยน้ำเสียงตึงเครียด

เด็กน้อยส่ายหน้าเบา ๆ “เขาไม่ได้ทำอะไรเอเม…เอเมสงสารซานา…” น้ำเสียงเริ่มสั่นครืออีกครั้ง มือน้อย ๆ ที่ถูกกุมไว้ถูกบีบให้กำลังใจแผ่วเบา

“พี่ไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ เอเมไม่ต้องร้องไห้นะ จะไม่มีใคร…ทำอะไรเอเมได้ พี่สัญญา”

“ไม่…เอเมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น…เอเม…จะไม่ยอมให้ใคร ทำอะไรซานาเหมือนกัน!” เสียงเล็ก ๆ พูดขึ้นอย่างแข็งขัน เด็กชายรวบร่างน้อย ๆ มากอดไว้ “ไม่มีใครทำอะไรพี่หรอก เอเมอย่าคิดมาก คน ๆ นั้น…ไม่ได้ทำอะไรพี่เลย พี่ต่างหากที่ไม่สบายเอง เขาซื้อพวกเรามา ให้ที่พัก ให้อาหาร แถมยังซื้อยาให้อีก ดังนั้น..พวกเราก็ต้องตอบแทน เข้าใจไหม”

เด็กชายมองเอเมรัลด์ด้วยสายตาที่อ่อนโยน พลางพูดต่อไป

“เอเมยังเด็ก ดังนั้นพี่ที่โตกว่า ก็ต้องทำงานแทน”

“แต่ว่า…เอเม…เกลียดเขา เขามองซานา…น่ากลัว” เด็กน้อยพยายามบอกตามที่เธอรู้สึก แม้จะไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ตาม

“เขาเป็นแบบนั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก เอเมเชื่อพี่หรือเปล่าล่ะ”

เด็กน้อยอิงแนบอกของอีกฝ่ายแล้วตอบว่า “เอเมรักซานาที่สุด ก็ต้องเชื่อซานาสิ”

“ดีแล้ว ถ้าเชื่อพี่ล่ะก็ จำไว้นะ ถ้าอยู่ต่อหน้าเขา ห้ามเอเมทำกิริยาที่ไม่ดีออกไปอย่างเด็ดขาด ต้องเชื่อฟังเขาเท่านั้น”

“อื้ม เอเมเชื่อซานา มากินอะไรก่อนเถอะ ซานานอนไม่รู้ตัวมาตั้งหลายวันแล้ว”

“หลายวัน…เลยเหรอ”

เด็กน้อยพยักหน้ารับ

“แล้วเขา….?”

“เขาเข้ามาดูซานา แล้วก็ออกไป…ทุกวัน มานั่งมองเฉย ๆ เป็นชั่วโมง แล้วก็ออกไป ไม่ได้พูดอะไรเลย” เอเมรัลด์ตอบ

เด็กชายถอนใจยาว “เขาไม่ว่าอะไรก็ดีแล้ว จำไว้นะ อย่าแสดงท่าทางไม่ดีต่อหน้าเขา เราเป็นแค่ทาส ยังไง เขาก็เป็นเจ้าชีวิตของเรา”

“เอเมเข้าใจแล้ว ซานาทานได้แล้วนะ”

เด็กชายพยักหน้ารับ ก่อนจะรับชามใส่อาหารมารับประทาน เขารู้ดี…จะอย่างไรก็ต้องกิน และต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วย เพื่อที่จะหายป่วยให้ไวที่สุด

ถ้าเผื่อคน ๆ นั้น ต้องการของระบายอารมณ์อีก…เขาจะต้องหายดี พอที่จะสนองความต้องการนั้นได้

เพื่อไม่ให้เอเม ต้องเป็นอันตราย

ร่างบอบบางลอบถอนหายใจ ในภาวะเช่นนี้ เขาคงทำได้ดีที่สุดแค่นี้เท่านั้นเอง…


..............................................


สองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องแคบ ๆ นั้นด้วยกันนับแต่วันนั้น…จนตอนนี้ ร่างกายของเด็กชายกลับสู่ปกติแล้ว ประตูห้องนั้นล็อคอยู่เสมอ เวลากลางวันคนผู้นั้นจะเปิดประตู มารับซานาเรย์ออกไป แล้วล็อคห้องไว้ และจะกลับมาส่งอีกครั้งยามค่ำคืน โดยไม่ให้เด็กหญิงตัวน้อยตามไปด้วย มันเป็นแบบนี้นับตั้งแต่เขาสามารถลุกขึ้นจากเตียงได้

“ซานา…จะไปแล้วเหรอ” เสียงใสถามในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เด็กชายกำลังแต่งตัว เพื่อเตรียมออกจากห้อง
   
“อื้ม อยู่ในนี้เป็นเด็กดีนะ แล้วเย็น ๆ พี่จะกลับมา” เขาตอบเรื่อย ๆ เหมือนกับทุก ๆ วัน หากดวงตากลมโต ที่มีสีสวยคนละสีนั้น กลับจ้องเขม็งมาต่างจากทุกครั้ง

“มี…อะไรเหรอ เอเม” สายตาคู่นั้น ทำให้เขาหลบตาอย่างช่วยไม่ได้ มันเหมือนกับมองทะลุเข้ามา ภายในใจที่ปิดกั้นไว้ของเขาจนไม่รู้จะหลบเลี่ยงไปได้อย่างไร

“ซานา…บอกเอเมได้ไหม ว่าไปทำอะไรข้างนอกน่ะ”

รอยยิ้มฝืน ๆ ตอบกลับมา “ไม่มีอะไร…ก็แค่ รับใช้ธรรมดา เขาให้พี่ทำอะไร ก็ทำอย่างนั้น” คำตอบดูเรื่อย ๆ หากสีหน้านั้นกลับซีดเผือด เขาจะตอบเด็กน้อยได้อย่างไร ว่านับแต่วันนั้น เขาถูกทำอะไรบ้าง

มือที่ติดกระดุมสั่นจนไม่อาจกลัดมันเข้ากับช่องได้ถูก ดวงตาคู่งามยังจ้องมองอยู่อย่างตั้งใจ ราวกับต้องการค้นหาสิ่งที่เขาซุกซ่อนไว้ …ความลับ อันน่าละอายจนไม่กล้าจะบ่งบอก

ตั้งแต่วันนั้น…ทุกวัน ผู้ชายคนนั้น…หรือที่คนอื่น ๆ เรียกเขาว่าดาร์ค จะนำพาแขกมาที่ห้อง วันละคนสองคน ในบางครั้ง..ก็หลายคน และทุกครั้งที่พามา เขามีหน้าที่…ทำทุกอย่าง เพื่อให้แขกเหล่านั้น พึงพอใจ

ไม่ว่าแขกต้องการให้เขาทำอะไร …ก็ห้ามปฏิเสธ

และเขา…ก็ไม่เคยคิดปฏิเสธ ด้วยรู้ดีว่า หากพวกนั้นเบื่อเขาเมื่อใด คนที่ต้องมาแทน ย่อมเป็นเอเมของเขาแน่ ๆ

เขาจะต้องทำทุกอย่าง…เพื่อไม่ให้มันเป็นเช่นนั้น

เด็กน้อยยังคงมองอยู่ และเห็นสีหน้าลำบากใจของพี่ชาย ใบหน้าใสที่เคร่งครึมเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม มือเล็กบีบมือของเด็กชายเบา ๆ พลางตอบว่า “เอเมเข้าใจแล้ว ยังไงก็รีบกลับมานะ เอเมรอซานาอยู่”

“อื้ม” เด็กชายรับคำ อย่างไม่รู้จะตอบอย่างไรได้ดีไปกว่านี้ “งั้นพี่ไปล่ะ อยู่ดี ๆ อย่าซนนะ”

“ค่า” มือเล็กโบกอำลา ยังคงส่งยิ้มหวานไปให้ จวบจนประตูนั้นปิดลง

ดวงตางามนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย

ถึงแม้เธอจะยังเด็ก แต่ก็เป็นเด็กที่ฉลาดเฉลียว ร่างบอบบางรู้ดีว่า พี่ชายต้องโดนบังคับให้ทำอะไรที่ไม่ชอบแน่ ๆ แต่เธอเองก็ไม่สามารถจะช่วยเหลือได้

เด็กน้อยได้แต่ยิ้มแย้มรับ ยามซานาเรย์กลับมา ถึงจะเหงาหรือเศร้าอย่างไร เธอก็ไม่ต้องการให้ซานาเรย์เห็น ด้วยรู้ดีว่า เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเธอ เขาก็จะมีความสุขแล้ว

หลายวันที่กลับมาจากการทำงาน เด็กน้อยสังเกตเห็นว่า ซานาเรย์ปกปิดร่างกายจากสายตาเธอ…เกินความจำเป็นอย่างเห็นได้ชัด หากในบางครั้ง เธอก็พบว่า ร่างกายบอบบางนั้นมักจะมีบาดแผลฟกช้ำ รอยเชือกรอยแส้ บางครั้งก็มีบาดแผลลึก และบางคราวถึงกับมีไข้อ่อน ๆ ด้วย แต่คำตอบที่ได้รับ ก็ยังคงเป็นเพียงว่า เขาไม่สบายเอง หรือไม่ก็เขาหกล้มเอง

เธอรู้ดีว่าเขาโกหก

ซานา…ไม่เคยโกหกเธอ แล้วเธอจะไม่รู้

คนโกหกไม่เก่งอย่างซานา พูดอย่างไรก็เห็นได้ชัดว่าโกหก แม้ว่าเธอเองจะทำเป็นเชื่อ…ในทุกสิ่งที่เขาบอกมาก็ตาม

ใบหน้าอ่อนโยนที่เคยยิ้มให้อย่างมีความสุขนั้น ตอนนี้กลับมีเพียงรอยยิ้มเศร้า  ๆ ไม่สามารถยิ้มแย้มจากใจได้เหมือนก่อน …เกิดอะไรขึ้นกับซานา เธออยากรู้เป็นที่สุด

และแน่นอน…อยากช่วยเหลือ เท่าที่จะทำได้ด้วย

ซานา…เอเมไม่อยากให้ซานาต้องฝืนเพราะเอเมนะ… หยาดน้ำตาคลอเบ้า มือน้อย ๆ กำแน่น ทำไมเธอช่างไร้ความสามารถนัก ถ้าเพียงแต่สามารถแบ่งเบาทุกอย่างได้ ซานาคงจะไม่ต้องทนทรมานขนาดนี้

ประตูห้องถูกล็อคเสมอ จนไม่อาจจะออกไปไหนได้ แม้อยากจะรู้ใจจะขาด ว่าซานาเรย์ไปทำอะไร

ห้องนี้เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี เธอจึงอยู่ราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จวบจนวันหนึ่ง…ที่ผู้ชายคนนั้นเข้ามา…เธอจึงได้รู้ถึงความจริงอันแสนโหดร้าย


.....................................


วันนั้น ในตอนกลางวัน จู่ ๆ ประตูที่ล็อคอยู่เสมอ ก็ถูกเปิดออก คนผู้นั้น…ก้าวเข้ามา เด็กน้อยซุกตัวหลบอย่างหวาดกลัว ไม่มีซานาอยู่ด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกกลัวมากขึ้นเป็นทวีคูณ

หากคนที่เปิด กลับไม่ก้าวเข้ามา เพียงพูดอยู่หน้าประตูว่า “อยากรู้รึเปล่า ว่าทุกวันที่พี่ของเธอออกไป เขาทำอะไรบ้าง”

หน้าเล็ก ๆ หันควับมามองทันที

คนพูดมีรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อพูดต่อไป “ถ้าอยากรู้ ก็ตามมาสิ”

ว่าแล้วเขาก็หันหลังเดินออกมา เด็กน้อยก้าวลงจากเตียง โดยไม่ลังเล แม้จะหวาดกลัว แต่หากมีสิ่งที่เธอทำได้ เพื่อซานา…ไม่ว่าจะต้องทำอะไร เธอก็ยินดี

ร่างสูงนั้นพาเธอเข้ามายังห้องด้านข้าง ผนังของห้องด้านในมีม่านขึงไว้ และหลังม่านนั้น เป็นกระจกใหญ่ทั้งบานสูงเกือบถึงเพดานเลยทีเดียว กระจกบานนั้น ฝังอยู่ในกำแพง ราวเป็นส่วนหนึ่งของผนังห้องไปแล้ว

“ดูเฉย ๆ ล่ะ” เขากำชับ ก่อนที่มือแข็งแรงรูดม่านหลบไปด้านข้าง

ภาพที่เห็น ทำให้เอเมรัลด์นิ่งอึ้งไปราวถูกสะกด ภาพตรงหน้า..คือพี่ชาย…

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เธอไม่คิดว่าพี่ชายจะโดนทำอะไรขนาดนี้…แม้จะไม่เข้าใจ แต่กลับรับรู้ได้อย่างดี ว่ามันไม่ถูกต้องแน่นอน

ภาพที่เห็นเป็นภาพของห้องที่อยู่ติดกันถัดไปอีกห้อง ตัวกระจกเป็นกระจกสองหน้า ที่สามารถมองเห็นอีกฝั่งได้ โดยที่ทางนั้นไม่รู้ และใกล้แทบจะแนบชิด…กลับเป็นมือบอบบางที่ทาบทับกระจกฝั่งตรงข้าม…มือที่เกร็งแน่น และชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าที่เห็นในกระจก มีสีหน้าที่เพียงแค่มองก็ร้อนผ่าว

เธอไม่อาจละสายตาจากภาพที่เห็นได้เลย หัวใจน้อย ๆ เต้นถี่..อย่างตื่นตระหนก ภาพนั่น… ไม่จริงใช่ไหม?

แทบได้ยินถึงเสียงลมหายใจ แม้ภาพที่เห็น จะยังคงไร้เสียง ห้องนั้น…คงเก็บเสียงเช่นเดียวกัน

สีหน้าที่เอเมรัลด์ไม่เคยเห็น คิ้วเรียวขมวดมุ่น อึดอัดและทรมาน ด้านหลังเป็นชายแปลกหน้า ที่กำลังทำอะไรบางอย่าง เธอไม่เข้าใจ…คน ๆ นั้นทำอะไร…แต่จากที่เห็น ซานาเรย์..กำลังโดนบีบบังคับอย่างไม่เต็มใจแน่ ๆ...

ร่างบอบบางนั้นยืนอยู่หน้ากระจก ในอีกฝั่งของห้อง ยืนอย่างอดทน

ขาที่สั่นระริก พยายามทรงตัวสุดกำลัง

ท่าทางนั้นบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเด็กชายนั้น...ทรมานมาก

สะโพกแกร่งสวนเข้าหาบั้นท้ายบาง กระแทกกระทั้น คนหน้ากระจกสะท้านเฮือก เกร็งแน่น เลือดที่โคนขา ไหลรินลงเป็นสาย ดวงตาที่เจ็บปวดคลอไปด้วยน้ำตาแต่ไม่ไหลริน ริมฝีปากบางขบกัดกันแน่น หากแรงจากอีกฝ่ายยิ่งถาโถมเข้าหา ริมฝีปากนั้นก็หลุดเสียงบางอย่างออกมา

ปากสีสดมีคราบเลือดจากการขบกัด เป็นแผลด้านใน ที่เธอไม่เคยได้เห็น ถึงจะไม่ได้ยิน แต่การออกเสียงนั้น เธอสามารถเข้าใจได้ดี

เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เธอเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย

ซานากำลังเรียกหาเธอ!

เด็กน้อยโผเข้าหากระจกนั้น มือเล็กเอื้อมไปหมายสัมผัส หมายช่วยเหลือ หากกระจกใส ยังคงกางกั้น และอีกฝ่าย ก็ไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของเธอ

ต้องช่วย!

“ซานา!”

เสียงของเธอแทบจะเป็นตะโกน แต่คนอีกฝั่ง ก็ยังคงไม่ได้ยิน

ดวงตาเอาเรื่องหันควับไปมองคนด้านข้าง ก่อนจะออกวิ่งเพื่อไปที่ห้องที่เห็นทันที

ทว่าร่างแข็งแรงยึดจับเธอไว้ เด็กหญิงดิ้นรนสุดแรง แต่ไม่อาจสู้เรี่ยวแรงของผู้ใหญ่เช่นชายหนุ่มได้

“ถ้าไม่อยู่เฉย ๆ พี่ชายของเธอ จะต้องโดนมากกว่านี้นะ” เสียงราบเรียบขู่

นับว่าได้ผล ร่างที่กรีดร้องและดิ้นรน หยุดลงแทบจะในทันที เสียงสะอึกสะอื้นทำได้เพียงพร่ำขอความเมตตา “ได้โปรด อย่าทำซานา”

“เธออยากเห็น ชั้นก็แค่พามาดู ดังนั้น..จงดูต่อไป” เสียงเข้มพูดต่อราวกับไม่รู้สึกรู้สาต่อสิ่งใด

“ไม่นะ! ช่วยซานาด้วย!” ดวงตาของเธอยังคงมองที่บานกระจกนั้นอย่างร้อนรน มือเล็ก ๆ ขยับจะทุบ แต่ถูกอีกฝ่ายยึดจับไว้

“ดูไปเฉย ๆ อย่าทำเสียงเอะอะ ไม่อย่างนั้น ชั้นจะไม่ให้ดูอีก”

เสียงสะอื้นแผ่วเบาค่อยเงียบไป มีเพียงดวงตาคู่นั้น ที่วาวโรจน์กว่าที่เคย กับมือน้อย ๆ ที่กำแน่น

“ถ้าเธอสามารถนั่งดูอยู่เฉย ๆ ได้ โดยไม่แสดงอะไรน่ารำคาญ สักวัน…ชั้นจะให้เธอ เข้าไปในห้องนั้น”

เด็กน้อยหันมาจ้องคนพูดแน่วแน่ เธอหายใจเข้าลึก ก่อนจะถามว่า “คุณพูดจริงนะ?”

ชายหนุ่มมีรอยยิ้ม “แน่นอนสิ ถ้าเธอสามารถนั่งมองนิ่ง ๆ เหมือนกับตุ๊กตาตัวหนึ่งได้เมื่อไหร่ ชั้นจะให้เธอเข้าไปดูใกล้ ๆ…ในห้องนั้น”

มือของเขาลากเก้าอี้เด็กเข้ามา แล้ววางไว้ที่เบื้องหน้าบานกระจก

“ถ้าเธอต้องการ ชั้นจะพาเธอมาที่นี่ทุกวัน เธอต้องดูเท่านั้น ห้ามโวยวาย ห้ามลุกออกจากเก้าอี้ตัวนี้ นั่งดูเฉย ๆ จนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น”

“ถ้าเธอพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอทำได้ อย่างที่บอกไปเมื่อกี้…ชั้นจะให้เธอได้เข้าไปในห้องนั้น”

สมองน้อย ๆ คิดอย่างรวดเร็ว การได้เข้าไป…หมายถึงการได้ช่วยซานา

ถ้าเป็นอย่างนั้น…เธอต้องทำให้ได้!


.........................................


ประตูห้องเปิดอีกครั้ง ร่างเล็ก ๆ บนเตียงผุดลุกขึ้น เธอพึ่งถูกส่งกลับเข้าห้องได้ไม่นานนัก หลังจากที่นั่งดู…ทุกสิ่งทุกอย่าง จนพูดไม่ออก แม้จะยังเล็ก แต่เอเมรัลด์ก็เข้าใจดี ว่าพี่ชายต้องเจออะไรบ้าง…ทุก ๆ วัน

ร่างสูงของชายหนุ่ม ประคองซานาเรย์เข้ามา เด็กชายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเดิน พอมาถึงเตียงก็แทบจะล้มลงแล้ว เมื่อคนประคองปล่อยร่างนั้นลงบนเตียง อย่างไม่ปรานีปราศรัยนักแล้วจากไป โดยล็อคห้องไว้เหมือนทุกครั้ง

สีหน้าที่เจ็บปวดจากคนบนเตียงมีเพียงวูบเดียว ก่อนจะรีบรั้งกลับสู่ปกติ แม้จะยังมีเหงื่อผุดพราย ดวงตาอ่อนล้ามองเด็กหญิงแล้วพึมพำด้วยรอยยิ้มสุดฝืน

“ขอพี่พักหน่อยนะ วันนี้เหนื่อยจริง ๆ”

ร่างเล็ก ๆ หยิบผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้แผ่วเบา ดวงตากลมโตคู่นั้นหลุบต่ำ ไม่อาจต่อคำได้ มือที่อ่อนแรงลูบหัวเธอแผ่วเบา อย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง

“อย่าทำหน้าแบบนี้สิ…พี่แค่เหนื่อยนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายแล้ว”

ดวงตาที่มีน้ำตาคลอ ไม่อาจเก็บกักไว้ได้ต่อไป เด็กน้อยปล่อยโฮดังลั่น พลางกอดร่างเด็กชายไว้แน่น

“เหงาสินะ เอเม พี่ขอโทษ ที่วันนี้กลับมาช้า” ซานาเรย์พยายามปลอบ หากมันกลับทำให้เด็กหญิงร้องหนักขึ้นอีก เขาได้แต่ถอนใจแผ่วเบา พลางลูบหลังเด็กน้อยที่สะอึกสะอื้นนั้นอย่างปลอบประโลม

สักพักเอเมรัลด์ก็ตั้งหลักได้ สิ่งที่เธอเจอในวันนี้ มันมากเกินกว่าจะเก็บเอาไว้คนเดียวได้ แต่การระบายด้วยการร้องไห้ ก็ช่วยได้เยอะ เด็กน้อยหายใจเข้าลึก พลางพึมพำตอบ “เอเม…เป็นห่วงซานานะ”

“จ้า พี่รู้ดี ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”

คำพูดที่มีแต่การขอโทษ ยิ่งบาดลึก ทั้ง ๆ ที่ซานาเจ็บแบบนี้ก็เพราะเธอ แต่เขาไม่เคยปริปากบ่น

ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ ที่ทำให้ซานาต้องเป็นแบบนี้

ยังจำได้ดีถึงคำพูดของเด็กชาย ในครั้งแรก

‘เอเมยังเด็ก ดังนั้นพี่ที่โตกว่า ก็ต้องทำงานแทน’

ทำงานแทนอะไรกัน…มันไม่ยุติธรรมเลย

ร่างบนเตียงผล็อยหลับไปแล้ว ด้วยความเหนื่อยอ่อน เด็กน้อยเหม่อมองสภาพบอบช้ำนั้นพลางครุ่นคิด

…อดทนหน่อยเถอะนะซานา…เอเมจะช่วยซานาให้ได้

เธอตัดสินใจแล้ว

ความเจ็บปวดของซานา เป็นสิ่งที่เธอควรได้รับเช่นกัน

ถ้าการอดทนนั่งดูแบบนั้น แล้วมันจะทำให้เธอสามารถช่วยเหลือพี่ชายได้ล่ะก็…

ต่อให้เจ็บปวดหัวใจเจียนตาย เธอก็จะมอง

ไม่ว่าการมองนั้นจะสร้างความทรมานใจให้เธอมากเพียงใด

เพื่อช่วยซานา...

เธอจะนั่งดูทุกอย่าง ราวกับเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น!


.....................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 6/4 อัพ 6-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 06-03-2010 16:53:24
วางแผนจะทำอะไรอีกอีตาคนนี้  :angry2:

ใจร้ายอ่ะ ให้ดูเฉยๆอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้

สงสารเด็กย้อยทั้ง คู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 6 อัพ 7-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 07-03-2010 14:39:47
(จบตอนที่ 6)


เสียงโซ่ติดปลอกแขนถูกนำมาโยงไว้กับเสาดังเสียงดังแกร๊กเป็นช่วง ๆ ยามกระทบกันเมื่อตัวโซ่ถูกมัดคล้องไว้กับตัวเสาที่ทำเป็นคานสูง เวทีแห่งนี้กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการ โดยมีร่างบอบบางในชุดหนังแนบเนื้อแบบพิเศษยืนมองอย่างเฉยเมย  คนด้านข้างกำลังแต่งตัวให้เขา โดยไม่ได้พูดอันใดเช่นกัน ดวงตาสีฟ้าที่แสนเศร้าเฉยชาจนว่างเปล่า

…วันนี้ ก็เหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา ที่เขายังคงเป็นเครื่องสนองอารมณ์แก่คนที่ดาร์คนั้นจัดการหามาให้

เตียงใหญ่กลางห้องถูกเคลียร์ออกไป เพราะในยามนี้ได้สับเปลี่ยนเป็นโครงเหล็กทรงสี่เหลี่ยมที่ไม่สูงนัก ส่วนคานที่ติดปลอกโซ่ที่ล็อคได้ทั้งสี่มุมเสร็จเรียบร้อย บอกได้ชัดถึงชะตากรรมของเขาในยามนี้

ร่างเล็กถูกนำมาโยงรั้งด้วยโซ่ทั้งแขนขาไว้กับโครงสร้างแข็งแรงนั้น ดวงตาคู่งามถูกผ้าปิดตาหนังคาดทับ เช่นเดียวกันกับริมฝีปากนุ่ม ที่ถูกรัดด้วยปลอกรัดคล้องลูกกลม ๆ สำหรับคาบไว้ห้ามการออกเสียง ใบหน้าใสนั้นเชิดขึ้น ไม่ได้แยแสใส่ใจต่อพันธนาการทั้งปวง

มือที่คล่องแคล่วแต่งตัวให้จนเรียบร้อย ใบหน้าแกร่งมีรอยยิ้ม เมื่อส่งสายโซ่จูงจากปลอกคอ ให้แขกผู้มาเยือนกับมือ พลางบอกว่า “วันนี้เรามีสมาชิกพิเศษ ที่จะเพิ่มความเร้าใจให้กับเกมของท่านด้วยนะครับ”

ว่าแล้วก็ผายมือไปอีกด้าน ที่เก้าอี้ทรงสูงในมุมมืดที่จัดไว้อย่างจงใจ แสงไฟถูกเปิดขึ้น เผยให้เห็นร่างเล็ก ๆ ที่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาอยู่บนนั้น

คิ้วเข้มของร่างอ้วนผู้เป็นแขกในยามนี้ขมวดอย่างสงสัย หากอีกฝ่ายกลับกระซิบข้างหูตอบกลับ โดยไม่ให้เด็กชายผู้ถูกปิดตาได้ยิน คนฟังถึงกับหัวเราะออกมาด้วยท่าทีบันเทิงใจ พึมพำเบา ๆ ว่า “ไม่เลว ๆ ตื่นเต้นไปอีกแบบ”

เด็กชายไม่ได้สนใจกับท่าทีนั้นมากนัก ด้วยรู้ดีว่าพวกนี้ ไม่มีใครจิตปกติสักราย แน่ล่ะ…การได้ทำร้ายเขา ทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นความสุขของคนพวกนี้นัก และนั่นทำให้เขาสะอิดสะเอียนเป็นพิเศษ ถึงแม้จะต้องกล้ำกลืนฝืนทน ไม่ว่าจะโดนสั่งให้ทำอะไรก็ตาม

มือหยาบลูบไล้ที่บั้นท้ายได้รูป ซึ่งตอนนี้สวมกางเกงหนังแนบเนื้อตัวสั้นอยู่ ร่างบอบบางสะดุ้งเล็กน้อย พยายามที่จะไม่แสดงอาการตื่นตกใจออกไป

มันก็เหมือนทุก ๆ ครั้ง…เขาควรจะชินกับมันได้แล้ว…

กางเกงตัวน้อยมีซิปด้านหลัง ที่เมื่อถูกรูดลง ช่องทางเร้นลับก็จะถูกเปิดกว้าง

มือนั้นลูบไล้ตะกละตะกราม บีบเค้นแกมกระตุ้นอย่างมันมือ หากมันกลับไม่ทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นแม้แต่นิดเดียว ร่างเล็กช้ำใจยิ่งนัก ที่ไม่ว่าจะโดนเมื่อใด เขากลับต้องนึกเปรียบเทียบกับครั้งแรก…ที่โดนกระทำ โดยคน ๆ นั้นเสียทุกที

แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่เพียงแค่นึกถึง มันก็ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขึ้นง่ายดาย

และนั่น…ทำให้เขาเรียนรู้ที่จะใช้มัน…เพื่อไม่ให้ร่างกายตนเอง ปฏิเสธทุกสิ่งจนสร้างความบอบช้ำเกินจำเป็น
เขาเริ่มเรียนรู้แล้ว…ที่จะคล้อยตาม ไม่ว่าการกระทำนั้น จะรุนแรงสักเพียงใด

เพื่อที่หลังจากนี้ เขาจะได้ยังพอมีเรี่ยวแรงเหลือ และไม่ล้มป่วยลง ทั้งหมดนั่นก็เพื่อเอเม…จะได้ไม่สงสัยมากนัก

แต่ในระยะหลังนี้ เด็กหญิงกลับเงียบขรึมกว่าเดิม..เขาไม่รู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอเม เด็กน้อยไม่ถามเขาแล้ว ว่าเขาไปทำอะไรข้างนอก ได้แต่เพียงยิ้มรับ และคอยช่วยทำแผล ยามเขากลับมาตอนเย็นเท่านั้น

เอเมคงจะยอมรับทุกอย่างได้แล้วกระมัง เด็กชายได้แต่คิดเช่นนั้น

ร่างเล็กสะท้านเฮือก เมื่อรู้สึกได้ถึงการแทรกนิ้วเข้าไปเบื้องหลังโดยไม่มีการบอกกล่าว เจ็บ…จนพูดไม่ออก แต่ก็ไม่อาจร้องได้ ด้วยวัตถุทรงกลมที่คาบอยู่ ทำได้แต่เพียงออกเสียงไม่เป็นภาษาเท่านั้น

ลมหายใจถี่ที่แสนอึดอัด น้ำลายที่ไหลออกระคางสวย โดยไร้ซึ่งความสามารถในการควบคุม มันคงเป็นสภาพที่น่าสมเพชไม่น้อย แต่เขาไม่มีทางเลือก

ยังดีที่…เอเม ไม่ได้มาเห็นมัน

วัตถุทรงยาวที่สั่นไหวได้ด้วยตนเองถูกชะโลมด้วยเจลใส ก่อนที่มือนั้น จะดันมันเข้ามา แบบไม่ปรานีปราศรัยนัก เสียงร้องที่สุดกลั้น ดังกว่าเดิม ร่างเล็ก ๆ ขยับดิ้นรนอย่างอึดอัด ขาที่ถูกตรึงไร้อิสรภาพ ไม่อาจทำให้หนีไปได้เลย

มือข้างนั้นปล่อยสิ่งแปลกปลอมที่บรรจงเสียบคาไว้ในช่องทางคับแคบลง ภายในที่อึดอัด เจ้าสิ่งนั้นยังคงสั่นอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นจนเขายืนแทบไม่ติดพื้น

เหงื่อชุ่มโชกหลั่งไหลจนโทรมกาย ชุดหนังที่ระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก ยิ่งทำให้อึดอัดมากขึ้นเป็นทวีคูณ
แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีเพียงสายชุดหนังคาดรัด ถูกแส้มือขนาดเล็กฟาดใส่ไม่ยั้ง…ความเจ็บปวด ที่แทรกเข้ามาพร้อมความอึดอัด ทำให้ยิ่งยากจะทรงตัวยืนหยัดไหว มีเพียงสายโซ่ที่ดึงรั้งแขนไว้ ช่วยพยุงไม่ให้ล้มลง

เสียงครางด้วยความเจ็บร้องมาเป็นระยะ เมื่อสิ่งแปลกปลอมนั้นถูกขยับเข้าออก มือใหญ่เชยคางสวยขึ้นพลางพึมพำสนุกสนาน “ร้องให้ดังกว่านี้สิ ดิ้นเข้าอีก…นั่นล่ะ”

เสียงร้องของเขาหยุดกึกลงโดยอัตโนมัติ ถึงแม้จะดูว่าเขาว่าง่าย แต่เขาก็ไม่ใช่เครื่องมือที่จะต้องทำตามใจทุกอย่างจนไม่เหลือศักดิ์ศรีของมนุษย์ หากยังควบคุมตัวเองไหว เขาจะไม่ยอมพังทลายลงเด็ดขาด

“ดื้อไม่เลวนี่นา” เสียงด้านข้างกลับพอใจมากขึ้น ใบหน้าอ้วนกระหยิ่มยิ้มย่อง เมื่อลอบมองขึ้นไปยังเก้าอี้สูงตรงหน้า ร่างเล็กที่นั่งอยู่ มองลงมาตาไม่กระพริบ ดวงตากลมโตคู่งาม สวยสะกดสายตาผู้ชมชวนหลงใหล สีฟ้าและเขียวจากดวงตานั้นดูมีเสน่ห์ลึกลับชวนค้นหาอย่างบอกไม่ถูก

ยิ่งถูกมอง ก็ยิ่งตื่นเต้น โดยเฉพาะเมื่อยิ่งได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้

“วันนี้เรามีแขกพิเศษ มาดูการแสดงครั้งนี้ด้วย อยากเห็นรึเปล่าว่าเป็นใคร”

ว่าพลางดึงผ้าปิดตาออก พร้อมกับที่ปิดปากนั้น เด็กหนุ่มไอออกมาอย่างอึดอัด ก่อนสูดลมหายใจเข้า พยายามปรับร่างกายให้เป็นปกติ ดวงตาสีฟ้าของเขามองไปตามนิ้วที่ชี้ออกไป แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้าง

“เอเม!”

เด็กชายดิ้นรนรุนแรงทันที แม้จะติดอยู่ในพันธนาการหนาแน่น “ปล่อยนะ เอเม…ทำไมแกให้เอเมมาที่นี่ อย่ายุ่งกับเธอนะ!”

ร่างเล็กบนเก้าอี้สูงไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาคู่งามก็ไม่ได้กระพริบด้วยซ้ำ ยามมองลงมายังร่างของเขา

“ไม่นะ…อย่ามองพี่แบบนั้น…ไม่”

เสียงหัวเราะอย่างบันเทิงใจดังมาจากคนด้านข้าง เด็กหนุ่มหันไปมองอย่างโกรธแค้น มือที่กำแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ด้วยรู้ดีว่า ไม่อาจทำอันใดได้ นอกจากอ้อนวอนขอต่อรองอีกเช่นเคย

“ได้โปรดให้เอเมกลับไปห้องเถอะครับ ผมยินดี…ทำทุกอย่าง จะให้ทำอะไรมากกว่านี้อีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า…ก็ได้”

เด็กชายพยายามอ้อนวอน แต่ไม่มีใครสนใจ มือหยาบดึงของเล่นชิ้นยาวออก ร่างที่เกร็งแน่นสั่นสะท้าน เมื่อถูกแทนที่ด้วยแก่นกายจากอีกฝ่ายกดกระแทกเข้ารวดเดียว

“อึก…” เขากัดฟันทนพยายามไม่หลุดเสียงน่าสังเวชออกไป ดวงตาคู่นั้น…ยังคงมองมาที่เขา ดุจดั่งเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง ที่ไร้ซึ่งการตอบสนอง

มีเพียงการมอง…จ้องมองด้วยแววตาคู่สวยนั้นแต่อย่างเดียว

แรงสวนกระแทกรุนแรง ทำให้สติของเขาแทบหลุดลอย หากยังคงพยายามฝืนตัวเองไว้ เขาจะไม่ยอม…หมดสติเด็ดขาด หากเขาไร้ความสามารถที่จะช่วยผ่อนคลายให้คนเบื้องหน้า ไม่แน่นัก เอเมอาจจะต้องทำแทนเขา

เรื่องนี้เท่านั้น…ที่ยอมไม่ได้!

อยากจะทำอะไรก็ทำ เขาจะพยายาม…อดทนให้ถึงที่สุด

“อื้อ…ฮึก….” เสียงครางหลุดมาเป็นพัก ๆ อย่างทรมานกว่าเดิม ร่างที่อ่อนแรงตาปรือลง แทบจะขยับตัวไม่ได้ แม้ว่าคนเบื้องหลังจะไม่ได้ลดเรี่ยวแรงลงเลยก็ตาม

เสียงหยาบระคายหูหัวเราะอย่างสะใจ ยิ่งใกล้ถึงจุดทางอารมณ์ ยิ่งรู้สึกมันเขี้ยวแทบอยากบดขยี้คนตรงหน้าให้แหลกราญ มือหนากำรอบคอบอบบางนั้นก่อนจะบีบเค้น คนตรงหน้าดิ้นรนอย่างอึดอัด…หายใจไม่ออก

…ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน หากเขาก็ยังต้องการจะมอง

เอเม…เขาจะตายไม่ได้…จะทิ้งเอเมไว้กับคนพวกนี้ได้อย่างไรกัน

เด็กชายดิ้นสุดกำลัง แม้แรงนั้นจะลดลงทีละน้อย เมื่อร่างกายขาดอากาศหายใจ ร่างที่ไร้เรี่ยวแรง เริ่มหมดทางต่อต้าน ปล่อยให้อีกฝ่ายลงมือตามใจ ในขณะที่คนทำ กำลังไปสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการโดยไม่แยแสสนใจเด็กน้อยแม้แต่นิดเดียว

สะโพกหนาเกร็งแน่น ปลดปล่อย แต่ยังไม่ยินยอมปล่อยมือที่บีบรัดรอบคออีกฝ่ายไว้ หากในตอนนั้น ร่างอ้วนกลับแผดเสียงร้องขึ้นอย่างตกใจแทนที่

เบื้องหลังของเขา คือเด็กหญิงผู้นั้น…เด็กน้อยผู้ซึ่งนั่งมองราวตุ๊กตาคนนั้นนั่นเอง

ในมือบอบบาง ถือมีดยาวในมือ ซึ่งส่วนปลายในตอนนี้ แทงทะลุเข้าไปทางด้านหลังชายผู้นั้นแล้ว ดวงตาคู่สวยยังคงมองมาอย่างเฉยเมยไร้อารมณ์ ราวตุ๊กตาตัวหนึ่งเช่นเคย

มือที่บีบคออยู่ถูกคลายออกอย่างตกใจ ซานาเรย์ที่เป็นอิสระหายใจอย่างอึดอัด ไขว่ขว้าหาอากาศจนปอดแทบฉีกขาด หัวสมองอื้ออึงจนไม่อาจรวบรวมสติได้ดีนัก

มีดยาวที่ปักลงไปถูกรั้งดึงออก แล้วกระหน่ำแทงซ้ำสุดแรงไม่มียั้ง ร่างอ้วนผละออกจากตัวเด็กชายผู้ถูกขึงแทบจะในทันที แล้วล้มกลิ้งอย่างเจ็บปวด แต่เด็กหญิงหาได้ใส่ใจไม่ เธอยังคงก้าวเข้ามาช้า ๆ แล้วตวัดใบมีดคมกริบปาดคออ้วนนั้นในทีเดียว

เลือดที่พุ่งสูงจากเส้นเลือดใหญ่ถูกตัดขาด ทำให้ร่างนั้นชะงักค้างตาเหลือกโปน มีเพียงอาการกระตุกอยู่สักพักก็แน่นิ่งไป ทิ้งให้ร่างเล็ก ๆ ที่ชุ่มไปด้วยเลือด ยืนมองมาด้วยแววตาที่สะใจ

ซานาเรย์ตกใจกับภาพที่เกิดขึ้นจนพูดไม่ออก เอเม..ของเขา ลงมืออย่างน่ากลัวเป็นที่สุด

เกิดอะไรขึ้นกับเอเม…?

เด็กชายพยายามเรียกหา ในหัวใจดวงน้อย ๆ ยังไม่คิดจะเชื่อสิ่งที่เห็นแม้แต่น้อย…ว่าเป็นฝีมือของน้องสาวสุดที่รัก หากสภาพตอนนี้ของเขา ไม่อาจจะทนต่อเรื่องราวกระทบกระเทือนใจมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

แม้ยามใกล้จะหมดสติลง เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงร่างเล็ก ๆ ที่เปื้อนเลือดเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม
ในอนุสติที่หลงเหลือ ได้ยินเพียงเสียงใสพึมพำปลอบโยนว่า

“ไม่เป็นไรนะ…ซานา…ไม่ว่าใครรังแกซานา…เอเมจะฆ่ามันให้หมดเอง!”


..............................................


ดาร์คที่ยืนมองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นยิ้มอย่างพอใจ การลงมือที่เขาเองเป็นคนเสี้ยมสอน และจุดประกายความแค้นไปให้ ทีละน้อย…ทีละน้อย จากการเฝ้ามองผู้เป็นพี่ ถูกรังแกมากขึ้นทุกวัน

ในวันนี้ เขาจึงได้ส่งมีดให้กับเด็กน้อย เพียงแค่นั้น

เอเมรัลด์…อัญมณีชั้นดีของเขา ก็ทำงานได้ดีเกินคาด

เด็กน้อยเลือดเย็นกว่าที่เห็นภายนอกมากมายนัก เมื่อยามเห็นผู้เป็นพี่โดนทำร้าย

การฝึกของเขา ก็ดำเนินมาได้เกินครึ่งทางแล้ว

เมื่อมีความอำมหิตเพียงพอ ก็เหลือแค่วิธีการฆ่าให้ตายอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้แรงเท่านั้น ที่เด็กน้อยจะต้องเรียนรู้

และนั่น…ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย ที่จะสานต่อ ความรักของพี่น้องคู่นี้ลึกล้ำนัก และมันจึงง่ายดายที่จะหลอกใช้งาน

ยามต้องการจะฆ่าใคร ก็เพียงแต่ส่งพี่น้องคู่นี้ออกไป นักการเมือง...ผู้มีอำนาจ ที่จิตวิปริต ยังคงมีไม่น้อย หลายคนก็มีรสนิยมชอบทำร้ายเด็ก ชอบให้เด็กดูการกระทำที่เลวร้ายเช่นนี้แน่แท้

เมื่อยามใดที่กระทำต่อเด็กชายรุนแรงเกินไป สวิตช์สังหารก็จะถูกสับให้เริ่มต้นทำงานขึ้น

และเอเมรัลด์ ก็จะจัดการทุกคนเอง!

ใครเล่าจะคาดคิด ว่าเด็กหญิงอายุเพียงหกขวบ ผู้นั่งนิ่งดูทุกอย่าง ราวเป็นตุ๊กตาชั้นดี ด้วยดวงตาสีสวยเช่นนี้ จะลงมือได้ถึงเพียงนั้น... ชายหนุ่มหัวเราะอย่างพึงพอใจ

ในที่สุด เขาก็สามารถสร้างนักฆ่าคู่ใหม่ ขึ้นมาสำเร็จแล้ว!


.......................................


กลางดึกคืนนั้น ซานาเรย์ลืมตาตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ตอนเย็นเขารู้สึกตัวเพียงเลือนราง พึ่งจะมาตั้งหลักได้ก็ในยามนี้เอง เอเมรัลด์ซุกตัวหลับใหลอยู่ด้านข้างเขา ท่าหลับที่ดูมีความสุข เด็กน้อย…ยังคงเป็นเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาอยู่เช่นเคย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ราวกับเป็นเพียงแค่ฝันไป
   
เอเมที่รักของเขา…ทำเรื่องเช่นนั้นลงไปจริงงั้นหรือ?
   
มือที่สั่นระริกเอื้อมไปแตะผมอ่อนนุ่มนั้นแผ่วเบา เขาจะทำอย่างไรดี เพื่อปกป้อง…น้องสาวคนสำคัญนี้เอาไว้ให้ได้

ร่างเล็ก ๆ พลิกตัวเข้ามาแนบชิด กอดซุกกับแขนบอบบางของเขา ในอ้อมแขนที่กอดอยู่ เด็กน้อยกลับละเมอพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สบายใจ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นับตั้งแต่...พวกเขา ต้องมาอยู่ที่นี่

“ซานา…ไม่เป็นไรแล้วนะ…เอเม…จะไม่ยอมให้ใครรังแกซานาอีก”
   
คำพูดนั้นทำให้เด็กชายตะลึงไป เขาเขย่าปลุกเด็กน้อยให้ตื่นขึ้น พลางรั้งร่างเล็ก ๆ ให้สบตาด้วย ดวงตาสีฟ้าจ้องมองมาอย่างต้องการคำตอบ “คน ๆ นั้น…เขาบอกอะไรกับเอเม บอกพี่มาซิ”
   
เด็กน้อยขยี้ตาอย่างง่วงงุน พลางตอบว่า “เขาบอกว่า..ถ้าเอเมนั่งเฉย ๆ มองอย่างเดียวได้ล่ะก็…เอเมจะช่วยซานาได้ …แล้ววันนี้…เอเมก็ทำได้แล้ว เอเมรักซานานะ”
   
เธอว่าพลางโผเข้ากอดเด็กชายอีกครั้ง อย่างไร้เดียงสา “ใครที่รังแกซานา เอเมจะฆ่ามันให้หมดเลย!”
   
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปแล้ว

โหดร้ายที่สุด…คนผู้นั้น ใช้ประโยชน์จากเด็กตัวเล็ก ๆ ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

ปล่อยให้เอเม นั่งดูเขาถูกทารุณแบบนี้...มานานแค่ไหนแล้ว?

จนสภาพจิตของเด็กน้อย บิดเบี้ยวไปเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด
   
แต่ซานาเรย์ก็รู้ดี เขาไม่อาจขัดขวางได้ ถ้าเอเมไม่สามารถทำให้คน ๆ นั้นพึงพอใจได้ เขาคงจะฆ่าเธออย่างแน่นอน
   
คนผู้นั้น ใช้ประโยชน์จากเขาได้คุ้มค่าแล้ว และตอนนี้ กำลังใช้เอเม…

   
เพื่อรักษาชีวิตน้อย ๆ นี้ไว้ ต่อให้ต้องมือเปื้อนเลือดกว่านี้ เขาก็คงต้องยอม
   
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะไม่ให้เอเมตายเด็ดขาด
   
อะไรคือความถูกต้องกันแน่?

ในเมื่อไม่มีใครช่วยพวกเขาได้ เด็ก ๆ อย่างพวกเขา ก็ต้องช่วยตัวเอง

   
คนพวกนั้น สมควรตายแล้ว
   
ถึงเอเมจะฆ่าพวกมัน ก็ไม่เห็นผิดอะไร!
   
   
ร่างบอบบางกอดเด็กหญิงเอาไว้อย่างหวงแหน ไม่ว่าจะต้องฆ่าไปสักเท่าไหร่ เขาก็จะไม่ว่าอะไรเอเมอีกต่อไปแล้ว หากสิ่งนั้นสามารถระบายความเจ็บปวดของเธอ ที่ถูกบีบบังคับให้ต้องมองเขาทรมานเช่นนี้ไปได้

คนผิดคือเขาคนเดียว ที่ทำให้เอเม ต้องทำเช่นนี้

ดังนั้น...ไม่ว่าอย่างไร บาปของเอเม…เขาคนนี้ จะแบกรับให้เอง!


- จบตอนที่ 6 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 6 อัพ 7-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-03-2010 17:43:42
 :เฮ้อ: พี่น้องคู่นี้ น่าสงสารมากมาย
ละครชีวิตเข้มข้นจนขนลุกเลยค่ะ


รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 6 อัพ 7-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 07-03-2010 17:54:35
เหนื่อยใจเลยอ่ะ  :เฮ้อ:

เด็กน้อยถูกเสี่ยมสอนมาแบบผิดๆ

กลายเป็นนักฆ่าไปซะแล้วววววววว
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 7/1 อัพ 8-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 08-03-2010 13:37:58
ตอนที่ 7 Hansel and Gretel : เฮนเซลและเกรเทล

(ตอนที่ 7/1)

Rate: G


ตกเย็นหลังเลิกเรียน ร้านคาเฟ่แห่งนี้มีคนแน่นเป็นพิเศษทุกวัน นั่นเพราะมีทั้งสาว ๆ และหนุ่ม ๆ จากโรงเรียนใกล้เคียง แวะเวียนมาใช้บริการเสมอ ๆ …มากันบ่อยจนกระทั่งมีการตั้งเป็นแฟนคลับเฉพาะแบบรายคนไปเลยทีเดียว ซึ่งมันก็ไม่แปลกนัก สำหรับบรรดาคนไม่ธรรมดา สุดแสนจะป็อปปูล่าทั้งห้าของคาเฟ่แห่งนี้

ยกเว้นเขา…คนธรรมดาสุด ๆ ที่ชาตินี้คงหาแฟนคลับกับเขาไม่ได้ โดยเฉพาะยิ่งมาเทียบรัศมีกับห้าคนนี้ เรย์จิเหลือบมองบรรดาพนักงานในชุดคอสเพลย์น่ารัก ที่คล้ายมีออร่าความงามเปล่งประกายอยู่รอบ ๆ ทั้งหมดนั้นอย่างปลง ๆ ในขณะที่มือแข็งแรงของเขา ก็ยังคงเช็ดทำความสะอาดโต๊ะที่ลูกค้าพึ่งจะลุกออกไปพร้อม ๆ กันด้วย

จะไม่ให้หลงกันได้อย่างไร เขาเองก็ยังไม่ลืม ในวันแรก..ที่ก้าวเข้ามาภายในร้านนี้ ว่าตนเองนั้นรู้สึกยังไงกับคนพวกนี้

โดยเฉพาะกับเด็กสาวน่ารัก…ซานะจัง…สาวน้อย…เอ้อ จริง ๆ คือเด็กชายคนหนึ่งเท่านั้น ร่างบอบบางคล่องแคล่วในชุดกระโปรงบานตัวสั้น ในตอนนี้ถือถาดอาหารสำหรับเสิร์ฟแขกในร้านอย่างมั่นคง แม้ตัวจะยังเล็ก แต่ก็มีแรงเยอะกว่าที่เห็นมาก แถมยังจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยไม่ขาดตกบกพร่องราวมืออาชีพ ทั้ง ๆ ที่เรย์จิเองก็รู้มาว่า สำหรับทั้งห้าคนนี้ การเปิดร้านคาเฟ่ นับเป็นครั้งแรกก็ตาม

ซานะจังคงเคยทำงานบริการมาก่อน เห็นได้ชัดจากการทักทาย เอาใจใส่แขกที่มาใช้บริการ ด้วยท่าทีที่แสนจะอ่อนโยนจนแขกหลายอดเอ็นดูไม่ได้ รอยยิ้มหวานน่ารักนั้น ยิ่งทำให้นับวัน ซานะจังของร้าน Absolution Café จะมีแฟนคลับมากขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย

และนอกจากแฟนคลับที่ดี…มันย่อมมีแฟนคลับที่โรคจิตอยู่คู่กัน

ในวันนั้นก็มีคนท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ แต่งตัวปิดหน้าปิดตา เข้ามาในร้านด้วย พอสั่งอาหารแล้ว มือกร้านน่าขยะแขยง ก็ลวนลามร่างบอบบางนั้นหน้าตาเฉย ด้วยการลูบที่สะโพกบางนั้น ก่อนจะเริ่มแอบล้วงเข้ากระโปรง

เรย์จิที่หันไปเห็นพอดีแทบจะกระโจนเข้าใส่ ศัตรูของสาว ๆ (?) แบบนี้ ให้อภัยไม่ได้

หากไม่ทันได้ทำอย่างนั้น มือที่ว่องไวกว่าของซานะจัง ก็คว้ามือซุกซนไม่รักดีข้างนั้นไว้ได้ ก่อนจะบิดโดยแรงจนอีกฝ่ายร้องจ๊าก

รอยยิ้มหวานส่งกลับไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อถามขึ้นว่า “ของที่ท่านสั่งมาไม่มีค่ะ จะไปทานที่โรงพักแทนมั้ยคะ”

คนโดนจับสะบัดตัวออกเต็มแรง ก่อนจะรีบผลุนผลันวิ่งหนีออกไป ปล่อยให้เด็กชายในรูปลักษณ์ของสาวน้อย ถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ

“ไม่มีอะไรแล้วฮะ เรย์จิคุง อย่าไปใส่ใจเลย” เด็กชายพึมพำ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เรย์จิที่ตั้งท่าค้าง ได้แต่ยิ้มแหย ๆ แล้วตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นอะไรแน่นะ ซานะจัง?”

“แน่สิฮะ…แค่นี้น่ะ…เรื่องเล็กมาก ๆ” หากจู่ ๆ เด็กชายก็ชะงักค้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็น จนชายหนุ่มเผลอหันมองตามไปด้วย

ซานะกำลังมองยูเมะในชุดนางฟ้าตัวน้อย ๆ ที่ยังคงนั่งเป็นตุ๊กตาหน้าร้านอยู่เป็นเพื่อนสาววัยกลางคนสองโต๊ะถัดไป จากที่ตรงนั้น เด็กหญิงมองเห็นทุกอย่างจนหมดแล้วเช่นกัน

ดวงตากลมโตของยูเมะคู่นั้น…จ้องมองมาอย่างจริงจังราวโดนสะกด ด้วยแววตาที่เขาเองยังรู้สึกได้

แววตาที่แปลกประหลาด…จะว่าไป ยูเมะ ก็มีดวงตาคู่งามสีน้ำตาลเข้ม..สีเดียวกับของซานะ ที่ยามมองในบางครั้ง ก็ดูสวยแปลกตา…จนเขารู้สึกกลัว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

ขณะขยับจะถามต่อ เด็กหนุ่มกลับปฏิเสธขึ้นก่อนทันควัน

“ไม่มีอะไรหรอกฮะ ผมขอไปห้องน้ำซักครู่ ฝากตรงนี้ด้วยนะฮะ เรย์จิ” เขาว่าพลางผลุนผลันเดินออกจากโซนหน้าร้านไป โดยที่จนถึงตอนนี้ เด็กหญิงตัวน้อยนั้นก็ยังคงจับจ้องคนทั้งคู่อยู่…


........................................................


ค่ำคืนหลังอาหารเย็นในคาเฟ่หลังน้อยเป็นเวลาสำหรับการพักผ่อน และนอนหลับ ซึ่งในตอนนี้เด็กน้อยทั้งสอง และทาโนเอะ อยู่ด้วยกันในห้องนอน ห้องนี้ไม่กว้างนัก แต่ตกแต่งเสียจนน่ารัก เพราะเป็นห้องของเด็กน้อยทั้งคู่นั่นเอง

เตียงใหญ่กลางห้องเป็นเตียงที่จัดไว้ให้นอนด้วยกัน เป็นเตียงคู่ปูผ้าสีชมพูอ่อน มีตุ๊กตาหลายตัววางเรียงรายบนหัวเตียง และอีกตัว ที่เด็กหญิงยังคงกอดมันอยู่

มืออีกข้างที่ยังว่างจูงมือทาโนเอะที่เดินตามมาเข้ามานั่งบนเตียงด้านข้าง

“ทาโนเอะ ยูเมะอยากฟังนิทาน” เสียงใส ๆ ว่าแจ้ว ๆ อย่างน่าเอ็นดู ตอนนี้เด็กน้อยอยู่ในชุดนอนตัวบาง ที่เป็นกระโปรงฟูฟ่อง ผ้าเนื้อนุ่มน่ารักสีหวาน รับกับใบหน้าใสนั้นจนไม่ว่าใครเห็นก็ยากจะปฏิเสธความต้องการของเธอได้

หญิงสาวยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวอ่านต่อจากคราวที่แล้วก็แล้วกันนะ” เธอเอื้อมไปหยิบหนังสือนิทานเล่มเก่า ปกของมันสีออกเหลืองแล้ว เป็นนิทานภาพที่เด็กหญิงเก็บรักษามาเป็นอย่างดี และยังเป็นหนังสือที่…เด็กน้อยมักจะยื่นให้เธออ่านให้ฟัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หน้าปกเขียนไว้ว่า “บ้านขนมปัง”

มันเป็นเรื่องราว ของเด็กสองคน…และชีวิตที่ถูกทอดทิ้ง…โดยครอบครัวของตนเอง

มรสุมชีวิตที่โหดร้าย และการผจญกับแม่มดใจร้าย ที่แสนโหดเหี้ยม

หากจนท้ายที่สุดแล้ว เด็กน้อยทั้งคู่ก็ได้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง

ทาโนเอะเริ่มอ่านไปเรื่อย ๆ มีเด็กหญิงตัวน้อย นอนฟังอย่างตั้งใจ ส่วนซานะที่เข้ามาพร้อมกันนั้น ผล็อยหลับไปแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นอ่านใหม่ ๆ งานในคาเฟ่คงค่อนข้างเกินตัวไปหน่อยสำหรับเด็กชาย ทำให้เหนื่อยไม่น้อย ทาโนเอะจึงอ่านหนังสือด้วยเสียงที่เบาลง ให้ได้ยินกับยูเมะแค่สองคนเท่านั้น ปล่อยให้ซานะหลับใหลไปด้านข้าง โดยไม่คิดจะรบกวนอีก

"แล้วพี่น้องทั้งสอง ก็สามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของแม่มดใจร้าย และหาทางกลับบ้านได้ในที่สุด" เสียงนุ่มของทาโนเอะอ่านมาจนจบ

ร่างบอบบางของเด็กหญิงเอนอิงกับตัวหญิงสาวพลางพึมพำ "ดีจังนะ ในที่สุดเกรเทล ก็ได้กลับมาอยู่กับพี่ชายอีกครั้ง"

“ถ้าอย่างนั้นก็นอนได้แล้วล่ะ” มืออ่อนโยนลูบศีรษะเล็กเบา ๆ

“ค่า” ร่างบอบบางรับคำ ก่อนจะเอนตัวลงบนหมอนนุ่ม ข้าง ๆ ซานะอย่างว่าง่าย โดยมีทาโนเอะช่วยห่มผ้าให้ราวกับเป็นมารดา พอจัดแจงให้จนเป็นที่เรียบร้อย หญิงสาวก็เดินออกไปที่ประตู พร้อมกับปิดไฟตามหลัง สิ้นเสียงประตูปิด และเสียงที่เดินกลับห้องของทาโนเอะแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาอยู่ในความเงียบ

มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ จากคนด้านข้างที่กำลังหลับ ที่ยังบ่งบอกได้ว่า ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

ร่างเล็กบนเตียงลืมตาขึ้นในความมืด ริมฝีปากนุ่มมีรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อเธอค่อย ๆ ขยับซุกตัวลงไปด้านข้างคนกำลังหลับอย่างจงใจ

“นอนดี ๆ สิยูเมะ” เสียงคนกำลังหลับงัวเงียดุเบา ๆ แบบไม่ได้จริงจังนัก เมื่อรู้สึกว่าเด็กน้อยได้แทรกตัวเข้ามานอนหนุนแขนของเขา จนรู้สึกตัวตื่นขึ้นจนได้

“น่า..นิดเดียวเองซานะจัง…ขอยูเมะกอดหน่อยนะ” เสียงใสออดอ้อนพลางกระแซะเข้ามา

เป็นร่างเล็ก ๆ ที่น่าทะนุถนอม ไออุ่นที่แค่สัมผัสก็อบอุ่นใจ

น้องสาวเพียงคนเดียว ที่เขาไม่เคยปฏิเสธคำขอได้เลยสักครั้ง

“เฮ้อ…ก็ได้ เข้ามาสิ”

ใบหน้าใสยิ้มเผล่ ก่อนจะใช้แขนของเด็กชายต่างหมอน แล้วหลับไปอย่างรวดเร็วในอ้อมแขนอ่อนโยนนั้น


.........................................


ซานะลอบถอนใจยาว เขารู้ดี…ถ้าขาดเขาสักคน ยูเมะคงไม่ยอมนอน เด็กคนนี้ ขาดเขาไม่ได้เลย

แต่การคงอยู่ของเขา…ก็มีแต่ยิ่งทำให้ตราบาป ของพวกเขาทั้งคู่…ชัดเจนขึ้น

ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน ก็ไร้ซึ่งทางออก เขาและยูเมะ ได้แต่เดินวนในทางวงกตแห่งนี้ มานานแล้ว จนได้เจอกับเรอิจิ…แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยัง…

แต่ในช่วงนี้ ยูเมะก็เริ่มเปิดใจให้กับคนอื่น ๆ บ้างแล้ว

ดวงตาคู่นั้นทอแววเศร้า ดวงตา…ที่เป็นสีฟ้าสดใส ไม่ใช่สีน้ำตาลเหมือนตอนอยู่นอกห้อง กล่องใส่คอนแท็กซ์เลนส์สองกล่อง วางอยู่ข้างเตียง แน่นอนว่าอีกอัน เป็นของยูเมะ

เด็กชายเหม่อมองกล่องสองกล่องนั้นพลางครุ่นคิด

ยูเมะเข้ากับทาโนเอะได้ดี…พอเรย์จิเข้ามา เด็กน้อยก็ติดเรย์จิแจ ยูเมะที่เคยมีเพียงแต่เขา ในตอนนี้ ได้หันมามองคนอื่นบ้างแล้ว

มันอาจถึงเวลาแล้ว ที่เขาควรจะจากไป

การแยกกันอยู่ น่าจะดีที่สุด สำหรับยูเมะ…ที่เขารักที่สุด

ซานะมองร่างเล็ก ๆ ที่กอดเขาหลับอย่างมีความสุข แล้วใคร่ครวญอีกครั้ง ที่นี่ เป็นที่ ๆ ปลอดภัยแล้ว สำหรับยูเมะ เป็นที่ ๆ มีคนรักและเข้าใจเด็กน้อย เป็นที่ ๆ เหมือนกับครอบครัว

ถ้าขาดเขาไปสักคน ยูเมะคงเสียใจ แต่ไม่นาน…ก็คงทำใจได้

เขาไม่มีทางเลือก นอกจากจะจากไป เพื่อไม่ให้อาการของยูเมะ กำเริบขึ้นอีก…

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อเรอิจิ…แต่เขาก็ยังกลัว…ยังคงหวาดกลัวอยู่เสมอ ถ้าหากยูเมะ ยังคงอยู่ใกล้เขา เรื่องแบบนั้น…อาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้!

ยิ่งเห็นยูเมะเมื่อกลางวันนี้ ยิ่งตอกย้ำ สายตาที่มองมานั่น เป็นเพียงการเริ่มต้น

ใช่…เขาคงจะต้องไปจริง ๆ แล้ว…ก่อนจะมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีก

ซานะตั้งใจอย่างแน่วแน่ ก่อนจะข่มตาลง เขาจะต้องนอนให้เพียงพอ เพื่อวันพรุ่งนี้…ที่คงจะไม่ได้สบายเช่นนี้อีกแล้ว แต่นั่นก็เรื่องเล็ก ถ้าเทียบกับในอดีตที่แสนจะทรมานนั้น

คาเฟ่นี้ขาดเขาสักคน คงไม่ถึงกับต้องปิดตัวลง ยูเมะ…และคนอื่น ๆ จะต้องดูแลมันต่อไปแทนเขาได้แน่ ๆ
น้ำตาใส ๆ ไหลรินอาบแก้มอย่างเงียบงัน เด็กชายเช็ดมันโดยระวังไม่ให้คนกำลังหลับรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

ลาก่อน ยูเมะ…เอเมที่รักของเขา ถึงจะไม่ได้เจอกันอีก แต่เขาคงไม่รักใคร…มากกว่าเธออีกแล้ว ชั่วชีวิตนี้!


....................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 7/1 อัพ 8-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 08-03-2010 16:44:56
 :a5: ซานะจังจะไปไหนอ่ะ
เดี๋ยวยูเมะจังก็อาละวาดหรอก
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 7/1 อัพ 8-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 08-03-2010 18:23:17
ที่มาของแต่ละคน ช่างรันทดอะไรเช่นนี้
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 7/1 อัพ 8-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 09-03-2010 13:44:25
เข้าใจว่าพี่น้องคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเกินพี่ชายกับน้องสาว

เอ...รึจะเข้าใจเกินกว่าความจริง จินตนาการเกินขอบอีกแล้ว หงิงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 7/2 อัพ 9-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 09-03-2010 19:59:07
(ตอนที่ 7/2)


ร้านคาเฟ่ในยามเช้า เริ่มต้นพร้อมกับความวุ่นวายด้วยการงอแงของยูเมะ ที่ตื่นมาแล้วไม่พบซานะ ทุกคนช่วยกันหา ทว่ากลับไร้วี่แววของเด็กชาย ข้าวของส่วนตัวที่มีไม่มากนักก็หายไปด้วย เด็กหญิงตัวน้อยที่เคยอยู่กับพี่ชายตลอดเวลา ได้แต่ร่ำไห้เป็นที่น่าสงสารนัก เรย์จิอุ้มยูเมะเอาไว้ พลางปลอบโยนด้วยสารพัดวิธี แต่กลับไร้ผล

ร้านในวันนี้ จึงต้องปิดโดยอัตโนมัติ การหายตัวไปของซานะ ทำให้เกิดความว้าวุ่นใจเกินกว่าจะทำใจเริ่มงานได้ ทุกคนต่างแยกย้ายออกไปค้นหา เท่าที่พอจะนึกได้ ว่าซานะจะไปที่ไหนได้บ้าง

“ซานะจัง…ยูเมะจะหาซานะ!” เสียงร้องไห้ยังคงไม่เลิก นับตั้งแต่เด็กน้อยลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาเอ่อคลอ ไม่ได้สวมคอนแท็กซ์เลนส์เหมือนทุกครั้ง

นัยน์ตาที่งดงามนั้น…ข้างหนึ่งมีสีฟ้า และอีกข้าง…เป็นสีเขียว

ไม่มีใครตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้จะเห็นกันทุกคน นั่นเพราะ…สมาชิกที่หายไป เป็นเรื่องสำคัญกว่า

มีเพียงทาโนเอะ ที่ดูท่าจะรู้เรื่องดีกว่าใคร ๆ และดูว่าจะไม่ประหลาดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนัก เธอเป็นคนเดียวที่ยังมีสติอย่างมั่นคงพอที่จะสั่งการใด ๆ ได้

หญิงสาวรับร่างเล็กจากเรย์จิที่กำลังปลอบใจอย่างค่อนข้างไร้ผลมาอุ้มแทนที่ แล้วสั่งว่า “รีบไปช่วยคนอื่นหาเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”

เธอหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับยูเมะ เด็กน้อยที่กำลังร้องไม่หยุด กลับหยุดร้องแทบจะในทันที เหลือเพียงเสียงสะอึกสะอื้นแผ่วเบา ดวงตาคู่นั้นจ้องมองทาโนเอะราวจะถาม แต่กลับเห็นเพียงรอยยิ้มจาง ๆ พลางพยักหน้ารับ

ในที่สุดยูเมะก็เงียบลงได้ ความโกลาหนยามเช้า จึงนับว่าเบาบางลงอีกเล็กน้อย

“ยุ่งยากซะจริง” เสียงบ่นจากร่างงามของราชินีประจำคาเฟ่ดังขึ้น อายาเมะยังหงุดหงิดที่ถูกปลุกแต่เช้าตรู่ หากแม้จะยังบ่น แต่เจ้าตัวก็ยังช่วยค้นหาเด็กน้อยตามคำสั่งอยู่ดี ซากุระหายไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปตามซานะที่ใด แต่ก็พอมั่นใจได้ว่า คน ๆ นี้ ย่อมมีวิธีการหาที่ไม่ธรรมดาแน่

เรย์จิวิ่งไปตามตรอกซอกซอยใกล้ ๆ ตึกเก่าโบราณหลายตึกที่ตั้งอยู่แถวนี้ ล้วนเปิดเป็นร้านขายของด้านล่าง ส่วนด้านบนจะเป็นที่พักอาศัย ร่างที่หอบน้อย ๆ ของเขา มาหยุดที่โรงแรมแห่งหนึ่งจนได้

ด้วยเมืองนี้ไม่ใช่เมืองใหญ่ โรงแรมที่พักที่พอจะใช้ได้จึงมีไม่มากนัก และที่เด่นที่สุด ก็คงเป็นโรงแรมแห่งนี้ พวกเขาพึ่งมาอยู่กันไม่นาน ไม่ได้ชำนาญพื้นที่ขนาดหาที่พักที่ลึกลับซับซ้อนได้แน่ โดยเฉพาะซานะ ที่แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย นอกจากออกไปซื้อของกับทาโนเอะ

จะอย่างไร ก็ยังต้องหาที่พักค้างคืน ซานะอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น ยังเด็กเกินกว่าจะเปิดห้องอยู่ในโรงแรมเพียงลำพังได้

แต่ถ้ามากับใครสักคน มันก็ไม่แน่…

เรย์จิตรงไปยังเคาน์เตอร์แล้วสอบถามทันที “ผมกำลังตามหาเด็กหนุ่ม…เอ่อ บางทีอาจจะเป็นเด็กสาว อายุราว ๆ 13 ปี เมื่อคืนนี้มีคนแบบนี้เข้ามาพักหรือเปล่าครับ”

พนักงานสาวที่ดูจะไม่เต็มใจต้อนรับเขานักเพราะคำถามแปลก ๆ นั้น ตอบอย่างขอไปทีว่า “มีเด็กแบบนั้นมาพักออกบ่อย ฉันไม่รู้หรอก โรงแรมของเรา ไม่มีนโยบายแจ้งเรื่องส่วนตัวของแขก ให้กับคนแปลกหน้า” เธอตอบอย่างเฉยชา

“ขอร้องล่ะครับ เด็กคนนี้หนีออกจากบ้านมา ทางบ้านกำลังเป็นห่วงมาก”

ดวงตาไม่ไว้วางใจกวาดมองร่างสูงของเขาขึ้นลง แล้วถามเสียงเรียบ ๆ ว่า “แล้วคุณเป็นอะไรกับเด็กล่ะ”

“ผม…เอ่อ เป็น”

“พวกเราเป็นพี่ชายของเขา” เสียงนุ่มตอบแทนด้านหลัง เรย์จิชะงักแล้วหันไปมอง กลับเป็นอายาเมะ ที่ในตอนนี้ อยู่ในชุดเสื้อผ้าแบบชายหนุ่มสุดโฮสต์ ดวงตาคู่งามโปรยเสน่ห์ในพริบตา พนักงานสาวชะงัก พลางจ้องมองเคลิบเคลิ้ม

“บอกผมหน่อยได้ไหมครับ คุณผู้หญิงคนงาม” มือของเขาเชยคางหญิงสาวขึ้นมา เล่นเอาอีกฝ่ายเขินจนหน้าแดงฉานมือไม้สั่นทำตัวไม่ถูกไปแล้ว

“อ่ะ…ค่ะ..เมื่อคืน…มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเข้ามาพัก ภรรยายังดูเด็ก…เอ้อ สาวมาก ส่วนสามี…เหมือนพวกเสี่ยตัญหากลับชอบกล ไม่แน่ว่า…”

“ห้องอะไรหรือครับ” ทั้งสองถามทันควัน

“เอ่อ มันเป็นความลับ…ของทาง…”

มือของเธอถูกจุมพิตแผ่วเบา “ได้โปรดบอกผมเถอะครับ น้องสาวของผม…เธออาจจะโดนทำมิดีมิร้ายได้” เสียงของเขาดูน่าสงสาร

“ค่ะ…ห้อง 204 ค่ะ!” คำตอบไม่มีอิดเอื้อนอีก หญิงสาวบิดตัวเขินอาย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอใครงามขนาดนี้มาก่อน ทว่าพอหันมาจะคุยต่อ ปรากฏว่าแขกสองคนที่มา กลับหายไปอย่างรวดเร็วแล้ว

ประตูห้อง 204 ถูกถีบออกโดยแรง  เมื่อคนทั้งคู่บุกเข้าไป อายาเมะนั้นยามปกติดูบอบบาง แต่แกร่งเอาเรื่องเวลาเอาจริง

หากภาพตรงหน้าทำให้เขาชะงัก เมื่อเห็นร่างอ้วนนั้นยังอยู่บนเตียง…กับภรรยาสาวที่แน่นอน...ไม่ใช่ซานะจัง เรย์จิหน้าแดงฉานด้วยความเขินอาย ไม่คิดว่าจะมาเห็นภาพแบบนั้นจะ ๆ

เสียงร้องว้ายเบา ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะโวยวายมากขึ้น เด็กหนุ่มรีบปิดประตูทันควัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเผ่นออกมานอกโรงแรมนั้นท่ามกลางเสียงก่นด่า

“ที่นี่ก็ไม่ใช่…ไปโรงแรมถัดไปละกัน” เสียงราบเรียบจากอายาเมะพึมพำต่อ แล้วลากคอเรย์จิให้ตามไปอย่างชำนาญพื้นที่

โรงแรมทั้งหมดในเมืองนี้ อายาเมะคงเคยพักมาหมดแล้วกระมัง ถึงได้คล่องขนาดนี้ เด็กหนุ่มแอบคิดในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกไป

...ลึก ๆ แล้วแอบกลัวว่า ไม่แน่สักวัน อาจจะโดนลากเข้าไปในโรงแรมบางแห่งที่นี่ก็เป็นได้…

ทั้งสองเข้าออกโรงแรมอีกนับสิบ แต่กลับไม่พบวี่แววของซานะแม้แต่น้อย เด็กตัวแค่นั้น…เพียงแค่คืนเดียว กลับหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย

เกิดอะไรขึ้นกับซานะ และยูเมะกันแน่?

หลังจากคว้าน้ำเหลวถึงครึ่งค่อนวัน ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเดินทางกลับร้าน เพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม


...........................................


ที่ร้านในตอนนี้บรรยากาศยังคงอึมครึม ซากุระกลับมาแล้ว โดยที่หาซานะไม่เจอเช่นกัน หากในมือเรียวนั้น ยังมีจดหมายฉบับหนึ่งติดตัวมาด้วย

“จากคนลึกลับ” เขาพูดเพียงแค่นี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปเจออะไรมา แต่จากท่าทางที่เหมือนไม่อยากจะบอกเท่าไหร่ ทำให้ไม่มีใครคาดคั้นอีก

ทุกคนได้แต่มองหน้ากันอย่างงุนงง ทาโนเอะจึงรับจดหมายนั้นมาอ่าน

ในจดหมายเขียนแต่เพียงว่า “ของที่หายไป อยู่ในการคุ้มครองแล้ว ไม่ต้องห่วง”

“ซากุระคุง ใครเป็นคนให้จดหมายนี้มา” ทาโนเอะเริ่มต้นด้วยคำถาม สีหน้าเธอเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย

ในความเงียบนั้น ซากุระเพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ

หญิงสาวก็ไม่ได้ถามต่อ ราวกับว่าเธอเข้าใจแล้ว มือบอบบางพับจดหมายเก็บไว้ที่เดิม พลางบอกกับทุกคนว่า “ไปพักก่อนเถอะจ้า ไม่ต้องเป็นห่วงซานะจังหรอก ยังไงตอนนี้…ต้องยังปลอดภัยแน่ ๆ”

อายาเมะมองจดหมายในมือหญิงสาว ลายมือนั่นช่างคุ้นตานัก แต่เขาไม่มีอารมณ์จะมานึกคิดอะไรในตอนนี้ ชายหนุ่มถอนใจยาว รู้ดีว่าตอนนี้ คงทำอะไรดีกว่านี้ไม่ได้แน่ ๆ

“งั้นชั้นจะไปนอนล่ะ” ว่าแล้วเขาก็เดินจากไป

ซากุระที่ยังคงไม่พูดไม่จา หันหลังเดินเข้าครัว และลงมือทำอาหาร ในขณะที่ยูเมะที่หยุดร้องแล้ว ได้แต่ส่งสายตาแทนคำถามไปหาทาโนเอะ   

มืออ่อนโยนลูบผมอ่อนนุ่มนั้นแผ่วเบา แล้วปลอบอีกครั้ง

“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ซานะจังต้องกลับมาแน่นอน” เธอยืนยันอีกครั้งอย่างมั่นใจ “ทานข้าวเสียก่อนนะ ถ้าซานะจังกลับมาแล้วเจอว่ายูเมะไม่สบายล่ะก็ เดี๋ยวเขาโกรธเอาไม่รู้ด้วยนะ”

“ฮึ…ยูเมะก็โกรธซานะจังเหมือนกันนั่นแหละ นึกจะไปก็ไป” เด็กน้อยพึมพำบ่น แต่บรรยากาศที่อึมครึม กลับคลี่คลายลงไปอย่างมหัศจรรย์ ทุกคนทำตัวราวกับว่า หาซานะเจอแล้วก็ไม่ปาน เรย์จิที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเลย ได้แต่มองมาอย่างงุนงง จะถามมากก็กลัวว่ายูเมะจะงอแงขึ้นอีก เขาจึงได้แต่เก็บคำถามเอาไว้ในใจเท่านั้น


..................................................


ยามค่ำมาเยือน ยูเมะหลับไปแล้ว เพราะเหนื่อยอ่อนกับการร้องไห้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เด็กน้อยไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับเรย์จิไว้ ดวงตาที่ยังมีคราบน้ำตามองดูน่าสงสารนัก เรย์จิได้แต่มองร่างเล็ก ๆ ที่อยู่ในห้วงนิทราอย่างไม่รู้จะช่วยอะไรได้มากกว่านี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าเขาจะคิดใด ๆ ได้

จะอย่างไร เขาก็ยังนับว่าเป็นคนนอกอยู่

เกิดอะไรขึ้นกับซานะและยูเมะ เขาอยากรู้เป็นที่สุด แต่ทาโนเอะ ที่ดูท่าจะรู้กว่าทุกคน กลับยังคงนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิดเพียงลำพัง ร่างโปร่งบางนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ใกล้ ๆ กับเตียง ไม่ห่างจากเขาที่นั่งบนเตียงนั้นเท่าใด

เด็กหนุ่มค่อย ๆ แกะมือที่จับไว้ออกอย่างระวังไม่ให้เด็กน้อยตื่น ก่อนจะหันมาหาทาโนเอะ

“คุณทาโนเอะครับ ผมคุยด้วยได้มั้ยครับ” สีหน้าของเขาดูจริงจังกว่าที่เคย หญิงสาวจึงได้แต่พยักหน้า

“เราไปคุยข้างนอกกันดีกว่า” เธอพูดราวกับกลัวว่า เสียงของพวกเขา จะทำให้ยูเมะตกใจตื่นขึ้นมาอีก

เรย์จิพยักหน้ารับ ทั้งคู่จึงเดินออกมาจากห้องนั้น

ที่ระเบียงของตัวร้าน ตอนนี้มืดแล้ว จึงมีเพียงไฟจากโคมเป็นระยะ ที่เปิดไว้แบบไม่สว่างนัก คนอื่นแยกย้ายกันไปแล้วตั้งแต่เย็น อายาเมะออกไปข้างนอกตั้งแต่หัวค่ำ ซากุระก็เช่นกัน แม้ไม่ได้บอกว่าไปไหน แต่เด็กหนุ่มรู้ดี ว่าทั้งคู่คงไปตามหาซานะต่อแน่ ๆ

ในขณะที่ยูเมะนั้นเกาะเขาแจ เรย์จิจึงได้แต่รั้งอยู่เป็นเพื่อนทาโนเอะ และอีกอย่างใกล้ค่ำแล้ว เขาเองก็ไม่กล้าจะปล่อยหญิงสาวไว้กับเด็กน้อยเพียงลำพัง โดยไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนด้วย

แสงเรืองน้อย ๆ จากโคมไฟ ฉายดวงหน้านวลที่มีแววเศร้า ดูมีเสน่ห์กว่าทุกวัน เรย์จิมองหญิงสาวแล้วทอดถอนหายใจ ถึงความงามเช่นนี้จะน่ามองเพียงใด เขาก็ยังต้องการมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอมากกว่า

รวมถึงรอยยิ้ม…ของทุก ๆ คนในร้านด้วย

ทาโนเอะมองไปยังท้องฟ้ากว้างนอกระเบียง ท้องฟ้าที่ไร้ดาว มีเมฆหมอกบดบังหนา เธอถอนใจเบา ๆ พลางพูดขึ้นก่อนว่า

“บททดสอบของพวกเรา กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

เรย์จิมองเธอเงียบ ๆ เขาอยากจะถามใจจะขาด แต่เพราะความรู้สึกบางอย่าง ทำให้เขาเพียงแค่รับฟัง โดยไม่ได้ซักถามใด ๆ

“พวกเรา…คือคนบาป มันเป็นความจริงที่ไม่อาจลบเลือนไปได้ หากพวกเราไม่สามารถผ่านบททดสอบได้…จะไม่มีอนาคตสำหรับพวกเราอีกต่อไป”

“อะไรคือบาปของพวกคุณกันแน่” เด็กหนุ่มอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป

ใบหน้าได้รูปส่ายเบา ๆ “ฉัน…ยังบอกไม่ได้ ขอโทษนะเรย์จิคุง”

“แต่ว่า…แล้วแบบนี้ เราจะหาซานะจังเจอได้ยังไงล่ะครับ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ‘เขาคนนั้น’ พบซานะจังแล้ว” เธอพูดเบา ๆ

“เขาคนนั้น…พ่อผมน่ะเหรอ” เรย์จิทวนคำอย่างสงสัย ก็พ่อของเขา อยู่อาฟริกาไม่ใช่หรือไง

“ตัวแทนของพ่อของเธอ” หญิงสาวพูดต่ออย่างมีปริศนา “มีคนจับตามองพวกเราอยู่เสมอนั่นแหละ เพราะพวกเรา…ยังไม่อาจเป็นคนธรรมดาได้”

“ผมไม่เข้าใจเลย” เรย์จิพึมพำ

“ซานะจังยังปลอดภัย แต่ถ้าซานะจังไม่รีบกลับมาล่ะก็…ฉันกลัวจริง ๆ”

“พวกเราจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ จนกว่าจะผ่านบททดสอบนั้น…คนบาปอย่างพวกเรา หากหนีออกไป จะต้องถูกพิพากษาด้วยความผิดที่ถึงชีวิต”

“อะ…อะไรกัน แล้วพวกพ่อ…เอ้อ พวกที่จับตาดูอยู่ ถ้าเขารู้ที่อยู่ซานะจัง เขาก็น่าจะบอกเรา หรือพาซานะจังกลับมาได้นี่ครับ”

หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่หรอก พวกเขาจะไม่ยุ่งกับการตัดสินใจของพวกเรา แต่ว่า…หากพวกเรายังคงทำผิด พวกเขาจะไม่มีการให้อภัยอีกแล้ว”

“แต่ถ้าซานะจัง…ไม่ยอมกลับมา” เรย์จิพึมพำอย่างวิตก

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซานะจะไม่ยอมไปไกลจากยูเมะแน่ ๆ ดังนั้น…เราคงจำเป็น ต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเบาลง เด็กหนุ่มเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

"ถ้าทำแบบนี้...มันไม่..เกินไปหรือครับ" เรย์จิมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่มั่นใจนัก หากคำตอบที่ตอบกลับมา มีเพียงรอยยิ้ม

"เธอเชื่อมั่นในตัวซานะจังกับยูเมะหรือเปล่าล่ะ"

"แน่นอนสิครับ" เด็กหนุ่มตอบ "ถึงจะพึ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ผมเชื่อ...ว่าซานะจังและยูเมะ จะไม่ตัดสินใจผิดแน่ ๆ"

“ขอบคุณมากจ้ะ เรย์จิคุง ขอให้เก็บเป็นความลับกับทุกคนด้วยนะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างจริงจัง

“พวกเราคงทำได้เพียงเท่านี้” สายตาเศร้าหมองเหม่อมองไปที่ขอบฟ้ากว้าง “ที่เหลือก็ขึ้นกับการตัดสินใจ ของตัวซานะและยูเมะแล้ว”

“บาปของพวกเขา มีเพียงพวกเขาเท่านั้น ที่จะแก้ไขได้” เธอย้ำอีกครั้ง ด้วยดวงตาที่ดูแปลกไปกว่าทุกที ในวันนี้ เธอดูเข้มแข็งกว่าเดิมมากมายนัก

บางที…มันอาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอก็ได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เรย์จิก็ยินดีจะลองทำตามแผนการนั้น


.................................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 7/2 อัพ 9-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 09-03-2010 22:50:43
เอาใจช่วยให้ทั้ง 2 คนเลย

อ่านตอนนี้แล้วสงสารยูเมะจัง ต้องเสียใจมากแน่ๆเลย

ปล. คู่อายาเมะกับเรย์จิช่วยกันทำมาหากินดีเนาะ น่ารัก
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 7/2 อัพ 9-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 10-03-2010 02:30:34
กดดันคนบาปทั้งหลายมากมาย
กว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา

แต่ว่าพ่อของเรย์จิทำงานอะไรกันแน่
น่าสงสัยจริงๆ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 7 อัพ 11-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 11-03-2010 17:29:12
(จบตอนที่ 7)


ในห้องน้อยที่คุ้นเคยที่ชั้นสอง ไฟในห้องปิดลงแล้ว หน้าต่างข้างระเบียงแคบที่ติดกับตัวห้องยังคงเปิดกว้าง สายลมแผ่วเบาพัดเอื่อย ๆ ปรากฏร่างบอบบางร่างหนึ่งขึ้นที่ริมหน้าต่างนั้น ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใส เหม่อมองเด็กหญิงผู้อยู่ในห้วงนิทราเงียบงัน ก่อนทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่

ทั้ง ๆ ที่ตัดใจจะจากไปแล้ว…แต่เขากลับไม่อาจจากไปอย่างแท้จริงได้

ขอเฝ้ามอง…อยู่ห่าง ๆ ก็ยังดี

เท่านี้ หัวใจที่ร้อนรนของเขา ก็ยังอบอุ่นใจ ที่ได้เห็นเด็กน้อยยังคงปลอดภัย

มือเรียวยาวยื่นเข้ามาจากหน้าต่างเล็กน้อย จินตนาการว่าได้ลูบไล้ใบหน้าเด็กน้อยที่กำลังหลับใหลจากการมองเห็นระยะไกล… เขาอยากจะลูบผมนุ่มสลวยนั้นอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง อยากเข้าไป…ใกล้ชิดกว่านี้

แต่รู้ดี…ว่าทำไม่ได้

“เอเม…น้องสาวที่รักของพี่…พี่ขอโทษ”

เสียงพึมพำแผ่วในลำคออย่างขมขื่น หยาดน้ำใส ๆ คลอดวงตาคู่งาม ก่อนมือข้างหนึ่งจะรีบปาดเช็ดออก เด็กชายหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดต่อไป แม้รู้ดีว่า คนด้านในไม่อาจได้ยิน

“วางใจเถอะ พี่จะไม่ทิ้งน้องไปไหน จะคอยอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้…เท่าที่จะทำได้…ก่อนที่คนพวกนั้น…จะตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง พี่จะคุ้มครองน้องเอง”

ทันใดนั้น ร่างโปร่งบางก็ต้องชะงัก เขารีบหันควับกลับไปมอง ระเบียงที่เมื่อครู่ยืนเพียงลำพัง กลับไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป

…มีใครบางคน…มองเขาอยู่!

ร่างเล็กคล่องแคล่วโหนตัวขึ้นต้นไม้ใหญ่ด้านข้าง ก่อนจะปีนหนีไปอย่างรวดเร็ว

เด็กชายในเงามืดหอบหายใจถี่ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ เขาไม่อาจสลัดหลุดการติดตามที่ว่องไวนั้นได้…คน ๆ นั้น ตามเขามา รวดเร็ว และเงียบเชียบ ถ้าไม่มีความชำนาญจากการที่ถูกฝึกมาในอดีต เขาคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าถูกตาม
   
เด็กชายกัดฟันแน่นพลางครุ่นคิด เขารู้ดี ว่าหากออกมาจากที่นั่น ย่อมต้องโดนติดตาม
   
แต่นี่มัน…เร็วเกินไปแล้ว
   
การพิพากษา กำลังจะเริ่มต้นแล้วอย่างนั้นหรือ
   
…เขาก็แค่อยากจะมอง…น้องสาวอันเป็นที่รัก ให้เนิ่นนานกว่านี้ เพียงเท่านั้น
   
แล้วหลังจากนี้ ถึงจะต้องตาย เขาก็ยินดี
   
แผ่นหลังบอบบางพิงกำแพงตึก ก่อนจะมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง …คนผู้นั้น ยังตามเขาอยู่
   
ตอนนี้เขาออกมาจากเขตร้านแล้ว ไม่จำเป็นต้องเงียบไว้เช่นเดิมอีก ร่างเล็กตัดสินใจตะโกนถาม เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมที่จะประกาศศึก
   
“ออกมาสิ ผมรู้นะว่าคุณตามผมอยู่”
   
ในเงามืดนั้น เห็นร่างสูงของใครบางคนลาง ๆ หากไม่เห็นหน้า เสียงราบเรียบพูดขึ้นว่า
   
“เก่งนะ ที่รู้ว่าถูกฉันตามได้”
   
เด็กชายถอนใจยาว ดวงตาคู่งามจ้องคนผู้นั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนถามว่า
   
“คุณมาฆ่าผมใช่มั้ย”
   
คนฟังหัวเราะออกมา เล่นเอาเด็กน้อยชะงัก
   
“ฉันได้รับคำสั่งให้จับตามองเท่านั้น ยังไม่ทำอะไรหรอก”
   
สายตาระแวดระวังมองกลับมา อย่างไม่ไว้วางใจนัก ชายผู้นั้นจึงพูดต่อไป
   
“ถ้ารู้ว่าการออกมาจากที่นั่น หมายถึงความตาย แล้วจะออกมาทำไม กลับไปซะสิ”

ร่างเล็กส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่…ผมจะไม่กลับไปอยู่กับคนพวกนั้นอีกแล้ว อยากจะฆ่าผมก็เชิญ ในเมื่อเป็นผมเอง…ที่เป็นฝ่ายผิดข้อตกลง ผมก็ยินดีจะรับโทษ”
   
“ชีวิตคนเรา มีเพียงชีวิตเดียว ทำไมไม่รู้จักคิดรักษาเอาไว้ เพื่อคนที่รักเรากันนะ” คนฟังพูดขึ้นลอย ๆ
   
“ถ้ามันสละได้…เพื่อคนที่ผมรัก ไม่ว่าผมจะมีสักกี่ชีวิต ผมก็ยินดีสละมันทั้งหมด!” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวโต้กลับ
   
ร่างสูงส่ายหน้าเบา ๆ “เธอยังเด็กเกินไป ไม่เข้าใจหรอก ว่าการตายของเธอ จะทำให้สาวน้อยคนนั้น เป็นอย่างไรต่อไป อย่าคิดเลย ว่าการเสียสละนี้ จะปกป้องคนที่เธอรักได้”
   
“ผมไม่เชื่อหรอก คุณจะไปรู้อะไร ไม่มีผมสักคน เธอจะต้องปลอดภัย คุณก็แค่ต้องการให้ผมกลับไปเท่านั้นเอง! อยากจะฆ่าก็เอาเลย แต่ผมจะไม่มีวันกลับไปอีกแน่!”
   
ร่างบอบบางท้าทายกลับ ก่อนจะหันหลังวิ่งจากไป โดยไม่คิดจะต่อความอีก ปล่อยให้อีกฝ่ายมองตามร่างน้อย ๆ นั้นไป พลางส่ายหน้าอย่างระอา
   
…ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าการสละชีวิตเพื่อใครสักคน มันทำให้คนที่รักนั้นเจ็บปวดขนาดไหน…
   
“เธอยังต้องเรียนรู้อีกเยอะนะเด็กน้อย อย่าพึ่งรีบใจเร็วด่วนได้เลย” ร่างสูงรำพึงกับตัวเอง

“เรย์จิ...หวังว่านายคงมีดีอย่างที่คน ๆ นั้นบอกล่ะ ช่วยสองพี่น้องนี่ให้ได้ก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไป เขาไม่ได้ตามเด็กชายไป เพราะรู้การเคลื่อนไหวทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
   
จะอย่างไร ซานะก็ไม่มีวันทิ้งยูเมะให้อยู่เพียงลำพังได้
   
แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธเสียงแข็ง ว่าจะไม่กลับไปก็ตาม!


.......................................


เช้าวันรุ่งขึ้นร้านคาเฟ่เปิดตามปกติ แม้จะไร้ซึ่งวี่แววของซานะจัง สาวน้อยน่ารักในชุดคอสเพลย์ตัวน้อย แขกที่เข้ามาหลายคนถามถึง เล่นเอายูเมะเศร้าลงไปอีก แต่ทาโนเอะได้ชี้แจงไปว่าซานะจังได้ขอลาหยุดชั่วคราว และจะกลับมาเร็ว ๆ นี้

ร้านที่คนเริ่มซาลงในช่วงบ่ายทำให้พอจะพักได้บ้าง หญิงสาวหน้าเคาน์เตอร์สำรวจรายการข้าวของแล้วเงยหน้าขึ้นเรียกหาเด็กหนุ่ม “เรย์จิคุง แย่ล่ะสิ วันก่อนฉันลืมซื้อน้ำตาลเพิ่ม เธอช่วยไปซื้อที่ร้านแถวนี้มาให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกไปซื้อของให้ตามคำสั่ง ยูเมะยังคงนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะใกล้ประตู โดยไม่ได้สนใจต่อสิ่งใด ร่างเล็ก ๆ นั่งนิ่งราวเป็นตุ๊กตาแสนสวยตัวหนึ่ง ดวงตาคู่งามที่ตอนนี้กลับมาสวมคอนแท็กซ์เลนส์สีน้ำตาลอีกครั้งมองออกไปที่ประตูทางเข้า เฝ้ารออยู่อย่างนั้น เพียงเพื่อว่าจะได้เป็นคนแรกที่ได้เห็น เมื่อซานะกลับมา

ร่างที่นั่งนิ่งแทบจะไม่มีการกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ หากไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเด็กน้อย คนที่เข้ามาใหม่ อาจจะคิดว่าเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่ที่วางประดับร้านก็เป็นได้

เด็กน้อยเหม่อลอยมากขึ้นทุกที นับตั้งแต่ซานะจากไป

ทาโนเอะได้แต่ส่ายหน้าอย่างเศร้า ๆ เธอไม่รู้จะปลอบโยนอย่างไรได้ดีไปกว่านี้แล้ว เพราะเธอไม่ใช่ซานะ…ไม่สามารถแทนที่เขาได้ แม้เพียงน้อยนิด

ซากุระยังคงเตรียมรายการอาหารต่าง ๆ อยู่ในครัว ส่วนอายาเมะ รับหน้าที่พนักงานเสิร์ฟ ทดแทนซานะที่จากไป งานของเขาจึงยุ่งกว่าทุกวัน จนจอมขี้เซา ไม่อาจแอบแว่บไปนอนกลางวันได้อีก แต่ในช่วงนี้ เขาก็พอจะนอนในเวลากลางคืนได้บ้างแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของเรย์จิ ดังนั้นยามกลางวัน ราชินีผู้นี้จึงหงุดหงิดน้อยลง ถึงแม้ว่าจะต้องทำงานในส่วนของซานะเพิ่มขึ้นก็ตาม

ร่างสูงโปร่งของอายาเมะมองเด็กน้อยแล้วถอนใจยาว พึมพำขึ้นกับทาโนเอะว่า “ซานะจะกลับมามั้ย”

หญิงสาวยิ้มจาง ๆ ก่อนจะตอบว่า “หัวใจของซานะอยู่ที่นี่ จะอย่างไร ก็ต้องกลับมาแน่นอน”

“ให้มันจริงเถอะ นึกจะไปก็ไป ไม่สงสารน้องรึไงนะ” เสียงตอบกลับสะบัดเล็กน้อย ก่อนเขาจะก้าวเข้าไปในครัว ตอนนี้ไม่มีลูกค้ามาใหม่ ลูกค้าโต๊ะสุดท้ายก็ออกไปแล้ว ด้วยเลยเวลาพักกลางวันไป เป็นจังหวะดีที่เขาจะได้พักเข้าไปล้างหน้าล้างตาสักเล็กน้อยก่อนช่วงเย็นจะมาถึง

ในตอนนั้นเอง ประตูคาเฟ่ก็เปิดออก คนผู้หนึ่ง แต่งกายประหลาด มีผ้าปิดจมูกคลุมหน้า ทั้งยังสวมหมวกปิดบังเส้นผม ถือมีดเข้ามาอย่างประสงค์ร้าย

ทาโนเอะอุทานอย่างตกใจ เมื่อคน ๆ นั้น คว้าร่างที่นั่งอยู่ใกล้ประตูขึ้นมาก่อนเอามีดจ่อ ราวใช้เป็นตัวประกัน

ยูเมะที่ถูกรวบร่างขึ้น จ้องมองอย่างเฉยเมย ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีสีหน้าตื่นตระหนกใด ๆ ทั้งสิ้น เธอยังคงเหมือนตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น

“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเด็กนี่ตาย!”

“ยูเมะ!” หญิงสาวอุทานเสียงสูง “ช่วยด้วย ช่วยยูเมะด้วย!”

อายาเมะที่เข้าไปในครัว รีบวิ่งออกมาทันที พร้อม ๆ กับซากุระ ทั้งคู่หยุดชะงักที่หน้าทางเข้า เมื่อได้ยินเสียงตวาดให้ถอยออกไป ภาพที่เห็นทำให้อายาเมะกับซากุระสบตากันวูบหนึ่ง ก่อนจะถอยออกไปตามคำสั่งอีกก้าว

มีดในมือคมกริบ ไม่ต่างจากเหตุการณ์ในวันก่อน ที่พวกเขาเคยช่วยเด็กจากการเป็นตัวประกัน

แต่ยูเมะในวันนี้ กลับไม่คิดจะต่อสู้เสียนี่

“ร้องไห้เข้าสิ เป็นเด็กภาษาอะไร ไม่รู้จักโวยวายบ้าง” เสียงคนร้ายกระตุ้น พลางหัวเราะอย่างลำพอง “ฉันชอบเสียงเด็ก ๆ กรีดร้อง เอ้า ถ้าไม่ร้องล่ะก็ เห็นมีดนี่มั้ย หรืออยากจะลองซักแผลสองแผลก่อน!”

มือนั้นเงื้อง้าขึ้นตั้งท่าจะทำร้าย ท่ามกลางเสียงร้องอย่างตกใจของทาโนเอะ

“ไม่มีใครปกป้องเธอได้หรอกน่า แม่หนูน้อย คนพวกนั้น…ทิ้งเธอไปหมดแล้ว!” คำพูดนั้นทำร้ายเธออย่างจัง ยิ่งกว่าคมมีดอันร้ายกาจเสียอีก

ไม่มีใคร..ปกป้องเธออีกแล้ว!

“….ซานา…ช่วยเอเมด้วย!!!” จู่ ๆ เด็กน้อยกรีดร้องขึ้นมา เล่นเอาคนอุ้มแทบจะปล่อยหลุดมือ ร่างสูงกระชับเด็กน้อยขึ้นแนบอก ก่อนหัวเราะชอบใจ

“ดี! ร้องให้มันดังกว่านี้สิ!”

ก่อนที่จะหัวเราะได้มากกว่านี้ เขาก็รู้สึกมึนไปวูบหนึ่ง ร่างสูงลอยละลิ่วไปกระแทกกับเก้าอี้จนแทบจุก ในขณะที่เด็กหญิง กลับทิ้งตัวลงสู่พื้นได้อย่างปกติ

“เอเม! ไม่เป็นอะไรนะ?”

“ซานา!!!”

พริบตานั้น ที่ซานะปรากฎตัวขึ้น ร่างบอบบางกลับแกร่งอย่างเหลือเชื่อ เมื่อจัดการทุ่มคนร้ายได้อย่างง่ายดาย โดยที่เด็กน้อยไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว

“อูย…” เสียงครางเบา ๆ จากร่างนั้น หมวกกับหน้ากากหลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าเป็นเรย์จินั่นเอง เด็กชายมองมาอย่างคาดไม่ถึง ระหว่างที่ตะลึงอยู่นั้น ทาโนเอะก็ลงมือต่อตามแผนการทันที

“ซากุระคุง ปิดประตูทางเข้าไว้!” หญิงสาวสั่ง ซากุระที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเสมอมา ขวางประตูหน้าไว้ ในขณะที่อายาเมะที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ขวางประตูครัวไว้เช่นกัน

ทางออกนั้นถูกปิดลงแล้ว

เด็กชายอึ้งไป ไม่คิดว่าทั้งหมดนั่น จะเป็นเพียงการเล่นละคร เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องจากยูเมะ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรอีกต่อไปแล้ว นอกจากเข้าไปช่วยเหลือเท่านั้น

พอรู้ว่าถูกหลอก ร่างบอบบางก็ยืนนิ่ง ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่ทันที เขาจะอยู่ที่นี่…ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ต้องรีบ…จากไป

ยูเมะตั้งท่าจะโผเข้าหา แต่เสียงเด็ดขาดกลับห้ามไว้ “อย่าเข้ามานะเอเม!”

ร่างเล็กชะงักกึกอยู่กับที่ เป็นครั้งแรก…ที่ซานาปฏิเสธเธอ!

ทำไมกันล่ะ?

ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลออย่างไม่เข้าใจ

“ซานา…จะทิ้งเอเมจริง ๆ เหรอ” เสียงใสตัดพ้อ

เด็กชายนิ่งเงียบ ไร้ซึ่งคำพูดโต้แย้งใด ๆ

“เพราะเอเม…อีกแล้วสินะ”

เธอรู้ดี ไม่ว่าจะอะไร พี่ชายคนนี้ของเธอ ทำเพื่อเธอเสมอ

พี่ชายแสนดีที่ให้เธอได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะร่างกายนี้ หรือแม้กระทั่งชีวิต!

“เอเมรู้นะ…ถ้าซานาออกไป พวกเขาต้องฆ่าซานาแน่ แบบนั้น…ให้เอเมไปเองจะดีกว่า…”

“ไม่นะเอเม…ไม่ใช่ความผิดของเอเมทั้งนั้น ทุกคนในนี้..เป็นคนดี ทาโนเอะก็เหมือนแม่ของพวกเรา ยังมีเรย์จิ ที่คอยดูแลเอเมได้..แทนพี่ ไหนจะซากุระคุง อายะจังอีก ถึงพี่ไม่อยู่ เอเมก็จะไม่เหงาแน่ ๆ” เด็กชายพยายามปลอบ

หากยูเมะไม่ฟังแล้ว ร่างเล็ก ๆ ส่ายหน้าไปมา เป็นหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา “ถ้ามีใครสักคนจะต้องไป มันก็ต้องเอเมต่างหาก …เป็นเอเม…ที่เป็นฆาตกร ไม่ใช่ซานา!”

มีดที่หล่นอยู่ด้านข้าง อยู่ในมือของเธอแล้ว เด็กชายแทบจะถลาเข้าไปแย่งมัน หากดวงตาคู่นั้น จ้องมองมาอย่างจริงจังจนเขาแทบไม่กล้าขยับเขยื้อน

มือเล็กถอดคอนแท็กซ์เลนส์ออก ดวงตาข้างหนึ่งสีฟ้า และอีกข้างที่เป็นสีเขียว จับจ้องเขาตาไม่กระพริบ

“ถ้าสาเหตุมันมาจากตาคู่นี้ล่ะก็…เอเมจะทำลายมันเอง แค่ไม่มอง ไม่ต้องเห็น ก็ไม่ต้องฆ่าใครแล้ว…เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง!” มีดในมือตวัดวูบ จงใจกรีดไปที่ดวงตาทั้งสองของตนเอง โดยที่กระทั่งซานะที่มองอยู่ก็ห้ามไม่ทัน
   
คมมีดที่เฉือนลงในเลือดเนื้อ สร้างความตกใจให้กับทุกคน

ยูเมะมองมา ด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้าง

“เรย์จิคุง!”

มีดนั้นเฉี่ยวแขนของเด็กหนุ่ม ซึ่งแทรกเข้ามากันเอาไว้แทน เลือดที่ไหลรินจากบาดแผลทำให้ทุกคนตกตะลึงไปอย่างคาดไม่ถึง

หากมือข้างนั้น ยังคงกอดร่างน้อย ๆ เอาไว้ พลางพูดว่า

“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่ายูเมะกับซานะ มีปัญหาอะไรกัน แต่ว่า…อย่าตัดสินใจกันเองได้ไหม”

“เรย์จิคุง…ไม่เข้าใจ” เด็กน้อยว่าแกมสะอื้น ร่างเล็ก ๆ ยังสั่นระริก ทิ้งมีดในมือลงกับพื้น ความปวดร้าวที่ซ่อนลึกในจิตใจ แทบจะพังทลายออกมา ไม่ว่าจะอดทนอดกลั้นเพียงใด เธอก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น

...มันมากเกินจะทนทานแล้ว...
   
“ใช่ ฉันไม่เข้าใจหรอก ก็พวกเธอ…ไม่เคยบอกอะไรฉันเลยนี่ นึกจะไปก็ไป นึกจะทำร้ายตัวเองก็ทำ เป็นเด็กเป็นเล็ก เอาแต่ใจกันเกินไปแล้ว แบบนี้มันต้องโดนลงโทษกันบ้าง!”

ว่าแล้วก็รั้งร่างนั้นพาดขา จับตีก้นเสียอย่างนั้น

“โอ๊ย! ยูเมะเจ็บนะเรย์จิคุง” เด็กน้อยโวยวายอย่างตกใจ จนซานะต้องวิ่งเข้ามาห้าม “อย่าตียูเมะเลย…ผม….ผมผิดเอง ตีผมเถอะ!”

“ไม่! ซานะจังไม่ผิด ยูเมะ...”

ดวงตาคมเข้มเหลือบมองเด็กชายอย่างดุ ๆ “อยู่นิ่ง ๆ ตรงนั้นนั่นแหละ เธอก็ต้องโดนตีเหมือนกัน!”

เด็กชายชะงัก ได้แต่ยืนรอแต่โดยดี

หลังจากโดนตีกันทั่วหน้า สองพี่น้องที่คลำก้นป้อย ๆ ก็ยืนอยู่เบื้องหน้าเด็กหนุ่ม ก้มหน้านิ่งอย่างสำนึกผิด

มืออ่อนโยนของเรย์จิ ลูบผมนุ่มของทั้งสองคนพร้อม ๆ กัน พลางพูดว่า “ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าเด็กมีปัญหา ก็ต้องให้ผู้ใหญ่ช่วยจัดการ พวกเธอคิดกันเอง ตัดสินกันเอง แล้วเป็นยังไงล่ะ”
   
“ซานะ” เสียงเข้มเรียกย้ำ “เธออยากให้ยูเมะต้องตาบอดเพราะเธอหรือเปล่า”
   
เด็กชายส่ายหน้า ดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอ “ไม่…ผมไม่มีวันยอมเด็ดขาด ผม…ยอมเจ็บแทน ยังไงก็จะไม่ยอมให้ยูเมะ ต้องเป็นอะไรแน่”
   
“ยูเมะ” คราวนี้เขาหันไปหาเด็กหญิง “ถ้าซานะไม่กลับมา แล้วต้องโดนลงโทษ ยูเมะอยากให้เป็นอย่างนั้นมั้ย”
   
“ไม่! ถ้าซานะต้องตาย ยูเมะจะตายด้วย ตาแค่นี้ก็เรื่องเล็ก ซานะเป็นพี่ชาย…ที่สำคัญที่สุด ของยูเมะ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ยูเมะก็ไม่ยอมให้ซานะตาย!”
   
เด็กหนุ่มยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พลางพูดต่อไปว่า “ทีนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ย ไม่ว่าจะขาดใครไป ก็ไม่มีใครมีความสุขทั้งนั้น การเสียสละน่ะ มันต้องคิดให้รอบคอบ ไม่ใช่หุนหันพลันแล่นแบบนี้”
   
“ตะ…แต่ว่า ถ้าผมอยู่…ยูเมะอาจจะ” ซานะยังคงลังเล

“ถ้าซานะไม่อยู่ ยูเมะก็จะไม่อยู่เหมือนกัน!” เด็กหญิงสวนคำ
   
ทาโนเอะก้าวเข้ามา เธอลูบไหล่อันสั่นเทาของเด็กชาย เพื่อปลอบประโลม “พวกเราจะช่วยกันดูแลเอง ไม่ให้อาการของยูเมะกำเริบ เธอคิดว่า เราอยู่ด้วยกันเพื่ออะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่…ดูแลซึ่งกันและกัน ให้มีความสุข”
   
“ผม…”
   
“เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ …ใช่มั้ย ยูเมะ ซานะจัง”

เด็กน้อยทั้งคู่ ที่ต้องเผชิญความหวาดกลัวเพียงลำพังมาเนิ่นนานแล้ว นิ่งอึ้งไปนาน…กับคำว่า ‘ครอบครัว’
   
“พวกเรา…เป็นครอบครัวเดียวกัน…จริง ๆ เหรอฮะ” ซานะย้อนถามอย่างไม่มั่นใจนัก
   
“จริงสิ พวกเรา…ทั้งฉัน เรย์จิคุง ซากุระคุง อายะจัง แล้วก็…พวกเธอด้วย”
   
“พวกเธอ ไม่ได้อยู่ตามลำพังอีกต่อไปแล้วนะ” เธอว่าพร้อมกับกอดเด็กทั้งคู่ไว้
   
ทุกอย่างมันมากเกินกว่าจะอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป เด็กทั้งสอง…ที่จริงแล้วยังคงเป็นเด็กอยู่นั่นเอง…ก็ร้องไห้กันเสียยกใหญ่พร้อม ๆ กับความโล่งใจ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
   
‘พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน…’
   
คำพูดประโยคนี้ ตราตรึงในใจทั้งคู่ไม่มีลืม
   
“ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว  ขอโทษนะฮะ” ซานะพูดขึ้นในที่สุด กับทุก ๆ คน เรย์จิที่นั่งข้าง ๆ กำลังนั่งให้ทาโนเอะพันแผลให้ ดีที่แรงเด็ก ๆ อย่างยูเมะ ไม่ได้มากนัก แผลจึงเล็กน้อยเท่านั้น
   
ยูเมะมองบาดแผลพลางทำหน้าจ๋อย ๆ “ยูเมะ…ก็ขอโทษเรย์จิเหมือนกัน”
   
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แผลเล็กน้อย เดี๋ยวก็หาย” เรย์จิตอบยิ้ม ๆ พลางขยับแขนให้ทั้งคู่ดู ว่าไม่เป็นไรจริง ๆ
   
“ถ้างั้นก็เริ่มงานต่อได้แล้ว คาเฟ่ของเราที่ขาดสาวน้อยน่ารักอย่างซานะจัง ลูกค้าหายไปกว่าครึ่งเชียวนา” เรย์จิแซว

เด็กชายยิ้มรับแล้วตอบว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมไปเปลี่ยนชุดดีกว่า จะเย็นแล้ว แขกคงจะมาเพิ่ม”
   
“จริงสิ ต้องไปเอาป้ายเปิดร้านแขวนแทน ลืมไปเลย” เรย์จิพึมพำ ตอนเขาเข้ามาอีกครั้ง ในสภาพทำทีเป็นคนร้าย เขาได้แขวนป้ายปิดร้านไปแล้วที่หน้าประตูรั้ว เมื่อแน่ใจว่าแขกคนสุดท้ายเดินออกไปแล้ว
   
“งั้นรีบไปเลย” อายาเมะรุนหลังเด็กหนุ่ม “นายจะทำให้ร้านเราเสียลูกค้านะ ที่ต้องหงุดหงิดเพราะมาเก้อ”
   
เรย์จิหัวเราะ แล้วขยับจะออกไป แต่ก่อนจะไป เขามองหน้าซากุระ กับอายาเมะ พลางพูดว่า “ขอบคุณนะครับ ที่เมื่อกี้ รับมุกตามผม”
   
“เฮอะ ละครหลอกเด็กแบบนั้น” ซากุระพึมพำ ก่อนเดินเข้าครัวไป
   
อายาเมะตอบยิ้ม ๆ “ชั้นไม่เคยเห็นใคร ปลอมตัวได้ห่วยอย่างนายมาก่อนเลย ซานะคงหน้ามืดตามัวไปหน่อย ที่เชื่อนาย”
   
ยูเมะหัวเราะคิก “นั่นสินะ ยูเมะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเป็นเรย์จิ”
   
เด็กหนุ่มเกาแก้มอย่างเขิน ๆ “ก็ผมมัน…มือสมัครเล่นนี่ แต่เอาเถอะ จบได้ด้วยดีก็โอเคแล้ว”
   
เด็กหญิงดึงร่างเรย์จิให้ย่อตัวลง ก่อนจะจุ๊บเบา ๆ ที่ข้างแก้ม “ขอบคุณนะเรย์จิ ที่ทำให้ยูเมะได้ซานะจังคืนมา” เธอว่าอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะวิ่งไปช่วยทาโนเอะจัดโต๊ะอย่างร่าเริง
   
“เสน่ห์แรงนักนะพ่อหนุ่มน้อย รีบไปเปิดร้านได้แล้ว” อายาเมะว่าไล่หลัง ปล่อยให้เด็กหนุ่มที่หน้าแดงเรื่อ เพราะได้จูบจากสาวน้อย เดินไปอย่างเคลิ้ม ๆ เพียงลำพัง


...................................


คาเฟ่ในวันนี้เลยดูมีความสุขกว่าทุกวัน พอถึงเวลาใกล้ปิดร้าน สมาชิกที่เหนื่อยอ่อน จากเหตุการณ์ยุ่ง ๆ  ก็แยกย้ายกันไปพัก อายาเมะที่ปกติแล้วอู้เป็นประจำ เลยอาสาที่จะเป็นคนเก็บข้าวของช่วยทำความสะอาดเอง
   
“นายน่ะ ไปพักได้แล้ว หาเรื่องเจ็บตัวได้บ่อยนัก อ้อ…อย่ามาบอกว่ายังมีแรงเหลือเฟือล่ะ ไม่งั้นล่ะก็..คืนนี้…” ร่างบอบบางยิ้มหวานเป็นนัย คำขู่ชวนคิดลึกน่ากลัวระดับนี้ มีหรือเรย์จิจะกล้าปฏิเสธคำสั่งราชินีได้ ไม่งั้นคืนนี้ เขาคงไม่ได้นอนแน่ ๆ
   
เด็กน้อยสองคนแอบหัวเราะ ซุบซิบกันสนุกสนาน ปล่อยให้เรย์จิเขินจนหน้าแดงก่ำ บรรยากาศอบอุ่นแบบเดิมกลับคืนมาได้เสียที 

ซานะในรูปลักษณ์สาวน้อยน่ารักกระโปรงบาน เดินเข้ามาคล้องแขน “เรย์จิคุงต้องเมื่อยแน่ ๆ วันนี้โดนทุ่มซะ…” เขาว่าพลางหัวเราะ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูอย่างจงใจว่า “คืนนี้ซานะจะบริการให้เอง รับรองหายเมื่อยชัวร์”

เรย์จิเริ่มติดอ่างอีกครั้ง แม้รู้ดีกว่าโดนแกล้ง เขาหันไปบอกอายาเมะแก้เขิน “…เอ้อ…ถะ…ถ้างั้นฝากด้วยนะครับ”

“รีบ ๆ ไปเลยไป” อายาเมะโบกมือไล่ “อ้อ ทุ่มนึงอย่าลืมลงมากินข้าวนะ ซากุระคุงเตรียมมื้อใหญ่ฉลองไว้ให้แน่ะ”

ทั้งหมดพยักหน้ารับ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป เหลือเพียงทาโนเอะ ที่กำลังจัดการกับบัญชีของร้านหลังเคาน์เตอร์ และอายาเมะ ที่กำลังเก็บกวาดตัวร้านอยู่สองคน ซากุระอยู่ในครัว เตรียมเซอร์ไพรส์โดยห้ามทุกคนเข้าไปก่อนเวลาทุ่มตรง

งานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ให้กับซานะในคืนนั้นผ่านไปอย่างสนุกสนาน สมาชิกในร้านที่กลับมารวมตัวครบอีกครั้ง ทำให้สายใยที่เชื่อมถึงกัน แนบแน่นขึ้นกว่าเก่า จากต่างคนต่างอยู่ในตอนแรก พวกเขาเริ่มหันมามองกันและกันแล้ว ไม่เว้นแม้แต่คนอย่างอายาเมะในยามนี้...

ตกดึกราชินีหนุ่มที่จัดการเก็บร้านจนเรียบร้อย ยืนอยู่ที่ระเบียง มองท้องฟ้าพลางครุ่นคิด
   
…ครอบครัวงั้นหรือ…

เป็นคำที่แปลกประหลาดเสียจริง

ไม่อยากจะคิดถึงเลย แต่บรรยากาศกลับชวนให้คิดเสียได้
   
บาปของเด็ก ๆ ยังมีผู้ใหญ่ที่พร้อมจะช่วยเหลือและให้อภัย แต่สำหรับตัวเขาเล่า

ความผิดที่เขาทำลงไป ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย มันเป็นบาปที่ตามหลอกหลอนเขาอยู่ตลอด จนถึงเดี๋ยวนี้

คงไม่มีใคร…ยอมให้อภัยตัวเขาแน่ ถ้าได้รู้ความจริง

แม้กระทั่งเรย์จิ…

ใบหน้างามหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่ทำลงไปแล้ว ยากจะหวนคืนแก้ไขได้ เขารู้ดี และไม่คิดจะแก้ตัวใด ๆ

เขายังไม่พร้อม…ที่จะบ่งบอกออกไป นั่นเพราะเขายังกลัว…

เสียงใครบางคนที่ระเบียงอีกฝั่ง ทำให้อายาเมะชะงัก

“แล้วในที่สุด เฮนเซลและเกรเทล ก็ได้กลับบ้าน มีชีวิตอยู่กับครอบครัวของพวกเขา อย่างมีความสุข…”

ร่างบอบบางเกร็งขึ้นปุบปับ ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างอย่างตกใจ
   
เสียงนั่น…เป็นเสียงที่เขา ไม่มีวันลืม

ขาที่เหมือนจะไร้เรี่ยวแรงถอยกรูดตั้งหลัก แผ่นหลังพิงกับลูกกรงระเบียงแล้ว เมื่อคนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นสบตาเขา

“นิทานเรื่องนี้จบลงด้วยดี…ถึงแม้จะไม่มีใครกล่าวถึงว่า…เกรเทลที่ทำบาป ฆ่าแม่มดจนตาย จะรู้สึกถึงบาปนั้นแค่ไหน…เฮนเซล ที่ได้แต่มองน้องสาวฆ่าคน โดยไม่อาจห้ามปรามได้ แม้รู้ดีว่าทำเพื่อตัวเอง จะรู้สึกเช่นไร นิทาน ก็ยังคงเป็นนิทานต่อไป จะอย่างไร เรื่องราวก็จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแล้ว…คิดแบบนั้นคงดีใช่มั้ยล่ะ…คิระที่รัก!”

คนฟังอึ้งไปอีกครั้ง ลำคอฝืดเฝื่อนแห้งผากตื่นตระหนก คนตรงหน้า…เป็นคนที่เขา..ไม่คิดว่าจะได้เจออีกแล้ว ในชั่วชีวิตนี้ “ฮิ…ฮิโระคุง”

“...ไม่สิ ตอนนี้คืออายาเมะสินะ...คงจำได้ใช่มั้ย...ฉันกลับมาแล้ว” ชายหนุ่มเบื้องหน้าพูดพร้อมกับรอยยิ้ม

ร่างบอบบางมองมาอย่างตกตะลึง เป็นไปได้อย่างไร…ฮิโระ….เอ็นโด ฮิโรอากิ คนนั้น…มายืนอยู่ตรงหน้าเขา!

“นาย…ตายแล้วไม่ใช่เหรอ…” เสียงสั่นระริกถามออกไป คนเบื้องหน้ายังคงอยู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาความหมายได้

อายาเมะหน้าซีดเผือด หัวใจที่เต้นแรงบีบรัดจนอึดอัดไปหมด

เขาคนนั้น...

คนที่เห็นทุกครั้งในฝัน เมื่อยามหลับตาลง...ความฝันที่เลวร้าย และหลอกหลอน...

คนที่เขา…ฆ่ามากับมือ

“ไม่จริง….”

พูดได้แค่นั้น ร่างบอบบางก็ล้มลงหมดสติไป


- จบตอนที่ 7 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 7 อัพ 11-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 11-03-2010 17:39:47
ฮิโระยังไม่ตายจริงๆเหรอ

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องดีสำหรับอายาเมะสินะ

ขอบคุณนะคะ รอลุ้นต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 7 อัพ 11-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 11-03-2010 17:45:48
 :serius2: ผีหลอก หรือว่าฮิโระคุงยังไม่ตาย
ไม่ได้นะ อายะจังต้องคู่กะเรย์จิซิ
กด +1 ให้แล้วเน้อ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 7 อัพ 11-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 12-03-2010 08:22:14
กรี๊ดดดดดดดดด ฮิโระซังกลับมาแล้ว
ว่าแต่...ตัวจริงรึว่าตัวปลอม? ตั้งใจเข้ามาทดสอบอะไรอายาเมะรึเปล่า?
ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวาย......

เรย์จิซังใจดีที่สุด ปลื้มค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 7 อัพ 11-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 12-03-2010 19:57:25
เพิ่มตามมาอ่านค่ะ รู้สึกเหมือนอ่านกร์ตูนคอมมิคเลย สนุกมากเลยค่ะ ไม่ค่อยเจอคนแต่งแนวนี้  o13

เรื่องของ ซานา กับ เอเม (ขอเรียกด้วยชื่อนี้นะคะ) บีบคั้นหัวใจมากอ่านแล้ว

เกลียดเจ้าดาร์คมากๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ :pig4:

หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 7 อัพ 11-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 12-03-2010 22:20:41
 o13 o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 7 อัพ 11-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 15-03-2010 00:38:07
การดำเนิเรื่องเเปลดดีน่าติดตาม รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 8/1 อัพ 15-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 15-03-2010 11:15:46
ตอนที่ 8 Angel's Tear : น้ำตานางฟ้า

(ตอนที่ 8/1)

Rate: PG-13


ประตูร้านเปิดออกพร้อมร่างสูงที่กระตือรือร้นของเรย์จิที่โผล่หน้ามายังระเบียงเล็ก ๆ ด้านนอกตัวร้านด้วยหน้าตายิ้มแย้ม เขากำลังจะนอนแล้ว แต่พบว่าอายาเมะหายไป ทาโนเอะที่เห็นราชินีหนุ่มออกไปเดินเล่นข้างนอกระเบียง จึงบอกให้เขาตามออกมา
   
“อายะคุง…” หากเสียงเรียกกลับต้องชะงักลงไป เมื่อเห็นร่างสูงของใครบางคน กำลังอุ้มอายาเมะที่ไม่ได้สติไว้
   
“คุณ? ทำอะไรอายะคุงน่ะ” เด็กหนุ่มรีบก้าวเข้าหาอย่างตกใจ

คนผู้นั้นมาจากไหนก็ไม่รู้ ในยามวิกาลที่ร้านปิดแล้วเช่นนี้ แถมยังเป็นภายในรั้วบ้านอีกต่างหาก แสงสว่างจากไฟด้านนอก ไม่อาจส่องให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจนยิ่งดูไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด

หรือว่าจะเป็นขโมย!

ถ้าอย่างนั้น…อายาเมะต้องถูกทำร้ายแน่ ๆ!

เด็กหนุ่มเตรียมตัวต่อสู้เต็มที่ แม้จะไม่ได้มีฝีมือนัก แต่เรื่องแรง เขายังมั่นใจเสมอมา

อย่างน้อยก็ต้องช่วยอายะคุงเสียก่อน เรย์จิคิดในใจ

ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร คนตรงหน้าก็ก้าวเข้ามา พร้อมกับส่งร่างที่ไม่ได้สติให้กับเขา เรย์จิยืนนิ่งอึ้ง เอื้อมมือไปรับมาอย่างงง ๆ

“ฝากแมวของฉันไว้ด้วย แล้วฉันจะมาเอาคืน” เสียงทุ้มพูดหน้าตาเฉย แล้วผละจากไปอย่างรวดเร็ว

“ดะ…เดี๋ยวสิครับ!” เรย์จิพยายามเรียก แต่แค่แว่บเดียว ร่างสูงของคนผู้นั้น ก็หายไปราวเป็นภูติผีปีศาจก็ไม่ปาน…

สิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ฝันไป ก็คือคนในอ้อมแขน ซึ่งเมื่อมองให้ชัด เขายังเห็นว่ามีที่คาดหูแมวอันหนึ่งเสียบอยู่ด้วย!


.........................................


ท่ามกลางสายหมอกเลือนราง บรรยากาศเย็นเยียบชวนหนาวสั่น ร่างบอบบางยืนเดียวดาย ทั้งมืดมนและหลงทาง ฉับพลัน หนทางเบื้องหน้ามีแสงสว่างจ้า ด้วยความยินดี สองเท้าจึงรีบเร่งก้าวเดิน ภาพเงาตะคุ่มของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เป็นคนที่คุ้นตานัก หากด้วยแสงเบื้องหลังนั้นจ้าเกินไป จึงไม่อาจบ่งชี้ได้ว่าเป็นผู้ใด

ยามก้าวเข้าไปอีก สายตาที่มองได้ชัดกลับทำให้ทั่วร่างชะงักงัน สิ่งที่เห็นคือร่างสูงของฮิโรอากิที่อกมีมีดปักคาอยู่ พร้อมกับเลือดที่ไหลซึมจนเสื้อเชิ้ตขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ก้าวทื่อ ๆ เข้ามาหา ดวงตาปวดร้าวที่จับจ้องมาแฝงแววตัดพ้อต่อว่า และไม่เข้าใจ

“นายไม่เคยรักฉันเลยใช่ไหม…”

คำพูดนั้นบาดลึกจนเจ็บแปลบ ร่างบอบบางผงะถอย หากขากลับไม่อาจก้าวออกได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว ด้วยความตกใจ เขาจึงก้มลงมอง แล้วต้องสะดุ้ง เมื่อพบร่างโชกเลือดอีกหลายคนบนพื้น กำลังยึดเกาะตัวเขาไว้

ใบหน้าที่ล้วนคุ้นเคย เงยมองอย่างโกรธแค้น

“แกต้องตาย..คนทรยศ! แกฆ่าพวกเรา!!!”

“ไม่!! ปล่อยชั้นนะ ไม่…”

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างทันควัน ก่อนผงะผุดลุกขึ้นนั่งด้วยใจที่เต้นแรง และเหงื่อที่ชุ่มโชก หน้าใสนองด้วยน้ำตา

...ความฝัน…มันเป็นความฝัน…เหมือนทุกทีใช่ไหม

ห้องที่สว่างจ้าไม่ได้ปิดไฟ เสียงลมหายใจแผ่วเบาปะปนเสียงกรนของคนนอนข้าง ๆ ทำให้ใจที่เต้นแรง สงบลงได้เยอะ

…มันคือความฝันเท่านั้น…

อายาเมะพยายามปลอบใจตัวเอง หากดวงตางามกลับเหลือบไปเห็นของสิ่งหนึ่ง ซึ่งวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง

เป็นที่คาดผมหูแมวน่ารักอันหนึ่ง…

ของชิ้นนั้น…เขาจำมันได้ดี!

เสียงกรีดร้องอย่างตกใจดังขึ้นจนเรย์จิสะดุ้งตื่น ภาพที่เห็นคือร่างบอบบางของอายาเมะ ที่ขดตัวกลมอยู่มุมหนึ่งของห้อง ไหล่บางสั่นเทามีเพียงเสียงพึมพำกับตัวเอง พร่ำบอกแต่ว่ามันไม่ใช่ความจริง

“ฮิโระคุง…นายตายไปแล้ว…มันไม่ใช่…ไม่จริง…” ดวงตาหวาดผวา ยังคงจ้องมองที่ของสิ่งนั้น

เรย์จิพยายามจะเข้าใกล้ แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยินยอม เสียงร้องอย่างหวาดกลัวดังขึ้นทุกครั้งที่เขาพยายามขยับเข้าไปหา

ประตูเปิดขึ้นเต็มแรง ทาโนเอะเข้ามาอย่างเร่งรีบ ในมือของเธอมีเข็มฉีดยาเหมือนคราวก่อน หลังจากจัดการปลอบโยนและฉีดยาจนอีกฝ่ายหลับไปแล้ว เธอก็หันมาหาเรย์จิด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“ผม…ไม่ได้ทำอะไรนะครับ ไฟในห้อง…ก็เปิดไว้ เหมือนทุกคืน” เรย์จิตอบอย่างงง ๆ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ ถึงเหตุการณ์เมื่อตอนดึกของคืนก่อน

“เพียงแต่ว่า…เมื่อคืน ผมเจอคน ๆ หนึ่งนอกระเบียง เขาอุ้มอายะคุงที่กำลังหลับอยู่ด้วย ผมเลย...พามานอนต่อ โดยไม่ได้ปลุก จนถึงเมื่อกี้...”

“ใครกัน?” หญิงสาวถามเสียงสูง นึกสังหรณ์ใจไม่ดีบางอย่าง

“ผมไม่รู้จักเขา แต่เขาบอกว่า จะฝากแมวของเขาไว้ก่อน แล้ว...จะมาเอาคืน” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ที่คาดผมหูแมวอันนั้น "แล้วเจ้าหูแมวนั่น ก็เสียบอยู่บนผมของอายะคุงด้วยครับ แมวที่เขาพูดถึง...ต้องใช่อายะคุงแน่ ๆ"

“หรือว่าเขา…จะยังไม่ตาย” เธอพึมพำอยู่คนเดียว โดยที่เรย์จิได้แต่ฟังอย่างงง ๆ หากวูบหนึ่งกลับนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ฮิโรอากิ…คือชื่อของคน ๆ นั้นสินะครับ!”

ทาโนเอะเงยหน้าขึ้น จ้องมองเรย์จิด้วยสายตาที่แปลกไปกว่าเดิม “เธอ…รู้จักเขาได้ยังไง?”

เรย์จิมองหญิงสาว สลับกับมองร่างที่หลับใหลบนเตียงอย่างสงบเสียทีในยามนี้ แล้วพูดขึ้นว่า “อายะคุง…เคยพาผมไปไหว้สุสานของเขา”

หญิงสาวระบายลมหายใจยาวออกมา “ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยังไม่ตาย แต่ว่า…มันก็ไม่แน่นัก ฉันเองก็ไม่ได้รู้รายละเอียดมากเท่าไหร่ รู้แต่เพียงว่า…อาการของอายะจัง เกิดขึ้นเพราะคน ๆ นี้”

“ถ้าอย่างนั้น ที่เขาบอกว่าจะมาเอาคืนไป...” พูดแล้วก็ใจหายวาบ

เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปเป็นครู่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “แต่ไม่ว่าจะยังไง คนที่ทำให้อายะคุงต้องเจ็บปวด ผมไม่มีทางยอมให้พาอายะคุงไปแน่”

หญิงสาวยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พลางพูดต่อไปว่า “เธอเป็นคนใจดีจริง ๆ นะ”

เด็กหนุ่มมองมาอย่างเขิน ๆ “ผมก็แค่…เป็นห่วงอายะคุงเท่านั้นเอง”

ทาโนเอะจ้องเรย์จิด้วยสายตาจริงจังอีกครั้ง “ขอบคุณมากนะเรย์จิคุง แต่ว่า…บาปของใคร คนนั้นก็ต้องเป็นผู้ชดใช้ สิ่งเดียวที่พวกเราพอจะทำได้ ก็คือการเป็นกำลังใจ ให้อายะจังสามารถก้าวผ่านพ้นมันไปได้ ด้วยตัวเองเท่านั้น”

“ผมเข้าใจดีครับ” เรย์จิตอบเบา ๆ “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผ่านมันไปได้ แต่ผมก็มั่นใจ ว่าอายะคุงต้องทำได้!”

หญิงสาวผงกศีรษะรับ คำพูดง่าย ๆ ของเด็กหนุ่มผู้นี้ กลับทำให้พวกเธอ…ทุกคน…มีกำลังใจมากกว่าเดิมมากมายนัก

เรอิจิ..คุณพูดถูกแล้ว เด็กคนนี้ จะต้องช่วยพวกเรา ให้พ้นจากตราบาปในอดีตได้แน่

“ฉันดีใจ ที่เธอมาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของที่นี่ ขอบคุณจริง ๆ นะเรย์จิคุง ขอบคุณ…สำหรับเรื่องของเด็ก ๆ ด้วย เธอทำได้ดีมาก ๆ”

“ผมก็แค่พูดไป..ตามความรู้สึกเท่านั้น ก็พวกคุณ…ไม่ค่อยจะชอบบอกอะไรผมเลย เก็บเป็นความลับกันอยู่ได้” เขาพึมพำเสียงแผ่วแกมต่อว่ากลาย ๆ

ทาโนเอะอมยิ้ม “ความลับ…มันก็มีเสน่ห์ของมันเอง เมื่อทุกคนพร้อม เขาย่อมจะบอกออกมาเองนั่นแหละจ้ะ เธอก็รู้นี่ ว่ามันต้องอาศัยเวลา"

"ผมก็หวังว่า..คงจะช่วยอายะคุงได้ เหมือนที่ช่วยซานะกับยูเมะจังนะครับ” เขาพูดต่อเขิน ๆ

“ยังมีเวลานอนเหลืออยู่ พักผ่อนเถอะนะจ๊ะ แล้วก็ ฝากอายะจังด้วย ช่วงนี้พวกเรา…คงต้องดูแลเขามากเป็นพิเศษ”

เรย์จิพยักหน้าเข้าใจ หญิงสาวจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินออกจากห้องไป


........................................


เช้ามืด ร่างบอบบางลืมตาขึ้นก่อน คนด้านข้างยังคงหลับใหล  อายาเมะมองคนกำลังหลับ พลางอมยิ้มจาง ๆ นิ้วเรียวเกลี่ยไล้ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้น ก่อนริมฝีปากนุ่มจะโน้มลงไปจุมพิตแผ่วเบาที่ข้างแก้ม

“ขอบคุณนะเรย์จิ…สำหรับ ทุกสิ่งทุกอย่าง” น้ำเสียงเศร้าลงพึมพำแผ่ว จงใจไม่ให้คนกำลังหลับได้ยิน ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างระวัง คนกำลังหลับ ยังคงหลับ เรย์จิแม้จะเป็นคนนอนง่าย ตื่นง่าย แต่เพราะเมื่อคืนมีเหตุต้องทำให้เขาตื่นมาตอนกลางดึก ไหนจะยังมีเรื่องวุ่น ๆ เมื่อวานตอนกลางวันอีก เด็กหนุ่มจึงยังคงหลับไม่รู้เรื่องอันใด

ร่างสูงของอายาเมะเดินไปยังหัวเตียง ดวงตาคู่งามมองของที่วางอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูให้ชัดเจนขึ้นอีก เป็นหูแมวจำลองขนนุ่มนิ่มติดกับที่คาดสีเข้ม ของสิ่งนี้…ตอกย้ำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนชัด

…ไม่ใช่ความฝัน…

เป็นเขาคนนั้น…จริง ๆ…
   
ฮิโรอากิ…ยังไม่ตาย
   
ดวงตาคู่งามพริ้มลง หยาดน้ำตาไหลลงระแก้ม อารมณ์ที่ปั่นป่วน ยากจะบ่งบอกได้ ว่าเขาดีใจ หรือเสียใจกันแน่
   
ยังไม่ตาย…
   
ถ้าอย่างนั้น…
   
ราวกับเวลาได้หยุดนิ่ง อดีตได้หวนย้อนคืน ดวงตาที่เคยมีชีวิตชีวา กลับแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า นิ่งสนิทจนน่ากลัว

สมองที่สั่งการโดยอัตโนมัติ บงการร่างกายจนไม่อาจขัดขืน

...มีสิ่งหนึ่ง ที่จะต้องทำในทันที...

มันเป็นกฎที่ตัวเขาบัญญัติขึ้นเอง นับตั้งแต่...ต้องฆ่าคนมา
   
…ในเมื่อเหยื่อรอด…คนที่จะตาย ก็ต้องเป็นเขา!
   
ร่างสูงเดินออกไปจากห้องนั้น…จากไปอย่างเงียบงัน โดยไม่ได้บอกใครแม้แต่คนเดียว


..............................................


อากาศกำลังสบาย เด็กหนุ่มกำลังนอนฝันหวาน ก่อนจะพลิกตัวมานอนแผ่กลางเตียงอย่างมีความสุข สบาย...เกินไป จนเขาเริ่มรู้สึกว่า มีอะไรไม่ปกติเสียแล้ว

ทำไมวันนี้…เตียงถึงได้กว้างนัก?

มือที่ปัดป่าย คลำไปรอบ ๆ ราวต้องการค้นหาคนนอนข้าง ๆ ทว่ากลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า

คนกำลังเคลิ้มสะดุ้งตื่นทันที เมื่อรู้สึกได้ว่าไม่มีราชินีหนุ่มนอนอยู่ด้านข้างเหมือนเคย หลังจากมองจนตาสว่าง ก็แน่ใจได้ว่าไม่มีจริง ๆ

อายาเมะ…หายไปแล้ว!

เรย์จิพยายามสงบสติอารมณ์ ที่คาดผมหูแมวนั่น ก็ไม่อยู่ด้วย

เด็กหนุ่มรีบมองไปรอบ ๆ ก่อนถอนใจยาว ข้าวของต่าง ๆ ของชายหนุ่มยังอยู่ครบ อายาเมะไม่ได้หนีออกจากบ้านเหมือนซานะแน่ ๆ บางที…อาจจะตื่นไว เลยลงไปข้างล่างก็ได้

เขาจึงรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมาชั้นล่าง

แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของอายาเมะ ซากุระกำลังทำอาหารอยู่หน้าเตา  ในขณะที่ซานะกับยูเมะ ช่วยทาโนเอะเตรียมเครื่องปรุง เด็กทั้งสองจึงเริ่มตัังวงสนทนาโดยอัตโนมัติ วันนี้เป็นวันหยุด ทุกคนจึงไม่ได้เร่งรีบเตรียมตัวเปิดร้านเหมือนอย่างเคย

“ทำไมร้านเรา ถึงรวมสมาชิกได้ไม่ครบซักที ขยันหนีออกจากบ้านกันซะจริง”  ยูเมะบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองซานะแกมค้อนให้ เด็กชายจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ พูดไม่ออก

“เรย์จิคุง อายะจังหายไปไหน หรือเมื่อคืน…ทำอะไรให้ราชินีขัดใจล่ะ” เด็กหญิงว่าต่อยิ้ม ๆ

“ยูเมะ อย่าพูดอย่างนั้นสิ” ซานะปรามเบา ๆ

“ฮึ…ถึงยูเมะจะไม่ถูกกับอายะจังเท่าไหร่ แต่เวลาไม่อยู่ให้แกล้ง มันก็ไม่สนุกนะ” เธอบ่นต่อไป เป็นที่รู้กัน ว่าอายาเมะ ชอบแหย่ยูเมะไม่น้อย แล้วเด็กหญิงเอง ก็ชอบเอาคืนยามเผลอเช่นกัน แม้ปากบอกไม่ถูกกัน แต่จริง ๆ ก็อดชอบอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี

อายาเมะถึงในยามปกติ จะดูไม่ใส่ใจอะไร แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับใส่ใจคนรอบข้างกว่าที่คิด ซึ่งสิ่งนี้ ทุกคนรู้ได้เป็นอย่างดี

“ผมขอโทษครับ” เรย์จิพึมพำบอกทุกคน “อายะคุง คงไปตอนผมกำลังหลับอยู่ พอดีเมื่อคืน…”

“แน่ะ เมื่อคืนทำอะไรกัน” ซานะแซวบ้าง ยูเมะแอบค้อนให้ทันที ปากจิ้มลิ้มพึมพำ “เมื่อกี้ว่ายูเมะแท้ ๆ นะซานะจัง”

เด็กชายหัวเราะ “เอาน่า แต่เรย์จิคุงฮะ อย่าเครียดไปเลย เมื่อก่อนบางคืน อายะคุงก็หายไป แล้วกว่าจะกลับ ก็ปาเข้าไปบ่ายของอีกวันด้วยซ้ำ คงจะค้างคืนที่ไหนซักแห่ง แล้วนอนเพลินนั่นแหละฮะ”

เรย์จิพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนัก สีหน้าของเขายังเป็นกังวล ด้วยรู้ดีว่า เมื่อคืน…มันไม่ปกติแล้ว สำหรับอายาเมะ แต่เขาก็ไม่อยากทำให้เด็ก ๆ แตกตื่นด้วยเรื่องนี้

“แต่ว่า…”

ทาโนเอะจึงตัดบทขึ้นว่า “ยังไงวันนี้ก็เป็นวันหยุดอยู่แล้ว ถ้าเรย์จิคุงไม่สบายใจ จะลองไปตามหาดูก็ได้นะจ๊ะ”

เรย์จิพยักหน้ารับ “ได้ครับ ผมจะจัดการเอง ตั้งแต่อายะคุงกลับมานอนที่นี่กลางคืนได้ เขาไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกเลย …จริงสิ ผมพอจะรู้แล้วว่าจะตามได้ที่ไหน” เขาพูดขึ้นอย่างนึกได้

“สมกับเป็นภรรยาที่ดีจริง ๆ รู้ด้วยว่าสามีไปไหน” ยูเมะต่อให้ทันควัน

“ยูเมะ อย่าน่า เรย์จิคุงเป็นสามีต่างหาก” ซานะขัดขึ้น

“แต่ยูเมะว่าเป็นภรรยานะ” เธอยังไม่ยอมแพ้

“เอาเถอะจ้า อย่าเถียงกันเลย เรย์จิคุง…” ทาโนเอะขยับเข้ามาใกล้ สีหน้าของเธอจริงจังกว่าเดิม แต่พยายามเลี่ยงไม่ให้คนอื่นนอกจากเรย์จิเห็น

“ฝากอายะจังด้วยนะ”

ท่าทางของเธอบ่งบอกได้ดี ว่าเป็นห่วงอายาเมะเช่นกัน เรย์จิรับคำ ก่อนจะรีบออกไปตามที่คิดทันที เสียงตะโกนไล่หลังตามมาว่า “หาเจอแล้วไม่ต้องรีบกลับก็ได้นะ เดทกันให้สนุกล่ะ” พร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เล่นเอาเด็กหนุ่มเขินหน้าแดงไปอีกรอบจนได้


...................................


ร่างสูงของเด็กหนุ่มวิ่งกระหอบกระหืดขึ้นไปตามทางด้านหลังร้าน ซึ่งติดอาณาเขตกับสุสานด้านหลังโบสถ์คริสต์ อันเป็นที่ซึ่งเขาเคยมากับอายาเมะในครั้งก่อน ทางนี้เป็นคนละทางกับที่เคยเดินอ้อม จึงถึงได้เร็วกว่า เพราะลางสังหรณ์บางอย่าง ทำให้เรย์จิร้อนใจกว่าเดิมมากมายนัก

ฮิโรอากิ ที่คิดว่าตายไปแล้ว กลับไม่ตาย

อายาเมะ จะต้องไปที่สุสานแน่ ๆ ...ไปยังหลุมฝังศพ ที่เคยพาเขาไปในคราวก่อน

แต่หลังจากนี้เล่า?

‘เขาคนนี้…เป็นคนที่ชั้น เคยรัก…และก็เป็นคนที่ชั้น…ฆ่าเป็นคนสุดท้าย’

คำพูดนั้น…เด็กหนุ่มจำได้ดี

ฮิโรอากิ เป็นทั้งคนรัก และทั้งคนที่อายะคุงฆ่า…

เขาเชื่อว่าคำพูดนั้น เป็นความจริง
   
นั่นคือบาปของอายะคุงหรือเปล่า? แล้วในตอนนี้…ก็คงต้องการที่จะ…ชดใช้?
   
