พิมพ์หน้านี้ - ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: virgo ที่ 27-10-2016 00:04:52

หัวข้อ: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 27-10-2016 00:04:52
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

(http://upic.me/i/93/aqim7.png)

(http://upic.me/i/ic/iridescence_by_mooncookie1.jpg)
Illust : Cheyenne
————————————————————————————————
*นิยายเรื่องนี้ผู้โพสไม่ได้เป็นคนแต่งเองนะคะ*
แต่ได้รับอนุญาตจากคุณเจี่ยเจีย(ผู้แต่ง) ให้นำมาลงในนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ
ขอให้สนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ  ^^
————————————————————————————————
(http://upic.me/i/ha/0untitled-13.png)
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3499894#msg3499894)
บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3499896#msg3499896) ❙ บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3499902#msg3499902) ❙ บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3501723#msg3501723) ❙ บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3557409#msg3557409)
บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3562335#msg3562335) ❙ บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3564540#msg3564540) ❙ บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3567264#msg3567264) ❙ บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3570157#msg3570157)
บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3572913#msg3572913) ❙ บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3574506#msg3574506) ❙ บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3578994#msg3578994) ❙ บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3581007#msg3581007)
บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3582628#msg3582628) ❙ บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3587888#msg3587888) ❙ บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3596709#msg3596709) ❙ บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3625074#msg3625074)
บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3638821#msg3638821) ❙ บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3641359#msg3641359) ❙ บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3645428#msg3645428) ❙ บทที่ 20 End (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3653403#msg3653403)
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56248.msg3665261#msg3665261)


ฝากติดตามเรื่องสั้นซึ่งเจี่ยเจียลองแต่งเป็นเรื่องแรกด้วยนะคะ
☯ [เรื่องสั้น] คัมภีร์... วั่งเสี่ยง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58292.msg3579689#msg3579689)

หัวข้อ: Re: ↠ มังกรขาว ↞ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 27-10-2016 00:09:00
✽ มังกรขาว By เจี่ยเจีย ✽

บทนำ

   "ที่นี่ที่ไหน"

   สถานที่แห่งนี้ทั้งมืด อับ และชื้น สองขาของชายหนุ่มก้าวต่อไปพร้อมสอดส่ายสายตาหาทางหนีทีไล่ไปด้วยในตัว สองมือค่อยๆ คลำตามผนังชื้นแฉะไปทีละนิด แสงสว่างปลายทางที่ทอลอดออกมาให้เห็นช่วยให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาก จึงก้าวขาด้วยความเร่งรีบตามลำแสงนั้นไป

   จนเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้หายใจติดขัดขึ้นมาทันที ไม่ใช่ความโอ่โถงของถ้ำแห่งนี้หรืออัญมณีแพรวพรายที่ "เกลื่อนกลาด" เต็มพื้นและผนัง หากเป็นมังกรขาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงหรูหรากลางถ้ำนั่นต่างหากที่ทำให้เขาอึ้ง!!!

   มังกร?....มังกรเนี่ยนะ เขาลองก้าวเท้าถอยหลัง หลับตา แล้วนับ 1-10 ในใจก่อนก้าวเข้าโถงนั่นไปอีกครั้ง หากครั้งนี้มีเพียงสีสันแสบตาของเครื่องทองหยองเท่านั้น ฟู่....ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก คงตาฝาดน่ะ หลังจากปลอบใจตัวเองเสร็จก็เริ่มเดินสำรวจสภาพภายใน

   "พ่อเจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ยยย...เกิดมาก็พึ่งเคยเจอ ใครน้ออ ช่างรวยเละเทะขนาดนี้" สองตาชื่นชมสมบัติตรงหน้า สองมือก็ไม่ยอมน้อยหน้าแตะชิ้นโน้น ลูบชิ้นนั้นอย่างเพลิดเพลิน

   "ใครอนุญาตให้จับ"สมบัติ" ของข้าไม่ทราบ!!!"

   สิ้นเสียงคำรามพร้อมกันกับที่ร่างสีขาวพราวพร่างปรากฏกายขึ้น ใจของธรณินโลดขึ้นสูงมาอยู่ติดกับคอหอยทันที ร่างกายพลันแข็งทื่อ สองตาอยากหลับลงเพื่อไม่ให้เห็นภาพตรงหน้าแต่ดวงตาเจ้ากรรมเบิกโพลงจ้องมอง "มังกร" ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง ไล่มาจากลำตัวยาวสีขาวแลดูนุ่มเรียบ ส่วนดวงตานั้นเล่าเป็นสีน้ำเงินเข้มเหลือบดำ หัวใหญ่โตหันมามองยิ้มเย้ย...ยิ้ม...เย้ย ธรณินอธิบายไม่ถูกว่าทำไมจึงรู้สึกว่ามังกรตัวนี้กำลังเย้ยเขา
 
   " เจ้าเข้ามาในนี้ได้ยังไง" ว่าพลางมังกรขาวก็เลื้อยมาพันอยู่รอบตัวชายหนุ่มอย่างต้องการกักขังไว้ไม่ให้หนีพ้น ลิ้นยาวสีแดงสดลากไล้ไล่เลียตั้งแต่ติ่งหูจนถึงบริเวณไหปลาร้าของชายหนุ่มเพื่อจับความผิดปรกติหากฝ่ายนั้นคิดโกหกเขา

   "มะ...ไม่รู้ ยะ..อยู่ๆ ก็มาโผล่ที่นี่เอง" ธรณินเหงื่อกาฬแตกพลั่ก หนาวเยือกไปตลอดแนวไขสันหลัง

   "หึ...มนุษย์เช่นเจ้า เข้ามาคงมีจุดประสงค์ด้วยสมบัติแห่งข้ากระมัง"

   "เอ๊!!" คราวนี้ธรณินเริ่มส่งเสียงสูงประท้วง

   "ก็บอกว่ามาได้ไงไม่รู้ รู้สึกตัวก็มาอยู่ที่นี่แล้วเนี่ย" ใบหน้าคมเริ่มเหลืออดที่ถูกกล่าวหาว่าเข้ามาขโมยของ    "เช่นนั้นเจ้าเข้ามาได้อย่างไร" มังกรขาวส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างรำคาญเต็มที

   "โว๊ยยย ...ก็บอกว่าไม่รู้ๆ หลับอยู่ดีๆ ตื่นมาก็มาอยู่ในถ้ำเนี่ย"

   "หลับงั้นรึ...แสดงว่า..เทพนิทรานำเจ้ามาสู่ข้า" ลิ้นที่ลากไล้อยู่ตามไหปลาร้าค่อยๆไล่ระเรื่อยมาถึงบริเวณหัวใจ    "ใจเจ้าเต้นแรงดี..ข้าชอบ..มันแสดงถึงความหนักแน่น..."

   แน่นบ้าอะไรล่ะใครเจอสถานการณ์อย่างนี้แค่ใจเต้นแรงยังน้อยไปไม่ช็อคตายก็บุญละ ธรณินคิดอย่างเข่นเขี้ยว จะให้พูดออกมาน่ะเรอะ!!! เกิดโดนงับหัวขาดไปจะทำไง

   ร่างของมังกรขาวเริ่มเปล่งแสงจ้า ศีรษะใหญ่โตเริ่มหดเล็กมีผมสีน้ำตาลทองนุ่มสลวยปกคลุม ร่างกายปรากฏเป็นรูปลักษณ์ของชายหนุ่ม ปากบาง คิ้วเรียว จมูกรั้นส่อแววเอาแต่ใจ แต่ที่ยังคงเดิมเหมือนยามเป็นมังกรนั่นคือดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำนั่นต่างหาก ดูลึกลับและล่อลวง น่าค้นหา

   ธรณินหลับตาหลบแสง เกร็งตัวรอรับการประทุษร้าย หากเมื่อเสียงรอบกายเงียบลง เขาจึงค่อยๆ หรี่ตามองอย่างกล้าๆ กลัวๆ กวาดตามองไม่พบ จนเมื่อก้มลงมาจึงเห็นใบหน้าขาวที่สูงระดับอกกำลังมองสบอยู่อย่างท้าทาย ใบหน้านั้นโน้มลงชิดแนบอกตำแหน่งหัวใจของธรณิน จุมพิตอ้อยอิ่งตรงผิวเนื้อบริเวณนั้นจนเกิดรอยแดงจึงเงยหน้ามาขยิบตาอย่างซุกซน
   "เจ้า...เป็นของข้า!!"

   "เฮ้ย!!!"

   ธรณินร้องเสียงหลงก่อนได้ยินเสียงดัง "พลั่ก" เต็มสองหู บนเพดานห้องมีดาวระยิบระยับจากการที่เขาตกเตียงลงมากองที่พื้นด้านล่าง ธรณินกระพริบตาปริบ
 
   "ฝัน???"

TBC...
หัวข้อ: Re: ↠ มังกรขาว ↞ บทที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 27-10-2016 00:11:49
บทที่ 1

   ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

   เสียงนาฬิกาปลุกส่งเสียงลากยาวนานต่อเนื่อง ส่งผลให้ร่างในกองผ้าดิ้นฮึดฮัดอย่างขัดใจ มือยาวควานหาโทรศัพท์โดยที่หนังตายังสมัครสมานสามัคคีประกบติดกันแน่นหนึบ เมื่อสัมผัสพบวัตถุที่ต้องการจึงค่อยยันตัวลุกขึ้นแล้วตัดใจแยกคู่รักหนังตาบนกับหนังตาล่างออกจากกันด้วยความอิดออด

   เช้าวันนี้ธรณินตื่นมาด้วยความรู้สึกหนักหัว ปัญหามากมายประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อน แถมเมื่อคืนยังฝันประหลาดอีก เดินลากร่างสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำไปจัดการอาบน้ำ หวังให้ร่างกายสดชื่น แต่ก็ต้องมาหงุดหงิดกับรอยจ้ำสีแดงบริเวณแผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจด้านซ้ายนี่แหละที่กระตุ้นให้ใบหน้าร้อนผ่าวแต่เช้า

   “มังกรลามก” พึมพำเสียงแผ่ว ก่อนจะสะบัดหัวขับไล่ความฟุ้งซ่าน แล้วรีบจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย

   คว้าเสื้อสูทแบบเรียบสีดำมาใส่ เสยผมเปิดใบหน้าเงียบขรึม ดวงตายาวรี จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเข้ารูป เขารู้ตัวว่าตัวเองหน้าตาดี ไม่น่าจะเป็นแค่ผู้จัดการนายแบบ บางครั้งนายแบบบางคนยังหล่อสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ทำไงได้ เขาวางแผนธุรกิจได้ จัดคิวได้ ดูแลตารางงานและชีวิตหนุ่มๆ เหล่านั้นได้ แต่...เขาเป็นนายแบบเองไม่ได้...ก็เท่านั้น

   “คุณณินค้า วันนี้น้องที่นัดแคสไว้มากันครบแล้วนะค้า นี่รอคุณณินมาดูตัวแล้วก็สอยไปใช้งานได้เลยค่า” สมชายหรือที่เจ้าตัวมักแนะนำตัวกับใครต่อใครว่า “ซิสซี่” ส่งเสียงรายงานแจ้วๆ ทันทีที่ธรณินก้าวเข้าประตูสำนักงานมา ตาเรียวยาวตวัดมองนิดหนึ่ง พอให้รู้ว่าเจ้าตัวรับรู้แล้ว ก่อนจะถามด้วยเสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์

   “ผู้จัดการท่านอ่าน เลือกดูหรือยัง”

   “เรียบร้อยแล้วค่ะ รับตัวไปหมดแล้ว เหลืออยู่ 2 - 3 คน คุณณินจะพบเลยไหมคะ” จีบปากจีบคอเล่าไป ตาก็เก็บภาพหนุ่มหล่อในฝันไป สุขใดไหนจะเท่าได้เป็นเลขานุการคนหล่อเหลาเนอะ คุณธรณิน  เกริกก้องกังวาน ผู้จัดการนายแบบสุดฮอต มือปั้นระดับพระกาฬ ผู้ริเริ่มก่อตั้งบริษัท “ผู้จัดการ จำกัด” บริษัทที่รับหน้าที่จัดปั้นดูแลคิวงาน ชีวิตส่วนตัวและอีกจิปาถะให้นักแสดง นักร้อง นายแบบแบบครบวงจร

   “เพี๊ยะ!!” เสียงดีดหน้าผากดังขึ้นพร้อมกับมือของสมชายที่กุมหน้าตัวเองพลางร้องโอดโอย

   “เช็ดน้ำลายแล้วไปทำงานได้แล้ว” ธรณินสั่งเสียงขรึมหากแววตาเต้นริกเป็นประกายอย่างคนขี้เล่นมีแววสนุกสนานยามได้แกล้งคนก่อนก้าวเท้ายาวๆ จากไป

   เฮ้อ... เด็กใหม่ที่มาวันนี้ไม่มีคนไหนที่รู้สึกเตะตาเขาได้เลย ทางบริษัทโฆษณาที่เคยมีบุญคุณกันมาก่อนหน้าก็มาเร่งยิกๆ ว่าต้องการเด็กผู้ชายหน้าใหม่ที่ไม่เคยผ่านงานโฆษณาใดมาก่อน มีลักษณะเข้าถึงได้ง่าย บริสุทธิ์ บอบบาง เพื่อมาโฆษณาลิปสติก ไอ้คนคิดคอนเซ็ปท์ก็ท่าจะบ้า จะไปหาได้ที่ไหนผู้ชายที่ทาลิปสติกออกมาแล้วดูเซ็กซี่ น่าทะนุถนอม เขาอยากจะทึ้งผมตัวเองออกมาให้หมดหัวจริงเชียว

   ก๊อกๆ สิ้นเสียงเคาะประตู สมชายก็ไม่รอให้คนในห้องอนุญาต กลับถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาพร้อมด้วยใบหน้าตื่นเต้นซึ่งปิดไม่มิด

   “คุณณินค้า คุณณิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงค่ะ Angel ที่พวกเราตามหามาแล้วค่า” พูดจบก็ผายมือด้านหลังเบี่ยงตัวหลบให้ผู้มาทีหลังก้าวขาขึ้นมาด้านหน้า

   ธรณินหันไปดูตามเสียงเรียกก็ต้องตกตะลึงตัวค้างแข็ง ไม่ใช่ด้วยใบหน้าอ่อนใสรับกับผมสีน้ำตาลทองพลิ้วนุ่ม ไม่ใช่ด้วยร่างกายที่มีแขนขาเรียวยาวดูสมส่วน ไม่ใช่ด้วยดวงตาพราวระยับแฝงแววหยอกเย้า หากทั้งร่างกายที่ประกอบขึ้นมานั้นคือ มังกรขาวลามก!!!

   “ต๊าย... คุณน้องดูซิคะ คุณณินอึ้งไปเลย คุณน้องนี่แหละตรงตามคอนเซ็ปท์ Angel สุดๆ เหมือนกับอีตาคนคิดคอนเซ็ปท์เห็นคุณน้องแล้วถึงค่อยบรรยายรูปลักษณ์คุณน้องออกมาเลยล่ะค่ะ ยังไงลองคุยรายละเอียดกับคุณณินดูก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ออกไปเตรียมน้ำกับขนมมาให้เนอะ” สมชายยิ้มแย้มแก้มปริพลางกล่าวพยักเพยิดกับเด็กหนุ่มตรงหน้า

   หนุ่มน้อยกระพุ่มมือยกขึ้นไหว้สวย “ขอบคุณครับพี่”

   “ต๊าย! อยากจะกรีดร้องดังๆ หน้าตาดี มารยาทงาม พี่ชื่อสมชายนะจ๊ะ แต่เรียกพี่ว่าซิสซี่จะดีกว่าเยอะ”

   “ครับ ขอบคุณครับซิส” หนุ่มน้อยยกมือไหว้อีกรอบ

   “น่าร็อคอ่า” สมชายหัวเราะคิกคักชอบในก่อนจะเดินไปเตรียมของรับรองแขก

   “แกร๊ก” สิ้นเสียงประตูที่ปิดลง ใบหน้าเรียบร้อยไร้เดียงสาเมื่อครู่ก็จางหาย แทนที่ด้วยความเจ้าเล่ห์ที่ระบายอยู่เต็มดวงหน้า ก่อนจะก้าวเท้าเอื่อยๆ ไปประชิดตัวเป้าหมาย

   “เจอกันอีกแล้ว...พี่ณิน” ปลายเสียงลากยาวอย่างยั่วเย้า

   “จุ๊ๆๆ เหงื่อแตกเลยเหรอครับพี่ ดีใจที่ได้เจอผมขนาดนั้นเชียว” นิ้วเรียวลากไล้ตามกรอบใบหน้าแผ่วเบา ธรณินเผลอตัวกลั้นลมหายใจโดยอัตโนมัติ

   “มนุษย์ต้องหายใจไหมครับพี่ กลั้นไว้นานๆ อึดอัดแย่” พูดจบก็เป่าลมหายใจรดข้างหู ธรณินขนลุกซู่ แข้งขาพลันอ่อนปวกเปียกทรุดตัวลงบนเก้าอี้ทันที

   “นะ...นาย นายมาได้ยังไง”

   “พี่ณินใจร้าย...ผมอุตส่าห์ดั้นด้นตามหามาถึงที่นี่ แทนที่จะแสดงท่าทางดีอกดีใจหน่อยก็ไม่ได้ ทำท่าหวาดระแวงแบบนี้ผมเสียใจนะ” มังกรลามกพูดเสร็จก็แสร้งกรีดนิ้วปาดน้ำตาที่หางตา (แน่นอนว่าไม่มีน้ำตาซักหยด!!)

   ธรณินสูดลมหายใจเข้าลึก ระงับความตื่นเต้นและหมั่นไส้?? จากนั้นจึงเริ่มเอ่ยถามเป็นการเป็นงาน

   “นี่เรื่องจริงใช่ไหม”

   ร่างตรงหน้าเลิกแสร้งอ่อนแอ ดวงตาวาววับจุดรอยชื่นชมที่ไม่พยายามปกปิดแม้แต่น้อย

   “พี่ณินเก่ง รับมือกับสถานการณ์ได้น่าชื่นชมมาก มามะผมให้รางวัล” ฟอดดด ธรณินยกมือกุมแก้มขวา ตาเบิกโต

   “เฮ้ยๆ ไอ้มังกรลามก ปากว่ามือถึงตลอดตั้งแต่ในฝันยันความจริง หยุด!!!” ชายหนุ่มยกมือซ้ายชี้ ขณะที่มือขวายังกุมแก้มข้างที่โดนมังกรลวนลาม

   “หยุดอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ พูดกันให้รู้เรื่องก่อน”

   มังกรขาวหน้ามุ่ยอย่างขัดใจ หากก็ยอมลากเก้าอี้มานั่งเบื้องหน้าธรณินแต่โดยดี และดีกว่านี้มากถ้านั่งเฉยๆ โดยไม่ต้องคว้ามือของเขาไปลูบคลำแบบนี้

   ธรณินสูดลมหายใจเข้าลึกอีกรอบ รอบนี้ไม่ใช่ระงับความตื่นเต้น แต่เป็นระงับความโกรธที่จะไม่เผลอสะบัดหลังมือใส่เจ้ามังกรหน้ามึนตัวนี้

   “เล่ามาครับ เรื่องที่ผมควรรู้”

   “เรื่องมันเกิดจากวันนั้น...หลังจากที่ฝนตกติดต่อกันมานาน เช้าวันถัดมาอากาศก็สดใส นกร้องขับขาน สายลม...”

   “ขอเนื้อๆ น้ำไม่ต้อง”

   “ชิส์” มังกรหนุ่มทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายเมื่อถูกขัดคอ

   “ทำไมพี่ณินไม่มีอารมณ์สุนทรีบ้างน้า โอเคๆ ไม่ต้องทำหน้าดุ”

   “ก็อากาศดีไง บนนู้นนน” นิ้วเรียวยกชี้ไปทางด้านบนประกอบการเล่า

   “เลยจัดให้มีงานเลี้ยงสังสรรค์กันนิดหน่อย แล้วก็เป็นธรรมดาที่มังกรหนุ่มหน้าตาดี” จบประโยคหน้าตาดี มีคนเลิกคิ้วไม่เชื่อถือส่อแววตาคล้ายจะถามว่า “หรา” ข้ามมาให้

   “บรรดาแม่ๆ ทั้งหลายก็เริ่มทยอยแนะนำลูกคนนั้น หลานคนนี้ให้เยอะแยะเต็มไปหมด ผมก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยจนอ่อนใจ ทีนี้ไอ๋จัน เอ่อ หมายถึงเทพนิทราน่ะ มันบอกว่าผมเลือกมาก ถ้ายังไงลองให้โชคชะตาเป็นฝ่ายเลือกให้ก็แล้วกัน”

   “แล้วทำไมต้องเป็นผม” ร่างสูงโน้มตัวมาด้านหน้า

   “อันนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนนิดนึง คือทุกๆ สิ่ง ทุกอย่างในโลกนี้ ต่างก็มีดวงจิตเป็นตัวควบคุม ยิ่งเมื่อเราหลับใหล หรือมีสมาธิตั้งมั่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ดวงจิตจะเป็นตัวกำหนดสิ่งต่างๆ ให้สอดคล้องกับชีวิตของเรา ในกรณีของพี่ณินกับผม มีเทพนิทราเป็นตัวกลางใช้ดวงจิตที่หลับใหลของผมเป็นที่ตั้งดึงดูดดวงจิตที่..ใช้คำว่าอะไรดีล่ะ” มังกรหนุ่มมีสีหน้ายุ่งยากในการหาคำอธิบาย

   “คลิกกัน...ในภาษาของผมน่ะนะ” ธรณินเอ่ยเบาๆ

   “ใช่ๆ พอเราคลิกกันได้ พี่ณินถึงเดินทางผ่านฝันไปหาผมที่บ้านได้ยังไงล่ะ”

   “ถ้างั้นตอนนี้ก็หมายถึงผมเป็น เอ่อ...เนื้อคู่ของคุณ” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลง สวนทางกับใบหูที่เริ่มแดงมากขึ้น

   มังกรหนุ่มยกมือเท้าคาง เอียงคอมองด้วยความเอ็นดู ไม่มีการตอบคำถาม แต่รอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้านั้นแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี

   “แล้วทำไมเป็นผม หมายถึง ทำไมเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง”

   ฝ่ามือขาวเอื้อมไปประคองใบหน้าชายหนุ่มไว้ ก่อนค่อยๆ จรดหน้าผากมาแตะแผ่วเบา

   “ดวงจิตคือดวงจิตธรณิน ไม่แบ่งแยกชายหญิง ไม่ว่าจะอยู่ในร่างใด จิตสองเราเป็นคู่กัน”

   “คำ...คำถามสุดท้าย” ธรณินเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก

   “หืม ยังมีคำถามอีก ว่ามาสิ” เสียงกระซิบตอบผะแผ่ว ชวนให้บรรยากาศวาบหวามอย่างประหลาด

   “ถ้า...ถ้าคู่กันมีปัญหาก็จะช่วยเหลือใช่ไหม?” ธรณินรวบรวมความกล้าจ้องไปในดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำคู่น้นอย่างรอคอยคำตอบ

   “ตามแต่จะบัญชาทุกอย่าง”

   “งั้นโอเค ดีล!!” ธรณินคว้ามือมังกรขาวจับเขย่าด้วยความสมใจ

   “ยินดีต้อนรับสู่บริษัทผู้จัดการนะครับ งานแรกของคุณคือถ่ายโฆษณาลิปสติกของ KISS รุ่น Angel Kiss ภายใต้คอนเซ็ปท์ Angel รายละเอียดเดี๋ยวผมคุยกับคุณอีกที ว่าแต่คุณมีพวกบัตรประชาชนอะไรแบบนี้ไหม ผมจะได้ทำประวัติใส่ไว้ในรายชื่อนายแบบใหม่ในสังกัดบริษัทเลย”

   มังกรขาวปากอ้าตาค้าง บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกเมื่อครู่ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี มนุษย์คนนี้ช่าง...เฮ้อ!

   “ช่างสมเป็นเนื้อคู่ท่านจริงๆ” คล้ายๆ จะได้ยินเสียงเทพนิทรายั่วเย้ามาตามลม

TBC...
หัวข้อ: Re: ↠ มังกรขาว ↞ บทที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 27-10-2016 00:14:49
บทที่ 2

   “แล้ว...ทำไมต้องมาสิงสถิตอยู่คอนโดผมด้วยครับ” ธรณินตลัดตาคมปลาบมองไปทางตัวปัญหาที่นั่งทำหน้าทำตาซื่อใสอยู่บนโซฟาสีครีมอย่างสบายใจ

   “พี่ณิน...อ่า”

   “ไม่ต้องมาอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน เรายังไม่รู้จักกันดีด้วยซ้ำ ชื่อคุณผมยังไม่รู้จักเลยคุณมังกร”

   “จริงด้วย ผมก็ลืมแนะนำตัวไป”

   จากทำท่าน่ารักขี้อ้อนเมื่อครู่ บรรยากาศก็เปลี่ยนไป เมื่อหนุ่มน้อยยืดตัวเต็มความสูง 175 เซนติเมตร ใบหน้าเคร่งขรึม แผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์

   “สวัสดีครับ ผมชื่อกานต์ครับ”

   โครม!!! ธรณินเสียหลัก มือปัดไปโดนกองเอกสารร่วงกราวตกเกลื่อนเต็มพื้นห้อง

   “เป็นอะไรไปครับพี่ณิน”

   “ไม่มีอะไร แค่ผิดคาดนิดหน่อย” เสียงงึมงำตอบแผ่วเบาในลำคอ หากแต่มังกรหูดีกลับยังได้ยิน พุ่งตัวมาเกาะแข้งเกาะขาถามเซ้าซี้ไม่หยุด

   “พี่ณินเป็นอะไร ผิดคาดอะไร”

   นี่มังกรหรือแมวเนี่ย พัวพันแง๊วๆ อยู่ตลอดเวลา ในใจนึกเรื่องหนึ่ง แต่ปากตอบอีกเรื่องหนึ่ง

   “ก็เห็นตั้งท่าดิบดี เก๊กมาดเคร่งขรึม ผมก็นึกว่าคุณจะเป็นเจ้าชายรัชทายาท ที่มียศศักดิ์สูงๆ ตามมาด้วยชื่อยาวๆ น่ะ”

   “อ๋อ...” กานต์หัวเราะคิกคักตาพราว

   “เผ่าพันธุ์เราชื่อสั้นๆ เรียกง่ายๆ แบบนี้แหละ ชื่อผมนี่จัดว่าหรูแล้วนะ ส่วนมากขี้เกียจตั้ง เรียกตามลำดับกันเลยแหละ ประเภทหนึ่ง สอง สาม แบบนี้เลย แต่...ไอ้เรื่องเจ้าชายรัชทายาทนี่พี่ณินเดาถูกแฮะ”

   “เฮ้ย!!! จริงดิ แล้ว..แล้ว หม่อมฉัน ข้า อันตัวเรา โว๊ยยยย! พูดราชาศัพท์ยังไงวะเนี่ย” ธรณินแทบจะทึ้งผมตัวเองออกมาระบายความหงุดหงิด

   “โหย! พี่ณิ้นนนน ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้น ไม่มีใครในเผ่าพันธุ์ผมพูดราชาศัพท์กันหรอก เรานับถือกันที่ตัวตนมากกว่า เอาเป็นว่าพ่อแม่ผมเป็นผู้นำเผ่ามังกร ผมเป็นลูกชายคนเดียวของพวกท่าน เท่านี้จบ”

   กานต์ยิ้มตาหยีอธิบายสถานภาพตัวเองได้อย่างเรียบง่ายทั้งๆ ที่เป็นเจ้าชาย ธรณินยกมือตบหน้าผากตัวเอง ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน

   “โอเคๆ ตกลงเป็นมังกรชื่อกานต์ งั้นย้อนกลับมาที่คำถามเดิม ทำไมต้องมาอาศัยอยู่กับผมไม่ทราบคุณกานต์”

   กานต์ทำหน้าเคลิบเคลิ้มจนธรณินสงสัยว่าเมื่อครู่ตนพูดอะไรตรงไหนผิดไปหรือเปล่า ทบทวนไปสามสี่รอบก็ไม่เห็นว่าคำถามที่ว่าทำไมต้องมาอาศัยอยู่กับเขาจะชวนทำให้ทำหน้าลุ่มหลงได้ขนาดนั้น ด้วยความเอ็นดูที่เห็นร่างตรงหน้าหลับตาพริ้ม จึงยื่นมือไปดีดหน้าผากเสียงดัง “เพียะ” ทันที

   “โอ๊ย!” สองมือยกขึ้นกุมหน้าผาก ดวงตาเรียวตวัดค้อนทันที

   ธรณินกอดออกพิงผนังห้องหัวเราะหึๆ เสียงทุ้มต่ำในลำคอ ได้ความรู้ใหม่มาอีกหนึ่งข้อ มังกรตัวนี้ใช้ตาด่าได้ด้วย ถ้าพ่นไฟใส่ได้คงพ่นไปแล้ว เอ๊ะ! มังกรใช้ตาพ่นไฟได้ป่าววะ

   หลังจากที่ยกมือคลำป้อยๆ บริเวณหน้าผากแล้วไม่พบว่ามีรอยปูดนูนอะไร จากมังกรก็กลับสู่โหมดลูกแมวอีกครั้ง

   “พี่ณินอ่า ดีดหน้าผากผมทำไม”

   “ก็ผมแค่ถามว่าทำไมต้องมาอยู่กับผม แล้วทำไมต้องทำหน้าเคลิ้มขนาดนั้นด้วย”

   คราวนี้เจ้าตัวทำท่าเอียงอาย (ซึ่งผมคิดว่าโคตรเสแสร้งอะ)

   “ก็พี่ณินเรียกผมว่า ‘คุณกานต์’ ”

   ธรณินเลิกคิ้ว

   “แล้ว”

   “แล้วผมก็รู้สึกว่าถูกพี่ณินเรียกว่า ‘ที่รัก’ น่ะครับ”

   โอเควิชามโนเต็มสิบผมให้ร้อยเลย!!!

   ธรณินรู้สึกวิงเวียนหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม จึงเดินไปทรุดตัวลงที่โซฟาพลางคลึงขมับนวดไปด้วย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง (ช่วงนี้รู้สึกปอดทำงานหนักมาก)

   “งั้นผมไม่เรียกชื่อคุณก็ได้ ตอบคำถามผมมาได้แล้ว”

   “พี่ณินใจร้ายยยย เรียกชื่อผมเถอะนะ ผมชอบออก”

   “อย่าเฉไฉ” วิญญาณผู้จัดการกลับเข้าร่าง แผ่รังสีกดดันคุกคามใส่นายแบบในสังกัดทันที

   “ก็ได้ครับ ตอบแล้วครับ อย่าทำหน้าดุสิ ผมตกใจหมด” กานต์เดินไปทรุดตัวนั่งเคียงข้างธรณิน เบียดกระแซะจะแทบจะสิงสู่ (ยังไม่ถึงขั้นสมสู่แต่ก็ใกล้เคียง) มือคว้าแขนธรณินมาคล้องไว้ พลางใช้หัวถูไถไหล่ไปมา

   “ก็ผมตัวคนเดียว จากบ้านจากเมือง จากเผ่าพันธุ์มาเผชิญโลกกว้าง เหลียวมองไปทางไหนก็ไม่รู้จักใครสักคน มีแต่พี่ณินคนเดียวที่ผมไว้ใจ ยกใจให้พี่ดูแลทั้งดวง เพราะฉะนั้น จึงสมเหตุสมผลที่สุดที่ผมจะมาอยู่กับพี่ครับ”

   อาการออดอ้อนหงุงหงิงทำให้ธรณินอดเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลทองนั้นไม่ได้ อันที่จริงก็นุ่มมือดีนะ ไม่ใช่สิ อันที่จริงมาอยู่ด้วยกันก็ดูแลง่ายดี เวลาจะไปทำงานก็จับยัดใส่รถพาไปได้เลย ไม่ต้องขับรถไปรับไปส่ง ไม่ต้องเสียค่าที่พักเพิ่มขึ้นมา บริษัทก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้นมาด้วยจากตรงนี้

   นึกถึงเรื่องงานขึ้นมาธรณินจึงหันไปพูดอย่างจริงจัง

   “เรื่องอยู่เรื่องกินไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องงานนี่แหละที่ผมค่อนข้างกังวล”

   “พี่ณินบอกมาเลยครับ ว่าผมต้องทำอะไร ยังไงบ้าง ขอแค่พี่ให้ผมอยู่ด้วย ผมทำให้ได้ทุกอย่างแหละ ค่าแรงไม่รับยังได้เลยครับ พี่ก็เห็นอยู่ว่าที่บ้านผมทรัพย์สินเพียบ” กานต์คลี่ยิ้มประจบประแจง

   “เฮ้ย! ไม่ได้ ทำงานก็ต้องได้รับผลตอบแทน ว่าแต่ ที่ในถ้ำนั่นของจริงเรอะ” ธรณินอดถึงภาพในความฝันไม่ได้

   “จริงสิครับ อันนั้นของประดับตกแต่งในห้องนอนเฉยๆ คลังสมบัติจริงๆ อยู่อีกห้องนึง”

   “รู้แล้วว่ารวย แต่ทำงานก็ต้องได้เงิน รู้หรือเปล่า กลับมาที่งานกันต่อ คุณรู้ไหมว่าต้องทำอะไรบ้าง”

   อาการสั่นศีรษะจนเส้นผมกระจายบอกเป็นอย่างดี ว่ามังกรตัวนี้มีดีแค่หน้าตา แต่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ธรณินยกมือกุมขมับที่เริ่มปวดตุบๆ อีกรอบ

   “พี่ณินก็สอนผมสิครับ ผมเรียนรู้เร็วออก ไม่เห็นต้องเครียดเลย”

   โครกกกก!!!

   “แต่ตอนนี้ผมหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าเนอะพี่ณินเนอะ แล้วเดี๋ยวกลับมาผมจะเป็นเด็กดีให้พี่ณินใช้อุปกรณ์ทั้งโซ่ แซ่ กุญแจมือ ฟาดผมได้เต็มที่เลยครับ”

   “เวอร์ไปละ ซ้อมโพสต์ท่า จิกตาใส่กล้อง จะมาอุปกง อุปกรณ์อะไรล่ะ” ธรณินบ่นพึมพำ ขาก็ก้าวไปโต๊ะมุมห้อง มือก็คว้าโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์มาเตรียมพร้อม

   “อ้าว! แล้วรออะไรล่ะ ลุกสิ เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว ว่าแต่... มังกรนี่เค้ากินอะไรกันล่ะ” ธรณินส่งเสียงเรียกพร้อมก้าวนำไปรอที่ประตูเรียบร้อย

   “พี่ณินล่ะก็ อะไรที่เป็นของกิน ผมกินได้ทั้งนั้นละคร้าบบบ” ปากเจรจาไปเรื่อย แต่ในหัวใจของกานต์บันทึกคะแนนความดีเพิ่มให้ธรณินแทบไม่ทัน อบอุ่น อ่อนโยนซ้า เนื้อคู่ใครว้า ทำเป็นดุ ทำเป็นหน้าบึ้ง แต่ก็ดูแลเทคแคร์นะครับ

   “มัวแต่ยิ้มอะไรอยู่ได้” ธรณินง้างนิ้วเตรียมตัวรอดีดหน้าผากของเป้าหมายตรงหน้า หากแต่กานต์รีบโผไปคว้านิ้วไว้ก่อน มืออีกข้างโอบเอวธรณินเข้าประชิดตัว ส่งผลให้ร่างที่สูงกว่าร่วมสิบเซนติเมตรตกใจผงะหงายไปด้านหลัง มังกรหนุ่มหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนกระชับร่างในอ้อมกอดให้แนบแน่น วงหน้าใสกระจ่างแผ่ออร่าประหนึ่งเทวดาตัวน้อยๆ สวนทางกับคำพูด

   “ถ้าพี่ณินดีดอีก ผมจูบนะครับ”

   ธรณินค่อยใช้มือดันแผ่นอกนั้นออกห่าง ก่อนยืดตัวกลับมายืนในท่าปกติ เอ่ยด้วยเสียงเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร

   “ไม่ดีดก็ได้ ไปๆ หิวแล้ว” เสียงทุ้มต่ำไม่มีสั่นพร่า ไม่ปรากฏให้เห็นพิรุธใดๆ กานต์จะไม่รู้เลยว่าพี่ณินเขินอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ได้เดินตามหลังแล้วเห็นใบหูขึ้นสีแดงอยู่อย่างนี้ หึๆ พี่ณินนี่น้า น่ารักนะเนี่ย สงสัยจะเวอร์จิ้น!!!

TBC...
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 2 (27/10/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 27-10-2016 07:11:13
มังกรขี้อ่อย น่ารัก 5555 แต่พี่นินแกคุยกะมังกรอยู่นะ แกชิลล์มากไปไหมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 2 (27/10/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-10-2016 07:57:08
ฮ่า ๆ กานต์เป็นมังกรน่ารัก (ตอนแรกนึกว่าเมะ แต่เป็นเคะก็แปลกดี)
เคมีเข้ากันดีนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 2 (27/10/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 27-10-2016 09:25:00
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีแต่แก้จุดสำคัญเลอ

angle-มุม
angel-นางฟ้า เทวดา
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 2 (27/10/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 27-10-2016 10:46:01
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีแต่แก้จุดสำคัญเลอ
angle-มุม
angel-นางฟ้า เทวดา


ขอบคุณที่ช่วยแก้ให้ค่ะ :o8:
พิมพ์ผิดชีวิตเปลี่ยน ฮะฮะฮ่าา
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 2 (27/10/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 27-10-2016 21:01:17
น้องมังกรน่ารักมากๆเลย ขี้อ้อนขนาดนี้มังกรหรือแมวคะเนี่ย? อยากได้มาเลี้ยงที่บ้านสักคนจริงๆ
พี่ณินคะ ความคุกis following youค่ะพี่ณิน ความคุกตามมาติดๆเลยค่ะ กร๊ากกกก ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 3 (29/10/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 29-10-2016 17:18:32
บทที่ 3

   “เฮ้ย! คุณๆ ตื่นได้แล้ว วันนี้ต้องไปถ่ายแบบกันแต่เช้านะ”

   ร่างที่นอนขดอยู่ภายใต้กองผ้าห่มค่อยๆ ขยับยุกยิก ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ มอง

   “ประชิดติดเตียงขนาดนี้ คิดอะไรไม่ดีอยู่หรือเปล่าครับพี่ณิน” กานต์ตะแคงตัวยกมือเท้าศีรษะมอง

   “เออ...คิด คิดว่าวันนี้จะรอดไหม ที่ให้ซ้อมเมื่อคืนจำได้หรือเปล่า พยายามให้เป็นธรรมชาติที่สุดนะ หน้าตาคุณมัน...” หางเสียงสุดท้ายสะดุดหายไปในลำคอเมื่อธรณินหันไปสบดวงตายั่วเย้าเชิญชวน มือซ้ายบรรจงแกะกระดุมเสื้อนอนลงทีละเม็ด แล้วค่อยใช้ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ลงที่กระดูกไหปลาร้าลากยาวมาที่รอยแยกระหว่างอกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่ง

   ธรณินสำลักลมหายใจ ในช่องท้องวูบโหวงแปลกๆ กว่าจะควานหาเสียงตัวเองเจอแล้วส่งเสียงตะกุกตะกักแหบพร่าถามออกไป

   “ทะ...ทำ ทำอะไรของคุณน่ะ”

   “อ้าว! ก็กำลังแสดงให้พี่ณินดูไงครับ ที่พี่บอกให้สื่ออารมณ์ออกมาให้จับตาคนดูที่สุดน่ะ”

   ธรณินคว้าหมอนใกล้มือได้ก็ขว้างไปที่หัวไอ้ตัวช่างยั่วอย่างไม่ออมแรง

   “คอนเซ็ปท์ ‘Angel’ นะ ไม่ใช่ ‘นางแมวยั่วสวาท’ จะได้ส่งสายตาล่อเสือล่ะตะเข้ขนาดนั้น ไปอาบน้ำเลยไป”

   จนเสียงประตูห้องน้ำปิดลง ธรณินจึงได้ระบายลมหายใจกลัดกลุ้มออกมา

   “เฮ้อ!...จะรอดไหมวะ ไอ้หน้าตาน่ะผ่านล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ไอ้ทำอะไรก็เล่นไปหมดนี่มัน...”

   “พี่ณินคร้าบบบบ”

   เสียงตะโกนจากในห้องน้ำเรียกให้ธรณินต้องลุกไปยืนที่หน้าประตู

   “มีอะไรอีกล่ะคุณชาย”

   “สบู่ตกครับพี่” เสียงข้างในตะโกนออกมา

   “สบู่ตกก็เกะ...” ธรณินตอบยังไม่ทันจบว่าสบู่ตกก็ให้เก็บสิ เจ้าตัวสำลักน้ำลายไอค็อกแค่ก  ก่อนจะตะโกนเสียงดังกว่าเดิม

   “โว๊ยยย!!! ไอ้มังกรลามก ว่าวไปเหอะ ถ้าอารมณ์มันจะขึ้นขนาดนี้”

   “พี่ณินใจร้ายอ่า” เสียงหงุงหงิงเล็ดลอดออกมาจากด้านใน

   ธรณินถอนหายใจ ทรุดนั่งลงพิงร่างกับประตูห้องน้ำ อยากจับคนในนั้นมาเขย่าๆ ให้หักคามือ คนยิ่งเครียดๆ อยู่ ไอ้นี่ก็เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา
   
   “ไงณิน คนนี้ใช่ไหมที่สมชายคุยนักคุยหนาว่าหลังจากลูกค้าเห็นรูปแล้วตกลงทันทีจนแทบจะจ่ายเงินล่วงหน้าให้หมดน่ะ”

   กานต์ตวัดตามองมือที่ตบไหล่ทักทายธรณิน ก่อนแววตาโกรธกรุ่นจะเปลี่ยนเป็นอ่อนใส เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เพียงกล่าวทักทายด้วยความสนิทสนม (อย่าเอาอาการเกาะแกะปากว่ามือถึงของตัวเองเป็นบรรทัดฐานสิกานต์)

   “อ้าว! เฮียใช้นี่เอง สวัสดีครับเฮีย” ธรณินยกมือไหว้ เอ่ยปากแนะนำ

   “นี่พี่ทรงชัยนะ แต่ใครๆ ก็เรียกเฮียใช้ เป็นตากล้อง ส่วนนี่กะ...”

   “กรครับ สวัสดีครับพี่” กานต์ยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้ ศีรษะก้มลงปลายนิ้วชี้จรดหว่างคิ้ว

   “เฮ้ย! ไหว้สวยมาก หายากนะเนี่ย เด็กสมัยนี้เห็นยกมือประกบส่งๆ กันทั้งนั้น” ทรงชัยยิ้มชื่นชม

   “เห็นไหมซีสชีบอกแล้ว น้องกรน่ะหน้าตางาม ลามไปถึงกิริยาเลยด้วย” สมชายเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาพลางคล้องแขนกานต์อย่างสนิทสนม ส่งผลให้เจ้าตัวเขินจนหน้าขึ้นสี

   “อย่าถึงเนื้อถึงตัวนักสมชาย ดูซิน้องอายหน้าแดงแล้ว กรก็ถือว่าทำบุญนะ อุทิศกายหยาบแด่ผู้สูงอายุกุศลแรงดี”

   “เฮียใช้อ่ะ บอกให้เรียกซิสซี่ เรียกสมชายฟังแล้วมัน ‘แน่นอก’!!!! ค่ะ”

   “ไปๆ ณินพาน้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว ส่วนซีสชีช่วยหาอะไรมากระแทกปากเฮียหน่อยได้ไหม เฮียฮิ้วววว หิว”

   ธรณินแตะหลังพากรเดินไปได้แค่ 3-4 ก้าว ก็อดไม่ไหวต้องหันมากระซิบถาม

   “ทำไมบอกคนอื่นว่าชื่อกรล่ะ”

   “ก็ผมจะเก็บชื่อ ‘กานต์’ ไว้ให้พี่ณินเรียกคนเดียวนี่” กานต์หันมากระซิบตอบ

   “แล้วทำไมถึงใช้ชื่อกร”

   กานต์หลุดหัวเราะคิกกับอาการเจ้าหนูจำไมของธรณินก่อนจะเฉลยคำตอบสุดแสนประทับใจ

   “ก็เป็นมังกรอะพี่ณิน รึว่าจะให้บอกว่าชื่อมัง ผมว่าไม่ค่อยดีนะ”

   ธรณินเอื้อมมือมาขยี้หัวกานต์ด้วยความหมั่นไส้ โดยไม่รู้ว่าอากัปกิริยาตั้งแต่แตะหลังพากานต์เดินมาที่ฝ่ายคอสตูม (คนนอกมองเป็นประคองกัน) อาการโน้มหน้ามากระซิบถาม หัวร่อต่อกระซิก จนมาจบที่การสัมผัสศีรษะของกานต์ ส่งผลให้สาวๆ แผนกคอสตูมฟินกันไปขนาดไหน ยิ่งเมื่อบทสนทนาดังขึ้น ทั้งสาวและไม่สาวต่างคะแคงหูฟังกันถ้วนหน้า

   ผู้ชายหล่อเข้ม : ที่ผมซ้อมให้เมื่อคืนยังจำได้ไหม

   ผู้ชายหล่อใส : จำได้ครับพี่ณิน แต่...

   ผู้ชายหล่อเข้ม : ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องเกร็ง ถ้าผ่อนคลายเดี๋ยวก็ดีเอง

   ผู้ชายหล่อใส : ผมก็พยายามจะไม่เกร็งนะครับพี่ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ ยิ่งตอนพี่บอกให้ผมชันขาขึ้นแล้วเอี้ยวตัวมามอง...(กล้อง)

   พรวด!!! แควก!!!

   “ต๊าย! พวกหล่อนเป็นอะไรกันไปหมดยะ ใครไปหากล่องปฐมพยาบาลมาทีซิ ยายจุ๋มกำเดาไหล แล้วยายซินไปทำยังไงให้ผ้าขาดได้ยะ”

   ธรณินและกานต์เดินฝ่าความวุ่นวายไปห้องแต่งตัว โดยที่ไม่รู้ว่าพวกตนเป็นตัวต้นเหตุให้เกิดมโนภาพเรียกเลือด สร้างความเดือดร้อนทางความคิดให้ใครต่อใครไปบ้าง

   ภายในสตูดิโอถ่ายภาพถูกเซตเป็นห้องนอน มีเตียงสีขาวหลังใหญ่ตั้งโดดเด่นอยู่ตรงกลาง กานต์ในเสื้อเชิ้ตสีขาว ถูกรายล้อมด้วยหมอนและผ้าห่ม แน่นอนว่าสีขาว!!!

   “เอ่อ...เฮียใช้ครับ มันไม่ขาวไปเหรอครับ” ธรณินแอบเดินไปกระซิบถามทรงชัย

   “ก็ลูกค้าเค้าจะเอาแบบนี้นี่หว่า ตามคอนเซ็ปท์ Angel เฮ้ยๆ ไปเติมสีลิปสติกให้กรเพิ่มขึ้นอีกนิดนึงดิ๊ เอาลิปไปให้น้องถือด้วย โฆษณาลิปสติกนะโว๊ย อย่าให้ปากซีด” ทรงชัยตอบไปด้วย ชี้มือชี้ไม้สั่งไปด้วย

   “ทางซ้ายเพิ่มไฟอีกหน่อย น้องกรพร้อมรึยังครับ”

   กานต์หยีตาเพราะไฟที่สว่างจ้า หากก็พยักหน้ารับ

   “ยิ้มครับ แล้วมองมาทางนี้ ดีครับ”

   กานต์หันซ้าย หันขวาไปตามที่ทรงชัยสั่งทุกอย่าง บางครั้งให้ยิ้มน้อยๆ หากบางครั้งก็ให้ยิ้มกว้างเต็มหน้า จนเมื่อทรงชัยสั่งพัก ธรณินจึงเข้าไปดูกานต์ใกล้ๆ ก่อนจะพบว่ากานต์เหงื่อออกจนชุ่มแผ่นหลังไปหมด ใบหน้าขาวซีดลงจนขับให้สีชมพูของลิปสติกบนริมฝีปากเด่นชัดขึ้นกว่าเดิม

   “ไหวไหมคุณ เหงื่อออกเยอะมากเลย” พูดจบก็ยกผ้าในมือขึ้นซับบริเวณหน้าผากให้   

   “ผมร้อนมากเลยพี่ณิน ปกติพวกผมไม่ค่อยชอบอากาศร้อนๆ กันเท่าไหร่” กานต์อธิบายเสียงระโหย จนธรณินต้องรีบยกขวดน้ำไปจ่อปากให้

   “ดื่มน้ำก่อนอย่าเพิ่งพูด เดี๋ยวผมไปถามเฮียใช้ก่อนว่าเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วจะได้กลับไปพักกันได้เลย”

   แต่ดูแล้วคงจะไม่ได้กลับเร็วอย่างที่คิดกันไว้ เพราะเมื่อธรณินเดินไปถึงก็เห็นทรงชัยยืนกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่

   “มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับเฮีย”

   “อืม...จะว่ามีมันก็มีนะ ณินดูรูปน้องสิ ยิ้มก็จริงแต่มันเป็นยิ้มแบบการค้าน่ะ มันยังไม่ออกมาจากข้างใน ชื่อลิปสติกมันคือสีชมพู Pure love นะณิน แต่เฮียเข้าใจว่าน้องยังใหม่อยู่มาก ยังไงณินลองช่วยไปอธิบายให้น้องฟังหน่อยละกัน พักอีกสัก 15 นาทีแล้วค่อยมาเริ่มกันใหม่”

   “ครับเฮีย เดี๋ยวผมลองบอกน้องดูแล้วกันครับ”

   ธรณินเดินกลับมาที่เตียงกลางสตูดิโออีกครั้ง เห็นหน้ากานต์ซีดขาวก็ได้แต่สงสาร ทรุดนั่งลงบนเตียงเอ่ยปลอบประโลมเสียงอ่อน

   “ทนอีกนิดไหวไหมคุณ”

   กานต์เงยหน้ามองอีกฝ่าย รู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องให้บอกว่าที่ถ่ายไปเมื่อสักครู่น่าจะยังใช้ไม่ได้

   “ขอโทษนะครับพี่ณิน รูปยังใช้ไม่ได้ใช่ไหมครับ แล้วพี่ณินโดนเฮียใช้ดุรึเปล่าถึงหน้าเครียดแบบนี้” ถามไถ่อย่างเป็นห่วงเป็นใยทั้งๆ ที่ตัวเองก็นั่งหน้าซีด ทำให้ธรณินยิ้มออกมาได้

   “ผมไม่โดนดุหรอก ห่วงตัวคุณก่อนเถอะ เอาน้ำหวานเพิ่มอีกหน่อยไหม จะได้สดชื่นขึ้น”

   กานต์พยักหน้ารับ ธรณินจึงยกมือเรียกเด็กยกน้ำที่เดินผ่านมาหยิบแก้วน้ำส่งให้

   “ฮ่า...ชื่นใจ”

   “ลิปสติกเลือนหมดแล้ว มาเดี๋ยวผมเติมให้”

   ขณะที่กำลังวาดลิปสติกไปบนริมฝีปากคู่นั้น ธรณินก็ช่วยอธิบายการยิ้มออกมาจากข้างในให้กานต์ฟัง

   “คุณลองนึกว่าตัวเองเป็นที่รักของใครสักคนนะ นึกหน้าเขาไว้ในใจ คุณคิดถึงเขามากและพอคุณได้เจอ คุณก็ยิ้มให้เขา...จากหัวใจ ทำได้ไหม”

   กานต์หลับตาทำท่านึก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จึงลืมตามาเพื่อเจอกับคนที่ตัวเองนึกไม่ออกเมื่อครู่ หน่วยตาเรียวยาว จมูกโด่งเป็นสันกับปากหยักสวยที่กำลังอธิบาย

   “ผมว่าผมนึกออกแล้วละพี่ณิน”

   ธรณินเสก้มลงปิดแท่งลิปสติกในมือ ใบหูขึ้นสีระเรื่อโดยอัตโนมัติ

   “อืม นึกได้ก็ดีแล้ว พร้อมแล้วใช่ไหม ผมจะได้ไปบอกเฮียใช้” ปลายเสียงทุ้มต่ำมีสำเนียงพร่านิดๆ

   กานต์คว้ามือธรณินไว้แล้วร้องขอ

   “เดี๋ยวพี่ณิน เรียกชื่อกานต์ให้กานต์ฟังหน่อยได้ไหม”

   อาจเพราะหน้าซีดๆ ที่กำลังเว้าวอน อาจเพราะต้องการให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ธรณินสบตาระยิบระยับคู่นั้นแล้วเอ่ย

   “กานต์”

   กานต์ยิ้มจนตายิบหยี ก่อนพยักหน้าให้ธรณินไปบอกเฮียใช้ว่าตนพร้อมแล้ว แสงไฟจัดจ้าถูกสาดมาอีกครั้ง กานต์หลับตาลง คลื่นความร้อนจากแสงไฟชวนให้ไม่สบายตัว แต่ในหัวใจฉ่ำเย็นอย่างประหลาด หูแว่วเสียงเฮียใช้ตะโกนบอกให้เริ่มได้ กานต์ลืมตามองไปยังธรณินที่ยืนอยู่ข้างเฮียใช้ จ้องไปที่ปากหยักคู่นั้นแล้วจินตนาการว่าธรณินกำลังเรียกชื่อตน เท่านั้นเอง กานต์ก็ยิ้มออกมาทั้งปากและตาจากในหัวใจ

TBC...
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 3 (29/10/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-10-2016 20:10:03
นี่มังกรหรือหนุ่มน้อยไร่อ้อย? อ่อยอะไรเบอร์นั้น

พี่ณินสู้ ๆ นะ ทนให้เด็กแทะโลมหน่อยละกัน
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 3 (29/10/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-10-2016 20:46:59
อื้อหือ เคล็ดลับง่ายปานนั้น
หัวข้อ: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 4 (14/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 14-01-2017 18:03:53
บทที่ 4

   “ธรณิน”

   เสียงฮือฮาและเสียงชัตเตอร์ที่ดังรัวไม่หยุดอยู่ที่ข้างหูผมในตอนนี้กลายเป็นเพียงเสียงแว่วๆ ที่ห่างไกล  เมื่อผมสบตากับกานต์ที่ส่งยิ้มหวานมาให้  ผมรู้  รอยยิ้มนั้นเป็นของผม  ในใจกระตุกแปลกๆ คล้ายมีอะไรไปอุดตันเส้นเลือดในหัวใจ  ถ้าเอาผมไปเอกซเรย์ดูตอนนี้  ฟิล์มที่ออกมาคงมีหน้าขาวๆ ที่ยิ้มกว้างแปะอยู่ตรงหัวใจห้องใดห้องหนึ่ง (อนุญาตให้วิ่งไปอาเจียนได้ครับ ณ จุดนี้)

   “ป้าบๆ” เฮียใช้ตบไหล่ตบหลังผมเป็นการใหญ่  ปากก็พร่ำชมไม่หยุด  ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องดูสุขุมนุ่มลึก  ผมจึงได้แต่อมยิ้มน้อยๆ ตอบกลับเฮียไปอย่างสงวนท่าที

   “เฮ้ย!!! คือดีเลยนะณิน  ตาแหลมเหมือนเคย  งานดี  ปังแน่นอน”

   “น้องยังใหม่อยู่มาก  ยังไงก็ฝากเฮียใช้ช่วยดูแลสั่งสอนด้วยนะครับ”

   เฮียใช้หัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีที่งานเสร็จออกมาเรียบร้อยเกินกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก  ก่อนจะสั่งเด็กๆ แยกย้ายกันเก็บของเตรียมตัวกลับ

   “เออ! ณินๆ รอเดี๋ยวก่อน” เฮียใช้หันกลับมาตะโกนเรียกผมที่เตรียมผละไปหากานต์

   “เย็นนี้มีเลี้ยงวันเกิดเมียเฮียนะ  ชวนกรไปด้วยสิ  ไปหลายๆ คน  จะได้ไปช่วยกันแบ่งเบาภาวะในการฟังเมียเฮียบ่นหน่อย”
   ผมพึมพำตอบรับ  พยายามยุติบทสนทนาให้เร็วที่สุด  เพื่อจะไปดูสาเหตุที่เส้นเลือดในหัวใจผมต้องอุดตัน

   “พี่ณิน” ใบหน้าขาวๆ ที่ติดจะซีดส่งยิ้มประจบประแจงมาให้

   “เก่งนะคุณน่ะ  เฮียใช้ชมไม่หยุดเลย”

   “เฮียใช้ชมคนเดียวเหรอ  คนแถวนี้ไม่ชมบ้างเหรอ” พอเริ่มจะดีขึ้นก็มีแรงต่อปากต่อคำนะ

   “อืม”

   “ครับพี่  อย่างปลื้มเลยเหอะ ‘อืม’ เนี่ยนะ” เสียงบ่นหงุงหงิงยังคงดังขึ้นมาเป็นระยะระหว่างเดินมาขึ้นรถ

   “เย็นนี้เฮียใช้ชวนไปงานเลี้ยงวันเกิดเจ้แก้ว  เมียเฮียน่ะ  คุณไปไหวไหม” ผมสตาร์ทรถไปด้วยถามไปด้วย

   “เปลี่ยนเรื่องเร็วนะครับพี่” ตาพราวระยิบระยับยิ้มยิบหยี  ชวนให้คันในหัวใจแปลกๆ
   “แล้วไง  จะไปรึเปล่า”

   “พวกที่ทำงานวันนี้ไปกันหมดไหมครับ”

   “ก็น่าจะไปหมดนะ  ทีมวันนี้ก็สนิทกันหมด”

   “โอเค  งั้นผมไปด้วย  ท่าทางจะสนุกดี”

   “กลับไปพักที่ห้องก่อนละกัน  เย็นๆ ค่อยออกมาอีกที”

   หางตาผมเหลือบไปเห็นริมฝีปากขมุบขมิบเลยเตรียมหันไปถาม  แต่ภาพที่เห็นทำเอาผมต้องเก็บคำพูดไว้ในใจไปก่อน

   ภาพที่คนช่างยั่วเอนศีรษะพิงติดกระจกรถ  หน้าซีดเซียว  ดวงตาที่เคยหยอกล้อปิดสนิท  แพขนตาทาบทับบนแก้มใส  ขณะที่ปากยังคงพึมพำอะไรไม่หยุด

   ผมได้แต่ถอนหายใจขยับตัวเอื้อมไปปรับเบาะให้เอนต่ำลง  สงสารก็สงสาร  หมั่นไส้ก็หมั่นไส้  ร่างกายไม่ไหวยังมาทำเก่งลับริมฝีปากกันอยู่ได้

   อดใจไม่ไหวที่จะลูบผมนุ่ม

   “วันนี้คุณเก่งมาก...กานต์”


   “ตกลงไหวแน่นะคุณ” ผมได้แต่ถามย้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันก็จำไม่ได้

   “พี่ณินครับ  อายุก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่  ย้ำคิดย้ำทำเป็นคนแก่อยู่ได้นะพี่อะ  มาๆ ช่วยผมเลือกดีกว่า  เสื้อสีไหนดี  แต่ไม่เอาสีขาวนะ  เอียนสีขาวไปอีกพักใหญ่เลย”

   ผมเดินไปคว้าเสื้อสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีซีดส่งให้  อีกฝ่ายผิวปากหวือก่อนรับเอาเสื้อผ้าไปใส่หลังฉากกั้น  แต่ยังไม่วายโผล่หน้ามาถาม

   “ที่จัดงานน่ะ  ร้อนมากไหมครับ”

   ผมเลิกคิ้ว  แต่ปากก็ตอบไป “ไม่ร้อนหรอก  ห้องแอร์น่ะ  ถามจริงๆ ทำไมกลัวร้อนนักล่ะ”

   เสียงสวบสาบหลังฉากกั้นหลังฉากกั้นดังอยู่อีกครู่  เจ้าตัวก็ตะโกนตอบออกมา  สุ้มเสียงเหมือนผมควรจะรู้อยู่แล้ว

   “โธ่! พี่ณิน  ผมเป็นมังกรนะพี่  ชอบอยู่เย็นๆ ยิ่งเย็นๆ ชื้นๆ แฉะๆ ยิ่งชอบ  ยิ่งอะไรที่มันฉ่ำชื้นเฉอะแฉะนะพี่  ของโปรดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ”

   ถ้าไม่ได้วกกลับไปเรื่องใต้สะดือ  ไอ้หมอนี่คงนอนไม่หลับ  แต่เอาจริงๆ ผมก็ชักจะลืมๆ ไปแล้วนะว่ากานต์เป็นมังกร  ออกจะเหมือนลูกแมวมากกว่าด้วยซ้ำ  พันแข้งพันขาน่าเอ็นดู

   “พี่ณินเป็นอะไรน่ะ  ยืนยิ้มอยู่คนเดียว”

   “เปล่าๆ คิดถึงเรื่องงานวันนี้เฉยๆ”

   “เสร็จแล้วใช่ไหม  ไป  เดี๋ยวเฮียใช้รอนาน  เราเป็นเด็กกว่าให้ผู้ใหญ่รอมันไม่ดี” ผมรุนหลังพากานต์ไปด้วย  มือก็คอยเช็คความเรียบร้อยของเสื้อผ้าไปด้วย  อยู่ๆ กานต์ก็หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าทำตากรุ้มกริ่ม  ผมเกร็งตัวเตรียมตั้งรับทันที

   “ถ้าผู้ใหญ่ไม่อยากรอนาน  ก็เปิดทางให้เด็กสักทีสิครับ”

   ดีที่เตรียมใจไว้แล้ว  หัวใจผมเลยไม่ต้องทำงานหนักเท่าไหร่  ได้แต่หรี่ตามองแล้วก้าวขาเดินต่อไปอย่างมั่นคง  ให้รู้ซะบ้างว่าผมน่ะสุขุมลุ่มลึกขนาดไหน

   เสียงเดินตามกระชั้นไล่หลังมา  สักพักลมหายใจอุ่นๆ ก็เป่ารดที่ข้างหู  ตามด้วยเสียงกระซิบที่เล่นเอาผมสั่นไปทั้งตัว

   “หรือว่าผู้ไม่ ‘ใหญ่’ พออะครับ  ถึงไม่กล้าเปิดทาง”

   ผมหันไปเจอคนพูดทำตาพราวแล้วความสุขุมที่มีก็เตลิดไปหมด  ได้แต่ยกมือชี้หน้า  มือไม้สั่น  โมโหควันแทบจะออกหู  ยังไม่ทันได้ด่าสักคำ  ไอ้มังกรตัวแสบก็เดินหัวเราะร่านำไปก่อนแล้ว


   ตอนที่พวกผมไปถึงที่ร้านอาหาร  ทีมงานมาถึงกันเกือบครบแล้ว  กานต์ก็รู้งาน  พอแนะนำให้รู้จักใครก็ยกมือไหว้  ทำตัวสงบเสงี่ยมเป็นเด็กน่ารักเรียบร้อยก็เป็น  ยิ่งกับเจ้แก้ว  เมียเฮียใช้ยิ่งแล้วใหญ่  เจ้แก้วชมเปาะไม่ขาดปากว่ากานต์เรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ (เอ่อ... เจ้มาสะบัดผ้าดูก่อนไหมครับ  ว่าข้างในมันยับมันย่นขนาดไหน) หลังจากเดินทักทาย  แนะนำ  ฝากตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ผมจึงพากานต์เดินเข้าไปยังโซนห้องแอร์ที่ด้านใน

   “อ้าว..น้องกร  มาเร็วๆ มานั่งกับพี่นี่มา  ส่วนคุณณินก็หาที่ทางเอาตามสะดวกได้นะคะ  มาค่ะน้อง  นี่คนนี้พี่จุ๋ม  แล้วคนนี้พี่ซิน  สองคนนี้คอยดูแลเสื้อผ้าให้น้องกรยังไงล่ะจ๊ะ”

   กานต์ยกมือไหว้หญิงสาวสองคนที่ทำหน้าแดงเอียงอายหลบอยู่ข้างๆ สมชาย

   “ยายสองคนนี้ก็เป็นอะไรมากไหมเนี่ย  เจอเด็กหนุ่มๆ เข้าหน่อยละทำเป็นหอยกาบ  หุบปากนิ่งเชียวนะยะ  ไปๆ หาเครื่องดื่มมาให้น้องเค้าหน่อย” สมชายรัวคำพูดไม่หยุดอยู่คนเดียว  ก่อนชะงักหันมาหาผมที่ทรุดตัวลงนั่งข้างกานต์

   “อ้าว!  แล้วคุณณินไม่ไปนั่งกับพวกข้างนอกเหรอคะ” สมชายอ้าปากหวอ  เพราะปกติผมมักขลุกอยู่กับพวกเฮียใช้มากกว่า

   ผมเหวี่ยงสายตาใส่สมชายไปโดยที่ไม่ต้องตอบคำถาม  เจ้าตัวก็เหมือนจะรู้ดีว่าผมไม่ต้องการตอบ  สมชายจึงแก้เก้อด้วยการหันไปสั่งให้หาเครื่องดื่มมาให้ผมด้วยเลย

   แก้วน้ำอัดลมถูกวางลงตรงหน้ากานต์  และแก้วเบียร์สดฟองนุ่มวางลงตรงหน้าผม  ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยขอบคุณจุ๋ม  มือเรียวยาวก็คว้าหมับเข้าที่แก้วเบียร์  ก่อนจะยกดื่มรวดเดียวหมดแก้วท่ามกลางสายตาที่เบิกโต  และปากที่อ้าค้างของทุกคน

   กานต์วางแก้วลงพร้อมกับเอียงคอกระพริบตาปริบ “ครับ?”

