พิมพ์หน้านี้ - The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2015 00:08:46

หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2015 00:08:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ



ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด  การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐานในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น  ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม  เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
    7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
    7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
    7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่  หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2015 00:11:09

แจ้งข่าว : 10 พฤษภาคม 2564 - แจ้งข่าวไฟสมุทร (https://baby.thai-forum.net/t546-topic)


ขอบคุณค่ะ | เบบี้

.
.


ตอนที่ 1 
..ไฟ..




18 ปีก่อน
ท่าเรือ จังหวัดระนอง..

"หนีไปลูก.."
"ฮึก..ไม่~"
"พ่อบอกให้หนีไป!"
"พาแม่กับน้อง ..หนี ไป"
"พ่อ~"
"เฮ้ย! มันอยู่นี่!!"
"ฮื่อ พ่อออออ!"



ปัง!  ....ผมจำได้ดีว่า  เสียงปืนยิงดังสนั่น  ลูกของผู้ชายคนนั้นวิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตา 

"อึก" ผมได้แต่นั่งแอบเฝ้ามองอยู่ด้วยความกลัว  เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดหลังจากนั้น  ทั้งพ่อและผมสะดุ้ง  เราต่างตัวสั่นเทา  แม้แต่สิ่งที่จะช่วยเหลือชีวิตเราตอนนี้ก็ไม่มี  ไร้อาวุธแล้ว  ถ้ามันเจอตัวพวกเราคงเป็นตายเท่ากัน 

"พ่อ!!!" เสียงของเด็กผู้ชายคนนั้นร้องลั่นเมื่อหันกลับมาเห็นพ่อของตนที่นอนสิ้นลมทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ตนเอง  "ลุงยอด"...พ่อของเด็กคนนั้นก็เสียชีวิตลงคาที่  สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลูกชายตัวเองคล้ายกับว่าจะดูให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายนั้นไปแล้ว  และปลอดภัยดี

"ไปตามจับมันมาให้ได้!" ทันทีที่คนของเสี่ยย้งหันกลับไปมองเขาพร้อมกับตะโกนหมายหัว  อีกฝ่ายก็วิ่งหนีไปพร้อมกับกระเป๋าของลุงยอดที่กอดไว้ในอก  รองเท้าแตะหูคีบไร้ราคาที่ดูจะใช้งานมาหนักมาก  เสื้อผ้ามอมแมม  เข่าเปื้อนเลือดคงเพราะหกล้มมาหรืออะไรสักอย่าง  ใบหน้าคมเข้มตั้งแต่ยังเด็กเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิด  โตไปก็คงจะหน้าตาไม่ผิดเพี้ยนจากพ่อเขาเป็นแน่  เด็กคนที่ชื่อ.."สมุทร"  ชื่อที่พ่อของผมบอกกับผมว่าพ่อเป็นคนตั้งให้อย่างตั้งใจ  คนที่พ่อของผมบอกว่าเขาเองก็เกิดมาไล่เลี่ยกันกับผม  ทั้งที่ควรจะได้เจอกันเร็วกว่านี้  ได้เจอกันแบบคนปกติทั่วไปแต่มันก็สายไปแล้ว 
 
"ไอ้ยอด" พ่อร้องพึมพำด้วยอาการช็อกไม่ต่างจากผม  แต่คงช็อกคนละความรู้สึก  มือของพ่อที่กอดผมอยู่นั้นสั่นเทา  น้ำตาของพ่อเหมือนจะไหลออกมาแต่ก็ไม่  พ่อจ้องไปที่ศพของลูกน้องที่จงรักภักดีไม่วางตา   

"ระยำเอ๊ย" เขากัดฟันสบถอย่างเคียดแค้นแต่เสียงกลับสั่นไปหมด  ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นผมจำได้เป็นอย่างดี  ลูกน้องที่ยอมเสี่ยงตัวเองไปเป็นสายให้พ่อผมกลับถูกยิงตาย  ลูกชายของเขาและครอบครัวก็หายตัวไป...


- - - - - - - - - - - - - - -


7 ปีก่อน 
กรุงเทพ..


"มันอยู่ข้างหลัง เบี่ยงซ้ายเลยครับ" เสียงคู่หูของผมบอกตำแหน่งที่ตั้งของเป้าหมายที่เราต้องการจับในตอนนี้  อันที่จริงจะใช้คำว่าจับมันก็คงจะไม่ถูกนัก  ดูเหมือนตอนนี้ผมจะเป็นฝ่ายที่กำลังถูกจับมากกว่า  เหมือนกับว่าพวกมันได้กลิ่นแปลก ๆ ว่าผมอาจเป็นสายให้ตำรวจ  ที่จริงอยากบอกให้พวกมันรู้ว่าผมไม่ใช่สายตำรวจสักหน่อย  เพียงแค่อยากหาอะไรสนุก ๆ เล่นฆ่าเวลา  แต่ที่สำคัญในตอนนี้คือ  ผมกำลังถูกต้อนเป็นหมูเลยทีเดียว

"เฮ้ย! จับมันให้ได้ กูจะเอากระดูกมันไปให้กัปตัน..ลูกกูกิน!" เสียงโวยดังขึ้นอย่างเหนือกว่า  ผมแสยะยิ้มดุนลิ้นออกมาอย่างเคยชินเมื่อไหร่ที่ชอบใจปนหมันไส้ในการกระทำหรือคำพูดของใคร  มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอกแล้วหยิบลูกอมโอเล่ออกมาแกะกินอย่างใจเย็น

"คำเตือน โอเล่ทำให้ลิ้นแดง" ผมพูดยิ้ม ๆ พี่ธานไม่ได้ว่าอะไรแต่คิดว่าคงกำลังยิ้มพลางส่ายหัวอีกตามเคย
"ฮึ.." ผมหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดูหวาดระแวง  ผมที่ไร้แม้อาวุธในตอนนี้  กระทั้งไร้ความกลัวหรือกังวลโดยสิ้นเชิง  การที่ผมล่อมันให้มาที่นี่ได้ก็เพราะรู้ว่าคนของผมต้องอยู่รอผมอยู่ที่นี่แน่นอนอยู่แล้ว

"ให้ผมเดา ไอ้เหี้ยนี่..ขนตูดมันต้องเยอะแน่ ๆ ลามไปทั้งตัว" ผมเบะปากพูดบอกคู่หูที่ปลายสายเมื่อเห็นเงาศัตรูที่สะท้อนให้เห็นทางตู้อีกฝั่งหนึ่งของห้อง  ขนหน้าอกมันเยอะลามขึ้นไปจนแทบจะถึงคอ "พี่ธาน"..คู่หูที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกร้างพร้อมกับสไนเปอร์คู่ใจนอนอยู่บนหลังคาฝั่งตรงข้ามหัวเราะในลำคอเบา ๆ คล้ายกับเห็นด้วยกับผม

"พุงมันปิดไข่แทบมิดเลยพี่เห็นไหม..เกิดมานี่มันแดกควายเข้าไปแล้วกี่ตัว ถ้ามันโดนยิง ไขมันคงจะกระเด็นไปถึงโลกหน้าแน่..อุบาทว์ฉิบ" ผมว่าอย่างรู้สึกขยะแขยงความทุเรศทุรังของหน้าตามัน

"หึหึ" ปลายสายหัวเราะชอบใจอย่างไม่มีปากเสียงตามเคย
"เข้าซอกตึกขวามือครับ" พี่เขาบอกที่หลบซ่อน  ผมรีบทำตามในทันที  สิ่งที่จะช่วยป้องกันชีวิตตัวเองในตอนนี้ไม่มีเลยแม้สักอย่างเดียว  ในมือมีเพียงของสำคัญที่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมตายง่าย ๆ แน่ถ้าสิ่งนี้ยังไม่ถึงมือตำรวจ  เอามายากลำบากขนาดนี้  ใครจะไปยอมตายง่าย ๆ กัน

"พร้อม..รึยังครับนายน้อย" ปลายสายถามความพร้อมและยังทิ้งท้ายด้วยคำพูดไม่รื่นหูต่อผม  ผมเหลือบมองไป  เห็นพี่ธานที่ซุ่มอยู่พร้อมกับสไนเปอร์ที่สังหารมาแล้วหลายต่อหลายชีวิต  ดูท่าเขาจะพร้อมเต็มทีแล้ว  ผมพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลา  ใกล้เวลาที่ผมจะต้องไปรับน้องชายที่สนามบินเต็มแก่  ถ้าผิดนัดคราวนี้อีกผมคงไม่มีความเชื่อใจอะไรเหลือให้น้องผมอีก

"หวังว่าสไนเปอร์ของพี่คงจะไม่ทำให้ผมผิดหวังหรอกนะ" ผมพูดแกล้งกลับบ้าง  ปลายสายยังคงหัวเราะในลำคอที่ถูกผมประชดเอาได้

"ชู่ Barrett คุณไฟเค้าล้อเล่นน่ะ ไม่คำรามสิ" อีกฝ่ายเย้าหยอกกับสไนเปอร์เหมือนย้อนผมกลับจนผมอดอมยิ้มไม่ได้  สไนเปอร์ Barrett M82 หนึ่งในสไนเปอร์ขึ้นแท่นว่าดีที่สุดในโลกคือของสำคัญของพี่ธานที่น่าจะได้วางมือเร็ว ๆ นี้

"เจอกันข้างล่าง" ผมสั่งเสียงเย็นเพราะเลือดสูบฉีดเต็มที่เตรียมพร้อมหนี  ตอนนี้เพียงหนีให้ได้ไวที่สุดโดยไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งจับได้ว่าผมเป็นลูกเต้าเหล่าใครมาจากไหน  ไม่ให้ใครเดือดร้อนแม้กระทั่งคู่หูของผมในวันนี้ที่ต้องเข้ามาเสี่ยงชีวิตด้วยทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้  เราทั้งสองที่ขัดคำสั่งเด็ดขาดของพ่อของผมว่าห้ามมายุ่งเกี่ยวกับวงการนี้อีก  สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือการรักษาชีวิตตัวผมเองให้กลับออกไปเพื่อนำหลักฐานที่รับปากเพื่อนสนิทไว้นี้ไปให้พี่ชายของมัน  และไปรับน้องชายที่สนามบินให้เร็วที่สุดด้วยก็เท่านั้น 


ฟิว!  ...เสียงยิงเป้าหมายเบาอย่างกับลมเพียงกระทบผ่านหู  เร็วและแรงจนเป้าหมายแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นตายแล้ว  เสียงกระจกแตก  พวกมันยืนอึ้งตาค้างที่เห็นคนของตัวเองตายเพียงเสี้ยววินาที  หลังจากนั้นเสียงปืนดังกระหน่ำไม่ยั้งจนตึกแทบสั่นไหว  เสียงคนเริ่มโหวกเหวกโวยวายจากทางด้านล่าง  ทำให้ผมคาดการณ์ได้ว่ามันคงยกพวกมาเยอะเป็นแน่  พวกมันยิ่งกระวนกระวายที่ยังหาผมไม่พบแต่เพื่อนพวกมันกลับตายไปทีละคน
 
"หึหึหึหึหึ" ผมหัวเราะขึ้นเสียงดังลั่น  เสียงปืนเงียบลงทันที

"จุดห้าศูนย์ แม่นยำระดับพระกาฬ" ผมบ่นพึมพำยิ้ม ๆ แล้วก้าวเท้าเดินออกไปอย่างช้า ๆ เพราะพวกมันไม่ทันสังเกตเห็นผมเสียด้วยซ้ำ 

"ไอ้.." พวกมันมามองผมอึ้ง ๆ  ผมนำซีดีข้อมูลของพวกมันปิดไว้ที่หน้าของผมเพื่อไม่ให้พวกมันได้เห็นว่าผมเป็นใคร

"โอ้โฮ..กลางกระบาลเพื่อนมึงทีเดียวสองคนเลย คนของกูเจ๋งโคตรเลยใช่ไหมล่ะ มึงหาคนฝีมือแบบนี้ในประเทศไทยไม่ได้อีกแล้วนะ..ดูเอาไว้เป็นบุญตาซะ" ผมพูดพลางหัวเราะเยาะ

"มึงเป็นใครวะ!" 

"อยากรู้..ก็ขยับไขมันจับกูให้ได้สิ ไอ้หมีแพนด้า" ผมพูดเสียงทุ้มต่ำพร้อมเลื่อนแผ่นซีดีลงให้เหลือเห็นเพียงระดับคิ้วก่อนยักคิ้วกวนตอบให้  ไม่ทันให้พวกมันได้คิดทัน  เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด  เพื่อนมันร้องโหยหวน  ผมใช้จังหวะที่กำลังชุลมุนนี้วิ่งหลบหนีออกมาในทันที

"ไอ้สัตว์ ยืนเซ่ออะไร! ตามมันไปสิวะ!" เสียงโวยดังมาจากด้านใน

"ตามมันไป!!!" สิ้นเสียงนี้เองผมก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด  ผมวิ่งผลัดกระโดดลงบันไดมาจากตึกสูงสิบกว่าชั้นอย่างรวดเร็ว  เมื่อก้มลงมองสำรวจไปที่ชั้นล่างก็เห็นคนของพวกมันเต็มพื้นที่ไปหมด

"ฉิบ"

"คุณไฟ!" ผมหันไปมอง  พี่ธานที่อยู่อีกตึกหนึ่งโยนกระบอกปืนมาอย่างแรงจนมันกระเด็ดมาทางฝั่งผม  ผมเข้าไปคว้ามาถือไว้   

"รถจอดอยู่ซ้ายมือข้างตึกฝั่งผมครับ" พี่ธานบอก  ผมพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งหนีต่อเพราะได้ยินว่ามีเสียงฝีเท้าวิ่งตามลงมา  เสียงปืนยิงต่อสู้กันดังสนั่น  พี่ธานคงยิงสกัดไว้ให้ผมแล้ว  คนด้านล่างร้องดังระงมไปหมด

"ว่าไงพี่!" ผมกดรับ  เมื่อเห็นสายเข้าเป็นนายตำรวจที่รับคดีนี้อยู่  พี่เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทของผมเอง

"ลื้ออยู่ไหนวะ ใครบอกให้ลื้อลงมือ!" เสียงเหวี่ยงจากปลายสาย  ฟังดูไม่ชอบใจอีกตามเคย  ทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจสักอย่าง  เป็นผู้ชายที่โคตรเรื่องมากไปอีก

"ถ้ารอพี่ ผมคงไม่มีชีวิตมาวิ่งหนีกระสุนพวกมันอยู่อย่างนี้" ผมว่ากลับ  ปลายสายจิจ๊ะเสียงให้ได้ยิน

"ตึกร้างนาร่า นี่พี่คิดว่าผมอยากทำนักรึไง..ถ้าพ่อรู้เอาผมตายแน่ พี่ก็ด้วย" ผมย้อนถึงสิ่งสำคัญ  เรื่องบางเรื่องทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเรา  สุดท้ายก็เข้ามาพันแข้งพันขาจนจะสะบัดออกไปก็ไม่ทันซะแล้ว 

"เออ ๆ"

"มาเก็บศพพวกมันด้วยล่ะ..ผมต้องไปรับพายุ ไม่มีเวลาคุย..ที่แน่ ๆ ผมได้ของแล้ว เตรียมตัวเลื่อนยศได้เลยครับคุณสารวัตรฐานทัพ" ผมแสยะยิ้มบอก  เสียงสบถให้ได้ยินยังคงดูไม่พอใจ  เมื่อถึงชั้นล่างได้ก็วิ่งตรงไปที่รถยนต์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อเป็นที่หลบลูกกระสุน  มองสำรวจไปรอบ ๆ ก็พบรถยนต์ของผมจอดอยู่อย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้  การยิงต่อสู้ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง  ผมไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหันไปมอง  รู้เพียงว่าศพคงตายเกลื่อนถนน  ผมยิงตอบกลับช่วยพี่ธานคู่หูของผมเพียงเพื่อหลบเลี่ยงแค่นั้น


ปึก! 
"อะ" ผมร้อง  ฝีเท้าถีบเข้ามาเต็มหลังไม่ทันตั้งตัว  เมื่อตั้งหลักได้จึงหันกลับไปชกเข้าเต็มแรงทำให้อีกฝ่ายสลบคาที่ไปในทันที

"เวรเอ๊ย" ผมสบถเสียงอย่างเลือกไม่ได้  แม้จะเพียงไม่กี่วินาทีแต่อีกฝ่ายก็เห็นหน้าผมแล้ว  มือจึงเหนี่ยวไกปืนยิงไปที่จุดที่คิดว่าอีกฝ่ายจะตายคาที่อย่างแน่นอนเพื่อกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า  เสียงรถตำรวจดังมาใกล้ ๆ พวกมันเริ่มแตกตื่น  ผมวิ่งจ้ำไปที่รถ  พี่ธานวิ่งสวนออกมาจากตึกพอดี  เราต่างฝ่ายต่างกระโดดขึ้นรถกันอย่างรวดเร็ว

"เร็วดีนี่" ผมอมยิ้มชมพี่ธาน  อีกฝ่ายอมยิ้มไม่ได้ว่าอะไรและโยนสไนเปอร์ไปที่เบาะหลัง

"พี่ทัพกำลังมา ใช้ทางลัด..ไปสนามบิน" ผมสั่ง  สิ้นคำสั่งผม  เสียงล้อรถปัดกับพื้นถนนดังระงม  เสียงลูกปืนยิงกระทบถูกรถตามมาไม่หยุดอีกสี่ห้านัด

"ระยำเอ๊ย" ผมหันหลังกลับไปกัดฟันสบถที่พวกมันยิงลูกรัก

"ทำสีใหม่อีกแล้ว!" ผมบ่นอย่างหงุดหงิด  พี่ธานฉีกยิ้ม

"จบกันที" ผมพูดแกมบ่น 

"เอาเป็นว่า..วันนี้ผมคงกินเคเอฟซีได้แล้วสินะ อืม..ไก่ทอดน้ำปลาก็อยากกิน" ผมหันไปบอกคู่หูที่ตอนนี้กลายเป็นคนขับรถไปเสียแล้ว  เมนูสิ้นคิดที่ผมชอบมากทีเดียว

"หึ ถ้าไม่โดนใครบ่น..ผมก็ห้ามคุณไม่ได้อยู่แล้วนี่ครับ" อีกฝ่ายตอบทำให้ผมถึงกับอมยิ้มอย่างพอใจ


- - - - - - - - - - - - - - -


ปัจจุบัน
กรุงเทพ..



ก๊อก  ๆ ๆ
"เข้ามา" ผมอนุญาต 

"คุณไฟครับ ได้เรื่องแล้วครับ" พี่ธานเดินเข้ามา  "อาธาน"..เป็นมือขวาอันสงบนิ่งของผม  แต่ก่อนก็เปรียบเสมือนคู่หูที่เป็นตายร้ายดีมาด้วยกัน  ซื่อสัตย์ เป็นงาน ตรงไปตรงมาและเป็นคนที่ผมไว้ใจเหมือนกับพี่ชายแท้ ๆ เหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

"ว่า.." ผมถามกลับไปด้วยรู้สึกตื่นเต้นลึก ๆ กับข่าวคราวที่สืบหามานาน  และคาดว่าวันนี้น่าจะได้เรื่องสักที

"ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่สุโขทัยครับ โยกย้ายระหว่างสุโขทัย ลำพูน..เชียงใหม่ ตอนนี้ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วครับ หลังจากที่แม่กับพ่อเลี้ยงเสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน..ตอนนี้กลับมาอยู่กับยาย แล้วก็น้องชายกับน้องสาว" พี่ธานเล่า

"น้องชายกับน้องสาว" ผมย้ำเสียงคิ้วขมวด 

"ครับ" พี่ธานพยักหน้า

"น้องสาว..เป็นน้องสาวแท้ ๆ ที่เกิดจากลุงยอด ส่วนน้องชาย..เป็นลูกที่เกิดจากพ่อเลี้ยง ประมาณน่าจะเจ็ดแปดปีให้หลัง ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่" พี่ธานอธิบายด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจ  ผมพยักหน้ารับ  เราต่างเงียบลงครู่หนึ่ง  พี่ธานมองหน้าผมเหมือนรอการตัดสินใจ

"แล้ว..ชีวิตเป็นไง" ผมถามถึง  พี่ธานหลบสายตาเล็กน้อยก่อนเหลือบมาสบตาผมอีกครั้ง

"ตอนที่มีพ่อใหม่ชีวิตก็ดีขึ้นบ้างนะครับ แต่ว่าแม่ก็มาป่วยลง..เห็นว่าสมุทรต้องออกไปทำงานมาช่วยแบ่งเบาภาระอยู่พักใหญ่ จนพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุระหว่างทางกลับจากต่างจังหวัด เอ่อ..สืบมาว่าหลังจากกลับจากโรงพยาบาลน่ะครับ" พี่ธานเล่า  ผมพยักหน้ารับ

"..หลังจากทั้งสองคนเสีย สมุทรได้เงินส่วนหนึ่งจากประกันของพ่อกับแม่..ก็เลยขายบ้านที่อยู่ที่นั่น เป็นของพ่อเลี้ยงน่ะครับ นำไปใช้หนี้ที่แม่กู้เพื่อส่งสมุทรกับน้องเรียนไป..แล้วย้ายกลับมาอยู่ที่นี่กับยาย"

"เอ่อ เห็นว่ายายนำบ้านไปจำนองไว้กับเจ๊หยก..เอาเงินไปช่วยลูกชายคนโตที่อยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ แต่สมุทรใช้หนี้ให้หมดเรียบร้อยแล้ว" พี่ธานเล่าถึง  "เจ๊หยก"..ผมไม่เคยเห็นหน้าค่าตาสักที  แต่กิติศัพท์ที่ได้ยินมาถึงความโหดนั้นก็ไม่เบาทีเดียว

"อายุเท่าคุณ..จบปวส.ช่างก่อสร้าง เป็นนักกีฬาโรงเรียนมาตลอด ตั้งใจเรียนดี ตอนนี้ทำงานเป็นพนักงานควบคุมงานก่อสร้างอยู่ที่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง THE TRUST Company ครับ ทำมาได้หลายปีแล้ว" พี่ธานบอก

"ไม่เรียนต่อเหรอ" ผมขมวดคิ้ว

"ไม่ครับ" พี่ธานผงกหัวเล็กน้อย  ผมพยักหน้าเข้าใจ

"แค่นี้.." ผมเลิกคิ้วเชิงถามอีกครั้งถึงข้อมูลที่หามาได้

"แล้วก็..หลังจากกลับจากทำงาน ต้องกลับมาช่วยยายขายขนมที่บ้าน แล้วก็อยู่ค่ายมวยด้วย"

"อยู่ค่ายมวย" ผมย้ำเสียงอย่างสนใจ

"ครับ..เจ้าของค่ายมวยที่เป็นเพื่อนเก่าของลุงยอดไงครับ สมุทรเป็นนักมวยอาชีพของค่ายศรไกร"

"ศรไกร..ศรไกร" ผมพึมพำ  มือขยับปากกาคล้ายกับให้ช่วยคิด  พยายามนึกเพราะคุ้นหู

"อ้อ..ค่ายมวยชื่อดังสมัยก่อนที่ใกล้เจ๋งแล้วน่ะนะ" ผมแสยะหัวเราะ  น่าขำ..เป็นนักมวยอยู่ในค่ายแบบนั้นแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร

"ครับ" พี่ธานพยักหน้า 

"งั้นก็ห่วยน่ะสิ" ผมเดาอย่างอดดูถูกไม่ได้  แม้พ่อของเขาจะฝีมือดีขึ้นชื่อแต่ลูกไม้หล่นไกลต้นก็มีนี่ครับ

"จากที่เห็น ก็ไม่นะครับ" พี่ธานอมยิ้มเล็กน้อย  ผมเท้าคางแสยะยิ้มตอบให้ด้วยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา  เพราะถ้าพี่ธานพูดขนาดนี้ก็คงอย่างที่พูดละมัง  พี่ธานเองก็ถูกพ่อผมและอาจารย์ที่ฝึกผมได้ฝึกพี่เขามาเป็นอย่างดี  ถ้าพี่ธานยอมรับ  มันก็คงต้องได้เห็นของจริงกันสักหน่อย   

"แล้วน้องสาวกับน้องชายที่ว่าล่ะ ใครเลี้ยง" ผมพยายามเก็บข้อมูลเข้าหัวให้ได้มากที่สุดทีเดียว

"สมุทรเลี้ยงครับ" พี่ธานตอบ

"คนเดียว" ผมถาม

"ครับ" พี่ธานพยักหน้า

"อายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน" ผมซัก

"ผู้หญิงชื่อดาวครับ เรียนอยู่ปีหนึ่ง มหาวิทยาลัย U สาขานาฏศิลป์..ได้ข่าวว่าเป็นเด็กเรียนดีนะครับ เลยสอบเข้าได้ ส่วนคนเล็กเพิ่งจะเก้าขวบครับ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง"

"หะ!" ผมอุทานพร้อมเบะปาก

"ครับ" พี่ธานอมยิ้มเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าผมอุทานทำไม

"เยอะแยะยั้วเยี้ยไปหมด" ผมบ่นอย่างนึกรำคาญแทน

"ค่อนข้างมีปัญหาทางด้านการเงินน่ะครับ" พี่ธานบอกอีก 

"หึ..พอจะทราบ" ผมหัวเราะปัดไปทีก่อนเงียบลงอย่างใช้ความคิด 

"คุณไฟจะเอายังไงต่อดีครับ" พี่ธานถาม  ผมหันกลับไปมอง

"ผมว่า เค้าไม่น่าจะมาง่าย ๆ"

"ทำไม" ผมถามกลับเสียงเข้ม

"ผมว่าเค้า.. คล้ายลุงยอด" พี่ธานตอบด้วยคำตอบเฉียบคมแบบที่ผมไม่สามารถย้อนอะไรกลับไปได้อีก  ผมแสยะยิ้มอย่างพอใจในคำตอบที่ได้รับ  ก่อนพยักหน้าและปัดมือส่ง ๆ เพื่อบอกให้พี่ธานออกจากห้อง  เขาก้มหัวให้เล็กน้อยรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไป  ผมได้แต่นั่งนิ่ง  สมองโล่งเพราะคิดอะไรไม่ทันเสียด้วยซ้ำ

"มีแต่เรื่องยุ่งยาก" ผมอดบ่นไม่ได้  ได้แต่ถอนหายใจเซ็ง ๆ เพราะตอนนี้ยังไม่อยากคิดมากอะไร  บอกปัดไม่ได้ว่านี่คือเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่พ่อสั่งเสียผมไว้ก่อนจากโลกนี้ไป  ซึ่งผมไม่สามารถผิดคำพูดได้อย่างแน่นอน  และคนอย่างผมจะต้องทำให้เรื่องมันหมดหน้าที่ไปเสียด้วย

ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน  กะเวลาไว้แล้วว่าจะออกจากนอกบ้านกี่โมงเพราะมีนัดกับเพื่อนสนิท  พอเดินลงมาก็เห็นว่าน้องชายตัวดีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับถุงของแบรนด์เนมเต็มไปหมด 

"ไงมึง" ผมทัก

"อะ..ซื้อมาให้" น้องชายหันมายื่นถุงใบหนึ่งให้ส่ง ๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะสนใจผมเท่าไหร่นัก  ผมรับมาดู  ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสองสามตัวและเป็นสีที่ผมชอบ  เห็นอย่างนั้นก็เลยวางลงข้าง ๆ เพราะไม่มีอารมณ์จะใส่ใจ   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2015 00:12:19

นี่คือ "พายุ"..น้องชายคนเดียวของผม  เป็นเด็กไม่ค่อยพูดมาแต่ไหนแต่ไร  เป็นคนในครอบครัวที่ผมสนิทและไว้ใจได้มากที่สุดในตอนนี้  เราสองคนไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กันโดยสายเลือดทั้งหมด  พายุเกิดจากภรรยาคนใหม่ของพ่อ  ส่วนแม่ของผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก  เราโตมาด้วยกัน  อยู่ด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต  เจอเหตุการณ์ทั้งร้ายทั้งดีมาด้วยกัน  เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกัน  ช่วยเหลือกัน  เราสนิทกันมากเพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พายุเองก็เหมือนไม่มีที่พึ่ง  เราจึงต้องพึ่งพากันและกันบ่อยครั้ง

แม่ของพายุหย่ากับพ่อผมหลังจากพายุได้ประมาณมัธยมต้นเข้ามัธยมปลายเห็นจะได้  เธอเดินทางไปอยู่ต่างประเทศกับสามีใหม่นานแล้ว  พายุเลือกที่จะอยู่ที่นี่กับผมและพ่อ  เราเรียนรู้งานของพ่อมาด้วยกันเสมอจนพ่อได้จากพวกเราไปอีกคน  พ่อเสียด้วยโรคหัวใจเมื่อสามปีให้หลังนี้นี่เอง  ตอนนี้ที่พึ่งทางใจของเราทั้งสองคนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวคือ..คุณย่าและกันและกัน  แน่นอนว่าเราไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับท่านหรอก  เพราะถ้าจะให้ผมอยู่บ้านกับคุณย่าละก็  ผมขอไปอยู่กินกับวัดดีกว่าน่ะนะ

"ใช้เงินเบา ๆ หน่อย" ผมบ่นครั้งที่ล้านได้เกี่ยวกับเรื่องชอบช็อปปิ้งของมัน  และก็เบื่อที่จะบ่นซ้ำ ๆ แล้วด้วย  สุดท้ายคนที่ให้เงินมันใช้ก็คือผมอยู่ดี

"ซื้ออะไรให้ก็ใส่ ๆ ไปเถอะ" มันว่าผมกลับซะงั้น

"เออ แล้วนี่..เรื่องเพิ่มค่าเช่าที่ตลาดน่ะ" พายุหันมามองหน้าผมเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ 

"เอาไว้ก่อน เดี๋ยวพี่จัดการเอง" ผมบอก

"ได้" พายุพยักหน้าแล้วหันกลับไปสนใจในการจัดเสื้อผ้าของตัวเองต่อ  ผมอมยิ้มมอง  มันเป็นคนระเบียบเรียบร้อย  รักความสะอาด  เกลียดคนสกปรกและคนทำอะไรชุ่ย ๆ เป็นอย่างมาก  ตอนนี้มันจึงกำลังนำเสื้อผ้าที่ซื้อมาออกมาพับเรียงเป็นระเบียบ  ตัดแบรนด์ที่ติดเสื้อผ้ามาด้วยออกแล้วนำแผ่นกระดาษพวกนั้นไปเรียงกองรวมกันเพื่อเตรียมทิ้ง  พับถุงกระดาษทั้งหมดวางซ้อนกัน  เป็นระเบียบทุกขั้นตอน 

แม่บ้านนำน้ำมาเสิร์ฟให้เราทั้งสอง  ผมชี้มือไปที่ถุงของผมเหมือนบอกให้เธอนำขึ้นไปเก็บบนห้องให้ผมด้วย  เธอพยักหน้ารับ  หยิบถุงและเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ

"โรงฝึกเป็นไง" ผมถามถึงกิจการของน้องชายตัวดี  แม้ว่าพายุเพิ่งจะอายุยี่สิบสองและเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยปีสาม  แต่มันก็เป็นคนที่มีความสามารถที่โดดเด่นและเป็นคนที่เก่งมากทีเดียว

"ก็ดี" มันตอบส่ง ๆ

"รายได้เพิ่มขึ้นห้าเปอร์เซ็นต์" พายุพูดเสริม  ผมพยักหน้า

"เฮียมีเรื่องไรรึเปล่า" พายุถามไม่ได้มองหน้าผม  อันที่จริงผมเป็นคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่พายุเรียกผมว่า "เฮีย" มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแล้ว  คงเพราะว่าแม่ของมันมีเชื้อจีนแทบจะเต็มตัว  เวลาที่แม่พายุเรียกแทนตัวผมกับพายุ  แม่มักจะเรียกว่า "เอานั่นไปให้เฮียสิ" "ลื้อเป็นน้องต้องเชื่อฟังเฮียนะรู้ไหม" อะไรทำนองนี้เสมอ  พายุเลยติดเรียกผมว่าเฮียตามแม่มาตั้งแต่เล็ก  เลยพลอยให้พี่น้องคนอื่น ๆ ติดเรียกผมแบบนี้ไปด้วยก็มี

"คืออะไร" ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ

"ก็เห็นช่วงนี้ดูมีอะไร" มันยิ้มมุมปากพูดเหมือนกับรู้อะไรสักอย่างแต่ก็ไม่อยากจะพูดออกมาตรง ๆ

"มีมั้ง" ผมตอบเพราะตัวเองก็ยังงงอยู่ว่ามีหรือไม่มีดี

"เรื่องดีหรือไม่ดีอ่ะ" มันพูดแกมหัวเราะ

"ก็..ค่อนข้างไปในทางที่ดี" ผมยักคิ้วตอบ  พายุส่ายหัวยิ้ม ๆ เราจบบทสนทนาลง 

"ช่วงจะขึ้นค่าเช่าตลาดน่ะ กูว่าจะให้คนไปอยู่กับมึงสักคน" ผมพูดขึ้นหลังจากที่นั่งจ้องตากันมาสักครู่หนึ่ง

"ไม่จำเป็น" มันตอบกลับเสียงห้วนแทบจะทันที  ผมถอนหายใจเบา ๆ เพราะคาดไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้

"ผมดูแลตัวเองได้" มันดักคอด้วยน้ำเสียงเรียบลงก่อนที่จะได้เห็นผมหงุดหงิด  เมื่อไหร่ที่เราสองคนรู้ว่าเรากำลังจะพูดผิดใจและเป็นเหตุทำให้ทะเลาะกัน  เราจะนิ่งลงทันทีและพยายามปรับรูปประโยคให้เข้าที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แย่ ๆ เกิดขึ้น  ผมไม่รู้ว่าวิธีการแบบนี้มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่แต่เราเริ่มทำมันจนเป็นธรรมชาติตั้งแต่พ่อป่วย  นั่นคงเพราะผมเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าควรควบคุมน้องชายของผมคนนี้อย่างไรละมังครับ

"เมื่อไหร่มึงจะเลิกเอาแต่ใจแล้วฟังกูสักที" ผมพูดพลางถอนหายใจโดยไม่มองหน้ามัน  อยากจะพูดออกไปว่า.."ถ้ากูไม่เป็นห่วงมึง กูจะพูดไหม" แต่กลับพูดไม่ออก

"เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมไม่ฟัง" พายุย้อนแล้วลุกขึ้นเหมือนไม่ต้องการฟังผมบ่นต่อ  มันเก็บรวบรวมถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมาและยังแกะไม่เสร็จไปถือไว้ก่อนหันกลับมามองหน้าผมอีกครั้งหนึ่ง  ผมที่นั่งอยู่จึงเงยหน้ามองมัน  เราจ้องหน้ากันนิ่ง 

"มึงเหมือนแม่" ผมพูดขึ้นแล้วหันหน้าลงมา

"มีแค่สองอย่างที่มึงไม่เหมือนแม่" ผมทิ้งจังหวะลง

"คือหนึ่ง..มึงเอาแต่ใจแม้กระทั่งกับกู" ผมว่าเพราะแม่ของพายุตามใจผมทุกอย่าง  เธอรักและเชื่อใจผมมาก  ไม่ว่าผมจะพูดอะไรเธอก็มักจะยอมไปหมด  ซึ่งที่ผมว่าพายุก็ว่าไปอย่างนั้นเองเพราะคนที่พายุเลือกที่จะพูดคุยด้วย  ยอมอ้อนด้วยและเอาแต่ใจก็มีเพียงแค่ผมกับพี่ธานเท่านั้น  ดังนั้น..ผมไม่เคยรำคาญมันหรอกนะครับที่มันเอาแต่ใจ  แต่บางทีแค่อยากให้มันเชื่อฟังผมมากกว่านี้

"สอง..คือมึงก็เป็นเกย์" ผมเสริมด้วยสีหน้ากวนตีนมันเล่นเพราะก็ไม่อยากให้ใครเครียด

"สักวัน ถ้ายุจะชกปากเฮีย มันก็คงสุดจะทนแหละนะ" มันว่าหน้างอแล้วเดินออกจากห้องไปเลย

"หึ" ผมหัวเราะออกมา  รู้สึกสนุกเล็ก ๆ ที่ได้แกล้งให้มันว่าผมได้แบบนี้

พายุ.. เป็นน้องชายที่หน้าตาติดไปทางแม่  อาจจะมีส่วนที่คล้ายพ่อบ้างแต่ก็ไม่มากเท่ากับผม  มันเป็นคนหน้าตาดี  มีส่วนของโครงหน้าที่คล้ายกับพ่อบ้างแต่องค์ประกอบบนใบหน้าและผิวพรรณมันเหมือนแม่ไม่มีผิด  หน้าตาหล่อเหลาและค่อนข้างหวานผู้ดีแบบที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนชอบคิดว่ามันคงจะเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยและผู้ดีมาก  แต่คงต้องขอโทษด้วยถ้าผมต้องพูดว่า.."มันเป็นเกย์"

เราต่างรู้เรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยที่มันเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนต้น  พายุเป็นคนเข้ามาสารภาพและปรึกษากับผมเอง  เราปิดเรื่องนี้กับพ่อและแม่มาตลอดจนพ่อเสีย  หลังจากนั้นพายุก็ตัดสินใจสารภาพเรื่องนี้กับแม่เพราะมันไม่อยากมีความลับกับเธอ  ผมเองก็ไม่ใช่รับไม่ได้หรอก  แน่นอนว่ามันคือน้องชายที่ผมรัก  มันเป็นคนเดียวที่ผมปกป้องมากับมือตั้งแต่เล็ก  แรก ๆ มันก็ต้องมีช็อกบ้างเป็นธรรมดา  หลายครั้งที่เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันคนมักจะทักว่าเราเป็นเพื่อนกันบ้างละ  เราเป็นแฟนกันบ้างละเพราะเราค่อนข้างดูแลกัน  และที่สำคัญผมมีผิวสีเหลืองแต่พายุผิวขาวมาก  ยิ่งไปกว่านั้นหน้าเราแทบไม่คล้ายกันเลย  แต่ผมคิดว่านิสัยของเราคล้ายกันมากทีเดียว

เราถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวของการต่อสู้ แย่งชิงและธุรกิจ  ก็ไม่เชิงถึงกับว่าเป็นมาเฟีย  ครอบครัวของเราค่อนข้างรักสงบแต่ก็ต้องคลุกคลีกับคนสายเจ้าพ่อมากพอสมควร  ถ้าให้ถามว่าครอบครัวผมมีอิทธิพลไหม  ถ้าให้ตอบตรง ๆ ว่าไม่คงกระดากปากผมแต่ก็คงมีละมัง 

พายุเป็นคุณครูสอนศิลปะป้องกันตัวมาได้ประมาณเกือบสองปีแล้ว  โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ผมสนับสนุนทุนให้และให้มันจัดการบริหารเอาเองหลังจากที่มันเชี่ยวชาญทางด้านนี้มาพอสมควร  ผู้จัดการโรงเรียนและเป็นลูกน้องคนสนิทของพายุคือ.."ไอ้เป็ด"  ซึ่งก็เป็นลูกน้องของผมมาก่อน  ผมโยนหน้าที่นี้ให้ไอ้เป็ดรับไปทำเป็นตัวหลัก  หน้าที่การงานที่มีอนาคตมั่นคงและไม่ต้องมาทำงานติดตามผมแจอีก  พายุเป็นคนเรียนเก่งและไม่นอกลู่นอกทาง  ติดไปที่เป็นคนหัวดื้อสักหน่อยและมีใบหน้าไม่แสดงอารมณ์จึงติดต่อกับลูกค้าปกติได้ยาก  แต่มันก็เชื่อฟังผมเป็นอย่างดี  ตรงนี้ผมจึงค่อนข้างไว้ใจให้มันทำโดยผมไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวก้าวก่าย

พายุเริ่มฝึกคาราเต้มาตั้งแต่อยู่ประถม  ก่อนหน้านั้นผมเรียนคาราเต้เป็นพื้นฐานทุกวันอยู่แล้ว  พายุคอยไปเฝ้าดูผมกับพี่ธานซ้อมเสมอจนมันพร้อมและสนใจที่จะเริ่มอยากเรียนด้วยความต้องการของตัวมันเอง  หลังจากที่เรียนคาราเต้อยู่ประมาณสองปี  พายุก็หันเหไปทางด้านกังฟู  มันมีพรสวรรค์ทางด้านนี้มาก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะสายเลือดของมันหรือเปล่า  เราเดินทางไปฝึกกังฟูที่เซี่ยงไฮ้เป็นประจำทุกช่วงปิดเทอม  พายุเริ่มคลั่งกังฟูมากขึ้นจนอย่างกับเสพติด  ส่วนผมเมื่อเต็มอิ่มกับเรื่องพวกนี้แล้ว  ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่แล้วก็เริ่มหันเหไปทางด้านการชกมวยและเริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้นจนตั้งใจว่าจะต้องสืบทอดกิจการงานต่อจากพ่อให้ได้  พายุเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองผิดเด็กปกติ  เมื่อเราสนใจคนละด้านพายุก็เริ่มไม่ติดผมอีก  มันขอพ่อกับแม่ไปเรียนมัธยมต้นที่ประเทศไต้หวัน  ซึ่งทั้งสองคนก็อนุญาตแต่แน่นอนว่าพ่อส่งคนไปคอยดูแลช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง  พอจบมัธยมต้นพายุก็กลับมาเรียนต่อมัธยมปลายที่ประเทศไทย  มันยังคงฝึกและเข้าร่วมแข่งขันทางด้านนี้อยู่อย่างสม่ำเสมอ  คล้ายกับว่าการศึกษาที่มันเรียนอยู่นั้นคืองานอดิเรก  แต่งานหลักของมันคือการฝึกกังฟู

พอเข้ามหาวิทยาลัยพายุก็ได้อิสระมากขึ้นจากผม  ผมปล่อยมันเต็มที่เลย  และแน่นอนว่าน้องชายผมมักไม่ค่อยอยู่กับที่เช่นกัน  มันบินไปขลุกอยู่ที่ประเทศจีน ไต้หวัน  เกาหลีและญี่ปุ่น  สลับไปมาอยู่อย่างนี้ระหว่างปิดเทอมบ้าง  ระหว่างวันหยุดระยะสั้นบ้าง  เรียกได้ว่าหายศีรษะจากประเทศไทยไปเป็นพัก ๆ มันจะผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่สี่ประเทศนี้ไม่ไปไหนโดยที่ผมจับตัวมันแทบไม่ได้เลย  ผมรู้ดีว่ามันไม่ได้มีจุดประสงค์ไปเที่ยวเล่นหรอก  พายุไม่ใช่คนรักสนุกแบบนั้น  แต่มันต้องการหาประสบการณ์ทางด้านศิลปะการต่อสู้พวกนี้มากกว่า  การที่น้องชายผมเป็นแบบนี้คือผมชินแล้ว  ไม่เชิงว่าเราขาดการติดต่อกัน  แต่ก็นั่นละ..ผมเคารพในการตัดสินใจของน้องผมเสมอ 

ใครเห็นใบหน้าหล่อหวานแบบนั้นของพายุแล้วคิดว่ามันเป็นคนปราณีคงต้องคิดผิดถนัด  เห็นอย่างนั้นแต่แรงมันเยอะมาก  สำหรับผม..ใบหน้าใส ๆ หล่อ ๆ ของมันไว้ใจอะไรไม่ได้เลย  คู่ต่อสู้มักประเมินน้องชายผมไว้ต่ำเสมอ  และบางครั้งก็น่าสะใจดีเวลาที่ผมขี้เกียจจะลงไม้ลงมือด้วยตนเอง  การนำพายุไปเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดระหว่างมีเรื่องมีราว  มันเป็นเสมือนการ์ดชั้นเลิศของผมเลยละ  การที่ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของศัตรูนั้นก็เหมือนกัน  นั่นก็เป็นเป้าหมายที่ผมหวังว่าจะได้เห็นในหลาย ๆ ครั้งน่ะนะ   
เราสองพี่น้องแตกต่างกันตรงที่  ผมรักการชกมวยมากเป็นชีวิตจิตใจแต่พายุไม่ใช่  หนึ่งในสิ่งที่พายุเป็นคือมันเป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์รุนแรงลึก ๆ ในบางครั้ง  มันต้องการความสงบ  ในขณะเดียวกันมันก็ต้องการปล่อยตัวตนที่แท้จริงของมันออกมา  นี่คือสิ่งที่ผมสัมผัสได้ในตัวมันในหลาย ๆ ครั้ง  ก็ไม่เชิงว่าเป็นคนขี้หงุดหงิดอารมณ์ร้อนง่าย ๆ คล้ายกับผม  แต่จะจัดว่าเป็นคนโมโหเงียบและค่อนข้างขี้งอนกับผมเป็นพิเศษ  สำหรับผม..ถ้าเมื่อไหร่ที่มันเงียบ  แสดงว่าผมคงไปทำอะไรให้มันโกรธอยู่แน่ ๆ

สำหรับเพศสภาพของน้องชายผมคนนี้..ผมแปลกใจอยู่อย่างเดียว  มันไม่เคยพาแฟนมาให้ผมเห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้ง  ตั้งแต่ที่มันสารภาพกับผมว่ามันชอบผู้ชาย  ปัจจุบันนี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่ามันเป็นฝ่ายไหนกันแน่  มันชอบผู้ชายจริงรึเปล่า  ตอนนี้เปลี่ยนใจเป็นอื่นไปแล้วหรือยัง  ทุกครั้งที่จินตนาการเองก็อดขนลุกไม่ได้  ทั้งที่น้องชายของผมแข็งแกร่งมากแต่ผมกลับมองภาพไม่ออกว่าถ้ามันจะต้องไปรุกใครที่เป็นฝ่ายชายก่อน  แต่ก็นั่นละครับ..เพื่อนสนิทของผมบอกกับผมว่า "ของแบบนี้มันดูกันที่ภายนอกไม่ได้ บางคนเห็นหน้าหวาน ๆ..ปุ๊บปั๊บบนเตียง เสือกรุกกูซะงั้น" ดังนั้น..โลกของพวกมันจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ  ผมเลยต้องหยุดคิด  เพราะก็คงไม่มีใครอยากจินตนาการว่ามีอะไรกับน้องชายตัวเองหรอก  ผมเองก็เคยถามพายุอยู่ครั้งหนึ่งว่ามันฝ่ายไหนกันแน่  แต่ก็โดนมันโกรธไม่คุยด้วยไปเป็นวัน  จากนั้นก็เลยเลิกถาม  คิดไปคิดมาแล้ว  ถ้ามีผู้ชายสักคนจะมาเอาความดื้อรั้นของมันอยู่ได้บ้างก็คงจะดีไม่น้อยทีเดียว  ผมรอวันสะใจลึก ๆ อยู่น่ะนะ

ปัจจุบัน  หลัก ๆ แล้ว..ผมดูแลธุรกิจคนเดียวหลังจากพ่อเสีย  ก่อนหน้านี้ผมเรียนรู้และคลุกคลีเรื่องงานของพ่อมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก  พ่อไม่เคยบังคับแต่ผมเลือกที่จะเดินตามท่านไปดูงานแต่ละงานด้วยตัวของผมเอง  ผมชอบวิถีการทำงานของพ่อ  ชอบที่ได้เห็นลูกน้องรักพ่อมาก ๆ แม้ว่าพ่อจะไม่ใช่พ่อที่สมบูรณ์แบบนักแต่เขาคือตัวอย่างที่ดีที่ทำให้ผมเป็นอยู่ในทุกวันนี้  หลังจากพ่อเสียไป  ย่าเป็นคนหนึ่งที่ช่วยประคับประคองเราสองพี่น้อง  ย่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในปีสองปีแรกที่ยื่นมือมาช่วยงานผมเสมอ  แม้ว่าท่านจะไม่อยากทำมาก ๆ ก็ตาม

เจ้าของค่ายมวยชัยโรจน์  หนึ่งในค่ายมวยชื่อดังในกรุงเทพและต่างประเทศ  ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์  เจ้าของตลาดชโนทัยที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยรุ่นทวด  ขยายกว้างและพัฒนาออกไปมากในสมัยของปู่และสืบต่อมาที่รุ่นของพ่อผมจนปัจจุบันคือผมเป็นผู้ดูแล  เจ้าของที่ดินย่านเศรษฐกิจในแถบชลบุรีบางส่วนตกทอดมาตั้งแต่สมัยปู่ที่จะเป็นเงินกินนอนไปได้จนตาย  ออกเงินกู้ลับ ๆ ให้คนใหญ่คนโตบ้างตามโอกาส  หุ้นส่วนสนามแข่งรถที่ทำร่วมกับเพื่อนสนิทและลูกพี่ลูกน้องของมัน 

ส่วนงานที่ผมได้เริ่มลงมือเองใหม่กับมือตั้งแต่เมื่อสมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ก็คือปล่อยให้เช่าอาคารพาณิชย์และในส่วนนั้นต้องบริหารทางด้านศูนย์การค้าขนาดกลางไปด้วย  และก่อนที่พ่อจะเสียไปไม่กี่ปี  พ่อลงทุนสร้างคอนโด  ห้างสรรพสินค้าและอาคารพาณิชย์ให้เช่าในจังหวัดเชียงใหม่  ทั้งหมดนี้อยู่ในบริเวณเดียวกันที่สร้างเพื่อเจาะลูกค้าระดับสูงขึ้นไป  ซึ่งแทบทั้งหมดในโครงการนี้นั้นผมเป็นคนคิดริเริ่มและบินไปดูงานพร้อมกับพ่อเสมอจนงานเสร็จ  เมื่อไหร่ที่พ่อไม่สามารถไปได้  ผมจะไปด้วยตนเอง  ที่กล่าวมานี้เป็นธุรกิจที่ผมบริหารเองทั้งหมดได้อย่างเต็มตัวและทุกอย่างตอนนี้ลงตัวดีมาก  แน่นอนว่ามันเป็นผลพลอยได้มาตั้งแต่ต้นตระกูลที่สั่งสมมานาน  งานส่วนใหญ่ผมเพียงแค่มาสานต่อเท่านั้น  จะเรียกว่าผมโชคดีมากที่เกิดมาบนกองเงินกองทองก็ได้ละมัง  แต่ก็ไม่ได้โชคดีขนาดที่สามารถนอนกระดิกตีนกินเงินบุญเก่าไปวัน ๆ ได้หรอก  งานที่มีอยู่ก็ต้องทำสืบสานดูแลลูกน้องต่อไปจนกว่าจะตายจากกัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2015 00:13:06
"เฮียไฟ!" ผมหันกลับไปที่หน้าประตู  เสียงห้วนทะเล้นแบบนี้ไม่มีใคร  "ดิน"..ลูกพี่ลูกน้องของผมเอง  มันเป็นลูกของน้องสาวพ่อคนเล็กสุด  พ่อของผมเลี้ยงดูแม่มันและมันมาตั้งแต่มันยังเด็ก  พอแม่มันเสียพ่อของผมก็เป็นคนดูแลมันต่อ  หลังจากที่พ่อของผมเสีย  ผมก็ต้องแตะมือต่อพ่อไปโดยปริยาย  ตอนนี้ไอ้ดินเหลือแต่พ่อที่ขี้เหล้าที่อาศัยอยู่ที่โคราชแต่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่นัก  ที่จริงก็เคยติดต่อมาบ้างเรื่องขอเงินแต่ผมได้ให้พี่ธานจัดการขั้นเด็ดขาดจนเงียบปากไปได้บ้างแล้ว
 
"ดินไปเรียนพิเศษแล้วนะ" มันพูดแล้วเดินยิ้มแป้นเข้ามาในห้อง

"อืม" ผมพยักหน้าตอบส่ง ๆ มันยังคงยืนยิ้มมอง

"วันนี้วันจันทร์ เมื่อเช้าเฮียลืมให้เงินด้วย" มันพูด  ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ เพราะที่จริงตั้งใจต่างหาก  ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

"อย่าให้รู้ว่ามึงไปก่อเรื่องอีกล่ะ" ผมดักคอไว้ก่อนเพราะมันชอบเอาแต่สร้างปัญหา

"แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไรใช่ป่ะ" มันพูดทะเล้นไม่เลิก  ผมที่กำลังจะยื่นเงินให้มันไปสองพันสำหรับอาทิตย์นี้  เลยยึดแบงก์ห้าร้อยออกมาหนึ่งใบในทันที  และทำจริง..ซึ่งถ้ามันไม่พอใช้จะไม่มีการให้เพิ่มอย่างเด็ดขาดจนหมดอาทิตย์  ซึ่งมันเองก็รู้ดีอยู่แล้ว

"โอ๊ย! เฮีย!" มันร้องเสียงหลง  ผมมองตาขวาง

"พันห้ามันจะไปพออะไรเล่า" ไอ้ดินโวยวายหน้างอเสียงหงอยลง

"มึงก็ไม่ต้องซื้อถุงยาง เดี๋ยวมันก็พอเองนั่นแหละ" ผมว่าปัดแล้วลุกขึ้นเพราะจะหนีมัน..รำคาญ

"โธ่เฮีย..ถ้าไม่ซื้อถุงยาง คนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็เฮียนะ" มันยักคิ้วยิ้มกวนตีนผมไม่เลิก


เพี้ย!  ....ผมฟาดมือลงที่หัวมันไม่ให้มันได้หลบทัน  ไอ้ดินตาหยีหน้าหันไปอีกทาง

"มึงอยู่ม.ปลายนะไอ้ดิน ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย" ผมว่าเสียงเข้มเพราะไม่ตลกด้วย  ไอ้ดินหน้าสลด

"อะไรที่กูไม่ชอบ อย่าทำ" ผมย้ำชี้หน้าคาดโทษมัน

"ค้าบ" มันตอบเสียงหงอย

"ไปเรียนได้แล้ว" ผมไล่

"ครับ" ไอ้ดินพยักหน้า

"เดี๋ยว" ผมเรียกไว้ก่อนที่มันจะเดินออกไป  ผมหันกลับไปกดโทรศัพท์ในบ้านโทรออก

"ครับ" ไอ้เด่นกดรับสายทันที  "เด่น"..คือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของผม  หน้าที่หลักสำคัญคือคนขับรถประจำตัวผม  มันจะไม่มีสิทธิ์ไปไหนกับใครอย่างเด็ดขาดถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผมก่อน  เรียกได้ว่า  ถ้าผมขี้อยู่แต่น้องชายผมกำลังป่วยใกล้ตาย  และถ้าผมไม่สั่งอะไร..มันก็ต้องรอ

"เตรียมรถ ให้ลุงทองไปส่งไอ้ดินหน่อย..เอาให้ถึงที่นะ รอรับกลับด้วย" ผมสั่ง

"ได้ครับ" ไอ้เด่นรับปากก่อนที่ผมจะตัดสายไป  ไอ้ดินทำตาเลิ่กลั่กเหมือนรู้ชะตากรรมว่าตัวเองหนีไม่รอดแน่แล้ว  ลุงทอง..ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว  แต่ก็เคยเป็นถึงอดีตนักมวยชื่อดังตัวเก่งของค่ายผมมาก่อน  หลังจากจบชีวิตนักมวย  พ่อผมก็เลยย้ายให้ลุงทองมาเป็นคนดูแลตนเองและขณะเดียวกันก็เป็นครูสอนที่ค่ายมวยของเราไปด้วย  เมื่อพ่อผมเสียผมจึงให้ลุงแกเข้ามาทำงานในบ้านผมเต็มตัวและอยู่กินด้วยกัน  เป็นหัวหน้ายาม  ดูแลความเรียบร้อยทั่วไปภายในบ้านและประกอบกับมีหน้าที่ไปสอนที่ค่ายมวยด้วยตามตารางที่จัดวางไว้ให้

"มึงไม่ชอบให้กูพูดไม่ดีกับมึง ก็ช่วยอย่าทำให้กูปวดหัวไปมากกว่านี้" ผมส่ายหัวบ่น  เหลือบหันไปเห็นพายุเดินกลับเข้ามาพร้อมกับแม่บ้านพอดี  ป้าจ้อนเดินไปหยิบถุงกับเศษกระดาษที่พายุทิ้งไว้เมื่อกี้นี้แล้วนำออกจากห้องไป

"อ่าว..ไปไหน" พายุถามไอ้ดิน

"เรียนพิเศษ" ไอ้ดินตอบ  พายุพยักหน้ารับส่ง ๆ

"หวัดดีครับ..หวัดดีครับ" มันยกมือไหว้ผมกับพายุหน้าหงอย ๆ เพราะตอนนี้ในห้องเงียบมาก  พายุก็คงรู้ดีว่าไอ้ดินกำลังถูกผมเทศน์อยู่ 

"สองทุ่ม..ถ้ามันไม่ถึงบ้าน มึงจัดการได้เลย" ผมหันไปสั่งพายุหลังจากที่ไอ้ดินเดินออกไปแล้ว  พายุพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในความหมาย

"เฮียจะไปไหน" พายุถาม

"ไปหาไอ้โปรด" ผมตอบ  พายุพยักหน้าปัดอีกครั้งเหมือนไม่อยากจะรับรู้เกินกว่านี้  ผมเดินทางไปหาไอ้โปรดโดยขับรถไปเองเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว 

"โปรด"..เป็นเพื่อนรักของผมมาตั้งแต่สมัยเด็ก  เราค่อนข้างสนิทกันมากและมากขึ้นไปอีกหลังจากที่เพื่อนสนิทของเราทั้งสองคนต้องจากประเทศไทยไป  เพื่อนสมัยเด็กของเราอีกคนคือ.."โช" หรือเรียกโดยปกติคือ "ไอ้เหี้ยโช" ซึ่งเป็นบุคคลที่ตอนนี้ผมยังหาตัวไม่เจอ

"มาคนเดียวเหรอ" ไอ้โปรดถามทันทีที่เห็นหน้าผม  ไอ้โปรดยังอยู่บ้านกับพ่อและแม่  เนื่องจากครอบครัวมันมีอายุที่ยืนยาวเป็นอย่างยิ่ง  ผมคิดว่าบางคนอาจสามารถอยู่ได้ยาวถึงร้อยยี่สิบปีก็เป็นได้  ไอ้โปรดเห็นอย่างนั้น  มันจึงตัดสินใจแยกออกมาอยู่หลังของตนเองในพื้นที่บริเวณที่เป็นส่วนตัว  บ้านของไอ้โปรดแยกหลังออกมาอยู่ต่างหากโดยสร้างรั้วกั้นอาณาเขตของมันเรียบร้อย  ซึ่งเวลาที่ผมมาก็จะจอดรถของผมไว้ในบริเวณของบ้านใหญ่  เนื่องจากเป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่และไอ้โปรดพิจารณาดูท่าแล้วว่าญาติของมันทั้งหลายคงจะยังไม่มีใครด่วนจากมันไปในเร็ววันเหมือนกับครอบครัวของผมเป็นแน่  มันก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวเป็นประจำ  ไอ้โปรด ผมและไอ้โชได้ซื้อคอนโดไว้คนละห้องซึ่งเป็นคอนโดที่ผมเองก็ถือหุ้นอยู่ในเครือของ PEACE BANGKOK COMPANY ด้วย  ซื้อไว้เป็นชั้นเดียวกันเผื่ออุบัติเหตุในวันข้างหน้า  ซึ่งคอนโดนี้สะดวกสำหรับอาชีพของไอ้โปรดเพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าพอดิบพอดี

"อืม" ผมพยักหน้าตอบ

"เย็นนี้ไปค่ายกับกูเปล่า" ผมชวน  ปกติผมจะเข้าไปซ้อมมวยที่ค่ายเป็นประจำ  ถ้าช่วงไหนไม่มีแข่งก็จะเข้าไปซ้อมประมาณสามถึงสี่วันต่อหนึ่งอาทิตย์  ส่วนช่วงไหนที่ใกล้ขึ้นชกจะเก็บตัวและซ้อมหนักเป็นพิเศษ  ไอ้โปรดก็ชอบออกกำลังกายเหมือนกัน  แต่มันชอบไปเข้า Fitness Centre เทรนส่วนนู้นส่วนนี้นู่นนี่มากกว่า  ซึ่งแบบนี้ไม่ค่อยถูกจริตผมเท่าไหร่นัก  ส่วนใหญ่เราจึงแยก ๆ กันไป  ไอ้โปรดเคยเป็นนักว่ายน้ำของโรงเรียนและระดับมหาวิทยาลัย  มันรักการว่ายน้ำมาก  อะไรที่มันไม่ชอบผมก็ไม่อยากจะบังคับหรอกครับเพราะไอ้โปรดเป็นคนขี้เบื่อ  อ่านหนังสือสองบรรทัดก็หลับแล้ว  เล่นเกมก็หลับ  ดูบอลไม่ถึงสิบนาทีก็หลับ  ขนาดดูหนังโป๊มันยังหลับเลย..

"ไม่อ่ะ..กูเบื่อซิกแพคนักมวยค่ายมึงละ" มันตอบเสียงเนือยจนผมหัวเราะ

"ข่าวไอ้โชว่าไง" ผมถามแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตรงห้องนั่งเล่น

"กูยังติดต่อมันไม่ได้เลย" ไอ้โปรดตอบด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ไอ้โปรดเป็นลูกเจ้าของบริษัทออกแบบภายในและรับเหมาก่อสร้างชื่อดังอย่าง Branding Company ผมเองได้ใช้บริการอยู่เป็นประจำ  แต่เพื่อนผมดันทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน  อยู่สายการบิน LTa AIRLINE แต่ในขณะเดียวกันทั้งผมและมันต่างก็ถือหุ้นอยู่ในสนามแข่งรถของพี่สน  ลูกพี่ลูกน้องของไอ้โปรดและเป็นนักแข่งรถอาชีพอีกด้วย

ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว  ผมเคยคิดว่าไอ้โปรดไม่น่าจะทำงานนี้ได้นานหรอกเพราะมันเป็นคนที่ไม่ทนกับความเป็นคนขี้เบื่อของตัวเอง  ขนาดมันที่เคยจะหัดทำอาหาร  อ่านหนังสือทำอาหารไปได้แค่สองบรรทัดก็บ่นว่า "ซื้อกินง่ายกว่าป่ะวะ!" แล้วก็ล้มเลิกไปในที่สุด  มันเคยอยากหัดเล่นโยคะก็เลยชวนให้พายุไปเป็นเพื่อนเพราะเห็นว่าพายุชอบทำสมาธิก่อนฝึกกังฟู  พอไปเรียนโยคะได้ไม่ถึงยี่สิบนาที  มันก็หลับคาเบาะโยคะไปเสียดื้อ ๆ จนทำเอาครูสอนโยคะถึงกับอึ้งเพราะไม่เคยเจอมาก่อน  หลับไปแบบปลุกไม่ตื่น  งานต้อนรับนี้ก็เหมือนกัน  ผมคิดว่างานนี้ไม่ใช่เพื่อนผมเลย  ก็ใช่ว่า..มันจะทำได้ดีแน่  แต่มันไม่น่าจะทนงานได้นานขนาดนี้  ขนาดการแข่งรถที่มันฝึกมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น  เป็นสิ่งที่มันหลงใหลมากแทบจะที่สุด  ทั้งที่มันรักขนาดนั้นและเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไอ้โปรดทำแล้ว "ไม่หลับ" มันยังไม่คิดจะทนที่จะสานงานทางด้านนี้ต่อเลย  ซึ่งตอนนี้ก็คือ..ผิดวิสัยมาก ๆ เลยละครับ
   
"........." ผมนั่งเงียบเพราะสมองค่อนข้างว่างเปล่าและกำลังคิดว่าถ้าเพื่อนรักอยู่ใกล้ ๆ มือก็คงจะซัดมันสักทีนึงด้วยความหมันไส้

"แม่มันว่าไง" ผมถาม 

"เค้าก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน แต่..กูไม่ได้บอกแม่มันหรอกนะว่าก่อนหน้านี้มันบอกกูว่า อีกเดือนสองเดือนมันถึงจะกลับไทยได้" ไอ้โปรดตอบ

"ถาวร" ผมพูดเชิงถาม

"อืมฮึ" ไอ้โปรดพยักหน้าตอบ

"มึงไม่บอกแม่มันอ่ะดีแล้ว เผลอ ๆ ถ้ามันกลับมา..คนที่บ้านมันก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ" ผมพูด  ไอ้โปรดหัวเราะเบา ๆ   

"มันคิดจะทำเหี้ยไรของมันวะ" ผมลูบหน้าตัวเองอย่างคิดไม่ออก

"ก็มันไม่ได้อยากทำธุรกิจ..มึงก็รู้ว่ามันบ้า" ไอ้โปรดบ่นหน้าขยาด  มันลุกขึ้นเดินไปที่เคาร์เตอร์แล้วจัดการหยิบบรั่นดีออกมาหนึ่งขวด  ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมแก้วอีกสองใบ  มันวางลงบนโต๊ะแล้วรินบรั่นดีให้ผมกับมันคนละแก้ว  ผมรับมาเงียบ ๆ นำมือจับแก้วไว้อย่างนั้นยังไม่ยกขึ้นดื่ม

"ไอ้น้ำไม่อยู่เหรอ" ผมถามถึงเพราะเห็นบ้านเงียบ ๆ ปกติมันจะต้องมาต้อนรับขับสู้แล้ว

"กูใช้ให้ออกไปซื้อของให้" ไอ้โปรดตอบ  "ไอ้น้ำ"..คือลูกของคนใช้เก่าแก่ในครอบครัวของไอ้โช  สมัยเราเป็นเด็ก  ไอ้น้ำก็เหมือนเป็นเบ้ของไอ้โชมันนั่นละ  พอครอบครัวของไอ้โชล้มละลาย  คนใช้ก็แยกย้ายกันไป  แม่ของไอ้น้ำได้จังหวะหนีไปกับผัวใหม่  แม่ของไอ้โชเองช่วงที่บ้านล้มละลายนั้นก็ลำบากมากทีเดียวจะให้มาเลี้ยงดูไอ้น้ำด้วยก็คงไม่ไหว  คล้ายกับมืดแปดด้าน  เธอก็เลยมาขอให้พ่อแม่ของไอ้โปรดช่วยรับไอ้น้ำไว้ดูแล  ตอนนี้ไอ้น้ำเลยกลายเป็นเบ้ของไอ้โปรดแทน   

"เชื่อกูเหอะว่า ถึงโชกลับมา..มันก็ยังเล่นสนุกไม่เลิก" ไอ้โปรดคาดการณ์กลับมาที่เรื่องก่อนหน้า

"หึ" ผมอดหัวเราะไม่ได้เพราะก็คงเป็นอย่างที่ไอ้โปรดว่าเป็นแน่

ผม  ไอ้โปรดและไอ้โช  เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถม  ครอบครัวของไอ้โปรดกับครอบครัวของผมรู้จักกันมานานมากแล้วตั้งแต่สมัยผมอนุบาลนู่นละ  แถมยังเรียนโรงเรียนอนุบาลเดียวกันอีกต่างหาก  เรามาสนิทกันมากขึ้นก็ตอนที่ได้เรียนห้องเดียวกันสมัยประถม  ส่วนไอ้โช..ผมกับไอ้โปรดได้รู้จักกับมันสมัยที่เรียนประถม  เรามาสนิทกันขึ้นไปอีกเมื่อพ่อแม่ของเราทั้งสามคนได้มารู้จักกัน  แต่ก่อนที่บ้านของไอ้โชเคยประกอบธุรกิจใหญ่โตและเป็นมาเฟียมาตั้งแต่รุ่นทวด  แต่ทุกอย่างก็มาดับลงง่าย ๆ ธุรกิจของครอบครัวมันถูกฟ้องล้มละลาย  คนในบ้านหักหลังกันเองให้มั่วไปหมด  ตอนนั้นพวกเราน่าจะอายุประมาณเก้าขวบเศษ  ช่วงนั้นเป็นช่วงวิกฤตของทุกคนเลยก็ว่าได้  ครอบครัวของพวกเราต้องตกอยู่ในหลุมดำปัญหาใหญ่  โดยที่ไม่สามารถที่ใครจะยื่นมือไปช่วยใครได้เลย  ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตัวเอง  ยืนด้วยขาของตัวเองทั้งนั้น 

ไอ้โช..จำเป็นต้องเดินทางไปอยู่กับแม่บุญธรรมที่แคลิฟอร์เนียตั้งแต่ที่บริษัทของครอบครัวมันเริ่มสั่นคลอนและมีคนจ้องจะตามเก็บลูกหลานในตระกูล  ทั้งถูกโกงและขาดทุนอื่น ๆ อีกมากมาย  เรายังคงติดต่อกันอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่สมัยที่ต้องส่งจดหมายถึงกัน  ส่งโปสการ์ด  มีอีเมลติดต่อกัน  และปัจจุบันก็มีโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกอย่างที่ควรจะสะดวกสบาย  ครอบครัวของไอ้โชกลับมาประกอบธุรกิจขึ้นอีกครั้งหนึ่งและวางมือทางด้านวงการมาเฟียลง  หลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะมีข่าวแย่ ๆ มาให้ได้ยินบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่เสียหายอย่างแต่ก่อนนัก  เทียบกันแล้วตอนนี้ผมดูเสียหายกว่าซะอีก 

แม่ของมันประกอบธุรกิจนำเข้าสุราจากต่างประเทศ  ส่วนพ่อของไอ้โชก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของธุรกิจนำเข้าส่งออกเครื่องนุ่งห่ม  มันอาจจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าทั้งพ่อและแม่ของมันไม่ต้องการให้มันกลับมาเพื่อมาจัดการสานต่องานของพวกท่าน  ซึ่งแน่นอนว่า..ผมไม่คิดว่าไอ้โชจะมีนิสัยเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนนัก  คือ.."มันกวนตีน"

ผม  ไอ้โปรดและไอ้โช  ได้เจอกันบ่อย ๆ ที่ต่างประเทศ  เราไม่เคยเจอกันในประเทศไทยเลยสักครั้งเพราะไอ้โชไม่เคยกลับมาประเทศไทยเลยตั้งแต่จากที่นี่ไป  ภายในหนึ่งปีอย่างน้อยเราจะได้เจอกันสักครั้งหนึ่ง  หรือสองปีต่อหนึ่งครั้ง  ไอ้โปรดจะได้เจอไอ้โชบ่อยกว่าผม  ผมและไอ้โปรดจะเดินทางไปเชียร์ไอ้โชแข่ง Jet Ski ที่สหรัฐอเมริกาบ้างเป็นครั้งคราว  มันกลายเป็นนักแข่ง Jet Ski ชื่อดังรุ่นใหม่ที่เป็นที่จับตามองของชาวต่างชาติ  ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไอ้โชที่แท้แล้วเป็นคนไทยแท้  ที่จริงก็มีเชื้อลูกผสมบ้างนิดหน่อยแต่แทบไม่มีใครรู้เลยว่าจริง ๆ แล้วต้นตระกูลมันคือใคร  ไอ้โชเปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลของพ่อบุญธรรมไปนานแล้ว  ส่วนชื่อจริงมันก็เปลี่ยนจากชื่อ "ชัชชน" ที่ได้มาตั้งแต่เล็ก  โดยเปลี่ยนไปตามชื่อเล่นของมันว่า "โช" สั้น ๆ เท่านั้น  มันจึงลงแข่ง Jet Ski ด้วยชื่อและในนามของพลเมืองชาวอเมริกันนี้มาตลอด  เรียกว่ามันไปแข่งมาแล้วเกือบทั่วโลก  ซึ่งการที่เราได้เจอกันนาน ๆ ทีและเรายังเข้าใจกันและกันอยู่  เป็นคำตอบให้กับเราสามคนได้ว่า  มันคือ.."สหาย" อย่างแท้จริง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2015 00:13:52
"กูก็ไม่เข้าใจนะว่าจะอยากให้ไอ้โชมารับงานต่อทำไม ในเมื่อมีคนรอกันเป็นแห..ไอ้โชกลับมา ก็ต้องมาต่อสู้กับพวกนั้นอีก เออ..ถ้าไอ้โชมาเพราะทุกคนเต็มใจก็ว่าไปอีกเรื่อง" ไอ้โปรดส่ายหัวบ่นพร้อมกับยกบรั่นดีดื่มเสียหมดแก้ว  ผมนั่งเงียบก่อนเอนหลังพิงโซฟาและยกแก้วขึ้นดื่มบ้าง 

"อีกอย่าง มันก็ชินที่จะอยู่เมกาแล้วด้วย แล้วการที่มันเลือกจะเปลี่ยนนามสกุล..กูว่ามันคิดไว้แล้วว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้" 

"แต่กูว่ามันอยากกลับ" ผมพูดขึ้น  ไอ้โปรดหันมามองหน้าผมทันที

"มึงก็รู้ ว่ายังไงเดี๋ยวมันก็ต้องโผล่หัวมา" ผมแสยะยิ้ม  ไอ้โปรดส่ายหัวยิ้ม ๆ เหมือนมันเองก็เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดอยู่ 

"เพี้ยนฉิบหาย" ไอ้โปรดพูดแกมหัวเราะ

"มึงมีบินอีกวันไหน" ผมถาม

"วันมะรืน..ไปโตเกียว"

"แล้วมึงอ่ะ มีอะไรเด็ด ๆ นอกจากนี้ไหม" ไอ้โปรดถามกลับ  ผมเบะปากและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

"เฮ้อ~" จู่ ๆ ไอ้โปรดก็ถอนหายใจแล้วเอนตัวนอนลงบนโซฟาไม่มีปี่มีขลุ่ย  พร้อมกับนำแก้วเหล้าที่เพิ่งรินไปใหม่นำไปเทินไว้บนท้องด้วย

"..ไม คงไม่ได้ถอนหายใจเรื่องไอ้โชหรอกมั้ง" ผมแซว  ไอ้โปรดนอนเงียบนิ่ง

"ตกหลุมรักใครรึไง" ผมเดา

"ครับ ผมอยากมีผัว" มันพูดด้วยน้ำเสียงแมน ๆ จนผมแทบสำลักบรั่นดีที่เพิ่มซัดเข้าปากไปเมื่อครู่

"หึหึ สัตว์" ผมกัดฟันสบถ

"หึหึหึ" ไอ้โปรดนอนหัวเราะชอบใจที่มันเห็นว่ามันสามารถทำให้ผมเป็นอย่างนี้ได้  ผมส่ายหัวก่อนซดบรั่นดีจนหมดแก้วทีเดียวอีกครั้งแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะก่อนถอนหายใจออกอย่างแรง

"ฉิบหายเอ๊ย แต่ละคน" ผมบ่นพร้อมกับนำมือขึ้นลูบหน้าตัวเองทั้งสองมือ  บางครั้งมันก็อัดอั้นตันใจในบางเรื่อง  ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการที่ผู้ชายจะชอบผู้ชาย  และไม่เคยต่อว่าอะไรที่เพื่อนรักจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงด้วย  ถ้าต้องให้พูดอย่างเปิดเผยโลกของผมมันก็กึ่งชั่วกึ่งดี  จะให้บอกว่า.."ผมมันโคตรคนดีครับ มีเซ็กส์เฉพาะกับคนที่รักเท่านั้น" รึก็ไม่ใช่อยู่แล้ว  เซ็กส์ของผมที่เคยลิ้มลองมันก็ผสมปนเปกันไปทั้งหญิง  ชายหรือกะเทย  บางครั้งมันจำเป็นต้องลอง  หรือถ้าให้พูดแบบไม่อายปากก็คง.."อดไม่ได้ที่อยากจะลอง" ในบางสถานการณ์ 

สำหรับผมไม่ใช่ว่าใครจะมาอ้าขาเพราะผลประโยชน์จากผม  การอ้าขาที่ตรงหน้าหน้าผมแล้วผมจำเป็นต้องแสดงความเป็นชายออกไปในทุกกรณี  ใช่..ผมชอบเซ็กส์แต่ผมคิดว่าผมไม่ใช่คนที่หน้ามืดตามัวขนาดนั้น  ดังนั้น..กรณีอ้าขาต่อหน้าผม  ถ้ามาอ้าขาด้วยความคิดโง่ ๆ ที่ว่าคิดว่าผมโง่  สำหรับผมมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย  ไม่จำเป็นด้วยว่านั่นเพศไหน 

แต่บางครั้งที่เกิดคำถามที่หาคำตอบไม่ได้คือ  ทำไมคนรอบตัวที่ผมสนิทสนมถึงได้ออกปากมาตรง ๆ ได้ว่า "ชอบผู้ชาย" ทั้งพายุเองก็สารภาพกับผมว่ามันชอบผู้ชายและคงไม่สามารถจะรักผู้หญิงได้  มันพูดทั้งที่ยังไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน  ส่วนไอ้โปรดเองแม้จะดูเป็นผู้ชายที่จัดว่าดูเป็นคนดี  ดูเป็นคนที่ถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลที่ดี  การแต่งตัวและมารยาทในสังคมที่มันสร้างขึ้นบังหน้านับว่าเป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว  แต่มันก็แสดงให้ผมเห็นว่ามันกึ่งหญิงกึ่งชายมานานแล้ว  ผมเองก็ไม่มีปัญหาอะไรที่มันจะบอกว่ามันเป็นเสือไบ  แต่ก็อดสำลักทุกครั้งไม่ได้  ที่ได้ยินเพื่อนรักเอ่ยปากตรง ๆ ว่า "อยากมีผัว" อะไรทำนองนี้ 

ในมุมของผม  เหมือนกับพวกมันมีขอบเขตและกำลังรออะไรบางสิ่งบางอย่าง  แต่สำหรับผม  ผมคิดง่าย ๆ เพียงว่า..ความรักไม่มีขอบเขต  จะเพศไหนก็แล้วแต่แค่ทำให้ผมหลงรักให้ได้สิ..แค่นั้น  แต่ตอนนี้ผมก็แค่ยังไม่เจอใครที่จะมาเป็นขอบเขตให้ตัวผมได้ก็เท่านั้น

"หึ..เอาบุหรี่ให้หน่อย" มันพูดขึ้นแกมสั่ง  ผมถอนหายใจแรงเพราะขี้เกียจแต่ก็ต้องลุก  คิดว่าเป็นฝ่ายลุกไปง่ายกว่าให้ไอ้โปรดที่นอนด้วยท่าทางขี้เกียจนี้ลุกไปเอง  ผมลุกขึ้นไปหยิบบุหรี่ที่วางอยู่ตรงเคาร์เตอร์นำกลับมาให้ก่อนก้มลงเสียบเข้าไปที่ปากไอ้โปรดให้หนึ่งมวน  มันเหลือบตามองผมแล้วนอนนิ่งคาบบุหรี่ไว้อย่างนั้น

"เมื่อไหร่มึงจะเลิกสักที" ผมบ่นแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิมตรงเหนือหัวไอ้โปรด

"หึ..คนอย่างมึงเตือนกูได้ด้วยเหรอ" มันพูดแกมหัวเราะ

"ไฟ!" ไอ้โปรดสั่งเสียงดังเหมือนมันย้ำว่าผมยังทำหน้าที่ไม่เสร็จและมันขี้เกียจจะขยับตัวด้วย

"ไฟจากกู หรือไฟจากไหน" ผมกวนกลับ

"หึ..สัตว์" ไอ้โปรดกัดฟันด่า  มันยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว 

"ไฟจากมึงได้ก็ดีนะ แต่มึงต้องรูดซิบออกก่อน ไม่งั้นมันจุดไม่ถนัด" มันยิ้มเจ้าเล่ห์
 
"เหี้ย" ผมได้แต่ส่ายหัวยิ้มว่าอย่างหน่ายกับนิสัยแบบนี้ของมัน  ก่อนเอื้อมมือไปหยิบไฟแช็คแล้วโน้มตัวเข้าไปหาเพื่อจุดไฟให้  ไอ้โปรดเงียบไป  มันเหลือบสายตาขึ้นมามองหน้าผม  เราต่างฝ่ายต่างเงียบลง  ผมอมยิ้มมุมปากมองหน้ามัน  หน้าเราอยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียวแบบนี้มาหลายครั้งต่อหลายครั้งแล้ว  แต่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรจะลึกซึ้งไปมากกว่านี้

"ไหม้แล้วไหมครับคุณไฟ" ไอ้โปรดพูดทั้งที่คาบบุหรี่อยู่  ผมแสยะหัวเราะเบา ๆ ก่อนปิดไฟแช็ค

"จูบกูหน่อย" มันพูดไม่ถนัดเพราะบุหรี่อยู่ในปาก  พร้อมส่งสายตามองผมอย่างยั่วอารมณ์

"มึงกล้าสั่งกูเหรอ" ผมแสยะปากถามกลับ  ไอ้โปรดอมยิ้มไม่ตอบ  มันมีสายตาเศร้า ๆ ลงในทันที  บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันกำลังคิดหรือวิตกกังวลอะไรอยู่  แต่ผมก็ไม่เคยถามหรอก  ผมคิดว่า..สักวันถ้ามันอยากให้ผมรู้  ผมก็คงจะรู้เอง

ผมถอนหายใจก่อนหยิบบุหรี่ออกจากปากไอ้โปรดช้า ๆ แล้วก้มหน้าลงไปใกล้  อีกฝ่ายเริ่มเหลือบตาลงทีละน้อย  ผมก้มหน้าลงก่อนจะประกบปากจูบไอ้โปรดไปเบา ๆ  มันเผยปากรับจูบผมในทันที  หลายครั้งที่อดคิดไม่ได้ว่าปากมันนุ่มดีฉิบ  แต่ก็ไม่เคยคิดอะไรไปมากกว่านี้  ไม่เคยมีความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อนเลย  ผมรักมันมาก  ห่วงและหวงมันในแบบเดียวกันกับที่มีให้ไอ้โช  ถึงสักวันผมจะได้มันทำเมีย  ผมคิดว่าความรู้สึกของผมก็คงจะยังเหมือนเดิม  และผมเองก็รู้ว่าไอ้โปรดก็ไม่ได้คิดอะไรพิเศษกับผมไปมากกว่าเพื่อนรักเช่นเดียวกัน  ถ้ามันจะเปลี่ยนไป  ผมคิดว่า..ผมที่คบมันมานานจะต้องรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างแน่นอน

เราเริ่มจูบกันหนักขึ้น  ลิ้นเริ่มสอดแทรกลุกล้ำเข้าไปจนได้ยินเสียงครางออกมาจากอีกฝ่าย  มือของไอ้โปรดจับประคองคอผมไว้น้อย ๆ หลายครั้งที่ผมเองก็อดใจไม่ให้จูบมันไม่ได้เวลาที่ถูกมันสั่ง  เพราะต้องยอมรับว่าผมชอบจูบกับมัน  มันรู้หลักว่าควรเป็นผู้ตามเมื่อไหร่  ควรจะนิ่มนวลตรงไหนและควรจะรุนแรงตรงไหนในแบบทำนองเดียวกันกับผม  ดูท่ามันจะรู้ดีว่าผู้ชายแบบไหนชอบรุกจูบอย่างไรก็ด้วย 

ผมย้ำจูบหนักขึ้นกว่าเก่าและแกล้งหยอกล้อมันโดยการสอดลิ้นเข้าไปโดนจุดอ่อนของมันจนไอ้โปรดสะดุ้งและครางดังออกมา  เราต่างเผยปากออกช้า ๆ และลืมตามองหน้ากัน  ผมแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจที่เห็นลิ้นไอ้โปรดเพิ่งชักกลับเข้าไปในปากอย่างยั่วอารมณ์  เราจ้องหน้ากันนิ่ง ๆ ไอ้โปรดแก้มเริ่มแดง  มันแสยะยิ้มออกมาคล้ายพอใจ

"เงี่ยนหนักเลยสินะมึงน่ะ ไปเอาออกบ้างก็ดีนะ" ผมแซวแล้วลุกขึ้นกลับมานั่งที่เดิม  ไอ้โปรดพลิกตัวตะแคงหันหน้ากลับมาทางผม  มันดึงบุหรี่กลับไปสูบทันที  บุหรี่ก็ไม่ยอมปล่อย  แก้วเหล้าก็ไม่ยอมวาง

"กูว่า..มึงกับกูลองมาได้กันจริง ๆ ดูไหม" มันพูดคิ้วขมวดด้วยท่าทางจริงจังพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมาเหมือนกับคิดไม่ตกกับปัญหาโลกแตก  ผมนั่งนิ่งพยายามไม่ขำท่าทางของมันที่กำลังกวนตีนผมอยู่

"เคมีน่าจะเข้ากันอยู่นะ เมื่อกี้นี้..เล่นเอาซะท่อนล่างกูร้อนวูบวาบเลย" ไอ้โปรดบ่น

"หึหึหึ" ผมอดหัวเราะไม่ได้จริง ๆ มันบอกว่าไอ้โชเพี้ยน  ผมว่ามันน่ะขั้นสูงกว่าไอ้โชซะอีก

"กล้าให้กูเอาจริง ๆ ไหมล่ะ" ผมหุบยิ้มพูดย้อนไปงั้นแล้วหยิบขวดบรั่นดีมารินเพิ่ม 

"No, thanks! I don't wanna get burnt.. บาย~" มันเบะปากด้วยท่าทางขยาดพร้อมปัดมือทำหน้าใส่ผมแล้วหันกลับไปนอนในท่าเดิมอีกครั้ง  ผมหัวเราะขึ้นจมูกเล็กน้อยกับท่าทางของมัน  ไอ้โปรดเงียบไป  ผมแอบมองและรู้ทันทีว่ามันคงกำลังคิดอะไรอยู่แน่  ไอ้โปรดทอดสายตาไปบนเพดานอีกครั้งแล้วนอนสูบบุหรี่โดยมีแก้วเหล้าอยู่บนตัวอยู่อย่างนั้น  เราต่างฝ่ายต่างเงียบลงไปครู่หนึ่ง  ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเมื่อยปากจะพูดแล้ว

"ถ้าคนที่กูรักบอกให้กูเลิก..กูก็คงจะเลิกอยู่ล่ะน้า~" ไอ้โปรดพึมพำขึ้นคล้ายกับบ่นกับตัวเองเท่านั้น  หรือที่จริงมันอาจจะอยากบ่นบอกใครสักคนก็ได้ละมัง

"ไม่ใช่กูหรอกใช่ไหม" ผมชักเริ่มระแวง 

"แหม..หลงตัวเองไปแล้วครับไอ้คุณไฟ มึงไม่ได้เห็นง่ามขาสวย ๆ ของกูหรอก" มันย้อนทันควันด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส  ผมนี่ถึงกับกลั้นหัวเราะ

"งั้นสมัยเรียนรด.ที่กูเห็นไปชักว่าวกับไอ้ตั้มในห้องน้ำนั่นก็ไม่ใช่ง่ามขามึงสินะ" ผมย้อนซะเลย

"หึ..ไอ้สัตว์!" ไอ้โปรดสบถด่าเสียงดังแต่ปากเสือกยิ้มกว้างเหมือนเขิน ๆ วันนั้นเป็นวันหลังจากที่ผมรู้แล้วว่าไอ้โปรดสามารถชอบผู้ชายได้ด้วย  ที่จริงผมควรจะช็อกที่เพื่อนสนิทผมชอบผู้ชายน่ะนะ  แต่กลับกลายเป็นว่าผมดันไปช็อกที่ไอ้โปรดเข้าไปมีอะไรกับไอ้ตั้มในห้องน้ำ  ซึ่งไอ้ตั้มเป็นคนที่ดูเป็นผู้ชายปกติทั่วไป  แถมยังเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย  ในสายตาของผมแล้วมันก็คือผู้ชายแมน ๆ คนหนึ่งที่ไม่น่าจะหวนเหเรรวนอะไรได้  ผู้ชายที่ดูจะใช้ชีวิตปกติธรรมดาไปวัน ๆ ผมคงจะไม่ช็อกอะไรเท่าไหร่นักถ้าระหว่างที่พวกมันทำกันอยู่  ไอ้โปรดที่เป็นฝ่ายอ้าขาชันขึ้นและดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเชิญชวนให้อีกฝ่ายกระทำมันซะ  กลับกลายเป็นว่าตอนที่ไอ้ตั้มจัดการว่าวของตัวเองจนเสร็จกิจแล้ว  ไอ้โปรดดันเป็นฝ่ายจับไอ้ห่าตั้มแล้วเสียบซะอย่างนั้น  ฟีโรโมนของไอ้โปรดที่ดูท่าจะอยากได้ไอ้ตั้มทำเมียในวันนั้นฟุ้งทั่วห้องน้ำไปหมด  คือผมคงจะไม่ขาอ่อนหรอกถ้าสองคนมันมีท่าทีที่แมนเสมอกัน  แต่เปล่าเลย..ถ้าเทียบระหว่างไอ้โปรดกับไอ้ตั้มละก็  ไอ้โปรดดูเรียบร้อยกว่ามากทีเดียว

"มึงอย่าพลาดนะไอ้ไฟ..มึงอย่าพลาด" ไอ้โปรดหมายหัวทันที

"หึหึ" ผมหัวเราะในลำคอ 

"งั้น..ถ้าอีกฝ่ายบอกให้มึงเลิก มึงก็จะเลิกเลย" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อเพราะมันค่อนข้างดื้อไม่เบา

"...ก็ถ้าเค้า ....รักกูน่ะนะ" มันเอียงตัวก้มหน้าลงเหมือนคิดหนักอะไรสักอย่าง  ผมสังเกตเห็นว่าเพื่อนผมมันมีอาการแบบนี้ได้สักพักใหญ่แล้ว  มีอะไรสักอย่างที่ดูเป็นความลับในใจแต่กลับไม่พูดระบายออกมาตรง ๆ ทั้งที่ปกติมันมีอะไรอึดอัดนิดเดียวมันจะรีบระบายออกมาเลยแท้ ๆ เราสามคนเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเวลาที่รวมตัวกัน  เรามีอะไรเราก็จะปรึกษากันเพราะเหมือนชีวิตที่โตมานั้นคล้ายกันจึงมีความเข้าอกเข้าใจกันโดยพื้นฐาน  แต่มีสิ่งนี้สิ่งเดียวที่ผมสังเกตมาได้พักหนึ่งและไอ้โปรดยังคงเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงทุกครั้งไป

"กูก็พร้อมจะเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ เลย เหมียว~" มันยิ้มทำเสียงพูดเปล่า  เสือกขยิบตาแล้วทำมือเหมือนแมวข่วนประกอบให้ดูอีก

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะ  ไอ้โปรดยิ้มกว้าง 

"คน ๆ นั้น ที่มึงอยากให้เห็นง่ามขามึงอะนะ" ผมอมยิ้มพูดให้หายเครียด

"หึ..หึหึ" ไอ้โปรดกลั้นหัวเราะตัวสั่นเลยทีเดียว 

ไอ้โปรดจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไรมาก  ถ้าเทียบระหว่างพายุกับมันผมว่าพายุหล่อกว่ามาก  หน้าของพายุถ้าจะไม่เข้าข้างน้องจนเกินไปมันก็จัดว่าเป็นดาราได้เลย  สมบูรณ์แบบทุกอย่างจนหลายครั้งมีคนมาติดต่อให้มันไปแคสติ้ง  แน่นอนว่าปฏิเสธอยู่แล้ว  ปกติน้องชายผมมันคุยกับใครแปลกหน้าที่ไหน  ซึ่งถ้าให้เทียบรูปลักษณ์ดูดีภูมิฐาน  ไอ้โปรดมีมากกว่าพายุ  มันเป็นคนที่ดูแลตัวเองเนี้ยบมาก  ทั้งเรื่องผิวพรรณรูปร่างทั้งหมด  ทรงผม  แฟชั่นก็บ้าพอ ๆ กันกับพายุ  มันสูงเท่า ๆ กับพายุ  พายุสูงกว่าไอ้โปรดหน่อยแต่ก็เตี้ยกว่าผมอยู่ดี  หุ่นไอ้โปรดไม่ได้สมส่วนสวยสง่าเหมือนพายุแต่ก็ต้องยอมรับว่าหุ่นมันก็ดีไม่เบามาตั้งแต่สมัยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำแล้ว  มันได้แดกทั้งตุ๊ดและเกย์ในโรงเรียนก็เพราะการเป็นนักว่ายน้ำของมันนี่ละ  หุ่นมันกำลังพอดีมือ  หน้าอกก็เป็นกล้ามที่สวยมาก  ร่างของมันไม่ใหญ่จนเกินไปแต่ก็ไม่เล็กและไม่กลางจนดูไม่มีอะไร  คือเกินขนาดกลางที่สมส่วนพอดี  ก็ถ้ามันยอมจริงจังว่าอยากนอนกับผมแล้วละก็  ผมก็คงจะสำรวจร่างกายมันทั้งคืนเลยละมั้ง

ด้วยความที่มันเป็นคนช่างบริการ  พูดเก่ง  หูตาแพรวพราว  ทันคนและรู้จักพูดก็เลยยิ่งเป็นคนมีเสน่ห์และน่าหลงใหลไปใหญ่  ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ถ้าไม่สนิทด้วย  แต่ถ้าอยู่กับไอ้โปรดจะพูดมากเป็นพิเศษเพราะอยู่กับมันแล้วสบายใจดี  มากไปกว่าที่กล่าวมา  มันรู้เล่ห์เหลี่ยมในการหลอกคนอื่นโดยปกปิดตัวตนที่แท้จริงของมันในบางครั้งทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย  บางครั้งการปกปิดรสนิยมของมันก็สามารถควงผู้หญิงไปนอนที่โรงแรมได้อยู่หลายครั้ง  ผู้หญิงบางคนถึงแม้รู้ว่าไอ้โปรดเป็นแบบนี้แต่ก็เต็มใจอยากนอนด้วย  มันก็มีเมียเป็นผู้ชายบ้าง  มีผัวบ้างซึ่งผมก็หายช็อกไปตั้งแต่ได้เห็นมันแดกไอ้ตั้มในสมัยมัธยมแล้ว  แต่ทั้งหมดที่ว่ามา..ผมรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเพื่อนผมต้องการอะไร  ที่ผ่านมามีไม่กี่คนเท่านั้นที่มันคบได้นานถึงห้าหกเดือน  มันเคยพูดกับผมและไอ้โชว่า.."ทั้งที่กูว่ากูน่าจะชอบคนนี้มาก ๆ ทำไมกูยังอดแอบไปมีคนอื่นไม่ได้อีกนะ ทำไมถึงได้เบื่อวะ" ผมว่านี่มันไม่ใช่เรื่องตลก  สำหรับผมที่สังเกตใบหน้าของไอ้โปรดตอนที่พูดเรื่องนี้ในตอนนั้น  บอกได้เลยว่ามันไม่ใช่คนมักง่ายขนาดที่จะไม่วิตกกังวลในเรื่องนี้  ดูมันเครียดและไม่เป็นตัวของตัวเองเลย  หลังจากที่มันเลิกกับแฟน  พอเลิกไปมันก็ไม่มีใครอีก  เว้นไปสักระยะก็เที่ยวไปเรื่อย ๆ จนคบกับคนใหม่ได้สักประมาณห้าหกเดือนก็เลิกอีก  วนไปวนมาอยู่อย่างนี้จนผมเองยังชินแทน  ผมไม่เคยพูดบอกมันหรอกว่า.."ผมก็หวังว่าสักวันมันจะเจอคนที่ใช่"  มันจะได้เลิกบินกลับมาไทยแล้วร้องไห้ให้ผมเห็นสักที

"ระหว่างที่ยังหาไม่ได้ มึงก็ให้เทรนเนอร์บริหารง่ามขาดี ๆ แล้วกัน..ถึงวันนั้นจะได้มั่นใจแหกให้เค้าดู" ผมพูดเสียงเรียบ

"ไอ้ไฟ!..จังไรวะแม่ง!!" ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นด่าเสียงหลงเลยทีเดียว  มันอมยิ้มเขิน  ผมยักคิ้วตอบให้

"ถ้ากูเดาไม่ผิด อีกฝ่าย..ชายแท้แน่ ๆ" ผมแสยะยิ้มอย่างรู้ทัน  ไอ้โปรดเงียบไปเลย

"ก็ไม่เชิง" ไอ้โปรดพูด  ถ้ามันพูดขนาดนี้แสดงว่าคงมีเป้าหมายแล้ว  ผมไม่ถามข้อมูลต่อ  เราต่างเงียบลงทั้งคู่  นี่บอกเป็นนัยว่าที่ผมเดานั้นไม่ผิดแน่

"และก็..มึงอยากโดนเค้าฟันจนขาอ่อน เดินลงจากเตียงไม่ได้" ผมเหลือบมองเพื่อนผมด้วยสายตารู้ทัน  ไอ้โปรดบ้าเซ็กส์  มันเองก็ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้ทั้งกับผมหรือใคร  ไอ้โปรดนิ่งไป  เราต่างจ้องหน้ากันเงียบ ๆ 

"....มึงว่า...." มันพึมพำขึ้น  ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจว่ามันจะพูดอะไร

"....เค้าจะชอบง่ามขากูไหม" มันพูดขึ้นเหมือนไม่ลดละที่จะกวนอารมณ์ผมและก็ทำให้เรื่องนี้เป็นหัวข้อที่ไม่ซีเรียสไปโดยปริยาย  เราหัวเราะกันดังลั่นหลังจากนั้น  เหมือนต่างคนต่างควบคุมความคิดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว...   



........ (ไฟ) .........
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2015 00:14:32
...
คนอ่านท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านการชี้แจงจากเบบี้ รบกวนอ่านก่อนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
...

ในการลงตอนที่ 1 นี้ค่อนข้างยาวมากเพราะเป็นการเล่าตัวละครสำคัญเบื้องต้น  ตอนต่อ ๆ ไปคงไม่ยาวเท่านี้ค่ะ  ส่วนตอนที่ 2 อาจจะมาลงให้ภายในไม่เกิน 7-8 วันนะคะ  ถ้าผิดพลาดยังไงจะมาบอกล่วงหน้าอีกทีค่ะ


ฝันดีผีรอบเตียง  :katai3: (คนเขียนร่างพังขอไปนอนบ้าง)
เบบี้ ^ - ^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 01-10-2015 00:53:02
เวลคั่มแบคคคคค
ยินดีต้อนรับการกลับมานะเบบี้
หายไปนานมากจริงๆ
กรอเรื่องเก่าอ่านหลายรอบแล้ว ^^
ไฟท์ติ้ง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 01-10-2015 03:21:18
มาแล้ววววววววว
ยินดีต้อนรับการกลับมาค่าา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 01-10-2015 03:48:15
Welcome Back!!! kaaaa ^^

อ่านแล้วเดาทางกันไม่ถูกเลย XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 01-10-2015 07:02:55
ขอต้อนรับกลับสู่เล้านะจ๊ะเบบี้  :mc4: :mc4: :mc4:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-10-2015 07:23:05
 :pig2: เรื่องใหม่ลงยาวจุใจมาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 01-10-2015 08:04:55
ยาวมากจริงๆ แต่ละครมาให้พรึบ เดี๋ยวคงจำได้เอง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-10-2015 09:24:13
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 01-10-2015 09:44:27
กรี๊ดดดดดดดดดด เรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-10-2015 10:26:14
ดีใจได้เห็นเบบี้ในเล้าอีกครั้งหลังหายไปนาน @^^@ รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 01-10-2015 10:41:24
 :z13: :z13: :z13: เจิมเรื่องใหม่ของเบบี้เลยค่ะ
เรารู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากสมุทร!!! ง่อววววววววว
มันต้องมีอะไรแน่ๆ พี่สมุทรเราคงจะเป็นพระเอก  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 01-10-2015 10:44:45
กรี้สสสร้องไปแปดตลบ เบบี้เปิดเรื่องใหม่
ดีใจอ่ะ รอมานาน 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 01-10-2015 10:49:32
เบบี้กลับมาแล้วววว :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 01-10-2015 12:30:53
กรี๊ดดดด กลีบมาแล้วหายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะ นี่จัดอยู่นักอ่านหน้าเก่า คือตามตั้งแต่เรื่องแรกยันเรื่องสุดท้าย แอบคิดถึงเบาๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 01-10-2015 12:41:02
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 01-10-2015 13:16:05
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องใหม่ค่ะ.. :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 01-10-2015 13:34:32
เบบี้กลับมาแล้ววว เย้เย้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 01-10-2015 14:17:55
วิ่งมาอ่านช้าไปหน่อย ..เรื่องเริ่มน่าติดตามแล้วค่ะ ว่าแต่เปิดจองวันไหนคะเบบี้ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 01-10-2015 20:19:28
พี่บี้กลับมาแล้วววววกรี๊ดค่าาาาคิดถึงมากกกกกด :z2: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eddiam ที่ 01-10-2015 20:40:19
คิดถึงนิยายเบบี้ที่สุดเลยยยย❤️❤️
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-10-2015 21:31:48
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 01-10-2015 21:37:29
เบบี้คัมแบ็ค เย้ ฉลองๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 01-10-2015 21:55:36
ดีใจที่เห็นคุณเบบี้มาแล้วววววววว  กรี๊ดดดดดดด
รอตอนต่อไปรัวๆเลยค่ะ เดาไม่ถูกเลย  ไฟกับโปรดนี่อันตรายยยยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 01-10-2015 22:45:32
กี๊สสสสสส ดีใจ คิดถึงมากจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 01-10-2015 23:01:51
จุดพลุฉลองเลยจ้า ดีใจที่เจอกันสักทีนะเบบี้   :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 02-10-2015 00:16:16
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 02-10-2015 00:38:15
ดีใจที่ที่รักกลับมาาาาา อยากมีฟีลลิ่งเข้ามาเม้นนิยายตอนต่อตอนเหมือนแต่ก่อนอยู่เหมือนกัน

ในส่วนของนิยายนั้น.. ทำไมรู้สึกได้ว่าคุณไฟจะได้ผัว เราไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย? 55555
และเดาว่า สมุทร สุดสาครคนนั้นอาจได้เป็นผัว? ....จะใช่หรือไม่ ลุ้นนนนนนนน
แต่แอบตกใจ นึกว่าจะเล่นเพื่อนซะแล้ว แต่คงไม่เล่น? ใช่มั้ย?

แค่ตอนแรกก็ตัวละครเยอะขนาดนี้แล้ว แล้วมาซะรู้เรื่องตื้นลึกหนาบางเลย ตื่นเต้น
พอที่รักบอกว่ามีคู่หลัก2คู่ นี่แบบ.. เฮ้ยยยยย ทำไมรู้สึกว่าน่าจะมากกว่า2 555555555
ที่แน่ๆ ไฟเนี่ยแหละ1ละ แล้วนี่เดาว่าอีกคู่เป็นน้องพายุ ไม่ก็โปรด แต่พี่ธานก็ดูดี งุ้ยยยยย ยังไง

ภาษาดีนะ สไตล์เบบี้ ไม่ได้โหดร้ายพ่องมรึงตายอะไรขนาดนั้นนี่ 555555
บรรยายเยอะดี คนป่วยมึนเลยเนี่ย แต่คิดว่าควรรู้ไว้เยอะๆ กร๊ากกก
แล้วแบบ รู้สึกว่ามาแบบนี้ อนาคตแม่งต้องมีอะไรแน่ๆงี้


พอละแล้วดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเยอะ (ไม่ทันละ) 55555
รักค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 02-10-2015 00:52:43
ดีใจเบบี้กลับมาแล้ว
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: poompoo ที่ 02-10-2015 10:08:48
ดีใจจัง เบบี้มาลงนิยายในเล้าแล้วววว  :impress3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-10-2015 10:11:04
ดีใจที่ที่รักกลับมาาาาา อยากมีฟีลลิ่งเข้ามาเม้นนิยายตอนต่อตอนเหมือนแต่ก่อนอยู่เหมือนกัน

ในส่วนของนิยายนั้น.. ทำไมรู้สึกได้ว่าคุณไฟจะได้ผัว เราไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย? 55555
และเดาว่า สมุทร สุดสาครคนนั้นอาจได้เป็นผัว? ....จะใช่หรือไม่ ลุ้นนนนนนนน
แต่แอบตกใจ นึกว่าจะเล่นเพื่อนซะแล้ว แต่คงไม่เล่น? ใช่มั้ย?

แค่ตอนแรกก็ตัวละครเยอะขนาดนี้แล้ว แล้วมาซะรู้เรื่องตื้นลึกหนาบางเลย ตื่นเต้น
พอที่รักบอกว่ามีคู่หลัก2คู่ นี่แบบ.. เฮ้ยยยยย ทำไมรู้สึกว่าน่าจะมากกว่า2 555555555
ที่แน่ๆ ไฟเนี่ยแหละ1ละ แล้วนี่เดาว่าอีกคู่เป็นน้องพายุ ไม่ก็โปรด แต่พี่ธานก็ดูดี งุ้ยยยยย ยังไง

ภาษาดีนะ สไตล์เบบี้ ไม่ได้โหดร้ายพ่องมรึงตายอะไรขนาดนั้นนี่ 555555
บรรยายเยอะดี คนป่วยมึนเลยเนี่ย แต่คิดว่าควรรู้ไว้เยอะๆ กร๊ากกก
แล้วแบบ รู้สึกว่ามาแบบนี้ อนาคตแม่งต้องมีอะไรแน่ๆงี้


พอละแล้วดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเยอะ (ไม่ทันละ) 55555
รักค่ะ

เธอจะรู้เยอะไปละ กินเพดดิกรีเป็นอาหารเหรอ 5555555555++  :mew5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 02-10-2015 12:53:06
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 02-10-2015 13:03:11
มาแล้ว นั่งรอ นอนรอมาแรมปี แล้วในที่สุดก็ได้เจอ กับ  :mc4:  ไฟขา!!  มาเฟียสายดีหรือเปล่าเนี่ย  ชีวิตชาติตระกูลดูยิ่งใหญ่เวอร์วังอลังการมาก ยังคงรักในความเป็นตัวเอกยอดนักมวยอยู่นะคะคนเขียน  :laugh: รอเจอผู้จะมาทำให้ไฟร้อนขึ้นอยู่นะคะ 


ป.ล.แต่ก็อยากรู้ว่า เพื่อนโปรดของพี่ไฟจะชอบหนุ่มแมนคนไหน  :oo1: น่าติดตาม


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก (ไฟ)ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 02-10-2015 13:11:49
 :pighaun: :haun4: :pighaun: :haun4: บี้ กูอยากใช้อีโมนี้ๆๆๆๆไ จัดให้กูหน่อยนะเรื่องนี้ กูฝันเอาไว้เยอะ เอิ๊กกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: waan_warunee ที่ 02-10-2015 19:11:08
เจ้นึกว่าตาฝาด...เบบี้กลับมาแล้วววววววววววววววว :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 03-10-2015 18:36:27
ในที่สุด...เรื่องใหม่ก็มา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 03-10-2015 19:16:46
เรื่องใหม่มาแล้ว
สมกับที่รอคอย
+1 จ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 03-10-2015 19:58:48
ดีใจที่เบบี้กลับมาเขียนลงเล้าอีกกก

เวลคัมแบคคคค ~

>.<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 03-10-2015 22:20:01
รอเรื่องใหม่มานานแล้วค่า. ตกใจจริงๆที่เห็นนิยายเรื่องใหม่ จะรอตามนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 04-10-2015 11:32:26

ตอนที่ 2
..ไฟ..




"เฮียยุ! ขอโทษค้าบ..ม่าย!!" ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงของไอ้ดินโวยวายดังลั่นบ้านมาจากทางด้านนอก  ขนาดห้องนอนผมอยู่ในสุดยังได้ยินเกือบชัดเจน  ไอ้นี่มันชอบโวยวายเสียงดังจริง ๆ

"เฮ้อ" ผมถอนหายใจแรง  เรียกว่าตื่นเต็มตาเลยทีเดียว  เหลือมองไปที่นาฬิกาตรงหัวเตียง  บอกเวลาแปดโมงเช้าพอดีเป๊ะ  วันนี้ถือว่าผมตื่นค่อนข้างสาย  เนื่องจากเมื่อคืนกลับบ้านค่อนข้างดึกเพราะมีสังสรรค์กับเพื่อนเก่าที่มหาวิทยาลัย  แถมกว่าจะหลุดออกมาจากผู้หญิงคนหนึ่งได้ก็ยากเย็น  กลับถึงบ้านประมาณเกือบตีสามเห็นจะได้  ผมลุกขึ้นนั่งสักครู่หนึ่งเพื่อเรียกสติตัวเองก่อนลุกเดินออกไปข้างนอก  พอเดินตรงไปที่ระเบียงกลางบ้านก็เห็นไอ้ดินกำลังถูกพายุล็อกคอลากเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นแล้ว

"หึ.." ผมหัวเราะเบา ๆ สงสัยว่าไอ้ดินคงแอบไปขโมยของของพายุเอาไปใช้โดยพละการอีกแน่ ๆ เป็นแบบนี้ทุกทีไป  บางทีผมก็สงสัยว่าไอ้ดินอาจจะชอบความเจ็บปวดที่ได้รับจากพายุก็ได้  ผมเดินลงบันไดมา  พี่ธานเดินเข้ามาพอดี  อีกฝ่ายผงกหัวเป็นการทักทายผมเล็กน้อย

"จะรับอะไรดีครับคุณไฟ คุณพายุกับคุณดินกินเรียบร้อยแล้ว แต่ผมไม่ได้ให้แม่บ้านตั้งโต๊ะเผื่อ เห็นว่าเมื่อคืนคุณนอนดึก" พี่ธานพูด  พี่เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมต้องการอะไรหรือไม่ต้องการอะไรแบบที่ผมแทบไม่ต้องสั่งเลยด้วยซ้ำ  รายละเอียดอะไรพวกนี้พี่เขาไม่จำเป็นต้องทำก็ได้เพราะเราก็มีแม่บ้านคอยจัดการทุกอย่างอยู่แต่พี่ธานกลับจำได้ทั้งหมด  เดาได้ถูกตลอดว่าเมื่อไหร่ที่ผมต้องการหรือไม่ต้องการอะไร

"โยเกิร์ต กีวี" ผมตอบเนือย ๆ ตอนนี้ไม่ได้นึกอยากกินอะไร  ซึ่งอาหารประจำในตอนเช้าของผมมักจะเป็นอาหารง่าย ๆ เข้าปากง่าย ๆ กินง่าย ๆ และที่สำคัญจะต้องไม่ใช่อาหารร้อนเพราะผม.."ไม่ชอบ" กินมันในตอนเช้า

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้าตอบก่อนเดินตรงเข้าไปทางห้องครัวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้าน  ผมเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น  เห็นพายุกับไอ้ดินคุยญาติดีกันแล้ว

"ดีเฮีย" ไอ้ดินยิ้มกว้างทักด้วยท่าทางสบายใจ  ผมชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

"วันนี้โรงเรียนเข้าสายรึไง" ผมถาม  ไอ้ดินหันไปมองนาฬิกาบนผนังห้องในทันที

"เฮ้ย! สาย!" ไอ้ดินอุทานตาโต  พายุส่ายหัวเบา ๆ คล้ายเอือมเต็มทน 

"จิ" ผมจิปากอย่างหงุดหงิดขึ้นมา 

"ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะฮะ!" ผมว่าออกไปอย่างเหลืออดพร้อมกับง้างขาเข้าไปถีบไอ้ดิน  ไอ้เหี้ยนี่ต้องมีพฤติกรรมที่ทำให้ผมเหวี่ยงได้ง่าย ๆ ตลอด

"โอ๊ย!" ไอ้ดินร้อง  ตัวทิ่มลงไปที่พื้นอย่างหมดท่าเพราะผมถีบไปเต็มแรงเหมือนกัน

"หึหึหึ" พายุหัวเราะชอบใจ

"ดินเจ็บนะ" มันร้องหน้างอ  ผมยืนเท้าเอวมองคาดโทษที่มันยังทำท่าไม่สำนึก

"ไปแล้วเฮีย!" ไอ้ดินยิ้ม  โวยวายพยายามลุกขึ้นคลานหนีเท้าผมเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะเข้าไปซ้ำมันอีก

"หวัดดีครับ..หวัดดีครับ" มันลุกขึ้นวิ่งรนไปรอบ ๆ ห้องเพื่อไม่ให้ผมได้เข้าไปถีบมันได้อีก  ไอ้ดินยกมือไหว้ผมลวก ๆ ก่อนวิ่งออกจากห้องนั่งเล่นไปอย่างรวดเร็ว

"เฮีย! ดินลืม!" ไอ้ดินโผล่หันกลับมาอีกครั้ง  มันยิ้มทะเล้นแล้วเกาะอยู่ตรงที่ประตูโดยโผล่แค่ใบหน้า

"วันนี้ดินมีซ้อมเต้น" ไอ้ดินบอก  งานอดิเรกของน้องชายตัวดีคนนี้คือ เต้น Streetdance และเล่น BMX กับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน  มันจะรวมตัวกันที่สวนสาธารณะเป็นประจำ  ซึ่งอันที่จริงแล้วผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่น่ะนะ  แต่ถ้าไม่นอกลู่นอกทางก็ไม่ได้ขัดอะไร

"มึงต้องกลับบ้าน" ผมย้ำเสียงเข้มเป็นการบอกว่าวันนี้ไม่อนุญาต  ไอ้ดินทำหน้าหงอย  ผมก้าวเท้าจ้ำอ้าวจะเข้าไปซ้ำมันอีกรอบแต่ไอ้ดินวิ่งหนีไปแล้ว

"ขับรถดี ๆ!" ผมตะโกนบอกไล่หลังมัน 

"ค้าบ!" ไอ้ดินขานตอบ  วันที่ไอ้ดินมีเรียนบางวันผมจะอนุญาตให้มันเอารถมอเตอร์ไซด์ไปโรงเรียนเองได้  มอเตอร์ไซด์คันหลายแสนที่ผมยอมซื้อให้มันเพราะดันไปตกลงกับเงื่อนไขปัญญาอ่อน ๆ ที่ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้ดินจะสามารถทำได้คือ.."เกรดสามขึ้นไป" พอหลังจากที่มันได้รถเรียบร้อยแล้ว  มีหรือครับที่มันจะประพฤติตัวเหมือนเดิม..เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  ดังนั้น..ผมจึงจำเป็นต้องเพิ่มกฎในการขับขี่มอเตอร์ไซด์ของมันว่า  วันไหนที่มันมีเรียนพิเศษ  วันนั้นคนของที่บ้านจะต้องเป็นฝ่ายไปรับไปส่งมันเพื่อจัดระเบียบตัวไอ้ดินเอง  ส่วนวันไหนที่มันไม่มีเรียนพิเศษก็ให้ขับไปเองได้แต่จะต้องกลับบ้านตรงตามเวลาที่กำหนดไว้  ซึ่งก็จะมีบ้างที่มันแอบดื้อ  เวลาที่ผมตื่นสายหรือไปทำงานเช้า  ไอ้ดินก็จะแอบขับมอเตอร์ไซด์ออกไปเอง  ผมจะมารู้อีกทีก็ตอนที่คนในบ้านมารายงานให้ฟัง

"อ้ากกกกกกกกกก! โคตรสาย" มันร้องลั่นอยู่หน้าบ้าน  เสียงดังจนได้ยินไปทั่ว  ผมถอนหายใจแรงอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย  พายุอมยิ้มชอบใจ  ผมเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวยาวก่อนหยิบหนังสือพิมพ์ของวันนี้ขึ้นมา

"คอยดูมันเรื่องเกรดด้วย" ผมพูดขึ้นแกมสั่งเพราะหน้าที่นี้ผมยกให้พายุเป็นคนรับผิดชอบ  ไอ้ดินไม่ใช่คนโง่แต่ก็ไม่ใช่คนตั้งใจเรียน  มันชอบเที่ยว  ติดเพื่อนและรักสนุกเหมือนพ่อมันไม่มีผิด  ศัตรูก็ค่อนข้างมีมากเนื่องจากมันหน้าตาไม่เลว  หน่วยก้านดี  เพื่อนเยอะเพราะเป็นคนนิสัยอย่างที่เห็น  แต่ส่วนมากก็จะเป็นเพื่อนที่สำมะเลเทเมา  เพื่อนในกลุ่มเต้นที่ไม่ค่อยวิตกกังวลกับเรื่องการเรียน  ที่บ้านดีมีฐานะ  ผมเองก็ไม่ได้อยากให้น้องตัวเองเป็นแบบนี้หรอกนะครับแต่เรื่องบางเรื่องมันก็เกินจะควบคุมจริง ๆ จะให้มันปฏิบัติตรงดิ่งตามที่ผมต้องการทั้งหมด  เจ้าตัวเองก็คงไม่สามารถทำให้ได้ด้วย  ดังนั้น..ที่ทำให้ได้ตอนนี้ก็ดูแลกันไปจนกว่าจะตายจากกันเท่านั้น

เรื่องการอยู่ร่วมกันในบ้านนี้จะแบ่งหน้าที่กันไป  แม่บ้านและคนงาน  ทุกคนจะรู้ดีว่าควรเชื่อฟังพี่ธานเป็นใหญ่ที่สุดรองจากผม  เพราะส่วนใหญ่พี่ธานจะรับคำสั่งจากผมไปด้วย  แม่บ้านผู้หญิงอยู่ประจำมีทั้งหมดสามคนโดยมีหัวหน้าแม่บ้านคือป้าอิ่ม  ครอบครัวของป้าอิ่มทำงานให้กับที่บ้านผมมาตั้งแต่รุ่นของคุณปูแล้ว  ส่วนคนงานผู้ชายมีอยู่สองคนก็คือน้ามิ่งกับลุงทอง  นอกจากพายุ ไอ้ดินและพี่ธานแล้ว  ผมก็ไม่เหลือใครแล้วในบ้านหลังนี้ที่เรียกว่าญาติ  อีกสี่คนเป็นลูกน้องของผมที่อาศัยอยู่ด้วยกัน  ส่วนเรื่องตรวจตราความสะอาดและความเรียบร้อยภายในบ้านผมยกให้พายุเป็นคนดูแลเพราะมันเป็นคนรักความสะอาดมาก  มันเกลียดความสกปรกมากของมากที่สุด  มันจึงทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุดในบ้าน  ทุกคนมักจะกลัวพายุดุเรื่องความสกปรกมากกว่ากลัวผมดุเสียอีก 

ส่วนอีกเรื่องในบ้านที่พายุต้องดูแลคือ  มันจะมีหน้าที่จับตามองไอ้ดิน  พายุจะมีหน้าที่คอยสืบข่าวคราวของไอ้ดินในโรงเรียน  นอกจากนี้พายุก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกถ้าผมไม่ได้สั่ง  ผมไม่สนใจหรอกว่าพายุจะไปสืบมาได้ยังไงแต่ทุกครั้งที่ได้รู้ข่าวทั้งดีและไม่ดีก็มักจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น  อย่างเรื่องเกรด  เราก็ต้องดูแลกันเป็นพิเศษเพราะไอ้ดินค่อนข้างกะล่อน  พายุจึงต้องติดต่อเรื่องกับอาจารย์ที่ปรึกษาแทนผมและนำเรื่องมาให้ผมได้รับรู้อีกทอดหนึ่ง

"วันนี้เฮียจะไปไหน" พายุถาม

"ไปดูงานที่ต่อเติมตลาด" ผมตอบ  ถ้าต่อเติมตลาดเสร็จเรียบร้อย  วางแผนไว้ว่าจะขึ้นค่าเช่าตลาดในทันทีซึ่งได้แจ้งเรื่องนี้ให้คนที่ตลาดได้รับรู้ก่อนล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

"มึงมีสอนเช้าเหรอ" ผมถาม

"เปล่า..ว่าจะเข้าไปดูเฉย ๆ บ่ายมีเรียนน่ะ ก่อนเข้าคราสต้องไปประชุมทีมปิงปองอีก" พายุตอบ  มันเป็นนักกีฬา Table Tennis ของมหาวิทยาลัย  นี่คือกีฬาอีกหนึ่งอย่างที่มันทำได้ดีมากรองจากการต่อสู้  พายุเอื้อมมือหยิบขนมปังสังขยากินเงียบ ๆ พี่ธานเดินเข้ามาพร้อมกับแม่บ้านที่ถือถาดนำอาหารเช้ามาให้ผม 

"บัญชีเหรอ" ผมถาม  เห็นพี่ธานถือสมุดในมือ

"ครับ..คุณไฟจะฟังเลยไหม" พี่ธานถามกลับด้วยท่าทางเกรงใจ  ผมพยักหน้าอนุญาต  พี่ธานเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัว  แม่บ้านนำโยเกิร์ตกับกีวีและน้ำเปล่าวางให้ตรงหน้าผมก่อนเดินออกจากห้องไป
 
"ทองลงอีกแล้ว" ผมพูดเมื่ออ่านข่าวทองจบอย่างลวก ๆ ก่อนพับหนังสือพิมพ์เก็บ 

"งั้นคงไปจัดการเก็บดอกเบี้ยกับเสี่ยหลงได้แล้วมั้ง" ผมแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนหยิบโยเกิร์ตมากิน

"หึ.." พายุหัวเราะในลำคอเบา ๆ

"ไม่สิ..กูอยากได้เงินต้นคืนมากกว่า" ผมมองเจ้าเล่ห์ไปที่พายุ  "เสี่ยหลง"..คือหนึ่งในลูกหนี้ของผม  เฮียแกเปิดร้านขายทองและเบื้องลึกไปกว่านั้นคือ..สันดานกะล่อนระยำไม่เบา  แต่เฮียจะระยำกับใครผมไม่สนหรอก  เพียงแค่อย่ามาระยำกับผมก็พอ
 
"จัดการด้วย" ผมสั่งเสียงห้วน

"ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับทราบทันที

"ว่ามาเลย" ผมบอกพร้อมถอนหายใจ  พี่ธานเปิดสมุดออกช้า ๆ ก่อนไล่ไปทีละหน้าเหมือนกำลังหาทางเริ่ม 

"ค่าเช่าแผงเดือนนี้สี่แสนห้าหมื่นสองพัน มีไม่จ่ายอยู่ยี่สิบรายครับ" พี่ธานบอก

"รายเดิม" ผมถามไปกินไปไม่มองหน้าอีกฝ่าย  โยเกิร์ตแม่งรสชาติห่วยแตกจริง ๆ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงจบที่มันทุกครั้งในตอนเช้า

"ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับ  ผมผงกหัวรับรู้ก่อนนิ่งเงียบลงอย่างใช้ความคิด  เนื่องจากรายที่ว่ามาผมได้ให้โอกาสกับการเบี้ยวเรื่องจ่ายมาหลายครั้งแล้ว  แม้ว่าที่ผ่านมาพ่อผมจะบริหารงานแบบใจดีและเป็นกันเอง  แต่สำหรับผม..ผมว่านี่มันไม่ใช่  มันเป็นการใจดีที่มากเกินไป  และบางทีก็ต้องสั่งสอนกันบ้างรึเปล่า  หลายครั้งที่ผมมีคำถามกับตัวเองเสมอว่า..คนหวงหนี้พวกนี้เราควรใจดีด้วยไหม  เพราะนิสัยหวงหนี้เป็นนิสัยที่ผมจะไม่มีทางเข้าใจหยั่งถึง  เหตุผลของคนหวงหนี้มักฟังดูปลิ้นปล้อนตอแหล  ความหมายของการหวงหนี้สำหรับผมคือ..มันแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์ลึก ๆ ของบุคคลนั้น  และมันดูไม่น่าคบหา 

"ให้คนไปสืบ..ทั้งหมดนั่นแหละ" ผมสั่ง

"ผมขอรายละเอียดภายในสามวันนะ" ผมช้อนตาขึ้นมองพี่ธานแกมบังคับ

"ได้ครับ" พี่ธานรับปาก

"อันนี้เป็นค่าแรงที่ต่อเติมตลาดครับ" พี่ธานบอกพร้อมกับยื่นเอกสารนำมาวางตรงหน้าผม  ผมรับมาดูตัวเลข  เมื่อพบว่าตัวเลขไม่ได้เกินกว่าที่วางงบไว้จึงไม่ได้ว่าอะไร

"เดี๋ยวผมเขียนเช็คให้"

"บัญชีของค่ายมวยจะรวมเสร็จพรุ่งนี้นะครับ..ส่วนค่าเช่าที่เชียงใหม่ ได้ครบตามจำนวนครับ" พี่ธานรายงาน

"แล้วจัดการเรื่องยามที่นั่นด้วยรึยัง" ผมถามถึง  ผมใส่ใจเรื่องการดูแลคอนโดและอาคารพาณิชย์ที่เชียงใหม่เป็นพิเศษเพราะมันไกลตา  แม้ในบางครั้งผมจะเข้มงวดแต่ก็ต้องเข้มงวดเพื่อทุกคนที่มาใช้บริการของเรา  ทั้งคอนโดและห้าง  รวมไปถึงอาคารพาณิชย์ที่ให้เช่า  ผมอยากให้คุณภาพยังคงรักษาไว้  ปรับปรุงแก้ไขตรงไหนเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ก็ให้ปรับปรุงอยู่เนือง ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะเละเทะเหลาะแหละไปหมด 

"น้าเกียวบอกว่าเรียบร้อยแล้วครับ" พี่ธานตอบ

"วันนี้พี่ก็ไปจัดการเรื่องที่ควรจัดการแล้วกัน" ผมพูด 

พี่ธานเป็นเสมือนเลขาและคนรู้ใจของผม  จะว่าเป็นบอดี้การ์ดด้วยก็ได้  ก็เราใช้ชีวิตกันแบบนี้มาตั้งแต่เกิดจนไม่รู้จะให้นิยามสถานะของเราว่าอะไรแล้ว  หน้าที่ของพี่ธานที่สำคัญที่สุดคือ..เชื่อฟังคำสั่งผม  งานของพี่ธานจะสับเปลี่ยนกันไปแต่ก็อยู่ในขอบเขตที่พี่เขาควรรับผิดชอบ  ยกตัวอย่างเช่น  เรื่องดูแลความปลอดภัยภายในบ้านและการเป็นหัวหน้าควบคุมความปลอดภัยของคนในครอบครัวผม  ติดต่องานที่ตลาดแทนผมได้  ติดต่อประสานงานกับทางคอนโดและห้างที่เปิดที่เชียงใหม่  และเรื่องบัญชีค่ายมวย  หน้าที่พวกนี้พี่ธานจะรู้ดีว่าควรทำอะไรเมื่อไหร่บ้างซึ่งก็ไม่ใช่งานหนักอะไรนักเพราะที่ทำงานแต่ละที่ก็มีพนักงานทำประจำอยู่แล้ว  ส่วนธุรกิจของผมส่วนอื่น ๆ ก็จะมีเลขาส่วนตัวในบริษัทนั้น ๆ ประสานงานให้อยู่  ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้หญิงและจะติดต่อกันเฉพาะงานในส่วนบริษัทนั้นเท่านั้น  ไม่มีนอกเหนือกว่านี้  แต่พี่ธานเราทำงานด้วยกันแทบจะตลอดเวลา  อยู่บ้านเดียวกัน  กินด้วยกัน  ปรึกษาหารือ  ไปไหนมาไหนด้วยกัน  ถ้าขาดพี่เขาผมเองก็คงจะเป๋ไม่น้อย  เราเติบโตมาด้วยกันซึ่งมันเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันไปแล้ว

"เอาไอ้เข้มไป เดี๋ยวผมไปกับไอ้เด่นเอง" ผมบอก  "ไอ้เข้ม"..คือคู่หูของพี่ธานและเป็นพี่ชายฝาแฝดของไอ้เด่น  อายุประมาณยี่สิบสามปีเศษ  ที่มาของไอ้เข้มและไอ้เด่นที่มาทำงานอยู่กับผมได้นี้ค่อนข้างยาว  ใช้เวลาเล่าคงจะหมดเป็นครึ่งวัน  ในการทำงานในแบบของผมนั้น  ผมไม่เคยปล่อยให้พี่ธานไปดูงานคนเดียวเพราะผมรู้ว่ามันหนักและค่อนข้างอันตรายในบางครั้ง  ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ  ผมคิดว่า..ชีวิตคนเราต้องการเพื่อนเสมอ

"คุณไฟจะไปไหนครับ" พี่ธานถาม  ผมเหลือบสายตาลงเพราะไม่ใช่ไม่อยากตอบคำถาม  แต่เพียงแค่ไม่ต้องการตอบคำถามนี้ต่อหน้าพายุก็เท่านั้น 

"ธุระ" ผมตอบแค่นั้นก่อนหยิบกีวีขึ้นกินต่อทันที  พายุที่ไม่ได้สังเกตมองหน้าผมเพราะมันมัวแต่อ่านหนังสือนิตยสารแฟชั่นอะไรของมันอยู่  แต่ผมรู้ว่าหูมันกำลังตั้งใจฟัง  พี่ธานสบตาผมเพียงนิดเดียวก่อนพยักหน้าคล้ายกับขอโทษเหมือนกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร  ผมส่งสายตาให้พี่ธานออกไปได้แล้ว

"มีอะไรอีกไหม" ผมถามเพื่อไม่ให้สถานการณ์ดูมีพิรุธ

"ไม่ครับ งั้น..ผมขอตัวก่อนนะครับ" พี่ธานบอก 

"เออ ใช่ครับ..เรื่องคนดูแลให้คุณพายุน่ะ ตกลงว่า.." พี่ธานชะงักเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

"ไม่เอา!" พายุขึ้นพูดเสียงแข็งทันควัน  สายตาไม่ละจากตัวหนังสือแม้แต่น้อย  ผมบอกแล้วว่ามันฟังอยู่  ผมแสยะยิ้มมุมปาก  พี่ธานเองก็ด้วย 

"ในบ้านเรา..ไอ้เข้ม ไอ้รุ่ง แล้วก็ไอ้หิน คุณพายุเลือกมาสักคนสิครับ นี่พี่เสียสละไอ้เข้มให้เลยนะ" พี่ธานยิ้มพูดหน้าตายเหมือนต้องการกวนอารมณ์พายุเล่น  รายชื่อที่พี่ธานพูดมาคือลูกน้องมือเก่งของผมทั้งหมด  ที่ไม่ว่าจะมีเรื่องสำคัญอะไรก็แล้วแต่  ทั้งสามสี่คนจะต้องอยู่ในขบวนการร่วมด้วยช่วยกันกับผมทั้งสิ้น 

"มีแต่ห่วยแตก" พายุกระแทกเสียงหน้างอพร้อมเหลือบตามองหน้าพี่ธาน  ถ้ามันจะว่าอย่างนั้นก็ได้..เพราะที่ว่ามาก็ยังไม่มีใครต่อสู้แบบมือเปล่าแล้วชนะพายุมันได้สักคน

"หึ" ผมกับพี่ธานหัวเราะ

"งั้นมึงก็เอาพี่ธานไปไหมล่ะ กูให้" ผมย้อน  พายุหันมามองค้อน  ผมยักคิ้วแกล้งน้องชายตัวเองยิ้ม ๆ

"พี่ธานก็.. งั้น ๆ" พายุเบะปากเบนหน้าหนีไปอีกทางเหมือนพยายามจะหลีกเลี่ยงว่าอันที่จริงแล้วมันก็รู้ดีว่าพี่ธานฝีมือดีแค่ไหน

"ครับ คุณหนู" พี่ธานกวนพร้อมกับยิ้มกว้าง

"พี่ธาน!" พายุกระแทกเสียงด้วยความโมโหทันทีซึ่งไม่บ่อยนักที่ใครจะมาทำให้มันอารมณ์เสียง่าย ๆ ได้

"หึหึหึ" ผมหัวเราะพร้อมกับปัดมือเพื่อให้พี่ธานออกไปสักที  พี่ธานชอบกวนพายุด้วยการเรียกมันว่า.."คุณหนู" บ่อย ๆ ทั้งที่ก็รู้ว่ามันไม่ชอบ  ผมไม่เคยห้ามนะครับ  ผมว่ามันก็โอเค  พายุไม่กล้าโกรธพี่ธานจริงจังอยู่แล้ว  ดังนั้นมันก็เหมือนเล่นแซวกันขำ ๆ แค่นั้น   

พี่ธานเปรียบเสมือนพี่ชายของเราทั้งสองคน  พี่เขาอายุมากกว่าผมสี่ปีและมากกว่าพายุอีกเท่านึงเลย  ประมาณแปดเก้าปีเห็นจะได้  ตอนนี้ก็เหยียบเลขสามเข้าไปแล้วแต่ก็ยังดูดีอยู่ไม่น้อย  พี่ธานไม่ใช่คนหล่ออะไรนักแต่จัดว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันอยู่พอดู  ครอบครัวของพี่ธานเป็นคนอีสาน  ส่วนแม่เป็นคนเหนือ  พี่ธานจึงมีผิวสีไข่  รูปหน้าค่อนข้างเหลี่ยมแต่จมูกโด่ง  ตาตี่เล็กน้อย  ใบหน้าค่อนข้างนิ่งและดุ  ผมว่าพี่ธานหน้าคล้ายคนจีนอยู่ในบางมุม  ซึ่งถ้าใครไม่รู้จักพี่ธานก็คงคิดว่าหน้าตาพี่เขาไม่ใช่คนที่ควรเข้าใกล้เลย  เวลาแสยะยิ้มที  ขนาดเพื่อนสนิทผมที่บอกว่าเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของผมที่ดูไม่น่าคบแล้ว  พวกมันเลยรู้ว่าทำไมผมกับพี่ธานถึงไปกันได้ดีขนาดนี้ 

พ่อของพี่ธานเป็นลูกน้องของพ่อผมแต่เขาเสียไปตั้งแต่พี่ธานยังเล็ก  ส่วนแม่ของพี่ธานแยกทางกับพ่อตั้งแต่ที่พ่อของพี่ธานตัดสินใจมาทำงานให้กับครอบครัวของผมเต็มตัว  เธอมีสามีใหม่อยู่ที่จังหวัดลำปางและอยู่กินที่นั่นจนถึงทุกวันนี้   

ตัวพี่ธานเองก็ถูกเลี้ยงโดยคลุกคลีกับมวยมาตั้งแต่ที่พ่อของพี่ธานยังไม่เสีย  พ่อของผมบอกว่าลุงแกสอนพี่ธานชกมวยก่อนที่จะสอนให้หัดพูดซะด้วยซ้ำ  และคงเพราะกรรมพันธุ์หน่วยก้านรูปร่างจึงดีมาก  พี่ธานเป็นผู้ชายที่หุ่นโคตรดี  ผมว่าผมสูงกว่าลูกน้องทุกคนแล้วแต่พี่ธานกลับตัวใหญ่สูงกว่าผมซะอีก  แต่ก็นั่นแหละ..พี่เขาสูงกว่าผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  นิสัยโดยปกติแล้วพี่ธานเป็นคนค่อนข้างเงียบขรึม  จะแสดงออกทางสีหน้าและแววตาให้เห็นบ้างในบางครั้งที่มีสถานการณ์พิเศษสุดจริง ๆ ทั้งนี้กลับเป็นคนที่นอบน้อมถ่อมตนกับผมและพายุเสมอมา  ภายนอกเวลาที่พี่ธานแสดงออก  สำหรับคนอื่นพี่ธานดูเป็นผู้ชายใจเย็นและเป็นสุภาพบุรุษมากคนหนึ่ง  แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จักตัวตนของพี่ธานได้ดีเท่ากับผม  ก็เหมือนกับที่พี่ธานเองก็คงรู้จักผมดีมากเช่นกัน  อ่านผมออกหมดไปยังตับไตไส้พุงจนผมอดระแวงไม่ได้

"หุบปากไปเลยนะเฮีย" พายุหันมาพาลทันที  ผมเบะปากยิ้มและยกมือขึ้นยอมแพ้มัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 04-10-2015 11:34:27

กริ๊ง  ๆ  ๆ ๆ ~ ...เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น  พายุทำหน้าเซ็งก่อนขยับตัวทำหน้าที่ของน้องที่ดีรับสายแทนผมทั้งที่ผมอยู่ใกล้โทรศัพท์มากกว่า

"ครับ..บ้านเลิศประสงค์ครับ"

"ครับ ผมพูด" พายุทำหน้าผงะไปเล็กน้อย  ผมมองมันนิ่ง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น  อีกฝ่ายเหลือกตาโตพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือมาที่โทรศัพท์ที่ตนเองถืออยู่  ผมอ่านปากมันที่พยายามสื่อแบบไร้เสียงว่า.."พี่ริศา" เท่านั้นเองผมถึงกับต้องโบกมือปฏิเสธทันควัน

"เอ่อ เฮียนอนอยู่อ่ะครับ" พายุโกหกไป  มันเงียบไปครู่  สายตามองผมเลิ่กลั่ก

"ฮะ..คือเฮียกลับบ้านดึก" พายุว่า  ผมส่ายหัวแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อเดินหนีสถานการณ์แต่กลับโดนพายุเข้ามาตะครุบตัวไว้ก่อน  ด้วยความไว  ผมจึงผลักหัวพายุออกจากตัวอย่างแรง  อีกฝ่ายอมยิ้มเล็กน้อยหน้าหงายไปตามแรง

"เดี๋ยวกูถีบ" ผมด่าแบบไม่ออกเสียง  พายุกลั้นหัวเราะแล้วยกมือปราม

"ครับ เดี๋ยวบอกให้ครับ..หวัดดีครับ" พายุพูดก่อนวางสายไป

"มึงจะดึงกูไว้ทำเหี้ยอะไร" ผมด่ามันยิ้ม ๆ

"อะไรของเฮีย มันใช่เรื่องของยุไหมล่ะ!" มันโวยวายแล้วมองค้อนผมด้วยสายตาเหมือนผมทำอะไรผิดอย่างนั้น

"ทำอะไรแล้วก็ไม่รับผิดชอบ"

"กูไปทำอะไร" ผมว่ากลับเพราะยังไม่ทันได้ทำอะไรใครเลย

"ริศา"..คือผู้หญิงที่ย่าผมอยากให้รู้จักกัน  คบกันและถ้าแต่งงานกันได้ก็คงจะสมความปรารถนาย่าผมไม่น้อย  ริศาเป็นหลานสาวของเพื่อนสนิทของย่า  เธอเป็นคนที่ดีนะครับ  ก็จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยแต่ไม่มีเสน่ห์สำหรับผม  ที่สำคัญผมไม่ได้ชอบเธอและไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรที่จะสามารถคบกันให้ก้าวหน้าไปมากกว่านี้ได้ 

ครั้งหนึ่งผมกับริศาได้ลองเปิดใจดู ๆ กันอยู่สักระยะ  น่าจะประมาณหนึ่งเดือนได้  แต่หลังจากนั้นผมก็เริ่มตีตัวห่างออกมาเพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกอีกฝ่ายว่าเราสองคนไม่น่าจะไปกันได้ดี  ความสัมพันธ์ของเรายังไม่ถึงขั้นคนรู้ใจ  ดังนั้นการทำแบบนี้ผมคิดว่ามันเป็นการปฏิเสธที่อะลุ่มอล่วยที่สุด  ในมุมมองของผม  การที่คนเราจะไปกันได้ดีหรือไปกันไม่ได้นั้นมันต้องขึ้นอยู่ทั้งสองฝ่าย  ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดว่าไปกันได้ดีอยู่เพียงฝ่ายเดียว  นั่นจะเป็นความสัมพันธ์ที่จะไปถึงทางตันในที่สุด..