เขากลัวอะไรอยู่ เรย์จิคิดอย่างงง ๆ แต่เขากำลังกลัวจริง ๆ
   
การปรากฏตัวของฮิโรอากิเมื่อคืนนี้ ทำให้อายะคุง ตัดสินใจจะทำบางอย่างแน่ ๆ
   
ต้องรีบไปให้เร็วที่สุด! เด็กหนุ่มคิดในใจ พลางเร่งฝีเท้าขึ้นอีกโดยไม่ใส่ใจต่อป่าช้าและหลุมฝังศพที่วิ่งผ่านไปตลอดทาง แม้ว่าในยามปกติ เขาคงไม่แม้แต่จะคิดที่จะผ่านพื้นที่แถวนี้

ด้วยเพราะเรย์จินั้น กลัวผีเป็นที่สุด!


..........................................


สุสานยามเช้า ยังคงบรรยากาศอึมครึม ร่างบอบบางยืนอยู่เดียวดาย ที่หน้าป้ายสุสานสีขาวที่เดิม ยืนอยู่อย่างนี้…มานานมากแล้ว โดยไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยด้วยซ้ำ
   
เขารู้ดี ว่าใต้สุสานแห่งนี้ ไม่มีศพ หรือแม้แต่เถ้ากระดูกของฮิโรอากิ
   
ตั้งแต่คืนนั้น…ที่เขาจากมา ก็ไม่ได้ตามข่าวของคนผู้นี้อีก...ไม่เคยจริง ๆ
   
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่อาจลืมเลือนได้
   
สุดท้ายพอย้ายมาอยู่ที่คาเฟ่แห่งนี้ เขาก็ได้ขอพื้นที่ในโบสถ์ สร้างสุสานให้ฮิโรอากิ แม้ว่าจะมีเพียงแค่ป้ายสุสานเท่านั้น เพื่อที่เขาจะได้…แวะมาระบายอารมณ์ในที่แห่งนี้
   
และครั้งนี้…คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ในเมื่อเขาได้รู้แล้วว่า ฮิโรอากิ ยังไม่ตาย!

ที่คาดผมหูแมวอันนั้นไว้วางอยู่หน้าป้ายสุสาน ดวงตาเศร้าสร้อยจ้องมองมันนิ่งนาน  “นายจะบอกชั้นว่า ไม่ใช่ชั้นเท่านั้นสินะ ที่หลอกลวงคนเป็น”
   
หยาดน้ำตาเริ่มคลอเบ้า “คนบ้า ทำไมไม่ตายไปซะล่ะ แล้วแบบนี้…”
   
น้ำใส ๆ ไหลรินลงระแก้ม ดวงตาที่แดงเรื่อมองมายังป้ายสุสานอย่างแน่วแน่กว่าเดิม

“ก็ได้…ชั้นจะชดใช้ให้เอง กับทุก ๆ คน…ที่ต้องตายเพราะชั้น…" เสียงราบเรียบพูดต่อไป

"ชิปส์เดิมพันคือชีวิต ดังนั้น…ชั้นจึงมามอบมันให้กับนาย”

หลังจากมองอยู่สักพัก เขาก็ยิ้มให้..ทั้งน้ำตา

"ตลกนะ...ทั้ง ๆ ที่คิดว่านายตายไปตั้งนานแล้ว แต่ชั้นก็ยัง...ลืมนายไม่ได้ ถึงวันนี้ นายจะทำให้ชั้นต้องตาย แต่ว่าชั้น กลับดีใจ...ดีใจมาก ๆ"

ร่างระหงยืดตัวตรง ก่อนจะพึมพำประโยคสุดท้าย

"ลาก่อน...คนที่ชั้นคิดว่ารัก ถึงชั้นจะไม่แน่ใจ ว่ามันคือความรักรึเปล่า"

ดวงตาคู่งามเปลี่ยนเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึก เป็นแววตาเย็นเยียบและอำมหิต...เหมือนในอดีตอีกครั้ง

ในมือกำมีดสั้นคมกริบไว้ ก่อนจะตวัดเข้าหาลำคอตัวเองโดยไม่มีลังเล

หากก่อนคมมีดจะบาดเข้าร่าง เขากลับเจ็บวูบ...มือมั่นคงของคนผู้หนึ่ง ยึดจับข้อมือที่ถือมีดนั้นไว้ ก่อนจะใช้สันมือสับลงที่ท้ายทอยอย่างชำนาญ จนร่างบอบบางนั้นหมดสติไป

ร่างสูงแข็งแรงของฮิโรอากิยืนประคองคนไม่ได้สติไว้ ดวงตาของเขาจ้องมองมายังใบหน้าขาวซีดนั้นอย่างเศร้าสร้อย

ทว่าทันใดนั้นร่างกระหืดกระหอบของเด็กหนุ่มก็พุ่งเข้าหา

"คุณ...อีกแล้ว!" เรย์จิวิ่งมาขวางเอาไว้ในระยะห่างไม่กี่ก้าว  ท่าทางที่ดูเอาเรื่องแม้จะยังหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน บ่งบอกความเป็นศัตรูชัดเจน

"ถ้าทำอะไรอายะคุงอีกล่ะก็ ผมจะไม่ให้อภัยคุณแน่" เด็กหนุ่มขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตั้งท่าเตรียมพร้อมเต็มที่

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากอีกฝ่าย เล่นเอาเรย์จิชะงัก แม้จะยังคงจ้องเขม็งไม่ให้คลาดสายตา อายาเมะยังอยู่ในอ้อมแขนเขาคนนั้น...อีกแล้ว เหมือนเมื่อคืนนั้นเสียจริง

"คิดว่าเธอมีปัญญาทำได้งั้นรึ" เสียงนุ่มถามอย่างใจเย็น

"ได้ไม่ได้...ผมก็ไม่ยอมให้คุณรังแกอายะคุงอีกหรอก!" เรย์จิตอบกลับทันที

"งั้นรึ...เป็นเด็กดีจริง ๆ ซะด้วยนะ" คนว่ายังคงมีรอยยิ้ม

"คุณคือ...ฮิโรอากิ...สินะ" เด็กหนุ่มว่าอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเขายังมองอยู่ที่ร่างซึ่งยังไม่ได้สตินั้น อย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอันตรายได้

คนฟังชะงัก สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาวูบหนึ่ง "อายาเมะบอกเธองั้นรึ"

"รู้จากใครมันก็เรื่องของผม ส่งอายะคุงมาได้แล้ว คุณทำอะไรเขา" เรย์จิว่าเสียงเข้ม

"อย่าใจร้อนสิเด็กน้อย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่...ช่วยไม่ให้เขาฆ่าตัวตายสำเร็จ ก็เท่านั้น"

คนฟังอึ้งไปเป็นครู่ สิ่งที่เขากลัว...เป็นจริงเสียแล้ว

"คุณนั่นแหละ ที่ทำให้อายะคุงต้องฆ่าตัวตาย" เรย์จิย้ำอย่างไม่พอใจนัก "ส่งเขามาได้แล้ว และก็...อย่าเข้าใกล้เขาอีกเป็นอันขาดเชียวนะ!"

ฮิโรอากินิ่งเงียบไปเป็นครู่ "ไม่มีประโยชน์แล้ว...จะยังไงตอนนี้ สวิตช์ก็ถูกสับลงแล้ว" ชายหนุ่มพูดเน้นหนัก คำพูดนั้นแฝงปริศนาบางอย่าง ที่เรย์จิฟังแล้วอดกลัวไม่ได้

"คุณหมายความว่ายังไง?"

"ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต…ถ้าเหยื่อไม่ตาย...คนที่ตายก็จะต้องเป็นเขา"

คำพูดยังคงคลุมเครือ...แต่เรย์จิพอจะเข้าใจได้ราง ๆ เด็กหนุ่มขยับจะถามอีก หากอีกฝ่ายกลับขัดขึ้นว่า

“ฉันพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ว่า…ฝากอายาเมะด้วยนะ” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง แววตาปวดร้าวมองไปยังคนในอ้อมกอด ก่อนจะตัดสินใจส่งร่างที่ยังไม่ได้สตินั้นให้เรย์จิอีกครั้ง

“วางใจเถอะ...ฉัน…ไม่เคยคิดจะทำร้ายเขา ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม!”

ร่างสูงเดินจากไป ทิ้งความสับสนไว้ให้กับเรย์จิ เด็กหนุ่มมองคนในอ้อมแขนที่ยังคงหลับใหล พลางถอนใจยาว เขารู้สึกได้ ถึงความรักที่ฮิโรอากิมีให้อายาเมะ...มันแสดงออกชัด ในสายตาคู่นั้น แม้ว่าจะไม่ได้บ่งบอกอะไรชัดเจนก็ตาม

ถ้าเหยื่อไม่ตาย...คนที่จะต้องตายคืออายาเมะ?

ฮิโรอากิต้องการจะเตือนให้เขาระวังใช่มั้ย?

...อายาเมะจะฆ่าตัวตายอีก?

“แล้วจะห้ามคนอยากตาย ไม่ให้ตายได้ยังไงล่ะเนี่ย?” เด็กหนุ่มพึมพำกับตนเองอย่างอับจนปัญญา


......................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 8/1 อัพ 15-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 15-03-2010 21:20:12
มาช่วยดันให้พี่พี  :z2:


นี่มายะเองนะคะ  ยังรอตอนพิเศษอายะจังต่อนะคะ~
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 8/1 อัพ 15-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 15-03-2010 22:11:27
งานเข้าเจ้าเรย์จิอีกแล้วววว

แล้วทำไมฮิโรอากิไม่เข้ามาคุยกับอายะเลยล่ะเนี่ย หลบไมหว่า :m28:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 8/1 อัพ 15-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 15-03-2010 23:03:01
 :เฮ้อ: ทำไมอ่านๆไปฮิโระคุงเท่ขึ้นมาได้ล่ะ
เรย์จิคุงดูเป็นเด็กน้อยเลยอ่ะ ถ้าเทียบกับฮิโระ
งานนี้ก็ต้องขัดขวางไม่ให้อายะจังฆ่าตัวตายล่ะสิ
จับขังในห้องล่ามโซ่เลยดีม่ะ เหอๆ
me// จะซาดิสไปแระ  :-[
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 8/2 อัพ 17-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 17-03-2010 20:49:58
(ตอนที่ 8/2)


ร่างบอบบางขยับตัวอย่างมึนศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะปรับสายตาได้เป็นปกติ เขาค่อย ๆ ชันตัวขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความงุนงง …ยังไม่ตาย…อีกแล้วงั้นหรือ? ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มกำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้าง ซึ่งพอเขาขยับลุกขึ้น อีกฝ่ายก็ตื่นทันควัน

“อายะคุง ตื่นแล้วสินะครับ”

“ชั้น…มาที่นี่ได้ยังไง แล้วนาย?”

“ผมเจอคุณหลับอยู่ที่สุสานครับ คุณนี่นะ…ถ้าง่วงขนาดนั้น ทำไมไม่นอนอยู่ที่บ้าน คนอื่นเขาเป็นห่วงกันจะแย่แล้ว” เด็กหนุ่มว่าต่อ โดยไม่รื้อฟื้นเรื่องราวที่คุยกับฮิโรอากิในวันนี้ขึ้นมา

ใบหน้าสวยยิ้มเศร้า ๆ เออออตามน้ำไปว่า “นั่นสินะ แล้วนายล่ะ ทำไมไม่นอนที่ห้อง มานั่งสัปหงกที่นี่ทำไม”

เรย์จิหน้าแดงเรื่อ เสมองด้านข้างพลางพึมพำ “ผมก็แค่…แค่…” กะจะแก้ตัวเสียหน่อย แต่เขากลับคิดอะไรไม่ออกเลย จึงได้แต่พูดแบบนั้น ท่าทางเคอะเขินดูน่ารัก ทำให้อีกฝ่ายอมยิ้ม

“เอาเถอะ เรากลับกันดีกว่า นี่มันสายมากแล้ว”

“อะ..ครับ เอ้อ…แต่ผมว่า เราเดินอ้อมกลับก็แล้วกันนะ”

คนฟังขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ ทางนี้ใกล้กว่านะ คราวก่อนที่ชั้นพาเดินอ้อม นั่นก็เพราะจะไปซื้อดอกไม้ต่างหาก”

“ผม…ไม่อยากเดินผ่านสุสานกลับไปนี่นา ถึงขามา..จะมาได้ก็เถอะ” เป็นที่รู้กันว่าสุสานส่วนใน อยู่ติดกับร้านของพวกเขา แต่ทางนั้นทั้งเปลี่ยวและน่ากลัว ไม่รู้ว่าเมื่อเช้า เขาหลับหูหลับตาวิ่งมาได้ยังไง

คนฟังหัวเราะคิก “แล้วขามา มาได้ยังไงคนเดียวล่ะ”

“ตอนนั้นผมเป็นห่วงอายะคุงนี่ ไม่ได้คิดถึงผีอะไรทั้งนั้นแหละ…ตะ..แต่ขากลับนี่ มันต่างกันแล้ว” เสียงพูดเริ่มสั่นหน่อย ๆ จนคนฟังแทบกลั้นยิ้ม

“โอเค เราเดินอ้อมก็ได้ ชั้นก็อยากแวะหาอะไรกินเปลี่ยนบรรยากาศเหมือนกัน” อายาเมะว่าง่าย ๆ

เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นกว่าเดิม “ตกลงครับ เอ้อ…วันนี้ พวกเด็ก ๆ บอกว่า ให้ผม…ไปเดทกับคุณได้อีกวัน” เขาพูดตะกุกตะกักอย่างเขินหนักกว่าเก่า ดวงตาสีเข้มมองมาจริงจัง “อายะคุง…วันนี้เรา…ไปเดทกันนะครับ”

คนฟังนิ่งไปอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะหัวเราะอีกครั้ง “ก็ได้…แบบนี้ ขากลับคงต้องซื้อขนมไปฝากพวกเด็ก ๆ ด้วยสินะ อุตส่าห์อนุญาตให้นายออกมาแบบนี้”

ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่เขามองแล้วรู้สึกอิจฉามาตลอด คนอย่างเขา…คงไม่มีวันยิ้มแบบนี้ได้อีกแล้ว มือแข็งแรงคล่องแคล่วฉุดดึงให้ร่างบอบบางเดินตาม เขาจึงได้แต่เดินตามไปอย่างไม่ได้โต้แย้ง
   
ไม่ว่าจะตายวันนี้ หรือพรุ่งนี้…มันก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมนักหรอก
   
จะอย่างไร บาปที่เกิดขึ้นนี้ ก็ไม่มีวันจางหาย เขาก็ได้แต่ต้อง…ทนทุกข์ทรมานต่อไปอีก
   
ช่างมันเถอะ...ก็แค่ทน…อีกวันเดียวเท่านั้น…


.......................................


ท่ามกลางย่านผู้คนพลุกพล่าน เรย์จิยังคงเดินนำหน้าไปเรื่อย ๆ  มือแข็งแรงที่จูงมือเขาไว้ ไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ออกจากโบสถ์ แม้กว่าการเดทกันครั้งก่อน เด็กหนุ่มจะขี้อายกว่านี้มากมายนัก กระทั่งแค่มือเผลอแตะกัน เจ้าตัวยังแอบสะดุ้งเขินจนออกมาทางสีหน้าด้วยซ้ำ แต่คราวนี้กลับแตกต่างออกไป

มือข้างนั้นจับมือเขาไว้แนบแน่น ราวกับไม่ยอมให้เขาคลาดสายตาแม้เพียงครู่เลยด้วยซ้ำ เหมือนกับว่า...เรย์จิ ล่วงรู้ความคิดของเขา ว่าคิดจะจากไป
   
เดินกันมาได้สักพัก ลัดเลาะผ่านตึกสูง ร้านค้า มากมายหลายแห่ง แต่ก็ยังไม่ถึงเสียที คนเดินตามเริ่มอดรนทนไม่ได้
   
“เราจะไปไหนกันน่ะ เรย์จิ”
   
เด็กหนุ่มหันไปหาแล้วตอบว่า “ไปเดทกันสิครับ คุณรับปากผมแล้วไม่ใช่เหรอ”
   
อายาเมะอมยิ้ม “มันก็ใช่หรอก แต่ว่า…”
   
“ถ้างั้นก็ตามผมมาเถอะ รู้ก่อนเดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์นะครับ” เขาว่าพลางขยิบตาให้
   
ราชินีหนุ่มจึงได้แต่ยิ้มรับ แล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย เพราะเริ่มอยากรู้เช่นกัน ว่าจะพาไปที่ไหน
   
เดินได้สักพักก็มาถึงโรงพยาบาลไม่ใหญ่นักแห่งหนึ่ง มือนั้นยังคงดึงเขาผ่านประตูแล้วลัดเลาะผ่านตัวตึกสูงเข้าไปยังตึกผู้ป่วยใน ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในตัวโรงพยาบาล วันนี้เป็นวันเสาร์ คนไข้หลายคนจึงมีญาติที่ได้หยุดงานมาเยี่ยมเยียนเดินกันขวั่กไขว่ เด็กหนุ่มทักทายคนผ่านไปผ่านมาราวคุ้นเคยเป็นอย่างดี

ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นห้า ขณะที่ก้าวออกมาก็ต้องชะงัก ชายหนุ่มร่างผอมสูงท่าทางเป็นกันเองผู้หนึ่งทักทายขึ้นที่หน้าลิฟท์

“อ้าว เรย์จิ ไม่ได้เจอตั้งนาน สบายดีมั้ย” เขาคนนี้อยู่ในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด ที่คอยังคล้องหูฟังสำหรับตรวจอยู่ด้วย จากการแต่งตัวบอกได้ชัดว่าเป็นหมอ
   
“สวัสดีครับ คุณหมออินุอิ ผมสบายดี คุณหมอล่ะครับ” เด็กหนุ่มก้มทักทาย ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้เชิงตอบรับว่าสบายดี อายาเมะมองหมอหนุ่มผู้นั้นอย่างงง ๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไร เรย์จิก็ถามต่อว่า

“วันนี้ผมมาเยี่ยมโทริคุงน่ะครับ ขออนุญาตคุณหมอหน่อยละกัน”
   
หมอหนุ่มหัวเราะเบา ๆ “มาขออะไรฉันล่ะ ฉันไม่ใช่เจ้าของไข้สักหน่อย”
   
“ถ้าไม่ขอก่อน เดี๋ยวมีคนหึงผมจะยุ่งเอา อุตส่าห์แอบมาวันที่คุณหมอไม่มีตรวจที่นี่แล้วแท้ ๆ ไหงเจอจนได้ แต่วันนี้ผมมาเดทอยู่แล้ว คุณหมอคงไม่หึงหรอกใช่มั้ยครับ” เรย์จิยิ้มรับแล้วขยิบตาให้   

แพทย์หนุ่มเผลอหน้าแดง หลุดมาดเก๊กไปวูบหนึ่งเลยทีเดียว “เธอนี่นะ รู้จุดอ่อนฉันแล้วได้ทีใหญ่” เขาว่าพลางส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างอ่อนใจ “แต่เอาเถอะ ใครจะคิดยังไงฉันไม่สนอยู่แล้ว ฉันรักของฉันนี่” เขาพูดต่ออย่างเต็มปากเต็มคำ

"วันนี้ฉันเปลี่ยนเวรกับเพื่อนที่ติดธุระน่ะ เลยมาเป็นพิเศษ แล้วไหน ๆ ก็มาแล้ว เลยแวะไปหาสุดที่รักเรียบร้อย" เขาพูดต่ออย่างอารมณ์ดี

"โทริยังตื่นอยู่ใช่มั้ยครับ ดีจริง งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไปเยี่ยมโทริก่อน แล้ววันหลังจะแวะมาคุยกับคุณหมออีก” เขาว่าพลางโบกมือลา หมอหนุ่มพยักหน้ารับ
   
“เดทให้สนุกล่ะ ไม่ได้เจอแค่พักเดียว หาแฟนได้น่ารักน่าอิจฉาเชียวนะ”
   
“แหม พูดเหมือนโทริคุงไม่น่ารักงั้นนี่ เดี๋ยวผมจะฟ้องโทริ” เรย์จิสวนกลับ
   
“อย่าเชียวนา เดี๋ยวภรรยาที่รักโมโห กว่าจะง้อได้อีกนาน” เขาว่าพลางหัวเราะแล้วโบกมือไล่ “พูดมากพาซวยแบบนี้ รีบไปเลยไป”
   
มือแข็งแรงนั้นจึงฉุดให้อายาเมะออกเดินอีกครั้ง ราชินีหนุ่มมองคนเบื้องหน้าเดินบนตึกอย่างคุ้นเคย จึงถามขึ้นว่า “นายมาที่นี่บ่อยงั้นเหรอ”
   
เรย์จิหันไปยิ้มให้ “ผมเคยทำงานที่ชั้นนี้น่ะครับ เป็นผู้ช่วย ของผู้ช่วย ของผู้ช่วย ของผู้ช่วยพยาบาลอีกที” เขาตอบเล่นลิ้น
   
“หลายชั้นจริงนะ”
   
“ก็แค่ลูกจ้างชั่วคราวนี่ครับ ผมยังเรียนไม่จบเลย ใครจะรับเข้าทำงานง่าย ๆ กัน แต่ผมก็ต้องหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง เพราะเจ้าพ่อบ้านั่นไม่เคยส่งเงินมาให้เลย โชคดีที่เจอคุณหมออินุอิตอนไม่สบาย แล้วคุยกันถูกคอ เขาเลยแนะนำงานนี้มาให้ ส่วนใหญ่ผมจะมาเฝ้ายามช่วงบ่าย ๆ หลังเลิกเรียน กับกะกลางคืนเป็นเพื่อนคุณพยาบาล แล้วก็คอยดูแลคนไข้..เอ้อ ก็พวกงานต้องใช้แรงนั่นแหละครับ ผมรักษาใครไม่เป็นหรอก”
   
“แต่ดูทุกคนจะคุ้นเคยกับนายดีจัง” อายาเมะพูดต่อ เขาไม่เคย…ตีสนิทกับใครก่อน ยกเว้นว่า..คนผู้นั้น จะเป็นเป้าหมาย ที่ต้องการฆ่า….

"ผมเป็นคนชอบรับฟังล่ะมั้ง ไม่ว่าใคร...ก็มีปัญหาในใจกันทั้งนั้น การได้ระบายออกมา มันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น ผมก็เลยชอบฟัง เวลาใครอยากมาคุยด้วย ไม่ว่าจะคนไข้ หมอ พยาบาล หรือญาติคนไข้ ผมเมาท์มาหมดแล้วล่ะ" เด็กหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ

"ฉันอยากเป็นอย่างนายได้บ้างจริง ๆ" อายาเมะถอนหายใจ

"ทุกคนก็มีความทุกข์ของตัวเองกันทั้งนั้นแหละครับ ใช่ว่าผมเองจะไม่มี แต่ว่า..เราก็สามารถช่วยกันเยียวยาได้ ถ้าเราหันหน้ามาคุยกัน ปรับทุกข์กัน" เรย์จิพูดเรื่อย ๆ

"อืม..." เสียงรับในลำคอเบา ๆ แล้วอายาเมะก็ไม่พูดอะไรอีก เด็กหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้คาดคั้นแต่อย่างใด นอกจากบีบมือที่จับกันอยู่แผ่วเบาให้กำลังใจ ก่อนจะก้าวเดินต่อไป

เดินไปได้นิดเดียวก็ถืงห้อง 504 ที่ป้ายหน้าห้องมีชื่อเขียนไว้ว่า ฮาซาคาว่า โทริยะ เด็กหนุ่มเคาะประตูเบา ๆ ก่อนได้ยินเสียงคนด้านในบอกให้เข้ามา

บนเตียงคนไข้มีร่างบอบบางของเด็กหนุ่มนั่งเอนหลังอยู่ ใบหน้าใสอ่อนเยาว์ดูยังอายุไม่เข้าสู่วัยรุ่นด้วยซ้ำ แต่เรย์จิบอกกับเขาว่าโทรินั้นอ่อนกว่าแค่ปีเดียว

ร่างเล็ก ๆ ดูอ่อนแอบอบบาง และน่าสงสารไม่น้อย ใบหน้าใสค่อนข้างขาวซีดด้วยไม่ค่อยได้ออกไปไหน จึงไม่ค่อยได้ถูกแดด สีหน้าที่ดูครุ่นคิดเพียงลำพัง ยากจะบอกได้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร หากเมื่อหันไปเห็นแขกผู้มาเยือนชัด ๆ ว่าเป็นใคร ดวงตากลมโตก็เป็นประกายอย่างยินดี  “เรย์จิคุง!”

“ไงโทริ สบายดีไหม” เด็กหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะลากเก้าอี้เผื่อให้อายาเมะด้วย

“ก็เรื่อย ๆ เหมือนเดิมแหละ” โทริตอบเบา ๆ เสียงไม่ร่าเริงเท่าใด แต่ก็ยังคงพยายามยิ้ม

“อย่าฝืนก็แล้วกันนะ” เรย์จิพูดต่อด้วยสายตาที่เป็นห่วง

“อื้ม ไม่หรอก ฉันรู้ตัวดี ถ้าทำอะไรได้เพื่อที่จะได้อยู่กับคุณหมอ…นานขึ้นอีก ถึงจะแค่ไม่กี่นาที ฉันก็จะทำ” เขาตอบอย่างมั่นคง ดวงตางามฉายแววเศร้า หากยังคงเข้มแข็งจนรู้สึกได้

“โทริ...ฉันพา…เพื่อนมาให้รู้จัก นี่อายาเมะ หรือจะเรียกว่าอายะคุงก็ได้” เรย์จิพูดต่อ พยายามไม่รื้อฟื้นอีก โทริหันมามองอายาเมะแล้วยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มไร้เดียงสาที่น่ารักมากทีเดียว ชายหนุ่มจึงยิ้มรับตอบ

“ผมโทริครับ..." ว่าแล้วก็หันไปหาเด็กหนุ่มผู้มาเยือน "อายะคุงเนี่ย...เป็นเพื่อนหรือแฟนกัน เรย์จิคุง” เขากระเซ้าเข้าให้ เล่นเอาเรย์จิเขินหน้าแดงเรื่อ

“บ้าสิ แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ” คนโดนแซวพึมพำ

“ถ้าแค่เพื่อน ทำไมจับมือกันไม่ปล่อยแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวนี้จีบหนุ่มอายุมากกว่าด้วยงั้นรึ แต่ก็สวยไม่เบาเชียวนะ” โทริยื่นตัวไปกระซิบข้างหู เรย์จิสะดุ้ง ปล่อยมือที่จับอยู่ทันที

“เอ้อ…ฉันแค่…ได้จับแล้วลืม..เอ่อ…ลืมปล่อยน่ะ อายะคุงเขา…เอ้อ…” คำพูดเริ่มติดอ่างจนสุดท้ายก็อธิบายต่อไม่ออก หน้าที่แดงเรื่อเปลี่ยนเป็นแดงฉานไปแล้ว คนฟังหัวเราะ อายาเมะเองก็กลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่

“ชั้นไม่ชำนาญทางน่ะ เรย์จิคุงเลยจูงมา พอดีพวกเรามาเดทกัน” อายาเมะว่าหน้าตาเฉย ก่อนขยิบตาให้ “อ้อ แต่พวกเราไม่ใช่แฟนกันหรอก เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียงเท่านั้นเอง”

“อ่ะ..อา..อายะคุง อย่าพูดชวนเข้าใจผิดงี้สิ” คนร้อนตัวเริ่มลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข “เอ่อ…โทริ…อายะคุงเขาเป็น…เพื่อนร่วมห้องของฉันน่ะ เราทำงานที่เดียวกัน ห้องมัน…ไม่พอ…ก็เลย” เขาร่ายยาวเหยียด เล่นเอาคนฟังขำไม่หยุดเช่นกัน

“เลิกขำได้แล้วน่า ฉันเขินจะแย่แล้ว” เรย์จิบ่นอุบอิบ “ฉันบอกแล้วไง ว่าสาวในอุดมคติ ต้องเป็นสาวสวย อึ๋ม ๆ แล้วก็น่ารัก ไม่ใช่ผู้ชายสักหน่อย”

“งั้นเหรอ…” โทริลากเสียงยาว ขำมากขึ้นเมื่อเห็นอายาเมะแกล้งหอมแก้มเรย์จิ เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก มือจับแก้มไว้ด้วยใบหน้าที่เหรอหรา

“อะ…อายะคุง เลิกแกล้งผมได้แล้วนะครับ”

“นายเป็นคนชวนชั้นมาเดทนะ อย่าพูดจาเสียมารยาทอย่างนั้นสิ” อายาเมะแกล้งดุอย่างอารมณ์ดี

เด็กหนุ่มชะงัก เขาแทบลืมไป ว่าเป็นตัวเอง ที่เป็นคนชวน “จริงด้วยสิ…ผม…ขอโทษนะครับ” เขาว่าเสียงแห้ง ๆ

“ชั้นล้อเล่นน่า แค่นายชวนชั้นมาเจอเด็กน่ารัก ๆ ขนาดนี้ ฉันก็มีความสุขแล้ว”

เรย์จิจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง “อายะคุง…มีความสุขแน่นะครับ”

คนฟังอึ้งไปเล็กน้อย แล้วตอบว่า “จริงสิ”

ดวงตากลมโตของโทริจับจ้องมาเช่นกัน มือเล็ก ๆ ยื่นเข้าหา อายาเมะจึงจับมันไว้ มือบอบบางที่ผอมเสียจนน่าใจหายบีบมือของชายหนุ่มเบา ๆ พลางบอกว่า "แต่คุณดูไม่มีความสุขเลย"

อายาเมะพูดไม่ออก

ใบหน้าใสของคนป่วยบนเตียงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า "เมื่อได้มีชีวิตอยู่ ก็เหมือนกับได้รับพรจากพระเจ้าแล้ว...อยู่อย่างมีความสุขเถอะครับ ทุกนาทีที่ได้อยู่ร่วมกัน กับใครสักคนที่รัก มันมีค่าจนไม่อาจจะหาอะไรมาแลกได้...ผมอยากให้คุณ รักษามันเอาไว้ให้ดี ก่อนที่จะ...ไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นอีก" ดวงตาของเขาเศร้าลงไปวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาสดใสอีกครั้ง

"อีกอย่างนะ นาน ๆ ทีเรย์จิคุงจะยอมมาเดทกับใครเขา เจ้าหมอนี่งานยุ่งตลอดศกนั่นแหละครับ ดังนั้น...คุณต้องเป็นคนที่โชคดีเอามาก ๆ เลย"

"อาจจะโชคร้ายก็ได้นะ" เรย์จิตอบยิ้ม ๆ "เพราะมาเดทวันนี้ ก็ยังต้องทำงานอยู่ดี"

เด็กหนุ่มอมยิ้มอย่างมีเลศนัย “อายะคุง วันนี้…เรามาเดทกันแบบมาราธอนดีกว่ามั้ยครับ”

“มาราธอน?” อายาเมะทวนคำอย่างงง ๆ

ร่างสูงของเด็กหนุ่มหันไปหาโทริ “วันนี้พี่มายะคงอยากได้คนช่วยทำงานบ้างหรอกใช่มั้ย”

“อื้ม แน่อยู่แล้ว งานที่นี่เยอะจะตาย ถ้าช่วยฟรี ๆ ล่ะก็นะ” ร่างบอบบางบนเตียงตอบง่าย ๆ

“เรามาเดทกัน ก็ต้องทำบุญน่ะสิ ด้วยแรงงานไง ดังนั้นฟรีอยู่แล้ว” เขาว่าพลางบอกว่า “ถ้างั้นฉันจะแว่บไปหาพี่เขาสักหน่อย เผื่อมีงานอะไรให้ช่วยทำ รักษาตัวล่ะ” เขาว่าง่าย ๆ แล้วเดินออกไปอย่างคุ้นเคย และไม่ลืมที่จะดึงคนที่นั่งด้านข้างออกไปด้วย หากก่อนจะไป เขายังโผล่หน้ามาอีกรอบ

“อ้อ…ฉันเจอคุณหมอด้วยนะเมื่อกี้ แซวเรื่องนายนิดเดียว เขินซะหน้าแดงเชียวล่ะ พึ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้ เขินง่ายเหมือนกันแฮะ”

“นายพูดหยั่งกับตัวเองไม่เขินจนหน้าแดงบ่อย ๆ อย่างงั้นแน่ะ พอกันนั่นแหละ” โทริตอกกลับยิ้ม ๆ

“เฮอะ เข้าข้างกันซะจริง ไปดีกว่าเรา เดี๋ยวจะสวีทให้อิจฉาเลย” ว่าแล้วก็ดึงตัวอายาเมะเข้ามาใกล้ด้วยการโอบเอวด้านข้างเอาคืน คนโดนกอดยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไร แต่โทริกลับขำ เพราะเห็นใบหูเรย์จิจากด้านข้าง ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นแดงฉานแม้ไม่สบตาด้วย เห็นได้ชัดว่าแม้จะแกล้งทำเป็นสวีท เด็กหนุ่มก็เขินจนปิดไม่มิดอยู่ดี

“นายนี่น้า มาทีไรก็ทำให้ฉันสบายใจได้ทุกที…ขอบใจนะ ที่มาเยี่ยมกัน” โทริว่ายิ้ม ๆ

“เรื่องจิ๊บจ๊อยน่า ไปก่อนล่ะ” เขาว่าแล้วเปิดประตูออกไป อายาเมะโบกมือลากับเจ้าของห้องพลางยิ้มให้ ก่อนที่เรย์จิจะลากเขาออกไปอย่างเขินไม่เลิก

“นายเป็นคนแต๊ะอั๋งชั้นเองนะ จะเขินทำไมเนี่ย” เขาพึมพำอย่างขำ ๆ

“ช่างผมเหอะน่า” เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบ ก่อนจะแกล้งเร่งฝีเท้าให้ไวกว่าเดิมกลบเกลื่อนความอายนั้น


.............................................


ครึ่งวันหลังจากได้พบกับมายะ นางพยาบาลสาวที่น่ารักและกระตือรือร้นสูง เรย์จิกับอายาเมะ ก็กลายเป็นผู้ช่วยของเธอกลาย ๆ ช่วยทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ โรงพยาบาลนี้ไม่ใหญ่นัก และมีพยาบาลไม่มาก งานจึงล้นมือเป็นประจำ ทั้งคู่ช่วยกันทำงานจนค่ำ กว่าจะเสร็จแล้วขอตัวออกมา

เรย์จิพาอายาเมะขึ้นไปบนสวนลอยบนดาดฟ้าเป็นการพักผ่อน เขาโทรศัพท์หาทาโนเอะเป็นที่เรียบร้อย ว่าจะกลับช้าสักหน่อย จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกลับร้าน

ด้านบนยามกลางคืนไม่น่ากลัวนัก ด้วยมีแสงไฟส่องเป็นระยะในสวนสวย ถัดออกไปเป็นทางเปิดด้านนอกออกไปยังดาดฟ้าโล่ง ซึ่งตอนนี้ปิดล็อคไว้ แต่เพราะรั้วต่ำ เด็กหนุ่มจึงแอบปีนออกไปพลางบอกให้อายาเมะตามมา

ทั้งคู่เอนกายบนพื้นปูน ไม่ได้ใส่ใจต่อความแข็งกระด้างของมันนัก ดาดฟ้ามีการทำความสะอาดสม่ำเสมอ จึงน่านั่งน่านอนเป็นพิเศษ ท้องฟ้ายามค่ำคืนทอประกายงดงามจากแสงไฟตามอาคารบ้านเรือนที่อยู่ไกลออกไป มองยาวขึ้นไปที่ขอบฟ้า ฟ้าเปิดในคืนนี้ จึงเห็นดาวอยู่บ้าง แม้จะไม่มากนัก ด้วยแสงไฟจากฝีมือมนุษย์ ข่มรัศมีของมันไปมากแล้ว แต่โดยรวมก็ยังเป็นบรรยากาศที่ดี สายลมอ่อน ๆ พัดเย็นสบาย เรย์จิมองพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าพลางพึมพำ

“เหนื่อยมั้ยครับ อายะคุง”

“อืม…ก็นิดหน่อย แต่ก็…รู้สึกดีนะ ที่ได้ทำ” เขาพูดเรื่อย ๆ “ชั้น…ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย”

เขาเคยแต่ใช้ชีวิต…อย่างไร้จุดหมาย อยู่…เพียงเพื่อทำตามคำสั่ง เพียงเพื่อหลอกลวงผู้คน

…ล่อลวง…ให้ไปตาย

หัวใจเจ็บแปลบทันทีที่คิดเช่นนั้น…เขายังรีรออะไรอยู่ ตอนนี้ สมควรที่จะตายได้แล้ว

เพื่อชดใช้…ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง!

อยู่ดี ๆ ร่างสูงบอบบางนั้นก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปยังรั้วกั้นของดาดฟ้า รั้วนั้นไม่ได้สูงนัก ขายาวอย่างเขา เพียงแค่ก้าวข้ามก็พ้นไปได้ ร่างแทบปลิวลม ยืนอยู่ที่ริมขอบตึกนอกรั้วนั้นแล้ว อย่างรวดเร็วจนตามไม่ทัน

เรย์จิผุดลุกขึ้นตามอย่างตกใจ เขาไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย จะว่องไวเกินกว่าจะห้ามทันได้ขนาดนี้

“อายะคุง!” เด็กหนุ่มเรียกเพื่อดึงสติอีกฝ่ายกลับมา หากดวงตากลมโตที่เฉยเมย กลับทำเพียงจ้องมองมายังเด็กหนุ่ม น้ำตาคลอดวงตาคู่งามนั้น เสียงแผ่วเบาขมขื่นพึมพำขึ้นว่า

“ปล่อยให้ชั้นตายเถอะ…เรย์จิ”
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 8/2 อัพ 17-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 18-03-2010 00:54:41
เรจิจะห้ามอายะจังยังไงล่ะเนี่ย ไม่ฟังกานเลยแบบนี้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 8/2 อัพ 17-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 18-03-2010 04:29:23
เรย์จิจะทำไงต่อไปล่ะเนี่ย
อายะจังไม่มีใจอยากจะอยู่แบบนี้
ปล.เรย์จิเขินน่ารักได้อีก
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 8 อัพ 18-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 18-03-2010 15:58:42
(จบตอนที่ 8 )


“อย่าเชียวนะครับ...อายะคุง…ยังสำคัญ สำหรับคนที่รักคุณนะครับ” เด็กหนุ่มพยายามห้ามแกมปลอบ
   
ร่างบอบบางส่ายหน้า หยาดน้ำตาไหลระแก้มใส คำพูดนั้นกรีดลงที่ใจอันบอบช้ำอย่างจัง

“ชั้น…ได้พรากชีวิตคนที่รัก มามากพอแล้ว…มันมาก…จนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
   
“แต่ตอนนี้…อายะคุงไม่ได้ฆ่าใครอีกแล้วไม่ใช่เหรอครับ” เรย์จิขัดขึ้น เขาจะต้อง...ดึงความสนใจของอายาเมะไว้ก่อน
   
เสียงขมขื่นตอบเบา ๆ “แต่…คนที่ตายไป…ก็ไม่อาจฟื้นคืนเหมือนกัน…ชั้นต้อง…รับผิดชอบ”
   
“คุณก็เลย จะกระโดดลงไปสินะ ถ้าอย่างนั้น” เรย์จิอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายเผลอก้าวอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รั้วกั้น ก่อนจะโหนตัวปีนออกไปยืนในตำแหน่งเดียวกัน หากทิ้งช่วงห่างอีกฝ่ายอยู่ราว ๆ สามเมตร เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้มากกว่านี้ เพราะกลัวว่าจะทำให้อายาเมะตกใจจนพลัดหล่นลงไปเสียก่อน
   
ร่างสูงของเรย์จิลอบมองลงเบื้องล่าง ก่อนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ พื้นถนนที่มองเห็นอยู่ลิบ ๆ ห่างลงไปถึงหกชั้น เป็นคอนกรีตอย่างแข็ง หากตกลงไปจากตรงนี้ ไม่มีทางรอดแน่นอน แต่เขาก็ตัดสินใจแล้ว ที่จะช่วยอายาเมะให้ได้
   
“เรย์จิ นายจะทำอะไรน่ะ!” อายาเมะร้องถามด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะบ้าบิ่นได้ขนาดนี้
   
ขาของเรย์จิสั่นเล็กน้อย หากยังพยายามตั้งหลัก แล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าอายะคุงโดด ผมจะโดดด้วย!”
   
“ทำไมกัน…ทำไม นายต้องทำแบบนี้ นายเป็นคนดีนะ…แล้วก็มีคนที่รักนายมากมายด้วย ทำไม…ต้องมาทิ้งชีวิต เพราะคนอย่างชั้น”
   
เรย์จิยิ้มให้ “ก็เพราะอายะคุง คือคนในครอบครัวผมไงล่ะ”
   
คนฟังตะลึงงันจนอึ้งไปแล้ว
   
คนในครอบครัว…สำคัญต่อกัน ขนาดนี้เชียวหรือ?
   
“ชั้น..ไม่มีครอบครัว…ไม่มีใครทั้งนั้น…ไม่มีใครอภัยให้ชั้นหรอก ทุกคนที่รักชั้น…ตายหมดแล้ว ด้วยฝีมือชั้นเอง!” ดวงตาคู่นั้นทอแววปวดร้าว

“อย่างนายน่ะเหรอ จะยอมรับชั้นได้…ชั้นมันเป็นฆาตกรนะ!” มันคือความหวาดกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ส่วนลึก ที่ทำให้เขาไม่กล้ากระทั่งจะบ่งบอกเรื่องราวทั้งหมด ให้เรย์จิฟังได้เลย

“ไม่จริงหรอกครับ ยังมีคนที่รักคุณเหลืออยู่ และเขา…ไม่เคยต้องการชีวิตของคุณ เป็นการชดเชยด้วย”
   
อายาเมะส่ายหน้า อารมณ์ของเขายังปั่นป่วนเกินจะควบคุมได้ “ชั้นไม่เชื่อ! ให้ชั้นตายเถอะ!”
   
ในสภาพที่ใกล้วิกฤติเต็มที เห็นได้ชัดว่าเขาเอง ไม่อาจจูงใจให้อายาเมะ เลิกฆ่าตัวตายได้จริง ๆ เด็กหนุ่มจึงได้แต่หลับหูหลับตาตะโกนออกไป ด้วยเสียงอันดังว่า

“คุณอยู่ตรงนั้นใช่มั้ย ฮิโรอากิ ออกมาเถอะ” เขาเชื่อมั่น…ในตัวคนผู้นั้น ว่าจะไม่มีทางห่างจากอายาเมะในสภาพเช่นนี้แน่ ๆ “ออกมาเถอะครับ มีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้น ที่จะหยุดอายะคุงได้”
   
ร่างสูงของฮิโรอากิปรากฏขึ้นในที่สุด เขามองมาด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย น้ำเสียงหนักแน่นย้ำคำพูดของเรย์จิอีกครั้ง  

“ฉันไม่เคยต้องการชีวิตนาย”
   
“ไม่!! ไม่จริง!!!” ร่างบอบบางกรีดร้อง คนด้านข้างเสียววาบ กลัวอีกฝ่ายจะหล่นลงไป แต่ยังดีที่อายาเมะยังจับรั้วไว้ไม่ปล่อย ด้วยกลัวว่าเรย์จิจะกระโดดตามไปด้วยอย่างที่ขู่จริง ๆ

แต่ถึงอย่างนั้น…ในสภาพเช่นนี้…หัวใจอันบอบช้ำ กลับยากจะทนทานต่อไปได้แล้ว

การตาย..คือการชดใช้ คือทางเดียว ที่เขาจะหลุดพ้น
   
ร่างบอบบางหันไปอ้อนวอนเรย์จิแทน เขา…จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หากควบคุมตัวเองไม่ได้…เขาไม่ต้องการให้เด็กหนุ่มผู้นี้ ต้องมาตายไปอีกคนด้วย

“เรย์จิคุง…กลับเข้าไปเถอะนะ…แล้วปล่อยชั้นไป… อย่ารั้งชั้นไว้อีกเลย” ดวงตาคู่นั้นนองด้วยน้ำตา “ชั้นไม่ต้องการเห็นคนที่รักชั้น…ต้องตายเพราะชั้นอีก ให้ชั้นได้ตาย…ซะทีเถอะ”
   
ฮิโรอากิถอนหายใจ “ตอนนั้นฉันคิดว่าคำพูดนี้เป็นคำโกหก…แต่มันคือความจริงสินะ…ที่นายอ้อนวอนเหยื่อทุกคน ให้ฆ่านาย”
   
“ชั้น…ไม่ต้องการจะฆ่าใครทั้งนั้น ก็เพียงแค่ปล่อยให้ชั้นตาย..ทุกอย่างก็จบแล้ว”
   
“มันไม่มีวันจบ!” เรย์จิพูดขัดขึ้นทันที “แล้วคุณจะทนเห็นพวกเราเสียใจอย่างคุณ เพราะการตายของคุณได้เหรอ อายะคุง” เรย์จิพูดต่อ “ถึงพวกเราจะไม่ตาย ผมก็จะเสียใจตลอดชีวิต ที่ช่วยคุณไม่ได้ คุณฮิโรอากิ ก็จะสูญเสียครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาไป…อย่างที่คุณเป็นในตอนที่คิดว่าเขาตายไปแล้ว”
   
“คุณยังคิดจะทำร้ายคนที่รักคุณอีกงั้นหรือ”
   
“ทำไมไม่คิดจะใช้ชีวิตที่มีเพื่อคนอื่นบ้างล่ะครับ คุณได้แต่ทรมานตัวเอง…มานานจนเกินไปแล้ว ลองมองไปรอบ ๆ บ้างสิ ฟังผมนะ อายะคุง” เสียงเข้มของเรย์จิกระตุ้นต่อไป แม้อีกฝ่ายจะมีเพียงสีหน้าเฉยชา
   
“วันนี้คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ คนไข้มากมาย…ที่อาจจะตายวันตายพรุ่ง ก็ยังไม่รู้ แต่ทุกคน ยังพยายาม…ที่จะมีชีวิตอยู่ ทำไมคุณถึงคิดแต่จะตายนะ อายะคุงก็เห็นโทริแล้ว…หมอบอกว่า เขาจะอยู่ได้อีกไม่เกินครึ่งปี แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพยายาม…รักษาทุกนาทีที่มีค่านี้ไว้ เพื่อคนที่เขารักที่สุด…เพื่อคุณหมออินุอิคนนั้น”

อายาเมะนิ่งอึ้งไป เขาไม่คิดว่าเด็กน่ารักคนนั้น...จะมีความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มิน่า แววตาคู่นั้นถึงได้ดูเศร้านัก แต่ก็ยังร่าเริงและทำให้คนอย่างเขายิ้มได้
   
“แล้วคุณที่แข็งแรงดี…ยังช่วยเหลือคนได้มากมาย อย่างเช่นในวันนี้ ที่คุณได้ช่วยพวกเขาให้ได้ยิ้มแย้ม ให้ได้มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ แล้วตอนนี้…ทำไมถึงได้ล้มเลิกเอาง่าย ๆ”
   
“ผมเชื่อว่าทุกคนที่รักคุณ ยอมตายเพื่อให้คุณ…ได้มีชีวิตอยู่ แล้วทำไม คุณจะยังทำร้ายพวกเขาอีก ด้วยการคิดสั้นกันล่ะ”
   
“ไม่…” เสียงสั่นครือจากร่างบอบบางนั้น ยังคงปฏิเสธ

มันไม่ยุติธรรมเลย..ที่คนพวกนั้นจะต้องตาย ในขณะที่เขา..ผู้ซึ่งพรากชีวิตคนที่รักมากมาย กลับได้มีชีวิตอยู่

ไม่ยุติธรรมจริง ๆ!

ดวงตาปวดร้าวมีน้ำตานอง ใบหน้างามส่ายไปมา ปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง

ทุกอย่าง...เป็นความผิดของเขา ถ้าไม่มีเขาสักคน อีกหลายชีวิต ที่ล้วนเป็นคนดีเช่นกัน...

ก็ไม่ต้องมาตาย!

สายตานิ่งสนิทมองลงไปเบื้องล่าง ไม่ว่าเสียงของเรย์จิจะพูดอย่างไร ก็ไม่ทำให้อายาเมะเปลี่ยนใจได้

ไม่ใช่แค่นั้น...ในตอนนี้ เหมือนทุกอย่างกลับเลวร้ายลงอีกด้วยซ้ำ
   
เรย์จิหันไปมองฮิโรอากิอย่างอ้อนวอน เขารู้ดี ว่าไม่อาจห้ามอายาเมะได้ การออกไปอย่างบ้าบิ่นของเขา เพียงแค่รั้งอายาเมะไว้ได้ชั่วคราว
   
ต้องเป็นฮิโรอากิเท่านั้น...
   
“ฉันจะไม่ห้ามนาย” ฮิโรอากิพูดขึ้น เล่นเอาเด็กหนุ่มสะดุ้ง “คะ…คุณฮิโรอากิ!”
   
“ฉันเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ ไม่มีสิทธิ์ทั้งฆ่านาย หรือจะรั้งนายไม่ให้ตายได้ แต่ว่า…ถ้านายตาย ฉันจะตายด้วย!”
   
อายาเมะใจหายวาบ ภาพที่คนผู้นี้ล้มลงต่อหน้าเขา มันกำลังย้อนกลับมาอีก
   
ไม่…เขาทนมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
   
“ฉันห้ามนายไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใคร…ห้ามฉันได้เช่นกัน ถ้าฉันจะตายพร้อมกับนาย ไม่ว่านายจะฆ่าตัวตายอีกสักกี่ครั้ง…ถ้านายตายจริง ๆ ฉันจะไปกับนาย!”

ดวงตาคู่งามพร่าไปด้วยน้ำตา แต่ยังคงมองมายังร่างสูงของฮิโรอากิอย่างไม่แน่ใจนัก เสียงสั่นสะท้านถามขาดห้วง
   
“ฮิโระคุง…นาย…ไม่แค้นชั้นเหรอ ชั้น…หลอกลวงนายนะ…ทุกสิ่งทุกอย่าง”
   
ชายหนุ่มมองกลับมาด้วยสายตาอันอ่อนโยน “นายไม่เคยหลอกลวงฉันเลย ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าทุกอย่างที่ทำ มีจุดประสงค์อะไร เพราะนาย…บอกใบ้ฉันมาตลอด แต่ฉันมันบ้าเอง ที่ตัดสินทุกอย่าง ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ จนเกือบทำลายนาย ฉันมันโลภเอง ที่อยากจะครอบครองหัวใจของนายไว้”
   
ร่างบอบบางสั่นระริก มือที่รั้งร่างไว้กับรั้วเหล็กเกร็งแน่น “ชั้นฝันทุกคืน…ฝันร้ายมาตลอด ฝันว่านาย ต้องการให้ชั้นตาย”
   
ชายหนุ่มจ้องมองมายังอายาเมะอย่างแน่วแน่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้านายคิดว่าจะต้องชดใช้ จะยอมทำทุกอย่าง ตามที่ฉันขอได้ไหม”
   
“อืม” ร่างบอบบางรับคำ โดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ต่อให้ฮิโรอากิสั่งให้กระโดดลงไปเดี๋ยวนี้ เขาก็ยินดี
   
“มาให้ฉันกอดนาย…สักครั้งได้ไหม”
   
คำขอที่คาดไม่ถึง ทำให้ร่างที่ยืนอยู่ริมตึกเริ่มลังเล
   
“นายสัญญาแล้วนะ ว่าจะทำตามที่ขอ” ฮิโรอากิย้ำอีกครั้ง
   
“อืม..” ร่างบอบบางตัดสินใจก้าวกลับเข้ามา เรย์จิได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ก่อนจะปีนกลับมาเช่นกัน ก่อนที่ขาเจ้ากรรม จะสั่นมากไปกว่านี้
   
“ฮิโระ…ชั้น…ขอโทษ” หน้าเปื้อนน้ำตาซบลงกับอกกว้างนั้น แล้วร่ำไห้ยาวนาน อ้อมแขนอบอุ่นที่เคยโอบกอดมาในอดีต ยังคงอบอุ่นเหมือนเช่นเดิม…ไม่มีผิดเพี้ยน อบอุ่น จนเขาปวดใจ ยามต้องหักใจทำร้ายกลับ หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง แสงไฟที่สาดส่อง ยิ่งทำให้มองเห็นเป็นประกายสะท้อนเสี้ยวหน้างาม ดูสวยจนเรย์จิเองยังยากจะเผลอมองอย่างเคลิบเคลิ้มได้
   
“ชื่อของอายะคุง พ่อผมเป็นคนตั้งให้สินะ” เด็กหนุ่มพึมพำ “พ่อคิดไม่ผิดเลย…คุณเป็นนางฟ้าจริง ๆ”
   
“ชั้นไม่สามารถเป็นนางฟ้าได้หรอก” อายาเมะพึมพำอย่างเจ็บปวด…คนอย่างเขา…

…เป็นได้แค่เพียงฆาตกรเท่านั้น…

“ไม่จริงหรอกครับ คุณเป็นคนใจดี…ผมแน่ใจ ว่าถึงคุณฮิโรอากิจะไม่มา คุณก็ไม่กระโดดลงไปแน่ เพราะคุณไม่ต้องการให้ผมตาย” เรย์จิพูดอย่างมั่นใจ “ผมรู้อยู่แล้ว ถึงได้พาคุณมาที่ดาดฟ้านี้ ถ้าไม่ทำแบบนั้น…คุณฮิโรอากิคงไม่ยอมออกมา
   
“นี่นายให้อายาเมะทำเรื่องเสี่ยงขนาดนี้ เพียงเพื่อล่อฉันออกมางั้นเรอะ ฮิโรอากิถลึงตาใส่ แอบเคืองเล็กน้อย
   
เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อน ๆ แก้ต้วว่า “ผมไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะหาตัวคุณได้ที่ไหน ดังนั้นมันก็เลยต้องเสี่ยงกันสักหน่อย”
   
“แต่แหม อายะคุง กว่าคุณจะยอมกลับมาได้ ผมน่ะ ขาสั่นแทบตายแล้ว รู้มั้ยว่าผมกลัวความสูงแค่ไหน” เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบ กระทั่งตอนนี้ก็ยังนั่งอยู่กับพื้น เพราะขาสั่นจนยืนไม่ขึ้น
   
“คราวหน้าอย่าทำอะไรแบบนี้อีกล่ะ ชั้นกลัวนายจะหล่นลงไปซะก่อน” อายาเมะดุเข้าให้
   
“ถึงผมหล่นลงไป อายะคุงก็จะจับผมไว้อยู่ดี ใช่มั้ยล่ะครับ” เด็กหนุ่มพูดยิ้ม ๆ
   
คนฟังหลบสายตาอย่างเขิน ๆ พลางพึมพำ “แน่ล่ะสิ  ก็นายเป็น..คนในครอบครัวของชั้นนี่นา”
   
“นั่นสินะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว…คุณด้วยนะ ฮิโรอากิคุง เพราะคุณเป็นคนที่อายะคุงรักที่สุด ดังนั้น พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันเช่นกัน” เรย์จิพูดต่อ ดวงตากระตือรือร้นของเขาสบตาคนทั้งคู่อย่างจริงใจ

“นายก็น่ารักอย่างนี้สินะ เล่นเอาชั้นชักจะหลายใจแล้ว” อายาเมะพึมพำพลางอมยิ้ม

“ฉันยอมให้เป็นได้แค่น้องชายนะ อย่างอื่นล่ะอย่าได้หวัง” ฮิโรอากิพูดเสียงเข้ม

“ชั้นพูดเล่นน่า เรย์จิน่ะ เป็นน้องชายที่ชั้นรักที่สุด และเป็นน้องชายของนายเหมือนกันนะ” อายาเมะตอบแล้วแย้มยิ้ม

เป็นรอยยิ้มที่ยิ้มได้ทั้งน้ำตาเลยทีเดียว

เรย์จิมองภาพเบื้องหน้า อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
   
…น้ำตาของนางฟ้ายามยิ้มได้ งดงามกว่าสิ่งใด ๆ จริง ๆ !
   
   
..........................................


กว่าทั้งหมดจะกลับไปยังบ้านได้ก็ดึกแล้ว แต่ก็พบว่า ทุกคนยังไม่หลับ และรอคอยพวกเขาอยู่
   
ทาโนเอะมองเรย์จิแล้วยิ้มให้ เธอรู้ดี…ว่าเรย์จิทำสำเร็จ
   
เด็กหนุ่มช่วยอายาเมะ จากความมืดมนได้แล้ว

รอยยิ้มต้อนรับกลับบ้านจากทุกคน ช่างเหมือนกับครอบครัวอย่างแท้จริง อายาเมะมองมาอย่างอบอุ่นใจ เป็นครั้งแรก...ที่เขารู้สึกว่า ได้กลับมายังบ้านจริง ๆ

บ้าน...ที่จะมีคนรอคอยเขาอยู่เสมอ ยามกลับมาถึง
   
“ฮิโรอากิคุงจะมาอยู่กับพวกเราด้วย…ได้ไหมครับ” เรย์จิถามทาโนเอะแกมขอร้อง “เขาตกงานซะแล้ว เพราะไปช่วยอายะคุงไม่ให้ตาย”
   
“ให้นอนห้องผมก็ได้ ผมจะหาฟูกไปปูเพิ่มเอง นะครับ” เด็กหนุ่มอ้อนวอนต่อ
   
ทาโนเอะยิ้มให้แล้วตอบว่า “ได้สิจ๊ะ ถ้าเธอยินดี ฉันก็ไม่มีปัญหาหรอก ความสุขของอายะจัง คือความสุขของพวกเราเช่นกันนี่นา”
   
“เอ้อ หรือจะให้ผมนอนห้องซากุระคุง…” คนถามได้ไอเดียใหม่ ก่อนจะเหลือบมองเจ้าของห้องอย่างขออนุญาต
   
ดวงตาเรียวยาวคมกริบมองกลับมาอย่างโหด ๆ จนเด็กหนุ่มเสียวสันหลังวาบ เปลี่ยนการตัดสินใจทันควัน
   
“เอ่อ…ผมนอนห้องเดิมดีแล้วครับ ท่าจะปลอดภัยสุด” เรย์จิพูดในที่สุด เล่นเอาทุกคนหัวเราะท่าทางซื่อ ๆ ตรง ๆ ของเขาอย่างขบขันเช่นเคย ซากุระเหลือบมองอีกรอบ เล่นเอาเด็กหนุ่มแทบสะดุ้ง ก่อนร่างสูงโปร่งนั้นจะเดินขึ้นห้องไป โดยไม่พูดอะไรอีก
   
“คืนนี้มีสามพีแน่เลย ยูเมะว่าเรย์จิเป็นไส้แซนวิชแน่ ๆ” ยูเมะแอบกระซิบพึมพำเสียงเบา แต่ทุกคนก็ยังได้ยิน
   
“ยูเมะ อย่าพูดแบบนี้สิ มันไม่ดีนะ” ซานะจังกระซิบดุ ๆ ปราม “แต่ว่านะ ไม่แน่ เรย์จิอาจจะอยู่บนสุดแทนก็ได้ ออนท็อปน่ะเร้าใจกว่าเยอะ!”
   
ทั้งหมดอดหัวเราะไม่ได้กับความคิดแก่แดดแก่ลมนั้น มีเพียงเรย์จิที่ก้มหน้างุดอย่างเขิน ๆ “ไม่ว่าอยู่บนอยู่ล่าง หรืออยู่กลาง ผมก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ คืนนี้นอนหน้าห้องก็ได้!” เด็กหนุ่มโวยวาย ก่อนจะโดนราชินีสั่งให้องครักษ์คนใหม่จัดการลากเขากลับห้องไปทั้งอย่างนั้น
   
“ฮิโระคุงน่ะ ทั้งใจดี อ่อนโยน แล้วก็…เทคนิคเป็นเยี่ยมเชียวนะ แล้วนายจะติดใจ” อายาเมะกระซิบข้างหู เล่นเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก
   
“ผมไม่อยากเสียความบริสุทธิ์นะ ช่วยผมด้วยยยยย” เสียงร้องโหยหวนดังมา แต่ทุกคนกลับแยกย้ายกันไปนอน โดยที่ไม่มีใครคิดจะไปช่วยแม้แต่นิดเดียว นอกจากช่วยส่งเสียงเชียร์อย่างเบิกบานใจ


- จบตอนที่ 8 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 8 อัพ 18-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 18-03-2010 16:46:36
ใจหายใจคว่ำ ในที่สุดฮิโระคุงก็กลายเป็นเขยของบ้านนี้จนได้
อุตสาห์จิ้นอายะจังกับเรยืจิคุงมาตั้งนาน
เบนเข็มไปเชียร์ 3P แทนดีกว่า :laugh:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 8 อัพ 18-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 18-03-2010 18:06:11
โล่งอก เรย์จินี่น่ารักจริงเชียว แล้วอยูด้วยกันสามคนเรย์จิของเราจะรอดมั้ยนั่น คึคึคึ :z1:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 8 อัพ 18-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 19-03-2010 08:58:20
เฮ้อ.....ปมของนางฟ้าอายะจังถูกแก้แล้ว แถมได้สมาชิกเพิ่มมาคนด้วย
เรื่องนี้ดราม่าให้ถอนหายใจเฮือกๆได้ทุกตอนสิน่า  o13
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 9 อัพ 19-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 19-03-2010 16:59:06
ตอนที่ 9 Sweet Night : ค่ำคืนสุดสวีท

Rate: NC-17



หลังจากโดนฮิโรอากิลากขึ้นมาที่ห้อง มันก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ทาโนเอะช่วยหาฟูกใหม่อันเล็กให้อีกอันเป็นที่เรียบร้อย เรย์จิจึงยกเตียงใหญ่ให้อายาเมะกับฮิโรอากิแทน ร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนเตียง เกาะแจไม่ห่างจากคนรัก ท่าทางสวีทหวานเจี๊ยบจนคนมองแอบอิจฉา

เด็กหนุ่มผู้แสนโดดเดี่ยว เหลือบมองคู่รักที่พึ่งจะได้พบพานกันใหม่อีกครั้งแล้วลอบถอนใจยาว แบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยฟูกก็ปูแยกออกมา เขาคงนอนได้อย่างปลอดภัยอยู่

ท่าทีระแวดระวังก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้แยกออกมา บ่งบอกได้ชัดเจนว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และมันก็ทำให้ราชินีหนุ่มแอบขำ พลางพยักเพยิดให้คนด้านข้างดูด้วย ร่างบอบบางกระซิบอะไรบางอย่างให้ฮิโรอากิฟัง ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อฟังจบแล้วพยักหน้ารับ

อายาเมะจึงลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม แล้วเดินเข้ามาใกล้พลางยิ้มหวานแบบแฝงความนัยบางอย่าง "เรย์จิคุง เตียงออกจะกว้างนะ นอนด้วยกันก็ได้"

"นั่นสิ" ฮิโรอากิสนับสนุนอย่างใจกว้าง "นายอุตส่าห์ให้พวกเราได้อยู่ด้วยกัน จะให้นายไปนอนลำบากแบบนั้นได้ยังไง"

เรย์จิมองสองคนที่แสนจะหวังดี (?) แล้วสะดุ้งเมื่อเห็นปลายลิ้นนุ่มเริ่มไล้เลียริมฝีปากบาง ท่าทางราวอยากจะกลืนกินเขาซะเต็มประดา เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาหาที่พึ่ง หากคนด้านข้างอีกคนก็มีรอยยิ้มแบบแปลก ๆ คล้ายรอสนับสนุนราชินีของเขาเต็มแก่ ดูน่ากลัวกว่าเดิมอีกหลายเท่า ไหนจะยังคำพูดยูเมะเมื่อตอนก่อนขึ้นมาทำเอาเด็กหนุ่มเครียดขึ้นทันที

...ไส้แซนวิช???

ไม่นะ!!!

เขาคิดผิดรึเปล่าเนี่ย บางที...เสี่ยงตายนอนที่ห้องซากุระคุง อาจจะปลอดภัยกว่าก็ได้ อายาเมะนั้นปกติก็แกล้งเขาบ่อย ๆ อยู่แล้ว แต่ไม่เคยถึงขั้นเอาจริง นอนด้วยกันมาบนเตียงเตียวกันตั้งหลายคืน เขาก็ยังอยู่รอดปลอดภัย

...แต่กับฮิโรอากิ คล้ายจะไม่ใช่

ลองได้มาจับคู่กันแล้วแบบนี้ ทาสที่ดีอย่างฮิโรอากิ คงยินดีทำทุกอย่างตามราชินีสั่งแน่ เห็นได้ชัดจากการให้ความร่วมมือหมด ไม่ว่าอายาเมะจะบอกให้ทำอะไร

ข้าวใหม่ปลามัน อดีตคนรักได้กลับมาคืนดี มันก็เป็นที่น่าเข้าใจอยู่

แถมโดยนิสัยฮิโรอากิแล้ว ท่าทางเป็นคนตามใจคนรักมากทีเดียว

แต่ว่า...มันไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยนะ

ถ้าเกิดคนคู่นี้นึกอยากจับเขารับประทานล่ะ???

แย่แน่!

คิดแล้วเริ่มเหงื่อตก คิ้วเข้มขมวดมุ่นคิดแต่จะหาทางรอด ราชินีหนุ่มมองมาแล้วอมยิ้ม ท่าทางไร้เดียงสาจนแสดงสิ่งที่คิดออกมาจนหมดของเรย์จิ ยิ่งทำให้เขาอดขำไม่ได้ พอหน้าหวานมีรอยยิ้ม คนข้าง ๆ ก็มองมาเช่นกันก่อนจะส่งยิ้มเป็นนัยที่น่ากลัวกว่ามาให้อีกแล้ว

เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกตัว ว่าสถานการณ์ตอนนี้ กลายเป็นสามเส้ากลาย ๆ แถมยังมีทีท่าว่าเขา...จะต้องอยู่กลางซะด้วย

นี่ขนาดฮิโรอากิ ไม่ได้รู้มาก่อน ว่าบางคืน...พวกเขาเคยนอนจับมือกันทั้งคืน...

ไม่อย่างนั้นล่ะก็...

"เอ้อ...ผม...ผมขอไปอาบน้ำก่อนละกัน" เรย์จิละล่ำละลักอย่างดูมีพิรุธ มือแข็งแรงคว้าเสื้อผ้าได้ ก็รีบผลุนผลันออกจากห้อง แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป

ห้องอาบน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำรวม อยู่ตรงข้างทางเดินไม่ไกลจากตัวห้องนอนนัก ทำให้เขาหาข้ออ้างเผ่นออกมาจากห้องนอนมหาภัยได้สำเร็จ ประตูแข็งแรงที่ปิดลงกลอน ยังถูกแผ่นหลังสั่นน้อย ๆ ยันไว้อีกชั้น ราวกลับกลัวใครจะพังเข้ามา ดวงตาสีเข้มกวาดตามองไปรอบ ๆ สภาพที่ดูคล้ายหลุมหลบภัยขนาดย่อมสร้างความอุ่นใจได้มากขึ้นอีกเล็กน้อย ร่างสูงของเด็กหนุ่มถอนใจยาวอย่างโล่งอก เหมือนได้อยู่ในที่ปลอดภัย (ต่อพรหมจรรย์) กว่าเดิมนัก

อย่างน้อยก็ในตอนนี้...

คิดไปคิดมา เด็กหนุ่มเริ่มอึ้งอีกรอบ ถึงจะหนีออกมาได้แล้ว แต่ถ้าอาบเสร็จล่ะ...เขาจะทำยังไงต่อ?

หรือว่าคืนนี้...เขาจะนอนในห้องน้ำดี?

ไม่ได้หรอก เด็กหนุ่มตอบคำถามตัวเองเรียบร้อยในใจ หากเขาหายไปนานโดยไม่มีเหตุอันควร เดี๋ยวก็คงต้องมีใครสักคน มาลากเขาออกจากห้องน้ำแน่ ๆ

แล้วปัญหามันไม่ใช่แค่วันนี้...ถึงคืนนี้จะรอด แต่คืนต่อ ๆ ไป ก็ยังไม่แน่อีกอยู่ดี

ทางแก้มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น...

เขาต้องหาห้องนอนใหม่ให้ได้!

ร่างเปลือยเปล่าที่แข็งแรงได้สัดส่วน ก้าวเข้าไปในโซนฝักบัว ก่อนจะปล่อยสายน้ำเย็นให้รินรดกาย พลางใช้ความคิดต่ออย่างจริงจัง

ห้องของทาโนเอะคงไม่ได้แน่นอน เขาจะไปขอหญิงสาวนอนด้วยไม่ได้ มันไม่เหมาะสม ดังนั้น...ก็เหลือแต่ห้องของเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ว่า...ดึกขนาดนี้ เด็ก ๆ คงจะเข้านอนกันหมดแล้ว เขาจะไปขอนอนด้วย ก็ต้องปลุกสิเนี่ย

ไม่ดีแน่ ๆ เด็กกำลังกินกำลังโต เขาจะเอาเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ไปรบกวนได้ยังไง เรย์จิคิดต่ออย่างเสร็จสรรพ

และที่สำคัญ...เขาต้องโดนล้ออีกแน่ ๆ เลย

นั่นล่ะประเด็นหลัก!

...จริงสินะ…อย่าไปรบกวนเด็ก ๆ ท่าจะดีกว่า... เรย์จิคำนวณต่ออย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนล้อไปอีกหลายวัน

ของแบบนี้...ถึงจะพอทำใจได้ แต่มันก็เขินนะ เกิดหนักข้อเข้าอายะคุงคิดทำตามที่ล้อขึ้นมา เขาจะซวยของจริงล่ะทีนี้

ถ้าอย่างนั้น...ก็เหลืออีกแค่ห้องเดียวเท่านั้น

ห้องของซากุระคุง!

แค่คิดต้นคอก็เย็นวาบ สายตาดุดันชวนสยองเมื่อเย็น ยังจำได้ดี

เขาจะทำยังไงดี...ห้องนอนเดิมก็มีหมาจิ้งจอกสองตัวรอขย้ำเขา...ส่วนห้องซากุระคุง...คล้ายจะเป็นสิงโตมากกว่า ดวงตาเรียวยาวแฝงรังสีอำมหิตนั่น คล้ายพร้อมจะฆาตกรรมคนได้ทุกเมื่อเชียวนะ

...แต่ว่า อย่างน้อยก็ดีกว่าเสียพรหมจรรย์ไม่ใช่เหรอ!

ซากุระคุง แท้ที่จริงแล้ว ก็ไม่ได้โหดอะไรมากมายนัก ออกจะใจดีกับเด็ก ๆ มากอยู่ แม้ว่าตอนเขาขอไปนอนด้วยจะโหดมากหน่อยก็เถอะ

เอาก็เอา เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

ร่างแข็งแรงปิดน้ำลง หลังจากหาข้อสรุปให้กับตัวเองได้ เผลออาบซะเนิ่นนานเพราะความคิดมากของตัวเอง แต่ก็ตัดสินใจได้สักที ร่างของเขาสั่นน้อย ๆ รู้สึกหนาวเป็นครั้งแรก สงสัยคงเพราะอาบนานไปหน่อย น้ำเย็นจัดในตอนดึก ไม่ใช่เรื่องดีต่อสุขภาพเลย โชคดีว่าเขาเองเป็นคนแข็งแรง แค่นี้ยังเรื่องเล็ก เด็กหนุ่มเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนรีบแต่งตัวอีกครั้ง

เสียงเคาะที่ประตูห้องน้ำเบา ๆ เล่นเอาเขาสะดุ้ง "เรย์จิ นายอาบน้ำเสร็จรึยัง อาบนานไปแล้วนะ" เสียงใสดังผ่านประตูเข้ามา ร่างในห้องน้ำหันรีหันขวาง แล้วรีบพูดขึ้นว่า

"ผม...จะเสร็จแล้วครับ แต่เอ้อ...เมื่อกี้...ผม...ผมคุยกับซากุระคุงแล้ว เขาบอกว่าให้ผมนอนห้องเขาได้"

คนหน้าประตูชะงัก ใบหน้าใสลอบยิ้ม "อ้อ งั้นเหรอ"

"คะ..ครับ ใช่แล้วครับ!"

"ถ้างั้นคืนนี้...?"

"อายะคุงนอนได้เลยนะครับ ไม่ต้องห่วงผม" เขาพูดเร็วปรื๋อ

"โอเค อ้าว แล้วฟูกล่ะ" คนถามยังคงไม่จบ

"มะ...ไม่เป็นไรครับ เตียงห้องซากุระคุงคงกว้างพอ พวกคุณนอนไปเถอะ เดี๋ยวผมอาบเสร็จผมจะไปนอนอีกห้องเอง วันนี้เหนื่อยกันมากแล้วนี่นะ" เรย์จิพยายามหว่านล้อมสุดชีวิต เขาได้ยินเสียงถอนหายใจหน้าห้องน้ำอย่างเสียดายนิดหน่อย ก่อนคนตรงนั้นจะตอบว่า "ถ้างั้นก็ตามใจนายละกัน หลับให้สบายนะ"

"ครับ เช่นกันนะครับ!" เสียงนั้นราวสวรรค์โปรด ในที่สุด...อายาเมะก็เลิกชวนเขาไปนอนด้วยสักที!

เด็กหนุ่มรู้สึกผิดเล็กน้อยที่โกหกออกไป เพราะเขายังไม่ได้ไปคุยกับซากุระคุงเลย แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจำเป็นต้องพูดไปแบบนั้นก่อน…

ก็คงต้องพยายามมองโลกในแง่ดี ว่าอีกฝ่ายคงให้เขาได้นอนด้วยนั่นแหละน่า!


…………………………………………………………..


ร่างบอบบางหน้าประตูห้องน้ำจึงเดินกลับห้อง พอเห็นชายหนุ่มที่นั่งเอนกายรอบนเตียง ใบหน้าใสก็ส่งยิ้มน่ารักแกมเจ้าเล่ห์ไปให้

"เห็นมั้ย ชั้นบอกแล้ว คืนนี้...เราจะได้อยู่กันสองต่อสองแล้วล่ะ"

ฮิโรอากิมองมาพลางส่ายหน้าเบา ๆ รู้ดีถึงแผนการของราชินี ที่กระซิบกระซาบบอกเขาให้ทำตามแผนเมื่อตอนก่อนเรย์จิจะต้องเผ่นออกจากห้องไป

"นายไปแกล้งเรย์จิแบบนี้ไม่ดีนะ น่าสงสารเขาจะตาย" น้ำเสียงนุ่มมีแววตำหนิเล็กน้อย

"แหม ฮิโระคุง หรือว่านายไม่อยากอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับชั้นคืนนี้ล่ะ" อายาเมะค้อนให้อย่างงอน ๆ

มือแข็งแรงคว้าเอวบางลงมานั่งบนตัก พลางกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู "ทำไมจะไม่อยากล่ะ คิดว่าฉันอดทนมานานแค่ไหนกัน กว่าจะได้กอดนายอีกครั้งแบบนี้"

"ก็เหมือนกันนั่นแหละน่า" เสียงคนในอ้อมกอดตอบ รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รินรดต้นคอขาว ทำให้อารมณ์อ่อนไหวยิ่งพุ่งสูง ร่างบนตักพลิกตัวเข้าหา มือเรียวบางโอบรอบคอหนาพลางกระซิบ

“ชั้นเองก็รอนายมานานมากแล้ว …จนคิดว่าคงต้องไปกอดนายในนรกเสียอีก”

นิ้วแข็งแรงแตะริมฝีปากนุ่มเบา ๆ พลางพึมพำแกมขอร้อง “อย่าพูดเรื่องตายอีกได้ไหม ฉันไม่อยากได้ยินมันอีกแล้ว”

“เอาน่า…ชั้นไม่ยอมตายง่าย ๆ อีกแล้วล่ะ เพราะชั้น…ไม่อยากเห็นนายตายอีกรอบนี่นา” คนพูดพึมพำพลางซุกไซ้ที่อกกว้าง สัมผัสที่เปียกชื้น รู้สึกได้ว่าเป็นน้ำตา มือแกร่งจึงเชยคางได้รูปนั้นขึ้นมามองให้ชัด

“อย่าร้องไห้สิ ฉันขอโทษ…”

ร่างบอบบางส่ายหน้าเบา ๆ “นายไม่ผิดหรอก ชั้นเองก็..หลอกลวงนายไว้เยอะเหมือนกัน”

“ไม่หรอก ฉันน่ะผิด ที่คิดว่าถ้าทำแบบนั้น…นายจะคิดถึงแต่ฉันคนเดียว”

อายาเมะมองหน้าอีกฝ่าย “ว่าแต่ว่า นายรอดตายมาได้ยังไง”

คนด้านล่างโอบกอดร่างบอบบางไว้กระชับกว่าเดิม “จริง ๆ แล้วในตอนนั้น ฉันรู้มาตลอด ว่านายมีแผนการบางอย่าง เพื่อหลอกเอาสิ่งที่ฉันมีอยู่ไปให้ได้”

“ฮึ ก็ชั้นบอกนายอยู่แล้ว ว่าจะมาขโมยของนี่” ร่างบนตักขยับตัวขึ้น แล้วกดอีกฝ่ายให้เอนกายลงบนเตียงนุ่มนั้น ซึ่งฮิโรอากิก็มิได้ต่อต้าน สัมผัสที่คุ้นเคย ทำให้ร่างกายตอบรับได้ง่ายดายกว่าเดิมมากมายนัก แม้จะห่างหายมานานนับปี

“ก็นั่นแหละ นายเล่นทำตัวคลุมเครือ ใครจะไปเข้าใจได้ง่าย ๆ” เขาพูดต่อ ปล่อยให้มือซุกซนด้านบน ปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตของเขา ดวงตาคมเข้มสบตาหวานแล้วรั้งใบหน้านั้นเข้ามาจุมพิต ปลายลิ้นนุ่มไล้ไรฟันขาวของอีกฝ่ายเชิงเชิญชวน ปากอิ่มแกล้งงับเรียวลิ้นนั้นไว้แกมดูดกระตุ้น ก่อนเผยอรับกระหวัดเกี่ยว ประกบเข้าหาแนบแน่นกว่าเดิม รสชาติหอมหวานที่ชวนลิ้มลอง ให้รู้สึกเสียดายยามผละจาก ริมฝีปากนั้นจึงสัมผัสกัน ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างดูดดื่ม

หลังจากการจูบเนิ่นนานจนแทบลมหายใจขาดห้วง ร่างด้านบนก็บ่นพึมพำ “อย่ามาจูบเบี่ยงประเด็นนะ บอกมาซะดี ๆ”

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ “ฉันกลัวนายจะโกรธนี่นา สัญญาก่อนสิว่าจะไม่โกรธ แล้วจะเล่าให้ฟัง”

คนด้านบนขบริมฝีปากครุ่นคิด “ก็ได้… แต่เล่ามาให้หมดตามความจริงล่ะ”

“ครับ สุดที่รัก ทาสที่ดีไม่กล้าโกหกราชินีของเขาหรอก”

ใบหน้าใสเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ “พูดอะไรแบบนั้น…”

“ฉันเป็นทาสนาย ตั้งแต่ตอนโดนนายจับขึงวันนั้นแล้ว” ฮิโรอากิพูดพลางหัวเราะ ร่างบอบบางเสมองด้านข้างพลางพึมพำ “นายจะบอกว่า..ชอบชั้นเพราะโดนชั้นจับนายขึงงั้นเรอะ”

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง” ฮิโรอากิตอบ มือของเขาค่อย ๆ เปลื้องเสื้อผ้าอีกฝ่ายบ้าง

“เล่ามาให้หมดก่อน ไม่งั้นไม่ให้ทำจริง ๆ ด้วย” ดวงตาคู่งามค้อนควับ “เล่าให้ดีด้วยล่ะ”

ชายหนุ่มอมยิ้ม “จริง ๆ แล้ว เพราะฉันรู้มาตลอด ว่านายมีแผน ครั้งสุดท้ายที่โกหกนั่น…ฉันก็รู้ เลยวางแผนซ้อนแผนขึ้นมา รู้มั้ย ตำแหน่งที่ฉันฝังชิปส์ไว้ ไม่ได้ตรงหัวใจพอดีหรอก หมอน่ะ เคยบอกไว้ว่า ถ้าฝังตรงหัวใจพอดี อาจจะมีอันตรายกับการเต้นของหัวใจได้ ถึงจะฝังไม่ลึกก็เถอะ ดังนั้น พอเอาชิปส์ออกมา แล้วแทงซ้ำลงไป มันเลยไม่โดนหัวใจ"

"รอยเลือดที่กินวงกว้างช่วยลวงตาได้อีกชั้น และที่สำคัญ มีดนั่นก็ไม่ได้ถูกดึงออก ทำให้ไม่เสียเลือดเยอะมากนัก นายเองก็ไม่ได้เช็คให้ดี รีบร้อนออกไป เลยคิดเอาเองว่าฉันตายไปแล้ว แต่นั่นก็เกือบจะไม่รอดเหมือนกัน ถ้าไม่ได้เตรียมอุปกรณ์เรียกคนฉุกเฉินเอาไว้ใกล้ตัวเสียก่อน" เขาเล่าต่อไป ทุกอย่างเห็นได้ชัด ว่าเตรียมการไว้เป็นอย่างดี

คนด้านบนชะงัก “อ๊ะ ถ้าอย่างนั้น…” คิ้วเรียวขมวด  “นายก็…โกหกชั้นน่ะสิ!”

“นายสัญญาแล้วนา…ว่าจะไม่โกรธน่ะ” ฮิโรอากิรีบท้วง หากอีกฝ่ายเบือนหน้าหนี

ริมฝีปากบางเม้มแน่น “นาย…ไม่ได้คิดจะตายอยู่แล้วสินะ” ดวงตาคู่นั้นรื้นไปด้วยน้ำตา “มีแค่ชั้น…ที่คิดไปเอง เข้าใจไปเอง…ว่านาย รู้ทั้งรู้ว่าถูกชั้นหลอก แต่ก็ยัง…”

“ต้องให้ฉันตายจริง ๆ นายถึงจะรักฉันงั้นเหรอ” เสียงเข้มเริ่มซีเรียส

“มัน…ไม่ใช่…แต่ว่า…” ร่างบอบบางเริ่มลังเลใจ เขาเองก็ผิด ที่เป็นฝ่ายหลอกลวงเช่นกัน การโดนหลอกกลับ มันก็สมควรแล้วนี่ แต่ว่า…คำลวงจากอีกฝ่าย กลับทำให้เขาเจ็บ…มากมายนัก

ชายหนุ่มสบตาอีกฝ่ายแน่วแน่ “ฉันแกล้งตายก็จริง เพราะตอนนั้น ฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องสะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน และอีกอย่าง..ฉันรู้ดี ว่าถ้าฉันไม่ทำเป็นตาย แต่บอกไปว่าฉันรู้ ว่านายโกหก…คนที่ตายจะเป็นนาย”

สีหน้าของฮิโรอากิแสดงความรู้สึกผิดอย่างชัดแจ้ง “…ขอโทษ ที่โกหกนาย แต่ว่า…ถ้านายต้องการ ฉันยอมตายอีกครั้งก็ได้ นายคิดว่าแผนการที่ฉันวางไว้นั่นปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์เหรอ หมอยังบอกกับฉันเอง ว่าการแทงนั้น เปอร์เซ็นต์รอดมีไม่ถึง 30% หรอก ถ้าช่วยไม่ทัน แต่ถึงจะต้องตาย...ฉันก็ไม่สนใจหรอก เพียงแต่ว่า”

ชายหนุ่มมองดวงตาสวยคู่นั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ "...แววตาที่เจ็บปวดของนาย ตอนเห็นฉันล้มลง ถึงมันจะเป็นแค่วูบเดียว ที่นายแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมา แต่มันก็ทำให้ฉันเจ็บตามไปด้วย เจ็บ..มากกว่าบาดแผลที่ได้รับมากมายนัก ฉันเลยต้องรอดให้ได้...เพื่อไม่ให้นาย ต้องเจ็บปวดเช่นนี้อีก"

คนฟังยังคงนั่งนิ่งไม่ตอบคำ ร่างสูงจึงหายใจเข้าลึก พลางเล่าต่อไป “พอปล่อยข่าวการตายของฉันออกไป พร้อมกับมอบชิปส์นั้นให้นาย ฉันก็สามารถสืบข่าวต่อไปได้ว่า ใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง ฉัน…ไม่ต้องการที่จะตาย แล้วปล่อยนายเอาไว้ในโลกมืดแบบนั้นอีก และอีกอย่าง…ฉันยังมีภาระ ต้องล้างแค้นให้พ่อ…กับซายะด้วย”

น้ำเสียงนุ่มหยุดชะงักเล็กน้อย แล้วตัดสินใจเล่าต่อ “และตอนนั้น…ฉันก็ได้รู้ว่า มีองค์กรน่ากลัวอยู่เบื้องหลัง คนพวกนั้น…เป็นกลุ่มสร้างนักฆ่าอาชีพที่น่ากลัวนัก ฉันพยายามสืบจนได้พบกับเรอิจิ และร่วมมือกับเขา เพื่อช่วยนาย”

“ตั้งแต่ตอนนั้น…” เสียงเครือสะอื้นพึมพำแทรก “สองปีแล้วนะ…ทำไม…นายถึงพึ่งจะโผล่มา”

“มันจำเป็น” เขาตอบอย่างหนักแน่น “ถ้านายเจอฉันก่อนหน้านี้…นายจะต้องฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็หยุดนายไม่ได้”

“ใช่…ถ้านายรอด ชั้นจะตาย” อายาเมะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวเป็นเรื่องปกติ “มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ…”

“ไม่…ไม่ดีแน่ ฉันไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้น…และก็เพราะเหตุนั้น เรอิจิจึงไม่ยอมให้ฉันได้พบหน้านาย จนกว่าจะแน่ใจ…ว่าจะเปลี่ยนโปรแกรมจิตใจของนาย ที่จะการจัดการตัวเองเมื่องานล้มเหลวนั้นได้สำเร็จ” มือของเขาซับน้ำตาจากดวงตาคู่สวย 

“เพราะนายเปิดใจให้เรย์จิ นั่นทำให้พวกเราคิดว่า การปรากฏตัวในยามนี้ น่าจะได้ผลที่ปลอดภัยกว่า”

“แต่ถ้า…มันไม่ได้ผลล่ะ” อายาเมะค้านขึ้น

แขนอ่อนโยนโอบกอดร่างนั้นไว้แผ่วเบา “ฉันก็บอกแล้ว ไม่ว่านายจะฆ่าตัวตายสักกี่ครั้ง…ฉันก็จะพยายามหยุดมันไว้ แต่ถ้านายทำมันสำเร็จล่ะก็…ฉันจะไปกับนาย” ฮิโรอากิพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“โกหก…อีกรึเปล่า” ร่างบอบบางถามอย่างไม่ไว้ใจนัก

“คิดว่าฉันโกหกรึเปล่าล่ะ” ฮิโรอากิถามกลับ

อายาเมะส่ายหน้าทั้งน้ำตา เป็นน้ำตา…ที่ไม่อาจจะห้ามให้หยุดไหลได้ ไม่ว่าจะเช็ดออกสักแค่ไหนก็ตาม

“ชั้นเชื่อนาย…ถึงนายจะโกหก ชั้นก็ยังเชื่อนาย …เพราะ…หัวใจของชั้น เป็นของนายแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้น…” น้ำเสียงสั่นครือกลับมั่นคงมากขึ้น ดวงตาที่สบกัน ยังคงจ้องมองตาไม่กระพริบ “นายทำสำเร็จ…หัวใจของชั้น ถูกนายขโมยไปแล้ว”

“หัวใจของฉัน ก็เป็นของนายเช่นกัน” เขากระซิบตอบ เป็นคำตอบที่มั่นคง…และไม่มีวันเปลี่ยนแปร

“อืม” คนฟังรับคำ พอเข้าใจแล้ว ก็กลับเขินมากขึ้นเสียอย่างนั้น ร่างที่เปลือยเปล่าแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ ยังคงถูกลูบไล้แผ่วเบา เป็นสัมผัสที่คุ้นเคย สัมผัสที่โหยหา…มาตลอด

เป็นสัมผัสที่ไม่คิดว่า ชาตินี้จะได้รับอีกต่อไปแล้ว

“ฉันรักนายนะ…รัก…มากที่สุด” เสียงนุ่มยังคงพึมพำ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ร่างบอบบางทาบทับด้านบน ดวงตาคู่สวยมองมาแล้วยิ้ม “อื้ม รู้แล้วล่ะ…ทำให้ร่างกายชั้น รู้สึกถึงความรักของนายด้วยสิ” เสียงหวานเชิญชวน เรียวขาคู่งามคร่อม ขยับไล้เสียดสีปลุกปั่นจนคนด้านล่างหลุดเสียงครางแผ่ว

"นายนี่นะ เดี๋ยวจับแต่งชุดแมวอีกรอบเลย" ฮิโรอากิพึมพำ ท่าร่างปราดเปรียวเย้ายวนจากคนด้านบน ไม่ผิดไปจากแมวตัวหนึ่ง...เป็นแมว ที่กำลังจะลิ้มชิมรสอาหารที่มันชื่นชอบอยู่เสียด้วย

ลิ้นนุ่มไล้เลียแผ่นอกกว้างแทนคำตอบ เสียงเมี้ยวแผ่วเบาทำเอาเขาอมยิ้ม

มือหนาลูบบั้นท้ายเรียบลื่นที่ยกโด่ง เจลใสถูกบีบตามก่อนลูบไล้ซ้ำ สะโพกบางส่ายน้อย ๆ ยิ่งทำยิ่งเชิญชวน

"เตรียมพร้อมเชียวนะ" อายาเมะว่าพลางยิ้มหวาน ลิ้นสีชมพูเลียปากสีสดอย่างกระหาย "ชั้นอยากกินนายเร็ว ๆ ซะแล้วสิ"

"อย่าใจร้อนน่า เดี๋ยวก็เจ็บกันพอดี" เสียงนุ่มปรามซ้ำ ก่อนค่อย ๆ ขยับไล้นวดคลึงช่องทางปิดเนิบช้า สัมผัสที่คับแน่นจนยากล่วงล้ำ ทำให้คนทำชะงัก

"นายไม่ได้ทำกับใครเลยรึไง ผ่านมาตั้งสองปีแล้วนะ"

ทั้ง ๆ ที่อายาเมะ...ออกไปข้างนอกทุกคืน แต่ไม่น่าเชื่อ ว่าราชินีหนุ่ม ไม่เคยยอมทอดกายให้ใครอีกเลย

"อื้อ..." ร่างกายที่ตอบรับอ้ากว้างกว่าเดิมยามถูกปลุกเร้า "ชั้นรักนายนะ...รักนายคนเดียว ชั้นไม่ต้องการ...ให้ใครมากอดทั้งนั้น...ถึงนายจะไม่อยู่แล้ว ชั้นก็ยังจะเป็นของนาย" เสียงหวานพูดราวสารภาพรัก ทำให้คนฟังอมยิ้ม

"นายก็น่ารักแบบนี้แหละนะ ถ้าไม่ได้สัมผัส ฉันอาจจะคิดว่านายโกหกอีกก็ได้"

น้ำตาเริ่มปริ่มดวงตางามอีกรอบจนได้ "คนบ้า..ใครจะหลอกกันอีกล่ะ ชั้นในตอนนี้ ไม่เหมือนตอนนั้นอีกแล้ว...ไม่ว่าจะยังไง ชั้นจะไม่หลอกลวงใครอีกแล้ว...จริง ๆ นะ"

"เข้าใจแล้ว อย่าร้องไห้ไปเลยนะ"

ริมฝีปากที่สัมผัส ร่างกายที่แนบชิด จุดความเร่าร้อนของกันและกันได้เป็นอย่างดี ปลายนิ้วที่ล่วงล้ำ แทรกลึกทีละน้อย ความหอมหวานของกันและกันในอดีตยากจะลืมเลือน และในตอนนี้ มันได้หวนกลับมาอีกครั้ง

ดวงตาเปียกชื้นยังคงรื้นด้วยน้ำตา เสียงหวานครางสูงยามร่างกายถูกแทรกลึก ร่างสั่นน้อย ๆ เกร็งบีบรัดจนปั่นป่วน การขยับเพียงเนิบช้า ยิ่งเสียดสีจนวาบหวาม ติ่งหูนุ่มถูกขบกัดแกมดูดดึงแผ่วเบา กระตุ้นปลุกเร้าจนยากจะต้านทาน คนด้านบนโอบร่างหนาแนบแน่นเมื่อรู้สึกได้ถึงการสวนร่างเข้าหา

"อึ้ก...อา...ตรงนั้น..." เสียงกระเส่าร่ำร้อง รู้สึกได้ถึงสัมผัสอ่อนโยนภายใน สะโพกบางขยับสวน มือที่ไขว่คว้า โอบหลังแกร่งไว้ ยิ่งทำยิ่งต้องการให้อีกฝ่ายเติมเต็มให้โดยไวกว่าเดิม

มือแข็งแรงจับเอวคอดพลางช่วยกึ่งประคอง ซุกไซ้ซอกคอขาวก่อนจูบย้ำประทับตรา รอยจูบหนักหน่วงเรียกเสียงได้ดังขึ้นอีก ราชินีหนุ่มจอมมาโซกดร่างลง ภายในที่ตื่นตัว ยังคงเคลื่อนไหวสวนขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"อ๊า...อื้อ...อีก...อีกสิ" ร่างระหงเร่งเร้า อ้อนวอนขอไม่หยุด ยิ่งทำยิ่งเร่าร้อนจนคนด้านล่างหายใจหายคอแทบไม่ทัน

"อา...ช้าหน่อยก็ได้ที่รัก นายจะกินฉันไปทั้งตัวแล้วนะ"

คนด้านบนยิ้มหวานท่าทางสุดเซ็กซี่ ยังไม่หยุดยั่วเลยด้วยซ้ำ "ชั้นจะกินนายตั้งแต่หัวจรดเท้านั่นแหละ เตรียมตัวไว้ให้ดีได้เลย!"

ร่างนั้นโน้มเข้าหา เก็บเกี่ยวไออุ่นของกันและกัน อ้อมกอดที่แนบแน่น รอยยิ้มทั้งน้ำตา ที่มีให้แก่กัน

ราตรีนี้ยังยาวนานนัก และพวกเขา...ก็ต้องการกันและกัน มากเกินกว่าอะไรทั้งนั้น

มันเป็นความรัก...ที่รอคอยมาเนิ่นนานนักแล้ว

และคืนนี้ ก็เป็นคืนแรก...ที่พวกเขาจะได้กอดกัน โดยไม่มีความเคลือบแคลงใจหรือการหลอกลวงอีกต่อไป....

...เป็นความสุข ที่มาเยือนเสียที

...สำหรับคู่รักคู่นี้...


....................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 9 อัพ 19-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 19-03-2010 17:00:06
ในเวลาเดียวกัน ที่หน้าห้องของซากุระ ร่างสูงของเรย์จิ ยังคงเดินวนซ้ำแล้วซ้ำอีก เสียงชวนวาบหวามจากห้องด้านข้าง ซึ่งเป็นอดีตห้องของเขาเอง ทำให้เด็กหนุ่มเขินจนหน้าแดงฉาน

สองคนนั้น...ไม่คิดจะเก็บเสียงกันบ้างเลยใช่มั้ยเนี่ย ถ้าเด็ก ๆ ตื่นมาได้ยินล่ะ จะเป็นยังไง

คิดไปพลางเดินวนไม่หยุด จะเคาะประตูก็กลัวจะรบกวน ยิ่งสายตาสุดโหดนั่น ถ้าถูกปลุกกลางดึก จะเป็นอย่างไรกันนะ

นึกถึงอายาเมะในคืนแรก ที่เขาทำให้ตื่นทั้ง ๆ ที่ยังงัวเงีย ยังน่ากลัวขนาดนั้น

แล้วซากุระ ที่น่ากลัวกว่าอายาเมะเป็นร้อยเท่า จะไม่ยิ่งโหดกว่าหรือ ถ้าถูกปลุกแบบเดียวกัน

คิดแล้วเขาก็ยังคงเดินวนต่อไป พลางนึกสมเพชตัวเองอยู่ไม่น้อย จะนอนหน้าห้องนี่ก็ยังทำไม่ได้เลย เพราะเสียงจากห้องฝั่งตรงข้าม ช่างทำให้เขารู้สึกสยิวจนนอนไม่หลับเอาเสียแล้ว แถมยังมีทีท่าว่าคงจะไม่หยุดยันเช้าแน่ ๆ เด็กหนุ่มค่อนข้างแน่ใจ

จะบ่นก็ไม่ได้ เพราะทั้งคู่นั้น กว่าจะได้พบกัน ลงเอยกันด้วยดี ก็ผ่านอุปสรรคมามาก จนน่าเห็นใจอยู่

แต่ว่า...แล้วเขาล่ะ?

จะทำยังไงดี?

ทันใดนั้น ประตูที่ปิดอยู่ ก็ถูกเปิดออก เด็กหนุ่มหน้าประตูสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นใบหน้าสวยอ่อนเยาว์หากราบเรียบไร้อารมณ์ จ้องมองเขาด้วยดวงตาอันน่ากลัวจนหนาวเยือก

"มาทำอะไรหน้าห้องคนอื่น"

เสียงหวานถาม แต่คนถูกถามนั้นอึ้งไปแล้ว

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เลยทีเดียว กว่าที่เด็กหนุ่มจะตั้งสติกลับคืนมาได้

"ซา...ซากุระคุง วันนี้ขอผมนอนด้วยคนได้ไหมครับ" เสียงอ่อย ๆ ของเด็กหนุ่ม เริ่มต้นด้วยการขอร้อง

ความเงียบเป็นคำตอบที่เขาไม่อาจคาดเดาอะไรได้เลย เรย์จิมองอีกฝ่ายอย่างลังเล แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เด็กหนุ่มยังคงพล่ามต่อไป "เอ้อ...ห้องผม...เอ่อ กับอายะคุงแล้วก็...ฮิโรอากิคุง...พวกเขา...ผมไม่อยากเป็นไส้แซนวิช เอ๊ย มะ..ไม่ใช่ครับ คือ..ผมไม่อยากรบกวนการรื้อฟื้นความหลังของพวกเขา ผมเลย...เอ่อ.."

"ก็เลยจะมานอนกับฉันแทน?"

เสียงนั้นยังคงอยู่ในโทนระดับเดิม ไม่มีคาดคั้นหรือกดดันแต่อย่างใด หากความรู้สึกของคนถูกถาม มันกลับกดดันกว่าเดิมหลายร้อยเท่า เพียงแค่ดวงตาเรียวยาวคู่นั้น จ้องมองมาตรง ๆ เท่านั้น

...ไม่ได้สินะ เขาก็รู้อยู่แล้ว...

"ผมบอกอายะคุงไปแล้ว แต่ถ้า...ถ้าซากุระคุงไม่สะดวก...ผมลงไปนอนในครัวชั้นล่างก็ได้ครับ" เด็กหนุ่มว่าพลางหันหลังเดินคอตกจากไป

"เดี๋ยวก่อน" เสียงใสนั้นเรียกไว้ เล่นเอาคนเดินไปชะงัก เขาหันมามองอย่างค่อนข้างลังเลใจ คำพูดก่อนหน้านั้นที่อีกฝ่ายขู่ไว้ยังจำได้ดี ถ้ายังคิดจะมีชีวิตรอด อย่าได้ขอนอนห้องนี้

เด็กหนุ่มเริ่มเหงื่อซึมจนเย็นวาบ ขนลุกโดยไม่ทราบสาเหตุ

"อ๊ะ...ผมขอโทษครับ ที่มารบกวนกลางดึก" เรย์จิรีบก้มศีรษะให้อย่างตื่น ๆ ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะอาละวาดเพราะหงุดหงิด สองเท้าขยับเตรียมเผ่น ก่อนเรื่องราวจะเลวร้ายไปกว่านี้

"ไม่ต้องไปหรอก" เสียงเรียบ ๆ พูดขึ้น

"หา?" คนฟังอุทานอย่างงุนงง

ดวงตาคู่นั้นดุวาบขึ้นอีก "อย่าต้องให้พูดหลายรอบ เข้ามา"

หลังจากอึ้งไปอีกรอบอย่างคาดไม่ถึง เรย์จิก็หันควับกลับไปมองตรง ๆ

ซากุระคนนั้น...อนุญาตให้เขาเข้าห้อง?

ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ราวกับว่าห้องส่วนตัวนั้น เป็นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ห้ามคนนอกเยี่ยมกรายเข้ามาก็ไม่ปาน

เจ้าของห้องเหลือบมองอีกรอบเป็นนัยว่าจะมาหรือไม่มา ทำให้คนยืนค้างรีบก้าวตาม "อะ ครับ ๆ ผมเข้าไปนะครับ"

ห้องนั้นโล่งกว่าที่คิด เตียงแบบเดียวกันกับห้องของอายาเมะ จัดวางไว้มุมด้านหนึ่ง เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ทำให้ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ข้าวของที่มีไม่กี่่ชิ้น กับสภาพห้องที่ว่างเปล่า กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป คน ๆ นี้...คงคุ้นเคยกับการอยู่คนเดียวแบบนี้ มานานมากแล้ว

"เอ่อ...ผมคง ไม่ได้รบกวนนะครับ" เรย์จิถามอย่างไม่มั่นใจนัก

"ฉันไม่ได้อยู่ร่วมห้องกับใคร...ที่ยังมีชีวิต นานมากแล้ว" เสียงพึมพำทำเอาคนเดินตามแอบหนาวเยือก

พอเข้ามาแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นโชว์ จะพูดต่อก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้าหูอีกฝ่ายมั้ย จะเข้าไปนอนร่วมเตียงเลย ก็กลัวจะโดนอีกฝ่ายฆาตกรรมเอาซะก่อน เขาเลยได้แต่ยืนลอบมองอีกฝ่ายอย่างละล้าละลังทำตัวไม่ถูกเสียอย่างนั้น

ร่างบอบบางผอมสูงของซากุระ เดินตัวตรงไปทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง แล้วพูดต่อไป "แต่คนธรรมดา เขาคงนอนด้วยกันได้สินะ"

"คะ...ครับ" เรย์จิรับคำเมื่อถูกมองมาด้วยสายตาที่น่ากลัวเหมือนเดิมอีกครั้ง

"นายจะนอนห้องนี้ด้วยก็ได้...แต่ว่า ห้ามขึ้นมาบนเตียงเด็ดขาด ถ้าไม่อยากตาย!" อีกฝ่ายกางอาณาเขตเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะโยนหมอนและผ้าห่มให้ "นอนไปก่อนข้างเตียงนี่ แล้วพรุ่งนี้หาฟูกมาปูเอง"

เขาว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอน จากนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนอีกเลยจากท่านั้น ทิ้งให้เด็กหนุ่มมองมาอย่างงง ๆ แต่จะอย่างไร เขาก็คงไม่กล้าขึ้นเตียงอยู่แล้ว เพราะรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่กางกั้นบริเวณนั้นไว้อย่างชัดแจ้ง

ร่างสูงของเด็กหนุ่มจึงได้แต่ถอนหายใจยาว ก่อนจะปูผ้าห่มลงกับพื้น นอนแบบนี้เขาก็ไม่ได้รังเกียจนักหรอก อย่างน้อย...การที่เขาได้นอนในห้อง นั่นก็นับว่าผิดคาดไปมากแล้ว

เด็กหนุ่มลังเลนิดหน่อย แล้วขยับไปปิดไฟในห้องนั้น ซากุระคงไม่ได้เป็นแบบอายาเมะ ที่ไม่อาจนอนในห้องมืด ๆ ได้

"ราตรีสวัสดิ์นะครับ" เขาพึมพำแผ่ว แล้วนอนตรงที่ ๆ ปูผ้าไว้

ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ นอกจากเสียงลมหายใจแผ่วเบา ทำทีเป็นหลับ

เรย์จิข่มตาลง พยายามจะนอน รู้ดีว่าเหนื่อยมามากจนต้องการพักผ่อนแล้ว แต่ตาเจ้ากรรมดันสว่างเกินกว่าจะหลับได้ อาจจะเพราะเพื่อนร่วมห้องแปลกหน้า ที่ทำให้ใจเต้นระทึกได้ตลอดเวลาผู้นี้ ไม่รู้ทำไม กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังรู้สึกว่า…สายตาของอีกฝ่าย ยังคงจ้องมองมาไม่กระพริบเลยด้วยซ้ำ

มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่เขาเองก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่ตอนนี้…เขารู้สึกราวเป็นเหยื่อ ที่ถูกจับตามอง สายตาในความมืด เสียดแทงจนกระทั่งข่มตาหลับก็ยังไม่กล้า ราวกับว่าคนบนเตียง จงใจปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมากางกั้นตัวเองอีกชั้น

เพื่อความปลอดภัย?

ทำไมกันล่ะ?

เด็กหนุ่มแอบสะดุ้งกว่าเดิม เมื่อในเงาตะคุ่มอันมืดมิดขยับตัว ร่างสูงของซากุระกลับผุดลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเรียวยาวคู่นั้น ยังคงมองมาเช่นเดิม โดยไม่พูดไม่จา แถมยังนั่งนิ่งแบบนั้น ราวกับตุ๊กตาหิน ไม่มีการขยับเขยื้อน

ระหว่างที่เรย์จิแทบจะกลั้นใจนอนให้นิ่งที่สุด เพราะกลัวสายตาพิฆาตในความมืดของซากุระ ร่างสูงโปร่งบางบนเตียง ก็ยังคงมองอยู่ สายตาที่สามารถมองในความมืดได้ดี ถูกฝึกฝนมาแต่เยาว์วัย เสียงลมหายใจจากคนด้านข้างที่สัมผัสได้ ฟังดูอบอุ่นชอบกล

...นานแค่ไหนแล้ว ที่เขาต้องนอนคนเดียวแบบนี้

เรย์จิเป็นคนที่สอง…นับตั้งแต่ฆ่าคนมา ที่เขา…ยอมให้นอนร่วมห้องด้วย…ทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิต!

ดวงตาคู่นั้นกลับทอแววเศร้าลงวูบหนึ่ง เมื่อคิดถึงคนอีกคน…อดีตของเขา ที่แม้จะพยายามสักเท่าไร ก็ไขว่คว้าได้เพียงแค่เงา

เป็นคนที่ไม่อาจจะครอบครองได้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม

ลมหายใจยาวถูกระบายออกมา พร้อมความรู้สึกลึก ๆ ที่เก็บกดไว้

สายตาคมเหลือบไปเห็นร่างที่พยายามนอนนิ่งจนขาเริ่มชาเพราะเหน็บกิน ใบหน้าราบเรียบกลับมีรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างขบขัน เมื่อเห็นเรย์จิพลิกตัวอย่างพยายามให้เบาสุดชีวิต ด้วยความเมื่อยขบ

เรย์จิคงจะนอนไม่หลับ เพราะต้องนอนกับเขาในคืนนี้แน่ ๆ

ไม่ว่าใครที่ร่วมห้องด้วย มันจะเป็นเช่นนี้เสมอ เขาไม่รู้สึกแปลกใจนัก

“เอ่อ…นอนไม่หลับเหรอครับ" เสียงแผ่วแกมลังเลของเรย์จิถามขึ้นในที่สุด

ความเงียบเข้ามาแทนที่ เนิ่นนานก่อนจะมีคำตอบกลับมาว่า "ใช่"

เหงื่อเย็นเยียบชุ่มโชกแผ่นหลังเด็กหนุ่ม แต่เรย์จิก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือ "ขอโทษนะครับ ที่ผมมารบกวน"

คนบนเตียงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง "ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้มีงานอีก นอนซะ" คำพูดห้วน ๆ แต่แฝงความเป็นห่วงลึก ๆ ทำให้เรย์จิอดอมยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้

"คุณใจดีมากกว่าที่ผมคิดนะครับ" เขาพึมพำขึ้นเบา ๆ

คิ้วเรียวขมวดน้อย ๆ เมื่อได้ยินประโยคนั้น

"บอกให้นอนไง" เสียงดุกว่าเดิมดังขึ้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะนอนนิ่งไม่มีการขยับตัวอีก

เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจ รู้สึกได้ว่า ความตึงเครียดจากรังสีฆ่าฟันเมื่อครู่ กลับผ่อนคลายลงแล้ว ราวกับว่าอีกฝ่าย จะคลายการป้องกันลงอีกชั้น

พอรู้สึกโล่งกว่าเดิม เรย์จิก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย วันนี้นั้นเหนื่อยมามากจริง ๆ

ใบหน้ายามหลับใหลในความมืดดูน่าอิจฉานัก คนบนเตียงมองมาโดยยังคงไม่ขยับตัวใด ๆ

เป็นคนที่แปลกจริง ๆ เขาไม่เคยเจอใคร ที่พูดแบบนี้มาก่อน

เพียงคำพูดประโยคเดียวนั้น ลดความตึงเครียดในใจเขาได้โข

ใจดีงั้นเหรอ...

คนอย่างเขาเนี่ยนะ?

บางทีคน ๆ นี้...อาจจะเปลี่ยนแปลงเขาได้

เพื่อจะได้เป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่น ๆ เสียที

ท่าหลับที่ดูไร้ซึ่งการป้องกันใด ๆ แสดงให้เห็นถึงการเชื่อใจคนนอนด้วยมากมายนัก กับคนอย่างเขา...ทำไมจึงไว้ใจได้ขนาดนี้ ไม่รู้หรอกเหรอ ว่าเพียงแค่ขยับตัวนิดเดียว ชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ นี้ ก็ดับสูญได้ในพริบตา

เขามั่นใจว่าทำได้ และรู้ด้วยว่าเรย์จิเอง ก็รู้เช่นกัน

แผ่นหลังกว้างที่เปิดช่องว่างขนาดนี้ เขาเองยังไม่เคยทำ ไม่ว่าจะต้องนอนกับใคร เมื่อไหร่ ที่ไหนก็ตาม

ทำไมเชื่อใจเขา

ไม่เข้าใจเลย...มันคือวิธีการนอนของคนธรรมดางั้นหรือ?

แต่มันกลับให้เขาสบายใจขึ้นมาก

อยู่กับคน ๆ นี้ เขารู้สึกสบายใจจริง ๆ

ดวงตาเรียวยาวหลับลงในที่สุด แล้วหลับสนิทไปอย่างง่ายดาย ชนิดที่เจ้าตัวเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน!


- จบตอนที่ 9 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 9 อัพ 19-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 19-03-2010 18:02:23
เบื้องหลังของ ซากุระ เป็นไงหว่า แล้ว 2 คนนี้ใครจะเสร็จใครอ่ะ หุหุ ส่วนคู่โน้น  :a5:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 9 อัพ 19-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 19-03-2010 18:55:05
 :L2: :L2: เรย์จิจะคู่กับใครหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 9 อัพ 19-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 19-03-2010 19:32:40
อยากรู้อดีตของซากุระอ่ะ   :z3:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 9 อัพ 19-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 19-03-2010 20:20:55
อดกินแซนวิชใส้เรย์จิคุงเลย เย้ยย ไม่ใช่ อดอ่าน 3P เลย :laugh:
อายะคุงร้ายกาจอ่ะ ไล่เรย์จิ จะได้อยู่2 ต่อ 2 กับฮิโระคุง
ก็เข้าใจอ่านะว่าคิดถึงกัน
ชักอยากรู้อดีตของซากุระซะแล้ว
หรือว่าคนนี้จะเป็นคู่ที่แท้จริงของเรย์จิคุง  :-[
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 9 อัพ 19-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 19-03-2010 23:23:12
โถน่าสงสารเรย์จิ  โดยขับไล่ทางอ้อม 555555

อยากรู้จังว่าอดีตของซากุระเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 9 อัพ 19-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 20-03-2010 04:20:41
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ ชอบวิธีการเล่าเรื่องมากเลยค่ะ
สลับช่วงเครียด กับช่วงน่ารักๆได้ลงตัวมาก
แล้วพาร์ทล่าสุดที่คู่หวานของราชินีเค้าลงตัวกันแล้ว
เรย์จิเลยกระเด็นออกนอกห้อง เพื่อมาเริ่มเรื่องใหม่กับซากุระรึป่าว
จริงๆแอบลุ้นเรย์จิกับซากุระคุงตั้งแต่แรกแล้วค่ะ  จะมีหวังมั้ยเนี่ย
เรย์จินี่น่ารักมากๆค่ะ ว่าแต่คุณพ่อเรย์จินี่ไม่ธรรมดาเลยนะ
เข้าไปมีส่วนร่วมกับเหล่าคนหน้าตาดีมีเบื้องหลังได้ไงเนี่ย
รอลุ้นต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 10/1 อัพ 21-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 21-03-2010 11:18:25
ตอนที่ 10 Trick OR Treat? : รักหรือลวง?

(ตอนที่ 10/1)

Rate: NC-17, SM, Rape, Twincest


ใกล้ค่ำแล้ว ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสองของคลับหรู แขกผู้มาเยือนกำลังนั่งเอกเขนกรอคอยบนโซฟานุ่ม ประตูเปิดออก ใบหน้าใสมีรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นชายร่างสูงผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงเดินเข้ามาหา แล้วทรุดตัวนั่งด้านข้างอย่างคุ้นเคย

ร่างเล็กที่รออยู่ก่อนจ้องมองใบหน้าคร้ามแดดที่ดูแกร่งและสูงกว่าอีกครั้งชัด ๆ สีหน้าของคนผู้นั้นคล้ายยังอยู่ในห้วงความคิดบางอย่าง แต่แววตานั้นเป็นประกายกล้า แสดงให้เห็นได้ว่าเจ้าของดวงตานั้นตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว แม้จะยังมีความลังเลอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม

“เรียกชั้นมา คงจะมีงานสินะ” คนบนโซฟาถามเบา ๆ ดวงตากลมโตมองมาอย่างเป็นห่วง ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ เพราะรับรู้ความคิดกลัดกลุ้มจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีจากแววตาคู่นั้น ไม่ว่าจะเก็บซ่อนอย่างไรก็ปิดไม่มิด

ใบหน้าใสที่ดูน่ารักราวเด็ก ๆ แม้ว่าวัยที่แท้จริงจะย่างเข้า 23 แล้วมองคู่สนทนาอย่างจริงจัง เขารู้ดี ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ คนผู้นี้ ย่อมไม่ให้เขาออกทำงานแน่ ๆ

คนถูกถามนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น “ใช่ เป็นงานที่สำคัญมาก ฉันไม่ไว้ใจใคร…นอกจากนายคนเดียว” เขาตอบอย่างครุ่นคิด “แต่งานนี้ค่อนข้างอันตราย พวกมัน…ร้ายกาจกว่าที่ฉันคิดไว้มากนัก เราต้องเอาข้อมูลจากพวกมันให้ได้มากที่สุด และทำลายมันให้ได้ เพื่อการนี้ ฉันอยากให้นาย…เข้าไปใกล้ชิดกับคน ๆ หนึ่ง”

“หืม ใครกัน” คนบนโซฟาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ส่วนใหญ่งานของเขาคือการวางแผนกลยุทธ์ในที่ลับ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่จะต้องลงมือเอง เพราะเขานั้นคือมันสมองชั้นเลิศขององค์กร รวมถึงเป็นคนสำคัญระดับสูงผู้อยู่ในเงามืดเสียด้วย น้อยคนนักแม้กระทั่งคนในองค์กร ที่จะรู้จักกับเขา

“ยามาโนะ เรอิจิ” ร่างสูงว่าพลางส่งรูปถ่ายให้ จากภาพเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ที่อายุมากกว่าเขา คงจะอายุราว ๆ 35 ปีได้ ใบหน้าในภาพถ่ายมียักคิ้วหลิ่วตาให้พร้อมชูสองนิ้วสบตากล้อง แม้เป็นภาพแอบถ่าย แสดงให้เห็นได้ว่า คนผู้นี้รู้ตัวดีว่าถูกถ่ายภาพ ใบหน้าขี้เล่นดูยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นมิตร  ที่ถ้าดูแค่ภายนอกแม้ไม่ได้พบตัวจริง ก็ยังดูท่าน่าคบหาเป็นเพื่อนด้วย แต่จากสภาพการณ์ที่เห็น คนผู้นี้คงจะเป็นคนที่คาดเดายากและจัดการลำบากเอาการ

"คน ๆ นี้ ทำงานให้กับองค์กรลับจากการรวมตัวกันหลายประเทศทั่วโลก เป็นองค์กรแปลกประหลาดที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไป รวมถึงการดำเนินงาน แต่ที่แน่ ๆ …พวกนั้น...กำลังคิดต่อต้านพวกเราอยู่ และทำงานได้ลึกลับมาก ทั้งเงียบ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ คนของเราหายสาปสูญไปหลายคนแล้ว เพราะพวกนี้"

ดวงตาคมมองร่างบนโซฟาพลางพูดต่อไป "แต่สายของเรา ก็สามารถคนพบคน ๆ นี้ ว่าเป็นผู้หนึ่ง ที่อยู่ในตำแหน่งสูงพอสมควรในองค์กร หน้าที่ของนายคือตีสนิทเขา และสืบหาข้อมูลเอามาเพื่อเป็นกำลังให้กับทางเราให้ได้"

ร่างสูงถอนใจยาว "วันนี้…ที่ชั้นนัดนายมาที่นี่ ก็เพราะเขา...ชอบมาดื่มที่คลับนี้เป็นประจำตอนเย็น ๆ ไม่แน่ว่า…เขาอาจจะสืบรู้แล้วก็ได้ ว่าคลับแห่งนี้ เป็นของพวกเรา ที่สำคัญ…สายยังรายงานมาอีกว่า จุดอ่อนของคน ๆ นี้...คือความใจอ่อน ดังนั้น เราจะเริ่มแผนการกันวันนี้เลย"

สีหน้าของเขาจริงจังขึ้น เมื่อหันมาพูดกับอีกฝ่าย "เพื่อการนี้...ฉันอาจจะต้องรุนแรงกับนายสักหน่อย เพื่อให้เหยื่อตายใจ....นายจะว่าอะไรมั้ย"

คนคนโซฟานิ่งฟังอย่างเยือกเย็น ดวงตาคู่สวยสบตาคู่สนทนาจริงจัง เขารู้ดี ว่าเรื่องครั้งนี้ สำคัญมาก ไม่เช่นนั้นคนตรงหน้า คงหาคนอื่นให้ทำงานนี้แทนไปแล้ว

"ถ้าเพื่อนาย ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะทำ"

"ฉันเชื่อใจนายนะ ว่าจะไม่ทรยศต่อองค์กรเราอย่างแน่นอน" ชายหนุ่มพึมพำ ดวงตาคมเข้มมองกลับไปอย่างไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยแม้แต่น้อย

"เราก็มีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น…พี่ชาย…ถ้าชั้นทรยศ...ฆ่าชั้น...ด้วยมือคู่นั้นของนายได้เลย แต่ตอนนี้..." มือเรียวโอบรอบคอแข็งแรงนั้น "ชั้นต้องการนายนะ…ถ้าจะต้องทำอะไรกับร่างกายนี้…ขอเป็นนายก็แล้วกัน รุนแรงกับชั้นสิ…มาโอะ"

"นายไม่เปลี่ยนใจแน่นะ" เขาถามซ้ำ อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ใจที่สื่อถึงกันได้ ไม่จำเป็นต้องอธิบายเป็นคำพูดใด ๆ อีก

"ได้เลยที่รัก" ใบหน้าคมเข้มแย้มยิ้มรับ ประคองอีกฝ่ายไว้หลวม ๆ ก่อนก้มลงหา ปากนุ่มถูกประกบแนบแน่น ลิ้นชาญชำนาญแทรกเข้าหา ไล้เลียแล้วขบกัด สัมผัสได้ถึงเลือดอุ่น ๆ ที่ปลายลิ้น กลิ่นคาวเลือดกลับปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบขึ้นโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากแกร่งบดขยี้ซ้ำจนช้ำ หากอีกฝ่ายกลับตอบสนองด้วยความร้อนแรงกว่าเดิม

มือแข็งแรงกดร่างบอบบางนอนลงบนโซฟากว้างนั้น ยึดจับที่ปกเสื้อเชิร์ตของอีกฝ่าย แล้วฉีกกระชากจนกระดุมหลุดกระเด็นลงกับพื้น ผิวกายขาวนวลปรากฏเด่นชัด เรือนร่างเย้ายวนตรงหน้ายิ่งมองยิ่งเชิญชวน

ร่างสูงโน้มลงจนแทบจะแนบชิด สัมผัสเสียดสีแกมจั๊กจี้ลูบไล้แผ่วเบาก่อนจูบเน้นย้ำหนักหน่วงที่ซอกคอขาวแล้วกัดซ้ำ รอยจูบแดงจ้ำช้ำรอยฟันเด่นชัดตัดผิวผ่อง นิ้วกร้านนวดเฟ้นไล่เรื่อยไปยังส่วนอกแล้วดูดดึงรุนแรง ยอดอกตื่นตัวชูชันชวนบดขยี้ ฟันคมขบซ้ำไม่มีออมแรง

"อ๊า.." ร่างระหงหลุดเสียงครางสูง มือเรียวยึดเกาะคอหนาเกร็งเป็นพัก ๆ ตามแรงกระตุ้น ลมหายใจเริ่มหอบถี่เมื่อรู้สึกได้ถึงการปลุกเร้า ราวร่างบอบบางนั้นกำลังถูกขย้ำด้วยพยัคฆ์ร้ายที่บ้าคลั่ง

"แรงอีกสิ...ทำอีก...ไม่ต้องยั้ง" เสียงใสสั่งต่อ ไม่ได้ใส่ใจต่อการถูกกระทำสักเท่าใด...แน่นอน ถ้าทุกอย่าง ทำเพื่อคน ๆ นี้ เพื่อองค์กรที่พวกเขาร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา และเพื่อ...ชีวิตอีกหลายชีวิต ที่ต้องพึ่งพาอาศัยพวกเขาอยู่ด้วย

มือนั้นเริ่มต้นดึงสิ่งกีดขวางในร่างนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวทั่วทั้งร่างก็เปลือยเปล่า ปลายนิ้วที่ลูบไล้เริ่มไล่ลงล่าง ก่อนจับเรียวขาบางแกมบังคับให้อ้าออก ทั้งบดขยี้บีบเค้นสะโพกกระชับจนแดงเป็นแนวตามรอยมือ

นิ้วแกร่งกวาดไล้เข้าไปในโพรงปากอุ่น รู้สึกได้ถึงแรงดูดเบา ๆ ปลายลิ้นสีสวยตวัดเลียจนชุ่มก่อนที่อีกฝ่ายจะดึงออก นิ้วนั้นขยับมาสัมผัสที่ร่องก้นแล้วบังคับแทรกเข้าทางคับแคบแบบดึงดันโดยไม่มีหล่อลื่นใด ๆ เพิ่มเติมอีก

"เจ็บหน่อยนะ" ร่างสูงพึมพำ แม้เป็นคนลงมือ แต่กลับแทบเจ็บตามไปด้วย ดวงตาเคร่งเครียดสบตาหวาน ที่ยังคงส่งยิ้มปลอบใจมาให้

"ทำต่อไปเถอะ...จำไว้ ยิ่งรุนแรงมากเท่าไหร่...ชั้นจะยิ่งปลอดภัย...มากเท่านั้น" ร่างบอบบางกระซิบต่อด้วยน้ำเสียงเย้ายวน หากเป็นคนผู้นี้ ต่อให้เจ็บสักแค่ไหน เขาก็ทนได้

คนด้านล่างสะท้านเฮือกเจ็บแปลบจนน้ำตาเล็ด เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกพร้อมกับร่างกายที่เกร็งแน่น ร่างสูงด้านบนดึงผมสีเข้มแกมบังคับให้เงยหงาย เสียงอื้ออึงอึดอัดพยายามดิ้นรนผ่อนลงยามลิ้นแตะลิ้น ตวัดไล้ดูดดึงชักนำอารมณ์จนเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม

นิ้วที่รุกเข้าหายังคงขยับไม่หยุดแม้ช่องทางจะคับแคบ เพียงแค่ส่วนปลายนิ้วที่ดึงดันแทรกเข้าได้ ก็ขยับไล้จุดอ่อนไหวจนอีกฝ่ายไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองได้อีกต่อไป บั้นท้ายกระชับกระตุกเสียววูบ ช่องทางที่ผ่อนคลายขึ้นจากการกระตุ้นได้ถูกจุดทำให้การรุกคืบเข้าเบื้องลึกทำได้ไม่ยากเย็นนัก

เสียงอ๊าดังกว่าเดิมเมื่อรู้สึกได้ถึงการแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่า แม้ไม่ได้ผ่อนคลายจนถึงจุด ช่องทางร้อนผ่าวปวดหนึบบีบรัดรุนแรง คนทำขมวดคิ้วค่อยถอนตัวออกก่อนดึงดันเข้าใหม่ไม่มียั้ง

คนด้านล่างร้องจนเสียงแทบหมดสิ้น เหงื่อผุดพรายซึมไรผมชุ่ม ดวงตาพร่าพรางด้วยน้ำตาจนยากจะมองได้ชัด มือเรียวไขว่คว้าหาอ้อมกอดแกร่งที่คุ้นเคย กัดฟันทนต่อการทำทารุณโดยไม่มีคำอ้อนวอนขอให้หยุด แรงกระแทกที่สวนเข้าทำภายในแทบฉีกขาด ริมฝีปากถูกขบกดซ้ำ เลือดไหลออกมาอีก แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงมันอีกต่อไป

"ชั้น...รักนาย...รักนายคนเดียว" เสียงอ่อนล้าพึมพำ แขนเรียวยาวกอดรัดแนบแน่น ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงรุกเข้าหาราวพายุลูกโตที่บ้าคลั่ง จวบจนร่างกายนั้นยากจะฝืนต้านทานไว้ได้ ร่างบอบบางนั้นก็หมดสติไป แม้คนทำจะไม่ได้หยุดเลยสักนิดจนถึงจุดปลดปล่อยก็ตาม

ร่างสูงผ่อนลมหายใจลง แม้ปลดปล่อยจนปลอดโปร่ง แต่ในใจกลับไม่ได้ถูกปลดปล่อยอย่างแท้จริง ดวงตาคมมองร่างที่บอบช้ำด้วยฝีมือตัวเองอย่างสะทกสะท้านใจ ถึงจะเป็นการลงมือตามแผน แต่เขาก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน

ทว่า...เพื่อสิ่งที่เขาต้องรักษาไว้ เขาจะต้องทำให้ได้...และที่สำคัญ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ก็เพื่อพวกเขาทั้งสอง เมื่อขึ้นหลังเสือแล้ว ย่อมยากจะลงหรือถอนตัวจริง ๆ จะทำการใหญ่ ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขายึดมั่นเสมอมา

...เพื่อที่พวกเขา จะได้อยู่ร่วมกันต่อไป...

มือแกร่งลูบไล้ผมเปียกชื้นแผ่วเบาพลางถอนใจยาว "ขอโทษนะ โคโตะ อดทนอีกหน่อยก็แล้วกัน" เสียงราบเรียบพูดขึ้นหลังจากติดตะขอกางเกงเรียบร้อย ขยับเอื้อมกายไปหยิบผ้าห่มผืนใหญ่มาห่อร่างที่ไม่ได้สติทั้งเปลือยเปล่า แขนแข็งแรงจับร่างเบาหวิวนั้นตลบอุ้มพาดบ่า ก้าวเดินออกมาจากห้องลงสู่ชั้นล่าง

ที่บาร์ชั้นล่าง ด้านหนึ่งจัดวางโซฟาโค้งพร้อมโต๊ะตัวใหญ่ตั้งอยู่หลบมุม ที่คนของเขามักจะมาดื่มและนั่งเล่นฆ่าเวลา ยามสถานการณ์สงบ แต่หากทางร้านมีเรื่องขึ้นเมื่อใด กลุ่มคนเหล่านี้จะออกทำงาน ไล่แขกที่ทางร้านไม่ต้องการออกไป

ดังนั้นพวกที่ทำงานนี้ จึงมีแต่พวกหยาบกระด้างและชื่นชอบต่อการทำร้ายคนอ่อนแอกว่า แม้เขาไม่ได้รู้จักใครในนี้เป็นพิเศษ แต่แน่ใจได้ว่า คนพวกนี้จะไม่หยุด จนกว่าจะพอใจ

"เคลียร์โต๊ะซิ" เสียงมีอำนาจสั่ง ลูกน้องที่กำลังก๊งเหล้ากันอย่างสบายอารมณ์เห็นดังนั้นก็รีบยกข้าวของออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว

"อื้อ..." ร่างที่อยู่บนบ่าครางแผ่วเบาเมื่อถูกจับโยนลงบนโต๊ะกลางกลุ่ม เสียงราบเรียบทรงอำนาจบอกขึ้นว่า

"ของฝาก"

ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะหันหลังเดินกลับขึ้นไปชั้นสอง โดยไม่ใส่ใจอีก

"เฮ้ย ของชั้นดีนี่หว่า" เสียงย่ามใจร้องบอกพรรคพวก เมื่อตัดสินใจแหวกคลี่ผ้าผืนโตที่ห่อหุ้มอยู่ออกมา แล้วก็พบกับเรือนร่างขาวผ่องเปลือยเปล่า ทั่วทั้งร่างนั้นบอบช้ำไปทั้งตัว ใบหน้าขาวซีดที่อยู่ในสภาพแทบจะไร้ซึ่งสติสัมปัชชัญญะ หากยังคงความงดงามไว้เต็มเปี่ยม เรียวขานวลกลมกลึง บั้นท้ายกระชับได้รูป สวยราวสตรีเพศ แม้จะเห็นคราบเลือดและสภาพที่เป็นอยู่ ก็ไม่ได้ช่วยให้คนกลุ่มนี้นึกเวทนาสงสารขึ้นมาได้

...นอกจากปลุกสัญชาตญาณดิบขึ้นมามากกว่าเดิมเท่านั้น...

น้ำลายถูกกลืนลงคอแห้งผาก แววตาคล้ายนักล่าจ้องตะครุบเหยื่อปิดบังไม่มิดล้วนมองมายังเขา ร่างบนโต๊ะขยับตัวอย่างลำบาก ร่างกายที่ถูกทำรุนแรงจนยากจะครองสติได้ด้วยซ้ำ ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านใด ๆ

"ทำได้จริง ๆ เหรอวะ" คนด้านข้างพึมพำอย่างไม่มั่นใจ ดวงตาเหลือบมองขึ้นไปชั้นสอง นี่เป็นครั้งแรก ที่เจ้านายของพวกเขาทำเรื่องแบบนี้ จะนับว่าแปลก ก็แปลกอยู่ แต่คนตรงหน้าที่ยังอยู่ในสภาพกึ่งสลบไสล กลับเย้ายวนใจยิ่งกว่า

"ก็เจ้านายว่างั้นนี่หว่า" ชายร่างเตี้ยกำยำอีกคนว่าพลางหัวเราะชั่วร้าย ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหายที่จะเริ่มลงมือ ตะขอกางเกงถูกปลดออก ก่อนจะพูดต่อไปว่า "ถ้าแกกลัวนัก ข้าก่อนก็ได้"

"ฮ่า ๆ ๆ ทำไปเหอะ เจ้านายคงเบื่อของเล่นนี่แล้วล่ะมั้ง" เสียงหัวเราะเสียดแทงหัวใจ "น่าสงสารนะ คงจะเหงาแย่แล้ว ที่โดนทิ้ง พวกเราก็เอ็นดูกันหน่อยละกัน"

กลุ่มคนในยามนี้มีอยู่ห้าคน และแต่ละคนกระเหี้ยนกระหือรือที่จะจัดการคนเบื้องหน้าโดยไม่ใส่ใจหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ โดยเฉพาะตอนนี้ ที่เจ้านายใหญ่เปิดไฟเขียวให้ จะมีใครต้องเกรงใจอีก ว่าแล้วทั้งหมดก็ล้อมวงเข้ามาอย่างคุกคามกว่าเดิม ร่างบอบบางพยายามจะดิ้นรนหนี หากเรี่ยวแรงนั้นกลับไม่มีหลงเหลือ ดวงตาคู่งามหลับลงอย่างอ่อนเพลีย ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปโดยไม่ได้ขัดขืน

"ว่าง่าย ๆ แบบนี้สิ แล้วพวกเราจะพาขึ้นสวรรค์เอง โอ้โห...พวกมึงดูสิ คราบนี่น่ะ พึ่งทำกันสด ๆ เลยสินะ เจ้านายก็ซาดิสม์ไม่หยอกนี่หว่า"

"อย่ามัวพูดอยู่เลยน่า ถ้าแกไม่เริ่ม พวกเราก่อนก็ได้นะ"

"เรื่องอะไรล่ะวะ" คนพูดกระหยิ่มยิ้มย่อง มือที่ตะกละตะกลามลูบไล้บั้นท้ายสวยก่อนสอดนิ้วเข้าช่องทางเปิดที่บอบช้ำนั้น คนถูกทำสะดุ้งเฮือก ยังคงปวดร้าวไปทั้งตัวจนไม่อาจต่อต้านอันใดได้ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เสียงแผ่วล้าพึมพำห้ามอย่างไร้ซึ่งความสามารถจะหยุดยั้ง

"อย่า..อย่านะ..."

ปลายนิ้วที่แทรกเข้า รู้สึกได้ถึงน้ำเหนียวข้นภายใน เจ้าตัวพึมพำอย่างตื่นเต้น "ปล่อยข้างในไว้เต็มเชียวว่ะ สุดยอด! ไม่ต้องหล่อลื่นเลย" นิ้วนั้นขยับแทรกเข้ามาลึก ใบหน้าสวยขมวดคิ้วบิดเบี้ยว สัมผัสที่รับได้...ยิ่งรุกเข้ายิ่งรู้สึกขยะแขยงจนแทบคลื่นไส้ ร่างบอบบางดิ้นแรงขึ้นด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย

"ช่วยด้วย!!!"

"กดไว้สิเฟ้ย จับขาไว้ด้วย" คนทำสั่ง มือจับอาวุธในร่มผ้าจรดจ่อช่องทาง เตรียมพร้อมปฏิบัติการหื่นเต็มพิกัด

ทว่าก่อนจะได้ทำมากกว่านั้น ก็ถูกหมัด ๆ หนึ่งชกจนกระเด็นไป

"โครม!" เสียงดังของโต๊ะที่ถูกร่างซึ่งกระเด็นไปทับจนหักลง ทำให้ทุกคนในกลุ่มมองมาเป็นตาเดียว

ร่างสูงแข็งแรงของชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มมึนเมา คงจะดื่มมาได้สักพักแล้ว เห็นได้ชัดจากการยืนที่ไม่ตรงนัก ทีท่าสบาย ๆ ในชุดลำลอง ดูไม่คล้ายคนชอบแส่เรื่องชาวบ้านสักเท่าใด และยิ่งไม่คล้าย คนที่กล้าท้าทายกลุ่มนักเลงตรงหน้ามากขึ้นไปอีก

"รุมข่มขืนกันแบบนี้ ไม่อายฟ้าอายดินกันบ้างรึไงพวก"

สี่คนที่เหลือมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นหันไปจะฉุดเพื่อนผู้ลงไปนอนวัดพื้นเมื่อครู่ขึ้นมา "เฮ้ย หมัดคนเมาแค่เนี้ย ทำเป็นสลบสำออยไปได้" หากพอมองชัด จึงเห็นว่าเพื่อนตนเองนั้นสลบเหมือดไปแล้ว ปากเจ่อยังคงมีเลือดกลบเต็ม ที่โดนไปคงเป็นหมัดหนักเอาการ ผิดจากภาพลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง

"ระวังนะ มันไม่ธรรมดา" คนดูอาการร้องเตือนสติเพื่อนที่เหลือ ทั้งหมดจึงขยับมายืนล้อมคุมเชิง ด้วยทีท่าเอาจริงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"ฆ่ามัน!" หนึ่งในนั้นสั่งห้วน ทุกคนที่อารมณ์ค้าง ตั้งท่าระบายเต็มที่กับคนด้านหน้า เพื่อที่จะได้กลับมาจัดการคนบนโต๊ะต่อได้เสียที

เสียงร้องโหยหวนดังมาจากคนจู่โจมเข้า เมื่อโดนหักแขนดังกร็อบ คนถัดมาเข้าหาอย่างระวังมากขึ้นอีก หากไม่อาจสู้กับชายผู้นั้นได้ เวลาผ่านไปไม่นานนัก ก็เหลือเพียงร่างที่ร้องโอดโอยกองอยู่บนพื้นทั้งหมด

ร่างสูงถอนใจยาวเมื่อเห็นสภาพคนบนโต๊ะ ที่ตอนนี้สลบไปแล้ว ท่าทางเขาจะเผลอตัวก่อเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเสียการจนได้ซะแล้ว จะอย่างไร ก็คงต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ไหนจะกับคน ๆ นี้ ถ้าทิ้งเอาไว้ คงหนีไม่พ้นโดนรุมโทรมอีกรอบเป็นแน่

ปล่อยไว้ไม่ได้...คงจะต้องพากลับไปด้วยเสียแล้ว เขาคิดต่ออย่างรวดเร็ว แล้วตัดสินใจโอบอุ้มขึ้นอย่างระวัง มืออีกข้างวางเงินไว้แทนที่ แล้วก้าวออกมา โดยไม่มีใครกล้าขวางอีก ท่าทีมึนเมาเมื่อครู่ ดูคล้ายสลายหายไปราวกับไม่ได้ดื่มมาก่อนด้วยซ้ำ

ภาพชายหนุ่มที่กำลังเดินไปที่จอดรถ พร้อมร่างบอบบางในอ้อมแขน ทำให้ร่างสูงที่ยืนแอบมองที่หน้าต่างชั้นสองมีรอยยิ้ม

ในที่สุด...ปลาก็กินเหยื่อ!


................................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 10/1 อัพ 21-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 21-03-2010 13:16:10
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 10/1 อัพ 21-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 21-03-2010 17:31:18
 :a5: :m29:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 10/1 อัพ 21-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 21-03-2010 19:44:33
อดีตของวากุระคุงหรอ เออ :เฮ้อ:
ทำไมเรย์จิเจอแต่คนที่มึคู่แล้วละเนี่ยยยย
แต่ชอบนะ คู่รักพี่น้อง ผิดศีลธรรมดี :laugh:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 10/1 อัพ 21-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 22-03-2010 02:39:53
พอดีไอไปอ่านงานของppmเรื่องอื่นมา แล้วก็แบบว่าติดใจ  :z1:  ดังนั้นขอปั้มไว้ก่อนนะเคอะ เด๋วจะตามอ่านน่ะค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 10/1 อัพ 21-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 22-03-2010 03:04:14
นับๆจากคนในร้าน นี่เป็นเรื่องของซากุระผู้เงียบขรึม?
ไม่เดาดีกว่าแหะ ไม่น่าจะถูก..ไว้อ่านไปลุ้นไปดีกว่า หุหุ
เริ่มตอนนี้มาก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ รอพาร์ทหน้านะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 10/2 อัพ 25-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 25-03-2010 10:48:37
(ตอนที่ 10/2)


ห้องชุดค่อนข้างกว้างที่เช่าชั่วคราวเพื่องานในช่วงนี้อยู่ไม่ไกลจากคลับแห่งนั้นนัก หลังจากดูอาการคนบนรถแล้วตัดสินใจไม่ส่งโรงพยาบาล เขาก็เลยพาร่างที่ยังไม่ได้สตินั้นกลับบ้านแทน

ร่างบอบบางในผ้าห่มนั้นยังเปลือยเปล่า เรอิจิจึงอุ้มขึ้นอีกครั้งทั้งผืนผ้า แล้ววางลงบนเตียงที่มีอยู่กลางห้องนั้นอย่างเบามือ

เสียงครางแผ่วอย่างทรมานดังออกมาจากริมฝีปากที่ช้ำและแตกเป็นแผลจากการขบกัดนั้น ชายหนุ่มจึงใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นค่อย ๆ เช็ดแผ่วเบา จากร่องรอยการถูกกระทำขนาดนี้ คงทำให้บอบช้ำมากพอดู โชคดีที่เขาเป็นหมอด้วย แม้จะไม่ใช่หมอทั่วไป แต่เป็นจิตแพทย์ เขาก็ยังสามารถรักษาตามอาการได้อยู่ มือคล่องแคล่วจึงค่อย ๆ เช็ดแผ่วเบา รอยแผลและรอยช้ำมีอยู่ทั่วไป ท่าทางคนที่พาคนผู้นี้มา จะซาดิสม์ไม่น้อยจริง ๆ

เขาเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น และรู้ดี...ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร

มาโอแห่งองค์กรลับผู้สร้างนักฆ่าตามการว่าจ้างนั่นเอง

คน ๆ นี้โหดร้ายนัก แม้กระทั่งกับคนไม่มีทางสู้เช่นนี้

บาดแผลและแผลฟกช้ำทั่วทั้งร่าง และสาหัสที่สุดก็คือช่องทางที่ฉีกขาด เลือดยังคงไหลซึมออกมา และไหนจะ...คราบอสุจิของคน ๆ นั้น จากรูปการณ์แล้ว คงต้องเป็นฝีมือของมาโอแน่ ๆ

การจับข่มขืนรุนแรงขนาดนี้แล้วยังโยนให้พรรคพวกตนเองรุมซ้ำ ผลของมันหากเขาไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง คนผู้นี้คงต้องตายอย่างแน่นอน

แต่เกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาคงต้องรอ จนกว่าร่างบนเตียงนี้จะอาการดีขึ้นจนพูดจากันได้แล้วเท่านั้น

ท่ามกลางสติที่เลือนราง ดวงตากลมโตนั้นกลับลืมขึ้นอย่างอ่อนล้า

"คุณ...ช่วยผมไว้งั้นเหรอ"

"อืม" ชายหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร ไม่ต่างจากในภาพถ่ายที่เขาพึ่งจะได้ดูไป "เป็นยังไงบ้าง"

รอยยิ้มอ่อนล้าพยายามตอบกลับ "ไม่...ไม่เป็นไรมากหรอกครับ ขอโทษ...ที่สร้างความเดือดร้อนให้คุณ"

ดวงตาหวานนั้นจ้องเขาพลางพึมพำ "ได้โปรด เอาผมไปทิ้งไว้ข้างทางเถอะครับ อย่าให้ผมอยู่ที่นี่เลย"

"จะทำงั้นได้ไง เดี๋ยวก็ตายกันพอดี"

ร่างบอบบางถอนใจเบา ๆ "ไหน ๆ ผมก็จะตายแล้ว..อย่าให้...ผู้มีพระคุณ ต้องลำบากไปด้วยเลย เขา...คงไม่ปล่อยคุณแน่ ถ้ายังคงช่วยผมแบบนี้" ว่าพลางพยายามยันตัวขึ้นอย่างยากเย็น ร่างกายที่บอบช้ำและเจ็บแปลบทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ทำให้ต้องกัดฟันขยับอย่างลำบาก

"เตียงนี้ไม่นุ่มหรือไง" คำถามที่คาดไม่ถึงหลุดมาจากร่างสูงที่ยืนมองอยู่

คนบนเตียงสบตาอีกฝ่ายอย่างงุนงง "เปล่าครับ เตียงนี้นุ่มดีแล้ว"

สายตาคู่นั้นยังคงมองมา ใบหน้ายิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด "หรือว่า...ห้องนี้แคบเกิน?"