   ชินรู้สึกตัวก่อนใครเพื่อนได้แต่หัวเราะเก้อๆ “เอ่อ...ไม่นึกว่าน้องกรจะทานเบียร์  พี่เลยเอาน้ำอัดลมมาให้”

   “พี่ณินต้องขับรถน่ะครับ  ผมเลยอาสาดื่มแทนให้  อีกอย่าง  ผมก็คนธรรมดาครับพี่  ไม่ได้เรียบร้อยตลอดเวลา  ถึงเวลาดื่มก็ดื่ม  เอ่อ... ผมทำให้พี่ๆ ผิดหวังหรือเปล่าครับ” สีหน้าสำนึกผิดของกานต์คงไปกระตุกต่อมแม่พระของบรรดาสาวแท้  สาวเทียมเข้าให้  บรรยากาศแปลกๆ เมื่อครู่พลันหายไป  แทนที่ด้วยความสนุกและความสนิทชิดเชื้อทันที

   สมชายตบเข่าฉาด “มันต้องอย่างนี้ลูก  ทำงานก็เต็มที่  เวลาดื่มกินก็ต้องเต็มที่เหมือนกัน เอ้า! ช้าอยู่ไยล่ะพวกหล่อนไปเปิดเบียร์มา  คุณณินต้องขับรถดื่มน้ำอัดลมไปนะค้า”

   ผมเลิกคิ้ว  หันไปมองตัวต้นเรื่อง  คนหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งจริงๆ ทำอะไรผิดก็มีคนพร้อมจะยอมให้อภัยตลอดเวลา
   ผมนั่งจิบน้ำอัดลมจนท้องอืด  สักพักก็รู้สึกหนักที่หัวไหล่  หันไปมองก็สบตาเข้ากับคนหน้าขาว (หมอนี่ยิ่งเมายิ่งขาว  บางคนเมาแล้วแดงเถือกไปทั้งตัว)

   “ขอผมพิงหน่อยนะครับพี่ณิน  หนักหัวมาก”

   ผมถอนหายใจ แต่ก็พยักหน้ารับไป  เหล่มองอีกครั้ง  เจ้าตัวก็ส่งยิ้มตาพราวมาให้  ไม่มีคำพูดหยอกล้อเล่นหัว  ไม่มีท่าทางคอยลวนลามอยู่ตลอดเวลา  พออยู่เงียบๆ กันแบบนี้ผมก็ว่ามันโอเคดีอยู่นะ

   จนเสียงรอบข้างเงียบลงอย่างผิดปกติ  ผมจึงเห็นสองสาวแท้  หนึ่งสาวเทียมนั่งบิดตัวแทบจะเป็นเลขแปด  คาดว่าในใจมโนกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วแน่นอน

   “เอ่อ... เริ่มดึกละ  ผมว่าเราไปลาเฮียใช้กับเจ้แก้วกลับได้แล้วล่ะ” กานต์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย  จังหวะที่ผมกำลังจะพยุงให้กานต์ลุกขึ้น  อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี  ปากนุ่มบางเฉี่ยวแก้มผมไปสิ้นสุดที่กกหู  เสียงพึมพำขอโทษผสานมากับกลิ่นแอลกอฮอล์เล่นเอาผมใจสั่น  ส่วนบรรดาสาวๆ หลุดเสียงวี้ดออกมาก่อนจะใช้มือปิดปาก  มืออีกข้างตีกันให้วุ่นวาย  ผมส่ายหน้าลากตัวการออกไปลาเฮียกับเจ้อย่างทุลักทุเล

   กว่าผมจะลากตัวคนเมามากองไว้บนเตียงได้ก็เล่นเอาเหงื่อชุ่มแผ่นหลัง  ทิ้งกานต์ไว้บนที่นอนแล้ว ผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที  ไอ้เรื่องจะให้เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้คนเมาน่ะเหรอ  เผอิญว่าผมไม่ใช่คนดี!

   อาบน้ำเสร็จออกมาว่าจะปลุกกานต์ไปอาบน้ำต่อ  แต่ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าตรึงเท้าผมให้แนบสนิทอยู่กับที่  ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลน  แลดูนุ่มนิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัว  สว่างสะท้อนแสงไฟอยู่กลางเตียงนอน  ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  กวาดตามองซ้ำอีกครั้ง  นาทีนี้ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว  กระโดดขึ้นเตียงไปได้ก็พรมจูบซุกไซ้  สองมือฟอนเฟ้นไปทั่วร่าง  บีบเคล้นคลึงอย่างหิวกระหาย

   เป๊าะ!!!

   ตื่นครับตื่น  คิดไปถึงไหนกันแล้วครับ  ไอ้ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนที่ว่าน่ะ  ร่างมังกรของไอ้เจ้ากานต์เลยครับ  นอนเลื้อยเต็มเตียง  หัวใหญ่โตเอียงกระเท่เร่จะตกมิตกแหล่อยู่แล้ว

   ผมทำใจกล้าเดินเข้าไปสะกิดเรียก (ผิวนุ่มหยุ่นมากครับ)

   “คุณๆ ลุกไปอาบน้ำก่อนไหม”

   หัวโตๆ นั่นส่ายไปมา  ก่อนจะลืมตาสีน้ำเงินเหลือบดำมาจ้องตอบผม

   “คุณ” ผมอึกๆ อักๆ ไม่กล้าพูดอะไรต่อ  จนกระทั่งมีเสียงตอบกลับมา

   “พี่ณินอาบน้ำให้กานต์หน่อยน้า”

   ตึ่งโป๊ะ!!! ถ้าเป็นตลกคาเฟ่  รับรองว่าต้องมีเสียงกลองรับกันบ้างละ  ขนลุกชะมัด  ลำตัวที่กองอยู่บนที่นอนน่าเกรงขามมาก  ดันพูดจาออดอ้อนเป็นเด็กเล็กๆ ออกมาได้

   ผมเริ่มคลายความหวาดกลัวลงไปได้  ค่อยๆ บรรจงใช้เท้าเขี่ยปลายหางมังกรให้พ้นทาง  ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนเตียง
   “นี่กี่นิ้ว” ผมชูนิ้วขึ้นสามนิ้วโบกไปมา

   คน  เอ๊ย! มังกรบนที่นอนปรายตามองอย่างเหยียดหยามที่ผมเล่นอะไรปัญญาอ่อน

   “ผมมีสติดีครับพี่  อย่ามากวน” หางเสียงขุ่นด้วยนะ

   “ครับ  พ่อคนมีสติ  เมาจนเลื้อยเนี่ยนะเรียกมีสติ”

   “ผมมังกรครับพี่  ไม่ใช่งู” เอ้า! สะบัดเข้าไป  ยิ่งพูดยิ่งสะบัดเสียงใส่

   ผมรู้เต็มสองตาครับว่าเป็นมังกรไม่ใช่งู  เมาแล้วกลายร่าง  พึ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตนะเนี่ย

   “เฮ้ย! กานต์ก้มลงมองร่างตัวเอง  ก่อนแสงเงินแสงทองจะส่องประกายวิบวับแล้วกลับคืนร่างมนุษย์ “เปลือย” อย่างเต็มภาคภูมิ

   “เฮ้ย!!!” คราวนี้สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน

   ผมเบือนหน้าหนีไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว  ทันเห็นแค่ช่วงบนเท่านั้นจริงๆ (เดี๋ยวๆ นี่ใช่สาระไหม)

   กานต์กระโดดแผล็วหายเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว  และออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนตอนขาเข้าไป

   ....มันวิ่งผ่านน้ำหรือไงเนี่ย...

   “ขอโทษครับพี่ณิน  ตกใจมากไหมครับ”

   ผมหันไปมอง  ทำหน้านิ่งๆ ตอบเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

   “ไม่ตกใจอะไรหรอก  ตอนเจอกันครั้งแรกคุณเข้มกว่านี้เยอะ”

   “แหมพี่ณินก็...มันก็ต้องมีมาดบ้างอะไรเป็นธรรมดา” จากมังกรเริ่มกลับสู่โหมดแมวน้อย  เกาะแขนเอาหัวถูไถไหล่ผมเล่นอีกแล้ว

   “แล้วนอกจากกลายร่างสลับคนกับมังกรแล้วเนี่ย  คุณทำอะไรได้อีกบ้าง”

   “ก็เล็กๆ น้อยๆ ผมยังไม่เก่ง  เสกของได้เป็นบางอย่างแบบนี้”

   พูดจบกุหลาบดอกเล็กก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับเสก  เอ่อ...ก็เสกมาจริงๆ นั่นละ

   “แล้วถ้าคนที่เก่งๆ ล่ะ  เสกของได้ใหญ่กว่านี้อย่างนั้นเหรอ” ผมเริ่มสนใจ

   กานต์เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ

   “เผ่าพันธุ์มังกรนะพี่ณิน  เสกของน่ะเรื่องจี๊บจ๊อย  พวกที่มีตบะแรงกล้าน่ะ  เรียกลมเรียกฝนได้อย่างใจนึก”

   “งั้นคุณก็อ่อนมากเลยสิท่า  ขนาดจะคงร่างมนุษย์ยังทำไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง”

   “แหม... ได้ทีเอาใหญ่เลยนะครับ  มันก็มีบ้างเวลาจิตเราไม่นิ่งพอ”

   “แต่ผมทำได้อยู่อย่างนึง  เก่งที่สุดตั้งแต่เกิดมาละ”

   อาการมั่นอกมั่นใจทำให้ผมหมั่นไส้  อยากจะบรรจงยันงามๆ ถวายท่านมังกรผู้สูงศักดิ์สักที

   “เสกดอกไม้ยังได้ดอกเล็กๆ แล้วจะทำอะไรได้อีกล่ะคุณ”

   “ ‘ทำรัก’ ไงครับพี่ณิน  ผมมั่นใจว่าต้องจัด ‘ดอก’ ใหญ่ได้แน่ๆ

   TBC...

หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 4 (14/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 14-01-2017 19:14:08
มังกรหื่นนนนนนน
555 น่ารักอะ น้องกานต์ ยั่วเยอะ ๆ แต่ พอถึงเวลา พี่เขาเอาจริงจะร้องไม่เอาป่าวคนเก่ง

ว่าแต่ พี่เขาก็ภูมิต้านทานสูงนะ มังกรตัวเป็น ๆ นอนอ่อยเชียวนะ 555
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 4 (14/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-01-2017 21:16:11
น่ารักดี ตลกดีด้วย
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 4 (14/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-01-2017 21:40:19
มังกรอะไรเนี่ย ขี้อ่อย ขี้ยัว น่ารัก สุดๆๆๆๆๆ หลงเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 4 (14/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-01-2017 23:14:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 4 (14/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 19-01-2017 16:25:40
น้องกานต์ขี้อ่อยยยย อ่อยเยอะๆ ลูก อยากเห็นพี่ณินตบะแตก 55555 :laugh:
หัวข้อ: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 5 (21/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 21-01-2017 20:10:05
บทที่ 5

   “อ๊า!!!”  เสียงโวยวายตะโกนลั่น  ปลุกให้ธรณินต้องตื่นขึ้นมาโดยไม่เต็มใจสักนิด  สะบัดผ้าห่มออกได้ก็รีบวิ่งถลาไปห้องตรงข้ามทันทีด้วยความตกใจ

   ปัง! ปัง! ปัง!

   “คุณๆ เป็นอะไร  เปิดประตูให้ผมด้วย กานต์!”

   เสียงเปิดประตูดัง แกร๊ก!  ธรณินรีบผลักบานประตูออกกว้าง  แทรกตัวไปด้านใน  พลางสอดส่ายสายตาหาเจ้าของเสียงโวยวายเมื่อครู่  พอเห็นว่านั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะกระจก  จึงได้คลายใจเดินเข้าไปหา

   “เป็นอะไรไป  ร้องซะอย่างกับไฟไหม้”

   “พี่ณิน” เสียงอู้อี้ที่พูดลอดออกมาจากช่วงขาที่เจ้าตัวนั่งฟุบอยู่  ฟังดูครางเครืออย่างน่าประหลาด  ธรณินขยับตัวเข้าไปลูบหลังลูบไหล่  แล้วถามเสียงอ่อน

   “เป็นอะไรไปครับ หืม บอกผมมา  ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า  หรือว่าฝันร้าย”

   ใบหน้าที่ก้มหลบๆ ซ่อนๆ ค่อยๆ เงยขึ้นมาช้าๆ ดวงตาแดงก่ำมีน้ำตาเอ่อคลอ  หากที่เห็นเด่นชัดที่สุดบนใบหน้านั้นคือสิวเม็ดโตบนแก้มด้านซ้าย

   ธรณินชะงักกึก  ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่นอย่างทนไม่ไหว

   “พี่ณิน! นี่ผมเครียดนะเนี่ย  เกิดมาเพิ่งเคยเป็นสิวเม็ดใหญ่ขนาดนี้  ทำยังไงดีอะพี่  อย่าพึ่งหัวเราะสิ  มาช่วยกันคิดก่อน”

   เด็กที่ตัวไม่เล็กเริ่มทำหน้างอ  กว่าธรณินจะหยุดหัวเราะได้  ปากของคนตรงหน้าก็แทบจะชิดติดจมูกด้วยความที่หน้าบึ้งลงเรื่อยๆ

   “คงเป็นเพราะล้างเครื่องสำอางไม่สะอาดน่ะคุณ  ผมเห็นเมื่อวานคุณอาบน้ำเร็วขนาดนั้น  ยังคิดว่ามันจะสะอาดไหม  วันนี้เลยแสดงให้เห็นผลเลย  ว่าไม่สะอาด”

   “เอางี้  วันนี้ผมว่าง  เดี๋ยวโทรไปสั่งงานสมชายไว้นิดหน่อย  แล้วเดี๋ยวผมพาไปซื้อพวกเครื่องสำอางทำความสะอาดใบหน้าให้”

   เห็นหน้ายุ่งๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้ผมคนตรงหน้าอย่างมันเขี้ยว  เอ้อ...อยากเอาหัวโขกกำแพงจริงๆ มาทำใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้หัวใจก็เริ่มเซแซ่ดๆ แล้วเหมือนกัน

   “พี่ณินเป่าเพี้ยงหน่อยสิ”

   “หืมมมม”

   “เป่าสิวเนี่ย  เจ็บอะ”

   มาแล้วครับ  สุดยอดท่าไม้ตาย ‘ลูกแมวน้อยกลอยใจ’ ไม่น่ากลัวแต่น่ากิน!!!

   “คุณครับ” ผมจับหัวไหล่กานต์ไว้ทั้งสองข้างให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ก่อนเดินห่างออกมา 2 - 3 ก้าว  กานต์ทำท่าจะขยับเดินตามมา

   “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ” ธรณินกอดอกเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะร่ายยาว

   “มาเป่าพ้งเป่าเพี้ยงอะไรกันล่ะ  เพึ่งตื่นแล้วผมก็ตะลีตะลานมาหาคุณเนี่ย  ฟันก็ยังไม่ได้แปรง  ชีวิตจริงไม่ใช่นิยายนะ  ตื่นมาจะได้ปากหอมสดชื่นจูบรับอรุณยามเช้าน่ะ”

   จากท่าทางหูลู่หางตกเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นกระมิดกระเมี้ยนขึ้นมา  เล่นเอาธรณินนึกฉุน

   “ไอ้ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง”

   กานต์พึมพำอ้อมแอ้มตอบ “ก็...ก็ผมแค่จะให้เป่าเพี้ยง  แต่ว่าพี่ณินคิดไปถึงจูบรับอรุณเลย  ผมก็เขินเป็นนะครับพี่” พูดจบก็เขินบิดตัวไปมา

   ธรณินส่ายหัว  ได้แต่ขอถอนคำพูดที่ว่าลูกแมวน่ากินเมื่อสักครู่ทิ้งไป  อารมณ์ตอนนี้แบบ...น่าถีบมาก
   

   ภายในห้างสรรพสินค้า

   บริเวณชั้นขายอุปกรณ์เครื่องสำอางล้างหน้าทั้งหลาย  ได้กลายเป็นจุดสนใจของสาวน้อยสาวใหญ่กันน่าดู  ภาพชายหนุ่มหน้าตาดีถึงดีมากสองคนกำลังยืนศึกษาชนิดและสรรพคุณของเครื่องสำอางจนหัวชิดติดกัน  เป็นภาพที่ชวนพุ่งเข้าไปทำการช่วยเหลือ  ช่วยอธิบายเป็นที่สุด  ติดตรงที่ว่าไม่รู้จะเข้าไปแทรกตรงไหน  เพราะองค์ประกอบภาพที่เห็นพอดิบพอดีไปทุกส่วนอยู่แล้ว  สาวๆ จึงได้แต่เดินเข็นรถผ่านไปคนละหลายๆ รอบจนกระเบื้องปูพื้นห้างแทบสึก

   ขณะที่กำลังเตรียมต่อแถวชำระเงิน  เสียงโทรศัพท์มือถือของธรณินก็ดังขึ้นมา

   “สวัสดีครับ  ครับผมธรณินครับ  อ้าว!  เฮียใช้ว่าไงครับ...” ธรณินบุ้ยใบ้ปากให้กานต์ยืนรออยู่ตรงนี้  ก่อนจะเดินออกไปหาบริเวณที่เสียงไม่ดังมากนักเพื่อคุยต่อ

   กานต์ได้แต่เดินมองสินค้าตามชั้นรอฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ มือก็แอบดึงขนมที่หมายตาใส่รถเข็นเพิ่มจนมาถึงชั้นวางช็อคโกแลต  กานต์เอื้อมมือคว้าหากไม่ได้ห่อขนมกลับคว้าได้มือขาวของคนอื่นซะได้

   “เอ๊ะ!” สองเสียงประสานพร้อมกันด้วยความแปลกใจ

   กานต์มองตามแขนเรียวยาวไล่ไปจนพบกับใบหน้าน่ารักที่ยิ้มหวานกลับมารอท่า

   “ขอโทษครับ  คุณหยิบได้เลย” กานต์หัวเราะแหะๆ บอกหนุ่มน่ารักตรงหน้า  ก่อนจะเบนเป้าหมายไปหยิบซองช็อคโกแลตด้านข้างมาแทน

   “ขอบคุณมากนะครับ  เนี่ยยี่ห้อนี้อิคคิวชอบมากเลย  เหลือซองสุดท้ายด้วย  ถ้าไม่ได้คงเสียใจแย่” หนุ่มหน้าหวานซึ่งแทนตัวเองว่า ‘อิคคิว’ เจื้อยแจ้วบรรยายสรรพคุณความอร่อยและดีงามจนกานต์เริ่มนึกรำคาญ  แต่ก็ได้แต่ยิ้มรับ

   “คุณ! มาทำอะไรตรงนี้  ผมเดินหาตั้งนาน” ธรณินคว้าไหล่กานต์ส่งเสียงถามด้วยความตกใจที่หากันไม่เจอ

   “ผมมา...”

   “พี่ณินนน”

   ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก  กานต์ยังไม่ทันตอบคำถามของธรณินก็เห็นอะไรบางอย่างๆ ขาวๆ พุ่งตัวโผผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว

   “อะ...อิคคิว?”

   “พี่ณินคร้าบ  อิคคิวคิดถึงที่ณินจังเลย  พี่ณินมาเป็นผู้จัดการให้อิคคิวเหมือนเดิมได้ไหมครับ  คนใหม่ที่พี่ณินส่งมาให้ไม่เร้าใจ เอ๊ย! ไม่ค่อยเอาอกเอาใจเท่าพี่ณินเลย”

   อะไรบางอย่างขาวๆ ที่ชื่อ ‘อิคคิว’ กำลังคล้องแขนพัวพันเกาะไหล่ธรณินหนุบหนับเป็นปลาหมึก  เห็นแล้วหางตากานต์กระตุกริกๆ อยากจะเอื้อมมือไปโบกให้คว่ำ  ดีที่ธรณินพยายามแกะมือปลาหมึกนั่นออก  ทำให้กานต์เพียงแค่ยืนนิ่งอมยิ้มน้อยๆ สังเกตการณ์ต่อไป

   “อิคคิวปล่อยก่อน  กรนี่อิคคิวนะ  เป็นนายแบบอยู่บริษัทผมเหมือนคุณนั่นแหละ”

   กานต์ยกมือไหว้  ขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่ตวัดสายตามองเร็วๆ จากหัวจรดเท้าเพียงแค่นั้น  ก่อนจะหันไปกระแซะออดอ้อนธรณินต่อ

   อ๋อ...เป็นคนประเภทพอหว่านเสน่ห์ใส่แล้วคนไม่สนใจตัวเองก็เมินใส่ซะงั้น

   “อิคคิว! เสียมารยาท  น้องเค้าไหว้เรา  ทำไมไม่รับไหว้”

   ณ จุดนี้กดบวกแต้มให้พี่ณินในใจรัวๆ แต่ผมแสดงออกมากไม่ได้นี่  เดี๋ยวจะดูไม่ดี

   คนหน้ารักยกมือขึ้นไหว้แผล่บอย่างรวดเร็ว  ฝ่ามือยังแปะถูกกันไม่ถึงสองวินาทีก็แยกออกจากกันซะแล้ว  กิริยาไหว้เหมือนลิงหลอกเจ้า  ทำให้ธรณินขมวดคิ้ว  เผลอนึกเปรียบเทียบกับกานต์ไม่ได้  อาจจะช่างยั่วช่างแหย่  แต่อ่อนน้อมถ่อมตน  ในขณะที่อิคคิวแสดงออกว่าเป็นเด็กน้อยน่ารักสดใส  แต่มือไม้เก้งก้างค่อนไปทางไม่มีมารยาทซะมากกว่า

   “เฮียใช้โทรมาว่าให้ไปหา  เฮียอยากให้คุณไปลองถ่ายแบบน้ำหอมให้หน่อย  เด็กที่นัดไว้มีปัญหา  คุณจะโอเคไหม”

   “ผมยังไงก็ได้ครับ  แล้วแต่พี่ณินเลย  แต่ว่า...ผมเป็นสิวเม็ดใหญ่เลยนะพี่”

   น้ำเสียงที่ออกแนวกังวัลทำให้ธรณินหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ผมคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู

   “เอาน่า  ยังหล่ออยู่  เดี๋ยวให้ทีมงานเค้าช่วยแต่งหน้าปิดให้”

   บรรยากาศหัวเราะคิกคักของเราสองนี่มันคืออะไร ‘อิคคิว’ นายแบบสุดฮ็อตยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน  คุยไปยิ้มไปไม่มีเห็นหัวกันเลยนะ

   “พี่ณินคร้าบบบ” อะไรบางอย่างขาวๆ โผมาเกาะแขนธรณินอีกครั้ง

   “พี่ณินจะไปไหนหรือครับ  อิคคิวไปด้วยได้ไหมเอ่ย” พูดแล้วก็ทำท่าเอียงคอ  ตาโต  แก้มป่องกระพริบตาปริบๆ ใส่

   กานต์มองดูคนตรงหน้าแล้วให้นึกสงสัย  ชาติที่แล้วเป็นผีจูออนหรือยังไง  ถึงได้ทำตัวขาวๆ โผไปโผมาเกาะแขนชาวบ้านเค้าอยู่ได้  แล้วไอ้ท่าทางน่ารักไร้เดียงสานั่น  เค้าไม่ได้มีไว้โพสต์ท่าต่อหน้ากล้องเรอะ  เอามาใช้ในชีวิตประจำวันตลอดเวลาแบบนี้ก็ได้เหรอ

   “ถ้าพี่อิคคิวว่าง  ‘ไม่มีอะไรทำ’ ก็ไปกับ ‘พวกเรา’ ก็ได้นะครับ  เผื่อเป็นตัว ‘สำรอง’ ให้เฮียใช้เลือกดูได้”

   ประโยคเดียวครบและชัดเจน  หากอีกฝ่ายอาจตีความไม่ออก  หรือไม่ก็ต้องหนาเป็นพิเศษ  จึงหันไปเขย่าแขนธรณินพลางร้องดีใจ “เย้ๆๆ” ด้วยท่วงท่าที่คิดว่ารัก (หมอนี่ไม่เหนื่อยบ้างรึไง  แอ๊บเด็กตลอดเวลา)

   “ถ้าอิคคิวว่างก็ไปพร้อมกันเลยก็ได้  อย่างที่กรว่า  เผื่อเฮียใช้เลือกละกัน”

   บรรยากาศในรถระหว่างเดินทางไปหาเฮียใช้ที่สตูดิโอถูกผูกขาดการคุยไว้ที่อิคคิวแต่เพียงผู้เดียว  นานๆ ครั้งธรณินจะพูดจาโต้ตอบกลับไปสักครั้ง  ส่วนใหญ่จะได้ยินแต่เสียงคนพูดแทรกมาด้วยเสียงตอบรับเออออมาเป็นระยะ  กานต์เห็นธรณินไม่ได้ให้ความสนใจผีจูออนมากไปกว่าเพื่อนร่วมงานจึงเอนศีรษะพิงกับกระจกรถแล้วเหม่อมองตึกสูงระฟ้าข้างทางไปเงียบๆ จนเมื่อรถจอดลงที่จุดหมายแล้วธรณินจึงลงมาเปิดประตูรถให้กานต์  พลางใช้หลังมือแตะหน้าผากสำรวจ

   “คุณเป็นอะไรรึเปล่า  ตัวก็ไม่ร้อนนะ  หรือว่าปวดหัว  ยังแฮงค์อยู่ไหม” น้ำเสียงอบอุ่นกับแววตาเป็นกังวลที่ทอดมองมาจุดรอยยิ้มให้กานต์เป็นอย่างดี

   “ผมเหนื่อยจังเลยครับพี่ณิน” ปากพูดกับธรณินแต่ตาเหลือบมองข้ามไหล่ไปสบกับผีจูออนที่ยืนรออย่างกระฟัดกระเฟียดทางด้านหลัง  อ่า...หาอะไรทำเล่นแก้เซ็งน่าจะดี

   “เป็นอะไรเหนื่อย  เดินทางแป๊บเดียวนี่นา” พอเห็นคนตรงหน้าย่นหัวคิ้วถาม  กานต์จึงส่งสายตาวิบวับพลางตอบ

   “เหนื่อยสิครับพี่ณิน  ก็ผมไปวิ่งเล่นในหัวใจพี่ทั้งวันเลย”

   “เพี๊ยะ!” เป็นไปตามคาด  ธรณินดีดหน้าผากเข้าให้หนึ่งทีโทษฐานกวนนัก  กานต์ได้แต่กุมหน้าผากร้องโอดโอยไปตามเรื่อง  หากตาแอบมองลอดนิ้วที่ยกขึ้นปิดหน้าไปเห็นผีจูออนทำตาโต  ไม่ได้ด้วยความน่ารัก  แต่เป็นโตด้วยความอิจฉาริษยา  แล้วกระทืบเท้าด้วยความขัดใจสองทีก่อนสะบัดหน้าพรืดเดินเข้าไปในสตูดิโอ

   “อ้าว! อิคคิวไปไหนแล้วล่ะ”

   “ผมเห็นเดินเข้าไปข้างในแล้ว  สงสัยแดดร้อนมั้งครับพี่”

   ธรณินพยักหน้ารับรู้  จัดการล็อครถให้เรียบร้อย  แล้วจึงแตะหลังกานต์เป็นเชิงบอกให้เข้าไป

   ภายในสตูดิโอยังคงคึกคักวุ่นวายเช่นเดิม  เสียงตะโกนโหวกเหวกให้จัดของ  จัดไฟ  ลอยข้ามฟากไปมา  ธรณินเดินตรงเข้าไปหาทรงชัยซึ่งกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดบ่นนั่นบ่นนี่แก้เครียดไปตามประสา  แต่เมื่อเงยหน้ามาเห็นธรณินก็คลายปมที่หว่างคิ้วออก  ยกมือรับไหว้  พลางตบหลังตบไหล่ขอบคุณเป็นการใหญ่

   “เฮ้ย! ณิน  เฮียขอบใจมาก  อุตส่าห์มาให้  กรด้วยนะ”

   “ไม่เป็นไรครับเฮีย  แต่มีปัญหานิดหน่อยนะครับ  กรเค้ากังวล  เมื่อวานคงล้างหน้าไม่สะอาดน่ะเฮีย  วันนี้เลยเป็นสิวที่แก้มซ้ายเม็ดเบ่อเริ่มเลย”

   กานต์ยิ้มหัวเราะแหะๆ พลางเอียงหน้าซีกซ้ายให้ทรงชัยดูผลงาน  ทรงชัยใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอว  อีกมือเกาคางเอียงหน้ามอง

   “เฮียว่า  ใช้คอนซีลเลอร์ถมไปน่าจะกลบรอยแดงๆ นั่นได้อยู่  แต่ไอ้ที่นูนๆ นี่...ใช้มุมกล้องหลบๆ เอาหน่อยละกัน  น่าจะใช้ได้”

   “ให้อิคคิวช่วยไหมครับเฮีย  วันนี้อิคคิวว่าง  ไม่มีไปถ่ายแบบที่ไหน  หน้าใสสดชื่น  ไม่มีรอยนูนให้กวนใจ  สั่งให้หันซ้ายได้ซ้าย  หันขวาได้ขาว  ยักคิ้วหลิ่วตา  เงยหน้า  จือปาก  ได้ทั้งนั้น  มืออาชีพแบบสุดๆ  เลยนะครับเฮีย”

   เอ่อ...ใครช่วยลากผีจูออนนี่ไปเก็บที่ได้ม้ายยย

   “อ้าว! อิคคิวไปไงมาไงล่ะเนี่ย” ทรงชัยเองก็รู้สึกงุนงงกับการปรากฏตัวโฆษณาแบบฮาร์ดเซลล์ของอิคคิว  จึงได้แต่กล่าวทักไหลไปตามน้ำ

   ธรณินทางนึงแกะมือที่เอื้อมมาคว้าแขนของตนไปกอดไว้อย่างถือวิสาสะ  ทางนึงก็ตอบคำถามของทรงชัยไปด้วยอย่างเกรงใจ  สภาพเหมือนแม่ลิงพยายามสลัดลูกลิงทิ้งชวนให้รู้สึกตลกขบขัน

   “เจอกันในห้างสรรพสินค้าครับเฮีย  เลยพามาให้เฮียเลือก  เพราะเห็นกรเค้ามีปัญหาเรื่องสิวอยู่ด้วยพอดี  ขอโทษที่ถือวิสาสะตัดสินใจเองโดยพลการด้วยนะครับ”

   ทรงชัยอมยิ้มในหน้าปากบอก “ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไร  ดีซะอีกจะได้มาช่วยกัน” แต่ตาทอประกายขบขันว่าสาเหตุที่ธรณินพามาด้วยจริงๆ น่าจะเป็นเพราะสลัดอิคคิวไม่หลุดซะมากกว่า

   อิคคิวเชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทาย  ปรายตามองกานต์อย่างเป็นต่อ  ปากเจรจาถามคอนเซปท์ของน้ำหอมที่จะใช้ถ่ายทำ  ตาจ้องจิกกานต์อย่างจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพเจนสนามของเจ้าตัว  ส่วนกานต์จ้องตอบกลับด้วยดวงตาใสซื่อ  จนเมื่อธรณินหันไปคุยกับทรงชัยจึงได้ยกนิ้วกลางขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ!!!


TBC...
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 5 (21/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-01-2017 20:24:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 5 (21/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-01-2017 20:41:47
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แสบอ่ะ นิ้วกลางจัดไป
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 5 (21/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-01-2017 17:52:17
ยะ...ยก...ยกนิ้วกลางอย่างเป็นธรรมชาติ 5555555555555
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 5 (21/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 24-01-2017 22:21:19
 :katai :laugh:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 6 (24/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 24-01-2017 22:24:21
บทที่ 6

   “วี้ดดดด” เสียงหวีดร้องของอิคคิวถูกกลบลงด้วยเสียงกรีดร้องของบรรดาแม่ยกส่วนตัวของกานต์  สมชายเดินนำจุ๋มและซินเบียดแทรก  พลางใช้บั้นท้ายดินระเบิดระดับโอ่งมังกรราชบุรีปัดผ่านเพียงแผ่วเบา  แต่ส่งผลให้อิคคิวกระเด็นหลุดออกจากวงสนทนาทันที

   “น้องกรของพี่...เมื่อกี๊พี่เห็นนะ” สมชายทำหน้าเคร่งพยักเพยิดไปทางอิคคิว

   “ขอโทษครับพี่ซิสซี่  แต่ผมหมั่นไส้อะ  มาทำตาจิกๆ ใส่  ผมไม่ชอบ” กานต์ยกมือไหว้ขอโทษสมชาย  สีหน้าดื้อดึงแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวขอโทษที่ทำมารยาทไม่ดีออกมา  แต่ไม่ได้ขอโทษที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่และเผยความไม่ชอบหน้าอิคคิวออกมาเต็มที่

   “แรว๊งงงงส์” จุ๋มกับซินคู่หูชวนกันจิ้นอุทานออกมาพร้อมกับปิดปากหัวเราะคิกคัก

   สมชายก็หลุดหัวเราะพรืดออกมาเหมือนกัน “โถ..น้องกรของพี่  พี่เองก็หมั่นไส้อิคคิวมานานละ  แต่ที่เข้ามาห้ามทัพเนี่ย  ก็กลัวน้องกรจะทำงานลำบากหรอกจ้ะ  แต่ถ้าวันไหนมีนัดตบกันหลังเลิกงานเมื่อไหร่บอกพี่นะ”

   “พี่จะไปช่วย?” ซินถาม

   “ปล๊าวววว พี่จะไปให้กำลังใจน้องกรเฉยๆ บอบบางอย่างพี่จะไปสู้รบตบมือกับใครเค้าด๊ายยย” ท้ายเสียงลากยาวจนจุ๋มและซินลอบเบ้ปาก

   “สาวๆ ที่รักของเฮียจ๋า  หยุดกิจกรรมเม้าท์มอยหอยระเบิดกันได้แล้ว  พาน้องไปแต่งหน้าแต่งตัวได้  งานไม่เสร็จ  เลิกดึกขึ้นมาก็มาบ่นว่าเฮียใจร้ายอีก

   สมชายค้อนทรงชัยขวับใหญ่  ก่อนจะจูงมือกานต์เข้าห้องแต่งตัว  เดินผ่านอากาศธาตุที่ชื่ออิคคิวไปแบบสวยๆ โดยปล่อยให้เจ้าตัวยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอาฆาตแค้นในใจอยู่คนเดียว

   “อ้อ...มีพวกซะด้วย  ถึงว่า  ถึงได้ไม่เกรงใจรุ่นพี่กันบ้างเลย  ทำผยองไปเถอะแก  เดี๋ยวตอนถ่ายเมื่อไหร่  ฉันจะเปล่งประกายให้อายจนไม่กล้าเผยอหน้าอยู่ในวงการนี้อีกเลย  ให้รู้ซะบ้างว่า TOP 5 ในวงการนายแบบน่ะไม่ได้มาเล่นๆ!!”

   ทรงชัยยืนสั่งการให้เด็กๆ รีบเร่งมือจัดฉาก  เสียงตะโกน  เสียงขานรับเซ็งแซ่ไปทั้งสตูดิโอ  ก่อนสรรพเสียงต่างๆ คล้ายถูกปิดสวิตช์ฉับในทันที  เมื่ออิคคิวปรากฏตัวในลุคหนุ่มน้อยน่ารักในแบบที่เจ้าตัวถนัดที่สุด  ด้วยใบหน้าที่อ่อนใส  เมื่อลงเครื่องสำอางบางเบา  ขับผิดขาวแลดูสุขภาพดีให้โดดเด่น  แก้มสีชมพูมีเลือดฝาด  ริมฝีปากอิ่มเต็มยกยิ้มอวดลักยิ้มข้างแก้มที่บุ๋มลึกลง  เมื่อเจ้าตัวจงใจโชว์จุดขายของตนอย่างเต็มที่

   อิคคิวกวาดตามองทุกสายตาที่มองมาทางตัวเองอย่างสมใจ  มันต้องอย่างนี้สิ  จุดรวมทุกสายตาควรจะอยู่ตรงนี้  ตรงอิคคิวผู้นี้เท่านั้น  ไม่ใช่มัวไปหลงใหลได้ปลื้มพวกหน้าใหม่  มองมาทางฉันแล้วสยบให้กับความสดใสน่ารักระดับสิบเต็มสิบของท่านอิคคิวผู้นี้ซะ! วะฮะฮะฮะฮ่า

   “เฮียใช้คร้าบ” เสียงที่ทอดลากยาวทางด้านหลัง  ส่งผลให้ทรงชัยถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย  แรกๆ ไอ้คำว่าคร้าบ  คร้าบนี่ก็น่าเอ็นดูดี  แต่จนอายุยี่สิบ  ยี่สิบเอ็ดนี่มันก็เกินคำว่าน่าเอ็นดูมาไกลแล้วนะ  เฮ้อ...บ่นได้แต่ในใจก่อนจะปรับสีหน้ายิ้มแย้มหันไปรับคำได้อย่างลื่นไหลไม่เสียทีที่เป็นตากล้องมานาน  ฝีมือด้านการแอคติ้งของทรงชัยเข้าขั้นระดับตัวพ่ออยู่เหมือนกัน

   “ว่าไงครับอิคคิว  โอ้โห!...น่ารักเชียวครับ  ชุดนี้รูปที่ออกมาต้องสุดยอดมากๆ เลยครับ”

   เด็กๆ ในกองปากอ้าตาค้างกันเป็นแถบๆ โอ้ พระเจ้า! นี่ตากล้องหรือว่าจิ้งจอกพันหน้า  เปลี่ยนหน้าได้ไวสุดๆ

   ทรงชัยหัวเราะหึๆ ในลำคำผินหน้าไปยักคิ้วให้เด็กๆ แผล็บหนึ่งก่อนจะหันมาส่งยิ้มชื่นชมสุดจริงใจให้หนุ่มน้อยอิคคิวตรงหน้า

   “เริ่มถ่ายกันเลยไหมครับเฮีย  อิคคิวพร้อมสุดๆ ไปเลยฮะ”

   “ถ้าอิคคิวพร้อม  เฮียก็พร้อมลุยไปทุกที่กับอิคคิวเลยครับ  อ้าว...ยืนงงกันอยู่ทำไม  เราจะเริ่มถ่ายกันเลย  ดูน้องเค้าเป็นตัวอย่างกันซะบ้างนะเด็กๆ ไปครับอิคคิว  ลุยกันเลย”

   เสียงแชะๆ ของกล้องถ่ายรูปดังระรัวยาวต่อเนื่อง  เรียกให้กานต์และธรณินที่เพิ่งแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จต้องหยุดยืนมอง  การโพสต์ท่าทาง  การวางมือ  เอียงคอ  ขยิบตา  ยกยิ้มของอิคคิวช่างสมกับที่เป็นนายแบบระดับ TOP 5 ทุกอากัปกิริยาลื่นไหลไม่มีติดขัด  สั่งเอียงซ้ายขวาได้อย่างใจยิ่งกว่าอับดุล

   พลันไหล่ซ้ายของกานต์ก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดทับลงมา

   “ไม่ต้องเครียดนะคุณ  เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด  ถ้าเฮียใช้เห็นว่ารูปที่อิคคิวออกมาแล้วดีกว่า  เหมาะสมกว่า  เราก็ปล่อยไป  งานถ่ายแบบน่ะมีเยอะ  อย่าไปกังวล”

   ธรณินบีบไหล่กานต์อย่างจงให้กำลังใจ  คนตัวสูงกว่าลอบมองใบหน้าครุ่นคิดของคนข้างกายมาได้สักพัก  เห็นยืนกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก

   กานต์หันหน้าไปอมยิ้มรับคำของธรณิน  ก่อนจะเสไปมองการถ่ายแบบของอิคคิวต่อ  โถ  พี่ณิน  คนดีของสังคม  กัดกระพุ้งแก้มกลั้นหัวเราะจนเหลือแค่อาการอมยิ้มจนเหนื่อย  ที่มองๆ แล้วทำหน้าขบคิดน่ะ  ไม่ใช่เพราะกังวล  แต่แค่สงสัย  ว่าโตจนอายุขนาดนี้แล้วมาโพสต์ท่าทำแก้มป่อง  ตาโต  นี่มันน่ารักตรงไหน  รสนิยมของโลกมนุษย์เป็นแบบนี้หรือว่าตัวเขาล้าหลังเกินไปกันแน่  แต่ถ้าความสงสัยนี้ทำให้พี่ณินสงสารได้ก็ถือเป็นผลพลอยได้ล่ะนะ

   “โอเค  เยี่ยมมากอิคคิว  ไปพักได้” เสียงทรงชัยตะโกนบอก  ทำให้กานต์ที่หลุดจากภวังค์ความคิดเตรียมตัวเดินเข้าฉากเพื่อถ่ายต่อไป

   “คิดว่าด้วยสารรูปและหนังหน้าจืดๆ แบบนี้จะได้รับความสนใจไหม”

   ขณะกำลังเดินสวนกัน  เสียงของผีจูออนที่เคลื่อนผ่านมาก็กระทบกับใบหูของกานต์  สองเท้าที่กำลังก้าวเดินหยุดกึกอยู่กับที่  ก่อนที่กานต์จะหันหน้ามายิ้มหวานหยดก่อนเอ่ยเสียงเบา

   “ไม่เผือกสิครับพี่อิคคิว”

   พูดจบก็ก้าวเท้าเดินต่อไปเข้าฉากอย่างมั่นใจ  ความคิดบางอย่างวาบผ่านเข้ามาโดยกะทันหัน  กานต์ชะงักฝีเท้า  เดินย้อนกลับมาหาทรงชัยและธรณิน

   อิคคิวโกรธก็โกรธ  หากก็อดสงสัยไม่ได้  เด็กใหม่อย่างมันคิดจะทำอะไร  เห็นทั้งสามคนโต้ตอบกันไปมา  สักพักเฮียใช้ก็พยักหน้ารับหงึกหงัก  พี่ณินเองจากที่เคยส่ายหน้า  ยกมือไม้โบกเป็นพัลวันก็มีท่าทีอึกอักอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด  จนสุดท้ายก็ยินยอมพยักหน้าตามไปด้วยอีกคน  อิคคิวเห็นธรณินเดินนำเข้าไปในฉากอย่างจำยอมก่อน  กำลังจะเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น  ก็มีเสียงรื่นรมย์ดังขึ้นมาตรงริมหูซะก่อน

   “ขอบคุณที่ช่วยกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะของผมนะครับพี่อิคคิว  จับตาดูผมให้ดีๆ นะครับพี่”

   พูดจบก็เป่าลมหายใจรดต้นคอให้เขาขนลุกเกรียวซะอีก

   “อะ...อะไร  ไอ้เด็กบ้า” อิคคิวกัดฟันตอบเสียงตะกุกตะกัก

   กานต์ไม่ตอบคำ  แต่จุดร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาประดับใบหน้า  ก่อนจะเดินไปถอดเสื้อสูทออกส่งให้ซินรับไว้  ขยี้ผมที่เซ็ตไว้เรียบร้อยให้แลดูยุ่งเหยิง  แต่กลับทำให้วงหน้าอ่อนเยาว์แลดูมีเสน่ห์น่าค้นหา

   “พร้อมแล้วครับเฮีย  ถ่ายยาวต่อเนื่องเลยนะครับ” เสียงกานต์ตะโกนบอกให้สัญญาณกับทรงชัย  ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำมือตอบรับส่งกลับมา

   เสียงกล้องแชะแรกดังขึ้นพร้อมๆ กับที่กานต์ถลกแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่ขึ้นมาถึงข้อศอก  ตามด้วยกระชากกระดุมเสื้อจนหลุดกระเด็น  ก่อนจะเอ้อมมือไปโอบกอดธรณินที่ยืนหันหลังให้กล้องอยู่  ซบหน้าซีกร้ายลงบนไหล่กว้างนั้น  ส่งสายตายั่วยวนไปทางกล้อง  ยกศีรษะขึ้นเอาคางเกยบนไหล่  เอียงใบหน้าซีกขวาให้กล้องจับภาพ  เผยรอยยิ้มร้ายกาจแบบแบดบอย  ก่อนจะบรรจงขบฟันลงบนใบหูของธรณิน  ในขณะที่สายตายังคงส่งสารท้าทายให้กล้องไม่หยุด

   “โอเค  คัท” เสียงของทรงชัยกระชากสติสัมปชัญญะของทุกคนให้กลับมาสู่ปัจจุบัน  เสียงวี้ดว้ายตามมุมต่างๆ ของสตูดิโอบ่งบอกว่าภาพเซ็กซี่ขยี้ใจกระตุกเลือดลมกันขนาดไหน

   ธรณินยืนตัวสั่น  หน้าตาเนื้อตัวแดงจนไม่รู้จะแดงยังไง  พึมพำอะไรออกมาเบาๆ จนกานต์ต้องกระซิบถามกลับ

   “อะไรครับพี่ณิน”

   “เลิกเลียได้แล้ว!!!”

   “อะ...ครับๆ ขอโทษครับ  เพลินไปหน่อย”

   กานต์หัวเราะแหะๆ กุลีกุจอหาผ้ามาเช็ดตามลำคอและใบหูให้ธรณินเป็นการใหญ่

   เวลาที่กานต์ใช้ในการถ่ายรูปดำเนินไปไม่นานเลย  แต่สำหรับธรณินแล้วยาวนานมาก  ตั้งแต่เป็นผู้จัดการมาเคยแต่ทำหน้าที่เบื้องหลังจัดแจงท่าทาง บิ้วท์อารมณ์ให้นายแบบในสังกัดมานักต่อนัก  แต่คราวนี้เป็นเพราะกานต์ขอร้อง  ว่าอยากได้ช่วงหลังและไหล่มาช่วยอำพรางสิวเจ้าปัญหาบนใบหน้าซีกซ้าย  ตอนแรกก็ปฏิเสธอย่างจริงจัง  แต่หน้าตากานต์ตอนที่บอกว่าเขาจะไม่ช่วยนี่สิ  หงอยลงไปอย่างเห็นได้ชัด  ก็เลยต้องจำใจรับปาก  อีกอย่างก็ใช้แต่พื้นที่ด้านข้างและด้านหลังเท่านั้นเอง  แล้วดูไอ้มังกรจอมเลื้อยมันทำกับเขาสิ  ทั้งโอบ  ทั้งกอด  ทั้งขบ  ทั้งเลีย  ถ้าเฮียใช้ถ่ายต่ออีก 5 นาที  สงสัยคงได้เสียเป็นเมียผัวกันกลางกองถ่ายนี่แหละ  คิดแล้วก็เสียวใจ เอ๊ย! เสียใจที่ดันไปตกปากรับคำช่วย เฮ้อ!

   “ดีมากๆ ดีจริงๆ นะกร  รูปออกมาดูร้ายมาก” ทรงชัยทำสีหน้าตื่นเต้นพูดรัวจนฟังไม่ได้สรรพ

   “ฮ่าๆๆ แล้วตกลงมันดีรึมันร้ายกันแน่ครับเฮีย” กานต์หัวเราะพูดแซวกลับไป

   “บ๊ะ!! มันก็ดีแบบร้ายๆ น่ะสิ  เก่งนะเนี่ยเราอะ  มองไม่เห็นสิวเลยสักนิดเดียว  เจ้าณินสอนมาดีใช่ไหมเนี่ย” พูดจบก็หันไปสัพยอกธรณินเล่นอย่างอารมณ์ดี

   “ส่วนณิน  เฮียต้องขอบใจมากๆ ที่พากรมาช่วยชีวิตเฮียไว้  แล้วยังต้องมาช่วยเป็นนายแบบจำเป็นให้อีก  ตั้งแต่เฮียถ่ายรูปมานะ  ไม่เคยมีใครยืนนิ่งได้เป็นท่อนไม้เท่ากับณินอีกแล้ว”

   “โธ่...เฮียก็”

   “เฮ้ย! อย่าทำหน้าบูด  นี่เฮียชมจริงๆ นะเนี่ยไม่ได้ว่า”

   เสียงหัวเราะฮ่าๆ ของทรงชัยดังก้องสตูดิโอจนธรณินคิดว่าน่าจะเป็นการหลอกด่ามากกว่าการชมเชย  กำลังนึกถ้อยคำตอบโต้กลับของเฮียก็รู้สึกถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อเสียก่อน

   “หืม  มีอะไรคุณ”

   “พี่ณินครับ  ผมร้อน” พูดพลาง  มือก็กระพือคอเสื้อเปิดเผยแผงอกขาวๆ ที่เริ่มขึ้นสีแดงเพราะเจ้าตัวทนอากาศร้อนไม่ไหว

   “ห้องน้ำไปทางไหนครับพี่ณิน”

   พอหันมาเห็นเหงื่อที่เริ่มซึมตามขมับของคนตรงหน้า  ธรณินก็เลิกใส่ใจคำพูดของทรงชัยทันที

   “มา  เดี๋ยวผมพาไป  เลี้ยวซ้ายก่อนถึงห้องเก็บของด้านหลังสตูน่ะ  ไม่ไกลหรอก”

   “ไม่เป็นไรครับพี่ณิน  เดี๋ยวผมไปเอง  ไปเอาน้ำลูบหน้าลูบตาแป๊บเดียวแค่นั้นแหละครับ  พี่อยู่คุยกับเฮียใช้ไปเถอะ”

   ยังไม่ทันที่จะส่งเสียงทัดทานก็วิ่งปรูดหายไป  เขาเริ่มเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อที่ลูกไม่เชื่อฟังแล้วยังรั้นที่จะทำเสียอีก  อารมณ์ความรู้สึกตอนนี้มันใช่!!!
   

   “เลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้าย  แล้วมันซ้ายนี้รึซ้ายไหนกันแน่ล่ะเนี่ย” กานต์บ่นพึมพำๆ พลางสอดส่ายสายตาหาป้ายห้องน้ำไปด้วย

   “หน้าตาธรรมดาแล้วสติปัญญายังพื้นๆ อีกนะ”

   ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเสียงใคร  กานต์ถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะหันไปถาม

   “จะเข้าห้องน้ำนี่ต้องสอบวัดระดับด้วยเลยไหมครับ”

   “ฮึ่ย! ไอ้เด็กบ้า  ข้างหน้านั่นไงล่ะ  อุตส่าห์จะมาบอก  ยังจะมากวนกันอีกนะ”

   กานต์เลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ  อย่างผีจูออนเนี่ยนะจะมาใจดีด้วย  อาการครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ ส่งสัญญาณเตือนภัยว่าเรื่องนี้ไม่ปกติแน่นอน  ขณะกำลังคิดจะโต้ตอบกลับก็เห็นธรณินอยู่ลิบๆ ท่าทางกำลังเดินตามหาเขาอยู่แน่ๆ ว่าแล้วก็แกล้งโง่เล่นตามเกมของคุณรุ่นพี่เขาหน่อยก็แล้วกัน

   “อ๊ะ! ผมขอโทษที่เข้าใจพี่อิคคิวผิดไปนะครับ  ขอบคุณมากครับพี่  ถ้าอย่างนั้นผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

   ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่ห้องเก็บของ (แน่นอนว่ามีป้ายห้องเก็บของตัวเท่าหม้อข้าวแปะไว้  ถึงได้บอกว่าแกล้งโง่ตามที่ผีจูออนบอก) ประตูทางเบื้องหลังก็ปิดดังปังลงทันที  กานต์มองซ้ายมองขวาหาที่นั่งเหมาะๆ รอเจ้าชายธรณินมาช่วยอย่างใจเย็น  แต่เผื่อพี่ณินหาไม่เจอ  ทิ้งตัวช่วยไว้บอกตำแหน่งหน่อยน่าจะดี  เกิดพี่ณินหูตาฝ้าฟาง (พูดอะไรให้เกียรติผมด้วยนะครับ – ธรณิน) เดินผ่านห้องนี้ไปเฉยๆ ก็ร้อนตายน่ะสิ  เสียงฝีเท้าที่ซอยห่างไปจากหน้าประตูเงียบเสียงลงไปแล้ว  ถ้าอย่างนั้นก็เสกตัวช่วยได้ เป๊าะ!!

   “ไปอยู่ที่ไหนนะ  ห้องน้ำใกล้ๆ แค่นี้เอง  ไม่รู้หรือไงว่าหายตัวไปแบบนี้จะทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วง”

   ธรณินเดินตามหากานต์มาได้พักใหญ่แล้ว  ที่ห้องน้ำก็ไม่อยู่  เดินย้อนกลับไปที่สตูดิโอก็ไม่มี  หายไปไหนของเขากันนะ  ตัวเองยิ่งทนอากาศร้อนไม่ได้อยู่  แล้วถ้าเกิดกลายร่างกลับไปเป็นมังกร  เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้จะทำยังไง  ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตก  สองขาก้าวเร็วขึ้นจนแทบจะเป็นวิ่ง  พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นดอกไม้ดอกเล็กที่บริเวณหน้าประตูห้องเก็บของ  ธรณินสาวเท้าอย่างเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว  ก่อนจะก้มตัวลงเก็บมาพิจารณา 

   “นี่มัน...ดอกกุหลาบที่กานต์เคยเสกนี่”

   ปังๆ เสียงทุบประตูสลับกับเสียงตะโกนเรียก

   “กานต์ๆ คุณอยู่ข้างในนั้นรึเปล่า  กานต์!!”

   “พี่...พี่ณิน” น้ำเสียงแผ่วระโหยที่ตอบกลับมายิ่งทำให้ธรณินร้อนใจเข้าไปใหญ่

   “รอเดี๋ยวนะกานต์  โธ่เว้ย! ใครเอาไม้มาขัดไว้วะ”

   ปึง  ปึง  ผลัวะ  มาดคุณชายสุขุมนุ่มลึกไม่เหลือแล้ว  ธรณินกระโดดถีบจนประตูเปิดอ้ากว้างห้อยร่องแร่ง  เร่งกวาดสายตาไปพบภาพที่ชวนให้ปวดใจ

   กานต์ในสภาพนอนหอบ  ผิวตามเนื้อตัวแดงก่ำเพราะความร้อนเล่นงาน  น้ำตาเอ่อคลอ  ริมฝีปากแห้งอย่างเห็นได้ชัด

   “พี่...ณิน” กานต์ครางเสียงแผ่ว  ธรณินก็ไม่รอช้าก้าวยาวๆ ไปรวบตัวน้องมาไว้แนบอกกล่าวอย่างอ่อนโยน

   “ทนอีกนิดนะกานต์  เดี๋ยวพี่พากลับบ้านเรานะ”
       
        TBC...