สำหรับผมแล้ว..ในหลาย ๆ ครั้งคงต้องมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบและสวยงามออกไปเลย  ถ้าสุดท้ายแล้วคนสองคนไม่สามารถเข้ากันได้  จะเพศหรือหน้าตาก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญ

ผมไม่ใช่คนที่เรียกร้องเรื่องความรัก  โหยหาหรือเหงากับเรื่องพวกนี้  และไม่เคยมีความคิดที่จะมีครอบครัวในอนาคตด้วย  เรื่องทำนองนั้นไม่เคยอยู่ในหัวเลย  คงเพราะมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เลยไม่รู้สึกต้องการอะไรเป็นพิเศษ  แต่เมื่อไหร่ที่ผมตัดสินใจกับตัวเองว่าผมจะลองคบกับใครดูสักคน  ถึงจะไม่บอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าผมตั้งใจจะลองดูเขาแล้วนะ  ซึ่งแม้จะเพียงเป็นแค่การดูกันเท่านั้น  แต่ผมก็เลือกที่จะหยุดการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นในทันทีแม้ว่าผมจะยังไม่มีพันธะตายตัวก็ตาม  ผมไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เพราะไม่ใช่เรื่องน่าป่าวประกาศ  อีกอย่างภาพลักษณ์ของผมก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรอยู่แล้ว  แต่ทั้งอย่างนั้น..ผมคิดว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างใจแข็ง  หรือจะให้เรียกว่าหยาบกระด้างบ้างก็ได้  ในทุกครั้ง  มันจะมีความรู้สึกที่สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าผมไม่สามารถคิดจริงจังกับริศาได้ในระยะยาวกว่านี้ได้อย่างแน่นอน  และถ้าจะเป็นอย่างนั้นในอนาคต  ผมก็ควรจะจบกับริศาไปซะให้เร็วที่สุดเพื่อเราทั้งสองฝ่าย 

เพื่อนบางคนที่ไม่ค่อยสนิทกับผม  มักจะอิจฉาผมเวลาที่เห็นผมควงผู้หญิงสวย ๆ ไปไหนมาไหนเป็นว่าเล่น  แต่ผมไม่ค่อยรู้สึกพิเศษอะไรเท่าไหร่และไม่เข้าใจความรู้สึกอิจฉาแบบอะไรทำนองนั้น  เพราะถ้าผมตั้งเป้าไว้แค่ผมต้องการแค่หลับนอนกับเธอเท่านั้น  ผมก็ไม่เคยรู้สึกอยากได้จนเบื้องล่างร้อน  ได้ก็ดี..ไม่ได้ก็ไม่ได้เดือดร้อนอิจฉาอะไร  แต่ถ้าในกรณีต้องการแบบพิเศษกว่าการหลับนอน  และถึงผู้หญิงคนนั้นจะสวยแค่ไหนก็ตาม  แต่ถ้าเธอไม่มีจุดไหนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกับเธอนาน ๆ หรือรู้สึกพิเศษไปมากกว่าความหลงใหลในความสวยงามของเธอ  ความสวยความหล่อก็เท่านั้น..ไร้ประโยชน์สิ้นดีสำหรับผม  มันก็เหมือนกับการมีเซ็กส์นั่นแหละ  เข้ากันได้บ้าง..เข้ากันไม่ได้บ้าง  สำหรับผมนั้นเรื่องเพศไม่สำคัญ  มันสำคัญที่รายบุคคลว่าจะทำให้ผมหลงได้มากน้อยแค่ไหน  อย่างในบางครั้งที่ผมมีอะไรกับผู้ชายที่ไม่ได้หน้าตาดีอะไรเท่าไหร่นักถ้าต้องให้เทียบกับกรณีผู้หญิงที่ผมเคยหลับนอนด้วย  แต่ถ้าเขามีดีกว่าผู้หญิงบางคน  ก็คงต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขามีดีกว่าและเขาสามารถทำให้ผมหลงใหลได้มากกว่า  มันก็เหมือนกับมีเคมีที่ทำให้รู้สึกร่างกายเร่าร้อนต้องการอีกฝ่ายนั่นละ  อารมณ์น่าจะประมาณนั้น  ว่าไปว่ามาก็ยากจะอธิบายเป็นคำพูดเหมือนกัน  ผมถึงได้ไม่เคยหลุดปากพูดเรื่องนี้กับใคร

"ตกลงเฮียกับพี่ริศานี่ยังไง" พายุถามด้วยสีหน้าอยากรู้ทันทีทั้งที่ปกติตัวเองไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไรแท้ ๆ

"กูจะหนีจนกว่าย่าจะเป็นฝ่ายยอมแพ้" ผมยักคิ้วยิ้มตอบอย่างไม่คิดมาก  พายุหัวเราะอ้าปากกว้างเหมือนสะใจ

"เออ..หรือว่ามึงจะรับช่วงต่อไหมล่ะ" ผมมองเหล่

"ลองดูหน่อยก็ดีนะ ผู้หญิงน่ะ..เผื่อเปลี่ยนใจ" ผมแกล้งซะเลย  พายุช้อนตามองผมด้วยสายตาไม่พอใจ

"คนที่ได้ทุกเพศอย่างเฮีย สักวันสวรรค์ต้องลงโทษให้เหลือแต่ขนแน่ ๆ" พายุเท้าคางพูดเสียงแข็ง 

"หึ..สัตว์" ผมว่า

"กูละอยากเห็นหน้าย่าจริง ๆ เลย" ผมถอนหายใจพร้อมแสยะยิ้มเล็กน้อย  การได้แกล้งย่าเป็นหนึ่งสิ่งที่สร้างสีสันของชีวิตให้กับผมและพายุน่ะนะ

"หึหึ" พายุขำใหญ่  ผมรู้ดีว่ามันก็ชอบใจที่ผมเป็นฝ่ายได้กวนย่าแบบนี้

"เฮียก็รักใครจริง ๆ สักทีสิ ย่าจะได้เลิกยุ่งไง..ง่ายจะตาย" มันยักคิ้วกวนอารมณ์ผมไม่หยุด  ผมไม่ตอบโต้กลับ  ได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือม ๆ ประโยคนี้  บางครั้งมันก็ยากที่จะอธิบายความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ในใจลึก ๆ ให้กับใครได้เข้าใจตามอย่างที่เราต้องการ

"ไปแล้ว โชคดี" ผมบอกพร้อมปัดมือส่ง ๆ แล้วลุกเดินหนีมา

"เจอเข้าสักวันจะรู้สึก" พายุบ่นเสียงแว่ว  ผมได้แต่อมยิ้มแล้วเดินกลับขึ้นมาบนห้องนอนอีกครั้ง  ผมกดโทรหาไอ้เด่นเพื่อให้มันรู้ว่าวันนี้มันมีภารกิจหน้าที่ต้องออกไปกับผม  และโทรเรียกให้พี่ธานไปรอผมที่ห้องทำงานเพราะผมมีเรื่องจะถาม  หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย  แม่บ้านก็เข้าไปทำความสะอาดห้องนอนให้  ผมเดินออกไปที่ห้องทำงานอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องทำงานห้องใหญ่ที่ถ้าผมทำงานอยู่บ้านและถ้าพี่ธานต้องทำงานด้วย  ส่วนมากนั่นจะเป็นห้องทำงานประจำของเราทั้งสองคน  แต่ถ้าผมต้องการทำงานคนเดียวเงียบ ๆ ผมจะนำงานขึ้นมาทำที่ห้องทำงานที่อยู่ในส่วนของห้องนอนของผม

"คุณไฟมีอะไรครับ" พี่ธานถาม

"ผมขอที่อยู่ค่ายมวย กับที่อยู่บ้านสมุทรหน่อย..ที่ทำงานด้วย" ผมบอก  พี่ธานนิ่งไปครู่

"คุณไฟจะไปหาวันนี้เหรอครับ" พี่ธานถาม

"เปล่า..แค่ ไปดูน่ะ" ผมตอบเพราะใจจริงแล้วอยากดูให้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายที่ว่านั้นใช้ชีวิตอย่างไร  มันจะเป็นไปตามที่พี่ธานเคยรายงานไว้หรือเปล่า  เขาจะอยู่อย่างไร หน่วยก้าน นิสัย รูปร่างหน้าตาตอนนี้เปลี่ยนไปแค่ไหนแล้วบ้าง

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินไปเขียนที่อยู่ให้กับผม  พี่ธานใช้เวลาสักครู่ใหญ่ ๆ ในการเขียนรายละเอียดทั้งหมด  ทั้งเวลาทำงานและเวลาเลิกงาน  รวมไปถึงที่อยู่ของบริษัทที่สมุทรทำอยู่ด้วย

"คุณไฟ ไม่อยากให้คุณพายุรู้เรื่องนี้เหรอครับ" พี่ธานถามหลังจากเขียนรายละเอียดให้ผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว

"อืม ขี้เกียจอธิบายน่ะ" ผมตอบเพราะผมอยากแน่ใจก่อนถึงจะเล่าให้พายุฟัง  พี่ธานพยักหน้าเงียบ ๆ เข้าใจอะไรง่ายเหมือนเดิม
ผมกับไอ้เด่นเดินทางไปดูงานต่อเติมที่ตลาดชโนทัยก่อนเป็นอันดับแรก  ปีนี้มีโครงการต่อเติมพื้นที่ในส่วนของตลาดและโซนพลาซ่าที่จะติดแอร์  และก็มีบางส่วนอื่น ๆ ที่ชำรุดต้องซ่อมแซมด้วย  หลังจากดูงานเสร็จเรียบร้อยดีแล้วก็เดินทางไปกินอาหารกลางวันที่ร้านบะหมี่เจ้าประจำของผม  วันนี้นึกอยากกินขึ้นมาและเป็นจังหวะที่งานไม่ยุ่ง 

ร้านนี้เป็นเจ้าประจำที่ผมกินมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแล้ว  ที่ร้านเริ่มขายบะหมี่มาตั้งแต่รุ่นทวดนู่นละ  ต้นตระกูลของร้านก็รู้จักกันดีกับทวดของผม  ช่วยเหลือข้าวปลาอาหารกันมาตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่ยังจนเข็ญใจ  พ่อของผมเคยเล่าให้ฟังว่า.."ทวดของแกเคยบอกว่า แกเคยจนมาก จน ๆ ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง" ตอนนั้นผมแอบหลุดหัวเราะเพราะเล่าฟังดูติดตลก  ฟังแล้วมีความสุขดี  ดูแล้วทวดคงผ่านอะไรมามากจนไม่รู้จะอธิบายยังไงตามที่แกว่า  และมันทำให้ผมซาบซึ้งเสมอที่ความพยายามของคนตั้งแต่ต้นตระกูลทำให้ผมอยู่ดีกินดีจนถึงทุกวันนี้ 

..ผมเหลือบดูนาฬิกาเป็นระยะเพื่อคำนวณเวลาที่น่าจะเป็น  ตอนนี้เกือบบ่ายสองโมงแล้ว  และผมกับไอ้เด่นกำลังอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง 

"นายจะไปไหนครับ" ไอ้เด่นถามทันทีที่เห็นผมทำท่าจะลงจากรถ  ลูกน้องที่เป็นบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ของผมเกือบทั้งหมดจะเรียกผมว่า "นาย" มันเรียกกันเอง  ผมไม่เคยบอกให้พวกมันเรียกผมกันแบบนี้  มีเพียงพี่ธานคนเดียวที่เรียกผมว่าคุณไฟ  ส่วนไอ้พวกนี้จะเรียกพี่ธานว่า "พี่ธาน" บ้างและให้ฉายาพี่ธานว่า "พี่ใหญ่" บ้างก็ว่ากันไป

"จะลงไปดูหน่อย มึงอยู่นี่แหละ" ผมบอก  ไอ้เด่นพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเป็นกังวลกับผมเล็กน้อย  ผมเดินลงมาแล้วเดินเข้าไปใกล้ไซต์ก่อสร้างมากขึ้น  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เดินอย่างหลบ ๆ เพราะไม่ต้องการให้คนที่ผมมาแอบเฝ้าดูนี้ได้เห็นผมเสียก่อน 

ผมมองกวาดตาไปทั่วไปบริเวณแล้วก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่โดดเด่นกว่าคนอื่นในนั้น  รูปร่างคล้ายกับคนในรูป  ผมรู้ทันทีว่าเป็นเขา  ผมเพ่งมองอย่างละเอียด  รูปร่างสูงโปร่งเท่า ๆ กันกับผมหรืออาจจะสูงกว่าผมเล็กน้อยด้วยซ้ำ  เค้าโครงหน้าแม้จะเปลี่ยนไปมากแต่ก็ไม่ผิดจากตอนเป็นเด็กเท่าไหร่นักนั่นหมายความว่าเป็นคนเดียวกันไม่ผิดแน่.."สมุทร"

อีกฝ่ายกำลังทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ  ผิวที่เข้มขึ้นจากที่น่าจะเป็นคนผิวสีขาวเหลืองคงเพราะทำงานตากแดดตากลมมามาก  เสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนครึ่งท่อนที่ค่อนข้างกระชับทำให้รู้ว่าเป็นคนมีกล้ามเนื้อ  และเพราะอย่างนั้นถึงได้ใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดา ๆ แต่กลับยังดูรูปร่างดีสมส่วน  ลักษณะดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนดุแม้ว่าหน้าตาภายนอกจะดูคมเข้มก็ตาม  ท่าทางจริงจังเอางานเอาการดีตามที่พี่ธานเคยรายงานไว้ 

"หึ.." ผมหัวเราะในลำคอเมื่อหวนนึกถึงคำพูดของพ่อที่เคยชมลุงยอดให้ผมฟังสมัยเป็นเด็กว่า "สมัยหนุ่ม ๆ นะ ไอ้ยอดมันหล่ออย่างกับดาราแน่ะ" ผมเคยเห็นรูปของลุงยอดสมัยเป็นหนุ่ม  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลุงแกหล่อมากจริง ๆ ถ้านึกแล้วก็คงจะไม่ผิดกับคนเป็นลูกเท่าไหร่นัก  หน้าตาที่แม้จะไม่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์แต่สำหรับคนที่ทำงานแบบนี้อยู่ในตอนนี้ก็จัดว่าดูดีมากไม่น้อยทีเดียว

ผมเดินกลับมาที่รถอีกครั้งเพราะยืนนานกว่านี้ก็จะเหนื่อยเปล่า  อากาศร้อนอย่างกับโลกจะระเบิด  ไอ้เด่นที่นั่งรอในรถกับแอร์เย็นสบาย  เมื่อมันเห็นผมเดินกลับมาที่รถก็รีบลงจากรถแล้วยืนเปิดประตูรถรอให้ผมในทันที 

"ร้อนฉิบหาย" ผมบ่นเมื่อก้นแตะเบาะแล้วหยิบน้ำเปล่ามากินก่อนเหลือบมองไปที่ไซต์งานอีกครั้งหนึ่ง 

"ขับไปที่ย่านมารัตหน่อย" ผมสั่ง

"ซอยหก" ผมบอกรายละเอียด

"ครับ" ไอ้เด่นรับทราบแล้วออกรถในทันที  ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมาย  ย่านนี้เป็นย่านชุมชนระดับล่างของคนทำงานหาเช้ากินค่ำที่มีฐานะไปถึงค่อนข้างยากจน  นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมมาแถวนี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ บ้านเรือนเรียกว่าเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่พอสมควร  ตึกรามบ้านช่องเก่าแก่ทรุดโทรม  การจราจรก็จอแจสกปรก  ทุกอย่างน่ารำคาญตาไปหมด 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 1 [ 1 ต.ค 58 - 01:18 หน้า 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 04-10-2015 11:35:52

"เข้าไปข้างในนั้นเป็นอะไร" ผมถาม  ตอนนี้ผมกับไอ้เด่นออกมายืนข้างนอกรถ  บริเวณที่ผมยืนอยู่นี้ส่วนมากเป็นอาคารพาณิชย์เก่า ๆ และตึกที่อยู่อาศัยแบบทาวน์เฮ้าส์ที่แต่ละบ้านก็เปิดกิจการขายของเป็นของตัวเอง  บางตึกก็ทรุดโทรมบ้าง  ส่วนบางตึกก็ดูเหมือนจะได้รับการซ่อมแซมบ้างแล้ว 

"สลัมครับ ลึกเข้าไปในนั้นย่านสลัม" ไอ้เด่นตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ  ผมพยักหน้า  ยืนเท้าเอวมอง  ไอ้เด่นเป็นคนที่เก่งเรื่องจำทางมากที่สุดในทีมลูกน้องคนสนิทของผม  มันรักการอ่านแผนที่มาก  และชำนาญแทบทุกตรอกซอกซอยอย่างกับมีแผนที่อยู่ในหัวมันอย่างนั้น  ผมพยักหน้าพลางอมยิ้มหน่อย ๆ เมื่อนึกถึงความหลังสมัยที่ผมเจอไอ้เด่นและไอ้เข้มครั้งแรก  ในตอนนั้นสภาพของพวกมันผิดจากตอนนี้ลิบลับ

"ขวามือเป็นโรงเรียนของชุมชนนี้ ซ้ายมือเข้าไปสุดซอยห้านั้นเป็นวัดครับ" ไอ้เด่นอธิบายให้ฟัง  ตรงบริเวณนี้คงจะไม่เลวร้ายเท่าไหร่  แต่จากที่ระยะสายตาสามารถมองเห็นไปตรง ๆ ได้  เพียงไม่ถึงสี่ร้อยเมตรก็เหมือนเปลี่ยนจากโลกที่สองไปเป็นโลกที่สี่  หรืออาจดูหลุดโลกไปเลยเพราะไม่น่าเฉียดตัวเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ  บ้านเรือนแถบบริเวณนั้นสร้างด้วยไม้เก่า ๆ ที่เห็นความสกปรกวุ่นวายได้มากอย่างชัดเจน 

"ย่านนี้ใช่ย่านปล่อยของ ๆ เสี่ยทรัพย์รึเปล่า" ผมพูดเมื่อนึกขึ้นได้คับคล้ายคับครา  ผมรู้จักเสี่ยทรัพย์แต่ก็ไม่ได้สนิทมากนัก  แน่นอนว่าธุรกิจของเสี่ยแกทั้งเรื่องค้ายา  ค้าแรงงาน  คนในวงการธุรกิจใต้ดินก็ทราบกันดี  แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของแต่ละคน  เราก็ต่างคนต่างอยู่  ใครจะดำ  ใครจะขาว  หรือเทา ๆ เราที่อยู่ตรงจุดนี้ต่างก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่  หลังจากที่ผมได้ลองเข้าไปในวงการมืดและวางมือมาได้หลายปี  ผมได้ตัดสินใจกับตัวเองไว้แล้วว่า  ผมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวหรือช่วยเหลือตำรวจ  หรือใครก็ตามเพื่อความยุติธรรมที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เหมือนอย่างพ่ออีก  ใครจะทำมาหาแดกผิดกฎหมายหรือถูกกฎหมายอย่างไรก็เชิญ  แต่อย่างมายุ่งเกี่ยวธุรกิจและครอบครัวของกันและกันก็พอ

"ครับ" ไอ้เด่นพยักหน้าตอบ

"ขอโทษนะครับนาย นายมาตามใครครับ" ไอ้เด่นถามด้วยสีหน้าเหมือนอึดอัดมานาน  ไอ้นี่มันสอดรู้ผิดพี่ชายของมัน

"เดี๋ยวมึงก็รู้" ผมอมยิ้มตอบ  ไอ้เด่นอมยิ้มเล็กน้อย  ผมเหลือบดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง

"หิวไหม" ผมถามเพราะตอนนี้บ่ายสามกว่า ๆ แล้ว  และใช้เวลาน่าจะอีกประมาณเกือบสองชั่วโมง  ถ้าเวลาที่พี่ธานให้ผมมามันจะไม่ผิดเพี้ยนไปน่ะนะ

"ขับกลับไปถนนใหญ่ กูเห็นมีร้านกาแฟอยู่" ผมบอกเพราะจะให้นั่งรออยู่ที่ร้านแถวนี้คงไม่ไหว  ไม่มีที่ไหนติดแอร์เลยสักที่เดียว ไอ้เด่นพยักหน้า  มันเดินมาเปิดประตูรถฝั่งด้านหลังให้ผมก่อนขับรถไปที่หมาย  ผมกับไอ้เด่นเข้าไปนั่งในร้านกาแฟติดแอร์ธรรมดา ๆ สั่งเครื่องดื่มและอาหารกินเล่นมากินฆ่าเวลา

"เอ๊ะ..หรือว่านายมาตามผู้หญิงเหรอฮะ" อยู่ ๆ ไอ้เด่นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้  ผมที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ถึงกับชะงักแล้วเหลือบมองหน้ามันอย่างปราม ๆ อาการสอดรู้ของมันที่เริ่มมากเกินไป

"ขอโทษครับ ก็นายดูจริงจังนี่ครับ" ไอ้เด่นยิ้มเจื่อนเล็กน้อย

"ถ้ากูจะมีเมีย กูต้องมาหาแถวนี้ว่างั้น" ผมแสยะมุมปากพูดกวนมันเล่น

"หึหึ" ไอ้เด่นหัวเราะเขิน ๆ

"กูไม่ใช่มึงนะ" ผมย้อน

"นายอ่า" มันทำเสียงอ่อนลง

"ซาลาเปาร้านนี้อร่อยว่ะ" ผมเท้าแขนลงและอดชมไม่ได้เพราะเป็นเพียงร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่บริการอาหารเพียงไม่กี่เมนูเท่านั้นแต่กลับมีซาลาเปาที่ถูกปากมาก 

"ใช่ครับ..ผมยังคิดเลยว่าไส้หมูสับคล้ายกับร้านประจำตอนที่นายพาไปกินที่ฮ่องกงเลย" ไอ้เด่นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขึ้นมาทันที

"ลูกเท่าไหร่วะ" ผมขมวดคิ้วแล้วคว้าเมนูมาดูด้วยความอยากรู้  เมื่อเห็นว่าลูกละยี่สิบบาทในคุณภาพขนาดนี้นี่ก็อดแปลกใจไม่ได้
 
"นายชอบสินะ" ไอ้เด่นยิ้มกรุ้มกริ่ม

"อะไร" ผมกลอกสายตาถามอย่างไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

"ก็..อารมณ์ผ้าขี้ริ้วห่อทองไงครับ" ไอ้เด่นตอบ

"หึ" ผมหัวเราะ

"รู้ดีนะมึง ฉลาดกว่าไอ้กังฟูหน่อยนึงแล้ว" ผมชม 

"โห่..นายอ่ะ" ไอ้เด่นทำหน้าน้อยใจที่ผมดันเอามันไปเปรียบเทียบกับหมาอีกแล้ว  "กังฟู"..ที่ผมพูดถึงคือบอดี้การ์ดสุดรักสุดหวงของพายุ  เป็นหมาพันธุ์ Doberman ที่เกิดจากพ่อพันธุ์ Doberman รุ่น Champion และแม่พันธุ์ Doberman แท้  เกิดที่เยอรมนีที่พายุถึงกับบินไปซื้อตัวมาในราคาหลายแสนบาท  ค่าเดินทางไปนำกลับมาและค่าเทรนเนอร์  เรียกว่าหมดกับไอ้กังฟูไปเหยียบล้าน  ซึ่งคงเรียกได้ว่าเป็นบอดี้การ์ดที่พายุมันรักของมันที่สุดและแน่นอนว่ากังฟูก็รักเจ้านายของมันมากเช่นกัน  ทั้งฉลาดและรักเจ้านาย  อีกทั้งดุมากอีกด้วย  นอกจากผมแล้วมันก็แทบไม่ไว้ใจใครให้เข้าใกล้พายุได้ง่าย ๆ เลย  ดุมากถึงขนาดที่ลูกน้องผมถึงกับมาขอร้องให้ผมไปบอกพายุว่าให้มันเก็บหมาของมันให้เป็นที่เป็นทางกว่านี้หน่อย  ไม่อย่างนั้นพวกมันไม่เป็นตาทำงานกันแน่ ๆ 

"ไปสั่งกลับบ้านซิ..เอาไปฝากพวกคนที่บ้าน" ผมสั่ง

"ครับ..กี่ลูกดี"

"สัก..สามสิบลูกพอไหม" ผมถามเพราะลูกค่อนข้างเล็ก  ส่วนลูกน้องผมแต่ละคนก็กินอย่างกับยัดนุ่น

"น่าจะพอนะครับ" ไอ้เด่นเห็นดี  มันลุกไปสั่ง  ผมได้ยินเสียงเจ้าของร้านดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยที่พวกผมสั่งเยอะขนาดนี้

"นายครับ เจ้าของร้านบอกว่ามีแค่ยี่สิบห้าลูก" ไอ้เด่นกลับมาบอก

"ขอโทษด้วยนะคะ เหลือแค่ยี่สิบห้าลูกเองอ่ะค่ะ" เจ้าของร้านรีบกุลีกุจอมาบอกผมด้วยท่าทางร้อนใจ  ผมเหลือบตาไปมองเธอ  เธอชะงักทันทีที่เห็นหน้าผมก่อนยิ้มแหยออกมาเหมือนทำหน้าไม่ถูก

"ไม่เป็นไรครับ ยี่สิบห้า..ก็ยี่สิบห้า" ผมบอกเธอและพยายามจะยิ้มให้แต่สุดท้ายกลับยิ้มไม่ออก  รู้สึกเหมือนหน้าถูกสต๊าฟชั่วขณะ
ผมไม่ใช่คนที่ยิ้มบ่อยและบางครั้งก็จะไม่ยิ้มหรือหัวเราะอย่างเปิดเผยกับคนที่เพิ่งรู้จักหรือไม่สนิท  คนทั่วไปจึงดูจะเกร็ง ๆ เวลาที่อยู่กับผม  และผมก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้  บางคนถึงกับบอกว่าผมน่ากลัวและมีรังสีที่บอกว่าผมไม่ต้องการให้ใครเข้ามาใกล้เกินความจำเป็น  หลายครั้งผมก็พยายามยิ้มให้เป็นธรรมชาติแล้วแต่เพื่อนสนิทกลับมักพูดว่า.."ถ้าเวลาที่มึงยิ้มจะดูเหี้ยขนาดนี้ กูว่าไม่ยิ้มน่าจะดีกว่า" แต่สำหรับผม  ผมคิดว่าผมไม่ได้สุดโต่งขนาดนั้นหรอกนะครับ  อย่างครั้งนี้..ผมก็ได้ยิ้มในใจให้กับเธอเจ้าของร้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

"ได้ค่ะ เดี๋ยวจะรีบไปจัดให้เลยนะคะ..รบกวนรอสักครู่นึงนะคะ" เธอก้มหัวยิ้มอย่างนอบน้อมก่อนรีบวิ่งกลับเข้าไปในส่วนของหลังร้าน  ไอ้เด่นกลับมานั่งที่เดิมแล้วหยิบซาลาเปาลูกของมันกินต่อจนหมด  ทั้งไอ้เข้มและไอ้เด่นเป็นคนที่กินได้ทุกอย่าง  บางครั้งที่ผมหรือพี่ธานกินอะไรเหลือแล้วเรียกให้มันสองคนมากินต่อ  พวกมันก็ไม่เคยอิดออดเลย  บางครั้งดูดีใจมากด้วยซ้ำ  ไม่รู้ว่ามันจะดีใจกันทำไมทั้งที่ผมก็เลี้ยงอาหารมันดี ๆ อยู่ทุกมื้อ  พวกมันไม่เคยเกี่ยงเรื่องกินและแทบกินหมดจนเกลี้ยง  ผมไม่เคยเห็นข้าวสักเม็ดเหลือบนจานข้าวของมันทั้งคู่  ถ้าเลียได้มันคงเลียไปแล้ว  มันสองคนแสดงให้ผมเห็นว่า  มันเห็นคุณค่าของอาหารทุกจานมาก ๆ ถ้าวันไหนที่ต้องการกินนิดเดียวมันก็จะไม่ตักเยอะ  ผมเคยแอบได้ยินไอ้เด่นพูดกับป้าอิ่มว่า..มันเสียดายเวลาที่จะต้องเทอาหารที่เหลือทิ้งไป  เวลาที่ผมได้มองดูมันทั้งคู่กินก็สนุกดี  เพลินตาเพราะมันกินน่าอร่อย  เห็นแล้วก็เหมือนอิ่มไปด้วย 

ผมเหลือบดูนาฬิกาอีกครั้ง  ตอนนี้ก็ได้เวลาเต็มทีแล้ว  ผมกับไอ้เด่นเดินทางกลับไปที่เดิมอีกครั้งหนึ่งโดยให้ไอ้เด่นจอดรถไว้ข้างทางที่ซอยห้า  คนแถวนั้นหันมามองที่รถเราและเราสองคนเป็นระยะด้วยสายตาสงสัยบ้าง  อยากรู้อยากเห็นบ้าง  ผมเลือกที่จะเข้าไปนั่งในร้านกาแฟโบราณที่หน้าปากซอย  เป็นร้านที่เปิดใต้ตึกของที่พักอาศัยของตัวเอง  คนขายเป็นคุณตาแก่ ๆ คนหนึ่งที่ต้อนรับขับสู้ลูกค้าเป็นอย่างดี  ผมสั่งโอเลี้ยง  ส่วนไอ้เด่นสั่งชามะนาว  สั่งแบบต่างคนต่างไม่รู้ว่าควรจะสั่งอะไรดีเพื่อไม่ให้เสียมารยาทที่เข้ามานั่งเอื่อยเฉื่อยรอเวลาแบบนี้  อีกอย่างผมก็อิ่มมาจากร้านกาแฟเมื่อกี้นี้แล้วด้วย 

"พ่อหนุ่มสองคนมาหาใครเรอะ เห็นมาสองรอบแล้ว" คุณตาเจ้าของร้านถามด้วยสีหน้าเป็นมิตร

"อ๋อ..เปล่าหรอกครับ มาดูที่น่ะครับ" ไอ้เด่นทำหน้าที่ตอบแทนผมทันที

"อ่า..งั้นเหรอ แต่..ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกันนะ ตามสบาย ๆ" คุณตายิ้มบอกพร้อมกับทำมือปัดไปมาก่อนเดินจากไป  ผมหยิบรูปถ่ายที่พี่ธานให้ไว้มาดูอีกครั้ง  เป็นรูปถ่ายปัจจุบันของครอบครัวสมุทร  ผมต้องการจดจำรายละเอียดเพื่อที่ว่าเมื่อเห็นตัวจริงจะได้ไม่ผิดตัว  เหลือบดูนาฬิกา  บอกเวลาสี่โมงครึ่งโดยประมาณ 

"มานั่นแล้ว" ผมพูดขึ้นพร้อมกับถอดแว่นตากันแดดออกเพื่อให้เห็นได้ชัดขึ้น  เด็กผู้หญิงในชุดนักศึกษา  แต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า  กับเด็กผู้ชายที่สวมใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนรัฐเดินจับมือมาด้วยกัน  ไอ้เด่นหันไปมองตาม  ผมหยิบเงินวางไว้บนโต๊ะหนึ่งร้อยบาทก่อนพยักหน้าส่งสัญญาณให้ไอ้เด่นลุกตามออกมา  ผมแอบเดินตามหลังทั้งสองคนไปห่าง ๆ ดูเหมือนสองคนก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น  ไอ้เด่นเดินทิ้งหลังตามผมมาเหมือนรอให้ผมตัดสินใจว่ามันควรจะทำอะไร  วันนี้ผมเพียงแค่ต้องการมาสังเกตการทั้งหมดเท่านั้น  ดังนั้น  ก็ไม่คิดจะทำเรื่องอะไรให้เกินกว่านี้ 

น้องผู้หญิงที่ชื่อดาว  น้องสาวแท้ ๆ ของสมุทร  หน้าตาติดไปทางคม ๆ ให้อารมณ์เดียวกับพี่ชาย  แต่แม้จะไม่จัดว่าเป็นคนสวยเท่าไหร่แต่ก็มีดวงตาที่มีเสน่ห์มากทีเดียว  รูปร่างเล็กดูบอบบาง  เธอไม่ค่อยสูงเท่าไหร่นักถ้าให้เทียบกับพี่ชายที่ดูเป็นคนสูงมาก  น้องสาวก็ควรจะมีความสูงที่มากกว่านี้  ส่วนไอ้ตัวเล็ก  ท่าทางผอมแห้งแรงน้อยและผิวค่อนข้างขาวซีดผิดกับพี่ชายและพี่สาวทั้งสองคน  หน้าตาน่ารักทีเดียว  ผมมองตามและกำลังคิดว่าทั้งสองคนคงจะไม่อาศัยอยู่ด้านในย่านสลัมนั่นหรอกมั้ง  อะไรคงจะไม่โชคร้ายขนาดนั้นและถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็คงจะทำให้ผมรู้สึกผิดไม่น้อย

ทั้งสองคนเดินจูงมือกันตรงไปเรื่อย ๆ ซอยข้างหน้าเป็นซอยสุดท้ายแล้ว  และถ้าสองคนนั้นไม่เลี้ยวแสดงว่าจะต้องตรงไปในย่านสลัมนั่นเท่านั้น  ผมชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเพื่อหยุดมองดู  ทั้งสองเดินเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไป  ผมอมยิ้มอย่างพอใจแล้วรีบจ้ำเท้าเดินตามไปในทันที

"ว่าไงจ๊ะน้องดาว..กลับมาแล้วเหรอ" ผมหยุดเดินในทันทีที่ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากในซอยนั่น  เมื่อมองเข้าไปก็เห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งมีกันหกคน  บางคนยืนอยู่บ้าง  บางคนนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซด์บ้าง  น้องสาวกับน้องชายของสมุทรชะงักเมื่อถูกพวกนั้นดักไว้ทางด้านหน้า  เมฆผู้เป็นน้องชายกอดเข้าที่แขนของพี่สาวของตนเองในทันทีด้วยท่าทางหวาดกลัว  ผู้ชายหนึ่งในนั้นแสยะยิ้มพร้อมเดินตรงเข้าไปหาดาวมากขึ้น  เธอไม่มีท่าทางตอบโต้แต่ก็ไม่มีท่าว่าจะถอยกลับเช่นกัน 

"หึ..พี่รอตั้งนานแน่ะคนสวย" อีกฝ่ายแสยะยิ้มด้วยท่าทางน่าขยะแขยง  เนื้อตัวดูสกปรก  บวกกับรอยสักอุบาทว์ ๆ ไร้ความเป็นศิลปะที่อยู่บนตัวมันทำให้รู้สึกอยากจะอ้วก  มันเอื้อมมือไปจะแตะแก้มดาวแต่ถูกเธอปัดมือออกอย่างแรง  ฝ่ายที่ถูกปัดมือหัวเราะอย่างชอบใจ

"วันนี้พี่สมุทรของพวกน้องไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอคะ ว่าไง..ไอ้เมฆ! ว้า..งั้นก็ไม่มีใครคุ้มกันแล้วสินะ น่าสงสารจัง" มันเบะปากยิ้มพูด

"ทางโล่งงงงง..เลยเพ่~" พวกมันพากันหัวเราะว่าเป็นเสียงเดียวกัน  ดาวเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายเงียบนิ่ง  เธอทำท่าจะเดินหนีแต่ก็ถูกมันต้อนดักไว้หมดทุกทาง  ทุกคนยืนขึ้นเหมือนพยายามที่จะรุกหนัก  สายตาของพวกมันจับจ้องไปที่เธอเหมือนกับโหยหาเหยื่ออย่างนั้น  ผมถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ เพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น  คิดแค่เพียงว่าจะตามมาดูอย่างเงียบ ๆ แค่นั้น 

ผมหันกลับไปมองไอ้เด่นที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เช่นเดียวกัน  แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้ไอ้เด่นเข้าไปจัดการซะ  อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

"อย่าเอิกเกริกล่ะ" ผมเตือนไว้ก่อน

"ครับ" ไอ้เด่นรับคำแล้วเดินเข้าไปในซอยทันที  ผมยังคงยืนมองอยู่ที่เดิม  ไอ้เด่นเดินเข้าไปเงียบ ๆ ก่อนชักปืนออกมาทำให้เด็กวัยรุ่นหนึ่งในนั้นหันกลับมาเห็นพอดี  มันชะงักตาเบิกโตก่อนสะกิดบอกเพื่อนตนเองทำให้ทุกคนรู้เห็นต่อสถานการณ์ตรงหน้า
 
".........." ความเงียบครอบงำในซอยเพียงครู่  ไอ้เด่นเพียงยืนแช่นิ่งพร้อมพเยิดหน้าเป็นการขู่บอกฝั่งนั้นว่าให้หยุดการกระทำออกไปดี ๆ ทั้งสองฝ่ายต่างยืนจ้องหน้ากันนิ่งคล้ายลองเชิงโดยที่ทั้งดาวและเมฆไม่ทันได้หันกลับมาเห็นทางด้านหลังด้วยซ้ำว่ามีไอ้เด่นอยู่  ไอ้เด่นนำมือที่ถือกระบอกปืนอยู่ไขว้มาทางด้านหลังตนเองเหมือนต้องการจะซ่อนไว้เพียงครู่เดียวเพื่ออ่านเกมและคล้ายเตือนให้เด็กวัยรุ่นพวกนั้นได้มีทางเลือก  ถึงแม้ว่าไอ้เด่นจะเป็นคนพูดมากและทะเล้น  แต่มันก็ฉลาดดี  เหมือนรู้ว่าผมไม่ต้องการให้ฝ่ายที่ถูกช่วยรับทราบเช่นกัน 

เด็กวัยรุ่นพวกนั้นกระจายตัวหลีกทางออกอย่างเงียบ ๆ และรักษาท่าที  ดาวและเมฆรีบเดินจ้ำเท้าหนีไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่เหลียวหลัง  ผมหยิบปืนที่พกมาด้วยออกมาแล้วนำกระสุนออกจากกระบอก  พร้อมเดินตรงไปหาวัยรุ่นพวกนั้น  ไอ้เด่นตามประกบหลัง  ผมเดินตรงดิ่งไปหาเด็กผู้ชายที่ดูจะเป็นหัวโจกที่สุดในกลุ่ม  ผมจ้องมัน  มันเองก็มองหน้าผมไม่วางตา  สายตาของมันที่ดูน่าขยะแขยงเมื่อครู่นี้ตอนนี้ดูน่าชวนอาเจียนมากกว่าเดิม  สายตาที่ดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดเพียงแค่ได้เห็นกระบอกปืนแค่นั้น

"ฮึก!" มันสะดุ้งเฮือกเมื่อผมชักปืนออกมาไม่ทันให้มันได้ตั้งตัวพร้อมกับแตะจ่อไปที่หน้าผากมัน  พวกเพื่อนมันแตกฮือไปคนละทาง 


แกรก~  ...เสียงปืนที่ลั่นไกแบบไร้กระสุนทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งตาโตแทบถลน  ผมแสยะยิ้มให้  หึ..ชอบที่ได้เห็นเวลาที่คนเหี้ย ๆ แสดงสีหน้าแบบนี้จริง ๆ หน้าตาที่ทำแบบเดียวกันทุกคนเวลากลัวตาย  รายไหนรายนั้น

"เพื่อนมึงดูรักมึงทุกคนเลยนะ" ผมแสยะยิ้มพูดประชด

"ถ้ากูเห็นว่ามึงมายุ่งกับคนบ้านนั้นอีก รอบหน้า..มึงจะไม่มีแม้แต่มือเอาไว้ชักว่าว เข้าใจไหม..น้องชาย" ผมยิ้ม  ไม่ขู่เปล่า  นำลูกกระสุนที่อยู่อีกมือแทงเข้าที่หน้าผากมันแทนปากกระบอกปืนในทันที  อีกฝ่ายตัวสั่นตาโต  ตาดำกลอกมองไปที่กระสุนที่อยู่บนหน้าผากตนเอง

"ไม่ยิงสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก กระสุนแพงน่ะ แพงกว่าชีวิตมึงอีก..หึ" ผมพูดแกมหัวเราะ

"เก็บหน้าหล่อ ๆ ของน้องเค้าไว้หน่อยซิ" ผมพูดยิ้มอย่างเป็นมิตร  ไอ้เด่นนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับเข้าไปล็อกหน้าอีกฝ่ายทันที  ไอ้เด็กคนนี้พยายามจะขืนแรงมันแต่มีหรือที่แรงคนที่ตัวเล็กแถมท่าทางอย่างกับคนขี้ยาจะไปสู้แรงคนที่ออกกำลังกายและฝึกโหดแทบทุกวันอย่างไอ้เด่นได้  ไอ้เด่นยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายเมื่อจัดการถ่ายรูปหัวโจกเสร็จเรียบร้อย 

ผมกวาดตามองไปที่พวกมันอีกเป็นครั้งสุดท้าย  ไม่มีการพูดอะไรจากเราทั้งสองฝ่าย  พวกมันก็รีบแยกย้ายกันอย่างกับผึ้งแตกรัง  ผมหันกลับไปในทางที่ดาวและเมฆเดินไปในซอย  คาดว่าทั้งสองคนคงจะกลับบ้านเพราะมันน่าจะเป็นทางเดียวกับที่พี่ธานได้เขียนแผนที่ไว้ให้  เมื่อเดินลึกเข้าไปในซอยอีกประมาณสี่ห้าร้อยเมตร  ระหว่างทางถัดจากปากซอยเมื่อกี้นี้  ตอนนี้ทางก็ไม่เปลี่ยวเท่าไหร่แล้ว  มีตึกรามบ้านช่องทั้งสองข้างทางและบางบ้านก็เป็นร้านขายของชำกับพวกผักสดสลับกันไป  ทุกคนต่างมองมาที่ผมเหมือนสงสัยและแปลกตา  ทั้งที่วันนี้เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตผมก็แต่งตัวธรรมดาที่สุดแล้ว  เสื้อโปโลสีดำกับกางเกงยีน  มีแต่ไอ้เด่นนั่นแหละที่แต่งตัวสุภาพดูดีเกินผมซะอีก 

ผมว่าไอ้เด่นคงจะชินกับการแต่งตัวแบบนี้  เพราะนอกจากที่พวกมันจะถูกฝึกร่างกายโดยครูอาจารย์ที่ผมจัดไว้ให้แล้ว  เรื่องมารยาทก็ถูกฝึกโดยพี่ธาน  และเรื่องการแต่งตัวก็ถูกปลูกฝังโดยพายุ  ทุกครั้งที่พวกมันต้องติดตามผม  ถ้าจะใส่กางเกงยีนก็ต้องใส่คู่กับเสื้อโปโลหรือเสื้อเชิ้ตซึ่งสีเสื้อจะต้องผ่านตากรรมการอย่างพายุ  และถ้าต้องการใส่กางเกงสแลคก็ต้องคู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวหรือสีดำเท่านั้น  แต่ถ้าจะต้องออกงานก็ต้องมีสูทเป็นงานเป็นการแล้วแต่โอกาสไป  ทุกอย่างพายุเป็นคนจัดการทั้งหมด

"ยาย..หนูกลับมาแล้ว!" เสียงดาวตะโกนบอกคนในบ้านทำให้ผมกับไอ้เด่นหยุดยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้านหลังนั้นในทันที  ผมไม่ได้เข้าไปยืนที่หน้าบ้านเพราะมันจะดูจงใจเกินไปและอีกฝ่ายอาจจะคิดได้ว่าผมเป็นคนไม่น่าไว้ใจก็ได้  ผมเลือกที่จะยืนอยู่หน้าร้านกล้วยทอดที่อยู่เยื้อง ๆ กัน  แม่ค้ามองผมกับไอ้เด่นอย่างสงสัย  ไม่ใช่สงสัยสิ..สายตาของเธอน่าจะกำลังระแวงพวกเรามากกว่า

"กล้วยทอดยี่สิบครับ" ผมบอกเธอลวก ๆ เพื่อไม่ให้เธอจับผิดว่าผมแปลกหน้า  หันกลับไปมองที่หน้าบ้านของสมุทรอีกครั้งพร้อมสำรวจทางด้านนอก  เป็นบ้านแบบตึกแถวสามชั้น  ด้านหน้าตั้งร้านขายขนมไทยเล็ก ๆ มีโต๊ะกับเก้าอี้อยู่ประมาณสามชุดเหมือนไม่ได้ตั้งใจเปิดให้นั่งเป็นงานเป็นการนัก  หรืออาจเพราะว่าพื้นที่หน้าบ้านไม่พอตั้งร้านที่ใหญ่กว่านี้ก็ได้  บ้านถูกปิดด้วยประตูมุ้งลวดจึงไม่สามารถมองเข้าไปด้านในได้ถนัด  ประตูบ้านอีกชั้นยังเป็นแบบเหล็กยืดเก่า ๆ อยู่เลย  แถมมีสนิมขึ้นตามสภาพอายุบ้านด้วย

"ยี่สิบบาทจ้า" แม่ค้าบอกพร้อมกับยื่นถุงกล้วยทอดมาให้  ผมจ่ายเงินแล้วรับถุงกล้วยมาก่อนจะยื่นไปให้ไอ้เด่นส่ง ๆ เพื่อให้มันจัดการกล้วยทอดจำเป็นนี่ซะ

"ป้าครับ..ค่ายมวยศรไกรไปทางไหนครับ" ผมถาม

"อ๋อ มาหาค่ายมวยหรอกเหรอจ๊ะ" เธอยิ้มคล้ายกับโล่งอก  ว่าแล้วว่าพวกผมต้องดูไม่น่าไว้ใจ  คิดว่าบางครั้งการแต่งตัวที่ดูดีก็ไม่ได้ช่วยให้หน้าตาดูน่าไว้ใจขึ้นมาได้บ้างเลย  สงสัยคนเราคงมีออร่าบางอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่สามารถสัมผัสได้อย่างคนนอกเห็นแน่ ๆ

"เดี๋ยวพ่อหนุ่มออกไปทางซอยนี้นะจ๊ะ เลี้ยวขวา เข้าซอยสี่..ตรงไปเรื่อย ๆ ค่ายของตาศรอยู่ก่อนถึงวัดนาสิงห์เลยจ้ะ" ป้าแกอธิบายด้วยท่าทางตั้งใจเต็มเปี่ยม

"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มบอก

"เดี๋ยวไง..ผมขอนั่งกินตรงนี้พักสักได้ไหมครับ" ผมชี้มือไปที่เก้าอี้ไม้หินอ่อนที่อยู่หน้าบ้านใครสักคน  มันว่างอยู่พอดี  ป้าแกมองหน้าผมเหมือนความระแวงยังไม่หมดไปจากใจ

"พอดี หลงทาง เดินมาเหนื่อยน่ะครับ..จะได้นั่งกินกล้วยด้วย" ผมยิ้มหน่อย ๆ เสแสร้งไปอย่างนั้นเพราะอันที่จริงแล้วขี้เกียจจะฉีกปากยิ้มเอามาก ๆ

"ได้เลย ๆ ตามสบาย" ป้ารีบบอก  ผมพยักหน้าให้ไอ้เด่นมันนั่งตามเพราะปกติมันจะไม่กล้านั่งถ้าผมไม่อนุญาตก่อน  ผมเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้  ไอ้เด่นถึงหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ
 
"นายจะลองหน่อยไหมครับ" ไอ้เด่นกระซิบถามผมพร้อมกับแหวกถุงกล้วยทอดให้ผมดูด้วย

"อร่อยไหมล่ะ" ผมถามมันเพราะเห็นว่ามันกินไปนิดนึงแล้ว  อีกมือนึงยังถือกล้วยอยู่เลย  ส่วนตัวผมแล้วผมไม่อยากกินเพราะอากาศร้อน  ถ้ากินเข้าไปคงจะยิ่งหิวน้ำและไม่อยากมือเปื้อนอีกด้วย

"ก็..พอได้ กล้วยนี่ฝาดติดคอเลยฮะ" มันตอบยิ้ม ๆ ผมหัวเราะเบา ๆ ที่กระทั่งคนที่ไม่ค่อยติเรื่องรสชาติอาหารอย่างไอ้เด่นกลับติได้  สงสัยรสชาติคงเกินเยียวยาจริง ๆ ผมหยิบกล้วยมากินเพราะสังเกตเห็นว่าป้าคนขายกล้วยทอดยังแอบมองดูพวกเราอยู่  ผมจึงแกล้งเหลือบส่งสายตาไปทางป้าแกเพื่อให้เธอได้รู้ว่าผมรู้ว่าเธอแอบมองผมอยู่  และมากไปกว่านั้นป้าควรหยุดเสือกเรื่องชาวบ้านได้แล้ว  เธอชะงักทันทีด้วยความตกใจก่อนจะฉีกยิ้มกว้างมาให้ผม  ผมยิ้มให้เธอเพียงนิดเดียวแต่ตาไม่ได้ยิ้มด้วยเพราะรู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นรอยยิ้มตอแหลที่ป้าแกประดิษฐ์ขึ้นมาเมื่อกี้นี้  ผมหันกลับมาสายตาก็มองเข้าไปในบ้านหลังนั้นอีกครั้ง...




........ไฟ........
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 04-10-2015 12:09:45
ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!!!!!

คิดถึงมากกกเลยเบบี้กำลังบ่นถึงหานิยายอ่านพอดี
เจอเรื่ิองนี้เข้าให้ดีใจมากๆ
แค่เริ่มเหมือนเนื้อหาโตขึ้นเยอะเลย แปลกไปกว่าเมื่อก่อน  ตัวละครเยอะมากไม่รู้ว่าใครเป็นพระเอกและนายเอก มีเรื่องที่ต้องติดตาม

คิดถึงเบบี้นะ ดีใจที่กลับมา:)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 04-10-2015 12:10:43
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 04-10-2015 12:17:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 04-10-2015 12:19:03
ลุ้นนนนนนนนนอ่ะ
555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 04-10-2015 12:52:11
อ่านไปลุ้นไป
ลุ้นอะไรไม่รู้นะ
แต่ความรู้สึกตอนอ่านมันลุ้นมากๆ 55555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 04-10-2015 13:30:51
พายุคู่กับพี่ธานเล้ยยยยย อั้ยย้ะๆๆๆ
ตอนนี้ลุ้นกับคุณไฟมากค่ะ ตามหาสมุทรด้วยตัวเองเลยยยยย  งื้ออออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 04-10-2015 14:28:11
พายุน่ารักอ่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-10-2015 16:32:26
ตัวระครดูหนักแน่น ฉลาด และสู้คน ดีจัง



อ่านแล้วรู้สึก ถ้าไม่ท้อ ก็สู้ต่อได้ โอกาศ ทุกคนมีไม่เท่ากัน



แต่ทุกคน มีโอกาศเหมือนกัน



แต่โอกาศใครจะมาถึงก่อน เท่านั้นเอง



เรื่องนี้ ดูท่า เคะแต่ละองค์ เป็นเคะนางพยา ทั้งนั้น ฮ่าๆๆๆ ชอบ



(อยากบอกคุณนักแต่ง ป้าชอบเรื่องพี่คิวน้องเค้กมาก เสียดาย มาเข้าเล้าเป็ดเมื่อหมดโอกาศจอง)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 04-10-2015 19:13:54
ติดตามมมม
กิลตี้ อยากแสดงความรับผิดชอบงี้เหรอไฟ?
รอดูนะ ว่าจะพอเจอกันในรูปแบบไหน? ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 04-10-2015 20:33:09
อ่านไปก็ลุ้นไปจะได้เจอสมุทรมั้ย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 04-10-2015 21:33:46
อารมณ์นี้มาอีกแล้ว แบบว่าอยากอ่านให้จบเรื่องไปเลยทีเดียว  :z6: รอนานแล้วใจจะขาดด้วยความอยากรู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่อง  แต่มาขนาดนี้แล้วก็จะอดทนค่ะ รอเปิดตัวคุณไฟกับสมุทร  พี่เค้าเล่นซื้อของกินตลอดทางเพื่อดักรอเจอสมาชิกครอบครัวขนาดนี้ คงไม่ธรรมดาแล้วล่ะค่ะ


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 04-10-2015 22:19:00
เค้าสงสัยในตัวพี่ธานกะพายุตะหงิดๆ นะ พูดเล่อะ XD

ปล.อยากเห็นน้องกังฟู คงน่ารักน่าอุ้มน่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงพอๆ กับ มาร์ตินเลยใช่มั้ย 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-10-2015 22:42:29
รอตอนต่อปาย...
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 05-10-2015 00:07:53
ได้กลิ่น พี่ธานน้องพายุมาแต่ไกล ง่อวววววววว
พี่ไฟตอนเดินแถวหมู่บ้านนี่ชาวบ้านคงมองเหมือนพวกมาทวงหนี้ มาดักคนอุ้มไปนั่งยางไรงี้
คิดว่าพี่ไฟจะหล่อพอจะกลบมาดมาเฟียชุดดำได้อยู่นะ แต่คงจะไม่ใช่ 55555 ดาร์กไปอีก
พ่อสมุทรนี่ก็กลิ่นไอความเป็นคนดีมาเลยค่ะ รุกพ่อมาเฟียให้รอดนะได้โปรด หวังไว้มากเลยเนี่ย 55555

ชอบความเป็นลูกน้องมาก อารมณ์เพื่อเจ้านายผู้ให้ชีวิตใหม่งี้มันจะอินเป็นพิเศษ งื้อออออ

อยากจะให้เจอ อยากจะให้จีบกันเร็วๆ ขอสักคู่นึงเริ่มจีบกันก่อนในตอนต่อไปเลยค่ะ!!!



นี่ระหว่างอ่านก็มโนต่อๆๆไปไกลอีกละ เหมือนตอนอ่านสลิ่ม ไม่จบสักทีเพราะมัวมโน 55555
ติดแล้วเนี่ย มาอีกเร็วววววววววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-10-2015 01:32:58
เข้ามาติดตามด้วยคนจ้า  :mc4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 05-10-2015 10:34:52
ไฟกับสมุทรยังไม่เจอกันขอลุ้นพายุกับพี่ธานไปก่อน

 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 05-10-2015 15:31:15
ยาวมากจริงๆ สู้ๆค่ะ รออ่านน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 06-10-2015 00:47:00
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 06-10-2015 09:18:18
เพิ่งเข้ามาอ่าน :mc4: ไม่เจอกันนานมาก  :mew1: :mew1: รอตามต่อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 06-10-2015 09:42:03
ลุ้นนนนนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 06-10-2015 11:11:49
รอตอนต่อไป^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 06-10-2015 21:19:29
 :จุ๊บๆ:
ดีใจหลาย จะได้อ่านเรื่องไหม่ เอิงเอย
คิดฮอดอีหลีเด้อไอ้เด็กหื่น
ู^@^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 06-10-2015 22:04:08

(อยากบอกคุณนักแต่ง ป้าชอบเรื่องพี่คิวน้องเค้กมาก เสียดาย มาเข้าเล้าเป็ดเมื่อหมดโอกาศจอง)

ขอบคุณค่ะ _/\_ ติดตามภาคต่อได้น้าาา ยังทัน 55555++


เค้าสงสัยในตัวพี่ธานกะพายุตะหงิดๆ นะ พูดเล่อะ XD

ปล.อยากเห็นน้องกังฟู คงน่ารักน่าอุ้มน่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงพอๆ กับ มาร์ตินเลยใช่มั้ย 5555

ปล.มันน่าจะสามารถแดกมาร์ตินได้เลยทีเดียวนะ กร๊าก


:จุ๊บๆ:
ดีใจหลาย จะได้อ่านเรื่องไหม่ เอิงเอย
คิดฮอดอีหลีเด้อไอ้เด็กหื่น
ู^@^


มาก็ช้า อายุมากแล้วก็งี้ หึหึหึหึ
ถ้าเค้าเป็นงั้นจริง ..เจ๊ก็เป็นระดับอาจารย์หื่นแล้วล่ะ กร๊ากกกก
  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 06-10-2015 22:55:56
เบบี้ ^^ มากอดทีดิ  :กอด1: เพิ่งเห็นว่าลงเรื่องใหม่ ดีใจอ่ะ  :impress2: ... รอตอนต่อไปนะจ๊ะ อยากรู้เรื่องราวของสมุทรบ้างแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 06-10-2015 23:12:12
อัยยะเพิีงเห็นเรื่องใหม่
รีบเข้ามาอ่านเลย

รักนะตัวเอง จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 07-10-2015 11:58:20
โอ้ยยยย.เห็นชื่อแล้วดีใจมากเลยค่ะ
ติดตามอ่านเหมือนเดินนะค่ะ

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-10-2015 19:12:05
ตอนที่ 3
..ไฟ..




"ไอ้เด่น..มานี่" ผมกวักมือเรียก  เมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาที่พี่ธานได้เขียนกำกับไว้ว่าสมุทรจะกลับถึงบ้านเป็นเวลาเท่าไหร่ของวันนี้  พี่ธานบอกว่าโดยปกติเขาไม่เคยผิดเวลา  และตอนนี้ก็ใกล้เวลาเต็มทีแล้ว  ดังนั้นผมควรหลบออกมาก่อน  ผมเดินผ่านบ้านของสมุทรไปเพราะเห็นว่ามีซอยอยู่ทางด้านซ้ายมือด้านหน้าใกล้ ๆ คิดว่าไปรอที่นั่นน่าจะสะดวกกว่า

"ตอนเด็ก ๆ กูฟันผุ" ผมหาเรื่องคุย  มือหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างเคยมือแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้  วันนี้มีลูกอมรสมะขามอยู่ในกระเป๋าเสื้อเพียงหนึ่งเม็ดเท่านั้น  เหมือนถูกบังคับว่าให้กินได้แค่เม็ดเดียวจากคนที่โตกว่า

"พ่อเลยห้ามไม่ให้กูกินลูกอมอีก สั่งห้ามพี่ธานด้วยว่าถ้ากูกิน ให้พี่ธานไปบอกพ่อทันที" ผมเล่า  ไอ้เด่นมองหน้าผมอย่างตั้งใจฟัง  ผมหันกลับไปมองที่หน้าบ้านสมุทรอีกครั้ง

"พ่อให้ป้าอิ่มเอาลูกอมในโหลที่กูสะสมไว้ไปเททิ้งจนเกลี้ยง" ผมกระแทกเสียง 

"มึงเข้าใจคำว่าเกลี้ยงไหม" ผมหันไปมองหน้าไอ้เด่นอย่างนึกโมโห  นึกทีไรเป็นต้องอารมณ์เสียทุกที

"..กูโกรธพ่อมาก" ผมเล่าต่อ 

"กูก็เลย..เอากุญแจรถของพ่อทุกคัน ไปซ่อนในตะกร้าผ้าอ้อมของพายุ" ไอ้เด่นหัวเราะ

"แล้วก็แอบเอาลูกอมที่ทยอยซื้อมาใหม่..ไปซ่อนในกระปุกออมสินของพี่ธาน แล้วเอาเงินพี่ธานน่ะ..ไปใส่ในกระปุกออมสินของกูแทน" ผมพูด  ไอ้เด่นหัวเราะเบา ๆ

"วันดีคืนดี พี่ธานที่ไม่เคยจะเอาเงินออกไปใช้ เสือกอยากแคะกระปุกออมสินขึ้นมา..พอจับได้ว่ากูทำอย่างนั้น โกรธกูหน้าแดงเลย ถ้ามึงเห็น..รับประกันว่าโคตรฮา" ผมพูดแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้

"กูก็เลยขู่พี่ธานว่า..ถ้าพี่ธานเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อ กูจะบอกพ่อว่าพี่ธานแอบสูบบุหรี่ ซึ่งกูโกหกอะนะ..หึหึหึ" ผมขำ 

"แต่ถ้าพี่ธานไปฟ้องพ่อกูขึ้นมาจริง ๆ มึงว่าพ่อกูจะเชื่อกูหรือเชื่อพี่ธานวะ" ผมหันไปมองหน้าไอ้เด่น  ไอ้เด่นส่ายหัวยิ้ม ๆ เหมือนไม่ขอตอบ 

"เชื่อพี่ธานอยู่แล้วสิไอ้เหี้ย รายนั้นน่ะประวัติด่างพร้อยที่ไหน" ผมเบะปากว่าให้  ไอ้เด่นหัวเราะหนักกว่าเดิม  หลังจากวันนั้นพี่ธานก็ตกลงกับผมว่าผมสามารถซื้อลูกอมได้แค่วันละหนึ่งบาทเท่านั้น  สมัยนั้นหนึ่งบาทได้ลูกอมตั้งสองเม็ด  บางยี่ห้อก็สามเม็ด  บางทีผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะโตมาถึงวันที่ลูกอมเม็ดละหนึ่งถึงสองบาทได้..แม่งบ้าไปแล้วจริง ๆ 

ผมจำได้ว่า..วันที่พ่อของผมเสีย  พี่ธานเดินเข้ามาหาพร้อมกับลูกอมรสซูกัสสีเขียวสองเม็ด  เราแบ่งกันกินคนละเม็ด  วันนั้นพี่ธานเพียงพูดกับผมว่า.."ห้ามกินเกินวันละสองบาท ถือว่าปรับตามเศรษฐกิจให้แล้วกัน" ทำให้ผมหัวเราะออกมากับมุขที่จะพยายามปลอบใจผม  มันคงเป็นการปลอบใจที่ฝืดที่สุดเท่าที่เคยพบมาเลยละครับ

ผมกับไอ้เด่นยืนอยู่ตรงนี้อยู่ร่วมสิบนาที  หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นสมุทรเดินเข้ามาในซอย  หน้าตาดูอิดโรย  ดูท่าเขาคงเหนื่อยล้าพอดู  ผมยืนกอดอก  เอนตัวพิงกำแพงมองตามสายตาของสมุทรที่ตอนนี้เขากำลังมองไปที่ผู้หญิงแก่คนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าบ้านของเขา  เธอน่าจะมาซื้อขนมหรืออาจมาหาใครสักคน..

"ซื้อขนมหน่อยจ้า~" ผู้หญิงคนนั้นตะโกนบอกคนในบ้าน

"ค่า!" เสียงคนในบ้านตะโกนตอบกลับทันที

"เอาอะไรดีครับป้า" สมุทรพูดทักทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ถึงบ้านดี  เขายิ้มกว้าง  รีบวิ่งตรงดิ่งเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นในทันทีที่เห็นว่าเธอต้องการซื้อขนมของบ้านตน  ท่าทางอิดโรยเมื่อครู่ดูจะหายไปสนิทอย่างกับสั่งได้

"พี่สมุทรกลับมาแล้ว!" เสียงดังด้วยความดีใจจากเด็กผู้ชายในบ้าน  สมุทรอมยิ้ม  เขาวางของที่ถือไว้ลงบนโต๊ะอย่างลวก ๆ แล้วรีบพับแขนเสื้อขึ้นมากกว่าเดิมก่อนจะเดินไปล้างมือ

"ขอโทษค่า" ดาวเปิดมุ้งลวดออกมา  เธอรีบมัดผม  ใส่รองเท้าอย่างเร่งรีบเพื่อมาช่วยพี่ชาย  เสียงของทุกคนเริ่มเบาลงจนไม่ได้ยิน  ผมยืนเพ่งพินิจริมฝีปากที่ขยับไปมาระหว่างหญิงคนนั้นและสมุทร 

"ฟักทองบวดแค่ห้าถุง" ผมเบะปากพึมพำ  ท่าทางของสองพี่น้องนั้นกุลีกุจอช่วยกันใหญ่  ดีใจอย่างกับขายได้เป็นรอยถุงอย่างนั้น..หึ 

"ฟักทองบวดนี่มันเป็นยังไงวะ" ผมหันไปบ่นถามไอ้เด่น

"นายก็เคยกินนะครับ ที่คุณพายุทำให้ไงฮะ" ไอ้เด่นบอก  ผมเบะปากอีกครั้งเพราะไม่เคยจำ 

"เหรอ" ผมตอบแค่นั้นแล้วหันกลับไปมองที่เดิมต่ออีกครั้ง

"พี่สมุทร!" เมฆเปิดประตูออกมาแล้วรีบเดินไปหาพี่ชายด้วยท่าทางดีใจจนน่าแปลกตา  สมุทรหันไปยิ้มแล้วอุ้มน้องชายตัวเองขึ้น

"ไอ้เด่น..หน้าตามึงเหมือนคนอยากกินบัวลอยนะ" ผมหันไปมองหน้าไอ้เด่นแกมบังคับหลังจากเห็นสมุทรพูดว่า "วันนี้ไม่เอาบัวลอยด้วยเหรอครับ" แต่หญิงคนนั้นปฏิเสธก่อนที่จะได้รับของแล้วเดินไป  ไอ้เด่นอ้าปากหวอเพราะกล้วยทอดยังไม่หมดดีเลย  ผมมองหาเป้าหมาย  หันไปเห็นกลุ่มเด็กผู้ชายกำลังนั่งเล่นเกมเศรษฐีอยู่พอดี  ผมหยิบเงินออกมาสามร้อยแล้วยื่นให้ไอ้เด่นไป

"ให้เด็กไปซื้อบัวลอยมาดิ สัก..หกถุง จ้างมันไปร้อยนึง"

"ครับ" ไอ้เด่นพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปหาเด็กกลุ่มนั้น  มันคุยกับเด็กอยู่ประมาณสองสามนาที  เด็กผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็รีบวิ่งจ้ำอ้าวสี่คูณร้อยไปที่ร้านสมุทรทันควัน  ผมแอบมองอยู่ที่เดิม  เพียงครู่เดียวไอ้เด็กคนนี้ก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาหาพวกผมพร้อมกับยื่นถุงขนมบัวลอยให้ด้วย

"ขอบใจ" ไอ้เด่นบอก 

"แค่นี้แหละ ไปได้แล้ว" ไอ้เด่นว่า  เด็กคนเดิมพยักหน้ายิ้ม ๆ กลับไปที่กลุ่มเพื่อนของตน  พวกมันพากันหยุดเล่นเกมแล้ววิ่งไปพร้อมกับเงินหนึ่งร้อยบาทในมือ  ผมกับไอ้เด่นยืนมองถุงบัวลอย  คนที่น่าจะมีคำถามอยู่ในหัวมากที่สุดก็คงจะเป็นไอ้เด่นในตอนนี้นี่ละมังครับ  น่าสงสารแต่ก็ขี้เกียจอธิบาย

"นายชอบผู้หญิงบ้านนั้นเหรอครับ" ไอ้เด่นถาม  ผมกลอกสายตามองไปที่มัน  มันยิ้มกว้างหน้าซื่อ

"มึงนี่สอดรู้จริง ๆ" ผมส่ายหัวบ่น  ไอ้เด่นหน้าจ่อยไปเล็กน้อยแต่ก็ยังอมยิ้มเหมือนคนไม่ได้สำนึกเท่าไหร่นัก  ผมหันกลับไปมองที่เดิมอีกครั้ง  สามพี่น้องคุยอะไรกันสักอย่างก่อนเข้าบ้านไปพร้อม ๆ กัน



ตืด  ๆ  ๆ ๆ  ...ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู  เห็นสายโทรเข้าจากพี่ธานจึงรีบกดรับ  ตั้งแต่จำความได้  พี่ธานคงเป็นคนเดียวที่ผมไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ของพี่แกเลยสักสายเดียว

"ว่าไง" ผมพูด

"หวัดดีครับคุณไฟ..คืนนี้คุณไฟว่างไหมครับ ป๋าจงบอกว่าอยากเจอคุณคืนนี้น่ะครับ" พี่ธานเข้าเรื่องทันที

"ว่าง ที่ไหน" ผมถาม

"Teaser เหมือนเดิมครับ..เห็นว่า อยากจะคุยเรื่องหุ้นที่ผับ" พี่ธานบอกชื่อผับประจำที่ผมกับป๋าจงชอบนัดเจอกัน

"ได้..บอกป๋าได้เลย งั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่บ้านแล้วกัน เดี๋ยวผมกลับแล้ว..ไม่เกินหกโมงครึ่งน่าจะถึง" ผมบอกพร้อมกับพลิกนาฬิกาข้อมือดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

"ได้ครับ หวัดดีครับ" พี่ธานพูดก่อนตัดสายไป  ผมเดินนำออกมาก่อนโดยเร่งฝีเท้าค่อนข้างเร็วเพราะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ในบ้านตอนนี้  ผมกับไอ้เด่นกลับมาที่รถอีกครั้งและเดินทางกลับบ้าน

"อะไรครับนั่นน่ะ" พี่ธานถามด้วยสีหน้าแปลกใจที่เห็นไอ้เด่นถือทั้งถุงซาลาเปาและถุงบัวลอยเต็มไม้เต็มมือ 

"ของฝากให้พี่ไง" ผมตอบปัดไปที  พี่ธานยังคงมองด้วยสีหน้าเรียบ ๆ

"มีส่วนของมึงด้วยนะ" ไอ้เด่นพูดแกมหัวเราะไปทางไอ้เข้มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับพี่ธาน
 
"ผมขอตัวเข้าไปอุ่นอาหารในครัวนะครับนาย" ไอ้เด่นหันมาบอกพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อย  ผมพยักหน้าอนุญาต 

"เป็นไงบ้างครับ" พี่ธานถาม  ผมเดินนำเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพราะอยากนั่งพักสบาย ๆ เต็มแก่แล้ว  วันนี้เกือบทั้งวันที่ทำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับงาน  หรือที่จริงอาจจะเป็นงานก็ได้ละมั้ง  งานที่ได้รับมอบหมายจากพ่อก่อนเสีย 

นอกจากห้องนอนของผมแล้ว  ห้องนั่งเล่นห้องใหญ่นี้เป็นห้องที่ผมชอบมากที่สุดในบ้าน  เป็นได้ทุกอย่างทั้งอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ชมวิว ทำงานแบบเปลี่ยนบรรยากาศ  และเพราะผมไม่ค่อยชอบให้ห้องนี้เสียงดังนัก  เวลาที่ไอ้ดินอยากจะดูหนังเสียงดัง ๆ ผมมักจะไล่ให้มันไปดูที่ห้องนั่งเล่นอีกห้องหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่าห้องนี้เกือบครึ่ง  ห้องนั้นทำไว้สำหรับดูหนังอย่างเดียว  มีเครื่องเสียงให้ครบและสามารถนั่งนอนดูได้อย่างสบาย ๆ มันอยากจะดูดังลั่นสักแค่ไหนก็เรื่องของมันแต่สำหรับห้องนั่งเล่นห้องใหญ่นี้ผมขอสิทธิ์พิเศษว่าให้ใช้ชีวิตเบา ๆ กันหน่อย  ซึ่งทุกคนในบ้านก็จะรู้ดี 

พี่ธานรีบรินน้ำให้ผม  ผมรับมาดื่มจนหมดแก้ว
"ก็..พอจะคล้ายกับที่พี่ว่าไว้" ผมตอบ  พี่ธานอมยิ้มเหมือนพอใจแล้วเดินมานั่งที่โซฟาอีกตัว 

"เป็นคนขยันนะครับ หนักเอาเบาสู้ทีเดียว" พี่ธานพูด  ผมพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ  อันที่จริงแล้วผมไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่าย ๆ ถามว่าผมไว้ใจลูกน้องของผมทั้งหมดไหม  ผมก็ไว้ใจแต่ในทางกลับกัน  ผมยังรู้สึกว่าผมต้องเตรียมใจยอมรับกับความผิดหวังตลอดเวลาในทุกการเชื่อใจนั้น ๆ อย่างเรื่องของครอบครัวลุงยอดเอง  ผมไม่ควรนำความไม่สบายใจส่วนตัวของผมมาตัดสินการช่วยเหลือเสียด้วยซ้ำ  พ่อของผมสั่งเสียไว้ก่อนท่านจากไปว่าให้ผมหาครอบครัวของลุงยอดให้พบและถ้าอีกฝ่ายลำบากอยู่  ก็ให้ช่วยเหลือเท่าที่จะสามารถทำได้  หรือถ้าไม่ลำบากก็ควรตอบแทนเท่าที่ควร  ทั้งที่มันควรจะเป็นคำสั่งเด็ดขาดที่ผมควรจะทำตามคำสั่งของพ่อผมอย่างตรงไปตรงมา  แต่ผมกลับปฏิเสธไม่ได้ว่าผมจะช่วยเหลือพวกเขาในวิธีตามแบบของผมเท่านั้น  ช่วยไม่ได้..ก็พ่อไม่ได้เขียนกำกับไว้นี่ว่าให้ช่วยพวกเขาแบบไหน

ลุงยอดเป็นลูกน้องที่พ่อรักและไว้ใจเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง  ส่วนลุงยอดเองเป็นสหายคนเดียวที่ติดตามพ่อและตายแทนพ่อผมได้เช่นกัน  ลุงยอดต้องเสียชีวิตก็เพราะธุรกิจของครอบครัวผม  มันมีส่วนให้เป็นอย่างนั้น  ครอบครัวของลุงยอดต้องตกที่นั่งลำบากก็เพราะพวกผมอีกนั่นละ  ในสมัยนั้นที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมากมาย  ทุกอย่างมันเกินควบคุมไปหมดแล้ว  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า  เหตุการณ์ในวันที่ลุงยอดเสียนั้นผมยังจำได้ดี  ดังนั้น..ผมจึงเห็นสมควรว่าสิ่งที่พ่อสั่งไว้มันสำคัญ

ส่วนตอนนี้เอง  แม้ว่าพี่ธานจะนำข้อมูลที่ว่าครอบครัวนั้นเป็นคนดีและน่าไว้ใจ  แต่ในมุมมองของผมแล้ว  ผมไม่ต้องการนำความขยัน  ความที่ดูเป็นคนดีนั้นมาวัดเพื่อลองให้เราเชื่อใจใครสักคน  หลายครั้งเรามักผิดหวังก็เพราะเทียบมาตรฐานอะไรทำนองนี้เป็นที่ตั้ง  ในขณะที่ผมกำลังต้องการรู้อะไรด้วยตนเอง  ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้าสมมุติว่าผมปรากฏตัวต่อหน้าอีกฝ่ายแล้ว  เขาจะจำเรื่องราวที่ผ่านมาหลายสิบปีนั่นได้ไหม  และถ้าเขาจำได้แล้ว  ผมคงต้องขอมองในแง่ลบไปอีกว่า  ผมมาเสนอตัวช่วยเหลือครอบครัวเขาอย่างนี้  อีกฝ่ายจะหน้าเงินแค่ไหนกัน  หรือถ้ามองให้ร้ายไปกว่านั้นอีก  พวกเขาอาจจะโกรธแค้นครอบครัวของผมก็เป็นได้  ผมไม่มีทางรู้เลยถ้าไม่ไปเผชิญหน้าโดยตรง  ซึ่งตอนนี้  ผมอยากได้เปอร์เซ็นต์ในใจผมเท่านั้นว่าถ้าผมปรากฏตัวแล้ว  เรื่องมันจะไม่หักมุมจนน่าหน่ายใจเกินไป

"ผมว่าจะดู ๆ ไปสักพัก" ผมถอนหายใจพูดบอก  เท้าแขนลงบนหน้าขา  เรามองหน้ากัน

"คุณกลัวว่าอีกฝ่ายจะ.." พี่ธานพูดก่อนทิ้งน้ำเสียงไป

"หึ..อืม สงสารพ่อที่ตายไปแล้วน่ะ" ผมพูดติดตลกเพราะรู้ว่าพี่ธานหมายถึงอะไร 

"ลุงยอดเองก็เป็นคนดีมาก" ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างหนักใจ  เขาเป็นคนดีมากเกินไปด้วยซ้ำ

"ผมพูดตามตรงนะ.. ผมแค่ไม่อยากผิดหวังในตัวพวกเค้า" ผมบอก

"ครับ ผมเข้าใจ" พี่ธานพยักหน้า

"นายครับ! พี่ธาน! บัวลอยมาแล้ว" ไอ้เด่นเดินกลับเข้ามาพร้อมกับไอ้เข้มและถาดที่มีบัวลอยอยู่บนนั้นสองถ้วย 

"เสียงดังทำไม" พี่ธานขมวดคิ้วดุ  ไอ้เด่นหุบปากลงทันที  มันนำขนมเสิร์ฟให้แล้วยืนมอง  ผมมองถ้วยบัวลอยที่อยู่ตรงหน้า

"ของ..ยายสมุทรเหรอ" พี่ธานถาม

"ของ ผู้หญิงของนายน่ะพี่" ไอ้เด่นแย่งตอบ  พี่ธานกลั้นหัวเราะ

"หักโบนัสมันนะ ปากมากทั้งวัน" ผมขู่เสียงเข้ม  ปกติแล้วการพูดเล่นพูดหัวระหว่างผมกับลูกน้องก็จะมีอยู่เรื่อย ๆ แม้ผมจะดูจริงจังกับงานในบางครั้งแต่พวกมันก็คงรู้ดีว่าที่จริงแล้วผมก็ไม่ใช่คนแบบนั้นตลอดเวลา  หลายครั้งก็มีใจอ่อนกับความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกมัน  แต่แน่นอนว่าถ้าใครก็ตามทำผิดร้ายแรง  หรือถ้าทำให้ผมฟิวส์ขาด  ผมก็ไม่ยั้งมือกับพวกมันเช่นกัน

"โหย นายอ่ะ..ผมแค่พูดเล่นเองครับ" ไอ้เด่นคุกเข่าลงนั่งตรงหน้าผมทันควัน  ผมเหล่มอง  มันยิ้มเจื่อน

"คุณไม่ชอบกินขนมไทยไม่ใช่เหรอครับ แต่ซื้อมาซะเยอะเลยนะ" พี่ธานอมยิ้มแซว  ผมส่ายหัวหน่อย ๆ

"นายจะไม่กินหน่อยเหรอครับ ผมให้แม่บ้านอุ่นให้แล้ว" ไอ้เด่นพูด  ผมหันไปมองหน้าพี่ธาน  พี่ธานเบะปากยิ้ม ๆ แล้วหยิบถ้วยบัวลอยขึ้นเตรียมกิน

"หวัดดีค้าบ..กลับมาแล้ว!" ไอ้ดินวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

"หวัดดีครับคุณดิน" ไอ้เข้มยิ้มทักทันที  ไอ้เข้มกับไอ้ดินจะสนิทกันเป็นพิเศษ  เข้ากันได้ดีอย่างกับฝนตกขี้หมูไหลเลยทีเดียว  คงเพราะไอ้เข้มมีความเป็นพี่สูง  ไม่ว่าจะเจอคนที่อายุน้อยกว่านิสัยอย่างไร  ทั้งแบบไอ้เด่นที่เป็นน้องชายแท้ ๆ หรืออย่างไอ้ดิน  ก็ดูเหมือนไอ้เข้มจะรับได้ทุกอย่าง

"เอ๊ะ บัวลอย! กำลังหิวพอดีเลย" ไอ้ดินไม่ว่าเปล่า  มันพุ่งตัวเข้ามานั่งข้าง ๆ ผมแล้วคว้าถ้วยบัวลอยของผมไปในทันที



เพี้ย !!!  ...ผมฟาดมือลงที่หน้าผากไอ้ดินแล้วแย่งถ้วยบัวลอยกลับมา  ไอ้ดินจับหน้าผากตัวเองอึ้ง ๆ
"ของกู มึงนี่ชักลามปามใหญ่แล้วนะ" ผมว่า

"ปกติเฮียไม่ชอบกินขนมหวานไม่ใช่รึไง" ไอ้ดินโวยอย่างรู้นิสัยผม  ก็ไม่เชิงที่ผมจะไม่ชอบกินของหวานนะครับ  เพียงแค่ปกติผมไม่ค่อยชอบกินขนมหวานของไทยก็เท่านั้น  ผมชอบกินเค้ก กินคุกกี้ Honey Toast ซึ่งก็ต้องไม่หวานจนเลี่ยนกินไม่ลง  ในความหวานต้องมีความกลมกล่อมของเนยและนมด้วย  แต่ถ้าสำหรับขนมหวานของไทยนั้น  ถ้าผมจะกินได้ก็ต่อเมื่อเจ้านั้นมันอร่อยจริง ๆ และที่สำคัญจะต้องไม่หวานมาก  ปกติผมจะชอบกินขนมคบเคี้ยวไร้ประโยชน์มากกว่า  คนเราก็ต้องมีของที่ชอบและที่ไม่ชอบกันทุกคนนั่นแหละ

"แต่วันนี้กูจะกิน" ผมว่า

"แต่ดินหิว" มันทำหน้างอปากจู๋

"มึงไม่น่ารักหรอกนะ อายุเท่าไหร่..ตัวโตจะทันควายละ แต่สมองยังเท่าเดิม" ผมด่า  พวกลูกน้องพากันอมยิ้ม 

"นี่ขนาดไม่ชอบของหวานนะยังขนาดนี้ กินมากกว่านี้ไม่ดุจนแปลงร่างเลยรึไง" ไอ้ดินหันหน้าหนีพึมพำคนเดียว  พี่ธานหัวเราะคงเพราะได้ยินเหมือนกัน

"โอ๊ยเฮีย!" ไอ้ดินร้องเพราะผมนำมือวางลงบนหัวไอ้ดินแล้วบีบหัวมันเต็มแรงมือ  ไอ้ดินร้องหน้าเหยเกหันกลับมา

"เดี๋ยวผมไปเอามาให้ใหม่ไหมครับคุณดิน" ไอ้เข้มถาม

"ไม่ต้อง..กูซื้อมาเผื่อพวกแม่บ้านเค้า ไอ้เหี้ยนี่ไร้ประโยชน์..กินเยอะโง่มาก" ผมดักคอด่าก่อนเลย  ไอ้ดินนั่งหน้างอ

"กูกินคำเดียว กูไม่ค่อยหิว" ผมบอกเพราะไม่รู้สึกหิวจริง ๆ และจะให้ผมกินหมดถ้วยนี้ก็คงทำไม่ได้ด้วย  เพียงแค่อยากจะลองชิมดูเท่านั้นว่าของข้างทางที่อยู่ในซอกหลืบแบบนี้จะพอกระเดือกลงไหม

"กูก่อน" ผมหันไปมองตาขวางใส่ไอ้ดินเพื่อย้ำสถานะบ้าง  เดี๋ยวนี้มีอะไรไอ้ดินแม่งแย่งเข้าปากตัวเองก่อนตลอด  ไม่ได้รู้จักพี่รู้จักน้อง

".........." ทุกคนเงียบเฝ้ามองอย่างกับรอลุ้นหวน  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ สุดท้ายก็ตักบัวลอยเข้าปากแล้วยื่นถ้วยนี้ให้กับไอ้ดินไปอย่างตัดรำคาญ  พอไอ้ดินได้ปุ๊บมันก็ทำการสวาปามในทันที  ผมเงียบ  เหลือบมองไปที่พี่ธานเล็กน้อย  อีกฝ่ายพยักหน้าเหมือนกับยอมรับว่ารสชาติก็พอใช้ได้  ผมว่ามันก็โอเคนะครับ  ไม่หวานจนเกินไป..ก็พอกินได้อะนะ

"ไปเอาซาลาเปามาให้พวกนั้นไป" ผมบอกไอ้เด่นให้เอาไปให้พวกเพื่อนมันที่น่าจะอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของคนงานทางด้านหลังบ้าน

"ได้ครับ" ไอ้เด่นพยักหน้าแล้วรีบวิ่งไป

"ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เหนียวตัวมาทั้งวัน" ผมบอกแล้วยกน้ำเปล่าที่พี่ธานเทให้ใหม่ขึ้นดื่มจนหมดแก้วอีกครั้ง  พี่ธานพยักหน้ารับ  ผมเดินกลับขึ้นบ้านเพื่อเข้ามาอาบน้ำแต่งตัว  สงสัยว่าวันนี้คงมีงานเข้าอีกแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นป๋าจงคงไม่อยากเจอผมแบบนี้  ระหว่างที่อาบน้ำ  ในสมองก็คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย  กำลังคิดอยู่ว่าความคิดที่ซับซ้อนกับครอบครัวนี้สำหรับผมมันถูกต้องไหม  ผมเล่นแง่เกินไปหรือเปล่า  หรือที่จริงเขาควรจะได้รับการตอบแทนกับบุคคลที่เขาเสียไปก็ได้  ข้อดีข้อเสียตีกันให้มั่วไปหมด



- - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-10-2015 19:13:56

20:35 น.  ผับ Teaser

"คุณไฟครับ เชิญทางนี้เลยครับ..ป๋ารออยู่แล้วครับ" พี่ใบ  ลูกน้องคนสนิทของป๋าจง  อายุราว ๆ รุ่นเดียวกันกับพี่ธานยืนรอต้อนรับผมอยู่แล้ว  ผมพยักหน้ายิ้มรับ  พี่ใบเดินนำเข้าไปในตัวร้าน  วันนี้ผมมากับพี่ธาน ไอ้เด่น ไอ้เข้ม  ส่วนไอ้รุ่งกับไอ้หินผมให้มันพักผ่อนอยู่บ้าน  โดยเราเดินทางแยกกันมาคนละคัน  ส่วนใหญ่ถ้าออกตอนกลางคืนเราจะทำแบบนี้กันประจำอยู่แล้ว

"หวัดดีครับป๋า" ผมยกมือไหว้ป๋าจงที่นั่งจิบไวน์รออยู่  ป๋าจงเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อผม  ผมเองก็สนิทกับป๋ามาก  เคารพและรักป๋ามากเช่นกัน  คนในวงการส่วนใหญ่เรียกป๋าว่า "ป๋าจง" ป๋าเป็นเสมือนลุง  รักและเอ็นดูผมกับพายุมาตั้งแต่ผมยังเด็ก  พ่อของผมชอบเรียกป๋าจงว่า "ไอ้ป๋า" เลยทำให้ผมที่แทนที่จะเรียกป๋าว่า "ลุงจง" กลับกลายเป็นเคยชินในการเรียก "ป๋าจง" แทน 

"นั่ง ๆ ๆ" ป๋าชวนด้วยท่าทางดีใจที่เห็นผมมาถึงแล้ว  ธุรกิจของป๋าส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับร้านอาหารและผับบาร์ เหล้า ไวน์ ไร่องุ่น รีสอร์ท  ทั้งหมดในธุรกิจนั้นติดอันดับว่าเป็นธุรกิจชื่อดังหนึ่งในสิบของประเทศทั้งนั้น  ป๋าจงทำงานสุจริตแต่ก็บอกปัดไม่ได้ว่าแต่ก่อนก็เคยทำงานแบบที่มือเปื้อนเลือดมาก่อน  พ่อของผมรักป๋ามากเพราะมีอุดมการณ์คล้าย ๆ กัน  พ่อเคยพูดกับผมว่า.."ถ้าป๋าค้าของเถื่อนแม้แต่ชิ้นเดียว เราก็คงจะไม่ได้เป็นเพื่อนรักกันถึงทุกวันนี้" ซึ่งแต่ก่อนป๋าเป็นยังไง  ป๋าก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น

"ไง..สบายดี" ป๋ารีบรินไวน์ให้ผมอย่างสนิทสนมแทนที่จะสั่งให้ลูกน้องรินให้  ผมอนุญาตให้พี่ธานนั่งลงข้าง ๆ ในทั้งหมดของลูกน้องผม  อะไรที่พี่ธานทำให้ผมมาตลอดจนถึงปัจจุบันนั้นทำให้ผมซาบซึ้งและให้เกียรติพี่เขามากที่สุดเสมอ

"ครับป๋า ขอบคุณครับ" ผมผงกหัวรับแก้วไวน์มา

"ป๋ามีไรรึเปล่า" ผมถาม

"หึหึหึ..แกนี่เหมือนเดิมเลยนะ จะรีบเข้าเรื่องไปไหน" ป๋าอ้าปากหัวเราะซะกว้าง  ผมยิ้ม  พี่ใบรินไวน์ให้กับพี่ธาน  อีกฝ่ายรับไปด้วยท่าทางนอบน้อมเช่นกัน 

"เรื่อง FORCE น่ะ" ป๋าเท้าแขนลงด้วยท่าทางจริงจังขึ้นมาเช่นกัน  FORCE..คือผับกึ่งร้านอาหารที่ผมกำลังจะร่วมหุ้นกับป๋าจง  ผมไม่เคยทำธุรกิจผับบาร์มาก่อน  แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าครอบครัวผมไม่เคยทำทางด้านสายงานนี้  ในสมัยของพ่อผมนั้นก็เคยทำธุรกิจแบบนี้มาแล้ว  แต่พ่อก็เลิกทำทันทีที่ลุงยอดจากไป  ครอบครัวเราขายกิจการเกี่ยวกับผับบาร์ทั้งหมด  พ่อตัดสินใจวางมือและไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคนวงการนี้อีกเลยอย่างเด็ดขาด  ผมเริ่มมาคิดทำธุรกิจแบบนี้อีกครั้งก็ตอนที่ป๋าจงชวนและผมก็คิดดีแล้วว่าถ้าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับผับก็คงจะทำแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น  และที่ร่วมหุ้นกับป๋าก็เพราะว่าเชื่อใจว่าทุกอย่างมันจะไปได้ดี

"ครับ" ผมพูด  ป๋าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเหลือบมองหน้าผมพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ

"ไอ้กริด ลูกอาสมยศน่ะ..มันอยากจะร่วมหุ้นกับเราด้วย" ป๋าพูดขึ้น  ผมนั่งนิ่งมองหน้าป๋า  อารมณ์อย่างกับคนถูกชกหน้ายังไงอย่างนั้น  "ไอ้กริด"..จะเรียกว่าเป็นคู่อริของผมเลยก็ว่าได้  ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันก็นับว่าไม่ถูกชะตาแม้แต่นิดเดียว  เรามีเรื่องขัดขากันอยู่หลายครั้งต่อหลายครั้ง  และก็มีหลายครั้งที่ทั้งลูกน้องของผมและลูกน้องของมันต่างยิงกันเองจนบาดเจ็บกันมาแล้ว  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  ลุงสมยศพ่อของไอ้กริดกลับสนิทสนมกับป๋าจงมาก  และแน่นอนว่า  ผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับลุงสมยศหรอกนะครับ

"ป๋าก็ปฏิเสธแล้วนะ ป๋าเข้าใจ..แต่ไอ้กริดมันดึงดันจริง ๆ" ป๋าพูดด้วยสีหน้าเกรงใจผม  ผมได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจป๋าเช่นกัน  เพราะป๋าก็คงเกรงใจลุงสมยศและก็เกรงใจผมด้วย

"งั้น..ไฟว่าไฟขอถอนตัวดีกว่าป๋า" ผมพูดเสียงเรียบ  ผมไม่ได้โกรธป๋าหรืออะไรแต่แค่ไม่อยากทำงานร่วมกันกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าก็เท่านั้น

"เฮ้ย..ไฟ!" ป๋าอุทาน  รีบขยับตัวเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับตบบ่าผมในทันที  ผมยิ้มให้เพราะก็ไม่อยากให้ป๋าคิดมาก

"ไฟไม่ได้โกรธป๋าหรอกนะครับ เข้าใจ" ผมบอก

"เฮ้ย ไม่ได้ ๆ" ป๋าส่ายหัวแทบหลุด  คิ้วขมวดชนกันเหมือนจะไม่ยอมรับในการตัดสินใจของผมอีก

"ทำแบบนี้ไม่ถูก ไอ้ลมได้ยินคงเอากูตาย" ป๋าพูดติดตลกจนผมขำออกมา  "ไอ้ลม"..ที่ป๋าว่าคือพ่อของผมเอง  เราต่างเงียบลง  ป๋าหันมาจ้องหน้าผมเล็กน้อย

"ที่จริงน่ะ.." ป๋าเอ่ยขึ้นเหมือนกับมีอะไรในใจ  อีกฝ่ายหยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

"ป๋ากำลังอยากได้ที่ดินแถวมวกเหล็ก ไอ้ยศมันบอกว่าจะขายให้..แล้วมาจังจังหวะเดียวกันกับ" ป๋าจงเบะปากเล็กน้อยเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดถึง

"ไม่รู้ไอ้เด็กเปรตนั่นมันรู้ได้ไงว่าป๋ากับแกร่วมหุ้นกันอยู่" ป๋าเล่าด้วยท่าทางหงุดหงิดใจ

"เอาจริงนะป๋า.." ผมพูดแทรกขึ้นพลางถอนหายใจ   

"สำหรับผม คนไม่ชอบขี้หน้ากัน เพื่อให้โลกไม่แตก..ก็แค่อยู่ห่างกันไว้" ผมพูดแกมหัวเราะ  มือหมุนแก้วไวน์เล่นไปเรื่อยเพราะเพลินมือดี  ที่จริงแล้วผมไม่ชอบดื่มไวน์แต่ก็ไม่เคยบอกใคร  ดังนั้น..รินให้ก็รับไว้แค่นั้น

"จะว่าไฟมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่ไฟคิดว่า ไอ้กริด..มันรู้ว่าไฟร่วมหุ้นกับป๋า ที่ปัญญาอ่อนคือ..มันรู้แล้วมันทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร " ผมแสยะปากพูดบอกป๋าอย่างรับไม่ได้  บางครั้งผมก็อดรู้สึกสะอิดสะเอียนกับนิสัยและพฤติกรรมของคนบางคนที่มีลักษณะแบบนี้

"ไม่ชอบขี้หน้ากัน กลับเสือกพยายามพุ่งเข้าหากัน ที่จริงไฟกับมันไม่ควรมีอะไรเชื่อมเข้าหากันเลยด้วยซ้ำ ต่างคนต่างอยู่ ต่างทำธุรกิจไป..แต่มันชอบก้าวขาล้ำเส้นมาตลอด คอยจะเอาชนะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไฟไม่อยากเล่นด้วยหรอก..เหนื่อยน่ะ" ผมยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้และถอนหายใจออกมาอย่างแรง  การเข้าไปร่วมเล่นเพื่อเอาชนะกับคนที่ไม่รู้ข้อเสียของตัวเองและมากไปกว่านั้นคือไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดยังไง  กับคนหน้าด้านพรรค์นี้มีแต่เราที่จะเหนื่อยเปล่า 

"แต่ถ้ามึงถอยง่าย ๆ มันก็ว่ามึงยอมแพ้น่ะสิ" ป๋าพูด

"หึ..ช่างหัวมันเถอะ มันจะคิดอย่างนั้นแล้วมันสบายใจก็เรื่องของมัน" ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างไม่คิดมากอะไร  คนที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด  มันก็จะหลอกตัวเองว่ามันไม่ผิดของมันอยู่อย่างนั้นจนวันตายนั่นละ

"หึ..ไอ้นี่" ป๋าจงหัวเราะเหมือนเห็นด้วยกันกับผม

"อีกอย่าง ป๋าจะให้ไฟเอาชนะมันด้วยการลงทุนร่วมกัน..แต่ไฟจะต้องไปทนเจอหน้ามันระหว่างประชุมทุกครั้งนี่นะ เฮอะ..นรกน่ะป๋า" ผมว่าอย่างรับไม่ได้

"ไฟหมายถึง ให้ไปทรมานในนรกยังดีซะกว่าได้เห็นหน้าไอ้กริด" ผมว่า  ป๋าส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายกับเอ็นดูผมและไม่ได้ต่อว่าอะไร

"อ่าว! ไฟ!" ผมหันไปมองตามเสียงที่ไม่ค่อยอยากให้คุ้นหู  ตัวการที่กำลังอยู่ในบทสนทนานี้เดินยิ้มร่าเข้ามาพอดี  ตายยากยิ่งกว่าแมลงสาบซะอีก

ถ้าคนรอบข้างผมจะบอกกับผมว่า  ผมมีหน้าตาที่ดุมากและท่าทางไม่เป็นมิตร  หน้าตาที่คาดคะเนไม่ได้ว่าควรเป็นคนดีหรือคนไม่ดี  ผมก็ไม่โกรธหรอกเพราะหน้าผมก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ มานานแล้ว  แต่สำหรับผม  ถ้าให้พูดถึงใบหน้าของไอ้กริดนั้น  ถ้าจะให้ผมนิยามลักษณะความหมายของเบ้าหน้าของไอ้กริดแล้วละก็  มันเป็นคนที่มีหน้าตาของคนที่ไม่น่าคบ  ไม่ต้องให้ใครมาดูโหงวเฮ้งแทนให้เลย  ผมดูด้วยตัวเองยังมั่นใจได้เลยว่าคนอยากไอ้กริดไม่ใช่คนที่ใครก็ตามควรไว้ใจที่จะทำธุรกิจร่วมกันกับมัน  ถึงต้องทำธุรกิจทุจริตก็ตาม  ผมก็จะไม่มีทางไว้ใจคนที่มีใบหน้าลักษณะแบบนี้  หน้าตาส่อแววขี้โกง  พร้อมอกตัญญูและหักหลังเพื่อนพ้องด้วยความหน้าด้านหน้าทนของตนเองได้เสมออะไรทำนองนั้น

"หวัดดีครับป๋า" ไอ้กริดยกมือไหว้ป๋า  ป๋ายิ้มรับไหว้

"มาเที่ยวเหรอ" ป๋าถาม

"เปล่าหรอกครับ มาหาป๋าน่ะ..เห็นเลขาป๋าบอกว่าวันนี้ป๋าจะเข้าร้านนี้" ไอ้กริดพูดแล้วเดินเข้ามาในบริเวณโต๊ะของพวกผมหน้าตาเฉยทั้งที่ป๋ายังไม่ทันชวน  ปกติป๋าจงไม่ชอบคนแบบนี้  คนที่ชอบเสนอหน้าและไม่รู้จักมารยาทว่าเวลาไหนควรเข้าเขตของคนอื่นหรือเวลาไหนไม่ควร  ผมไม่ได้มองหน้ามันเพราะไม่อยากมอง..เสียลูกตา

"ไฟขอตัวกลับก่อนดีกว่านะป๋า" ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ

"อ่าว" หน้าป๋าเลิ่กลั่กเหมือนยังไม่อยากให้ผมกลับแต่ก็ไม่กล่าวห้ามไว้  ผมลุกขึ้น  ป๋าและพี่ธานลุกตาม

"อ่าว จะกลับแล้วเหรอ..นั่งคุยกันก่อนสิไฟ" ไอ้กริดยิ้มแฝงไปด้วยสีหน้ากวนอารมณ์  ผมเหลือบไปมองมันด้วยหางตาที่ไม่เป็นมิตรกลับบ้าง  อีกฝ่ายแสยะยิ้มให้เล็กน้อยคล้ายกับไม่สนใจว่าใครในที่นี้จะคิดยังไง

"ก็แค่ร่วมวงกันไว้..เพราะเดี๋ยวยังไง เราก็จะได้ทำธุรกิจร่วมกันแล้วนะ" มันว่าด้วยท่าทางมั่นใจ  ปากมากฉิบหาย  เสียงก็น่ารำคาญหู  ถ้าให้เปรียบเทียบความเกลียดที่ผมมีต่อมันแล้วละก็  ถ้าผู้หญิงกับผู้ชายหมดโลกนี้ไปแต่ผมจำเป็นต้องเอาใครสักคนทำเมียเพื่อสำเร็จความใคร่  ผมยอมตายซะดีกว่าจะเอาคนอย่างไอ้เหี้ยนี่  มันคงจะเป็นคนเดียวที่ผมจะไม่แข็งด้วยเพราะแค่เห็นหน้าก็จะอ้วกแล้ว

"สะอิดสะเอียนฉิบหาย" ผมพึมพำยิ้ม ๆ ทั้งไอ้กริดและลูกน้องของมันต่างพากันมองมาที่ผมเขม็งคงเพราะได้ยินชัดเจน  ผมช้อนสายตาขึ้นมองพวกมันอย่างกวนส้นตีนกลับไปให้

"ญาติดีกันไว้ น่าจะดีนะ" ไอ้กริดยังคงรักษาท่าทีเป็นมิตร  หลายครั้งผมมักสงสัยเสมอว่า..คนที่ตอแหลแสดงท่าทีเป็นมิตรที่ดีทั้งที่ไม่มีความซื่อสัตย์จริงใจต่ออีกฝ่ายหนึ่งเลยนั้น  ครอบครัวมันเลี้ยงดูมายังไงถึงได้ทำให้มันดูตอแหลได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้  เพราะเวลาที่ผมไม่ชอบใครผมจะไม่เอาตัวเองเข้าไปใกล้คน ๆ นั้น  ไม่พูดถึง ไม่หาเรื่อง ต่างคนต่างอยู่  ขอบเขตของผมคือ..ไม่เข้าไปข้องแวะอีกฝ่ายก่อน  "ต่างฝ่ายต่างก้าวถอยหลังกลับไปในพื้นที่ของตัวเอง"  มันเป็นข้อปฏิบัติง่าย ๆ เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างอยู่อย่างสงบสุขในโลกของใครของมันก็แค่นั้น

"หึ..ไม่ล่ะ กูถอนตัวแล้ว เชิญมึงตามสบาย" ผมบอกด้วยท่าทางไม่แคร์เช่นกัน  ไอ้กริดหน้าเหวอไปเล็กน้อย  มันคงผิดคาดที่ผมไม่คิดจะเดินต่อด้วย

"ก็ไม่เชี่ยวทางด้านนี้ ที่จริงมึงก็ควรจะรู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ" ไอ้กริดพูดว่าแกมหัวเราะ 

"กูไม่เชี่ยวเหมือนมึงอยู่แล้ว เรื่องไม่มีมารยาท..หน้าด้านหน้าทนอะไรพวกนี้น่ะ" ผมยิ้มย้อนทันที  ไอ้กริดหน้าเสีย

"หึ..กูว่ามึงชนะเลิศด้านนี้ว่ะ" ผมยักคิ้วยิ้มมุมปาก  นำมือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายใจ

"ไอ้ไฟ!" ไอ้กริดลุกขึ้นตะคอกคล้ายหมดความอดทน 

"กูจะบอกอะไรให้มึงรู้ไว้" ผมพูดขึ้นนิ่ง ๆ หุบยิ้มลงและมองหน้ามันไม่วางตา  บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปทันที

"ถึงถ้าครั้งนี้กูจะรู้จักกับมึงครั้งแรก กูก็จะไม่ร่วมทำธุรกิจกับมึง เพราะอะไรรู้ไหม.." ผมพูด  ไอ้กริดมองผมตาเหลือกเหมือนมันลุ้นในคำอธิบายยาว ๆ ของผม

"เพราะหน้าตามึงน่ะ..ถึงเกิดเป็นหมา ก็เป็นหมาที่พร้อมจะหักหลังเจ้านาย" ผมยิ้มมุมปากบอก  ได้ยินเสียงพี่ธานหัวเราะชอบใจเบา ๆ 

"ไอ้ไฟ! มึง.." ไอ้กริดกัดฟันแน่นด้วยความโมโห  มันชักปืนออกมาจ่อที่ผมในทันที  แต่ก็ดูเหมือนความเร็วของแขนมันจะช้ากว่าพี่ธานที่อายุมากกว่ามันไปหน่อย  ผมยังคงยืนนิ่งมองไปที่กระบอกปืนของไอ้กริดเพื่อสำรวจรุ่นและคำนวณความเร็วที่มีอยู่ในหัว  ทุกคนเงียบหมดแม้กระทั่งเสียงเพลงในร้านก็ดับสนิทลงเหมือนรู้ว่าเกิดเหตุไม่ดีขึ้น  ลูกน้องของเราทั้งสองคนต่างยืนจังก้าเอาปืนจ่อหัวกันและกัน  ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมาพักใหญ่ ๆ แล้ว

"เอาสิ" ผมเอ่ย

"กูก็อยากรู้มานานแล้ว..ว่าลูกน้องกู หรือมึง..ที่จะเร็วกว่ากัน เวลาที่มึงให้ลูกน้องมึงมาแทงข้างหลังคนของกูทีไร กูไม่เคยได้อยู่เห็นสักที" ผมแสยะปากหัวเราะ  จ้องหน้ามันอย่างท้าทาย  ไอ้กริดกัดฟันแน่นเหมือนแค้นเต็มที่  มือที่ถือปืนอยู่เกร็งด้วยความเดือดอย่างเห็นได้ชัด  ผิดกับพี่ธานที่ยังคงนิ่งไม่แสดงอารมณ์ให้เห็น  คนแบบไอ้กริดไม่มีทางมาเทียบสติคนอย่างพี่ธานได้อยู่แล้ว  ตามอย่างที่ผมพูด..ผมก็อยากจะวัดให้เห็นกับตาตรงนี้เหมือนกันว่าอดีตนักแม่นปืนอย่างพี่ธานกับคนใจหมาอย่างไอ้กริดใครมันจะดวงเจ๋งกว่ากัน

"........." ผมกับไอ้กริดจ้องหน้ากันไม่ละสายตา  ผมอมยิ้มเยาะ  คาดว่าไอ้กริดน่าจะรู้ดีว่าพี่ธานเป็นใคร  ในวงการยิงปืน  พี่ธานก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากไม่น้อย

"เอา ๆ ๆ! ..พอได้แล้ว" ป๋าจงพูดขึ้นเสียงดังลั่น  ป๋าปัดมือไล่ลูกน้องของตนที่วิ่งเข้ามาอย่างเป็นห่วง

"ทำเหมือนไม่มีอั๊วอยู่ตรงนี้ พอ ๆ ๆ ๆ" ป๋าไม่พูดว่าเปล่า  แกนำไม้เท้าคู่กายอันโปรดราคาหลายแสนของแกที่พายุบินไปซื้อให้ถึงดูไบเพื่อนำมาเป็นของขวัญวันเกิดในปีที่ผ่านมาขึ้นปัดกลางระหว่างเราทั้งสองฝ่าย  พี่ใบเข้ามาเคลียร์ระหว่างกลางด้วยอีกแรง
 
"พวกลื้อนี่ไม่คิดจะญาติดีกันเลยใช่ไหม" ป๋าจงบ่น  ผมปัดมือให้พี่ธานและลูกน้องคนอื่น ๆ เป็นฝ่ายเก็บปืนก่อนเพราะเกรงใจป๋า  เมื่อไอ้กริดเห็นว่าผมยอมก่อนมันถึงได้เก็บปืนลงและลูกน้องมันถึงได้ทำตาม

"ผมลาละครับป๋า" ผมหันไปยกมือไหว้  ป๋าจงพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนที่ผมจะเดินออกมา  ผมเดินหลับตา  นำนิ้วกดลงที่หน้าผากตัวเองอย่างแรงเพราะรู้สึกปวดขมับขึ้นมาตุบ ๆ เพราะตัวเองดันไม่ได้ระบายอารมณ์อย่างที่ควรจะทำ

"เฮ้อ" ผมถอนหายใจเบา ๆ

"แค่ไม่ต้องมายุ่งกัน มันจะตายห่าเหรอวะ" ผมอดบ่นไม่ได้  ผมเกลียดคนที่มีพฤติกรรมแบบไอ้กริดที่สุด  คำนิยายของความตอแหลที่คนเขาว่ามักใช้เฉพาะผู้หญิง  ผมว่ามันไม่ถูกต้องเสมอไป  แม้แต่ผู้ชายก็มีความตอแหลอยู่ในตัวแทบทุกคนนั่นละ  จะตอแหลในลักษณะไหนก็แล้วแต่คน..ว่ากันไป  สำหรับผม..คนตอแหลที่จัดอันดับให้อยู่ในหมวดรกหูรกตามากที่สุดคือ  คนอย่างไอ้กริดที่สามารถปั้นหน้าลักษณะแบบต่าง ๆ ได้หน้าตาเฉยในทุกสถานการณ์ 

"กูละไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าที่มันทำแบบนั้นไป ชีวิตมันมีความสุขไหม" ผมกัดฟันบ่นอย่างไม่เข้าใจตามที่พูด  พี่ธานถึงกับหัวเราะคงเพราะผมพูดมึงกูกับพี่ธานแบบที่นานครั้งจะเป็น

"..หรือเพราะมันมีความสุขที่ได้ทำ" ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่ธานอย่างต้องการคำตอบ

"หึหึ" พี่ธานส่ายหัวหัวเราะเหมือนตอบให้ไม่ได้

"ตกลง คุณไฟจะไม่ทำต่อแล้วใช่ไหมครับ..แล้วเงินที่ลงทุนไปแล้วล่ะ" พี่ธานถามระหว่างที่เราเดินกลับไปที่รถ
 
"แล้วแต่ป๋า" ผมตอบ  เงินแค่ไม่กี่แสนที่ผมเพิ่งลงทุนไปผมไม่คิดอะไรมาก  โดยเฉพาะกับป๋าจงแล้วด้วย  เงินที่เสียไปยังถือว่าน้อยเพราะเพิ่งเริ่มต้นและผมเลือกที่จะหยุดได้ทัน  ผมไม่คิดมากหรอกครับ  กับป๋า..กี่แสนกี่ล้าน  ผมก็ให้ได้

"ครับ" พี่ธานพยักหน้า  เดินไปเปิดประตูรถให้ผม  ผมกดโทรศัพท์โทรหาไอ้คิน  เพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัย  พอทราบว่าไอ้คินอยู่ที่บาร์ที่โรงแรมของมัน  ผมจึงนัดว่าบอกว่าจะไปหามันในทันทีเพราะคืนนี้ผมเองก็ไม่มีนัดที่ไหนแล้ว  อีกอย่างก็ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ด้วยน่ะนะ.. 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-10-2015 19:14:59

The Rest Bar, RATIO HOTEL

"ไงมึง หายหัวไปตั้งนาน" ไอ้คินทักทันทีที่เห็นผม  มันเข้ามากอดไหล่ผมไปและพาไปที่โต๊ะที่จองไว้ให้แล้ว  "ภาคิน"..คือเพื่อนสนิทที่ผมรู้จักในมหาวิยาลัยสมัยเรียนปริญญาตรี  เราเรียนสาขาบริหารธุรกิจมาด้วยกัน  เราสนิทกันมาตั้งแต่เริ่มเรียนปีหนึ่ง  ผมจำได้เลยว่ามันดีใจที่เห็นหน้าผมในคราสเรียนปีหนึ่งครั้งแรก  ทั้งที่เราไม่รู้จักกันแต่มันกลับเรียกให้ผมไปนั่งกับมันด้วยท่าทางตื่นเต้น  แถมยังชวนคุยเหมือนรู้จักกันมานานอีกด้วย 

"กูหรือมึงที่หายหัว" ผมว่า  เพราะไอ้คินบินไปต่างประเทศบ่อยมาก  บินไปเพราะธุรกิจ  เดี๋ยวโผล่ประเทศนู้นเดี๋ยวไปประเทศนี้  หาตัวจับยากมากได้อีก

"ไอ้โปรดไม่มาเหรอ" ไอ้คินถาม  ไอ้คินกับไอ้โปรดรู้จักกันได้เพราะผมเป็นสื่อกลาง 

"มีบินโตเกียวมั้ง วันนี้ หรือพรุ่งนี้นี่แหละ..ไม่แน่ใจ" ผมลืมสนิท  พนักงานเดินมารับออเดอร์

"เอาไร" ไอ้คินถาม

"เบียร์" ผมตอบเพราะอยากดื่มอะไรเบา ๆ เนื่องจากเหนื่อยสะสมมาหลายวัน

"เหมือนเดิมนะ" ไอ้คินถาม

"อืม" ผมพยักหน้าตอบ

"Westvleteren 12" ไอ้คินสั่งพนักงานมันอย่างรู้ใจผม 

"กินไรไหม" มันถาม

"ไม่อ่ะ" ผมตอบปัดพร้อมถอนหายใจ  ไอ้คินปัดมือไล่พนักงาน  พนักงานมันผงกหัวเล็กน้อยก่อนเดินไป

"ของหวานไหม" มันอมยิ้มกะล่อน

"ไม่มีอารมณ์" ผมตอบตามความจริง

"โฮ..ไม่มีอารมณ์ มึงเป็นผู้ชายมึงพูดแบบนี้ไม่ได้นะไอ้เหี้ยไฟ" ไอ้คินยิ้มกว้างส่ายหัวเหมือนรับไม่ได้ 

"ใช่ไหมพี่ธาน" มันยักคิ้วไปทางพี่ธานที่ยืนอยู่ด้านหลังผม  พี่ธานก้มหัวเล็กน้อยเหมือนบอกเป็นนัยว่า.."อย่าให้ผมแสดงความคิดเห็นเลยครับ" ประมาณนั้น

"นั่งด้วยกันสิพี่" ไอ้คินกวักมือเรียก  ผมหันไปพยักหน้าอนุญาต  พี่ธานเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

"สามที่" ไอ้คินสั่งพนักงานที่เพิ่งนำเบียร์มาเสิร์ฟ

"ไปไหนมาวะ หน้าตามึงดูอารมณ์ดีมาก" มันพูดขำ ๆ เหมือนประชด

"ไปเจอป๋ามา แล้วก็เจอไอ้เหี้ยกริดด้วย" ผมตอบ

"ฮึ..ดวงมึงนี่สมพงศ์กันดีนะ" ไอ้คินหัวเราะ  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ ก่อนยกเบียร์ขึ้นจิบ

"จับมันทำเมียดิ เผื่อมันจะหายพยศได้บ้าง ไม่แน่..มันอาจจะแอบชอบมึงอยู่ก็ได้นะ" ไอ้คินกวนตีนไม่เลิก  พี่ธานหัวเราะซะหน้าแดง

"ไอ้เหี้ย เอาซะของกูหดเข้าไปในไข่" ผมสบถ

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ไอ้คินหัวเราะชอบใจ

"คุยเรื่อง FORCE เหรอ" ไอ้คินถามเพราะมันรู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่าผมจะลงทุนกับป๋าจงเปิดผับ  ผมพยักหน้าตอบ

"มันจะหุ้นด้วย" ผมตอบ

"หะ!" ไอ้คินอุทานด้วยสีหน้างง ๆ 

"มันต้องการกวนตีนมึงแน่" ไอ้คินขมวดคิ้วเป็นโบเลยทีเดียว

"แล้วมึงจะทำยังไง"

"รอดูป๋าไปก่อน แต่ถ้าป๋าเอามัน..กูก็ถอนตัว แค่นั้น" ผมตอบ  ไอ้คินพยักหน้ารับแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม  ผมบอกให้ไอ้คินเปลี่ยนเรื่องคุย  เราเลยคุยเรื่องธุรกิจของมันแทน  บ่นนู่นบ่นนี่ไปเรื่อยจนเกือบชั่วโมง

"มึงเห็นน้องชุดขาวที่ยืนอยู่นั่นเปล่า" ไอ้คินชี้นิ้วไปที่มุมตรงเคาร์เตอร์ของร้าน  ผมหันไปมองตาม  เห็นผู้หญิงสวมชุดเดรสสีขาวรัดหุ่นที่เข้ากับหุ่นพอดี  มองแล้วสะอาดตา 

"PR ร้านกูเอง..จ้องจะแดกมึงมาได้พักใหญ่ละ หึหึหึ" ไอ้คินพูดขำ ๆ ทำเอาพี่ธานขำออกมาด้วย 

"เซ้าซี้บอกให้กูแนะนำให้รู้จัก" ไอ้คินพูด

"แล้ว..ปกติก็ปกตินี่หว่า" ผมพูด  ผมก็มาร้านไอ้คินหลายครั้งแล้ว  เธอก็มาต้อนรับปกติดี  ไม่ได้มีท่าทีผิดสังเกต  ผมหมายถึงก็ไม่ได้ให้ท่าเกินควรอะไร

"มึงก็จีบน้องมันหน่อยดิว้า" ไอ้คินนำศอกมากระทุ้งแหย่ผม

"ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ" ผมทำหน้าเบื่อหน่าย

"โว้~..ไอ้เหี้ยนี่ อะไรของมึงเนี้ย!" ไอ้คินสะบัดหัวอย่างรับไม่ได้  เสียงมันดังลั่น  ผมหัวเราะ  ก็ขี้เกียจจริง ๆ นี่ครับ

"กูบอกว่ากูไม่มีอารมณ์ก็คือไม่มีอารมณ์ ไอ้เหี้ย..นี่กูตั้งใจมาหามึงนะ" ผมด่ามันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจบ้าง  เบื่อคนเซ้าซี้ฉิบหาย

"ครับ ๆ ๆ กูผิด" ไอ้คินรีบเอาใจผมทันที

"กูว่ามึงผิดปกตินะ เหนื่อยเหรอ" ไอ้คินอมยิ้มถาม  ผมเบะปากอย่างใช้ความคิด

"งั้นมั้ง" ผมตอบส่ง ๆ

"ก็...." ผมเอ่ยก่อนทิ้งน้ำเสียงลง

"เติมเบียร์ไหมคะ" ผมหันไปตามเสียง  ผู้หญิง PR คนที่ไอ้คินพูดถึงก่อนหน้านี้เดินเข้ามายิ้มถามผม  ผมพยักหน้าตอบเล็กน้อย  ไอ้คินกับพี่ธานมองผมเขม็ง  เธอจัดการรินเบียร์ให้ผมด้วยท่าทางชำนาญตามสายอาชีพ  ในสายตาของผมแล้ว  ผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างเธอที่สวมใส่ชุดสีขาวกับหุ่นขาว ๆ เซ็กซี่แบบนี้แล้วต้องมารินเบียร์ให้ผม  มันช่างไม่น่ามองเอาซะเลย  ผมไม่ได้จะวัดคุณค่าของความเป็นเธอจากตรงนี้หรอกนะครับแต่ถ้าเป็นเมียผม  ผมไม่ให้ทำแบบนี้ต่อหน้าผมแน่  ซึ่งก็นั่นละ..นี่มันอาชีพเธอน่ะนะ

"ขอบคุณครับ" ผมบอกแล้วรับแก้วเบียร์มา

"พี่คินเติมไหมคะ" เธอถามไอ้คิน

"อะไร..ของพี่ก็เกือบหมดเหมือนกันนะ" ไอ้คินแซวเธอ  เธอยิ้มเขิน  หันหน้ามาปะทะสายตากับผมเล็กน้อย  ผมอมยิ้มให้และก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เธอด้วย  เธอรินเบียร์ให้ไอ้คินอยู่ครู่เดียวก่อนจะหันไปเห็นว่าแก้วของพี่ธานยังคงเต็มอยู่จึงไม่ขอเติม  เธอก้มหัวน้อย ๆ แล้วเดินไป

"ไม่เอาแต่เสือกส่งสายตา" ไอ้คินผลักหัวผมเบา ๆ ด้วยท่าทางหมันไส้  ผมหัวเราะ

"จริงจังกับกูป่ะ" ผมถาม  มือเลื่อนแก้วเบียร์วนไปเรื่อย

"หึ..ไม่รู้ดิ จริงจังมั้ง" ไอ้คินตอบ

"เฮอ งั้นกูขอผ่าน" ผมตอบทันทีแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างหมดอารมณ์  แค่คิดก็เหนื่อยคูณเพิ่มเข้าไปอีกแบบไม่มีสาเหตุเลยทีเดียว

"ฮ่า ๆ ๆ ไอ้เชี้ย กูขำ" ไอ้คินหัวเราะซะดัง

"รอบก่อนยังปวดหัวไม่หาย" ผมบ่น 

เมื่อนึกถึงก็อดขยาดไม่ได้  เมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมา  ผมเพิ่งจะเคลียร์ผู้หญิงสองคนที่พากันตบตีกันเพราะความเข้าใจผิด  ทั้งสองคนเคยนอนกับผมเกินสามสี่ครั้ง  สำหรับพวกเธอที่ก็มีชื่อเสียงในสังคมอยู่  ก็คงอดคิดไม่ได้ว่ากำลังจริงจังกับผมละมั้งครับ  แต่ผมไม่เคยปฏิบัติอะไรเกินเลย ๆ แต่อีกในหนึ่งก็ไม่ลืมที่จะให้เกียรติอีกฝ่าย  ซึ่งผมคิดว่าต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าผมไม่ได้จริงจังด้วยและควงเธอแค่คู่นอนเท่านั้น  การพาออกไปข้างนอกด้วยก็เพราะพวกเธอนอนกับผมไปหลายครั้งแล้ว  ผมจึงไว้ใจ  ดังนั้น..ผมคิดว่าพวกเธอน่าจะรู้จักการวางตัวที่จะออกไปกับผม  รู้จักสถานะของตัวเองว่าผมเพียงแค่อยากพาออกไปกินข้าวแต่ไม่ได้มีความหมายอะไรที่จะมากไปกว่านั้น  ซึ่งปรากฏว่าผู้หญิงสองคนมาเจอกัน  เขม่นกัน  พากันตบตีร้านอาหารกระจาย  แต่มันก็คงจะผิดที่ผมนั่นแหละเพราะอันที่จริงมันไม่ควรจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นด้วยซ้ำ  ที่ผ่านมากับคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยเกิดเรื่องประมาณนี้ขึ้นเลย  ครั้งล่าสุดนี่มันหายนะชัด ๆ จนถึงวันนี้ก็ยังเข็ดอยู่ 

ผมเกลียดคนขี้หงุดหงิด ขี้โวยวาย  ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งไม่ชอบมอง  ถึงจะสวยแค่ไหนแต่ถ้ามาทำนิสัยเอาแต่ใจเกินควรและเที่ยวด่าคนอื่นแบบไม่มีเหตุผล  เชิญออกไปจากชีวิตผมได้เลย

"มันไม่มีคนที่พอดี ๆ สำหรับกูเลยเหรอวะ" ผมอดบ่นไม่ได้

"พอดียังไงของมึง..พอดีที่ว่านี่คือ สองคนเจอกันโดยบังเอิญแล้วทุกคนโอเคอะนะ" ไอ้คินทำเสียงสงสัย

"อืม..ก็ดีนะ" ผมยิ้มกะล่อนตอบไปอย่างนั้นเอง  ทั้งที่ความหมายลึก ๆ ของผม  ผมคงจะรู้ดีอยู่คนเดียว

"จะได้อยู่กันได้ยาว ๆ ไง" ผมพูดติดตลกไปงั้น

"จังไรฉิบหาย" ไอ้คินด่า  ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน  ลูกค้ายังเยอะเหมือนเดิม

"บาร์เทนเดอร์ใหม่เหรอวะ" ผมถามเมื่อเห็นคนไม่คุ้นตา  บาร์เทนเดอร์วัยรุ่นผู้ชาย  หน้าตาหล่อดี

"อืม"

"เป็นเกย์ปะวะ" ผมถามไปงั้น  เพราะดูท่าทางน้องเขาน่าจะใช่  แต่ถ้าไม่ใช่เกย์ก็คงขอโบกมือลาอีกเหมือนกันเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจีบยากเป็นพิเศษ  ซึ่งถ้าเขาไม่น่าสนใจถึงขนาดทำให้ผมรู้สึกร่างกายร้อนรุ่มจนแทบระเบิด  ผมก็ไม่มีอารมณ์จะไปทุ่มเทเวลาจีบจริงจัง 

ผมคิดว่าคนเราไม่ควรเสียเวลาจีบใครนานเกินไปถ้าเราไม่ได้ชอบคน ๆ นั้นมาก ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ  เพราะมันเสียเวลาทำมาหากิน  อีกทั้งเสียเวลาเปล่า  เสียเวลาด้วยกันทั้งคู่  บางคนจีบเอาสนุก  ยิ่งยากยิ่งดีด้วยความสะใจเพราะมันท้าทายความสามารถ  ผมไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่อประโยชน์อะไรเพราะถ้าให้พูดตามตรงก็แค่อยากจับอีกฝ่ายทำเมียแค่นั้น  ตอนจบก็ต้องเลิกรากันอยู่ดี  บางครั้งอะไรมันจะยิ่งแย่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเขาคิดจริงจังกับเราด้วย  ดังนั้น..ที่ผ่านมาถ้าต้องการเพียงแค่ควงเล่นหรือคู่นอน  ผมมักจะสังเกตเสมอว่านิสัยใจคออีกฝ่ายเป็นอย่างไรและเต็มใจไหมที่จะเป็นแค่คู่นอนกับผมเท่านั้น  ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนก็ตามแต่ถ้าจีบเกินสองครั้งแล้วผมไม่ได้พาขึ้นเตียง  ผมเลิกยุ่งและหยุดคิดเบื้องต่ำกับอีกฝ่ายทันที  เป้าหมายใหม่มันมีเข้ามาตลอดนั่นละ  แม้ว่าผมจะไม่หา  แต่มันก็เข้ามาเองจนอดรู้สึกเบื่อ ๆ บ้างไม่ได้     
 
"กูจะรู้ไหมล่ะ" ไอ้คินตอบเสียงห้วน

"ถ้าปิดร้านมึงนี่ปกติต้องจ่ายเท่าไหร่" ผมหันไปมองหน้าไอ้คิน  ไอ้คินขมวดคิ้วอย่างสงสัย

"ทำไม" มันถาม

"กูไม่ต้องการอาหารนะ แค่ต้องการคอนเซปร้านมึงเฉย ๆ" ผมบอก  ไอ้คินยิ่งทำหน้างงไปใหญ่

"กับน้องเค้านะ กูอยากลองทำตรงเคาร์เตอร์บาร์มึงดู" ผมยักคิ้วบอก  ทำเอาไอ้คินถึงกับสำลักเบียร์ที่เพิ่งซดไปทันที

"หึ..ไอ้เหี้ยไฟ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ไอ้คินหัวเราะลั่น 

"กูรู้ละว่าทำไมไอ้โปรดชอบด่ามึงว่าจังไร" ไอ้คินส่ายหัวยิ้ม ๆ

"กูพูดเล่น" ผมว่าแล้วลุกขึ้นเอื้อมไปยกแก้วเบียร์มาดื่มจนหมดแก้ว

"กูคิดแค่แสนห้าอ่ะ..ค่าเด็กต่างหากนะ มึงไปตกลงกับมันเอาเอง" ไอ้คินเล่นด้วยทันที  ผมเหล่สายตามองมัน

"กระจอก สัตว์..แต่กูขอเต็มวันนะ" ผมย้อนกวนมันไม่หยุด

"ฮ่า ๆ ๆ" ไอ้คินหัวเราะ  ผมชันตัวขึ้นนั่ง   

"เฮ้อ! กลับดีกว่าว่ะ พรุ่งนี้กูมีงานเช้า" ผมตัดบท  ขี้เกียจจะเล่นแล้ว

"อ่าว..รีบไปจังวะ กูว่าจะชวนไปต่อหน่อยเนี้ย" ไอ้คินทำหน้าเซ็งทันที

"กูไม่ได้เกาะพ่อแม่กินอย่างมึงนี่ ลูกน้องกูเยอะแยะ" ผมว่า  ไอ้คินเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านที่ถูกเอาอกเอาใจ  เติบโตมาในครอบครัวที่รับราชการและมีหน้าที่การงานใหญ่โต  ทั้งพ่อและพี่ชายมันเป็นตำรวจ  มียศตำแหน่งสูงเป็นที่นับหน้าถือตา  มีไอ้คินนี่แหละที่นอกคอกออกมาเปิดผับเปิดบาร์อย่างที่เห็น  แต่ก็ว่าอะไรมันไม่ได้มากหรอกเพราะงานของผมก็ต้องได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวของไอ้คินอยู่บ่อยครั้ง  อย่าง "พี่ทัพ"..พี่ชายแท้ ๆ ของไอ้คิน  ผมกับเขาก็เคยร่วมงานกันมาก่อน  สนิทสนมรู้ใจกันเป็นอย่างดี  ที่จริงเราก็อยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยกันมาเสมอ  สมัยเป็นวัยรุ่น  คดีหลายคดีของพี่ทัพผมเองก็ช่วยด้วย 

"กูบอกว่ากูไม่ได้เกาะพ่อแม่กิน!" ไอ้คินย้อนเสียงกระแทกว่ากลับ  ผมหัวเราะ  ไอ้คินไม่ชอบให้ผมแซวว่ามันเกาะพ่อแม่กิน  ที่จริงมันก็เป็นคนเก่งนะครับ  ทำงานเก่ง  บริหารเป็นแต่กว่าจะมาถึงจุดนี้กันได้  ทั้งผมและมันก็ใช้เงินของพ่อแม่ทั้งนั้น  ผมกวักมือเรียกพนักงานเพื่อให้มาคิดเงิน  พนักงานมาพร้อมกับยื่นบิลให้  ผมจัดการจ่ายเงินเรียบร้อย  นั่งรออยู่ครู่หนึ่งผู้หญิง PR คนเดิมก็เดินมาพร้อมกับคืนเงินทอนให้ผม

"ไม่ต้องทอนหรอก" ผมบอกเธอแล้วลุกขึ้น  เธอพยักหน้ายิ้ม ๆ ด้วยท่าทางเกร็ง ๆ และยังคงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนรออะไรสักอย่าง  ทุกคนลุกตาม

"ชื่ออะไร" ผมถามแล้วเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น

"เบลค่ะ" เธอยิ้มตอบแต่ไม่สบตาผมตรง ๆ ผมเข้าไปใกล้เธอมากกว่าเดิม  อีกฝ่ายไม่ได้ขยับหนี  ผมจึงเข้าไปโอบเอวเธอไว้หลวม ๆ ก่อนโน้มตัวเข้าไปหา 

"เอาไว้..ครั้งหน้ามีโอกาสค่อยมานั่งด้วยกันนะ" ผมกระซิบบอก

"ค่ะ" เบลยิ้มเขินพร้อมกับเงยหน้ามองหน้าผม

"ไป!" ไอ้คินเข้ามาแล้วดึงหน้าผมไปอย่างแรง  ผมตัวเซเข้าไปหามันแล้วจึงเข้าไปกอดคอมันไว้ 

"แล้วบอกไม่มีอารมณ์ หน้าหมาจริง ๆ นะมึงน่ะ" ไอ้คินว่า  ผมหัวเราะ  เราเดินกลับมาที่รถ  ไอ้คินทั้งเปิดประตูรถให้ผมและยืนรอส่งผมจนรถของผมขับออกมา  พวกผมตรงกลับเข้าบ้านกันทันที 

เมื่อกลับมาถึงบ้านผมก็เห็นไฟที่โรงฝึกของพายุยังเปิดสว่างอยู่  บ้านผมบริเวณกว้างขวาง  ลูกน้องในบ้านเยอะมาตั้งแต่สมัยทวดของผมแล้ว  บ้านถูกออกแบบมาเพื่อมีบริเวณมากพอสำหรับการออกกำลังกายและฝึกที่บ้านได้  ที่บ้านจะมีโรงฝึกสองโรงฝึกโดยแยกพื้นที่ชัดเจน  โรงฝึกแรกเป็นของผมและพายุโดยส่วนตัว  ซึ่งจะไม่มีใครสามารถเข้าไปซ้อมได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก่อน  เป็นโรงฝึกแบบ Indoor เพราะส่วนมากพายุจะไว้ใช้ฝึกกังฟู  ทำสมาธิและซ้อมปิงปองบ้าง  ในนั้นจะเก็บทั้งดาบ กระบี่กระบองที่ทั้งผมและพายุใช้ประจำ 

ส่วนอีกโรงฝึกหนึ่งติด ๆ กันเป็นของส่วนรวมของทุกคนในบ้าน  รองรับลูกน้องที่จะฝึกได้ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor มีเครื่องออกกำลังกายครบครัน  มีบริเวณสำหรับฝึกการต่อสู้  โรงฝึกรวมจะใหญ่กว่าโรงฝึกส่วนตัวเพื่อรองรับลูกน้องของผมได้มากพอ  และที่สำคัญใกล้ ๆ กับโรงฝึกมีสนามคอนกรีต  ส่วนมากบริเวณนั้นเอาไว้เตะตะกร้อบ้าง  วอลเลย์บอลบ้าง  จะว่าพวกผมรักกีฬามากก็ได้  อุปกรณ์กีฬามีครบเกือบทุกอย่าง  ส่วนกีฬาที่ผมชอบเล่นมากที่สุดคงเป็นตะกร้อ  สมัยเป็นเด็กมันจะมีอะไรให้เล่นนักหนา  เห็นพ่อเคยเล่นอะไรเป็นประจำ  โตมาก็เล่นตามอย่างนั้น

ผมเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ  เวลานี้เกือบจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว  ดึกมากขนาดนี้แล้วคนในบ้านรู้ดีว่าคงไม่มีใครบ้าเข้าไปในโรงฝึกในเวลาแบบนี้ได้นอกจากพายุคนเดียว

"คุณพายุซ้อม!" พวกมันลงจากรถกันมาได้ก็ลุกลี้ลุกลนตาโตอย่างกับคนถูกหวย  พี่ธานอมยิ้ม

"นายครับ..ผมขอไปดูหน่อยนะครับ" ไอ้เข้มก้มหัวขออนุญาต 

"หึ..พวกมึงนี่ท่าจะโรคจิตนะ แต่ก็..ตามสบาย" ผมอมยิ้มบอก  ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นอะไรกันถึงได้ชอบดูผมกับพายุฝึกซ้อมกันนัก  ยิ่งแอบ ๆ หลบ ๆ ซ่อน ๆ ยิ่งชอบดู  ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกนะครับแต่บางครั้งพายุมันต้องการสมาธิ  มันถึงได้ขอให้พ่อทำโรงฝึกนั้นให้มันเป็นการส่วนตัว  และที่สำคัญถ้าบางอารมณ์ของพายุไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อนุญาตให้คนอื่นดูมันตอนที่ฝึกซ้อมได้  มันมักจะหงุดหงิดทุกครั้งไป  และทั้งที่พวกลูกน้องก็รู้ดีว่าถ้าพายุจับได้ว่าพวกมันแอบดูพายุจะโกรธ  หรือถ้าหนักไปกว่านั้นคือพวกมันจะถูกซัดด้วยตีนเปล่า  แต่พวกมันกลับมีความสุขสมยอมซะอย่างนั้น 

"ขอบคุณครับนาย!" ทั้งไอ้เด่น ไอ้เข้มพากันก้มหัวยิ้มกว้างพร้อมกันในทันที  พวกมันพากันวิ่งตรงไปที่โรงฝึกอย่างว่องไว  ไอ้รุ่งกับไอ้หินวิ่งออกมาจากบ้านเหมือนรอให้พวกผมกลับมาอยู่ก่อนแล้ว  มันสี่คนพากันวิ่งตรงไปที่โรงฝึกในทันทีและไม่ลืมที่จะรักษาความเงียบไว้ด้วย

"หึ.." พี่ธานกับผมส่ายหัวยิ้ม ๆ

"อ่าว..แล้วนั่นคุณจะไปไหนครับ" พี่ธานถามผมด้วยสีหน้าฉงนที่เห็นผมไม่เดินไปทางเข้าบ้านแต่กลับเดินไปทางโรงฝึกแทน

"แอบดูดิ" ผมตอบขำ ๆ พี่ธานส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็รีบจ้ำเท้าเดินตามผมมาเหมือนเสียไม่ได้..




........ไฟ........

ปล. คิดว่าน่าจะยาวพอให้อิ่มกันได้ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 07-10-2015 20:03:08
อ่านเต็มอิ่มจริงๆ :mew1:
ทำไมยิ่งอ่านรู้สึกว่าไฟจะคล้ายเฮียเมตรไม่รู้อะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 07-10-2015 20:05:27
เรื่องนี้มีแต่คนแซบๆ รอตอนต่อไปคะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 07-10-2015 22:49:27
เจอกันสมุทรจะจำได้มั้ยเนี้ยะ ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 07-10-2015 22:54:57
โอยยยย เค้าอยากไปอยู่ในกลุ่มแอบดูด้วยอะ XD

ตัวละครแต่ละตัวยังเป็นปริศนามาก เดาทางไม่ถูกทีเดียว

ปล.ตอนนี้ปลื้มพี่ธานนะ คะแนนนำโด่งมากกก ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 07-10-2015 23:02:42
โอยยยยยย เห็นชื่อนักเขียนก็รีบกดมาก่อนแบบเลย แบบอยู่ดีๆก็หูอื้อตาลาย5555

ขอจิ้มไว้ก่อนนะคะ ตาจะปิดซะแล้ว... ติดตามทุกเรื่องของคุณเบบี้ค่ะ สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้จ้า จากคนอ่านรุ่นเก่าๆกลางๆกึ่งๆ ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 07-10-2015 23:12:34
คิดถึงเบบี้นะครับดีใจมากกกกที่กลับมา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 2 [ 11:32 น. - 4 ต.ค 58 หน้า 2 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-10-2015 23:23:51
โอ้ยยยย.เห็นชื่อแล้วดีใจมากเลยค่ะ
ติดตามอ่านเหมือนเดินนะค่ะ

 :pig4: ค่ะ

อัยยะเพิีงเห็นเรื่องใหม่
รีบเข้ามาอ่านเลย

รักนะตัวเอง จุ๊บๆ

เบบี้ ^^ มากอดทีดิ  :กอด1: เพิ่งเห็นว่าลงเรื่องใหม่ ดีใจอ่ะ  :impress2: ... รอตอนต่อไปนะจ๊ะ อยากรู้เรื่องราวของสมุทรบ้างแล้ว

โอยยยยยย เห็นชื่อนักเขียนก็รีบกดมาก่อนแบบเลย แบบอยู่ดีๆก็หูอื้อตาลาย5555

ขอจิ้มไว้ก่อนนะคะ ตาจะปิดซะแล้ว... ติดตามทุกเรื่องของคุณเบบี้ค่ะ สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้จ้า จากคนอ่านรุ่นเก่าๆกลางๆกึ่งๆ ^^

คิดถึงเบบี้นะครับดีใจมากกกกที่กลับมา

คิดถึงทุกคนมากเหมือนกันค่าาาา ~
ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่ยังคิดถึงกัน ยังจำกันได้ และยังกลับมาติดตามผลงานด้วย > <
หวังว่าจะชอบผลงานเรื่องนี้นะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ #เขิน งุงิ ครุคริ
  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 07-10-2015 23:33:34
แอบดูคุณพายุกันหมดเลย

ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง อิอิ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 08-10-2015 00:37:42
เหี้ยกริดนี่ นึกเป็นหน้าไอ้ตี๋เล็กในเรื่องหงส์ขึ้นมาเลย กวนส้นตีน หน้าด้านๆงี้เลย
อ่านไปก็กัดฟันไป แบบแค้นด้วยอ่า ความเหี้ยของมันกระแทกไตพี่ไฟทะลุมาหาน้องเลยค่ะ

พ่อสมุทรคนดีคนนั้น พอจะเดาไรได้ แต่ก็ไม่อยากจะเดาเลย เง้ออออ
มาชัดเจนตรงที่พี่ไฟแม่งร้ายยยยยย น่าโดนกดให้รู้แล้วรู้รอด แต่เฮียดูท่าคงไม่ยอมง่ายๆ 5555
เรื่องใครจะเป็นพระเป็นนายนี่ทำใจมาแล้วเนี่ย ยังไงก็ได้แล้วจุดนี้

รอบนี้น้องพายุมาแต่นามไม่ได้ยินเสียงเลย คิดถึงนะ 55555

ตอนสามนี่แบบฮาหนักมาก หลายอย่าง หัวเราะเสียงดังจนโดนด่า 555555 เอาอีกๆๆๆนะ
ยิ่งเรื่องเอาเหี้ยกริดทำเมียนี่ขนลุกแทน แต่แม่งฮาจริง บ้าหราาาา กร๊ากกกกก

ยาวอีกละ....
ขอให้น้องบัตเตอร์ไม่เกเร เบบี้จะได้เขียนลื่นไหล แล้วมาต่อพี่ไฟอีกเร็วไว เย้!!!!!
เลิฟยู


เอ้ยยย ลืมพี่ธาน พ่อพระเอกของน้อง โอ้โหหหหหห จองเลยค่ะ!!!!!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 08-10-2015 02:20:15
ดีมจมากที่เบบี้มาแต่งเรื่องใหม่ บอกตรงๆว่าเดาไม่ออกเลยจ้าาาา ว่าใครคู่ใครอะไรยังไงงงงง :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 08-10-2015 08:25:48
อื้อหือไอกริด
โผล่มาแค่นี้ก็ทำให้เกลียดได้ละ
คนอะไรหน้าด้านหน้าทนจิง

ว่าแต่เมื่อไหร่ไฟกะสมุทรจะเจอกันนนนนน
อยากรู้จักสมุทรมากกว่านี้แล้วน้าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 08-10-2015 10:26:05
สมุทร จะจำไฟได้ไหมนะ แล้วจะโกรธหรือเปล่าที่ทำให้ครอบครัวเป็นแบบนี้
แต่ไม่เป็นไรคงไม่เกินความสามารถไฟที่จะล่อให้มาอยู่ด้วย และปรับความเข้าใจ ฮิ้ววว...

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 08-10-2015 11:50:31
ยาวจุใจขอบคุณมาก..รอลุ้นว่าไฟจะทำยังไงกับสมุทรนะเพราะดูไฟจะเป็นคนที่ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ

ชอบพี่ธานนนนนน :mew1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้องแมว ที่ 08-10-2015 12:39:27
อ่านนิยายของเบบี้มาทุกเรื่อง พึ่งได้เมนเพาะพึ่งเป็นสมาชิก อิอิ

พี่ไฟนี้ก็เจ้าเล่ห์ใช่ย่อยเลย อิอิ
รอรอ่านต่อคะ ติดตามๆ
ร้ากเบบี้น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 08-10-2015 16:00:16
อ่านนิยายของเบบี้มาทุกเรื่อง พึ่งได้เมนเพาะพึ่งเป็นสมาชิก อิอิ

พี่ไฟนี้ก็เจ้าเล่ห์ใช่ย่อยเลย อิอิ
รอรอ่านต่อคะ ติดตามๆ
ร้ากเบบี้น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


ใช่เลยๆๆๆ 55555 เรื่องนี้เพิ่งอ่านน้า ติดตามจากทวิตเตอร์ เป้นกำลังใจให้ มาต่อบ่อยๆๆ จร้าาา  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 08-10-2015 16:02:30
กรี้ดดด รอตอนต่อไปรัวๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 08-10-2015 19:18:32
เสน่ห์แรงแม้แต่กับคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้า  :a5: ยังไงก็รอสมุทรก่อนนะคะพี่ไฟ เมื่อไรจะได้เจอหน้ากันอย่างเป็นทางการสักที  :hao4:


ว่าแต่พี่ไฟจะไปแอบดูน้องฝึกทำไมล่ะคะ งง  :mew2:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 09-10-2015 20:20:03
รอพี่ไฟเดินไปซื้อบัวลอยด้วยตัวเองอยู่นะฮะ 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 09-10-2015 21:01:36
น่าติดตามมากๆ เลยจ้า ตัวละครที่มีทั้ง ดิน สมุทร (น้ำ) พายุ (ลม) ไฟ ครบธาตุทั้งสี่ จะมีอะไรบอกเป็นนัยๆ มากไปกว่าแค่ชื่อหรือเปล่าน้า  :m28:
แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่ได้เป็นพลังพิเศษ....เอะ ยังไง  :a5: 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 09-10-2015 21:12:30
อ่านยาวๆกันเลยทีเดียว มาต่ออีกบ่อยๆนะเบบี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 10-10-2015 05:53:10
สนุกดีค่ะ ตัวละครเยอะ จนจับคุ่ไม่ถูก
อยากให้ผู้ชายได้กันไปหมดทุกคน 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-10-2015 14:29:12
ตอนที่ 4
..ไฟ..




"ไอ้รุ่งเขยิบไปหน่อยสิวะ" ไอ้เด่นกระซิบบอกพร้อมนำตีนเขี่ยไอ้รุ่งด้วย  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นอายุเท่ากัน  ส่วนไอ้รุ่งกับไอ้หินอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น  ดังนั้นจึงอ่อนกว่าไอ้เข้มกับไอ้เด่นอยู่สองสามปี

"โหย พี่ไม่ไปดูทางนั้นเล่า" ไอ้รุ่งว่ากลับแต่ก็ไม่วายจะเขยิบถอยห่างให้  พวกมันพากันเกาะที่ประตูกระจกบานเล็กมุมหนึ่งของโรงฝึก  เป็นโซนเดียวที่สามารถมองเข้าไปด้านในได้ถ้าคนด้านในไม่ได้ปิดผ้าม่านไว้ให้เรียบร้อยดี

"เบา ๆ สิฮะ" ไอ้หินกระซิบเตือนอย่างสุภาพชนที่สุด  ผมกับพี่ธานยืนมองพวกมันอยู่ทางด้านหลัง  ผมก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อจะมองเห็นเข้าไปด้านในได้ถนัดขึ้น  พบว่าตอนนี้พายุกำลังซ้อมกระบวนท่าเพลงหมัดมวยอยู่  มันใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงผ้าขายาวสีขาวโดยพันแขนเสื้อขึ้นจนถึงต้นแขนตัวเอง  ชุดนี้คือชุดประจำที่น้องชายผมแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวเลยเวลาที่ซ้อม

"จบแล้วอ่ะ เซ็งเลย" ไอ้เด่นบ่นด้วยท่าทางเสียดาย

"บอกให้แอบมาดูตั้งแต่เมื่อกี้แล้วก็ไม่เชื่อ" ไอ้รุ่งหันไปว่าไอ้หิน  ไอ้หินทำหน้าหงอยไม่ต่าง  เมื่อพวกมันเห็นว่าพายุจบกระบวนท่าก่อนนิ่งสนิทไป  พวกเราทุกคนพากันหุบปากเงียบเพราะพายุยืนสงบนิ่งไปแล้ว  พอพายุเริ่มขยับตัวผมจึงชักเท้าถอยหลังกลับไปเล็กน้อยตามสัญชาตญาณของคนเป็นพี่  และถ้าคาดการณ์ไม่ผิดพายุจะต้องรู้แล้วแน่ว่ามีคนแอบดูอยู่  หูมันดียิ่งกว่าหูหมาซะอีก  พายุเดินไปที่ที่วางอาวุธพร้อมกับหยิบพลองออกมา  ผมกับพี่ธานรู้แกวจึงถอยหลังตั้งหลักพร้อมกัน  แต่ลูกน้องผมยังเกาะกระจกดูอย่างตื่นเต้น  คนในห้องยืนหันหลังให้พวกผม  ในมือถือพลองไว้นิ่ง ๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวพลองก็ลอยดิ่งตรงมาทางพวกเราในทันที

"เหวอออออออ~" ลูกน้องผมเพิ่งได้สติ  พวกมันร้องเสียงหลง  พากันแตกฮือวงกระจายไปคนละทาง  ผมกับพี่ธานหัวเราะ



ตึง !!!  ...เสียงพลองกระทบเข้ากับฝาผนังอย่างจงใจไม่ให้โดนกระจก  แม่นยำอย่างกับจับวางก่อนจะได้ยินเสียงพลองร่วงหล่นลงกระทบกับพื้นห้องอย่างแรง

เคล้ง !!! 
"ไอ้พวกเวร!" พายุตะโกนดังมาจากด้านใน

"ขอโทษค้าบ! พวกผมจะไม่แอบดูอีกแล้วค้าบ!!" ไอ้เข้ม ไอ้เด่น ไอ้รุ่งและไอ้หิน  พากันพูดประสานเสียง  ประโยคแบบนี้พวกมันน่าจะพูดบอกพายุเป็นรอบที่ล้านได้แล้วละมังครับ 

"หึหึ" พี่ธานปิดปากหัวเราะชอบใจ  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในโรงฝึกซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่มีใครกล้าตามผมเข้ามาสักคน  ผมหันไปมองพลองที่ตกอยู่บนพื้นก่อนก้มลงเก็บขึ้นมา  พายุยืนมองผมหน้านิ่งเหมือนหมาที่ไม่ไว้ใจแม้กระทั่งเจ้าของ ๆ ตัวเอง  สายตาเดียวกันกับที่มันชอบมองคู่ต่อสู้เวลาที่อยู่ในเกม  ผมแสยะยิ้มก่อนควงพลองช้า ๆ พายุมองตามไม่วางตา



ฟิ้ววววววว!  ...เสียงความเร็วของพลองที่ลอยไปทางพายุดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในโรงฝึก
หมับ!!  ...เป้าหมายรับได้ในทันทีโดยไม่แม้แต่จำเป็นต้องขยับตัว 

"กำแพงเป็นรอยน่ะ จะระบายอารมณ์ก็ให้มันเบา ๆ หน่อย" ผมยิ้มบ่นก่อนถอดเสื้อออกแล้วทิ้งลงบนพื้น
 
"ก็พวกมันแอบดู" พายุพูดแล้วนำพลองเก็บเข้าที่เดิม

"ก็แค่แอบดู" ผมย้อน

"แต่ยุไม่ชอบ" มันพูดเสียงแข็งก่อนหันมามองหน้าผม  เรายืนจังก้ากันคนละฝั่งของโรงฝึก 

"อยากอ้วกแตกรึไง" พายุเบะปากอมยิ้มอย่างเหนือกว่า  มันเหล่สายตาด้วยท่าทางหยิ่งยโสไปอีกทาง  ผมยักคิ้วกวนอารมณ์มันอย่างไร้รอยยิ้ม  ทางผมเริ่มคำนับก่อนเพื่อเป็นการบอกอีกฝ่ายว่าผมจะไม่ใช้มวยไทยในการต่อสู้กับมัน  ผมเป็นเพียงคนเดียวในบ้านที่เป็นคู่ซ้อมกังฟูและคาราเต้ให้กับพายุได้  นอกนั้นเอามันไม่อยู่สักคน  ยิ่งพอมันกลัวว่าพวกลูกน้องจะรับแรงของมันไว้ไม่ไหว  พายุก็ยิ่งออกแรงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย  การสู้ตัวต่อตัวระหว่างผมกับน้องชาย  ถ้าผมไม่ใช่กังฟูอย่างเดียวในการต่อสู้  ผมมักจะชนะเสมอแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมใช้กังฟูอย่างเดียวในการต่อสู้กับมัน  ผมมักจะแพ้เสมออีกเช่นกัน  ซึ่งจะให้ผมละเอียดอ่อนและชำนาญทางด้านกังฟูเท่าพายุคงเป็นไปไม่ได้  ดังนั้น..เราเองก็ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าควรใส่แรงต่อสู้กันแค่ไหนถึงจะพอดี  ในขณะเดียวกันก็ไม่กลัวที่จะปล่อยของที่มีออกมาสู้กันด้วย

ในหลาย ๆ ครั้งที่พายุมีแข่งสำคัญ  เวลาที่ผมเป็นคู่ซ้อมให้กับพายุ  ผมก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องควบคุมตัวเองและยั้งแรงเอาไว้พอสมควร  เพราะอย่างไรก็ตาม..ผมก็เป็นเพียงคู่ซ้อมให้เท่านั้น  ถ้าพายุจะออกพลังทั้งหมดที่มันมีได้  ต้องขึ้นอยู่กับว่าการซ้อมนั้นจริงจังในระดับไหน  อีกทั้งมันจะใส่เต็มแรงก็ต่อเมื่อคู่ซ้อมนั้นมีฝีมือกังฟูที่เท่าเทียมกันหรืออาจมากกว่า  บางครั้งครูก็จำเป็นต้องบินมาหาและบางครั้งมันก็จำเป็นต้องบินไปเก็บตัวที่เซี่ยงไฮ้บ้างเป็นครั้งคราว

..พายุคำนับกลับและเริ่มวาดท่าออกอย่างช้า ๆ ตาจ้องมองมาที่ผมไม่กะพริบ  เพียงครู่เดียวมันก็ตีลังกามาอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับวาดหมัดจะชกเข้ามาที่ท้องซะแล้ว  ไอ้นี่มันชอบบุกตอนที่คนอื่นขยับร่างกายไม่ทันตลอด  ผมปัดป้องก่อนจะเกี่ยวแขนมันเข้ามาประชิดตัว

"ดื่มมาใช่ไหม" พายุที่ประชันหน้าใกล้กับผมเพียงคืบเดียวกัดฟันถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"นิดเดียวเองนะ" ผมอมยิ้มพูดอย่างเจ้าเล่ห์

"ใครสนกันหะ! เหม็นที่สุด!" มันกัดฟันพูดบอกผมด้วยสีหน้ารับไม่ได้  ดูท่าแล้วผมจะทำให้มันหงุดหงิดพอดู  พายุไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่  มันเกลียดแอลกอฮอล์และของมึนเมาทุกชนิด  อีกทั้งไม่ค่อยชอบที่จะคลุกคลีอยู่กับคนที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่อีกด้วย 

"หึ" ผมหัวเราะอย่างอดขำไม่ได้

"อ่ะ!!" อีกฝ่ายร้องเรียกพลังพร้อมกับออกแรงปัดแขนผมที่เกี่ยวแขนมันไว้ออกอย่างแรง



ปึก!  ...เสียงฝ่ามือกระทบเข้าที่หน้าอกผม  ทั้งที่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจทำแรงมากแต่ก็จุกที่อกได้เหมือนกัน  ตัวผมเซถอยหลังไปเล็กน้อย 

"........." เรายืนเงียบ  จ้องตากันเขม็ง  พายุชักเท้าขวากลับไปทางด้านหลัง  มือตั้งกาดออกเหมือนปล่อยให้ผมได้ตั้งตัว  ผมเองก็ทำเช่นกัน  อีกฝ่ายอมยิ้มเล็กน้อย  ทันใดนั้นมันก็พุ่งตัวเข้ามาเตะซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว  ผมนำแขนป้องปัดก่อนถีบเข้าที่ท้องอีกฝ่ายจนเซถอยไป

"ย้าก!" อีกฝ่ายสบถ  เราต่างฝ่ายต่างพุ่งเข้าหากันพร้อมกับปล่อยของที่มี  นี่ไม่ใช่การซ้อมคู่กันครั้งแรกและแน่นอนว่าเราไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไร  น้อยครั้งที่เราจะลงมือลงแรง  การต่อสู้ระหว่างเราสองพี่น้องถ้าคนดูการต่อสู้เป็นก็คงจะรู้ดีว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายใส่  ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามจะพยายามป้องปัดและตอบกลับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  เสียงต่อสู้ระหว่างเราดังก้องไปทั่วโรงฝึก  คงเพราะดึกมากแล้วและทั้งข้างในและข้างนอกไม่มีเสียงรบกวนอื่นใดเลย

"เฮือก อ้าก!!!" เสียงเราสองพี่น้องตะโกนดังลั่น  ต่างฝ่ายต่างปล่อยหมัดเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างจังจนตัวกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง  ทันทีที่ทั้งผมและพายุหลังกระแทกลงกับพื้น  อีกฝ่ายที่ดูจะสุขภาพร่างกายช่างสมบูรณ์พร้อมกว่า  ก็กระโดนขึ้นยืนได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่ถึงเสี่ยววินาทีด้วยซ้ำ  พายุพุ่งชี้เท้ามาซ้ำผมชั่วพริบตา  ผมลุกหนีไม่ทัน  หลังของผมถอยถูไปกับพื้นทางด้านหลังแต่มือยังไม่หยุดทำหน้าที่ปัดป้อง  ผมแสยะยิ้มพร้อมออกแรงดึงขากางเกงพายุก่อนตวัดกลับด้านอย่างแรงในทันที  ตัวพายุล้มลงหมุนเป็นเกลียวแต่ก็ยังเท้าแขนกับพื้นรับน้ำหนักตัวเองไว้ได้อย่างชำนาญ  ขณะที่พายุล้มลงกับพื้นผมจึงถือโอกาสนี้กระโดดขึ้นยืนทันควัน  พายุกัดฟันแน่นเหมือนหมันไส้อะไรผมสักอย่าง 

"เฮ้อ..นี่ขนาดดื่มมานะเนี้ย" ผมเท้าเอว  ยิ้มกว้างพร้อมส่ายหัวไปมากวนอารมณ์ให้  พายุมองผมตาขวาง  มันดีดตัวเองลุกขึ้นด้วยความเร็วเพียงกะพริบตา  ขาของมันฟาดกว้างมาเหมือนตั้งใจจะเตะก้านคอผมอย่างตั้งใจ  ผมหลบในทันทีเพราะรู้ว่ามันหลอกและมันกำลังจะทำอะไร  แต่ดูเหมือนผมจะไม่ทันน้องชายตัวเองเสียแล้ว  ทันทีที่เห็นว่าฝ่ามือของพายุทั้งสองมือกำลังจะพุ่งเข้าหา  ดูท่าเมื่อกี้ผมจะทำให้น้องผมโกรธเอามาก ๆ และมันคงปล่อยแรงมาแบบไม่ยั้งมือเป็นแน่  พอคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น  ผมจึงฟาดมือเข้าที่ต้นคอพายุเพื่อดักความแรงของอีกฝ่ายเอาไว้



ปึก!  ....เสียงฝ่ามือผมฟาดลงที่ต้นคอของพายุอย่างแรง

ปึก!!!  ....เสียงฝ่ามือที่พายุชกเข้ามาที่ท้องผมก็เต็มแรงเช่นกัน  ผมตัวเซถอยหลังกลับไปแทบล้มแต่ก็ยังทรงตัวไว้ได้อยู่  เจ๋งเป้ง..ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังคงตั้งหลักยืนเอาไว้ได้ 

"อุก" ผมร้องด้วยรู้สึกจุกที่ท้องและผะอืดผะอมในทันที  อย่างกับเบียร์ที่กินมาเมื่อกี้ดันขึ้นมาถึงคอหอย  พายุนอนนิ่งอยู่บนพื้น  มันจับต้นคอตัวเองที่โดนผมฟาดเข้าไปด้วยท่าทางเจ็บจริง  พายุเท้าแขนนอนหอบก่อนลุกขึ้นนั่งเหล่มองหน้าผม

"ฮา!" ผมปล่อยลมออกจากปากอย่างแรงเนื่องจากรู้สึกหน่วงอยู่ที่อก 

"ปล่อยหมัดแบบนี้..รักกูล้วน ๆ เลยสินะ" ผมยังอดกวนมันไม่ได้  พายุลุกขึ้นด้วยสีหน้าถมึงทึงตรงมาทางผม

"ถ้าคราวหน้าเฮียดื่มแล้วเข้ามาใกล้ยุอีก อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน" พายุพูดเสียงแข็งแกมขู่

"จ้ะ" ผมยิ้มกะล่อน
"..แต่ตอนนี้มึงเป็นฝ่ายเข้าหากูก่อนนะ" ผมเตือนสติ  พายุได้สติเลยถอยห่างไปเล็กน้อย  ผมยิ้มกว้างเอื้อมมือไปล็อกคอมันไว้พร้อมกับเป่าปากปล่อยลมใส่หน้าพายุดัง "ฟู่~" พายุหลับตาปี๋  พอผมหยุดเท่านั้น อีกฝ่ายที่ลืมตาขึ้นทำหน้าเหมือนพายุที่กำลังก่อตัวเตรียมเป็นทอร์นาโดเลยทีเดียว  พายุง้างมือจะตบผมอีก  ผมหลบได้ทันแล้วถอยห่างออกมา  อีกฝ่ายตัวเซไปคงเพราะมึนกลิ่นเบียร์จากลมปากของผม 

"เมาก็ไปนอนซะ ไอ้เฮียบ้า" พายุว่าหน้าซีด

"หึหึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะ

"นาย!"