"ห้องนี้...กว้างดีแล้ว"

"อ้าว แล้วมีตรงไหน ที่เธอไม่พอใจล่ะ" ชายหนุ่มยังคงถามต่อไป

"เปล่าครับ ทุกอย่างดีแล้ว แต่ว่า..."

"นอนลงเถอะน่า ฉันพาเธอมา ก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุดสิ ไม่มีใครทำอะไรเธอได้หรอก ฉันรับรอง" เรอิจิพยายามหว่านล้อม

ร่างเล็กสบตาเขาแน่วแน่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า "เขา...น่ากลัวกว่าที่คุณคิดเยอะนะ"

คนฟังยิ้มน้อย ๆ "ฉันก็อาจจะน่ากลัวกว่าที่เธอคิดเหมือนกัน"

ร่างบอบบางชะงัก สายตาที่ดูแปลกกว่าเดิม ทำให้เขาเถียงไม่ออก "ถ้าเขามาตามจริง ๆ ผมไม่รู้ด้วยนะ"

"ไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันสิ เธอเป็นคนป่วยไม่ใช่เหรอ นอนเถอะน่า" เจ้าของห้องพูดต่ออย่างร่าเริง "ในเมื่อเตียงก็นุ่มดี ห้องก็กว้างขวาง ยังไงก็น่าจะนอนสบายอยู่ไม่ใช่หรือไง"

ใบหน้าใสยังคงลังเล ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเบี่ยงประเด็นตัดบทขึ้น "จริงสิ ยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย"

"ผม...โคโตะ" ร่างบอบบางตอบเบา ๆ

"ชื่อน่ารักดีนี่ ฉัน เรอิจิ นะ ยินดีที่ได้รู้จัก"

"คุณอาจจะต้องโชคร้ายนะ เรอิจิ ถ้ายังไม่ทิ้งผมไป" โคโตะยังคงย้ำ ดวงตากลมโตมองมาตรง ๆ เช่นเคย

"ฉันเป็นคนดวงดี ไม่ต้องห่วงหรอก"

ร่างบอบบางลังเลนิดหน่อย ก่อนตัดสินใจจะลุกขึ้นอีก ชายหนุ่มจึงรีบห้ามไว้ "อย่าพึ่งลุกสิ เธอไม่สบายอยู่นะ บอกแล้วไง ทุกอย่างต้องเรียบร้อย"

"ผม...ไม่ไปแล้วก็ได้...แต่ว่า..." ใบหน้าซีดกลับซับสีเลือดขึ้นมา ริมฝีปากบางถูกขบเบา ๆ อีก แต่เจ้าตัวไม่รู้สึกเจ็บแล้ว นอกจากการเขินอาย

"ผมจะไปห้องน้ำ"

ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ "เอ้อ ถ้างั้นก็ไปเถอะ มาสิ ให้ฉันช่วย" เขาตั้งท่าจะช่วยประคอง หากอีกฝ่ายรีบห้ามไว้

"มะ...ไม่ต้องหรอกครับ คือว่า...คือ..."

คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย "หืม?"

ร่างบอบบางมองลงต่ำ ที่โคนขายังคงมีน้ำสีขาวขุ่นไหลซึม แม้จะถูกเช็ดออกไปบ้างแล้ว

"อ้อ" คนมองยิ้มอย่างขบขัน "โอเค ฉันเข้าใจแล้ว มาสิ เดี๋ยวจัดการให้"

"อ๊ะ..อย่านะครับ มัน...สกปรก" ดวงตาคู่สวยเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด "ผม..สกปรกเกินไป สำหรับคุณ"

มืออ่อนโยนลูบผมของร่างเล็กเบา ๆ อย่างปลอบโยน "ไม่มีใครสกปรกเกินทำความสะอาดได้หรอกนะ ฉันน่ะ มือโปรทางด้านนี้เลยนะขอบอก" ว่าแล้วก็อุ้มร่างเบาหวิวนั้นขึ้นมา

"อ่ะ..ไม่นะ ผม..." ร่างเล็กพยายามดิ้นรน

"อะไรอีกล่ะ"

ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำอย่างเขิน ๆ "ผม...อาย..นี่ครับ"

คนมองยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ดูแล้วน่าอิจฉาเสียจริง "ฮ่า ๆ ๆ อายอะไรกัน เป็นเด็กเป็นเล็ก เรื่องแค่นี้ผู้ชายเหมือนกัน จะอายทำไม"

"เอ่อ...ปีนี้ผมอายุ 23 แล้วนะ ปล่อยผมเถอะ"

"หา...คิดว่าเด็กอายุ 17-18 ซะอีก กินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะสิเนี่ย ถึงไม่ยอมโต ...แต่เอาเถอะ จะอายุเท่าไหร่ ฉันก็จัดการได้น่า" ว่าแล้วก็ก้าวยาว ๆ ตรงไปยังห้องน้ำโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ขัดขืน ชายหนุ่มวางร่างบอบบางลงในอ่างน้ำอย่างเบามือ ก่อนจะหันไปหยิบฝักบัวลงมาจากที่แขวน

"ผม...ทำเองได้ครับ" เสียงประหม่าพึมพำ "มัน..ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย" ในน้ำเสียงนั้น ยังคงแฝงความขมขื่นไว้อย่างเห็นได้ชัด

"เธอทำได้ ฉันรู้ แต่เธออาจจะไม่รู้วิธีการที่ถูกต้อง ฉันจะสอนให้ดีกว่า เรื่องแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องอาย ถ้าทำความสะอาดไม่หมด จะไม่สบายตัว ดีไม่ดี อาจจะท้องเสีย ไข้ขึ้นอีกนะ" เขาพูดต่อยาวเหยียด ก่อนจะค่อย ๆ ทำความสะอาดให้ ใบหน้าใสก้มนิ่ง อายจนพูดไม่ออก

นิ้วคล่องแคล่วนวดคลึงเชื่องช้า ก่อนค่อย ๆ แทรกเข้าภายในที่ยังคงลื่นจากน้ำเมือก อาศัยน้ำช่วยล้างออกไปทีละน้อยอย่างเบามือ ร่างบอบบางที่ถูกล่วงล้ำ เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มืออุ่นจนแทบร้อน จับมืออีกข้างของเรอิจิไว้

"พอเถอะ...ผม...รู้สึกแปลก ๆ ให้ผมทำเองเถอะครับ..." ลมหายใจระอุอุ่นจากร่างนั้น ทำให้รู้ว่าเกิดอารมณ์เสียแล้ว

เด็กหนอเด็ก...

"ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวฉันจัดการเอง" มืออีกข้างของเขาลูบไล้ส่วนหน้าอย่างชำนาญ ทั้งรูดแกมรีดเร้นจนอีกฝ่ายแทบนั่งไม่ติดที่

"อึ้ก..ผม" ว่าพลางมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่หวานเชื่อม เล่นเอาชายหนุ่มต้องทำทีเป็นไม่เห็น ฟีโรโมนจากร่างบอบบางนี้เย้ายวนเสียจนไม่แปลกใจเลย ที่จะถูกทำเป็นของเล่นของใครต่อใครเสียจนเป็นถึงขนาดนี้ จิตใจคงบอบช้ำพอดูเช่นกัน จากประสบการณ์ของเขาบ่งบอกได้ชัด เมื่อสังเกตถึงสีหน้าและแววตาของอีกฝ่าย

"ไม่ต้องกลัว จะไม่มีใครทำอะไรเธอแน่นอน" เรอิจิปลอบเบา ๆ ก่อนจะจัดการจนอีกฝ่ายไปถึงจุด เสียงหวานร้องแผ่ว ร่างบอบบางหายใจหอบเบา ๆ แทบจะหมดแรงทรงตัวอยู่ได้

"คุณจะปกป้องผม..จริง ๆ นะ?" เสียงอ่อนล้าถามซ้ำ

"อื้ม ฉันสัญญา" นิ้วก้อยยื่นออกมาแทนคำพูดนับร้อยพัน แถมยังกระดิกเชิญชวนอีกด้วย

ร่างบอบบางลังเลนิดหน่อย ก่อนจะยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวรับ พอมันเกี่ยวกัน ใบหน้าเศร้าก็กลับยิ้มได้ แม้จะดูฝืนอยู่บ้างก็ตามที

"ยิ้มได้ก็ดีแล้ว เอ้า แช่นานเดี๋ยวเป็นหวัด ขึ้นกันดีกว่านะ"

ว่าแล้วชายหนุ่มก็จัดการทำความสะอาดร่างกายนั้นด้วยน้ำอุ่นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้รวมถึงทำแผลและใส่ยาเสร็จสรรพ จวบจนเห็นว่าคนบนเตียงหลับไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินออกไปจากห้องบ้าง

พอประตูปิดลง ร่างที่ทำทีหลับใหล ก็ชันตัวขึ้น แม้จะเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็ทุเลาลงมากแล้ว จากการช่วยเหลือของเรอิจิ

ใบหน้าใสมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จาง ๆ ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน

กับคน ๆ นี้ ท่าทางจะใกล้ชิดและหลอกง่ายกว่าที่คิด

รับรองได้ไม่เกินสามวัน จะต้องหลงเสน่ห์เขาจนถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน..!


.........................................


ยามเช้ามาเยือน กลิ่นอาหารหอมกรุ่นปลุกคนกำลังหลับให้ลืมตาขึ้น อาการค่อยยังชั่วไปมากแล้ว เมื่อได้หลับพักผ่อนร่างกายไปสักพัก ร่างกายที่ดูเหมือนจะบอบช้ำมาก แต่จริง ๆ ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใด มาโอะชำนาญนักกับการตบตาด้วยเรื่องแบบนี้ และนั่นทำให้เขาไว้ใจปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการตามสะดวก

ร่างเล็กยันกายขึ้นจากเตียง เตียงนี้นุ่มจริง ๆ อย่างที่เจ้าของห้องว่า ห้องก็ยังกว้างด้วย เป็นห้องชุดที่มีครัวอยู่อีกห้องแยกออกไป ท่าทางองค์กรนี้จะมีทุนทรัพย์สนับสนุนไม่น้อย เห็นได้ชัดจากความเพรียบพร้อมของทุกสิ่งทุกอย่างที่เตรียมไว้ให้กับเรอิจิ

ยังมีอีกหลายอย่าง ที่เขาอยากรู้ แต่ต้องเข้าใกล้คน ๆ นั้น มากกว่านี้เสียก่อน

เท้าที่ก้าวเดินยังไม่มั่นคงนัก และยังเจ็บแปลบอยู่บ้าง แต่ไม่เกินความอดทนของเขา เรื่องต้องอดทน เขาทำได้ดีเสมอมา เพราะความยากลำบากที่เจอมาแต่เล็กแต่น้อย ร่วมกับมาโอะนั้น หรือฉายา มาโอ ในปัจจุบัน แต่แน่นอน เป็นมาโอะ สำหรับเขา..โคโตะ เสมอ

และนั่น ทำให้พวกเขา รวมตัวกันเพื่อก่อตั้งองค์กรลับ ๆ

ทั้งนี้ก็เพื่อ...ปกป้องตัวเอง จากผู้ที่มารังแกเท่านั้นเอง

แล้วคน ๆ นี้ จะมาทำลายรังแสนสำคัญของพวกเขา จะอย่างไร เขาก็ไม่มีทางยอม เพื่อมาโอะ พี่ชายอันเป็นที่รักของเขาด้วย

กลิ่นอาหารยังคงหอมกรุ่น เขาสาวเท้าตรงไปยังที่มา นั่นก็คือห้องครัวนั่นเอง ดวงตากลมโตเห็นร่างสูงสันทัดของเรอิจิ สวมผ้ากันเปื้อนสีหวาน ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัว กำลังปรุงอาหารเองอย่างคล่องแคล่วเสียด้วย

"นั่งรอที่โต๊ะก่อนสิ จะเสร็จแล้วล่ะ" เสียงนุ่มพูดขึ้นอย่างร่าเริง ขณะที่มือยังคงผัดข้าวในกะทะอย่างชำนาญ คนผู้นี้ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไร ทำไมถึงได้ดูดีเสียทุกอย่างก็ไม่รู้ ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะอย่างว่าง่าย มองแผ่นหลังกว้างที่ยังคงหยิบนู่นปรุงนี่อย่างเพลิดเพลิน

"เอ้า จานนี้ของเธอ" อาหารสองจานวางบนโต๊ะ จานหนึ่งของตัวเขา และอีกจานของคนปรุง

"ฉันอยู่คนเดียวมานาน เลยเรียนรู้วิธีทำกับข้าวมาบ้าง ก็ลองชิมดูแล้วกันนะ" เขาว่าต่อยิ้ม ๆ

โคโตะยิ้มรับ เป็นรอยยิ้มที่ดูดีกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด "อร่อยดีนะครับ ไม่น่าเชื่อเลย"

"อะไรกัน พูดแบบนี้ดูถูกกันนี่ ถ้ากินไม่หมด เดี๋ยวมีทำโทษแน่" เรอิจิพูดต่ออย่างเป็นกันเอง

"ผมกินหมดอยู่แล้วล่ะ หิวจะตายไป เมื่อวานก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย" โคโตะพูดต่อ ใบหน้าใส ๆ ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิมเมื่อแย้มยิ้ม

ทั้งคู่ทานอาหารกันไปพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ เรอิจิมีเรื่องราวมากมายที่ฟังได้ไม่รู้จบมาเล่าให้ฟัง หากประเด็นในการคุยนั้น กลับเลี่ยงเรื่องส่วนตัวของทั้งสองอย่างจงใจ

จวบจนรับประทานกันเสร็จ โคโตะก็จัดการช่วยล้างจานให้ ชายหนุ่มที่นั่งรอ มองร่างเล็กนั้นพลางส่ายหน้าน้อย ๆ ถึงเวลาแล้วสินะ...เขาคงจะต้องเริ่มต้นพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างจริงจังเสียที

"ในเมื่ออิ่มแล้ว เราก็คงจะคุยเรื่องสำคัญกันได้แล้วสินะ ใช่ไหม" เรอิจิพูดขึ้นหลังจากทุกอย่างเรียบร้อย

โคโตะมองมา แต่ไม่ได้พูดอะไร นอกจากทรุดตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบงัน

ชายหนุ่มจึงเริ่มก่อน ด้วยคำถามตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อม "เธอเป็นคนรักของมาโองั้นหรือ"

ดวงตากลมโตเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด "ผม...เคยเป็น เท่านั้น" ว่าพลางดวงตาคู่นั้นก็มองกลับมาจริงจังกว่าเดิม "คุณรู้จักเขาด้วยเหรอครับ"

ชายหนุ่มผู้ฟังเพียงตอบง่าย ๆ "ฉันก็รู้แค่ว่า เขาเป็นเจ้าของคลับนั้น ก็แค่นี้เอง"

"คุณไม่ได้ตามเขาอยู่หรอกเหรอ" โคโตะขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม "เขาบอกผมนะ ว่าเห็นคุณ...มาหลายวันแล้ว"

เรอิจิยิ้มจาง ๆ "งั้นเหรอ ถ้าบอกว่าบังเอิญ เธอคงไม่เชื่อสินะ"

"แล้วมันบังเอิญจริงรึเปล่าล่ะครับ" ร่างเล็กถามกลับ

"ไม่...มันไม่ได้บังเอิญหรอก ฉันตามเขาจริง ๆ" ชายหนุ่มยอมรับหน้าตาย "การช่วยเธอ ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนกัน เพราะฉัน...รู้จักเธอ" คำพูดประโยคสุดท้ายเล่นเอาอีกฝ่ายแทบสะดุ้ง

โคโตะจ้องเขม็งมาทันที ด้วยความตื่นตัวกว่าเดิม "คุณบอกว่า...คุณรู้จักผม?"

เรอิจิถอนหายใจยาว ก่อนจะยอมรับ "ใช่...ฉันรู้ดี ว่าการจะให้เธอยอมเปิดใจ ฉันจำเป็นต้องเปิดใจก่อน จริงมั้ยล่ะ" เขาว่ายิ้ม ๆ ยังคงแสดงท่าทีสบาย ๆ เป็นธรรมชาติ ราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศก็ไม่ปาน

หากอีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มด้วย แม้จะไม่ตอบคำใด ๆ แต่ท่าทีก็ดูระมัดระวังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"โคโตะ...น้องชายฝาแฝด...แฝดคนละฝา ของมาโอ...หรืออีกชื่อก็คือ มาโอะ ฉันเจตนาแสดงตัวให้มาโอเห็น...นั่นเพื่อให้เขาเรียกเธอมา"

คนพูดหยุดเล็กน้อยก่อนจะย้ำ "เป้าหมายของฉัน ไม่ใช่มาโอ แต่เป็นเธอ...โคโตะ!"

ร่างเล็กผุดขึ้นยืนจากเก้าอี้ แม้สภาพร่างกายจะยังไม่สบายดีนัก แต่เขาก็มั่นใจ ว่าถึงแม้จะไม่อาจล้วงความลับใด ๆ จากคนผู้นี้ได้ แต่อย่างน้อย...เขาก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายจับเขาไว้ แล้วรีดเร้นความลับจากทางเขาแทนได้แน่ ๆ

ถ้าถูกจับได้ ก็แค่ตายเท่านั้น!

เพื่อให้องค์กรและมาโอะปลอดภัย!

หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 10/2 อัพ 25-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 25-03-2010 10:49:01
"อย่าเข้ามานะ!" เสียงเข้มจากร่างบอบบางขู่ มีดที่คว้าได้จากเคาน์เตอร์ กุมแน่นในมือเรียวยาวนั้น ส่วนปลายยังคงชี้มาเบื้องหน้า กางกั้นอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เข้าใกล้มากกว่านี้

ใบหน้าใสมีรอยยิ้ม เป็นยิ้มที่เยือกเย็นจนน่ากลัวนัก "สภาพผมตอนนี้ คงสู้คุณที่ล้มคนของผมทีเดียวห้าคนรวดไม่ได้แน่ ๆ แต่ว่า...ขอให้รู้ไว้เถอะว่าคุณจะไม่ได้อะไรจากผม แม้แต่นิดเดียวเช่นกัน!"

มีดในมือพลิกกลับ ก่อนจะแทงลงที่ท้องตัวเองเต็มแรง โดยไม่มีความลังเล

ทว่าเขากลับไม่รู้สึกเจ็บ

มีดนั่น...เป็นมีดของเล่น ที่ยืดหดได้เสียนี่!

โคโตะขว้างมีดอันนั้นออกไปอย่างขัดใจ ดวงตาดื้อรั้น ยังคงจ้องมาไม่กระพริบ

"จะรีบตายไปถึงไหน พวกเธอนี่นะ ใช้ชีวิตกันไม่เป็นเลย" เสียงเรอิจิพึมพำตำหนิ

ร่างเล็กจ้องมองมา ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ "คุณ..จะไปรู้อะไร คุณเคยมั้ย ที่ถึงแม้จะอยากตาย แต่ก็ตายไม่ได้..ถึงแม้จะเศร้าเพียงไหน ที่ต้องเห็นคนที่รักต้องตายไปต่อหน้า ก็ยังช่วยเอาไว้ไม่ได้ ...ทั้ง ๆ ที่พวกเขาต้องตายไป เพราะต้องการจะปกป้องตัวคุณ"

"...ไม่ว่ายังไง ผมก็จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้น เกิดขึ้นอีกแล้ว!"

เสียงอ่อนโยนถามกลับว่า "แล้วเธอเคยคิดไหม ว่าการที่คนที่รักเธอ ยอมตายเพื่อเธอ แสดงว่าพวกเขา...ต้องการให้เธออยู่ต่อไป อย่างมีความสุข"

"ผมไม่รู้หรอก ก็แค่...ไม่อยากให้ใคร ต้องตายอีกเท่านั้น...เพื่อการนี้ พวกเรา จะต้องเข้มแข็ง และต้องยืนหยัดอยู่เหนือคนที่จะมาทำร้ายเราให้ได้!"

"เธอก็เลยยอมสละชีวิต เพื่อที่มาโอ จะได้ปกครององค์กรชั่วร้ายนั่นต่อไปได้งั้นสิ?"

ร่างบอบบางตวาดกลับทันที "มาโอะ ไม่ทำเรื่องชั่วร้ายแน่ ๆ ถึงพวกเรา...จะฆ่าคน แต่นั่น...ก็เพื่อการอยู่รอดของพวกเราเองเท่านั้น"

เรอิจิส่ายหน้าเบา ๆ "นั่นเพราะมาโอ ไม่ยอมบอกเรื่องราวที่แท้จริงกับเธอน่ะสิ"

"ไม่...คุณเป็นคนอื่น มาโอะ...เป็นพี่ชาย พี่ชายเพียงคนเดียวของผม ผมไม่เชื่อคุณหรอก! อย่าเข้ามานะ คิดว่าผมไม่มีมีด แล้วจะตายไม่ได้งั้นเหรอ" โคโตะขู่ต่อไป ร่างที่ถอยร่น แทบจะไปชิดผนังแล้ว

เรอิจิจ้องมองมาอย่างจริงจัง มือของเขาไม่ได้วางเปล่า แต่มีปืนกระบอกหนึ่ง ปืน...ที่อานุภาพย่อมรุนแรงกว่ามีดเมื่อครู่เป็นไหน ๆ

"ฆ่าผมซะสิ! ถ้าองค์กรของพวกเรามันชั่วร้ายนัก คุณก็ควรตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการฆ่าผม...ผมซึ่งเป็น..มันสมองขององค์กรนี้" เขาท้าต่อไป

หากสิ่งที่เรอิจิทำ กลับไม่ใช่ยิงมา

มือนั้นจับกระบอกปืนอีกด้าน ก่อนจะยื่นส่วนด้าม ส่งให้โคโตะ

ร่างบอบบางรับมันมาอย่างงุนงง

"ปืนนี่ ใส่กระสุนพร้อมยิง เธอคงใช้มันเป็นใช่มั้ย"

แน่ล่ะ ว่าโคโตะยิงปืนเป็น เรื่องแบบนี้ มันจำเป็นต้องเรียนรู้ ถ้าจำเป็นต้องอยู่ในโลกมืดเช่นนี้

"คุณให้ผมทำไมกัน" เขามองปืนในมือ ที่ยังคงรับมาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมคน ๆ นี้ จึงส่งอาวุธของตนเองให้ศัตรู ที่พร้อมจะลงมือฆ่าได้ทุกเมื่ออย่างเขา?

"ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีก อยากออกไปจากที่นี่..ก็ไปเลย หรืออยากจะฆ่าฉัน เพื่อลดจำนวนศัตรู อย่างที่เธอพูดเมื่อครู่ ก็ตามสบาย"

"ทำไม...?"

"ยิงสิ"

ปืนในมือเล็งไปยังร่างของเรอิจิแล้ว "ผม...ยิงปืนแม่นมากนะ" โคโตะพูดขึ้น "แค่เล็งไปที่หัวใจของคุณ มันง่ายดายมาก"

ใบหน้าของชายหนุ่มกลับมีรอยยิ้ม เมื่อก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกก้าว

"ถอยไปนะ อยากโดนยิงหรือไง" เสียงใสตวาด

"กลัวอะไรกัน คนที่มีอาวุูธคือเธอนะ...ไม่ใช่ฉัน" เขาพูดต่อเรื่อย ๆ "และฉันในตอนนี้ ไม่มีอาวุธใด ๆ ซ่อนอยู่แน่นอน สาบานได้เลย"

โคโตะรู้ดี ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่เช่นนั้น คงไม่มีความจำเป็นต้องส่งปืนนี้ให้กับเขาก็ได้ หากเรอิจิกำลังมั่นใจ...มั่นใจมาก ว่าจะเป็นผู้ชนะ ถึงแม้จะมาแบบตัวเปล่าก็ตาม

ต้องไม่หวั่นไหว...โคโตะเตือนใจตัวเอง

ทว่าพอชายหนุ่มเบื้องหน้า ก้าวเข้ามาอีกก้าว เขาก็เผลอถอยหลังไปอีกก้าว โดยไม่รู้ตัว แผ่นหลังในยามนี้ แนบชิดกับผนังห้องเสียแล้ว

ทางหนีหมดลง...นอกเสียจาก ฆ่าคนเบื้องหน้าทิ้งเสีย

"เธอไม่เคยฆ่าคนมาก่อนสินะ" เรอิจิพูดต่อไป "ไม่อย่างนั้น เธอคงยิงฉันไปแล้ว"

โคโตะหัวเราะ "ทำไมจะไม่เคย กับอีแค่ฆ่าคุณ...เรื่องมันง่ายมาก ผมบอกแล้ว ว่ายิงได้แม่นขนาดไหน"

ชายหนุ่มก้าวเข้าไปอีกก้าว กระบอกปืนแทบจะจ่อตรงร่างเขาแล้วด้วยซ้ำ เมื่อมือมั่นคงยื่นออกไป แล้วคว้าปลายกระบอกไว้ แววตาแน่วแน่ ยังคงมองโคโตะตาไม่กระพริบ

"แบบนี้คงจะไม่พลาดแน่นอน" มืออันมั่นคงของเขาจับกระบอกปืนจ่อที่ศีรษะตัวเอง หากมือที่สั่นระริก...กลับเป็นมือของโคโตะ

"ยิงสิ" ดวงตาคมเข้มหลับลงช้า ๆ

เสียงดังแกร๊ก เมื่อร่างบอบบาง ขว้างปืนนั้นลงกับพื้น "ทำไมผมจะต้องยิงคุณด้วยล่ะ!"

ใบหน้าคมสันนั้นมีรอยยิ้ม "แล้วทำไม เธอต้องแทงตัวเองด้วยล่ะ"

การย้อนครั้งนี้ เล่นเอาเขาแทบสะอึก

นั่นสิ...เขาจะฆ่าตัวเองทำไม

มาโอะ จะเสียใจขนาดไหน ถ้ารู้ว่าเขาตายไป เพียงเพราะเรื่องไร้สาระเช่นนี้
ใช่...ถ้าคิดกลับกัน ถ้าเขาเป็นมาโอะ แล้วเจอน้องชายตัวเอง ฆ่าตัวตายจากไป เขาก็คงเสียใจมากเช่นกัน

สิ่งที่ทำมาทั้งหมด ความยากลำบากที่พยายามต่อสู้ด้วยกันมา

...เพียงเพื่อเพราะ...จะได้อยู่ด้วยกัน...ไม่ใช่หรือ?

ถ้าเขาตายไปในตอนนี้ ทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์สิ

เรากำลังทำอะไรอยู่?

ร่างบอบบางทรุดตัวลง พึมพำเสียงแผ่วทั้งน้ำตา "ผมยอมแพ้แล้ว... จะทำยังไงก็แล้วแต่คุณเถอะ"

เรอิจิกอดร่างที่สั่นเทานั้นไว้แนบอก "ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่เธอไม่คิดจะตาย ด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้ ก็พอแล้ว"

"แต่ว่า...คุณต้องการตัวผม...เพื่อทำลายล้างพวกเราไม่ใช่เหรอ" เสียงถามยังคงสั่น "ถึงผมจะฆ่าคุณไม่ได้ และฆ่าตัวเองก็ไม่ได้ แต่ผม...ก็ไม่ขายเพื่อน และพี่ชายหรอกนะ"

เรอิจิส่ายหน้าเบา ๆ "ฉันไม่ได้ต้องการที่จะทำลายใคร สิ่งที่พวกเราทำ มีเพียงการช่วยเหลือเท่านั้น"

"ผมไม่เข้าใจ"

ใบหน้าคมเข้มมีรอยยิ้ม ท่าทางขี้เล่นยังคงอยู่ เมื่อเขาขยิบตาให้ก่อนจะตอบว่า "แล้วเธอจะเข้าใจมันเอง"

ว่าแล้วก็อุ้มร่างบอบบางนั้นขึ้นมา รวดเร็วจนอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูก "แต่ตอนนี้ เธอต้องพักผ่อน เชื่อหมออย่างฉันสิ"

"คะ..คุณเป็นหมอ?" คนถามอึ้งไปอย่างผิดคาด เขาเคยคิดว่า เรอิจิคงเป็นพวกสายลับหรือพวกจารชนเสียมากกว่า

"ใช่ ฉันเป็นหมอ...เป็นจิตแพทย์ หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่า เป็นจิตแพทย์ที่รักษาอาการทางจิตของอาชญากร ก็ได้"

ร่างบอบบางในอ้อมแขนเบือนหน้าหลบพลางพึมพำ "ผมไม่ใช่อาชญากรสักหน่อย"

คนอุ้มอมยิ้ม "ไม่ใช่อาชญากร ก็รักษาได้ ฉันเป็นหมอนี่นา ถ้ามีคนไข้อยู่ตรงหน้าแล้วไม่รักษา ก็ผิดจรรยาบรรณที่ดีของแพทย์สิ จริงมั้ย"

"คุณพูดเล่นอยู่ได้ ผมไม่รู้แล้ว...ว่าเมื่อไหร่คือเล่น เมื่อไหร่คือจริง"

เรอิจิหัวเราะเบา ๆ "ทั้งเล่นทั้งจริง มันก็คือตัวฉันนั่นแหละ เหมือนกับท่าทางไร้เดียงสา กับท่าทางที่ช่ำชองของเธอ จะอย่างไร ก็เป็นตัวเธอ ไม่ว่าเธอจะเสแสร้งแกล้งทำหรือไม่ก็ตาม"

"คุณรู้...."

ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหูต่อไปว่า "รู้สิ ว่าเธอยั่วยวนได้เซ็กซี่ขนาดไหน ไม่ต้องฟอร์มว่าเป็นเด็กใสซื่อหรอกน่า"

"บ้าที่สุด... ผมทำตัวไม่ถูกแล้วนะ เวลาอยู่ต่อหน้าคุณ" คนพูดชักเริ่มพาลแก้เขิน ที่จะอย่างไรก็ปิดไว้ไม่มิด

"ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว" ชายหนุ่มตอบง่าย ๆ

"แล้วคุณต้องการตัวผมเพื่ออะไรกันแน่" โคโตะถามต่อ

"ไว้ให้เธอหายดีก่อน แล้วเราค่อยว่ากัน" เรอิจิตอบ ก่อนจะวางร่างบอบบางนั้นบนเตียงอีกครั้ง "พักผ่อนซะ เธอเครียดมากไปแล้วในวันนี้ ถ้าไม่อยากโดนฉีดยาล่ะก็ หลับซะเดี๋ยวนี้เลย"

"ผม..."

มืออ่อนโยนยังคงลูบผมนุ่มนั้นแผ่วเบาเหมือนเคย "อย่าคิดมาก แล้วทุกอย่างจะดีเอง"

เสียงแผ่วเบานุ่มนวลปลอบประโลมฟังแล้วสบายใจจนในที่สุดโคโตะก็ผล็อยหลับไปอีกรอบโดยแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ...


........................................


และแล้ว การอยู่ร่วมกันของเขากับเรอิจิ ก็เริ่มขึ้นตั้งแต่วันนั้น

เรอิจิไม่เคยกักขังเขาไว้ แต่โคโตะ ก็ไม่ยอมจากไป ทั้ง ๆ ที่มีโอกาส

อาจจะเพราะอีกฝ่ายแสดงความจริงใจออกมาก่อน และนั่น...ทำให้เขาเริ่มสงสัยแล้ว ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไรกันแน่ และที่สำคัญ สิ่งที่มาโอะทำ...มันเลวร้ายจริงอย่างที่เรอิจิพูดไว้หรือเปล่า

เพื่อที่จะรู้เรื่องพวกนี้ให้ได้ เขาจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป

เรอิจิไม่เคยซักถามถึงเรื่องในองค์กรของเขา ไม่เคยคาดคั้นถามอะไรที่เขาไม่ต้องการจะตอบ

แต่ในเมื่อการคงอยู่ของเขา ไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ เลยสำหรับคนผู้นี้

แล้วที่บอกว่า เป้าหมายก็คือตัวเขา มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

เรอิจิเป็นคนแปลก ไม่ว่าเขาจะรุกเข้าหา จะยั่วยวนเช่นไร ก็คล้ายไม่มีผล คนผู้นี้ ราวกับล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างภายในใจของเขาจนหมดสิ้น

ตอนนี้คงทำได้เพียงแค่รอคอย...จนกว่าความจริงจะปรากฏเท่านั้น!


....................................


โต๊ะทำงานของเรอิจิมีข้าวของมากมาย หากส่วนใหญ่กลับเป็นเอกสารยาก ๆ ทางการแพทย์ ไม่ได้มีสิ่งที่จะบ่งบอกถึงตัวตนขององค์กรลับที่มาโอะบอกว่าเรอิจิทำงานให้อยู่เลย การรื้อค้นห้องทำงานตอนชายหนุ่มไม่อยู่ เขาก็ทำมาหลายครั้งแล้ว...และทุกครั้ง เรอิจิก็รู้ แต่ไม่เคยว่าอะไรเลย

"มาจัดห้องให้ฉันงั้นเหรอ ขอบใจมากนะ" เขาพูดแบบนี้แล้วก็ยิ้มให้

เล่นเอาโคโตะทำตัวไม่ถูก

"ผม...มาสืบเรื่องของคุณ ตามที่มาโอะสั่งต่างหากล่ะ ไม่เห็นจะต้องขอบคุณเลย" โคโตะตอบเสียงสะบัด

"แต่เธอก็จัดมันเป็นระเบียบขึ้นนี่นา ขอบคุณก็ถูกแล้ว" เขาพูดง่าย ๆ

"คุณแต่งงานแล้วงั้นหรือ" โคโตะถามขึ้นลอย ๆ ดวงตากลมโตมองภาพถ่ายคู่ของคนตรงหน้ากับหญิงสาวแสนสวยที่มีท่าทางมั่นใจในตัวเองสูงคนหนึ่ง

ชายหนุ่มหันมามองแล้วยิ้ม "ใช่สิ ภรรยาฉันสวยมั้ยล่ะ"

"ฮึ คนอย่างคุณ ไม่น่ามีใครมาหลงรักได้เลยนะ"

"นั่นสินะ...แต่ฉันก็รักเขามาก อ้อ นี่ลูกชายฉันล่ะ น่ารักใช่มั้ยล่ะ" เขาหยิบรูปเด็กผู้ชายคนหนึ่งให้ดู หน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงยิ้มกว้างมาให้ อายุคงราว ๆ สิบห้าสิบหก แต่ดูแกร่งกว่าเด็กทั่วไปจริง ๆ

"ตั้งแต่ฉันแยกกันอยู่กับภรรยา เขาก็หาเลี้ยงตัวเองแล้วก็เรียนไปด้วย เป็นเด็กที่อ่อนโยนและน่ารักมากทีเดียวนะ ถ้าเธอได้เจอเขา เธอจะต้องชอบเขาแน่ ๆ" เรอิจิอวดต่อด้วยความภาคภูมิใจ ท่าทางกระตือรือร้นสมกับเป็นคุณพ่อผู้เห่อลูกชายอย่างเห็นได้ชัด

ดวงตาอ่อนโยนมองภาพนั้นอีกครั้ง แล้วถอนใจยาว "ฉันเองก็ไม่ใช่พ่อที่ดีสักเท่าไหร่ ภรรยาของฉันก็เช่นกัน ด้วยภาระหน้าที่ของฉันตอนนี้ ทำให้ไม่อาจดูแลลูกได้ แต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ" ว่าพลางก็อมยิ้ม

"พ่อแม่น่ะ ยังไงก็รัก และอยากปกป้องลูก แล้วก็จะทำทุกอย่าง เพื่อให้พวกเขามีความสุข...ถึงจะต้องตาย ก็ยังหวังจะให้ลูก ๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ได้สร้างครอบครัวของตัวเอง และมีความสุขมาก ๆ กับคนที่พวกเขารัก...แน่นอนว่า ไม่ใช่ให้ใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวดหรอกนะ"

คนฟังนิ่งอึ้งไป เขารู้ดีว่าเรอิจิ...คงรู้ประวัติของตัวเขา และมาโอะ อย่างละเอียดแล้ว คน ๆ นี้ กำลังพยายามปลอบเขา ผ่านเรื่องราวของตัวเอง ความตายของคนที่รัก..และครอบครัว ตั้งแต่เยาว์วัย หลงเหลือเพียงสองพี่น้อง มาโอะ...และเขา โคโตะ

สิ่งที่มาโอะทำ เขาย่อมเข้าใจดี พวกเขาไม่ได้ต้องการอะไร ไม่ว่าจะอำนาจ หรือชื่อเสียงเงินทอง

สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือการได้อยู่ร่วมกัน...อย่างมีความสุขต่างหาก

แต่เพื่อการนั้น...พวกเขาจำเป็นจะต้องล้างแค้น และเพื่อการนั้นอีกเช่นกัน ที่พวกเขา...จำเป็นต้องอยู่เหนือกว่าพวกที่คิดร้ายทั้งหมดหลังจากล้างแค้นได้สำเร็จ!

ทั้งนี้เพื่อให้ได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง

มาโอะไม่มีทางทำเรื่องชั่วร้ายได้หรอก เขาแน่ใจ!

"คุณจะให้ผมอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่" ร่างบอบบางถามขึ้นในที่สุด

เรอิจิอมยิ้ม "เธอไม่อยากอยู่กับฉันแล้วงั้นรึ"

โคโตะส่ายหน้า แล้วตอบว่า "ผมไม่อยากให้มาโอะเป็นห่วง และที่สำคัญ" ดวงตากลมโตจ้องมองมาอีกครั้ง 

"ผมก็...ยังไม่เชื่อคุณเท่าไหร่หรอกนะ คุณอาจจะบอกความจริงเพียงแค่บางส่วน แล้วทำให้ผมกับเขา แตกคอกันเองก็ได้" ร่างบอบบางพูดต่อไป สมกับเป็นคนที่เป็นมันสมองขององค์กร เขามักจะคิดได้ลึกซึ้งกว่าคนทั่วไปเสมอ

เรอิจิพยักหน้ารับ "ใช่ ฉันอาจจะโกหกเธอก็ได้ เธอไม่จำเป็นต้องเชื่อฉันอยู่แล้ว ความจริง จะอย่างไรก็เป็นความจริง ฉันไม่เคยคิดจะบังคับให้เธอเชื่อ ไม่เคยคิดบังคับให้เธอทำตาม...เพราะเธอเป็นฉลาดและยอมรับเรื่่องราวต่าง ๆ ได้ดี ฉันแน่ใจ ว่าเธอจะต้องเลือกทางที่ถูกต้อง ...ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเข้าทางเธอ มากกว่าพี่ชาย"

"อยากรู้ใช่มั้ยล่ะ ว่าฉันต้องการตัวเธอเพื่ออะไร มาสิ ฉันจะให้เธอได้เห็นเอง วันนี้...คนของฉันติดต่อมาแล้ว เราจะไปจัดการกับคดี ๆ หนึ่งด้วยกัน"

โคโตะมองมาอย่างงุนงง

"คดีงั้นเหรอครับ"

ชายหนุ่มยิ้มให้ "ใช่แล้ว คดีหนึ่ง...ที่พี่ชายของเธอ...และองค์กรชั่วร้ายนั่น เข้ามาเกี่ยวข้อง"

คนฟังตื่นตัวขึ้นทันที "ตกลง ผมจะไปกับคุณ"


.........................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 10/2 อัพ 25-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 25-03-2010 18:30:36
 o22 แก้แค้นเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน โหดจริง
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 10/2 อัพ 25-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-03-2010 21:44:32
กำลังสนุกเลยค่ะ ถึงว่าใครๆก้อหลงรักเรอิจิ :o8:
แต่...เรย์จิยังเป็นที่หนึ่งสำหรับเราน๊า :impress2:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 10 อัพ 26-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 26-03-2010 15:49:08
(จบตอนที่ 10)


"ทำไมผมต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วยล่ะ" เสียงถามอารมณ์ขุ่นเล็กน้อย ร่างบอบบางในตอนนี้อยู่ในชุดกระโปรงติดกันสีหวาน เข้ากับรูปร่างอ้อนแอ้นได้เป็นอย่างดี ไหนจะวิกผมยาวสลวยที่พอสวมแล้วยิ่งดูคล้ายสาวน้อยวัยราว ๆ สิบแปดสิบเก้าที่แสนจะน่ารักและมีเสน่ห์

คนมองด้านข้างแอบขำ พลางยิ้มรับแล้วตอบว่า "ก็น่ารักดีไม่ใช่เหรอ"

ดวงตากลมโตมองภาพในกระจกของตัวเองแล้วแอบค้อนให้อีกครั้ง "แต่ผมไม่ชอบนี่"

"เอาน่า เราจะไปสืบคดีนะ ก็ต้องปลอมตัวกันหน่อย อย่าลืมสิ ว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น อาจจะเป็นพี่ชายของเธอก็ได้ ถ้าเขาตามมา เรื่องราวคงยุ่งกว่าเดิมมากแล้ว"

คนฟังนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยอย่างไม่รู้จะแย้งอย่างไร เรอิจิพูดถูกแล้ว หากเขาอยากรู้ว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นเช่นไร เขาก็จะต้องไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ถึงจะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เขาก็ต้องการจะเห็นด้วยตาตัวเองให้มั่นใจเสียก่อนมากกว่า

"แต่ก็ไม่เห็นจะต้องแต่งแบบนี้เลย ทำไมคุณไม่ใส่บ้างล่ะ"

"ถ้าฉันใส่ คงเด่นจนเป็นจุดสนใจมากเกินแน่ ๆ เอาเถอะน่า เราไปกันได้แล้วล่ะ อ้อ แกล้งแสดงเป็นคู่รักกันหน่อยนะ จะได้เนียนขึ้นอีก นึกซะว่า...วันนี้เราไปเดทกันก็ได้" เขาพูดพลางยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง แขนข้างหนึ่งงอเล็กน้อยทำท่าจะให้อีกฝ่ายคล้องมา

คนมองถอนหายใจ ก่อนจะหันไปยิ้มหวาน เรื่องแค่นี้...ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขาอยู่แล้ว "ก็ได้...เล่นกับคุณหน่อยก็ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น...ไปกันเถอะที่รัก" ร่างบอบบางเอนอิงแขนแกร่ง มือสอดคล้องกอดแนบชิดสนิทสนมแนบเนียน

"ชำนาญเชียวนะ" ชายหนุ่มพึมพำยิ้ม ๆ

"คุณนั่นแหละ อย่าหลุดก่อนก็แล้วกัน" โคโตะตอบรับ "ว่าแต่ เราจะไปที่ไหนกันล่ะ"

"เดทวันนี้ ก็ต้องไปที่สวนสนุกสิ" เรอิจิตอบง่าย ๆ "วันนี้มีคณะนักมายากลมาแสดงที่นั่นด้วยนะ และ..เป้าหมายของเรา ก็อยู่ในนั้นเสียด้วย"

"หืม?" ดวงตากลมโตมองมาอย่างอยากจะถาม

"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง เธอแค่ตามมาก็พอ ไปกันเถอะ" ว่าแล้วทั้งคู่ก็ขึ้นรถ โดยมีชายหนุ่มมาเปิดประตูให้ราวเป็นหญิงสาวที่กำลังไปเดทกับคนรักจริง ๆ ท่าทางที่เป็นธรรมชาติของเรอิจิ ทำให้โคโตะรู้สึกสนุกตามไปด้วย

เดทงั้นเหรอ...ตั้งแต่เกิดมา เขายังไม่เคยได้เดทกับใครเลย ยกเว้นกับมาโอะ ถ้ามันเรียกว่าเดทได้ล่ะก็นะ


.................................


สวนสนุกแห่งนี้จัดว่าใหญ่พอสมควร และมีเครื่องเล่นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังจ้างคณะมายากลคณะใหญ่ ให้เข้ามาร่วมแสดงเพื่อดึงดูดคนให้เข้ามามากยิ่งขึ้นไปอีก แต่เพราะยังไม่ถึงเวลาแสดง ด้วยเรอิจิเจตนามาเร็วกว่า เพื่อที่จะให้อีกฝ่าย ได้เล่นเครื่องเล่นราวเดทกันจริง ๆ เสียก่อน

"ผมไม่เคยสนุกแบบนี้มาก่อนเลย" โคโตะในชุดสาวน้อยกอดแขนชายหนุ่มพลางพึมพำ ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสายิ้มแย้มน่ารัก ไม่ใช่การเสแสร้งแบบในวันก่อน เรอิจิยิ้มให้ เขาต้องการให้อีกฝ่ายผ่อนคลายให้มากที่สุด ก่อนที่จะต้องไปเผชิญกับเรื่องราวที่จำเป็นจะต้องใช้กำลังใจที่เข้มแข็ง เพื่อให้ผ่านพ้นมันมาได้

ร่างสูงดูนาฬิกา ก่อนจะชักชวนขึ้นว่า "เล่นมาพอแล้วล่ะ ตอนนี้เราไปดูมายากลกันดีกว่า"

รอยยิ้มจางหายไป สีหน้าของอีกฝ่าย กลับเคร่งเครียดขึ้น นิ้วยาวดีดที่หน้าผากมนนั้นทีหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะตั้งตัวติด "โอ๊ย คุณทำอะไรเนี่ย"

"เรามาเดทกันไม่ใช่เหรอ อย่าทำหน้าน่ากลัวแบบนี้สิ" เขาพูดพลางหัวเราะ

"ก็ได้ ๆ ผมจะพยายามไม่เผลอ" ร่างบอบบางตอบกลับ "ไปสิคะที่รัก" เขากระซิบเสียงหวาน ชายหนุ่มจึงหันมายิ้มรับ เป็นรอยยิ้มที่น่ารักจนโคโตะมองดูอย่างเคลิ้บเคลิ้ม

"เอ้า ไปสิครับ หรือว่าติดใจหน้าผมจนไม่อยากดูมายากลแล้วล่ะ หวานใจของผม"

คนฟังแอบสะดุ้ง ก่อนจะค้อนให้อย่างเขิน ๆ "คุณก็นำทางสิ"

บรรยากาศราวคู่รักอย่างแท้จริงทำให้เขาใจเต้นอยู่บ้าง แม้จะรู้ทั้งรู้ ว่าคนด้านข้างนั้น ไม่เคยสนใจเขาในทางฉันท์ชู้สาวเลยก็ตาม

เต็นท์ของคณะมายากลนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร กับรายการแสดงที่มีมาหลายชุด หลังจากรับชมอย่างเพลิดเพลินแล้ว ชายหนุ่มก็ชี้ให้คนด้านข้างดูเด็กสองคนในคณะนั้น

ร่างบอบบางที่อายุราว ๆ สิบเอ็ดสิบสอง ของเด็กชายในชุดปีเตอร์แพน กับเด็กหญิงอายุราว ๆ หกเจ็ดขวบในชุดจิงเกอร์เบล ดูน่ารักมากจริง ๆ ดวงตาสีฟ้าใสของเด็กชาย และดวงตาที่งดงามที่สุด...จากเด็กหญิง ตาสีฟ้าและสีเขียว อย่างละข้าง ราวกับแมวน้อยตาสองสีที่ดูงดงามและลี้ลับ

การแสดงของทั้งคู่คล่องแคล่วและชำนาญ มือที่เคลื่อนไหวว่องไว ทั้งกลไพ่และกลอื่น ๆ โดยมีเด็กหญิงตัวน้อยเป็นผู้ช่วย สร้างความรู้สึกเอ็นดูจากผู้ชมและเรียกเสียงปรบมือได้ดังไปทั่วบริเวณนั้น โคโตะมองเด็กทั้งสองอย่างประทับใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน ว่าทำไมเรอิจิ จึงให้เขาสังเกตเด็กสองคนนี้เป็นพิเศษ

ทั้งคู่เดทกันจนใกล้ค่ำในสวนสนุกแห่งนั้น ราวกับว่าไม่ได้มาสืบคดีเสียด้วยซ้ำ โคโตะเองก็ดูจะเพลิดเพลินจนแทบจะลืมเลือนว่าตนเองก็ไม่ใช่เด็กแล้วในตอนนี้ ความรู้สึกยามได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย ทำให้เขาคล้ายเด็กสาวที่พึ่งมาเดทกับแฟนหนุ่มเป็นครั้งแรกก็ไม่ปาน แม้จะรู้อยู่เต็มอก ว่าอีกฝ่ายนั้นมีลูกและภรรยาแล้ว และไม่ใช่แค่นั้น ในสายตาของเรอิจิ เขาอาจจะเป็นได้แค่เพียง...ลูกชายอีกคนก็เป็นได้

ดวงตากลมโตหลับลงอย่างสะท้านใจ เขารู้ดีว่า จะใจอ่อนไม่ได้ กับคน ๆ นี้ ความเป็นศัตรูยังคงมีอยู่

ไม่ว่าจะรู้สึกกับเรอิจิเช่นไร สำหรับเขาแล้ว คนที่จะมาเป็นอันดับหนึ่ง ก็ยังคงเป็นมาโอะเสมอ

ถึงจะจับล้างสมองอย่างไร ก็ไม่อาจลบความผูกพันที่มีมาแต่กำเนิดลงได้หรอก

เพราะมาโอะคือที่พึ่ง ที่พักพิง คือพี่ชาย และยังเป็นคนรักของเขาด้วย

ไม่มีใครในโลกนี้จะแทนที่ได้...ไม่เคยมี

เขาพยายามบอกย้ำเรื่องเหล่านี้ กับหัวใจของตัวเอง
ห้ามไขว้เขวอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าคน ๆ นี้ จะพาเขาไปดูอะไรก็ตาม!


............................................


ยามค่ำมาเยือน พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้กลับออกไปจากสวนสนุก แต่กลับซุ่มรอคอยอยู่ข้างเต็นท์แสดงมายากลนั้น เรอิจิยังคงไม่ได้บอกอะไรกับเขา นอกจากให้เฝ้ารอคอย

คอยจนดึก สวนสนุกปิดแล้ว รอบตัวมีแต่ความมืดไร้ซึ่งผู้คนและไฟประดับตามเครื่องเล่นต่าง ๆ บรรยากาศจึงดูเปลี่ยวร้างและวังเวง ในตอนนั้นเอง ประตูเต็นท์ผ้าใบก็เปิดออก ร่างเล็ก ๆ สองร่างเดินออกมาจากภายในอย่างระมัดระวัง ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงบอกได้ชัด ว่าสองคนนี้ เป็นพี่น้องกันแน่ ๆ มือเล็ก ๆ ที่จับกันแนบแน่น ยิ่งบอกได้ถึงสายสัมพันธ์...ดังเช่นตัวเขา กับมาโอะ

เด็กชายเดินนำหน้า และยังคงจูงมือกับเด็กหญิงอยู่ พวกเขาเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองที่ดูน่ารักไม่ต่างจากชุดในการแสดง ร่างเล็กเดินอย่างมีเป้าหมาย ตรงไปยังตึกใหญ่อันเป็นที่ทำการของสวนสนุก

ชายหนุ่มส่งสัญญาณให้โคโตะ แล้วทั้งคู่ก็ลอบตามเด็กสองคนนั้นไปอย่างเงียบเชียบ

ห้องที่ทั้งคู่ไปหยุดยืนอยู่กลับเป็นห้องใหญ่ที่แม้กระทั่งประตู ก็ดูจะหรูหราเป็นพิเศษ ป้ายสีทองที่ปิดหน้าห้อง เขียนเอาไว้อย่างงดงามว่าห้องผู้อำนวยการสวนสนุก เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องของเจ้าของที่นี่นั่นเอง

ห้องข้าง ๆ ปิดไฟมืด พนักงานทั้งหลายต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะสวนสนุกปิดแล้ว ทว่าห้องนั้น ยังมีแสงไฟสว่างลอดออกมา ราวกับกำลังรอคอยคนทั้งคู่อยู่ เสียงเคาะประตูแผ่วเบาที่หน้าห้องโดยมือเล็ก ๆ ของเด็กชายเป็นจังหวะรหัสบางอย่าง ดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนประตูบานนั้นจะเปิดออก

"Trick or Treat?" เสียงใสถามขึ้นเบา ๆ

คำตอบจากเจ้าของห้องนั้นคือ "Treat"

เจ้าของห้อง หรือก็คือผู้อำนวยการสวนสนุก เป็นชายร่างเตี้ยที่ดูภูมิฐาน ดวงตาเล็กหยียังมีประกายแบบแปลก ๆ ยามจับจ้องมายังเด็กทั้งคู่ เสียงหัวเราะเบา ๆ น่าขยะแขยงดังมาจากร่างนั้น หากเด็กทั้งสองกลับทำเป็นไม่ได้ยิน

คำตอบถูกต้องตามรหัส เด็กชายจึงพยักหน้ารับ ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูไร้อารมณ์เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม แม้มันจะเป็นยิ้มที่เฉยเมยอยู่มากก็ตามที คนที่เปิดมีสีหน้าพึงพอใจ มืออ้วนเชยคางเด็กชายขึ้นก่อนชมเชยในลำคอแผ่วเบาเมื่อสำรวจคนเบื้องหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นที่เรียบร้อย

ดวงตายิบหยีนั้นเหลือบมองไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนถัดออกไป ก่อนจะเอื้อมมือไปหา เด็กหญิงหลบหลังพี่ชายทันทีโดยสัญชาตญาณ มือเล็ก ๆ เกาะที่พึ่งเพียงแห่งเดียวนั้นไว้แน่น ด้วยท่าทางหวาดกลัว ร่างของเด็กชายจึงขยับเล็กน้อยแกมขวางเอาไว้อย่างสุภาพ ก่อนจะพูดเสียงราบเรียบว่า

"เธอเป็นผู้ดูอย่างเดียวเท่านั้น คุณคงไม่ลืมกฎข้อนี้ใช่มั้ยครับ"

สายตาที่มองมาเสียดายเล็กน้อย หากได้แต่ถอนใจยาว ดวงตาคู่สวยของเด็กหญิง ช่างดึงดูดชวนหลงใหลยิ่งนัก แต่กับเด็กชายที่หน้าตางดงามไม่แพ้กัน ก็ไม่เลวอยู่ และที่สำคัญ...ยังคงอยู่ในข้อตกลงโดยสมบูรณ์ ที่เขาจะทำอะไรก็ได้อีกด้วย

"มากันแค่นี้งั้นเหรอ" เขาถามย้ำ สายตาระแวดระวังเหลือบมองด้านหลัง และพบกับความว่างเปล่า

"คุณคงไม่ต้องการให้ใครมาขัดความสำราญไม่ใช่หรือครับ" เด็กน้อยถามด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

คนฟังชะงัก แล้วหัวเราะดังกว่าเดิม

"เอ้า เข้ามาสิ" เจ้าของห้องเบี่ยงตัวหลบ ให้เด็กทั้งสองก้าวเข้ามา เด็กน้อยสบตากัน ก่อนจะก้าวตามไปอย่างว่าง่าย แล้วประตูบานนั้น...ก็ปิดลง

โคโตะที่แอบมองอยู่ด้านข้างเรอิจิในมุมมืดไม่ไกลออกไป หันไปสบตาคมของชายหนุ่มราวกับต้องการจะถาม เรอิจิส่ายหน้าเบา ๆ แล้วกระซิบว่า "รอดูต่อไป แล้วเธอจะรู้เอง"

ภายในห้องที่ดูเหมือนจะไม่ได้เก็บเสียงได้ดีนัก ทำให้ได้ยินเสียงแผ่วเบาบางส่วนเล็ดรอดออกมา เพียงแค่ฟังก็รู้ได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้าง

ร่างเล็กของโคโตะขยับจะพังประตูเข้าไปเมื่อพอเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากเรอิจิกลับฉุดรั้งเขาไว้

"ไอ้บ้านั่นมันข่มขืนเด็กนะ จะปล่อยให้มันทำแบบนี้ได้ยังไง" ร่างบอบบางดิ้นรนอย่างฮึดฮัด เสียงที่อึดอัด อ้อนวอน ขอความเมตตา ดังออกมาจากในห้องนั้น สลับกับเสียงหัวเราะอย่างย่ามใจ เพียงแค่ทนฟังได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกคลื่นไส้จนแทบอยากจะอาเจียนออกมาให้หมดแล้ว

"ยังมีเรื่องที่เธอต้องรู้อีก อดทนรอดูไปก่อน เด็กคนนั้น...ไม่เป็นอะไรหรอก" เรอิจิพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบกว่าเดิม มือที่แข็งแรงยึดร่างโคโตะไว้ ไม่ให้พุ่งเข้าหาประตูจนทำเสียเรื่อง

"คุณจะไปรู้อะไร คุณเคยเข้าใจมั้ย ว่าการถูกข่มขืนน่ะ...มันเลวร้ายขนาดไหน" น้ำตาเริ่มคลอดวงตางดงามนั้น ร่างบอบบางสั่นเทาอย่างน่าสงสาร อดีตที่ขื่นขม ในวันที่ครอบครัวถูกฆ่าล้าง เขาเองก็โดนเจ้าพวกสัตว์นรกนั่นข่มขืนเช่นกัน เพียงเพราะมีร่างกายที่บอบบางและน่ารักกว่าเด็กทั่วไป

และกว่ามาโอะจะมาช่วยเอาไว้ได้ ทุกอย่างก็บอบช้ำเกินจะแก้ไขแล้ว รวมถึงสภาพจิตใจของเขาด้วย

มาโอะที่โกรธแค้นน่ากลัวนัก ตั้งแต่วันนั้น พี่ชาย..ก็เปลี่ยนไป เข้มแข็งขึ้น เด็ดขาดขึ้น จนบางครั้งถึงกับดุดันน่ากลัว แม้จะยังใจดี เวลาอยู่ต่อหน้าเขา

โคโตะรู้ดี มาโอะพยายามทำตัวเป็นเสาหลักเรื่อยมา เพื่อให้น้องชายที่อ่อนแออย่างตัวเขาได้พักพิง...ทั้งทางใจ...และร่างกาย

มันใช้เวลานานพอดูเช่นกัน กว่าพวกเขาจะสามารถยืนหยัดกันได้อีกครั้ง และองค์กรที่พวกเขาร่วมกันสร้างขึ้น...ก็เป็นบันได เพื่อไปสู่การล้างแค้น!

และในยามนี้...ทำไมเขาจะช่วยเด็กคนนั้นไม่ได้

เด็กผู้ชายคนนั้น จะต้องยอมทำทุกอย่าง เพื่อปกป้อง...น้องสาวอันเป็นที่รักไว้แน่ ๆ

ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวดใจนัก จนแทบจะไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ ร่างแกร่งที่แอบอยู่เคียงข้างได้แต่ยึดจับกึ่งประคอง มือแข็งแรงยังปิดปากอีกฝ่ายไว้ด้วย เพื่อไม่ให้โวยวายจนความแตกเสียก่อน

"อดทนอีกหน่อยนะโคโตะ มีเรื่องอีกมาก ที่เธอต้องรับรู้...และฉันก็หวังว่า ถ้าเป็นเธอ จะแก้ไขมันได้" เสียงกระซิบแผ่วเบาให้กำลังใจ

จากน้ำเสียง บ่งบอกได้ชัด เรอิจิรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่

แสดงว่าต้องมีอะไรมากไปกว่าที่เห็นแน่นอน

ร่างบอบบางหายใจเข้าลึก พยายามรวบรวมสติให้เข้มแข็งกว่าเดิม ก่อนจะมองมาที่ชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจนัก ดวงตาที่อ่อนโยนและอบอุ่น ยังคงเป็นเหมือนเดิม เขาไม่คิดว่า เรอิจิจะเป็นคนเลวร้าย แม้จะไม่ยอมเข้าไปช่วยเด็กคนนั้นในตอนนี้ก็ตาม

คงมีเหตุผลบางอย่างคน ๆ นี้ถึงได้ทำเช่นนั้น

สังเกตได้จากมือของอีกฝ่ายที่แอบเกร็งแน่น จะว่าไป จิตใจของชายหนุ่มก็คงบอบช้ำไม่ต่างกัน แต่ด้วยความจำเป็นนั่น ก็ทำให้เขาต้องอดทนต่อไป

เวลาผ่านไปนานแค่ไหน โคโตะแทบไม่รับรู้ เสียงร้องน่าสงสารนั้นแผ่วเบาลงทุกที สมองเขาเริ่มจะด้านชา ด้วยความรู้สึกผิดและตำหนิตัวเอง ที่ไม่อาจทำอะไรได้

ทว่าทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น กลับเป็นเสียงชายชราตัญหากลับผู้นั้น

เรอิจิหันไปมองประตูห้องอย่างเฉยเมย รอคอยเช่นเดิม แม้โคโตะจะพยายามดึงตัวเองให้เป็นอิสระจากการจับกุมของชายหนุ่ม ด้วยความร้อนใจว่าภายในนั้นเกิดอะไรขึ้น

จนเสียงร้องทุรนทุรายจากคนผู้นั้นนิ่งเงียบไปแล้ว เขาก็ปล่อยโคโตะลง มืออีกข้างชักปืนขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้าให้โคโตะตามเข้าไป

เท้าที่ยันโครมไปที่ประตูห้อง ทำให้เด็กชายผู้ทรุดตัวอยู่บนพื้นภายในห้องสะดุ้งเฮือก เขาพยายามรวบรวมพละกำลังที่หลงเหลือเข้ามากางกั้นร่างเล็ก ๆ เบื้องหลังไว้

ประตูที่ถูกพังเปิดออกอ้า สภาพในห้องนั้น ทำให้คนทั้งคู่ตะลึงงัน

ร่างอ้วนของเจ้าของห้อง ยังคงนอนจมกองเลือดอยู่กลางห้อง ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ราววิญญาณได้หลุดลอยจากร่างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่เห็นอยู่...มีเพียงมีดคมกริบเปื้อนเลือดที่อยู่ในมือบอบบางข้างหนึ่ง

เป็นมือของเด็กหญิง ผู้มีอายุไม่ถึง 7 ขวบด้วยซ้ำ!

ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ้มแย้มแม้จะเป็นรอยยิ้มที่ว่างเปล่า ดวงตาคู่งามที่มีสองสี ยังคงจับจ้องเหยื่อที่สิ้นลมอย่างสาสมใจ เสียงใสหัวเราะพลางพึมพำว่า

"ไม่เป็นไรนะซานา...เอเมจัดการมันแล้ว มันจะรังแกซานาไม่ได้อีก"

เด็กชายที่อยู่ในสภาพบอบช้ำ กอดร่างนั้นไว้ มือที่สั่นน้อย ๆ คว้ามีดแย่งไปถือเสียเอง แม้จะยังหอบหายใจไม่เป็นปกตินัก ดวงตาสีฟ้างดงามจ้องมองแน่วแน่มายังแขกไม่ได้รับเชิญทั้งสอง

"ผมฆ่าเขาเอง...ไม่เกี่ยวอะไรกับเอเมทั้งนั้น จะจับหรือจะฆ่าผมก็ได้ ปล่อยเอเมไปนะครับ" เด็กชายอ้อนวอนโดยไม่สนใจสภาพของตัวเอง ร่างกายเล็ก ๆ ที่ถูกทารุณแทบจะหมดสภาพ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพยายามขอร้องต่อไป

ในขณะที่เด็กหญิงในอ้อมกอด ยังคงไม่สนใจต่อใครทั้งนั้น ใบหน้าสวยยังคงยิ้มเลื่อนลอย มือเล็ก ๆ ลูบหลังสั่นเทาของเด็กชายราวต้องการปลอบโยน เสียงพึมพำยังคงอยู่ วนเวียนแต่เพียงว่า

"ไม่เป็นไรนะซานา...เอเมจะไม่ยอมให้ใครรังแกซานาอีก..."

สภาพเบื้องหน้าทำให้โคโตะตะลึงไปแล้ว

เรอิจิจึงพูดขึ้นว่า "นี่ล่ะ ผลของการสร้างนักฆ่าของพี่ชายเธอ"

โคโตะรู้ดี ว่าเรอิจิพูดความจริง เขาเองก็พอได้ยินมาบ้าง ว่าวิธีการสร้างนักฆ่า ไม่ได้ง่ายดายเลย และยังทารุณมากด้วย แต่ก็ไม่คิดว่า มันจะโหดร้ายกันได้ถึงเพียงนี้...กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ ก็ยังไม่เว้น...

มาโอะ...ไม่เคยบอกเรื่องราวพวกนี้กับเขาเลย

ชายหนุ่มถอนใจยาว ก่อนจะยกปืนขึ้นเล็ง "ถึงจะน่าสงสารยังไง แต่ก็คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ สภาพจิตใจขนาดนี้ คงเกินเยียวยาแล้ว"

ปากกระบอกปืนนั้นเล็งไปที่เด็กหญิง

ดวงตาคู่สวยที่ตื่นตระหนกของเด็กชาย มองมาอย่างเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี เขากอดร่างเล็กนั้นไว้แนบอก ใช้เพียงแผ่นหลังบอบบางนั้นเข้ารับแทน เสียงสั่นน้อย ๆ ยังคงตะโกนพูด แม้มันจะแผ่วเบาเต็มทีด้วยยังไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต่อต้านเท่าใดนัก

"ผมเป็นคนฆ่าเขา เป็นความผิดของผมคนเดียว อย่าทำอะไรเอเม..ได้โปรด..." ร่างเล็กที่ฝืนตัวเองมานานล้มฮวบลงหมดสติไป เด็กหญิงจึงได้แต่ร้องไห้จ้าอย่างตื่นตกใจยิ่งกว่า

"ซานา...อย่าเป็นอะไรนะ...ซานา..."

มือที่เล็งปืนมา ยังคงไม่ขยับไปจากเป้านิ่ง โคโตะมองชายหนุ่มที่ท่าทางเอาจริงขึ้นมาจนน่ากลัวนั้นด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวแกมผิดหวัง ร่างบอบบางเข้าไปขวางทางปืนอีกชั้นอย่างไม่กลัวเกรง

"ถ้าคุณจะฆ่าเด็ก ก็ฆ่าผมก่อน ผมเข้าใจแล้ว...พวกผมผิดเอง!"

ดวงตาของเขาพรั่งพรูไปด้วยน้ำตา สภาพเบื้องหน้าของเด็กทั้งคู่บีบคั้นจนเขาแทบคลั่ง จริงหรือ...ที่มาโอะ ทำให้เด็กทั้งสอง ต้องเป็นถึงขนาดนี้

มือสั่นน้อย ๆ โอบกอดร่างเล็กทั้งคู่ไว้ มีเพียงเสียงพึมพำขอโทษ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความทารุณที่เคยเจอมากับตัว ทำให้เขารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี

ความรักระหว่างพี่น้อง ที่ยอมสละตัวเองเพื่อปกป้อง...เขายิ่งเข้าใจดียิ่งกว่า

มันเหมือนตัวเขาเอง...กับมาโอะยิ่งนัก

เป็นเพราะพวกเขาจริง ๆ งั้นหรือ ที่ทำให้เด็กพวกนี้ ต้องเผชิญกับความทุกข์อย่างแสนสาหัส

...เป็นความผิดของเขา...ที่สร้างองค์กรร้ายกาจนั่นขึ้นมา...

ดวงตาที่แน่วแน่จ้องมองมาที่เรอิจิ ทั้งยอมรับและปกป้อง เขาจะไม่ยอมให้ใคร ทำอะไรเด็กสองคนนี้อีกต่อไปแล้ว จะปกป้องให้ได้ ด้วยชีวิตที่เหลืออยู่นี้...

ปืนในมือของชายหนุ่มถูกลดลง เขาเก็บมันเข้าที่อย่างเงียบงัน

"ฉันไม่ทำอะไรเด็กสองคนนี้หรอก นอกจากจะช่วยเหลือเท่านั้น" เรอิจิพูดต่อไป "เรารีบไปกันดีกว่า ก่อนที่จะมีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่"

โคโตะสบตาเรอิจิราวกับต้องการย้ำให้แน่ใจ ชายหนุ่มพยักหน้าพลางยิ้มรับ เป็นรอยยิ้มที่หนักแน่นและมั่นคงเช่นเดิม ร่างบอบบางจึงยินยอมปล่อยให้เรอิจิอุ้มเด็กชายขึ้นมา ส่วนตัวเขาก็อุ้มเด็กหญิงไว้ ก่อนจะรีบเดินทางออกไปจากที่เกิดเหตุนั้นให้ไวที่สุด

ทิ้งร่างชุ่มเลือดไว้บนพื้นโดยไม่มีใครใยดี

กับพวกสัตว์นรกเช่นนี้ ตายได้ก็สมควร!


...........................................


รถของเขาจอดระหว่างทาง หยุดปล่อยให้โคโตะอาเจียนออกมาจนหมดแรง ความเครียดและความกดดันมากมายเกินรับ ทำให้ร่างบอบบางนั้นแทบทนทานไม่ไหว แต่ที่ยังคงฝืนแรงอยู่ได้ นั่นเป็นเพราะเขายังคงห่วง กลัวว่าเรอิจิ จะทำอะไรเด็ก ๆ ที่ตอนนี้หลับใหลไปแล้วทั้งคู่

เรอิจิมองมาด้วยสายตาที่เศร้าหมอง เขาเข้าใจดี ว่าโคโตะเจ็บปวดขนาดไหน แต่รู้ทั้งรู้ เขาก็จำใจต้องทำ เพื่อที่จะได้ยับยั้ง ไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมที่แย่ไปกว่านี้ได้

หลังจากหยุดพักจนอีกฝ่ายพอจะตั้งหลักได้ ชายหนุ่มที่ยืนพิงตัวรถเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้าง ก็เริ่มเล่าถึงเรื่องราวของตนเอง เป็นความลับ...ที่มาโอะ เคยพยายามให้เขามาสืบให้รู้

แต่คราวนี้ เป็นเรอิจิ ที่บ่งบอกมาด้วยความตั้งใจของตนเอง

"ฉันสังกัดองค์กรลับแห่งหนึ่ง ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก...พวกเรา ก่อตั้งมันขึ้นมา เพื่ออาชญากรที่จำใจต้องประกอบอาชญากรรม"

"แน่นอนว่ามันไม่ได้ถูกกฎหมาย และพวกเราก็ไม่ได้ใส่ใจ ผู้ที่ถูกทำร้ายจากอาชญากรพวกนี้ด้วย จุดมุ่งหมายของพวกเราก็คือ การช่วยเหลือ และเยียวยาจิตใจอาชญากรที่ทำผิดทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ และเพราะโดนบังคับ"

"ฉัน...ในฐานะที่เป็นนักจิตแพทย์บำบัดอาชญากร มีหน้าที่ช่วยเหลือ และเยียวยาพวกเขา แต่การจะกลับสู่สังคมได้หรือไม่ สิ่งนั้น..ทางเบื้องบน จะตัดสินอีกที แต่ทุกอย่างนี้ จะเก็บเป็นความลับ และผู้ที่เข้าร่วมการรักษา จะได้รับการคุ้มกันด้วย"

ชายหนุ่มหันมามองโคโตะ "ฉันไม่จับเธอหรอกนะ เพราะรู้ดี ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ฉันอยากจะขอร้อง ให้เธอ...หยุดมาโอ"

โคโตะนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ "ผมเข้าใจแล้ว...ว่าทำไม คุณถึงต้องการตัวผม"

เรอิจิยิ้มน้อย ๆ ให้กำลังใจ "ฉันเชื่อ...ว่าเธอทำได้"

"ผมก็เชื่อใจคุณนะ เรอิจิ...ฝากเด็กสองคนนี้ด้วย ถ้าเป็นคุณ จะต้องเยียวยารักษาพวกเขาได้แน่ ๆ"

ร่างเล็กจ้องมองชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงหนักแน่น

"ผมจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อหยุดมาโอะ จะไม่ยอมให้มาโอะ ทำเรื่องแบบนี้อีก...ดังนั้น เรื่องนี้ ขอผมจัดการเอง ได้ไหมครับ"

เรอิจิพยักหน้ารับ "พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่ง นอกจากว่า...เธอจะต้องการความช่วยเหลือ" มือแข็งแรงยื่นนามบัตรให้ 

"จิตแพทย์คนนี้ ยินดีรับปรึกษาปัญหาทุกอย่างตลอด 24 ชั่วโมงฟรี ขอแค่เธอโทรมาเท่านั้น"

"ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกอย่าง..."

มือบอบบางถือนามบัตรนั้นไว้แน่น ดวงตาคู่สวยยังคงมีน้ำตาไหลเป็นสายระลงข้างแก้มใส ริมฝีปากนุ่มพยายามแย้มยิ้ม แม้จะยังฝืนเอาการ

"ผมขอสัญญา..ว่าจะปลดปล่อยทุกคนที่อยู่ในอาณัติของมาโอะ...เท่าที่จะทำได้"

"และลาก่อน ผมจะไม่ลืมคุณเลย" ร่างบอบบางพูดประโยคสุดท้าย ก่อนจะเดินจากไปในความมืดนั้น

เรอิจิได้แต่มองแผ่นหลังบอบบางเดินจากไป

เขารู้ดี ว่าโคโตะ ตั้งใจจะเสี่ยงชีวิตอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ เขาคงห้ามไม่ได้

ปัญหาของคนสองคน เป็นเรื่องที่พวกเขา จะต้องสะสางกันเอง

การยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยว จะมีแต่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง

เขาคงทำได้เพียง รอคอยให้โคโตะ ขอความช่วยเหลือมา

และเมื่อถึงตอนนั้น...เขาเองก็จะช่วยเหลือ สุดความสามารถอย่างแน่นอน

ร่างสูงเดินกลับไปประจำที่คนขับ ดวงตาสีเข้มมองมายังเด็กทั้งสองที่ยังคงหลับ เด็กน้อยที่น่าสงสาร ช่วงนี้คงจะเป็นงานหนักอยู่สักหน่อย และต่อจากนี้ไป ก็คงจะมีคนไข้ถูกส่งมาอีกเรื่อย ๆ เป็นแน่

เรอิจิยิ้มอย่างเชื่อมั่น

เพราะเขารู้ดี ว่าโคโตะ จะรักษาสัญญาอย่างแน่นอน!


- จบตอนที่ 10 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 10 อัพ 26-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 26-03-2010 16:44:15
คุณพ่อเรอิจิ นี่สุดยอดจริงๆ ความจริงค่อยๆเปิดเผยเรื่อยๆ
+1 ให้คุณ ppm ครับ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 10 อัพ 26-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 26-03-2010 22:55:39
ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตามค่ะ
โคโตะกับมาโอ เจอกันต้องเศร้าแน่ๆเลย

เป็นกำัลังใจให้ค่ะ รอพาร์ทต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 10 อัพ 26-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 26-03-2010 23:32:04
พอรู้ที่มาที่ไปแล้วมันเศร้าชะมัด

 o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 10 อัพ 26-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 28-03-2010 03:28:29
เรย์จิคุงนิสัยคล้ายๆคุณพ่อเลยเนาะ
ช่วยเหลือและเยี่ยวยาคนอื่นเนี่ย
รอลุ้นตอนต่อไป ตอนนี้แอบสะเทือนใจเล็กน้อย สงสารทั้งไคโตะทั้งเด็กๆเลย
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 11/1 อัพ 28-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 28-03-2010 17:04:40
ตอนที่ 11 Secret of a Flower : ความลับของดอกไม้

(ตอนที่ 11/1)

Rate: G


เช้าที่แสนง่วงงุน ร่างสูงของเด็กหนุ่มเดินลงมาจากชั้นสอง อาจจะเพราะเมื่อคืนที่แสนวุ่นวายที่พึ่งผ่านพ้นไป ทำให้เขานอนได้ไม่เต็มตื่นนัก เช้าตรู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย ทำให้ต้องปรับตัวอยู่บ้าง แต่เตียงที่เก็บไว้เรียบกริบตั้งแต่ก่อนเขาจะตื่น ก็ทำให้เรย์จิรู้ว่าอีกฝ่ายตื่นนานแล้ว

หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย และเตรียมตัวเปิดร้านเหมือนเช่นทุกวัน สายตาของเขาก็เผลอเหลือบมองแผ่นหลังบอบบางที่คล่องแคล่วในครัวนั้นโดยไม่รู้ตัว มือเรียวที่กำลังจับตะหลิว ขยับทะมัดทแมง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปหมด

เสี้ยวหน้าด้านข้างขาวเนียนละเอียด ดวงตาเรียวยาวสีดำสนิท ทุกอิริยาบถ ล้วนแล้วแต่ดูเป็นธรรมชาติ และงดงามนัก…เด็กหนุ่มแอบสะดุ้ง เมื่อดวงตาคู่นั้นปรายมองมา ก่อนจะหันกลับไปสนใจอาหารในกระทะอีกครั้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่รู้ทำไม วันนี้เขาจึงได้สนอกสนใจซากุระคุงมากเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืน…ที่จับพลัดจับผลู ต้องไปขอนอนด้วยโดยไม่ได้คาดคิด แถมอีกฝ่ายยังอนุญาตให้เข้าไปได้เสียอีก

“ไง เรย์จิ” เสียงสดใสทักทายมา ร่างโปร่งบางในชุดราชินีเต็มยศที่เดินลงมาเคียงคู่กับชายหนุ่มอีกคนผู้สวมใส่ชุดองครักษ์ได้อย่างสมจริง ยามปกติที่ซากุระจะเป็นคนยืนขนาบ ก็ดูดีอยู่แล้ว แต่พอเปลี่ยนเป็นฮิโรอากิ กลับได้บรรยากาศที่แตกต่างออกไป

อาจจะเพราะซากุระนั้น ให้อิมเมจเจ้าชายน้ำแข็งที่ออกจะบอบบาง ในขณะที่ฮิโรอากิดูแข็งแรงสมชายชาตรี และสยบยินยอมต่อราชินียิ่งกว่าทาสกระมัง มันเลยยิ่งเสริมให้ราชินีที่รักของเขา ดูโดดเด่นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า

ในเช้าวันนี้ คนทั้งคู่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไม่ได้คิดเลยสักนิด ว่าสร้างความลำบากใจให้กับเขาแค่ไหนเมื่อคืนที่ผ่านมา

“อรุณสวัสดิ์ครับ อายะคุง ฮิโรอากิคุง” เด็กหนุ่มทักทาย “เมื่อคืนหลับสบายมั้ยครับ”

ร่างบอบบางแย้มยิ้มหวาน “ก็เพราะนายนั่นแหละ…พวกเราเลยไม่ได้นอนทั้งคืน”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ ผมอุตส่าห์ไม่อยู่รบกวนแล้ว” เด็กหนุ่มถามกลับอย่างงง ๆ

ใบหน้าใสแดงเรื่อ แขนเรียวถองเข้าให้กับคนด้านหลังอย่างเขิน ๆ “ก็เพราะนายไม่อยู่ พวกเราเลยอยู่กันสองต่อสอง…ฮิโระคุงก็เลย…ไม่ยอมให้ชั้นนอน”

“เป็นนายต่างหากที่อยู่บนตัวฉันไม่ยอมลงทั้งคืน แล้วแบบนี้ ใครจะนอนได้” ชายหนุ่มพึมพำยิ้ม ๆ

“ก็ชั้น…” พูดได้แค่นี้ก็แก้ตัวไม่ออก เพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ นานมากแล้ว ที่เขาไม่ได้ร้อนแรงขนาดนี้ ร่างบอบบางหันไปค้อนให้แก้เขิน “นายนี่นะ จะเออออตามชั้นหน่อยก็ไม่ได้ คืนนี้ก็อย่าหวังจะได้นอนเลย”

“กลัวแล้วจ้าที่รัก งั้นคืนนี้ จะบริการให้เป็นสองเท่าเลยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มด้านข้างตอบอย่างเอาใจ

“รู้ตัวก็ดีแล้ว อย่าลืมที่พูดล่ะ”

คนฟังอย่างเรย์จิกลับแอบหน้าแดงกว่าคนพูดเสียอีก เมื่อเผลอคิดไปไกลเกินขอบจักรวาลแล้ว จะว่าไป…เสียงที่ได้ยินทั้งคืนนั่น ก็ไม่ทำให้เขาแปลกใจนักหรอก ที่พวกนี้จะไม่ได้นอนทั้งคืนอย่างที่บอกจริง ๆ

อายาเมะมองเด็กหนุ่มแล้วแอบยิ้ม เขาขยับเดินเข้ามาใกล้พลางแอบกระซิบ “ว่าแต่เมื่อคืน…นายนอนห้องซากุระจริง ๆ เหรอ”

เรย์จิสะดุ้ง ก่อนจะหันมาบอกว่า “ก็จริงสิครับ ซากุระคุงน่ะ…ใจดีจะตาย”

คนฟังหัวเราะคิก “ซากุระคุงใจดีแบบนี้ งั้นตั้งแต่นี้ไป นายคงจะนอนห้องเขาแทนสินะ” เสียงนุ่มพูดต่อลอย ๆ

“เอ่อ…” เรย์จิชักเริ่มไม่แน่ใจ เด็กหนุ่มลอบมองคนที่ยังยืนทำอาหารอยู่หน้าเตา ที่คาดว่าคงได้ยินทุกอย่างแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ

“ถ้าซากุระคุงไม่มีปัญหา ผมก็คง…”

ซากุระยังคงเงียบ ราชินีหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์เลยสรุปให้เสร็จสรรพว่า “ถ้าไม่ค้านก็คงโอเคสินะ อย่าลืมเอาฟูกในห้องไปใช้ด้วยล่ะ” คนพูดว่าต่อราวล่วงรู้ ว่าเมื่อคืนเรย์จิยังคงต้องนอนข้างเตียง โดยไม่ได้ขึ้นเตียงแม้สักก้าว

“จริงเหรอฮะ เมื่อคืนเรย์จิคุง นอนห้องซากุระคุงน่ะ” ซานะที่กำลังลงบันไดมาทักอย่างร่าเริง

“ว้า แบบนี้ยูเมะก็อดดูเรย์จิเป็นไส้แซนวิชเลยสิ” เด็กหญิงพึมพำ ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกกับเด็กชาย

“เอาเถอะจ้ะ รีบเตรียมตัวดีกว่านะ ใกล้จะถึงเวลาเปิดร้านแล้ว” ทาโนเอะโผล่เข้ามาในครัว เบรกทุกคนเอาไว้ เมื่อครู่เธออยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน จึงไม่ได้มาร่วมสนทนาด้วย แต่ก็ได้ยินทุกอย่างเป็นอย่างดี ใบหน้าใสของหญิงสาว จึงมีรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างอารมณ์ดีเช่นกัน

“อ้อ แล้วก็ เรย์จิคุง ซากุระคุง ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“อ๊ะ ครับ” เด็กหนุ่มวางมือจากของที่กำลังจัด แล้วหันมาหา “มีอะไรเหรอครับ คุณทาโนเอะ”

หญิงสาวยิ้มให้ ใบหน้าของเธอกลับแดงเรื่อน้อย ๆ เมื่อพูดต่อไปว่า “เมื่อกี้คุณเรอิจิโทรมาน่ะจ้ะ”

“เอ๋? เจ้าพ่อบ้านั่นโทรมาเหรอครับ” เด็กหนุ่มทวนคำอย่างประหลาดใจ สีหน้าหญิงสาวทำให้เขาอดอิจฉาไม่ได้

“ใช่จ้า เขาบอกว่า โรงเรียนภาคค่ำที่ติดต่อเอาไว้ให้ จะเริ่มเปิดเรียนแล้วน่ะ ให้เธอไปรายงานตัวกับอาจารย์ใหญ่ได้คืนนี้เลย ตอนทุ่มตรง”

“ครับ” เรย์จิรับคำ ปิดเทอมคงหมดลงแล้ว และตอนนี้ เขาคงจะต้องเริ่มไปเรียนอีกครั้ง ที่โรงเรียนใหม่ มันเป็นเรื่องที่วางแผนไว้แล้วตั้งแต่ก่อนจะเริ่มทำงานที่นี่ โดยพ่อของเขาบอกว่าจะจัดการติดต่อให้ทั้งหมด ก็หวังว่า…โรงเรียนคราวนี้ คงไม่มีเรื่องอะไรคาดไม่ถึงอีกล่ะนะ เด็กหนุ่มคิดต่อในใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่พ่อของเขาจัดการให้ มักชอบแฝงอะไรชวนปวดหัวมาด้วยเสมอ แต่เขาก็มักเผลอตกหลุมพรางนั้นซะทุกที

“อ้อ แล้วก็ ซากุระคุง จะไปเรียนกับเธอด้วยนะ”

“หา?” เรย์จิอุทานอย่างแปลกใจ จริงอยู่ ซากุระคุงนั้นดูจากภายนอกก็เห็นได้ชัดว่ายังคงรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่ท่าทางของคนผู้นี้ ดูคล้ายไม่จำเป็นต้องเรียนก็คงเก่งไปหมดทุกอย่างอยู่แล้ว

“ใช่สิจ๊ะ ซากุระคุงมีปัญหาเรื่องสัญชาตินิดหน่อย แต่ตอนนี้ คน ๆ นั้น ได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว ก็เลยไปเรียนพร้อมเธอได้น่ะ” ทาโนเอะว่าพลางยิ้มหวาน

...จัดการได้ทุกอย่างจริง ๆ นะ เรย์จิคิดในใจ ชักเริ่มสงสัยความไม่ธรรมดาของพ่อตัวเองมากขึ้นทุกที

เจอกันคราวหน้าต้องซักให้ขาวเลย คอยดูเถอะ!

ทาโนเอะมองเด็กหนุ่มแล้วพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจังกว่าเดิมว่า

“ฝากซากุระคุงด้วยนะเรย์จิคุง เขาคงไม่คุ้นกับระบบการเรียนที่นี่เท่าไหร่ แต่ฉันคิดว่าเธอคงจะช่วยเหลือได้ ไปด้วยกันแหละดีแล้ว จะได้เป็นเพื่อนกันด้วย”

“อ่ะ…ครับ” เด็กหนุ่มรับปากอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไรดีไปกว่านี้ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกับคน ๆ นี้หรอก ออกจะยินดีด้วยซ้ำ แต่ว่า…ก็มีแอบหนาวบ้างเท่านั้นแหละ เพียงแค่คิดว่าอาจจะโดนสายตาดุ ๆ เย็นเยือกนี้จ้องมองอยู่ตลอดตอนกำลังเรียน

เขาคงคิดไปเองนั่นแหละ…ก็แค่ไปเรียนเท่านั้น จะไปมีอะไรมาก

“แล้วก็ ซานะกับยูเมะ จะไปเรียนด้วย แต่คนละชั้นเรียนกัน ซานะคงดูแลยูเมะได้ ชั้นเรียนสำหรับเด็ก จะเรียนแค่บางวัน แต่สำหรับพวกเธอสองคน จะต้องเรียนทุกวัน ยกเว้นเสาร์อาทิตย์ ดังนั้นฉันจะให้เธอหยุดได้ในวันธรรมดาอีกวันในวันพุธ เพราะฮิโรอากิจะมาช่วยงานเราในส่วนที่พวกเธอไม่ว่างได้อยู่”

“ขอบคุณนะครับฮิโรอากิคุง”

“ไม่เป็นไร ฉันสิ ที่ต้องขอบคุณนาย ที่ทำให้ฉันไม่ตกงาน เรย์จิคุง” ชายหนุ่มตอบรับ

“ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีปัญหา ฉันเตรียมแผนที่โรงเรียนไว้ให้แล้ว วันนี้อนุญาตให้เลิกงานได้เร็วหน่อย เธอก็ไปพร้อมกับซากุระคุง แล้วก็เด็ก ๆ เลยนะ” ทาโนเอะว่าต่อ

“ได้ครับ” เรย์จิรับคำอย่างยิ้มแย้ม ทุกคนจึงตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ สำหรับการเปิดเรียนครั้งแรกในยามนี้

"แบบนี้ก็ต้องไปลองชุดก่อนสิใช่มั้ย" ยูเมะถามแทรกขึ้น

"เรียนแบบนี้เขามีชุดยูนิฟอร์มที่ไหนกัน" ซานะพูดต่อ

"ว้า แต่ยูเมะอยากใส่นี่นา ยูเมะ..ไม่เคยใส่ชุดนักเรียนเลยนะ"

ทาโนเอะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพลางลูบศีรษะเล็กเบา ๆ "คุณเรอิจิเตรียมชุดไว้ให้แล้วล่ะจ้ะ พึ่งส่งมาถึงเมื่อวานนี้เอง ที่นี่ไม่บังคับก็จริง แต่ถ้าอยากใส่ก็ใส่ได้นะจ๊ะ"

"เย้ ดีจังเลย เย็นนี้เรามาลองชุดกันนะ ซานะจัง" เด็กหญิงกระโดดกอดหญิงสาวอย่างดีใจ

"อื้ม" เด็กชายรับคำอย่างกระตือรือร้น

แล้วก็ถึงเวลาเปิดร้านตามปกติ ทุกคนทำงานอย่างแข็งขันและมีความสุข สมาชิกที่กลับมารวมตัวกันได้เสียที และกับสมาชิกใหม่ ที่พออยู่ร่วมกันแล้ว ก็อบอุ่นเหมือนกับเป็นบ้าน

วันนี้แขกสาว ๆ เลยกรี๊ดกร๊าดเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเจ้าชายรูปงามที่เห็นอยู่ทุกครั้ง ยังมีองครักษ์สุดเท่ผู้พิทักษ์ราชินีอีกด้วย เรย์จิมองกลุ่มสาว ๆ กลุ่มใหญ่ที่คุยกับฮิโรอากิพลางถอนหายใจ จะว่าไปฮิโรอากิก็หน้าตาคมเข้มดีไม่หยอก แถมยังดูแกร่งสมชายดีเสียด้วย เป็นลักษณะที่หาไม่ได้ในร้านนี้มาก่อน ก็ย่อมเป็นจุดสนใจเป็นธรรมดา

สงสัยดาราประจำร้านคงจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ทุกคนช่างเด่นดีแท้...ยกเว้นเขาคนเดียวนี่ล่ะ ที่ดูเป็นเด็กธรรมดาซะเหลือเกิน

"ไงจ๊ะ เรย์จิคุง" เสียงทักทายเบา ๆ ด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มหันไปมอง กลุ่มคนมีอายุหน่อยสี่คนเข้ามาทักทายเขา เด็กหนุ่มยิ้มกว้างรับแล้วเตรียมของเสิร์ฟให้อย่างรู้ใจ คนพวกนี้ก็มีมาเป็นพัก ๆ ซึ่งเรย์จิก็ดูแลพูดคุยด้วยดีโดยไม่แบ่งแยก เห็นได้ชัดว่าถึงเขาจะไม่ป็อปในหมู่สาว ๆ แต่กับคนแก่นี่คงมีเสน่ห์อยู่มากทีเดียว

ไม่น่าดีใจเท่าไหร่แต่เขาก็รู้สึกดียามชวนพูดคุยแล้วทำให้คนเหล่านี้มีความสุข เพราะรู้ดีว่า การได้ระบายออกมาบ้าง โดยพูดคุยกับคนแปลกหน้าที่ยินดีรับฟังความทุกข์ของพวกเขา มันจะทำให้แขกที่มารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ และนั่นทำให้พวกเขาตัดสินใจมาเป็นลูกค้าประจำของร้านแห่งนี้

ดวงตาเรียวยาวมองมาอย่างไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ริมฝีปากบางนั้นยังมีรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อเห็นท่าทีสดใสกระตือรือร้นของเด็กหนุ่ม ยามพูดคุยกับแขกทุกคนอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง

...นี่กระมัง เสน่ห์ของคนธรรมดา...

เป็นสิ่งที่เขายังไม่อาจทำได้

คงต้องเรียนรู้กันต่อไป...

ซากุระคิด ก่อนจะหันหลังกลับไปเตรียมรายการอาหารต่อ


.................................


ยามเย็นมาเยือน ร้านในวันนี้ปิดเร็วกว่าทุกวัน ให้นักเรียนมือใหม่ได้เตรียมตัวกันอย่างตื่นเต้น เรย์จิเองก็ใส่ชุดนักเรียนที่พ่อของเขาเตรียมไว้ให้เช่นกัน เพื่อให้เข้ากับกลุ่มเด็ก ๆ ที่กระตือรือร้นอยากใส่เครื่องแบบกันมาก

ซากุระก็ได้รับชุดมาเหมือนคนอื่น ๆ แต่เมื่อเขามองเห็นชุดชัด ๆ ดวงตาเรียวยาวก็ปรายมองมาทางทาโนเอะอย่างไม่พอใจนัก หญิงสาวแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เมื่อบอกว่า "จะไม่ใส่ก็ได้นะจ๊ะ แต่ว่านะ ซากุระคุง...การแต่งชุดนักเรียนธรรมดา มันก็ช่วยให้เราดูเป็นคนธรรมดา ในสายตาเพื่อนร่วมชั้นมากขึ้นนะจ๊ะ"

คนฟังไม่พูดไม่จา ได้แต่ถือถุงใส่เสื้อผ้าเดินหายเข้าห้องไป

เรย์จิมองตามร่างสูงโปร่งนั้นไปอย่างงง ๆ ก่อนจะหันมาถามทาโนเอะว่า

"ชุดของซากุระคุงมีปัญหาหรือครับ"

หญิงสาวยิ้มแล้วตอบว่า "ไม่ใช่ชุดหรอกจ้ะที่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ซากุระคุงเองต่างหาก"

"อ้าว" เด็กหนุ่มอุทานอย่างงง ๆ

"เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง" ทาโนเอะพูดเป็นนัย ท่าทางขบขันไม่เลิกของเธอ ทำให้เรย์จิมองมาอย่างงงหนักกว่าเก่า แต่ก็ไม่ได้ถาม

ซากุระหายไปแต่งตัวนานมาก ในขณะที่ทุกคนพร้อมกันหมดแล้ว เรย์จิจึงตัดสินใจไปเคาะประตู

เสียงเคาะประตูดังไปพักนึงแล้ว กว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตูออก เด็กหนุ่มไม่กล้าเร่งรัดเพราะกลัวสายตาพิฆาตแบบเมื่อคืนอีก

ประตูเปิดออก แล้วเรย์จิก็ต้องมองอย่างตาค้าง

ชุดไม่ใช่ปัญหาจริง ๆ

แต่ว่า...

กระโปรงบานทรงยาวถึงเข่า กับชุดนักเรียนผูกโบว์ด้านหน้านั้น เป็นอะไรที่เขาคาดไม่ถึง

และที่คาดไม่ถึงมากกว่าก็คือ ทำไม...มันช่างเหมาะกับร่างบอบบางนั้นจนเขาพูดไม่ออก!

ซากุระ...ที่เขาเห็นเป็นชายมาตลอดนั้น กลับเป็นเด็กสาวอายุ 18 คนหนึ่งเท่านั้น

แถมยังเป็นเด็กสาวที่สวยมากอีกด้วย

เรย์จิใบ้รับประทานไปแล้ว เมื่อเห็นหญิงสาวผู้มีผมสีดำสนิทที่เมื่อก่อนรวบไว้เสมอ ในตอนนี้กลับปล่อยยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าขาวผ่อง ดวงตาเรียวยาว ริมฝีปากบางสีสด

แล้วนี่...เมื่อคืนนี้ ก็แสดงว่า

เขานอนร่วมห้องกับสาวสวยทั้งคืนน่ะสิ!

ร่างบอบบางนั้นก้าวออกมาจากห้องด้วยสีหน้าราบเรียบดุจเดิม ไม่ได้มีวี่แววเขินอายหรือเคอะเขินแต่อย่างใด ดวงตาดุดันคู่นั้น ยังคงเป็นซากุระคนเดิมแน่นอน

"เอ่อ..." เรย์จิขยับจะพูดขึ้นมาบ้าง แต่ดันสมองว่างเปล่าเสียอย่างนั้น

"ไปสิ สายแล้วไม่ใช่เหรอ" เสียงไพเราะดังเช่นเคย...ใช่ เขาก็เคยคิด ว่าเสียงของซากุระเพราะกว่าใคร น้ำเสียงนั้นหวานใสเหมือนเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ในตอนนี้ เขาไม่ประหลาดใจแล้ว

"ฉันยอมใส่เพราะจะได้เหมือนคนธรรมดาหรอกนะ" ร่างบอบบางทิ้งท้าย ก่อนจะก้าวฉับ ๆ เดินลงไปชั้นล่าง โดยไม่รอเด็กหนุ่มอีก

ยูเมะโผเข้าหาหญิงสาวพลางพูดว่า "ซากุระใส่ชุดนี้แล้วสวยจัง"

ซากุระยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบว่า "ยูเมะน่ารักกว่า"

เด็กหญิงโผเข้าหา ให้อีกฝ่ายอุ้มอย่างคุ้นเคย ทีกับเด็ก ดูซากุระจะใจดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะซานะ หรือยูเมะ แถมจากที่เห็นทุกคนราวจะรู้อยู่แล้ว ว่าซากุระเป็นผู้หญิง เลยไม่มีใครแปลกใจมากนัก แม้กระทั่งฮิโรอากิ

เรย์จิมองทุกคนแล้วรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกอีกครั้ง เด็กหนุ่มพึมพำเสียงอ่อยว่า "ทำไมไม่มีใครบอกผมล่ะครับ ว่าซากุระคุงเป็นผู้หญิง"

"ก็นายไม่ได้ถามนี่" เสียงใสตอบช้าชัด "ไปได้แล้ว" ซากุระส่งกระเป๋านักเรียนให้

ฮิโรอากิอมยิ้ม ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ประวัติของสมาชิกทั้งหมดในบ้านนี้ ย่อมผ่านตาเขามาหมดแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของเรอิจิ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะอธิบายอะไร

ทาโนเอะเดินมาส่งที่หน้าประตูร้าน แล้วโบกมือให้ "เดินทางกันดี ๆ นะจ๊ะ"

เด็กหนุ่มหันไปมองทาโนเอะอย่างลังเลหน่อย ๆ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร ก็ถูกดึงออกก้าวเดินแล้ว จนแล้วจนรอด เขาก็ยังไม่รู้

...ว่าตกลง ทาโนเอะที่เขาหลงใหล เป็นหญิงหรือชายกันแน่!


...................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 11/1 อัพ 28-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 28-03-2010 21:44:06
อ้าว อ้าว..?!? ซากุระคุงเป็น ญ ?  o22
มีเรื่องให้เดาอีกแล้ว~

เป็นกำลังใจให้ค่ะ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 11/1 อัพ 28-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 29-03-2010 04:48:12
-0- :a5:

ตอนแรกจิ้นให้เรย์จิคู่กับซากุระ

แล้วซากุระมากลายเป็นผู้หญิงไปแบบนี้ น๊อคเอ๊าไปเลย :z2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 11/1 อัพ 28-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 29-03-2010 21:18:42
 :a5: ซากุระเป็นแม่หยิ่ง  :serius2:
สับสนไปหมดแล้ว อุตสาห์แอบจิ้นให้คู่กับเรย์จิ หมดกัน :a6:
หรือว่าทาโนเอะจะเป็นคนเดียวกับไคโตะ
เรย์จิคุงไม่ได้สับสนอยู่คนเดียวหรอก เค้าด้วย งงไปหมอแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 11/2 อัพ 31-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 31-03-2010 16:41:15
โรงเรียนภาคค่ำอยู่ไม่ไกลจากร้านเท่าใด ยังเดินไปได้สบาย ๆ ราว ๆ 20 นาทีก็ถึง แม้จะอยู่ในตำแหน่งหลบมุมจากความคับคั่งของผู้คนและรถราอยู่บ้าง ทางเดินเลียบฟุตบาทไม่มืดนักเพราะมีไฟและร้านขายของประปราย ลมเย็น ๆ อากาศกำลังดี เด็ก ๆ เดินไปพูดคุยหัวเราะไป มีเรย์จิชวนคุยไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ซากุระ ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี คือไม่พูดอะไรเลยเช่นเคย

ร่างบอบบางในชุดนักเรียน ทำให้คนเดินด้านข้างแอบใจเต้น ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยนะ ว่าซากุระ…สวยขนาดนี้

มองไปมองมาลืมตัว ว่ากำลังคุยอยู่ เลยโดนยูเมะจังสะกิดอยู่หลายครั้ง จนคนด้านข้างเริ่มมองมาอย่างไม่พอใจนัก

“หน้าฉันมีอะไรติดอยู่หรือไง” เสียงหวานใส หากแฝงรังสีอำมหิตจาง ๆ ถามขึ้น

เด็กหนุ่มสะดุ้ง “เอ้อ..ไม่…ไม่มีอะไรครับ ซากุระคุง เอ๊ย ซากุระจัง”

มือบอบบางหากแข็งแรงกระชากคอเด็กหนุ่มขึ้นมา ดวงตาดุดันจ้องตรง ๆ พลางพูดเสียงเด็ดขาดว่า

“ถ้าไม่อยากตาย ห้ามเรียกลงท้ายว่า ‘จัง’ อีก!”

แม้จะแต่งตัวดูหญิงสักเท่าไหร่ ซากุระ ก็ยังคงเป็นซากุระคนเดิม “ห้ามเรียก ‘เธอ’ ด้วย เรียกนายเหมือนเดิม เข้าใจมั้ย”

เรย์จิได้แต่พยักหน้ารับอย่างเหงื่อตก แอบเสียววาบกับสายตาคู่นั้น  แต่ก่อนจะได้ทำอันใด ก็มีพวกกุ๊ยข้างถนนสามคนที่ดูมีอาการมึนเมาอยู่บางส่วนจากการท่องราตรีมาขวางไว้

เสียงเมาแอ๋พูดขึ้นว่า “น้องสาวคนสวย ไปเที่ยวกับพี่มั้ยจ๊ะ”

ซากุระที่ถูกทักยืนมองทั้งสามด้วยใบหน้าราบเรียบเช่นเดิม ไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกตกใจแม้แต่น้อย ในขณะที่เรย์จิเองกลับเกร็งยิ่งกว่า แต่จะอย่างไร เขาก็เป็นชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม ก็ต้องปกป้องเด็ก ๆ และสาวน้อยที่มาด้วย…ของมันแน่อยู่แล้ว

แต่ตั้งสามคน แถมยังท่าทางเอาเรื่องขนาดนี้

เรย์จิพยายามทำใจดีสู้เสือ ร่างที่เตี้ยกว่าแถมยังผอมบางกว่ายืนขวางปกป้องสมาชิกที่เหลือไว้

“เฮ้ย ถอยไปเลยไป” มือข้างหนึ่งผลักไหล่เด็กหนุ่มโดยแรงจนกระเด็นไปอีกข้าง ขณะเจ้าตัวกำลังตั้งท่าวางฟอร์มว่าเป็นผู้ชนะอยู่นั้น ก็รู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ ดาบสั้นคมกริบจากร่างบอบบาง ที่ไปอยู่ด้านหลังแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ วางพาดลงกับคอเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เสียงใสกระซิบเหี้ยมว่า “ถ้าไม่อยากตาย รีบไปให้พ้น”

คำขู่คงดูไม่น่ากลัวนัก ถ้าไม่ได้สัมผัสถึงรังสีอำมหิตจนเสียววาบขนลุกซู่เสียขนาดนั้น ดวงตาคู่งามมองกราดเล่นเอาคนที่เหลือชะงักงันง่ายดาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก คนพวกนั้นก็สลายตัวไปรวดเร็วราวกับควัน อย่างล้มลุกคลุกคลานไปด้วยซ้ำ

เรย์จิถอนใจยาว เขากะว่าจะทำตัวฮีโร่ต่อหน้าหญิงสาวสักหน่อย แต่รู้สึกว่า…คงจะเหมือนเดิม

แต่ก็นะ…ใครจะไปกล้าสู้คนผู้นี้ได้ แค่ถูกสายตาโหด ๆ นั่นมองปราดเดียวก็ใจหล่นไปอยู่ถึงตาตุ่มแล้ว

“ไม่เป็นไรนะฮะ เรย์จิคุง” ซานะตรงเข้าไปประคอง ในขณะที่ซากุระเก็บดาบสั้นเข้าฝัก เสียงของดาบกระทบกับตัวฝักดังเสียงใส คมเป็นประกายสมกับเป็นเหล็กเนื้อดี

“อืม..ไม่เป็นไร ขอบใจนะซานะจัง” เรย์จิพึมพำตอบ ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวในชุดนักเรียนตัวยาว แล้วพูดขึ้นว่า “ซากุระ..คุง เอ่อ…พกดาบมาเรียนด้วยเหรอครับ”

ดวงตาคู่นั้นมองมาอย่างไม่เข้าใจแกมขัดใจ “ไม่ได้หรือไง นักดาบที่ดี ไม่ควรให้ดาบห่างกายตราบเท่ายังมีลมหายใจ” เจ้าของดาบว่าพลางมองมันอย่างชื่นชม แล้วมือนั้นก็ถลกยกกระโปรงขึ้นสูงก่อนจัดการเก็บดาบเข้าไปเหน็บที่โคนขาอ่อนซ่อนไว้เช่นเดิม ดาบสั้นที่ยาวเพียงหนึ่งไม้บรรทัด สามารถซ่อนได้สบายมากในกระโปรงตัวยาวอย่างแนบเนียน

แต่คนมองแทบเลือดกำเดาพุ่ง

“ซา..ซากุระคุง วันหลัง…เอ่อ…” ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มเริ่มแดงฉาน “วันหลัง…อย่าถกกระโปรงขึ้นแบบนี้ ในที่สาธารณะนะครับ”

“ยุ่งยากจริง ฉันถึงไม่อยากแต่งหญิง ถ้าไม่ใช่เพราะทาโนเอะบอกว่า…คนธรรมดาเขาทำกันแบบนี้ ฉันไม่มีวันใส่เด็ดขาด”

“เอ่อ…คนธรรมดาเขา…ไม่พกดาบกันนี่ครับ มันก็ไม่ยุ่งยากนักหรอก แต่ว่า…”

“เอาเถอะ รีบ ๆ ไปดีกว่า เดี๋ยวจะสาย” ร่างบอบบางตัดบท ก่อนจะก้าวฉับ ๆ เดินต่อไป

กว่าจะไปถึงโรงเรียนได้ ซากุระโดนคนมาจีบอีกหลายรอบ แต่ไม่ว่าจะรอบไหน ทุกคนก็เผ่นหนีไปรวดเร็วนัก ด้วยสายตาและคมดาบที่เพียงแค่ชักออกก็ขวัญบินหนีไปหมด

“ดาบออกจะมีประโยชน์แบบนี้ ทำไมคนธรรมดาถึงไม่พกกันล่ะ” ซากุระถามเรย์จิอย่างไม่เข้าใจ

เรย์จิมองมาอย่างพูดไม่ออก ท่าทางคน ๆ นี้ จะเข้าใจการใช้ชีวิตได้ไม่เหมือนคนปกติจริง ๆ เขาเคยคิดว่าคนอื่นในร้านดูแปลกและไม่คุ้นเคยกับสังคมแล้ว แต่ทุกคนก็ยังเดินไปไหนมาไหนได้อย่างเหมือนปกติ ไม่ทำตัวเป็นเป้าสายตานัก ยกเว้นหน้าตาดีเกินไป อันนั้นช่วยไม่ได้ แต่จะอย่างไร ก็ยังพอเข้าใจกติกาของสังคมดีกว่านี้

ซากุระไม่ค่อยได้ไปไหน นอกจากไปซื้อของกับทาโนเอะในวันหยุดเท่านั้น  เวลาที่เหลือ มักชอบคลุกอยู่ในห้องและในครัว โดยที่เขาไม่รู้ว่าทำอะไรบ้าง

ยามไปตลาด เรย์จิเอง ก็ไม่เคยได้ไปด้วยเสียที เพราะมีเหตุให้ไปด้วยไม่ได้อยู่ตลอด
ไม่คิดเลย… ว่าจะต้องสอนตั้งแต่หนึ่งใหม่เช่นนี้…

“ถ้าพกแล้วสบายใจ ก็ตามสบายเถอะครับ” เด็กหนุ่มพึมพำอย่างอับจนปัญญา เพราะรู้ดีว่าหากเจ้าตัวยืนกรานจะพกมัน เขาก็คงทำได้แค่ตามใจอยู่ดี


......................................


โรงเรียนสอนภาคค่ำที่นี่เป็นโรงเรียนที่เปิดมาหลายปีแล้ว สภาพค่อนข้างชำรุดทรุดโทรมอยู่บ้าง แต่ก็ยังเปิดรับนักเรียนใหม่ที่เป็นคนวัยทำงาน แต่พึ่งหาโอกาสและทุนทรัพย์มาเรียนได้ รวมไปถึงชาวต่างชาติที่ก็มีปัญหาจากสังคมรังเกียจ ที่นี่เก็บค่าเรียนราคาถูก จึงมีพวกแปลก ๆ มาเรียนบ้าง จนดูเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

ห้องผู้อำนวยการอยู่ด้านในของตัวตึกที่หาได้ไม่ยากนัก ตัวห้องไม่ได้ใหญ่โตสักเท่าใด แลดูเป็นห้องธรรมดาราวห้องพักครูห้องหนึ่ง หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มีเอกสารวางอยู่เป็นตั้ง ๆ จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย ร่างสูงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ ในตอนที่ประตูถูกเคาะขึ้นเบา ๆ

“เข้ามา” เสียงทุ้มมีอำนาจสั่ง

“ขอโทษนะครับ พวกเราเป็นนักเรียนใหม่ ที่จะมารายงานตัววันนี้” เรย์จิโผล่นำไปเป็นคนแรก โดยมีคนอื่น ๆ เดินตามมาเป็นพรวน

เจ้าของห้องอายุคงราว ๆ เกือบห้าสิบปี มีใบหน้าที่ดูเอื้ออารีย์ จากเค้าหน้าที่เห็น เชื่อว่าตอนหนุ่มคงหน้าตาดีไม่เบาเลยทีเดียว เพราะจนถึงตอนนี้ ก็ยังมาดดีไม่เสื่อมคลาย

“อ้อ พวกเธอคงเป็นนักเรียนที่เรอิจิแนะนำมาสินะ” คนผู้นั้นทักอย่างอารมณ์ดี “เขาคงสบายดีนะ คนไหนล่ะ ลูกชายเขา” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไล่ไปทีละคน จนมาหยุดที่เด็กหนุ่มพลางยิ้มให้ “เธอใช่มั้ย เหมือนพ่อไม่เบานี่นา”

เด็กหนุ่มยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้ “เอ้อ ครับ ผมยามาโนะ เรย์จิ  ครับ ส่วนนี่ก็…”

“ฉันรู้จักทุกคนแล้วล่ะ เดี๋ยวจะให้คนพาไปที่ห้องเรียนนะ วันนี้เริ่มเรียนวันแรก คงต้องไปแนะนำตัวกับเพื่อน ๆ สักหน่อย” ผู้อำนวยการว่ายิ้ม ๆ ดูท่าเขาจะล่วงรู้อะไร ๆ มากกว่าที่เรย์จิคาดคิดไว้เยอะทีเดียว

...ฝีมือพ่ออีกแน่ ๆ... เด็กหนุ่มแอบคิดในใจ

“คุโรเนะ อยู่มั้ย แขกของเรามากันแล้วนะ” เขากดโทรศัพท์เรียกเบา ๆ เพียงแค่ครู่เดียว ประตูห้องก็เปิดออก ร่างสูงของชายหนุ่มสวมแว่นตาผู้หนึ่งก้าวเข้ามาก่อนจะโค้งทักท้ายเจ้าของห้องอย่างเคารพนอบน้อม

“คุโรเนะเป็นผู้ช่วยของฉัน และเป็นครูของพวกเธอสองคนด้วย เขาจะพาเธอไปที่ห้องเรียน โรงเรียนเราไม่ใหญ่นัก เปิดแค่ชั้นปีละห้องเดียว ส่วนชั้นประถมเราสอนรวม เพราะเป็นโรงเรียนภาคค่ำ ดังนั้นสนิท ๆ กันไว้ให้มาก ๆ ล่ะ”

เรย์จิรับคำอีกครั้ง ก่อนจะพาทุกคนเดินตามไป ซากุระจ้องมองอาจารย์ผู้มาใหม่ตาไม่กระพริบ แต่ยังคงไม่พูดอะไรเช่นเคย แม้สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง เมื่อเห็นใบหน้าคมสันนั้นยิ้มให้ผ่านแว่นใส คุโรเนะแต่งตัวด้วยชุดสุภาพแบบอาจารย์ทั่วไป เน็คไทค์ผูกเรียบกริบ ดูเนี้ยบไปทั้งตัว จากที่เห็นอายุคงราว ๆ 25 ปีเท่านั้น นับว่าเป็นอาจารย์ที่ยังหนุ่มมาก หากอยู่ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการเช่นนี้

คนนำเบื้องหน้าก้าวเดินอย่างมั่นคงและเงียบเชียบ หลังจากส่งเด็กน้อยทั้งสองเข้าชั้นเรียนระดับประถมไปแล้ว เขาก็นำทางต่อไป ทุกย่างก้าวที่เพิ่มขึ้น เรย์จิกลับรู้สึกได้ว่าท่าทีของซากุระเปลี่ยนเป็นระมัดระวังและจริงจังกว่าเดิมมากขึ้นทุกที เด็กหนุ่มมองมาอย่างงง ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่แน่ใจนักว่าปฏิกิริยาของซากุระต่อคนแปลกหน้า จะเหมือนคนธรรมดาปกติหรือเปล่า แต่อย่างน้อย…ก็ไม่ได้ชักดาบนั่นแถวนี้ เขาก็พอจะโล่งอกอยู่บ้าง

ทว่าไม่ทันจะได้ถอนใจโล่งท้องสักเท่าไหร่ เสียงแคร้ง ก็ดังขึ้น มือเรียวยาวบอบบางนั้น ชักดาบขึ้นมาอย่างว่องไวซะแล้ว!

เด็กหนุ่มรีบห้ามทันที “ซะ…ซากุระคุง อย่านะครับ”

ดาบคมกริบ ที่ปลายยังคงชี้ไปยังอาจารย์ที่พึ่งรู้จักผู้นั้น

“นายเป็นใคร” เสียงเข้มจากหญิงสาวในชุดนักเรียนถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด

คนผู้นั้นหันมามองแล้วยิ้มน้อย ๆ “ก็เป็นอาจารย์ของพวกเธอน่ะสิ ซากุระคุง” คนพูดเรียกชื่อเขาอย่างถูกต้อง แถมยังคุ้นเคยจนมือที่กุมดาบเริ่มชื้นเหงื่อหวั่นวิตก

“ซากุระคุง เก็บดาบเดี๋ยวนี้นะครับ” เรย์จิพยายามกระซิบห้าม หากถูกสายตาดุ ๆ ถลึงใส่ ใบหน้าสวยยังจับจ้องไปที่คนตรงหน้าโดยไม่สนใจกับเรย์จินัก

“นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน” เสียงราบเรียบหากแฝงคมไว้ภายใน ยังคงถามอาจารย์คนใหม่ผู้นั้นต่ออย่างเอาเรื่อง

“ฉันตอบคำถามแล้ว” คนถูกถามพูดขึ้นอย่างใจเย็น

ดวงตาเรียวยาวคู่สวยจ้องมองเขม็ง สัมผัสได้ถึงความตึงเครียด

ใบหน้าคมสันในชุดเรียบกริบมีรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อพูดต่อไป “โรงเรียนเขาห้ามพกของมีคมนะ แล้วก็…เป็นผู้หญิงก็ควรจะทำตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ด้วย ถึงจะเหมาะกับชุดกระโปรงน่ารักแบบนั้น” เสียงนั้นพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินต่อไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เอ้า นี่ห้องเรียนของเธอ วันนี้อาจารย์มัตสึโมโต้จะเป็นคนสอน เรียนให้สนุกล่ะ” เขาว่าแล้วหันหลังจากไป
ซากุระตัดสินใจเก็บดาบไว้ที่เดิมอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจสั้น ๆ แล้วไม่พูดไม่จาอะไรอีก

ทิ้งไว้เพียงความงุนงงให้กับเด็กหนุ่ม ผู้ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเช่นเคย…


....................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 11/2 อัพ 31-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 31-03-2010 18:24:41
แหะๆ คนอ่านก็ยัง งงๆอยู่เช่นเคย
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 11/2 อัพ 31-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 31-03-2010 19:11:12
ท่าทางจะยังแสดงตัวไม่ครบคนซินะ
ดูๆไปเหมือนเรอิจิจะให้เรย์จิสืบทอดงานตัวเองนะเนี่ย
นั่นๆๆ.. เริ่มเดาอีกแล้ว ~

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 11/2 อัพ 31-3-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 31-03-2010 20:47:29
ลึกลับซะ

ไม่อยากจะเดาและ
 
ผิดตลอด :pigha2:

รออ่านต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่า o13
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 11 อัพ 1-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 01-04-2010 08:19:23
(จบตอนที่ 11)


ในห้องเรียนมีคนเรียนอยู่แค่สิบกว่าคน แต่ละคนล้วนแล้วแต่แต่งไปรเวท เมื่อเห็นมีนักเรียนใหม่เข้ามา ทำให้ทั้งชั้นกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เสียงกระซิบกระซาบดังไปทั่วอย่างตื่นเต้น “เด็กใหม่คราวนี้ น่ารักจริง ๆ ว่ะ” เสียงจากกลุ่มด้านหลังห้อง เป็นพวกเกเรนิดหน่อย ที่ไม่เคยคิดจะมานั่งหน้าตั้งใจเรียน พวกนี้ใส่ชุดคล้ายพวกนักเลง ท่าทางคงเพราะโดนบังคับให้มาเรียนมากกว่าตั้งใจจะมาเรียนเอง

ส่วนด้านหน้า ๆ กลับเป็นสาว ๆ ในชุดทำงาน แต่งหน้าแต่งตาดูก็รู้ว่าเป็นวัยทำงาน อายุคง 20 ขึ้นไปทั้งนั้น ต่างคนต่างจ้องมองซากุระอีกเช่นเคย ท่าทางสุดเท่แม้อยู่ในชุดกระโปรงนักเรียน ก็ยังไม่อาจกลบรัศมีความแมนราวเจ้าชายในจินตนาการได้มิด ทำให้สาว ๆ เองก็มองอย่างเคลิบเคลิ้มไปแล้ว

สายตาแทบทุกคู่มองอยู่แต่ซากุระคนเดียว เรย์จิจึงได้แต่คอตกอย่างแห้วรับประทานเหมือนเดิม

จะว่าไป เด็กธรรมดา ๆ อย่างเขา จะไปเด่นสู้คนพวกนี้ได้ยังไงกัน เรย์จิคิดอย่างปลง ๆ จะอย่างไร พวกที่คาเฟ่ทุกคน ก็เกิดมาเพื่อเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว

หากใบหน้าเรียบเฉยของซากุระ กลับแอบขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสภาพนักเรียนที่แตกต่างออกไป ไม่เหมือนที่คาดคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง

“คนธรรมดา เขาไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนกันหรอกรึ” ซากุระพึมพำแบบไม่เข้าใจ “ทำไมทาโนเอะบอกว่า แต่งแบบนี้จะเข้ากับเพื่อนได้เหมือนเป็นนักเรียนธรรมดาล่ะ”

เรย์จิฟังแล้วแทบหัวเราะออกมา เด็กหนุ่มพยายามหยุดตัวเองไม่ให้ขำสุดชีวิต คำถามนั้นดูซื่อเสียจนเขาไม่คิดว่าซากุระจะถามออกมา แต่จะอย่างไรคงขำให้เห็นไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าทาโนเอะคงจะเจตนาแกล้งให้ซากุระแต่งชุดแบบนี้มาเรียนแน่ ๆ

“เอ้อ คุณทาโนเอะคงจะเข้าใจผิดน่ะครับ ถ้าเรียนภาคปกติ ทุกคนต้องแต่งเครื่องแบบ แต่ถ้าเป็นภาคค่ำ…มันไม่จำเป็นเท่าไหร่”

คนฟังถอนหายใจเบา ๆ “งั้นหรอกรึ ถ้างั้นเปลี่ยนชุดคงจะได้สินะ” ว่าแล้วก็ตั้งท่าจะถอดซะตรงนั้น ในกระเป๋านั่นคงมีชุดเอามาเปลี่ยนด้วยแน่ ๆ แต่เล่นเปลี่ยนกันกลางห้องแบบนี้ ทำเอาเรย์จิแทบตาเหลือก เด็กหนุ่มรีบดึงชายเสื้อที่เลิกขึ้นสูงลงมาแทบไม่ทัน ท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนในชั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอายุมากกว่า

ดวงตาเรียวยาวมองมายังเรย์จิอย่างไม่เข้าใจ

“ตรงนี้ไม่ได้ครับ ซากุระคุง” เขากระซิบเสียงเครียด “คุณไม่ใช่ผู้ชายนะครับ แล้วตรงนี้ คนก็มองอยู่”

ซากุระจึงยืนสงบเสงี่ยมดังเดิม แม้จะมีพึมพำแผ่วเบาว่า “ยุ่งยากซะจริง”

อาจารย์มัตสึโมโต้เป็นชายหนุ่มท่าทางใจดีคนหนึ่ง เขาหันไปมองนักเรียนใหม่ทั้งสองอย่างงง ๆ เสียงเป่าปากตะโกนให้ถอดจากเด็กหลังห้องดังมาเป็นระยะ จนต้องรีบปราม  อาจารย์หนุ่มดุพวกทะเล้นทั้งหลายจนเงียบแล้วจึงหันมาแนะนำนักเรียนใหม่

“นี่คือยามาโนะ เรย์จิ และมิซึฮิโกะ ซากุระ รู้จักกันไว้สิ อ้อ เลือกที่นั่งตามสบายนะ จะได้เริ่มเรียนกันเลย”

เรย์จิมองรอบ ๆ ห้องแล้วรู้สึกว่ามีพวกหมาป่าจ้องมองหญิงสาวข้างตัวตาเป็นมันอยู่หลายคน เขาคงจะต้องทำตัวเป็นไม้กันหมาอีกสักระยะแน่แท้ ถึงเขาเองจะไม่กลัวว่าซากุระจะถูกลวนลามสักเท่าไหร่ แต่กลับกลัวเพื่อนร่วมชั้นต้องมีอันไปนอนโรงพยาบาลแทนมากกว่า

เพื่อความปลอดภัยนี้ คงต้องนั่งประกบไว้ก่อน

“เอ่อ ขอผมนั่งกับเธอได้ไหมครับ พอดีเธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพนิดหน่อย ทางบ้านเลยฝากผมคอยดูแล”

ร่างบอบบางหันควับมามองอย่างไม่พอใจนัก แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ถ้างั้นก็ได้ ที่นั่งริมหน้าต่างสองที่นั่นยังว่างอยู่ พวกเธอนั่งตรงนั้นก็แล้วกันนะ”

“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มรับคำ ก่อนจะดึงมือสาวสวยด้านข้างให้ก้าวเดินตามไป

“ทำไมฉันต้องนั่งข้างนายด้วย” เสียงกระซิบถามดุ ๆ

“คุณอยากทำตัวเป็นนักเรียนธรรมดาไม่ใช่เหรอครับ ไม่อยู่กับผมแล้วใครจะสอนล่ะ เดี๋ยวพวกเขาก็รู้กันพอดี ว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา” เรย์จิกระซิบ

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป คล้ายจะยอมรับ มันทำให้เรย์จิแอบยิ้ม เขาเริ่มรู้วิธีจัดการกับคนตรงหน้าแล้ว
   
“อ้อ อีกอย่างนะครับ ซากุระคุง ถ้าใครพูดจาอะไรให้ไม่พอใจ คนธรรมดา เขาจะไม่ชักดาบขึ้นมาขู่ใครอย่างเด็ดขาด”
   
“ฉันไม่ได้ขู่” เสียงราบเรียบตอบ หลังจากนั่งลงประจำที่เรียบร้อยแล้ว
   
“ดาบเป็นอาวุธไว้ฆ่าคน ถึงจะกับมือสมัครเล่น แต่ถ้าอีกฝ่ายลงมือก่อน ฉันก็ไม่ออมมือให้หรอกนะ”
   
คำพูดดุดัน เล่นเอาเด็กหนุ่มขนลุกซู่ เขารีบกระซิบต่อไป “คนธรรมดา จะไม่พกดาบ ถ้าคุณให้ใครเห็นมันในโรงเรียน คุณจะกลายเป็นคนแปลกแยก ไม่ธรรมดาไปทันที”
   
“งั้นรึ ถ้าอย่างนั้น…ฉันไม่ใช้มันก็ได้” คนด้านข้างยอมรับง่ายดายเกินคาด   

เรย์จิถอนใจยาวอย่างโล่งอก
   
“มีอีกหลายวิธี ที่จะฆาตกรรมคนโดยไม่จำเป็นต้องใช้ดาบ โดยเฉพาะ…กับมือสมัครเล่นพวกนี้” ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มเยือกเย็นจนเรย์จิเสียววูบ
   
“หา… อย่าเชียวนะครับ ตอนอยู่ในร้าน คุณยังไม่ทำอะไรแบบนี้เลยนี่ครับ”
   
“ก็ในร้าน ทาโนเอะบอกว่า ลูกค้าคือพระเจ้า ห้ามแสดงกิริยาไม่ดีอย่างเด็ดขาด ต้องนอบน้อมเข้าไว้”
   
มิน่าล่ะ ทาโนเอะจึงให้ซากุระอยู่แต่ในครัว ไม่ค่อยให้ออกมาเสิร์ฟอาหารหรือบริการแขก ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจำเป็นต้องให้ซากุระเป็นคนทำอาหาร แต่ท่าทาง เหตุผลหลักคงจะเป็นการเข้าสังคมของคนผู้นี้เสียมากกว่า
   
เขาเริ่มเข้าใจแล้ว ว่าทำไมทาโนเอะจึงฝากฝังให้เขาคอยดูแล
   
ถ้าคนผู้นี้ออกมาเบื้องนอก จะอย่างไรก็ต้องมีคนคอยประกบ มิเช่นนั้น…คงได้มีเรื่องเป็นแน่แท้
   
ท่าร่างว่องไวกับการเคลื่อนไหวรวดเร็วฉับไว ที่ล้วนฝึกฝนมาชำนาญขนาดนั้น ไม่รู้เอาไว้ทำอะไรกันแน่… เหตุการณ์ยุ่ง ๆ กับอายาเมะ และซานะกับยูเมะ ทำให้เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

…ฆาตกร…

ทุกคนบอกว่า ตนเองเป็นฆาตกร แม้จะรู้สึกผิด…มาตลอด ที่ทำเรื่องเช่นนั้น

หรือว่า…ซากุระก็ด้วย

…ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย…


..................................


การเรียนวันแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หากพอหมดเวลาเรียนและอาจารย์ได้ออกไปแล้ว กลุ่มสมาชิกในห้องก็เริ่มรุมล้อมนักเรียนใหม่ทั้งคู่ ซักถามเรื่องต่าง ๆ อย่างสนใจ โดยเฉพาะกับซากุระ
   
เรย์จินึกกลัวอยู่แล้ว ว่าคนด้านข้าง จะลงมืออะไรรุนแรง ดีที่เขาจัดการไว้ก่อน ไม่ให้เผลอเอาอาวุธออกมาขู่ใครจนแตกตื่นได้
   
ไม่ว่าจะถามอะไร คำตอบคือความเงียบ บรรยากาศเริ่มกดดันมากขึ้น จนทุกคนผงะถอยโดยไม่รู้ตัว
   
เด็กหนุ่มเข้าใจดี ซากุระเริ่มกางบาเรียกั้นตัวเองอีกแล้ว ด้วยรังสีอำมหิตที่ไม่ว่าใครก็หวาดกลัว โดยเฉพาะคนจิตอ่อนยิ่งแล้วไปใหญ่
   
“เอ่อ…ซากุระคุงเขา…สุขภาพไม่ค่อยดี ขอโทษนะครับ พวกเราคงต้องรีบกลับแล้ว”
   
เรย์จิตัดบทก่อนจะลากอีกฝ่ายออกมา
   
“คุณอย่ามาปล่อยรังสีฆ่าฟันแถวนี้สิครับ พวกเขาเป็นคนธรรมดานะ” เรย์จิกระซิบ ขณะดึงตัวอีกฝ่ายไปยังห้องเรียนชั้นประถม เพื่อรับซานะและยูเมะกลับด้วย
   
“มีคนไม่ธรรมดา มองพวกเราอยู่” ซากุระพึมพำ ท่าทางของเขาระแวดระวังเป็นที่สุด มือบอบบางข้างหนึ่ง แตะสัมผัสกับกระโปรง ตรงส่วนที่เก็บดาบไว้ไม่ยอมห่าง แม้จะยังไม่ชักออกมาในยามนี้ก็ตาม
   
“ใครกันครับ ผมไม่เห็นใครสักคน” เรย์จิมองไปรอบ  ๆ อย่างงุนงง
   
“จะใครก็ช่างเถอะ เรากลับกันดีกว่า”
   
คนฟังจึงได้แต่จำใจพยักหน้ารับ ขืนปล่อยให้อยู่ที่นี่นานกว่านี้ อาจจะมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นจริง ๆ ก็เป็นได้
   
ที่ห้องเรียนประถม ซานะและยูเมะก็เป็นจุดเด่นไม่แพ้กัน เพียงแค่วันแรก…ซานะก็โดนจีบเสียแล้ว แถมกับผู้ชายเสียด้วย ยูเมะมองมาอย่างงอน ๆ ดวงตาของเธอน่ากลัวขึ้นอีกเล็กน้อย ซานะจึงได้แต่ยิ้มเฝื่อนรับ ก่อนจะปฏิเสธความหวังดีจากทุกคนที่เข้ามาหา
   
“เรย์จิคุง ซากุระคุง” เด็กน้อยโผเข้าหา เรย์จิจึงอุ้มร่างเล็ก ๆ นั้นขึ้นมา
   
“เรียนสนุกมั้ย” เขาถามเบา ๆ
   
“ก็สนุกดีนะ แต่ว่า ยูเมะเกลียดพวกนั้น” ว่าแล้วเธอก็ชี้ไปที่เด็กบางคนในชั้น
   
“พวกนั้นจะรังแกซานะจัง”
   
เด็กชายรีบตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกฮะ ยูเมะแค่…เข้าใจผิด เดี๋ยวผมจัดการเองได้ ไม่ต้องห่วง”

“ยูเมะจัดการเองก็ได้…” รอยยิ้มน่ากลัวจากเด็กน้อย เล่นเอาเรย์จิขนลุกรอบสอง ท่าทางแบบนี้ ไม่ต่างจากซากุระที่ยืนข้าง ๆ ก่อนหน้านี้เลย
   
คนพวกนี้นี่นะ…ไม่ธรรมดาจริง ๆ
   
“พวกเขาไม่ได้ทำอะไรซานะ จริง ๆ นะยูเมะ เรากลับกันเถอะ” เด็กชายชักชวน แววตามีความหวั่นวิตกเจือปน
   
“อื้ม กลับกันเถอะ” เด็กหญิงตอบรับ
   
ทว่าที่ประตูด้านหน้า กลับมีร่างสูงของใครบางคน ยืนดักรออยู่ ซากุระจ้องเขม็งไปที่คนผู้นั้น ฉายแววแห่งความเป็นศัตรูอย่างชัดแจ้ง
   
“อาจารย์คุโรเนะ…” เรย์จิพึมพำ พลางเหลือบมองคนด้านข้าง ที่ทำท่าจะเปิดศึกอีกรอบเสียแล้ว โรงเรียนนี้ มีแต่อะไรที่ไม่ชอบมาพากล พ่อเขาอีกแล้วสินะ…ที่ทำเรื่องให้มันยุ่งยากอีก
   
“เรียนสนุกมั้ย” เสียงนุ่มถามขึ้นก่อน ซากุระนั้นยังจ้องมองมาด้วยท่าทางระวังเต็มที่ ในขณะที่ยูเมะ ยังคงแอบอยู่ด้านหลังซานะอย่างกลัว ๆ
   
“ก็ดีครับ” เรย์จิตอบแทน “พวกเรา ขอตัวกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวคนที่บ้านจะเป็นห่วง” เขาว่าพลางลากร่างบอบบางที่ยังคงมองคุโรเนะไม่เลิกนั้นออกมา
   
“ดีแล้ว ฝากความคิดถึง…ถึงคนที่ร้านด้วยล่ะ ซากุระคุง…”
   
“เขาคงไม่อยากคิดถึงคุณนักหรอก” เสียงตอบห้วนสั้นแสดงถึงความไม่พอใจ “อย่าเข้าใกล้คน ๆ นั้นเด็ดขาด”
   
“ถ้าเธอห้ามฉันได้ ก็ลองดูสิ” เสียงพูดนั้นเจือหัวเราะขบขัน ดวงตาเรียวยาวเป็นประกายเคร่งเครียด
   
“ฉันไม่มีวันยอมให้นายทำให้คน ๆ นั้นเจ็บปวดอีก”
   
“ของ ๆ ฉัน จะอย่างไร…ก็เป็นของฉันวันยังค่ำ คนอย่างเธอน่ะ ไม่มีวันได้ครอบครองอยู่แล้ว!”
   
คำพูดนั้นแทงใจดำอย่างจัง ร่างบอบบางคว้ามือเรย์จิและเด็ก ๆ ไว้อย่างละข้าง ก่อนจะรีบดึงให้เดินจากมาอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีก
   
เรย์จิมองกลับไปอย่างงุนงง ร่างสูงของคนผู้นั้น ยังคงมองมาที่กลุ่มพวกเขาเช่นกัน ด้วยแววตาสีเข้มที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ใบหน้าเยือกเย็นที่ดูยิ้มแย้มนิด ๆ คล้ายต้องการจะบอกใบ้อะไรบางอย่าง แต่ซากุระ ไม่คิดจะหยุดเดินแล้ว จนกระทั่งลับตาไป
   
“คุณรู้จักเขามาก่อนงั้นเหรอ” เรย์จิถามขณะที่ทั้งหมดกำลังกลับบ้าน
   
“ยูเมะกลัวเขา…” เด็กน้อยพึมพำ ยังคงเกาะซานะแจ
   
“ต่อให้มันกลายเป็นเถ้าถ่าน ฉันก็จำได้”  ซากุระพึมพำเสียงเครียด แล้วไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย
   
เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว ท่าทางที่โรงเรียนนี้ จะมีเรื่องเกินกว่าที่เขาคาดคิดอีกแล้ว
   
ความลับมากมาย กำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
   
ดอกซากุระที่งดงาม ผู้สามารถเบ่งบานท้าสายลมหนาว…เป็นดอกไม้ที่สวยงามและเยือกเย็น

ทว่าเสน่ห์ของดอกไม้ชนิดนี้ กลับมักมาพร้อมความลึกลับ…


ดวงตาเรียวยาวที่มองไปเบื้องหน้า ยังคงแฝงแววครุ่นคิด

เรย์จิผู้ยืนเคียงข้างเหลือบมองอย่างสงสัย

...ซากุระกำลังคิดอะไรอยู่...


เขารู้ดี หากคนผู้นี้ไม่บ่งบอกออกมาด้วยความยินยอมพร้อมใจของตนเองแล้ว ไม่ว่าจะคาดคั้นเช่นไร ก็ยังคงไม่ได้คำตอบอยู่ดี
   
ยังมีความลับอะไรอีกที่เขายังไม่รู้ แถมทำท่าจะเกี่ยวข้องกับสมาชิกที่ยังอยู่ที่บ้านอีกคน…?
   
เอาเถอะนะ อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด
   
เด็กหนุ่มได้แต่คิดอย่างปลง ๆ เขาคงได้แต่ทำให้ดีที่สุด เท่าที่คนด้านข้างจะยินยอมให้ช่วยเหลือได้เท่านั้น!


- จบตอนที่ 11 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 11 อัพ 1-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-04-2010 09:38:06
เวรกรรม อัดใจ อิตาอาจารย์คุโรเนะเป็นใคร มีความสัมพันธ์ยังไงกับใครมาก่อนกันแน่
กี๊ดดดดดดดด คนที่เหลือ=คุณทาโนเอะสินะ  :z10:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 11 อัพ 1-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 01-04-2010 10:14:28
อาจารย์คุโรเนะ คุณทาโนเอะ

เกี่ยวยังไงกับ มาโอะกับโคโตะรึปล่าว

เดาอีกแล้ว 555 :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 11 อัพ 1-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CHOKUN ที่ 01-04-2010 18:55:51
อยากรู้อ่ะ ว่าอีกคนคือใคร :call: :call:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 11 อัพ 1-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 01-04-2010 19:50:06
เรย์จินี่ช่างน่าสงสาร จะช่วยเค้าแต่ไม่รู้อะไรเลย
ผิดกับคนพ่อ นั่นรู้ทุกเรื่อง วางแผนทุกเรื่อง  :เฮ้อ:
แล้วไมรู้สึกเหมือนคนในบ้านเค้าจะมีคู่กันอยู่แล้วทั้งนั้นเลย
โธ่ๆ เรย์จิๆๆ แห้วแหงมๆ
(ตีโพยตีพายไปก่อนตลอด ฮ่าๆๆ )

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 11 อัพ 1-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Kwawaic ที่ 02-04-2010 15:52:57
เรื่องนี้ มีทุกแนว ทุกอารมณ์ จริง
อ่านแล้วติด น่าติดตาม

เป็นกำลังใจให้ ค่ะ
มาต่อไวไว นะค่ะ
 :L2:

ปล. ชอบอายาเมะ อ่ะ (แมว)
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 12/1 อัพ 3-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 03-04-2010 08:56:45
ตอนที่ 12 Loneliness Flower : ดอกไม้ผู้แสนโดดเดี่ยว

(ตอนที่ 12/1)


รถหรูสีดำสนิทคันยาวแล่นมาจอดเบื้องหน้าตึกหลังใหญ่อย่างเงียบเชียบและนุ่มนวล คนขับในชุดเครื่องแบบเรียบกริบลุกขึ้นจากที่นั่งคนขับ เดินย้อนไปเปิดประตูด้านหลังด้วยมาดขรึมสุภาพ หน้านิ่งก้มลงอย่างนอบน้อม ก่อนจะส่งมือให้คนบนรถจับ ขาเรียวยาวก้าวออกจากรถอย่างช้า ๆ  ก่อนจะยืดร่างระหงอันงดงามนั้นขึ้นตรงอย่างมั่นใจ

เค้าหน้าอ่อนเยาว์ในชุดจีนกี่เพ้าเข้ารูปสวย ผมยาวตรงสีดำสนิทรวบไว้ด้านหลังประดับปิ่นหยก ใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางเชิดตรง ดวงตาเรียวคู่งาม มองไปเบื้องหน้าโดยไม่มีการวอกแวก แม้ผู้คนที่ยืนขนาบสองข้างรั้ว จะพยายามชะเง้อชะแง้ พร้อมกับถ่ายภาพจากระยะไกลอยู่ก็ตาม

หญิงสาวผู้นั้นก้าวเดินตามทางลาดที่ปูพรมไว้หรูหรา นัยน์ตาดำคลับสงบนิ่งและเยือกเย็น มีบอดี้การ์ดในสูทสีตาดำสี่คนยืนรออยู่ และก้าวตามประกบว่องไวชำนาญการคุ้มกัน

เธอผู้นี้คือ ลี้ เหม่ยชิง ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลลี้อันลือชื่อ หลังจาก ลี้ หย่งชาง ผู้เป็นบิดาได้สิ้นไป

หย่งชางเป็นอดีตมาเฟียมีอายุ เขาประกอบธุรกิจนับไม่ถ้วนจนร่ำรวย ทำให้ตระกูลลี้ได้เงยตาอ้าปากและเป็นอันดับหนึ่งในสังคมชั้นสูงได้ในที่สุด หากเมื่อถึงจุดสูงสุดแล้ว ทุกอย่างก็ทลายลง เมื่อมีการค้นพบการร่วมมือคอรัปชั่น โดยแหล่งข่าวกล่าวหาว่าเขาเป็นตัวการ จนท้ายที่สุดได้มีการฟ้องล้มละลายจากคู้ค้าสำคัญ เมื่อข่าวร้ายแพร่ออกไป ยังผลให้ธุรกิจของเขาพังยับในเพียงชั่วเวลาไม่กี่วัน

ในคืนหนึ่งหลังจากนั้น ตระกูลลี้ที่เคยยิ่งใหญ่ กลับล้มลงในพริบตา เมื่อข่าวพบศพของหย่งชางบนเตียงในห้องนอนของเขาเอง สิ้นใจปริศนาด้วยยาพิษ ว่ากันว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายเพราะรับสภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้ หากแหล่งข่าวหลายสายบ้างว่ากันว่า อาจจะเป็นการสร้างแพะแล้วปิดปาก แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนใด ๆ

ภรรยาที่ตายจากไปหลายปี ทำให้ครอบครัวนี้ไม่เหลือใคร นอกจากบุตรสาวเพียงคนเดียว เหม่ยชิง ผู้มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

บุตรสาวของหย่งชาง ที่ไม่เคยเปิดเผยตัวออกสู่สาธารณะ จึงโด่งดังขึ้นในชั่วข้ามคืน นักข่าวหลายคนรอคอยการปรากฏตัวของเธอในค่ำคืนนี้มานานหลายชั่วโมงแล้ว เมื่อเห็นร่างบอบบางนั้นก้าวออกจากรถ ทุกคนก็จ้องมองมาเป็นตาเดียว

จากที่เห็น เธอเป็นหญิงสาวที่สวยสะดุดตา เรือนร่างระหงผอมบางสูงโดดเด่น ยามยืดตัวตรง ยิ่งดูน่าเกรงขาม ดวงตาคู่นั้นไม่แสดงอารมณ์อันใดต่อหน้าสาธารณะชน แม้จะพึ่งผ่านพ้นการจัดงานศพให้ผู้เป็นบิดาไปเพียงไม่กี่วันก็ตาม

ในสภาพที่ครอบครัว..บิดาเพียงคนเดียว ต้องประสบชะตากรรมอนาถ ทรัพย์สินที่มี ถูกยึดจากการฟ้อง เธอผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงถูกญาติผู้เป็นอาคือ ลี้ เช็ง อาสารับไปดูแล

และในวันนี้ เธอก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ของเขาแล้ว บรรดานักข่าวที่ถูกกันออกไป จึงได้แต่เหม่อมองผ่านรั้วสูง โดยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในได้

เช็งเป็นญาติที่ไม่น่าคบสักเท่าไหร่ ข่าววงในลือกันว่า คดีนี้เป็นฝีมือของเช็งที่จับพี่ชายมาเป็นแพะ แล้วยังจะหวังครอบครองลูกสาวแสนงามของหย่งชางอีกด้วย

ประตูห้องส่วน ตัวอันหรูหราเปิดออก ฐานะของเช็งไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้เป็นพี่ชาย ร่างสูงค่อนท้วม เอนกายอยู่บนเตียงพร้อมแก้วไวน์ที่พึ่งจิบไปเมื่อครู่ มือหยาบวางแก้วนั้นลงกับถาด ที่คนรับใช้สาวยื่นมารับโดยอัตโนมัติ ก่อนเขาจะโบกมือเป็นสัญญาณ ให้ทุกคนออกไป

เหลือเพียงเหม่ยชิง เด็กสาวผู้มาใหม่ อยู่ตามลำพังกับเช็งเท่านั้น

“เข้ามานี่สิ อาชิง” ชายวัยกลางคนเรียกเบา ๆ อย่างสนิทสนม ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ขาเรียวยาวก้าวเข้าหา เมื่อมาถึงขอบเตียงด้านข้าง เธอก็หยุดลง มือนั้นตบที่เตียงเบา ๆ เชิงให้นั่ง ซึ่งเธอก็ขยับตัวลงนั่งอย่างว่าง่าย หากสายตาเย็นชายังคงมองมายังผู้ที่ได้ชื่อเป็นอา และเป็นผู้ปกครองในนามของเธอในยามนี้อย่างไม่คลาดสายตา  ริมฝีปากบางขยับยิ้ม ตั้งแต่มาถึง เธอยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียว

ดวงตาวาววาบจ้องมองเงียบ ๆ ยามมือแข็งแรงของอีกฝ่ายเชยคางเธอขึ้น พลางพูดกลั้วหัวเราะ “ไม่ได้เจอกันนาน งามขึ้นเยอะทีเดียวนะ”

มือบอบบางไม่ได้ปัดมือข้างนั้นออก ไม่มี…แม้แต่ปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ ดวงตาเรียวยาวคู่งามของเธอ จ้องเขาโดยไม่กะพริบด้วยซ้ำ

“ฉันรู้…ว่าเธอเป็นคนฉลาด เราเป็นญาติกัน ก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เข้าใจความหมายนี้ใช่ไหม”

ร่างนั้นเอนตัวลงบนหมอนนุ่มเป็นนัย เขารู้ดี ว่าหญิงสาวที่ชาญฉลาดอย่างเหม่ยชิง ย่อมจะเข้าใจ

หากต้องการการคุ้มครองปกป้อง ก็ต้องแลกมาด้วยร่างกาย!