...................................................
คุณเจี่ยเจี่ยบอกว่าช่วงนี้ไฟติด :katai4:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 6 (24/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-01-2017 22:46:13
มังกรมันร้ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 6 (24/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 24-01-2017 23:34:40
โอ๊ย มังกรร้ายมากลูก เอาซะฮา ร้ายแบบบตั้งใจ พี่ณินรอดยากนะเนี่ย กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 6 (24/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-01-2017 00:42:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 7 (29/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 29-01-2017 12:53:49
บทที่ 7

   “ขอทางหน่อยครับ  ขอทางหน่อย”

   ทีมงานเอะอะเอ็ดตะโรเปิดทางให้ธรณินกึ่งพยุงกึ่งประคองพากานต์ไปยังรถที่จอดไว้ด้านหน้า  เสียงสอบถามจากคนนู้นคนนี้ให้วุ่นวายระเบ็งเซ็งแซ่ไปหมด  แต่เขาไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น  ในใจพะวงกับคนในอ้อนแขนเป็นหลัก  เนื้อตัวแดงระเรื่อแต่ผิวกลับเย็นเฉียบ  ใครกันที่แกล้งกานต์ของเขาได้ลงคอ  เพราะมัวแต่เป็นห่วงกังวลคิดไปสารพัด  ทำให้ธรณินไม่ได้ยินเสียงเรียกของทรงชัย  จนเมื่อถูกคว้าแขนเอาไว้จึงได้รู้สึกตัว

   “ณิน เฮ้ย! ณิน กรเป็นอะไรวะ”

   “ใครแกล้...”

   “เป็นลมครับเฮีย”

   ยังไม่ทันที่ธรณินจะพูดจบ  เสียงตอบระโหยแห้งก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน  กานต์กระตุกชายเสื้อธรณินพลางจ้องมองอย่างอ้อนวอน

   “พอดี... ผมแพ้อากาศร้อนน่ะครับเฮีย  เลยเป็นลม  ถ้ายังไงผมขอเสียมารยาทลากลับก่อนนะครับ  วันนี้ไม่ไหวจริงๆ”

   “ครับเฮีย  เจ้าตัวเขาว่าเป็นลมก็เป็นลมครับ  ผมกลับก่อนก็แล้วกัน อ้อ! ฝากเฮียช่วยดูๆ หน่อยก็ดีนะครับ  ว่ามีเด็กๆ มือบอนที่ไหนชอบเอาไม้ไปขัดประตูห้องเก็บของจนทำให้กรเป็นลมบ้างหรือเปล่า  ถ้าเจอตัวก็ฝากด่าให้ด้วย ‘โคตรเด็ก’ เลย  ผมกลับล่ะ  สวัสดีครับ”

   ทั้งสตูดิโอเงียบกริบทันทีเมื่อเจอธรณินเหวี่ยงใส่  แต่ละคนก้มหน้าก้มตาหลบสายตาด่าคนได้คู่นั้นกันให้ระนาว

   “โอ๊ย! อกอีสมชายจะแตก  คุณณินที่สุขุม  ชอบแหย่คนแบบตลกหน้าตายคนนั้นหายไปไหนแล้ว  แกเห็นไหมนังจุ๋ม  อีตอนฮีกราดสายตามาอ่ะ  อย่างกะมาเฟีย  แต่... หล่อเร้าใจมากเลยนะแก” สมชายตบไหล่จุ๋มป้าบๆ จนไหล่จุ๋มแทบทรุด

   “สงสัยเจ๊ซิสซี่จะกลัวคุณณินจริงๆ นะเนี่ย” ซินเอ่ยแซว “ถึงขนาดหลุดชื่อจริงเจ๊มาซะขนาดนี้” เสียงหัวเราะฮ่าๆ ทำให้บรรยากาศมาคุเมื่อครู่ผ่อนคลายลง  ใครมีหน้าที่ทำอะไรก็กลับไปจัดการในส่วนของตัวเองกันต่อ  สมชายยืนเม้าท์มอยกับซินและจุ๋มอยู่อีกพักหนึ่งจึงสังเกตเห็นทรงชัยเลือกดูรูปไปส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอไปด้วย  จึงอดไม่ได้ต้องแถเข้าไปถามไถ่

   “น้องๆ ถ่ายกันไม่ได้ดังใจเหรอคะเฮีย  ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ”

   “ใครว่าล่ะสมชายเอ๊ย  มาดูเจ้ากรนี่  เฮียดูแล้วยังใจสั่นเลย  เด็กคนนี้มีแววนะเนี่ย  แล้วรู้มุมกล้องด้วยนะ  มองไม่เห็นรอยนูนของสิวเลย  ที่สำคัญที่สุดเลยตรงนี้ๆ แกดูตรงหูเจ้าณินนี่”

   สมชายชะโงกตัวข้ามไหล่ทรงชัยไปดูภาพเบื้องหน้าแล้วก็ถึงกับหลุดอุทานวี้ดว้าย  มือไม้ยกทาบอกเป็นพัลวัน

   ภาพที่เห็นเป็นหนุ่มน้อยหน้าใส  แต่ให้ความรู้สึกเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ  ด้วยดวงตาพราวระยับที่จับจ้องตรงมาเหมือนจะดึงดูดให้คนที่เผลอจ้องภาพถ่ายต้องยอมยกหัวใจให้  แต่ที่ชวนให้กรี๊ดสลบก็ตรงผู้ชายอีกคนที่หูแดงก่ำ  เพราะโดนหนุ่มน้อยขบกัดใบหู  แถมยังลากปลายลิ้นเล็กแตะค้างไว้  ชวนให้เลือดลมพุ่งพล่านเมื่อได้มอง

   “กรี๊ด...คุณณินของซิสซี่  จะโดนน้องกรกินซะละม้าง  เฮ้อ...”
   

        -ภายในห้องบนคอนโดของธรณิน-

   “เอ้า! ดื่มน้ำซะให้หายคอแห้งก่อน  แล้วเดี๋ยวผมจะไปหยิบยาแก้ตัวร้อนมาให้  ว่าแต่...มังกรกินยาลดไข้ของคนได้ใช่ไหม”

   “ไอ้กินน่ะกินได้ครับพี่ณิน  ร่างกายนี้ก็ร่างกายมนุษย์  ทำได้เหมือนคนปรกติทุกอย่าง  แต่ผมไม่กินได้ไหมครับพี่  ผมก็แค่ร้อน  แล้ว... แล้วตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วด้วย” เสียงออดๆ เป็นมอดกัดไม้เริ่มเบาลงเรื่อยๆ เมื่อเห็นสายตาคมดุจ้องตอบกลับมา

   “ร้อนน่ะ  มันก็แบบนึง  แต่นี่มันตัวร้อน  ยังไงก็ต้องกินยา” พูดจบร่างสูงของธรณินก็เดินไปหยิบยาแล้วมานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ที่นอน

   “ผมให้เวลาทำใจ  ไหนเล่ามาซิว่าไปถูกขังอยู่ในห้องเก็บของได้ยังไง  อ๊ะ! อย่ามาบอกว่าเป็นลม  ขอความจริง” ธรณินรีบเอ่ยดักคอ  เมื่อเห็นกานต์ทำท่าจะเอ่ยคำว่าเป็นลมออกมา

   มังกรน้อยเลยหงอย  ได้แต่เล่าไปตามความจริงว่าตัวเองแกล้งเล่นไปตามเกมของอิคคิว  เพราะเห็นๆ อยู่ว่าธรณินกำลังเดินตามหาตนอยู่  ถึงขนาดเสกดอกกุหลาบน้อยบอกพิกัดไว้เป็นตัวช่วยอีกต่างหาก  แต่ดันผิดคาดที่คนที่รอให้มาช่วยดันมาช้า  เพราะเดินไปผิดทาง  ทีนี้มังกรขาดน้ำอย่างเขาเลยได้แต่นอนแห้งรอไปเรื่อยๆ เล่าจบตาที่ขุ่นขวางของธรณินก็แทบจะพ่นไฟออกมาได้  ไอ้เด็กพิเรนทร์นี่  ถ้าเขาเกิดหาไม่เจอล่ะ  ถ้าไปช้ากว่านี้ล่ะ  เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ

   “ถึงขนาดมีเวลาเสกดอกกุหลาบวางไว้หน้าห้อง  ทำไมไม่เสกให้ประตูมันเปิดออก  คุณจะได้ออกมาได้เอง  ไม่ต้องรอให้ผมไปช่วย” ธรณินมุ่นคิ้วถามด้วยความสงสัย

   มังกรตรงหน้าขดตัวเล็กลงจนแทบจะกลายเป็นงูดิน  ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

   “ตอนแรกยังมีแรงอยู่น่ะครับพี่  ยังเสกของได้  พอร้อนมากๆ เข้า  ทีนี้หมดแรงได้แต่นอนแห้งรอความช่วยเหลือจากพี่ณินแล้วละครับ”

   เฮ้อ!... เสียงถอนหายใจจากร่างสูงที่ยืนจ้องอยู่  ทำให้กานต์รู้สึกผิดจนได้แต่ส่งยิ้มปะเหลาะไปให้

   “ขอโทษน้าพี่ณิน  อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

   นิ้วก้อยที่ชูยื่นขึ้นมาตรงหน้า  ทำให้ธรณินคลายอารมณ์โกรธลง  เด็กเอ๊ย  เด็ก! เมื่อกี๊ยังทำท่าอย่างกับคนป่วยหนักอยู่เลย  พอโดนดุเข้าหน่อย  คนป่วยกลับมาชูนิ้วหราขอเกี่ยวก้อยคืนดีซะอย่างนั้น

   “อยากให้ผมหายโกรธใช่ไหม” ประกายตาเจ้าเล่ห์วาบผ่านขึ้นในแววตาของธรณิน  เล่นเอากานต์ถึงกับชะงักกึก  เหล่ตามองคนยืนกอดอกอย่างไม่ไว้วางใจ

   “เบี่ยงประเด็นมานานแล้วนะคุณน่ะ  ทำใจพอแล้วมั้ง  มา  กินยาได้แล้ว!”

   พอเจอคำว่ากินยากานต์ถึงกับสะดุ้งผงะตัวเตรียมก้าวถอยหลัง  ในขณะที่ธรณินก็ไวทายาด  เอื้อมมือไปคว้าเอวตวัดเกี่ยวดึงเข้าหาตัวทันที

   “กินยาซะนะมังกรดี  ไม่ดื้อรู้ไหม” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้าวหู

   เวลารอบตัวเหมือนหยุดนิ่ง  กานต์ตัวแข็งทื่อแนบชิดติดแผ่นอกธรณิน  เสียงทุ้มต่ำเวลากระซิบเบาๆ อย่างนี้  ชวนให้ใจเต้นผิดจังหวะไปหลายเสต็ป  ขณะกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ  นิ้วแกร่งก็เชยคางให้เงยขึ้นสบตาคมคู่นั้นเสียก่อน  ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาเล็กน้อยเป็นเชิงว่าห้ามต่อต้าน  ก่อนจะไล้นิ้วจากปลายคางขึ้นไปบดคลึงกลีบปากล่างเป็นการปิดกั้นคำพูดทั้งมวล

   ขณะที่กานต์กำลังตกอยู่ในภวังค์  เม็ดยาสีขาวก็ถูกเรียวนิ้วจับดันเข้าไปอยู่ในปาก  ตาที่เบิกโตขึ้นมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาในทันที  ธรณินรีบจับแก้วน้ำจ่อปาก  รอจนแน่ใจว่ายาได้ถูกกลืนลงไปเรียบร้อยแล้ว  จึงได้วางแก้วลง

   “แค่ก  แค่ก  พี่ณิน!”

   คนถูกเรียกชื่อยืนอมยิ้มกลั้นหัวเราะ  พลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

   “ก็ผมบอกว่าไม่ชอบๆ ยามันขม  พี่ณินก็  อุ๊บ!”
   
   เรียวปากที่ประกบปิดลงมา  ทำให้กานต์สติเตลิดทันที  ให้ตายเถอะ!!! อาการที่ปากของอีกคนมาติดกับปากของอีกคน  เขาเรียกว่าจูบใช่ม๊ายยยย  พี่ณินจูบเขา!!!

   ไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านี้  กลีบปากอิ่มก็ถูกดูดดึงวอนเว้าให้เปิดออก  ก่อนจะรู้สึกได้ถึงลิ้นของอีกฝ่ายที่จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว  รุกไล่พัวพันจนแทบหายใจหายคอไม่ออก  หลบไม่ได้หนีไม่พ้น  จึงได้แต่แข็งใจตวัดลิ้นอย่างเงอะๆ งะๆ สู้กลับไป  ใครจะไปคาดคิดว่าฝ่ายรุกราน  นอกจากจะไม่ถอยหนี  ยังครางฮึมในลำคอ  แสดงอาการพอใจตอบกลับมาซะอีก

   จนกานต์แทบจะหมดลมหายใจ  ธรณินจึงได้ถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง

   “หายขมรึยัง หืม...”

   บรึ้ม! พี่ณินร้ายกาจมาก!!!
   

   หลังจากเหตุการณ์กินยาจนเกือบเสียตัว เอ๊ย! เกือบสำลักน้ำ (แค่กๆ) จากงูดิน  ตอนนี้กลายเป็นกิ้งกือ  นอนขดตัวตาลอยอยู่บนที่นอน  เหมือนนักมวยที่ไล่ถลุงต่อยคู่ต่อสู้ไล่เก็บคะแนนมาตั้งแต่ต้นยก  แต่พอท้ายยกดันเจอหมัดอัปเปอร์คัทเข้าปลายคาง  น็อคกลางอากาศกันเลยทีเดียว  คิดแล้วยังหวิวๆ อยู่เลย  นอนนึกไปมือก็คลำริมฝีปากไป  บ้าเอ๊ย!... รู้สึกดีชะมัด  จูบที่ปาก  แต่ทำไมในใจมันพองฟูขนาดนี้

   ก๊อกๆ เคาะให้เสียงพอเป็นพิธีสองครั้ง  แล้วประตูก็เปิดผลัวะเข้ามา  ทำให้เห็นร่างบนเตียงที่กำลังนอนตาเยิ้ม  เอามือลูบปากป้อยๆ จนธรณินต้องส่งเสียงกระแอมไอเรียก  คนนอนเพ้อบนเตียงถึงรีบขยับซุกมือแล้วรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงปลายจมูก

   “อี้อินเอ้าอาอำไอ”

   เสียงอู้อี้ภายใต้ผ้าห่ม  เรียกเสียงหัวเราะจากธรณินได้อีกครั้ง  ก่อนจะก้าวเข้ามากระชากผ้าออกอย่างไม่รักษาน้ำใจคนอายกันเลยทีเดียว  จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งแล้วถามเสียงกลั้วหัวเราะ

   “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”

   เมื่อไม่มีผ้าห่มเป็นเกราะกำบังแล้ว  กานต์จึงได้แต่ทำทีมองไฟบนเพดานเล่นแก้เขิน  ปากก็เอ่ยตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่ตาไม่ยอมสบกับคนหน้าหนาที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ

   “ผมถามว่าพี่ณินเข้ามาทำไม”

   “อ้อ  พี่น่ะเหรอ”

   เดี๋ยวๆๆ หยุดตรงนี้ก่อน  พี่น่ะเหรอ  อ๊าก! จูบกันครั้งเดียวความสัมพันธ์ก้าวกระโดดเลยเว้ย  ไอ้กานต์ปรับตัวไม่ทันแล้วพี่ณิน

   “พี่ก็เข้ามาหาคนบางคนน่ะ  กานต์เห็นบ้างไหม  ตัวสูงๆ ผิวขาว  ตาสีดำเหลือบน้ำเงินนิดๆ ช่างยั่วเป็นที่หนึ่ง  คนๆ นั้นปากเก่งมากเลยนะ  เขาเคยบอกพี่ว่าเขาทำรักเก่ง  แถมยังจะจัดดอกใหญ่ๆ ให้พี่ด้วย  แค่เจอพี่ปล้ำจูบไปทีนึงแค่นั้นเอง  หายหน้าไปเลย”

   เห็นกานต์อึกๆ อักๆ ทำอะไรไม่ถูก  ธรณินก็ปล่อยหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  เอื้อมมือไปลูบผมที่รุ่ยร่ายทัดข้างหูให้ก็ยิ่งทำให้ออกอาการเขินหน้าแดงไปกันใหญ่

   “โอเคๆ พี่ไม่ล้อแล้ว  ที่จริงพี่จะเข้ามาถามว่าเราจะไม่เอาเรื่องอิคคิวจริงๆ เหรอ  ที่จับเราขับไว้ในห้องจนนอนแห้งอย่างนั้น”

   “โห  พี่ณินอ่า  พูดซะผมกลายเป็นปลาหมึกตากแห้งไปได้” พอเปลี่ยนเรื่องคุย  กานต์ก็เริ่มกลับมาต่อปากต่อคำได้อย่างสะดวกใจอีกครั้ง  ไม่ใช่เขินอะไรมากมายหรอกนะ  แค่ขอเวลาทำใจนิดนึง  จริงจริ๊ง (แล้วแกจะเสียงสูงทำไมเนี่ยกานต์)

   “ไม่เอาเรื่องอะไรทั้งนั้นแหละครับพี่  จริงๆ แล้วผมเองก็มีส่วนผิดที่ไปยั่วเขาละครับ  ที่แน่ๆ ห้องนั้นน่ะขังผมเอาไว้ไม่ได้หรอก  แต่เป็นผมที่เอาแต่เล่น  ก็เลยติดอยู่ในนั้นซะมากกว่า  อิคคิวไม่ผิดอะไรหรอกครับ  อะ ...อะไรเล่า  ไอ้การมองยิ้มๆ นี่หมายความว่ายังไงเนี่ย” กานต์โวยวาย

   “ก็ไม่ว่ายังไง  พี่ก็ว่าเด็กคนนี้นิสัยน่ารักจริงๆ นะเนี่ย  เออ! ชมก็เขิน  แซวเล่นก็เขิน  เป็นอะไรมากรึเปล่าหืมกานต์”

   “โอย! พี่ณิน  พอเหอะ  ผมไม่ชินเลย”

   “อ้าว! แล้วทีกานต์หยอดพี่ตลอด  พี่ยังไม่เคยบ่นเลยนะ”

   “ก็ตอนนั้นผมเป็นคนหยอดนี่  พอเป็นคนถูกหยอดแล้วผมไม่ชิน”

   “งั้นต้องทำยังไงถึงจะชิน”

   “บ้า... มันชินได้ด้วยเหรอพี่ของแบบนี้”

   กานต์ก้มหน้างุดๆ เถียง  ธรณินนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ

   “พี่มีวิธีแล้ว  ปกติกานต์เป็นฝ่ายรุกเลยไม่เขินใช่ไหม”  กานต์พยักหน้าตอบอย่างงุนงง

   “งั้นคราวนี้กานต์ลองเป็นฝ่ายจูบพี่บ้างสิ  จะได้ไม่เขิน”

   เฮ้ย! แบบนี้ก็ได้เหรอ  กานต์เบิกตาโต  จะส่ายหน้าปฏิเสธก็กลัวจะถูกล้อเอาอีกในภายหลัง  จึงได้แต่ข่มความตื่นเต้นลงแล้วชะโงกหน้าไปจุ๊บที่ปลายคางเร็วๆ ทีนึง

   “มันไม่ใช่อะกานต์  แบบนี้ไม่เรียกว่าจูบ  เอาใหม่ๆ ถ้ากานต์เขินเดี๋ยวพี่หลับตาให้ก็ได้”

   สัมผัสเย็นๆ บนริมฝีปากเริ่มขึ้นอย่างแผ่วเบา  ก่อนจะค่อยๆ ขบเม้มละเลียดชิมไปทีละนิด  กานต์ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร  รู้แต่ขยับเคลื่อนไหวไปตามสัญชาติญาณ  บดปากให้แนบแน่นมากขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูง  เกาะกระหวัดเกี่ยวลิ้นของฝ่ายตรงข้ามแล้วดูดดุนอย่างโหยหา  รสสัมผัสของเรียวลิ้นที่ส่งกลับมาหาทำให้ใจยิ่งเต้นอย่างบ้าคลั่ง  เสียงแลกน้ำลายที่ดังขึ้นชวนให้คิดไปไกล  ดูด  ขบ  เม้มเป็นจังหวะสลับช้าเร็วอย่างย่ามใจ  ความมั่นใจของกานต์เริ่มคืนกลับมา  คราวนี้เจ้าตัวกวาดรุกไล่ทั่วโพรงปากอย่างกระหาย  ปลายลิ้นพลิกพลิ้วเป็นธรรมชาติ  จนธรณินหายใจหายคอแทบไม่ทัน  เนิ่นนานกว่าจะตัดใจยุติจูบบทนี้ลง  เพราะไม่อย่างนั้นคงเลยเถิดไปกันไกลกว่านี้แน่

   กว่าจะปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติก็ต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่ง  ธรณินโอบแขนรอบตัวกานต์ไว้หลวมๆ ซบหน้าลงบนไหล่ก่อนพรูลมหายใจรดต้นคอขาวเป็นสายยาว

   “เฮ้อ! มังกรดีของพี่  เรียนรู้เร็วจริงนะ  ถ้าเป็นฝ่ายเริ่มแล้วกานต์รู้สึกดีแบบนี้  พี่ยอมเป็นฝ่ายโดนหยอดต่อไปก็ได้  กานต์เริ่มบ่อยๆ นะ  พี่ชอบ”

   "มันใช่ม้ายยยพี่ณิน!!"   


        TBC...

หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 7 (29/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-01-2017 14:04:39
พี่ณินมันล่วลวงชัดๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 7 (29/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 29-01-2017 14:07:19
 :hao7:น่ารัก
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 7 (29/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-01-2017 14:51:59
ดูแปลก ๆ กานต์ฝันหรือพี่ณิณละเมอ
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 7 (29/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-01-2017 17:02:06
พี่นินร้ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 7 (29/01/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-01-2017 20:20:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 8 (02/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 02-02-2017 22:28:20
บทที่ 8

   “อืม  อุ่นจัง” กานต์พลิกตัวเข้าหาไออุ่นที่ตัวเองสัมผัสได้  เอียงซุกอย่างมีความสุข  ถูไถใบหน้าลงบนอกกว้าง... เดี๋ยวนะ  อกกว้างนี่มาจากที่ไหนกันวะ  ตาสีดำเหลือบน้ำเงินกะพริบปริบอย่างเกียจคร้าน  ก่อนจะไล่สำรวจต้นเหตุแห่งความอุ่นที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ตรงหน้า

   มองตั้งแต่ดวงตาที่ตอนนี้ปิดสนิท  ไล่มาตามสันจมูกที่โด่งสวย  รับกันดีกับริมฝีปาก... ที่โคตรหวาน  อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปไล้เบาๆ บนกลีบปากอิ่มที่อยู่ในระยะประชิด  เหมือนเจ้าตัวจะรำคาญ  จึงส่ายหน้าหนี  แต่อ้อมแขนกลับกระชับรัดคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น

   ธรณินย้ายมานอนห้องเดียวกับกานต์ได้หลายวันแล้ว  แค่ได้นอนพูดคุย  เล่นกอดกันจนหลับไปก็มีความสุขมากๆ แล้ว  วันไหนพิเศษหน่อยก็จูบกันจนปากเจ่อกันไปข้างนึง  ส่วนไอ้กิจกรรมเข้าจังหวะต่อจากจูบนั้น  ถึงจะอยาก  แค่กๆ ไม่ใช่สิ  ยังไม่ถึงเวลาที่สมควร (แปลว่าถ้าถึงเวลาที่สมควรจะจัดให้หายอยาก?)

   กำลังลวนลามทางสายตาอยู่เพลินๆ หน่วยตาเรียวยาวก็กระพริบเปิดมาจ้องตอบ  พร้อมโจมตีกลับด้วยรอยยิ้มที่กระตุกมุมปากแค่นิดเดียว  แต่แม่ง... หล่อโคตร

   “น้ำลายไหลย้อยตรงมุมปากแน่ะกานต์”

   กานต์ตะปบมุมปากทันทีตามสัญชาติญาณ  แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ก็ฟาดมือใส่เอวฝ่ายตรงข้ามทันที

   “อูย... มือหนักชะมัด  แซวนิดแซวหน่อยนี่ไม่ได้เลย  มือถึงตลอด”

   ธรณินลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจ  ผ้าห่มที่ปิดคลุมช่วงอกไว้หล่นลงมากองแถวเอว  เปิดเผยให้เห็น... ชุดนอนลายสก็อตสีฟ้าแขนยาว  กานต์นอนเทท้าแขนตะแคงมองทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคออย่างขัดใจ

   “พี่ณินจะรัดกุมอะไรขนาดนั้นครับเนี่ย  แขนยาว  ขายาว  ไม่หาหมวกไอ้โม่งมาใส่นอนไปเลยล่ะครับ”

   “เพราะพี่หุ่นดีขยี้ใจยังไงล่ะ  เกิดมาเปลื้องผ้านอนแถวนี้  เดี๋ยวก็มีมังกรใจแตกนอนกำเดาทะลัก  น้ำลายไหลย้อยตายกันพอดี  พี่ไม่อยากทำบาปหรอก”

   พูดจบก็สะบัดผ้า  เดินผมชี้โด่ชี้เด่โซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไป  มาดเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกเก็บทิ้งไปหมดแล้วเมื่ออยู่กันสองคน  ไม่รู้จะดีใจที่ธรณินให้ความสนิทสนมหรือท้อใจที่ไม่คีพลุคกันบ้างดี  แต่ยอมอภัยให้  เพราะคนหล่ออะเนอะ  ตื่นมาหัวยุ่งหน้ามัน  ยังหล่อน่าลากได้อีก

   “กานต์” เสียงตะโกนเรียกโหวกเหวกจากในห้องน้ำ  ทำให้กานต์ต้องแงะตัวเองลุกจากที่นอนเดินไปหาเจ้าของเสียงเรียก  อ้าปากหาวหวอดก่อนตะโกนกลับไป

   “ครับพี่”

   “สบู่ตกอ่ะ  เข้ามาเก็บให้พี่หน่อยสิ”

   ใบหน้าที่พราวไปด้วยหยดน้ำยื่นออกมาจากช่องประตูที่เปิดแง้มออกเล็กน้อย  ส่งยิ้มกวนอวัยวะเบื้องล่างมาให้  บางครั้งกานต์ก็คิดนะว่าอยากได้พี่ณินคนเดิมกลับมา  พี่ณินคนนี้นี่มันอัพเลเวลเกินไปแล้ว

   
   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยามเช้า  เพียบพร้อมไปด้วยอาหารทั้งไทยและเทศ  ควันจากอาหารในจานแก้วเนื้อดีลอยกรุ่นเป็นสาย  ผู้ชายร่างสูงบรรจงตักกับข้าวใส่จานให้คนตัวเล็กกว่า  ก่อนจะหัวเราะแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ กับกิริยาที่มีอาหารติดแก้ม  นิ้วเรียวยาวยื่นออกมาเช็ดปาดออกให้  ดวงตาพราวระยับทอประกายอบอุ่น  ก่อนโน้มตัวฉกวูบลงมอบจูบแสนหวานให้...

   “อยากได้อย่างนี้” กานต์นึกแล้วแทบจะลงไปนอนดิ้นปัดๆ กับพื้น  มือกำเบอร์โทรศัพท์ร้านข้าวตามสั่งข้างใต้คอนโดที่ธรณินให้มาไว้แน่น  เดินลากเท้าอย่างเซื่องซึมไปหยิบโทรศัพท์มาพลางตะโกนถาม

   “พี่ณิน  เอาอะไร”

   “ถ้าให้เอาน่ะ  จริงๆ อะไรก็ได้นะ”

   คันปากยิบๆ อยากจะสวนหยอดกลับไปสักดอก  แต่กลัวพี่ณินแกเอาจริงขึ้นมา  ทีนี้ล่ะหลายดอกแน่ๆ กานต์หันมายิ้มฉีกปาก  แต่ไม่ถึงดวงตา  รู้สึกเส้นเลือดที่ข้างขมับลั่นดังเปรี๊ยะๆ ทำไมพี่ณินเป็นคนแบบนี้

   “ดีๆ ครับพี่  จะกินอะไร”

   “พี่กินง่ายอยู่ง่าย  ต้มยำอกหัก  ผัดผักแอบรักอะไรก็สั่งมาเถอะ”

   กานต์ถือวิสาสะสั่งข้าวผัดหมูไปเลยสองกล่อง  ดีกว่ารอคำตอบที่ไม่รู้จะตอบเมื่อไหร่  สั่งเสร็จก็เดินมานั่งหน้าตูมอยู่บนโซฟาหน้าทีวี  เสียงโทรศัพท์มือถือของธรณินก็ดังขึ้นมา

   “ครับ  สวัสดีครับ  ผมธรณินครับ  อ้าว! สมชาย  มีอะไร  โทรมาแต่เช้าเชียว  ยังเลย  ผมเพิ่งตื่น  ยังไม่ได้เปิดโทรทัศน์เลย  โอเค  ได้ๆ เดี๋ยวผมดูก่อนแล้วเดี๋ยวผมโทรกลับ”

   ธรณินกดปิดโทรศัพท์ไปแล้ว  แต่หัวคิ้วขมวดมุ่น  ดวงตากร้าวขึ้นอย่างมีอารมณ์โกรธ  มือควานหารีโมทโทรทัศน์ที่โยนส่งๆ ทิ้งไว้แถวโซฟา  แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ  จนกานเอื้อมมือมาสะกิดแล้วส่งรีโมทให้  จึงทิ้งตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก

   มือใหญ่รวบเอวคนด้านข้างเข้ามากอด  ก้มลงสูดดมกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลทอง  ก่อนเอ่ย

   “งานเข้าเราเล็กน้อยน่ะกานต์  เราเป็นข่าวกับพี่  กลัวไหม”

   “เป็นข่าว? ยังไงอ่ะพี่”

   “มา  ดูพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”

   ธรณินเปิดโทรทัศน์ตามที่สมชายบอกมาเมื่อครู่  ภาพข่าวที่เห็นคือตัวเขาโอบประคองกานต์ออกมาขึ้นรถในวันที่กานต์โดนจับขังอยู่ในห้องเก็บของ  แต่มุมกล้องที่ถ่ายออกมา  ประกอบกับคำพูดที่ผู้สื่อข่าวบรรยาย  สื่อออกมาในทางชู้สาวเสียมากกว่า

   “อ๊ะๆๆ สาวๆ อกหักกันทั้งประเทศ  สุดยอดผู้จัดการดารา  บริษัทผู้จัดการจำกัด  แอบกินตับเด็กในสังกัด  เดินสะโหลสะเหลจนต้องโอบประคองกันขนาดนี้  อู๊ย... ท่าจะแซ่บนะค้า”

   ธรณินฉุนกึกทันที  ในสมองครุ่นคิดแต่ว่าใครเป็นคนแอบถ่าย  แล้วทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร  ที่น่าโมโหที่สุดคือ  ไอ้คำว่าแอบกินตับเด็กนี่แหละ  ยังไม่ได้กินสักคำเลยให้ตาย!!! (ผะ... ผิดประเด็นไหมคะคุณพี่)

   เหลือบมองคนข้างกาย  เห็นนั่งจ้องจอสี่เหลี่ยมตาเขม็ง  ยังเด็กอยู่นี่นะ  คงช็อคที่ถูกโจมตีออกสื่อขนาดนี้  คิดแล้วก็สงสาร  ได้แต่บีบมือให้กำลังใจเงียบๆ นานเป็นครู่ถึงได้เปิดปากถาม

   “กานต์... โอเคไหม”

   “เบลอๆ น่ะครับพี่”

   “ไม่เป็นไรนะ  พี่เข้าใจ  แต่ข่าวแบบนี้  เล่นอยู่ประมาณไม่เกินอาทิตย์หรอก  เดี๋ยวพอมีข่าวใหม่เขามาก็กลบข่าวเก่ามิดไปเอง  มีแต่ต้องระวังตัวเวลาออกไปข้างนอก  ถ้ากานต์กลัวก็ใส่หมวกใส่แว่นปิดหน้าตาเสียหน่อย  ก็คงพรางตัวจากพวกปาปารัซซี่ได้”

   “หมายถึงภาพที่ถ่ายมาน่ะเบลอไปหน่อยนะครับ”

   “ฮะ!!!”

   “ก็พี่ณินดูสิ  ถ่ายรูปออกมาแย่มาก  ผมว่าผมหล่อกว่าที่เห็นในภาพตั้งเยอะ  แล้วดูช่วงเอวสิ  ย้วยเชียว  ใครไม่รู้จักผมก็ต้องหาว่าผมเผละไปละ  นี่มันเป็นรูปที่ถ่ายออกมาเพื่อสร้างทัศนคติด้านลบกับผมชัดๆ นี่เข้าใจชัดเลยนะ  ว่าทำไมพี่ณินถึงโกรธนักโกรธหนา”

   “มันไม่ใช่อย่างนั้นกานต์”

   “อ้อ  ใช่  รูปของพี่ณินถึงจะเห็นชัด  แต่... ขอโทษนะพี่  แต่หน้ามันเยิ้มเชียว”

   ธรณินจับไหล่ให้กานต์หันมาเผชิญหน้าพลางอธิบายอย่างช้าๆ

   “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะกานต์  ประเด็นคือ  ถ้าเป็นข่าวแบบนี้  เอ่อ  ข่าวฉาวแบบชายรักชายอย่างนี้  สำหรับพี่อาจไม่เท่าไหร่  เพราะพี่ทำงานเบื้องหลัง  แต่กานต์คืออยู่เบื้องหน้าไง  อาจมีผลกระทบกับงานของกานต์ได้”

   กานต์เลิกคิ้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ธรณิน

   “นี่พี่เป็นห่วงผมใช่ป่ะ”

   เมื่อได้รับการพยักหน้าตอบกลับก็ฉีกยิ้มกว้าง  เอาหัวถูไถไหล่ธรณินเล่นอย่างมันเขี้ยวทันที

   “แหม... ได้รู้ว่าห่วงกันก็ชื่นจาย” ปลายเสียงลากยาวอย่างยียวน  ก่อนจะกลับมาพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง

   “ประเด็นไหนๆ ก็ผลักทิ้งไปก่อนเถอะพี่  ปัญหามีค่อยแก้ไปทีละเปลาะ  แต่ประเด็นเดียวที่ผมอยากรู้ตอนนี้คือพี่ชอบผมบ้างไหม  ยังไม่ต้องพูดถึงรักเริกอะไรหรอก  เวลามันเร็วเกินไปผมรู้  เอาแค่ว่าที่อยู่ด้วยกัน  กิน  ขี้  ขาดปี้  แล้วก็นอนเนี่ย  ตัวติดกันตลอดเวลาขนาดนี้  พี่ได้นึกชอบผมสักนิดบ้างไหม”

   “มันใช่เวลาไหมกานต์”

   “อ้าว! ผมว่ามันคือประเด็นสำคัญที่สุดนะ  ถ้าพี่ชอบผม  เราสองคนใจตรงกัน  เป็นข่าวด้วยกันไม่เห็นจะแปลก  ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย  อย่าไปคิดอะไรที่มันซับซ้อนนักสิพี่ณิน”

   คนฟังคำอธิบายถึงกับนิ่งไปทันที  ย้อนคิดถึงวันที่อยู่ร่วมกันมา  ก็เกือบจะได้เสียกันหลายครั้ง  แค่กๆ ข้ามไปๆ นึกถึงวันที่อยู่ร่วมกันมา  เจ้ามังกรตัวนี้ก็ขี้อ้อน  นิสัยก็ออกจะน่ารัก  มาถามกันตอนนี้ว่าชอบไหม  ก็ตอบได้เลยว่า ‘มาก’

   “หรือพี่ณินกลัวไม่มีงาน  แล้วจะไม่มีเงิน  ไม่ต้องกลัวนะพี่  เป็นสะใภ้วังมังกรน่ะค่อนข้างมีฐานะอยู่”

   ฝ่ามือที่ตบแปะๆ ลงบนบ่า  ทำให้ธรณินที่พยักหน้ารับก่อนจะคิดได้ส่ายหน้าเป็นพัลวัน  กานต์หัวเราะฮ่าๆ อย่างสะใจ  ที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก  สองมือโอบกอดธรณินไว้หลวมๆ พลางกระซิบริมหู

   “โอ๋ๆ นะพี่ณิน  กานต์อยู่ตรงนี้  มีปัญหาอะไรไม่ต้องกลัว  เดี๋ยวกานต์ช่วยแก้ให้นะ”

   ร่างที่โดนกอดพรูลมหายใจยาว  เออ... แก่กว่าแล้วยังให้เด็กมาปลอบอีกนะเรา  กระชับอ้อมแขนกอดตอบ  ซึมซับความหวังดีที่ส่งผ่านมาจากวงแขนนั้นอย่างอบอุ่นหัวใจ

   “ไหน  ยังไม่ได้ตอบป๋ากานต์เลยว่าหนูณินชอบป๋าบ้างไหมจ๊ะ?”

   เพี๊ยะ!!! อยู่ดีไม่ว่าดีวอนโดนดีดนัก

   หลังจากผ่านเวลาซึ้ง (ได้กอดกัน) ปนเศร้า (โดนดีดหน้าผากจนได้) ไปแล้ว  ทั้งสองคนก็เร่งอาบน้ำ  รับประทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว  เพราะวันนี้ธรณินมีงานที่ต้องเคลียร์ในบริษัท  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง  ยกขึ้นมาดูพบว่าเป็นชื่อสมชายแล้วก็ได้แต่ถอนใจยาว  อะไรอีกวะเนี่ย  เมื่อควบคุมสติได้  จึงกดรับสายก่อนกรอกเสียงลงไป

   “ไง  สมชาย”

   “คุณณินค้า  คือว่า  วันนี้จะเข้าบริษัทไหมคะ” สุ้มเสียงนี่ฟังดูก็รู้ว่ามีเรื่อง

   “อย่าพึ่งเข้ามาดีไหมคะ  ตอนนี้มีนักข่าวเต็มหน้าบริษัทเลยค่ะคุณณิน  ซิสซี่ก็อยากเกิดอยู่หรอกนะคะ  แต่เดินไปข้างหน้าไม่ได้เลย  โดนไมค์จ่อสัมภาษณ์ตลอดเวลา  เอาไมค์ทิ่มๆๆ เข้ามากันอยู่ได้  เนี่ย  เนี้อตัวซิสซี่เขียวช้ำไปหมดแล้วนะคะ  สิ้นเดือนนี้คุณณินต้องบวกค่ารักษาพยาบาลให้ซิสซี่ด้วยแหละ”

   กานต์ที่ยืนฟังเสียงซิสซี่ผ่านทางสปีกเกอร์โฟนถึงกับหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  นึกถึงท่าทางพี่ซิสซี่โดนไมค์ทิ่มแล้วอย่างฮา  แต่พอเหลือบเห็นสีหน้าของธรณินเคร่งเครียดเลยทำปากพูดแบบไม่มีเสียงว่าให้ไปบริษัทตามกำหนดเดิมเถอะ  ในเมื่อกานต์ยังไม่กลัวแล้วเขาจะกลัวอะไร  จึงบอกกับสมชาย

   “ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวผมเข้าไป  โอเคๆ อย่าบ่นมาก  อืม  แล้วเจอกัน”

   วางสายจากสมชายไปแล้ว  จึงเดินไปคว้ากระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถมาเตรียมพร้อม  เสียงร้องเพลงด้านหลังทำให้ธรณินหันกลับไปมอง  เห็นกานต์เดินฮัมเพลงหงุงหงิงบรรจงหยิบแจ็คเก็ตยีนส์มาสวมทับก่อนจะส่องกระจกจัดแต่งปอยผมที่หล่นระหน้าผากให้เข้าที่เข้าทาง

   “อารมณ์ดีจริงนะเราน่ะ”

   “ครับ???” กานต์หันไปมองตามเสียงนักประชดประชันด้วยหน้าตาเลิกลั่ก

   “เห็นครวญเพลงไปด้วย  แต่งตัวไปด้วย  นี่ถ้าไม่ตกลงกันไว้ว่าจะไปบริษัทนะ  พี่คิดว่าเราจะไปจีบสาวที่ไหนซะอีก”

   “แหม... ที่จีบอยู่ก็มีอยู่คนเดียวเนี่ยครับ  อยาก ‘สาว’ ให้ใจจะขาด  แต่ติดตรงเป้าหมายเขาไม่ยอมให้ ‘สาว’ สักทีนี่สิ”

   ธรณินเลิกคิ้วสูงทันที  เล่นมานี่ไม่กลัวโดนเล่นกลับใช่ไหม  กำลังจะอ้าปากซัดคืนไปให้รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร  ก็ถูกแรงกระแทกโถมกอดเข้ามาอย่างเต็มรัก  เล่นเอามึนไปเหมือนกัน

   “ตอบมาคำเดียว  ชอบผมไหม”

   เวลาราวกับถูกแช่แข็งไว้  ไม่มีปัญหาใดๆ ให้ต้องปวดหัว  มีเพียงดวงหน้าขาวที่เงยขึ้นจับจ้องในระยะประชิด  มองลึกเข้าไปในดวงตาที่ซื่อตรงกับความรู้สึกตนเองของกานต์แล้วใจก็สั่น  ศีรษะที่ขยับพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง  จุดประกายยินดีในแววตาของกานต์ให้วาบขึ้น  ก่อนจะยิ้มแก้มแทบปริ  เมื่อได้รับคำพูดยืนยันสำทับมาด้วย

   “ชอบสิ... พี่ชอบกานต์”

   ความยินดีสว่างไสวระบายเต็มใบหน้าของคนที่ได้รับฟัง  ครู่หนึ่งจึงผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ธรณินรู้สึกขนบริเวณต้นคอลุกชัน... คิดอะไรแผลงๆ อีกแล้วแน่เลย

   “ไม่ต้องเครียด  ไม่ต้องกังวลไปนะหนูณิน  ขอแค่หนูยืนยันว่าชอบป๋า... งานนี้ป๋าจัดการให้”
   

   บริเวณหน้าประตูตึกบริษัทผู้จัดจำกัดวันนี้คลาคล่ำไปด้วยกองทัพนักข่าว  ทั้งจากสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์  ธรณินจอดรถหลบแถวมุมตึกอีกฝั่ง  นั่งสังเกตการณ์อยู่ภายในรถมาสักครู่แล้ว  ยังไม่รู้จะจัดการกับนักข่าวพวกนี้ยังไงดี  จนกานต์ต้องเอ่ยกระตุ้นเตือนให้ลงไปเผชิญหน้าให้จบๆ ไป  ถ้ามีใครถามอะไรซอกแซกนักก็ไม่ต้องโกรธ  ไม่ต้องกลัว  เดี๋ยวตนจะรับหน้าที่ตอบคำถามทั้งหมดเอง  ธรณินเอามือโยกหัวคนพร้อมรับผิดชอบทุกปัญหาเล่น  พลางหลุดหัวเราะขำ... ใครเป็นผู้จัดการกันแน่เนี่ย

   ประตูสองด้านถูกเปิดออกพร้อมกัน  หนึ่งหนุ่มคมเข้ม  กับอีกหนึ่งหนุ่มขาวใสก้าวเท้าลงจากรถด้วยความมั่นใจ  อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดละนะ  พลันเงาร่างคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นเหมือนซุ่มดักรอมานาน

   “อิคคิว?” ธรณินเรียกไปด้วยความรู้สึกงุนงง  ผิดกับกานต์ที่แย้มยิ้มทักทาย ในหัวพลันสว่างวาบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ทันที

   ถ้าเป็นเรื่องข่าวธรรมดายังพอจะตอบคำถามแบบสุภาพไปได้  แต่นี่มีความแค้นส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  รับรองว่าป๋าจะจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เอง  นี่คงเตรียมมาเยาะเย้ยล่ะสิ  รู้จักป๋ากานต์น้อยไป!!!

TBC...
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 8 (02/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 03-02-2017 01:37:23
โอ๊ยขำแรง นี่คือคิดว่ายังกดพี่นินได้หรอน้องกานต์ เอาแค่โดนเขาจูบทีเดียวก็ไปไม่เป็นยังกล้าให้เขาเป็นสะใภ้หรอป๋า กร๊ากกก ฮาได้ตลอด

จัดชุดใหญ่นี่ บอกไปเลยว่า น้องนินเป็นของป๋ากาน ป๋ารวยอยู่แล้ว 5555
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 8 (02/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-02-2017 07:40:06
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 8 (02/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-02-2017 07:58:56
แหม ปวารณาตัวเป็นป๋าเลยเหรอจ๊ะกานต์
แทบอดใจรออ่านตอนต่อไปไม่ไหว ฮา
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 8 (02/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-02-2017 10:20:05
แหม่...ป๋ากานต์สายเปย์ หน้าใหญ่ ใจปลาซิวนะป๋า

คำพูดคำจาแก่แด่ด แต่ประสบการณ์ดักแด้มาก ฮ่าฮ่าฮ่า

เอาเลย จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบวิบวับให้บาดตาอิคคิวเลย

และ
และ
และ

"รับประทาน" !!!!!!

ว้าว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ปรบมือรัว ๆ ชูป้ายไฟ ดิฉันปลื้มปริ่มน้ำตาแทบไหลที่เห็นคำนี้ คุณเป็นนักเขียนเพียงไม่กี่คนที่ใช้คำนี้
ฉันเห็นคำว่า "ทาน" มาเยอะจนเอียน ก็รู้หรอกว่ามันเป็นภาษาปาก แต่ในฐานะคนทำงานด้านภาษา มันก็หนังตากระตุกทุกทีที่เจอ ขอให้รักษาความสละสลวยและสำนวนดี ๆ เช่นนี้เสมอ ๆ นะคะ 
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 8 (02/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Carnival ที่ 04-02-2017 22:52:03
ใครจะเสร็จใครหว่ายังเดาไม่ออก  :hao3:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 8 (02/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 04-02-2017 23:21:22
เค้าอาจจะเสร็จกันทั้งคู่ก็ได้ค่ะ เอร๊ยยยยย :-[
หัวข้อ: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 06-02-2017 19:08:11
บทที่ 9

   ท้องฟ้าสว่างเจิดจ้าอยู่ๆ ก็ครึ้มลงฉับพลัน  ลมเย็นเริ่มพัดโชยแผ่วๆ ไม่นานนักละอองน้ำฝนก็โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า  บรรดานักข่าวที่เฝ้ารอทำข่าวต่างวิ่งหลบฝน  เก็บอุปกรณ์ให้พ้นจากความชื้นกันจ้าละหวั่น  พื้นที่ด้านหน้าตึกที่กว้างขวางกลับแลดูคับแคบไปถนัดใจ  เมื่อทุกคนไปรวมกระจุกตรงบริเวณใต้กันสาดร่วมกัน

   ร่มพลาสติกสีเขียวมะนาวที่ปรากฏขึ้น  ดึงดูดให้ทุกสายตาจ้องมองตามอย่างช่วยไม่ได้  ท่ามกลางหยาดฝนที่พร่างพราว  ภาพที่ชายรูปร่างสูงผู้ทำหน้าที่ถือร่มด้วยมือขวา  มือซ้ายโอบประคองหนุ่มน้อยผิวขาวหน้าตาน่ารักให้อยู่ภายใต้ร่ม  จนทำให้ไหล่ขวาของตนชุ่มละอองฝนเป็นแถบ  เรียกความเอ็นดูระคนอิจฉาให้ผู้คนที่ยืนบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี  จนเมื่อทั้งคู่เดินมาใกล้ทางเข้าหน้าตึก  จึงมีคนอุทานออกมา

   “เอ๊ะ! นั่นคุณณินกับน้องที่เป็นข่าวด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”

   เสียงหุบร่มดับพรึบ  จากนั้นจึงสะบัดน้ำไล่ออกไป  ทำเอาบรรดานักข่าวยืนตัวเกร็งเตรียมรับอาการเหวี่ยงวีนใส่  พร้อมนึกคำถามไล่ต้อนเอาไว้ในใจอย่างเสร็จสรรพ  ธรณินกวาดสายตามองนักข่าวทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนอ่านไม่ออก  จากนั้นจึงค่อยๆ คลี่ยิ้มธุรกิจพร้อมด้วยการพนมมือไหว้กล่าวทักทาย

   “สวัสดีครับพี่ๆ ลมอะไรหอบมาครับเนี่ย  มารอทำข่าวอะไรกันเหรอครับ  อุ่นหนาฝาคั่งขนาดนี้ข่าวใหญ่ใช่ไหมครับเนี่ย”

   เสียงรัวชัตเตอร์มาพร้อมกับพายุคำถาม  จนธรณินถึงกับตาพร่าไปครู่หนึ่ง  ขณะกำลังจะเอ่ยปากตอบก็มีคนแย่งบทพูดไปเรียบร้อย

   “สวัสดีครับ”

   เสียงที่เปล่งออกมาเหมือนจะแผ่วเบา  แต่แจ่มชัดที่กลางใจของทุกคนอย่างน่าประหลาด

   กานต์ยิ้มสดใส  พนมมือไหว้อ่อนช้อย  อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ดวงตาพราวระยับมองสบตาทุกคนอย่างจริงใจ

   “ขออนุญาตทักทายพี่ๆ ทุกคนนะครับ  ผมชื่อกรนะครับ  เมื่อเช้าเห็นในทีวีเรียกเด็กในสังกัด  ผมน้อยใจนะครับเนี่ย  ไม่เรียกชื่อผมเลย”

   ท่าทางอ่อนน้อมชวนคุย  ทำให้พี่ๆ นักข่าวลดอาการกระเหี้ยนกระหือรือเตรียมจิกทึ้งเหลือเพียงท่าทางรอสัมภาษณ์เท่านั้น

   “ยังไงเดี๋ยวเชิญพี่ๆ ด้านในดีไหมครับ  ยืนตรงนี้เมื่อยแย่เลย  อากาศก็เริ่มเย็นแล้วด้วย  เข้าไปหาอะไรอุ่นๆ ดื่มด้านในดีกว่านะครับ”

   อาการพูดคุยทักทายแถมยังเป็นห่วงเป็นใยพี่ๆ นักข่าว  ไม่มีอาการต่อว่า  ตะเพิดไล่  แม้แต่ความขัดเคืองใจใดๆ ยังไม่มีให้เห็น  ทำให้ภาพลักษณ์ของกานต์ในใจของพี่ๆ เป็นคนน่ารักคุยง่ายสบายๆ ขึ้นมาทันที

   หลังจากที่หาที่ทางให้บรรดานั่งกันจนเรียบร้อย  เสิร์ฟชากาแฟเป็นบริการเสริมอย่างทั่วถึง  กานต์ก็นั่งตัวตรงเตรียมตัวตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงาน  จนมีเสียงแซวเล่นกันให้ครึกครี้น

   นักข่าว : “แหม...น้องกรคะ  ไม่ต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นก็ได้  พี่แค่ถามคำถามง่ายๆ สองสามข้อแค่นั้นเอ๊ง”

   ฝ่ายโดนแซวปั้นหน้าเคร่งหันมาตอบเสียงเครียดทันที

   “ซ้อมไว้เผื่อลงสมัคร ส.ส. สมัยหน้าน่ะครับ”

   “อร๊าย”

   เสียงกรี๊ดกร๊าดถูกอกถูกใจของทั้งสาวแท้สาวเทียมดังขึ้นอย่างกับมีจัดแฟนมีทของศิลปินเกาหลีก็ไม่ปาน

   “น่ารัก  ขี้เล่น  เฟรนด์ลี่  เป็นแฟนพี่ไหมจ๊ะ...ฮิ้ววว”

   เมื่อการเล่นมุกมีการโต้ตอบส่งรับกันอย่างสนุกสนาน  การสัมภาษณ์จึงกลายเป็นงานสังสรรค์ของเหล่ากระจอกข่าวไปอย่างช่วยไม่ได้  ไม่มีการรุมล้อมป้อนคำถามชี้นำให้ตกหลุมพราง  ไม่มีท่าทางคุกคามจับผิด  ธรณินรับรู้ได้ถึงความเครียดที่สลายตัวอย่างช้าๆ สูดลมหายใจยาวลึกเข้าปอดอย่างปลอดโปร่ง  มาดสุขุมชวนฝันของผู้จัดการชื่อดังเข้าประทับร่างทันที  เขาเดินก้าวเข้าไปหากานต์ที่กำลังคุยจ้อน้ำลายแตกฟองอย่างสนุกสนาน  กระแอมไอเป็นการเตือนก่อนจะเอ่ย

   “กร  ชวนพี่ๆ คุยจนเขาไม่เป็นอันทำการทำงานแล้ว  เลิกเล่นแล้วให้พี่ๆ เขาได้ทำงานก่อน”

   “พี่ณินอ่า... ผมไม่ได้ชวนคุยสักหน่อย”

   เสียงหงุงหงิงทำให้อดเอื้อมมือไปขยี้ผมอีกฝ่ายเล่นอย่างมันเขี้ยวไม่ได้  ก่อนจะละมือจากศีรษะทุยสวยได้รูปก็หยิกหมับเข้าให้ที่แก้มอีกทีเป็นการสั่งลา

   “พี่ณิน! จะหยิกทำไมเนี่ย  ไม่คุยกับพี่แล้ว  มาครับพี่ๆ จะสัมภาษณ์อะไร  ถามมาได้เลยครับ  ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเผาพี่ณินนี่ขอให้บอก  ผมพร้อมให้ข้อมูลเต็มที่”

   ... ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก ...

   ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ  นักข่าวแต่ละคนนั่งอ้าปากค้าง  ปฏิกิริยาชัดเจนขนาดนี้จะให้ถามอะไรได้เล่า  มีลูบหัว  มีหยิกแก้ม  ไม่ได้คิดจะปิดๆ บังๆ ซ่อนเร้นซะหน่อยเหรอ

   กานต์กระพริบตาปริบ  หันมองคนรอบตัว  เมื่อไม่เห็นมีคนพูดอะไรจึงถอนใจยาว

   “โอเคๆ พี่ไม่ถามผมเล่าเองละกันนะ  คืออย่างนี้  ผมน่ะแอบชอบพี่ณินเค้า  ตามจีบตามหยอดมาพักนึงแล้วละ  ก็ไม่ใช่ว่าพี่เขาจะตกลงคบอะไรด้วยหรอกนะ  ก็อยู่ในขั้นตอนศึกษาดูใจกันอยู่ หึๆ พูดไปแล้วก็อายปากพูดเหมือนดาราดังเลยเนอะพี่เนอะคบหาดูใจ”

   ไม่มีคนถามแต่มังกรว้อนท์จะพูดซะอย่าง  เล่าความสัมพันธ์แบบไม่มีกั๊กใดๆ ทั้งสิ้น  บางครั้งธรณินก็เล่าเสริมส่วนที่กานต์ลืมเสียด้วยซ้ำ  คนหนึ่งพูดนำ  อีกคนหนึ่งเออออตาม  บางครั้งก็ขัดคอกันเอง  เย้ากันไปแหย่กันมาอยู่สองคนจนพี่ๆ นักข่าวได้แต่มองตากันปริบๆ

   “ก็เป็นแบบนี้แหละครับ  ตอนนี้ผมกับพี่ณินก็ชอบๆ กันอยู่  อ้อ!  ที่สำคัญตับยังไม่ถูกกินนะครับ  มีใครมีคำถามอะไรอีกไหมครับ”

   แต่ละคนส่ายหน้าหวือแทนคำตอบ  เล่ามาหมดเปลือกขนาดนี้  นักข่าวอย่างพวกเขาจะถามอะไรได้อีกเล่า

   “ถ้าพี่ๆ ไม่มีคำถามอะไรแล้ว  ผมขอถามบ้างได้ไหมครับ” มังกรน้อยโหมดขนฟูขี้อ้อนทำตาวิ้งๆ ใส่  เพื่อขอความเห็นใจเริ่มออกปฏิบัติการทันที  เมื่อได้รับการพยักหน้ารับ  กานต์ก็ยิ้มหวานหยดส่งให้แล้วส่งคำถามผสมมนต์สะกดใจเล็กๆ ออกไป

   “ใครเป็นคนให้ภาพที่พี่ๆ เอามาออกข่าวเมื่อเช้านี้เหรอครับ”

   “อิคคิว”

   เสียงพึมพำละเมอตอบอย่างพร้อมเพรียงทำให้กานต์หันไปมองหน้าธรณินพร้อมกับเบะปากทันที

   “ผมจะเล่าความจริงให้ฟังนะครับ  จำให้ดีๆ นะ  เรื่องเป็นแบบนี้ครับ  ภาพที่เห็นในข่าว  ความจริงแล้วพี่อิคคิวขังผมไว้ในห้องเก็บของจนผมเป็นลมไปน่ะครับ  โชคดีที่พี่ณินไปช่วยออกมาได้  สาเหตุมาจากพี่อิคคิวอิจฉาที่ผมหน้าตาดีแล้วดันมีผิวที่เรียบเนียนอีก  จริงๆ แล้วพี่อิคคิวน่าสงสารมากเลยนะครับพี่ๆ ไม่รู้เค้าเป็นอะไร  ที่แผ่นหลังเขาทั้งแผ่นเป็นผดเม็ดเล็กๆ เรียงเต็มแน่นไปหมดเลยครับ  พอดีผมบังเอิญไปเห็นตอนเขากำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่  พี่เขาคงตกใจน่ะครับที่มีคนไปเห็นสิ่งที่เขาพยายามปกปิดไว้  อารามตกใจกลัวทำอะไรไม่ถูก  เลยขังผมไว้ในห้องเก็บของ  เรื่องนี้พี่ๆ นักข่าวต้องเข้าใจพี่อิคคิวให้มากนะครับ  แล้วที่สำคัญ...”

   กานต์ยิ้มหวานให้อีกครั้งก่อนจะเอ่ย

   “เหยียบเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเลยนะครับ”

   โถ... พ่อคุณ  ภาพลักษณ์ของกานต์ยามนี้แทบจะมีปีกสีขาวงอกออกมา  บนศีรษะมีวงแหวนเทวดาส่องวิ้งๆ กันเลยทีเดียว  ถูกคนเขาอิจฉาแล้วแกล้งจับขัง  ยังจะมาช่วยปิดบังความลับให้เขาอีก  ไม่ต้องกลัวนะลูก  เดี๋ยวพวกป้าๆ เอ๊ย! พวกพี่ๆ จะช่วยเหยียบกันให้กระจายทั่วเมืองเลยคอยดู

   “เอ่อ... น้องกรคะ  พี่รู้ว่าคำถามนี้ออกจะแรงไป  ถ้าน้องกรไม่สะดวกใจตอบก็ไม่เป็นไรนะคะ  แต่โดนหน้าที่แล้วพี่ต้องถามน่ะค่ะ”

   “ถามมาเลยครับพี่  ถ้าตอบไม่ได้ผมก็ให้พี่ณินตอบแทนละกันครับ  พี่ณินเขารู้เรื่องมากกว่าผมเยอะ”

   “คือพี่จะถามว่า... น้องกรเปิดตัวว่าชอบเพศเดียวกันแบบนี้  เอ่อ... ไม่กลัวสังคมรังเกียจเหรอคะ”

   คำถามแรงจริงอย่างที่พี่เขาว่า  ส่วนตัวกานต์เองไม่เห็นว่าผิดปกติที่ตรงไหน  ที่คนจะรักจะชอบกันต้องมามีขีดจำกัดด้านเพศสภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง  ด้วยในเผ่าพันธุ์มังกรก็มีคู่รักแบบนี้หลายคู่  ไม่ยักจะมีใครมาถามเรื่องรังเกียจไม่รังเกียจ  เผ่าพันธุ์มนุษย์คิดอะไรซับซ้อนเสียจริง  ในขณะที่สิ่งของอำนวยความสะดวกต่างๆ ถูกพัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดด  แต่กับเรื่องความรัก  อันเป็นเรื่องพื้นฐานปกติทั่วไป ทำไมถึงต้องตั้งกำแพงกันไว้  แบ่งแยกชาย - หญิงกันให้วุ่นวายด้วยนะ

   ขณะกำลังจะอ้าปากตอบนั่นเอง  ท่อนแขนอันคุ้นเคยก็โอบพาดมาบนไหล่ของกานต์  หันไปมองก็เห็นธรณินจุดยิ้มที่มุมปาก  คิ้วเข้มเลิกยกขึ้นสูง  ส่งออร่าความหล่อขั้นเทพให้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ  ก่อนจะก้มลงหอมแก้มร่างในอ้อมแขนดังฟอด

   “ใครจะรังเกียจ  ใครจะยอมรับ  ผมไม่สามารถจะไปชักจูงหรือชี้นำได้  มีใครบางคนทำสัญลักษณ์ตีตราจองไว้เหนือหัวใจผมไปแล้ว  โดยที่ใครคนนั้นบอกว่า  นี่คือพรมลิขิต  เมื่อดวงจิตของเราคลิกตรงกัน  ผมกับกรไม่ใช่ผู้ชายสองคนที่ชอบกัน  แต่คือวิญญาณสองดวงที่ผูกพันเข้าด้วยกัน”

   “เอ่อ...”