"คุณพายุ!" พวกลูกน้องที่อยู่ด้านนอกพากันแห่เข้ามาด้วยความเห็นห่วงแต่ก็เหมือนไม่กล้าเข้ามาช่วยพยุง  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นยืนมองด้วยสายตาเป็นห่วงพายุแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้คงเพราะตัวมันก็คงติดกลิ่นบุหรี่จากในผับเมื่อกี้มาด้วย  ผมกับพายุพากันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติ  ผมขยับเท้ายืดตัวตรง  พายุขยับต้นคอเล็กน้อยเพื่อสำรวจตัวเองเช่นกัน  เมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าที่เข้าทาง  ไอ้รุ่งกับไอ้หินก็เข้าไปช่วยพยุงตัวพายุไว้  เราต่างยังไม่ลืมที่จะหันมาคำนับกันและกันเป็นครั้งสุดท้ายว่าคืนนี้ปิดเกมเพียงเท่านี้  แต่พายุก็ยังไม่เลิกมองผมด้วยหางตา  ผมเบะปากอมยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา

"..มีแต่กลิ่นน่าขยะแขยง อึก" จู่ ๆ พายุก็ทำท่าผะอืดผะอมอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่  ผมกลั้นหัวเราะทันทีเพราะรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้  พายุนำมือปิดปากเดินหนีพวกผมไปพร้อมกับไอ้หินและไอ้รุ่ง 

"เกลียดไม่เลิกจริง ๆ เลยนะครับ" พี่ธานพูดแกมหัวเราะ

"จุกเลยเนี่ย" ผมบ่นกับพี่ธาน  ไอ้เข้มเดินไปเก็บเสื้อของผมมาให้

"ปิดไฟด้วย" ผมหันไปสั่งไอ้เด่นแล้วเดินตามหลังน้องชายตัวเองที่ขยะแขยงเหล้าเป็นชีวิตจิตใจนั่นกลับเข้าไปในบ้าน



- - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-10-2015 14:30:27

16:30 น. ..ค่ายมวยศรไกร
ขณะนี้ผมกำลังแอบดูคนในค่ายมวยศรไกรกำลังซ้อมมวยอยู่  ตามข้อมูลที่ทราบมาจากพี่ธานก่อนหน้านี้คือ  ที่ค่ายนี้มีนักมวยอาชีพตัวเด่นที่ทำชื่อเสียงให้กับค่ายมีแค่สองคนเท่านั้น  และนักมวยอาชีพรุ่นเล็กอีกแค่สี่คน  คือพูดง่าย ๆ จากที่ได้ยินมาและกระทั่งในตอนนี้ได้มาเห็นสภาพของค่ายแล้ว  ค่ายแบบนี้ไม่น่าจะกระเสือกกระสนอยู่ได้นานขนาดนี้น่ะนะ

"หน่วยก้านก็พอใช้ได้นี่ แล้วไหงไม่ดังวะ" ผมบ่นแล้วหันมามองหน้าพี่ธาน  ตอนนี้ผม พี่ธานและไอ้เด่นกำลังยืนอยู่แถวรั้วผุ ๆ หน้าค่ายที่มีป่าหญ้าขึ้นบ้างประปราย  ด้านในกำลังซ้อมกันเสียงดังทีเดียว 

"เคยชนะน็อกหนึ่งครั้ง ชนะคะแนนยี่สิบสี่ครั้ง แพ้แปดครั้ง เสมอสี่ แพ้น็อกหนึ่งครั้งครับ" พี่ธานรีบแจงรายละเอียดอย่างกับรู้ว่าผมต้องการอะไร

"หึ..แพ้น็อกหนึ่งครั้ง ชนะน็อกหนึ่ง" ผมอดยิ้มมุมปากไม่ได้ 

"ได้ข่าวจากวงในมาว่า นานมาแล้วน่ะครับ ค่ายสิงห์หาญ..เคยจ้างให้ค่ายศรไกรล้มมวย" พี่ธานบอก  ค่ายสิงห์หาญคือค่ายของ.."เสี่ยยุทธ" เพื่อนเก่าของพ่อผมเอง

"แต่ลุงเสือ เจ้าของค่ายศรไกรรุ่นนี้ไม่ยอมทำ..วงในก็เลยขัดขากันจนค่ายนี้ตกต่ำอย่างที่เห็น" พี่ธานพูด  ไอ้เด่นยืนฟังหน้าเครียด  แต่ผมว่าดูมันจะสงสัยมากกว่าเครียดนะครับ  เพราะที่มาที่ไปทั้งหมดก็มีเพียงแค่ผมกับพี่ธานเท่านั้นที่รู้กันอยู่แค่สองคน

"ผมว่าไม่ใช่แค่นั้นรึเปล่า" ผมวิเคราะห์เพราะเหมือนยังมีตื้นลึกหนาบางอะไรมากกว่านี้

"ผมก็ไม่รู้นะครับ ที่รู้เพิ่มก็มีแค่..เมียของเจ้าของค่ายติดการพนันด้วย จากที่ทราบมามีเท่านี้" พี่ธานบอก

"แล้วตอนนี้เมียอยู่ไหน" ผมถามถึง

"โดนเจ้าหนี้ฆ่าตายไปแล้วครับ" ผมพยักหน้ารับ

"เล่นบ่อนใหญ่สินะ" ผมพูด

"แล้วหนี้เหลือเท่าไหร่" ผมถามอีก  มือหมุนโทรศัพท์มือถือเล่นไปพลาง
 
"เห็นว่าใช้เกือบหมดแล้วครับ ตอนนี้เหลือประมาณสามแสน" พี่ธานตอบ  ผมพยักหน้ารับรู้และคิดว่าวงเงินขนาดนี้กับคนสภาพนี้คงมากโขทีเดียว 

"เอ๊ะ" พี่ธานกับไอ้เด่นอุทานทันทีที่เห็นผมขยับตัวทำท่าจะเดินเข้าไปในค่าย

"คุณไฟจะทำอะไรครับ" พี่ธานรีบถาม  ผมฉีกยิ้มให้และเลี่ยงที่จะไม่ตอบก่อนเดินตรงเข้าไปในค่าย  ทั้งนักมวยและนักเรียนที่มาเรียนต่างพากันหันมามองที่พวกผมเป็นตาเดียว  ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างไม่ให้ผิดสังเกตนัก  พยายามทำตัวให้เป็นปกติธรรมดา  สมุทรหันมาเห็นพอดี  เขายืนมองหน้าผมนิ่ง ๆ

"รับสอนมวยไหมครับ" ผมถาม  ตาจ้องเจาะจงไปที่สมุทรเพียงคนเดียวเป็นการแสดงออกว่าผมต้องการคำตอบจากเขาคนเดียวเท่านั้น  ไม่ใช่คนอื่น  อีกฝ่ายยืนนิ่ง  มองผมด้วยสายตาเชิงสำรวจ 

"รับครับ" สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ใบหน้านิ่งขรึมนั่นไม่ได้ทำให้รูปประโยคที่พูดนั้นฟังดูไม่น่าฟังแต่อย่างใด  เขาวางนวมที่กำลังทำความสะอาดอยู่ลงแล้วเดินตรงมาหาผม  อีกฝ่ายมองทั้งผม พี่ธานและไอ้เด่นเหมือนไม่ค่อยแน่ใจว่าผมนั้นต้องการมาเรียนจริง ๆ

"ที่จริง..ผมอยากชกกับคุณน่ะ" ผมพูดลองเชิงเผื่อจะฟลุค  จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาที่บอกว่าผมพูดเล่นไม่ได้จริงจังอะไรเพื่อให้เขาได้เป็นฝ่ายเลือก  สมุทรชะงักเล็กน้อย  สีหน้าดูครุ่นคิด  เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง  ผมยืนเงียบรอเพราะอยากดูปฏิกิริยาว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร 

"ผมไม่ชกนอกการแข่งขันน่ะครับ" สมุทรตอบพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยอย่างเป็นมิตร  สายตาที่จ้องเขม็งกลับมาให้ผมเหมือนกับต้องการสื่อว่าเขาก็พูดจริงไม่พูดเล่นเช่นกัน 

"หึ" ผมหัวเราะเบา ๆ ดูจากรอยยิ้มแล้วอีกฝ่ายท่าจะใจเย็นไม่เบา  จะเย็นได้ถึงขนาดไหน  ผมละอยากจะรู้จริง ๆ

"งั้นไม่เป็นไร แค่เรียนเฉย ๆ ก็ได้" ผมพูด  อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้ารับ

"ได้ครับ" เขารับคำ

"ถ้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องน้ำอยู่ทางนู้นนะครับ" สมุทรชี้มือไปทางด้านหลัง  ผมพยักหน้าตอบก่อนหันกลับไปมองหน้าไอ้เด่น

"ไปเอาเสื้อผ้าหลังรถให้หน่อย" ผมสั่ง  ปกติหลังรถผมจะมีพวกชุดกีฬาต่าง ๆ เตรียมไว้พร้อมเสมออยู่แล้ว

"ครับ" ไอ้เด่นพยักหน้าแล้วรีบวิ่งไป  ทุกคนในค่ายมีสีหน้าสงสัยจนจับสังเกตได้  พวกเขาหันไปตั้งหน้าตั้งตาซ้อมต่อเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น  มันน่าสนุกดีตรงที่สมุทรเองก็คงอยากรู้ว่าผมเป็นใครแต่เขากลับไม่ถามสักนิดเดียว  สีหน้าที่เหมือนจะสงสัยนั่นก็หายไปสนิทหลังจากคุยกับผมเสร็จ 

อีกฝ่ายเดินกลับไปเช็ดนวมต่อโดยไม่ได้หันมามองผมอีก  ผมยังคงยืนมองเขาในระยะสามสี่เมตรจากที่เดิม  ทำให้เห็นรูปร่างของเขาในมุมกว้างได้เต็มตา  เขาใส่เพียงกางเกงมวยตัวเดียวยิ่งทำให้สำรวจได้ทุกทรวดทรง  ซึ่งพอเห็นอย่างนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสำรวจรูปร่างของฝ่ายนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าตามนิสัยที่ชอบมองรูปร่างคนอื่น  เทียบจากที่ยืนใกล้กันเมื่อครู่นี้สรุปจากสายตาได้ว่าอีกฝ่ายสูงกว่าผมเล็กน้อย  คาดคะเนจากปลายจมูกของเขาที่อยู่สูงกว่าปลายจมูกของผม  ผมคิดว่าเขาน่าจะสูงกว่าผมประมาณ 2-3 เซนติเมตร  ไม่น่าเกินจากนี้ 

จากความรู้ที่ได้รับมาจากการคลุกคลีอยู่กับนักโภชนาการและเทรนเนอร์มากมาย  ผมก็พอจะมีความรู้ประดับสมองอยู่บ้าง  สมุทรจัดอยู่ในรูปร่างแบบ Mesomorph คือสมส่วน  ลักษณะของรูปร่างเป็นรูปทรงแบบสามเหลี่ยม  คือความกว้างของไหล่ เอวและสะโพกจะมีความกว้างที่เท่า ๆ กันไม่ต่างกันนัก  แต่ของสมุทรไม่ได้จัดว่าเท่ากันจนเกินไป  กล้ามหน้าท้องจัดว่าค่อนข้างหนากว่าถ้าต้องเทียบกับผม  กล้ามระหว่างช่วงไหล่ แขนลงมาถึงสะโพกมีกล้ามที่สวยสมส่วนและบุคลิกดูดีไม่ใช่ทุกคนจะได้รูปร่างแบบนี้  นักเล่นกล้ามบางคนถ้ารู้ว่าตนเองมีรูปร่างแบบสามเหลี่ยม  หรือบางคนหนักไปกว่านั้นคือเป็นทรงตรงไปเลย  ก็จะมีช่วงเอวที่เท่า ๆ กับช่วงหัวไหล่  ซึ่งพวกที่ชอบเล่นกล้ามบางคนก็มักจะพยายามสร้างกล้ามเนื้อจนช่วงไหล่และช่วงแขนที่ใหญ่จนเกินไปเพื่อให้ดูส่วนสะโพกเล็กลง  ซึ่งปกติผมไม่ค่อยชอบแบบนั้นเท่าไหร่  แต่ไม่รู้ว่าสมุทรทำอย่างไรถึงทำให้รูปร่างทรงนี้ได้กล้ามออกมาสวยพอดิบพอดีเป๊ะ 

ร่างกายของผมจัดอยู่ในแบบ Mesomorph เหมือนสมุทร  คือไม่ว่าจะหยิบจับอะไรกล้ามเนื้อก็ก่อตัวขึ้นได้ง่ายดายกว่ารูปร่างในแบบอื่น ๆ ลักษณะรูปร่างของผมเป็นแบบสอบเข้า  เรียกว่าสมบูรณ์แบบกว่าลักษณะแบบของสมุทร  เป็นรูปร่างที่หาเสื้อผ้าใส่ได้ง่ายกว่าเขา  มองดูแล้วช่วงไหล่ของผมกว้างกว่าสมุทร  ลักษณะของกล้ามเนื้อช่วงไหล่ก็ต่างกัน  สะโพกและเอวของผมถึงแม้จะเป็นกล้ามหน้าท้องแต่ก็จัดอยู่ในรูปร่างส่วนนี้ที่เล็กกว่าอีกฝ่าย  ซิกแพคของเราต่างกันไปคนละแบบ  ส่วนหัวไหล่และอกของผมกล้ามจะเด่นชัดกว่าสมุทรมาก  แต่สมุทรมีกล้ามตรงส่วนของหน้าท้องที่เด่นชัดกว่าของผม  ซึ่งถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วการที่ได้เห็นเนื้อตัวที่ไร้ไขมัน  มีแต่กล้ามเนื้อที่สมส่วนนี้  มันบอกได้ชัดเจนว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นนักกีฬาก็คงเข้าฟิตเนสฝึกอย่างหนักแน่  หรือถ้าสภาพไม่ได้ดูเป็นคนมีอันจะกินขนาดนั้น  เขาก็คงจะเป็นคนที่ใช้พลังและแรงงานในแต่ละวันที่หนักมากพอดู     
 
"มองพอรึยังครับ" พี่ธานเข้ามากระซิบแซว  ผมยังไม่ละสายตาอยู่ดี  อยากจะรู้ว่าถ้ายืนจ้องอย่างนี้แล้วอีกฝ่ายรู้ตัวจะทำหน้าอย่างไร

"หุ่นแบบนี้นี่ สเปกคุณไฟเลยนะครับ" พี่ธานแซวไม่เลิก

"ขอบคุณครับที่เตือน" ผมอมยิ้มหันไปย้อนใส่พี่ธาน  พี่ธานหัวเราะที่ผมดันประชดกลับแบบนั้น

"ได้แล้วครับนาย" ไอ้เด่นวิ่งกลับมาแล้วยื่นกระเป๋าให้

"ให้เด่นเข้าไปเป็นเพื่อนไหมครับ" ไอ้เด่นถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง  คงเพราะดูจากสภาพห้องน้ำของที่นี่แล้วอาจจะมีตัวอะไรฉกตายในนั้นก็เป็นได้  ประกันชีวิตน่าจะเป็นประโยชน์ก็เวลานี้

"ทำไม..จะเปลี่ยนกางเกงในให้กูรึไง" ผมมองเจ้าเล่ห์  ไอ้เด่นยิ้มเขินทันที  พี่ธานหัวเราะ 

"ถ้าพายุมาเห็น คงเป็นลมตายแน่ ๆ" ผมบ่น

"หึหึหึ" พี่ธานและไอ้เด่นพากันหัวเราะ  ผมเดินผ่านนักมวยที่ซ้อมอยู่เข้าไปในห้องน้ำที่ว่า  ห้องน้ำเก่า ๆ ผุ ๆ ที่ทำด้วยไม้  ในห้องน้ำมีแต่รูปผู้หญิงเอ็กซ์ตามสไตล์เหมือนค่ายมวยบ้านนอกอะไรเถือกนั้น  ในห้องน้ำก็สกปรกอย่าบอกใคร  ผมเปลี่ยนเสื้อกับกางเกงขาสั้น  พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ไอ้เด่นก็รีบมารับกระเป๋ากลับไป

"เคยซ้อมมาก่อนไหมครับ" สมุทรเข้ามาถาม 

"เคย" ผมตอบห้วน ๆ สายตาของผมจ้องตาอีกฝ่ายทุกการพูดคุย  ผมอยากจะอ่านอากัปกิริยาทั้งหมดที่นักมวยในค่ายโกโรโกโสแบบนี้ควรจะเป็น  จากที่พออ่านได้เผิน ๆ แล้ว  ทั้งสายตาและท่าทางของเขามันคืออะไรแน่  ค่อนข้างเป็นสิ่งที่แปลกตาในสถานที่แบบนี้มาก ๆ

"พันผ้าเป็นไหมครับ" สมุทรถามอีก

"ไม่เป็น" ผมตอบเสียงเรียบ  แน่นอนว่าผมโกหก..ทั้งผมและพี่ธานพันผ้าชกมวยเป็นก่อนที่จะรู้จักว่าชักว่าวคืออะไรซะอีก
อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มน้อย ๆ อย่างเข้าใจ  เขาหันกลับไปหยิบผ้าพันมือสภาพที่ใช้มาแล้วน่าจะประมาณล้านครั้งได้  ถ้าพายุเป็นผมในตอนนี้มันจะต้องอ้วก  ปล่อยพลังเด็กน้อยที่ปกปิดซ่อนไว้ออกมาแล้วร้องไห้กลับบ้านแน่นอน  ผมยืนนิ่งมองสมุทรที่เตรียมพับผ้าจะพันมือผมให้

"ขอมือด้วยครับ" อีกฝ่ายพูด  ผมยื่นมือขวาไปให้  เขาก้มหน้าก้มตาพันให้ผมอย่างตั้งใจ  ผมจ้อง  กวาดตามองมันตั้งแต่เส้นผม รูปหน้า หางคิ้ว จมูกและปาก  ใบหน้าภายนอกที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนแต่เมื่อไร้รอยยิ้มกลับดูขรึมเป็นพิเศษ  หึ..เฮงซวย  เจ็บใจตรงที่ท่าทางของเขามีเสน่ห์ชวนมองจริง ๆ นั่นแหละ 

ทั้งผมและเขาต่างเงียบ  พอสมุทรพันผ้าให้ผมที่มือขวาเสร็จ  เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผมเล็กน้อย  อีกฝ่ายยิ้มให้  ผมชะงัก  คิดไว้ไม่ผิดว่าเมื่อใบหน้านี้ตอนยิ้มนั้นจะให้ความรู้สึกตรงกันข้ามกับตอนที่ไม่ยิ้มถนัด  รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรจนรู้สึกแสบเบ้าตา  ผมไม่ได้ยิ้มตอบเพราะคิดไม่ทันว่าควรจะยิ้มดีไหม  ระหว่างที่คิดว่าควรยิ้มหรือไม่ควรยิ้มดี  อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงพันผ้าให้ต่อซึ่งก็ยิ้มไม่ทันซะแล้ว 

"..ขาวดีนะ" ผมบ่นเบา ๆ หมายถึงฟันของเขา  คิดว่ามันสวยดี
"หะ.." สมุทรเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมเหมือนได้ยินไม่ชัด
"อะไรนะครับ" เขาถาม
"เปล่า" ผมตอบปัดแล้วเบือนหน้าเพื่อให้เขาหยุดซักไซ้ด้วย   

"เดี๋ยววอร์มร่างกายก่อนนะครับ" สมุทรบอกหลังจากที่พันมือให้ผมเสร็จเรียบร้อย  ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินถอยห่างออกมาวอร์มร่างกายไปแบบไม่จริงจังอะไร  สมุทรเดินตามมาหยุดตรงหน้าแล้ววอร์มร่างกายตรงหน้าผม  เหมือนกับให้วอร์มไปพร้อม ๆ กัน  เราวอร์มร่างกายอยู่เงียบ ๆ อยู่ร่วมห้านาที  เสียงเพลงในค่ายและเสียงคนซ้อมมวยทำให้กลบความเงียบและก็คงจะกลบความสงสัยของอีกฝ่ายไปได้บ้าง  สักพักหนึ่งสมุทรเดินไปหยิบนวมมาให้ผมใส่ก่อนที่เขาจะใส่เป้าล่อ  ผมอมยิ้มในใจที่รู้ว่าฝ่ายที่จะเป็นคู่ซ้อมกับผมคือเขา  อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะรับไหวแค่ไหน  แต่ผมคงปล่อยออกไม่เยอะหรอก  ทำแบบนั้นมันคงจะดูเสร่อ 

"พร้อมนะครับ" สมุทรถาม  ผมพยักหน้าตอบ  เขาเดินนำไปยืนอยู่ในบริเวณที่กว้างพอ  ผมเดินตามไป  ผมคิดว่าถ้าอีกฝ่ายจะไม่โง่จนเกินไป  ก็คงจะอ่านผมออกได้จากการตั้งกาดของผมแล้วว่าผมเป็นมวยหรือไม่เป็น 

"แย็บมา" อีกฝ่ายชูแขนซ้ายขึ้นพร้อมบอก  ผมปล่อยหมัดแย็บออกไป

"หนึ่งสอง" สมุทรส่งสัญญาณบอกให้ผมปล่อยหมัดตรง  เมื่อผมปล่อยหมัดออกไปตามที่เขาสั่ง  สมุทรก็หยุดมือ  เขาเหลือบมองหน้าผมเล็กน้อย  ต่างคนต่างไม่ยอมพูดอะไร  การซ้อมเป็นไปอย่างเรียบ ๆ ในตอนแรก  จนเริ่มหนักและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อีกฝ่ายสั่งให้ผมปล่อยครบตั้งแต่หมัด เตะ เข่า ศอก หมัดฮุก หมัดสอยดาว ทุกท่วงท่าในท่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น  เขาให้ผมออกแรงรวดเร็วแบบไม่หยุด  ไม่มีคำพูดว่า "พักก่อน" อย่างที่เทรนเนอร์ควรจะทำ  ยิ่งผมยังมีแรงออกมากเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่หยุดที่จะทดสอบผมเท่านั้น  ผมแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ  เพราะดูท่าเขาคงได้รู้ในส่วนที่เขาต้องการจะรู้โดยไม่ต้องถามผมเรียบร้อยอย่างแน่แล้ว 

ยกหนึ่งผ่านไปจนยกสาม  สี่และห้าที่ดูเหมือนเขาจะตั้งใจสั่งให้ผมเตะซ้ายขวาหกสิบทีสลับไม่หยุดจนหมดยก  คนในค่ายหันมามองอย่างสนใจ  ทั้งผมและสมุทรต่างฝ่ายต่างหอบเหนื่อยทั้งคู่แต่ก็ยังมีแรงที่จะเล่นต่อ  เรายืนมองหน้ากัน  ผมยิ้มมุมปากให้  เขาอมยิ้มและไม่ได้พูดอะไร 

สมุทรถอดเป้าล่อออกด้วยสีหน้าไม่บอกอารมณ์  เขาเดินไปที่กระติกน้ำแล้วตักน้ำเดินนำมายื่นให้ผม  ผมรับมาแล้วยกขึ้นดื่มไม่ให้เสียมารยาท  เรายืนห่างกันเพียงช่วงแขนเท่านั้น  ผมมองหน้าเขาตลอดเวลาที่ดื่มน้ำอยู่  อีกฝ่ายสบตาเพียงเล็กน้อยก่อนเบนหน้าไปมองทางอื่น

"..ค่ายมวยเราเป็นค่ายมวยเล็ก ๆ คุณต้องการอะไร" อีกฝ่ายยิงคำถามตรงประเด็นในทันที  คำพูดและท่าทางของเขาที่ดูแล้วจะสมน้ำสมเนื้ออยู่ไม่น้อย  น้ำเสียงทุ่มต่ำ  ฟังดูเป็นคนใจเย็นแต่ทั้งคำพูดและสายตาดูเป็นคนเด็ดเดี่ยวพอควร  การรักษาท่าทีอย่างคนฉลาดนี้ทำให้ผมนึกอยากเล่นสนุกขึ้นมากไปกว่าเดิม

"จัดว่าเล็กมากทีเดียว" ผมเบะปากแขวะจนอีกฝ่ายเริ่มจ้องผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป  ดูเหมือนผมจะไปจี้จุดเข้าให้  อีกฝ่ายหันหน้าหนีผมเหมือนไม่คิดจะตอบโต้กลับ

"..ปล้ำกันไหม" ผมเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง  สมุทรหันมามองหน้าผมทันควัน

"ผมอยากลองปล้ำมวยกับคุณดู" ผมอมยิ้มกวนและไม่ละที่จะขยายความให้เขาเข้าใจ  อีกฝ่ายเริ่มมีสายตาที่นิ่งไปจากเดิม  เหมือนกับบอกเป็นนัยยะว่าเขาเริ่มไม่ไว้ใจผมมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว 

"ได้สิ" สมุทรตอบรับ 

การปล้ำมวยตีเข่าไม่ใช่คนเป็นมวยขั้นพื้นฐานจะทำได้เพราะการตีเข่าเป็นอาวุธที่ค่อนข้างอันตรายอย่างหนึ่งของศิลปะแม่ไม้มวยไทย  และถ้าร่างกายแข็งแรงไม่พอหรือนักมวยขาดทักษะทางด้านนี้ก็อาจจะทำให้ได้รับการบาดเจ็บได้ง่าย  แต่ดูจากคำถามของสมุทรที่ถามผมเมื่อครู่นี้แล้วเขาก็คงจะดูออกว่าผมสามารถปล้ำมวยกับเขาได้หรือไม่  ผมไม่ได้อยากเอาชนะหรอกนะครับแต่แค่อยากรู้เชิงมวยของอีกฝ่ายด้วยตัวเองก็เท่านั้น 

ผมถอนนวมออก  ไอ้เด่นมารับนวมไปวางเก็บตรงที่วางนวมของค่าย  มันเดินไปจุดนู้นจุดนี้ในค่ายมวยนี้อย่างนอบน้อมและเกรงใจ  ไม่ได้กร่างใส่เจ้าถิ่นอย่างที่ควรทำ  เมื่อคนในค่ายเห็นว่าผมจะปล้ำมวยกับสมุทรก็ดูเหมือนจะเป็นที่น่าสนใจขึ้นมา  บางคนแอบดูบ้าง  บางคนก็มีสีหน้าสงสัยในตัวผมอย่างเห็นได้ชัด 

การปล้ำมวยระหว่างเราสองคนดูจะธรรมดาในตอนแรก  คู่ต่อสู้ของผมเหมือนจะไม่กล้าออกอาวุธอะไรเสียด้วยซ้ำ  ผมจึงหยอกโดยการเริ่มออกแรงหนักและตีเข่าแรงขึ้นจนอีกฝ่ายเริ่มปล่อยเทคนิคสู้กลับให้เห็นอยู่เนือง ๆ แม้ทุกการเคลื่อนไหวของเราจะไม่รุนแรงมากแต่เทคนิคการดึง  การไล่แขนของเขานี้ทำให้ผมรู้สึกได้พลังขึ้นมาไม่น้อย  แรงที่เริ่มดึงดันสู้กันหนักมากขึ้นทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มเอาจริง  ลมหายใจกระทบกันหนักขึ้น  สมุทรตีเข่าเข้าที่ชายโครงผมพร้อมกับดันไว้อย่างแข็งแรง  เราสลับกันสู้แรงอยู่อย่างนั้นจนต่างฝ่ายต่างได้ยินเสียงหอบของกันและกัน  และน้ำเสียงเริ่มออกมาหนักขึ้นเรื่อย ๆ เวลาผ่านไปร่วมสิบห้ายี่สิบนาทีเห็นจะได้เป็นจังหวะที่สมุทรยันเข่าเข้ามาที่ตัวผมจนเราผละออกจากกัน  อีกทั้งสายตาแทบไม่ละจากกันเลย  ผมอมยิ้มอย่างอดไม่ได้ที่เห็นสายตาของสมุทรดูมีคำถามในนั้นเต็มไปหมด.. 
 
"พอเถอะครับ" พี่ธานห้ามขึ้น  ผมกัดลิ้น  ยิ้มให้สมุทรอย่างพอใจ  เขายืนแน่นิ่งจ้องผมตาแทบไม่กะพริบ  สายตาเรียบนิ่งนั่นไม่ใช่แค้นต่อผม  เอาชนะหรืออะไร  นิ่งขนาดนั้น..สติตายไปแล้วละมั้งน่ะ

"คุณไฟก็เลิกยิ้มแบบนั้นได้แล้วครับ" พี่ธานหันหลังให้สมุทรแล้วทำหน้าปรามใส่ผมด้วย 

"งั้นพี่ก็ต้องเลิกก่อนแล้วล่ะ พี่เลิกได้ไหมละ" ผมย้อนว่าเบา ๆ พร้อมผายมือกวนใส่พี่ธานตอบ

"คุณไฟ" พี่ธานย้ำเสียงอย่างเหนื่อยใจ

"โอเค" ผมรับปากพี่ธานแล้วหุบยิ้มลงก่อนเบี่ยงตัวไปมองหน้าสมุทรที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

"วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน" ผมตัดบท  ยังไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ถามอะไร  ผมก็เดินกลับไปหาไอ้เด่นแล้วหยิบขวดน้ำในมือมาราดตัวเพราะต้องการล้างเหงื่อออกอย่างลวก ๆ เนื่องจากไม่อยากเข้าไปในห้องน้ำนั่นอีก  ไอ้เด่นรีบจัดการนำผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ผมทั้งตัวทันที

"ให้เค้าไปพันนึง" ผมสั่งพี่ธาน  พี่ธานพยักหน้าแล้วหยิบเงินไปส่งให้สมุทร

"เดี๋ยวผมไปเอาเงินทอนมาให้ครับ" สมุทรรีบบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในค่ายทางด้านใน

"ไปเถอะ" ผมบอกแล้วเดินนำออกมาก่อน  หยิบเสื้อยืดออกมาใส่ไปเดินไป  ทั้งสองคนเดินตามมา
 
"เดี๋ยวก่อนครับ!" เสียงคนในค่ายมวยเรียกแว่ว ๆ ผมเดินออกมาไม่ได้สนใจจะหันกลับไป  แต่เสียงวิ่งก็ตามหลังมาติด ๆ

"เดี๋ยว! คุณ! เงินทอนครับ!" สมุทรตะโกนเรียก  ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง  เขาวิ่งมาด้วยสีหน้าตกใจ  ผมก้มลงมองเงินในมือของเขาที่มีทั้งหมดเจ็ดร้อยกว่าบาท  เราจ้องหน้าก่อนที่เขาจะยื่นเงินมาให้ผม

"ค่าสอนเท่าไหร่" ผมถามเพื่อต้องการความแน่ใจและไม่อยากจะเชื่อสายตา

"สองร้อยห้าสิบครับ สำหรับ..ผู้ใหญ่" สมุทรยิ้มตอบ

"หึ" ผมหัวเราะในราคาถูกจนน่าใจหายก่อนจะเมินและเดินหนี

"นี่คุณ!" สมุทรกระแทกเสียงเรียกอีกครั้ง  ครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจเสียแล้ว 

"........." ผมหันกลับไปมองหน้าเขา  เรายืนจ้องหน้ากันท่ามกลางความเงียบที่เริ่มก่อตัวขึ้น 

"คุณเป็นใครกันแน่" อีกฝ่ายถามทำเอาผมถึงกับนิ่งลง  ในหัวกำลังคิดว่าบอกไปตอนนี้เลยหรือว่าควรจะทำยังไงดี  ผมเลือกที่จะเงียบแล้วดึงเงินออกมาจากมือเขาอย่างตัดรำคาญ  เรื่องจะได้จบ ๆ

"ถ้าจะมาดู..." สมุทรพูดขึ้น

"เพราะการขึ้นชกคราวหน้าละก็"

"หึ ๆ..เดี๋ยวนี้เค้าดูคู่ชกกันด้วยวิธีนี้เหรอ หลบ ๆ ซ่อน ๆ อะไรเถือกนั้น..ฉันไม่ยักรู้" ผมเบะปากพูดบ่นและอดขำไม่ได้

"แบบนั้นมันเป็นวิถีของคนขี้ขลาดน่ะ หน้าตาฉันดูขี้ขลาดงั้นรึไง" ผมเลิกคิ้วพูดเบี่ยงประเด็นไปงั้น   
 
"..ครับ โทษที" อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น 

"ขอบคุณสำหรับวันนี้" ผมตัดบทบอกเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายคิดมากจนเกินไป 

"ยินดีครับ" สมุทรพยักหน้าตอบ  ผมเดินออกมา  ดีที่ก่อนหน้านี้บอกให้ไอ้เด่นจอดรถไว้ไกลจากค่ายมวยพอสมควร  ไม่อย่างนั้นเขาคงสงสัยไม่เลิกแน่

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 3 [ 19:37 น. - 7 ต.ค 58 หน้า 3 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-10-2015 14:32:52
"เป็นไงบ้างครับคุณไฟ" พี่ธานเข้ามาถาม

"ก็..ดูไม่โง่ดี" ผมยิ้มตอบอย่างพอใจ

"หึ..คุณนี่ก็" พี่ธานส่ายหัวอย่างหน่าย ๆ ผมพาลูกน้องไปนั่งดื่มที่ร้านกาแฟโบราณร้านเดิม  เรื่องอะไรผมจะกลับง่าย ๆ นี่ผมรีบเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อมาจับผิดอีกฝ่ายเลยนะครับ

"ขอผมเสียมารยาทหน่อยนะครับคุณไฟ.." พี่ธานพูดขึ้นหลังจากที่เครื่องดื่มนำมาเสิร์ฟครบสำหรับเราทุกคน

"คุณน่าจะเลิกยิ้มแบบนั้นต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักกันได้แล้วนะครับ" พี่ธานบ่นขึ้นมา  ผมถอนหายใจ  ไอ้เด่นยิ้มมอง

"ยิ้มแบบไหนไม่ทราบ" ผมมองพี่ธานอย่างกวนอารมณ์

"ก็แบบตอนนี้ไงครับ..ใช้สายตาแบบนี้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนคนที่คิดแต่เรื่องไม่ดีน่ะสิครับ" พี่ธานส่ายหัวตอบ

"อะไรที่มันไม่ดี ใครไม่อยากเลิกกันบ้างเล่า..ถ้ามันทำได้ง่าย ๆ ก็ดีสิ" ผมตอบกลับ  ขึ้นเสียงด้วยไม่ได้ 

"ก็หัดสิครับ" พี่ธานพูดอีก

"ทำไมพี่ต้องบ่นผมเรื่องนี้ด้วยล่ะ" ผมย้อนว่าอย่างไม่เข้าใจ  ร้อยวันพันปีเคยบ่นผมเรื่องนี้ที่ไหน

"ทำไม มีอะไร" ผมจับผิด

"เปล่าครับ แต่คุณไปทำแบบนั้น..อีกฝ่ายจะไม่ไว้ใจเราเอาได้" พี่ธานเตือนสติ 

"ชิ ช่างมันเถอะน่า" ผมจิปากแล้วกลอกตาหนี

"หน่วยก้านก็ดี ดูจากท่าทางแล้วก็มีการศึกษากว่าที่ประวัติควรจะเป็นอีกนะครับ" ไอ้เด่นพึมพำ
 
"หน้าตาก็พอใช้" ผมละสายตาจากโทรศัพท์มือถือที่กำลังเล่นอยู่ขึ้นมองหน้าไอ้เด่น

"ใคร.." พี่ธานขมวดคิ้วยิ้มถาม

"ถ้ามึงจะหมายถึงสมุทรละก็ เค้าหน้าตาดีกว่ามึงมากทีเดียวไอ้หลงตัวเอง" พี่ธานว่า  ผมหัวเราะ  ใช่แล้ว..จมูกโด่งแหลม  ตาเรียวเล็ก  ดวงตาเข้ากับรูปหน้าและจมูกพอดีเป๊ะ 

"โฮ~ พี่ธานอ่ะ" ไอ้เด่นเหวี่ยงเขิน ๆ เมื่อโดนขัดใจ

"คิดอะไรอีกละครับนั่น" พี่ธานหันหน้ามามองผมอย่างรู้ทัน

"หน้าผมเหมือนคิดอะไรเหรอ" ผมย้อนกวน ๆ พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายเหนื่อยที่จะย้อนเอาความ

"ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าจะมาอยู่ในค่ายแบบนั้น" ไอ้เด่นว่า 

"ทีมึงยังเคยอยู่ในป่าเลย" ผมว่า

"หึ..หึหึ" พี่ธานหลุดหัวเราะ

"นายอ่ะ" ไอ้เด่นทำเสียงหงอย ๆ ใส่

"หิวว่ะ" ผมบ่นขึ้น  อยู่ ๆ ก็รู้สึกหิวกะทันหัน  สงสัยเพราะออกแรงเยอะไปเมื่อกี้นี้ 

"ไปหาอะไรกินก่อนไหมครับ รอไปก็ยังไม่รู้เวลา" พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ไม่ล่ะ ไป ๆ กลับ ๆ" ผมบอกปัดเพราะผมไม่ชอบความวุ่นวาย  จะให้เดินทางไปกลับบ่อย ๆ ด้วยอารมณ์ตอนนี้ก็ไม่ใช่

"ซื้อไข่ปิ้งมาไป" ผมไล่ไอ้เด่นให้ไปซื้อไข่ปิ้งของคุณยายที่เพิ่งหาบเร่ขายไข่ปิ้งมาหยุดวางอยู่ที่หน้าร้านกาแฟนี้  ผมมองคุณยายเจ้าของไข่ปิ้ง  เธอทักทายกับคุณตาเจ้าของร้านกาแฟอย่างสนิทสนม

"พี่ธานเอาไหม" ผมถาม

"ไม่ดีกว่าครับ" พี่ธานตอบ

"ของกูสามลูก มึงเอากี่ลูกก็แล้วแต่มึง" ผมบอกพร้อมพยักหน้าให้มันหยิบเงินทอนที่วางอยู่บนโต๊ะที่ผมได้มาจากสมุทรเมื่อกี้นี้ไป  ไอ้เด่นรับทราบก่อนเดินไปซื้อไม่ถึงห้านาทีก็กลับมา
 
"ไม่ได้กินมานานแล้วนะนี่" ผมพูดแล้วเริ่มปลอกไข่ปิ้งของตัวเองออก  ไอ้เด่นก็ซื้อของตัวเองมาอีกสามลูก  เรานั่งกินกันไปคุยกันไป  นับว่าเป็นอารมณ์ที่สบาย ๆ เบาสุด ๆ เพราะผมเองก็ยังใส่กางเกงที่ซ้อมมวยตัวเดิมอยู่เลย  เหงื่อแห้งไปหมดแล้ว  ไข่ปิ้งก็รสชาติดีไม่น้อยทีเดียว  เมื่อกินเสร็จจะได้เวลาผมก็ลุกขึ้นเพราะกลัวว่าตัวเองจะรากงอกไปมากกว่านี้

"ยายครับ! ไข่ปิ้งหกลูกค้าบ" เสียงนุ่มคุ้นหูพูดสั่งไข่ปิ้งด้วยน้ำเสียงดีใจอยากกับได้ฟรี  ผมหันไปมอง  ต่างฝ่ายต่างชะงักที่เห็นกันและกัน  สมุทรใส่เสื้อยืดทับกางเกงมวยอย่างลวก ๆ พร้อมกับสะพายถุงผ้าที่คงใส่อะไรไว้  เขาคงทำหน้าที่เสร็จจากค่ายมวยแล้วละมัง 

"ไม่เอาสิบลูกไปเลยล่ะสมุทร..พรุ่งนี้ยายไม่ขายน้า" ยายพูดขึ้นเสียงดังลั่นทั้งที่ลูกค้ายืนห่างไม่ถึงเมตร

"ยายหูตึงแน่ ๆ" ไอ้เด่นวิเคราะห์

"ครับ..สิบลูกก็สิบลูก" สมุทรตอบ  เขาอมยิ้มพร้อมผงกหัวทักทายผมเล็กน้อยก่อนหันกลับไปมองยาย  สมุทรย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าเธอ  เมื่อเห็นหน้ากันขนาดนี้แล้วผมจึงรักษาท่าทีไม่ให้ผิดปกติ  ผมกลับมานั่งลงที่เดิมอีกครั้ง  ทั้งพี่ธานและไอ้เด่นก็นั่งตาม  เราทำเป็นพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ จนสมุทรซื้อไข่ปิ้งเสร็จอีกฝ่ายก็เดินเลี้ยวเข้าไปในซอยสี่ 

"ไปไหนวะ" ผมบ่น  ทุกคนส่ายหัว  ผมทิ้งระยะไว้ประมาณช่วงหนึ่งก่อนลุกเดินตามไป  เมื่อมองเข้าไปในซอยสี่ก็เห็นสมุทรกำลังเลือกซื้อผักสดอยู่ที่ร้านขายผักสดเล็ก ๆ ร้านหนึ่งด้วยท่าทางสนิทสนมกับคนขายอีกเช่นเคย 

"เฮ้ย ๆ ๆ นักมวยค่ายศรไกรว่ะพวกมึง!" เสียงร้องแซวดังมาจากทางด้านหลังซอย  ผมมองไปเห็นนักมวยกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมาพอดี  ไม่รู้ว่าจากค่ายไหน  ผมนับด้วยความรวดเร็ว  พวกมันมาด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน  สมุทรยังคงเลือกผักด้วยท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินอะไร  สีหน้าของคนขายของแถวนั้นเริ่มเปลี่ยนไปแต่คนที่ถูกกล่าวถึงยังคงเลือกผักอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวตามเคย 

"ว่าไงครับคุณสมุทร" นักมวยหนึ่งในนั้นพูดขึ้นเหมือต้องการเจาะจงหาเรื่อง  พวกมันพากันหยุดวิ่งในทันที  สมุทรไม่ได้หันกลับไปมองแม้แต่น้อย  เขายังคงเลือกผักทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเช่นเดิม 

"แผลรอบก่อนหายไม่ทันถูกซ้ำรอบหน้าซะม้าง" นักมวยอีกคนพูดขึ้น  พวกมันพากันหัวเราะเยาะเย้ยสมทบ  สมุทรรับถุงผักจากป้าคนขายมาและจ่ายเงินไป  ทั้งสองร่ำลากันก่อนที่สมุทรจะเดินต่อเข้าไปในซอย  นักมวยพวกนั้นหน้าถอดสีที่เห็นว่าฝ่ายที่โดนยั่วยุกลับไม่ตอบกลับใด ๆ กับพวกมัน

"อยากเย็-น้องดาวจังโว้ย!" นักมวยอีกคนตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น  ทันทีนั้นเองสมุทรถึงกับหยุดชะงัก

"ไอ้สัตว์" พี่ธานสบถเบา ๆ ผมกัดฟันมองอย่างรับไม่ได้  ทุกคนในนั้นนิ่งไปสนิท  มีเพียงพวกนักมวยกลุ่มนั้นที่พากันหัวเราะด้วยความสะใจใหญ่  ผมยืนมองเพราะอยากรู้ว่าคนที่ถูกต้อนด้วยคำพูดรุนแรงอย่างนั้นจะทำอย่างไรต่อ  ถ้าเป็นผม ๆ คงระเบิดอารมณ์กับประโยคเมื่อกี้ไปแล้วแน่ ๆ แต่สมุทรกลับเดินต่อไปอย่างไม่แยแส

"นักมวยค่ายมึงนี่ขี้ขลาดเหมือนกันหมดเลยรึเปล่าวะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" เสียงพวกมันยังคงเย้ยหยันไม่เลิก  หนึ่งในนั้นที่ดูจะเป็นรุ่นพี่กว่าเขาหน่อยเดินตรงดิ่งเข้าไปดักที่ด้านหน้าของสมุทรด้วยท่าทางหาเรื่อง  สมุทรหยุดเดินพร้อมจ้องตอบอีกฝ่ายเช่นกัน  พวกมันพากันไปต้อนสมุทรไว้เป็นวงกลม  พอคนที่ถูกต้อนทำท่าจะเดินหนีอีกครั้ง  พวกมันก็แห่กันเข้าไปประจันหน้าเอาไว้  ทั้งสองฝ่ายจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง  สมุทรก้มตัวลง  ปล่อยมือวางถุงผักและของที่เพิ่งซื้อมาลงบนพื้นถนนช้า ๆ คล้ายกับรู้ชะตากรรม 




ผลัวะ!  ...เสียงหมัดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากสมุทรจนกระทั่งฝั่งตรงข้ามที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับหน้าหงายไป  หลังจากนั้น  พวกมันเริ่มชุลมุนปล่อยหมัดกันให้มั่วไปหมด 

"เอาไงดีครับคุณไฟ" พี่ธานถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง  ผมนำมือห้ามเอาไว้ก่อนเพราะอยากดูฝีมือให้มันชัด ๆ ไปเลยว่าเขาจะเอาตัวรอดได้ถึงเมื่อไหร่  การต่อสู้สมน้ำสมเนื้อดีอย่างที่ผมต้องการจะเห็น  ผมจับเวลา  พวกนักมวยพวกนั้นแทบตามไม่ทันสมุทรเพียงคนเดียวเสียด้วยซ้ำ  เขารู้จักหลบหลีกเป็นอย่างดี  สี่นาทีผ่านไป  สุดท้ายแล้วสมุทรก็ต้องพลาดท่าเมื่อนักมวยทั้งสองคนเตะสกัดขาและเข้าไปล็อกแขนของเขาไว้จากทางด้านหลัง  ผมสังเกตคนรอบข้างแถว ๆ นี้  แทบไม่มีใครเอ่ยอะไรเลยด้วยซ้ำ  ไม่มีการร้องห้าม  ไม่มีการโทรตามตำรวจ  ทั้งที่ทุกคนก็มีสีหน้าที่เป็นห่วงสมุทรมากพอควร

"อึดไม่เบาแฮะ" ผมยิ้มมองนาฬิกา

"เก่งนักเหรอมึง!" นักมวยหัวโจกกัดฟันด้วยท่าทางแค้นสุดทน  มันนำมือปาดเลือดที่หัวคิ้ว  คิ้วมันแตกและปากมันก็แตกด้วยนั่นยิ่งทำให้หน้าตาน่าเกลียด ๆ ของมันดูแย่เข้าไปใหญ่



ผลัวะ! ผลัวะ!! ผลัวะ!!!  ...เสียงปล่อยหมัดเข้าที่ท้องและหน้าสามหมัดติดดังจนผมได้ยินชัดเจนว่ามันรุนแรงมาก  แต่ผมกลับไม่ได้ยินแม้เสียงร้องเจ็บปวดจากคนที่ถูกกระทำ  ไม่มีเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินสักนิดเดียว  พวกมันพากันรุมกระทืบอย่างกับอีกฝ่ายเป็นกระสอบทรายที่ไร้ความรู้สึก

"หึหึหึ.." อยู่ ๆ สมุทรก็หัวเราะขึ้น  พวกมันหยุดการกระทำมีสีหน้างุนงงมองไปที่เขา

"แม่ก็เป็นกระหรี่ พ่อมึงก็อัปรีย์..ถุย!" สมุทรพยายามพ่นเลือดที่ท่วมปากจนมันไหลลงพื้นออกมา  ทุกคนยืนมองเหมือนรอว่าสมุทรจะพูดอะไรต่อหรือไม่  เขาจ้องมองไปที่หัวโจกไม่วางตา 

"วัน ๆ ไม่ทำอะไร จ้องแต่จะเย็-ลูกสาวคนอื่นไปทั่ว หึ..กูละก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไม..มึงถึงได้เป็นแบบนี้ มึงคงแค้นที่แม่มึงถูกคนอื่นเย็-ไปทั่วสินะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" สมุทรพูดตะกุกตะกักบอกและหัวเราะออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง  ผมแสยะยิ้ม

"ไอ้สมุทร! ไอ้สัตว์!!" ดูเหมือนคำพูดจะจี้เข้าตรงจุด  นักมวยคนเดิมตาเหลือกคล้ายกับคนฟิวส์ขาด  มันซัดเข้าที่หน้าสมุทรหลายหมัดไม่ยั้งจนเพื่อนมันเข้าไปล็อกห้ามมันเอาไว้  ส่วนสมุทรหมดสภาพไปแล้ว

"พอเถอะพี่" นักมวยหนึ่งในนั้นห้ามหน้าเสีย 
 
"หึ..ปากใช้ได้เหมือนกันนี่" ผมยิ้มบอกพี่ธาน 

"คุณไฟครับ" พี่ธานย้ำเหมือนต้องการเรียกสติผมว่าผมควรเลิกล้อเล่นได้แล้ว  ผมหัวเราะในลำคอก่อนเดินตรงเข้าไปในที่เกิดเหตุ  นักมวยบางคนหันมามอง.. 

"ปล่อยเค้าหน่อยสิ" ผมบอก  พวกมันมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรมาที่ผมทันควัน

"มึงเป็นใคร!" นักมวยหัวโจกคนเดิมสบถถามขึ้น

"กูจำเป็นต้องตอบมึงด้วยรึไง..เอ่อ ครับ" ผมย้อน  พอพยายามสุภาพด้วยแล้วอดหัวเราะไม่ได้  ไอ้เหี้ยนั่นแสยะปากมากขึ้นเหมือนคนที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์กับทุกคน

"ไม่ใช่เรื่องของมึง ถอยไป!" มันว่า 

"กูบอกให้ปล่อยมันซะ" ผมพูดย้ำอีกครั้งและครั้งนี้ผมไม่ยิ้มอีก  สายตาปะทะเข้าที่นักมวยคนเดิม  มันจ้องตาผมตอบเขม็ง  สีหน้าเหมือนคนไม่เกรงกลัวและพร้อมจะเข้าใส่

"หึ..กูจะปล่อยก็ได้" อีกฝ่ายแสยะยิ้มว่า

"..แต่ต้องหลังจากที่มึงก้มกราบตีนกูแล้วน่ะนะ!" มันว่าพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาผมทันที  พวกมันยิ้มร่าคงเพราะรู้สึกว่าตนเหนือกว่า  มันพากันแหวกวงออกให้กับลูกพี่ของมัน  อีกฝ่ายปล่อยหมัดซ้ายเหวี่ยงมาเต็มแรง  ผมที่ยืนนิ่งดูสถานการณ์อยู่จึงฮุกเข้าที่ท้องมันอย่างจัง  เหล่สายตาต่ำลงมองมันที่หน้าถอดสีไปแล้ว

"มึงเป็นจิ้งจกสินะ หน้าเปลี่ยนสีเร็วดีว่ะ" ผมพูดหน้าตายเพราะมันคงไม่รู้ว่าตอนนี้  หน้าของมันอุบาทว์มากแค่ไหน
 
"ไหน..โชว์ของมึงหน่อยซิ" ผมยิ้มเย้ยพร้อมกับกวักมือท้าทายให้ 

"อ้าก!" มันร้องลั่นอย่างโมโหพร้อมกับเข้าพุ่งเข่าลอยมาหาผมอย่างรวดเร็วอย่างคนถูกฝึกมาดี  ผมสับขาหลบพร้อมฟาดมือเข้าที่คอหอยมันอย่างแรงจนอีกฝ่ายล้มลงไปไร้ท่า  นักมวยคนนี้พยายามยันแขนตัวเองขึ้นแต่แขนมันสั่นจนผมสั่งเกตเห็น  อีกฝ่ายหันหน้ามามองผมตาขวางอย่างไม่ยอมแพ้

"มึง" เสียงหนึ่งจากด้านหลังสบถขึ้นแค้น ๆ ทันทีนั้นเองนักมวยสองคนก็พุ่งเข้าหาผมพร้อมกับใส่อาวุธไม่ยั้งมือ  เสียงต่อสู้เริ่มชุลมุนหลังจากนั้น  นักมวยคนอื่น ๆ เริ่มสู้กับพี่ธานและไอ้เด่น  แม้คนฝั่งนั้นจะเยอะกว่าพวกผมแต่ผมเชื่อมือทั้งสองคนว่าจะเอาอยู่ 



ปึก!
ผลัวะ!!
...เสียงชกเข้าที่หน้าผมอย่างแรงจนผมเซล้มลงกับพื้น  ผมนอนยิ้มให้มันก่อนดีดตัวเองลุกขึ้นอย่างหมดความอดทนที่จะเล่นอะไรนาน ๆ เมื่อตั้งหลักได้จึงปล่อยอัปเปอร์คัทเข้าที่หน้ามันถึงสองครั้งจนอีกฝ่ายร่วงสลบไปไม่เป็นท่า  เพื่อนมันอีกคนที่ผมจัดการไปก่อนหน้านี้ยังคงมีแรงลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ไหว  มันพุ่งเข้าถีบผมอีกครั้ง  ผมจับข้อเท้ามันไว้พร้อมกับออกแรงมือใช้เทคนิคในแบบกังฟูเหวี่ยงตัวมันจนลอยแล้วล้มลงจนหน้ากระแทกกับพื้นปูน  ผมไม่ค่อยได้ใช้เทคนิคกังฟูบ่อย ๆ เพราะปกติไม่กล้าใช้จริงกับพายุ  แต่เวลาได้ลองปฏิบัติกับคนอื่น  ก็รู้สึกแปลกใหม่ดีไม่น้อยเพราะได้ออกแรงเต็มที่และหลายครั้งก็ได้ผล  ซึ่งก็ปัดไม่ได้ว่าเทคนิคการซ้อมกับพายุก็มีประโยชน์ดีเหมือนกัน  ผมสูดหายเข้าลึกแรงอย่างต้องการตั้งสติไม่ให้ตัวเองหงุดหงิดเกินควร  ก่อนจะเดินไปหาไอ้หัวโจกที่ยังคงนอนหน้าฟุบลงกับพื้น  ดูท่ามันคงกำลังหายใจติดขัด

"ฮึก" อีกฝ่ายสะดุ้งตาโตเมื่อผมพลิกตัวมันให้นอนหงายพร้อมกับจิกนิ้วลงที่คอหอยมันอย่างรู้ทิศรู้ทางว่ากดบิดทางไหนอีกฝ่ายถึงจะเจ็บและทรมาน

"ฮือออออ" มันร้อง  พยายามสูดหายใจแรงเพื่อเอาตัวรอด  หน้ามันแดงและเริ่มไม่อยู่สุขคงเพราะหายใจไม่ออกเหมือนปลาที่ดิ้นเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกทุบหัว

"รู้ไหม ว่าเส้นเลือดใหญ่สำคัญยังไง" ผมยิ้มถาม  ขาอีกฝ่ายเริ่มสั่นแรงมากขึ้น  ตาเหลือกโต  คอเกร็งจนเส้นเลือดปูดนูน

"มึงทำเหี้ยไรวะ!" เพื่อนมันที่หันมาเห็นพอดีสบถด้วยสีหน้าตกใจ  ผมช้อนตาขึ้นมองพร้อมยิ้มมุมปาก  รอยยิ้มที่แม้แต่คนรู้จักก็ยังเกลียดผม  เพื่อนมันชะงักหน้าถอดสีในทันที  ผมปล่อยมือออกช้า ๆ เพื่อคืนอิสระให้ 

"แคะ ๆ ๆ ๆ" อีกฝ่ายไอ  หายใจแรง  เหงื่อออกเต็มหน้าไปหมด  เพื่อนมันรีบเข้ามาพยุงช่วยตัวไป  ผมลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาไอ้เด่นที่เพิ่งชกนักมวยคนหนึ่งจนเลือดอาบหน้าไปหมด  ผมหยิบปืนออกมาจากไอ้เด่นเพราะตอนนี้ผมมีแต่ตัว  พอพวกมันเห็นปืนเท่านั้นถึงกับนิ่งสนิทไปอย่างกับถูกสาป  ไอ้เหี้ยพวกนี้รายไหนรายนั้นจริง ๆ กลัวปืน  กลัวการเสียหน้า  กลัวเพื่อนพ้องไม่เคารพรัก  กลัวการพ่ายแพ้  กลัวตาย  แต่กลับไม่กลัวความเลวระยำที่ตัวเองก่อ 

"กลัวทำไม" ผมถามเสียงเย็นพร้อมเดินเข้าไปหาหัวโจกคนเดิม  มันยังแทบลุกจากพื้นไม่ได้ด้วยซ้ำ 

"หืม..กูถามว่ากลัวทำไม" ผมจิกผมมันขึ้นจนอีกฝ่ายหน้าแหงนขึ้นมองหน้าผมจนคอมันเห็นลูกกระเดือกอย่างชัดเจน  ผมนำปืนจ่อลงบนหน้าผากมัน  อีกฝ่ายตัวเริ่มสั่น

"ให้กูทาย มึงก็คงเป็นนักมวยปลายแถว..ที่ถ้ากูจะระเบิดหัวมึงตอนนี้ ก็คงจะไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ" ผมพูดเสียงเรียบ

"ใช่ไหมครับ" ผมยิ้มให้  อีกฝ่ายหายใจแรงกว่าเดิม  มันกลืนน้ำลายลงคอ  ผมกัดกรามแน่นด้วยนึกโมโห  คงเพราะเกลียดคนแบบนี้เป็นทุนอยู่แล้วก็เลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่  ปากกระบอกปืนกดลงบนหน้าผากอย่างแรงอย่างที่ผมไม่ทันได้ตั้งสติ  ในใจผมตอนนี้กลับคิดเพียงว่าถ้าผมฆ่าไอ้เหี้ยนี่ไปอาจจะเป็นการดีและผมอาจจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างก็ได้.. 

"คุณไฟ อย่าเลยครับ" พี่ธานเข้ามาแตะที่ข้อมือผมเบา ๆ ตาผมจ้องมันอย่างต้องการหาทางออกให้ตัวเอง  มันตัวสั่นเทิ้มหน้าซีด 

"..ที่นี่ไม่เหมาะ" พี่ธานเรียกสติ  ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ธานก่อนคลายมือออกจากหัวมัน

"เฮือก อ้าก!" ผมสบถร้องเสียงดัง  จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองหัวใจเต้นแรงขึ้นมาเหมือนมันแทบจะปะทุออกมาที่ไม่ได้ทำอย่างที่ควรจะต้องทำ  ผมนำปืนฟาดเข้าที่หน้ามันสุดแรงจนฝ่ายที่ถูกกระทำสลบแน่นิ่งไป  และทันทีนั้น..อารมณ์ผมก็ดับหายสนิทชั่วพริบตา

"ไอ้ป้อง!" พวกเพื่อนมันสองสามคนที่ยังคงมีสติดีอยู่อุทานพร้อมกัน  มันพุ่งเข้าไปหาเพื่อนมันที่นอนนิ่งไปแล้ว  ไอ้เด่นเข้าไปช่วยพยุงสมุทรไว้

"อยู่ค่ายไหน" ผมถามแล้วเดินเข้าไปหานักมวยหนึ่งในนั้น  มันพากันมองหน้ากันและกันและไม่ยอมให้คำตอบ

"กูถามว่าอยู่ค่ายไหน" ผมนำปืนไปจ่อหัวมันเป็นการขู่

"คะ..ค่ายส.โชคเจริญ" มันตอบเสียงสั่นไม่สบตา

"หึ..สงสัย เจ้าของค่ายมึงคงไม่ได้สอนว่าคนเราควรอยู่ร่วมกันในสังคมยังไงสินะ" ผมว่า  มันก้มหน้าเงียบ  ผมโน้มตัวลงไปหาพวกมันใกล้ ๆ

"ฝากบอกเจ้าของค่ายมึงด้วยว่า.." ผมกระซิบแสยะยิ้ม  เพื่อนมันที่นั่งฝั่งตรงข้ามหันมาสบตาผมพอดี  ผมจึงยิ้มกว้าง ๆ ให้และคิดว่าสายตาก็คงไม่ได้ยิ้มด้วยอย่างทุกทีที่เป็น  มันสบตาผมเพียงนิดเดียวก็ก้มหน้าลง

"พวกผม.. ได้นำหายนะมาให้ค่ายของเราแล้วครับ" ผมบอกเสียงเย็นพร้อมกับนำปืนเคาะหัวมันสองสามทีอย่างหยอกล้อ

"หึหึ หึหึหึหึ~ วู้!" ผมลุกขึ้นหัวเราะในลำคอพร้อมสะบัดหน้าด้วยความพอใจ  หันกลับไปสบตากับสมุทรที่ยืนมองผมอยู่ตลอดเวลา  สายตาที่มองมาเหมือนต้องการคำตอบทุกอย่าง  ผมหุบยิ้มลงทีละนิด  หน้าเขาโชกเลือด  เลือดที่ไหลจากหางตาทำให้หยดเปื้อนมาจนถึงแก้มแต่สายตาของเขากลับจ้องมองมาที่ผมตาไม่กะพริบ  ผมหลบตาเล็กน้อยก่อนพยักหน้าให้ไอ้เด่นช่วยพยุงตัวเขาไป  สมุทรที่ยังมีสติดีครบถ้วนทำท่าจะก้มลงเก็บถุงอาหารและกระเป๋าผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายบนพื้นถนน  พี่ธานเห็นอย่างนั้นจึงรีบก้มลงหยิบมาถือให้แทน

"เดี๋ยวผมถือให้เองครับ" พี่ธานบอก  สมุทรพยักหน้าเงียบ ๆ ก่อนเดินตรงไปทางซอยด้านหลังพร้อมกับไอ้เด่น  ผมกับพี่ธานเดินประกบตามหลัง  ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบ  การก้าวเดินเป็นไปอย่างช้า ๆ จากคนสองคนด้านหน้า  เดินทะลุซอยแล้วซอยเล่า  ระยะทางไม่ไกลมากแต่ใช้เวลาถึงสิบห้านาทีก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของสมุทร 

"ขอบคุณครับ" สมุทรบอกเมื่อรับถุงไปจากพี่ธานไปแล้ว 

"ไม่เป็นไรครับ" พี่ธานยิ้มให้ 

"........." ความเงียบปกคลุมทันควัน  สมุทรเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมอีกครั้ง  ผมเองก็สู้สายตากลับเช่นกันเพราะมาถึงขนาดนี้แล้ว  อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกอยากจะให้เรื่องมันจบ ๆ ไปสักที  สมุทรแทบไม่ละสายตาไปจากผมเลยอยู่พักใหญ่  ผมยืนรออย่างใจเย็นเพื่อให้อีกฝ่ายได้พูดถามในสิทธิ์ที่เขาสามารถทำได้  ทุกอย่างคล้ายกับหยุดนิ่ง  เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

"ขอบคุณ" สมุทรพูดเท่านี้ก่อนเอี้ยวตัวไปอย่างเนิบช้า

"..สมุทร" ผมเรียกไว้ก่อนเมื่อเห็นว่าเขาไม่แม้แต่จะถามอะไรอย่างที่ควร  อีกฝ่ายหยุดนิ่ง  เขาไม่ได้หันมามองทางพวกเราอีก  สมุทรตาลอยทอดมองไปอีกทางหนึ่งเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้น 

"ผมจะขอถามแค่คำถามเดียว" สมุทรพูดขึ้น 

"....คุณเป็นใคร" ผมยืนเงียบ  อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าคำตอบจุกอยู่เพียงแค่คอหอย  และคอก็หนักอึ้งไปหมด

"ไปทำงานกับฉันไหม" ผมย้อนถามกลับ

"ผมถามว่าคุณเป็นใคร!"




.........ไฟ.........

สำหรับคนอ่านที่อาจจะงงในบางเนื้อหา  รบกวนขอให้กลับไปอ่านซ้ำอีกรอบหนึ่งนะคะ  รายละเอียดในการบรรยายอาจจะเยอะนิดหนึ่งแต่เบบี้คิดว่าได้บรรยายเนื้อหาอย่างครบถ้วนแล้ว  ซึ่งถ้ามีส่วนไหนที่ยังรู้สึกไม่เคลียร์..คนเขียนต้องขออภัย  ส่วนเรื่องตัวละครที่เยอะนั้น  ทุกอย่างจะประติดประต่อกับเนื้อหาไปในวันข้างหน้าเองค่ะ  เรื่องสับสนในคู่(ครอง)  เบบี้คิดว่าคนอ่านบางท่านน่าจะพอเดาได้แล้วว่าใครคู่กับใคร  ไม่น่ายากละมัว  :m15:

ขอบคุณค่ะ
เบบี้ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yochiokissme ที่ 10-10-2015 14:57:27
ที่รักกลับมาแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tequila04 ที่ 10-10-2015 15:21:19
ฟกหฟกหฟกกฟฟก
หลงรักสมุทรแปบบบบ
คุณไฟระวังโดนกดน้าโชว์โหดมากๆกำ
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 10-10-2015 15:47:50
พายุน่ารักจังเลยอ่ะ
จะแพ้ผู้ชายสกปรกที่ไหนรึเปล่าเนี่ย 555555
อยากเลี้ยงพายุอ่ะ น่ารักจังงงงง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 10-10-2015 15:50:16
อยากรู้จังใครจะโดนกดระหว่างไฟกับสมุทร
แต่ตอนนี้อยากให้พายุกะพี่ธานคู่กันจัง พายุน่ารักอะ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-10-2015 16:56:31
ทำไมอ่านไปเขินไปล่ะ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรเลยแค่พี่ไฟแอบมองสำรวจร่างกายสมุทรแค่นิดเดียว
กลัวแค่ว่าหากสมุทรรู้ความจริงจะโกรธพี่ไฟรึป่าวนะ

มาต่ออีกเบบี้:)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-10-2015 17:13:07
มันมากเลย ไฟก็ดีพายุก็ดีสมุทรก็ใช่พี่ธานด้วยสุดยอด รออ่านตอนต่อไปนะนะนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: poompoo ที่ 10-10-2015 17:14:44
ได้เจอสมุทรแล้ว ^^


 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 10-10-2015 17:32:12
ตอนแรกเคลิ้มไปกะพายุนะ
แต่พอมาเจอฉากสมุทรเท่านั้นแหละ พายุกระเด็นไปเลยยย
ยิ่งตอนบรรยายหุ่นสมุทรนี่แบบเคลิ้มมากกก
โอ้ยหลงรักกกกกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 10-10-2015 17:48:58
ทำไมดุเดือดกันแบบนี้ :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-10-2015 17:59:48
ดูเหมือนสมุทรจะโมโหละนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 10-10-2015 18:43:26
น่าติดตามสุดๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 10-10-2015 19:22:07
เนื้อเรื่องสนุกขึ้นเรื่อยๆๆ แน่ๆเลย คงจาโหดดขึ้นเรื่อยๆ ด้วย 55555
อยากรุ้อีกคนว่าใครกดใคร ไฟหรือสมุทร    :oo1:   

เป้นกำลังใจให้พี่เบบี้นะค้าาาาา    :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-10-2015 19:40:43
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 10-10-2015 19:41:10
ว้าว เบบี้กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 10-10-2015 19:48:39
ดีใจจ้าที่ได้อ่านเรื่องใหม่ น่าติดตามมากๆๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 10-10-2015 20:53:02
อยากเห็นหุ่นจริงๆของสมุทรจัง คริคริ แล้วตกลงใครรุกใครรับ  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 10-10-2015 21:45:22
กำลังคิดว่า อาบาคัส นี่หมายถึง อัพเปอร์คัต ใช่ไหมค่ะ?

ที่เป็นการต่อยจากล่างขึ้นบน เข้าลิ้นปี่หรือปลายคาง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 10-10-2015 22:17:29
แหม! คุณไฟเจอสมุทรนี่ชวนปล้ำเลยน๊า 555555  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 10-10-2015 23:12:26
ไฟ - สมุทร คู่นึงแน่ๆ...มั้ย

แต่พายุเนี่ยเวลาอยู่กะไฟมันพิกลยังไงอยู่

ยังไงเค้าก็ยังรักพี่ธานนะ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 11-10-2015 00:13:33
คุณไฟ มาแล้ว  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 11-10-2015 00:25:14
เนื้อหาเยอะมากค่ะ แต่ถ้าค่อยๆอ่านค่อยๆจิตนาการ(ถึงซิกแพ็ก   :z1:) ก็เข้าใจนะค่ะ
ลายละเอียดดีเลิศเหมือนเดิมเลยยยย ถ้าเราเป็นสมุทรเราก็สงสัยนะคนแบบนี้มาทำไรแถวนี้ แล้วไมเก่งการต่อสู้ มีวิชา
แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดเห็นจะเป็นคุณไฟ...ไฟ...ไฟ~~~ รู้สึกเหมือนเค้าเก็บตัวตนอีกคนนึงไว้ข้างใน ถ้าขาดสติเมื่อไหร่
คนบ้าคลั่งที่เก็บกดเอาไว้ก็จะออกมา  :a5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 11-10-2015 00:44:36
โอยฟินกับมาดของสมุทร  มันใช่เลย คนนี้แหละที่จะเอาไฟอยู่หมัด ไม่ว่าจะอารมณ์ คำพูด บรรยากาศกดดันเวลาไฟทำอะไรสักอย่างแล้วสมุทรอยากได้คำตอบ คือ ลงตัวมากค่ะ ชอบ  :กอด1: ชอบแบบกดดัน ๆ กันแบบนี้ล่ะค่ะ



รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ



 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 11-10-2015 06:09:48
บู๊เดือดเลือดพล่านเลย  เดียวย่างไก่รอนะคะ
อยากให้พายุคู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ธาน :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 11-10-2015 10:34:13
และแล้วก็ได้ป๊ะกันแหม
แต่อ่านตอนนี้แล้วหมั่นใส้อีคุณไฟขึ้นมานิดๆ
เพราะเล่นอยู่ได้สงสารสมุทรของเค้านะ

 :pig4:  ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 11-10-2015 11:48:56
เรื่องนี้แบบ แมนๆได้กันครับ มากกกกกกกกก

ตอนปล้ำ(มวย)กันสปาร์คกันบ้างมะ แบบอารมณ์วาบหวิว เสียงหอบและกลิ่นกายนี้ ง่อวววววว

คุณพี่ไฟนี่นอกจากจะร้ายแล้วยังค่อนข้างจะกวนติงพอสมควรนะ 55555
และดูจะรุนแรง เก็บกดมากด้วย สังเกตจากการที่พี่ธานต้องคอยเตือนสติอยู่บ่อยๆแล้ว...
แบบนี้ในอนาคตพ่อพระสุดนิ่งผู้มีสติล้ำลึกอย่างสมุทร ต้องควบคุมพี่ไฟได้แน่ๆ หึหึ

ชอบเวลาที่เขาสังเกตกันและกันอ่า แบบจ้องกันงี้ เหมือนกับโลกนี้มีแค่เราสอง.....
โง้ยยยยยยย โลกหัวใจกำเริบเลิฟ เลิฟ เลิฟ เลิฟ เลิฟ เลิฟฟฟฟ (เป็นบ้าไปแล้ว)
ถ้าตอบว่าเป็นใครแล้วจะยังไงต่ออ่าาาา.. พ่อสมุทรของน้องต้องไม่ยอมไปด้วยแน่ๆ แบบไม่อยากยุ่งด้วยไรงี้มะ เง้อออออ


น้องพายุงุ้งงิ้งๆๆๆ พี่น้องรู้แกวกันรักกันโนะะะ แบบนี้คงไม่มีใครสามารถแย่งความรักของน้องพายุออกจากพี่ไฟได้
ต้องเป็นพี่ธานผู้แสนดีเท่านั้น พี่ไฟคงจะยอมยกให้ 5555555 เพราะงั้นธานพายุนี่แหละ ชัวร์!! *0*
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 11-10-2015 22:03:15
กล้ามชนกล้ามมมม กรีดดร้องงงงงงง  ใครกดใครละนี่เดาไม่ออกเลยจ้าา แต่จะว่าไปพายุเวลาอยุ่กะไฟนี่ก้มุ้งมิ้งอยุ่นะ 55555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 12-10-2015 00:08:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 12-10-2015 10:12:00
เริ่มจะเข้มข้นเมื่อไฟกับสมุทรเจอกัน..สงสารสมุทรทำไมดูชีวิตแสนจะลำบาก

ไฟก็นะคิดจะมาช่วยเหลือยังไงก็อย่าทดสอบหรือแกล้งเค้าให้มากนักเลยสงสาร




หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-10-2015 07:06:08
พายุน่ารักกว่าที่คิดนะ พี่ธามรักน้องลำเอียง เข้าข้างคุณไฟมากกว่าพายุ






คุณไฟขี้แกล้ง แกล้งทั้งน้องพายุ แกล้งทั้งสมุทร







เอิ่ม...สมุทรหนูปากจัดเหมือนกันนะ ด่าซะไอ้กร่างเสียแม่เลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 13-10-2015 11:35:56
สมุทร นายใจเย็นจนน่ากลัวววว
ไฟ นี่ก็ทั้งร้อนและร้ายสมชื่อ
แต่เค้าชอบพี่ธานกับพายุอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 13-10-2015 19:21:44
ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกที่คุณเบบี้กลับมา 
รักผลงานของคุณเบบี้มากๆ อ่านแล้วมันอินมากกก เข้าไปอยู่ในโลกของพวกเค้าเลยจริงๆ
เป็นกำลังใจให้แต่งนิยายสนุกๆมาให้พวกเราอ่านนะค๊า    :กอด1:
ตอนนี้ก็ได้แต่รอลุ้นว่าปฏิกิริยาหลังรู้ความจริงของสมุทรจะเป็นยังไง ฮุฮิฮุฮิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 13-10-2015 20:43:18
ไฟ...นี่ "ร้อน" สมชื่อ 5555

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mmilds ที่ 13-10-2015 22:59:23
Finallyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyy :hao5: :katai2-1: :katai4:

ตัวละครเยอะมากกกกกกกกกกกก ฮือออออออออ
อ่านจนตอนล่าสุดแล้วก็ยังไม่รู้อยู่ดี ใครจะแมนกว่า ผิดมั้ยที่ไม่รู้นิ่? ถถถถถถถถถถ
แต่คิดว่า น่าจะต้องเป็นสมุทรแน่ๆเบยยยยย ไฟแบบบบบ เคะควีนอะไรแบบนี้ใช่เปล่าพี่เบบี้
ดูโปรไฟล์แล้วสมุทรดูแม๊นแมน บวกกับไอตอนล่าสุดชกมวยงี้อะไรงี้ คึคึคึคึ


(อ่านไปเมนท์ไปนะก๊ะ ถถถถถถ)

ความจริงอ่านแล้วก็ชอบไปหมด กร๊ากกกกกกกกกก ไฟโปรดก็ดูวิ้ดวิ้ววววดี
แต่หรือว่า โปรดจะชอบโช แบบว่าดูเหงาาาาาา และยังเป็นบุคคลที่ไม่โผล่มา แลดูจะลึกลับ
ความสัมพันธ์เพื่อนแบบนี้นี่มันไม่ทัมด้าาาาา อยากเห็นการปรากฏตัวของโชละ จะเด็ดแค่ไหน

ไหนจะพี่ธานกับพายุอีก คิดว่ามันจะมีอะไรมั้ยนะ พี่ธานดูชอบแกล้งพายุ 55555555555555555
แล้วพายุก็ดิ้นให้พี่ธานแกล้งตลอดไง อิอิอิ

อ่านแล้วให้ฟิลเหมือนเอาสลิ่มเมตรกับคิวเค้กมาผสมกัน แบบว่า โปรไฟล์ดีเหมือนพี่คิว
แต่ว่าเก๋าๆแบบ เมตรแบบสลิ่ม 555555555 แถมยังมีแบบ สตอรี่เด็กๆเหมือนสลิ่มเมตอีก
อยากจะบอกว่า ดีใจมากกกกกกก
ที่ได้อ่านนิยายเบบี้ซักที รอมาตั้งนาน อ่านวนไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ กี่เรื่องเข้าไป
แต่เอาดีๆถามว่าจำได้มั้ย ก็จำไม่ได้อะนะ ถถถถถถถถ


เข้าเรื่องนิยายใหม่ต่อ 55555555555555 (นึกอะไรได้ก็จะพิมพ์ ฮาาาาา)
แบบว่าทั้งหมดดูมีเรื่องครอบครัวเนอะ แบบว่าพ่อเสียแม่เสียอะไรงี้กันหมดเลย
จะทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น (แบบว่า คบกันก็ไม่มีใครห้าม) หรือจะเป็นเงื่อนงำอะไรรึเปล่านะ?
5555555555555

เฝ้ารอการพบกันของสมุทรกับไฟ จนสุดท้ายเค้าก็เจอแล้วววววววววววว
แถมยังปล้ำ(?)กันละด้วย 555555555555
ไวไฟมากจีจี
ดีใจมาก และอยากรู้ต่อแล้ว (ความจริงคือหมายถึงว่า ให้พี่เบบี้อัพได้แล้ว
ถถถถถถถถถถ #แซวก้าบบบบบบบ แบบว่าอยากเห็นว่า สองคนนี้เจอกันอีกจะเป็นยังไงต่อไป
รู้สึกว่าแบบ ไม่มีใครยอมใครเลยจิมๆ อิอิ


ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วคิดไม่ออก

อ่านรอบแรกยังเก็บรายละเอียดไม่ค่อยหมด คิดว่าคงจะต้องกลับไปอ่านอีกหลายๆรอบ จะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น
มันยาวมาก ตอนอ่านแล้วรู้สึกมึนตึ๊บ 555555555
แต่ก็ไม่ใช่ไม่ดีนะฮะ ที่อัพเยอะอัพยาวขนาดนี้


ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องใหม่ที่มีมาให้ติดตามนะคะ
แล้วก็จะรอ Royal Swan จริงๆด้วยยยย คริคริ


 :mew3:



(เม้นท์ยาวกว่านี้อีกนิดก็นิยายอีกตอนละ กรั่กๆๆๆๆ)    :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 15-10-2015 23:35:24

ตอนที่ 5
..ไฟ..




"ผมถามว่าคุณเป็นใคร!" สิ้นน้ำเสียงตะคอกจากสมุทร  ผมยังคงนิ่งมอง  หลังจากที่เขาหันมาสบตา  ฝ่ายนั้นก็นิ่งไป

"..ไฟ xxx" ผมตอบเสียงเรียบ  สมุทรหันมามองหน้าผมอีกครั้งช้า ๆ สายตาที่จ้องมองมาที่ผมนั้นว่างเปล่า 

"หึ" สมุทรหัวเราะด้วยใบหน้าเจื่อน ๆ เขาก้มหน้าลงก่อนพยักหน้าไปมา  ปฏิกิริยาของเขาทำให้ผมเดาได้ไม่ยากว่าเขาจะต้องจำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

"คุณมีอะไร" เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

"ฉันอยากให้นายไปทำงานด้วยกัน" ผมเปลี่ยนสรรพนามและบอกจุดประสงค์ออกไปอย่างชัดเจน

"ขอโทษด้วย ผมขอปฏิเสธ" เขาตอบทันทีด้วยใบหน้าเรียบเฉย  เราเงียบลงครู่หนึ่ง  ผมจ้องมองเขาตลอดเวลาจนเขายอมหันมามองหน้าผมเต็มตาอีกครั้ง

"ขอเหตุผลหน่อยสิ" ผมพูด  น้ำเสียงยังคงเรียบ ๆ เพื่อเป็นการบอกว่าผมไม่ได้ถามเพื่อต้องการกวนอารมณ์
   
"..แล้วผมจะขอบคุณมาก ถ้าคุณจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีก" สมุทรพูดกลับคนละเรื่อง  เหมือนเขาไม่อยากจะพูดถึงประเด็นที่ผมต้องการให้เขารับทราบอยู่ในตอนนี้

"นายจะบ้ารึไง! ไอ้พวกนั้นมัน.." ผมโผงออกไปอย่างนึกหงุดหงิดที่ได้ยิน 

"นั่นมันเรื่องของพวกผม" สมุทรย้อน  ผมหุบปากและหลับตาลงอย่างระงับอารมณ์  สมุทรทำท่าจะเดินหนีเข้าบ้านไป

"จะรอให้พวกมันมาทำอะไรน้องนายก่อนงั้นรึไง" ผมพูดจี้จุด  อีกฝ่ายถึงกับชะงัก
 
"กับสถานที่แบบนี้น่ะนะ" ผมพลางหัวเราะ  สมุทรหันกลับมา  เขาเริ่มมองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่ถึงกับโกรธอะไรนัก 

"คุณมันจะไปรู้อะไร" อีกฝ่ายย้อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบธรรมดา  ผมยังคงนิ่งมองเขาที่มองผมไม่วางตา

"คุณจะมาเพราะอะไรผมไม่สน เชิญกลับไปได้แล้ว" สมุทรว่า 

"ฉันรู้มากกว่าที่นายคิดแล้วกัน" ผมพูดขึ้นอย่างไม่แยแสว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไงเพราะตอนนี้ผมก็กำลังหงุดหงิดอยู่ลึก ๆ ไม่ใช่เขาที่ข่มอารมณ์หงุดหงิดอยู่คนเดียวเมื่อไหร่  แค่นี้ผมก็อดทนเก่งสุด ๆ แล้ว  สมุทรชะงักเมื่อได้ยินประโยคนี้จากผม  เขายืนหันหลังให้ผมอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเขาโดยไม่หันกลับมามองอีก 
 
"กลับ" ผมสั่ง  พี่ธานกับไอ้เด่นเดินตามกลับมาที่รถ

"เอาไงต่อดีครับคุณไฟ" พี่ธานถามขึ้นหลังจากที่เราขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว  ผมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

"ให้ไอ้เข้ม..ตามดูน้องสาวสมุทรอย่าให้คลาดสายตา" ผมสั่ง  สำหรับคนสันดานอย่างไอ้พวกนั้น  พวกมันไม่ควรได้รับแม้กระทั่งความไว้ใจ  วงการนี้มันก็อยู่กันแบบนี้นี่แหละ  เทา ๆ ดังนั้น..ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น  สงสัยลูกชายลุงยอดคงจะไม่ฉลาดอย่างที่ผมคาดหวังไว้สักเท่าไหร่ละมัง  ดูท่าจะหัวดื้อไม่เบาทีเดียว

"แล้วก็..ให้รุ่งไปสืบประวัติค่ายส.โชคเจริญมาให้หมด เร็วที่สุด..ผมอยากได้ไม่เกินพรุ่งนี้" ผมบอก

"ได้ครับ" พี่ธานรับปาก 

"ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ" ผมบอก

"กลับบ้านเลยนะครับนาย" ไอ้เด่นพูด

"อืม" ผมพยักหน้า


- - - - - - - - - - - - - - -


7:20 น. บ้านเลิศประสงค์
"คุณไฟครับ" พี่ธานยืนอยู่หน้าห้องนั่งเล่น  ส่วนผมนั่งอยู่ที่โต๊ะติดทำงานของห้อง  กำลังเหม่อรับเช้าวันใหม่อยู่พอดี  อากาศข้างนอกดูอบอ้าวเหมือนเคย  ผมพยักหน้าตอบ  พี่ธานเดินเข้ามา

"นั่งสิ" ผมบอก

"เรื่องที่ตลาดน่ะครับ" พี่ธานพูดแล้วเดินมาเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามกับผมนั่งลง

"ได้แล้วเหรอ" ผมยิ้มถามอย่างชอบใจ  พี่เขาทำงานรวดเร็วได้ใจดีจริง ๆ

"เรียบร้อยครับ" อีกฝ่ายอมยิ้มมุมปากเล็ก ๆ

"อันนี้เป็นรายละเอียดของพ่อค้าแม่ค้าที่ติดค่าเช่าแผงไว้ทั้งหมด" พี่ธานวางเอกสารลงตรงหน้าผม  ผมรับมาแต่ไม่ได้เปิดดูเพราะจะรอฟังทีเดียวว่ามีอะไรที่ควรจะรู้บ้าง

"ส่วนอันนี้เป็นประวัติของค่ายมวยส.โชคเจริญครับ" พี่ธานวางแฟ้มอีกอันหนึ่งทับลงที่เอกสารก่อนหน้า

"ลุงลอยบอกว่า เจ้าของค่ายนี้ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับ อยากให้คุณไฟระวังตัวด้วย" พี่ธานมองหน้าผมนิ่ง ๆ 

"ลุงลอย"..คืออดีตนักมวยชื่อดังที่ทำชื่อเสียงให้กับค่ายมวยของผมมานาน  แกอายุเท่าพ่อผมนี่ละ  อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับค่ายมานานทีเดียว  ตอนนี้ลุงลอยก็ยังเป็นครูสอนมวยอยู่ในค่ายของผม  เป็นเสมือนหัวหน้าครู  ควบคุมนักมวยในค่ายสาขาใหญ่ทั้งหมด  เคยเป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ชั้นยอดที่พ่อผมไว้ใจให้ดูแลผมและพี่ธานก่อนขึ้นชกอีกด้วย  พ่อของผมดูแลครอบครัวของลุงลอยมาเป็นอย่างดี  เมื่อพ่อผมเสียผมเองก็ไม่เคยมองข้ามความสำคัญของลุงเช่นกัน  ครูมวยมือดีเดี๋ยวนี้หาไม่ใช่ง่าย  ยิ่งแก่เท่าไหร่ก็หมายความว่าแก่ประสบการณ์เท่านั้น  ซึ่งที่ค่ายของเราก็อยู่กับแบบพี่น้องและญาติสนิท  ถ้าไม่ทำเช่นนี้  ผมก็คงจะไม่สามารถควบคุมคนที่มีพละกำลังมายมายขนาดนี้ทั้งหมดได้ไหว

"หึ.." ผมแสะยิ้มและหัวเราะอย่างไม่แคร์  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ ไม่ได้ว่าอะไร  ผมหยิบเอกสารเปิดออกอ่าน  กวาดตาอ่านอย่างคร่าว ๆ

"งั้นแบคให้ค่ายนี้ก็คือค่ายหาญสิงห์สินะ" ผมเดาเมื่ออ่านข้อมูลที่พอจะจับใจความได้

"น่าจะใช่ครับ ผมคิดเองว่า..ไม่อย่างนั้นมันไม่น่าจะกล้ากร่างได้ขนาดนี้" พี่ธานพูด  "ค่ายหาญสิงห์"..คือค่ายมวยของเสี่ยยุทธ  ซึ่งมีชื่อเสียงแถวฝั่งธนไม่ธรรมดาทีเดียว 

"มีพี่น้องสองคน อีกคนอยู่โคราช..ส่วนอีกคนเป็นนักพนัน" ผมขมวดคิ้วอ่านออกเสียง

"..นักพนันนี่เป็นอาชีพด้วยเหรอ" ผมเบะปากว่าและก็อดไม่ได้ที่จะกวนพี่ธาน

"หึหึ" พี่ธานหัวเราะ

"ก็น่าจะเป็นอาชีพนะ เพราะไอ้เสี่ยหลงอยู่บ่อนบ่อยกว่าอยู่ร้านทองมันอีก" ผมว่า  พี่ธานยิ้มกว้างเลยทีนี้

"ลูกสาวสองคน ลูกชายหนึ่งคน..เป็น นักแข่งรถ ทางเรียบ" ผมอ่านพร้อมแสยะยิ้มออกมาทีละนิด  ผมเหลือบตามองพี่ธาน  อีกฝ่ายเบะปากพร้อมยักไหล่ด้วยความหมายเดียวกันกับผม  ผมเบะปากพยักหน้าไปมา  ดูเหมือนเราจะเข้าใจอารมณ์ของเราทั้งคู่ในตอนนี้อย่างตรงกัน  ผมน้ำลิ้นดุนเล่นอยู่ในปากอย่างเคยชิน  ตามองออกไปที่สวนทางด้านนอก 

"ไม่เห็นรู้จัก" ผมจ้องรูปถ่ายและชื่อของมันอีกครั้ง

"มันเคยชนะอะไรบ้างไหม" ผมถาม

"ที่บ่อยส่วนใหญ่ก็เป็นแข่งนอกสนามครับ ส่วนเล่นแบบสว่าง ๆ นี่ ล่าสุดเห็นได้อันดับสองของการแข่ง AT ทางเรียบเมื่อสองเดือนก่อน" พี่ธานตอบ  AT สนามแข่งขนาดกลาง  เส้นทางไม่ได้ยากเย็นอะไรเท่าไหร่ 

"อ่อนขนาดนี้ คู่ปรับไอ้โปรดละมั้ง" ผมยักคิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์  พูดประชดติดตลกไปงั้น

"หึหึหึ" พี่ธานหัวเราะชอบใจ     

"หน้าตาโคตรแก่แดด พี่ดูหน้ามันสิ" ผมขมวดคิ้ว  แสยะปากเมื่อเห็นหน้าตาของลูกชายของสมัครชัด ๆ  ผมมีโรคประจำตัวอยู่โรคหนึ่ง  เป็นโรคที่ยังรักษาไม่หาย  คือผมมักจะเกลียดวัยรุ่นที่หน้าตาแก่แดด  ทำตัวขี้เก๊กและมีพฤติกรรมแก่แดดแก่ลมไม่เหมาะสมกับอายุ  ผลาญเงินพ่อแม่เล่นไปวัน ๆ เห็นทีไรไม่ถูกชะตาทุกที 

"ดูเหมือนผมจะหาเหยื่อให้ไอ้โปรดได้แล้วละมั้ง" ผมบ่นไปจ้องรูปไป   
 
"อย่าเลยครับ สงสาร..ให้เด็กได้ตายอย่างสงบเถอะ" พี่ธานพูดด้วยใบหน้าเอือมจัด 

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหัวเราะ  พี่ธานเล่นมุขได้จี้สุด ๆ ถ้าไอ้โปรดรู้ว่าพี่ธานเอาความจริงมาพูดเล่นด้วยใบหน้าแบบนี้มีหวังโกรธจนหูแดงแน่ ๆ 

"เห็นว่ามัน น่าจะเป็นคนที่วางยาลูกสาวเสี่ยซ้งเมื่ออาทิตย์ก่อน" พี่ธานพูดขึ้น  ผมชะงัก  เมื่ออาทิตย์ก่อน  มีข่าววงในมาว่าลูกสาวเสี่ยซ้งโดนวางยาแต่หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรอีก
     
"แล้วเสี่ยรู้รึเปล่า" ผมถาม  "เสี่ยซ้ง"..ทำธุรกิจค้าไม้  เป็นคนที่มีความยุติธรรมดี  เหี้ยก็บอกว่าเหี้ย  ดีก็บอกว่าดี  ตัวเองผิดก็บอกว่าตัวเองผิด  เสี่ยเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย  แทงซึ่ง ๆ หน้า  พูดคำไหนคำนั้น  ผมถือว่าถึงแม้ว่าบางธุรกิจของเสี่ยซ้งจะทุจริตก็ตาม  แต่ผมก็นับถือที่เสี่ยเป็นคนแบบนี้  เป็นคนที่คบคนด้วยใจ  ผมจึงค่อนข้างสนิทกับเสี่ยซ้งพอสมควร

"เพิ่งทราบครับ" พี่ธานตอบ  ผมพยักหน้ารับรู้

"ส่งคนไป.." ผมพูด  มือกระดิกนิ้วไปมา  ตามองออกไปข้างนอก   

"ผมอยากได้ภาพ ขู่ฆ่าลูกสาวมันสองคน ถ่ายรูปมาให้ผมหน่อย..ขอมุมกล้องสวยหน่อยนะ" ผมบอกพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  ผมไม่คิดจะทำอะไรคนอื่นเพราะมันไม่ใช่ประเด็น  จุดประสงค์หลักมีมากกว่านั้น

"ส่วนลูกชายมันน่ะ อีกเดี๋ยวคงตายเอง" ผมวิเคราะห์เพราะถ้าเสี่ยซ้งรู้แล้ว  ไม่พิการก็ตาย..จบแค่นั้น

"ได้ครับ" พี่ธานรับปาก

"แล้วก็..วันนี้พี่ไปเข้าตลาดกับผมนะ นึกถึงคำโกหกของพวกป้าพวกนี้ผมก็ปวดหัวจะระเบิดแล้ว" ผมบ่น  ถอนหายใจทิ้งอย่างแรง  พี่ธานคือเกราะกำบังชั้นดีของผม  ถ้าจะให้ผมไปฟังพวกพ่อค้าแม่ค้าพวกนี้ผมคงได้ระเบิดอารมณ์แน่ ๆ ถ้ายังไม่สุดขีดจริง ๆ ผมจะยังไม่พูดเจรจากับพวกนั้นด้วยตัวเอง  เพราะแน่นอนว่าที่พูดมาแทบหาคำจริงใจไม่ได้  ในรายชื่อของแม่ค้าพ่อค้าพวกนี้  ถ้าบทจะตอแหลแล้วละก็ Plot เรื่องมายิ่งกว่าละครหลังข่าวซะอีก

"โทรบอกให้พี่สาวนัดพวกนั้นเข้ามาที่ออฟฟิต สัก..สิบโมง" ผมบอก  "พี่สาว"...คือหัวหน้าเจ้าหน้าที่ที่ตลาดชโนทัย  พี่ธานจะรับงานจากพี่สาวมาให้ผมได้ทราบอีกทีหนึ่ง   

"วันนี้ผมมีนัดกับใครไหม" ผมถามเพราะก็จำตารางงานไม่ได้และสมุดพกก็ไม่ได้นำลงมาจากห้อง

"ไม่มีครับ แต่ว่า..มีลูกค้ารายใหม่ติดต่อมารายนึงที่เชียงใหม่" พี่ธานรีบบอก  ผมมองหน้าพี่เขา

"บอกว่าจะขอเช่าห้องส่วนของชั้นสองที่ว่างอยู่ ที่ LandMaster น่ะครับ น้าเกียวเค้าไม่แน่ใจว่าคุณไฟต้องการจะขึ้นค่าเช่าไหม ก็เลยให้ผมมาถามก่อน เห็นว่าโทรหาคุณไม่ติด" พี่ธานบอก

"ทำอะไร" ผมถาม

"กาแฟแบรนด์ KLOOF ครับ" พี่ธานบอกชื่อกาแฟแบรนด์ดัง

"ก็เสนอราคาไปตามเดิมนั่นแหละ ค่าเช่าปีนี้กับปีหน้าผมยังไม่ขึ้น..ให้น้าเกียวบอกลูกค้าไปอย่างนั้นก่อน แต่ว่าขึ้นแน่นอน" ผมอนุญาต  "น้าเกียว"..คือผู้จัดการที่ห้างสรรพสินค้า LandMaster ที่เชียงใหม่  ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี  ผมก็ไม่อยากเคร่งครัดอะไรนักเพราะค่าเช่าเดิมที่วางราคาไว้ก็ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับคำ
 
"ผมไปอาบน้ำก่อนละ ถ้าแม่บ้านมาบอกให้เอาอาหารวางไว้นี่แหละ..เตรียมอะไรช้าจริงจัง เสียเวลา" ผมบ่นแล้วลุกหนีพร้อมกับนำเอกสารทั้งหมดติดมือมาด้วย  ผมกลับเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัว  ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย  ผมจัดการอ่านรายละเอียดของพ่อค้าแม่ค้าทั้งหมด  เสร็จจากนั้นก็ลงมากินอาหารเช้าที่ห้องนั่งเล่น  หยิบทุกอย่างเข้าปากอย่างลวก ๆ พอออกมาที่หน้าบ้าน  พี่ธานกับไอ้เด่นก็เตรียมรถรอไว้พร้อมแล้ว  ลูกน้องคนอื่น ๆ ยืนรอกันหน้าสลอน

"พายุไปไหน" ผมถามพี่ธานเพราะมองไปไม่เห็นว่ารถของพายุจอดอยู่ที่โรงรถ

"ออกไปเรียนครับ เมื่อสักครู่นี้เอง" พี่ธานตอบ  ผมพยักหน้า 

"ลุงทองครับ ไอ้ดินถึงโรงเรียนดีไหม" ผมหันไปถามลุงทองที่กำลังเช็ดรถอยู่

"เรียบร้อยดีครับ" ลุงทองหันมาพยักหน้ายิ้มรับและรีบเดินเข้ามาหาผม

"เอ่อ เย็นนี้คุณดินบอกว่าจะไปที่ลานเต้นกับพวกเพื่อน ๆ คุณไฟจะอนุญาตไหมครับ" ลุงทองถาม

"อืม..ให้มันไป ลุงก็ไปรับมันแล้วพาไปส่งด้วยแล้วกัน" ผมบอกพร้อมกับหยิบเงินให้ลุงทองไปสองพันบาทเผื่อเป็นค่านู่นค่านี้ให้แกนอกเวลา  อยากจะเอาไปใช้อะไรผมก็ไม่ได้ซีเรียส

"ผมฝากด้วยแล้วกัน" ผมบอก

"ครับ..ขอบคุณครับ" ลุงทองก้มหัวเล็กน้อยก่อนรับเงินไป

"แล้วถ้ามันอ้อนขอให้ลุงทำอะไร ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะนะครับ..กลับบ้านให้ตรงเวลาด้วย" ผมเตือนดักคอไว้ก่อน  ลุงทองอมยิ้มน้อย ๆ ที่ผมดันรู้ทันนิสัยขี้ตามใจไอ้ดินของลุงแก  ผมสั่งงานให้ลูกน้องคนอื่น ๆ วันนี้ไม่มีงานเข้า  ดังนั้นจึงเป็นเสมือนวันพักผ่อนของพวกมันไปในตัว  ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าต้องสบายกันขนาดนั้น  ถ้าใครทำหน้าที่เสร็จก็สามารถพักได้ตามอัธยาศัย  และแน่นอนว่า  พวกมันรู้กันดีว่าการฟิตซ้อมร่างกายยังคงต้องดำเนินไปตามตารางที่วางไว้อย่างสม่ำเสมอ


- - - - - - - - - - - - - - -


ผม  พี่ธานและไอ้เด่นเดินทางมาที่ตลาดชโนทัย  ระหว่างทางผมนัดแนะกับพี่ธานว่าพี่เขาควรเข้าไปพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าอย่างไร  ซึ่งการส่งพี่ธานไปเป็นการให้เจรจาแทนผมอย่างอะลุ่มอล่วย  ซึ่งผมก็คิดว่าพวกพ่อค้าแม่ขายเขาคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าครอบครัวผมไม่ใช่ขาวสะอาดถึงขนาดจะคุยดี ๆ ด้วยตลอดได้ 

เมื่อเดินทางไปถึงออฟฟิต  ผมทักทายพนักงานก่อนสอบถามสาระทุกข์สุขดิบ  เนื่องจากว่าผมเองก็ไม่ได้มาที่ตลาดบ่อย ๆ ส่วนใหญ่จะให้พี่ธานมาแทน  ออฟฟิตเราเป็นออฟฟิตเล็ก ๆ มีพนักงานประจำทั้งหมดหกคน  หัวหน้าใหญ่ของที่นี่  คือ.."พี่สาว" 
ผมสั่งให้พี่สาวกับพี่ธานเข้าไปจัดการพวกลุง ๆ ป้า ๆ พวกนั้นแทนผม  พี่สาวเป็นคนใจเย็นและค่อนข้างใจอ่อนกับอะไรง่าย ๆ หลายครั้งจึงต้องมีพี่ธานคอยประกบ  โดยพ่อค้าแม่ค้าแต่ละรายจะต้องเข้าไปพบพี่ธานและพี่สาวเป็นรายบุคคล  ครั้งนี้แค่เจอพี่ธาน  ผมคิดว่าก็น่าจะเอาอยู่แล้ว  แต่ถ้าบางรายยังแข็งข้อไม่ยอมจ่ายและรายนั้น ๆ อยู่ในกรณีที่ประพฤติตัวไม่สมควรที่จะได้รับการผ่อนผันก็คงจะต้องมาเจอกับผม

ผมเข้ามารอพี่ธานที่ห้องทำงาน  ให้พนักงานบัญชีนำตัวเลขมาให้ดูและคุยกันเรื่องแผนการตลาดอย่างคร่าว ๆ ในส่วนที่ผมต้องการปรับปรุงตลาดให้เธอได้ฟังด้วย  เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมงกว่าพี่ธานก็เดินเข้ามาในห้อง  ท่าทางดูเหนื่อย ๆ ผมคุยกับพนักงานเสร็จพอดี  เธออมยิ้มผงกหัวให้พี่ธานก่อนเดินออกจากห้องไป 

"เรียบร้อยไหม" ผมถามแล้วจัดแฟ้มที่จะต้องนำกลับไปบ้านมาเรียงลำดับความสำคัญ

"ครับ..สองรายบอกว่าไม่มีจริง ๆ" พี่ธานตอบแล้วเดินมาเลื่อนเก้าอี้นั่ง

"หึหึ" ผมอมยิ้มมอง

"ใครกับใคร" ผมถาม  ตาไม่ได้มองพี่เขาเพราะกำลังเก็บโต๊ะอยู่ 

"ป้าช้อย กับน้าน้อยครับ..น้อยที่ขายหมูทอดน่ะ" พี่ธานตอบ  ผมขมวดคิ้วขึ้นมองหน้าพี่เขา

"ป้าช้อยบอกว่า ถ้าลูกชายหมุนเงินมาได้ทัน เดือนหน้าจะรีบเอามาให้ทันทีครับ" พี่ธานบอก  ผมพยักหน้ารับไม่ได้ต่อว่าอะไร  เพราะอ่านประวัติของป้าช้อยมาแล้ว  เธอไม่ได้เอาเงินไปทิ้งเรี่ยราดไม่ควรที่ไหน 

"แต่น้าน้อยบอกว่า..ยังไม่มี ไม่คิดว่าค่าเช่าแผงแพงไปหน่อยเหรอ" พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงไม่บอกอารมณ์  ผมกลอกสายตามองหน้าพี่ธานทันที

"..ขอแบบเมื่อกี้อีกรอบ" ผมพูด

"ยังไม่มี..ไม่คิดว่าค่าเช่าแผงแพงไปหน่อยเหรอ" พี่ธานจัดให้ตามเดิม  ทั้งผมและพี่ธานที่มองหน้ากัน  แบบนี้พี่ธานไม่พูดเล่นแน่  ผมลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติไม่ให้ตัวเองหมดความอดทนกับอีน้านี่  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้าแกมีปัญหา  เรียกว่าเป็นตัวปัญหาหลัก ๆ ของตลาดเลยละครับ

"Dateline เมื่อไหร่ ตามที่ผมบอกพี่ไปรึเปล่า" ผมถามเสียงห้วน  เส้นประสาทนี่ตึงทันทีอย่างกับตั้งระบบสั่งเอาไว้

"ผมบอกว่าสิ้นเดือนนี้ตามที่คุณบอกละครับ" พี่ธานตอบ 

"น้าเค้ารู้ไหมว่าผมมา" ผมถามห้วน ๆ

"รู้ครับ..แต่ผมคิดว่าน้าเค้าต้องการกวนตีนผม" พี่ธานว่าเสียงแข็ง  ผมหัวเราะอย่างอดไม่ได้

"โทษที" ผมส่ายหัว

"สิ้นเดือนค่อยว่ากันแล้วกัน ถ้าไม่ได้..เดี๋ยวผมจัดการเอง" ผมบอก  พี่ธานไม่เคยทำอะไรกับใครเกินเลยถ้าผมไม่สั่ง  อย่างที่พี่เขาเล่าบอกนี้  ผมว่าพี่ธานก็คงยับยั้งอารมณ์ตัวเองพอดูเหมือนกัน 

"ขอบคุณครับ" พี่ธานอมยิ้ม  ดูท่าจะพอใจที่ผมรับปากว่าจะจัดการเอง

"นี่คุณไฟทำอะไรเหรอครับ"

"ลองร่างตัวเลขค่าเช่าที่โซนใหม่กับแขดูน่ะ ผมว่าราคาที่ผมเคยปรึกษาพี่..มันก็โอเคนะ" ผมบอกแล้วลุกขึ้น 

"เรียบร้อยแล้วล่ะ กลับกันเถอะ..วันนี้ผมอยากพักด้วย" ผมยืดเส้นยืดสาย 

"เอกสารนี่เอากลับบ้านเหรอครับ" พี่ธานถาม  ผมพยักหน้าตอบ  พี่ธานหยิบแฟ้มทั้งหมดไปถือแทนให้  ผมออกไปลาพนักงานในออฟฟิตก่อนกลับมาที่รถ  ไอ้เด่นรออยู่ที่รถอยู่แล้ว  ผมสั่งให้ไอ้เด่นขับพาไปร้าน Ding Tai Fung ภัตตาคารอาหารจีนร้านประจำ  ผมกินอาหารกลางวันที่นี่กับพี่ธานเพียงสองคน  คุยกันเรื่องทั่วไปบ้าง  เรื่องธุรกิจในอนาคตบ้าง  เรื่องสนามแข่งรถบ้าง  และบางเรื่องที่พี่ธานไปสืบมาและผมยังไม่รู้อีกเยอะแยะไปหมดเพราะเราไม่มีเวลาได้คุยกัน 

ผมชอบที่จะได้นั่งกินข้าวพูดคุยกับพี่ธานแบบนี้บ่อย ๆ เพราะส่วนใหญ่ก็จะคุยเรื่องงานในอารมณ์ที่ผ่อนคลายได้มากขึ้น  พอกินเสร็จก็เดินทางกลับบ้าน..
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 15-10-2015 23:36:57
"กินข้าวกันมารึยัง!" ผมที่กำลังถอดแจ็คเก็ตออกเตรียมขึ้นไปนอนเก็บแรงบนห้องเห็นพายุวิ่งหน้าตั้งออกมาจากทางครัวใหญ่พร้อมกับใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย  ผมชะงักเหลือบมองพี่ธาน  เพราะหน้าตาพายุดูมีความหวังสุด ๆ พี่ธานมองผมกะหลับกะเหลือก

"กินแล้ว ที่ Ding Tai Fung" ผมตอบ  พายุหน้างอเป็นจวักทันควัน  เราสองฝ่ายยืนประชันหน้ากันด้วยความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วพริบตา  รู้สึกทะมึน ๆ ผมเกาหัวตัวเองหน่อย ๆ

"วันนี้ยุอุตส่าห์รีบกลับมาทำกระเพาะปลาน้ำแดง กับข้าวเหนียวสังขยา เฮียมากินเลยนะ" พายุพูดเสียงเรียบซึ่งเป็นโทนเสียงเดียวกันหมด  คำฟังดูพูดกึ่งบังคับ  ผมนิ่งมอง  ก็ผมบอกว่าผมกินมาแล้ว ๆ มันจะให้ผมยัดอาหารลงไปอีกนี่นะครับ  ผมอมยิ้มให้เพราะก็คงว่าอะไรมันไม่ลง  มันก็คงตั้งใจจะทำให้กินนั่นละ 

แต่ก่อน..พายุรู้ว่าผมไม่ค่อยชอบกินข้าวเหนียวสังขยา  เนื่องจากบางเจ้ามีรสชาติที่ค่อนข้างหวานโด่แต่มันก็พยายามหัดทำในรสชาติแบบไม่ค่อยหวานเพื่อให้ผมได้กินได้  จนในที่สุดมันก็ประสบความสำเร็จ  หลังจากนั้นเป็นต้นมา  ผมรู้สึกว่ามันจะทำบ่อยเกินไป  บ่อยแบบไม่ได้ถามไถ่เจ้าของปากเลยว่ามันเป็นเวลาที่ผมอยากกินข้าวเหนียวสังขยารึเปล่า  บางทีผมก็ไม่ได้อยากกินอะครับ  ไม่รู้จะพูดบอกมันยังไง  แต่จะให้ผมบอกว่าผมชอบกินข้าวเหนียวสังขยาเฉพาะฝีมือของน้องชายผมทำคนเดียวก็ได้นะครับ

"ไม่กิน อิ่มแล้ว..มึงไม่โทรบอกกูก่อนล่ะ" ผมว่า  อีกมุมหนึ่งคือมันก็ผิด  พี่ธานยืนอมยิ้ม

"ก็ยุนึกว่าเฮียจะกลับเย็น ไม่คิดว่าจะกลับเร็ว" มันย้อน  หน้ายังนิ่งไร้อารมณ์  พายุค่อนข้างชอบทำอาหาร  การทำอาหารคือหนึ่งในงานอดิเรกของมัน  ถ้าวันไหนมันขี้เกียจมันจะไม่ทำเลยแต่ถ้าวันไหนมันนึกอยากจะทำละก็  มันจะทำทันทีและชอบมาบังคับให้คนอื่นท้องว่างเพื่ออาหารของมันอย่างที่เห็น 

"ตกลงจะไม่กินใช่ไหม" พายุจ้องมาที่ผม  เป็นประโยคที่บอกผมเป็นนัยยะว่า.."กูจะเคืองมึงแล้วนะ"

"เออ ๆ เดี๋ยวมากิน กูไปนอนก่อน" ผมบอกปัด  ตอนนี้สมองเบลอไปหมด  ไม่รู้ว่าเพราะช่วงนี้นอนไม่ค่อยพอหรือเพราะอากาศข้างนอกนั้นร้อนจนเกินไปกันแน่

"โอเค" พายุยิ้มออกมาอย่างพอใจ

"พี่ธานล่ะ จะกินเลยไหม" มันเบี่ยงความสนใจ 

"ยังไม่ดีกว่า ขอบคุณครับ..เดี๋ยวพี่รอกินพร้อมคุณไฟแล้วกัน นี่พี่อิ่มมากเลย" พี่ธานรีบแก้ตัวใหญ่  สงสัยกลัวว่าพายุจะโกรธ  คนที่เอาใจพายุที่สุดในบ้านคงเป็นพี่ธานนี่ละครับผมว่า  เอ..หรือว่าเป็นผมวะ

"งั้นก็ได้" พายุพยักหน้าตอบ

"คุณพายุคะ จะให้ป้าแบ่งให้พวกเจ้าหินเลยไหมคะ" เสียงป้าอิ่มเดินเข้ามาได้จังหวะพอดี  ผมกับพี่ธานรีบแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเองอย่างรวดเร็วในขณะที่พายุกำลังหันไปสนใจอย่างอื่น
 

- - - - - - - - - - - - -


16:32 น.  ย่านมารัต ซอย 6

"ผมว่าวันนี้เราได้กินกันทั้งวันแน่ ๆ" ผมบ่นขึ้นระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปที่บ้านของสมุทร  พี่ธานกับไอ้เด่นเดินตามหลังมา

"นี่อิ่มจนจะหลับอีกรอบอยู่แล้ว" ผมว่า  พี่ธานยิ้ม  ผมนำมือลูบหน้าลูบตาตัวเองเรียกสติทั้งสองมือ  เมื่อกี้โดนพายุจัดหนักมาด้วยกันทั้งหมดนี่ละ  กินอาหารที่มันทำกันแบบจำใจต้องกิน  ถึงแม้ว่ามันจะอร่อยก็เถอะ 

"คุณไฟจะทำอะไรครับนี่" พี่ธานถามอย่างสงสัย  ผมดูเวลาแล้ว  ปกติวันนี้สมุทรจะกลับค่อนข้างเย็น  ดังนั้นตอนนี้เขาจะไม่อยู่บ้าน  ผมไม่ได้จะมาพบเขาแต่จะมาเพื่อสังเกตความเป็นอยู่ก็เท่านั้น

"เปล่านี่..ก็แค่ มาทักทายเฉย ๆ" ผมตอบ  พี่ธานเหล่มองผมเหมือนไม่ไว้ใจ  ผมอมยิ้มตอบ  เมื่อเดินไปถึงหน้าบ้านของสมุทร  ผมจึงตากวาดดูขนมไทยตรงหน้าที่วางเรียงรายอยู่ห้าหกอย่าง 

"แล้วคนขายไปไหน" ไอ้เด่นพึมพำชะเง้อหา  หน้าบ้านไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว  เงียบมากแม้กระทั่งด้านในบ้านก็ด้วย

"แดดก็ร้อนเป็นบ้า" ผมหรี่ตาทันทีที่ถอดแว่นตากันแดดออก  รู้สึกว่าเหงื่อสามารถผลิตออกมาได้ไม่หยุด

"มีมะยงชิดลอยแก้วของชอบคุณด้วยครับ" พี่ธานชี้นิ้วไปอย่างตกใจ  ผมหัวเราะเบา ๆ เพราะเมื่อกี้เห็นแล้วว่ามี  ยังคิดอยู่ในใจเลยว่าจะสั่งมากินสักหน่อย  ก็ไม่ได้ชอบอะไรนักหรอกครับแต่ก็พอกินได้บ่อย ๆ

"ขอโทษครับ! ซื้อขนมหน่อยค้าบ!" ไอ้เด่นทำหน้าที่ตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ

"จ้า~" เสียงคนแก่ด้านในตอบรับ  พวกเรามองหน้ากันไปมา  หลังจากนั้นประมาณห้านาทีก็เห็นยายของสมุทรเปิดประตูมุ้งลวดออกมาด้วยความเนิบช้า  เธอมองมาที่เราทั้งสามคนที่ยืนจังก้าอยู่หน้าร้าน  เรียกว่าสามารถปิดร้านได้แทบมิด  พวกผมยืนนิ่งสนิทเพราะผมเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นยายของสมุทรออกมาด้วยตัวเอง  ทุกคนได้แต่ยืนเงียบ ๆ ลุ้นมองว่ายายแกจะสามารถเดินออกมาหาพวกเราได้อย่างปลอดภัย  ดูเหมือนใช้แรงงานคนแก่ยังไงชอบกล

"รอเดี๋ยวนะจ๊ะ" เธอหันหน้ามายิ้มพูดบอกพวกผมก่อน  แกคงเกรงใจที่ตัวเองทำอะไรก็ช้าไม่ได้ดั่งใจและพวกผมจะรอนาน  อีกมือหนึ่งจับที่จับมุ้งลวดเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองให้ใส่รองเท้าได้ถนัด 

"เอ่อ ไม่..เป็นไรครับ" ผมพูดตะกุกตะกักแล้วกระทุ้งข้อศอกใส่ไอ้เด่น  มันยิ้มแหย ๆ อย่างรู้งานแล้วรีบวิ่งเข้าไปหายาย

"เดี๋ยวผมช่วยครับยาย" ไอ้เด่นรีบเข้าไปช่วยพยุงจนยาวใส่รองเท้าได้สำเร็จ

"ใจดีจังนะ..ขอบใจจ้ะ ขอบใจ" เธอยิ้มบอก  พยายามเดินมาที่โต๊ะขนมอย่างระมัดระวัง

"รับอะไรกันดีล่ะ" เธอถามแล้วเงยหน้ามองหน้าผมอย่างอ่อนโยน  เป็นคนสูงอายุที่มีใบหน้าอ่อนโยนอย่างสังเกตได้ชัดเจน

"ผมเอา..มะยงชิดลอยแก้วครับ" ผมบอก  เธอเงยหน้ามองพวกเราอย่างตั้งใจฟัง  คล้ายกับว่ากำลังพยายามจดจำออเดอร์ที่เรากำลังจะสั่งทั้งหมดเข้าไปในหัวทีเดียว

"ผมเอาสาคูเปียกครับ" พี่ธานสั่งด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ

"ส่วนผมเอา บัวลอยถั่วเขียวครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายายก็ขายด้วย" ไอ้เด่นยิ้มชมหน้าทะเล้นตามสไตล์  ไอ้ห่านี่จะพูดยาวเสริมประโยคทำไม  เดี๋ยวยายก็จำไม่ได้พอดี

"ขายมานานแล้ว หนูเพิ่งมาครั้งแรกใช่ไหม" ยายหันไปมองหน้าไอ้เด่น  ผมได้แต่ยืนมอง

"ครับ พอดีว่านายผม.." ไอ้เด่นพูดจ้อไม่หยุด

"อะแฮ่ม" พี่ธานกระแอมในลำคอทันทีทำเอาไอ้เด่นหุบปากลง

"พอดีว่าเรา อยากกินขนมไทยน่ะครับ ก็เลยลองเดินหาดู" ไอ้เด่นรีบแก้ตัวไปหน้าซื่อ ๆ

"จ้ะ ๆ..กินที่นี่ใช่ไหม นั่งก่อนนะ นั่งก่อน" เธอยกมือขึ้นทำสัญญาณบอกให้พวกผมไปนั่ง  ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะที่อยู่ในร่มกว่าตัวอื่น ๆ หน่อย  พี่ธานเดินมานั่งตาม 

"เดี๋ยวผมช่วยนะครับ" ไอ้เด่นบอก  มันยังคงกุลีกุจอหยิบนู่นหยิบนี่แทนยายที่แม้แต่จะหันตัวก็ยังเชื่องช้าไปหมด  ผมนั่งมองหน้าพี่ธาน  พี่ธานหันกลับไปมองในบ้านเหมือนอยากรู้ว่าคนอื่นหายไปไหนกันหมด  ครู่หนึ่ง  ยายของสมุทรก็นำมะยงชิดถ้วยของผมมาเสิร์ฟให้ด้วยตนเอง  ผมมองลุ้น  เธอประคองถ้วยทั้งสองมือแล้วเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง  ผมเหลือบมองคาดโทษไอ้เด่นที่มันไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง  อีกฝ่ายที่กำลังตักนู่นตักนี่อยู่หันมาปะทะสายตากับผมพอดี  มันยิ้มแหยเกาหัวแบบที่ทำอะไรไม่ทันแล้ว 

"นี่จ้ะ หน้ามะยงพอดีเลยนะ พ่อหนุ่มนี่โชคดีจริง ๆ รีบกินเข้านะ" เธอยิ้มบอกผม  มือที่ถือถ้วยอยู่วางถ้วยลงบนโต๊ะอย่างช้า ๆ ผมสังเกตเห็นได้ว่าเธอมือสั่นคล้ายกับว่าควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ดีนัก

"ขอบคุณครับ" ผมก้มหัวให้เล็กน้อย  เมื่อถ้วยวางลงบนโต๊ะได้อย่างปลอดภัยแล้ว  ยายของสมุทรก็นำมือดันถ้วยมาเพื่อให้อยู่ตรงหน้าผมมากขึ้น  ผมรีบจับถ้วยมาด้วยตัวเองเพื่อให้อะไรมันง่ายและรวดเร็ว  เมื่อมันวางพอดีตรงหน้าผมแล้ว  ยายจะได้เลิกกังวล   

"พ่อหนุ่มนี่ หน้าคุ้นตาจังเลยนะ" เธอจ้องมองหน้าผมและอมยิ้ม  ผมยิ้มให้เพียงนิดเดียวเท่านั้นและไม่ได้พูดอะไรกลับไป  ยายหันกลับไปอีกทางเหมือนจะเดินไปหยิบอะไรสักอย่าง  ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อเช็ดเหงื่อ  พี่ธานเองก็เหมือนกัน  ตอนนี้อากาศร้อนอบอ้าวมากขนาดที่ทั้งที่ผมและพี่ธานนั่งอยู่เฉย ๆ เหงื่อก็ยังไหลออกมาไม่หยุด  ไม่อยากจะคิดว่าคนที่บ้านนี้อยู่กันไปได้ยังไง 



แกรก~  ...พวกผมหันไปมองที่ประตูบ้าน  เห็นน้องสาวสมุทรเดินออกมา  เธอชะงักเล็กน้อยที่เห็นพวกผมสามคน  สายตาที่แสดงถึงความระแวงและความกลัวอ่านออกได้ง่ายมาก  หลังจากนั้นเธอก็อมยิ้มผงกหัวให้พวกผมอย่างรู้จักรักษาท่าที  พี่ธานเป็นฝ่ายประนีประนอมแทนผมเสมออยู่แล้ว  เขาจึงผงกหัวยิ้มตอบให้ดาวอย่างเป็นมิตร 

"ยาย..ยายจะออกมาทำไมล่ะ" เธอรีบเข้าไปช่วยพยุง  ไอ้เด่นถอยออกไปเล็กน้อย

"ทำอะไรอยู่ ลูกค้ารอ" ยายบ่น  ใบหน้าดุ ๆ ซ่อนแววให้เห็น  ดาวหน้าเจื่อน

"เปิดพัดลมให้ลูกค้าหน่อย มันร้อน" เธอชี้ไม้ชี้มือไป  ผมหยิบช้อนคนถ้วยมะยง  ในหัวกำลังนึกว่าถึงเปิดพัดลมก็คงจะมีแต่ลมร้อนอยู่ดี  ทั้งปูนซีเมนต์  ทั้งแดดตอนสี่โมงที่อย่างกับไม่ต้องการปราณีใคร  เหมือนจะฆ่าคนได้ทั้งเป็น
 
"เดี๋ยวหนูทำให้เองค่ะ" ดาวพูดบอกยายของเธอ

"อะ ๆ ดี ๆ" ยายว่าแล้วหันตัวกลับไปที่โต๊ะขนมหวานอีกครั้ง 

"เดี๋ยวยายทำเอง หนูไปนั่งไปลูกไป" ยายไล่ไอ้เด่นที่ในมือยังคงถือทัพพีอยู่  มันเหลือบมามองผมเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรดี  ผมมองมันเพียงครู่เดียว  ถ้าเรื่องแค่นี้มันยังคิดเองไม่ได้มันก็คงจะปัญญาอ่อนเต็มที

"ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวผมช่วยครับยาย..ผม กลับไปนั่งไม่ได้" ไอ้เด่นพูดด้วยน้ำเสียงเกรง ๆ จนพี่ธานหลุดหัวเราะเบา ๆ ผมยิ้มมุมปาก  ตักมะยงชิดขึ้นกิน  อากาศร้อนแบบนี้ก็ช่วยได้ไม่น้อยทีเดียว  ดาวนำพัดลมมาเปิดให้  เธอพยายามไม่สบตาพวกผมจนสังเกตได้  พอเธอเปิดพัดลมให้เสร็จแล้วเธอก็รีบเดินไปตักน้ำนำมาเสิร์ฟ 

"นี่ครับพี่ธาน" ไอ้เด่นนำสาคูเปียกมาเสิร์ฟให้ 

"ขอบใจ" พี่ธานบอกแล้วเลื่อนถ้วยมาวางตรงหน้า

"พ่อหนุ่ม เอา..เอา อะไรนะ" ยายพึมพำถามไอ้เด่น

"บัวลอยถั่วเขียวครับ" ไอ้เด่นตอบ

"อ๋อ จ้ะ ๆ" ยายรับปาก  ผมกับพี่ธานกินกันเงียบ ๆ รสชาติกำลังพอดีเลยแต่ก็แน่นท้องเป็นบ้า



เคล้ง!!!  ....เสียงทัพพีตกกระแทกพื้นอย่างดัง  พวกผมหันไปมอง
"ยาย!" ดาวอุทาน  ผมกับพี่ธานลุกขึ้นในทันทีที่เห็นว่ายายของสมุทรล้มลงกับพื้น
 
"คุณยาย" ผมรีบเข้าไปช่วยพยุงเธอไว้  แขนของยายที่เท้าพื้นเพื่อทรงตัวไว้สั่นจนแทบเอาไม่อยู่  เพียงพริบตาเดียวเธอก็เป็นลมล้ม

"ยายจ๊ะ ยาย" ดาวร้องหน้าเสีย

"มีโรคประจำตัวรึเปล่าครับ" พี่ธานถามดาว  สีหน้าเธอซีดเผือดคงเพราะตกใจ  ผมก้มลงมอง  เห็นยายหอบหายใจแรงเหมือนกับหายใจไม่ถนัด  และตาของเธอเริ่มหรี่ลงทีละนิด

"ไม่มีค่ะ" ดาวตอบ 

"มียาดมไหมครับ" ผมถาม  ดาวพยักหน้าแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน

"ไอ้เด่น ไปหันพัดลมมา" ผมบอก  ไอ้เด่นรีบวิ่งไปทันที  ไม่ถึงห้านาทีดาวก็วิ่งกลับมา

"หนูหาไม่เจอ" ดาวพูดเสียงสั่น  เธอยื่นยาหอมมาให้   

"ยาย" ดาวเรียกอีกครั้ง 

"คุณยายครับ" ผมเรียก  ดูเหมือนเธอจะหายใจไม่สะดวกแล้ว

"ไปเอารถมา ไปโรงพยาบาล" ผมสั่งไอ้เด่น  ไอ้เด่นพยักหน้าและรีบวิ่งไป  ดาวมองพวกผมด้วยสายตาที่ร้อนรนและยังคงดูไม่ไว้ใจ  รถจอดไว้ไกลจากปากซอยพอดูและก็คงนำเข้ามาในนี้ไม่ได้ด้วย 

"คือว่า.." เธออ้ำอึ้ง 

"พาไปโรงพยาบาลดีกว่า เผื่อจะร้ายแรงอะไร" ผมรวบรัด  ดาวพยักหน้าตอบแบบที่ดูลังเลในความคิด
 
"เดี๋ยวหนูขอโทรหาพี่ชาย.." ดาวทำท่าจะลุกขึ้น

"เอานามบัตรให้เค้าไป" ผมบอก  พี่ธานพยักหน้าแล้วรีบนำนามบัตรให้กับเธอ  ผมออกแรงอุ้มยายขึ้น  ดาวมองตามตาละห้อย

"จะไปแค่โรงพยาบาลใกล้ ๆ แถวนี้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ" ผมบอก

"คือว่า..พี่คะ" ดาวพยายามจะเข้ามาห้ามแต่อีกนัยหนึ่ง  เธอก็เหมือนไม่อยากจะห้ามเท่าไหร่ 

"ฝากยายหนูด้วย" เธอบอก  ผมเพียงยิ้มและพยักหน้าตอบ  ผมอุ้มพายายกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาที่หน้าปากซอย  พี่ธานเปิดประตูรถให้  ไอ้เด่นรีบขับรถไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในละแวกนี้  เป็นโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียงพอสมควร  ยายของสมุทรได้เข้ารับการรักษาในทันที  ผมและทุกคนได้แต่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจ  เพียงสิบห้ายี่สิบนาทีหมอก็เดินออกมา 

"คุณเป็นญาติคนไข้เหรอครับ" หมอถาม  สายตาที่มองมาที่พวกเราเหมือนไม่มั่นใจนัก
 
"เปล่าครับ..พอดีว่า ผมไปกินอาหารที่ร้านยายแก เลยพามาส่งแทน" ผมตอบ  หมอพยักหน้า

"คือว่าอย่างนี้นะครับ คุณยายอายุมากแล้ว ผมก็ไม่ทราบว่าเกิดอาการแบบนี้บ่อยหรือเปล่า" หมอวิเคราะห์

"ตอนนี้ทางเราให้คุณยายพักไปก่อน..ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงอะไรครับ จากที่พวกคุณเล่า ผมคาดว่าคุณยายน่าจะเป็นลมแดด แต่..สำหรับคนอายุเท่านี้ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกวิธี หรือถ้าเป็นในขั้นรุนแรงก็อาจจะเสียชีวิตกะทันหันได้นะครับ ต้องระวังหน่อย" หมอบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"ครับ" ผมพยักหน้า

"แล้ว..ต้องนอนพักสักกี่วันครับ" ผมถาม

"วันนี้ก็กลับบ้านได้เลยนะครับ ถ้าคุณยายฟื้น" หมอยิ้มบอก

"เอ่อ ผมคงไม่ว่างอยู่รอ" ผมพูด 

"เอาเป็นว่า..ถ้ายายฟื้นแล้วช่วยตรวจร่างกายแล้วให้แกนอนพักไปสักคืนนึงได้ไหมครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด..ผมจัดการเอง" ผมบอกแกมบังคับ  สีหน้าในตอนนี้ก็คงจะดูบังคับอยู่ด้วย

"ครับ ได้ครับ" หมอพยักหน้ารับก่อนหันไปพูดบอกพยาบาลก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไป   

"คุณไฟครับ..เบอร์แปลก ดาวรึเปล่า" พี่ธานบอก  พี่เขายื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผม  โทรศัพท์เครื่องนี้พี่ธานจะรับแทนผมซะส่วนใหญ่  เพราะเป็นโทรศัพท์ที่ให้เบอร์ไว้กับทางนามบัตรของผม  ไม่ใช่เบอร์ถึงผมโดยตรงเพราะผมไม่ชอบรับสายจากคนอื่นที่ผมไม่รู้จัก  ขี้เกียจปั้นเสียง   

"ครับ" ผมทัก

"ขอโทษนะคะ หนูโทรจากร้านขนมเมื่อกี้นี้น่ะค่ะ..ไม่ทราบว่ายายหนูเป็นยังไงบ้างคะ" เธอถาม  น้ำเสียงหวาน ๆ พูดอย่างระมัดระวังคำพูดทำให้ผมถึงกับอมยิ้มออกมากับมารยาทของเธอ

"ปลอดภัยแล้ว เป็นลมแดดน่ะ" ผมตอบ

"เหรอคะ เฮ้อ..ค่อยโล่งอกหน่อย" เธอถอนหายใจแรงในทันที

"แล้ว..หนูต้องไปรับยายที่ไหนเหรอคะ แล้ว..มี ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างคะ" เธอถามเสียงเบาลงเหมือนเกร็งขึ้นมา  เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว

"ตอนนี้ยายอยู่โรงพยาบาล HN น่ะ..หลับอยู่ หมอบอกให้พักผ่อน..แล้วก็ต้องรอตรวจร่างกายด้วย คืนนี้ต้องนอนที่นี่สักคืน" ผมโกหกตอบออกไป  หลังจากนั้นเธอก็เงียบไปแทบสนิท  ผมเองก็เงียบด้วยเพราะไม่รู้จะพูดอะไร
 
"เดี๋ยวหนูให้พี่ชายหนูไปเจอคุณได้ไหมคะ" เธอพูด

"ได้สิ..เดี๋ยวฉันจะให้คนติดต่อกลับไปแล้วกันนะ" ผมตัดบทพลางอมยิ้มมุมปากเล็กน้อย

"ค่ะ" เธอตอบรับ

"เท่านี้นะ" ผมบอก

"ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ" ดาวบอกก่อนที่ผมจะชิงตัดสายก่อน 

"จะให้ผมติดต่อคุณสมุทรไปเหรอครับ" พี่ธานถาม

"ไม่ต้อง" ผมตอบ  ยื่นโทรศัพท์กลับคืนไปให้พี่ธาน   

"เดี๋ยวอีกฝ่ายก็โทรมาเอง..แล้วถ้าเค้าโทรมา ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องตอบอะไร บอกแค่ว่ายายเค้าพักอยู่ที่ไหน..ออกได้วันไหนก็พอ" ผมบอก

"ได้ครับ"

"คุณจะกลับเลยเหรอครับ" พี่ธานถาม

"อืม วันนี้ผมมีซ้อม..ไม่อยากผิดตารางซ้อมน่ะ" ผมว่า  เย็นวันนี้ผมมีซ้อมมวย  ช่วงนี้ไม่ได้ขึ้นชกแต่ก็ยังต้องฟิตร่างกายไว้อย่างสม่ำเสมอ  ก็เป็นเจ้านายคนนี่ครับ  ถ้าขี้เกียจก็คงคุมลูกน้องแบบไอ้พวกนี้ไม่ได้ 

"เรื่องพยาบาลพิเศษน่ะ" ผมเอ่ย

"อ๋อ เรียบร้อยแล้วครับ" พี่ธานตอบทันควัน  ผมพยักหน้า

"งั้นก็คงไม่มีอะไรต้องห่วง" ผมพูด 

"กลับกันเถอะ" ผมบอก

"แน่นท้องฉิบเป๋งเลย กูจะตายไม่เนี้ย" ผมถอนหายใจ  เดินลูบท้องตัวเองบ่นพึมพำ 

"นั่นสิครับ จุกแน่ ๆ" พี่ธานถอนหายใจด้วยอีกคน  คงหมายถึงตอนซ้อม..ได้มีจุกกันแน่ ๆ ไม่ต้องเดาเลย




...........ไฟ...........
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 4 [ 14:50 น. - 10 ต.ค 58 หน้า 4 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 15-10-2015 23:38:13
ถ้าตอบว่าเป็นใครแล้วจะยังไงต่ออ่าาาา.. พ่อสมุทรของน้องต้องไม่ยอมไปด้วยแน่ๆ แบบไม่อยากยุ่งด้วยไรงี้มะ เง้อออออ

น้องพายุงุ้งงิ้งๆๆๆ พี่น้องรู้แกวกันรักกันโนะะะ แบบนี้คงไม่มีใครสามารถแย่งความรักของน้องพายุออกจากพี่ไฟได้
ต้องเป็นพี่ธานผู้แสนดีเท่านั้น พี่ไฟคงจะยอมยกให้ 5555555 เพราะงั้นธานพายุนี่แหละ ชัวร์!! *0*

อ่านออกหมดแล้วนี่ เขียนเองไหม กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก  :katai3: :katai3:


Finallyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyy :hao5: :katai2-1: :katai4:

ตัวละครเยอะมากกกกกกกกกกกก ฮือออออออออ
อ่านจนตอนล่าสุดแล้วก็ยังไม่รู้อยู่ดี ใครจะแมนกว่า ผิดมั้ยที่ไม่รู้นิ่? ถถถถถถถถถถ
แต่คิดว่า น่าจะต้องเป็นสมุทรแน่ๆเบยยยยย ไฟแบบบบบ เคะควีนอะไรแบบนี้ใช่เปล่าพี่เบบี้
ดูโปรไฟล์แล้วสมุทรดูแม๊นแมน บวกกับไอตอนล่าสุดชกมวยงี้อะไรงี้ คึคึคึคึ


(อ่านไปเมนท์ไปนะก๊ะ ถถถถถถ)

ความจริงอ่านแล้วก็ชอบไปหมด กร๊ากกกกกกกกกก ไฟโปรดก็ดูวิ้ดวิ้ววววดี
แต่หรือว่า โปรดจะชอบโช แบบว่าดูเหงาาาาาา และยังเป็นบุคคลที่ไม่โผล่มา แลดูจะลึกลับ
ความสัมพันธ์เพื่อนแบบนี้นี่มันไม่ทัมด้าาาาา อยากเห็นการปรากฏตัวของโชละ จะเด็ดแค่ไหน

ไหนจะพี่ธานกับพายุอีก คิดว่ามันจะมีอะไรมั้ยนะ พี่ธานดูชอบแกล้งพายุ 55555555555555555
แล้วพายุก็ดิ้นให้พี่ธานแกล้งตลอดไง อิอิอิ

อ่านแล้วให้ฟิลเหมือนเอาสลิ่มเมตรกับคิวเค้กมาผสมกัน แบบว่า โปรไฟล์ดีเหมือนพี่คิว
แต่ว่าเก๋าๆแบบ เมตรแบบสลิ่ม 555555555 แถมยังมีแบบ สตอรี่เด็กๆเหมือนสลิ่มเมตอีก
อยากจะบอกว่า ดีใจมากกกกกกก
ที่ได้อ่านนิยายเบบี้ซักที รอมาตั้งนาน อ่านวนไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ กี่เรื่องเข้าไป
แต่เอาดีๆถามว่าจำได้มั้ย ก็จำไม่ได้อะนะ ถถถถถถถถ


เข้าเรื่องนิยายใหม่ต่อ 55555555555555 (นึกอะไรได้ก็จะพิมพ์ ฮาาาาา)
แบบว่าทั้งหมดดูมีเรื่องครอบครัวเนอะ แบบว่าพ่อเสียแม่เสียอะไรงี้กันหมดเลย
จะทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น (แบบว่า คบกันก็ไม่มีใครห้าม) หรือจะเป็นเงื่อนงำอะไรรึเปล่านะ?
5555555555555

เฝ้ารอการพบกันของสมุทรกับไฟ จนสุดท้ายเค้าก็เจอแล้วววววววววววว
แถมยังปล้ำ(?)กันละด้วย 555555555555
ไวไฟมากจีจี
ดีใจมาก และอยากรู้ต่อแล้ว (ความจริงคือหมายถึงว่า ให้พี่เบบี้อัพได้แล้ว
ถถถถถถถถถถ #แซวก้าบบบบบบบ แบบว่าอยากเห็นว่า สองคนนี้เจอกันอีกจะเป็นยังไงต่อไป
รู้สึกว่าแบบ ไม่มีใครยอมใครเลยจิมๆ อิอิ


ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วคิดไม่ออก

อ่านรอบแรกยังเก็บรายละเอียดไม่ค่อยหมด คิดว่าคงจะต้องกลับไปอ่านอีกหลายๆรอบ จะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น
มันยาวมาก ตอนอ่านแล้วรู้สึกมึนตึ๊บ 555555555
แต่ก็ไม่ใช่ไม่ดีนะฮะ ที่อัพเยอะอัพยาวขนาดนี้


ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องใหม่ที่มีมาให้ติดตามนะคะ
แล้วก็จะรอ Royal Swan จริงๆด้วยยยย คริคริ


 :mew3:



(เม้นท์ยาวกว่านี้อีกนิดก็นิยายอีกตอนละ กรั่กๆๆๆๆ)    :z2:

พี่ขอตอบคุณน้องดังนี้..
- ใครรุกใครรับ  สังเกตเอาเองจาก (นิสัยของพี่) กร๊ากกก #ไม่เกี่ยว

- ส่วนเรื่องพ่อแม่เสียว่าจะทำให้ชีวิตคู่ง่ายขึ้น  อันนี้แล้วแต่คนอ่านจะคิดค่ะ ฮ่า ๆ ๆ ..ที่จริงมันก็มีประเด็นของบทบาทของแต่ละคนอยู่  ในคำพูดของตัวละครหลัก ๆ ก็มีพูดถึงจุดประสงค์ของการกระทำบ้าง  4 ตอนที่ผ่านมาคนเขียนก็สื่อถึงนิสัยของตัวละครไปบ้างแล้ว  อาจมีเกี่ยวโยงกับครอบครัวบ้างในเรื่องของการดูแลกันและกัน  อันนี้ไม่ได้เขียนอธิบายอย่างชัดเจน  แต่ในมุมของเบบี้  ส่วนตัวคิดว่าน่าจะอธิบายโดยพื้นฐานไปมากพอ  และ..ตัวหลักอย่างไฟก็ได้เคยพูดกับธานแล้วว่าเข้าหาสมุทรแบบนี้เพราะอะไร (อันนี้น้องต้องไปลองอ่านใหม่อีกครั้งดู)  แต่ถ้ายังไม่เข้าใจอีก  ก็ให้รออ่านตอนต่อ ๆ ไปก็ได้ค่ะ  พี่ไม่รู้จะอธิบายประเด็นนี้ยังไงเพราะตอนที่พี่แต่ง  พี่ไม่ได้นึกถึงประเด็นนี้ T T คุณพระ~

ถ้าน้องอ่านแล้วยาวจนมึน  พี่เขียนนี่มึนกว่านะ  กว่าจะเสร็จ ..ลองอ่านอีกรอบดูนะลูกนะ  ไม่น่าเครียดเท่าข้อสอบ กร๊ากกก
ปล.ถึงสิ่งที่น้องรอ  สิ่ง ๆ นั้นให้น้องเก็บเงินรอต่อไป  นี่ใกล้ละ ...(คนเขียนใกล้ตาย :katai4:) ขอบคุณมากจ้าที่ติดตามผลงาน  :m25: :mew1: 


..ขอบคุณทุกคอมเม้นด้วยค่ะ..
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 16-10-2015 00:19:56
พายุววววววววว
ทำไมน่ารักจังเลยยย 5555555

คุณไฟนี่เขาจะมีมุมน่ารักบ้างไหมอ่ะพี่บี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 16-10-2015 00:56:58
บร๊ะจ้าวจ๊อด!!!   :ling1:
เพิ่งจะอ่านจบตอน 3 ตอนใหม่มาอีกแล้ว  :hao7:
รอรวบยอด เสา-ทิต จะไล่กวดให้ทันเลยคอยดู้  :hao6:

ขอบคุณนะคะไอ้น้องบี้ เด็กหื่นคนขยัน
 :mew1:

ปล. รู้สึกต้องชะตา กับน้องพายุ จุงเบย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-10-2015 01:02:28
พายุววววววววว
ทำไมน่ารักจังเลยยย 5555555

คุณไฟนี่เขาจะมีมุมน่ารักบ้างไหมอ่ะพี่บี้

เฮยยยยยย ~ นี่ไฟยังไม่น่ารักอีกเหรอ ออกจะน่ารัก กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก  :katai5: :katai3: :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-10-2015 01:04:15
บร๊ะจ้าวจ๊อด!!!   :ling1:
เพิ่งจะอ่านจบตอน 3 ตอนใหม่มาอีกแล้ว  :hao7:
รอรวบยอด เสา-ทิต จะไล่กวดให้ทันเลยคอยดู้  :hao6:

ขอบคุณนะคะไอ้น้องบี้ เด็กหื่นคนขยัน
 :mew1:

ปล. รู้สึกต้องชะตา กับน้องพายุ จุงเบย

ีรีบ ๆ อ่านเข้านะ เดี๋ยวตามเด็กไม่ทัน  :angry2: :katai3: กร๊ากกกกกกกกกกกกก (นี่น้องพูดแบบเคารพรักและใสซื่อสุดๆ :hao3:)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 16-10-2015 03:51:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-10-2015 06:59:16
ไม่ผิดหวังจริงๆคุณเบบี้รายละเอียดจัดเต็ม ชอบชอบ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 16-10-2015 08:59:48
อย่างนี้ใช่มั้ยที่เค้าเรียกว่าเข้าทางผู้ใหญ่ กร๊ากกกกก #เบบี้ตบ

ไม่อยากจะนึกถึงตอนไปซ้อมมวย กินไปอิ่มขนาดนี้ มีจุกกันบ้างแหละ XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 16-10-2015 11:06:40
สมุทรน่าสงสารจังต้องดูแลยายดูแลน้องสาว...หวังว่าไฟจะเกลี้ยกล่อมให้มาทำงานด้วยได้ไวๆนะ

ชีวิตสมุทรจะได้ดีขึ้น..ส่วนพายุก็นะเป็นน้องชายที่น่ารักเกิน :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 16-10-2015 11:25:43
หึหึหึ.....สมุทร ไฟ
รอตอนต่อปายยยยยยยย
ปล.อ่านสมุทร เป็นสุนทรทุกทีเลย55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 16-10-2015 12:30:28
กำลังว่าจะทักไปเลยว่ามีเรื่องใหม่รึยัง ก็มาเจอสมุทร-ไฟพอดี    ชอบไฟอ่ะให้ฟิวส์ข้าวนิดๆ  ^^
เรื่องนี้บี้ดูโตขึ้นกับงานเขียนจริงๆ   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 16-10-2015 12:44:08
มาสักที :)

สมุทรจะโกรธไฟมากกว่าเดิมรึป่าวนะ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 16-10-2015 13:30:27
เห็นนามปากกา แล้ว  :hao5: เค้ากลับมาแล้วจริงๆ

พี่ไฟ กะสมุทร? นำ้กับไฟ อันนี้ไม่แน่ใจถ้าน้ำ(กำลัง)น้อยก็อาจแพ้ไฟได้ แต่พี่สมุทรเราเป็นถึงน้ำทะเลนี้เนอะ พี่ไฟเราคง.><~

เรารอลุ้นอีคู่นี้จะรักกันได้ยังไงต่อไป ดูท่าจะยาก ส่วนพายุ จะคู่ใคร ?!? เดายากอ่ะ พี่ธารก็ไม่เห็นมีซัมติงอะไรออกมาเลย เรื่องเหล้ายาน้องยุแกก็ไม่กิน กะให้เมาแล้วปล้ำพี่ธารก็ไม่ได้ ยากพอกัน

 :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 16-10-2015 13:36:36
พายุ หนูมีอะไรที่คาดไมม่ถึงเยอะนะ น่ารักเกินไปแล้ว






คุณไฟ ฉลาดจนน่ากลัว แต่คนที่น่ากลัวที่สุด น่าจะเป็นพี่ธารละมั้ง






สมุทร ยายเป็นลมนะ รู้ยัง






เด่น แก จะชอบหนูดาวเหรอ ???
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 16-10-2015 15:02:56
นึกเห็นใจสมุทรนะ น้องและยายไม่ใช่ภาระ แต่เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหม่
คนเราจะเข็มแข็งแค่ไหน เจอเรื่องทุกวันก็หมดแรงเป็น...ดังนั้น...
ไฟจัดเลยไม่ต้องรอตกลงบังคับเลย o18

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 16-10-2015 16:22:24
ชอบๆๆ ติดตามอยุ่นะคะ เนื้อเรื่องสนุกกกมากกก


ที่ให้สมุทรไปทำงานเพราะพ่อ  แต่จาไปเป็นอะไรกับลูกเค้าหยอออ


 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-10-2015 18:34:18
ยายไม่สบาย แบบนี้สมุทรอาจจะต้องไปทำงานกับไฟหรือป่าว

สมุทรต้องรับภาระหลายอย่าง ถ้าไปทำงานกับไฟความเป็นอยู่อาจจะดีขึ้น ลุ้นๆ   :hao3:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 17-10-2015 11:53:53
เหมือนสถานการณ์ต่างๆจะค่อยๆบับให้สมุทรเปิดใจจนได้อ่าแหละ ดูพี่ไฟแกคงไม่หยุดง่ายๆแน่
ตอนนี้ไม่มีพี่สมุทรออกโรง รอคอยตอนหน้าต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 17-10-2015 18:22:15
สมุทรกับพี่ธานเอาใจน้องไปเลยคะ 5555 ไม่รู้เป็นไรชอบบุคลิกคนแบบนี้จังเลย // แต่น่ารักสุดคงต้องยกให้พายุเลยค่ะ.
ความมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งเหมือนกระจายอยู่รอบตัวกันเลย.  พี่ธานแกล้งคุณหนูเยอะฟ ชอบอ่าาาา น่ารัก...  อ่านไปอมยิ้มไปเลยอ่ะ ตอนที่ไปค่ายมวย โมเม้นพันมือ ใจเต้นแรงไปเลยทีเดียว (คิดมากไปเองคนเดียว ><)อั้ยๆๆ  ละไฟนิ แอบมองตลอดดดด คือเข้าใจเลยอ่ะ เจอสิ่งดึงดูด ไม่สามารถละสายตาได้ 5555หุ่น สมุทรคงตราตรึงใจมากสินะคะ 
ช่วยเอาสมุทรมาดับไฟที  รอลุ้นค่ะๆ ว่าสมุทรจะมาทำงานกับไฟเมื่อไหร่น้าาาา ใกล้แล้วรึเปล่า โฮ้ๆๆๆ


ปล.
ตอนอ่านช่วงแรกๆ นิจึดใจเลยคะ แบบคิดย้อนไปสมัยลูกอมสองเม็ดบาทสามเม็ดบาท เฮ้ยยย เราทัน โอ้มายนะ คิดในใจ ผ่านมา.... นานแล้วสินะ

นิยายของ เบบี้ ยังสนุกน่าติดตามเหมือนเดิมเลยคะ คิดถึงมากเลยยยย ^^ อ่านไปมีมุม โม้เม้น ยิ้มตลอด

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 17-10-2015 19:12:38
พายุวววววววววว
ช่างน่ารักเหลือเกิ๊นน :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 17-10-2015 20:56:12
มาต่อแว้วววววววว  :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 17-10-2015 21:56:00
อ่านแล้วหิวขนมมากตอนนี้
อยากกินข้าวเหนียวสังขยาเลย55

ไฟ กับ สมุทร เค้ามีเหตุจะได้เจอกันอีกแล้ว ><

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 17-10-2015 21:59:20
ตอนที่ 6
..ไฟ..