หุ่นเพรียวลมขยับเข้าใกล้กว่าเดิม ก่อนจะโน้มกายเข้าหา พริบตาเดียวเท่านั้น ที่คมมีดสั้น ได้ปักตรึงลงตรงหัวใจของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ

เป็นมีดสั้น...ที่ขโมยมาจากบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ที่จนกระทั่งถึงตอนนี้ เจ้าตัวก็ยังไม่ทันได้รู้ว่ามันหายไป!

ดวงตาของเช็งเบิกกว้าง ไม่คาดคิดว่าเด็กสาวตัวแค่นี้ จะลงมือได้เลือดเย็นนัก ฉับพลันเขาจึงระลึกได้ ถึงความผิดปกติบางอย่าง...แต่มันสายเกินไปแล้ว

“ทะ…เธอ …เธอไม่ใช่เหม่ยชิง!” เสียงตะกุกตะกักสำลักเลือดพยายามพูด มือบางหากแข็งแรง ขยับยกผ้าห่มขึ้นบังกาย ก่อนจะดึงมีดนั้นออกเต็มแรง สายเลือดพุ่งทะลัก เสียงร้องแม้จะดังเพียงใด คนด้านนอกก็ไม่ได้ยิน ด้วยเพราะห้องนี้ เป็นห้องเก็บเสียง นั่นเป็นสิ่งที่หญิงสาวรู้ดีเช่นกัน

ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะดับลง เช็งยังเห็นใบหน้างามนั้นมีรอยยิ้ม

…เป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ที่ไร้ซึ่งความหมายใด ๆ

คนผู้นั้นปล่อยผ้าห่มและมีดเปื้อนเลือดลงกับพื้น มือที่สวมถุงมือบางเบา…บางจนยากจะรู้ได้ว่าสวมอยู่ เปิดกลอนหน้าต่างด้านข้าง ก่อนจะทิ้งตัวออกไป

ห้องส่วนตัวนี้ไม่มียามป้องกัน ด้วยความชะล่าใจจากการคุ้มกันมากมายเบื้องนอก มีเพียงชายชุดสูทดำกระจายกันยืนเฝ้ายามตามจุดต่าง ๆ ของตัวบ้านเหมือนทุกวัน ตามตำแหน่งในแผนผังที่ได้รับมา

เด็กสาวในชุดกี่เพ้าออกวิ่งรวดเร็วชำนาญทาง หลบเลี่ยงจุดเฝ้ายามได้อย่างแม่นยำ หากทันใดนั้น สัญญาณเตือนภัยในบ้านก็ดังขึ้น!

ความเคลื่อนไหวในเงามืด ถูกพบในเวลาไม่นาน ชายชุดดำที่ระวังภัย ล้วนมีอาวุธครบมือ ในขณะที่ร่างบอบบางนั้นปราศจากอาวุธ ฝีเท้าคล่องแคล่ววิ่งหลบหลีกแฝงตัวหลอกล่อ นึกขัดใจไม่น้อย ว่าทำไมสัญญาณนั่นจึงดังได้

เสียงแตกตื่นดังมาจากภายในบ้าน ขณะที่เสียงปืนก็ดังฝ่าอากาศมาเช่นกัน หญิงสาวพุ่งหลบรวดเร็ว หากปืนนั้นยังยิงแฉลบไปที่ต้นแขน เจ้าของร่างกัดฟันโหนกิ่งไม้ ก่อนจะทิ้งตัวลงที่อีกฝั่งของกำแพง แล้วหายไปในความมืดมิดยามราตรี

ทิ้งเจ้าของคฤหาสน์ที่นอนจมกองเลือดไว้บนเตียงนุ่ม ท่ามกลางความวุ่นวายไม่รู้จบในคืนนั้น


..............................


ประตูเก่าในตึกหลังหนึ่งถูกเปิดออก ก่อนร่างปราดเปรียวจะแทรกตัวเข้าไปอย่างเงียบเชียบ การเคลื่อนไหวอันไร้เสียงไม่ทำให้คนในตึกรู้ด้วยซ้ำว่าเขามาถึง ห้องที่เกือบจะว่างเปล่า มีเพียงข้าวของจำเป็นไม่กี่อย่างเท่านั้น เขาอยู่ลำพังมานานแล้ว และไม่เคยต้องการใครร่วมห้อง

เพราะใครที่อยู่ห้องเดียวกับเขา...แม้ตอนมาจะยังมีชีวิต แต่ยามไป มักจะกลายเป็นศพเสมอ!

ถึงจะไม่ถนัด แต่เขาก็ทำแผลให้กับตัวเองได้อย่างคล่องแคล่ว นี่ไม่ใช่แผลแรกจากการทำงานประเภทนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจ หากหลังจากทำแผลเรียบร้อย สีหน้าคนในห้องกลับเคร่งเครียดขึ้น ดวงตาคมมองไปยังหน้าต่าง

"ออกมาได้แล้ว โคโตะ" เสียงราบเรียบแฝงดุดันหน่อย ๆ พูดขึ้นในความเงียบ

ร่างคล่องแคล่วของชายหนุ่มผู้หนึ่ง โหนตัวขึ้นมาจากหน้าต่างบานนั้น แม้ว่าห้องตรงนี้จะเป็นชั้นสอง มาอย่างเงียบเชียบจนแทบจะไม่รู้สึกได้เลยทีเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะฝึกฝนร่างกายมามากก็คงไม่รู้ตัวเช่นกัน

"จับได้เสียแล้ว แหม ซากุจัง ความรู้สึกไวจริง ๆ" เป็นชายหนุ่มร่างเล็กที่ดูกะทัดรัดน่ารักจนไม่น่าแสดงสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนั้นยามได้เห็นเอาเสียเลย

ดวงตากลมโตสบตากับเจ้าของห้อง พลางส่งยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดีไปให้ จากที่เห็นอายุคงราว ๆ 20 ต้น ๆ เพียงเท่านั้น ผมสีดำสนิทที่ซอยสั้นกะทัดรัด ดวงตาสีเดียวกัน และริมฝีปากสีอ่อนที่ยามยิ้มแย้มเห็นไรฟันขาว น่ารักแกมซุกซนราวหญิงสาวก็ไม่ปาน แม้จะแน่ใจจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ว่า จะอย่างไรก็เป็นผู้ชาย

ใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยดูเป็นมิตรเสียจนใครเห็นก็อยากเข้าใกล้

แต่ไม่ใช่กับเขา…ที่รู้ซึ้งถึงเบื้องหลังคนผู้นี้อย่างแน่นอน

ร่างเล็กผอมบางของคนผู้นั้นนั่งสบายใจที่ขอบหน้าต่าง มืออีกข้างถือนาฬิกาจับเวลาอยู่ ดวงตาคมเหลือบมองตัวเลขในนั้นที่กดหยุดไว้ แล้วพูดขึ้นว่า "30 นาที ไม่เลวนี่ งานเรียบร้อยแล้วสินะ"

คนฟังพยักหน้า หากยังจับจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้วางใจ "สัญญาณกันขโมย...?"

ชายที่ริมหน้าต่างยิ้มรับแล้วตอบหน้าตาย "ชั้นทำเองแหละ"

ทั่วร่างเกร็งอย่างไม่ไว้วางใจกว่าเดิม เมื่อได้ยินคำตอบนั้น สายตาที่จับจ้องคล้ายต้องการถาม ว่าทำเช่นนั้นเพื่ออะไร

ราวล่วงรู้ คนเบื้องหน้าจึงพูดต่อไป "30 นาที บาดเจ็บเล็กน้อย โดยรวมก็นับว่าสอบผ่าน"

ดวงตาเรียวยาวจ้องมองไม่เลิก จนอีกฝ่ายหัวเราะ "หน้าชั้นไม่มีตาที่สาม เลิกจ้องได้แล้ว"

คนฟังระบายลมหายใจยาว ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อชุดกี่เพ้าออก ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนั้น พลางพูดต่อเรียบ ๆ ว่า "ถ้าจะให้ทำงานต่อไป รับรู้ไว้ด้วย หนึ่ง ฉันจะไม่แต่งหญิงทำงานอีก สอง งานที่ทำ จะฆ่าเฉพาะคนสมควรตายเท่านั้น"

ชายหนุ่มผู้มาเยือนยักไหล่น้อย ๆ แล้วยิ้มตอบ "โอเค ๆ"

"และ สาม ฉันคือซากุ ไม่ใช่ซากุจัง ห้ามเรียกเป็นผู้หญิงแบบนี้อีก!" เสียงดุดันพูดต่อ ก่อนจะเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบเสื้อเชิร์ตกับกางเกงขายาวมาสวม ภายในพริบตา จากหญิงสาวผู้แสนงาม ก็กลายเป็นชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมไป

"เฮ้อ...ซากุคุงก็ได้...ถอดเสื้อ ยั่วกันขนาดนี้ ไม่กลัวโดนกดบ้างรึไง" โคโตะแซวเบา ๆ หากอีกฝ่ายจ้องมาด้วยดวงตาดุ ๆ จนเย็นวาบ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก ชายหนุ่มก็เข้าใจความหมายนั้น แม้จะพึ่งพบกับอีกฝ่ายมาไม่กี่ครั้ง แต่เขาล่วงรู้ในประสิทธิภาพของซากุได้ดี รวมถึงความน่ากลัวยามถูกทำให้ไม่พอใจด้วย

เป็นบุคลากรที่มีค่า ที่จะต้องเอามาให้ได้ เพื่องานที่สำคัญในอนาคต ชายหนุ่มยิ้มพยักหน้ารับอย่างยอมแพ้ ด้วยท่าทางเป็นกันเองและดูสนิทสนม แม้อีกฝ่ายจะไม่ยอมสนิทด้วยเลยสักนิดก็ตาม

ดวงตาสีเข้มกลมโตของเขาจ้องมองมาอย่างจริงจัง "ข้อตกลงทั้งหมดก็โอเคแล้ว มาทำงานกับชั้นได้รึยัง"

คนฟังถอนหายใจแล้วตอบว่า "ฉันมีทางเลือกด้วยรึ?"

ร่างเล็กน่ารักยิ้มให้โดยไม่ตอบคำ แต่เขาเข้าใจความหมายนั้นเป็นอย่างดี

ชายหนุ่มพูดต่อไปง่าย ๆ หากอีกฝ่ายรู้ดีว่าเป็นคำสั่ง "เตรียมตัวเก็บของซะล่ะ เราจะไปญี่ปุ่นกันพรุ่งนี้" ว่าพลางยื่นซองเอกสารให้ แล้วจากไปอย่างรวดเร็วทางหน้าต่างบานเดิม

ซากุมองผ้าม่านที่โดนรั้งไปอีกฝั่งไหวปลิวไปตามลมพลางครุ่นคิด

เมื่อถูกเลือกแล้ว ย่อมถอนตัวไม่ได้

กับผู้มีพระคุณ จะอย่างไรก็ทำได้เพียงเชื่อฟังเท่านั้น!


.............................


ร่างสูงโปร่งผิวขาวเนียนละเอียดใส่แว่นตาดำหิ้วกระเป๋าใบเล็กเดินอยู่ในช่องผู้โดยสารขาออกของสนามบินนาริตะ พร้อมกับร่างเล็กคล่องแคล่วของโคโตะ มองจากภายนอกเป็นชายหนุ่มที่ดูบอบบางแต่เคร่งขรึมในชุดเสื้อจีนตัวยาว ไม่แปลกนักสำหรับคนที่มาจากฮ่องกงอย่างเขาจะแต่งตัวเช่นนี้

ดวงตาเรียวใต้แว่นมองไปตรง ๆ ไม่ได้ใส่ใจต่อสายตาผู้ใด ผมสีดำยาวถูกรวบไว้ด้านหลังแล้วมัดด้วยเชือกถักเป็นเปียเดี่ยวห้อยคล้อยมา ยังไหล่ที่ดูบอบบางไปสักนิด ลักษณะเป็นชาวจีนอย่างเห็นได้ชัด

ท่าทางของเขายังดูอ่อนเยาว์นัก ทั้งยังค่อนไปทางบอบบางเสียด้วย  ถึงแม้จะมีแว่นดำบดบังใบหน้า แต่ดูก็ยังรู้ว่าอายุคงไม่ถึงสิบแปด …ยังคงเป็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น เขามีจมูกไม่โด่งมากแบบชาวเอเชียทั่วไป รับกับริมฝีปากบางสีสด และผิวขาวสะอาดแบบคนจีนมีตระกูล โดยรวมแล้วจึงดูดีจนค่อนข้างสะดุดตาอยู่บ้าง
หลังจากหยุดยืนรอคอยอยู่ครู่หนึ่ง ก็มีผู้ชายในชุดสูทสีเข้มเดินเข้ามาหาโคโตะและนำทางออกไปยังรถที่จอดรอไว้ ร่างเล็กพยักเพยิดให้ตามไป ซากุจึงได้แต่เดินตาม โดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

รถคนนั้นมีสีดำสนิท...ไม่น่าแปลกใจ รถของยากูซ่าหรือพวกที่ชอบทำอะไรลับลมคมนัย มักจะมีสีเช่นนี้ ที่เบาะหลังนุ่มสบายราคาแพง ดวงตาเรียวยาวมองตรงไปข้างหน้า นั่งนิ่งราวกับตุ๊กตา โดยไม่พูดจาอันใดอีกเช่นเคยตลอดเส้นทาง ไม่มีกระทั่งคำถาม แม้คนด้านข้างจะมองมาแล้วอมยิ้ม โคโตะรู้ดี ว่าตอนนี้ อีกฝ่ายไม่อยากจะพูด เขาจึงปล่อยให้ในรถ มีเพียงความเงียบ

กับคนบางคน ความเงียบเป็นเพื่อนที่ดีกว่า

จวบจนมาจอดเบื้องหน้าโรงแรมระดับห้าดาวชั้นดี ร่างเล็กของโคโตะก็ลงมาเปิดประตูให้ ก่อนเจ้าหน้าที่ทางโรงแรมจะจัดการเสียอีก

"ชั้นจัดห้องไว้ให้นายแล้วนะ ส่วนคืนนี้...เราคงมาดื่มกันได้ใช่มั้ย" เขากล่าวต่ออย่างกระตือรือร้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอ พยายามผูกมิตรตลอดเวลา แต่อีกฝ่ายกลับยังนิ่งเฉยดุจเดิม

"ดี งั้นทุ่มนึง จะไปรับที่ห้องนะ" เขาพูดต่อเบา ๆ ก่อนจะโบกมือแล้วจากไป

พนักงานโรงแรมจัดการพาไปยังห้องพักที่จัดไว้โดยไม่ต้องบอก

ทุกอย่าง...ถูกเตรียมการไว้แล้ว

เมื่อพนักงานโรงแรมวางของทุกอย่างลงแล้วจากไป ร่างบอบบางของซากุก็นั่งลงบนเตียงด้านข้าง ที่โต๊ะข้างเตียง มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่

ในกระดาษแผ่นนั้น มีเพียงตัวเลขสามตัว 509

ไม่ต้องบอกก็รู้ มันคือห้องของเป้าหมาย และเวลาดำเนินการ คือ 1 ทุ่มตรง!

กรณีไร้ซึ่งรายละเอียดใด ๆ ย่อมหมายถึง จัดการได้ตามสะดวก มือเรียวของชายหนุ่ม เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก ภายในมีกล่องยาววางอยู่ด้านใน ตัวกล่องค่อนข้างหนักเมื่อยกขึ้น พอเปิดดูก็พบดาบยาวเล่มหนึ่ง ตระเตรียมไว้ให้

เสียงใสยามฝักถูกชักออก บอกได้ดีถึงคุณภาพของดาบนั้น คมดาบบางใสสะท้อนแสงไฟราวกระจกชั้นดี ความคมของมันไม่ต้องทดสอบก็รู้ ว่าเพียงสะกิดผิวก็เรียกเลือดได้แล้ว

ใบหน้านิ่งสนิทมีรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อนิ้วเรียวลูบไล้ไปที่ตัวดาบ สัมผัสได้ถึงไอเย็นของโลหะ…และความคมของมัน

การลงมือด้วยของมีคม เป็นสิ่งที่ซากุถนัด เขาไม่ใช้อาวุธอื่น เพราะชอบลงมืออย่างเงียบเชียบและสวยงามมากกว่า

สำนักดาบที่เคยอยู่มาในกาลก่อน ขัดเกลาฝีมือจนพูดได้ว่ายากจะหาใครเทียบได้ แต่นั่น...มันก็เป็นอดีตไปแล้ว

เป็นอดีตที่เขาลืมไปแล้วด้วย

ตอนนี้มีเพียงปัจจุบัน และอนาคต

ปัจจุบัน ที่ต้องฆ่า

และอนาคต ที่ยังคงต้องฆ่าต่อไป...



.............................................


ชาหอมกรุ่นบนโต๊ะยามเช้า ถูกมือคล่องแคล่วหยิบยกจิบ สายตาดุ ๆ มองมาเขม็งจนคนแอบขโมยกินยิ้มเจื่อน "อย่างกไปหน่อยเลย แค่ชาถ้วยเดียวเอง" โคโตะพึมพำพลางสูดลมหายใจเข้า กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรพิเศษบางอย่างในนั้น กลับทำให้รสชาติกลมกล่อมกว่าเดิมอย่างน่าประหลาด

"ชงชาได้ไม่เลวนี่" สีหน้าคนชิมเริ่มเคลิบเคลิ้ม “สมุนไพรจีนสินะ ยังอุตส่าห์หอบมาด้วยอีกเหรอเนี่ย”

"ใครอนุญาตให้นายเข้ามา" เสียงเคร่งเครียดถามต่อ ก่อนจะวางจานอาหารลงบนโต๊ะ ไม่ได้แปลกใจนักเพราะรู้ดี ไม่ว่าประตูจะปิดล็อคแน่นหนาเพียงใด แต่สำหรับคนผู้นี้ ที่ไปมาได้ราวกับหายตัว มันไม่เคยมีผลใด ๆ ทั้งสิ้น

"ก็นายไง ไม่งั้นคงไม่เตรียมข้าวเช้าเผื่อชั้นหรอกใช่มั้ยล่ะ" คนพูดยิ้มหวาน อาหารที่จัดไว้สองที่ บอกได้อย่างดีว่าคนทำก็รู้ ว่าจะมีแขกมา

เสียงราบเรียบตอบกลับเย็นชาว่า "ฉันยังไม่ได้เชิญ"

"เอาน่า ซากุที่รัก เอ๊ะ...อร่อยผิดคาดแฮะ นายนี่มีฝีมือด้านทำอาหารด้วยเรอะ" สีหน้าคนถามมีแววประทับใจ มือคล่องแคล่วตักกินตุ้ย ๆ โดยไม่ได้หยุด แม้จะยังชวนคุยอยู่ก็ตาม

คำตอบคือความเงียบ ดวงตาเรียวคู่นั้นกลับเศร้าลงวูบหนึ่ง

คนมองจึงเปลี่ยนเรื่อง เพื่อไม่ให้บรรยากาศภายในห้องดูมืดทะมึนกว่าที่เป็นอยู่ ดาบยาวอันนั้น วางไว้อย่างดีบนโต๊ะด้านข้างมีผ้าปูรองเรียบร้อย ใบหน้าหวานมีรอยยิ้ม "ดาบที่ชั้นให้ คงถูกใจนายสินะ"

"คนชั่วสมควรตาย จะดาบดีดาบเลว ก็ต้องตายอยู่ดี" ซากุพึมพำ ก่อนจะหันหลังเข้าครัวไป

"อ้าว ไม่กินด้วยกันเหรอ" เสียงใสทักต่อ

"ฉันไม่กินข้าวร่วมโต๊ะกับใคร" ร่างผอมเพรียวในชุดจีนตอบเรียบ ๆ

โคโตะยังคงกินต่อไป แถมตบท้าย ยังมีของหวานจากอีกฝ่ายให้ชิมเสียอีก

"อิ่มดีจริง ๆ แฮะ" เขารำพึงเบา ๆ อย่างพอใจเมื่อกวาดทุกอย่างลงท้องไปเรียบร้อย "นายไม่กินด้วย...งั้นชั้นไปดีกว่า ไว้กลางวันค่อยมาใหม่ อย่าลืมเตรียมข้าวเผื่อด้วยล่ะ" ว่ายิ้ม ๆ แล้วก็หันหลังออกไปง่าย ๆ เสียอย่างนั้น

เจ้าของห้องมองตามร่างเล็กของอีกฝ่ายไป พลางทอดถอนหายใจ ก่อนจัดการเก็บจานชามบนโต๊ะโดยไม่พูดไม่จาเหมือนเช่นเคย

ห้องนี้เป็นห้องพักใหม่ เป็นห้องชุดของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาย้ายมาพักด้วยการจัดการของโคโตะ หลังจากงานคืนนั้นเสร็จเรียบร้อย

ห้องใหม่ที่มีครัวในตัว เป็นที่พอใจของซากุมากกว่าเดิม แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่พูดอะไรเช่นเคยก็ตาม จากที่เห็นได้ชัดคือในยามว่าง นักฆ่าผู้นี้ชอบขลุกทำอาหารอยู่ในครัว มากกว่าทำอย่างอื่นเสียอีก อาหารและของสด ทุกอย่างมีในตู้เย็นพร้อมสรรพ

เพราะคนอย่างเขา จะต้องระวังตัวทุกย่างก้าว จึงไม่ควรออกไปเดินเล่นที่ไหน

ดังนั้นไม่ว่าอะไร ก็จะมีคนจัดหาไว้ให้เสมอ ซากุจึงสามารถทำอาหารที่ต้องการได้อย่างใจเย็น

แต่อาหารที่ทำแล้วไม่มีคนกิน...มันน่าเศร้ากว่าเดิมรึเปล่า?

ด้วยสาเหตุนั้น โคโตะเลยหาเรื่องมากินข้าวด้วยทุกวัน

และแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเลยสักครั้ง แต่ก็เตรียมอาหารไว้เผื่อทุกมื้อ

ไม่ว่าโคโตะจะมาทานหรือไม่ก็ตาม...


............................................


ร่างผอมบางที่เปื้อนเลือดเปิดประตูรถที่จอดสตาร์ทคอยอยู่ที่จุดนัดหมายแล้วนั่งประจำที่อย่างรวดเร็ว รถแล่นออกโดยไม่ต้องสั่งเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบและมีประสิทธิภาพ เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

เสียงใสข้างตัวจากที่นั่งด้านข้างทักทายขึ้น "ทำไมวันนี้เลือดเยอะจริง"

ดวงตาเรียวยาวจ้องมองคนถามเขม็ง

"เป็นนายไม่ใช่รึ ที่ทดสอบฉัน"

คนฟังหัวเราะเบา ๆ ริมฝีปากนุ่มมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "รู้ด้วยงั้นเหรอ"

ความเงียบเป็นคำตอบที่ซากุนิยมใช้ โคโตะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี วันนี้เขาแค่ปล่อยข่าวการลอบสังหารออกไป เหยื่อที่ไหวตัว จึงเตรียมการพร้อมพรักกว่าเดิม แต่ก็เห็นได้ชัด ว่าไม่มีผลใด ๆ กับคนผู้นี้ นอกจากเลือดปริมาณมากขึ้นที่เลอะติดเสื้อผ้ากลับมา

"แต่นายก็สอบผ่านนี่ ถ้าเทียบกับครั้งแรก ๆ แล้ว ฝีมือของนาย เฉียบคมขึ้นเยอะนะ" เขาว่าพลางยิ้มหวาน แต่อีกฝ่ายไม่ยิ้มด้วยเลยสักนิด สีหน้าของนักฆ่าหนุ่มยังคงเคร่งเครียดดุจเดิม

"จะทดสอบไปจนถึงเมื่อไหร่" คำถามราบเรียบ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจนัก

"จนกว่าจะแน่ใจ ว่านายจะจัดการกับ 'เขา' ได้" โคโตะตอบเบา ๆ ดวงตากลมโตของเขาหลุบต่ำ เสียงที่ดูเศร้า ทำให้อีกฝ่ายหันไปมอง แม้จะยังไม่พูดอะไรเช่นเคย

สีหน้าเศร้านั้นปรับเป็นรอยยิ้มน่ารักได้ในพริบตา เมื่อพูดขึ้นว่า "อย่างน้อย ชั้นก็ยังทำตามกฎของนายอยู่ไม่ใช่หรือไง หนึ่ง นายไม่ต้องแต่งหญิงออกปฏิบัติการ สอง ชั้นไม่เรียกนายว่าซากุจัง และสาม...ทุกคนที่นายฆ่า สมควรตายแล้ว!"

ร่างสูงโปร่งของซากุไม่ขยับไปจากที่ มีเพียงเสียงถอนใจแผ่วเบาเท่านั้น ดวงตาคู่สวยหลับลง และไม่สนใจจะคุยด้วยอีก

ชายหนุ่มมองมายังคนที่นั่งด้านข้าง ใบหน้าใสมีรอยยิ้ม รู้ถึงความหมายของท่าทางเหล่านั้นดี

ความหมายนั่นก็คือ

ในเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไข ซากุก็จะไม่ปฏิเสธ!


.....................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/1 อัพ 3-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Kwawaic ที่ 03-04-2010 12:49:10
ทาโนเอะ เป็นคนเดียวกับ ไคโตะ ใช่เปล่า
ซากุ - ซากุระ
เขาคนนั้น คือ มาโอะ เปล่า - อ.คุโรเนะ ป่ะ

(555+ เดากันไป)
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/1 อัพ 3-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 03-04-2010 21:26:27
ทาโนเอะ เป็นคนเดียวกับ ไคโตะ ใช่เปล่า
ซากุ - ซากุระ
เขาคนนั้น คือ มาโอะ เปล่า - อ.คุโรเนะ ป่ะ

(555+ เดากันไป)

^
^
^
เห็นด้วย คิดเหมือนกันเลยอ่า
แต่เรื่องนี้เดาอะไรไม่ได้หรอก
งง ไปหมดแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/1 อัพ 3-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-04-2010 00:06:46
เริ่มจะหลงเคลิ้มไปกับไคโตะซะแล้ว
มาเจอเวอร์นี้ดูมีเสน่ห์ต่างกับตอนอยู่กับเรอิจิเลย
ลุ้นกันต่อไป

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/1 อัพ 3-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 04-04-2010 03:01:41
มั่วไม่ถูกแล้ว

แต่นี่ล่ะเสน่ห์ของเรื่องนี้

มีอะไรชวนให้คิด สงสัยได้ตลอด แต่ก็คิดผิดตลอด

ติดตามต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/1 อัพ 3-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 04-04-2010 19:35:09
เอ...จากที่เดา?
ซากุ-ซากุระ?
ไคโตะ - ทาโนเอะ
อ.คุโรเนะ - มาโอะ??

แต่ก็เดาผิดมาโดยตลอดอยู่ดี...เฮ้อ~ :z3:
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 12/2 อัพ 4-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 04-04-2010 20:24:22
(ตอนที่ 12/2)


เช้าที่แสนสดชื่น แตกต่างจากค่ำคืนที่เปื้อนเลือดราวฟ้ากับดิน ร่างโปร่งบางในชุดคาดผ้ากันเปื้อน ยังคงทำอาหารอยู่ในครัวเช่นเคย โคโตะยืดขาผ่อนคลายอยู่บนโซฟานุ่ม ดวงตากลมโตเหลือบมองคนในครัวอย่างครุ่นคิด จากนั้นใบหน้าอ่อนเยาว์เกินอายุ ก็เริ่มมีรอยยิ้ม

“ซากุคุง วันนี้เราไปเดทกันมั้ย”

คนในครัวได้ยินชัด แต่ยังคงนิ่งเงียบ ร่างเล็กผุดลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินตัวปลิวเข้าไปในครัวด้วยสายตากระตือรือร้นเช่นเคย “น่า ไปด้วยกันนะ”

“เป็นคำสั่งรึเปล่า” เสียงราบเรียบถาม

“ถ้าไม่ใช่ จะไม่ไปหรือไง” โคโตะถามยิ้ม ๆ

ซากุถอนใจเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นักฆ่าในเงามืด ไม่ถูกกับความเจิดจ้าของแสงตอนกลางวันนักหรอก”

“ก็แปลงโฉมเสียสิ แค่นี้ก็ไม่มีใครจำได้แล้ว นายอยู่แต่ในบ้านทุกวัน น่าเบื่อออกจะตาย แล้วชั้นจะพาไปช็อปปิ้งด้วย เอามั้ยล่ะ แถวนี้มีไชน่าทาวน์ด้วยนะ รับรองของสดใหม่มีให้ช็อปตามสบายเลย” โคโตะเริ่มเอาของกินมาล่อ จริงอยู่ว่าซากุไม่ได้สนใจจะกินอะไรมากมาย แต่แน่นอน ว่าเขาชอบทำ และอาหารที่มีคนรอกิน อย่างในระยะนี้ มันทำให้เขา…จิตใจสงบกว่าเดิมมากมายนัก เพียงแค่เห็นรอยยิ้มสดใสของคนด้านข้าง เวลารับประทานอาหารเท่านั้นเอง

“ไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยน่า ไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็น…คำขอร้องจาก ‘เพื่อน’ ได้รึเปล่าล่ะ” เสียงใสออดอ้อน

“ฉันยังไม่คิดว่านายเป็นเพื่อนหรอกนะ” คนด้านข้างตอบเรียบ ๆ

“ใจร้ายจริง เอาน่า ชั้นสัญญาว่าจะให้นายซื้อของตามใจเลย อยากซื้ออะไรก็ได้ ไปด้วยกันนะ…” เสียงอ้อนกว่าเก่า แถมยังกอดแขนซะจนอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูกไปแล้ว

“ก็ได้” ซากุยอมแพ้ในที่สุด

โคโตะยิ้มหวาน ก่อนจะส่งชุดให้ เป็นชุดที่คนมองไม่อยากรับมาเอาซะเลย ซากุมองมันก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ฉันเคยบอกแล้วไงว่า…”

“นาน ๆ ที จะกลับเป็นตัวของตัวเองบ้าง มันก็ดีไม่ใช่เหรอ ทำใจให้สบายแล้วไปเดทกันด้วยชุดนี้ รับรองไม่มีใครจำนายได้แน่ และนี่ก็…ไม่ใช่การปฏิบัติงานด้วย ไม่ผิดเงื่อนไขนะ” คนพูดหลิ่วตาให้ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “แล้วอีกอย่าง ชั้นก็จะใส่แบบนี้เหมือนกัน เราใส่เป็นเพื่อนกันดีออกใช่มั้ยล่ะ” เขาว่าอย่างร่าเริง

ร่างสูงโปร่งหันไปมองคนด้านข้างอย่างงง ๆ โคโตะเป็นผู้ชาย อันนี้เขาแน่ใจ แต่ทำไม อยู่ดี ๆ อยากจะแต่งชุดแบบนี้ได้?

แต่โคโตะไม่ปล่อยให้เขาคิดนานนัก มือเล็ก ๆ รุนหลังร่างสูงกว่า “เอ้า ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ เวลามีน้อย เดี๋ยวใช้ได้ไม่คุ้ม”

ซากุจึงได้แต่เข้าไปเปลี่ยนชุดตามที่อีกฝ่ายบอก โดยไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร แม้จะรู้ตัวดีว่า พักนี้…เขาเริ่มใจอ่อนให้กับคนด้านข้างมากไปแล้ว

ทำไมกันนะ เพียงแค่เห็นรอยยิ้มจากโคโตะ เขาก็ยินดีทำให้…ไม่ว่าจะอะไร
แม้กระทั่งการฆ่าคน…

เวลาผ่านไปไม่นาน สองคนในชุดใหม่ก็เตรียมพร้อม โคโตะในชุดกระโปรงน่ารัก และวิกผมยาวดูเป็นคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ทั้งน่ารักและกระตือรือร้นสูง ในขณะที่ตัวเขา อยู่ในชุดกระโปรงยาวรับกับร่างอันสูงโปร่ง แม้มันจะดูเรียบ ๆ แต่ความงามที่ซ่อนเร้น อันมีอยู่เป็นทุนเดิม ก็ขับเน้นให้ดูงดงามขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หากพอยืนคู่กันแล้ว กลับเป็นซากุ ที่ดูอายุมากกว่าเสียนี่ ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายอายุยี่สิบกว่าแล้วด้วยซ้ำ ในขณะที่เขายังไม่ถึงยี่สิบ

โคโตะมองอีกฝ่ายแล้วอมยิ้ม “น่ารักจริง ๆ อ้อ…มาตกลงกันก่อนนะ ก่อนช็อปปิ้ง ฉันจะพานายไปหาเพื่อนที่น่ารักอีกสองคน แต่เพราะเราไปในชุดนี้ ดังนั้น นายต้องเรียกฉันว่า ‘ทาโนเอะ’ และนายก็เป็น ‘ซากุระ’ เข้าใจไหม”

“ไม่เอาซากุระจังนะ” เขาขัดขึ้นทันที

โคโตะอมยิ้ม “ก็ได้ ๆ ซากุระคุงก็แล้วกัน โอเคมั้ย”

อีกฝ่ายไม่โต้แย้ง จึงเป็นอันว่าตกลง

รถในวันนี้ไม่มีคนขับเหมือนเคย เป็นโคโตะเองที่ประจำที่คนขับ ระยะทางที่จะไปนั้นไม่ไกล หากอีกฝ่ายกลับขับรถวนไปมาเสียหลายรอบ ซากุมองทิวทัศน์ข้างทางอย่างเข้าใจ การที่ขับรถเช่นนี้ มีเพียงสาเหตุเดียว คือกันการติดตามของผู้ไม่ประสงค์ดี อาจบางที สถานที่ ๆ กำลังจะไป คงเป็นความลับขั้นสุดยอดเช่นกัน

เขาไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ โคโตะ มักทำเรื่องที่เช่นนี้บ่อย ๆ อยู่แล้ว

ในที่สุด รถก็เลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ ที่มีคนไข้ไม่มากนัก ร่างเล็กพาเดินตรงไปยังชั้นสองของตัวตึก ป้ายเขียนไว้ด้านข้างระบุว่า เป็นสถานบำบัดจิตพิเศษ

ภายในเป็นห้องกว้าง ที่มีเด็ก ๆ อยู่หลายคน รอบกายเต็มไปด้วยของเล่น เด็กเหล่านี้ดูไม่ค่อยปกติ บางคนก็พูดคนเดียว เล่นกับเพื่อนในจินตนาการ โดยไม่สนใจใคร บางคนก็ดูหมกมุ่นกับการเรียงของเล่นเป็นตั้งสูง และอีกหลายคน ที่นั่งซุกอยู่มุมห้อง โดยไม่พูดไม่จา

จากที่เห็นบอกได้ชัด ว่าเด็กทั้งหมดในนี้...เป็นเด็กมีปัญหาทางจิต

พอร่างบอบบางก้าวเข้าไป ร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่ง ก็วิ่งเข้ามาหาแล้วโผเข้ากอดเต็มรัก

"ทาโนเอะมาแล้ว ดีใจจัง" เป็นเด็กหญิงตัวน้อย ที่สดใสร่าเริงเกินกว่าจะอยู่ในที่แบบนี้

"สวัสดีฮะ" เด็กชายอีกคนที่เดินตามมายิ้มให้กับโคโตะในสภาพหญิงสาวเช่นกัน

ร่างเล็กบอบบางกอดเด็กทั้งคู่อย่างสนิทสนม แววตาอ่อนโยนพูดจาถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ เด็กทั้งคู่ยิ้มแย้มตอบคำ ด้วยท่าทางที่ดูเป็นเด็กปกติธรรมดา แถมยังน่ารักมากอีกด้วย ซากุเริ่มสังเกตเห็นดวงตาของเด็กทั้งคู่ ที่ดูสะดุดตากว่าเด็กทั่วไป

ตาสีฟ้าใสของเด็กชายงดงามนัก แต่ที่งามยิ่งกว่า ก็คือดวงตาทั้งสองข้างของเด็กหญิง ที่มีสีแตกต่างกัน ข้างหนึ่งสีฟ้า และอีกข้างสีเขียว...ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ในทันที ว่าเป็นแบบที่หายากมากเลยทีเดียว

โคโตะหันมาหาซากุ ก่อนจะแนะนำให้เด็กทั้งคู่รู้จัก "ซากุระคุง จะมาเป็นเพื่อนใหม่นะจ๊ะ มารู้จักกันสิ เด็กคนนี้คือยูเมะจัง แล้วก็ซานะจัง" มือเรียวชี้รายคน ยูเมะคือเด็กหญิงตัวน้อย และซานะคือเด็กชายผู้เป็นพี่นั่นเอง

ซากุยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ถูก เขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับเด็ก ๆ มาก่อน และไม่เคยคิดจะทำเลยด้วยซ้ำ

มือป้อมน่าเอ็นดูของเด็กหญิง จับเบา ๆ ที่มือเขา และอีกข้างเป็นมือของเด็กชาย

"ไปเล่นกันเถอะ ซากุระคุง" ทั้งคู่ชักชวน ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อสีหน้าราบเรียบ หรือท่าทางนิ่ง ๆ ดูกดดันของเขาแม้แต่น้อย

ซากุสบตาคนด้านข้างอย่างลำบากใจนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นโคโตะพยักหน้าให้ เขาก็ตัดสินใจตามเด็กทั้งสองไป

เพียงแค่ครึ่งวัน เขาก็เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดีเกินคาด จนถึงเวลาต้องลากลับ ทั้งคู่นั่งอยู่ในรถแล้ว เมื่อโคโตะหันมายิ้มให้

"ขอบใจมากนะ สำหรับวันนี้ เด็ก ๆ...ดีใจมากเลย ที่นายเล่นกับพวกเขา" ดวงตากลมโตคู่งามกลับทอแววเศร้า "ชั้นอยากจะให้พวกเขา...มีความสุขแบบนี้ ตลอดไปจริง ๆ"

พริบตาเดียวที่ใบหน้าเศร้า ๆ นั้นกลับมายิ้มแย้มได้ดังเดิม "เอาล่ะ ธุระของชั้นหมดแล้ว เดี๋ยวจะพาไปช็อปปิ้งนะ"

ซากุยิ้มรับ คนด้านข้างเอียงคอมอง พลางอมยิ้มขบขัน

"ในที่สุด นายก็ยิ้มให้ชั้นแล้ว วันนี้..เรากินข้าวด้วยกันนะ ซื้อวัตถุดิบมาเยอะ ๆ แล้วทำหม้อไฟกันดีกว่า"

คนด้านข้างพยักหน้ารับเบา ๆ

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก...ที่ซากุ นึกอยากจะนั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกับคนอื่น


...............................


บรรยากาศกำลังสดชื่นนักเมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จ ซากุจัดการเก็บจานชามให้เข้าที่ ในขณะที่โคโตะเองขยับจะช่วย ร่างสูงชะงักเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงยิ้มให้แล้วบอกว่า "น่า ให้ชั้นช่วยเถอะ ชั้นน่ะ...กำลังวางแผน จะเป็นแม่คนนะ มันต้องฝึกเอาไว้สักหน่อย"

คำพูดผิดคาดทำเอาคนฟังแทบสะดุ้ง ...โคโตะ ที่วางแผนการฆ่าคนหน้าตาเฉยคนนั้น กลับอยากจะเป็นแม่

ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายด้วยซ้ำ

ร่างเล็กถอนใจยาว รู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ จึงพูดต่อไป "เด็กสองคนนั้น...ต้องทุกข์ทรมานมามาก เพราะชั้นเอง จะอย่างไร ชั้นก็อยากให้พวกเขา...ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น"

หากก่อนจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ร่างบอบบางจึงหยิบมันมารับ ก่อนจะเดินแยกตัวออกมาที่นอกห้อง

สีหน้าที่ดูอารมณ์ดีเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม เมื่อตอบเสียงตามสาย "เข้าใจแล้ว คืนนี้ผมจะจัดการเอง ขอบคุณมากนะครับ สำหรับข่าวนี้"

เสียงตามสายพูดอะไรบ้าง คนในครัวไม่ได้ยิน แต่รอยยิ้มเศร้า ๆ ของโคโตะ ที่ตอบรับกลับไป ทำให้ซากุอดมองตามไปไม่ได้ "ผมยังไหวครับ ไม่ต้องห่วง วันนี้ก็ไปเยี่ยมเด็ก ๆ มา พวกเขาดีขึ้นเยอะเลยนะครับ ขอบคุณมาก ๆ ผมจะพยายามให้ดีที่สุด...ครับ...ผมจะพยายามไม่ฝืน เรื่องนั้นผมจะจัดการเอง"

โคโตะเงียบไปเป็นครู่ราวต้องรวบรวมความกล้า เพื่อพูดต่อไป "เรอิจิ...ผม...เอ่อ..."

มือนั้นสั่นเล็กน้อยอีกด้วย "ไม่มีอะไรครับ ผม..."

เสียงหัวเราะเบา ๆ แม้ดวงตาคู่นั้นจะมีน้ำตาเอ่อคลอ "คุณนี่นะ ชอบพูดเล่นซะจริง ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมสบายดี จริง ๆ นะ" มือเรียวปาดเช็ดน้ำตาออกโดยไร้เสียง คนที่คุยด้วยอีกด้าน ก็คงไม่ได้รับรู้

"จนกว่าจะทำตามสัญญาได้สำเร็จ ผมไม่ยอมเป็นอะไรไปก่อนแน่...สวัสดีนะครับ" ว่าแล้วเขาก็วางหูไป

คำพูดประโยคสุดท้าย ฟังดูเจ็บปวดนัก สีหน้าเศร้าหมองที่ดูราวจะแตกสลายลงได้ทุกเมื่อ ทำให้ซากุ รู้สึกอยากจะโอบกอดร่างนั้นไว้ อยากให้กำลังใจ และช่วยเหลือ

แต่เขารู้ ว่าทำไม่ได้

ร่างบอบบางเก็บโทรศัพท์ ก่อนจะตีสีหน้าเป็นปกติ แม้ดวงตาคู่นั้นจะยังแดงเรื่อ เสียงสดใสพูดขึ้นว่า "ซากุ คืนนี้มีงานนะ"

คนฟังพยักหน้ารับไม่ต่างจากทุกครั้ง โดยไม่พูดอันใด

แต่โคโตะกลับพูดต่อไป แตกต่างจากการมีงานเข้ามาทุกครั้ง "การทดสอบ จบลงแล้ว...วันนี้ จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ ชั้นขอเปลี่ยนแปลงคำสั่งกับนาย"

"นี่เป็นงานสุดท้ายของนาย ซากุคุง" ร่างบอบบางหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดต่อไป

"...จงคุ้มกันชั้น จนกว่าชั้นจะบอกให้พอ หลังจากนั้น...นายจะเป็นอิสระ เราจะไม่มีหนี้บุญคุณกันอีก"


.......................................


รติกาลที่อึมครึม บนคอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมือง ร่างสูงโปร่งบอบบางสุดเซ็กซี่ยืนมองทิวทัศน์ด้านนอกบานกระจก แสงไฟจากตึกรามภายนอกสวยงามนัก แต่คนมองกลับไม่ได้รู้สึกถึงมันเลย

ไม่ว่าจะบรรยากาศ หรือความสวยงามใด ๆ

ไม่รู้สึกอะไรอีก...

นั่นเป็นเพราะ...หัวใจของเขา...ถูกขโมยไปแล้ว

"ชั้นจะไม่ทำงานแบบนี้อีกแล้ว" เสียงแน่วแน่จากร่างบอบบางยืนยันหนักแน่น เรือนร่างงดงามที่ยังคงดูราชินีเช่นทุกครั้ง ในตอนนี้กลับมีดวงตาที่เศร้าสร้อยจนไม่อาจปิดได้มิด ความตายของเหยื่อคนหนึ่ง ก็เป็นแค่เหยื่ออีกคนเท่านั้นเอง แต่มันกลับหนักหน่วง...หนักเกินกว่าจิตใจที่เคยปิดกั้นมาตลอดของเขา จะรับได้อีกต่อไป

"นักฆ่าน่ะ คิดจะเลิกก็เลิก มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ" ชายในชุดสูทสีดำมองร่างอันคุ้นเคยนั้นก่อนพูดเตือนสติ "นายทำงานได้ดีมาตลอด ไม่เคยพลาดเลย ทำไมถึงจะมาหยุดเอาง่าย ๆ แบบนี้ล่ะ"

คนด้านข้างส่ายหน้าเบา ๆ โดยไม่ตอบคำ

"การเลิก มันหมายถึงความตายนะ นายน่าจะเข้าใจ ไม่มีที่ให้คนทรยศต่อองค์กร ได้ยืนหยัดอยู่ได้หรอก" ชายหนุ่มผู้นั้นพยายามเตือนต่อไป

"ชั้นไม่ได้คิดทรยศ...แต่ว่า ชั้นจะไม่ฆ่าใครอีก" น้ำเสียงของเขายังคงหนักแน่น เป็นความตั้งใจ...ที่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปร

ชายชุดดำถอนหายใจ "นายก็ไม่เคยฆ่าใครสักหน่อย พวกเขายอมตายกันเองทั้งนั้น"

"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ขอบใจนะ ที่เป็นห่วง แต่มัน..." ดวงตาคู่สวยคลอไปด้วยน้ำตา "มากเกินพอแล้ว...การล้างมือในครั้งนี้คงทำให้ชั้น...สามารถหลับลงได้สักที"

เป็นการหลับใหล...ไปตลอดกาล

"ชั้นเหนื่อย...เกินไปแล้ว" ใบหน้าสวยมีแววอ่อนล้า เหนื่อยกายยังหายได้ แต่เหนื่อยใจ...ยากจะชำระล้างให้จางหายได้จริง ๆ

มือที่ว่องไวของคนด้านข้าง ชักปืนขึ้นมา จ่อที่ศีรษะของอีกฝ่าย โดยที่ไม่มีการต่อต้านใด ๆ

"ฉันจะไม่ทำให้นายทรมานก็แล้วกัน"

คนด้านข้างไม่ประหลาดใจนัก ด้วยรู้ดี นอกจากเป็นคนกำกับการทำงานของเขาแล้ว หากเขาทำอะไรผิดข้อตกลงการทำงานนั้น หน้าที่อีกอย่างของคนผู้นี้ ก็คือการกำจัดเขา

มันก็สมควรแล้ว จุดจบของนักฆ่า ก็ย่อมเป็นการถูกฆ่า แต่ในครั้งนี้ มันเป็นความยินยอมพร้อมใจของตัวเขาเอง ดวงตาคู่งามหลับลง หยาดน้ำตาไหลรินลงสู่แก้มใส เสียงแผ่วเบาพูดขึ้นว่า

"ขอบใจนะ"

นิ้วนั้นกำลังจะลั่นไกแล้ว ในตอนที่มีดเล่มหนึ่งพุ่งเข้าปักข้อมือข้างนั้นอย่างแม่นยำ "โอ๊ย!" เสียงร้องเพียงเท่านั้น ก่อนร่างในชุดดำ จะล้มลงกับพื้น มีดเล่มนั้น...เป็นมีดอาบยาสลบ!

ราชินีหนุ่มหันหลังไปมองอย่างตกใจ "พวกนายเป็นใคร" ว่าพลางก้มลงหยิบปืนของชายชุดดำผู้นั้นขึ้นมาถืออย่างรวดเร็ว

"พวกเรามาช่วย ไม่จำเป็นต้องฆ่าใครอีกแล้ว...ไปด้วยกันเถอะ พวกเราจะรับรองความปลอดภัยให้เอง" คนร่างเล็กพูดขึ้น หากอีกฝ่ายกลับส่ายหน้า

"มันสายไปแล้ว...ชั้น...ฆ่าเขาไปแล้ว" ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อหันกระบอกปืนมาจ่อศีรษะตัวเอง "ความผิดนี้ไม่มีวันลบเลือนได้...นอกจากความตาย มันคือการชดใช้ของชั้น"

"ความตายไม่ได้ชดใช้ได้ทุกอย่างนะ"

"ลาก่อน...ไม่ว่าพวกคุณจะเป็นใคร แต่ก็ขอบคุณนะ ที่จะมาช่วยกัน..." ดวงตาคู่สวยว่างเปล่า น้ำตายังคงไหลริน

ร่างเล็กมองมาอย่างตกใจ เขาหันไปหาคนด้านข้าง "ซากุ หยุดเขาไว้เร็ว!"

หากก่อนจะได้ขยับเข้าห้าม ดวงตาเรียวยาว กลับเหลือบเห็นเงาร่างของใครบางคนด้านนอกระเบียงนั้น

"ฮิโระคุง...ในที่สุดชั้นจะได้ไปหานายเสียที ยกโทษให้ชั้นด้วยนะ..." นิ้วนั้นเกร็งตั้งท่าจะเหนี่ยวไก แต่ก่อนจะได้ทำเช่นนั้น กระจกด้านหลังก็ทะลุเป็นรู ก่อนที่กระสุนจะพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว คนถือปืนสะดุ้งเฮือก ก่อนจะล้มลงทั้งอย่างนั้น

ซากุขยับเข้าขวางร่างของโคโตะไว้เพื่อป้องกันแทบจะในทันที ดวงตาทั้งสองคู่มองนอกระเบียงเป็นจุดเดียว

ร่างสูงของชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเข้ามาจากภายนอก โคโตะสบตาคนผู้นั้น แขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้มีใบหน้าคมเข้มที่ดูดี หากแฝงความเศร้าอยู่ลึก ๆ

"เรอิจิส่งผมมา" เขาพูดขึ้นในทันที ก่อนจะรวบร่างที่ยังไม่ได้สตินั้นขึ้นมา "นี่เป็นแค่กระสุนยาสลบ เขาไม่เป็นอะไรหรอก"

ท่าทางที่ยังดูชะงักงันและไม่ไว้ใจนัก ทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นเร่งขึ้นอีก "เรารีบไปกันเถอะครับ ก่อนที่พวกนั้นจะไหวตัวทัน" เขามองคนในอ้อมแขนด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง หากไม่ได้พูดอันใด โคโตะมองชายผู้นั้นอยู่ครู่หนึ่ง แววตาที่จริงใจ ทำให้เขาไม่สงสัยอีก ร่างเล็กพยักหน้าให้ซากุนำทางไป

ที่ลานจอดรถ ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นั้นวางคนที่ยังสลบไว้ที่เบาะหลังของรถโคโตะที่จอดเตรียมไว้

"ไม่ไปด้วยกันเหรอ" โคโตะถามขึ้นเบา ๆ

ชายผู้นั้นยิ้มเศร้าพลางส่ายหน้า "ฝากเขาด้วยนะครับ ผมคงยัง...พบเขาไม่ได้ คุณเป็นคนที่เรอิจิไว้ใจ...ผมไว้ใจคุณเช่นกัน ได้โปรดช่วยดูแลเขาด้วย"

"ได้สิ ชั้นจะดูแลเขาให้..." โคโตะรับคำ "ซากุ ไปกันได้แล้ว ขับไปที่โรงพยาบาลที่เราไปคราวก่อนนะ ระวังคนตามด้วยล่ะ"

ซากุซึ่งประจำที่คนขับในตอนนี้พยักหน้ารับ โคโตะจึงนั่งที่ด้านหน้าเคียงข้างก่อนที่รถจะแล่นออกไป

ชายแปลกหน้าผู้นั้น มองตามไปเนิ่นนาน แม้รถจะวิ่งหายไปจากสายตาแล้ว

"ฉันจะอยู่ใกล้นายเสมอนะคิระ...ถึงแม้ว่า เราจะยังพบกันไม่ได้...แต่ฉัน จะไม่ทอดทิ้งนายอย่างแน่นอน!"

เขาพึมพำ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในความมืดมิดของลานจอดรถ...


...................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/2 อัพ 4-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Kwawaic ที่ 04-04-2010 20:35:27
เดา ถูกไป 2

มาลุ้น ตอนต่อไป ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/2 อัพ 4-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-04-2010 22:40:04
อ่าาา.. ชัดเจน มากันเกือบครบแล้ว
รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/2 อัพ 4-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 05-04-2010 01:03:48
ทายถูกด้วย ดีใจสุดๆ
 :-[

รอลุ้นต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/2 อัพ 4-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 05-04-2010 17:15:43
เย้...เดาถูกสองคน
เหลืออีกคน ตัวการสำคัญ...สินะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ ไรเตอร์อัพเร็วมากเลย ชื่นชมจริงๆ  o18
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/2 อัพ 4-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 06-04-2010 02:41:54
 :serius2:



นี่ชั้นพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนี่


สนุกมากเลยค่ะ  ขอบคุณที่เขียนให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 12/3 อัพ 7-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 07-04-2010 08:41:15
(ตอนที่ 12/3)


ร่างบอบบางที่หลับบนเตียงนุ่มถูกมัดแขนและขาไว้กับเตียงจนขยับไม่ได้ ใบหน้าซีดเซียวซึ่งในตอนนี้ หลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ของยาระงับประสาทดูน่าสงสารนัก แขนขาเพรียวมีแต่ร่องรอยการดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ เพียงแค่มองก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด  

โคโตะผู้ยืนมองอยู่ด้านข้างถอนใจอย่างเศร้า ๆ ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มผู้คุ้นเคยที่ยืนอยู่ถัดออกไป

"ต้องมัดไว้แบบนี้ด้วยเหรอ"

เรอิจิมองโคโตะก่อนจะตอบว่า "ถ้าไม่มัดไว้ เขาจะคุ้มคลั่ง...แล้วก็...พยายามฆ่าตัวตาย...ทุกครั้งที่มีโอกาส"

ร่างเล็กตะลึงงันเล็กน้อย "ทำไมล่ะ...ก็ผมช่วยเขาไว้แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้น ไม่มีใครตามฆ่าเขาแน่ ๆ ผมจะไม่ยอมให้ใครทำแบบนั้นได้แน่นอน..แต่ทำไม เขาต้องฆ่าตัวตายอีกด้วย"

มือแข็งแรงลูบผมยุ่งเหยิงน้อย ๆ ของคนบนเตียงให้เข้ารูปอย่างแผ่วเบา พลางพูดต่อไปว่า "เพราะเขา...อดทนต่อการเห็นคนที่รักเขา ต้องมาตายมากเกินไปแล้ว จิตใจที่แตกสลาย ทำให้เขาไม่คิดจะมีชีวิตอยู่แล้ว"

"มันเป็นวิธีการ...ฆ่า...อีกอย่างสินะครับ" โคโตะถามขึ้นเบา ๆ สีหน้าเศร้าสลดของเขาดูซีดลงไปอีก

คนฟังถอนหายใจ "ใช่...หน้าที่ของคน ๆ นี้ คือการ 'ทรยศ' เขามีหน้าที่ เข้าไปคลุกคลีกับเหยื่อ...ทำให้ตายใจ ทำให้หลงรัก และสุดท้าย...เอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน เพื่อให้เหยื่อ...ยอมตายเพื่อเขา"

"ไม่น่าเชื่อเลย...มีคนยอมตายด้วยเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ"

เรอิจิหันมาสบตาจริงจัง ก่อนจะถามขึ้นว่า "ถ้าคนที่เธอรัก จะต้องตาย แล้วชีวิตของเธอ ช่วยชีวิตของเขาได้ เป็นเธอ...เธอจะทำยังไง"

"ผม..." เขาคิดถึงมาโอะขึ้นมา ถ้าพี่ชายของเขาต้องตาย...แล้วความตายของเขาช่วยชีวิตนั้นได้ล่ะก็...

"ถ้าเป็นผม...ก็คงยอมตาย" โคโตะตอบอย่างมั่นคง เป็นคำตอบที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง

"แล้วถ้าคิดกลับกัน ถ้าคน ๆ นั้น ยอมตายเพื่อการหลอกลวงของเธอล่ะ เธอจะรู้สึกยังไง...รู้ทั้งรู้ ว่าสิ่งที่ทำคือการล่อลวง ให้อีกฝ่าย ที่รักเธอมาก ต้องมาตาย..."

ร่างบอบบางนิ่งงัน "ผมเข้าใจแล้ว...ว่าทำไม เขาจึงทนอยู่ต่อไปไม่ได้"

มืออ่อนโยนแตะบ่าเล็กนั้นแกมให้กำลังใจ

ดวงตากลมโตจ้องกลับมาอย่างแน่วแน่ "แต่ผม...จะไม่ยอมให้เขาตายอย่างเด็ดขาด ผมสัญญาไว้แล้ว กับผู้ชายคนนั้น...ว่าจะช่วย"

"เธอใจดีจริง ๆ นะ"

ร่างเล็กส่ายหน้าเบา ๆ "บาปนี้ก็เป็นผมกับมาโอะเป็นผู้ก่อ...ผมจะต้อง...คืนชีวิตที่ปกติ ให้คน ๆ นี้ให้ได้"

"ดีแล้ว เป็นเพื่อนกับเขาหน่อยก็แล้วกันนะ เขาคนนี้..จริงสิ ยังไม่มีชื่อเลย"

"ชื่อ?"

"ใช่แล้ว เขาจะมีชื่อ เมื่อต้องออกปฏิบัติการฆ่าคนเท่านั้น ชื่อ...คือโค้ดเนมของการฆ่า"

โหดร้ายอะไรเช่นนี้ ถ้าเป็นแบบนั้น คนผู้นี้ คงไม่ยินดีนักหรอก กับการถูกเรียกชื่อ

ชื่อ...กับการเสแสร้งแกล้งทำ

ปลอมเป็นใครอีกคน ในชื่อใหม่ แล้วใช้ชื่อนั้น...หลอกลวง เอาชีวิตผู้คน!

โคโตะมองคนบนเตียงอีกครั้งอย่างครุ่นคิด ใบหน้าที่หลับใหล ดูงดงามราวกับนางฟ้า เป็นนางฟ้าที่บอบช้ำและเจ็บปวด กับแผลใจ...ที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมาเอง

ที่เจ็บปวดถึงเพียงนี้ก็เพราะเป็นคนดี ที่ยังคงปวดร้าว ก็เพราะยังคงมีความรู้สึกผิด

เพราะเขามีจิตใจ...ที่บริสุทธิ์เกินไป ไม่ได้เป็นนักฆ่าผู้เลือดเย็น อย่างที่ควรจะเป็น จึงไม่อาจทนทานอยู่ได้

นางฟ้าที่น่าสงสาร...

"ผมอยากให้เขาชื่ออายะ" โคโตะพูดเบา ๆ

"งั้นเป็นอายาเมะก็แล้วกัน ดีมั้ย" เรอิจิต่อให้

โคโตะยิ้มให้ "ตกลงครับ อายาเมะ ยังหมายถึงดอกไอริสอีกด้วย ภาษาดอกไม้ ไอริส..ยังมีความหมายว่าเป็น…ความรักอันบริสุทธิ์ เป็นชื่อที่ดีจริง ๆ ผมเชื่อว่าเขาจะต้องเกิดใหม่ เป็นนางฟ้าที่มีจิตใจงดงามแน่ ๆ"

"วันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ" โคโตะอำลาเรอิจิ แล้วชักชวนซากุ ที่ยังคงยืนเงียบ ๆ เป็นปกติออกมา

ที่ลานจอดรถ ร่างเล็กนั่งประจำที่เดิม ปล่อยให้ซากุเป็นคนขับ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยและครุ่นคิด

ซากุนั่งมองคนด้านข้างโดยไม่พูดไม่จา หากมือเรียวยาวของเขา กลับเอื้อมมาโน้มร่างอีกฝ่ายเข้ามาซบที่ไหล่อย่างเงียบ ๆ

ร่างนั้นสั่นเทาน้อย ๆ ดวงตาที่เปียกชื้น กลับไม่อาจสะกดกลั้นความปวดร้าวได้ต่อไป

"ทุกอย่าง...เป็นความผิดของชั้น..." เสียงเครือสะอื้นพึมพำแผ่ว ก่อนจะร่ำไห้กับอกนั้น ความเงียบกลับอบอุ่นยิ่งกว่า สายตาที่มองมา ราวต้องการปลอบประโลม

"ขอบใจนะซากุ...ขอชั้นอยู่อย่างนี้...อีกสักพักก็แล้วกัน"

มือเรียวยาวบีบไหล่สั่นระริกนั้นเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก

ลึก ๆ แล้ว ซากุยังคงรู้ดี...ว่าเป็นเขา...ไม่ได้

ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็เป็นได้เพียงที่พักใจ...ชั่วคราว เท่านั้น


................................................


ห้องทำงานลับที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดมีเพียงคนสองคนยืนอยู่ ร่างเล็กกว่ามองซากศพที่เคยเป็นคนคุ้นเคยด้วยดวงตาที่เฉยชา คนที่นั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะตัวใหญ่ในตอนนี้อยู่ในสภาพคอพับร่องแร่ง เส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอถูกฟันขาด...โดยฝีมืออันแม่นยำของซากุนั้น...ในอดีต เคยเป็นคนที่ดูแลเขาและพี่ชายมาระยะหนึ่งด้วย

เป็นทั้งอาจารย์ที่สอนการต่อสู้ และกลยุทธ์ต่าง ๆ จนสามารถอยู่ในโลกมืดได้ถึงเดี๋ยวนี้

แต่คนผู้นี้...ปัจจุบันเป็นคนที่สร้างครูฝึกอีกที เป็นหัวหน้าสาขาหลักที่ดูแลการสร้างนักฆ่าที่มีความสำคัญมากสำหรับองค์กรนี้ ด้วยความโหดเหี้ยมเป็นที่เลื่องลือ ความสามารถในการตัดสินใจที่แม่นยำ และการเลือกเฟ้นคนที่มีคุณภาพอย่างเลือดเย็น

โคโตะรู้ดี ขาดคนผู้นี้แล้ว อำนาจของมาโอที่มี จะลดลงมากเพียงใด

คนผู้นี้แม้จะค่อนข้างโหดร้ายยามทำงาน แต่เมื่อยามได้ดูแลและสั่งสอนเขากับมาโอะซึ่งเป็นลูกของเพื่อนรักที่ตายจาก เขาจะใจดีเป็นพิเศษเสมอ และนั่นทำให้ขาดความระมัดระวังตัวยามเข้าใกล้ จึงทำให้โคโตะสามารถลงมือได้อย่างง่ายดาย

ในวันนี้ ที่ต้องตัดสินใจ...ตัดไฟแต่ต้นลม มันทำให้เขาเจ็บปวดมาก แต่จะอย่างไร...เพื่อไม่ให้มีใครต้องเจ็บแบบนี้อีก เขาก็ยินดีที่จะรับมัน ทั้งบาปที่ได้ทำ และความรู้สึกผิดด้วย

ดวงตาที่ว่างเปล่าไร้วิญญาณคู่นั้นยังจ้องมองมาราวกับต้องการตัดพ้อ ด้วยก่อนตายไม่มีแม้ความเคลือบแคลงสงสัยแม้แต่น้อย ว่าโคโตะที่เคยเอ็นดู จะลงมือสังหารกันได้

มันเป็นความตายอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเจ้าตัวเองก็ยังรับมือไม่ทัน

เสียงเศร้าพึมพำแผ่วเพียงคำเดียว "ขอโทษนะครับ...อาจารย์"

ดวงตาที่เปียกชื้นถูกเช็ดซ้ำ ก่อนหายใจเข้าลึก ๆ ร่างเล็กหันมาเผชิญหน้ากับซากุแทนที่

"คน ๆ นี้...เป็นรายสุดท้ายแล้ว ที่ต้องจัดการ" เขาพูดขึ้น "ตอนนี้ นายไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างกายชั้นอีกต่อไปแล้ว"

ซากุจ้องกลับมาอย่างตกใจ "แล้ว...มาโอล่ะ"

โคโตะส่ายหน้าเบา ๆ "เรื่องมาโอะ...ชั้นจะจัดการเอง นายไปเถอะ อย่างที่ชั้นบอก เมื่องานนี้จบลง นายก็จะเป็นอิสระ..." ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งนาน

"ขอโทษนะซากุ ทั้ง ๆ ที่ชั้น...ทำทุกอย่าง เพื่อยุติการสร้างนักฆ่าแท้ ๆ...แต่ชั้นกลับ...ทำให้นาย ต้องเป็นนักฆ่าเสียเอง..."

ยังไม่ทันพูดจนจบ ร่างบอบบางสวมกอดโคโตะไว้ โคโตะชะงักงัน เมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบว่า "เลิกคิดจะรับบาปแทนทุกคนได้แล้ว...นายทรมานมากเกินไปแล้วนะโคโตะ บาปของฉัน...ฉันชดใช้เองได้ มันไม่ใช่ความผิดของนาย...ฉันยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อนาย แล้วก็ยินดีที่จะต้อง...รับผลของมันด้วย"

ใบหน้าใสมีรอยยิ้มเศร้า "นายพูดมากจังนะวันนี้"

"แต่ว่า...คนที่จะต้องเป็นฆาตกร...เป็นแค่ชั้นคนเดียวก็พอแล้ว" พูดจบมือบอบบางนั้นก็ผละออกจากอ้อมกอดนั้น "ถ้านายยังคิดจะเชื่อฟังชั้นอยู่อีกล่ะก็...นี่เป็นคำสั่งสุดท้าย"

"...ไปจากชั้นซะ ไปจากที่นี่ ไปที่ไหนก็ได้ แล้วจงมีชีวิตอย่างมีความสุข...มีชีวิตอยู่ โดยลืมชั้น ลืมองค์กรบ้า ๆ นี่ บาปทั้งหมดของนาย เป็นบาปของคนบงการ หรือก็คือชั้นเอง เป็นชั้น..ที่จะต้องชดใช้ นายไม่ได้ทำผิดอะไรทั้งนั้น"

ร่างสูงของซากุจ้องมองอีกฝ่ายแน่วแน่ "นายคิดจะตาย...ไปพร้อมกับมาโอสินะ"

โคโตะหลบตาอีกฝ่ายแล้วพึมพำ "ชั้นไม่ทำ...เรื่องบ้า ๆ แบบนั้นหรอก มาโอะจะต้องฟังชั้น แล้วเขา..จะต้องเลิก...เลิกทำความผิดทั้งหมด พวกเราจะล้มล้างองค์กรแห่งนี้ แล้วหนีไปอยู่กันสองคน...อยู่กันสองคน...เหมือนที่แล้วมา..." ว่าแล้วเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุขกับจินตนาการนั้น

จินตนาการที่รู้ทั้งรู้ ว่าคงไม่มีวันเป็นจริง

ซากุรู้ดี ว่าโคโตะโกหก

โคโตะย่อมรู้อยู่แก่ใจ ว่าการทำเช่นนี้ ทำให้มาโอโกรธขนาดไหน

การทรยศหักหลัง หากมาจากคนที่รัก...รักมากที่สุด

ผลของมัน มักแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น

เรื่องแค่นี้ มีหรือโคโตะจะไม่รู้!

"ชั้นจะไม่เป็นไร นายไปเถอะนะ ซากุ...แล้วก็ ถ้านายยังอยากจะตอบแทนชั้นอีกล่ะก็...ฝากดูแลเด็กสองคนนั้นกับอายาเมะด้วย"

"พวกเขาต้องการนายต่างหาก...เป็นนาย ไม่ใช่ฉัน"

ร่างสูงโปร่งขยับตัววูบ มือเรียวฟันฉับไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย

"ไม่นะ..ซากุ..." โคโตะชะงักค้าง ก่อนจะหมดสติไป

ซากุมองคนในอ้อมแขนก่อนจะพูดย้ำ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยินอีกก็ตาม

"ไม่ต้องห่วง...ฉันจะจัดการที่เหลือเอง...ก็แค่ฆ่า...อีกคนเดียวเท่านั้น!"

ดวงตาเรียวยาวเป็นประกายกล้าอย่างตัดสินใจได้

เขาฆ่ามาเยอะแล้ว จะต้องฆ่าอีกสักคน จะเป็นไรไป

ถึงแม้การสังหารมาโอ จะทำให้โคโตะเกลียดชังเขาไปชั่วชีวิต...แต่มันก็คงดีกว่าการที่ต้องมามองพี่น้องฆ่ากันเอง ...จะอย่างไร เขาก็ไม่ยอมให้โคโตะต้องตายอย่างเด็ดขาด!


.....................................


ร่างสูงโปร่งในชุดกี่เพ้าตัวยาวดูเซ็กซี่กว่าทุกครั้ง จากการแต่งตัวที่จงใจเน้นย้ำความเป็นสาวสวยให้โดดเด่น ซากุตัดสินใจละเมิดกฎของตัวเองกลับสู่ตัวตนที่แท้จริง ด้วยรู้ดีว่าคงไม่สามารถจัดการกับคนมาก ๆ ทีเดียวได้ วิธีการที่ดีที่สุด เพื่อจัดการกับมาโอ ย่อมเป็นการลอบสังหาร

ข่าวหัวหน้าสาขาถูกสังหาร ไปถึงมาโอรวดเร็วกว่าที่เขาคิด เพียงแค่กลับมาได้ไม่นาน คนของมาโอ ก็มาแจ้งข่าวเรียกโคโตะให้ไปพบแล้ว

แต่เขาจะไม่ยอมให้โคโตะออกไปแน่ และตอนนี้...นับเป็นโอกาสดีที่จะเข้าถึงตัวคนผู้นั้นตามลำพังได้อีกด้วย ดังนั้น...ซากุจึงสวมรอยเป็นตัวแทนของโคโตะขอเข้าพบแทน

เสียงกุญแจมือดังแกร๊ก ๆ เมื่อแขนบอบบางขยับดึงรั้ง หากคนกำลังแต่งตัวทำทีเป็นไม่ได้ยิน

"ปล่อยชั้นนะ ซากุ!" โคโตะเริ่มโวยวายหลังรู้สึกตัวได้สักพัก เขาไม่เคยคิดเลย ว่าซากุจะทำอะไรนอกเหนือคำสั่งเช่นนี้

ความเงียบยังคงเป็นคำตอบของซากุเช่นเคย

"ชั้นสั่งให้นายปล่อยไง! นายสู้เขาไม่ได้หรอก!"

ซากุในชุดเต็มยศยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้ เงาสะท้อนภายในกระจกดูสวยสง่า เขารู้ดีว่าการนำดาบหรือปืนซุกซ่อนแอบเข้าไป ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก คนของมาโอย่อมมีการตรวจค้นแน่ ๆ โดยเฉพาะในตอนนี้ ที่มาโอเริ่มจะสงสัยแล้ว นิ้วเรียวจึงหยิบดอกไม้ประดิษฐ์ดอกใหญ่สีสดขึ้นมา แล้วบรรจงกลัดไว้ที่อกเสื้อกี่เพ้านั้น

ดอกไม้สีสวย...ที่มีหนามแหลม เข็มเงินแท่งยาวที่ใช้เป็นอาวุธได้ตามสถานการณ์ ถูกซุกซ่อนแนบเนียนในรูปแบบของเข็มกลัด ดวงตาเรียวยาวสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ผมยาวรวบไว้เป็นมวยเสียบปิ่นปักผม ปิ่นอันนั้น...ก็แหลมคมพอ เพื่อความไม่ประมาท เขาควรมีอาวุธมากกว่า 1 ชิ้น นอกจากส่วนนี้ ในรองเท้าสั่งทำพิเศษ ก็สามารถซุกซ่อนอาวุธได้เช่นกัน

ร่างสูงโปร่งฟังจอมโวยวายด้านข้างอาละวาดอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเราไม่มีหนี้บุญคุณกันแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของนายอีก"

"ใช่ เราไม่มีหนี้กันแล้ว นายจะยังยุ่งเรื่องของชั้นไปทำไม" โคโตะสวนกลับทันที

"นี่มันเป็นเรื่องของฉัน...เป็นความต้องการของฉันเอง นายไม่มีสิทธิ์ห้าม" เขาพูดต่อเสียงเข้ม ก่อนจะเดินออกไปจากที่พัก "รอฉันอยู่ที่นี่นั่นแหละ ถ้าฉันไม่กลับมา จะมีคนมาปล่อยนายทีหลังเอง"

สิ้นเสียงสั่งความ หญิงสาวในชุดกี่เพ้าตัวงามก็จากไปอย่างรวดเร็วแล้ว


..................................


ลับร่างของหญิงสาวผู้จากไป โคโตะที่แขนถูกล็อคด้วยกุญแจมือติดกับเสายืนมองนิ่ง เลิกดิ้นรนโดยสิ้นเชิง คนอย่างเขา ไม่ทำอะไรให้สิ้นเปลืองกำลังโดยใช่เหตุอยู่แล้ว แต่ที่ต้องแกล้งโวยวายเมื่อครู่ ก็เพื่อให้ซากุตายใจ

ไม่เช่นนั้น ซากุคงจะขังเขาแน่นหนากว่านี้...และมันอาจจะทำให้เขาหนีออกไปได้ไม่ทันการณ์

โคโตะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เรื่องชักจะยุ่งยากกว่าที่คิดมากแล้ว เขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ต้องรีบไป...จัดการเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อย

ซากุไม่มีทางชนะมาโอะได้ ประสบการณ์มันต่างกัน เขารู้ดี

ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ ห้อง เรื่องปลดล็อคกุญแจมือนั้นง่ายดายมากสำหรับเขา ซากุที่อยู่ในภาวะว้าวุ่นใจ คงลืมเลือนข้อนี้ไป โชคยังดี ที่เขาแสดงละครได้แนบเนียนพอที่อีกฝ่ายจะไม่คิดว่าเขาจะหนีไปได้

ขอแค่หาอะไรได้สักอย่างก็พอ และเขาก็หมายตามันมาได้พักหนึ่งแล้ว

ดอกไม้ที่ซากุกลัดไว้กับอกเสื้อ ยังมีสำรองวางอยู่ที่โต๊ะแต่งตัวนั้น เขาจำมันได้ดี เพราะเป็นคนซื้อมาฝากเอง รวมถึงบอกวิธีการซุกซ่อนอาวุธลับให้ซากุไว้ด้วย

กุญแจถูกถอดออกโดยใช้เวลาไม่นานนัก คนในห้องที่เป็นอิสระเริ่มรื้อของในตู้แทน กระเป๋าใบใหญ่ที่แอบซ่อนไว้นานแล้ว ในตอนนี้...คงจำเป็นต้องใช้เสียแล้ว

ซากุคงยังพอช่วยถ่วงเวลาได้ แผนการจะไม่ยกเลิก...แม้การกระทำของซากุ จะอยู่นอกเหนือที่คิดเอาไว้ก็ตาม

เขาจะไม่เปลี่ยนใจ...ทุกสิ่งทุกอย่างกำหนดไว้แล้ว

ทั้งชีวิต และโชคชะตาของตัวเขา..รวมถึงของมาโอะเองด้วย!


..................................................


ประตูห้องในรังลับแห่งหนึ่งจากที่มีอยู่หลายแห่งของมาโอเปิดออก ร่างสูงโปร่งบอบบางในชุดกี่เพ้าเดินตัวตรงเข้าไป ความงามที่สัมผัสได้ หลอมรวมกับเสน่ห์เย็นชาอันลี้ลับ กระทั่งคนนำทางก็ยังแทบเคลิบเคลิ้ม ยามได้เดินขนาบจนแทบชิดเช่นนี้

สีหน้าของหญิงสาวยังคงนิ่งสนิท เมื่อปรายตามองมายังผู้ที่ยืนรออยู่ในห้องนั้น เป็นชายหนุ่มที่ใบหน้าคล้ายคลึงกับคนที่ทิ้งไว้ก่อนจากมา แม้ว่าบรรยากาศยามชิดใกล้ จะแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

โคโตะเป็นคนร่าเริงและยิ้มง่าย ไม่ว่าจะเสแสร้งหรือไม่ ก็ยังมีความอ่อนโยนและน่าเอ็นดูอยู่เสมอ ในขณะที่คนผู้นี้ กลับมีความเฉียบคมและเด็ดขาดอยู่ในที ไม่มีแววขี้เล่นหรือรอยยิ้มแม้แต่น้อย

สมกับเป็นมาโอ...หัวหน้าใหญ่ขององค์กร ที่ต้องใช้ความรับผิดชอบและการตัดสินใจที่แม่นยำ

จากประสบการณ์ที่พบปะผู้คนมา ทำให้ซากุค่อนข้างแน่ใจว่า นอกจากลักษณะที่แตกต่างกันมากแล้ว คนผู้นี้ ยังมีสิ่งสำคัญที่โคโตะไม่มี

นั่นคือความเด็ดขาด

และเป็นความเด็ดขาดอย่างเลือดเย็นเสียด้วย!

โคโตะมักจะเศร้าเสมอหลังจากทำเรื่องที่เลวร้ายลงไป แต่ซากุแน่ใจ ว่ากับมาโอคนนี้...ไม่ใช่แบบนั้น คน ๆ นี้สามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อเป้าหมายที่ตนเองต้องการ โดยไม่ใส่ใจถึงผลที่ตามมาเลยสักนิด

แววตานั้น ทำให้ซากุแน่ใจ ว่าการตัดสินใจของเขาไม่ผิด

โคโตะ...ไม่มีทางกล่อมคนผู้นี้ได้อย่างแน่นอน

ดวงตาคมจากเจ้าของห้องมองมายังแขกผู้มาใหม่ เสียงราบเรียบถามขึ้นตรงประเด็นทันที

"โคโตะส่งเธอมาแทนงั้นรึ" แน่นอนว่าเขารู้จักซากุ...ว่าเป็นคนสนิทของโคโตะในระยะนี้ ซากุผู้ลึกลับ ที่โคโตะไปเสาะหาตัวถึงฮ่องกง ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เจ้าตัวไม่ยอมบอก

โคโตะเริ่มมีความลับกับเขา ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยมี มันเกิดขึ้น...นับตั้งแต่กลับมาจากการทำงานในครั้งนั้น

ร่างสูงโปร่งบอบบางยังยืนนิ่งไม่ตอบคำ สายตาคมกริบจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วอมยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่อาจตีความหมายใด ๆ ได้

"พึ่งรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้ชาย" มาโอพึมพำก่อนทรุดตัวลงนั่งที่โซฟารับแขก น่าประหลาดใจนักที่จำซากุได้ในทันที แม้รูปลักษณ์จะแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง

"ใช่ ฉันเป็นผู้หญิง" ร่างบอบบางว่า ก่อนจะขยับนั่งลงที่ด้านข้าง ดวงตาคมยังคงมองอีกฝ่ายไม่ยอมให้คลาดสายตา

"ทำไม..โคโตะถึงไม่มา" เขาถามต่อไปด้วยน้ำเสียงซีเรียสขึ้น บรรยากาศในห้องเริ่มมาคุและกดดันมากขึ้นไปอีก

"เขาไม่จำเป็นต้องมา" คนตอบมีรอยยิ้มลึกลับ ร่างบอบบางโน้มเข้ามาใกล้อย่างจงใจ

"งั้นเหรอ" คนบนโซฟายังคงไม่ขยับเขยื้อน เมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ เสน่ห์ของหญิงสาว ที่ซากุมักใช้ยามจำเป็น ส่วนใหญ่แล้วได้ผลเสมอมา ไม่ว่าใครได้เข้าใกล้ เป็นอันต้องมีปฏิกิริยาที่เชื่องช้าลง

เขาเดิมพันด้วยสิ่งนี้ พริบตาที่เห็นอีกฝ่ายเดินตามเกม มืออันว่องไวจ้วงเข็มยาวหมายปักที่ลำคอตรงจุดตายอย่างแม่นยำทันที

หากข้อมือนั้นกลับชะงักค้าง เมื่อมือที่แข็งแรงกว่า ยึดจับเอาไว้

เสน่ห์ของเขา...กลับใช้ไม่ได้ กับคนผู้นี้!

"โคโตะ...คงไม่ได้ให้เธอมาฆ่าฉันหรอกนะ" คำพูดพึมพำคล้ายเป็นคำถาม แต่อีกนัย กลับคลับคล้ายบอกกับตัวเองมากกว่า ซากุไม่ตอบคำ คิ้วเรียวยาวขมวดเล็กน้อย มืออีกข้างดึงปิ่นลงมาขยับแทงทันทีโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ

มาโอเบี่ยงตัวหลบ แขนแข็งแรงยึดจับข้อมือบางอีกข้างนั้นบิดโดยแรง

"อึ้ก!" เข็มเล่มยาวร่วงหล่นลงบนพื้น ร่างบอบบางถูกล็อคไว้ด้วยมืออันแข็งแรงราวคีมเหล็กเพียงข้างเดียว ไร้ซึ่งอิสระโดยสิ้นเชิง แรงของผู้ชาย ย่อมมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ซากุเสียเปรียบในเรื่องนี้เสมอมา

ดังนั้นแทบทุกครั้ง เขาจะลงมือที่จุดตาย ให้เหยื่อไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน ก็ต้องสิ้นใจไปเสียก่อน

แต่มันใช้ไม่ได้ผล กับคน ๆ นี้อีกเช่นเคย

มาโอหัวเราะแผ่วเบา ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มจาง ๆ "โคโตะเป็นของฉัน...คนเดียวเท่านั้น อย่าทำตัวเป็นหมาหวงก้างไปหน่อยเลย จะยังไงเธอก็ไม่มีสิทธิ์!"

คำพูดแทงใจดำนัก ดวงตาสีเข้มจ้องมองมา ลึกในแววตาของซากุ ร่างบอบบางเบือนหน้าหนีอัตโนมัติ คนตรงหน้า ราวล่วงรู้ทุกอย่าง...รู้กระทั่ง...สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่

รู้ทุกอย่าง แม้แต่ความปรารถนาที่ซุกซ่อนในก้นบึ้งแห่งจิตใจ

ร่างบอบบางหายใจเข้าลึก เขาจะไม่ปิดบังมันอีกต่อไปแล้ว

"ฆ่าฉันซะสิ" แววตาที่เฉยเมยจ้องกลับ

การมาครั้งนี้...เขาไม่ได้คิดที่จะมาฆ่า แต่มาเพื่อให้ฆ่าต่างหาก ซากุรู้ดี เขาไม่อาจฆ่ามาโอได้...เพราะมาโอ เป็นคนสำคัญ..ที่สุดในชีวิตของโคโตะ

โคโตะจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ หากขาดมาโอ

เพียงแต่ว่า...ถ้าความตายของเขา สร้างความเกลียดชังต่อคนผู้นี้ ให้กับโคโตะได้

อย่างน้อย...โคโตะก็คงไม่คิดจะตาย พร้อมคน ๆ นี้!

ใบหน้าแกร่งนั้นยังคงมองมา โดยไม่ได้สนใจคำพูดนั้นสักเท่าไหร่ "คงไม่ใช่เธอสินะ ที่ล้างสมองโคโตะได้ ฉันรู้...คน ๆ นั้น มันร้ายกาจยิ่งกว่า ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก โคโตะจะเสียใจ ถ้าทำให้เธอตาย"

ชายหนุ่มหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดยิ้ม "...แต่โคโตะจะขอบคุณ ถ้าฉันปล่อยให้เธอรอด!"

...ร้ายกาจมาก...

มาโอพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสอีกครั้ง โดยใช้ประโยชน์จากการปล่อยเขาให้มีชีวิตรอด..เหมือนที่เขาตั้งใจจะใช้ความตายของตัวเอง เป็นตัวกระตุ้นโคโตะเช่นกัน

เป็นการตอบโต้อย่างชาญฉลาดนัก

"นายคิดแต่จะควบคุมเขาเท่านั้น ถึงตาย ฉันก็ไม่มีวันยอม"

"เธอจะยอมหรือไม่ มันไม่สำคัญ...เพราะจะอย่างไร โคโตะก็เป็นของฉัน" เขาพูดราวกับว่าได้ชัยชนะมาไว้ในกำมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดวงตาเรียวยาวมองโต้กลับมา "นายรู้สินะ ว่าโคโตะ...กำลังทรยศต่อองค์กรนี้ของนาย"

คนฟังไม่สะทกสะท้าน "ใช่...ฉันรู้มาสักพักแล้ว"

"แล้วนายไม่คิดจะทำอะไรเลย?"

มาโอเอนกายลงกับเบาะ มือข้างนั้นยังคงจับซากุไว้แนบแน่น "ทำไมฉันจะต้องทำอะไรด้วยล่ะ โคโตะอยากทำอะไร ฉันก็จะปล่อยให้ทำ...ไม่ว่าจะยังไง สุดท้ายแล้ว โคโตะ..ก็ต้องกลับมาหาฉันอยู่ดี!"

ดวงตาน่ากลัวนั้นยังคงจ้องมองมายังร่างบอบบางที่ยึดจับไว้ "เธอมาก็ดีแล้ว เราคงต้องเตรียมการต้อนรับโคโตะสักหน่อย ขอบใจนะที่มา"

รอยยิ้มอย่างชั่วร้ายทำให้อีกฝ่ายแทบขนลุก ซากุเริ่มตึงเครียดกว่าเก่า ตอนนี้เขาได้รู้ซึ้งถึงสิ่งที่โคโตะพยายามจะบอกแล้ว

...ว่าคน ๆ นี้...น่ากลัวกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก!


..............................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/3 อัพ 7-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 07-04-2010 19:11:15
ร้ายโดย...เอ่อ จะว่ายังไงดี เอาเป็นว่าร้ายโดยนิสัยจริงๆแฮะมาโอะ

ส่วนซากุระ โธ่..ที่แท้หลงรักเขาข้างเดียวรึนี่ ดูวุ่นวายแปลกๆแฮะ ความสัมพันธ์พวกนี้

เป็นกำลังใจให้นะคะ ไรเตอร์
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/3 อัพ 7-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Kwawaic ที่ 07-04-2010 20:03:04
มาโอะ ผู้ รู้ทุก อย่าง(??)

น่าติดตาม ดูวุ่นวายดี แต่สนุก

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/3 อัพ 7-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 07-04-2010 23:26:42
ในที่สุดก้อได้อ่านส่วนของมาโอ อยากอ่านมานานแล้วค่ะ
ถึงจะดูร้ายๆแต่ก้อดูมีเสน่ห์ดีนะ รอโคโตะกับมาโอมาเจอกัน ท่าทางจะช้ำ?

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/3 อัพ 7-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 08-04-2010 01:07:54
วุ่นวายแท้หนอ แล้วสองคนจะรอดมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 12/3 อัพ 7-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 08-04-2010 17:11:25
คุณพ่อเรอิจิ จะมาช่วยทันมั๊ย
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 12 อัพ 9-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 09-04-2010 17:07:07
(ตอนที่ 12 จบตอน)


ประตูถูกเปิดออกโดยแรงอีกครั้ง เมื่อร่างบอบบางกระหืดกระหอบเข้ามา คนบนโซฟาอมยิ้มก่อนโบกมือทักทายอย่างใจเย็น

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โคโตะ"

ร่างเล็กมองคนตรงหน้านิ่งนาน นึกเจ็บปวดใจนัก แต่จำต้องหักห้ามให้มันเยือกเย็นกว่านี้

ไม่เช่นนั้น เขาจะจัดการคนเบื้องหน้านี้ไม่ได้เลย

"ซากุล่ะ นายทำอะไรเขารึเปล่า"

มาโอยิ้มให้แล้วตอบว่า "คนสำคัญของนาย ฉันจะทำรุนแรงได้ยังไง"

มือของเขาจับพลิกเก้าอี้สูงที่วางอยู่ด้านข้างให้หันกลับมา ร่างบอบบางของหญิงสาว ถูกมัดตรึงเอาไว้ พร้อมกับที่ปิดปากไม่ให้ออกเสียงได้ แววตาดุดันยังคงจ้องเขม็ง แม้ไม่อาจจะทำอะไรได้

ร่างบอบบางถอนหายใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังสบายดี เขารู้ดี ว่าซากุสู้คนผู้นี้ไม่ได้แน่ และรู้ดีอีกเช่นกัน ว่ามาโอ จะไม่ทำร้ายซากุอย่างแน่นอน

"ปล่อยเขาไปเถอะ ชั้นมาหานายแล้วนี่"

เชือกถูกตัดออกอย่างรวดเร็ว ซากุที่ยืนขึ้นได้ ตั้งท่าจะพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอีก แต่โคโตะเรียกเอาไว้ด้วยเสียงเข้ม "ซากุ มันไม่ใช่เรื่องของนายแล้ว ไปซะทีเถอะ"

ใบหน้าของมาโอที่ซากุเห็น ยังคงเป็นรอยยิ้มแกมสะใจ แววตานั้นบ่งบอกชัด ถึงความเป็นเจ้าของ นั่นทำให้ซากุยิ่งโกรธแค้น

"ออกไปได้แล้วซากุ" เสียงราบเรียบของโคโตะย้ำ สีหน้าที่เอาจริง ทำให้ซากุไม่อาจปฏิเสธได้

ร่างสูงโปร่งทำได้เพียงเดินออกไป...อย่างผู้พ่ายแพ้

โคโตะมองหญิงสาวเดินจากไป มีเพียงเสียงแผ่วเบาพึมพำให้ได้ยิน "ขอโทษนะ...ซากุ"

ประตูบานนั้นปิดลง ปัญหาที่ต้องแก้ ยังคงเป็นระหว่างเขา..และมาโอ สองคนเท่านั้น

"มานี่สิ โคโตะ" มือข้างหนึ่งยื่นออกมาหา โคโตะมองมัน ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไป

ดวงตาคมมองใบหน้าซีดเซียวนั้นพลางพึมพำ "สีหน้านายไม่ดีเลยนะ พักนี้พักผ่อนไม่เพียงพอล่ะสิ"

ใบหน้างามเบือนหลบ ทั่วร่างยังสั่นน้อย ๆ ก่อนตัดสินใจพูดตรง ๆ "มาโอ...เราล้มเลิกองค์กรนี้...จะได้ไหม"

คนที่นั่งอยู่เงียบไปเป็นครู่ แล้วถามกลับมาว่า "จำได้รึเปล่า ว่าก่อนนายจะไปทำงานครั้งล่าสุด นายสัญญากับฉันว่ายังไง"

ร่างบอบบางมีรอยยิ้มเศร้า "จำได้สิ....ที่ชั้นมาหานาย ก็เพื่อจะทำตามสัญญานั้น ขอบใจนะ ที่ปล่อยซากุไป"

"รักมันมากหรือไง" น้ำเสียงเหยียด ๆ ถามกลับ

โคโตะส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนพูดด้วยเสียงอันหนักแน่น "ชั้นไม่เคยรักใคร...มากไปกว่านายอีกแล้ว"

"แต่นายก็ทรยศฉัน?"

"อย่าทำเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้อีกเลย...ได้โปรดเถอะ ชั้นผิดเอง ที่ทำแบบนี้กับนาย...ชั้นไม่คิดจะขอให้นายยกโทษให้หรอก และ...ชั้นก็พร้อมจะชดใช้...ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้กับนาย"

คนฟังเงยหน้ามองแน่วแน่ "ทุกสิ่งทุกอย่าง...จริง ๆ งั้นหรือ"

"อืม..."

ร่างบอบบางสวมกอดมาโอไว้ ก่อนจะปักเข็มฉีดยาในมือ ฉีดลงที่ด้านหลังของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

"โค..โตะ..." ร่างสูงทรุดฮวบลง

มือที่กำแน่นกดไปที่รีโมทขนาดเล็ก เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางกองเพลิงที่ลุกโชน ร่างบอบบางยังคงประคองคนบนตักไว้ ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอ "ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ว่าจะสวรรค์หรือนรก...ชั้นก็จะไปกับนาย"

เปลวเพลิงที่โหมไหม้สร้างความตื่นตระหนกให้กับซากุยิ่งนัก ร่างสูงโปร่งพยายามจะบุกเข้าไป แต่กลับต้องชะงักงัน เมื่อเห็นมาโออุ้มโคโตะฝ่าออกมาเสียก่อน

ร่างสูงส่งคนในอ้อมแขนให้กับซากุ ก่อนจะพูดขึ้นว่า

"บอกเขาว่าฉันตายไปแล้ว เธอเป็นคนช่วยเขาออกมาเองล่ะ"

พูดจบร่างสูงนั้นก็จากไป แต่ก่อนที่คนผู้นั้นจะจากไป ดวงตาเรียวยาวยังคงมองเห็น...รอยยิ้มที่มุมปากของคนผู้นั้น

ซากุมองมันอย่างไม่เข้าใจนัก เขาไม่รู้ ว่ามาโอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ ๆ เขามั่นใจว่ามาโอไม่ได้รู้สึกเลยว่ากำลังพ่ายแพ้

เพราะรอยยิ้มนั้นบ่งบอกชัดเจน

...ว่ามันเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะ!


..........................................


ร่างบอบบางขยับตัวเล็กน้อยบนเตียงนุ่ม ซากุรีบลุกขึ้นมาดูอาการทันที ภาพที่พร่าเลือนเริ่มชัดเจน เป็นห้องสีขาวห้องหนึ่ง...ห้องที่คุ้นตา

มองมาสักพัก คนบนเตียงก็เริ่มรับรู้ ว่าที่นี่คือโรงพยาบาลแห่งนั้นนั่นเอง โรงพยาบาล ที่เขาฝากเด็ก ๆ และอายาเมะเอาไว้

สมองที่มึนงงเริ่มคลี่คลาย ร่างที่นอนอยู่ลุกพรวดขึ้นมาจนคนด้านข้างแทบสะดุ้ง

"ซากุ...มาโอะ...มาโอะล่ะ" โคโตะละล่ำละลักถามอย่างร้อนใจ เขา...สลบไปนานแค่ไหน มันเกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางเปลวไฟที่ร้อนแรง เขาจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากสัมผัสอันอบอุ่นของใครอีกคน ที่ตนเองกอดไว้อยู่

ซากุยังคงเงียบ ในที่สุด ใบหน้าเรียวยาวนั้นก็ส่ายช้า ๆ โดยไม่พูดอะไรอีก

"ไม่...ไม่นะ..มาโอะ!!!" คนบนเตียงกรีดร้องเสียงดังพลางดิ้นรนจนซากุต้องจับเอาไว้ เรอิจิที่ทำงานอยู่ไม่ไกล รีบเข้ามาตามการเรียกของพยาบาลในไม่ช้า ชายหนุ่มได้แต่มองอย่างเศร้าใจ เมื่อเห็นคนบนเตียงในสภาพที่หัวใจแหลกสลาย

เขาจำเป็นต้องมัดร่างนั้นไว้ เช่นเดียวกับอายาเมะในครั้งก่อน โคโตะแทบไม่เหลือสติอยู่เลย ความตายของมาโอ ทำร้ายจิตใจเขาจนแทบพังทลาย

"ทำไมคุณไม่ยอมบอกเขา ว่ามาโอยังไม่ตาย" ซากุถามเรอิจิด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก เขาไม่ต้องการทำตามเกมของมาโอ และไม่ต้องการ...ที่จะเห็นโคโตะ เจ็บปวดมากขนาดนี้

เรอิจิได้แต่ยิ้ม โดยไม่ตอบคำ

มันทำให้เขานึกขัดใจกว่าเดิม

ในตอนนั้น ซากุตัดสินใจนำร่างที่ยังหมดสติ มาหาเรอิจิ คำพูดก่อนจากของมาโอ ทำให้เขาคิดหนัก รู้ทั้งรู้ ว่ามาโอต้องการผูกมัดโคโตะไว้ ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ แต่เขาเอง ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งมันไว้ได้

มาโอรู้ดี ว่าซากุต้องทำตามที่ตนเองบอกแน่ ๆ มันทำให้เขายิ่งเจ็บใจนัก

แต่จะบอกว่ามาโอยังไม่ตายก็ไม่ได้ เพราะโศกนาฏกรรม อาจย้อนคืนมาอีก โคโตะคงไม่ยอมหยุด จนกว่าเจ้าตัว จะคิดว่าชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เพียงพอ

โคโตะเป็นเช่นนั้น ยินยอมแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว โดยไม่สนใจ ว่าคนที่อยู่รอบข้าง จะรู้สึกเช่นไร
จะเป็นห่วงขนาดไหน...จะเจ็บปวดตามไปด้วยหรือเปล่า...

คน ๆ นี้ ทำได้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อล้างต่อบาปในจิตใจเท่านั้น

ให้คิดว่าตาย ให้คิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว อาจจะดีกว่า เรอิจิบอกกับซากุเช่นนี้

แต่สภาพแบบนี้...มันดีจริงงั้นหรือ คนบนเตียงไม่ได้หลับ ดวงตาแดงช้ำก็ไม่ได้ร้องไห้อีก มีเพียงการมองออกไป มองไปเฉย ๆ โดยไม่ได้สนใจอะไรเลย

ราวกับว่าวิญญาณของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แต่โดนมาโอนำพาไปด้วยเสียอย่างนั้น

มาโอเป็นผู้ชนะจริง ๆ...ซากุคิดอย่างแค้นเคือง ไม่ว่าเขาจะรักโคโตะสักเพียงใด ก็ไม่สามารถแทรกช่องว่างในจิตใจเข้ามาได้ โคโตะ...ยังคงคิดถึงแต่คนผู้นั้น

คนที่เป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต ที่ขาดไม่ได้

"แก้มัดชั้นเถอะ ซากุ" เสียงพูดแผ่วเบาราวกระซิบบอกมา

"แต่ว่า...เรอิจิ"

ร่างบอบบางส่ายหน้าเบา ๆ ใบหน้าซีดขาวมีรอยยิ้มเศร้า "ชั้นไม่เหมือนอายาเมะหรอก...ชั้นจะไม่ฆ่าตัวตาย...ไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ"

ซากุมองมาแล้วถอนหายใจ "ฉันไม่เชื่อนาย" เขาตอบช้า ๆ โดยไม่ยินยอมทำตามที่ขอ

ดวงตากลมโตมองมาอย่างเศร้าสร้อย "ทำไม...นายไม่ปล่อยให้ชั้นตาย"

"เพราะยังมีคนที่รักนาย...รอคอยนายอยู่" ซากุพึมพำ ก่อนจะเดินออกไป เพราะไม่ต้องการได้ยินคำตอบที่เจ็บปวดนั้น

คำพูดราวสารภาพรัก...ที่ไม่อาจส่งไปถึงอีกฝ่ายได้

ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม...

"ขอโทษนะ...ซากุ" เสียงเศร้าพึมพำตอบกับประตูที่ปิดลง ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าซากุคิดยังไงกับตัวเขา

แต่ในตอนนี้...เขาคงไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว...


.......................................


"เขาไม่มีกำลังใจที่จะอยู่ต่อ เราคงจะต้อง..ทำอะไรสักอย่างแล้ว" ซากุหันไปปรึกษากับเรอิจิด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด

มืออ่อนโยนของชายหนุ่ม วางบนไหล่บอบบางของซากุ...หญิงสาวเพียงคนเดียว ที่แกร่งเกินชาย แต่เขาก็เข้าใจดี ว่าคนผู้นี้ โดดเดี่ยวสักเพียงไหน ขณะที่ซากุพยายามจะช่วยโคโตะ เขาก็รู้สึกได้ ว่าซากุเอง ก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน

ทุกคนล้วนมีบาดแผลในจิตใจ...ที่ไม่ว่าจะรักษาอย่างไร ก็ยังยากจะประสานคืน

มือของเขาตบไหล่นั้นเบา ๆ พลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจัดการเอง"

ซากุมองคนตรงหน้าอย่างงุนงง เรอิจิ เป็นที่พึ่งของพวกเขาทุกคนจริง ๆ คน ๆ นี้ ราวกับล่วงรู้ถึงจิตใจ และยังสามารถบรรเทาความบอบช้ำให้จางหายได้อีกด้วย

คำพูดนั้นทำให้เขาสบายใจ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเรอิจิจะจัดการอย่างไร


..............................................


ร่างบอบบางลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออก เรอิจิเดินเข้ามา ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม แตกต่างไปจากทุก ๆ ครั้ง โคโตะอยากจะลุกขึ้น แต่ติดที่ยังถูกเชือกมัดเอาไว้ ซากุไม่ยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระ เพราะกลัวว่าเขาจะตาย

ใช่...ถ้ามีโอกาส เขาจะตาย

ในตอนนี้ เขาก็เข้าใจจิตใจของอายาเมะมากขึ้นแล้ว

ในเมื่อใจสลาย การได้หายใจอยู่ ก็มีแต่จะเจ็บปวดกว่าเดิม

เขาต้องการ...จะไปหามาโอะ...ไม่ว่ามาโอะจะโกรธหรือเกลียดเขา จะอาฆาตแค้น...เขาก็ยังอยากจะพบอีกครั้งอยู่ดี

ไม่ว่าจะยังไง...ก็ยังอยากพบ

เรอิจิเดินเข้ามาใกล้ โดยไม่ได้ทักทายอย่างเคย มือคล่องแคล่วของเขา แก้มัดร่างบนเตียงอย่างช้า ๆ จนเป็นอิสระทั้งหมด

โคโตะขยับตัวขึ้นนั่งอย่างอ่อนแรง เป็นเพราะถูกมัดมานาน ทำให้ร่างกายไม่คล่องตัวนัก

เขารู้ดี ว่าเรอิจิ มีเรื่องสำคัญที่จะพูดด้วย

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็จะไม่เปลี่ยน..ความตั้งใจนั้นเด็ดขาด

เรอิจิมองคนบนเตียง แล้วพูดขึ้นว่า "ฉันมีเรื่องสำคัญ ที่จะต้องบอกเธอ"

"ผมไม่อยากรู้...ให้ผมตายเถอะ" คนบนเตียงพึมพำต่อ มันเป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่แล้ว

"ฟังฉันก่อน แล้วถ้าหลังจากนี้ เธอคิดจะตายอีกก็ตามใจ" ชายหนุ่มย้ำ หากคนฟังยังคงนั่งนิ่ง

"วันนี้ฉันได้คำพิพากษามาแล้ว...มันก็คือ การตัดสินจากเบื้องบน ว่าพวกเธอ จะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้หรือไม่ เพราะอย่างที่รู้ ว่าทุกคน...เป็นอาชญากร แม้ว่าจะโดยบังคับ หรือไม่ได้ต้องการอย่างแท้จริงก็ตาม"

ดวงตาคมยังคงมองร่างบนเตียงที่ไร้ปฏิกิริยาเช่นเดิม

"เธอคิดจะทอดทิ้งพวกเขาแล้วสินะ" เสียงเรอิจิรำพึงขึ้นแผ่วเบา "ถ้าไม่มีคนคอยดูแลพวกเขา ทางเบื้องบนจะตัดสินใจ...กำจัดทิ้งทั้งหมด"

"อะ...อะไรนะ" โคโตะแทบลุกพรวดขึ้นมา "พวกเขา...ไม่ได้เป็นคนเลวนะครับ คุณก็บอกเอง...ว่าคุณจะช่วย"

เรอิจิส่ายหน้าเบา ๆ "ฉันพยายามอย่างที่สุดแล้ว พวกเขา...อันตรายเกินไป ถ้าปล่อยออกไป อาจจะฆ่าคนอีก ทั้งที่ตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ"

"ฉันต่อรองกับเบื้องบนแล้ว โทษที่พอจะลดหย่อนได้ก็คือ ถึงจะไม่ตาย ก็คงต้องโดนกักขังไป...ตลอดชีวิต"

ดวงตากลมโตมีประกายขึ้นมา "ผมไม่ยอมนะครับ พวกคุณจะทำอะไรผมก็ได้ จะเอาผม...เป็นหลักประกันก็ได้ แต่ว่า...อย่ากักขังพวกเขาไว้เลย ได้โปรด...คืนชีวิตปกติ ให้พวกเขาเถอะ"

"คนที่แค่แก้มัดก็จะเอาแต่ฆ่าตัวตายอย่างเธอ จะเป็นหลักประกันอะไรได้"

โคโตะนิ่งอึ้งไปทันที เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ พวกเด็ก ๆ ...ล้วนแล้วแต่เจอเรื่องเลวร้ายมามากพอแล้ว...ในตอนนี้ มีเพียงเขาเท่านั้น ที่จะช่วย...และปกป้องเอาไว้ได้

เขาจะตายตอนนี้ไม่ได้

"ผม..จะไม่คิดฆ่าตัวตายแล้ว ผมจะมีชีวิตอยู่!"

สมองที่สามารถเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว เขาต้องคิด...ต้องหาทางต่อรองให้ได้

เพื่อทุกคน

โคโตะหันไปขอร้องกับเรอิจิ "ผมจะดูแลพวกเขาเอง...ได้ไหมครับ คุณจะกักบริเวณพวกเราก็ได้ ขอเวลาผม...พิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าพวกเขา ไม่ได้น่ากลัว..ไม่ได้เป็นคนเลว ไม่ได้อยากทำเรื่องที่เลวร้าย..."

เรอิจิจ้องมองโคโตะ แล้วถามขึ้นว่า "เธอจะพิสูจน์ได้แน่หรือ ถ้าพวกเขาก่อเรื่องขึ้นมา..แม้แต่ครั้งเดียว พวกเขาจะต้องโดนพิพากษา ด้วยโทษสูงสุดนะ"

"เอาชีวิตผมเป็นหลักค้ำประกันได้เลย ผมจะดูแลพวกเขาเอง...ด้วยชีวิตนี้ ไม่ให้พวกเขาทำเรื่องไม่ดี หรือฆ่าใครอีก ได้โปรดเถอะ...เรอิจิ ขอโอกาสให้ผมได้ไหมครับ...ผมจะเป็นคนดูแล...ผมจะเป็นทาโนเอะ...เป็นแม่...ให้พวกเขาเอง!"

ทาโนเอะ...คือรูปลักษณ์ในแบบที่เป็นหญิงของโคโตะ เขาจะแต่งเป็นผู้หญิง ยามมาดูแลเด็ก ๆ เสมอ มันเป็นความคิดของโคโตะเอง ว่าทุกคน ต้องการแม่ ต้องการใครสักคนที่อ่อนโยนและใจดี ใครสักคนที่เข้าใจ คอยดูแลเอาใจใส่

และเพราะแบบนั้น จึงทำให้สภาพจิตใจของทุกคนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"ผมจะเป็นทาโนเอะ...ตลอดไป เพื่อดูแลพวกเขาเอง"

มืออ่อนโยนลูบศีรษะนุ่มแผ่วเบา "ฉันรู้ดีว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้ ดังนั้นฉันจึงต่อรองกับทางเบื้องบนไปแล้ว ถ้าเธอทำตามเงื่อนไขของพวกเขาได้ ทุกคนจะได้รับการปลดปล่อยอย่างแท้จริง เพื่อกลับไปสู่การเป็นคนธรรมดาได้"

ใบหน้าขาวซีดเงยขึ้นสบตาเรอิจิ "เงื่อนไข?"

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ "หนึ่ง พวกเธอต้องอยู่กันเอง และประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเอง โดยทางเราจะหาที่อยู่ให้ สอง พวกเธอห้ามออกจากที่นั่น ไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การออกไปซื้อของหรือทำธุระจำเป็น อันนั้นเราไม่นับ สาม ห้ามพวกเธอฆ่าคนอย่างเด็ดขาด"

ว่าแล้วเขาก็มองมาอย่างจริงจัง "ถ้าเธอยอมรับเงื่อนไขพวกนี้ได้ และผ่านการประเมิน พวกเธอก็จะเป็นอิสระ แต่ว่า...ถ้ามีการละเมิดกฎนั้น...โทษที่ได้รับ...ก็คือ..."

"ชีวิตของผม!"

โคโตะพูดขึ้นอย่างชัดเจน "เอาชีวิตของผมไปได้เลย...ถ้าผมดูแลได้..ไม่ดีพอ ประหารผมไปเลย"

เรอิจิยิ้มน้อย ๆ "เธอพูดเองนะ"

ร่างเล็กพยักหน้ารับ "คนเป็นแม่...ก็ต้องรับผิดชอบลูก ๆ ด้วยชีวิต...ใช่ไหมครับ"

"แล้วคิดว่าจะทำอะไรต่อไปล่ะ" เขาถามขณะที่ทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียง บรรยากาศตึงเครียดสลายไปแล้ว มีเพียงกำลังใจ และความอบอุ่น

เป็นความอบอุ่น ที่คนผู้นี้ให้เสมอมา มือใหญ่นั้นจับมือเขาไว้ พลางพูดต่อไป

"ค่อย ๆ คิดก็ได้ ฉันยินดีที่จะช่วย..ทุกอย่าง"

"ผม...อยากเปิดร้านคาเฟ่...ร้านเล็ก ๆ ก็พอ"

คนฟังอมยิ้ม "ไม่เลวนี่นา"

"อื้ม ซากุุทำอาหารเก่งมากนะครับ เขาทำได้ทุกอย่างเลย...ส่วนอายะจัง...ก็น่าจะเสิร์ฟอาหารได้ ซานะก็ด้วย ส่วนยูเมะ ก็มาคุยเล่นกับแขกได้ ผมจะเป็นผู้จัดการดูแลร้านเอง"

"น่าสนใจนะ...ถ้าจะเปิดคาเฟ่ทั้งที งาม ๆ อย่างพวกเธอเนี่ย ต้องคอสเพลย์คาเฟ่สิ"

"คอสเพลย์?"

"แต่งตัวสวย ๆ เรียกแขกไง งานถนัดไม่ใช่เหรอ"

โคโตะหัวเราะเบา ๆ "นั่นสินะครับ อายะคุง ต้องแต่งราชินีแน่ ๆ เลย ส่วนซากุ...ซากุระคุงดีกว่า คงจะหล่อมากในชุดเจ้าชาย เขาคงไม่ยอมแต่งหญิงแหง ๆ ส่วนเด็ก ๆ ...ซานะจัง แต่งชุดเมดขึ้นแน่ ๆ แล้วยูเมะจัง...ก็ต้องโลลิต้าโกธิค"

"เธอนี่เก่งนะ ขนาดยังไม่ได้เริ่มลงมือเลย ยังวางแผนได้รวดเร็วจริง ๆ"

โคโตะยิ้มให้  "เรื่องวางแผน เป็นงานถนัดของผมนี่ครับ"

"ถ้างั้นก็ดีแล้ว...ต้องคิดชื่อคาเฟ่ก่อนสินะ"

"อื้ม...ถ้าอย่างนั้น เอาเป็นชื่อนี้ดีมั้ยครับ..."

โคโตะบอกชื่อนั้นออกมา อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

"ลองเป็นคาเฟ่สาวสวยขนาดนี้ ท่าทางเจ้าหมอนั่นคงสนใจแน่"

"ใครกันเหรอครับ" โคโตะถามต่อ

"ลูกชายฉันเอง" เรอิจิหลิ่วตาให้ "จำได้ไหม คนที่ฉันเคยเล่าให้ฟังน่ะ"

"จำได้สิครับ" ร่างบอบบางตอบยิ้ม ๆ "จำได้ดีด้วย ว่าคุณเห่อเขาขนาดไหน"

เรอิจิหัวเราะ "เด็กคนนั้น...คงช่วยสอนพวกเธอ ให้กลับสู่วิถีการเป็นคนธรรมดาได้แน่ ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น และอีกอย่าง...จะได้มีคนไว้ใช้แรงงานไง" เขาพูดต่ออย่างติดตลก

"ถ้าเป็นคนที่คุณแนะนำ ผมก็มั่นใจ"

"โอเค ฉันจะจัดการให้เอง ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พวกเธอต้องการ...รอแต่งตัวสวย ๆ รับลูกชายฉันก็พอแล้ว อย่าลืมโปรยเสน่ห์ใส่เขาสักหน่อยล่ะ"

โคโตะขำน้อย ๆ กับคำพูดนั้น "ว่าแต่..คุณจะไม่บอกอะไรเขาสักหน่อยเหรอ"

เรอิจิยิ้มให้พลางตอบว่า "บอกไปก่อนก็หมดสนุกสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง"

"คุณนี่นะ ชอบแกล้งลูกตัวเองซะจริง"

เสียงหัวเราะยังมีไม่หยุด เมื่อชายหนุ่มพูดต่อไปว่า "ไว้ได้เจอเขาเสียก่อนเถอะ แล้วพวกเธอจะรู้เอง...ว่าเขาน่าแกล้งมากขนาดไหน!"


- จบตอนที่ 12 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 12 อัพ 9-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Kwawaic ที่ 09-04-2010 17:28:39
ปม เริ่มคลายออกที่ละนิด

รอตอนต่อไปค่า~
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 12 อัพ 9-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 09-04-2010 17:34:45
มาโอค่อดร้ายเลยอ่ะ สงสารโคโตะ
*
*
*
และแล้ว ชะตากรรมที่น่าสงสารของเรย์จิก้อเริ่มขึ้น หุหุ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 12 อัพ 9-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 09-04-2010 17:40:22
อ่า..อดีตของทุกคนเปิดเผยหมดแล้ว  ว่าแต่ หนูเรย์จิจะคู่กับใครล่ะทีนี้

แล้วก็งงกับ ซากุระ กับ โคโตะ นี่ยังไง โคโตะที่เป็นผู้ชายกลับแต่งตัวเป็นหญิง ซากุระที่เป็นผู้หญิง กลับแต่งตัวเป็นชาย แต่ซากุระที่แต่งตัวเป็นชาย(ทั้งๆที่เป็นผู้หญิง) กลับแอบชอบโคโตะ ที่แต่งเป็นหญิง(ทั้งๆที่เป็นผู้ชาย) งง...มั่กๆ
สรุป ซากุระชอบโคโตะด้วยความรู้สึกที่ตัวเองเป็นผู้หญิง ชอบผู้ชาย หรือความรู้สึกว่าตัวเองเป็นชายชอบผู้หญิง  
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 12 อัพ 9-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 09-04-2010 19:13:52
บางที...คนที่ไม่น่าไว้ใจที่สุดในเรื่องนี้ คงจะเป็นเรอิจิ

เราว่าเขาดูซ่อนเงื่อนจนน่ากลัวอ้ะ!! เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 13/1 อัพ 11-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 11-04-2010 14:35:57
ตอนที่ 13 Sin of the Assassins : บาปของนักฆ่า

(ตอนที่ 13/1)


เกือบเที่ยงคืนแล้ว ในตอนที่พวกเด็ก ๆ กลับมาจากการเรียนภาคค่ำ หน้าร้านยังคงเปิดไฟไว้สว่าง ฉายให้เห็นร่างบอบบางของหญิงสาวผู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ของร้าน กำลังง่วนอยู่กับสมุดบัญชีอย่างมีสมาธิ พอได้ยินเสียงกระดิ่งตอนประตูเปิด เธอก็หันมายิ้มให้ มือเรียวยาวปิดสมุดที่ทำค้างไว้ แล้วลุกขึ้นมาหา

"กลับมากันแล้วเหรอจ๊ะ สนุกมั้ยวันนี้" เสียงใสทักทาย

ยูเมะเข้าไปกอดเธอเหมือนปกติ ก่อนจะตอบอย่างยิ้มแย้ม "สนุกมากเลย ถ้าไม่มีใครจะแกล้งซานะจังล่ะก็นะ"

มืออ่อนโยนลูบผมเด็กหญิงเบา ๆ "ทุกคนเป็นเพื่อนกันนะจ๊ะ ยูเมะจัง เราต้องอดทน เพื่อที่จะได้เป็นคนธรรมดายังไงล่ะ"

เด็กน้อยมองมาแล้วอมยิ้ม "ยูเมะรู้ค่า ทาโนเอะไม่ต้องห่วงนะ ยูเมะจะเป็นเด็กดี"

ดวงตากลมโตที่มีแววเศร้าวูบหนึ่งเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มได้ในพริบตา "ดีมากจ้ะ ยูเมะ ...จริงสิ..ถึงจะดึกไปหน่อย แต่วันนี้มีนมรอบดึกพิเศษเตรียมไว้ให้นะจ๊ะ มาทานกันดีกว่า ทุกคนเลยนะ เรียนมาเหนื่อย ๆ ต้องบำรุงกันหน่อย"

เห็นได้ชัดว่าทาโนเอะรอทุกคนอยู่ แถมเตรียมอาหารเอาไว้ให้อีกด้วย เรย์จิยิ้มรับก่อนจะพาทุกคนเดินเข้าไปประจำโต๊ะในครัว เขาชอบโต๊ะตัวนี้มาก เพราะยามที่ทุกคนได้ล้อมวงกันรับประทานอาหาร มันได้บรรยากาศของครอบครัวจริง ๆ

ทาโนเอะที่แสนนุ่มนวล ดูยังไงก็เหมือนแม่สำหรับบ้านแห่งนี้ ที่จะขาดไม่ได้เลย

ก่อนจะเข้ามาในบ้าน ซากุระได้สั่งให้ทุกคนห้ามเล่าเรื่องคน ๆ นั้น ให้ทาโนเอะฟังอย่างเด็ดขาด เรย์จิจึงพอคาดเดาได้ลาง ๆ ว่าคนที่คุโรเนะฝากให้มาบอกที่บ้าน จะต้องเป็นเธอผู้นี้แน่ ๆ

และคงมีเหตุผลบางอย่าง ที่ไม่ต้องการให้ทาโนเอะได้รับรู้

ร่างเล็กของหญิงสาว ยามยืนคู่กับซากุระดูดีราวกับเป็นคู่รัก ทั้ง ๆ ที่ในตอนนี้ซากุระจะอยู่ในชุดนักเรียนหญิง เด็กหนุ่มรู้สึกได้ ถึงสายสัมพันธ์บางอย่าง ที่ซากุระมีให้กับเธอผู้นี้เสมอมา แม้จะไม่ได้พูดจาอะไรเลยสักคำ

ทาโนเอะมักจะรู้วิธีจะจัดการกับคนด้านข้างเสมอ ราวกับว่าสนิทสนมกันมานานแล้ว ถึงโดยปกติ ซากุระจะไม่ได้สนิทกับใครมากนัก นอกจากการใช้ความเย็นชาเป็นเกราะกำบัง คอยกางกั้นตนเองไว้ในสถานที่ที่คิดว่าปลอดภัย

แต่ในวันนี้ คล้ายมันจะยิ่งชัดเจนขึ้น ดวงตาเรียวยาวที่มองมายังหญิงสาว ดูเป็นห่วงเป็นใย ทั้งยังอาลัยอาวรณ์ เรย์จิมองมันอย่างไม่เข้าใจนัก เพราะคุโรเนะที่เจอกันวันนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ซากุระแสดงอารมณ์ที่เก็บซ่อนในส่วนลึก ออกมามากกว่าปกติ

...เป็นผู้หญิงด้วยกันไม่ใช่เหรอ ถึงซากุระจะแมนอยู่มากก็เถอะ...

เด็กหนุ่มแอบคิดในใจ จะอย่างไรทาโนเอะที่แสนใจดีของเขา ก็เสน่ห์แรงมากอยู่แล้ว

พอทานเสร็จ เขาก็ขยับช่วยเก็บโต๊ะ "เดี๋ยวผมช่วยนะครับ"

หญิงสาวดึงของออกจากมือเรย์จิเบา ๆ อย่างนุ่มนวล ก่อนบอกว่า "ไปพักผ่อนเถอะจ้ะ วันนี้พวกเธอเหนื่อยกันมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำงานไม่ไหวนะ"

"คุณทาโนเอะเองก็ยังไม่ได้พักเลยไม่ใช่เหรอครับ" เขาถามกลับ ด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวรอคอยให้ทุกคนกลับมา พลางทำงานไปด้วยเหมือนทุกครั้ง

รอยยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ จนคนด้านข้างดูน่ารักน่ากอดนัก "เดี๋ยวเก็บเสร็จฉันก็จะพักเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงหรอกนะ พวกเธอไปอาบน้ำเถอะ"

ทั้งหมดจึงปฏิเสธไม่ได้ นอกจากขึ้นไปยังห้องตามที่หญิงสาวบอก "ขอบคุณสำหรับมื้อเล็ก ๆ นี้นะครับ" เรย์จิพูดพลางก้มศีรษะให้

"เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่จ๊ะ" หญิงสาวตอบรับอย่างยิ้มแย้ม

ดวงตาของซากุระที่มองมา อ่อนโยนลงวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปเย็นชาดังเดิม เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาของเรย์จิ เด็กหนุ่มหลบตาวูบด้วยใบหน้าที่แอบเขิน พึ่งจะรู้สึกตัวว่าวันนี้ ตนเองเอาแต่เฝ้ามองซากุระจนแทบไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว

จริงสิ...คืนนี้...มีเรื่องใหญ่กว่าที่เขาจะต้องคิดนี่นา เรย์จิพึ่งจะนึกได้

ซากุระเป็นผู้หญิง...แล้วแบบนี้...เขาจะไปนอนที่ไหน?

เขาเลิกคิดจะไปขอคู่รักสุดสวีทที่รีบเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำนอนด้วยแล้ว เพราะถึงคู่นั้นจะยังไม่หลับ แต่ยามเดินผ่านห้อง เขาก็แทบจะต้องปิดหูปิดตาเด็ก ๆ ที่เดินมาพร้อมกันด้วยซ้ำ

ทำอะไรไม่คิดถึงใจเด็กกันเลย...เด็กหนุ่มแอบคิด ใบหน้ายังคงร้อนผ่าวกับจินตนาการสด ๆ ร้อน ๆ อย่างช่วยไม่ได้

ดวงตาสีเข้มหันมามองร่างบอบบางในชุดกระโปรงนักเรียนแสนสวยผู้นั้น ซากุระก็ยังคงเป็นซากุระคนเดิม ที่เงียบเชียบและไม่ค่อยพูด เดินกันมาได้ครู่เดียวก็มาถึงหน้าห้อง เด็กทั้งสองที่อยู่ห้องก่อนหน้า เข้าห้องส่วนตัวไปเรียบร้อยแล้ว จึงหลงเหลือแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น

ดวงตาเรียวยาวเหลือบมองมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายรีรอ ไม่กล้าจะเข้าไปเหมือนวันก่อน

"ทำอะไรอยู่"

ร่างสูงสะดุ้ง "เอ้อ...ผมคิดว่า...คืนนี้..."

"เข้าไปสิ"

"เอ่อ...มัน..ไม่เหมาะล่ะมั้งครับ คุณเป็น...ผู้หญิงนี่นา"

ดวงตาดุ ๆ กวาดมองวาบ เล่นเอาคนถูกมองแทบผงะ "ฉันก็คือฉัน เมื่อวานนายนอนได้ วันนี้ทำไมไม่ได้" เสียงหวานตอบสะบัดอย่างไม่พอใจนัก

"นายก็นอนข้างเตียงไป ฟูกก็มีแล้วไม่ใช่เหรอ"

"เอ่อ แต่ว่า..."

ใบหน้าเรียบเฉยกลับมีรอยยิ้มเหี้ยมจาง ๆ ดาบสั้นที่เหน็บไว้ที่โคนขาอ่อนชักขึ้นมารวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน "ไม่เคยมีใคร ที่เห็นฉันเป็นผู้หญิงแล้วคิดจะลวนลาม มีชีวิตรอดได้ยันเช้าวันรุ่งขึ้นหรอกนะ มีอะไรที่ฉันต้องกลัว..."

เรย์จิอยากบอกใจจะขาด ว่าคนที่กลัวน่ะคือเขาเองต่างหาก...แต่เด็กหนุ่มไม่กล้าพูดออกไป นอกเสียจากเดินตามต้อย ๆ เข้าห้องไป ดังเช่นเมื่อวาน

ภายในห้องมีฟูกปูรอไว้เรียบร้อย เดาว่าคงเป็นฝีมือของฮิโรอากิโดยคำบัญชาของราชินี ...พอหมดประโยชน์ล่ะไล่กันเชียว เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ แต่ก็ดีกว่าต้องเป็นไส้แซนวิชล่ะนะ

ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมองคนร่วมห้อง เด็กหนุ่มก็หันหลังควับอย่างตกใจ

“ซา…ซากุระคุง เปลี่ยนชุดตรงนี้ไม่ได้นะครับ”

คนกำลังถอดเสื้อนักเรียนชะงัก คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย “ที่นี่มันห้องส่วนตัวของฉัน ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้” น้ำเสียงไม่พอใจนัก คาดว่าคงยังติดใจที่โดนห้ามตอนอยู่ในชั้นเรียน

“ที่มันส่วนตัวก็จริง…แต่ผมอยู่ด้วย…มันไม่ดีนะครับ”

“ก็อย่ามองสิ” ร่างบอบบางพูดง่าย ๆ ก่อนพูดต่อเสียงเข้ม “ถ้าไม่อยากตาย…ก็ห้ามมอง”

เด็กหนุ่มชักไม่กล้าเถียง ร่างที่หันหลังให้เริ่มกระสับกระส่ายใจเต้นแรงเสียอย่างนั้น ผิวขาวเนียนน่าลูบไล้ที่เห็นแว้บ ๆ เมื่อครู่ทำเอาเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปเรียบร้อยแล้ว

“ทาโนเอะก็เคยอยู่แบบนาย ไม่เห็นเขาจะว่าอะไรเลย” ร่างบอบบางที่เปลี่ยนเป็นชุดลำลองเรียบร้อยพึมพำต่อ เรย์จิเริ่มรู้สึกว่า ซากุระ พูดกับเขามากกว่าเดิม นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีใช่มั้ยนะ

“ท่าทางคุณจะสนิทกับคุณทาโนเอะมากนะครับ” เรย์จิชวนคุย

หากอีกฝ่ายกลับเงียบ บรรยากาศน่ากลัวราวอยู่ท่ามกลางภูเขาหิมะย้อนกลับมาอีกแล้ว ...นี่เขาพูดอะไรไม่เข้าหูไปหรือไงนะ

ร่างแข็งแรงเหลือบมองคนด้านข้างอีกครั้ง วูบหนึ่งที่เห็นดวงตาเรียวยาวนั้นเศร้าลงไปอีก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นราบเรียบดังเดิม

"ไปอาบน้ำซะสิ" เสียงก็เย็นชาขึ้นด้วย คำพูดกึ่งไล่กลาย ๆ เป็นนัยว่าตอนนี้ไม่ต้องการจะคุยด้วยอีกแล้ว

เรย์จิจึงได้แต่ออกไปอาบน้ำตามคำสั่ง เริ่มสมเพชตัวเองเล็กน้อย ว่าไม่ว่าจะไปนอนห้องไหน แต่ละคนช่างชอบสั่งกันเสียจริง

แต่อย่างว่า เขาก็เป็นคนง่าย ๆ ที่ไม่ชอบขัดใจใครสักเท่าไหร่ ซากุระเอง...ก็คงมีปัญหาของตัวเองเช่นกัน เด็กหนุ่มยังคงจำสิ่งที่ทาโนเอะเคยบอกได้ดี ทุกคนที่นี่ ล้วนมีปัญหากันทั้งนั้น

...ถ้าช่วยได้บ้างก็คงดีสิ...

เพื่อบ้านหลังนี้จะได้มีรอยยิ้มจากใจของทุกคนเสียที

ลับร่างของเด็กหนุ่ม ซากุระที่ยืนนิ่งอยู่ก็ทรุดตัวลงบนเตียง คำพูดของเรย์จิ ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาจนไม่อาจตีสีหน้าปกติได้ สนิทกัน...ใช่ เขาเคยสนิท...จนตอนนี้ สำหรับทาโนเอะแล้ว เขาก็ยังเป็นเพื่อนสนิท ที่แสนดี

ไม่เคยเป็นได้...มากไปกว่านั้น

เขาก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ขอแค่เพียงคน ๆ นี้ มีรอยยิ้มแทนร่ำไห้ อยากมีชีวิตอยู่แทนอยากตาย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

แต่วันนี้...ความสงบสุขที่มีมา กลับเริ่มมีเค้าความยุ่งยากปรากฏขึ้นเสียแล้ว จะบอกกับเจ้าตัวก็คงไม่ได้ ว่าคน ๆ นั้น...กลับมาแล้ว

คนที่ทาโนเอะคิดว่าตายไปแล้ว ตั้งแต่ครั้งนั้น

เขาจะต้องพยายาม...ไม่ให้คน ๆ นั้น ได้เจอกับทาโนเอะอีก

เพื่อรักษาความสุขในตอนนี้เอาไว้...ให้ยาวนานที่สุด เท่าที่จะทำได้!


......................................


และแล้ว คืนที่สองในห้องของซากุระก็ผ่านพ้นไป ซากุระไม่ยอมพูดด้วยอีกเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น ห้องที่เงียบเชียบ แต่ไม่มีรังสีสังหารเหมือนคืนแรก ทำให้หลับได้สบายอยู่ แม้ว่าจะสัมผัสได้ ถึงความไม่สบายใจบางอย่างจากคนร่วมห้อง

ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด ว่าอีกฝ่าย ยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามใด ๆ

ดังนั้น…เรย์จิจึงตัดสินใจ…ที่จะไม่ถาม

ยามเช้ามาเยือน ร่างแกร่งบิดขี้เกียจเบา ๆ อย่างต้องการขับไล่ความเกียจคร้าน วันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยความสดชื่น ซากุระก็ยังคงใส่ชุดแบบเดิม ที่ดูเป็นเจ้าชายเสียทุกกระเบียดนิ้ว ผมยาวสยายสวยงามเมื่อคืนก่อน ถูกรวบไว้ด้านหลังอีกครั้ง ใบหน้าเย็นชาสมกับฉายาเจ้าชายน้ำแข็ง ที่บรรดาเด็กสาว ๆ ซึ่งมาใช้บริการขาประจำ หรืออีกนัยหนึ่งคือซากุระแฟนคลับ ได้แอบตั้งให้ ยังดูเรียบเฉยไร้อารมณ์เฉกเช่นปกติ

หากมันกลับเหมือนน้ำทะเลลึกที่แม้ผิวหน้าจะยังดูสงบ แต่ลึก ๆ เบื้องล่างแล้ว คล้ายมีคลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวขึ้น เรย์จิรู้สึกว่ามันกำลังเป็นเช่นนั้น

มือคล่องแคล่วจับตะหลิวผัดอาหาร เตรียมไว้สำหรับยามเช้าให้ทุกคนรับประทานก่อนจะเปิดร้าน ก็ยังมั่นคงเหมือนเดิม ที่ผิดแผกไป คงมีเพียงการทอดถอนหายใจ ที่เขารู้สึกได้ว่ามันบ่อยกว่าเดิมนัก

ซากุระกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ อย่างเคร่งเครียดเสียด้วย แม้จะไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าก็ตาม

ร้านคาเฟ่เปิดแล้ว ลูกค้าเริ่มทยอยกันมา เช้าที่แจ่มใสแบบนี้ แถมเป็นวันเปิดเรียน จึงไม่มีลูกค้าเด็ก ๆ เข้ามานัก ส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงานที่พักเบรค หรือแม่บ้าน และผู้สูงอายุที่ว่างหลังจากดูแลส่งลูกหลานไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้วมากกว่า

เพราะฮิโรอากิมาช่วยงานด้วย งานหน้าร้านจึงมีไม่มากมายนัก เรย์จิจึงเปลี่ยนหน้าที่มาช่วยงานอยู่ในครัวแทน ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่าองครักษ์มักจะอยู่เคียงข้างราชินีของเขาอยู่เสมอ เพื่อปกป้องจากบรรดาหนุ่ม ๆ คิดไม่ซื่อแอบคิดลวนลาม ไหนจะท่าทางดูดียามหยิบจับเสิร์ฟอาหาร โดยเฉพาะยามอยู่ในชุดคอสเพลย์สุดเท่ของนักรบผู้แสนกล้าหาญนั่นอีก ยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดของสาว ๆ ได้ดีนัก จนทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนราชินีผู้แสนสง่าแม้มองภายนอกจะเหมือนกำลังนั่งเต๊ะท่าอย่างงามบนเก้าอี้สูงโดยไม่หยิบจับทำอะไรเลย หากแท้จริงแล้วกำลังแอบงีบหลับ เนื่องจากพักนี้คู่รักสุดสวีท ราวกับมาฮันนีมูน กลางค่ำกลางคืนไม่หลับไม่นอน มีความสุขกันยันเช้าต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ซึ่งทาโนเอะก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถือเป็นช่วงข้าวใหม่ปลามัน นอกจากนี้ฮิโรอากิก็ยังสามารถทำงานทุกอย่างแทนได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องอีกด้วย

ซานะกับยูเมะก็ยังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน คอยนั่งเป็นเพื่อนพูดคุยและเสิร์ฟอาหารให้แขกผู้สูงวัย โดยทำตัวเป็นลูกเป็นหลานอย่างน่ารักและกลมกลืน ในขณะที่ทาโนเอะประจำที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์คิดเงินและต้อนรับ ปล่อยให้หน้าที่ผู้ช่วยในครัวนอกเหนือจากการทำอาหาร เป็นของเรย์จิไป

ดังนั้น…ห้องครัวในตอนนี้ จึงมีเรย์จิอยู่กับซากุระสองต่อสอง เด็กหนุ่มเตรียมจานใส่อาหาร และหั่นผักตามคำสั่ง โดยที่ซากุระ ไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากหน้าที่เลยสักนิดเดียว

เพราะซากุระไม่ใช่คนพูดมาก ทำให้ยากนักที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คำพูดเมื่อคืนของเขา ไม่เข้าหูขนาดทำมึนตึงหรือเปล่า เรย์จิเองก็ไม่รู้ แต่บรรยากาศอึมครึม ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจนัก

“เมื่อวาน…ผมทำให้คุณไม่พอใจหรือเปล่าครับ” ในที่สุดเขาก็ทะลุขึ้นกลางปล้อง มือที่กำลังตักอาหารใส่จานชะงัก ดวงตาเรียวมองมาอย่างงง ๆ เล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเข้าใจ ใบหน้าเรียบเฉยกลับมีรอยยิ้มจาง ๆ อย่างขบขัน เพราะสังเกตได้ถึงอาการกระสับกระส่ายของคนด้านข้าง

เขามัวแต่ใช้ความคิดกับตัวเองมากจนไม่ได้สังเกตท่าทีของเรย์จิ คงจะอัดอั้นตันใจมาได้สักพักแล้ว

“เปล่านี่ เมื่อคืน…นายก็นอนเรียบร้อยดีไม่ใช่เหรอ” ซากุระตอบกลับราวเป็นเรื่องปกติ บรรยากาศเคร่งเครียดคล้ายค่อยจางหาย พอพูดจบร่างบอบบางก็หันไปตักอาหารต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ถะ..ถ้างั้น… มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า…ปรึกษาผมได้นะครับ”

ดวงตาคู่นั้นมองกลับมา เล่นเอาเด็กหนุ่มแทบผงะ

“เอ่อ…ถ้าไม่มี ก็ไม่เป็นไรครับ” เขารีบแก้ตัวโดยสัญชาตญาณ

“จะว่าไม่มี ก็ไม่เชิง…” ซากุระพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่มันบอกได้ชัด ว่าพร้อมจะเปิดใจ…มากขึ้นอีกนิดแล้ว เด็กหนุ่มหูผึ่ง รีบเงี่ยหูฟังทันที

“ช่วงนี้ฉัน….อยากให้มีใครอย่างน้อยสักคน คอยอยู่ข้าง ๆ ทาโนเอะตลอดเวลา”

คนรอฟังทำหน้าผิดคาด แม้จะไม่ประหลาดใจเท่าใด แสดงว่าที่คิดมากตั้งแต่เมื่อคืน คงเป็นเรื่องของทาโนเอะเท่านั้นสินะ

“จะมีอะไรรึเปล่าครับ…หรือว่าจะเป็น...คน ๆ นั้น…ที่โรงเรียน?”

คำตอบคือความเงียบ เรย์จิจึงไม่กล้าที่จะถามอีก

ทั้งคู่เงียบกันไปพักใหญ่ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งบางจะสบตาเด็กหนุ่มตรง ๆ ด้วยสายตากึ่งขอร้อง ซึ่งปกติแล้ว ซากุระไม่เคยทำแบบนั้นเลย ร่างบอบบางตัดสินใจพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม

“ไม่ว่าจะเพราะอะไร อย่าให้ทาโนเอะคลาดสายตา อย่าให้เขาไปไหนตามลำพัง แล้วก็…” ร่างสูงโปร่งสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อไปด้วยเสียงเข้มว่า

“ถ้าไม่อยากให้รอยยิ้มของทาโนเอะหายไปตลอดกาล ห้ามให้คน ๆ นั้น ได้เจอกับทาโนเอะอย่างเด็ดขาด!”

เรย์จิลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างเฝื่อน ๆ เขาไม่คิดว่าซากุระจะพูดเล่น สีหน้าและแววตาเคร่งเครียดนั้นบ่งบอกอย่างชัดเจน

...ท่าทางปัญหาของสองคนนี้ ดูจะมากกว่าที่เขาคิดเสียแล้ว!


......................................


พลบค่ำ ทุกคนแต่งตัวไปเรียนเช่นเคย ทาโนเอะที่ยังจัดเก็บและทำบัญชี ออกมายืนส่งทุกคนที่ระเบียงด้านนอกร้านด้วยรอยยิ้ม เรย์จิยังคงแอบใจเต้น เมื่อหญิงสาวช่วยจับปกเสื้อที่เบี้ยวเล็กน้อยให้เข้าที่ กลิ่นหอมอ่อน ๆ บวกกับใบหน้าอ่อนหวานยามชิดใกล้ เล่นเอาหัวใจแทบหลุดลอย ไหนจะแผงขนตาหนาสีเข้มรับกับเรือนผมนุ่มสลวยนั้นอีก ยิ่งมองยิ่งเคลิบเคลิ้ม

ซากุระในชุดสุภาพแบบหนุ่มน้อยเต็มตัว ยืนรอโดยไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขายังคงซีเรียส จากเรื่องปัญหาที่ขบคิดยังไม่ออก ในวันนี้เขาไม่ยอมแต่งชุดนักเรียนหญิงแล้ว แม้เรย์จิจะแอบเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าบอกให้ซากุระใส่อีก

ทาโนเอะมองมาแล้วอมยิ้ม มืออ่อนโยนแตะบ่าของซากุระพลางพูดว่า “ขยันเรียนกันนะจ๊ะ ซากุระคุง อย่าทำหน้าซีเรียสอย่างนั้นสิ คนธรรมดาน่ะ เวลาเจอเพื่อนก็ต้องทักทาย และยิ้มแย้มแจ่มใสนะ เรย์จิคุง อย่าลืมสอนซากุระคุงด้วย”

เรย์จิหวนนึกถึงวันแรก ที่อีกฝ่ายขยันชักดาบขึ้นขู่ผู้คนเสียเหลือเกิน แล้วกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอ “ผมกำลังพยายามอยู่ครับ”

หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ อย่างเข้าใจดี มือเรียวโบกบ๊ายบายให้กับทุกคน ขบวนนักเรียนออกไปแล้ว เมื่อร่างบอบบางหันกายกลับ จะไปทำงานที่ค้างไว้ในร้านต่อ หากจู่ ๆ เธอกลับรู้สึกถึงการคงอยู่ของใครบางคน…หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างรับรู้ได้ แม้ยังไม่ได้หันกลับมามองด้วยซ้ำ

ร่างบอบบางหันควับกลับไป แต่พบเพียงความว่างเปล่า ดวงตากลมโตที่เหลียวมองไปรอบ ๆ กลับเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา…ความรู้สึกเมื่อกี้…หรือว่าจะเป็น…

ไม่ผิดแน่ เธอมั่นใจ ต้องเป็นคน ๆ นั้นแน่ ๆ

คน ๆ นั้น…ที่เธอ…ฆ่าเองกับมือ!

…ไม่ว่าที่มาจะเป็นวิญญาณหรือไม่

…ไม่ว่าจะมาเพื่ออะไร

เธอก็ยังคงอยากพบ…ถึงแม้ว่าวิญญาณของคน ๆ นั้น จะยังอาฆาต หรือจะมาหาเพื่อแก้แค้น เธอก็ยังยินดี

ความผิดในครั้งนั้น…เธอไม่คิดจะแก้ตัวเลยสักนิด

การชดใช้…เป็นสิ่งที่คิดจะทำให้ เสมอมา

…เพียงแต่ว่า…ตอนนี้…ยังไม่ได้

“ขอโทษนะ..มาโอะ อีกนิดเดียวเท่านั้น ขอเวลาฉันหน่อยเถอะนะ…” เสียงหวานเศร้า ๆ พึมพำกับบรรยากาศโดยรอบ

"แล้วฉัน...จะชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้กับนายเอง..."

มือเรียวยาวปาดเช็ดน้ำตาก่อนหายใจเข้าลึก แล้วเดินกลับเข้าร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลับร่างบอบบางไปแล้ว หากดวงตาคมที่ยังคงจ้องมองผ่านพุ่มไม้สูงด้านข้างร้าน ก็ยังคงมองมา กระจกใสที่ภายในเปิดไฟสว่าง ทำให้มองเห็นได้ชัดจากภายนอกที่มืดมิด ร่างที่คล่องแคล่วในชุดผ้ากันเปื้อนนั้น ยังคงจับนู่นจับนี่ทำความสะอาดร้าน คนที่มอง ก็ยังคงมอง ราวกับว่าต้องการเก็บทุกอิริยาบถของหญิงสาวภายในร้านเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

เนิ่นนานทีเดียว กว่าร่างสูงนั้นจะตัดใจได้ และเดินหายไปในความมืดของรติกาลนั้น

   
..........................................


หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/1 อัพ 11-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 11-04-2010 14:37:16
ในห้องเรียนห้องเดิม ซากุระเรียนหนังสือโดยที่แทบจะไม่มีสมาธิกับการเรียนเลย ดวงตาเรียวยาวมองไปนอกหน้าต่างที่ติดกับโต๊ะเรียน จ้องเขม็งออกไปภายนอก ราวกับว่าต้องการเสาะหาใครสักคน เรย์จิเองอยากจะสะกิด หากรู้สึกได้ถึงรังสีสังหารอันน่ากลัวของอีกฝ่าย จนเขาตัดสินใจว่าปล่อยไปท่าจะดีกว่า

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกได้ ดังนั้นทุกคนในห้องจึงไม่มีใครกล้ายุ่ง รวมถึงอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าชั้นด้วย ที่ทำได้เพียงแอบกระซิบถามเรย์จิเท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เขาคง…ไม่สบายอีกแล้ว” เรย์จิตอบพลางยิ้มแห้ง ๆ

สาว ๆ ในห้องต่างซุบซิบกันใหญ่ ตั้งแต่ตอนที่ซากุระเข้ามาในภาพลักษณ์ใหม่ ที่แตกต่างจากเมื่อวานราวฟ้ากับดิน รูปหล่อขนาดนี้เล่นเอาหลายคนไม่เชื่อด้วยซ้ำ ว่าเป็นคนเดียวกับหญิงสาวสุดสวยเมื่อวานนี้

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าจะเข้าใกล้เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีหลายคนแอบส่งเบอร์โทรฝากผ่านเรย์จิมาก็เถอะ ทำให้สายตาอิจฉาตาร้อน จากคนด้านหลังห้องที่เป็นเด็กกุ๊ยหลายคน ลอบมองมาอย่างไม่พอใจเท่าใด

พอหมดเวลาเรียน และอาจารย์ออกไปแล้ว กลุ่มนักเรียนนักเลงนั้นก็เดินเข้ามา

ร่างบอบบางยังคงมองไปข้างนอกตาไม่กระพริบ เมื่อโต๊ะเรียนถูกทุบเสียงดังปั้ง

ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ แม้กระทั่งตกใจจากซากุระ มีเพียงดวงตาเรียวยาวที่มองกลับมาอย่างเหนื่อยหน่ายแกมเฉยเมย นั่นยิ่งทำให้คนก่อกวนเดือดดาลมากขึ้นไปเสียอีก

“วันนี้แต่งตัวหล่อเชียวนะ ไอ้กระเทย” เสียงระรานหยาบคายดังขึ้น เรย์จิสะดุ้ง ไม่แปลกที่จะมีคนเข้าใจแบบนี้ เพราะยามแต่งชาย ซากุระดูเนียนกว่าแต่งหญิงด้วยซ้ำ แม้ว่าจริง ๆ แล้ว ซากุระจะเป็นหญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย เมื่อร่างบอบบางยืนขึ้น เรย์จิรีบขยับเข้ามาเพื่อไกล่เกลี่ย แต่ซากุระผู้กำลังตึงเครียด คล้ายสายป่านถูกดึงขาดเสียแล้ว

มือเรียวยาวตวัดวูบเดียว ร่างคนพูดเมื่อครู่ ก็หล่นโครมลงบนโต๊ะจนหงายคว่ำไปทั้งคนทั้งโต๊ะ จุกแอ๊กจนพูดไม่ออก อีกสองกำลังจะกรูเข้ามาก็ต้องชะงัก เมื่อสบกับตาเรียวยาวที่ดูดุดันเอาเรื่อง…มันไม่ใช่ดวงตาของนักเลงที่เอาแต่เสเพลไปวัน ๆ อย่างพวกเขา แต่มันเป็นดวงตาแข็งกร้าว ของคนที่เคยฆ่าคนมามากมาย

เพียงแค่มองมา ทุกคนก็แข็งทื่อราวถูกสะกดแล้ว

“ฉันไม่อยากฆ่าใคร ไปซะ!” เขาพูดเพียงประโยคเดียว แล้วมันก็ได้ผล

ทุกคนในห้อง นอกจากเรย์จิ ต่างเร่งรีบวิ่งหนีจากไป

เสียงปรบมือเบา ๆ ดังขึ้นที่หน้าประตู ร่างบอบบางที่ยืนอยู่ชะงัก แล้วหันไปมอง คน ๆ นี้เอง…ที่เขามองหามาตั้งแต่หัวค่ำ …ตั้งแต่เริ่มมาถึงโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ

“ยังเฉียบคมเหมือนเดิมนะ” คุโรเนะก้าวเข้ามาในห้องเรียน เรย์จิมองชายหนุ่มสลับกับซากุระแล้วได้แต่ยืนอึ้ง เขาเองก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไร และที่สำคัญ หากคน ๆ นี้เป็นเป้าหมายของซากุระ เขาก็คงไม่มีปัญญาจะไปขัดขวางอะไรได้อยู่แล้ว

ดวงตาเรียวยาวมองมาราวจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางที่ดูน่ากลัวกว่าเมื่อครู่ ทำให้รู้ได้ชัด

สองคนนี้ต้องรู้จักกันมาก่อน แถมยังเป็นศัตรูกันเสียด้วย!

“นายมาทำอะไรที่นี่กันแน่” ซากุระเริ่มต้นด้วยคำถาม

ร่างสูงอมยิ้ม “ฉันก็มาสอนหนังสือน่ะสิ ลืมไปแล้วเหรอ ว่าฉันเป็นอาจารย์ของที่นี่” เขาตอบหน้าตาเฉย

ซากุระจ้องมองมา แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย…สองต่อสอง ขึ้นไปที่ดาดฟ้าได้มั้ย”

“ซา..ซากุระคุง อย่ามีเรื่องที่โรงเรียนนะครับ” เรย์จิรีบห้าม

“ฉันไม่ได้จะฆ่าใครที่นี่หรอกน่า แค่คุยด้วยเท่านั้น” คนด้านข้างตอบ ก่อนจะหันไปจ้องคุโรเนะ “ได้หรือเปล่า?”

“แหม เป็นสาวเป็นแส้ ทำไมไม่พูดจาให้มันเพราะ ๆ หน่อยนะ สงสัยต้องอบรมอีกยาว” เขาพูดติดตลก แต่คนฟังกลับไม่ขำด้วย

“เอ้า ไปก็ไป” คุโรเนะพูดง่าย ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ที่ชักจะเริ่มตึงเครียดกว่าเก่า

“รอที่นี่นะ เดี๋ยวกลับมา ห้ามตามไปล่ะ” ร่างบอบบางสั่งเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เรย์จิจึงได้แต่พยักหน้ารับ แล้วทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะใกล้ ๆ “โอเค ๆ อย่าฆ่าใครก็แล้วกัน” เขาพึมพำอย่างยอมแพ้ ไม่นึกห่วงซากุระสักเท่าไหร่ เพราะรู้ซึ้งถึงฝีมือเป็นอย่างดี

“ไม่รู้ใครจะฆ่าใครกันแน่” ร่างบอบบางพึมพำเป็นปริศนา ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคุโรเนะ

คำพูดนั้นเล่นเอาเรย์จิแปลกใจ แต่ก็ไม่ทันได้ถาม เด็กหนุ่มมองออกไปที่หน้าต่างพลางถอนหายใจ เมื่อไหร่เรื่องยุ่ง ๆ จะจบลงด้วยดีเสียที

ก็หวังว่ามันจะจบด้วยดีล่ะนะ…


...........................................


บนดาดฟ้ามีไฟนีออนติดอยู่แค่ไม่กี่ดวง จึงทำให้บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างมืด แสงไฟจากตึกไกลออกไป ดูสวยงามระยิบระยับ ราวดวงดาวบนท้องฟ้า แต่มันไม่ได้ทำให้คนสองคนบนดาดฟ้านี้สนใจขึ้นมาได้

ร่างสูงของคุโรเนะยังคงมีรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อมองมายังอีกฝ่ายที่ตึงเครียดเป็นทวีคูณ

“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าเธอเสียหน่อย จำไม่ได้หรือไง ฉันเคยปล่อยให้เธอรอดชีวิต…มาแล้วครั้งหนึ่งนะ” เขาพูดราวกับทวงหนี้บุญคุณ

“ฉันไม่ได้ขอร้องให้ไว้ชีวิตสักหน่อย!” ซากุระตอบเสียงกระชาก พอย้อนอดีตกลับไป เขาก็ยิ่งเจ็บแปลบ

“แล้วมีอะไรจะพูดล่ะ” ร่างสูงแกร่งกว่าถามขึ้นช้า ๆ

ซากุระมองมาก่อนจะตอบว่า “นายมีจุดประสงค์อะไร ที่จะต้องเข้าใกล้พวกเรา”

คนฟังอมยิ้ม “เธอก็รู้ดีอยู่แล้วนี่…ฉันก็มาเอาของ ๆ ฉันคืน ฝากไว้นานแล้วไม่ใช่หรือไง”

“ไม่…นายไม่มีสิทธิ์!”

ดวงตาวาวจับจ้องมา พลางถามช้าชัด “ใครกัน…ที่ไม่มีสิทธิ์!”

มือบอบบางกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อไม่รู้ตัว …คำพูดที่แทงใจนัก แต่เขา…จะต้องไม่หวั่นไหวอีก จะอย่างไร  ก็ต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้

“นายอยากให้เขาตายหรือไง”

ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มเหี้ยมน้อย ๆ “จะตายหรือไม่ เขาก็เป็นของฉัน…คนเดียวเท่านั้น”

“ฉันไม่ยอมเด็ดขาด ไปจากพวกเราซะ” ดาบสั้นที่แอบซ่อนไว้ถูกชักขึ้นอีกครั้ง ปลายของมันจ่อมายังอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

คุโรเนะถอนหายใจ “ไหนว่าจะมา ‘คุย’ กันไง”

“ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง มันก็ต้องใช้กำลัง!” ซากุระตอบเสียงเครียด

“จะทำบาปอีกงั้นเหรอ คน ๆ นั้นคงไม่ปลื้มหรอกนะ” ชายหนุ่มพูดต่อ

คำพูดนั้นคล้ายกรีดลงบนหัวใจอย่างจัง

‘…บาปทั้งหมดของนาย เป็นบาปของคนบงการ หรือก็คือชั้นเอง เป็นชั้น..ที่จะต้องชดใช้ นายไม่ได้ทำผิดอะไรทั้งนั้น…’

คำพูดนั้น…ยังคงจำได้เสมอมา

“บาปของฉัน ฉันชดใช้เองได้ ไม่ว่าจะต้องฆ่าอีกสักกี่คน ถ้าเพื่อคน ๆ นั้น ฉันก็จะทำ!” ร่างบอบบางโต้อย่างแน่วแน่

“ถ้าฆ่าคน โทษที่ได้รับ ก็คือความตายนะ คนพวกนั้นที่จับตามองพวกเธออยู่…ไม่มีทางปล่อยเธอแน่ รวมถึง..คน ๆ นั้นด้วย” คุโรเนะพูดเบา ๆ

"หรือว่าเธอไม่รู้ ว่าคน ๆ นั้น...ใช้ชีวิตตัวเอง ค้ำประกันพวกเธอทุกคนอยู่...ถ้าเธอฆ่าคนอีก คน ๆ แรกที่จะโดนพิพากษา ก็คือเขา ไม่ใช่เธอ!"

คำพูดนั้นเล่นเอาคนฟังตะลึงไป เขาไม่มีทางลืมหรอก...ถึงสิ่งที่คนผู้นั้นเสียสละเพื่อพวกเขา...ตลอดมา

“นายรู้?”

ใบหน้าแกร่งมีรอยยิ้ม “ฉันรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามันจะเกี่ยวข้องกับ…คนของฉัน!”

ซากุระมองอีกฝ่ายนิ่งนาน "นายรู้มั้ย ว่าเขาแย่ขนาดไหน ตอนที่ฉันพาเขามาในครั้งนั้น...เขาไม่คิดจะมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ ...แล้วถ้าให้เจอกับนายในตอนนี้...เขาอาจจะเป็นแบบนั้นอีกก็ได้"

คนฟังยืนนิ่งไม่ตอบคำ

"หรือว่า...นายจะมาเพื่อล้างแค้นกับโคโตะ?" เสียงเฉียบขาดถามกลับ

คุโรเนะยังคงไม่พูดอะไร

ซากุระยังคงจ้องมองมา มือที่จับดาบสั่นน้อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจยื่นมาให้ ดวงตาเรียวยาวมองมาอย่างวิงวอน

"เป็นฉันเอง...ที่ทำให้องค์กรของนายต้องล่มไป เป็นฉัน..ที่จัดการคนของนายทั้งหมด...ไม่ใช่โคโตะ...ถ้าบาปนี้ต้องการใครสักคนมาชดใช้ ถ้ามันจะระบายความแค้นของนายให้ลดลงได้บ้าง จะฆ่าฉันก็ได้ แต่ขอร้อง…อย่ายุ่งกับเขาอีกเลย”

คนฟังถอนใจยาว พลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันเคยพูดแล้ว และจะพูดอีกครั้ง ฉันไม่ทำอะไร คนสำคัญของโคโตะ ฉันไว้ชีวิตเธอ”

ดวงตาเรียวยาวจ้องมองมาอย่างเคือง ๆ “ก็ได้ ถึงฉันจะห้ามนายไม่ได้ แต่ฉันจะไม่มีวัน…ยอมให้นายเข้าใกล้โคโตะ…ไม่อย่างเด็ดขาด!”

ซากุระว่าพลางสะบัดหน้าจากไป ทิ้งให้อีกฝ่ายมองตาม ใบหน้านั้นยังคงมีรอยยิ้ม ที่ไม่อาจคาดเดาความหมายใด ๆ ได้…


...................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/1 อัพ 11-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 11-04-2010 16:21:39
เฮ้อ เรื่องราวชักยุ่งแล้วนะเนี่ย แถม...ตัวปัญหานั่นก็ดันฉลาดเกินไปอีก

แอบสงสารทาโนเอะ กดดันมากสินะ

(คิดอีกที รึจะสงสารซากุระคุงดี? ท่าทางจะสมหวังยาก)
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/1 อัพ 11-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 11-04-2010 21:27:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/1 อัพ 11-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-04-2010 11:24:01
มันเหมือนจะเศร้ายังไงไม่รู้
มาโอก้อต้องมีเหตุผลเหมือนกันที่ทำแบบนี้
ตามลุ้นต่อไปค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/1 อัพ 11-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 14-04-2010 01:43:20
ชักซับซ้ัอนขึ้นเรื่อยๆ

แล้วนะ


เอ...


แล้วใครจะคุ่กับเรย์จิเนี่ย


-..-

หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 13/2 อัพ 14-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 14-04-2010 18:08:24
(ตอนที่ 13/2)


หลังจากรอมาได้พักใหญ่ ซากุระก็กลับมา ด้วยท่าทางคุกรุ่นราวภูเขาไฟแทบระเบิด มาคุกว่าเดิมอีกหลายเท่า เรย์จิมองคนด้านข้างที่แสนน่ากลัวนั้นโดยไม่ได้พูดอะไร เขาไม่รู้ ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน แต่ที่แน่ ๆ ผลลัพธ์ของมัน คงไม่ดีนักหรอก

ยูเมะกับซานะมองมาเช่นกัน เรย์จิได้แต่ส่ายหน้า เป็นนัยว่าอย่าไปรบกวนคนด้านข้างเลย ทั้งหมดจึงกลับบ้าน ด้วยบรรยากาศที่กดดันกว่าเดิม

"เรย์จิคุงทำอะไรซากุระคุงหรือเปล่า" ซานะแอบกระซิบถาม

"อย่างเรย์จิคุงน่ะเหรอ จะแกล้งใครได้" ยูเมะว่ายิ้ม ๆ ในขณะที่ซากุระยังคงเดินนำหน้าไปอย่างเงียบ ๆ ทำทีไม่ใส่ใจคนที่เหลือซึ่งกำลังนินทาอยู่ในระยะเผาขน

เด็กหนุ่มถอนหายใจ "ใช่สิ ผมจะไปแกล้งใครได้ล่ะ ขนาดเรื่องคอขาดบาดตาย ยังไม่เคยมีใคร...คิดจะปรึกษาผมเลย"

มือน้อย ๆ จับมือเขาไว้ "ผมขอโทษนะฮะเรย์จิ สำหรับเรื่องคราวก่อน" ซานะพูดเบา ๆ

เรย์จิยิ้มให้พลางตบบ่าเล็กเบา ๆ "ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเข้าใจแล้ว ครั้งหน้ามีอะไร ก็มาปรึกษาได้นะ..." เขาพูดพลางเหลือบมองคนด้านข้างอีกคน ที่ยังคงเฉยชา

"ผมช่วยอะไรไม่ได้มากก็จริง แต่อย่างน้อย...ก็ช่วยคิดช่วยรับฟังได้ รู้ไหมซานะจัง การได้ระบายความในใจที่อัดอั้นออกมาบ้าง มันจะทำให้เราเห็นหนทางต่อไป แถมยังได้คนช่วยคิดช่วยรับฟังด้วยนะ"

เขาพูดต่อด้วยเสียงที่ไม่เบานัก เพราะต้องการให้อีกคนได้รับฟังเช่นกัน

ซานะหันมายิ้มให้ "เข้าใจแล้วฮะ เรย์จิคุง"

"ยูเมะก็เข้าใจค่า เรย์จิคุงน่ะ...ใจดีที่สุดเลย" เด็กหญิงตอบอย่างยิ้มแย้ม

เดินมาไม่นานก็ถึงร้าน ซึ่งภายในเปิดไฟสว่างไว้บางจุด ทาโนเอะยังคงรอคอยทุกคนอยู่เหมือนวันก่อน แต่ในวันนี้ มีฮิโรอากิอยู่เป็นเพื่อนด้วย คงเป็นฝีมือกล่อมแกมขอร้องของซากุระ ที่จะไม่ยอมให้หญิงสาวต้องอยู่ตามลำพังอีก

นัยน์ตากลมโตของทาโนเอะดูเศร้ากว่าทุกวัน แม้จะพยายามปกปิดมันไว้ เรย์จิมองมาอย่างไม่เข้าใจนัก หรือกระทั่งที่ร้าน ก็มีเรื่องด้วย?

บรรยากาศชวนอึดอัด เมื่อต่างคนต่างอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง มีอะไรก็ถามคำตอบคำ

ไม่มีใครกล้าถาม...และไม่มีใครเล่า

ทุกอย่างกลับมีแต่ความเงียบงัน กระทั่งเด็ก ๆ เอง ก็ยังเงียบตามไปด้วย

"คุณทาโนเอะ ไม่สบายหรือเปล่าครับ" เรย์จิตัดสินใจแทรกขึ้น หญิงสาวแทบสะดุ้ง เธอฝืนยิ้มแล้วตอบว่า "ฉันปวดหัวนิดหน่อยน่ะ"

"ถ้าอย่างนั้นที่เหลือผมจัดการเอง ไปพักเถอะนะ" ฮิโรอากิที่มองอยู่เช่นกันขยับเก็บของ หญิงสาวยิ้มขอบคุณ แล้วเดินกลับห้องไป ซากุระมองตามแผ่นหลังบอบบางนั้นไปอย่างครุ่นคิด แต่ก็ยังคงไม่พูดอะไรเช่นเคย

เรย์จิที่มองทั้งคู่อยู่จึงตัดสินใจได้ เขาคงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ต่อไปนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว คงต้องคุยตรง ๆ กับซากุระและพยายามเปิดใจอีกฝ่ายให้ได้

ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป ซากุระและเรย์จิที่ยังคงอยู่ห้องเดียวกัน ก็เข้าห้องไปเช่นกัน หากในวันนี้ ร่างบอบบางกลับทำท่าจะออกไปอาบน้ำก่อน อย่างจงใจหลีกเลี่ยงชัดเจน

ทว่าซากุระที่กำลังจะเดินออกไป กลับถูกมือของเด็กหนุ่มดึงเอาไว้

"เดี๋ยวก่อนสิครับ ผมมีเรื่องสำคัญ ที่อยากจะคุยด้วย"

สายตาที่ดูจะไม่พอใจนักมองกลับ "เรื่องของฉัน ฉันแก้ไขเองได้" เสียงราบเรียบพูดขึ้นแกมหงุดหงิด

เรย์จิยิ้มน้อย ๆ "ถ้าไม่อยากให้คุณทาโนเอะรู้เรื่องนี้ มาคุยกับผมเถอะครับ" เด็กหนุ่มงัดไม้ตายออกมา

ดวงตาเรียวยาวถลึงใส่อย่างไม่พอใจ "นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ"

"ผมก็ไม่ได้ล้อเล่น คุณทาโนเอะ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่นี่ ถ้ามีปัญหา ที่คุณไม่ยอมบอกใคร ไม่ยอมกระทั่งให้ผมรับฟัง...ผมก็จำเป็น ที่จะต้องไปปรึกษาเธอ" เรย์จิพูดหน้าตาย

มือบอบบางกำแน่น "นาย...คิดจะข่มขู่ฉันเรอะ"

เรย์จิส่ายหน้าเบา ๆ "ผมต้องการจะช่วยต่างหาก มันถึงเวลาแล้วไม่ใช่เหรอครับ ที่พวกคุณจะต้องบอกผมสักที ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

ซากุระมองมาแล้วถอนใจยาว บางที...เขาอาจจะเก็บเรื่องราวไว้คนเดียว นานเกินไปแล้ว

"นั่งลงสิ ฉันจะเล่าให้ฟัง" ร่างสูงโปร่งพูดในที่สุด


.....................................


ห้องไม่ห่างไปเท่าใด เป็นห้องส่วนตัวของหญิงสาว ทาโนเอะทรุดตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จดหมายฉบับหนึ่ง ยังคงวางอยู่ตรงนั้น ดวงตากลมโตมองมันด้วยแววตาที่เศร้าใจ

มือบอบบางหยิบมันขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเปิดอ่าน

เธออ่านข้อความในนั้นซ้ำอีกรอบ...เป็นรอบที่เท่าใด ก็ไม่แน่ใจนัก หยาดน้ำหยดหนึ่งตกกระทบตัวกระดาษจนเปียกเป็นรอยกลม น้ำ...จากดวงตาที่ปวดร้าวแกมยินดี

...ข้อความในจดหมาย ทำให้เธอได้รู้เรื่องหนึ่ง

เขาคนนั้น...ยังอยู่

จดหมายฉบับนี้วางอยู่ในห้องของเธอ ตั้งแต่ตอนไหนเธอเองก็ไม่รู้ ในตอนเย็นที่หวนกลับมายังห้องพัก มันก็วางอยู่แล้ว

คน ๆ นั้น...กำลังจะมาทวง...ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาคืน

ถึงเวลาแล้วกระมัง ที่เธอจะต้องชดใช้...

วิกผมยาวถูกถอดออก ร่างบอบบางมองเงาสะท้อนในกระจกของตนเอง พลางทอดถอนหายใจ คงถึงเวลาแล้ว...ที่เขาจะต้องกลับมา...เป็นโคโตะ...ดังเดิม

มือเรียวยาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไป เสียงตามสายนุ่มนวลทักกลับมาอย่างเป็นกันเอง ...ใช่ แม้ว่าคนรับจะรู้ดี ว่าทุกครั้งที่เธอโทรมา...จะนำปัญหามาให้เสมอ แต่คนผู้นี้ก็ยังช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้ โดยไม่เคยปฏิเสธ

แต่เธอรู้ดี ว่าครั้งนี้...ต่อให้เป็นเขา ก็คงจะช่วยไม่ได้

บาปของใคร คนผู้นั้นก็ต้องชดใช้เอง

จะให้ใครมารับแทน มันย่อมเป็นไปไม่ได้!

"เรอิจิ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณ" น้ำเสียงนั้นกลับไปเป็นเสียงของผู้ชายอีกครั้ง...เป็นเสียงของโคโตะ ที่ไม่เคยใช้มาเป็นปี ๆ

ร่างบอบบางหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าขึ้นพูดต่อไป "ผมคงดูแลพวกเด็ก ๆ ต่อไปไม่ได้แล้ว คุณจะหาใครมาดูแลพวกเขาแทนผมได้ไหมครับ"

เสียงตามสายเงียบไปเป็นครู่ ก่อนจะตอบอย่างอ่อนโยนว่า "ถ้าเธอเลือกแล้ว ก็จงทำตามที่คิดเถอะ เรื่องอื่น...ฉันจัดการเอง"

ดวงตาคู่สวยพร่าไปด้วยน้ำตา มือเรียวเช็ดมันออกไป "ขอบคุณนะครับ...เรอิจิ ฝากทุกคนด้วย"

"อดีตน่ะ เป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว...ฉันก็ยังอยากให้เธอ มองในปัจจุบัน และอนาคตมากกว่านะ" ชายหนุ่มที่อีกปลายสาย พยายามจะเตือน

โคโตะได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่มีอนาคต...สำหรับผมอีกแล้ว"

คนฟังถอนหายใจยาว "เพราะเธอ..ไม่เคยมองหามันมากกว่า แต่เอาเถอะ...ฉันก็ได้ให้เวลาเธอเพื่อตัดสินใจมานานมากแล้ว ถ้าเวลาที่ผ่านมา มันไม่ได้ช่วยเยียวยาหัวใจของเธอได้...ก็แล้วแต่การตัดสินใจของเธอเองเถอะนะ"

ใบหน้าที่เศร้าสร้อยยิ้มกับโทรศัพท์นั้น เขาเป็นหนี้บุญคุณคนผู้นี้...เสมอมา และคงจะไม่สามารถชดใช้ได้หมด ในชาตินี้...

"ผมขอโทษ ที่ทำให้คุณ...ต้องผิดหวัง แต่ยังไง ก็ขอบคุณมาก ๆ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำให้พวกเรา...ลาก่อนนะครับ"

มือนั้นวางหูโทรศัพท์ไป จดหมายบนโต๊ะ ยังคงวางอยู่ที่เดิม ร่างบอบบางมองมันเนิ่นนานพลางครุ่นคิด

พรุ่งนี้แล้วสินะ...ที่เขาคงต้องจากไป!


..........................................


ยามเช้าวันใหม่ที่มาเยือน เรย์จิยังคงตื่นแต่เช้า เขายังทำตัวเป็นปกติ แม้ว่าจะได้ฟังเรื่องราวที่ไม่ปกติมาเกือบทั้งคืน...

เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไม ทุกคนที่นี่ จึงได้ทุกข์ทรมาน
ทำไม...ทุกคนจึงไม่อยากเล่าอะไรให้เขาได้รับฟังเลย

ซากุระเองก็ไม่ต่างกัน คืนนั้นเมื่อเล่าจบ ร่างบอบบางก็เอนกายลงบนเตียง พลางพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าเด็กหนุ่มเลยว่า

"ถึงนายจะมีสัญญากับที่นี่ 1 ปีเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้านายไม่อยากจะอยู่...ในร้านที่มีแต่ฆาตกรเช่นนี้ ก็บอกทาโนเอะไปเถอะ ฉันคิดว่า เธอคงไม่บังคับนายให้ต้องอยู่หรอกนะ"

"คุณอยากให้ผมไปเหรอครับ" เรย์จิถามเบา ๆ

ซากุระมองมาอย่างเฉยเมย "ไม่มีใครอยากจะอยู่กับฆาตกรหรอก คนบาปจะอย่างไรก็คือคนบาป พวกเรา...ไม่ได้หวังจะได้รับการให้อภัย มาเนิ่นนานแล้ว"

"พวกคุณไม่ได้อยู่เพียงลำพังนะครับ" เด็กหนุ่มพูดขึ้น ขยับตัวเข้าไปใกล้อาณาเขตที่เคยโดนกางกั้นไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาทรุดตัวนั่งที่ข้างเตียง ที่มีอีกฝ่ายนอนอยู่ มือของเขา จับมือบอบบางนั้นไว้ ไม่มีรังสีฆ่าฟัน หรือการปฏิเสธเหมือนเคยอีก มีแต่เพียงดวงตาคู่งามที่ทอแววประหลาดใจ

"คุณคงทรมาน ที่จะต้องเล่าเรื่องทุกอย่างอีกครั้ง ขอโทษนะครับ ที่ผมไม่เคยเข้าใจพวกคุณเลย แต่ว่าตอนนี้...ผมเข้าใจแล้ว และก็...พร้อมที่จะช่วย ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม…ถึงจะไม่มีใครรับฟังพวกคุณ ผมจะรับฟังเอง ถึงจะไม่มีใครเข้าใจ ผมจะเข้าใจมันเอง…และผม…จะให้อภัย…ในสิ่งที่พวกคุณทำเอง" เด็กหนุ่มว่าด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

ใบหน้าที่เคยเย็นชากลับมีรอยยิ้ม "คืนนี้ นอนด้วยกันบนเตียงกับฉันได้ไหม"

คำพูดอ้อนผิดคาดทำให้อีกฝ่ายอึ้งไปแล้วอย่างตกใจ ซากุระคนนั้น...ขอให้เขานอนเป็นเพื่อน?

"ไม่ได้สินะ ใครจะไปอยากนอนร่วมเตียงกับฆาตกร บางที...อาจจะไม่ได้ตื่นมาอีกเลย ในวันพรุ่งนี้ก็ได้" ร่างบอบบางพึมพำ พลางจะดึงมือที่ถูกจับไว้ออก หากเรย์จิกลับไม่ยอมปล่อย

"มะ..ไม่นะครับ ผมไม่ได้รังเกียจคุณ ถึงจะเป็นฆาตกร...ถึงจะไม่ได้ตื่นมาอีกเลยพรุ่งนี้ ผมก็..." ใบหน้าเยาว์วัยแดงเรื่ออีกครั้ง "แต่ว่า...คุณเป็นผู้หญิง...มัน...เอ่อ.."

"ก็ลองปล้ำดูสิ นายมีชีวิตเหลืออีกแค่ไม่กี่วินาทีแน่ ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก ฉันรับรอง!" คนพูดขู่กลับ แม้จะไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนเดิมเลยสักนิด

"ผมไม่กล้าหรอก" เรย์จิยิ้มแห้ง ๆ "แค่ได้นอนข้าง ๆ ก็เป็นเกียรติมากแล้ว"

มือข้างนั้นจับไม่ยอมปล่อย เด็กหนุ่มเลยต้องนอนต่อไปในลักษณะนั้น...และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้นอนจับมือ...กับผู้หญิง (จริง ๆ) เสียที เด็กหนุ่มคิดอย่างชื่นมื่น ต่อให้ในคืนนั้น ถึงจะต้องตาย เขาก็นอนตายตาหลับแล้ว

เรย์จิกวาดลานหน้าบ้านไปพลางหน้าแดงไปด้วย เรื่องเมื่อคืนทำเอาเขาลืมไม่ลงเลยทีเดียว แต่ในวันนี้ กลับมีบางอย่างผิดปกติไป

ทาโนเอะผู้ไม่เคยตื่นสายกลับยังไม่ลงมา แม้เวลาจะล่วงเลยไปนานพอสมควรแล้ว

"คุณทาโนเอะ ยังไม่ตื่นอีกเหรอครับ" เขาพึมพำถามซากุระอย่างเขินนิดหน่อย อดนึกถึงเมื่อคืนไม่ได้เสียทุกที

"นั่นสิ...ทาโนเอะไม่เคย..." ซากุระนึกขึ้นได้อย่างตกใจ "ฉันจะไปดูที่ห้องนะ" ว่าแล้วเขาก็รีบวิ่งขึ้นไปทันที โดยมีเรย์จิตามไปด้วย

"คงไม่ได้...หายไปอีกนะ" เรย์จิพึมพำ คนบ้านนี้ไม่รู้ทำไม พอมีปัญหาล่ะชอบทำตัวหายสาปสูญเสียจริง

มือบอบบางเคาะห้องหญิงสาวถี่ยิบ แต่ก็ไม่มีใครมาเปิด ซากุระตัดสินใจลองบิดประตูดู และพบว่าประตูไม่ได้ล็อค

ห้องนั้นยังเหมือนเดิม ข้าวของทุกอย่าง จัดวางไว้เป็นระเบียบ สมกับเป็นทาโนเอะ หากสิ่งที่ไม่ปกติก็คือ...ไร้ซึ่งร่างของหญิงสาวเจ้าของห้องเสียแล้ว!

ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มีจดหมายวางอยู่ ไม่ใช่จดหมายฉบับเมื่อคืน แต่เป็นจดหมายถึงทุกคน

เรย์จิรีบเปิดมันออกมาอ่านทันที

"แย่แล้ว ซากุระคุง คุณทาโนเอะ..."

จดหมายฉบับนั้น เขียนบอกไว้ว่า...ผู้จัดการคนใหม่ จะมาถึงในตอนเช้าวันนี้ และมีเพียงคำขอโทษ ที่ไม่อาจดูแลทุกคนต่อไปได้

ร่างบอบบางฟังสิ่งที่เรย์จิอ่านอย่างตื่นตระหนก ทาโนเอะจากไป โดยไม่ได้เอาของไปแม้แต่ชิ้นเดียว

นั่นแสดงว่า...เธอเอง ไม่ได้คิดจะไปอยู่ที่ไหน

การไม่เอาอะไรไปเลย แสดงว่า...เธอรู้ดีว่าถึงเอาไป ก็เอาติดตัวไปด้วยต่อไม่ได้

เธอคงตั้งใจที่จะไปชดใช้...ด้วยชีวิต!

"ต้องเป็นมาโอ...แน่ ๆ เลย" ซากุระพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น คน ๆ นั้น...ชิงลงมือก่อนจนได้

เขาจะไม่ยอมให้ทาโนเอะต้องเป็นอะไรไปอย่างเด็ดขาด ร่างบอบบางจึงผลุนผลันออกไปแทบจะในทันที


.........................................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/2 อัพ 14-4-10 จบในตอน (เอางี้ละกัน มันมีทุกระดับเรท)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 15-04-2010 01:40:00
 :serius2: ม่ายยยยยยยย
ตัดจบได้ค้างคามากมาย
กำลังลุ้นเลยค่ะ ตื่นเต้นๆๆ

รีบมาต่อนะคะ พลีสสสส
เป็นกำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/2 อัพ 14-4-10 จบในตอน (เอางี้ละกัน มันมีทุกระดับเรท)
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 16-04-2010 00:54:28
ม่ายน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :o12:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/2 อัพ 14-4-10 จบในตอน (เอางี้ละกัน มันมีทุกระดับเรท)
เริ่มหัวข้อโดย: mayamay ที่ 16-04-2010 01:13:17
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :serius2:

ค้างอย่างรุนแรงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :a5: :o12:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/2 อัพ 14-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 16-04-2010 17:28:41
โอ้ ไคโตะคุง...เลือกใช้วิธีนี้จบปัญหารึนี่!?

แต่นะ เราว่ามันจะยิ่งยุ่งมากกว่าล่ะมั้งเนี่ย
ปล. เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/2 อัพ 14-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 16-04-2010 17:41:06
เคลียร์ไงดี
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 13/2 อัพ 14-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 16-04-2010 22:12:42
ค้างงงงงงงงมากๆๆ
 :L2:
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 19-04-2010 17:38:40
(จบตอนที่ 13)


ซากุระออกไปแล้ว อย่างรวดเร็วจนห้ามปรามไม่ทัน เรย์จิได้แต่ส่ายหน้า ซากุระจะรู้หรือ ว่าจะไปตามทาโนเอะได้ที่ไหน เด็กหนุ่มอ่านจดหมายนั่นซ้ำ ข้อความนั่นบอกไว้ ว่าจะมีคนดูแลแทนมาในเช้าวันนี้

เขาค่อนข้างแน่ใจ ว่าทาโนเอะ ไม่ได้รู้จักใครที่ไหนมากนัก นอกเสียจาก...พ่อของเขาเอง

ก็หมายความว่า พ่อของเขาต้องรู้เรื่องนี้แล้วแน่นอน!

"อ้าว เรย์จิ วิ่งวุ่นอะไรแต่เช้าน่ะ" อายาเมะที่โผล่ออกมาจากห้องด้านข้างพร้อมฮิโรอากิถามเขา แต่ไม่ได้รับคำตอบ ยูเมะกับซานะที่โผล่มาดูก็เช่นกัน พวกเขากำลังเตรียมตัวจะลงไปข้างล่างพอดี

"มีอะไรเหรอฮะ" ซานะถามขึ้นบ้าง

สองคนที่หน้าประตูอีกฝั่งส่ายหน้าเบา ๆ แล้วมองเรย์จิที่วิ่งไปยังโทรศัพท์ซึ่งตั้งอยู่ชั้นล่าง

มือมั่นคงกำลังกดเบอร์ถี่ยิบ ...เป็นเบอร์โทรศัพท์ที่พ่อเคยให้ไว้ และบอกกับเขาว่า มันสามารถโทรไปได้ทุกส่วนของโลก แต่พอลองโทรเข้าไปจริง ๆ เขากลับพบว่า แท้ที่จริงแล้ว...ในตอนนี้ เรอิจิ ไม่ได้อยู่ที่แอฟริกาดังที่เคยบอกไว้

คน ๆ นี้ ยังอยู่ในประเทศ ไม่ได้ออกไปไหนเลย!

หลอกเขาอีกแล้วสินะ เจ้าพ่อบ้า เด็กหนุ่มนึกในใจอย่างโมโห เสียงตามสายที่ตอบกลับมา ยิ่งชัดเจนนัก

"มีอะไรรึเจ้าลูกชาย"

"พ่อ เกิดอะไรขึ้นกับคุณทาโนเอะ บอกผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะฮะ"

คนฟังหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อน "อยากจะรู้จริง ๆ งั้นเหรอ"

"แน่สิฮะ มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายนะพ่อ ทำไมยังใจเย็นอยู่ได้"

"ก็มาเปิดประตูสิ พ่ออยู่หน้าร้านแล้วเนี่ย"

คำพูดผิดคาดทำให้ร่างสูงของเด็กหนุ่มอึ้งไป เจ้าพ่อบ้าของเขา กำลังเล่นอะไรอยู่เนี่ย เรย์จิคิดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปเปิดประตูรับ

"ไง สบายดีไหม ไอ้ลูกชาย" ที่หน้าประตู ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสบาย ๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายขึ้นอย่างเป็นกันเอง แน่นอนแล้ว...นี่คือเรอิจิ พ่อของเขา

"ไม่ได้เจอกันนานนะ"

คนที่เหลือเดินตามลงมาอย่างงง ๆ "อ้าว เรอิจิ มาได้ยังไง" ฮิโรอากิทัก พอเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของเรย์จิ ทุกคนก็เงียบไป

"คุณทาโนเอะ...หายไปครับ ซากุระคุงกำลังไปตาม" เรย์จิละล่ำละลักตอบ

"หา...!" ทุกคนแทบยืนไม่ติดที่ "ต้องรีบไปตามหาแล้ว"

“ไม่ต้องตกใจกันขนาดนั้นก็ได้” เรอิจิพูดพลางอมยิ้ม

“ฉันรู้ที่อยู่ของทาโนเอะ”


………………………………………………..


ร่างโปร่งบางในรูปลักษณ์ของชายหนุ่ม เดินเข้าไปในตึกตามแผนที่ซึ่งเขียนไว้ในจดหมายที่พบในห้อง ตึกแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวร้านสักเท่าไหร่ เป็นอพาร์ตเมนต์หลังเล็กที่แบ่งให้เช่าที่อยู่ในมุมอับไม่สะดุดตา ร่างเล็กเดินขึ้นไปชั้นสองพลางไล่ตามเบอร์เลขห้อง ก่อนจะมาหยุดยืนที่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง ซึ่งเขียนเอาไว้ในจดหมาย

นิ้วเรียวกดกริ่งเบา ๆ แล้วกรอกเสียงผ่านช่องอินเตอร์โฟนเข้าไปว่า "ชั้นมาแล้ว"

เงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงหนักแน่นตอบกลับมา

“เข้ามาสิ โคโตะ”

คนหน้าประตูชะงักเมื่อได้ยินเสียง เสียงนั้น…เขาไม่มีวันลืม…มาโอะ ยังไม่ตายจริง ๆ!

ร่างบอบบางตัดสินใจก้าวเข้าไปภายใน ห้องไม่กว้างนักมีข้าวของอำนวยความสะดวกครบ จากที่ดูคร่าว ๆ คงมีคนอยู่อาศัยมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

แสดงว่ามาโอะ อยู่ที่นี่มานานแล้วงั้นหรือ?

อาศัยอยู่ที่นี่ โดยไม่คิดแม้แต่จะติดต่อเขา ว่ายังมีชีวิตอยู่

ทำไมกันล่ะ?

ร่างสูงกำยำที่นั่งเอนกายบนโซฟามุมหนึ่งของห้องทักทายขึ้นก่อนว่า “ไง โคโตะ ไม่เจอกันเสียนานเชียวนะ”

โคโตะมองมาด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา ความยินดีเอ่อท้นหัวใจเขา …ยังมีชีวิต…ยังหายใจอยู่…มาโอะ ยังไม่ตายจริง ๆ

"มาโอะ..." เสียงเรียกสั่นครืออย่างไม่อาจหักห้ามใจได้

คนบนโซฟายิ้มรับ “นายจะมาฆ่าฉัน…อีกครั้งหรือไง”

ร่างบอบบางสะดุ้ง รู้ดีว่าโดนอีกฝ่ายย้อนเข้าให้แล้ว สีหน้าเศร้าสร้อยได้แต่พึมพำ “ขอโทษนะมาโอะ.. แต่คราวนี้...ชั้นมา…ให้นายลงโทษต่างหาก”

“หึ คราวก่อนนายก็พูดแบบนั้น แต่ก็ฆ่าฉันหน้าตาเฉยนะ” มาโอะพูดต่อ

คนฟังซึมไปกว่าเดิม “ขอโทษ… แต่ครั้งนี้มันคือความจริง…นายจะโกรธหรือเกลียดชั้นก็สมควรแล้ว…ชั้นผิดเอง”

“มานี่สิ” เสียงห้วนสั้นออกคำสั่ง ร่างบอบบางขยับเข้าไปหา

“ฆ่าชั้นสิ…เหมือนที่ชั้นเคยทำกับนาย…ชั้นยินดีชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง”

มาโอะยิ้มให้ “ฉันฆ่านายแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ นอนลงซะ บนเตียงนั่นแหละ”

โคโตะนอนลงอย่างว่าง่าย เขาตั้งใจแล้ว…ไม่ว่าจะโดนทำอะไร หรือต้องตาย เขาก็จะไม่บ่นสักคำ เพราะนี่..คือการชดใช้ ต่อบาปที่เขาเองได้ทำลงไป ไม่ว่าจะทำร้ายจิตใจ หรือกระทั่งร่างกาย ของคนผู้นี้

มือคล่องแคล่วล็อคร่างนั้นไว้กับเตียงอย่างแน่นหนา จนขยับไม่ได้ ใบหน้าแกร่งยิ้มเยือกเย็น

“ฉันไม่ฆ่านายตอนนี้หรอก…เดี๋ยวเด็กของนายก็คงจะตามมา โทษของนาย…แค่ความตาย มันไม่สาสมหรอก ฉันจะฆ่าเด็กพวกนั้น…ทีละคน ต่อหน้านาย!”

ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เขาคิดไม่ถึง ว่ามาโอะ...จะโกรธแค้นขนาดนี้

“ไม่นะ พวกเขาไม่เกี่ยว…นายจะทำร้ายไม่ได้…ชั้นขอร้อง ฆ่าชั้นซะเถอะ แล้วปล่อยพวกเขาไป”

เสียงเข้มหันมาพูดอย่างดุ ๆ “นายไม่มีสิทธิ์จะอุทธรณ์ นายเป็นของชั้น…คนเดียว…นายเท่านั้น ที่ฉันจะไม่ทำอะไร…ส่วนคนอื่น ทุกคน…ที่ทำให้นายทรยศต่อชั้น….ชั้นจะฆ่าพวกมันให้หมด!” ดวงตาคมเป็นประกายวาบ ดูเลือดเย็นไม่เหมือนกับมาโอะที่เขาเคยรู้จักแม้แต่น้อย

“ไม่!!! อย่าทำอะไรพวกเขานะมาโอะ..นายเคยเป็นมาโอะที่ใจดีไม่ใช่เหรอ นาย…ทำตามที่ชั้นขอร้องเสมอ ครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ก่อนที่ชั้นจะตาย ได้โปรด รับฟังคำขอร้องของคนใกล้ตายด้วย อย่าทำอะไรพวกเขา”

มาโอะมองมาแล้วจัดการมัดปิดปากนั้นไว้ด้วยผ้าไม่ให้อีกฝ่ายออกเสียงได้

“ดูอย่างเดียวพอ…นายมีหน้าที่ดูเท่านั้น เพื่อการแก้แค้นของฉัน!”

ดวงตาคู่สวยหลับลงอย่างเจ็บปวด…ทำไมล่ะ…เขายอมมาที่นี่ เพื่อไม่ให้ใครต้องเดือดร้อนแล้ว ทำไม…มันกลับกลายเป็นว่า เขาชักนำภัยมาสู่คนที่รักอีก ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจที่จะยุติเรื่องทั้งหมด ด้วยตัวเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

ในตอนนี้ เขาไม่มีปัญญาแม้กระทั่งจะขยับ แล้วจะช่วยทุกคนได้อย่างไร

อย่ามาเลยนะ ได้โปรดเถอะ อย่าสนใจคนบาปอย่างเขาเลย อีกไม่นานคนดูแลคนใหม่ที่เรอิจิรับปากไว้ก็จะมาแล้ว คน ๆ นั้น…ต้องดูแลได้ดีกว่าเขาเองแน่ ๆ

ได้โปรด…อย่ามาเลยนะ ทุกคน…

ดวงตานั้นมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ร่างที่เลิกดิ้นรน ได้แต่ภาวนา

ขออย่าให้ใครต้องมารับกรรมเพราะเขาอีกเลย!


……………………………………………….


เวลาผ่านไปพักใหญ่แล้ว ที่มาโอะยังนั่งคอยอย่างอดทน โดยไม่ได้ใส่ใจคนบนเตียงสักเท่าไหร่ จู่ ๆ บานประตูนั้นก็ถูกพังเข้ามาโดยแรง คนบนโซฟายังคงอมยิ้ม "ประตูไม่ได้ล็อคแท้ ๆ จะพังมันทำไมกันนะ"

เขาว่าพลางหันมามามองคนบนเตียง

"เหยื่อรายแรกของเรามาแล้วล่ะ นายอยากรู้มั้ยว่าเป็นใคร"

ร่างที่โผล่เข้ามายังหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาเรียวยาวจับจ้องมาที่เจ้าของห้องราวต้องการกินเลือดกินเนื้อด้วยความโกรธ เมื่อเห็นร่างบอบบางถูกพันธนาการไว้หนาแน่นบนเตียงใกล้ ๆ

"ปล่อยโคโตะเดี๋ยวนี้นะ มาโอ!" เขาว่าพร้อมกับชักดาบในมือมาขู่อีกฝ่ายอย่างชัดแจ้ง

ชายหนุ่มมองมาที่ร่างโปร่งบางนั้น "ซากุงั้นรึ เก่งนี่ มาได้ไวดีจริง ๆ"

ซากุระไปยังโรงเรียนสอนภาคค่ำที่พวกเขาเรียนอยู่ แล้วค้นหาประวัติและที่อยู่ของคุโรเนะ จนในที่สุด เขาก็ตามรอยมาจนเจอ

คนที่นั่งอยู่ยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียวก็ถูกแย่งอาวุธไปได้ มาโอโยนดาบไปไกล ก่อนจะล็อคร่างบอบบางนั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย ซากุระที่ออกแรงมามาก แทบตั้งตัวไม่ติดยามถูกจู่โจม ลงท้ายแล้วก็ไม่สามารถขัดขืนได้เมื่อโดนจับล็อคแขนไว้อย่างมั่นคง

"อึก...ปล่อยโคโตะนะ จะฆ่าก็ฆ่าฉัน บอกแล้วไง อย่าทำให้โคโตะเสียใจอีก"

"เธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ" เสียงราบเรียบพูดขึ้น "โคโตะจะตายหรือรอด มันก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของฉัน"

ในตอนนั้นเอง ที่ประตูถูกเปิดออกอีกรอบโดยแรง หลายคนพรวดพราดเข้ามา แล้วก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเห็นคนบนเตียง

"ทาโนเอะ!" ทุกคนเรียกขึ้นพร้อม ๆ กัน แล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นซากุระถูกจับล็อคตัวไว้อยู่เบื้องหน้า

เจ้าของห้องยังคงยิ้มรับอย่างใจเย็น "มากันแล้วงั้นหรือ แหม ครบองค์ประชุมเชียวนะ" มือของเขายังล็อคร่างซากุระไว้อย่างมั่นคง และอีกมือกลับมีปืนกระบอกหนึ่งอยู่ด้วย ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบได้

ร่างของเขาที่ยังคงเอาซากุระไว้เป็นเกราะกำบัง ยืนขวางอยู่หน้าเตียง ที่จับโคโตะไว้

หลายคนที่มองมาเริ่มรับรู้ถึงสถานการณ์ภายในห้อง "ปล่อยซากุระคุงนะ" อายาเมะพูดขึ้นทันที

"ถ้าอยากจะช่วยทาโนเอะที่รักของพวกเธอ ก็มาฆ่าชั้นสิ.." ว่าแล้วก็ผลักซากุระที่อยู่ในอ้อมแขนกลับไป อายาเมะรับร่างที่ถูกผลักเข้ามาเอาไว้ ในขณะเดียวกัน ร่างสูงนั้นกลับถอยหลังไปที่เตียงอย่างว่องไว แล้วจ่อปืนนั้นที่ขมับของโคโตะ มืออีกข้างของเขาดึงที่ปิดปากนั้นออก

"อย่าขยับ ถ้าไม่อยากให้โคโตะตาย"

ในตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว ว่าโคโตะคนนี้...คือทาโนเอะนั่นเอง แม้จะอยู่ในสภาพผมตัดสั้น เป็นชายหนุ่มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

"ปล่อยทาโนเอะนะ" เสียงยูเมะดังขึ้น

"อย่าเข้ามา...อย่าสนใจชั้นเลย ทุกคน กลับไปเถอะ..." ร่างบนเตียงในพันธนาการพยายามห้าม เขาไม่ต้องการจะสูญเสียใครอีกแล้ว ทั้งทุกคนในคาเฟ่...และตัวมาโอะเองด้วย

"ไม่นะ...ทาโนเอะเป็นแม่ของพวกเรา จะอย่างไร ก็ต้องช่วยอยู่แล้ว" ซานะว่าอย่างจริงจังไม่ยอมถอย

"ใช่...ทาโนเอะเป็นทั้งแม่..ทั้งผู้มีพระคุณ พวกเราทิ้งไปไม่ได้หรอก" อายาเมะสนับสนุน

ซากุระยังคงมองมา แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาของเขาชัดเจนจริงจังยิ่งนัก

"รักกันมากสินะ" ชายหนุ่มพึมพำ ถ้าอยากจะช่วยทาโนเอะ ก็มาฆ่าชั้นสิ อ้อ...แต่ระวังให้ดี มือชั้นไวเอาการ กระสุนอาจจะลั่นเมื่อไหร่ก็ได้" เขาพูดต่อพลางหัวเราะอย่างน่ากลัว

คนทั้งสี่มองหน้ากัน ก่อนจะพูดขึ้นว่า "พวกเราสัญญาไว้แล้ว...กับทาโนเอะ ว่าจะไม่ฆ่าใครอีก"

"เขาจะฆ่าพวกเธอนะ รีบไปซะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก" โคโตะยังพยายามตะโกนห้าม

"ถ้าพวกเราตาย แล้วเขาจะพอใจ แล้วเขาจะให้อภัยนาย...จะรักนายได้เหมือนเดิมล่ะก็...พวกเราก็ยินดี ชีวิตนี้ของพวกเรา รอดมาได้ก็เพราะนาย" ซากุระพูดอย่างแน่วแน่ ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

"อย่าทำแบบนั้น...อย่าเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งเพื่อฉัน ขอร้องล่ะ..." ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตา เขาพึ่งได้รับรู้ ว่าการที่คนอื่น...ยินดีที่จะตายเพื่อเขานั้น มันเจ็บปวดสักเพียงไหน โดยเฉพาะคนเหล่านั้น...ล้วนเป็นคนที่เขารัก

"ถ้าพวกนายไม่ฆ่าฉัน พวกนายก็จะไม่ได้โคโตะกลับไปนะ" มาโอย้ำ

"พวกเราจะไม่ฆ่าใครอีก ถ้านายไม่ปล่อยเขา เราก็จะไม่ไปจากที่นี่...จะฆ่าพวกเราก็เชิญ!" ทั้งหมดพร้อมใจกันพูดอย่างแน่วแน่

ดวงตาที่จับจ้องมาจริงจังนัก มาโอมองทุกคนทีละคนก่อนจะหัวเราะเสียงดัง

"ฉันล่ะยอมแพ้จริง ๆ เรอิจิ"

ทุกคนฟังคำพูดนั้นแล้วมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ ร่างสูงของเรอิจิ ก้าวเข้ามาพร้อม ๆ กับเรย์จิและฮิโรอากิ "ฉันบอกแล้ว ว่าการพนันครั้งนี้ นายจะต้องแพ้" เรอิจิว่าอย่างอารมณ์ดี

"หมายความว่ายังไงเนี่ยฮะพ่อ" เรย์จิถามกลับอย่างงุนงง เขาตั้งท่าจะพุ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับทุกคนแล้ว หากถูกผู้เป็นบิดาดึงตัวไว้ จวบจนตอนนี้ ถึงสามารถเข้ามาได้

"บททดสอบสุดท้าย สำหรับทุกคนน่ะสิ"

มาโอยิ้มให้ ก่อนจะค่อย ๆ แก้มัดโคโตะ

"ขอโทษนะ ที่ฉันรุนแรงกับนาย" เขาพึมพำ แต่นี่ก็...เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะทำ...เพื่อนาย

โคโตะมองมาอย่างงุนงง แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร ทั้งสี่คนที่เหลือก็วิ่งเข้ามาหาแล้วกอดเขาไว้พลางร้องไห้

"อย่าทิ้งพวกเราไปนะ...ทาโนเอะ" ยูเมะพึมพำทั้งน้ำตา

"พวกเราขาดทาโนเอะไม่ได้..." ซานะว่าต่อ

มืออันอ่อนโยนเข้ามากอดทั้งหมดไว้ "ฉันเข้าใจแล้ว...ว่าการทิ้งชีวิตตัวเองง่าย ๆ มันทำให้คนอื่น..ต้องเจ็บปวดกันขนาดไหน" เขาพูดต่อทั้งน้ำตา

"ฉันจะไม่คิดฆ่าตัวตายอีกแล้ว...จะไม่คิดทิ้งชีวิตง่าย ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม"

ทั้งสี่มองร่างบอบบางบนเตียงแล้วอมยิ้ม "พวกเราก็เหมือนกัน"

"ผมดีใจนะ ที่ทุกคนคิดได้เสียที" เรย์จิพูดขึ้นบ้าง "เมื่อวานซากุระคุง เล่าให้ผมฟังหมดแล้ว แต่รู้มั้ย ถึงสัญญาการทำงาน 1 ปีนั่น จะฉีกทิ้งได้ แต่ผมกลับยินดีต่อสัญญานั่นตลอดไป"

ทั้งหมดหันมามองเด็กหนุ่มอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

"พวกเรา...เป็นฆาตกรนะ เรย์จิคุงจะยังอยากอยู่กับพวกเราจริง ๆ เหรอ" โคโตะถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก

เด็กหนุ่มอมยิ้ม "คำถามนั้น ซากุระคุงถามผมไปแล้วเมื่อวานนี้ แล้วคำตอบก็คือ...ใช่ครับ"

“ผมเชื่อใจทุกคนที่นี่…ไม่มีใครอยากทำเรื่องเลวร้าย พวกคุณทำมันลงไป แต่ก็เจ็บปวดกับมันเสมอ พอได้แล้วล่ะครับ เลิกโทษตัวเอง แล้วก็หันมารักตัวเองบ้าง ผมเป็นฝ่ายพวกคุณนะครับ” 

"ขอบใจมากนะ...เรย์จิคุง เธอรักษาสัญญาจริง ๆ พวกเรารู้สึกว่า...เพียงแค่เธอพูดแบบนี้ ก็เหมือนกับว่า ได้รับการให้อภัยแล้ว" โคโตะว่าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันมามองเรอิจิ

"คุณก็ช่างวางแผนซะจริงนะ ผมเองยังต้องยอมแพ้เลย"

เรอิจิมองมาพลางอมยิ้ม "เบื้องบนของผมไม่ได้โหดร้ายอย่างที่ขู่ไปทั้งหมดหรอก พวกเราแค่ต้องการเยียวยาจิตใจเท่านั้น อย่างที่เคยบอกไป ว่าเราไม่ได้สนใจผลทางกฎหมาย หากพวกเธอ สามารถอยู่ต่อไปได้ โดยไม่ทำร้ายใคร...แม้แต่การทำร้ายตัวเอง ก็นับว่าผ่านการประเมินแล้ว"

"และต่อจากนี้ บ้านหลังนั้น ก็เป็นของพวกเธอ รวมถึง...อิสรภาพด้วย จะไม่มีใครคอยจับตาดูอีก และจะไม่มีใครมารบกวนด้วย และถ้ามีเรื่องอะไร พวกเราจะคุ้มครองให้เอง"

"ขอบคุณมาก...ขอบคุณจริง ๆ" โคโตะว่าทั้งน้ำตา

"เอ่อ...ขอโทษนะครับ คุณทาโนเอะเนี่ย...ไม่ใช่ผู้หญิงเหรอครับ" เด็กหนุ่มทะลุกลางปล้องขึ้นมา เล่นเอาอึ้งไปทั้งห้อง

"ซากุระคุง...ไม่ได้บอกเรย์จิคุงหรอกเหรอ" โคโตะหันไปหาซากุระอย่างสงสัย ร่างบอบบางอมยิ้มก่อนส่ายหน้า "ถ้าบอกไปทั้งหมด แรงจูงใจที่จะมาช่วยนาย ก็ลดลงสิ"

"อ่ะ...เห็นผมเป็นคนแบบไหนกัน ซากุระคุงใจร้ายจริง ๆ" เด็กหนุ่มอุทธรณ์เสียงละห้อย แค่รู้ว่าทาโนเอะเป็นผู้ชาย เขาก็แห้งเหี่ยวลงไปมากพอแล้ว

"หรือเธอจะฉีกสัญญา 1 ปีของเราเสียแล้ว เพราะว่าฉันเป็นผู้ชายล่ะ" โคโตะถามยิ้ม ๆ

"เอ่อ..." เรย์จิหันไปมองซากุระ แล้วหน้าแดงขึ้นอีกครั้ง

"ไม่เป็นไรหรอกครับ...อย่างน้อย ที่นี่ก็ยังมีสาวน้อยน่ารักอีกตั้งสองคน ยังไงผมก็ไม่ลาออกแน่ ๆ"

"นายหมายถึงใคร!" เสียงดุ ๆ ถามขึ้นทันที

"อ่ะ..." เด็กหนุ่มแอบหลังผู้เป็นบิดาพลางพึมพำ "ขอโทษคร้าบ ผมไม่ได้ตั้งใจแซวนะ...แต่ว่า..ผมจะทำให้คุณ เป็นสาวน้อยน่ารักให้ได้ คอยดูเถอะ แล้วคุณต้องไปเดทกับผมด้วยล่ะ"

ร่างโปร่งบางตรงไปเก็บดาบที่ถูกโยนไว้อีกด้านขึ้นมา ก่อนจะชักออกจากฝักขึ้นขู่ เล่นเอาคนแซวหดหัวแทบไม่ทัน

"เอาเถอะ เห็นว่าคราวนี้มีความดีอยู่หรอกนะ ไว้คิดบัญชีคราวหน้าก็แล้วกัน!" ซากุระพึมพำอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเก็บดาบเข้าฝักไว้เหมือนเดิม ขนาดรีบมาอย่างนี้ ยังอุตส่าห์พกดาบมาด้วยจนได้ นับว่าไม่ปล่อยให้ดาบห่างมือจริง ๆ

ทุกคนได้ฟังแล้วก็หัวเราะขึ้นพร้อม ๆ กัน ขำเรย์จิก็ขำอยู่หรอก แต่ที่ทำให้แอบยิ้มได้ก็เพราะนาน ๆ ทีหรอกนะ ที่จะได้เห็นใบหน้าราบเรียบขาวซีดแบบนั้น แดงเรื่อขึ้นมาได้ แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ

"ฉันอยากกลับบ้านแล้วล่ะ...บ้านของพวกเรา" โคโตะพึมพำ...

"อื้ม ถ้างั้นก็กลับกันเถอะ ทุกคนเลยนะ วันนี้พวกเราจะฉลองอิสรภาพกัน ดีมั้ยครับ" เรย์จิเสนอ

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะออกเดินทาง

บ้าน...คือวิมานแห่งสวรรค์จริง ๆ

และบ้านแห่งนี้...ก็ยังเป็นร้านแห่งการอภัยต่อบาปอีกด้วย

เพื่อที่ทุกคน...จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ สำนึกต่อบาปที่เคยกระทำ และรู้สึกเข้มแข็งเมื่อได้รับกำลังใจ เพื่อจะสู้ต่อไปได้ในวันรุ่งขึ้น

...ก้าวไปพร้อม ๆ กัน อย่างมั่นคงกว่าเดิม...

ณ ที่ร้านแห่งนี้...Absolution Café!


- จบตอนที่ 13 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 19-04-2010 17:47:05
 :z1:



กรี๊ดดดดดดตอนนี้แฮปปี๊มากเลยค่ะ



ชอบจังเลย  ในที่สุดคู่รักก็ได้กลับมาพบกัน


แล้วนายเรย์จิจะคู่กะใครหว่า?
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 19-04-2010 17:55:33
น่าจะยังไม่จบเพราะว่าเรย์จิยังเวอร์จิ้นอยู่เลยนะ อิอิ  ว่าแต่มาโอ ไปไหนอ่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 19-04-2010 21:25:40
มาโอกับโคโตะ น่ารักอ่ะ อ่านตอนนี้แล้วนั่งยิ้มเลยค่ะ
อืมๆ เอามาโอไปอยู่บ้านด้วยเลยซิ จะได้มีทั้งพ่อทั้งแม่ไง

เป็นตอนที่อ่านแล้วสบายใจที่สุดเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 19-04-2010 23:02:30
happy ending  เรย์จิชวดหมด555+
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 20-04-2010 00:23:21
แล้วคู่ของเรย์จิละ เป็นซากุระหรือค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-04-2010 00:31:25
โฮ่ กว่าจะรู้สึกถึงความสุขจริงๆ บีบหัวใจมาตลอดทางเลยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 20-04-2010 00:42:20
เรย์จิ


คู่อยู่ไหนน


ซากุระเป็นสาวนะ


จะวายได้ไง



 :serius2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 20-04-2010 17:58:44
ครอบครัวนี้น่ารักกันจิงๆเลย
ว่าแต่ เรอิจิ นี่แอบน่ากลัวนะเนี่ย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 13 อัพ 19-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 21-04-2010 17:12:00
มันจะจบเรื่องวุ่นวายจริงๆเหรอ? (ทำไมเราแอบคิดมากแฮะ อ๋อ คงเพราะสังเกตว่าไรเตอร์เขียนว่า จบตอนที่ 13อ่ะ)
ว่าแต่...สงสัยอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นค่ะ เรย์จิคุง คู่ใครเอ่ย?
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 14 อัพ 22-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 22-04-2010 09:51:58
ตอนที่ 14 Happy Time, Happy Family : ช่วงเวลาแสนสุขของครอบครัวสุขสันต์

Rate: NC-17

(ตอนที่ 14/1)


เมื่อตกลงใจกันได้ ทุกคนก็พร้อมที่จะกลับบ้านหลังจากลงมติกันว่าจะทำอาหารมื้อใหญ่ฉลอง เรอิจิจึงพาทุกคนไปช็อปปิ้ง ซื้อของอร่อยที่อยากกินกันให้เต็มที่ ในระหว่างทาง เรอิจิกับมาโอะญาติดีกันอย่างเหลือเชื่อ ทั้งคู่ดูเฮฮาเข้าขากันดี จนสมาชิกที่เหลือมองมาอย่างงง ๆ ด้วยซ้ำ

เหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรไปโดยไม่คาดคิด จากศัตรูกลายเป็นเพื่อนอย่างผิดความคาดหมาย ก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจมากแล้ว แต่นี่กลับดูสนิทสนมกันกว่าที่คิดเสียอีก จนทำให้หลายคนอดรนทนไม่ได้ ต้องถามขึ้นตั้งแต่ยังไม่ถึงบ้านเสียด้วยซ้ำ

โคโตะเห็นดังนั้นจึงดักคอขึ้นก่อนว่า "นายหึงฉันกับเรอิจิสินะ เลยบุกไปเล่นงานเขา"

มาโอะหัวเราะพลางสารภาพว่า "สมกับเป็นนายจริง ๆ นะโคโตะ ใช่แล้วล่ะ ฉันแค้นเขามาก ที่ทำให้นายเปลี่ยนไป ก็เลย...กะจะไปจัดการซะเลย"

โคโตะอมยิ้ม "แล้วนายก็โดนเขากล่อมเสียจนอยู่หมัดแทนสินะ"

เสียงหัวเราะดังกว่าเดิม พลางพูดต่อไปว่า "ก็เขาพูดแต่เรื่องจริง ที่ฉันปฏิเสธไม่ออกนี่นา คนอะไร รู้ไปซะทุกเรื่องเลย"

"ไม่งั้นเขาจะล้างสมองชั้นได้เหรอ" ร่างบอบบางพูดสนับสนุนขึ้นบ้าง

"แค่เขาได้พบกับฉันโดยตรง เรอิจิก็รู้แล้ว...ว่าฉัน ไม่เคยสนใจเรื่ององค์กรนั่นจะเป็นอย่างไรเลย ถ้าที่นั่น...ไม่มีนาย"

โคโตะนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า "ขอโทษนะ...ชั้นคิดเองเออเอง ว่านายเป็นคนร้ายกาจ และจะไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ชั้นขอร้องแน่ ๆ ชั้นถึงได้..ทั้ง ๆ ที่ชั้นน่าจะรู้ว่านายเองคิดยังไงแท้ ๆ..."

ชายหนุ่มมองมาด้วยสายตาที่อ่อนโยน "นายน่ะ ใจดีเกินไปนะโคโตะ พอโดนกดดันมากเข้า นายก็เลย..."

มือของมาโอะแตะเบา ๆ ที่ไหล่บางอย่างต้องการจะปลอบโยน "ตั้งแต่ตอนนั้น ฉันก็รู้แล้ว ไม่ว่าฉันจะยอมรับหรือปฏิเสธยังไง นายก็คงไม่เชื่อฉันแน่ ๆ สุดท้าย นายก็จะฆ่าฉันอยู่ดี เพราะนายตั้งใจที่จะ...ลบล้างทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงตัวนาย ด้วยมือของนายเอง"

"ฉันรู้ดี ว่ามันเป็นสิ่งที่นายคิดว่า ดีที่สุดแล้ว สำหรับฉัน ดังนั้น ฉันจึงยอมทำตามแผนการของนาย เพื่อไม่ให้นายต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้"

เรอิจิอมยิ้ม ก่อนจะตีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง "จะยังไง ฉันก็ต้องขอโทษเธอนะ โคโตะ ที่ทำเหมือนหลอกใช้ จนเธอต้องเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย"

ร่างบอบบางส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ คุณเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก"

"โชคดีจริง ๆ ที่มาโอเป็นคนดี เขาเองก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เคยคิด แม้จะเป็นคนตั้งองค์กรนี้ก็จริง แต่งานเปื้อนเลือดนั่น เป็นหัวหน้าสาขาที่เธอจัดการไปต่างหาก ที่เป็นคนบงการ"

โคโตะมีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย "จะอย่างไร คน ๆ นั้น ก็ดีกับพวกผมมาก ผมเองก็รู้สึกผิด ที่ทำกับเขาอย่างนั้น"

ซากุระโอบไหล่บางนั้นเบา ๆ อย่างปลอบโยน "นายพยายามดีที่สุดแล้ว อย่าคิดมากไปเลย"

มาโอะมองมือที่โอบไหล่นั้น แล้วพูดต่อว่า "นอกจากจะหึงเรอิจิแล้ว ฉันยังหึงเธอที่สุดด้วย...ซากุระคุง!"

คำพูดนั่นเล่นเอาคนโอบชะงัก รีบปล่อยอีกฝ่ายทันที ดวงตาเรียวยาวจ้องมาอย่างพบคู่ปรับ ทั้งคู่สบตากันวูบหนึ่ง ก่อนที่มาโอะจะพูดขึ้นก่อน

"ขอโทษนะซากุระคุง ที่ฉันเหน็บแนมเธอซะหลายยก จริง ๆ แล้ว ฉันอิจฉาเธอ ที่ได้ดูแลโคโตะ ในขณะที่ฉัน..ทำไม่ได้"

ร่างสูงโปร่งถอนหายใจยาว "เอาเถอะ ฉันเองก็หึงนายเหมือนกันนั่นแหละ นายเล่นแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของซะขนาดนั้น"

เรย์จิเหลือบมองซากุระ พลางพึมพำแทรกขึ้นมาบ้าง "ผมอยากให้มีใครหึงบ้างจังเลย" หากพูดได้แค่นี้ ก็โดนดวงตาเรียวยาวค้อนให้อย่างดุ ๆ จนแทบสะดุ้ง

ทุกคนจึงหัวเราะอย่างขบขัน ยูเมะที่เกาะอยู่ด้านข้างจึงบอกว่า "ยูเมะหึงเรย์จิให้เอามั้ย"

เด็กหนุ่มรีบส่ายหน้า เขารู้ประวัติของเด็กน้อยจากซากุระหมดแล้ว "มะ...ไม่ดีกว่านะ ยูเมะจัง" ว่าแล้วเขาก็อุ้มเด็กหญิงขึ้นมา "เป็นผู้หญิงเนี่ย ขี้หึงไม่ดีนะ รู้มั้ย ความน่ารักมันจะลดลง"

"ฮึ ถ้าไม่มีใครแกล้งซานะจัง ยูเมะก็ไม่เป็นแบบนั้นหรอก" เธอว่าอย่างงอน ๆ

มืออ่อนโยนของเรย์จิลูบผมเธอเบา ๆ "ผมรู้ว่ายูเมะเป็นเด็กดี ต้องไม่ทำร้ายใครอยู่แล้ว ถ้ามีใครรังแกซานะจัง ซานะจังต้องจัดการได้แน่ ยูเมะไม่เชื่อมือพี่ชายเหรอ"

เด็กหญิงพยักหน้ารับ "ค่า ยูเมะเชื่อมือซานะจัง" เธอว่าอย่างมั่นใจ "ยูเมะจะดูเฉย ๆ ดีมั้ยคะ"

"ยูเมะไม่ดูเลยดีกว่านะ" ซานะรีบพูด "เอางี้ดีกว่า ซานะจะหาหนุ่ม ๆ น่ารัก ๆ ให้ยูเมะซักคน"

"อืม ก็ดีเหมือนกันนะ ยูเมะชักจะเบื่อดูซานะแล้ว คนอื่นอาจจะเร้าใจกว่า" เด็กหญิงพูดหน้าตาย

"ยูเมะน่ะ...ทำซานะหึงแล้วนะ" เด็กชายพูดอย่างงอน ๆ คนอื่นเริ่มยิ้มอย่างขบขันแกมเอ็นดู ถึงความแก่แดดแก่ลมของเด็กทั้งคู่นั้น

"อายะจังเงียบไปเลยนะ" เด็กน้อยพยายามเบี่ยงประเด็น เพราะรู้สึกจะตกเป็นเป้าให้คนหัวเราะมากไปแล้ว

ฮิโรอากิที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ อมยิ้ม แล้วมองร่างในอ้อมแขน พลางตอบว่า "เขาหลับไปแล้วน่ะ วันนี้คงมีแต่เรื่องเครียดมากไป พอสบายใจก็เลยหลับเสียอย่างนั้น" เขาพูดต่อโดยไม่ได้พูดถึงเรื่องสำคัญ ว่าทำไมอายาเมะถึงนอนไม่พอจนเพลียมากกว่าใคร

"นายนี่นะ สมกับเป็นองครักษ์ของราชินีจริง" เรอิจิหันมาแซว "แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพอได้กลิ่นอาหาร อายะจังคงจะตื่นเองนั่นแหละ เรารีบเข้าบ้านกันดีกว่านะ"

ทุกคนหยิบกุญแจบ้านขึ้นมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน ดวงตาทุกคู่มองกุญแจดอกน้อยในมือ ก่อนที่จะส่งยิ้มให้กัน

"อ๊ะ ผมเปิดเองครับ" เรย์จิหยิบกุญแจของตัวเองขึ้นไข

บ้าน...ที่ทุกคนครอบครองกุญแจ...ซึ่งจะไขมันเข้ามาอยู่ร่วมกันได้

แค่คิดก็อบอุ่นอย่างประหลาดแล้ว

เด็กหนุ่มเปิดประตูรับทั้งหมดพลางโค้งให้อย่างสวยงาม

"เชิญครับ Absolution Café ยินดีต้อนรับ"


...................................................


ร่างที่กำลังหลับ รู้สึกได้เหมือนมีอะไรบางอย่างกดทับจนอึดอัด ผสมกับความมึนเล็กน้อยอย่างเมาค้าง เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมองอย่างง่วงงุน ก่อนจะสะดุ้ง มือแข็งแรงรีบอุดปากตัวเองไม่ให้เผลอร้องออกมา กับภาพที่ได้เห็น

ร่างบอบบางของใครบางคน นอนทับเขาต่างหมอนแล้วหลับสนิทอย่างน่าสบายเสียเหลือเกิน

เขาคงจะไม่ตกใจมากนัก และคงดันคนหลับออกไปนานแล้ว ถ้าคนผู้นั้น...จะไม่ใช่ซากุระคุง!

ท่าทางเมื่อคืนจะดื่มกันหนักไปหน่อย ซากุระที่ปกติไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ ก็โดนมาโอะคะยั้นคะยอให้ดื่ม เพื่อสงบศึกชิงโคโตะ ซึ่งซากุระแม้จะลำบากใจ แต่พอสบตากับโคโตะอีกครั้ง เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

เรย์จิเองก็พอกัน เขาก็ไม่ใช่คนชอบดื่ม แถมพ่อตัวดีของเขาก็รินเอารินเอา บอกว่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ ต้องฝึกไว้ให้คอแข็ง ผู้ใหญ่ขี้เหล้าน่ะสิ ถึงเป็นแบบนั้น แต่ด้วยบรรยากาศกำลังฮาเฮ เขาเลยไม่อยากขัดใจเท่าไหร่ พอรู้ตัวอีกที ก็ดื่มจนหลับไปซะแล้ว

แต่ซากุระ..ไหงมานอนบนตัวเขาได้ล่ะเนี่ย หน้าของเด็กหนุ่มเริ่มร้อนผ่าว เมื่อมือบอบบางแสนสวยเริ่มปัดป่าย...ไปแถว ๆ เบื้องล่างของเขาแล้ว

ยิ่งใบหน้างาม ๆ ยามหลับที่ยังคงซุกไซ้เข้าหาราวกับตัวเขาเป็นหมอนข้างชวนจั๊กจี้ ยิ่งทำให้เขาตื่นตัวเข้าไปอีก หน้าใสขาวนวล ดวงตาคู่งามที่พริ้มหลับ ไหนจะยัง..ริมฝีปากนุ่มสีสวยที่เผยอน้อย ๆ

มองไปมองมาชักเริ่มร้อนกว่าเก่า เมื่อรู้สึกได้ว่าเจ้าน้องชายตัวดีเริ่มตื่นจนคับแน่นไปหมดแล้ว

ไม่นะ...เขาจะให้ซากุระรู้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น...

ประกายดาบสะบัดวูบ เด็กหนุ่มเสียววาบไปทั้งท่อนล่าง...แค่จินตนาการก็ซีดแล้ว เกิดสูญพันธุ์ขึ้นมาจะว่าไง
แต่ซากุระก็ยังไม่ตื่น เสียงหวานครางอือเบา ๆ ก่อนจะซุกเข้ามาแนบแน่นกว่าเดิม เด็กหนุ่มแทบหลุดเสียงร้องอย่างอึดอัด กอดเขาไว้มันก็ดีอยู่หรอก...แต่ว่า..แต่ว่า...

ความทรมานอันแสนหวานทำให้เขาเหน็บกินแทบขยับไม่ได้ อ้อมกอดนั้นกระชับขึ้นอีก หากเสียงละเมอแผ่วเบา...กลับเป็น...

"โคโตะ..."

กางเกงที่คับติ้วกลับหลวมลงทันตา เมื่อได้ยินอย่างนั้น...โธ่ ขนาดหลับ ยังละเมอถึงชายอื่น (ที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวชาวบ้าน) อีกต่างหาก นี่เขาคงจะแห้วตลอดชีพเป็นแน่

ร่างบอบบางของโคโตะยืนยิ้มมองเขาอยู่ เด็กหนุ่มที่พื้นสบตากลมโตก่อนลอบถอนหายใจอย่างเสียดาย เพราะทุกคนสภาพจิตดีขึ้นมากแล้ว ทาโนเอะจึงกลับเป็นโคโตะเหมือนเดิม แม้ความอ่อนหวานของทาโนเอะนั้นจะยังอยู่ แต่ยังคงผสมนิสัยชอบแกล้งคนของโคโตะไว้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเขาพึ่งจะรู้ซึ้งในตอนนี้เอง

"เรย์จิคุง พาซากุระเข้านอนด้วยนะจ๊ะ" เสียงหวานดังเดิมพูดขึ้น แต่เพราะเป็นรูปลักษณ์ของโคโตะเลยทำให้เขาเคลิ้มน้อยกว่าเก่าเยอะ

"เอ่อ...ผม..."

"ลุกไม่ขึ้นสินะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันช่วยปลุก"

คนนอนบนพื้นสะดุ้ง ถ้าซากุระตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าเขา...ไม่สิ นอนทับเขาอยู่ ไม่ใช่เขาทับสักหน่อย เด็กหนุ่มเผลอจินตนาการเกินเลยอย่างช่วยไม่ได้ ...เอ้อ นั่นแหละ ถ้าเจอว่านอนทับเขาอยู่ จะโดนฆาตกรรมมั้ยเนี่ย

ราวล่วงรู้ โคโตะกลับยิ้มหวานกว่าเดิมแล้วบอกว่า "ซากุระไม่ฆ่าคนแล้วล่ะ ดังนั้น คงแค่จับเจื๋อน..อุ๊ย ไม่สิ พูดแบบนี้ไม่สุภาพ แค่จับ 'ตอน' เท่านั้นแหละ" คนพูดหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นเรย์จิหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

"เอ่อ...คุณทาโนเอะ...เอ๊ย โคโตะคุง...ช่วยผมด้วยครับ ทำยังไงผมจะพาเขาไปนอน โดยที่เขาไม่ตื่นเสียก่อนได้"

ร่างบอบบางนั่งยอง ๆ ลงด้านข้าง รู้ทั้งรู้ ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นี้ ซากุระคงไม่รู้สึกตัวยันเช้าแน่ ๆ แต่เจ้าตัวกลับไม่บอกเรย์จิเสียอย่างนั้น "เรย์จิคุง นักฆ่าน่ะนะ ถึงจะหลับ แต่ก็ยังสามารถฆ่าคนได้อยู่ดีนะ"

คนฟังแทบสะดุ้งอีกรอบ "อย่าแกล้งผมสิครับ ช่วยผมด้วยเถอะ" เสียงชักอ่อนลงกว่าเดิม เหน็บกินก็แทบจะลุกไม่ขึ้นแล้ว ไหนจะยังต้องพยายาม..ไม่ขยับตัว เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่นอีก

"ถ้าช่วยแล้วจะมีอะไรตอบแทนล่ะ"

คนฟังอึ้งไปแล้ว ภาพลักษณ์หญิงสาวแสนอ่อนโยนใจดีสลายหายไป "โคโตะคุง...ตั้งแต่แต่งชายนี่...คุณดูเคี่ยวกว่าเดิมเยอะเลยนะครับ"

คนฟังอมยิ้ม "ชั้นก็เป็นของชั้นแบบนี้แหละ"

"ผมเสียดายคุณทาโนเอะจริง ๆ เกือบจะจีบได้แล้วเชียว" เด็กหนุ่มยังคงพึมพำต่อ เกือบจะลืมเลือนสภาวะทำตัวลำบากของตัวเองไปแล้ว

"ระวังมาโอะหึงนะ...เขาหึงน่ากลัวกว่าที่เธอคิดแน่ ๆ"

คนฟังยิ้มแหย ๆ "ผมไม่กล้าหรอกครับ...คุณน่ากลัวกว่าเดิมเยอะขนาดนี้ ถึงมาโอะจะไม่หึง ผมก็ไม่กล้าจีบเด็ดขาด ว่าแต่ว่า...ทำยังไงผมจะลุกได้เนี่ย" สายตาวิงวอนส่งมาให้

"จะช่วยให้ลุกขึ้นอย่างปลอดภัยก็ได้ แต่พรุ่งนี้ เธอต้องเป็นคนจัดการเก็บกวาดทั้งหมดนี่นะ"

"โห...คุณทาโนเอะผู้แสนใจดี...อย่ารังแกลูกจ้างที่น่ารักอย่างผมนักสิครับ" เด็กหนุ่มตัดพ้อ

คนอื่นกลับห้องไปนอนกันหมดแล้ว ฮิโรอากิเองก็อุ้มเจ้าสาวเขาเข้าห้องแต่หัวค่ำด้วยซ้ำ เพราะราชินีเกิดง่วงนอนขึ้นมาตอนกำลังหม่ำ หรือเพราะราชินีกำลังน่าหม่ำจนเกินไป อันนี้เขาก็ไม่แน่ใจนัก

เด็ก ๆ ก็นอนไวเพราะดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ เหลือเพียงพ่อของเขากับมาโอะ ที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดื่มโดยไม่ได้ใส่ใจสภาพห้องเลอะเทอะไม่ได้จัดเก็บนั่นแม้แต่น้อย

ไม่ต้องบอกก็รู้ พ่อเขาไม่ช่วยทำแน่ ๆ เด็กหนุ่มรู้นิสัยพ่อตัวเองดี ในเมื่อลูกชายสุดที่รักอยู่ด้วย พ่อที่น่ารักก็คงไม่แคล้วสั่งให้เขาทำแทนแหง ๆ

"ก็ให้ตัวต้นเหตุช่วยสิ บอกว่าโคโตะขอร้องก็ได้" เขาว่าพลางอมยิ้ม ตัวต้นเหตุที่ยังคงหลับทับเด็กหนุ่มอยู่ ก็ยังคงหลับต่อไป ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วยสักนิด เรย์จิได้แต่ถอนหายใจ "ก็ได้ครับ ผมทำให้ก็ได้ แต่ช่วยผมก่อนนะ"

"โอเค ตกลงแล้วนะ พรุ่งนี้อย่าปลุกพวกชั้นล่ะ คงจะตื่นสายมากสักหน่อย" โคโตะว่าต่อไป เขา...วางแผนจะอยู่กับมาโอะ..ให้ยาวนานขึ้นไปอีก ในคืนนี้นั่นเอง ร่างบอบบางคำนวณเรียบร้อย สมกับเป็นนักวางแผนมืออาชีพ

"ได้ครับ" เรย์จิรับคำอย่างจนปัญญา

ร่างบอบบางนั้นจึงช้อนตัวซากุระที่นอนอยู่ขึ้นมาอุ้มอย่างง่ายดาย แม้ว่าตัวจะเล็กกว่า เรย์จิมองมาอย่างอึ้ง ๆ เขาเกือบลืมไปอีกแล้ว...ว่าโคโตะนั้น...เป็นผู้ชาย

"เอ้า มัวมองอยู่ทำไมล่ะ รีบลุกเข้าสิ" อีกฝ่ายว่าเสียงเบา

"อ่ะ ครับ ๆ"

"ยื่นมือมา ทั้งสองมือนั่นแหละ" โคโตะสั่งต่อ

พอยื่นออกมา คนสั่งก็วางร่างนั้นลงบนแขนของเรย์จิเสียอย่างนั้น

"คะ...โคโตะคุง" คนรับมาเริ่มสั่น ถ้าซากุระตื่นขึ้นมาตอนนี้ล่ะ ไม่ยิ่งกว่าเดิมงั้นเหรอ เขาจะแก้ตัวยังไงดี

"ชั้นสัญญาว่าจะช่วยนายแค่ให้ลุกเท่านั้นนะ นอกนั้นก็..จัดการเองสิ" เขาว่าพลางหลิ่วตาให้

"โธ่..." เด็กหนุ่มอุทธรณ์อย่างน่าสงสาร แลกกับทำความสะอาดห้องเช้านี้ ดูคล้ายจะไม่คุ้มชอบกล แต่เขาก็ไม่มีปัญญาจะโต้แย้ง

"เอ้า มัวยืนอยู่แบบนี้ ถ้าซากุระคุงตื่นขึ้นมาล่ะก็...ใครลำบาก ชั้นไม่รู้ด้วยนะ"

"อ่ะ ครับ ๆ..." เรย์จิรีบได้สติขึ้นมาทันที เขาตั้งท่าจะรีบเดินจากไป หากก่อนไปยังคงพึมพำขึ้นมาว่า "ผมรู้สึกว่า เหมือนได้อายะคุงเพิ่มมาสองคนแล้วนะครับตอนนี้..แถมยัง...แผนสูงกว่าอายะคุงตัวจริงเสียอีก"

โคโตะอมยิ้ม ก่อนจะตะโกนไล่หลังไปว่า "อย่ามัวแต่บ่นอยู่เลย ซากุระคุงตื่นขึ้นกลางทาง ชั้นไม่รับผิดชอบนะ"

คนโดนขู่เดินไวกว่าเดิมจนแทบวิ่ง แต่ไม่กล้าจะขยับตัวรุนแรงนัก เพราะกลัวจะตื่นจริง ๆ ร่างบอบบางมองเด็กหนุ่มเดินไปพลางส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเอ็นดูแกมขบขัน

"นายนี่นะ ไปแกล้งเรย์จิทำไมกัน"

โคโตะหันไปหา เห็นเป็นมาโอะก็ยิ้มรับ "พรุ่งนี้เราจะได้ไม่ต้องรีบตื่นไง หรือนายไม่อยากอยู่กับชั้นนาน ๆ?"

ร่างสูงหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน "ทำไมจะไม่อยากล่ะ"

"ถ้าอยากก็อุ้มเข้าสิ ยังต้องให้บอกอีกเหรอ" โคโตะกระซิบ อีกฝ่ายอมยิ้มก่อนจะอุ้มร่างเบาหวิวนั้นขึ้นมา "รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ ที่เห็นนายอุ้มซากุระ ฉันแทบอยากจะกดนายลงกับพื้นตรงนี้ด้วยซ้ำ"

"บ้าสิ... นายชักจะหึงชั้นมากไปแล้วนะ... บอกแล้วไง ว่าชั้นรักนายที่สุด... ไม่มีใครแทนที่นายได้หรอก"

"แน่ใจนะ ว่าเรอิจิไม่ใช่ม้ามืด" คนถามยังคงไม่ยินยอม

"เรอิจิ... เขาเหมือนพ่อมากกว่า ไม่ใช่เหมือนคนรักอย่างนายหรอกน่า พี่ชาย"

"ฮึ ขนาดพี่ชายยังเป็นคนรักได้เลย พ่อทำไมจะไม่ได้" คนอุ้มบ่นพึมพำ

"ถ้านายไม่เลิกบ่น ชั้นจะให้คุณพ่อที่รักอุ้มแทนแล้วนะ" คนในอ้อมกอดขู่

"จ้า ๆ ยอมแพ้แล้ว เราเข้าห้องกันเถอะ"

"อ้าว แล้วเรอิจิล่ะ" ดวงตากลมโตปรายตามามองชายหนุ่มอีกคน ที่ตอนนี้นั่งโงกหลับไปแล้ว ร่างสูงจึงหยิบผ้าห่มที่เก็บไว้ในตู้ด้านข้างออกมา ทั้ง ๆ ที่อีกมือยังประคองคนในอ้อมกอดไว้ ก่อนจะจับมันคลี่ด้วยมือเดียว แล้วโยนแหมะลงมายังคนกำลังหลับ

"แค่นี้พอแล้วมั้ง อยากไม่เอาเมียมาด้วยเอง ช่วยไม่ได้" มาโอะพึมพำต่อ

โคโตะหัวเราะเบา ๆ อย่างขำ ๆ ท่าทางมาโอะจะหึงจริง ๆ เล่นแกล้งคู่แข่งเสียอย่างนั้น พอ ๆ กับตอนแกล้งซากุระนั่นแหละ แต่สำหรับเขา มาโอะตอนหึง จะน่ารักเป็นพิเศษ จนบางครั้ง เขาเองยังวางแผนแกล้งให้หึงด้วยซ้ำไป

"อย่าสนใจเขานักเลย เราไปมีความสุขกันดีกว่าน่า" ร่างสูงตัดบท เมื่อเห็นโคโตะชักจะมองคนกำลังหลับมากเกินไปแล้ว

"อืม.." คนในอ้อมกอดซบอกกว้างนั้นพลางตอบรับแผ่วเบา ไม่ทันที่จะพูดอะไรมากกว่านั้น คนอุ้มก็เดินตัวปลิวพาเข้าห้องไปเป็นที่เรียบร้อย...


....................................................


เรย์จิหอบเล็กน้อยอย่างเหน็ดเหนื่อย ไม่ใช่เพราะอุ้มจนเหนื่อย แต่เพราะลุ้นจนเหนื่อยเสียมากกว่า ว่าอีกฝ่ายจะตื่นก่อนหรือไม่ แต่ในที่สุด เขาก็วางร่างบอบบางลงบนเตียงได้เรียบร้อย

พอขยับจะไปนอนที่ฟูกตัวเอง มือข้างหนึ่งของซากุระ ก็กลับยึดชายเสื้อเขาเอาไว้เสียนี่

เด็กหนุ่มมองร่างบนเตียงอย่างจนปัญญา จะดึงออกก็จับแน่นเสียเหลือเกิน แถมเสียงละเมอแผ่วเบายังมีมาอีกว่า "อย่าทิ้งฉันไปนะ...เร..."

ร่างแกร่งเงี่ยหูฟังอย่างอยากรู้ใจจะขาด คราวนี้ซากุระหมายถึงเรอิจิ หรือเรย์จิกันแน่

กับพ่อของเขา ซากุระคุงมีความสัมพันธ์กันขนาดไหน?

จะแอบหวังได้มั้ย...ว่าซากุระ อยากให้เขานอนเป็นเพื่อน...บนเตียงนี้

ร่างสูงถอนหายใจยาว เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน ในเมื่อเขาไม่อยากทำร้ายคนกำลังหลับ ด้วยการดึงมือที่จับอยู่ออกไป เขาก็คง...ต้องเสี่ยงชีวิตนอนข้าง ๆ เสียแล้ว

วันก่อนยังนอนได้เลยนี่นา เด็กหนุ่มคิดต่ออย่างเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเอนกายลงนอนข้าง ๆ ตัวซากุระ

ใบหน้ายามหลับของเธอช่างน่ารักนัก เด็กหนุ่มมองมาอย่างครุ่นคิด

...หญิงสาวผู้แสนน่ารัก...ในยามหลับ...แม้คุณเธอจะโหดไปสักหน่อยก็ตาม...ในยามตื่น...

เอาเถอะน่า จะอย่างไร ตอนนี้เธอก็หลับอยู่นั่นแหละนะ

และแล้ว ด้วยความอ่อนเพลียผสมความมึนจากแอลกอฮอล์ มันก็เลยทำให้เขาผล็อยหลับไปจนได้


.......................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 14 อัพ 22-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 22-04-2010 12:57:34
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 14 อัพ 22-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 22-04-2010 14:40:10
 :laugh: มาโอกับโคโตะ อย่างหวานอ่ะ
น่ารักมากกกกกกก แอบอิจฉามาโอเล็กน้อย
แต่เรย์จิ ฮาดี เอาน่า..อยู่เป็นสมบัติสาธารณะแบบนี้ก้อดีแล้ว

เป็นกำลังใจให้นะคะ ตอนนี้ก้อน่ารักอีกแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 14 อัพ 22-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 22-04-2010 17:24:53
สองคนนั้นหวานกันดีนา... มาโอ กับไคโตะ
แต่เรย์จินี่สิ มีหวังตื่นขึ้นมาโดนแน่เลย แอบสงสารเล็กๆแฮะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 14 อัพ 22-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 22-04-2010 23:52:43
คุณทาโนเอะ เปลี่ยนไปอ่ะ
ขี้แกล้งมากมาย แถมยังช่างวางแผนอีกนะ

สงสาร เรย์จิคุงจัง โดนแกล้งตลอดเลยอ่าา

 :pig4:
 
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 14 อัพ 22-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 23-04-2010 01:43:00
ตื่นขึ้นมาจะเละขนาดไหนน้ออออออออออ เรอิจิคุงงงงงง  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 14 อัพ 24-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 24-04-2010 09:27:48
บนเตียงนุ่ม ร่างบอบบางถูกวางลงอย่างเบามือ นิ้วแกร่งเกลี่ยไล้ไรผมพลางจูบที่แก้มนวลอย่างเอาใจ มือเรียวเกี่ยวรัดรอบคออีกฝ่ายแกมโน้มก้มลงหา ก่อนสอดแทรกปลายลิ้นเชิญชวน จูบเร่าร้อนไออุ่นที่คุ้นเคยทำให้ดวงตากลมโตเริ่มเปียกชื้น คนมองเริ่มหน้านิ่วก่อนใช้นิ้วตนเองปาดเช็ดให้อย่างอ่อนโยน

"ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว อย่าร้องไห้เลยนะ"

คนบนเตียงเบือนหน้าหนีพลางพึมพำ "ไม่ได้ร้องสักหน่อย"

"ฉันขอโทษ ที่หลอกนาย" มาโอะพูดเสียงอ่อน

โคโตะส่ายหน้าเบา ๆ "ชั้นแค่...ดีใจ แล้วก็เกลียดตัวเองจริง ๆ ทำไมนะ ตอนนั้น ชั้นถึงตัดสินใจจะฆ่านาย...ทั้ง ๆ ที่ชั้น...ควรจะเชื่อนายมากกว่านี้"

"...ทั้ง ๆ ที่ชัั้นพูดเองแท้ ๆ ว่าถ้าทรยศ...จะให้นายฆ่า...แต่ว่า..."

"เอาเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ฉันไม่เคยโกรธนายนะ ถ้าเป็นนาย ต่อให้ฆ่าฉันสักกี่ครั้ง...ฉันก็ยินดี" เขากระซิบตอบเสียงแผ่วอย่างเขิน ๆ "ฉันทำร้ายนายไม่ได้หรอก ถ้านายอยากจะฆ่า ก็คงได้แต่ปล่อยให้นายทำ"

ดวงตาคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตา "ขอโทษ"

"จริงสิ...วันนั้น ชั้นฉีดยาสลบให้นายแท้ ๆ ทำไมนายยังรอดมาได้อีก" โคโตะถามอย่างงุนงง

คนฟังหัวเราะ "ก็เพราะฉันรู้น่ะสิ ว่านายจะฆ่าฉัน ก็เลยเตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้า" เขาว่าพลางถอนหายใจ "จริงอยู่ว่าฉันไม่ได้กลัวตาย...แต่เพราะฉันรู้อีกนั่นแหละ ว่านายตั้งใจจะตายพร้อมฉัน ดังนั้น...ฉันจึงตายไม่ได้"

"แล้ว...ทำไมนายไม่สลบล่ะ"

คนถูกถามอมยิ้ม "ฉันรู้ดี วิธีเดียวที่นายจะฆ่าฉันได้ ก็คือทำร้ายฉันจากด้านหลัง ยามถูกโอบกอด ดังนั้น...ก็เลยใส่เกราะอ่อนป้องกันเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเข็มหรือมีด ถึงจะแทงเข้ามา ก็ได้แต่โดนมันเสียก่อน ฉันก็เลยไม่ได้ถูกฉีดยาจริง ๆ"

"บ้าสิ ถ้าชั้นใช้วิธีอื่นล่ะ" คนถามเริ่มใจหาย ร่างบอบบางสั่นน้อย ๆ ยามนึกถึง...วินาทีที่ได้รู้ ว่าได้ฆ่าคนสำคัญไป...ช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว และไม่เหลือใครอีกต่อไป..มันน่ากลัวที่สุด พวกเขาเกิดมาด้วยกัน และแทบไม่เคยแยกจากกันมาก่อน

มาโอะกอดร่างบนเตียงไว้แผ่วเบา ปลอบโยนพลางอมยิ้ม "ถ้าฉันเดาผิด ก็ไม่ใช่ฉันแล้ว เราก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน วิธีที่นายคิด มีหรือฉันจะไม่รู้ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ฉันก็จะหยุดนาย...ด้วยวิธีอื่น"

"ทำไมนายต้องทำให้ชั้นคิดว่าตายแล้วด้วยล่ะ ถ้าไม่มีเรอิจิ ชั้นคงฆ่าตัวตายไปนานแล้วนะ"

มาโอะส่ายหน้าเบา ๆ "วันนั้นน่ะ..แค่มองตานายฉันก็รู้ นายกำลังต้องการล้างบาปแทนฉัน นายต้องการรับทุกอย่างไว้เอง...ไม่ว่าจะยังไง ก็เปลี่ยนนายไม่ได้ ถ้าฉันไม่แกล้งตาย นายก็จะยิ่งเจ็บปวด แล้วก็จะต้อง...พยายามฆ่าฉันอีก แต่ครั้งเดียว...ฉันว่ามันก็เจ็บปวดมากเกินพอแล้ว"

"ใช่...ครั้งเดียวก็เกินพอ สำหรับการทำใจฆ่านาย" เขารู้ดี ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน แม้จะปลอบใจตัวเองว่า จะอย่างไร เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้มาโอะต้องตายอย่างเดียวดายแน่

"เรอิจิบอกฉัน ว่าเขาผูกมัดนายไม่ให้ฆ่าตัวตาย ด้วยการใช้เรื่องเด็ก ๆ มาอ้าง แต่เขาก็กลัว ว่าเมื่อทุกคนหายดี นายจะยัง...ต้องการที่จะตายอยู่"

คนฟังถอนหายใจ "ชั้นก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น ถ้าหมดภาระเรื่องนี้แล้ว ชั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทนอยู่ต่อไป..ในโลกนี้ที่ไม่มีนาย"

"และแผนการของเราก็ถูกกำหนดขึ้น แผนการ...ที่จะให้นายได้เห็น ว่ายังมีคนที่รักและต้องการให้นายมีชีวิตอยู่ มากมายขนาดไหน"

มือบอบบางโอบกอดร่างแกร่งไว้ "ใช่...ชั้นรู้แล้ว การตายเพื่อคนที่รัก..ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย พอพวกเขาบอกว่าจะยอมตาย ชั้นกลับ..เจ็บปวดเป็นที่สุด"

"เข้าใจก็ดีแล้ว ฉันก็เจ็บปวดเหมือนกัน ต้องอดทนแทบตาย กว่าจะได้กอดนายแบบนี้ ตอนที่ชั้นเอาจดหมายมาทิ้งไว้ สภาพนายในตอนนั้น...รู้มั้ย ว่าชั้นห้ามใจตัวเองแทบไม่ได้ ที่จะไม่เข้าไปกอดนาย"

"ขอโทษนะ...มาโอะ"

ชายหนุ่มซับน้ำตาให้อีกครั้ง "เลิกขอโทษได้แล้ว เราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ เอางี้ดีกว่า นายต้องให้ฉันอยู่ที่นี่ด้วย แทนคำขอโทษ ดีมั้ย" เขาพูดยิ้ม ๆ

"ฮึ ถึงนายไม่ขอ ชั้นก็ไม่ให้นายไปหรอกน่า คิดเหรอว่าได้แรงงานมาใช้ฟรี ๆ แบบนี้ หัวการค้าอย่างชั้น จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ" โคโตะว่าอย่างเจ้าเล่ห์

"ถ้าได้ค่าจ้างพิเศษเป็นร่างกายผู้ว่าจ้างด้วยล่ะก็ ยินดีทำงานถวายชีวิตเลยที่รัก"

มาโอะตอบพร้อมกับจูบแผ่วเบาที่หน้าผากอีกฝ่าย

"คนลามก" โคโตะพึมพำด้วยใบหน้าเขินอาย "ขอค่าจ้างแพงแบบนี้...ชั้นจะใช้งานให้คุ้มเลย"

"ถ้างั้นตอนนี้ขอค่าแรงล่วงหน้าก่อนละกันนะ" ว่าแล้วมือแกร่งก็เริ่มปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายลงพลางบรรจงจูบย้ำตามรอยแนวสาบเสื้อที่แหวกออก ผิวกายขาวสะอาดน่าสัมผัสสั่นสะท้านเย้ายวนจนยากจะหักห้ามใจ คนมองพึมพำเสียงแผ่วว่า

"คราวนี้ฉันจะอ่อนโยนให้...ชดเชยกับคราวก่อน...ที่ SM ไปหน่อยนะ ขอโทษจริง ๆ คงเจ็บมากสินะ" เขาว่าพลางชะโลมเจลเข้ากับปลายนิ้ว คราวก่อนทำสด ๆ เสียจนได้เลือด ถึงแม้อีกฝ่ายจะยอมให้ทำก็เถอะ เขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี

คนโดนกอดหัวเราะเบา ๆ "ก็เจ็บอยู่หรอก...แต่คนมาโซอย่างชั้น..ก็ชอบนะ ถ้านายจะทำแค่นาน ๆ ทีน่ะ"

"งั้นไว้คราวหน้า จะเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ครบเซ็ตเลยดีมั้ย" ใบหน้าแกร่งเริ่มยิ้มหื่น คนด้านล่างมองมาแล้วค้อนให้แก้เขิน ท่าทางน่ารักนั้นยิ่งดูเชิญชวนนัก มือแกร่งดึงกางเกงชิ้นสุดท้ายออกจากร่างบอบบาง แล้วจับเรียวขาสวยให้อ้าออก ลิ้นนุ่มไล้เลียโคนขาด้านในเนิบช้าก่อนรุกไล่เข้าหาจุดอ่อนไหว

"ใครบอกกันว่าชั้นจะเล่นอุปกรณ์น่ะ..อึ้ก..อย่าสิ นายนี่ พอยอมให้หน่อยล่ะได้ใจนะ...อะ...อื้อ!!" ร่างบอบบางสะท้านเฮือก เมื่อปลายลิ้นนุ่มเริ่มแทรกซอนเข้าภายใน มือชุ่มเจลบีบนวดเค้นคลึง ปลุกปั่นอารมณ์อีกฝ่ายจนยากจะพูดได้เป็นภาษาแล้ว

"อา..." ลิ้นที่ยาวกว่าที่คิดทั้งนุ่มนิ่มและแทรกลึก ยามขยับหยอกแกมกระตุ้นยิ่งยากจะควบคุม ร่างบอบบางเกร็งเป็นพัก ๆ เมื่อจุดอ่อนไหวโดนรุกราน จากปลายลิ้นเปลี่ยนเป็นปลายนิ้ว ขยับเข้าแผ่วเบาหากลึกล้ำ ร่างบนเตียงเกี่ยวคอหนาแกมพยุงอีกฝ่ายจึงจับลุกขึ้นนั่งทั้งยังแช่นิ้วค้างไว้ภายใน เสียงครางน้อย ๆ ยามเพิ่มจำนวนเพื่อเบิกทาง

ร่างเปียกชื้นด้วยเหงื่อยิ่งเร่าร้อน ใบหน้าหวานยามต้องการปลุกเร้าอารมณ์คนมองจนลุกโชน

"ลึกอีกสิ...อะ...อื้อ..." ลมหายใจอุ่น ๆ ที่ข้างหูกระซิบ ร่างที่อยู่บนตักเริ่มตั้งหลักได้ สะโพกได้รูปขยับตามการชักนำก่อนคร่อมลงที่หน้าขา เจตนาเสียดสีส่วนหน้าแผ่วเบาด้วยผิวเนียนชวนสัมผัสจนคนทำแทบสะดุ้ง

"นายนี่นะ จะยั่วไปถึงไหน เดี๋ยวฉันก็เผลอทำรุนแรงอีกจนได้หรอก"

โคโตะอมยิ้มแม้จะยังหอบหายใจอยู่ "ก็ทำสิ...ชั้นชอบ...ให้นายทำรุนแรงนี่นา...อะ...ตรงนั้น เข้ามาสิ"

นิ้วชำนาญรั้งออกสลับเปลี่ยนเป็นแก่นกายแกร่ง สะโพกบางกดลงทีละน้อย เสียงกรีดร้องยามเสียดสีที่ภายในอันร้อนรุ่ม ยิ่งขยับยิ่งต้องการ

คนด้านล่างขยับสะโพกสวนขึ้นเนิบช้า ริมฝีปากที่ร่ำร้องถูกประกบจูบซ้ำ สัมผัสกันและกันครั้งแล้วครั้งเล่า

เสียงกระซิบบอกรักชวนวาบหวามมีมาให้ได้ยินจนรุ่งสาง ก่อนทั้งคู่จะหลับใหลอย่างอ่อนแรงหลังจากนั้น...


..........................................


หมอนวันนี้กลับอุ่นกว่าที่เคยยามโอบกอด มือเรียวยาวขยับเข้าหากระชับกว่าเดิม หากไออุ่นนั้นกลับมีเสียงลมหายใจจาง ๆ ด้วย ร่างบางลืมตาขึ้นอย่างสงสัยแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นสิ่งที่ตัวเองกำลังกอดอยู่

เด็กหนุ่มผู้กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนนั่นเอง คือหมอนข้างในวันนี้ ซากุระที่รู้สึกตัวหน้าแดงฉานในทันที

นี่มัน..เกิดอะไรขึ้น?

เห็นได้ชัดว่าเป็นตนเองที่กอดเรย์จิอยู่ ร่างบอบบางแทบกลั้นใจ ดึงมือออกมาทีละน้อยโดยไม่ให้คนกำลังหลับสบายรู้สึกตัว

พอหลุดออกมาได้ ก็ลอบถอนใจเฮือกใหญ่ ดวงตาเรียวยาวมองมาอย่างเคร่งเครียดกว่าเดิม

หากใบหน้ายามหลับของคนตรงหน้า กลับทำให้สีหน้าเคร่งเครียดนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางที่กำลังหลับสบายแถมยังอมยิ้มอยู่ในห้วงแห่งความสุข ทำให้คนมองชักเริ่มอยากรู้ว่าคนกำลังหลับนั้นฝันถึงอะไร

ทว่าก็ต้องสะดุดกึกเมื่อได้ยินเสียงละเมอต่อจากนั้น

"...ซากุระคุง...กอดผมแบบนี้...ไม่เหมาะนะครับ.." เสียงนั้นยังห้ามแต่สีหน้ากลับปลื้มไปเต็ม ๆ

เสียงดังโป๊กเล่นเอาคนกำลังหลับร้องจ๊ากสะดุ้งตื่นขึ้นทันที เด็กหนุ่มถอยกรูดเมื่อเห็นดาบทั้งฝักที่พึ่งเขกหัวเขามาสด ๆ ร้อน ๆ ร่างที่ยืนจ้องมายิ่งแล้วใหญ่ ปลดปล่อยออร่าสังหารเต็มพิกัดเลยทีเดียว มือเรียวยึดจับตัวด้ามก่อนชักออก

เรย์จิแทบจะไม่มีเวลาหยุดอึ้ง เมื่อรีบโกยสี่เท้าวิ่งออกจากห้องแทบไม่ทัน

ฝันดีในยามหลับกลายเป็นฝันร้ายในยามตื่นเสียแล้ว...


......................................


สายแล้วในตอนนี้ แต่สมาชิกในบ้านยังไม่มีใครตื่นอีก แม้จะได้ยินเสียงร้องเมื่อครู่ของเรย์จิ เด็กหนุ่มที่ยังคลำหัวป้อย ๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ เริ่มต้นเก็บกวาดห้องเพียงลำพังตามที่สัญญาไว้กับโคโตะอย่างน่าสงสาร

ซากุระจะเกลียดเขาแล้วรึเปล่านะ ก็เล่นมานอนบนเตียงด้วยโดยไม่ได้รับอนุญาตนี่นา

เขาครุ่นคิดต่อไปอย่างอยู่ในภวังค์ มือก็ยังเก็บรวบรวมขวดเหล้าลงถุงเตรียมนำไปทิ้ง โดยไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ามีใครบางคนเข้ามา

เหล้าเปล่าขวดหนึ่งถูกยื่นส่งให้ คนรับกล่าวขอบคุณอัตโนมัติ ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ

"ซะ...ซากุระคุง"

"ฉันมาช่วย" เขาพูดเรียบ ๆ ก่อนจะช่วยเก็บจานชามที่กินแล้ว ซึ่งวางทิ้งไว้เกลื่อนไปหมดนั้นซ้อนกันทีละใบ

"อ่ะ..ขอบคุณมากครับ"

แล้วรอบตัวก็มีแต่ความเงียบ มีเพียงเสียงขวดและจานชามกระทบกันแผ่วเบาเท่านั้น เรย์จิเหลือบมองแผ่นหลังบอบบางที่กำลังเช็ดพื้นอยู่แล้วตั้งท่าจะพูด...เขาคงต้องขอโทษก่อนสินะ ที่ทำตัวเสียมารยาทเมื่อคืนนี้

"ขอโทษนะ...ที่เมื่อคืนทำเรื่องยุ่งยากให้นาย" เสียงหวานพูดขึ้นตัดหน้าเสียก่อน เล่นเอาคนกำลังจะพูดใบ้กินไปเลย

"เอ้อ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็...เสียมารยาทเหมือนกัน ที่ไปนอนตรงนั้นโดยที่คุณไม่ได้อนุญาต"

คนฟังเผลอหน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว แม้เจ้าตัวจะไม่รู้สึก ไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายยังหลงเหลือ เมื่อคืนนั้น...คงจะกอดอยู่ทั้งคืนแน่ ๆ

"ไม่เป็นไร..ฉันก็กอดนายโดยไม่ได้ขอเหมือนกัน" ซากุระพูดต่อไปด้วยเสียงราบเรียบ แม้ใบหน้าจะยังแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัด

กอด...ซากุระคนนั้น...บอกว่ากอดเขางั้นเหรอ... เรย์จิแทบจะตัวลอย แสดงว่า...ที่ฝันนั่น...ไม่ใช่ฝันหรือนี่

ร่างบอบบางหันมาจ้องมองเด็กหนุ่มจริงจัง เรย์จิเสียววาบ เขาเริ่มนึกสงสัยว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยได้ยันพรุ่งนี้หรือเปล่า ท่าทางนั้นราวกับจะชักดาบขึ้นฟันเขาเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ นี่เขาคงทำผิด...มากเกินไปแล้วสินะ ถึงจะเป็นฝ่าย 'โดนกอด' ก็เถอะ อย่างว่า ผู้หญิงน่ะ ยังไงก็เป็นฝ่ายเสียหายวันยังค่ำ

...ต้องชดใช้ด้วยชีวิตหรือเปล่าเนี่ย...เด็กหนุ่มเริ่มหน้าซีด

"ผะ..ผม..." เสียงพูดชักตะกุกตะกัก หากเสียงจากอีกฝ่ายกลับสวนกลางปล้องขึ้นมาว่า

"เอาเถอะ...ถ้านายแต่งงานไม่ได้แล้วล่ะก็ ชั้นจะรับผิดชอบนายเอง!"

คำพูดชวนเหวอทำให้เขาพูดไม่ออกไปแล้ว ร่างบอบบางพูดจบก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สบตาด้วยอีก เสียงหัวเราะขบขันเบา ๆ ดังมาจากด้านข้าง เมื่อยูเมะกับซานะ ที่แอบซุ่มดูคนทั้งคู่อยู่เริ่มกลั้นหัวเราะต่อไปไม่ไหว

"ดีใจด้วยนะเรย์จิคุง อีกไม่นานซากุระคุงคงจะมาขอแล้วล่ะ" ซานะพูดยิ้ม ๆ

"ยูเมะว่า คงต้องเรียกสินสอดแพงหน่อยนะ เล่นทำเรย์จิคุงมีตำหนิก่อนแต่งเนี่ย" เด็กหญิงหารือด้วยสีหน้าซีเรียส

"นั่นสินะ เกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไง" เด็กชายสนับสนุน

"ผมเป็นผู้ชายนะครับ แค่โดนผู้หญิง 'กอด' ไม่ท้องสักหน่อย" เรย์จิรีบค้านจนหน้าแดงฉาน


และในวันนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ วัน...ที่เรย์จิยังคงเป็นของเล่นที่น่าแกล้งสำหรับทุกคนอีกเช่นเคย

คงต้องทำใจแล้วล่ะ ก็ดันเป็นคนน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้นี่นา...

สู้ต่อไปนะ...เรย์จิคุง!


- จบตอนที่ 14 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 14 อัพ 24-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 24-04-2010 10:27:04
เข้ามาฮาเรย์จิ ซ...ซากุระ หนูยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอยู่รึเปล่านั่น!!? o22
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 14 อัพ 24-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 24-04-2010 10:52:16
ตอนนี้น่ารักมาก ซากุระคุงจะรับผิดชอบจริงเหรอ ดีใจด้วยนะเรย์จิคุง :m20:


ว่าแต่.........ยังเหลือปมอะไรอีกรึเปล่านิ??
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 14 อัพ 24-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 24-04-2010 11:50:40
ซากุระคุงจะขอเรย์จิ




 o22





เป็นสาวนะลูกกกกกกกกกก





 :z2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 14 อัพ 24-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 24-04-2010 15:26:27
 :mc4:ดีใจด้วยเรย์จิ ซากุระจะมาขอแล้ว
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 14 อัพ 24-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 24-04-2010 15:55:09
 :laugh: ซากุน่ารักอ่ะ เป็นลูกผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบมาก :o9:
เรย์จิเข้าคอร์สเจ้าสาวรอเล้ยยยยย

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 14 อัพ 24-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 25-04-2010 00:17:13
เรย์จิไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมด่วนนน o4
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 14 อัพ 24-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 25-04-2010 12:38:31
งั้นตอนแต่ง ซากุระคุงคงใส่ชุดเจ้าบ่าว ส่วนเรย์จิคงใส่ชุดเจ้าสาว
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 15/1 อัพ 27-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 27-04-2010 20:02:14
ตอนที่ 15 How to be a Normal Person : วิถีทางการเป็นคนธรรมดา

(ตอนที่ 15/1)


สายลมหนาวกำลังพัดผ่าน เทศกาลแห่งความสุขกำลังใกล้เข้ามา อีกไม่นานแล้ว หิมะก็คงจะตามมาเช่นกัน เช้าวันนี้อากาศดี ท้องฟ้าสีฟ้าสด ดูกระจ่างใสราวแก้วเนื้อดี ร่างสูงหายใจเข้าลึก ๆ อย่างผ่อนคลาย เท้าอันมั่นคงก้าวเดินไป พร้อมกับไม้กวาดในมือ
   
เป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วสำหรับตัวเขา ที่จะต้องมากวาดลานหน้าบ้านหลังจากตื่นนอน
   
ร่างสูงแข็งแรงบิดกายเล็กน้อยขับไล่ความเกียจคร้าน ร้านคาเฟ่ที่ดูวุ่นวายในหลายวันก่อน ในที่สุดก็กลับคืนสู่สภาพปกติอันแสนสงบสุขเสียที
   
“ตื่นเช้าเหมือนเดิมเลยนะจ๊ะ” เสียงใสอ่อนโยนทักด้วยรอยยิ้ม เด็กหนุ่มยิ้มตอบแห้ง ๆ รู้ดีว่าคนทักเจตนาจะแกล้งเขาอีกแล้ว
   
แต่เขาจะไม่เคลิ้มตามเด็ดขาด…เพราะรู้อยู่แก่ใจ ว่าคน ๆ นี้ ไม่ใช่ผู้หญิง แม้ว่าในยามนี้ จะใส่ชุดกระโปรงเรียบร้อย มีแถบผ้ากันเปื้อนคาดทับ ที่ไหล่บาง ยังมีผ้าคลุมลายลูกไม้กันหนาว ดูงดงามราวหญิงสูงศักดิ์สมเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้วก็ตาม
   
เรย์จิรู้ซึ้งเป็นอย่างดี ว่านอกจากจะไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว คนผู้นี้ ยังเจ้าเล่ห์มากอีกด้วย
   
“อรุณสวัสดิ์ครับ โคโตะคุง” เด็กหนุ่มทัก
   
“เรียกทาโนเอะสิจ๊ะ เวลาทำงาน ฉันยังคงเป็นทาโนเอะนะ อย่าลืมสิ” ชายหนุ่มในคราบหญิงสาวน่ารักย้ำ

“ว่าแต่ว่าวันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงรีบตื่นนักล่ะ” ร่างบอบบางถามต่อ
   
คนฟังยิ้มตอบรับ “ผมชินซะแล้วน่ะสิครับ ถึงวันพุธ คุณจะให้ผมกับซากุระคุงได้หยุดก็เถอะ”
   
“ไม่มีอะไรทำสินะ” คนถามเริ่มยิ้มหวาน เป็นรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยชอบกล แต่สำหรับเรย์จิ ผู้ที่ไม่เคยตามใครเขาทัน กลับไม่ได้สังเกตเห็น
   
“เอ้อ…ก็ทำนองนั้นแหละครับ ให้ผมช่วยงานในร้านดีกว่ามั้ย”
   
ร่างบอบบางส่ายหน้า “ไม่ได้สิ วันนี้เป็นวันหยุดของเธอนะ จะเอาเปรียบกันได้ยังไง” คำพูดนุ่มนวลอ่อนโยน สมกับเป็นทาโนเอะของเขา…เอ๊ย ไม่สิ ไม่ใช่ของเขา…ที่สำคัญ ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยนี่นา
   
เรย์จิลอบถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ แกมเสียดาย
   
คนมองมาเข้าใจความคิดของเด็กหนุ่มจนแอบขำแทบไม่ได้ ร่างเล็กอมยิ้มอย่างนึกสนุก ก่อนจะพูดต่อไป
   
“ซากุระคุงไปไหนแล้วล่ะ”
   
“น่าจะอยู่ในครัวมั้งครับ ถึงจะเป็นวันหยุด แต่สงสัยจะทำอาหารอยู่แน่เลย”
   
“พวกเธอนี่นะ เหมือนกันจริง ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าว่างงานกันนัก ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม”
   
“อะไรหรือครับ”
   
“ใกล้จะคริสต์มาสแล้ว ฉันอยากให้พวกเธอช่วยหาเครื่องประดับร้าน   สวย ๆ มาแต่งร้านเราตามเทศกาลน่ะ แล้วก็นี่” ร่างบอบบางยื่นเงินให้ “ครึ่งหนึ่งเป็นค่าของ และอีกครึ่ง…เป็นค่าจ้าง”
   
“ผมรับค่าจ้างไม่ได้หรอกครับ ผมเองก็อยากแต่งร้านของพวกเราให้สวยเหมือนกัน” เด็กหนุ่มแย้งอย่างซื่อ ๆ
   
ทาโนเอะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วยิ้มให้ “ไม่ใช่ค่าจ้างไปซื้อของ แต่ว่า…เป็นค่าจ้าง สำหรับการเป็นครูพิเศษในวันนี้”
   
“เอ๋?”
   
“ของที่ต้องซื้อน่ะ ซื้อแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว แต่ว่าฉันจะจ้างเธอเป็นการพิเศษ วันนี้ทั้งวัน เธอจะต้องเป็นครูพิเศษให้ซากุระคุง สอนเขา…ให้รู้จักโลกภายนอก รู้จักการเป็นคนธรรมดา จะได้ไหมล่ะ”
   
ใบหน้าของคนพูดเคร่งขรึมลงเล็กน้อย เมื่อพูดต่อไปว่า “ซากุระคุงน่ะ ไม่เคยใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดามาก่อนเลย ตลอดชีวิตของเขา มีเพียงการจับดาบ และการสังหารคนตามคำสั่งเท่านั้นเอง”

“ถึงเขาจะยอมเปิดใจให้ฉัน แต่…ในยามที่เขาต้องการใครสักคน ฉันกลับไม่สามารถเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาได้ เด็กคนนั้น…ถึงได้แต่เจ็บปวดมาตลอด”
   
“แต่เธอ…ต้องทำมันได้แน่ ๆ ดังนั้น…ช่วยเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขาที ฉันอยากให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กสาวธรรมดา ไม่ใช่ใช้ชีวิตราวเครื่องจักรสังหารแบบนี้”

“นะ…ได้ไหม เรย์จิคุง ช่วยเป็นเพื่อนกับซากุระคุงทีนะ พาเขาไปเที่ยว พาไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปทำอะไรก็ได้ ที่ ‘เด็กสาววัยรุ่น’ เขาทำกัน เธอคงจะรู้ใช่มั้ยล่ะ”
   
เรย์จิอึ้งไปเล็กน้อย “เอ่อ แต่แบบนั้น ไม่จำเป็นต้องจ้างก็ได้ครับ”

ร่างบอบบางหลิ่วตาให้ “ออกไปเดทกับสาวน้อยทั้งที หนุ่มน้อยอย่างเธอก็ต้องเป็นเจ้ามือสิ เงินนั่น ฉันให้เพื่อการนี้นั่นแหละ”
   
เดท…เดทงั้นเหรอ
   
คนฟังเริ่มหน้าแดงเรื่อ เมื่อเผลอจินตนาการสุดสวีทไปเรียบร้อยแล้ว มือบอบบางตบไหล่เด็กหนุ่มพลางพูดว่า “ฉันบอกซากุระคุงไว้แล้วนะ ให้เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วด้วย”
   
“หา?” คนฟังชักเริ่มตั้งตัวไม่ติด แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ก็ยืนอึ้งอ้าปากค้างไปเสียก่อน เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามาหา ร่างบอบบางน่ากอดมีเสื้อโค้ทยาวสีหวานคลุมข้างนอก ใต้กระโปรงยาวยังมีกางเกงสแลคตัวบางแนบเนื้อตามแฟชั่นหน้าหนาว แถมที่ไหล่บาง ยังปล่อยผมสีดำสนิทยาวตรงถึงกลางหลังดูน่ารัก การแต่งตัวราวสาวรุ่นทันสมัยขนาดนี้ ไม่ต้องเดาก็พอรู้ได้ ว่าเสื้อผ้าพวกนี้ เป็นฝีมือการเลือกซื้อของโคโตะแน่ ๆ
   
“ซะ…ซากุระคุง”
   
“ยังไม่ได้แต่งตัวอีกเหรอ โคโตะไม่ได้บอกนายหรือไง” สาวน้อยผู้มาใหม่ถามขึ้นเรียบ ๆ
   
“อ่ะ ครับ ๆ จะแต่งตัวเดี๋ยวนี้แหละ” คนรับคำแทบจะติดจรวดวิ่ง เพื่อไปแต่งตัวราวสายฟ้าแลบ
   
ร่างสูงโปร่งมองตามไปแล้วถอนหายใจยาว ดวงตาเรียวสีเข้มหันมามองโคโตะในคราบของทาโนเอะที่ยังคงยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น “แค่ไปซื้อของ ทำไมฉันต้องใส่กระโปรงด้วยล่ะ”
   
“ถ้าแต่งตัวน่ารัก ร้านเขาจะมักจะลดราคาพิเศษให้น่ะสิ ช่วงนี้มีคนเยอะขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่ม ดังนั้น…ถ้าเขายอมลดราคาได้มันก็คุ้มไม่ใช่เหรอ” ร่างบอบบางพูดหน้าตาย
   
“เอาเถอะ ถ้าเพื่อร้านของพวกเราล่ะก็ จะยอมสักครั้งก็ได้” ซากุระตอบ   ง่าย ๆ
   
เพียงพริบตาเดียว ร่างสูงของเด็กหนุ่มก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา ในชุดเตรียมพร้อมออกไปข้างนอก “เรียบร้อย…แล้ว…ครับ”
   
คนยืนอยู่ก่อนมองมาอย่างขำ ๆ เรย์จิคงรีบจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน พอมาถึงเลยต้องยืนตั้งหลักอยู่ครู่ใหญ่
   
“เอ้า ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ไม่ต้องรีบกลับหรอกนะ วันนี้ทั้งวัน เป็นวันหยุดของพวกเธอ ฉันไม่รีบใช้ของพวกนั้นด้วย” ทาโนเอะว่าพลางโบกมือบ๊ายบาย

หากก่อนทั้งคู่จะจากไป หญิงสาวก็พูดขึ้นเหมือนพึ่งนึกขึ้นมาได้ “จริงสิ ซากุระคุง วันนี้เรย์จิบอกว่าจะติวเข้มเรื่องวิธีการเป็นคนธรรมดาให้นะ เชื่อฟังเขาหน่อยก็แล้วกัน” ซากุระผงกศีรษะรับ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก

ทั้งคู่เดินมาถึงริมถนนใหญ่ แม้จะไม่ใช่วันหยุด แต่ก็ยังมีคนเดินไปมาจับจ่ายซื้อของเหมือนปกติ แถมในวันนี้ยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยมีบู้ทสำหรับขายสินค้าของขวัญคริสต์มาสมาเปิดกันหลายร้าน รวมถึงบู้ทจัดงานแต่งงานแบบครบวงจรด้วย ร่างสูงโปร่งบอบบางมองไปยังหนุ่มสาวหลายคู่ ที่เดินซื้อของด้วยกันอย่างครุ่นคิด

เรย์จิที่เดินตามชักเริ่มเกร็ง ๆ เขาไม่ได้เดินเที่ยวกับหญิงสาวที่สวยขนาดนี้มานานแล้ว ครั้งล่าสุดก็คง…ตอนไปเรียนภาคค่ำวันแรก ที่ซากุระแต่งชุดนักเรียนหญิงนั่นเอง แต่นั่น ก็ไปกับซานะ และยูเมะด้วย เลยจะเรียกว่าเดทก็คงเรียกได้ไม่เต็มปากเท่าใดนัก

แต่เดทแบบนี้ เขาก็ควรจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสินะ…

“ถ้าอย่างนั้น…เอ่อ เราไปที่…”

พูดยังไม่ทันจบ มือบอบบางที่ขาวผ่อง ก็ยื่นมาเบื้องหน้าเขา

เรย์จิมองมาอย่างงง ๆ จนอีกฝ่ายต้องพูดเอง

“โคโตะบอกว่า เวลาคนธรรมดาไปซื้อของ เขาจะเดินจับมือกัน” ใบหน้าสวยโบ้ยใบ้ให้มองคนเดินไปมาด้านข้าง คนที่เดินจับมือกัน ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ได้ ว่าทั้งหมดนั่นล้วนเป็นคู่รักสวีทหวานแหววทั้งนั้น แต่เรย์จิเองก็รู้อีกเช่นกัน ว่าซากุระ ไม่ได้รู้เลยสักนิด ว่าเขาจับมือกันเพราะอะไร นอกจากเข้าใจตามที่โคโตะบอก ว่าคนธรรมดา จะจับมือกันเดิน ก็เท่านั้น

เด็กหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหน้าแดงกว่าเดิม โคโตะหนอโคโตะ ช่างแนะนำแต่เรื่องวิเศษดีแท้ แล้วนี่เขา…จะปฏิเสธได้ยังไง ถึงจะดูเหมือนฉวยโอกาสอยู่ แต่ว่า…แต่นาน ๆ ที ได้จับมือสาวสวย มันก็…ไม่เลวอยู่
มือสั่นน้อย ๆ ยื่นมาจับมือบอบบางนั้นอย่างเคอะเขิน

หากดวงตาอีกฝ่ายกลับเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองกลับมา

“ฉันดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าแบบนั้น นายจะไม่จับมือฉันก็ได้นะ”

มือที่สั่นเมื่อครู่เลิกสั่นไปเลยในตอนนี้ เรย์จิเข้าใจแล้ว ว่าซากุระ ไม่มั่นใจขนาดไหน ยามต้องออกมาภายนอกเพียงลำพัง โดยเฉพาะตอนที่แต่งเป็นผู้หญิงเช่นนี้

มือแข็งแรงของเขาบีบมืออีกฝ่ายเบา ๆ แกมให้กำลังใจ
 
“ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะ แต่แค่…ผมไม่ค่อยได้จับ…เอ้อ จับมือผู้หญิงเท่าไหร่”

ใบหน้าสวยขยับแย้มยิ้ม แม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มจาง ๆ แค่นั้นก็เล่นเอาคนมองแทบใจละลายแล้ว

“ถ้าไม่รังเกียจ…ก็จับเอาไว้นะ ได้หรือเปล่าล่ะ”

คนฟังพยักหน้ารับแข็งขันด้วยใบหน้าที่แดงฉาน

“มือของนายอุ่นดี ฉันชอบ” ซากุระพึมพำเสียงแผ่วราวกระซิบ แต่เรย์จิที่ได้ยินเต็มสองหู แทบจะตัวลอยด้วยความปลาบปลื้มไปเรียบร้อยแล้ว


......................................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 15/1 อัพ 27-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-04-2010 20:06:57
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :impress2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 15/1 อัพ 27-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 28-04-2010 00:19:52
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ตามพี่นุ่น น่ารักอ่า :impress2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 15/1 อัพ 27-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 28-04-2010 00:25:53
 :m1: น่ารักอ่ะ
เรย์จิสู้ๆ โอกาสที่จะได้เปลี่ยนมาเป็นเจ้าบ่าวรออยู่ ~

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 15/1 อัพ 27-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 29-04-2010 20:12:58
น่ารักจัง แต่คงต้องขอบคุณแผนการจากไคโตะสินะคะเนี่ย :m4:
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 15/1 อัพ 27-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 29-04-2010 21:03:12
กรี๊ดอะไรกัน
เค้างงน่ะ
เพราะเค้ายังไม่ได้อ่าน
ต้องอ่านซะแล้วเรื่องนี้
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 15 อัพ 30-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 30-04-2010 12:50:47
(จบตอนที่ 15)


ใกล้คริสต์มาสแล้ว ร้านค้ามากมายเริ่มตกแต่งและวางขายสินค้ากันเอิกเกริก อากาศหนาวที่เริ่มมาเยือน ยิ่งเสริมบรรยากาศแสนสุขให้ได้เห็นทั่วไป แม้อากาศจะเย็น แต่มือที่จับกันยังคงแนบแน่น

“เราไม่ซื้อของกันเหรอ” ซากุระถามขึ้น หลังจากที่เดินตามเรย์จิมาได้ครู่ใหญ่อย่างแปลกใจ

“ของน่ะ ซื้อตอนจะกลับสิครับ ถ้าซื้อตอนนี้ เราก็ต้องหิ้วอยู่ตลอด เป็นภาระเปล่า ๆ นะ” เรย์จิตอบยิ้ม ๆ

“แต่วันนี้…เรามีหน้าที่มาซื้อของไม่ใช่เหรอ” ซากุระพูดต่อไป การที่ทำงานซึ่งได้รับมอบหมายมา สำหรับเขา มันคือการออกปฏิบัติการ ซึ่งจะต้องทำตามคำสั่ง อย่างถูกต้องครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
   
มือแข็งแรงดึงมืออีกฝ่าย แล้วพาเข้าร้านอาหารใกล้ ๆ โดยไม่ตอบคำ
   
“นั่งสิครับ”
   
ซากุระมองเก้าอี้ที่อีกฝ่ายเลื่อนให้ ก่อนจะนั่งลงโดยไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขาคล้ายจะซีเรียสมากขึ้นอีกเล็กน้อย
   
“มีคนตามเรามางั้นหรือ” เสียงเบากระซิบถาม ออกจะทึ่งกับเด็กหนุ่ม ที่รู้สึกถึงอันตรายก่อนตัวเขาเสียอีก
   
เรย์จิฟังแล้วอึ้งกว่าเดิม สุดท้ายก็ตัดสินใจรับมุก “ชะ…ใช่ครับ มีคนตามเรามา เราจะให้มันรู้ตัวไม่ได้…ดังนั้นเราต้อง…” ตั้งท่าจะพูดว่า ทำตัวให้เป็นคนธรรมดา แต่ยังไม่ทันได้พูดเช่นนั้น ร่างบอบบางโน้มตัวเข้าหา แล้วกอดเด็กหนุ่มไว้เรียบร้อยแล้ว

ดวงตาเรียวยาวเหลือบมองเงาในกระจกพลางกระซิบถาม “พวกนั้นไปหรือยัง?”
   
เรย์จิที่แทบจะแข็งไปแล้วพูดเกือบไม่ออก “เอ่อ…ยังครับ”
   
มือบอบบางจับหน้าเด็กหนุ่มโน้มเข้ามาใกล้ ประกบริมฝีปากจูบลงไปแนบแน่น ไม่ใช่แค่นั้น เขายังรู้สึกได้ ว่าเรียวลิ้นนุ่ม ยังสอดแทรกเข้ามาคล้ายต้องการยั่วยวนเขาเสียด้วย
   
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ กับเด็กหนุ่มที่ทั้งเคลิบเคลิ้ม ทั้งเขินอายจนใบหน้าแดงฉาน เรย์จิค่อยลมหายใจลงก่อนผละออกนุ่มนวลแล้วกระซิบว่า “พวกนั้น…ไปแล้วมั้งครับ”
   
คนฝั่งตรงข้ามผละออกแทบจะในทันที ด้วยท่าทีเฉยเมยราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   
เรย์จิมองมาอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สิ่งพวกนั้น…คงเป็นสิ่งที่ซากุระได้เรียนรู้ ยามต้องการแฝงตัวมาสังหารใครสักคนกระมัง
   
ถึงจะดีใจที่ได้จูบ แต่เขาก็รู้เต็มอก ว่ามันผิดปกติมากแล้ว คนธรรมดา ไม่มีใครทำเช่นนี้แน่ ๆ
   
ดวงตาเรียวยาวมองกลับมา “เป็นอะไรน่ะ นายหน้าแดงจังนะ”
   
“เอ่อ…ไม่…ไม่มีอะไรครับ” เรย์จิตอบกลบเกลื่อน
   
ซากุระอมยิ้ม “เมื่อกี้…คงไม่ใช่จูบแรกของนายหรอกนะ”
   
“พะ..พูดอะไรแบบนั้นครับ ผมน่ะ…ผม…” พูดแล้วก็อึ้งไป ถ้านับว่าโดนกระเทยอย่างลิซ่าจังเพื่อนพ่อเขาจูบ หรือโดนสาวน้อยน่ารักอย่างยูเมะจูบได้ มันก็ไม่ใช่…จูบแรกหรอกนะ
   
เด็กหนุ่มผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าอึ้งไปอีก เขาไม่คิดว่า ซากุระ จะชำนาญขนาดนี้ เล่นชำนาญกว่าเขาเสียอีก แบบนี้เขาจะสอนอะไรได้ล่ะ
   
ร่างบอบบางพูดขึ้นเบา ๆ “ฉันรู้นะ เมื่อกี้น่ะ ไม่มีใครตามมาหรอก” ว่าพลางถอนใจ “ถึงจะไม่ได้ทำงานแบบนี้มานานเป็นปี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สัญชาตญาณของฉันทื่อลงหรอกนะ”
   
เรย์จิอ้ำอึ้งไปเลย แบบนี้ซากุระก็รู้น่ะสิ ว่าเขา…แอบฉวยโอกาส…แต่เอ้อ…เขาไม่ได้คิดจะจูบนี่นา เป็นซากุระต่างหาก ที่จูบเขาเอง
   
แล้วจะโดนฆ่ามั้ยเนี่ย…
   
คิดแล้วขนลุกซู่ เมื่อมือบอบบางเอื้อมมาจับมือเขาไว้อีกรอบ
   
“ถึงนายจะจูบไม่เป็น แต่ฉันก็ชอบนะ” หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ  “นายได้จูบแล้ว ทีนี้จะเลี้ยงฉันได้หรือยังล่ะ”
   
“เอ่อ…ครับ” เรย์จิได้แต่รับคำแล้วสั่งเครื่องดื่มกับของว่างเพื่อบดบังความขัดเขิน ทำไมงวดนี้ มันคล้ายกับว่า เป็นเขาที่โดนซากุระลวนลามนะ..ไม่เข้าใจเลย
   
“คนธรรมดา เขาคงทำกันแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ” ซากุระพูดต่อเรื่อย ๆ
   
“หมายความว่ายังไงครับ” เรย์จิถามงง ๆ
   
“ก็…กอดแล้วก็จูบกัน ในที่สาธารณะไง” คนพูดชี้ไปยังโต๊ะใกล้ ๆ ที่กำลังทำเช่นนั้น หรือว่า…ซากุระ กำลังเลียนแบบ?
   