   “ครับ  มีคำถามอะไรเพิ่มเติมอีกครับ”

   “คือ  ที่ตอบก็พอจะเข้าใจค่ะ  แต่อยากทราบว่า   เกี่ยวอะไรกับการหอมแก้มด้วยคะ” ถามไปตัวก็บิดเขินไป  โอ๊ย! ตายแล้ว  เป็นการสัมภาษณ์ที่หัวใจทำงานหนักมากจริงๆ หลังจบการสัมภาษณ์คุณณิน  เธอจะคิดค่าเซอร์วิสชาร์จด้วยรึเปล่านะ  เธอโอบ  เธอประคอง  เธอหอมแก้มโชว์เน้นๆ ขนาดนี้  ป้าใจจะขาดแล้วลูกเอ๊ย

   ธรณินยิ้มกรุ้มกริ่ม  จับปอยผมที่เริ่มยุ่งนิดๆ ของกานต์ให้เข้าที่ก่อนจะตอบ

   “ทดสอบระบบนิดหน่อยครับ  ว่าพี่ๆ รังเกียจไหม”

   นักข่าวผู้ชายเขินหน้าแดง  เสมองไปทางอื่น  แสร้งกระแอมกระไอไปตามเรื่องตามราว  ส่วนนักข่าวผู้หญิง  รวมถึงสมชายที่แอบจับตาความสัมพันธ์ของคนคู่นี้มาสักพักแล้วได้แต่มองดูคนเขาแสดงความรักกันตาปรอย  บางส่วนถึงกับแอบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับกำเดาด้วยความอิจฉา  ได้แต่รำพึงรำพันในใจ “ทำไมผู้ชายหล่อต้องกินกันเองด้วยวะ!”

   “ไปครับพี่ๆ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่หน้าตึกนะครับ”

   กานต์ต้อนพี่ๆ นักข่าวให้  เนื่องจากหลายๆ คนตาลอยสติฟุ้งซ่านส่งผลให้หาทางเดินกลับออกจากตึกไม่เจอ  ขนาดพี่ๆ แค่ชมการทดสอบระบบยังออกอาการขนาดนี้  แล้วเขาล่ะ  คนโดนกระทำนะ  ที่สามารถทรงตัวบนขาตัวเองได้โดยไม่ล้มไปซะก่อนนี่ก็เก่งแล้ว  พูดถึงแล้วยังใจเต้นไม่หาย  คืนนี้จะรอดไหมเรา

   “พี่ๆ ครับ  ช่วยรับนี่ไปหน่อยนะครับ”

   เป๊าะ! ทันทีที่เสียงดีดนิ้วสิ้นสุดลง  กุหลาบหลากสีดอกเล็กกระจิ๋วหลิวก็ปรากฏตามกระเป๋าเสื้อเชิ้ตบ้าง  แซมผมบ้าง  มนต์บทถนัดถูกนำมาใช้หากินอีกครั้ง  แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อสาวและไม่สาวกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

   “ถือเป็นของขวัญแรกพบหน้าระหว่างพวกเรานะครับ  แล้วก็อย่าลืมนะครับ...”

   กานต์เว้นช่วงไปนิดหนึ่ง  ทำหน้ากระอักกระอ่วนใจเพิ่มสีหน้าเป็นกังวลไปอีกระดับ  นี่ถ้าไม่ติดว่าทำน้ำตาคลอแล้วจะดูสาวแตกกานต์ก็จะทำนะ

   “พี่ๆ อย่าลืมเก็บเรื่องพี่อิคคิวเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ที่บริเวณแผ่นหลังไว้เป็นความลับด้วยนะครับ”   

   เหล่าพี่สาวนักข่าวพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน  ไฟในดวงตาลุกโชนทันที  อารมณ์ความเป็นแม่พลุ่งพล่านพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  ความอยากปกป้องหนุ่มน้อยที่ชื่อกรเต็มเปี่ยม!

   หึหึหึ  ปิดจ๊อบ  ตอกตะปูดอกสุดท้าย!!!



หลังม่าน

   ภายในห้องประชุมหลังคาโค้งกรุกระจกโดยรอบ  ผนังฝังมุกสีเงินแวววาวสลับมุกสีดำมันแพรวพราวไปทั่วห้อง  บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยไอความเครียดที่ลอยฟุ้ง  จนคนเดินสารที่มารอคำตอบยืนกระสับกระส่ายไปมา

   “นี่มันเร่งด่วนมากๆ นะ  โครงการอื่นพับไปให้หมด  ยังไงก็ต้องเร่งเรื่องนี้ให้นายน้อยก่อน” เสียงตะคอกดุดันของชายร่างสูง  ส่งผลให้ทุกคนในที่ประชุมตัวสั่นงันงกกันเป็นแถว

   “ตะ...แต่  ที่บางประเทศในทวีปแอฟริกา  ตอนนี้แห้งแล้งมากเลยนะครับท่าน”

   สายตาคมกร้าวตวัดตามองพลางอธิบายเสียงเย็น

   “นายน้อยเพิ่งเคยออกไปผจญโลกกว้าง  นี่ก็คงไปพบเจอพวกมนุษย์ตกทุกข์ได้ยากจึงส่งสารมาแจ้งกับพวกเราแบบนี้  เพราะฉะนั้น... ไปจัดการตามที่นายน้อยร้องขอ  จัดฝนให้ตกบริเวณหน้าตึกบริษัทผู้จัดการจำกัด!”
   
   เสียงที่ออกคำสั่งมาเน้นช้าชัดทีละคำ  บ่งบอกว่าไม่ต้องการให้ใครฝ่าฝืนเด็ดขาด!

........

   “พี่ณินครับ  ในรถมีร่มไหมครับ”

   “มีสิ  อยู่ท้ายรถแน่ะ  กานต์กลัวร้อนล่ะสิ  วันนี้แดดเปรี้ยงเลยนี่”

   พูดจบก็เดินอ้อมไปท้ายรถ  หยิบร่มสีดำคันโตมากางออก  กานต์เห็นร่มแล้วได้แต่ส่ายหัว  ออกแรงดีดนิ้วเปลี่ยนให้เป็นร่มพลาสติกใสสีเขียวมะนาวทันที

   “อ้าว! ไหวว่าเสกอะไรไม่ค่อยเก่ง  ทำไมวันนี้ทำได้ล่ะ”

   “วันนี้มีตัวช่วยครับพี่”  กานต์ขยิบตาพร้อมอธิบายต่อ

   “เดี๋ยวฝนจะตกนะพี่ณิน  เวลาเดินเข้าไปที่ตึกน่ะ  ขอท่าทางสวีทหวานเหมือนในซีรี่ส์เลยนะครับ”

   “ละเมอรึเปล่ากานต์  แดดจัดขนาดนี้  ฝนที่ไหนจะมาตก  แล้วร่มใสๆ แบบนั้นจะกันแดดได้ที่ไหน”

   “น่าพี่... เรื่องฝนปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมก็แล้วกัน  หน้าที่พี่มีแค่ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ  แล้วแสดงความรักใส่ผมเยอะๆ ตอนที่ให้สัมภาษณ์  พี่ทำได้ไหม”

   เพี๊ยะ! เสียงดีดหน้าผากที่ดังขึ้นครั้งนี้เปลี่ยนไป  คนโดนดีดยิ้มหน้าบาน  ขณะที่คนดีดหน้าขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด  เขินละสิให้แสดงออกสู่สาธารณชน หึๆ

   “พี่ณินพร้อมไหมครับ”

   ธรณินพยักหน้ารับ  แล้วก็กานต์ก็นับ 5 4 3 2 1 แอคชั่น!

   อยู่ๆ ท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้าก็ครึ้มลงฉับพลัน  ลมเย็นเริ่มพัดโชยแผ่วๆ ไม่นานนัก  ละอองน้ำฝนก็โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า  บรรดานักข่าวที่เฝ้ารอทำข่าวต่างวิ่งหลบฝนเก็บอุปกรณ์ให้พ้นจากความชื้นกันจ้าละหวั่น  พื้นที่ด้านหน้าตึกที่กว้างขวางกลับแลดูคับแคบไปถนัดใจ... บอกแล้วว่าป๋าจะจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ!!!

TBC...
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-02-2017 19:55:41
นายน้อยต้องการฝน ฮ่าๆๆๆๆ เสกไม่ได้ อิอิ

ป๋ากานต์จะโดนหนูณินกินซะมากกว่า อิอิ 
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 06-02-2017 19:56:41
ชอบน้องมังกรมั่กๆค่า
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-02-2017 20:33:34
แบ็คใหญ่จริง ๆ ฮา
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 06-02-2017 20:51:09
โอ๊ยป๋า ตอนอ่านก็ว่าแล้วว่าอยู่ ๆ ฝนตก เดินมาแบบหวานหยดเชียว จ้ะ เอาเลยจะน้องกานต์ ป๋ากานต์ เอาที่สบายใจท่านมังกรเลยคะ

ขำมาก อ่านไปขำไปจนคนมอง สงสารตัวเองเลย 5555 ขำพุงกระเพื่อม

พี่ณิน ร้ายอะ ทดสอบระบบ เอาเลยคะ ทดสอบเยอะ ๆ
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-02-2017 21:16:44
กลับบ้านไปทดสอบระบบกันเถอะ!
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 06-02-2017 22:18:09
เป็นป๋าที่น่าจับกินจริงๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Rabbitongrass ที่ 06-02-2017 22:44:37
นี่เเค่ทดสอบระบบนะเนี่ย
ว่าเเต่ฉากเปิดอย่างไม่เป็นทางการ (Soft Opening) จะหวานกันซะขนาดใหนเนี่ย
ส่วนของเรื่องเเก้เกมของทางทีมใมค์หมดหนี้ เอ้ย ทางอิคคิวที่วางเเผนป้ายสีไว้ขอบอกว่าสาเเก่ใจอีช้อยนัก 5555
จัดชุดใหญ่จริงๆซะด้วย ทั้งผูกมิตร ทั้งเล่าหมดไม่มีกั๊ก ทั้งปล่อยข่าวลือเเกมข่าวจริงสร้างดาเมจกลับไปซะอีก
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 9 (06/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-02-2017 06:58:51
 :pig4: :m31:
หัวข้อ: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 10 (8/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 08-02-2017 20:05:56
บทที่ 10

   - นายแบบ อ. แอ๊บแบ๊ว  หน้าใส  ใจโส!! เรื่องเล่าแอบเม้าท์  พลิกหน้า 7. ...
   - แข่งเรือแข่งพายน่ะแข่งได้  แต่แข่งบุญแข่งวาสนานี่มันยากน้า  ตามไปพิสูจน์กับซ้อห้าภายในเล่ม...
   - ข้างนอกสุกใส  ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง  สกู๊ปเด็ดวันนี้จะพาไปล้วงลึกถึงในร่มผ้าน้อง อ. กัน...
   - อ. แอ๊บไม่เนียน  งานนี้หางโผล่  สงสารแต่น้อง ก. ที่โดนใส่ความ  เจ้าตัวจึงวอนอย่าพาดพิงพี่ อ. โถ  พ่อคุณของเจ้

   หนังสือพิมพ์บันเทิงพาดหัวข่าวอย่างมีสีสันเสมอ  กานต์นั่งอมยิ้มอ่านข่าวอย่างเพลิดเพลิน  สุขใดไหนจะเท่าสุขใจที่ได้เอาคืน  นั่งอ่านๆ ไปก็ชักทรงตัวไม่ค่อยอยู่  กระดูกสันหลังต้องการขนานกับพื้นอย่างรุนแรง  จึงค่อยๆ เอนตัวลงนอนอ่าน  จากตะแคงจนกลายเป็นนอนคว่ำอยู่บนพื้นพรมนุ่มกลางห้อง

   เสียงผิวปากหวือดังขึ้นที่หน้าประตูห้องนอน  ทำให้คนที่เพลิดเพลินกับการอ่าน  ต้องหันไปหรี่ตามองต้นเหตุที่รบกวนสมาธิ  ก่อนจะเบือนหน้าหนีมาเสพความบันเทิงเบื้องหน้าต่อไป

   “โอ๊ย! พี่เจ็บนะเนี่ยกานต์  มองแล้วเมินใส่แบบนี้  ใช่สิ  เราคงหมดประโยชน์แล้ว  ไหนว่าให้แสดงความรักออกมาเยอะๆ ไง  พอข้ามวันปุ๊บก็โดนเชิดใส่”

   ภาพคนตัวโตที่กำลังเอามือกุมอกด้านซ้ายทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าโอดครวญชวนให้น่าหมั่นไส้มากกว่าน่าสงสาร  ถ้าพี่จะแอคติ้งดีขนาดนี้  พี่เลิกเป็นผู้จัดการเถอะ  หันมาเอาดีด้านการเป็นนักแสดงท่าจะรุ่ง

   “เลิกคร่ำครวญได้แล้วพี่ณิน  มีอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า  มาๆ มานั่งตรงนี้มา”

   มือขาวตบพื้นที่ข้างตัวเองดังปุๆ เป็นเชิงบอกให้ธรณินเลิกเล่นแล้วมานั่งสักที  ร่างสูงขยับลุกขึ้น  เบะปาก  เดินมาทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์  ท่าทางของคนตัวสูงๆ เวลาไม่ได้อย่างใจนี่ไม่ได้น่ารักน่าชังเหมือนเด็กน้อยงอนสักนิด  แต่เอาเถอะ  ง้อหน่อยก็ได้

   กานต์พลิกตัวยกศีรษะไปวางบนตักธรณิน  มือก็คว้าหมอนมากอดไว้  พลางถูไถหัวเข้ากับต้นขาเป็นการออเซาะ

   “อร๊าง” คนโดนถูไถร้องเสียงดัง  จนแทบอยากเอาหมอนปาหน้า  เมื่อเห็นกานต์ไม่เล่นต่อ  จึงได้กลับมาพูดคุยเป็นการเป็นงานได้อีกครั้ง

   “เมื่อกี๊สมชายโทรมาว่าทีวีช่อง 69 ติดต่อให้เราไปเป็นแขกรับเชิญในรายงานสวิงกันวันอาทิตย์  กานต์อยากไปไหม  อ๊ะๆ ไม่ต้องถามพี่  พี่ยังไงก็ได้  ตามใจกานต์เลย”

   สายตาคมพราวระยับก้มลงสบมองคนที่นอนหนุนตักอยู่เนิ่นนาน  จนคนโดนจ้องเขินไปหมด  ได้แต่พึมพำงึมงำตอบว่าแล้วแต่พี่ณินไปตามเรื่องตามราว

   “งั้นตกลงว่าไปนะ  แต่พี่ขอบอกไว้ก่อน  รายการนี้มักจะให้คู่รักทำอะไรคู่กันกุ๊กกิ๊กๆ ในรายการ  เห็นมีทำอาหารด้วยกัน  ร้องคาราโอเกะร่วมกัน  กานต์ไหวแน่ใช่ไหม  ยังปฏิเสธทันนะ”

   “ถ้าอย่างนั้นยิ่งต้องไปใหญ่เลยพี่ณิน  ผมอยากมีกิจกรรมร่วมกันกับพี่เยอะๆ”

   จู่ๆ ธรณินก็ยกศีรษะกานต์วางลงบนหมอนหนุน  ก่อนจะไถลตัวลงนอนเคียงข้าง  จมูกโด่งซุกไซร้ลงแถวข้างแก้ม  คลอเคลียวนเวียนอยู่ระหว่างแถวซอกคอขาวกับติ่งหู

   “ไหนใครอยากทำกิจกรรมกับพี่เยอะๆ กัน หืม”

   เสียงกระซิบที่ทุ้มต่ำสั่นพร่า  ชวนให้สติสัมปชัญญะของกานต์เตลิดเปิดเปิงไปกันหมด  สมองเริ่มมึนงงประมวลผลไม่ถูกว่าการที่ถูกลวนลามอยู่นี้เกี่ยวอะไรกับการถูกเชิญไปออกรายการโทรทัศน์  ริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบไล่ไปตามแนวสันกราม  ไล่วนตรงปลายคางมน  ก่อนเงาดำจะทาบทับและฉกวูบลงมาประกบปิดริมฝีปากบดคลึงดูดดึงอย่างเว้าวอนจนต้องยอมอ้าปากเปิดทางให้ปลายลิ้นชื้นเข้ามาเสาะแสวงหาความหวานภายในโพรงปากอย่างย่ามใจ  ทั้งตวัด  พัน  รัด  คลาย  พัวพันจนเสียงฟังแลดูหยาบโลนอย่างถึงที่สุด  กานต์ได้แต่ยกมือดันอกอีกฝ่าย  เพราะหายใจหายคอไม่ทัน

   “พะ  แฮ่กๆ พี่ณิน  เกิดอะไรขึ้นเนี่ย  คุยกันอยู่ดีๆ ก็ของขึ้นซะอย่างนั้น”

   ธรณินจ้องตอบกานต์ตาเยิ้ม  มือยังผลุบหายเข้าไปในเสื้อยืดเนื้อนิ่มของคนใต้ร่าง  สัมผัสไล้แผ่นเบาวนเวียนแถวชายโครงไปด้วย  ตอบไปด้วย

   “ก็เห็นนอนอ่อยอยู่มาพักนึงแล้ว  ยังมาพูดจาให้คิดอีก  พี่ก็นึกว่ากานต์พร้อมแล้ว”

   ขณะตอบมือก็ไล่ไต่ควานไปจนเจอตุ่มไตเม็ดเล็กบนร่างกายกานต์อย่างค้นหา  เมื่อพบเจอก็สะกิดยอดเล็กนั้นแผ่วเบา  แต่ฝ่ายถูกแตะต้องกลับสะดุ้งสุดตัว

   ร่างกายคล้ายมีกระแสไฟวาบปราดจากกลางอกวิ่งไปสู่จุดศูนย์ประสาทตรงกึ่งกลางร่างพอดี  ในช่องท้องรู้สึกวูบไหวแปลกๆ คล้ายมีปีกผีเสื้อกระพือบินเป็นร้อยเป็นพันตัว  อาการหวามลึกล้ำยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง  มารู้สึกตัวอีกครั้งเสื้อยืดก็ถูกถอดออกจากตัวไปแล้ว  บางสิ่งที่ชื้นแฉะกำลังไล่กวาดต้อนตุ่มไตที่หดสั่นระริกอย่างหยอกเย้า

   “อือ... พี่ณิน”

   กานต์แอ่นตัวโค้งขึ้นตามการปลุกเร้าของคนบนร่าง  สองมือเริ่มกดศีรษะธรณินให้แนบชิดลงมาให้มากกว่าเดิม

   “หายไปไหนกันหมดเนี่ย  อุ๊ยตายว๊ายตาเถรหก  ผู้ชายกินกัน!!!”

   “พี่ซิสซี่//สมชาย” สองเสียงประสานกันดังขึ้นด้วยความตกใจ  หนึ่งคนเด้งตัวลุกขึ้นคว้าเสื้อมาสวม  อีกหนึ่งคนลุกขึ้นนั่งถอนหายใจเสยผมด้วยความหงุดหงิด  สภาพลุกลี้ลุกลนของทั้งสองคน  ทำให้สมชายหายจากอาการตกใจ  หลุดหัวเราะขำออกมาอย่างอดไม่อยู่

   “ตลกอะไรสมชาย”

   “ตลกคุณณินกับน้องกรนั่นแหละค่ะ  สภาพเหมือนชู้แอบนัดพบกันแล้วซิสซี่ซึ่งเป็นเมียเอกก็เปิดประตูเข้ามาเจอ”

   “ให้มันน้อยๆ หน่อย  แล้วมีอะไรถึงมาที่นี่ได้  มือน่ะมีไหม  หัดเคาะซะบ้างประตูห้องน่ะ  มือไม่ว่างก็เรียก  ปากก็มีตะโกนส่งเสียงไปเข้าสิ”

   อูย... อารมณ์ค้างใส่ยาวเลยวุ้ย

   “มือน่ะมีค่า  เคาะจนจะหักอยู่ละ  ส่วนอีปากนี่ก็ตะโกนเรียกไล่มาตั้งแต่ประตูหน้าจนมาประตูนี้นี่แหละค่า  แล้วที่สำคัญประตูนี้ไม่ปิดนะคะ  เข้ามาปุ๊บหนังเจอสงครามปั๊บเลยค่ะ”

   “สงครามอะไร”

   “สงครามรักพิศวาสร้อนยังไงล่ะคะ” โฮะๆๆ เหวี่ยงมาก็จิกกลับเป็นนะคะคุณณิน  เห็นเอวบางร่างน้อยแบบนี้ก็ไม่ยอมให้ใครมาใช้วาจากระทบกระแทกแดกดันอยู่ฝ่ายเดียวนะคะ  ซิสซี่เถียงกลับสู้ตายค่า

   “เอ่อ... พี่ซิสซี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย”

   คนนี้ค่อยพูดจาหวานหูหน่อย  สมชายนึกพลางสะบัดหน้าขว้างค้อนไปทางธรณินที่นั่งหน้าตูมอีกหนึ่งดอก  ก่อนจะเดินไปคล้องแขนกานต์พาเดินออกไปนอกห้องแห่งสมรภูมิ

   “ไปคุยข้างนอกกันค่ะน้องกร  ให้คุณพระเอกเธอเก็บเศษซากอาวุธสงครามให้เรียบร้อยก่อน  อ๊ะๆ ไม่ต้องเถียงซิสซี่นะคะคุณณิน  มือน่ะมีไหม  ถ้ามีก็หัดใช้มือชี้หน้านะคะ  อย่างอื่นไม่ต้องเอามาใช้ชี้  เดี๋ยวก็จับกินให้หมดซะนี่  ไปค่ะน้องกร  พี่ซื้อข้าวซื้อขนมาฝาก  ไปกินดับ ‘หิว’ กันค่ะ”

   อืม  จิกได้ทั่วถึงทุกตัวคนจริงๆ

   หลังจากสงบสติอารมณ์ทั้งคนมาหาและคนถูกหาแล้ว  ก็ได้เวลาระบายอารมณ์ที่คั่งค้างลงกับทุกเมนูที่สมชายสรรหามาฝากจนหมดเกลี้ยง  คนซื้อนั้นใจนึงก็สุดแสนจะปลื้ม  ส่วนอีกใจก็อดคิดไม่ได้ว่าคุณณินคงอยากงับหัวเราจะแย่ละมัง  ดูท่ากัดน่องไก่ฉีกกระชากไปมองตาเขียวปั้ดไป  ถ้าจะโมโหกันขนาดนี้  ลากไก่ไปกินในน้ำเงียบๆ คนเดียวดีไหมคะ  จะได้ไม่ลำบากคนอื่นเขา... ถามว่ากล้าพูดออกไปไหม  ตอบเลยว่า  ‘ไม่’

   “อ่ะ... มีอะไรก็ว่ามา” ธรณินตวัดขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง  ประสานมือไว้บริเวณหัวเข่า  โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย  จ้องสมชายตาเขม็ง

   สมชายได้แต่แอบเบะปาก  ทีแบบนี้ล่ะมาทำท่าเป็นการเป็นงาน

   “คือ  ซิสซี่จะมาถามเรื่องที่รายการสวิงกันวันอาทิตย์โทรมาชวนไปรายการของเขาน่ะค่ะ  ตกลงคุณณิณจะตอบรับไปไหมคะ”

   “แค่นี้เหรอ  โทรมาก็ได้นะสมชาย  ไม่ต้องถ่อมาเองหรอก”

   “ไปดูโทรศัพท์ก่อนไหมคะคุณณิน  มิสคอลกี่สิบสายแล้ว”

   สงครามทำท่าจะปะทุอีกรอบ  กานต์จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายห้ามทัพ  ตอบคำถามของซิสซี่ไปเพื่อให้เรื่องสงบลง

   “ตกลงว่าไปครับพี่ซิสซี่  พี่ณินเพิ่งบอกกรเมื่อเช้านี่เอง  ยังไงก็ไปอยู่แล้วครับ  รบกวนพี่ซิสซี่จัดการตอบรับให้ด้วยนะครับ”

   ซีสซี่ทำปากขมุบขมิบใส่ธรณิน  ซึ่งยังคงนั่งวางท่าเก๊กขรึมต่อไป  แม้ว่าตัวเองจะผิดที่ไม่ได้รับสาย

   “ถ้าตกลงไปแน่นอน  วันพุธที่จะถึงนี้ก็ไปถ่ายทำที่สตูดิโอแถวลาดพร้าวได้เลยนะคะน้องกร”

   “อ้าว! ทำไมเร็วจังล่ะครับพี่ซิสซี่”

   “ทางรายการเขาเคลียร์คิวไว้หมดแล้วค่ะ  เหลือแค่คำตอบรับอย่างเดียวก็จัดการถ่ายทำได้เลย  ข่าวแบบนี้กำลังขายได้นี่คะ  อะไรที่จะทำให้เรตติ้งรายการพุ่งสูงได้  ก็ต้องรีบทำรีบคว้าโอกาสกันไว้ค่ะคุณน้อง”

   สมชายบุ้ยใบ้ปากกวักมือเรียกกานต์ให้เข้ามานั่งใกล้ๆ กระซิบกระซาบบอกอย่างอดใจไม่อยู่

   “แน่ใจแล้วเหรอคะที่จะไปน่ะ”

   “ครับ?” กานต์คิ้วขมวดถามด้วยความงุนงง

   “ก็รายการนี้  ชอบให้คู่รักโชว์หวานออกสื่อน่ะสิคะคุณน้อง  แล้วพ่อเนื้อทอง...” พูดพลางพยักเพยิดไปทางธรณินที่กำลังเหล่มองเป็นระยะ

   “นั่นน่ะ  คุณชายท่านจะยอมเหรอ”

   “ไม่เห็นว่าอะไรนะครับ  คงยอมแหละ”

   คนสองคนหัวร่อต่อกระซิกคิกคักกันสนุกสนาน  ไม่ได้รับรู้เลยว่ามีคนไม่สบอารมณ์ที่ถูกปล่อยปละละเลยไม่ให้ความสำคัญกำลังอารมณ์บูดถึงขีดสุด

   “ตกลงธุระมีแค่เรื่องนัดถ่ายทำรายการใช่ไหม  โอเค  ผมรับทราบ  กรรับรู้  ส่วนคุณก็รับหน้าที่ไปบอกทางทีมงานก็แล้วกัน  ขอบคุณมาก  สวัสดี  นั่นประตู”

   สมชายยกมือทาบอกอ้าปากกว้างทันที  อกอีสมชายจะระเบิด  ไล่กันดื้อๆ อย่างนี้เลย  สะบัดหน้าพรืดใส่เสร็จก็เดินไปคว้ากระเป๋าคู่กายสีชมพูแปร๋นมาหนีบไว้  ก่อนยกมือไหว้ลาอย่างเสียไม่ได้  ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้นะ  แม่จะไฝว้ด้วยอีกสักยกสองยก

   เสียงประตูปิดลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  แต่ธรณินยังคงนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน  กานต์นั่งขำเด็กตัวโตที่นั่งงอน  จนต้องเดินไปง้อด้วยการใช้นิ้วสะกิดเขี่ยติ่งหูเล่นไปมา

   “พี่ณินอ่า... โมโหอะไรครับเนี่ย  โกรธมากๆ เดี๋ยวหน้าก็แก่ก่อนวัย  ตีนกาถามหากันพอดี”

   เจอโหมดแมวน้อยมาออดอ้อนแล้วจะให้ทำยังไงได้เล่า  ธรณินเอียงหน้าไปซบกับฝ่ามือที่ซุกซนเขี่ยหูเล่นจนจั๊กจี้ไปหมด  แล้วจึงยื่นแขนไปโอบเอวกานต์ไว้หลวมๆ พลางถอนหายใจ

   “กานต์...”

   “ครับ”

   “...”

   “ไหน  หนูณินเป็นอะไรบอกป๋ากานต์หน่อย”

   กานต์พูดพร้อมใช้สองมือประคองหน้าธรณินให้เงยขึ้นมาสบตาด้วย  ในแววตาของคนที่ถูกประคองอยู่เต็มไปด้วยความสับสนไม่แน่ใจและความรู้สึกผิด  เดี๋ยวนะ  รู้สึกผิดเรื่องอะไร

   “พี่ณินเป็นอะไรครับ  บอกผมหน่อย  อาการแบบนี้ไม่น่าใช่โกรธพี่ซิสซี่แล้ว  มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ”

   ธรณินก้มหน้าลงซบบริเวณหน้าท้องของกานต์ที่ยืนลูบหลังลูบไหล่เขาอยู่ในเวลานี้  ในใจรู้สึกผิดมากมาย  ถ้าเมื่อครู่สมชายไม่เข้ามา  เขาคงเดินหน้าไปจนสุดทางแน่  กานต์ก็ยังเด็กอยู่เลย  พอถูกล่อลวงเข้าก็ต้องหลงใหลเคลิบเคลิ้มไปเป็นธรรมดา  ตัวเองนี่ละที่เป็นผู้ใหญ่กว่า  ดันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่  ว่าจะแกล้งแหย่เล่นก็เลยเถิดกันไปถึงไหนต่อไหน  ไอ้เด็กตัวดีนี่ก็ไม่ห้ามปราม  มีกดหัวให้ความร่วมมืออีก

   แต่ที่รู้สึกผิดจนต้องมานั่งคอตกอยู่นี่ก็คือ  ความรู้สึกตัวเองน่ะสิ  ยังไม่ทันจะได้ยืนยันว่ารักแน่หรือเปล่า  ก็จะจับเขาปล้ำซะแล้ว  แก่  เอ๊ย! อายุมากซะเปล่า  ดันไม่มีความคิด  ซุกหน้าถูไถอยู่สักพักจึงได้รวบรวมความกล้าถามออกไปจนได้

   “กานต์โกรธพี่ไหม”

   มือที่ลูบหลังอยู่หยุดชะงักครู่หนึ่ง  ก่อนจะค่อยๆ โอบกอด

   “อะไรที่ทำให้พี่ณินคิดว่ากานต์จะโกรธพี่ครับ  หืม... คุยกันดีๆ เลิกซุกหน้ากับพุงผมแล้วคุยกันก่อน”

   “ก็พี่... เอ่อ... พี่เกือบปล้ำกานต์แล้ว  พี่ขอโทษนะ  ถ้าสมชายไม่เข้ามา  เราก็คง... นั่นแหละ  ยังไงดี  เราไม่ควรทำมันน่ะ มันยังไม่ถึงเวลา  จริงๆ พี่จะแกล้งกานต์เฉยๆ เพราะเวลากานต์เขินแล้วน่ารักดี  พอจูบๆ ไป  เริ่มไม่แค่น่ารักแล้ว  เริ่มน่า  เอ่อ... น่าใคร่แล้ว  พี่ขอโทษจริงๆ นะ”

   “พี่ณินหยุด  หยุดก่อน” กานต์เห็นว่ายิ่งพูดยิ่งวกวนสับสน  จึงตัดสินใจบอกให้ธรณินหยุดพูด  และเมื่ออีกฝ่ายขยับปากจะเถียง  กานต์จึงกดจูบปิดปากธรณินทันที  น้ำลายมนุษย์เป็นสิ่งประหลาด  ชื่อเหมือนจะดูน่าเกลียด  รูปลักษณ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง  ไม่ได้ชวนมองสักนิด แต่เวลาจูบทีไร  กานต์รู้สึกว่าน้ำลายมันหวานทุกที (เดี๋ยว! นี่ใช่เวลามาสงสัยอะไรกับน้ำลายม้าย)

   กานต์ถอนปากออกจากปากธรณินอย่างเชื่องช้า  ขบเม้มริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างอาลัยอาวรณ์อีกครู่  ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้แล้วเอ่ยปากถาม

   “พี่ณินรู้สึกดีไหมครับ”

   “อืม” ธรณินรับคำเสียงสั่นพร่า

   “อะไรที่รู้สึกดีก็ทำไปเถอะครับพี่  ไม่ต้องไปคิดมาก  ปล่อยไปตามครรลองธรรมชาติ  อย่าไปคิดอะไรหยุมหยิมมากมายเลยครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นขออะไรที่มันธรรมชาติๆ ต่อจากเมื่อเช้าเลยได้ไหม”

   “พี่ณิน  แบบนี้เรียกตั้งใจ  รอไว้ให้ถึงเวลา  อะไรจะเกิดก็เกิดขึ้นตอนนั้นเองแหละ  ผมไปอ่านข่าวต่อดีกว่า  อ้อ! พี่ณินล้างจานด้วยนะครับ  หัดหาอะไรทำซะบ้าง  จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”

   “เมื่อก่อนใครกันชวนเช้าชวนเย็นเนี่ยกานต์”

   “ไปล้างจานไป๊!”
TBC...

หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 10 (08/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-02-2017 21:01:00
เกือบได้กินแล้วเชียว  :ling1:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 10 (08/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-02-2017 23:02:53
ไปล้างจานนะจ๊ะ ผัวทาส  :laugh:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 10 (08/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Carnival ที่ 09-02-2017 18:01:50
ป๋ากานต์จิเสร็จหนูณินซะมากกว่านะถ้าอย่างงี้ :hao3:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 10 (08/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 09-02-2017 19:47:43
รอวันเค้าได้กันค่ะ เอร๊ยยยยยย ใครก็ได้เก็บสมชายไปที ขัดใจจริงๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 10 (08/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 09-02-2017 23:13:14
ขำพี่ณินมากอะ
กานต์ โดนจับกินจะขำแรงเลย ปล่อยตามครรลองธรรมชาติ โฮ่ ๆ
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 10 (08/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-02-2017 07:00:56
เดี่ยวนี้หนูนินเข้าหมวดหื่นติดง่ายมากอ่ะ ป๋ากานต์เกือบโดนจับกินแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 14-02-2017 19:35:12
บทที่ 11

   เช้าวันพุธมาถึง  ธรณินเดินวุ่นวายเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้หัวหมุนมาตั้งแต่เช้าผิดกับคนที่ปากบอกว่าอยากไปทำกิจกรรมร่วมกัน  ที่ยังนอนหลับอุตุไม่ยอมตื่น

   “กานต์  ตื่นได้แล้ว  เดี๋ยวสายแล้วทางนั้นบ่น  กานต์ๆ”

   เริ่มตั้งแต่สะกิดจนเข้าขั้นเขย่าแล้ว  คนบนเตียงยังส่งเสียงอืออาๆ แต่ไม่ยอมลืมตาสักที  ร้อนถึงคนปลุกต้องจำใจสอดมือเข้าไปใต้เสื้อแล้วสะกิดจุดไวสัมผัสเพียงแผ่วๆ

   “อ๊า... พี่ณิน!”

   ได้ผลแฮะ  กานต์มีจุดอ่อนตรงนี้  แตะนิดเดียวร้องเสียงหลงทุกที  คนโดนปลุกลุกขึ้นนั่งหน้างอ  เอามือลูบหน้าอกตัวเองป้อยๆ อย่างไม่สบอารมณ์

   “ก็บอกว่าอย่าโดนๆ มันจั๊กจี้แปลกๆ ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”

   “ปลุกไม่ตื่นเองช่วยไม่ได้  อีกอย่างพี่ก็นึกว่าเราชอบ  เห็นวันนั้นเอามือกดหัวพี่ซะแน่นจนหายใจแทบไม่ออก”

   “มันเหมือนกันไหมพี่  ก็ตอนนั้นมันสะ... สนุก  ก็... ก็... ฮึ่ยย ช่างเถอะ”

   คนเถียงใช้มุกโมโหกลบเกลื่อน  แล้วทำเป็นเลี่ยงลุกขึ้นจากที่นอนไป  หลังจากที่คนเท้าความรำลึกความหลังเริ่มมองมาตาเยิ้มอย่างมีความหมายแปลกๆ

   “เดี๋ยวกานต์  ลืมอะไรหรือเปล่า” ธรณินคว้าข้อมือกานต์ที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำไว้ได้ทัน

   ลืมสิท่า  ทำหน้างงอย่างงี้  เฮ้อ... อายุก็ยังน้อยแท้ๆ ขี้หลงขี้ลืมนะเราน่ะ”

   ฟอด... “ชื่นใจ... อรุณสวัสดิ์นะครับ”

   กานต์พยักหน้าส่งๆ ทำเป็นไม่สนใจ  ได้แต่คิดว่าทำไมวันนี้ห้องน้ำมันอยู่ไกลจริงนะ  ตอนนี้เขิน  ต้องการเข้าไปหลบฝังตัวอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงหน้าพี่ณินเนี่ย

   เมื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  ธรณินก็ล็อคกุญแจห้องแล้วออกเดินนำหน้ากานต์ไปที่รถ  เปิดประขึ้นไปนั่งเรียบร้อย  ขณะกำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัยจึงหันไปถามกานต์

   “กานต์ได้พกพวกลูกอมเย็นๆ หรือว่าน้ำดื่มขวดเล็กๆ ไว้บ้างไหม”

   “ไม่ได้พกอ่ะพี่  มีอะไรเหรอ” กานต์สั่นศีรษะจนผมกระจาย”

   “ถ้างั้นรออยู่นี่ก่อน  พี่ไปซื้อที่ร้านใต้คอนโดแป๊บนึง”

   นั่งรอสักพักจึงเห็นธรณินเดินกลับมาพร้อมยื่นถุงเสบียงให้

   “พี่ณิน  ผมรู้สึกแก่มากเลยอ่ะพี่  ดูดิ  อะไรบ้างเนี่ย  ยาอม  ยาดม  ยาหม่อง  คือที่เราไปนี่ไปถ่ายทำรายการหรือว่าไปบ้านพักคนชราอ่ะพี่  พี่ณินจะพาผมไปปล่อยบ้านพักคนชราเหรอ  ผมเสียจาย” ท้ายเสียงออดอ้อน

   “เว่อร์ละกานต์  ที่เตรียมๆ ไว้ก็ให้เรานั่นล่ะ  ถ่ายทำรายการหนึ่งใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ นะ  เกิดมีช่วงไหนต้องรอนานๆ หรือมีแสงจ้ามากๆ  ร่างกายเราร้อนขาดน้ำขึ้นมาจะทำยังไง  เตรียมพร้อมไว้ก่อนดีกว่าน่า”

   “พี่ณินอ่า... ทำไมเป็นคนน่ารักอย่างนี้  เอาใจใส่ดูแลขนาดนี้ผมหลงแล้วนะเนี่ย”

   “เว่อร์ละๆ” ธรณินโบก เอ๊ย! โยกหัวกานต์อย่างหมั่นไส้

   เมื่อตรวจดูว่าของครบเรียบร้อย  ธรณินก็จะออกรถมุ่งหน้าสู่สตูดิโอย่านลาดพร้าว  คงเพราะออกเดินทางค่อนข้างเช้า  จึงมาถึงสตูดิโอที่นัดหมายเร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ  กานต์ชะโงกตัวข้ามเบาะไปหอบบริเวณปลายคางของธรณินเร็วๆ ทีหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มหวานแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก

   “ลืมอรุณสวัสดิ์ตอบครับ  ถ้ายังไงพี่ณินขนของตามไปนะ  ผมเดินไปดูต้นไม้ตรงนู้นก่อน”

   พูดจบก็เปิดประตูรถเดินตัวปลิวไปดูต้นไม้ที่ปลูกประดับตกแต่งบริเวณทางเข้าไว้อย่างกับบ้านในนิทาน  ก็เป็นซะแบบนี้  คล้ายๆ จะเอาแต่ใจ  แต่ก็ติดจะช่างอ้อนในเวลาเดียวกัน  แล้วกานต์จะให้พี่ทำยังไง  หืม? ธรณินคิดพลางถอนหายใจแล้วขยับตัวปลดเข็มขัดนิรภัย  เดินลงไปเปิดท้ายรถเพื่อขนของตามบัญชา

   สตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำรายการสวิงกันวันอาทิตย์เป็นสตูดิโอขนาดกลาง  ตกแต่งพื้นที่ไว้ใช้ถ่ายเจาะสำหรับมุมต่างๆ อย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ไม่ว่าจะเป็นโซนห้องนั่งเล่น  โซนครัว  หรือแม้แต่สวนหย่อมด้านหน้าที่ปลูกต้นไม้  ทั้งยืนต้น  ทั้งไม้ดอก  เมื่อเวลาถ่ายทำออกมาแล้วจะดูร่มรื่นสบายตา

   กานต์ยื่นมือไปไล้สัมผัสใบสีเหลืองอมเขียวอย่างอดใจไม่อยู่  ต้นไม้อะไรสีสวยชะมัด  กลับไปบ้านต้องบอกให้พ่อบ้านหาแบบนี้ไปปลูกประดับวังมังกรบ้าง

   แชะ!

   เสียงชัตเตอร์ถ่ายรูปดังขึ้น  ทำให้กานต์ผินหน้ากลับไปมองยังต้นเสียง  พบหญิงสาวร่างเล็กกำลังลดกล้องถ่ายรูปในมือลงพร้อมส่งยิ้มจริงใจมาให้

   “ขอโทษนะคะ  น้องกรใช่ไหมเอ่ย  พี่ชื่ออุษานะคะ  เรียกพี่อุ๊ก็ได้  เป็นช่างภาพเก็บภาพนิ่งประกอบกองนี้ค่ะ  เผอิญเดินผ่านมาเห็นน้องกรแล้วแสง  เงา  อารมณ์ทุกอย่างมันได้ค่ะ  พี่เลยอดใจไม่ไหวขอเก็บสักรูปก่อนเลย”

   แนะนำตัวพร้อมบอกที่มาที่ไปชัดขนาดนี้... กานต์ก็ได้แต่ยิ้มรับสิครับ  เมื่อพี่มีไมตรีมา  จะให้นิ่งๆ เงียบๆ ตอบกลับไปก็คงใช่ที่  กานต์จึงยกมือไหว้สวัสดีแล้วชวนคุยด้วยการซักถามเรื่องต้นไม้กลับไป

   “สวัสดีครับพี่อุ๊  พี่พอจะทราบไหมครับว่านี่ต้นอะไร  ผมชอบสีใบของเขาจังเลย  ดูสว่างนวลๆ ดีนะครับพี่”

   “อ๋อ... นี่ชื่อต้นแสงจันทร์ค่ะน้องกร  สนใจต้นไม้ใบหญ้าแบบนี้  เป็นผู้ชายที่รักธรรมชาติจังเลยน้า” อุษาหัวเราะคิกคักกระเซ้าเย้าแหย่น้อง  เพราะเห็นท่าทางพอโดนแซวเข้าไป  น้องก็มีปฏิกิริยาขัดเขินน่าเอ็นดู  ชวนให้แกล้ง  พลันอยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนจับตามอง  ขนบนคอลุกชันโดยไม่ทราบสาเหตุ  พอเหลียวกลับไปมองจึงได้สบกับสายตาพิฆาตยืนเป็นเงาทะมึนแผ่รังสีคุกคามอยู่ทางด้านหลัง  เงาร่างสูงโปร่งค่อยๆ ก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้าทว่าสุขุม  ก่อนที่จะเดินผ่านตัวของหญิงสาวไปก็ทิ้งคำพูดกระซิบแผ่วไว้

   “กรรักธรรมชาติครับ  โดยเฉพาะไม้ป่าเดียวกัน”

   ยิ้มมุมปากถูกจุดมาเสริมความเท่อีกหนึ่งดอก  ก่อนจะผงกศีรษะเป็นเชิงทักทาย

   “อ้าวอุ๊  สวัสดี  ไม่เจอกันนานเลย  เป็นไงบ้าง”

   ผ...ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว  อุษายิ้มตอบกลับให้ธรณินแบบแหยๆ เมื่อกี๊ยังทำหน้านิ่งเสียงเย็นกระซิบตอบเธอยู่เลย  ฮือๆ

   “สะ... สบายดีค่ะคุณณิน  คุณณินเดินดูสถานที่รอบๆ เล่นไปก่อนนะคะ  พอดีอุ๊ยุ้งยุ่งค่ะ  ต้องไปช่วยทางด้านใน  จัดเตรียมของก่อน  ไปนะคะ”

   “ยุ่งอยู่เหรอครับ  เสียดายไม่ได้อยู่คุยกันเลย  ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณอุ๊ตามสบายเลยครับ  พวกผมไม่กวนแล้ว  เดินดีๆ นะครับ  ระวังจะสะดุด ‘ตอ’ ไม้ได้”

   ยิ้มอบอุ่นเอ่ยลาขัดกับนัยน์ตาคมดุคู่นั้น  ทำเอาอุษาต้องรีบยกมือโบกบ๊ายบายสองหนุ่มอย่างรวดเร็ว

   “พี่ณินๆ”

   “หืม” ธรณินหันหน้ามาตามเสียงเรียก

   “ดูต้นนี้สิ  สีสวยมากเลย  พี่ผู้หญิงคนเมื่อกี๊บอกว่าชื่อต้นแสงจันทร์  กลับบ้านไปผมว่าจะหาไปปลูกบ้างล่ะ”

   ธรณินขยับกายชิดเข้าไปชะโงกดู  รู้สึกอารมณ์ดีที่กานต์เรียกอุษาว่าพี่ผู้หญิง  ไม่ได้เรียกชื่อ  แสดงว่าไม่ได้เป็นที่สนใจให้ใส่ใจจำ

   “ระเบียงคอนโดพี่เล็กนิดเดียว  ถ้ากานต์อยากปลูก  คงต้องเลือกแบบต้นไม่ใหญ่มากแล้วใส่กระถางปลูกเอาคงได้อยู่”

   “ไม่ใช่ๆ หมายถึงที่วังมังกรน่ะพี่  ไม่ใช่ที่คอนโดพี่ณิน”

   คนตัวโตชะงักกึก  หันมาละล่ำละลักถามทันที

   “กานต์จะกลับบ้านกานต์แล้วเหรอ  แล้วพี่ล่ะ”

   คนถูกถามเลิกคิ้วสูง  หัวเราะคิกทันที  นิ้วมือเรียวยาวยกขึ้นไล้ไปตามโครงหน้าของธรณิน  ก่อนจะหยิกหมับเข้าให้ที่แก้มอย่างมันเขี้ยว

   “เอ้อ... พี่ณิน  วันนี้เป็นอะไรมากไหมพี่  มีหยอด  มีห่วงใย  มีกันท่าด้วยนะ  อย่านึกว่าผมไม่เห็น  มาตอนนี้มีอ้อนอีก  ถ้าพี่ไม่เป็นผู้ชาย  ผมจะคิดว่าพี่เป็นวันนั้นของเดือนนะเนี่ย”

   “หึ” ธรณินแค่นเสียงหัวเราะไม่ตอบอะไร  เพียงยักคิ้วให้หนึ่งแผล่บเป็นคำตอบเท่านั้น

   “เอ๊า! ทีผมถามละไม่ตอบ”

   “ตอบตอนนี้ไม่ได้หรอกกานต์  พี่อายคนเขา”

   “หือ?”

   กานต์เริ่มรู้สึกตัว  จึงหันไปรอบๆ ก็เห็นทีมงานยืนบิดเขินกันไปมา  โดยมีพวกตนเป็นจุดสนใจอยู่ตรงกลางวงล้อม  เออ... ให้มันได้อย่างนี้  หลอกให้เราเล่นด้วย  จะได้ประกาศศักดาทีเดียวเลยใช่ไหมเนี่ย  ไม่ต้องไล่กระซิบกระซาบขู่เป็นรายคนแล้วเนอะ  แต่ระดับป๋ามีหรือจะอาย  ยกมือไหว้นำไปก่อนแล้วเอ่ยสวัสดีอย่างลื่นไหลทันที

   “อ้าว  สวัสดีครับพี่ๆ รอพวกผมอยู่รึเปล่าครับเนี่ย  ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ  มัวแวะดูต้นไม้  อยากได้ต้นแบบนี้ไปปลูกที่บ้านบ้างจัง  พี่ๆ เลยต้องรอนานเลย  ไปครับ  เริ่มกันเลยดีกว่า  เดี๋ยวจะสายไปกว่านี้เนอะ”

   พูดจบก็คว้ามือธรณินออกเดิน  พร้อมกับหันไปหลิ่วตาให้หนึ่งที หึๆ พี่ประกาศศักดาได้  ผมก็แสดงความเป็นเจ้าของพี่ได้นะครับ

   หลังจากเข้ามาด้านในสตูดิโอแล้ว  ธรณินกับกานต์ก็ต้องแยกย้ายกันไปแต่งหน้าแต่งตัว  กลับมาเจอกันอีกครั้งก่อนบันทึกเทปรายการก็ให้หลุดขำ  เพราะเสื้อผ้าที่ใส่  เหมือนกันอย่างกับลูกแฝด  กางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสีขาวธรรมดาๆ แต่ที่ทำให้ไม่ธรรมดาก็ลายที่สกรีนบนเสื้อ  ตัวของธรณินเป็นคำว่า ‘เนื้อ’ กับหัวใจครึ่งดวง  กานต์ก้มมองตรงหน้าอกตัวเองก็เห็นคำว่า ‘คู่’ พร้อมหัวใจอีกครึ่งดวง... เสี่ยวได้กว่านี้มีอีกไหมเนี่ย

   “มาค่ะหนุ่มๆ พี่ชื่อต้อยตีวิดนะคะ  รู้จักกันแล้วใช่ไหมเอ่ย  เดี๋ยวตามพี่มาดูคำถามกันนิดนึงนะคะ  ถ้าตรงไหนที่รู้สึกไม่โอเค  บอกพี่ได้เลยนะคะ  เดี๋ยวพี่ตัดฉับๆ ออกให้เลย  สบายๆ เนอะไม่ต้องเกร็ง  ไงคะคุณณิน  ทุกทีพาเด็กในสังกัดมาสัมภาษณ์  วันนี้เล่นบทนำเองเลยนะคะ  โฮะๆๆ”

   พี่ที่ชื่อต้อยตีวิดเป็นพิธีกรสาวประเภทสองที่มีฝีมือมากคนหนึ่ง  ขึ้นชื่อในเรื่องบิ้วท์ให้ผู้ชมอินไปกับผู้ที่มาให้สัมภาษณ์  ถ้าสัมภาษณ์คู่กัดก็แทบจะฆ่ากันตายกลางรายการ  แต่หากสัมภาษณ์คู่รักก็มักให้หวานออกสื่อจนคนดูปาดเลือดกำเดา  จิกหมอนขาดกระจายกันไปเป็นแถบ

   “เดี๋ยวคุณณินกับน้องกรลองอ่านคำถามคร่าวๆ ก่อนนะคะ  ถ้าพร้อมแล้วเดี๋ยวเราจะได้เริ่มถ่ายทำกันได้เลย  เพราะมีช่วงออกไปทำกิจกรรมต้องถ่ายด้านหน้าสตูฯ อีก  เดี๋ยวแดดจะแรงไปกันใหญ่เนอะ”

   สองคนเหมือนนักเรียนเตรียมสอบ  ก้มหน้าก้มตาอ่านชีทคำถามหัวชนกัน  มีมาร์คคำถามไว้ด้วยปากกาแดงอย่างกับการเก็งข้อสอบก็ไม่ปาน  ครู่ใหญ่ต้อยตีวิดจึงมาสะกิดเรียกถามถึงความพร้อม  ทั้งสองคนพยักหน้ารับอย่างแข็งขันจนคนมาตามต้องหัวเราะ

   “สัมภาษณ์นะพวกเธอ  ไม่ต้องทำหน้ามุ่งมั่นเหมือนจะไปออกรบขนาดนั้นก็ได้”

   จิกกัดพอละลายพฤติกรรมหนุ่มๆ เสร็จ  พิธีกรสาวก็ปรบมือแปะๆ ให้ทุกคนตั้งสมาธิเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำ  โดยเลือกถ่ายตรงบริเวณห้องนั่งเล่น  มีพิธีกรสาวนั่งอยู่ด้านข้าง  ให้แขกรับเชิญนั่งคู่กันที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ตรงกลาง  เพื่อให้บรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ จากนั้นสัญญาณนับถอยหลังการถ่ายทำก็เริ่มขึ้น

   ต้อยตีวิด : สวัสดีค่าท่านผู้ชม  วันนี้รายการสวิงกันวันอาทิตย์รู้สึกได้ถึงบรรยากาศหวานเยิ้มหยดย้อยจนตัวดิฉันแทบจะอยากยกเลิกรายการซะเดี๋ยวนี้ (พูดจบก็ทำท่าเบะปากไหวไหล่อย่างหมั่นไส้เต็มที่) แต่เนื่องด้วยมีเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ รายการโทรมาจนสายแทบจะไหม้  ให้พาคู่จิ้น  อุ๊ย!  ไม่ใช่สิ  เขาเปิดตัวว่าเป็นคู่จริงกันแล้วนี่เนอะ (ผายมือไปทางทั้งสองคนพร้อมยกมือไหว้) สวัสดีค่ะ  ขอต้อนรับเข้าสู่รายการสวิงกันวันอาทิตย์ค่า  แนะนำตัวกันหน่อยเร็วหนุ่มๆ”

   กานต์และธรณินยกมือไหว้ตอบพลางส่งยิ้มให้กล้องอย่างโปรยเสน่ห์อย่างไม่มีใครยอมใคร

   กานต์ : สวัสดีครับ  นี่พี่ณิน  ธรณินครับ (ชี้ไปข้างตัวยิ้มกริ่ม  ส่วนธรณินก็ยิ้มรับแล้วต่อมุกทันที)

   ธรณิน : สวัสดีครับ  คนนี้ที่นั่งหน้าตาน่ารักอยู่นี่ชื่อน้องกรครับ

   ต้อยตีวิดยกมือทาบอกทำตาโต  กรีดร้องออกมาแบบอิจฉาอย่างสมจริง

   ต้อยตีวิด : เอาค่ะๆ แหมนี่แค่ให้แนะนำชื่อนะคะ  ทำไมต้องพูดชื่อแทนกันด้วยอิจฉา  สงสารคนไม่มีคู่บ้างไรบ้างนะคะ  แล้วมือน่ะไม่ต้องกุมกันไว้ตลอดก็ได้  โอ๊ย! ไม่อยากสัมภาษณ์ต่อแล้วเนี่ย

   การถ่ายทำการสัมภาษณ์เป็นไปด้วยดี  พิธีกรช่างหยอกช่างเย้าได้อย่างพอเหมาะพอควร  ธรณินกับกานต์ก็ให้ความร่วมมือย่างเต็มที่  ส่วนมากก็เป็นคำถามว่าคบกันได้ยังไง  เจอกันที่ไหน  ซึ่งทั้งคู่เคยตอบคำถามนักข่าวไปจนหมดเปลือกอยู่แล้ว  มีที่เพิ่มมาก็เป็นเพียงการแซวนิดแซวหน่อยของพิธีกร  เพื่อดึงให้คนดูมโนไปไหนต่อไหนมากกว่า

   “โอเค  คัท”

   สิ้นเสียงสิ้นสุดการถ่ายทำ  พี่ๆ ช่างแต่งหน้าก็กรูกันมาเติมหน้า  ซับมันกันให้มะรุมมะตุ้มเต็มไปหมด  ช่วงเวลาต่อจากนี้คือการถ่ายทำนอกสตูดิโอ  เพื่อให้ทั้งสองเล่นเกมด้วยกันเป็นการเซอร์วิสแฟนๆ ทางบ้าน  ต้อยตีวิดเดินมาอธิบายเกมกินป๊อกกี้ให้หนุ่มๆ ฟังว่าต้องทำยังไงบ้าง

   “เคยเห็นใช่ไหม  ที่รายการอื่นๆ เค้าให้กินป๊อกกี้กันคนละด้านน่ะ  แต่อันนั้นมันธรรมดาไป  รายการไหนๆ ก็ทำกัน  ยังไงรายการพี่ขอจัดหนักหน่อยนะ  เราจะกินป๊อกกี้แนวนอนกัน  คุณณินกับน้องกรยืนหันหน้าเข้ากันนะ  ยืนชิดๆ กันเลย  แล้วงับไว้คนละด้าน  โอเคแบบนี้ละ  แล้วขยับเข้ามากัดคำเดียวก็แก้มชนกันแล้วเห็นไหม  แล้วก็กินให้หมดแท่ง  แค่นี้เอง”

   กานต์ยืนฟังไปพลางกลืนน้ำลายลงคอไปพลาง  ไอ้การกินป๊อกกี้โชว์น่ะไม่เท่าไหร่  แต่รายการนี้จะให้บดปากโชว์เลยเนี่ยนะ  เพราะปกติการกัดป๊อกกี้ตรงๆ เข้าหากันจะสิ้นสุดที่ปากชนกันก็จบ  แต่นี่เล่นงับจากด้านข้างเข้าหากัน  บทสรุปคือต้องบดปากกันแน่ๆ แล้วที่สำคัญ  กานต์เงยหน้ามองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าแล้วได้แต่ถอนหายใจ  เฮ้อ... แดดจะแรงอะไรขนาดนี้วะเนี่ย

   เมื่อการถ่ายทำเริ่มขึ้นอีกครั้ง  พิธีกรยังคงสดใสร่าเริง  แนะนำเกมอย่างกระดี๊กระด๊า  แต่แขกรับเชิญเริ่มหน้าซีด  เพราะอากาศที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนแทะป๊อกกี้จนขนมหมดไปหลายกล่องก็ยังได้ความหวานไม่ถูกใจ  จนต้องสั่งเทคแล้วเทคอีก  เพราะแทนที่จะมีสีหน้าเอียงอาย  กลับมีแต่สีหน้าเบื่อหน่ายของกานต์ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ

   “น้องกรคะ  ถ้าน้องไม่เต็มใจมาก็บอกตั้งแต่แรกสิคะ  พี่ถ่ายกันมาตั้งนานยังไม่ไปถึงไหนเลยเนี่ย” ต้อยตีวิดเริ่มออกอาการโมโห  แต่ธรณินซึ่งรู้สาเหตุของอาการหน้าซีดของกานต์ดีก็รีบออกมารับแทน

   “ต้องขอโทษพี่ต้อยตีวิดแทนน้องด้วยนะครับ  พอดีกรเขาแพ้อากาศร้อนน่ะครับ  เลยอาจจะมีท่าทางล้าไปบ้าง  คือผมขอถามนิดนึงนะครับพี่  จุดประสงค์ของตอนนี้  เพื่อให้แฟนๆ ฟินใช่หรือเปล่าครับ”

   ต้อยตีวิดมีท่าทางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อได้ฟังเหตุผลจากธรณิน  เพราะบ่ายขึ้น  แดดก็แรงจัดจริงๆ จึงพยักหน้ารับ  พร้อมอธิบายเพิ่มเติม

   “ใช่ค่ะคุณณิน  ช่วงท้ายรายการจะเป็นช่วงเรียกเรทติ้งของทุกเทปเลยค่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้น  เดี๋ยวผมจัดให้ครับ  เอาให้ฟินสุดๆ นะครับ”

   เสียงนับถอยหลังการถ่ายทำเริ่มขึ้น  กานต์หันไปรับป๊อกกี้ที่พิธีกรมาจับปลายด้านหนึ่งใส่ปากอีกครั้ง  แต่คราวนี้  ธรณินจับขนมดึงออกมา  ก่อนจะโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี  ตวัดมือโอบรวบเอวคนหน้าซีดมาชิดแนบตัว  แล้วโน้มหน้าลงบดปากจุมพิตดูดดื่ม  โดยไม่ต้องอาศัยป๊อกกี้แต่อย่างใด  จนได้ยินเสียงคล้ายๆ คำว่าคัทแผ่วๆ ลอยมาสะกิดเตือนโสตประสาท  ธรณินจึงถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง  ส่วนคนโดนจูบปากเจ่อตาลอยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
   .
   .
   .
   .
   .
   และกรุณาอย่าถามถึงทีมงาน  ฟินเลือดกำเดาแตกกันยกกอง!!!