05:40 น.  บ้านเลิศประสงค์

เช้าวันนี้ผมตื่นแต่เช้าตรู่  เพื่อออกไปวิ่งพร้อมกับลูกน้องที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับผม  ส่วนใหญ่ลูกน้องคนไหนทำงานใกล้ชิดกับผม  จำเป็นต้องอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กัน  ถ้าใครมีความจำเป็นและไม่สะดวกที่จะพักในที่พักที่ผมจัดหาไว้ให้  ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ถ้าผมเรียกใช้ต้องมาในทันที

ค่ายมวยสาขาใหญ่ของผมอยู่ถัดไปจากซอยบ้านผมถึงสามซอย  ที่นั่นมีพร้อมทุกอย่างสำหรับนักมวยอาชีพที่ต้องพักอาศัยที่ค่ายของเรา  การจัดการเป็นระเบียบดีมาตั้งแต่สมัยรุ่นของพ่อ  เราจัดที่พักให้สะดวกสบาย  อาหารสามมื้อมีให้พร้อม  นักมวยมาจากทุกภาคในประเทศไทย  บางคนไม่มีความรู้ติดตัวเลย  เข้ามากรุงเทพเพราะเจาะจงที่จะมาเป็นนักมวยในค่ายของผม  หนักไปกว่านั้นมาแต่ตัวก็มี  แต่ผมไม่สน  ผมสนว่าความประพฤติดีหรือมีประวัติเสียก่อนหน้านี้ไหม  เสร็จจากนั้นค่อยมาพิจารณาเรื่องฝีมือ

เมื่อผมเห็นฝีมือและหน่วยก้านของแต่ละคน  ถ้าผมตอบรับให้มาเป็นหนึ่งในนักมวยของค่าย  ผมก็ต้องรับผิดชอบชีวิตพวกเขา  ซึ่งถ้าจะรับเข้าค่ายก็ต้องมีสถานที่ให้  มันจะสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและการบริหารเงินของพวกเขาด้วย  ไม่ต้องไปจ่ายค่าหอ  ค่าน้ำค่าไฟอะไรให้สิ้นเปลือง  อีกอย่างทุกคนอยู่ในสายตาของครูมวยและสะดวกในการซ้อมเป็นอย่างยิ่ง  ถึงแม้ว่าที่พักจะเป็นห้องเล็ก ๆ เกือบเท่ารูหนูแต่ทุกคนก็มีห้องส่วนตัว  ห้องใครห้องมัน  ต้องทำตามกฎระเบียบของค่าย  ความสะอาดต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะต้องรักษาหน้าตาและคุณภาพของค่ายเอาไว้ 

ลูกน้องคนสนิทที่ทำงานใกล้ชิดกับผม  ถ้าไม่นับพี่ธานแล้วก็มีทั้งหมด 4 คน  คือ..ไอ้เด่น ไอ้เข้ม ไอ้หินและไอ้รุ่ง  ทุกคนจำเป็นต้องอาศัยอยู่บ้านของผม  พวกมันพอใจที่จะอยู่ ๆ แล้วเพราะสบายกว่าไปอาศัยอยู่ตัวคนเดียวเยอะ  ที่บ้านผมเป็นส่วนตัวมากกว่า  มีห้องพักให้กว้างขวาง  เครื่องของข้าวใช้ครบครัน  มียิมส่วนตัวไม่ต้องใช้รวมเหมือนที่ค่ายมวย  ได้กินอาหารดี ๆ ทุก ๆ มื้ออีกด้วย  พวกมันทั้งสี่คนได้รับเงินเดือนหลักตามฐานเงินเดือนที่ทำอยู่กับผม  ไม่ใช่ฐานเงินเดือนตามค่ายมวย  อย่างไอ้รุ่งและไอ้เด่นจะได้รับเงินเพิ่มในส่วนของการเป็นเทรนเนอร์ที่ค่ายมวยบางในบางเดือน  ถ้าพวกมันมีเวลาไปลงชั่วโมงสอนที่นั่น  เรียกว่าจะเป็นรายได้พิเศษที่ดีเลยถ้าพวกมันขยันนะครับ

ลูกน้องคนสนิทของผมที่เป็นนักมวยอาชีพในค่ายมวยชัยโรจน์ของผมด้วย  มีคนเดียวคือ.."ไอ้รุ่ง" เป็นอาชีพอีกหนึ่งทางที่มันจะหาเลี้ยงชีพตัวเองได้เป็นอย่างดีถ้าเลิกทำงานอยู่กับผม  ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ทุกคนก็โดดเด่นไปคนละด้าน  ที่ผ่านมาผมส่งเสริมพวกมันทุกอย่างไม่ว่าเรื่องอะไรที่พวกมันสนใจอยากค้นหาตัวเอง  พ่อเองก็เคยทำแบบนี้กับลูกน้องคนอื่น ๆ ของพ่อด้วย  ต้องการให้ลูกน้องมีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมติดตัวไปเพื่อที่จะเอาไว้หาเลี้ยงชีพได้ในอนาคต  หรือรู้สึกอิ่มพอและเบื่อที่จะอยู่กับพวกเราแล้ว 

พี่ธานเรียนจบวิศวกรรมยานยนต์  พ่อของผมส่งเสริมพี่ธานที่มีความสามารถพิเศษในการยิงปืนมาตั้งแต่ผมจำความได้  การแข่งขันหลายการแข่งขันถูกกวาดเรียบโดยชื่อของพี่เขา  ผันตัวมาเรื่อย ๆ จนเป็นนักแม่นปืนอาชีพที่มีเฉพาะคนในวงการเท่านั้นที่จะรู้ได้  การชกมวยที่พ่อของพี่เขาปลูกฝังมาตั้งแต่ยังเล็กพี่ธานก็ไม่น้อยหน้า  แม้ว่าพ่อของพี่ธานจะเสียไปแล้วแต่พี่ธานก็ไม่เคยทิ้งและฝึกฝนอย่างหนักจนได้แชมป์มาหลายรายการ  เมื่ออายุเข้าเลขสามพี่เขาก็วางมือทางวงการนี้ไป  เปลี่ยนตัวเองมาเป็นเทรนเนอร์ให้กับผมอย่างจริงจังแทน  สมัยที่ผมลงแข่งรถมอเตอร์ไซด์ทางเรียบ  คนที่ช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้ก็พี่ธานนี่ละครับ  เราตัวติดกันแทบตลอดเวลา  จะแยกกันเฉพาะตอนที่ขึ้นเตียงนี่ละมั้ง  นึกแล้วก็ตลก  ช่วงเวลาที่ผมยังเรียนอยู่เป็นช่วงที่เราสองคนคลุกคลีอยู่กับเรื่องรถและมวยมากที่สุด 

ส่วน.."ไอ้เด่น" นอกจากความสามารถทางด้านการอ่านแผนที่แล้ว  ความสามารถพิเศษที่ค่อนข้างมีชื่อคือด้านวงการสนุกเกอร์  มันเล่นสนุกเกอร์ได้ดีแต่ก็ยังไม่ถือว่าเก่งมากถึงขนาดจะกวาดแชมป์ใหญ่ ๆ ได้

ส่วนคนที่ชอบเดินรอยตามพี่ธานมากที่สุดคงเป็น.."ไอ้เข้ม"  ถ้าเรื่องยิงปืน  นอกจากพี่ธานและผมแล้วก็ต้องยกฝีมือนี้ให้กับมัน  พี่ธานเป็นเสมือนครูที่คอยชี้แนะเกี่ยวกับการแข่งขันและสายงานทางด้านนี้ให้กับไอ้เข้ม  เห็นว่าคนที่หัดให้มันยิงปืนคนแรกคือพ่อของมัน  เป็นการสอนในคราวจำเป็น  ส่วน.."ไอ้หิน" ที่คล้ายกับเป็นน้องคนสุดท้องของทีมทั้งที่อายุก็เท่า ๆ กันกับไอ้รุ่ง  นอกจากศิลปะการต่อสู้ที่มันจำเป็นต้องเป็นแล้ว  กีฬาอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ  อ๋อ..มันโดดเด่นทางด้านการพูดจาไพเราะ  คุณจะไม่ค่อยเห็นมันพูดจาไม่สุภาพกับใครบ่อยนักหรอกครับ  เพราะถ้ามันพูดไม่เพราะ  มันจะถูกแม่มันดุเสียหายเลยละ

ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่  การที่มันทำงานเป็นคนสนิทของผมได้  นั่นหมายความว่าผมให้ความสำคัญมันมากกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม  ผลการเรียนและความประพฤติของพวกมันจะต้องอยู่ในเกณฑ์ดี  และจะต้องไม่นำชื่อเสียงเดือดร้อนเสียหายมาสู่ "ผู้ปกครอง" ในประวัติที่มันกรอกลงไปให้กับสถาบันการศึกษา  นั่นก็คือ.."ผม" ผมเห็นความสำคัญของการเรียน  พวกมันจะต้องมีความรู้ที่จะไปประกอบอาชีพอื่น ๆ ได้ในอนาคต  อย่างน้อยพวกมันก็ควรที่จะจบวุฒิปวส.เป็นอย่างต่ำ 

ผมถือเรื่องการศึกษาเป็นสำคัญเพราะถ้าเมื่อไหร่ที่พวกมันอยากออกไปจากชีวิตผม  หรือเกิดเหตุอะไรขึ้นกับผมก็ตาม  พายุคงไม่สามารถสานต่อกิจการนี้ทั้งหมดที่พ่อทิ้งไว้ได้แน่  มันเคยเอ่ยปากบอกกับผมเกี่ยวกับเรื่องค่ายมวยว่า.."ยุขอไม่ทำได้ไหมเฮีย ยุไม่อยากทำ"  ผมรู้ทันทีว่าพายุคงคิดมาดีแล้วและก็รู้นิสัยของน้องชายตัวเองเป็นอย่างดีด้วย  เหตุไม่คาดฝันมันเกิดได้เสมอนั่นละ  เมื่อใช้ชีวิตมาถึงจุดนี้  ผมแน่ใจชัดเจนเลยว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  ถ้าถึงวันที่ผมไม่สามารถดูแลลูกน้องผมได้อีก  พวกมันจะได้มีความรู้ติดตัวออกไปหางานอื่น ๆ ทำ  สำหรับนักมวยในค่ายมวยเองผมก็ไม่เคยมองข้าม  ใครที่มาแบบยังเรียนไม่จบแต่อยากเรียน  ไม่มีทุนทรัพย์แต่ต้องการเรียนต่อจริง ๆ ผมก็ส่งพวกมันเรียนหมดทุกคน  ใครอยากเรียนต่อแบบไหนยังไงขอให้มีเหตุผลชี้แจงบอกผมให้ชัดเจน  ผมไม่เคยหวงหรือกั๊กให้พวกมันโง่เง่าเพื่อที่จะเป็นลูกน้องในสังกัดตลอดไป  ผมพร้อมส่งเสียเสมอแต่ต้องรับปากผมว่าจะไม่นอกลู่นอกทาง  มีความประพฤติที่ดี  สรุปง่าย ๆ ก็คือ ทั้งไอ้เด่น ไอ้เข้ม ไอ้หินและไอ้รุ่ง  เรียนต่อได้ก็เพราะผมส่งเสียให้เรียน  ส่วนพี่ธานพ่อผมส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนโรงเรียนดี ๆ มาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว  เรียกว่าเราสองคนเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องรุ่นต่อ ๆ กันมาเลยละครับ  พี่ธานเรียนโรงเรียนอะไร  ผมก็ถูกจับใส่ส่งต่อไปเรียนในโรงเรียนนั้น 

พี่ธานเป็นคนเดียวที่หลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้วพ่ออนุญาตให้ไปทำงานที่อื่นเพื่ออนาคตของพี่ธานในทันที  ปกติพวกเราก็ไม่เคยบังคับใคร  แต่พี่ธานอยู่ในกรณีพิเศษที่พ่อผมถึงกับออกปากไล่  ไล่เพราะอยากให้ไปได้ดีมีอนาคตที่ไกลกว่าตอนนี้  แต่พี่ธานก็ไม่ยอมไป  ยืดอกปฏิเสธและออกปากบอกกับพ่อของผมว่าจะอยู่ทำงานให้กับครอบครัวของเรา  ผมเลยเตือนสติพี่ธานไปอย่างกวนอารมณ์ว่า.."ถ้าทำต่อ พี่ต้องเป็นลูกน้องผมไปตลอดชีวิตเลยนะ"  พี่ธานเพียงอมยิ้มให้เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มออกมา  เพราะดูเหมือนเราแค่สองคนที่จะอ่านความหมายของรอยยิ้มในตอนนั้นออก  ผมจำได้ว่าพ่อส่ายหัวด้วยท่าทางหนักใจพร้อมบ่นว่า "หัวดื้อพอกันแหละแกสองคน" แต่ผมคิดว่าพ่อน่าจะพอใจอยู่ไม่น้อยนะครับเพราะผมเห็นพ่อแอบอมยิ้มด้วย 

การทำงานเป็นลูกน้องคนสนิทของผม  ส่วนใหญ่จะมอบหมายงานตามความสามารถที่มีของแต่ละคน  ซึ่งพี่ธานและผมรู้ดีว่าใครเหมาะกับชิ้นงานแบบไหน  บางคนงานเบา  บางคนงานหนัก  บางครั้งอาจดูไม่ยุติธรรม  ดังนั้น..อยู่ที่นี่ต้องทำใจยอมรับเรื่องนี้ให้ได้และที่สำคัญควรรักกันให้มาก 

ยกตัวอย่างไอ้เด่น..ที่เก่งเรื่องอ่านแผนที่กว่าใครเพื่อน  ผมจึงชอบให้มันเป็นคนขับรถประจำให้กับผม  ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร  การที่ได้พกมันไปในที่ ๆ ไม่รู้จัก  ยังไงก็สามารถหาทางออกได้แน่โดยไม่ต้องกังวล  เหมือนมันมีเซ้นส์ทางด้านนี้  สามารถวิเคราะห์ทางเข้าออกและหลบเลี่ยงเส้นทางต่าง ๆ ได้ถูกต้องเสมอ 

ส่วนไอ้เข้ม..พี่ชายฝาแฝด  และเป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวของไอ้เด่นมีที่เหลืออยู่  มันเป็นคนนิสัยค่อนข้างนิ่งขรึม  เป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่  ในสายตาของผม ๆ คิดว่าไอ้เข้มเป็นคนลักษณะเดนตาย  ใช้ชีวิตอย่างคนพร้อมเข้าสู่ความตายได้เสมอ  มันเป็นคนที่มีจิตใจโหดอยู่ลึก ๆ เป็นลูกน้องที่ทำตามคำสั่งอย่างตรงไปตรงมามากที่สุดในบรรดาพวกมัน 4 คน  เมื่อไหร่ที่ผมสั่งฆ่าใคร  ไอ้เข้มไม่เคยลังเลหรือมีใบหน้าถอดสี  ฝีมือการยิงปืนของมันเด็ดเดี่ยวแม่นยำ  แต่ฝีมือการต่อสู้ยังอ่อนด้อยกว่าไอ้เด่นผู้เป็นน้องอยู่พอสมควร  ส่วนใหญ่งานที่ไอ้เข้มจะได้รับไปทำมักจะเป็นการเฝ้าติดตามเป้าหมาย  งานแอบถ่ายศัตรู  เพราะไอ้เข้มถนัดที่จะขับมอเตอร์ไซด์ออกไปบุกป่าฝ่าดงได้อย่างไม่มีบ่นอิดออด  ผมชอบที่มันเป็นคนติดดิน  กินง่ายนอนง่าย  สั่งให้ทำอะไรทำ  อะไรที่ผมไม่สั่งมันจะไม่ทำเด็ดขาดซึ่งผิดกับไอ้เด่น  ไอ้เด่นนี่เป็นประเภท  ถ้าผมสั่งให้เขียนกอไก่  มันจะชอบมีความสงสัยบนใบหน้าว่าทำไมถึงต้องเขียนกอไก่  มากไปกว่านั้นบางครั้งมันก็จะทำเกินหน้าที่  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..ผมก็ชอบไปไหนมาไหนกับไอ้เด่นมากกว่า  ไปด้วยแล้วสบายใจดีแม้ว่ามันจะปัญญาอ่อนไปบ้างก็ตาม
 
ส่วนไอ้รุ่งที่มีฝีมือทางด้านศิลปะป้องกันตัวและมีเชิงมวยโดดเด่นกว่าใครเพื่อน  โดยพื้นฐานเป็นคนค่อนข้างซื่อ  บางครั้งก็ซื่อบื้อตามเพื่อนไม่ทัน  ไปจนถึงเกือบโง่ในบางที  ผมมักใช้ไอ้รุ่งไว้เป็นตัวหลอกล่อเวลาที่จำเป็นต้องทำ  แม้ไอ้รุ่งจะเป็นคนแบบนี้แต่เรื่องหลบหลีกของมันปราดเปรียวไม่ธรรมดา  ที่ผ่านมาให้มันเป็นตัวล่อเป้าหมายก็ไม่เคยมีใครจับมันได้เลยสักหน 

พูดถึงไอ้หิน  มันเป็นคนเดียวที่เด่นด้านวิชาการ  เป็นลูกรักของพายุ  ถ้าพายุจำเป็นต้องไปไหนมาไหน  พายุมักจะเลือกไอ้หินเป็นอันดับแรก  ผมเห็นไอ้หินมาตั้งแต่เกิด  แต่ก่อนมันไม่ใช่คนที่เก่งกาจอย่างทุกวันนี้หรอกครับ  ก็เป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดา ๆ คนหนึ่ง  ด้วยความที่เราอยู่บ้านเดียวกันมาตั้งแต่ยังเล็ก  เวลาที่ผมต้องไปไหนมาไหนบางครั้งจึงมีไอ้หินตามติดไปด้วย  โดยพื้นฐานของไอ้หินเป็นเด็กกตัญญู  ใช้ง่าย  ใจเย็น

ครั้งหนึ่งสมัยผมเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลาย  พี่ธานเดินทางไปต่างประเทศกับพ่อ  เวลาที่ผมไปไหนมาตามห้างร้าน  ผมก็จะเอาไอ้หินไปด้วย  ไปช่วยถือของบ้าง  ต่อของกับพ่อค้าแม่ค้าแทนผมบ้างตามแต่มันจะถนัด  แน่นอนว่าศัตรูอยู่รอบตัวผมเต็มไปหมดและผมลืมฉุกคิดไปว่าที่จริงผมไม่ควรเอาไอ้หินที่ไม่เป็นแม้กระทั่งการต่อสู้ใด ๆ เลยไปไหนมาไหนด้วยกัน  ตอนนั้นผมจำได้ราง ๆ ว่าผมน่าจะถูกดักทำร้ายจากคนประมาณสิบกว่าคน  ยี่สิบกว่าส้นตีน  ผมไล่ให้มันไปโทรตามบอดี้การ์ดของพ่อมาแต่มันเสือกไม่ไป  สุดท้ายก็โดนรุมซะเละด้วยกันทั้งคู่  ไอ้หินโดนหนักกว่าผมหน่อยถึงกับเข้าโรงพยาบาลต้องพักฟื้นไปหลายวัน  ผมจำได้เลยว่าหลังจากที่โดนกระทืบเสร็จแล้ว  ผมนั่งหอบเหนื่อย  ด่ามันออกไปอย่างนึกหงุดหงิดใจว่า "มึงนี่ ปัญญาอ่อนฉิบหาย" ส่วนตัวแล้วผมทนได้ที่ถูกกระทืบขนาดนี้แต่มันไม่ควรมาโดนด้วย  วันนั้นไอ้หินนอนจมกองเลือดหน้าตาหงอย ๆ โชคดีที่ไม่ช็อกตายไปซะก่อน

ไอ้หินเก่งงานวิชาการเป็นหลัก  มันเรียนเก่ง  เป็นคนเดียวในกลุ่มที่ขอเรียนต่อปริญญาตรี  มันและป้าอิ่มเข้ามาขอผมเรียนต่อทางด้านบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง  ค่าเทอมแพงลิบลิ่วกว่าใครเพื่อน  ที่จริงไอ้หินเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและปกติไม่ใช่คนหัวสูง  การที่มันมาขอผมเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนี้ผมคิดว่ามันก็คงเกรงใจผมเหมือนกัน  ผมไม่สนใจเรื่องค่าเทอมหรอกครับว่าจะแพงแค่ไหน  ถ้าแลกกับการที่ผมได้เห็นเกรดสามเกือบสี่ของมันที่มีมาอย่างสม่ำเสมอ  แค่นี้ผมก็ซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลแล้ว  มันตั้งใจเรียนและประมาณตนมากกว่าไอ้ดินซะอีก 

ไอ้หินเป็นคนหัวไว ฉลาด  ช่างจำ  มันจดจำใบหน้าคนได้เก่งมาก  เมื่อไหร่ที่ถึงยามคับขันต้องจำหลายสิ่งพร้อมกันโดยไม่มีอะไรช่วยบันทึก  บอกไอ้หินไว้ได้เลยเพราะส่วนใหญ่มันจำได้เกือบหมด  ไอ้หินกับไอ้รุ่งจะได้จับปืนน้อยกว่าเพื่อน  อาจพูดได้ว่าแทบไม่ได้จับเลย  ถ้าไม่จำเป็นผมไม่ให้มันสองคนลงมือทำอะไรอย่างหนักหนาสาหัส  เนื่องจากว่าไอ้หินก็เป็นลูกชายคนเดียวของป้าอิ่ม  แม่บ้านเก่าแกของครอบครัวผม  ส่วนไอ้รุ่ง..ผมก็ไม่อยากให้ประวัติในอาชีพมวยของมันเสียอีกด้วย 

พวกมันทุกคนต้องมีพื้นฐานทางด้านศิลปะป้องกันตัว  โดยเฉพาะมวยและจำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ดังนั้น..ตารางการออกกำลังกายของพวกมันได้ถูกจัดเตรียมไว้พร้อม  ของผมเองก็เช่นกัน  พวกมันจะถูกฝึกโหดโดยพี่ธาน  ส่วนใหญ่ก็จะเบี้ยวหรือขี้เกียจไม่ได้  สำหรับผมถ้าวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าก็ต้องแล้วแต่บางโอกาส  ถ้าตอนกลางคืนผมทำงานมาหนักหรือกลับบ้านดึกเกินไป  ผมก็คงขอโบกมือลาเพราะจะให้มาตื่นเช้าเหมือนพวกวัยรุ่นแบบพวกมันก็คงจะไม่ไหว

"เฮีย! ไปด้วย!" ไอ้ดินตะโกนเสียงดังลั่น  มันปั่นจักรยานคันเก่งของมันออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ประตูรั้วไฟฟ้าจะปิดได้สนิท

"ตื่นเช้า..แผ่นดินทรุดซะมั้ง" ผมวิ่งไปว่าเหน็บมันไป  พวกลูกน้องหัวเราะ

"พี่ธาน เดี๋ยวดินจับเวลาให้" ไอ้ดินแบมือขอนาฬิกาจับเวลาจากพี่ธาน  พี่ธานยื่นให้ยิ้ม ๆ 

"อ่าว..เร็ว ๆ หน่อย เร่งหน่อย ๆ" ไอ้ดินได้ทีแหกปากสั่งเลย



เพี้ย!  ....ผมวิ่งไปตบหัวมันที่ปีนเกลียวไม่ดูรุ่นแล้ววิ่งแซงมันไป

"โห่ เฮียไม่เคารพดินเลย! แล้วอย่างนี้ใครจะเคารพดินล่ะ!" มันโวยวายใหญ่  ผมอมยิ้ม  พวกเราใช้เวลาวิ่งไปที่ค่ายมวยประมาณยี่สิบนาที  หลังจากนั้นผมก็ไล่ให้ไอ้ดินกลับบ้านเพราะเดี๋ยวมันจะไปโรงเรียนสาย  ส่วนพวกผมต้องอยู่ซ้อมต่อที่ค่ายต่อ  เช้านี้กว่าจะได้เลิกก็คงเกือบสิบโมงนู่นละ

"สามสิบ สลับซ้ายขวา..มาเร็ว!" ผมเรียกไอ้รุ่งให้ซ้อมต่อ  ไม่ให้หยุดพัก  ตอนนี้ผมเป็นเทรนเนอร์ให้มันจนใกล้ครบห้ายกเต็มแก่แล้ว  ก่อนหน้านี้ผมกับพี่ธานซ้อมในส่วนของเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ไอ้รุ่งจะมีขึ้นชกเรื่อย ๆ หลายครั้งผมจึงต้องเป็นคู่ซ้อมให้มันต่อ  มันต้องซ้อมหนักกว่าเพื่อน  อีกอย่างผมยังไม่เหนื่อยเลยด้วย  เห็นใครเหนื่อยก็ไม่เท่าเห็นลูกน้องตัวเอง  แอบสะใจลึก ๆ โดยการทำงานทั่ว ๆ ไปของค่ายเราแล้ว  เมื่อไหร่ที่ใกล้ขึ้นชกการแข่งขันเวทีใหญ่ ๆ ครูมวยและนักมวยตัวเก็งของค่ายจะไม่ค่อยเจียดเวลาไปสอนลูกค้านัก  หน้าที่เป็นเทรนเนอร์ให้ลูกค้าผมจะยกให้เป็นหน้าที่ของเทรนเนอร์ประจำรับไปทำแทน 

"...นาย" ไอ้รุ่งพูดหอบ ๆ มันกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทางใกล้หมดแรง  ผมยืนนิ่ง  มองขวางใส่

"เร็ว ๆ!" ผมตวาดเสียงดังลั่น  พี่ธานหัวเราะอยู่ขอบเวที  ผมเดินเข้านำนวมฟาดเข้าที่หน้าไอ้รุ่งเต็มแรงจนไอ้รุ่งหน้าหันไปเล็กน้อย

"หมดแรง ๆ หน้าสะเทือนเลย หึหึ..เร็ว ๆ!" ครูมวยที่ยืนมองอยู่ถึงกับขำที่ผมทำแบบนั้น  แกเร่งไอ้รุ่งด้วยอีกทาง

"อย่าเดิน ๆ" ผมเตือนมันเสียงเรียบ  ยิ่งเหนื่อยยิ่งเดิน  ยิ่งเราถอยเมื่อไหร่เราจะยิ่งถูกต้อนจากคู่ต่อสู้ที่มองออกว่าเรากำลังจะหมดแรง  การเดินวนไปวนมารอบ ๆ เวทีบางครั้งก็ทำไปอย่างไร้จุดหมาย  บางทีมันเหนื่อยจนแทบจะยกขาแขนไม่ขึ้นเลยก็มี  ผมเองก็ถูกฝึกมาจึงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี  ดังนั้น..จำเป็นต้องมีเตือนสติกันเป็นระยะ 

"ถีบมา ถีบ!" ผมสั่ง  ไอ้รุ่งถีบมอญยันหลักมาเต็มแรง  ผมเซถอยหลังเล็กน้อย 

"เตรียมตัว" ผมส่งสัญญาณบอกมันพร้อมกับตั้งกาดเข้าหา  ไอ้รุ่งชักเท้าตั้งกาดถอยหลังกลับอย่างระแวดระวัง 

"สามสิบ..มา!" ผมชูกาดขึ้นบอกสัญญาณให้มันเตะ  ไอ้รุ่งเตะอัดสลับขามาอย่างเร็วและแรง  เสียงร้องของผมและมันดังจนคนอื่น ๆ พากันหันมามอง  หลังจากที่ไอ้รุ่งเตะครบสมใจผมแล้ว  ผมหยุดสั่งไว้ครู่หนึ่งเพื่อให้มันได้พักหายใจหายคอ

"อย่าพิง ยืน..นิ่ง ๆ" ผมเตือนสติมันที่ทำท่าจะหมดแรงไปพิงขอบเวที  มันยืนนิ่งตามที่สั่ง

"มึงเหนื่อยแล้วกาดชอบตก..เป็นอะไร กาดตกตลอด หือ" ผมขมวดคิ้วไม่ชอบใจ  เอื้อมมือปัดเข้าไปหามันที่กำลังยืนเหนื่อยอยู่  ไอ้รุ่งหันมามองยิ้มแหย ๆ แล้วตั้งกาดขึ้นป้องหน้าตัวเองเอาไว้ตามสัญชาตญาณ  ผมเตะเข้าที่ไอ้รุ่งทันที  มันอมยิ้มแล้วถอยคล้ายไม่สู้ตอบ  ผมล่อเป้าต่อให้มัน  อีกฝ่ายจำใจที่จะต้องซ้อมต่ออย่างปริปากบ่นไม่ได้ 

"ตี! หือ..แทง" ผมร้องอย่างสะใจเมื่อไอ้รุ่งพุ่งตัวแทงเข่าลอยมาที่ผม  ผมกัดฟันแน่นและเริ่มชกโต้ตอบหนักขึ้น

"เอ๊ย! อูย~" นักมวยรอบ ๆ เวทีส่งเสียงเชียร์ที่ไอ้รุ่งเตะเข้ามาที่ผมสามครั้งติด  ผมจับขามันได้ก็แทงเข่าเข้าไปเรียกเสียงเฮได้ไม่น้อย  ไอ้รุ่งยังไม่หยุดปล่อยลูกเตะตามที่ตัวเองถนัด  ผมจับข้อเท้ามันล็อกไว้ได้ทัน

"สู้กูเหรอ หือ..สู้กู เหรอ!" ผมแสยะยิ้มชอบใจ  เหวี่ยงขาไอ้รุ่งเต็มแรงพร้อมกับเตะเข้าที่หน้ามันทันที  ไอ้รุ่งตั้งกาดรับไว้ได้แต่ตัวก็เซไปเล็กน้อย

"สติน่ะ ดี ๆ" ผมบอกเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง  อีกไม่กี่อาทิตย์มันก็ต้องขึ้นชกจริงแล้ว  และผมยังไม่คิดว่าไอ้รุ่งพร้อมเท่าที่ควร  เราซ้อมกันจนพี่ธานเอ่ยปากบอกหมดยก  ไอ้รุ่งเหนื่อยเป็นหมาหอบแดด  ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกัน  กวนตีนมันเหนื่อยไปหน่อย
   
"ไปชกยางรถต่อ แล้ว..ฝึกตั้งกาด ชกลมด้วย" ผมสั่ง  การตั้งกาดไว้ให้นิ่ง  คือสิ่งสำคัญของศิลปะแม่ไม้มวยไทย  เปรียบเสมือนรั้วบ้าน  ไม่ว่าจะซ้อมมวยมากี่สิบปีและเก่งแค่ไหนก็ห้ามลืมสิ่งสำคัญนี้เด็ดขาด  มันควรเป็นสัญชาตญาณที่นำไว้ปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติ  นักมวยบางคนมักเหลิงในความเจนเวทีของตัวเอง  มั่นใจในความเก่งของตัวเองโดยการปล่อยกาดกวนอารมณ์คู่ต่อสู้  ผมไม่เคยคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำแล้วดูเท่  มันยิ่งดูไม่น่ามอง 

นักมวยหลายคนในค่อยไม่กล้ากาดตกต่อหน้าผม  บางครั้งที่เราเชียร์มวยด้วยกัน  ผมชอบบ่นใส่โทรทัศน์อย่างติดปากว่า.."อะ ทำเสร่ออีกละไอ้เหี้ยเอ๊ย"  เป็นประโยคที่มักทำให้พี่ธานขำจนหน้าแดง  พี่ธานเคยแอบเล่าให้ผมฟังว่า  พวกลูกน้องกลัวที่จะได้ยินประโยคนี้จากผม  เพราะเวลาประโยคนี้อยู่บนใบหน้าของผมแล้วพวกมันบอกว่ารู้สึกสะเทือนใจและรับไม่ได้  แล้วจะไม่ให้ผมพูดแบบนี้ได้ยังไงละครับ  ก็พูดไปตามที่รู้สึก..บางทีผมเอือมมากจนทนดูต่อไม่ได้เลยก็มี 

"ครับ" ไอ้รุ่งก้มหน้าขานรับ  หลบสายตาผมไป  ไอ้เด่นวิ่งขึ้นมาหาเพื่อนรักบนเวทีด้วยความเป็นห่วง  ผมแอบอมยิ้มก่อนถอดนวมออก

"ไหนมึงบอกชอบซ้อมกับนายไง ควายจริง" ไอ้เด่นกระซิบกระซาบว่า  ผมเลยขว้างเป้าล่อใส่พวกมันเพราะเสือกมาพูดให้ได้ยิน

"เก็บ!" ผมตวาด

"ค้าบ" ไอ้เด่นรับคำพร้อมยิ้มแหย ๆ

"เดี๋ยวกูวิ่งกลับแล้วนะ" ผมบอกแล้วลงจากเวทีเพื่อไปเริ่มวอร์มร่างกายอีกครั้ง 

"ใครมีงานอะไรไหม" ผมถามขึ้น  พี่ธานหยิบน้ำมาให้  ผมรับมาดื่ม

"เดี๋ยวผมมีเรียนบ่ายโมงครับ" ไอ้หินบอก 

"อืม งั้นวันนี้มึงก็ไปเรียน เรียนเสร็จก็ไปบอกแม่บ้านให้ไปทำความสะอาดโรงฝึกด้วยแล้วกัน..วันนี้คงไม่มีอะไร" ผมสั่ง  ไอ้หินพยักหน้ารับ 

"งั้น เดี๋ยวผมขออยู่ซ้อมต่อนะครับ" ไอ้หินพูด  ผมพยักหน้าอนุญาต 

"ขอบคุณครับ" ไอ้หินยิ้ม  ไอ้หินกับไอ้รุ่งจึงซ้อมต่ออยู่ที่ค่ายมวย

"ไปนะครับลุง" ผมหันไปยกมือไหว้พวกครูมวยทุกคน

"เออ ๆ โชคดี" พวกครูมวยหันมาโบกมือตอบ

"ระวังตัวด้วยล่ะ!" ลุงลอยรีบตะโกนมาจากในห้องทำงาน  ลูกน้องผมพากันอมยิ้ม

"ค้าบ" ผมตอบก่อนส่ายหัวยิ้ม ๆ ลุงแกมักจะเป็นห่วงผมเป็นพิเศษอยู่เสมอ

"ไป จิ! พวกมึงนี่..ทำอะไรให้มันเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม" ผมบ่นไอ้เข้มกับไอ้เด่นอย่างขัดลูกตาที่เห็นพวกมันยังทำท่าอืดอาดยืดยาดจากความเหน็ดเหนื่อยจนไม่ยอมลุกสักที  ผมกับพี่ธานวิ่งนำพวกมันออกมาก่อน 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 17-10-2015 22:01:54
"รถคุณโปรดนี่ครับ" พี่ธานพูด  ผมหันไปเห็นรถยนต์ของไอ้โปรดจอดอยู่ที่ฝั่งโรงจอดรถของบ้านผม 

"มันมาทำไมแต่เช้า" ผมบ่น  ปกติไอ้โปรดเป็นคนตื่นสาย  ยิ่งถ้าเป็นวันหยุด  เอาเถอะครับ..ไม่บ่ายโมงมันไม่ตื่นหรอก  ผมเดินเข้าไปในบ้าน  แม่บ้านนำผ้าขนหนูมาให้ผมเช็ดตัวเพราะตัวมีแต่เหงื่อเต็มไปหมด  พอได้ยินเสียงคุยกันดังมาจากห้องนั่งเล่นเลยเดินเข้าไปดู 

"กลับมาแล้วเหรอ" ไอ้โปรดทัก  มันกำลังนอนด้วยท่าทางสบายสุดขีดอย่างกับเจ้าของบ้านอยู่บนโซฟา  มันโบกมือยิ้มทักทาย  เท้ากระดิกไปมาน้อย ๆ

"เอาอีกแล้วนะ" ผมบ่นทันทีที่เห็นสภาพของพายุในขณะนี้  วันนี้ไอ้โปรดก็เอาสินค้ามาส่งให้พายุแต่เช้าอีกแล้ว  พอไอ้โปรดมีบินไปในสถานที่ ๆ พายุหมายตาทีไรเป็นต้องเป็นแบบนี้ทุกที

"ก็พายุบังคับให้กูซื้ออ่ะ" ไอ้โปรดบ่นด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ คล้ายเป็นความผิดของน้องชายผม 

"เอาเงินให้พี่โปรดด้วยนะเฮีย" พายุเงยหน้าบอกผม  ไอ้โปรดอมยิ้มนอนมอง  ผมถอนหายใจแรงและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับไอ้โปรด

"ไม่" ผมตอบ  พายุมองหน้าผมไม่วางตา  หน้าของมันดูผิดหวังเล็กน้อย  เราต่างเงียบลง  ผมหันหน้าหนี  พอหันไปมองพายุอีกที  มันก็ยังเอาแต่จ้องผมไม่ไปไหน

"ไม่" ผมย้ำคำเดิมตาขวางใส่  รู้สึกไม่ชอบใจ 

"แต่ว่า.." พายุเอ่ยจะแก้ตัว   

"เงินมึงมี มึงก็ต้องใช้เงินมึง..บริหารเอาเอง เดือนนี้ไม่ให้แล้ว" ผมพูดตัดบทเสียงแข็ง  ที่สำคัญคืออย่าไปสบตามันครับ  เดี๋ยวมันอ้อน 

พายุมักจะได้เงินจากผมทุก ๆ เดือนเป็นประจำ  และได้เงินจากโรงเรียนของมันด้วยอีกทางหนึ่ง  ในส่วนของเงินมรดกของมันที่พ่อยกให้  ตอนนี้มันยังไม่มีสิทธิ์ได้ใช้เพราะมรดกอยู่ในความดูแลของแม่มันอยู่ตามที่พ่อได้เขียนพินัยกรรมไว้  เมื่อพายุเรียนจบมันถึงจะสามารถจัดการด้วยตนเองได้  แม่ของพายุได้บอกกับผมเองว่า  ถ้าพายุมีสิทธิ์เรื่องมรดกที่พ่อยกไว้ให้มันเมื่อไหร่  ครึ่งหนึ่งแม่อนุญาตให้ผมเป็นคนจัดการแทนมันทั้งหมด  นั่นหมายถึงพายุจะได้เงินไปครอบครองเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น 

ที่จริงพายุเป็นคนฉลาดใช้เงิน  นอกจากเรื่องเสื้อผ้าแล้วมันจะรู้จักซื้อของและใช้ของอย่างรักษามาตลอด  คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่มันอดไม่ได้  เพราะมันเป็นคนฉลาดใช้  ฉลาดเก็บ  มันจึงฉลาดมาไถเงินผมอยู่อย่างที่เห็นนี่ไงละครับ   

"เฮียอ่ะ" พายุลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ผมทันที  ไอ้โปรดนอนอมยิ้มสบายใจเฉิบ  ผมมองตาขวางปรามนิสัยของมันที่มักนำหายนะมาให้กระเป๋าเงินผมตลอด  ผมยังคงรักษาความเงียบเอาไว้  เรานั่งเล่นสงครามประสาทกันอยู่พักหนึ่ง  พายุจับแขนผมไว้ไม่ปล่อย  มันขยับปลายนิ้วบีบแขนผมนิด ๆ

"น้าเฮีย" มันพูดขอ  ผมหันไปมอง  พายุไม่ได้ยิ้มเพราะหน้ามันยังตายอยู่รูปแบบเดิม  เห็นหน้ามันแล้วก็เหมือนสะท้อนเห็นตัวเอง  ครอบครัวหน้าตาย   

"เท่าไหร่" ผมหันไปถามไอ้โปรด

"แปดหมื่นสี่ กูคิดแปดหมื่นห้าแล้วกัน..ให้ค่าขนมไอ้น้ำที่ขับรถมาส่งกูหน่อย นี่ไม่ได้คิดค่าหิ้วนะ กูให้พิเศษ" ไอ้โปรดยักคิ้วบอกเอาดีเข้าตัว  หน้าตาไม่ได้น่าไว้ใจเลยสักนิด  ผมเบือนหน้าหนีพลางนึกในใจ.."แพงฉิบหาย" รู้สึกเสียดายเงินแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง  ผมขยี้หัวตัวเองเซ็ง ๆ อยากเข้าไปกระทืบไอ้โปรดแต่ก็ขี้เกียจจะขยับตัว  ไอ้โปรดปรากฏตัวที่บ้านผมแต่ละครั้ง  ผมไม่เคยเสียเงินต่ำกว่าห้าหมื่นเลยจริง ๆ

"........." ผมเงียบนิ่ง  พายุยังคงนั่งมองผมไม่วางตาเหมือนจะรอดูว่าผมจะเอายังไงกับมันแน่   

"ถ้าภายในห้าเดือนนี้มึงฝากของไอ้โปรดซื้ออีก มึงต้องจ่ายเอง" ผมตัดใจพูดออกไป 

"ได้!" พายุพยักหน้ายิ้มรับคำทันที  มันกลับไปนั่งที่เดิมอย่างไร้เยื่อใย

"ที่สำคัญ.." ผมเอ่ย  พายุหันมามอง  มันเริ่มหุบยิ้มลงทีละนิดคงรู้ว่าผมยังพูดไม่จบ

"ถ้าเกินสี่หมื่น กูจะยึดรถมึง..หนึ่งเดือน" ผมขู่อย่างรู้นิสัยน้องชายตัวดี  พายุขมวดคิ้ว  อ้าปากพะงาบ ๆ อย่างเถียงไม่ออก  ผมเขม่นมอง  เป็นการเตือนว่าผมเอาจริง  ไอ้โปรดหัวเราะเบา ๆ

"แล้วอย่าไปบอกไอ้ดินล่ะ" ผมเตือนก่อน  เดี๋ยวมันน้อยใจอีก

"นี่ของไอ้ดิน แต่มึงไม่ต้องห่วง ราคาที่กูบอกเมื่อกี้คือรวมแล้ว" ไอ้โปรดพูดแกมหัวเราะ  มันชี้นิ้วไปที่ถุง ALEXANDER WANG ผมมองนิ่ง  กำลังรู้สึกเหมือนถูกหลอกยังไงชอบกล 

"ผ่อนได้ไหมวะ เดือนละหมื่น" ผมหันไปถามไอ้โปรดอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมลูบหัวตัวเองเบา ๆ
 
"สัตว์!" ไอ้โปรดด่ายิ้ม ๆ

"กว่าจะครบแปดหมื่น กูไม่ต้องบินจนเหนียงยานเลยรึไง" มันบ่น 

"เฮียเค็มเหมือนอาม้าเลย" พายุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา ๆ เรียบ ๆ ไม่รู้พูดบอกใครแต่ตาไม่ได้มองพวกผม  กำลังสำรวจสินค้าของตัวเองอยู่อีกโลกหนึ่ง

"กูก็เก็บไว้ให้พวกมึงใช้สบาย ๆ ตอนกูตายไง" ผมว่าแดก  ไอ้โปรดหัวเราะชอบใจ  ถ้าผมตายขึ้นมา  เงินทั้งหมดจะไปตกอยู่ที่ใคร  ก็ที่พวกมันนั่นแหละครับ  พวกมันจะได้ใช้สบาย ๆ ไปได้อีกเป็นชาติแบบไม่ต้องทำมาหากินก็ยังได้เลย  ผมหมายถึงถ้าไม่ใช้จนเกินฐานะน่ะนะ

"มึงไหวไหม แล้วจำเป็นต้องมาเช้าขนาดนี้เลยรึไง" ผมถาม

"กูลงจากเครื่องก็ให้ไอ้น้ำขับรถไปรับ ก็เลยตรงมาหามึงเลยทีเดียว..แต่ กูขอนอนพักนี่นะ ขี้เกียจกลับบ้านแล้วอ่ะ" มันทำหน้าอ้อนวอนส่งสายตามาทางผมก่อนเหลือบสายตามองไปทางประตูห้อง  พี่ธานเดินเข้ามา

"หวัดดีครับพี่ธาน" ไอ้โปรดทัก

"หวัดดีครับ" พี่ธานยิ้มตอบ

"พี่ธาน หยิบสมุดเช็คให้ผมหน่อยสิ" ผมบอก 

"ขอเงินสด" ไอ้โปรดพูดขึ้นเหมือนรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร 

"ค-วย!" ผมสบถด่าทันควัน 

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ไอ้โปรดหัวเราะดังลั่นเหมือนสะใจที่ถูกผมด่าแบบนี้  พี่ธานยังคงยืนมองอยู่อย่างรอดูว่าตกลงผมจะเอายังไงกันแน่

"กูขี้เกียจไปขึ้นเงิน จะใช้เลย..เอาเงินสด!" ไอ้โปรดกระแทกเสียงเหวี่ยงยิ้ม ๆ ผมมองตาขวางเพราะไม่สบอารมณ์ 

"มึงน่ะ ใช้บัตรเครดิตซื้อของ..ได้ราคาพิเศษ ได้ทั้งสะสมคะแนน มึงอย่ามาทำหัวหมอกับกูไอ้โปรด..แล้วอย่าให้กูรู้นะว่ามึงบวกเพิ่มไปแล้วน่ะ ไอ้เหี้ย!" ผมสบถด่าอย่างรู้ไต๋  มันยังไม่หยุดหัวเราะอีก 

"กูจะทำแบบนั้นได้ไง พายุก็เหมือนน้องกูเหมือนกัน" ไอ้โปรดลอยหน้าลอยตาเถียง  ผมส่ายหัว  ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เซฟเงินสดที่ห้องทำงานอย่างตัดรำคาญ  หยิบเงินออกมาแปดหมื่นห้าพอดีเป๊ะ  ถือมาทั้งอย่างนั้นแบบไม่คิดจะใส่ซองให้เป็นระเบียบด้วยความหมันไส้

"เอาไป" ผมพูดห้วน ๆ แล้ววางเงินลงบนโต๊ะตรงหน้ามัน  ไอ้โปรดเหลือบตานอนมองหน้าตาเฉย  มันยังคงไม่ยอมขยับตัวลุกขึ้นมานับ  หรือเก็บเงินใส่กระเป๋าไปดี ๆ ดูนิสัยมันสิครับ  ไอ้นี่แม่ง..เห็นแล้วปวดกบาลฉิบหาย

"พี่ธานไปไหน" ผมถาม

"อาบน้ำ" ไอ้โปรดตอบ 

"ตกลงว่ากูนอนนี่" ไอ้โปรดเปลี่ยนเรื่อง  ผมเหล่มองและไม่ตอบรับ 

"นะพายุ..พี่นอนนี่นะ" ไอ้โปรดหันไปหาแนวร่วม 

"..ห้องเยอะแยะ เลือกเอาเองเลยครับ" พายุตอบอย่างไม่สนเพราะกำลังสนใจของที่ตนซื้อมา  ผมส่ายหัว  คนอย่างไอ้โปรดนี่นะจะนอนห้องอื่นที่ว่างอยู่

"พายุอนุญาตแล้ว..งั้นกูนอนห้องมึงนะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบกลิ่นห้องที่ไม่มีคนอยู่อ่ะ" มันบอกพร้อมทำตาปริบ ๆ

"เดี๋ยวกูต้องออกไปข้างนอกแล้ว" ผมบอกแล้วเอื้อมหยิบน้ำมาดื่ม

"มึงก็ไปสิ กูไม่นั่งเทียนทับมึงไว้สักหน่อย..กูแค่จะนอนห้องมึงต่างหาก" มันบ่นด้วยคำทะลึ่งจนพายุหัวเราะออกมา  ผมส่ายหัว

"เออ ๆ งั้นอย่าทำห้องกูเลอะล่ะ" ผมขมวดคิ้วเตือน  เพราะไอ้โปรดมันไม่ใช่คนระเบียบเรียบร้อย  ซึ่งผมไม่ชอบเอาซะเลย

"กูออกจะสะอาด" ไอ้โปรดยิ้มกว้างพูดรับปาก

"เฉพาะการแต่งตัวของมึงน่ะสิ" ผมว่าแดก

"หึหึ" พายุหัวเราะอีก

"แล้วนี่ไอ้น้ำไปไหน" ผมถามถึงลูกน้องของมัน

"ไม่รู้อ่ะ พอมาถึง..กูก็บอกมันว่า อยากไปไหนก็ไป" ไอ้โปรดตอบ  ผมถอนหายใจกับนิสัยไม่สนโลกของมัน

"ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน อยากกินอะไรก็บอกแม่บ้านแล้วนะ..ไอ้ยุ ดูแลพี่ไม่เอาไหนของมึงด้วย" ผมสั่งเสีย

"ค้าบ" ทั้งพายุและไอ้โปรดขานรับแกมหัวเราะ  ซึ่งเป็นการขานรับที่ไร้พลังของความรับผิดชอบเสียมาก ๆ


- - - - - - - - - - - - - - -


14:30 น.  ย่านมารัต ซอย6

ผมยืนมองสมุทรที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านของเขา  พี่ธานได้โทรเช็กไปที่โรงพยาบาลให้ว่ายายของเขาได้ออกโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อเช้านี้  ดูเหมือนวันนี้สมุทรจะลางานหรือเปล่าแต่คงไม่ใช่  เพราะเขายังคงใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คอยู่  หรืออาจจะเลิกงานครึ่งวันก็น่าจะเป็นไปได้  อากาศที่ร้อนระอุกับอีกฝ่ายที่นั่งขีด ๆ เขียน ๆ อะไรสักอย่างด้วยท่าทางที่ดูไม่น่ามีปัญหากับความร้อนในตอนนี้เลย  เมื่อมีลูกค้ามาซื้อขนม  เขาก็รีบลุกไปแทบจะทันที  ผมยืนดูอยู่อย่างนั้นอยู่พักใหญ่ ๆ พี่ธานกับไอ้เด่นก็ไม่ได้เอ่ยปากบ่นอะไร

"รออยู่ที่นี่นะ" ผมหันไปบอก  ทั้งสองคนมองหน้าผมนิ่ง

"ครับ" ทั้งคู่พยักหน้ารับและไม่ท้วงอะไร  ผมก้มลงมองของสำคัญในมืออีกครั้งก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขา

"........." เมื่อผมเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะที่วางขายของอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนเจ้าของร้านจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานเกินไปจนแทบไม่ได้ยินว่ามีคนมา  ผมไม่คิดจะเอ่ยปากเรียก  อยู่ ๆ ก็รู้สึกปากหนักขึ้นมากะทันหัน  จนเวลาผ่านไปสมุทรเงยหน้าขึ้นพอดี  อีกฝ่ายแทบผงะ  เราสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ก่อนที่เขาจะเหสายตาลงช้า ๆ สมุทรวางปากกา  ก้มหน้าลงและนิ่งไป  ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเรา  ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร

"สมุทร~" เสียงของยายเรียกเครือจากในบ้าน 

"ครับ" สมุทรขานตอบแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว  ผมยืนอยู่อย่างนั้นอยู่ประมาณสิบนาทีเห็นจะได้  เหงื่อเริ่มไหลลงกลางหลังอย่างช้า ๆ จนรู้สึกได้ทุกเม็ด  สมุทรเดินออกมาอีกครั้ง  เขาเดินเข้ามายืนประชันหน้าผม  ห่างกันระยะเกือบเมตร  สายตาและท่าทางไม่ใช่การหาเรื่อง  ใบหน้าที่เรียบนิ่งและปนความสุภาพทำให้ผมอ่านไม่ออกด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไร 

"เรื่องค่ารักษาพยาบาลน่ะ" สมุทรเอ่ยขึ้นเสียงเบา 

"นายจ่ายไม่ไหวหรอก" ผมบอก  แม้จะนอนพักแค่คืนเดียว  แต่ทั้งการรักษาเบื้องต้นและตรวจร่างกาย  อย่างละเอียดรวมไปถึงค่าพยาบาลพิเศษ  ราคาก็ยังเป็นราคามาตรฐานของเอกชนอยู่ดี

"ผมมีจ่าย" เขาตอบอย่างหนักแน่น

"ฉันไม่เอา" ผมย้อนตอบด้วยน้ำเสียงเดียวกันกลับให้  เราต่างเงียบลงอีกครั้ง  ครั้งนี้เราพากันเบือนหน้าไปคนละทางคล้ายระงับอารมณ์โดยไม่มีใครมองหน้าใคร  เหมือนต่างฝ่ายต่างพยายามที่จะใช้สติในการพูดให้ได้มากที่สุด
 
"คุณต้องการอะไรกันแน่" สมุทรพูดเชิงถาม  สายตาที่เขามองมาทางผมเหมือนต้องการคำตอบซื่อ ๆอย่างไม่อ้อมค้อมอะไรจากผม 

"ฉันอยากให้นายไปทำงานกับฉัน" ผมพูดตามจริง  พ่อจะให้ผมช่วยยังไงผมไม่สน  อย่างที่บอก..นี่คือการช่วยเหลือในแบบของผม  ลูกน้องของผมทุกคนได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากผม  ไม่ว่าแม่ใครจะป่วย  พ่อใครจะตาย  ถ้าลูกน้องผมเป็นคนดี  พฤติกรรมดี  ซื่อสัตย์และกตัญญู  ผมถึงไหนถึงกันหมด  ซึ่งถ้าสมุทรมาเป็นหนึ่งในนั้น  ผมเองก็คงจะไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะช่วยเหลือเท่าไหร่  เขาอาจจะได้สิทธิพิเศษมากกว่าลูกน้องคนอื่น ๆ เสียอีก

"ผมไม่ทำ" สมุทรตอบแทบจะทันควัน  เขาจ้องผมตาไม่กะพริบเลยทีเดียว  ผมอมยิ้มออกมาเล็กน้อย  ใบหน้าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยบาดแผลจากเหตุการณ์เมื่อคราวก่อนที่ยังไม่หายดี

"..ครอบครัวของผม จะไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับพวกคุณอีกต่อไปแล้ว" สมุทรพูด  ผมฉีกยิ้มที่ได้ยินความจริงลึก ๆ จากเขา  คำพูดธรรมดา ๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกจุกดี

"ผมอยากให้มันจบแค่นั้น" เขาบอกพร้อมทำท่าจะเดินหนีไป

"ฉันขอโทษ" ผมพูดขึ้น  อีกฝ่ายหยุดนิ่งทันที 

"ขอโทษแทนพ่อฉัน ขอโทษ..ที่ตอนนั้นช่วยอะไรไม่ได้" ผมบอก  สมุทรหันกลับมาช้า ๆ พร้อมรอยยิ้ม  เขาอมยิ้มด้วยสีหน้าเศร้า ๆ แบบที่ผมไม่คาดว่าจะได้เห็น

"ผมไม่เคยโกรธแค้นอะไรพ่อคุณหรอก" สมุทรพูดขึ้น   

"อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดของพ่อคุณสักหน่อย ไม่เคยมีความรู้สึกนั้นเลย..สาบานได้ครับ คนจะถึงฆาต..รั้งไว้ให้ตายก็ไปอยู่ดี" เขาพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อย  รอยยิ้มของเขาดูจริงใจจนผมไม่คิดจะตีความเป็นอื่น

"งั้นแล้วทำไม.." ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

"ผม..มีความสุขดี" สมุทรพูดแทรกทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เขาเหสายตาต่ำลง  ผมได้แต่ยืนเงียบอย่างพูดไม่ออก  ไอ้บ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนี่มันกำลังคิดอะไรอยู่กัน

"มันอาจจะดูเหมือนมันทุกข์ แต่ผมขอยืนยันว่า..ใจผมยังคงมีความสุขดี" สมุทรเงยหน้าย้ำพูด  เราเงียบลงครู่เดียว

"ฉันไม่ได้จะให้นาย.." ผมพยายามจะพูดอะไรในแง่มุมของผมบ้าง

"ชีวิตแบบคุณนี่มันสนุกเหรอ" อีกฝ่ายพูดแทรกขึ้น  สีหน้าคล้ายเค้นเอาความ  ผมเงียบลงทันใด  ทั้งผมและสมุทรพากันยืนนิ่งไปครู่ใหญ่  เรามองหน้ากันไม่วางตา  อากาศร้อนระอุ  ความเงียบและไร้เสียงรบกวนรอบข้าง  ปกติผมคงจะเดือดไปแล้วที่ถูกใครมาต้อนด้วยคำพูดแบบนี้  แต่นี่กลับไม่มีอารมณ์แบบนั้นอยู่เลย  มันค่อนข้างว่างเปล่าทีเดียว..

"โทษที" สมุทรพูดขึ้นก่อน

"เป็นความคิดที่ไม่ควรพูดสินะ" สมุทรยิ้มนิดหน่อย  ผมหัวเราะในลำคอไม่ได้ว่าอะไร

"พ่อฉัน..เลิกทั้งกิจการพวกนั้นไปหมดแล้ว แล้วก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรเสี่ยง ๆ อย่างเคยแล้วด้วย" ผมพูดบ้าง

"หึ..คนที่ใช้ชีวิตไม่เสี่ยง เค้าไม่พกปืนกันหรอกครับ" สมุทรย้อนยิ้ม ๆ เหมือนกับไม่เชื่ออะไรที่ผมกำลังพูดบอกนี้เลย  ผมยืนมองหน้าเขาเขม็ง  ทั้งรู้สึกเถียงไม่ออกและในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ในอก 

"พรุ่งนี้จะมาใหม่แล้วกัน เพราะฉันยังยืนยันคำเดิม" ผมตัดบทดื้อ ๆ เพราะจะให้ผมยืนต่อกลอนกันไปกันมานานกว่านี้ก็เท่านั้น  ดูท่าอีกฝ่ายจะใจแข็งพอสมควร

"นี่คุณ!" สมุทรอุทานทันทีที่เห็นว่าผมไม่ยอมง่าย ๆ แล้วทำท่าจะเดินหนีเขาด้วย 
 
"นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องรึไง" เขาขมวดคิ้วว่าเหมือนเหลืออดต่อผม  หึ..โกรธขึ้นนิดหน่อยซะแล้ว

"นายก็พูดไม่ฟังเหมือนกัน!" ผมหันไปย้อนกลับอย่างไม่แคร์ 

"ฉันมีงานให้นายทำเยอะแยะ ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการ..ถ้านายคิดว่านายมีความสามารถมากพอ นายจะได้คุ้มแน่ ๆ" ผมบอก  อีกฝ่ายหันหน้าหนีไปอีกทางเหมือนไม่ต้องการจะฟัง 

"ความสามารถน่ะมีไหม" ผมกวนด้วยน้ำเสียงท้าทาย  สมุทรนิ่งไป  เราเงียบลงอีกครั้ง  ผมจึงรีบสูดหายใจเข้าลึก ๆ

"ที่จริงฉันอยากได้นายมาเป็นเลขาฉันมากกว่าน่ะนะ" ผมแสยะยิ้มบอก

"ผมเป็นผู้ชาย" สมุทรย้อนเหมือนจะเตือนสติผม

"อ๋อ..ลูกน้องฉันทุกคนเป็นผู้ชาย ผู้หญิงมันยุ่งยากน่ะ" ผมยักไหล่กวน  อีกฝ่ายมองผมด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่มองปรามการกระทำเด็ก ๆ พร้อมกับถอนหายใจอีก  ผมเบะปากรับ  เขาอยากทำยังไงก็เชิญ

"ให้ผมทาย ลูกน้องคุณก็คงเหมือนกันหมด..พกปืน เป็นศิลปะป้องกันตัว" เขาอมยิ้มคล้ายดูหมิ่นผม

"จะบอกว่าฉันพกปืนแบบมีคุณธรรมนะงั้นเหรอ หึ..สุดท้ายก็นองเลือดเหมือนกันนั่นแหละ ใครสักคนก็ต้องตาย..อีหรอบเดิม" สมุทรยิ้มพูดพลางส่ายหัวอย่างรับไม่ได้

"แล้วมันไม่ดีตรงไหน นายยังไม่รู้จักพวกเราเลยด้วยซ้ำ" ผมอดว่าไม่ได้

"ก็ตรงที่ต้องอยู่กับเรื่องที่ไม่สบายใจตลอดเวลาไงล่ะ" เขาขึ้นเสียงแบบที่นาน ๆ จะได้เห็นที  อีกฝ่ายมองผมตาโตอย่างเอาความ

"โอเค..ฉันไม่เถียง" ผมแสยะยิ้ม  ยกมือขึ้นทั้งสองมือเป็นการยอมแพ้ถึงประเด็นนี้ที่เขาว่า
 
"เพราะความจริงที่ฉันอยากได้นาย ก็เพราะนายเป็นมวยนั่นแหละนะ" ผมหัวเราะ  ทำเอาอีกฝ่ายมองค้อนทันควัน  เราจ้องตากันไม่ละสายตา  ต่างฝ่ายต่างเอาชนะ   

"ถ้านายมีสติมากกว่านี้.." ผมพูดขึ้นเสียงเบาแล้วเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น

"นายก็คงจะรู้ว่า..จนถึงทุกวันนี้ที่ครอบครัวนายยังอยู่ได้อย่างสงบสุข ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะพวกฉันงั้นรึไง" ผมอดเตือนสติไม่ได้  สมุทรยืนนิ่ง   

"น้องนายที่ไม่ถูกข่มขืน บ้านห่วย ๆ ของนายที่ยังคงอยู่สุขสบายดี ยายนายที่หายป่วย ค่ายมวยกระจอก ๆ ของนายที่ยังอยู่ได้..นายคิดว่ามันเพราะนายมีบุญบารมีเก่าคอยคุ้มกะลาหัวนายอยู่รึไง" ผมแสยะหัวเราะต้อนอีกฝ่ายไม่หยุด  เขาชักเริ่มมองผมตาไม่กะพริบ 

"คุณหมายความว่าไง" สมุทรย้อนเสียงเย็น

"ฉันทำได้ทั้งนั้นแหละ" ผมพูด  แสยะยิ้มมุมปากทีละเล็กอย่างชอบใจที่เห็นเขามีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาซะแล้ว

"คุณนี่..ระยำกว่าที่เห็นเยอะนะ" สมุทรว่าพร้อมเบะปากนิด ๆ คล้ายเหลือเชื่อ

"หึ.." ผมหัวเราะชอบใจที่ได้ยินอีกฝ่ายด่าผมอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้  นานแล้วที่ไม่ถูกด่าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความเคียดแค้นอย่างที่ควร  ควบคุมตัวเองได้ดีทีเดียว

"เอาเก็บไปคิดแล้วกัน พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่" ผมบอก  สมุทรไม่ตอบอะไร  ผมยื่นซองจดหมายสีขาวไปให้ตรงหน้าเขา  อีกฝ่ายมองอย่างสงสัย   

"จดหมายพ่อฉันน่ะ" ผมบอก  สมุทรเงยหน้ามองผมทันที

"เค้าเสียไปเมื่อสามปีก่อน..พ่อฉันเขียนไว้ก่อนเสีย เค้าอยากให้ฉันเอาซองจดหมายนี้ให้แม่นาย" ผมบอก  สมุทรก้มหน้ารับไป

"ส่วนเรื่องแม่กับพ่อเลี้ยงนาย..ฉันเสียใจด้วย" ผมบอก  ผมเดินจากมาและไม่ได้หันกลับไปมองเขาอีก

"ผมว่า..." ผมพูดขึ้นเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ธานที่ยืนรอดูสถานการณ์อยู่ไกล ๆ

"ผมคิดถูกแล้วที่เลือกช่วยเขาแบบนี้" ผมแสยะยิ้มมุมปากออกมาทีละนิดด้วยรู้สึกชอบใจแปลก ๆ ที่จริงผมควรรู้สึกผิดบ้างไม่มากก็น้อยที่ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือให้เงินครอบครัวสมุทรอย่างโต้ง ๆ ตรงไปตรงมา  ปฏิกิริยาตอบกลับจากสมุทร  ทำให้ผมรู้สึกว่าพ่อผมเลือกไม่ผิดที่มีลุงยอดเป็นลูกน้องและเพื่อนรัก  เพราะขนาดลูกชายของเขาเองก็ยังทำให้ผมรู้สึกซาบซ่าในการต้อนเขานี้ได้ดีไม่น้อยทีเดียว..

เสร็จจากนั้น  ผมให้ไอ้เด่นขับไปรอที่ร้านกาแฟที่โรงแรม RATIO ของภาคิน  อีกเดี๋ยวเดียวลูกน้องผมจะเอาผลงานที่ผมรอคอยมาให้  วันนี้ไอ้คินไม่สามารถลงมาหาผมได้เพราะต้องไปต้อนรับแขกคนสำคัญ  พี่ธานกับผมจึงนั่งคุยงานกันไปเพื่อฆ่าเวลา  ส่วนไอ้เด่นก็นั่งสบายใจเฉิบ  แชทคุยกับสาวเขินไปมาอยู่นั่น..
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 17-10-2015 22:02:53
"สวัสดีครับคุณไฟ" ผมเงยหน้ามอง  พี่ศรกับไอ้เข้มเดินมาด้วยกัน  พี่ธานมอบหมายหน้าที่งานสืบพวกนี้ให้ไอ้เข้มเป็นคนจัดการ  ส่วน "พี่ศร" เขาเป็นมือปืนอาชีพ  ไม่ขึ้นงานอยู่ที่ใคร  รับงานแบบอิสระ  ผมไม่ค่อยได้ใช้บริการเขาหรอก  ส่วนใหญ่จะใช้ให้สืบเรื่องสำคัญ ๆ มากกว่า 

"นั่งสิ" ผมบอก  ทั้งสองคนเลื่อนเก้าอี้นั่งลง  พี่ศรแต่งตัวดูดีภูมิฐาน  มองเผิน ๆ ก็ดูเป็นคนมีฐานะคนหนึ่ง  รักสงบ  งานอดิเรกคือชอบหายตัวไปทำนา  ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำอาชีพด้านมืดอะไรด้วย

"นี่ครับ ตามที่สั่ง" พี่ศรยื่นซองสีน้ำตาลให้ผมมา  ผมหยิบมาก่อนเปิดดูอย่างระมัดระวัง  เมื่อเห็นเนื้องานแล้วจึงเก็บเข้าซองอย่างเดิม  ในนั้นเป็นรูปภาพที่พี่ศรนำปืนจ่อหัวลูกสาวของเจ้าของค่ายมวยส.โชคเจริญโดยที่ทั้งสองคนนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ  สำหรับผมแล้วการขู่ฆ่าคนที่รักในครอบครัวเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ของร่างกาย  ผมหมายถึง..ถ้ามันเป็นพ่อแม่ที่จะไม่จิตใจเหี้ยเกินสัตว์น่ะนะ  รายไหนรายนั้นเป็นต้องจำยอมหมด 

".........." ผมหยิบเช็คขึ้นมาแล้วเซ็นค่าเสียเวลาให้พี่ศรไปตามสมควร  พี่ศรรับไปดู

"ขอบคุณครับ" พี่เขาผงกหัวบอก

"แล้วจะให้จัดการไหมครับ" พี่ศรถามถึงเป้าหมายในซอง

"ยังไม่ต้อง" ผมตอบ

"ครับ"

"ไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณมากครับ" ผมบอกพี่ศร

"งั้นลาละครับ" พี่ศรก้มหัวอีกครั้งอย่างนอบน้อมก่อนลุกออกไป  ผมหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า  นับแล้วได้หนึ่งหมื่นก่อนวางลงบนโต๊ะตรงหน้าไอ้เข้ม  แม้มันจะไม่ได้เยอะเท่าพี่ศร  แต่ ๆ ละคนมักจะได้เงินนอกไปตามสภาพงานและหน้าที่หนักเบาว่ากันไป  ลูกน้องคนไหนจะได้เพิ่มนอกจากเงินเดือนอีกหรือไม่  ก็ขึ้นอยู่กับงานที่ผมมอบหมายให้ไปทำเป็นรายบุคคล  ไอ้เข้มมักจะได้เยอะและบ่อยกว่าเพื่อนหน่อยเพราะงานมันเสี่ยงกว่าใคร  ทั้งที่ความจริงแล้วพวกมันไม่จำเป็นต้องได้เงินเพิ่มในส่วนนี้ด้วยซ้ำแต่ส่วนใหญ่ผมก็ให้เสมอ  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ที่ว่า  ใครจะเอาเงินไปทำอะไรด้วย  พฤติกรรมดีหน่อยผมก็ให้เยอะ  ใครรับเงินไปแล้วเอาเงินไปใช้ละลายทันทีก็ได้รับน้อยไปตามสมควร  พวกมันไม่รู้ตัวหรอกครับว่าผมแอบสังเกตพฤติกรรมพวกมันอยู่ตลอด

"ขอบคุณครับนาย" ไอ้เข้มยิ้ม  มันยกมือไหว้แล้วรีบหยิบเงินเก็บเข้ากระเป๋า

"มึงเอานี่ใส่ซองแล้วเอาไปส่งให้พ่อมัน แล้วส่งคนจับตาดูพวกมันไว้" ผมสั่งงานต่อไปพร้อมกับเลื่อนซองของพี่ศรไปให้กับไอ้เข้ม 

"ครับนาย" ไอ้เข้มพยักหน้า  รับซองไป

"ไปได้แล้ว" ผมพยักหน้าส่ง ๆ ไอ้เข้มยกมือไหว้ผมกับพี่ธานอีกครั้ง

"เข้ม! เย็นนี้ซื้อไรไปเลี้ยงด้วยนะ" ไอ้เด่นรีบบอกพี่ชายตัวเองอย่างมีความหวัง

"มึงจะไม่ให้กูเก็บเงินบ้างเลยรึไง" ไอ้เข้มว่า  ไอ้เข้มเป็นคนมัธยัสถ์  มีเท่าไหร่เก็บ ๆ ใช้จ่ายระมัดระวังตลอด

"โหย..มึงเก็บเก่งกว่านี่ มึงก็จะรวยนำหน้าพี่ธานแล้วนะ" ไอ้เด่นย้อนหน้ามุ่ยอย่างทีเล่นทีจริง

"หึหึ" ผมอดหัวเราะไม่ได้  ไอ้นี่มันพูดถูกใจ  พี่ธานอมยิ้มไม่ได้ว่าอะไร

"อย่าเล่นพี่ใหญ่" ไอ้เข้มกัดฟันแน่น  มันหยิบดอกไม้ในแจกันกลางโต๊ะเขวี้ยงใส่ไอ้เด่นในทันทีที่ไอ้เด่นดันไปเล่นลูกพี่มันแบบนั้น  ไอ้เด่นหลบยิ้ม ๆ ก่อนที่ไอ้เข้มจะเดินไป

"มึงน่ะ เอาแบบมันบ้าง" พี่ธานเริ่มเข้าโหมดคุณพ่อ  ไอ้เด่นเหล่ตาไปอีกทางเหมือนเด็กที่เบื่อจะโดนดุ

"มีเท่าไหร่เอาไปให้ผู้หญิงหมด" พี่ธานว่า 

"รู้เค้าหลอกแต่เต็มใจให้หลอก~ ยิ้มข้างนอก..ช้ำ โอ๊ย!" ไอ้เด่นที่กำลังกวนพี่ธานอยู่ถึงกับหน้าหงายเพราะพี่ธานขว้างช้อนกาแฟเข้ากลางหน้าผากมันอย่างจัง

"พี่ใหญ่ ผมเจ็บ" ไอ้เด่นร้องหน้างอเลย  หลังจากนั้นมันก็หุบปากเงียบในทันทีเพราะพี่ธานมองตาขวางปรามใส่  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ หยิบสมุดจดงานของผมมา  เป็นสมุดเล่มเล็ก ๆ ที่พกพาไปไหนมาไหนด้วย  ที่จริงผมบันทึกในโทรศัพท์มือถือก็ได้แต่มันไม่ถนัดจะใช้จริง ๆ ผมขีดฆ่างานที่ควรจะสะสางออกไปทีละอัน  รวมไปถึงการได้ไปพบกับสมุทรในวันนี้ก็ถูกขีดฆ่าไปเช่นกัน  คล้ายกับเป็นหนึ่งในงานไปเสียแล้ว  ผมเหลือบมองไอ้เด่นอีกครั้ง  มันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่  อีกฝ่ายมองมาที่ผมเป็นระยะเหมือนมีอะไรจะพูดบอก 

"นายครับ คือ..เอ่อ น้าอั๋นโทรมาบอกว่าต้องการคนไปช่วยอบรมอ่านแผนที่พรุ่งนี้อ่ะครับ" ไอ้เด่นบอกด้วยท่าทางเกรงใจเหมือนรอให้ผมอนุญาต  น้าอั๋นที่ว่าถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย

"ก็ไปสิ" ผมอนุญาตเพราะรู้ว่ามันชอบงานแบบนี้

"แต่เค้าบอกว่า อบรมสองวันแบบนอนค้างอ่ะครับ" ไอ้เด่นยิ้มเจื่อน  ผมกลอกสายตาพร้อมถอนหายใจเล็กน้อย

"อือ" ผมพยักหน้าตอบ

"ขอบคุณครับ!" มันรีบยกมือยิ้มไหว้อย่างดีใจ

"ไปได้ครับน้า" ไอ้เด่นรีบตอบรับคนที่อยู่ปลายสาย

"ครับ..ครับ พรุ่งนี้เช้า..กลับวันมะรืนบ่าย ได้ครับ หวัดดีครับ" มันยิ้มพูดไม่หยุดก่อนตัดสายไป 

"แฮ่" มันยิ้มเขินที่เห็นสายตาผมกับพี่ธานที่จ้องมองมันอยู่ตลอด

"คุณไฟอนุญาตก็จริง แต่กูก็ไม่ได้อนุญาตไม่ให้มึงงดซ้อมเช้านะ" พี่ธานพูดขึ้นนิ่ง ๆ ผมยักคิ้วให้ไอ้เด่นอย่างเยาะเย้ย  มันรู้ดีว่าถ้ามันหยุดซ้อมสองวันพี่ธานจะสามารถรู้ได้ยังไง  ถ้ามันกลับถึงบ้าน  มันจะถูกซ้อมหนักกว่าคนอื่นแน่  และถ้าร่างกายของมันสู้ไม่ไหว  แสดงว่าสองวันที่ผ่านมามันคงเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ เอกเขนกไปวัน ๆ

"พี่จะไม่ให้ผมพักบ้างเลยเหรอ" ไอ้เด่นพูดด้วยสีหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม

"แบบนี้นี่ยังไม่เรียกว่าได้พักงานอีกเหรอ" พี่ธานย้อนดุ ๆ ทำเอาไอ้เด่นถึงกับเถียงไม่ออก  ผมอมยิ้ม   

"กลับได้แล้ว..ไป ห้องนอนกูพังไปแล้วมั้งป่านนี้" ผมบ่น  นึกเป็นห่วงห้องนอนตัวเองขึ้นมาที่ปล่อยไว้ในเงื้อมมือของไอ้โปรด


18:15 น.  บ้านเลิศประสงค์


บรื้น  ๆ ๆ  ~

"เฮย" ผมร้องเพราะเหมือนได้ยินเสียงลูกรักดังมาจากในโรงรถ  ใครกล้าเอามาเล่นวะไอ้สัตว์! 

"ไอ้เหี้ย จอด ๆ ๆ" ผมตบเบาะด้านคนขับอย่างร้อนใจสั่งให้ไอ้เด่นจอดรถ  มันยังไม่ทันจอดสนิทดีผมกับพี่ธานก็แทบกระโดดลงจากรถทันที


บรื้น  ๆ ๆ ๆ ~~  ...ผมชะงัก  กวาดตามองลึกเข้าไปก็เห็นต้นเหตุของเสียง  ไอ้โปรดนั่งคร่อมบิ๊กไบท์ BMW R NINE T รุ่นล่าสุดคันของพี่ธานที่เพิ่งไปถอยออกมาได้ไม่นานมานี้  ผมปิดปากกลั้นหัวเราะอย่างสบายใจในทันทีที่นั่นไม่ใช่คันใหม่ล่าสุดของผมที่เพิ่งไปถอยมาพร้อมกับของพี่เขา
 
"คุณโปรด" พี่ธานอุทานมองไปที่ไอ้โปรดอย่างอึ้ง ๆ เหมือนทำตัวไม่ถูก  พี่ธานแกรักรถของแกมาก  นอกจากผมและพายุแกก็ไม่ให้ใครแตะเลยด้วยซ้ำ  จะไม่ให้รักได้ยังไงก็มันสวยออกเสียขนาดนี้  แพงกว่า BMW รุ่นล่าสุดของผมซะอีก  แถมรุ่นนี้เป็นรุ่นที่พี่ธานซื้อด้วยเงินเก็บของตัวเอง  มันก็ต้องรักต้องหวงเป็นธรรมดา 

"คุณโปรดนี่จริง ๆ เลยนะครับ" ไอ้เด่นออกมายืน  มันแอบอมยิ้มเพราะไม่กล้าหัวเราะออกมา  ไม่อย่างนั้นมันอาจจะโดนพี่ใหญ่ฆ่าเอาได้  พวกลูกน้องคนอื่นพากันยืนมองยิ้มเจื่อน ๆ ดูเหมือนทุกคนทั้งห่วงพี่ธานแต่ก็ไม่กล้าห้ามไอ้โปรด  รวมไปถึงไอ้น้ำลูกน้องตัวดีของไอ้โปรดด้วย  มันยืนยิ้มแหยหน้าเจี๋ยมเจี้ยมที่เจ้านายของมันก่อความวุ่นวายอีกแล้ว 

"ไปละน้า~" ไอ้โปรดโบกไม้โบกมือมาทางผมและพี่ธานด้วยท่าทางร่าเริงไม่รู้สึกรู้สาพร้อมกับขับรถออกจากบ้านไป 

"เดี๋ยว! คุณโปรด เดี๋ยวครับ..คุณ! เบาครับ ..เบา ๆ" พี่ธานอ้ำอึ้ง  ทำท่าจะวิ่งตามไปแต่ก็ชะงักด้วยท่าทีไม่แน่ใจ  นี่คงเป็นพี่ธานที่ดูจะทำตัวไม่ถูกในรอบหลายปีที่ผมไม่ได้เห็นมานานทีเดียว  เสียงรถเร่งดังลั่นซอยอีกครั้ง
 
"อ้ากกกก! คุณโปรด!!" เจ้าของรถกัดฟันคำรามพร้อมกับกำหมัดแน่นอย่างหาทางออกไม่ได้  พี่ธานยืนเท้าเอว  หายใจแรงด้วยใบหน้าเครียดจัด

"เด็กบ้าเอ๊ย" พี่ธานสบถคล้ายกับเหลืออด  ผมคิดว่าพี่ธานคงอยากจะด่าว่า.."เด็กเวร" มากกว่าแต่ยั้งปากไว้เพราะเกรงใจผมน่ะนะ

"หึหึหึ" ผมปิดปาก  พยายามมีมารยาทกลั้นขำแล้วแต่เอาไม่อยู่จริง ๆ ผมเดินเข้าไปตบบ่าพี่ธานอย่างให้กำลังใจ
 
"เอาน่า.." ผมบอก  ถ้าไอ้โปรดจะไม่ซนเกินควรรถก็คงจะไม่เป็นอะไร  อย่างไรเราก็ต้องเชื่อใจในฝีมือของมัน  เห็นไอ้โปรดที่เอาแต่เล่นหัวเล่นหางอย่างนั้นแต่ฝีมือการขับรถของมันก็ไม่ไก่กา  มันเคยเป็นถึงหนึ่งในนักแข่งรถระดับเยาวชนมาก่อน  แม้มันจะผันตัวมาทำตามหาสิ่งที่ชอบแต่ก็เหมือนการจับรถและการเล่นกับความเร็วเป็นของที่ไอ้โปรดถนัดที่สุด  ลูกพี่ลูกน้องของไอ้โปรดอย่าง.."พี่สน"  ที่เป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่ผมกับไอ้โปรดถือหุ้นส่วนอยู่ก็เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของพี่ธานด้วย  พี่สนเป็นถึงนักแข่งอาชีพที่ไปประลองสนามแข่งมาแล้วทั่วโลก 

"อย่าให้กูรู้นะว่าใครเอากุญแจให้คุณโปรด" พี่ธานหันไปหมายหัวพวกลูกน้องตาขวาง  พวกมันยืนหน้าเอ๋อ  ไม่ยอมสบตาพี่ธานกันเลย

"เอ่อ..ยุไม่ได้ให้นะ" พายุพูดขึ้นหน้านิ่งแต่เสือกทำตากะหลับกะเหลือก  พี่ธานจ้องหน้าพายุเขม็ง 

"คุณ พายุ.." พี่ธานย้ำเสียงอย่างขอความจริง 

"พี่โปรดเค้าขอเข้าห้องพี่ธานอ่ะ" พายุพูดเสียงเบา  พอพี่ธานได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกัดฟันจนสันกรามมันบูดจนเห็นเด่นชัด  พี่ธานหลับตาลงในทันที  เสียงมอเตอร์ไซค์ดังลั่นซอยไม่หยุดและเริ่มใกล้เข้ามาที่พวกเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ผมหันไปมองที่ประตูรั้ว  เพียงครู่เดียวไอ้โปรดก็บิดรถเข้ามาด้วยความรวดเร็ว..


เอี๊ยด!  ....ไอ้ตัวดีตั้งใจเบรครถกะทันหัน  รถจอดสนิทอยู่ตรงหน้าผมและพี่ธานเพียงฝ่ามือเท่านั้น  ผมถอนหายใจที่ดูท่าเพื่อนรักผมยังไม่ยอมหยุดกวนตีน   

"สมราคา..ชื่นใจสุด ๆ" ไอ้โปรดเปิดหมวกกันน็อกพูดบอกด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งไร้อาการสำนึกผิด 

"กรุณาลงจากรถของผมด้วยครับ" พี่ธานที่ยืนเท้าเอวมองอยู่พูดสั่งเสียงเรียบ  หน้าเริ่มนิ่งลงได้บ้างแล้ว

"ลูกน้องมึง ..ขี้งกจัง" ไอ้โปรดทำหน้าไม่สลด 

"มึงนี่มัน" ผมส่ายหัวปราม  ไอ้โปรดหัวเราะแล้วลงจากรถ  พี่ธานส่ายหัวเล็กน้อยแล้วเดินไปคร่อมรถตัวเองก่อนขับกลับไปในโรงรถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ไหนบอกง่วงนอน" ผมบ่นมัน

"หึ..กูเพิ่งตื่นนี่แหละ" ไอ้โปรดตอบแกมหัวเราะ  มันเดินตามผมเข้าบ้านมา  พวกลูกน้องพากันแยกย้ายสลายตัว

"ก็มันเพลีย ๆ เลยอยากหาอะไรทำแบบสดชื่น ๆ ดู" มันพูด

"รถมึง มึงยังหวงเลย" ผมบ่นถึงรถยนต์สองคันที่มันไม่ให้ใครแตะเลยสักคน  คันที่ใช้ประจำคือคันที่สาม..เป็นคันที่ไอ้น้ำสามารถนำไปใช้ขับไปไหนมาไหนคอยรับใช้มันนี่ละ

"กูไม่เคยหวงรถนะ" ไอ้โปรดย้อนทันควัน  ผมเหล่มองปราม

"มึงน่ะ หวงรถมากกว่าหวงตูดมึงซะอีก" ผมว่าแดก

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก๊าก จริงดิ..กูไม่ยักรู้ตัว มึงนี่รู้ใจกูฉิบหาย" ไอ้โปรดหัวเราะเสียงดังลั่นบ้านอย่างสะใจ  พร้อมเข้ามากอดคอผมไปด้วยท่าทางที่ไม่เจ็บปวดใด ๆ ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

"คืนนี้ไปไหนกันดีอ่ะ กูอยากกลับบ้านแบบมีคนกลับด้วย" มันทำหน้าเจ้าเล่ห์

"มึงไม่เหนื่อยบ้างรึไง" ผมว่า

"พอไม่มีงานปุ๊บ..กูก็รู้สึกไม่เหนื่อยเลย แต่ถ้าพอรู้ว่าพรุ่งนี้มีงาน..วันนี้กูจะเหนื่อยทันที" ไอ้โปรดทำหน้าทำตากวนอารมณ์  ผมหัวเราะ  ก็จริงของมัน

"วันนี้มึงไปไหนมาวะ" ไอ้โปรดถาม  เราเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

"ไปหามนุษย์เหล็ก" ผมอมยิ้มตอบก่อนนั่งลง  ไอ้โปรดขมวดคิ้วยิ้ม ๆ ด้วยท่าทางอยากรู้  มันเดินอ้อมไปที่โซฟาอีกตัว

"หึหึ ใคร"

"มึงไม่รู้จักหรอก" ผมตอบ

"แต่..วันหลังมึงช่วยอย่าไปยุ่งกับรถพี่ธานเค้าจะได้ไหม ไอ้เหี้ยนี่เล่นไม่ดูเลย" ผมเตือนมัน  ถึงแม้ว่าพี่ธานเขาจะไม่ทำอะไรไอ้โปรด  แต่เพื่อนผม ๆ ก็ต้องบอกเตือนบ้าง  พี่ธานก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน

"ก็แค่อยากลองขับดูเอง" ไอ้โปรดตีหน้าซื่อ

"มึงก็ซื้อสิ" ผมว่า  มันชอบลองขับมอเตอร์ไซค์ของคนนู้นคนนี้เขาไปเรื่อยแต่ไม่เคยซื้อเป็นของตัวเองสักคัน  ทั้งที่มันมีปัญญาจะซื้อและมีฝีมือที่จะขับได้ดีมากอีกด้วย 

"ไม่เอาหรอก ให้กูขับมอเตอร์ไซค์นี่นะ เอาชีวิตไปเสี่ยงชัด ๆ" มันกลอกตาแบบรับไม่ได้  ไอ้โปรดเป็นคนแปลกอยู่อย่างหนึ่ง  มันเคยเป็นนักแข่งรถยนต์ระดับเยาวชน  มันชอบความเร็ว  ชอบความสูง  ชอบความท้าทาย  มันขับแข่งรถได้ดีมาก  ขับมอเตอร์ไซค์ก็ทำได้ดีเหมือนกับมีอยู่ในสายเลือด  แต่มันก็มีลิมิตในการเล่น  เช่น..อะไรที่เสี่ยงเกินไปมันกลับไม่ทำ  ไม่รู้เพราะว่าอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นสมัยก่อนเป็นเหตุด้วยหรือเปล่า  มันไม่เคยปริปากพูดเรื่องนั้นอีก

"ขับมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยนี่นะ เสี่ยงยิ่งกว่า..มีเซ็กส์แล้วไม่ใส่ถุงยางอีกนะมึง" มันพูดเป็นจริงเป็นจัง  ดูมัน..ยังเล่นไม่เลิก  ผมส่ายหัวก่อนมองปราม  ไอ้โปรดอมยิ้มน้อย ๆ

"กูจริงจัง..มึงก็ไม่ควรไปขับของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตก่อน" ผมย้ำเสียงเข้ม

"ค้าบ" ไอ้โปรดทำเสียงยานคางเหมือนรับปากไปงั้น

"หึ..กูก็แค่อยากหยอกพี่ธานเล่นเฉย ๆ มึงเห็นหน้าพี่แกป่ะเมื่อกี้..กูนี่กลั้นขำสุด ๆ" มันพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมนำมือปิดปากตัวเองไว้ด้วย  ผมพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้เพราะเดี๋ยวเพื่อนผมมันจะเหลิง

"ตกลงวันนี้ไปไหนดี พรุ่งนี้กูจะพักละ..วันมะรืนบินไปปารีสอีก น่าเบื่อ" ไอ้โปรดเบะปากทำเสียงเหนื่อยขึ้นมาอีก

"กูเบื่อ กูเบื่อ..กูเบื่ออออออ!" มันลากเสียงยาว  ผมเองก็เซ็งกับนิสัยของมัน

"กูเกลียดการเป็นสจ๊วต! เบื่องานนี้จนจะเฉาตายอยู่แล้ววววว" ไอ้โปรดทำเสียงโอดครวญ
 
"มึงเบื่อมึงก็ลาออกไปสิ" ผมว่ามัน  ตอนแรกเห็นอยากทำดิบดี  พอทำมาได้สักพักก็บ่นเบื่อนู่นเบื่อนี่ไม่หยุด  อารมณ์เข้า ๆ ออก ๆ ได้อีก

"ก็คิดอยู่อะนะ แต่..กูต้องทำเป้าหมายกูให้สำเร็จก่อน" ไอ้โปรดเอนตัวเองพิงโซฟาพร้อมเงยหน้าขึ้นสูง

"เป้าหมายอะไร" ผมขมวดคิ้วสงสัย

"ก็เป้าหมายหาคนรู้ใจที่รวยพอจะเลี้ยงกูได้ทั้งชาติไง" มันกระแทกเสียงตอบแต่ผมรู้ว่ามันพูดเล่น 

"หึ..หึหึ" ผมหัวเราะอีกแล้วทั้งที่พยายามจะไม่หัวเราะแล้วอะนะ  ไอ้โปรดอมยิ้ม

"กูว่าแค่มึงได้เอาก้นไปถูเป้าผู้โดยสารชั้น First Class ระหว่างเค้าหลับน่ะ นั่นก็บุญโขแล้วนะ" ผมว่าแกล้งประชดประชันมันไปงั้น

"ไอ้สัตว์! กูไม่เคยทำ..อย่างมาก ก็แค่ Business Class อีกอย่าง..กูแค่แอบมองเป้าแค่นั้นเองเหอะ" ไอ้โปรดย้อนด้วยสีหน้าจริงจังเล่นผมกลับอย่างไม่แคร์โลก  ผมกัดฟันไว้เพื่อไม่ให้ยิ้ม  ผมละเชื่อกับความหน้าทนของมันเลยครับ

"มึงอาบน้ำรึยังเนี่ย" ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะหาเรื่องแกล้งมันไปก็ไม่สะเทือน  ยิ่งพูดยิ่งต่ำลงเรื่อย ๆ ดังนั้นควรพอก่อนดีกว่า

"อาบแล้วเหอะ มึงไปดูห้องมึงได้เลย" มันกระหยิ่มยิ้ม  พูดซะขนาดนี้นี่ไม่ต้องจินตนาการเลยทีเดียว  ถ้าเห็นสภาพห้องคงบอกได้ว่ามันอาบจริงหรืออาบไม่จริง

"เฮ้อ ไอ้โปรด" ผมส่ายหัวบ่นอย่างเหนื่อยใจ  ห้องผมคงพังไปแล้วละ

"วันนี้ไปหาไอ้คินดีกว่า" มันเปลี่ยนเรื่องทันที 

"เฮีย..พี่โปรด อยู่กินข้าวด้วยกันไหม" พายุโผล่หน้าเข้ามาถาม
 
"ทำไม พายุทำเหรอ" ไอ้โปรดถามกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น

"อืม..ยุจะทำไก่ทอดซอสบาบีคิว กับผัดมักกะโรนีน่ะ ถ้าพวกเฮียไม่อยู่ ยุจะได้ไม่ทำเผื่อ"

"อยู่สิ อยู่..ไม่อยู่ได้ไงเล่า" ไอ้โปรดยิ้มตอบอย่างเอาใจพายุ 

"โอเค" พายุพยักหน้าตาย ๆ ก่อนเดินออกจากห้องไป

"กูขอเป็นเมียน้องมึงได้ป่ะ.." ไอ้โปรดพูดทีเล่นทีจริงขึ้นมา  ผมอมยิ้มพร้อมหันหน้าหนีมัน

"เพราะถ้าเป็นผัว กูคงเอามันไม่อยู่" ไอ้โปรดพูดแกมหัวเราะ

"หึหึ" ผมหัวเราะ

"..มันก็เอาคนอย่างมึงไม่อยู่เหมือนกัน" ผมย้อนว่า  ไอ้โปรดนี่ใช่เล่นเมื่อไหร่  คนปกติเดาอารมณ์มันไม่ถูกหรอกครับ

"ไม่เอา ไม่ว่าเพื่อน" ไอ้โปรดขยิบตาใส่

"น้องมึงนี่ อีกนิดนึงก็จะสเปกกูละ" ไอ้โปรดทำท่าทำทางเป็นงานเป็นการ

"ทุกอย่างโอเคหมด ยกเว้นหน้า" ไอ้โปรดเบะปากเหมือนไม่ชอบ

"ยังไง.." ผมถามยิ้ม ๆ เพราะพายุมันก็หน้าตาดีออกจะตาย

"ไอ้เหี้ย หน้าตาดีกว่ากูอีก..ไม่ไหวนะ หน้าแบบนี้มารุกกู กูไม่ Enjoy อ่ะ" มันทำหน้าขยาดอย่างจริงจังจนผมขำจนรู้สึกหน้าร้อนไปหมด

"กูละสงสัย พายุมันตายด้านเหรอวะ..ไม่ยอมมีแฟนเลย" ไอ้โปรดสบถด้วยสีหน้าอยากรู้  ไม่ใช่แค่มันที่สงสัย  ขนาดผมเองที่เป็นพี่มันก็สงสัยมาตลอด

"มันคงรอคนที่ใช่มั้ง" ผมเดาส่ง ๆ เพราะจากที่เห็นโดยสายตาแล้วมันก็ไม่เคยมองใครหล่อหรือมองใครสวย  หรือสนใจใครเป็นพิเศษอะไร  ใครเข้ามาจีบก็ไม่เห็นว่าจะเลือกหรือให้โอกาสใครในระยะยาวสักที 

"กูก็รอคนที่ใช่นะ..แต่การกักเก็บน้ำเอาไว้ให้คนที่ใช่แบบไร้จุดหมายแบบนี้ สำหรับกู มัน..ม่าย ช่าย~" ไอ้โปรดทำหน้าดัดจริตทะลึ่งไม่หยุด  ผมหัวเราะอย่างยั้งไม่อยู่  ไอ้นี่เวลาที่จะทะเล้นก็ทะลึ่งทะเล้นจริงจัง  แต่เวลาที่เงียบ ๆ ก็จะไม่คุยกับใคร  อารมณ์มันสุดโต่งอย่างกับคนเป็นโรคนะครับ
 


..........ไฟ..........

ปล. ตอนที่ 6 นี้  ยาวกว่าตอนอื่น ๆ ที่ผ่านมา  หลังจากนี้ผู้เขียนขอพักร่างกายสักครู่ใหญ่ ^ - ^ และถ้าเห็นคำผิดใด ๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ  บอกกล่าวมาได้ค่ะ  คนเขียนค่อนข้างเหนื่อยมาก  ดังนั้น..ได้ดีแค่เท่านี้  ขอบคุณมากค่ะ

..ขอนอกเรื่องนิดนึง..
ตอนแรกว่าจะไม่พูด  ไม่ทัก - อยากปล่อยผ่านไป.. แต่แบบเห็นบ่อยเกิน  มากันหลากหลายแนวเลยทีเดียว! 55555++ #อดไม่ได้   :katai1:

พี่ธาน  ชื่อว่า "พี่ธาน" สะกดด้วยตัว "-น"

ย้ำแรง ๆ อีกครั้ง  "ไอ้พี่ธาน"  ชื่อว่า "พี่ธา-น"  มาจากชื่อเต็มว่า "อาธาน"  ซึ่งได้กล่าวถึงชื่อเต็ม(จริง)ของพี่ธานไปแล้วในตอนที่ 1  และทุกครั้งเบบี้ก็ใช้ตัว "-น" สะกด  ไม่ใช้ตัวสะกดตัวอื่นนะคะ  และไม่ใช่คำเดียวกับคำว่า..อาทาน แบบนี้ด้วยค่ะ
 
คิดว่าชื่อของคนเราแต่ละคนจะสะกดอย่างไรมักไม่มีหลักการที่แน่นอน  ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน  ดังนั้น..ที่อดมาบอกไม่ได้นี้  เพราะไม่ทราบว่าคนคงอ่านลืม  หรือคลาดเคลื่อนด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่  ..ถ้าชอบพี่ธาน  โปรดใช้ "น-หนู" เถอะค่ะ   :impress2:
(อยากเห็นนอ.หนูมากกว่า >"<) ..กร๊ากกกกกกกกก #ซาบซึ้งยิ่งนักที่อ่าน ~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 5 [ 00:02 น. - 16 ต.ค 58 หน้า 5 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 17-10-2015 22:17:08
รู้สึกว่าไฟสามารถสร้างโอกาสให้สมุทรเป็นฝ่ายได้ไล่ตามบ้างแล้ว หลังจากไล่ตามเค้ามาเงียบ ๆ จนไม่เงียบก็แล้วสมุทรก็ไม่ให้ความร่วมมือ  :jul3: สู้ ๆ นะคะไฟ มาถูกทางแล้วล่ะ จะไปเอาลูกชายบ้านเค้าก็ต้องเข้าทางผู้ใหญ่นี่ล่ะ  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


:katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 17-10-2015 22:53:53
พอรู้ประวัติแต่ละคนนี่มันคนเก่งฟ้าประทานจริงๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 17-10-2015 22:58:58
ตอนนี้ได้ยินเสียงสมุทรเยอะมากปริ่มเลยยยยย :-[
แถมด่าไฟได้ตรงและแรงดี แอบสะใจเบาๆ :laugh:

 :pig4:  ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-10-2015 23:48:40
ยาวจุใจมาก รอตอนต่อไปนะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 17-10-2015 23:55:12
คู่ของโปรดต้องแซ่บมากเเน่ๆ 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 18-10-2015 00:51:32
พายุตลกดีอ่ะ

สงสารพี่ธานเลย น่าจะจัดการสักทีสองทีนะ 55555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-10-2015 01:05:14
รีบๆมาอยู่กับไฟนะสมุทร แล้วชีวิตคุณจะมีสีสัน
ป๋าไฟเค้าเลี้ยงดียิ่งกว่าศูนย์ศิลปชีพบางไทรทุกคนเลย 
ชอบความสัมพันธ์ของบ้านนี้จังเลี้ยง+ดูแลลูกน้องดีมาก
ทั้งเปิดโอกาส สนับสนุน ซนหน่อยอย่างเด่นก็เลี้ยงด้วยลำแข้ง 555555 

ปล. ยินดีต้อนรับเบบี้กลับเข้าสู่วงการอย่างอบอุ่นจ้า ปรบมือรัวๆ  :mc4: :mc4: :mc4:

ปล. โปรดขี้แกล้ง 5555555 

ปล. เรื่องนี้คนอ่านยังเดาไม่ออกแฮะว่าไฟกับสมุทรนี่ใครพระเอกใครนายเอก
 คนนึงก็โหดเกิ๊นน คนนึงก็น้ำนิ่งไหลลึก ลุ้นมาก ณ จุดนี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 18-10-2015 01:36:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 18-10-2015 08:01:36
น่าจะอีกนานกว่าสมุทรจะใจอ่อน ไฟสู้ๆ ยังเดาไม่ออกว่าใครจะรุก อิอิ

ส่วนพี่โปรดทำตัวได้น่าโดนจริงๆ ถ้าเราเป็นพี่ธานคงอยากจะกระทืบแต่เกรงใจไฟ 55555555

แต่ยังไงก็ยังชอบพายุ ขอให้พายุกะพี่ธานได้กัน :call:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 18-10-2015 08:16:06
นิสัยเสียจริงจริ๊งพี่โปรด อยากจะรู้ละเนี่ยว่าใครกันนะทำพี่แกหลงชอบตอนนี้
ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้นิสัยตัวละครยิ่งอยากจะอ่านต่อ ติดเรื่องนี้งอมแงมละเนี่ยยยย
 :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 18-10-2015 10:25:46
ลุ้นว่าไฟจะเอาน้องสมุทรมาเป็นเลขาได้ยังไงงงงงงง  ฮ่าๆๆๆๆ
ดื้อจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 18-10-2015 11:07:17
เห็นนะที่บอกว่าให้ไปแต่งเอง กร๊ากกก บ้าหราาา ก็แค่เดาเฉยๆ แต่อะไรยังไงต้องคนแต่งเท่านั้นสิ แหมมม

เม้นตอน5ก่อนแล้วกันนะ 55555

ขอบ่นเรื่องพี่ไฟ นิสัยไม่ดีอ่ะ คือเอายายเขาเข้ารพ.แพงๆแล้วยังจะบังคับหมอให้แอดมิดอีก
ฉันรู้นะว่าพี่มีแผนอะไร ระวังพ่อสมุครคนดีจะเกลียดเอาเหอะ

พี่ธารกับน้องพายุ เมื่อไหร่จะงุ้งงิ้งกันให้เห็นล่ะ เอาแบบไม่ธรรมดาอ่าา 5555



เดี๋ยวอ่านตอน6ต่อ ปวดตับกับพี่ไฟมากจุดนี้ ดื้ออ่า กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 18-10-2015 12:52:00
โปรดเป็นคนแปลก แต่นี่แหละสเป็กเราเลย 555555555
มันต้องอย่างนี้สิ บางทีเดาอารมณ์ไม่ได้มันก็เร้าใจนะบอกเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 18-10-2015 13:30:29
อ่านทันแล้วเว้ยยยย เฮ้ย เอ้า เฮ้ย เฮ้ย  :z2:

อ่านไปก็คิดไป ไอ้น้องบี้มันคิดงานเขียนโตขึ้นเยอะเลยเว้ยเฮ้ย ขอชื่นชมอ่ะ
มาจนถึงจบตอนที่ 6 แล้ว (สำหรับเจ๊)ยังไม่อาจจะคาดเดาอะไรได้
ทั้งคู่หลัก คู่รอง เพราะคดีอาจมีพลิกได้ ก็คนเขียนมันชอบแกล้งคนอ่านให้ลุ้น
เอาเป็นว่าขอติดตามต่อไปเรื่อยๆ อีกซักหน่อยดีกว่าอะนะ

ขอบคุณไอ้น้องบี้ที่เขียนมาให้อ่านจ่ะ พักผ่อนบ้าง อะไรบ้างนะ
 :mew1:

ปล. 1) ความรู้สึกอ่านตอน 2 นึกว่าจะ ไฟ-โปรด เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็น โช-โปรด พอมาถึงตอน6 นี้ รู้สึกแม่งๆ หรืออาจจะเป็น พี่ธาน-โปรด วะคะ
      2) ยืนยันเหมือนเดิม เค้าชอบพายุ อ่ะ ^^
      3) น่าจะมีโชตะ น้องเมฆ ?????

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 18-10-2015 14:04:24
ดีใจที่ได้อ่านนิยายของเบบี้อีก สนุกมากเลย รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 18-10-2015 15:36:24
ไฟ มีแง่มุมเป็นตัวขอตัวเองดีจัง ชอบๆ
รออ่านต่อไปค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 18-10-2015 23:09:38
ชอบพี่โปรด   อยากอ่านฉากมุ้งมิ้ง(?)ของพี่ไฟเร็วๆ
เนื้อเรื่องยาววว แน่ๆ เลยแบบกว่าจะใจอ่อนรักกันไรเงี้ย :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 19-10-2015 12:11:22
ลูกน้องไฟแต่ละคนไม่ธรรมดาเลยเก่งๆทั้งนั้นแต่เจ้านายลูกน้องที่นี่ดูเหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกันมากกว่า

ฮาพี่ธานโดนโปรดแกล้งซะของแทบขึ้น555..รอลุ้นสมุทรนะอยากให้มีชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนขนาดที่เป็นอยู่สงสารมาก

ถ้าไปทำงานกับไฟอย่างน้อยความกังวลเรื่องยายกับน้องสาวก็จะได้หมดไป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 19-10-2015 21:04:42
อยากเจอสมุทรแบบเยอะบ้างจัง  :mew1: :mew1:

ไม่เอาไม่แกล้งพี่ธานนะคะ :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-10-2015 21:19:40
คิดถึงพี่เบบี้อ่ะ
เอาจุ๊บไป 10 ทีนะค่ะ

มาต่อบ่อยๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 19-10-2015 22:29:32
ชอบสไตล์โปรดอ่ะ กะล่อนมากๆเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 19-10-2015 22:35:14
ปูเสื่อรอ กลิ้งไปกลิ้งมา อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 20-10-2015 11:18:52
โปรดนี่โครตซนเลย
ใครคู่โปรดนี่น่าจะต้องโหดหน่อย
ไม่งั้นรับมือไม่ไหวแน่ๆ 55555

ส่วนไฟกะสมุทรนี่ก็ท่าจะอีกยาว
อย่าใจแข็งนักสิสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 21-10-2015 18:28:40
หวงรถแทนพี่ธาน 555555 ทำไมโปรดมันซนอย่างงี้ จะได้คู่กับใครเนี่ย นึกไม่ออกเลย
พายุก็งุงิ ตอนจะดุก็ดุจริงจังเลยนะ เรารู้นะว่ายุทำไมไม่มีแฟน แอบรักเขาอยู่ล่ะสิ พี่ธานคนดีน่ะ กร๊ากกก

ตอนพี่ไฟกับสมุทรเชือดเฉือนกัน มันส์มาก ลุ้นให้พี่ไฟชนะจะได้ไปอยู่ด้วยกัน จะได้เจอกันทุกวัน งุ้ยยยย เขินล่วงหน้า
แต่ก็แอบลุ้นให้สมุทรใจแข็งกว่านี้ ทะเลาะกันแล้วสนุก มีความมุ้งมิ้งอยู่ในความกดดันนะ (มโน)


ชอบไอ้เด่นอ่า ชอบคนติ๊งต๊อง 555555 สามหน่อที่เหลือดูเป็นผู้เป็นคนมาก สมกับเป็นลูกน้องของพี่ธาน
มีเด่นคนเดียวเป็นลูกน้องพี่ไฟ กร๊ากกกกก ก็แซวเล่นนนนน



อ่านตั้งแต่เมื่อคืน แต่อ่านจบแล้วนอนยิ้มเคลิ้มๆแล้วหลับไปเลย 55555
ศุกร์นี้หยุด เสาร์ก็ไม่ได้ทำงาน มาต่อด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 21-10-2015 21:16:51
สนุกจัง อ่านเพลินเลย รอตอนต่อไปค่ะ

ลุ้นตัวละครทุกคนเลย  มีเสน่ห์กันทุกคน

กรี๊ดพี่ธานกับคุณไฟเท่าๆกันเลยค่ะ
ชอบเรื่องนี้มากๆ ขอบคุณมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-10-2015 12:29:25
ตอนที่ 7
..ไฟ..




21:45 น.  THE HOOK

ตอนนี้ผมอยู่ในผับ THE HOOK เป็นผับของรุ่นพี่ที่รู้จักกันกับไอ้คิน  พวกเราไม่มีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษนอกจากนัดเพื่อนมาเจอเพื่อได้พูดคุยกันอย่างคนธรรมดาทั่วไป  ผมเองเพิ่งได้มารู้จักกับรุ่นพี่ของไอ้คินและเพิ่งมาที่ผับนี้เป็นครั้งแรก  ตอนแรกก็ไม่ได้อยากมาผับนี้หรอกครับ  ปกติผมไม่ค่อยชอบไปสถานที่ในที่ ๆ ไม่คุ้นเคยมาก่อน  เป็นคนนิสัยติดถิ่นเดิม  จะให้เปลี่ยนไปเที่ยวผับอื่นเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่โดยส่วนตัวจะไม่ค่อยทำ  แต่วันนี้โดนไอ้โปรดบังคับเลยจำเป็นต้องมา  ผมเปลี่ยนให้ไอ้รุ่งเป็นคนขับรถพามาคืนนี้แทนเพราะวันนี้ก็ใช้งานทั้งพี่ธานและไอ้เด่นมาทั้งวันแล้ว

"อ๊าย~ ไฟมาด้วย" เนวิ่งเข้ามากอดผมทันทีที่เห็นหน้า  ผมเพียงอมยิ้มนิด ๆ

"เน"...คือเพื่อนสนิทของไอ้โปรดสมัยมหาวิทยาลัย  เขาเป็นเกย์รับที่ค่อนข้างถึงเนื้อถึงตัวพอสมควรแต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร  ผมว่าเขาเป็นคนที่จริงใจและน่าคบทีเดียว  ตอนนี้เนทำงานเป็นสถาปนิกให้กับบริษัทของพ่อไอ้โปรดนี่ละ  ที่สำคัญระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสองคน  ผมเคยรู้มาว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทั้งไอ้โปรดและเนเกือบได้เสียเป็นเมียผัวกันด้วยเพราะความเมา  อันที่จริงเนก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร  ติดไปทางน่ารักซะด้วยซ้ำ  ในสายตาของผมแล้ว  ผมคิดว่าเนน่าจะแอบรักไอ้โปรดมาตลอดแต่เขาก็ไม่ได้พูดหรอกนะครับ  ยังคงเป็นเพื่อนกันปกติ  ไอ้โปรดเองก็ไม่ได้ว่าอะไร  มันก็เงียบ ๆ ของมันไม่เคยปรึกษาเรื่องนี้นอกจากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นระหว่างมันกับเนให้ผมฟังก็เท่านั้น

"คินก็มานะ" ไอ้คินพูดขึ้นคล้ายเตือนสติเน

"ก็คินได้แต่ผู้หญิงนี่ น่าเบื่อออกไม่ใช่รึไง" เนเบะปากว่า  ไอ้คินหัวเราะ

"อีกอย่าง..เนชอบปากไฟน่ะ" เนหันมายิ้มหวานให้ผม  อีกฝ่ายจ้องริมฝีปากผมไม่วางตา  ไม่รู้ว่าชอบอะไรที่มันนักหนา  มากี่รอบก็ชมแต่ปากทุกรอบ  ผมยิ้มกว้างให้

"แล้วไอ้โปรดไปไหน ชวนมาแต่หายหัว" เนบ่น  กวาดตามอง

"เห็นออกไปเต้นกับผู้หญิงเมื่อกี้" ผมชี้ไปในจุดล่าสุดที่เห็นไอ้โปรดและมันก็ยังคงอยู่ที่เดิม

"จงเป็นเอดส์ตายไปซะ!" เนกระแทกเสียงว่าด้วยสีหน้าเอือม ๆ  ผมกับไอ้คินหัวเราะ

"ดื่มอะไรดี" ผมถาม

"ไฟดื่มอะไรก็ดื่มอันนั้นแหละ" เนตอบด้วยท่าทางเขินเล็กน้อย  ผมยิ้มแล้วกวักมือเรียกพนักงานก่อนสั่งให้นำแก้วมาให้เพิ่มเพราะผมกับไอ้คินดื่มบรั่นดีอยู่  เมื่อพนักงานนำแก้วมาให้ผมจึงรินบรั่นดีให้เน 

"ขอบคุณครับ" เนยิ้มบอก  คำว่า "ครับ" ดูขัดเขินเล็กน้อย

"เนรู้ไหม..ว่าตอนนี้ไอ้โปรดมัน เอ่อ แอบชอบใครอยู่รึเปล่า" ผมถาม 

"ไอ้โปรดแอบชอบใคร" ไอ้คินหูผึ่งทันควัน 

"ไม่นะ..อืม ไม่รู้สิ" เนทำหน้าคิดไปครู่หนึ่ง 

"ปกติมันเป็นคนเงียบ ๆ ไฟก็รู้..บทจะจริงจังก็ไม่ปรึกษาใคร" เนว่าคล้ายกับรู้จักเพื่อนของเขาดี  ผมเองก็เห็นมุมของไอ้โปรดในแบบเดียวกับที่เนเห็นนั่นละ 

"ไฟรู้อะไรมาเหรอ" เนถาม

"เปล่าหรอก..แค่สงสัยน่ะ ดูมัน เหม่อ..บ่อย ๆ" ผมตอบ  เนพยักหน้าพร้อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนเงียบไป  เราต่างคนต่างยกแก้วขึ้นชนและดื่มพร้อมกัน   

"เนว่า.." เนพูดขึ้น  ตาลอยมองไปทางไอ้โปรด

"..เหมือนมันรอใครอยู่เลย เนรู้แค่นี้" เนพูดบอกด้วยรอยยิ้มเศร้า ๆ เปื้อนใบหน้า  ไอ้คินมองมาทางผมเหมือนรู้ว่ามีบางอย่างผิดสังเกต  ทั้งผมและมันไม่พูดอะไรออกไปเพราะต่างก็รู้ว่าไม่ควร

"อ่าว มาแล้วเหรอ!" ไอ้ตัวดีโผล่หัวกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับผู้หญิงของมัน  ผมมองและไม่คิดพิศวาสอะไรเพราะทั้งสวยจริง  สวยธรรมชาติ  สวยประดิษฐ์  สวยหลอกลวง ฯลฯ ผมก็ผ่านมาหมดแล้ว  ดังนั้น แบบที่ไอ้โปรดควงมาในขณะนี้ก็ดูธรรมดามากสำหรับผม 

"มาชาตินึงแล้วครับ ไอ้..เหี้ย!" เนเท้าแขนลงบนโต๊ะพร้อมกับชะโงกหน้าเข้าไปด่าใกล้หน้าไอ้โปรด  พวกเราขำกันยกใหญ่  ไอ้โปรดกลอกตามองด้วยท่าทางไม่จริงจังอะไร

"น้อง..นี่! One night stand รึเปล่า..ถ้าไม่ใช่ก็รีบปลีกตัวออกไปเลยนะ เพราะว่ายังไงเดี๋ยวไอ้นี่ก็ต้องเขี่ยน้องทิ้ง อยู่..ดี!" เนยิงยาวตรงประเด็นจนไอ้โปรดอ้าปากค้าง  ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนมันมองค้อนไปที่ไอ้โปรด  ไอ้โปรดยิ้มแหยทำท่าจะเอาแขนออกอย่างเกรง ๆ

"หนูไม่ถือค่ะ" เธอยิ้มพูดบอกทำเอาเนอึ้งไป  ไอ้โปรดหลุดหัวเราะด้วยท่าทางสะใจใส่เน

"เดี๋ยวไปหานะ ขอพี่คุยกับเพื่อนก่อน" ไอ้โปรดบอกเธอ

"ค่ะ" เธอพยักหน้าแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของเธอ

"หนูไม่ถือค่ะ..คือ ถือบ้างก็ได้ค่ะ อีห่า!..พังหมดแล้วมั้งเครื่องในมึงน่ะ" เนเบะปากด่าไล่หลังเธอ

"ชะนี!" เนลากเสียงค้อนใส่ไม่หยุด

"หึหึ" ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ นี่ละมั้งครับที่ผมชอบใจเนในบางครั้ง  เขาเป็นคนโฉ่งฉ่าง  ตั้งแต่มีเพื่อนมาก็ยังไม่เคยเจอแบบเน  ปกติผมไม่ค่อยชอบคนพูดเยอะหรือจิกกัดใครบ่อย ๆ ดังนั้น ทั้งเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชายผมค่อนข้างกรองพอสมควร  เกย์คนอื่น ๆ ถ้าไม่เห็นว่าถูกชะตาจริง ๆ อย่างเนผมก็ไม่เปิดรับเหมือนกัน

"ไฟอ่า" เนหันมาทำท่าอ้อนผมอีก  ไอ้โปรดเดินอ้อมไปนั่งข้าง ๆ เนแล้วหยิบแก้วตัวเองไปดื่มจนหมดแก้ว

"เบา ๆ หน่อยเฮย" ไอ้คินเตือน

"ว่าไงคุณหนองใน ได้ข่าวว่าเพิ่งแลนดิ้ง แต่นี่กระพือปีกใหญ่เชียวนะ" เนหันไปแขวะ  ผมกับไอ้คินหัวเราะที่เนเรียกไอ้โปรดแบบนั้น

"กูพร้อมเทคออฟเสมอแหละ แต่อ่าว นี่กูเคยเป็นหนองในด้วยเหรอ..นี่มึงแอบดูของกูอีกแล้วใช่ไหม" ไอ้โปรดตีหน้าซื่อเล่นย้อนกลับ 

"หน้าด้านฉิบหาย" เนบ่น

"ก็คิดถึง เรียกมาไม่ได้ไง" ไอ้โปรดว่าห้วน ๆ ตามสไตล์มันที่บางครั้งแม้เราที่เป็นเพื่อนสนิทก็ปรับตามบุคลิกมันไม่ทัน  บางครั้งผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า  ไม่แน่..ตัวตนที่แท้จริงของไอ้โปรดอาจจะแสดงออกให้กับคนรักที่มันรักจริง ๆ ก็เป็นได้  อย่างเวลาที่มันอยู่กับผมและไอ้โช  มันก็จะแสดงตัวตนที่แท้จริงของมันในการอยู่กับเพื่อนสนิท  แต่มันไม่เคยแสดงตัวตนจริง ๆ ของการเป็นคนรักที่ดีให้กับพวกผมได้เห็นเลยสักครั้งเดียว

"มึงก็คิดถึงกูเป็นพัก ๆ แหละ กูเบื่อมาก" เนสะบัดหน้าหนี  ไอ้โปรดหัวเราะและไม่ปฏิเสธ  มันมองเนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนเนดูจะไปไม่เป็นไม่น้อย

"พรุ่งนี้บ่ายไปสปากันเปล่า" ไอ้โปรดเปลี่ยนเรื่อง  มันยื่นแก้วเหล้าให้ไอ้คินเพื่อเติมอีก

"ปรอยมันถึงไทยพรุ่งนี้เช้า กูนัดกับมันไว้ละ..ไปด้วยกัน" ไอ้โปรดพูดแกมบังคับ  "ปรอย"..คือเพื่อนสนิทในกลุ่มสมัยมหาวิทยาลัยของไอ้โปรดอีกคน  สามคนนี้รู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัยและค่อนข้างสนิทกันมาก  ปัจจุบันปรอยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินเดียวกับไอ้โปรดมันนั่นละครับ 

"อืม..ก็ได้ ว่างพอดี"

"แต่มันติดที่ว่า มึงจะตื่นไหวรึเปล่าเหอะค่ะ..ค-วย" เนเดาสถานการณ์พร้อมด่าเข้าให้

"นมอีเด็กนั่นเท่าหัวกูนี่ โอ๊ย! ดูไม่รู้เลยมั้งว่าทำมา มึงจับแล้วมัน ๆ ตรงไหนวะหะ" เนทำท่าประกอบชี้มาที่หัวตัวเอง  ไอ้โปรดหัวเราะ  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ

"อุ้ย พูดไม่เพราะต่อหน้าไฟอ่ะ" เนปิดปากตาโตพร้อมเข้ามากอดแขนผมทันควัน

"มึงก็สนองตัณหามันหน่อยสิไอ้ไฟ คันจัง..กูเห็นละอยากถีบ" ไอ้โปรดเหล่สายตามองแต่เนดันยิ้มกริ่ม

"เค้ารู้กันทั้งคณะว่าอีนี่น่ะ หัวหน้าทีมนั่งเทียน..ระดับตัวแม่" ไอ้โปรดแซว  ผมกับไอ้คินหลุดหัวเราะออกมาทันที  กลั้นไม่อยู่จริง ๆ

"ไม่เอาอ่ะ กลัวเดินไม่ไหว" ผมพูดติดตลกไปงั้น

"บ้า" เนเงยหน้าขึ้นยิ้มเขินยกใหญ่  ผมมองอีกฝ่ายเพราะบางทีเนก็น่ารักดี

"ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนครับ" ผมจับหัวเนเบา ๆ รู้สึกว่ากลั้นมานานเกินไปละ

"ช่วยไหม" เนยังคงเล่นไม่เลิก  ผมยิ้มให้ไม่ได้พูดตอบอะไรก่อนเดินออกมา  ผมใช้เวลาเข้าห้องน้ำร่วมห้าถึงสิบนาทีเพราะคนค่อนข้างเยอะ  อันที่จริงผมไม่ค่อยชอบผับประมาณนี้  สไตล์คนเยอะ  ไม่ต้องจองโต๊ะ  ค่อนข้างวุ่นวายและมีแต่วัยรุ่นส่งเสียงโหวกเหวก  นาน ๆ จะมาครั้งเพราะรู้ว่าพวกเพื่อนผมชอบ  มันชอบจีบเด็กกันแต่ผมเฉย ๆ ผมไม่ค่อยชอบเด็กแต่ก็ตอบปัดไม่ได้ว่าไม่ชอบเอา  มันขึ้นอยู่ที่ว่าเด็กคนนั้น ๆ วางตัวดีแค่ไหนและมันน้อยมากที่จะเจอเด็กที่รู้จักการวางตัวในสังคมของผมน่ะนะ  อีกอย่างผมจะติดเอาตัวเองชอบไปนู่นไปนี่มากกว่าเข้าว่าอย่างเดียวตลอดคงจะไม่ได้  สังคมก็มีให้ต้องเดินตามบ้าง

"ไฟ" เสียงผู้หญิงเรียกมาจากทางด้านหลัง  ผมหันกลับไปมองถึงกับต้องชะงัก  ใจแม่งแทบหนีหายไปเลย  ริศายืนอยู่ตรงหน้าผม..บังเอิญจนอยากจะทุบหัวตัวเองว่าไม่ควรปวดฉี่แต่แรก   
 
"หวัดดีครับ" ผมยิ้มเล็กน้อยพอเป็นพิธี  อีกฝ่ายจะต้องถามแน่ว่าทำไมผมถึงไม่ติดต่อไปหาเธอเลย

"มากับเพื่อนเหรอ" เธอยิ้มถามพร้อมกวาดตาคล้ายจับผิด  ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้  ลักษณะการทำตัวเช่นนี้ของเธอผมไม่ชอบ  บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตรงไหนที่ไม่ชอบแต่อย่างที่เห็นนี่ละ  เวลาที่เธอแสดงการกระทำสักนิดหน่อยผมมักจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจทุกครั้งไป  เธอควรจะสำนึกในสถานะของเธอและผมก่อนว่าเราอยู่ระดับไหนกัน  เสร็จแล้วก็คิดสักนิดว่าควรทำสายตาแบบนี้กับผมไหม

"ครับ"

"ทำไม..ไฟ ไม่ติดต่อมาเลยล่ะคะ" เธอถาม

"ไม่ว่างน่ะครับ" ผมตอบ  คนที่ไม่อยากโทรหา..ถึงต่อให้ผมว่างจนแทบเหงาเฉาตาย ผมก็ไม่อยากโทรหาอยู่ดี

"งั้น..พรุ่งนี้พอจะว่างไหม" ริศาถามอีก

"ก็ไม่ว่างเหมือนกัน" ผมบอกและเริ่มไร้หางเสียง  ริศาหน้าเสียเล็กน้อย 

"ไฟไม่รู้เหรอว่าริศาคิดยังไงกับไฟ" ริศาพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้ผมมากยิ่งขึ้น  ผมเหล่มองลงต่ำไปที่เธออย่างปรามการกระทำ  เธอชะงักก่อนหลบสายตา  หลายครั้งแล้วที่ผมเบี่ยงประเด็น  และก็อยากจะถามออกไปเหมือนกันว่า..แล้วคุณไม่รู้เหรอว่าผมคิดกับคุณยังไง

"ไฟทำแบบนี้กับริศาไม่ได้นะ" เธอพูดขึ้น  น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนไปทั้งที่ไม่เงยหน้ามองผม  ทันทีนี้เองผมรู้สึกว่าผมกำลังถูกบังคับจากเธอ  มือของเธอแตะลงที่เสื้อผมก่อนเดินเข้ามาประชิดตัวผมมากกว่าเดิม  ผมจับมือเธอออกอย่างเบามือ  เธอหันกลับมามอง

"อย่าจับ" ผมบอกนิ่ง ๆ ริศาหน้าถอดสี  ผมเดินหนีออกมา

"ไฟ..หยุดนะ ไฟ!" ริศาเดินตามหลังมาไม่ลดละ  เธอคว้าแขนผมไว้ทำให้ผมถึงกับต้องถอนหายใจแรงแล้วหันหลังกลับไปมองเธออย่างรำคาญ

"ไฟ!" ผมหันไป  เสียงทะเล้นแบบนี้คงไม่มีใคร  ผมจำได้ดีแน่.."พลอย" เพื่อนคู่นอนกิติมาศักดิ์ของผมเอง  พลอยเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผันจากการเป็นเพียงคนรู้จักกลายเป็นคู่นอนที่รู้ใจ  รู้ใจในที่นี้หมายถึง..ต่างฝ่ายต่างสบายใจในเซ็กส์ของกันและกัน  ไม่จุ้นจ้านเกินกว่าบนเตียง  พลอยเป็น Working Woman ตัวจริงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก  การศึกษาดีและหน้าที่การงานดี  ในฐานะคนรู้จักกันเธอทำให้ผมไว้ใจและให้เกียรติเธอมากกว่าการเป็นคู่นอนของผมอย่างคนอื่น ๆ ทั่วไป  และเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรู้จักและเลือกที่จะนอนกับเธอเกินสามครั้งอย่างไม่วิตกกังวล  ซึ่งแน่นอนว่าที่ผ่านมานั้นไม่เคยเกิดเหตุร้ายแรงอะไรที่ชวนปวดหัวเลยสักครั้งเดียว  เธอทั้งฉลาดและรักอิสระ  อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่านิสัยของเราทั้งสองคนไม่เหมาะที่จะเป็นอะไรมากเกินกว่านี้ 

"ไม่เจอกันนานเลย" พลอยยิ้มทักผมอย่างดีใจเหมือนกับไม่ได้สังเกตเห็นริศาที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมด้วยซ้ำ  ผมแอบเห็นริศามองพลอยตั้งแต่หัวจรดเท้า  แน่ละว่า..ถ้าจะเป็นคู่แข่งกับเธอ  พลอยสูสีมากทีเดียวหรืออาจจะเหนือกว่าเสียด้วย

"ไง" ผมยิ้มทักแล้วเข้าไปโอบเอวเธอพร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มเบา ๆ

"ช่วยหน่อย" ผมกระซิบส่งสัญญาณบอก  พลอยชะงัก  พอผมนำหน้าออกมา  พลอยมองผมด้วยสายตางง ๆ ก่อนเหลือบไปมองทางริศา  เธออมยิ้มเล็กน้อยเหมือนเข้าใจแล้วว่าผมหมายถึงอะไร  เพียงครู่เดียวพลอยก็เข้ามากอดแขนผมอย่างสนิทสนม

"คืนนี้ไปไหนต่อดี" พลอยเงยหน้าชวนอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ใครเหรอคะ" ริศาถามผมด้วยสีหน้าที่เริ่มมีอารมณ์ 

"พลอยค่ะ" พลอยหันหน้าไปชิงตอบ

"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" พลอยยิ้มอย่างเป็นมิตร  ซึ่งเป็นการเป็นมิตรที่ประดิษฐ์มาก  เธอผายมือไปตรงหน้าริศาเหมือนต้องการทำความรู้จักด้วย

"คู่นอนใหม่เธอเหรอ" พลอยตีหน้าซื่อถามผม

"นี่เธอ!" ริศาถลึงตา

"เธอล่ะสิคู่นอน" ริศาเบะปากอย่างดูถูกและเชิดหน้าไปอีกทาง

"ก็หลายรอบอยู่เหมือนกันอะนะ ใครมาเตือนสติทีก็ลืมนับที..หึหึ" พลอยหัวเราะกว้างอย่างไม่แคร์เลยว่าประโยคนี้จะทำให้ริศาโกรธ  หรือตัวเธอจะเสียหายแค่ไหน  ริศาหันกลับมาถลึงตาใส่พลอยด้วยสีหน้าร้อนรนทนไม่ได้
 
"แล้วคุณล่ะเป็นใคร" พลอยทำหน้านิ่งถามกลับไปบ้าง  ริศานิ่งไป  เธอเริ่มมองพลอยตาขวางมากขึ้น  ส่วนพลอยก็ไม่ลดละเช่นกัน

"ไฟ..คุณจะทำแบบนี้กับริศาใช่ไหม" ริศาหันมาว่าผม  ผมเพียงนิ่งมอง  ใครอยากทำอะไรก็เชิญเพราะถ้าผมไม่เหลืออดผมก็จะไม่ทำอะไรใครทั้งนั้น 

"ผมไม่ได้ชอบคุณ" ผมบอกเสียงเย็น  ตอนแรกก็ว่าจะมีมารยาทโดยการเลือกที่จะห่างออกมาแต่ดูท่า  ถ้าไม่พูดตรง ๆ ก็คงจะไม่เข้าใจ

"ไฟ!" ริศาตะคอกคล้ายกับหมดความอดทนที่จะควบคุมตัวเอง  เรายืนประชัดหน้ากันอย่างไม่ลดละ  ริศาเริ่มมองผมตาขวางมากขึ้นเรื่อย ๆ ไร้สีหน้าของความรู้สึกผิด  เสียหน้าหรือน่าสงสาร  นี่เป็นคำตอบอย่างดีให้ผมทีเดียวว่า  ถ้าเกิดวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น  บุคคลอย่างเธอไม่ใช่บุคคลที่จะได้รับความปราณีได้  ริศาเดินจ้ำออกไปจากผับด้วยความโกรธพร้อมกับเพื่อน ๆ ของเธอ

"ใครน่ะ..ฉันว่าคู่นอนคนนี้ของนายไม่ผ่านนะ" พลอยปล่อยมือออกจากแขนผมด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์

"หึ..ไม่ใช่ เด็กคุณย่าน่ะ" ผมตอบแกมหัวเราะ

"ไงก็ขอบคุณมาก" ผมบอกเธอ

"หึ.." พลอยแสยะหัวเราะเหมือนรับไม่ได้

"เจอศึกหนักแน่ ๆ คุณไฟ เลิศประสงค์" พลอยเบะปากอย่างรู้สถานการณ์  ดูท่าจะเยาะเย้ยผมมากกว่า  ผมพยักหน้าเบะปากอย่างเห็นด้วยกับเธอ

"มากับใคร" ผมยิ้มถามพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตัวพลอยด้วย

"เพื่อน" พลอยตอบยิ้ม ๆ ไม่ยอมสบตา  ผมจ้องมองจนเธอหันกลับมามองผมอีกครั้ง  อีกฝ่ายเริ่มแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน 

"แล้วแต่คุณนะ" ผมให้ทางเลือก  เพราะถ้าคืนนี้พลอยไม่ไปกับผม  ผมก็ไม่คิดจะควงใครกลับอยู่แล้ว

"ไอ้บ้า..ให้ผู้หญิงเลือก ไอ้ทุเรศ" พลอยตีแขนผมเบา ๆ ต่างฝ่ายต่างหัวเราะ

"เอารถมารึเปล่า"

"เปล่า.." พลอยส่ายหัว

"มานี่สิ เดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก" ผมโอบเอวพลอยเดินกลับมาที่โต๊ะ  ทุกคนพากันมองเป็นตาเดียว

"พลอย นี่โปรด..แล้วก็นี่เน" ผมแนะนำพลอยให้กับไอ้โปรดและเน  ส่วนไอ้คิน  ทั้งสองคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว

"หวัดดีครับ" ไอ้โปรดพยักหน้ายิ้มทัก  มันสำรวจพลอยทันที  ผมยักคิ้วให้มันอย่างเหนือกว่า  การที่จะออกลีลาเสียเหงื่อกับใครทั้งที  มันก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย  โตมาขนาดนี้แล้วไม่ใช่นึกจะคว้าใครก็ได้  หน้าตาแนว ๆ เดิม  แต่งหน้าแบบเดิม ๆ หุ่นซ้ำ ๆ เดิม ๆ มันน่าเบื่อออกจะตาย  ไอ้โปรดกัดฟันเหมือนหมันไส้ผมเต็มทน

"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" พลอยยิ้มกว้างทักทาย
"อ่าว พลอยกลับมาไทยเมื่อไหร่" ไอ้คินทัก
"สักพักแล้วล่ะ แต่เดี๋ยวก็ต้องกลับไปอีกแล้ว" พลอยยิ้มตอบ
"กูไปก่อนนะ" ผมตัดบททันที
"อ่าว!" พวกมันพากันประสานเสียง  พลอยหัวเราะเบา ๆ

"สรุปคือ..พวกคุณมึงจะทิ้งกูกันเหรอครับ" ไอ้คินพูดขึ้น  มันยกมือขึ้นเหมือนคนต้องการรักษาสิทธิ์ที่พวกเราได้ให้ไว้ก่อนที่จะมาถึงร้านนี้

"พอกูบอกว่า จะไปร้านที่กูหาของกูง่าย ๆ พวกมึงก็บอกว่า..ไอ้เหี้ย วันนี้นั่งคุยกันก็พอแล้ว ไม่เจอกันนาน เพื่อนอ่ะ..แค่นี้ไม่พอไง แต่ไอ้คนที่พูดนี่เสือกเตรียมควงเด็กแล้ว..ส่วนมึงไอ้ไฟ แล้วนี่อะไรกันครับ" ไอ้คินว่ายาวจับต้นชนปลายไม่ถูก  พวกเราได้แต่ยิ้มน้อมรับความผิดเพราะผมก็มีส่วนพูดเหมือนกันว่าแล้วแต่ไอ้โปรด

"แต่ร้านนี้กูไม่ได้เลือกนะ" ผมยักไหล่อย่างไม่คิดว่านี่คือความผิดของผม  ไอ้โปรดเมินหน้าเล็กน้อย  ไอ้คินจ้องไอ้โปรดเขม็ง

"อย่า ๆ..อย่าให้กูเห็นว่ามึงแอบไปได้กับไอ้เน" ไอ้โปรดเปลี่ยนเรื่องเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักสำนึก

"ไอ้สัตว์!" ทั้งเนและไอ้คินประสานเสียงกันพร้อมกับเข้าไปตบหัวไอ้โปรดกันอย่างสามัคคี

"งั้นกูกลับละ น่าเบื่อ..เปลืองน้ำมันรถก็เปลือง" เนบ่นใส่ไอ้โปรด

"ไม่งอนน่า" ไอ้โปรดส่งสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับนำนิ้วไปเกาคางหยอกใส่เน  เนปั้นหน้าบึ้งทันที

"อย่ามาจับ! STD..ขยะแขยง!" เนปัดมือไอ้โปรดออกอย่างแรงด้วยท่าทางไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย  พลอยหัวเราะเสียงดังลั่นเลย

"ไอ้เหี้ยนี่มึงจะให้กูเป็นให้ได้ใช่ไหม!" ไอ้โปรดยิ้มว่าเขิน ๆ เนหัวเราะ

"ถ้ากูเป็นนะ กูจะปล่อยใส่มึงคนแรกเลย..ปากดี" ไอ้โปรดกัดฟันว่า

"ฮ่า ๆ ๆ ไปแล้ว" เนกระโดดลงจากเก้าอี้แล้วควักกระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมกับโยนแบงก์ห้าร้อยไปตรงหน้าไอ้โปรด

"อะไร..ไม่ต้อง กูเลี้ยง" ไอ้โปรดพูดบอก

"เปล่า..นั่นกูอนุเคราะห์ค่าถุงยางมึงต่างหาก" เนพูดหน้าตายทำเอาพวกผมหัวเราะพร้อมกันอีกครั้ง

"มึงนี่ชักเอาใหญ่แล้วนะ ไปไกล ๆ ตีนกูเลย" ไอ้โปรดยิ้มกว้างเหมือนสุดทน  มันทำท่าจะเข้าไปตะครุบเนไว้แต่เนถอยหลังหลบได้ก่อน  เนยิ้มพร้อมโบกมือลาพวกผม

"เจอกันพรุ่งนี้ ขับรถดี ๆ ล่ะ" ไอ้โปรดว่า

"บาย" เนโบกมือลาพวกผมก่อนเดินไป  ผมลาพวกเพื่อน ๆ แล้วออกมาพร้อมกับพลอยโดยมีไอ้รุ่งเป็นโชเฟอร์  เราพากันไปที่คอนโดของพลอย  พอส่งเสร็จผมก็ให้มันกลับบ้านไปได้เลยโดยสั่งมันว่าให้มันกลับมารับผมในเช้าวันพรุ่งนี้ด้วย 

ปกติพลอยจะไม่ค่อยพาใครไปคอนโดของเธอ  ผมคิดว่าเธอเองก็เลือกคู่นอนพอสมควร  พลอยไม่มีคนรักและดูเหมือนเธอก็ไม่คิดจะมีด้วยเหมือนกัน  ผมว่าเราสองคนเข้ากันได้ดีหลายอย่างทีเดียว  แต่ต่างฝ่ายต่างก็พูดบอกกันว่า.."ถ้าฉัน/ผม ได้คุณเป็นแฟนอะนะ ไม่เอาดีกว่า" แบบติดตลกกันไป 


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-10-2015 12:30:48
06:45 น.  คอนโดพลอย..

"เชิญค่ะคุณ" พลอยทำเสียงเลียนแบบภรรยาในโทรทัศน์ที่เพิ่งจบไปเมื่อครู่นี้

"หึ..อย่าน่า" ผมส่ายหัวปรามเธอเพราะจะรู้สึกขนลุกกันทั้งคู่เปล่า ๆ พลอยวางแก้วกาแฟให้ผมตรงหน้า  เราต่างฝ่ายต่างเป็นคนที่ตื่นเช้าด้วยกันทั้งคู่ทั้งที่เมื่อคืนต่างก็เจอศึกหนัก  พลอยเร่าร้อนจนทำผมแทบคลั่งหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันมาประมาณหนึ่งเดือนเห็นจะได้  เธอเพิ่งกลับมาจากไปทำธุระที่อังกฤษ  ดูเหมือนอีกฝ่ายเองก็หยุดทำเรื่องพวกนี้มานานเพราะโหมงานหนัก  เรารู้สึกตัวอีกทีก็พากันนอนสลบหมดพลังไปแล้ว 

"แหม..เมื่อคืน คุณทำกับดิฉันอย่างกับสัตว์ป่าเลยนะคะ ไม่น่าจะตัดรอนกันแบบนี้" เธอค้อนสายตาด้วยท่าทางทะเล้นจนผมหัวเราะ  พลอยเลื่อนเก้าอี้นั่งลง

"ไม่กินจริงเหรอ" พลอยเริ่มเปลี่ยนน้ำเสียงพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ตามปกติ  เธอคงหมายถึงแซนด์วิชที่เธอชวนให้ผมกินเมื่อกี้นี้แต่ผมปฏิเสธ

"ไม่อยากน่ะ" ผมส่ายหัวตอบ

"เช้านี้อีกรอบมะ" ผมแทบสำลักกาแฟที่เพิ่งจิบเข้าไป  พลอยพูดไปปากก็กำลังจัดการเคี้ยวแซนด์วิชไปด้วย

"หึหึหึหึ" พลอยหัวเราะชอบใจที่เห็นผมสำลักกาแฟแบบนั้น  อีกฝ่ายยิ้มตาหยี  ผมเหสายตามองเธอยิ้ม ๆ พลอยเป็นผู้หญิงที่สวย  หุ่นดีอย่างกับนางแบบ  จัดว่าเป็นผู้หญิงที่หน้าอกและก้นสวยมากแบบไม่ต้องแต่งเติมอะไรเลย  หน้าอกไม่ใหญ่อะไรนักแต่มันสวยได้รูปจนแทบทำให้ผู้ชายเป็นบ้าได้เลยทีเดียว  เธอภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของเธออย่างที่ผมคิดว่านี่เป็นเสน่ห์ที่ดีที่ดึงดูดผมได้  ไม่ต้องไปเสริมแต่งเติมอะไรจนดูว่าปลอมและเกินความจำเป็น 

"จะอยู่ไทยนานเท่าไหร่" ผมถาม

"ก็.." พลอยขมวดคิ้วมองไปที่ระเบียงห้อง 

"สักสิบวันน่ะ แล้วก็ต้องกลับไปทำธุระที่อังกฤษต่ออีกแล้วก็กลับมาไทย" พลอยตอบ  ผมพยักหน้าและไม่ถามต่อว่าธุระอะไรเพราะผมต้องการแบ่งเขตแดนให้เธอทราบเช่นกันว่า  ถ้าเธอถามอะไรกับผมก็ขอให้เธอทราบถึงขอบเขตของผมเช่นเดียวกัน 

"ช่วงนี้เป็นไงบ้างล่ะ" พลอยถามผมบ้าง

"ก็ดี..เรื่อย ๆ เจอแต่พวกประหลาด" ผมบ่นไปงั้น

"หึ..ตัวเองไม่ประหลาดเลยนะพ่อคุณ" พลอยว่ากัด  ผมยิ้มกว้าง  อยู่ ๆ พลอยก็ลุกขึ้นทั้งที่ยังกินแซนด์วิชไม่หมดดี  เธอจับแซนด์วิชไว้ทั้งสองมือเพราะมันค่อนข้างชิ้นใหญ่  ผมมองตามว่าเธอจะทำอะไรของเธอกันแน่  พลอยเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับอ้าขาออกขึ้นคร่อมนั่งลงบนตักผม  ผมส่ายหัวมองอย่างยอมใจผู้หญิงคนนี้
 
"จะกินก็กินดี ๆ" ผมว่า  พลอยหัวเราะในลำคอไปกินไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา  มือของผมวางลงบนต้นขาเธอ  ส่วนอีกมือก็จับสะโพกของเธอไว้  พอเป็นอย่างนี้จึงอดบีบนวดคลึงสะโพกของพลอยไปอย่างนี้ไม่ได้  อีกมือก็ลูบนิ้วขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงหว่างขา  ผมกดนิ้วลงที่น้องสาวของเธอผ่านเสื้อคลุมอาบน้ำที่เธอใส่อยู่และเงยมองดูปฏิกิริยา  อีกฝ่ายสะดุ้งในทันที

"กินอยู่!" พลอยว่าพร้อมกับทุบไหล่ผมเบา ๆ อย่างปราม ๆ

"หึหึ" ผมหัวเราะแล้วปล่อยมือออกก่อนหอมลงบนหน้าอกเธอเบา ๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้กินต่อโดยไม่กวนอีก

หลังจากที่ผมกลับออกมาจากคอนโดของพลอยก็เกือบแปดโมงครึ่งเพราะเราจัดการต่อกันอีกรอบหลังจากที่พลอยกินเสร็จ  ผมให้ไอ้รุ่งขับพากลับบ้านเพราะอยากอาบน้ำแต่งตัวและกินข้าวเช้าที่บ้านด้วย  วันนี้คาดว่าคงจะไม่ออกไปไหนจนเย็น  เลยทำตัวอยู่บ้านสบาย ๆ พายุกับไอ้ดินออกไปเรียน  พี่ธานออกไปดูงานต่อเติมที่ตลาดตั้งแต่เช้า  และก็ต้องไปเก็บดอกของลูกหนี้บางรายด้วย  ผมเลือกที่จะเอางานไปทำในห้องนั่งเล่นโดยเปิดโทรทัศน์ดูหนังไปด้วยและทำงานไปด้วย  ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจหนังเท่าไหร่นัก 



ตืด  ๆ  ๆ ๆ  ....ผมมองโทรศัพท์  เห็นสายโทรเข้าเป็นเบอร์จากต่างประเทศ 
"Hello" ผมกดรับด้วยสำเนียงที่ไม่ไทยอย่างที่ควรเพราะเกรงว่าจะเป็นชาวต่างชาติ

"กูเอง" เสียงคุ้นหูพูดทักด้วยภาษาไทย

"กูไม่มีเพื่อนชื่อกูเอง" ผมย้อนทั้งที่รู้ดีว่าปลายสายคือเพื่อนรัก  มันหัวเราะชอบใจ  น้ำเสียงหัวเราะของมันฟังดูสบายใจจนผมอยากจะเอาส้นตีนลอดเข้าไปถีบให้สักที 

"เฮ้อ..ไอ้เหี้ยโช มึงนี่นะ..เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวแบบนี้สักทีวะ" ผมได้ทีด่ามัน

"หึหึหึ" ไอ้โชหัวเราะไม่หยุด  สรุปคือด่ามันไปก็แค่นั้น

"นี่มึงอยู่ไหน" ผมถาม

"อยู่แทนซาเนีย" ไอ้โชตอบแกมหัวเราะ

"ไอ้.." ผมกัดฟันก่อนกุมหัวตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย

"เดี๋ยวก็กลับแล้ว" มันดักคอเหมือนกลัวผมด่า

"กลับไหน" ผมถาม

"ตุรกี" มันตอบปนหัวเราะอีกครั้ง

"ไอ้โปรดบอกว่ามึงบอกมันว่าจะกลับไทย..ยาว" ผมเน้นคำ  อยากถามประเด็นนี้ให้จบจะได้ไม่คาใจ

"อืม ยาวจนกูไม่กล้าจินตนาการ" ไอ้โชพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งจัด   

"กูก็เลยทำเวลาอยู่นี่ไง" มันลากเสียงเหนื่อย ๆ เพื่อนรักผมคนนี้เป็นพวกลุย ๆ กินง่าย  อยู่ง่าย  รักสัตว์ รักธรรมชาติ  รักทะเล  ชอบเป็นอาสาสมัคร  ปลิ้นไปประเทศนู้นทีปลิ้นออกประเทศนี้ทีไร้หลักแหล่งเพื่อการเป็นอาสาสมัคร  เงินที่หามาได้ทีละหลาย ๆ ล้านไม่ค่อยได้ถูกใช้เป็นงานเป็นการเท่าไหร่นักเพราะเป็นคนนิสัยติดดิน  อะไรก็ได้ง่าย ๆ และมักชอบอกชอบใจทุกครั้งที่มีคนที่ไม่รู้จักมันคิดว่ามันจน  ให้อารมณ์เหมือนคนที่ไม่น่าจะมีอนาคต  และมันจะยิ่งทำตัวให้ดูจนบวกกับความสถุนมากกว่าเดิมไปอีกถ้าใครดูถูกหรือรังเกียจ  นี่คือหนึ่งในงานอดิเรกที่เพื่อนผมคนนี้ทำแล้วรู้สึกสนุก  ซึ่งผมยังแทบไม่เชื่อใจเลยว่ามันจะสามารถอยู่ประเทศไทยได้แบบระยะยาวตามที่พูดน่ะนะ  ก็เหมือนกับที่ผมไม่แน่ใจว่าไอ้โปรดจะไม่หลับขณะดูหนังโป๊นั่นแหละ

"มึงโทรหาแม่บ้างรึเปล่า" ผมหมายถึงแม่ของมันที่ดูน่าจะเป็นห่วงมันพอสมควร  หรืออาจจะมากที่สุดกว่าใคร

"รอบก่อนพ่อแย่งโทรศัพท์แม่ไปคุย กูก็เลยไม่โทรไปอีกเลย" ไอ้โชตอบพร้อมถอนหายใจเบา ๆ

"ฝากบอกแม่กูด้วยแล้วกันว่ากูสบายดี"

"สบายดีที่แทนซาเนียเนี้ยนะ กูจะเอาหน้าที่ไหนไปรับปากกับแม่มึงว่า..แม่ครับ ไอ้โชสบายดีครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" ผมประชดว่า  ไอ้โชหัวเราะ

"บอกแม่ว่ากูอยู่อังกฤษแล้วกัน" ไอ้โชสั่ง  ดูเหมือนเป็นคำสั่งติดตลกนะครับแต่สำหรับพวกผมเรารู้ดีว่านี่คือคำสั่งจริงจัง

"อืม..แล้ว ตอนนี้มึงอยู่ไหน พิกัดมึงน่ะ..ส่วนไหนของโลก" ผมถาม

"เพิ่งกลับจาก Kilimanjaro" ไอ้โชตอบ  ผมถอนหายใจอีกครั้ง..เชื่อมันเลย

"ตอนนี้อยู่ Mafia Island..กูไม่อยากจะเชื่อสายตา แม่งอย่างกับสวรรค์แน่ะ..อยากให้พวกมึงมาเห็น" ไอ้โชพร่ำพูดไม่ได้นึกถึงหัวอกคนที่เป็นห่วงมันอยู่ที่นี่  แต่อย่างนั้นผมก็อดอมยิ้มไม่ได้  ไอ้โชเป็นคนรักทะเลเป็นชีวิตจิตใจ  รักกิจกรรมที่เกี่ยวกับทะเล  ผมเองจะไปเข้าใจมันหมดก็คงไม่ได้เพราะมันเกิดมาในสิ่งแวดล้อมที่ปลูกฝังให้เป็นแบบนั้น  พ่อบุญธรรมมันก็เป็นนักสัตววิทยา  ส่วนแม่มันก็เป็นครู  อยู่ที่นั่น..ไอ้โชมีพี่สาวหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน  ทั้งสองคนนี้เกิดจากพ่อแม่บุญธรรมของมัน  และที่สำคัญผมคิดว่านิสัยของเพื่อนผมคนนี้แทบไม่มีอะไรเหมือนพ่อแม่จริง ๆ หรือพี่น้องจริง ๆ ของมันเลยสักคนเดียว 

"ไว้จะส่งรูปให้ดู" มันว่า

"กูอยากดูมาก" ผมประชดเสียงเรียบ  ไอ้โชหัวเราะเช่นเคย  มันเป็นคนอารมณ์ดีแบบนี้ละครับ

"เสร็จจากนี้แล้วไปไหนต่อ" ผมถามอย่างรู้ทันเพราะมันไม่น่าจบแค่นี้แน่ก่อนจะกลับไปตุรกี

"Pemba Island แล้วก็กลับแล้วล่ะ..ไม่ต้องห่วงหรอก ตั๋วมันบังคับกูกลับอยู่ละ" ไอ้โชบอกด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ เหมือนยังไม่อยากกลับ  ผมได้ยินภาษาแปลกหูดังมาจากปลายสาย

"กูต้องไปแล้วว่ะเพื่อน แค่นี้ก่อนนะ" ไอ้โชตัดบท 

"อืม..ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน" ผมบอก

"มึงกับไอ้โปรดด้วย ไว้จะติดต่อไป" ไอ้โชบอกก่อนตัดสายไปทันที  คำว่า.."ไว้จะติดต่อไป"  เป็นคำพูดติดปากของเพื่อนคนนี้ของผม  ผมกับไอ้โปรดชินซะแล้วเพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่านานแค่ไหนมันถึงจะติดต่อมา 

หลังจากนั้นเพียงไม่ถึงสองสามนาที  ไอ้โชก็ส่งรูปถ่ายของมันมาทางข้อความ Facebook ที่เป็นข้อความที่ผม  มันและไอ้โปรดเอาไว้คุยเห็นกันได้แค่เราสามคนเท่านั้น  ผมและไอ้โปรดรู้ดีว่าอะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ  ทุกอย่างจึงเป็นความลับระหว่างเราสามคนมาเสมอ

Facebook ที่เป็นช่องทางติดต่อที่ปกติไอ้โชจะไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่นัก  นาน ๆ จะอัพเดททีหรือหายหัวไปเลย  มันไม่ค่อยอัพเดทอะไรให้ใครรู้  อีกทั้งเพื่อนในลิสของมันก็มีเฉพาะเพื่อนที่ต่างประเทศ  นอกจากผมและไอ้โปรดแล้ว  ไอ้โชแทบจะตัดขาดจากทุกคนในประเทศไทยไปเลย  ครอบครัวของมันไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่าไอ้โชก็มี Facebook กับเขาด้วยเหมือนกัน  เพราะทั้งผมและไอ้โปรดเองก็เก็บทุกอย่างเป็นส่วนตัวเป็นอย่างดีเพื่อกันข้อมูลรั่วไหล

"หึ" ผมหัวเราะเมื่อดูสภาพเพื่อนตัวเองในรูป  หุ่นมันยังดีเหมือนเดิมตามแบบฉบับนักกีฬา  ผิวเข้มขึ้นมากเพราะคงโดนแดดเยอะ  ทั้งที่ตอนเด็ก ๆ มันเป็นคนผิวขาวผู้ดีเชียว  ตอนนี้ผิวแทนไหม้หมดแล้ว  ผมของมันยาวมากรุงรังจนต้องรวบไว้  หนวดเคราก็รกไปหมด  อีกฝ่ายดูมีความสุขมากกับสิ่งที่ได้ทำอยู่  รอยยิ้มและดวงตามันเป็นประกายจนเด่นชัดออกมา  มันถ่ายรูปกับเด็กที่บนเกาะนั้น  ใบหน้าทุกคนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มโดยเฉพาะเพื่อนของผม

"ขออนุญาตครับ" ผมเงยหน้าขึ้นมองและวางโทรศัพท์มือถือลง  พี่ธานยืนอยู่หน้าห้อง  ผมพยักหน้าให้เข้ามา  อีกฝ่ายเดินมานั่งลงพร้อมกับซองสีน้ำตาลซองหนา  ผมหยิบมาดูเห็นว่าเงินอยู่ในนั้นเรียบร้อยดี 

"มีปัญหาอะไรไหม" ผมถาม

"ไม่ครับ" พี่ธานตอบ  ผมพยักหน้ารับก่อนหยิบเอกสารเรียงกัน

"อ๋อ..มีนิดนึงครับ คุณไฟคงยังไม่ทราบ" พี่ธานบอก  ผมช้อนตามอง

"เสี่ยหลง แกขอผ่อนผัน..เงินต้น" พี่ธานพูด

"ทำไมล่ะ" ผมถาม

"หมุนเงินไม่ทันน่ะครับ" พี่ธานอมยิ้มตอบ  ผมจ้องหน้าพี่เขาครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ  รู้อยู่แล้วว่าทำไมถึงหมุนไม่ทัน

"ปล่อยมันไปก่อน" ผมสั่ง  ตอนนี้ผมไม่มีเวลาว่างมากไปหยอกเสี่ยแกเล่น  ดังนั้น..ปล่อยให้ตายใจไป  อยากทำอะไรก็เชิญ  เสพสุขให้เต็มที่ไปละกัน

"คุณไฟจะไปไหนรึเปล่าครับวันนี้"

"เดี๋ยวตอนเย็นจะออกไป... บ้านสมุทร" ผมตอบทิ้งน้ำเสียงลงเล็กน้อยพร้อมจัดเอกสารไปด้วย

"ไอ้เข้มอยู่ไหน" ผมถาม

"เห็นเล่นสนุกอยู่ที่โรงฝึกนะครับ" พี่ธานตอบ

"ผมจะออกจากบ้านซัก..." ผมนึกคำนวณเวลา  จำได้ว่าวันนี้สมุทรจะกลับถึงบ้านประมาณสี่โมงครึ่ง 

"เกือบ ๆ บ่ายสามกว่า ๆ" ผมบอกพี่ธาน  กะว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปเข้าธนาคารก่อนแล้วค่อยตรงไปบ้านของสมุทร 
 
"ได้ครับ"

"ระหว่างนี้พี่ก็ไปพักผ่อนเถอะ"

"เออ..ผมจะว่ายน้ำ เอาด้วยไหม" ผมยิ้มชวน  วันนี้ผมยังไม่ได้ออกกำลังกายเลย  อีกอย่างเย็นนี้ก็มีธุระคงจะไม่ได้ฟิตซ้อมร่างกายต่อแน่ ๆ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์นึกจะซ้อมอย่างอื่นด้วย  เพราะแดดค่อนข้างร้อนทำให้รู้สึกขี้เกียจ  อยากผ่อนคลายว่ายน้ำคงจะดีกว่า  คาดว่าจะจัดหนักไปเลยให้สมกับที่ไม่ได้เสียพลังงานที่ควรจะเป็นประโยชน์ในวันนี้ด้วย

สระว่ายน้ำที่บ้านจะอนุญาตเฉพาะผม  พายุ  พี่ธาน  ไอ้ดินและเพื่อนสนิทผมเท่านั้น  เนื่องจากสระจัดอยู่ในบริเวณบ้านในส่วนที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเพราะไม่อยากให้ใครมายุ่งย่าม  ถ้าลูกน้องอยากว่ายน้ำผมอนุญาตให้มันไปว่ายที่ฟิตเนสแทน  อีกอย่างสาเหตุหลักเพราะพายุเป็นคนรักความสะอาด  มันจึงค่อนข้างหวงสระว่ายน้ำเอามาก ๆ ขนาดไอ้ดินเคยพาเพื่อนสนิทของมันมาว่ายน้ำโดยไม่ขออนุญาตจากพายุก่อน  หน้าพายุนี่งอไปเป็นวัน ๆ ผมคุยด้วยมันยังไม่คุยด้วย  เป็นสัญญาณบอกผมว่าให้ผมจัดการอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะโกรธไปมากกว่านี้  มันแอบมองสระว่ายน้ำอย่างเป็นห่วงจากที่ไกล ๆ ด้วยสายตาอาฆาตคล้ายกับผีเฝ้าสระ  สุดท้ายผมเลยต้องไปเรียกไอ้ดินมาตักเตือนว่าวันหลังห้ามมันทำแบบนี้อีก  เรื่องถึงได้จบ

"ก็ดีครับ" พี่ธานพยักหน้ายิ้ม ๆ ผมยกเอกสารสำคัญกลับขึ้นไปไว้ที่ห้องทำงานที่อยู่ชั้นล่าง  ชั้นเดียวกับห้องนั่งเล่น  เสร็จแล้วจึงขึ้นไปเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำ


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 6 [ 22:30 น. - 17 ต.ค 58 หน้า 6 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-10-2015 12:36:36
16:40 น.  ย่านมารัต ซอย6

"ตรงเวลาเป๊ะ" ผมแสยะยิ้มมองนาฬิกาอย่างชอบใจ  ตั้งแต่ผมตามสมุทรมาที่บ้านหรือไปที่ไหน ๆ  ตารางเวลาที่พี่ธานเคยให้ผมไว้นั้น  สมุทรไม่เคยทำบิดเบี้ยวไปเลยสักครั้งเดียว  คนบ้าอะไร  ทำอะไรตรงตามเวลาเดิม ๆ กับสถานที่เดิม ๆ ทุกอาทิตย์วนไปเวียนมา  ผมให้ไอ้เข้มอยู่เฝ้ารถ  ส่วนพี่ธานเดินมาที่บ้านสมุทรพร้อมกันกับผม

"เอ๊ะ! พี่คนที่ช่วยยายวันนั้นนี่" ดาว  น้องสาวสมุทรยิ้มชี้นิ้วมาที่ผมด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ  ผมอมยิ้มให้เล็กน้อยเป็นการทักทายสร้างมิตร  สมุทรที่เพิ่งเดินออกมาจากในบ้านเมื่อเห็นผมถึงกับชะงัก  อีกฝ่ายที่ยังคงใส่ชุดทำงานอยู่  นำเสื้อออกจากกางเกงและพับแขนเสื้อเพื่อให้ดูสบาย ๆ มากขึ้น  แต่อย่างนั้นกลับยังคงดูน่ามองจนต้องเชื่อสายตาว่า  ยังมีคนแบบนี้อยู่ในสถานที่แบบนี้กับเขาด้วยเหมือนกัน  บนโลกนี้ก็คงจะมีอะไร ๆ ทำนองนี้เกิดขึ้นอีกหลายที่ละมัง  ผมไม่คิดว่าใครทุกคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตด้วยท่าทางไม่เรียบร้อยแบบนี้จะดูดีทุกคนหรอกนะครับ

"พี่สมุทร ๆ พี่คนนี้ไงคะที่ช่วยพายายไปโรงพยาบาล" ดาวเข้าไปดึงแขนพี่ชายเธอมา  สงสัยเธอคงยังไม่รู้อะไรเลยระหว่างผมและครอบครัวของเธอ  สมุทรมองหน้าผมนิ่ง

"อืม พี่รู้แล้ว..เข้าบ้านไปดูยายก่อนไป" สมุทรบอก  ดาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเหลือบมองเราสองคนด้วยสายตาสงสัย  ผมยิ้มมองเธอ  เธอผงกหัวให้ผมเล็กน้อยก่อนตัดใจเดินเข้าบ้านไปตามคำสั่งของพี่ชาย

"มาทำไมอีก" สมุทรถาม  น้ำเสียงเปลี่ยนจากเมื่อกี้ลิบลับ

"หึ..ไม่ยักรู้ว่าคนเราเค้าพูดกับผู้มีพระคุณกันแบบนี้" ผมเบะปากยิ้ม ๆ ลอยหน้าลอยตาหน้าด้าน ๆ สมุทรยังคงนิ่งเช่นเคย  เรายืนมองหน้ากัน  สมุทรจ้องผมนิ่งด้วยสายตาเรียบเฉยไร้กังวล  ผมตัดใจเดินไปนั่งที่เก้าอี้เพราะดูท่า  การที่จะให้ผมเดาความคิดอีกฝ่ายคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

"อยากกินมะยงชิดลอยแก้วน่ะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง  เปลี่ยนน้ำเสียง  พี่ธานยังคงยืนอยู่ที่เดิม

"หมดแล้วครับ" สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ผิดจากเมื่อกี้เช่นกัน

"........." เราเงียบลงอีกครั้ง  ผมหันไปมองสมุทรที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเหมือนเป็นท่าทีที่ไล่ผมอยู่กลาย ๆ เป็นการยืนจังก้าเพื่อรักษาเขตแดนอย่างชัดเจน  อย่างกับหมาเฝ้าบ้านที่ดูเหมือนจะไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น

"อ่านจดหมายรึยัง" ผมถาม   

"..ตามนั้นแหละ" ผมพูดเสริมเพราะสมุทรเอาแต่นิ่ง  คิดว่าเขาคงอ่านแล้วแม้เขาจะไม่ตอบผมก็ตาม 

"ถ้าจะให้ฉันชดใช้ด้วยเงินเปล่า ๆ" ผมถอนหายใจเล็กน้อย

"ผมก็ไม่ได้อยากได้" สมุทรพูดแทรกขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว  ผมเงียบ

"หึ.." ผมหัวเราะเบา ๆ 

"ได้ข่าวว่า เงินค่าประกันของพ่อกับแม่นายน่ะ..มันหายไปเกือบครึ่งเพราะต้องใช้หนี้ให้บ้านโกโรโกโสนี่ไม่ใช่รึไง" ผมลุกขึ้นพูดย้อนกวนอย่างอดไม่ได้  เรายืนประชันหน้ากันเพียงคืบเดียวเท่านั้น  บ้านตึกแถวใกล้พังแบบนี้ไม่สมควรเอาเงินเป็นแสนมาไถ่ถอนเสียด้วยซ้ำ  แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าหมอนี่มันใจป้ำไม่เบาเหมือนกับ  กับการที่ต้องยอมนำเงินก้อนมาเสียเพื่อที่ซุกหัวนอนให้กับทุกคน  ทั้งที่แทบจะกินก็ยังไม่มี 

"ขอพูดตรงไปตรงมาเลยนะ ฉันก็แค่..ไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับพ่อน่ะ แล้วนี่..มันก็เป็นวิธีในแบบของฉัน" ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง  สมุทรมองผมไม่วางตา

"และมันคงช่วยได้มากถ้านายยอมทำตามดี ๆ" ผมพูด

"หึ..ก็ได้ ฟังดูน่าสนุก" สมุทรอมยิ้มมุมปากออกมาทีละนิด

"งั้นคุณก็เอาเงินสดมาวางตรงหน้าผมสักยี่สิบล้านแล้วกัน แล้วผมอาจจะลองคิดดู" อีกฝ่ายทำน้ำเสียงประชดประชันยิ้ม ๆ อย่างท้าทาย 

"จะลองดีรึไง" ผมหุบยิ้ม  พูดเสียงเย็นลงพร้อมจ้องตาอีกฝ่ายเพื่อเป็นการบอกว่า "เอาแน่ใช่ไหม" ทันที

"..........." ทั้งผมและสมุทรเงียบลง  อีกฝ่ายจ้องตาผมกลับ  รอยยิ้มเริ่มหุบลงจนไปและไม่พูดอะไรอีก

"ไงล่ะ ถ้าฉันเอายี่สิบล้านมาวางตรงหน้า..นายจะทำยังไง" ผมต้อนเสียงเข้ม  สมุทรนิ่งไปแล้ว

"โทรบอกพายุ ถอนเงินยี่สิบล้าน..ด่วน" ผมหันไปสั่งพี่ธานอย่างต้องการกวนอารมณ์สมุทรไม่หยุดทั้งที่ก็เห็นว่าเขามีท่าทีอ่อนลงบ้าง  ทำท่าคล้ายเหนื่อยใจและไม่ต้องการต่ออารมณ์ด้วย

"คุณจะบ้ารึไง!" สมุทรว่าโผงออกมา  ผมได้แต่อมยิ้มในใจ  คนแบบเขาไม่กล้าเอาเงินไปง่าย ๆ อยู่แล้ว..แค่ดูนิดเดียวก็รู้  เจ้าตัวไม่รู้เลยรึไงนะว่าตัวเองเป็นคนยังไง

"แล้วนายจะเอายังไง" ผมคิ้วขมวดว่าอย่างชักเริ่มมีอารมณ์

"ไม่เอายังไงทั้งนั้นแหละ คุณกลับไปได้แล้ว..แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก" สมุทรไล่ส่ง ๆ ผมสูดหายใจเข้าลึกยาว  มองเหล่ไปที่อีกฝ่ายอย่างระงับสติอารมณ์  สมุทรหันหน้าหนีทันที

"สุดท้าย..คุณมันก็ทำเพราะหน้าที่" เขาพูดขึ้น  ผมชะงักหู  น้ำเสียงของเขานุ่มลงเหมือนคนเหนื่อยใจและเย้ยหยันอยู่ลึก ๆ ผมยืนเงียบ  ทำไมเขาถึงได้เข้าใจอะไรยากแบบนี้ทั้งที่ก็ดูไม่น่าใช่คนโง่อะไร  ผมอาจจะทำเพราะหน้าที่อย่างที่ปากเขาว่าก็ได้  แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกค้านในใจอยู่ลึก ๆ และเมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากคน ๆ นี้แล้วกลับรู้สึกไม่พอใจพอสมควร

"สมุทร..ซื้อขนมหน่อยจ้ะ" เสียงป้าคนหนึ่งทำลายบรรยากาศอึมครึมของเราทั้งคู่  ผมกับสมุทรหันไปมอง

"ครับ" สมุทรยิ้มรับทันควันแล้วเดินไปที่โต๊ะขายของ

"เอาอะไรดีครับป้า" สมุทรถาม 

"เอาบัวลอยถุงนึง แล้วก็..ข้าวเหนียวสังขยาหนึ่ง หน้าปลาหนึ่งจ้ะ" ป้ายิ้มตอบแต่สายตาของเธอมองมาที่ผมเหมือนระแวงระวังอีกคนแล้ว  ผมอมยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจส่งกลับไปให้เธอ  อีกฝ่ายถึงกับหน้าเสียและหลบสายตาผมในทันที  ผมเหลือบมองสมุทร  เขาสงบนิ่งลงอย่างกับมีสวิตซ์เปิดปิดสั่งงานได้  ท่าทีของเขาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่  ผมนึกสนุกจึงเดินตรงไปที่โต๊ะขายของ  ด้วยนึกอยากกวนอารมณ์คนขายเล่นดู  อยากรู้ว่าพื้นฐานจริง ๆ แล้วเขาเป็นอย่างที่เห็นโดยรวมที่ผ่านมาหรือไม่  สีหน้านิ่งขรึมนี่ตอนโกรธจัดแบบตบะแตกจะเป็นอย่างไร  อีกอย่างไม่รู้ทำไมความรู้สึกอยากแกล้งนี้มันแทบปะทุออกมาจนจะระเบิดอยู่แล้ว..