“ถึงฉันจะแสดงละครไม่เก่งนัก แต่เรื่องยั่วยวนเหยื่อก่อนเชือดเนี่ย ยังคงพอมีความมั่นใจอยู่” เขาพูดต่อไป
   
สีหน้าเด็กหนุ่มเคร่งเครียดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีเข้มจ้องมองมายังอีกฝ่ายก่อนจะถามว่า “เมื่อกี้…เป็นการแสดงหรือครับ”
   
ร่างบอบบางมองกลับมา ด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า “ก็ใช่น่ะสิ มีเหตุผลอะไรมากกว่านั้นงั้นหรือ ยิ่งยั่วยวนเหยื่อได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสามารถเข้าใกล้ได้มากขึ้นเท่านั้น และเปอร์เซ็นต์ที่จะฆ่าสำเร็จ ก็จะยิ่งมากขึ้นไปด้วย ทริกของมันก็คือ เมื่อเข้าใกล้ได้มากพอ ต้องรีบชิงลงมือในพริบตา ที่จุดตายเท่านั้น”
   
คนฟังเริ่มแอบสยอง วันนี้จะเป็นเขาเทรนให้ซากุระเป็นคนธรรมดา หรือจะเป็นวันที่เขาถูกเทรน ให้เป็นนักฆ่ากันแน่ล่ะเนี่ย
   
“คนธรรมดา จะกอดหรือจูบกัน ก็เฉพาะกับคนที่เขารักเท่านั้นนะครับ…และการทำแบบนั้น จะต้องมาจากใจ ไม่ใช่การแสดง” เรย์จิพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   
ซากุระเงียบไปอีก เป็นความเงียบเหมือนเมื่อตอนแรก ๆ ที่รู้จักกัน เรย์จิรับรู้ได้ในทันที ว่าอีกฝ่ายเริ่มกางเกราะป้องกันตัวเองอีกแล้ว
   
“เมื่อก่อนนี้…ฉันจะกอดหรือจูบคน ก็ต่อเมื่อฉันต้องฆ่าเขาเท่านั้น” เสียงที่คล้ายรำพึงกับตัวเองพูดขึ้น แล้วก็เงียบไปอีก
   
เรย์จิมองมาอย่างเข้าใจ “ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่างน้อยในตอนนี้ คุณก็กอดยูเมะกับซานะได้ กอดโคโตะได้ แถมวันก่อน…เอ่อ…วันก่อนนั้น ยังกอด…ผมได้อีก”
   
“นั่นคือความรักงั้นหรือ” คนฟังถามขึ้นกลางคัน เล่นเอาคนกำลังอธิบายอึ้งไปแล้ว
   
“เอ่อ ก็…ทำนองนั้นล่ะครับ”
   
“การกอดคนในครอบครัว ก็เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งเหมือนกัน” เรย์จิพูดต่อไป
   
“งั้นเหรอ” ซากุระพึมพำอย่างครุ่นคิด “แล้วที่ฉันจูบนายล่ะ จะนับได้มั้ย”
   
คนฟังหน้าแดงอีกรอบ คำพูดนั้น เหมือนสารภาพรักชอบกล หวังว่าเขาคงไม่ได้คิดไปเอง เรย์จิเริ่มฝันหวาน
   
“นายก็เป็น…คนในครอบครัวของฉันนี่นา” ร่างบอบบางพูดต่อ เล่นเอาคนฟังอกหักดังเป๊าะ
   
“เอ้อ…จะว่างั้นก็ได้ครับ” เรย์จิได้แต่รับคำต่อไปอย่างเสียดายนิดหน่อย
   
“ถ้างั้นคืนนี้ ฉันนอนกอดนาย ก็คงไม่เป็นไรสินะ”
   
เรย์จิที่กำลังดื่มน้ำแทบสำลัก ดูท่าว่าซากุระจะติดใจเขาเข้าเสียแล้ว…ในฐานะ…หมอนข้าง…ล่ะนะ
   
“เอ่อ…ผมว่ามัน”
   
“ไม่เหมาะ?” คนฟังต่อให้ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย
   
“คะ..ครับ ใช่ครับ”
   
“ก็คิดว่าฉันเป็นผู้ชายสิ ผู้ชายกอดกับผู้ชาย ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนไม่ใช่เหรอ นายเองก็บอกนี่นา ว่าคนในครอบครัว กอดกันได้เพื่อแสดงความรัก”

คำพูดที่ย้อนสิ่งที่เขาพูดมาจนครบ แถมยังฟังดูมีเหตุมีผลชอบกล ทำให้คนฟังเริ่มเถียงไม่ออก มีหรือเขาจะไม่อยาก ที่จะให้อีกฝ่ายกอด แต่ว่า…ซากุระไม่ใช่ผู้ชายจริง ๆ นี่นา และเขา…ก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเสียด้วย
   
“ตะ..แต่ว่า สำหรับผู้หญิงแล้ว จะกอดหรือจูบก็เฉพาะกับ…เอ้อ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ ก็ต้องเป็น…คนที่จะแต่งงานด้วย” เรย์จิพยายามอธิบายต่อไป
   
“แต่เรย์จิ เหมือนกับพ่อฉันเลยนะ ตั้งแต่เรานอนห้องเดียวกัน ฉันรู้สึกว่า…นอนได้หลับสนิทมากขึ้นจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่…พ่อที่แท้จริง ยังไม่เคยทำให้รู้สึกได้ขนาดนี้”
   
นี่เขา…เป็นหมอนที่ทำให้ทุกคนหลับฝันดีหรือไงเนี่ย คราวอายาเมะก็ทีแล้ว เด็กหนุ่มคิดอย่างเศร้าใจเล็กน้อย แถมยังเป็นหมอนที่…พอเจ้าตัวได้เจอกับคนที่ใช่ ก็โดนโยนทิ้งไปไม่ใยดี
   
แต่อย่างน้อย…เขาก็ทำให้คนที่ได้สัมผัส มีความสุขชั่วระยะเวลาหนึ่งล่ะนะ
   
…ถึงจะเป็นพ่อในสายตาของซากุระ…
   
คิดแล้วเศร้ากว่าเดิมแฮะ
   
เด็กหนุ่มที่ทำท่าเหมือนจะจิตตก ทำให้ซากุระมองมาอย่างงงกว่าเดิม
   
“ฉันทำผิดอีกแล้วสินะ” ดวงตาคู่นั้นดูเศร้าลง “ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จริง ๆ”

เรย์จิรีบส่ายหน้า “เอ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ คนเราน่ะนะ มันเรียนรู้กันได้”

ร่างบอบบางยังคงเศร้า เมื่อพูดต่อไป

“แต่เล็กมาแล้ว สิ่งเดียวที่ฉันต้องศึกษา และต้องเรียนรู้ ก็คือวิธีการฆ่าคน ฉันผิดเอง ที่เกิดมาเป็นผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่บ้านนั้น คาดหวังว่าจะเป็นชาย ที่จะสามารถสืบทอดสกุลต่อไปได้ ที่นั่นเปิดเป็นสำนักดาบ แต่เบื้องลึก ทำหน้าที่มือสังหาร สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว”
   
เรย์จินิ่งฟังสิ่งที่อีกฝ่ายเล่า นาน ๆ ที ซากุระจึงจะยินยอมเปิดใจ อาจจะเพราะเคยเล่าเรื่องราวของคนในคาเฟ่มาก่อน ในครั้งนี้ จึงไม่ได้รู้สึกขัดเขินนัก ยามต้องเล่าประวัติตัวเองให้เขาฟัง
   
ดวงตาคู่สวยมองออกไปนอกหน้าต่าง ผู้คนหลากหลายยังเดินผ่านไปมา ดูมีอิสระยิ่งนัก ซากุระยังคงพูดต่อไป
   
“เพื่อความปรารถนาของพ่อ ฉันถูกขังไว้ในห้องลับใต้คฤหาสน์ ต้องฝึกดาบทุกวันตั้งแต่จำความได้ และแทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยถ้าไม่จำเป็น จะให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ จะให้ใคร…รู้จักหน้าไม่ได้ ฉันต้องฆ่า…ทุกคนที่รู้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นภัยในอนาคต”

ใบหน้าสวยยิ้มเศร้า “ฉันเคยมีเพื่อนคนหนึ่ง เขาเป็น…เด็กผู้ชายที่ร่าเริงมาก พวกเรา พบกันเพราะเขาทำหน้าที่มาส่งอาหารให้ ตอนที่แม่นมป่วย”

“แต่พอพ่อรู้…ว่าเราแอบนัดเจอกัน…เขาก็ออกคำสั่ง…ให้ฉัน…ฆ่าเด็กคนนั้น เป็นคน ๆ แรกในชีวิต ที่ฉันต้องลงมือสังหาร”
   
“จนถึงวันนี้…เลือดของเขา…ในวันนั้น ยังคล้ายจะเปื้อนมือฉันอยู่เลย และหลังจากการฆ่าในครั้งนั้น…ฉันก็ไม่รู้สึกอะไรอีก ไม่ว่าพ่อจะให้ฉัน…ไปฆ่าใครก็ตาม”
   
มือเรียวยาวทาบทับที่บานกระจกร้าน “ในโลกแคบ ๆ ที่มีกำแพงบ้านกางกั้น ฉันจะสามารถออกไปข้างนอกได้ ก็เฉพาะตอนที่จะทำหน้าที่สังหาร จนกระทั่งวันหนึ่ง…ที่กรรมตามสนองบ้านของเรา พวกเขาถูกฆ่าทั้งหมด แต่ฉัน ที่อยู่แต่ในห้องลับ กลับแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย และโคโตะ…ก็เป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้”
   
“หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามโคโตะเรื่อยมา โคโตะ…ทำให้ฉันคิดถึงเด็กผู้ชายคนนั้น…คนที่ฉันเป็นคนฆ่าคนแรก ถ้าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ คงจะเหมือนกับโคโตะนี่แหละ”
   
“และนั่น ทำให้ฉัน…อยากจะอยู่เคียงข้างเขา…อยากจะชดเชย ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เคยทำไปในอดีต แต่ฉันก็รู้…ว่าเป็นฉันไม่ได้ โคโตะ ไม่เคยมองฉัน มากไปกว่าการเป็นเครื่องมือฆ่าคน”
   
“ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังภูมิใจ ที่สามารถทำประโยชน์ให้กับโคโตะได้ เพราะสิ่งเดียวที่ฉันทำได้…ก็คือการฆ่าคน”
   
เรย์จิมองใบหน้าบอบบางนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรขัดจังหวะ เขาได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดต่อไป โดยทำหน้าที่เพียงรับฟัง รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นจาง ๆ บนสีหน้าที่ไม่ค่อยมีการแสดงออกนั้น
   
“แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไป ในวันที่ฆ่าคนวันสุดท้าย…โคโตะบอกว่า…ฉันไม่ต้องฆ่าใครอีกแล้ว…เขาต้องการให้ฉันกลับเป็นคนธรรมดา เขาจะรับบาปทั้งหมดของฉันเอาไว้เอง เพียงแค่ขอให้ฉัน เป็นคนธรรมดาให้ได้ก็พอ”

มือบอบบางกุมมือของเรย์จิไว้ “สอนฉันทีเถอะนะ วิธีการเป็นคนธรรมดา ฉันไม่อยาก…เห็นโคโตะต้องเศร้าอีก ถ้าฉันสามารถเป็นอย่างที่โคโตะอยากให้เป็นได้ โคโตะคงจะมีความสุขแน่ ๆ”
   
“น่าอิจฉาโคโตะจังนะครับ” เด็กหนุ่มพึมพำ “แต่ว่า…ผมว่า…พอแล้วดีมั้ยครับ”
   
ร่างบอบบางมองมาอย่างไม่เข้าใจนัก “นายหมายความว่ายังไง”
   
“ชีวิตของคุณ เป็นของคุณนะครับ ไม่ได้เป็นของพ่อ หรือของโคโตะ หรือกระทั่ง…ของเด็กคนนั้น”
   
“สิ่งสำคัญของการเป็นคนธรรมดา ก็คือการหาความสุขให้กับตัวเอง เพื่อให้ตัวเอง มีความสุข”
   
“แต่ว่า…”
   
“ผมรู้ คุณกำลังพยายามทำตัวให้ดีที่สุด ตามความต้องการของทุกคน เพื่อที่จะให้คนอื่นมีความสุข แต่ว่า…ถ้าทำแล้ว คุณไม่มีความสุขล่ะก็ จะไม่มีใคร…มีความสุขเช่นกันนะครับ”
   
“การมีความสุข จะต้องเริ่มจากตัวเราเอง ถ้าเรามีความสุข คนอื่นก็จะมีความสุขไปด้วย อย่างเช่นตอนนี้ ถ้าคุณยิ้ม ผมก็จะมีความสุข ถ้าผมและคุณมีความสุข โคโตะก็ย่อมมีความสุขไปด้วย และคนอื่น ๆ ก็จะมีความสุขตามไปเป็นลูกโซ่ไปเรื่อย ๆ”
   
“เลิกฝืนใจที่จะทำในสิ่งที่คิดว่า ถ้าทำสำเร็จแล้ว จะทำให้คนอื่นมีความสุขเถอะครับ ผมชอบคุณ ที่คุณเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่การพยายามแล้วต้องทุกข์ทรมานกับมัน แล้วสุดท้าย ก็จะไม่มีใครเลย…ที่จะมีความสุข”
   
“ฉันไม่รู้นี่นา ว่าจะทำยังไง ถึงจะมีความสุข” ร่างบอบบางพึมพำ
   
เรย์จิยิ้มให้แล้วตอบว่า “วันนี้ผมจะสอนให้ ดีมั้ยครับ”
   
“อื้ม” ซากุระตอบรับ
   
“ความสุขอย่างง่าย ๆ เริ่มจากนมอุ่น ๆ” เขาว่าพลางรับเครื่องดื่มร้อน ๆ น่าทานจากบริกรสาวแล้วส่งให้อีกฝ่าย
   
“อากาศหนาวแบบนี้ การได้ทานของอุ่น ๆ ก็ทำให้มีความสุขได้”
   
โกโก้ร้อน ๆ ที่ถูกยกจิบ ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้จริง ๆ สีหน้าราบเรียบเปลี่ยนเป็นพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด เรย์จิยิ้มให้แล้วบอกต่อไปว่า
   
“ยังมีอีกหลายอย่าง ที่ทำแล้วจะมีความสุข ถ้าคุณไม่รู้ ว่ามีอะไรบ้าง ผมจะเป็นคนสอนคุณเอง”
   
“นายนี่นะ…เหมือนเป็นพ่อฉันจริง ๆ” คนพูดยิ้มน้อย ๆ
   
เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มใหม่อย่างพยายามทำใจ เอาเถอะ…พ่อก็พ่อเถอะนะ…สำหรับตอนนี้
   
มือของเขากุมมือของซากุระไว้ “ผมรู้ว่าคุณเป็นคนเข้มแข็ง แต่ว่า…คุณก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี”
   
“ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงสักหน่อย… ไม่มีใคร ต้องการคนอ่อนแอ…โดยเฉพาะ ผู้หญิง…ที่อ่อนแอ ของแบบนั้น…มันไร้ค่า”
   
“เป็นผู้หญิงสิดี เชื่อรึเปล่าล่ะครับ”
   
คนฟังจ้องมองหน้าเรย์จิ “นายเป็นคนแรกนะ ที่พูดแบบนั้น”
   
ใบหน้าเด็กหนุ่มเริ่มแดงเรื่อ “เกิดเป็นผู้หญิงก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ เกิดเป็นคนอ่อนแอ ก็ไม่ผิดเหมือนกัน ผู้หญิงนี่แหละ กำไร ถึงจะอ่อนแอ ถึงจะทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่ผิด ไม่น่าเกลียดอะไร แถมยังมีคนเต็มใจช่วยเหลืออีกเยอะแยะ ไม่เหมือนผู้ชายหรอกครับ คุณได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้ทั้งที จะปฏิเสธมันไปทำไม”
   
“อ่อนแอบ้าง เพื่อให้ผู้ชายปลอบโยนคุณ ผมจะได้ดูแมนขึ้นบ้างไง” ว่าแล้วเขาก็บีบมือบอบบางนั้นเบา ๆ
   
“คุณไม่ได้ร้องไห้มานานมากแล้วสินะ กำไรอีกอย่างของการเป็นผู้หญิงก็คือ ไม่ว่าจะร้องไห้ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ไม่เป็นไร ดังนั้น…ถ้ามันอัดอั้นตันใจ ถ้ามันอยากระบายออกมา ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนเอาไว้หรอกนะครับ”
   
เรย์จิมองมาพลางกระตุ้นอีก “ผมว่ามีผงเข้าตาคุณแล้วล่ะนั่น ดูสิ ตาแดงเชียว ถ้าไม่ให้น้ำตามันออกมา จะไล่มันไปไม่หมดนะ เดี๋ยวเป็นโรคตาแดงไม่รู้ด้วย” เขาพูดต่อหน้าตาเฉย “เอ้า เร็วสิครับ”
   
“บ้าจริงนายนี่ แล้วแบบนี้….” ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นมีน้ำตาคลอ “ฉัน…”
   
เด็กหนุ่มขยับเปลี่ยนเก้าอี้เข้าไปนั่งด้านข้างอีกฝ่าย “ถึงผมจะไม่ค่อยเอาไหนเท่าไหร่ แต่ว่า…อกผมก็ยังน่าใช้ซับน้ำตานะครับ” ว่าพลางโอบอีกฝ่ายมากอดไว้เบา ๆ
   
“คุณเป็นคนแรกเสียด้วย ที่จะได้ลองใช้มัน” เขาพูดติดตลก
   
คนซบแอบยิ้มจาง ๆ ทั้งน้ำตา ไม่รู้ทำไม พออยู่กับเรย์จิแล้ว ถึงได้รู้สึกสบายใจแบบนี้ทุกครั้ง

เสียงสะอื้นแผ่วเบากับร่างบอบบางที่สั่นน้อย ๆ ทำให้เรย์จิกอดซากุระเอาไว้กระชับกว่าเก่า มือแข็งแรงลูบหลังสั่นเทาพลางปลอบประโลม
   
“ร้องไปเถอะครับ เท่าที่คุณพอใจ ผมจะอยู่ตรงนี้ เป็นเพื่อนคุณเอง”
   
“อื้ม…ขอบใจนะ” เสียงรับแผ่วเบาจากร่างนั้น แม้น้ำตาจะยังเปียกชื้น
   
เรย์จิจึงได้แต่นั่งอยู่ในสภาพนั้นเป็นครู่ใหญ่เลยทีเดียว กว่าอีกฝ่ายจะหยุดร้องได้ กระดาษซับแผ่นบางถูกยื่นให้เช็ดใบหน้า ก่อนที่เขาจะเห็นอีกฝ่ายพึมพำ อย่างเคอะเขิน
   
“อย่าบอกเรื่องนี้…ให้ใครฟังนะ ได้ไหม”
   
“รับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยครับ เอาล่ะ พอร้องไห้แล้ว คราวนี้ก็คงจะยิ้มได้แล้วใช่ไหมล่ะ”
   
ใบหน้าหญิงสาวเริ่มแดงเรื่อ พลางพึมพำตะกุกตะกัก “ฉัน…ยิ้มไม่ค่อยเป็นหรอก”
   
“ลองสิครับ ผมรับรองได้ ว่ารอยยิ้มของคุณ น่ารักกว่าใคร”
   
คนฟังก้มหน้างุด อายจนพูดไม่ออกไปแล้ว
   
“วันนี้เรามาเดท เอ๊ย มาฝึกการเป็นคนธรรมดากันนะครับ คนธรรมดาน่ะ จะยิ้ม แล้วก็หัวเราะ เมื่อมีความสุข”
   
“ต้องหัดเอาไว้สินะ” คนฟังตั้งใจราวกับจะจดเล็คเชอร์เก็บไว้
   
“แน่นอนครับ ตอนนี้…เอาง่าย ๆ ก่อน มายิ้มกันดีกว่า”
   
ใบหน้าสวยขยับริมฝีปากอย่างเคอะเขิน ท่ามกลางการลุ้นของเรย์จิ    
   
“แบบนั้นแหละครับ น่ารักมาก ๆ เลย เอาล่ะ เราไปที่อื่นกันต่อดีกว่านะ” เขาว่าพลางจัดการจ่ายเงิน แล้วดึงร่างบอบบางก้าวเดินต่อไป
   
มือที่จับกันไว้ แนบแน่นกว่าเก่า
   
ซากุระมองมัน แล้วยิ้มอีกครั้ง
   
เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน ที่ไม่คิดว่า ชั่วชีวิตนี้…จะสามารถทำได้อีก…
   
รอยยิ้มที่เรย์จิบอกไว้ว่า…จะมีได้เมื่อมีความสุข
   
ตอนนี้พวกเขากำลังมีความสุขใช่ไหมนะ…?
   
อยากจะเข้าใจแบบนั้นจริง ๆ


...........................................


ต้นคริสต์มาสสูงตระหง่านหน้าห้างชั้นนำในเมืองประดับไฟสีสันสวยงาม แม้จะเป็นยามกลางวัน ก็ยังรู้สึกได้ถึงความงดงามนั้น ทั้งคู่เดินเลือกซื้อของด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน
   
เรย์จิซื้อผ้าพันคอผืนหนึ่ง ก่อนจะจัดการพันมันรอบคอขาวที่ดูจะหนาวเย็นจากอากาศที่เย็นลงเรื่อย ๆ พลางพูดว่า “พันไว้แบบนี้ จะได้ไม่หนาว”
   
“อากาศหนาวแค่นี้ ฉันไม่เป็นไรหรอก เมื่อก่อนต้องซุ่มรอในหิมะเกือบทั้งคืน ยังไม่เป็นไรเลย” ซากุระแย้ง
   
“ผมรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ว่านะ คนธรรมดา เขาจะใช้กัน ลองดูไปรอบ ๆ สิครับ”
   
ผู้คนรอบข้างหลายคนใช้ผ้าพันคอจริง ๆ แถมยังหลากหลายสีสันเสียด้วย
   
ร่างสูงโปร่งแตะผืนผ้าถักนั้นแผ่วเบา ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มน้อย ๆ “ถึงจะไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่มันก็…อุ่นดีนะ”
   
“แน่นอนสิครับ”
   
มือเรียวหยิบผ้าอีกผืนจากร้านข้าง ๆ พร้อมกับจ่ายเงิน แล้วจัดการพันรอบคอเรย์จิบ้าง
   
“ฉันให้”
   
“เอ่อ…” เรย์จิยืนอึ้งไปแล้ว
   
“นายจะได้อุ่นเหมือนกัน” เสียงราบเรียบตอบ
   
เรย์จิมองมาพลางอมยิ้ม “ขอบคุณนะครับ อุ่นมาก ๆ เลย”

ซากุระมองท้องฟ้าที่ยังกระจ่างใสพลางพูดต่อไป

“ไม่ใช่เพราะโคโตะ หรือเพราะใครทั้งนั้น…แต่ในตอนนี้ ฉันรู้สึกอยากจะ…อยากจะเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ เหมือนกัน” ซากุระพึมพำ
   
เรย์จิอมยิ้ม “ตอนนี้คุณก็เป็นสาวน้อยธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”
   
“ฉันไม่ธรรมดาตรงไหน” ร่างบอบบางหันกลับไปถามทันที
   
“ก็ตรงที่…คุณน่ารักกว่าสาว ๆ ทั่วไปไงล่ะครับ”
   
คนฟังยิ้มได้อีกรอบ ก่อนจะพูดต่อไป “มีที่ไหนน่าไปอีกล่ะ พาฉันไปสิ”
   
“ได้เลยครับ” เด็กหนุ่มรับคำกระตือรือร้น


.............................................


วันนั้นทั้งวัน เรย์จิพาเที่ยวไปเสียรอบ ทุกอย่างแปลกใหม่หมดสำหรับซากุระ ทั้ง ๆ ที่อยู่ที่นี่มาก็ระยะหนึ่งแล้ว แต่นอกเหนือจากการซื้อของตามหน้าที่ คล้ายกับว่า ซากุระ จะไม่เคยไปไหนเลย

ครั้งนี้จึงนับเป็นการออกมาเปิดหูเปิดตาเป็นครั้งแรก…
   
ยามค่ำเริ่มมาเยือน หลังจากช็อปปิ้งอุปกรณ์แต่งร้านจนเงินหมด ทั้งคู่ก็ช่วยกันหอบหิ้วข้าวของกลับร้าน ร่างบอบบางเหลือบมองชายหนุ่มด้านข้าง แล้วยิ้มน้อย ๆ กับตัวเอง
   
เสียงแผ่วเบาราวกระซิบพึมพำบอกเรย์จิว่า
   
“ขอบใจนะเรย์จิ ถึงฉันจะยังไม่เข้าใจนัก ว่าทำอย่างไร ถึงจะมีความสุขได้มาก ๆ แต่อย่างน้อยฉันก็รู้สึกว่า เวลาที่ได้อยู่กับนาย ฉันมีความสุข”
   
เรย์จิยิ้มให้ “ผมก็มีความสุขนะ เวลาได้อยู่กับคุณ”
   
ร่างบอบบางหันไปมอง “วันหยุดคราวหน้า เรามากันอีกนะ”
   
“แน่นอนสิครับ”
   
“ชวนยูเมะกับซานะมาด้วยคงดี เด็ก ๆ จะได้มีความสุขด้วย”
   
คนฟังแอบเสียดายเล็กน้อย นี่ซากุระไม่ได้อยากเดทกับเขาสองต่อสองหรอกหรือ
   
“พอได้มีความสุข ฉันก็อยากให้ทุกคนที่ร้าน มีความสุขเหมือนกัน”
   
“ถ้างั้นวันหลัง เราชวนทุกคนออกมาเที่ยวกันดีกว่ามั้ยครับ”
   
ร่างบอบบางรับคำด้วยรอยยิ้ม
   
การฝึกเป็นคนธรรมดาวันนี้ดูเหมือนจะไปได้สวย อย่างน้อย…หญิงสาวข้างตัวเขา ก็ดูเป็นสาวน้อยน่ารักที่กำลังมาเดทครั้งแรก และเขาเอง ก็ได้มีเดทแรกสุดสวีท ในความทรงจำดี ๆ ครั้งนี้เช่นกัน
   
“รู้ไหมครับ วันนี้น่ะ คุณดูเป็นคนธรรมดามากจริง ๆ นะ” เรย์จิพูดเรื่อย ๆ
   
คนฟังหันมาแทบจะในทันที “จริงเหรอ”
   
“แน่นอนสิครับ เป็นคนธรรมดาที่มี ‘ความสุข’ ด้วยล่ะ”
   
“ฉันอยากเป็นแบบนี้ตลอดไปจัง” ร่างบอบบางพูดลอย ๆ ใบหน้าสดใสมองไปยังร้านคาเฟ่…บ้านของพวกเขา ที่กลับมาถึงแล้ว
   
หากก่อนจะเข้าประตู ริมฝีปากนุ่ม ก็จูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มเด็กหนุ่มนั้น
   
“ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ฉันสนุกมากจริง ๆ”
   
ว่าแล้วก็เดินตัวปลิวเข้าร้านไป ทิ้งให้เด็กหนุ่มผู้ถูกจูบรอบสอง ยืนอึ้งท่ามกลางลมหนาวอยู่ตรงนั้นเป็นครู่ใหญ่เลยทีเดียว…


- จบตอนที่ 15 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 15 อัพ 30-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 30-04-2010 14:41:37
อร๊ายยยยย น่ารักมากๆๆ
เดทหวานๆของคนน่ารัก  :-[
เอาอีกๆๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 15 อัพ 30-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 30-04-2010 20:22:48
โอ้ หวาน~ ไม่คิดว่าซากุระคุงจะทำอย่างนี้เป็ฯด้วย แต่น่าสงสารจัง ที่ต้องทำอะไรแบบนั้นจนเหมือนชินชา จนเป็นแค่การแสดงละคร เฮ้อ~
แต่ตกลง เรย์จิคู่กับซากุระเหรอคะเนี่ย!?
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 15 อัพ 30-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: liTTle.SaLapaO ที่ 30-04-2010 22:33:27
โอ้ 
เดทสุดหวาน
ซากุน่ารักจังเลย
จุ๊บสุดท้ายเนี่ย
คนอ่านเขินแทนจัง

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 15 อัพ 30-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 01-05-2010 01:02:21
ซากุระจังน่ารักนะเนี่ยย
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 15 อัพ 30-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 01-05-2010 14:47:45
เรย์จิน่ารักจังโดนซากุระลวนลามด้วย :laugh:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 15 อัพ 30-4-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-05-2010 21:23:29
น้ำตาลจะขึ้นมั้ยเนี่ยกรู
กร๊ากกกกกกกกกกกก :laugh:
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 16/1 (ตอนนี้เนื้อหาแรง กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน) อัพ 4-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 04-05-2010 11:24:12
ตอนที่ 16 The Line Between Us : เส้นคั่นระหว่างสองเรา

(ตอนที่ 16/1)

Rate: NC-18, Shotacon, Rape, 3P, SM
*เนื้อหารุนแรงโดยเฉพาะฉากข่มขืน กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน*


ร่างสูงแข็งแรงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวประจำ แหล่งกบดานแห่งนี้ นับว่าเป็นความลับพอสมควร และเป็นที่ ๆ เขาชอบใช้ โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องใช้ความคิดเช่นนี้ กระดาษรายงานที่พึ่งได้รับมาสด ๆ ร้อน ๆ ถูกวางลงบนโต๊ะหลังอ่านจบ เนื้อหาของมัน ทำให้เขาเครียดมาได้พักหนึ่งแล้ว

มือแกร่งกุมขมับอย่างครุ่นคิด เขารู้ดี...ว่าเรื่องแบบนี้ สักวันก็ต้องเกิดขึ้น

งานในโลกมืด จะอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้มันขาวสะอาดไปได้

ไม่ว่าจะตบตาเพียงใด สักวันความจริงก็ต้องปรากฏ

โคโตะก็ไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่ว่า...รู้เรื่องนี้มาจากใคร ต้องมีใครสักคน...ที่บอกทุกอย่าง และล้างสมองโคโตะได้

มือใหญ่กำแน่นอย่างแค้นเคือง คน ๆ นั้น...มันเป็นใครกัน

เพียงเวลาไม่นาน แต่ด้วยสมองอันปราดเปรื่อง และการลงมืออย่างเงียบเชียบเป็นความลับสุดยอด เขาสามารถสืบได้ว่า โคโตะ...กำลังวางแผนเก็บคนของเขา...คนที่เป็นบุคลากรที่สำคัญในองค์กรนี้ ทีละคน ๆ

ถ้าเป็นโคโตะ ที่รู้โครงสร้างขององค์กรโดยทฤษฎีอย่างดีเยี่ยม คงลงมือวางแผนได้ไม่ยากเย็นนัก

แต่ที่แปลกคือ โคโตะที่แสนจะละเอียดอ่อนและอ่อนโยน ทำไมจึงลงมืออย่างเลือดเย็นได้ขนาดนี้

เพราะเขาไม่เคยให้ลงมือปฏิบัติเลย...โคโตะ...ไม่เคยต้องมือเปื้อนเลือด...เขาไม่มีวันยอม แผลใจจากการฆ่าคน มันบาดลึกยากจะจางหาย เขารู้ดี...นับตั้งแต่วันที่สังหารพวกสัตว์นรก ที่สังหารครอบครัวเขา รวมทั้งทำลายทั้งร่างกายและจิตใจของโคโตะจนยับเยิน

เขาไม่เคยคิดจะให้โคโตะ ต้องลงมาแปดเปื้อนเหมือนกับเขา ที่ในตอนนี้ มือทั้งสองข้างเปื้อนเลือดจนยากจะหาสิ่งใดชะล้างได้แล้ว

แต่นั่นก็ไม่สำคัญ หากสิ่งนั้นทำให้โคโตะยิ้มได้ ต่อให้ต้องฆ่าคนอีกสักเท่าไหร่ เขาก็ไม่แคร์!

เขาผิดพลาดแล้วสินะ ที่ไปขอร้องให้โคโตะสืบเรื่องของคน ๆ นั้น ด้วยความเชื่อใจว่าโคโตะ จะไม่คิดทรยศอย่างเด็ดขาด

ทว่าตั้งแต่กลับมา โคโตะ...ก็เปลี่ยนไป

ท่าทีห่างเหิน แววตาไม่ไว้วางใจและปวดร้าว แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง

การลงมืออย่างเหี้ยมโหดและเลือดเย็น

ทุกอย่างเกิดขึ้น นับตั้งแต่ตอนนั้นจริง ๆ...

ต้องเป็นคน ๆ นั้นแน่ ๆ ที่ทำให้เป็นเช่นนี้

...ยามาโนะ เรอิจิ!


..........................................


ทั้ง ๆ ที่โคโตะ เป็นน้องชายเพียงคนเดียวเท่านั้น...ที่เขาตั้งใจจะดูแลอย่างดี...ตั้งใจจะจะปกป้องไว้ให้ได้ จากอันตรายทั้งปวง แต่โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นนี้ ก็เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขาลง...อย่างสิ้นเชิง

...ในวันนั้น...วันเกิดครบรอบ 14 ปี...ของพวกเขา

"มาโอะ...รอด้วยซี่" ร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังมาอย่างเหน็ดเหนื่อย

"นายขาสั้นเอง จะมาบ่นอะไร รีบ ๆ เข้าสิ เดี๋ยวก็สายพอดีนะ" เสียงหัวเราะจากพี่ชายผู้สูงกว่า แข็งแรงกว่า และมีพลังมากกว่า ทำให้คนตัวเล็กกว่าที่วิ่งตามไม่ทันเริ่มกระเง้ากระงอด

"ขี้โกงนี่ ใครจะไปอยากขาสั้นกันเล่า" ดวงตากลมโตค้อนให้ พลางมองร่างสูงใหญ่กว่าเด็กในวัยเดียวกันของมาโอะแกมอิจฉา ตัวเขาเอง...ทั้ง ๆ ที่เกิดมาพร้อมกัน แต่กลับตรงกันข้าม เขาเองนั้น ตัวเล็กกว่าเด็กรุ่นเดียวกันเยอะด้วยซ้ำ แถมยังค่อนข้างขี้โรคอีกต่างหาก

คล้ายว่ามาโอะจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างไปมากกว่าตั้งแต่เกิดแล้ว ทั้งโตเร็วกว่า แข็งแรงกว่า และยัง...มีเสน่ห์กว่า...ในสายตาของเขา มากมายนัก

แต่เขาไม่เคยที่จะน้อยใจ เพราะพี่ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ก็จะคอยดูแลและปกป้องเขาอยู่เสมอ

พวกเขาเป็นฝาแฝด...ถึงจะไม่ใช่แฝดเหมือนจากไข่ใบเดียว...แต่พวกเขาก็เป็นพี่น้อง ที่เกิดมาแทบจะพร้อมกัน จากในครรภ์เดียวกันของมารดา

สายใยที่เชื่อมถึงกันผ่านรกในครรภ์ ยังคงเชื่อมถึงกันได้ตลอดเวลา แม้จนบัดนี้

ร่างสูงที่จงใจวิ่งช้าลงถูกกระโดดกอดจากด้านหลัง "จับได้แล้ว ฮึ ถ้าจะให้วิ่งจริง ๆ ชั้นก็ไม่แพ้นายหรอกน่า"

"อยากเดินเร็วนัก แบกไปด้วยเลยแล้วกัน" มือเรียวเล็กโอบกอดรอบคอ ขึ้นขี่หลังคนตัวสูงอย่างคล่องแคล่ว รอยยิ้มน่ารักแกมเจ้าเล่ห์ส่งไปให้อีกฝ่าย คนถูกขี่หลังหันมาหัวเราะ "ถึงขานายจะสั้น แต่ก็หาวิธีอู้ได้ตลอดอยู่ดีนั่นแหละ"

"แล้วจะไม่แบกไปหรือไง" เสียงเล็ก ๆ ถามอย่างงอน ๆ "นายผิดเองนะ ที่ทำให้ชั้นวิ่งตามจนเหนื่อย"

"โอเค ๆ เกาะแน่น ๆ ล่ะ ถ้าหล่นไประหว่างทางไม่ตามเก็บด้วย"

"อื้ม" ร่างบางตอบรับ ก่อนจะกระชับอ้อมกอดรอบคอแกร่งแนบแน่นกว่าเก่า "ไม่ว่ามาโอะจะไปที่ไหน โคโตะก็จะไปด้วย...อย่าทิ้งโคโตะนะ" เสียงใสออดอ้อน

"มาโอะไม่มีวันทิ้งโคโตะแน่นอน สัญญาได้เลย" นิ้วก้อยที่เกี่ยวกันทำให้ร่างเล็กอมยิ้มอย่างมีความสุข

"โคโตะรักมาโอะนะ...รักที่สุดในโลกเลย"

"อ้อนแบบนี้อยากได้อะไรอีกล่ะเนี่ย" คนกำลังแบกพึมพำ

เสียงใสหัวเราะคิก "โคโตะไม่อยากได้อะไรหรอก ขอแค่มีมาโอะอยู่ด้วยก็พอ"

คำพูดจริงใจ สายใยที่สัมผัสได้...ใช่...ขอแค่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว


......................................


"ภาพที่เจ้านั่นมันแอบถ่ายไป มีภาพของฉันอยู่ด้วย หลักฐานนั่น จะทำให้ฐานะทางการเมืองของฉันสั่นคลอน ดังนั้น แกต้องไปจัดการ...ปิดปากพวกมันให้หมด แล้วเอาฟิล์มมาให้ได้" เสียงทรงอำนาจสั่ง

นักการเมืองท้องถิ่นเช่นเขา กลับพลาดง่าย ๆ โดนถ่ายรูปตอนกำลังรับเงินใต้โต๊ะ มันเป็นอะไรที่หยามกันจนยากจะให้อภัย หลังจากสืบทราบจนแน่ชัดว่าคนทำเป็นใคร เขาก็ตัดสินใจ ที่จะสั่งสอน ให้พวกมันได้รู้ซึ้งกันเสียบ้าง

รอยยิ้มพึงใจราวสุนัขผู้ล่าได้พบเหยื่อ แสดงออกอย่างชัดแจ้ง

"จัดการได้...ทั้งหมด ใช่มั้ยครับนายท่าน"

คนฟังหันหลังให้ ดวงตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง เสียงราบเรียบพูดต่อไปว่า "โทษฐานที่พวกมันลบหลู่ชั้น...คือความตาย! จัดการพวกมันอย่าให้เรื่องมาถึงฉันก็แล้วกัน จะทำยังไงก็ตามสบาย"

ร่างสูงที่ฟังคำสั่งพยักหน้ารับ ใบหน้ากร้านแดดมีรอยยิ้มอำมหิต "รับทราบครับ นายท่านไม่ต้องห่วง"


....................................


"โคโตะ นายกลับบ้านไปก่อนเลยนะวันนี้" ร่างสูงสุดเท่ของมาโอะในชุดนักเรียนโผล่เข้ามาในห้องเรียนของโคโตะพลางสั่งความ เสียงกรี๊ดกร๊าดเบา ๆ จากสาว ๆ ในห้อง ทำให้ร่างบอบบางแอบขัดใจไม่น้อย

"ทำไมล่ะ วันนี้จะมีงานฉลองวันเกิดพวกเรานะ นายจะไปไหนกัน"

"ฉันต้องทำเวร แล้วก็มีของที่ต้องไปซื้ออีกนิดหน่อย" มาโอะตอบ

ร่างบอบบางยิ้มหวาน "ถ้านายจะแวะซื้อของขวัญให้ชั้นล่ะก็ จะกลับช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร" เขาว่ายิ้ม ๆ

มือใหญ่กว่าลูบผลนุ่มของอีกฝ่ายเบา ๆ พลางบ่นพึมพำ "รู้ดีงี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์กันพอดีสิ อุตส่าห์จะเก็บเป็นความลับซะหน่อย"

ร่างเล็กกอดพี่ชายไว้ "ไม่เซอร์ไพรส์ก็ไม่เป็นไรนี่ ของที่มาโอะให้ โคโตะชอบทั้งนั้นแหละ"

"งั้นโอเคนะ กลับบ้านดี ๆ ล่ะ"

คนตัวเล็กพยักหน้ารับ แล้วมองอีกฝ่ายเดินจากไป หลังจากนั้นแค่พริบตา รอบโต๊ะเขาก็มีแต่คนมารุมล้อม "พี่ชายเธอเหรอ โคโตะ เขาเท่จังเลยนะ แนะนำให้รู้จักบ้างสิ" สาว ๆ เพื่อนร่วมห้องหลายคนเริ่มเข้าทางเขา ดวงตากลมโตมองมายังเด็กสาว ที่ดูไม่เรียบร้อยสักนิดแม้จะอยู่ในห้องเรียนอย่างเฉยเมย พลางพึมพำว่า

"อย่าเสียเวลาเลย มาโอะน่ะ เป็นเกย์" ร่างเล็กพูดหน้าตาเฉย ท่ามกลางสีหน้าเหรอหราแทบไม่เชื่อจากหลายคนที่ได้ยิน

"จริงเหรอ ไม่น่าเชื่อเลย"

"จริงสิ สเปคของมาโอะน่ะ ต้องเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ แล้วก็อ้อนเก่ง ๆ ด้วยนะ" คนพูดบรรยายต่อไปอย่างออกรส

คนฟังเริ่มอึ้ง "เสียเวลาจริง ที่แท้ก็เป็นพวกอย่างว่า...พวกเราไปกันเถอะ" ว่าแล้ววงก็สลายลงในพริบตา ปล่อยให้จอมเจ้าเล่ห์อมยิ้มเพียงลำพัง ที่จัดการกับศัตรูหัวใจในอนาคตได้จนหมดเรียบร้อย

มาโอะเป็นของเขาเท่านั้น เรื่องอะไรจะยกให้ใครง่าย ๆ กันล่ะ!


............................................


ร่างบอบบางเดินกลับบ้านลำพังอย่างอารมณ์ดี วันนี้เป็นวันเกิดของพวกเขาทั้งสอง ของขวัญสำหรับมาโอะเขาเตรียมไว้แล้ว และยังอดตื่นเต้นไม่ได้กับสิ่งที่มาโอะจะหามาให้เช่นกัน วันดี ๆ แบบนี้...ปีหนึ่งมีแค่ครั้งเดียว แต่ก็เป็นวันที่เขาจะมีความสุขที่สุด

ครอบครัวของพวกเขาเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างอบอุ่น แม่ที่แสนใจดีมักเตรียมจัดทำอาหาร เค้ก และขนมเอาไว้ให้ ก่อนจะจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ในครอบครัวฉลองกันตอนกลางคืนเมื่อผู้เป็นพ่อกลับมาจากงานแล้ว

ปกติแล้วพวกเขาจะไม่เชิญใครมางาน เด็กน้อยชอบจะอยู่ด้วยกันมากกว่า ช่วยกันเปิดของขวัญ ช่วยกันตัดเค้ก แล้วก็แบ่งกันทานอาหาร เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ทำอะไรร่วมกัน

วันนี้ก็คงจะเป็นอีกวันที่ดีมากแน่ ๆ

มือเล็ก ๆ ที่เปิดประตูออกชะงักเมื่อมองเข้ามา ข้าวของภายในบ้านถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย สภาพห้องเลอะเทอะราวกับว่าคนทำต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง เห็นได้ชัดจากตู้โต๊ะลิ้นชักที่ล็อคกุญแจ ถูกทุบทำลายจนหมดสิ้น สิ่งของด้านในโดนเทออกทิ้งขว้างไม่ใยดี

เด็กชายมองไปรอบ ๆ อย่างตกใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องครัวด้านใน...เป็นเสียงที่คุ้นเคยซึ่งเขาไม่มีวันลืม

"แม่ฮะ!" ร่างเล็ก ๆ รีบวิ่งเข้าไปทันที สภาพครัวเละเทะไม่ต่างจากด้านนอก แต่ที่แย่ไปกว่านั้น เขายังเห็นมารดาของตนเอง กำลังโดนเจ้าพวกสัตว์นรกนั่นทำร้าย!

"โคโตะ.." เสียงอ่อนแรงจากร่างเปลือยเปล่าพยายามพูด ผู้ชายแปลกหน้าตัวใหญ่กำยำ ท่าทางนักเลงคนหนึ่งคร่อมอยู่เหนือร่างเธอ

"หนีไปซะ..เร็ว..อึก..!" มือแกร่งของเจ้าเดนนรกนั่นบีบลำคอขาวให้หยุดร้อง ร่างบอบบางของหญิงสาวเกร็งแน่น ลมหายใจที่ติดขัดทั้ง ๆ ที่ยังถูกทรมานทรกรรมเช่นนี้ทำให้ยิ่งยากจะขัดขืน แม้จะห่วงแสนห่วงลูกชายที่จู่ ๆ ก็เข้ามาในสภาวะที่อันตรายเช่นนี้

เด็กน้อยวิ่งเข้าใส่โดยไม่ได้เกรงกลัวต่อสิ่งใดทั้งนั้น "หยุดนะ! จะทำอะไรแม่ชั้น หยุดเดี๋ยวนี้!"

เขาพยายามจะดึงมือที่รัดรอบคอบางนั้นออกไป แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่ปกติก็น้อยอยู่แล้ว ทำให้ไม่อาจหยุดยั้งคนตรงหน้าได้ มือมั่นคงยังคงบีบแนบแน่น ไม่สะดุ้งสะเทือน

ร่างบอบบางเกร็งกระตุกดิ้นรนอย่างอึดอัดอยู่เป็นครู่ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง คนด้านบนชักรำคาญจึงออกแรงมากขึ้นไปอีก เสียงดังกร็อบก่อนที่ร่างนั้นจะแน่นิ่งไป ท่ามกลางเสียงเรียกแทบขาดใจของโคโตะ

"แม่!!!" ร่างเล็ก ๆ ร่ำไห้และดึงรั้งให้อีกฝ่ายออกไปจากผู้เป็นมารดาอย่างเอาเป็นเอาตาย ชายคนนั้นที่ยังกลัดมันไม่เลิกใช้มือผลักออกไปโดยแรง จนร่างเล็กกระเด็นไปกระแทกพื้น หากยังคงไม่มีผล โคโตะผุดลุกขึ้น แล้ววิ่งเข้าหาอีกครั้ง คนอารมณ์ค้างมองมาอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุด ข่มขืนคนตาย มีหรือจะได้อารมณ์เท่าคนเป็น แต่เพราะพลั้งมือฆ่าไปแล้ว แม้จะยังทำไม่ทันเสร็จสิ้น

"เอะอะอะไรกันนักกันหนาวะ" ร่างผอมสูงชะลูดของชายอีกคนเดินเข้ามาจากห้องอีกด้าน ในมือที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูกถือมีดอยู่ด้วย

...แถมยังเป็นมีดที่เปื้อนเลือด...

"เฮอะ ตายสบาย ๆ ไม่ชอบ กว่าจะยอมคายที่ซ่อนออกมาได้ เล่นเอาเหนื่อย" คนผู้มาใหม่ยังคงพึมพำต่อ ลิ้นยาวชวนสยองเลียปลายมีดที่มีคราบเลือด ก่อนจะแสยะยิ้ม "แต่ได้ชำแหละคนเป็น ๆ นี่มันสะใจดีจริง"

เด็กน้อยตาเบิกกว้าง ร่างกายสั่นระริกจนแทบจะยืนหยัดอยู่ไม่ไหว ร่างชุ่มเลือดที่นอนอยู่หลังประตูนั้น..คือผู้เป็นบิดานั่นเอง

"พ่อ!!! อะ..อื้้อ.." เสียงร้องหายขาดไปเพราะถูกจับปิดปากไว้

"เฮ้ย เสร็จแล้วก็มาช่วยกันหน่อยสิวะ ไอ้เด็กเวรนี่ยุ่งซะจริง ดูซิ เลยเผลอบีบคอนังผู้หญิงนั่นหักคามือไปเลย แทนที่จะได้สนุกมากกว่านี้" คนในห้องหาแนวร่วม เพราะร่างบอบบางที่จับยึดอยู่ดิ้นเสียจนแทบเอาไม่ไหวแล้ว

"อย่ามัวชักช้าสิแกนี่ ฆ่ามันซะก็หมดเรื่อง เดี๋ยวตำรวจก็แห่มากันพอดี" ชายผอมสูงผู้นั้นรีบเตือน ด้วยความที่ตัวสูงกว่ามาก มือแข็งแรงจึงช่วยยึดจับแขนบอบบางนั้นไว้ไม่ให้หนีได้อย่างง่ายดาย

โคโตะดิ้นรนพยายามพลิกตัวให้เป็นอิสระ แต่แขนที่ถูกรวบไว้ ไหนจะส่วนตัวที่ถูกคนเบื้องหน้าพยายามรั้งไว้ไม่ให้หนีไปได้โดยง่าย

"ตัวก็แค่นี้ แรงมากจริงนะ" เสียงจากชายร่างใหญ่คำราม มือคว้าสาบเสื้อนักเรียนที่ด้านหน้าได้ ก็กระชากเข้ามาจนกระดุมหลุดคามือ เสื้อที่หลุดลุ่ยเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวละเอียด ผิวเนียนสวยยิ่งกว่าผู้หญิง บวกใบหน้าได้รูปที่ดวงตาคู่งามยังคงนองไปด้วยน้ำตา ทำให้คนอารมณ์ค้างเผลอมองมาอย่างลืมตัว

"สวยไม่เลวนี่หว่า แกสนใจบ้างมั้ย" ดวงตาหื่นกระหายจ้องมองจนโคโตะเสียววาบ ท่าทางราวกับต้องการจะกลืนกินทำให้เด็กน้อยเผลอหยุดดิ้นโดยแทบไม่รู้ตัว แขนที่ดึงรั้งถูกจับไขว้ล็อคไว้ด้านหลัง เหลือขาที่ยังเป็นอิสระที่พอตั้งสติได้ก็ถีบดิ้นไม่ยอมหยุด มือหยาบที่เริ่มรำคาญจึงคว้าหมับที่ขาเรียวน่าลูบนั้นไว้ก่อนจะยกร่างนั้นขึ้น แล้วพยักเพยิดให้คนจับทางด้านหัวช่วยยกวางพาดบนโต๊ะ

เป็นโต๊ะที่ยังคงมีร่างที่ไร้วิญญาณของหญิงสาวอยู่ มือข้างหนึ่งปัดร่างนั้นทิ้งลงไปด้านล่างอย่างไม่ใยดี

เด็กชายที่โดนยึดจับมองมาด้วยนัยน์ตาแดงช้ำ

"ไม่นะ..แม่!!!"

ภาพที่เห็นทำร้ายจิตใจจนแทบแหลกสลาย โคโตะทั้งร้องทั้งดิ้นแต่ไม่สามารถจะหลุดจากการยึดจับได้ เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากออกจนหมด หลงเหลือเพียงเรือนร่างที่เปลือยเปล่า เด็กชายตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ไม่อาจขัดขืนได้ มือของอีกฝ่ายแข็งแรงราวคีมเหล็ก ที่ไม่ว่าจะต่อต้านเช่นใดก็ยังคงไร้ผล

ดวงตากลมโตเปียกเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาจนพร่าเลือน หากยังคงไม่หยุดดิ้น คนพวกนี้จะทำอะไรเขา..เด็กน้อยยังไม่เข้าใจเลย แต่ที่รู้แน่ชัดก็คือคนพวกนี้ ฆ่าพ่อกับแม่ของเขา!

"มาโอะ...ช่วยด้วย อย่านะ" ได้แต่ร่ำร้องขอความช่วยเหลือ พี่ชายเพียงคนเดียว..ที่เหลืออยู่ ถ้ามาโอะอยู่ล่ะก็...

แขนที่ถูกจับยึดถูกตรึงไว้เหนือศีรษะแน่นโดยชายร่างสูง ในขณะที่ชายร่างใหญ่อีกคน ยังคงพยายามจับขาขาวนั้นกดลงกับโต๊ะไม่ให้ดิ้นก่อนจะฝืนแกมบังคับจับอ้าออก

สัมผัสหยาบกร้านน่าขยะแขยงลูบไล้ร่างเรียบลื่น จูบไล้ตะกละตะกราม ทั้งกัดทั้งเลียลิ้มรสชาติราวกับร่างกายของเขาเป็นอาหารชั้นเยี่ยม ยิ่งสัมผัสยิ่งคลื่นไส้จนแทบอยากจะอาเจียน ร่างบอบบางเบือนหน้าหนี มีเพียงน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างเจ็บปวดใจที่ไม่อาจหลีกหนีไปให้พ้น ๆ จากเจ้าพวกสัตว์นรกนี้ได้

เสียงหัวเราะพึงใจในลำคอยามได้ยินกลับคล้ายเสียงปีศาจซาตานจากนรกที่มองมาอย่างเย้ยหยัน ร่างสูงใหญ่ที่คุกคามลงเบื้องล่างเริ่มบีบเค้นบั้นท้ายเล็กแกมกระตุ้นด้วยแรงไม่มียั้ง เด็กชายสะดุ้งเฮือกยามรู้สึกได้ถึงการบีบบังคับแทรกเข้าด้วยปลายนิ้วอวบหนา

"โอ๊ย เจ็บนะ ไม่!!!" โตโตะบิดตัวดิ้นรน หากเรี่ยวแรงเท่าที่มี ไม่อาจสู้แรงผู้ใหญ่ถึงสองคนนั้นได้ นิ้วชุ่มน้ำลายที่แทรกเข้า หาได้ช่วยลดความเจ็บปวดจากการล่วงล้ำได้แม้แต่น้อย ช่องทางคับแคบบวกกับร่างตึงเครียดยิ่งเกร็งแน่น สร้างความทรมานมากกว่าเดิม

นิ้วกักขฬะดึงดันเข้าลึกจนปวดแสบ เลือดสด ๆ เริ่มหลั่งรินภายใน เด็กน้อยได้แต่เพียงร่ำร้องขอความเห็นใจ หากเสียงอ้อนวอนกลับคล้ายปลุกเร้า ให้อีกฝ่ายจัดการรุนแรงขึ้นอีก

เสียงที่ร้องดังขึ้นทำให้ชายร่างผอมสูงผู้ยึดจับอีกฝั่งอมยิ้ม นิ้วยาวรสเฝื่อนล้วงลึกเข้าปากเล็ก กวาดไล้ภายในจนอึดอัดก่อนบีบกรามบอบบางบังคับให้อ้ากว้าง แล้วขยับร่างเข้าหาแกมบังคับแทรกแก่นกายใหญ่ของตนเองเข้าโพรงปากอุ่น

เสียงขลุกขลักในลำคอแทบสำลัก ยิ่งดิ้นคนตรงหน้ายิ่งแสยะยิ้ม มือแข็งแรงยึดจับร่างบอบบางไว้จนดิ้นไม่หลุด ขยับบั้นท้ายดึงดันสวนเข้าออกลึก ลมหายใจที่ขาดห้วงอึดอัดกับการล่วงล้ำดุดัน ฉายแววทรมานเด่นชัดทางดวงตางามเพราะไม่อาจออกเสียงได้ มีเพียงน้ำตาทดแทนการระบายออกที่แสนเจ็บช้ำ

"อึ้้ก..อื้อ!!!" ร่างเล็กสะดุ้งอีกรอบเมื่อรู้สึกได้ถึงการล่วงล้ำที่ใหญ่กว่าเดิมเบื้องล่างจากชายอีกคนที่คร่อมอยู่ ช่องทางเล็กแคบถูกรุกรานทีละน้อยแม้จะยังไม่ผ่อนคลายเท่าที่ควร ความเป็นชายที่คับแน่นดันเข้าหา ไม่ใส่ใจว่าร่างกายที่บอบบางนั้นจะฉีกขาด หรือเลือดจะไหลริน

คนทำเริ่มกลัดมัน ขยับสวนร่างเข้าหาไม่มียั้ง ร่างเล็กกระตุกเฮือกเกร็งแน่นทรมาน ช่องทางที่อ่อนไหวถูกกระแทกกระทั้นเสียดสี จนร่างกายบอบบางแทบไม่อาจต้านทานไหว ภายในที่เจ็บปวดจนแทบด้านชา ได้แต่ทนรับสภาพอย่างจำยอม

"เฮ้ย ตาข้าบ้างสิวะ" คนอีกฝั่งทัดทานหลังจากเห็นเพื่อนได้ปลดปล่อยสมใจ ร่างกำยำถอนกายออกพลางหัวเราะ

"เอาสิ เดี๋ยวข้าค่อยต่ออีกรอบก็ได้ แหม ไอ้เด็กนี่..เด็ดกว่าแม่ผู้หญิงนั่นอีกว่ะ"

คำพูดที่แสบถึงทรวง ทำให้ร่างบอบบางดิ้นแรงขึ้นอย่างโกรธแค้น หากโดนมืออวบหนานั่นกดร่างไว้ ปล่อยให้เพื่อนเริ่มบรรเลงเพลงกามให้ต่อเนื่อง ร่างผอมสูงเลียริมฝีปากอย่างกระหาย แล้วลงมือบ้าง คนถูกทำดิ้นรนอึดอัด แต่ยังคงเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง

สติสัมปชัญญะเริ่มรางเลือน ทั้งหวาดกลัวและเจ็บปวด...ทรมาน...มือบอบบางไขว่คว้าเพียงอากาศธาตุ ไร้ซึ่งความสามารถจะหยุดยั้งใด ๆ

ท่ามกลางเสียงหัวเราะกักขฬะอย่างสะใจของคนทั้งคู่ที่กำลังข่มเหงเขา ดวงตาคู่งามที่ปวดร้าวหลับลงทั้งน้ำตา ความทรมานที่ไม่จบไม่สิ้น...ทำให้นึกอยากจะตายเสียให้พ้น ๆ อยากจะหนีจากสภาพในตอนนี้...

ถ้าเขาดิ้น..ถ้าขัดขืนอย่างรุนแรงได้สักที ถ้าเขา...กัดหรือทำให้พวกมันโกรธได้...พวกมันคงโมโหจนฆ่าเขาทิ้งแน่ กำลังเฮือกสุดท้ายที่มี..ถ้าใช้มัน...เขาคงได้ตายสมใจ

จะได้จบสิ้นกันไปเสียที กับความทรมานที่เจ็บปวดจนทนทานไม่ไหวเช่นนี้

จะอย่างไรคนพวกนี้..คงจะฆ่าเขาแน่ ๆ อยู่แล้ว เหมือนกับพ่อ..และแม่..ที่ถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น

ร่างบอบบางเกร็งตัวขึ้น พยายามจะขัดขืน ก่อนจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

...มาโอะ...

ในความทรมานเจียนตายนั้น...เด็กน้อยเพียงคิด...ถึงพี่ชาย...

โคโตะได้แต่ผ่อนกำลังลง เขาต้องพยายามมีสติไว้ เขาจะไม่..ขัดขืนอีกแล้ว ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ ให้นานที่สุด ต้องอดทน...อดทนเข้าไว้!

...เขาจะตายไม่ได้...

ถ้าเขาตายล่ะก็...มาโอะจะเป็นยังไง...

มาโอะ..กำลังจะกลับมา...มาโอะจะต้องมาช่วยเขาแน่ ๆ...เขาจะต้อง...

...มาโอะ...


...................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/1 (ตอนนี้เนื้อหาแรง ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) อัพ 4-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-05-2010 15:16:33
 :sad4: โหดร้ายที่สุด !!!
น่าสงสารโคโตะอ่าาา

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/1 (ตอนนี้เนื้อหาแรง ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) อัพ 4-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 04-05-2010 21:57:44
เหอๆ อดีตของไคโตะช่าง.... น่าสงสารแฮะ
แว๊กก แล้วอย่างนี้ถ้ามาโอะมาเจอเข้าจะเป็นยังไงนั่น
ดีใจที่ไรเตอร์มาอัพค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/1 (ตอนนี้เนื้อหาแรง ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) อัพ 4-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 04-05-2010 22:39:25
ใจร้ายอ่ะ น่าสงสารไคโตะ
โมเอะมาช่วยไคโตะเร็วๆสิ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/1 (ตอนนี้เนื้อหาแรง ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) อัพ 4-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 04-05-2010 23:28:44
แง
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/1 (ตอนนี้เนื้อหาแรง ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) อัพ 4-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-05-2010 00:14:47
ไม่ไหวที่จะเมนท์ :o12:


รออ่านตอนต่อนะคะ ทรมานเหลือเกินนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/1 (ตอนนี้เนื้อหาแรง ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) อัพ 4-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-05-2010 00:48:49
อือ สงสารน้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ยอมรับเลยว่าอ่านตอนนี้แบบข้ามๆ แค่อยากรู้เหตุการณ์ แต่ทนอ่านที่โคโตะโดนข่มขืนไม่ได้อ่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/1 (ตอนนี้เนื้อหาแรง ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) อัพ 4-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 06-05-2010 13:53:36
พูดได้คำเดียวว่า โหดร้ายอ่าา
สงสาร โคโตะ
มาโอะมาช่วยเร็วๆๆนะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 16/2 อัพ 11-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 11-05-2010 16:05:11
(ตอนที่ 16/2)


ที่ร้านขายของในเมืองที่ไกลออกไปไม่มากนัก ร่างสูงของมาโอะ กับเพื่อนอีกสามคน กำลังเดินเลือกซื้อของอย่างตั้งใจ เด็กหนุ่มหมายตาสร้อยเงินสุดเท่เส้นหนึ่งเอาไว้แล้วตั้งแต่หลายวันก่อน แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงสำหรับเด็กอายุขนาดเขา จึงต้องเก็บเงินมาจนถึงวันสุดท้าย ถึงจะเพียงพอที่จะซื้อได้

วันนี้เขาจึงมาอย่างตั้งใจ โคโตะจะต้องดีใจมาก ๆ แน่...ด้วยความที่เป็นฝาแฝดที่ใจสื่อถึงกันได้เป็นอย่างดี เขาจึงรู้ว่า ของชิ้นนี้ จะถูกใจโคโตะอย่างแน่นอน

ทว่าจู่ ๆ หัวใจเขาก็เจ็บแปลบ มาโอะเกาะผนังร้านพยุงตัวที่เซไปอย่างงุนงง เพื่อนที่มาด้วยกันหันไปถามอาการทันที

ร่างสูงส่ายศีรษะเมื่อตั้งหลักได้ ใจหายวาบกับสิ่งที่รู้สึก

...โคโตะ...!

คลื่นความคิดที่ปวดร้าวและทรมานแล่นวูบเข้ามาจนเขาแทบยืนทรงตัวไม่อยู่ แต่เพียงวูบเดียวก็จางหายไป

ร่างสูงตะลึงงัน สัมผัสที่รับได้ทำให้เขามั่นใจ ด้วยความที่เป็นฝาแฝดกัน จะอย่างไร ก็มีความรู้สึกเชื่อมโยงถึงกันได้ในบางครั้ง โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่าย กำลังตกอยู่ในอันตราย

ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับโคโตะแน่ ๆ!

พนักงานขายยื่นกล่องใส่สร้อยที่ใส่ถุงเรียบร้อยให้กับร่างสูง มาโอะคว้ามันมาก่อนผลุนผลันเดินออกไป

"อ้าว เฮ้ย มาโอะ ไปไหนน่ะ"

"กลับบ้าน!" เขาตอบแล้วจ้ำอ้าว เล่นเอาเพื่อนที่เหลือวิ่งตามไปแทบไม่ทันอย่างประหลาดใจ


........................................


นานแค่ไหนแล้วเขาไม่อาจรับรู้ ดวงตาคู่งามเริ่มอ่อนล้าและไร้วิญญาณ การกระทำชั่วช้าจากฆาตกรทั้งสองทำให้เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเขาไม่อาจต่อต้านใด ๆ ได้ ร่างบอบบางที่ไร้เรี่ยวแรงเลิกดิ้นรน ปล่อยให้การทำร้ายนั้นดำเนินต่อไป พวกมันยังคงสลับกันข่มขืนเขา โดยไม่ได้ใส่ใจต่อสภาพร่างกายที่บอบช้ำเลยแม้แต่น้อย

น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาดสาย แต่ไม่อาจทำอันใดได้นอกจากยอมรับชะตากรรม

เป็นชะตากรรมที่พวกสัตว์นรกเหล่านี้มอบให้อย่างเลือดเย็น!

ชายร่างใหญ่เกร็งแน่นปลดปล่อยคราบกามไว้ทั่ว คนบนโต๊ะไม่หลงเหลือสติแล้วในตอนนี้ มีเพียงการมองอย่างเลื่อนลอยแม้จะยังไม่ได้หมดสติลง

"มาโอะ รอด้วยสิ พวกเราก็มีของขวัญให้โคโตะจังเหมือนกันนะ" บรรดาเพื่อนผู้เป็นโคโตะแฟนคลับวิ่งตามมา เสียงดังที่หน้าบ้านทำให้คนด้านในหยุดชะงัก

"เฮ้ย มีคนมา รีบ ๆ ฆ่าไอ้เด็กนี่ปิดปากเร็ว" เพื่อนผอมสูงอีกคนสั่ง คนกำลังกลัดมันกำลังถึงจุดอีกครั้งได้แต่สบถอย่างรำคาญ มือแกร่งคว้าลำคอขาวที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะปัดป้อง แล้วออกแรงบีบเต็มแรง

มาโอะก้าวเข้ามาในบ้านแล้วยืนตะลึงอย่างตกใจ บ้านที่เละเทะไปหมด ใจหายวาบเมื่อนึกถึงความรู้สึกเมื่อครู่...ต้องมาจากโคโตะแน่ ๆ

โคโตะกำลังอยู่ในอันตราย!

"โคโตะ...นายอยู่ไหนน่ะ" เสียงเรียกร้อนรนจากทางหน้าบ้านอันคุ้นเคยทำให้คนใกล้หมดสติมีรอยยิ้ม...มาโอะของเขา...มาแล้ว...

มือแกร่งที่ยังคงบีบอยู่รอบคอ ลมหายใจอึดอัดกำลังจะขาดห้วง เมื่อหลายคนเดินเข้ามา

เสียงพูดคุยและร่างในมือที่ตอนนี้แน่นิ่งไปแล้ว ทำให้ชายผู้นั้นปล่อยโคโตะลงกับโต๊ะ แล้วสบตากับเพื่อนผู้ร่วมก่อการ

"ไปเถอะ คนชักเยอะเดี๋ยวเสียเรื่อง" ว่าแล้วก็รีบพากันจากไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วพร้อมกับฟิล์มที่หามาได้ ในตอนที่มาโอะเข้ามาพอดี

โคโตะที่นอนนิ่งบนโต๊ะในสภาพที่โดนทารุณจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ร่างขาวโพลนที่ฟกช้ำทั่วทั้งตัว ร่องรอยการทรมานมีอยู่ทั่วไป คราบเลือดคราบน้ำกามเลอะเทอะไปหมด ทำให้มาโอะใจหายวูบ เขารีบตรงไปสำรวจสภาพน้องชาย แล้วก็ได้พบว่า...ร่างบอบบางนั้น...ยังไม่หายใจแล้วด้วย

ตัวยังอุ่น มาโอะที่มีสติและการตัดสินใจที่เฉียบขาดเสมอมา รีบตรงเข้ามาก่อนทำการปั๊มหัวใจทันที โดยไม่ได้ใส่ใจริมฝีปากที่เลอะคราบรสฝาดเฝื่อน มือแกร่งดันคางสวยเงยขึ้น ประกบปากเป่าลมช่วยสลับกับกดเป็นจังหวะที่ส่วนอกช่วยชีวิต

ในเวลาไม่นาน ร่างบอบบางก็สะท้านเฮือก ก่อนจะค่อย ๆ กลับมาหายใจเองได้ นับว่าการตัดสินใจช่วยเหลือของเขาทำได้อย่างทันท่วงที ดวงตากลมโตที่ลืมขึ้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ภาพที่เห็นเบื้องหน้าแม้พร่าเลือน ก็ยังจดจำได้แน่ชัด ว่าเป็นพี่ชาย

มาโอะของเขา...มาช่วยแล้ว...

ราวทำนบแตกทลาย ความเจ็บปวดทรมานที่สู้อดทนอดกลั้นมา ไม่อาจทนได้ต่อไปอีกแล้ว ทั้งความเสียใจ ความเจ็บปวด...ความโกรธแค้น...พ่อกับแม่...พวกสัตว์นรกนั่น...ทุกสิ่งทุกอย่างประดังเข้ามา จนยากจะควบคุมมันไว้ได้

ร่างเล็กโผเข้าหาพี่ชายแล้วกอดแนบแน่น มาโอะสัมผัสได้ถึงร่างกายที่ยังคงสั่นเทาและเจ็บปวดอย่างน่าสงสารของอีกฝ่าย ร่างเล็ก ๆ ที่ซุกแน่นหาที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวที่เชื่อใจเสมอมา

มาโอะกอดโคโตะไว้ นึกโกรธแค้นทุกคน...แม้กระทั่ง..ตัวเอง

เขาผิดเอง ที่ทิ้งโคโตะไป ในยามที่โคโตะกำลังต้องการเขาเป็นที่สุด!

ร่างสูงได้แต่ควบคุมสติตัวเองไว้ มือของเด็กชายได้แต่กำแน่น แม้จะเสียใจและปวดร้าวไม่ต่างกัน แต่เขาจะแสดงออกไปไม่ได้

ในยามนี้ต้องหนักแน่น... ในยามนี้... ที่โคโตะ ต้องการที่พึ่งจากเขามากกว่าใคร

แม้ว่าศพของพ่อและแม่ยังคงอยู่ใกล้ ๆ เขาก็จะร้องไห้ไม่ได้ แม้ว่าสภาพบ้านจะแทบพังทลาย แม้ว่าคนพวกนั้น จะทำอะไรลงไปบ้าง เขาก็จะต้องเข้มแข็ง

ไม่ว่าจะฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย เขาก็จะต้องยืนหยัดและค้ำมันไว้เอง

ถึงเขาจะไม่เหลือใคร เขาก็ยังเหลือโคโตะ

โคโตะที่ยังคงต้องการเขา

ต้องการการปลอบโยน ต้องการความมั่งคงและกำลังใจ

มือใหญ่ลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายเบา ๆ ปล่อยให้ความเงียบและเสียงเต้นของหัวใจของกันและกัน ช่วยปลอบโยนและเยียวยาหัวใจที่แตกสลายนั้นอย่างช้า ๆ

โคโตะไม่ได้ร้องไห้อีก มือที่กอดไว้อ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหมดสติไปอีกรอบ

มาโอะยังประคองร่างน้องชายไว้แนบอก ดวงตาคมกล้ามีประกายอย่างโกรธแค้น

ทุกคนที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาต้องตาย

ทุกคนที่ทำร้ายโคโตะ

เขาจะไม่มีวันปล่อยให้พวกมันลอยนวล แม้ในตอนนี้เขาจะยังทำอะไรไม่ได้ แต่เขาจะต้องทำให้ได้ในที่สุด

เด็กชายสาบานต่อหน้าร่างที่หมดสติไปแล้วของน้องชาย...ต่อร่างอันไร้วิญญาณของพ่อและแม่

พวกมันเท่านั้นที่เขาจะไม่ให้อภัย

คนที่ทำกับครอบครัวของเขาขนาดนี้...มีแต่โทษตายสถานเดียว!


.........................................


ร่างบอบบางมองหน้าต่างจากเตียงคนไข้อย่างเลื่อนลอย เด็กน้อยมีแผลใจอย่างใหญ่หลวงจนแทบจะพูดไม่ได้ ยามอยู่ลำพังก็มีเพียงอาการเหม่อและหวาดระแวง ยิ่งยามมีใครเข้าใกล้ เขาจะรีบหลบซุกให้ไกลสุดเท่าที่จะทำได้

โคโตะกลัวการสัมผัสจากคนแปลกหน้า กลัวการพูดคุย กลัวทุกสิ่งทุกอย่าง

ยกเว้นมาโอะ

ในอาณาเขตบนเตียงนุ่มนั้น มีเพียงมาโอะ ที่เข้าไปได้

ร่างสูงของผู้เป็นพี่ถอนใจยาว เขารู้ดีว่าโคโตะต้องการเวลา บาดแผลภายนอกรักษาได้ หากบาดแผลภายในใจ กลับรักษาได้ยากเย็นนัก

โคโตะไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากมาโอะ

พวกเขา...เหลือกันแค่สองคนแล้ว...ในโลกนี้


.........................................


หลังได้ออกจากโรงพยาบาล สภาพจิตใจของโคโตะค่อย ๆ ดีขึ้น จนดูเหมือนทุกอย่างเป็นปกติแล้ว พวกเขาที่ไร้ญาติขาดมิตร ได้ไปอาศัยอยู่กับคนรู้จักของพ่อชั่วคราว

หากมาโอะกลับพบว่านิสัยของโคโตะได้เปลี่ยนไป โคโตะยังคงเป็นเด็กขี้อ้อนเหมือนแต่ก่อน แต่กลับเริ่มหลีกเลี่ยงการแตะเนื้อต้องตัวหรือเข้าใกล้เขาอย่างจงใจ และการแสดงออกนั้น...นับวัน จะยิ่งมากขึ้นทุกที

ทั้ง ๆ ที่สมัยก่อน พวกเขามักจะกอดกันเสมอ ในยามที่อีกฝ่ายทุกข์ใจ หรือไม่สบายใจ แต่ในตอนนี้...ไม่มีอีกแล้ว
 
และในบางคืน...โคโตะก็ไม่กลับบ้าน

มาโอะที่ตามไป กลับพบโคโตะ...อยู่บนเตียงกับชายแปลกหน้า!

เขาเกือบจะฆ่าคนผู้นั้นแล้ว หากไม่มีร่างบอบบางของผู้เป็นน้องชายกางกั้นไว้

"ทำไม...นายถึงทำแบบนี้!" มาโอะตวาดใส่ เลือดขึ้นหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ภาพที่เขาเห็น ราวกับภาพที่เห็นในวันนั้น...วันที่โคโตะ...ถูกข่มขืน

"นายรังเกียจเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอโคโตะ ทำไมนาย..." เขายังคงถามซ้ำอย่างไม่เข้าใจ

"อย่าฆ่าเขานะมาโอะ" เสียงร้องห้ามอย่างแน่วแน่ "ถ้านายโกรธนัก ก็ฆ่าชั้นสิ...ใช่...ชั้นต้องการเขา...ไม่ใช่แค่เขานะ...จะเป็นใครก็ได้ ขอแค่เป็นผู้ชายก็พอ!"

ร่างสูงชะงัก ความโกรธเริ่มบังตากว่าเดิม "ถ้าแบบนั้นเป็นฉันคงได้สินะ!" มาโอะคำราม เขากดร่างบอบบางนั้นลงบนเตียงอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นหนีหายไปจากห้องแล้ว มีเพียงความรุนแรงที่อยู่ในใจ ที่โหมกระหน่ำทำร้ายคนบนเตียง โดยไม่อาจควบคุมได้

โคโตะมองคนเบื้องหน้าที่ยังคงโกรธเกรี้ยว โดยไม่ได้ต่อต้านอันใด ร่างบอบบางนั้น ปล่อยให้อีกฝ่ายได้กระทำจนสาสมแก่ใจ ปล่อยให้ระบาย ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อัดอั้นในใจ โดยไม่มีการปัดป้อง

มีเพียงน้ำตา...จากดวงตาคู่นั้น ที่ไหลอย่างเงียบ ๆ กับร่างกายที่สั่นเทา ความทรงจำที่เลวร้าย กำลังย้อนกลับมา และโคโตะ กำลังต่อสู้กับมันอย่างสุดฤทธิ์

น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มอย่างไร้เสียง ทำให้ร่างสูงชะงักงันกับภาพที่เห็น และเริ่มตั้งสติได้ เขาตกใจนักกับการกระทำของตัวเอง

ร่างบอบบางที่สั่นไม่หยุด ไม่ต่างจากครั้งนั้น...

เขาทำลงไปได้อย่างไร รู้ทั้งรู้ ว่าโคโตะมีปัญหาทางใจเรื่องนี้...เขายังกลับสร้างบาดแผลให้ลึกขึ้นไปอีก

แล้วแบบนี้ จะมีหน้ามาพูดว่าจะปกป้องได้เหรอ

น้องชายที่รักเพียงคนเดียวของเขา

มาโอะนั่งนิ่งที่ข้างเตียงหันหลังให้คนบนเตียงที่ยังนอนอยู่อย่างปวดร้าว...ปกป้องไว้ไม่ได้อีกแล้ว

เป็นเขาเอง ที่ทำลายโคโตะ

หากมือที่อุ่นจนร้อนกลับกอดรอบเอวหนาที่ยังนั่งอยู่อย่างตั้งใจ คล้ายต้องการปลอบประโลมเขา มาโอะชะงัก ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนทำรุนแรงไปขนาดนั้น โคโตะก็ยัง...ยอมให้อภัยเขาอีกงั้นหรือ

"ขอโทษนะ...ฉัน...ฉันผิดเอง" ร่างสูงพึมพำอย่างรู้สึกผิด

ใบหน้าสวยแอบอิงที่แผ่นหลังกว้างอย่างเสียใจ นับตั้งแต่รู้สึกได้ ถึงความปวดร้าวของมาโอะ ที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นลงไป

โคโตะไม่ต้องการให้มาโอะรู้สึกผิดขนาดนี้...เพราะทุกอย่าง...มันเป็นฝีมือของเขาต่างหาก

คงถึงเวลาแล้ว ที่จำเป็นจะต้องพูดเสียที แม้รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะโดนเกลียด

"นายไม่ผิดหรอก...ทั้งหมดนี่ มันเป็นแผนของชั้นเอง" โคโตะพึมพำ อ้อมแขนบอบบางกอดแน่นกว่าเดิม คล้ายหวาดกลัว ว่าคำสารภาพต่อไป จะทำให้คนฟังลุกหนีจากไปได้

คนฟังได้แต่อึ้งไปแล้ว "นายหมายความว่ายังไง โคโตะ?"

"ชั้นตั้งใจ...ทำให้นายโกรธ เพื่อให้นาย...ทำแบบนั้นกับชั้น"

มาโอะมองมาอย่างตกใจ "ทำไมนายถึงต้องทำแบบนั้นด้วย"

"ชั้น...กลัวการถูกสัมผัส...โดยเฉพาะกับผู้ชาย...ชั้นกลัว...กลัวมาก ๆ...แต่ว่า ในความกลัวนั้น...ชั้นกลับต้องการ...ต้องการให้ใครสักคน ทำเรื่องแบบนั้น..."

น้ำตาไหลอาบแก้ม เมื่อร่างบอบบางเหยียดยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มสมเพช ที่เขายิ้มให้กับตัวเอง

"มันบ้าใช่มั้ย ทั้ง ๆ ที่ชั้นเกลียดมัน แต่ร่างกายชั้น...กลับต้องการมากขึ้นทุกที น่ารังเกียจนัก..ร่างกายบ้า ๆ นี่...ยังไงชั้นก็ต้อง...ต้องหายให้ได้ เพื่อไม่ให้มันเป็นภาระกับนาย"

ร่างบอบบางที่สั่นน้อย ๆ เงยหน้าสบตาเขา "แต่ชั้นก็ทำไม่ได้...ชั้นลองมาหลายครั้งแล้ว กับผู้ชายคนเมื่อกี้ก็เหมือนกัน แต่ชั้น...ไม่สามารถทนการสัมผัสจากเขาได้เลย มัน...น่ากลัวมาก"

"แต่ว่า...ถ้าเป็นนายล่ะก็...ถ้าเป็นนาย ที่ชั้นไว้ใจที่สุด ถ้าเป็นนาย...ที่ชั้น...รักมากที่สุด มันอาจจะต่างออกไป พอคิดแบบนั้นแล้ว...ก็ไม่สามารถหยุดความคิดนั้นได้ ชั้น...เริ่มรู้สึกอยากให้นายสัมผัส อยากให้นาย..." ใบหน้าคนพูดเริ่มแดงเรื่อราวสารภาพรัก แม้สีหน้าจะยังเศร้าหมอง

"ในที่สุดชั้นก็ได้รู้ใจตัวเอง ว่าแท้ที่จริงแล้ว ชั้นอยากให้นาย...กอดชั้นแบบนี้ มาตลอด"

"ชั้นเลยวางแผนให้นายมาเห็น...วางแผน ให้นายโมโหจนเลือดขึ้นหน้า วางแผน...ให้นาย...ทำเรื่องแบบนั้นโดยขาดสติ...ขอโทษนะ...ชั้นมันเลวเองที่บีบบังคับให้นายต้องทำแบบนั้น ถึงแม้ว่า...นายจะเป็นคนเพียงคนเดียว ที่ชั้นจะอยากให้กอด..."

"ขอครั้งนี้...เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ได้ ชั้นขอโทษ ที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป ชั้น...จะไปจากนายเอง ถ้าเรายังอยู่ด้วยกันแบบนี้ สักวัน ชั้นก็คงจะต้องการนายอีก...ทั้ง ๆ ที่..เราเป็นพี่น้องกัน..." ดวงตาคู่งามที่มีน้ำตาไหลไม่หยุดยังคงมองมายังมาโอะ ก่อนตัดสินใจพูดขึ้นว่า

"ชั้นไม่สามารถมองนายให้เป็นพี่ชายได้อีกต่อไปแล้ว บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้ ถ้าเรา...แยกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้"

คำพูดประโยคสุดท้าย น้ำเสียงนั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด โคโตะกำลังกลัว...แต่ก็ยังตัดสินใจ ที่จะพูดและเผชิญหน้ากับความจริง

มันทำให้เขาพึ่งได้รับรู้...ว่าโคโตะ ต้องการเขามากแค่ไหน

แม้ว่าจะเป็นพี่น้องกันก็ตาม

ไม่ว่าจะเพราะแผลใจในอดีต หรือจะเพราะความต้องการในปัจจุบัน

แต่สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดก็คือ โคโตะ...ต้องการเขา

ร่างสูงจ้องมองคนบนเตียงที่ยังคงร่ำไห้ มือของเขาลูบผมนุ่มเบา ๆ ไม่ต่างจากทุกครั้ง

"ถ้านายต้องการ ก็บอกฉันสิ...ถ้าร่างกายนี้ของฉัน ทำให้นายรู้สึกดีได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็จะทำ"

"แต่ว่า..."

"เราเป็นพี่น้องกัน แล้วไงล่ะ...ฉันไม่สนใจหรอก ถ้ามันทำให้นายยิ้ม แทนร้องไห้แบบนี้"

มืออ่อนโยนเช็ดคราบน้ำตาออก ก่อนโอบกอดร่างเปลือยเปล่านั้นไว้ "บอกฉัน ถ้านายต้องการ ไม่จำเป็นต้องวางแผนอะไรทั้งนั้น...สำหรับเราสองคนไม่มีอะไรที่ไม่ได้...ไม่ว่าอะไร ฉันก็จะทำให้...เพื่อนาย"

ใบหน้าบอบบางอมยิ้มทั้งน้ำตา มือนั้นโอบกอดกระชับแน่น "ถ้าอย่างนั้น...ทำต่อได้ไหม ชั้นอยากให้นาย...รุนแรงกับชั้น...แทนพวกสัตว์นรกในความจำที่เลวร้ายนั่น ได้ไหม มาโอะ"

ร่างบอบบางยังคงสั่นน้อย ๆ เห็นได้ชัดว่ายังคงหวาดกลัว แต่ความตั้งใจนั้นกลับแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง

มาโอะมองมาอย่างรู้ดี เขารู้ แม้โคโตะจะอ่อนแอและบอบบาง แต่หากได้ตัดสินใจต่อสิ่งใดไปแล้ว ยากนักที่จะทำให้เปลี่ยนความตั้งใจได้

ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดสักแค่ไหน

ไม่ว่าจะต้องทุกข์ทรมานสักเพียงใด

โคโตะก็จะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด

มันเป็นความแน่วแน่ที่เขาชื่นชมตลอดมา แต่ว่า...ทำแบบนี้ มีแต่ทรมานมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ

มาโอะรู้ดี ว่าโคโตะ...กำลังต้องการลบภาพที่โหดร้ายพวกนั้นออกไป...

แต่การทำเช่นนี้ มันออกจะหักดิบเกินไปแล้ว

"นายแน่ใจเหรอ ว่าจะไหวน่ะ"

"ชั้นเคยลองพยายามแล้ว กับคนอื่น...แต่มันไม่ได้...ไม่มีใครลบแผลใจนี้ได้...ต้องเป็นนาย...เท่านั้น" ร่างบอบบางเงยหน้าขึ้นสบตาเขา "ช่วยชั้นนะ มาโอะ...ถ้าเป็นนายล่ะก็...ชั้นจะไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแน่ ๆ"

เสียงแผ่วเบาในวันนั้น เขาจำไม่มีลืม โคโตะมักต้องการให้เขาทำรุนแรงด้วยเสมอ เพื่อลบล้างภาพในวันนั้นให้จางหาย เพื่อรักษาแผลใจที่เกิดขึ้น

แม้ว่าจะไม่อยากทำแบบนั้น แต่ถ้ามันทำให้โคโตะ...สบายใจขึ้น เขาก็คงต้องทำ แต่ก็จะพยายามให้โคโตะบอบช้ำน้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้

ถ้าโคโตะต้องการความช่วยเหลือ ต้องเป็นเขาเท่านั้น ที่จะช่วยเหลือได้

ใช่...เขาต้องทำให้ได้ เพราะโคโตะเป็นของเขา...ของเขาแต่เพียงผู้เดียว


.........................................


หากเรื่องยุ่ง ๆ กลับยังคงไม่หยุดเพียงแค่นั้น โคโตะเป็นคนเดียว ที่เห็นหน้าคนร้าย เป็นคนเดียว ที่จะสืบสาวหาต้นตอคนบงการได้ และนั่นทำให้โคโตะตกเป็นเป้าหมาย ที่จะถูกฆ่าปิดปากไปโดยปริยาย

นักฆ่าถูกส่งมาเรื่อย ๆ และเป็นมาโอะ ที่พยายามปกป้องและช่วยเหลือสุดกำลัง

น้องชายเพียงคนเดียว ที่เขาปกป้องไว้ไม่ได้ในครั้งนั้น ในตอนนี้...เขาจะต้องทำให้ได้

เด็กน้อยในกาลก่อน กลับเติบโตขึ้นรวดเร็วนัก ทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งนี้เพื่อปกป้องคนสำคัญ มาโอะตัดสินใจก้าวเข้าสู่เส้นทางสายมืด ทั้งนี้เพื่อเรียนรู้ และหาวิธีการปกป้องโคโตะ

เพื่อการนี้ เขาจะต้องมีอำนาจ ต้องยิ่งใหญ่กว่าใคร

จะได้ไม่มีใคร...รังแกโคโตะได้อีก

เพียงอายุ 18 ปี เขาก็สามารถตั้งแก๊งมืดในเมืองได้แล้ว และจัดการสืบเสาะหาคนที่ข่มเหงโคโตะ รวมถึงสำเร็จโทษได้จนสำเร็จ

แต่นั่นยังไม่พอ...คนบงการ ที่ทำลายครอบครัวเขา มันมีอำนาจมากกว่านั้น

เด็กหนุ่มพยายามต่อไปอย่างมีเป้าหมาย เขาจะต้องมีอำนาจมากกว่านี้ เพื่อที่จะได้จัดการเจ้านั่น

จากการช่วยเหลือของคนรู้จักหลายคนในวงการมืด เขาได้รวบรวมสมัครพรรคพวกเหล่าบรรดาผู้ถูกเอาเปรียบและโดนรังแก ช่วยฝึกปรือฝีมือ และเทคนิคการฆ่า

และในช่วงนั้นเอง...เขาและโคโตะ ก็ได้ร่วมกันจัดตั้งองค์กรลับ ๆ ขึ้นมา

...เพื่อสร้างนักฆ่าที่ร้ายกาจ ไปสังหารคนที่ทำร้ายครอบครัวเขาให้หมดสิ้น!


................................................


ชื่อในวงการของเขาคือมาโอ ชายหนุ่มผู้แสนเด็ดขาดและแข็งแกร่ง

มาโอ ชื่อที่ใครพูดถึงก็ยังกลัวเกรง

สุดท้ายแล้วเขาก็ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้า และดำเนินงานการจัดสร้างนักฆ่า...พวกเขาปรึกษากันแล้ว ทั้งเขาและโคโตะ เห็นพ้องต้องกัน

เป้าหมายก็คือ ฆ่าเพื่อช่วยเหลือ

ยังมีคนอีกมาก ที่ถูกรังแกจากพวกมีอิทธิพล และไม่อาจจะดิ้นรนต่อสู้กับพวกมันได้ ด้วยเรี่ยวแรงและพลังอำนาจที่มี น้อยนิดนักเมื่อเปรียบเทียบกับคนเหล่านั้น

และในตอนนี้ พวกเขาเองพร้อมแล้วที่จะช่วยคนเหล่านี้!

โคโตะที่เคยอ่อนแอในอดีต กลับเข้มแข็งขึ้น เด็กหนุ่มในยามนี้ ต้องการทำเพียงอย่างเดียว คือช่วยเหลือพี่ชาย ที่เหนื่อยยากมามากเพื่อตนเอง เขาพยายามกล้ำกลืนฝืนทนลืมอดีตที่เจ็บช้ำ และพยายามที่จะต่อสู้ต่อไป เพื่อไม่ให้มีใครต้องเจ็บแบบเขาอีก

ดังนั้นในการบริหารงาน โคโตะจึงเสนอตัวเป็นเสนาธิการ ช่วยวางแผนงานให้กับองค์กร รวมถึงการวางแผนการเพื่อกำจัดผู้ต่อต้านลงอีกด้วย

มาโอะรู้ดีว่าโคโตะต้องการจะช่วย แม้เขาจะไม่ได้อยากให้โคโตะทำอะไรเกินแรง แต่การได้ทำอะไรบ้าง ย่อมทำให้จิตใจที่เปราะบางในครั้งก่อน กลับเข้มแข็งขึ้นได้ เขาจึงใช้อำนาจที่มี ปกปิดการคงอยู่ของน้องชาย และให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในเงามืดเท่านั้น

แทบจะไม่มีใครรู้ถึงการคงอยู่ของโคโตะในองค์กรนี้ และแน่นอน...เขายิ่งไม่เคย...ให้โคโตะออกไปทำงานฆ่าคน

แม้โคโตะจะรู้ถึงตัวงานที่เขากำลังทำ แต่เขา..ก็ไม่เคยให้โคโตะ ได้เห็นการฝึก หรือการฆ่าของจริงเลย

ของพวกนั้นเขาจัดการได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้โคโตะผู้แสนบอบบาง ทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องมารับรู้ขอเพียงโคโตะอยู่อย่างปลอดภัย มือของเขาจะต้องเปื้อนเลือดมากสักแค่ไหน เขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว

จนคนผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นมา คนที่ยากจะจัดการ และเขา...ที่ตัดสินใจผิด จนต้องส่งโคโตะไปพบกับความทรมานอีกครั้ง...


..................................


ร่างสูงในชุดสีดำสนิทรัดกุมแฝงกายเข้ามาในบ้านเช่าหลังหนึ่งอย่างเงียบเชียบ บ้านแห่งนี้ จากการสืบหาอย่างยากเย็น ท้ายที่สุดเขาก็ค้นพบ มันเป็นบ้านพัก...ในช่วงนี้ของ ยามาโนะ เรอิจิ นั่นเอง

ยามาโนะ เรอิจิ คนที่ทำให้โคโตะของเขาเปลี่ยนไป

เขาต้องการจะรู้ ว่าคนผู้นี้ทำอะไรกับโคโตะ ถ้าไม่รู้ถึงสาเหตุ เขาก็คงไม่อาจจะช่วยเหลือได้ เพื่อการนี้ เขาจึงตัดสินใจบุกเข้ามาเพียงลำพัง หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่า เรอิจิอยู่คนเดียว ไม่มีบอดี้การ์ด หรือใครทั้งนั้นอยู่ด้วย

บ้านที่อยู่ห่างไกลจากย่านชุมชน ดูราวกับว่าวางแผนเพื่อล่อให้เขาเข้าไปติดกับ

แต่เขาไม่ใส่ใจ

ชายหนุ่มมั่นใจในความสามารถของตัวเองเสมอมา และที่สำคัญ เขาไม่มีเวลาอีกแล้ว

โคโตะกำลังเปลี่ยนไป และกำลังตัดสินใจ ทำเรื่องน่ากลัวบางอย่าง ฝาแฝดอย่างเขาย่อมรู้ได้เป็นอย่างดี

ถ้ารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เขาจะฆ่ามันซะ

คนที่ทำให้โคโตะของเขาต้องเจ็บช้ำ

ไม่มีใครได้ตายดี!


......................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/2 อัพ 11-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 11-05-2010 16:34:48
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกกดดันมากเลยค่ะ
มาโอ โคโตะ  :sad4:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/2 อัพ 11-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 11-05-2010 19:37:10
อดีต... อดีตที่เป็นรากของปัจจุบันมีอะไรลึกๆกว่าที่คิดนะคะเนี่ย มาโอะ...คิดๆไปก็น่าสงสารแฮะ เอาใจช่วยคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 16/2 อัพ 11-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 11-05-2010 19:46:05
สงสารโคโตะ :m15:
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 16 อัพ 13-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 13-05-2010 10:34:37
ประตูที่ล็อคไว้อย่างธรรมดามาก ถูกเปิดออกด้วยกุญแจผีง่ายดาย ง่ายเกินไปด้วยซ้ำ เรอิจิคนนั้น ไม่น่าจะเลินเล่อขนาดนี้ได้ คงจะต้องมีแผนอะไรอยู่แน่ ชายหนุ่มเคลื่อนไหวในเงามืดอย่างระมัดระวังขึ้นไปชั้นสอง ไม่มีกับดักใด ๆ รออยู่ ห้องนอนของเรอิจิอยู่ที่ปีกหลังของตัวบ้าน ตำแหน่งนั้นเขาตรวจสอบมาอย่างดีเช่นกัน

มือแกร่งถือปืนเก็บเสียงด้วยท่าทีระวังภัย เขาค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปทีละขั้น และเปิดประตูห้องนอนเข้าไปในทันที

ทันใดนั้น ห้องนอนที่มืดสนิทก็สว่างขึ้นด้วยแสงไฟ

ดวงตาที่พร่าเล็กน้อยจากความสว่างที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ ทำให้เคลื่อนไหวได้ช้าลง แต่เจ้าของห้อง กลับไม่ฉกฉวยโอกาสนี้ เพื่อจับกุมเขา

ไม่แม้แต่จะจัดการ กับอาวุธในมือที่ถืออยู่

คนเบื้องหน้าเหมือนกับที่เห็นในกาลก่อน ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะส่งโคโตะไปสืบเรื่องนั้น จนกระทั่งโคโตะกลับมา ท่าทางสบาย ๆ เป็นกันเอง และใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติและไม่ได้วิตกกังวลต่อสิ่งใดเลย

แม้ว่าเขากำลังจ่อปืนเข้าหาเช่นนี้

สีหน้าของมาโอเคร่งเครียดกว่าเดิม คนประเภทนี้ ยากจะจัดการจริง ๆ

"ยังไม่ยิงฉันสินะ ถ้างั้นก็นั่งก่อนสิ" เรอิจิพูดขึ้นง่าย ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียง มือของเขาผายไปยังเก้าอี้ด้านข้างราวเชิญแขกให้นั่งลงอย่างเป็นกันเอง

ร่างสูงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยคำพูดของอีกฝ่ายให้ผ่านไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือแกร่งยังคงถือปืน และเล็งมาที่หัวใจของเจ้าของห้องอย่างแม่นยำ เรอิจิที่นั่งลงแล้วหัวเราะเบา ๆ

"มีอะไรน่าขำรึ" มาโอพูดขึ้นอย่างขัดใจเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายดูไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ...มาโอ ที่ฆ่าคนมามากมาย มาโอ ที่เป็นถึงหัวหน้าขององค์กรนักฆ่า เขาคนนี้ แม้จะมีใครพูดถึง ก็ยังต้องพูดอย่างระมัดระวังด้วยซ้ำ

แต่กับคน ๆ นี้ ทั้ง ๆ ที่เผชิญหน้ากับเขา ที่มีอาวุธตรง ๆ กลับหัวเราะขึ้นเสียได้

"จะไม่ให้ขำได้ยังไง ก็เธอน่ะ...ช่างเหมือนโคโตะจริง ๆ"

ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาเหมือนโคโตะมาก่อน แม้ใบหน้าจะละม้ายคล้ายคลึงบางส่วนด้วยความเป็นพี่น้อง แต่รูปร่างหน้าตา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา แทบจะตรงข้ามกับโคโตะด้วยซ้ำ

"ฉันเหมือนโคโตะตรงไหน"

ใบหน้าเรอิจิมีรอยยิ้มจาง ๆ "ตรงที่ทำได้ทุกอย่าง เพื่อพี่น้องของตัวเองล่ะมั้ง" เขาพูดลอย ๆ

คำพูดนั้นเล่นเอามาโอสะดุดกึก "โคโตะ...กำลังทรยศต่อฉัน"

ดวงตาที่น่ากลัวจ้องมองมาราวจะกินเลือดกินเนื้อ

"และนั่น...มีสาเหตุมาจากนาย!"

ราวกับไม่ได้ยินคำพูดนั้น เรอิจิยังคงพูดต่อไป "รู้ไหม พอโคโตะรู้ว่า ฉันรู้ว่าเขาเป็นใคร เด็กคนนั้นทำยังไง" เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ "เด็กคนนั้น ฆ่าตัวตาย แทบจะในทันที...และนั่น ก็เพื่อเธอ"

มาโอไม่แปลกใจนัก เขารู้ดี ว่าโคโตะคิดยังไง ถ้าเปลี่ยนให้เขาเป็นโคโตะ แล้วมีคนจับได้ เขาก็คง...จะตัดสินใจทำเช่นนั้น เพื่อไม่ให้คนที่เหลือ ต้องลำบากเพราะเขาเอง

"แต่ถึงอย่างนั้น...โคโตะก็ยังทรยศฉัน" เขายังคงย้ำประโยคเดิม ด้วยดวงตาที่เป็นศัตรูอย่างชัดแจ้ง

"นายทำอะไรโคโตะ!"

เรอิจิส่ายหน้าเบา ๆ "ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจาก...ให้โคโตะ ได้รับรู้ความจริง"

"ความจริงอะไรกัน" เขาถามขึ้นทันควัน

"ความจริงที่ว่า มีเด็กสองคน...ที่ต้องทรมานจากการบังคับให้เป็นนักฆ่า เด็กชายตัวน้อยที่รักน้องสาว มากเสียจนยอมเป็นเหยื่อให้คนข่มขืนเสียเอง และเด็กหญิง...ที่ฆ่าทุกคน เพื่อปกป้องพี่ชายของเธอ"

"มีเรื่องแบบนี้ด้วย?" ร่างแกร่งที่มองมาถามขึ้นอย่างระแวดระวัง

"เธอไม่รู้? เป็นองค์กรของพวกเธอนะ ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้" เรอิจิถามขึ้นอย่างประหลาดใจ

มาโอส่ายหน้าช้า ๆ พลางมองมาอย่างระมัดระวังกว่าเดิม "นายคิดจะเล่นตลกอะไรกันแน่"

"กับคนตรงไปตรงมา ฉันไม่เคยคิดจะลวดลาย" ชายหนุ่มตอบง่าย ๆ "และฉันใช้วิธีนี้ กับโคโตะเช่นกัน เธอเป็นพี่ชายของเขา ก็น่าจะรู้ โคโตะไม่ใช่คนโง่ ถ้าฉันหลอกลวง มีหรือเขาจะยอมรับฟัง"

ว่าพลางถอนหายใจยาว "แต่ฉันเอง ก็ผิดพลาดเสียแล้ว"

มาโอมองคู่สนทนาโดยไม่ตอบคำ อีกฝ่ายจึงพูดต่อไป "ฉันคิดว่า...เธอเป็นคนบงการเรื่องนี้ แต่ดูเหมือน...มันจะไม่ใช่"

"ถ้าเป็นแบบนี้...โคโตะต้องแย่แน่ ๆ"

คิ้วเข้มขมวดก่อนจะถามช้าชัด "เมื่อกี้นายบอกว่า เด็กผู้ชายคนนั้น...ยอมโดนข่มขืนงั้นเรอะ"

"ใช่" เรอิจิยอมรับ

"แล้วโคโตะ...นายทำให้โคโตะ ได้เห็นทั้งหมด?"

"อืม ใช่แล้ว"

ปืนในมือเล็งมาอีกครั้ง อย่างแน่วแน่กว่าเดิม "เป็นนายนั่นแหละ ที่ทำร้ายโคโตะ!"

ดวงตาสีเข้มของเรอิจิจ้องมองกลับมา ไม่ได้ขยับเขยื้อน ไม่ได้คิดป้องกัน และไม่ได้คิดหลบหนี เขาเจตนายืนเป็นเป้านิ่ง แม้จะแน่ใจว่า มาโอสามารถยิงได้แน่นอน

เรอิจิไม่ปฏิเสธใด ๆ เขาผิดจริง ๆ และยังคงเสียใจมาจนถึงตอนนี้

"ใช่ เป็นฉัน ที่ทำร้ายโคโตะ.." เขาพึมพำ ท่าทางที่ไม่มีการเสแสร้งทำให้คนเล็งปืนมาชะงัก

"ฉันไม่รู้...ว่าโคโตะ มีแผลใจเรื่องนี้ ในวันนั้น...เขาทรมานมากจริง ๆ มันผิดจากที่ฉันได้คิดเอาไว้"

ดวงตาคู่นั้นสบตามาโอตรง ๆ "ถ้านี่เป็นการชดเชยความผิดนั้น จะฆ่าฉันเสียก็ได้ ในตอนแรก ฉันแค่คิดจะให้โคโตะไปกล่อมเธอ ฉันรู้ดี ว่าพวกเธอ มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง ถ้าคนพูด คือโคโตะ เธอคงจะรับฟัง ฉันหวังไว้แค่นั้น"

"แต่ว่า โคโตะ...กลับทำมากกว่าที่คิดไว้...เยอะมาก ๆ และฉัน หยุดเขาไม่ได้"

"ฉันรู้ ว่าฉันผิด ดังนั้น...ฉันจึงรอให้เธอมาหา รอมาตลอด ในหลายวันนี้"

"นายคิดจะทำอะไรกันแน่" มาโอถามกลับ เริ่มงงมากกว่าเดิม "ฉันตั้งใจจะมาฆ่านายนะ"

เรอิจิยิ้ม "เธอเหมือนโคโตะจริง ๆ เอาเถอะ พูดง่าย ๆ ก็แล้วกัน ถ้าเธอต้องการฆ่าฉัน ก็ฆ่าซะ ฉันยินดีชดใช้ในสิ่งที่ฉันทำ…กับทั้งเธอ แล้วก็โคโตะ ส่วนเรื่องของโคโตะ ฉันคงต้องฝากไว้กับเธอแล้ว"

"แต่ว่า ถ้าเธอยินดีที่จะฟังฉัน ฉันอยากจะขอความร่วมมือกับเธอ เพื่อช่วยโคโตะ"

"โคโตะเป็นของฉัน ฉันดูแลเองได้" เสียงห้วนสั้นตอบกลับ นึกไม่พอใจเท่าใดนัก กับคำพูดราวเป็นเจ้าของของอีกฝ่าย

เรอิจิยังคงยิ้ม "ฉันรู้ ว่าเธอดูแลได้ แต่ว่า...โคโตะในตอนนี้ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากการวิเคราะห์สภาพจิตใจในช่วงนี้ ฉันบอกได้เลย ว่าอันตรายมาก ๆ"

"อ้อ อาจจะบอกช้าไปสักนิด แต่ฉัน...เป็นจิตแพทย์...อาชญจิตแพทย์ หรือพูดง่าย ๆ ว่า จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการบำบัดจิตของอาชญากร"

"โคโตะ..ไม่ใช่อาชญากร!" มาโอค้านทันที

"โคโตะ กำลังเป็นอาชญากร...เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ โคโตะ กำลังบงการคน เพื่อให้ฆ่าคน แม้จะเข้าใจว่า มันเป็นการฆ่า เพื่อยุติทุกสิ่งทุกอย่างก็ตาม"

มาโอนิ่งไป ใช่...เขารู้ ว่าโคโตะกำลังทำเช่นนั้น

"ไม่ใช่แผนของนายหรอกเรอะ" ดวงตาคมมองกลับมาราวต้องการจะจับผิด เขารู้ เรอิจิพูดถูกทุกอย่าง แต่จะอย่างไร เรอิจิก็คือศัตรู

แถมเป็นศัตรู ที่กล่อมได้แม้กระทั่งโคโตะ ให้หันมีดเข้าหาเขา ซึ่งเป็นคนที่โคโตะเชื่อใจที่สุดในโลก!
คนผู้นี้มีความสามารถโน้มน้าวใจได้จริง ๆ

เขาจะไม่เชื่อ…ไม่มีวันยอมเชื่อคนผู้นี้ได้โดยง่าย

เพราะเขาไม่ใช่โคโตะ ที่มีแผลใจในเรื่องนี้

การเห็นภาพแบบนั้น มันตอกย้ำอดีตที่บอบช้ำในจิตใจ อดีตที่โคโตะพยายามกลบฝังมันไว้ ให้รื้อฟื้นขึ้นมาอีก

สิ่งนั้นแหละที่ทำให้โคโตะหลงเชื่อเรอิจิได้โดยง่าย

โคโตะ…อ่อนไหวจนเกินไป กับเรื่องประเภทนี้!

เขาจะแน่ใจได้ยังไง ว่าเรอิจิ ไม่ได้รู้จริง ๆ ว่าโคโตะ มีปัญหาทางจิตในเรื่องการถูกข่มขืน เขาจะเชื่อได้หรือ ว่าเรอิจิ ไม่ได้จงใจใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ เพื่อหลอกให้พวกเขา..ฆ่ากันเอง

เพื่อให้องค์กร ที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมาอย่างยากเย็น ต้องล้มลงไปอย่างง่ายดาย แล้วปล่อยคนผู้นี้ ยืนดูและหัวเราะเยาะอยู่เบื้องหลัง โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย!

คน ๆ นี้…อันตราย

เขาจะไม่เชื่อ…เรอิจิอย่างเด็ดขาด!

ดวงตาระแวดระวังมองมา มาโอรู้ดี ว่าจะประมาทไม่ได้เลย

ปืนในมือลดลง มาโอตัดสินใจเก็บมันไป ด้วยรู้ดีว่าการใช้อาวุธขึ้นขู่เรอิจิ ไม่ใช่วิธีการที่ได้ผล เรอิจิกำลังจะล้างสมองเขาเช่นกัน โดยใช้โคโตะที่เขารัก…เป็นเครื่องมือต่อรอง

เพราะเรอิจิรู้…ว่าคนอย่างเขา ยอมทำทุกอย่างได้ เพื่อโคโตะ

นั่นเป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน!

การต่อรองจะไม่มีความหมายใด ๆ ถ้าคนที่เป็นเป้าหมาย ไม่ใช่โคโตะ และนั่น ทำให้เรอิจิมั่นใจ ว่าจะกล่อมเขาได้

แต่ไม่มีวัน!

“ฉันไม่เชื่อนาย” เขาพูดประโยคเดียวเท่านั้น หลังจากนิ่งไปนาน ร่างสูงของมาโอ ขยับหันหลังเปิดประตูออกไป

เรอิจิถอนหายใจพลางมองตามแผ่นหลังแกร่งไป  ชายหนุ่มพูดขึ้นต่อไปว่า “การที่เธอไม่ฆ่าฉัน แสดงให้เห็นแล้ว ว่าเธอยอมเชื่อฉัน แม้ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ขอให้รู้ไว้ ว่าฉัน ไม่เคยคิดร้ายกับโคโตะ และพร้อม…ที่จะช่วย ทั้งเธอ และโคโตะ ตลอดเวลา”

คนฟังไม่ตอบคำ

“ถ้าทุกอย่างมาถึงทางตัน แล้วเธอจัดการไม่ได้ ถ้าเธอไม่อยากจะเสียโคโตะไป…ติดต่อมาหาฉันนะ” คำพูดทิ้งท้ายบอกออกไป เรอิจิไม่ได้ให้นามบัตรหรือเบอร์ติดต่อ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่รับ แต่เขาก็รู้เช่นกัน ว่ามาโอ ย่อมมีหนทางจะเสาะหาของพวกนี้ได้แน่นอน

ร่างสูงชะงักเล็กน้อย แต่ยังคงไม่หันกลับมา แม้จะมีแววลังเลใจอยู่วูบหนึ่ง สุดท้ายมาโอ ก็จากไปในความมืด อย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอยเหมือนกับขามา


.........................................


แผนการของโคโตะ อันตรายขึ้นทุกวัน

อันตรายทั้งต่อตัวเอง…และอันตรายต่อความมั่นคง ขององค์กรของเขาด้วย

โคโตะ…เป็นคนทรยศ อย่างชัดเจนแล้ว

หัวหน้าองค์กรอย่างเขา ยังควรจะปล่อยโคโตะไปอีกงั้นหรือ

ร่างสูงครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด เอกสารหลายอย่าง แจ้งมาอย่างชัดเจน จากทั้งสายสืบ และสายบังคับบัญชา

คนของเขา นักฆ่าที่ถูกฝึกใหม่ และนักฆ่าเก่าที่มีฝีมือ ต่างถูกเก็บ

บางคนหายตัวไปอย่างลึกลับ บางคน…ก็ถูกฆ่า

ถ้าเขายังคงรีรออยู่เช่นนี้ ทุกอย่าง…จะต้องพังทลาย เขาจะรักษาสิ่งใดไว้ไม่ได้เลย ทั้งองค์กร สถานภาพที่มั่นคง และโคโตะ

ร่างสูงถอนหายใจยาว ดวงตาอ่อนล้ามองไปเบื้องหน้า

ภาพเด็กน้อย…ที่บอบช้ำและเต็มไปด้วยน้ำตา…เขาไม่ต้องการเห็นมันอีกแล้ว

มาโอตั้งคำถามกับตัวเอง

องค์กรนี้ สำคัญกับเขามากแค่ไหน?

สถานภาพของเขา ที่ขึ้นมาถึงจุดสูงสุด ขององค์กรนี้ล่ะ สำคัญแค่ไหน?

โคโตะ…น้องชาย…คนรัก…อีกครึ่งหนึ่งของชีวิตของเขาล่ะ?

เขาทิ้งสิ่งใดได้ และเขา…ทิ้งสิ่งใดไม่ได้

คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว

เขาทิ้งทุกอย่างได้ ถ้านั่นคือการทำเพื่อโคโตะ!


....................................


หัวหน้าสาขาใหญ่ถูกฆ่าตายเสียแล้ว

เขารู้ ว่าโคโตะจะต้องมา หลังจากจัดการ…หัวหน้าสาขาผู้ก่อเหตุทั้งหมด ผู้นี้เป็นคนสุดท้าย เขาไม่ได้ใส่ใจกับชีวิตของคนผู้นี้ เพราะจากการตรวจสอบแล้ว คน ๆ นี้ ทำเกินหน้าที่ที่ได้รับ คนผู้นี้…สร้างโศกนาฏกรรม ให้กับนักฆ่าฝึกหัดอีกมากมาย และยัง…สร้างแผลใจ รวมถึงความเข้าใจผิด ให้กับโคโตะด้วย

ถึงโคโตะไม่จัดการ เขาก็คงจะจัดการเอง เรอิจิพูดไว้ไม่ผิดเลย องค์กรของเขา สร้างบาปมหันต์ สร้างแผลใจ ไว้กับคนอีกมากมายนัก แม้ว่าตัวเขาที่เป็นหัวหน้า จะไม่ได้รับรู้รายละเอียดเช่นนี้มาก่อน

แต่เขาไม่คิดจะแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น

ด้วยความเป็นหัวหน้า เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบใด ๆ

ถ้าความตายของเขา จะทำให้โคโตะ รู้สึกดีขึ้นได้ มันอาจจะดีกว่า

เขารู้ดีว่าการอธิบายเรื่องทั้งหมดให้โคโตะฟัง เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เด็กคนนั้น ต้องคิดว่าเขาใส่ความคนตาย และเจตนาจะทำบาปต่อไปอีกแน่ ๆ

หัวหน้าสาขาหลักตายแล้ว…และเขา ก็จะเป็นรายต่อไป

เป็นรายสุดท้าย ที่เป็นเป้าหมายของโคโตะ

ถ้าชีวิตนี้ ทำให้โคโตะ เลิกฆ่าคนอีก ถ้าชีวิตนี้ ล้มล้างองค์กรและการทำบาปลงได้

เขาก็ไม่ลังเลเลย ที่จะยกมัน…ให้กับโคโตะ!


..............................................


แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องทบทวนใหม่ นั่นก็คือการปรากฏตัวของซากุ

เป็นซากุที่มา…ไม่ใช่โคโตะของเขา

มีอะไรผิดพลาด

เพียงแค่มองตา เขาก็รู้แล้ว ซากุ…รักโคโตะ

และซากุ…ต้องการจะมาให้เขาฆ่า เพื่อให้โคโตะ…เกลียดเขา

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? โคโตะไม่ได้เกลียดเขาอยู่แล้วหรอกหรือ? โคโตะ ไม่ได้ตั้งใจจะมา เพื่อฆ่าเขาแล้วหรือไง?

เห็นได้ชัดว่าซากุมา ไม่ใช่เพราะคำสั่งของโคโตะ เขามั่นใจ โคโตะ จะไม่มีทางส่งคนอื่นมาฆ่าเขา หากต้องการจะฆ่า โคโตะต้องลงมือด้วยตัวเอง!

มีอะไรผิดพลาดจริง ๆ!

ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อคิดทุกอย่างได้ลงตัว

ซากุรู้ดีว่า…โคโตะ จะมาฆ่าเขา

ไม่ได้ฆ่าเพียงเขา

แต่โคโตะ ต้องการที่จะตาย…ไปพร้อมกับเขาด้วย!

และนั่นเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ซากุมา โดยไม่ยินยอมให้โคโตะเป็นฝ่ายมาด้วยตนเอง!

เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไมโคโตะจึงจงใจที่จะฆ่าทุกคน แทนที่จะหันหน้ามาคุยกับเขา หรือแม้กระทั่ง…มาลอบสังหารเขาเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เรื่องแค่นี้สำหรับโคโตะ มันง่ายดายมากด้วยซ้ำ

เรอิจิพูดถูก

โคโตะกำลังเป็นอาชญากร…โคโตะ กำลังวางแผนฆ่าทุกคน อย่างตั้งใจเสียด้วย

ในตอนนี้ ระหว่างเขาและโคโตะ มีเส้นบาง ๆ กางกั้นอยู่ และเขาเชื่อมาตลอด ว่าเพราะสิ่งนั้น จะทำให้โคโตะ…ไม่มีวันย้อนกลับมา เคียงข้างเขาอีก

โคโตะ เลือกที่จะอยู่อีกฝั่งมาตั้งแต่ได้รู้ความจริงแล้ว

เขาที่เป็นคนบาป สมควรแล้วที่จะถูกกำจัด

แต่ไม่นึกเลย ว่าโคโตะ จงใจพังเส้นกั้นนี้ เพื่อที่จะได้มายืนเคียงข้างเขา

โคโตะต้องการลงเรือลำเดียวกับเขา แม้ว่าเรือนั้น…กำลังจะจม

ยินยอมให้มือตนเองเปื้อนเลือด เพียงเพราะว่า…ต้องการที่จะเป็นคนบาป เช่นเดียวกันกับเขา

ไม่ใช่แค่นั้น…โคโตะยังคิด จะลบล้างทุกสิ่งเพื่อชดใช้ เพื่อแก้ไขต่อบาปที่เกิดขึ้นอีกด้วย

โคโตะ กำลังต้องการจะแบกรับบาปนั้น ไว้เพียงผู้เดียว…แบกรับไว้ แทนเขา ที่มือเปื้อนเลือดจนยากจะลบล้างได้แล้ว

ทุก ๆ อย่างที่โคโตะทำ ก็เพื่อเขาทั้งนั้น!

โคโตะไม่เคยทรยศต่อเขาเลยจริง ๆ

เป็นครั้งแรก ที่เขาหวาดกลัว

การตัดสินใจของโคโตะ แน่วแน่เสมอมา และยากนัก ที่จะเปลี่ยนใจ ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้…แม้กระทั่งเขาคนนี้ นิสัยของโคโตะ เขาที่เป็นพี่ชายฝาแฝด ย่อมรู้ซึ้งเป็นอย่างดี

แต่โคโตะ จะต้องไม่ตาย เขายอมตายเพื่อโคโตะได้ แต่เขาไม่มีวันยอม ให้โคโตะมาตาย เพราะคนบาปอย่างเขา!

จะทำอย่างไรดี?

ร่างของซากุที่ถูกพันธนาการไว้ คล้ายหลักประกันยืนยัน

ซากุอาจจะรั้งโคโตะไว้ได้ แต่ก็คงแค่เพียงชั่วคราวแน่ จะอย่างไรโคโตะก็ต้องมา

โคโตะกำลังจะมาแล้ว และเขา…ยังไม่รู้ว่า จะหยุดโคโตะได้อย่างไร

จะทำอย่างไร ไม่ให้โคโตะต้องตาย


.......................................


จู่ ๆ สมองก็คิดถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะหลอกลวงเขาหรือไม่ แต่แววตาคู่นั้น ก็ยังกระจ่างชัด และหวังดีกับโคโตะอย่างแน่นอน

เขาเกลียดตัวเอง ที่ต้องยอมรับ ว่าสิ่งที่เรอิจิพูดมา ถูกต้องทุกอย่าง

เขาไม่มีเวลาแล้ว และไม่มีทางเลือกอีกแล้วด้วย

ต้องติดต่อเรอิจิ!

ชายหนุ่มหยิบแฟ้มประวัติของเรอิจิที่ให้ลูกน้องสืบประวัติมาให้ ก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์ ตามที่เขียนเอาไว้ แล้วโทรออก


.............................................


โคโตะมาถึงแล้ว

ดวงตาคมมองมาอย่างพินิจพิเคราะห์

โคโตะ…เปลี่ยนไปมาก สภาพจิตใจที่ตึงเครียด ทำให้สภาพร่างกายแย่ลง ใบหน้าซีดขาว ดวงตากลมโตที่แดงช้ำ คงนอนไม่หลับ คงทุกข์ใจมากสินะ และทั้งหมดนั่น เป็นเพราะเขา

ถ้ายังคงปล่อยไว้เช่นนี้ ในไม่ช้า โคโตะก็คงจะพังทลายลง

หากในแววตาที่อ่อนล้า เหน็ดเหนื่อยนั้น เขากลับมองเห็นความตั้งใจที่แน่วแน่

โคโตะ ต้องการที่จะตายพร้อมเขาจริง ๆ!

เขาไม่มีทางเลือกแล้ว คงต้องเชื่อเรอิจิอย่างเดียวเท่านั้น!

   
........................................


ท่ามกลางกองเพลิง และอ้อมแขนที่โอบกอด แม้แกล้งทำเป็นตาย เขาก็ยังได้ยินครบ…ได้ยินทุกคำพูด จากโคโตะที่เขารัก
   
"ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ว่าจะสวรรค์หรือนรก...ชั้นก็จะไปกับนาย"
   
คำพูดนั้นจริงใจเป็นที่สุด โคโตะ ยอมตายพร้อมกับเขาจริง ๆ เขารู้ดี..โคโตะ เป็นอีกครึ่งหนึ่งของเขา และพวกเขา…จะอยู่โดยปราศจากกันและกัน…ไม่ได้เลย
   
ถ้าเขาต้องไปนรก แล้วต้องฉุดรั้งโคโตะลงไปด้วยล่ะก็…เขาไม่มีวันยอมไปเด็ดขาด
   
เรอิจิพูดถูก…เขาจะตายไม่ได้!


.............................................


ที่หน้าห้องคนไข้ ร่างสูงของมาโอ ยืนแอบมองคนบนเตียงภายในห้องนั้น   โคโตะที่ถูกมัดไว้บนเตียง หมดอาลัยตายอยาก หมดกำลังและแรงใจ ที่จะมีชีวิต

ความตายของเขา หนักอึ้งเกินไปสำหรับโคโตะจริง ๆ

ร่างสูงหันกับมามองคนด้านข้างอย่างไม่มั่นใจนัก

“ทำแบบนี้…ดีแล้วงั้นเหรอ เรอิจิ”

เรอิจิจ้องมองมา พลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

"เธอจะเลิกทุกอย่าง เพื่อโคโตะได้หรือเปล่าล่ะ"

มาโอถอนหายใจ "องค์กรนี้ สร้างขึ้น แต่แรกก็เพื่อโคโตะ ถ้าจะเลิกมันเพื่อโคโตะ ทำไมฉันจะทำไม่ได้”

เรอิจิมองมาแล้วยิ้ม “ถ้าเธอตัดสินใจได้แบบนั้น ฉันจะช่วยโคโตะเอง มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ว่า…แผลใจ จะต้องจางหาย สัญญาได้ไหม ว่าเธอจะรอถึงวันนั้น…แล้วค่อยปรากฏตัวขึ้น ต่อหน้าโคโตะ”

“ถ้ามันทำให้โคโตะดีขึ้นได้ ฉันก็อดทนได้เช่นกัน”

“ขอบใจนะ ที่เธอเชื่อฉัน”

“ฉันไม่เคยคิดจะเชื่อนาย แต่ว่า…เพราะโคโตะเชื่อนาย และเพราะนาย…จะช่วยโคโตะ ดังนั้น…ฉันจะยอมสงบศึกชั่วคราว” ดวงตาคมมองกลับมา ยังคงมีแววแห่งความเป็นอริอย่างชัดเจน

แม้จะยอมเชื่อ แม้จะยอมทำตาม แต่จะอย่างไร มาโอก็ไม่ยอมที่จะญาติดีด้วยจริง ๆ

เรอิจิมองมาพลางหัวเราะ "ฉันลืมบอกเธอไปอีกอย่าง ฉันไม่เคยคิดกับโคโตะเหมือนเป็นคนรัก และที่สำคัญ ฉันมีภรรยาและลูกชายแล้ว กับโคโตะ ฉันยังเคยหวังว่า เขาจะเป็นเพื่อนที่ดีกับลูกชายฉัน...เป็นลูกอีกคนของฉันได้ เธอก็เหมือนกันนะ"

มาโอมองมาอย่างเคือง ๆ เล็กน้อย "ไม่ต้องมานับญาติกันเลย ฉันไม่เคยคิดว่านายจะเป็นพ่อของพวกเราได้” ชายหนุ่มหยุดเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อไป

“แต่ว่า...ถ้าแค่เพื่อน ก็พอหยวนได้ล่ะนะ"

ความเป็นศัตรูจางหายไป มาโอยิ้มให้เรอิจิเป็นครั้งแรก หลังจากได้พบหน้ากันมา ในเมื่อไม่ใช่คู่แข่ง เขาก็ไม่จำเป็น…ที่จะต้องเป็นศัตรูด้วย

จะอย่างไร ต่อจากนี้ พวกเขาก็ต้องวางแผนต่อไปเพื่อช่วยโคโตะร่วมกัน

และคนผู้นี้ ก็ตรงไปตรงมากับเขาเสมอ

กับคนประเภทนี้ เขาไม่คิดมากเลยที่จะยอมรับเป็นเพื่อน

"โอเค เพื่อนก็เพื่อน แต่นายนี่ ยอมรับอะไรได้ง่ายเกินคาดนะ" เรอิจิว่ายิ้ม ๆ จงใจที่จะเปลี่ยนสรรพนามเรียกหาเป็นระดับเดียวกันอย่างง่ายดายโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของอายุ และนี่กระมัง ที่เป็นเสน่ห์ของคนผู้นี้

มาโอถอนหายใจ "คงเพราะอยู่ในโลกมืดมานานล่ะมั้ง เลยรู้ว่า คนอย่างนาย...เป็นคนจริง และจริงใจพอ"

ว่าแล้วเขาก็เหลือบมองไปยังห้องพักคนไข้ด้านข้าง ซึ่งมีเหล่าบรรดาคนที่โคโตะช่วยเหลือไว้พำนักอยู่ จากคำบอกเล่าของเรอิจิ โคโตะต้องการจะไถ่บาปทั้งหมด ด้วยการดูแลเด็กพวกนี้…ให้กลับมามีชีวิตอย่างปกติให้ได้

"อ้อ ขอบอกไว้อีกอย่าง ฉันยินดีร่วมมือด้วยทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือโคโตะ...แต่กับคนอื่น ฉันไม่สนใจด้วยหรอกนะ ไม่ว่าเด็กพวกนั้น จะรอดมาได้เพราะโคโตะอยากช่วยให้รอดหรือไม่ก็เถอะ ถึงจะไม่ใช่ฝีมือฉัน ที่สร้างพวกเขาให้เป็นนักฆ่าอย่างโหดร้ายเช่นนั้น แต่ฉัน ก็ไม่จำเป็นจะต้องทำตัวเป็นสถานสงเคราะห์เด็ก เด็กพวกนั้น...มันอันตรายเกินไป"

ใบหน้าของเรอิจิมีรอยยิ้ม "ถ้างั้นมาพนันกันมั้ยล่ะ ถ้าเด็กพวกนั้น เลิกฆ่าคนได้เด็ดขาดและรักโคโตะจริง ๆ นายจะยอมรับพวกเขา เป็นคนในครอบครัวของนายรึเปล่า"

"ก็ลองดูสิ ถ้าพวกเขาทำได้ ฉันยอมรับก็ได้ จะยังไง ฉันก็ไม่ต้องการขัดใจโคโตะนักหรอก" เขาตอบง่าย ๆ แต่แน่นอน ลองคนพูดคือมาโอ เขาย่อมหมายความเช่นนั้นจริง ๆ

เรอิจิพยักหน้ารับ "โอเค ถ้าอย่างนั้น ให้เวลา…เป็นสิ่งพิสูจน์ก็แล้วกัน หวังว่านายคงจะไม่ลืมข้อตกลงของเราหรอกนะ"

"ถ้าเพื่อโคโตะ ฉันทำได้ทุกอย่าง!" น้ำเสียงหนักแน่นรับคำ

แน่นอนสำหรับเขาแล้ว... ถ้าเพื่อโคโตะ ไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่ามากเกิน!


- จบตอนที่ 16 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 16 อัพ 13-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 13-05-2010 16:21:41
ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี  ^ ^
ว่าแต่คุณพ่อเรอิจิไม่คิดจะกลับไปอ้อนคุณแม่่ซักหน่อยหรอคะ
ห่างบ้านมานานแล้วนะเนี่ย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 16 อัพ 13-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 13-05-2010 20:01:45
ขอบคุณค่ะ


ดีจังเลย  ว่าแต่คุณพ่อเรอิจิจะมีคู่กับเค้าบ้างรึเปล่าคะเนี่ย


แล้วคุณลูกหละคะ คงไม่ใช่ว่าคู่กับซากุคุงหรอกนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 16 อัพ 13-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 16-05-2010 10:46:18
ดูจะเป็นไปได้ดี... แต่ทำไมเรารู้สึกว่า คลื่นลมสงบก่อนพายุจะเข้านะเนี่ย
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 17 อัพ 16-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 16-05-2010 11:13:53
ช่วงนี้จะเป็นตอนพิเศษเก็บตกย้อนอดีตของตัวละครนะคะ ตั้งแต่ตอนก่อนหน้านี้แล้วล่ะ แล้วจะมีปิดตอนจบสรุปอีกรอบทีหลัง ^^

=====================================

Absolution Café

ตอนที่ 17 Impassable Way : ทางตัน


(Rate: NC-17)


ห้องนั้นเป็นห้องที่ว่างเปล่า มีเพียงเตียงหลังเดียวตรงกลางห้อง และเขา…ที่ถูกสวมปลอกคออยู่ ก็ไม่สามารถ…ออกไปจากห้องแห่งนี้ได้เลย นับตั้งแต่…จำความได้

สำหรับคนอื่น…มันคือห้องขัง แต่สำหรับเขาแล้ว มันคือบ้าน

บ้านที่ต้องรอคอยเท่านั้น รอคอยใครสักคน ที่จะเข้ามาให้อาหาร…และความรัก

เป็นความรักที่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่ามันเรียกว่าความรักได้หรือเปล่า

ร่างเล็กบอบบางชันตัวขึ้นจากเตียงเชื่องช้า ดวงตากลมโตสบกับชายหนุ่มผู้มาใหม่ ใบหน้าใสเริ่มมีรอยยิ้มรับ เป็นยิ้มไร้เดียงสา ที่ไม่มีการเสแสร้ง

ทุกครั้งที่มีคนเข้ามา เขามักจะดีใจ

การอยู่คนเดียว มันเหงาและน่ากลัวนัก…แต่บ่อยครั้ง ที่เขาต้องอยู่คนเดียว

คนที่เดินเข้ามาลูบผมสีน้ำตาลนุ่มของเขาเบา ๆ ร่างที่ขยับเข้ามาใกล้ ค่อย ๆ แกะปลดตะขอกางเกงให้ ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังยืนอยู่ข้างเตียงนั้น เรียวลิ้นบอบบางไล้เลียเชื่องช้า มือคล่องแคล่วโอบอุ้มรับกับพวงหนา พลางลูบไล้บีบกระตุ้นแผ่วเบา สลับกับการใช้ปลายลิ้นสำรวจลูกแฝด แล้วไล่ขึ้นจากโคนจรดปลาย

รสชาติเฝื่อนเค็มยิ่งกระตุ้นให้ลิ้มชิมมันอย่างต่อเนื่อง ปลายลิ้นนุ่มแทรกซอนเข้าส่วนโค้งเว้าซ่อนเร้นของแท่งหนา ก่อนค่อย ๆ ครอบครองจากปลายลงมา

โพรงปากอุ่นกระชับดูดดึง รูดเร้นขึ้นลง นิ้วที่กอบกุมแกมบีบกระตุ้น ยังคงขยับไม่เลิก รู้สึกได้ถึงการเกร็งแน่นของอีกฝ่ายที่ใกล้ถึงจุด ก่อนปลดปล่อยน้ำสีขุ่นเข้าในโพรงปากเล็ก ที่กินกลืนลงไปแทบไม่หมด คราบน้ำหลงเหลือราดรดลำตัวบาง ผิวขาวนวลสะอาดยิ่งคล้ายเย้ายวนกว่าเดิม

ปลายลิ้นเรียวเล็ก ไล้ที่ริมฝีปากสีสด เช็ดหยดหยดที่กระเซ็นซ่านนั้นออกไป ราวกับเป็นขนมชั้นเลิศ

ร่างสูงที่พึ่งปลดปล่อยหายใจหอบน้อย ๆ ก่อนจะกดอีกฝ่ายลงกับเตียงนุ่มทั้งที่ยังติดโซ่รั้งปลอกคออยู่ ร่างกายที่เปลือยเปล่าอยู่แล้วยิ่งเชิญชวนมากขึ้นอีกเมื่อเรียวขาขาวเริ่มอ้ากว้าง

เจลถูกส่งให้ราวรู้หน้าที่ ก่อนที่คนด้านบนจะบีบมันชะโลมจนชุ่มนิ้ว แล้วบีบซ้ำลงไปที่แก่นกายอันน้อย ปล่อยให้ไหลระลงร่องก้น มือหยาบลูบซ้ำย้ำจุดอ่อนไหว พลางแทรกนิ้วชุ่มเจลเข้าช่องทางด้านหลังเนิบช้า

“อึก…อื้อ…” ร่างเล็กเกร็งเสียวสะดุ้ง ก่อนค่อย ๆ ขยับสะโพกให้เปิดรับกว่าเดิม นิ้วแกร่งควานลึก จนคนด้านล่างสะท้านเฮือกหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มืออีกข้างบีบเจลซ้ำ ก่อนแทรกนิ้วเข้าลึกกว่าเดิม นิ้วที่กดแช่ ขยับไล้วนผ่อนคลาย ด้วยความร่วมมือจากคนด้านล่างอย่างคุ้นเคย

จวบจนผ่อนคลายจนได้ที่ แก่นกายใหญ่ก็เข้าแทนอย่างเนิบช้าแล้วขยับเร็วขึ้น…และเร็วขึ้น

ร่างบอบบางไขว่คว้าหาที่จับยึด โอบกอดกระชับ ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการทุกสิ่งทุกอย่างตามความพึงใจ

เสียงใสครางหวาน ครั้งแล้วครั้งเล่า เปิดรับขยับเข้าหาตามจังหวะของอีกฝ่ายได้อย่างช่ำชอง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเขา…และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

สำหรับเขาแล้ว การทำเช่นนี้ ไม่ใช่ความทรมาน

มันเป็นการ…มอบความรักมาให้ต่างหาก

อ้อมกอดอบอุ่นกอดเขาไว้ กระซิบบอกเพียงคำอ่อนโยนและใจดี มือที่ลูบแผ่วเบา สัมผัสที่มีไออุ่น มันดีกว่าการต้องนอนอยู่เพียงลำพังมากมายนัก

เขาไม่ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบนอนเพียงลำพัง

ไม่ว่าจะใครก็ตามที่เข้ามา เขาก็ยังยินดี ที่จะทำให้…ทุกสิ่งทุกอย่าง เท่าที่อีกฝ่ายปรารถนา

จะรุนแรงบ้าง จะทรมานบ้าง มันก็ไม่เป็นไร

ขอเพียงสัมผัสและไออุ่น ให้กับเขาบ้าง

แค่ชั่วครั้งชั่วคราว

…ก็ยังดี…


……………………………………….


เขาไม่มีชื่อ

ทุกคนที่เข้าหา ล้วนเรียกเขาแตกต่างกันออกไป

เขามีชื่ออยู่นับสิบ แต่ไม่มีชื่อไหน ที่ถูกเรียกซ้ำ

หากชื่อ คือเอกลักษณ์ของใครสักคน ที่ทุก ๆ คน จะเรียกเขาเหมือนกันล่ะก็...ในตอนนี้เขาก็ยังคงไม่มีชื่อ

แต่นั่นไม่สำคัญ ขอเพียงให้มีใครสักคน เข้ามาให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายนี้ แค่เข้ามา เพื่อไม่ให้เขาต้องอยู่โดดเดี่ยวลำพัง

สำหรับเขาแล้ว โลกทั้งโลกก็คือห้องนี้ และเตียง รวมถึงปลอกคอที่สวมใส่

ไม่มีอะไรมากกว่านี้ เพราะไม่เคยได้รับอนุญาตให้ออกไป

นกในกรงยังสามารถมองเห็นโลกภายนอก แต่ในห้องที่ปิดทึบนี้ ไม่เคยมี และเขา ก็ไม่เคยได้รับรู้ ว่าโลกภายนอกนั้น…กว้างใหญ่สักเพียงไหน

จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่คนเหล่านั้นเข้ามา และพังทลายโลกใบแคบ ๆ ของเขาลง

อย่างสิ้นเชิง


……………………………………….


“ชุดนี้เป็นยังไง เธอชอบมันมั้ย” เสียงนุ่มถามย้ำอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมโตมองมา โดยไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านใด ๆ

ร่างบอบบาง ที่สวมเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก ขยับตัวอย่างอึดอัด เขาคุ้นเคยที่จะไม่สวมอะไรเลยมากกว่า แต่เพราะความต้องการของคนเบื้องหน้า คือให้เขาสวมมันไว้

ดังนั้น เขาก็จะสวมมัน

ถ้าทำตัวดี ๆ ก็จะมีคนใจดีด้วย เขาเรียนรู้ ที่จะเชื่อฟัง มาเนิ่นนานแล้ว

มือที่ลูบศีรษะเบา ๆ อ่อนโยนนัก และเขาก็ชอบมาก

ดังนั้นถ้าคนผู้นี้บอกให้ทำอะไร เขาก็จะทำ

นิ้วเรียวขยับจะปลดตะขออีก หากถูกมือแกร่งยึดจับไว้

“ทำอะไรแบบนี้เนี่ย เด็กอะไรกัน” เสียงเข้มดุขึ้น ดวงตากลมโตจ้องมาอย่างงุนงง และเสียใจ

เขาทำให้คน ๆ นี้ไม่พอใจ…อย่างนั้นหรือ

ทำไมกันล่ะ?


………………………………………


“ทางเราคงต้องส่งเด็กคนนั้นไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วล่ะ” เสียงชายร่างสูงในชุดเครื่องแบบตำรวจพูดขึ้นเชิงหารือ  ภาระหลังการจับกุมพ่อค้าเนื้อสดครั้งใหญ่ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการสะสาง

โดยเฉพาะการค้าประเวณีเด็ก…เหยื่อบริสุทธิ์ ที่น่าสงสารเช่นนี้

“แต่จะไหวเหรอ เล่นยั่วยวนผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ซะขนาดนี้” หญิงสาวอีกคนในชุดเครื่องแบบเช่นกันแย้งขึ้นบ้าง “เด็กอะไรกันเนี่ย ไม่รู้ถูกเลี้ยงดูมายังไง เจ้าพวกนั้น มันเลวจริง ๆ ทำได้กับเด็กไร้เดียงสาถึงขนาดนี้”

คนฟังอีกคนทอดถอนหายใจ “คงต้องบำบัดทางจิตกันอีกนาน”

“แต่ว่า..มันอันตรายไปไหม ส่งโรงพยาบาลบ้าดีกว่ามั้ง”

เสียงโต้เถียงยังดำเนินต่อไป…ร่างบอบบางที่นั่งรออยู่ ได้แต่มองมา โดยไม่ได้พูดอะไร ดวงตากลมโตเหลือบมองออกนอกหน้าต่าง …โลกภายนอก ที่เขาพึ่งจะได้เคยเห็นเป็นครั้งแรก

โลกที่มีนอกเหนือจากห้องสี่เหลี่ยม และเตียงหนึ่งหลัง

แล้วดวงตาก็มองเห็นร่างสูงอันคุ้นเคยของใครบางคน ที่เคยเข้ามาหาเขา เมื่อครั้งในอดีต

เด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินออกไป

ไม่มีปลอกคอคอยฉุดรั้ง เขาเป็นอิสระ

แต่เขาไม่เข้าใจ ว่านี่คืออิสระแล้ว ดวงตาคู่นั้นมองมาแต่แผ่นหลังกว้างที่เห็น คน ๆ นั้น…คงให้ความอบอุ่นกับเขาได้ โดยไม่ดุหรือไม่พอใจ เวลาเขาพยายามทำทุกอย่างให้แน่ ๆ

คน ๆ นี้ต้องให้เขาได้

เขาต้องการความอบอุ่น…ต้องการใครสักคน มาโอบกอด และที่นี่…ไม่ยอมให้เขา

ร่างเล็กตัดสินใจดังนั้น จึงเดินตามออกไป

ทิ้งให้คนในโรงพักแคบ ๆ โต้เถียงกันต่อ ถึงการอุปการะเด็กน้อย ที่ในบัดนี้ ได้หายตัวไปแล้ว


……………………………………..


“เข้ามาสิ...เร็วเข้า” เสียงหวานที่เต็มไปด้วยเพลิงเสน่หาอันเย้ายวนพึมพำขึ้นช้า ๆ ร่างกายที่งดงามเอนอิงบนเตียงนุ่ม...

ร่างแกร่งที่โน้มตัวลงมา จุมพิตที่อ่อนหวานและนุ่มนวล การประกบจูบที่แนบแน่น...เนิ่นนาน

เขาชอบที่จะมีคนมาจูบ มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นเช่นกัน...คล้ายกับการโอบกอด และการทำรัก

มือเรียวยาวเอื้อมออกไป โอบรอบร่างหนา ขยับกายเสียดสีเชิญชวน

เสียงหวานยังคงร้องขอ ฟีโรโมนที่เข้มข้น ทำให้เคลิบเคลิ้มราวอยู่ในห้วงฝัน ร่างกายที่ถูกครอบครอง เป็นของกันและกัน ภายในที่อบอุ่น โอบกระชับ

การขยับที่เสียวซ่าน และยังอ่อนโยน

คนผู้นั้นจูบเขาอีก ริมฝีปากสีสดจูบตอบ ปลายลิ้นนุ่มยังคงกระหวัดเกี่ยว แลกความหอมหวานไม่มีวันหยุด

แล้วชีวิตของเขา ก็กลับมาอยู่บนเตียงอีกครั้ง

เขายังยินดี ที่จะมีชายแปลกหน้า เข้ามาหา มาโอบกอด

มันไม่ใช่ความเจ็บปวด มันไม่ใช่ความทรมาน แต่มันคือ...โลกของเขา

การได้รอคอยใครสักคน อยู่บนเตียง มันคือชีวิตประจำวันของเขาอยู่แล้ว

แต่คราวนี้ เขามีสิทธิ์เลือก และคราวนี้ ทุกคนยินยอมทำตามความปรารถนาของเขา ขอเพียงแค่เอ่ยปากบอก

ในตอนนี้ เขาเป็นราชินีประจำโฮสต์คลับแห่งหนึ่ง ด้วยการเดินตามชายหนุ่มคนนั้นมา…คนผู้นั้น เป็นเจ้าของคลับนี้เอง และได้พาเขาเข้ามาเป็นสมาชิกอีกคนที่นี่

ทุกคนหลงใหลเขา ทั้งความน่ารัก ทั้งร่างกาย และลีลา ไหนจะนิสัย ที่ไม่เหมือนใคร

เขาเป็นอันดับ 1 แม้จะยังคงรู้สึกโดดเดี่ยว ผู้คนมากมายเข้ามาหา และมอบความอบอุ่นให้

และเขาก็ต้องการ

…ใช่ ใครก็ได้ ที่ให้ความอบอุ่นได้อย่างเพียงพอ…


……………………………………


เขาไม่สนใจคนทั่วไปนัก ไม่สนใจด้วยว่าคนพวกนั้นคิดอย่างไรกับเขา เพราะเจ้าของคลับเคยบอกแต่ว่า คนที่เขาควรสนใจ มีเพียงลูกค้า ที่จะมาทำให้เขามีความสุข แต่กับคน ๆ นี้ เจ้าของคลับ กลับให้ความสนใจ แม้ไม่ใช่ลูกค้า

“คุณต้องการตัวเขาสินะ”

เจ้าของคลับมองเงินในกระเป๋า ที่มีเป็นฟ่อน ๆ เรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จากที่คาดคะเน คงไม่น้อยเลยทีเดียว

และนั่น…คือค่าตัว

คน ๆ นั้น พาเขาออกมา และจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่มีชื่อ แม้จะมีฉายา สำหรับเรียกในคลับ ...ใช่ ทุกคนในคลับมีของแบบนั้น แต่ทุกคน...ก็ยังมีชื่อจริง สำหรับคนที่่รัก สำหรับคนในครอบครัว เอาไว้เรียกหา

แต่ตัวเขานั้นไม่มี

การได้มาอยู่ที่นี่ เขาก็ได้มีชื่ออีก มีมากมายหลายชื่อ คนผู้นี้ สอนทุกอย่างให้กับเขา ทั้งการดำรงชีวิต การเข้าสังคม การเอาใจ และการบริการ

รวมถึงการฆ่า

ถึงเขาจะไม่เคยฆ่าใครสักคนเลยก็ตาม

คนผู้นั้นเรียกมันว่า 'การฆ่าด้วยความรัก'

เขาเริ่มเรียนรู้ ที่จะมอบความรัก ให้กับเป้าหมายที่อีกฝ่ายต้องการ

มอบความรัก อย่างจริงใจ แล้วทำตามวิธีการที่สอนไว้

ตอบแทนคนผู้นั้น ด้วยความตาย

เป็นความตาย ด้วยความเต็มใจ เมื่อได้หลงรักเขา

เขาจะมีชื่อ เมื่อออกปฏิบัติการ เป็นชื่อ…สำหรับเหยื่อแต่ละคน

ชื่อพิเศษ…ที่เขาจะถูกเรียก โดยคน ๆ เดียว อีกครั้ง ถูกเรียก..จนคนเรียกได้ตายจากไปในที่สุด

แม้จะรู้สึกเจ็บปวดบ้าง เมื่อมองคนที่มอบความรักให้ ต้องจากไป

แต่มัน…ก็เป็นกิจวัตรของเขาไปแล้ว


……………………………………….


หน้าที่ของเขา คือการทำให้รัก แล้วพาไปสู่ความตาย

ชีวิตที่ว่างเปล่า แม้ว่าเขาจะยังคงไม่มีชื่อ แต่องค์กรแห่งนี้ ก็รับเขาเข้าทำงานแล้ว ด้วยหน้าที่…สังหาร

เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอีกครั้ง

เหยื่อที่หลากหลาย ทั้งรูปร่างหน้าตา สถานภาพ และจิตใจ

บางคนโหดร้าย บางคนรุนแรง แต่บางคน ก็ใจดี

ทุกคน ยังคงให้ความอบอุ่น และโอบกอดเขา โอบกอด และหลงรัก

การทำให้ใครสักคนหลงรักได้ มันก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง

ได้รับการโอบกอด และล่อลวงให้อีกฝ่าย…เข้ามาติดกับ
เข้ามาใจดีด้วย และทำทุกอย่าง…เพื่อเขาคนนี้

มันคือเกม…ใช่แล้ว มันคือเกมอย่างหนึ่ง

ชีวิตที่ว่างเปล่าและน่าเบื่อ ทำให้เขากำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นอีกครั้ง

เพื่อการปฏิบัติงาน ที่มีรสชาติ

เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะเสี่ยง เพราะมันจะเร้าใจกว่าเดิม การทำงานอย่างจริงจัง การตอบสนองต่อความต้องการของอีกฝ่าย โดยไม่มีข้อแม้

และการ…หักหลัง...อย่างเลือดเย็น

ถ้าเกมนี้เขาเป็นผู้ชนะ เขาจะได้รับทุกสิ่ง

แต่ถ้าแพ้…นั่นคือความตาย

การเดิมพันยิ่งเสี่ยง ผลของมันยิ่งน่าตื่นเต้น

และเขา…ไม่เคยพ่ายแพ้



………………………………………………….


ร่างบอบบางมองร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดบนถนนท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปราย กับคน ๆ นี้ ก็เป็นอีกคน…ที่ทำให้เขาอบอุ่นได้มากมายนัก

แต่สุดท้าย คนผู้นี้ ก็พ่ายแพ้แก่เกมพนันของเขาเช่นกัน

เขาเกลียดการโกหก แต่ถ้าหากการโกหก จะทำให้เกมนี้มีเขาเป็นผู้ชนะ

มันก็ต้องลองเสี่ยง

การถูกรัก…เป็นสิ่งดี และเขา ก็ยังคงชอบมัน

ดวงตาที่ว่างเปล่า มองมายังร่างไร้ชีวิต อย่างเฉยเมย

เขาจะไปรู้สึกอะไรได้ ในเมื่อคนผู้นี้ได้ตายไปแล้ว ไม่มีความอบอุ่น จากคนผู้นี้ให้เขาได้อีก

เมื่อเหยื่อคนใหม่ก้าวเข้ามา เขาก็จะสามารถหาไออุ่นใหม่ ๆ ได้

แม้จะรู้ดี ว่าจุดจบ จะเป็นเช่นไร

ในเมื่อเขาเลือกแล้ว ที่จะทำงานนี้ เขาก็จะต้องทำให้ดีที่สุด

ไม่มีอะไร ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้หรอก

ยิ่งมีคนตายมาก ยิ่งแสดงว่า มีคนรักเขามาก

มันคือความรู้สึกที่ดีไม่ใช่เหรอ?

โดยเฉพาะการได้รับความรัก…ด้วยชีวิต

ในเมื่อเกมนี้ เขายังเป็นฝ่ายชนะ ชิปส์เดิมพัน ยังคงเป็นของเขาเสมอมา และนั่นถึงเป็นการบ่งชี้ ว่าเขายังมีชีวิต

ถึงจะเป็นทางตัน เขาก็ยังจะก้าวต่อไป...

ผ่านไม่ได้ ก็ยังย้อนกลับทางเดิมได้

วนเวียนอยู่กับเส้นทางเดิม ๆ ต่อไป ก็ไม่เห็นจะเป็นไร

จะอย่างไร การได้รับชัยชนะ มันก็ยังทำให้เขารู้สึกได้ว่ายังมีชีวิตอยู่



.....................................


โลกของเขาเปลี่ยนไป นับตั้งแต่คนผู้นั้น...ก้าวเข้ามาในชีวิต

ตลอดเวลาอันยาวนาน เคยมีหลายคนที่เข้ามา แล้วเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเขา...แต่กับคน ๆ นี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงที่สุด

การเรียนรู้ที่จะปรับตัว กลับไม่เพียงพออีกต่อไป

เพราะหัวใจของเขา...มันไม่เหมือนเดิม

ผิดปกติแล้ว...คน ๆ นี้...อันตราย

ทำไม...ถึงรู้ว่าเขาโกหก

ทำไม...ถึงยอมตาย แม้จะรู้ ว่าเขาโกหก

ความรักงั้นหรือ...แล้วมันต่างจากความรักของเหยื่ออื่น ๆ ยังไงกันล่ะ

เขาไม่เคยมีความรู้สึกต่อเหยื่อเป็นพิเศษ นอกจากเป็นผู้ที่จะทำให้เขามีความสุข...ชั่วคราว

แต่กับคนผู้นี้...มันมีอะไร...มากกว่านั้น

หัวใจของเขาเจ็บปวด

เป็นความเจ็บปวด ที่เขาไม่เข้าใจ

ไม่จริงหรอกน่า ก็แค่เหยื่อ...แค่ชิปส์เดิมพัน ที่พ่ายแพ้เขาเท่านั้น

ในเมื่อของที่ต้องการ ก็มาอยู่ในมือแล้ว ชีวิตของคนผู้นั้น เขาก็ได้รับมาแล้วเช่นกัน

งานของเขา ประสบความสำเร็จ

มันก็เหมือนทุกครั้งไม่ใช่หรือ...เป็นเขาสิ ที่เป็นผู้ชนะ

แต่ทำไม...เขากลับไม่ต้องการการโอบกอดจากใครอีก

ทำไม...เขาถึงรู้สึกรังเกียจ ยามถูกมือจากผู้อื่นโอบกอด ...มือ...ที่ไม่ใช่มือของเขาคนนั้น

แต่มือที่อ่อนโยนคู่นั้น จะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว

เขาทำให้คน ๆ นั้น...ตายไปเสียแล้ว

ไม่มี...อีกแล้ว...