   
TBC...

Happy Valentine's day
(http://i.giphy.com/UkhHIZ37IDRGo.gif)
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-02-2017 20:43:17
อย่าว่าแต่สตาฟกองถ่ายเลย

คนอ่านก็เลือดกำเดาไหลโกรกอยู่เนี่ย
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 14-02-2017 22:09:09
พี่ณิน เกินไปแล้ว ทำเกินไปแล้ว ฮือออออออ นอนตายอย่างสงบแทนน้องกานต์
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-02-2017 22:15:41
ฟินกระจาย
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-02-2017 00:32:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 15-02-2017 13:51:51
555555 น่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 11 (14/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 16-02-2017 09:00:46
พี่ณินหวงแรงงงง ออกตัวแรงมากกกก
 :-[
หัวข้อ: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 17-02-2017 19:54:44
บทที่ 12

   “วันนี้ขอบคุณคุณณินมากเลยนะคะที่ตอบรับมาร่วมรายการกับทางเรา  แล้วก็... แล้วก็  ขอบคุณสำหรับซีนจัดหนักนะคะ”

   ต้อยตีวิดเดินก้มหน้าก้มตามาขอบคุณธรณินเป็นการใหญ่  แต่ระหว่างพูดคุยด้วยกลับไม่กล้ามองสบตาแม้แต่น้อย  หัวใจยังเต้นตึ้กๆ ไม่หาย  โอย... ตั้งแต่ทำรายการมา  ไม่เคยมีแขกรับเชิญคนไหนจัดให้ขนาดนี้มาก่อน  ธรณินยกมือรับไหว้ขอบคุณส่งยิ้มละลายใจให้หัวใจคนพูดด้วยทำงานหนักกว่าเดิม

   “แล้วก็ฝากขอบคุณน้องกรด้วยนะคะ  หาตัวไม่เจอเลยตั้งแต่ถ่ายทำเสร็จ  นี่พี่ก็อยากขอโทษน้องอีกรอบด้วยที่เมื่อตอนนั้นเผลอตัวเหวี่ยงใส่น้องไป”

   สำเนียงคนพูดมีความรู้สึกผิดอยู่จริงๆ ธรณินจึงรีบเอ่ยปลอบว่าไม่เป็นไร  พวกตนเข้าใจว่าเป็นเพราะอยากให้งานออกมาดีมากกว่า  จึงได้เสียงดังไปบ้าง

   “แต่ถ้าพี่ต้อยตีวิดอยากบอกกับเจ้าตัวอีกรอบก็รอนิดนึงนะครับพี่  ตอนนี้กานต์ไปเข้าห้องน้ำอยู่ครับ  ร้อนทีไรออกอาการขาดน้ำทุกที” ท้ายเสียงกลั้วหัวเราะ

   “แหมๆๆ รู้ทุกความเคลื่อนไหวเลยนะคะ  น้องไปไหน  ทำอะไร  โอ๊ย! พี่ล่ะอิจฉาจริงเชียว  อ้อ! ลืมบอกไป  ตอนคุณณินออกมาปกป้องน้องนะ  คุณณินหล่อมากกก... ที่บ้านยังมีแบบคุณณินเหลืออีกบ้างไหมคะ  พี่อยากได้แบบนี้”

   ยืนคุยกระเซ้าเย้าแหย่กันอีกเป็นพัก  กานต์ก็ยังไม่กลับมา  ส่วนพี่ต้อยตีวิดมีเคลียร์งานต่ออีก  เลยฝากคำขอโทษไว้ที่ธรณินอีกครั้งก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ  ทิ้งให้ธรณินเริ่มกระสับกระส่ายว่ากานต์จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า  หายไปนานสองนานขนาดนี้

   จนกระทั่งรู้สึกถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อ  จึงเห็นเด็กหญิงตัวกลมแก้มยุ้ยถืออมยิ้มเงยหน้าจ้องมองตัวเองอย่างไม่วางตาอยู่

   “ลุงคะๆ ลุงชื่อลุงณินหรือเปล่าคะ” เด็กหญิงเอียงคอเอ่ยถาม

   แค่กๆ ลุงที่ไหนจะหล่อโฮกขนาดนี้  อย่าให้รู้นะว่าเป็นลูกใคร  พี่จะตามไปโบกคุณพ่อคุณแม่สักทีสองที  ได้แต่นึกเข่นเขี้ยวในใจ  แต่เบื้องหน้ากลับยิ้มแย้มพร้อมลดตัวลงนั่งคุกเข่าให้เสมอตัวเด็กหญิง

   “ครับ  พี่ชื่อพี่ณิน  มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” ย้ำให้ชัดๆ ว่าชื่อ ‘พี่ณิน’ นะ

   “มีพี่ผู้ชายผิวขาวๆ ตัวสูงๆ บอกว่าชื่อกรอะค่ะ  เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลม  เลยให้หนูมาตามลุงที่ชื่อณินค่ะ” แม่หนูพูดไปก็เลียอมยิ้มไป  กว่าจะฟังจบประโยคก็รอจนเมื่อย

   “หืม  แล้วพี่เขาอยู่ตรงไหนล่ะ  ไหนคนสวยบอกพี่ณินสิคะ”

   พอได้รับคำชมว่าสวย  เด็กหญิงก็บิดไปบิดมาอีกพักกว่าจะบอกได้ว่าคนฝากข่าวมารออยู่ที่ลานจอดรถ... รู้งี้ไม่ชมก็ดีเขินจนเสียเวลา  ธรณินก้าวเร็วๆ เดินไปทางที่จอดรถอย่างนึกกังวลจนชนโครมเข้ากับหญิงสาวร่างเล็กที่เดินสวนมาอย่างแรง  ตาคมตวัดดุทางสายตาทันทีคนยิ่งรีบๆ อยู่  แต่ปากก็เอ่ยขอโทษออกมาอย่างรักษามารยาท

   “โอ๊ย! ขอโทษค่ะ  เป็นอะไรหรือเปล่าคะ  ต้องขอโทษจริงๆ อุ๊รีบไปหน่อย”

   อุษาละล่ำละลักขอโทษที่เดินไปชนใครก็ไม่รู้เข้าอย่างจัง  จนเงยหน้าสบตาธรณินจึงลอบครางในใจว่าแย่แล้ว  ชนกับใครไม่ชน  แล้วดูตาพ่อสิ  จะกินหัวเราไหมเนี่ย  ฮือๆ วันนี้ตอนออกจากบ้านก้าวเท้าผิดข้างหรือไงวะเรา  ได้แต่ส่งยิ้มแหยนำไปก่อนแล้วค่อยเอ่ยเสียงอ่อยๆ ถาม

   “คุณณิน  จะไปไหนเหรอคะ”

   “พอดีกรเหมือนจะเป็นลม  รอผมอยู่ที่ลานจอดรถ  ถ้ายังไงรบกวนคุณอุ๊บอกพี่ๆ ทีมงานว่าผมขอลากลับก่อนก็แล้วกันนะครับ  ขอบคุณมาก”

   “คุณณินคะ  น้องกร...”

   พูดจบธรณินก็ก้าวยาวๆ จากไปทันที  ไม่ทันจะฟังเสียงเรียกของอุษาว่าตนเจอกับกรที่หน้าห้องน้ำเมื่อสักครู่  ไม่เห็นน้องเป็นอะไรเลย  ยังชวนกันออกไปดูต้นแสงจันทร์ด้านหน้าด้วยซ้ำ  แต่ช่างเถอะ  ให้ออกไปรอเก้อข้างนอกนั่นล่ะ  อยากไม่ฟังเอง  ถือเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ จากสาวสวยนะคะคุณณิน

   ธรณินรีบเดินจนเกือบจะเป็นวิ่งมาจนถึงบริเวณลานจอดรถ  แต่กลับไม่พบคนที่ต้องการ  เหลียวซ้ายมองขวาสักพักจึงเห็นเงาตะคุ่มๆ แถวๆ ใต้ร่มไม้จึงรีบเดินเข้าไปหา

   “กานต์ๆ เป็นยังไงบ้าง” ธรณินเขย่าเรียกร่างที่นั่งซบศีรษะเอนพิงกับต้นไม้  จนเมื่อคนที่เอนตัวอยู่ลุกขึ้นนั่งตัวตรง  จึงได้รู้ว่าผิดคน

   “ขอโทษครับผมทัก... อื้อ”

   ผ้าขาวถูกยื่นมาโปะปิดครึ่งปากครึ่งจมูกอย่างแม่นยำ  กลิ่นฉุนจัดแผ่กระจายจนแสบไปทั่วทั้งโพรงจมูก  มารู้ตัวว่าถูกหลอกให้ออกมาก็สูดหายใจเอายาสลบเข้าไปเต็มรัก  สำนึกสุดท้ายจึงได้แต่เรียกชื่อคนที่เป็นห่วงอยู่ในใจอย่างแผ่วเบา

   “กานต์”

   “ครับ... พี่อุ๊ว่าอะไรนะครับ”

   อุษาซึ่งกำลังเดินดูต้นไม้อยู่กับกานต์สั่นหัวดิก

   “เปล่านี่  พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย  อ้อ... แต่ก่อนหน้านี้พี่พูดว่าถ้าชอบไม้ดอก  ต้นโมกก็ดีนะกร หอมเย็นๆ ชื่นใจดี”

   “ไม่ใช่ครับพี่... ผมได้ยินเสียงเหมือนใครเรียกชื่อ”

   ที่สำคัญ  เป็นชื่อ ‘กานต์’ ซะด้วย

   “อ๋อ... คุณณินมาตามหาตัวน้องกรรึเปล่าเอ่ย  เมื่อสักครู่พี่เห็นวิ่งไปตามตัวน้องกรที่ลานจอดรถแน่ะ  บอกว่าน้องกรกำลังจะเป็นลม  แต่พี่ยังไม่ทันได้บอกหรอกว่าน้องกรอยู่กับพี่  คุณณินก็เดินลิ่วๆ ไปซะก่อนแล้ว  พี่ไม่เรียกด้วยนะเอ้า! เมื่อเช้าอยากขู่พี่ดีนัก” อุษาพูดไปหัวเราะไปอย่างขำๆ

   “หืม... ผมเนี่ยนะเป็นลม”

   “ใช่ค่ะ  เห็นคุณณินเธอว่าอย่างนั้น”

   “งั้นผมไปดูพี่ณินก่อนดีกว่า  ป่านนี้ไปไล่ตามคว้าลมถึงที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”

   กานต์บอกลาอุษา  เดินมาจนถึงบริเวณลานจอดรถก็ยังไม่มีวี่แววของธรณิน  เดินไปดูที่รถก็ไม่อยู่  กำลังจะตัดสินใจเดินเข้าไปในสตูดิโออีกรอบก็เหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวที่เหน็บไว้กับที่ปัดน้ำฝนเข้าเสียก่อน

   “ถ้าอยากเจอธรณินก็ตามมาที่นี่...”

   เนื้อความบนแผ่นกระดาษเป็นแผนที่ทางไปโรงแรมที่ไหนสักแห่ง  กานต์จับกระดาษในมือโบกไปมา  แสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม  ก่อนจะเสกไฟขึ้นเผาทิ้งอย่างไม่ใยดี  ที่อยู่น่ะไม่จำเป็นหรอก  กานต์กำหนดจิตขึ้นมาตามร่องรอยที่ประทับไว้เหนือหน้าอกด้านซ้ายบริเวณหัวใจของธรณิน  พอเห็นว่าปลอดภัยดีก็เริ่มนึกสนุกขึ้นมา  ยิ่งเห็นคนที่นั่งคู่กันกับธรณินยิ่งคึกคักใหญ่

   “โอ๊ะโอ!... งานนี้เจอโจทย์เก่าอีกละ  สงสัยจะยังไม่เข็ด  กล้าจับเด็กป๋าไปเลยน้า หึๆๆ”

   กานต์หมุนตัวหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านในสตูดิโอ  เจอพวกพี่ๆ ช่างแต่งหน้ากำลังนั่งเม้าท์กับอุษาอยู่อย่างเมามัน  จึงคิดจะเดินเลี่ยงไป  แต่อุษาก็ส่งเสียงทักออกมาเสียก่อน

   “อ้าว! น้องกร  ยังไม่กลับเหรอคะ  แล้วเจอคุณณินรึยังเนี่ย”

   “สงสัยงอนเลยหนีกลับไปก่อนแล้วมั้งครับ  นี่ผมกลับเข้ามาเอาของเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับแล้วครับพี่  จะรีบตามไปง้อพี่ณิน”

   พูดจบก็ขยิบตาให้หนึ่งที  กานต์จำต้องกุเรื่องมาโกหก  เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต  แค่เรื่องเล็กๆ อย่างเด็กถูกลักพาตัวไปแค่นี้เอง  ป๋ากานต์จัดการได้  ไม่มีปัญหา

   “แล้วน้องกรคิดวิธีง้อพี่ณินได้รึยังคะ”

   อยู่ๆ ก็มีหนึ่งในกลุ่มสาวๆ โพล่งถามขึ้นมา  งานเลยงอกเห็นๆ ถูกมะรุมมะตุ้มซักถาม  เสร็จสรรพสาวๆ ก็เสนอวิธีใช้ตัวเข้าแลกในการง้อจะได้ผลดีที่สุด

   “พี่ขอเวลา 5 นาทีค่ะ  ไม่ๆ 10 นาทีดีกว่า  เดี๋ยวพวกพี่จัดให้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  เอาให้คุณณินเห็นน้องกรแล้วต้องน้ำลายหก  หายงอนแล้วกลับมาคลอเคลียไม่ห่างเลยนะคะ  มาค่ะๆ มานั่งทางนี้เร็ว”

   “พี่ครับ... ผมรีบอ่า...”

   กานต์บอกเสียงอ่อยแต่ไม่เป็นผล  เมื่อแต่ละนางลงมือจัดการซับมัน  จัดแต่งทรงผม  กุลีกุจอหาเสื้อผ้ามาลองให้อย่างสนุกสนาน  กานต์ได้แต่นั่งเป็นตุ๊กตาให้พี่ๆ จับแต่งตัว  ในใจแอบกำหนดจิตติดตามธรณินไปด้วย  แล้วก็ต้องขอบคุณการจราจรที่ติดหนึบให้ราวกับเป็นใจ  เขาจึงยังสบายใจหายห่วงได้

   “แท้แด... เสร็จแล้วค่า  ไปๆๆ ไปดูกระจกสิน้องกร  ให้รู้ไปว่าถ้าเห็นน้องกรในลุคนี้แล้วคุณณินจะยังใจแข็งโกรธน้องกรได้ลงคออยู่”

   โดนรุนหลังให้ไปยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่แล้วก็ต้องตกตะลึงในฝีมือของสาวๆ ใช้เวลาเพียง 10 นาทีไม่ขาดไม่เกินก็ทำได้ถึงขนาดนี้

   ภาพที่สะท้อนบนกระจกเงาบานโตคือหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารัก  ผมสีน้ำตาลทองถูกจัดแต่งให้เป็นม้าเต่อทางด้านหน้า (ทรงนี้ถ้าหน้าไม่ได้จริงๆ นี่ตายสนิทนะครับ - ป๋ากานต์ฝากเตือน) เสื้อเชิ้ตยีนส์แขนยาวสีครามถูกจับติดกระดุมตั้งแต่เม็ดบนสุด  ทำให้เห็นชายเสื้อยืดสีขาวเพียงเล็กน้อยจากทางด้านล่าง  กางเกงยีนส์สีซีดขาดเป็นริ้วๆเห็นขาขาววับๆ แวมๆ ยามก้าวเคลื่อนไหว  ที่สำคัญลุคหนุ่มน้อยน่ารักนี่คือเอกลักษณ์ของอิคคิวนี่นา  พี่ๆ นี่อย่างกับมานั่งอยู่กลางใจ  จัดลุคเดียวกัน  แต่ความมีเสน่ห์กินขาดแบบนี้ก็เข้าทางสิครับ

   “ไปค่ะน้องกร  พี่โทรเรียกแท็กซี่ให้แล้ว”

   “ฮะ!!”

   “ก็พวกพี่เห็นน้องรีบ  เลยจัดการโทรตามให้ระหว่างที่แต่งตัวให้น้องกรน่ะค่ะ”

   แต่ละคนถ้าเปรียบเป็นการ์ตูนตาหวานก็เห็นภาพพี่ๆ ตาโตเปล่งประกายเป็นรูปหัวใจ  กำเดาไหลเยิ้มเป็นทาง  กานต์ยกมือไหว้ขอบคุณ  พี่ๆ เข้ามากอดตบหลังตบไหล่เป็นกำลังใจให้ง้อธรณินให้สำเร็จให้ได้  กานต์ได้แต่ยิ้มรับแล้วรีบเดินออกไปขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่  บอกจุดหมายปลายทางเรียบร้อยก็เอนตัวพิงเบาะรถเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจเย็น

   จนรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา  จึงหันไปมองพี่คนขับแท็กซี่ด้านข้างก็ได้รับรอยยิ้มกว้างกลับมา  พร้อมกับคำถาม

   “น้องเป็นดารารึเปล่าเนี่ย  พี่ว่าหน้าน้องใช่เลยนะ”

   “ครับ... เอ่อ... ก็มีเคยถ่ายแบบนิดเดียวเองครับพี่  แต่ไม่ได้เป็นดารา” กานต์ยิ้มเขิน

   พี่แท็กซี่ตบเข่าฉาดแล้วชี้ให้ดูป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ด้านข้างทางสองป้ายที่มีนายแบบหน้าตาเหมือนคนบนรถอย่างกับแกะ  ป้ายหนึ่งให้ภาพลักษณ์เหมือนเทวดาในรอยยิ้มกว้างขวางบริสุทธิ์จริงใจ  หากอีกป้ายกลับให้ความรู้สึกเจ้าเล่ห์ร้ายกาจในลุคแบดบอย

   กานต์ไม่ได้สนใจตัวเองในรูปนั่นสักเท่าไหร่  แต่ที่ทำให้อารมณ์ดีจนต้องยิ้มกว้างออกมาก็เพราะภาพด้านหลังของผู้ชายที่ถูกขบหูจนขึ้นสีแดงนั่นต่างหาก  นึกถึงแล้วก็อยากจับพี่ณินมาฟัดๆ ให้หายมันเขี้ยว

   รถแท็กซี่จอดลงตรงหน้าโรงแรมที่เป็นจุดหมาย  กานต์ส่งธนบัตรใบสีเทาให้โดยไม่ต้องทอน  เพราะพี่แท็กซี่แท้ๆ ที่ทำให้รื่นรมย์ได้ขนาดนี้

   “น้องครับๆ ... พี่ว่าน้องเป็นดาราด้วยจะดีมากเลยนะ  ขนาดพี่เป็นผู้ชายด้วยกัน  เห็นน้องแล้วยังใจเต้นแรงเลย” พี่คนขับบอกกับกานต์ที่กำลังเปิดประตูจะก้าวลงจากรถ

   กานต์หันหน้ามายิ้มแล้วขยิบตาให้ทีนึง

   “แล้วผมจะลองไปสมัครดูนะครับพี่”

   นะ... น่ารัก  แท็กซี่หนุ่มใจเต้นตึกตักจนโดนรถด้านหลังบีบแตรไล่ถึงได้สติสตาร์ทรถออกไปอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  คนอะไรกระพริบตานิดยิ้มอีกหน่อยก็ทำเอาเพ้อแล้ว


   “ก๊อกๆๆ”

   เสียงเคาะประตูห้องที่ดังไม่เร็วไม่ช้าอยู่ด้านนอก  เรียกให้อิคคิวที่กำลังกึ่งลากกึ่งประคองธรณินไปนอนบนที่นอนถึงกับหัวเสีย

   “โว้ย... มาเคาะอะไรตอนนี้  แค่แบกอิพี่ณินมาก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว  ทิปน้อยไปรึไงนะ  คอยดูนะ  ถ้ามาขอทิปเพิ่มจะด่าไม่ซ้ำคำกันเลย”

   อิคคิวเดินฮึดฮัดออกไปเปิดประตูแล้วก็ต้องชะงักตกใจ  เพราะไม่คิดว่ากานต์จะตามมาถึงเร็วขนาดนี้  แล้วดู  ดูเสื้อผ้าหน้าผมมันสิ  ต้องจัดเต็มแบบนี้ไหม

   กานต์ยืนยิ้มรออยู่หน้าห้องอย่างสบายๆ จนประตูเปิดออกก็กล่าวสวัสดี  ก่อนจะเบียดตัวแทรกเข้าไป  เดินผ่านโซนห้องรับแขกตรงกลางไปจนถึงห้องนอนด้านในที่มีธรณินนอนหลับไมรู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงกว้าง

   “กะ... แก  มาได้ยังไง”

   “อ้าว! ก็พี่อิคคิวให้ที่อยู่ผมไว้นี่  ผมก็มาตามคำเชิญ”

   พูดจบกานต์ก็เลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามที่นอน  ทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้าง  มือซ้ายยกขึ้นเท้าศีรษะยันไว้อย่างเกียจคร้าน  ส่งยิ้มเย้าออกมายั่วโทสะอิคคิวเล่น

   “พี่อิคคิวทำอะไรพี่ณินเหรอครับ  ถ้าให้เดานะ  พี่คงจะวางยาปลุกเซ็กส์พี่ณินใช่มะ... พอเสร็จเรียบร้อยก็รอผมมาเจอ  แล้วยังไงอีกล่ะ  อ้อ! ผมก็ต้องเสียใจ  ร้องไห้ฟูมฟายวิ่งหนีไปโดยไม่ฟังคำแก้ตัวใช่ไหม  แล้ว... พี่ทำอะไรกันไปรึยังล่ะ  ผมมาเร็วไปนี่นะ  น่าจะยังไม่ได้เริ่ม  ถ้ายังไง  ผมขอนั่งดูด้วยคนได้ไหมครับ”

   ประกายตาพราวที่ส่งออกมา  ทำให้อิคคิวโกรธจนแทบกระอัก  ไอ้เด็กนี่มันรู้แผนการเราได้ยังไง  อุตส่าห์จับพี่ณินกรอกยาอย่างยากลำบาก  เวลาที่ไอ้เด็กนี่มาเจอมันจะได้ช็อค  ถือเป็นการแก้แค้นที่มันดันมาใส่ไฟเขาไว้จนพวกนักข่าวเล่นข่าวเสียจนผู้ใหญ่ระงับงานเขาเป็นแถว

   “ผมรอนานแล้วนะพี่อิคคิว  เมื่อไหร่จะเริ่มซะทีล่ะครับ” ฝ่ายรอชมเรื่องสนุกนั่งกระดิกเท้ารอ

   “มึง... อย่าคิดว่าแน่  มึงรู้ไหมว่ากูเป็นเด็กใคร” พอโกรธจัดลายก็เริ่มออก

   “จุ๊ๆๆ พูดจาไม่เพราะเลยนะครับพี่”

   “กูจะไปบอกผู้ใหญ่ทางฝั่งกู  จะทำทุกอย่างไม่ให้มึงมีที่ยืนในวงการอีก  ทีนี้จะได้รู้กันว่าใครเป็นใคร”

   “เฮ้อ!... ผมก็ไม่รู้นะว่าพี่เป็นใคร  ว่าแต่พี่รู้มะ.. ว่าผมเป็นใคร”

   ทันทีที่รอยยิ้มร้ายกาจถูกจุดขึ้น  แสงเงินแสงทองก็ส่องประกายวิบวับไปทั่วห้อง  ลำตัวยาวเหยียดสีขาวกระหวัดพันรอบตัวอิคคิวที่ยืนอ้าปากค้างนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่ให้หนีไปไหนได้  หัวใหญ่โตก้มลงมองผู้อยู่เบื้องล่างด้วยดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำอย่างผู้มีศักดิ์วรรณะสูงมองผู้ที่ต่ำต้อยกว่า  ปากใหญ่อ้ากว้างจนเห็นลิ้นสีแดงสดอยู่ด้านในก่อนจะหัวเราะแผ่วเบาเมื่อเอ่ยถาม

   “คุณรู้ไหม  ว่าผมเป็นใคร”

TBC...

ปล. วันก่อนคุณเจี่ยเจียมาขอความคิดเห็นว่า 'พี่ณินกะน้องกานต์กำลังจะกินกันแล้ว โอ้โลมเสร็จแล้ว เจ้ควรบรรยายต่อละเอียดยิบรึเอาแค่ ผ่านๆ แล้วก็สุขสมไปเลยดี??' เราก็ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า 'ละเอียดสิคะ!'
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Carnival ที่ 17-02-2017 23:51:31
ละเอียดสิคะดี๊ดี เป็นกำลังใจให้คุณเจี่ยเจียค่ะ โฮะๆ (http://www.deeja.net/images/emoticon/onion-head/onion-head-emoticon-01.gif)
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 18-02-2017 00:37:09
ละเอียดเถอะคะ จะได้เข้าใจความรู้สึกน้องกานต์ ละเอียดเถอะคะ จะได้เข้าใจพี่ณิน ฮ่าาา

อิคคิว บ้ามากอะ ความคิดแต่ละอย่าง หมดคำพูด
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 18-02-2017 08:42:27
เด็กน้อยไร้ความคิด อิคคิวหนอ หาเรื่องแท้ ๆ

ปล. เรื่องอย่างนี้ปล่อยผ่านไม่ได้นะ มันต้องลงรายละเอียดระดับพิกเซลเลยล่ะ!
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 18-02-2017 15:04:54
ใสๆ แบบเรา  ต้องขอแบบ "ละเอียดๆ" ค่ะ ละเอียดแบบถี่ๆ ยิบๆ ยิ่งดี แค่กๆ นี่ไม่ได้หื่นนะคะ จริมๆ

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-02-2017 17:40:22
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-02-2017 20:26:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 18-02-2017 20:32:21
จับอิคิวทุ่มเลย

ขอละเอียดสุดๆๆๆ ทุกขั้นตอน สายหื่นต้องมา ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✽ มังกรขาว ✽ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 19-02-2017 17:43:23
ไหนใครรอเค้ากินกัน รอหน่อยน้าาา มาแน่ๆ คืนนี้ :hao3:
ปล. ถ้าเขียนจบแล้วเรามาทายกันมั้ยว่าคุณเจี่ยเจียใช้กระดาษไปกี่แผ่น
(https://www.mx7.com/i/d71/ScNlfb.jpg)
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 12 (17/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 19-02-2017 18:23:34
รอเลยค่า รอวันเค้าได้กัน แค่กๆ

 :z1:
หัวข้อ: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 19-02-2017 21:14:51
บทที่ 13

   อิคคิวก้มมองดูผิวเนื้อเรียบลื่นที่พันรัดอยู่รอบตัวด้วยความตกใจ  สองแขนแนบข้างลำตัวกระดิกไม่ได้แม้เพียงสักนิด  ขณะที่เนื้อตัวสั่นกึกๆ ก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  ก่อนจะทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสิ่งที่รัดตัวเอง  จากความตกใจ  เพิ่มระดับเป็นความตกใจสุดขีดอย่างรวดเร็ว  ครางเสียงแหบเสียงแห้งหาคุณพระคุณเจ้าแทบไม่ทัน

   “ไงครับพี่อิคคิว  รู้รึยังเอ่ยว่าผมเป็นใคร”

   อิคคิวจ้องมังกรตรงหน้าจนตาค้าง  ปากนั้นอ้ากว้างโชว์เขี้ยวด้านในที่เรียงกันเป็นพรืด  แต่ไม่ได้ขยับพูด  เสียงที่ได้ยินดังขึ้นจากในสมองของเขาเอง  เสียงนั้นช่างชัดเจนจนน่าขนลุก  และที่แน่ๆ เสียงนี้มันเสียง

   “ไอ้กร!!”

   “จุ๊ๆๆ พี่นี่ชอบพูดไม่เพราะเอาซะจริงๆ นะครับเนี่ย  ไม่มีใครสอนเหรอครับ  ว่าการเรียกคนอื่นว่าไอ้ว่าอีนี่มันไม่สมควรทำ  แต่ว่า... คงเป็นสันดาน  เอ๊ย! นิสัยที่แก้ไม่หายอะเนอะ”

   สิ่งมีชีวิตตรงหน้า  พยักหน้า  ส่ายหน้าอยู่ตัวเดียว  และที่แน่ๆ ตามันทั้งเยาะเย้ย  ดูถูก  ถากถาง  ลูกกะตาแบบนี้มีแค่ไอ้กรนี่แหละ

   “มึง  ไอ้กร  มึงเป็นตัวอะไรวะเนี่ย” อิคคิวละล่ำละลักถาม  พยายามดิ้นรนไปด้วยแต่ก็ไร้ผล

   “อ้าว!...” มังกรเบิกตา

   “คือนิสัยไม่ดีแล้วยังปัญญาอ่อนด้วยเหรอเนี่ย  ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นมังกร  จะถามทำไมว่าตัวอะไร  แล้วกรุณาหยุดดิ้นด้วยนะครับ  กระดูกระเดี้ยวหักไป  ผมจะไม่รับผิดชอบนะ  อีกอย่าง  ไอ้การมาดิ้นๆ ถูไถอยู่เนี่ย  ขนลุกมากเลยครับพี่”

   ร่างที่โดนรัดหยุดกึกทันที  แต่ปากยังพึมพำสบถด่าไม่หยุด  กานต์จึงใช้ปลายหางเลื้อยตวัดพันปิดปากไว้ด้วยความรำคาญ

   “รู้จักคำว่าตายบ้างไหมครับ  เคยคิดบ้างไหมว่าเราเป็นมนุษย์ตัวกระจิริด  มาทำตัวดื้อมากๆ แล้วเราจะโดนมังกรที่สูงศักดิ์กว่า  เก่งกว่า  แล้วก็หน้าตาดีกว่าบีบรัดจนกระดูกแตกตาย?”

   สมองของอิคคิวเริ่มประมวลผลเสียทันที... ตายเชียวนะ  ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นๆ อีกแล้ว

   “อ่อ... คิดได้แล้วสินะ  ถ้าอย่างนั้นผมจะเลิกปิดปาก  เราจะได้คุยกันได้ซะที”

   หางที่ตวัดรัดคลายออก  หากลำตัวยังคงรัดแน่นไม่คิดจะปล่อย

   “พี่อิคคิวเป็นคนเก่งนะครับ  ช่วยปลุกอะไรในตัวผมได้หลายอย่าง  อ๊ะ! อย่าทำตาโตแบบนั้น  ยกเว้นเรื่องปลุกอารมณ์ไว้อย่างนึงเถอะ  ปลุกไม่ขึ้นจริงๆ”

   มังกรขาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  ก่อนจะร่ายต่อ

   “ช่วยปลุกให้ผมฮึดสู้  ปลุกให้ใช้มนต์เรียกไฟได้  แต่ที่ไม่ดีเลยคือพี่พยายามวางยาปลุกเซ็กส์พี่ณินของผม”

   ยิ่งพูดเสียงยิ่งหงุงหงิงออดอ้อน  แต่ทำไมอิคคิวถึงไม่รู้สึกถึงความน่ารักเลยล่ะ  รู้สึกแต่ความโกรธกรุ่นที่แฝงมาในน้ำเสียงฉอเลาะนั้น  หางที่ไล้ปัดผ่านก็ช่างแลดูน่าหวาดผวา  ประเดี๋ยวก็ลากผ่าน  ประเดี๋ยวก็ตบแปะๆ เบาๆ ที่ขางแก้ม  นี่มันเล่นสงครามประสาทกันชัดๆ

   “จะเอายังไงก็ว่ามา” อิคคิวเชิดหน้าขึ้นสูง

   “หืม  มีความกล้าหาญดี  แต่ผิดที่ผิดทางไปหน่อยนะครับ  ที่นี่  เวลานี้  ผมใหญ่สุด  เข้าใจ๊”

   ปลายหางที่สะบัดตีหน้าไม่แรงแต่ก็ไม่เบา  ทำให้อิคคิวตัวสั่นขึ้นมาอีกระลอก  น้ำตาจวนเจียนจะหยดอยู่รอมร่อ  ได้แต่เอ่ยเสียงอ่อน

   “กร  พี่ผิดไปแล้วนะ  ยกโทษให้พี่ด้วย  ต่อไปพี่จะไม่ทำอีกแล้ว  พี่จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเลย  ขอร้องล่ะ  ปล่อยพี่ไปเถอะนะ”

   “ผมปล่อยพี่แน่ๆ อยู่แล้ว  ไม่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  แต่ก่อนจะปล่อย  พี่ต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับผมกับพี่ณินอีก”

   “สะ... สัญญาเลย”

   ครืน... เสียงฟ้าร้องครืนครางดังแว่วๆ อยู่ทางด้านนอก  แต่ภายในสมองของอิคคิวกลับได้ยินดังลั่นแจ่มชัด  ขนทั่วทั้งตัวพร้อมใจกันลุกเกรียว

   “ลืมเตือนไปว่าคำสัญญากับมังกร  แผ่นฟ้าเบื้องบนเป็นพยาน  ถ้าผิดคำสัญญา... ฟ้าผ่าตายเลยนะครับ”

   อิคคิวเบิกตาโตทันที  ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ  ไอ้มังกรชั่ว  หลอกให้สัญญาก่อน  แล้วค่อยมาบอกข้อแม้อย่างนี้ได้ยังไงวะ  แต่ก็ได้แต่กล้ำกลืนความโมโห  พยักหน้ารับคำสัญญานั้นรัวๆ เพราะอันที่จริงพอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมังกรแล้ว  มนุษย์ที่มีแค่สองมือสองเท้าอย่างเขาจะไปสู้มันได้ยังไง

   “ดีมาก” ปลายเสียงลากยาว  พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

   “ทีนี้มาเรื่องสำคัญที่สุดของวันนี้... ยาปลุกที่ให้พี่ณินกินน่ะ  เก็บไว้ที่ไหน  เอาออกมาวางไว้แล้วผมจะปล่อยพี่ไป”

   ลำตัวที่รัดแน่นหนาค่อยๆ คลายออกช้าๆ ประกายแสงเงินแสงทองส่องประกายวิบวิบเจิดจ้าสาดไปทั่วห้องจนเมื่อละอองแสงจางลง  จึงปรากฏร่างของกานต์นั่งเท้าคางไขว่ห้างกระดิกปลายเท้าเล่นอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม

   อิคคิวทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง  แข้งขาทรงตัวไม่อยู่  จนเริ่มตั้งสติได้จึงล้วงหยิบยาเม็ดออกมาวางไว้เบื้องหน้า

   “อ้าว! เป็นยาเม็ดเหรอเนี่ย” กานต์ย่นหัวคิ้วสงสัย

   “ตอนผมกำหนดจิตดู  ผมว่าผมเห็นพี่กรอกน้ำใส่ปากพี่ณินนะ”

   อิคคิวหันขวับทันที

   “ก็คนสลบสะลึมสะลืออยู่จะให้กินเข้าไปยังไงล่ะ  ก็ต้องผสมน้ำจับกรอกสิ  กรอกไปก็กระฉอกหกเรี่ยราดไป  จะเข้าปากไปได้สักกี่มากน้อยก็ไม่รู้  แล้วแก  เอ๊ย! กรก็โผล่มาพอดี”

   กานต์พยักหน้าอย่างเข้าใจ  ก่อนจะจุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จนอิคคิวผวา  กระถดตัวหนี

   “ยิ้มอะไร  ไหนบอกจะปล่อยไปไง”

   “ก็ไปสิครับ  ไม่มีใครห้าม  แล้วที่ยิ้มอยู่เนี่ยก็เพราะมีเรื่องดีๆ นิดหน่อยน่ะสิครับ  โน่นประตูครับ  เชิญ”

   อิคคิวรวบรวมแรงกายพาขาที่สั่นระริกลากร่างตัวเองไป  ก่อนจะสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อมีเสียงดังไล่หลังมาว่า

   “ถ้าจะเอาเรื่องที่ผมเป็นมังกรไปบอกนักข่าวก็ได้นะครับ  ผมไม่ว่า” กานต์ยิ้มละไม

   “แต่ฟ้าเบื้องบนจะว่ายังไงบ้าง  อันนี้ผมไม่รู้”

   อิคคิวฟังแล้วก็ได้แต่เจ็บใจ  สะบัดหน้าพรืดกระชากประตูเปิด  เดินกระฟัดกระเฟียดจากไปทันที

   กานต์ส่งเสียงหัวเราะไล่หลังไป  ก่อนจะก้าวมาหยิบยาเม็ดเล็กสีขาวนวลบนพื้นที่อิคคิววางไว้ขึ้นมาส่อง  รอยยิ้มที่ค่อยๆ วาดและแต้มบริเวณมุมปากเริ่มขยายออกกลายเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์

   “ผมเกลียดยาเม็ดที่สุดเลยนะพี่ณิน  แต่เพื่อพี่  ผมสู้ตาย!”

   กานต์กลั้นใจโยนยาเม็ดสีขาวใส่ปาก  แล้วรีบคว้าขวดน้ำแถวนั้นยกกระดกขึ้นดื่มตามอั้กๆ ก่อนจะปาดคราบน้ำที่ไหลหยดเป็นทางด้วยหลังมือ  จรดฝีเท้าเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างเตียงธรณินอย่างหมายมาดทันที

   “ตื่นได้แล้วเจ้าชายนิทราของผม”

   ปลายนิ้วเรียวยาวลากไล้ปัดผ่านไล่ตั้งแต่หน้าผากได้รูป  ไล้เรื่อยลงมาที่คิ้วเข้มพาดเฉียง  จมูกโด่งน่าฟัด  แล้วก็อดใจไม่ไหวต้องโน้มตัวลงไปงับเบาๆ ที่ปลายจมูกอย่างมันเขี้ยว  ปากอิ่มเต็มได้รูปขยับพึมพำเบาๆ หากกานต์อยู่ใกล้แค่นั้นทำไมจะไม่ได้ยิน

   “กานต์”

   “หึ  แล้วจะไม่ให้หลงพี่ณินยังไงไหว  หลับอยู่ยังมีละเมอเรียกหา  นี่ผมใจเต้นหนักมากเลยนะพี่”

   บางสิ่งที่อบอุ่นหยุ่นชื้นค่อยๆ แนบลงบนกลีบปากที่เรียกชื่อเขาอย่างหลงใหล  ขบเม้มเล็กๆ ลงไป  ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสัมผัสลูบกลุ่มผมไปจนถึงต้นคอแกร่ง  นวดคลึงเบาๆ แต่ปลุกเร้าให้อารมณ์โลดขึ้นสูง

   “อืม”

   “ตื่นหรือยังครับคนดี”

   พูดกระซิบชิดแนบปากพลางเลาะเล็มดูดกลืนไปด้วย  เมื่ออีกฝ่ายเผยอปากอ้าขึ้นเพียงเล็กน้อย  จึงสอดลิ้นลงควานหารสชาติหวานหอมที่เคยคุ้นทันที

   คนยังไม่รู้สึกตัวตื่นเต็มที่  กลับได้รับสัมผัสวาบหวานเข้ามากระตุ้นโสตประสาท  เปลือกตาหนากะพริบเปิดอย่างเชื่องช้า  ยังจับโฟกัสสภาพไม่ได้  ตาพร่ามองเห็นเพียงเลือนรางว่าเป็นกานต์  คนที่ตัวเองห่วงหาก่อนจะหมดสติไป  แต่สัมผัสในโพรงปากกลับแจ่มชัด  จนต้องตวัดลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดตอบตามการเชิญชวนของฝ่ายตรงข้าม  ดูดกลืนความหวานของกันและกันจนหนำใจ  จึงยันหน้าอกกานต์ไว้  แล้วค่อยๆ เบี่ยงหน้าออกมากอบโกยอากาศเข้าปอด

   “เดี๋ยวๆ กานต์  เรามาอยู่ที่นี่กันได้ยังไง”

   “หืม  อยู่ที่นี่” กานต์เลียริมฝีปากพลางนึกถึงเรื่องที่ธรณินถาม

   “อ๋อ  พี่ณิน  จุ๊บ  โดยยาสลบครับ  แล้ว  ฟอด  ผมมาช่วย  อืม  อย่าเพิ่งคุยได้ไหมพี่  ต่อเหอะ”

   ปากตอบไปด้วย  แต่ก็พรมจูบไล่ไปทั้งดวงหน้าของธรณินอย่างเมามัน

   “หืม  วันนี้เชิญชวนเองเลยนะ”

   ธรณินใช้ข้อศอกยันกายขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว  เนื่องจากคนบนร่างไม่ยอมให้ความร่วมมือ  ยังคงตั้งหน้าตั้งตาระดมจูบตามลำคอ  และมือเริ่มลามไปตามกระดุมเสื้อตัวที่ใส่อยู่ได้สองเม็ดแล้ว

   “กานต์  อื้อ  พี่เจ็บ  เบาๆ หน่อย”

   คนด้านบนชะงักกึก  เอ่ยพึมพำขอโทษเสียงแผ่ว  เงยหน้าที่แดงก่ำสองตาคลอคลองไปด้วยหยาดน้ำตา  เพราะอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงขึ้นสบกับธรณิน

   “เฮ้ย! พี่ไม่ได้ว่าเรานะ  แค่เจ็บที่กานต์กัด  อย่าร้องไห้นะ”

   ธรณินโอบร่างกานต์ที่เริ่มสั่นระริกไว้แนบอก  ก่อนจะเอะใจที่อุณหภูมิของอีกฝ่ายสูงผิดปกติ

   “กานต์  เป็นอะไรหรือเปล่า  ตัวร้อนๆ นะเราน่ะ”

   สองมือประคองดวงหน้าที่ขึ้นสีจัด  พลางไล้นิ้วโป้งเช็ดเหงื่อที่ขมับให้แผ่วเบา  คนโดนเช็ดถึงกับสะท้านเฮือก  สัมผัสผะแผ่วแต่สะท้านลึกไปถึงข้างใน  ประสาทสัมผัสทั้งห้าเปิดรับทุกการกระตุ้นเร้าอย่างเต็มที่  ทุกๆ เส้นประสาทในร่างกายราวกับกระหายอยากการเติมเต็มจนแทบทนไม่ไหว

   ธรณินเองก็รู้สึกอึดอัดในอกแปลกๆ แตะต้องกันนิดๆ หน่อยๆ อาการหวามลึกในอกก็ปั่นป่วนคล้ายพร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา

   กานต์ส่ายมือเปะปะขึ้นคลำหากระดุมที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้า  แต่ยิ่งแกะยิ่งชักช้า  จึงตัดสินใจกระชากออกทั้งแถบ  เมื่อแผ่นอกเรียบตึงปรากฏขึ้นตรงหน้าก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนประกบลงตรงตุ่มไตที่หดรัดตัวอย่างสมใจ

   “เฮือก  อะ.. กานต์... อืม...”

   หมดคำจะถาม  ธรณินควานมือเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตของกานต์ทันที  แล้วก็ต้องขัดใจเมื่อด้านในแทนที่จะเป็นผิวเนื้อเรียบลื่น  กลับเป็นเสื้อยืดเนื้อบางอีกตัว  กานต์กระชากกระดุมได้  แล้วทำไมธรณินจะกระชากเสื้อยืดไม่ได้?

   ต่างคนต่างช่วยกันดึงทึ้งสิ่งกีดขวางออกให้พ้นทางเป็นการใหญ่  ฝ่ายหนึ่งลูบ  ฝ่ายหนึ่งคลำ  คนหนึ่งจับ  อีกคนหนึ่งจูบ  พัวพันกันจนไม่รู้ใครเป็นใคร

   “อื้อ... พี่ณิน  ผม  อ๊า...”

   กานต์ร้องเสียงหลง  เมื่อธรณินเป็นฝ่ายรุกกลับ  ครอบครองปากลงบนยอดอกด้านซ้าย  ในขณะที่ด้านขวาก็โดนสะกิดเขี่ยปรนเปรอให้ไม่น้อยหน้ากัน

   “พี่ณินทำไม  หือ  พูดสิ”

   พูดไปก็ตวัดเรียวลิ้นไป  ใช้ฟันค่อยๆ ครูดยอดด้านบนจนกานต์ถึงกับแอ่นตัวโค้ง  ธรณินกดใบหน้าฝังลงให้แนบแน่นลงไปอีก  แล้วใช้มืออ้อมไปประคองโอบด้านหลัง  กดให้กานต์ค่อยๆ เอนร่างลงบนที่นอนอย่างไม่รู้ตัว  ก่อนจะลากปลายลิ้นปราดๆ ลงมาจนถึงแอ่งสะดือ  ไล้วนหยอกเย้าจนคนโดนแกล้งต้องยกศีรษะขึ้นมามองตาขวาง

   “พี่ณิน!!”

   “หืม  เรียกทำไม”

   ตาพราวระยับเหลือบมอง  แต่ปลายลิ้นร้อนยังคงไล้วนเล่นอย่างต่อเนื่อง

   กานต์ยันตัวเองขึ้นมาครึ่งๆ ส่งเสียงคำรามในลำคอ

   “ให้ไวดิพี่”

   “ไม่เสียใจแน่นะ”

   ปากพูด  แต่หน้าเลื่อนลงถึงขอบกางเกงเรียบร้อย  ใช้ปากงับคาบซิปไว้แล้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

   “เอาไงกานต์”

   “คือ  เดี๋ยวผมไปหาเวลานั่งทำวิจัยเองพี่ว่าเรื่องนี้ควรเสียใจไหม  แต่ตอนนี้  เอาเหอะ!”

   ปลายเสียงเหอะยังไม่ทันสิ้นสุดดี  กางเกงก็ลงไปกองที่ปลายเท้าเรียบร้อยแล้ว  กางเกงยีนส์เนื้อหนายังลงไปกองที่ข้อเท้าได้อย่างรวดเร็ว  แล้วกางเกงชั้นในเนื้อบางหรือจะรอดพ้นชะตากรรม

   “ไง  มังกรน้อย  พร้อมจะเล่นกับพี่ณินหรือยัง”

   ตาคมหรี่ลงสบกับบางสิ่งที่เริ่มแข็งตัวชูชันขึ้นท้าทาย  ไม่รอให้สิ่งที่เชิดขึ้นยั่วเย้าให้เสียเวลา  ธรณินครอบปากลงดูดดุนหนักๆ ทันทีอย่างมันเขี้ยว  กานต์ผวาตัวเฮือกในตอนแรก  หากสัมผัสที่ได้รับชวนให้อารมณ์เตลิดจนต้องสอดนิ้วไปในกลุ่มผมของธรณินแล้วกดลงให้แนบแน่น

   “อึ่ก  พี่ณิน  ผม... ผม”

   บั้นท้ายถูกสองมือของธรณินประคองจนยกลอยสูง  ความรู้สึกวูบวาบแล่นเป็นริ้วไปรวมตัวกันที่จุดไวสัมผัสเพียงแห่งเดียว  ทันทีที่ความรู้สึกโลดสูงจนใกล้แตะขอบฟ้า  ธรณินก็ยกขาของกานต์ขึ้นพาดบ่าแล้วสอดมืออ้อมไปสะกิดตุ่มไตให้เจ้าของร่างที่ถูกรุกรานสะท้านเฮือกปลดปล่อยออกมาจนไหลย้อยมาตามมุมปากเป็นทางยาว

   ธรณินใช้หลังมือยกขึ้นเช็ดคราบขาว  โดยที่ตาไม่ยอมละจากร่างที่นอนหอบระทวยอยู่เบื้องหน้า  เสียงหายใจหอบกระเส่ายังแว่วให้ได้ยินจางๆ แผ่นอกที่สะท้านขึ้นลงเหมือนเชิญชวนให้ลงไปสัมผัส  และธรณินก็ไม่ทำให้ผิดหวัง  เมื่อโน้มตัวลงจุมพิตที่แผงอกเรียบลื่นนั้นอย่างเพลิดเพลิน

   “ต่อเลยไหวไหมกานต์  พี่กลัวเราเจ็บนะ  เสียดายไม่ได้เตรียมตัวช่วยมาเลย”

   “อยู่... แฮ่ก... แฮ่ก  อยู่ในลิ้นชักตรงตู้ข้างเตียง”

   “หืม” ธรณินขมวดคิ้วหยุดตวัดลิ้นทันที

   “กานต์รู้ได้ยังไง”

   กานต์ปรายตามองธรณินอย่างเซ็งจิต

   “คนที่พาพี่มาน่ะเขาเตรียมไว้  แล้วไม่ต้องถามนะว่าใคร  ดูเวลามั่งสิพี่ณิน  เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังหน่อย  จะสงสัยอะไรตอนนี้  ให้ไวเลยนะพี่”

   ร่างสูงโน้มตัวลงคลอเคลียชิดกลีบปากคนช่างบ่น  หัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนถามเสียงพร่า

   “กานต์โมโหพี่ณินทำไม”

   “ผมยังไม่อิ่ม  ชัดป่ะ?”

   “อื้อ”

   ธรณินก้มลงจูบดุดันปิดปากคนใต้ร่างทันทีที่พูดจบ  มือก็ควานหาลิ้นชักตู้ข้างเตียงเปะปะอย่างร้อนรน  กระชากลิ้นชักออกก็พบอุปกรณ์ป้องกันและสารหล่อลื่นเตรียมพร้อม

   “กานต์”

   “ครับ”

   “เย็นนิดนึงนะ”

   อาการพูดไปด้วยบดจูบไปด้วยดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ  ด้านบนไล้เลียดูดดุนลากริมฝีปากขบกัดไล่ดูดผิวขาวบริเวณซอกคอจนขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำๆ แล้วเอียงหน้าขบกระดูกไหปลาร้าจนกานต์ครางเสียงหลง  ในขณะที่เบื้องล่างเริ่มชโลมเจลใสหนืดแล้วนวดคลึงปากทางเข้าจากช้าๆ นวดวนจนคนใต้ร่างแอ่นสะโพกยกลอยตามนิ้วกลางที่เริ่มขยับรุกคืบสะกิดรอยจีบพับให้ตอบรับอย่างย่ามใจ

   เมื่อสิ่งแปลกปลอมพยายามรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย  กานต์ถึงกับผวาสะท้านเยือก  ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วข้างซอกคอว่าให้ผ่อนคลาย  อยากจะสวนกลับว่ามาสลับกันไหมจะได้ผ่อนคลายเอง  แต่แค่อ้าปากก็โดนเลียติ่งหูแล้วดูดดุน  เสียงที่จะต่อว่าจึงกลายเป็นเสียงครางอย่างน่าอายไปแทน

   จนเมื่อนิ้วของธรณินเข้าไปจนสุดความยาวก็หยุดนิ่งเพื่อให้เจ้าของช่องทางอันอบอุ่นได้ปรับตัว  แช่ค้างไว้อย่างนั้นแล้วปรับตำแหน่งใบหน้าที่รุกรานด้านบนไปโจมตีเป้าหมายที่ด้านล่างต่อไป

   เนื้ออ่อนไวสัมผัสที่ต้นขาด้านในถูกโจมตีขบกัดเป็นที่หมายแรก  กานต์ผวาพยายามหนีบขาเข้าหากัน  แต่นิ้วที่หยุดนิ่งแช่ไว้เริ่มขยับนวดภายในสะกิดหาจุดที่ทำให้เจ้าของร่างเพลิดเพลินให้ได้มากที่สุด  นาทีนี้กานต์เลยไม่รู้ว่าจะหุบขาหลบสัมผัสจากลิ้นร้อนหรือจะอ้าขาแอ่นสะโพกรับความรู้สึกเสียวแปลบปลาบดี

   เมื่อเห็นกานต์เริ่มมีการตอบสนองโดยการแอ่นร่างหยัดขึ้นรับแล้ว  ธรณินจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสามในเวลาต่อมา

   “อุ่ก... พ... พี่ณิน”

   “หืม”

   ข้อมือที่ขยับหมุนวนชักเข้าออกจากช้าเริ่มเร็วขึ้นขัดกับเสียงตอบรับยานคาง

   “ช้าหน่อยพี่  อุ่บ”

   “ช้าเหรอ  มังกรดี  ช้าแล้วไม่สนุกนะ” น้ำเสียงล่อลวงกระซิบเสียงพร่าชิดริมหู

   “เอาเถอะ  พี่ตามใจกานต์  ช้าๆ แล้วกันนะ  ยกสะโพกขึ้นอีกนิดสิ”

   นิ้วมือที่ค่อยๆ ถอนออกอย่างเชื่องช้ากลับค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยสัดส่วนขึงขังที่มาพร้อมอุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อย  ถูไถหยอกเย้าเล็กน้อยแล้วจึงกดลงเนิบช้าตามที่คนใต้ร่างบัญชา

   “อืม... กานต์  อย่ามัวแต่หลับตาสิ  มองหน้าพี่หน่อยคนดี”

   กานต์ปรือตาปรอยมองธรณิน  ปากเผยอหุบๆ อ้าๆ แต่ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมานอกจากเสียงครางหนักๆ ตามการขยับเนิบๆ แต่หนักหน่วง  ขาที่ตั้งชันขึ้นในตอนแรกถูกดันจนชิดแนบอก  ส่งผลให้สะโพกยกลอยเพื่อรองรับการกระแทกให้เต็มที่
   ธรณินคว้าส่วนอ่อนไหวของกานต์ที่มีน้ำเหนียวไหลซึมตรงส่วนปลายผุดออกมาเป็นหยดเล็กๆ ใช้นิ้วโป้งไล้เกลี่ยให้ยิ่งฉ่ำชื้นขึ้น  ตวัดนิ้วชี้สะกิดส่วนขอบหยักจนกานต์ผวาไหล่ห่อบิดตัวท่อนบนไปมาอย่างสะท้อนสะท้าน  รูดรั้งจากส่วนโคนจนสุดปลายเชื่องช้าทว่าหนักแน่น  ฝ่ายควบคุมขยับข้อมือไปจดจ้องร่างขาวที่มีรอยแดงจ้ำกระจายอู่ทั่วแผ่นอกบิดส่ายไหว  พลางจุดยิ้มขึ้นแตะแต้มใบหน้าหล่อร้ายกาจเมื่อได้ยินเสียงร้องขอ

   “อั่ก  พี่... พี่ณิน  ผมไม่ไหวแล้ว  เร็วอีกนิดนึงพี่”

   ประกายตาสมใจผุดวาบขึ้นในตาของธรณิน  สองมือจับหนั่นสะโพกของกานต์แน่นแล้วเดินหน้าเต็มที่  บดขยี้ย้ำๆ ตรงจุดกระสันที่กานต์เผลอครางยามถูกกดกระตุ้นโดน

   “พร้อมกันนะกานต์  อุ่ก  ฮึ่ก”

   “พี่ณิน // กานต์”

   สองเสียงประสานในจังหวะสุดท้ายที่แตะขอบฟ้า  ก่อนจะพรูลมหายใจยาวแล้วซุกซบกอดจูบลึกล้ำต่อไป...
   
TBC...   
● อั๊ยยะ! บทนี้ที่รอคอย ทุกคนดูลุ้นกับฉากนี้มาก อิชั้นก็เช่นกัน (http://narathipo.exteen.com/images/Emoticons/Lingnoy/lingnoy-m18.gif)
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-02-2017 21:22:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-02-2017 21:59:47
มันฮาตรงกานต์เรืงพี่ณินยิก ๆ เนี่ยแหละ

นางพญาแท้ ๆ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-02-2017 22:08:26
มันฮาตรงกานต์เร่งพี่ณินยิก ๆ เนี่ยแหละ

นางพญาแท้ ๆ
นางพญา เจงๆ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 20-02-2017 11:31:22
ตอนนี้ที่รอคอย ขอผ้าขนหนูซับกำเดาหน่อยค่ะ เอร๊ยยย

 :impress2:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 20-02-2017 12:30:09
ร้อนแรงจริงๆเชียว
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 13 (19/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 27-02-2017 11:04:13
รอตอนต่อไปค่า

 :impress2:
หัวข้อ: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 27-02-2017 14:47:55
บทที่ 14

   “พี่ณิน”

   “ครับ”

   “ลุกเหอะ”

   “อีกแป๊บนึง  เมื่อกี๊ ‘ลุก’ มานานละ  ขอพักแป๊บเดียวเดี๋ยว ‘รุก’ ต่อ”

   กานต์ปรายตามองธรณินที่นอนตะแคงพันตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างมิดชิด  โดยเอาศีรษะเกยท่อนขาของกานต์ไว้  ในขณะที่กานต์เปลือยท่อนบน  เอาร่างพิงกับพนักหัวเตียง  แขนทั้งสองข้างกางออกวางพาดไปตามขอบโค้งของเตียงอย่างสบายอารมณ์

   ธรณินเงยหน้าขึ้นมองท่าทางของกานต์แล้วกลั้นหัวเราะจนไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้าน

   “หัวเราะอะไรไม่ทราบครับคุณธรณิน” คนยิ่งปวดเนื้อเมื่อยตัวอยู่นะ  มานอนหนุนตักเขาแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอะไรอีก
 
   “ก็... ท่าทางกานต์เหมือนป๋าที่หลอกอีหนูมาฟันน่ะ  นี่ถ้าพี่นอนร้องไห้กระซิกๆ อีกหน่อยนะใช่เลย” เพียงแต่ว่าไม่รู้ใครหลอกฟันใครกันแน่นะ  ธรณินต่อให้ในใจ

   “แล้วตกลงเรามาสิ้นสุดที่เตียงนอนกันได้ไง  กานต์เล่าให้พี่ฟังได้หรือยัง”

   กานต์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรง  เริ่มเล่าแบบยังคงนึกสนุกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

   “คืองี้  ตอนผมกำลังเดินดูต้นไม้กับพี่อุ๊อยู่... โอ๊ย! กัดทำไมพี่ณิน”

   กานต์ลูบต้นขาตัวเองป้อยๆ อยากจะโบกคนงับขาใจจะขาด  แล้วดูทำหน้าเข้า  ทำไมต้องมองตาดุๆ แบบนั้นด้วยวะ

   “ไปสนิทสนมกันเมื่อไหร่  เรียกซะคุ้นเคยกันเลยนะ”

   “อ้าว! ก็พี่เค้าชื่ออุ๊  แล้วอายุก็มากกว่า  ก็เรียกพี่อุ๊ก็ถูกแล้วไง  พี่ณินเป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย”

   “ไม่รู้ละ  เมื่อเช้ายังเรียกพี่คนนั้นอยู่เลย”

   กานต์เบะปากให้ทีนึงด้วยความอ่อนใจ

   “แล้วจะฟังต่อไหม” จนเมื่อธรณินพยักหน้ารับถึงได้เล่าเรื่องต่อไปได้

   “ทีนี้พี่อะ... อย่ากัดนะ! พี่คนนั้นเขาก็เล่าให้ฟังว่าเดินชนกับพี่ณินที่ด้านหน้าสตูดิโอ  แล้วพี่ณินก็บอกว่าผมกำลังจะเป็นลมเลยขอลากลับเลย  ทีนี้กานต์เลยเดินไปตามหา  แล้วก็เจอจดหมายบอกทางมาโรงแรมนี้นี่ล่ะ”

   “ใช่  มีเด็กผู้หญิงมาบอกพี่ว่ากานต์จะเป็นลม  พี่ก็เลยรีบออกไป  เจอใครไม่รู้นั่งพิงต้นไม้อยู่  พี่นึกว่าเป็นกานต์  พอเขย่าเรียกปุ๊บโดนโปะยาสลบปั๊บเลย  นี่ยังมึนๆ อยู่เลยนะ”

   พูดจบก็เอาหัวถูไถขาของกานต์เล่น  ลากนิ้วเขี่ยรอยจ้ำแดงที่กระจายตามซอกขาด้านในอย่างมันเขี้ยว

   “นั่นละ  กานต์ลองกำหนดจิตดูก็เห็นว่าเป็นพี่อิคคิวพามาที่นี่แหละ  แถมจับกรอกยาปลุกเซ็กส์อีกต่างหาก”

   ธรณินเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย  ก่อนนึกย้อนดูปฏิกิริยาของตนเองที่โดนแตะนิดก็ทำท่าเหมือนไฟพร้อมจะลุกขึ้นมาตลอดแล้วก็เข้าใจ

   “แล้วกานต์ก็โดนยาด้วยรึเปล่า  โดนด้วยแน่ๆ ตัวเราร้อนขึ้นพี่จำได้  แล้วกานต์เป็นยังไงบ้าง”

   ลุกขึ้นนั่งจับตัวกานต์พลิกซ้ายพลิกขวา  แต่ก็ไม่เห็นมีร่องรอยอะไรนอกจากรอยที่ตนเองทำไว้ก็โล่งใจ

   “แหม... ระดับป๋ากานต์นะครับหนูณิน  พี่อิคคิวรึจะมาแตะตัวได้  อ้อ! ไม่ได้แตะตัวหรอก  แต่มีรัดกันอยู่พักนึงเอง”

   “ฮะ!!”