ผมเดินไปยืนขนาบข้างกับสมุทร  สมุทรที่กำลังจะตักบัวลอยจากในหม้อเพื่อใส่ถุงให้กับป้าชะงักมือ  หันมามองผมที่ไปยืนอยู่ข้าง ๆ เขา  ผมฉีกยิ้มให้  ตาก็ไม่ละจากการจ้องมองเขาเช่นกัน  มือของผมจับลงที่หม้อบัวลอย  เมื่อรู้สึกว่าจับอย่างมั่นคงแล้วจึงคว่ำหม้อลงทันที  ขนมบัวลอยที่มีอยู่เต็มหม้ออย่างกับเพิ่งทำเสร็จและน่าจะขายได้หลายสิบถุงหกลงเต็มโต๊ะไปหมด

"ว้ายยยยยย!" ป้าลูกค้าร้องกระโดดหนีทันควัน  ปากหม้อที่คว่ำลง  บัวลอยเลอะนองเต็มโต๊ะ  สมุทรยืนเงียบอึ้งตาโตมองไปที่ขนมของร้านตน  เขายืนแน่นิ่งมองบัวลอยที่กระจายอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเหมือนกับไม่เชื่อสายตา

"บัวลอยหมดซะแล้วละครับคุณป้า" ผมหันไปยิ้มบอกเธอ  ป้าหน้าเสียลุกลี้ลุกลน

"วันนี้ป้าไม่ซื้อแล้วกันนะจ๊ะสมุทร" เธอรีบพูดแล้วจ้ำอ้าวหนีไป  ร่างแก่ ๆ ที่เดินเยื้องย่างในตอนแรกนั้น  ตอนนี้เกือบจะกลายเป็นวิ่งสี่คูณร้อยซะแล้ว  ผมหัวเราะ  หันกลับมามองสมุทรอีกครั้ง  ในหัวผมเดาปฏิกิริยาอยู่สองทางที่เขาจะทำ  หนึ่งโมโห..และที่น่าตื่นเต้นสำหรับผมคือเขาจะโมโหยังไง  โมโหแค่ไหน  ผมคิดว่าเรื่องที่จะทำให้คนประเภทอย่างสมุทรโมโหง่ายน่าจะมีอยู่ไม่กี่อย่าง  สองนิ่งอย่างที่เคย..และที่น่าสนใจสำหรับผมคือ  เขาจะนิ่งด้วยการกระทำแบบไหน  ควบคุมมันได้แค่ไหน..ก็เท่านั้น

".........." สมุทรหันกลับมามองหน้าผมด้วยสายตาโกรธอย่างเห็นได้ชัด  ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ และเลิกคิ้วทำหน้าตายเหมือนบอกเขาว่าผมไม่ผิด  อีกฝ่ายจ้องผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนเหลือบสายตาลงไปทางอื่นช้า ๆ และสมุทรก็จ้องอยู่อย่างนั้นอย่างไร้จุดหมาย  ผมเห็นเขากลืนน้ำลายลงคออย่างชัดเจน  ลมหายใจสม่ำเสมอ  คล้ายกับนั่นบอกได้ว่าเขาควบคุมตัวเขาเองได้อยู่หมัดแล้ว  สมุทรไม่พูดอะไรสักคำ  ทุกอย่างเงียบสนิท  อีกฝ่ายเริ่มขยับร่างกายโดยยกหม้อบัวลอยขึ้นช้า ๆ ก่อนนำทัพพีที่ร่วงลงบนโต๊ะเมื่อกี้นี้กวาดอาหารที่ตอนนี้กลายเป็นเศษขยะ  กลับใส่เข้าที่หม้อเดิมอย่างค่อยเป็นค่อยไป

"ถ้าฉันทำมันเพราะหน้าที่ ฉันก็คงเอาเงินฟาดหัวนายง่าย ๆ ไปแล้ว" ผมพูดบอกให้เขาเข้าใจเสียใหม่  ใช่..เขาผิดที่ดันพูดทำให้ผมหงุดหงิดใจ  เราควรเรียนรู้กันมากกว่านี้ก่อนที่เขาจะพูดจาอะไรไม่เข้าท่า  สมุทรหยุดมือทันทีแต่เขาก็ไม่ได้หันมามองผมตอบกลับอีก  เขานิ่งลงมากจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้บ้านี่มันโกรธใครเป็นบ้างรึเปล่า   

"..ไว้จะมาใหม่" ผมยิ้มบอกทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้หันมามองผมสักตาก่อนจะเดินออกมาเลย 

"คุณไฟ คุณไม่ควรทำแบบนั้นนะครับ" พี่ธานพูดน้ำเสียงอะลุ่มอล่วย  ผมหันหลังกลับไปมองสมุทรอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าภาพที่จะเห็นต่อไปนี้จะเป็นไปตามที่ผมวิเคราะห์เอาไว้ในหัว  และก็นั่นละครับ  สมุทรยังคงก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดโต๊ะอย่างไม่หยุดมือ

"เค้ากวนผมก่อน" ผมบอกพี่ธาน

"คุณ..ไฟ" พี่ธานย้ำเสียงดุอีกครั้ง   

"หึ..พี่ธาน" ผมพูดขึ้นยิ้ม ๆ หยุดเดินแล้วมองหน้าพี่ธานตรง ๆ พี่ธานส่ายหัวพร้อมถอนหายใจแรงเหมือนรู้ว่าผมกำลังจะพูดอะไรอย่างนั้น

"..ผมชักถูกใจแล้วสิ" ผมบอก  พี่ธานอมยิ้มอย่างเหนื่อยใจ  ผมแสยะยิ้มให้พี่เขาอย่างให้กำลังใจเช่นกัน  เอาน่า..ก็ช่วยไม่ได้  พี่เขาอยากเลือกมาเป็นลูกน้องผมเอง




..........ไฟ..........
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 24-10-2015 14:28:57
สมุทรเก็บอารมณ์ได้เก่งจริงๆ
ยิ่งดื้อเงียบแบบนี้ถูกใจไฟเค้าละ
อย่าแกล้งสมุทรเยอะละ ความอดทนมีจำกัดนะ  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: New_Tai ที่ 24-10-2015 14:40:52
กรี้สสส  เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้!!
ชอบอ่ะ ชอบทุกตัวละครเลย :ling1:
เป็นกำลังใจให้นะค๊าา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 24-10-2015 14:52:25
ไฟถูกใจแล้ววววว สมุทรจะทำไงงงงงงงง
รอตอนต่อไป^____^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 24-10-2015 15:04:03
เค้าพลาดตอนที่ 6 ไปได้อย่างไร XD

ยิ่งอ่าน ยิ่งลุ้น ยิ่งปวดหัว เดาทางไม่ถูกเลยยยย ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 24-10-2015 15:17:29
ถ้าเค้าเป็นสมุทร เค้าจะเอาหม้อตบอิพี่ไฟ "- -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 24-10-2015 16:14:08
สมุทรเอาคืนคุณไฟให้ป้าด้วยนะคะ
จากป้าคนซื้อบัวลอย
ระหว่างสมุทรกับไฟใครจะเป็นพระเอกนายเอกก็ได้
ขอให้สองคนนี่ได้กันก็พอ :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 24-10-2015 16:19:34
อีกหน่อยคุณไฟอาจใจเย็นลงกว่านี้ เพราะสมุทรใจเย็นเหลือเกินน่าจะปรามคุณไฟแทนพี่ธานบ้าง

อยากเห็นไฟกะสมุทรรักกันแล้วน่ะสิ
จะเริ่มรักกันแบบไหนนะอยากรู้แล้ววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-10-2015 19:06:41
อื้อหืออออ เป็นเราเอาหม้อฟาดหัวสักทีซิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 24-10-2015 19:38:31
อีคุณไฟนี่กวนประสาทได้โล่ห์ ถ้านี่เปนสมุทรจะเอาหม้อฟาดหัวใหั :ling1:ยับเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 24-10-2015 19:41:08
เมื่อไหร่จะคุยกันดีดีนะ :mew1: :mew1: :mew1: รอสมุทรดับไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 24-10-2015 20:20:18
มันน่า :z6: ไฟสักที ชิหมั่นไส้!!!
ป้าเลยอดกินบ้วลอยเลยไง 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 24-10-2015 21:53:25
ไฟทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ สมุทรใจเสียแย่เลย  :m16: อย่างนี้ต้องจับไปอบรมกันยกใหญ่ ที่สำคัญอยากเห็นสมุทรเอาคีนไฟบ้างก็คงจะดี อยากรู้ว่าเวลาไฟโกรธจะเป็นยังไง เพราะสมุทรดูจะนิ่งอย่างที่เห็นจริง ๆ  แต่ไฟคงไม่อยู่เฉยได้แน่เวลาโมโห :man1:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 24-10-2015 22:16:39
ตอนนี้หมั่นไส้คุณไฟจัง ทั้งเรื่องผู้หญิงและเรื่องแกล้งสมุทร

รู้สึกสงสารสมุทรจัง จนอยากเชียร์ให้คุณโชมาจัดการเพื่อนคุณหน่อยค่ะ555

ชอบคุณโชมากๆ อยากให้กลับเมืองไทยเร็วๆแล้ว อยากเห็นบทบาทมากกว่านี้ คุณโชออกมาแค่นี้เราก็รู้สึกหลงรักละ
สนุกมากๆเลยค่ะ  ขอบคุณมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-10-2015 22:19:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 24-10-2015 23:25:16
ถูกใจเค้าแล้วทำงี้หรอออ เพ่ไฟฟ   :z3:

อยากเห้นเค้ารักกัน 555555

สนุกขึ้นเรื่อยๆ เลย รอค่ะ    :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 25-10-2015 01:21:59
สมุทรจะรับมือยังไงต่อน้าาา  555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 25-10-2015 07:50:09
ไฟถูกใจสมุทรอ่ะได้ แต่งย่าแกล้งสมุทรเยอะนะ คว่ำหม้อแบบนี้แล่วสมุทรจะเอาอะไรกินเล่าาาาาาา  :sad4:
ของซื้อของขายนะไฟ ถ้าเป็นเรามาโดนแบบนี้มีปรี๊ดแตก แต่สมุทรก็เก็บอาการได้ดีเวอร์เก่งมากสมุทรใครสอนให้ทำได้แบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 25-10-2015 07:58:41
คือว่า… โปรดชอบโชหรือป่าว  :mew3: แล้วแบบตอนแกล้งพี่ธานกับตอนง๊องแง๊งกับไฟนางดูเคะมากอ่า แต่พอมาคั่วสาวมาหยอดเนน้องปรับอารมณ์ไม่ทันเลยค่ะ แต่ดื้อเหมือนเดิม ดื้อแบบแมน  สงสัยเรื่องนี้จะแมนทุกคน 55555

พี่ไฟตอนบอกว่าไม่ค่อยอยากหิ้วสาวกลับ น้องรู้สึกดีนะ (พี่ดูดี๊ดีกว่าพวกพี่เมตรพี่พีอ่า) แต่พอได้มาเจอตอนไปกับสาวก็แบบ เออ ผู้ชายมันก็คือผู้ชายเนอะ ความหื่นนี้ ใครจะตายด้านเหมือนพี่คิวได้อีก 55555

ในส่วนของสมุทรนั้น … :-[ ดี๊ดี รีบหนีตามกันไปสิ จะได้ต่อปากต่อคำกันทุกวัน น่ารักที่สุด
พี่ไฟขี้แกล้ง เป็นบ้าหรอ เดี๋ยวตีเลย  :angry2: 555 ชอบเขาไปแล้วไม่รู้ตัวน่ะสิ (มโน) ชอบแกล้งคนที่ชอบ เหมือนเด็กอนุบาล 555555
สมุทรสู้นะ ถ้าไปอยู่ด้วยกันก็ต้องฮึบ แต่มีแนวโน้มว่าต่อมโมโหจะแตกเพราะพี่ไฟวันละล้านครั้ง 55555



มาอีกเร็วๆนะะะ
ม๊วฟๆๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 25-10-2015 09:15:31
ไฟฟฟฟฟ
ถูกใจเค้าแล้วทำไมไปแกล้งเค้าแบบนี้ล่ะ
ตายๆๆ ชาติไหนจะดีกันนะสองคนนี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 25-10-2015 10:20:46
บางทีไฟนี่ก็เหมือนเด็กเอาแต่ใจนะ  - -" 
อยากได้เค้า พอไม่ได้ก็ตามไปป่วนเค้า
 
สมุทรเก็บอารมณ์ได้ดีมาก
เป็นเราหน่อยไม่ได้ เขวี้ยงกระบวยใส่ไฟหัวแบะไปละ 555555
 
ปล.  เน น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-10-2015 14:51:50
คุณไฟคะ ถึงป้าจะรักและเอ็นดูคุณไฟ






แต่ป้าก็นึกอยากให้ สมุทร ยกหม้อบัวลอยเปล่าๆที่คุณเททิ้ง






ทุ่มใส่หัวคุณไฟแรงๆซักทีเหมือนกันค่ะ






จะทำอะไรก็ทำค่ะ แต่อย่าทำกับ สิ่งของที่กินได้แบบนี้






ป้าไม่ปลื้มคุณไฟ นิสัยไม่ดี






พายุอ้อนน่ารัก รักพายุจังงงงงง  พี่ธานให้ท้ายคุณไฟจนนิสัยเสียแล้วนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 25-10-2015 22:36:22
สมุทร นิ่ง สงบ สยบไฟ  สมกันจริมๆ

คิดถึงพายุ ^.^

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ДηοηγМ ที่ 26-10-2015 01:55:03
ขยี้ตาหนักมากกกกกกกกกกก
ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้อ่านงานของนักเขียนในดวงใจอีก
หลังจากห่างหายไปนาน ดีใจที่กลับมาค่ะ

ขอตัวไปอ่านก่อนค่อยคุยกันใหม่นะคะ นี่รีบเม้นต์มาก ยังไม่ทันอ่านเลยเนี่ย แหะๆ

จาก แม่ยกน้องปาน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 26-10-2015 09:58:14
ไฟนี่มันจะไปช่วยสมุทรหรือจะไปก่อกวนกันแน่เนี่ย :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: luvY ที่ 26-10-2015 13:07:36
 :pig2: แวะมาเจิม ก่อนอ่านค่า
ดีใจที่เบบี้มาลงนิยายในบอร์ดอีกครั้ง
หลังจากหายไปนาน แต่ก็ยังคิดถึงเสมอนะจ๊ะ
ชอบสไตล์การเขียนแบบที่น้องเป็นจ้า

 :L2: :L1: :pig4:
จากคนอ่านเก่ามาก (แต่ยังไม่แก่เท่าไรนะจ๊ะ) 5555

................................................................

อ่านทันแล้วววว
เอิ่มม แต่ละคนแมนมากกกก
ไม่รู้จะให้ใครเมะใครเคะ
ได้หมดค่ะ แมนๆแบบนี้ชอบมาก

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 26-10-2015 20:01:53
เริ่มหมั่นใส้ไอ้คุณไฟเล็กๆละแกล้งสมุทรไม่ว่าทำลายข้าวของอีกเดี๋ยวเหอะ
สมุทรยังไงมีจังหวะจัดไฟซักดอกซิเอาให้ไปไม่เป็นยืนกระทืบเท้าเลยนะ o18

 :pig4:  ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 27-10-2015 01:41:53
โหหหหห มันก็ดูเหมือนทำเพราะหน้าที่อ่ะ
ตัวไฟเองยังไม่ชัดเจนเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 27-10-2015 12:32:45
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 28-10-2015 18:30:19
ถามก่อนนะ ในเรื่องนี้ไฟเป็นนายเอกหรือป่าว ถ้าใช่เราจะแช่งให้ไฟโดนสมุทรจัดหนักๆเน้นๆไปเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 28-10-2015 22:18:39
กระโดดงับหูเบบี้ โทษฐานที่เขียนให้พี่ไฟนิสัยเสียแกล้งสมุทรแบบนี้ได้ไง ฮะ?????
อ่านมาถึงตอนนี้ เห็นเค้ารางๆ เป็น เน-โปรด อีกแล้ว วู้ว ไรแว๊ ไม่เดาๆ ดีก่า
มาต่ออีกเร็วๆ ให้ไวเลยนะ ขอซัก 3 ตอนรวดเลยนะ
วัยรุ่นคอยยยยยยยยยยยยยยยยยอยู่
 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 31-10-2015 21:47:54
ตอนที่ 8
..ไฟ..




ก๊อก  ๆ ๆ
"คุณไฟครับ"


ก๊อก  ๆ ๆ 
"คุณไฟ" ผมหรี่ตามองนาฬิกาหัวเตียง  เพิ่งจะหกโมงครึ่งแต่พี่ธานมาเรียกแต่เช้าอย่างนี้คงมีอะไรแน่  ปกติให้ตายก็ไม่กล้าปลุกผมด้วยซ้ำ  ผมงัวเงียลุกไปเปิดประตู

"ขอโทษครับ" พี่ธานพูดก่อน

"มีอะไร" ผมขมวดคิ้ว

"คุณดิน เพิ่งกลับบ้านครับ" พี่ธานก้มหน้าพูดด้วยท่าทางเกร็ง ๆ 

"ก็เมื่อวานมันกลับมาแล้วนี่" ผมขึ้นเสียงเล็กน้อย  ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดไม่เข้าใจ

"........." พี่ธานก้มหน้าและเหสายตาลงเหมือนต้องการหลบเลี่ยงที่จะให้คำตอบตรง ๆ กับผม  ผมถอนหายใจแรง  รับรู้ได้ทันทีว่าไอ้ดินจะต้องมีเรื่องมาให้ปวดหัวอีกแล้ว

"มันอยู่ไหน"

"ข้างล่างครับ" พี่ธานตอบ  ผมเดินออกมา  พี่ธานรีบปิดประตูห้องนอนให้  เมื่อผมเดินไปที่ชั้นล่างก็ได้ยินเสียงคนคุยกันซุบซิบมาจากในห้องนั่งเล่น 

"มึงหลบไปก็เท่านั้นแหละ ดูสภาพมึงซิ..ช้าเร็วเฮียก็ต้องเห็นอยู่ดี" เสียงพายุว่าเบา ๆ ผมเดินเข้าไปในห้อง  ลุงทองกับไอ้เข้มยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง  พายุยืนอยู่กับไอ้ดิน  ส่วนไอ้ตัวดีนั้นใส่ชุดคนละชุดกับที่ผมเห็นเมื่อวาน  เสื้อผ้ามอมแมม  หน้ามีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมด  พอพวกมันเห็นผมก็พากันเงียบลง  ลูกน้องผมพากันถอยหลังออกไปมุมห้องเล็กน้อย  ไอ้ดินก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทางกลัวความผิดอย่างเห็นได้ชัด 

"เมื่อคืนไม่ได้นอนบ้าน.." ผมพูดขึ้น  เปิดประเด็นถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พูดถามเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองนั้นจะเข้าใจไม่ผิด  ไอ้ดินไม่ตอบ  มันเพียงผงกศีรษะน้อย ๆ



เพี้ย!  ...ผมเข้าไปตบหน้าไอ้ดินอย่างแรงอย่างไม่ซักถามถึงเหตุผล  ความแรงทำให้มันหน้าหันไปจนเกือบล้ม  ทุกคนเพียงยืนมองสงบนิ่ง  ผมเหลือบมองไปที่ลุงทองและไอ้เข้ม  มันสองคนหลบสายตาผมทันควัน

"ใครพามึงออกไป" ผมถามเสียงเย็น  ไอ้ดินเอาแต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งเงียบ  ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผมเข้มงวดเรื่องการออกนอกบ้านของไอ้ดินมาก  ไม่ใช่ว่าผมไม่ปล่อยมันเลยแต่เพราะทุกครั้งที่ปล่อยเลยตามเลย  มันมักจะมีเรื่องนำกลับมาให้ที่บ้านเดือดร้อนเสมอ  ผมเคยออกปากสั่งไอ้ดินต่อหน้าลูกน้องทุกคนแล้วว่า  ต่อจากนี้ไป  ห้ามไอ้ดินออกจากบ้านในยามวิกาลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมก่อน

"กูถามว่าใครพามึงออกไป!" ผมกดน้ำเสียงต่ำลงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระแทกกระทั้นใส่อย่างอารมณ์เสีย  ไอ้ดินชักเท้าถอยหลังไปเล็กน้อย

"ดินออกไปเอง" มันตอบ  ผมยืนนิ่งมอง  ไอ้ดินเหลือบตาขึ้นมองหน้าผมที่เห็นว่าผมเงียบ  พอสบสายตากันมันก็หลบตาลงอีกครั้ง  ผมเข้าไปคว้าจับหน้ามันขึ้นมา  ออกแรงมือบีบคางเพื่อให้มันเงยขึ้นมองมาที่ผมตรง ๆ 

"ใคร..พามึงออกไป" ผมย้ำถามอีกครั้ง  มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่ไอ้ดินจะหลบออกไปโดยคลาดสายตาพวกคนในบ้านอย่างนี้  และถ้ามันไม่เก่งขนาดนั้น  แสดงว่าลูกน้องเลือกที่จะไม่ทำตามคำสั่งจากผม

"ดิน..แอบออกไปเองครับ" ไอ้ดินย้ำพูดคำเดิม  น้ำเสียงของมันเริ่มไม่คงที่  ผมบีบแก้มมันหนักขึ้นกว่าเก่า  อีกฝ่ายพยายามดิ้นคงเพราะทรมาน  มันนำมือมาจับข้อมือผมเหมือนเป็นการบอกว่ามันเจ็บจนจะทนไม่ได้แล้ว

"อึก" ไอ้ดินสะอึกในลำคอ  เราต่างสู้แรงกันด้วยความเงียบ  ไร้เสียงร้องขอจากไอ้ดิน  มันมองผมด้วยสายตายอมรับผิด  เมื่อผมเห็นความกลัวสื่อชัดออกมาทางสายตา  ผมจึงคลายแรงมือลง

"ดี" ผมอมยิ้มพร้อมสะบัดปล่อยมือออก

"หึ..ปิดบังได้มึงปิดบังไป ปกป้องกันแบบนี้..เอาให้ตลอดนะ" ผมพูดพร้อมจ้องไปที่ลุงทองและไอ้เข้มอย่างคาดโทษ  สองคนนี้รักไอ้ดินอย่างกับญาติในไส้  การรักกันมันดีอยู่แล้วแต่บางกรณีนั้นห้ามใช้  ซึ่งผมคิดว่าพวกมันจะต้องรู้เห็นเป็นใจกันแน่  ทั้งสองคนพากันก้มหน้าก้มตาไม่แม้แต่จะเงยขึ้นสักเสี้ยวนาที

"เพราะถ้ามึงทำไม่ได้ตลอด.." ผมกดน้ำเสียงเย็นลง  สายตาจับจ้องไปที่ไอ้ดินอย่างคาดโทษ

"ขอให้มึงรู้ตัวไว้ซะ ว่ามึงจะเป็นสาเหตุ..ทำให้คนที่ช่วยมึงฉิบหาย" ผมชี้หน้าไอ้ดินพร้อมกับฟันแน่น  สายตาที่มองไปไม่มีแม้แต่การมองอย่างคนในครอบครัวควรมีให้กัน  บางครั้งไอ้ดินไม่ควรได้รับ  ไอ้ดินน้ำตาคลอ  มันหลบตาลง  ทุกครั้งที่เกิดเรื่องอะไรก็ตามและถ้าลูกน้องผมเป็นคนคอยช่วยไอ้ดิน  ผมไม่เคยลงโทษลูกน้องของผมได้อย่างสุดเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย  เพราะผมรู้ดีว่าความผิดทั้งหมดมันอยู่ที่น้องชายของผม  อย่างไรก็แล้วแต่  คนที่ผิดมากที่สุดคือต้นตอนั่นละ 

เมื่อผมเงียบ  ทุกคนก็พากันนิ่งไปพักใหญ่  ในห้องเงียบสนิท  ผมยืนนิ่งอยู่นานมากเพราะต้องการใช้สติให้มากในการสอบถาม  มองสำรวจไอ้ดินตั้งแต่หัวจรดเท้า  มันยืนนิ่งแทบไม่กระดิกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

"ไปทำอะไรมา" ผมถามด้วยน้ำเสียงปกติลง

".........." ไอ้ดินไม่ยอมตอบ

"อย่าให้กูต้องพูดซ้ำนะดิน" ผมเตือน  แม้แต่ชื่อของมันที่พ่อของผมก็ได้ตั้งให้อย่างตั้งใจเพื่อให้เราได้สอดคล้องกัน  ให้รู้สึกเหมือนลูกแท้ ๆ เหมือนน้องแท้ ๆ ซึ่งดูเหมือนจะได้ใจไปหน่อยแล้วละมัง

"ไปคอนโดเพื่อนครับ" มันตอบ

"ผู้หญิงหรือผู้ชาย"

"ผู้หญิง" ไอ้ดินตอบทันที  เสียงเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ ผมสูดหายใจแรงอย่างแทบหมดความอดทน  ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ

"แล้วทำไมสารรูปมึงถึงได้เป็นแบบนี้!" ผมว่าแทบตะคอก  ไอ้ดินกลืนน้ำลายลงคอจนผมทันสังเกตเห็น

"กูถาม!!" ผมตะคอกใส่พร้อมกับจ้ำอ้าวเข้าไปหา  ไอ้ดินถอยหลังทันควัน

"..ผู้หญิงของ ไอ้กี" ไอ้ดินขยายความ  ผมถึงกับชะงักโดยที่ผมไม่ต้องถามรายละเอียดให้มากกว่านี้เลยว่าทำไมสภาพถึงได้เละขนาดนี้  ชื่อนี้ที่ทำเอาผมตบะแตก  "ไอ้กี"..คือน้องชายของไอ้เหี้ยกริด  ซึ่งความหรรษามันอยู่ตรงที่  ทั้งไอ้ดินและไอ้กีดันเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน  เพียงแค่ไอ้กีแก่กว่าไอ้ดินก็เท่านั้น  ที่สำคัญพวกมันไม่เคยถูกชะตากันเลย

"ไอ้เวรเอ๊ย!" ผมสบถ  เงื้อมหลังมือฟาดเข้าที่หน้าไอ้ดิน  ความแรงที่ปล่อยไปเต็มที่ทำให้ไอ้ดินล้มฟุบลงกับพื้น   

"ผู้หญิงหมดโลกแล้วรึไง!!" ผมตวาดดังลั่น  ก้าวขาเข้าไปจะไปซ้ำมันอย่างอดไม่ได้

"เฮีย.." พายุเข้ามาแทรกไว้หน้าเสีย  ผมจ้องหน้าพายุเขม็งเพื่อบอกให้มันหลบไป  ไอ้ดินขยับตัวคลานไปหลบหลังพายุแทนเกราะกำบัง

"ดิน อึก..ขอโทษเฮีย" ไอ้ดินร้องบอก

"เฮียอย่าทำมันเลยนะ" พายุพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ  ผมยืนนิ่งก่อนหันหน้าหนี

"ดิน ขอโทษ" ไอ้คนข้างหลังพูดเสียงเครือ
 
"มึงจะแกล้งตีหน้าซื่อบอกกูว่าที่จริงมึงไม่รู้รึไงว่าอีนั่นเป็นผู้หญิงของไอ้กีงั้นซิ..ฮึ!" ผมถลึงตาใส่  พอทำท่าจะเข้าไปใกล้ไอ้ดิน  พายุก็กั้นไว้อีก

"ในสายตามึงน่ะ..กูคงเป็นพี่ที่โง่มากสินะ ขนาดลูกน้องกูน่ะ มึงก็คงบังคับขี่คอไปไหนก็ได้" ผมก้มหน้าลงไปยิ้มให้โดยสายตาไม่ได้ยิ้มด้วย  ไอ้ดินขยับตัวเองไปทางด้านหลังมากกว่าเดิม

"นายครับ ..คือ" ไอ้เข้มเงยหน้าขึ้นหน้าเจื่อน

"มึงหุบปาก" ผมชี้หน้าห้ามมันอย่างเหลืออด  ในเมื่อผมไม่เอาเรื่องมันแล้ว  มันไม่ควรเสือกอะไรทั้งนั้น

"หะ! กูถามมมม..ตอบกูมา!!" ผมลากเสียงตะคอกดังลั่น  ไอ้ดินหลุดร้องไห้หนักกว่าเดิม  พายุพยายามรั้งตัวผมไว้ตลอดเวลาจนผมรำคาญจึงสะบัดออก  พายุหน้าสลดยืนนิ่งไป 

"มึงจงใจทำเหี้ยอะไร มึงไม่เคยนึกถึงผลที่จะตามมาเลยใช่ไหม" ผมว่า  ที่ผมโมโหมากเพราะผมรู้จักไอ้ดินดีว่ามันเป็นคนยังไง  มันเองก็รู้ความเป็นไปภายในบ้านเช่นกัน  เรื่องบางเรื่องอย่างเช่นว่าศัตรูมีใครบ้าง  ไอ้ดินควรรู้ไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิตมันเอง  เรื่องไอ้กีและเรื่องของไอ้กริดเอง  ผมเคยเตือนมันแล้วว่าถ้าเป็นไปได้ก็อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกัน  เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเพราะผมไม่อยากมีปัญหา  แล้วดูที่มันทำ..

"เอาแต่เรื่องระยำตำบอนมาให้กูตลอด!" ผมตะคอก  ไอ้ดินสะดุ้งตาแดง  มันนั่งปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ ผมถอนหายใจทิ้ง  ยืนเท้าเอวจ้องไอ้ดินอยู่พักหนึ่ง  มันไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมเลย   

"ถ้าพวกมึงเชื่อฟังไอ้ดินกันนักละก็.. ต่อไปพวกมึงก็ไม่ต้องมาฟังคำสั่งจากกู" ผมพูดขึ้นลอย ๆ ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดทั้งยังไม่หายโมโหดี  พวกมันคงรู้ดีว่าผมตั้งใจจะบอกใคร  นี่ไม่ใช่เพียงแค่การขู่เพื่อลูกน้องเท่านั้น  ไอ้ดินควรสำนึกให้มากว่ามันทำให้ลูกน้องของผมเดือดร้อนไปด้วย  และผมพอจะเข้าใจดีว่าถึงแม้พวกมันจะไม่อยากขัดคำสั่ง  คนอย่างไอ้ดินก็คงจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ออกไปอยู่ดี

"เพื่อความยุติธรรม ให้กูดูกล้องวงจรปิดดีไหม ถ้าพวกมันช่วยมึงจริง ๆ กูจะได้ไล่พวกมันออก หือ..เอาไหม" ผมพูดเรียบ ๆ กวนไอ้ดินแต่เหลือบมองไปที่ไอ้เข้มตลอดเวลา  ไอ้เข้มหลบสายตาก้มหน้าก้มตาทันที  มันเป็นคนฉลาด  และรู้ดีด้วยว่าส่วนไหนของบ้านที่ไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ 

"ดินขอโทษ ดิน..ขอร้องทุกคน เอง อึก" ไอ้ดินรีบพูดทั้งที่สะอึกสะอื้นอยู่

"หึ" ผมแสยะหัวเราะออกมา   

"วันนี้มึงไม่ต้องไปเรียน" ผมก้มหน้าลงบอกตัวการ  ไอ้ดินเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมทั้งน้ำตา

"มึงโตแล้ว" ผมพูดแกมยิ้ม ๆ

"ไม่ต้องเชื่อฟังกูก็ได้.."

"..และต่อไปมึงก็ไม่ต้องไป!" ผมกดน้ำเสียงลงจนฟังดูแข็งกระด้าง

"เฮีย ฮึก" ไอ้ดินทำท่าจะคลานเข้ามาหา  ผมชักขาถอยกลับ

"ถ้ามึงไม่รักเรียนนักมึงก็ไม่ต้องไป อยากทำอะไรก็เชิญ" ผมชี้หน้าบอกอย่างเหลืออดแล้วเดินหนีออกมา  ผมโกรธมันมากกับเรื่องนี้  ผมคิดว่าไอ้ดินก็รู้ดีว่าผมจริงจังมากกับเรื่องการเรียนและความประพฤติ  ส่วนตัวผมคิดว่าผมอดทนที่จะไม่เหวี่ยงออกมา ๆ นานพอแล้ว  มันน่าโมโหตรงที่คนของเรามีเงินส่งเสียให้เรียนแต่กลับไม่ใฝ่ดี  มันทำให้ผมเห็นว่า  มันไม่เคยมองถึงคนที่เขาอดอยากแทบตายเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียนเลย  คนที่มีทุกอย่างแต่ไม่เคยเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองมี  คนแบบนี้สำหรับผมคือคนระยำ   

ผมจัดการอาบน้ำเพื่อให้หัวตัวเองเย็นลง  ให้นอนต่อด้วยอารมณ์แบบนี้คงไม่ไหว  พออาบน้ำเสร็จเลยแต่งตัวไว้เรียบร้อยจะได้ออกไปทำงานทีเดียว  ผมลงไปที่ห้องอาหาร  โต๊ะอาหารตั้งเรียบร้อยแล้ว  พายุนั่งอยู่ในนั้นพร้อมกับป้าอิ่มที่กำลังวางจานอาหารส่วนของผมพอดี  ผมเดินไปที่ประจำของผมแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลงเงียบ ๆ พายุเหลือบมองมา

"มันไปไหน" ผมถามเพราะจานส่วนของไอ้ดินเพิ่งเก็บไปต่อหน้า
 
"ไปเรียนฮะ" พายุตอบ  ผมหยิบผลไม้ขึ้นกินนำไปก่อน

"เฮียเอาจริงเหรอ" พายุถามเสียงเบาอย่างเกร็ง ๆ

"อะไร" ผมย้อนเสียงห้วนไม่มองหน้ามัน

"ให้มันหยุดเรียนไง" พายุตอบ

"หึ อย่าซื่อบื้อน่า" ผมหัวเราะตอบเท่านั้น  บางทีน้องชายผมคนนี้ก็ซื่อบื้อ  ไม่สิ..ความจริงแล้วมันมีมุมที่ซื่อบื้อกว่าที่ใครหลายคนคิด

"ช่วงนี้มึงก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน" ผมเปลี่ยนเรื่องพูดเตือนไปกินไป  พายุเพียงผงกหัวรับทราบ

"..พวกมันไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่"


- - - - - - - - - - - - - - -


16:05 น. ไซต์งานก่อสร้าง T

ขณะนี้ผมกำลังเป็นไอ้ถ้ำมองอยู่ในรถยนต์ของตัวเองกับแอร์เย็น ๆ คนเดียว  ผมขับรถมาที่ไซต์ก่อสร้างที่สมุทรทำงานอยู่  ตามตารางแล้วเขาน่าจะเลิกงานเวลานี้  ไม่เชิงว่ามาแอบดู..แต่ก็นั่นละ  ผมกำลังแอบดู



ตืด  ๆ  ๆ ๆ ...ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู  เห็นเป็นสายโทรเข้ามาจากป๋าจงจึงรีบกดรับสาย
"ครับป๋า" ผมทัก  ตั้งแต่วันนั้นที่เจอป๋าและไอ้กริดที่ร้านของป๋าในวันนั้น  ผมก็ไม่ได้ติดต่อไป  ส่วนป๋าเองก็ไม่ได้ติดต่อมาหาผมเช่นกัน

"ไง..เงียบหายไปเลยนะ" ป๋าทักด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างเคย  ผมอมยิ้มที่ป๋ายังคงเหมือนเดิม

"เปล่าหรอกครับ ป๋าเป็นไง"   

"ที่จริงว่าจะโทรหาแกตั้งแต่วันนั้นแล้วล่ะ แต่วุ่น ๆ หลายอย่าง" ป๋าตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ
 
"ป๋าปฏิเสธไอ้กริดไปแล้วนะ" ป๋าพูดเข้าประเด็น  ผมเงียบฟัง 

"ป๋าไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะครับ ตามตรงแล้วไฟไม่มีอะไรหรอก..ไม่เคยคิดจะโกรธป๋าด้วย" ผมพูดตามตรง  ป๋าหัวเราะในลำคอ  ระหว่างที่คุยอยู่นั้นเองผมก็เห็นสมุทรเดินออกมาจากไซต์งานพอดี  ดูท่าเขากำลังจะเดินทางกลับบ้านแล้ว  ผมไม่ได้ออกรถทันทีเพราะอย่างไรรถก็ติดเครื่องรอไว้อยู่แล้ว  และผมอยากพูดกับป๋าให้เป็นกิจจะลักษณะจบเรื่องไปก่อนด้วย 

"เอาน่า..เราก็มาสานต่อในสิ่งที่เราเริ่มกันไว้แล้วดีกว่า" ป๋าพูดปัดประเด็นเหมือนไม่อยากให้ผมถามถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าป๋าได้จัดการตกลงกับไอ้กริดไปเป็นอย่างไรบ้าง 

"แล้วที่ดินที่ป๋าจะขอซื้อกับพ่อไอ้กริดล่ะ" ผมถามอย่างเป็นห่วง

"เรื่องมันเยอะอยู่แล้วล่ะ เยอะอีกหน่อยคงไม่เป็นไร..แกไม่ต้องคิดมาก" ป๋าพูด  ผมได้แต่เงียบ 

"เอาไว้เราค่อยมาคุยงานกันต่อนะ ป๋าอยากให้แกเป็นคนเลือกแบบโซนวีไอพี..ให้วัยรุ่นเลือก คงจะดีกว่า" ป๋าบอก  ผมว่าตอนนี้ป๋าคงพูดไปยิ้มไปด้วยแน่ ๆ แค่ฟังน้ำเสียงก็รู้แล้ว

"เลยวัยรุ่นมาได้พักนึงแล้วครับ" ผมพูดติดตลก  ป๋าจงหัวเราะ

"ยังไงก็..ขอบคุณครับป๋า ไว้ผมจะเข้าไปหา" ผมบอก

"อืม..เท่านี้ล่ะกันนะ" ป๋าพูด

"ครับ" ผมตอบรับก่อนที่จะรอให้ป๋าเป็นฝ่ายตัดสายไปก่อน 

"ฟู่" ผมถอนหายใจแรง  จะว่าสบายใจที่ป๋าจงจะสานงานต่อกับผมก็คงไม่เชิง  กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมชักเริ่มระแวง  ถ้าต้องให้มองอีกมุมหนึ่งแล้ว  ถ้าไอ้กริดจะคิดแค้นก็คงจะเป็นไปได้มากทีเดียว  และปัญหาล้านแปดระหว่างผมกับมันคงมีมาให้ผมปวดหัวเรื่อย ๆ อีกแน่ 

ผมวางโทรศัพท์มือถือลงตรงที่วาง  ชะโงกหน้าไปที่ถนนก็เห็นว่าสมุทรเดินไปไกลแล้ว  ผมยังไม่ขับรถตามไปในทันทีเพราะต้องการจะรอดูว่าเขาจะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปที่หน้าปากซอยรึเปล่า  ระยะทางจากตรงนี้ไปถึงหน้าปากซอยค่อนข้างไกลพอสมควรซึ่งผมไม่คิดว่าสมุทรจะไม่เรียกมอเตอร์ไซค์ 

"หึ..แค่หน้าปากซอย จะประหยัดซะกี่บาทเชียว" ผมบ่นอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าสุดท้ายแล้วสมุทรก็เดินผ่านวินมอเตอร์ไซค์ไปเสียเฉย ๆ ผมหยุดชั่งใจคิดว่าควรจะขับไปรับอีกฝ่ายดีไหม  หรือว่าควรจะขับไปรอที่บ้านเขาเลยดี  เมื่อเคลื่อนตัวรถออกไปได้สักระยะและยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าควรจะเอาข้อที่หนึ่ง  หรือข้อที่สอง  ปลายเท้าของผมมันกลับเหยียบเบรกไปซะก่อนแล้ว  รถของผมหยุดตรงหน้าสมุทรพอดิบพอดี  ผมมองเขาผ่านกระจกมองหลัง  อีกฝ่ายชะงักด้วยสีหน้างุนงงและทำท่าจะเดินอ้อมเพื่อแซงรถของผมไป  ผมรีบลงจากรถก่อน  สมุทรที่เห็นว่าผมคือเจ้าของรถถึงกับชะงัก  ครู่เดียวสายตาเขาก็เปลี่ยนเป็นจ้องมองผมนิ่ง ๆ ตามเคย

"คุณนี่หน้าทนดีนะ" สมุทรพูดเสียงเรียบ

"ภาษาทั่วไปแปลว่าหน้าด้านรึเปล่า" ผมทำหน้าซื่อ ๆ กวนตอบอย่างไม่รู้สึกอะไร  สมุทรจ้องกลับเอาเรื่อง

"หึหึ..ใช้คำตรง ๆ ก็ได้ ปกติฉันก็ไม่ซีเรียสอะไรหรอก" ผมยักคิ้วพร้อมอมยิ้มมุมปากเล็ก ๆ อย่างกวนให้ไม่หยุด  ปกติในสายตาของคนอื่น  ผมเป็นคนที่ดูกวนส้นตีนรึเปล่านะ  ผมไม่เคยสงสัยในตัวเองจนมาเจอกับเขาคนนี้  ดันมาสังเกตรับรู้ได้ถึงต่อมอยากกวนอารมณ์ฝ่ายตรงข้ามนี้ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเขาน่ะนะ

"พ่อฉันเคยบอกแล้วน่ะ พูดเหมือนนายเป๊ะ" เมื่อผมเห็นว่าสมุทรยังคงนิ่ง  ผมจึงพูดต่อ  แม้จะรู้สึกจุกนิด ๆ เพราะเป็นการต่อว่าจากใบหน้านิ่ง ๆ นั่นของเขาแต่ก็ให้อารมณ์แปลก ๆ ดี
 
"ขึ้นรถสิ เดี๋ยวไปส่ง" ผมบอก  ครั้งนี้น้ำเสียงและสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย

".........." สมุทรยังคงนิ่งเงียบ  เขาเหลือบมองไปที่รถของผมก่อนเหสายตามองไปทางอื่น
 
"คุณตามผมมาเหรอ" สมุทรถาม  น้ำเสียงและสีหน้าเปลี่ยนจากเมื่อครู่กลับมาเป็นปกติ  สงบศึกตามผมเช่นกัน

"ใช่" ผมตอบห้วน ๆ

"จะยังไงคำตอบก็เหมือนเดิม" เขาว่า

"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ..ขึ้นรถ" ผมสั่งอีกครั้ง  สมุทรหันกลับมามองหน้าผมแต่ก็ไม่มีท่าทางว่าจะยอมขึ้นง่าย ๆ อยู่ดี

"ฉันไม่เอานายไปฆ่าหรอกน่า" ผมพูดพร้อมถอนหายใจ

"ผมมีธุระน่ะ"

"ก็เดี๋ยวไปส่งนี่ไง" ผมย้ำเสียงหนักขึ้น  สมุทรถอนหายใจเบา ๆ

"..หรือต้องให้เปิดประตูให้ด้วย" ผมแสยะยิ้มน้อย ๆ อีกฝ่ายจ้องผมเขม็ง  เขาเมินหน้าหนีคล้ายกับตัดใจที่จะต่อปากต่อคำกับผมแล้ว  สมุทรเดินไปอีกฝั่งหนึ่งของรถแล้วเข้าไปนั่งหน้าตาเฉย  ผมหัวเราะรีบขึ้นรถทันที 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 31-10-2015 21:49:53
"ไปไหนล่ะ" ผมถามก่อน

"ไปรับน้อง" สมุทรตอบ  อดนึกในใจไม่ได้ว่า.."นี่น่ะนะธุระที่ว่าของนาย" แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะคิดว่าเมื่อกี้เขาคงตั้งใจหาทางจะปฏิเสธผมนั่นแหละ

"น้องคนไหน"

"น้องชาย เมฆ" เขาตอบสั้น ๆ เท่านั้นแล้วเงียบไป  ผมขับรถออกโดยไม่ได้ถามต่อว่าโรงเรียนอะไรหรือไปทางไหนแต่ก็ขับไปก่อน  เพราะอันที่จริงผมรู้ดีอยู่แล้วว่าน้องชายของเขาเรียนที่โรงเรียนไหน

"นี่คุณอย่าบอกนะครับว่าคุณรู้ว่าน้องชายผมเรียนที่ไหน" สมุทรพูดขึ้นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้  สีหน้าของเขาดูระแวง  อีกฝ่ายทำท่าไม่ไว้ใจและดูเหมือนจะเริ่มจับผิดผมแล้ว

"ฉันก็ขับไปเรื่อย ก็นายไม่พูด.." ผมทำน้ำเสียงกวนและปัดไปให้เป็นความผิดของเขา

"ตกลงไปทางไหนล่ะ" ผมถามหน้าซื่อ

"ไปทางบ้านผมนั่นแหละครับ เดี๋ยวผมบอก" สมุทรตอบ  ผมพยักหน้า  เลื่อนมือเปิดวิทยุฟัง  ปกติผมไม่ค่อยฟังเพลงและไม่ค่อยสนใจฟังอะไรเป็นพิเศษนัก  ส่วนใหญ่จะฟังข่าวกีฬาบ้าง  ระหว่างทางที่รถติดผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร  ส่วนสมุทรก็เอาแต่เงียบเช่นกัน  แอบเหลือบมองเขาบ้างเป็นครั้งคราว


ตืด  ๆ ๆ  ...ผมหยิบโทรศัพท์มาดู  สายโทรเข้าจากไอ้เข้ม 
"ว่าไง" ผมทัก

"นายครับ" ไอ้เข้มทักกลับ  น้ำเสียงแบบนี้เป็นเรื่องไม่ดีแน่เพราะเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่ไอ้เข้มกำลังทำหน้าที่คอยตามน้องสาวของสมุทรอยู่

"เหมือนจะมีคนตามคุณดาวนะครับ" ไอ้เข้มรายงาน

"รู้ไหมว่าใคร" ผมถามเสียงเรียบเพื่อไม่ให้ฝ่ายที่นั่งอยู่ในรถนั้นผิดสังเกต

"ไม่แน่ใจครับ แต่ไม่น่าจะใช่นักสืบหรือนักฆ่า" ไอ้เข้มวิเคราะห์

"เหมือนมันมาแอบดูอะไรสักอย่าง"

"เหรอ..งั้นมึงก็คอยดูไว้แล้วกัน" ผมสั่งโดยละคำว่า.."เกิดอะไรขึ้นก็จัดการตามสมควร"  "เพราะไม่อยากทำให้ภาพลักษณ์เสียไปอีก

"ได้ครับ" ไอ้เข้มรับปาก  ผมตัดสายแล้วตั้งใจขับรถต่อไปเรื่อย ๆ คาดคะเนว่าวันนี้ดาวคงไม่ได้ไปรับเมฆด้วยตัวเอง  ดังนั้น..สมุทรเลยต้องไปรับแทน 

".........." ระหว่างที่ผมขับรถเงียบ ๆ อยู่นั้นผมก็สังเกตเห็นว่าสมุทรหันหน้ามามองผมบ้าง  ผมไม่ได้หันกลับไปมองตอบ  คล้ายกับต่างฝ่ายต่างก็มีฟอร์มของตัวเอง  ดูเหมือนเขาเริ่มจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว  เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกไม่ต่างกันนัก

ผมอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อได้สติรู้ตัวอย่างนั้น  เท้าแขนอีกข้างกับประตูรถอย่างสบายใจและขับไปทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไร  ผมเอื้อมมือกดปิดวิทยุอย่างตัดรำคาญ  สมุทรมองตามมือของผมจนสังเกตเห็นได้  รถที่แทบไม่ขยับไปไหน  จอดนิ่งค้างเติ่งคันต่อคันทำให้คนในรถรับรู้ได้ถึงความเรียบนิ่งและการเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อยแผ่วเบาของคนที่นั่งอยู่ด้วยมากกว่าเดิม  ผมเหลือบสายตาไปมองสมุทรบ้าง  เห็นเขากำโทรศัพท์มือถือไว้ในมืออยู่นานแล้วเหมือนกับรอกลัวว่าใครจะโทรมา  ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่เห็นว่าเขาจะหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาขณะรถติด  ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นและทำท่านั่งเป็นคุณชายหน้าตาเฉยไปแล้ว  แต่เขาเปล่าทำ 

"แล้ว.. ที่บ้านคุณเป็นยังไงบ้าง" อยู่ ๆ สมุทรก็ถามขึ้นโต้ง ๆ ผมหันไปมองเขาเต็มตาแทบจะทันที  สมุทรสบตาผมเพียงนิดเดียวก็หันหน้ากลับ  เหมือนกับนั่นเป็นการเริ่มบทสนทนาเพื่อชวนพูดคุยทั่ว ๆ ไป

"ก็เรื่อย ๆ..เหลือแค่ฉันกับน้องชายน่ะ นอกนั้น..ลูกน้อง" ผมตอบ  สมุทรพยักหน้าเล็กน้อย  หลังจากนั้นเราก็เงียบไปอีกประมาณสิบวิ  คล้ายกับว่าได้จบบทสนทนาลงดื้อ ๆ ซะแล้ว  ผมพยายามมองดูว่าเขาจะมีท่าทีที่จะพูดอะไรต่ออีกไหม  ซึ่งดูเหมือนจะไม่มี 

"มาเป็นนักมวยค่ายฉันไหม" ผมพูดขึ้น  สมุทรหยุดนิ่ง  เขาหันมามองผมด้วยสายตาว่างเปล่า  ถ้าผมวิเคราะห์ไม่ผิด  เขาคงจะตีความผิดเกี่ยวกับการที่ผมต้องการให้เขามาทำงานด้วยกันมากทีเดียว

"ฉันหมายถึง ฉันจะซื้อตัวนายมาเป็นนักมวยค่ายฉัน" ผมขยายความ  เสียงแตรรถดังมาจากคันข้างหลัง  เนื่องจากผมเอาแต่หันไปจ้องสมุทรจนไม่ยอมเคลื่อนรถไปข้างหน้า  สมุทรนั่งเงียบด้วยสายตาลังเลอย่างเห็นได้ชัด  เสียงแตรรถบีบดังไล่อีกครั้งทำให้ผมต้องละสายตาจากเขาแล้วหันกลับมาขับรถต่อ  หลังจากนั้นเราสองคนไม่พูดอะไรกันอีกเลยจนเกือบถึงโรงเรียนของเมฆ  สมุทรเอ่ยปากบอกทาง  ทำพฤติกรรมคล้ายกับว่าไม่เคยเกิดบทสนทนาระหว่างเราก่อนหน้านั้นมาก่อนเลยอย่างนั้น

"ฉันรออยู่นี่แล้วกัน" ผมพูดเมื่อจอดรถสนิทที่หน้าโรงเรียน

"คุณกลับเลยก็ได้ เดี๋ยวผมกับน้องไปเองได้ครับ" สมุทรหันมาบอก  ผมจ้องหน้าเขานิ่ง  อีกฝ่ายก็จ้องตอบไม่ได้ว่าอะไร  เขาหลบสายตาผมเหมือนกับต้องการบอกให้ผมหยุดที่จะพูดเรื่องที่เขาไม่อยากรับฟัง  สายตาและสีหน้าที่เหมือนกับคนที่ไม่ค่อยอยากมีปากมีเสียงอะไรกับใครนัก  ผมเหลือบมองไปที่ประตูโรงเรียน
 
"..ฉันรออยู่นี่แล้วกัน" ผมย้ำพูดคำเดิมเป๊ะไม่ขาดและไม่เกิน  ก่อนจะหันหน้าไปมองทางด้านนอกเหมือนตัดบทสนทนาเพื่อให้เขาตีความเอาเอง  สมุทรไม่ได้ว่าอะไร  เขาลงจากรถเดินเข้าไปในโรงเรียน  ผมมองตาม  เพียงห้านาทีสมุทรก็เดินกลับออกมาพร้อมกับเมฆน้องชายของเขา  ทั้งสองเดินจูงมือกันมา  ดูเมฆจะงุนงงไม่น้อยเมื่อเห็นว่าสมุทรพาเขามาหยุดอยู่ที่รถของผม  สมุทรเดินมาเปิดประตูรถ  ผมหันไปมอง  เมฆสบตากับผมพอดี  เมฆชะงักแล้วเข้าไปกอดแขนพี่ชายตัวเองในทันทีที่เห็นว่าคนขับคือบุคคลแปลกหน้า  ผมแสยะปากยิ้ม ๆ ไม่ได้ว่าอะไร  อีกฝ่ายดูท่าจะไม่ยอมขึ้นรถง่าย ๆ ซะแล้ว 

"สวัสดีพี่เค้าสิ" สมุทรพูดบอก  ผมนั่งมองนิ่ง  เมฆเหลือบสายตามองผมด้วยสายตาเหมือนคนที่ไม่ไว้ใจใครหน้าไหน  แต่สุดท้ายเขาก็ยกมือไหว้ผมอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ 

"น้องชายผม ชื่อเมฆ" สมุทรก้มตัวลงมาบอก

"รู้แล้วล่ะ" ผมบอก  ขยายความซะซื่อตรงเชียว  สมุทรนิ่งไป  เขาคงนึกไม่ถึงว่าที่จริงผมรู้แทบทุกเรื่องของเขานั่นละนะ  สมุทรขึ้นมานั่งในรถก่อน  แล้วเอื้อมแขนไปกอดน้องชายตัวเองให้เข้ามานั่งด้านหน้าด้วยกัน  โดยให้นั่งอยู่ระหว่างตักของเขาก่อนจะปิดประตูรถ  เมฆที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแอบเหลือบมองผมเล็กน้อย  ผมเหล่สายตามองกลับทำเอาอีกฝ่ายก้มหน้างุดกว่าเดิม  นี่กำลังสงสัยว่ากูทำอะไรผิดไปรึเปล่า   

"ต้องไปที่ไหนก่อนไหม" ผมถามก่อนที่จะออกรถ

"ไม่ครับ" สมุทรหันมาตอบ  ผมพยักหน้ารับแล้วขับรถออก  สมุทรนั่งกอดน้องชายตัวเองที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่นั้นไว้หลวม ๆ ผมไม่ได้ทักอะไรเพราะดูเหมือนว่าไอ้เด็กนี่คงจะเข้ากับคนแปลกหน้ายาก  เห็นเมฆแล้วเหมือนเห็นพายุตอนเป็นเด็กยังไงชอบกล  อีกอย่างหน้าผมก็คงไม่ได้เป็นมิตรอะไรเท่าไหร่ด้วย  ผมไม่ค่อยรู้จักการเข้าหาเด็ก  สมัยที่เลี้ยงพายุก็เช่นกัน  พายุมักเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาผมและคงติดที่ผมมักจะตามใจมันเสมอ  มากไปกว่านั้นบางครั้งผมก็ไม่รู้ว่าการพูดกับเด็กจะต้องพูดทักด้วยภาษาอย่างไร  ควรหยอกล้อกันแบบไหนที่จะทำให้เด็กรู้สึกสนิทใจและสนุกไปกับเรา  ซึ่งผมไม่คิดจะพยายามเป็นด้วยนะครับเพราะผมคิดว่า..การประดิษฐ์สิ่งใดก็ตามมันมักจะไม่ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

"วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง" สมุทรก้มหน้าไปหาน้องตัวเองแล้วกระซิบถามเสียงเบาคล้ายกับเกรงใจที่จะพูดคุยต่อหน้าผม 

"การบ้านเมื่อวานคุณครูว่ายังไง" สมุทรยิงคำถามต่อไปทั้งที่ผมเองก็ยังไม่เห็นว่าเมฆจะตอบคำตอบก่อนหน้า

"..ครูชมรึเปล่า" เขายิ้มถาม

"อื้อ!" เมฆพยักหน้าตอบแล้วเงยหน้าอมยิ้มมองพี่ชาย

"หึ ดีแล้ว" สมุทรลูบหัวน้องชายตัวเองยิ้ม ๆ

"ดูข้างนอกสิ" สมุทรบอกแล้วชี้มือออกไปทางกระจกรถ  เมฆเงยหน้าขึ้นช้า ๆ แล้วมองออกไปนอกรถ  อยู่ ๆ เมฆก็ขยับตัวเองไปเกาะกับกระจกรถในทันทีอย่างกับสนอกสนใจอะไรสักอย่าง  สมุทรหันมามองผม  ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้มน้อย ๆ ทางระหว่างโรงเรียนถึงบ้านสมุทรไม่ไกลเท่าไหร่นัก  เมื่อมาถึงหน้าปากซอยบ้านสมุทรผมก็จอดรถไว้เพราะขับเข้าไปไม่ได้เนื่องจากมีรถขายอาหารมาจอดปิดทางไว้อยู่  คนแถว ๆ นั้นหันมามอง 

"ขอบคุณครับ" สมุทรพูดขึ้น
 
"เอาเป็นว่า ..ฉันจะให้เงินก้อนนาย" ผมพยักหน้าก่อนพูดขึ้นคนละประเด็น  สมุทรเงียบไปชั่วครู่  ตาของเขาไม่ได้มองมาทางผม

"ทำไมคุณถึงพูดเรื่องนี้ตลอด" สมุทรย้อนด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่มอย่างเคย  น้ำเสียงที่ไม่ตะคอก  ไม่ได้ฟังดูโกรธหรือไม่พอใจอะไร

"หึ..เพราะฉันมาเพื่อสิ่งนี้" ผมย้อนตอบแกมหัวเราะ  เราหันมาจ้องหน้ากัน 

"นายคิดว่าฉันเล่นอะไรอยู่งั้นเหรอ" ผมพูดขึ้น  น้ำเสียงยังคงราบเรียบคงเดิม

"..มาหานายเพื่อมิตรภาพสานฝัน ดูเหมือนฉันจีบสาวอยู่งั้นรึไง" ผมว่าพลางถอนหายใจเบา ๆ เมฆนั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา  ผมนึกขำในใจที่ตัวเองย้อนอะไรไปแบบนี้  จีบสาวงั้นเหรอครับ  ตามความจริงแล้วผมไม่เคยตื๊อตามจีบใครแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ  ซึ่งนอกจากจะไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะทำแล้ว  กลับรู้สึกชอบใจอย่างไรบอกไม่ถูกด้วยซ้ำ

"ฉันจะให้เงินก้อนนาย มากพอที่จะปรับปรุงค่ายมวยใกล้ตายของเพื่อนพ่อนาย น้องนายจะได้คุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้..แล้วก็ นาย..จะได้เรียนต่อ" ผมพูดไม่ได้มองหน้าเขา  สมุทรนั่งเงียบ  ผมคิดว่าเขาก็คงลังเลอยู่เช่นกัน 

"ก็แค่นายมาทำงานกับฉัน มันจะยุ่งยากอะไรนักหนา" ผมว่าด้วยรู้สึกหงุดหงิดในใจไม่น้อย  ไม่รู้ทำไมกลับรู้สึกหงุดหงิดลึก ๆ ในใจที่ถ้าอีกฝ่ายจะปฏิเสธไม่ยอมมาทำงานด้วยกัน 

"สุดท้ายบุญคุณก็จะไม่จบไม่สิ้น" สมุทรที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นคนละเรื่อง  ผมหันไปจ้องหน้าเขา

"ให้มันจบที่พ่อผมก็ดีแล้ว" เขาว่า

"ขอโทษด้วย ถ้าต้องบอกว่าที่จริงมันยังไม่จบ" ผมตอบกลับชัดถ้อยชัดคำ 

"รู้ไว้ซะ..ว่าถึงลุงยอดยังมีชีวิตอยู่ สุดท้ายนายก็ต้องทำงานให้ครอบครัวฉันอยู่ดี" ผมย้ำถึงความจริงที่ไม่อยากจะพูดถึง  ถ้าเขาไม่กวนจนผมนึกหมันไส้ผมก็จะไม่ตอกย้ำให้มีอารมณ์กันแบบนี้  ที่จริงการทำงานมันก็วนอยู่เท่านี้มาตลอดยาวนานอยู่แล้ว

"เป็นเบ๊ฉัน..แบบไม่มีข้อแม้ด้วยซ้ำ" ผมแสยะยิ้มเยาะถึงความจริงที่เจ้าตัวก็ควรจะรู้อยู่  สายตาที่สมุทรมองมาที่ผมเหมือนกับคนที่พยายามกักเก็บอารมณ์เอาไว้และดูเหมือนจะเอาได้อยู่หมัดอีกแล้ว  สายตาแบบที่ทำให้ใจผมเต้นเร่า ๆ อย่างพยายามสะกิดให้อะไรต่อมิอะไรที่ผมพยายามเก็บไว้อยู่นั้นปะทุออกมา

"ขอบคุณพี่เค้าสิ" สมุทรหันหน้ากลับไปพูดบอกเมฆ  เหมือนกับตัดบทสนทนาลงห้วน ๆ เมฆหันมาทางผมแต่ไม่ยอมเงยหน้าเลยแต่ก็ยกมือไหว้ผมตามที่พี่ชายตนสั่งอย่างว่าง่าย  สมุทรเปิดประตูรถแล้วทำท่าจะลงไป

"ฉันจะมาอีก" ผมพูดขึ้นลอย ๆ บอกอีกฝ่ายให้รับรู้ไว้ก่อน  สมุทรหยุดอยู่กับที่ก่อนถอนหายใจให้ได้ยิน

"หึ..อดทนได้ขนาดนั้นก็ตามสบาย" สมุทรย้อนยิ้มกวน  ผมแสยะปากยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ทันทีเพราะรู้สึกชอบใจคำพูดและรอยยิ้มแบบนั้น 

"รู้สึกเหมือนถูกเชื้อเชิญยังไงบอกไม่ถูก" ผมส่งสายตากะล่อนไปอย่างอดไม่ได้  ทำเอาสมุทรถึงกับนิ่งไป  ดูเหมือนว่าเขากำลังใช้ความคิดตีความหมายของสายตาของผมอยู่ละมัง

"คุณน่ะ.." สมุทรเอ่ย  น้ำเสียงและสายตาดูเป็นจริงเป็นจัง

"วันหลัง ถ้าอยากมาขอร้องอะไรใครละก็" เขาพูด  ผมมองหน้าเขาไม่วางตาเพราะสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังจะบอกอะไร

"คุณควรเลือกใช้คำพูด ให้มันเพราะหูกว่านี้" สมุทรบอก

"เพราะยังไง..." ผมเบะปาก  เลิกคิ้วเชิงถาม  นี่ยังไพเราะไม่พออีกงั้นเหรอครับ 

"ครับ" ผมต่อหางเสียงที่ทิ้งไปเมื่อกี้ด้วยท่าทางกวน ๆ ต่อให้

"ส่วนนี่ แถวบ้านผมเรียกประชด" สมุทรพูดแล้วลงจากรถไปทันที  ผมมองตามยิ้ม ๆ

"ดื้อด้าน" ผมว่าไล่หลัง  ตามองตามหลังสมุทรที่เดินจูงมือน้องชายตัวเองเข้าซอยไปแล้ว  ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

"แม่งเอ๊ย!" ผมกัดฟันสบถอย่างอารมณ์เสีย  ทุบมือเข้าที่พวงมาลัยอย่างระบายอารมณ์  ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดอึดอัดอะไรด้วยซ้ำ


- - - - - - - - - - - - - - -


วันศุกร์ 16:30 น. ค่ายมวยชัยโรจน์  สาขาใหญ่

"เอ้า! เร็ว ๆ ๆ ๆ ๆ!!" พี่ธานตะโกนเสียงดังลั่นค่าย  ทุกวันศุกร์ตอนเย็นลูกน้องคนสนิทของผมจะมีฝึกหนักเป็นประจำ  ซึ่งจะเป็นการฝึกโหดพิเศษกว่าวันอื่น ๆ และแม้จะฝึกหนักจนร่างกายพวกมันแย่แค่ไหน  ในทุกเช้าของวันเสาร์ทุก ๆ คนจะต้องตื่นมาซ้อมตั้งแต่เช้ามืดเหมือนเดิม  ซึ่งการฝึกในช่วงเช้าวันเสาร์ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ศาสตร์และศิลปะป้องกันตัวด้านอื่น ๆ เช่น กังฟู  เทควันโด  โดยมีคู่ซ้อมเป็นพายุหรือผมเป็นต้น  ส่วนใหญ่เช้าวันเสาร์  ผม พี่ธานและพายุจะเน้นเป็นพิเศษเพราะปกตินั้นวันอื่น ๆ ลูกน้องผมจะซ้อมด้วยตัวเองและเน้นไปที่มวยเป็นหลักเสียมาก  วันเสาร์ก็เสมือนวันครอบครัว  อันที่จริงพวกเราชอบการรวมตัวกันในเช้าวันเสาร์ที่โรงฝึกในบ้านมากทีเดียว

"ไอ้เด่น!" พี่ธานตะคอกใส่ไอ้เด่นที่ดูจะซิตอัพพร้อมชกได้ยืดยาดช้ากว่าชาวบ้านเขา  หลังจากที่ผมลงนวมเสร็จ  ผมเดินแอบมาหยุดยืนยิ้มมองพวกมันอยู่ทางด้านหลัง  วันนี้ผมลงนวมซ้อมกับลุงลอย  ซ้อมทุกอย่างเป็นปกติ  ชั่งน้ำหนัก  ตรวจเช็คร่างกายเพื่อดูความพร้อมของร่างกาย  วันนี้ยังคงจัดหนักตามเคย  อีกทั้งอากาศก็ค่อนข้างร้อนเป็นพิเศษทีเดียว 

"เอาให้มันเร็ว ๆ เหมือนตอนที่มึงหางกระดิก ระริกระรี้เห็นสาวหน่อย" พี่ธานกัดฟันบ่นพร้อมกับเดินเข้าไปตบหัวไอ้เด่นเต็มแรง  นักมวยที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินพากันหัวเราะ

"โอ๊ย" ไอ้เด่นร้องแต่ก็ยังไม่หยุดซิตอัพพร้อมชกไปด้วย  มันคงรู้ว่าถ้ามันหยุดมันจะโดนหนักกว่านั่นเป็นแน่  ผมถอดผ้าพันมือออกอย่างใจเย็น 

"คุณไฟครับ" นพเดินเข้ามาหา  "นพ"..นักมวยฝีมือดีในค่ายของผมอีกคน  มันทำชื่อเสียงไว้ให้มากมายทีเดียว  ผมเหลือบมอง  มือก็ไม่หยุดทำงาน

"ลูกค้าผู้หญิงพวกนั้นเค้าอยากซ้อมกับคุณน่ะครับ" นพยิ้มแหยพูดบอกอย่างเกรงใจ  มันรู้ว่าปกติผมจะไม่ค่อยเป็นเทรนเนอร์ให้ลูกค้า  หรือพูดได้ว่าปกติไม่เคยเป็นเลยมากกว่า  ยิ่งมาแบบที่ไม่ค่อยเป็นมวยด้วยแล้วยิ่งไม่อยากซ้อมให้  ผมเป็นคนที่ค่อนข้างขี้หงุดหงิดในบางโอกาส  เมื่อใจไม่อยากอดทนต่ออะไรก็มักจะไม่ทนทำสิ่งนั้น ๆ ต่อ  และแอบมีส่วนชอบความรุนแรงในศิลปะของมวยอยู่นิด ๆ เวลาที่คู่ซ้อมไม่เต็มเหนี่ยวด้วยแล้วมักจะรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองปล่อยไปไม่สุดและเมื่อไหร่ที่ไม่สุด  ผมมักจะหงุดหงิด 

"มึงปฏิเสธไปไม่เป็นรึไง" ผมกระซิบพูดกลับด้วยน้ำเสียงโทนเดียวและขยับปากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ไม่คิดจะหันไปมองผู้หญิงกลุ่มดังกล่าวที่ไอ้นพบอกด้วย  เพราะเกรงว่าลูกค้าจะรู้ได้ว่าผมปฏิเสธโต้ง ๆ แบบนี้ 

"แต่ว่า.." ไอ้นพทำสีหน้าลำบากใจ

"นั่นนางเอกดังเลยนะครับ เค้าบอกว่า..มาเพราะ เอ่อ" ไอ้นพพูดตะกุกตะกักเมื่อผมเริ่มจ้องมันนิ่งอย่างเอาเรื่อง  ผมถอนหายใจเพราะไม่อยากหงุดหงิดใส่มัน  ไอ้นพยิ้มเจื่อนหน้าเสีย

"บอกว่ากูมีฝึกลูกน้องแล้วกัน" ผมพูดแกมสั่ง 

"ครับ" ไอ้นพพยักหน้ารับก่อนเดินไป  ผมเดินตรงไปหาพี่ธาน  พี่ธานมองมาที่ผมก่อนส่ายหัวเซ็ง ๆ ให้ถึงพฤติกรรมลูกน้องที่ไม่เอาไหนในการควบคุมของตัวเอง  ผมหัวเราะ

"สมควรแล้วที่พายุบอกว่าพวกมึงมันห่วยแตก" ผมอดบ่นไม่ได้  พวกมันคงได้ยินชัด  พากันอมยิ้มน้อย ๆ ทั้งที่ยังไม่หยุดซ้อม

"กูให้มึงหยุดไปทำงานที่มึงชอบ" ผมเดินไปหาไอ้เด่น  มันเหลือบมองผมอย่างระแวงแต่ก็ยิ้มเหมือนรู้ว่าตัวเองมีความผิดอะไร

"แต่มึงก็คงเอาเวลาแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แอบไปบริหารบั้นเอวมึงมาสินะ" ผมยืนเท้าเอวมองมันอย่างรู้ไส้รู้พุง  ไอ้เข้ม  ไอ้รุ่งและไอ้หินพากันหัวเราะ  พี่ธานที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกมันยืนเท้าเอวยิ้มกว้าง

"เปล่าครับ!" ไอ้เด่นตะโกนปฏิเสธเสียงดังฟังชัด 

"เปล่าเหรอ" ผมมองต่ำลงไปที่ไอ้เด่น  มันอมยิ้มหลบสายตาผม

"ลุกนั่ง สลับซิตอัพห้าสิบครั้ง" ผมสั่งเสียงเบา

"เร็ว ๆ!" ผมตะโกนย้ำใส่พร้อมนำเท้าเขี่ยขาไอ้เด่นด้วย

"ครับ!" ไอ้เด่นรับสั่ง  มันกระโดนลุกขึ้นยืนแล้วลงนั่งทันที  พอเสร็จจากนั้นมันก็กลับมาซิตอัพ

"ชกด้วย" ผมว่าอีก  ไอ้นี่มันฉลาดแกมโกง  ที่แบบนี้พอสั่งอะไรมันก็ทำตามแบบนั้น  พอไม่สั่งก็เสือกไม่ทำ  สั่งให้ซิตอัพก็ซิตอัพอย่างเดียวเลย 

ไอ้เด่นซิตอัพสลับชกลมพร้อมกับลุกนั่งอยู่อย่างนั้นไปได้ครู่ใหญ่ ๆ มันถูกจัดหนักกว่าใครเพื่อน  ผมกับพี่ธานยืนมอง  ครูมวยคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ว่าไอ้เด่นได้ชุดพิเศษก็พากันแซว  ไอ้เด่นยิ้มเขินใหญ่

"ขาอ่อนเหรอ หือ..ขาอ่อน" พี่ธานกัดฟันยิ้ม ๆ ด้วยความหมันไส้ที่เห็นไอ้เด่นทำท่าจะไม่ไหวแล้ว  พี่เขาเดินไปเตะเข้าที่ขาไอ้เด่นไปด้วยเป็นระยะแต่ไอ้เด่นก็ยังทำหน้าที่ไปไม่หยุด

"เหนื่อยไหม" ผมถาม

"ไม่เหนื่อยครับ!" ไอ้เด่นตะโกนตอบ

"เหนื่อยไหม!" ผมย้ำถามอีกครั้ง

"ไม่..เหนื่อย ครับ" ไอ้เด่นตอบเสียงหอบ
 
"ดี..ไม่เหนื่อยก็ทำไป!! ทำจนกว่ากูจะเหนื่อย" ผมบอก

"หึ" พี่ธานหัวเราะ  ผมเดินไปหาลุงลอยที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของค่าย  ลุงแกมองตรวจตราไปรอบ ๆ ค่ายมวย  ผมเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ลุงลอยหันมามอง 

"ลุงรู้จักค่ายศรไกรไหม" ผมถามตรงประเด็น  ไม่ได้มีเวลานั่งคุยกับลุงเป็นเรื่องเป็นราวสักที

"ศรไกร" ลุงขมวดคิ้วทำหน้านึกไปครู่หนึ่ง

"อ๋อ..ค่ายของศรไกรสมัยก่อน" ลุงพูด  ผมพยักหน้าตอบประมาณว่า..นั่นแหละ

"เคยดังนี่ ตอนนี้เงียบหายไปแล้ว" ลุงว่า

"ลุงเคยรู้จักเหรอ"

"ก็ไม่สนิทหรอกนะ แต่ก็พอเคยเห็นหน้ากันบ้างในสนาม..เจ้าของค่ายแกก็เป็นคนดีนะ รุ่นก่อนน่ะ..รุ่นบุกเบิก รุ่นหลังนี้ลุงก็ไม่ค่อนแน่ใจว่าเป็นยังไง" ลุงขมวดคิ้วพูด

"ทำไมรึ" ลุงถามกลับ

"ไฟว่า..จะซื้อตัวนักมวยคนนึงมาน่ะ" ผมตอบ  เป็นคำตอบที่พูดให้ฟังเท่านั้นเพราะทุกการตัดสินใจในค่ายนี้ขึ้นอยู่ที่ผมคนเดียว  ลุงลอยมองหน้าผมเหมือนอยากได้คำอธิบาย

"แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะยอมมารึเปล่า" ผมพูดแกมหัวเราะ

"เล่นตัวเหรอ..ฝีมือดีรึไง" ลุงถามด้วยสีหน้าสนใจขึ้นมา  ผมหัวเราะเพราะชอบคำพูดของลุงแก

"ก็พอได้อยู่นะ เผิน ๆ ดูเป็นคนขยันดีน่ะ" ผมหันไปอมยิ้มให้ลุง

"หึ" ลุงลอยหัวเราะ  ลุงลอยเป็นคนที่เอ็นดูคนขยันและแกเองก็รู้ว่าผมเป็นคนชอบคนขยันมาก  ผมคิดว่าคนเราต้องขยันทำมาหากิน  ขยันเรียน  ชีวิตต้องใฝ่ดี  การใฝ่ดีอย่างแรกที่ต้องนำพามาก่อนนั่นก็คือ..ความขยัน  หลังจากนั้นสิ่งที่จะตามมาเองคือ..ความมีวินัย  ถ้าขาดความขยันไปผมไม่คิดว่าการวินัยมันจะตามมาได้อย่างสมบูรณ์แบบน่ะนะ 

"เล่นตัวพอดู รักค่ายอย่างกับจ่าฝูง" ผมบ่นลอย ๆ ไปอย่างนั้น  ลุงลอยหัวเราะอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 7 [ 12:55 น. - 24 ต.ค 58 หน้า 7 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 31-10-2015 21:51:02
"ลุงว่าไง" ผมถามความคิดเห็นลุงบ้าง  ถึงแม้ว่าลุงจะค้านอะไรผมไม่ได้ที่ผมจะซื้อตัวใครหรือไล่ใครออกก็ตาม  แต่ผมไม่เคยทำอะไรข้ามหัวลุง  ให้สิทธิ์ลุงลอยในการแสดงความคิดความเห็นเสมอ  ลุงแกเป็นคนที่ตาถึง  มีสายตาที่เฉียบแหลม  ถ้าแกบอกว่านักมวยคนใดคนหนึ่งในค่ายของเราที่กำลังจะขึ้นชกว่า.."ไอ้นี่ไม่น่ารอด"  สุดท้ายก็คือพ่ายแพ้กลับมาตามปากแกจริง ๆ
 
"แล้วแต่คุณเถอะ มีคนขยันมาก็ดี..ไอ้พวกที่คิดว่าตัวเองขยันจะได้รู้ว่าคนขยันจริง ๆ เค้าเป็นยังไง" ลุงตอบแกมหัวเราะ  ผมส่ายหัวขำ ๆ

"ไอ้นพ ไอ้เป้า ไอ้รุ่ง แล้วก็เก๋..จะขึ้นชกอีกสามอาทิตย์ คุณจะไปดูไหมล่ะ" ลุงลอยถาม  ผมรู้อยู่แล้วว่าอีกไม่กี่อาทิตย์นี้จะมีแข่งนัดสำคัญ 

"น่าจะไปได้นะครับ แต่..อาจจะไม่ไป" ผมตอบ  ที่จริงผมยังไม่อยากไปแต่ผมคิดว่าถ้าผมไม่ไปดูไอ้รุ่ง  มันน่าจะคว้าชัยชนะกลับมาเพื่อเข้าสู่รอบต่อไปได้ง่ายกว่า  ผมคิดว่าไอ้รุ่งรู้ดีว่าผมมักจะไม่ไปดูมันชกนอกจากมันจะได้เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเท่านั้น

"หึ เอาเหมือนเดิม" ลุงลอยยิ้มอย่างรู้ทัน

"ก็ไอ้นี่มันขี้น้อยใจ" ผมเดานิสัยส่วนตัวของลูกน้องออกหมดและไอ้รุ่งก็เป็นอย่างนี้จริง ๆ

"ให้มันฝึกอารมณ์ตัวเองบ้าง" ผมว่า 

"เดี๋ยวผมจะให้มันหยุดงานกับผม..มันจะได้โฟกัสได้เต็มที่หน่อย ฝากลุงด้วยแล้วกันนะครับ" ผมอนุญาต  ลุงลอยพยักหน้ารับทราบ  พี่ธานฝึกพวกลูกทีมของพี่แกต่อไป  ส่วนผมขอตัวกลับบ้านมาก่อนเพราะอยากอาบน้ำและพักผ่อน  วันนี้ผมไม่ได้ไปหาสมุทรเลย  เว้นไว้สักวันก็คงจะดีเหมือนกัน  เพื่อให้เวลาอีกฝ่ายได้คิดตริตรองเรื่องต่าง ๆ ได้มากขึ้น

"โฮ่ง! โฮ่ง ๆ ๆ!!" เมื่อผมเดินเข้ามาในเขตบ้าน  เสียงเห่าคำรามก็ดังลั่น  สงสัยวันนี้พายุคงปล่อยให้กังฟูได้วิ่งเล่นในบริเวณบ้านอย่างตามใจชอบในขณะที่ลูกน้องของผมทั้งหมดไปรวมตัวกันอยู่ที่ค่ายมวย  ซึ่งก็แน่นอนว่าคนสวนและแม่บ้านก็คงอยู่แต่ในบริเวณของตนโดยปิดบ้านมิดชิดแน่ ๆ 

"ไง..หึหึ" ผมยิ้มทักกังฟูที่วิ่งกระโจนเข้าหาผม  มันตัวใหญ่มากจนผมแทบจะยืนรับน้ำหนักมันไว้ไม่อยู่  ตัวกังฟูใหญ่จนแทบจะถึงอกของพายุอยู่แล้ว 

"โอเค รู้แล้ว" ผมพยายามลูบหัวมันที่กระโดดไปมาไม่หยุดนิ่ง  พายุเดินตามออกมาจากทางโรงฝึก  ในมือถือลูกบอลของเล่นของกังฟูมาด้วย 

"ฝึกเสร็จแล้วเหรอ" พายุถาม  ผมพยักหน้าตอบ 

"อ่าว วันนี้ไม่มีสอนเหรอ" ผมสงสัย

"เดี๋ยวไปแล้ว ยุจะกลับดึกหน่อยนะ" พายุพลิกข้อมือดูนาฬิกา  ผมพยักหน้า 

"ให้ลุงทองไปไหม" ผมถามเพราะไม่อยากให้มันไปคนเดียว

"ไม่ต้อง วันนี้เอากังฟูไปด้วย" พายุตอบปัดส่ง ๆ

"หมามึงคงยิงปืนเป็นสินะ" ผมว่าประชดอย่างเหนื่อยหน่ายใจแล้วเดินหนีออกมา

"เฮียเวลาที่มือเปล่านี่ก็ดีนะ" พายุยอกย้อนด้วยน้ำเสียงท้าทาย  ด้วยคำพูดนี้ทำให้ผมหยุดเดินแล้วเหล่ตาไปมองน้องชายปากดีในทันที  กังฟูยืนมองมาที่ผมเหมือนยังอยากเล่นด้วย  ผมดุนลิ้นเข้าที่กระพุ้งแก้มอย่างเคยชิน  พายุทำหน้าเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากผมนัก  ผมรู้ดีว่าที่น้องชายผมพูดกำลังหมายถึงอะไร 

"กูไม่กลัวมันเหมือนกับที่มันกลัวมึงหรอกนะ" ผมแสยะปาก  พายุกัดฟันคงหมันไส้ท่าทีของผมที่เป็นตามที่ปากบอก  ผมไม่เคยกลัวหมาหรือสัตว์ใหญ่อื่น ๆ ผมเคยถูกหมาใหญ่กัดมาก่อน  กัดก็กัด  ยืนนิ่งให้มันกัดให้สมใจ  เหมือนกับแข่งกันไปเลยว่ามันจะยืนกัดผมได้นานสักแค่ไหนเชียว   

ผมเหเป้าหมาย  เหลือบสายตาไปจ้องไอ้กังฟู  กังฟูมองตามสายตาของผม  คอมันเริ่มเอียงเล็กน้อยเหมือนไม่แน่ใจว่าผมมองมันด้วยความรู้สึกแบบไหน  ชวนเล่น  เจ้านาย  เพื่อนหรือศัตรู  เท้าของมันจิกลงพื้นมากขึ้นด้วยท่าเริ่มตั้งกาด  พายุผิวปากสั่งอย่างเคยชินทำให้กังฟูเริ่มสับสนความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพายุมากขึ้น 

มันเริ่มแยกเขี้ยวด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรต่อผมตามที่พ่อของมันส่งเสียงสั่ง  นักล่าจำเป็นเริ่มก่อตัวขึ้นในตัวของกังฟู  ผมยืนจ้องมองมันแบบคู่ต่อสู้ไม่กะพริบตา  ถึงแม้ว่าผมจะรู้ดีว่าถ้ามันจะขย้ำผมจริง ๆ ผมก็คงจะสู้มันไม่ไหวแน่  ความกลัวที่ไม่มีแม้สักนิดในใจผมเป็นการ์ดอย่างดีทำให้กังฟูเริ่มเผยอปากขู่ฟ่อ  มันจ้องผมไม่กะพริบตาเช่นกัน  กังฟูคำรามในลำคอตามสัญชาตญาณของสัตว์นักล่า  ถ้าเป็นคนอื่นมันคงแดกไปเรียบร้อยแล้ว  ไม่มายืนตั้งการ์ดลังเลอยู่อย่างนี้  แต่เพราะเป็นผมกังฟูถึงได้ลังเลใจ  ผมเดินเข้าไปหามันช้า ๆ โดยไม่ละสายตาที่กำลังสื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ในบ้านนี้ที่สุด  ไม่ใช่ตัวมันที่ทำให้คนทั้งบ้านกลัวได้  และที่สำคัญก็ไม่ใช่พายุเจ้านายของมันอีกด้วย  กังฟูเริ่มชักเท้ากลับไปทีละนิดแม้ในคอยังคงคำรามอย่างไม่ยอมแพ้ก็ตาม

"โฮ่ง!" กังฟูเห่าใส่เสียงดัง  ปากอ้าปากกว้างจนเห็นเขี้ยวสวย ๆ ของมันที่กัดกันอยู่ครบทุกซี่

"เอาซี่..เอาเลย" ผมกระซิบท้าทายและเดินเนิบเข้าหาไม่หยุด  กังฟูชักเท้าถอยกลับไปด้านหลังอย่างลังเล  เสียงคำรามในคอเริ่มเบาลงลงทีละนิด 

"หึ ..หึหึหึ" ผมหัวเราะ  เงยหน้ามองน้องชายตัวดีพร้อมแสยะยิ้มกัดลิ้นกวนตีนมัน  พายุมองผมอย่างอึ้ง ๆ หูมันแดงไปหมด  ดูท่าจะเคืองผมไม่เบา 

"แน่ใจนะว่าเจ้านายมันคือมึงน่ะ..พายุ" ผมยักคิ้ว  ยิ้มบอกอย่างเหนือกว่า  สุดท้ายกังฟูก็ยอมหลบสายตาผมในที่สุด  เป็นสัญญาณที่บอกอย่างชัดเจนว่า..มันยอมแพ้แล้ว

"ไอ้..ไอ้ ไอ้เฮีย!" พายุตะคอกหน้าเสียพร้อมกับเข้ามาผลักผมอย่างแรง  ผมยิ้มกว้างตัวเซไปตามแรง

"โห นี่มึงกล้าเรียกกูแบบนี้เหรอ" ผมมองมันตาโตแต่ยังไม่หยุดขำหน้ามันอยู่ดี  พายุหน้างอหงิกเลย

"ไม่แซวละ..กูขอโทษ" ผมเดินเข้าไปหามัน

"ไม่ต้องมายุ่ง" พายุปัดแขนผมออกอย่างหงุดหงิด

"อะ งั้นกูไม่ยุ่ง" ผมไม่หยุดกวน  ทำท่าอ้าแขนออกแกล้งหยอกมันด้วย

"ดีนะที่ไอ้พวกนั้นไม่อยู่ ไม่งั้นใครแถวนี้ได้ขายขี้หน้าแน่ ๆ" ผมยักคิ้วให้  พายุหน้าเสีย  มันอ้าปากทำท่าจะด่าแต่ดูเหมือนมันจะลมออกหูจนนึกคำด่าไม่ออกเสียแล้ว  ผมทำเสียงล้อว่า "ขี้แพ้" ส่ายหัวยึกยักยิ้มร่าเป็นทำนองเพลงแล้วเดินกลับเข้าบ้านด้วยความสบายใจสุด ๆ

"กังฟู!!!" พายุตะโกนเสียงดังลั่นอยู่ที่หน้าบ้านเหมือนกับรับความจริงไม่ได้  ผมหัวเราะอย่างพอใจ  นี่ไม่รู้ว่าป่านนี้กังฟูจะโดนอะไรจากพายุบ้างนะ  หมาเองก็คงจะโดนงอนไม่น้อยเป็นแน่




........ไฟ........

ตอนที่ 8 นี้ความยาวของเนื้อหายังมากเช่นเดียวกับตอนอื่น ๆ ที่ผ่านมา //ตอนต่อไปไม่สามารถรับปากได้ว่าอีกประมาณกี่วัน  เพราะมีหลายอย่างต้องรับผิดชอบ..แอมซอด้วง ~  :z10:

..เพิ่มเติม..
แจ้งข่าว (http://baby.thai-forum.net/t497-topic)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 31-10-2015 22:59:33
ตอนนี้ไฟโหดมาก โหดโพดๆ โหดสลัด   
 
ปล. บางทีเราก็แอบสงสารสมุทรที่โดนคนนิสัยกวนตีนอย่างไฟไปป่วน 
 
นิสัยนะนิสัยยยย 555555
 
 :laugh: :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 31-10-2015 23:15:21
ทั้งๆที่พึ่งอ่านตอนที่8จบไปแท้ๆ t____t นี้อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว(_ _ )"  รอตอนต่อไปนะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 31-10-2015 23:28:00
เมื่อไหร่สมุทรจะยอมมาทำงานกับไฟนะ  จะได้มาดับไฟร้อนๆซะที
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 01-11-2015 00:07:17
รอดูว่าสมุทรจะยอมใจอ่อนให้ไฟตอนไหน  o18 นาน ๆ มาที แต่มาแบบยาวจัดเต็มอย่างนี้ก็โอแล้วล่ะค่ะ รอได้สบาย (เหรอ  :a5:)


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 01-11-2015 00:14:45
โง้ยยยยยย คืนก่อนวันหยุดดดดดดด

อินกับตอนดินมาก โมโหแทนพี่ไฟก็ด้วย สงสารดินด้วย แต่แม่ง ทำตัวเองอ่า
น้ำตาคลอไปอ่านไปเลยเนี่ย ไม่รู้อารมณ์ไหน พีคสุดๆ ขอให้น้องดินมันเข็ด อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ
ชอบตอนแอบกัดลูกน้อง ดูโกรธเคืองปนน้อยใจเบาๆ คำสั่งไม่เป็นคำสั่ง


กับสมุทรนี่ค่อยๆใกล้เข้าไปละ อย่างน้อยวันนี้ก็ยิ้มเล็กๆให้กันบ้าง 5555
ไม่ชอบคำพูดพี่ไฟเหมือนกัน ที่บอกเป็นเบ๊ ปากไม่ดีเลยพี่ไฟ มาจีบเขาต้องพูดดีๆสิ บ้าป่าว
สมุทรจะไม่ไปด้วยก็ไม่แปลกใจละ พี่ไฟดิบขนาดนี้ โง้ยยยยย

ลูกน้องแต่ละคน แบบ ตัวฮาทั้งนั้น ชอบๆๆๆ
กังฟูก็ลูกน้อง พี่ไฟแบบ ฟีลลิ่งจ่าฝูงมาก ชนะได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งหมา
ยกเว้นชนะใจสมุทร อ่านะ ยังต้องสู้อีกยาวแน่ๆ กร๊ากกก



ยาวมากจริงๆ อ่านเพลินลืมนอน 55555
 :กอด1: เลิฟๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 01-11-2015 00:31:38
ตอน 7

สมุทรลองเอาหม้อบัวลอยครอบหัวพี่ไฟหน่อยไหม ลองดูนะ ลองดู

ตอน 8

กังฟูวววว หงอเลยยย
พี่ไฟดุเนอะ น่าหาคนมาปราบได้แล้วเนอะ
5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 01-11-2015 06:08:19
ไฟสุดยอด  อึ้งทั้งคนทั้งหมา  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 01-11-2015 07:01:51
พี่ไฟสุดยอดจริงๆขนาดหมายังกลัว 55555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 01-11-2015 08:01:35
ไฟโหดดดด
สงสารดิน โดนดุซะร้องเลย
โหดไปมั้ยคะคุณไฟฟฟ
โหดกะน้องไม่พอไปโหดกะหมาอีก
สมุทรมาปรามความโหดของไฟที
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 01-11-2015 10:32:22
กลัวว่ากว่าจะตัดสินใจมาทำงานกับไฟสมุทรต้องเจออะไรที่ทำให้รู้ว่าบางที่สิ่งที่ตัวเองมีไม่สามารถปกป้องคนที่เรารักได้
ซึ่งไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย แต่นะคนเราถ้าไม่มีไฟเข้ามาไม่ว่าจะเกิดไรขึ้นก็ต้องรับมือด้วยตัวเองอยู่ดี :เฮ้อ:

 :pig4:  ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-11-2015 13:59:12
ชอบเวลาไฟอยู่กับสมุทรอ่ะนี่ขนาดว่ายังไม่ทำงานหรือรักกันนะ รู้สึกถึงเสน่ห์มันน่าสนใจเป็นคู่ที่น่าค้นหาและติดตามมากๆอยากรับรู้การแสดงออกความรักของทั้งสองคนเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 01-11-2015 17:02:33
ชอบน้องเมฆจังน้าาา ดุน่ารักอ่ะ   :-[

เอาสมุทรออกเยอะๆๆ หน่อย กะพี่ไฟ ด้วย 5555    o18

รอตอนต่อไปค่ะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 01-11-2015 18:21:29
จุ๊บ จุ๊บ เบบี้
ตอนที่ 8 นี้ พี่ไฟดุโค-ตะ -ระ แม้แต่หมายังยอมแพ้ แต่ก็เท่ฝุดๆ เลยว่ะน้องบี้ คนแบบนี้นะเวลาตกหลุมรักคงหวานน่าดู
ชักอยากเปลี่ยนใจเชียร์ให้พี่ไฟเลี้ยงต้อยโชตะกับน้องเมฆ แล้วให้พี่สมุทรมาปราบพายุแทน เอิ๊กๆๆ ((อิป้าหลายใจ))
แต่จริงๆ แล้วยังคงคาดเดาไม่ได้ต่อไป ต้องรอยาวๆ ซักอีกหลายตอน ฮ่า ฮ่า

 :mew1:
ขอบคุณเบบี้จ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-11-2015 18:30:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fangkao ที่ 01-11-2015 19:18:48
กรี๊ดดด มาแล้ว อ่านเรื่อง  Limited Lovers ตั้งแต่เรียน จนตอนนี้เรียนจบแล้ว 5555555555555 ได้อ่านเรื่องใหม่ซักที ถถถถถถถถถ  คิดถึงมากกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 01-11-2015 19:27:27
นอกจากจะมีเรื่องกับคนแล้ว ยังจะกัดกะหมาได้อีก นี่คนแน่รึ XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 01-11-2015 23:46:17
ไฟกวนได้ใจจริงๆ แหมกระทั่งกับหมายังไม่เว้น  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 02-11-2015 05:02:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-11-2015 09:59:15
คุณไฟบ่นตลอดว่าตัวเองงานยุ่ง






แต่คุณไฟก็มีเวลาไปกวนประสาทชาวบ้านแบบสมุทร







กวนประสาทยันหมาแบบกังฟู โถ๋กังฟู เจอคนนิสัยเสียแบบคุณไฟ






กังฟูถึงกับเสียศักดิ์ศรีหมานักล่ากันเลยทีเดียว






พอมาถึงตอนนี้ เริ่มมองออกล่ะว่าคุณไฟนะเป็น "เจ้าโลก" เอ๊ะป้าใช้คำพูดถูกใหม






คือเป็นพระเอกนะ สมุทรน่าจะเป็นนายเอก เพราะสมุทรมีความเป็นคนมากกว่าคุณไฟเยอะ






ส่วนคุณไฟนี่เหมือนเสือ ที่สามารถกินเนื้อพวกเดียวกันได้แบบสบายๆ






แต่ป้าชอบที่คุณไฟ ตามความคิดตัวเองทันตลอด แม้ว่าบางที อารมณ์ร้ายๆจะพุ่งขึ้นมาขีดสุด






แต่ก็สามารถหยุดและสงบได้ภายในพริบตาเช่นกัน






พายุหนูน่ารักทุกตอนเลย กอดดดดดดดดด แต่ป้าขอรักน้องเมฆเพิ่มด้วยอีกคนนะ






อยากให้สมุทรใจอ่อนยอมมาอยู่กับไฟใวๆจัง เผื่อน้องเมฆจะได้เจอพี่พายุและได้เล่นกับเจ้ากังฟู






น้องเมฆน่าจะชอบเล่นกับกังฟูมากกว่าเล่นกับคน เราะน้องเมฆคือเด็กพิเศษ ที่น่ารัก เป็นพิเศษ






หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 02-11-2015 12:49:56
ไฟโหดไม่โหดขนาดหมายังกลัว5555แล้วก็นะเมื่อไหร่จะพูดจาดีๆกับสมุทรซักที

แต่ละคำนี่กวนสุดๆเหมือนจะไปหาเรื่องมากกว่าจะช่วย :angry2:

ส่วนดินก็สมควรแล้วโดนด่าซะบ้างเวลาทำอะไรไม่คิด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-11-2015 13:09:26
อ่านแล้วอ่านอีกคิดถึง
ชอบพี่ไฟ  :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 02-11-2015 19:49:13
คุณไฟโหดจัง  ใครๆก็กลัวแม้กระทั่งน้องหมา555
เห็นแบบนี้แล้วสงสารสมุทรล่วงหน้าเลยถ้าได้มาร่วมทำงานด้วย

คิดถึงเพื่อนคุณไฟ ทั้งคุณโปรด โดยเฉพาะคุณโชอยากให้กลับเมืองไทย
สองคนนี้น่าจะไม่ค่อยกลัวคุณไฟ  แล้วคุณไฟก็ดูรักเพื่อนสองคนนี้มากๆด้วยเนอะ

ชอบตัวละครเรื่องนี้ดูมีเสน่ห์มากๆ ขอบคุณมากๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 02-11-2015 22:38:11
อ่านตอนนี้แล้วเห็นชัดเจนเลยว่าไฟมีนิสัยที่สามารถ dominate คนอื่นๆ ได้เกือบหมด (สงสารดินจัง) แม้แต่หมาก็ไม่เว้น  แต่คนที่แทบจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับการกระทำของไฟเลยคือสมุทร  :hao3:

ขนาดปูพื้นเนื้อเรื่องละเอียดแบบนี้แล้ว ยังเดาอะไรไม่ได้เลย โชเพื่อนไฟก็น่าสนใจนะ ไม่รู้ว่าถ้ากลับมาเมืองไทยแล้วจะมีบทบาทมากขึ้นหรือเปล่า ตอนที่อ่านเกี่ยวกับโชแล้ว นึกถึงพายุขึ้นมาทันทีเลย นิสัยดูจะคนละขั้วกันสุดๆ ลุ้นๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 12-11-2015 00:48:53
รอน้องสมุทรรรรร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 12-11-2015 06:35:21
อยากอ่านแล้ววววว มาเตอะค่าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-11-2015 12:59:55
รอออออออออออออ






อยู่นะ  คุณไฟ สมุทร  น้องเมฆ[/size]
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-11-2015 13:24:54
พี่ไฟ!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 12-11-2015 15:35:36
พี่ไฟ...เค้ารออยู่น๊าาา~~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 13-11-2015 19:07:29

ตอนที่ 9
..ไฟ..




22:10 น. บ้านเลิศประสงค์   

"เอ่อ..เฮีย" ผมละสายตาจากตารางแข่งมวยที่กำลังอ่านรายละเอียดอยู่หันไปมอง  ไอ้ดินเดินเข้ามาด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ มันหน้าสลดมาพร้อมกับถาดเครื่องดื่ม  พี่ธานกับพายุเหลือบมองเล็กน้อยก่อนหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น  ไอ้ดินวางน้ำเปล่าพร้อมกับ Loacker รสวานิลลาของโปรดของผมลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ผมหันกลับมาสนใจงานต่อ  ตั้งแต่เมื่อวานที่ผมปล่อยอารมณ์กับมันไปผมก็ไม่ได้คุยกับไอ้ดินเลย  มันก็คงรู้ว่าผมโกรธอยู่  อีกฝ่ายถึงได้กลับบ้านแต่หัววันแล้วทำตัวเป็นเด็กดีแบบนี้

"เฮีย" ไอ้ดินเรียกผมเสียงอ่อนเสียงหวานอีกครั้ง
 
"อะไร" ผมถามกลับห้วน ๆ

"ดินขอโทษครับ" มันพูด  ผมนั่งนิ่ง  ไอ้ดินเองก็นิ่งไปเหมือนกัน

"ดินขอโทษ..เฮียอย่าโกรธดินเลยนะ คุยกับดินหน่อยสิ" น้ำเสียงของไอ้ดินเริ่มเครือ  ผมหันไปมองหน้ามัน  อีกฝ่ายตาเริ่มแดงด้วย

"กูเกลียดจริง ๆ ไอ้พวกที่ครอบครัวไม่มีปัญหา แต่เสือกทำตัวมีปัญหา" ผมพูดเสียงเรียบเหมือนกับเป็นการบอกใครสักคน  ไม่ใช่การบ่น  ไอ้ดินเริ่มจะสะอึก  ทุกคนพากันเงียบ  แม้พี่ธานและพายุก็ไม่ได้หันมามอง

"มึงทำผิดกี่ครั้ง น้ำตามึงน่ะ..ถ้าเอามารวมกันได้คงใช้แทนน้ำได้เป็นปีเลย หลวงคงไม่ต้องลำบากทำฝนเทียม" ผมว่าประชด  ทีนี้เองน้ำตาของไอ้ดินก็ไหลออกมาจริง ๆ มันปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ และก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น  ผมนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  ไอ้นี่ก็นั่งสะอึกสะอื้นไม่หยุด 

"..มึงอยากได้อะไรกูก็ให้มึงทุกอย่าง" ผมพูดขึ้นพลางถอนหายใจเพราะชักจะเหลืออด  ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมเหนื่อยใจกับการกระทำของมัน  บางครั้งผมถึงกับต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมเป็นพี่ที่ไม่ดีพอหรืออย่างไร  ทำไมน้องผมถึงได้ชอบนอกลู่นอกทางนัก  ถ้าไอ้ดินเป็นคนที่มีจิตใจไม่หวนเหแบบพายุแล้วละก็  ผมคงจะปล่อยมันได้มากกว่านี้  คงไม่ต้องสร้างกฎเกณฑ์อะไร  แต่เพราะผมรู้ดีว่านิสัยของไอ้ดินเป็นยังไง  เพราะรู้ดี.. ผมถึงได้รู้เหมือนกันว่าถึงผมจะพยายามทำอะไรเพื่อมันไปมากกว่านี้  ผลลัพธ์ก็คงเท่าเดิม

"กูให้อิสระกับมึง อยากเรียนอะไร..อยากเล่นอะไร กูก็ไม่เคยขัด" ผมพูดทั้งที่ไม่มองหน้ามัน  มือวางเอกสารที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะก่อนกุมมือเข้าหากันไว้  ในห้องเงียบอย่างกับป่าช้าเพราะทั้งพี่ธานและพายุปิดเสียงโทรทัศน์ไปแล้ว  ทั้งสองคนนั่งอ่านงานของตัวเองกันเงียบเชียบ

"แต่ดูสิ่งที่มึงทำกับกูซิ..หนึ่ง มึงขี้โกหก" ผมว่า  ไอ้ดินสะอึกสะอื้นไม่หยุด

"สอง..มึงติดเพื่อน ไหนกูขอถามหน่อยซิ..ไม่อคติต่อกัน ว่าถ้าพวกมึงชวนกันเรียน กูจะหาเรื่องมาด่ามึงได้ไหม" ผมหันไปขมวดคิ้วใส่อย่างอดหงุดหงิดไม่ได้

"สาม..กูจะไม่มีปัญหากับมึงเลยถ้ามึงรู้ว่าเรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น" ผมพูดพร้อมถอนหายใจ 

"มึงจะเกเรยังไงก็ได้ไอ้ดิน แต่การที่มึงทำแบบนี้..มึงลองคิดซิว่า มึงเคยนึกถึงพวกกูที่หาเงินงก ๆ เอาชีวิตไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหาเงินมาให้มึงใช้บ้างไหม" ผมหันไปจ้องหน้ามันอย่างต้องการคำตอบ

"มึงคิดว่าที่นั่งกันอยู่อย่างสุขสบายอยู่ในตอนนี้นี่เงินมันหาง่ายเหรอ" ผมถาม  เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผมได้จากพ่อ  ผมจดจำรายละเอียดมาตลอดว่าท่านต้องทำงานหนักแค่ไหน  อยู่จนดึกดื่นและเหนื่อยมากแค่ไหน  ท่านเสียสละตัวเองที่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นทั้งที่ไม่เคยบ่นอะไรเลยสักคำเดียว  ดูแลลูกน้องทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้  ดูแลทุกคนในค่ายมวย  ญาติพี่น้องพ่อก็ไม่เคยทอดทิ้ง  และทุกครั้งที่ผมขอเงิน  ผมมักจะได้มาอย่างง่าย ๆ เสมอ  การได้เงินมาง่าย ๆ จากพ่อไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นลูกที่พ่อรัก  แต่เพราะพ่อรู้ว่าผมให้เกียรติการใช้เงินที่พ่อให้นี้อย่างไร  มันเป็นการให้ที่ง่ายดายจนผมรู้สึกว่าทำไมพ่อถึงได้ให้กับผมได้มากขนาดนี้  ทุกครั้งที่ใช้เงิน  แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนประหยัดอะไรนักแต่เพราะการที่เห็นพ่อเป็นอย่างนั้น  ผมจึงพยายามมีสติในการใช้ชีวิตมาตลอด

"งั้นมึงมาเป็นกูดีไหมล่ะ แล้วกูไปเป็นมึง" ผมจ้องหน้ามัน  ไอ้ดินรีบส่ายหัวทั้งน้ำตา

"มึงน่ะ ไม่เคยหักห้ามใจตัวเองได้เลยว่าอะไรที่จะทำให้กูเดือดร้อนแล้วมึงไม่ควรทำ..มึงทำตามใจตัวมึงตลอด กูจะตายวันไหนก็ไม่รู้..แทนที่กูกลับมาบ้านกูควรจะได้สบายใจ แล้วดูพฤติกรรมมึงแต่ละวันซิ..ถ้ามึงแคร์ครอบครัวสักนิด มึงคงไม่ทำแบบนี้หรอก..มึงว่าไหม" ผมพูดเสียงเรียบเฉยเพราะผมเองก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน  สิ่งที่บั่นทอนร่างกายมากที่สุดคือความเหนื่อยใจ  การเลี้ยงไอ้ดินทำให้ผมรู้เลยว่าการเป็นพ่อแม่คนนั้นไม่ง่าย  ยิ่งมีลูกที่ไม่เชื่อฟังแล้ว  ยิ่งแทบหาความหมายของคุณค่าในตัวเราสำหรับลูกไม่เจอเลย

"กูเลี้ยงมึงไม่ดีเหรอ หรือกูบังคับมึงมากเกินไป" ผมพูดอย่างรู้สึกท้อใจ

"หรือยังไง..หรือมึงอยากจะไปอยู่กับพ่อมึง" ผมพูดคำพูดที่ไม่เคยพูดมาก่อน  ทำเอาพายุกับพี่ธานถึงกับหันมามอง
 
"ฮึก เฮีย..ดินขอโทษ" ไอ้ดินร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม  ครั้งนี้ทำให้มันเงยหน้าขึ้นมองผมทั้งน้ำตา

"มึงไม่ต้องห่วงหรอก ถึงมึงไปอยู่กับพ่อมึง..กูก็จะส่งเสียมึงเหมือนเดิม" ผมหันหน้ากลับ

"อึก..ไม่ไป" ไอ้ดินร้องบอกพร้อมเอามือมาจับแขนผมไว้ทั้งสองมือ  ผมเงียบ  พายุเหลือบมอง 

"ขอโทษครับ อึ..ก ดินไม่ไปนะ ดินจะไม่ทำแล้ว" ผมถอนหายใจแรงและไม่พูดอะไรอีก  ไอ้ดินจับแขนผมไว้ไม่ปล่อยอยู่ครู่ใหญ่  เหมือนกับกลัวว่าผมจะตัดสินใจให้มันไปจริง ๆ

"ดินไม่ไป" มันย้ำบอกผมเสียงเครือด้วยคำพูดเดิม ๆ พายุอมยิ้ม

"มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำ" ผมพูดขึ้น

"กูไม่เคยหวังให้มึงเรียนเก่งดีเลิศอย่างใครเค้าเลย..แต่กูแค่อยากเห็นความตั้งใจของมึง ..แค่นั้น" ผมหันไปมอง  ไอ้ดินพยักหน้ารับ  หน้ามันแดงก่ำ

"ถ้าภายในสามเดือนนี้มึงยังก่อเรื่องไม่หยุด มึงรู้ใช่ไหมว่ามึงจะโดนอะไร" ผมพูดขู่แต่คงจะไม่ใช่การขู่อีกต่อไปแล้วละมั้งครับ  เพราะที่ผ่านมาผมก็ลงไม้ลงมือกับมันจริง ๆ เสมอ  และผมเบื่อมากที่จะต้องถูกเรียกให้ไปพบครูบาอาจารย์ที่ห้องปกครองของโรงเรียนไอ้ดิน  ไอ้ดินพยักหน้ารับอีกครั้ง  มันปาดน้ำตาตัวเองไปมาจนพายุคงสมเพชเลยโยนกล่องกระดาษทิชชู่ให้ตรงเข้าเป้าไอ้ดินพอดีเป๊ะ  ไอ้ดินกอดกล่องกระดาษทิชชู่ไว้ก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่ขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาทั้งที่สะอื้นไม่หยุด

"ไปนอน" ผมไล่ 

"ค้าบ" มันตอบเสียงเครือก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป  แถมยังกอดกล่องกระดาษทิชชู่ติดตัวไปด้วยอีก

"หึ" พี่ธานหัวเราะมองหน้าผม  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ

"แล้วมันจะเอากล่องทิชชู่ไปทำไม" พายุมองตามอย่างสงสัยในความเบลอของไอ้ดินเพราะนั่นเป็นกล่องกระดาษทิชชู่ที่สำหรับไว้ใช้ในห้องนั่งเล่น  พวกเราพากันหัวเราะ

"ตกลง..เฮียจะกลับไปลงทุนผับกับป๋าใช่ไหม" พายุถาม
 
"อืม..ก็ป๋าเค้าโทรมาบอกว่าปฏิเสธไอ้กริดไปแล้วน่ะ" ผมตอบ 

"โห่ อย่างนี้ไอ้กริดมันไม่แค้นเฮียตายเลยเหรอ" พายุทำหน้าฉงน

"กูถึงบอกให้มึงระวังตัวไง" ผมว่ามันอีกคน  ไอ้นี่ก็ดื้อพอกัน 

"เฮ้อ! เฮียรึเปล่าที่ควรต้องระวังตัว" พายุว่ากลับพร้อมเมินหน้าหนีผมเหมือนไม่อยากจะพูดเรื่องเดิม ๆ ผมช้อนตามองค้อน

"มึงไม่รู้เหรอ ว่าที่จริงแล้วกูร่างเทพน่ะ" ผมได้ทีจึงกวนมัน  พายุหันมาเบะปากรับไม่ได้  เวลาที่ผมอวดเก่งกับพายุ  มันจะชอบทำหน้าแบบรับไม่ได้เสมอ  ซึ่งไม่เคยชมพี่ชายตัวเองให้รื่นหูบ้างเลย

"ย่าโทรมา!" จู่ ๆ พายุก็อุทานตาโตมองโทรศัพท์มือถือของมัน  ผมกับพี่ธานผงะทันที 

"เสร็จงานพอดี วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน" ผมบอกพี่ธานแล้วรีบเก็บเอกสารของตัวเองด้วย  พี่ธานก็ทำเช่นกัน

"เฮ้ย! เฮีย..พี่ธาน! หยุดเลยนะ! นิสัยเสีย หน้าด้านจริง ๆ เลย" พายุชี้มือมาว่าหน้าเสีย  ผมกับพี่ธานหัวเราะ
 
"กูกับพี่ธานเป็นพี่มึงนะ ปากมึงนี่แม่ง" ผมบ่นยิ้ม ๆ แล้วนั่งลง  พายุมองคาดโทษที่ผมจะหนีมัน

"ปกติเป็นแค่พายุที่ซื่อบื้อแท้ ๆ" ผมส่ายหัวบ่นไปมาเพราะทีอย่างนี้ดันเสือกรู้ทัน  พายุหน้างอที่ผมไปว่ามันแบบนั้น  พี่ธานหัวเราะชอบใจ

"มึงก็รับสิ..เค้าโทรหามึงไม่ได้โทรหากู" ผมเอนตัวพิงพนักโซฟา

"แต่มันจะต้องเป็นเรื่องของเฮียแน่ ๆ ยุสัมผัสได้" พายุทำหน้าทำตาใส่ผมอีก  ผมถอนหายใจอย่างยอมแพ้  ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าน่าจะเป็นเรื่องของผมเอง  เพราะตั้งแต่ที่เจอริศาในผับวันนั้น  ย่าก็เงียบ ๆ ไปจนรู้สึกน่าขนลุก  พายุเหล่ตามองมาที่ผมก่อนกดรับสายพร้อมเปิดลำโพงทั้งที่ไม่ได้มีใครขอสักนิด..

"ครับ ย่า" พายุพูดทัก  วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

"เปิดลำโพงสินะ ฉันรู้หรอก" ย่าทักมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันทันที

"ยุจะเปิดลำโพงก็ต่อเมื่อขี้เกียจจะพูดกับคนปลายสายน่ะฮะ" พายุย้อนเสียงเรียบนิ่งอย่างเอาอยู่  ผมนั่งมองยิ้ม ๆ เพราะชอบดูเวลาที่ย่าต่อล้อต่อเถียงกับพายุ  ซึ่งย่ามักจะแพ้แบบงง ๆ เสมอ  พายุเป็นหลานรักของย่า  เนื่องเพราะเป็นหลานที่หน้าตาน่ารักและความประพฤติเรียบร้อยดี  ตอนเล็ก ๆ มันน่ารักมากและค่อนข้างติดย่า  ย่าจึงมักแพ้นิสัยของพายุ  ผิดจากผมที่ย่าไม่สามารถควบคุมได้  และเพราะผมกับพี่ธานตัวติดกันแทบตลอดเวลา  ย่าจึงไม่สามารถแทรกเข้ามาระหว่างเราได้เลย  ถึงแม้ผมจะเป็นหลานที่ไม่ชอบเถียงอะไรย่านักแต่ถ้าผมไม่ถูกใจอะไรก็แล้วแต่  ผมมักจะเมินเฉยและไม่สนใจคำสั่งของย่าเท่าไหร่  พายุเป็นคนเดียวที่ปรามการกระทำของย่าได้ดีอยู่หมัด  เก่งกว่าพ่อของเราซะอีก

"เฮียแกอยู่ไหนล่ะ" ย่าถาม  น้ำเสียงประชดประชันนิด ๆ

"นอนแล้ว ย่าอยากคุยกับเฮีย..ย่าไม่โทรหาเฮียอ่ะครับ" พายุตอบ  ย่าเงียบไปครู่ 

"มันอยู่ตรงนั้นใช่ไหม" ย่าถามด้วยน้ำเสียงจับผิด 

"ตกลงนี่ย่าจะคุยกับยุหรือย่าจะคุยกับใคร" พายุทำเสียงไม่พอใจตอบกลับ  การเหวี่ยงเพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่งบางอย่างน่าจะได้ผล

"ก็คุยกับแกนั่นแหละ แหม..ไม่งั้นฉันจะโทรหาแกทำไม" ย่าลดน้ำเสียงอ่อนลงหน้ามือเป็นหลังมือ  พายุเป็นคนที่ดื้อกับย่ามากที่สุดในบ้าน  ดื้อคนละลักษณะกับความดื้อแบบผม  มันเป็นคนเดียวที่คัดค้านย่าได้แบบที่ย่าไม่ค่อยโกรธเคืองนัก  ดื้อประมาณว่า  ถ้าย่าบอกซ้ายพายุจะไปขวา  ถ้าย่าบอกให้ตรงไปพายุจะนั่งเสมอ  ซึ่งทั้งนี้..การกระทำของพายุ  มักจะแจงเหตุผลเป็นข้อ ๆ ให้ย่าเถียงและบังคับมันไม่ได้เลย

"แล้วคุณย่ามีอะไรครับ" พายุถามกลับด้วยน้ำเสียงกลับมาปกติอย่างเดิม  ดูเหมือนมันเองก็รู้ว่าสามารถขู่ย่าได้สำเร็จแล้ว

"ไอ้ไฟมันมีแฟนแล้วเหรอ" ย่าถามตรง ๆ

"ย่า.." พายุย้ำน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจอีกครั้ง

"ฮึ่ม!" ย่าถอนหายใจอย่างหนัก  เหมือนกับอึดอัดใจกับหลานคนนี้

"ย่าถามว่า เฮียตัวดีของแกน่ะ..มันมีแฟนแล้วเหรอออออ" ย่าลากเสียงเข้มตอบกลับเหมือนจะเอาคำตอบให้ได้  ผมได้แต่ส่ายหัวยิ้ม ๆ

"แล้วถ้าเฮียเค้าจะมีหรือไม่มี ย่าจะไปยุ่งอะไรด้วยครับ"

"แล้วแกจะมายอกย้อนฉันทำไมนี่ฮะ" ย่าย้อนว่า

"ย่าครับ..ยุว่าจะไม่พูด แต่ขอยุพูดเรื่องนี้หน่อยเถอะนะครับ" พายุพูดพลางถอนหายใจ

"เฮียน่ะ โตจนดูแลลูกน้องเป็นร้อย ๆ ได้ด้วยตัวเองแล้ว ส่วนย่าน่ะ..ก็โตมาก ๆ เลยฮะ ยุว่า..อาป๊าเองก็น่าจะคิดว่า ย่าควรเอาเวลาที่เหลือทำจิตให้เป็นกุศล รู้จักสงบจิตสงบใจ..ดีกว่าจะมาบังคับเรื่องส่วนตัวของเฮียนะครับ" พายุว่าเข้าให้  ผมกับพี่ธานปิดปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้  พยายามกลั้นเสียงเอาไว้ด้วย

"ไอ้พายุ!" ย่าขึ้นเสียงเดือด

"คนที่ชอบคิดว่าตัวเองจะยังไม่ถึงคาดจนกว่าจะป่วยหรือแก่ตายไปเองน่ะ จัดอยู่ในพวกคนประมาท มีมิจฉาทิฐินะครับ..หลวงลุงก็พูดสอนย่าตั้งหลายครั้งแล้ว ย่าจำไม่ได้เลยเหรอฮะ" พายุพูดเสียงเรียบ  เรียบเฉยมากจนคนปลายสายคงโกรธหูดับไปแล้วละมังครับ 

หลวงลุงที่พายุพูดถึง  คือลูกน้องเก่าคนสนิทของปู่  อายุมากกว่าพ่อผมสองสามปีน่าจะได้ผมจำไม่ค่อยชัดเท่าไหร่  หลวงลุงบวชตั้งแต่ปู่เสียไป  ตอนแรกเห็นว่าหลวงลุงตั้งใจบวชให้ปู่เท่านั้น  ก็บวชพร้อมกับพ่อผม  เสร็จจากงานศพก็ต่างสึกออกมา  ศึกษาธรรมวินัยไป ๆ มา ๆ สุดท้ายหลวงลุงก็ตัดสินใจออกบวชอีกครั้งและยาวมาจนถึงทุกวันนี้  ตอนนี้ประจำอยู่ที่วัดป่าที่เขาใหญ่  พ่อของผมแวะเวียนไปกราบท่านทุก ๆ ปีโดยพาพวกลูกหลานไปด้วย  จนพ่อเสียไป  คนที่ไปแวะเวียนหาท่านบ่อยที่สุดกว่าใครคงจะเป็นพายุ 

"ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว ไอ้พวกเก่งนัก ฉลาดนัก..ชีวิตก็ล้มเหลวเพราะเลือกผู้หญิงผิดนี่แหละ! ใช่สิ..ฉันรู้แล้ว แกก็คงสมรู้ร่วมคิดที่เฮียแกมันเที่ยวไปนอนกับคนนู้นทีคนนี้ทีสินะ พอจะให้ลงหลักปักฐานมันถึงได้ไม่ยอมท่าเดียว" ย่าว่าคนละเรื่องเลย  พายุถอนหายใจ  มันเหลือบตาขึ้นมองผมคล้ายเหนื่อยใจที่จะช่วยผมแล้ว  ผมนำมือปิดหน้าตัวเองทั้งสองมือและก็อดขำไม่ได้

"นี่ย่าไม่ฟังที่พายุพูดอยู่เลยสินะครับ ย่าฟังที่ยุพูดบอกย่าประโยคเมื่อกี้รึเปล่าฮะ" พายุยังคงทำเสียงเรียบนุ่มเข้าสู้  ย่าเงียบไป

"ไม่แน่ว่า..เฮียอาจจะมีชีวิตที่ล้มเหลวเพราะผู้หญิงที่ย่าเลือกให้ก็ได้" พายุย้อนเสียงเรียบ 

"หนูริศาเค้าก็ดีทุกอย่าง มันจะอะไรนักหนากับอีแค่แต่งงานนี่หะ..แค่นี้ทำให้ย่าเห็นหน่อยไม่ได้รึไง" ย่าว่ายาวไม่หยุด

"ย่าฮะ ยุว่าย่าน่าจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยรึเปล่า" พายุพูดพลางถอนหายใจแรง 

"ย่าจะให้เฮียแต่งงานกับพี่ริศาเพราะเหตุผลที่ว่า ให้เฮียทำเพื่อความชอบใจของย่านี่นะครับ สรุปว่ามันเพื่อเฮียหรือเพื่อย่ากันแน่ครับ" พายุพูดชัดทุกคำ

"เฮ้อ..เราเองก็เหลือกันแค่นี้แล้วนะครับย่า อะไรที่ใครทำแล้วมีความสุขก็ควรจะให้เค้าทำไป ถ้าย่าเหงา..แล้วอยากจะหาใครสักคนมาคอยเป็นเพื่อนคู่คิดบ้างน่ะ ยุกับเฮียก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะครับ" พายุทำเสียงผิดหวัง  มันเล่นตลกกับย่าอีกแล้ว  ผมขำจนทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา  พี่ธานนี่กลั้นหัวเราะจนหูแดงหน้าแดงไปหมด

"อะ..ไอ้ ไอ้พายุ!" ย่าตะคอกเสียงสั่นเลยทีเดียว  ดูจะเป็นการเล่นสนุกที่ทำให้ย่าของขึ้นได้ทุกครั้งเลย

"ไอ้หลานผิดเพศ!" ย่าว่า  ดูเหมือนจะสรรหาคำมาย้อนไม่ถูกซะแล้ว

"ครับ ๆ ยุรู้แล้วว่ายุผิดเพศ" พายุอมยิ้มตอบอย่างไม่โกรธเคืองอะไร

"ยุบอกความจริงให้ก็ได้ฮะ.. เฮีย เป็นเกย์น่ะ" พายุพูดเสียงเนือยเหมือนอยากจะตัดบทเต็มทีแล้ว  ผมว่ามันคงขี้เกียจจะพูดแล้วมากกว่า  พี่ธานตาโตมองไปที่พายุอย่างตกใจ  ส่วนผมได้แต่มองเอือม ๆ กับการแก้ปัญหาของน้องชายตัวเอง  จะไปเอ่ยปากห้ามรึก็ทำไม่ได้

"อะไรนะ! แกเป็นเกย์ไปคนแล้ว..ไอ้ไฟมันยังเป็นอีกรึ! นี่มันโรคติดต่อรึยังไงกัน!" ย่าว่าเสียงหลงเหมือนเชื่อสนิทใจจริง ๆ พายุกลั้นหัวเราะ  มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นชูเหนือหัวสูงคงเพราะกลัวว่าย่าจะได้ยินที่มันหลุดขำ  พายุกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง  มันเอาหน้าซุกลงบนโซฟาตัวสั่นไปหมด  ไอ้น้องเวร

"ฉันไม่เชื่อหรอก! หึ..คนอย่างไอ้ไฟนี่นะ มันก็เอาได้หมดนั่นแหละ ย่าได้ข่าวว่ามันไปนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า" ย่าทำเสียงแสยะคล้ายกับรู้ดีไปหมด  ผมขมวดคิ้ว  พยักหน้าให้ทั้งพี่ธานและพายุแบบเอาไงก็เอากัน  แล้วแต่จะคิด  สงสัยย่าคงลืมไปแล้วว่าอย่างน้อยผมก็ไม่เอาริศาน่ะนะ

"งั้นย่าไม่ไปบ่นกับเฮียล่ะฮะ ย่ามาบ่นให้ยุฟังทำไม"

"ฉันทำมากกว่านี้แน่ ฉันก็แค่อยากจะรู้..ว่ามันมีใครไหม" ย่าย้อนทันควัน

"แล้วถ้าเฮียเค้ามีล่ะครับ" พายุย้อนด้วยน้ำเสียงจริงจังกลับเช่นกัน

"ก็ถ้ามีก็เอามาให้ย่าเจอหน่อยสิ" ย่าตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอีก 

"ก็ย่าเรื่องมากไงฮะ เฮียเค้าถึงได้ไม่เอาไปเจอน่ะ..แค่นี้นะครับ ยุง่วงแล้ว" พายุตัดบท

"สรุปว่ามีสินะ เดี๋ยว..พายุ แล้วแกล่ะมีแฟนรึยัง" ย่ารั้งไว้

"มีแล้วครับ..สามคน สลับวันเอาน่ะ ยุเองก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าแฟนได้ไหม ใช้เงินเลี้ยงน่ะฮะ..ไม่ค่อยได้จริงจังเท่าไหร่นักหรอก" พายุตอบหน้าตาย

"อะไรนะ!" ย่าร้องเสียงหลง  ไม่ทันให้ย่าได้พูดอะไรมากกว่านี้  พายุก็ตัดสายไปเลย

"หึ..หึหึ" พวกผมพากันหัวเราะ  นำมือขึ้นลูบหัวเองยิ้ม ๆ

"มึงนี่จริง ๆ เลย..เดี๋ยวเค้าก็มาแหกอกเอาหรอก" ผมว่าแกมหัวเราะ

"เฮียนั่นแหละระวังเหอะ" พายุแลบลิ้นให้

"คุณยุก็ไม่น่าไปกวนอารมณ์คุณย่าแบบนั้น พี่ว่าย่าเค้าพูดจริงนะ" พี่ธานบอก  พวกเราเงียบมองหน้ากัน

"ตัวใครตัวมันแล้วกัน" พายุตัดบทหน้าด้าน ๆ ผมหลับตา  ถอนหายใจแรง..แม่งเห็นภาพเลย

"กูละปวดหัวกับย่าที่ให้ท้ายริศานี่แหละ" ผมบ่น

"หรือกูต้องหาใครจริงจังสักทีวะ" ผมว่าไปงั้น  อารมณ์มันเซ็ง ๆ นิดหน่อย 

คนเรายังไม่เจอคนที่มั่นใจว่าใช่แล้ว  จะให้ไปค้นหาคนที่ใช่มาจากที่ไหนกันครับ  ผมคิดว่าของแบบนี้ต่อให้ควานหาให้ตายถ้าจะไม่เจอก็คือไม่เจอ  ถึงจะเสาะแสวงหาหรือให้โอกาสคนที่เข้ามาในชีวิต  ได้พบและดูใจซึ่งและกัน  ถ้ามันไม่โอเคก็คือไม่โอเค..ก็เท่านั้น  คำตอบมันมีอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว  ซึ่งนิสัยเสียของผมคือ  ผมไม่ใช่คนที่จะมานั่งให้โอกาสใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของผมบ่อย ๆ นักหรอก  ไม่ใช่เพราะเกิดความรำคาญแต่เพราะถ้าเขาไม่สำคัญขนาดนั้น  ผมก็ไม่อยากเสียเวลาทำงานมานั่งใส่ใจใคร

ในส่วนลึก ๆ แล้ว  ผมไม่คิดว่าการที่ผมตั้งใจเปิดรับใครสักคนเพื่อมาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นกรณีที่ไปด้วยกันได้ดี  ผมยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าผมจะหลงใหลเขาได้นานจนก่อตัวเป็นความรักได้หรือไม่  ผมไม่ชอบอะไรทำนองนี้  ไม่ชอบคบใครสักคนเพื่อเอาไว้คั่นเวลาในการรอคนที่ใช่  คนอื่นก็มีโอกาสที่จะเลือกคนที่ใช่สำหรับตัวเขาเองเหมือนกัน  การดึงใครสักคนไว้ก็จะมีแต่เสียเวลาและเสียโอกาสกันทั้งสองฝ่าย  บางครั้งได้พูดคุยเพียงแค่ครั้งเดียวแต่รับรู้ได้เลยทันทีเลยว่าควรไปต่อหรือไม่ควร  การได้หลงใหลใครสักคนแบบที่เราไม่ตั้งตัว  แบบนั้นผมว่ามันน่าสนใจกว่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 13-11-2015 19:10:46

"พี่ธานแล้วกัน..ง่ายดี" ผมหันไปมองหน้าพี่ธานอย่างกวน ๆ พายุขำ  ชอบใจใหญ่

"เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ" พี่ธานก้มหัวเล่นตอบผมกลับ 

"แต่ผมเกรงว่า ผมจะเป็นฝ่ายรับให้คุณไม่ได้..ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างเราทั้งคู่" พี่ธานพูดเสียงนุ่ม  ผมยิ้มกว้าง

"นั่นน่ะสิ..ปัญหาครอบครัวเลยนะ" ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

"อันที่จริง ผมไม่ค่อยลำบากใจเท่าไหร่ถ้าพี่จะรุกผมอะนะ แต่เอ่อ..ผมค่อนข้างซีเรียสน่ะถ้าผมจะต้องเสียเปรียบในประเด็นนี้ แล้ว..การบังคับขืนใจ สุภาพชนคงไม่ทำกัน" ผมยังยิงมุขใส่พี่ธานไม่หยุด

"ผมค่อนข้างมั่นใจในสิ่งที่มีอยู่และสะสมมา บางที..พี่อาจจะชอบก็ได้นะครับ" ผมยิ้มตาหวานใส่พี่ธาน

"อืม..ผมลำบากใจเหมือนกันนะครับเนี่ย" พี่ธานทำหน้าจริงจังตอบ

"ไอ้พวกพี่บ้า!" พายุพูดว่าขึ้นเหมือนทนดูไม่ได้แล้ว

"หึหึหึ" ผมหัวเราะในลำคอ 

"เอาเป็นว่า มึงก็ไม่ต้องไปแก้กับย่าเรื่องกูเป็นเกย์ล่ะ" ผมพูด  พี่ธานและพายุจ้องผมเขม็งเลยทีนี้  ผมอมยิ้ม  ยักไหล่ผายมือออกส่ง ๆ ไป

"กูว่า..เล่นกับแกหน่อยแล้วกัน อย่างน้อยน่าจะทู่ซี้ไปได้บ้าง หวังว่าคงไม่หัวใจวายไปก่อนนะ" ผมยักคิ้ว 

"หึหึหึ" พี่ธานกับพายุหัวเราะ

"ช่วงนี้แม่งอะไรก็ไม่รู้ สนามแข่งเดือนนี้กำไรก็ไม่โอเค..รายจ่ายเยอะเป็นบ้า มีสะกิดต่อมกับไอ้เหี้ยกริด แล้วไอ้ดินยังไปมีเรื่องกับน้องมันอีก แถมยัง..." ผมหยุดคำพูดของตัวเองในทันทีที่กำลังจะพูดถึงสมุทรและเรื่องราวเบื้องหลังอีกมากมายที่ยังไม่อยากเอ่ยถึง  เพราะขี้เกียจเล่าอธิบายให้พายุฟังในตอนนี้ 

"นั่นแหละ ทั้งหมดเป็นเรื่องยุ่งยาก" ผมตัดบทเบะปาก

"บ่นเป็นตาแก่" พายุว่า

"นอนแล้ว" ผมลุกขึ้นพร้อมกับเอกสารเต็มมือ

"ช่วยไหมครับ" พี่ธานถาม

"ไม่ต้อง" ผมตอบปัด  อย่างกับพี่ธานเองเอกสารน้อยเมื่อไหร่

"ฝันดี" พายุบอกไล่หลัง  พี่ธานลุกตามผมมาก่อนหันไปมองพายุยิ้ม ๆ

"ฝันดีครับ" พี่ธานบอก  ผมกับพี่ธานเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นแล้วเราก็แยกกันไป  พี่ธานนอนในบ้านใหญ่หลังเดียวกันกับผม  ห้องนอนของพี่เขาอยู่ที่ชั้นล่าง  สิทธิ์พิเศษอีกอย่างที่พี่ธานได้รับและไม่เหมือนกับลูกน้องคนอื่น ๆ ที่พักของลูกน้องทุกคนอยู่แยกไปทางหลังบ้านซึ่งเป็นส่วนของที่พักคนงาน  ทั้งห้องครัว  ห้องกินข้าวของคนงานและห้องนั่งเล่นแบบส่วนรวมนั้น  จัดอยู่ทางด้านหลังบ้านทั้งหมด

ผมเข้าห้องนอน  วางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานและจัดเรียงแต่ละชิ้นขึ้นบนชั้นหนังสือให้เข้าที่เพราะไม่ค่อยชอบความรกรุงรังเท่าไหร่  ผมไม่ใช่คนเจ้าระเบียบอะไรนักหรอกนะครับ  แต่ถ้าไม่จัดเรียงให้ดีก็จะหาเอกสารได้ยาก  พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งดูบอลและนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือคุยนู่นนี่ค่อนข้างไร้สาระกับเพื่อนและคนรู้จักอยู่พักหนึ่ง  ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็เข้านอน  พรุ่งนี้วันเสาร์..มีออกกำลังกายแต่เช้าอีก


- - - - - - - - - - - - -


ก๊อก  ๆ  ๆ ๆ ...เสียงเคาะประตูดังแว่วไกล ๆ

"คุณไฟครับ!"



ก๊อก  ๆ  ๆ ๆ  ...เสียงเคาะนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ จนผมต้องพลิกตัวกลับมานอนหงายแล้วเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจว่าตัวเองหูไม่ได้แว่วไปเอง

"คุณไฟครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!" พี่ธานตะโกนบอก  ผมลุกขึ้นนั่ง  ถอนหายใจแรง  เหลือบมองดูนาฬิกา  นี่มันเพิ่งตีสองจวนจะตีสาม  สัญชาตญาณบอกว่าคงไม่ใช่เรื่องดี ๆ อีกแน่  ผมลุกเดินไปเปิดประตูห้องนอนอย่างงัวเงีย  ยังรู้สึกว่าตัวเองยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย  เหมือนเพิ่งได้หลับสนิทเมื่อกี้นี้นี่เอง

"ไอ้เข้มบอกว่า ค่ายมวยศรไกรไฟไหม้ครับ" พี่ธานพูดด้วยสีหน้าตื่นตกใจ 

"เป็นไปได้ไง" ผมตื่นเต็มตา 

"ลูกน้องที่เฝ้าไว้โทรมารายงาน..ไอ้เข้มให้มันตามคนวางเพลิงไปแล้วครับ พอผมทราบเรื่องผมเลยให้ไอ้เข้มออกไปก่อนเลย" พี่ธานบอก

"เอาคนออก เจอกันข้างล่าง" ผมหลับตาปัดมือส่ง ๆ พร้อมนำนิ้วบีบที่ขมับอย่างแรงเรียกสติ

"ครับ" พี่ธานตอบแล้วรีบวิ่งออกไป  ผมปิดประตูอย่างไม่ได้รีบร้อนอะไร  เพราะเวลาแบบนี้รีบร้อนไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า  ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วและคงแก้ไขอะไรไม่ได้  ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตาและออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วปกติ  พอเตรียมของสำคัญเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาจากห้องนอน 

"เฮีย..มีอะไรเหรอ" พายุเปิดประตูห้องออกมาเหมือนรู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ

"มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก..กลับไปนอนเถอะ" ผมบอก

"ให้ยุไปด้วยไหม" มันถาม

"ไม่ต้อง"

"อืม..งั้นระวังตัวด้วยนะ" พายุบอกหน้ายู่ก่อนปิดประตูห้องไป  ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมาที่หน้าบ้าน  ลูกน้องเตรียมรถไว้พร้อมแล้ว  รถเตรียมออกสองคัน  คันของผมมีไอ้เด่นเป็นคนขับและพี่ธานไปด้วยกันกับผม  ส่วนอีกคันให้ไอ้รุ่งและไอ้หินไปด้วยกัน
 
"ไปที่ค่ายศรไกร" ผมสั่งไอ้เด่นด้วยน้ำเสียงที่ทุกคนได้ยินทั่วถึง

"ครับ" ไอ้เด่นพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งไปทางด้านคนขับทันที  พี่ธานเปิดประตูรถให้ผมก่อนที่ตัวเองจะขึ้นรถตามมา  เราใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมายเพราะรถบนถนนมีแทบนับคันได้  เมื่อเราไปถึงเพียงแค่ซอยใหญ่เท่านั้น  ผมก็รู้เลยว่าด้านในคงจะวุ่นวายอลหม่านแน่  ผมจึงให้ไอ้เด่นจอดรถไว้ที่หน้าปากซอยใหญ่

คนในชุมชนพากันออกมาร้องโวยวายให้ชุลมุนไปหมด  ลูกน้องส่วนหนึ่งเฝ้าอยู่ที่รถ  ผม  พี่ธานและไอ้เด่นเดินเท้าเข้าไปด้านในซอยค่ายมวย  ทั้งรถดับเพลิงและรถตำรวจต่างทยอยเข้าไปช่วยเหลือ  ผมยืนมองอยู่ไกล ๆ เห็นไฟลุกโพลง  ความร้อนระอุแผ่เข้ามาจนเนื้อผิวสัมผัสได้  รถดับเพลิงคันแรกช่วยดับไฟไว้ได้มากพอดู  คันที่สองเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาช่วยเหลือ  นักข่าวที่มาทำข่าวไม่หยุดทำหน้าที่ของตน  ชาวบ้านพากันหิ้วน้ำไปช่วยดับไฟอีกแรง  เมื่อผมเดินตรงเข้าไปใกล้มากขึ้นก็เห็นว่าคนในค่ายมวยเนื้อตัวมอมแมมด้วยสีหน้าอิดโรยกันเกือบทุกคน  คล้ายกับว่าแม้แต่แรงจะเสียใจก็คงไม่มีแล้วในเวลาแบบนี้  ผมเห็นสมุทรอยู่ตรงนั้น  อีกฝ่ายใส่เพียงกางเกงบอลกับเสื้อยืดสีขาวคล้ายกับเป็นชุดนอนที่ตอนนี้สภาพก็อ่อนเพลียไม่ต่างจากคนอื่นนัก

"หลบหน่อยครับ ๆ ขอทางหน่อยครับ!" พนักงานดับเพลิงตะโกนเสียงดังเพื่อบอกชาวบ้านที่ขวางทางเดินรถอยู่  เสียงไซเรนดังก้อง  ผมขยับตัวเล็กน้อยก่อนเดินออกมาตั้งหลักที่หน้าปากซอยของค่าย 

"ไอ้เข้มอยู่ไหน" ผมถามขึ้น  เรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลเกินไปและถ้าผมเดาไม่ผิด  มันจะต้องเกิดเพราะพวกที่ไม่รู้จักสำเหนียกกะลาหัวตัวเองแน่

พี่ธานกดโทรหาไอ้เข้มในทันที  ปลายสายกดรับเพียงไม่กี่วินาทีให้หลัง  พี่ธานสอบถามอยู่ประมาณสองสามประโยคก็ตัดสายไป

"ไอ้เข้มตามคนวางเพลิงไปที่ The Rush ครับ เห็นคนของเสี่ยยุทธอยู่ที่นั่นด้วย" พี่ธานรายงานให้ทราบ  "เสี่ยยุทธ"..เจ้าของค่ายมวยหาญสิงห์ที่น่าจะเป็นแบ็คอัพที่ดีให้กับ "สมัคร" เจ้าของค่ายมวยส.โชคเจริญเป็นแน่  ถ้าต้องให้ผมพูดถึงคนอย่างเสี่ยยุทธแล้วละก็  ผมขอเวลาสักสามวันถึงจะเล่าหมด  เรื่องระหว่างมันกับครอบครัวของผมยาวมาก  เรียกว่าบุญคุณของครอบครัวผมที่มีต่อมันน่ะล้นหัวมากทีเดียว  แต่หลาย ๆ ครั้งก็ดูเหมือนเขาไม่ได้สำนึกในส่วนนี้เท่าไหร่นักหรอก  ซึ่งผมเองก็ไม่ใส่ใจอะไรนักน่ะนะ

"หึ..ก็ให้เรื่องมันจบ ๆ ไปก็ไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าแค่อยู่เฉย ๆ ไป มันจะยากตรงไหน" ผมกัดฟันบ่น

"ไป The Rush" ผมสั่งแล้วเดินนำไปที่รถก่อนเพราะเป็นคนเดินไว  อีกอย่างคือช้าไม่ได้เพราะลูกน้องรอทุกการเคลื่อนไหวของเราอยู่เสมอว่าเราจะตัดสินใจไปซ้ายหรือขวา  ไอ้เด่นใช้เวลาขับรถไป The Rush ด้วยความเร็วเพราะผมเป็นคนสั่ง  ตอนนี้รู้สึกอึดอัดอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 8 [ 22:15 น. - 31 ต.ค 58 หน้า 8 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 13-11-2015 19:13:34
"สวัสดีครับคุณไฟ" พนักงานต้อนรับหน้าร้านก้มหัวทักทาย  The Rush คือผับชื่อดังผับหนึ่งที่สามารถเรียกเงินคนรวยมาได้นักต่อนัก  เจ้าของคือ "เสี่ยทรัพย์" ซึ่งแน่นอนว่าทั้งเสี่ยทรัพย์  ทั้งเสี่ยยุทธและสมัครก็คงรู้จักกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  วงการพวกนี้มันแคบจะตาย

"คุณไฟจะ.." พนักงานเข้ามาทำท่าจะพาไปที่โต๊ะ  ผมปัดมือไล่มัน  อีกฝ่ายก้มหน้าสลดไป  ผมเดินเข้าไปในร้าน  พนักงานพากันหันมามองด้วยสีหน้าเกรงใจ  ผมเพียงยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์กลางร้านก่อนมองกวาดตาไปทั่วทุกมุม  ครู่เดียวไอ้เข้มและลูกน้องของผมอีกคนที่รับหน้าที่นี้อยู่ก็เดินตรงเข้ามาหา

"คนวางเพลิง..เป็นคนของค่ายส.โชคเจริญครับ ไม่ผิดแน่" ไอ้เข้มกระซิบรายงานผมก่อนเบี่ยงตัวหลบไปทางพี่ธาน  ผมเหสายตาลงต่ำ

"รูปลูกมันน่ะ ถึงมือมันแน่ใช่ไหม" ผมถาม  ตาไม่ได้มองไปที่ไอ้เข้มแต่อย่างใด  กำลังมองบุคคลที่กำลังหลงระเริงกับแสงสีและผู้หญิงอยู่

"ครับ..มันเห็นแล้ว" พี่ธานตอบแทน  ผมยืนนิ่งก่อนหลับตาลง  ถอนหายใจทางปากเบา ๆ

"พวกมึงอยู่นี่" ผมสั่ง  พวกมันพยักหน้าทั้งที่มองผมด้วยสายตาเป็นห่วง  ผมกวักมือให้พี่ธานเดินตามผมไปที่โต๊ะของสมัครที่กำลังคุยอยู่อย่างออกรสกับเสี่ยยุทธ

"หวัดดีครับ" ผมทัก  เดินไปยืนค้ำหัวทั้งคู่ที่คงแก่เท่าพ่อผม  ทั้งสองคนนั่งด้วยท่าทางสบายอารมณ์โดยมีอีหนูขนาบข้าง  พร้อมกับลูกน้องของพวกมันที่นั่งหัวดำคอยรักษาความปลอดภัยให้หัวหน้าตนอยู่รอบโต๊ะ  เสี่ยยุทธมองหน้าผมอึ้ง ๆ มันคงตกใจที่เห็นผมโผล่มาทักมันด้วยตัวเองแบบนี้  เพราะปกติผมไม่เคยทักมันก่อนเลยน่ะนะ

"ผมขอนั่งด้วยได้ไหม" ผมยิ้มให้  ผมกับเจ้าของค่ายส.โชคเจริญไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่ผมคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักผมแล้วเป็นอย่างดี 

"อ่าว ไฟ เป็นไง..ไม่เจอกันซะนาน" เสี่ยยุทธปรับสีหน้า  มันลุกขึ้นยิ้มทักด้วยสีหน้าและท่าทางสนิทสนมอย่างเช่นที่มันเคยทำกับผมเป็นประจำ

"หวัดดีครับ" ผมทักแต่ไม่ยกมือไหว้  ตั้งแต่ผมจำความได้  ผมไม่เคยยกมือไหว้ผู้ชายคนนี้  พ่อของผมเคยต่อว่าผมเหมือนกันในเรื่องนี้ว่า  ถึงแม้ว่าผมจะเกลียดเสี่ยยุทธแต่เขาก็มีศักดิ์เป็นผู้ใหญ่แก่กว่าผมและผมไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับเขา  แต่ผมขอปฏิเสธที่จะเชื่อพ่อในเรื่องนี้..สำหรับผม  ถ้าผมเกลียดก็คือเกลียด

"เพื่อนเสี่ยเหรอ" ผมถามแล้วมองไปที่สมัคร

"เออ..ใช่ นี่สมัคร..สมัคร นี่ลูกชายเจ้าของค่ายมวยชัยโรจน์ที่เคยเล่าให้ฟังไง" เสี่ยยุทธรีบแนะนำพร้อมกับนำมือมาตบไหล่ผมยกใหญ่

"ตอนนี้ผมคือเจ้าของค่ายครับ ผมเคยเตือนเสี่ยแล้วว่าอายุมากแล้ว เสี่ยน่าจะเพลา ๆ หน่อย" ผมว่าเหน็บ  เสี่ยยุทธหุบยิ้มลงทีละนิด

"..แล้วช่วยเอามือออกจากตัวผมด้วย" ผมปัดออกช้า ๆ อย่างรักษามารยาท  อีกฝ่ายหน้าเสีย

"นี่คงเป็น..เจ้าของค่าย ส.โชคเจริญ..สินะครับ" ผมยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร

"หึ..ใช่" อีกฝ่ายอมยิ้มตอบด้วยท่าทางเหมือนรู้ซึ้งในความหมายของรอยยิ้มนี้ของผมเช่นเดียวกัน  รอยยิ้มโอหังในตัวเองแสดงออกมาล้นเปี่ยม   

"ลูกน้องคุณน่ะ ทำงานไม่เนี๊ยบเอาซะเลยนะ" ผมพูดเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา  ไม่ขออ้อมค้อมเพราะมันเสียเวลา  ผมยิ้มกว้างกวาดตามองไปที่ลูกน้องของพวกมันที่นั่งอยู่ด้วย  และดูเหมือนพวกมันจะอ่านบรรยากาศออกเพราะมีปฏิกิริยาของการเตรียมตั้งรับมือไว้พร้อม  ผมตั้งใจมองให้ทั่วเพื่อสำรวจว่ามันมีกันอยู่ประมาณกี่คนและนั่งที่ตรงไหนบ้าง  ซึ่งผมคงไม่โง่ให้ลูกน้องของผมมาประชันความเยอะสู้กับลูกน้องของพวกมันหรอกครับ  มันไร้สาระ

".........." ทุกคนเงียบลง  เสี่ยยุทธหน้าเสีย  แบบนี้คงรู้เห็นเป็นใจกันด้วยแน่ 

"มึงสินะ ที่ส่งรูปมาขู่กูน่ะ" อีกฝ่ายแสยะปากพร้อมกับหัวเราะแล้วยกเหล้าขึ้นดื่มสบาย ๆ ผู้หญิงที่นั่งอยู่กับมันเริ่มหน้าถอดสี  ทั้งไม่กล้าลุกแต่ก็ดูเหมือนอยากจะออกไปจากตรงนี้เต็มทีด้วย

"ผมก็ไม่คิดว่าเฮียจะเป็นคนที่พูดยากขนาดนี้" ผมหุบรอยยิ้มลงนิ่ง ๆ สมัครเงยหน้าขึ้นมองมา  ผมที่ยืนอยู่จึงมองต่ำลงไปที่มัน

"ที่จริง..ผมก็แค่อยากให้มันจบเป็นขั้นเป็นตอนไป ถ้าแค่ให้ทราบ..ก็คือแค่นั้น" ผมพูดเสียงเรียบ

"เฮียเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ" ผมอมยิ้มเล็กน้อย  อีกฝ่ายเผยอปากด้วยท่าทางกวนตีนกลับมาให้

"ลูกน้องเฮีย ทำในสิ่งที่.." ผมค้อนสายตาไปที่ไอ้ป้อง  คู่อริตัวดีของสมุทรที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของเจ้านายมัน  อีกฝ่ายจ้องหน้าผมด้วยสายตารอการเอาคืนไม่วางตา  มันแสยะยิ้มมาที่ผม

"..นักมวยค่ายอื่น ๆ เค้าก็คงจะไม่ทำกัน" ผมพูด

"หึหึ..หึหึหึ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" สมัครหัวเราะขึ้นอย่างกวนอารมณ์  ผมยังคงยืนอมยิ้มอยู่ที่เดิมไม่ได้รู้สึกอะไร

"มันเป็นเรื่องระหว่างค่ายมันกับค่ายกู แล้วมึงมาสอดอะไร!" สมัครตวาดขึ้น  มองตาขวางมาที่ผม  มันผลักตัวผู้หญิงออกทั้งสองมือจนเธอเซไปตามแรง  แต่ทั้งอย่างนี้พวกเธอก็ยังไม่ลุกไปไหน  เอาแต่นั่งก้มหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว 

"งั้นแสดงว่าเฮีย..ก็รับรู้สินะ ที่นักมวยในค่ายไปทำระยำกับใครไว้บ้าง" ผมพูด  ใจเริ่มเดือดขึ้นจนรู้สึกได้  ผมให้เกียรติเรียกกวนมันว่า.."เฮีย" ไปอย่างนั้นเอง  เราต่างจ้องหน้ากันนิ่งอยู่ชั่วครู่

"แล้วยังไง.." สมัครลุกขึ้นยืน  อีกฝ่ายมองผมตาแทบถลนอย่างไม่ยอมความ

"หึ..ก็ไม่ยังไงหรอกครับ" ผมก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ มันน่าขัน  เพราะเห็นดีเห็นงามกับลูกน้องแบบนี้นี่เอง  ลูกน้องมันถึงได้กล้ากร่างขนาดนี้  ผมคงไม่มีอะไรที่จะต้องแปลกใจอีก

"จุดประสงค์ของผมคือ.." ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันอีกครั้ง  ครั้งนี้ผมจ้องมันนิ่งเพื่อเป็นการบอกว่าทุกคำพูดนี้ที่ออกมาจากปากผม  ผมพูดอย่างตรงไปตรงมาจริง ๆ

"ผมอยากให้เฮีย คอยดูคนของเฮีย ไม่ให้ไปยุ่งกับคนของค่ายศรไกรอีก.. ทุกคน" ผมพูดบอก

"แล้วทำไมกูต้องเชื่อเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างมึงด้วย" สมัครแสยะปากย้อนกลับ

"งั้นเฮียก็ลองถามเสี่ยยุทธดูสิครับ ว่าทำไมเฮีย..ถึงต้อง เชื่อ..ผม" ผมพูดเว้นวรรคเสียงเย็นพร้อมเอียงคอกวนเล็กน้อย  ตาจ้องมองสมัครไม่กะพริบ  ชอบจริง ๆ คนแบบนี้  อีกฝ่ายชะงักไปครู่  ก่อนเหลือบไปมองที่เสี่ยยุทธคล้ายขอคำตอบ  เสี่ยยุทธยืนนิ่งหลบสายตาสมัคร

"เอาเป็นว่า.." ผมยิ้มเอ่ยอย่างเป็นมิตรประดิษฐ์

"ผมขอเงินจากเฮียสักห้าแสนแล้วกันครับ เป็นค่าปรับปรุงที่เฮียให้เด็กไปเล่นไฟที่บ้านคนอื่นเอาไว้น่ะ" ผมพูดพร้อมถอนหายใจแรง  อีกฝ่ายถลึงตาโตมองเหมือนไม่เชื่อหู

"ห้าแสน..เดี๋ยวนี้" ผมพูดเด็ดขาด  แต่อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็หัวเราะออกมาเสียงดัง  ผมเองก็ได้แต่ฉีกยิ้มมองการกระทำของมัน 

"ทำไมกูต้องให้!" สมัครหันกลับมาว่าพร้อมกับชักปืนมาจ่อหัวผม  ทันทีนั้นพี่ธานก็ชักปืนออกมาเช่นเดียวกัน  ผมยืนนิ่ง  ตามที่คาดไว้ตรงเผง  ลูกน้องของสมัครพากันลุกขึ้นยืน  บางคนมีปืน  บางคนไม่มี   
 
"เฮ้ย ไอ้หมัก!" เสี่ยยุทธอุทาน  สมัครจ้องผมเหมือนมีชัยเหนือกว่าที่สามารถยืนนำปืนจ่อหัวผมได้  ผมยืนนิ่งไร้อารมณ์  หมดอารมณ์จะต่อรองแล้วจริง ๆ

"ขอ.. ห้าแสนครับ" ผมยังยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

"ไม่อย่างนั้นก็ยิงเลย" ผมจ้องบอก

"มึง.. มึงนึกว่ากูไม่กล้าเหรอ!" สมัครพูด  ปากอีกฝ่ายสั่น  ดูเหมือนมันจะพยายามแล้วที่จะไม่ให้สั่น   ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นการบอกว่าผมยอมความให้มันยิงง่าย ๆ จริง ๆ

"จังไรเหมือนกันเลยนะครับ หึหึหึ" ผมพูดขำ ๆ สมัครตาโตกว่าเดิมที่เห็นท่าทีของผม

"ทั้งเจ้านาย ..ลูกน้อง" ผมเหลือบตาไปมองลูกน้องของสมัคร  สายตาต่างมองมาอย่างเคียดแค้นเอาเรื่อง  ทันทีที่สมัครกำลังเผลอ  ผมปัดมือของมันที่ถือปืนอยู่ออกอย่างรวดเร็ว  มันตกใจปล่อยปืนออก  อีกมือของผมก็เอื้อมไปคว้าปืนที่กำลังจะตกถึงพื้นเอาไว้ได้  มันเกิดขึ้นเร็วมากจนอีกฝ่ายหน้าถอดสี  รู้ตัวอีกทีคือปืนของมันได้เจ้าของใหม่เสียแล้ว  ลูกน้องมันไม่แม้แต่จะเหนี่ยวไกคงเพราะกลัวว่าจะพลาดไปถูกเจ้านายตนเอง  ผมช้อนปากกระบอกปืนขึ้น  นำเข้าไปเชยคางสมัครอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายหนีไม่ทัน

"หึหึ โฮะ ๆ ๆ ๆ.. เหนียงเหี่ยวเป็นบ้า" ผมหัวเราะกวนตีนมันลั่น  ตาเหลือบมองเสี่ยยุทธ  อีกฝ่ายยังคงยืนทำสีหน้าไม่ถูก

"มีไหมครับ ห้าแสนน่ะ" ผมเลิกตาถามพร้อมกับเลื่อนปากกระบอกปืนต่ำลงมาที่ลูกกระเดือกของมัน  อีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีที่ยากลำบาก  ตาโตมองหน้าผมด้วยใบหน้าซีดเผือด

"น่าจะมีนะครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเวลามานั่งกกอีหนู"   

"ปล่อยเฮียนะเว้ย!" เสียงว่าดังขึ้นจากไอ้ป้อง  ไม่ทันให้มันได้พูดมากหรือนำปืนมาจ่อผม  ผมก็หันกระบอกปืนยิงเข้าไปที่แขนมันหนึ่งนัดเพื่อเป็นการบอกให้มันหุบปากเสีย  เสียงปืนดังลั่นร้าน  คนที่อยู่แถวนั้นพากันร้องโวยวายแล้วหลบกันไปคนละทาง  เพลงดับสนิท  ไอ้ป้องตัวกระเด็นไปทางด้านหลังจนปืนที่มันถืออยู่ตกหล่นลงพื้น  ผมนำมือขวาที่ว่างอยู่บีบเข้าไปที่คอสมัครไว้ด้วยความรวดเร็วเพื่อกันมันหนี  อีกฝ่ายจับแขนผมแน่นเพราะผมจิกนิ้วเข้าที่หลอดลมมันอย่างแรง 

"ปืนมึงนี่ห่วยฉิบ" ผมกัดฟันอดบ่นไม่ได้  เหลือบมองผู้หญิงของสมัครที่นั่งก้มหน้าตัวสั่น

"ออกไป" ผมไล่  พวกเธอรีบวิ่งหนีไปทันที

"วางปืนซะ ถ้ามึงไม่อยากเห็นภาพอุจาดตาของนายพวกมึงที่ต้องตายทั้งที่ค-ยยังแข็งอยู่อะนะ" ผมแสยะยิ้มบอก  พวกมันเหรอหรา  สมัครเริ่มดิ้นรน  คงเพราะหายใจไม่ออกเนื่องจากผมบีบเน้นแรงมากขึ้นกว่าเดิมอยู่เนือง ๆ

"ไฟ..ลุงขอ" เสี่ยยุทธร้องบอก  ผมไม่ได้หันไปมอง  ยังคงตั้งใจกดมือเข้าหลอดลมมันอยู่อย่างนั้น  จนลูกน้องของสมัครยอมวางปืนลงช้า ๆ

"ก็ผมบอกว่า ผมขอห้าแสนไงครับ" ผมยิ้มพูดคำเดิม  พอคลายนิ้วที่บีบอยู่นั้นออกเพียงนิดเดียวเพื่อลองใจ  อีกฝ่ายก็ทำท่าจะสู้ผมในทันควันที่มีโอกาส  ผมเห็นอย่างนั้นจึงชกเข้าที่หน้าและท้องอย่างรวดเร็วไม่ทันให้มันได้ตั้งหลักตอบกลับแม้แต่หมัดเดียว  สมัครแน่นิ่งล้มลงบนโซฟา  หน้าเต็มไปด้วยเลือดทั้งที่ผมปล่อยไปเพียงไม่กี่หมัดเท่านั้น

"เฮียนี่เป็นเจ้าของค่ายมวยแน่เหรอครับ" ผมพูดเย้ย  ดุนลิ้นมากัดอย่างเคยชินปาก



ปัง!!!  ...เสียงปืนดังลั่นจากผมที่ยิงเล็งเฉียดเข้าไปที่เบาะโซฟาเพื่อจงใจแกล้งสมัคร  มันสะดุ้งเฮือก  ลูกกระสุนเฉียดผ่านใบหน้าของสมัครไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น  อีกฝ่ายตัวแข็ง  ตาโตอย่างกับคนใกล้หัวใจวาย  เลือดที่แก้มของมันที่ถูกกระสุนเฉี่ยวซึมลงอาบแก้มอย่างช้า ๆ มันกลอกตามามองผมอย่างตกตะลึง  พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

"เป็นไอ้แก่ที่พูดไม่รู้เรื่อง เอาซะเลย" ผมบ่นลอย ๆ เดินเข้าไปหา  อีกฝ่ายถอยหลังหนีจนสุดทาง

"มึง!" เสียงลูกน้องสมัครร้องขึ้นอย่างดังอีกครั้ง  เป็นฝั่งเดียวกับที่ไอ้ป้องยืนอยู่  ผมหันปืนไปทางมันที่กำลังวิ่งตรงมาทางผมและแน่นอนว่าเป็นเจ้าเก่ารายเดิม  ไอ้ป้องชะงัก  ปากกระบอกปืนจ่อเข้าตรงกลางหน้าของมันพอดิบพอดี

"รักกันจังเลยนะ" ผมฉีกยิ้มกว้าง

"ตายแทนกันได้รึเปล่าล่ะ" ผมพูดและหุบรอยยิ้มลงทีละนิด  ไอ้ป้องตาโตตัวแข็งทื่อไปแล้ว

"งั้นก็ตายซะ" ผมกล่าวเสียงเรียบ



ปัง!!!! ...ผมยิงออกไป  เสียงร้องในลำคออีกฝ่ายดัง "เฮือก!" ใหญ่ ๆ เพียงหันปากกระบอกปืนออกจากหน้าผากของไอ้ป้องเสี้ยววินาทีเท่านั้น  ลูกปืนที่ยิงออกไปเฉี่ยวเส้นผมมันจนอีกฝ่ายสะดุ้งตาค้าง  เลือดกระเด็นออกเล็กน้อย  ไอ้ป้องยืนตัวสั่น  ตาเหลือก  ได้สติอีกทีอีกฝ่ายก็จ้องผมตาไม่กะพริบไปแล้ว

"หึหึหึหึ" ผมหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของมันและเลือดที่หัวของมันที่กำลังซึมออกมาทีละเล็กทีละน้อย  เพื่อนมันพากันเข้ามาช่วยพยุงตัวไอ้ป้องไว้

"เฮียก็ไม่น่าจะคิด ว่าคนอื่นเค้าจะจังไรเหมือนเฮียกันหมด" ผมหันกลับไปสนใจที่เรื่องเดิม  ก้มมองสมัครด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง  ผมนั่งลงพร้อมกับวางปืนลงบนโต๊ะตรงหน้า  เสี่ยยุทธยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

"ปืนเฮียน่ะ ห่วยมากนะ" ผมบอกหน้าซื่อ

"เฮียแก่แล้ว หนักขนาดนี้มันก็ขยับยากเย็นไปหมด..วันหลังจะซื้อก็ติดต่อลูกน้องผมก็แล้วกันนะครับ พวกผมยินดีให้คำปรึกษา" ผมฉีกยิ้มให้ 

"เฮ้ย เสียงดังเอ๊ะอะ..มีเรื่องอะไรกันวะ!" เสียงโวยวายดังลั่นเข้ามา  น้ำเสียงเกรี้ยวกราดขี้โวยวายมีเอกลักษณ์แบบนี้มีคนเดียวเท่านั้น..เสี่ยทรัพย์

"อ่าว ไอ้ไฟ" เสี่ยทักพร้อมกวาดตามองไปรอบ ๆ สถานการณ์  ผมปัดมือให้พี่ธานนำปืนลงได้แล้วเพราะเกรงใจเสี่ยแก

"หวัดดีครับเสี่ย" ผมผงกหัวทักเล็กน้อย  เสี่ยพยักหน้ารับพร้อมกับกวาดตามองอีกครั้ง

"มีอะไรรึเปล่า" เสี่ยเดินเข้ามาหา  ถามด้วยท่าทางเป็นห่วง

"ผมขอซื้อของหน่อย เอาแบบ..ให้คนที่มีความดีในตัวน้อย หายใจช้า ๆ ลงได้น่ะ เสี่ยมีรึเปล่าครับ" ผมอมยิ้มพูดบอกเสี่ยทรัพย์  ในวงการค้ายาและค้าของเถื่อน  ไม่มีใครไม่รู้จักรายใหญ่อย่างแก  เสี่ยทรัพย์นิ่งไปเหมือนระแวงว่าผมจะทำอะไร  ตลอดมาแม้เราจะรู้ดีว่าระหว่างเรา  ใครทำธุรกิจอะไรกันบ้าง  ไม่มีใครขัดขาใคร  ต่างคนต่างอยู่  เมื่อไม่ขัดขากันจึงไม่เป็นศัตรูต่อกันแต่นอนว่า  เส้นสายของแต่ละคนจะใหญ่จะเล็กก็อยู่เหนือการควบคุมอยู่ดี 

ผมจ้องหน้าเสี่ยทรัพย์อยู่พักหนึ่งจนเสี่ยพยักหน้าให้ลูกน้องของเสี่ยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และก็คงได้ยินเรื่องทั้งหมดให้ไปนำของมาให้กับผม  ระหว่างนี้ไม่เกิดบทสนทนาเลยสักคำเดียว  ไม่นานของก็มาถึงมือผม

"ขอบคุณ" ผมบอก  ลูกน้องเสี่ยทรัพย์ผงกหัวตอบก่อนถอยหลังไปยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้านายตน  ผมหยิบมันมาแล้วใส่ลงไปในแก้วเหล้าที่สมัครดื่มเหลือไว้  ผมยิ้มมองสมัคร  มือขยับแก้วเหล้าไปมาเพื่อให้ของที่อยู่ในเหล้าละลายเข้าด้วยกันก่อนจะเลื่อนแก้วใบนี้ไปให้ตรงหน้ามัน  อีกฝ่ายมองด้วยสีหน้าหวาดระแวง

"การที่คนแก่อัปรีย์อย่างคุณ อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้น่ะ..ตายง่าย ๆ คงเร็วไปครับ" ผมยิ้มบอกนุ่ม ๆ

"ปกติผมไม่ค่อยได้เข้าครัวหรอก นาน ๆ ถึงจะมีคนโชคดีได้กินอาหารฝีมือของผมที" ผมพร่ำบอก

"..กินครับ" ผมสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ อีกฝ่ายหลบสายตาทันที

"เฮียครับ" ผมย้ำ  สมัครยังคงขดตัวไม่สบตา

"กูบอกให้กินซะ!" ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออดแต่มันก็ยังไม่ยอมขยับ

"สัตว์!!" ผมสบถเสียงดังลั่น  ลุกขึ้นคว้าแก้วแล้วพุ่งเข้าหาสมัคร  มันพยายามหนี  ผมจึงชกเข้าที่หน้ามันอย่างแรงอีกครั้งจนมันเซไป

"กูบอกให้มึงแดกเข้าไป!" ผมตะคอกดังลั่น  เข้าไปล็อกคอมันขึ้นมาพร้อมกับบีบหน้ามันเพื่อให้อ้าปากออก  สมัครปิดปากแน่นและพยายามดิ้นหนีสุดแรงที่ตัวมันมีจนตาเหลือก  หน้าตาของมันในตอนนี้อุบาทว์มากไร้คำบรรยาย  จนแม้แต่ผมเองก็ยังรู้สึกขยะแขยงที่ต้องแตะต้องมันซะด้วยซ้ำ 

"ไฟ! ลุงขอ พอเถอะ!" เสี่ยยุทธเข้ามาห้ามหน้าเสียไม่แพ้คนที่กำลังจะถูกกรอกยาอยู่นี้  สมัครดิ้นยกใหญ่  ผมจึงรัดคอมันไว้แน่นจนอีกฝ่ายเริ่มจะหายใจไม่ออก  ผมแสยะปาก  ช้อนตาขึ้นมองหน้าเสี่ยยุทธ  มันผงะไปเล็กน้อย

"งั้นก็กินแทนมันไหมล่ะ" ผมถามตาวาว  คนถูกถามก้มหน้าลง

"ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม! ว่าจะให้ท้ายใคร ก็อย่าให้มันเกินเลย!" ผมตวาดใส่เสี่ยยุทธอย่างเหลืออด  ที่วัน ๆ สติปัญญาของมันเอาแต่แก่ลดถอยลงไปตามอายุจริง ๆ ไม่ได้มีพัฒนาการที่ดีไปตามอายุขัยบ้างเลย

"ระยำเอ๊ย!" ผมสบถแล้วราดแก้วเหล้าลงบนหน้าไอ้แก่นี่  สมัครดิ้นพล่านพยายามหันหน้าหนีลูกเดียว 



ผลัวะ! ....ผมซัดเข้าที่หน้าสมัครอย่างระบายอารมณ์เพราะรู้สึกว่าใจตัวเองยังคงครุกรุ่นเหมือนกับว่ายังมีอีกและมีอีก  อารมณ์ที่ไม่หมดลงง่าย ๆ เสียที  หมัดแล้วหมัดเล่าที่ผมปล่อยไปจนอีกฝ่ายนอนจมกองเลือดอยู่บนโซฟา  เมื่อสบายใจแล้ว  ผมถึงปล่อยมันออกแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม  ทุกอย่างเงียบลงสนิท

"นึกว่าผมไม่รู้รึไง..ว่าคุณน่ะ ก็รู้เห็นเรื่องวางเพลิง" ผมพูดขึ้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ในกล่อง  นำมาเช็ดเลือดที่มืออย่างเนิบช้า  สมัครกระเสือกกระสนเหมือนคนไม่ได้สติ  มันสำลักเลือดออกมาเต็มโซฟา  ลูกน้องของสมัครเข้ามาก้มดูอาการอย่างเป็นห่วงแต่เมื่อผมมองขวางไปที่พวกมัน  ทุกคนก็หยุดมือและไม่ได้ช่วยอะไรอย่างที่ควร

"ใช่..ลุงรู้" เสี่ยยุทธตอบด้วยน้ำเสียงสนิทสนมจนผมรู้สึกสะอิดสะเอียน  หลายครั้งผมเคยสงสัยในตัวเองว่าทำไมผมถึงได้ไม่เคยรู้สึกสนิทใจกับผู้ชายอย่างเสี่ยยุทธเลยกันนะ  มีเรื่องทีก็ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จที  แกไม่เบื่อบ้างรึไงเวลาที่ต้องปั้นหน้าน่ะ

"แต่ลุงไม่รู้ว่านั่นเป็นคนของไฟ ถ้าลุงรู้..ลุงก็คงไม่ให้ทำ" เสี่ยรีบพูดแก้ตัวยกใหญ่

"ฮึ.." ผมก้มหน้าหัวเราะขึ้นจมูกพร้อมกับลูบหน้าตัวเองอย่างเหลือเชื่อที่ได้ยิน

"น่าชื่นชมจริง ๆ" ผมเงยหน้ายิ้มกว้างให้  เสี่ยยุทธหน้าเจื่อนลง

"งั้นผมจะขอพูดตรง ๆ อีกครั้ง"

"เพื่อแลกกับเงินห้าแสน..และความสงบสุข ของเราทั้งคู่" ผมพูดพร้อมหันไปมองหน้าสมัครอย่างใจเย็น  มันที่พอได้สติอยู่บ้างก็สบตาผมกลับเช่นกัน

"ผมขอให้เฮีย เลิกยุ่งกับค่ายมวยศรไกรอย่างเด็ดขาด ผมขอแค่นี้..ได้ไหม" ผมถาม  น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำในทุกคำพูด  สมัครนอนนิ่ง

"ได้สิ" เสี่ยยุทธนั่งลงเสมอผมและรีบตอบแทนอย่างดีใจ

"ผมถามเค้าน่ะ.." ผมพยักหน้าไปทางไอ้แก่ที่นอนอาบเลือดอยู่

"ไอ้หมัก ตอบสิวะ" เสี่ยยุทธเข้าไปก้มลงถามเรียกสติเพื่อนของตน  สมัครพยักหน้ารับน้อย ๆ เท่านั้น

"ผมต้องรบกวนขอให้เสี่ยเป็นพยานให้ด้วยแล้วกัน" ผมเงยหน้าพูดบอกเสี่ยทรัพย์  เสี่ยทรัพย์ยืนนิ่งมองก่อนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

"ผมไม่เคยผิดคำพูด และก็ไม่ชอบเสียเวลากับคนที่ไม่ต้องการสุงสิงด้วย ถ้าผมบอกว่าผมไม่ทำ คือผมจะไม่แตะต้องคนของเฮียแม้แต่ปลายเล็บ..ดังนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับค่ายมวยศรไกรอีก..ผมจะถือว่าเฮีย ประกาศศึกกับผม" ผมบอก  พ่อสอนกับผมเสมอว่า.."พูดไว้อย่างไร ให้ปฏิบัติอย่างนั้น" ตลอดมาผมจำได้ดีขึ้นใจไม่เคยลืม

"ไฟสบายใจได้ เดี๋ยวลุงจัดการเอง" เสี่ยยุทธยิ้มรับ  ผมไม่ได้ว่าอะไรก่อนจะลุกขึ้นยืน

"แต่อ้อ..ขอบอกไว้ก่อนว่า เรื่องลูกชายของเฮียน่ะ" ผมหันกลับไปมองหน้าสมัคร 

"ผมไม่เคยยุ่ง ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเค้าละก็..ขอให้ทราบ ว่านั่นไม่ใช่ฝีมือของผม เรื่องนี้เฮียต้องไปถามลูกชายเฮียดู ว่าไปเล่นใครเค้าไว้บ้าง" ผมพูดเตือนก่อนหันไปมองไอ้ป้องช้า ๆ มันยืนกุมแขนตัวเองที่เปื้อนเลือดอยู่ด้วยใบหน้าซีด

"ส่วนมึง.." ผมชี้หน้ามันโดยเฉพาะเจาะจงเพราะถ้ามันไม่คิดอะไรสาระเลว  เพื่อนมันก็คงไม่ทำตามแน่

"หัดควบคุมนิสัยหน้าตัวเมียไว้หน่อยก็ดี น้องสาวมึงจะได้ปลอดภัยด้วย" ผมพูดบอก  ไอ้ป้องมองผมตาโตด้วยความตื่นตกใจที่ผมดันรู้ว่ามันมีน้องสาวด้วย 

"มึงทำยังไง..กูก็จะให้มึงอย่างนั้น จะเอาให้หาพ่อให้หลานมึงไม่ได้เลย ดีไหม..หรือว่ามึงอยากได้ผัวแทนน้องมึง กูก็ให้ได้ทั้งนั้น" ผมยิ้มกว้างให้ทิ้งท้าย  ไอ้ป้องกัดฟันแน่น  ไม่รู้โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้หรืออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่  ผมนับเงินออกมายื่นไปให้ลูกน้องของเสี่ยทรัพย์ 

"ลาละครับเสี่ย ขอโทษด้วยที่ทำให้วุ่นวาย" ผมยกมือไหว้ลาเสี่ยทรัพย์  เสี่ยพยักหน้าเล็กน้อยแค่นั้น  ผมเดินออกมาพร้อมพี่ธาน  ลูกน้องคนอื่น ๆ ที่นั่งกระจายดูสถานการณ์อยู่ในแต่ละจุดพากันลุกขึ้นพร้อมกันและเดินตามหลังผมมา

"พวกมึงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ" ผมบอกพวกไอ้เข้มและคนอื่น ๆ

"ระวังตัวด้วย" ผมบอกไอ้เข้มเป็นพิเศษเพราะมันกับลูกน้องขับมอเตอร์ไซด์แยกกันมา 

"ครับนาย" ไอ้เข้มก้มหัวให้ 

"คุณจะไปไหนครับ" พี่ธานถาม

"จะไปดูหมอนั่นหน่อยน่ะ" ผมตอบห้วน ๆ พี่ธานพยักหน้ารับเหมือนกับเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วเปิดประตูรถให้ผม  ไอ้เด่นขับรถตรงไปที่บ้านสมุทรอย่างรู้หน้าที่  เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุอีกครั้ง  ชาวบ้านบางส่วนแยกย้ายกันไปบ้างแล้ว  เพลิงไฟก็ถูกดับสนิทหมดแล้วด้วย  ผมพลิกดูนาฬิกามันบอกเวลาเกือบจะตีสี่เข้าไปแล้ว  ผมสั่งให้ไอ้เด่นอยู่เฝ้าอยู่ที่รถแล้วเดินออกมากับพี่ธาน  โดยเลือกที่จะเดินไปดูความเรียบร้อยที่ค่ายมวยก่อนอันดับแรก  ที่นั่นไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว  ในส่วนของค่ายไหม้ไปเกือบหมดแต่ดีที่ตรงส่วนของบ้านพักไหม้ไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น  แต่ดูท่าแล้วคงจะยังไม่สามารถเข้าพักได้เร็ว ๆ นี้แน่  คงต้องซ่อมแซมใหม่ทั้งหมด  ขนาดผมยืนมองอยู่ห่าง ๆ กลิ่นไหม้คลุ้งแสบจมูกจนต้องเดินหนี

ผมก้าวเท้าเดินตรงไปทางบ้านของสมุทรต่อทันทีโดยไม่พูดอะไร  พี่ธานเดินตามมาเงียบ ๆ ไม่ห่าง  ผมแค่อยากไปดูหน่อยว่าอีกฝ่ายยังอยู่ที่บ้านหรือว่าอาจจะไปช่วยคนในค่ายก็อาจเป็นไปได้  ระหว่างทางค่อนข้างเงียบมาก  มีบางบ้านที่เพิ่งตื่นนอนและบางบ้านคงเพิ่งจะได้เข้านอน 

เมื่อผมเดินไปใกล้ถึงหน้าบ้านของสมุทรก็ต้องหยุดชะงักเพราะเห็นว่าเจ้าตัวนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านเงียบ ๆ อยู่คนเดียวคล้ายกับคิดอะไรอยู่  อีกฝ่ายนั่งคอตกหมดสภาพในชุดเดิมที่ผมเห็นก่อนหน้านี้  ประตูบ้านของเขาปิดสนิท  ผมยืนมองอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก  ยืนอยู่อย่างนั้นจนสมุทรเงยหน้าหันมาเห็นผมเข้าพอดี  เพียงพริบตาเดียวสีหน้าของเขาที่ดูอิดโรยก็เปลี่ยนไป  สีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  ดูเหมือนว่าผมน่าจะรอคอยที่จะเห็นสีหน้าแบบนี้มานานแล้ว  เพียงแต่พยายามกวนเท่าไหร่ใบหน้านี้ก็ไม่เคยหลุดทำให้ผมได้เห็นเสียที 

สมุทรลุกขึ้นพร้อมเดินปรี่เข้ามาหาผมด้วยท่าทางโกรธจัด  ใช่..ดูท่าจะเดือดมากทีเดียว  ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม  อมยิ้มรอและไม่แม้แต่จะขยับตัวแม้แต่ก้าวเดียว  เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะทำอะไรและผมต้องการมองให้เต็มตา.. 