เป็นครั้งแรก ที่เขาเข้าใจ กับความรู้สึกสูญเสีย

เขาทำให้ผู้คนมากมาย ต้องตายไป

แม้จะเพราะรักเขา

แต่คนพวกนั้น ก็ย่อมมีคนที่รักเช่นกัน คนที่จะเจ็บปวด จากความตายนั้น

เจ็บปวด เหมือนกับเขาในตอนนี้

เพราะเขา…ที่เป็นฆาตกร


เขาเดินมาสุดทางแล้ว...ทางที่ไม่สามารถไปต่อได้…เหมือนกับทุกครั้ง ที่เคยได้แต่เดินย้อนกลับ...ไปทางเก่า

เขารู้อยู่แล้ว ว่าเส้นทางนี้ ไม่สามารถผ่านไปต่อได้ รู้มาเนิ่นนานแล้ว

แต่ในครั้งนี้...เขาจะไม่เดินย้อนกลับอีก


เขาจะไม่กลับไปสู่หนทางเดิม ๆ อีกต่อไป โลกของเขา มันเปลี่ยนไปแล้ว

ไม่ใช่ใครก็ได้...ที่เขาอยากให้โอบกอดร่างกายนี้

ไม่ใช่ใครก็ได้...ที่เขาอยากให้เยียวยาหัวใจที่อ้างว้างนี้

ต้องเป็นคน ๆ นั้น...คนเดียวเท่านั้น


ถึงจะเป็นนรก...เขาก็จะไป

ขอแค่ได้รับการโอบกอดอีกครั้ง...ก็เพียงพอ



- จบตอนที่ 17 -
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 17 อัพ 16-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 16-05-2010 11:22:40
อา......อายะซัง ราชินีของเรามีวัยเด็กแบบนี้นี่เอง :กอด1:

หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 17 อัพ 16-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 16-05-2010 18:11:54
มาตามลุ้นตอนจบค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 17 อัพ 16-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 17-05-2010 20:34:34
อายะ...ช่างเป็นคนที่ดูมีแผลลึกจังเลย อดีตนั่น วัยเด็กที่น่าเศร้า
เป็นกำลังใจให้ค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 18-05-2010 10:10:02
ตอนที่ 18 Hidden in My Hate : ซ่อนไว้ในความเกลียดชัง

(ตอนที่ 18/1)


Rate: NC-17, Shotacon, Toys


ในห้องแคบเล็ก มีร่างบอบบางที่ยังคงไม่ได้สติด้วยพิษไข้ มือน้อย ๆ ของเด็กหญิงยังคงคอยเช็ดตัวผู้เป็นพี่ ดวงตาคู่สวยสองสีมองร่างที่บอบช้ำนั้นด้วยน้ำตาคลอเบ้า ก่อนรีบปาดเช็ดไป เสียงเพ้อแผ่วเบาจากร่างบนเตียง ยังคงเรียกหาแต่เธอ…

“เอเม…ไม่เป็นไรนะ…เอเม…พี่จะปกป้องน้องเอง...”

"ซานา..." มือของเธอบีบมือคนบนเตียงแผ่วเบาให้กำลังใจ

ร่างสูงแข็งแรง นั่งมองอยู่ที่ด้านข้าง นั่งมาเนิ่นนานแล้ว เด็กหญิงผู้เฝ้ามองพี่ชายอยู่อีกฝั่งของเตียง เหลือบมองมาเป็นพัก ๆ อย่างไม่เคยเป็นมิตร แต่ก็ไม่พูดอะไร เธอพยายามทำราวกับการคงอยู่ของคนผู้นี้เป็นอากาศธาตุ ร่างกายของซานาเรย์ที่ยังคงร้อนรุ่มด้วยพิษไข้ คล้ายจะหนักลงกว่าเดิม จนคนมองมาเริ่มขมวดคิ้ว

“กินยาที่ฉันให้แล้วหรือยัง”

เอเมรัลด์สะดุ้ง ดวงตาคู่สวยเหลือบมองมา ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ คนมองถอนหายใจอย่างพอจะเข้าใจขึ้นบ้าง ตั้งแต่ล้มลงไปในตอนนั้น ร่างบอบบางก็ไม่ได้สติอีกเลย มีแต่เสียงเพ้อหาน้องสาว อย่างพยายามจะปลอบโยน…พยายามจะปกป้อง แต่เพียงเท่านั้น

แล้วแบบนี้จะกินยาได้อย่างไร

ร่างสูงผุดลุกขึ้น หยิบแก้วน้ำขึ้นมา แล้วหย่อนยาลงไป เม็ดยาละลายได้ในไม่นานนัก เขาดื่มมัน แล้วประคองคนไม่ได้สติขึ้นมา ริมฝีปากที่ประกบกันแล้วถูกสอดแทรกเข้าด้วยปลายลิ้น ก่อนจะค่อย ๆ ส่งผ่านน้ำรสชาติขมด้วยตัวยาลงไปให้ คนไม่ได้สติดิ้นรนเล็กน้อย ก่อนที่จะยินยอมรับสัมผัสนั้นแต่โดยดี

จนป้อนยาได้เรียบร้อย เขาก็ปล่อยร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงอีกครั้ง ดวงตาดุ ๆ จ้องมองมายังเด็กหญิงพลางกำชับ “อย่าบอกเขาล่ะ ว่าฉันทำอะไร”

เอเมรัลด์ไม่เข้าใจนัก แต่พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำให้พี่ชายเธอได้กินยาแน่ ๆ ไม่ว่าจะเพราะสงสาร หรือเพราะเห็นใจ แต่เธอก็ไม่คิดจะรู้สึกดีกับคนผู้นี้ ดังนั้นถึงไม่กำชับ เธอก็ไม่คิดจะบอกพี่ชายอยู่แล้ว

พอได้ยา ไข้ก็เริ่มลด เห็นได้ชัดจากเหงื่อที่ผุดพรายจนแผ่นหลังและใบหน้าเปียกชื้น มือแกร่งแตะวัดไข้ที่หน้าผากเนียนนั้นเพื่อความแน่ใจ

เด็กน้อยที่ได้สติเป็นช่วง ๆ กลับรู้สึกได้ถึงไออุ่น มือที่อบอุ่นเหมือนมือของแม่…ดวงตาสีฟ้าพยายามจะลืมขึ้น ภาพที่เห็นกลับพร่ามัวนัก เพียงแต่พอรู้ว่าเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็กน้อยอย่างเอเมรัลด์

“แม่ฮะ…” ดวงตาคู่นั้นเริ่มเปียกชื้น หากถูกเช็ดออกอย่างนุ่มนวลด้วยปลายนิ้ว ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจอีกรอบ ร่างสูงมองมาอย่างละเอียด สีหน้าซีดขาวดูมีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย ไข้ก็คล้ายจะลดลงไปมาก อาการคงจะดีขึ้นแล้ว

“เช็ดตัวไปเรื่อย ๆ ล่ะ อีกสักพักก็คงค่อยยังชั่วแล้ว” เขาสั่งความกับเด็กหญิง เอเมรัลด์ยังคงมองมา อย่างไม่ไว้ใจเช่นเดิม ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินออกไปจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะล็อคมันอีกครั้ง


………………………………..


ร่างกายที่ยังอ่อนเพลียขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้น สมองยังคงมึนงงและเหนื่อยอ่อน เด็กหญิงด้านข้างร้องเรียกเบา ๆ อย่างดีใจ

“ซานาฟื้นแล้ว”

ร่างเล็ก ๆ โผเข้ากอดเขาไว้ แต่ในความรู้สึกที่ลางเลือนก่อนหน้า อ้อมแขนของใครสักคน…กลับไม่ใช่เอเม

ใครกัน…

คน ๆ นั้นงั้นหรือ?

ไม่มีทางหรอกน่า!

ร่างกายที่ดีขึ้นมากแล้ว หลังจากที่สลบไปในวันแรกที่มายังที่แห่งนี้ เป็นวันแรก...แห่งความอัปยศ ที่เขาอยากจะลืม แต่ทำไม่ได้

คนผู้นั้นไม่มีทางมาดูแลเขาหรอก คงจะปล่อยให้เขาที่ป่วย อยู่กับน้องสาวเพียงลำพังโดยไม่ได้สนใจใยดีอยู่แล้ว

เขาจะไปคาดหวังอะไร กับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ตอนไข้ขึ้น มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก กับคน ๆ นั้น เขาก็เป็นเพียง..ของเล่นที่ใช้เพื่อบำบัดความใคร่ มันก็เท่านั้น

ในวันนี้ที่อาการไข้จางหาย และเขาสามารถลุกขึ้นได้ เขาก็รู้ชะตาของตัวเองแล้ว

ห้องแคบสี่เหลี่ยมไร้ทางออก ยังคงเป็นเหมือนทุกครั้ง เมื่อมีเสียงเปิดประตูออกรับจากภายนอก พร้อมเสบียงอาหารในวันนั้น ๆ หากเมื่อของถูกวางลงแล้ว ชายหนุ่มกลับไม่ได้ออกไป ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตู กวาดตาคมมองมายังร่างของเด็กทั้งคู่ ที่ทำได้แค่ซุกตัวอยู่มุมหนึ่งของเตียง

ห้องที่คับแคบ ทำให้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ซ่อนไม่มิด มือบอบบางของเด็กชาย โอบกอดไหล่สั่นระริกของเด็กหญิงไว้ อย่างพยายามปลอบโยน

"หายแล้วสินะ" ร่างที่ประตูถามขึ้น

เด็กชายพยักหน้ารับ ด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ถึงไข้จะลด ก็ใช่ว่าร่างกายที่บอบช้ำจะหายดีเป็นปกติแล้ว แต่เขารู้...ว่าไม่อาจผัดผ่อนไปมากกว่านี้

"ถ้าหายดีแล้ว...ก็ต้องทำงาน" เสียงราบเรียบพูดต่อไป ดวงตาคู่สวยสองสีมองมาทันที อย่างไม่เป็นมิตรนัก คนถูกจ้องอมยิ้มโดยไม่พูดจาอันใด นอกจากมองมายังเด็กชายอีกครั้ง

ร่างเล็กจึงรีบผุดลุกขึ้น เขารู้ดี ถ้าเขาไม่ยอมไปจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นถึงจะยังไม่หายเขาก็ยังคงต้องไป

ใช่...ถึงจะต้องคลาน เขาก็ยังคงต้องไป ไม่ว่าสภาพร่างกายของเขาจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

เขาจะไม่ยอมให้อาการบาดเจ็บนี้ เป็นข้ออ้างให้อีกฝ่ายรังแกน้องสาวของเขาแทนได้อย่างเด็ดขาด

"ซานา..." เด็กหญิงดึงชายเสื้อผู้เป็นพี่ชายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง ร่างเล็กที่ล้มลงต่อหน้าเธอ ด้วยร่างกายที่บอบช้ำและไข้ขึ้นสูงในหลายวันก่อน ทำให้เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายออกไป แม้จะไม่รู้...ว่าผู้เป็นพี่ ต้องเจอกับอะไรบ้าง

แต่มันต้องเป็นอะไรที่เลวร้ายมากแน่ ๆ

เด็กชายหันมาลูบผมนุ่มสลวยของน้องสาวแผ่วเบา ดวงตาสีฟ้าใสอ่อนโยนลงเมื่อพูดปลอบว่า "ไม่ต้องห่วงนะ แล้วพี่จะรีบกลับ อยู่ในนี้เป็นเด็กดี คอยพี่นะ"

"แต่ว่า..." ริมฝีปากจิ้มลิ้มขบกันเบา ๆ ดวงตาที่เว้าวอนยังคงจ้องมาจนคนมองลำบากใจนิดหน่อย

"พี่จะไม่ให้ใครทำอะไรเอเม...อย่างแน่นอน!" ประโยคหลังเน้นย้ำราวต้องการบอกชายผู้ยังคงยืนพิงกรอบประตูรอโดยไม่เข้ามาข้างในเสียอย่างนั้น

"ไปได้แล้ว" เสียงเข้มเร่งมาแทนคำตอบ มือบอบบางจึงได้แต่ผละออกจากเด็กหญิง แล้วตัดใจเดินตามร่างสูงนั้นออกไป

ประตูถูกล็อคอีกครั้งตามหลัง ร่างสูงที่ยืนรอ พยักเพยิดไปยังเตียงหลังเดิม

ซานาเรย์มองเตียงนั้น มือบอบบางกำแน่น หากสีหน้ายังคงราบเรียบ เด็กชายหายใจเข้าลึก ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออก โดยไม่ต้องรอให้สั่ง

คนมองมามีความพอใจอยู่ในสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดี ว่าเด็กคนนี้ฉลาด และนอกจากนั้น...ยังเป็นของชั้นเลิศอีกด้วย

แต่ยังจำเป็นต้องฝึกอีก...สักหน่อย เพื่องานสำคัญในอนาคตของเขา

ร่างบอบบางที่เปลือยเปล่า ยืนมองอีกฝ่าย โดยไม่พูดจาอะไร ไม่มีการต่อต้าน และไม่มีการปฏิเสธ ดวงตาที่มองมา ราวกับเป็นหุ่นยนต์ ที่ยินดีปฏิบัติตามทุกคำสั่ง โดยไม่มีบิดพลิ้ว

"นอนลง"

บนเตียงนุ่ม ผิวขาวเนียนสะท้านเฮือก ยามถูกอีกฝ่ายสัมผัส แม้จะปลุกปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ให้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา แต่ร่างกายกลับตอบสนองโดยอัตโนมัติ ใจที่เต้นแรงยิ่งยากจะควบคุม เด็กน้อยพยายามข่มกลั้นความต้องการเบื้องลึกอย่างเต็มความสามารถ

ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะเผชิญหน้า...ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจว่า ไม่ว่าคนตรงหน้าจะทำเช่นไร เขาก็จะ...ไม่คล้อยตามอย่างเด็ดขาด หากดวงตาสีเข้มที่มองมาราวดูดกลืนได้กระทั่งวิญญาณ กลับทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีหลบซ่อนความอายเสียแล้ว

มือแกร่งจับเรียวขาบางดันขึ้นแกมบังคับให้อ้ากว้าง ดวงตาคู่นั้น...ยังคงมองมา มอง...จนเขาแทบจะทนทานไม่ไหว อยากจะห้าม อยากจะหนี แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...ทาสเช่นเขา ก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี

"ยังแดงช้ำอยู่เลยนี่" คำพูดน่าอายถูกพูดขึ้นหน้าตาเฉย คนบนเตียงแทบอยากจะซุกหมอนหนี แต่ไม่กล้าจะทำเช่นนั้น ใบหน้าที่เบือนหลบหลับตาลงข่มใจให้เยือกเย็นลงกว่าเดิมอย่างช้า ๆ ริมฝีปากบางขบกันเล็กน้อย ก่อนทำใจพูดตอบกลับ

"ถ้าคุณพอใจ อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ"

ใบหน้าที่มองมาชะงัก แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม "เธออยากให้ฉัน...ทำแบบวันก่อนสินะ...หรือว่า ติดใจ?"

ตาสีฟ้าเข้มขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะยั้บยั้งอารมณ์โกรธลงอย่างรวดเร็ว สีหน้านิ่งสนิทกลับมียิ้มหวาน แม้จะเป็นไปโดยไม่ได้มาจากใจเลยก็ตาม

"จะพูดแบบนั้นก็ได้ บางที...ผมอาจจะชอบคุณเข้าแล้ว"

คนฟังชะงัก แต่สามารถเปลี่ยนสีหน้ากลับมาราบเรียบได้แทบจะในทันที

"งั้นเหรอ ชอบให้ทำรุนแรงสินะ" นิ้วหนาลูบไล้ที่บั้นท้ายบอบบาง ร่างเล็กสั่นน้อย ๆ อย่างไม่อาจห้ามได้ เขายังคงกลัว...ร่างกายเขาก็เช่นกัน แต่ว่า...ถ้าทำให้ไม่ได้...คนที่ต้องรับกรรม ย่อมเป็นเอเม

นิ้วชุ่มเจลทดลองแทรกเข้าช่องทางที่ยังแดงเรื่อ คนโดนทำสะดุ้งเฮือกขบฟันไว้โดยแรง ไม่ว่าจะอย่างไร...เขาต้องอดทน...ต้องอดทน

"แบบนี้จะไหวงั้นเหรอ"

ดวงตาที่หลับแน่นลืมขึ้นทันที เขาเผลอแสดงท่าทีอ่อนแอออกไปจนได้...ไม่ได้นะ ถึงจะเจ็บปวดเจียนตาย เขาก็จะให้อีกฝ่ายรู้ไม่ได้...ถ้าเขาหมดค่า...ถ้าคน ๆ นี้เบื่อ...ถ้าเป็นแบบนั้น...เอเมจะต้อง...

"ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอครับ" เสียงแผ่วเบาตอบกลับแม้จะยังหอบหายใจปะปน เขาคงทำได้แค่...ยั่วอีกฝ่ายต่อไปเท่านั้น

“อึ้ก!” ร่างบอบบางสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วที่แช่ค้างแกล้งขยับแรงขึ้นอย่างจงใจ

“งั้นฉันจะพิสูจน์เอง” คนทำอมยิ้ม ไม่ได้มีวี่แววแห่งความสงสารแม้เพียงน้อยนิด เมื่อปลายนิ้วกลับดึงดันเข้าลึกกว่าเดิม สด ๆ เสียอย่างนั้น บาดแผลภายในที่ใกล้จะหาย ยังคงความรู้สึกไวนัก แถมยังเจ็บแปลบกว่าเดิมเสียด้วย เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีก แต่กลับไม่มีเสียงร้องห้ามให้หยุด เด็กน้อยขบฟันกัดริมฝีปากไว้จนแทบห้อเลือด แต่ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไป

…เขาต้องอดทน…

ปลายนิ้วที่แทรกลึกถูกดึงออก คนด้านบนยืดร่างขึ้น ทำทีไม่สนใจ เล่นเอาคนโดนทำชะงักค้าง

“น่าเบื่อ” เขาพึมพำต่อ “บางที…น้องสาวของเธอ อาจจะเร้าใจกว่าก็ได้นะ”

คนฟังแทบสะดุ้งอีกรอบ ไม่ได้นะ…เขาไม่มีวันยอม…ร่างเล็กผุดลุกขึ้นอ้อนวอน “ได้โปรดเถอะครับ ผมจะทำ…ทุกอย่างที่คุณต้องการ อย่าพึ่งเบื่อเลยนะครับ…ผมจะ…”

“ทุกอย่างสินะ ถ้าอย่างนั้น…” ว่าแล้วก็ยกกล่องใบหนึ่งขึ้นมาวางบนเตียง “ใช้ของในนั้น ทำให้ฉันดู ถ้าฉันหายเบื่อได้ ฉันจะไม่ยุ่งกับน้องของเธอ”

เด็กน้อยมองไปยังกล่องใบนั้น ตัวกล่องทำด้วยพลาสติกสีทึบ ยาวราว ๆ ฟุตกว่า ๆ พอเปิดขึ้นมา ภายในกลับมีของหลากหลายอย่างที่…แน่นอนล่ะว่า เขาไม่เคยเห็น และไม่รู้จักวิธีการใช้งานด้วยซ้ำ

ของบางชิ้น ลักษณะคล้ายแก่นกายจำลอง มีกระทั่งพื้นผิวสัมผัสที่คล้ายคลึง และขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แต่บางชิ้น ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ของแต่ละอย่าง มีรูปร่างและรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ในตัวมันเอง ซึ่งเท่าที่พอจะเข้าใจได้แม้ไม่เคยเห็น เด็กน้อยก็พอรู้แล้ว

มันคือของเล่นยามค่ำคืนสำหรับเวลามีความสัมพันธ์กัน

แต่ว่า…เขาไม่เคยใช้เลยสักอย่าง แล้วจะทำให้คน ๆ นี้…สนใจเขาได้อย่างไรกัน

ดวงตาคมยังคงมองมา โดยไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าเคร่งขรึม กลับลอบยิ้มโดยไม่ให้คนบนเตียงได้เห็น การกระตุ้นได้ถูกจุด จะทำให้เพชรเม็ดงามนี้ ถูกเจียระไนออกมาได้อย่างงดงามแน่

เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้ฉลาด แม้จะไม่เคยเห็นของพวกนี้ แต่จะต้องรู้จักใช้อย่างแน่นอน

ดวงตากลมโตมองมาอย่างไม่แน่ใจนัก ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายเฝื่อน ๆ ลงคอ เขาคงไม่มีทางเลือก…นอกเสียจาก ลองใช้ดู จากที่เห็น ของส่วนใหญ่ที่พอจะเข้าใจง่าย ก็จะเป็นพวกที่มีด้าม และมีสวิตช์เปิดปิด ซึ่งส่วนปลายอีกฝั่ง…ที่เป็นทรงยาวคงเป็นส่วนที่ใช้…สอดใส่

ส่วนของที่หน้าตาประหลาดเกินกว่าจะเข้าใจได้ว่าใช้งานอย่างไร ทางที่ดี ยังไม่ใช้น่าจะดีกว่า

หลังจากกะเกณฑ์ด้วยสายตาคร่าว ๆ แล้ว เขาก็ตัดสินใจได้ สำหรับตัวเขาที่ไม่คุ้นเคย ขนาดที่เล็กที่สุด ย่อมจะปลอดภัยที่สุดสำหรับการทดลอง แต่ว่า…ขนาดที่เล็กเกินไป ก็จะไม่เร้าใจเพียงพอเช่นกัน

เด็กชายประเมินสถานการณ์ต่อไปอย่างรวดเร็ว มือคล่องแคล่วทดลองกดสวิชท์หลาย ๆ ชิ้น การเคลื่อนไหว…แบบต่างกัน ก็ยิ่งให้ความรู้สึกแปลก ๆ เข้าไปอีก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลือกของชิ้นหนึ่งขึ้นมา จากที่จับกระชับมือ และส่วนปลายที่…ไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไป

คนยืนมองโยนขวดอย่างหนึ่งลงบนเตียง มันคือขวดเจลหล่อลื่นนั่นเอง “ใช้เจ้านี่ซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงได้แผลอีก”

ร่างเล็กมองขวดเจลแล้วหน้าแดงเรื่อ เขาก็พอรู้อยู่บ้างหรอกน่า แต่ว่า…แต่มัน…

“เอ้า จะทำอะไรก็ทำซะที” ดาร์คว่าก่อนจะเอนกายลงบนโซฟาใกล้ ๆ เตียง มองมาอย่างสบายอารมณ์ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยิ่งเงอะงะ เขาก็ยิ่งรู้สึกขบขันและอยากแกล้งมากขึ้นไปอีก

มือบอบบางจับด้ามของสิ่งนั้นขึ้นมา ด้วยความที่มีสวิทช์เปิดปิดที่ด้าม จึงไม่มีสายให้เกะกะ นับเป็นตัวเลือกที่ดี ทั้งขนาดและการลองครั้งแรกเช่นนี้ คนมองนึกชื่นชมอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกไป นอกจากมองอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น

อีกมือหยิบเจลขึ้นแล้วบีบลงไปบนส่วนปลาย ก่อนจะลูบไล้จนแน่ใจว่าได้ที่

เด็กน้อยขยับตัวมากลางเตียงอีกครั้งเพื่อให้เป็นจุดเด่น ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายมองดูอยู่ ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว เขาคงไม่มีทางเลือกสินะ นอกจาก…ยั่วยวนอีกฝ่าย ด้วยของสิ่งนี้

ท่านอนคล้ายจะทำไม่ถนัดสักเท่าไหร่ หลังจากลองทำท่าดูแล้ว คิ้วเรียวบางขมวดมุ่น ขบคิดอีกครั้ง

บางทีเข้าจากทางด้านหลัง น่าจะเป็นมุมมองที่ดีกว่า

ดวงตาคมเข้มยังคงจ้องมองมา มองอยู่ในความเงียบ แม้เขาจะไม่ได้มองกลับไป ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงสายตานั้น ความเงียบ…เป็นอะไรที่น่าอึดอัด และยังคงเป็นอะไรที่…ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกแปลก ๆ ไปกว่าเดิม

ร่างบอบบางลุกขึ้นนั่งแล้วเปลี่ยนเป็นท่าคลานสี่ขา จงใจหันบั้นท้ายได้รูปไปทางคนนั่งมอง แม้จะรู้สึกร้อนวาบจนยากจะควบคุม แต่ร่างที่สั่นน้อย ๆ นั้น ก็ยังเริ่มต้นต่อไป ปลายนิ้วเล็กที่ชะโลมเจลแล้วตัดสินใจสำรวจช่องทาง…แม้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกอายกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

สายตานั้นมองมาแทบไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ ซานาเรย์ตื่นเต้นจนรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจของตัวเอง เขาค่อย ๆ ใช้นิ้วขยับวนรอบ ๆ ก่อนแทรกเข้า อาจจะเพราะเมื่อครู่ คนผู้นั้นช่วยทำไปบ้างแล้ว การที่นิ้วของเขา ซึ่งขนาดเล็กกว่า จะแทรกเข้าไป จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก นิ้วเรียวขยับดันเข้าลึก แต่ด้วยความที่ยังเล็ก ขนาดจึงยาวไม่เพียงพอ จึงได้แต่ขยับเข้าออกเนิบช้า

เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากบางจะงับไปยังหมอนใกล้ ๆ โชว์บั้นท้ายยกสูง ร่างกายที่เริ่มตื่นตัว ทำให้รู้สึกขัดเขินเข้าไปอีก ตัดใจแทรกเข้าเพิ่มเป็นนิ้วที่สอง สัมผัสแรกคือความอึดอัด หากด้วยการขยับอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นาน ช่องทางคับแคบก็เปิดกว้างขึ้นอีกหน่อย

ดีที่ทำด้วยตัวเอง เขาจึงไม่รู้สึกเจ็บมากนัก แม้ว่าจะยังเจ็บแปลบภายในอยู่บ้าง เด็กชายดึงนิ้วออก ก่อนจะหยิบของเล่นชิ้นที่เลือกนั้นขึ้นมา ด้วยความที่มองไม่เห็นด้านหลัง จึงทำให้ดูน่าขบขันกับท่าทางนั้นอยู่บ้าง คนดูแทบจะต้องกลั้นยิ้ม เมื่อมองมาพลางแกล้งตีสีหน้าบึ้งตึง

ส่วนปลายจรดจ่อที่ช่องทางจนได้ คนทำโล่งอกเล็กน้อย เมื่อสามารถดันปลายซึ่งเล็กกว่าส่วนอื่นเข้าไปได้แล้ว นิ้วเรียวค่อย ๆ จับด้ามแล้วขยับช้า ๆ ก่อนกดสวิตช์

ร่างบอบบางสะดุ้งเฮือก รีบปิดมันอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวของมันจะแรงขนาดนี้ คนทำเริ่มลังเล แต่จะเปลี่ยนเป็นชิ้นใหม่ ก็คงทำให้คนมองอารมณ์เสียเป็นแน่แท้

เด็กน้อยลอบมองมา เห็นคิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย เขาก็รู้แน่ชัด

จะต้องทำต่อไป

ซานาเรย์หายใจเข้าลึก ก่อนค่อย ๆ ดันส่วนยาวของด้านปลายแทรกเข้าไปอีกทีละน้อย ดันเข้าไปเรื่อย ๆ จนสุดทาง มือที่จับตัวด้ามเริ่มสั่น ก่อนจะทำใจจับให้มั่นคงอีกครั้งพร้อมเปิดสวิตช์

“อึ้ก…อื้อ…” ฟันคมกัดลงไปกับหมอนแน่น พยายามที่จะไม่ส่งเสียงออกมา บั้นท้ายน้อย ๆ ส่ายเบา ๆ อย่างอึดอัด เจ้าของสิ่งนั้น…ช่างสั่นได้แรงจนเขาแทบคุมตัวเองไม่ไหว ร่างที่เริ่มชุ่มเหงื่อขยับไปมาแต่ไม่อาจคลายความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นลงได้ มือที่ยังคงสั่น ได้แต่เอื้อมไปยังตัวด้าม รู้ดีว่าถ้าปิดสวิตช์ลงอีก คงทำให้คนมองเบื่อแน่ ๆ

มือที่จับส่วนด้ามกระชับกว่าเดิม ก่อนตัดสินใจ ค่อย ๆ ดึงออกช้า ๆ ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ถึงการเสียดสีที่แรงขึ้น ก่อนตัดใจดันมันเข้าลึกแทนที่

เสียงอ๊าพร้อมร่างกายที่เกร็งแน่น บ่งบอกได้ดีถึงความเจ็บ หากมือนั้นกลับไม่ยินยอมที่จะเลิก ยังคงขยับส่วนด้ามดึงเข้าออกอย่างต่อเนื่อง บาดแผลภายในที่ยังไม่หายดี สร้างความเจ็บปวดมากกว่ารู้สึกดีอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อเริ่มผุดพรายจนเปียกชื้น หากคนทำยังคงกัดฟันทนต่อไป

“ทรมานตัวเองแบบนี้ ไม่ได้เรียกว่ายั่วยวนหรอกนะ” เสียงราบเรียบจากอีกฝ่ายดังขึ้น คนฟังชะงักปล่อยมือจากของเล่นชิ้นน้อย พลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคงพยายามจะพูด

“ได้โปรด…ให้ผม..ลองอีกครั้ง…เถอะนะครับ” ใบหน้าอ่อนเยาว์เว้าวอนทั้งน้ำตา ยิ่งมองยิ่งเย้ายวนใจกว่าท่ายั่วเมื่อครู่เสียด้วยซ้ำ

ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนก้าวเข้ามาบนเตียงนุ่ม เด็กชายพยายามข่มความหวาดกลัวเอาไว้ ก่อนจะปล่อยให้มือแข็งแรงนั้น เกาะกุมส่วนด้ามที่อีกด้านยังคงค้างคาอยู่ในช่องทางแคบเล็ก มือนั้นปรับลดระดับการสั่นให้ลดลงอย่างเบามือ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับหมุนแผ่วเบาที่ส่วนด้าม ยิ่งขยับกลับคล้ายยิ่งกระตุ้น ร่างกายบอบบางกระตุกเฮือกเสียวแปลบ มืออีกข้างลูบไล้ผิวเรียบลื่นแกมช่วยผ่อนคลาย

“อย่าเกร็งสิ นั่นแหละ ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก” เสียงนุ่มดูใจดีกว่าทุกครั้ง ทำให้คนฟังเกือบเคลิ้มคล้อยตาม เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยามคนผู้นี้ทำให้ ไม่ว่าจะเจ็บหรือทรมาน มันกลับยังคงแทรกความรู้สึกดีเอาไว้ด้วย

ทั้ง ๆ ที่…อยากจะเกลียด…ให้มากกว่านี้

อย่านะ ห้ามคิดแบบนั้นเด็ดขาด แม้ว่าจะยอมให้สัมผัส แต่เขา…จะไม่มีวันชอบคนผู้นี้  กับคนที่ทำร้ายเขา และเอเม…เขาจะใจอ่อนด้วยไม่ได้

“อ๊า!!” เสียงร้องแหลมสูงเมื่อสวิตช์การสั่นถูกเปิดแรงขึ้นอีก หากในตอนนี้ เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป ความรู้สึกแปลก ๆ สอดแทรกเข้ามา ริมฝีปากที่ร่ำร้อง ถูกครอบครองแนบแน่น ยิ่งปลายลิ้นที่แทรกลึก กวาดไล้ไปทั่ว ยิ่งทำให้เขา….ต้องการ

มือแกร่งที่กุมของเล่นไว้ขยับไปมาน้อย ๆ แกล้งถอนออกจนเกือบสุดปลาย ก่อนจะดันเข้ารวดเดียว คนโดนทำสะท้านเฮือกอีกรอบ แต่กับอารมณ์ที่ต่างออกไป

แค่คิดว่ามือที่จับของชิ้นนั้น...เป็นมือของคนผู้นี้

เขาก็ต้องการ...มากขึ้นอีกแล้ว

ลมหายใจหอบเริ่มถี่ คนมองมาอมยิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ ดึงของเล่นชิ้นน้อยออกมา ร่างบอบบางแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ทรุดฮวบลงกับเตียงอีกครั้ง มือแข็งแรงชะโลมเจลที่แก่นกายตัวเอง ก่อนจะรั้งสะโพกบาง ของร่างที่ยังคงนอนคว่ำ ให้ยกสูง

"อึ้ก!" คนหมดแรงสะดุ้งอีกรอบ เมื่อรู้สึกได้ถึงการเข้ามาที่ใหญ่กว่าของเล่นเมื่อครู่ มือนั้นยังจับยึดแน่นจนดิ้นไม่หลุด แม้จะเจ็บแปลบจากการดึงดันเข้ามาของอีกฝ่ายเบื้องหลัง

"อื้อ..อะ...อย่ะ..." เสียงร้องห้ามหยุดแทบจะในทันทีที่รู้สึกตัว เขาจะ...ปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้

จะให้เบื่อไม่ได้ จะให้รำคาญไม่ได้

ต้องอดทนต่อไป...

"อ๊า!!"

แก่นกายที่แทรกเข้าลึกรวดเดียวทำให้ไม่อาจข่มกลั้นเสียงไว้ได้อีกต่อไป แรงกระแทกเข้าหาที่ไม่ยั้ง ฉุดรั้งสติแทบหลุดหาย มือบอบบางกำผ้าปูแน่น แอ่นสะโพกรับโดยอัตโนมัติ ร่างกายที่ตอบสนองต่อความคุ้นเคยของอีกฝ่าย สร้างความรู้สึกดีแก่ชายหนุ่มยิ่งนัก มือแกร่งบีบสะโพกบางแกมนวดเฟ้นดึงดัน ยิ่งทำยิ่งพยายามแทรกเข้าจนเด็กน้อยร่ำร้องแทบไม่เป็นภาษา

ความเจ็บปวดไม่ต้องพูดถึง มันยิ่งกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำ แต่หากลึก ๆ แล้ว...มันกลับเติมเต็มได้เป็นอย่างดี

เพราะอะไรกัน...ทำไม...เขาถึงรู้สึกเช่นนี้

ทั้ง ๆ ที่คน ๆ นี้...กำลังข่มเหงเขาอีกแล้ว

สมองที่เริ่มว่างเปล่าไม่อาจขบคิดใด ๆ ได้อีก มีเพียงความรู้สึกอันอบอุ่นที่ส่งผ่านมาถึงกัน

แม้จะเกลียดสักแค่ไหน...แต่ในเบื้องลึกแล้วตัวเขากลับต้องการ

...ต้องการการโอบกอด จากคน ๆ นี้

ไม่ว่าจะรุนแรงหรือโหดร้ายเพียงใดก็ตาม!


............................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 18-05-2010 10:28:26
รู้ว่าเป็นคนที่ทำร้าย แต่ก็กลับรู้สึกดีที่ถูกสัมผัส มาโซชัดๆเลยซานา
ขอบคุณไรท์เตอร์มากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 18-05-2010 15:43:12
สิ่งที่ซานารู้สึกกับดาร์ค มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ
องค์กรนี้ใช้ความรู้สึกของคนมาเป็นเครื่องมือ ล้มๆไปได้น่ะดีแล้ว :o12:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 19-05-2010 19:30:11
เล่นกับความรู้สึกของซานาเรย์แบบนี้ แง๊...น่าสงสารอ่ะ ทั้งๆที่ยังเด็กขนาดนั้นแท้ๆเชียวน้า กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้ ดาร์คเองก็เถอะ คงมองซานาเป็นแค่ของเล่นหรือไม่ก็หมากที่ถูกใจแน่ๆเลย เฮ้อ~ ว่าแต่...ถูกทำรุนแรงแล้วรู้สึกดีเนี่ย หนูเป็นมาโซสินะลูก..?!!
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Absolution Café จบตอนที่ 18 อัพ 21-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 21-05-2010 11:37:58
(จบตอนที่ 18)


เขาเกลียดคน ๆ นี้…เกลียดตัวเอง…เกลียดร่างกายของตัวเอง ที่ร่ำร้องหาแต่คน  ๆ นี้อยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่ได้รับการโอบกอดอีกเลยก็ตาม ระยะหลังมานี้ ดาร์คเพียงส่งคนอื่นมา…ทำเรื่องแบบนั้นกับเขา โดยตนเองยืนมองอยู่เฉย ๆ เท่านั้น

แค่มอง…

แต่เขาก็รู้สึก…ยิ่งยามถูกขึงไว้ด้วยโซ่ ยามถูกสอดใส่…กดกระแทก…ยามโดนกระทำรุนแรง…ไม่ว่าจะตอนไหน คนผู้นี้ ก็ยังคงมองเขา ด้วยใบหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง

แต่เขากลับรู้สึก…

ร่างกายที่เจ็บปวด..ร่างกายที่ปฏิเสธ…เขารังเกียจคนพวกนี้ ที่มาทำกับตัวเขา รังเกียจจนยากจะมีอารมณ์ร่วมต่อไปได้ แต่ในยามเช่นนั้น แค่มีเพียงคน ๆ นี้ในห้วงความคิด…

สัมผัสในจินตนาการเหมือนที่เคยได้รับ ไม่ว่าจะปลายนิ้ว หรือริมฝีปาก ไม่ว่าจะร่างกายที่โอบกอด หรือสิ่งที่สอดแทรกเข้ามา เพียงแค่คิด…ถึงของคนผู้นั้น…ว่าเป็นคนทำ…มันกลับทำให้เขามีอารมณ์ร่วมจนผ่านพ้นความทรมานไปได้

ร่างกายที่เจ็บน้อยลงเพราะสิ่งนี้…หากมันกลับบาดลึกจนทรมานใจมากกว่าเดิม

ทำไม…เขาต้องใช้คน ๆ นั้น…ช่วยจินตนาการยามถูกกระทำเช่นนี้ด้วย

คนที่ทำให้เขาต้องเจอเรื่องโหดร้ายขนาดนี้…คนที่เขาเกลียด…แสนเกลียด

“อ๊า!!!” เสียงร้องแหลมสูงยามถึงจุด ทำให้คนเบื้องหลังกระหยิ่มยิ้มย่องราวได้เป็นผู้พิชิต เสียงหัวเราะหยาบกระด้างลำพองเมื่อได้ปลดปล่อย

ดวงตาคู่สวยสลดลง เมื่อรู้สึกได้ว่า ในครั้งนี้…ก็ผ่านพ้นไปได้ เพราะคน ๆ นั้นอีกแล้ว

แขกแปลกหน้าอันน่ารังเกียจจากไป ร่างบอบบางที่ถูกปลดลงจากพันธนาการที่รั้งตัวไว้ทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง คนผู้นั้นยังคงมองมา แต่ไม่เคย…แม้จะเข้ามาดูอาการ ไม่เคย แม้จะประคองเขา ไม่ว่าครั้งไหน ถ้าเขายังสามารถขยับตัวได้ คน ๆ นี้ จะยืนมองเฉย ๆ เท่านั้น

เจ็บปวดที่มันเป็นเช่นนั้น แต่เจ็บลึกยิ่งกว่าคือทำไมเขาต้องรู้สึกเสียใจ

เขาคาดหวังอะไรกัน อยากให้คน ๆ นั้น…มาอ่อนโยนด้วยอย่างนั้นหรือ

ไม่มีทาง…ถ้าสบโอกาส ยังไงเขาก็ต้องหนี และถ้าจำเป็น…ที่จะต้องฆ่า เขาก็จะฆ่า

เพื่ออิสระของเอเม เขาทำได้ทุกอย่าง!


……………………………………………………………


ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างพึงใจ ที่สามารถทำให้เอเมรัลด์จัดการเหยื่อได้สำเร็จ ร่างบอบบางที่บอบช้ำ ยังคงทรุดตัวลงอยู่กับพื้น…พื้น ที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด

ดวงตาสีสวยของเอเม เหม่อมองไร้จุดหมาย แม้เสียงเล็ก ๆ จะยังคงปลอบโยนเขา

“เอเมจะฆ่าพวกมันให้หมด…ไม่เป็นไรแล้วนะซานา…”

เสียงเด็กน้อยที่กรีดซ้ำลงในหัวใจเขา

มันมากเกินไป…มากเกินไปแล้ว…ดวงตาสีฟ้ามองมายังคนผู้นั้น…คนที่เขาเกลียด…ความเกลียดที่ตอนนี้ แปรเปลี่ยนเป็นความแค้น….จะทำอะไรกับเขา กับร่างกายนี้ เขายังทนได้

ไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน ทารุณเพียงใด เขาก็ยังทนได้

แต่ที่มาทำกับเอเม กับน้องสาวที่รักเพียงคนเดียวของเขา…เขาทนไม่ได้!

ซานาเรย์รู้สึกคล้ายถูกหักหลัง…อย่างเลือดเย็นเป็นที่สุด ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ไม่เคยหวัง ความใจดีจากคนผู้นี้…แต่นี่มัน…มากเกินไปแล้ว

ดวงตาคู่สวยทอแววอาฆาตชัดแจ้ง หากคนมองมา ยังคงยิ้ม

ประสบความสำเร็จสินะ ที่ทำให้เอเมของเขา กลายเป็นฆาตกรได้ พอใจมากสินะ ที่ทำให้เขาแทบพังทลาย เพราะความปวดใจเช่นนี้

ยิ่งมองเขายิ่งแค้น…มือบอบบางเกร็งแน่นแม้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง อนุสติที่หลงเหลือก่อนหมดสติไป เขายังคงครุ่นคิด

เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ได้…เขายังไม่สามารถฆ่าคนผู้นี้ได้

แต่เขาจะอดทนรอ…เอเมจะต้องเป็นอิสระ…เขาไม่แคร์ว่าเอเมจะฆ่าคนอีกสักเท่าไหร่ ไม่สนใจว่าตัวเองจะแปดเปื้อนอีกแค่ไหน แต่ตอนนี้…ความปรารถนาเดียวที่มีก็คือ ต้องฆ่าคนผู้นี้ให้ได้!


……………………………………………………………


โทรศัพท์มีมาอยู่หลายครั้ง และแต่ละครั้ง ก็แจ้งสถานที่ และกำหนดการสังหาร ซานาเรย์รู้ดี เพราะหลังจากโทรศัพท์นั้นมา คำสั่งจากคนผู้นั้น ก็จะตามมาด้วย เขาจะต้องออกไป…ทำงานตามคำสั่ง โดยมีเอเม เป็นผู้จัดการขั้นสุดท้าย

ชายหนุ่มจะออกไปส่ง และจะไปรับ หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น การทำงานทุกครั้ง มีประสิทธิภาพ และเงียบเชียบ

เด็กน้อยยังคงคอยเวลาต่อไป

เขาคอยเรียนรู้วิธีการนัดหมาย เรียนรู้ทุกอย่างโดยที่ดาร์คไม่ได้ล่วงรู้ จนวันหนึ่ง…ที่พวกเขากลับมา เมื่อส่งเอเมรัลด์เข้าห้องไปแล้ว เด็กหญิงมักจะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนเสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่ห่วง ว่าเอเมจะตื่นขึ้นมาเห็นได้ ร่างสูงที่ก้าวออกจากห้อง ตั้งท่าจะล็อคห้องไว้เช่นเดิมหากถูกมือบอบบางจับยึดไว้

ใบหน้าอ่อนเยาว์มองมาพลางพึมพำขึ้นว่า “ผมต้องการคุณ”

มือเล็ก ๆ ฉุดรั้ง ให้ก้าวตามไป ยังห้องน้ำ ร่างบอบบางเปลื้องเสื้อผ้าออก ผิวขาวยังคงแดงเรื่อเป็นจ้ำจากรอยจูบ…จากรอยกระทำรุนแรง และรอยเชือกรัด มือเรียวโอบรอบคอหนา คนมองมาเศร้าลงวูบหนึ่ง หากยังคงไม่ว่าอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายยั่วยวน…เป็นการยั่วยวน ที่เขานั้นสอนมาเองกับมือ

ร่างเล็กนั่งลงที่ขอบอ่าง ยกขาตั้งขึ้นอ้ากว้าง ช่องทางที่ยังแดงช้ำ มีคราบน้ำสีขาวขุ่นภายใน มือเล็กแทรกเข้าลึกควานมันออกมาพลางพึมพำ “กอดผมได้มั้ย…ล้างคราบพวกนี้ออกไป ด้วยของ  ๆ  คุณ…ได้โปรดเถอะ”

ดวงตาที่เว้าวอนสบตาเขา เป็นตาคู่งามที่น่าหลงใหล ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบรับ

“เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่เธอทำแบบนี้กับฉัน โดยไม่เกี่ยวกับเอเมรัลด์”

“ไม่ใช่เพราะเอเม…เป็นผมเอง…ที่อยากให้คุณกอด…อยากให้คุณทำ…แบบที่เคยทำ เมื่อตอนที่เรา..พึ่งได้เจอกันใหม่ ๆ…ได้ไหมครับ”

ร่างสูงโน้มลงมาหาพลางถาม “ไม่เกลียดฉันแล้วรึ”

เด็กชายส่ายหน้า “ทำสิครับ ทำเท่าที่คุณต้องการ”  ว่าพลางรูดซิบกางเกงตรงหน้าลง ก่อนจะใช้มือปลุกเร้าให้ เทคนิคที่เรียนรู้…จากอีกฝ่ายเช่นกัน นิ้วที่คล่องแคล่วทำได้ดีนัก ดีจนเขาแทบจะปลดปล่อยออกมา ร่างเล็กอมยิ้ม พลางเอนตัวลงที่พื้น เรียวขาบางอ้าออกแกมเปิดทางให้ “ผมต้องการคุณ…เข้ามาสิครับ”

ชายหนุ่มโน้มตัวลงหาร่างที่พื้น สอดร่างลงไปก่อนขยับเนิบช้า ช่องทางที่ยังคงลื่นจากคราบกามของคนแปลกหน้า กลับเร้าอารมณ์คนทำกว่าเดิม การเข้ามาได้ไม่ลำบากนักและนั่นทำให้เครื่องติดไวขึ้น ยิ่งขยับ ร่างเล็กที่โอบกอด ก็ยิ่งกอดแนบแน่น

“อ๊า…แรงอีก…อึ้ก…อื้อ….” เสียงใสครางหวาน เรียกแรงกระทำจากอีกฝ่ายได้ชะงัดนัก ร่างสูงหอบหายใจเบา ๆ ยามกดกระแทก สัมผัสอ่อนโยนและนุ่มนวล ดวงตาคู่นั้นสบตาเขา แววตาที่…ไม่เหมือนเดิม

ในพริบตานั้น มือที่โอบกอด กลับมีมีดอยู่อันหนึ่งกระชับแน่น เป็นมีด…ที่แอบซ่อนไว้ในห้องน้ำนี้ ตั้งแต่ก่อนออกไปในตอนเช้าแล้ว

เขาจะไม่ลังเลอีกต่อไป ศัตรูของเอเม คือศัตรูของเขา คนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องมือเปื้อนเลือด เขาคนนี้...จะจัดการเอง!

มือมั่นคง ปักมีดลงไปกลางหลังโดยแรง

ร่างสูงสะดุ้งเฮือกแทบจะผละออก แต่ยังคงอดทนไว้ ใบหน้าแกร่งที่มองมา กลับไม่มีวี่แววตกใจนัก ดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นรอยยิ้ม มาจากใบหน้านั้น

เป็นยิ้มที่อ่อนโยน ซึ่งเขาไม่เคยได้เห็นมาเลย นับตั้งแต่ได้เจอกับคนผู้นี้

“ฉันรู้อยู่แล้ว…ว่าเธอจะทำแบบนี้” เสียงแผ่วคล้ายคนหมดแรงพึมพำ

“คุณ…?” ซานาเรย์หลุดคำออกมาอย่างงุนงง หากอีกฝ่ายไม่ยอมให้พูดนาน ด้วยรู้ว่าเขาเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว มีเรื่องสำคัญ ที่จะต้องบอกให้ได้รับรู้

“ฟังฉันนะ…ถึงฉันจะตาย พวกเธอ…ก็ใช่ว่าจะมีอิสระ…ใช้โทรศัพท์ฉัน โทรแจ้งกลับไป…ว่าพวกเธอ จะรับงานแทนฉัน…ฉันรู้ว่าเธอแอบเรียนรู้มันมาแล้ว ทำงานตามที่ฉันสอน อดทนทำต่อไป จนกว่าจะหาโอกาสได้…อย่าหนีตอนนี้…เพราะนั่น..จะเป็นความตายของเธอและน้องสาว”

"บอกพวกเขาว่าฉันโดนศัตรูที่ไม่รู้ว่าเป็นใครฆ่า..เผาบ้านหลังนี้ซะหลังจากนี้ ทำลายหลักฐานให้หมด แล้วบอกว่า...พวกเธอ จะทำงานต่อไป..อย่างซื่อสัตย์เหมือนเก่า"

“คุณบอกผมทำไม” สีหน้าเด็กน้อยเริ่มตึงเครียด ดาร์ครู้ ว่าเขาแอบศึกษาวิธีการติดต่อทำงาน

เด็กน้อยรู้ดี ว่าเขาเอง ไม่สามารถหนีอำนาจมืดขององค์กรนี้พ้น แต่เขาก็ยัง...อยากจะแก้แค้นคนผู้นี้อยู่ดี ดังนั้นทางเลือกเดียวที่มีก็คือ ต้องหาทางทำงานแทน โดยไม่ต้องผ่านครูฝึกอย่างดาร์คให้ได้

ชายหนุ่มเงียบไปเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจจะบอก...เพราะมันคงเป็น ครั้งสุดท้ายแล้ว สำหรับเขา

“เพราะฉัน….อึก..”

ร่างสูงล้มลงบนร่างของเขาอย่างหมดแรง มีเพียงเสียงสุดท้ายที่เขาเพียงคนเดียวได้ยิน กระซิบที่ข้างหู

เสียงแผ่วเบา ที่เขาได้ยินชัดเจน…ชัดจนสะเทือนไปทั้งหัวใจ

“เพราะฉัน…รักเธอ”

ความรักที่ไม่อาจบ่งบอกได้ หากยังคงทำหน้าที่เป็นครูฝึกกับนักเรียนเช่นนี้อยู่ แต่ในตอนนี้ มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

เขาเองก็เช่นเดียวกัน ที่ไม่อาจถอนตัวต่อองค์กรได้ แม้จะรัก...สักแค่ไหน ก็ยังคงต้องทรมานคนที่รักต่อไป

เป็นแบบนี้แหละ...ดีแล้ว

"ขอโทษนะ...ที่ทำร้ายเธอ...กับน้องสาวของเธอ..."

ร่างนั้นแน่นิ่งไปแล้ว เมื่อเด็กน้อยพลิกตัวออกมา ร่างบอบบางยืนมองนิ่งนาน พลางพึมพำว่า

“แต่ผม…เกลียดคุณ

ไฟลุกโหมกระหน่ำจากภายในบ้าน แสงสีส้มทองที่เจิดจ้าและน่ากลัว ร่างเล็ก ๆ สองร่างยืนมองมันจากระยะไกล มือของเด็กชายยังโอบไหล่เด็กหญิง อย่างปลอบโยน เขารู้ดี ว่าไม่ว่าจะหนีไปไหน ก็ไม่มีทางหนีพ้น พวกนั้น จะต้องตามมาฆ่าเขาแน่ หากรู้ว่าเขาเป็นคนสังหารครูฝึก

ดาร์คพูดได้ถูกต้องแล้ว มีเพียงวิธีเดียว ที่จะรอดได้ นั่นคือ…ยอมทำงานต่อไป จนกว่าพวกเขา จะโตเพียงพอที่จะสามารถหนีพ้นได้เท่านั้น

ดาร์ค…คน ๆ นั้น ที่เขาเกลียด…

ดวงตาคู่สวยกลับมีน้ำตาไหลริน เขาร้องไห้ ร้อง..ให้กับคนผู้นี้...กับหัวใจของเขา ที่กำลังเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่...แก้แค้นได้สำเร็จ


ใช่ เขาเกลียด…เกลียดคนผู้นี้ มากที่สุด

แต่ในความเกลียดชังนั้น….เก็บซ่อนสิ่งใดไว้

เขาจะไม่มีวันบอกใคร…แม้แต่กับเอเม….ตราบชั่วชีวิตนี้!


- จบตอนที่ 18 –
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 18 อัพ 21-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-05-2010 12:09:52
เศร้าเกินไป ทำไมต้องรักกัน........
พระเจ้าใจร้าย :impress3:
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 18 อัพ 21-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 21-05-2010 21:56:03
 :sad4: เศร้าอ่ะ
รักกันบนความเจ็บปวด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café จบตอนที่ 18 อัพ 21-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 22-05-2010 16:21:34
อ่า... ซานะ ถ้ามีความรักแบบนั้น สู้ไม่มีไปเลยคงจะเจ็บน้อยลงกว่านี้นะ
ถูกทำร้ายอีกแล้ว เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 19/1 อัพ 23-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 23-05-2010 14:34:40
ตอนที่ 19 The Family’s First Trip : การไปเที่ยวกับครอบครัวครั้งแรก

(ตอนที่ 19/1)

Rate: PG-13


“เอ๋ แม่มาเหรอฮะ” เสียงของเด็กหนุ่มอุทานผ่านโทรศัพท์อย่างประหลาดใจ คนฟังอีกด้านหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน
   
“ก็ใช่น่ะสิ พ่อกับแม่น่ะ กะจะไปฮันนีมูนกันอีกรอบ เพราะเราไม่ได้สวีทกันนานแล้ว แต่ว่า…ไหน ๆ ก็จะมาแล้ว พวกเราก็เลยอยากจะชวนลูก กับเพื่อน ๆ ของลูกที่คาเฟ่ ไปเที่ยวด้วยกัน…อ้อ แน่นอน แต่เวลาเที่ยว พ่อกับแม่ จะสวีทกันสองคนนะ เด็ก ๆ ไม่เกี่ยว ต่างคนต่างเที่ยวแยกกัน” เสียงตามสายพูดต่อไปอย่างยิ้ม ๆ
   
“ว่าแต่ว่า…จะไปรึเปล่าล่ะ เรย์จิ ไปเปิดตัวว่าที่ลูกสะใภ้กับแม่ด้วยไง”
   
หน้าคนฟังเริ่มแดงเรื่อ “เอ่อ…เรายังไม่…”
   
“ฮ่า ๆ ๆ เอาเถอะ ก็ถือโอกาสนี้ทำให้มันคืบหน้าสิ ไอ้ลูกชาย อย่าบอกนะว่าไม่มีปัญญา เสียชื่อพ่อหมด กับอีกแค่จีบสาวแค่เนี้ย”
   
“โธ่ พ่อล่ะก็...เอ่อ..แล้วตอนนี้พ่อ…”
 
“ก็อยู่กับแม่แกน่ะสิ เรายังหวานกันอยู่นา ถึงจะไม่ได้เจอกันนานก็เถอะ ยังสวยเช้งขนาดนี้ ดังนั้น…ถ้าจะโทรมาบอกยังไง โทรพรุ่งนี้บ่าย ๆ นะ คืนนี้พวกพ่อไม่ว่าง”
   
“ยันเช้าเลยเหรอพ่อ เดี๋ยวก็ไม่มีแรงเที่ยวหรอก”
   
“ระดับไหนแล้ว เรื่องแค่นี้เด็ก ๆ” คนพูดตอบกลับอย่างอารมณ์ดี  “อ๊ะ ว่าแต่แกจะคุยกับแม่บ้างมั้ย”
   
“ฝากสวัสดีด้วยละกันฮะ อีกเดี๋ยวก็จะเจอกันแล้ว ยังไงปกติแล้ว ผมก็เจอแม่มากกว่าพ่ออยู่แล้วน่า”
   
“ต่อไปพ่อจะเป็นพ่อที่แสนดีแล้ว อย่างอนไปเลยนะ พ่อย้ายมาประจำที่นี่แทนแล้ว คงไม่ต้องเดินทางไปไหนบ่อย ๆ”
   
“ใครงอนกันล่ะฮะพ่อ แค่พ่อไม่หาเรื่องปวดหัวมาให้ผม ก็ดีใจมากแล้ว”
   
“แกเสน่ห์แรงในหมู่ผู้ชายเองต่างหาก ช่วยไม่ได้นี่นา อยากไม่มีปัญญาหาแฟนได้ซักที”
   
“เที่ยวคราวนี้ผมจะจีบให้ติดเลยเอ้า ไม่ให้พ่อสบประมาทได้อีก คอยดูเถอะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะถามทุกคนให้ แล้วจะติดต่อไปอีกทีนะฮะ”
   
หลังจากร่ำลาแล้วเขาก็วางหูไป ดวงตากลมโตน่ารักที่มองมาจากด้านล่างของยูเมะจัง ทำให้เด็กหนุ่มแอบหน้าแดงอีกครั้ง ไม่รู้ว่ามองมาตั้งแต่ตอนไหนแล้ว แต่เขาพึ่งจะเห็น สงสัยจะได้ยิน…เรื่องที่เขาคุยกับพ่อไปแล้วซะด้วยสิ
   
“ยูเมะช่วยเอามั้ย เรย์จิคุง” เด็กน้อยพูดยิ้ม ๆ
   
“เอ๋ ชะ…ช่วยอะไรครับ” เด็กหนุ่มชักตะกุกตะกัก
   
เด็กหญิงอมยิ้ม  “ก็ช่วย…ให้มีแฟนไง เรย์จิคุงก็จีบยูเมะสิ เดี๋ยวจะยอมเป็นแฟนให้ก็ได้” เธอพูดต่อหน้าตาย
   
“ผมยังไม่อยากพรากผู้เยาว์นะครับ” เขาว่าเขิน ๆ พลางอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา “ว่าแต่ยูเมะอยากไปเที่ยวกับผมมั้ย”
   
“ไปเที่ยวเหรอ ที่ไหนล่ะ” เด็กน้อยถามต่อ
   
“ทะเลเป็นไง” ร่างสูงของเด็กหนุ่มว่าพลางพาเดินเข้าไปในครัว ที่มีสมาชิกนั่งกันอยู่พร้อมหน้า รอรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
   
“ทะเล! ยูเมะไม่เคยไปเลย” เด็กน้อยอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น
   
“ทะเลเหรอ” ซานะถามขึ้นทันที เด็กชายเองก็เริ่มสนใจไม่แพ้กัน
   
“อืม ชั้นก็ไม่เคยไปเลย ทะเลมันหน้าตาเป็นยังไงเนี่ย” อายาเมะพูดขึ้นบ้าง สายตาหลายคู่เริ่มจ้องมองมาอย่างอยากรู้ ราวกับว่าตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยไปทะเลกันเลยสักครั้ง แต่อาจจะไม่แปลกก็ได้ กับคนประหลาด ๆ กลุ่มนี้ ไปเที่ยวสักที อาจจะได้เป็นคนธรรมดากับเขาเร็ว ๆ บ้าง เด็กหนุ่มคิดต่อไป
   
“เอ่อ…คือว่า พ่อผม ชวนทุกคนไปเที่ยวทะเลครับ ใครอยากไปบ้าง”
   
“ไปสิ ไป ๆ ๆ ๆ” ยูเมะรีบพูดทันที ทุกคนอมยิ้มพลางพยักหน้ารับ โคโตะหันมายิ้มหวานให้พลางตอบว่า “คุณเรอิจิทั้งที พวกเราก็ต้องไปสิ”
   
สายตาไม่ไว้วางใจนักจากมาโอะมองมา เล่นเอาเรย์จิต้องรีบแก้ต่างให้
   
“เอ้อ พ่อผมมากับแม่นะครับ พวกเขาจะฮันนีมูนกันอีกรอบน่ะครับ ส่วนที่พัก แม่มีหาดส่วนตัวอยู่ แถมด้านหลังยังเป็นป่า ที่มีน้ำตกสวย ๆ ด้วย ถ้าทุกคนโอเค อีกสองวันเราจะไปกันนะครับ”
   
ทุกคนพร้อมใจกันรับคำอย่างกระตือรือร้น ซากุระที่ยืนทำกับข้าวอยู่หันมาวางจานลงบนโต๊ะ ยังคงไม่ได้พูดอะไรเช่นเคย เรย์จิมองมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เล็กน้อย เป้าหมายของเขา ย่อมเป็นสาวน้อยผู้นี้ แม้ว่าปกติแล้ว เธอจะดูไม่ค่อยสมกับเป็นสาวน้อยเท่าไหร่ก็เถอะ
   
“ซะ…ซากุระคุง ไปกับผมนะครับ”
   
“ใครบอกว่าฉันจะไปกับนาย” ดวงตาดุเล็กน้อยตอบกลับ เล่นเอาคนถามหน้าเจื่อน
   
“ล้อเล่นน่ะ ไปสิ ฉันยังไม่เคยเห็นทะเลเหมือนกัน” เขาพูดต่อเรียบ ๆ เล่นเอาคนถามเริ่มใจเต้น
   
“ซากุระคุง” โคโตะขยับเข้าไปใกล้ แล้วพูดต่อว่า “ทะเลเนี่ย เขาจะใส่ชุดกระโปรงน่ารัก ๆ กันนะ เวลาไป แล้วก็…พรุ่งนี้ ช่วยพาเด็ก ๆ ไปซื้อชุดว่ายน้ำด้วย เรย์จิคุง เธอไปกับซากุระคุงนะ ได้รึเปล่า” ว่าแล้วร่างเล็กก็ขยับเข้าไปใกล้พลางกระซิบว่า “เลือกชุดว่ายน้ำแบบเซ็กซี่ ๆ ให้ซากุระคุงซักชุดด้วยนะ”
   
คนฟังหน้าแดงฉาน ได้แต่ตอบตะกุกตะกัก “ดะ…ได้แน่นอนครับ เอ่อ…แต่ว่า ซากุระคุงจะยอม..”
   
ดวงตาเรียวยาวมองมา เล่นเอาเด็กหนุ่มสะดุดกึก
   
“เอ้อ ไม่มีอะไรครับ ไม่มีจริง  ๆ ผมรู้จักร้าน พรุ่งนี้ผมจะพาไปเอง”
   
ทุกคนแอบหัวเราะกันอย่างขบขัน มีเพียงซากุระที่มองมาอย่างงง ๆ แกมไม่เข้าใจ โคโตะตบบ่าบอบบางนั้นเบา ๆ พลางพูดว่า “เรย์จิคุงเป็นผู้ชำนาญการไปเที่ยวทะเล ยังไงก็เชื่อเขาด้วยนะ เวลาไปซื้อของน่ะ”
   
ร่างบอบบางพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากจัดวางอาหารที่ปรุงเรียบร้อยแล้วลงบนโต๊ะ ทั้งหมดจึงเริ่มรับประทานอาหารกันอย่างเมีความสุข


.......................................

   
รถตู้คันใหญ่ยาวพิเศษสุดหรูสองคันจอดที่หน้าร้านอย่างนุ่มนวล คันที่ดูหรูเป็นพิเศษนั้น มีคนขับแต่งตัวเรียบกริบลงมาเปิดพลางโค้งให้ เรอิจิออกมาเป็นคนแรก ก่อนจะส่งมือให้กับหญิงสาวผมสีดำสนิทยาวสยายถึงกลางหลัง สวมแว่นตาดำก้าวลงมาด้วยมาดมั่นอย่างนอบน้อมยิ่งกว่าคนขับเสียอีก
   
“นี่เหรอ ร้านที่ว่า” เสียงใสถาม มือเรียวยาวถอดแว่นตาดำออก เผยให้เห็นใบหน้าสวยคมแบบมั่นใจในตัวเองสูงเด่นชัด "แต่งร้านได้สวยดีนี่ เรย์จิมาทำงานที่นี่คงมีความสุขดีใช่มั้ย"   

“ใช่แล้วที่รัก ลูกของเราน่ะ โตแล้วนะ แถมเสน่ห์แรงอีกต่างหาก” เรอิจิพูดต่ออย่างอารมณ์ดี
   
คิ้วเรียวสวยขมวด “เสน่ห์แรงกับผู้ชายแบบคุณน่ะเหรอ ฉันไม่เอาลูกเขยหรอกนะ ยังไงฉันก็อยากอุ้มหลาน ถึงจะขี้เกียจเลี้ยงก็เถอะ”
   
“คุณล่ะก็ พูดตรงไปแล้วนะ แต่ผมก็ชอบคุณตรงนี้แหละ” เขาว่าพลางหอมแก้มเธออีกครั้ง
   
“เรอิจิ ฉันอยากเห็นจริง ๆ นะ คนที่เรย์จิเลือกน่ะ ว่าจะสมกับเป็นสะใภ้พันล้านของเรารึเปล่า”
   
“เงินมันไม่สำคัญเท่าจิตใจหรอกนะ เชื่อผมสิ”
   
“ฉันรู้ ๆ ไม่งั้นฉันจะยอมแต่งกับคุณรึ แต่ก็นั่นแหละ ถ้ามาทำให้ลูกชายของฉันตกต่ำลงล่ะก็ ฉันก็ไม่เอาไว้เหมือนกันนะ”
   
“นั่นไง พวกเขามากันแล้ว ไปสิครับ ผมจะพาคุณไปรู้จักเอง กับครอบครัวใหม่ของเรย์จิ แล้วก็…ว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของคุณ”


.............................................

   
เสียงรถจอดลงหน้าบ้าน ทำให้คนในบ้านตื่นเต้นกันใหญ่ จะว่าไปแต่ละคนก็แทบไม่ได้เคยไปเที่ยวไหน ชนิดที่จะได้เที่ยวจริง ๆ โดยไม่มีภารกิจมายุ่งด้วยเลยสักที การไปเที่ยวครั้งนี้ จึงนับเป็นครั้งแรก และยังเป็นการเที่ยวกับครอบครัวครั้งแรกอีกด้วย
   
เรย์จิเปิดประตูรับ หญิงสาววผู้ลงจากรถตรงเข้าไปกอดลูกชายคนเดียวอย่างแนบแน่น พร้อมกับจูบรับขวัญไปอีกหลายที คนที่ยืนรออยู่จึงได้แต่มองอย่างงุนงง เพราะเธอผู้นั้นทั้งสวยและสาว…ราวกับเป็นแฟนกับเรย์จิก็ไม่ปาน
   
สายตาไม่พอใจนักจากดวงตาเรียวยาวที่มองมา ทำให้โคโตะแอบยิ้ม เขาเองนั้นเคยเห็นภาพคนผู้นี้มาแล้ว ที่โต๊ะทำงานของเรอิจิ จึงรู้แน่ชัดว่าเป็นภรรยาของเขา และแน่นอน แม่ของเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วย
   
คนทั้งคู่กอดกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่เรย์จิจะพาไปให้ทุกคนรู้จักอีกครั้ง
   
“คนไหนน่ะลูก ที่จะเป็นสะใภ้ของแม่”
   
เด็กหนุ่มหน้าแดงฉาน ตอบตะกุกตะกักว่า “เอ่อ…ตอนนี้ผมยัง…ยังจีบไม่สำเร็จเลยฮะแม่”
   
ดวงตาคมสวยมองกลับมาอย่างดุ ๆ “ได้ไงกันลูก เสียชื่อพ่อกับแม่หมด รู้มั้ยว่าพ่อกับแม่น่ะ เจอกันวันเดียวก็ได้เป็นแฟนกันแล้วนะ ลูกน่ะ ทำงานที่นี่มาตั้งหลายเดือน ยังจีบไม่ติดอีกรึไง”
   
“โธ่ แม่ฮะ ผมไม่ได้ชำนาญแบบพ่อนี่ ที่สำคัญ…คน ๆ นั้นเขา…”
   
“หืม?” หญิงสาวสะดุดกึก ที่ลูกชายเรียกคนผู้นั้นว่า ‘เขา’
   
“อย่าบอกแม่นะว่า…”
   
“เอ้อ ไม่มีอะไรครับ มาตรงนี้ดีกว่า ผมจะแนะนำเอง”
   
“ทุกคนครับ นี่แม่ของผมเอง ชื่อยูริโกะ ยามาโนะ ยูริโกะ ครับ”
   
เด็กหนุ่มแนะนำสมาชิกในบ้านไปทีละคน หญิงสาวยิ้มรับทักทาย โคโตะที่อยู่ในชุดหญิงสาวกลับเป็นทาโนเอะอีกครั้ง ยืนเคียงข้างกับมาโอะ ดูดีราวกับเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี อายาเมะก็แต่งสาวอีกเช่นกัน เมื่อยามยืนคู่กับฮิโรอากิ ก็ดูเหมือนพี่สาวและพี่ชายที่แสนใจดี ส่วนเด็ก ๆ นั้นแต่งตัวตามปกติ เพียงแต่ไม่ใส่คอนแท็กซ์เลนส์เท่านั้น
   
โคโตะในวันนี้ดูน่ารักกว่าทุกวัน หลังจากตกลงกันแล้ว ทุกคนจะเรียกเธอว่าทาโนเอะอีกครั้ง ด้วยความที่เตี้ยมกันมาก่อนกับเรอิจิ ผู้ที่รู้ดีว่าภรรยาค่อนข้างแอนตี้รักร่วมเพศ เพราะสาเหตุง่าย ๆ ที่ว่า สามีของเธอมักโดนผู้ชายจีบเป็นประจำ
   
แถมเจ้าพันธุกรรมที่ว่า ดันตกทอดมายังลูกชายแสนดีเสียด้วย
   
ดังนั้นเพื่อความสบายใจ และเพื่อจะได้ทำงานที่ร้านต่อไปได้อย่างราบรื่น ทุกคนจึงลงความเห็นกันว่า แต่งหญิงไปเที่ยวกันคงจะดีกว่า
   
แต่คนที่ควรจะแต่งหญิง…เพราะเป็นหญิงแท้ ดันไม่ยอมแต่งเสียอย่างนั้น อาจจะเพราะไม่พอใจที่เห็นชุดว่ายน้ำในวันก่อนก็เป็นได้ ซากุระจึงแต่งชายเนี้ยบเหมือนแต่ก่อน ด้วยความงอนนิด ๆ แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่างอนอยู่ก็เถอะ
   
บรรยากาศของร้านคาเฟ่ในตอนแรก ๆ แทบจะหวนกลับคืนมา เรย์จิอดมองอย่างคิดถึงไม่ได้ กับการที่ตัวเองหัวใจแทบวาย กว่าจะรู้ว่าแต่ละคนเป็นเพศไหน ก็เกือบจะโดนปล้ำไปหลายรอบ
   
พอแนะนำไปเรื่อย ๆ จนถึงซากุระ หญิงสาวก็มองมาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนสบสายตาลูกชาย ที่ดูเขินอายกว่าตอนแนะนำทุกคน
   
“คงไม่ใช่คนนี้หรอกนะ เรย์จิ” เธอแอบกระซิบถาม
   
“เอ่อ…คนนี้แหละฮะแม่…” เรย์จิตอบอึกอักเสียงแผ่ว ยังเขินไม่เลิก “ถึงตอนนี้จะยังไม่สำเร็จ แต่ผมจะจีบให้ได้เลย” เขาตอบต่อด้วยเสียงแทบจะเป็นกระซิบอย่างมุ่งมั่น
   
“ถ้าเป็นคนนี้ แม่ไม่ยอมนะ” โยริโกะกำชับหนักแน่น เธอไม่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับผู้ชายเด็ดขาด แบบนี้ใครจะสืบสกุลกันล่ะ แถมลูกชายเธอยัง…ทำหน้าแดงซะขนาดนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ ต้องเป็นฝ่ายรับแหง ๆ เสียชื่อวงศ์ตระกูลหมดกัน!
   
“อ้าว ทำไมล่ะฮะแม่” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อน
   
ทว่ายังไม่ได้พูดอะไรต่อ เสียงของเรอิจิก็เร่งมาแล้ว “รถพร้อมแล้วล่ะ ทุกคนประจำที่ได้แล้ว” เขาว่าพลางจูงมือภรรยาไปยังรถคันแรกที่นั่งมา ก่อนจะโบ้ยใบ้ให้สมาชิกที่เหลือ นั่งอีกคันกันตามสบาย ด้วยความที่ตกลงกันไว้ว่าพวกเขาจะมาฮันนีมูน คนอื่นก็สนุกแยกกันไป ไม่รบกวนกัน
   
ทุกคนเลยแยกย้ายกันขึ้นรถ เรย์จิมองมารดาเดินจากไปอย่างงุนงงเล็กน้อย ปกติแล้วแม่ของเขาค่อนข้างให้อิสระกับเขามากพอดู …มากจนต้องไปอยู่แล้วก็หาเลี้ยงตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ด้วยซ้ำ แม่เขาน่ะ ไม่ค่อยสนใจเลี้ยงดูเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม้ว่าจะรักเขามากก็เถอะ

ร่างสูงถอนหายใจ ก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างแทน ที่ด้านข้างติดหน้าต่าง เป็นที่นั่งของซากุระ แต่ร่างบอบบางก็มิได้นั่งบังวิวเสียจนมองอะไรไม่เห็น รถคันหรูเคลื่อนที่แล้ว ภาพวิวด้านข้างยังคงเป็นภาพตึกรามบ้านช่องที่คุ้นเคย ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นอะไรที่แปลกตาขึ้นเรื่อย ๆ ออกสู่เมืองถัดไป

มองไปมองมา จากมองวิวกลับเป็นมองคนไปเสียได้ แม้จะพยายามไม่ให้เจ้าตัวที่มองผ่านหน้าต่างด้านข้างจนเพลินรู้ตัวก็ตาม ซีกหน้าด้านข้างได้รูปที่มีผิวขาวละเอียด ยังคงมองภายนอกอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้จะไม่ได้แสดงออกมามากมาย ด้วยความที่เป็นคนแสดงอารมณ์ได้ไม่เก่งนัก แต่เขาที่มองอยู่ก็รู้ดี

ภาพด้านนอกดูน่าสนใจสำหรับเขาแค่ไหน สำหรับซากุระ ก็คงจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ไม่เคยเห็นมากกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว ดีจริง ๆ ที่ครั้งนี้ได้ออกมา เด็ก ๆ เองก็ตื่นเต้นกันมากด้วย

เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ มันเหมือนครอบครัวได้พร้อมใจกันไปเที่ยว ใบ หน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ไม่ใช่ใบหน้าเศร้าสร้อยเปลี่ยวเหงาอยู่เดียวดายเหมือนแต่ก่อน เขายังจำได้ดี ในตอนแรก ๆ นั้นทุกคนอยู่รวมกันก็จริง แต่เหมือนกับมีอะไรคอยกางกั้น จนแม้จะอยู่ด้วยกัน แต่กลับคล้ายอยู่เพียงลำพังอยู่ดี

มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ในที่สุด ทุกอย่างที่เลวร้ายก็ผ่านพ้นไปได้เสียที เมื่อทุกคนต่างหันมามองกันและกันมากขึ้น และยังรักกันมากขึ้น จนเป็นครอบครัวเหมือนทุกวันนี้

เด็กหนุ่มมองออกไปอีกครั้ง รอบข้างเริ่มมีต้นไม้มากกว่าอาคารบ้านเรือนแล้ว และอีกไม่นาน คงจะเห็นภูเขาและทะเลที่เป็นจุดมุ่งหมาย

จะว่าไป สำหรับเขาเอง ก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวมานานมากแล้ว

นานจนแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ…

บรรยากาศที่เริ่มชนบทขึ้นทำให้ยิ่งมองยิ่งสดชื่น เด็กหนุ่มจึงคิดได้ว่า ไหน ๆ จะไปเที่ยวทั้งที จะมัวมากลุ้มอยู่ก็คงไม่ดีนัก เขาจึงเริ่มหันมาฮาเฮกับเด็ก ๆ ที่เริ่มเบื่อกับวิวภายนอกแล้ว พลางชวนเล่นเกมพูดคุยเป็นที่สนุกสนาน

ร่างบอบบางที่นั่งอยู่ด้านข้างมองมาพลางอมยิ้ม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตนเองชอบนั่งมองเรย์จิ เวลาเล่นกับเด็ก ๆ หรือพูดคุยกับผู้คน รอยยิ้มเคอะเขินจริงใจ และการพูดคุยที่ออกรส เป็นสิ่งที่ทำให้เรย์จิดูมีเสน่ห์นัก สมกับเป็นลูกของเรอิจิเลยทีเดียว

คน ๆ นี้ทำให้รู้สึกอบอุ่นเสมอยามได้ใกล้ชิดจริง ๆ มือผอมบางขยับเข้าใกล้คนนั่งด้านข้าง แล้วกุมมือเด็กหนุ่มไว้โดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าอยากได้ไออุ่นเพิ่มขึ้น

เผลอแป๊บเดียว ร่างบอบบางนั้นก็หลับไป อย่างสบายเสียจนคนนั่งด้าน ข้างนั่งเกร็งไปเลย

เรย์จิที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ แอบสะดุ้งเล็กน้อย แต่ทำทีเป็นไม่ตื่นตกใจ แม้หัวใจจะเต้นแรงจนแทบจะออกมาจากอกเมื่อได้คิดว่า…ซากุระ…กำลังจับมือของเขา

หลับสบายเสียอย่างนั้น ท่าทางเขาคงเป็นหมอนที่ดีจริง ๆ แม้ว่ากลางคืน พวกเขาจะแยกกันนอนคนละฟูกเหมือนเดิมก็ตาม

ทุกคนรู้ดีว่าซากุระเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่มีใครยอมแลกห้องกับเขาเสียอย่างนั้น จะว่าไป…ทุกคนมีคู่ของตัวเองอยู่แล้ว ใครจะอยากให้เขาไปแทรกกลาง

การได้นอนห้องเดียวกับซากุระ ก็เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาเช่นกัน แค่ได้นั่งมองคนงามตอนกำลังหลับ ก็ทำให้หลับฝันดีได้แล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่ได้ขอย้ายไปนอนห้องใครอีก

แต่เมื่อไหร่กันหนอ ที่เขาจะได้เลื่อนขั้น จากหมอนข้างไปเป็นแฟนกับใครเขาบ้าง ร่างสูงได้แต่ลอบถอนหายใจอีกครา อย่างแผ่วเบากว่าเดิม เพราะกลัวคนด้านข้างจะตกใจตื่นขึ้นมาเสียก่อน

ในตอนนี้เขาได้แต่แอบหวัง ให้การเดินทางครั้งนี้ยาวนานออกไป ขอแค่ให้ได้จับมือกันนานกว่านี้...อีกสักนิดก็ยังดี

"เรอิจิ ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ" เสียงเข้มของโยริโกะทำให้ชายหนุ่มด้านข้างหันมามอง ดวงตาคู่สวยของเธอ ยังคงจ้องมองหน้าจอทีวีแบบบาง ซึ่งติดตั้งพิเศษไว้ในรถตาไม่กระพริบ กล้องแอบถ่ายที่ซุกซ่อนไว้ในรถอีกคัน ฉายภาพราวกล้องวงจรปิด เข้ามายังรถของเธอด้วยการสั่งทำพิเศษล่วงหน้าไว้ก่อนไปเที่ยวหลายวัน

จุดประสงค์หลักก็คือการจับตามองว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอนั่นเอง!

แต่นี่อะไรกัน จับมือกันตั้งแต่ยังไม่มืด...แล้วหลับแบบนั้น คิดจะยั่วลูกชายเธองั้นหรือ

หญิงสาวเริ่มอคติกับอีกฝ่าย ด้วยความเข้าใจว่าเป็นชาย แม้จะรูปร่างบอบบาง หน้าตาดูดี แต่ถ้าเป็นผู้ชาย เธอก็ไม่เอาเหมือนกัน แม้จะแอบดีใจนิดหน่อย ว่าลูกชายเธอคงไม่ใช่ฝ่ายรับแล้ว...แต่นั่น...ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นฝ่ายรุกดีกว่าหรอกนะ!

"คุณอย่าไปยุ่งกับเรื่องของลูกมากนักเลยน่าที่รัก" เสียงเรอิจิปรามขึ้นเบา ๆ เพราะรู้ดีว่าภรรยาของตนเองนั่งมองภาพนั้นมาตลอดทางแล้ว ซึ่งถ้านับเวลา ก็หลายชั่วโมงอยู่

"จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงล่ะ เรย์จิเป็นลูกชายของฉันนะ" เธอแย้งขึ้นทันที

"แต่ปกติ คุณก็เลี้ยงเขาแบบปล่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แค่คุณด้วย ผมก็เหมือนกัน ไม่ได้เป็นพ่อที่ดีสักเท่าไหร่หรอก แต่เด็กคนนี้ ก็สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองได้เสมอ คุณจะมากะเกณฑ์อะไรกับเขาตอนนี้น่ะ มันไม่ได้หรอกนะ" มือแข็งแรงโอบไหล่ภรรยาสาวแกมปลอบโยน

"ก็ฉันถือคติเลี้ยงลูกเหมือนสิงโตนี่ ถ้าไม่ผลักให้ตกเหว ลูกของเราจะแข็ง แกร่งได้ยังไง แต่ว่า...เรื่องนี้มันไม่เหมือนกันนี่ คุณจะไม่ให้ฉันยุ่งได้ยังไงล่ะ ก็...ก็...เด็กคนนั้น..."

"ถ้าอย่างนั้น ผมว่าเรารอดูไปก่อนดีกว่ามั้ย คุณไม่เชื่อใจลูกชายคุณเหรอ ว่าเขาย่อมเลือกคนที่ดีที่สุด มาเป็นคนรักอยู่แล้ว" เรอิจิพูดหน้าตาย ไม่ยอมแก้ความเข้าใจผิดของภรรยาเสียอย่างนั้น ว่าซากุระเป็นผู้หญิง
"คนที่ดีที่สุดในสายตาเขา อาจจะแย่ในสายตาฉันก็ได้นี่" หญิงสาวแย้งขึ้นอีก

"คนที่ดีที่สุดในสายตาของลูก ย่อมต้องดีในสายตาพ่อแม่ด้วยสิ เอาน่า อย่าคิดมากเลย เรย์จิก็บอกแล้ว ว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกันเสียหน่อย เราก็คอยชี้นำอย่าให้เขาเดินทางผิดก็พอ ความดีของคน ๆ นั้นที่เรย์จิเห็น ก็คงจะมีให้เราได้เห็นเอง ถ้าลูกเลือกคนถูก แต่ถ้าเลือกผิด จะไปห้ามตอนนั้นก็ยังไม่สายนี่นา"

"อืม...ก็ได้ ฉันจะดูต่อไป" ร่างบอบบางรับคำอย่างเสียไม่ได้ ดวงตาคู่งามของเธอ ยังคงจ้องมองภาพที่เห็นตาไม่กระพริบเช่นเคย
   
ท้องฟ้ากว้างสีน้ำเงินสดใส ตัดกับฟองคลื่นขาวและน้ำทะเลที่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง รถตู้ทั้งสองคันจอดที่ด้านหน้าของบ้านหลังใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวเลยทีเดียว ทางด้านหน้าทอดยาวลงสู่ทะเล เป็นที่ส่วนตัวซึ่งไม่มีใครเข้ามารบกวนเสียด้วย

เด็กหนุ่มก้าวลงจากรถ สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่ กลิ่นอายทะเลที่ปะปนมากับอากาศ ทำให้คิดถึงการมาเที่ยวเมื่อครั้งยังเด็ก ผืนทรายเบื้องหน้าก็อ่อนนุ่มน่าวิ่งเล่นนัก ไหนจะน้ำใสชวนว่ายเล่นนั่นอีก เด็ก ๆ ที่ตามลงมาตื่นตาตื่นใจกันมาก มือน้อย ๆ จับกันแล้ววิ่งไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น

ไม่ใช่แต่เด็กที่ตื่นเต้น บรรดาผู้ใหญ่ที่ไม่เคยมาทะเลกันเลย ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน แม้ว่าจะยืนมองอยู่เฉย ๆ แต่ก็รับรู้ได้ถึงความสนอกสนใจ

ซากุระยืนมองร่างเล็กของยูเมะและซานะพลางอมยิ้ม เรย์จิที่ลอบมองคนด้านข้างอีกทอด ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามเช่นกัน บรรยากาศดีขนาดนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องคืบหน้าแน่ ๆ

แต่สายตาอีกคู่ที่มองมา กลับยิ้มไม่ออก ยูริโกะยังคงพึมพำกับเรอิจิ อย่างไม่พอใจนัก
"ฉันไม่เอาลูกสะใภ้ผู้ชายหรอกนะ"

"เอาน่าที่รัก คุณบอกว่าจะคอยดูเฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ อย่าพึ่งใจร้อนสิ" ว่าแล้วก็หันไปหาคนอื่น ๆ ก่อนจะบอกว่า "เดี๋ยวจะขนกระเป๋าไปให้ที่ห้องนะ ทุกคนเดินตามไปแล้วกัน จะได้ผลัดชุดด้วย เผื่อใครอยากเล่นน้ำทะเล เอ้า เด็ก ๆ เปลี่ยนชุดก่อนนะ แล้วค่อยลงไป" เขาตะโกนเรียก เด็กทั้งสองวิ่งกลับมาอย่างเชื่อฟัง

"เด็กสองคนนี่น่ารักนะ เสียดาย ถ้ายูเมะจังโตกว่านี้อีกหน่อย ฉันจะให้เรย์จิจีบแทน" ยูริโกะยังคงบ่นต่อไป เธอปลื้มกับดวงตาคู่สวยของเด็กน้อยมาได้พักใหญ่แล้ว เพราะเป็นของหายากที่ไม่เคยได้เห็นด้วยซ้ำ

"ตาสีสวยมากจริง ๆ ถ้ามีหลานตาสีนี้ซักคนสองคน คงดีไม่น้อย"

"ลูกเราไม่ใช่พ่อพันธุ์นะคุณ เขาจะรักใครก็ปล่อยเขาเถอะน่า"

"ก็ได้ ๆ ฉันบอกแล้วนี่ว่าจะรอดูต่อไป คุณไม่ต้องย้ำหรอกน่า เรอิจิ"

มืออ่อนโยนโอบเอวภรรยาสาว "เราไปห้องกันดีกว่าที่รัก ปล่อยเด็ก ๆ สนุกกันไปก่อน อย่าลืมสิว่าเรามาฮันนีมูนกันนะ" พูดพลางหอมแก้มนวลอีกรอบ แถมมือแข็งแรงยังอุ้มร่างเบาหวิวขึ้นมาในท่าเจ้าสาวเสียอย่างนั้น เล่นเอาคนพูดหายงอนได้ในพริบตา

"เอางั้นก็ได้ แต่นี่ เรอิจิ คุณไม่ต้องอุ้มฉันได้มั้ย อายเด็ก ๆ นะ"

"อายอะไรล่ะ เจ้าสาวของผม"

ว่าแล้วเขาก็หลิ่วตาให้คนที่เหลือเป็นเชิงขอตัว ก่อนจะก้าวยาว ๆ พาหญิงสาวเข้าห้องไป


..........................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 19/1 อัพ 23-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 23-05-2010 14:40:31
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เราชอบตอนเรทเด็กน้อยแบบนี้ของเรื่องนี้มากเลย อ่านแล้วถึงจะเมื่อยแก้มแต่ก็มีความสุข :m1:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 19/1 อัพ 23-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 23-05-2010 14:46:46
ว๊ายยย  :-[ อยากบอกว่ารอตอนนี้มาตลอดเลย
อยากเห็นเรอิจิกับคุณแม่เรย์จิกลับมาสวีทกัน น่ารักอ่ะ
เรย์จิก้อสู้ๆละกันน๊า รู้สึกคน(เอาใจ)ช่วยเยอะนะเนี่ย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 19/1 อัพ 23-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 24-05-2010 21:50:08
โอ้ ท่าทางคุณแม่จะเข้าใจผิดยกใหญ่ แหม...ก็ซากุจังไม่ยอมแต่งสาวนี่นา เนอะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 19/2 อัพ 26-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 26-05-2010 13:53:14
(ตอนที่ 19/2)


ห้องพักเป็นห้องสวีทเตียงคู่อย่างกว้าง ถึงจะมีห้องอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วอยากจะนอนกับคนที่ตัวเองรักมากกว่า การจัดห้องจึงลงตัวเสร็จสรรพเช่นเคย หลังจากจับจองห้องกันเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนก็เข้าห้องส่วนตัวของตนเองไป มีเพียงเรย์จิ ที่มองร่างบอบบางอย่างไม่แน่ใจนัก

"ทำไมไม่เข้าไปล่ะ" ซากุระถามขึ้น ทำท่าจะเข้าห้องเดียวกันกับเด็กหนุ่มเหมือนทุกครั้ง

"เอ่อ..."

"มันไม่เหมาะ?" คนถามชิงพูดก่อนเสียอีก เพราะเริ่มคุ้นเคยกับท่าทีนี้แล้ว "ที่บ้านยังนอนได้ ทำไมที่นี่ไม่ได้ล่ะ"

เรย์จิมองมาพลางพึมพำ "ที่บ้านห้องมันจำกัด แต่ที่นี่..."

"นายอยากจะไปนอนที่อื่นก็ตามใจ" คนด้านข้างพูดเสียงราบเรียบ ในน้ำเสียงออกจะงอนเล็กน้อย แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้เช่นเคย

"ถ้างั้น ผมอยู่ห้องข้าง ๆ มีอะไรก็เรียกนะครับ" เรย์จิพึมพำเสียงแผ่ว รู้ดีว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจ แต่ในเมื่อครั้งนี้ มีแม่ของเขามาด้วย เขาคงจะทำเหมือนปกติไม่ได้ เพราะฝ่ายที่จะเสียย่อมเป็นฝ่ายหญิง และเขาจะยอมให้คนที่เขาชอบ ต้องเสียหายในเรื่องแบบนี้ไม่ได้ แม้จะเสียดายอยู่ก็เถอะ

ร่างบอบบางมองมาวูบหนึ่ง ก่อนจะปิดประตูไปแทบจะในทันที เล่นเอาคนถูกมองเสียวสันหลังวาบ ซากุระเริ่มกางเกราะป้องกันอีกแล้ว

เรย์จิมองประตูที่ปิดลงก่อนถอนหายใจยาว รู้ดีว่าเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ ซากุระคงจะไม่เข้าใจแน่ ๆ ท่าทางงอน ๆ ราวเด็กน้อยที่ถูกพ่อแม่ปล่อยให้นอนแยกห้องจนคล้ายขาดความอบอุ่นแสดงออกมาจนเห็นได้ชัด เขาคงจะเป็นเหมือนพ่ออีกแล้วสินะ...ในบางครั้งเด็กหนุ่มก็พบว่า อีกฝ่ายนั้นอ่อนต่อโลกเสียยิ่งกว่าเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างยูเมะหรือซานะเสียอีก


..........................................


“เตียงที่นี่กว้างดีจัง   เรามาสนุกกันดีกว่านะ ฮิโระคุง” ร่างบอบบางบนเตียงนุ่มพึมพำ อายาเมะยังคงอยู่ในชุดกระโปรงผ่าลึกสุดเซ็กซี่ เพียงแค่ท่านั่งไขว่ห้างบนเตียงพลางเอนกายลงกับหมอน ก็ดูเด่นเป็นสง่าราวราชินีบนบัลลังก์ ผู้แสนงามแล้ว

เรียวขาขาวคู่งามน่าจุมพิต ทำให้คนด้านข้างแทบอยากจะคุกเข่าลงจูบเสียแล้ว ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน คนตรงหน้าช่างรู้จักวิธีการยั่วยวนมากมายเหลือเกิน จนเขาจะตบะแตกอยู่หลายครั้งหลายครา นับตั้งแต่เริ่มออกเดินทางเสียด้วยซ้ำ

 “เรามาเที่ยวทะเลกันนะที่รัก ถ้านายคิดจะอยู่แต่บนเตียง มันก็เหมือนไม่ได้มาเที่ยวทะเลสิ” ฮิโรอากิเบี่ยงประเด็น

คนฟังชะงัก…นั่นสินะ…ชีวิตของเขา ไม่ได้ต้องอยู่บนเตียงตลอดอีกต่อไปแล้ว ยังมีคนข้าง ๆ ที่พร้อมจะพาเขาออกไป จากห้องสี่เหลี่ยมที่คล้ายกรงขัง…จากทางตันที่ไร้ซึ่งทางออก

โลกภายนอก…ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกเยอะ และเขาก็มั่นใจ ว่าฮิโรอากิ จะเป็นคนที่พาเขา…ออกไปได้

“ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันข้างนอกดีกว่านะ” ฮิโรอากิว่าพลางยื่นมือมาหา

เป็นมือที่อ่อนโยนและปกป้องเสมอมา

มือที่พร้อมจะกุมมือเขาไว้ และพาก้าวเดินไปด้วยกัน

ร่างบอบบางส่งมือไปให้ อีกฝ่ายช่วยฉุดลุกขึ้นจากเตียง

“จริงสินะ อุตส่าห์มาถึงนี่ทั้งที…ทำข้างนอกน่าจะเร้าใจกว่าแน่ ๆ”

ว่าแล้วก็ขยับไปโอบแขนรอบคอชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ ก่อนจะจูบแผ่วเบาเชิญชวน “นายคงหาทำเลดี ๆ ให้ชั้นแล้วใช่มั้ย อุ้มไปหน่อยสิ นะ…”
   
“นายนี่น้า ยั่วได้ทุกโอกาสจริง ๆ”
   
“แล้วจะทำรึเปล่าล่ะ” คนกอดถามเสียงเข้ม
   
“ทาสที่ดีจะขัดขืนราชินีได้ยังไงล่ะขอรับ ถ้าอย่างนั้น” แขนแข็งแรงรวบร่างบอบบางขึ้นมา “เราไปเดินเล่นไกล ๆ หาดหน่อยดีกว่า ได้ข่าวว่ามีถ้ำอยู่แถวนี้ด้วย ท่าทางคงปลอดคน”
   
“แหม สมเป็นนายจริง ๆ ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”
   
ว่าแล้วคู่หูสุดสวีทก็แว่บออกไปกันสองต่อสอง โดยไม่คิดจะชวนใครไปอีก


..............................................


ส่วนในห้องของเด็ก ๆ ยูเมะและซานะเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ เป็นชุดว่ายน้ำน่ารักที่ไปเลือกซื้อด้วยกันกับเรย์จิในหลายวันก่อน

ภายในห้องมีโคโตะซึ่งในตอนนี้เป็นทาโนเอะ ผู้แสนอ่อนโยน กำลังรออยู่เพื่อช่วยเด็ก ๆ ทาครีมกันแดดให้ โดยมีมาโอะช่วยอยู่ข้าง ๆ ราวเป็นพ่อและแม่เลยทีเดียว

ระหว่างรอนั้น ร่างบอบบางก็อมยิ้มพลางพูดขึ้นว่า

“เดี๋ยวเราไปนั่งดูเด็ก ๆ เล่นน้ำที่ชายหาดกันนะมาโอะ ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเองเดี๋ยวจมน้ำไปจะยุ่ง”
   
“ได้สิที่รัก เดี๋ยวขอยืมร่มชายหาดซักคันสองคัน แล้วก็ปูเสื่อสักหน่อย มีผ้าห่มอีกนิดก็พอแล้ว
   
คนฟังหันมามองราวจะถาม “นายจะเอาผ้าห่มไปทำอะไรงั้นเหรอ”
   
ร่างสูงโน้มลงข้างหูพลางกระซิบสองสามคำ คนฟังเริ่มหน้าแดงเรื่อ
   
“คนลามก นายคิดจะทำอะไรกัน”
   
“ถึงฉันไม่คิด นายก็คงคิดอยู่แล้วล่ะน่า” มาโอะย้อน
   
คนฟังยิ้มหวาน “ชั้นไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
   
ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ มือแกร่งลูบบั้นท้ายสวย แล้วแอบล้วงใต้กระโปรงยาวเข้าไปเสียอย่างนั้น “นายไม่ได้คิดอะไร แล้วทำไมถึงไม่ใส่กางเกงในล่ะที่รัก”
   
“จะได้ไม่ต้องเสียเวลาถอดไง” คนตอบยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกระซิบตอบกลับ
    
“แบบนี้ไม่มีผ้าห่มก็ยังออนท็อปได้นะ กระโปรงน่ะ มีประโยชน์กว่าที่นายคิดเยอะ”
   
คนฟังหัวเราะ เผลอจินตนาการวาบหวามตามไปเป็นที่เรียบร้อย “นี่ขนาดไม่ได้คิดอะไรเลยนะเนี่ย เตรียมพร้อมขนาดนี้เชียว”
   
มือบอบบางตีเผียะ เล่นเอามือซน ๆ ที่กำลังเริ่มล้วงลึกใต้กระโปรงกว่าเดิมสะดุ้ง “อย่าสิ เดี๋ยวเด็ก ๆ ออกมาจะว่าไง”
   
“ก็ให้พวกเขาไปเล่นกันเองก่อนสิ”
   
“นายนี่นะ เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลย”
   
“ก็ใครใช้ให้แม่ยั่วพ่อแบบนั้นก่อนล่ะ ดูซิ กางเกงในก็ไม่ใส่”
   
คนฟังเริ่มหน้าแดง “ไม่พูดด้วยแล้ว นายรีบไปหาทำเลเลย ชั้นจะทาครีมให้เด็ก ๆ เอง ทำชั้นไฟติดแล้วแบบนี้ ถ้าทำให้ไม่ถึงใจล่ะก็ คืนนี้ชั้นไม่ให้นายนอนแน่”
   
“จ้า ๆ ที่รัก จะรีบจัดให้เดี๋ยวนี้เลย” ว่าแล้วเขาก็เดินออกไปอย่างอารมณ์ดี


............................................


ในห้องน้ำกว้าง ที่แต่งไว้อย่างหรู สองพี่น้องกำลังเปลี่ยนชุดว่ายน้ำกันตามลำพัง ยูเมะมองภาพในกระจก พลางหันกลับมาออดอ้อนพี่ชายเช่นเคย

“ยูเมะน่ารักรึเปล่า”

ซานะมองมาพลางอมยิ้ม “น่ารักที่สุดเลยน้องพี่”
   
ดวงตากลมโตมองไปยังกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ จ้องมองเงาสะท้อนของตนเองอีกครั้ง “ซานะจัง…ยูเมะ ถอดคอนแทกซ์เลนส์แบบนี้ดีแล้วเหรอ” เด็กน้อยถามต่ออย่างไม่มั่นใจนัก
   
มืออ่อนโยนลูบผมยูเมะแผ่วเบา  “ตาของยูเมะสวยที่สุด จะเอาของพวกนั้นมาบังไว้ทำไม เดี๋ยวเล่นน้ำจะเคืองตาเอาเปล่า ๆ นะ”
   
“แต่ว่า ยูเมะกลัว…”
   
“ยูเมะมีซานะอยู่ทั้งคน มีอะไรจะต้องกลัว” เด็กชายกอดร่างบอบบางไว้แล้วถามขึ้นว่า “ยูเมะรักซานะรึเปล่า”
   
“อื้ม รักที่สุดเลย”
   
“ถ้าอย่างนั้น ยูเมะต้องมองซานะ…ด้วยดวงตาคู่นั้นนะ อย่าคิดจะทำลายมันอีก ดวงตาของยูเมะ ก็คือดวงตาของซานะเหมือนกัน เข้าใจไหม”
   
“ยูเมะเข้าใจแล้ว ซานะก็อย่าหายตัวไปอีกนะ”
   
“แน่นอนสิ เราต้องอยู่ด้วยกัน…ตลอดไป”
   
“ยูเมะรักซานะที่สุดเลย”
   
“ซานะก็รักยูเมะ ทาโนเอะรอนานแล้วมั้ง รีบไปอวดชุดนี้กันดีกว่านะ” เด็กชายชักชวน
   
มือน้อย ๆ ยื่นมาหา ซานะยิ้มรับ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับไว้ พลางจูงเด็กหญิงออกมาจากห้องน้ำ ทาโนเอะที่รออยู่มองมาพลางชมเชย “น่ารักทั้งคู่เลยจ้ะ มาทาครีมกันก่อนนะ เดี๋ยวลงทะเลจะได้ไม่ดำ”
   
เด็กน้อยยิ้มให้กัน ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างร่าเริงหลังจากทาครีมเสร็จ มือสองมือจับกัน…แทนความรักและความห่วงใยระหว่างพี่น้อง เป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันพังทลาย ไม่ว่าจะต้องเผชิญต่อสิ่งใดก็ตาม
ร่างบอบบางมองตามไปแล้วยิ้ม ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอ เมื่อมาโอะที่ไปจัดการเตรียมสถานที่ย้อนกลับมาพอดี
   
“ชั้นทำสำเร็จแล้วใช่มั้ยมาโอะ พวกเรา…คืนรอยยิ้ม และชีวิตปกติ ให้พวกเขาได้แล้วใช่มั้ย”
   
“แน่นอน นายทำสำเร็จแล้วล่ะ พวกเขาจะต้องมีชีวิต และอนาคตที่ดี ฉันจะช่วยนายเอง”
   
“ขอบใจมากนะมาโอะ” ร่างบอบบางกอดอีกฝ่ายไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะจูงมือกันไปยังชายหาด มือที่จับกระชับแน่น คล้ายเด็กน้อยทั้งสองที่พึ่งออกไป
   
ชีวิตใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้น กับครอบครัวใหม่
พวกเขาเอง…ก็เหมือนกัน ที่ไม่มีวันจะทอดทิ้งกัน ตราบชั่วชีวิตนี้…


.........................................


น้ำทะเลใสราวกระจกสีคราม เท้าเล็ก ๆ สองคู่วิ่งลงไปยามคลื่นลูกน้อยซัดสาดขึ้นมา เสียงหัวเราะแจ่มใสมีความสุข ทำให้ชายร่างสูงผู้หนึ่งที่ง่วนกับเรือหาปลาใกล้ ๆ เงยหน้าขึ้นมอง

ใบหน้าที่มีรอยแผลไฟไหม้บางส่วนตามด้านข้างชะงักค้าง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พลางพึมพำเสียงแผ่ว “ซานา..เรย์”

เด็กน้อยยังคงเพลิดเพลินกับสายน้ำ ผิวกายที่เนียนนุ่มน่าสัมผัส นัยน์ตาสีฟ้าจัดที่มีรอยยิ้ม เมื่อมองไปยังน้องสาวคนสำคัญ

ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลย…จากในครั้งนั้น นอกจากจะสูงขึ้น และดู…มีความสุขนัก เขานึกอยากขอบคุณพระเจ้า อยากขอบคุณสวรรค์…แม้โดยปกติแล้ว จะไม่เคยเชื่อถือในสิ่งเหล่านั้นเลย

ขอบคุณ…ที่ทำให้ได้พบอีกครั้ง ขอบคุณจริง ๆ

มือที่จับแหอวนสั่นน้อย ๆ เป็นความปลาบปลื้มลึก ๆ ในใจ ในที่สุด สองพี่น้องนี้ ก็ได้ยิ้มจากใจเสียที…กับบาปที่ตนเองได้กระทำลงไป เขายินดีชดใช้…ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่นี้

ร่างบอบบางที่กำลังเล่นน้ำกลับมองขึ้นมาบนฝั่ง และได้เห็นเรือลำน้อยจอดเกยอยู่อีกด้านแล้ว เสียงใสเริ่มชักชวนเด็กหญิง “ยูเมะ ดูสิ มีเรือด้วยล่ะ จะมีปลามั้ยนะ เราไปขอดูกันเถอะ”

ร่างเล็ก ๆ วิ่งไปหา ชะโงกหน้าไปดูบนเรืออย่างสนใจ พลางสอบถาม

“ได้ปลาเยอะมั้ยฮะ”

ใบหน้าที่มีรอยไฟไหม้บางส่วนเงยขึ้นมอง พลางตอบอย่างนอบน้อมว่า

“แบ่งไปทานมั้ยล่ะครับ เห็นว่าคืนนี้คุณผู้หญิงจะจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวนี่ครับ”

ซานะจ้องมองคนผู้นั้นอย่างตกตะลึง …ไม่ใช่บาดแผลที่ใบหน้า ที่ทำให้เขาตกใจ แต่กลับเป็นเสียงและแววตาสีดำสนิทคู่นั้นต่างหาก ที่ทำให้เขา…

มือแข็งแรงยื่นกระป๋องใส่ปลาให้เด็กหญิง

“คุณใจดีจัง” ยูเมะพึมพำยิ้ม ๆ ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็กนัก ทำให้เธอจำคนผู้นี้ไม่ได้

“ซานะจัง ขอบคุณเขาด้วยสิ” เธอเตือนสติพี่ชาย  ก่อนจะวิ่งหยิบถังใส่ปลาไปอวดทาโนเอะที่นั่งมองอยู่ไกลออกไปอย่างตื่นเต้น

ยูเมะห่างออกไปแล้ว เมื่อเด็กชายมองมาที่ชายชาวประมงนั้นอีกครั้ง ดวงตาคู่สวย กลับมีน้ำตาเอ่อคลอ ถึงยูเมะจะจำไม่ได้…แต่เขากลับไม่มีวันลืม…

ไม่มีวันลืมคน ๆ นี้เด็ดขาด ตลอดชั่วชีวิตนี้…

ร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้อีก ดวงตาสีฟ้าจ้องมองมาอย่างจริงจัง จนอีกฝ่ายแทบจะต้องหลบสายตาลงด้วยซ้ำ แม้จะแอบดีใจอยู่บ้าง… ที่คนเบื้องหน้าไม่ได้ลืมเขา…แต่บาปที่เคยทำไว้กับเด็กคนนี้ มันคงหนักหนาเกินการให้อภัยเสียแล้ว

“ฉันไม่หวังว่าเธอจะอภัยให้หรอกนะ แต่ขอแค่พวกเธอ…ได้มีรอยยิ้มแบบนี้ตลอดไป ก็พอแล้ว” ชายผู้นั้นพึมพำ

เสียงใสของเด็กหญิงตะโกนเรียกซ้ำ เด็กชายหันไปมอง ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง ความรู้สึกในใจเขาตอนนี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว ความโกรธ ความเกลียด ในอดีต คล้ายถูกชะล้างออกไปจนหมดสิ้น

ใบหน้าใสยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบว่า

“ถึงเมื่อก่อนผมจะเคยเกลียดคุณ แต่ตอนนี้…ผมให้อภัยคุณนะครับ”

คนมองมานัยน์ตาเบิกกว้าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “ขอบคุณนะ ที่เธอยอมอภัยให้กับฉัน”
   
“ไว้คราวหลัง ผมจะมาช่วยคุณจับปลานะ ได้มั้ยครับ” เสียงใส ๆ ถามต่ออย่างร่าเริง
   
“ถ้าเธออยากมาล่ะก็ ไม่ว่าจะตอนไหน ฉันก็จะพาเธอไป ฉันสัญญา”
   
“คุณสัญญาแล้วนะ อีกสองวันผมก็จะกลับแล้ว ถ้ายังไงทวงสัญญาพรุ่งนี้เลยละกันนะ” ร่างเล็กยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะวิ่งจากไป มือน้อย ๆ โบกให้แทนคำอำลา
   
ดวงตาสีเข้มมองร่างคุ้นตาวิ่งจากไป รู้สึกได้ถึงการปลดปล่อย…อย่างแท้จริง เมื่อได้รับการให้อภัยจากคนสำคัญในที่สุด
   
ถึงไม่ได้โอบกอด ไม่ได้สัมผัสร่างกายนั้นอีก เขาก็ยังพอใจ
   
ขอเพียงได้มองรอยยิ้มของเด็กคนนั้น

รอยยิ้มจากใจ ที่สามารถยิ้มออกมาได้อีกครั้ง
   
สำหรับเขา…เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว…


........................................................

   
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขณะที่เจ้าของห้องยังคงนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้จะได้ยินชัด แต่เจ้าตัวก็ยังคงไม่ขยับเขยื่อนออกจากที่

“ซากุระคุง เราไปเดินเล่นกันเถอะครับ” เรย์จิยังคงพยายามเรียก แม้อีกฝ่ายจะไม่ตอบกลับ มือที่จับประตูชะงัก เพราะรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดภายในห้อง

“ซากุระคุง โกรธผมหรือครับ ผมขอโทษ” เสียงอ่อย ๆ พูดต่อไป โดยยังคงมีบานประตูกางกั้นอยู่

ร่างบอบบางเบือนหน้าหลบไป ไม่ยอมมองประตูเสียด้วยซ้ำ  “ฉันจะพักในห้อง นายไปเถอะ” เสียงเย็นชาตอบกลับ เล่นเอาคนฟังชะงัก

“คุณไม่เคยมาทะเลไม่ใช่หรือครับ ทำไมถึงไม่ออกไปดูล่ะ พวกเด็ก ๆ รออยู่นะ”

“ไม่” เสียงตอบกลับหนักแน่นกว่าเดิม

เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว ด้วยรู้ดีว่าไม่อาจจะบังคับอีกฝ่ายได้ หากซากุระไม่ยอมไปจริง ๆ

เสียงหน้าประตูเงียบไปแล้ว คนในห้องเผลอหันมามองประตูอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปยังหน้าต่างเช่นเดิม ใบหน้ายังคงราบเรียบ แม้ภายในจะปั่นป่วนจนแทบไม่มีสมาธิ…สมาธิ ที่ถูกพร่ำสอนมาเนิ่นนาน ว่าจะต้องมีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร เพื่อไม่ให้การตัดสินใจต้องผิดพลาด

เพราะการตัดสินใจผิดนั่นคือความตาย!

เขาไม่เข้าใจเลย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่ เพียงแค่เรย์จิปฏิเสธที่จะนอนห้องเดียวกัน ทำไม…จะต้องปวดใจขนาดนี้

บรรยากาศในห้องอึดอัดนัก ทั้ง ๆ ที่เคยอยู่ลำพังมาชั่วชีวิต แต่ทำไมตอน นี้… เขาถึงไม่ต้องการอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว

ร่างบอบบางยังคงนั่งอยู่ในห้องต่อไปอย่างอดทน เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า…เขาคุ้นเคยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กับการปล่อยให้เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างนี้

อยู่กับตัวเองเพียงลำพัง โดยไม่เคยมีใคร…

จากชั่วโมง เป็นสอง และเป็นสาม… หากทุกวินาทีที่ผ่านไป กลับยิ่งสร้างความอึดอัดมากขึ้นเป็นทวีคูณ จนในที่สุดก็ยากจะทนทานไหว ร่างบอบบางตัดสินใจที่จะเปิดประตูออกไป แม้จะรู้ดีว่าเรย์จิคงจะจากไปนานแล้ว

หากเมื่อเปิดประตู ร่างบอบบางกลับชะงักเมื่อเห็นเด็กหนุ่ม นั่งรออยู่ข้างประตูนั้น รอจนนั่งสัปหงกไปแล้วด้วย นี่เขาใจไม่นิ่ง จนไม่รับรู้กระทั่งว่าเรย์จิยังคงรออยู่เลยหรือ ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ที่เขาไม่ยอมออกมา ไม่คิดเลยว่าเรย์จิยังคงรอเขาอยู่ ใจเริ่มอ่อนลงไม่รู้ตัว เมื่อมองมาให้ชัด ๆ

เด็กหนุ่มที่กำลังหลับ นั่งโงกไปโงกมา ด้วยสีหน้าที่น่าเอ็นดูนัก คนยืนมอง ก็เลยเผลอยืนมองนานขึ้นไปอีก

“ซากุระคุง…ผมขอโทษ” เสียงคนละเมอพึมพำเสียงแผ่วเบา “ผมรักคุณนะ…ผมไม่อยากให้คุณเสียหาย…”
คนยืนอยู่มองมาอีกครั้ง พลางครุ่นคิดอยู่เป็นครู่ ก่อนจะตัดสินใจปลุกอีกฝ่ายขึ้นมา

เรย์จิสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นอย่างตกใจ “อ๊ะ…ซากุระคุง”

“ฉันอยากไปเดินเล่น ไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม” ร่างบอบบางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบดุจเดิม หากใบหน้านั้นกลับแดงเรื่อ

“อ่ะ ครับ ๆ ด้วยความยินดีเลยครับ!” เรย์จิรีบตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะเหน็บกิน จนอีกฝ่ายต้องยื่นมือมาให้จับ เด็กหนุ่มมองมือเรียวยาวนั้นอย่างลังเล หากพอสบตาดุ ๆ แกมบังคับนั่นแล้ว เขาก็ส่งมือตนเองให้อีกฝ่ายช่วยดึงขึ้นมา

เด็กหนุ่มพาร่างบอบบางเดินเลียบไปยังชายหาด เด็ก ๆ ยังคงเล่นน้ำกันอยู่อย่างสนุกสนานจนแทบลืมเลือนเวลาไป ส่วนคู่ที่นั่งดูเด็ก ๆ ที่ชายหาดนั่น…ก็…

เรย์จิพยายามไม่แอบมอง แต่ท่าทางสองคนนั่น ก็คงไม่ได้ใส่ใจนักหรอก ว่าจะมีใครมองอยู่รึเปล่า ก็เล่นนั่งตักกันเสียอย่างนั้น แถมยัง…

“เรย์จิ”

ร่างสูงหันมาหา ด้วยใบหน้าแดงฉาน ซากุระจะรู้รึเปล่านะ ว่าสองคนนั้นทำอะไรกัน แต่สีหน้าที่ดูซีเรียสของอีกฝ่าย ทำให้คนมองมาต้องหยุดฟังโดยเลิกคิดถึงเรื่องอื่นแทบจะในทันที

“ฉันเข้าใจเรื่องที่นายพยายามจะบอกฉันแล้วล่ะ” ซากุระพูดขึ้น

“อะ…อะไรนะครับ”

“คนที่จะนอนห้องเดียวกันได้ ต้องเป็นคนที่จะแต่งงานด้วยเท่านั้นสินะ”

“ฉันจะไปขอนายกับแม่ของนายก็แล้วกัน!”

คนฟังอึ้งไปแล้ว…นี่ซากุระ เข้าใจอะไรผิดอีกรึเปล่าเนี่ย “เอ่อ…ซากุระคุง”

ไม่ทันได้แก้ต่างอะไร ร่างบอบบางก็เหลือบไปเห็นยูริโกะและเรอิจิ กำลังเดินมาด้วยกันพอดี สาเหตุที่รีบมาก็เพราะหญิงสาวเห็นเรย์จิกำลังจะไปเดินเล่นกันสองต่อสอง กับซากุระนั่นเอง

ร่างบอบบางยังคงเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ยังไม่ทันได้ออกปากห้าม ก็มายืนตรงหน้าแม่ของเขาแล้ว เรย์จิได้แต่อ้าปากค้าง จะห้ามก็คล้ายจะไม่ทัน

ดวงตาคู่งามของหญิงสาว มองว่าที่ลูกสะใภ้ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ซากุระคุงสินะจ๊ะ พอดีเลย ฉันอยากจะคุยอะไรกับเธอสักหน่อย” กลับเป็นยูริโกะที่รุกก่อน เด็กหนุ่มได้แต่มองพลางลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ ท่าทีเอาจริงของมารดา ทำให้เขาเองก็ไม่กล้าห้าม เรย์จิได้แต่ส่งสายตาหาผู้เป็นพ่อ หากเรอิจิกลับยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ได้คิดจะช่วยใด ๆ

“เธอรักลูกชายฉันรึเปล่า” ยูริโกะเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อมทันที
   
ร่างบอบบางชะงัก สีหน้าราบเรียบเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อน้อย ๆ
   
ไม่ต้องพูดก็พอจะรู้ได้ หญิงสาวมองมาก่อนจะถอนหายใจยาว “อาจจะไม่ดีกับเธอเท่าไหร่ แต่เพื่อเรย์จิแล้ว เลิกคบกับเขาเสียเถอะ”
   
“เพื่อเรย์จิ…” ซากุระทวนคำอย่างงง ๆ
   
“แม่ฮะ!” เรย์จิพยายามจะห้าม แต่คล้ายคนที่เหลือจะไม่มีใครสนใจเขา
   
ใบหน้าสวยนั้นกลับเศร้าลงวูบหนึ่ง จริงสินะ ใครจะไปยอมรับฆาตกรเป็นลูกสะใภ้ได้กันล่ะ เรอิจิคงจะบอกเรื่องของเขา ให้ภรรยาฟังหมดแล้วกระมัง
   
แต่ว่า…เขาไม่อยากนอนคนเดียวนี่นา มันจะเป็นความรักหรือเปล่า…เขาก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำ
   
…เพื่อเรย์จิงั้นเหรอ…
   
มือบอบบางกำแน่น แม้ใบหน้าจะยังคงเรียบเฉย เขาเข้าใจดี คนเป็นแม่ ก็คงจะต้องรัก และเป็นห่วง…และต้องการคนที่ดีที่สุด…คนที่ดี ที่ไม่มีประวัติด่างพร้อย ให้กับลูกของตนเอง
   
แม่…ที่คนอย่างเขา ไม่เคยได้กระทั่งสัมผัส เพราะตั้งแต่เขาจำความได้ ก็อยู่กับพ่อ และการฝึกสุดโหดแล้ว
   
เรย์จิโชคดีนัก ที่มีแม่ดี ๆ แบบนี้
   
“ผมขอโทษ ผมจะไม่เข้าใกล้เขาอีก…ถ้ามันจะทำให้เขามีความสุข” เขาพูดต่อไป แม้มันจะเจ็บลึก ๆ เขาเคยอยู่ลำพังมานานแล้ว อยู่ต่อไปอีก ก็คงไม่เป็นไร
   
ร่างบอบบางขยับจะจากไปแล้ว เมื่อมือแข็งแรงของเรย์จิ รั้งเขาไว้
   
“ผมไม่ยอมนะครับ ผมรักซากุระคุง…คนเดียว”
   
“แต่แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกันนะ เรย์จิ! ลูกจะคบใคร ก็ต้องดูให้ดีด้วยสิ” หญิงสาวเริ่มขึ้นเสียง
   
มือบอบบางสะบัดออกจากการเกาะกุม ใบหน้าเศร้าสร้อยหันมาเผชิญหน้า ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาคลอ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เราไม่เคยเป็นอะไรกัน แล้วตอนนี้ เราก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ…ลาก่อนนะ เรย์จิ”
   
“ซากุระคุง!”
   
ร่างบอบบางจากไปอย่างรวดเร็ว สมกับที่มีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วเสมอมา เรย์จิได้แต่มองอย่างชะงักค้าง
   
“แม่ฮะ ผมจะมีความสุข เมื่ออยู่กับเขา แต่ถ้าแม่ไม่ต้องการอย่างนั้น… ผมก็ยังคงอยู่ได้… แต่ผม… คงจะไม่มีความสุขอีกต่อไปแล้ว” เด็กหนุ่มพูดเสร็จก็ก้าวยาว ๆ จากไป
   
“ฉันทำผิดงั้นเหรอ เรอิจิ” หญิงสาวรำพึง เธอไม่คิดว่าลูกชายของเธอจะจริงจังขนาดนี้ เรย์จิ…เป็นเด็กดีของเธอเสมอมา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยได้อยู่ดูแลสักเท่าไหร่ แต่เด็กหนุ่มก็เชื่อฟังเธอเสมอ
   
ถึงจะไม่ได้ต่อต้าน…หากคำพูดนั้นกลับทำให้เธอเจ็บแปลบ
   
“แต่ฉันไม่อยากได้…คนแบบนั้น…เป็นลูกสะใภ้นี่นา”
   
เรอิจิมองมาพลางส่ายหน้า “คุณยังไม่ได้รู้จักคน ๆ นั้นดีพอเลย ทำไมถึงต้องรีบปฏิเสธนักล่ะ เชื่อมั่นในคนที่ลูกของเราเลือก ไม่ดีกว่าเหรอ”
   
“ฉันอยากให้ลูกของเรา ได้อยู่กับคนที่ดีที่สุดนี่นา”
   
“ซากุระน่ะ เป็นเด็กดีนะ คุณไม่เห็นเหรอ ว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหน แต่ก็ยอมทำตาม ถ้ามันทำให้คนที่เขารัก มีความสุข”
   
สีหน้าที่เจ็บปวดเมื่อครู่ ใช่ว่าเธอจะไม่เห็น แต่ว่า…คน ๆ นั้นก็ยังเป็นผู้ชาย เธอจะยอมง่าย ๆ ได้ยังไง
   
“ฉันไม่รู้แล้ว” หญิงสาวตัดบท ก่อนจะหันหลังเดินกลับห้องไป


..................................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 19/2 อัพ 26-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 26-05-2010 23:56:06
อ่านตอนของซานาแล้วอยากร้องไห้  :monkeysad:

รอตอนหน้าค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 30-05-2010 10:00:37
(ตอนที่ 19/3)


“ไง มานั่งซึมตรงนี้นี่เอง” เสียงนุ่มของเรอิจิทัก เรย์จิจึงเงยหน้าขึ้น เขาแอบมานั่งที่ชิงช้าในสวนหย่อมด้านข้างของตัวบ้านเพียงลำพัง และนั่งอย่างเหม่อลอยมาได้พักหนึ่งแล้ว
   
“ผมไม่เข้าใจแม่เลยฮะ” เด็กหนุ่มพึมพำ “ซากุระคุง ไม่ดีตรงไหน แม่ถึงได้ไม่ชอบขนาดนั้น”
   
“ถ้าลูกอยากให้แม่ยอมรับในตัวคนที่ลูกรัก ลูกก็ต้องแสดงให้แม่เห็นสิ ทั้งข้อดีของเขา และทั้งความรักของลูก คนเราน่ะนะ ถ้าทำอะไรอย่างสุดกำลังแล้ว เราจะไม่เสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”
   
“แต่ว่าซากุระคุง…”  
   
“กลัวเพราะซากุระปฏิเสธลูกงั้นเหรอ”
   
เด็กหนุ่มไม่ตอบคำ แต่ท่าทางนั้นบอกได้เป็นอย่างดี
   
เรอิจิมองไปยังท้องฟ้ากว้าง พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว แสงสีส้มทองสวยงามกำลังเคลือบคลุมทั่วแผ่นฟ้า และยังสะท้อนเป็นประกายสีทองบนผืนน้ำ
   
“โลกนี้น่ะ กว้างใหญ่นัก ไม่ว่าจะทำอะไร มันก็จะต้องมีการเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ สิ่งสำคัญเพื่อการก้าวไปอย่างมั่นคงไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ก็คือ ลูกต้องมั่นใจในตัวเอง”
เขาหันกลับมามองลูกชายแล้วพูดย้ำ “จงมั่นใจในตัวเอง และมั่นใจในคนที่ลูกรัก ถ้าลูกได้เลือกแล้ว”
   
“แต่ว่าผม…”
   
“น้ำตานั่น มันคงอธิบายได้หลายอย่างอยู่ไม่ใช่หรือไง” เขาว่าพลางหลิ่วตาให้  ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่รัก…คงไม่มีน้ำตาให้แน่ ๆ โดยเฉพาะคนอย่างซากุระ
   
เด็กหนุ่มเขินจนหน้าแดง
   
“เป็นลูกผู้ชายน่ะ เราต้องรุกนะลูก จะให้สาวเป็นคนไปขอน่ะ มันเสียฟอร์มพอดีกัน”
   
“ผมรู้แล้วล่ะน่า พ่อล่ะก็” เรย์จิว่าเสียงอ่อย
   
มือใหญ่ลูบผมนุ่มของเด็กหนุ่มเบา ๆ
   
“พ่อรู้ว่าลูกทำได้ ซากุระน่ะ ยังมีปมด้อยในเรื่องอดีตอยู่นะ เป็นหน้าที่ของลูก ที่จะเยียวยาหัวใจของเขา และทำให้เขามั่นใจในตัวลูกเช่นกัน”
   
“คนเราน่ะ ถ้าคิดจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว ก็ต้องเชื่อมั่นในกันและกันนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
   
เรย์จิหันมามองผู้เป็นบิดา “เหมือนพ่อกับแม่สินะฮะ ขนาดอยู่ไกลกันตั้งนาน แต่ก็ยังรักกันตลอดเวลาขนาดนี้”
   
“แน่นอนสิ พวกเราสวีทกันอยู่แล้ว แต่ลูกก็อย่าน้อยหน้าพวกเราล่ะ” ชายหนุ่มว่าพลางพึมพำ “อ๊ะ ได้กลิ่นอะไรหอม ๆ แล้ว คืนนี้มีบาบีคิวทำเองย่างกินกันที่ริมหาดแน่ะ รีบไปก่อนมันจะหมดด้วยล่ะ”
   
เด็กหนุ่มมองแผ่นหลังแกร่งเดินจากไป เป็นแผ่นหลังที่เขาคิดอยากเจริญรอยตามเสมอมา เมื่อก่อนเขาเข้าใจว่า พ่อเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่อง แต่มาถึงตอนนี้ เขาก็ได้รับรู้แล้ว ว่าพ่อนั้น…เป็นคนที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน
   
“ขอบคุณนะฮะพ่อ”
   
ร่างนั้นโบกมือให้โดยไม่หันกลับมามอง ใบหน้าคมมีรอยยิ้ม เขารู้ดี ว่าเรย์จินั้น ต้องแก้ปัญหาของตัวเองได้อย่างแน่นอน


..........................................

   
ปาร์ตี้บาร์บีคิวริมหาด ท่ามกลางเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งในยามค่ำ สร้างบรรยากาศโรแมนติกและหอมหวาน พวกที่มาเป็นคู่สุดสวีท ยิ่งสวีทหวานกันจนน่าอิจฉา หากร่างบอบบางของซากุระ ที่ปกติก็พูดน้อยอยู่แล้ว ในตอนนี้กลับยิ่งเงียบ แถมยังคล้ายมีเกราะป้องกันกางกั้น ไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้เลย

ร่างบอบบางนั้นนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แยกตัวออกไปดูโดดเดี่ยวนัก ทาโนเอะในชุดกระโปรงสีขาวดูอ่อนโยนน่ารัก เดินเข้าไปหาพลางสอบถาม แน่นอนว่าเมื่อตอนเย็นเขาอยู่ในเหตุการณ์ แม้จะอยู่ไกลออกไปอยู่สักหน่อย แต่ก็พอจะเห็น ว่าคงมีการขัดแย้งกันระหว่างแม่ของเรย์จิ กับซากุระแน่ ๆ

“ฉันคงดีไม่พอหรอก..สำหรับเรย์จิ” ซากุระพึมพำด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
   
มือบอบบางโอบไหล่หญิงสาว แม้ตอนนี้ภายนอกจะดูเป็นหนุ่มน้อย แต่จิตใจนั้นเป็นสาวแล้ว…แถมเป็นสาวเต็มตัวแล้วอีกด้วย
ทาโนเอะยิ้มให้กำลังใจอย่างอ่อนโยน พลางพูดขึ้นว่า
   
“ไม่มีใครดี หรือไม่ดีพอ สำหรับใครหรอกนะ”
   
ดวงตาเรียวยาวหันมามองร่างเล็กนั้น “แต่คุณยูริโกะบอกว่า…ฉันจะทำให้เรย์จิ…ไม่มีความสุข ถ้าฉันยังคงอยู่กับเขา ฉันไม่อยากจะเป็นคนทำให้เรย์จิเป็นทุกข์…คงไม่มีใคร ที่จะอยากอยู่กับฆาตกรอย่างพวกเราหรอก ทางที่ดีที่สุด คืออยู่คนเดียวแบบนี้…ต่อไปใช่ไหม”
   
ซากุระก้มหน้าลงมองผืนทราย โดยไม่สบตาด้วย เสียงเศร้า ๆ พึมพำต่อแผ่วเบา “แต่มันทรมาน…โคโตะ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกเจ็บ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นแผล ทำไมถึงปวดใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันเป็นอะไรไปแล้ว”
   
“เธอกำลังมีความรักน่ะสิ สาวน้อย”
   
“ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงสักหน่อย” ซากุระพึมพำอย่างไม่ยินยอม
   
“เป็นผู้หญิงนั่นแหละดีแล้ว เป็นผู้หญิง เพื่อที่จะได้มีผู้ชายที่ดี มาให้ความรัก ให้ความอบอุ่นกับเรา เรย์จิเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่ดี เขาจะต้องทำให้เธอมีความสุขได้แน่ ๆ”
   
“อยู่กับเขา ฉันมีความสุขมาก แต่ว่า…ฉันยังกลัว…ถ้าอยู่ด้วยแล้วทำให้เขาเป็นทุกข์…ถ้าเป็นแบบนั้น…คงเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป ฉันขออยู่คนเดียวดีกว่า ถึงจะเจ็บปวด ถึงจะทรมานใจยังไง แต่ถ้าได้รู้ว่าเขามีความสุขล่ะก็…ฉันก็ยัง…”
   
“รู้ได้ยังไง ว่าการหนีแบบนี้ จะทำให้เขามีความสุข” คนด้านข้างถามขึ้น
   
ใบหน้าได้รูปส่ายเบา ๆ “ไม่รู้สิ”
   
“ถ้างั้นก็ลองถามเขาดูสิ” ร่างเล็กบอบบางอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
   
“ผมจะมีความสุข เมื่อได้อยู่กับคุณ” เสียงเรย์จิพูดยืนยันเบื้องหลัง ซากุระหันมามองอย่างตกใจ
   
มืออบอุ่นของเด็กหนุ่ม กุมมือหญิงสาวไว้ โคโตะที่รู้หน้าที่ แอบแว่บไปแล้ว ปล่อยให้ทั้งคู่เคลียร์กันเองโดยไม่เข้ามายุ่ง

ซากุระกับเรย์จิ ก็เหมือนกับเป็นลูก ๆ ของเขา…หน้าที่พ่อแม่ มีเพียงคอยชี้แนะเท่านั้น เขารู้ดี ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ จะขีดเส้นทางเดินของใครได้ แม้คน ๆ นั้น จะเป็นลูกของเขาเองก็เถอะ
   
“ไม่ว่าแม่ของผมจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ถ้าผมได้อยู่กับคุณ ผมจะมีความ สุข… อย่างแน่นอน”
   
“แต่ว่า…ฉันเป็น…ฆาตกรนะ”
   
“ผมรู้ แต่คุณเอง ก็เสียใจมาตลอดเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ คนเราน่ะ ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาดหรอกนะ แต่ถ้ามันเป็นบาป…ผมก็ยินดีรับบาปนี้ไปกับคุณ เลิกร้องไห้เถอะนะ ยังไงผมก็ไม่ทิ้งคุณแน่ ๆ” มือนั้นเช็ดน้ำตาให้เบา ๆ ร่างบอบบางแอบสะดุ้ง เพราะไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอร้องไห้ออกมา
   
“ผมจะบอกกับแม่อีกครั้ง ท่านต้องเข้าใจพวกเราแน่ ๆ แต่ถึงจะไม่…ผมก็ไม่ยอมให้คุณไปไหนหรอกนะ บ้านของผม อยู่ที่ร้านของพวกเรา…เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่หรือครับ”
   
“อืม” ร่างบอบบางรับคำแผ่วเบา
   
“ใช่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ” อายาเมะพูดขึ้น พอทั้งสองเงยหน้ามอง ก็แทบจะอายมุดแผ่นดินหนี เพราะพึ่งรู้ตัวว่า ทุกคนยืนฟังอยู่ใกล้ ๆ มาตั้งนานแล้ว แถมลุ้นเอาใจช่วยกันอีกต่างหาก พออายาเมะพูดจบ ทุกคนก็พยักหน้ารับอย่างจริงใจ
   
มือที่จับกันประสานแนบแน่น…ดวงตาทุกคู่ สื่อได้ถึงใจ

…พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน…


................................


“เรย์จิโชคดีจริง ๆ นะ ที่ได้ครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นแบบนี้” ยูริโกะพึมพำกับเรอิจิ ทั้งคู่ยืนมองอยู่ห่างออกไป

“ใช่ ทุกคนที่นี้ล้วนเป็นคนดี คุณอย่าตัดสินใครด้วยภาพลักษณ์ภายนอกเลยนะที่รัก”

“ฉันก็กำลังพยายามอยู่นี่ไง” เธอว่าเสียงเข้มนิด ๆ อย่างเสียหน้าหน่อย ๆ  “ลูกฉันทั้งคน จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงกัน”

“ครับ ที่รัก คุณพยายามได้ดีมาก” เรอิจิหอมแก้มเธอเบา ๆ “ลูกเราโตแล้ว และมีชีวิตของเขาเอง หน้าที่เราคือเฝ้าดูเขาอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือ ช่วยประคับประคอง ยามเขาเจ็บมา ช่วยรักษาแผลใจ ยามเขามีปัญหา แต่ไม่ใช่การลิขิตชีวิตเขาเอง”

“อืม” หญิงสาวอิงกายซบชายหนุ่ม “ฉันชักอยากจะกลับเป็นสาว ๆ อีกครั้งซะแล้ว ตอนนั้นฉันเอง ก็รั้นไม่หยอกเหมือนกันนะ ที่ตัดสินใจเลือกคุณ ถึงพ่อกับแม่จะไม่เห็นด้วยเลยก็เถอะ”

“แล้วคุณคิดว่าคุณตัดสินใจถูกมั้ยล่ะที่รัก”

“ถ้าฉันคิดว่าฉันตัดสินใจผิด คุณคงโดนจับถ่วงทะเลไปนานแล้ว” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ

“แหม น่ากลัวจริง ๆ ภรรยาที่รักของผมนี่ มิน่าล่ะ จะเมื่อไหร่ ผมก็ยังเป็นช้างเท้าหลังซะทุกที” เรอิจิแกล้งรำพึงอย่างเศร้า ๆ

“รู้ตัวก็ดีแล้ว คราวนี้ห้ามหายไปไหนอีกเชียว อยู่กับฉันนาน ๆ นะ”

ชายหนุ่มหอมแก้มหญิงสาวอีกครั้ง “สัญญาได้เลยที่รัก”

ทั้งคู่มองภาพครอบครัวแสนสุขครอบครัวใหม่ของเรย์จิอีกครั้ง ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันสนุกสนานและอบอุ่นเสียจนรู้สึกวางใจได้ ว่าที่แห่งนั้น เป็นที่ ๆ ดีสำหรับเรย์จิแน่ ๆ

“หมดบทของพวกเราแล้วล่ะมั้งเนี่ย คืนนี้เราไปสนุกกันต่อดีกว่าที่รัก ผมยังไม่ได้สวีทจนหายคิดถึงคุณเลยนะ”

“บ้าสิ ที่ทำไปเมื่อตอนเย็นยังไม่พออีกหรือไง” เสียงหญิงสาวแย้งแผ่วเบา ก่อนทั้งคู่จะแอบกลับไปจู๋จี๋ต่อยังห้องส่วนตัว ปล่อยให้เรย์จิกับคนอื่น ๆ สนุกสนานกันต่อไปจนดึกดื่น


.........................................


เช้าวันรุ่งขึ้น ซากุระในชุดว่ายน้ำแบบน่ารัก มีผ้าเช็ดตัวผืนน้อยพันเอวดูเป็นสาวน้อยเต็มตัว เดินไปเคาะประตูเรียกเรย์จิ เด็กหนุ่มตาสว่างแทบจะในทันทีที่เห็น…

ในที่สุด ซากุระก็ยอมสวมชุดนี้จนได้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นโมโหจนหนีกลับบ้านมาก่อนด้วยซ้ำ

อย่างน้อยซากุระก็เอามันติดมาด้วย ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกไม่ชอบใจเลย

“ชุดนี้เป็นยังไงบ้าง…ฉัน…ไม่มั่นใจเลยนะ ที่จะต้องใส่มัน แต่ถ้านาย…อยากให้ใส่…” ร่างบอบบางพึมพำอย่างเขิน ๆ

“น่ะ…น่ารักมาก ๆ ครับ น่ารักที่สุดเลย” เรย์จิพึมพำอย่างยินดี

“ถ้างั้น…เราไปเล่นน้ำด้วยกันนะ ได้ไหม เมื่อวานนี้ยังไม่ได้เล่นเลย”

“อื้ม ไปสิครับ” มือของเด็กหนุ่มจูงมือหญิงสาว ใจเริ่มเต้นแรงกว่าเก่า แต่ตอนนี้ เขาจะไม่มามัวเขินอายอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาต้องรุกกลับเสียบ้าง ไม่อย่างนั้น ซากุระคงจะไปขอเขากับแม่แทนอย่างที่โดนผู้เป็นพ่อสบประมาทเอาแน่ ๆ

“คุณแต่งเป็นผู้หญิงแบบนี้แล้วน่ารักที่สุด ใส่ชุดว่ายน้ำนี้ก็เหมือนกัน แต่งเป็นผู้หญิงเถอะนะครับ เพื่อผมจะได้ไหม อ้อ จริงสิ ผมอยาก…จะเรียกคุณว่า ซากุระจัง…”

ประโยคหลังเริ่มออกแนวกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะไปกระตุกหนวดเสือเข้าหรือเปล่า

คนฟังนิ่งไปนานจนอีกฝ่ายเริ่มสยอง เพราะกลัวจะโดนเชือด หากร่างบอบบางกลับมองมาแล้วยิ้มให้ “ก็ได้…ถ้าฉันใส่ชุดผู้หญิง…อนุญาตให้เรียกแบบนั้นได้ แต่เฉพาะตอนแต่งเป็นผู้หญิงเท่านั้นนะ”

“โธ่ คุณยังจะแต่งเป็นผู้ชายอีกเหรอครับ” เสียงอุทธรณ์อ่อย ๆ อย่างน่าสงสาร

“ฉันจะใส่อะไร ก็ยังเป็นฉันไม่ใช่หรือไง หรือว่านายรักฉันที่เสื้อผ้ากันล่ะ”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ พลางยิ้มกว้าง “ไม่หรอกครับ คุณใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่า…ผมไม่อยากดูเป็นเกย์ ตอนสวีทกับคุณนี่นา ...ที่สำคัญ คนเขามองผมเป็น...เอ้อ...ฝ่ายรับซะทุกทีเสียด้วย ผมเสียหายนะเนี่ย”

คนฟังหัวเราะขึ้นมาอย่างขบขัน น่ารักเสียจนเรย์จิมองเพลิน

“คุณก็หัวเราะเป็นแล้วนี่ครับ น่ารักมากจริง ๆ นะ”

“ถ้าได้หัวเราะจะมีความสุขสินะ…แสดงว่าตอนนี้ พวกเรามีความสุขใช่มั้ย”

“แน่นอนสิครับ เรากำลังมีความสุข” เรย์จิตอบ

หากอีกฝ่ายสะดุดกึก เพราะมองเห็นร่างบอบบางของยูริโกะกำลังเดินเข้ามาหา ความรู้สึกลังเลไม่มั่นใจ เริ่มจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง เรย์จิคว้าข้อมือบางเอาไว้ ไม่ให้หนีไปไหน พลางหันมาเผชิญหน้ากับผู้เป็นมารดา อย่างตั้งใจจริง

“ไม่ว่าซากุระจะเป็นยังไง ผมก็รักเธอนะครับแม่ และผมจะทำให้แม่ รักเธอได้เหมือนกัน ดังนั้น…ขอโอกาสให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” เขาพูดอย่างจริงจังกว่าทุกครั้ง

ยูริโกะมองมา ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าลูกทำไม่ได้ล่ะ”

“ต้องทำได้แน่ ๆ ครับ เพราะซากุระจัง…มีเสน่ห์กว่าที่แม่คิดแน่ ๆ ไม่ว่าใครได้ใกล้ชิด ผมรับรองเลยว่า ทุกคนจะต้องชอบเธอ” เรย์จิพูดต่ออย่างมั่นใจ จนคนด้านข้างเขินหน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว

ผู้เป็นมารดายิ้มให้อย่างอ่อนโยนพลางพูดขึ้นว่า “แล้วแม่จะลองดูนะ”

เรย์จิกอดผู้เป็นแม่อย่างดีใจ “ผมรักแม่จริง ๆ นะฮะ”

“แม่ก็รักลูกจ้ะ แต่ว่านะ…ถ้าบอกแม่แต่แรก ว่าซากุระจังเป็นผู้หญิง แม่ก็ไม่ห้ามพวกลูกแล้ว”

“อ้าว” คนฟังอุทานขึ้นอย่างงง ๆ “แสดงว่าที่แม่ไม่ยอมรับ…ก็เพราะ…”

ยูริโกะหัวเราะเบา ๆ “ก็แม่คิดว่า ลูกจะเอาเขยเข้าบ้านแทนสะใภ้ให้แม่นี่นา ใครจะไปยอมได้ แม่อยากอุ้มหลานนี่”

“โธ่ แม่ครับ ซากุระของผม เป็นสาวน้อยน่ารัก ผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์นะ”

“จ้ะ แม่รู้แล้วล่ะ” เธอก้าวเข้ามาหาซากุระที่ยืนอยู่ พลางกุมมือบอบบางนั้นไว้ “แต่ว่านะ ถึงซากุระจะเป็นผู้ชาย…แม่ก็ยังยอมรับได้อยู่ดี ถ้าเป็นคนที่ลูกตัดสินใจเลือกอย่างแน่วแน่แล้วน่ะ”

เรย์จิยิ้มให้ผู้เป็นมารดา “ขอบคุณมากนะครับแม่”

“คุณยูริโกะ…แต่ว่า…ผม…เอ๊ย หนูเป็น…” ซากุระเริ่มตะกุกตะกัก เพราะเป็นครั้งแรกที่เขา…ไม่สิ เป็น ‘เธอ’ ต่างหาก…อยากจะพูดจาแบบผู้หญิง…เป็นผู้หญิง ในสายตาของมารดาคนที่รัก

เป็นหญิงสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง…ที่มีความรักในหัวใจ

เพื่อสักวัน…ที่เธอจะได้มีความสุขจากใจบ้างเสียที

ยูริโกะมองสาวน้อยเบื้องหน้าด้วยสายตาอันอ่อนโยน ซากุระเป็นเด็กสาวที่น่ารักกว่าที่เธอคิดไว้มาก แถมยังว่าง่ายอีกด้วย ถ้าเป็นผู้หญิงแล้ว มีหรือเธอจะปฏิเสธ

“เมื่อคืนเรอิจิเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังแล้วล่ะ เรอิจิหนอเรอิจิ แกล้งฉันอีก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว ว่าเธอเองเป็นเด็กผู้หญิง ก็ไม่ยอมบอกกันเสียอย่างนั้น”

ว่าแล้วก็ยิ้มให้ “เด็กน้อยที่น่าสงสาร คงจะทรมานมามากสินะ ฉันน่ะ ไม่รังเกียจเธอเพราะเรื่องนั้นหรอกนะ อดีตน่ะ มีไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ เพื่อการแก้ไขในอนาคต เธอเจ็บปวดกับมันมามากพอแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะมีความสุขได้แล้วล่ะ”

“ฉันและเรอิจิเข้าใจเธอนะ และก็ไม่เคยคิดรังเกียจด้วย” เธอว่าพลางวางมือบนไหล่บอบบางนั้นอย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณค่ะ คุณยู…” ซากุระมองมาด้วยน้ำตาคลอ นานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนใจดีเช่นนี้เลย

“เรียกแม่สิจ๊ะ ตอนนี้น่ะ เป็นแฟนกันได้หรือยัง แม่น่ะ อยากได้หลานไว ๆ นะ” ยูริโกะรวบรัดให้เองเสร็จสรรพ

คนฟังทั้งคู่เขินจนพูดไม่ออกไปแล้ว ซากุระชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ถ้าคุณแม่อนุญาต หนูขอนอนกอดเรย์จิไว้เวลานอนไม่หลับได้มั้ยคะ เรย์จิบอกว่า ถ้าเป็นคนที่จะแต่งงานด้วย จะทำแบบนั้นได้”

“โธ่ ซากุระจัง อย่ามองผมเป็นแค่หมอนข้างสิครับ”

คนฟังได้แต่หัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างขบขัน

“ถ้าเรย์จินอนเรียบร้อยโดยไม่ลวนลามหนูล่ะก็ แม่อนุญาตจ้ะ แต่ว่านะ ถ้าเรย์จิแอบซนล่ะก็ จัดการได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะ”

ใบหน้าใสยิ้มหวาน พลางชักดาบที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าเช็ดตัวผืนน้อยออกมา เรย์จิลอบกลืนน้ำลายลงคอ กระทั่งจะมาเล่นน้ำ ยังแอบพกมาอีกจนได้

ใบหน้าสวยราบเรียบมีรอยยิ้มน่ากลัว พลางพูดต่อไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ก่อนที่เรย์จิจะทำแบบนั้นได้ ดาบนี้ไวกว่ามือเขาแน่นอน!