   “พี่ณินก็อย่าเพิ่งขัดสิ” กานต์ทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอ

   “ก็พอผมมาถึง  พี่อิคคิวก็แว้ดๆๆ ใส่ไม่ยั้ง  แล้วถามว่ารู้ไหมว่าพี่เขาเป็นใคร  ผมก็อยากจะอวดพ่อผมเหมือนกันนะ  แต่กลัวพี่เขาไม่รู้จัก  เลยถามว่ารู้ไหมว่าผมเป็นใคร  แล้วก็คืนร่างมังกรรัดพี่อิคคิวไว้เลย”

   “อิคคิวไม่สลบเหมือดเลยเรอะ  เจอท่านมังกรขาวเข้าไป”

   ธรณินยังจำอารมณ์วันแรกที่ได้พบกานต์ในร่างมังกรได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  ความรู้สึกกลัวจนขนหัวลุกเป็นยังไง  ธรณินรู้ดีที่สุด  ดีที่กานต์ชอบเขานะเลยไม่ได้ทำอะไรรุนแรง  แต่เดี๋ยว! กานต์รัดพันอิคคิวเอาไว้ไม่ใช่ว่าถูกตาต้องใจหรอกนะ  อยู่ๆ ธรณินก็ลุกขึ้นนั่งจับไหล่กานต์เขย่าถามจนกานต์หัวสั่นหัวคลอน

   “ไปรัดอิคคิวไว้อย่างนั้น  ไม่ใช่ว่าถูกใจอิคคิวไปแล้วหรอกนะ”

   “พี่ณินๆ ปล่อยก่อน โอ๊ย! ของขึ้นรึไง  ที่รัดน่ะเพื่อจะขู่ให้กลัว  พี่ก็คิดไปไหนแล้ว”

   กานต์ปัดมือธรณินออกจากหัวไหล่  ใบหน้าบิดเบ้  คนยิ่งกำลังเคล็ดขัดยอกอยู่  มาเขย่าแบบนี้กระดูกร้าวไปจนถึงเชิงกรานเลย

   “งั้นก็แล้วไป” อ้าว! ไม่ขอโทษแล้วยังมาทำเสียงเข้มใส่อีก  นี่เห็นว่าหึงนะเนี่ยยอมปล่อยผ่านก็ได้

   “แล้วผมก็ให้พี่อิคคิวสัญญาว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก  โดยให้ทำสัญญามังกร  ถ้าผิดคำพูดนี่โดนฟ้าผ่าตายเลยนะพี่ณิน”

   ธรณินพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ว่าเข้าใจ  ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนตักกานต์อีกรอบ  ถามด้วยเสียงเรียบเรื่อย

   “แล้วตกลงกานต์โดนยาของอิคคิวด้วยรึเปล่าน่ะ”

   “พี่ณินอย่าขยับมาก  สงสัยผมกินยาเยอะไป  เวลาผมของพี่ณินถูไถกับหน้าขาอย่างนี้นะ  เสียวปลาบๆ ไปในท้องน้อยเลย”

   พูดจบกานต์ก็ก้มลงมองสบตาเจ้าหนูจำไมที่ถามไม่ได้หยุดมาครู่หนึ่งแล้ว  ธรณินจ้องกลับแล้วค่อยๆ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ พลางเลิกคิ้วถามเป็นทำนองว่าจะถู  มีอะไรป่ะ?

   “นี่  ถ้าพี่ๆ ช่างแต่งหน้ารู้ว่าแต่งหน้าทำผมจัดเต็มมาแล้วง้อสำเร็จพวกพี่ๆ คงภูมิใจน่าดู”

   ได้ผล  ธรณินหยุดขยับแล้วถามเสียงเขียวทันที

   “อะไร  ยังไง  เล่ามาให้หมดเลยกานต์”

   คนนอนกอดอกจ้องเขม็งคาดคั้นขนาดนี้  กานต์ก็ชักเหนื่อยใจ  จากที่ธรณินบอกว่ากานต์เหมือนป๋าเมื่อกี๊  แต่ทำไมกานต์รู้สึกว่าตัวเองเป็นอีหนูแล้วถูกป๋าจับได้ว่าคบชู้วะ

   “คืองี้พี่ณิน” กานต์ถอนหายเฮือกแล้วเริ่มต้นเล่าต่อ

   “คือกานต์ไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวไง  พอหาพี่ณินไม่เจอเลยโกหกพี่ๆ ไปว่าสงสัยพี่ณินงอนเลยกลับไปแล้ว  แล้วผมเนี่ยกำลังจะไปตามง้อ  พี่ๆ เลยเสนอแต่งตัวให้ดูดีจะได้ใช้แผนเอาตัวเข้าแลก  เพื่อให้พี่ณินหายโกรธน่ะครับ  แต่ประเด็นคือพี่ณินหลับ  ตื่นมาได้ก็ฉีกๆ กระชากๆ เหลือแต่เศษผ้ากระจัดกระจายเนี่ย  เห็นมะ”

   ธรณินมองตามพื้นพรมผืนนุ่มที่มีเศษผ้าเกลื่อนกลาดแล้วก็ทำตาพราวระยับ  ใช้นิ้วมือลูบต้นขากานต์แผ่วเบา

   “กานต์... เสื้อผ้าขาดหมดเลย  พี่หนาว  กานต์มานอนกอดกับพี่นะจะได้อุ่นๆ”

   “พอเลยนะพี่ณิน  เลิกลูบ  พี่ณินกินยาไปนิดเดียวนะ  ทำไมหื่นขนาดนี้  ผมนี่กินไปเต็มๆ เม็ดเลย  ยังไม่ขนาดพี่ณินเลยนะ”

   “น้าๆ นะๆ ป๋ากานต์  พี่หนูณิน น้าว  หนาวล่ะ  กอดหน่อยๆ”

   ยิ่งส่ายหน้าก็ยิ่งเลื่อนไปคลุกวงในแถวโคนขา  แล้วเสื้อผ้าไม่มีสักชิ้น  จะมีอะไรปิดบังมังกรน้อยได้ล่ะ จมูกปัดไปโดนนิด  ริมฝีปากปัดไปโดนหน่อย  อะไรที่ควรจะหลับก็ตื่นซะงั้น
 
“โอ๊ะ! ป๋าใจร้าย  คุยด้วยดีๆ ถึงกับต้องดีดแก้มกันด้วยเหรอ”

   กานต์ส่ายหน้าพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ให้ถึงที่สุด  เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเจ้าตัว  ตามที่ได้ศึกษามาก็ไม่ควรจะหักโหม

   เสียงทอดถอนใจดังมาจากเบื้องล่าง  เมื่อก้มลงมองก็เห็นธรณินเท้าคางเอียงศีรษะคุยกับมังกรน้อยที่กลายเป็นมังกรใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง

   “คิดถึงเด็กขายดอกไม้คนนั้นจังเลยน้า  คนที่จะจัดให้หลายๆ ดอก  แล้วดอกใหญ่ๆ น่ะ  นั่นไง  กานต์เห็นไหม  น้องชายกานต์ยังพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับพี่เลย”

   เออ... น้องชายไม่รักดี  ไม่ห่วงชีวิตพี่ชายมันบ้าง  ธรณินพูดอะไรก็ผงกหัวตอบรับ  แถมยังทำหน้าแดงๆ  น้ำตาใสๆ เอ่อคลอซะอีก

   “ไม่มีอีกแล้วคนปากดี  ชวนเช้า  ชวนเย็น  เก่งกล้าสามารถคนนั้น  ตอนนี้มีแต่คนไม่จริง  ขี้กลัวหลบหลังผ้าห่ม...”
   ธรณินยังคงร่ายยาวและกานต์ก็เริ่มเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ หวิดจะระเบิดหลายรอบจนทุกอย่างขาดผึงทันทีเมื่อเจอคำพูดสุดท้ายเข้าไป

   “เฮ้อ... ก็เผ่าพันธุ์มังกรอะเนอะก็พอจะเข้าใจ  ให้มาอยู่ในร่างมนุษย์ก็ต้องคุมจิตแย่แล้ว  นี่ต้องมาคุมเกมรักอีก  ก็คงเกินกำลังสินะ  พี่เข้าใจกานต์  พี่เข้าใจ” ธรณินตบบ่ากานต์ปุๆ ทำหน้าทำตาเห็นใจอย่างไม่เนียนที่สุด
   “พี่ณิน”

   ของแบบนี้มันฆ่าได้หยามไม่ได้  ท้าทายกันถึงขนาดนี้มีหรือป๋ากานต์จะยอมโดนสบประมาท  ผลักหน้าอกธรณินลงบนที่นอนอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำจ้องเข้าไปในหน่วยตาคมเรียวยาวของธรณินอย่างไม่ลดละ  โน้มตัวลงฝากจุมพิตแผ่วที่ริมฝีปากก่อนจะกระซิบชิดกลีบปากอย่างหมายมาด

   “ผมน่ะกินยาไป  อารมณ์ความต้องการมีเหลือเฟือ  เรื่องแรงกำลังไม่ต้องพูดถึงผมเต็มที่อยู่แล้ว  พี่ณินเถอะ... อย่ามาร้องโอดครวญก็แล้วกัน”

   กานต์ส่งยิ้มหวาน  วาดปลายนิ้วไล้โครงหน้าธรณินเชื่องช้า  แล้วจับตรึงปลายคางให้อยู่นิ่ง  ขบกัดดูดดุนริมฝีปากของธรณินแล้วพุ่งลิ้นเข้าไปพัวพันทันที  ลากปลายลิ้นเลาะตามแนวฟันควานหาความหวานอย่างคนคุ้นเคยที่ช่ำชองชำนาญการในโพรงปากของคนใต้ร่างเป็นอย่างดี

   ถอนจูบออกมาน้ำใสยังยืดเยิ้มเป็นสายติดปลายลิ้น  กานต์ตวัดเลียลากลิ้นไปตามมุมปาแล้วออกแรงขบเล็กๆ ให้ธรณินสะดุ้งวาบชาบริเวณที่โดยกัด  แต่ก็ปนมาด้วยอารมณ์ที่แล่นปราดๆ ไปรวมกันที่บริเวณท้องน้อยอย่างประหลาด

   ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำของกานต์เข้มขึ้นจนแทบจะเป็นสีน้ำเงินเข้มทั้งลูกนัยน์ตายามที่อารมณ์ของเจ้าตัวลุกโชนขึ้นสูง  ปลายลิ้นร้อนๆ ยังคงลากอ้อยอิ่งวนเวียนอยู่แถวแก้มและคางของธรณินก่อนจะงับลงไปตรงบริเวณติ่งหูแล้วกระซิบแผ่ว

   “ไหน  ใครกันที่โดนเลียหูแล้วหน้าขึ้นสีแดงจัดคนนั้น  แสดงว่าหูเป็นจุดอ่อนรึเปล่าเอ่ย”

   เสียงลมหายใจหอบกระเส่าที่กระซิบชิดริมใบหูทำเอาธรณินนอนตัวอ่อนระทวยปล่อยให้กานต์ค่อยๆ ใช้ลิ้นตวัดเลียซอกซอนไปจนทั่ว  หน่วยตามคมปรือเยิ้มเมื่อกานต์เป่าลมเข้าไปรินรดใบหูด้านใน  ร่างกายผวาสะท้านเยือก  ขนตามตัวพร้อมใจกันลุกชันด้วยความเสียวสยิว

   ความรู้สึกที่ใบหูโดนกระตุ้นเร้ายังไม่สร่างซา  บริเวณยอดอกก็ถูกมือขวาของกานต์เริ่มบดขยี้รุกรานบีบบี้จนตุ่มไตขดรัดตัวแข็งชัน  ความเสียวกระสันอัดแน่นอยู่ในช่องท้องจนธรณินต้องยกมือขึ้นโอบหลังกานต์  แล้วเริ่มลงมือบีบคลึงฟอนเฟ้นไปตามร่างขาวเนียนอย่างต้องการระบายอารมณ์ให้คนด้านบนร่วมรับรู้ความรู้สึกนี้ไปด้วยกัน

   ยิ่งธรณินบีบเคล้นหนักมือ  กานต์ก็ยิ่งได้ใจ  แสดงว่าตนก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง  ถึงทำให้อีกฝ่ายเตลิดไปได้ขนาดนี้  คิดแล้วกานต์จึงลงมืองับยอดอกอีกข้าง  ในขณะที่มือก็ควานลงไปที่เป้าหมายหลักเบื้องล่าง  กอบกุมและเริ่มคลึงเคล้าต่อไป

   “อุ่ก... ฮึก... กานต์”

   “เรียกทำไมครับพี่ณิน  จะขอถอนตัวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะครับ”

   มือเรียวขยับรูดรั้งเชื่องช้าจากโคนสู่ปลาย  จนน้ำใสเริ่มผุดซึมออกมา  จึงค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งปาดเกลี่ยจากรูตรงกลางไล้วนจนทั่วบริเวณส่วนหัว  ขยับรูดไล้วนซ้ำๆ จนธรณินต้องเกร็งสะโพกยกขึ้นตามการชักนำ

   “ใคร... อ๊ะ... ใครว่าจะถอนตัว  ค... แค่นี้ยังธรรมดา”

   “โอเคครับ  นี่แค่เริ่มต้นยังธรรมดาอยู่แล้ว  ถ้าแบบนี้ล่ะ”

   กานต์ก้มศีรษะลงชิดส่วนแข็งขึงแล้วอ้าปากครอบลงไปจนชิดส่วนโคน  ดึงรูดขึ้นเบาๆ พลางใช้ลิ้นตวัดเลียไปด้วย  เม้มปากแล้วดูดกลืนจนแก้มตอบ  เล่นเอาสะโพกธรณินยกสูงลอยจากที่นอนเป็นคืบ

   เสียงอู้อี้เพราะมีสิ่งของคาปากอยู่ฟังไม่ชัดนักจับใจความได้ว่าแบบนี้เป็นยังไงบ้าง  ธรณินได้แต่พยักหน้าส่งเสียงครางอืออาแทนคำตอบ  กานต์เหลือบมองสีหน้าธรณินก็ยิ่งย่ามใจ  สองมือซ้ายขวาเร่งปรนเปรอยอดอกทั้งสองข้างจนแข็งคัดไปหมด  ปากก็ขยับรูดเข้าออกเป็นจังหวะจนน้ำลายไหลปะปนกับน้ำใสที่เริ่มซึมออกมามากขึ้นจนแยกไม่ออก

   อยู่ๆ ความอบอุ่นที่ส่วนสงวนก็วาบหาย  ธรณินผงกศีรษะขึ้นมองก็เห็นกานต์ถอนปากออกไปเรียบร้อยแล้ว  ร่างเปลือยเปล่าของมังกรหนุ่มขยับเข้าใช้ส่วนแข็งขึงดุนดันเสียดสีกับส่วนที่เปรอะเปื้อนน้ำลายชโลมไว้ตลอดความยาวของธรณิน  พลางเอื้อมมือคว้าแขนของคนใต้ร่างให้ขยับมารูดรั้งท่อนลำที่แนบชิดติดกัน

   “อยากมันก็รูดเอานะครับพี่ณิน”

   น้ำเสียงหยอกเย้า  แววตาพราวระยับกับท่าทางค่อยๆ ดันสะโพกให้บดเบียดเสียดกันมากยิ่งขึ้น  ทำให้ธรณินแทบคลั่ง  มือกุมส่วนสำคัญของทั้งคู่แล้วจึงขยับข้อมือรูดสาวอย่างซ่านเสียว

   “อืม.. กานต์  ไปฝึกมาจากไหน  ทำไม  อึก  เก่งจริง”

   “อา... มะ... ไม่ได้ฝึกครับพี่ณิน  แค่... ฮึก  แค่ปล่อยอย่างที่ใจอยากทำไปตามธรรมชาติ”

   หยาดน้ำใสไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก  ธรณินเอนตัวครึ่งๆ หน้าท้องเกร็งแน่น  ขยับมือรัวเร็วจนได้ยินเสียงน้ำดังเฉอะแฉะอันหยาบโลน

   “อุ๊บ”

   กานต์โน้มตัวลงมาประคองใบหน้าธรณินพลางบดจูบอย่างเร่าร้อน  ควานหาลิ้นดุนดันแล้วตวัดพันรัดดูดดึงอย่างเมามัน  ก่อนจะเอนกายไปเบื้องหลังแล้วคว้าขวดเจลใสมาเปิดขวดเทราดรดไปบนแก่นกายของทั้งคู่

   เจลใสข้นหนืดยิ่งช่วยทำให้ลื่นมือมากยิ่งขึ้น  ธรณินขยับข้อมือรัวเร็วก่อนจะโดนกานต์คว้าจับข้อมือไว้

   “กานต์... ใช่เวลาเล่นไหมเนี่ย  ปล่อยมือพี่เหอะ”

   “จุ๊ๆๆ” กานต์ส่งเสียงพลางส่ายหน้าว่าไม่ยอมปล่อย  ก่อนจะค่อยๆ ยกสะโพกมนขึ้นครอบทับตัวตนของธรณินอย่างช้าๆ เจลใสช่วยให้คลายความตึงแน่นไปได้มาก  กานต์ค่อยๆ กดสะโพกลงหน้าตาเหยเก  ส่ายหน้าตอบเมื่อธรณินบอกจะจัดการให้  ยังคงดึงดันที่จะค่อยๆ กลืนกินธรณินเข้าไปอย่างช้าๆ

   จนเข้าไปได้จนสุดทาง  จึงหยุดนิ่ง  ปล่อยให้ร่างกายได้ปรับตัวและนำความคุ้นเคยกับส่วนที่เต้นตุบอยู่ภายใน

   “อา... กานต์  ของกานต์  แน่นมาก  อืม”

   ธรณินยันตัวลุกขึ้นนั่ง  ค่อยๆ ประคองสะโพกของกานต์ให้ยกขึ้นแล้วกดลงมาอีกครั้ง

   “เดี๋ยวพี่ณิน... กานต์  อึก... จุก  เดี๋ยวกานต์ขยับเอง  พี่ช่วยกานต์ด้านหน้าดีกว่า”

   ธรณินปล่อยมือจากสะโพกมนแล้วเริ่มขยับรูดรั้งให้กานต์อย่างรู้จังหวะทันที

   “อืม... พี่ณิน... กานต์”

   ด้วยความที่ด้านหน้าถูกกระตุ้นเร้าให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง  ช่องทางด้านหลังจึงเริ่มขมิบรัดและส่ายไหวอย่างเป็นจังหวะตามไปด้วย  กานต์กัดริมฝีปากด้วยแรงอารมณ์ที่เริ่มพุ่งสูงขึ้น  ก่อนแหงนเงยหน้าแอ่นแผ่นอกให้ธรณินที่โน้มตัวมาดูดดื่มยอดอกด้วยความมันเขี้ยว

   “พะ... พี่ณิน  อึก”

   “เร่งอีกนิดกานต์  อืม  กระแทกลงมาอีก”

   ธรณินยึดสะโพกไว้แล้วช่วยส่งตัวเองกระแทกสวนขึ้นไปเมื่อเห็นกานต์ทำท่าจะหมดแรง  เมื่อจุดสิ้นสุดแห่งอารมณ์ใกล้มาถึงกานต์จึงโน้มหน้าไปบดเบียดจุมพิตกับธรณินอย่างรั้งอารมณ์ไม่อยู่  ปลายหางตามีน้ำตาอยู่คลอคลอง  ก่อนจะหยดกลิ้งลงมาพร้อมร่างที่กระตุกเฮือก  ปลดปล่อยหยาดหยดสีขาวขุ่นออกมาเลอะเต็มฝ่ามือของธรณิน  ช่องทางด้านหลังตอดตุบรุนแรงจนธรณินต้องกระแทกตัวเองหนักๆ อีกสามสี่ครั้งเพื่อปล่อยน้ำสีขาวตามกานต์ไปติดๆ

   “แฮ่กๆ กานต์”

   “ครับ”

   กานต์ตอบเสียงอู้อี้  ซบไหล่ธรณินด้วยความเหนื่อยอ่อน

   “ยั่วขึ้นนะเราเนี่ย”

   กว่าจะพูดเป็นประโยคออกมาได้  ธรณินต้องสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนเพื่อปรับจังหวะการหายใจ กานต์พยักหน้ารับกับธรณิน  ฟังเสียงหัวใจที่เต้นตึ้กๆ ถี่ๆ แล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้

   “ก็รู้อยู่นะพี่ณิน  ว่านี่เป็นข้อเสีย  แต่เวลาใครยั่วทีไร  ผมต้องตอบโต้กลับไปทุกทีสิน่า”

   “อืม  แต่แบบนี้พี่ชอบ”

   ธรณินพูดไปมือก็เกลี่ยเส้นผมที่ปรกระหน้าผากชื้นเหงื่อไปด้วย

   “รอพี่พักเหนื่อยแป๊บ  เดี๋ยวพี่ ‘ยั่ว’ ต่อ  แล้วกานต์ ‘ขึ้น’ เหมือนเดิมนะ”

   “ฮะ!!!”

   “ดีล”


TBC...
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-02-2017 16:05:29
ได้กันแล้ว!!!  :heaven
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-02-2017 07:31:20
อุ๊ย! ได้กันรอบสอง
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 01-03-2017 01:53:26
เหอๆ มังกรขาว ดูท่าคนชื่อมังกรจะ มีคน เกทับ มังกรนะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 01-03-2017 19:54:47
กร๊าก  พี่หนูณิน ต๊องไปอีก มังกรน่ารัก โดนยั่วนิดยั่วหน่อย เสร็จพี่หนูณินอีกรอบซะงั้น
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 04-03-2017 13:07:30
พี่ณินมีความหวงเมียหนักมากกกกกกกกกก แถมยังหื่นมากกกกกกกกก

 :-[
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-03-2017 14:17:26
ฉากที่รอคอยมาแล้ว ขอเลือดสำรองด่วน
แอบฮ่าฉากป๋ากานนอนบนเตียงหนูนินนอนก่อนขา สลับตำแหน่งซะงั้น อิอิ
แบบว่ารอบสองก็ขึ้นเอง สุดยอดอ่ะป๋ากาน คิกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Carnival ที่ 06-03-2017 14:25:12
เป็นการดีลที่วินวินนะเนี่ย  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 14 (27/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 13-03-2017 14:59:11
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 13-03-2017 16:05:59
บทที่ 15

   “เอ่อ... น้องกรคะ ช่วงนี้คุณณินเคยเปรยๆ ว่ามีโปรเจคอะไรใหม่บ้างรึเปล่าคะ”
   สมชายพระซิบกระซาบกานต์ไป ตาก็เหล่มองธรณินที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดรื้อแผ่นงานเก่าๆ ของเด็กในสังกัดมานั่งดูไป ปากก็บ่นพึมพำอะไรไม่หยุด สมชายจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าธรณินจะคร่ำเคร่งกับงาน แต่นี่พ่อคุณเล่นฟาดหัวฟาดหางใส่พนักงานไม่เว้นแต่ละคน ใครถามอะไรก็ดุใส่ ทั้งๆ ที่ปกติจะอธิบายให้ฟังด้วยท่าทางใจเย็นแท้ๆ ที่สำคัญนายท่านเหวี่ยงมาเป็นอาทิตย์แล้ว ใครก็เข้าหน้าไม่ติด ยกเว้นไว้คนเดียวที่ไม่เคยเจอระเบิดยี่ห้อธรณินปาเข้าใส่
   กานต์ส่ายหน้าหวือตอบปฏิเสธ
   “ไม่เห็นพี่ณินพูดอะไรเลยครับพี่ซิสซี่ แต่จริงๆ แล้วพี่ณินก็ไม่ค่อยคุยเรื่องงานกับผมเท่าไหร่นะครับ”
   “คุยกันแต่เรื่อง ‘ส่วนตัว’ ละสิท่า” สมชายค้อนลมค้อนแล้งอย่างหมั่นไส้
   “พี่ล่ะเบื่อพวกมีแฟนจริงจริ๊ง วันๆ คุยกันหนุงหนิงๆ ไม่ต้องมาคอยรับบรรยากาศกดดันแบบคนโสดแถวนี้”
   พอได้คุยเล่นสมชายก็เริ่มผ่อนคลาย พูดคุยหยอกเย้าหัวเราะคิกคักกับกานต์ไม่หยุด จนเสียงเย็นๆ ลอยมาดับอารมณ์
   “ว่างนักรึไงสมชาย มาเอาแฟ้มนี่ไปเก็บหน่อย แล้วช่วยเช็คตารางงานของนายแบบใหม่ให้ผมด้วย รู้สึกจะไปซ้อนกันกับของอีกคนนึง”
   “ซิสซี่เช็คให้แล้วนะคะ งานซ้อนกันจริง แต่เคลียร์คิวกันใหม่เรียบร้อยแล้วไงคะ เมื่อวานคุณณินยังพยักหน้ารับอยู่เลย”
   ใบหน้าคมคายที่ค่อยๆ หันมามองอย่างช้าๆ ตวัดสายตาคมกริบเข้าใส่จนสมชายหนาวเยือกหดคอทันควัน
   “ผมบอกให้เช็คคุณก็เช็คสิ”
   “ค่ะๆ เดี๋ยวซิสซี่ไปเช็คอีกรอบนึงเนาะ”
   “เมื่อธรณินหันหน้ากลับไปก้มลงมองแฟ้มผลงานในมืออีกครั้ง สมชายก็หันไปบุ้ยใบ้กับกานต์ว่าเป็นอย่างที่บอกไหมล่ะ
   “สมชาย!!”
   “ค่าๆ ไปแล้วค่า แหม่... เลือดจะไปลมจะมานี่ก็ลำบากกับผู้คนรอบข้างนะคะคุณณิน ว่างๆ ก็ให้น้องกรพาไปซื้อฮอร์โมนเสริมบ้างนะคะ เผื่ออะไรมันจะดีขึ้นบ้าง”
   สมชายเดินบ่นกระปอดกระแปดดึงประตูปิดเปิดเสียงดังเป็นการระบายอารมณ์ส่วนตัวจนธรณินมองตามตาขุ่นขวางอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน
   “พี่ณิน” เสียงเรียกทอดอ่อนทำให้ธรณินรู้สึกตัวหันมายิ้มบางให้กานต์ทันที
   “มีอะไรครับ”
   ก็ปกติดีนี่ กานต์คิดในใจ แต่อาจจะเครียดเรื่องงานอย่างที่พี่สมชายว่าก็ได้ กานต์เดินไปทิ้งสะโพกลงนั่งบนโต๊ะทำงาน ทำทีเป็นคว้าแฟ้มมาเปิดพลิกดูผ่านๆ ปากก็ถามไปเรื่อยเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่าไหร่
   “ช่วงนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่าพี่ณิน”
   “หืม... ไม่นี่ ก็เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย กานต์ถามทำไม”
   ธรณินวางแฟ้มลงบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับกานต์ซึ่งหันมาจ้องมองรอคำตอบ กานต์สังเกตเห็นประกายตาวูบไหวแปลกๆ ในดวงตาของธรณินก็นึกรู้ว่าคงมีบางอย่างที่เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของคนตรงหน้า แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากบอกจะไปคาดคั้นให้ได้อะไรขึ้นมา
   “เปล่าหรอกครับพี่ณิน ผมถามดู นึกว่าพี่ยุ่งๆ อยู่ พอดีผมอยากชวนพี่ณินไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าพี่ณินว่างไหม”
   “หือ... กานต์อยากไปเที่ยวเหรอ”
   ท่าทางจะอยากผ่อนคลายจริงๆ แฮะ พอพูดถึงเรื่องเที่ยวแล้วพี่ณินก็คึกคักขึ้นมาทันที กานต์คิดแล้วจึงเพิ่มลูกเล่นส่งสายตาพราวระยับไปให้ ลดเสียงลงเหลือแค่กระซิบแผ่วๆ
   “เผื่อพี่ณินอยาก ‘เปลี่ยนบรรยากาศ’ บ้างไรบ้างน่ะครับ”
   คนพูดคิดหรือเปล่าไม่รู้ แต่คนฟังตาเยิ้มนำไปก่อนแล้ว ธรณินรีบพยักหน้ารับจนคอแทบหัก พูดจาลิ้นพันกันแทบฟังไม่รู้เรื่อง
   “ว่างๆ เดี๋ยวพี่ให้เช็ควันสมชายตารางดูให้”
   กานต์หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังทันทีที่ได้ยินธรณินพูดจนจบประโยค อดเอื้อมมือไปหยิกแก้มอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยวไม่ได้
   “พี่ณินนี่ยิ้มแล้วหล่อนะเนี่ย เวลานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ดูเท่ดีนะ แต่ยิ้มแบบนี้หล่อกว่านะครับ”
   จบคำพูดของกานต์ หัวใจธรณินก็อุ่นวาบ ลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวไปโอบกอดกานต์เอาไว้แนบอก
   “ขอโทษที่นะกานต์ที่ทำให้เป็นห่วง แต่พี่ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ครับ แล้วก็... ขอบคุณนะสำหรับกำลังใจ เป็นวิธีการเพิ่มกำลังใจที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเลยใช่ไหมเนี่ย”
   ธรณินก้มหน้าลงใช้หน้าผากจรดกับหน้าผากของกานต์ จ้องมองแววตาสีน้ำเงินเหลือบดำที่ดึงดูดคู่นั้นอย่างหลงใหล
   “เอ้าๆๆ ทำงานค่ะทำงาน ไปเช็คมาให้แล้วเจ้าค่ะนายท่าน คำตอบเหมือนเดิมกับเมื่อกี๊ตอนก่อนออกไป มีเพิ่มเติมมาอีกนิ้ดเดียวเอง” สมชายลากเสียงยาวอย่างมีจริต
   “แค่ว่าคำตอบเดียวกันของเมื่อกี๊นี่หน้าเป็นตูด แต่คำตอบเดียวกับเมื่อกี๊ตอนนี้หน้าใสอย่างกับได้กินเด็กมา อ้อ! ว่าไม่ได้นี่น้า มีเด็กมาให้กินจริงๆ นี่เนอะ โลกมันถึงสดใสซาบซ่าขึ้นมาแบบนี้ ไอ้บรรยากาศหนาวเยือกอย่างกับอยู่ขั้วโลกเหนือน่ะ เอาไว้โขกสับใช้กับลูกน้องเนอะคุณณินเนอะ”
   สมชายประชดเข้าใส่ เตรียมตัวตั้งรับอารมณ์เหวี่ยงกลับของธรณินอย่างเต็มที่ ในใจเตรียมเรียบเรียงถ้อยคำประชดไว้เป็นฉากๆ ลองเปิดมาสิ ไม่จิกกลับอย่ามาเรียก สมชาย! เอ๊ย! ซิสซี่!!
   แต่ปฏิกิริยาตอบรับกลับผิดคาด ธรณินหันมามองสมชายด้วยดวงตาที่ฉ่ำเยิ้ม จุดยิ้มมุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ส่งให้ ก่อนจะค่อยๆ ดันกานต์ออกจากอ้อมกอด แล้วเปลี่ยนเป็นวางพาดท่อนแขนไว้บนบ่าของคนนั่งอย่างแสดงความเป็นเจ้าของด้วยอารมณ์เบิกบานถึงขีดสุด
   “อ้อ... สมชายมาพอดีเลย เมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ต้องให้ไปเช็คตารางงานซ้ำอีกรอบ ทำให้คุณต้องวุ่นวายหลายครั้งเลย”
   เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมาเล่นเอาสมชายถึงกับไปไม่เป็น จากที่เตรียมปะฉะดะเอาไว้เต็มที่ กลายเป็นแทบจะละลายเพราะคำขอโทษที่แสนจะจริงจังนี่เอง
   “คะ... คือ” สมชายอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะตอบโต้ยังไง
   “ยังไงวันนี้เดี๋ยวงานช่วงบ่ายแทบจะไม่มีอะไรเร่งด่วนแล้วใช่ไหมครับ”
   “ค่ะ.. น่าจะ... มั้งคะ”
   ถ้าเป็นเวลาปกติสมชายต้องโดนเล่นงานอ่วมแน่นอน คำว่าน่าจะ อาจจะ ไม่เคยมีในพจนานุกรมของผู้ชายที่ชื่อธรณิน มีคือมี ไม่คือไม่ แต่... นี่ไม่ใช่เวลาปกติไง
   “ครับ ลองเช็คดูว่ามีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า ถ้าไม่มีงานอะไรแล้วคุณกลับบ้านได้เลยนะครับ ทำงานยุ่งมาหลายวัน ควรจะได้รับการพักผ่อนบ้าง”
   แม่เจ้า!! สมชายลอบอุทานในใจ หรือว่าคุณณินจะหาเรื่องไล่เราออกวะ นิ่งคิดได้สักพักจึงเอ่ยปากถามเสียงเครือน้ำตาคลอ
   “คุณ... คุณณินจะให้สมชาย (เรื่องจริงจังขนาดนี้ ซิสซี่ไม่มัวห่วงชื่อแซ่แล้วค่ะ) พักงาน มะ... หมายถึงจะไล่สมชายออกหรือคะ”
   ธรณินเลิกคิ้วสูง หากยังคงยิ้มละไมอยู่เหมือนเดิม หันไปกระซิบกระซาบสั่งให้กานต์เก็บของรอเลยเดี๋ยวจะได้กลับบ้านพร้อมกัน จากนั้นจึงเก้าเท้าสบายๆ ไปโอบไหล่สมชายไว้
   “อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้นล่ะครับสมชาย ผมแค่อยากให้รางวัลคุณนิดหน่อยเองที่เหนื่อยมาตลอดช่วงอาทิตย์นี้ แล้วก็มีงานให้คุณช่วยอีกนิดหน่อยเอง”
   รอยยิ้มที่ค่อยๆ ฉีกกว้างขึ้นเริ่มสวนทางกับใจที่ค่อยๆ หดเล็กลงของสมชาย
   ธรณินค่อยๆ ใช้มือบีบนวดไปตามหลังไหล่ของสมชายอย่างเบามือ สัมผัสที่ค่อยๆ กดลงมาบนบ่าทำให้ขนที่หลังคอของสมชายค่อยๆ ลุกชัน ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะบนลำคอโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ทำให้สมชายสะดุ้งจนตัวโยน
   “คะ... คุณณินขา” สมชายออดเสียงสั่น
   “ฮือๆ สมชายกลัวแล้ว อย่าเล่นแบบนี้เลย สมชายกลัวจนฉี่จะราดแล้วค่ะ จะให้สมชายทำอะไรก็ยอมแล้ว กลับไปเหวี่ยงแบบเก่ายังดีกว่ามายิ้มเย็นๆ ใจดีแบบแปลกๆ สมชายกลัว ฮือ”
   ธรณินพ่นลมหายใจใส่ข้างหูของสมชายแผ่วเบา “ฟู่” ก่อนจะก้มลงกระซิบริมหูเสียงแผ่ว
   “ช่วยเช็คดูตารางงานของผมแล้วทำให้วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ผมว่างยาวเลยได้ไหมครับ”
   สมชายยืนตัวสั่นพยักหน้ารับรัวๆ เป็นนกหัวขวาน ก่อนเท้าทั้งสองข้างจะถูกตรึงติดแน่นกับพื้น เมื่อฟังประโยคถัดมา อันเป็นสาเหตุของพฤติกรรมสยองขวัญสั่นประสาทของธรณินในขณะนี้
   “อ้อ... คราวหน้าถ้าจะคุยเล่นกับกร... กรุณาอย่ายื่นหน้าหัวร่อต่อกระซิกใกล้ๆ นะครับ ผมไม่ชอบ”
   จบคำธรณินก็ส่งยิ้มชวนขนหัวลุกมาให้อีกดอก
   “ป่ะ กร กลับบ้านกัน พี่สั่งงานสมชายเรียบร้อยแล้ว มีอะไรติดในสงสัยอีกไหมสมชาย” ท้ายประโยคธรณินจ้องหน้าสมชาย ตวัดตาเข้าใส่จนสมชายคิดว่าถ้าสายตาธรณินเป็นมีด ป่านนี้เลือดคงท่วมร่างตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว คมกริบบาดลึกเถือชั้นไขมันขาดกระจุย ได้แต่ส่งเสียงรับคำว่าเข้าใจแล้วค่ะเสียงเบา
   “เอามานี่พี่ถือให้ ไปเปิดประตูให้พี่ละกัน”
   “หือ... แต่ของเยอะนะ ผมช่วยพี่ณินถือไม่ดีกว่าเรอะ”
   ธรณินส่งเสียงจิ๊กจั๊กในคอก่อนบุ้ยใบ้ให้กานต์เดินไปเปิดประตูเถอะ ของทั้งหมดนี่ตนจะถือเอง กานต์ได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของธรณิน เดินผ่านหน้าสมชายกำลังจะโอบไหล่เพื่อบอกลา หากสมชายที่ยืนรอจังหวะอยู่แล้วกลับบิดตัวก้าวถอยหลังยกมือขึ้นโบกลาทันที ไม่กล้าถูกเนื้อต้องตัวคุณน้องกรอีกแล้ว เดี๋ยวเจ้าพ่อธรณินประทับทรงขึ้นมา จะกระโดดงับหัวน้อยๆ ของสมชายขาดเอา
   “อะ... อ้าว” กานต์หน้าเหวอ ยกมือโบกลาตอบอย่างงงๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูคอยท่าให้คนใช้กิตติมศักดิ์ลำเลียงของตามมา
   เมื่อมาถึงบริเวณลานจอดรถของบริษัท ธรณินก็ไล่กานต์ขึ้นไปนั่งรอบนรถ ส่วนตัวเองสตาร์ทรถไว้ให้แล้วรีบพุ่งตัวไปเก็บข้าวของไว้ที่หลังรถอย่างรวดเร็ว จนธรณินขึ้นมานั่งบนรถ ปาดเหงื่อออกจากบริเวณหน้าผากเรียบร้อยแล้ว จึงโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้กานต์อย่างเอาใจใส่ ในช่วงที่ธรณินกำลังจะออกรถ กานต์จึงแตะมือเข้ากับหลังมือของธรณิน
   “ครับ” ธรณินมองมือของตนเองที่ถูกยึดไว้
   กานต์ขยับตัวนั่งเอียงข้าง ยกมือขึ้นเท้าศีรษะกับคอนโซลรถจ้องหน้าคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยจนธรณินเริ่มอึดอัดจึงถามซ้ำอีกครั้ง
   “มีอะไรครับกานต์”
   คราวนี้กานต์พรูลมหายใจยาวออกมาพร้อมกับเรียกชื่อ
   “พี่ณินอ่า...”
   ฝ่ามืออบอุ่นเอื้อมมาลูบหัวคนเรียกชื่อของตนเสียงยานคางอย่างอดมันเขี้ยวไม่ได้
   “เรียกทำไมหือ เป็นอะไรก็บอกพี่สิ เงียบแบบนี้พี่เดาไม่ถูกหรอกนะ”
   “นั่นแหละครับที่ผมจะถาม” กานต์ยิ้มกริ่ม
   “หือ...หมายความว่าไง”
   “ที่พี่ณินเงียบๆ ทำอะไรแปลกๆ จนคนทั้งบริษัทเค้าเครียดเกร็งกันไปหมดน่ะพี่ณินเป็นอะไร มีอะไรก็บอกกันบ้าง เอาแต่เงียบอย่างเดียวผมก็เดาไม่ออกเหมือนกัน”
   กานต์โยนคำถามแบบเดียวกับที่ธรณินถามมากลับไปบ้าง เล่นเอาธรณินถึงกับอึ้ง ก็เข้าใจล่ะน่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาแค่ไหน รู้สึกตั้งแต่ชวนไปนอกสถานที่แล้ว แต่จะให้บอกจริงๆ น่ะหรือ เฮ้อ...
   “ถอนหายใจแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องกลุ้มใจจริงๆ ระบายได้นะพี่ ถึงผมจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ผมช่วยรับฟังได้”
   รอยยิ้มจริงใจที่เจิดจ้าจับตาอยู่ตรงหน้าในเวลานี้ ทำให้ธรณินใจแกว่ง เริ่มขยับปากสารภาพเสียงเบา
   “พี่... เรื่องกานต์”
   คิ้วกานต์ขมวดฉับเข้าหากันทันที ชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างมันงง
   “เรื่องผม”
   “อืม” ธรณินหลุบตาลงรับคำเสียงต่ำ
   “เล่ามาพี่ พิ่อิคคิวทำปัญหาอีกรึเปล่า เดี๋ยวผมจะได้จัดให้สักหน่อย”
   ท่าทางหาเรื่องของกานต์ทำให้ธรณินหัวเราะ ขยี้ผมของกานต์อย่างหมั่นไส้
   “ไม่ใช่เรื่องอิคคิวหรอกน่า ป๋ากานต์ใจเย็นๆ นะ” เสียงกลั้วหัวเราะของธรณินทำให้กานต์กลับเข้าสู่โหมดแมวน้อยใช้หัวถูไถแขนของอีกฝ่ายที่ลูบหัวเขาอย่างออดอ้อน
   “เรื่องอะไรอ่าพี่ณิน รีบๆ เล่าซิพี่ ทำให้คนทุรนทุรายอยากรู้นี่มันทรมานนะ เล่ามาๆ”
   “คือพี่ว่า... เรื่องของพี่กับกานต์มันข้ามขั้นเร็วเกินไปไหม พอชอบกันแล้วยังไม่ทันได้จีบ ได้คบกันเลย ดันข้ามขั้นไปถึงไหนต่อไหนซะแล้วน่ะ”
   “แล้ว...” กานต์กอดอก เริ่มหรี่ตามองคนคิดมากตรงหน้า
   “เฮ้ย! อย่าเพิ่งโมโหสิ คือพี่รู้สึกผิดอยู่นะ”
   “ผิดอะไรพี่ มาจนถึงขั้นนี้แล้ว พี่ณินจะบอกว่ารู้สึกผิดแล้วอยากเลิกกับกานต์ป่ะ บอกมาตรงๆ กานต์รับได้”
   “ไม่ๆ” ธรณินละล่ำละลักปฏิเสธ รีบปลดเข็มขัด... นิรภัยออก (คิดไปถึงไหนกันน่ะ) เพื่อที่จะได้โอบคนที่เริ่มอารมณ์ขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ลูบหลังลูบไหล่ที่เริ่มเกร็งเครียดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
   “คือพี่รู้สึกผิดที่ยังไม่เคยได้เดินหน้าจีบกานต์อย่างเป็นจริงเป็นจังเลย ช่วงนี้พี่เลยพยายามหาวิธีว่า คนที่เค้าชอบเค้ารักกัน เขามีวิธีจีบกันยังไง เพื่อจะได้เอามาใช้จีบกานต์ นี่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่ก็พยายามศึกษาผลงานถ่ายแบบเก่าๆ หัวข้อคู่รักเพื่อเอามาใช้ชดเชยให้กานต์อยู่” ธรณินสารภาพยาวรวดเดียวจบ แต่ร่างในอ้อมกอดยังคงนิ่งขึงจนใจเริ่มไม่ดี
   “กานต์... อย่าเงียบสิ”
   “ตกลง... จะจีบ” กานต์ถามเสียงเบา
   “อืม... พี่ขอจีบกานต์ได้ไหม”
   “ถ้าจีบนี่ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน... เพราะงั้นอะไรๆ ที่คนเป็นแฟนทำกันเราก็ทำไม่ได้ กานต์โอเคนะไม่มีปัญหา ว่าแต่พี่ณินไหวเหรอ” กานต์หรุบตาลงต่ำมอง ‘ตัวตนของธรณิน’ ที่ด้านล่าง
   “พี่... คือ... เอ่อ...”
   กานต์ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นรถกับท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนที่โอบกอดตนอยู่ ก่อนจะชะโงกหน้าไปกระซิบริมหูเสียงพร่า
   “ถ้างั้นตอนกลางวันพี่ณินจีบกานต์ไป แล้วตอนกลางคืนเราก็เป็นแฟนกันแล้วกันเนอะ”


TBC...
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-03-2017 18:10:16
แหม กานต์แก้ปัญหาได้ดีจริง
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-03-2017 18:49:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 13-03-2017 21:32:35
555 โอ๊ย ยอมใจความน่ารัก เอาเขาไป มังกรน่ารัก
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 13-03-2017 22:26:43
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 14-03-2017 20:16:25
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-03-2017 20:42:03
เด็กมันยั่ว ป๋าก็ยอม ๆ ไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรขาว ♦▼ บทที่ 15 (13/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 17-03-2017 16:02:17
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 16 (28/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 28-04-2017 21:22:41
บทที่ 16

   “เพี๊ยะ!”
   เสียงตีมือดังขึ้นภายในห้องโดยสารรถยนต์ส่วนบุคคลที่กำลังเดินทางไปยังรีสอร์ทบริเวณภาคเหนือ  ธรณินหน้าเบ้ชักมือกลับอย่างอ้อยอิ่ง  แต่ก่อนดึงมือกลับยังแอบลูบต้นขาของคนข้างกายอย่างอาลัยอาวรณ์
   “จีบกันนี่  ยังไม่อนุญาตให้จับมือกันนะครับ  ต้องคนเป็นแฟนกันถึงจะมีจับไม้จับมือได้  พี่ณินข้ามขั้นตอนแบบนี้  เวลาไปจีบสาวที่ไหน  ถ้าพี่มือไวไปจับไปลูบแบบนี้นี่อาจโดนตบได้นะครับ  ผมขอเตือน”
   “กานต์อ่า...”
   สีหน้าคนส่งเสียงอ้อนทำให้กานต์หลุดยิ้มกว้างอย่างอดไม่อยู่  ก่อนจะหุบยิ้มฉับ  เมื่อได้ยินประโยคถัดมา
   “ทีเมื่อคืนเรายังเป็นแฟนกันอยู่เลย”
   กานต์เบ้หน้าเสมองออกไปนอกหน้าต่างรถ  ก่อนจะส่งเสียงเยาะเย้ยมาให้
   “ช่วยไม่ได้  นี่ระดับป๋ากานต์ลูกชายคนเดียวของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรนะครับ  ถ้าจีบง่ายๆ ก็แย่น่ะสิ”
   ธรณินเหยียบเบรกทันทีแล้วส่งเสียงโวยวาย
   “โห... ถ้ารู้ว่าจีบยากแบบนี้พี่ไม่จีบแล้ว!!”
   กิริยางอแงของคนข้างกายเรียกรอยยิ้มหวานหยดจากกานต์ได้เป็นอย่างดี  ธรณินใจชื้นเมื่อเห็นยิ้มจากมังกรหนุ่ม  แต่ก็ต้องหลับมาหนักใจอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงลอยตามลมมาเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความสมน้ำหน้าว่า
   “สม!!”
   ฝ่ายหนึ่งขับรถอย่างซังกะตาย  หากอีกฝ่ายมองวิวนอกหน้าต่างรถฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
   “พี่ณินๆ”
   ธรณินค่อยๆ เบือนหน้าไปตามเสียงเรียก  โดยที่ตายังคงจ้องมองถนน  คำว่ามีอะไรยังไม่ทันหลุดจากปากก็รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่บริเวณผิวแก้มตามมาด้วยเสียงดัง ‘ฟอด’ ใหญ่
   “อื้ม... ชื่นใจเนาะ  ขับรถดีๆ นะครับคุณแฟน”
   ธรณินหันหน้ามองคนพูดนิดหนึ่ง  ก่อนจะตั้งใจหันไปขับรถต่อ  ปากก็ขยับเอ่ยถาม
   “อ้าว! ทีอย่างนี้ทำไมเรียกพี่เป็นแฟนได้ล่ะ  แล้วมีลวนลามด้วยนะ  หอมแก้มนี่มีความผิดร้ายแรงกว่าจับมือไหมล่ะ”
   “ก็พี่ณินเป็นแฟนผม  ผมจะทำอะไร  ยังไง  จะกอด  จูบ  ลูบ  คลำ  ผมก็ทำได้  แต่...”
   คนรับฟังพยักหน้าพลางเลิกคิ้วถาม
   “แต่...”
   “แต่พี่ณินน่ะเพิ่งจะจีบผม  เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ เป็น  ค่อยๆ ไป  เก็ทมะ”
   “สรุปคือ  พี่เป็นแฟนกานต์  กานต์เลยมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวพี่  แต่พี่เพิ่งเริ่มจีบกานต์  พี่เลยควรจะสงบเสงี่ยมเก็บไม้เก็บมือไว้ให้ดี  ได้แต่นอนรอว่าเมื่อไหร่กานต์จะบุกมาให้ความรักความอบอุ่นกับพี่  ถูกไหม”
   “ถูก!!”
   “งั้นคืนนี้กานต์รักพี่หน่อยนะ พี่ขาดความอบอุ่น”
   “ไม่”
   “น่า... นะ  พี่น่ะโหยหาความรักนะ”
   เสียงออดอ้อน  เสียงปฏิเสธดังลั่นรถไปตลอดทาง  ทำให้การเดินทางไม่เงียบเหงา  จนมาถึงปั๊มแห่งหนึ่งกานต์ได้ยินเสียงพึมพำจากคนขับข้างกายว่า
   “พี่เริ่มละนะ” ทันทีที่จอดรถกานต์ก็รู้สึกหนาวเยือกแปลกๆ เมื่อหันไปมองจึงเห็นประกายตาหวานจนเชื่อมจับจ้องตนอยู่
   “พี่เหนื่อยแล้ว  ลงไปหาซื้ออะไรมากินกันดีกว่าเนอะ”
   “ขับรถออกมาได้ไม่เท่าไหร่นี่นะ  เหนื่อยแล้ว?” กานต์นิ่วหน้า  ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อได้รับคำตอบชวนสะเทือนใจ
   “ก็พี่ต้องขับรถไปด้วย  แล้วก็คอยไปวิ่งเล่นในหัวใจกานต์ไปด้วย... พี่ก็เหนื่อยสิครับ”
   พูดจบก็ไม่รอฟังคำบ่น  ธรณินรีบเปิดประตูรถลงไปหาซื้อน้ำซื้อขนม  เพื่อเอามาพิชิตใจกานต์ทันที  ทิ้งให้คนฟังมุกเสี่ยวนั่งทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ในรถคนเดียว  เมื่อกลับมาถึงก็รีบจัดแจงเปิดกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบบรรจงเสียบหลอดยื่นส่งให้
   “บอกตรงๆ นะพี่ณิน  กานต์ขนลุกอ่ะ”
   ฝ่ายคนปล่อยมุกกลับขยิบตาให้อย่างไม่รู้สึกรู้สา  ก่อนจะเริ่มสตาร์ทรถเตรียมออกเดินทางต่อ  กานต์ไหวไหล่ก้มลงจิบน้ำพลางถาม
   “แล้วพี่ณินไม่กินก่อนเหรอครับ  ไหนว่าเหนื่อย  ซื้อเสร็จก็มาขับต่อเลย”
   “แค่เห็นกานต์อร่อย  พี่ก็ชื่นใจแล้วครับ”
   “โอ๊ยยย!!! กานต์ยกมือกุมหัว  ขนลุกซู่ๆ รับไม่ได้กับธรณินเวอร์ชั่นเสี่ยวแด...
   ธรณินระเบิดหัวเราะเสียงดังก้องรถ  เอื้อมมือไปขยี้ศีรษะกานอย่างมันเขี้ยว
   “ถ้าให้พี่จีบต่อไป  พี่ไม่รับประกันสุขภาพขนแขนกานต์นะ  พี่จะยิงมุกให้กานต์ขนลุกทั้งวันเลยคอยดูสิ...ไหนคราวนี้ลองบอกพี่สิครับ  ว่าไม่ใช่แค่พี่ที่เป็นแฟนกานต์  แต่ ‘เรา’ ต่างหาก  ที่เป็นแฟนกัน”
   กานต์นั่งลูบแขนสงบสติอารมณ์อีกครู่  ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้  จะให้เขาทนรับความสยองขวัญของพี่ณินแบบนี้ต่อไปเหรอ  ตอบได้เลยว่าไม่  เขารับไม่ได้จริงๆ
   “ขอบคุณครับป๋ากานต์  ทีนี้เราก็เป็นแฟนกันแล้วเนอะ  หนูณินดีใจจริงๆ คร้าบ” ธรณินดัดเสียงเล็กเสียงน้อยใส่  กานต์ได้แต่เบ้ปากปรายตาใส่ ‘หนู’ ที่ตัวเบ้อเร่อเบ้อร่าอย่างหมั่นไส้
   “ป้อนหน่อยๆ ป๋ากานต์ป้อนหน่อย  หนูณินหิวน้าม”
   กานไม่เคยเข้าถึงคำว่า ‘กลอกตามองบน’ ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต  ได้แต่ส่ายหน้าส่งกระป๋องน้ำอัดลมไปให้ด้วยความรำคาญ  เสียงหัวเราะชอบใจของธรณินดังทุ้มต่ำอยู่ในลำคอ  กานต์กอดอกหลับตาส่งเสียงพึมพำ
   “พี่ณินแม่ง... กวนว่ะ”
   “กานต์ๆ”
   เสียงเรียกชื่อมาพร้อมกับการเขย่าตัวปลุก  กานต์กะพริบตาอย่างง่วงงุน  ยืดตัวนั่งให้ตรงถามไปด้วยเสียงแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่นนอน
   “ถึงแล้วเหรอครับพี่ณิน”
   ... ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก  กานต์หันไปมองธรณินที่นั่งตาค้างหน้าแดงลามไปถึงใบหู  จึงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
   “กานต์อย่าไปหลับแบบนี้ต่อหน้าใครนะ  สภาพตอนตื่นนอนกานต์โคตรเซ็กซี่อ่ะ  หัวยุ่งนิดๆ หน้าแดงหน่อยๆ ยิ่งผิวนี่แบบ...”
   ขณะบรรยายไปตาก็เริ่มเยิ้มมากขึ้น  ไม่รู้ว่าเพิ่งตื่นนอนหรือเปล่า  ทำให้กานต์คล้ายเกิดอุปาทานว่าเห็นน้ำลายปริ่มบริเวณมุมปากและทำท่าจะไหลย้อยออกมาทักทายชาวโลกในไม่ช้านี้  จึงได้แต่ส่ายศีรษะเปิดประตูรถออกไปรับอากาศด้านนอก  หลังจากที่อุดอู้อยู่ในรถมานาน  ปล่อยให้ธรณินยังคงพร่ำเพ้อต่อไปอยู่คนเดียว
   ความที่เดินทางกันแบบไม่เร่งร้อน  ทำให้มาถึงรีสอร์ทก็เป็นเวลาเย็นเกือบค่ำแล้ว  สายลมที่โชยมาทำให้กานต์ห่อไหล่ด้วยความเย็น  แต่ก็ยังเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่รับเอาอากาศบริสุทธิ์สดชื่นเข้าปอด  โพรงจมูกรับเอาไอเย็นเข้าไปเต็มที่จนคันยิบๆ ถึงกับต้องจามออกมา
   “ฮัดชิ่ว”
   แปะ! วัตถุที่มากระทบบริเวณหัวไหล่  ทำให้กานต์ต้องหันไปมอง  ก่อนจะคลายท่อนแขนที่กอดอกเอาไว้  เพื่อรับเสื้อแจ็คเก็ตสีดำที่กำลังจะเลื่อนหลุดลงจากหัวไหล่  เสียงอู้อี้ที่ดังมาจากทางด้านหลังรถทำให้กานต์ต้องเดินไปหา  ก่อนจะเห็นธรณินกำลังก้มลงหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของที่เตรียมมา
   “พี่ณินว่าอะไรนะครับ”
   “พี่บอกให้ใส่ซะ  อากาศเริ่มเย็นแล้ว  เดี๋ยวจะเป็นหวัด” ตอบคำถามโดยที่มือก็ยังสาละวนกับการยกกระเป๋าอยู่คนเดียว  ดูทรงแล้วตำแหน่งว่าที่พ่อบ้านใจกล้าคงได้มาครองอย่างสบายๆ
   กานต์ยืนยิ้มพลางนึกเล่นเรื่อยเปื่อยว่าเสื้อยี่ห้อนี้นี่ดีจัง  ใส่ที่กายอุ่นไปถึงหัวใจ... ว่าแต่พี่ณินเสี่ยว  เราเองก็เสี่ยวใช้ได้แฮะ
   “ขอบคุณนะครับพี่ณิน  ยุ่งอยู่แท้ๆ ยังอุตส่าห์เดินเอาเสื้อไปใส่ให้”
   “เปล่า”
   กานต์ขมวดคิ้วมุ่น
   “เปล่าอะไรพี่”
   “ก็เปล่าเดินเอาไปให้ไง  พี่ยุ่งขนของอยู่จะเดินไปได้ไง”
   “อ้าว?”
   เห็นกานต์ทำหน้าเหรอหรา  ธรณินจึงอดหัวเราะแล้วเฉลยพร้อมดวงตาพราวระยับและรอยยิ้มกวนตรีน
   “พี่โยนไปให้  ไม่ได้เดินไปให้”
   “โห่...พี่  นี่กำลังซึ้งเลยนะเนี่ย  หมดกัน”
   “ไปๆ ไปซึ้งต่อกันในห้อง”
   ธรณินหิ้วกระเป๋าเดินนำหน้าตัวปลิว  ท่าทางเรื่อง ‘ซึ้งๆ’ ของธรณินคงจะคนละแบบกับที่กานต์คิดแน่  กิริยาจึงออกมากระดี๊กระด๊าขนาดนั้น
   .
   กานต์ตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหลังที่แล่นปราดยามเมื่อพลิกขยับตัว  ได้แต่นอนคว่ำหันหน้าไปหาคนตัวสูงที่เดิมฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี  อยากด่าก็อยาก  แต่คอที่แห้งผากประท้วงให้เจ้าตัวได้แต่เค้นเสียงขอความช่วยเหลือแหบแห้งออกมาได้เพียง
   “พี่ณิน... หิวน้ำ”
   ธรณินหันมาเลิกคิ้วสูง  แล้วยังแสร้งพยักหน้าทำท่าเข้าอกเข้าใจ  ก่อนจะรินน้ำใส่แก้วเสียบหลอดแล้วบรรจงยื่นให้ชิดติดปาก
   “ป๋ากานต์ท่าจะเหนื่อย  ยังไงเดี๋ยวหนูณินช่วยป้อนนะครับ  ร้องเสียงดังต่อเนื่องกันขนาดนั้นหนูณินล่ะเจ็บคอแทน”
   กานต์ดูดหลอดดื่มน้ำอย่างกระหาย  ก่อนจะพึมพำอุบอิบ
   “ก็พี่ณินทำ ‘ซึ้ง’ ทั้งคืน”
   ธรณินปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นแล้วจึงพยายามแซะเอาตัวคนงอแงไม่ยอมลุกจากที่นอน  ทั้งออด  ทั้งอ้อนก็ไม่ยอมพรากตัวเองออกจากกองผ้าห่มสักที  จนต้องใช้มาตรการเด็ดขาดขู่ว่าจะซึ้งรอบเช้า  กานต์จึงยอมกระเด้งตัววิ่งเข้าห้องน้ำได้
   ออกจากห้องน้ำมาธรณินก็จับมือกานต์มาตลอดทาง  แน่นอนว่ามีสายตาหลากหลายรูปแบบส่งมาให้ ส่วนตัวกานต์เองไม่ได้แคร์อะไรกับสายตาของมนุษย์โลกอยู่แล้ว (เคยบอกไหมนะว่ามังกรน่ะเกล็ดแข็งเละค่อนข้างหนา  ทำให้ผมหน้าค่อนข้างจะหนานิดนึง - กานต์) หลังจากเดินมาได้สักระยะกานต์ก็แอบกระซิบถามธรณิน  คำตอบที่ได้กลายเป็นคำถามกลับมาว่ากานต์อายเหรอ  กานต์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ  ก่อนจะได้รับคำตอบที่แท้จริงว่า
   “ก็ถ้ากานต์ไม่อาย  พี่ก็ไม่แคร์สายตาใครหรอก”
   คำตอบของหนูณินสายมั่นเล่นเอากานต์ยิ้มหน้าบาน  มือที่จับจูงกันไว้บีบกระชับแน่นขึ้นอย่างสุขใจ  แทบจะไม่ต้องเดินไปตรงโซนบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า  กานต์ก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจแทนข้าวซะแล้ว  กานต์ก้มหน้าลงแล้วก็อดยอมยิ้มไม่ได้  เมื่อบังเอิญสังเกตเห็นจังหวะก้าวเท้าของคนทั้งคู่ที่พร้อมเพรียงกัน  จับมือแล้วเดินไปพร้อมกันแบบนี้ทำไมถึงฟินขนาดนี้ว้า... กำลังจะเงยหน้าไปบอกสิ่งที่ตนเองคิด  ธรณินก็หยุดเดินกะทันหัน  กานต์จึงหันหน้าไปพบกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก  ภายในสวนสีเขียวสดชื่นของรีสอร์ท  มีลูกโป่งสีฟ้าสลับขาวผูกไว้เป็นจุดๆ ถัดจากสวนออกไปเป็นสระว่ายน้ำ  ก็มีผ้าสีฟ้า - ขาว  สีเข้มบ้างอ่อนบ้างโยงสลับทิ้งชายลงมา  ผู้คนเดินกันขวักไขว่  เห็นได้ชัดว่ากำลังยุ่งอยู่กับการจัดอุปกรณ์เหล่านั้นขนาดไหน
   กานต์หันไปมองสบตาธรณินพลันเบิกตาโต  อย่าบอกนะว่าทั้งหมดนี่...
   เพี๊ยะ!
   “โอ๊ย! พี่ณินดีดหน้าผากกานต์ทำไม”
   “ก็ดีดเรียกสติน่ะสิ  แค่ดูหน้าก็รู้แล้วว่าคิดไปถึงไหน  ตื่นครับป๋า  หนูณินไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ป๋าคิดหรอก”
   กานต์ซี้ดปากลูบหน้าผากป้อยๆ ก่อนจะเห็นทีมงานยกกล้องและอุปกรณ์ในการถ่ายรูปเข้ามาในสวน  โธ่... ถ้าเข้ามาเร็วกว่านี้สักหน่อยก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้วแท้ๆ
   “สงสัยจะมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันล่ะมั้ง” ธรณินพยักพเยิดไปทางว่าที่เจ้าสาวร่างท้วมที่มีบรรดาช่างแต่งหน้ากำลังรุมล้อมอยู่
   กานต์หันไปมองก็เห็นสีหน้าของว่าที่เจ้าสาวที่เก็บความตื่นเต้นไว้ไม่มิด  แววดีใจ  กังวล  ตื่นเต้นฉายชัดออกมาบนสีหน้าทั้งหมด
   “พี่ณินหิวหรือยังครับ  ขอผมดูเค้าถ่ายรูปกันก่อนได้มั๊ย”
   “เอาสิ  พี่ก็อยากดูเหมือนกัน”
   ทีมงานช่วยกันประคองว่าที่เจ้าสาวให้มายืนคู่กับว่าที่เจ้าบ่าวใต้ซุ้มลูกโป่ง  ด้วยอารามตื่นเต้น  ว่าที่เจ้าบ่าวจึงเหยียบชายกระโปรงชุดยาวสีขาวของว่าที่เจ้าสาวจนเกือบหงายหลัง  ไม่มีเสียงแห่งความโกรธมีแต่เสียงหัวเราะคิกคักแซวกันไปมาจนว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวหน้าแดง
   “เป็นไงบ้างครับพี่  ดูการโพสต์ท่าแล้ว  ท่านผู้จัดการว่าใช้ได้ไหมครับ”
   ธรณินโหมดเคร่งขรึมปรายตามองมาทันที
   “การวางมือ  วางท่า  ยังเคอะเขินเกินไป  ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าที่ควร” ก่อนจะหันมายิ้มแล้วพูดกับกานต์
   “ในแง่การถ่ายแบบยังไงก็ไม่เท่านายแบบ - นางแบบมืออาชีพหรอก  แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่แน่ว่านายแบบ  นางแบบตัวจริงอาจจะถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดีเท่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้”
   “ความสุขสินะครับ” กานต์พึมพำตอบจากสายตาที่ตัวเองมองเห็น
   ธรณินเอื้อมมือไปขยี้หัวคนด้านข้างอย่างมันเขี้ยว
   “ช่าย  เก่งนะเนี่ยเราอ่ะ” ลากเสียงยาวอย่างยียวน  ก่อนจะถามเหมือนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
   “กานต์... แต่งงานกับพี่ไหม”