ผลัวะ! ....สมุทรปล่อยหมัดซ้ายเข้ามาเต็มแรง 

"คุณไฟ" พี่ธานอุทานเมื่อเห็นว่าผมเซไปไม่เป็นท่า  หึ..หมัดนี้ที่รอคอย  สะใจจริง ๆ 

ผลัวะ!!  ....ผมหันตัวกลับไป  เมื่อตั้งหลักได้จึงสวนหมัดขวากลับเข้าใส่อีกฝ่ายทันควัน!



..........ไฟ............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 13-11-2015 20:01:16
อย่าให้พี่ไฟโกรธ  :fire:
อ่านแบบลุ้นทุกบรรทัด พี่ไฟสุดเหี้ยม  o13
ขำ หมัดนี้ที่รอคอย 55555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 13-11-2015 20:12:55
คุ้มค่ากับการรอคอย ยาวมากๆๆ
ไฟ สมุทร คือดีงาม รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 13-11-2015 20:15:54
ชอบไฟอะ คิดดี แม้จะทำไม่ค่อยดีก็เหอะ XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 13-11-2015 20:42:04
ต่อด่วนๆๆๆ :angry2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-11-2015 20:44:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 13-11-2015 20:49:00
หมัดนี่ที่รอคอยยย 5555
เค้าก็รอไฟเหมือนกัน~~~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Moonwish ที่ 13-11-2015 21:31:23
ขนาดรอหมัดเลยทีเดียว
เป็นเอามากนะไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 13-11-2015 21:42:32
ไฟมาแล้วชอบๆลุ้นมันมาก  :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 13-11-2015 21:43:19
หมัดนี้ที่รอคอย
ตลก
พี่ไฟนี่มันพี่ไฟจริงๆ
กวนยังไงอย่างนั้นเลย 5555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 14-11-2015 01:49:35
จะญาติดีกันได้เมื่อไหร่ เจอกันทีไรมีเรื่องตลอด :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 14-11-2015 03:07:30
สมุทร ใจเย็นลูกก
คนเผาน่ะทีมอีตาเสี่ยพุงพลุ้ยโน่นน ไม่ใช่ไฟน้าา T T
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 14-11-2015 03:48:10
ปิดทองหลังพระนะไฟ  สมุทรคิดว่าไฟทำซะละมั้ง 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 14-11-2015 06:59:29
เป็นไฟสมชื่อจริงๆ  เมื่อไหร่สมุทรจะได้มีบทเยอะๆๆรอลุ้นความสนุกแบบโหดๆของสองหนุ่ม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 14-11-2015 07:50:14
ไฟไปยั่วสมุทรเค้าโกรธนะ แต่สมเป็นไฟจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-11-2015 09:20:09
ลุ้นหนักมากเลยจริงๆ
กับไฟโหมดนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 14-11-2015 11:40:34
นุ้งพายู้ววววววว ม๊วฟ กวนทีนคุณย่าน่าร๊ากกกได้ใจเจ้

แมนโหดแบบเท่โค-ตะ-ระได้อีกนะคะคุณพี่ไฟ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ชอบอ่ะ ((นี่ตูซาดิสถ์ใช่ม๊าย))
พี่ไฟยอมให้คุณย่าเข้าใจว่าเป็นเกย์เพื่อกลบเกลื่อนตัดฟามรำคาญ แต่ก็ดีนะคะปูทางไว้ก่อน เวลาพาแฟนไปพบคุณย่าจะได้ไม่หัวใจ XYZ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ตั้งตารอบทสนทนาของคู่เอกตอนต่อไปอย่างกระวนกระวาย

ขอบคุณเบบี้จ่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 14-11-2015 12:01:51
แปะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 14-11-2015 14:38:26
บรึ๊ย...คุณไฟโหดดดดดดดดดด มากกกกกกกกกกก







น่ากลัวเกินไปแล้วนะ  พี่ธานอยู่กับคุณไฟมากไป โรคจิตติดโหดเหมือนกันเลย







เพิ่งรู้ว่าคุณไฟอยากโดนหมัดสมุทรมาก ขนาดโดนแล้วฟินเลยทีเดียว






พี่ธาน ไม่อยากโดนคุณไฟกด แต่อยาก กดน้องพายุ ใช่ใหม คริๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-11-2015 15:33:31
กริ๊ดดดดดดคิดถึงพี่ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 14-11-2015 15:34:29
สมุทรต้องคืดว่าไฟทำชัว  ส่วนไฟตอนนี้เธอน่ากลัวมากค่ะ แอบเปนกังวลว่าพวกนี้มันจะมาแก้แค้นอีก ขอให้ไฟรับมือได้นะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 14-11-2015 16:14:22
ไฟออกแนวมาโซคิสม์นะคะ  รอหมัดเด็ดจากสมุทรนี่เอง  o18 เมื่อไหร่จะได้พูดจากันดี ๆ สักทีล่ะเนี่ย


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 14-11-2015 17:22:59
รอค่ะ
ขอให้ไฟรุกด้วยเถอะ อยากเห็นสมุทร ระทวย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 14-11-2015 23:02:58
กว่าจะรักกันคงมีใครซักคนช้ำในตาย :hao3:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 15-11-2015 01:13:28
น้ำกับไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 15-11-2015 13:46:44
ทำไมตัดจบแบบนี้ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


พายุกวนติงย่า กร๊ากกกก น่าเอ็นดูจริงๆ เป็นปากเป็นเสียงแทนพี่ไฟได้ เก่งมากลูก
พี่ไฟบอก "ไม่อยากเสียเวลาทำงานมานั่งใส่ใจใคร" แต่ไปเฝ้าสมุทรที่บ้านทุกวัน 55555 ก็แซวเล่นโนะะะะ
แล้วที่บอก "การได้หลงไหลใครแบบไม่ได้ตั้งตัวน่าสนใจกว่า" ...ตอนนี้พี่ก็หลงแบบไม่รู้ตัวอยู่นะ รู้ยัง 55555


ชอบพี่ไฟดุดิน ชอบ ดุเยอะๆ ให้หงอมากๆจะได้ไม่กล้าซ่าอีก

ไอ้พวกคนแก่ไร้สมองทั้งหลายนี่ก็เหมือนกัน มันต้องเจอคนจริงแบบนี้แหละ สะใจจริงๆ
แต่เสียดายไม่ได้ตังห้าแสน น่าจะเอามาด้วย...

สมุทรคิดว่าพี่ไฟเป็นคนทำหรอ หรือคิดว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะพี่ไฟเข้ามายุ่ง
อย่าตีกันเลย พี่ไฟหวังดีนะคะ ถึงจะหวังดีด้วยวิธีแปลกๆไปหน่อย


ตอนหน้ามันส์แน่ รีบมาต่อด้วยนะ
หายปวดหลัง เพี้ยงๆ เยิฟยู  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 16-11-2015 21:40:36
ตอนนี้ทำให้รู้ว่าเฮียไฟดุกว่าหมาอีก  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 17-11-2015 21:06:16
อื้อหือ นึกว่าดูหนังมาเฟียอยู่
ไฟโหดได้ใจมากกก
แล้วก็กวนตีนมากเช่นเดียวกัน 55555
สมุทรใจเย็นๆน้าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-11-2015 17:21:39
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 22-11-2015 05:28:29
มารอค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-11-2015 12:14:26
มา






รอ







คุณไฟ







จน







ตะคริว







กินขาแล้ว







มายัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-11-2015 13:05:48
ตอนที่ 10
..ไฟ..




ผลัวะ!! ....ผมหันไปตั้งหลักได้ก็สวนหมัดกลับเข้าใส่อีกฝ่ายทันควัน!

ทันทีที่ผมปล่อยหมัดออกไปจนสมุทรเซไปอีกด้านผมก็เข้าไปคว้าคอเสื้อสมุทรขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อให้เขาเข้ามาสู้กันต่อ  ความรู้สึกสะใจที่โดนอีกฝ่ายซัดมาเต็มเหนี่ยวขนาดนี้  ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว  สมุทรกัดฟันแน่นด้วยท่าทางแค้นจัดจนผมดูออกได้ง่าย ๆ ว่าเขากำลังเข้าใจผิดอะไรผมอยู่

"เอาซี่ กูเป็นคนเผาค่ายมึงเองแหละ" ผมแสยะยิ้มกว้างอย่างท้าทายอารมณ์  อีกฝ่ายถลึงตาโต
 
"ไอ้ระยำเอ๊ย!" สมุทรสบถเสียงดังลั่น  ตาของเขาเหมือนจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว  สีหน้าที่โมโหอย่างสุดขีดนั้นแดงก่ำจนแม้แต่เวลาเช้ามืดอย่างนี้ก็เห็นใบหน้านี้ได้ชัด  สิ้นเสียงสบถ  สมุทรก็ปล่อยมัดซ้ายและขวาเข้าที่หน้าผมอย่างรวดเร็วไม่เว้นเพียงเสี้ยววินาที  ผมตั้งใจทิ้งกาดลงแบบไม่คิดจะสู้ต่อ  ยืนตั้งรับอย่างนั้นเพราะอยากรับรู้ว่าเขาจะมีดีสักแค่ไหน

เวลาผ่านไปเพียงครู่  เมื่อผมลิ้มรสหมัดขอสมุทรได้เต็มที่แล้ว  ผมก็เริ่มตอบกลับอีกครั้ง  เพราะถ้าไม่สู้ต่อในจังหวะนี้ผมเองก็คงทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน  เราสองคนต่างฝ่ายต่างต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ  ผมถีบสมุทรจนตัวเขากระเด็นไปไกล  อีกฝ่ายลุกขึ้นได้ทันทีแล้วพุ่งเข้าหาผมทำท่าจะสวนหมัดหงายมาแบบเต็มเหนี่ยว  ผมหลบหมัดด้วยความไว  เพราะถ้าโดนหมัดนี้เข้าตรง ๆ มีหวังผมได้น็อกเอ้าท์ก่อนจบเกมเป็นแน่  หมัดของสมุทรเฉี่ยวปลายคางผมไปเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น  ความแรงของหมัดที่เฉี่ยวปลายคางถึงกับทำให้ผมที่หลบหลีกถึงกับล้มลงกับพื้น  ทันทีนั้นเอง  สมุทรก็เข้ามาคร่อมผมพร้อมปล่อยหมัดรัวต่อไม่ยั้งมือ  ผมนอนยิ้มกว้างให้  เห็นสมุทรที่กำลังต่อยคนอื่นอย่างเหนือกว่า  แต่สีหน้ากลับดูไม่ได้เอาซะเลย

"หึ..ก็ห่วยแตกแบบนี้ไง ค่ายมึงถึงไม่ไปไหน" ผมยั่วอารมณ์ไม่หยุด  และไม่พูดเปล่า  หาจังหวะชกกลับแล้วลุกขึ้นสู้ทันที  เราปล้ำกันอยู่อย่างนั้นกลางถนนอยู่ครู่ใหญ่  จนดูเหมือนต่างก็เริ่มหอบเหนื่อยใกล้หมดแรงกันทั้งคู่  ผมและสมุทรนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นประชันหน้ากัน  เลือดออกที่ปากและจมูกของเขา  สมุทรเหลือบสายตามองมาที่ผมตาขวาง  จากใบหน้าปกติที่ดูนิ่งขรึมและสุภาพ  ตอนนี้กลับมีสายตาดุดัน  และดูหยิ่งผยองในแบบที่ผมคิดไว้ไม่มีผิดว่า.. ที่จริงแล้วเบื้องลึกของผู้ชายคนนี้อาจเป็นคนที่มีสายตาแบบนี้ประจำตัวอยู่เป็นทุนอยู่แล้วก็เป็นได้  ไม่ใช่ผู้ชายไม่รู้ร้อนรู้หนาวใจเย็นได้ตลอดเวลาอย่างที่เคยเห็น 

ผมหัวเราะออกมาอย่างไม่มีสาเหตุก่อนถุยน้ำลายลงพื้นส่ง ๆ ไปและก็พบว่าเลือดได้ปนออกมาด้วยจาง ๆ เราต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกัน  ใช่แล้ว..ผมไม่ยอมให้มันจบอยู่แค่นี้หรอก  สำหรับหมอนี่..ฝีมือไม่ใช่มีแค่ที่เห็นนี้เป็นแน่  อย่างน้อย..เขาก็มีสายเลือดจากลุงยอดอยู่น่ะนะ

"เพื่อนในค่ายมุดหัวไปนอนที่ไหนกันล่ะ หึ..เกินคาดแฮะ ที่จริงกะว่าจะไหม้หมดซะอีก" ผมขมวดคิ้ว  พูดปนหัวเราะ  นำมือขึ้นลูบปากที่เปื้อนเลือดตัวเองเบา ๆ ด้วยท่าทางกวนตีนไม่หยุด  ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ่งทำถึงยิ่งรู้สึกสะใจ

"นี่พวกมันคงไม่ได้ไปแย่งที่หมานอนหรอกใช่ไหม" ผมเลิกคิ้วถาม

"อ้าก!" สิ้นคำถามผม  เสียงร้องระบายอารมณ์จากคนตรงหน้าก็ดังลั่น  ไม่ทันที่ผมได้ตั้งตัว  หมัดซ้ายก็ลอยมาอย่างรวดเร็วคล้ายกับสายฟ้าแลบ



ผลัวะ!!!  ....หมัดสุดท้ายที่ปล่อยมาอย่างเต็มกำลังแรงที่มี  หนักหน่วงมากจนทำให้ผมทรุดลงกับพื้น

"คุณไฟ!" พี่ธานอุทานเสียงหลง  รีบนั่งลงมารับผมไว้ทันที  ผมเท้าแขนที่พอมีแรงไว้ที่พื้น  ก้มหน้ามองเลือดที่ไหลออกมาจากจมูกอย่างกับใครเปิดก๊อกน้ำ  พอเหลือบตามองไปที่ต้นเหตุ  อีกฝ่ายก็เดินหนีไปซะแล้ว

"ฮึ.. หึหึหึ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง  รู้สึกได้ถึงความสะใจที่ก่อตัวนั้นมีมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก  ผมทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นอีกครั้งหนึ่ง

"อะ เชี้ยเอ๊ย" ผมร้องด้วยความเจ็บ  ขณะเดียวกันก็อดขำไม่ได้ 

"นี่ครับ" พี่ธานหยิบผ้าเช็ดหน้าของพี่เขามายื่นให้  อีกฝ่ายขมวดคิ้วหน้าเครียดคงเพราะเป็นห่วงผมอีกตามเคย  ผมนำมันมาอุดจมูกไว้เพราะเลือดคงไม่หยุดไหลง่าย ๆ แน่  ที่ผ่านมามีเพียงนักมวยรุ่นใหญ่ไม่กี่คนที่สามารถชกผมเพียงไม่กี่หมัดแต่กลับทำให้เลือดไหลออกมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

"หึ ไม่คิดว่าตัวเองมีเลือดเยอะขนาดนี้นะเนี้ย" ผมกวนอารมณ์พี่ธาน  อีกฝ่ายส่ายหัวหน้างอเลย

"เดี๋ยว ๆ ๆ" ผมปรามพี่ธานไว้ก่อนเพราะพี่เขาจะพาผมลุกขึ้นนั่งในที่นั่งที่ดีกว่านี้  แต่ผมรู้สึกเหมือนตายังปรับแสงและการทรงตัวได้ไม่คงที่ดี  ถ้าลุกตอนนี้มีหน้ามืดแน่ ๆ

"ไหลเป็นน้ำเลย หึหึ..วู้!" ผมยิ้มบ่นอย่างชอบอกชอบใจที่เห็นเลือดตัวเองไหลหยดลงบนพื้นไม่หยุด  ผ้าเช็ดหน้าของพี่ธาน  ดูเหมือนจะเอาไม่อยู่ซะแล้ว

"คุณไฟ..คุณจะทำอะไรของคุณกันแน่ครับ แล้วไปยั่วอารมณ์เค้าแบบนั้น" พี่ธานเริ่มบ่น  นาน ๆ ทีที่พี่เขาจะบ่นเป็นตาแก่  เวลาที่พี่ธานเอ่ยปากบ่นแสดงว่าเต็มทนละมัง  ผมเองก็ชอบนะแบบนี้  รู้สึกเหมือนพ่อยังมีชีวิตอยู่ด้วย  ผมพยายามกลั้นหัวเราะ  พี่ธานมองมาหน้าเข้มเหมือนบอกให้ผมหยุดล้อเล่นเสียที

"ซี๊ด..เมื่อกี้เห็นไหม หมัดซ้ายเจ๋งเป็นบ้า!" ผมสบถพูดอย่างรู้สึกอย่างนี้จริง ๆ ตอนนี้ใจผมเต้นแทบระเบิดอย่างกับคนเพิ่งได้เจออะไรที่แปลกใหม่  ทั้งที่ก็ผ่านนักมวยมานับร้อย  แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเพิ่งได้เจอของที่อยากได้มานานอย่างนั้น  ความรู้สึกเร่าร้อนมันกระจัดกระจายไปทั่วอกจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก

พี่ธานอมยิ้มเหมือนเห็นด้วยกับความสวยงามของหมัดเหวี่ยงซ้ายเมื่อกี้นี้  ผมอ้าปากเพื่อขยับกรามตัวเองดูว่ามันยังโอเค  ใช้งานได้อยู่รึเปล่า 

"ผมว่าผมเจอคู่ซ้อมแล้วล่ะ" ผมหันไปยักคิ้วให้พี่ธาน  พี่ธานทำหน้าเซ็งบรมอีกครั้ง

"..เลือดลมสูบฉีดจนอกจะระเบิดอยู่แล้ว" ผมแสยะยิ้ม  ความรู้สึกสะใจแบบแปลก ๆ แบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วมันกำลังเต้นเร่า ๆ เหมือนอยากจะกระโดดโลดเต้นออกมาจากกรง  อะไรประมาณนั้นเลย

"กับการที่คุณชกไม่จริงจังเมื่อกี้นี้น่ะนะ" พี่ธานบ่น

"ไม่จริงจังเหรอ..เมื่อกี้นี้ผมจริงจังมากเลยนะ" ผมตีหน้าซื่อ

"กวนเค้าจริงจังน่ะสิ" พี่ธานต่อว่า  ผมหัวเราะอย่างไม่ปฏิเสธแล้วนำผ้าเช็ดหน้าออกมาดู  เลือดชุ่มจนผ้าเช็ดหน้าเปียกไม่เหลือพื้นที่ ๆ ควรจะสะอาด  ผมเงยหน้าอยู่ครู่หนึ่ง  พี่ธานเอื้อมมือมาแตะที่จมูกและใบหน้าของผมอย่างเบามือ

"ขอโทษนะครับ" พี่ธานพูด  ผมนั่งนิ่งเพราะอีกฝ่ายคงสำรวจดูว่าทุกอย่างของผมจะยังโอเค

"ไม่หักครับ..ได้อีกยก" พี่ธานว่าเสียดให้  ผมอมยิ้มมองพี่ธานอย่างเจ้าเล่ห์  พี่ธานส่ายหัวยิ้มอย่างเสียไม่ได้

"เฮ้อ..คุณนี่ก็ ตั้งใจปล่อยเลยสินะครับ นี่ดีนะครับที่ขากรรไกรไม่หัก" พี่ธานบ่น

"เอาน่า ก็ไม่ได้หักสักหน่อย" ผมตอบปัดไปที

"ปล่อยให้เค้าชกแบบนั้นทำไมครับ" พี่ธานตีหน้าเข้มถามด้วยใบหน้าจริงจังเอาคำตอบ  ผมเอียงหน้าหนีเล็กน้อย

"เวลาอีกฝ่ายโมโหน่ะ ท่อนล่างผมร้อนวูบวาบยังไงบอกไม่ถูก" ผมพูดขึ้นคนละเรื่อง  พร้อมทำเสียงกระเส่าประกอบบอกพี่ธานด้วย  ถึงแม้จะไม่ใช่คำตอบตรงตามที่พี่ธานต้องการ  แต่ก็ไม่ใช่การโกหกจากผม..เพราะผมรู้สึกเป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ

"หึหึหึ" พี่ธานนำมือปิดหน้าและหัวเราะเหมือนอดไม่ได้  ผมอมยิ้มและลุกขึ้น

"ฝีมือไม่เบาเลย ตัวแน่นอย่างกับหิน" พี่ธานพูดชมถึงคนที่หายตัวไปแล้ว

"ผมคิดว่าเค้าเป็นลูกไม้ที่พยายามหล่นให้ไกลต้นน่ะ" ผมพูดอย่างมั่นใจ

"นั่นน่ะสิครับ" พี่ธานเห็นด้วย

"ไม่แน่ อาจเก่งกว่าคุณก็ได้นะครับ..ก็ลูกลุงยอดนี่นะ" พี่ธานทำหน้ากวน

"โอ้..พูดได้ดีนี่ครับพี่ใหญ่ โบนัสสิบเปอร์เซ็นต์ปีนี้น่ะ หักยกให้ไอ้เด่นเอาไปกินขนมแล้วกันนะ" ผมย้อนตอบทันที  พี่ธานหัวเราะ

"ให้ไอ้เข้มแทนได้ไหม ผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บใจเท่าไหร่" พี่ธานว่า

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะชอบใจ

"แล้วเดินไปไหนละนั่น" ผมบ่นถึงสมุทร

"ให้ผมไปตามไหมครับ" พี่ธานถาม  ผมพยักหน้าอนุญาต

"อยู่นี่ก็อย่าเล่นสนุกอะไรอีกล่ะครับ" พี่ธานที่กำลังจะเดินไป  หยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมาว่าปราม

"นี่ยังมีอะไรน่าสนุกมากกว่าทำให้หมอนั่นโมโหได้อีกเหรอ" ผมย้อนอย่างไม่แคร์  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายอ่อนใจก่อนเดินไป
ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าบ้านของสมุทร  ประตูบ้านของเขาปิดเงียบสนิท  พี่ธานเดินตามไปทางซอยเข้าไปด้านใน  ผมนั่งเช็ดเลือด  ขณะนี้เงียบมาก  ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นบ้างแล้วทำให้มองเห็นบริเวณรอบ ๆ นี้ได้ชัดเจนมากขึ้น  ผมมองนาฬิกาและเริ่มจับเวลา  ถ้าจะบอกว่าผมเป็นคนชอบจับเวลาก็คงอย่างนั้น  พี่ธานหายไปประมาณครึ่งชั่วโมง  ถ้านานเกินกว่านี้ผมกะว่าผมจะออกไปตามเอง  สุดท้ายพี่เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับสมุทรที่หน้าแดงด้วยรอยช้ำ  เลือดของเขาก็หายสนิทเช่นเดียวกันกับผม 

สมุทรเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า  อีกฝ่ายมองผมด้วยสายตาที่ดูจะสำนึกผิด  ใบหน้าเรียบนิ่งตามเคย  สงสัยพี่ธานคงจะเล่าอะไร ๆ ให้ฟังแล้วอย่างแน่นอน  มันน่าแปลกใจตรงที่  ไม่ว่าใครจะไปว่าแดกดันหรือยั่วอารมณ์เขาเกี่ยวกับข้อด้อยที่เขามีมากเท่าไหร่  เขากลับไม่โมโหหรือโกรธเคืองอยากเอาความ  แต่พอเป็นเรื่องของคนอื่นกลับปล่อยธาตุแท้ออกมาซะอย่างนั้น

"ฉันก็เคยแอบคิดว่านายน่าจะฉลาดเหมือนพ่อ แต่กลับโง่เง่าสิ้นดี" ผมฉีกยิ้มพูด  สมุทรนิ่งเงียบ  ไม่มีสีหน้าตอบโต้กลับใด ๆ ไม่มีแม้แต่สีหน้าที่โมโหเดือดแค้นอย่างก่อนหน้า  ปฏิกิริยาแบบนี้  สีหน้าแบบเดิมกลับมาอีกแล้ว 

"คิดว่าตัวเองเป็นใคร.." ผมเหลือกตามองและอมยิ้มอย่างดูหมิ่น

"นายคิดว่าตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ฉันต้องลงแรงทำเพื่อให้ได้ตัวนายมาครอบครองงั้นเหรอ..ขนาดนั้นเลย หึหึ..ถ้าเป็นน้องสาวนายก็ว่าไปอย่าง" ผมหัวเราะ

"นี่คุณ!" สมุทรขึ้นเสียง  คิ้วขมวดมองผมอย่างมีอารมณ์อีกครั้ง

"อย่ายุ่งกับน้องสาวผม" เขาพูดเสียงเข้มด้วยใบหน้าเอาจริง

"ครับ ๆ" ผมยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ทั้งสองมือ  น้องสาวสมุทรจะจัดว่าเป็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่งเลยก็ว่าได้  แต่ไม่ได้ตรงสเปกผมเลยแม้แต่น้อย  ผิดกับอีกคนที่กำลังสามารถต้อนอารมณ์ผมไปซ้ายทีขวาทีได้อย่างที่เจ้าตัวเองก็เหมือนจะไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ 

"........." เพียงครู่หนึ่งสมุทรก็นิ่งไปอย่างกับเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผมจะไม่ยุ่งกับน้องสาวของเขาจริง ๆ ตามที่ผมพูด  สมุทรมองหน้าผมก่อนเหลือบไปมองพี่ธาน

"เดี๋ยวผมไปเอากล่องยามาทำแผลให้" สมุทรพูดแล้วเดินไปที่ประตูบ้านทันที  ผมปิดปากนั่งลงหัวเราะแบบไม่มีสาเหตุ  พี่ธานส่ายหัวมอง  ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองตามสมุทรที่ยืนไขกุญแจบ้านก่อนเดินเข้าบ้านไป  คาดว่าคนในบ้านคงยังไม่ตื่นเพราะในบ้านยังเงียบสนิทอยู่  พี่ธานนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ห่างจากผมประมาณหนึ่งเมตรได้

"คุณไฟชอบสมุทรเหรอ" พี่ธานอมยิ้มเจ้าเล่ห์

"เป็นการเดาที่ดีนี่ครับ..พี่ใหญ่" ผมย้ำเสียงพูดประชดแต่ยังคงอดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ด้วยไม่ได้  พี่ธานหัวเราะในลำคอ  เราทั้งสองมองตากันยิ้ม ๆ และก็เงียบปากลงทันทีเมื่อสมุทรเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับกล่องยาสามัญประจำบ้าน

"พี่สมุทร~" เสียงเรียกงัวเงียดังมาจากด้านใน  สมุทรที่กำลังจะใส่รองเท้าชะงักหันไปมอง

"อ่าว รีบตื่นมาทำไม" สมุทรทักแล้วรีบเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งเพื่อไปหาน้องชายตน  เมฆเดินขยี้ตาออกมา 

"จะไปไหน" เมฆถามเสียงเครือ  น้องมันเหลือบสายตามาเห็นผมเข้าพอดี  อีกฝ่ายชะงักตาโตอย่างกับเห็นผี  สมุทรเข้าไปอุ้มน้องชายตัวเองขึ้นทั้งที่มือก็ยังไม่วางกล่องยาเลย  ผมเลยทำหน้านิ่งยักคิ้วกวนไปทีหนึ่ง  เมฆก้มหน้าซุกเข้าที่ไหล่ของพี่ชายตัวเองอย่างต้องการหลบหน้าผมทันที 

"ไม่ได้ไปไหน พี่ก็อยู่หน้าบ้านนี่แหละ กลับขึ้นไปนอนก่อน..เดี๋ยวต้องไปวัดแต่เช้าเดี๋ยวก็ตื่นไม่ไหวหรอก" สมุทรพูดแกมบ่น  อุ้มเมฆกลับเข้าบ้านไป

"ว่าไปว่ามา..เราก็ไม่ได้เข้าวัดกันเลยนะครับ ตั้งแต่ที่คุณท่านเสีย" พี่ธานหันมาพูด  เราต่างมองหน้ากันนิ่ง  ความจริงก็อย่างที่พี่ธานว่านั่นละ

"อ่าว ผมก็คิดว่าเค้าเอาไว้เข้ากันเฉพาะตอนตายซะอีก" ผมกวนตอบไปงั้น  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ อย่างอ่อนใจ  รอบตัวคนที่ผมสัมผัสได้และรู้จักก็เห็นเป็นอย่างนั้น  คนส่วนใหญ่ถ้าไม่เข้าเฉพาะตอนที่มีใครตาย  ก็เข้าไปพึ่งพาเฉพาะตอนที่ตัวเองเดือนเนื้อร้อนใจอยากขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์  บางคนก็ไม่เคยเข้าไปเหยียบเลยจนตัวเองตายห่าจากโลกนี้ไปนั่นแหละ  คงมีเพียงคนส่วนน้อยในอีกมุมที่เข้าเป็นประจำ  ซึ่งมันจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์บนโลกนี้กันที่เข้าไปอย่างเต็มใจด้วยจิตที่เปี่ยมไปด้วยการให้และปฏิบัติดีอย่างเต็มร้อยน่ะนะ

สมุทรเดินกลับออกมาอีกครั้ง  เขานำกล่องยามาวางลงโต๊ะตรงหน้าผมแล้วเปิดกล่องออก  กล่องยาดูสะอาดสะอ้านดี  ด้านในก็เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างไม่น่าเชื่อ  ผมนั่งมองก่อนจะเหล่สายตาไปทางพี่ธานเล็กน้อย  อยู่ ๆก็รู้สึกแปลก ๆ กับความเงียบแบบนี้ยังไงบอกไม่ถูก  พี่ธานอมยิ้มตอบให้ผม  เป็นรอยยิ้มแบบที่พี่ธานเคยเตือนให้ผมเลิกยิ้มในลักษณะแบบนี้  ยิ้มแบบที่ถ้าไม่ได้ผุดบนใบหน้าของคนที่ชื่อว่าพี่ธานละก็  คนตรงหน้าคนนี้คงโดนผมถีบตกเก้าอี้ไปแล้ว  ผมผงกหน้าใส่พี่ธานอย่างต้องการความหมายในรอยยิ้ม  พี่ธานเบะปากผงกหน้าตอบด้วยท่าทีแบบเดียวกัน

"ผมไปรอที่รถแล้วกันนะครับ" พี่ธานลุกขึ้นพูดโต้ง ๆ

"เดี๋ยว" ผมเรียกไว้

"แล้วอย่าทะเลาะกันอีกล่ะ" พี่ธานสั่งเสียโดยไม่ฟังเสียงท้วงจากผมเลย 

"ครับ" สมุทรหันไปยิ้มตอบซะงั้น  ผมมองอย่างไม่เข้าใจว่าไอ้นี่มันครับอะไรของมัน 

"ฝากนายผมด้วย" พี่ธานผงกหัวยิ้มให้สมุทรอย่างเป็นมิตรก่อนเดินออกไปหน้าตาเฉยทั้งที่ปกติไม่ค่อยห่างจากตัวผมไปไหนถ้าไม่ได้สั่งแท้ ๆ ผมส่ายหัว  หันหน้าไปทางอื่น  สมุทรเปิดกล่อง  เริ่มนำยาต่าง ๆ ออกมาตั้งเรียงบนโต๊ะ  ผมหันหน้ากลับไปมองเขาตรง ๆ อีกฝ่ายเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าผม  เรานั่งใกล้กันเพียงคืบเดียวเท่านั้น 

"เดี๋ยวผมทำให้แล้วกัน" สมุทรพูดขึ้น  ผมพยักหน้ารับเท่านั้น  เมื่อไม่มีพี่ธานความเงียบที่ก่อตัวขึ้นทีละนิด ๆ จึงเริ่มมีกลิ่นแปลกผิดปกติไปมากกว่าเดิม  สิ่งผิดปกตินี้ที่ผมคงรับรู้ได้อยู่เพียงคนเดียวรึเปล่าไม่ทราบ  จู่ ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าผมทำตัวไม่ถูกขึ้นมาอย่างไรพิกล  ทั้งที่ปกติอาการแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยากมากสุดขีดทะลุฟ้าเลยด้วยซ้ำ 

ผมเหลือบมองไปที่มือของสมุทรที่ช้ำไปด้วยแผลยังคงหยิบจับสิ่งต่าง ๆ อย่างใจเย็น  เขาหยิบสำลีนำไปชุบน้ำสะอาดในแก้วที่เตรียมมา  ก่อนนำมาเช็ดคราบเลือดที่ปากและจมูกให้ผมอย่างเบามือ  ผมนั่งเฉย  ตามองต่ำลงไปที่พื้นไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็เมื่อรู้สึกเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจ้องหน้าผมอยู่  ผมจึงเหลือบตาขึ้นมอง  สมุทรหลบตาผมในทันที  ผมมองหน้าเขาอยู่อย่างนั้นพลางอมยิ้มในใจ  สายตาขอเขาจับจ้องมาที่แผลบนใบหน้าผมหน้าตาเฉย  ทั้งที่เจ้าตัวก็น่าจะรู้ว่าระหว่างนั้นผมนั่งจ้องหน้าเขาแทบไม่ละสายตาเลยทีเดียว

เราทั้งคู่ยังคงนั่งประชันหน้ากันโดยไร้บทสนทนาใด ๆ ความเงียบดูเหมือนจะไม่ใช่อุปสรรคทั้งผมและเขา  อีกทั้งสมุทรดูจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาของผม  ทั้งที่ผมก็นั่งจ้องไม่กะพริบจนผิดปกติเสียขนาดนี้  เมื่อสมุทรจัดการเช็ดเลือดให้ผมเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับนำแอลกอฮอล์ล้างแผลให้ด้วย  เสร็จจากนี้เขาก็ลุกกลับเข้าไปในบ้าน  เดินออกมาอีกทีพร้อมกับกระติกน้ำใบเล็กที่น่าจะใส่น้ำแข็งมาด้วย  สมุทรนำกระติกมาวางไว้บนโต๊ะก่อนนำผ้าขาวสะอาดออกมา  หยิบน้ำแข็งวางลงบนผ้าก่อนยื่นมาให้ผมเหมือนบอกให้ผมทำด้วยตัวเอง  ผมรับมาแล้วประคบไปที่แผลที่ฟกช้ำอย่างเบามือ  รู้สึกเจ็บและปวดเหมือนกันแต่ก็ทนได้

"นายอยากให้ฉันทำแผลให้นายด้วยไหม" ผมมองเจ้าเล่ห์

"ไม่ต้องละ ผมทำเองถนัดกว่า..ขอบคุณ" สมุทรตอบเสียงเรียบ

"ก็ดี" ผมเบะปากผงกหัวรับอย่างไม่แคร์อะไรนัก  สมุทรนั่งลงพร้อมกับที่ประคบของตัวเอง  เราต่างฝ่ายต่างนั่งประคบแผลตัวเองไปเงียบ ๆ ฟ้าเริ่มสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านบางบ้านเริ่มตื่นออกมาเปิดประตูบ้านกันบ้างแล้ว 

"คุณทำแบบนี้ทำไม" สมุทรถามขึ้นโต้ง ๆ สายตามองไปทางอื่นเหมือนเป็นคำถามลอย ๆ ที่คล้ายอยากเปิดประเด็น

"ทำอะไร" ผมย้อนถาม  ตาจับจ้องอีกฝ่ายไม่ไปไหน

"ก็ทำในสิ่งที่มีแต่จะสร้างปัญหามากขึ้นกว่าเดิมไงครับ" เขาหันมาพูดตอบ 

"โฮะ..ซาบซึ้งจริง ๆ" ผมแสยะปากแล้วเมินหน้าหนีไปทาง  เราเงียบลงอีกครั้ง

"ทำไม.." ผมถาม  น้ำเสียงเริ่มห้วนเพราะรู้สึกอึดอัดที่ประเด็นยังคงไม่จบ  ความรู้สึกไม่เข้าใจมันยังคงเต้นอยู่ในอกเหมือนรอคอยคำตอบที่เหมาะสมแล้วจะทำให้ผมเงียบปากลงไปได้

"นายจะบอกฉันว่า สักวัน..ความดีจะเอาชนะไอ้เหี้ยพวกนั้น อดทนให้มันรุกรานไปเรื่อย ๆ จนมันสมใจอยาก แล้วมันก็จะเหนื่อยหายหัวไปจากชีวิตนายเองในที่สุดน่ะเหรอ..ถ้าคิดงั้นคงปัญญาอ่อนสิ้นดี คนบนโลกนี้มันไม่ได้พอใจในการใช้ชีวิตเหมือนนายกันหมดทุกคนหรอกนะ" ผมพูดแกมประชด

"หรือยังไง..หรือนายวาดฝันว่า สักวันชีวิตฉันจะดีขึ้น ทำงานหนัก เก็บเงิน..แล้วซื้อบ้านใหม่ออกไปจากที่สับปะรังเคนี่"

"ก็ถ้าใช่ แล้วไง" สมุทรหันมาว่าด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์  เราหยุดมองหน้ากัน

"หึ..ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้นอีกเหมือนกัน ถ้ามันง่าย..นายก็คงยังไม่ต้องสิงสถิตอยู่ที่นี่ต่อ ดูเหมือนจะไร้จุดหมายซะด้วย" ผมว่า  มองอีกฝ่ายกลับเขม็ง   

"มือมันจะเปื้อนเลือดหรือไม่เปื้อนคุณก็เลือกเองทั้งนั้น ชีวิตก็ไม่ได้ยากอะไรมากมาย..ปากจะแก้ตัวอะไรก็ได้" อีกฝ่ายว่าจ้องผมกลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน  ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนถอนหายออกอย่างแรง  วางน้ำแข็งที่ประคบลงบนโต๊ะ  เราสงบกันอยู่ครู่เดียว   

"ตอนแรกฉันก็ว่ามันสนุกดีอะนะ..แต่ตอนนี้ฉันเบื่อที่จะต้องมาต่อปากต่อคำกับนายเต็มทนแล้ว"

"แล้วคุณนึกว่าผมสนุกด้วยงั้นรึไง ผมดูสนุกอยู่กับคุณงั้นเหรอครับ" สมุทรเริ่มขึ้นเสียงย้ำ  ผมเงียบ

"น้องผมที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ ต้องตกอยู่ในอันตราย ถ้าไฟมันลามมาถึงบ้านผม..พวกเราจะอยู่ยังไง ยายผมก็แก่แล้ว ค่ายมวยที่แทบไม่เหลืออะไร ทั้งลุง..ทั้งเด็กในค่ายไม่มีที่ซุกหัวนอน เด็กพวกนั้นที่อาศัยข้าวในค่ายกินไปวัน ๆ แล้วผมก็ต้องมานั่งเถียงอะไรไม่เข้าท่ากับคุณ ชีวิตผมนี่มันน่าสนุกสำหรับคุณมากงั้นสินะ" สมุทรหันกลับมากระแทกเสียงว่า  เขากัดฟันแน่นคล้ายกับใกล้สุดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว  เราจ้องตากันไม่กะพริบ  ผมยอมหลบตาก่อนเพราะผมก็พูดกวนเขาจริง ๆ หนึ่งสิ่งที่ผมสังเกตเห็นและแน่ใจในความสามารถในตัวของผู้ชายคนนี้คือ บุคลิกและการพูดของเขา  ถ้าต้องให้เปรียบเทียบระดับการศึกษาที่เขาจบมา  กับการรู้จักใช้คำพูดและมีน้ำเสียงที่ฉะฉานเฉพาะตนแบบนี้ก็คงจะไม่น่าเชื่อว่าคน ๆ นี้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างแย่ทีเดียว  สภาพแวดล้อมที่ไม่น่าจะสอนให้เขารู้จักพูดให้ฉลาดได้เป็น  เพราะถ้าต้องให้เปรียบเทียบขนาดเด็กในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงบางคนก็ยังไม่กล้าคิดกล้าพูด หรือ มีบุคลิกที่น่ามองเวลาที่พูดได้เท่ากับเขาเลยเสียด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 9 [ 19:35 น. - 13 พ.ย 58 หน้า 9 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-11-2015 13:09:23
"ฉันจะเตือนสตินาย..ไว้อย่าง" ผมพูดขึ้น

"ตอนนี้..ทั้งลุง ทั้งคนในค่ายจะเป็นยังไง..นายก็เลือกได้" ผมพูดบอกอย่างเตือนสติ  ผมมองเขาและคิดว่าอีกฝ่ายก็คงรู้ว่าผมหมายความว่าอย่างไร  สมุทรเหสายตาไปทางอื่น

"แต่นายไม่เลือก เพราะว่านายน่ะ..เลือกในสิ่งที่เป็นความต้องการของตัวนายเองต่างหากล่ะ" ผมยิ้มมุมปาก  อีกฝ่ายตาเบิกโตแน่นิ่งไปแล้ว  ผมหัวเราะขึ้นจมูกอย่างสะใจ  สนุกดีเป็นบ้า..คนแบบนี้นี่มันอะไรกันครับ

"คนดีเหรอ ชีวิตสงบสุขงั้นเหรอ" ผมเบะปก  ลุกขึ้นยืนพร้อมทำท่าเย้ยหยันยิ้ม ๆ

"เฉพาะนายคนเดียวน่ะสิ" ผมต้อนไม่หยุด

"คุณหุบปากนะ!" สมุทรกระแทกเสียงว่า

"หึ..พูดความจริงก็ทนไม่ได้ซะแล้ว" ผมแสยะยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมาเสียงค่อนข้างดัง

"ตกต่ำ แย่กว่านี้ผมก็เคยผ่านมาแล้ว..รู้ไว้ซะด้วย" สมุทรแสยะปากยิ้มย้อน

"อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องสูญเสีย" สมุทรถลึงตาใส่อย่างโมโห

"แต่นายควบคุมมันไม่ได้ทุกอย่างหรอกสมุทร ทุกอย่าง..ไม่มีคำว่าตลอดไป" ผมย้ำเตือนสติ  สมุทรนิ่งไป

"ครอบครัวคุณน่ะ มีแต่จะนำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัวผม" สมุทรว่ากลับ  คำพูดนี้ที่คงอยู่ในใจของเขามานานแล้วละมัง  ผมนิ่งมองไปที่เขาอย่างใช้สติคิด  สมุทรไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผมอีก  คำพูดที่เหมือนจะต้องการต่อว่าผมให้เจ็บแสบ  แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าที่ดูเหมือนกำลังรู้สึกผิดซะอย่างนั้น

"เรื่องง่ายแค่นี้ ทำไมคุณทำให้มันยากเย็นไปหมด" 

"เฮ้อ!" ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  เอื้อมนำมือไปบีบหน้าสมุทรที่นั่งก้มหน้าอยู่ให้หันกลับขึ้นมามองผมตรง ๆ อย่างแรง  อีกฝ่ายร้องหน้านิ่วคงเพราะเจ็บแผลที่มุมปากที่ผมบีบเข้าอย่างจัง  แรงของนิ้วมือเน้นหนักกว่าเดิม 

"ไม่เข้าใจ" ผมพูดใส่หน้าเขาเสียงเรียบเย็น  สมุทรขมวดคิ้วมองกลับอย่างโกรธ ๆ เขานำมือปัดมือผมออกอย่างแรงทำท่าไม่พอใจเตรียมพร้อมตั้งตัวรบอีกครั้ง

"หึหึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะชอบใจและปล่อยมือออก  พอหันกลับมามองเขาอีกครั้งยังคงเห็นสายตาเกรี้ยวโกรธอย่างที่อยากจะเห็น  ทั้งที่ก่อนหน้ากว่าจะได้เห็นก็ยากเย็นแท้ ๆ

"หนึ่ง..ไปทำงานกับฉัน" ผมเข้าไปใกล้สมุทรที่นั่งนิ่งไป  พร้อมกับเท้าแขนลงบนโต๊ะและพูดบอกอย่างต้องการยุติสงครามนี้ลง
 
"สอง..ไปทำงานกับฉัน" ผมย้ำพร้อมกับอมยิ้มออกมาทีละนิด  สมุทรถอนหายใจเบา ๆ มันเบามากแต่ผมก็ยังสังเกตเห็นได้

"สาม.. ไปทำงาน..กับ ฉัน" ผมทิ้งน้ำเสียงเบาลงอีกครั้ง  สายตาจับจ้องมองอย่างทะลึ่ง  เขาส่ายหัวนิดหน่อยคล้ายกับเซ็งกับการกระทำของผมและดูเหมือนจะหาทางออกไม่เจออีกด้วย

"บอกตามตรง ฉันชอบด้านมืดนายแฮะ" ผมแสยะยิ้ม  สมุทรหันมามองผมตาขวางที่ผมดันรู้ไต๋เขาทั้งที่เราเจอกันได้ไม่เท่าไหร่

"..มีใช่ไหมล่ะ ด้านมืดที่พยายามปิดหลอกตาคนอื่นเอาไว้น่ะ" ผมส่งสายตาสำรวจต้อนมองอย่างกะล่อน  พอสมใจแล้วก็เลยเลิกทัพ

"เก่งแฮะ ฉันทำไม่ค่อยได้เท่าไหร่" ผมนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง  ครั้งนี้ขยับเข้าไปใกล้สมุทรมากขึ้นและเท้าแขนด้วยอย่างสบายอารมณ์

"มีแฟนรึยัง" ผมถามโต้ง ๆ สมุทรเบนหน้าไปทางอย่างไม่ขอตอบ 

"ฉันถามว่ามีแฟนรึยัง" ผมย้ำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเพราะเขาทำท่าเมินเฉย
 
"ถามทำไม" สมุทรหันหน้ากลับมาถามกลับด้วยใบหน้าเรียบขรึมตามเคย

"แสดงว่ายังไม่มี" ผมอมยิ้มกวน

"หึ..ก็ดีแล้ว ง่ายดี!" ผมสบถด้วยน้ำเสียงสำรอก ๆ

"ฉันไม่ค่อยชอบพวกที่จนแต่ไม่เจียมกะลาหัวน่ะ อยากมีเมียมีลูกจนตัวสั่นทั้งที่ตัวเองก็กระเสือกกระสนอดอยากใกล้ตาย" ผมพูดเสียงเย็นอย่างดูถูก  สมุทรเหล่มองมาที่ผม  ผมจ้องตากลับและไม่ยิ้มให้  อีกฝ่ายก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมเช่นเดียวกัน  ผมเท้าแขนลงบนโต๊ะและเท้าคางตัวเองเอาไว้ทำให้หน้าของเราเสมอใกล้กันมากขึ้น  สมุทรถอนหายใจ  เหล่มองต่ำลงเหมือนเอือมผมเต็มทน  ท่าทางและใบหน้าแบบนี้ก็ดูตลกดีนะครับ  ผมว่าผมน่าจะชอบดูน่ะ

"แต่ที่จริง..คนเราก็คงอยากจับใครสักคนแหกขาออกแล้วแสดงความเป็นชาย ปล่อยสิ่งที่มีอยู่ในตัวสาดเข้าอีกฝ่ายทั้งนั้นแหละนะ..จะสัตว์กี่ขามันก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นก็คงอึดอัดน่าดู" ผมเบะปากว่า

"คุณนี่มัน ..ต่ำจริง ๆ" สมุทรกัดกรามพูดว่าด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ  สายตาดูเหยียดผมพอสมควร

"ฮี่ ๆ ๆ ๆ" ผมเอนตัวหัวเราะชอบใจ  เสียงหัวเราะที่น่าจะทำให้อีกฝ่ายคงกระโดดถีบผมอยู่ในใจไปแล้วแน่ 

"หึ..เอาเป็นว่า สาย ๆ วันนี้ ฉันจะให้คนมารับแล้วกัน" ผมลุกขึ้น  ถอนหายใจตัดบทสรุปเองเอาดื้อ ๆ สมุทรหันควับมามองด้วยความตกใจ

"ไม่ต้องไปเสียเวลาลาออกที่ทำงานเก่าล่ะ..ฉันจะให้คนไปลาออกให้นายเอง" ผมพูด

"คุณจะบ้ารึไง" สมุทรขึ้นเสียงว่า  รีบลุกขึ้นยืนเสมอผม

"งั้นขอคำตอบหน่อยสิ" ผมพูด

"นายคิดว่า..ลุงเสือของนาย จะเอาเงินที่ไหนไปซ่อมแซมค่ายมวยในระหว่างที่ตัวเองก็เป็นหนี้อยู่สามแสน" ผมเม้มปากพูด  เบิกตาโตมองเขาอย่างเหนือกว่าทำเอาสมุทรเงียบลงทันที

"นายอยากจะเริ่มปรับปรุงค่ายมวยนั่นใหม่เมื่อไหร่เลยก็ได้ จะเอาให้มันดีกว่าเดิมแค่ไหนก็ได้..ตามที่นายต้องการ เอาแผนงานมา ฉันจะรับผิดชอบจ่ายให้ทั้งหมด..แต่ก็ไม่ได้จะให้เงินก้อนไปทีเดียวหรอกนะ ฉันคงไม่ได้ไว้ใจอะไรนายขนาดนั้น" ผมเบะปากพูดบอก 

"ส่วนเรื่องหนี้สินของเจ้าของค่าย ฉันจะใช้ให้ทั้งหมด..ค่าเทอมของน้องนายทั้งสองคนก็ด้วย" อีกอย่างหนึ่งที่ผมติดใจผู้ชายคนนี้ คือ..น้องสาวของตัวเองหัวดีจนสอบติดมหาวิทยาลัยดี ๆ ได้และดูท่าว่าเขาก็ยังพร้อมที่จะส่งเสียทั้งที่ค่าเทอมน่าจะแพงเกินกำลัง

"แต่ผมไม่.." สมุทรทำท่าจะเอ่ยท้วงอะไรสักอย่าง

"ฉันจะให้น้องชายนายเปลี่ยนที่เรียน" ผมพูดแทรก

"..นายคิดว่านั่นเป็นที่ ๆ ดีเหรอ เห็นว่าตอนที่แม่นายยังมีชีวิตอยู่ น้องนายได้เรียนที่ ๆ ดีกว่านี่ ๆ นา" ผมย้อนถามและอดไม่ได้ที่จะสะกิดต่อม  สมุทรหลบสายตาเหมือนยอมรับความจริง  โรงเรียนที่น้องชายตัวเองเรียนอยู่นั้นมันทั้งห่วยและอยู่ในพื้นที่เสี่ยงบรม

"ค่ารักษาพยาบาลของคนในครอบครัวนายทั้งหมด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..ฉันจะดูแลเอง แค่นี้..พอรึยังล่ะ" ผมถาม  สมุทรที่นิ่งไปคล้ายกับกำลังใช้สมองต้านกับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก  ผมบอกปัดไม่ได้ว่า  ถ้าเกิดในกรณีที่ว่าสมุทรจะไม่ใช่ลูกของลุงยอด  และถ้าผมได้รู้จักกับเขานอกเหนือจากในกรณีที่เกิดขึ้นนี้  สมุทรยังคงจะเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกท้าทายความสามารถที่จะนำตัวเขานี้ให้ไปทำงานอยู่ด้วยได้ไม่น้อยทีเดียว

"ถือว่าตกลงตามนี้แล้วกัน" ผมสรุป

"ค่าตัวแพงเอาเรื่องเลยนะ" ผมอมยิ้มแซว  ความเงียบของเขาดูแล้วความคิดน่าจะเอนเอียงมาทางฝั่งผมซะมาก  ผมชิงเดินออกมาเลย

"แล้วคุณจะให้ผมไปทำงานอะไร" สมุทรรั้งถามด้วยเสียงค่อนข้างดัง  คำถามที่เหมือนกลัวว่าผมจะหนีจนเขาไม่ได้คำตอบ  ผมหันกลับไปมอง  สีหน้าของเขาดูลังเล  ไม่แน่ว่าถ้าผมตอบเขาไปดี ๆ เขาอาจหายกังวลและเต็มใจมาทำงานกับผมอย่างเต็มที่ก็ได้

"คู่นอนมั้ง" ผมยิ้มกวนตอบ  สมุทรเหสายตาไปทางอื่นอย่างเหนื่อยใจ  ผมยืนมองอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายหันกลับมามองผมด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคำพูดหยอกล้อแปลก ๆ แบบนี้จากผม

"ฮึ..คุณจะเป็นฝ่ายแหกขางั้นเหรอครับ" อีกฝ่ายย้อนว่าด้วยทีท่านิ่ง ๆ ผมแสยะยิ้มมุมปากออกมาในทันทีอย่างเหลือเชื่อกับคำพูดทำนองนี้ที่หลุดออกมาจากปากของเขา  ซึ่งแน่นอนว่ามันเหนือคาดกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก

"อืม..ยังไม่เคยลองเหมือนกันแฮะ แต่ถ้านายพูดถึงขนาดนี้ สงสัยคงจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่น่าดู" ผมตอบอย่างเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายเงียบปากไปสนิท  ผมเบะปากยิ้ม ๆ ยักคิ้วให้เป็นการส่งท้ายก่อนเดินจากมา  ระหว่างทางก็อดหัวเราะไม่ได้กับปฏิกิริยาที่พยายามตั้งรับผมเมื่อครู่นี้

"มีความสุขพอดูเลยนะครับ" พี่ธานแซวทันทีที่ผมเดินมาถึง  พี่เขาเปิดประตูรถให้

"สุด ๆ ไปเลย" ผมยักคิ้วตอบ  พี่ธานหัวเราะ  พวกเราเดินทางกลับมาที่บ้าน  ผมบอกให้พี่ธานกับไอ้เด่นไปพักผ่อนได้ตามสบาย  สงสัยรุ่งเช้าวันนี้คงจะต้องงดการฝึก  หรือไม่คงจะต้องบอกให้พายุมันเบา ๆ มือกับลูกน้องผมหน่อยเพราะทุกคนคงเพิ่งได้หลับสนิทกันไปเมื่อครู่  ผมกลับขึ้นห้องไปล้างเนื้อล้างตัวและเข้านอนต่อ  ตื่นมาอีกทีก็ปาไปเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว

"อ่าว เฮีย! ไปเล่นมวยปล้ำกับใครมาน่ะ" พายุทักเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น  รอยช้ำบนใบหน้าคงจะชัดกว่าเมื่อตอนเช้ามืดแน่ ๆ 

"นายใหญ่อีกคนของบ้านน่ะครับ" พี่ธานที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่กับพายุชิงตอบยิ้ม ๆ ก่อนที่ผมจะนั่งลงจึงหยิบหมอนขว้างใส่พี่ธานปราม ๆ พี่เขาหันมาหัวเราะ  พายุมองหน้าผมอย่างจับผิดทันที 

"ดูโคนันอีกละ นี่มึงเป็นเมียคนเขียนเหรอ" ผมว่าทำท่าจะเอื้อมมือหยิบรีโมทโทรทัศน์เพื่อเปลี่ยนเป็นช่องกีฬาแต่พายุเข้ามาตะครุบไปครอบครองไว้ก่อนอย่างหวง ๆ ผมถอนหายใจยอมแพ้มัน

"ใคร" พายุยังไม่ลืมเรื่องเมื่อครู่  มันจ้องหน้าผมอย่างต้องการคำตอบยิ้ม ๆ

"พี่ธานก็ปากมากไปเรื่อย" ผมว่า

"หึ..ทำแผลไหมครับ" พี่ธานหันมาถาม

"ยังอ่ะ..ช่างมันเถอะ" ผมบอกปัด  ปล่อยมันไว้อย่างนี้นี่แหละ..ชอบ

"ซ้อมกันเสร็จแล้วเหรอ" ผมเปลี่ยนเรื่องถามพายุ

"ยุให้พักน่ะ เห็นว่าเมื่อคืนกลับดึกกัน" พายุตอบ  ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะขนาดผมยังตื่นไม่ทันเลย  พวกมันจะตื่นทันกันก็แปลก  หรือไม่พวกมันอาจจะตื่นก่อนผมแบบจำใจลากสังขารเพราะกลัวโดนผมด่าอะไรทำนองนั้นก็ได้

"ตกลงใคร" พายุวกกลับมาเรื่องเดิมจนได้

"ใครอะไร ก็แค่มีเรื่องนิดหน่อยเมื่อคืน" ผมตอบปัดไปที

"อ่าว" พายุอุทานเซ็ง ๆ เหมือนกับหมดเรื่องตื่นเต้นแล้วอย่างนั้น

"ยุก็นึกว่าจะมีใครมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับย่าแทนเราซะอีก หึหึ" พายุทำหน้าเจ้าเล่ห์บอก  พี่ธานยิ้ม

"ไอ้ดินล่ะ" ผมถาม

"ซ้อม BMX อยู่ข้างนอก" พายุตอบ  ผมพยักหน้า

"คุณไฟคะ จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ" ป้าอิ่มเดินเข้ามา

"ผมขอซีเรียลกับกล้วยแล้วกัน" ผมหันไป

"ได้ค่ะ" ป้ายิ้มรับ

"เอ๊ะ แล้วนั่น.." ป้าอิ่มมองหน้าผมตาโตด้วยสีหน้าเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรหรอกครับ" ผมยิ้มบอกเธอ

"เดี๋ยวป้าเอายามาให้นะคะ" เธอบอกก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบไม่ทันให้ผมได้พูดห้าม

"วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ" ผมถามพายุ

"มีสอนตอนบ่ายสาม แล้วก็มีซ้อมปิงปองที่มหาลัยตอนเย็นน่ะ..มีแข่งใหญ่เดือนหน้า โคตรเหนื่อย" มันเริ่มบ่น 

"ก็มึงเลือกเอง" ผมว่าประชด

"ไม่ได้ให้กำลังใจกันบ้างเลย" มันว่าค้อน

"ทำไมกูต้องให้อะไรอีก แปดหมื่นที่เพิ่งให้ไปมันไม่พอรึไง" ผมย้อนมัน  พายุทำปากจู๋เข้าหากันหน้าตายอย่างเถียงไม่ออกและเลือกที่จะเป็นฝ่ายเงียบไปก่อน

"พี่ธาน..เดี๋ยวให้คนไปรับหมอนั่นด้วยนะ สักสิบเอ็ดโมงครึ่ง" ผมสั่ง  พี่ธานชะงักไปด้วยสีหน้าสงสัยเพราะผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่ตกลงกับสมุทรเรียบร้อยให้พี่ธานได้ฟัง

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้า

"ใครเหรอ" พายุหันมาถาม  มองหน้าผมกับพี่ธานเหมือนอยากรู้  พี่ธานอมยิ้มก่อนลุกออกจากห้องไป  ผมหันไปมองหน้าพายุ  สงสัยคงได้เวลาที่จะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังซะแล้วละมั้งครับ..

"กูว่าจะคุยเรื่องนี้กับมึงอยู่พอดี" ผมเกริ่น  พายุหันมามองอย่างตั้งใจ 

"คือว่านะ..." ผมเอ่ยและเริ่มเล่าเรื่องอย่างคร่าว ๆ ให้พายุฟัง  แม้บางเรื่องอย่างเรื่องของลุงยอดพายุจะรู้ข้อมูลมาบ้างเมื่อนานมานานแล้วแต่มันก็ไม่รู้รายละเอียดลงลึกว่าที่ผ่านมาผมตกลงกับพ่อไว้อย่างไร  กำลังทำอะไรและจัดการใครอยู่บ้าง  ผมไม่ค่อยบอกถ้าบางเรื่องผมยังไม่แน่ใจ  ซึ่งตอนนี้ผมแน่ใจแล้วผมจึงอยากให้พายุรับรู้ไว้  อีกอย่างทั้งคนในบ้านของสมุทรและคนในบ้านของผมคงจะได้พบเจอกันอีกเรื่อย ๆ แน่  ผมคิดว่าน่ะนะ

เมื่อพายุได้ฟังเรื่องทั้งหมด  ถึงแม้จะไม่ลงรายละเอียดในการที่ผมได้ไปนำตัวสมุทรมาอย่างไรก็เถอะ  พายุยังคงมีสีหน้าเข้าใจและดูเหมือนไม่ได้ตกใจอะไรอย่างที่ควรเท่าไหร่  ใบหน้าที่ไม่ตกใจมากของมันแสดงว่าเนื้อเรื่องนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

"เฮียคิดดีแล้วเหรอ ให้เงินเยอะง่าย ๆ ขนาดนั้น แล้วเอาเข้ามาในบ้านอีก" พายุถามด้วยสีหน้าค่อนข้างวิตก  มันเองก็คงระแวงเหมือนผมก่อนหน้านี้

"อืม ถ้ากูจะมองคนไม่ผิดน่ะนะ..คงต้องลองเสี่ยงดู" ผมตอบ

"งั้นก็แล้วแต่เฮีย ก็ป๋าสั่งไว้แบบนั้นนี่" พายุพูดด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ตามเคย  ไม่นานแม่บ้านก็นำอาหารและยาแก้อักเสบมาให้ผมที่ห้องนั่งเล่น  พายุขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกจากบ้าน  ส่วนผมก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อย  กินไปดูโทรทัศน์ไป

"คุณไฟครับ" พี่ธานเดินกลับเข้ามา

"ใบโทรมาบอกว่า ถ้าคืนนี้คุณว่างป๋าจงจะนัดเจอที่ผับของป๋าน่ะครับ" พี่ธานบอก  ผมพยักหน้าตอบ

"สามทุ่ม" ผมพูดแกมสั่ง  ตาไม่ได้มองหน้าพี่ธานเพราะกำลังดูโปรแกรมแข่งสนุกเกอร์อยู่   

"ครับ" พี่ธานรับปากก่อนเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง 

"หึ" ผมคิดว่าผมกำลังนึกอะไรสนุก ๆ ออก  รู้สึกเหมือนกับว่ามีเรื่องตื่นเต้นมาให้ทำอีกแล้ว  เมื่อผมกินเสร็จผมจึงกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว  ทำตัวสบาย ๆ ออกไปพูดคุยกับพวกลูกน้องที่โรงฝึก  พวกมันมักจะรวมตัวกันอยู่ที่นั่นถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฝึกก็ตาม  นั่งคุยกันบ้าง  ดูโทรทัศน์บ้าง  เล่นสนุกเกอร์บ้าง  ระหว่างที่ผมอยู่ที่นั่นก็มองนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา  สงสัยว่าพี่ธานคงจะออกไปรับสมุทรด้วยตัวเองเพราะไม่เห็นเงาตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ๆ 

"โอ๊ะ โกงฉิบหาย" ไอ้เด่นส่ายหัวบ่นถึงมวยที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่  ผมอมยิ้มเพราะก็เห็นแบบเดียวกันกับไอ้เด่นแต่ขี้เกียจพูด

"กรรมการบอกว่า ศักดิ์ศรีจ่ายแทนเงินไม่ได้" ไอ้เข้มพูดเสียงเบาอย่างสอดเสียด  การชกมวยไทยในระดับเวทีใหญ่สากลที่จัดขึ้นโดยชาวไทย  โดยให้นักมวยไทยเป็นฝ่ายชนะทั้งที่ต่อยอย่างกับมวยปาหี่  ค้านสายตาคนดู  แม้กระทั่งเด็กน้อยก็คงจะดูออก  นอกจากจะน่าอับอายขายขี้หน้าต่อประเทศแล้ว  ดูเหมือนจะหมิ่นศักดิ์ศรีวงการกีฬามวยอย่างเรา ๆ พวกผมอีกด้วย  แต่จะทำอะไรได้นอกจากบ่นด่าไปทีอย่างที่เห็น..



ปี๊ม! ...ผมหันไปมองเห็นรถยนต์ของพายุกำลังจะเคลื่อนตัวออกจากบ้าน  มันบีบแตรรถให้ผมเหมือนเป็นการบอกลา 

"มึงตะโกนซิ..บอกว่า เดินทางปลอดภัยนะครับคุณหนู" ผมเข้าไปกระซิบสั่งไอ้หินที่เป็นลูกรักของพายุมากที่สุดในบรรดาลูกน้องของผม  เนื่องจากว่าคุยกันถูกคอ  อีกทั้งไอ้หินยังรู้จักทางหลบหลีกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับพายุอีกด้วย

"แต่ว่า.." ไอ้หินยิ้มแหยเหมือนไม่อยากทำตามคำสั่ง
 
"เร็ว" ผมขู่ใส่ด้วยสายตาและน้ำเสียง  พวกลูกน้องผมอมยิ้มมองอย่างสนใจ  พวกมันคงอยากจะดูว่าไอ้หินจะกล้าทำไหมเพราะปกติไม่มีใครกล้าเรียกพายุแบบนี้นอกจากพี่ธานคนเดียว  ไอ้หินหลบสายตาผมด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม

"เดินทางปลอดภัยนะครับคุณหนู!" ไอ้หินตะโกนบอกออกไปเสียงดังลั่น  ลูกน้องผมพากันโบกมือให้พายุเพื่อเป็นแบ็คอัพให้ไอ้หินอีกแรง  ผมยิ้มกว้างยืนมองพายุที่เลื่อนกระจกรถทันทีพร้อมกับชูนิ้วกลางขึ้นมาให้พวกเรากลางอากาศ

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหัวเราะอย่างพอใจ  ยกมือขึ้นโบกกลับให้น้องชายจนมันขับรถออกไปจากบ้าน 

"ไอ้หิน มึงเจ๋งว่ะ" ไอ้เด่นหัวเราะชมใหญ่

"ฝึกรอบหน้ามึงโดนเล่นแน่ ฮ่า ๆ ๆ" พวกมันว่า  ไอ้หินยืนหน้าเสียที่ทุกคนในที่นี้ดันพากันพูดเป็นเสียงเดียวกัน  ผมตบไหล่ให้กำลังใจมันเบา ๆ อย่างไม่รู้จะช่วยเหลือยังไงเพราะพายุเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครไปจี้จุดในส่วนที่มันไม่ชอบ  ขณะเดียวกันที่ประตูรั้วไฟฟ้ากำลังจะปิด  รถของพี่ธานก็สวนกลับเข้ามาพอดี

"พี่ใหญ่พาใครมา" ไอ้รุ่งเงยหน้าจากโต๊ะสนุ๊กถาม  ไม่มีใครตอบคำถามได้  ทุกคนเงียบมองกันเป็นตาเดียวอย่างสนใจ  สมุทรเดินลงมาจากรถพร้อมกับพี่ธาน  อีกฝ่ายมองมาทางโรงฝึกนี้เป็นอันดับแรก

"อ่าว" ไอ้เด่นอุทานงง ๆ เมื่อเห็นสมุทร

"เด็กใหม่พี่ธานเหรอ รอบนี้แมนแปลกตาดีนะ" ไอ้หินวิเคราะห์คิ้วขมวดคล้ายไม่เชื่อสายตา

"นั่นดิ พี่ใหญ่แกเปลี่ยนแนวตั้งแต่เมื่อไหร่" ไอ้รุ่งบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง

"หึหึ" ผมหลุดหัวเราะเพราะหน้าตาพวกมันดูเดากันได้จริงจังอย่างกับไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  ผมเดินตรงออกไปหาพี่ธานที่ยืนอยู่กับสมุทร  สมุทรมองมาที่ผมไม่วางตาเหมือนทำตัวไม่ถูก 

"เชิญ" ผมบอกห้วน ๆ แล้วเดินนำมาก่อน  สมุทรกับพี่ธานเดินตามหลังเข้าบ้านมาด้วยกัน 

"ถอดรองเท้าตรงไหนครับ" น้ำเสียงสุภาพนั่นถามขึ้นเบา ๆ 

"ถอดไว้ตรงนี้เลยครับ" พี่ธานตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพกลับเช่นกัน  ผมหันกลับไปมองพี่ธานกับสมุทรที่ดูจะสนิทกันดีแบบคาดไม่ถึง  ทั้งสองคนหันมามองผมที่ยืนมองอยู่

"คลานเข่าเข้ามาก็ได้นะ" ผมจ้องหน้าสมุทร  อีกฝ่ายนิ่งไปอย่างกับถูกสต๊าฟ  ผมหัวเราะแล้วเดินต่อไปที่ห้องรับแขก 

"คุณไฟแค่ล้อเล่นน่ะครับ" ผมได้ยินเสียงพี่ธานพูดปลอบแว่ว ๆ 

"ปกติเค้าก็ไม่ใช่คนพูดอะไรน่าฟังอยู่แล้วนะครับ อย่าถือสาเลย" พี่ธานรีบแก้ตัวเหมือนกลัวว่าสมุทรจะคิดมาก  ผมแอบอมยิ้ม  แม่บ้านที่เห็นว่ามีแขกเข้ามาในบ้าน  เธอรีบเดินไปรินน้ำเปล่ามาเตรียมไว้ในทันที  พอหมดหน้าที่แล้วจึงออกไป  ผมนั่งลงที่โซฟาตัวกลาง  พี่ธานยืนอยู่ข้าง ๆ ส่วนสมุทรก็ยืนมองไม่ยอมนั่ง

"จะยืนคุยกันรึไง" ผมพูดไม่ได้มองหน้าเขา  สมุทรเดินมานั่งที่โซฟาช้า ๆ 

"คนที่ทำงานกับฉัน ต้องย้ายมาอยู่บ้านฉัน" ผมพูดก่อนจะนิ่งอยู่กับตัวเองเพราะนี่ไม่น่าจะใช่คำพูดและความคิดที่ตระเตรียมไว้  พอพูดออกไปแบบนั้นก็อดหันไปมองไปที่คนที่กำลังนั่งอยู่ด้วยไม่ได้  แล้วแอบคิดว่า..กูพูดไปทำไมเนี้ย

"ไม่ครับ" สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

"ทำไม" ผมถาม

"ผมปล่อยให้น้องกับยายอยู่กันเองไม่ได้" สมุทรตอบ  ผมเงียบและไม่คิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้อีก 

"ขอสมุดเช็คให้ผมหน่อย" ผมบอกพี่ธาน  พี่ธานเดินไปที่ชั้นเก็บเอกสารก่อนเดินกลับมาพร้อมกับวางเช็คและปากกาให้บนโต๊ะตรงหน้าผม  ผมเซ็นเช็คหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทยื่นให้สมุทร  เขานั่งนิ่งมอง  ท่าทีเหมือนไม่พร้อมรับถ้าไม่ได้ข้อมูลเสียก่อน

"อันนี้เป็นส่วนที่ฉันให้นายเอาไปให้เจ้าของค่าย ให้เค้าไปใช้หนี้ซะ..ฉันจะให้อีกครึ่งนึง ถ้าปรับปรุงค่ายเสร็จ และนั่นก็หมายถึงว่า..นายทำงานคุ้มค่าจ้าง" ผมบอก  ถ้าไม่เสนอเรื่องการทำงานให้กับเขา  ดูท่าแล้วสมุทรคงจะไม่ยอมรับไปง่าย ๆ สมุทรพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรับเช็คไปไม่พูดอะไร  ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน  ก้มลงกดตู้เซฟที่อยู่ในห้องนี้  ซึ่งเป็นตู้เซฟที่นำไว้เก็บของมีค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ส่วนหนึ่งเท่านั้น  เผื่อให้หยิบจับใช้ได้ง่ายสะดวก  ไม่ต้องลำบากเดินถ่อไปถึงที่ห้องทำงาน  ผมหยิบเงินออกมาห้าหมื่นบาทแล้วนำใส่ซองสีน้ำตาลให้ก่อนจะนำซองเงินนั่นไปวางไว้ตรงหน้าสมุทร

"ห้าหมื่นนี่..ฉันให้นายเอาไปบริหารเอาเอง เป็นค่าอยู่ค่ากินของคนในค่ายระหว่างนี้ไปก่อน นายก็พิจารณาเอาเองแล้วกันว่าเบื้องต้นควรจะช่วยเหลือคนพวกนั้นยังไง บริหารดี ๆ แล้วกันเพราะฉันยังไม่แน่ใจว่าจะให้อีกครั้งเมื่อไหร่" ผมพูดไม่มองหน้าเขา

"..ฉลาดแบ่งหน่อยล่ะ ดูพฤติกรรมคนที่ถูกช่วยซะด้วย" ผมเตือนอย่างอดไม่ได้  สมุทรนั่งเงียบไม่พูดไม่จา  เขาจ้องซองสีน้ำตาลนั่นไม่วางตาก่อนเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมตรง ๆ 

"นายจะไปบอกคนพวกนั้นว่าเงินนี่มาจากไหนก็ได้ แต่ห้ามบอกว่ามาจากฉัน" ผมพูด

"ทำไม" สมุทรถาม

"ฉันสั่ง..ไม่ได้เสนอนาย" ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างเอาเรื่อง  สมุทรเหลือบสายตาหนีต่ำลง

"แล้วเรื่องซ่อมแซมค่ายล่ะ งบเท่าไหร่" ผมเปลี่ยนเรื่อง  สมุทรไม่ตอบแต่เปิดกระเป๋าเป้ที่สะพายมาออกแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งนำมาวางตรงหน้าผม  เหมือนว่าเขาไม่ต้องการตอบผมด้วยปากเขาตรง ๆ ผมหยิบกระดาษมาอ่านก็พบรายละเอียดต่าง ๆ ในนั้น  ในห้องเงียบลง  ผมอ่านมันทีละบรรทัดอย่างรอบคอบ

"หึ..อุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด" ผมพูดขึ้น  น้ำเสียงขึ้นจมูก

"ซ่อมส่วนของค่ายใหม่ทั้งหมด" ผมอ่าน  เลิกคิ้วเบะปากไปมา

"ต่อเติมส่วนของบ้าน รั้วใหม่..ปูพื้น กระสอบทราย ห้องน้ำ"

"สรุปคือใหม่หมด" ผมเหลือบเฉพาะหางตาไปมอง  อีกฝ่ายอมยิ้มด้วยท่าทางยโสไม่แพ้กัน

"ก็ต้องให้คุ้มหน่อยละมั้งครับ" สมุทรกวนตอบ

"หึ..ก็ดี" ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์  ดี..แบบนี้ละ  โคตรรู้สึกดีมากเลยจริง ๆ 

"ถ้านายจะจัดการเอง ก็เอาค่าใช้จ่ายมา..หรือว่าจะให้ฉันติดต่อบริษัทให้" ผมถาม

"คุณจัดการเองแล้วกัน จะได้ไม่หาว่าผมโกงด้วย" สมุทรตอบ 

"ส่วนเรื่องปรับปรุงที่ค่ายน่ะ ผมจะบอกกับลุงเองว่าจะมีคนงานมาทำให้ แต่ถ้าคุณอยากจะดูว่างานไปถึงไหนยังไง.." สมุทรพูด

"ฉันดูแน่" ผมพูดแทรกทันที  สมุทรเงียบลง

"เงินไม่ใช่น้อย ๆ" ผมยิ้มกวน 

"เอาเป็นว่า เดี๋ยวเรื่องติดต่อบริษัทฉันจะจัดการเอง..นายก็ไปบอกคนของนายไว้แล้วกันจะได้ไม่ตกใจ" ผมบอก  สมุทรพยักหน้ารับ

"ส่วนนี่" ผมเอื้อมไปหยิบเอกสารที่พอมีอยู่คร่าว ๆ แล้วโยนไปตรงหน้าเขา

"อะไร" สมุทรก้มลงมองคิ้วขมวด

"เรียนต่อซะ เลือกเอาว่าที่ไหน..ของน้องชายนายก็ด้วย" ผมพูดแกมสั่ง

"แต่ว่าผมต้องทำงานให้คุณ" สมุทรเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้างุนงง

"นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน" ผมบอก

"..แต่ว่า"

"ลูกน้องฉันทุกคน จบอย่างต่ำก็เท่ากับนายตอนนี้"

"นายคิดว่าพี่ธานจบอะไรล่ะ" ผมมองหน้าเขา  สมุทรเงยหน้ามองพี่ธานเล็กน้อย  พี่ธานก้มหน้ายิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนที่สมุทรจะนิ่งไปคล้ายใช้ความคิดอย่างหนัก

"ฉันก็ไม่ได้จะดูถูกอะไรหรอกนะ ดูนายก็ไม่ใช่คนโง่ แต่ถ้านายไม่คิดว่ามันสำคัญ..ก็คงต้องแล้วแต่นาย" ผมลองใจ  ผมมองดูคนอย่างสมุทรแล้ว  ถ้าเขาไม่ได้เรียนจบสูง ๆ ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรแย่ ๆ ขึ้นก็ตาม  ผมคิดว่าคนที่มีลักษณะอย่างเขาน่าจะเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดีไม่ต้องห่วงอะไร  แต่ถ้ามองอีกนัยหนึ่งแล้ว  มีวุฒิเพิ่มไว้ก็คงไม่เสียหาย  ส่วนถ้าเขาเรียนจบแล้วจะเอายังไงก็แล้วแต่เขา

"..ก็ถ้าอยากได้งานที่มันฉลาดกว่าพวกมัน ก็ไปเรียนต่อซะ" ผมว่าเพราะเขาใช้เวลาคิดนานเกินไปแล้ว

"แล้วผมจะมาทำงานให้คุณยังไง" สมุทรขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

"อย่าไปคิดอะไรน่ารำคาญ แค่เลือกมาก่อนว่าจะเรียนที่ไหนก็พอ..เอาตามที่อยาก แล้วค่อยมาคุยกัน" ผมตัดบทอย่างรำคาญใจ  สมุทรนั่งเฉยมองเอกสารอีกครั้ง  การที่เขาไม่เอ่ยปากปฏิเสธทันทีทันใดอย่างทุกครั้งผมคิดว่าเขาก็สองจิตสองใจอยากจะเรียนอยู่บ้างเหมือนกัน

"แต่..เอาที่เรียนที่มันใกล้ ๆ บ้านฉันหน่อยก็ดี" ผมดักคอพร้อมเมินหน้าหนีไปอีกทาง  ครั้งนี้สมุทรนั่งเงียบไปเลย  เหมือนกับว่ามีอะไรที่เขากำลังคิดอยู่มากมาย  ผมเองก็เงียบมองปฏิกิริยาของเขาที่ก่อนหน้านี้ผมคาดเอาไว้ว่าเขาควรจะดีใจกว่านี้ซะอีก

"ไม่อยากเรียนต่อรึไง" ผมพูดเชิงถามและไม่ได้มองหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ  แค่..พูดไปงั้น

"เปล่า" สมุทรตอบทันที

"ผมแค่ไม่เข้าใจ.." สมุทรพูด  เราเงียบมองหน้ากัน  สมุทรมองหน้าผมเหมือนกับกำลังอ่านหาอะไรในตัวผมสักอย่างอย่างไม่วางตา

"ใช่สิ" ผมเอ่ยขึ้น  กะเปลี่ยนเรื่อง

"..ลืมบอกกฎสำคัญไปอย่าง" ผมว่าและทิ้งน้ำเสียงลงพร้อมกับยิ้มให้เขา 

"ตั้งแต่นี้ต่อไป..นาย ไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งของฉัน" ผมแสยะยิ้มมุมปากขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาสมุทรนั่งจ้องหน้าผมและนิ่งไปสนิท  เขาคงไม่สงสัยอะไรในตัวของผมแล้วละมัง  ผมเองก็ไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาฉงนและควานหาอะไรในตัวของผมด้วยน่ะนะ 


............ไฟ............

ปล. จากผู้เขียน
การลงนิยายของเบบี้ตั้งแต่ตอนที่ 1 - 10 ที่ผ่านมา  เป็นการลงในระยะเวลาที่สามารถสะดวกมาลงให้ได้  ตามข้อมูลของการทำงานที่ได้เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้าที่ลงนิยาย-ในหน้าที่ 1 ของกระทู้นี้นั้นยังคงดำรงอยู่  จึงขอความเข้าใจต่อผู้รอ  เนื่องจากคนอ่านเองก็คงไม่ทราบได้ว่าผู้เขียนมีชีวิตอย่างไรบ้าง  เข้าใจค่ะ..ไม่ได้ว่าอะไร  ผู้เขียนเองก็รู้สึกดีที่ติดตาม  สามารถทวงถามกันได้แต่ขอความกรุณาให้การทวงอยู่ในความเข้าใจการทำงานซึ่งกันและกันนะคะ  (ตอนต่อ ๆ ไป คงจะลงให้ได้อ่านแต่ละตอนช้าแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่ง จึงขอย้ำให้ทราบไว้ก่อนล่วงหน้า ขอโทษด้วยค่ะ)

ขอบคุณมากค่ะ
เบบี้
 :L2: 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 22-11-2015 14:14:01
ข้อเสนอของไฟแต่ละอย่างเหมือนซื้อสมุทรมาทำเมีย 5555555555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 22-11-2015 14:21:45
ว้ายยยสมุทรกำลังจะมาอยู่กับไฟแล้ว  :really2:
ว่าแต่มาอยู่กับไฟต้องใจเย็นๆนะสมุทรเพราะไฟกวนเวอร์วังมาก

 :pig4:  ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 22-11-2015 14:36:37
ต่ออาทิตย์ละสามตอนได้มิคะ แบบรู้สึกยังไม่พอ TwT
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-11-2015 14:48:19
อ่านถึงตอน6 แล้ว ทำไมนี่อยากให้ไฟกะโปรดได้กันล่ั :katai2-1: :katai2-1:  เคมี้เคมี
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 22-11-2015 15:44:21
อยากให้คนกวนตรีนอย่างไฟ โดนสมุทรจับแหกขาแล้วเสียบๆๆแบบไม่ยั้งเลย 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 22-11-2015 16:21:27
เข้าใจและรอได้ ทุกคนต่างมีหน้าที่แตกต่างกันเนอะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 22-11-2015 17:11:03
สมุทรมาอยู่กะพี่ไฟแหละดีแล้ว มาทำให้พี่ไฟใจเย็นหน่อย โหดเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 22-11-2015 17:11:27
ปากหนอปาก คุณไฟนี่น้าา กวนฝ่าเท้ามากเลย
แกล้งเค้าไปทั่ว มีสมุทรเป็นคู่คิด เอ้ย คู่ปรับนี่เหมาะแล้ว
ปล. สงสารพี่ธาร เหมือนพี่เลี้ยงเด็กต้องคอยปรามคุณไฟ 555555
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 22-11-2015 17:18:09
 :z2: ตอนนี้ไฟน่ารัก ยิ่งตอนที่สมุทรทำแผลให้  คือนายตื่นเต้นใช่ไหมไฟ ชอบสมุทรมากขึ้นเรื่อยๆละซิ

ขอยคุณเบบี้  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-11-2015 19:03:01
เดี๋ยวนะทำไมอ่านจบนึกถึงบ้านทรายทองเลยอ่ะ
นี้สมุทร หรือพจมาน สว่างวงศ์5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 22-11-2015 19:43:29
ยาวมากกกกกกกกก แล้วเปิดเรื่องมากเรางงเลยทำไมถึงต่อยกัน คุณไฟนี่ร้ายจริงๆถึงกับเผากับเลยหรา ร้ายร้อนแรง 5555
ขอบคุณค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 22-11-2015 19:58:35
ไฟกวนว่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 22-11-2015 20:09:13
รอติดตามจ้าา :mew1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Moonwish ที่ 22-11-2015 20:10:17
ไฟนี่อย่างโหด ดูเผด็จการมาก มัดมือชกสุดๆ กวนตีนด้วย
สมุทรก็ใจเย็น สงบ แต่ลึกๆ เป็นคนเย่อหยิ่ง ดื้อด้านไม่น้อยเลยนะ แบบเคมีเข้ากันมาก
อ่านไปก็ลุ้นไปคิดไปว่าสมุทรจะมาทำงานกับไฟเมื่อไหร่ ใครจะกดใคร ส่วนตัวอยากให้สมุทรเคะ แต่
แล้วแต่คนเขียนล่ะกัน
ว่าแต่ไฟอยากได้สมุทรเป็นคู่ซ้อมหรือคู่รักกันแน่จ้ะ  :hao3:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 22-11-2015 21:13:22
จุใจสมกับที่รอตอนนี้มาทั้งอาทิตย์บทไฟกะสมุทเยอะมาก แต่ก็ยังไม่พออออออออ๊ะ เอาอีกกกก
พี่ไฟนี่นอกจากโหด เท่ แล้วยังค่อนข้างมาโซด้วยนิ มีความสุขกับความเจ็บปวด 555+
จีบกันแบบเจ็บๆ คิดว่าต้อนสมุทรจนยอมมาทำงานด้วยแล้วจะข่มกันได้ง่ายๆ รึ ยากกกกกกกกส์ ขอบอก ((ตอนนี้ถือป้ายไฟ#ทีมสมุร ^^ ))
คู่นี้กว่าจะลงเอยคงอีกหลายเหนื่อย

 :mew1:
ขอบคุณเบบี้จ้า

ป.ล. พักผ่อนดูแลสุขภาพตัวเองด้วยจ้า ช้านิดช้าหน่อยไม่เป็นไรเค้ารอได้ แต่เร็วๆ หน่อยก็ดี  ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 22-11-2015 21:30:26
จะรักกันยังไงนะ

555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 22-11-2015 21:38:55
โอ้ยเกลียดอิพี่ไฟ พูดดีดีกับน้องหน่อยก็ไม่ได้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 22-11-2015 22:31:49
พระเอกของเบบี้แต่ละคนนี่ต้องทนมือทนเท้าใช่มั้ย XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 22-11-2015 22:42:59
เข้าใกล้กันอีกนิดแล้ว คิดอยู่ว่าสมุทรจะยอมใจอ่อนได้ยังไงในเมื่อไฟก็ยังคงก่อกวนอยู่แบบนี้ ต้องขอบคุณพี่ธารเลยค่ะ เป็นพระเอกงานนี้ คอยไกล่เกลี่ยจนสองฝ่ายใจเย็นลงจนเกิดความรู้สึกที่ไม่น่าเชื่อคือเขินแปลก ๆ เวลาสองคนนี้อยู่ลำพังด้วยกัน แต่ชอบอ่ะ เหมือนจะมีบรรยากาศสีหวานอ่อน ๆ ลอยอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับใบหน้าอันฟกช้ำทั้งของไฟและสมุทร  :L2:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-11-2015 23:31:12
ยาวมากกกกกกกกก แล้วเปิดเรื่องมากเรางงเลยทำไมถึงต่อยกัน คุณไฟนี่ร้ายจริงๆถึงกับเผากับเลยหรา ร้ายร้อนแรง 5555
ขอบคุณค่ะ  :กอด1:

เกิดเรื่องชกต่อย  :z6: ตั้งแต่ตอนที่ 9 แล้วนะคะ  :mew1: :heaven
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 22-11-2015 23:54:10
ค่าขนมพอใช้ไหมจ๊ะ น้องเมฆ
555555555
เอ็นดูเหลือเกินนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 22-11-2015 23:56:47
ไฟกับสมุทรนี่จะมีมุ้งมิ้งกันได้ยังไงนึกภาพไม่ออกเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 23-11-2015 00:19:42
รอตามๆสนุกมากๆๆๆ อยากให้ต่อเร็วแต่เรารอได้นะ นานแค่ไหนก็รอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 23-11-2015 03:15:23
รออย่างเข้าใจ มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ขอบคุณค่ะ :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-11-2015 06:50:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 23-11-2015 07:57:05
พี่ธานกับสมุทร มีนิสัยคล้ายๆกันอยู่มาก  ทั้งเรื่องความใจเย็น






และ ทนความ กวนประสาทองคุณไฟได้







คุณไฟ มีสมุทรมาอยู่ข้างๆแบบนี้ คง"ฟิน"ทั้งวันแน่ๆ







สนุกกับการคอยลอบสังเกตุอารมณ์ ของคนหน้านิ่ง







แต่ ต้องทำใจหน่อยนะ สมุทรนะ แกล้งให้อารมณ์ร้ายๆขึ้นย้าก กว่า แย่พายุอีก






พี่ธาน ดูจะมองคุณไฟได้ทะลุกว่าทุกคนนะ รู้ด้วยว่าสมุทร จะมาเป็นนายอีกคนของบ้าน ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 23-11-2015 10:09:17
อะไรอ่ะไฟ มีทำตัวไม่ถูกด้วย
คิดอะไรกะสมุทรละหรอ
แต่เดาไม่ถูกเลยจะรักกันยังไงะคู่นี้
เจอกันแต่ละทีก็กวนตีนใส่กันตลอด
หรือจะรักกันเพราะความกวนตีนนะ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 23-11-2015 10:10:56
อ่าน2ตอนรวดปวดตับกับไฟคือจะกวนไปไหนนี่ถ้าไม่ได้พี่ธาน

ที่ทำหน้าที่แทบจะเป็นพี่ใหญ่อยู่ด้วยกว่าสมุทรจะเข้าใจนี่ไม่ต้องต่อยกัน

ฟันร่วงหมดเลยหรอ...
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 23-11-2015 20:14:24
นี่มันนางทาสหรือป่าว........ 5555555555

คู่หลักเขา ทรงจะใกล้ได้กันแล้วแหละ ไม่ต้องกังวลละ ทั้งทำตัวไม่ถูก ทั้งสนุกแฮปปี้ที่มีเธอขนาดนี้ ...ผ่านนนนนน

ชอบตอนพี่ไฟพี่ธานพูดเล่นกันว่าจะเอาโบนัสให้ไอ้เด่น พอพี่ธานบอกให้ไอ้เข้มแทนได้มั้ย หลุดขำกร๊ากเลย บ้าเอ้ยยยยย เจ้านายลูกน้องไปเปิดคณะตลกมั้ยคะ
พี่ธานแบบรู้ใจพี่ไฟมากกกกกกกก รู้ยิ่งกว่าเจ้าตัวรู้ใจตัวเองอีกมั้ง 555555 มีหนีไปตอนเขาทำแผลกันด้วยนะ แล้วแซวตลอดจ้าาาาา ทั้ง "ชอบสมุทรหรอ" "มีความสุขพอดูเลยนะ" แล้วก็ "นายใหญ่อีกคนของบ้าน" คือแบบ... หนูยกให้พี่ธานเป็นชิปเปอร์ไฟสมุทรหมายเลข1เลย ทำงานได้ดี เยี่ยมๆ 5555555

พี่ไฟนี่ขี้แกล้ง แล้วยังปากไม่ดีอีก สงสารสมุทรล่วงหน้าเลย
อ่อ... เป็นทั้งซาดิสทั้งมาโซเลยด้วย น่ากลัวเหลือเกิน



ชอบอ่ะะะะะะะะะะ ขำๆโหดๆ
ตอนอยู่ด้วยกันต้องสนุกแน่ๆ แง้ อยากอ่านต่อแล้ววววววววววววววว
รักและรอ คึคึ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: in_blu ที่ 24-11-2015 19:11:19
ทำไมรู้สึกเหมือนเห็นองค์ข้าว อยู่ในตัวไฟ และก็องค์พี่ต้าร์ อยู่ในตัวสมุทร ฮ่าาาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: must ที่ 24-11-2015 22:24:12
แปะสารบัญ

The Real Me ♨ ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3191425#msg3191425)

The Real Me ♨ ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3194285#msg3194285)

The Real Me ♨ ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3197425#msg3197425)

The Real Me ♨ ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3200014#msg3200014)

The Real Me ♨ ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3204759#msg3204759)

The Real Me ♨ ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3206218#msg3206218)

The Real Me ♨ ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3211719#msg3211719)

The Real Me ♨ ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3218126#msg3218126)

The Real Me ♨ ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3229211#msg3229211)

The Real Me ♨ ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3236447#msg3236447)

The Real Me ♨ ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3244757#msg3244757)

The Real Me ♨ ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3256298#msg3256298)

The Real Me ♨ ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3261844#msg3261844)

The Real Me ♨ ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3264162#msg3264162)

The Real Me ♨ ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3277305#msg3277305)

The Real Me ♨ ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3294175#msg3294175)

The Real Me ♨ ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3319188#msg3319188)

The Real Me ♨ ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3336942#msg3336942)

The Real Me ♨ ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3342804#msg3342804)

The Real Me ♨ ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3358294#msg3358294)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Zxjmm ที่ 25-11-2015 02:45:37
อ่านทันแล้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: poompoo ที่ 25-11-2015 08:57:41
อ่านตอนนี้แล้วทำไมรู็้สึกว่าไฟกำลังตามจีบสมุทร มากกว่าตามไปทำงานด้วยละเนี่ย

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 27-11-2015 18:47:31
 :pig4: :pig4:

รอได้ครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-11-2015 22:08:53
เบบี้หายไปนานเลย เป็นแฟนรุ่นเก่ามากถึงมากที่สุด 5555

ยินดีต้อนรับกลับนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 28-11-2015 00:44:48
คุณไฟนี่เหมือนหมาบ้าเลยนะ 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 29-11-2015 16:21:40
อยากอ่านตอนเขาอยู่ด้วยกันแล้วววววว มาเร๊วววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 30-11-2015 07:29:36
หายไป 2 ตอนนน อื้มหืมมมม  ชอบๆๆๆๆ  :katai1:   พี่ไฟน่าร้ากก สมุทรก้นะ ร้ายกาจเช่นกัน 5555 

รักกันไวๆๆนะคะ รอเชียร์ แต่น่าจะนานหน่อย แบบไม่ยอมกันอ่ะเนาะ   :ling1:

รอตอนต่อไปอย่างจดจ่ออ  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NCJung ที่ 30-11-2015 16:09:45
นี่นึกภาพให้สมุทรรับไม่ออกจริงๆ ก็ดูแมนๆอยู่พอๆกับคุณไฟ งืมมมมม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-12-2015 12:20:38
ตอนที่ 11
..ไฟ..




เมื่อวานหลังจากที่ผมได้พูดคุยข้อมูลคร่าว ๆ กับสมุทรไปแล้ว  ผมให้พี่ธานโทรไปแจ้งลาออกให้กับเขาและทราบกับทางบริษัทว่าสมุทรได้ไปยื่นใบลาออกด้วยตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ผมอนุญาตให้สมุทรกลับบ้านเพื่อไปเตรียมตัวเตรียมใจและจัดแจงเรื่องต่าง ๆ ของเขาเสียให้เรียบร้อย

"คุณไฟครับ สมุทรมาแล้วครับ" พี่ธานเดินมาบอก  ผมชะงัก  มองหน้าพี่ธานด้วยความแปลกใจเพราะตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงยี่สิบเท่านั้นเอง  ผมได้บอกกับเขาว่าการเริ่มงานของทุกวันคือแปดโมงเช้า  สายสุดไม่เกินแปดโมงครึ่ง  เขาจะต้องมาถึงที่บ้านของผมซึ่งผมจะตื่นหรือไม่ตื่นก็ตาม  เขาจะต้องมารอ 

ผมเหลือบไปมองเห็นสมุทรเดินเข้ามาตามที่พี่ธานรายงาน  เขามองหน้าผมคล้ายสงสัยที่เห็นผมและพี่ธานดันจบบทสนทนาลงดื้อ ๆ สมุทรชะลอฝีเท้าลงและมองเราสองคนอย่างประหม่า
 
"วันนี้ทำข้าวต้มเห็ดหมูสับนะ!" ทุกคนหันไปตามเสียงของพายุที่เดินมาบอก  พายุชะงัก  มองคนแปลกหน้าที่เพิ่งเข้ามาในบ้าน

"พายุ..นี่สมุทร" ผมแนะนำ  พายุยืนมองหน้าสมุทรนิ่ง ๆ ก่อนยกมือไหว้และอมยิ้มให้เล็กน้อย  สมุทรรีบยกมือรับไหว้แล้วยิ้มกว้างตอบทันที 

"นี่พายุ..น้องชายฉัน เอ่อ..คนละแม่น่ะ" ผมบอกไว้ก่อนเพื่อกันความเข้าใจผิดแบบระยะยาว

"สวัสดีครับ" สมุทรผงกหัวยิ้มให้อีกครั้ง 

"กินข้าวด้วยกันนะครับ" พายุชวน  สีหน้าของมันยังคงเรียบ ๆ ตามเคย  ผมเหลือบมองไปที่สมุทรว่าเขาจะตอบตกลงหรือเปล่า 
ปกติพายุไม่ค่อยชอบอยู่กับคนแปลกหน้า  หน้าตาย  ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์กับคนที่ไม่ต้องการสนิทด้วย  ไม่ชอบร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่น  ไม่ชอบรู้จักใครใหม่ ๆ หวงอาณาเขต  ชอบอยู่คนเดียว  ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ที่มันอยู่ในโลกส่วนตัวของมัน  ใครที่ไม่สำคัญในชีวิตมันแล้วละก็  คน ๆ นั้นจะเป็นจะตายยังไงมันก็ไม่สน  แต่ในทางตรงกันข้าม  พายุสามารถแสดงละครได้เก่งพอควร  มันรู้จักการเข้าสังคม  หลายครั้งที่พ่อพามันไปงานต่าง ๆ แม้พายุจะไม่ชอบแต่มันก็รู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรในงานนั้นเสมอ  รู้ว่าเมื่อไหร่คืองานและจำเป็นต้องทำ  รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ  อย่างเรื่องของสมุทรเองก็เช่นกัน  ถ้ามองมุมหนึ่งแล้วเขาก็คือลูกน้องคนใหม่อีกคนหนึ่งเท่านั้น  ซึ่งพายุไม่จำเป็นต้องทำเป็นว่าเอาใจใส่หรืออยากรู้จักเลยก็ได้  เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งปกติที่มันชอบที่จะเป็นน่ะนะ

"ขอบคุณครับ แต่ผมกินมาแล้วน่ะครับ..ขอโทษด้วย" สมุทรอมยิ้มเจื่อน ๆ อย่างเกรงใจ  น้ำเสียงนุ่มนวลนั่นเป็นการปฏิเสธที่ฟังดูดีมากทีเดียว

"งั้นเหรอ" พายุพึมพำด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย  ผมแอบยิ้มเพราะตลกหน้าน้องตัวเอง

"ไอ้ดินล่ะ" ผมถามถึง

"ยังไม่ลงมาเลย" พายุพูดหน้าบอกบุญไม่รับ

"ดิน!" ผมตะโกนเรียก

"ค้าบ!!" ไอ้ดินตะโกนตอบทันที

"พอเป็นเฮียเรียกแล้วตอบอย่างไว ทีคนอื่นเรียก..เรียกให้คอแตกตายกว่าจะตอบ" พายุบ่นแล้วเดินหนีไป

"มากินข้าว เดี๋ยวสาย" ผมพูดเสียงค่อนข้างดัง  กลัวว่าไอ้ดินจะได้ยินไม่ชัดเนื่องจากว่าห้องนอนของไอ้ดินอยู่ห่างจากตรงที่ผมยืนอยู่นี้พอสมควร  บางทีก็แอบคิดว่าบ้านกว้างขวางไปก็ไม่ดีเท่าไหร่  อะไร ๆ ดูจะตามยากไปหมด 

เพียงครู่เดียวไอ้ดินก็วิ่งลงมาพร้อมกับกระเป๋าเป้เตรียมไปโรงเรียน  มันหันมาเห็นสมุทรแล้วก็ชะงักด้วยสีหน้าสงสัยอีกคน  ไอ้ดินยกมือไหว้สมุทรทันทีทั้งที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน

"นี่..สมุทร" ผมบอก  ไอ้ดินผงกหัวยิ้มรับ

"นี่ลูกน้าฉัน ชื่อดิน" ผมบอกสมุทร

"หวัดดีครับ" สมุทรผงกหัวยิ้ม ๆ

"พี่คนนี้ใครเหรอเฮีย" ไอ้ดินยิ้มกว้างถามหน้าซื่อ  ไม่ได้รู้จักมารยาทหรือกาลเทศะตามสไตล์มันเหมือนเคย

"เพื่อนกู ไปกินข้าวเลยไป" ผมตัดบท  ผลักหัวมันไล่ส่ง ๆ เพราะเรื่องนี้ไอ้ดินไม่จำเป็นต้องรู้ละเอียดก็ได้  เปลืองเวลาที่จะอธิบายเปล่า ๆ

"เพื่อนเฮีย เฮียมีเพื่อนด้วยเหรอเนี่ย!" ไอ้ดินเดินไปบ่นไปหน้าเครียด  แต่ผมว่ามันกำลังกวนตีนผมมากกว่า

"พาไปรอที่ห้องนั่งเล่น" ผมสั่งพี่ธาน  พี่ธานพยักหน้ารับ

"รอแป๊บแล้วกัน ฉันขอกินข้าวก่อน" ผมบอกสมุทร

"ครับ" สมุทรพยักหน้าตอบ  ผมเดินไปที่ห้องกินข้าว  พายุกับไอ้ดินกินนำกันไปก่อนแล้ว 

"คุณไฟจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ" ป้าอิ่มยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะอาหารยิ้มถาม  ผมมองไปที่ถ้วยข้าวต้มของตัวเองที่พายุน่าจะเป็นคนตักเตรียมไว้ให้  ไอ้คนทำเองก็รู้ว่าผมเกลียดการกินข้าวต้มตอนเช้าที่สุดแต่มันก็ยังจะทำ 

"ไม่ครับ" พายุชิงตอบ  เหมือนบังคับให้ผมกินข้าวต้มฝีมือมันให้จบ ๆ ไป  ป้าอิ่มก้มหน้ายิ้ม ๆ แต่ยังคงไม่ไปไหนเหมือนรอคำสั่งจากผมคนเดียว

"ไม่ครับ" ผมบอกป้าอย่างตัดใจ  ป้าอิ่มพยักหน้ารับ  ผมถอนหายใจและเริ่มหยิบช้อนคนอาหารตรงหน้า

"อร่อยไหม" พายุถามทันทีที่ผมเพิ่งกินข้าวต้มคำแรกเข้าปาก  ผมพยักหน้าตอบส่ง ๆ มันยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าอย่างพอใจในคำตอบที่ได้รับ  อันที่จริงผมคิดว่าพายุไม่ต้องการจะทราบรายละเอียดปีกย่อยของรสชาติอาหารชามนี้มากกว่า  มันต้องการแค่ให้ผมแดกเข้าไปก็พอ

"เฮีย..อย่าลืมให้เงินดินนะ" ไอ้ดินทวง  ผมพยักหน้า  ตั้งหน้าตั้งตากิน

"ดินขอเพิ่มอีกสี่ร้อยนะครับ ค่าทำรายงานน่ะ" มันว่า  ผมเงยหน้ามองมัน

"รายงานอะไร" ผมถาม

"รายงานวิทยาศาสตร์..รวมกลุ่มกับเพื่อนหกคน เป็นโครงงานอ่ะ" ไอ้ดินรีบอธิบาย

"งานเสร็จแล้วเอามาให้กูดูด้วย" ผมตัดบท

"นี่เฮียไม่เชื่อใจดินเหรอ" ไอ้ดินโวยวาย

"อืม" ผมพยักหน้าตอบอีก

"ขอสี่ร้อย ทำอย่างกับสี่หมื่น" ไอ้ดินบ่นพึมพำ  ผมอมยิ้มไม่ได้ว่าอะไร

"หึหึ" พายุหัวเราะชอบใจ

"เดี๋ยวมึงเอาให้มันก่อน" ผมบอกพายุ  พายุพยักหน้ารับ

"เฮียจะให้เค้าทำงานอะไร" พายุเปลี่ยนเรื่องถามถึง
 
"ติดตามกูไง งานสบายดีออก" ผมเบะปากตอบส่ง ๆ

"ติดตามเฮียเนี่ยนะสบาย" พายุกับไอ้ดินพูดขึ้นเสียงสูงพร้อมกัน  ผมหัวเราะ  ขำหน้ามันทั้งสองคน

"พี่ธานมีงานเยอะแยะ กูจะให้พี่ธานเลิกดูงานที่ตลาด ช่วงนี้คงต้องให้หมอนั่นช่วยดูที่ตลาดไปด้วยจนกว่าจะเข้าที่เข้าทาง" ผมว่า  ผมไม่อยากให้พี่ธานจัดการงานที่ตลาดแทนระหว่างปรับปรุง  ไม่ใช่ว่าพี่ธานจะทำไม่ได้หรือผมไม่ไว้ใจ  แต่ผมสามารถดูเองได้  ผมอยากให้พี่ธานไปทำงานส่วนอื่นได้เต็มที่  อย่างงานประจำที่สนามแข่งรถ  ถ้าพี่ธานอยากจะทำอย่างเต็มตัวผมก็ไม่ได้ว่าอะไร  อีกอย่างงานหินอีกงานคือการตามติดลูกหนี้ของผม  ซึ่งเป็นอีกงานสำคัญที่พี่ธานรับหน้าที่รับผิดชอบเป็นหลักด้วย

"..พี่คนนั้นเค้าไม่ใช่เพื่อนเฮียใช่ไหมล่ะ ดินดูออกหรอก เพราะเพื่อนเฮียมีแต่ประหลาด ๆ พี่คนนั้นดูปกติจะตาย..ฮ่า ๆ ๆ" ไอ้ดินอ้าปากกว้าง  พูดเองหัวเราะเอง  ผมเลยต้องเอื้อมมือตบกะโหลกปรามมันไปทีนึง  ผมอมยิ้ม  แอบนึกว่าถ้าพวกมันได้รู้จักกับไอ้โชละก็  สงสัยผมได้โดนประณามกว่านี้เป็นแน่  ที่ผ่านมาผมกับไอ้โปรดปิดเรื่องที่พวกเรายังคงติดต่อกับไอ้โชอยู่  ที่จริงก็ไม่ถึงกับขนาดปิดเป็นความลับ  แต่เราทั้งสามคนเหมือนรู้กันดีว่าการไม่พูดบอกใครคงจะดีและปลอดภัยกว่า  เพราะทั้งผมและไอ้โปรดไม่มีใครเดาใจไอ้โชได้เลยว่ามันต้องการจะเอายังไงกันแน่  ส่วนใหญ่เราจึงไม่พูดถึงไอ้โชต่อหน้าใคร

"อิ่มแล้ว" ผมบอก  วางช้อนลงแล้วหยิบน้ำมาดื่ม  เป็นการกินข้าวต้มไปได้ครึ่งชามด้วยความรวดเร็ว  พายุเหลือบดูผลงานในชาม  ดูท่ามันคงพอใจถึงได้ไม่ปริปากบ่นออกมา  ผมหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากก่อนดื่มน้ำจนหมดแก้วอีกครั้ง  แล้วจึงนำกระดาษทิชชู่แผ่นใหม่เช็ดปากซ้ำอีกทีหนึ่ง  ทำแบบนี้ทุกครั้งหลังกินอาหารเสร็จจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว

"รีบไปเรียนล่ะ" ผมมองค้อนไอ้ดินก่อนลุกเดินออกมาจากห้องแล้วตรงไปที่ห้องนั่งเล่น  สมุทรกำลังนั่งอ่านหนังสือนิตยสารมวยอยู่ตรงโซฟาหันมามองผม  พี่ธานไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว 

"มาเช้าดีนี่" ผมชม  นั่งลงที่โซฟาตัวตรงข้ามกับเขา

"ตกลง..ตัดสินใจได้รึยังว่าจะเรียนต่ออะไร" ผมถาม  สมุทรพยักหน้าตอบ  เขาหลบสายตาลงเหมือนกับคนที่มีท่าทางกังวลใจ

"ว่ามาสิ" ผมเร่ง

"เอ่อ ผมอยากเรียน ..วิทยาศาสตร์การกีฬาน่ะ" สมุทรหันมาสบตา  ผมมองเขาด้วยความฉงน

"...ไม่ได้เหรอครับ" สมุทรถามทันที

"เปล่า..ได้สิ" ผมตอบกลับทันทีเช่นกัน  ทำเอาฝ่ายตรงข้ามยิ้มสบายใจออกมาได้

"แต่ว่า มันไม่ตรงกับสายที่นายจบมาไม่ใช่เหรอ" ผมพูด

"ครับ..ผมทราบ ผมดูรายละเอียดมาแล้ว ผมอยากเรียนมหาวิทยาลัย U เค้าอนุญาตให้เทียบหน่วยกิตได้บางหน่วยกิต..แล้วก็ไม่ได้บังคับเข้าเรียนน่ะครับ จะได้ทำงานให้คุณได้เต็มที่กว่านี้ด้วย" สมุทรพูด

"แล้วฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันไม่อยากให้นายเข้าเรียน นายมีหน้าที่เรียนก็เรียนไป..แค่นั้นเอง" ผมขมวดคิ้วอย่างอดว่าไม่ได้ที่เขาตัดสินใจเอาเอง

"ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าคุณอยากให้ผมเรียน..ผมจะเลือกแบบนี้" สมุทรพูดย้ำ  เราต่างเงียบลงครู่หนึ่ง  เบือนหน้ากันไปคนละทาง  ผมถอนหายใจเบา ๆ

"อีกอย่าง..ถ้าเกิดน้องผมเป็นอะไร ผมก็จำเป็นจะต้องขาดเรียนอยู่ดี..มีค่าเท่ากันแหละครับ เมฆเค้า..ป่วยบ่อยน่ะ" สมุทรพูดขึ้นเหมือนพยายามจะอธิบายให้ผมเข้าใจ  ผมยอมความเพราะนี่มันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาเลือกที่จะไม่เรียนต่อมาตลอดเลยก็ได้ละมัง 

"ก็ได้" ผมพยักหน้า

"แล้ว..ทำไมถึงอยากเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาล่ะ นายไม่ได้ชอบด้านก่อสร้างหรอกเหรอ"

"ผม..อยากเรียนมานานแล้ว แต่ว่า..ตอนนั้นมันเลือกไม่ได้น่ะ" สมุทรตอบตะกุกตะกัก  เขาเท้าแขนลงบนหน้าขา  ระหว่างพูดเราก็ไม่ได้มองหน้ากันเท่าไหร่นัก

"เอ่อ ตอนนั้นมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะครับ..แต่ผมเลือกเอง" เขายิ้มเล็กน้อยเหมือนต้องการให้ผมเปลี่ยนมุมความคิดที่กำลังคิดอยู่  ผมอมยิ้ม

"แล้วมวยล่ะ ชอบแค่ไหน" ผมจ้องหน้าเขาตรง ๆ สมุทรนิ่งลงทันที

"ผมชอบมวย แต่ผมไม่ชอบเวทีมวย" เขาตอบเสียงเรียบนิ่งพร้อมกับจ้องตาผมกลับเช่นกัน  สายตาเรียบขรึมคล้ายกับเป็นการย้ำบอกอะไรบางอย่าง

"ทำไม" ผมถาม  มองอีกฝ่ายไม่กะพริบ

"...มันเหนื่อย" สมุทรตอบและเหหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะพูดถึงอีก  ผมเหลือบสายตาต่ำลง  เราต่างไม่รู้จะพูดอะไร  ในความหมายของคำตอบนี้ผมเองก็พอจะเข้าใจดีอยู่ลึก ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่  แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็น  ผมไม่สนใจว่าเขาจะต้องการเวทีมวยหรือเปล่า  ประเด็นของผมคือ..นี่จะเป็นหนึ่งในงานของเขาด้วย 

"งั้นฉันก็ขอแสดงความเสียใจด้วยแล้วกัน ที่นายคงจะต้องคลุกคลีกับมันไปอีกสักพัก..ใหญ่ ๆ" ผมถอนหายใจพูดบอก  สมุทรหันกลับมามอง  ผมอมยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ให้

"เรื่องนี้เอาไว้ก่อน" ผมตัดบทจบเพราะยังไม่ต้องการอธิบายอะไรที่ยังไม่มาถึง

"ฉันมอบหมายงานให้พี่ธานไปทำหลัก ๆ ด้านอื่นแทน ดังนั้น..งานส่วนที่ปกติพี่ธานต้องทำ นายต้องมาดูแทนพี่ธาน เอาเป็นว่าเรียนรู้กันไปก่อน" ผมพูดเข้าเรื่อง  สมุทรพยักหน้ารับเป็นงานเป็นการเช่นกัน

"เดี๋ยวพี่ธานจะอธิบายคร่าว ๆ ให้ ว่าที่นี่เราอยู่กินกันยังไง ทำงานอะไรกันบ้าง..นายมีอะไรก็ถามพี่เค้าแล้วกัน" ผมบอก

"ครับ" สมุทรตอบรับ

"ก็ไม่เชิงว่าเราอยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้องหรอกนะ" ผมพูด  สายตาเหลือบมองไปทางอื่นบ้างเป็นระยะเพราะไม่ค่อยอยากจะพูดเตือนถึงเรื่องนี้เท่าไหร่

"เพราะถ้าเคารพกันแบบพี่น้องมากเกินไป บางคนมันก็จะไม่รู้สถานะจริงของตัวเอง ดังนั้น..ฉันขอแค่ความซื่อสัตย์ต่อกันก็พอ" ผมบอก  สมุทรพยักหน้ารับอีกครั้ง

"งานประจำของนายอีกอย่างคือ เป็นเทรนเนอร์ให้ที่ค่ายมวยสาขาใหญ่ของฉัน" ผมพูดพร้อมกับเอื้อมไปเปิดสมุดบันทึกแล้วยื่นกระดาษโน้ตที่เขียนรายละเอียดงานของสมุทรไว้ไปให้เขา  สมุทรรับไปดู

"ทุกวันศุกร์ เสาร์ แล้วก็อาทิตย์..ตามเวลาที่ฉันเขียนไว้ นายจะต้องอยู่เป็นเทรนเนอร์ในที่ค่าย ในค่ายสาขาใหญ่เรามีเทรนเนอร์ประจำอยู่สิบสี่คน รวมนายไปด้วยก็เป็นสิบห้า..ตารางก็สับเปลี่ยนกันไป แต่นายจะประจำตามวันเวลานั้น" ผมอธิบาย

"ที่นั่นมีเทรนเนอร์ประจำอยู่แล้ว เค้าจะรู้ว่านายทำงานให้กับฉันด้วย ดังนั้นวันไหนที่นายต้องทำงานอยู่กับฉันแล้วไปทำงานที่ค่ายไม่ได้ ถ้าโทรไปบอกเจ้าหน้าที่ได้ก็โทรไปบอกหน่อย..แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ที่นั่นเค้ารู้อยู่แล้ว" ผมบอก
 
ผมนัดกับที่ค่ายมวยไว้เรียบร้อยแล้ว  พนักงานออฟฟิตที่ทำงานเกี่ยวกับการจัดการค่ายทั้งหมดจะอยู่ที่สาขาใหญ่  ซึ่งออฟฟิตจะรับผิดชอบงานในส่วนจัดเตรียมเทรนเนอร์  จัดตารางงานต่าง ๆ ให้กับนักมวยและเทรนเนอร์  ติดต่อลูกค้า  เรื่องบัญชี  เรื่องทนาย  ตารางการแข่งขันต่าง ๆ เรียกว่า หน้าที่เดียวที่ไม่ต้องรับผิดชอบคือสอนมวยนั่นละ  คนที่ค่ายและที่ออฟฟิตรู้ดีว่าลูกน้องคนไหนทำงานกับผมบ้าง  และเป็นที่ทราบกันดีว่าลูกน้องคนไหนที่ทำงานส่วนตัวกับผมจะมีตารางที่ไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่  ดังนั้น..การทำงานจึงมีการยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา

"ส่วนอีกแผ่นเป็นตารางฝึกของลูกน้องฉันที่นี่ ปกติก็จะตามนั้น..แต่สำหรับนายที่บ้านอยู่ค่อนข้างไกลกว่าพวกมัน นายก็มาซ้อมเฉพาะวันที่ฉันขีดแดงไว้..ถ้าไม่มีงานเข้ามาฉุกละหุกก็จำเป็นต้องทำ" ผมบอก

"วันอาทิตย์ หลังเทรนเนอร์เสร็จ..คือวันหยุดของนาย"

"ครับ"

"ส่วนวันอื่น นายจำเป็นต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา แทนพี่ธาน..บางครั้งก็ต้องออกงานดึก" ผมพูด

"แต่ว่า..คือ น้องผม" สมุทรอึกอักขึ้นมาทันที

"มันเป็นงานเฉพาะหน้าน่ะ เกิดขึ้นแล้วค่อยว่ากัน" ผมพูดแทรก  สมุทรเงียบไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"แล้วรู้รึยังว่านายจะต้องเรียนประมาณเดือนไหนยังไง" ผมถามถึงเวลาเรียนเพราะจะได้เตรียมตัวให้ถูก  ช่วงนี้ผมจะให้เขาเรียนรู้งานเรื่อย ๆ ไปก่อน  อีกอย่างผมอยากจะดูฝีมือของเขาด้วยจะได้มอบหมายงานได้

"น่าจะประมาณเดือนกรกฎาครับ" สมุทรตอบ

"โอเค..เอาเป็นว่า ถ้าวิชาไหนเข้าเรียนได้ หรือนายอยากจะเข้าเรียน..นายก็ไปเข้าเรียนซะ แค่บอกให้ฉันรู้ก่อน ไม่ได้ว่าอะไร" ผมบอก

"ครับ..ขอบคุณครับ" สมุทรอมยิ้มตอบน้อย ๆ

"แล้วเรื่องโรงเรียนของน้องชายนายล่ะ" ผมถาม

"ครับ..โรงเรียนนฤนาถ ใกล้บ้านคุณดี" สมุทรรีบตอบ   

"อืม ก็ได้..ที่นั่น เปิดถึงมัธยมต้นเลยใช่ไหม" ผมพยักหน้าเห็นดีด้วยเพราะมันใกล้บ้านผมจริง ๆ และเป็นโรงเรียนที่ดีมีชื่อเสียงทีเดียว

"ครับ" สมุทรพยักหน้า

"เตรียมตัวไว้แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะให้ย้ายเทอมหน้าเลย" ผมสรุปเองเสร็จ

"แต่ว่า..มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับ ผมว่าเอาเป็น.."

"เทอมหน้านี่แหละ ปัญหาคืออะไร" ผมขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ 

"ผมกลัวว่าเค้าจะปรับตัวไม่ได้" สมุทรตอบ 

"อย่าไปคิดแทนน้อง" ผมว่าปัด  ทำเอาสมุทรเงียบลง

"แล้วน้องสาวของนาย มีปัญหาอะไรไหม..เรื่องค่าใช้จ่ายน่ะ" ผมถามถึง

"ไม่ครับ" สมุทรตอบ  ผมเงียบลงครู่หนึ่ง

"เออ..สำคัญ ทำงานกับฉัน ห้ามสูบบุหรี่..ห้ามติดเหล้า เวลางานห้ามดื่ม" ผมพูดบอก

"หึ..บอกตัวเองเถอะครับ" สมุทรย้อนตอบนิ่ง ๆ

"หึ" ผมหัวเราะ  อมยิ้มมองหน้าเขาอย่างพอใจ  ใครที่ไม่รู้จักผม  พอมองผมจากภายนอกก็มักจะเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าผมคงเป็นคนชอบสูบ  ชอบดื่ม  รักเที่ยวรักสนุก  ติดเพื่อนแน่ ๆ แต่ความจริงแล้วผมไม่สูบบุหรี่และไม่ติดการดื่มเท่าไหร่  อีกทั้งไม่ติดเที่ยวหรือติดเพื่อนอีกด้วย  อาจเป็นเพราะว่าผมเที่ยวมามากซะจนรู้สึกเฉย ๆ ไปเสียแล้ว  ลองทุกอย่างมาหมดแล้ว  พอถึงจุด ๆ หนึ่งมันก็เบื่อเซ็งไปเองเสียดื้อ ๆ ประมาณว่า  สังสรรค์ก็ได้ หรือ ไม่สังสรรค์ก็ได้  แต่ส่วนตัวถ้าว่างก็จะออกไปดื่มบ้างบางโอกาสเพราะผมไม่ค่อยสนิทสนมกับสังคมไหนเป็นพิเศษ  นอกจากสังคมของคนในวงการเดียวกันที่ต้องไปมาหาสู่กันบ้าง  นอกนั้นที่ผมคบและออกไปไหนมาไหนด้วยก็คือเพื่อนสนิทเท่านั้น  ผมไม่ชอบรู้จักใครเยอะเกินสมควรเพราะถ้าเป็นแบบนั้น  ชีวิตคงจะรุงรังน่าดู 

"ขออนุญาตครับคุณไฟ" พี่ธานเดินเข้ามาพอดี  ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้น

"ผมจะไปอาบน้ำพอดี ฝากเค้าด้วยเลยแล้วกันนะ" ผมบอกพี่ธาน  พี่ธานพยักหน้ายิ้มรับ

"บอกเค้าให้หมดล่ะ ว่าเค้าจะต้องทำอะไรบ้างที่จะทำให้ผมพอใจ" ผมยักคิ้ว  พูดกำกวมจนพี่ธานส่ายหัวอย่างห้ามปราม  ผมยิ้มเจ้าเล่ห์มองตาพี่ธานก่อนเดินออกมา 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-12-2015 12:24:38
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย  ผมเดินลงมาก็ไม่เห็นพี่ธานกับสมุทรอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว  พอออกไปที่โรงฝึกก็พบสองคนนั้นอยู่ที่นั่น

"นายมา!" ไอ้เด่นตะโกนบอกเพื่อนทันทีที่เห็นผม  สมุทรกับพี่ธานหันมา  พวกมันที่จับกลุ่มคุยกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่พากันกระจายตัวออก  ผมกวักมือให้พวกมันมารวมตัวกันที่ด้านหน้า

"เร็ว ๆ มีเรื่องจะคุยด้วย" ผมว่า  พี่ธานเดินมายืนใกล้ผมมากขึ้น  พวกลูกน้องพากันยืนเรียงแถวหน้ากระดาน  สมุทรยืนมองด้วยสีหน้าไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะยืนอยู่ตรงส่วนไหนกันแน่ถึงจะเหมาะควร 

"รู้จักกันแล้วใช่ไหม" ผมเกริ่น  พวกมันพยักหน้าพร้อมกัน

"ต่อไปนี้..งานบางส่วนของพี่ธาน สมุทรจะทำกับฉัน" ผมบอก  ทุกคนยืนฟังอย่างตั้งใจ  มันยืนตรงนิ่ง  นำมือทั้งสองมือกุมไว้ด้านหน้ากันทุกคนอย่างเป็นระเบียบ

"บางงานที่เป็นหน้าที่ของพี่ธาน สมุทรอาจจะต้องรับช่วงต่อ เช่น.."

"ฝึกพวกคุณ" ผมแสยะยิ้มออกมาน้อย ๆ พวกมันยิ้มกริ่มกันในทันที 

"ถ้ามันอ่อนปวกเปียกแบบพวกมึง..กูคงไม่คิดจะเอามาน่ะนะ" ผมเบะปากว่ากัดพร้อมเปลี่ยนสรรพนามในการเรียก  เป็นการย้ำสติดักความคิดของพวกมันเอาไว้ก่อน  พวกมันคงคิดว่าใครจะมาฝึกมันก็ได้เพราะคงจะดีกว่าให้พี่ธาน  พายุหรือว่าผมควบคุมการฝึกของพวกมัน  อีกทั้งพวกมันคงคิดว่าคนที่ดูท่าทางนิ่ง ๆ มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสุภาพอย่างสมุทรคงจะไม่มีทางโหดได้อย่างพี่ธานแน่  ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาส่วนไหนมาแน่ใจเหมือนกันว่าสมุทรจะทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีตามที่ผมต้องการหรือเปล่า  แต่จากการวิเคราะห์ลักษณะท่าทางของเขาแล้วผมคิดว่าสมุทรน่าจะเอาไหว  ความจริงแล้วผมตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลยด้วยซ้ำว่าถ้าผมให้สมุทรเป็นคนฝึกทุกคนแทนพี่ธาน  เขาจะทำหน้าที่นี้ได้ดีไหมและด้วยนิสัยที่ดูสุภาพของเขานี้  จะสามารถแสดงออกมาให้พวกลูกน้องของผมสงบและเชื่อฟังเขาได้อย่างไร

ทุกคนเงียบมอง  สมุทรอมยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นทุกครั้งให้  พวกลูกน้องพากันอมยิ้มแล้วหลบสายตาสมุทรและผมไปอีกทางเหมือนกับยอมรับในคำพูดที่พูดดักพวกมันอย่างนั้น  ส่วนตัวผมคิดว่าผมชอบรอยยิ้มของสมุทร  รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยนและสุภาพไม่เว้นแม้แต่มีให้กับใคร  มองแล้วสบายตาดี  ผมว่าคนที่ทำแบบนี้ได้เป็นธรรมชาตินั้นประหลาดมาก  มันเหมือนกับผมที่สามารถแสยะยิ้มโกง ๆ ได้ธรรมชาติอย่างน่าประหลาดนั่นละ  หรือที่จริงอาจจะไม่ใช่แค่รอยยิ้มที่สื่อออกมาว่าสมุทรค่อนข้างเป็นมิตร  สายตาที่บ่งบอกถึงความอ่อนโยนออกมาระหว่างที่ยิ้มนั้นมันรับกันอย่างพอดิบพอดีจนน่ามอง  ขนาดเขายิ้มให้กับลูกน้องโฉด ๆ ของผม  เขากลับยังคงใช้รอยยิ้มแบบเดียวกันกับที่มีให้กับคนอื่น  แถมยังมีสายตาอ่อนโยนในแบบที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้

"คุณไฟครับ" พี่ธานเรียก

"หืม" ผมหันไปมองสงสัยว่าพี่ธานเรียกทำไม  พี่ธานเหลือบตาไปอีกทาง  ส่งสัญญาณบอกให้ผมมีสติพูดต่อสักที  ผมหลบสายตาพี่ธานยิ้ม ๆ เพราะเมื่อกี้ผมคงหยุดคิดนานไปหน่อย

"รุ่ง" ผมเรียก

"ครับ" ไอ้รุ่งขานรับ

"เดี๋ยวสมุทรจะไปเป็นเทรนเนอร์ที่ค่ายมวยด้วย ฉันให้พี่นีจัดตารางไว้แล้ว..มีอะไรก็แนะนำเค้าด้วยแล้วกัน" ผมสั่ง

"ได้ครับ" ไอ้รุ่งพยักหน้ารับทราบ  สมุทรผงกหัวยิ้ม ๆ ให้ไอ้รุ่งเล็กน้อย

"แล้วก็..มึงใกล้ขึ้นชกแล้ว อาทิตย์นี้กับอาทิตย์หน้าไปนอนเก็บตัวที่ค่ายเลย กูบอกลุงแล้วว่าให้มึงหยุดงานที่นี่ ถ้ามึงเข้ารอบแล้วค่อยว่ากันอีกที" ผมบอก

"ครับนาย" ไอ้รุ่งพยักหน้ารับอีกครั้ง

"นอกจากนี้ก็ทำความรู้จักกันเอาเองแล้วกัน แลกเปลี่ยนเบอร์กันไว้..จะได้ติดต่อกันได้สะดวก" ผมพูด  พวกมันพยักหน้ารับ

"วันนี้แค่นี้แหละ ใครมีหน้าที่อะไรไปทำก็ไปทำ"

"ครับ" พวกมันประสานเสียงพร้อมกันก่อนแยกย้ายไปแต่ผมยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน 

"อันนี้เป็นกุญแจล็อกเกอร์ของที่นี่นะครับ ห้องล็อกเกอร์อยู่ทางนู้น" พี่ธานยื่นกุญแจไปให้สมุทรพร้อมกับชี้บอกทาง  สมุทรรับไปและมองตาม

"มีอะไรก็เอาไปเก็บไว้ในนั้นได้เลย..ปกติไอ้พวกนี้ก็มีกันหมดทุกคนละครับ พอมันอาศัยอยู่ที่นี่ มันก็ไม่ค่อยจะล็อกตู้ล็อกเกอร์กันหรอก พอของหายก็จะทะเลาะกันเอง..สมุทรก็ล็อกไปเถอะนะ" พี่ธานบอก

"ครับ" สมุทรผงกหัว  ผมเดินไปหยิบน้ำมาหนึ่งขวดแล้วเปิดดื่มระหว่างที่ยืนแอบเอาหูฟังอยู่ด้วย 

"ส่วน ถ้าวันไหนต้องฝึกที่นี่แล้วสมุทรอยากอาบน้ำ ก็ขึ้นไปอาบที่ห้องคุณไฟแล้วกันนะ"

"แคะ" ผมสำลักน้ำไม่ทันได้ตั้งตัว  เหล่ตาไปมอง  พี่ธานหันมายิ้มเหมือนรู้ว่าผมตั้งใจยืนฟังอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว  สมุทรมองหน้าผมเขม็ง  ผมกลอกตาไปทางอื่นไม่ตอบกลับอะไร 

"พอดีว่าตรงส่วนห้องน้ำของโรงฝึกไม่มีที่สำหรับอาบน้ำนะครับ ปกติถ้าลูกน้องคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้พักอยู่ที่นี่ก็จะต้องไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านหลังบ้าน" พี่ธานรีบอธิบายหลังจากกวนผมได้เสร็จ

"ครับ ผมอาบที่นั่นก็ได้" สมุทรตอบรับ  เข้าใจง่าย ๆ ซะงั้น

"อาบห้องฉันตามที่พี่ธานบอกนั่นแหละ" ผมพูดขึ้น  พี่ธานหันควับมามองหน้าผม

"ผมว่ามันไม่เหมาะหรอกครับ ผมเองก็เป็นแค่ลูกจ้าง" สมุทรบอก

"เอามาแทนผมได้นี่ไม่น่าจะเป็นแค่ลูกจ้างนะครับ" พี่ธานอมยิ้ม  ยักคิ้วข้างซ้ายใส่ผมให้ด้วย  พอสมุทรหันไปมองหน้าพี่ธาน  อีกฝ่ายก็รีบปรับเปลี่ยนใบหน้าเป็นตีหน้าซื่อทันควัน

"พี่ธาน" ผมปราม  สมุทรเหลือบมองมาทางผมทีสลับกับมองหน้าพี่ธานที

"งั้นอาบห้องพี่ก็ได้ พี่ไม่ถือหรอก" พี่ธานพูดแกมหัวเราะ  สมุทรอมยิ้มให้พี่ธานนิดหน่อยเหมือนไม่กล้าปฏิเสธ  ผมกัดลิ้นด้วยนึกหมันไส้  หยิบลูกอมออกมากิน  เหล่สายตามองพี่ธานเงียบ ๆ พี่เขาอมยิ้มไม่หยุด 

"ฝากด้วยแล้วกัน" ผมปัดมือตัดบทบอก  พี่ธานพยักหน้ารับคำสั่ง 

ผมกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง  ตรงไปที่ห้องทำงาน  หยิบแผ่นซีดีที่บันทึกการชกของสมุทรมาแล้วนำไปนั่งเปิดดูในโน้ตบุ๊กที่โต๊ะทำงาน  ก่อนหน้านี้ผมยังไม่ได้ดูซีดีแผ่นนี้ที่พี่ธานนำมาให้อย่างละเอียดดีเท่าไหร่นัก  วันนี้ว่างอยู่พอดีเลยกะว่าจะดูให้จบแผ่นไป  การบันทึกนี้เป็นการตัดต่อส่วนหนึ่ง  รวบรวมจากหลายเวทีที่สมุทรเคยไปแข่งชกมา 

ผมดูเทคนิคและเชิงมวยที่เขามีทั้งหมด  การชกของเขาคล้ายกับว่ามีของดีแต่ปล่อยออกมาไม่หมด  รูปแบบการชกแปลก ๆ หลาย ๆ เวทีที่เหมือนกับกั๊กบางสิ่งบางอย่างเอาไว้เพื่อรั้งให้เกมจบไปในคะแนนที่ชนะแบบสูสีเท่านั้น  บ่ายวันนี้เกือบทั้งบ่าย  ผมนั่งดูซีดีแผ่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนแม่บ้านต้องนำอาหารมาให้ในห้องทำงาน  พอดูจนจบไปสามรอบก็นั่งอยู่ในห้องทำงานแทบไม่เคลื่อนไหวอยู่อย่างนั้นร่วมครึ่งชั่วโมง  ภาพการชกของสมุทรสลับวนไปวนมาอยู่ในหัวของผมจนสุดท้ายจำเป็นต้องหยุดคิด  ผมลุกออกมายืดเส้นยืดสาย  เรียกให้แม่บ้านเข้าไปเก็บจานชามที่อยู่ในห้องด้วย   

"จะทำยังไงกับมันดี" ผมยืนเท้าเอวบ่นพึมพำคนเดียวอยู่ในห้องนั่งเล่น  ตามองออกไปที่โรงฝึก  เห็นสมุทรนั่งคุยอยู่กับไอ้เด่น  ไอ้เข้มและพี่ธานอยู่ในนั้น  ผมพลิกนาฬิกาข้อมือดู  บอกเวลาสี่โมงครึ่งพอดิบพอดี  พอกำลังจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นก็เห็นพายุเดินกลับเข้ามาแล้ว  มันหอบอุปกรณ์กีฬารุงรังเต็มไม้เต็มมือไปหมด

"อ่าว ไมกลับเร็ว" ผมถาม

"วันนี้ไม่มีซ้อม มีการบ้านด้วย" พายุตอบ  แม่บ้านรีบเดินเข้ามารับของจากพายุไป 

"พายุ มึงช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้สมุทรหน่อยสิ" ผมสั่ง

"ได้" พายุพยักหน้ารับ  ผมกดโทรศัพท์โทรหาพี่ธานเพราะขี้เกียจเดินออกไปตาม

"ครับ" พี่ธานรับสาย

"พาสมุทรเข้ามาในบ้านหน่อยครับ" ผมบอก

"ได้ครับ" พี่ธานตอบก่อนตัดสายไป  ผมกับพายุนั่งคุยกัน  เพียงไม่ถึงห้านาทีสมุทรก็เดินเข้ามาพร้อมกับพี่ธาน  ผมพยักหน้าอนุญาตให้พายุ  มันรีบลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับนำสายวัดตัวที่เพิ่งหยิบออกมาจากกระเป๋าของตัวเองออกมา  มันหยิบง่ายอย่างกับพกไปไหนมาไหนด้วยตลอดอย่างนั้น  พายุนำไปวัดตัวสมุทรที่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจว่ากำลังถูกทำอะไร  ผมนั่งมอง  สมุทรมองมาที่ผมที  มองไปที่พี่ธานทีเหมือนต้องการคำตอบจากใครสักคน

"ยกแขนขึ้นหน่อยครับ" พายุพูดแกมสั่ง  สมุทรที่ยืนงงอยู่ก็ยกแขนขึ้นตามที่ของ่าย ๆ พายุจัดการวัดตัวและจดรายละเอียดลงสมุด  เวลาผ่านไปประมาณเกือบห้านาทีก็เสร็จ

"เรียบร้อยแล้วฮะ" พายุพูดแล้วก้มลงมาหยิบกระเป๋าของตัวเอง

"เดี๋ยวจัดการให้" พายุหันมาบอกผม  ผมพยักหน้า

"เดี๋ยวคุณพายุจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้นะครับ สำหรับมาทำงาน..ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสื้อเชิ้ตนี่ละครับ ใส่คล้าย ๆ กัน" พี่ธานอธิบาย  สมุทรพยักหน้าเข้าใจทั้งที่ยังมีสายตางง ๆ ปนให้เห็น

".........." อยู่ ๆ ทุกคนก็อยู่ในความเงียบแบบกะทันหัน  ผมนั่งเงียบมองว่ามันเกิดอะไรขึ้น  สมุทรมองหน้าผม  ผมมองไปทางพายุ  พายุยืนจ้องหน้าสมุทรไม่วางตาตั้งแต่หัวจรดเท้า  เป็นชั่วขณะหนึ่งที่เกิดขึ้นแบบงุนงงเล็ก ๆ

"คืออะไร" ผมพูดเชิงถาม  พายุยังคงเงยหน้าจ้องสมุทรอยู่อย่างนั้นจนคนถูกจ้องอยู่อมยิ้มออกมาเขิน ๆ

"วันนี้นายกลับบ้านไปได้แล้ว ไม่มีอะไรหรอก..แค่อยากให้มารู้จักกัน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงาน" ผมพูด

"ครับ" สมุทรพยักหน้าตอบแต่ดูเหมือนเขาจะอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทีพายุอีกครั้ง  พายุเองก็ยังคงจ้องสมุทรอยู่ไม่เลิก  สีหน้าเหมือนหมาสงสัยมากกว่าจะดูถูกอย่างหยิ่งยโสอย่างที่มันชอบเอาไว้มองคนอื่นที่มันไม่สนิทใจด้วย

"พี่ขี้โกหกรึเปล่า" พายุถามออกไปตรง ๆ ด้วยสีหน้าซื่อ ๆ เหมือนต้องการคำตอบแบบตรงไปตรงมา  พี่ธานหลุดหัวเราะ  ผมแสยะยิ้มมองเพราะอยากรู้คำตอบเช่นเดียวกัน

"หึหึ" สมุทรยิ้มกว้างก่อนก้มหน้าลงเหมือนไม่รู้จะตอบยังไง

"บางครั้งคนเราก็จำเป็นต้องโกหกละมั้งครับ ผมหมายถึงบางกรณีเท่านั้นนะ เพราะถ้าทำบ่อยเกินไปในเรื่องเดิม..แบบนั้นจะเรียกว่าสันดานเสีย" สมุทรสบตาตอบพายุอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน  พายุนิ่งไปก่อนจะพยักหน้าเข้าใจง่าย ๆ ซะงั้น

"โอเค" พายุพึมพำ  ดูเหมือนน้องชายผมจะทิ้งประเด็นนี้ด้วยคำตอบนี้จากสมุทรไปได้อย่างดื้อ ๆ เลยทีเดียว   

"ใช่สิ ลืมไป" ผมพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้  ทุกคนหันมามอง

"ถ้าเป็นไปได้..ก็ไปเรียนยิงปืนซะ เดี๋ยวฉันจะให้พี่ธานติดต่อให้" ผมบอกสมุทร

"ไม่ครับ" สมุทรย้อนตอบแทบจะทันที  เขาจ้องหน้าผมนิ่งเหมือนเป็นคำพูดเด็ดขาดเพื่อย้ำให้ผมทราบ

"ผมทราบว่าตอนนี้คุณคือเจ้านายของผม..แต่ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมจะไม่ฟังคำสั่งคุณ" สมุทรพูดบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  ผมแสยะปากออกมา  ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์ไม่วางตา 

"ลาละครับ" สมุทรพูด  ผงกหัวให้ทุกคนเป็นการบอกลา  เขาหันไปยกมือไหว้พี่ธาน  พี่ธานรีบยกมือรับไหว้  พายุมองตามสมุทรจนเขาเดินออกไปลับตา 

"ฮึ" ผมหัวเราะขึ้นจมูก  ก้มหน้าลงพร้อมยิ้มกว้าง

"ประโยคเมื่อกี้ คุ้น ๆ นะครับ" พี่ธานอมยิ้มแซวมองไปที่พายุ  พายุเบะปากยักไหล่  ผมกับพี่ธานมองตากันนิ่งอย่างอ่านใจกันออก

"พี่เค้าก็ดูไม่ใช่คนก้าวร้าวนะ" พายุพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างผมกับพี่ธาน 

"..แต่ดูเหมือน เค้าจะไม่กลัวเฮียเลย" พายุพูดคล้ายต้องการประชดผม  ผมว่าน้องชายผมคงกำลังชอบใจอะไรสมุทรสักอย่างอยู่แน่ ๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดอะไรหรอกนะ  ถูกใจกันได้แบบนี้ก็ดีแล้ว  ผมเหลือบตาขึ้นมองพายุในแบบที่พายุน่าจะเกลียดเข้าไส้  มันมองระแวงใส่ผมไม่หยุดเลย 

"ถูกใจตรงนี้" พี่ธานพูดแทรกต่อท้ายพายุให้อย่างกำกวม  พร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างเดาใจผมออกหมดอีกตามเคย  ผมกัดลิ้นยิ้ม ๆ มองพี่ธานไม่ได้ว่าอะไร  พายุจ้องเราทั้งคู่ด้วยสายตาจับผิด  ผมเอื้อมมือหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะมาอ่าน  พี่ธานลงมานั่งทำเช่นเดียวกัน  ทั้งผมและพี่ธานต่างฝ่ายก็ต่างหาอะไรทำเพื่อหลบเลี่ยงสถานการณ์แปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะทำให้น้องชายของผมกำลังสอดรู้สอดเห็นเป็นอย่างมาก  ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดูแปลกในสายตาของพายุไหม  หรือมีความหมายอะไรพิเศษไหม  แต่ที่ชอบใจที่สุดคือ..พี่ธานนี่รู้ใจผมไปซะทุกอย่างจริง ๆ


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-12-2015 12:29:29

อังคาร: 07:20 น.

วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อลุกมาออกกำลังกาย  ลูกน้องบางคนตื่นมาก็เจอผมที่โรงฝึกแล้ว  ดูพวกมันจะกระปรี้กระเปร่าในทันทีที่เห็นผม  วันนี้ผมต้องออกไปดูงานต่อเติมที่ตลาดตอนบ่ายและมีนัดเก็บดอกเบี้ยกับลูกหนี้อีกในช่วงเย็น  ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยกว่าจะเสร็จก็คงถึงค่ำ  โดยรวมแล้วช่วงนี้งานไม่หนัก  ถ้าไม่มีเรื่องมาให้ปวดหัวหรือต้องไปขัดขากับใครก็มักจะได้เงินมาง่าย ๆ แต่ก็ไม่ง่ายเสมอไป ๆ ซะตลอดเวลา  เวลาที่เราเดินทางก็ต้องเจอทางที่ดีและไม่ดีสลับกันไป  ถ้าจะบอกว่าเป็นครอบครัวที่ดูรวยดี  กระดิกตีนไปวัน ๆ ก็ได้เงินแล้ว  จะให้พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกซะหมดทีเดียว  เพราะแต่ละวันพวกผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าศัตรูได้เพิ่มจากทางทิศไหนบ้าง  ที่จริงแล้วงานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่งานที่ปลอดภัยต่อชีวิตของคนในครอบครัวซะทีเดียว 

พอออกกำลังกายเสร็จ  ผมนั่งพักอยู่ครู่หนึ่งเพื่อรับลมและแดดยามเช้าก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว  เมื่อลงมาพี่ธานก็ออกจากบ้านไปแล้วเพราะต้องไปทำงานที่สนามแข่งรถ  เห็นว่าวันนี้มีจัด Event  ผมเดินไปหยุดอยู่ที่ ๆ เสียบกุญแจรถในห้องทำงาน  ยืนพิจารณาอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบกุญแจรถยนต์ออกมาหนึ่งพวง  สมุทรมาถึงพอดี  พอเขาหันมาเห็นผมเขาก็หยุดอยู่กับที่

"คือ..ผม จะมาถามว่าวันนี้จะให้ผมทำอะไร" สมุทรรีบพูดเหมือนกลัวความผิดที่เขาเข้ามาในบ้านโดยพละการ  ผมโยนกุญแจที่เพิ่งหยิบออกมานั้นให้สมุทร  อีกฝ่ายรับไว้ได้ทันก่อนก้มลงมองของในมือ

"ฉันให้" ผมบอก 

"449 สีดำ..ไปหาเองแล้วกัน" ผมบอกรายละเอียดรถ  สมุทรเดินตรงเข้ามาหาผม  เขาเอื้อมมาจับมือผมไปก่อนนำกุญแจกลับมาวางใส่มือผมอย่างเดิม 

"ขอโทษครับ ผมไม่ขอรับ" อีกฝ่ายจ้องหน้าผมเขม็ง

"ให้ยืม" ผมพูด

"ไม่ครับ" สมุทรย้ำคำเดิม  น้ำเสียงหนักแน่นดูท่าจะไม่ยอมง่าย ๆ จริง ๆ

"นายจะขึ้นรถเมล์ ต่อสองแถวแล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์แบบนี้ทุกวันรึไง" ผมบ่น

"ผมยังไม่เดือดร้อน แล้วคุณจะเดือนร้อนทำไม" เขาย้อนว่า

"ฉันเดือดร้อนแน่ถ้านายให้เวลางานกับฉันไม่เต็มที่" ผมตอกกลับ  สมุทรนิ่งไป  เราต่างจ้องหน้ากันเขม็ง  ผมสูดหายใจเข้าอย่างแรงก่อนถอนหายใจออกมาอย่างแรงอีกเช่นกัน  สุดท้ายก็เลือกเดินกลับไปที่ห้องทำงานอีกครั้ง  เสียบกุญแจอันเดิมเข้าที่เก่า  แล้วหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์ออกมานำกลับไปยื่นให้สมุทร

"มอเตอร์ไซค์ ขับเป็นไหม" ผมถาม  สมุทรก้มลงมองมาที่กุญแจในมือผมและไม่มีทีท่าว่าจะรับไปง่าย ๆ

"เป็นครับ" สมุทรตอบ

"แต่หน้าผมเหมือนคนโง่เหรอ" สมุทรย้อนถาม

"อ่าว นี่นายฉลาดงั้นเหรอ" ผมเลิกคิ้วกวนตอบ  เรายืนจ้องหน้ากันเขม็ง  ผมถอนหายใจพร้อมหันหน้าหนี

"นายจะเรื่องมากอะไรอีก" ผมกระแทกเสียงอย่างเริ่มหงุดหงิด

"มันแพงครับ..เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ผมรับผิดชอบไม่ไหวหรอก" สมุทรตอบหน้าเครียด  ผมถอนหายใจแรง  ยืนเท้าเอวอีกครั้งอย่างเคยชิน แม่ง..เรื่องมากเป็นบ้า    

"ได้" ผมตัดบท  เดินกลับเข้าห้องทำงานไปอีกครั้งหนึ่งแล้วเลือกหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันที่ราคาถูกที่สุดที่มีออกมาแล้วนำกลับไปให้เขาที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

"คันนี้ถูกที่สุดที่ฉันมี" ผมพูดบอก  น้ำเสียงกระแทกอย่างรำคาญ

"เอาไปซะ จะได้สะดวก..สะดวกขับมาก็ขับมา ไม่สะดวกก็จอดไว้" ผมบอก  สมุทรนิ่งมอง  เราต่างเงียบอยู่ร่วมห้านาที  ตัวไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย  ผมดูท่าทีว่าเขาจะรับไปไหม  สุดท้ายสมุทรก็หยิบกุญแจออกจากมือผมไป

"ขอบคุณครับ" เขาบอก

"ขับระวัง ๆ หน่อยแล้วกัน" ผมพูด  ไม่ใช่ห่วงรถแต่ห่วงคนมากกว่า

"ครับ" สมุทรพยักหน้า  ผมแอบชำเลืองมองไปที่นาฬิกาที่เพดาน  นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเท่านั้นแต่อีกฝ่ายมาถึงบ้านผมแล้ว  เขามาก่อนเวลาเกือบชั่วโมงมาสองวันติด  ผมไม่ได้พูดทักอะไรถึงประเด็นนี้เพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะมาเช้าแบบนี้ไปได้สักกี่วัน  จากบ้านของสมุทรมาถึงบ้านของผม  ถึงแม้ว่าจะไม่ไกลอะไรมากนักแต่สำหรับการเดินทางในกรุงเทพนั้นก็ใช้เวลาพอสมควร  อย่างน้อยคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง  นี่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องตื่นกี่โมงถึงมาถึงบ้านผมได้ในเวลาเช้ามากแบบนี้

"ปกติ..ถ้าใครไม่มีเรียน ไม่มีงานหรือหน้าที่ ๆ ต้องรับผิดชอบ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่บ้านกัน..เพราะบางทีต้องเรียกใช้ฉุกเฉิน ตารางฉันไม่แน่นอน วันนี้บ่ายจะออกไปดูที่ตลาด ตอนเย็นก็มีนัดกับแขกกิตติมศักดิ์มากมาย..ระหว่างนี้นายอยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน" ผมบอกแกมประชดให้สมุทรตีความเอาเอง  ปกติถ้าอยู่บ้านผมจะไม่ค่อยเข้มงวดกับลูกน้องเท่าไหร่  แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเรียกใช้  พวกมันจะต้องกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติงานในทันที  ไม่ใช่ยืดยาดเอื่อยเฉื่อย

"อันนี้โทรศัพท์เบอร์ที่เอาไว้ติดต่องานกับฉัน ปกติพี่ธานจะเป็นคนรับให้..นายรับแทนด้วยแล้วกัน ฉันไม่ค่อยชอบพูดเพราะ ๆ กับคนแปลกหน้า" ผมยื่นโทรศัพท์มือถือให้  สมุทรรับไป

"เฮีย! ไปแล้วนะ" ไอ้ดินวิ่งลงมาจากด้านบนอย่างกับจรวด  มันวิ่งไปสะพายกระเป๋าเป้ไปอย่างรีบร้อน

"เอ้า..ดี ๆ ดี ๆ" ผมว่าดุกลัวว่ามันจะตกบันได

"หวัดดีครับ หวัดดีครับ" ไอ้ดินยกมือไหว้ผมกับสมุทรลวก ๆ แล้ววิ่งออกจากบ้านไปเลยโดยไม่กินข้าวเช้า

"ข้าวเช้า!" ผมตะโกนไล่หลัง

"กินที่โรงเรียน!" ไอ้ดินตะโกนกลับทั้งที่เท้าก็ไม่หยุดวิ่งไปที่หน้าบ้าน  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ 

"น้องคุณน่ารักดีนะ" สมุทรอมยิ้มบอก

"ลองเอาไปเลี้ยงสักวันสองวันไหมล่ะ" ผมหัวเราะตอบเขา  สมุทรเหลือบมองพายุที่เดินลงมาจากบนบ้านด้วยท่าทางงัวเงียอย่างกับศพมาเลย   

"หวัดดีฮะ.. กินข้าวกัน" พายุพูดชวนสมุทร  น้ำเสียงยานคางและเครือในลำคอ  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ที่เห็นสภาพไร้วิญญาณของมัน

"เอ่อ.." สมุทรอ้ำอึ้ง  จะปฏิเสธพายุก็ไม่ทันแล้วเพราะเจ้าตัวพูดเสร็จมันก็เดินหนีเข้าไปที่ห้องกินข้าวก่อนเลย 

"เอาเถอะ ชวนบ่อยเดี๋ยวมันจะเคืองเอา" ผมพูดบอกเขา  สมุทรพยักหน้ายิ้มเล็กน้อยอย่างไม่มีทางเลือก  สมุทรเดินตามหลังผมเข้ามาในห้องกินข้าวห่าง ๆ ป้าอิ่มจัดอาหารไว้ให้เรียบร้อยแล้ว  ปกติถ้าเลยเวลาประมาณหกโมงครึ่ง  พวกแม่บ้านจะรู้ดีว่าให้เตรียมอาหารเอาไว้เลยโดยไม่ต้องรอพายุสั่ง  เพราะถ้าวันไหนที่พายุนึกครึ้มจะทำอาหารด้วยตัวมันเอง  มันจะลุกมาตั้งแต่เช้ามืดนู่นละ 

"ป้าอิ่มครับ นี่สมุทร..สมุทร นี่ป้าอิ่ม..หัวหน้าแม่บ้าน" ผมแนะนำ  สมุทรยกมือยิ้มไหว้  ป้าอิ่มยกมือยิ้มรับไหว้เช่นกัน

"เตรียมให้เค้าด้วยครับ" ผมสั่ง

"รบกวนด้วยครับ" สมุทรผงกหัวอย่างเกรงใจ

"ได้จ้ะ นั่งเลยนะ" ป้าอิ่มยิ้มกว้าง  ผมเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะเพราะเป็นที่ประจำ  พายุนั่งทางด้านขวาซึ่งใกล้ทางเข้าประตูเพราะเป็นที่ประจำของมัน  จึงทำให้สมุทรเลือกที่จะนั่งลงข้าง ๆ กับพายุ  แทนที่จะมานั่งอีกฝั่งหนึ่งข้าง ๆ กับผมซึ่งที่จริงแล้วเป็นที่ประจำของพี่ธาน

"กินแล้วก็กินอีกได้ครับ" พายุหันหน้าไปพูดกับสมุทรทั้งที่มันยังหลับตาอยู่  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ไม่รู้ว่ามันจะหลับตาทำไมเหมือนกัน

"หึ..ครับ" สมุทรหลุดหัวเราะ

"ง่วงจริง ๆ เลย" พายุส่ายหัวไปมาแบบไม่มีแรงจะพูดแล้ว

"นอนกี่โมง" ผมถาม

"ตีสามครึ่ง" มันตอบ

"งานไม่เสร็จ.." มันว่า

"ส่งวันไหน"

"อีกสองอาทิตย์ แต่อยากให้เสร็จก่อนอ่ะ..ช่วงนี้โค้ชให้อยู่ซ้อมปิงปองทุกเย็นเลย ไม่อยากพะวง" พายุตอบหน้ามุ่ย  ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ กับนิสัยแบบนี้ของน้องชายผมซึ่งก็เป็นเหมือนสมัยผมเรียนไม่ผิดเพี้ยนกัน

"นอนให้พอด้วย เดี๋ยวก็น็อกหรอก" ผมบ่น  การนอนไม่เต็มอิ่มกับการซ้อมกีฬาไม่ใช่ของที่มาคู่กันมาแต่ช้านานแล้วละนะ  พายุถอนหายใจเหมือนเหนื่อยใจ  ผมเริ่มลงมือตักอาหารกิน

"พี่สมุทรจบอะไรมาเหรอ" พายุหันไปชวนคุย  ให้มันชวนก็ดีแล้วเพราะผมไม่คิดจะชวนเขาคุยน่ะนะ

"มึงเรียกว่าอะไรนะ" ผมพูดแทรกขึ้นเพราะรู้สึกขัดหู

"พี่สมุทร ทำไม.." พายุหันมามองหน้าผม
 
"แล้วทำไมไม่เรียกกูว่าพี่" ผมว่า

"ก็เฮียเป็นเฮียอ่ะ" พายุเบะปากกระแทกเสียงตอบคล้ายรำคาญใจที่ผมไม่เข้าใจมันในจุดนี้สักที  ตั้งแต่เล็กจนโตก็เถียงกันเรื่องนี้มาตลอดจนเลิกเถียงกันแล้วละครับ

"ตกลง..พี่เรียนจบอะไรนะ" พายุหันไปสนใจสมุทรอีกครั้ง  นี่มันเห็นหัวผมบ้างไหมครับ

"เทคนิคครับ ช่างก่อสร้าง" สมุทรตอบด้วยท่าทางที่ยังคงเกร็ง ๆ อยู่อย่างเห็นได้ชัด  ป้าอิ่มนำอาหารชุดของเขามาเสิร์ฟให้  สมุทรหันไปผงกหัวรับอย่างนอบน้อมและช่วยป้าอิ่มจัดแจงด้วยอีกมือ  พายุลืมตามองเต็มตา  ดูท่ามันจะสนใจท่าทางของสมุทรเป็นพิเศษ  ปกติถ้าไม่ใช่คนที่พายุสนใจจริง ๆ มันก็ไม่คิดจะชวนคุยแบบนี้หรอกครับ  ผมหมายถึงถ้าไม่จำเป็นน่ะ  ที่จริงน้องชายผมไม่ใช่คนหยิ่งอะไร  เพื่อน ๆ ที่ตื๊อเป็นฝ่ายเข้าหามันก่อนจะรู้ดีว่าที่จริงแล้วพายุไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไรเลย  แต่ได้โปรดเข้าใจด้วยว่ามันเป็นคนลักษณะแบบนี้จริง ๆ ในมุมของพี่ชายอย่างผมคือ..มันแอบซื่อบื้อเล็ก ๆ
 
"เทคนิคเหรอ" พายุพึมพำ

"ครับ" สมุทรหันมาพยักหน้าตอบแล้วก็หันไปมองป้าอิ่มอีกครั้ง  พายุพยักหน้างึกงัก  พอจัดอาหารเสร็จป้าอิ่มก็เดินออกจากห้องอาหารไป  สมุทรเริ่มจับส้อมกับมีดเตรียมกิน   

"ทำไมตัวสูงจังล่ะ" น้องชายผมถามขึ้นอีก  คำถามนี้ที่เอาผมเกือบหลุดขำเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับคำถามก่อนหน้าเลยสักนิด  สีหน้าพายุดูสงสัยสุด ๆ ผมอมยิ้มมุมปากไปกินไปโดยไม่ได้มองทั้งสองคน  เอื้อมมือหยิบซอสแม็กกี้มาเหยาะใส่ไข่ดาว  และหูยังคงรอฟังคำตอบอยู่

"ตอนเด็ก ๆ กินอะไรเหรอ" มันถาม

"..อืม กินผักกับนมมั้งฮะ" สมุทรตอบด้วยสีหน้าคิดย้อนความหลัง

"เหรอ" พายุแสยะปากเหมือนไม่เชื่อซะงั้นทำเอาสมุทรยิ้มกว้างออกมา

"ตอนเด็ก ๆ ไม่มีอะไรที่กินประจำเลยเหรอ" พายุยังไม่เลิกสงสัย  ที่มันซักไม่หยุดอย่างนี้เพราะมันอยากตัวสูงกว่าที่เป็นอยู่  ที่จริงความสูงของพายุ 174 เซนติเมตรนี้  เรียกว่าเป็นความสูงสมส่วนตามหุ่นของมันแล้ว  และก็อาจจะสูงมากกว่าเพื่อน ๆ ของมันอีกหลาย ๆ คนด้วย  ผมว่าวัยรุ่นสมัยนี้ตัวเล็กกันจะตายไป  ตอนเด็ก ๆ ถ้าพายุอาบน้ำด้วยนมและสามารถทำให้มันสูงขึ้นได้มันคงอาบไปแล้ว  เพราะถึงมันจะอัดอาหารดี ๆ มากขนาดไหน  มันก็ยังสูงไม่ทันผมอยู่ดี  นี่คงเป็นปมของมันอย่างหนึ่งละมังครับ

"ที่กินประจำก็แค่ ตับ..กับนมแหละครับ นอกนั้นก็ผัก แค่นี้จริง ๆ" สมุทรย้ำตอบว่าไม่ได้โกหก

"คงเพราะ พ่อแม่พี่สูงละมั้ง" สมุทรรีบแก้ตัว

"ไม่เห็นเกี่ยว.." พายุว่าหน้างอ  ผมหยุดมือที่กำลังกินและเหลือบมองมัน  สมุทรมองหน้าพายุยิ้ม ๆ

"พ่อผมกับเฮียก็สูง แต่เฮียดันสูงกว่าผม..ผมว่าทฤษฏีนี้มันผิด" พายุยักไหล่ทำหน้าเซ็งอย่างไม่ยอมโอนอ่อนตามทฤษฏี  เหมือนกับยอมรับความไม่ยุติธรรมนี้ไม่ได้  เสร็จจากนี้มันก็จบบทสนทนาลงดื้อ ๆ และเริ่มลงมือกิน  สมุทรจึงได้กินสักที

หลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จแบบไร้บทสนทนาใด ๆ ผมกลับเข้าไปในห้องทำงานโดยปล่อยให้สมุทรอยู่กับพายุ  ผมต้องเตรียมจัดเอกสารหนี้ค้างชำระของลูกหนี้ที่มีทั้งหมด  รวมไปถึงวันที่ต้องชำระหนี้ก็ด้วย  บางส่วนได้ชำระเรียบร้อยแล้วแต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่ได้เก็บหรืออาจผิดเวลาไปบ้าง  รายละเอียดใหม่ ๆ เพิ่มเติมพี่ธานวางเตรียมไว้ให้ก่อนออกจากบ้านแล้ว  มีบางกรณีพิเศษที่ต้องได้รับการเฝ้าติดตาม  ในส่วนนั้นลูกน้องจำเป็นต้องไปสืบมาแล้วนำมารายงานให้ผม  ส่วนใหญ่ถ้าจ่ายดอกตรงเวลาก็มีปัญหาไม่มาก  การออกเงินกู้ของผม  ถ้ารายไหนไม่คลานเข้ามาหาผมเพื่อขอกู้จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ไปเสนอหน้าออกตัวบอกใครว่าผมปล่อยเงินกู้  ผมก็มีกฎของผมและผมคิดว่ากฎของผมมันเบามากถ้าต้องเทียบกับเสี่ย ๆ ที่ปล่อยให้กู้รายอื่น ๆ

ค่าใช้จ่ายรายเดือนในบ้าน  ที่ผ่านมาพ่อของผมแบ่งสัดส่วนไว้ดีแล้วว่าเงินส่วนไหนต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง  ซึ่งถึงแม้พ่อเสียผมก็ยังดำเนินไปแบบเดิม  เงินส่วนค่าใช้จ่ายของลูกน้องและคนในครอบครัวต้องมาก่อน  รองลงมาคือค่าเล่าเรียนและค่ารักษาพยาบาลของคนในบ้านซึ่งผมได้แบ่งแยกไว้เรียบร้อย  ทั้งของพายุและของไอ้ดิน  ผมเก็บเงินก้อนให้พวกมันเป็นประจำทุก ๆ เดือน  รายได้ที่เข้ามาจะหักเข้าส่วนนี้ไว้เป็นประจำโดยไม่ได้บอกให้พวกมันได้รับรู้  เพราะรู้มากก็ใช้มาก 

ส่วนเงินก้อนอื่น ๆ จะสามารถแบ่งสันปันส่วนไปได้  เนื่องจากรายได้ที่ผมได้คงที่ในทุก ๆ เดือนจะมาจาก  รายได้ส่วนของเงินเดือนของผมจากที่ตลาด  ค่าเช่าที่ดิน  ตึกและอาคารพาณิชย์ที่เปิดให้เช่า  และดอกจากการปล่อยเงินกู้ซึ่งเป็นรายได้ที่เข้ามาอย่างมั่นคงในทุกเดือน  ผมจะแบ่งเงินที่ได้จากส่วนนี้ออกเป็นหมวดหมู่เรียบร้อย  เป็นเงินนอนนิ่ง ๆ ที่สามารถทำให้ผมสบายใจว่าคนในบ้านจะไม่เดือดร้อนถ้าเกิดปัญหาใด ๆ ส่วนเงินรายได้ส่วนอื่น ๆ ที่แต่ละเดือนมักมีรายได้ที่ไม่คงที่นั้นจะเป็นเงินหมุนเวียนให้กับธุรกิจต่าง ๆ แม้ลูกน้องของผมเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นไม่มาก  แต่วันเวลาก็ยังคงดำเนินไป  โลกพัฒนาไปอย่างไม่รีรอคนทำมาหากิน  ดังนั้น รายจ่ายก็เพิ่มขึ้น  ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาและคิดว่าแบบนี้มันก็ท้าทายดี

งานที่ผมทำอยู่จะว่าขาวสะอาดก็แน่นอนว่าไม่ทั้งหมด  บางอย่างอยู่บนพื้นที่สว่างแต่กลับมีสีเทา ๆ บ้างก็มี  ถึงแม้จะไม่อยากให้เกิดกรณีเสียชีวิตก็ตามแต่กลับต้องมีการนองเลือดบ้างในบางครั้ง  แน่นอนว่านอกจากการออกเงินกู้ให้พวกหน้าใหญ่ใจโตแล้ว  งานอื่น ๆ ของผมทั้งหมดนั้นเป็นงานสุจริตแต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมสุจริตเสมอไป  ถ้าเมื่อไหร่ที่คู่แข่งเล่นไม่ซื่อมา  ผมเองไม่เคยรีรอที่จะปกป้องงานของผมในแบบที่ผมจำเป็นต้องทำ  สำหรับวงการธุรกิจเรารู้กันดีอยู่ว่าสามารถแยกงานสุจริตออกไปได้ในหลายความหมาย  ผมไม่ขาวและผมไม่ดำ  พูดให้ถูก..คนเราก็ต้องมีด้านมืดกันบ้างเพื่อเอาตัวรอด  ซึ่งผมอาจจะมีเปอร์เซ็นต์อยู่ในมุมมืดมากไปหน่อย  อันที่จริงแล้วผมก็พยายามอย่างที่สุดที่จะทำทุกงานอย่างตรงไปตรงมา  ไม่เบียดเบียนใครให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้  แต่ธุรกิจแบบนี้การขัดขาคนใหญ่คนโตโดยที่เราไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อสู้กลับ  มันก็เป็นเรื่องที่อยู่ได้ยาก  บางครั้งเราก็ต้องงัดความสามารถด้านมืดออกมาใช้เพื่อปกป้องตัวเองในบางกรณี  เพราะคงไม่มีใครหน้าไหนที่จะซื่อสัตย์ต่อเราได้มากเท่ากับตัวเราอีกแล้ว

สำหรับผม..งานที่บริหารยากหน่อยก็คงเป็นค่ายมวย  เพราะต้องรับผิดชอบคนมากในขณะที่รายได้ไม่คงที่  พอจังหวะดีก็ดีใจหาย  แต่บทจะมีเรื่อง  มีคดีความขึ้นมาก็เล่นเอาหนักเหมือนกัน  รายจ่ายที่เสียกับค่ายมวยต่อเดือนนั้นค่อนข้างสูง  ไม่ว่านักมวยจะแพ้ หรือ ชนะมาทุกคนยังต้องอยู่ต้องกิน  เรามีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตพวกเขา  ดังนั้น..ส่วนนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการบริหารเงินเป็นอย่างมาก  โชคดีที่ค่ายมวยของผมมีชื่อเสียงค่อนข้างดังในวงการมานาน  เป็นที่นับหน้าถือตามาตั้งแต่รุ่นปู่  และเป็นที่ไว้ใจให้คนมาศึกษาเล่าเรียน  นักมวยในค่ายก็ทำชื่อเสียงไว้มากตั้งแต่สมัยก่อน  การส่งนักมวยในค่ายไปออกรายการโทรทัศน์  โปรโมททางสื่อ  หรือไปฝึกสอนที่ต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะหารายได้ให้กับค่ายของเรา  ผมมีความสุขกับการบริหารค่ายมวยเป็นพิเศษ  คงเพราะเกิดมากับที่นี่  กินนอนและคลุกคลีมาด้วยกันจนเหมือนพี่เหมือนน้องกันไปแล้ว

หลังจากที่ผมเคลียร์งานเสร็จ  จัดการวางตารางงานเรียบร้อยว่าหลัก ๆ แล้วภายในอาทิตย์นี้ผมจะต้องทำอะไรวันไหนเวลาใดบ้าง  จึงเดินออกมาข้างนอกเพื่อยืดเส้นยืดสาย  พอตรงไปที่ห้องนั่งเล่น  ตั้งใจว่าจะมองไปที่โรงฝึกว่าสมุทรอยู่ในนั้นไหมแต่กลับไม่พบใคร.. 

"คุณไฟคะ..ป้ากำลังจะไปถามอยู่พอดี" ป้าจอมซึ่งเป็นญาติของป้าอิ่มเดินเข้ามา

"ครับ"

"จะกินกลางวันเลยไหมคะ เลยเวลามานานแล้ว" ป้าถาม

"เดี๋ยวก่อนครับ เอ่อ..สมุทรอยู่ไหน" ผมถาม

"อยู่ในครัวใหญ่น่ะค่ะ" ป้าจอมยิ้มตอบ  ผมพยักหน้ารับแล้วเดินออกมาเลย  ผมเดินตรงไปที่ห้องครัวใหญ่ที่อยู่ทางด้านหลังบ้าน  ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงคนพูดคุยและหัวเราะดังชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเดินไปถึงประตูทางเข้าครัวผมจึงหยุดยืนอยู่ตรงนั้น  แม่บ้านสองสามคนกำลังทำอาหารกันอย่างขะมักเขม้น  ส่วนสมุทรกำลังช่วยอยู่ด้วยอีกแรง  ในครัวดูจะสนิทกับสมาชิกใหม่ของบ้านเราได้เป็นอย่างดี  พวกเขาดูมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่มากแบบที่ผมไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่นัก  เพราะผมทำอาหารไม่เป็น  ตั้งแต่เด็กจนโตคิดว่านั่นคือหน้าที่ของแม่บ้านในบ้านมาเสมอ  นอกจากอาหารอะไรง่าย ๆ ที่พอทำได้เพื่อประทังชีวิตได้แล้วนอกนั้นผมขอโบกมือลา 

ผมยืนมองโดยรักษาความเงียบไว้  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนในนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่  เมนูอาหารคืออะไร  เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ก่อนหน้า  ทุกคนทำอย่างกับรู้จักกันมานานเป็นแรมปี  นั่นจึงทำให้ผมไม่กล้าเอ่ยทักขัดจังหวะออกไป  สมุทรเองก็คล่องมือมากพอสมควร  นาน ๆ ทีจะได้เห็นว่าผู้ชายอยู่ในครัวก็ดูมีเสน่ห์ดีอีกแบบ  เขาหยิบจับอะไรว่องไวเหมือนชินในการทำงานในครัวด้วย  ผมยืนมองอยู่อย่างนั้นไม่ละสายตา  รู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้นั้นแปลกใหม่ตามากทีเดียว..



.............ไฟ.............



ปล. จากผู้เขียน

1). มีการพูดคุย  สงสัยและคาดเดากันเกิดขึ้นมากในกรณีที่ว่า ตอนของไฟนี้.. ผู้ใดรุก และ ผู้ใดรับ ^ - ^ เบบี้ไม่สามารถตอบให้ได้ในตอนนี้เพราะต้องการให้ทราบในตอนต่อ ๆ ไปในอนาคตด้วยตัวผู้อ่านเอง  แต่เนื่องจากว่าเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง(ขออ้างเฉพาะนิยายบางเรื่องของตัวเบบี้เอง)เคยเกิดกรณีที่ผู้อ่านบางท่าน "รับไม่ได้" กับเนื้อหาพลิกผันที่เกิดขึ้น ฯลฯ  ดังนี้..จึงขอเตือนก่อนล่วงหน้าว่า  ถ้าหากท่านจะไม่สามารถรับได้..ถ้า..ใครก็ตามจะรุก หรือ ใครก็ตามจะรับ  เพื่อกันไม่ให้เกิดสภาวะสะเทือนใจต่อผู้อ่าน(ท่านที่รับไม่ได้)เกิดขึ้น  เบบี้จึงขอเตือนว่าท่านสามารถหยุดอ่านได้ตั้งแต่ตอนนี้ยังทันนะคะ  เพราะทางเบบี้มีเนื้อหาที่วางไว้ในใจอยู่แล้วและจะไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งใด 

2). ตอนนี้เป็นไปแบบซอฟท์ ๆ หลังจากที่ดูน่าจะลุ้นและเนื้อหาอยู่กับไฟกันมานาน ^ . ^ ตอนต่อไปไม่สามารถรับปากได้ว่าเมื่อไหร่  แต่อาจจะไม่นานเกินรอ  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

..ขอขอบคุณคุณ Must ด้วยที่กรุณาทำสารบัญให้อีกเรื่องแล้ว  อย่างไรเบบี้จะแปะไว้ที่หน้าที่ 1 นะคะจะได้สะดวกต่อท่านอื่น ๆ ขอบคุณมากค่ะ..

เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 01-12-2015 13:24:14
ใครจะรับใครจะรุกเค้าไม่ซีนะ ผ่านข้าวตาร์มาได้ เรื่องอื่นก็วินๆ XD

ปล.งานนี้เหมือนพายุจะได้กำลังเสริมคนใหม่มาสู้กับอาเฮียนะ 5555+
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-12-2015 13:57:59
สมุทรน่ารักสุดๆ อ่านตอนนี้จบรู้สึกวิ้งๆๆ (=^0^=)
ปล ใครรุกใครรับก็ได้ขอแค่ได้กันก็พอใจ๋แล้วววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 01-12-2015 14:00:15
ไม่มีปัญหาสำหรับรุกกะรับค่า ยังไงก็ได้  :z1:

รู้สึกว่าพายุของเราจะถูกชะตากะสมุทร ซึ่งมันเป็นผลดีกะเฮียไฟ 555

เฮียไฟเอาแต่มองสมุทรตลอดเวลา ระวังจะตกหลุมรักเข้านะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 01-12-2015 14:43:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-12-2015 14:48:47
แวบมาปักหมุดไว้หลังสอบเจอกันนนน >////////<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 01-12-2015 16:46:53
ชอบพี่ธานเวลาแอบๆแซวไฟแบบรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่

ไฟเวลาคุยกับพายุหรือดินรู้เลยถึงจะดุไปบ้างแต่ั่รักๆน้องๆ

ขอบคุณและรอตอนต่อไปค่ะสนุกมาก

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 01-12-2015 17:44:28
นั่นไงเราก็ว่าทำไมมันข้ามฉาก เราอ่านพลาดไปตอนนึงนี่เอง :a5: ปล่อยไก่ตัวเบอเร่อเลย ขอโทษค่ะที่ไม่อ่านให้ดี
ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะรับใครจะรุกเราก็มีคนในใจเหมือนกันนะ คริๆ จะใช่หรือไม่เราก็ชอบเหมือนกัน เพราะระดับความฟินคงไม่ต่าง  :z1: ขอบคุณสำหรับตอนยาวๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 01-12-2015 18:33:24
สมุทรมาทำงานกับไฟแล้ว
รอลุ้นพัฒนาความรักของคู่นี้
เพราะสองคนนี้รักกันใครจะรุกใครจะรับก็คงยอมกันได้อ่ะนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-12-2015 19:22:59
อ่านไปเรื่อยๆแล้วรู้สึกว่าไฟน่ารักขึ้นทุกที  :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 01-12-2015 19:56:34
ใครรับ ใครรุก มันสนุกตรงนี้ละ 555
 :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-12-2015 20:06:44
รู้สึกดีมากๆเลย พายุดูเข้ากับสทุทรได้ดีไม่น่ากังวลอะไร
พี่ไฟก็ดูเหมือนเปลี่ยนไปเหมือนกันนะอะไรๆของตอนี้มันดูดีไปหมด

มันอาจเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นสินะ

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 01-12-2015 21:11:13
มองสมุทรแล้วมีความสุขใช่ไหมคุณไฟ  :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-12-2015 21:20:51
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 01-12-2015 22:06:43
อยากจะบอกว่า. ไม่ว่าใครจะรุกหรือใครจะรับ  ก็ทำใจได้ค่ะ เพราะได้ฝึกวิทยายุทธมาจากเรื่องพี่ต้าร์กับน้องข้าวแล้ว  :hao4:  เพราะงั้นถึงแม้จะมาหัก มางอ มุมไหนก็บ่ย่านเลยจ้า  :oo1:  แต่ถ้าถามว่าคาดหวังไว้หรือเปล่า ก็มีบ้างล่ะค่ะตามประสาคนอ่านที่ชอบคิดไปก่อน   :L2:  แต่เพื่ออรรถรสในการเสพนิยายแนวนี้  จึงขอสนับสนุนคนแต่งเต็มร้อยค่ะ  เพราะเชื่อใจ และเชื่อว่านิยายที่แต่งมาจากความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด  จะทำให้ได้นิยายที่ดีที่สุดออกมาด้วย


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 01-12-2015 22:19:58
แอร๋ย!!!~ ชักเริ่มสนุกขึ้นทุกทีละ พอเริ่มสนุกก็ให้รู้สึกว่า ทำใมมันสั้นจังว๊า อยากให้มีต่ออีก ต่ออีก  ต่ออีก ซัก 3 โพสอ่ะไอ้น้องบี้

คุณพี่ไฟคะ พี่ไม่รู้ตัวใช่ไหมคะว่าพี่กำลังตกหลุม...สมุทรซะแล้ว ไอ้อาการเจอกันปุ๊บก็ถูกตา ยิ่งเจอกันก็ยิ่งถูกใจ อย่างตอนนี้อะนะ ถึงขั้นเริ่มจะเพ้อแล้วนะคะรู้ตัวไหม ยกตัวอย่างเช่น :-

"สมุทรอมยิ้มเจื่อน ๆ อย่างเกรงใจ  น้ำเสียงนุ่มนวลนั่นเป็นการปฏิเสธที่ฟังดูดีมากทีเดียว" -------> เข้าข้างกันซะไม่มี

"ส่วนตัวผมคิดว่าผมชอบรอยยิ้มของสมุทร  รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยนและสุภาพไม่เว้นแม้แต่มีให้กับใคร  มองแล้วสบายตาดี  ผมว่าคนที่ทำแบบนี้ได้เป็นธรรมชาตินั้นประหลาดมาก มันเหมือนกับผมที่สามารถแสยะยิ้มโกง ๆ ได้ธรรมชาติอย่างน่าประหลาดนั่นละ  หรือที่จริงอาจจะไม่ใช่แค่รอยยิ้มที่สื่อออกมาว่าสมุทรค่อนข้างเป็นมิตร  สายตาที่บ่งบอกถึงความอ่อนโยนออกมาระหว่างที่ยิ้มนั้นมันรับกันอย่างพอดิบพอดีจนน่ามอง  ขนาดเขายิ้มให้กับลูกน้องโฉด ๆ ของผม  เขากลับยังคงใช้รอยยิ้มแบบเดียวกันกับที่มีให้กับคนอื่น  แถมยังมีสายตาอ่อนโยนในแบบที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ " ----------> ที่บ้านเจ้เค้าเรียกว่าถูกใจจนเพ้อค่ะ

" "แคะ" ผมสำลักน้ำไม่ทันได้ตั้งตัว  เหล่ตาไปมอง  พี่ธานหันมายิ้มเหมือนรู้ว่าผมตั้งใจยืนฟังอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว"----------> มีพิรุธนะคะ

คุณพี่ธานคนรู้ใจก็ช่างชงให้ซะจริงเลย ชงส่งให้ตรอดๆ แต่ละลูกเข้าประตูใจพี่ไฟทุกลูก 555+

 :mew1:
ขอบคุณเบบี้ที่แต่งมาให้อ่านสนุกจ่ะ กำลังเครียดๆ งานมาอ่านตอนนี้แล้วคลายไปได้เยอะเลย

ปล. นุ้งพายุของเจ้ถึงตอนนี้ยังน่ารักเหมือนเดิม ชอบนะเตง จุ๊บ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-12-2015 23:09:58
แอร๋ย!!!~ ชักเริ่มสนุกขึ้นทุกทีละ พอเริ่มสนุกก็ให้รู้สึกว่า ทำใมมันสั้นจังว๊า อยากให้มีต่ออีก ต่ออีก  ต่ออีก ซัก 3 โพสอ่ะไอ้น้องบี้

คุณพี่ไฟคะ พี่ไม่รู้ตัวใช่ไหมคะว่าพี่กำลังตกหลุม...สมุทรซะแล้ว ไอ้อาการเจอกันปุ๊บก็ถูกตา ยิ่งเจอกันก็ยิ่งถูกใจ อย่างตอนนี้อะนะ ถึงขั้นเริ่มจะเพ้อแล้วนะคะรู้ตัวไหม ยกตัวอย่างเช่น :-

"สมุทรอมยิ้มเจื่อน ๆ อย่างเกรงใจ  น้ำเสียงนุ่มนวลนั่นเป็นการปฏิเสธที่ฟังดูดีมากทีเดียว" -------> เข้าข้างกันซะไม่มี

"ส่วนตัวผมคิดว่าผมชอบรอยยิ้มของสมุทร  รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยนและสุภาพไม่เว้นแม้แต่มีให้กับใคร  มองแล้วสบายตาดี  ผมว่าคนที่ทำแบบนี้ได้เป็นธรรมชาตินั้นประหลาดมาก มันเหมือนกับผมที่สามารถแสยะยิ้มโกง ๆ ได้ธรรมชาติอย่างน่าประหลาดนั่นละ  หรือที่จริงอาจจะไม่ใช่แค่รอยยิ้มที่สื่อออกมาว่าสมุทรค่อนข้างเป็นมิตร  สายตาที่บ่งบอกถึงความอ่อนโยนออกมาระหว่างที่ยิ้มนั้นมันรับกันอย่างพอดิบพอดีจนน่ามอง  ขนาดเขายิ้มให้กับลูกน้องโฉด ๆ ของผม  เขากลับยังคงใช้รอยยิ้มแบบเดียวกันกับที่มีให้กับคนอื่น  แถมยังมีสายตาอ่อนโยนในแบบที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ " ----------> ที่บ้านเจ้เค้าเรียกว่าถูกใจจนเพ้อค่ะ

" "แคะ" ผมสำลักน้ำไม่ทันได้ตั้งตัว  เหล่ตาไปมอง  พี่ธานหันมายิ้มเหมือนรู้ว่าผมตั้งใจยืนฟังอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว"----------> มีพิรุธนะคะ

คุณพี่ธานคนรู้ใจก็ช่างชงให้ซะจริงเลย ชงส่งให้ตรอดๆ แต่ละลูกเข้าประตูใจพี่ไฟทุกลูก 555+

 :mew1:
ขอบคุณเบบี้ที่แต่งมาให้อ่านสนุกจ่ะ กำลังเครียดๆ งานมาอ่านตอนนี้แล้วคลายไปได้เยอะเลย

ปล. นุ้งพายุของเจ้ถึงตอนนี้ยังน่ารักเหมือนเดิม ชอบนะเตง จุ๊บ จุ๊บ


เห็นเม้นเจ๊แล้วขำทั้งที่ยังไม่ได้อ่าน 5555555555555++  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 01-12-2015 23:36:00
สมุทรมีเสน่ห์มาก ประเภทคมในฝักเนี่ยเร้าใจสุดๆ  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 02-12-2015 00:26:54
มาตามลุ้นสมุทรกะไฟด้วยคนนะคะ
ชอบเวลาสมุทรกะไฟปลดปล่อยด้านดาร์คๆออกมาจังค่ะ สะใจดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 02-12-2015 01:13:50
จะรักกันได้อย่างไรน้อออออออ
ลุ้นนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mangozen ที่ 02-12-2015 08:12:51
รุกรับนี่ผลัดกันก็ได้เนอะ สมุทรน่ารักทำกับข้าวให้คุณไฟด้วย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-12-2015 08:22:53
พี่สมุทร กับ น้องพายุ ดูเข้ากันได้ดีจัง  นี่ขนาดพายุยังไม่รู้ว่าพี่สมุทรชอบเข้าครัวเหมือนกัน






ถ้ารู้คงคุยถูกคอมากกว่านี้  พี่ธาน ทำเป็น มองความรู้สึกของน้องพายุไม่ออก คอยดูเถอะ







ถ้าวันใหน น้องพายุ หันมาชอบ พี่สมุทร  จะสมน้ำหน้า ทั้งพี่ธาน ทั้งคุณไฟเลย






โบกป้ายไฟเชียร์ สมุทรพายุ รัวๆ เช๊อะ เชิดใส่คุณไฟ :a14:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 02-12-2015 10:04:58
ถ้าไฟเป็นรับ พายุคงฮาที่สุดได้สะใจเฮีย  :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 03-12-2015 09:11:11
ใครจะรุกใครจะรับก็ได้
สลับกันอีกก็ได้นะ 55555555
อยากเห็นตอนสมุทรฝึกให้ลูกน้องคนอื่น
ท่าทางจะทำให้หลายคนอึ้งได้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 03-12-2015 09:16:23
พี่ไฟเท่มาก  อ่านแล้วอ่านอีก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 03-12-2015 09:24:04
ง้อออวเหมือนไฟจะประทับในในทุกเรื่องที่สมุทรทำนะเนี่ย
ชอบเค้าแล้วอ่ะดี้  :z1:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 03-12-2015 13:16:15
สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของการทำตัวไม่ถูก 5555 ถ้าไม่มีพี่ธานอยู่ด้วยคงจะเกร็งกันน่าดู มั้ยนะ
สมุทรดูเข้ากันได้กับทุกคน ยกเว้นพี่ไฟ 55555 แล้วที่พี่ไฟพูดขึ้นว่าให้อาบน้ำห้องตัวเองคือไรคะ แหมะ

พี่ไฟต้องมองเห็นอะไรในตัวสมุทรมากขนาดไหนถึงยอมให้อยู่ใกล้ๆแทนพี่ธานได้
เราว่าไม่ได้มองเห็นอะไรมากหรอก แค่ชอบเขาแล้วแค่นั้นเอง 55555 แซวๆ

สมุทรสู้ๆ เป็นตัวของตัวเองต่อไปนะ เดี๋ยวพี่ไฟก็ดีขึ้น(?) เย้

น้องพายุดูทำตัวสบายๆกับสมุทรนะ เหมือนรู้ว่าเป็นคนสำคัญของเฮีย พายุสัมผัสได้ ที่ยืนจ้องสมุทรเพราะงี้มั้ย?



มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา บอกทั้งตัวเองทั้งที่รักเลย 5555
จุ๊บๆ อยากอ่านอีกกกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 06-12-2015 00:21:36
จะรักกันยังไงน้า
ไฟนี่คงรักน้ำไปแล้ว
แต่น้ำนี่สิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 06-12-2015 15:49:46
สนุกจิงๆๆๆ ไม่รุ้จาเม้นไรดี 555555 
ใครรุก ใครรับกะได้  อย่างเช่นหลายคนนะคืออ่านต้าร์ข้าวแบ้ว ชอบบบบบบบบ  รับได้ค่ะ    :katai2-1:

เป้นกำลังใจให้  :-[    :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 09-12-2015 07:37:32
เข้ามารอน้ำกับไฟ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 09-12-2015 09:48:11
สนุกอ่ะะะ รอลุ้น รออ่านต่อนะค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-12-2015 11:34:59
ความคิดถึงมันหนักมากกกกกกก






คิดถึงคุณไฟแล้วละ :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-12-2015 11:46:56
  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-12-2015 12:04:18
อยากอ่านต่อแล้ววววววววว

คิดถึงพี่ไฟ:)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 11-12-2015 12:52:58
เค้ามารออออ  คิดถึงคุณไฟกับสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 12-12-2015 23:54:48
อยากอ่านแล้วน้าาา คิดถึงงงง
 :serius2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 13-12-2015 15:47:01
ตอนที่ 12
..ไฟ..




"คุณไฟคะ"

"คุณไฟ" ผมชะงัก  ได้ยินเสียงของป้าอิ่มยืนเรียกอยู่ข้าง ๆ จึงละสายตาจากสมุทรหันไปมองเธอ

"ครับ" ผมตอบ

"คุณไฟอยากได้อะไรเหรอคะ" ป้าอิ่มถาม

"คุณมีอะไรจะใช้ผมเหรอ" สมุทรถามแทรก  มือของเขายังคงเปื้อนเต็มไปด้วยแป้งที่กำลังทำอาหารอยู่ 

"เปล่าหรอก เตรียมอาหารกลางวันให้ฉันด้วย" ผมสั่ง  สมุทรพยักหน้ารับ

"ของนายด้วย" ผมหันกลับไปสั่งอีกครั้ง

"ที่ห้องนั่งเล่นนะครับ" ผมบอกป้าอิ่มอย่างรวบรัดก่อนเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น  เปิดโทรทัศน์ดูฆ่าเวลา  ผ่านไปประมาณสิบนาทีอาหารก็นำมาตั้งโต๊ะให้ถึงที่ห้อง  สมุทรเดินเข้ามา  เขายืนมองผมอยู่ตรงปากประตูเหมือนกับไม่กล้าเข้ามานั่งถ้าผมไม่อนุญาตเสียก่อน  ผู้ชายตัวสูงโปร่ง  ท่าทางหน่วยก้านดีที่กำลังมีสีหน้าเกรงใจและประหม่าลึก ๆ แบบนี้  พอเห็นแล้วอดนึกสนุกไม่ได้จริง ๆ

"มาสิ" ผมเรียกไม่ได้มองหน้าเขาแล้วเดินนำไปที่โต๊ะอาหารก่อน  ป้าอิ่มรินน้ำให้เราทั้งสองแก้วก่อนจะทิ้งเราสองคนไว้ให้เป็นส่วนตัว  ผมนั่งลง  สมุทรเดินมาเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับผมแล้วนั่งลงเงียบ ๆ โต๊ะนี้เป็นโต๊ะเล็ก ๆ เพียงรองรับได้แค่สี่ที่นั่งเท่านั้น  ปกติผมจะใช้มันเป็นที่ทำงานหรือเวลาอยากเปลี่ยนบรรยากาศระหว่างกินอาหาร  ท่ามกลางความเงียบของเราสอง  ผมสำรวจมองอาหารตรงหน้า  มีแกงมัสมั่นไก่  ห่อหมกและไข่เจียวทรงเครื่องตามสูตรของป๋าอิ่มที่มักจะรู้ดีว่าผมชอบกินแบบไหนอย่างไร 

สมุทรเลื่อนมือหยิบช้อนส้อมก่อนอย่างช้า ๆ ผมเอื้อมมือไปตักมัสมั่นมาวางไว้บนจานตัวเอง  เริ่มลงมือกิน  ทุกอย่างเคลื่อนไหวไปอย่างเรียบง่ายและเงียบเฉียบ  มันเงียบเสียจนผมรับรู้ได้ทุกสัมผัสของลิ้นที่กำลังลิ้มรสอยู่ในขณะนี้  ผมเหลือบสายตามองไปที่สมุทรหลังจากที่ก้มหน้าก้มตาสนใจแต่อาหารมาพักหนึ่ง  อีกฝ่ายหันหน้ามามองผมพอดี 

"ป้าอิ่ม..ใจดีใช่ไหมล่ะ" ผมชวนคุย  สมุทรอมยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบอย่างเห็นด้วยว่า "ครับ" เสียงเบา  หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอีกจนข้าวหมดไปได้เกือบครึ่งจาน  ที่เพราะอีกฝ่ายไม่พูดถามอะไรก่อนเลย  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปกติเขาไม่ค่อยชอบพูดระหว่างกินอาหารหรือเปล่าไม่ทราบ  หรืออาจเพราะไม่มีเรื่องจะชวนผมพูด  แต่มองอีกมุมหนึ่ง  ดูเหมือนเวลาที่เขาอยู่กับคนอื่น  เขาก็พูดได้เป็นปกติและธรรมชาติดีกว่านี้  ส่วนตัวผมเองก็ไม่ค่อยพูดระหว่างกินข้าวเท่าไหร่นัก  ส่วนใหญ่พายุกับดินจะชวนคุยมากกว่า  แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม  ผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าอยากหาคำถามอะไรมาถามสักหัวข้อ..

"น้องนายรู้รึยังว่าต้องย้ายโรงเรียน" ผมถามขึ้น

"ครับ..รู้แล้ว" สมุทรตอบ  ผมพยักหน้า  เราต่างยังคงไม่หยุดกินและไม่มองหน้ากันเท่าที่ควร

"แล้ว..น้องสาวนายรู้รึเปล่า เรื่องระหว่างครอบครัวเรา"

"ไม่ครับ ผมยังไม่ได้เล่า" สมุทรตอบ

"ทำไม" ผมถาม  เงยหน้ามองเขา  อดไม่ได้ที่จะมีน้ำเสียงกวน ๆ ทิ้งไว้ที่หางเสียงอย่างเคยชิน

"มันยังไม่ถึงเวลา" เขาตอบ  สายตาที่จ้องมาที่ผมเหมือนกับกำลังบอกว่า "ผมจะจัดการเอง" อย่างนั้น

"เย็นนี้..ต้องไปรับเมฆรึเปล่า นายต้องอยู่กับฉัน วันนี้ต้องไปเก็บเงิน..นายต้องไปด้วย" ผมบอก  ผมต้องการให้เขาไปดูการทำงานและรับรู้ว่าวัน ๆ หนึ่งโดยปกติแล้วพวกผมทำงานอะไรกันบ้าง  ซึ่งถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปสมุทรจะรู้ได้ทันทีว่าการทำงานของผมเป็นประมาณไหน  แทบทุกอาทิตย์ก็จะทำงานตามตารางซ้ำ ๆ อาจมีบางครั้งที่ตารางจะไม่ค่อยแน่นอนบ้าง  อย่างเช่น..การไปเก็บเงินกับลูกหนี้ในเย็นวันนี้  อาจเป็นกรณีนาน ๆ ครั้งที่จะได้เห็นก็เป็นได้  และถ้าบางกรณีอยู่ขั้นเลวร้าย  เขาก็ควรทำใจยอมรับไว้ให้พร้อมด้วย

"ถึงกี่โมงครับ" สมุทรเงยหน้าถาม  สีหน้ากังวลเริ่มปรากฏให้เห็นอีกครั้ง

"ไม่แน่นอน..ฉันให้คำตอบไม่ได้ แต่ถ้าเสร็จงานแล้วนายก็กลับได้เลย" ผมตอบ  ความมั่นใจเดียวที่น่าจะมีให้กับเขาในตอนนี้ได้คือถ้าเสร็จงานแล้วผมจะไม่รั้งเขาไว้

"ครับ" สมุทรผงกหัวเข้าใจ  เขาก้มหน้าตักห่อหมกกินต่อ  ผมนั่งมอง
 
"ทำงานอะไรเป็นบ้าง..นายน่ะ" ผมถาม  สมุทรเงยหน้ามองผมอีกครั้ง

"อย่างเช่น บัญชี บันทึกการประชุม อะไรทำนองนี้" ผมยกตัวอย่างให้ฟัง

"หึ.." สมุทรหัวเราะออกมา  เรามองหน้ากัน  ผมค้างมือที่ถือช้อนส้อมเอาไว้ไม่ขยับเพราะจะตั้งใจฟังคำตอบ  สงสัยว่าอีกฝ่ายหัวเราะทำไม 

"ผมทำงานใช้แรงงานมาตลอดตั้งแต่เด็ก พวกบันทึกการประชุมอะไรคงไม่ไหว" สมุทรอมยิ้มพูด  รอยยิ้มสุภาพทำให้คำพูดดูไม่ประชดประชันอย่างที่ควร 

"บัญชีก็พอทำได้บ้าง ผมเคยช่วยพ่อเลี้ยงทำสมัยที่เค้ายังมีชีวิตอยู่น่ะ" สมุทรพูด  ผมพยักหน้ารับฟัง

"เคยทำงานร้านอาหาร เป็นเด็กเสิร์ฟ..เด็กยกกระเป๋า รับจ้างเก็บพริก สวนลำไย..ไร่สตรอว์เบอร์รี ฟาร์มโคนม งานจิปาถะตามบ้านผมก็รับหมด แล้วก็..งานประจำก่อนที่จะมาเจอคุณก็รับเหมาก่อสร้างอย่างที่เห็น" เขาอธิบายอย่างไม่อาย

"จิปาถะตามบ้างคืออะไร" ผมถามอย่างอยากรู้

"ก็..เอ่อ ประมาณว่า บางบ้านมีแต่คนแก่ อยากให้ไปเปลี่ยนหลอดไฟให้ ซ่อมท่อประปา ย้ายกระถางต้นไม้ ประมาณนี้" สมุทรตอบแกมหัวเราะ

"แล้วมาตรฐานการคิดเงินอยู่ตรงไหน" ผมพอจะเดาความได้ไม่ผิด

"แล้วแต่ลูกค้าจะให้" สมุทรหลบสายตาไปอีกทาง

"ฉันขอเดา ยี่สิบบาทนายก็คงเคยได้มาแล้ว" ผมว่า  มันมีอยู่แล้วไอ้คนประเภทที่คิดว่า "แค่นี้ก็พอ"  "จ่ายเท่านี้ก็แพงมากแล้ว" ฯลฯ  สำหรับผมคนที่คิดแบบนี้ได้อยู่ในกลุ่มที่ไม่เห็นใจคนอื่น  ถ้าพูดกันตามตรงแล้วสมัยนี้อะไรก็อยากไปหมด  จะจ้างให้ช่างไฟมาที่บ้านเพียงเพื่อมาเปลี่ยนหลอดไฟเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ก็คงจะไม่มีใครมาให้หรอกครับ  มันเสียเวลาทำมาหากิน  การจ้างคนประเภทสมุทร  เป็นการหยิบมาใช้สอยได้ง่าย ๆ ตลอดเวลาและผมคิดว่ามันเป็นการจ้างอย่างซื้อใจ  ถ้าเขาพูดว่า "แล้วแต่ลูกค้าจะให้" แสดงว่าเขาเกรงใจฝั่งตรงข้ามอยู่พอดู  ดังนั้น..ผมคิดว่าฝั่งตรงข้ามก็ควรจะให้เกียรติเขาด้วยน่ะนะ

"หึ..ก็นะ" สมุทรหัวเราะน้อย ๆ อย่างไม่ปฏิเสธ   

"ชอบอันไหนมากที่สุด" ผมยิงคำถามอีก

"อันไหนได้เงินก็ชอบหมดนั่นแหละ" เขาตอบทันที

"หึ.." ผมแสยะปากหัวเราะชอบใจในคำตอบ

"ฟาร์มโคนมมั้ง" สมุทรพูดขึ้นเหมือนเมื่อกี้เพียงแค่หยอกเล่น

"งั้นหวังว่าทำงานกับฉันก็คงจะชอบด้วย" ผมเบะปากพูดประชด  สมุทรมองผมนิ่งลง

"งั้นคงเป็นงานแรกละมังครับที่อาจจะไม่ชอบ" สมุทรย้อนตอบด้วยสายตากวนอยู่ลึก ๆ ผมอมยิ้มมุมปากทีละนิดจนสมุทรเบือนหน้าหนีไปอีกทาง  สายตาทอดมองออกไปที่วิวทิวทัศน์ทางด้านนอก  ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมยังจ้องเขาอยู่ไม่ขยับเขยื้อน  สมุทรจึงไม่ยอมหันกลับมาเลย 

"ทำงานกับฉัน มีตรงไหนไม่ดีไม่ทราบ..สบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วนะ" ผมเริ่มตักอาหารกินต่อ

"หึ เหรอครับ" สมุทรหัวเราะในลำคออย่างเสียไม่ได้

"..หรือไง ชอบแบบตากแดดตากลมว่างั้น" ผมเลิกคิ้วกวน

"คงงั้น" สมุทรเบะปากกวนตอบ

"อ๋อ นายคงชอบแบบ Outdoor สินะ" ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นนัยยะให้เขาตีความเอาเองว่าผมกำลังเปลี่ยนมุมเป็นทะลึ่งตึงตัง  สมุทรมองมาที่ผมเขม็งคงเพราะตีความต่ำ ๆ ของผมได้ออก

"หรือที่จริง นายคงหงุดหงิดใจที่ไม่ใช่งานคู่นอนอย่างที่ฉันบอกไว้ตอนแรกรึเปล่า" ผมเย้าจนอีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองหน้าผมตาขวาง  ผมนิ่งมองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้และยิ้มกวนอารมณ์อย่างไม่แคร์ว่าเมื่อกี้ได้พูดอะไรออกไป 

"นายอยากรู้ไหมล่ะว่างานไหนสบายกว่า จะลองฝึกงานคู่นอนดูก่อนก็ได้นะ เผื่อชอบ ส่วน..จะชอบแบบไหน นายค่อยเลือก" ผมยิ้มกวนไม่หยุด  อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะโต้ตอบกลับอย่างไร

"........." สมุทรนั่งเงียบ  เราต่างเงียบจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ  ผมนำเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะเขี่ยไปโดนปลายเท้าของเขา  สมุทรสะดุ้งเล็กน้อยด้วยท่าทางตกใจ  อีกฝ่ายชักเท้าหนีกลับไปทันที
 
"หึ" ผมแสยะปากหัวเราะแล้วยักคิ้วให้

"ดูจากท่าทาง และการใช้ชีวิตของคุณ..คุณก็ไม่น่าจะใช่คนเก็บกดทางเพศนะ" สมุทรพูดแกมว่าด้วยสีหน้าเรียบ ๆ น้ำเสียงยังคงไม่สั่นไหวให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว  ผมตั้งใจฟังและมองเขาไม่วางตา  ใจเต้นแรงอย่างตื่นเต้นว่าเขาจะพูดว่าอะไรผมบ้าง

"เพราะน่าจะลูบแล้วไม่มีหางก็คงจะเอาหมด" อีกฝ่ายพูดเชิงต่อว่าอีก  คำพูดที่เจ้าตัวคงจะคิดว่ามันคงจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอะไรละมัง

"นายด้วยงั้นเหรอ" ผมย้อนหน้าตาย  กวาดตาเจ้าเล่ห์มอง  สมุทรเงียบปากไปเลย

"นายมีหางรึเปล่าล่ะ..ยังไม่เคยลูบซะด้วยสิ" ผมเอนหลังพิงเก้าอี้  เท้าศอกไปที่พนักวางแขนพร้อมกับนำมือเท้าคางมองเขายิ้ม ๆ สมุทรเบนหน้าหนีและถอนหายใจเบา ๆ คล้ายเหนื่อยหน่ายใจที่จะต่อปากต่อคำกับผม

"หึหึ เอาน่า..พูดเล่น" ผมตัดบท  ตั้งใจจะกินต่อ  สมุทรเหล่สายตามองมาเหมือนยังไม่ไว้ใจ

"ถ้ายังไม่กิน ฉันอาจจะเอาจริงก็ได้" ผมปรับสีหน้ากลับมาขู่เหมือนเคย  สมุทรส่ายหัว  จ้องมองมาที่ผม  ผมมองตาเขาและยิ้มให้  เราตั้งหน้าตั้งตากินอีกครั้ง  ระหว่างที่กินผมก็อดอมยิ้มไปไม่ได้  ดูเหมือนว่าผมอาจจะคาดเดาอะไรผิดไป  ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ดูจะไม่ตกใจกับการกระทำของผมเลยแม้แต่น้อย  ถ้าเป็นผู้ชายปกติอย่างคนอื่น ๆ คงตกใจหน้าเสียไปแล้ว  หรือไม่ผมอาจโดนโกรธจนถูกชกปากไปแล้วก็เป็นได้  ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเขาผ่านโลกมาเยอะพอที่จะทำให้เขานิ่งได้มากขนาดนี้  ที่จริงแล้วโดยพื้นฐานสมุทรคงไม่ใช่ผู้ชายที่จะตกใจอะไรง่าย ๆ หรือเปล่า  ตอนนี้มีคำถามที่ผมอยากได้คำตอบเต็มหัวไปหมดเพราะจากข้อมูลที่พี่ธานนำมาให้ผมทราบก่อนหน้า  ก็ไม่ได้มีข้อมูลในเรื่องเพศหรือนิสัยนอกลู่นอกทางของเขาที่ปกติผู้ชายทั่วไปควรจะมีติดตัวไว้บ้างน่ะนะ  บอกตามตรงว่าผมยังคงยืนยันในคำเดิม  ว่าถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่ลูกชายของลุงยอดก็ตาม  ถ้าผมได้เจอกับเขาในกรณีอื่น ๆ สิ่งที่เขาเป็นก็ยังสามารถดึงดูดผมได้อยู่ไม่น้อย


- - - - - - - - - - - - - - -


16:45 น.  ณ ตลาดชโนทัย

หลังจากที่กินข้าวเสร็จเมื่อตอนเที่ยง  พี่สาวได้โทรหาผมและบอกว่าน้ำที่ตลาดท่วมเจิ่งนองเต็มไปหมด  ผม  ไอ้เด่นและสมุทรเลยต้องเดินทางมาดูพร้อมกันเพราะเย็นนี้จะได้ออกไปทำธุระทีเดียว  ระหว่างทางผมหยิบสมุดจดของผมมาดู  พบว่าที่ตลาดเพิ่งลอกท่อไปเมื่อสองเดือนก่อน  ซึ่งเป็นการลอกท่อครั้งใหญ่หมดทั้งตลาด  และมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้น้ำท่วมขังแบบนี้ 

"ท่อแตกเหรอ" ผมพูดบ่นไปอย่างนั้นเพราะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด  เราทุกคนเดินตามมาดูเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้น้ำขัง  ตลาดของผมเป็นตลาดที่เปิดตั้งแต่เช้ามืดจนถึงสามทุ่ม  เวลาบ่าย ๆ แบบนี้เป็นเวลาที่คนมาซื้อของพลุกพล่านพอสมควร  ตอนนี้น้ำขังเกือบทั่วบริเวณรอบนอกและด้านในตลาดส่วนหนึ่ง

"ใครแกล้งรึเปล่า" ไอ้เด่นบ่นพึมพำขึ้นหน้าเซ็ง  ผมพูดไม่ออก  ยืนนิ่งเท้าเอวมองสภาพเพราะก็คิดแบบที่ไอ้เด่นว่าอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดบ่นออกมาเท่านั้น  พี่สาวที่ยืนอยู่ด้วยยืนเงียบหน้าสลด  ผมหันไปมองสมุทรที่ยืนนิ่ง  ตาจับจ้องมองไปที่น้ำที่ไหลผ่านตนเอง  อยู่ ๆ เขาก็เดินตามฝาปิดท่อประปาไปตามทาง  พอถึงจุดหนึ่งอีกฝ่ายก็นั่งยอง ๆ ลงตรงท่อส่งน้ำ  พับแขนเสื้อขึ้นก่อนก้มลงงัดฝาท่อขึ้นมาอย่างไม่กลัวว่าจะสกปรก  ไอ้เด่นรีบเข้าไปช่วยยกฝาออกอีกแรง  ผมเดินตรงไปหาเขาแล้วนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ เราต่างไม่พูดอะไร  สมุทรวางฝาท่อลงก่อนก้มลงมองและล้วงมือเข้าไปในนั้น  ผมเอื้อมมือไป  ช่วยหยิบขยะในนั้นออกก็พบว่าท่อด้านในแตกเป็นเสี่ยง ๆ เราทั้งสองคนมองหน้ากันในทันที  สมุทรนำนิ้วแตะลงบนท่อที่แตกเป็นรอยยาวและน้ำไหลทะลักออกมาไม่หยุด

"รอยแบบนี้ เอ่อ..แตกเองไม่ได้ครับ ปกติ..ถ้าท่อแตก จะหาจุดรั่วค่อนข้างยาก" สมุทรวิเคราะห์เนื้องานด้วยใบหน้าที่เหมือนไม่อยากจะพูดความจริง  ดูเหมือนเขาจะเชี่ยวชาญทางด้านนี้เป็นอย่างดี  ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะก็คิดแบบเดียวกัน 

"คุณเพิ่งให้คนมาลอกท่อไปใช่ไหม" สมุทรถาม

"ใช่" ผมตอบ  สมุทรเงียบไปอย่างใช้ความคิด 

"ขยะนี่..เหมือนมีคนตั้งใจเอามายัด แล้วน้ำมันไม่ไหลลงในทางที่ควรจะไหล" เขาพูด  เรามองไปที่ท่อรับน้ำ  ผม  ไอ้เด่นและสมุทรลุกไปดูต้นทางของท่อระบายน้ำ  พอก้มลงมองก็เห็นขยะเต็มแน่นไปหมด

"ดี!" ผมสบถ  สะบัดหัวอย่างหงุดหงิดเพราะขยะแน่นมากจนเหมือนประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างที่สมุทรว่า  ผมเงยหน้ามองสำรวจจุดที่ติดกล้องวงจรปิดไว้ก็พบว่าตรงส่วนนี้ไม่มีกล้องสักตัว  กล้องที่อยู่ใกล้ที่สุดดันหันไปทางที่ทิ้งขยะที่อยู่ข้าง ๆ กับตลาดทางด้านหลัง 

"โทรตามบริษัทมาจัดการซ่อมท่อประปา..แล้วก็ ให้คนมาติดกล้องวงจรปิดตรงนี้ด้วย มีช่องโหว่ตรงไหน สั่งติดให้หมด" ผมหันไปสั่งพี่สาว

"ได้ค่ะ" พี่สาวรีบรับปากทันที

"มีใครในตลาดมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า" ผมถามพี่สาวตรง ๆ พี่สาวยิ้มแหย

"หรือใครมีปัญหาเรื่องขึ้นค่าเช่าแผง" ผมขมวดคิ้วว่า 

"ไม่นี่คะ คือ..สาวก็เห็นว่าทุกอย่างก็ปกติดี" พี่สาวตอบเสียงเบาเหมือนเกรงความผิด  ผมจ้องหน้าเธอครู่หนึ่ง

"ไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว" ผมปัดมือไล่เธอเพราะถึงถามเอาความไปตอนนี้ก็คงจับมือใครดมไม่ได้  พี่สาวขานรับก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าสำนักงานไป  ผมเดินนำไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างมือ  สมุทรและไอ้เด่นเดินตามเข้ามาล้างด้วย  เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ออกมายืนอยู่หน้าห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่งเพื่อมองสำรวจไปรอบ ๆ บริเวณตลาด  ในหัวผมกำลังนึกว่าผมได้ไปขัดขาใครไว้นอกจากเขม่นกับไอ้กริดและสมัครหรือไม่  ถ้านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือความมักง่ายของคนในตลาด  มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่ใครจะมาเล่นอะไรปัญญาอ่อนเหมือนกับต้องการเตือนผมว่าอย่าไปลองดีด้วยอะไรทำนองนั้น

"ค่าเช่าก็ขึ้นอีกละ..แค่นี้ก็แพงไม่พอรึไง" เสียงบ่นออกมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องน้ำ  ไอ้เด่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าหันมามองหน้าผม

"ใช่..ก็ฉันบอกแกแล้ว ว่าให้ย้ายไปทำที่หนึ่งมิตรด้วยกัน" เสียงหนึ่งพูดถึงตลาดหนึ่งมิตร  ตลาดสดเปิดใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันกับตลาดของผม 

"ที่นั่นนะ ใหม่..แล้วก็เย็นด้วย เห็นว่าจะให้แม่ค้าที่ขายอาหารสด เข้าไปขายในห้องติดแอร์เลยล่ะ" เสียงเดิมพูดทับถมอย่างตื่นเต้น  หลังจากนั้นเสียงอื่น ๆ ก็พลอยเห็นด้วยตามมาติด ๆ ไอ้เด่นที่ดูจะหงุดหงิดแทนผมที่ได้ยินอย่างนั้น  มันฟึดฟัดทำท่าจะเข้าไปทำให้วงกระจาย  ผมเอามือรั้งห้ามมันไว้

"แต่ว่านายครับ" ไอ้เด่นพูดหน้าเครียด  ผมส่ายหัวให้มันเป็นการบอกว่า..นี่ไม่ใช่เรื่องของเรา

"กลับ" ผมบอกแล้วเดินนำออกมา  ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมีเรื่องกับใครไม่ไว้หน้า  ผมต้องเคลียร์ทุกอย่างให้เป็นเรื่อง ๆ ไปและผมคิดว่าถ้าปัญหาจะเข้ามา  มันจะคืบคลานเข้ามาหาเราเองโดยที่เราไม่อยากแม้จะเอาตัวเข้าไปก้าวก่ายด้วยซ้ำ  เราจึงมีหน้าที่เพียงแค่เตรียมพร้อมตั้งรับไว้ก็เท่านั้น


- - - - - - - - - - - - - - -


"กิน" ผมสั่งเสียงห้วนเป็นการอนุญาตก่อนลงมือกินอาหาร  ตอนนี้เราสามคนอยู่กันที่ร้านอาหารตามสั่งข้างทางที่รสชาติไม่แย่และไม่ได้ดีอะไรนัก  ผมหยิบสมุดบัญชีขนาดเล็กสำหรับพกพาออกมากางออกข้าง ๆ กับจานข้าวโดยกินไปดูไป  สมุทรที่นั่งอยู่ข้างผมเหลือบมอง  เมื่อสบตากับผมเข้าเขาก็เหสายตาหันไปตั้งใจกินข้าวต่ออย่างกลัวเสียมารยาท  ผมเปิดกระดาษออกทีละหน้าเพื่อดูรายการดอกเบี้ยของลูกหนี้ทั้งหมด 

".........." ผมนั่งกินไปเงียบ ๆ แอบเหลือบมองไปที่สมุทรบ้าง  เมื่อเห็นรายชื่อที่ต้องจัดการในเวลาอันใกล้ข้างหน้านี้และจดจำได้ทั้งหมดแล้ว  ผมจึงปิดสมุดลง  สมุทรหันมามองหน้าผมเพราะคงสังเกตเห็นว่าผมมองหน้าเขาอยู่  นิ้วของผมเคาะอยู่บนสมุดโน้ตอยู่อย่างนั้นอย่างเคยชิน  สายตาจับจ้องที่สมุทรไม่วางตาและกำลังคิดว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรไม่คาดคิดขึ้นมาอีกฝ่ายจะรับไหวรึเปล่า  สมุทรเหสายตาต่ำลงมามองที่นิ้วของผมอยู่ครู่หนึ่ง

"เสื้อสวยนี่" ผมอมยิ้มชมมุมปากแล้วกินต่อ  คนที่ถูกชมใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา ๆ แต่กลับดูเข้ากับหุ่น  ดูน่ามองและเข้ากับบุคลิกของเขาดีแบบไม่ต้องเติมเสริมอะไร



ตืด   ๆ  ๆ ๆ ...ผมเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ส่วนตัวที่วางอยู่บนโต๊ะ  สายโทรเข้าจากพี่ธาน

"ครับ" ผมทักปลายสาย

"เสี่ยหลงเพิ่งออกมาจากโรงแรมไปกับเมียน้อยครับ" พี่ธานรายงานถึงเป้าหมายแรกของผมในวันนี้

"ดูเหมือนกำลังจะไปบ่อน"

"ตามมันไป" ผมสั่ง

"ครับ" พี่ธานรับปากก่อนที่ผมจะตัดสาย  สมุทรจ้องมองหน้าผมอยู่  พอผมหันไป  อีกฝ่ายก็หลบสายตาในทันที  สีหน้าของเขาเหมือนคนที่กำลังระแวงเหมือนรู้ว่าตัวเองกำลังจะไปพบเจออะไร  จากการสังเกตของผมคิดว่าเขาเป็นคนปากหนัก  หลายครั้งจึงไม่เคยถามอะไรอย่างที่ควร 

สมุทรก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ  ผมกินคำสุดท้ายก่อนรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกัน  ครู่หนึ่งสมุทรนิ่งไป  อาหารที่เพิ่งเข้าปากไปก็หยุดเคี้ยวไปดื้อ ๆ มือของเขาไม่ขยับแม้สักนิดเดียว  ผมไม่ทักและไม่หันไปมองตรง ๆ อีกด้วย  หลังจากนั้นให้หลังประมาณหนึ่งนาที  ปากของเขาก็เริ่มขยับเคี้ยวอาหารไปอย่างช้า ๆ อีกครั้ง  ผิดกับไอ้เด่นที่สวาปามอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  เอาแต่ตั้งใจกินลูกเดียว  ผมนั่งเงียบ  ไม่ทัก  ไม่พูดบอกรายละเอียด  รวมถึงไม่คิดจะพูดปลอบอะไรด้วย  เพราะสิ่งที่เขากำลังจะเจอมันคือหนึ่งในงาน  ถึงแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเรียนรู้แต่สักวันก็ต้องได้เห็นอยู่ดี


- - - - - - - - - - - - - - -


20:02 น.  บ่อน T.O

"ไง.." ผมทักพี่ธานที่ยืนอยู่ที่รถยนต์พร้อมกับไอ้เข้ม  พี่เขาเฝ้าอยู่หน้าบ่อนนานแล้วตั้งแต่ผมกินข้าวเย็นเมื่อหลายชั่วโมงก่อน  ผมเดินมาคุยกับพี่ธานโดยส่วนตัว  ไอ้เด่นกับไอ้เข้มถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่  สมุทรเห็นอย่างนั้นจึงทำตามมันสองคนเช่นกัน

"ดอกเบี้ย รับจำนำทอง เห็นว่าค่ากำเหน็จก็ขึ้นด้วยครับ..แล้วก็ได้กำไรจากหุ้นของบริษัทลูกชายด้วย" พี่ธานรีบรายงานถึงรายรับของเสี่ยหลง  หนึ่งในลูกหนี้ตัวปัญหาของผม

"สายจากไอ้เข้มไปรู้มาว่า มันแอบไปเล่นเลขวิ่งบนกับเสี่ยซ้งไว้ ได้มาเกือบสามล้านแน่ะครับ..คุณจะลองโทรถามเสี่ยซ้งดูไหม" พี่ธานถาม

"ไม่ล่ะ" ผมเบะปากอย่างไม่สน

"มันไปกับเมียน้อยตั้งแต่กี่โมง" ผมยืนสบาย ๆ ถามคนละเรื่องเพราะอยากรู้  นำมือล้วงกระเป๋าอย่างเคยชิน  วันนี้ใส่สูทมาพร้อมเพราะคาดไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างเสี่ยหลงคงจะไม่พ้นเข้าบ่อน  และบ่อน T.O ก็เป็นบ่อนของเฮียกานต์  บ่อนดังเปิดเฉพาะคนมีฐานะและหน้าตาทางสังคม  ที่นี่สืบประวัติลูกค้าก่อนเข้าใช้บริการเป็นอย่างดี  ดังนั้น..มันก็ควรเป็นการทวงหนี้ที่ให้เกียรติสถานที่เขาหน่อย  ลูกหนี้ของผมที่ผ่านมาส่วนใหญ่แล้วแทบไม่มีคนไหนที่กู้เงินต่ำกว่าสองล้านบาท  จึงเรียกได้ว่าเกือบทุกคนเป็นที่นับหน้าถือตาเป็นอย่างดีในวงสังคม  การมากู้เงินจากผมจึงเป็นการเข้าหาได้ง่าย ๆ และที่สำคัญคือไม่เป็นข่าว  ผมไม่ออกเงินกู้ให้กับพวกชาวบ้านทั่ว ๆ ไปเพราะเวลาทวงเงินมันไม่สนุก  ปกติผมเป็นคนทำงานเงียบ ๆ ประนีประนอมให้ได้ก็ทำ  ใครจะจนหรือใครจะรวยไม่ว่ากัน  ผมคิดว่าคนเราก็มีสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้และบอกใครอื่นไม่ได้ต่างกันออกไป 

"สิบโมงครับ" พี่ธานบอกเวลาที่แน่นอน

"หึ..หึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะ  เราต่างมองหน้ากันยิ้ม ๆ 

"ไอ้แก่หลงนี่นะ ไปกับเมียน้อยตั้งแต่สิบโมง แล้วออกจากโรงแรมเกือบหกโมง" ผมขมวดคิ้วว่า  พี่ธานยิ้มกว้างกว่าเดิม

"มันกินยาอะไรวะ" ผมเบะปากถาม  พี่ธานมองผมและไร้คำตอบ

"ให้ทาย..มันคงเล่นเกมปิดตาซ่อนแอบแน่ ๆ แล้วก็คงสีหลายท่ากว่าจะเสร็จได้น่ะนะ" ผมเดา  พี่ธานก้มหน้า  หลุดหัวเราะอย่างมีมาดตามเคย 

"ไอ้ระยำ..วันก่อนนั้นมันบอกผมว่าร้านมันขาดทุน" ผมดุนลิ้นออกมากัดยิ้มบ่นอย่างไม่คิดมาก  มือล้วงลูกอมในเสื้อสูทออกมาแกะออกช้า ๆ อย่างสบายใจ  ผมว่าลูกอม Coryfin C นี่มันในตำนานดีจริง ๆ รสชาติดีถูกปากผมเสมอต้นเสมอปลาย  ผมถอนหายใจก่อนยืนอมลูกอมไว้ในปากเงียบ ๆ

"คุณไฟ.." พี่ธานเรียกเหมือนต้องการจะพูดอะไร  อีกฝ่ายเหลือบมองไปทางด้านหลังของผมที่สมุทรและคนอื่น ๆ ยืนอยู่

"ใจเย็น ผมไม่รีบหรอก" ผมยิ้มบอกอย่างรู้ทันความคิดของพี่เขา

"ผมว่า มันจะไม่แรงไปสำหรับเค้าเหรอครับ" พี่ธานหันมามองหน้าผม  ผมนิ่งมองพี่ธานกลับเพราะรู้ดีว่าพี่ธานหมายถึงเรื่องอะไร
 
"ที่ผ่านมา..ผมเคยอยากใช้กำลังจัดการใครหน้าไหนเหรอฮะ" ผมย้อนถามตาไม่กะพริบเพราะคำถามนี้มันสะกิดใจ  พี่ธานหลบสายตา  ผมไม่เคยอยากใช้กำลังจัดการใครเลย  ถ้าไม่สุดทนจริง ๆ ผมจะไม่ทำ  พี่ธานน่าจะเป็นคนที่รู้จักผมได้ดีที่สุด

"พี่รู้ไหมอะไรที่ยังไม่ถูกดึงออกมาจากหมอนั่น" ผมถาม  พี่ธานไม่ตอบ

"ผมดูคลิปนั่นหมดแล้ว" ผมดุนลูกอมที่ใกล้จะหมดออกมากัดไว้แล้วแสยะยิ้มให้พี่ธาน  อีกฝ่ายจ้องมองผมด้วยสายตาเหมือนอ่านความหมายของรอยยิ้มนี้ของผมออกเช่นกัน

"ชกอย่างกับราชสีห์ใกล้ตาย..ฮึ ขนาดนั้นบางยกยังชนะ" ผมบอกอย่างแปลกใจ  มองพี่ธานด้วยสายตาวางเปล่า  พี่เขาจ้องหน้าผมนิ่งและดูเหมือนจะไม่ขอปฏิเสธต่อคำพูดของผมด้วย

"บางครั้งก็พยายามยื้อไว้ไม่เอาชนะ มีแต่ควายเท่านั้นแหละที่ดูไม่ออก" ผมมองหน้าพี่ธานเขม็ง   

"ถ้าที่จริงฝีมือของเค้าจะเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร..แต่ถ้าไม่ พี่ไม่คิดว่าหมอนั่นมันบ้าเหรอที่ชกสไตล์นั้นมาได้จนอายุปูนนี้น่ะ" ผมเบะปาก  ขมวดคิ้ว  อายุสำหรับผมและสมุทรในตอนนี้  เรียกว่าใกล้ปิดเกมสำหรับวงการชกมวยเต็มทีแล้ว  ซึ่งมันน่าขันที่ว่าสมุทรชกแบบนั้นมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น 

"ถ้าเค้าไม่อยากเปิดอะไรออกมา คุณก็ไม่ควรแงะมันออกมาไหมครับ..ทุกคนก็มีด้านมืดของตัวเองทั้งนั้น" พี่ธานอมยิ้มมองผมอย่างห้ามปราม

"เวลาที่เราจะต้องแงะห่อของขวัญน่ะ มันตื่นเต้นดีออกไม่ใช่เหรอครับ" ผมกวนกลับ  พี่ธานส่ายหัว

"บางกล่องของขวัญ อาจไม่ใช่กล่องสำหรับคุณก็ได้นะครับ" พี่ธานยังไม่หยุดต้อนผม

"หึ..หึหึ พี่ว่าผมเสือกเหรอ เอาน่า..ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นที่ไหน ผมชอบแกะกล่องของขวัญของคนอื่นนี่..พี่ก็รู้" ผมยิ้มเจ้าเล่ห์พูดเป็นนัยยะไปอย่างนั้น  คิดว่าพี่ธานเองก็คงเข้าใจดี  เพราะสมัยเป็นเด็กผมมักจะมือบอนแกะกล่องของขวัญของพี่ธานและพายุเสมอ ๆ ทั้งที่รู้ว่าพายุจะโกรธเอาน่ะนะ

"งานคืองาน บางอย่าง..มันก็จำเป็นต้องทำ" ผมพูดเรียบ ๆ พลิกนาฬิกาข้อมือดู 

"พี่ว่าไอ้แก่นั่นได้หรือเสีย" ผมเปลี่ยนเรื่องโต้ง ๆ พร้อมกับเท้าแขนไปที่หลังคารถ  มองหน้าพี่ธานอย่างกวนอารมณ์  พี่ธานอมยิ้ม

"หมื่นนึง" ผมยักคิ้วเสนอ

"เสียครับ..เพราะมันได้มาทั้งวันแล้ว" ผมก้มหน้าหัวเราะเพราะชอบคำตอบซ่อนความหมายจากพี่เขา  ก่อนส่งสัญญาณมือให้ทุกคนเดินตามเข้าไปในผับ  พนักงานให้พวกผมเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะพวกมันรู้จักพวกผมเป็นอย่างดี  เมื่อเข้าไปด้านในของตัวผับแล้วก็เดินไปทางลับที่จะรู้กันเฉพาะในหมู่นักเล่นเท่านั้น

"สวัสดีครับ รบกวนขอบัตรสมาชิกด้วยครับ" พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าประตูถามด้วยท่าทางสุภาพ  พี่ธานกำลังจะหยิบให้แต่ยังเสร็จดีก็มีพนักงานเดินปรี่เข้ามาหน้าตาตื่น

"เฮ้ย ทำอะไรวะ" มันดันตัวเพื่อนร่วมงานออก

"สวัสดีครับคุณไฟ..ขอโทษด้วยครับ เด็กใหม่น่ะครับ..มันเพิ่งเข้ามาทำงาน" อีกฝ่ายรีบก้มหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่ทั้งที่จริงผมไม่ได้คิดมากด้วยซ้ำ  ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง  ผมเองก็มาในแบบของผม  มาเพื่อทำหน้าที่ของผม  ดังนั้น..การกร่างเพราะคิดว่าตัวเองมีอำนาจกว่าคนอื่น  บางครั้งมันจะยิ่งทำให้เรื่องวุ่นวายไปอีก

"ไม่เป็นไร ฉันมาตามคนน่ะ" ผมบอกหลักการเดิม  ไม่บ่อยนักที่ผมจะมาเพื่อเล่น
 
"เชิญครับ" เขาพูดพร้อมกับพยักหน้าให้พนักงานเปิดประตูให้เข้าไป  ผมและทุกคนเดินเข้ามา  เมื่อมองไปรอบ ๆ บ่อนของเฮียกานต์  วันนี้ก็คงทำเงินได้ดีอีกวัน  ผมเห็นเสี่ยหลงนั่งอยู่ที่โต๊ะบาคาร่า  ดูท่าคงกำลังมือขึ้นเพราะสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดี  แบงค์เกอร์สังเกตเห็นผมแล้ว  ผงกหัวให้ผมครั้งหนึ่งและยังคงทำหน้าที่ของเขาต่อไป  ผมเดินไปทางด้านหลังเสี่ยหลงก่อนแตะมือลงที่บ่ามันเบา ๆ และก้มตัวลงไปหา

"ไงครับเสี่ย มือขึ้นน่าดูเลยนี่ครับ" ผมยิ้มกว้างทักทาย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 13-12-2015 15:48:39

"อาไฟ!" เสี่ยหลงหันมามองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

"ชู่..ใจเย็น" ผมยิ้มและตบบ่าเสี่ยสองสามทีก่อนเดินไปทางด้านหน้าของเสี่ย  พลางเอื้อมมือหยิบชิพมาเลื่อนเล่นไปมาเป็นวงกลม  เสี่ยหลงหน้าถอดสี  ผมอมยิ้มมองหน้าเสี่ยอยู่ครู่หนึ่ง  อีกฝ่ายพยายามหลบตาตลอดเวลา

"ผมบอกเสี่ยว่ายังไงครับ ว่าเราจะไม่มีการโกหกกัน" ผมพูดเชิงถามและยิ้มให้

"อั๊ว..อั๊วไม่เคยโกหกลื้อ" เสี่ยรีบแก้ตัว  เหงื่อแตกจนไหลผ่านแว่นเห่ย ๆ ที่สวมใส่อยู่  ผมเบะปากพยักหน้าไปมาก่อนชักปืนออกมาช้า ๆ และนำปลายกระบอกปืนแตะเข้าไปที่ต้นขาของอีกฝ่าย  ผมช้อนตาขึ้นมอง  ไอ้เสี่ยหัวล้านนี่เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมามากกว่าเดิม 

"กำไรทอง หุ้นขึ้น เลขวิ่ง" ผมพูดด้วยน้ำเสียงขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างใจเย็น  พลางเลิกคิ้วให้

"ต้องให้ลูกน้องผมแจงรายละเอียดให้เสี่ยฟังด้วยไหมครับว่ารายได้เดือนนี้ของเสี่ยน่ะเท่าไหร่ เผื่อว่าเสี่ยคงจะลืม..เพราะมัวแต่เด้าเมียน้อยมากไปหน่อย" ผมยิ้มกว้าง

"อ่ะ..อาไฟ อั๊ว..คืออั๊ว" เสี่ยหลงหน้าซีดเผือกในทันที  ขามันสั่น  เหงื่อที่ไหลเมื่อกี้นี้นั้นมากกว่าเดิมจนดูน่าสะอิดสะเอียน

"ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะครับเสี่ย แต่..เราไม่ควรโกหกกันแบบนี้ ผมไม่ชอบ" ผมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนขยับตัวขึ้นไปนั่งบนโต๊ะบาคาร่า  มือหยิบชิพแดงของเสี่ยหลงที่วางอยู่โยนไปให้กับแบงค์เกอร์สองเหรียญเพื่อเป็นค่าเสียเวลาในการรอ  อีกฝ่ายก้มหัวก่อนรับไปและยืนรออย่างสงบเสงี่ยม  ผมวางปืนลงบนโต๊ะเพราะขี้เกียจถือ  หันปลายกระบอกปืนไปทางเสี่ยที่นั่งอยู่  มันมองตามปากซีดสั่น

"ตอนที่เสี่ยขอ.. ผมให้ง่ายแค่ไหนเสี่ยคงลืมไปแล้ว" ผมพูดเตือนความจำ

"เอาไงดีครับ..ถ้าวันนี้ผมไม่ได้ ผมขอค่าเสียเวลาเป็นขาสักข้างของเสี่ยก็แล้วกัน" ผมฉีกยิ้มกว้างให้อีกครั้งก่อนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายออกมาอย่างแรง

"แล้วเสี่ยก็ต้องเคลียร์กับเมียเสี่ยยาวหน่อยนะ"

"ลื้อ..ลื้อเอาไปหมดนี่เลย! พรุ่งนี้อั๊วจะให้อาตี๋เอาอีกครึ่งหนึ่งของเงินต้นไปให้" เสี่ยรีบพูดอย่างร้อนรน  ผมหันไปพยักหน้าให้ไอ้เด่น  มันที่ยืนจ้องผมอยู่รีบเดินมาอย่างรู้หน้าที่แล้วโกยชิพทั้งหมดของเสี่ยหลงไป  เสี่ยหลงมองตามตาละห้อยอย่างเห็นได้ชัด

"เอาไปจัดการซะ" ผมสั่ง  ไอ้เด่นพยักหน้าแล้วรีบเดินไป

"ถ้าเสี่ยไม่อยากให้ผมเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของเสี่ย..ก็รบกวนช่วยตรงเวลาด้วยนะครับ ลูกน้องผมก็มีงานเยอะแยะ ผมเองก็จะได้ไม่ต้องมาด้วยตัวเองแบบนี้ด้วย หลังจากนั้นผมก็จะได้เคารพเสี่ยเหมือนเดิม แบบ..ทักกันเหมือนคนรู้จักปกติอะไรทำนองนั้นน่ะ..หึ" ผมพูดทิ้งท้ายติดตลก  ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบปืนมาเหน็บเข้าที่เก่า

"อั๊วขอโทษ คืออั๊ว.." เสี่ยทำท่าจะแก้ตัว

"ในวงการนี้ ผมใจดีที่สุดแล้ว เสี่ยก็น่าจะรู้" ผมมองตาขวางปรามอย่างอดไม่ได้  ก่อนเท้าแขนลงระหว่างโต๊ะและเก้าอี้ของเสี่ย  พร้อมกับนำหน้าเข้าไปใกล้เสี่ยหลงอีกครั้ง  เสี่ยก้มหน้างุด

"เมื่อไหร่ที่เสี่ยไม่ตรงเวลา เสี่ยชอบใช้ถุงยางรสอะไร ไซซ์ไหน..แค่นี้ ลูกน้องผมก็ยังรู้เลย น่าตกใจไหมล่ะครับ..พวกมันทำงานกันละเอียดลออดีนะครับว่าไหม หึ ๆ ๆ" ผมกระซิบใกล้ ๆ เสี่ยถลึงตาโต  อีกฝ่ายปากสั่นเหมือนรู้ว่าผมพูดจริง

"เฮ้อ..เอาน่า แค่ทำตามกติกาที่เราตกลงกันไว้ก็พอ..มันไม่ยากหรอกครับ ถ้าผมได้เงินต้นครบ ทีนี้เสี่ยจะมาเอาจากผมอีกเมื่อไหร่ก็ได้! ไม่ได้ว่าอะไร" ผมฉีกปากยิ้มกว้าง  ตบบ่าเสี่ยอีกครั้งก่อนเดินออกมารอที่หน้าประตูทางเข้าบ่อน  ห้านาทีให้หลังไอ้เด่นก็เดินออกมาพร้อมกับถุงกระดาษปึกใหญ่

"เท่าไหร่" ผมถาม  ไอ้เด่นยื่นถุงเงินมาให้

"ล้านห้าครับ" ไอ้เด่นตอบ  ผมขมวดคิ้วมองหน้าไอ้เด่นอย่างเหลือเชื่อในจำนวนเงิน

"ไอ้แก่นี่มันแน่นอนจริง ๆ" ผมบ่น  เปิดถุงกระดาษเพื่อสำรวจเงินแล้วหยิบแบงก์พันออกมาปึกหนึ่งเพื่อยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยที่มาต้อนรับผมในตอนแรก

"ของพวกนาย" ผมบอก

"ขอบคุณครับคุณไฟ" มันก้มหัวแทบกราบพร้อมกับยกมือไหว้และรับเงินไป

"ฝากบอกเฮียกานต์ด้วยว่า ขอโทษที่วันนี้ฉันไม่สะดวกอยู่คุย" ผมบอก

"ได้ครับ" มันยิ้มรับ

"พี่แพ้พนันผมนะพี่ธาน" ผมหันไปบอกพี่ธานที่เดินมาขนาบข้างผม  พี่ธานยิ้มกว้าง

"ผมจะลดหนี้ให้ก็ได้" ผมยักไหล่  พี่เขาเหล่ตามามองอย่างไม่ไว้ใจอย่างนั้น 

"เลี้ยงเคเอฟซีหน่อยสิ อยากกินอ่ะ" ผมพูด  พี่ธานหลุดหัวเราะ  ปากยิ้มกว้างจนเห็นฟันเกือบครบทุกซี่

"ตอนพี่ยิ้มนี่แม่งโคตรหล่อเลยรู้ป่ะ..นี่ผมพูดบอกหลายครั้งแล้วนะ ว่าพี่ควรยิ้มให้เป็นธรรมชาติบ่อย ๆ ..ผมรู้ว่ามันเป็นปัญหาของพี่ ใช่ ๆ ก็พี่เป็นคนบอกผมเองนี่ว่าให้ควรหัดไว้ให้มาก" ผมพูดกวนพี่ธาน  ในประเด็นปัญหาที่เราทั้งคู่เป็นเหมือนกัน  พี่ธานพยายามจะหุบยิ้มแต่ก็คงกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ที่ถูกผมแซว

"ตอนนี้เลยเหรอครับ" พี่ธานเปลี่ยนเรื่องถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้จะสามทุ่มเข้าไปแล้ว

"หลังจากเอาดอกจากไอ้กอบเสร็จ" ผมตอบ  เรากลับไปที่รถและเดินทางไปที่เป้าหมายต่อไป  ลูกหนี้รายต่อไปนี้เป็นที่รู้จักกันในวงการธุรกิจเครื่องเพชร  ชื่อคุณกอบ  เป็นเกย์วัยกลางคนที่เอาเงินผมไปทีละสองล้านบ้าง ห้าล้านบ้าง แปดล้านบ้างแล้วแต่กรณี  เขาเป็นคนที่ออกสาวมากแต่ผมก็ถือว่าเขาวางตัวดีพอสมควร  เรียบร้อยแต่กลับหูตาแพราวพราวในหลาย ๆ ครั้ง  ที่จริงแล้วเขาก็ไม่เคยผิดประวัติในการใช้เงินคืน  ทุกครั้งก็จ่ายตรงงวดตามที่สัญญากันไว้ดี  มีครั้งนี้นี่ละที่ให้ดอกเบี้ยช้าผิดปกติ  ผมไม่ได้เก็บดอกแพงมหาโหดเท่าเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ในวงการ  มาตรฐานของผมคือดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน  ช้านิดช้าหน่อยได้แต่ถ้าพฤติกรรมดี  สามารถคุยกันได้อย่างมีเหตุมีผล  ซึ่งถ้าเกิดกรณีไหนตุกติกเกินสองครั้งผมจะให้ลูกน้องตามสืบความเป็นไปในทันที  และแน่นอนว่าการทวงหนี้ของผมก็คงไม่เด็กน้อยเท่าไหร่  เพราะผมคิดว่าผมเป็นเจ้าหนี้ที่โอนอ่อนและให้กู้ง่ายที่สุดในละแวกของวงการเงินกู้รายใหญ่  ดังนั้น..ถ้าอยากจะพึ่งพากันแบบระยะยาว  ทุกคนก็ต้องเคารพกฎกติกาของผมด้วย

"ลงไป..นายด้วย" เมื่อรถจอดสนิทอยู่เทียบอยู่หน้าประตูหน้าบ้านของกอบพอดิบพอดี  ผมสั่งพี่ธานและสมุทรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผม  พี่ธานและสมุทรลงไปตามที่สั่ง  ผมนั่งคอยอยู่ในรถกับไอ้เด่น  มองเข้าไปเห็นแม่บ้านเดินออกมาต้อนรับและพาพี่ธานกับสมุทรเข้าไปในบ้าน  ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช็กข้อความพร้อมกับจับเวลาไปด้วย  เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีพี่ธานกับสมุทรก็เดินกลับมาขึ้นรถ  กอบเดินออกมาจากบ้านแล้วตรงมาที่รถคันของผม 

"หวัดดีครับคุณไฟ ไม่ลงมาดื่มน้ำก่อนเหรอ" กอบยิ้มถามเมื่อผมกดเปิดกระจกรถลง 

"ไม่ละครับ ขอบคุณ" ผมตอบ  กอบก้มหน้าลงมาใกล้

"ขอโทษด้วยนะครับที่งวดนี้จ่ายช้าหน่อย" กอบยิ้มแหย

"ไม่เป็นไร..ก็ได้แล้วนี่" ผมพูดแกมหัวเราะ

"แต่ว่าครั้งหน้า" ผมจะพูดเตือน

"ครับ กอบรู้" กอบรีบพูดแทรกขึ้นแทบจะทันที  อีกฝ่ายหน้าถอดสี  ผมอมยิ้มให้

"ขอบคุณครับที่เข้าใจ..ไว้เจอกัน" ผมลา

"ขอบคุณครับ อุตส่าห์มาด้วยตัวเอง" กอบผงกหัวบอก  ผมกดปิดกระจกรถและสั่งให้ไอ้เด่นออกรถทันที

"นี่ครับคุณไฟ" พี่ธานที่นั่งอยู่หน้ารถหันหน้ามายื่นซองเงินให้  ผมรับมาเปิดดูก่อนเก็บวางไว้กองเดียวกับเงินของเสี่ยหลง

"ป่านนี้เคเอฟซีคงปิดแล้วละครับ..ไปแมคโดนัลด์แทนไหมครับ" พี่ธานถามขึ้นโต้ง ๆ

"อืม" ผมตอบเพราะยังรู้สึกอยากกินไก่ทอดกับเฟรนช์ฟรายด์อยู่เลย

"ไปแมคโดนัลด์ตรงเมเจอร์ S นะ..ใกล้สุดละ กูว่ามันน่าจะเปิดอยู่" พี่ธานบอกไอ้เด่น

"ครับ" ไอ้เด่นรับทราบ

"นี่คุณยังจะกินอีกเหรอ" สมุทรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ  ผมหันไปมองหน้าเขา  อีกฝ่ายจ้องหน้าผมเหมือนไม่เข้าใจ

"ทำไม" ผมถามกลับ

"มันดึกแล้ว เดี๋ยวก็เป็นกรดไหลย้อนหรอก" สมุทรว่า

"หึ" พี่ธานหัวเราะออกมาซะดัง  ผมกลอกสายตาขึ้นแบบไม่รู้จะพูดยังไงเพราะที่ผ่านมานอกจากพายุแล้วก็ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับผมต่อหน้าลูกน้องแบบนี้ 

"ฉันอยากตอนนี้ แล้วจะให้ฉันกินชาติหน้ารึไง" ผมย้อนว่า

"ไม่มีใครอยากกินอะไรแล้วได้กินทุกอย่างหรอกนะครับ" สมุทรย้อนอย่างเอาเรื่อง

"..นายมีปัญหาอะไรเนี่ย" ผมผายมือขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าอยู่ดี ๆ แค่เรื่องกินมันมาเป็นประเด็นได้ยังไง

"งั้นขับรถไปส่งผมที่บ้านก่อน" สมุทรพูด

"ไม่ เสียเวลา" ผมตอบปัดแล้วหันหน้ากลับมาทางประตูหน้าต่างอย่างตั้งใจเมิน

"แต่คุณบอกว่าถ้าเสร็จจากงานแล้วคุณจะให้ผมกลับทันที" อีกฝ่ายพูดไม่หยุด 

"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว" ผมตอบส่ง ๆ อย่างตีมึน

"เด่น..ขับรถไปส่งพี่ก่อน" สมุทรเปลี่ยนเป้าหมายสั่ง

"เอ่อ..คือ ไม่ได้หรอกครับ" ไอ้เด่นพูดเสียงหงอย  ผมแอบอมยิ้ม

"อยากไปนัก ก็..ลองกระโดดลงไปสิ" ผมหันไปกวน  สมุทรจ้องผมนิ่งด้วยสายตาเย็นชาแบบที่ปกติไม่ค่อยทำให้เห็นบ่อยนัก  ผมเพียงอมยิ้มมุมปากอย่างไม่แคร์  หลังจากนั้นในรถก็เงียบไปตลอดทางจนถึง McDonald's พี่ธานจัดการไปสั่งอาหารพร้อมกับไอ้เด่นและไอ้เข้มโดยมื้อนี้พี่ธานเป็นคนเลี้ยงทั้งหมด  ส่วนสมุทรก็นั่งอยู่กับผม  เงียบอย่างกับไร้วิญญาณ  คงไม่พอใจผมพอสมควร

"งานเป็นไง" ผมถามขึ้นห้วน ๆ ต่างฝ่ายต่างไม่มองหน้ากันเพราะนั่งขนาบข้างอยู่ฝั่งเดียวกัน

"ก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด" อีกฝ่ายตอบตามตรง  ผมหันไปมอง

"ฉันคงดูเลวในสายตานายมากเลยสินะ" ผมพูด  สมุทรไม่ตอบแต่เลือกที่จะหันหน้าหนีคำตอบเหมือนไม่ต้องการจะพูดกับผม  ผมจึงหันกลับมาเช่นกัน

"..ผมว่าผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ" เพียงครู่หนึ่งสมุทรก็พูดขึ้นเรียบ ๆ ผมอมยิ้มในใจ

"พรุ่งนี้รายงานเรื่องซ่อมแซมที่ค่ายมวยนายให้ฉันฟังด้วยล่ะ" ผมบอก

"ตอนนี้ก็.." อีกฝ่ายทำท่าจะแจงรายละเอียด

"ฉันบอกว่าพรุ่งนี้" ผมหันไปว่าเสียงห้วน  ใครบอกว่าผมอยากฟังเดี๋ยวนี้กัน

"ก็ผมอยากบอกตอนนี้" สมุทรหันมามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"แต่ฉันไม่อยากฟัง" ผมย้อนเสียงแข็งกลับเป็นการบอกว่าให้จบเรื่องนี้ลงเดี๋ยวนี้  สมุทรเงียบนิ่งไป

"คุณนี่ดื้อเหมือนใคร" สมุทรพูดพลางหัวเราะ

"แม่มั้ง" ผมเบะปากตอบส่ง ๆ เราหันมามองหน้ากัน  ผมนึกอะไรขึ้นได้จึงยื่นโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของผมไปให้ตรงหน้าสมุทร  อีกฝ่ายไม่รับไปแต่กลับมองมาที่มือผมงง ๆ

"อะไร" สมุทรถาม  ผมเลิกคิ้วย้ำอีกครั้งเป็นการบอกความหมายว่า "เบอร์นาย" แต่เขาก็ยังทำหน้ามึนไม่รู้เรื่องอีก  ไม่รู้ว่านี่ซื่อจริง ๆ หรือว่าแกล้งซื่อใส่ผมกันแน่  อันที่จริงผมก็มีเบอร์ของเขาอยู่แล้วในประวัติของสมุทร  รวมไปถึงเบอร์ทุกเบอร์ของคนที่สมุทรรู้จักเลยด้วยซ้ำ  เพียงแต่ว่าแค่ต้องการมันจากเจ้าของเบอร์ตรง ๆ ก็แค่นั้น

"ของนายน่ะ.." ผมพูด

"มือถือของผม" สมุทรย้อนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจอีกครั้ง

"นี่นายโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่" ผมบ่น

"ฉันหมายถึงเบอร์โทรนายน่ะ สมองช้าจริง" ผมว่า  อยู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดแบบทำหน้าไม่ถูก  สมุทรสบตาผมครู่หนึ่งก่อนรับโทรศัพท์ของผมไปกดเบอร์โทรของเขาแล้วยื่นกลับมาให้  ผมรับมาดู  เพียงไม่ถึงห้าวินาที Line ของสมุทรก็เด้งเข้าเครื่องของผมโดยอัตโนมัติ  ผมมองจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น  ก่อนหมุนโทรศัพท์เลื่อนมันไปมาในมืออย่างเคยชิน

"แล้ว.." ผมเอ่ย  ทิ้งน้ำเสียงลงกะทันหันก่อนหันไปทางสมุทรแต่ไม่ได้มองหน้าเขาตรง ๆ นักเพราะกำลังชั่งใจอยู่ว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่

"Facebook ล่ะ" ผมตัดใจถามออกไป

"หะ" สมุทรหันมามองเหมือนได้ยินไม่ชัด

"Facebook นายน่ะ..มีไหม" ผมถามเสียงห้วนอย่างรำคาญ  แม่ง..ไม่ได้ยินอะไรบ่อยจริงวะ

"ไม่มี" สมุทรตอบแล้วหันหน้าไปมองทางพวกพี่ธานที่กำลังรออาหารอยู่ตรงเคาน์เตอร์

"ฉันถามว่า Facebook นาย..มี รึ เปล่า" ผมย้ำเสียงอย่างขัดอารมณ์เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าเขามี Facebook  รวมไปถึงรู้ด้วยว่าใช้ชื่อว่าอะไร  แต่อีกฝ่ายดันมาโกหกหน้าตายกันซะอย่างนั้น

"ถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าผมมี คุณจะถามทำไม" สมุทรหันมาย้อนว่าอย่างรู้ทันกลับเช่นกัน

"ทำไม..ไม่อยากให้ ประเด็นคือนายกำลังโกหกฉันอยู่ต่างหากล่ะ..ที่จริงนายเป็นคนขี้โกหกใช่ไหมล่ะ พายุไม่ชอบคนขี้โกหกนะ รู้ไว้ซะด้วย" ผมอดขึ้นเสียงไม่ได้  สมุทรนั่งเงียบ  เขาหันมามองผมช้า ๆ 

"แค่นี้คุณก็รู้เรื่องส่วนตัวของผมไม่พอรึไง" อีกฝ่ายพึมพำ  ผมมองเขาไม่วางตา  อมยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็ก ๆ

"ก็ดี" ผมพยักหน้าเบะปากไปมา  รีบปลดล็อคโทรศัพท์มือถือแล้วกดหา Facebook ของอีกฝ่าย  เมื่อเจอแล้วจึงกดเพิ่มเพื่อนในทันที  เสียงโทรศัพท์ของสมุทรสั่นเตือนขึ้น  เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดดูอย่างรักษาท่าที  ผมนั่งมองปฏิกิริยาของสมุทรที่นั่งมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นค่อนข้างนาน  จู่ ๆ ผมก็ไม่รู้ทำไมความไม่แน่ใจและความลังเลนั้นก่อขึ้นชั่วพริบตา  รู้สึกเหมือนกับว่าเมื่อกี้ได้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำลงไป  การที่ฝ่ายตรงข้ามเงียบนิ่ง  มันกำลังทำให้ในอกของผมตื่นเต้นและรู้สึกกดดันไปหมด   

"ผมไม่ค่อยได้เล่นหรอกนะครับ" สมุทรหันมาพูดกับผมหลังจากกดรับเพื่อนผมเสร็จเรียบร้อย  ผมได้ยินเสียงตอบรับจากโทรศัพท์ของผมที่แจ้งเตือน  พอได้ยินอย่างนั้นก็ใจชื้นเป็นปริทิ้งแต่อย่างนั้นก็ยังคงมองสมุทรไม่ละสายตา

"..ฉันก็เหมือนกัน" ผมบอกเช่นกัน  หันหน้ากลับมามองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ  อันที่จริงผมไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่  ก็เช็กทุกวันแต่ก็ไม่ค่อยได้โพสอะไรบ่อย ๆ นัก  ส่วนใหญ่เอาไว้ติดต่อพูดคุยกับเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น 

พี่ธาน  ไอ้เด่นและไอ้เข้มเดินกลับมาพร้อมกับถาดในมือที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย  และมันคงมากเกินไปสำหรับเราห้าคนด้วยซ้ำ

"นี่ครับ" ไอ้เข้มอมยิ้มพร้อมกับจัดแจงส่วนของสมุทรให้

"เอ่อ ผมไม่กินหรอกครับ" สมุทรปฏิเสธ

"ทำไม..คุณหนูอนามัย ไม่กินอาหารหลังห้าโมงเย็น" ผมว่ากวน  มองเหล่แล้วจัดการเทเฟรนช์ฟรายด์บนถาดของตัวเองด้วย  ไอ้เด่นจัดการจัดอาหารส่วนของผมให้  มาทั้งไก่ทอดและนักเก็ต  เอาซะถูกใจผมทุกอย่าง   

"ผมก็ต้องรักชีวิตตัวเองเป็นธรรมดา" สมุทรยักคิ้วย้อนกวนผมกลับ 

"หึหึ" พี่ธานหัวเราะอีกแล้ว  เวลาที่สมุทรย้อนผมทีไร  พี่เขาได้ยินเป็นต้องหัวเราะทุกที  ผมเหลือบมองปรามไอ้เด่นและไอ้เข้มที่มันสองคนก็อมยิ้มเหมือนถูกใจอะไรสักอย่าง  ไม่ถูกใจพี่ใหญ่ก็คงถูกใจปากหมอนี่นั่นละ

"อ่าว ไม่นั่งด้วยกันเหรอ" สมุทรมองตามไอ้เด่นและไอ้เข้มที่กำลังจะยกถาดอาหารของตัวเองไปแยกกินอีกโต๊ะหนึ่ง  ปกติแล้วถ้าผมไม่เอ่ยอนุญาตให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยหรือสถานการณ์ไหนที่จำเป็นต้องร่วมโต๊ะ  พี่ธานจะเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่ด้วยกันกับผมได้  ผมว่าพวกลูกน้องมันอ่านสถานการณ์กันออกได้ด้วยตัวเองเหมือนสัญชาตญาณว่าตอนไหนควรร่วมโต๊ะและตอนไหนที่ไม่ควรมากกว่า

"เอ่อ ผมนั่งนี่นะครับ" ไอ้เข้มตอบอย่างสุภาพ  ลูกน้องของผมคนที่สุภาพและเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดคงเป็นไอ้หิน  รองลงมาก็ไอ้เข้ม  ส่วนไอ้เด่นจะติดเล่นและทะลึ่งตึงตังในบางครั้ง  ที่เหลือคือไอ้รุ่ง  ที่จะติดไปทางซื่อบื้อเสียเป็นหลัก

"นั่งด้วยกันนี่แหละ" ผมว่า  ตามองแต่อาหารและก็หยิบเฟรนช์ฟรายด์กินไปด้วย  ตอนกำลังร้อน ๆ นี่ละสวรรค์ที่สุด

"ขอบคุณครับนาย" มันสองตัวประสานเสียงใส  ทุกคนนั่งลงประจำที่  ผมมองสมุทรที่หยิบกระดาษทิชชู่มาพับและนำมาวางเรียงให้ข้าง ๆ มือของผมเพื่อให้ผมได้หยิบใช้ได้ถนัด  ก่อนที่เขาจะหันไปเริ่มลงมือกิน  ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพี่ธาน  ผมเห็นอย่างนั้นจึงส่ายหัวเล็กน้อยอย่างปราม ๆ พี่ใหญ่  อีกฝ่ายอมยิ้ม  ไม่รู้จะชอบอกชอบใจอะไรนักหนา

ผม  ไอ้เด่นและไอ้เข้ม  จัดการทุกอย่างอย่างกับคนไม่ได้กินข้าวเย็นมาอย่างนั้น  ผมกินไม่เร็วหรอกครับแต่ติดที่กินได้เรื่อย ๆ ยิ่งเฟรนช์ฟรายด์ยิ่งหยุดมือหยุดปากไม่ได้จนกว่าจะหมดถาดนั่นแหละ  ผมไม่ค่อยได้พูดอะไรนักเพราะส่วนใหญ่ทั้งสี่คนจะชวนกันคุย  ส่วนผมก็นั่งฟังไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง  เรื่องราวของไอ้เข้มและไอ้เด่น  เรื่องที่ทำงานเก่าของสมุทร  เรื่องลูกหนี้รายอื่น ๆ จนกินเสร็จผมก็เป็นฝ่ายออกตัวว่าจะขับรถไปส่งสมุทรที่บ้านแทน  ดูลูกน้องผมจะแปลกใจมากพอดูที่ผมทำแบบนี้  ผมไม่อธิบายเพราะไม่มีอะไรที่ต้องอธิบาย  ไล่ให้พวกมันขับรถคันที่ไอ้เข้มขับมากลับบ้านไปก่อน

"ที่จริงผมกลับเองได้" สมุทรพูดขึ้นคงเกรงใจ  ตอนนี้อยู่ปากซอยหน้าบ้านของเขาแล้ว  ระหว่างทางเราไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำเดียว

"ฉันจะไปที่อื่นต่อน่ะ" ผมโกหกเพื่อให้เรื่องจบ ๆ ไป

"..แล้ว กุญแจรถมอเตอร์ไซค์อยู่ตรงนายเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" ผมถาม  กลายเป็นว่าวันนี้สมุทรเลยไม่ได้ขับมอเตอร์ไซค์กลับมาตามเคย  พรุ่งนี้เขาก็คงต้องขึ้นรถเมล์ต่อวินมอเตอร์ไซค์อีกละมัง

"ครับ" สมุทรตอบ  ผมขับรถไปแล้วจอดตรงหน้าปากซอยทางเข้าบ้านของสมุทรเพราะเห็นรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ตรงนั้นพอดี

"ส่งตรงนี้ก็พอครับ" เขาพูด  ผมเหลือบหันไปมองอย่างรู้สึกตงิดใจ  เห็นผู้หญิงแต่งตัวดูดีผิดสถานที่เดินออกมาจากซอยทางเข้าบ้านของสมุทร  เมื่อหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็รับรู้ได้ทันทีว่าสองคนนี้น่าจะรู้จักกันเพราะดูสมุทรเองก็แปลกใจพอสมควร  ผมไม่ได้ว่าอะไรจนสมุทรหันกลับมามองหน้าผม

"ขอบคุณมากครับ" สมุทรพูดบอก  ผมพยักหน้ารับให้ก่อนที่เขาจะลงจากรถ  สมุทรเดินตรงไปหาผู้หญิงคนดังกล่าว  ผมมองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า  น่าแปลกใจที่เรื่องนี้ก็ไม่มีในข้อมูลที่พี่ธานเคยส่งมาให้  ผู้หญิงผิวขาวผมยาวประบ่า  หน้าตาดูดี  การแต่งตัวก็ดูออกเลยว่าที่บ้านต้องมีฐานะแน่ ๆ

"ฮึ..มีแฟนแล้ว" ผมหัวเราะ  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำเสียงหัวเราะแบบนี้มันคือห่าอะไรแน่  ดูเหมือนเธอเองจะตกใจไม่น้อยที่เห็นสมุทรลงมาจากรถของผม  เธอมองเข้ามาด้านในคล้ายพยายามจะสำรวจแต่คงจะไม่เห็นอะไรเพราะรถของผมฟิล์มค่อนข้างมืดมาก  ผมยังไม่ออกรถในทันที  นั่งมองทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ครู่หนึ่งจนสมุทรหันกลับมามองผมอีกครั้ง  ผมจึงเคลื่อนตัวรถออกแล้วตรงกลับบ้าน...



.............ไฟ.............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 11 [ 13:10 น. - 1 ธ.ค 58 หน้า 11 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 13-12-2015 15:49:39
แปะสารบัญ

The Real Me ♨ ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3191425#msg3191425)

The Real Me ♨ ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3194285#msg3194285)

The Real Me ♨ ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3197425#msg3197425)

The Real Me ♨ ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3200014#msg3200014)

The Real Me ♨ ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3204759#msg3204759)

The Real Me ♨ ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3206218#msg3206218)

The Real Me ♨ ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3211719#msg3211719)

The Real Me ♨ ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3218126#msg3218126)

The Real Me ♨ ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3229211#msg3229211)

The Real Me ♨ ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3236447#msg3236447)

The Real Me ♨ ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3244757#msg3244757)

*** ติดภารกิจไปต่างจังหวัดไม่สะดวกอัพเดท จะทำการอัพเดทสารบัญอีกครั้งอย่างเร็วที่สุดวันที่ 17 ธันวาคม อย่างช้าไม่เกิน วันที่ 20 ธันวาคมค่ะ ***


ขอบคุณคุณ must สำหรับสารบัญค่ะ  :L2:

ระหว่างที่รอตอนต่อไป  สามารถกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนที่ 1 ใหม่อีกครั้งได้ตามสะดวก 55555++ และจะพบว่า..ไฟนั้นเป็นตัวกินไก่มาตั้งแต่ต้นแล้ว   :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 13-12-2015 16:53:00
ยาวมากกกกกก ขอบคุณค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-12-2015 17:11:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 13-12-2015 17:18:20
ในที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 13-12-2015 17:38:20
คุณไฟหึงหรอออออ o18
อยากรู้ว่าเธอเป็นใครก็ถามสมุทรไปเลย
มาแอบสืบเองไม่รู้จริงหรอก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 13-12-2015 18:25:59
คุณไฟเริ่มจีบหนักล่ะนะ  เท่ห์อ่ะ  เนียนขอเบอร์ ขอเฟส  อั้ยย้ะ  สุดท้ายมีหึงเว้ยยยย  วรั้ยยยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-12-2015 18:28:40
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงง

ต้องรออีกนานแน่ๆเลย 

รักพี่ไฟ แต่สมุทรมีเสน่ห์เรื่องเล็กๆก็ทำให้พี่ไฟอมยิ้มได้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 13-12-2015 18:30:59
ชะนีปริศนา ใครคะใคร
#ทีมไฟสมุทร #ทีมสมุทรไฟ
รอตอนต่อไปนะนะนะ^___^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 13-12-2015 19:21:43
ชอบเวลาสมุทรอยู่กับไฟ
อาจจะไม่ใช่แฟนก็ได้นะคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 13-12-2015 19:26:23
ชีเป็นใครเหรอ มาเดากัน  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 13-12-2015 19:26:34
จากตอนที่แล้วพี่ไฟดูเพ้อๆ หลงๆ จนหน้าหมั่นไส้

พอมาตอนนี้ก็กวนแกล้งสมุทรจนหน้าตบด้วยหมัดซักเปรี้ยง หมั่นไส้ไม่ไหวจะเคลียร์ นิสัยเสีย ชริส์ !@#$#%%^&*#@$^
สาธู้ ให้ ญ คนนี้เป็นกิ๊กสมุทรทีเหอะ จะสมน้ำหน้าพี่ไฟเลย  :m14:

 :mew1:
ขอบคุณเบบี้จ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 13-12-2015 19:55:19
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 13-12-2015 20:26:31
ทำไมเรารู้ว่าไฟน่ารักอะ เป็นคนที่กวนตีน แต่น่ารักดี คิคิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-12-2015 21:21:49
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 13-12-2015 21:25:24
เห้ยๆ นี่มีการขอเฟสบุ๊คด้วยง่ะ ทำเนียนนะคุณไฟสุดโหด
แต่ที่สุดของที่สุดคือฮาตรงที่ทวงหนี้เสร็จมานั่งกินเฟร้นฟรายกันนี่แหละ คุณไฟแบ๊วมาก
 :laugh: :laugh: :laugh:

บี้บอกว่าหายจากวงการไปทำงาน
อินี่ก็แอบสงสัยว่าบี้หายไปเปิดค่ายมวยกับปล่อยกู้หนี้นอกระบบมารึเปล่า สารภาพมาซะดีๆ
เขียนได้อินมาก เทียบกับบรรยากาศน้องเค้กกับพี่คิว แล้ว โอ้ยยฟ้ากับเหว
ถามว่าชอบแบบไหน เค้าชอบทุกแบบเลย
จะหวานวิปครีมหรือจะเถื่อนคลุ้งเขม่าควันปืน เค้าชอบโหม้ดดดแหละที่บี้แต่ง > <

ปล. สมุทรมีแฟนหรอ ถ้าใช่จริงๆ
บอกแฟนระวังโดนคุณไฟเผาบ้านนะ
รายนั้นเค้าหึงไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเค้าเท่าไหร่
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 13-12-2015 22:03:12
เหมือนอารมณ์นี้จะร้องเป็นเพลงออกมาได้เลยค่ะ ~~ ก็คนมันขี้หึง นิดนึงก็คิดไกล~ พอมีคนอื่นเข้าหาสมุทรในรูปแบบนี้บ้าง ไฟจะทนอยู่เฉยต่อไปได้หรือเปล่า  :hao3:  ส่วนงานวันนี้เป็นการทวงหนี้ที่เบามาก นึกว่าจะเลือดสาดซะอีก  :laugh: ทำใจอยู่ว่าสมุทรจะทนด้านมืดของไฟได้หรือเปล่า มโนไปเองอีกละ  :z6:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 13-12-2015 23:24:39
สมุทร. ชะนีน้อยนางนั้นเป็นใคร  :ling1:  ดูดิ๊ไฟเข้าใจผิดแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 13-12-2015 23:58:50
สมุทรใจเย็นจังเนาะ
อยากจะเห็นด้านมืดที่เก็บไว้จัง
จะร้อนขนาดไหนกันนะ~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 14-12-2015 00:19:05
ยังคงยาวเสมอต้นเสมอปลายค่ะ ชอบๆ

พี่ไฟรู้สึกแห้วอยู่ลึกๆใช่มั้ย เห็นสาวสวยมาดักรอพ่อสมุทรน่ะ 55555
สัมผัสได้ว่าสมุทรเป็นมากกว่าลูกน้องธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถสวนกลับพี่ไฟได้แบบไม่กลัวโดนดี 5555 อนาคตก็จะมีอิทธิพลกว่านี้แน่ๆ

พี่ไฟปากไม่ดีไม่เคยเปลี่ยนเลย เห้อ เป็นพวกดื้อปากหนักเอาแต่ใจ รักกันเมื่อไหร่พ่อสมุทรคงปรามได้บ้าง แต่มีแนวโน้มจะตามใจอยู่เยอะ หรือป่าวนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 14-12-2015 00:32:46
ม่ายยย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร!
คุณไฟอย่าหึงนะ ใจเย็นๆ55
ปล.สรุปแล้วสมุทรชอบ outdoor ป่ะคะ55555555555555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 14-12-2015 01:50:25
โอ้ยยนย รำไฟ เบื่อมาก ดูเล่นกะสมุทรไปทุกอย่าง
สงสารสมุทรตอนไม่ได้กลับบ้าน กลับต้องมานั่งกินเฟร้นฟรายงี่เง้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 14-12-2015 07:09:02
ไฟนี่กวนดีจริงๆ สมุทรก็เก็บอารมณ์ได้ดีด้วย ไฟกวนมาก็สมุทรก็กวนกลับ 555555

แต่ไอ้ที่ขอเบอร์ ขอเฟสนี่ เค้าเรียกว่าจีบหรือป่าว  :hao6:

แต่ทำไมชั้นถึงชอบพี่ธานจัง อยากให้พี่ธานมีคู่ อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 14-12-2015 09:14:12
ดูท่า คุณไฟเขามีความสุขนะช่วงนี้



ไม่ว่าสมุทร จะขยับตัว ขยับปาก ทำอะไร ก็ถูกตาถูกใจคุณไฟไปซะทุกอย่าง



ยังจะกล้าไปคิดค่อนแคะพี่ธาม  ว่าไม่รู้ถูกใจสมุทรอะไรนั๊กหนา



คือป้าอยากจะบอกคุณไฟ ว่าคนที่เข้าข่าย ถูกอก ถูกใจ สมุทรที่สุดนะคุณไฟนะแหละ



เคยมีคนกล่าวใว้ว่า    "ผู้ชายมักจะแกล้งคนที่ชอบ"



คุณไฟคงจะเป็นคนประเภทนั้นซินะ



จะแกล้งสมุทร หรือแกล้งใคร   แบบใหนป้าไม่ว่าหรอนะ



แต่อย่าให้กระทบ  หนูเมฆน้อย กลอยใจของป้าเป็นอันขาด ป้าไม่ยอม



แล้ววันนี้  คุณไฟใช้งาน  สมุทรตะลอนๆ ไปกับตัวเองทั้งวัน



หนูเมฆน้อย  ของป้ามีใครไปรับ กลับบ้านหรือเปล่า ป้าเป็นห๊วง เป็นห่วง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 14-12-2015 09:33:32
สมุทรดูอ่อนโยนจัง จะทำงานโหดๆแบบไฟได้เหรอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 14-12-2015 09:34:12
ไฟก็คงเส้นคงวาในการพูดจากวนประสาทสมุทรอยู่เรื่อยๆถ้ามีโอกาส

สักวันหลงเค้าขึ้นมาจะรอดูว่าจะพูดหวานหูขึ้นหรือกวนกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 14-12-2015 12:23:38
ซักวัน...สมุทรต้องแจ้งตำรวจจับไฟโทษฐานคุกคามทางเพศในที่ทำงานแน่ๆ 55555+
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 14-12-2015 14:30:47
อุ้ยสมุทรมีผู้หญิงมาหา ทีนี้เอาไงดีละคุณไฟ :katai2-1:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 15-12-2015 11:58:08
สมุทรมีผู้หญิงงงงง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้องแมว ที่ 16-12-2015 10:29:29
เม้นๆๆๆๆๆ อิอิ
อยากจะบอกเบบี้ว่า เค้าอ่านนิยายของเบบี้ตั้งแต่ ม.สาม จนตอนนี้ปีหนึ่งแล้ว
อ่านนิยายทุกเรื่องเลย สนุกมากๆๆๆ
พึ่งมีโอกาสได้เม้นเพราะพึ่งเป็นสมาชิก
ติดนิยายของเบบี้ทุกเรื่อง อ่านไปร้องไปก็มี ยิ้นเหมือนคนบ้าก็เป็นมาแล้ว :mew1: :mew1: :mew1:

เม้นนิยาย สนุกๆๆๆๆๆ ลุ้นว่าเมื่อไรจะรักกัน มีกัดกันเบาๆอิอิอิอิ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 16-12-2015 22:43:47

รู้มั้ยว่าอ่านแล้วเครียดตาม..
ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนนี้ สมุทร คือฝ่ายรุกตลอด
แต่มีตอนหนึ่งที่สมุทรพูด 'ฮะ' ใจเราแป้วเลย
สมุทรเมะเถอะนะเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: must ที่ 17-12-2015 16:19:22
อัพเดทสารบัญ

♨The Real Me ♨ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3238689#msg3238689)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-12-2015 16:36:50
คิดถึงพี่ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-12-2015 11:52:49
อัพเดทสารบัญ

♨The Real Me ♨ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3238689#msg3238689)

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-12-2015 11:53:40
ตอบคุณ Coaramach
รู้มั้ยว่าอ่านแล้วเครียดตาม..
ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนนี้ สมุทร คือฝ่ายรุกตลอด
แต่มีตอนหนึ่งที่สมุทรพูด 'ฮะ' ใจเราแป้วเลย
สมุทรเมะเถอะนะเบบี้

ขอแนบข้อความเดิมจากที่เบบี้เคยกล่าวเตือนผู้อ่านทิ้งท้ายไว้ในตอนที่ 11 
ทั้งนี้.. ส่วนตัวผู้เขียนเองไม่คิดว่าการพูด "ฮะ" จะเป็นการบอกลักษณะตัวตนใครว่าการพูดฮะ จะต้องเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว  ซึ่งคำพูดที่ใช้ก็ขึ้นอยู่ที่น้ำเสียงที่ควรเป็นและบริบทในการใช้  เพราะทั่วไปผู้เขียนยังคงเห็นว่าผู้ชายแท้ ๆ บนโลกก็ยังพูด "ฮะ" โดยปกติได้ 
.
..


ปล. จากผู้เขียน

1). มีการพูดคุย  สงสัยและคาดเดากันเกิดขึ้นมากในกรณีที่ว่า ตอนของไฟนี้.. ผู้ใดรุก และ ผู้ใดรับ ^ - ^ เบบี้ไม่สามารถตอบให้ได้ในตอนนี้เพราะต้องการให้ทราบในตอนต่อ ๆ ไปในอนาคตด้วยตัวผู้อ่านเอง  แต่เนื่องจากว่าเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง(ขออ้างเฉพาะนิยายบางเรื่องของตัวเบบี้เอง)เคยเกิดกรณีที่ผู้อ่านบางท่าน "รับไม่ได้" กับเนื้อหาพลิกผันที่เกิดขึ้น ฯลฯ  ดังนี้..จึงขอเตือนก่อนล่วงหน้าว่า  ถ้าหากท่านจะไม่สามารถรับได้..ถ้า..ใครก็ตามจะรุก หรือ ใครก็ตามจะรับ  เพื่อกันไม่ให้เกิดสภาวะสะเทือนใจต่อผู้อ่าน(ท่านที่รับไม่ได้)เกิดขึ้น  เบบี้จึงขอเตือนว่าท่านสามารถหยุดอ่านได้ตั้งแต่ตอนนี้ยังทันนะคะ  เพราะทางเบบี้มีเนื้อหาที่วางไว้ในใจอยู่แล้วและจะไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งใด 

2). ตอนนี้เป็นไปแบบซอฟท์ ๆ หลังจากที่ดูน่าจะลุ้นและเนื้อหาอยู่กับไฟกันมานาน ^ . ^ ตอนต่อไปไม่สามารถรับปากได้ว่าเมื่อไหร่  แต่อาจจะไม่นานเกินรอ  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

..ขอขอบคุณคุณ Must ด้วยที่กรุณาทำสารบัญให้อีกเรื่องแล้ว  อย่างไรเบบี้จะแปะไว้ที่หน้าที่ 1 นะคะจะได้สะดวกต่อท่านอื่น ๆ ขอบคุณมากค่ะ..

เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-12-2015 11:55:59
ตอนที่ 13
..ไฟ..




วันพุธ II บ้านเลิศประสงค์..

"ตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วครับ" พี่ธานบอกทันทีที่เห็นผมเดินลงมาจากบนบ้าน 
เมื่อเช้านี้ผมเพิ่งออกไปวิ่งและตั้งใจวิ่งเลยไปบอกคนที่ค่ายด้วยว่าวันนี้จะพาสมุทรมาแนะนำให้รู้จัก  กลับมาถึงบ้านชกลมเสร็จก็บริหารร่างกายก่อนขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า  ลงมาก็ได้เวลาอาหารเช้าพอดีตามเวลาที่วางแผนเอาไว้

"พี่ยังไม่ได้กินใช่ไหม" ผมถามพี่ธาน

"ยังครับ" พี่ธานตอบ 

"แล้วไอ้ดินกับไอ้ยุล่ะ" ผมถาม

"คุณพายุอยู่ในครัวครับ คุณดิน..กำลังแต่งตัว" พี่ธานตอบ  ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังบ้าน  พอเห็นเวลาแล้วทำให้ต้องถอนหายใจเซ็ง ๆ อีกแล้ว 

"สมัยเราน่ะนะ..เจ็ดโมงครึ่ง ผมถึงโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว" ผมพูดเชิงบ่น

"ข้าวก็กินเรียบร้อย การบ้านก็เสร็จหมดด้วย..ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าจะไปให้เช้าเข้าไว้ทำไม แต่ก็ไม่เข้าใจว่าพวกที่มาสายสุดโต่งน่ะ มันเป็นเพราะอะไร" ผมพูดเสียงเรียบ  แต่ก่อนไม่เข้าใจ  ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม  พี่ธานยิ้มกว้าง

"เออ คุณไฟครับ" พี่ธานเรียกเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

"เห็นพวกพี่อ้อนบอกว่า อาทิตย์หน้ามีรวมตัวตะกร้อกันที่สนามน่ะครับ คุณไฟสนใจจะไปไหม..พี่อ้อนให้มาถาม ผมลืมบอก..เค้าโทรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ" พี่ธานบอกอย่างตื่นเต้น

"จริงดิ มากันครบเลยเหรอ" ผมถามอย่างตื่นเต้น  ตะกร้อเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ในสายตาของผม  เรียกว่าเป็นหนึ่งในงานอดิเรกของผมเลยก็ว่าได้  ผมไม่ได้เล่นเก่งอะไรนักแต่เกิดมากับมันมากกว่า  ค่ายมวยของพ่อกับตะกร้อเป็นของเล่นยามว่างของนักมวยในค่ายมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว  ตอนเรียนประถมและมัธยม  ผมเคยลงแข่งตะกร้ออยู่บ้าง  ผมว่าตะกร้อเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะตัว  หลายครั้งกับประสบการณ์ส่วนตัวที่ชาวต่างชาติเห็นมักจะสนอกสนใจเสมอว่านี่มันคือกีฬาอะไรของไทยกันแน่ 

ผมได้เคยบังเอิญไปรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่สวนสาธารณะแถวฝั่งธน  เนื่องจากผมบังเอิญไปแถวนั้นด้วยเรื่องงาน  เสร็จจากงานก็ไปเดินเล่นผ่อนคลาย  บังเอิญเข้าไปเห็นพวกคุณลุง  คุณตากำลังเล่นตะกร้อลอดห่วงกันอยู่อย่างครื้นเครง  แถมยังเล่นเก่งกันโคตร ๆ ทั้งที่อายุก็มากแล้ว  วันนั้นทำให้ผมได้รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปสมัยเป็นเด็กอีกครั้ง  ได้นึกถึงสมัยที่เริ่มหัดเล่นกับพ่อและพี่ธานที่ค่ายมวย

ในวันนั้นผมเข้าไปทำความรู้จักกับทุก ๆ คนจนสนิทสนม  หลังจากนั้นจึงพาพี่ธานไปแนะนำให้ทุกคนรู้จัก  มีเวลาว่างไปร่วมเล่นด้วยอยู่สองสามครั้ง  เคยได้ไปดูการแข่งขันตะกร้อกับคนที่นั่นอยู่ครั้งหนึ่ง  เวลาผ่านมานานผมติดงานจึงไม่ค่อยได้ไปอีก  แต่พี่อ้อนพี่ที่ผมรู้จัก  บ้านของพี่เขาอยู่แถวฝั่งธนพอดี  เขาเป็นคอตะกร้อตัวยง  จึงเป็นตัวตั้งตัวตีจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นเพื่อสานสัมพันธ์คนคอเดียวกันให้มาพบปะกันเสมอ ๆ

"น่าจะนะครับ เห็นพี่อ้อนอยากให้คุณไฟไป ย้ำนักย้ำหนาเลย" พี่ธานยิ้มบอก

"อืม..ดูก่อนนะ ไม่รู้ว่าจะมีงานรึเปล่า เค้านัดกันวันไหน" ผมถาม

"วันเสาร์เช้าครับ"

"อ๋อ โอเค บอกพี่อ้อนไปก่อนแล้วกันว่าถ้าไปได้จะโทรบอกล่วงหน้าวันนึง" ผมบอก

"ได้ครับ" พี่ธานตอบ  สายตาเหลือบมองไปทางห้องโถงทางเข้าบ้าน  ผมหันกลับไปมองตามเห็นสมุทรเดินเข้ามาพอดี  อีกฝ่ายยกมือไหว้ทักทายพี่ธาน 

"กินข้าวด้วยกันไหมสมุทร" พี่ธานชวนด้วยน้ำเสียงสนิทสนม

"ไม่ละครับ ผมเรียบร้อยมาแล้ว" สมุทรยิ้มตอบ  พอฟังคำปฏิเสธนั่นเสร็จผมจึงเดินออกจากบทสนทนาเพราะรู้แล้วว่าฝ่ายที่ถูกชวนคงไม่ร่วมโต๊ะด้วยแน่

"เอ่อ คุณไฟ" สมุทรเรียก  ผมหันกลับไปด้วยรู้สึกทั้งแปลกใจและแปลกหูที่ได้ยิน  นี่คงเป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่อีกฝ่ายเรียกชื่อผมแบบนี้ 

"ยายผม..ฝากขนมชั้นมาให้คุณน่ะครับ แกดีใจ..ที่เห็นว่าผมได้งานใหม่" สมุทรยิ้มบอกพร้อมกับชูถุงขนมให้ผมดูอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

"คุณจะชิม หน่อยไหม" สมุทรถามเสียงเบาด้วยสีหน้ากังวลใจแฝงให้เห็นอย่างชัดเจน  ผมมองนิ่ง  นี่ขนาดไม่ได้หันไปมองหน้าพี่ธานตรง ๆ ยังรู้เลยว่าอีกฝ่ายก็ยืนรอคำตอบอยู่เช่นกัน

"อืม เอาสิ" ผมพยักหน้าตอบ

"ครับ เดี๋ยวผมไปใส่จานให้นะ" สมุทรผงกหัวยิ้มกว้าง  เดินจ้ำตรงไปทางครัวเล็กที่อยู่ติดกับห้องอาหารเหมือนกับรู้ทางและเป็นงานหมดแล้วอย่างนั้น  ผมเหล่ตามองไปทางพี่ธาน  อีกฝ่ายเหล่สายตาแบบเดียวกันมองกลับใส่ผม

"อะไร" ผมถามเสียงห้วน  พี่ธานหัวเราะในลำคอ

"กินบ่อยนะครับเดี๋ยวนี้" พี่เขาแซว  เหมือนกับจะบอกว่าช่วงนี้ผมกินขนมหวานไทยบ่อยผิดปกติ 

"ผมก็ไม่ได้อยากกินนักหรอก พี่ก็ดูหน้ามันสิ" ผมว่า  พี่ธานยังคงฉีกยิ้มไม่เลิก  ผมค้อนปราม  พี่เขายกมือผายขึ้นคล้ายกับบอกว่าขอเป็นฝ่ายยอมแพ้ก็ได้  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ เดินหนีไปที่ห้องอาหารก่อน  พี่ธานเดินตามเข้ามา  พายุมาพร้อมกับป้าอิ่ม 

วันนี้เป็นอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน  ก็ดีครับ..ไม่ถือว่าเป็นอาหารน้ำร้อน ๆ แบบที่ผมเกลียด  ครู่หนึ่งสมุทรก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร  ทุกคนมองตามจานขนมชั้นหลากสีสันที่ถูกหั่นไว้พอดีคำเรียบร้อยแล้ว  สมุทรวางจานนั้นลงกลางโต๊ะ

"หวังว่าจะชอบนะครับ เป็นสูตรของยายผมเอง" สมุทรอมยิ้มบอก  แม่บ้านยิ้มมองสมุทรอย่างเอ็นดู

"พี่ไม่กินด้วยกันเหรอ" พายุถาม

"ผมกินมาแล้วครับ"

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" สมุทรบอกพร้อมผงกหัวน้อย ๆ ก่อนเดินออกจากห้องอาหารไป  พวกเราลงมือกินอาหารกันอย่างเงียบ ๆ ผ่านไปประมาณห้านาที  ผมได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาและคาดว่าคงจะเป็นไอ้ดินตัวดีอีกตามเคย

"แซนวิชของผมละครับป้า!" ไอ้ดินร้องหาตาเหลือก

"นี่ค่ะ..ป้าเตรียมไว้ให้แล้ว" ป้าอิ่มรีบหยิบถุงอาหารไปให้ถึงมือ  ผมมองตามอย่างคาดโทษ  ไอ้ดินทำเป็นเมินแกล้งไม่มองหน้าผม

"รักป้าจัง" มันเข้าไปกอดป้าแกอ้อน ๆ ป้าอิ่มยิ้มหวานแพ้ลูกอ้อนมันอีกตามเคย

"เฮีย..คือว่า" ไอ้ดินหันมาสบตาผม  มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยเดินเข้ามาคุกเข่านั่งลงกับพื้น  ผมตั้งหน้าตรง  เหล่สายตาต่ำมองอย่างไม่ไว้ใจ

"ขอดินแข่ง BMX นะ" มันพูดหน้าอ้อนสุดฤทธิ์เท่าที่จะทำได้  ไอ้ดินวางกระดาษแผ่นหนึ่งลงบนโต๊ะ  พนมมือเข้าหากันพร้อมกับทำตาปริบ ๆ ผมหยิบมาอ่าน  อีกมือก็ยังไม่วางส้อม  เมื่ออ่านดูรายละเอียดก็เห็นว่าเป็นรายการแข่ง BMX ระดับเยาวชน  ไอ้นี่มันฉลาดดีที่แนบใบสมัครมาพร้อมด้วยเรียบร้อย

"ขอดินแข่งนะเฮีย ดินอยากแข่งจริง ๆ" ไอ้ดินเข้ามาจับแขนผมทั้งสองมือพร้อมกับบีบนวดอย่างเอาใจ  ผมอ่านระเบียบการแข่งขันและเงินรางวัลที่ควรได้รับอย่างคร่าว ๆ ผ่านตา

"อยากคอหัก ขาเป๋งั้นสินะ" ผมพูดห้วน  ประชดไปงั้น

"เฮียกล้าพูดเนอะ" ไอ้ดินทำหน้าประชดว่าผมกลับ 

"แล้วก็พิการ มาให้กูเลี้ยง ป้อนข้าวป้อนน้ำ" ผมพูดแกล้งไม่หยุดแล้วจิ้มไส้กรอกกินไปพูดไปหน้าตาเฉย พายุกับพี่ธานหัวเราะเบา ๆ เหมือนรู้แล้วว่าผมจงใจแกล้งไอ้ดิน  ไอ้ดินทำตาค้อนมองหน้าผม  มันหุบปากเงียบเหมือนเตรียมพร้อมจะเหวี่ยงบ้าง

"ตอนเฮียแข่งมอเตอร์ไซค์ก็ไม่เห็นมีใครว่าเฮียเลยสักคน ทั้ง ๆ ที่ดินพร้อมป้อนข้าวป้อนน้ำเฮียเสมอแหละ" มันว่า

"อ๋อ..ขอโทษครับ ไม่จำเป็น กูรวย..กูจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลกูได้" ผมพูดตอบหน้านิ่ง

"อีกอย่าง เลือกได้ด้วยว่าเอาหน้าตาแบบไหน..สบายตากูดีกว่าได้ดูมึงเยอะ" ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ

"เฮีย!" ไอ้ดินร้องเสียงหลง  มันเงียบปากไปอย่างเถียงไม่ออก 

"มึงจะซ้อมทันเหรอ" ผมถาม  จากที่เห็นคือการแข่งขันใกล้เข้ามาแล้ว

"ดินซ้อมจริงจังทุกวันอยู่แล้ว ก็เฮียไม่เคยไปดูเลย..เอาแต่ว่า โอ๊ย!" ไอ้ดินร้องหน้าหงายเพราะโดนผมผลักหน้ามันไปอย่างตัดรำคาญ  พูดมากอยู่ได้

"ปากกา" ผมขึ้นเสียง

"ค้าบ" มันยิ้มกว้างทันที  ไอ้ดินรีบเปิดกระเป๋าแล้วหยิบปากกามายื่นให้ผมด้วยท่าทางนอบน้อมประดิษฐ์  ผมอ่านระเบียบข้อสุดท้ายซ้ำอีกครั้งหนึ่งเพราะไม่ค่อยแน่ใจ  ไอ้ดินชะเง้อมองเป็นลูกหมาเลยทีเดียว  ผมตัดสินใจเซ็นอนุญาตจากผู้ปกครองลงไปให้  พอเซ็นเสร็จมันก็รีบหยิบไปดูอย่างดีใจ

"งั้น ดินขอค่าเสื้อด้วยนะเฮีย..เสื้อทีมอ่ะ" ไอ้ดินยิ้มตาหยี  แบมือตรงหน้าผมง่าย ๆ

"กูยังไม่ให้วันนี้ ถ้าอยากได้..มึงไปเขียนรายละเอียดมา ร้านที่มึงจะทำเสื้อก็ทำร้านเดียวกับที่ทำเสื้อให้ค่ายมวยแล้วกัน" ผมพูดชัดเจน  ไอ้ดินกัดฟันที่ผมรู้ทันมัน

"แล้ว..เฮียจะเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมดินไหม" ไอ้ดินถาม  สายตาเปลี่ยนเป็นคาดหวังและอ้อนวอนอีกครั้ง  ผมเหลือบมองก่อนเงียบเมินใส่ 

"ไปขอจากพี่สนสิ" ผมปัดไปอีกทาง

"โหย..แต่เฮียเป็นคนในครอบครัวนะ ให้ดินไปขอพี่สนได้ไง" ไอ้ดินสบถ  พายุหัวเราะ

"ทีงี้ละเห็นกูเป็นคนในครอบครัวขึ้นมาเชียว สปอนเซอร์ก็เพื่อนมึงนั่นไง..รักกันดีนักนี่" ผมว่าให้อย่างอดไม่ได้  ไอ้ดินหน้าหงอยลง 

"จะชนะไหมล่ะ กูชอบที่หนึ่ง..ถ้ามั่นใจว่าได้แน่ กูจะเป็นสปอนเซอร์หลักให้" ผมเลิกคิ้วหันไปมองหน้าไอ้ดินอย่างกวน ๆ ไอ้ดินทำปากย่นเข้าหากัน  มันทำหน้าอย่างกับหมาหน้าย่นอย่างนั้น

"ได้! ชนะแน่นอน!" ไอ้ดินกระแทกเสียงดังลั่นห้อง

"ไปแล้วครับ!" มันกระแทกเสียงแล้วลุกขึ้น  ยกมือไหว้ทุกคนที่อยู่ในห้องอาหารแล้วเดินแกว่งถุงแซนวิชออกไปเหมือนไม่พอใจ  ผมหัวเราะ  ลงมือกินต่อ  เมื่อจัดการอาหารหลักจนหมดจึงลองชิมขนมชั้นที่คนเอามาให้ภูมิใจนำเสนอนักหนานั่นต่อ

"หวาน" ผมพูดเบา ๆ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกระแวงกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน

"ไม่เห็นหวานเลย" พายุว่าไปเคี้ยวขนมชั้นไป

"ลิ้นมึงตายไง" ผมย้อน  พี่ธานหัวเราะก่อนจิ้มขนมชั้นกินต่อจากพวกเรา  ผมกับพายุมองอย่างรอความคิดเห็นที่น่าจะตัดสินอะไรเราสองพี่น้องได้

"..ไม่ออกความเห็นครับ" พี่ธานพูดไม่สบตาเราทั้งคู่เหมือนรู้นิสัยของเราสองพี่น้องเป็นอย่างดี  อีกฝ่ายเอื้อมมือจิ้มขนมชั้นกินเข้าไปอีกคำใหญ่

"กินคำเดียวเองเหรอครับ คนให้รู้จะเสียใจเอานะ" พี่ธานมองผมอย่างเจ้าเล่ห์ที่เห็นผมนั่งนิ่งเหมือนจะไม่ขอต่อ  ผมจิปากเซ็ง ๆ เอื้อมมือไปหยิบมากินอีกเพียงชิ้นเดียว  เมื่อเห็นว่าพายุกำลังเคี้ยวจนจะหมดดีแล้ว  ผมจึงจิ้มชิ้นต่อไปแล้วนำไปยัดใส่ปากพายุอย่างไม่บอกก่อนล่วงหน้า  มันคงกลัวเจ็บปากถึงได้อ้าปากรับไปกินอย่างง่ายดาย
 
"อ้าปากครับ" ผมสั่งพี่ธานพร้อมกับจิ้มชิ้นต่อไปเตรียมจะป้อนพี่ธาน

"อะไร ผมอิ่มแล้ว" พี่ธานยิ้มพูดตาโต

".........." ผมถลึงตาใส่  นำขนมชั้นไปจ่อที่ปากของพี่เขารอไว้  พี่ธานกลอกตาอย่างเสียไม่ได้และอ้าปากรับไปในที่สุด  ผมมองขนมชั้นที่เหลืออยู่บนจานเพียงชิ้นสุดท้าย

"กินครับ" ผมสั่งแล้วจิ้มไปใส่ปากพี่ธานอีกอัน  พายุหัวเราะ  พี่ธานอมยิ้ม  อ้าปากรับไปกินอย่างกลั้นใจ

"เย็นนี้เสื้อผ้าของพี่เค้าได้แล้วนะ" พายุพูดบอกเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้  ผมพยักหน้า

"เอาบิลไปให้พี่ที่ห้องแล้วกัน เดี๋ยวเอาให้" ผมบอก  พายุพยักหน้า 

"อิ่มจริง ๆ" ผมพูด  หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วและนำกระดาษเช็ดปาก

"เคี้ยว" ผมลุกขึ้นพร้อมสั่ง  ตบไหล่พี่ธานสองสามทีเป็นการย้ำคำสั่งก่อนเดินออกมา  ผมเดินไปที่ห้องนั่งเล่น  ไม่เห็นสมุทรอยู่ที่นั่น  มองลอดออกไปนอกประตูกระจกเห็นเขากำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่สวนดอกไม้ข้างสระว่ายน้ำพร้อมกับน้ามิ่งคนสวน  สมุทรหยิบกรรไกรตัดกิ่งเล็มตัดตกแต่งพุ่มไม้อย่างชำนาญมือ  ส่วนน้ามิ่งก็กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่  ทั้งสองพูดคุยอะไรกันสักอย่าง  ผมตั้งใจมองและพยายามแกะปากอ่าน  ได้ใจความน่าจะเป็นเรื่องที่มาที่ไปของสมาชิกใหม่นั่นละ  สังเกตให้ดีวันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีดำโล้น ๆ ธรรมดา ๆ อีกวัน  กางเกงยีนสีดำค่อนข้างเข้ารูปทำให้หุ่นโดดเด่นตาขึ้นอีก  เพียงครู่หนึ่งในสมองของผมก็นึกถึงเรื่องลามกขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ..