“ผมไม่กล้าหรอกครับ….ซากุระจัง” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย

“เรย์จิคุง ลูกคงจะเป็นได้แค่ช้างเท้าหลังแบบพ่อแน่ ๆ” ยูริโกะพูดยิ้ม ๆ

“ลงท้ายก็เป็นซากุระมาสู่ขอลูกก่อนจนได้สินะ” เรอิจิที่เดินมาสมทบ พร้อมกับคนอื่น ๆ พูดแทรกขึ้นมา
เรย์จิสะดุ้ง พยายามอ้าปากจะแย้ง แต่ดูเหมือนจะหาข้อแก้ตัวไม่ได้เสียอย่างนั้น

“โธ่ พ่อฮะ แต่ยังไงผมก็ขายออกก็แล้วกันน่ะ” เขาพึมพำด้วยใบหน้าอันแดงฉาน

“ถ้าเรย์จิขายไม่ออก ยูเมะจะไปขอแทนก็ได้นะ” ร่างเล็กยิ้มหวาน มือน้อย ๆ เกาะแขนเด็กหนุ่มอย่างเอาใจ

“ยูเมะเป็นของซานะต่างหาก เรย์จิน่ะ ให้ซากุระจังไปเถอะ” ซานะแย้งขึ้นทันที

“ว้า ยูเมะอยากได้ของเล่นน่าแกล้งแบบเรย์จิไว้ดูเล่นนี่ แต่ก็ได้ เห็นแก่ซากุระจังหรอกนะ” เด็กหญิงว่าอย่างงอน ๆ

“นั่นสินะ พวกเราเห็นแก่ซากุระจังหรอก ไม่อย่างนั้นมีแต่คนอยากได้เรย์จิทั้งนั้นแหละ ก็เป็นหมอนข้างที่นุ่มนิ่มน่ากอด แถมนอนสบายขนาดนี้นี่นะ” อายาเมะพูดต่อยิ้ม ๆ

“ผมไม่ใช่หมอนข้างนะครับ ทุกคนอย่ามองผมแบบนี้สิ!” เรย์จิอุทธรณ์เสียงอ่อยอีกรอบ

จะน่ายินดีดีมั้ยเนี่ย ที่เขาได้ตำแหน่งหมอนข้างน่ากอด เพิ่มเติมขึ้นมาจากตำแหน่งของเล่นน่าแกล้งเสียแล้ว
ยังไงก็...พยายามต่อไปแล้วกันนะ เรย์จิคุง!



.......................................
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 30-05-2010 10:33:29
ในที่สุดก็สมหวังจนได้นะเรย์จิถึงแม้คนสู่ขอจะเป็นฝ่ายซากุระก็เถอะ :z1:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 30-05-2010 12:11:19
 :mc3:ยินดีด้วยกับตำแหน่งใหม่นะเรย์จิ ฮ่าๆๆ
น่ารักมากๆเลยค่ะ  :-[

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-05-2010 12:19:38
น่าร้ากกกกกกกกกกก ทุกคนเลยอ้ะ โดยเฉพาะซากุระจัง  :m1:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 01-06-2010 14:21:13
 :-[ อ๊ายยยยย น่ารักที่สุดเลยซากุระจังเนี่ย

ยินดีด้วยกับตำแหน่งใหม่นะเรย์จิ  555+  :laugh:

แต่สงสารซานาอ่ะ.....ทั้งข่มขืนทั้ง......แง้ๆๆๆๆ  :monkeysad:
หัวข้อ: Absolution Café [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 02-06-2010 12:19:45
(จบตอนที่ 19 - จบบริบูรณ์)


ท้องฟ้ายังคงสีครามในวันสุดท้ายก่อนที่จะกลับ ยูริโกะที่อารมณ์ดีแล้วเริ่มพูดคุยกับซากุระมากขึ้น จนตอนนี้ ทั้งคู่สนิทกันได้รวดเร็วเหลือเชื่อ อาจจะเพราะทั้งสองเป็นหญิงแกร่งที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองให้สำเร็จเหมือน ๆ กัน เลยทำให้เข้าใจกันได้ไม่ยากนัก

และเพราะได้รู้ว่าซากุระนั้นแทบจะไม่ได้ทำอะไรแบบผู้หญิง ๆ เอาเสียเลย เธอจึงออกปากชักชวนหญิงสาวไปช็อปปิ้ง ‘แบบผู้หญิง ๆ’ กันบ้าง โดยทิ้งเหล่าบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายไว้เฝ้าบ้าน ทาโนเอะและอายาเมะ เลยโดนลากไปด้วย เพราะเธอคิดว่าทั้งสองเป็นสาวเช่นกัน

ยูเมะยิ่งตื่นเต้นไม่แพ้กับทุกคน เพราะเธอนั้นชอบของน่ารัก ๆ เป็นทุนเดิม พอได้มาช็อปปิ้งโดยมีสปอนเซอร์เช่นนี้ เด็กหญิงเลยไม่พลาดที่จะมาแจมด้วย

“ซานะจังเล่นน้ำคนเดียวได้รึเปล่า” เด็กน้อยถามเสียงอ้อน เพราะรู้สึกผิดเล็กน้อย ที่ไม่ได้ชวนเด็กชายไปด้วย

ซานะลูบผมนุ่มของเด็กหญิงแผ่วเบาพลางแย้มยิ้ม  “ยูเมะไปเถอะ ซานะอยู่ได้สบายมาก เมื่อวานคุยกับคุณชาวประมงคนนั้น เขาเลยชวนซานะออกไปจับปลาด้วย”

“ว้า ยูเมะก็อยากไปจับปลานะ” เด็กน้อยเหลือบมองเรือที่จอดเกยฝั่งอยู่อย่างเสียดาย “แต่ว่า…ยูเมะรับปากคุณยูริโกะไปซะแล้วนี่สิ

“ไปเถอะยูเมะ แล้วซานะจะหาปลามาฝาก”

“อื้ม ถ้างั้นยูเมะไปนะ ซานะไปลงเรือก็ระวังด้วยล่ะ ยูเมะเป็นห่วง”

เด็กชายพยักหน้ารับ ก่อนจะโบกมือให้เมื่อเห็นเด็กน้อยวิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ ก่อนที่ทั้งหมดจะออกเดินทางไป ทิ้งบรรดาหนุ่ม ๆ เอาไว้เฝ้าบ้านแทน

มาโอะมองเรอิจิพลางชักชวน “เราไปเที่ยวกันตามประสาผู้ชายบ้างดีมั้ย  แถวนี้มีแหล่งซื้อของที่เปิดถึงเที่ยงคืนแน่ะ คืนนี้กว่าพวกสาว ๆ จะกลับคงดึกแน่ ดังนั้นถึงจะไปก๊งเหล้ากันต่อก็ยังกลับมาทันสบาย ๆ”
เรอิจิยิ้มรับ พวกเขาซี้ปึ้กกันขนาดนี้ ก็เพราะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อย ๆ นั่นแหละ แต่แน่ล่ะ…ไม่กล้าไปจีบสาวหรือจีบหนุ่มเพิ่มหรอกนะ เพราะกลัวคนที่บ้านจะหึงไม่เลิก

“ไปสิ เดี๋ยวชวนเรย์จิกับฮิโรอากิไปด้วยก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็หันมามองซานะ ผู้อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ จะอย่างไรก็คงดื่มไม่ได้แน่ ๆ

เด็กชายหันมาแย้มยิ้มพลางตอบว่า “ไม่ต้องห่วงนะฮะ ผมมีนัดเดทแล้ววันนี้”

“หา…ไปเดทกับใครน่ะครับ ซานะจัง” เรย์จิถามอย่างงง ๆ เพราะไม่คิดว่าซานะจะรู้จักใครที่นี่มาก่อน

“ชาวประมงที่ทำงานให้คุณยูริโกะใจดีมากฮะ เขาชวนผมไปเที่ยวด้วยกันวันนี้ เมื่อคืนวาน เขาก็ให้ปลามาตั้งหลายตัว ที่เอาไปย่างทานกันนั่นแหละฮะ”

“คนของยูริโกะงั้นเหรอ” เรอิจิมองมาพลางอมยิ้ม ราวกับล่วงรู้ความนัยบางอย่าง ในขณะที่เรย์จิเอง กลับดูไม่ไว้วางใจนัก

“จะปล่อยไปกับคนแปลกหน้าได้ยังไง พ่อฮะ งั้นผมไปเป็นเพื่อนซานะจังก็แล้วกัน” เขาเสนอตัว

เรอิจิตบไหล่ลูกชายเบา ๆ พลางตอบว่า “ไปกับพวกพ่อแหละดีแล้ว ไม่ต้องห่วงซานะจังหรอก พ่อรู้จักคน ๆ นั้นดี เขาเป็นคนไว้ใจได้”

“แต่ว่า…”

“มาเหอะน่า พ่อมีเรื่องจะต้องสอนลูกอีกหลายเรื่องนะ คบสาวทั้งที ทำตัวฝ่อไปได้ แบบนี้เสียชื่อลูกชายเรอิจิหมดกัน ดังนั้นคืนนี้…พ่อจะพาไปติวเข้ม” เขาว่ายิ้ม ๆ

“อ่ะ พ่อ ผมไม่ดื่มเหล้าอีกนะ ผมยังไม่ 18 เลย แล้วก็…ไม่เข้าบาร์เกย์ด้วย!” เรย์จิพยายามดิ้นหนี หากถูกผู้เป็นพ่อและมาโอะคว้าตัวเอาไว้ได้

“อีกไม่กี่เดือนก็ 18 แล้วไม่ใช่เหรอ เอาน่า รับรองพวกเราจะสอนให้เอง โดยเฉพาะเทคนิคบนเตียงเนี่ย...รับรองไม่ไปล่มปากอ่าวให้ขายหน้าสาวแน่ ๆ” มาโอะกระซิบข้างหู เล่นเอาคนฟังหน้าแดงฉานไปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายจึงได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายลากไปโดยโต้แย้งไม่ออกเช่นเคย


..........................................


ซานะมองมาแล้วอมยิ้ม เขาเห็นเรอิจิขยิบตาให้ จึงได้รู้ว่า เรอิจิ รู้เรื่องของดาร์คเป็นอย่างดี แถมที่คนผู้นี้ รอดชีวิตมาได้ อาจจะเป็นเพราะความช่วยเหลือจากเรอิจิก็เป็นได้อีกด้วย

ร่างบอบบางวิ่งไปตามผืนทรายอันอ่อนนุ่ม หัวใจกลับเต้นแรงนักเมื่อคิดว่าจะได้พบ…เขาคนนั้นอีกครั้ง ทำไมกันนะ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรก เขานั้นเกลียดแสนเกลียดคนผู้นี้ เกลียดจนกระทั่ง…ทำเรื่องแบบนั้นลงไป
ไม่ใช่แค่ดาร์คหรอกที่ผิด เขาเองก็ผิดไม่ต่างกัน ที่ลงมือถึงขั้นนั้น

ดีแค่ไหนแล้ว…ที่ดาร์คยังไม่ตาย

มือที่เปื้อนเลือดในวันนั้น ไม่อาจลบเลือนไปได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ยังคงต้องยืนหยัดขึ้นใหม่เสมอ…เพื่อน้องสาวอันเป็นที่รัก

ตั้งแต่วันนั้น…ก็ได้พยายามลบการคงอยู่ของชายคนนี้ออกไปจากใจแล้ว แต่กลับพบว่า เขาไม่เคยทำได้เลย แม้ว่าจะไม่เคยบอกเอเมเลยสักนิดเดียวก็ตาม

เขายังคง…ช่วยตัวเองในบางครั้ง โดยคิดถึงสัมผัสของคนผู้นี้

ร่างกายของเขา…ซื่อตรงมากกว่าจิตใจนัก

แต่ในตอนนี้…เขาจะได้สัมผัสคน ๆ นั้นอีกครั้ง เพียงแค่คิด ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ความเกลียดชัง ความทรมาน ที่เคยเผชิญมา ราวเป็นฝันร้ายเพียงชั่วคืน มันผ่านไปแล้ว…และเขา ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับมันอีก

กับสิ่งเหล่านั้น เขาสามารถวางมันลงได้แล้ว และทำให้รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่เลิกอาฆาตแค้น เลิกชิงชัง เขาก็สามารถมองอีกฝ่าย ได้ในมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม…อย่างสิ้นเชิง

ความรู้สึกลึก ๆ เมื่อได้เห็นแววตาคู่นั้น…แววตาอ่อนโยนที่ปลาบปลื้มดีใจ มันทำให้เขา…ใจเต้น

ไม่น่าเชื่อเลย ที่คน ๆ นั้น จะดีใจขนาดนี้ เพียงแค่เขาบอกว่า…เขายินดีอภัยให้เท่านั้น

คำพูดง่าย ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดได้ ตลอดชั่วชีวิตนี้

ดีจริง ๆ …ที่คุณยังไม่ตาย


...............................................


ร่างสูงของดาร์คยืนอยู่ข้างเรือลำเดิม กำลังตรวจเช็คสภาพเตรียมรออยู่ เขาคงยังจำสัญญาเมื่อวานได้แม่นยำ แม้จะไม่แน่ใจว่าเด็กคนนั้นจะยังมาหาเขาอีกหรือเปล่า เป็นเพราะเขา…ที่ทำร้ายน้องสาวของซานาเรย์อย่างเลือดเย็น

น้องสาว…ที่อีกฝ่ายหวงแหนนัก ทั้งรักทั้งหวงจนเขาถึงกับหึงหวงบ้างในบ้างครั้งเลยทีเดียว

แต่ก็เพราะความรักระหว่างพี่น้องนี้ ที่ทำให้เขา…หลงเสน่ห์เด็กคนนี้ จนถอนตัวไม่ขึ้น ดวงตาสีฟ้าคู่งามที่จริงจังจะเป็นประกายกล้า ยามเขาแตะต้องผู้เป็นน้องสาว ไม่ว่าจะด้วยคำพูด หรือการกระทำ

ดวงตาคู่งามที่เขาหลงใหล มากกว่าตาสองสีของเด็กหญิงมากมายนัก

อัญมณี ที่มีเพียงเขาเท่านั้น ที่จะเจียระไนให้งดงามเปล่งประกายขึ้นมาได้


..............................................


ร่างบอบบางวิ่งตรงมาแล้ว ใบหน้าที่ยิ้มกว้าง ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ที่เขาไม่เคยได้เห็นเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

“ดาร์ค” เสียงใส ๆ ตะโกนเรียก ก่อนจะชะงัก… “เอ่อ…ผมเรียกคุณแบบนี้…ได้ไหมครับ”

ใบหน้าแกร่งยิ้มรับอย่างอ่อนโยน “ได้สิ เรียกได้เลย”

“ผม…อยากลองเรียกมานานแล้ว…แต่ก็รู้ดี ว่าถึงจะเรียกสักกี่ครั้ง คุณคงจะไม่…แม้แต่จะหันกลับมามองอยู่ดี”

มือแข็งแรงเอื้อมมาลูบผมนุ่ม…เขาอยากทำแบบนี้มาเนิ่นนานแล้วเช่นกัน แต่ไม่เคยกล้าที่จะทำ เพราะรู้ว่าหากเผลอใจอ่อน…เขาจะไม่มีทางควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถึงเธอจะเรียก ฉันก็จะไม่หันมามองหรอก” ร่างสูงพูดขึ้นเบา ๆ

“ผมรู้ดี” ร่างบอบบางพึมพำ ด้วยสีหน้าเศร้าลงไปอีก

“ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด…”

เด็กน้อยจ้องอีกฝ่ายตรง ๆ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พวกเรา…ก็เจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอครับ ดังนั้น…ไม่ต้องขอโทษผมอีกหรอก”

ดาร์คยิ้มให้ “เธอเข้มแข็งขึ้นนะ”

“ผมเข้มแข็งมานานแล้ว คุณไม่รู้หรอกเหรอ”

“ฉันรู้สิ รู้ดีมาก ๆ ด้วย แต่ว่านะ เมื่อก่อนเธอมีแต่ความเกลียดชัง แต่ในตอนนี้…เธอกลับพร้อมที่จะให้อภัยฉัน”

“นี่แหละ คือความเข้มแข็งที่แท้จริง”

ว่าพลางก็ถอนหายใจยาว “เรื่องนี้ฉันสู้เธอไม่ได้เลย ฉันต่างหากที่อ่อนแอ แล้วก็ได้แต่เสียใจอยู่ตลอด ที่ทำร้ายเธอในตอนนั้น ถึงเธอจะให้อภัยฉัน แต่ฉันก็ยังอยากจะขอโทษอยู่ดี”

คนฟังอมยิ้ม พึมพำขึ้นว่า “ถ้างั้น…ให้ทำอะไรไถ่โทษดีมั้ยครับ”

“อยากให้ทำอะไรล่ะ”

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้อยู่ที่นี่ พอพรุ่งนี้…ก็ต้องกลับแล้ว …ดังนั้น…” ดวงตาคู่งามเหลือบขึ้นมองชายหนุ่ม “พาผมไปด้วยได้ไหมครับ จะไปที่ไหนก็ได้ แค่วันนี้วันเดียว…ให้ผมได้อยู่กับคุณ”

คนฟังยิ้มรับ “เรื่องนี้ฉันรับปากเธอแล้วนี่ ตั้งแต่คราวก่อนไง”

“ถ้างั้น…ต้องตามใจผมทั้งวันด้วย ดีมั้ยครับ”

ร่างสูงคุกเข่าลง ประคองมือบอบบางนั้นไว้ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ด้านหลังมืออย่างอ่อนโยน “ฉันยินดีจะตามใจเธอ…ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่นี้เลย สาบานได้”

คนฟังหน้าแดงฉานไปแล้ว “ผมว่า…เรารีบไปกันเถอะครับ” เด็กหนุ่มตัดบทอย่างเคอะเขิน

“ถ้าอย่างนั้น…ฉันจะออกเรือล่ะ เธอคงไม่เมาเรือหรอกนะใช่มั้ย”

“ผมทานยามาเรียบร้อยแล้วล่ะ วันนี้ถึงเมาผมก็จะจับคุณกดให้ได้อยู่ดี คอยดูเถอะ!”

ท่าทางที่ดูจริงจังจนน่ารักขนาดนี้ ชายหนุ่มหลุดหัวเราะขึ้นมาจนได้

“ผมพึ่งเห็นคุณหัวเราะครั้งแรกนะเนี่ย ทุกทีล่ะเก๊กอยู่ได้” ซานะบ่นพึมพำ

“ร้ายนักนะเธอนี่ รู้รึเปล่าว่าฉันน่ะ กลั้นหัวเราะแทบตายมาหลายรอบแล้ว…โดยเฉพาะตอนดูเธอ…เล่นของเล่นให้ฉันดูเนี่ย”

“บ้า…คุณน่ะ…ผมเขินนะ ให้ทำอะไรก็ไม่รู้” เด็กชายพึมพำเสียงอ่อย

“ก็เธอน่ารักนี่นา มาสิ ขึ้นมาบนเรือกันดีกว่า เราจะได้ไปกันซะที”

“ครับ” มือบอบบางจับมือแกร่งแนบแน่น ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายช่วยดึงขึ้นมาบนเรืออย่างว่าง่าย

เรือลำน้อยแล่นฝ่าฟองคลื่นฉิว สายลมเย็นปะทะใบหน้าและร่างกายจนรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ขับไปได้สักพักเรือก็จอดลอยลำอยู่บริเวณน้ำไม่ลึกนัก แดดอ่อน ๆ สาดส่องลงเบื้องล่าง ทำให้ท้องน้ำดูสว่างใสจนเห็นกระจ่างชัดราวกระจก  

“ข้างล่างนี้มีปะการังกับปลาสวย ๆ เยอะเลย ลองลงไปดูกันมั้ย”

“จริงเหรอครับ ผมไม่เคยเห็นเลย…อ่ะ แต่ผม…ว่ายน้ำไม่เป็นนะ” ดวงตากลมโตเหลือบมองแผ่นน้ำด้านข้างเรือ ที่ยาวออกไปแทบไม่เห็นที่สิ้นสุด

“ไม่เป็นไรน่า มีชูชีพ รับรองไม่จมหรอก”

“ถึงจมผมก็ไม่กลัวหรอกนะ” เด็กน้อยพูดยิ้ม ๆ “ผมรู้ว่าคุณช่วยผมได้แน่..แถมยังจะได้จูบ…เอ๊ย ผายปอดอีก”

“เด็กลามก ไม่ผายปอดแล้วฉันจะจูบเธอไม่ได้หรือไง”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” ว่าแล้วก็โอบรอบคอแกร่ง ริมฝีปากบางสัมผัสอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน

เรียวลิ้นแกร่งแทรกรับ สัมผัสกันแน่บแน่น…สัมผัสนั้น…อ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง…ใช่ ถึงจะเป็นการทำ โดยที่เขาไม่เคยยินยอมพร้อมใจ…แต่ทุกครั้ง มันก็อ่อนโยน ร่างกายของเขาย่อมจดจำมันได้ดี การเล้าโลมของคนผู้นี้ ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ทำด้วยความรักเสมอมา

ทำไมนะ…ในตอนนั้น เขาถึงไม่เข้าใจเสียได้

ริมฝีปากที่ผละออกพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “คราวนี้…ฉันจะไม่ทำรุนแรงกับเธอแล้ว ขอโทษนะ ที่เคยทำให้เธอป่วยเสียหลายครั้ง”

ร่างบอบบางกอดชายหนุ่มไว้ ใบหน้าสวยที่อิงแอบแนบอกแกร่งตอบรับ “ผมรู้ ถ้าคุณใจดีหรืออ่อนโยนกับผมมากเกินไป…ผมคงไม่อาจทนได้…ถ้าต้องเจอกับคนอื่นที่รุนแรงกว่า…”

“มันเป็นหน้าที่…ที่ฉันต้องทำ แต่ว่าตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้…ที่ฉันสนใจเธอ…ที่ฉัน…รู้สึกอยากจะอ่อนโยนกับเธอ…มาตลอด แม้ว่าจะทำเช่นนั้นจริง ๆ ไม่ได้เลย”

“แต่ตอนนี้…ยังทันนะครับ ที่จะทำ…แบบนั้น” คนพูดหน้าแดงเรื่อ จนน่ารักน่ากอดเสียจริง ๆ ร่างแกร่งโอบอุ้มร่างเบาหวิวขึ้นมา ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในเคบิ้น

“อ้าว…ไม่ลงไปดูปะการังแล้วเหรอครับ” เด็กชายทักขึ้น ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในอ้อมกอดนั้น

“ฉันอยากจะทำอย่างอื่นแทนแล้ว…ปะการังน่ะ ไว้ดูทีหลังก็แล้วกัน”

“ว่าผมลามก…คุณก็ลามกเหมือนกันนั่นแหละ”

คนฟังพึมพำกลั้วหัวเราะ “ถ้างั้นมาลองดูกันมั้ย ว่าใครจะลามกมากกว่ากัน”

“ผมเขินนะครับ เลิกพูดแล้วทำซะทีเถอะ” เสียงใสพึมพำแผ่ว

“ท่าทางเธอจะลามกกว่าแฮะ” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะโดนทุบที่แผ่นอกดังอึ้กใหญ่ ใบหน้าใสซุกแนบแน่น แต่เขาก็ยังเห็นหูบอบบางที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน

“ถ้าไม่รีบทำล่ะก็ผมจะกลับแล้วนะ”

“ฉันไม่ให้กลับเด็ดขาด วันนี้ทั้งวัน…เธอเป็นของฉัน!”


......................................


ร่างเล็กของเด็กหญิงโผเข้ากอดเด็กชายยามกลับมาถึง ก่อนจะอวดของหลายอย่างที่ซื้อมาอย่างยินดี ซานะยิ้มรับพลางช่วยแกะห่อออกดูอย่างตื่นเต้น เด็กน้อยมีของมาฝากพี่ชายด้วยเช่นกัน ทั้งคู่อยู่กันสองคนในห้องนอนส่วนตัวที่บ้านพักแล้วในตอนนี้

“ซานะจัง…แล้ววันนี้ เที่ยวสนุกมั้ย” เธอถามบ้าง

“อื้ม สนุกมากเลยล่ะ” เด็กชายพูดโดยไม่สบตาด้วย

เด็กหญิงขยับเข้ามาใกล้ จ้องมองมาด้วยดวงตาคู่สวยของเธอตาไม่กระพริบ จนคนถูกมองเริ่มอึดอัด
 
“มะ…มีอะไรเหรอยูเมะ”

ดวงตาคู่สวยมองเด็กชายจริงจังกว่าเดิม ก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นว่า “ยูเมะ น่ะ…จำคน ๆ นั้นได้นะ…ต่อให้คน ๆ นั้นกลายเป็นเถ้าถ่าน ยูเมะก็จำได้…”

คนฟังนิ่งอึ้งไป เขาไม่คิดเลยว่ายูเมะจะจำได้ ถ้าเป็นแบบนั้น…เพื่อสภาพจิตใจของเด็กน้อย เขาคงจะต้อง…
“ยูเมะยังเกลียดเขามากสินะ…ถ้าเป็นแบบนั้น…ซานะ…จะไม่ยุ่งกับเขาอีกแล้ว ขอโทษนะ…ที่พี่…”

มือเล็กปิดปากพี่ชายไว้ไม่ให้พูดต่อไป

“ยูเมะรู้…รู้มานานแล้ว ว่าซานะ… รักคน ๆ นั้น รักมากเสียด้วย”

ร่างบอบบางเอนอิงพี่ชายพลางพึมพำขึ้นว่า “ถ้าซานะจะรักเขา ยูเมะก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
 
“ถึงเป็นคน ๆ นั้น ที่ยูเมะเกลียด ก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ อย่าอดทนเพื่อพี่เลย จะยังไง…คนสำคัญที่สุดสำหรับพี่แล้ว ก็มีเพียงน้องสาวคนนี้เท่านั้น ถึงจะรักเขา…แต่ถ้ายูเมะไม่อยากให้ทำ…ซานะก็จะ…ไม่ไปยุ่งกับเขาอีก”

เด็กหญิงยิ้มน้อย ๆ “ยูเมะ…อยากจะบอกอะไรซานะอย่างหนึ่งนะ”

“ความสุขของซานะ…คือความสุขของยูเมะเช่นกัน ซานะ…ทำเพื่อยูเมะมามากแล้ว…ยูเมะอยากให้ซานะ ทำเพื่อตัวเองบ้าง”

ดวงตาสีฟ้ามีน้ำตาเอ่อคลอ “แต่ว่า…”

“ถึงยูเมะจะเกลียดเขา…แต่ถ้าเขา…ทำให้ซานะมีความสุขได้ ยูเมะก็จะ…ค่อย ๆ เลิกเกลียดเขาไปเอง ซานะทำเพื่อยูเมะมากแล้ว ตอนนี้ขอให้ยูเมะ ทำเพื่อซานะบ้างนะ”

เด็กน้อยโอบกอดพี่ชายไว้พลางพึมพำต่อไป “ขอแค่ว่า…อย่ารักเขา จนลืมน้องคนนี้ก็พอ”

ซานะยิ้มให้ทั้งน้ำตา “ยูเมะสำคัญที่สุด จะลืมกันได้ยังไงล่ะ”

“ยูเมะรักซานะที่สุด ดังนั้น…ยูเมะ จะพยายามรัก คนที่ซานะรักด้วย ยูเมะสัญญา”

“อื้ม…ซานะรักยูเมะที่สุดเลย”

เด็กน้อยกอดกันแนบแน่น สายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยน

คนในอ้อมกอดมองมาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นอย่างตั้งใจว่า

“อ้อ แต่อย่าให้ยูเมะเห็นเขารังแกซานะล่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน!”


..........................................


วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก จนถึงตอนนี้ ก็ถึงเวลากลับแล้ว เด็กน้อยร่ำลาดาร์คอีกครั้งที่ชายหาดใกล้เรือลำน้อย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่…ที่เขาจะได้มาที่นี่อีก การลาจากนี้ อาจจะต้องจากกันตลอดไป ถึงแม้ว่าน้องสาวของเขาจะยอมรับได้ แต่เขาเอง…ก็ยังไม่อยากเสี่ยง กับสภาพจิตใจของเด็กหญิงนัก

“ลาก่อนนะครับ…ผมดีใจมาก ๆ ที่ได้พบคุณอีก”

“ฉันก็เหมือนกัน” ดาร์คตอบรับ มือแกร่งลูบผมนุ่มก่อนจะกอดร่างบอบบางไว้อีกครั้ง

“แล้วผมจะมาหาคุณอีก ผมสัญญา”

“ฉันจะรอเธอนะ” เสียงนุ่มตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองร่างเล็ก ๆ วิ่งจากไป

ร่างสูงยังคงง่วนอยู่กับเรือที่ชายหาด เมื่อมีเสียงทักทายกระตือรือร้นดังขึ้น

“อ้าว ไม่ตามเขาไปหรอกรึ”

ร่างแกร่งหันมาแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณนะครับ ที่ให้ผมได้เจอกับเด็กคนนี้อีกครั้ง ผม…ดีใจจริง ๆ แต่ตอนนี้…ผมยังไปกับเขาไม่ได้หรอก”

“จนกว่าผมจะมีสถานภาพที่ดีกว่านี้…จนกว่า สภาพจิตใจของน้องสาวของเขา จะหายดีกว่านี้ ผมคงไม่สามารถอยู่กับเขาได้ แต่ว่า…ผมจะอดทนรอต่อไป จะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้เราอยู่ด้วยกันได้ในที่สุด” เขาพูดต่ออย่างตั้งใจจริง

“ฉันรู้ว่าเธอทำได้ และรู้ว่า ซานะจะต้องรอเธอได้เหมือนกัน

“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณคุณยูริโกะด้วย พวกคุณเป็นผู้มีพระคุณของผมจริง ๆ”

“ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่ได้เจอเด็กสองคนนี้ แล้วก็คง…ไม่ได้ครอบครัวที่อบอุ่นนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหรอก ดังนั้นฉันก็ยินดีต้อนรับเธอ มาเป็นสมาชิกอีกคน ในครอบครัวของพวกเรานะ”

ในครั้งนั้น เป็นเรอิจิเอง ที่ได้ช่วยเหลือดาร์คที่อยู่ในกองเพลิงออกมาโดยบังเอิญ และนั่นทำให้เขาได้รับรู้เรื่องของเด็กทั้งสองคนนี้ รวมถึงการวางแผน…ที่จะช่วยเหลือด้วย

“ตอนนั้นเธอคิดจะตายเพื่อเด็กคนนี้จริง ๆ งั้นเหรอ มันง่ายไปหน่อยนะ สำหรับครูฝึกที่ทำเรื่องแบบนี้มามากอย่างเธอ”

ดาร์คมองเรอิจิด้วยสายตาที่จริงจัง เขารู้ดี ว่าเรอิจิ ต้องการที่จะแน่ใจ ว่าตัวเขานั้น…จริงใจต่อเด็กชายมากน้อยแค่ไหน

“ผมเคยฝึกเด็กเป็นนักฆ่ามามากก็จริง แต่ก็ไม่เคยเจอใคร ที่เหมือนกับเด็กคนนี้มาก่อนเลย เขาทำให้ผม…เปลี่ยนไป ในตอนนั้น พอผมรู้ว่าเขาคิดจะฆ่าผม…ผมกลับคิดว่า มันดีแล้ว…ที่เป็นอย่างนั้น”

“…อย่างน้อย ผมก็ไม่ต้องทรมานเขาและน้องสาวอีก” ดวงตาคู่นั้นเศร้าลงเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น…มันยังคงเป็นความรู้สึกผิด ที่ยากจะลบเลือนไปได้ กับสิ่งที่ได้ทำลงไป กับสองพี่น้องคู่นี้…และแน่นอน กับคนอื่น ๆ อีกหลายคนด้วย

“บาดแผลที่เขาแทงมานั่นไม่ทำให้ผมตายหรอก แรงเด็ก ๆ แค่นั้น แต่ผมก็ตั้งใจว่าจะตายอยู่ที่นั่นจริง ๆ โดยบอกให้เขาเผาบ้านไป ถ้าผมตายไป ผมจะได้หลุดพ้น และไม่ต้องทรมานเขาอีก”

แววตาตื้นตันมองมายังเรอิจิ “แต่เพราะคุณได้เตือนสติผม ผมถึงได้ยังมีชีวิตอยู่ ถึงผมจะตาย เด็กคนนี้ก็ยังทรมานต่อไปอีกอยู่ดี ถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน เพราะความช่วยเหลือของคุณต่างหาก ที่ทำให้เด็กคนนี้…มีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขจนถึงตอนนี้”

เรอิจิมองมาพลางยิ้มรับ “ฉันดีใจนะ ที่เธอรักซานะมากขนาดนี้ อ้อ แผลไฟไหม้พวกนั้น ยูริโกะบอกฉันว่า เธอจะออกเงินทำศัลยกรรมให้ รับรองหล่อเหมือนเดิมได้แน่ ๆ”

ดาร์คส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ บาดแผลพวกนี้ จะได้เตือนใจผม…ถึงความผิดที่ผมเคยทำไว้ กับเด็กคนนั้น ผมจะได้ไม่ทำให้เขาต้องเสียใจอีก”

หากเรอิจิกลับตัดบทขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าสำหรับเธอน่ะไม่เป็นไร แต่ฉันอยากได้หนุ่มหล่อมาดเข้มแอบโหดสักคน มาใส่ชุดคอสเท่ ๆ ช่วยเสิร์ฟอาหารในช่วงที่ลูกชายฉันติดเรียนนี่นา ไม่รู้ล่ะ ถ้าอยากจะตอบแทนฉัน เธอก็ไปรักษาตัวกลับมาให้หล่อเชียวนะ โคโตะฝากบอกฉันมาว่า ร้านนั้น…จะรอนายไปทำงานอยู่ เมื่อนายพร้อม”

ดวงตาแกร่งเปียกชื้นด้วยน้ำตา “ขอบคุณนะครับ ผมสัญญา ว่าจะดูแลซานะให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนทำให้ผม”

มือของเรอิจิตบบ่าชายหนุ่มเบา ๆ พลางยิ้มแย้มแล้วพูดขึ้นว่า “ก็พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ จริงสิ ฉันคงต้องปรึกษายูริโกะ เพื่อขยายร้านเสียแล้ว ห้องมันชักจะคับแคบไปหน่อยแล้ว สำหรับสมาชิกเยอะขนาดนี้” เขาพูดพลางหัวเราะ

“อีกอย่างนะ ยูริโกะสำรวจตลาดมาเรียบร้อยแล้ว กิจการนี้รุ่งแน่ ลองให้ภรรยาฉันจัดการ อะไรก็เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้นแหละ”

“แต่ยังไง เงินก็ไม่สำคัญเท่าจิตใจหรอก จริงมั้ย” เสียงหญิงสาวแทรกขึ้นมาเบื้องหลัง

“แน่นอนที่รัก แต่จะยังไง เราก็ได้ครอบครัวใหญ่เพิ่มมาแน่ ๆ อยู่แล้ว คุณเตรียมร้านใหม่อีกสักร้านเป็นสาขาใหม่ และเป็นเรือนหอให้ลูกชายคุณดีกว่าน่า”

“ฉันเตรียมไว้แล้วต่างหากล่ะ” หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ “แต่ตอนนี้ พวกเขาคงจะอยากอยู่ด้วยกันอีกสักพัก พ่อแม่น่ะนะ จะอย่างไร ก็อยากจะเลี้ยงดูลูก ๆ ให้นานที่สุด ก่อนจะส่งต่อให้คนสำคัญกับเขาต่อไปไม่ใช่เหรอ”

“นั่นสินะที่รัก ไว้ว่าง ๆ เราไปแจมกับพวกเขาบ้างดีกว่า ผมว่าเราไม่ได้เลี้ยงดูลูกชายอย่างอบอุ่นมานานมากแล้วนะ ดูซิ กับแค่จีบสาว ยังต้องให้พวกเราช่วยกันตั้งขนาดนี้”

“จริงสิ ถ้างั้นคุณเทรนลูกชายคุณไปละกัน ฉันจะอบรมว่าที่เจ้าสาวของฉันเอง”
   
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ก่อนจะจูงมือกันกลับไปขึ้นรถ แล้วออกเดินทางกลับไปยังร้านที่แสนอบอุ่น ซึ่งจะเริ่มเปิดทำการปกติ ในวันรุ่งขึ้นนี้แล้ว
   
ในที่สุดบาปของทุกคน…ก็ได้รับการให้อภัยเสียที สมกับชื่อร้านในตอนนี้

Absolution Café!


- จบบริบูรณ์ -
หัวข้อ: รายละเอียดสั่งจองหนังสือสำหรับผู้สนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 02-06-2010 12:28:59
เรื่องนี้ก็จบแล้วนะคะ สำหรับผู้ใดที่สนใจเก็บไว้อ่านแบบรูปเล่มหนังสือ สามารถสั่งซื้อได้ทาง pm ค่ะ หรือเมล์ ppmfic แอทยะฮูดอทคอม

ตัวหนังสือมีตอนพิเศษของเรื่องนี้เพิ่มให้อีก 4 ตอน ตอนเดทหวาน ๆ ฮา ๆ ของเรย์จิกับซากุระหลังเป็นแฟนกันแล้ว [อันนี้ลงแล้วในกระทู้นี้ เลื่อนหาเอาหน้าถัด ๆ ไปเองนะคะ] ตอนน่ารัก ๆ ของยูเมะกับหนุ่มน้อยคนใหม่ (เพราะซานะจังมีคู่ไปซะแล้ว) ตอนสวีทของซานะจังกับดาร์ค หลังอยู่ด้วยกัน และตอนสุดท้ายคือเรื่องฮา ๆ ของเรย์จิ หลังจากแต่งงานและมีลูกแล้ว


ท้ายนี้ ppm ก็ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ และขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ให้กำลังใจด้วยค่ะ
ใครเป็นนักอ่านเงา ไหน ๆ ก็ติดตามกันมานานจนจบแล้ว แสดงตัวกันหน่อยก็ดีนะคะ ซักคอมเมนต์ก็ยังดี
พบกันใหม่เรื่องหน้า (คาดว่าอีกนาน เหอ ๆ) ^^


=========================================================

นิยายที่ลงไปแล้วในบอร์ดนี้ เผื่อสนใจอยากอ่านเพิ่ม: Special Triple (จบภาค) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12935.0)
เรื่องสั้น (จบ): ทายาทมรณะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12350.0), Full moon night (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14120.0), Give my your hands (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14381.0), เป่ายิ้งฉุบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=20360.0)
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 02-06-2010 12:53:37
จบได้ประทับใจมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 02-06-2010 18:25:17
ประทับใจมากครับ ไรท์เตอร์ผูกเรื่องได้ดีมากเลย  เป็นกำลังใจให้กับเรื่องใหม่ๆด้วยครับ

+1
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-06-2010 18:36:38
ขอบคุณคุณppmมากนะคะ :กอด1:

ติดตามมาตลอดก็ได้ลุ้นและได้ระทึก สลับไปกับยิ้มกว้างๆในตอนเรททั่วไป มาตลอดเลยค่ะ
รอผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ

ปล.หลงรักสมาชิกของ Absolution Cafe ทุกคนเลยค่ะ (บวกตาดาร์คแกด้วย อิอิ)
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 03-06-2010 00:59:13
สนุกจังเลยค่าา อ่านมาราธอนเลย ><
ผูกเรื่องเก่งจัง...แต่ละคนก็มีอดีตที่เจ็บปวดเนอะ
แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยรอยยิ้ม
ขอบคุณมากๆนะคะ บวกหนึ่งค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 03-06-2010 09:14:22
สนุกมากเลยค่ะ รักคนเขียนมาก  :กอด1:

หนังสือเดี๋ยวจะPMไปหานะคะ อยากได้ๆๆๆๆ  :-[

แล้วจะรอเรื่องต่อไปนะคะ

ชอบการเขียนมากเลยค่ะทั้งการผูกเรื่องทั้งการดำเนินเนื้อหาที่ซับซ้อนแต่ก็สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดแบบนี้และเป็นแบบที่ตัวเองไม่สามารถเขียนออกมาได้ กระซิกๆๆๆ

สุดท้ายนี้ชอบตัวละครทั้งหมดของAbsolution Cafeมากเลยค่ะโดยเฉพาะซานะจัง :o8:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 03-06-2010 10:19:43
อ่านแต่ไม่ได้เม้นท์เรื่องนี้เลย

ได้ข้อคิดดีๆจากเรื่องนี้มากเลยนะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 03-06-2010 19:36:00
สนุกมากๆค่า  หลงรักทุกคนในเรื่องนี้เลย

เนื้อเรื่องมีการผูกปมต่างๆเข้าด้วยกัน  เชื่อมโยงปมในแต่ละตอนได้อย่างแยบยล

แอบสงสารเหมือนกันนะ  ทุกคนมีปมในอดีตกันทั้งนั้น  แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็ลงเอยด้วยรอยยิ้ม

อ่านเรื่องนี้จบแล้วก็ทำให้รู้สึกว่า ดีจังที่เรายังมีชีวิตอยู่  เพราะไม่ว่าเราจะเผชิญกับปัญหาหนักหนาแค่ไหน

แต่ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ เราก็จะฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ในที่สุด   

และสุดท้ายเราก็จะมีความสุขตลอดไป เหมือนทุกๆคนใน Absolution Cafe แน่นอน

ขอบคุณไรเตอร์ที่มาแบ่งปันเรื่องดีๆ แก่ทุกคนค่า 
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: teuky ที่ 03-06-2010 22:45:41
เป็นเรื่องที่มากก

เป็น 1 ในนักเขียนเก่งๆที่นานๆจะได้มีโอกาสได้อ่าน

ขอบคุณมากค๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 06-06-2010 22:21:50
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก



ว่าแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่รู้เลยว่า คุณเรอิจิ   นี่เบื้องหลังทำงานอะไร
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 07-06-2010 16:28:08
สนุกมากๆ แถมยังแฝงข้อคิดดีๆอีกด้วย
ขอบคุณค่า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café ตอนที่ 4/3 อัพ 26-2-10 เรื่องใหม่จ้า จบในตอน
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 08-06-2010 17:57:56
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: pupuzaa ที่ 08-06-2010 19:28:43
สนุกมากเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 09-06-2010 06:21:51
สนุกมากค่ะ ซึ้งมาก ประทับใจมากด้วย
ชอบสไตล์การดำเนินเรื่องแบบนี้มาก มันมีเสน่ห์ชวนติดตามดี
ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: ClioNe ที่ 09-06-2010 22:00:11
ประทับใจมาก ๆๆๆ   อยากแต่งได้แบบนี้บ้างจัง..
ชอบที่สุด..อ่านไปร้องไห้ไป บางตอนต้องขออ่านผ่านบ้างก็ยังสนุกสุด ๆ อยู่ดี..
ดีใจที่ทุกคนมีความสุข มีรอยยิ้มกันซะที.. ..
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดี ๆให้อ่าน.. :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: woodoo ที่ 10-06-2010 14:15:32
 :impress2: :impress2:     ขอบคุนมากคร้าบบบบบ




สนุกมากเลยอ่า    ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: angelzlover ที่ 10-06-2010 21:14:17
i spent a day to read it
very tired
but worth it
the plot is very good
i like all uke from this story as usual
thanks + waiting for the new one
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 11-06-2010 03:00:34
อ่านรวดเดียวจบเลย ประทับใจมากๆ เดินเรื่องได้ซับซ้อนน่าติดตาม
มีทั้งสุขเศร้าปนกันอย่างพอดี แต่ที่ชอบมากก็ตรงที่แฮปปี้เอนดิ้งนี้แหละ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 12-06-2010 08:04:07
สนุกค่ะ ชอบมาก

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: phoeniix ที่ 12-06-2010 20:05:27
The best one !!! Thank you 1+ o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 13-06-2010 19:58:26
 o13คุณ PPM ตามอ่านผลงานของ writer มาจากเรื่องสั้น ๆ ตามมาเลื่อยจนมาถึงเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ยังอ่านไม่จบนะครั้งแรกว่าจะอ่านลวดเดียวจบและ ment ทีเดียวแต่ไม่ไหวยาวมาก ๆ และต้องทำความเข้าใจในรายละเอียดที่ซับซ้อนอีกเลยขอ ment ก่อนดีกว่า

อยากบอกว่าแต่งนิยายได้เก่งมาก ๆ คะ ในบางตอนต้องอ่านซ้ำไปมาด้วยความมันเจ็บปวดแต่ซึ่งอะไรงี้ (ไม่ได้ซาดิสนะ) ชอบการผูกเรื่องนะคะและจะตามอ่านผลงานต่อเลื่อย ๆ คะ

 :pig4:  writer คะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 01-08-2010 05:26:41
อ่านแล้วสะอึกเลย มันลึกลับซับซ้อน แต่ก็เชื่อมโยงกันหมด
ความรักหลายรูปแบบที่ล้วนแล้วแต่แปลกใหม่
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวครับ ขอบคุณจริงๆ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamotic ที่ 01-08-2010 10:35:55
ppm นี่ลงเรื่องไว้หลายบอร์ดเนอะ เขียนเก่ง ภาษาที่ใช้ก็ดี

เป็นตัวอย่างในการเขียนที่ดีคะ ^^ +1 ไปเลย

 o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: yona ที่ 15-08-2010 14:15:23
จบแล้ว จบแล้วในที่สุดก็อ่านจบแล้ว เนื้อเรื่องชวนติดตามมากเลยอ่ะ แทบจาผละจากหน้าจอมะได้เลย ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เลย อ่านแล้วรู้สึกว่าชีวิตยังมีหวังและความผิดที่เราทำซักวันต้องมีคนให้อภัยอ่ะ ได้ข้อคิดจากเรื่องนี้มากมาย ชอบเรย์จิอ่ะมองโลกในแง่ดีและเข้าใจโลกมั๊กกกกมาก
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: l3esttyOhLunla ที่ 17-08-2010 21:21:50
อยากได้แบบเล่มๆ มากเลยค่ะ TT
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 20-08-2010 22:41:47
ผมไล่อ่านเรื่องนี้รวดเดียว
สนุกมาก X100 ถึงเวลา NC จะโหด แต่พออ่านต่อไปมันก็...นะ มันก็มีเหตุผลที่จะืทำอย่างนั้น

ผมรู้ว่าการเขียนเรื่องใช้พลังงานมาก แ่ต่ก็...
ได้โปรดเขียนอีกเถอะ เยอะๆ
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 03-09-2010 19:55:16
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านครับ plotดี เรื่องสนุกมากครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: shokung ที่ 21-09-2010 16:18:01
สนุกมากเลยครับ อ่านรวดเดียวจบเลย ผลงานของพีจังนี่ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ

ตอนที่อ่านเริ่มแรกคิดในใจ - เอ๋ นี่พีจังหันมาเเต่งเเนวฮาเรมสาวๆแล้วรึเนี่ย ก็เล่นมี 3 สาว(1 เด็ก) กับอีก 1 หนุ่ม ที่ไหนได้พอท้ายๆตอนแรกดันคดีพลิกกลายเป็น 3 หนุ่ม กับ 1 สาว(1 เด็ก) คุๆๆ กลายเป็นฮาเรมหนุ่มๆไปแล้วสุดยอดดด

พอเริ่มๆอ่านไปเรย์จินี่น่ารัก น่าแกล้งจริงๆ ยิ่งพออายาเมะมาแกล้งเนี่ย น่ารักน่าจิ้น ไปๆมาๆที่ไหนได้อายาเมะดันคู่กับฮิโระไปได้ แถมพอเขาจะชวนเป็นไส้แซนวิชกลับไม่เล่นด้วย เลยอดเลย แต่เอาน่า ยังมีซานะกับซากุระ ยังพอวายไหว

แต่ซานะก็ดันไม่มีสถานการณ์ชวนจิ้นกับเรย์จิอีก อดเลย เฮ่อ สุดท้ายเหลือความวายสุดท้ายต้องเป็นชายหนุ่มแสนเย็นชาแบบซากุระแหง ซึ่งพลิกพล็อตอีกรอบซากุระเป็นสาว อ้ากกกกกกกก ตอนจบสุดท้ายเรย์จิไม่วาย ไม่น่ารอดพ้นจากการจับกดหรือถูกจับกดจากหนุ่มคนอื่นได้เลย เสียดายจัง (ถ้าเรย์จิวายคงน่ารักแหง ถ้าเป็นเมะขี้อายกับเคะราชินี่จอมยั่วคงจะสนุกพิลึก) 5555

เฮ่อ เราเพ้ออะไรอยู่เนี่ย ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าสนุกมากครับ อยากอ่านตอนเรย์จิวายจัง

ป.ล.อยากถามพีจังหน่อยครับ ทำไมทาโนเอะเวลาพูดถึงเรอิจิถึงหน้าแดงเขินอายด้วยล่ะครับ บอกว่าคิดเหมือนพ่อแต่เขินอายแบบนี้มันน่าสงสัยนา คุๆๆ

หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 29-09-2010 10:23:37
ป.ล.อยากถามพีจังหน่อยครับ ทำไมทาโนเอะเวลาพูดถึงเรอิจิถึงหน้าแดงเขินอายด้วยล่ะครับ บอกว่าคิดเหมือนพ่อแต่เขินอายแบบนี้มันน่าสงสัยนา คุๆๆ

แหม มันก็มีบ้างสิ เพราะเรอิจิเป็นคนที่ช่วยทุกอย่าง มันเลยเป็นความประทับใจส่วนตัวไง (แต่ยังไงอันดับ 1 ก็ต้องเป็นมาโอะอยู่ดีแหละนะ)

ว่าแต่ว่าล็อคอิน shokung นี่ใครเอ่ย เราคงเคยรู้จักกันก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมเนี่ย?
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 01-10-2010 12:42:52
ลึกลับซับซ้อนดีฮะ
อ่านแล้วได้ข้อคิดของแต่ละตัวละคร
ชอบทุกๆคนเลยฮะน่ารักกันทั้งนั้น
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 01-10-2010 12:47:57
ทุกคนมีความหลังกันหมดเลย
แต่ก็สุดยอดครับ
ชอบ ชอบ ชอบ
แต่ว่าคะแนนโพสต์ผมตอนนี้ยังกดโหวตให้ไม่ได้ งั้น
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
นะครับ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 25-10-2010 14:20:51
เศร้าเสียใจ :m15:  ไปกลับ อดีตและการทำงานของ  อายะจัง   รักเพื่อฆ่า

สงสาร สมเพช รังเกียจมนุษย์  ไปกับ ซาร์นา เอเม  อ่านแล้วรู้สึกเกลียดผู้คนไปเรย  จิตใจทำด้วยอะไร  เกลียดดาร์คมากๆอ่ะ แต่พอมาตอนหลังรักซานะ ก็พออภัยให้นิ๊ดนึง

แต่....น้ำตาไหลเลยตอนที่ให้ซานะรับแขกคนอื่นด้วย เอเมก็ต้องฆ่าคนอ่ะ

มาโอะxโคโตะ,อายะเมะxฮิโร,ซานะxดาร์คxยูเมะ,เรย์จิxซากุระ,ป๊ะป๋าเรอิจิ และสุดท้าย ppm

ขอเก็บเรื่องนี้ไว้ในความทรงจำค่ะ จะไม่มีวันลืมนิยายเรื่องนี้เรย  ที่ไม่ลืมไม่ใช่เพราะ NC แต่เพราะบรรยายความเป็นนุษย์ได้อย่างแจ่มแจ้งและแทงใจ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 23-12-2010 14:59:25
อ่า...

สนุกมากเลยค่ะ ไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องที่มีเนื้อหาจริงจังแล้วก็หนักๆแบบนี้มานานแล้ว เป็นแนวที่ไม่ได้เห็นมานาน แล้วก็ประทับใจมากจริงๆ แต่ละคู่ก็มีการดำเนินเนื้อเรื่องที่เข้มข้นมาก ไม่มีตัวอิจฉาหน้าถีบให้หมั่นใส้ แต่เน้นใส่ชีวิตดราม่าล้วนๆ

แถมยังโยงแต่ล่ะตัวละครเข้าด้วยกันอย่างมีความหมายด้วย

เป็นเรื่องที่ครบทุกรส แต่ละตัวละครมีความนึกคิดและมิติที่ลึกมาก แถมยังมีตัวชูโรงน่ารักอย่างเรจิอีก คริคริ

ถึงจะผิดคาดไปหน่อย ตอนแรกนึกว่าหนูเรจิจะเป็นเคะน้อยถูกเหล่าเมะมาดแมนรุมแกล้งซะอีก แต่กลับไปได้สาวน้อยที่มาดแมนยิ่งกว่ามาเป็นช้างเท้าหน้าซะแทน แบบนี้ก็คงจะโดนรุกอยู่ดีสินะ ฮะฮะ

เป็นเรื่องที่ชอบตัวละครทุกคนเลย (ยกเว้นพวกสมควรตาย) แม้บางคนจะทำเรื่องไม่สมควรให้อภัยแต่พอกลับตัวกันแล้ว ก็ชอบได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจซักนิด

ของคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ

ว่าแล้วก็ขอ  :กอด1: คนแต่งแน่นๆสักที
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนบ้าน ที่ 01-01-2011 22:57:09
บอกได้คำเดียวว่า สุดยอด มากๆๆ

 o13 o13 o13

มันทั้งน่ารักในเรทธรรมดา  :impress2:

และหวาบหวามในเรทไม่ธรรมดา หึหึ  :haun4:

ซ้ำบางตอนยังโหดร้ายได้แบบว่า ทนอ่านจะไม่ไหวเอา  :o12:

มีทุกอารมณ์และผูกเรื่องได้เก่งมากๆๆเลยค่ะ ชื่นชมจริงๆ

ปล.แอบอยากได้หนังสือ แต่ไม่รู้ว่าป่านนี้ยังจะมีอยู่มั้ย เหอๆๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 18-04-2011 17:18:04
ยังอ่านไม่จบ

แต่ชอบค่ะ

+1   o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 19-04-2011 03:44:16
อ่านกี่รอบก็สนุกเหมือนเดิมนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 22-04-2011 16:04:08
ยังอ่านไม่จบ แต่ขอมาเม้นก่อนว่าชอบเรื่องนี้จัง !!
อิอิ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: bamtham ที่ 22-04-2011 23:25:49
เรื่องนี้สนุกมากๆ

แหวกตลาดสุดๆเลย

ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 23-04-2011 09:13:25
ใส่ชื่อภาษาไทยเข้าไปนะคะ เพราะชื่ออังกฤษอย่างเดียว คนเข้ากระทู้น้อยมาก เลยลองทดสอบชื่อไทยไปในตัว
แต่ ppm คิดชื่อไทยไม่เก่ง เอาง่าย ๆ งี้ละกันนะ ^^

ขอบคุณสำหรับทุก ๆ ท่านที่มาอ่านและคอมเมนต์นะคะ และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่มาอ่านและคิดจะคอมเมนต์ให้อีก
คอมเมนต์เป็นกำลังใจและสิ่งสำคัญสำหรับนักเขียนมากจริง ๆ ค่ะ

มีข่าวมาแจ้งอีกเล็กน้อย ว่า ppm วางแผนจะรีปริ้นเรื่องนี้ด้วย แต่ขอให้เขียนเรื่องใหม่ (ที่กำลังซุ่มเขียน) จบก่อน
ท่านใดสนใจหนังสือรีปริ้นแล้วกลัวจะพลาดการจอง ขอให้ส่งเมล์มาที่ ppmfic at yahoo .com นะคะ แล้วเมื่อมีการรีปริ้นอีกครั้ง เราจะแจ้งกลับไปค่ะ กำหนดการไม่แน่นอน ขึ้นกับว่าจะเขียนเรื่องใหม่จบเมื่อไหร่ ^^
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 23-04-2011 20:14:32
 :o12:

น่าสงสาร

ปล. พูดไม่ออก บอกไม่ถูก แต่นั่งซับน้ำตาและเลือดอยู่  :laugh:
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥Täsinä→l3€LL♥ ที่ 27-04-2011 14:28:45
สนุกมากเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: Gracieux ที่ 28-04-2011 02:07:29
สุดยอด !  o13
ชอบเรื่องนี้มากมากมากมาก อยากให้มีต่อตอนที่ดาร์คเข้ามาอยูในครอบครัวแล้ว x)
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: forbidden ที่ 27-05-2011 20:27:44
ดาร์กโหดร้ายมาก :angry2:

สงสารซนากับเอเม :sad4:
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: forbidden ที่ 30-05-2011 02:21:19
สนุกมากๆจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 31-05-2011 16:51:32
เข้ามาอ่านเพราะความวายแต่สุดท้ายคุ่ที่ชอบที่สุดดันเปนเรยจิซากุไปได้ไงไม่รุ้555


ชอบที่สลับตอนย้อนความแล้วเข้าใจง่ายดีนี่แหล่ะค่ะ

ได้รุ้ทั้งอดีตและความรุ้สึที่อยากแก้ไขอดของตัวละคร

คู่วายที่ชอบสุดคือซานะดารคแหล่ะอิอิ.


เราชอบโชตะค่อน
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: KuMaY ที่ 01-06-2011 11:36:58
ยังอ่านไม่จบ แต่อยากบอกคนแต่งว่า

ชอบเรื่องนี้มาก น่าติดตามๆ :impress2:

 o13
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 05-06-2011 10:32:09
อ่า จบจนได้ ลึกลับซับซ้อนสุดๆเลยค่ะเรื่องนี้
แต่ก็สนุกมากๆเลย! พี่คนเขียนผูกเรื่องเก่งมากเลยค่ะ  o13
สุดท้ายเรย์จิก็ไม่ได้คู่กับผู้ชาย  :sad4: (ในขณะที่คู่รองคู่กับผู้ชายกันหมด) ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงซากุระก็น่ารักมากอยู่ดี  :-[
ตอนย้อนอดีตนี่ชอบตอนซานาเอเมกับตอนคิระที่สุดละ น่ารัก SM อ่านแล้วจี๊ดๆดีค่ะ  :o8:

รอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ ขอบคุณค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 07-06-2011 22:04:24
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบเลย
เรื่องนี้สนุกมากจริงๆ
มีครบทุกรสทุกแบบ
อ่านๆไปเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้
ดีใจที่ทุกคนได้ลงเอยกันอย่างมีความสุขซะที
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: nuyamja ที่ 08-06-2011 04:09:47
 :haun4: โดนที่สุด ชอบมาก ยาวเลยจ้า ป่านี้ยังไม่นอน 555 :-[
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: takkie ที่ 08-06-2011 18:23:54
  ผูกปมได้น่าติดตามมากเลยครับ
ประทับใจทั้งเนื้อเรื่องและการบรรยายทุกบททุกตอน
รีดน้ำตาผมไปเป็นปี๊บ
  :o12:
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: kaki ที่ 16-06-2011 11:06:25
 :sad4: เรื่องนี่สนุกมากกกกกกกกกกกกก

อยากบอกว่า ตอนแรกนึกว่า เป็นแนว แฟนตาซีอะ  ฮาฮา 

แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งมัน ยิ่งชอบ  มีครบแบบเลยอะ  หวานซึ้งโรแมนติก ดรามาน้ำตาท้วมจอ แล้วก็ sm  ฮาฮา  ชอบมากเลยคับ

ขอบคุณมากมายสำหรับ  นิยายดีดีแบบนี่ ^_^

ปล. แอบหวังว่าอยากจะได้อ่าน ตอนที่ ดาร์ค กับ ซานะอยู่ด้วยกันที่ร้านอะ  อยากอ่านมากกกกกก

แบบว่ารู้สึกชอบ ดาร์ก  ตั้งกะตอนแรก ( ถึงเกลียดบ้างนิดหน่อย ) 

แต่ยิ่งตอนที่ ดาร์ก บอกว่า เพราะผมรักคุณ  แค่นั้นแหละ  เอาใจไปเลย

 เสียใจมากที่ที่นึกว่า ดาร์ก ตาย  แต่ กระโดดทันทีตอนที่รู้ว่า ดาร์กรอด

( ตกลงเรื่องนี่ใครเป็นพระเอก สำหรับฉันเนี้ย วะฮาฮา ) เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อไปนะคับ
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 17-07-2011 14:55:04
สนุกมากๆเลยค่ะ

อ่านรวดเดียวเลย  :เฮ้อ:

เรื่องนี้มีปมซับซ้อนมากมาย  :really2:

อ่านเเล้วลุ้นตลอดทั้งเรื่อง

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้  o13
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 19-07-2011 17:55:08
เนื้อเรื่องผูกเข้าหากันได้น่าติดตามมากเลย  :jul1:

ลุ้นตลอดทั้งเรื่องเลย ตอนแรกคิดว่าเรย์จิจะคู่กับอายาเมะซะแล้วปรากฎว่าได้คู่กับฮิโระซะงั้น 555+  :haun4:

อ่านไปเรื่อยๆเริ่มสงสัยว่าทั้งหมดมาเจอกันได้ไง ก็รู้แหละ โคโตะหรือที่ตอนแรกปักใจเชื่อว่าเป็นผู้หญิงเนี่ย เป็นคนให้ความช่วยเหลือกับเรอิจิจนพาออกมาได้  :a5:

ลุ้นมากมายกับตอนที่ว่ามาโอะกลับมาจะแก้แค้นยังไง แต่กลับกลายเป็นว่ามาช่วยซะงั้นอ่ะ 

สุดท้ายเรย์จิก็คู่กับซากุระจัง 555+

บอกได้คำเดียวว่าสนุกสุดๆเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 21-07-2011 16:44:40
ดีใจด้วยนะคะทุกคน

แค่ให้โอกาส แค่นั้นจริงๆๆ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 19-09-2011 17:07:34
โอ๊ะะะะ เหลือยูเมะจังคนเดียวล่ะสิเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: earnearn ที่ 22-09-2011 15:12:21
สนุกมากกกกกก ชอบทุกคนเลยอิอิ แอบเสียดายเรย์จิไม่ได้เป็น ไม่งั้นคงฮาแน่ๆๆ
แต่ยังไงก็ขอขอบคุณ คุณppm นะค่ะ ที่เขียนนิยายสนุกๆอย่างนี้มาให้อ่าน
อ่่านไป รู้สึกเหมือนเอาการ์ตูนหลายๆเรื่องมามิกซ์กันเลย เหอะๆๆ
แต่ของคุณppm สนุกกว่า เพราะมันเชื่อมกันทุกตอนเลย อิอิ
ชอบ ยังไงก็จะติดตามต่อไปนะค่ะ ถ้ายังไงเรื่องหนังสือ
อย่าลืมแวะมาโพส บอกที่นี่บ้างนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 22-09-2011 21:52:01
ปริศนาเยอะดีคะ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 01-10-2011 00:18:15
ชอบเรื่องนี้โหมดดาร์คสุดๆอ่ะ

หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 02-10-2011 14:13:50
คุณเอ๋ย  มันสุดยอด  คิดได้ไงนี่ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: Bench ที่ 17-11-2011 10:37:48
เยี่ยมยอดคับ  รวดเดียวจบเลยผม = =
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 17-11-2011 11:33:26
   :z13:  จิ้ม ๆ ไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่าน
หัวข้อ: Re: คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM, Etc กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เริ่มหัวข้อโดย: Animee ที่ 24-11-2011 14:43:15
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยค่ะ
มีทั้งร้องไห้ ยิ้ม เขิน 555555
ชอบตัวละครทุกตัวมาก
เป็นเรื่องที่ซับซ้อนยิ่งกว่าทงอีซะอีก 555
ไรเตอร์แต่งดีมากให้ทุกคู่สมหวัง
แต่อยากให้มีตอนพิเศษเอ็นซีจังเลยค่ะ -..-
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับนิยายเรื่องนี้
อยากได้เก็บมากถ้าซื้อจะติดต่อทางเมลใช่มั๊ยคะ
ยังไงไรเตอร์ก็สู้ๆนะคะ จะติดตามผลงานไปเรื่อยๆ
ปล.ขอยกย่องให้เป็นฟิคที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลย
ปล.2 เรื่องนี้แอบทำให้รีดเดอร์เศร้าเป็นวันเลยนะคะ
ร้องไห้แทบตายตอนฮิโระกับอายาเมะ
ปล.รักไรเตอร์มากเลยค่ะ >3<
หัวข้อ: Re: [[เปิดจองรวมเล่ม]] คาเฟ่นี้มีรัก :: Absolution Café (NC-18, SM)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 28-11-2011 21:44:00
มาแจ้งข่าวดีสำหรับทุกท่านที่สนใจหนังสือนะคะ ตอนนี้เปิดจองแล้วค่ะ ดูรายละเอียดได้ที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30161.0.html

เปิดจอง 28 พฤศจิกายน 2554 - 31 มกราคม 2555 นะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/1 [30/11/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 30-11-2011 08:19:45
กระทู้ช่างเงียบเหงา เอาตอนพิเศษมาให้ชิมลางนะคะ ในเล่มจะมีทั้งหมด 4 ตอน ขอลงตอนเดียวละกันนะ จบในตอนเจ้าค่ะ รับรองไม่ค้าง เป็นตอนเก็บตกของบรรดาคู่รักทั้งหลาย (อีกเช่นเคย) ^^

==========================

Absolution Cafe :: ตอนพิเศษ

I’m Your Man

ขอแมนสักวันในสายตาเธอ


(ตอนที่ 1/1)


   แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านม่านโปร่งบางแล้วในตอนนี้ เมื่อร่างบนเตียงขยับลืมตาขึ้นอย่างมึน ๆ คงเป็นเพราะเมื่อคืน โดนบรรดาหนุ่ม ๆ ผู้แสนอยากจะติวเข้มความแมนให้เขาลากไปบาร์จนดึกดื่น เพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 18 ปีที่มาถึง หลังจากฉลองกันไปรอบหนึ่งแล้วที่บ้านกับพวกเด็ก ๆ

   “วันเกิดครบ 18 ปีทั้งที ก็ต้องพาไปในที่ ๆ ต่ำกว่า 18 ห้ามเข้าสิ”

   เหตุผลง่าย ๆ ของเจ้าพ่อบ้าของเขา และทุกคนก็ดันเห็นด้วยเสียอีก

   แม้งานนี้เด็ก ๆ จะมาด้วยไม่ได้ แต่ซากุระที่อายุก็ยังไม่ถึงเช่นกัน กลับโดนลากไปด้วย อาศัยทำหน้านิ่ง ๆ ในภาพลักษณ์ชายหนุ่มผู้สุขุมเยือกเย็น เขาก็สามารถผ่านเข้าไปได้ง่ายโดยทางร้านไม่ได้ขอดูบัตรเลยสักนิด

   ทุกคนเลยฉลองกันเป็นที่สนุกสนาน แต่ว่าแทนที่เขาจะสนุก กลับเซ็งมากขึ้นไปอีก นั่นก็เป็นเพราะว่า…ซากุระของเขา มีแต่สาวสวย ๆ ในร้านเข้ามาจีบ!

   ซากุระเป็นผู้หญิงแท้ ๆ

ทำไมทีเขา…ที่เป็นชายทั้งแท่ง กลับไม่มีสาวเหลียวแลเลยสักคน

   ภาพที่เห็นอยู่ตลอด ยิ่งมองมาอย่างช้ำใจ แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรมาก เด็กหนุ่มจึงได้แต่ดื่มเอา ๆ ไม่ยอมเลิกแก้ช้ำใจ แต่ก็ไม่มีใครห้าม เพราะถือว่าไหน ๆ ก็วันเกิดทั้งที ดื่มให้เต็มที่ไปเลยดีกว่า

ฟ้ายามค่ำคืนวันนั้นเป็นคืนเดือนมืด จึงเห็นดาวอยู่เต็มไปหมด อากาศกำลังเย็นลงไปอีก ขณะที่คณะทั้งหมดกำลังเดินกลับบ้าน อายาเมะก็รีบชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างตื่นเต้น

“ดาวตกนี่ อธิษฐานเร็วสิ เรย์จิ” เสียงใสร้องเรียก พักนี้ราชินีประจำร้านกำลังเห่อดูดวงเป็นพิเศษ เพราะบรรดาลูกค้าสาว ๆ เป็นผู้เอามาเผยแพร่ ดูให้กันเป็นที่สนุกสนาน

“อธิษฐานขอในวันเกิด เขาว่าคำอธิษฐานมักจะเป็นจริงนะ”

เรย์จิที่กำลังมึนได้ที่ เลยอธิษฐานด้วยการตะโกนดังลั่น “…พระเจ้าแห่งดวงดาวครับ วันเกิดผมทั้งที ขอให้แมน ๆ ขึ้นสักวันเถอะครับ!”

ทุกคนหัวเราะขบขันกับท่าของเด็กหนุ่ม แต่เจ้าตัวกลับเมาหลับไปกองอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้ว



ในคืนนั้นจึงเป็นซากุระ ที่แบกเรย์จิกลับมานอนบนเตียง และด้วยความติดหมอนข้าง เจ้าตัวเลยเจตนาวางหมอนมีชีวิตนั้นบนเตียงตัวเองเสียอย่างนั้น…และก็นอนกอด…ยันรุ่งสาง…

พอเริ่มหายมึน ก็รู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้ อ้อมแขนของใครบางคน กอดเขาเสียแน่น…ซากุระจังสินะ…เด็กหนุ่มคิดในใจ แต่ว่าทำไม…วันนี้เขาดิ้นไม่หลุดจากอ้อมกอดนี่ล่ะ

แขนที่ดูคล้ายจะใหญ่และแข็งแรงกว่าเดิม ทำให้ดวงตาสีเข้มที่มองมาเริ่มงงเล็กน้อย เขาขยับตัวอย่างอึดอัด ไม่อยากให้คนหลับตื่นขึ้นมาหรอก แต่ว่าเขา…ถ้าทนนอนอยู่นานกว่านี้ อย่างอื่นอาจจะตื่นขึ้นมาแทนได้…อย่างอื่น….

“เฮ้ย!” เสียงใสอุทานขึ้นอย่างตกใจ เมื่อมือที่ราบกับลำตัวขณะถูกกอดอยู่ เผลอไปเกาะกุมตรงส่วนนั้น….และพบว่าเจ้าน้องชายสุดรักสุดหวง กลับหายตัวไปซะแล้ว!

“ไม่…ไม่มี…ไม่มีได้ไง!!!” มือนั้นควานไปทั่ว เริ่มรู้สึกตกใจมากขึ้นแม้จะยังอยู่ในอ้อมแขนนั้น

ไม่ได้แล้ว ต้องไปดูให้มันชัด ๆ ยังไงก็คง… เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างเผื่อน ๆ คง…ต้อง…ปลุกซากุระจังเสียแล้ว หวังว่าตอนพึ่งตื่น คงจะไม่หงุดหงิดถึงขั้นฆาตกรรมเขาหรอกนะ

“ซากุระ…ซากุระจัง ตื่นสิครับ” ..เอ๊ะ…เสียงของเขา ทำไมหวานจัง

“อืม…” เสียงทุ้มกว่าจากร่างที่กอดอยู่พึมพำแผ่ว ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เสื้อผ้าชุดนอนที่หลุดลุ่ยเล็กน้อย เผยให้เห็นแผ่นอกขาวนวล…ที่แบนราบเรียบ

เรย์จิชะงัก ซากุระของเขา…ถึงจะแบนอยู่สักหน่อย แต่นั่นมันก็ตอนพันผ้านะ ถ้าไม่พันล่ะก็…อย่างต่ำก็คัพซีแล้ว เด็กหนุ่มคิดต่อไปอย่างช่ำชอง…เฮ้ย ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย มือของเขาเผลอล้วงไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย ผ่านเสื้อตัวบาง แล้วเริ่มต้นลูบคลำทดสอบอย่างลืมตัว ผิวนุ่มเนียนมืออย่างนี้ล่ะใช่เลย แต่ว่า…ทำไมมันแบนล่ะ…?

ร่างบอบบางที่กำลังงัวเงียแทบสะดุ้ง มือคล่องแคล่วคว้าดาบใกล้มือ ก่อนจะปักซวบลงบนหมอนข้างตัวเด็กหนุ่มโดยแรง

“อยากตายรึไง ถึงกล้าลวนลามชั้น!” เสียงทุ้มโหดพึมพำ ก่อนจะสะดุ้งขึ้นบ้างเมื่อก้มลงมองตามมา และเห็นอย่างเดียวกับที่เรย์จิเห็น

“ซากุระจัง…ผมไม่ได้…ตั้งใจ แต่ว่า เอ้อ…มัน…เอ่อ…” คนพูดชักติดอ่าง

ซากุระปล่อยเด็กหนุ่มแทบจะในทันที แล้วรีบวิ่งหายเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

เรย์จิอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนทำใจดีสู้เสือ โดยค่อย ๆ ก้มลงมองตัวเองที่เป็นอิสระอีกครั้ง

“อ่ะ…คัพซี!!!” เขาอุทานอย่างตกใจ แต่แม้จะตกใจ ก็ยังสามารถระบุไซด์ได้ตามสัญชาตญาณอยู่ดี แล้วเขาก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อก้มลงดูในกางเกง น้องชายของเขา…หายไปจริง ๆ ด้วย!

(TBC)
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/1 [30/11/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Jaajaa ที่ 01-12-2011 21:28:15
 :z3: :z3:
มาแค่นี้เองเหรอพี่ppm :serius2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/1 [30/11/11]
เริ่มหัวข้อโดย: minepiz ที่ 02-12-2011 16:44:57
ชอบเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/2 [5/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 05-12-2011 17:33:13
(ตอนที่ 1/2)


เด็กหนุ่มวิ่งเข้าห้องน้ำห้องถัดไปจากซากุระ ที่พึ่งวิ่งเข้าไปเมื่อครู่ แล้วมองกระจกชัด ๆ อีกครั้ง

ใบหน้านั้นก็ยังเป็นหน้าของเขา…แต่มัน กลับดูบอบบางลง แถมยัง…ตัวเล็กลงด้วย รูปร่างนี่มัน…อยู่ดี ๆ เขาก็กลายเป็นผู้หญิงเหรอเนี่ย!

คนเดินออกจากห้องน้ำแทบจะหมดแรง แต่เมื่อสบตากับอีกคน ที่พึ่งเดินออกมาเช่นกัน ก็ต้องตกใจอีกครั้ง

ร่างบอบบางของซากุระ กลับดูแข็งแกร่งกว่าทุกวัน ผมสีดำสนิทยาวตรงปล่อยสยาย ดวงตาเรียวยาวที่คมเข้ม แล้วไหนจะยัง…สูงกว่าเขา แถมหล่อกว่าเขามากเสียอีก…ปกติก็หล่อกว่าเขาตั้งเยอะอยู่แล้วนะ ไหงวันนี้กลับ…แมนมากมายอย่างนี้!

มองแค่แป๊บเดียวก็เริ่มใจเต้นแรง…ทำไมเขาต้องเขินด้วยเนี่ย…แค่มองแผ่นอกแกร่ง แล้วก็…

ดวงตาเผลอมองต่ำโดยไม่ได้ตั้งใจ กางเกงนอนตัวบาง ทำให้เห็นแนวนูนอย่างเห็นได้ชัด…อ่ะ นั่นมัน!!!

เรย์จิหันหลังให้โดยอัตโนมัติ ด้วยใบหน้าที่แดงฉาน

วันนี้ร่างกายของเขา…อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นหญิง นั่นก็ตกใจมากพอแล้ว แต่ซากุระของเขากลับ…กลับกลายเป็นชายเสียนี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย!

“ดูท่าวันนี้ฉันจะกลายเป็นผู้ชายไปเสียแล้ว นายก็เหมือนกันสินะที่อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนเพศ” ซากุระพึมพำขึ้นเบา ๆ แอบนึกสงสัยในใจ ว่าคนเราพอเจริญเต็มที่จะมีการเปลี่ยนเพศกันจริง ๆ หรือเปล่า มิน่าล่ะ โคโตะถึงได้กลายเป็นทาโนเอะเช่นนี้

ซากุระนั้นอยากเป็นผู้ชายมาตั้งนานแล้ว พอเห็นว่าร่างกายตัวเองเป็นแบบนั้น เจ้าตัวก็ยิ่งไม่รู้สึกทุกข์ร้อน แถมจะยังยินดีเสียด้วยซ้ำ ที่ในที่สุดก็เป็นชายเสียที

ท่าทางที่ยอมรับอะไรง่ายดายเกินคาด ทำให้เรย์จิที่ชำเลืองมองมาเริ่มทำตัวไม่ถูก…ช่างสมกับเป็นอดีตนักฆ่านัก จะตกใจทั้งที ตกใจแค่นี้เองงั้นเหรอ นี่มันเปลี่ยนเพศกันเลยนะเนี่ย

“เอ่อ…ซากุระจัง…เอ๊ย ซากุระคุง ไปเปลี่ยนชุดดีไหม” เพราะชุดที่สวมใส่อยู่ตอนนี้ ดูสั้นเต่อกว่าปกติจนเห็นได้ชัด แถมยัง… ปลดปล่อยฟีโรโมนชายหนุ่มออกมามากกว่าเดิมจนเขาใจเต้นอีกด้วย

ดวงตาเรียวยาวที่ดูมาดเข้มกว่าทุกวันมองมายังอีกฝ่าย ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเรย์จิ พลางพูดขึ้นว่า “ฉันว่านายนั่นแหละ ที่ควรจะไปเปลี่ยนชุด”

เด็กหนุ่มสะดุ้ง ก่อนจะพึ่งรู้ตัว ว่าเผลอปลดกระดุมเสื้อโชว์อกสวยคัพซีไปเรียบร้อยแล้ว

“โอ้โห เรย์จิคุง ทำไมวันนี้ถึงดูอึ๋มจัง” ยูเมะที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่พึมพำขึ้น

มือบอบบางรวบสาบเสื้อเข้าหากันอย่างรวดเร็วด้วยความเขิน “เอ่อ.. ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าทำไมเป็นแบบนี้…แต่ว่า…ใครสอนยูเมะจังพูดอย่างนี้เนี่ย เด็กผู้หญิงพูดอะไรอย่างนี้ไม่ดีนะครับ”

“ก็มันอึ๋มจริงนี่นา” เด็กหญิงยังคงแย้งต่อไป

“ไปหาโคโตะกันเถอะ เขาคงมีชุดที่เหมาะกว่านี้ให้ใส่อยู่หรอก เรอิจิซื้อไว้ให้ตั้งเยอะ” ซากุระตัดบท วันนี้ร้านหยุด เพราะเมื่อคืนฉลองกันดึกมากไปหน่อย จึงยังไม่มีใครตื่นกันสักเท่าใดนัก รวมถึงโคโตะกับมาโอะด้วย

เสียงเคาะประตูทำเอาคนนอนอยู่หงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมาเปิดให้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ ดวงตากลมโตจ้องมองสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูสลับกันไปมา แล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างขบขัน แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ดูใจเย็นเสียจนน่าหมั่นไส้

“ไม่ตลกนะครับ โคโตะคุง ช่วยพวกเราด้วยเถอะ” เรย์จิพูดขึ้นอย่างร้อนรน

ร่างบอบบางยิ้มให้พลางพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นชุดล่ะก็เดี๋ยวจะหาให้เอง แต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย”

“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน” ซากุระตอบ

“เอ้า เอาชุดพวกนี้ไปเปลี่ยนนะ ซากุระคุงท่าทางจะตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย ไซด์อายะจังน่าจะใส่ได้พอดี ส่วนเรย์จัง…เอาชุดนี้ไปละกัน”

“ผมไม่ใช่เรย์จังนะครับ” เสียงหวานใสแบบหญิง ๆ ค้านขึ้นทันควัน

“เอาน่า ก็ตอนนี้หญิงขนาดนี้ เมื่อก่อนเธอยังขอเรียกซากุระคุง ว่าซากุระจังเลยไม่ใช่เหรอ”

“แต่ว่า…” เด็กหนุ่มชักเถียงไม่ออก

“อ่ะ ชุดนี้…” ชุดในมือเป็นชุดกระโปรงน่ารักจนคนมองแทบสะดุ้ง

“ชุดนี้ฉันซื้อมาฝากซากุระคุง แต่ตอนนี้รู้สึกว่า เธอน่าจะเหมาะกว่านะ ‘เรย์จัง’” พูดพลางย้ำชื่อเรียกอย่างจงใจ

   “ผมไม่…” เรย์จิขยับจะค้านอีก

   “อย่าใช้คำว่า ‘ผม’ สิจ๊ะ ไม่เข้ากับหน้าเลย น่ารักขนาดนี้ ใส่ชุดนี้แหละดีแล้ว ไปลองดูสิ”

คนฟังได้แต่คอตก…นี่เขาคงต้อง…แต่งชุดผู้หญิงแล้วสินะ

ซากุระแอบหัวเราะเบา ๆ เล่นเอาร่างเล็กกว่าในวันนี้มองมาอย่างงอน ๆ

“ไม่ขำนะครับ ผมไม่ได้อยากแต่งหญิงสักหน่อย”

“ทีนายยังขอให้ฉันแต่งบ่อย ๆ เลย จะได้รู้เสียบ้าง ว่ามันน่าอึดอัดขนาดไหน” ร่างสูงพึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เล่นเอาเด็กหนุ่มเถียงไม่ออกไปอีกรอบ รู้สึกว่าแต่ละอย่างที่เขาเคยขอให้ซากุระทำให้ ล้วนแล้วแต่เข้าตัวเขาทั้งนั้นในวันนี้

“ใส่ก็ได้” เสียงอ่อย ๆ พึมพำอย่างยินยอมในที่สุด

(TBC)
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/2 [5/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: MooJi ที่ 05-12-2011 18:37:20
มาทีละนิดทีละหน่อย
ให้ลุ้นจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ฮฺฮฺ ><  ตื่นเต๊นนะเนี๊ย รอๆๆๆๆๆน๊า
^^
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/3 [6/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 06-12-2011 18:13:57
ตอนพิเศษ 1/3


“โอ้โห เรย์จังสวยที่สุดเลยวันนี้” ซานะอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น ยูเมะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเรียบร้อยแล้ว แถมชื่อใหม่ที่โคโตะเรียกหาแบบสด ๆ เมื่อครู่อีกด้วย

ทั้งคู่จึงรอดูซากุระกับเรย์จิเปลี่ยนชุดอย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่ห้องครัว เมื่อเห็นเรย์จิกับซากุระเดินลงมา ดวงตาอยากรู้อยากเห็นทั้งสองคู่ก็มองร่างบอบบางนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหันมาสบตากันพลางหัวเราะคิกคัก เล่นเอา   เรย์จิในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนลายดอกไม้ พร้อมโบว์ระบายเต็มตัวแทบยืนไม่ติดพื้น ชุดนี้…ยิ่งกว่าชุดที่ปกติโคโตะให้ซากุระใส่เสียอีก พอแต่งแล้วเขากลายเป็นสาวหวานขึ้นมาทันตาเห็น นี่ถ้าไม่ใช่ตัวเอง เขายังรู้สึกว่าน่ารักเสียจนน่าจีบเลย

   “เรียกเรย์จังกันอีกแล้ว…” เขาพึมพำเสียงอ่อย

   “น่า…แต่งแล้วน่ารักน่ะ ดีกว่าแต่งแล้วเป็นกระเทยนะเรย์จัง” อายาเมะว่ายิ้ม ๆ พลางตบไหล่เบา ๆ ให้กำลังใจ โดยไม่ลืมเช่นกันว่าจะต้องเรียกเรย์จิเช่นนี้

   “ซากุระคุงก็เท่มากเลย หล่อขนาดนี้ยูเมะชักอยากจีบแล้วสิ” เด็กหญิงพูดพลางยิ้มหวานแล้วเดินไปคล้องแขนที่ดูแกร่งกว่าเดิมนั้นอย่างนึกสนุก แต่ก็ต้องเงียบไปเพราะโดนซานะมองมาอย่างงอนเล็กน้อย

   “ผมควรดีใจใช่มั้ยเนี่ย ที่อยู่ดี ๆ ก็สาวแตกซะขนาดนี้” เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะอาหารอย่างปลง ๆ

“วันนี้ผมจะไม่ออกไปไหนแล้ว อายเขาตายเลย ถ้าเจอคนรู้จักอีกล่ะ” เขายังคงพึมพำไม่เลิก

   คนด้านข้างหันมามองก่อนจะพูดขึ้นว่า “แต่วันก่อน นายขอให้ฉันไปเดทด้วย เป็นของขวัญวันเกิดไม่ใช่เหรอ ลองเป็นแบบนี้แล้ว วันนี้คงยกเลิกสินะ” ร่างสูงว่าพลางหันหลังจะเดินกลับห้องไปอย่างเงียบงัน แผ่นหลังกว้างกว่าเดิม ...แต่ยังดูเหงา ๆ นัก ทำให้เด็กหนุ่มรีบเรียกไว้ทันที

   “ซะ…ซากุระคุง เดี๋ยวก่อนสิครับ”

   อีกฝ่ายหันกลับมามอง

   “เอ้อ…ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ เราไปเดทกันเถอะ”

   ใบหน้าหล่อเหลากว่าทุกครั้งมีรอยยิ้ม เล่นเอาเด็กหนุ่มใจเต้นอีก…นี่เขา…ใจเต้นเพราะเป็นซากุระหรอกนะ ไม่ใช่ใจเต้น เพราะเห็นผู้ชายหล่อยิ้มให้เสียหน่อย เรย์จิพยายามบอกกับตัวเอง

   “อื้ม ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”

   เรย์จิมองอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจนัก

“เอ่อ…เราจะไปกันทั้ง…ชุดนี้เลยเหรอครับ”

   “ก็เหมาะดีไม่ใช่เหรอ” ซากุระหัวเราะเบา ๆ

   “แม้แต่ซากุระคุงก็แกล้งผมเหรอเนี่ย” เด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร แต่มันกลับยิ่งดูน่ารักน่าทะนุถนอมแบบสาวน้อยเสียจนทุกคนที่มองมา แทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่

   “เรย์จังจ๊ะ วันนี้เป็นสาวน้อยน่ารักขนาดนี้ เลิกเรียกตัวเองว่าผมได้แล้ว ถ้าไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นกระเทยนะ” โคโตะพูดต่อด้วยเสียงของทาโนเอะ เล่นเอาคนโดนทักถึงกับอึ้ง

   “ถ้างั้น…ผม…เอ๊ย…ฉัน…ไปแล้วนะ…คะ”

เด็กหนุ่มว่าตะกุกตะกัก อายจนแทบอยากจะมุดดินหนี ว่าแล้วเขาก็ดึงตัวซากุระที่ยืนนิ่งก้าวไม่ออก เพราะกำลังกลั้นหัวเราะเต็มที่อยู่ออกไป

   ลับร่างทั้งคู่ สมาชิกในบ้านก็พร้อมใจขำกันเต็มสตรีมแบบหยุดไม่อยู่ เรย์จิก็น่ารักอย่างนี้แหละนะ ใครจะไม่เอ็นดูแกล้งกันบ่อย ๆ ได้ยังไง

   โคโตะอมยิ้มแล้วหันมามองเด็ก ๆ

“เราแอบตามไปดูกันมั้ย”

   “แหม โคโตะคุงรู้ใจยูเมะจัง ไปสิไปกัน”

   “ซานะจังหยิบกล้องถ่ายรูปไปด้วยนะ ของแบบนี้ห้ามพลาดเก็บไว้เด็ดขาด” ร่างบอบบางจอมเจ้าเล่ห์ย้ำอีก

   “ได้เลยฮะ”

ซานะรับคำพลางรีบวิ่งไปหยิบอย่างว่องไว แล้วทั้งสามก็รีบตามไปอย่างเงียบเชียบ ในขณะที่สมาชิกในบ้านที่เหลือ…กลับไปนอนต่อ เพราะดูท่าเรื่องตื่นเต้นจะหมดลงแล้ว

   …แต่ก็ยังไม่ลืมทิ้งท้ายฝากคนออกไปว่า อย่าลืมอัดรูปเผื่อด้วย!
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/3 [6/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 06-12-2011 18:19:18
ที่ย่านค้าขาย ร่างบอบบางของเรย์จิในวันนี้ จึงถูกมือใหญ่กว่าของซากุระกุมไว้แทนที่ แถมยังเป็นฝ่ายนำก่อนเสียอีก เด็กหนุ่มในร่างสาวน้อยมองแผ่นหลังกว้างอย่างครุ่นคิด ซากุระจังช่างคุ้นเคยกับร่างที่เป็นชายหนุ่มเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะเดินหรือจะยืนอยู่เฉย ๆ ก็ทำให้สาว ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมามองแทบเหลียวหลังกันได้ทั้งนั้น

   ร่างสูงหยุดเดินก่อนจะมองไปยังร้านขายของร้านหนึ่งอย่างครุ่นคิด “เดี๋ยวฉันมานะเรย์จิ…ไม่สิ เรย์จัง…” พูดแล้วก็เกือบหัวเราะอีกครั้ง ซากุระพยายามตีสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิม ด้วยไม่อยากให้เด็กหนุ่มน้อยใจไปมากกว่านี้…แต่มันยากจะห้ามไม่ให้หัวเราะจริง ๆ

   “โธ่ อยากจะขำก็ขำไปเถอะ” สีหน้ามุ่ย ๆ บ่นพึมพำ เพราะอีกฝ่ายกำลังกลั้นหัวเราะอย่างเห็นได้ชัดจนเนียนไม่อยู่แล้ว

   “ก็เธอน่ารักนี่นา จริง ๆ นะ”

   คนฟังหน้าแดงเรื่อ…เฮ้ย เขาจะมาเขินเพราะถูกชมว่าน่ารักได้ยังไง

   เรย์จิถอนใจยาวอีกรอบ ก่อนจะบอกว่า “งั้นเดี๋ยวจะไปรอที่ร้านตรงนั้นนะ” ว่าพลางชี้มือไปยังร้านกาแฟเล็ก ๆ ร้านหนึ่งข้างทาง พยายามเลี่ยงสรรพนาม ‘ผม’ ใจจะขาด แต่ก็ยังใช้ได้ไม่คล่องอยู่ดี

   “อืม สั่งอะไรกินรอไปก่อนได้เลยนะ” ซากุระว่าแล้วยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นช่าง…เท่อะไรจะขนาดนี้ มองมาแล้วแทบใจละลายแน่ะ

   เรย์จิแอบสะดุ้งอีกครั้งกับความคิดสาวน้อยของตัวเอง นี่เขาเป็น… อะไรไปแล้วเนี่ย

   เด็กหนุ่มพยายามไม่คิดมาก ก่อนจะก้าวยาว ๆ เดินตรงไปยังร้านที่นัดกันไว้

   “น้องสาวน่ารักจังนะ ไปเดทกับพี่เอาไหม” วัยรุ่นสามคนเข้ามาชวน ขณะที่เขากำลังนั่งดื่มกาแฟรอซากุระ เรย์จิหันมามองอย่างงง ๆ ก่อนจะนึกได้ว่า…ตอนนี้เขาเป็นผู้หญิงนี่นา

   น่าสมเพชจริง ๆ แฮะ ดูซิ สาวแตกจนถูกจีบเลย เด็กหนุ่มคิดสงสารตัวเองในใจ ขณะขยับจะปฏิเสธ ก็ถูกคะยั้นคะยออีกไม่เลิก แม้เขาจะไม่ยอมไปท่าเดียว หนึ่งในนั้นที่ดูคล้ายจะเป็นหัวโจก เห็นว่าเป็นหญิงสาวมาเพียงลำพัง ก็ถือโอกาสคว้าข้อมือจะดึงให้ลุกขึ้น

   เรย์จิขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ พลางจะสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุม หากผิดคาดที่แรงอีกฝ่ายกลับมากกว่าที่คิด

   ผู้หญิงนี่แรงน้อยขนาดนี้เชียวเหรอ

   “ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อยไง ฉันไม่ไปด้วยหรอก” เขาพยายามพูดและดิ้นรน แต่ก็ไม่สำเร็จ

   เสียงชักดาบดังแคร้ง ก่อนที่ส่วนคมจะพาดไปที่คอของคนจับ ดวงตาสุดโหดมองมา พร้อมกับปลดปล่อยรังสีอำมหิตเต็มพิกัด

   “อยากตายใช่มั้ย ถึงกล้ามายุ่งกับแฟนชั้น!”

เสียงขู่ราบเรียบหากแฝงความโหดไว้มากมายจนชวนขนลุก ทำให้อีกฝ่ายตกใจจนแทบยืนไม่อยู่ ร่างสูงที่สีหน้าเริ่มซีดเผือด ดวงตาหวาดกลัวจ้องมองดาบคมกริบที่พาดคอตัวเองอยู่อย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะรีบปล่อยมือจากเรย์จิทันทีที่ตั้งสติได้

   ดวงตาดุดันเป็นประกายวาบ มือเกือบจะขยับดาบตวัดตัดคอขาดแล้ว เมื่อเรย์จิส่งเสียงห้ามขึ้น “อย่านะ ซากุระคุง จะทำร้ายคนไม่ได้นะ!”

   ร่างสูงสะดุดกึก ก่อนจะรั้งดาบขึ้นมาอย่างขัดใจนิดหน่อย

   “ขอโทษครับคุณพี่ พวกผมไม่ทราบจริง ๆ ว่าเป็นแฟนของคุณพี่” ทั้งสามละล่ำละลักตอบเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระจากตัวดาบ แล้วรีบวิ่งหนีสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว

   เรย์จิทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้อีกครั้งอย่างหมดแรงลุ้น ตกใจที่เห็นซากุระชักดาบ มากกว่าเพราะโดนลวนลามเมื่อครู่เสียอีก หากซากุระที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วย กลับรีบเข้าไปใกล้เพื่อดูอาการทันที

   “เป็นอะไรมากรึเปล่า เรย์จัง”

…ยังไม่ลืมอีกนะ ว่าต้องเรียกเรย์จัง… คนฟังแอบขมวดคิ้วนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มตอบแห้ง ๆ ว่า “ไม่เป็นไร…”

   ร่างสุดเท่ยิ้มให้ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

   “คุณอย่าถือดาบแบบนี้สิครับ คนแตกตื่นกันหมดพอดี” เรย์จิกระซิบบอก

   สาวสวยหลายคนในร้านเริ่มส่งสายตามองมาจนรู้สึกได้ แถมยังเป็นสายตาอิจฉาริษยาเสียด้วย ทำไมผู้หญิง…ถึงได้น่ากลัวกันขนาดนี้  เรย์จิแอบคิดในใจอย่างหวั่น ๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดีนัก ยามได้รับการปกป้อง แถมยังพูดเสียเต็มปากเต็มคำขนาดนี้ ว่าเป็น ‘แฟน’ น่าปลื้มเสียจริง ๆ

   อ๊ะ…ไม่นะ…เขาตั้งใจจะแมนไม่ใช่เหรอ โดยเฉพาะในสายตาของซากุระ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป…มันก็แย่สิ

   ดวงตาเรียวยาวมองมาอย่างงง ๆ เมื่อเห็นเรย์จิทำหน้าเศร้าอีกรอบ แล้วตัดสินใจนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม

   “ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ” เสียงแผ่วเบาถามขึ้น “หรือว่าเพราะดาบนี่”

   “ปล่ะ…เปล่าครับ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด” เรย์จิรีบแก้ต่าง

   “แต่นาย…ดูไม่มีความสุขเลย ฉันผิดเองสินะ ที่ทำให้นายต้องออกมา ทั้ง ๆ ที่นายไม่ได้อยากจะมาแท้ ๆ”

   มือบอบบางกุมมือแกร่งกว่าของซากุระไว้ “ผมไม่ได้ไม่มีความสุขหรอกนะ ถึงจะไม่ได้อยากจะออกมาข้างนอกในสภาพแบบนี้ แต่ว่าเพราะได้ออกมากับคุณ ผมถึงอยากออก ใครจะมองยังไง ผมไม่สนใจหรอก แค่ผมอยากจะ…”

   “อยากจะอะไรเหรอ”

   “เอ่อ…คือ…”

   คิ้วเรียวขมวดมุ่น เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาของใครหลายคน ที่เริ่มมองมา ยังเรย์จิอย่างสนอกสนใจอีกแล้ว

   ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว จนเรย์จิที่กำลังจะพูดใบ้รับประทานไปเลย

   “ฉันไม่ชอบให้ใครมองนายแบบนั้นเลย เราไปกันดีกว่า” ว่าแล้วก็วางเงินไว้บนโต๊ะ ก่อนจะรวบร่างบอบบางนั้นขึ้นอุ้ม แล้วออกไปอย่างรวดเร็วราวติดปีกบิน ปกติการเคลื่อนไหวของซากุระก็คล่องแคล่วว่องไวอยู่แล้ว แต่ในวันนี้ที่มีแรงแบบชาย ยิ่งทำให้คล่องตัวขึ้นไปอีก ยังไม่ทันจะได้แย้ง ก็โดนอุ้มไปเต็ม ๆ ราวเป็นเจ้าสาวไปเรียบร้อยแล้ว

   “ซะ…ซากุระคุง ปล่อยผมได้แล้วมั้งครับ” เสียงใสพยายามบอกเมื่อออกมาพ้นตัวร้านได้ระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่ยืนแอบอยู่ที่มุมตึกแคบลับตาคน สมกับเป็นอดีตนักฆ่า ซากุระมักหาทำเลหลบซ่อนที่ปลอดคนได้ดีเป็นพิเศษอยู่เสมอ

   มือแกร่งกว่าปล่อยร่างบอบบางนั้นลง พลางพูดขึ้นว่า

“ฉัน…เป็นอะไรไม่รู้เรย์จิ ทำไมวันนี้ มีแต่คนมองนายแบบแปลก ๆ เห็นแล้วรู้สึก…อยากจะฆ่าให้หมดทุกคนเลย!

   “อ่ะ…ใจเย็น ๆ สิครับ” เด็กหนุ่มชักเหงื่อตก  ไม่ใช่แค่ฮอร์โมนสาวน้อย ที่ทำให้เขาใจเต้นยามใกล้ชิดเรือนร่างของชายหนุ่ม แต่ฮอร์โมนชายแกร่ง ก็ทำให้ซากุระเลือดร้อนและหึงหวงกว่าเดิมมากมายนัก

   เกิดฆ่าคนตายขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย วิธีเปลี่ยนกลับไปเหมือนเดิม ก็ไม่รู้อีก แต่ในตอนนี้…


(TBC)
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/3 [6/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Night_Mylove ที่ 06-12-2011 18:29:26
อยากอ่านๆๆๆ   รีบมาต่อน้า  รออยู๋++++++++++
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/3 [6/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Jaajaa ที่ 06-12-2011 19:36:02
ทำให้อยากแล้วก็จากไป :z3: :z2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) ตอนพิเศษ 1/3 [6/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 12-12-2011 09:52:48
(ตอนที่ 1/3 จบตอน)


“เรากลับบ้านกัน…จะดีกว่ามั้ยครับ”

   ดวงตาเรียวยาวคล้ายจะดูเศร้าลงไปอีกหน่อย เมื่อพูดขึ้นว่า “ตามใจเธอก็แล้วกัน”

   เรย์จิมองสีหน้าเศร้า ๆ นั้นก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นว่า “ถ้ายังไม่อยากกลับ เราเดทกันต่อก็ได้นะ”

   “อย่าเลย ถ้ามันทำให้เรย์จิลำบากใจขนาดนั้น… แถมยังไม่รู้ว่าฉันจะเผลอทำร้ายใครเข้าด้วยรึเปล่า แบบนี้เราก็คงทำได้แค่...กลับบ้านนั่นแหละ”

   มือบอบบางยื่นมาตรงหน้า ซากุระมองมาอย่างงง ๆ

   “ไปเดทกันต่อเถอะครับ ไม่ว่าผมจะเป็นชายหรือหญิง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเพศไหน ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเรามีความสุข ผมก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้วล่ะ”

   “แต่ว่าฉันอาจจะ…”

   “ผมจะไม่ยอมให้คุณเผลอพลั้งมือทำร้ายใครแน่ ๆ รับประกันได้ด้วยชีวิตนี้เลย” เรย์จิพูดอย่างจริงจัง จนคนฟังเริ่มหน้าแดงฉาน

“ถึงพวกเขาจะมองผม เพราะคิดว่าผมสวย เวลาแต่งแบบนี้ แต่สำหรับผมแล้ว…คุณงามที่สุดนะครับ เป็นความงามที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ก็ยังคงงาม ดังนั้นคุณไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้นเลย…ใครจะมองยังไงก็ช่าง ผมรู้ว่าพวกนั้นไม่มีปัญญาเข้าใกล้ผมได้แน่ ก็คุณคอย…ปกป้องผมอยู่นี่นา” เรย์จิพูดต่ออย่างเขิน ๆ สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมรับจนได้

   ร่างสูงของซากุระกอดร่างบอบบางนั้นไว้ “ฉันจะปกป้องนายเอง จะไม่ให้ใครเข้ามาทำอะไรนายได้แน่นอน”

   อ้อมกอดอบอุ่นนัก เด็กหนุ่มในร่างหญิงสาวเคลิ้มตามจนแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย ถึงแม้วันนี้ จะอยู่ในร่างของผู้หญิงก็ตาม

   “ถ้าอย่างนั้น เราไปเที่ยวกันต่อเถอะครับ เที่ยวกันยันเที่ยงคืนเลยดีมั้ย”

   “อื้ม ไปสิ”

   มือต่อมือบีบกระชับแนบแน่นยามก้าวเดิน พวกเขาไม่สนใจสายตาใครอีกต่อไป แต่ก็สวีทหวานแหววกันจนน่าอิจฉาของผู้คนที่สัญจรไปมาตลอดทางด้วยเช่นกัน

   ดึกแล้วในตอนนี้ ที่ทั้งสองนั่งมองดาวกันอยู่บนเก้าอี้ในสวนสาธารณะกว้าง ท้องฟ้ายามค่ำคืนมีดวงดาวพร่างพรายจนดูน่าหลงใหลนัก

   ร่างบอบบางถอนหายใจ พลางพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าพวกเราต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ถึงตอนไหนนะครับเนี่ย”

   “ฉันไม่สนใจหรอกนะ รู้มั้ย ถึงนายจะเป็นสาวน้อย หรือเป็นเรย์จิคนเดิม นายก็ยังเป็น…คนที่ฉันรักอยู่ดี” ซากุระพูดตรง ๆ แน่นอนว่าสำหรับคนผู้นี้ จะทำอะไรตรงไปตรงมาเสมอ และนั่นก็เป็นข้อดีของซากุระ ที่เด็กหนุ่มชอบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

   คนฟังเริ่มเขิน “น่าดีใจจังที่ได้ยินแบบนั้น แต่ว่า… ผมนี่นะ เป็นผู้ชายแท้ ๆ แค่จะแมนในสายตาคนที่รักสักคน… ยังทำไม่ได้เสียที ไม่ใช่แค่ตอนอยู่ในสภาพเป็นหญิงแบบนี้ด้วย เวลาเป็นชาย ทำยังไงก็ยังไม่แมนเหมือนเดิม น่าเศร้าจริง ๆ”

   ซากุระหันมามองพลางอมยิ้ม “เพราะงี้สินะ นายถึงได้ทำหน้าเศร้าอยู่เรื่อย คิดมากไปได้”

   “โธ่ ซากุระคุง ผมเป็นผู้ชายนะครับ ผมก็ต้องการจะทำตัวแมน ๆ เข้มแข็งพร้อมจะปกป้องคนที่รักให้ได้สิ ไม่ใช่ว่าจะรอให้คุณที่เป็นผู้หญิง มาคอยปกป้องอยู่ตลอดแบบนี้”

   ซากุระหันไปสบตาเด็กหนุ่ม พลางจ้องมองอย่างจริงจัง

“รู้รึเปล่าเรย์จิ นายน่ะ แมนอยู่แล้วในสายตาฉันนะ…นายช่วยเหลือพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะต้องบาดเจ็บ หรือว่าจะต้องเหนื่อยยากแค่ไหน นายก็ไม่เคยคิดจะทิ้งพวกเรา สำหรับฉันแล้ว นายน่ะเข้มแข็งกว่าใครทั้งหมด ปกติแล้วแค่รู้ว่าพวกเราเป็นฆาตกรกันมาก่อน มีแต่คนกลัวจนหนีไปทั้งนั้น มีแต่นาย…ที่ยืนยันขันแข็ง ว่าจะรับฟัง…จะอยู่ข้าง ๆ…แล้วก็ยัง…จะให้อภัยอีกด้วย”

ดวงตาเรียวยาวมองขึ้นไปบนฟ้ากว้าง พลางพูดต่อไป “อย่างในวันนี้ แค่นายบอกว่าจะหยุดฉัน ไม่ปล่อยให้ฉันฆ่าใครได้… ด้วยชีวิตของนาย เท่านี้นายก็ดูแข็งแกร่งมากพอแล้ว”

   “ผมแมนขนาดนี้เลยเหรอ” เรย์จิพึมพำอย่างเขิน ๆ

   “แน่นอนสิ ของแบบนี้…มันต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำไม่ใช่เหรอ”

   ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้ร่างบอบบางนั้น “อย่างเช่นว่า…กล้าพอที่จะจูบกับนักฆ่าอย่างฉันได้เนี่ย จะเรียกว่ากล้าหาญพอมั้ย”

   “อ่ะ…” คนฟังเริ่มหน้าแดงอีกรอบ ซากุระชอบจู่โจมชนิดไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวเสียจริง ๆ

   ใบหน้านั้นหลับตาพริ้ม…แม้จะเป็นร่างของผู้ชาย แต่สำหรับเขาแล้วซากุระ ก็คือซากุระอยู่ดี เป็นซากุระ คนที่เขาหลงรักเสมอมา

   ร่างบอบบางขยับเข้าไปใกล้ทีละน้อย ก่อนจะจูบอย่างนุ่มนวล

   พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็คล้ายคำสาปได้ถูกทำลายลงแล้ว

   ร่างกายของเขากลับคืนสู่ความเป็นชายอีกครั้ง เช่นเดียวกับซากุระที่งดงามราวกับเจ้าหญิง

   “คุณสวยจริง ๆ นะ ซากุระจัง” เด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างเคลิบเคลิ้ม

   “เรียกจังอีกแล้วนะ” ซากุระพึมพำแบบไม่ชอบใจนิดหน่อย

   “ก็ตอนนี้คุณเป็นสาวน้อยน่ารักแล้วนี่ครับ”

   “ก็ได้ ๆ ถ้าอย่างนั้น นายต้องจูบฉันอีกนะ…เร็วเข้าสิ” ร่างบอบบางว่าพลางโน้มตัวเข้าไปหาอีกรอบ

   “ฉันชอบจูบกับนายจัง” เสียงหวานพึมพำ พลางกอดคอเขาไว้ไม่ยอมเลิกรา

   กว่าจะได้กลับบ้าน เรย์จิจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจูบไปกี่รอบ เขาเริ่มชักสังหรณ์ใจบางอย่างเสียแล้ว ว่านอกจากจะเป็นหมอนข้างน่ากอดสำหรับซากุระแล้ว ในตอนนี้ เขายังเป็นคนที่น่าจูบอีกด้วย

   แล้วแบบนี้…จะนอนหลับลงมั้ยเนี่ย ในคืนนี้…

   

   เสียงหัวเราะขบขันดังขึ้นเมื่อทั้งสองกลับไปถึงบ้าน สภาพของเรย์จิที่ดูยังไงก็คล้ายกระเทยตัวใหญ่ในชุดกระโปรงรัดติ้ว กับซากุระ…ที่อยู่ในชุดหลวมกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ไม่ได้ดูแปลกตามากนัก เพราะปกติก็ชอบแต่งตัวเป็นชายอยู่แล้ว พอดูรวม ๆ เลยคล้ายกับคู่รักแบบเกย์ ๆ ไปเป็นที่เรียบร้อย

   “เรย์จิคุง แต่งแบบนี้ก็ไม่เลวนะ” ซานะทักขึ้น หลายคนที่ฟังอยู่เริ่มหัวเราะกันอีกรอบอย่างหยุดไม่อยู่

   “โธ่ อย่าขำกันได้ไหมครับ กว่าผมจะกลับมาถึงที่นี่ได้ ก็อายแทบแย่แล้ว” เด็กหนุ่มพึมพำอย่างน่าสงสาร

   “เอาน่า ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ซะสิ อ๊ะ แต่ก่อนอื่น มาถ่ายรูปกันไว้อีกดีกว่า มา ๆ ทุกคน มาถ่ายด้วยกันเร็ว เดี๋ยวตั้งระบบอัตโนมัติไว้” โคโตะเริ่มชักชวน

   ทั้งหมดจึงเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ถ่ายรูปกันเป็นครอบครัวอีกครั้ง โดยมี เรย์จิพยายามจะห้ามไม่ให้ถ่าย แต่ก็….สายไปเสียแล้ว

   “แหม จะอายอะไรกันล่ะจ๊ะ” โคโตะที่แกล้งทำเสียงทาโนเอะพูดต่ออย่างนึกสนุก “พรุ่งนี้ร้านเราจะมีโปรโมชั่นพิเศษ แถมภาพถ่ายคู่ขวัญของร้านด้วยนะ ดูสิ น่ารักมั้ย”

   ว่าแล้วก็โชว์ให้ทั้งสองดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยรู้ดีว่าขืนเอาไปใกล้ ต้องโดนยึดไปแน่

   ในนั้นมีภาพอยู่หลายภาพเลยทีเดียว นับตั้งแต่ภาพพูดคุย ภาพโดนอุ้มโดนกอด และที่สำคัญ…ภาพที่กำลังจูบ…

   แน่นอนว่าสาวน้อยน่ารักในภาพนั้น…ก็คือเขา

ถ่ายซะชัดเต็ม ๆ เลย…

   เด็กหนุ่มหน้าแดงฉานไปแล้ว “ภาพแอบถ่ายมาเหรอเนี่ย เอาคืนมาเลยนะครับ!”

   “ก็น่ารักดีนี่นา” ซากุระมองภาพทีละภาพอย่างชื่นชม “โคโตะ อัดเผื่อฉันด้วยนะ ทั้งหมดเลย”

   “ไม่นะครับ ซากุระจัง แบบนี้ผมจะแมนได้ยังไงกัน” เรย์จิพยายามห้าม

   ซากุระมองมาแล้วนึกขึ้นได้ มือบอบบางล้วงไปหยิบถุงที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมายื่นส่งให้

   “เกือบลืมแน่ะ ของขวัญวันเกิดของนาย” ว่าพลางยื่นห่อของนั้นส่งให้

   “ซากุระจัง…” เด็กหนุ่มพึมพำอย่างตื้นตัน

   “วันก่อนทุกคนให้แล้ว แต่ฉันไม่ได้ให้ เพราะไม่รู้ว่าคนธรรมดา เขาจะให้ของขวัญกันในวันเกิด แต่ว่า…เรอิจิบอกฉันว่า ซื้อแบบนี้ก็ได้…”

   มือแข็งแรงคล่องแคล่วรีบแกะห่อออกอย่างรวดเร็วและตื่นเต้น หากพอมองชัด ๆ เขาก็ชะงัก “อ่ะ…ซากุระจัง…นี่มัน…”

   ร่างบอบบางยิ้มน้อย ๆ “น่ารักใช่มั้ย เรอิจิบอกฉันว่า เธอชอบมันมาก แถมต้องอยากจะ ‘ใส่’ มัน พรุ่งนี้ตอนเสิร์ฟอาหารเลยแน่ ๆ”

   “อ่ะ…เอ่อ…” เด็กหนุ่มชักเริ่มพูดไม่ออก เจ้าพ่อบ้าของเขา ไปเป่าหูอะไรซากุระล่ะเนี่ย

   คนอื่นมองมาแล้วหัวเราะ ของในมือคือชุดกระต่ายบันนี่บอยแบบสุดเซ็กซี่ มีถุงน่องตาข่าย พร้อมหูกระต่ายติดผมเสียด้วย

   “พอดีเลย แต่งแล้วคงเข้าคู่กับแมวน้อยของฉันน่าดู” ฮิโรอากิพึมพำ พลางมองราชินีของเขา ที่ตอนนี้แอบค้อนให้อย่างเขิน ๆ

   “นายจะใส่มันใช่มั้ยเรย์จิคุง” ซากุระถามย้ำอีกอย่างกระตือรือร้นสุด ๆ

   “ก็ต้องใส่สิ ไม่งั้นเดี๋ยวคนให้เสียใจแย่ ใช่มั้ยล่ะเรย์จิคุง” ยูเมะพูดขึ้นทันที

   “จริงด้วย ๆ” ซานะสนับสนุน คนอื่น ๆ พยักหน้าตาม จนเด็กหนุ่มหน้าซีด

   “ไหนบอกว่าผมแมนไง ทำไมแต่ละคน จะให้ผมแต่งสาวกันจัง…” เสียงอุทธรณ์อ่อย ๆ ดังขึ้นมาในที่สุด

แม้จะบ่นยังไง แต่วันรุ่งขึ้น เรย์จิก็ทำเซอร์ไพร์สให้ลูกค้าอยู่ดี แถมมีคนขอถ่ายรูปกันเพียบ

   “ยอดขายพุ่งแบบนี้เพราะเรย์จิแท้ ๆ เลย เอางี้ดีกว่า แต่งมันทุกวันไปเลยดี มั้ย วันนี้เรอิจิพึ่งส่งชุดนางแมวยั่วสวาทมาเอง เรามาลองกันเถอะ” โคโตะพูดยิ้ม ๆ หลายคนเริ่มเข้ามาช่วยเปลี่ยนชุดให้อย่างกระตือรือร้นกว่าเก่า

“อย่าลืมกล้องด้วยนะ ใส่แล้วต้องถ่ายไว้เยอะ ๆ” โคโตะพากย์ต่อไป

   “หา อย่านะครับ ทุกคนนี่นะ อย่าแกล้งผมแบบนี้สิ!!!”

   เรย์จิช่างน่าสงสารเสียจริง…แต่ก็นั่นแหละนะ กระทั่งคนแต่งยังแอบอยากเห็นเลยนะเนี่ย สู้ต่อไปก็แล้วกันนะ เรย์จิคุง!


(จบ)


ฝากสักนิดก่อนจบ จากใจ ppm

ตามอ่านมาจนจบแล้ว อย่าลืมคอมเมนต์ไว้เป็นกำลังใจคนเขียนสักอันนะคะ มันเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงและทำให้มีความรู้สึกอยากเขียนเรื่องสนุก ๆ ต่อไป คอมเมนต์ดี ๆ ppm อ่านซ้ำได้ไม่มีเบื่อ และขอบคุณเสมอสำหรับการติดตามค่ะ


===========================


นิยายที่ลงไปแล้วในบอร์ดนี้ เผื่อสนใจอยากอ่านเพิ่ม: Special Triple (จบภาค) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12935.0), สืบเสน่หา (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27706.0), หรรษาฆาตกรรม (TBC) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27792)
เรื่องสั้น (จบ): ทายาทมรณะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12350.0), Full moon night (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14120.0), Give my your hand (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14381.0), เรื่องอย่างว่าของเซี่ยเอ๋อร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21649.0), เรื่องสั้นนัท-เนยซีรี่ส์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=20360.0)


เปิดจองรวมเล่ม Absolution Cafe ค่ะ อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30161.0.html
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) จบตอนพิเศษ [12/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Jaajaa ที่ 13-12-2011 19:06:53
 o13 o13 o13
อยากอ่านต่อเรื่อยๆๆๆ
ขอบคุณนะคะที่ลงให้อ่านกัน :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) จบตอนพิเศษ [12/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 15-12-2011 08:51:58
มันทั้งน่ารักในเรทธรรมดา 
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) จบตอนพิเศษ [12/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Animee ที่ 03-01-2012 15:34:22
อยากอ่านตอนพิเศษทุกคู่จังเลยยยยย *^*
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม] Absolution Café (NC-18, SM) จบตอนพิเศษ [12/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Way ที่ 20-01-2012 22:08:37
ในที่สุดก็ตามจนจบ ลุ้นตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนพิเศษ :o8: :-[ ถ้าจะสั่งหนังสือบ้างยังทันอีกมั้ยอะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 05-02-2012 11:02:12
มาแจ้งข่าวว่าทำการแพ็คของเรียบร้อยแล้วนะคะ หนังสือจะส่งภายในสัปดาห์หน้าค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุน ^^

Edit: ส่งหนังสือเรียบร้อยแล้วนะคะ วันที่ 4 ก.พ. ค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: wasawath ที่ 15-03-2012 17:32:27
พึ่งเข้ามาอ่าน ชอบมว้ากกกก
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 16-03-2012 23:38:31
ติดเลย เรื่องนี้
ยิ่งตอนพิเศษเนี่ย ยิ้มไม่หุบเลย
ชอบๆๆๆๆๆ มาก
+1 จ้า
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [รีปริ้นเฉพาะกิจ อ่าน P.1] Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 18-03-2012 23:50:04
ชอบทุกๆคู่เลยคะ มาโอะก้อน่ารัก แต่เทใจให้ดาร์คสุดๆ แม้ว่าจะดู SM มากไปนิด :)  ขอบคุนมากๆนะค๊า จะรออ่านเรื่องต่อๆไปคะ ^^
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 05-04-2012 21:31:06
เพิ่งเหนอ่ะ แต่เจ๋งมากผูกเรื่องได้สุดยอดอ่ะ^^
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ร้ายนะครับ ที่ 16-04-2012 14:31:42
อั๊ย! ชอบเรจิง่ะ ซากุระไม่น่าเลย เธอน่ารักมาก><
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Laloly ที่ 16-04-2012 19:00:23
กรีดร้องกับเรื่องนี้ อ๊ากกกกกกกกกกกกกก

มีทุกอารมณ์จริงๆนะเรื่องนี้ครบเลย  :z2:

จะติดตามเรื่องต่อไปนะคะ

อ๊ายยยยย กว่าจะจบ แบบว่า สงสารแล้วสงสารอีก โอยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 27-04-2012 22:16:27
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผูกปมได้ยอดเยี่ยมมากครับ แต่ละคนมีที่มาและที่ไปทำให้แต่ละคนแตกต่าง

อายาเมะผู้น่าสงสาร ทำไมถึงได้ถูกขังอยู่ในที่แบบนั้นเพื่อนเรื่องแบบนั้น ช่างบีบคั้นหัวใจดีแท้ๆ

แล้ววิธีการฆ่าของเขาช่างน่าสงสารทึั้งคนโดนฆ่าและคนฆ่าเองด้วย ริวยะและคนอีกมากมายที่ตายเพราะรัก

ยังดีนะที่ฟ้าส่งฮิโรอากิมาเพื่ออยู่เคียงข้างอายาเมะตลอดไป

น้องซานาและน้องเอเม โอ้ว อันนี้แรงอ่า คือดาร์คที่หลงหลังซานาในเวลาต่อมาหลังจากการ"ฝึก"

ทำไมพอหลงรักแล้วยังทนมองคนที่ตัวเองรักโดนรังแกได้อีกนะ?

จิตใจของซานาและเอเมบอบช้ำมากมายอ่า ไม่แปลกที่เด็กหญฺงจะแรง

และไม่แปลกที่เด็กชายจะหลงรักดาร์คเช่นกัน ความรักนี่เข้าใจยากนะ (อยากอ่านคู๋นี้ต่อจัง)

โคโตะ โอโมะ ตอนแรกที่อ่านสารภาพเลยนะครับว่ารับคู่นี้ไม่ได้เพราะว่าเค้าคือสายเลือด

แต่พอมาอ่านตนสายปลายเหตก็เข้าใจว่าทำไมโอโมะถึงทำลง

คือเดาไว้ก่อนแล้วอ่าครับว่ายังไงโอโมะก็ต้องรักโคโตะมาก แบบที่ไม่มีวันทิ้งไปอย่างแน่นอน

แล้วพอมารู้เรื่องสะเทือนใจของสองคนนี้มันจี๊ดมากครับ สงสารโคโตะ

ซากุระ คนนี้เป็นนักฆ่าที่น่าสงสารน้องสุด แม้จะมีเรื่องเจ็บปวดและสะเทือนใจ

แต่ก็ไม่เท่าสี่คนที่เหลือ แถมยังได้เรจัง เอ๊ย เรจิผู้แสนจะอ่อนโยน น่ารัก น่าแกล้งไปอีก

อยากให้เรจิเป็นเรจังตลอดไปจัง ชอบตอนที่ซากุปกป้องเรจังมาก :o8:

และคนที่น่ารักและผมหลงรักที่สุดในเรื่องนี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง "เรอิจิ"

อยากได้คนนี้อ่า แต่กลัวโดนยูมิโกะตบเอาอ่ะ ชอบๆๆๆๆๆๆ :L1:


เรื่องนี้เป็นนิยายคุณภาพที่สื่อถึงทุกอารมณ์จริงๆครับ

ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆนะครับ  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayaya112 ที่ 28-04-2012 14:13:52
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 01-05-2012 21:58:09
 :L2:เพิ่งเจอแล้วอ่านจบแล้วในสองวัน (แอบอู้งานอ้ะ)
มันสนุก ปนเศร้า เคล้าน้ำตา แล้วก้ออมยิ้มได้ด้วย
ชอบที่จบแบบนี้ คนอ่านมีความสุขมาก เป็นนิยายอีกเรื่องที่คนแต่งแจ๋วมากกกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ร้ายนะครับ ที่ 02-05-2012 08:46:51
 :-[ :-[ :L2: :L2: o13 o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: sassyaom ที่ 02-05-2012 11:56:28
น่ารักเว่อร์ แอบชอบดาร์ค ซานะ อิอิ ลุ้นทุกตอนเลย และลุ้นกับเรื่องราวของทุกตัวละคร น่าจะมีชื่อเรื่องไทยด้วยนะ เช่น บันทึกรัก นักฆ่า นายเซ่อซ่ากับนักฆ่าหน้าหวาน หรือ คาเฟ้รักอลเวง อิอิ ชอบมาก ^-^''
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: topperha ที่ 09-05-2012 19:56:44
นิยายเรื่องนี้เนื้อหาดีมากครับ
ชวนให้ติดตามตั้งแต่ตอนแรกจนจบ
อ่านแล้วไม่อยากวางเลย
 o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: senaria ที่ 11-05-2012 16:28:09
เรย์จิน่ารักอะ แบบว่าโดนแต่งหญิงด้วย หุๆ

มาตะลุยอ่านวันเดียว เล่นเอาร้องไห้ซะหลายรอบเลย (เขิลคนที่ออฟฟิศสุดๆ อยุ่ๆน้ำตาไหล 555+)

สนุกมว้ากกกกก แต่ิอยากให้ซานะได้แฮปปี้กับดาร์ค มาอยุ่ด้วยกันแล้วค่อยจบจัง เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 13-05-2012 09:22:32
พึ่งมาอ่านสนุกมากจ้าาาาาาาาาาา  :m4: :m4: :m4:
เป็นกำลังใจให้เน้ออออออ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: John Doe ที่ 08-06-2012 21:28:15
เพิ่งตามอ่านจ้า
สะใจ! เอ๊ย! สนุกมากเลย  :impress2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 14-07-2012 21:24:16
อ่านจบแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: kumiga ที่ 18-07-2012 02:39:36
เป็นเรืื่องที่ดีมากๆในหลายๆเรื่องที่ได้อ่านมาเลยละค่ะ ขอชื่นชมคนเขียนอย่างจริงใจเลย  o13
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 22-07-2012 22:37:02
แอบคิดว่าเรย์จังเป็นเรย์จังไปตลอดอ่า

น่ารัก
อิอิ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 10-08-2012 18:46:25
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 12-08-2012 05:18:23
เฮ้ออออ...เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วรุ้สึกเหนื่อยมาก
เพราะตอนแรกไม่คิดว่าเรื่องจะยาวขนาดนี้ เพราะเห็นว่ามีอยุ่ไม่กี่หน้าก็จบแล้ว
แต่พอเข้ามาอ่านจริงๆหน้านึงกลับมีหลายตอนเลย เพราะตอนแรกกะหาเรื่องสั้นๆอ่าน
แต่นั่นยังไม่เท่าไร ที่ทำให้เหนื่อยจริงๆคือเนื้อหาต่างหาก ช่างเข้มข้นดุเดือด
ดราม่า เคร่งเครียดจนคนอ่านเหนื่อยไปเลย แต่อีกมุมนึงก็ยังสนุก
มีหลายครั้งที่คิดจะไม่อ่านแล้ว แต่เนื้อหา ปมต่างๆ ทำให้อยากรุ้ อยากติดตาม
จนเมื่อปมคลายหมดแล้ว แล้วเล่าย้อนอดีต ตรงนี้แหละที่ทำให้ท้อที่จะอ่านที่สุด
คิดที่จะหยุดอ่านอีกครั้ง เพราะยังไงก็รุ้ว่าจบแฮปปี้แล้ว
แต่ว่าก็ยังอยากจะรุ้ตอนจบว่าคนเขียนจะเขียนออกมาว่ายังไง ก็เลยฮึดอ่านต่อไป
ยังดีที่ตอนจบน่ารัก และตอนพิเศษยิ่งน่ารักมาก เลยทำให้รุ้สึกดีในตอนจบ รุ้สึกว่าจบอย่างแฮปปี้จริงๆ
เคยอ่านเรื่องของคนเขียนคนนี้มาบ้างเหมือนกัน การเขียนไม่มีอะไรที่เด่นมากแต่เข้าใจง่าย
รุ้สึกได้ว่าไม่ใช่มือสมัครเล่น ไม่ใช่มือใหม่ที่คิดจะเล่าเรื่องออกมาเท่านั้น
แต่มีการบรรยาย เรียบเรื่องคำ เลือกคำ และใช้ภาษาอย่างดี
จนคิดว่าเหมือนได้อ่านจากหนังสือนิยายที่ซื้อมาจากร้านมากกว่าจะเป็นแค่นิยายในอินเตอร์เน็ตของมือใหม่
และคำผิดในเรื่องน้อยมากจนแทบไม่มีเลย การผูกปมเรื่องซับซ้อน เป็นปริศนาที่น่าติดตามมาก
แต่อ่านเรื่องนี้ไม่อินเท่าไร ที่ไม่อินไม่ใช่เพราะเรื่องไม่ดี หรือคนเขียนถ่ายทอดอารมณ์ไม่ดี
แต่เพราะตอนอ่านไม่ได้เอาใจเข้าไปผูกกับเรื่องมากนัก ประกอบกับตอนอ่านก็เบลอๆบ้างเพราะง่วงนอน
เลยอ่านแล้วรับรุ้แค่เนื้อหาใจความเท่านั้น แต่ไม่อินเอาอารมณ์ ไม่งั้นอาจได้เสียน้ำตาไปหลายปี๊บอยุ่
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 13-08-2012 07:47:05
สนุก  o18

ปนโหดได้ใจเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 13-08-2012 14:29:28
อยากให้ซากุระคุงเป็นผู้ชายจัง  :sad4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 13-08-2012 19:27:16
ขอบคุณมากคราบ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 24-09-2012 00:52:33
ตามอ่านจนจบแล้วในที่สุด
สนุกมากแต่ก็กดดันมากๆเหมือนกัน
กว่าจะอ่านเรื่องนี้จบได้หยุดๆอ่านๆเกือบ 3 รอบ :เฮ้อ:
เนื้อหาแน่นมาก  กดดันสุดๆ  แต่ก็ให้ข้อคิดที่ดีได้สุดๆอีกเหมือนกัน o13
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะค่ะ
+1 เป็นกำลังใจคร๊า :กอด1:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Lisnary ที่ 06-10-2012 09:16:51
อ่านแล้วได้ครบรสดีทีเดียว สนุกมากๆเลยค่ะชอบทุกคนเลย :3123:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: paintshinki ที่ 10-10-2012 21:45:53
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ ชอบจริงๆ
เพราะบางตอนอ่านไปยิ้มไป
บางตอนอ่านแล้วรู้สึกสงสารจับใจ
สรุปคือหลงรักเรื่องนี้ทีเดียว 55
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: pompadour ที่ 15-03-2013 22:40:21
เพิ่งมาอ่านค่ะ พอจบแล้ว ชอบมากเลย!!!! วรั๊ยยยยย มันบีบคั้นหัวใจมาก (ไม่Mนะ)
โครงเรื่องดีมาก ชอบมากๆเลย แต่มาช้าไปปิดรีปริ๊นซ์ไปนานมาก ;w; เศร้ามาก ณ จุดๆนี้
ชอบคู่ซานะกับดาร์ค 55555  :-[
หัวข้อ: Re: Absolution Café (NC-18, SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: preaw-sm ที่ 19-03-2013 17:02:37
โอ้ ลุ้นมากๆเลยค่ะ สุดท้ายก็จบลงด้วยดี //โล่งใจ
ชอบมากเลยค่า ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 07-04-2013 12:12:20
สนุกมาก ๆ ค่ะ

ตัวละครน่าสนใจทุกตัวเลย
มีอดีตด้วยกันทุกคน
 

เป็นกำลังใจนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: Absolution Café (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Tamtang ที่ 09-04-2013 17:00:04
สวัสดี เราชอบเรื่องนี้ที่คุณแต่งมากๆเลย สนุกมาก ตอนแรกกะหาเรื่องสั้นๆอ่าน พอมาเจอเรื่องนี้นึกว่าจะไม่เยอะเพราะมีไม่มากหน้า แต่ไหงกลับเยอะซะงั้น ฮ่าๆ  แต่ก็ทำให้เราติดเรื่องของคุณไปเลย(พอรู้ว่าตอนเยอะ เริ่มขี้เกียจอ่านละ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาอ่านเพราะเนื้อเรื่องเข้มข้น สนุกมากจริงๆค่ะ) 

สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 15-05-2013 14:21:40
เพิ่งได้มีโอกาสได้เข้ามาอ่าน  อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ครบทุกรสชาติจริงๆ

เศร้าก็เศร้าสุดๆ  สุขก็สุขจริงๆ 

คนเขียนเก่งมากเลยที่ผูกเรื่องได้น่าติดตามและสอดคล้อง  แม้ตอนแรกๆอ่านแล้วจะงงนิดหน่อยก็เถอะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  จะติดตามไปอ่านเรื่องอื่นนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 30-05-2013 00:09:26
อยากอ่านตอนพิเศษ ดาร์ค & ซานะที่สุดเลยยยยยยย >.< ชอบม๊วกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: sorakaraful ที่ 12-08-2013 12:07:33
เก็บช่วงหลังๆ รวดเดียวค่ะ แอบลุ้นเบาๆ ว่าเอ๊ะ หลังจากที่หลายคู่ลงตัวแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
ปรากฏมี 2 เรื่องที่คาดไม่ถึงค่ะ
1. ไม่น่าเชื่อว่า ซากุระจะคู่กับเรย์จิ
ช่วงแรกๆ หลายคนคงลุ้นให้เรย์จิ คู่กับหนุ่มน้อยน่ารักสักคน ซึ่งเมลล่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
ช่วงหลังๆ แม่ยกหลายคนเริ่มอวยคู่ซากุระ เรย์จิแล้ว เมลล่ายังแอบคิดว่า
รอบนี้จะมีพลิกล็อกอะไรอีกไหมหนอ ปรากฎว่าคู่นี้ออกมาน่ารักมากๆ ค่ะ
โดยส่วนตัวชอบแซะนางเอกมากก อะไรนิดอะไรหน่อยก็แซะจนเกิดดราม่า
แต่สำหรับเรื่องนี้ อ่านแล้วยิ้มค่ะ คงเพราะหนูซากุ ไม่ค่อยมีจริตจะกร้าน อะไรกับเขา
มองดูแล้วน่ารักกำลังพอดีค่ะ ^_^

2. คาดไว้ว่า ซานะจะหม่ำแห้ว
พลิกล็อกอีกครั้ง หลังจากแทบลืมตัวละครโฉดที่ชื่อดาร์ค ไปสนิท
อ้าว สรุปแกเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นชาวประมงเมื่อไหร่? จับปลาสนุกไหม??
แอบเลื่อนๆ อ่านคราวๆ ครั้งแรก ไม่เจอเซอร์วิส คู่นี้ค่ะ (อิฉันตาถั่ว)
คิดว่าเอาเถอะ หนูยังเด็กนักซานะ ไม่มีใครอวยก็หม่ำแห้วไปก่อนน๊ะจ๊ะ
พออ่านจริงๆ จังๆ ถึงได้เจอเซอร์วิสคู่นี้ ตกใจเบาๆ อ้าวตายยากจริงแก

โดยรวมถือว่าเรื่องนี้มีทั้ง มุมมืด และมุมสว่าง ที่ค่อนข้างผสมผสานได้อย่างลงตัว
ที่อยากชมมากๆ คือ ไรเตอร์ใช้ทรัพยากรไม่เปลืองเลยเจ้าค่ะ
โดยปกติ แนวบู้จะค่อนข้างใช้ตัวละครเปลือง (เอะอะก็ฆ่าทิ้งๆ ลูกเดียว)
แต่สำหรับเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเอาใจแม่ยกมากๆ แทบไม่มีใครตายจริงๆ เลยเจ้าค่ะ
(หรือเดี๊ยนอยู่กับนิยายต้มมาม่า กดดันคนอ่านมากไปก็ไม่ทราบ)
ชอบมากค่ะ จะรอต่อเป็นหนังสือนะคะ ถ้าไม่จนกรอบเสียก่อน♥
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: follow2k ที่ 12-09-2013 21:50:19
อ่านสนุกมากเรื่องพลิกไปมาตลอด เดี๋ยวดราม่า เศร้า อ่านแล้วบีบคั้นความรู้สึก จุกตื้อในหัวใจ สลับกับความโหดที่บีบคั้น ปวดตับ อึดอัด กลับอ่านแล้วเคยเสียวคอหอย แต่กลับแทรกความน่ารักปนขำ อมยิ้มกลับเรย์จิ ช่างน่าแกล้ง กับความขี้แกล้งของแต่ละคน ลุ้นสนุกมาก
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: hap-hap ที่ 29-06-2014 15:20:39
นานมากแล้วที่ไม่ได้อ่านนิยายที่เข้มข้นด้วยอารมณ์แบบนี้

บอกตรงๆว่าสุดฟิน

ไม่รู้ว่าคนอื่นเปนรึเปล่านะ

มันดีซะจนอยากมีไว้ครอบครองเลยละ

แต่งอีกนะค่ะ แต่งอีกเยอะๆ นิยายดีๆอย่างนี้ ชอบการใช้คำของ ppm อ่านไม่มีสะดุดเลย ไหลรื่นไปเรื่อยๆ อยากหยุด

อ่านเหมือนกันนะบางฉากที่มันสะเทือนอารมณ์เกินไป แต่หยุดไม่ได้เลยได้แต่อ่านแบบข้ามผ่าน พอจะเลิกอ่านแบบไม่

ไหวแล้วมันแรงไป กะไปเจอปริศนาให้อยากรู้อีกหล่ะ เลยเลิกอ่านไม่ได้ พออ่านมาจนถึงตอนสุดท้ายถึงได้รู้ว่า อ๋อ ที่ทำ

ไปอย่างนั้นมันมีเหตุผลอย่างนี้นี่เอง อ่านเรื่องนี้แล้วได้ข้อคิดหลายอย่าง ทุกอย่างมีเหตุผลของมันที่ทำให้มันเกิดขึ้น

อยู่ที่ว่าเราจะรับเหตุผลนั้นได้หรือไม่ ขอบคุณนะค่ะที่ทำให้ได้อ่านนิยายดีดีที่หามานาน
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 25-08-2014 17:43:11
ขอบคุณค่ะ ถึงจะ ออกโหดๆ ต่อสภาพจิตรใจเราไปนิด แต่บอกได้เลยว่า ชอบมาก (หรือตูเป็นมาโซแล้วฟระ) :m29:
อ่านแล้วมีอารมณ์หลากหลายมาก แถมตอน จบ ยัง ยิ้มไม่หุบเลย แบบว่า น่ารัก อ่ะ  :mew1: ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 28-08-2014 17:12:49
อ่านจบรวดเดียวเลยครับ มันหยุดอ่านไม่ได้จริงๆ
เป็นเรื่องราวแนวญี่ปุ่นที่สนุกมากที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยครับ

ผูกเรื่องได้สุดยอด Perfect! ลงตัวสุดๆ เหมือนการเอาหลายๆเรื่องมารวมกันอยู่ในซีรี่ย์เรื่องเดียว
มาแบบครบรส หลากหลายแต่ลงตัว มีทุกอย่างที่นิยาย boy's love ระดับพรีเมี่ยมพึงมี
ตัวละครแต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะส่วนตัวที่น่าหลงไหล ผมชอบทุกตัวละครเลยนะครับ
ตอนเริ่มเรื่องมาดูเป็นเรื่องเบาๆ ออกแนวการ์ตูนๆ แต่พอตอนต่อๆมาเท่านั้นแหละ
เข้มข้นมาก รวมครบทั้งดราม่า โชตะ NC SM etc

แล้วพอตอนท้ายกลับกลายเป็นความผ่อนคลายปลอดโปร่ง แถมได้ข้อคิดมากมายจากเรื่องนี้
เหมือนตัวผมเองได้รับการสอนและรักษาทางจิตวิทยาไปพร้อม ๆ กับตัวละครต่างๆในเรื่องเลยครับ
พออ่านจบปุ๊บ มีแต่ความรู้สึก เบาใจ โล่งและสบายใจมากๆ

ถ้าบอกว่าคุณ ppm จบด้านจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ ผมก็เชื่อนะครับเนี่ย
แค่คำว่า"ให้อภัย" จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้อภัยคนอื่นๆ ที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้เรา
หรือแม้แต่ให้อภัยตัวเองซึ่งอันนี้สำคัญที่สุด คุณppm แต่งได้ยังไงครับเนี่ย มันสุดยอดมาก

สุดท้าย ขอบคุณมากครับที่แต่งนิยายดี ๆ แบบนี้ให้ได้อ่าน รู้สึกเต็มอิ่มมากครับ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 01-12-2014 13:32:43
อ่านแล้วเครียด เครียดมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 05-05-2015 20:37:55
สนุกมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณนะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 15-05-2015 06:48:39
เปิดจอง Absolution cafe แล้วนะคะ โดยสำนักพิมพ์รินรักค่ะ รายละเอียดตามไฟล์แนบ สนใจจองได้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม เป็นต้นไปค่ะ หรือจองในงาน KSYF  วันเสาร์นี้ มีของแถมพิเศษให้ด้วย
http://www.rinluckbooks.com
https://www.facebook.com/rinluckbook (กด like ติดตามข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับหนังสือได้ที่นี่นะคะ)

ปล. จองโดยตรงกับทางค่ายเลยนะคะ ^^

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 10-06-2015 21:23:12
ผิดหวังตรงซากุระนิด แต่ก็ช่างเถอะ โดนข่มขืนเยอะไปนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 15-07-2015 22:46:36
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ
ตอนแรกอ่านแล้วยังคิดเลยว่าซากุระเป็นผู้ชาย จะได้คู่กับเรย์จิแอบเสียดายที่ไม่วายนึ่แหละ555 :o8:
แต่จบแฮปปี้ดีค่ะ ทุกคนน่ารักมากเลย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 18-07-2015 23:15:36
สุดท้ายทุกคนก็ผ่านอดีตที่ขมขื่นมามีชีวิตแบบคนธรรมดาได้แล้วสินะคะ ^^ :mew2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: nao16 ที่ 20-07-2015 13:58:46
อ่านจบแว้วววว อ่านรวดเดียวให้ปวดตากันไปข้างหนึ่ง

เรื่องสนุกมากเลยค่าาาา ตัดเป็นตอน ๆ แบบนี้ชอบมากเลย

สลับอดีตกับปัจจุบันได้ลงตัวมากกก แอบเดาว่าใครเป็นใครสนุกมากเลยอ่าา

แต่อดีตของแต่ละคนที่มันดาร์คได้ใจมากเลยอ่าาา อ่านไปสยองไป มันหดหู่เนอะ

เหมือนอ่านการ์ตูน SM อะ บรรยายได้เหมือนจริง เห็นภาพจนบางทีก็คิดว่า มันชัดไปป่าาวว้าาาา :katai1:

อ่านไปเครียดไปเหมือนกันนะเนี้ย สิ่งเดียวที่นึกถึงตอนอ่านก็คือว่ เรย์จิต้องช่วยได้แน่ ๆๆ ท่องไว้ตลอดเลยค่ะ

รวม ๆ แล้วชอบมากเลยค่าาาาาา  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ปล.ปกหนังสือกับเนื้อในนี่ เอิ่ม... :mew5:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 24-08-2015 19:16:25
อ่านจบแล้ว ชอบมาก ๆ ครับ มีครบทุกอารมณ์ สนุก ขำ เศร้า ซึ้ง โหด หื่น

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: JayNPL ที่ 07-10-2015 00:07:41
เรื่องนี้สนุกมากเลย เป็นครั้งแรกที่อ่านแนวนี้ด้วย ขอบคุณคุณพีมากๆเลนน้า ที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: tikk ที่ 28-02-2017 13:45:47
ขอบคุณนะคะ :pig4:  :กอด1:
ตอนแรกที่เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่อง คิดว่าเรื่องนี้จะออกแนวมุ้งมิ้ง น่ารัก ๆ แต่พออ่านแล้วก็  :a5: ชื่นชมการใช้ภาษา ตัวละคร ผูกปมเนื้อเรื่อง เชื่อมโยงกันได้ดีมากก ๆ  o13  :call: เป็นนิยายที่ชอบมาก ๆ เรื่องนึงเลย รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  :กอด1: :bye2:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 08-04-2017 07:52:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Wonderful_Betty ที่ 13-07-2022 09:26:53
รักเลยค่ะ