TBC...
ปล.ถือโอกาสเปลี่ยนชื่อเรื่องด้วยนะ จาก มังกรขาว เป็น 'มังกรกานต์' ค่ะ o18
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 16 (28/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 28-04-2017 21:46:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 16 (28/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-04-2017 22:25:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 16 (28/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 29-04-2017 21:46:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 16 (28/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-04-2017 22:09:06
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 17 (21/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 21-05-2017 13:04:45
บทที่ 17



   “แต่งงานกับผมนะครับ”

   ภาพของธรณินในสูทสีดำเรียบกริบ เซตผมเสยไปด้านหลังเปิดโครงหน้าคมคิ้วเข้มนัยน์ตาพราวระยับ กำลังนั่งตั้งเข่าขึ้นข้างหนึ่ง มือถือกล่องแหวนกำมะหยี่ยื่นส่งให้กานต์ที่ยืนก้มหน้าเล็กน้อย สายตาสบกันหยาดเยิ้มพลางยื่นมือไปรับกล่องแหวนจากธรณินในท่าคุกเข่าขอแต่งงานตามมาตรฐานสากล ทันทีที่มือแตะกล่องแหวน กานต์ก็ส่งยิ้มหวานไปให้ผู้ชายตรงหน้า อ้าปากเตรียมพูดประโยค “ขอบคุณครับ” แต่ก็ไม่ทันเสียงซึ่งตะโกนข้ามห้องมาก่อน

   “เทค!! พักก่อนๆ ยังใช้ไม่ได้ เดี๋ยวค่อยเริ่มถ่ายใหม่ละกัน”

   หลังสิ้นเสียงกานต์ก็หน้าตูม ในขณะที่ธรณินอมยิ้มนิดๆ พลางลุกขึ้นขยับตัวบิดไล่ความเมื่อยขบ หันมองไปทางเฮียใช้คนส่งเสียงเทคเมื่อสักครู่ก็เห็นเฮียอมยิ้มกลั้นหัวเราะจนไหล่กระเพื่อม

   “มันยังไม่ใช่อ่ะกร มันยังไม่ใช่”

   อาการพูดไปหัวเราะไปของทรงชัย ส่งผลให้กานต์ยิ่งหน้างอยิ่งขึ้นกว่าเดิม เดือดร้อนถึงสมชายที่ต้องคอยเดินมาพากานต์ไปนั่งดื่มน้ำกินขนมสงบสติอารมณ์ที่ด้านข้างของสตูดิโอก่อนจะมีสงครามน้ำลายรอบที่ล้านในเช้าวันนี้

   กานต์กัดคุกกี้ในมือไป นึกเข่นเขี้ยวธรณินไป รวมทั้งพาลไปหมดทั้งกองถ่ายนี่แหละ แต่ละคนช่างมีความกระตือรือร้นในหน้าที่ของตัวเองซะเหลือเกิน ไล่มาตั้งแต่แต่งหน้าบรรจงไปไหม เสื้อผ้านี่กริบแล้วกริบอีก ยิ่งเฮียใช้ยิ่งตัวดี พิถีพิถันจริ๊ง แล้วทุกครั้งที่สั่งเทคนี่ เฮียแกก็ดูมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นด้วยนะ ส่วนทำไมกานต์ถึงได้มานั่งโมโหอยู่ตรงนี้น่ะเหรอ สาเหตุก็มาจากตอนกลับมาจากเที่ยวแล้วน่ะสิ

   เสียงโทรศัพท์ที่แผดเสียงดังขึ้นมาทำให้มือที่กำลังรุกรานร่างที่นอนสลบไสลอยู่ต้องหยุดชะงักลงอย่างช่วยไม่ได้ ธรณินควานหาโทรศัพท์ไปจนเจอหล่นอยู่ใต้ที่นอนน่าจะเพราะเมื่อคืนปัดไปโดนร่วงลงมา (ส่วนสาเหตุที่ทำไมมือถึงปัดไปโดน?? แค่กๆ เราจะข้ามไป) นิ้วเรียวยาวเลื่อนหน้าจอปราดๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอเป็นชื่อของเฮียใช้ เฮียมีงานด่วนอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย โทรมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ธรณินกดรับสายพลางไล้มือไปบนแผ่นหลังเนียนลื่นด้วยอารมณ์อยากดูเอ็น เอ๊ย! เอ็นดู ผู้นอนหลับอยู่ตรงหน้า

   “ครับ สวัสดีครับเฮียใช้”

   ปลายนิ้วที่เลื่อนหน้าจอคล่องแคล่วเพียงใด ในขณะที่ลูบไล้แผ่นหลังกลับคล่องแคล่วยิ่งกว่าปากขยับพูดตอบรับคำของทรงชัย มือก็เริ่มพร่างพรมลงบนเส้นโค้งเส้นเว้าตามไลน์กล้ามเนื้อประหนึ่งนักเปียโนระดับโลกกำลังแสดงสดด้วยอารมณ์ชื่นมื่น

   “หืม... ว่าไงนะครับ”

   น้ำเสียงกลั้วหัวเราะส่งผลให้กานต์ซึ่งกำลังสะลึมสะลือรู้สึกแปลกใจ อะไรนะที่ทำให้พี่ณินอารมณ์ดีแต่เช้า ว่าแต่ว่าจะลูบกันอีกนานไหม ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะจะได้โดนบีบโดนขยำแล้วจะไม่รู้สึกอะไร ยิ่งเช้าๆ แบบนี้ด้วยแล้ว... สู้นะครับไม่ใช่ไม่สู้

   “ครับๆ ตกลงรับครับเฮีย”

   นิ้วอุ่นร้อนลากจากเบื้องหลังไปหาตุ่มไตทางด้านหน้าอย่างแผ่วเบา เอนกายตะแคงลงแนบชิดจ้องมองใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีนัยน์ตาเชื่อมปรอยอย่างหลงใหล

   “ไม่ต้องถามหรอกครับรายนี้ ผมว่ายอมนะ...”

   นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่รวมพลังกันหมุนวนรอบป้านตุ่มเล็กอย่างสามัคคี กานต์ตาปรอยขยับร่างเบียดเข้าหาเอียงตัวให้อีกฝ่ายรุกรานอย่างถนัดถนี่ยิ่งขึ้น ธรณินเสียงพร่าถามเบาๆ โดยไม่ปิดโทรศัพท์เพื่อให้ปลายสายได้ยินด้วย

   “ว่าไง ยอมไหม เราน่ะ”

   “ยอมครับพี่ณิน”

   เสียงสะอื้นฮักยินยอมจากปลายสาย เล่นเอาทรงชัยระเบิดคำด่าใส่ธรณินชุดใหญ่จนต้องยืดแขนออกจนสุดเพื่อไม่ให้เสียงของเฮียใช้ทำลายบรรยากาศหวานเชื่อมยามเช้า จนเมื่อเสียงบ่นเบาลง จึงกรอกเสียงกลั้วหัวเราะลงไปว่า

   “อ้าว! ก็เฮียใช้ถามว่ากรจะยอมรับงานไหม ผมก็ถามให้ แล้วกรก็ตกลงยอมรับแค่นั้นเอง เฮียจะด่าผมทำไมเนี่ย”

   เสียงเจริญพรจากปลายสายบ่นมาอีกชุด

   “เออๆ ถ้าตกลงก็มาแล้วกัน เดี๋ยวเมล์ส่งรายละเอียดไปให้ เฮียไม่คิดเลยว่าณินจะเป็นคนแบบนี้ หูเฮียเสื่อมหมดกะ...”

   คำว่ากันยังไม่ทันพ้นออกจากปากก็ได้ยินเสียง “อ๊า” จากปลายสาย ทรงชัยรีบกดตัดสายทันที ธรณินหัวเราะหึๆ โยนโทรศัพท์ส่งๆ ไปด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่ทำให้สนใจจริงจังได้ในตอนนี้คือยอดซึ่งขึ้นสีสั่นระริกในมือเขามากกว่า

   อ้าปากครอบลงไปก็รู้สึกถึงแรงกระตุกจากเจ้าของร่าง ธรณินตั้งหน้าตั้งตาชิมรสเสียงที่พูดออกมาจึงอู้อี้อยู่บ้าง

   “ตกลงกานต์ยอมรับงานนี้นะครับ”

   “อือ... พี่ณินถามตอนนี้ อะไรๆ กานต์ก็ต้องตกลงล่ะครับ อื้ม” แผ่นอกแอ่นโค้งเพื่อให้ได้รับสัมผัสได้อย่างเต็มที่ เสียงที่ตอบรับจึงขาดๆ หายๆ พอๆ กันกับคนถาม

   “ดีล!! เป็นอันตกลงรับงานนี้นะครับ”

   งานที่ว่าก็คืองานนี้ ถ่ายโฆษณาคู่กันให้เว้ดดิ้งสตูดิโอครบวงจรแห่งหนึ่ง เพราะว่าตอนนี้กระแสทั้งทางด้านบวกและทางด้านลบของทั้งคู่กำลังมาแรง ทางสตูดิโอจึงรีบใช้โอกาสนี้ใช้ความดังของทั้งสองให้เป็นประโยชน์ ลำพังแค่ถ่ายทำเป็นภาพเคลื่อนไหวก็เกร็งจะแย่แล้ว แต่ที่หนักสุดเห็นจะเป็นเพื่อนร่วมงานนี่แหละ ดูมีความสุขเหมือนมางานมงคลสมรสก็ไม่ปาน โดยเฉพาะธรณิน... ไอ้พี่ณินตัวดีที่ล่อลวงให้รับงานนี้ ยืนฉีกยิ้มหน้าบานเหมือนเจ้าบ่าวรอต้อนรับแขกเข้างานไม่มีผิด ระริกระรี้ช่วยงานในกองทุกอย่างจนน่าสงสัยว่างานนี้คงทำกำไรให้อื้อซ่าซะละมัง ถึงได้กุลีกุจอขนาดนี้ กานต์นึกสรรเสริญธรณินอยู่ในใจเป็นชุด ชนิดที่ถ้าเจ้าตัวมาได้ยินเข้าคงต้องถึงขั้นยกมือไหว้ร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว แต่ใครจะรู้ว่าอาการยินดีที่ธรณินแสดงออกมานั้นมีที่มาที่ไป สาเหตุหลักๆ เลยก็เพราะการถ่ายโฆษณาชุดนี้ก็เหมือนเป็นการประกาศตัวว่ากานต์เป็นของธรณินให้คนทั่วไปได้รับรู้ จะได้ไม่ต้องมีมดแดงที่ไหนมากวนใจให้เสียอารมณ์ และที่สำคัญการประกาศตัวในครั้งนี้ ยังได้ค่าจ้างราคางามกลับมาเป็นของแถมอีกต่างหาก (แค่กๆ) มีแต่ได้กับได้ขนาดนี้จะไม่ให้ธรณินปลื้มปริ่มยังไงไหว

   “กร ณิน มาหาเฮียหน่อยดิ๊ เดี๋ยวเฮียอธิบายให้ฟังอีกรอบ”

   ทรงชัยตะโกนเรียกทั้งคู่มาทำความเข้าใจอารมณ์ของโฆษณาชุดนี้ให้ฟังซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่เทคยับมาตั้งแต่เช้า ดีที่ว่าทีมงานเป็นคนคุ้นเคยกันทั้งหมด อีกอย่างการได้ดูเจ้ากรทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในขณะที่ธรณินก็คอยประคับประคองดูแลเอาใจใส่เป็นเรื่องสนุกสนานสำหรับทุกคน เลยยังอารมณ์ดีหัวเราะคิกคักกันได้อยู่ แต่งานก็ต้องเป็นงาน ยังไงก็ต้องเสร็จให้ทันตามกำหนดคือภายในวันนี้
   กานต์เดินนำหน้ามาด้วยรอยยิ้ม... แหยๆ ในขณะที่คนเดินตามหลังมายิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงใบหู ทรงชัยเห็นเข้าก็ได้แต่ส่ายหน้า น่าจะจับเอามาปั่นรวมกันแล้วหารสองจริงๆ คงได้บุคคลที่ยิ้มได้ปกติออกมาคนหนึ่ง

   “มาๆ กรก็เลิกทำหน้าเป็นตูดได้แล้ว รู้ไหมเฮียมองผ่านมอนิเตอร์แล้วนึกว่าโฆษณายาถ่ายสำหรับคนท้องผูก ยิ้มก็จริงนะ แต่ดูกระอักกระอ่วนยังไงชอบกล... ไม่ต้องมาขำเลยณิน”

   เสียงหัวเราะจากธรณินทำให้ทรงชัยต้องเบนเข็มไปโจมตีเป้าหมายต่อไปทันที

   “เราก็เหมือนกัน จะยิ้มหน้าบานไปไหน อย่างกับโฆษณาส่งฝาชาเขียวชิงโชคชิงรางวัลเงินล้าน...คุณสองคนช่วยแสดงอารมณ์แบบพอดีๆ ได้ไหมครับ นี่ไม่ใช่ละครเวที แอ็คติ้งไม่ต้องเว่อวังขนาดนั้น”

   จากที่ตอนแรกบรรยากาศดูผ่อนคลาย เจอคำว่า “คุณ” ของทรงชัยเข้าไป ทำให้ทั้งคู่ต้องเริ่มสงบเสงี่ยมแล้วยืนฟังเฮียแกร่ายยาวต่อไป ถ้ามึงมาพาโวยถ่ายไปด่าไปนี่รับรองได้ว่าเฮียแกอารมณ์ดี แต่ถ้ายิ่งสุภาพมากเท่าไหร่นี่เตรียมตัวให้ดี อารมณ์แกกำลังขุ่นและพร้อมจะพัดทำลายล้างคนทั้งกองนั่นแหละ

   “พวกคุณฟังผมให้ดีนะ สตูดิโอนี้รับจัดทำทุกอย่าง ทุกเรื่อง เกี่ยวกับงานแต่งงาน เขาต้องการให้คนรับสารรู้ว่าเขาสามารถเนรมิตได้ทุกรูปแบบการจัดงาน แล้วที่เลือกพวกคุณมา โอเค ว่าตอนนี้พวกคุณกำลังอยู่ในกระแสถือเป็นจุดขายได้อย่างหนึ่ง แต่ประเด็นหลักเลยคือคุณคือคู่รักชายรักชาย เขาต้องการนำเสนอว่าไม่ว่าเพศใดก็ตามเมื่อมีความรัก พวกเขาก็สามารถมอบความสุขผ่านการจัดงานแบบมืออาชีพได้ สิ่งที่พวกคุณต้องแสดงออกมาในโฆษณาชุดนี้จริงๆ ไม่ใช่ความหวานจนเลี่ยน แต่เป็นความสุขที่ได้มีความรัก... เข้าใจใช่ไหม?”

   เห็นทั้งธรณินและกานต์ต่างยืนนิ่งรับฟัง ทรงชัยจึงผ่อนลมหายใจยาว ไม่พูดต่อให้มากความ เพราะยิ่งพูดจะยิ่งกลายเป็นความกดดัน แค่บอกหลักใจความสำคัญเสร็จจากนั้นจึงไล่ทั้งคู่ไปนั่งทำอารมณ์ใหม่ พลางนัดแนะว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มงาน แต่ก็ไม่วายขู่สำทับ

   “หวังว่ากลับมาถ่ายอีกครั้งจะโอเคขึ้นนะ”

   “เฮ้อ...”

   กานต์ส่งเสียงถอนหายใจทันทีเมื่อเดินมาลับหลังทรงชัยแล้ว

   “เครียดหน่อยนะกานต์” ธรณินโอบไหล่แล้วตบบ่าแรงๆ เป็นเชิงปลอบ

   “ไม่ได้เครียดพี่ แต่กลัวเฮียใช้ เพิ่งเคยเห็นตอนเฮียแกว่าแบบนิ่งๆ”

   ธรณินเลิกคิ้วหัวเราะหึๆ โยกหัวกานต์ไปมาอย่างอารมณ์ดี

   “ผมเสียทรงหมดแล้วพี่ณิน เดี๋ยวพี่ซิสซี่เห็น กานต์ก็โดนอีกหรอก”

   “ยอมพูดกับพี่แบบดีๆ ได้แล้วเหรอ”

   “อืม... ก็นะ... ตอนนี้ต้องร่วมใจกันถ่ายโฆษณาให้ผ่านไปได้ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับไปงอนต่อที่บ้าน”

   กานต์หันมายักคิ้วแผล็บให้ธรณินแบบกวนประสาท ก่อนจะหลุดขำออกมา เพราะเสียงโอดครวญจากคนตัวโตที่ทำเสียงเล็กเสียงน้อยขัดกับขนาดร่างกาย

   “กานต์อ่า... ใจร้าย” ธรณินทอดเสียงยาวก่อนจะหยุดนิ่ง

   “แต่แปลกนะ”

   “ครับ?”

   “ยิ่งกานต์ร้าย ทำไมพี่ยิ่งรัก”

   “ผลัวะ” ทีนี้เสียงทุบไหล่ธรณินดังสนั่น แต่เจ้าตัวก็หาได้แคร์ไม่ กลับยิ้มหัวเราะเสียงดังไป พลางลูบไหล่ตัวเองไปพลางอย่างอารมณ์ดี

   “บอกแล้วใช่ไหมอย่าเล่นมุกเสี่ยว ผมขนลุก” กานต์พูดไปลูบแขนไป

   “พี่ช่วยละลายพฤติกรรมให้ไง เห็นกานต์เครียดๆ”

   “ละลายด้วยวิธีอื่นเหอะพี่ แบบนี้รับไม่ได้จริงๆ”

   ธรณินอมยิ้มมองดูกานต์ลูบแขนป้อยๆ ก่อนเอ่ย

   “กานต์ จำวันที่พี่ขอกานต์แต่งงานได้ไหม”

   กานต์ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องพักส่วนตัวก่อนพยักหน้ารับ

   “อือ จำได้ดิ”

   ธรณินทิ้งสะโพกตามลงไปนั่งหมิ่นๆ บนที่เท้าแขนแล้วเอื้อมมือไปเกลี่ยลูกผมที่รุ่ยร่ายจากการโดนโยกหัวเมื่อสักครู่ให้เข้าที่

   “ตอนนั้นที่พี่ถามว่าแต่งงานกับพี่ไหม กานต์ตอบว่ายังไงนะ”

   “เอาดิ”

   คำตอบที่สวนกลับมาทันควัน ทำให้ธรณินอมยิ้ม ได้ฟังคำตอบเดิมซ้ำๆ ก็ยิ่งชื่นใจ

   “ทำไมกานต์ตอบตกลงเร็วอ่ะ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องทบทวนหน่อยเหรอ”

   กานต์ส่ายหน้าหวือ ตอบเสียงดังฟังชัด

   “ไม่เห็นจำเป็นต้องคิดเลยพี่ณิน พี่คือเนื้อคู่ของผมทางทฤษฎี แล้วก็คือคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากๆ ในทางปฏิบัติ เพราะฉะนั้น พอพี่ถาม ผมถึงเซย์เยสอย่างรวดเร็วไงครับ อ๊ะๆ จะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ทันแล้วนะหนูณิน กินป๋าไปทั้งตัวและหัวใจขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องรับผิดชอบป๋าไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ”

   “คร้าบป๋า หนูณินไม่ปล่อยให้ป๋าหลุดมือไปได้แน่ๆ เพราะถ้าพลาดจากหนูณิน ป๋ากานต์จะไปหาคนดีๆ แบบนี้ได้ที่ไหนอีกล่ะครับ”
   กานต์และธรณินมองหน้ากันแล้วต่างก็หัวเราะในความปัญญาอ่อน เอ๊ย! ในความน่ารักของกันและกัน บรรยากาศเคร่งเครียดเมื่อสักครู่หายไปหมด ธรณินจับมือกานต์ขึ้นมาเล่น พูดเรื่อยๆ โดยไม่มองหน้า เพื่อไม่ให้กานต์รู้สึกกดดัน

   “แค่นี้เองกานต์ แค่กานต์แสดงความรู้สึกมีความสุขออกมาก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องคิด ไม่ต้องปรุงแต่ง แค่เอาความสุขในใจที่กานต์ถูกพี่ขอแต่งงานแสดงออกมาให้คนภายนอกรับรู้ก็แค่นั้น”

   พูดจบธรณินก็ดึงมือของกานต์ขึ้นมาแนบแก้ม เอียงหน้าอมยิ้มมองดูฝ่ายตรงข้ามที่ยิ้มตอบรับกลับมาอย่างเข้าใจ

   “นี่” ธรณินในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมคลายความอึดอัดลงสองเม็ด พลางขยับตวัดเสื้อสูทพาดไหล่ ในขณะที่ยืนไขว้ขาทิ้งสะโพกพิงราวบันไดด้วยท่วงท่าสบายๆ ส่งเสียงเรียก

   กานต์ที่กำลังถอดเสื้อสูทพาดบนแขนซ้ายหันหน้ามาทางธรณินพลางเลิกคิ้วถาม

   “มีอะไร”

   ถามเสร็จก็หันไปเท้าแขนบนราวบันได สายตามองเหม่อไปด้านหน้า สายลมที่โชยมาแผ่วๆ ทำให้ลูกผมตรงหน้าปลิวระข้างแก้ม

   “แต่งงานกับพี่ไหม”

   เสียงถามเรียบเรื่อยเหมือนถามสภาพดินฟ้าอากาศจากคนด้านข้าง ทำให้กานต์จุดยิ้มที่มุมปากขึ้นพร้อมๆ กับคำตอบที่พูดสวนออกมาด้วยเสียงไม่หนักไม่เบาแต่มั่นคง

   “อืม... เอาดิ”

   กล้องจับภาพที่ทั้งคู่มองตาอมยิ้มให้กันก่อนจะไล่ลงมาและหยุดภาพแช่ไว้ที่มือหนากุมทับไปบนหลังมือขาวจัดที่มีแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ เรียบง่ายสวมอยู่บนนิ้วนาง ไม่ต้องมีการคุกเข่าขอแต่งงาน ไม่ต้องมีอุปกรณ์ประกอบในการเซอร์ไพรส์ มีเพียงความสุขที่อบอวลฉายชัดผ่านสิ่งที่เรียกว่าความรักเพียงเท่านั้น


TBC...



หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 17 (21/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-05-2017 13:11:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 17 (21/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-05-2017 13:43:55
คนเขียนหายไปนานจนต้องย้อนไปอ่านตอนก่อนเลย
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 17 (21/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 21-05-2017 16:12:59
ป๋านี่็น่ารักเนอะ หายไปนาน อ่านทวนใหม่อีกรอบเลย อ้าแขนคะ ยินดีต้อนรับกลับมาเขียนต่อ ฮ่า ๆๆ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 17 (21/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-05-2017 19:50:43
นิยายสนุกดี ดีใจที่ได้มาอ่าน

แต่พอดูเวลาอัพ  :mew5: นิยายรายเดือนเหรอเนี่ย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 17 (21/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 23-05-2017 08:24:58
พี่ณินของน้อง
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 18 (25/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 25-05-2017 16:58:34
บทที่ 18

   “พร้อมไหมพี่ณิน”

   เสียงกานต์ถาม ส่วนธรณินก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับ กานต์ค่อยๆ กุมมือสอดประสานนิ้วทั้งสิบของทั้งคู่เข้าด้วยกัน ร่างกายของทั้งสองต่างตะแคงตัวเข้าหากันอยู่บนที่นอนหนานุ่ม ขาเกี่ยวกระหวัดลำตัวแนบชิด

   “มองตาผมไว้นะครับ ไม่ต้องเกร็ง ผ่อนคลายหน่อยพี่ณิน”

   ธรณินสูดหายใจเฮือก พยายามรวบรวมสมาธิจดจ่อไว้ที่ดวงตาของกานต์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ความเจ็บปวดที่ค่อยๆ โอบล้อมเข้ามาก็เกือบทำให้จิตหลุดอยู่เหมือนกัน เม็ดเหงื่อค่อยๆ ซึมที่ขมับ ใบหน้าที่แดงก่ำจากความอดทนต่อความเจ็บปวด ปากที่เม้มแน่นแลดูทรมานจนกานต์ต้องเอ่ยปาก

   “พอก่อนไหมครับพี่ ท่าทางพี่ณินดูแย่มากเลยครับ”   

   กานต์อยากเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อที่ไรผมให้ธรณินใจจะขาด แต่มือที่กุมกันอยู่ก็ไม่สามารถจะปล่อยจากกันได้

   “อึก... พี่... ไม่ต้องห่วงพี่ ไปต่อได้เลย”

   กานต์ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็จริงอย่างที่ธรณินว่า ควรไปต่อได้เลย ถ้าขืนหยุดกลางคัน คนที่ทรมานน่าจะเป็นธรณินเอง กานต์จึงกัดฟันเดินหน้าให้ถึงที่สุด

   “อ๊า...”

   สำนึกสุดท้ายของธรณิน ได้ยินเพียงเสียงร้องของตนเอง ก่อนความปวดร้าวจะถาโถมเข้าใส่จนเหมือนร่างกายจะฉีกขาด จากนั้นโลกทั้งใบของธรณินก็ดับวูบลง
   .
   .
   .
   “พี่ณิน... พี่ณินครับ เป็นยังไงบ้างพี่”

   เสียงเรียกร้อนรนและสัมผัสเย็นเฉียบบริเวณข้างแก้ม ทำให้ธรณินค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้นกระพริบอย่างยากลำบาก พอจะพลิกลำตัวขึ้นปลุกปลอบคนที่กำลังร้องเรียก ร่างกายกลับประท้วงโดยการส่งความรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัวมาให้เป็นบรรณาการ

   “โอ๊ย!” ธรณินคิดว่าตัวเองตะโกนร้องโอดโอยออกมาอย่างดัง แต่ความเป็นจริง เสียงที่ผ่านลำคอออกมาแหบแห้งแผ่วเบาเหมือนคนขาดน้ำมานานมากกว่า... น้ำ จริงสิ หิวน้ำชะมัด ทันทีที่รู้สึกจึงเปล่งเสียงขอน้ำอย่างที่ร่างกายต้องการ

   จอกใบเล็กถูกส่งประชิดริมฝีปาก อึกแรกที่ล่วงผ่านกลับสร้างความชุ่มฉ่ำอย่างถึงที่สุด ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าอาการเจ็บแปลบตามเนื้อตัวเหมือนจะบรรเทาไปได้มากกว่าครึ่งเมื่อดื่มน้ำลงไป

   “กานต์...”

   “ครับพี่ณิน”

   “เรามาถึงแล้วใช่ไหม”

   กานต์ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ก่อนจะค่อยๆ ประคองธรณินให้ลุกขึ้นนั่งพิงบ่าของตนแล้วจึงสอดแขนกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมอกพลางเอ่ยเสียงโอ้อวดนิดๆ

   “ยินดีต้อนรับสู่วังมังกรครับพี่ณิน”

   ภาพที่ปรากฏเข้าสู่สายตาของธรณินคือโถงกว้าง เพดานประดับไข่มุกเม็ดเท่ากำปั้น ฝังเรียงอัดแน่นถี่ยิบ ส่งผลให้ห้องสว่างไสว ในส่วนของฝาผนังและพื้นเป็นหินอ่อนประดับทองคำ เฟอร์นิเจอร์ในห้องเน้นสีดำเดินลายทองเป็นหลัก ธรณินหลับตาลงเพื่อพักสายตาจากแสงมลังเมลืองในห้อง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่

   “อลังการไปไหนเนี่ย”

   กานต์หัวเราะ ก่อนจะหันไปหยิบจอกเงิน (แน่นอนว่าฝังอัญมณีแพรวพราย) ส่งให้ธรณินอีกครั้ง

   “ดื่มน้ำอีกนิดนะพี่ณิน พี่จะได้หายเจ็บเนื้อเจ็บตัว นี่เป็นน้ำโลกมังกร ดื่มแล้วช่วยปรับสภาพดวงจิตของพี่ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในโลกนี้ได้ง่ายขึ้น”

   ธรณินดื่มน้ำไปอีกจอกก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดหายไปเกือบหมด เหลือแต่ความเมื่อยล้าคล้ายเวลาที่เราวิ่งออกกำลังกายมานานๆ แล้วแขนขาจะดูอ่อนแรงไปบ้างแค่นั้น... นี่ขนาดมาแค่ดวงจิตยังขนาดนี้ ถ้าเอากายเนื้อมาจะขนาดไหน ธรณินนึกย้อนไปถึงสาเหตุที่ตัวเขาอยากมาวังมังกร ในคืนก่อนที่คุยกับกานต์เรื่องแต่งงานอย่างจริงจัง

   “กานต์ พี่ว่าพี่ควรไปพบพ่อแม่ของกานต์ เพื่อบอกให้พวกท่านรับรู้เรื่องของเรานะ”

   “ห๊ะ!!”

   เห็นกานต์มีสีหน้าตื่นตกใจ ธรณินก็คอตก เดือดร้อนให้กานต์ต้องเดินมาปลอบ

   “อย่าแม้แต่จะคิดน้อยใจใดๆ เลยนะพี่ณิน รู้นะพี่คิดอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพาพี่ไปหาพ่อกับแม่ แต่การเดินทางไปวังมังกรน่ะค่อนข้างพิเศษนิดนึง”

   เออ... เขาก็ลืมคิดไป กานต์เป็นมังกรนี่หว่า (บางครั้งก็คิดว่าน่าจะเป็นแมวมากกว่าอะนะ) ถ้าจะไปพบพ่อกับแม่ของกานต์ก็ต้องไปที่วังมังกรน่ะสิ แล้ว... วังมังกรที่ว่านี่ จองตั๋วที่ไหนได้ล่ะ ควรไปทางเรือใช่ไหม แล่นเรือออกไปกลางทะเลแล้วกดกริ่งบอกให้เรือหยุด จากนั้นก็แบกกระเป๋าพุ่งหลาวลงน้ำไป?

   ก่อนที่จินตนาการของธรณินจะบรรเจิดไปกว่านั้น กานต์ก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งบนที่นอนเอาหัวถูไถบ่าของธรณินจนเป็นที่พอใจแล้วจึงเอนตัวลงนอนบนตักของธรณิน เล่าถึงวิธีการเดินทางไปวังมังกร (นี่ไงที่บอกว่าน่าจะเป็นแมว - ธรณิน)

   “เดี๋ยวกานต์เล่าให้พี่ณินฟังก่อนนะว่าที่โลกมังกรเนี่ย อากาศจะหนักกว่าที่โลกมนุษย์นิดนึง เอ่อ... อันที่จริงก็ไม่นิดอะนะพี่ หนักกว่าค่อนข้างมากเลยแหละ สำหรับพวกผมที่เกิดและเติบโตมาที่นั่นแล้วก็เป็นปกติ เวลามาที่โลกมนุษย์ก็ไม่ค่อยลำบาก เราเอาร่างจริงมาได้เลย เพราะอากาศที่นี่เบากว่า กลับกัน ถ้าทางมนุษย์จะไปโลกของผมนี่ ลำบากหน่อย ถ้าเอากายเนื้อไป รับรองอวัยวะภายในโดนกดทับจนเละแน่ ทางที่ดีควรเดินทางเฉพาะดวงจิตโดยให้ดวงตามังกรนำทางเอาจะปลอดภัยกว่าครับ”

   “ดวงตามังกร? แล้วพี่จะไปหามาจากที่ไหนได้ล่ะ”

   สิ้นสุดคำถาม ธรณินก็เห็นกานต์นอนยิ้มทำหน้าเจ้าเล่ห์ มือชี้เข้าหาตัวเองด้วยท่าทางนำเสนอสุดๆ

   “หมายถึงลูกกะตากานต์เนี่ยนะ”

   “เยสสส...” กานต์ลากเสียงยาว

   “มีมังกรตัวเป็นๆ อยู่กับบ้านแล้วต้องใช้ให้คุ้มสิครับพี่”

   “ต้องควักออกมาต้มทำเป็นยาน้ำดื่มด้วยป่ะเนี่ย”

   กานต์ส่ายหน้าจิกสายตาใส่ธรณินอย่างเอาเป็นเอาตาย ได้แต่ถามว่าพี่ณินใช้อะไรคิดเนี่ย จะเดินทางทีควักลูกกะตากันที ป่านนี้ที่วังมังกร คงมีแต่มังกรตาบอดกันเต็มไปหมด

   “แค่ง่ายๆ พี่ณินมองตาผมไว้ ใช้ร่างกายทุกส่วนสัมผัสกันให้มากที่สุด แล้วผมจะพาพี่เดินทางไปเอง ทางทฤษฎีเหมือนจะง่ายอะนะ แต่ทางปฏิบัตินี่ก็ต้องทนเจ็บเอานิดนึง พี่ณินพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกกานต์ละกัน เดี๋ยวกานต์พาไป”

   “งั้นพรุ่งนี้ไปกันเลยก็แล้วกัน พี่ใจร้อน ว่าแต่... เวลาไปบ้านกานต์ เราคงใกล้ชิดกันมากไม่ได้ เดี๋ยวมันจะดูไม่ดีเนอะ”

   กานต์ยิ้มให้ธรณิน นึกขอบคุณในใจที่อุตส่าห์คิดเพื่อตัวเขา ก่อนรอยยิ้มจะแข็งค้างอยู่บนใบหน้า เพราะประโยคต่อมาของธรณิน

   “งั้นคืนนี้ เรามาทำเผื่อกันไว้เยอะๆ ก็แล้วกันเนอะ สะสมไว้ก่อน!!”

   ธรณินคงยังนั่งเหม่อถึงการ ‘ทำตุนไว้’ ถ้าไม่มีเสียงเรียกจากทางด้านนอกลอยมา

   “นายน้อย... ท่านผู้นำเผ่ากับนายหญิงให้มาเรียนว่า ถ้านายน้อยและแขกของนายน้อยพร้อมแล้ว ให้ไปพบพวกท่านที่ห้องทองคำครับ”

   “อื้ม ขอบใจมาก เดี๋ยวอีกสักพักเราตามไป”

   ธรณินเลิกคิ้วมองกานต์พลางเอ่ยถาม

   “กานต์ไปหาพ่อกับแม่มาแล้วเหรอ”

   กานต์หัวเราะคิกคักส่ายหน้า

   “ยังไม่ได้ไปหรอกพี่ณิน แต่ทันทีที่ผมกลับมาถึง ไอมังกรบนตัวผมก็บอกให้ทุกคนรู้อยู่แล้วล่ะว่าผมกลับมาแล้ว ว่าแต่หนูณินของป๋าเถอะ หน้าแดงๆ แบบนี้ เขินหรือครับที่ต้องไปพบพ่อกับแม่ของป๋าเนี่ย ไหนๆ มาให้ป๋ากอดให้กำลังใจหน่อยเร้ว... สู้ๆ นะหนูณิน พ่อกับแม่ป๋าไม่ดุหรอก”

   กานต์สวมกอดธรณิน เอาหน้าซบกับอก ได้ยินเสียงใจของธรณินเต้นดังตึ้กๆ แทบจะทะลุออกมานอกอกก็นึกเห็นใจ จึงได้แต่กอดอีกฝ่ายให้แน่นๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน โดยหารู้ไม่ว่าธรณินรู้สึกตื่นเต้นแค่นิดหน่อย แต่ที่หน้าแดง เพราะดันไปนึกถึงเรื่องที่ชวนกานต์ใกล้ชิดกันแบบจัดหนักจัดเต็มก่อนมา นึกแล้วก็ละอายนิดหน่อยล่ะนะ ที่คิดแต่เรื่องพรรค์นี้กับลูกเขาในถิ่นของเขาเนี่ย!! แต่จะให้บอกกับกานต์ได้ยังไงล่ะ เลยได้แต่ตอบรับอ้อมกอดของกานต์ตามน้ำไป ก่อนจะจับจูงกันไปห้องทองคำที่พ่อกับแม่ของกานต์รอพบอยู่



   ถ้าถามว่าการข่มขวัญนี้มีผลกับธรณินไหม ขอบอกเลยว่ามาก!!

   ร่างมังกรขาวที่ส่องแสงเรืองรอง ลำตัวใหญ่ยักษ์พันทบขดไปมาสองตัวตรงหน้า โดยมีฉากหลังเป็นผนังห้องที่ทำด้วยทองคำมลังเมลืองสะท้อนเข้าสู่สายตาตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในห้อง ‘ทองคำ’ ซึ่งก็ทองคำสมชื่อ ผนังห้อง เพดาน เครื่องเรือน ทุกสิ่งอย่างล้วนทำมาจากทองคำ ลำพังแค่ร่างจริงของมังกรขาวสองตัวตรงหน้าก็น่าเกรงขามมากพออยู่แล้ว พอบวกเพิ่มออปชั่นเว่อวังเข้าไปยิ่งทำให้ธรณินเริ่มมีอาการขวัญหนีดีฝ่อขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

   “พ่อ แม่ เลิกโชว์ออฟเหอะ พี่ณินเคยเห็นร่างจริงของกานต์แล้ว พี่เขาไม่กลัวหรอก”

   เสียงของกานต์ช่วยดึงสติของธรณินให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกรอบ อย่างน้อยก็ยังมีกานต์อยู่ตรงนี้ ตรงที่ข้างๆ กัน ว่าแต่... กานต์จะไม่ถามพี่สักหน่อยเหรอว่าพี่กลัวไหม

   หลังแสงเงินแสงทองจางลง (อยู่กับเผ่าพันธุ์นี้มากๆ มีสิทธิ์ตาบอดได้นะเนี่ยเรา เจิดจ้ากันตลอดเวลา - ธรณิน) หนึ่งชายหนึ่งหญิงคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้น พ่อของกานต์สีหน้าเฉยชา ท่าทางสง่างามสมกับเป็นผู้นำเผ่ามังกร บุคลิกดูเคร่งขรึมจริงจัง ถ้าไม่ได้ยินเสียงบ่นพึมพำแว่วๆ มาว่า โห่... ไม่หนุกเลย ตามมาน่ะนะ

   ส่วนแม่ของกานต์นั้นแลดูอ่อนหวาน ผมยาวสยายสีน้ำตาลทองนั้นยิ่งขับให้ผิวที่ขาวจัดอยู่แล้วเหมือนจะเปล่งแสงเรืองๆ ออกมาได้ ใบหน้าประดับรอยยิ้มอบอุ่นแตะแต้มอยู่ตลอดเวลา ธรณินหันไปมองแม่ของกานต์สลับกับกานต์ไปมา จึงได้ข้อสรุปในใจทันที หน้าตาคุณแม่ของกานต์นี่... นี่มันกานต์เวอร์ชั่นผู้หญิงชัดๆ!! ยกเว้นนัยตาอ่ะนะ แววตาสีน้ำเงินเหลือบดำนี่รับมาจากทางพ่อเต็มๆ

   “สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่”

   ธรณินยกมือไหว้ ก้มหัวต่ำ พยายามให้แลดูอ่อนน้อมให้มากที่สุด เพราะจำได้ว่ากานต์เคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านเคร่งครัดเรื่องมารยาทมาก ช่วงจังหวะที่เงยหน้าขึ้นก็เหมือนจะเห็นทางหางตาว่าพ่อของกานต์คล้ายจะสะดุดไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ (ใช้คำว่าบัลลังก์น่าจะเหมาะกว่า อลังการซะขนาดนั้น) จึงหันไปแอบกระซิบถามกานต์

   “พี่ทำอะไรผิดหรือเปล่า”

   “ไม่ผิดหรอกพี่ณิน แต่นอกจากผมก็ไม่เคยมีใครเรียกท่านผู้นำเผ่ากับนายหญิงว่าคุณพ่อกับคุณแม่อะนะ” กานต์ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ ธรณินจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ กลับไป

   “ถ้าอย่างนั้นพี่เรียกท่านผู้นำเผ่ากับนายหญิงบ้างดีไหม เดี๋ยวท่านจะหาว่าพี่ตีสนิท”

   “อะแฮ่ม!!”

   ทั้งคู่คงจะปรึกษาหารือกันต่อไปอีกนาน หากไม่มีเสียงกระแอมที่ส่งมาเตือนให้รู้ว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ธรณินเกือบเผลอตัวสะดุ้ง แต่รีบเก็บอาการไว้ทัน รีบสวมบทบาทผู้จัดการหนุ่มมาดขรึมเพื่อเรียกคะแนนทันที

   “พี่ณินครับ นี่พ่อโมกข์กับแม่กีรติของผมครับ”

“พ่อ แม่ นี่พี่ณิน ธรณินครับ ที่กานต์ไปเที่ยวเล่นที่โลกมนุษย์ก็ได้พี่ณินนี่แหละดูแลทุกอย่าง ทั้งที่อยู่ที่กิน” (รวมถึงให้พี่กิน... แค่กๆ อันนี้พูดออกไปไม่ได้)

   “สวัสดีจ้ะ ไหว้สวยเชียวพ่อคุณ เป็นยังไงบ้าง น้องกานต์ไปรบกวนคุณแย่เลย ไม่รู้ไปสร้างความลำบากใจอะไรให้คุณหรือเปล่า” กระแสเสียงอ่อนหวานพูดไม่ดังไม่เบาดูนุ่มนวลอบอุ่นเอ่ยถาม

   “ไม่เลยครับคุณแม่ น้องกานต์น่ารัก นิสัยดี ไปอยู่ด้วยแล้วไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลยครับ คงเป็นเพราะคุณแม่อบรมมาดี ที่นู่นมีแต่คนออกปากชมว่าน้องกานต์กิริยามารยาทเรียบร้อยครับ”

   องค์ผู้จัดการเริ่มประทับ ธรณินก็เริ่มใช้ทักษะในการเจรจาธุรกิจมาพูดคุยกับแม่ของกานต์อย่างคล่องแคล่ว เยินยออย่างไรไม่ให้กลายเป็นประจบจนเกินงาม ชมแค่ไหนถึงจะพอดีดูจริงใจ ทุกเทคนิคถูกธรณินขุดเอามาใช้จนหมดทุกกระบวนท่า คุณแม่ของกานต์ได้แต่อมยิ้มฟังธรณินเล่าเรื่องให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน

   “แต่ เอ๊... เรียกน้องกานต์...”

   “คุณ... จะคุยถามคำถามมารยาทกันอีกนานไหม เข้าเรื่องเลยไม่ดีกว่ารึ เดี๋ยวจะได้เดินทาง”

   สิ้นเสียงคำถามของคุณพ่อ ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายเมื่อสักครู่ก็กลายเป็นความรู้สึกกดดันทันที ไม่ใช่ธรณินนะที่ถูกกดดัน แต่เป็นคุณพ่อของกานต์ที่โดนสายตาหวานตวัดเข้าใส่พร้อมเสียงใสทว่าเย็นเยียบที่เอ่ยถาม

   “คุณรีบเหรอคะ”

   อูย... รีบไม่รีบธรณินไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้คุณพ่อนั่งตัวลีบ ผู้นำเผ่ามังกรตัวจริงน่าจะเป็นผู้หญิงหน้าหวาน คุณแม่ของกานต์คนนี้นี่เอง..เอง...เงง

   “ก็กลัวลูกจะคอยนานนี่คุณ”

   เสียงอ่อยๆ เอ่ยตอบ พอรู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะกลัวลูกรักจะคอยนาน คุณแม่ก็กลับมาเป็นคุณแม่ที่อ่อนหวานเหมือนเดิม

   “จริงสิ ที่แม่กับพ่อเรียกน้องกานต์กับคุณมาพบก็เพื่อจะบอกว่า ทางเผ่าพันธุ์มังกรของเราน่ะ ไม่มีกฎเกณฑ์หยุมหยิมเรื่องคู่รักเพศเดียวกันหรอกนะจ๊ะ คุณสบายใจได้เลย”

   พอคุณแม่พูดจบ กลับเป็นธรณินเสียอีกที่หน้าขึ้นสี รู้สึกเก้อกระดาก ท่าทางสบายๆ ที่คุณแม่พูดออกมานั้น ทำให้ธรณินเห็นว่าโลกมังกรคงจะคิดว่านี่เป็นสิ่งปกติมากๆ แน่นอน ทำให้ใจของเขาชื้นขึ้นเป็นกอง

   “คนที่น้องกานต์เลือกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง พ่อกับแม่ก็เห็นดีด้วยทั้งนั้นละจ้ะ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยเลยคุณ น้องกานต์ส่งข่าวมาบอกว่าจะพาคุณมาเปิดตัวก่อนจะมาถึงที่นี่เสียอีกล่ะจ้ะ”

   ธรณินยิ้มเขินที่คุณแม่คุณแม่ของกานต์ เดาความสงสัยของเขาออก

   “แต่ว่า... เรื่องความต่างระหว่างเผ่าพันธุ์นี่แหละที่มีปัญหา ทางพวกที่มีอายุมากหน่อยรู้ข่าวเข้าถึงกับรับไม่ได้ที่น้องกานต์จะมีคู่เป็นมนุษย์ พากันยื่นคำร้องคัดค้านกันมามากมาย แล้วแม่กับพ่อก็ต้องพาน้องกานต์ไปประชุมมังกรนานาชาติที่ฝรั่งเศสซะด้วย ช่วงสองสามวันที่พวกเราจะไม่อยู่กัน คุณช่วยพิสูจน์ตัวเองกับพวกหัวโบราณ มังกรแก่ๆ พวกนั้นให้รู้ถึงความรักที่คุณมีต่อน้องกานต์ ว่าคุณคู่ควรกับน้องกานต์จริงๆ ได้ใช่ไหมจ๊ะ”

   คุณแม่ยิ้มหวานสดใส เหมือนดวงตะวันอบอุ่น แต่ภายในใจของธรณินกลับรู้สึกหนาวเยือกเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุม เอาวะ อย่างน้อยคุณพ่อคุณแม่ก็ยอมรับ กะอีแค่พิสูจน์ตัวเอง สู้โว้ยยยยย!

TBC...
เจี่ยเจียจะลบ tag #มังกรกานต์นิยายรายเดือน ได้หรือไม่โปรดติดตามตอนต่อไป...  :m20:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 18 (25/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-05-2017 17:34:23
เขาจะพิสูจน์ตัวเองกันยังไงหนอ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 18 (25/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-05-2017 20:27:10
แค่คิดก็มึนแล้ว  :really2: กล่อมมังกรหัวเก่านี่นะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 18 (25/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-05-2017 00:32:20
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 18 (25/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-05-2017 10:07:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 18 (25/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 28-05-2017 15:58:26
ตะมุตะมิมากกกก
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 18 (25/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 30-05-2017 20:31:49
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 19 (01/06/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 01-06-2017 20:13:59
บทที่ 19

   “พี่ณินอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมครับ”

   ความห่วงใยที่แสดงออกผ่านทางสายตาเป็นกังวลและน้ำเสียงทอดอ่อน ทำให้ธรณินอดเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกแมวตัวโตตรงหน้าอย่างนึกขัน อยากจะบอกกานต์ไปเหมือนกันว่าอยู่ไม่ได้ดูซิ เจ้าตัวจะทำยังไง แต่ก็รู้ว่าที่เพียรถามซ้ำไปซ้ำมาก็เพราะความเป็นห่วงทั้งนั้น ลองถ้าพูดว่า ‘พี่อยู่ไม่ได้หรอก กานต์อย่าไปเลย’ สิ รับรองว่าเจ้าลูกแมวนี่ต้องถือเป็นจริงเป็นจัง ไม่ยอมไปฝรั่งเศสแน่นอน

   “นี่ใคร ดูซะก่อน นี่หนูณิน เด็กป๋ากานต์นะครับ ใครจะกล้ามาทำอะไร แบ็คหนูแน่นปึ้ก เป็นถึงลูกชายคนเดียวของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรเชียวนะครับ”

   พูดจบก็ก็หัวเราะทำหน้าเบิกบานสุดขีด เพื่อไม่ให้กานต์ต้องเป็นห่วง แล้วก็ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อกานต์คลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม เขย่งปลายเท้าเพื่อแตะริมผีปากบนหน้าผากเด็กในสังกัดแล้วกระซิบเสียงพร่า

   “ทำตัวดีๆ นะ ไม่ต้องไปเครียดเรื่องที่ลุงๆ ผู้อาวุโสของเผ่าท่านคัดค้านกัน กลับมาเดี๋ยวป๋าเคลียร์เอง หนูณินมีหน้าที่นอนรอป๋าอยู่ในห้องก็พอ เข้าใจใช่ไหม หื้ม?”

   อ้อมแขนที่โอบกอดกลับมาแทบทำให้กานต์อยากจะไปยกเลิกการเดินทางไปฝรั่งเศสซะจริงๆ ในใจมันหวิวๆ แปลกๆ ทั้งๆ ที่มีไพ่ตายเอาไว้รับมือตาแก่หัวดื้อพวกนั้นให้ยอมรับธรณินอยู่ในมือแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอดกังวลกับการทิ้งธรณินให้อยู่ในดงมังกรคนเดียวไม่ได้

   ธรณินซบหน้าลงบนซอกคอขาวของคนในอ้อมกอด สูดลมหายใจลึกยาว เพื่อกักเก็บกลิ่นหอมสดชื่นไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมกอดช้าๆ และบอกให้อีกฝ่ายเลิกกังวลแล้วเดินทางได้แล้ว

   จากวันที่ยืนส่งกานต์ไปฝรั่งเศสวันนั้น จนถึงวันนี้ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ธรณินก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลาสองสามวันที่คุณแม่ของกานต์บอกจะลากยาวมาเป็นอาทิตย์ขนาดนี้ ไม่มีข่าวคราว ไม่มีการติดต่อใดๆ จากกานต์ทั้งสิ้น ภายในใจของธรณินนึกกังวลไปต่างๆ นาๆ แต่ภายนอกยังคงท่าทีสุภาพเคร่งขรึม เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ได้

   สถานการณ์ภายในวังมังกรสงบราบเรียบ ไม่มีการข่มขู่หรือคุกคามอย่างที่กังวลไว้ในตอนแรก เหล่ามังกรหัวเก่าทั้งหลายต้อนรับขับสู้ธรณินอย่างดี พาเที่ยวชมภายในบริเวณวัง สรรหาของกินแปลกๆ มาให้ลองชิม พูดคุยเล่าเรื่องความสูงส่งของเผ่าพันธุ์มังกรสอดแทรกเป็นระยะ ไม่มีการจิกกัดด่าทอ แค่ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างมังกรกับมนุษย์อย่างเนียนๆ แต่ถ้าธรณินจะอธิบายเรื่องระหว่างตัวเขากับกานต์ทีไร จะมีอันถูกบ่ายเบี่ยงไปคุยเรื่องอื่นทุกที อันนี้ธรณินก็พอเข้าใจได้ว่าท่านๆ ทั้งหลายคงยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง

   จนคงถึงที่สุดของบรรดาผู้อาวุโสมังกรแล้ว ด้วยพยายามชี้แจงความแตกต่างให้ฟังจนปากแทบจะฉีกถึงรูหู แต่ธรณินยังคงยิ้มแย้มแกล้งไขสือไม่ยอมรับรู้ และไม่มีทีท่าจะยอมจากไปจากวังมังกรเสียที เช้าวันนี้จึงมีมติเปิดห้องนิลกาฬ เพื่อถกปัญหาสำคัญของชาติพันธุ์มังกร ‘นายน้อยจะมีคู่เป็นมนุษย์’

   “เอาล่ะคุณธรณิน ถึงเวลาที่เราต้องมาพูดกันอย่างจริงจังแล้วสินะ”

   เสียงทุ้มต่ำก้องกังวานที่ดังขึ้นเป็นการข่มขวัญได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ทำให้ธรณินตื่นเต้นมากขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยจากเดิมเท่านั้น เพราะทันทีที่ย่างเท้าเข้าห้องนิลกาฬ ห้องสีน้ำเงินแก่จัดที่ตกแต่งประดับประดาด้วยแซฟไฟร์ทั้งห้อง ธรณินถูกทำให้ตื่นตะลึงด้วยร่างจริงของมังกร 5 ตนที่แผ่บรรยากาศความแตกต่างทางกายภาพให้เห็นชัดถนัดตา

   ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนที่ธรณินจะก้าวเท้าเดินอย่างสงบนิ่งฝ่ากลางวงไปนั่งยังเก้าอี้ที่ถูกวางตั้งไว้โดดเด่นกลางห้อง ก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพแล้วทรุดตัวลงอย่างเชื่องช้า พลางค่อยๆ เงยหน้าสบตามังกรแต่ละตนเพื่อแสดงความจริงใจในการตอบคำถาม ในขณะที่สบตาก็ลอบสังเกตท่าทางและสีสันของเหล่ามังกรไปพร้อมกัน

   มังกรทั้ง 5 ตน มีสีสันต่างกันไปอย่างกับขบวนการ 5 สี มีทั้งสีดำแกมทองที่ดูท่าทางจะรับมือยากที่สุดซึ่งเป็นเจ้าของเสียงทุ้มต่ำที่ว่า สีแดงเข้มราวกับเปลวไฟ สีเขียวเหลือบคล้ายสีปีกแมลงทับ สีเทาควันบุหรี่ที่ลำตัวค่อนข้างใหญ่ และสีฟ้าจางๆ คล้ายสีของท้องฟ้าที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและอบอุ่น

   “อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละคุณธรณิน มังกรก็แบ่งออกเป็นเชื้อสาย แบ่งตามลำดับชั้น ตามความบริสุทธิ์ของสายเลือดแห่งเผ่าพันธุ์ แล้วคุณคิดว่ามังกรขาวควรจัดอยู่ในลำดับชั้นไหนกันดีล่ะคุณ”

   ธรณินก้มหลบสายตาวูบ ได้แต่กลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะกำหมัดแน่นแล้วค่อยๆ เงยหน้าประสานสายตากับมังกรดำ

   “แต่ผมรักกานต์”

   คำตอบที่ได้กลับมาจุดประกายโทสะวูบขึ้นในดวงตาของเหล่ามังกรอาวุโส หากยังไม่ทันจะเอ่ยคำพูดตอบโต้ ธรณินก็อธิบายเสียงเรียบถึงเหตุผลของตน

   “ผมไม่รู้ว่ามังกรสีไหนจะมีลำดับสูงต่ำยังไง ผมไม่เคยคิด แม้กระทั่งผมเป็นมนุษย์หรือกานต์เป็นมังกรผมรู้ แต่นายธรณินคนนี้รักกับกานต์ ก็แค่นั้น ไม่มีความแตกต่าง ไม่มีคำว่าเผ่าพันธุ์มาเกี่ยวข้อง ต่อให้ท่านทั้งหลายยกคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นเหตุเป็นผลมากขนาดไหนมาอธิบายกับผมก็ตาม สำหรับผมเหตุผลนั้นช่างไร้สาระเกินไป มีแค่เหตุผลเดียวที่ผมจะยอมไปจากกานต์ คือผมไม่ได้รักกานต์ ซึ่งลืมไปได้เลย เพราะผมบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”

   ธรณินหยุดพูด ก่อนจะปรายตาไปสบมังกรทุกๆ ตัว อย่างไม่กลัวเกรง แล้วจึงเปล่งเสียงช้าชัดทว่าหนักแน่นซ้ำไปอีกครั้ง

   “ผม รัก กานต์”

   เหล่ามังกรอาวุโสแทบจะเส้นเลือดในสมองแตกตาย บอกอะไรไปเท่าไหร่ เจ้าหนุ่มนี่ก็ไม่เคยเข้าใจ ย้ำแต่คำว่ารักๆ อยู่นั่นแหละ ขณะกำลังคิดว่าจะจับร่างกายเล็กจ้อยตรงหน้าฉีกกระชากให้จบๆ ไป แล้วค่อยขอโทษนายน้อยทีหลังเอา มังกรฟ้าพลันส่ายหน้าก่อนจะปรากฏร่างมนุษย์เป็นผู้หญิงผมยาวผิวขาวซีด ใบหน้าเรียวยาว มุมปากประดับรอยยิ้มเล็กน้อย ดวงตากลมโตจ้องมองธรณิน แต่แววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ เธอเดินอย่างแช่มช้ามาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

   “แล้วถ้าความรักนั้นทำร้ายนายน้อย ทำร้ายกานต์ของเธอ เธอจะทำยังไง”

   ธรณินนิ่งอึ้ง ได้แต่ทวนคำถามพึมพำด้วยความมึนงง

   “ทำร้ายกานต์?”

   “ใช่แล้ว ธรณิน ความรักของเธอทำร้ายนายน้อยแน่นอน เพราะอะไรรู้ไหม” เธอหยุดพูดพร้อมกับพรูลมหายใจยาวด้วยความสงสาร

   “เพราะในชั่วชีวิตของมังกรมีคู่ได้เพียงหนึ่งเท่านั้น แล้วรู้ไหมว่าอายุขัยของมังกรยาวนานเท่าไหร่ มนุษย์อย่างเธอคงยากจะจินตนาการออก เธอจะรักและอยู่กับนายน้อยได้อีกกี่ปีกันเชียว เมื่อเธอสิ้นชีวิตไป เธอก็จะนำความรักของนายน้อยติดตามไปกับเธอด้วย แล้วนายน้อยเล่า จะมีชีวิตยืนยาวไปโดยไม่สามารถมีคู่ ไม่สามารถมีความรักได้อีกเลย นี่จึงเป็นสาเหตุที่พวกเราคัดค้านการร่วมคู่ของเธอธรณิน โปรดจงเข้าใจในความหวังดีของพวกเราที่มีให้กับนายน้อยด้วยเถิด และโปรดจงให้อภัยแก่ความเห็นแก่ตัวของพวกเราในการปกปักนายน้อยในครั้งนี้ด้วย”

   เมื่อพูดจนจบ หญิงคนนั้นไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือเร่งเร้าจะเอาคำตอบ หากยืนนิ่งๆ อยู่ตรงหน้าธรณิน รอคอยอย่างสงบต่อการตัดสินใจซึ่งเธอเชื่อว่า ชายหนุ่มตรงหน้ามีความจริงใจให้กับนายน้อยมาก มากพอที่จะเสียสละการร่วมคู่ในครั้งนี้ เพื่อตัวของนายน้อย

   ธรณินมีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเจ็บปวดเพราะต้องเลือกเลิกรัก เป็นความกล้ำกลืนที่ชวนปวดหัวใจ หยาดน้ำที่หางตาคล้ายจะปรากฏให้เห็นรำไร ธรณินสูดลมหายใจเข้าลึก ถามเสียงพร่า

   “ถ้าผมยอมจากไป แล้วกานต์...” ท้ายเสียงสั่นสะท้าน จนไม่สามารถพูดได้จบประโยค

   เหล่ามังกรอาวุโสพอได้ยินประโยคนี้ต่างลดท่าทีโกรธเคืองลง กลายร่างกลับเป็นร่างมนุษย์เดินมาตบบ่าปลอบโยน

   “อย่าห่วงไปเลย ทั้งนายน้อย ทั้งเธอจะไม่มีใครเจ็บปวดจากเหตุการณ์นี้ ขอเพียงเธอตัดสินใจจากไปจริงๆ เราจะใช้มนตราลืมเลือน เธอและนายน้อยจะไม่เคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตของอีกฝ่าย ทุกอย่างจะกลับไปเหมือนตอนก่อนเธอทั้งคู่พบกัน”

   น้ำตาเม็ดโตไหลกลิ้งลงมาตามหางตา ไม่มีการตะโกนฟูมฟาย มีเพียงหยดน้ำที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง หัวใจธรณินเหมือนโดนฉีกทึ้ง จะให้ลืมกานต์? ให้ลืมความทรงจำที่เคยมีร่วมกัน? ธรณินฝืนยิ้ม แม้จะแลดูฝืดเฝือเต็มทน

   “ผมไปจากกานต์ให้ได้ แต่ผมขอร้อง ขอเก็บความทรงจำนี้ติดตัวไปจนกว่าจะตายเถอะ”

   “แต่ถ้าทำอย่างนั้นจะเจ็บปวดมากเลยนะคุณธรณิน หากไม่ใช้มนตราลืมเลือนก่อนเวลาถอนตราประทับที่นายน้อยทำไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายของคุณเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของในตัวคุณ คุณจะเจ็บปวดทรมานมาก เพราะรอยประทับนั้นร้อยรัดทุกสิ่งทุกอย่างของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน หากลืมเลือนไปก่อนก็จะไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เกิดขึ้น”

   ธรณินอมยิ้มน้อยๆ พลางส่ายหน้า

   “ผมจะเก็บความทรงจำนี้ไว้กับตัว พวกท่านจะถอนตราหรือจะไล่ผมไปยังไงก็ได้ แต่เรื่องความทรงจำนี่ผมขอเถอะ”

   ธรณินหลับตาลงคล้ายได้ยินเสียงแว่วที่ริมหู

   “พี่ณินอ่า...” จะให้ลืมเสียงออดอ้อนแบบนี้ได้ยังไง

   “จะถอนตราประทับใช่ไหมครับ ทำเลยตอนนี้เถอะ ถ้ากานต์กลับมาอาจจะยุ่งยากมากขึ้นนะครับ”

   เอื้อมมือไปจับไหล่อีกข้างของตนเองไว้แล้วก็อมยิ้ม ยิ่งหลับตาความทรงจำก็ยิ่งแจ่มชัด กานต์ชอบมาซบไหล่ตรงนี้แล้วเอาหัวถูไถไม่หยุด

   แสงที่เจิดจ้ารอบตัวไม่สามารถทำให้ธรณินลืมตามามองได้แม้แต่น้อย เขายังคงจมจ่อมอยู่ในห้วงความทรงจำอันแสนหวาน

   “พี่ณินใจร้ายยยย เรียกชื่อผมเถอะนะ ผมชอบออก”

   ความเจ็บปวดที่ค่อยๆ คืบคลานช้าๆ ไล่จากปลายเท้าลามไปทั่วทั้งตัวอย่างรวดเร็ว หน้าผากธรณินเริ่มมีเหงื่อไหลซึม ความรู้สึกที่เหมือนค่อยๆ โดนเลาะเนื้อหนังไปทีละชั้นช่างทรมาน แต่แค่หลับตาไว้เท่านั้น กานต์จะยังอยู่กับเขาเสมอ

   “ขอโทษน้าพี่ณิน อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

   แล้วที่พี่จากไปแบบนี้ กานต์จะโกรธพี่ไหม จะยกโทษให้พี่ได้หรือเปล่า แต่กานต์คงลืมพี่ไปหมดจนไม่โกรธพี่หรอก ธรณินได้แต่ปล่อยความคิดให้ไหลไปกับความทรงจำ

   “ไหนหนูณินมาให้ป๋ากานต์กอดให้กำลังใจหน่อยเร็ว”

   ต่อไปใครจะมาเรียกหนูณินๆ กันได้ล่ะ ในโลกนี้คงมีแต่ป๋ากานต์คนเดียวที่เรียกแบบนี้ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้ในปากของธรณินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเค็มคาวที่ตีขึ้นมา หยาดเลือดที่ไหลลงมาตามมุมปากก่อให้เกิดเสียงร้องของเหล่ามังกรอาวุโสทันที

   “เฮ้ย! เลือด!” เสียงตะโกนอย่างตกใจดังขึ้นร้อนรน

   “จะตะโกนทำไม เนี่ย... ไม่ใช้มนตราลืมเลือนก็ต้องเจ็บปวดมากอยู่แล้ว”

   “ตะ... แต่ เลือดมัน... มัน”

   “มันอะไร เลิกพูดแล้วถอนตราประทับให้เสร็จเสียที จะได้ส่งเจ้าหนุ่มนี่กลับโลกมนุษย์”

   “เลือดของคุณธรณินเป็น ‘สีน้ำเงิน’”

   “อะไรนะ!!”

   เสียงโหวกเหวกโวยวายยังคงดำเนินอยู่รอบตัวธรณิน หากแต่ชายหนุ่มยังคงหลับตาแน่นคิดถึงเพียงเหตุการณ์ที่เขาและกานต์ได้ผ่านมาร่วมกันเท่านั้น หากธรณินลืมตามามองสักนิด จะเห็นเหล่ามังกรทั้ง 5 เลิกทำพิธีถอนตราประทับไปแล้ว แต่ละคนมีสีหน้างุนงงสงสัย ว่าทำไมเลือดของธรณินจึงเป็นสีน้ำเงินไปได้ ทั้งๆ ที่ต้องเป็นเผ่าพันธุ์มังกรเท่านั้นจึงจะมีเลือดสีนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามหาสาเหตุกัน ทั้ง 5 ตนรีบประคองธรณินขึ้นมาเพื่อเตรียมพาไปรักษาตัวทันที แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกจากห้องนิลกาฬ ก็ได้ยินเสียงกระแอมทักทาย

   “อะแฮ่ม จะรีบไปไหนกันครับท่านมังกรอาวุโส”

   “ฉิบหายละ นายน้อยมา”

   ใบหน้าซีดเผือดหลบสายตาวูบวาบของทั้ง 5 ตน ชวนให้กานต์อยากจะหัวเราะออกมาให้ดังๆ ติดแต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าเคร่งเครียดเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้ กานต์ยืนกอดอกพิงประตูห้องพลางยิ้มหวานเอ่ยถาม

   “มีปาร์ตี้อะไรกันเหรอครับ แหม... จะจัดงานอะไรทำไมไม่รอผมบ้างล่ะ อ้อ! คงรอไม่ไหวล่ะเนอะ อุตส่าห์ส่งคนไปถ่วงเวลาไว้แล้วแท้ๆ แต่ดูท่าจะซื้อเวลาไว้ไม่ได้ก็เลยเริ่มงานกันเลย ถูกไหมครับ”

   ยิ่งพูดไปรอยยิ้มก็เริ่มขยายกว้างขึ้น แต่ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำกลับเข้มจัดจนสีดำแทบจะเลือนไปหมด มองเห็นแต่ประกายสีน้ำเงินแวววับที่จ้องมองมาอย่างเยียบเย็น ส่งผลให้คนถูกจ้องก้มหน้างุดลงด้วยความรู้สึกเก้อกระดากที่ถูกจับได้

   “ส่งธรณินมา เดี๋ยวผมจะรักษาเขาเอง” เสียงราบเรียบที่เอ่ยช้าๆ ทำให้บรรดาผู้อาวุโสมังกรแทบจะร่ำให้ออกมา ประคองธรณินให้กับกานต์อย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกมา

   “คะ... คือ นายน้อย คุณธรณินบาดเจ็บมาก เอ่อ... ถ้าไงให้พวกเราช่วยกัน น่าจะรักษาได้เร็วขึ้นนะครับ”

   อีก 4 ตนที่เหลือต่างพยักหน้ารับหงึกหงัก ความรู้สึกผิดที่ทำอะไรโดยพลการแล่นพล่าน เหนือสิ่งอื่นใดคือ ดันโดนนายน้อยจับได้คาหนังคาเขาพร้อมหลักฐานที่สลบไสลไม่ได้สติยืนพิงบ่าพวกตนอยู่นี่ด้วย!!

   กานต์ส่งเสียงหึออกมา ก่อนจะประคองธรณินไว้แนบตัว มือเกลี่ยเช็ดคราบเลือดตรงมุมปากให้อย่างแผ่วเบา สายตาไล่สำรวจใบหน้าซีดขาวของคนตรงหน้าไป ปากก็พูดประชดไป

   “ผมคงรักษาพี่เขาเองได้ครับ ก็ไหนว่ามังกรขาวสูงศักดิ์ที่สุดไม่ใช่เหรอ? อิทธิฤทธิ์เวทมนต์ก็น่าจะมีพอตัวอยู่บ้างแหละครับ ขนาดผม ‘เปลี่ยน’ ให้เลือดพี่ณินกลายเป็นสีน้ำเงินได้ กับแค่บาดแผลเล็กน้อยแค่นี้ก็คงไม่เกินกำลังผมหรอกนะครับ”

   “นายน้อย!!”

   ห้าเสียงประสานเรียกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้ตั้งใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มังกรตัวน้อยๆ ที่พวกเขาคอยประคับประคอง คอยช่วยเหลือดูแล เสกอะไรไม่เคยเป็นชิ้นเป็นอัน เติบโตแข็งแกร่งจนถึงขั้นใช้มนตราขั้นสูงได้ขนาดนี้

   “นายน้อยหมายความว่า...”

   “เป็นอย่างที่ทุกท่านคิด ตอนนี้ธรณินถือเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเราแล้ว หวังว่าคงไม่มีปัญหาในการร่วมคู่ของผมอีก”

   พูดจบกานต์หันหลังกลับโอบประคองธรณินไปตามทางเดิน

   “ตะ... แต่ ถ้าต้องใช้มนตราในการทำให้กลายเป็นเผ่ามังกร ก็ต้องใช้เลือดเนื้อของผู้ร่ายมนต์ นายน้อย นายน้อยทำได้ยังไง”

   เสียงละล่ำละลักที่ดังตามหลังมา ทำให้กานต์ผินหน้ากลับมาขยิบตาให้อย่างนึกสนุกที่ได้เห็นหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมังกรหัวดื้อแต่ละตน

   “จะไปยากอะร้ายยย... ก็ใช้ ‘ธาราพิสุทธิ์มังกร’ สิครับ”


TBC... :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 19 (01/06/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-06-2017 20:57:34
แล้วมันคืออะไร  :really2:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 19 (01/06/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-06-2017 21:15:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 19 (01/06/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 01-06-2017 21:45:31
ญิงว่าญิงเดาได้ ธาราพิุทธิ์ นี่ก็แบบของน้องกานต์ใช่ไหมคะ 5555


น้องกานต์ร้ายกาจ ชอบบบบ


ว่าแต่ว่านู๋ณินน่ารักอะ รักจนยอมถอน ฮึก รักนู๋ณิน
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 19 (01/06/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-06-2017 14:32:29
โถถถถถ เอ็นดูน้องกานต์มาก แสบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 19 (01/06/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 03-06-2017 08:38:44
‘ธาราพิสุทธิ์มังกร’ ก็น้ำ.... ของน้องกานต์สินะคะ
นี่ไม่ได้หื่นจริงๆ นะ
ฮื้อออออออ เขิลลลลลล

 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 14-06-2017 12:05:52
บทที่ 20
   “ท่านไหนจะเป็นคนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดีครับ”

   เสียงของโมกข์ ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรเอ่ยถามเรียบๆ ดวงตากวาดไปตามดวงหน้าของผู้อาวุโสประจำเผ่าที่แต่ละตนหน้าซีด ยืนหลบตาเอามือไพล่หลังพลางใช้ไหล่กระแทกกันไปมาไม่หยุด ต่างคนต่างเกี่ยงกันเป็นคนเล่าเรื่อง

   ใบหน้าของโมกข์เรียบเฉย เพิ่มความวิตกกังวลให้กับบรรดามังกรเฒ่ากันเข้าไปใหญ่ มีแต่คุณกีรติผู้ใช้ชีวิตร่วมกันมาอย่างยาวนานเท่านั้นที่รู้ว่าภายใต้ท่าทีเคร่งขรึมนั้น โมกข์กำลังรอดูเรื่องสนุก สังเกตได้จากดวงตาที่เต้นยิบๆ นั่นก็รู้ว่าเจ้าตัวรอคอยชมความครึกครื้นอย่างใจจดใจจ่อเชียวล่ะ คุณแม่ของกานต์จึงเอื้อมมือไปบิดเอวอีกฝ่ายเพื่อเตือนให้รักษากิริยาของท่านผู้นำไว้บ้าง

   “กานต์เล่าให้ฟังได้นะ เอาตั้งแต่ตอนไหนดีล่ะ อ้อ! เริ่มตั้งแต่สูงศักดิ์ ต่ำศักดิ์เลยดีกว่าไหม”

   เสียงของนายน้อยที่ดังแทรกขึ้นมาส่งผลให้ทั้งห้าคนกระสับกระส่ายหนักกว่าเดิม ไม่เหลือเค้าท่าทีของผู้อาวุโสประจำเผ่าผู้ทรงภูมิอีกเลย

   “นะ... นายน้อย คือ... พวกเราหวังดีกับนายน้อยจริงๆ นะครับ”

   แววตารู้สึกผิดบวกกับน้ำเสียงจริงใจ ทำให้กานต์ถอนใจเฮือกออกมา

   “กานต์รู้ ว่าทุกท่านหวังดีกับกานต์ แต่จะทำอะไรโดยไม่ถามไถ่กานต์สักนิดก่อนหรือ นี่ถ้ากานต์กลับมาไม่ทัน ผลลัพธ์คงยิ่งกว่านี้ อ้อ! แล้วอีกอย่างที่ว่ามังกรขาวสูงศักดิ์ที่สุดนี่มันอะไรกัน ผู้นำเผ่าคนก่อนๆ ก็มาจากตระกูลของพวกท่านลุงท่านป้ากันไม่ใช่หรือไง”

   โมกข์เลิกคิ้วสูงจนกานต์ต้องอธิบายให้ฟังถึงข้ออ้างของเหล่ามังกรอาวุโสที่ใช้พูดกับธรณินทำนองว่ามังกรที่มีผิวสีขาวจะสูงศักดิ์ที่สุด เก่งที่สุดประมาณนี้

   เหล่าอาวุโสทั้งหลายโดนจับโกหกได้ซึ่งๆ หน้า ก้มหน้างุดๆ เหมือนเด็กน้อยผู้กระทำความผิดสวนทางกับรูปลักษณ์สง่างามเป็นผู้ใหญ่แบบขัดแย้งกันอย่างน่าประหลาด

   ท่านผู้นำมังกรก้มหน้าลงซ่อนเสียงกลั้นหัวเราะถูกใจที่กานต์แฉพฤติกรรมคนแก่หัวดื้อให้ฟัง ก่อนจะปรับเป็นสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงรับรู้

   “เรื่องที่เกิดขึ้น เราเข้าใจว่าทุกท่านหวังดีต่อกานต์ แต่การกระทำของทุกตนถือว่าเกินกว่าเหตุไปมาก เรื่องการทำโทษเราจะพิจารณาทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้เรามารอดูอาการของคุณธรณินกันก่อนดีกว่า ถึงนี่จะคือดวงจิต แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับจากดวงจิตโดยตรงจะทรมานมากกว่าความเจ็บปวดทางกายเนื้อเสียอีก”

   พูดจบสายตาทุกคนก็เบนไปยังร่างที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนที่นอน คิ้วที่ขมวดมุ่นแม้ในขณะที่ไม่รู้สึกตัว ทำให้รู้ว่าเจ้าของร่างคงกำลังทรมานอยู่เป็นแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทรมานจากอาการบาดเจ็บหรือทรมานจากที่ต้องตัดขาดสัมพันธ์กันแน่
   คุณกีรติทรุดตัวลงที่ด้านข้างของที่นอนพลางลูบศีรษะของธรณินอย่างแผ่วเบา แล้วหันไปถามกานต์ซึ่งยืนกอดอกไขว้ขายืนพิงหัวเตียงอยู่อีกด้าน

   “ตกลงคุณธรณินเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเราแล้วใช่ไหมจ๊ะน้องกานต์”

   “ใช่ครับแม่ กานต์ใช้มนต์กับของพลีกรรมเปลี่ยนเผ่าให้พี่ณินไปแล้ว เพราะรู้ว่าแถวนี้จะต้องมีคนไม่ยอมรับการร่วมคู่ต่างเผ่าแน่ๆ กานต์เลยจัดการเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนพาพี่ณินมาวังมังกรแล้วครับ”

   พูดจบก็ปรายตามองไปทางมังกรเรนเจอร์ห้าสีห้าตนที่ยืนทำหน้าปุเลี่ยนๆ กับคำว่า ‘ของพลีกรรม’ ของนายน้อย พลางมองไปที่ธรณินพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ภายในใจอดรู้สึกนับถือเจ้าหนุ่มนี่ขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ ไม่รู้ว่าต้องโดน ‘อัดฉีด’ ไปกี่รอบ ถึงจะได้ธาราพิสุทธิ์มังกรพอเพียงในการเปลี่ยนเผ่า จากนั้นก็เบนสายตากลับมายังนายน้อยโดยพร้อมเพรียง ส่งประกายตาชื่นชม หน้าผากแทบจะมีตักอักษร ‘นายน้อยสุดยอด’ โผล่ขึ้นมาเลยทีเดียว จากอารมณ์กรุ่นโกรธที่ทำท่าจะปะทุขึ้นมาอีกรอบกานต์ก็แทบจะลงไปนอนขำให้รู้แล้วรู้รอด ท่าทางจะเข้าใจบทบาทหน้าที่สลับกันไปยกใหญ่แฮะ แต่ใครจะไปแก้ตัวกันเล่า ก็ในเมื่อความเข้าใจผิดนี่เขาได้ประโยชน์เต็มๆ คิดแล้วก็ยืดอกเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ โชว์พาวรับสมอ้างอย่างภาคภูมิ

   “กานต์”

   เสียงเรียกไม่ดังเท่าไรนัก เรียกให้ทุกคนหันไปมองร่างบนเตียงเป็นตาเดียวกันทันที ก่อนจะพบธรณินพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งโดยมีคุณกีรติช่วยประคอง กานต์ปราดลงนั่งข้างที่นอน ออกปากถามทันทีด้วยความเป็นห่วง

   “พี่ณิน... เป็นยังไงบ้างครับ”

   เห็นธรณินทำท่างุนงงสงสัย กานต์จึงเอื้อมมือไปจับมือแล้วบีบเบาๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าไม่ได้ฝันไป

   “กานต์... พี่... ทำไมพี่ยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ”

   กานต์จึงค่อยๆ เล่าเรื่องให้ธรณินฟังอย่างช้าๆ แล้วคอยสังเกตท่าทีของเจ้าตัวไปด้วย เมื่อเห็นธรณินไม่มีท่าทีตกใจเรื่องการถูกเปลี่ยนเผ่าก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

   “พี่ณินโกรธกานต์ไหมที่ทำอะไรไปโดยไม่ปรึกษาพี่ก่อน”

   ธรณินเอื้อมมือไปขยี้ผมคนตรงหน้าด้วยความเคยชิน ก่อนจะรู้สึกเย็นสันหลังวาบ เมื่อเห็นสายตาเหล่าเรนเจอร์จ้องพุ่งตรงมาอย่างไม่เกรงใจที่บังอาจไปลูบหัวนายน้อยสุดที่รักของพวกเขา ธรณินจึงดึงมือกลับมาแล้วส่ายหน้าก่อนตอบ

   “ไม่โกรธหรอก แต่พี่เนี่ยนะจะเป็นมังกร” พูดไปก็ยกแขนตัวเองขึ้นมาดูไปด้วย แต่ก็ไม่เห็นมีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับร่างกาย

   กานต์หัวเราะขำกับท่าทางสำรวจตัวเองของธรณินก่อนจะเฉลยให้ฟัง

   “พี่ณินจะเป็นมังกรโดยสีเลือดครับ คือมีเลือดสีน้ำเงินของเผ่ามังกร มีอายุขัยยืนนานแบบมังกร แต่ถ้าจะเปลี่ยนร่างเป็นมังกร อันนั้นต้องอยู่ที่การฝึกจิตของพี่แล้วครับ ไม่ใช่ปุบปับขึ้นมาก็กลายร่างได้หรอก”

   โมกข์เดินมาหยุดข้างเตียงแล้วเอ่ยถามเสียงขรึม

   “แล้วพ่อแม่ที่โลกมนุษย์รู้เข้าจะไม่เป็นไรเหรอ มันจะวุ่นวายใหญ่โตไปกันใหญ่ไหม?”

   กานต์กำลังจะอ้าปากตอบ แต่ธรณินกลับส่ายหน้าแล้วหันไปตอบกับท่านผู้นำเผ่าเอง

   “ไม่มีปัญหาหรอกครับ พ่อแม่ผมตายหมดแล้ว”

   ทันทีที่สิ้นเสียงตอบของธรณิน ภายในห้องไข่มุกของกานต์พลันเงียบกริบ ตามมาด้วยสีหน้าตื่นตะลึงของทุกคนและเสียงซุบซิบพึมพำไม่ได้ศัพท์ทันที ยกเว้นกานต์ที่นั่งยิ้มกริ่มรอดูปฏิกิริยาอย่างนึกสนุก นี่ละไพ่ตายของจริง

   “คะ... คุณ... คุณเป็นกำพร้า!!”

   ธรณินมองไปที่ใบหน้าแต่ละคนแล้วก็ได้แต่ตกใจ หรือการเป็นกำพร้าจะยิ่งถูกต่อต้านมากกว่าการร่วมคู่ต่างเผ่าพันธุ์ มองไปที่กานต์ก็ได้รอยยิ้มให้กำลังใจตอบกลับมา เขาจึงพยักหน้ารับพร้อมตอบออกไป

   “ใช่ครับ ผมเป็นกำพร้า”

   “โถ... พ่อคุณ”

   น้ำตาที่เอ่อคลอคลองในดวงตาของมังกรอาวุโสแต่ละท่าน ทำเอาธรณินวางตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว แววตาเอื้อเอ็นดูเหมือนจะกลืนกินชายหนุ่มเข้าไปทั้งตัวชวนให้ขนลุกน้อยเสียเมื่อไหร่

   “แล้วโตมายังไง”

   “ลำบากมากไหมพ่อคุณ”

   “อาหารการกินล่ะ ใครเป็นคนจัดการ”

   “เวลาเจ็บป่วยไม่สบาย ใครจะพาไปหามดหาหมอได้ล่ะ”

   เสียงถามฟังไม่ได้ศัพท์เซ็งแซ่ขึ้นรอบตัวอย่างกะทันหัน ธรณินสะดุ้งจนตัวโยน นี่มันอะไรกันเนี่ย! ท่าทีเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เอ๊ย! หลังมือของเหล่ามังกรอาวุโสชวนตกใจยิ่งกว่าตอนทั้งห้าตนใช้ร่างจริงของมังกรมาข่มขวัญเขาเสียอีก ท่าทางเอ็นดูสงสารจนชวนปวดหัวใจนั่นมันอะไรกัน เมื่อกี๊ยังมองเขาตาเขียวข้อหาลูบหัวนายน้อยกานต์กันอยู่เลย ทำไมถึงมีท่าทางแบบนี้กันขึ้นมาได้เนี่ย ธรณินคิดในใจ แต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรออกมา ได้แต่เกร็งตัวรอรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
   
   “หยุดพูดเดี๋ยวนี้!!”

   เสียงเย็นเยียบของคุณกีรติสามารถหยุดยั้งเหล่ามังกรแตกรังที่กำลังระดมยิงคำถามเข้าใส่ธรณินอย่างเมามันให้หยุดชะงักลงได้ทันที สายตาคาดโทษจ้องมองมังกรเฒ่าทั้งห้าตนอย่างเย็นชา ก่อนจะหันหน้ามาส่งสายตาอบอุ่นอ่อนหวานให้ธรณินพลางลูบหลังลูบไหล่ด้วยความสงสาร

   “ไม่ต้องพูด ไม่ต้องเล่าอะไรทั้งนั้นนะลูก ถ้าการนึกถึงจะทำให้หนูเสียอกเสียใจนะ พวกคนแก่พวกนี้นี่” สายตาพิฆาตหันไปมองแต่ละตนอย่างดุดัน

   “จะให้หนูณินเธอพูดถึงอดีตให้ได้อะไรขึ้นมา”

   แต่ละตนพยักหน้าหงึกหงักคล้อยตามนายหญิงกันถ้วนหน้า สรรพนามเรียกขานจากคุณธรณินถูกเปลี่ยนไปทันที มังกรเฒ่าทั้งหลายน้ำตาคลอเข้ามาลูบแขนปลอบโยนกันเป็นการใหญ่ พลางเอ่ยขอโทษขอโพยที่เมื่อสักครู่ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุไป บางคนถึงขนาดยกชายเสื้อมาซับน้ำตาตรงหัวตาด้วยซ้ำ

   ยิ่งเห็นธรณินทำท่าเหรอหรา แต่ละคนก็ยิ่งใจอ่อนยวบ โมกข์จึงเอ่ยเสียงนุ่มเรียบอธิบายให้แทนบรรดามังกรเฒ่าที่ยืนเช็ดน้ำตากันป้อยๆ

   “คือแบบนี้... เผ่าพันธุ์มังกรเราเนี่ย มีชีวิตยืนยาวมาก แต่กลับมีทายาทได้ยากมากกว่าอีก การที่จะมีไข่มังกรเกิดขึ้นสักใบจึงถือเป็นความน่ายินดีที่เหลือจะกล่าว ว่าการเกิดขึ้นของไข่มังกรยากแล้ว ช่วงเวลาที่อยู่ในไข่มังกรก่อนที่จะฟักออกมาเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก จำเป็นต้องมีพ่อแม่คอยคุ้มครองอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา ระหว่างที่อยู่ในไข่จะได้รับความรู้ต่างๆ จากพ่อแม่ส่งผ่านเปลือกไข่เข้าไป แล้วเจ้า เอ่อ... หนูณิน”

   ท่านโมกข์เสียงสะดุดทันที เมื่อใช้สรรพนามผิดไป เรียกคนโปรดคนใหม่ของเหล่าผู้เฒ่ามังกร จนโดนสายตาโกรธเคืองจ้องมา

   “นั่นแหละ สรุปว่าคนในเผ่าพันธุ์มังกรน่ะเซ้นซิทีฟกับคำว่า ‘กำพร้า’ ได้ยินคำนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ต่อมความเป็นพ่อเป็นแม่จะสูงลิ่ว อยากได้อะไรก็ขอให้บอก พวกเขาพร้อมจะทูนหัวทูลเกล้าถวายทุกอย่างเพราะความสงสารที่อัดแน่นเต็มหัวใจ” ท้ายประโยคโมกข์ประชดออกไป แต่พวกมังกรเรนเจอร์กลับทำลูกกะตาวิบวับเตรียมพร้อมที่จะทูนหัวทูลเกล้ากันจริงๆ เล่นเอาท่านผู้นำถึงกับเบะปากด้วยความหมั่นไส้

   “อยู่ในไข่นี่นานมากเลยหรือครับ ถึงกับต้องมีการส่งผ่านความรู้เข้าไปข้างใน”

   ธรณินถามด้วยความสงสัย เขาอยากรู้นักว่าตอนกานต์ฟักออกมาจากเปลือกไข่จะหน้าตาเป็นยังไง ต้องเป็นหนูน้อยที่น่ารักมากแน่ๆ

   “100 ปีจ้ะ” เสียงหวานของคุณกีรติตอบมา

   “100 ปี ฟักออกจากไข่ แต่พอออกมาสู่โลกภายนอกก็รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วนะ ถึงหน้าตาเนื้อตัวจะเป็นเด็กก็เถอะจ้ะ”

   “ถะ... ถ้าอย่างนั้น... น้องกานต์... กานต์” ธรณินเริ่มปากคอสั่น

   “เอ๋... แสดงว่าหนูณินไม่รู้อายุน้องกานต์เหรอจ๊ะ น้องกานต์ก็น่าตีจริงเชียว ทำไมไม่บอกน้อง ถึงว่าสิ ตอนนั้นแม่ยังสงสัย ทำไมหนูณินถึงเรียกน้องกานต์” พูดจบก็หันมายิ้มหวานให้ธรณินอีกครั้ง

   “น้องกานต์ออกมาจากไข่ได้ 18 ปีแล้วจ้ะ ถ้านับรวมอายุทั้งหมดก็ 118 ปีพอดี”

   เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นยังไงธรณินจำไม่ได้อีกแล้ว เพราะว่าหมดสติไปอีกรอบตอนรู้อายุเต็มของกานต์ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนโดนโอบกอดแน่นจนหายใจไม่ออกนี่แหละ

   “อรุณสวัสดิ์ครับพี่ณิน”

   กลิ่นความคุ้นเคยที่ล้อมอยู่รอบกาย ทำให้ธรณินเริ่มเหลียวมองรอบด้านอย่างงุนงง ก่อนจะถามออกมาด้วยเสียงแหบพร่า

   “กลับมาบ้านเราแล้วเหรอ”

   กานต์พยักหน้ารับ ใช้มือเกลี่ยคราบสีน้ำเงินที่มุมปากของธรณินให้อย่างแผ่วเบา ดวงจิตโดนทำร้ายรุนแรงขนาดนั้น มีเลือดซึมแค่นี้ก็ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว แต่กานต์เห็นธรณินเจ็บตัวเพราะตัวเองก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้

   “เจ็บมากไหมพี่ณิน ถ้ากานต์กลับไปหาพี่ณินได้เร็วกว่านั้น พี่ณินก็คงไม่โดนพวกลุงๆ ป้าๆ หลอกเอาแบบนี้หรอก”

   ธรณินหรี่ตา คำพูดปลอบโยนแท้ๆ แต่ทำไมเขารู้สึกเหมือนโดนหลอกด่าเอานะ มือลูบไล้ใบหน้าเนียนใสไป ในใจก็คิดว่านี่น่ะหรือคนอายุร้อยกว่าปี (ก็นี่มังกรไม่ใช่คนนี่!) ธรณินขยับตัวกดจูบลงบนหน้าผากของคนตรงหน้า นาน... ช้า... กว่าจะขยับใบหน้าออก มือไล่ตามกรอบโครงหน้าของกานต์อย่างเบามือ กานต์ได้แต่กระพริบตาปริบมอง


   “เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่ณิน”

   “ก็ไม่มีอะไรหรอก ดีใจที่ได้ร่วมคู่กัน ดีใจ... ที่ไม่ต้องลืมกัน”

   มุมปากของธรณินหยักยกขึ้นอย่างอิ่มใจ

   “ว่าแต่... กานต์ไม่ยักกะบอกว่าอายุเยอะกว่าพี่ตั้งมากขนาดนี้”

   กานต์ยิ้มตาพราวระยับก่อนจะขยิบตาให้

   “แหม... ป๋าก็แอบมีความลับเล็กๆ ของป๋าบ้าง กลัวว่าหนูณินรู้แล้วจะรังเกียจคนอายุมากกว่านี่ครับ อย่าโกรธป๋าเลยนะคนดี เดี๋ยวป๋าพาไปเป็นสะใภ้วังมังกรเป็นการไถ่โทษดีไหมครับ”

   ธรณินหัวเราะพรืด ขยี้ผมคนตรงหน้าก่อนจะจับโยกอย่างมันเขี้ยว แค่อายุเยอะกว่า แต่ทั้งรูปร่างเล็กกว่าเขา ทั้งกำลังก็น้อยกว่าเขา (ยกเว้นตอนใช้มนต์ช่วยอะนะ) ทำมาเป็นพูดดี ป๋าอย่างนั้น ป๋าอย่างนี้อยู่ได้ นิ้วมือเรียวยาวจับสอดประสานกับมือขาว แล้วจ้องไปในดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำ ก่อนจะเลิกเล่นแล้วถามอย่างจริงจัง

   “ตกลงพี่ร่วมคู่กับกานต์ได้ใช่ไหม?”

   “อื้ม” กานต์พยักหน้าตอบรับ ส่งยิ้มให้ธรณินที่ยิ้มตอบกลับมา

   “กานต์”

   “ครับ”

   “กานต์”

   อยู่กันแค่ตรงนี้จะเรียกอะไรกันนักหนา กานต์เกือบจะตะคอกกลับไป ถ้าไม่เห็นแววตาหวานเชื่อมของธรณินขณะทอดเสียงเรียกชื่อตัวเองอยู่เข้าเสียก่อน คราวนี้คนที่เคยออดอ้อนให้เรียกชื่อตัวเองบ่อยๆ เริ่มหน้าขึ้นสีขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อรู้ว่าธรณินไม่ได้เรียกแค่ชื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว หากหมายถึงความหมายของชื่อนั่นเลยต่างหาก

   “ครับ” เสียงตอบรับแผ่วหวิว ดังเหมือนเสียงยุงบินผ่าน กานต์ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่ด้านบนศีรษะตนเอง แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปดู แค่นี้ก็เขินจะแย่แล้วพี่ณิน

   “เป็น ‘กานต์’ ของพี่ตลอดไปนะครับ”

   กานต์กอดธรณินแนบแน่นแทนคำตอบในใจ รู้สึกหวานแปลกๆ ความอิ่มเอมยินดีแล่นปราดไปทั่วร่างได้สักพัก ก่อนจะรู้สึกตัวว่าที่ไล้ผ่านไปทั่วร่างกายไม่ใช่ความยินดีเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว พึ่งฟื้นขึ้นมาแท้ๆนะพี่ณิน แต่เอาเหอะ คราวนี้ถือเป็นของขวัญเยี่ยมไข้ให้คนป่วยละกัน!!!

- THE END -

----------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามค่ะ สามารถติชมได้เลยนะคะน้อมรับทุกความคิดเห็น :o8:
อาจจะมีตอนพิเศษเพิ่ม คุณเจี่ยเจียอยากเขียนแต่ยังคิดไม่ออกค่ะ 555
สามารถทวงตอนพิเศษได้ที่เพจ เจี่ยเจีย นะคะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-06-2017 12:20:27
พอรู้อายุของกานต์พี่ณินถึงกับช็อคไปเลย 55555
จะรออ่านตอนพิเศษนะคะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2017 19:00:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 14-06-2017 22:55:51


ชอบจัง

ละมุนมาก

ป๋ากานต์กับหนูณิน

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-06-2017 23:04:21
โถ ท่านผู้เฒ่าดันแพ้ให้กับคำว่ากำพร้าเสียได้
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 15-06-2017 20:56:44
จบแล้ววววววววว  :mc4: :mc4: :mc4:
จบได้หวานมากค่า
รอตอนพิเศษ  :impress2:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-06-2017 14:29:18
เรื่องนี้มันน่ารัก... :กอด1:

อยากได้ตอนพิเศษจัง

แต่ก็ขอบคุณนิยายดีๆน้าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: XXX ที่ 19-06-2017 16:05:00
สนุกมากกกกกก หวานเว่อร์

 :mew1: :mew1: :mew1:

อยากให้มีตอนพิเศษจังงง
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 19-06-2017 21:06:36
สนุกค่ะ
โถพ่อมังกรน้อย นึกว่ารุก ไปๆมาๆโดนจับกินซะงั้น 5555
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-06-2017 09:49:38
สนุกมากเลยค่ะ ชอบน้องกานต์น่ารักขี้อ้อนเหมือนแมว แต่ตอนเจอกันครั้งแรกนี่นึกว่ากานต์รุก :laugh:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 20-06-2017 12:56:28
โอ๊ยยยยย น่ารักเว่อร์ มังกรไร่อ้อย 5555 น้องกานต์น่ารักมากจริงๆ (พี่ณิณโดดถีบ  :z6:) ขอตอนพิเศษได้ไหมค่ะ แบบครอบครัวหรรษา  พี่ณิณกลายเป็นมังกรบ้าง หรือ กานต์ท้องบ้าง พี่ณิณน้องกานต์ช่วยกันฟักไข่กกไข่บ้างอ่ะค่ะ แต่ยังก็ขอบคุณคนเขียนค่ะ สนุกจริงๆค่ะ  o13 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-06-2017 18:35:05
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 22-06-2017 22:11:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 29-06-2017 22:11:51
หวานทั้งเรื่องเลย อ้ายยยย
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: romeo2000 ที่ 30-06-2017 12:52:40
ชอบอะมีความสตรองในรัก รักชนะทุกอุปสรรคของจริงเลย

 เป็นเรื่องที่สนุกมาก :mc4:

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ สนุกๆ ค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: นอร์ท ที่ 02-07-2017 14:44:44
อยากได้ตอบเขามีลูกกันจังเลยค่ะ สนองตัณหาหนูหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 02-07-2017 18:03:02
อยากอ่านตอนพิเศษค่ะ
ยิ่งตอนมีลูกยิ่งอยากอ่าน
อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง
จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ บทที่ 20 [End] 14/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 03-07-2017 12:47:40
น่ารักกกก ชอบมาก อยากได้ป๋าแบบนี้สักคน 555
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 03-07-2017 19:20:24
ตอนพิเศษ

   “พ่อครับ... แม่ครับ... ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ฮึก... ณินอยู่ได้ครับ”

   น้ำเสียงกลั้นสะอื้นที่เอ่ยตะกุกตะกักนั้น ฟังดูก็รู้ว่าผู้พูดฝืนใจแค่ไหนกว่าจะพูดจบ ร่างเด็กชายแขนขายาวเก้งก้างที่ยืนทอดสายตาไปโดยไม่มีจุดหมาย แผ่นหลังดูอ้างว้างเศร้าสร้อย แต่ก็เจือไปด้วยความเข้มแข็ง จุดให้ร่างเล็กที่ยืนแอบมองอยู่ถึงกับเช็ดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ โผล่หน้าออกจากหลังต้นไม้ที่ตนยืนแอบอยู่ยื่นหน้าออกไปถามด้วยเสียงอันสั่นพร่า ดวงตาบวมช้ำเป็นสีแดง เห็นชัดจากการยกมือป้ายของตัวเองเมื่อสักครู่

   “ฮึกๆ นาย... พ่อแม่นาย ตะ... เอ๊ย! ... ไม่อยู่แล้วเหรอ”

   ธรณินหันกลับไปด้วยตกใจเสียงเจือสะอื้นแผ่วๆ ที่เอ่ยทัก อุตส่าห์หนีออกมาจากงานศพเพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นใจที่บรรดาญาติๆ และเพื่อนๆ ของพ่อกับแม่ที่มาในงานเอ่ยปากออกมา ธรณินรู้ว่าพวกลุงๆ ป้าๆ อยากปลอบใจเขา แต่การที่ต้องมารับฟังคำว่า ‘เสียใจด้วยนะ’ ซ้ำๆ ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำให้รับรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้วนั่นล่ะ กำลังจะปั้นหน้ายิ้มพร้อมคำพูดว่า ‘ขอบคุณที่มางานนะครับ’ อันเป็นคำพูดติดปากตั้งแต่วันที่ตั้งศพวันแรกแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมองเห็นเด็กชายตัวกลมป้อมวัยประมาณ 4 - 5 ขวบ ยืนจ้องตนเองอยู่ด้วยใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวเหมือนเตรียมจะปล่อยโฮได้ทุกเวลา

   ภาพที่ปรากฏในคลองสายตาช่างประหลาดนักในความรู้สึกของธรณิน เด็กชายตัวน้อยผิวขาวจัด แต่งตัวด้วยชุดที่ดูผ่านๆ ก็รู้ว่ามีราคา ยืนจ้องมาทางตนเองด้วยแววตาสงสารสุดหัวใจ น้ำตาที่เอ่อคลอทำท่าจะหยดย้อยลงมาได้ทุกเมื่อ ปากอิ่มสีแดงจัดถูกฟันเล็กๆ ขบเม้มอย่างอดกลั้นความรู้สึกเต็มที่ ผมสีน้ำตาลทองยุ่งเหยิง มีเศษใบไม้เกาะติดดูน่าตลก คงจะแอบดูอยู่นานแล้วแน่ๆ

   “หืม... ถามพี่เหรอ?” ธรณินขมวดคิ้วสงสัย ลูกของเพื่อนพ่อแม่คนไหนสักคนละมั้ง

   “ใช่ นาย... เอ๊ย!... พี่... พี่เป็นกำพร้าเหรอครับ”

   ถ้าเป็นคนที่โตเท่าเขามาถามคงถูกอัดกลับไปแล้ว แต่นี่เป็นเด็กตัวน้อย แถมท่าทางไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไร ธรณินจึงฝืนข่มความไม่พอใจแล้วจึงพยักหน้าตอบกลับไป

   “ใช่... พี่เป็นกำพร้า”

   จบคำว่าพร้าไม่ทันสิ้นเสียงดี ธรณินก็รู้สึกได้ถึงแรงปะทะที่โถมเข้ากอดช่วงเอวของเขาไว้อย่างรุนแรง ตามมาด้วยเสียงระเบิดร้องไห้โฮของเจ้าของร่างที่กำลังกอดรัดเขาอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย จากความไม่พอใจแปลเปลี่ยนเป็นความงุนงง ธรณินทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นไปมาพลางเอ่ยปลอบอย่างเงอะงะ ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว ไม่เคยต้องปลอบใครมาก่อน

   “โอ๋ๆ อย่าร้องไห้นะ เป็นอะไรไหนบอกพี่ซิ ใครแกล้งครับ”

   “ฮึกๆ กานต์ ฮึก สงสารพี่”

   เสียงสะอึกสะอื้นในลำคอ พร้อมกับใบหน้าที่เลอะน้ำตาไปทั่ว ส่งผลให้ใจของเด็กชายธรณินอ่อนยวบลงอย่างง่ายดาย เกิดมาจนอายุ 14 ปีแล้ว พึ่งเคยมีคนมาร้องไห้สงสารอย่างเอาจริงเอาจังขนาดนี้นะเนี่ย ธรณินได้แต่นึกขำในใจ มือที่ลูบศีรษะทุยสวยนั้นจึงเลื่อนมาเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยอย่างเบามือ

   “ชู่วๆ ไม่ร้องครับ เด็กดีไม่ร้อง พี่ไม่เป็นไร เห็นไหม พี่สบายดี”

   นานเป็นครู่ใหญ่กว่าใบหน้าเลอะคราบน้ำตาจะสะกดกลั้นอารมณ์เศร้าสะเทือนใจจนเหลือเพียงเสียงสะอื้นจางๆ เจ้าตัวเล็กใช้หลังมือป้ายน้ำตาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเงยหน้าสูดน้ำมูกเสียงดังพร้อมกับประกาศกร้าวอย่างขึงขัง

   “พี่ไม่ต้องกลัวไปนะครับ กานต์สัญญาว่ากานต์จะคอยดูแลพี่เป็นอย่างดี ว่าแต่... พี่ชื่ออะไรครับ”

   จากเสียใจ เข้มแข็ง จนมาสู่คำถามที่แสดงความสงสัย ธรณินแทบจะหลุดหัวเราะขำออกมา เกิดมาไม่เคยเจอใครที่อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้เร็วขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจถ้อยคำว่าจะดูแลพี่เป็นอย่างดี เขาคงได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเต็มที่แน่ๆ

   “พี่ชื่อธรณิน เรียกพี่ณินก็ได้”

   เด็กชายตัวกลมยิ้มรับ เอามือปัดๆ ฝุ่นตามตัว จัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมจนเรียบร้อยก่อนจะฉีกยิ้มเต็มหน้า แนะนำตัวด้วยความฉาดฉาน

   “ผมชื่อกานต์ครับ เรียกว่ากานต์ก็ได้”

   ธรณินหัวเราะออกมาจริงๆ แล้วคราวนี้ ดูก็รู้ว่าคำตอบลอกเขามาจึงแกล้งถามกลับ

   “อ้าว! ก็ชื่อกานต์ ก็ต้องเรียกกานต์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

   “ปกติแม่เรียกน้องกานต์ แต่พี่ณินเรียกกานต์เฉยๆ ก็ได้ไงครับ”

   ไม่รู้ว่าตอบแบบพาซื่อ หรือว่าเจ้าตัวเล็กนี่เจ้าเล่ห์กันแน่ แต่ธรณินว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะสังเกตเห็นแววตาวิบวับตอนตอบคำถามด้วย มองดูดีๆ เด็กคนนี้โตไปคงหล่อไม่เบา ผิวขาวจัดตัดฉับกับปากอิ่มเต็มสีแดงอย่างเด็กมีสุขภาพดี ผมสีน้ำตาลทองทำให้หน้าดูสว่างไสว แต่ส่วนที่ดึงดูดที่สุดคือดวงตาสีน้ำเงินเหลือบดำนั่นต่างหาก สาวๆ เห็นน่าจะถูกล่อลวงได้ง่ายๆ

   ขณะกำลังมองเพลินๆ ก็รู้สึกถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อ ธรณินจึงหันไปเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร

   “เล่นลูกแก้วกันไหมครับ”

   คำชักชวนให้เล่นลูกแก้ว (ซึ่งธรณินเลิกเล่นมาตั้งแต่ ป.4 แล้ว) ทำเอางุนงง เมื่อกี๊ยังร้องไห้อย่างกับจะขาดใจ จู่ๆ มาชวนเล่นซะงั้น เด็กเอ๊ยเด็กน้อย กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธก็กลืนคำพูดกลับลงคอแทบไม่ทัน

   “พี่ณินกำลังเศร้าใช่ไหมล่ะ แม่บอกว่าถ้าเราเศร้า เราก็หาเรื่องสนุกๆ มาทำ ชีวิตคนเรามีเรื่องให้เล่นสนุกตั้งมากมาย อย่ามัวไปจดจ่ออยู่กับเรื่องเศร้าๆ เลย นะ พี่ณิน ไปเล่นกับกานต์ดีกว่า รับรองสนุกแน่”

   น้ำเสียงชักชวนกึ่งปลอบประโลมเหมือนเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่กำลังปลอบเด็กน้อย ทำให้ธรณินอมยิ้มนึกขำกับท่าทางเป็นผู้ใหญ่เกินตัวของร่างกลมป้อมตรงหน้า ก่อนจะพยักหน้าตอบรับตามใจเด็กน้อยไปเป็นเพื่อนเล่นให้ หาอะไรทำแก้เหงาก็ดีเหมือนกันแฮะ ธรณินคิด

   เสียงกรอบแกรบจากถุงพลาสติกที่ใส่ลูกแก้ว เรียกให้ธรณินหันกลับไปมองลูกแก้วที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกที่ซีลเรียบร้อยหลากสีสัน หลายขนาด เล่นเอาธรณินเปลี่ยนความคิดที่ว่าเด็กนี่เป็นผู้ใหญ่เกินตัวไปเลย เตรียมมาเยอะขนาดนี้ มองยังไงก็แค่หาเพื่อนเล่นชัดๆ

   เด็กชายที่เกือบจะเป็นนายในเวลาอันใกล้นี้จูงมือกลมป้อมพลางสอดส่ายสายตาหาทำเลเหมาะๆ ก่อนจะตัดสินใจเลือกที่บริเวณใต้ต้นหูกวางที่แผ่ร่มเงาบังแดดได้เป็นอย่างดี แล้วจึงบอกให้น้องตัวน้อยขุดหลุมเล็กๆ ไว้ ส่วนตัวเองจะไปปัดเศษหิน เศษใบไม้ออกให้หมด เวลาเล่นจะได้ไม่มีสิ่งกีดขวาง สั่งเสร็จก็ทำท่าจะเดินไป แต่เจ้าตัวเล็กกลับกระตุกชายเสื้อไว้ ก้มหน้างุด แล้วพึมพำอะไรสักอย่างเบาๆ

   ธรณินลงนั่งยองๆ เพื่อจะมองหน้าและฟังว่าเจ้าตัวจะพูดอะไร ก็เห็นแก้มขาวๆ ขึ้นสีแดงอย่างเขินอาย ตามมาด้วยคำพูด
   “ผม... ผม... กานต์ขุดหลุมไม่เป็นครับ”

   “หืม... อย่าบอกนะว่า... เล่นไม่เป็นน่ะ”

   ศีรษะที่ก้มงุดๆ อยู่แล้ว กลับชิดติดหน้าอกไปอีก ธรณินปล่อยก๊ากทันที ถึงว่าถุงลูกแก้วยังไม่เคยผ่านการแกะมาก่อนเลย อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กๆ นั่นอย่างมันเขี้ยว

   “มาๆ งั้นพี่เตรียมที่ให้ก่อน แล้วเดี๋ยวพี่สอนละกัน”

   “กานต์รู้นะว่าเล่นยังไง แค่... แค่ยังไม่เคยลองเล่นจริงๆ แค่นั้นแหละ” ปลายเสียงอุบอิบ

   อ่อ... แม่นทฤษฏี แต่ไม่เคยปฏิบัติ!!

   ธรณินจึงต้องเป็นคนจัดการทั้งขุดหลุมตื้นๆ ขึ้นมา ทั้งเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย ก่อนจะเล่นเจ้าตัวเล็กยังมีหน้ามาอวดอีกนะว่ากานต์รู้ว่าต้องดีดลูกแก้วไปให้ใกล้หลุมที่สุด ใครที่ใกล้กว่าก็ได้เริ่มเล่นก่อน ยืดอกเชิดหน้าภูมิใจได้สักห้าวินาที ก่อนจะตามมาด้วยประโยคปิดท้าย

   “แต่กานต์ดีดไม่เป็น”

   งานนี้เลยต้องเริ่มตั้งแต่จับมือสอนดีดกันเลยทีเดียว เด็กตัวโตก็ขะมักเขม้นสอน เด็กตัวเล็กก็ตั้งอกตั้งใจเรียนรู้ อย่างกับภารกิจระดับชาติก็ไม่ปาน ยิ่งสอนไปศีรษะก็เริ่มชิดติดกันมากขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงดังโป๊ก!!

   “โอ๊ย!”

   ธรณินยกมือกุมคางทันที ส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุล หงายหลังก้นกระแทกพื้นอีกต่อ ทีนี้เลยไม่รู้จะกุมคางด้านบน หรือกุมสะโพกด้านล่างดี ระบมไปหมดทั้งบนทั้งล่างเลย

   “พี่ณิน!!”

   เสียงเรียกแสดงความตกใจดังขึ้นทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็เอามือกุมหน้าผากตัวเองที่เงยหน้าไปชนเมื่อกี๊ไว้เหมือนกัน ธรณินเห็นท่าทางแล้วก็ได้แต่ปลง จึงส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ เอ่ยพึมพำว่าพี่ไม่เป็นไร

   ร่างกลมป้อมรีบลุกขึ้นยืนวิ่งซอยเท้าทั่กๆ เข้ามาชะโงกหน้าดู ก่อนจะใช้มือลูบศีรษะคนตัวโตอย่างระมัดระวัง

   “โอ๋ๆ ไม่เจ็บน้า”

   “พี่ไม่เจ็บ... เอ่อ... ความจริงก็เจ็บล่ะ แต่นิดเดียว กานต์เจ็บหน้าผากมากไหม”

   ธรณินลุกขึ้นปัดๆ ตามเนื้อตัว ก่อนจะก้มลงมา เลิกผมบริเวณหน้าผาก เพื่อดูร่องรอยความเสียหาย แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อเห็นรอยแดงปูดโนขึ้นมาเล็กน้อยบนใบหน้าเล็กๆ นั่น

   “กานต์เจ็บ... พี่ณินเป่าเพี้ยงหน่อย”

   อะ... เป่าเพี้ยง ธรณินหน้าตาแสดงความลำบากใจทันที คำว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นยังไง ธรณินก็รู้ซึ้งได้ในวินาทีนี้เอง แต่พอเห็นแววตาคาดหวังก็ได้แต่ถอนใจ หันซ้าย หันขวา ไม่มีคน จึงก้มลงเป่าลงบนหน้าผากเร็วๆ ครั้งหนึ่งอย่างขอไปที

   เด็กน้อยยิ้มร่าหน้าบาน เงยหน้าขึ้นจุ๊บปลายคางธรณินแผ่วเบา

   “กานต์ก็เป่าเพี้ยงพี่ณินน้า”

   กานต์หัวเราะคิกคักขำท่าทางธรณินที่ตกใจยกมือขึ้นกุมปลายคางทำตาโต ใบหน้าซับสีเลือดจางๆ แต่ที่ฟ้องว่าพี่ชายคนดีเขินสุดๆ ก็ตรงติ่งหูที่แดงเข้มอย่างเห็นได้ชัด

   “พี่ณินอะ น่ารักนะเนี่ย ใจดีมากเลยด้วย”

   พูดจบก็สอดมือเข้ารอบเอวของธรณิน โอบกอดแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาพร้อมเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมผิดกับหน้าตาอ่อนใส

   “อย่าเสียใจมากจนเสียสุขภาพนะครับพี่ณิน ถึงไม่มีพ่อแม่แล้ว แต่พี่ณินยังมีกานต์อยู่นะ กานต์จะคอยดูแลพี่ณินเอง กานต์สัญญา”

   จบคำพูดของเด็กชายตัวกลมท้องฟ้าก็ส่งเสียงครืนครั่นขึ้นมาทันทีเพื่อเป็นการตอบรับคำสัญญานั้น

   “เหตุการณ์ในวันนี้เราทั้งคู่คงจำไม่ได้ เพราะว่ากานต์แอบหนีออกจากวังมังกรมา ขากลับต้องโดนลบความทรงจำอยู่แล้วล่ะ แต่กานต์เชื่อว่าคำสัญญาของมังกรน่ะศักดิ์สิทธิ์พอที่จะทำให้กานต์กลับมาดูแลพี่ณินได้ รักษาตัวดีๆ จนกว่าเราจะพบกันใหม่นะครับ”

   ธรณินยังไม่ทันทำความเข้าใจกับคำพูดยาวๆ ของเด็กชายตรงหน้าสักเท่าไหร่ ก็ถูกรอยยิ้มเจิดจ้าบาดตาดึงดูดให้จ้องมองจนใจสั่น ตาร่า ก่อนร่างจะค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น สัมผัสอุ่นชื้นบริเวณขมับพร้อมถ้อยคำกระซิบ

   “จนกว่าสัญญามังกรจะผลักดันให้เรามาพบกันอีกครั้งนะ... ‘หนูณิน’ ”

-----------------------
:impress2:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-07-2017 21:35:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 05-07-2017 19:27:25
น่ารักมากค่ะ ตอนแรกพี่ณินดูเท่ห์หน่อยๆ แต่พอกลาเป็นน้องณินของป๋ากานต์หละมุ่งมิ้งน่ารักมาเชียว อิอิ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 08-07-2017 21:42:10
 :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
เล่นกันน่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: romeo2000 ที่ 09-07-2017 03:27:02
 :กอด1:  :L2:  :กอด1:  :L2: น่ารัก
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 13-07-2017 18:50:12
 :-[
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-10-2017 21:58:05
น่ารักมากๆ..อยากอ่านต่อ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 31-10-2017 02:47:17
เป็นสัญญาในวัยเด็กนี่เอง
ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-12-2017 19:44:25
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 29-05-2018 13:14:58
สนุกกกก  o13
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 23-06-2018 23:45:02
น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 27-06-2018 10:13:01
น่ารักมากมังกรสายแมวของป้า
หัวข้อ: Re: ▲♦ มังกรกานต์ (มังกรขาว) ♦▼ ตอนพิเศษ (3/7/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 08-11-2018 20:29:22
งื้อออออ น่ารักค่ะ ชอบแนวนี้ค่าาา
เรื่องนี้ดีมากอ่ะ เนื้อเรื่องก็ดี คาร์แรคเตอร์ก็แจ่ม
ดีใจที่คุณเจี่ยเจียปลดล็อคเรื่องอายุขัย กับ เรื่องเผ่านะคะ
ปกติอ่านแนวความรักต่างเผ่าทีไร ชอบรู้สึกเหมือนไม่คอมพลีททุกที
ขอบคุณค่าา