"แอบอ่านปากคนอื่นแบบนี้ เจ้าตัวรู้จะระแวงเอาได้นะครับ" ผมชะงัก  หันไปมองพี่ธานที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสมุดและเอกสารต่าง ๆ ผมเดินกลับไปนั่งที่โซฟา

"ทำสวนก็ได้ ทำกับข้าวก็เป็น..จ้างไว้เฉพาะทำงานในบ้านนี่ก็คุ้มอยู่นะครับ" พี่ธานว่า 

"แต่ถ้าให้ทำอย่างอื่นด้วย เจ้านายผม..ก็คงรู้สึกว่าคุ้มมากไม่น้อย" พี่ธานยิ้มเจ้าเล่ห์ 

"ก็ถ้าอีกฝ่ายรับข้อเสนออะนะ" ผมยิ้มเจ้าเล่ห์เล่นตอบกลับอย่างไม่ลดละ  พี่ธานส่ายหัวหน่าย ๆ



ตืด  ๆ ๆ ๆ ...โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของผมสั่น  เมื่อเห็นว่าสายโทรเข้าเป็นสายจากไอ้โปรด  ผมจึงยื้อไว้สักระยะ  พอสมใจแล้วค่อยหยิบมากดรับ

"รับช้าฉิบหาย" มันบ่นทันที

"มีไร" ผมยิ้มถาม

"วันนี้ไป Racer เปล่า" ไอ้โปรดถาม  Racer ที่พูดถึงคือ T-Racer International สนามแข่งรถที่ลูกพี่ลูกน้องของไอ้โปรดอย่าง "พี่สน" เป็นคนคิดริเริ่มก่อตั้ง  ผมและไอ้โปรดเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของที่นี่ด้วย

"มึงกลับมาเมื่อไหร่" ผมถาม

"เมื่อวานกลางคืน"

"มึงจะไปเหรอ"

"อืม กูไม่ได้เข้ามาเกือบเดือนแล้ว ไปดูหน่อย" ไอ้โปรดว่า

"อืม ได้ เจอกันที่นั่นแล้วกัน" ผมตอบ

"โอเค เจอกัน" มันตอบก่อนตัดสายไป

"เดี๋ยวพี่จะไปสนามแข่งใช่ไหม" ผมถามพี่ธานพร้อมกับวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ

"ครับ เข้าตอนบ่าย ๆ..เช้านี้ว่าจะไปสนามยิงปืนก่อน" พี่ธานตอบ

"โอเค" ผมพยักหน้ารับทราบ

"วันนี้คุณไฟตั้งใจจะไปไหนบ้างครับ"

"ตอนแรกว่าจะพาสมุทรไปให้คนที่ค่ายรู้จักตอนเย็นนี้ ถ้าไป Racer ตอนบ่าย สงสัยวันนี้คงไม่ได้ไปอีกตามเคย" ผมพูดแกมบ่น

"เดี๋ยวจะไปบางกอกแลนด์ก่อน ไปเซ็นเอกสารเช่าซื้อใหม่" ผมบอกพี่ธาน  Bangkok Land คือศูนย์การค้าที่ก่อตั้งขึ้นโดยย่าของผม  มีสาขาเดียวตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ  ย่ายกให้พ่อเป็นคนบริหาร  ในยุคสมัยของพ่อ  พ่อเคยตั้งใจว่าจะปรับเปลี่ยนจากศูนย์การค้าให้เป็นทั้งกึ่งศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าไปในตัว  แต่สุดท้ายโครงการก็ล้มเลิกไปจนพ่อเสีย  ตกทอดการดูแลมาจนถึงผม  และคนที่จะเป็นเจ้าของมันในอนาคตก็คือพายุ 

"โอเคครับ..งั้นผมขอถามเรื่องตารางแข่งมวยหน่อย" ผมพูด  พี่ธานยื่นกระดาษเอสี่มาให้  ผมรับมาดู  มันเป็นตารางการแข่งขันทั้งหมดของทั้งเดือนนี้และเดือนหน้า

"เรื่องสำคัญเรื่องแรกที่คุณยังไม่ทราบ..พี่นีเพิ่งโทรหาผมเมื่อเช้า บอกว่าคนของลุงป๋อติดต่อมาเรื่องการแข่งของสนามมวยเปิดใหม่ที่พัทยา สนามศิลป์พัทยาน่ะครับ" พี่ธานเล่า   

"อ๋อ..สนามที่ลุงแกไปหุ้นอยู่ด้วยใช่ไหม แล้วไง" ผมขมวดคิ้วถามเพราะไม่ได้ติดต่อลุงป๋อมาพักใหญ่ ๆ แล้ว  "ลุงป๋อ"..เป็นเจ้าของค่ายมวยศิษย์ป.  ลุงแกเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อผมมานานมาก  ผมไม่ค่อยได้ติดต่อแกนักหลังจากที่พ่อเสีย  แต่เวลาที่เราพบปะกัน  ผมค่อนข้างสนิทใจเสมอที่จะพูดคุย  รู้สึกรักและเคารพลุงเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง 

ลุงป๋อมีลูกชายสองคน  ลูกชายคนโตผมไม่ค่อยสนิทด้วย  แต่ลูกชายคนเล็กคือ.."ไอ้ป๊อด" สำหรับผมมันค่อนข้างป๊อดสมชื่อ  ไอ้ป๊อดเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับผม  ผมกับมันเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาตอนต้น  แยกย้ายกันไปช่วงเข้ามหาวิทยาลัย  มันไม่ใช่คนที่มีพิษมีภัยต่อใครแต่ก็ไม่ใฝ่ดีนัก  ผมกับมันไม่มีปัญหาอะไรต่อกัน  พูดคุยเล่นหัวกันเหมือนเพื่อนร่วมโรงเรียนที่มีมิตรภาพที่ดี  เราสองคนไม่สนิทกันจริงจังนัก  ผมว่าไอ้ป๊อดมันเป็นคนไม่เอาถ่าน  หัวดีแต่ไม่รักดี  ที่สำคัญคือติดผู้หญิง  โดยส่วนตัวของผมแล้ว  ผมไม่ชอบคบกับคนลักษณะแบบนี้อย่างสนิทสนมเพราะผมถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนที่แยกแยะอะไรด้วยสติปัญญาของตัวเองไม่ได้  ผมคิดว่า  คนไม่ใฝ่ดีถึงจะคบเพื่อนเป็นคนสะอาดหรือคนไม่สะอาด  สุดท้ายก็ยังไม่ใฝ่ดีอยู่วันยังค่ำ 

สมัยก่อน  ลุงป๋อชอบบ่นกับพ่อผมบ่อย ๆ ว่าอยากได้ลูกชายแบบผม  ทำไมไอ้ป๊อดถึงไม่รักค่ายมวยของพ่อมันเหมือนที่ผมรักอะไรทำนองนั้น  ผมว่าลุงแกคงบ่นไปตามประสา  ที่จริงแล้วลุงป๋อรักไอ้ป๊อดมาก  มีอะไรให้หมด  ยกหน้าตัก  เรียกว่าตามใจทุกอย่าง  ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าลุงป๋อจะร่ำรวยมากแต่ก็ยังติดทำตัวสมถะ  กินข้าวกับน้ำพริกเลี้ยงชีพไปวัน ๆ เงินหลายสิบล้านที่ลุงแกสะสมไว้  ถ้าสักวันลุงแกเสียไปไอ้ป๊อดก็คงจะสบายไปได้อีกพักใหญ่ ๆ เลยละนะ

"เค้าเชิญเฉพาะนักมวยค่ายใหญ่ ๆ นักมวยมีชื่อขึ้นชก" พี่ธานตอบเสียงเรียบนิ่ง  เรามองหน้ากัน

"แล้วนี่ครับ บัตรเชิญ" พี่ธานนำนิ้วดันซองจดหมายสีขาวมาตรงหน้าผมเหมือนให้ผมเปิดอ่านด้วยตนเอง  ผมยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนหยิบมาแล้วนำมาเปิดดู 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-12-2015 11:57:37
"แข่งวันเดียว รู้ผลเลย" ผมเบะปากพึมพำหลังจากอ่านรายละเอียดเสร็จ  ผมชอบอะไรแบบนี้เพราะมันสะใจดี  เป็นการแข่งขันเพื่อเรียกสีสันให้กับงานและเงินน่าจะสะพัดน่าดู  ผมนั่งเท้าแขนลงอย่างใช้ความคิด  อีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านักมวยมือดี ๆ ในค่ายของผมจะต้องขึ้นชกหลายการแข่งขัน  และวันที่เปิดสนามชกมวยศิลป์พัทยาที่พัทยานั้น  เป็นวันที่คาบเกี่ยวกันกับระหว่างการเก็บตัวของนักมวยพอดี  การแข่งขันครั้งนี้ระบุไว้สองแบบ คือ แบบมวยไทยคาดเชือก  ที่จำเป็นต้องส่งนักมวยเข้าชกหนึ่งคน  และแบบมวยไทยใส่นวม  ที่ต้องเข้าชกอีกหนึ่งคน  ซึ่งผมคิดว่าคงจะเป็นการเปิดสนามมวยที่ต้องการเรียกคนดูโดยเฉพาะให้คนที่มีชื่อเสียงในวงการไปประชันตัวกัน  การเจาะจงการขึ้นชกว่าเชิญเฉพาะนักมวยของค่ายมวยใหญ่ ๆ ก็เหมือนเรียกเสือให้ไปเจอสิงห์อะไรเทือกนั้น  และศักดิ์ศรีก็คงค้ำคอมันอยู่ทุกค่ายนั่นละ

"ฉลาดหาเงินดีนะ คนคิดธีมงาน..งานโชว์คนรวย" ผมพูดแกมหัวเราะ

"ก็คนถือหุ้นใหญ่มันใครละครับ" พี่ธานบ่นถึงผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นคนคิดริเริ่มก่อตั้งสนามแข่งมวยนี้ นั่นก็คือ "เสี่ยปรีดา" นักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง  ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบรนด์ดังส่งออกนอก  และที่สำคัญยังเป็นเจ้าของค่ายมวยสิงห์ปรีดาอีกด้วย  คู่แข่งรายสำคัญของพ่อผมเลยละ  เราทั้งสองค่ายไม่เคยมีปัญหากันนอกเกม  ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งเสี่ยปรีดาและพ่อของผมก็รู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดี  แต่เราบริหารค่ายมวยกันคนละแนว  เสี่ยปรีดาเก่งไปทางธุรกิจเป็นหลักและเสี่ยเป็นเจ้าของค่ายมวยที่ชกมวยไม่เป็น  สำหรับผม..เสี่ยฉลาดแกมโกง  เห็นแก่ตัว  และไม่เคยพอในเงินหรือบารมีที่มีอยู่  ผมไม่รู้ว่าเสี่ยเขาเป็นคนดีหรือคนไม่ดีในระดับไหน  แต่ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าปกติแล้วพี่ธานไม่ใช่คนเกลียดใครฝังใจนัก  ซึ่งถ้าเสี่ยปรีดาทำให้พี่ธานรังเกียจได้ขนาดนี้  ผมถือว่าเสี่ยก็เป็นหนึ่งในบุคคลไม่ธรรมดาทีเดียว

"เอ๊ะ ตารางชกของไอ้นพ..ถ้ามันชกกับมวย SIAM แล้วเข้ารอบ มันจะมีแข่งอีกวันไหนนะ" ผมถามพี่ธานเพราะไม่แน่ใจ  ในค่ายมวยของผม  เราแยกประเภทและความถนัดของนักมวยในแต่ละคน  แน่นอนว่าแต่ละคนเก่งมวยคนละด้าน  ไอ้นพถือว่าเป็นนักมวยคาดเชือกที่ฝีมือดีที่สุดในค่ายของเราในขณะนี้  อีกทั้งมันเป็นคนเดียวที่เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์มวยไทยโบราณมากที่สุดอีกด้วย 

"ถ้ามันเข้ารอบ จะชกอีกทีวันที่ยี่สิบแปด มีนาครับ" พี่ธานตอบ  ตามองอ่านในสมุดโน้ตของพี่เขา

"รู้รึยังว่าเค้าเชิญใครบ้าง" ผมถาม

"ที่แน่ ๆ ก็เรา..ค่ายของเสี่ยยุทธ ค่ายของลุงป๋อ..ค่ายเหนือเมฆ ได้ข่าวว่าค่ายจากต่างประเทศมาดูเยอะเหมือนกันครับ" พี่ธานแจงรายละเอียด

"เสี่ยยุทธส่งใคร" ผมถามทันที

"ไม่ทราบครับ" พี่ธานตอบ  เราจ้องตากัน  ถ้าผมจะเดาไม่ผิด  ทางฝั่งของเสี่ยจะต้องบอกรายชื่อนักชกตัวเองช้าอย่างทุกครั้งเพื่อรอดูการเคลื่อนไหวของค่ายผมก่อนเป็นแน่  ผมแสยะปากยิ้ม ๆ ดูท่าจะมีเรื่องสนุก ๆ ได้ทุกวี่ทุกวันเลยสินะ

"ระหว่างนี้ให้คนคอยเฝ้าดูที่ค่ายไว้" ผมสั่งเพราะเกรงอันตรายกับนักมวย  พี่ธานพยักหน้ารับ 

ที่จริงผมไม่แคร์ว่าเสี่ยยุทธจะส่งใครขึ้นชก  ผมเชื่อในฝีมือของไอ้นพ  เสี่ยอยากจะทำอะไรก็ทำไป  เอาที่เสี่ยสบายใจเพราะผมเอียนที่จะสนทนากับคนหน้าด้านอย่างเสี่ยเต็มทน 

เกือบทุกครั้งที่ผ่านมาเสี่ยยุทธมักจะส่งรายชื่อนักมวยทีหลังผมเสมอ  เสี่ยมักคอยดูว่าท่าทีของความเป็นไปในค่ายของผมแล้วค่อยดำเนินงานของค่ายตัวเอง  ผมไม่สนใจที่จะรอเล่นแง่กับคนอย่างเสี่ยหรอกนะครับ  เพราะจะพาลทำให้เสียเวลาในการใช้ชีวิตเสียเปล่า ๆ ผมเพียงเลือกเดินในวิถีการทำงานตามแบบของผม  ตามแบบที่พ่อได้เคยปูทางเอาไว้ให้ก็เท่านั้น
 
อันที่จริงผมปฏิบัติตามแบบที่เสี่ยยุทธทำก็ได้  แต่การที่ผมจะต้องไปคอยรอดูประสิทธิภาพของการปั้นนักมวยของค่ายอื่น ๆ เพื่อที่หวังจะทำให้ค่ายของตัวเองได้รับการพัฒนาล้ำหน้าไปกว่าเขา  ในมุมมองของผมแล้ว  มันทั้งเสียเวลาและไร้ศักดิ์ศรี  ถ้าได้รับชัยชนะในรูปแบบอย่างนี้มันก็คงไม่ต่างอะไรกับการโตไปอย่างไม่น่าภาคภูมิใจในฝีมือของตนเอง  ซึ่งมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจไปจนวันตาย  ทุกวันนี้ผมทำในสิ่งที่ผมต้องทำ  คำสอนของพ่อลอยกลับไปกลับมาในใจของผมเพื่อย้ำให้ผมไม่ทิ้งในจุดยืนของตัวเอง  และถ้าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร  ผมก็พร้อมที่จะยอมรับ 

ถ้าเสี่ยยุทธยังต้องการดูการเคลื่อนไหวของผมก่อนอย่างทุกทีผมก็จัดให้ได้อีกเหมือนเดิม  เตรียมนักมวยเพื่อเข้าแข่ง  เลือกนักมวยที่ดีที่สุด  ฟิตร่างกายของพวกมันไว้ให้พร้อม  และผมที่เป็นเจ้าของค่ายจะต้องเข้มแข็งพอที่จะตั้งรับได้ในทุกสถานการณ์  ผลลัพธ์ของการแข่งขันในครั้งนี้จะหัวหรือก้อยนั้นค่อยว่ากันอีกที  อย่างน้อยมันก็น่าจะมีศักดิ์ศรีมากกว่าการหลบ ๆ ซ่อน ๆ เตรียมพร้อมแทงข้างหลังคนอื่นอย่างที่เสี่ยชอบทำน่ะนะ 

การขึ้นชกแบบวันเดียวจบแบบนี้  เป็นไปได้ก็ขึ้นอยู่ที่ดวงของนักมวยเป็นอันดับแรก  การจัดอันดับคู่ชกจะต้องจับสลากสด ๆ กันในวันนั้น  ส่วนตัวผมชอบการชกแบบนี้  เริ่มเร็ว  จบเร็ว  ได้เงินเร็วและสามารถจะจัดระบบให้นักมวยในเวทีอื่นต่อไป  ซึ่งอะไรแบบนี้ไม่ใช่กรณีที่เกิดบ่อยนักหรอกครับ  นาน ๆ ทีที่เจ้าภาพจะคิดอะไรมาเพื่อทำให้เงินหมุนเวียนและได้เงินคืนในส่วนที่ตนเองลงทุนลงแรงไปกับสนามใหม่แห่งนี้ในแบบรวดเร็วน่ะนะ

"บอกให้ไอ้นพกับไอ้หนึ่งช่างน้ำหนัก ผมว่ามันสองคน ไม่ใครก็ใครน่าจะเข้าเกณฑ์..ผมอยากให้ไอ้นพคาดเชือก เอาเป็นว่า..บอกให้มันสองคนเตรียมตัวไปก่อน ผมจะตัดสินใจอีกทีว่าจะเอาใครแน่" ผมบอก  ไอ้หนึ่งก็เป็นนักมวยคาดเชือกอีกคนหนึ่งที่เก่งแต่ฝีมือยังไม่ฉกาจเท่าไอ้นพ  ซึ่งในจดหมายได้ระบุรายละเอียดให้น้ำหนักของนักมวยที่จะมีสิทธิ์ขึ้นชกในแต่ละรายการไว้เรียบร้อยแล้ว  ดังนั้นการเลือกนักมวยจึงจำเป็นต้องคัดเลือกอย่างดี 

"ตัวสำรองใส่สมุทรไป เผื่อไอ้นพเป็นอะไร" ผมบอก

"หะ" พี่ธานอุทานมองหน้าผมเหมือนได้ยินไม่ชัด  ซึ่งที่จริงน่าจะได้ยินชัดน่ะนะ

"ใส่ไปก่อน" ผมย้ำส่ง ๆ

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับ

"แล้วก็..ให้ลุงลอยเลือกนักมวยมาให้ผมเลือกสักสามคน ประเภทมวยไทย..เอาแบบที่ไม่มีโปรแกรมการชกทั้งก่อนและหลังวันเปิดสนามนี้นะ เอาที่ช่วงนี้หน่วยก้านดีแล้วกัน" ผมบอก

"แต่แบบนั้น..พวกมันยังไม่เจนเวทีนะครับ" พี่ธานวิตก

"ไม่เป็นไร ผมต้องการแบบนั้น" ผมพูดไม่มองหน้าพี่ธานเพราะรู้ดีว่าพี่เขากลัวว่าถ้าทำแบบนี้ไป  ทางเราอาจมีสิทธิ์ที่จะแพ้เป็นไปได้สูง

"สับขาหลอกก็สนุกดี" ผมแสยะยิ้มบ่นส่ง ๆ

"หึ..ได้ครับ" พี่ธานรับปาก

"ผมจะให้มันขึ้นชกเวทีนี้เวทีเดียว แล้วถ้ามันชนะ ผมจะให้มันพักสามอาทิตย์" ผมพูดเป็นนัยยะให้พี่ธานนำสารนี้ไปบอกเพื่อให้นักมวยมันตีความเอาเองว่ามันควรทำตัวอย่างไร   

"ให้พี่นีจัดที่พักตั้งแต่วันศุกร์ก่อนวันขึ้นชก" ผมบอก  หยิบปฏิทินตั้งโต๊ะมาเปิดดู  พี่ธานจดรายละเอียดทั้งหมดลงสมุด

"ผมอนุญาตให้นักมวยสาขาอื่นไปด้วย ให้พี่นีโทรแจ้งออฟฟิศอื่นไปเลยว่าให้ประกาศบอกลูกค้าว่าค่ายจะหยุดวันไหนบ้าง" ผมบอก 

"เอาเป็นว่า เช่ารถทัวร์ไปแล้วกัน..เหมือนอย่างทุกที" ผมบอก  บางครั้งผมจะอนุญาตให้ลูกน้องได้เที่ยว  ได้ผ่อนคลายบ้างโดยเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายให้  คนทำงานหนักก็อยากพักทั้งนั้นแหละครับ  แต่ว่าตอนทำงานผมก็ขอกำลังพวกมันแบบเต็มที่หน่อยน่ะนะ

"เช็คเอาท์วันจันทร์เช้า..วันจันทร์ตอนเย็นทุกค่ายต้องเริ่มงานเหมือนเดิม วันอาทิตย์ผมจะให้ทุกคนพัก ใครอยากทำอะไรไปไหนตามสบาย ที่พักขอแบบโรงแรมแล้วกันนะ..ถ้าที่โรงแรมมีบ้านพักด้วยก็ดี จัดบ้านพักตามรูปแบบเดิมที่ไปเที่ยวกันมารอบที่แล้ว ส่วนของพวกไอ้เข้มพักห้องละสองคน..ให้หามาสักสามโรงแรม หารายละเอียดเสร็จแล้วให้รวบรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ผม ผมจะตัดสินใจเลือกโรงแรมอีกที..แล้วค่อยให้พี่นีไปจัดการ" ผมบอกเสร็จสรรพ  พี่ธานจดมือเป็นระวิง  ผมหันไปมองเพราะเหมือนได้ยินเสียงใครเข้ามาในห้อง  สมุทรชะงัก  สีหน้าเกรงว่าตนจะเข้ามาผิดเวลา

"ขอโทษครับ" สมุทรพูด  หยุดอยู่ตรงหน้าประตูเหมือนรอคำอนุญาต

"นั่งสิ" ผมบอก  สมุทรผงกหัว  เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ธาน  สมุทรนั่งลงด้วยท่าทางนอบน้อม  เวลาที่ผมมองเขาแล้วมันสบายตาดีเพราะเขาทำอะไรก็เรียบร้อยไปหมด  สมุทรมองไปที่เอกสารและพี่ธานเหมือนกับรอคำสั่ง  ผมเซ็นเอกสารลงนามเข้าร่วมการชกในครั้งนี้ก่อนพับจดหมายแล้วเก็บใส่ซอง  เลื่อนนำไปให้พี่ธานอย่างเดิม

"พี่จะลองดูหน่อยไหมละ" ผมช้อนตาขึ้นมองพี่ธานยิ้ม ๆ อย่างเย้าหยอกเพื่อให้พี่ธานกลับเข้าสู่วงการนี้อย่างที่เคยทำจนชินมืออย่างสมัยก่อน  พี่ธานจ้องตาผมกลับไม่กะพริบ

"ขอผ่านดีกว่าครับ ผมแก่แล้ว..ขอบคุณที่ให้โอกาส" พี่ธานตอบกวน ๆ ผมหัวเราะ

"ที่ค่ายนายเก็บกวาดซ่อมแซมไปถึงไหนแล้วล่ะ" ผมหันไปถามสมุทร

"เก็บกวาดเกือบเรียบร้อยแล้วครับ แล้วก็..สถาปนิกมาดูสถานที่แล้ว เดี๋ยวจะเอาแบบมาให้ดูอีกที ทีแรกเค้าเอามาให้เลือกแล้วสามแบบ..พอลุงเสือเลือกแบบไป มันก็มีต้องปรับแต่งอีกนิดหน่อยน่ะครับ ไว้ถ้าเรียบร้อยลงตัวแล้วผมจะเอาภาพมาให้ดู" สมุทรตอบอย่างฉะฉาน 

"โอเค" ผมพยักหน้ารับก่อนเงียบลง  พี่ธานและสมุทรก็เงียบตาม 

"คิดอะไรอยู่ครับ" พี่ธานถามขึ้น  ปากอมยิ้มน้อย ๆ และเริ่มเก็บเอกสารไปด้วย  ผมเหลือบมองด้วยหางตา

"เปล่า" ผมปัด  พี่ธานหยุดมือและเหลือบมองผมอย่างตั้งใจจับผิด

"ถ้านายคุ้นกับงานในค่าย กับที่นี่แล้ว..ฉันจะให้นายไปเริ่มเรียนรู้งานที่ตลาด" ผมพูดขึ้น  สมุทรหันมามอง

"อันที่จริง..พนักงานในสำนักงานก็มีหน้าที่เรื่องบัญชี แล้วก็บริหารงานทั่วไปอยู่แล้วน่ะนะ..แต่" ผมเงียบลงครู่หนึ่ง

"มากคนมากความ..บางครั้งมันก็มีปัญหา" ผมพูด

"ปกติ ผมจะเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยกับแม่ค้าที่นั่นแทนพนักงานในออฟฟิศน่ะครับ..เพราะพวกเค้ามักจะพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องกับพนักงานของเรา ผมจะไปแทนคุณไฟ..ถ้าเอาไม่อยู่ก็จะส่งต่อให้คุณไฟ แต่ส่วนใหญ่ก็เอาอยู่นะครับ..ผมเก่ง" พี่ธานอธิบายติดตลก  ผมก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ สมุทรมองเหมือนยังไม่เข้าใจทุกอย่างกระจ่างดี

"นาย..ต้องไปแทนพี่ธาน" ผมเงยหน้าบอกด้วยประโยคที่เป็นคำสั่งเด็ดขาด

"คิดว่าทำได้ไหม" ผมถาม  สมุทรนิ่งไปอย่างใช้เวลาตริตรอง

"ครับ" เขาตอบเสียงเรียบแต่ขณะเดียวกันก็ฟังดูเด็ดขาดเช่นกัน

"ดี" ผมหัวเราะขึ้นจมูกเพราะรู้สึกชอบใจในน้ำเสียงแบบเมื่อกี้นี้ของเขาเป็นบ้า "ครับ"..ทุ้มต่ำ  เรียบง่ายแต่ดูมั่นอกมั่นใจ

"ฉันชอบความเด็ดขาดนะ ขอแบบ.." ผมเบะปาก  แสยะยิ้มมองไปทางสมุทร

"เด็ดขาดแบบที่เวลานายไม่ชอบใจอะไรแล้วปฏิเสธฉันน่ะ เอาแบบนั้นเลย..ฉันชอบ" ผมอมยิ้มชม  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ ที่คงรู้ว่าผมกำลังประชดสมุทรอยู่  สมุทรเหสายตาลง  ใบหน้าเขาอมยิ้มน้อย ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็คงรู้แล้วละครับว่าผมจงใจประชดเขาอะนะ

"นายจะได้เจอครบแน่นอน ไม่ว่าจะพวกกวนส้นตีน..ตอแหล สับปลับ" ผมยักคิ้วให้แกมขู่  สมุทรนิ่งไปเลย

"เฮ้อ" ผมถอนหายใจแรง

"ที่จริงวันนี้ฉันตั้งใจจะพานายไปค่ายมวย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว..ต้องไปที่สนามแข่งรถช่วงบ่าย เอาเป็นว่าจะไปพรุ่งนี้เช้าแทน นายเตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน..พวกเสื้อผ้าที่จะเอามาเปลี่ยนก็ด้วย" ผมบอก

"ได้ครับ" สมุทรพยักหน้า

"เอาเสื้อผ้าส่วนหนึ่งมาไว้ที่นี่เลยก็ดีนะสมุทร ถ้าอันไหนต้องซัก..ก็ใช้เครื่องซักผ้าที่ห้องซักรีดได้เลย" พี่ธานแนะนำ  สมุทรยิ้มรับ  ผมเงียบลงอีกครั้งหนึ่งเพราะต้องการใช้สติและความคิดว่ามีเรื่องอะไรตกค้างอีกไหม  ทุกคนก็เงียบด้วย  คล้ายกับยังคงไม่ยอมไปไหนถ้าผมไม่อนุญาต  ผมหันไปมองพี่ธาน

"ครับ" พี่ธานพูดทัก  เลิกคิ้วอย่างสงสัยเหมือนรู้ว่าผมมีเรื่องจะพูดด้วย

"พี่อยากไปทำ Team Director เป็นงานประจำดูไหม" ผมตัดใจถามออกไปเพราะที่สนามแข่งเรายังต้องการคนอยู่  ส่วนพี่สนเองก็อยากให้พี่ธานไปทำงานที่นั่นอย่างเต็มที่อีกด้วย  ผมว่าจะพูดกับพี่ธานในเรื่องนี้หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้เปิดอกพูดคุยกันสักที

ใจจริงผมไม่รู้ว่าพี่ธานอยากอยู่ทำงานที่ไหนจริงจังกันแน่  การที่ให้สมุทรมาทำแทนพี่ธานในบางส่วนมันไม่ใช่การไล่พี่ธานออกไปจากชีวิตผม  ผมอยากให้พี่ธานสบายใจ  อยากให้พี่เขาไปทำในสิ่งที่รักดูบ้าง  ให้โอกาสพี่เขาแบบที่ไม่ต้องการให้เจ้าตัวรู้สึกไม่ดีที่จะไป  ก็ใช่ว่าตอนนี้พี่ธานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการอยู่กับ Team Director ที่ Pit ของสนามแข่งรถ  พี่ธานมีฝีมือทางด้านนี้และเป็นที่รักใคร่ของคนที่สนาม  การที่พี่ธานรับคำสั่งจากผมให้ไปทำงานที่นั่นบางครั้งบางคราวตามคำเรียกร้องของพี่สน  ผมรู้ดีว่าพี่ธานไปเพราะผมสั่ง  แต่ที่ผมสั่งก็เพราะผมรู้ดีว่าพี่ธานชอบที่จะทำมันด้วย

"เป็นคำสั่งรึเปล่าละครับ" พี่ธานถามกลับก่อนหันหน้าหนีเหมือนไม่ต้องการจะรับฟังเท่าไหร่

"...ไม่ใช่คำสั่ง" ผมทิ้งเสียงก่อนตอบออกไป  ในห้องเงียบกริบลงชั่วขณะ  นานแล้วที่ผมและพี่ธานไม่ได้เข้าโหมดจริงจังในเรื่องส่วนตัวของกันและกันแบบนี้  ทุกเรื่องมันเหมือนมองตาก็รู้ใจ  ที่ผ่านมาเราเหมือนจะไม่แตะส่วนใดส่วนหนึ่งที่สำคัญของกันและกันก็เท่านั้น

"ผมหมายถึงถ้าพี่อยากทำที่นั่นประจำ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร..ผมแค่ อยากให้พี่เลือกในสิ่งที่พี่ต้องการ" ผมอธิบายตามจริง

"หึ..ผมไม่ได้รักมันขนาดนั้นหรอกครับ สบายใจเถอะ" พี่ธานอมยิ้มขึ้นมา  เรามองหน้ากันก่อนที่พี่ธานจะก้มหน้าและหุบยิ้มลง

"ถ้าไม่อย่างนั้น ผมก็จะทำตามใจตัวเองเหมือนเดิมนะ" ผมพูดเป็นนัยในแบบที่พี่ธานเองก็คงจะทราบดีว่าผมหมายถึงอะไร 

"เชิญครับ..ผมรับข้อเสนอ" พี่ธานยิ้มตอบพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าผม  ผมยิ้มกว้างอย่างยอมใจพี่แก

"ที่จริงพี่หลงรักผมสินะ ให้ตาย..นี่พี่รักผมมากกว่ารถอีกเหรอ ผมควรจะร้องไห้ใช่ไหม" ผมแสยะปากยิ้มเจ้าเล่ห์แซวพร้อมกับจับมือตอบ  พี่ธานปิดหน้าหัวเราะ  สมุทรที่นั่งมองอยู่  แม้สายตาของเขาจะดูไม่ค่อยเข้าใจนักแต่เขาก็ยิ้มตลอดเวลา

"ผมถือว่าผมพูดแล้วนะ และเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก" ผมบอกก่อนพร้อมกับกระชับมือจับมือพี่ธานไว้แน่นเพื่อเป็นการบอกว่าผมพูดจริงจังและจะไม่เปลี่ยนใจ  พี่ธานมองกลับมาด้วยสายตาที่อ่อนโยน  และดูจะเข้าใจเป็นอย่างดี 

"ขอบคุณครับ" พี่ธานพูดเท่านั้น  เราปล่อยมือออกจากกัน

"โอเค งั้นเจอกันที่สนาม" ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้น  สมุทรลุกตาม  พี่ธานรวบรวมเอกสารไปถือไว้  ผมเดินนำออกมาก่อน
 
"เจอกันครับพี่ธาน" สมุทรบอก

"โชคดีแล้วกันนะ..เพราะหลังจากนี้ คนที่น่าจะโดนกวนประสาทไม่น่าจะเป็นพี่" พี่ธานพูดตอบ  ผมที่เดินออกมาได้ยินเสียงคนทางด้านหลังถึงกับฉีกยิ้มกว้างอย่างหุบไม่อยู่  สมุทรเดินตามหลังผมออกมาที่หน้าบ้าน  ไอ้เข้มสะกิดไอ้เด่นที่กำลังเล่นสนุกเกอร์อยู่ที่โรงฝึก  พอมันเห็นว่าผมมายืนรออยู่หน้าประตูบ้านแล้วไอ้เด่นก็รีบวิ่งผ่านหน้าผมไปเอารถยนต์อย่างรวดเร็ว 

ผมสั่งให้ไอ้เด่นขับรถตรงไปที่ Bangkok Land ก่อนเป็นอันดับแรก  โดยไม่ได้บอกสมุทรว่าไปไหน  อีกฝ่ายเองก็ไม่ถามด้วย  ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ถามเพราะถ้าเป็นคนอื่นคงถามให้หายคาใจไปแล้ว  ปกติผมเองก็ไม่ชอบให้ถามเซ้าซี้นักหรอก  แต่ก็ไม่รู้ทำไมกลับรู้สึกอึดอัดอยากให้เขาถามขึ้นมา

"นายครับ ผมจะขอไปซื้อซีดีข้างล่างแป๊บนึงได้ไหมครับ" ไอ้เด่นเอ่ยขอ  ตอนนี้ผมอยู่ที่ชั้นสองของตัวศูนย์การค้า  ซึ่งมีทั้งหมดห้าชั้น  ไม่รวมชั้นใต้ดินและชั้นออฟฟิตที่อยู่ชั้นบนสุด 

"อืม..มึงอยากไปเดินไหนก็ไป เดี๋ยวถ้ากูจะกลับแล้วเดี๋ยวโทรตาม" ผมบอกและคิดว่าคนสนิทอย่างไอ้เด่นคงจะตีความได้ว่าผมไม่ต้องการให้มันมาอยู่ด้วยจนกว่าผมจะโทรตาม

"ขอบคุณครับ" ไอ้เด่นยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งจ้ำอ้าวไปทันที  ผมเริ่มเดินอยู่ที่ชั้นสองไปอย่างช้า ๆ มองนู่นมองนี่สำรวจความเรียบร้อยในห้างไปอย่างเนิบ ๆ สมุทรเดินตามขนาบข้างโดยทิ้งระยะเล็กน้อย  เขามองตามผมเช่นกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ  จนหมดชั้นสอง  ผมลงบันไดเลื่อนไปที่ชั้นหนึ่ง  สมุทรก็ลงบันไดเลื่อนตามหลังมา  เขาเลือกยืนอยู่ที่ด้านหลังของผมโดยไม่มายืนข้าง ๆ ที่อาจทำให้ปิดทางเดินของคนอื่น  ไม่รู้ทำไมการกระทำเพียงเท่านี้กลับทำให้ผมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้  ผมเริ่มเดินตั้งแต่ร้านแรกที่ติดกับบันไดเลื่อน  ถ้าเริ่มเดินจากตรงนี้จะไปสิ้นสุดทางเดินเป็นรูปวงกลมและลงบันไดเลื่อนไปใช้ใต้ดินได้พอดี
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 12 [ 16:10 น. - 13 ธ.ค 58 หน้า 13 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-12-2015 11:58:08
"ที่นี่..ของคุณเหรอ" สมุทรถามขึ้น  ผมหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย

"เปล่า" ผมตอบ

"ของพ่อฉันน่ะ" ผมขยายความกวน ๆ
 
"แต่ตอนนี้เป็นของฉัน" ผมพูด  สมุทรนิ่งไป  ที่จริงแล้วพ่อเขียนพินัยกรรมไว้ว่าให้ผมดูแลไปก่อนจนกว่าพายุจะเรียนจบ  ดังนั้น..มันคือของพายุ  ไม่ใช่ของผมและผมเองก็บอกให้พายุทราบไว้ก่อนแล้วด้วย

"ดูหนังไหม" ผมถาม  แม่ง..ความคิดยังไม่ทันคำพูดเลยคิดดู

"ถ้าที่นี่เป็นของคุณ งั้นตอนนี้เรากำลังทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอครับ" สมุทรย้อนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง  อ่านอารมณ์ไม่ออก

"ชิ" ผมเบะปากเซ็ง ๆ หันหน้ามองไปทางอื่น  หลังจากสำรวจชั้นที่หนึ่งเสร็จและไม่พบความผิดปกติอะไรนอกจากบันไดเลื่อนของชั้นหนึ่งที่ดูจะใช้งานมาหนักและควรจะได้รับการเปลี่ยนใหม่สักที  ผมไปเริ่มที่ชั้นใต้ดินที่เป็นส่วนของโซนอาหารทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารแบรนด์ดังที่มาเช่าพื้นที่ตั้งร้านค้า  หรือไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เปิดให้พ่อค้าแม่ค้ามาทำมาค้าขาย  ผมสนิทกับพ่อค้าแม่ขายที่นี่ดีเพราะร่วมงานกันมานาน  ดูสมุทรเองจะตื่นเต้นไม่น้อย  นอกจากร้านอาหารดัง ๆ ที่มีในห้างทั่วไปได้นำมาเปิดที่นี่แล้ว  โซนฟู้ดคอร์ทผมได้เลือกให้ร้านที่มาประมูลเปิดจะต้องมีอาหารที่ไม่ซ้ำกันและขายในราคาที่พนักงานของผมจะมาอุดหนุนกันได้  ส่วนร้านที่มาเปิดในส่วนของซุ้มอาหารและไม่จำเป็นต้องแลกคูปองนั้น  สามารถเลือกซื้อและนำกลับบ้านได้ด้วย  อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยบ้าง  ญี่ปุ่นบ้าง ฯลฯ

หลังจากเสร็จจากโซนอาหารและแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต  ผมก็ได้อาหารติดมือมาด้วยหลายอย่าง  แน่นอนว่าทุกอย่างได้มาฟรี  สมุทรนำไปช่วยถือก่อนขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ชั้นห้า  ซึ่งเป็นชั้นสำนักงานของพนักงาน  สมุทรยังคงตามตูดผมแบบไม่คิดจะถามอะไรตามเคย  ผมว่ามันก็ต้องมีเรื่องให้สงสัยกันบ้างละครับ  แต่การที่ไม่ถามเลยนี่ไม่น่าจะใช่คนปกติน่ะนะ   

"นี่เอกสารที่ต้องเซ็นทั้งหมดค่ะ" นฤมล..ผู้จัดการใหญ่  หรือที่ผมเรียกสั้น ๆ ว่า "พี่มล" ทำงานอยู่กับครอบครัวผมมานานแล้ว  พี่มลหันไปมองสมุทรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะทำงานของผม

"นี่สมุทรครับ นี่พี่มล..ผู้จัดการที่นี่" ผมแนะนำไม่ได้มองทั้งคู่เพราะกำลังมองเอกสารอยู่  ผมอ่านกวาดตาอย่างคร่าว ๆ ส่วนใหญ่เป็นเอกสารออกเงินเดือนบ้าง  เซ็นยินยอมค่าใช้จ่ายในส่วนที่ต้องปรับปรุงห้างบ้าง  และเอกสารการต่อสัญญาเช่าของบางร้านก็ด้วย 

"สวัสดีครับ" สมุทรทัก

"สวัสดีค่ะ" พี่มลตอบเสียงหวาน

"พี่มลมีลูก มีสามีแล้วนะ" ผมพูดขึ้นพร้อมกับปิดแฟ้มเลื่อนไปตรงหน้าของพี่มลเมื่อเซ็นเอกสารส่วนหนึ่งเสร็จ  ผมหยิบฉบับอื่นมาเปิดอ่านต่อ

"เหรอครับ..ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบ" สมุทรตอบกลับ  คำพูดที่ฟังดูประชดประชันแต่กลับย้อนด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟังนั่นมันน่าโมโหจนผมต้องเงยหน้าหันไปมองหน้าเขา

"หึหึหึ" พี่มลหัวเราะ  ท่าจะชอบใจน่าดู  สมุทรเหลือบสายตาจากผมไปมองพี่มลยิ้ม ๆ

"พี่มล..พี่ช่วยตามช่างไปดูบันไดเลื่อนที่ชั้นหนึ่งด้วยนะ" ผมสั่ง

"ทำไมเหรอคะ" พี่มลถาม

"ที่จริง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ให้ช่างดูทุกชั้นไปเลยแล้วกัน..ถ้ามันควรเปลี่ยนหรือปรับปรุงยังไง จะได้ทำทีเดียว ผมว่ามันเก่าแล้ว" ผมบอก

"ได้ค่ะ" พี่มลพยักหน้าบอก

"แล้วก็ชั้นใต้ดิน ตรงที่ทิ้งขยะของพวกร้านอาหาร..วันนี้ผมไม่เห็นพนักงานทำความสะอาดอยู่เลยสักคน" ผมมองหน้าเธอ  พี่มลหุบยิ้มลงทีละนิด

"พนักงานทำความสะอาดลาออกไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เองค่ะ ลาออกทีเดียวพร้อมกันเลย..ตอนนี้กำลังรอคนใหม่มาอยู่ค่ะ" เธอบอก

"มีปัญหาอะไร" ผมถาม  มองหน้าเธอไม่วางตา

"เปล่าหรอกค่ะ..เห็นว่าไม่ค่อยสะดวกเรื่องการเดินทาง" พี่มลตอบ  ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ

"เอาเป็นว่าผมฝากพี่ด้วยแล้วกัน ผมอยากให้โซนอาหารสะอาดที่สุด" ผมบอกเพราะคงติดนิสัยบ้า ๆ แบบนี้มาจากพายุ  จะรวยจะจน..ผมคิดว่าทุกคนก็อยากนั่งกินอาหารในที่ ๆ สะอาด ๆ น่ามองทั้งนั้น  ผมคิดว่าบรรยากาศไม่ดีมันก็พาให้อาหารอร่อย ๆ ไม่น่ากินได้ด้วยเหมือนกัน  อีกอย่างศูนย์การค้าของผมเด่นเรื่องร้านอาหารที่ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าระดับกลางเป็นอย่างมาก  ได้รับรางวัลมาสองปีแล้ว  และก็หวังว่าปีนี้ก็จะได้รับอีกปีด้วย 

"เอ่อ มีเรื่องนึงค่ะคุณไฟ..โบเค้าจะขอคุณไฟลาคลอดน่ะค่ะ" พี่มลบอก  โบคือเลขาของพี่มล

"อ่าว จะคลอดแล้วเหรอ" ผมตกใจ  ลูกนี่มันจะเข้าจะออกเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ  เหมือนผมเพิ่งเห็นเธอตั้งท้องไม่นานมานี้นี่เอง

"ค่ะ" พี่มลยิ้ม ๆ ที่เห็นผมดูตกใจ

"นี่มันเพิ่งสามสี่เดือนเองไม่ใช่เหรอ" ผมขมวดคิ้วนึกบ่นอย่างไม่เข้าใจ

"จะเก้าเดือนแล้วค่ะคุณไฟ..นี่ลูกคนนะคะ ไม่ใช่ลูกหมา" พี่มลพูดติดตลกจนผมกับสมุทรหัวเราะ

"ได้สิได้..ระหว่างนี้พี่จะหาคนในแผนกมารับงานแทนโบได้ไหม หรือว่าพี่อยากได้คนใหม่" ผมถามความสมัครใจจากเธอ

"พี่ขอให้เนตรมาช่วยน่ะค่ะ เอาคนใหม่มันก็จะยุ่งยาก..โบเองก็เครียด กลัวตกงานน่ะค่ะ" พี่มลพูดติดตลกทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าตามกฎหมายมันไล่ออกไม่ได้อยู่แล้ว  ผมเองก็ขำด้วย 

"ถ้าพี่บอกว่าเนตรทำได้ก็เอาตามนั้น..ส่วนเงินเดือน เดี๋ยวผมเพิ่มให้พิเศษ ระหว่างนี้ก็ให้เธอทำแทนโบไปก่อน โบกลับมา ทุกอย่างก็เหมือนเดิม" ผมบอก

"โอเคค่ะ" พี่มลยิ้มรับ  ผมก้มหน้าอ่านเอกสารอีกครั้งก่อนเซ็นทุกฉบับ  ในห้องเงียบกริบเหมือนต้องการให้ผมมีสมาธิกับงานตรงหน้ามากที่สุด

"เรียบร้อยครับ มีอะไรอีกไหม" ผมปิดเอกสารลงพร้อมจัดเรียงให้เข้าที่

"ไม่มีแล้วค่ะ" พี่มลหยิบเอกสารเข้าไปกอด 

"เดี๋ยวผมช่วยครับ" สมุทรรีบเข้าไปหยิบเอกสารส่วนที่เหลือที่พี่โบนำไปไม่หมดไปถือไว้

"ขอบคุณค่ะ" พี่มลผงกหัวยิ้ม ๆ

"เอาไหมล่ะ เลขาน่ะ" ผมลุกขึ้นยืนแล้วเหลือบตาไปมองสมุทร  พี่มลที่ทำงานกับผมมานานคงรู้ดีว่าผมหยอกเรื่องอะไรอยู่ 

"ก็ดีนะคะ แต่คงเป็นแบบระยะยาวเลย..แล้วก็คงต้องไล่โบออกให้พี่ด้วยนะ" พี่มลย้อนเจ้าเล่ห์เช่นกัน  ผมเบะปากพยักหน้ากวนในความหมายของเธอ

"ช่วงนี้พายุเก็บตัวแข่ง ถ้ามันเสร็จจากแข่งแล้ว..คงได้มาเข้า ๆ ออก ๆ ที่นี่เหมือนเดิม" ผมบอก  พี่มลตั้งใจฟังอย่างดี  คนที่ช่วยสอนงานต่าง ๆ ให้กับพายุก็คือพี่มลนี่ละครับ

"หยิบอาหารพวกนั้นไปด้วย" ผมพยักหน้าไปทางอาหารที่วางอยู่ตรงโต๊ะกลางโซฟา  สมุทรเดินไปหยิบมาตามที่สั่ง  ผมเดินนำออกมาก่อนโดยที่ไม่เปิดประตูรอให้ใครเพราะหมันไส้คนในห้อง  สมุทรเดินมาเปิดประตูอ้ากว้างและยืนรออยู่อย่างนั้นเพื่อให้พี่มลได้เดินออกมาได้อย่างสบาย ๆ

"เอาอาหารวางไว้นี่" ผมชี้มือไปที่โต๊ะ  ห้องฝั่งนี้เป็นออฟฟิศของพนักงานทั้งหมด  ส่วนห้องทำงานที่แยกส่วนตัวมีเพียงห้องของผมกับห้องของพี่มลเท่านั้น

"กินได้เลยนะครับ พวกลุงป้าข้างล่างเค้าฝากมาให้" ผมบอกพี่มล 

"ขอบคุณค่ะ" พี่มลพนักหน้ายิ้มรับ  สมุทรนำเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะตามที่พี่มลบอก  พนักงานทุกคนหันมามองสมุทรอย่างสนอกสนใจคงเพราะแปลกหน้า  สมุทรยกมือไหว้ลาพี่มล  พี่มลยกมือไหว้ลาผม  ผมเองก็ไหว้รับก่อนจะหันไปบอกลาพนักงานแล้วเดินนำกลับมาที่ลิฟต์ 

ผมเดินกลับไปที่ชั้นสองอีกครั้ง  ที่นั่นส่วนใหญ่จะมีพวกสถาบันการศึกษา  สถาบันเสริมความงาม  ร้านเสื้อผ้าทั้งแบบติดแบรนด์และร้านเสื้อผ้าแฟชั่นทั่ว ๆ ไป  ชั้นนี้มีร้านกาแฟแบรนด์ดังอยู่สี่ร้านเท่านั้น  ผมเลือกที่จะไปนั่งที่ Crepes Cafe เพราะเป็นร้านประจำที่ผมเอาไว้นั่งฆ่าเวลา  อีกอย่างตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องไปสนามแข่งรถ  เหตุผลเพิ่มเติมคือ..ยังไม่ต้องการไปไหนก็ด้วย

ผมเลือกไปนั่งที่ ๆ นั่งติดกระจก  สามารถมองออกไปที่ถนนใหญ่ด้านนอกได้  เป็นโต๊ะแบบรองรับสองที่นั่งหรือประมาณสามที่นั่งเท่านั้น  แต่สำหรับผู้ชายรูปร่างเกินมาตรฐานชายไทยอย่างเราสองคน  เพียงนั่งกันสองคนก็เต็มที่แล้ว 

"ฉันเอาเอสเปรสโซ" ผมหยิบแบงก์พันออกมาวางไว้บนโต๊ะ

"เอ่อ..แล้วก็" ผมนึกก่อนหยิบเมนูที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาเปิดดู

"ฮันนี่โทสต์ เพิ่มเนย..เยอะ ๆ" ผมบอก  ถ้าสมุทรสั่งแบบนี้เดี๋ยวพนักงานก็รู้เองว่าเป็นผม  สมุทรจ้องหน้าผม  ไม่รู้จ้องทำไม

"ส่วนนายจะเอาอะไรก็ตามสบาย" ผมอนุญาต 

"ครับ" สมุทรรับคำก่อนหยิบแบงก์พันแล้วลุกจากโต๊ะไปสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์  ครู่หนึ่งเขาเดินกลับมาพร้อมกับบิลและเงินทอน  ผมหยิบมาเก็บใส่กระเป๋า  วางโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ลงบนโต๊ะ  สมุทรเองก็ทำเช่นกัน  ผมแอบเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของเขา  ยี่ห้อดังรุ่นอะไรสักอย่าง  เคสสีดำสนิทเหมือนต้องการปกปิดทุกอย่างในนั้นเอาไว้  เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไปคนละทิศ  ลูกค้าในร้านไม่เยอะเท่าไหร่นัก  ไม่มีใครเสียงดังรบกวนใคร  มีเพียงเสียงเพลงที่ร้านเปิด  ผมมาที่นี่กี่ครั้งร้านจะค่อนข้างเงียบแบบนี้เสมอ 

"ขอบคุณครับ" ผมบอกพนักงานเสิร์ฟที่นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ทั้งของผมและสมุทรพร้อมกัน

"วันนี้มาออฟฟิศเหรอคะคุณไฟ" พนักงานยิ้มทัก  ส่วนใหญ่พวกเธอจะรู้จักผมกันเป็นอย่างดี  อย่างน้องคนนี้ก็ทำงานที่นี่ประจำมาประมาณเกือบสองปีแล้ว  และผมก็ไม่เคยถามชื่อเธอหรอก

"ครับ ขายดีไหม" ผมถามสารทุกข์สุขดิบ

"เรื่อย ๆ ค่ะ จะเยอะช่วงเย็น ๆ เชิญตามสบายเลยนะคะ" เธอผงกหัวยิ้มบอกแล้วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์  ผมมองไปที่แก้วกาแฟของสมุทร  เขาสั่งลาเต้แน่ ๆ ผมจำกาแฟทุกแก้วของที่ร้านนี้ได้หมดนั่นแหละ 

".........." เราต่างเงียบ  นำมือเลื่อนหยิบแก้วกาแฟให้ไปวางเสมอตรงหน้า  ผมยกกาแฟขึ้นจิบ  สมุทรแตะนิ้วลงข้าง ๆ แก้วเบา ๆ ตาของเขาจ้องมองไปที่แก้วใบนั้นและนิ่งค้างไว้ไม่พูดอะไร  ความเงียบระหว่างเรายังคงรักษาไว้จนฮันนี่โทสต์ของผมได้ถูกนำมาเสิร์ฟ  สมุทรเหลือบตาขึ้นมองมาที่ฮันนี่โทสต์และหน้าผม  มองแบบนี้สลับไปมาแต่ก็ไม่ได้ทำสุดโต่งจนเสียมารยาทนัก  ซึ่งผมคิดว่าเขาคงกำลังไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง

"อะไร" ผมถามเสียงห้วน  มือที่กำลังจะราดน้ำผึ้งค้างเติ่งไว้ด้วยความสงสัย

"เปล่า" สมุทรตอบ  ผมหันกลับมาสนใจฮันนี่โทสต์ของผมต่อ  พร้อมกับเทราดน้ำผึ้งลงไปอย่างตั้งอกตั้งใจ  น้ำผึ้งจะต้องราดลงไปบนส่วนที่ผมชอบที่สุดเท่านั้น  ตรงที่ขนมปังกรอบที่สุด  เนยเยอะที่สุด  เมื่อราดน้ำผึ้งไปได้ส่วนหนึ่งเรียบร้อยแล้ว  ผมจะทิ้งค้างไว้แบบนี้เพราะไม่ชอบราดไปจนขนมปังชุ่มด้วยน้ำผึ้งนัก  ผมเลื่อนจานมาไว้กลางโต๊ะและเริ่มจับมีดกับส้อมเพื่อลงมือตักกิน 

"ไม่กินเหรอ" ผมถามไม่มองหน้าอีกฝ่ายเพราะกำลังตั้งใจดูวิปปิ้งครีมที่เริ่มละลาย  มันทำท่าจะเทลงบนจานเพราะคงรับน้ำหนักของน้ำผึ้งไว้ไม่ไหว

"อ้า..จิ!" ผมจิปากอย่างหงุดหงิด  สุดท้ายวิปปิ้งครีมก็ล้มลงบนจานไม่เป็นท่า  ผมกลอกตาขึ้นมองสมุทรอีกครั้ง  เขายกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม  สายตามองมาที่ผมเล็กน้อย  พอสมุทรวางแก้วกาแฟลง  อีกฝ่ายก็เลื่อนมือไปหยิบน้ำตาลทรายที่วางอยู่มาเทใส่แก้วตัวเองเพิ่ม  ผมเบะปากขมวดคิ้วมอง

"นั่นหวานแล้วนะ" ผมเบะปากอย่างรับไม่ได้  ผมคิดว่าลาเต้ร้านนี้รสชาติมันโอเคแล้ว  อีกอย่างผมไม่ชอบดื่มกาแฟหวาน ๆ เลี่ยนจะตายชัก

"น้ำผึ้งนั่นไม่หวานเหรอครับ" สมุทรย้อนหน้านิ่ง  ผมว่าบางทีเขากวนตีนนะ  ที่จริงผมคิดว่าเขาหน้าตายได้กวนตีนมากทีเดียว  สงสัยเจ้าตัวคงไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองก็กวนตีนอะนะ

".........." ผมเงียบปาก  มองคนตรงหน้าอย่างหมันไส้ที่ถูกกวน  เราต่างคนต่างกินอาหารของตัวเองไปอย่างไร้บทสนทนา  ครู่หนึ่งผมนึกสนุก  จึงตัดขนมปังให้พอดีคำแล้วตั้งแขนยื่นส้อมไปทางสมุทร  อีกฝ่ายที่กำลังมองออกไปนอกกระจกหันมาเห็นพอดี  เขามองผมนิ่งเหมือนไม่เข้าใจว่าที่ผมทำอยู่นั้นมันคืออะไร 

ผมกระตุกส้อม  พยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกอีกฝ่ายว่าให้เขากินคำที่อยู่ในส้อมนี้เสีย  สมุทรตั้งตัวตรงและเอื้อมมือมาจะรับส้อมไปจากผมอย่างไม่ปฏิเสธ  ผมอมยิ้มในใจที่เขายอมง่ายดี  เห็นอย่างนั้นจึงชักส้อมกลับมาทันที  สมุทรเอียงคอเล็กน้อยและมองปรามที่ผมไปกวนเขาแบบนั้น  ผมเลิกคิ้วและทำท่าเดียวกันกับเขาด้วยเลียนแบบกลับไปด้วย 

พนักงานเริ่มหันมามองอย่างสนใจแต่ใครจะแคร์กันครับ  ผมมองสมุทรไม่วางตาและตั้งใจยื่นส้อมไปใกล้เขาอีกครั้งหนึ่ง  สมุทรนั่งนิ่ง  เหลือบมองส้อมกับหน้าผมสลับไปมาเหมือนอีกฝ่ายกำลังพยายามตีความหมายของการกระทำของผมในตอนนี้อยู่  ผมค้างมือไว้อยู่อย่างนั้นจนสมุทรหันไปมองที่โต๊ะข้าง ๆ  สายตาซื่อ ๆ ที่มองไปรอบ ๆ ของเขานั้น  ไม่ใช่สายตาเขินอายหรือมองเพราะความประหม่าใด ๆ การกระทำเหมือนคนที่ไม่คิดจะขัดผมในตอนนี้ก็เท่านั้น  ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ  เพียงครู่หนึ่ง  สมุทรก็ยื่นหน้ามาใกล้  ด้วยความเงียบจนทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น  อีกฝ่ายอ้าปากกินขนมปังจากส้อมของผมเข้าไปง่าย ๆ ผมมองตามปากของเขา  ค้างมือที่ถือส้อมไว้อย่างนั้นก่อนหลุดอมยิ้มออกมาทีละนิด

"หึ" ผมหัวเราะเบา ๆ อย่างเหลือเชื่อแล้ววางส้อมลงบนจาน  สมุทรมีบางส่วนที่ซื่อบื้อเหมือนพายุจนน่าใจหาย  ปฏิกิริยาทุกอย่างดูตรงกันข้ามกับบุคคลทั่วไปที่ควรจะเป็นไปซะหมด  ผมหัวเราะเสียงดังขึ้นกว่าเดิมอย่างสะใจตัวเอง  สมุทรจ้องผมและนั่งนิ่งไปแล้ว

"อะไร" ผมถาม

"หัวเราะอะไร" สมุทรถาม  สีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับสงสัยตามที่ปากถามจริง ๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น  ผมยักไหล่แทนคำตอบ

"คุณยิ้มก็เป็นนี่" สมุทรพูดขึ้น  ผมชะงัก  เราสบตากันก่อนที่ผมจะรู้สึกได้ว่าตัวเองหุบยิ้มลงทีละนิด  รู้สึกว่าตัวเองหน้าตึงเพราะเมื่อกี้คงยิ้มกว้างมากตามที่เขาบอกจริง ๆ นั่นแหละ

"แล้วไง" ผมย้อนถาม

"..ก็คุณไม่ค่อยยิ้ม"

"ฉันยิ้มออกบ่อย" ผมบอกถึงความจริง

"หึ..เหรอ คุณมักจะยิ้มเฉพาะตอนที่มีเรื่องสะใจ งี่เง่าไม่เข้าท่าอะไรแบบนั้นมากกว่า" สมุทรว่า

"ช่างสังเกตจังนะ" ผมแสยะยิ้ม

"ถ้านายอยู่กับฉันนานกว่านี่..ก็คงจะรู้ว่าที่จริงฉันเป็นคนจิตใจดี และยิ้มบ่อยมาก" ผมพูดไปพร้อมกับลงมือตัดขนมปังอีกครั้ง

"ยิ้มในใจน่ะนะ" ผมช้อนตาขึ้นมองสมุทรครู่หนึ่ง  อีกฝ่ายจ้องมองผมตลอดเวลาที่ผมพูดอยู่ 

"คนที่ใช้ใจมองเท่านั้นแหละที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันยิ้ม" ผมกวนไปงั้น  สมุทรเงียบไม่พูดอะไรเลย  ผมตักขนมปังที่จิ้มวิปปิ้งครีมเข้าปากทีละอัน  เคี้ยวไปยักคิ้วให้สมุทรไปด้วย  เขาส่ายหัวเล็กน้อยคล้ายเหนื่อยใจ  ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์มอง  ขณะเดียวกันก็ตั้งใจกินฮันนี่โทสต์ไปด้วยจนหมด  เสร็จแล้วจึงหยิบน้ำเปล่ามาดื่ม  เช็ดปากและดื่มน้ำเปล่าตบท้ายไปอีกครั้งเหมือนเคย  กาแฟยังคงเหลืออีกครึ่งแก้ว  ส่วนสมุทรดื่มใกล้หมดเต็มทีแล้ว 

"นายชอบกินอะไร" ผมถามเพราะเราเงียบมาร่วมสิบห้านาทีได้แล้วละมั้ง

"เรื่องแค่นี้คุณต้องถามผมด้วยเหรอครับ ให้คนสืบเอาก็น่าจะรู้แล้ว" สมุทรตอบแกมประชด  สายตาที่มองออกไปที่นอกกระจกยังคงเรียบ ๆ อยู่อย่างนั้นและค่อนข้างดูว่างเปล่า

"หึ..หึหึหึ" ผมหัวเราะในลำคอ  ชอบใจที่ได้ยินอีกฝ่ายประชด  สมุทรถึงกับหันหน้ากลับมามอง

"ฮะ ๆ ๆ ..หึ วู้~" ผมทำท่าหัวเราะอย่างกวนตีนเพื่อแกล้งเขา  สมุทรจ้องผมเขม็ง  ผมยักไหล่เบะปากให้

"ถ้าให้ฉันเดาความคิดนายตอนนี้ นายคงกำลังคิดว่า..มีใครเคยบอกคุณไหมครับ ว่าคุณหัวเราะกวนส้นตีนมากเลยน่ะ" ผมหุบยิ้มพูด  สมุทรอมยิ้มออกมาทีละนิดเหมือนยอมรับในคำพูดของผม

"ไง ..ชอบกินอะไร" ผมเลิกคิ้ว  ยิงถามคำถามเดิมอีกครั้ง 

"หมายถึงอะไรล่ะ ของหวาน..อาหาร" สมุทรย้อนอย่างไม่มีพิษภัย

"ทุกอย่าง" ผมตอบ  หยิบแก้วกาแฟมาจิบอย่างไม่ต้องการให้มันหมดง่าย ๆ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

"ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู" สมุทรตอบ 

"แล้วของหวานละ" ผมถามอีก

"ฝอยทองมั้งครับ" สมุทรตอบทันที  เรามองหน้ากันด้วยบรรยากาศสบาย ๆ มากขึ้น

"ปกติ..ชอบเที่ยวรึเปล่า" ผมยิงคำถามไม่เลิก  ไม่รู้ทำไมถึงได้สอดรู้สอดเห็นไปหมด 

"ชอบมั้ง" สมุทรตอบส่ง ๆ เหมือนไม่ใช่คำถามที่อยากตอบเท่าไหร่

"อาบอบนวดน่ะเหรอ" ผมอดกวนไม่ได้  สมุทรนิ่งลงอีกครั้ง  สายตามองปรามมาที่ผม

"โอเค..โทษที หึ..ตกลงชอบเที่ยวที่ไหน" ผมกลั้นหัวเราะ  ยกมือขึ้นสองมืออย่างขอโทษ

"ขึ้นดอย ไปวัดบนดอยช่วงหน้าหนาว" สมุทรเหสายตาต่ำลง  เราเงียบไปหนึ่งอึดใจ

"คนเดียว" ผมถามอีก  สมุทรเหลือบมอง

"จุดประสงค์ที่สำคัญในการเที่ยวของผม ก็คือการได้ไปคนเดียวนะครับ" สมุทรยิ้มตอบด้วยสีหน้าปนเศร้าอย่างไรบอกไม่ถูก 

"แต่..ไม่ได้เที่ยว ตั้งแต่ที่..แม่ผมป่วยน่ะ" สมุทรพูด  เขาฉีกยิ้มให้ผมเหมือนกำลังพยายามบอกผมว่า "สบายใจได้ ประโยคนี้ผมสบายใจและโอเคที่จะเล่า" อะไรทำนองนั้น  ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้แสดงอาการดูเป็นห่วงเขาเลยด้วยซ้ำ

"แล้ว..เอ่อ ชอบ ดูหนังไหม" ผมเปลี่ยนเรื่องถามพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อยเพื่อให้เป็นธรรมชาติ

"ไม่รู้สิ เอ่อ..ไม่ชอบมั้ง"

"สีที่ชอบล่ะ" ผมซักไม่หยุด

"เขียว" เขาตอบอย่างไม่ลังเล

"ผู้หญิงคนเมื่อวันก่อนน่ะ แฟนเหรอ" ผมถามออกไปตรง ๆ สมุทรชะงักทันที  อีกฝ่ายเงียบลงไปจนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจผิดจังหวะเล็กน้อย

"แฟนเก่าน่ะครับ" สมุทรตอบ

"งั้นเหรอ"

"แล้วคุณล่ะ.." สมุทรถามกลับ

"ฉันยังไม่มีแฟน" ผมตอบทันที  แม่งเอ๊ย..ทำไมกูพูดสวนไปเร็วขนาดนี้ละวะนี่  รอจังหวะหน่อยสิเฮ้ย!

"เปล่า.. ผมหมายถึง สีที่ชอบน่ะ" สมุทรย้อนบอกยิ้ม ๆ ผมจ้องหน้าเขานิ่งอย่างเหลือเชื่อที่ดันมาเสียเชิงกับเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้  อีกฝ่ายอมยิ้มกริ่ม  ดูท่าจะชอบใจที่เล่นผมได้  ผมกลอกตา  แสยะยิ้มพลางดันลิ้นเข้ากระพุ้งแก้มอย่างอดทำหน้าไม่ถูกไม่ได้

"..น้ำตาล" ผมตอบเสียงเรียบเพื่อรักษาทุกอย่างให้สงบไว้ในกำมือ  แน่นอนว่าผมคงไม่มาเสียหลักเพราะคำพูดเหมือนต้อนหมูต้อนหมาง่าย ๆ อย่างนี้หรอก

"สีน้ำตาล" ผมพูดย้ำอีกครั้ง  พลางถอนหายใจและจ้องมองสมุทรไม่วางตา

"จำไว้ด้วยล่ะ หนึ่ง..ฉันยังไม่มีคนรัก สอง.. ฉันชอบสีน้ำตาล" ผมย้ำบอกยิ้ม ๆ อย่างตรงไปตรงมา  สมุทรนั่งเงียบไป  เราต่างจ้องหน้ากันนิ่งคล้ายกับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครกำลังไปสะกิดต่อมใครกันแน่  ผมว่าผมคงไม่รักษาท่าทีเท่ากับเขาหรอกครับ  ผมหยิบกาแฟขึ้นดื่มจนหมดแก้วด้วยความเสียดาย  แก้วไม่ใช่บาทสองบาท  สมุทรเองก็ทำเช่นกัน  เราเดินออกมาจากร้านพร้อมกับสายตาและรอยยิ้มที่ผิดปกติจากพนักงานในร้าน  ผมอมยิ้มน้อย ๆ ให้ทุกคนแทนคำบอกลา  ส่วนสมุทรยังคงยิ้มกว้าง  ผงกหัวด้วยทีท่าสุภาพกับทุกคนอย่างเคย..



..............ไฟ..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-12-2015 13:29:29
สมุทรน่ารักอ่ะ ไฟต้องหลงสมุทรจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ
>/////<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 20-12-2015 14:35:35
บรรยากาศเหมือนคนซึนสองคนมาเดทกัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-12-2015 14:37:59
ทำไมอ่านตอนนี้แล้วเขินมากกกก
ยิ้มแก้มปลิเขินพี่ไฟ 555 มโนตัวเองเป็นสมุทรซะงั้น
ชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน สมุทรกำลังจะมาอยู่ในใจพี่ไฟแบบเต็มๆในไม่ช้า...ทำไมถึงรู้สึกว่าสองคนนี้มีเสน่ห์ต่อกันเคมีเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ
หลงรักพี่ไฟเข้าแล้าเรา:)
ขอบคุณเบบี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 20-12-2015 14:53:03
หึ หึ กวนตรีนพอๆกันทั้ง 2 คน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 20-12-2015 15:03:08
โอยยยยยยย
ไม่ขั้นใช่มั้ย โอยยยยย เขินเว้ย
ไม่ต้องอะไรแค่คุยกันก็ดูละมุ้งละมิ้ง ฮอลลลล
ทำไมดีย์ แอร๊ยยยยยยยยย
ชอบนะเว้ย แมนๆคุยกัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 20-12-2015 15:45:10
ทำไมมันดูมุ้งมิ้ง เหมือนเค้าจีบกันอยู่  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-12-2015 16:10:39
ก็ท่าสมุทร เพรียบพร้อมขนาดนี้



ทำไมคุณไฟไม่ใช้เล่ห์กล ให้สมุทรและครอบครัวเข้่มาอยู่ใน อาณาจักร ตัวเองเลยล่ะ



สมุทรระวังหลังหน่อยนะ  คุณไฟเขา เริ่ม รุกฆาตแล้ว



ชอบความเด็ดขาด และ แนวคิด ของคุณไฟจัง



เป็นผู้ชายที่ครบเครื่องจริงๆ



พี่ธาน  พี่มองออกใช่ใหม หึหึ (กระโดดแปะมือพี่ธามรอวันคุณไฟเพลี่ยงพล้ำให้สมุทร)



พายุ หนูต้องบอกให้พี่สมุทรมากินข้าวที่นี่นะ รอให้พี่ไฟสั่งกลัวสมุทรไม่ยอมมากิน คริๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 20-12-2015 17:04:17
คุณไฟหยอดน่ารักวุ้ยยยย
เอาอีกกกกกกกกกกกกกก หยอดอีกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 20-12-2015 18:48:49
ยาววววววววมว๊ากก สมกะที่ลอยคอ รอคอย
จะเม้นว่าไงดีว๊า เอาแบบที่รู้สึกสดๆ ตอนนี้เลยละกัน
rep.1 พี่ไฟอยู่กะน้องดินก็ทำตัวเป็นป๋าโหด ลูกล่อลูกชนมีทั้งขู่ทั้งปลอบ --------> ดูเหมือนจะเป็นคนอบอุ่นได้อยู่นะ ^^
rep.2 พอเข้าเรื่องงานกะลูกน้องก็เด็ดขาด เป็นคนเอางานเอาการขึ้นมาเชียว --------> ดูน่านับถือและไว้ใจฝากชีวิตด้วยได้
rep.3 พอกับสมุทรงี้ เด๋วก็มโนทะลึ่งกะเค้า เด๋วก็มีกุ๊งกิ๊ง มุ๊งมิ๊ง งุ๊งงิ๊ง ฟรุ๊งฟริ๊ง กวนกันนิด หยอดกันหน่อย อร๊ายยย อิชั้นชอบคร่ะ ------> สั้นๆ คำเดียว "ฟิน" ค่ะ
อ่านตอนนี้จบแล้วเริ่มเอนเอียงย้ายมาอยู่ทีมไฟซะดีไหม เอ๊ะ!แต่ยังก่อนดีกว่า รอดูความประพฤติอีกซักหน่อยดีก่า.. :z2:

 :mew1:
ขอบคุณเบบี้จ้า


ปล.เนื่องจากตอนนี้ยาวมากและก็ทำให้ฟินมากๆ ก่อนจบตอน จึงอนุญาตให้มาลงตอนต่อไปหลังปีใหม่ก็ได้จ้า ถ้าน้องบี้ไม่สงสารเค้านะ ((กระพริบตา วิ๊ง วิ๊ง วิ๊ง))
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 20-12-2015 19:52:09
ตอนนี้เหมือนจะมีอะไรหวานๆ เยอะนะ 5555

ทั้งขนม

ทั้งคน

 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 20-12-2015 20:08:11
ไฟเปิดเผยมาก......ชอบบบบบบ ไฟหลงสมุทร  :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 20-12-2015 20:11:32
ตอนนี้เรียกว่าจีบกันด้วยขนมได้เปล่า มันหวานหวาน อ่ะ ติดกวนกวนหน่อย :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 20-12-2015 20:14:10
โหย.. เชื่อมั้ยว่าในใจเราอ่ะยังอยากให้สมุทรเป็นรุกนะ ชอบให้ไฟเป็นรับ ฉันอยากได้เขาาาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-12-2015 20:17:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 20-12-2015 21:15:11
ชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน :o8:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 20-12-2015 22:05:39
บรรยากาศโอบล้อมไปด้วยสีชมพูฟรุ้งฟริ้ง เต็มร้าน  :confuse: กาแฟสมุทรคงไม่ได้เติมน้ำตาล ถ้าเล่นยี่สิบคำถามกับคุณไฟกันก่อนหน้านี้  :laugh: อยากจะบอกว่าคุณไฟออกตัวแรงมากค่ะ พออยู่กับสมุทรแล้วดูเป็นคนใส ๆ ในเรี่องความรักขึ้นมาทันทีเลย มองเห็นถึงความเหน่ีอกว่าของว่าที่เลขามารำไร  :ruready


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: must ที่ 20-12-2015 22:45:58
อัพเดทสารบัญ

♨The Real Me ♨ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3238689#msg3238689)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 20-12-2015 23:18:16
งู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เวลาออกเดทกันสองคนน่ารักมากเลยยยยยย  :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 21-12-2015 01:13:32
เหมือนไฟจะจีบสมุทร :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 21-12-2015 10:54:03
บรรยากาศมันเหมือนมีหัวใจวิ้งๆวิ่งรอบๆตัวไฟกับสมุทรยังไงไม่รู้ :impress2:

ชอบเวลาไฟอยู่กับน่้องๆเหมือนจะดุนะแต่ก็แอบตามใจนิดๆส่วนเวลาอยู่กับพี่ธานเหมือน

พี่รู้ทันน้องไปทุกเรื่องน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 21-12-2015 11:51:03
ไฟกำลังรออะไรน้าาาาาา รอให้สมุทรยอมหรือเปล่า แหม่รีบตอบเลยนะว่าไม่มีแฟน จังหวะนี้รอมานาน~~~  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-12-2015 12:15:14
ชอบผู้ชายจีบกันแบบนี้

พี่ไฟลุยเลยจ้า....น้องเป็นกำลังใจให้

อ่านแล้วอ่านอีก หลงรักพี่ไฟ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 21-12-2015 15:45:07
ครั้งที่แล้ว KFC  มาครั้งนี้ฮันนี่โทส เพิ่มเนยเยอะๆ 
คุณไฟนี่สายแบ๊วจริงๆด้วย น่าร้ากกกน่ารัก 
บทจะโหดก็สุดตีน บทจะแบ๊วก็น่าเอ็นดู 
รักเลยนะสมุทร คนแปลกๆแบบนี้หายากรู้มั้ย
 :laugh: :laugh: :laugh:
 
 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 21-12-2015 22:34:36
หวานๆ สไตล์คุณไฟ หรือเปล่าเนี่ย

เหมือนมาเดทกัน 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 22-12-2015 02:52:14
ตอนแรกนึกว่าไฟสมุทร
แต่ทำไมตอนนี้ไฟเคะแตกจัง ดูตุ๊ดมาก
เพลียแปป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 22-12-2015 11:39:25
ไฟ...ขี้อ่อยยยย!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 22-12-2015 13:27:19
เรียกว่าเค้าจีบกันได้ไหมนะ
หรือแค่เรียกลองเชิงกันเฉย ๆ ดี :hao6:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 22-12-2015 18:00:06
เขาจีบกันนนนนนนน
เขิลลลลลลลล
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 22-12-2015 23:08:40
เค้าทำอะไรกัน
เค้าจีบกันอยู่ใช่มั้ยยยย
เราไม่ได้เข้าใจผิดใช่มั้ย 55555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 22-12-2015 23:23:56
มารอทุกวันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 23-12-2015 16:24:42
ตอนที่ 14
..ไฟ..




16:05 น. T-Racer International ..นนทบุรี

"พี่ธานอยู่นั่น!" ไอ้เด่นตื่นเต้น  ชี้มือไปที่สนามแข่งทำอย่างกับเพิ่งเคยเห็นพี่ธานขับรถครั้งแรกอย่างนั้น

ตอนนี้เราอยู่ในส่วนพื้นที่ของ Stadium  ทีแรก  ผมกะว่ามาถึงแล้วจะเข้าไปในออฟฟิศเลยแต่เห็นป้ายโฆษณาทางด้านนอกว่าวันนี้มีการทดลองรถจึงแวะมาดูก่อน  รถยนต์ยี่ห้อดังจากยุโรปได้มาเช่าพื้นที่สนามเพื่อทำการทดลองรถของเขา  ซึ่งคิดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นการใช้บริการสนามของเราในครั้งแรก  ที่สนามของเราเปิดกว้างทุกอย่างเกี่ยวกับรถและความเร็ว  ไม่ว่าจะเปิดให้เช่าสนามเพื่อทดลองรถ  ทดลองความเร็วของรถแข่ง  เป็นสนามแข่งของทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ทางเรียบ  จัดงานมอเตอร์โชว์ต่าง ๆ ก็ด้วย

"หึ" ผมยิ้มให้  พี่ธานหันมาเห็นผมพอดี  อีกฝ่ายจึงโบกมือทักทายผมพอเป็นพิธี  พริตตี้ที่ยืนอยู่ข้างสนามมองพี่ธานที่กำลังจะขึ้นไปทดลองรถกันเป็นตาเป็นมัน  พี่ใหญ่ก็ยังคงเป็นขวัญใจสาวแท้สาวเทียมอีกเหมือนเคย 

"อยากเป็นพี่ใหญ่จัง" ไอ้เด่นทำหน้าเพ้อถึงไอดอลของมัน

"ยาก" ผมแกล้งตอบไปลอย ๆ

"นายอ่ะ!" ไอ้เด่นขึ้นเสียงหน้างอ  สมุทรอมยิ้มมองเราทั้งคู่

"นายก็อยู่กับไอ้เด่นไว้แล้วกันนะ เผื่อหาฉันไม่เจอ" ผมหันไปบอกสมุทรเอาไว้ก่อนเพราะสนามกว้างมาก  เกิดมีเหตุอะไรขึ้นมาเดี๋ยวอีกฝ่ายจะทำตัวไม่ถูก  หาไม่เจอ  งงเป็นไก่ตาแตกไปกันใหญ่

"ครับ" สมุทรพยักหน้าตอบ  ผมเดินลัดลงไปที่สนาม  พนักงานประจำหันมายกมือไหว้ทักทาย  ผมเพียงพยักหน้าตอบทุกคนเท่านั้น 

"สวัสดีครับคุณไฟ" ผมหันไป  ผู้ชายมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาทักแต่ผมไม่ได้ทักตอบในทันทีเพราะไม่รู้จัก  อีกทั้งไม่คุ้นตา  เขายิ้มแย้มยกมือไหว้  ผมจึงรีบยกมือไหว้กลับเพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็ดูมีอายุมากกว่ามาก  ผมเหลือบมองป้ายที่หน้าอกของเขา  ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการรถยี่ห้อดังที่นำมาทดลองในสนามในวันนี้

"ผมวาณิตครับ ผู้จัดการบริษัท xxx" อีกฝ่ายยิ้มแนะนำตัวเองพร้อมกับผายมือมาให้

"สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ผมผงกหัวยิ้มตอบพร้อมกับจับมือตอบเขาเช่นกัน

"เป็นไงครับ ราบรื่นดีนะ" ผมถาม

"ครับ..สะดวกสบายเลย เพิ่งมาใช้บริการครั้งแรก สนามใหญ่มากเลยนะครับ" วาณิตยิ้มชม

"นี่รถรุ่นใหม่เหรอครับ" ผมถามถึง

"ครับ..นำเข้ามาทดลองขับก่อน กลางปีนี้จะโฆษณาจริงจังแล้วละครับ..อาจจะเข้าร่วมกับทีมแข่งรถด้วย" อีกฝ่ายพูดตอบและกุมมือไว้ด้วยท่าทีสุภาพ 

"จะลองหน่อยไหมล่ะครับ" เขาถามผม

"อ๋อ..ไม่เป็นไรครับ ไม่ดีกว่า" ผมตอบปัดแกมหัวเราะ  ไม่ใช่เพราะเกรงใจแต่ไม่มีอารมณ์มากกว่า

"ไฟ!" ผมหันไปตามเสียง  ไอ้โปรดวิ่งหน้าตั้งมา



บรื้น ~~  ....ผมและทุกคนหันไปมองตามเสียงการออกตัวรถที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว  คันนั้นเป็นคันของพี่ธาน  ไอ้โปรดชะงักมองตามและเริ่มทำหน้าเบ้

"โหย แย่งซีน" ไอ้โปรดพึมพำทำท่าหมันไส้  เวลาผ่านไปเท่าไหร่มันก็มักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพี่ธานเสมอ  ผมและทุกคนหัวเราะ  อันที่จริงแล้วผมรู้ว่าไอ้โปรดชอบฝีมือการขับรถของพี่ธานมาก  มันก็แค่หมันไส้ที่เห็นว่าพี่เขามีดีหลายด้านนั่นละครับ
 
"คุณวาณิต รู้จักกันแล้วนะ" ไอ้โปรดหันมามองเราทั้งคู่  ผมสองคนพยักหน้า

"ลองหน่อยไหม ผมลองแล้ว" ไอ้โปรดยื่นกุญแจรถมาให้  มันเปลี่ยนสรรพนามการเรียกระหว่างเราเมื่อไหร่ที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ค่อนข้างเป็นทางการ

"ไม่ละ ขี้เกียจ" ผมตอบตามตรง 

"คุณขี้เกียจทุกอย่างแหละ วันหลังคุณก็ขี้เกียจหายใจซะด้วยเลยนะ" ไอ้โปรดฉีกปากว่า  มันคงอยากด่าแรงกว่านี้เต็มแก่แต่ไม่สามารถทำได้

"คุณว่าผมได้เหรอครับ" ผมยิ้มตอบกวน ๆ วาณิตหัวเราะเบา ๆ

"ขอบคุณมากครับคุณวาณิต" ไอ้โปรดยื่นกุญแจคืนให้ผู้จัดการรถทั้งสองมือ  อีกฝ่ายก็ก้มหัวรับด้วยท่าทางนอบน้อมเช่นกัน 

"คันของพี่ธานนั่นกี่ซีซี" ผมถามไอ้โปรด  ตาจับจ้องมองการขับขี่ของพี่ธานที่อยู่บนสนาม

"สี่พันมั้ง" ไอ้โปรดเหลือบมองไปที่วาณิตเหมือนไม่แน่ใจ

"คันที่กำลังลองอยู่นั่นเหรอครับ..คันนั้นสามพันเก้าร้อยซีซีครับ" วาณิตตอบแทน

"ห้าร้อยแรงม้า" ผมพึมพำ

"ครับ..ห้าร้อยสิบแรงม้า ความเร็วสูงสุดสามร้อยสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง" วาณิตขยายความ  เราสามคนหันไปมองรถคันของพี่ธานที่ขับอย่างรวดเร็วและปราดเปรียว  ฝีมือจากนักแข่งรุ่นเก่าที่จะเก๋ารึเปล่าคงต้องให้เจ้าตัวแสดงฝีมือด้วยตัวเอง

"คนของผมคงชอบน่าดู" ผมพึมพำมองพี่ธานที่ดูจะสนุกสุดปลายเท้าอยู่กับรถยี่ห้อดัง

"ราคาเท่าไหร่ละครับ" ผมอมยิ้มถาม

"เกือบ ๆ สิบห้าล้านครับ" วาณิตยิ้มตอบ  ผมพยักหน้ารับ  พี่ธานขับรถเข้ามาเทียบจอดใกล้ตรงหน้าผมพอดี  พนักงานในส่วนต่าง ๆ เข้าไปพูดคุยด้วยและเตรียมรถเพื่อนำไปทดลองในขั้นต่อไป  พี่เขาเดินตรงมาทางพวกเรา

"เป็นยังไงบ้างครับ" วาณิตถามพี่ธาน  พี่ธานอมยิ้มน้อย ๆ

"ถ้าลองทางตรง ความเร็วคงได้อีกเยอะนะครับ..แต่ผมเกรงใจ" พี่ธานตอบทีเล่นทีจริง  พวกผมหัวเราะในลำคอ  พี่เขายื่นกุญแจคืนให้กับวาณิต

"เอาไว้ลองรถของเราดีกว่านะ" ผมเหน็บพี่ธานติดตลกจนอีกฝ่ายหัวเราะ

"เชิญตามสบายเลยนะครับคุณวาณิต มีอะไรก็ติดต่อพนักงานได้เลย..เดี๋ยวผมคงต้องขอตัวก่อน" ผมบอกเขา

"ขอบคุณมากครับ" วาณิตหันมายิ้มให้  ผมยกมือไหว้เป็นการบอกลาก่อนที่เขาจะลาทุกคนและกลับเข้าไปในส่วนของงาน

"พี่สนอยู่ไหน" ผมถาม  ปกติจะต้องเห็นมาต้อนรับแขกอยู่แถวนี้

"น้ำครับ" ไอ้เข้มวิ่งมาพร้อมกับยื่นขวดน้ำให้พี่ใหญ่ของมัน  พี่ธานรับไปเปิดดื่ม

"กำลังมา พี่สนบอกให้มึงอยู่ก่อน..เค้ามีเรื่องจะคุยกับพวกเรา" ไอ้โปรดบอก  ผมพยักหน้า  เหลือบหันไปมองอีกทาง  เห็นเพื่อน ๆ ของพวกไอ้กริดอยู่ในสนามตอนนี้ด้วย

"วันนี้ ไม่ได้มีเฉพาะคนในเหรอ" ผมถามอย่างรักษาท่าที  หันกลับมามองพี่ธาน  พี่ธานเหลือบมองตามจุดหมายของผมในครั้งแรกและเข้าใจในทันทีว่าผมหมายถึงอะไร

"พ่อมันเป็นบริษัทตัวแทนขายอยู่ที่พัทยานะครับ" พี่ธานขยายความถึงเพื่อนของไอ้กริดที่น่าจะชื่อ "นัด" หรืออะไรสักอย่างผมไม่แน่ใจ  ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนสนิทในวงการรถยนต์ของไอ้กริด  มันมาที่สนามแข่งรถของผมเป็นประจำคงเพราะเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ใกล้กรุงเทพมากที่สุดละมัง  ประมาณว่าไม่มีตัวเลือกอะไรทำนองนั้น

"อีกอย่าง..วันอาทิตย์นี้จะมีรวมตัวทดลองรถที่จะลงแข่ง Super BT มันก็เลยขอเช่าสนามหลังจากจบอีเวนต์นี้น่ะครับ" พี่ธานบอก 

"มึงไม่รู้เหรอ" ไอ้โปรดถาม

"อืม..กูก็ไม่ยักรู้ ว่ากูจะได้ใกล้ชิดพวกมันขนาดนี้ เพราะถ้ากูเป็นมัน..กูจะไม่มา มันเป็นหลักการใช้ชีวิตที่คิดง่าย ๆ ด้วยตัวเอง" ผมพูดไปงั้นอย่างไม่คิดหนักอะไร  ไอ้โปรดหัวเราะ

"พูดถึงก็มา" ผมพึมพำเพราะเห็นไอ้กริดเดินเข้ามาหาเพื่อนมันที่สนามพอดิบพอดี  ผมหันหน้าหนีทันทีเพราะไม่อยากมอง

"มันคงชอบชีวิตมึงน่าดูเลยนะ ตามติดตูดมึงต้อย ๆ อีกเดี๋ยวมันจะต้องทำสนามแข่งแบบมึงแน่ เพราะขนาดผับมึง..มันยังอยากจะฮุบเลย" ไอ้โปรดแซวแกมหัวเราะ  ไอ้นี่ว่าอะไรเป็นเรื่องตลกไปหมดแหละครับ

"ดี..กูจะได้ขายหุ้นทิ้ง" ผมว่า 

"พรุ่งนี้เช้ากูมีบิน..จะกลับมาวันเสาร์เช้า วันอาทิตย์กูจะเข้ามานี่..พี่สนสั่งด้วยแหละ มึงจะมาไหม" ไอ้โปรดถาม  ผมพยักหน้าตอบไปลอย ๆ

"ตอบเป็นคำพูดสิ..พยักหน้ากูจะเข้าใจไหม" ไอ้โปรดว่าให้  น้ำเสียงฟังดูรำคาญ  ผมหัวเราะและก็ยังไม่คิดจะตอบอีกเหมือนเดิม

"รอบนี้ไม่เปลี่ยนตัวนักแข่งใช่ไหม" ผมถามพี่ธาน

"ครับ BT 500 สนลงเองเหมือนเดิม ส่วน BT 300 เต๋อกับสตีเฟ่นลง" พี่ธานตอบ 

พี่ธานอายุเท่ากับพี่สน  ลูกพี่ลูกน้องของไอ้โปรด  ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน  เคยเป็นคู่หูลงแข่งรถยนต์ทางเรียบด้วยกันสมัยรุ่น BT 300  ตอนที่ยังเอ๊าะ ๆ อยู่  นอกจากผมแล้วเพื่อนสนิทของพี่ธานที่สนิทมากที่สุดก็พี่สนนี่ละครับ  แถมพี่สนยังเป็นที่รักของพายุอีกด้วย  ด้วยความที่พี่สนและพี่ธานสนิทกันมาก  พี่ธานจึงเรียกพี่สนว่า "สน" เฉย ๆ และมีคำว่ามึง-กูให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ

"พวกของไอ้กริดก็ลงเหรอ" ผมถามอีก  ไอ้โปรดกับพี่ธานพยักหน้าพร้อมกัน

"เพื่อนสนิทมันไง ที่ชื่อไอ้ดอยอะไรนั่น..ลงรุ่น 300" ไอ้โปรดตอบ 

"เอาซะกูไม่อยากดูเลย" ผมแสยะปากบ่น  ล้วงกระเป๋าหยิบลูกอมออกมาหนึ่งเม็ด

"ขอบ้าง" ไอ้โปรดแบมือตรงหน้า

"ไม่เอา กูมีแค่สองเม็ด" ผมบอกและไม่คิดจะให้ด้วย  จะมาโทษผมก็ไม่ได้นะ  ก็พี่ธานอนุญาตให้ผมกินแค่วันละสองเม็ดเอง 

"แค่ลูกอมมึงก็ยังหวงกับกูอ่ะเนอะ" ไอ้โปรดว่า  พี่ธานอมยิ้ม

"ว่าไปว่ามา กูก็อยากลงเหมือนกันน้า" ไอ้โปรดพึมพำตามองไปไกลเหมือนกำลังใช้ความคิด  พูดนั่นพูดนี่ทำอย่างกับการแข่ง Super BT จะใครก็ลงแข่งได้อย่างนั้น  มันเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าการแข่งประเภทนี้เป็นการแข่งที่รวมนักแข่งระดับเซียนเอาไว้  จัดขึ้นทุกปี  ในแต่ละสนามจึงหมายถึงว่านักแข่งมีสิทธิ์แก้มือหนึ่งครั้งต่อหนึ่งสนาม  ภายในครั้งเดียวต่อปีก็เท่านั้น  ซึ่งนอกจากพรสวรรค์แล้วนักแข่งแต่ละคนยังต้องฝึกซ้อมอย่างหนักจนแทบไม่มีวันหยุดกับเขาเลยด้วยซ้ำ

"..แต่ไม่ดีกว่า กลัวหลับ" มันพูดแทรกขึ้นท่ามกลางประโยคของตัวเองแบบง่าย ๆ ซะงั้น 

"สภาพมึงตอนนี้อะนะ ไปขี้เหอะ!" ผมสบถว่าให้

"หึหึหึ" พี่ธานหัวเราะ  ไอ้โปรดกัดฟันแน่นทำท่าจะแดกผมแล้ว

"พี่ธานครับ น้าอาจเรียกให้ไปที่ Pit หน่อยครับ!" พนักงานตะโกนเรียก  พี่ธานหันมาผงกหัวขออนุญาตผมก่อนรีบวิ่งไปพร้อมกับไอ้เข้ม

"เอ๊ะ! นั่นใครอ่ะ!" ไอ้โปรดถลึงตาโตมองไปทางด้านหลังของผม  ผมหันกลับไปมองตาม  ไอ้เด่นกับสมุทรยืนอยู่ถัดจากผมไปประมาณสองสามเมตร  ผมหันกลับมามองไอ้โปรดอีกครั้ง  ตอนนี้มันกลับเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาทั้งสองคนแล้ว

"เด่น..คนนี้ใครเหรอ" ไอ้โปรดทักด้วยท่าทางตื่นเต้นยิ้มแย้มหางกระดิก  ผมรีบเดินตามมันไปแล้วยืนขนาบข้างเพราะไอ้นี่มันไวปานลิงจริง ๆ

"เอ่อ พี่สมุทรครับ" ไอ้เด่นยิ้มตอบ  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ด้วยท่าทีเกรง ๆ

"นี่สมุทร..ส่วนนี่ไอ้โปรด เพื่อนฉันเอง" ผมแนะนำ  สมุทรทำท่าจะยกมือไหว้

"ไม่ต้องไหว้หรอก" ไอ้โปรดรีบบอกปัด  สมุทรยิ้ม  หลังจากนั้นไอ้โปรดก็หุบปากเงียบไปเสียเฉย ๆ มันเงยหน้ายิ้มจ้องสมุทรไปวางตา  มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าจนเจ้าตัวถึงกับหลบสายตายิ้มเขิน

"สเปกอ่ะ!" ไอ้โปรดว่าโผงขึ้นเสียงดัง  สมุทรผงะด้วยความตกใจ

"ลูกน้องกู" ผมดักคอ

"ใครสน" ไอ้โปรดหันมาตอบหน้าตาย  ผมมองปรามแล้วเข้าไปกอดคอไอ้โปรดมาอย่างแรง  เดินลากคอไอ้โปรดออกมาจากสมุทร  ไอ้โปรดร้อง  เดินตามผมมาแบบที่สู้แรงผมไม่ไหว
 
"ใคร" ไอ้โปรดเงยหน้ามาถามเอาความ  ผมมองตรงลูกเดียว 

"กูถามว่าใคร" มันพึมพำอยู่ใกล้ซอกคอของผมอย่างจงใจ 
 
"ลูกน้อง.. ใหม่" ผมตอบ  ทิ้งเสียงห้วน ๆ ไม่มองหน้ามัน

"ใคร" ไอ้โปรดย้ำเสียงอีกครั้ง  ครั้งนี้ผมเลือกที่จะไม่ตอบและชูมือขวาขึ้นตรงหน้าของไอ้โปรด

"อะไร" มันถามงง ๆ มองตามไปที่มือผม

"ป้ายแจ้งเตือน" ผมอมยิ้มตอบ  ไอ้โปรดหันมามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจอีกครั้ง  ผมจึงนำมือที่ชูอยู่นั้นตีเข้าที่หน้าผากมันอย่างแรงดัง "เพี้ย!"

"โอ๊ย!" มันร้องหน้ามุ่ย

"ไอ้ไฟ!" ไอ้โปรดกระแทกเสียงใส่  ผมยิ้มพร้อมกับผลักมันออกจากตัวอย่างแรง  อีกฝ่ายโวยวายไม่หยุด  ผมเดินผ่านพวกกลุ่มของไอ้กริดโดยไม่มองแม้สักตา  ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น  ผมเดินผ่านพวกมันเพื่อจะตรงเข้าไปในส่วนของออฟฟิศด้านใน Stadium  ไอ้โปรด  สมุทรและไอ้เด่นเดินตามหลังมาไม่ห่าง     

"รถพี่สนเอาคันไหนเข้าแข่งวะ" ผมเปลี่ยนเรื่องถามไอ้โปรดอย่างสงสัย

"AR8" ไอ้โปรดตอบ

"ไปรออยู่ที่ห้องฉันก่อนแล้วกัน" ผมหันกลับไปบอกทั้งสองคนเพราะผมและไอ้โปรดต้องไปรอพี่สนที่ห้องประชุม

"ครับ" ไอ้เด่นพยักหน้าตอบ  ไอ้โปรดหันไปอมยิ้มมองสมุทรพร้อมกับโบกมือให้น้อย ๆ ด้วยท่าทางทะเล้นด้วย  สมุทรผงกหัวยิ้ม ๆ ตอบให้ไอ้โปรด  เมื่อผมและมันเดินมาถึงห้องประชุม  จึงแยกย้ายกันนั่งที่ประจำคือเก้าอี้ตัวละฝั่งตรงข้ามกัน

"ไม่ใช่แค่ลูกน้องหรอกใช่ไหม.." ไอ้โปรดพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ  ผมไม่ตอบ  เราต่างมองแต่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังเล่นอยู่

"ชื่อสมุทรเหรอ แปลกดีนะ" อีกฝ่ายยังพูดจ้อไม่หยุด  ผมยังรักษาความเงียบต่อไป  ทำเป็นไม่ได้ยินเดี๋ยวมันก็คงเงียบปากไปเอง
 
"..กูขอได้ป่ะ" มันว่า  ผมเหลือบมองไอ้โปรดช้า ๆ มันอมยิ้มจ้องหน้าผมอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับยักคิ้วกวนอีกด้วย  ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วนำไปวางลงบนโต๊ะ  ไอ้โปรดเบะปากเลิกคิ้วทำหน้ากวนอารมณ์ไม่หยุด  มันเลื่อนเก้าอี้หมุนไปมาไม่หยุดอยู่กับที่  ผมเมินหน้าไปอีกทาง  อย่างทำอะไรก็ให้มันทำไป  ครู่หนึ่งจู่ ๆ มันก็ไถลเก้าอี้ของมันมาตรงหน้าผม

"มึงหวงลูกน้องด้วยเหรอ กูไม่ยักจะรู้" ไอ้โปรดพูด  หน้าของเราห่างกันเพียงคืบเดียวเท่านั้น  ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่มียอมความ

"มันไม่น่าจะเป็นสเปกมึงนะ" ผมย้อนหน้านิ่ง  ถึงแม้รูปร่างของสมุทรน่าจะโดนใจไอ้โปรดน่าดู  แต่ผมรับรองเลยว่านิสัยของสมุทรจะไม่ใช่ในแบบที่ไอ้โปรดชอบอย่างแน่นอน

"อ๋อ..แน่นอน ก็เพราะนั่นสเปกมึงไง!" ผมเงียบฟังไอ้โปรดที่กลับย้อนตอบผมได้อย่างรวดเร็ว

"สเปกแบบที่มึงต้องการ แต่หาไม่ค่อยได้ซะด้วย" ไอ้โปรดขยายความพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์

"แหม่ กูนี่ทำไมเก่งจัง" มันเอามือทาบอก  กลอกตาขึ้นบนทำหน้าภูมิอกภูมิใจจนน่าถีบ

"ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะชอบมึงนี่" ผมย้อนว่า

"ก็นั่นน่ะสินะ..ก็ไม่ได้หมายความว่ากั๊กไว้แล้ว เค้าจะชอบมึงเหมือนกัน" ไอ้โปรดยักคิ้วย้อนตอบ

"เปลี่ยนความคิดซะ กูไม่ได้กั๊ก" ผมพูดเสียงเรียบอย่างไม่แคร์

"ก็ถ้ามึงบอกว่า..ไม่ได้ กูจะไม่ยุ่ง" ไอ้โปรดอมยิ้ม  ผมแสยะยิ้มมองหน้ามันด้วย

"ทำไมกูต้องพูด" ผมเบะปากกวนกลับ  ไอ้โปรดทำท่าหัวเราะออกมาอย่างกวนส้นตีน  ผมหมันไส้จึงเอื้อมมือไปกำหูไอ้โปรดไว้เต็มกำมือพร้อมกับออกแรงลากมาตามแรงจนเจ้าของหูร้องเสียงหลงดังลั่นห้อง

"โอ๊ย! ไอ้ไฟ..กูเจ็บนะเว้ย!" มันร้องหน้าแดง  ตัวของไอ้นี่มันแดงง่ายมาก  ผมยิ้มกว้างและออกแรงบิดมากกว่าเดิม

"กูเจ็บ..ไอ้ไฟ กูเพื่อนมึงนะ" ไอ้โปรดเรียกร้องสิทธิ์

"เออ ๆ ๆ กูจะไม่ยุ่ง!" มันตะโกนลั่น  ผมอมยิ้มให้  คลายมือออกทีละนิด  ไอ้โปรดลูบหูตัวเองหน้ามุ่ย  สักพักหนึ่งสายตาที่มองค้อนผมก็เปลี่ยนไปเป็นเริ่มจับผิด

"หึหึหึ ว้าว..ว้าว ๆ ๆ ๆ อะไรกันนี่~" ไอ้โปรดหัวเราะในลำคอพร้อมกับนำมือปิดปากตัวเองทำท่าหยอกล้อผมไม่เลิก  ตามันแวววาวจนน่าถีบมากจริง ๆ อีกฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ถอยหลังกลับไปที่เดิมท่าทางทะเล้นตามเคยจนผมอดอมยิ้มไม่ได้

"ลูกของลูกน้องเก่าพ่อกู จะดูแลเป็นพิเศษก็เป็นเรื่องธรรมดา" ผมว่าแล้วถอยเก้าอี้ออกจากโต๊ะเล็กน้อยเพื่อต้องการจะพาดขาไปบนเก้าอี้อีกตัว  ผมว่าผมมารยาทเสียแล้วแต่ไอ้โปรดกลับหนักกว่า  มันยกขาขึ้นพาดไปบนโต๊ะประชุมด้วยท่าทางสบายซะไม่มี 



แกรก ~  ...พี่สนเปิดประตูเข้ามาถึงกับชะงักมองมาที่ปลายเท้าของเราทั้งสองคนด้วยท่าทางหน่ายใจ

"เอาขาหน้าของมึงสองตัว ลงจากอุปกรณ์การทำงานอันศักดิ์สิทธิ์ของกูด้วย" พี่สนว่าเสียงแข็ง

"หึหึหึ" ผมกับไอ้โปรดหัวเราะและทำตามที่สั่ง  ผมกับไอ้โปรดชอบแกล้งพี่สนด้วยอะไรไม่เข้าท่า  บางทีก็สร้างเสียงหัวเราะได้บ้างเพราะพี่สนแกค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่  มีนิสัยจริงจัง  เล็ก ๆ น้อย ๆ แกบ่นหมด  บ่นอย่างกับผู้หญิงนะครับ

"มีใครเค้าบ่นหุ้นส่วนกันแบบนี้" ไอ้โปรดบ่นแกมหัวเราะ

"หุ้นส่วนที่ทิ้งงานให้กูดูคนเดียว แล้วตัวเองก็ไปทำงานประจำกันสบายใจเฉิบ..เชิญขายหุ้นไปได้เลย" พี่สนย้อนเสียงแข็งเหมือนคนจะโกรธ  ไอ้โปรดหัวเราะกว้างกว่าเดิม  มันไม่รู้สึกอะไรหรอกครับเชื่อผมเถอะ

"หุ้นส่วนเค้าก็ทำงานกันอย่างนี้นี่แหละ..มีหน้าที่ลอยชายไป ลอยชายมา อีกอย่าง..ขายหุ้นแล้วกูจะไปกวนตีนใครวะ" ไอ้โปรดพยักพเยิดหน้ามาทางผมเหมือนหาแนวร่วมกวนพี่ชายตัวเอง  ผมหัวเราะเบา ๆ

"คุยเรื่องงานก่อน..มีแต่ลูกค้าน่าปวดหัว" พี่สนบ่นหน้าเครียด

"ค้าบ" ไอ้โปรดขานรับ

"มึงจะว่างมาลงแข่งเมื่อไหร่ไฟ พี่จะได้จัดตารางให้" พี่สนถามแล้วเดินผ่านหลังไอ้โปรดมาเลื่อนเก้าอี้นั่งที่หัวโต๊ะ

"ไว้ก่อนว่ะพี่ ช่วงนี้ตารางมวยแน่นมาก..มีแต่เรื่องด้วย" ผมตอบ 

"เรื่องอะไร" พี่สนขมวดคิ้วถาม

"หมาต้อนแมว" ผมตอบส่ง ๆ แต่กลับมองหน้าพี่สนด้วยสายตาจริงจัง  พี่สนยิ่งทำหน้างงไปใหญ่เพราะคงไม่รู้ว่าผมพูดเล่นหรือพูดจริงกันแน่

"แมวต้อนหนู.." ผมพูดไปยิ้มไป

"หนูหนีแมว" ไอ้โปรดต่อให้อย่างรู้ใจผม  ผมหัวเราะเล็กน้อย

"คอแมวติดลูกกรง หนู..ก็เลยวิ่งหายไป" ผมกวนพี่สนไม่หยุด

"หึหึ" ไอ้โปรดหัวเราะ  พี่สนเอนหลังพิงเก้าอี้  ถอนหายใจเซ็ง ๆ มองตาขวางมาที่เราทั้งคู่

"งั้นก็เรื่องของมึงเหอะ" พี่สนกระแทกเสียงว่าปัด  ไอ้โปรดหัวเราะ  ผมยิ้ม

"ความลับเยอะนะมึงสองตัว" พี่เขาบ่นประโยคเดิม ๆ อีกแล้ว  ทั้งที่ผมและไอ้โปรดก็ไม่ได้มีความลับอะไรกันเท่าไหร่  แต่เรื่องบางเรื่องมันก็แค่พูดบอกออกไปไม่ได้  ซึ่งดูเหมือนพี่สนจะคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นความลับสำหรับพี่เขานะครับ  ไม่รู้ว่าจะให้ผมบอกทุกเรื่องเลยหรือยังไง

"เอา! บัญชีเดือนนี้ แล้วนี่เช็คของพวกคุณท่าน" พี่สนยื่นเอกสารและซองขาวมาให้ผมและไอ้โปรด  ผมรับมาดู  ทั้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายและตรวจรายรับในส่วนของผมในเดือนนี้ด้วย

"วันอาทิตย์นี้พี่ไม่เข้านะ ต้องไปมาเลย์..เรื่องแข่งรถนี่แหละ พี่บอกไอ้ธานแล้ว" พี่สนพูดขึ้น  เราสองคนพยักหน้า

"ผมกับไอ้โปรดตั้งใจจะมากันอยู่แล้ว" ผมบอก

"โอเค..พี่จะได้สบายใจ งั้นฝากพวกแกดูด้วยแล้วกัน" พี่สนพยักหน้าก่อนเปิดสมุดตรงหน้าออก

"ตกลง ที่กูขอให้ไอ้ธานมาทำประจำ..ว่าไง" พี่สนกลับมาพูดเรื่องเดิมที่เคยเกริ่นขอกับผมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว  สายตาพี่สนเอาแต่มองเอกสาร 

"ยี่สิบล้าน..ผมขายเลย" ผมยักคิ้วบอก  พี่แกเงยหน้ามองผมในทันที 

"หึหึหึ" ไอ้โปรดปิดปากกลั้นขำอย่างชอบใจ  พี่สนอมยิ้ม

"นี่ก็สนามมึงนะไอ้ไฟ" พี่สนเตือนความจำ  ผมเงียบและได้แต่อมยิ้มอย่างเถียงไม่ออก

"เอาเป็นว่าผมขอก็แล้วกัน คนนี้ให้ไม่ได้จริง ๆ" ผมยังแกล้งพี่สนไม่เลิก  พี่สนถอนหายใจแรง

"ไม่ใช่ว่าไฟไม่เสนอนะ ผมเสนอแล้ว" ผมขยายความให้ทั้งสองคนรับทราบในเรื่องนี้อย่างจริงจัง

"เอาเป็นว่า..ช่วงนี้ก็ให้พี่ธานอยู่ไม่ประจำเหมือนเดิม พี่อยากเรียกใช้เมื่อไหร่ก็โทรเคลียร์คิวกับพี่ธานเอาเองเลย" ผมอนุญาต  พี่สนพยักหน้าเข้าใจแต่ดูแล้วคงผิดหวังน่าดู 

"ไม่ใช่อะไร..ถ้าไอ้ธานมันอยู่ประจำไม่ได้ กูจะได้หาพนักงานตำแหน่งมันมาทำประจำสักที" พี่สนพูดพลางถอนหายใจ  น้ำเสียงฟังดูแอบหงุดหงิดเล็ก ๆ ผมรู้ดีว่าพี่สนอยากได้พี่ธานมาทำงานที่นี่มาก ๆ ก็รู้ใจกันขนาดนั้น  จะอยากได้ตัวมาไว้รึก็ไม่แปลก

"........." ผมเงียบ  เท้าคางยิ้มกริ่มมองหน้าพี่สน

"ผมให้พี่เค้าเลือกแล้วระหว่างผมกับพี่ ช่วยไม่ได้นะ..ก็พี่ธานเค้าเลือกผม" ผมพูด  พี่สนเงยหน้าขึ้นมองเพดานเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก

"ฉิบหาย มันมาบ้าง..ไม่มาบ้าง กูก็กั๊กตำแหน่งไว้รอมัน คนดี ๆ ก็เลยหายหัวไปสนามอื่นหมด" พี่สนไม่วายบ่นต่อ     

"อืม..ตามนั้นแหละครับ" ผมพยักหน้าตามใจพี่แก  อยากบ่นให้พี่แกบ่นไปครับ

"ไอ้ธานเหี้ยไรก็ให้ถามมึง ๆ กูเบื่อฉิบ..มันเทิดทูนมึงยิ่งกว่าพ่อมันอีกมั้ง" พี่สนหงุดหงิดว่าซะงั้น

"อิจฉาเหรอ" ผมแสยะยิ้มแซว

"สัตว์" พี่สนยิ้มเขิน  หยิบปากกามาเขวี้ยงใส่ผมทันที  เราเริ่มคุยงานกันต่อด้วยคำพูดที่จริงจังมากขึ้น  ที่จริงแล้วพี่สนแกก็เป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับงานมาก  ผมถึงไว้ใจที่จะร่วมหุ้นด้วย  ติดเล่นติดหัวก็มีแค่ไอ้โปรดเท่านั้นละครับ 

หนึ่งชั่วโมงให้หลังเราก็ต้องแยกย้ายกันไป  ไอ้โปรดกลับไปที่สนามอีกครั้งเพราะต้องไปลากับบริษัทรถเนื่องจากมันรู้จักกับผู้จัดการบริษัทเป็นการส่วนตัว  ถ้าบริษัทนี้พอใจในการบริการของสนามของเรา  เราอาจจะได้ร่วมงานกันอีกในระยะยาว  ส่วนพี่สนต้องเข้าไปดูรถของตนที่จะต้องนำทดลองเครื่องในวันอาทิตย์นี้ด้วย  ซึ่งถ้าพี่สนไม่อยู่ก็จำเป็นต้องสั่งงานกับทีมงานไว้  ผมที่ไม่ต้องการไปทั้งดูรถหรือรับรองลูกค้าจึงอาสานำเอกสารทั้งหมดกลับไปให้พนักงานในออฟฟิศแทน 

ผมเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นในส่วนของออฟฟิศห้องทำงานของผมและไอ้โปรด  ซึ่งลูกน้องของผมจะรู้กันดีว่าถ้าต้องการอยู่รอผม  พวกมันจะต้องไปนั่งรออยู่ที่นั่นเพราะจะสะดวกกว่าการไปรอในห้องรับรองแขกหรือห้องพักของนักแข่งรถอะไรพวกนั้น  พื้นที่ในแต่ละส่วนเราได้แยกส่วนกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เช่น โซนของออฟฟิศ  ห้องอาหารของพนักงาน  ห้องทำงานของผม  ไอ้โปรดและพี่สน  ห้องประชุมเล็กและห้องประชุมใหญ่  ทั้งหมดนี้จัดอยู่ในโซนเดียวกัน  นอกเหนือจากนั้นเป็นโซนสำหรับลูกค้าและทีมงานส่วนอื่น ๆ

"ไปไหนของมันวะ" ผมบ่น  พบว่าห้องนั่งเล่นนั้นว่างเปล่า  ไม่มีใครอยู่เลยสักคน 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 23-12-2015 16:26:00

ก๊อก  ๆ ๆ  ...ผมหันไปมองที่ประตูทางเข้าห้อง  ยังไม่ทันเอ่ยปากอนุญาตอีกฝั่งหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาซะเฉย  พอเห็นคนที่เดินยิ้มหน้าบานเข้ามาก็ได้แต่มองไม่ได้ต่อว่าอะไรออกไป  "เดียร์"..พริตตี้ประจำสนามแข่งของเรา  เธอเป็นตัวเก็งและดาวเด่นตัวทำเงินของที่นี่เลยก็ว่าได้

"เห็นพี่ธานบอกว่าวันนี้คุณไฟมาด้วย" เดียร์ยิ้มกว้าง  เดินเข้ามาหาพร้อมกับนำแขนเข้ามาคล้องคอผมอย่างสนิทสนม  สถานะของเรามันเกินการวางท่าทีกันไปแล้ว  ซึ่งถ้าอยู่กันส่วนตัวแล้วเธอไม่ทำอะไรเกินตัว  ส่วนใหญ่ผมก็ไม่ได้ว่าปรามอะไร  ผมยืนนิ่งยิ้มมอง  นำมือคล้องเอวอีกฝ่ายไว้หลวม ๆ

"มีอะไร..วันหลังอย่าเข้ามาแบบนี้สิ" ผมพูดเรียบ ๆ ไม่ได้ต่อว่าหนักอะไรนัก  เราสองคนเคยร่วมหลับนอนด้วยกันแล้วสองครั้ง  ครั้งหนึ่งนั้นเป็นตอนที่ออกไปต่างจังหวัดกับทีมงานในบริษัทเมื่อสองเดือนก่อน  ถัดจากนั้นมาอีกไม่กี่วันก็เกิดขึ้นอีกครั้งและก็ห่างหายกันไป  สถานะของเจ้านายและลูกน้องยังคงเหมือนเดิม  ผมคิดว่าเดียร์เองก็น่าจะรู้ตัวดีว่าไม่ควรก้าวข้ามเข้ามาหาผมมากเกินจำเป็น  ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้ให้เธออยู่ในสถานะพิเศษกว่าพนักงานคนอื่นแต่อย่างใด  การอยู่อย่างไม่ประกาศตัวตนของเดียร์เป็นการอยู่อย่างฉลาด  ใช้ชีวิตปกติ  วางตัวค่อนข้างดีในหมู่พริตตี้ทีเดียว  พริตตี้คนอื่น ๆ จึงไม่ค่อยกล้ามีปัญหาหรือปากเสียงกับเธอนัก

สำหรับผม  เดียร์ถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยและหุ่นโดดเด่นกว่าพริตตี้คนอื่น ๆ ในบริษัทของเรา  ไม่รู้ว่าวัน ๆ หนึ่งมีคนเข้ามาจีบเธอแล้วกี่คนต่อกี่คน  หุ่นเธอเซ็กซี่มากแบบที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลัง  มีอย่างเดียวที่เธอทำมาคือหน้าอก  ซึ่งผมว่ามันก็ดูดีไม่ใหญ่จนน่าเกลียดอะไร  หน้าอกที่ทำมาจนใหญ่เกินธรรมชาติ  ผมบอกตามตรงว่าผมกลัว  เวลามีอะไรกับใครจึงค่อนข้างสำรวจหุ่นอยู่พอสมควร  เดียร์จัดว่าเป็นผู้หญิงที่รูปหน้าสวย  เธอได้ไปทำอะไรมาบ้างผมไม่รู้เพราะถ้าใบหน้าไม่ศัลยกรรมมาจนสุดโต่งผมก็ดูไม่ค่อยออกนัก  ใบหน้าของเดียร์จัดว่าเป็นคนที่สวยแปลกตากว่าพริตตี้คนอื่น ๆ สิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบคือเธอแต่งหน้าค่อนข้างจัด  ผมว่ามันก็คืองานของเธอน่ะนะและมันจำเป็นต้องทำ  ผู้ชายที่เข้ามาในสนามของเราก็ต้องชอบของสวย ๆ งาม ๆ กันทั้งนั้น  แต่ถ้าให้ถามผมว่าผมชอบมองพวกเธอทั้งหมดไหมก็คงต้องตอบว่า "ไม่" อาจจะฟังดูตอแหลในสายตาของผู้ชายคนอื่น ๆ สิ้นดี  เอาความจริงผมมองจนเบื่อแล้ว  ผมอยู่วงการนี้มาพอสมควร  เจอพริตตี้มานักต่อนักซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่ตรงสเปกของผม  น้อยครั้งมากที่ผมจะถูกใจและนอนกับพริตตี้  นอกจากเดียร์ที่ดูโดดเด่นกว่าพริตตี้คนอื่น ๆ แล้ว  นอกนั้นปัจจุบันนี้ผมยังไม่รู้สึกตื่นเต้นอยากทำความรู้จักกับใครอีก  มองไปทางไหนทั้งหน้าตาและการแต่งตัวก็ดูคล้ายกันไปหมด  บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าผมอาจจะตายด้านเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้  แต่ก็เปล่า  อีกมุมหนึ่งผมยังเห็นว่าเดียร์ยังสามารถทำให้เลือดลมผมสูบฉีดได้อยู่  รูปหน้า หน้าอก ก้น เอว สะโพก..ทุกอย่างมันเว้าโค้งในแบบที่ควรจะเป็น  เดียร์เป็นผู้หญิงที่ชอบการขับรถมอเตอร์ไซค์  นอกจากเป็นพริตตี้แล้วเธอยังหลงใหลการขับรถมอเตอร์ไซค์อีกด้วย  ดังนั้น..ใครที่เห็นท่าทางและหุ่นของเธอขณะคร่อมมอเตอร์ไซค์เอาไว้ก็เป็นต้องอยากพลีกายเป็นมอเตอร์ไซค์กันเกือบทุกราย  เรียกว่าเป็นสินค้าขายดีของสนามของเราเลยละครับ

"ก็คุณไฟไม่ค่อยมาเลย" เดียร์ทำหน้ามุ่ย

"ปีหน้าก็ต้องรับพริตตี้ใหม่เพิ่มด้วย ถ้าเดียร์ไม่รีบทำคะแนน..แล้วเดียร์จะอยู่ยังไงละเนี้ย" เดียร์บ่นอุบอิบ  ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ

"ก็ไปทำกับพี่สนสิ" ผมบอกแล้วจับแขนเธอออกอย่างช้า ๆ เพราะอย่างไรคนที่มีสิทธิ์ทุกอย่างเป็นอันดับหนึ่งในสนามนี้ก็คือพี่สนเพียงคนเดียวเท่านั้น

"ก็พี่สนมีแฟนแล้วนี่คะ อีกอย่าง..พี่สนขี้บ่น น่าเบื่อจะตาย" เดียร์ว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมอดขำไม่ได้  ผมที่กำลังจะเดินหนีเดียร์ออกมากลับต้องชะงักในทันทีเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่ามีคนแอบฟังอยู่ที่ด้านนอก  อยู่ตรงประตูห้อง  ผมรักษาท่าที  เดินหันกลับไปหาเดียร์อีกครั้ง  สายตาเหลือบมองสำรวจไปที่รองเท้าและเงาสะท้อนตรงกระจก  ดูจากลักษณะรูปร่างอย่างคร่าว ๆ ก็รู้ในทันทีว่าไอ้ถ้ำมองคนนั้นนั่นคือใคร.."ไอ้กริด"

"อุ้ย" เดียร์ร้องด้วยความตกใจที่จู่ ๆ ผมก็เข้าไปกระชากเอวของเธอกลับเข้ามากอดอย่างกะทันหัน

"ถูกไอ้กริดจีบอยู่รึไง" ผมก้มลงไปกระซิบถามที่ข้างหู  เดียร์หลบสายตายิ้มเขินที่ผมดันรู้ทัน
 
"ค่ะ"

"หึ" ผมก้มลงจูบที่ต้นคอเดียร์เบา ๆ เธอไม่ได้ว่าอะไร  เดียร์รู้ว่าผมไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมที่ฉุนเกินไป  กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอจึงเตะจมูกอย่างบางเบาเท่านั้น  เดียร์นำมือมาจับไหล่ผมเพื่อประคองตัวไว้  ปลายนิ้วของผมจับเส้นผมของเธอละไปทางด้านหลัง  อีกมือหนึ่งลูบไล้จากเอวของเธอต่ำลงไปอย่างเนิบช้าจนถึงสะโพก  ปากยังคงคลอเคลียอยู่ที่ใบหูอย่างไม่จริงจังอะไรนัก  มือที่คลึงอยู่เลื่อนต่ำลงไปถึงก้นอย่างตั้งใจยั่วอารมณ์คนที่ยืนอยู่ด้านนอก 

"คุณไฟ~" เดียร์ร้องเสียงเบาเมื่อถูกผมรุกมือหนักขึ้นโดยเลื่อนมือซุกเข้าไปในกระโปรงเพื่อไปบีบแก้มก้นของเธออย่างไม่ต้องการให้มีสิ่งใดมาขวางกั้น  เดียร์สะดุ้งกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม  ไม่มีท่าทีขัดขืน  เธอเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตายั่วยวนทำท่าจะเข้ามาจูบผมก่อน  ผมก้มหน้าลงไปแต่ไม่ยอมจูบอีกฝ่ายตรง ๆ ปากแตะลงที่ปลายคางอย่างแกล้งหยอกจนเดียร์หลับตาพริ้มในทันที 


แกรก ~ 

"เอ๊ะ!" เดียร์ร้องหน้าเสีย  ผมไม่ตกใจอะไรนัก  เราสองคนหันไปมองที่ปากประตู  ผมชะงักทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามากลับไม่ใช่ไอ้กริดอย่างที่คิด 

"ขอโทษครับ" สมุทรก้มหน้าหนี  ผมผละออกจากตัวเดียร์ช้า ๆ เธอรีบดึงกระโปรงลงปิดร่างกาย

"ขอตัวก่อนนะคะ" เดียร์รีบบอกไม่สบตาแล้ววิ่งออกจากห้องไป  ผมนำมือลูบต้นคอตัวเองตามองสมุทรที่ยังไม่ยอมสบตาผมตรง ๆ 

"คือ..ผมไม่ทันได้เห็น" สมุทรพยายามจะแก้ตัว

"ช่างมันเถอะ" ผมบอก  เรามองหน้ากันครู่หนึ่งสมุทรก็เหลือบสายตาหนีไปอีกทาง

"มีอะไร" ผมถาม

"เด่นลืมโทรศัพท์มือถือน่ะครับ" สมุทรตอบแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะกลางห้อง  ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีโทรศัพท์มือถือวางอยู่บนนั้นด้วย 

"มันใช้นายเหรอ" ผมถาม  รู้สึกสะกิดใจนิด ๆ

"เปล่าครับ" สมุทรเลี่ยงตอบ

"วันหลัง ถ้ามันใช้นาย..นายห้ามทำ เข้าใจไหม" ผมพูดเตือน  สมุทรพยักหน้านิ่ง ๆ การไม่ขานตอบรับผม  โดยพื้นฐานนิสัยของสมุทร  สำหรับผมแล้วนั่นหมายถึงเขายังไม่รับทราบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

"เข้าใจไหม" ผมย้ำถามอีกครั้ง

"อีกฝ่ายกำลังสนุกอยู่ ผมไม่อยาก.." สมุทรพยายามจะพูดบอก

"ฉันถามว่าเข้าใจรึเปล่า" ผมพูดเสียงแข็งจนสมุทรนิ่งไป 

"ครับ" สมุทรพยักหน้า  ผมเดินออกมาจากห้อง  สมุทรเดินตามหลังมา  พี่ธาน  ไอ้เด่นและไอ้เข้มเพิ่งกลับเข้ามาจากสนามทางด้านนอก  ผมหันตัวกลับไปเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากมือสมุทร  อีกฝ่ายมองตามด้วยสีหน้าลำบากใจ  ผมมองคาดโทษไอ้เด่น

"ทีหลัง..ถ้าไม่มีปัญญาเดินกลับมาเอาเอง มึงก็ซื้อใหม่ซะ" ผมพูด  ไอ้เด่นก้มหน้าก้มตารับโทรศัพท์มือถือของมันจากมือผมไป

"ขอโทษครับนาย"

"เอากุญแจรถมา" ผมแบมือ  ไอ้เด่นเงยหน้าขึ้นมองผมหน้าหงอย

"กลับได้แล้วนะ" ผมสั่งพี่ธาน

"ครับ" พี่ธานพยักหน้า

"เอ่อ..นายไม่ให้ผมขับให้เหรอครับ" ไอ้เด่นรั้งผมไว้เมื่อเห็นผมจะเดินออกมา  ผมไม่ได้ตอบมันแต่หันไปมองหน้าสมุทรแทน  อีกฝ่ายยืนทำหน้าไม่ถูก

"สมุทร" ผมเรียกแล้วเดินนำออกมาก่อนเลย  ได้ยินแว่ว ๆ ว่าสมุทรพูดอะไรกับไอ้เด่นสองสามคำก่อนจะเดินตามผมมา  ผมให้สมุทรเป็นคนขับรถกลับไปที่บ้านของเขา  เสร็จจากที่ผมส่งเขาเสร็จผมก็ขับกลับบ้านทันที  วันนี้ต่างคนต่างกลับเร็วหน่อยก็คงดี  เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องไปค่ายมวยแต่เช้า  เสียเวลามาหลายวันแล้ว..


- - - - - - - - - - - - - - -


7:15 น. บ้านเลิศประสงค์

ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอสมุทรตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า  ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปค่ายมวยเรียบร้อย  เช้านี้ซัดกล้วยไปแล้วสองลูกซึ่งน่าจะอิ่มไปได้จนซ้อมมวยเสร็จ  พี่ธานตื่นแล้วเช่นกัน  ตอนนี้พี่เขาเดินทางนำไปที่ค่ายมวยพร้อมกับพวกลูกน้องของผมก่อนแล้ว

"ขอโทษครับ" ผมหันไปมอง  สมุทรมาถึงตามเวลาพอดี  ตั้งแต่วันแรกที่นัดกันก็ยังไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะมาสายเลยสักครั้ง

"ไปกันเลยแล้วกัน" ผมพับหนังสือพิมพ์แล้ววางลงบนโต๊ะก่อนลุกขึ้น  สมุทรมองตามเหมือนมีอะไรจะพูดด้วย

"เอ่อ คือว่า..เย็นนี้ผมขอกลับเร็วหน่อยจะได้รึเปล่าครับ" เขาถาม 

"ทำไม" ผมถามกลับ

"ผมต้องไปรับเมฆที่โรงเรียน พอดีว่าดาวมีซ้อมรำถึงค่ำน่ะครับ..ไปรับแทนให้ไม่ได้"

"คงจะไม่ได้" ผมตอบ 

"วันเสาร์นี้มีพบผู้ปกครองด้วยนะครับ ผมต้องไปรับใบจากครูที่โรงเรียน" สมุทรยังคงยืนยันเหตุผลของตนเอง

"ไม่ได้หรอก..เพราะกลางวันนี้ฉันตั้งใจไว้แล้วจะเข้าตลาด เสร็จจากนั้นฉันจะพานายกลับมาที่ค่ายอีก..จะได้ดูว่าตอนเช้ากับตอนเย็นเราทำงานกันยังไง ฉันอยากให้มันจบไปวันนี้ไปเลย" ผมบอกถึงเหตุผลของผม  สมุทรนิ่งเงียบเหมือนยังคงวิตกกังวล

"เอางี้แล้วกัน..เดี๋ยวฉันให้ลูกน้องไปรับให้" ผมบอก

"ไม่ได้หรอกครับ เค้า..เอ่อ ไม่ไว้ใจคนอื่นน่ะ ผมกลัวว่าเค้าจะไม่ยอมมา" สมุทรพูดหน้าเครียด  ผมเงียบลง

"ฉันจะให้พายุไปรับ นายก็โทรบอกครูที่โรงเรียนว่าจะมีคนไปรับแล้วกัน" ผมพูดเองเสร็จแต่สมุทรก็ยังดูไม่สบายใจอยู่ดี

"เห็นอย่างนั้น..พายุเก่งนะ เปิดโรงเรียนศิลปะป้องกันตัวอยู่..ดูแลเด็กเล็กเยอะแยะไปหมด วางใจเถอะ..ฉันจะให้พายุพาเมฆไปส่งให้ที่ค่ายมวยแล้วกัน" ผมบอกสรรพคุณน้องชายตัวเองบ้าง  ลูกศิษย์ของพายุตัวเล็กตัวน้อยเยอะแยะไปหมด  เวลารวมตัวกันแล้วน่าปวดหัวจะตาย  เห็นพายุหน้านิ่งแบบนั้นแต่ก็เอาเด็กอยู่หมัดเหมือนกัน  สมุทรจ้องหน้าผมอย่างใช้ความคิดก่อนยิ้มออกมาหน่อย ๆ เหมือนยอมความแล้ว

"ก็ได้ครับ" เขาตอบ

"สี่โมงใช่ไหม ฉันจะได้โทรบอกพายุให้"

"ครับ โรงเรียนเลิกสี่โมงเย็น" สมุทรบอกชัดถ้อยชัดคำเหมือนกลัวว่าคนของผมจะผิดเวลา

"โทรบอกครูที่โรงเรียนไป คนที่จะไปรับชื่อพายุ..พายุ เลิศประสงค์ ถ้าไม่ไว้ใจก็จะขอดูบัตรประชาชนก่อนก็ได้" ผมพูดแล้วเดินนำออกมา  เสียงขานรับเบา ๆ จากสมุทรดังตามหลังให้ได้ยิน 

"เอากุญแจรถมารึเปล่า" ผมหันกลับไปถาม  สมุทรชะงักไปเหมือนไม่เข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร

"มอเตอร์ไซค์น่ะ"

"อ๋อ เอามา" สมุทรพยักห้าตอบ   

"ขับตามมาแล้วกัน ลองขับเลย..จะได้ชิน" ผมบอกแล้วเดินนำไปที่โรงรถ  สมุทรเดินตามมา  เขากวาดตามองรถมอเตอร์ไซค์ของผม  ของพี่ธานและของลูกน้องของผมทุก ๆ คันที่จอดเรียงรายอยู่นับหลายสิบคัน  ผมเดินไปหยุดอยู่ที่วางหมวกกันน็อกตรวจส่วนของผมกับพี่ธาน  เลือกใบใหม่ที่ซื้อมาแต่ยังไม่ได้ใช้ออกมาสองใบก่อนหยิบให้สมุทรไปหนึ่งใบที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับเขามากที่สุด 

"นายใช้อันนี้ไปก่อนแล้วกัน ฉันซื้อมาใหม่..ยังไม่ได้ใช้" ผมบอก

"ขอบคุณครับ" สมุทรรับไป

"เกือบสองหมื่นนะ ดูดี ๆ หน่อยล่ะ" ผมเตือน  สมุทรหันมามองทันที  ผมหัวเราะน้อย ๆ ที่เห็นหน้าเขาดูจะตกใจ

"แล้วก็ถุงมือ ฉันวางไว้ตรงนี้แล้วกันนะ..ส่วนหมวกกันน็อกของนาย ถ้าเอารถมาจอดที่นี่ให้เอาทุกอย่างไว้โซนนี้ อย่าเอาไปรวมกับไอ้พวกนั้นเด็ดขาด ปัญหาจะไม่เกิด" ผมเตือนไว้ก่อนเพราะลูกน้องผมทะเลาะกันประจำเรื่องรถ  สมุทรหลุดหัวเราะคงเข้าใจในความหมายที่ผมพูดเตือน

"คันนี้" ผมหันกลับไปชี้บอกมอเตอร์ไซค์คันของสมุทร  คันนี้เป็นมอเตอร์ไซค์คันที่สองของผม  ซื้อสมัยตอนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลาย  เป็นสปอร์ตขนาดกลาง  รูปทรงของตัวรถขับออกแบบมาให้ขับได้ทั้งทางใกล้และทางไกลได้  ซึ่งรูปร่างอย่างสมุทรสามารถขับได้สบายไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

"โอเคไหม" ผมถามถึง  กลัวว่าอีกฝ่ายจะขับไม่ได้เพราะดูจะเกร็ง ๆ

"ครับ" สมุทรพยักหน้ารับ

"เคยขับบิ๊กไบค์มาก่อนรึเปล่า" ผมถาม  ลืมไปเลยว่าลืมถาม 

"ก็เคยอยู่บ้างครับ" สมุทรตอบ  ผมหยิบมวกกันน็อกมาสวม  สมุทรเองก็สวมเช่นกัน

"แล้วเคยไปลงเรียนไหม" ผมถามอีกเพราะอยากจะรู้รายละเอียดเพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัวเอง

"ไม่เคยครับ" สมุทรตอบ  ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าการลงเรียนคอร์สนั้นก็เป็นพื้นฐานที่สำคัญ

"ไม่เป็นไร..เดี๋ยววันหลังฉันสอน วันนี้ขับไปก่อนแล้วกัน จะได้ชินมือ" ผมบอก

"เอ่อ เกียร์ธรรมดา ขับมีคลัตช์เป็นใช่ไหม" ผมเริ่มระแวง

"หึ พอเป็นครับ" สมุทรตอบยิ้ม ๆ

"หึ..อะไรคือพอเป็น โอเค งั้นขึ้นก่อนเลย" ผมบอกแกมสั่งเพราะจะดูวิธีการทรงตัวของเขาและจะดูการออกตัวด้วย  สมุทรพยักหน้าแล้วขึ้นคร่อม

"สตาร์ทไฟฟ้านะ เสียบกุญแจ" ผมบอก  สมุทรทำตามที่สั่ง

"น้ำหนักรถสองร้อยกิโลโดยประมาณ เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาดเครื่อง 820cc ออกตัวรถอย่ารีดคลัตช์ล่ะ ทำบ่อย ๆ เครื่องยนต์จะเสื่อม โอเคนะ" ผมแนะนำคร่าว ๆ ให้ก่อนเป็นความรู้  คิดว่าเด็กจบเทคนิคอย่างสมุทรน่าจะเข้าใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไว  สมุทรพยักหน้าเข้าใจ

"ออกตัวรถให้ดูหน่อย" ผมสั่งเพราะอยากจะรู้ว่าเขาออกตัวรถได้ถูกต้องหรือไม่  ซึ่งถ้าเขาใช้คลัตช์เป็นและไม่รีดคลัตช์ให้ผมระคายหูก็ถือว่าสอบขั้นต้นผ่าน  สมุทรสตาร์ทรถและขับเคลื่อนตัวรถออกไปให้ผมดูระยะทางหนึ่ง  เพียงแค่ฟังเสียงการออกตัวรถผมก็รู้ทันทีว่าเขาจะควบคุมมันได้หรือไม่  ซึ่งการออกตัวของเขาถือว่าใช้ได้  แสดงว่ามีความรู้อยู่บ้างพอสมควร

ผมอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างพอใจและขึ้นคร่อมรถคันของตนเอง  สมุทรหยุดรถรอผมอยู่ที่เดิม  เขายังไม่ขับออกไปก่อน  ผมชอบวิถีการทำงานในหน้าที่นี้ของเขาเพราะผมแทบไม่ต้องบอกอะไรเลยเกี่ยวกับการวางตัวว่าเขาควรทำตัวอย่างไร  อีกฝ่ายดูจะเรียนรู้สิ่งรอบ ๆ ตัวได้ด้วยตัวเอง  ซึ่งเวลาที่เขาทำอะไรก็ดูไม่น่ารำคาญจนเกินไปอีกด้วย 

ผมขับรถนำออกมา  สมุทรขับทิ้งช่วงจากผมไว้ประมาณหนึ่ง  เสียงรถของเราค่อนข้างดังเมื่อขับมาพร้อม ๆ กันแบบนี้  เพียงไม่กี่นาทีถึงที่หมาย  ผมขับไม่เร็วเท่าไหร่เพราะแถวนี้เป็นเขตชุมชน  เมื่อขับมาถึงค่ายมวย  นักมวยที่ซ้อมมวยกันอยู่พากันหันมามอง  พวกมันคงสงสัยที่ดันเห็นรถคันโปรดของผมมาพร้อมกันถึงสองคันทั้งที่พี่ธานก็อยู่ที่ค่ายมวยแล้วเรียบร้อย 

ผมนำรถไปจอดในที่จอดรถสำหรับมอเตอร์ไซค์  เดินเข้ามาในค่าย  ผมหันกลับไปมองสมุทรก็พบว่าเขากำลังสำรวจไปรอบ ๆ ค่ายตลอดเวลา  ผมเงียบมอง  ปล่อยให้เขาดูได้เต็มที่จนสมุทรหันมาสบตากับผมพอดี  เราต่างเงียบมองหน้ากัน

"เปลี่ยนไปเยอะนะครับ" สมุทรอมยิ้มบอก  สีหน้าเหมือนนึกถึงความหลัง 

"นายเคยมาเหรอ" ผมถามเพราะไม่รู้มาก่อน  สมุทรพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนไม่ต้องการจะตอบ

"แค่ครั้งสองครั้ง ที่จริง..จำไม่ค่อยได้แล้ว" สมุทรตอบแกมหัวเราะ  เขาเบือนหน้าไปอีกทาง  เราต่างเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  ผมนำกระเป๋าไปวางที่เก้าอี้ข้าง ๆ ประตูทางเข้าออฟฟิศ  สมุทรนำมาวางตาม 

"ค่ายนี้เป็นสาขาใหญ่ เรามีอีกสองสาขาย่อยคือที่สุขุมวิท แล้วก็ที่สมุทรปราการ..สองที่นั้นส่วนใหญ่รับสอนมวย แต่ที่สาขาใหญ่ นักมวยที่ขึ้นชกให้จะอยู่ที่นี่เป็นหลัก" ผมเริ่มแนะนำรายละเอียด

พ่อขยายค่ายมวยออกไปหลายสาขา  มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด 3 สาขา  สาขาใหญ่คือที่นี่  ซึ่งตั้งอยู่ใกล้บ้านของผมมากที่สุด  อาจไม่ได้อยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพอย่างสาขาย่อยอื่น  แต่ก็ยังอยู่ในตัวกรุงเทพที่สามารถมาไหนไปไหนได้สะดวกทั่วถึง  ผมชอบอยู่แถวนี้มากกว่าอยู่ใจกลางเมืองเพราะแค่ขนาดแถบนี้เองการจราจรก็ยังวุ่นวายบรม 

สาขาย่อยสาขาแรก  พ่อของผมริเริ่มก่อตั้งมันตั้งแต่สมัยที่พ่อยังมีไฟ  สาขานั้นอยู่ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท  ส่วนอีกสาขาหนึ่งอยู่ที่สมุทรปราการ  ในส่วนของประเทศไทยก็มีอยู่เท่านี้  ส่วนค่ายมวยสาขาที่ต่างประเทศมีแค่ที่ฮ่องกง  พ่อของผมเคยเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่นั่น  ปัจจุบันผมขายหุ้นไปแล้วแต่ยังคงติดต่อกับค่ายที่นั่นและร่วมงานกันมาเสมอ 

พ่อของผมได้เริ่มลงทุนและก่อตั้งค่ายมวยที่ฮ่องกงร่วมกับเพื่อนสนิทชาวฮ่องกงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันอย่าง "ลุงฮาน"  ทุกวันนี้ที่นั่นลุงฮานเป็นคนดูแลอยู่  ผมเดินทางไปเยี่ยมแกบ้าง  ไปดูงานบ้างเป็นระยะ  บางครั้งก็พาลูกน้องไปเที่ยวพักผ่อนด้วย  ระหว่างค่ายมวยของลุงฮานที่นั่นกับค่ายมวยของผมที่ประเทศไทย  เรายังติดต่อ  แลกเปลี่ยนผลัดกันดูแลนักมวยของกันและกันเป็นระยะ

"สาขาใหญ่เป็นที่เดียวที่สอนมวยไทยโบราณด้วย..ศาสตร์มวยลพบุรี มวยพระนคร" ผมเล่าประวัติและที่มาที่ไปอย่างคร่าว ๆ พ่อของสมุทรอย่างลุงยอดเองก็เป็นที่รู้กันดีในวงในว่าแกมีฝีมือเชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์มวยคาดเชือกเป็นอย่างมาก  ถ้าแกไม่ด่วนเสียชีวิตไปซะก่อนก็คงเป็นครูฝีมือดีอีกคน  และผมคิดว่าลูกไม้คงจะหล่นไม่ไกลต้นนักน่ะนะ

"นายก็น่าจะพอรู้ แม่ไม้พวกนี้เราไม่สอนคนนอก" ผมบอก

"ไอ้นนท์..เด่นมวยโคราช ศิษย์เก่าพ่อเกียรติ..สมัยเด็กมันเติบโตที่นั่น" ผมบอกถึงชื่อนักมวยที่เก่งฉกาจทางด้านมวยโคราชคนหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง

"เกียรติ โคราช" สมุทรพูดขึ้น

"ใช่" ผมตอบ  ว่าแล้วว่าอีกฝ่ายต้องรู้จัก

"นั่นไอ้นพ..ศาสตร์มวยโบราณ มือดีที่สุดของค่ายเราในตอนนี้" ผมชี้ไปที่ไอ้นพที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่ข้างเวทีทางด้านหน้าออฟฟิศ  ไอ้นพหันมาเห็นผมพอดี  มันรีบยกมือไหว้ทักทาย  ผมพยักหน้าให้

"นายล่ะ" ผมหันกลับไปหลอกถาม  สมุทรนิ่งไป 

"ผมก็เป็นมวยทั่ว ๆ ไป เท่าที่ควรจะเป็นนั่นแหละครับ" อีกฝ่ายหลบหลีกที่จะตอบความจริง  ผมไม่ได้ต้องการต้อนเขาแต่ผมเพียงแค่ต้องการความจริง

"ที่บอกพายุว่าจะไม่โกหกนั่นก็โกหกสินะ" ผมอดเหน็บไม่ได้  สมุทรช้อนตามองผมนิ่งอย่างเอาเรื่อง

"ก็คุณกำลังทำในสิ่งที่คุณต้องการนี่ครับ" สมุทรพูดเสียงเรียบชี้แจง  ผมอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ

"เคยเรียนคาดเชือกรึเปล่า" ผมถาม  สมุทรยังคงนิ่ง  เขาคงปรับอารมณ์ตามผมไม่ทัน

"ครับ..ก็พอเป็นบ้าง" อีกฝ่ายยังคงเลือกที่จะตอบเหมือนขอปัดประเด็นไปที  ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรอีกเพราะของแบบนี้ต้องใช้เวลาเดี๋ยวก็รู้ 

"โซนนั้น..ที่พักนักมวยทั้งหมด ที่จอดรถของคนในออฟฟิศ เราแยกส่วนกับลูกค้ากันชัดเจน" ผมชี้ไปอีกฝั่งหนึ่งของค่ายมวย   

"นี่เป็นออฟฟิศ พนักงานจัดตาราง โปรแกรมทุกอย่าง..ค่ายเราทำงานกันที่นี่ มีปัญหาอะไรติดต่อที่นี่ได้เลย มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำทุกวัน ตรงนู้นเป็นห้องน้ำกับห้องอาบน้ำของนักมวยและเทรนเนอร์ ฝั่งนู้นของลูกค้า" ผมชี้บอกทาง  สมุทรมองตามอย่างตั้งใจจดจำ

"ปกติแถวนี้นักมวยจะซ้อม แต่สอนลูกค้า..เทรนเนอร์ เครื่องออกกำลังกายจะอยู่ฝั่งนู้น" ผมชี้มือไปเดินแนะนำไปด้วย  สมุทรเดินตามและพยักหน้ารับทราบตลอดเวลา

"มีคำถามไหม" ผมถามกลับบ้าง

"ลูกค้ามากแค่ไหนครับ" สมุทรถาม

"ต่อวันก็ ไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน" ผมตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้กลัวว่าอีกฝ่ายจะเกร็ง  ซึ่งบางที่จริงยอดมากกว่านี้  แต่สมุทรก็ยังมีท่าทางนิ่งขรึมเช่นเคย 

"ห้องประชุมอยู่ทางด้านหลังออฟฟิศ..อยู่ไปนาน ๆ เดี๋ยวก็คงรู้ดีว่าอะไรเป็นยังไง" ผมบอก

"ครับ"

"พี่นี" ผมหันไปเรียกเพราะเห็นพี่นีเพิ่งมาทำงานพอดี  เธอชะงักที่เห็นผมแต่เช้าและรีบยกมือไหว้  ผมกวักมือให้เธอเข้ามาหา

"นี่พี่นี..ส่วนนี่สมุทรครับ" ผมแนะนำ

"สวัสดีค่ะ" พี่นียิ้ม  ทั้งสองคนยิ้มทัก  ผมหันไปมองหาลุงลอย

"ลุงลอยแกไปไหน" ผมบ่นถึง

"พี่ธาน! ลุงลอยล่ะ" ผมตะโกนถามพี่ธานที่กำลังกระโดดเชือกอยู่กับพวกไอ้เด่น 

"ลุงลอย!" พี่ธานตะโกนสุดเสียงเรียกให้  เช้า ๆ แบบนี้ยังไม่มีลูกค้า  ส่วนใหญ่เราก็จะอยู่กันแบบง่าย ๆ สบาย ๆ บ้าน ๆ อย่างนี้ละครับ

"ลุง..ลุงลอย! คุณไฟเรียกกกกก!!" พวกลูกน้องของผมพากันช่วยประสานเสียงเรียกซะดังลั่นจนพี่ธานต้องหุบปากเงียบไป  ผมหัวเราะ  เหมือนพวกมันจงใจจะเรียกแกล้งลุงไปอย่างนั้นเอง  ทุกคนต่างพากันยิ้มรับเมื่อได้ยินเสียงลุงลอยขานรับไกล ๆ ว่า.."เอ้อ!" ในสำเนียงติดถิ่นเกิด  ครู่หนึ่งลุงลอยก็เดินมา  ผมยกมือไหว้  แกมองมาที่สมุทรด้วยสีหน้าสงสัย  สมุทรรีบกยกมือไหว้ทักทายอย่างนอบน้อม

"ลุงครับ..นี่สมุทร ลูกของลุงยอด แล้วก็นี่ลุงลอย จะเป็นคนดูแลนายที่ค่ายนี้" ผมแนะนำทั้งคู่  ลุงลอยเงยหน้ามองหน้าสมุทรไม่วางตา  สมุทรยกมือไหว้อีกครั้ง  เราสี่คนเงียบลงครู่หนึ่ง  ลุงลอยมองสมุทรหัวจรดเท้า   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 13 [ 12:20 น. - 20 ธ.ค 58 หน้า 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 23-12-2015 16:26:24

"สบายดีนะ" ลุงลอยยิ้มถาม  ลุงแกเคยรู้จักกับลุงยอดแต่ไม่สนิท  เนื่องจากลุงก็เป็นคนหนึ่งที่เติบโตมากับค่ายมวยของพ่อผมเช่น  เขาจึงรู้ที่มาที่ไปของชีวิตครอบครัวของผมเป็นอย่างดี  พ่อเองก็คงเล่าอะไร ๆ ให้แกฟังบ้าง

"ครับ..ผมสบายดี" สมุทรอมยิ้มตอบไปซื่อ ๆ เหมือนอีกฝ่ายเองก็ไม่อยากจะถามความอะไรให้ยืดยาวเช่นกัน   

"พี่นี..เป็นผู้จัดการของค่ายฉัน มีอะไรก็ปรึกษาพี่นีได้เลย" ผมบอก  สมุทรพยักหน้ายิ้ม ๆ ให้พี่นี

"ฝากพี่นีเอาข้อมูลของค่ายแล้วก็รายละเอียดของนักมวยในค่ายให้สมุทรด้วยแล้วกันนะครับ" ผมสั่งงาน

"ได้ค่ะ" พี่นีพยักหน้ารับ

"แรก ๆ เอาลูกค้าทั่วไปที่เพิ่งมาหัดส่งให้สมุทรแล้วกัน ระหว่างนี้คู่ซ้อมนายคือลุงขัน แต่มีอะไรให้ฟังลุงลอย โอเคนะ" ผมสั่ง  สมุทรผงกหัวให้ลุงลอยอีกครั้ง

"อีกคนนึงที่ฉันอยากให้นายรู้จักคือพี่เอิท..นักโภชนาการของที่นี่ พี่แกยังไม่มา..ถ้านายอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามพี่เค้าได้"

"ส่วนตารางงานของสมุทรก็ตามที่ผมเคยให้ไปนะครับพี่นี แต่ตารางฝึก..ส่วนใหญ่ก็จะเหมือนของไอ้พวกนั้น รบกวนพาเค้าไปที่ตู้ล็อกเกอร์แล้วก็แนะนำวิธีใช้ในส่วนของห้องอาบน้ำด้วยแล้วกัน" ผมบอกพี่นี

"นายก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลย" ผมหันไปบอกสมุทร 

"มาจ้ะ" พี่นียิ้มเรียกและเดินนำสมุทรไป

"หุ่นใช้ได้เลยนะ" ลุงลอยพูดขึ้น  ตามองตามหลังสมุทรไปจนลับตา  ในรูปร่าง  น้ำหนักและส่วนสูงประมาณสมุทร  ถือว่าในวงการมวยไทยนั้นจะหาหุ่นของคนไทยแบบนี้ได้ยากทีเดียว  โดยปกติทั่วไปนักมวยชาวไทยจะมีส่วนสูงอยู่ที่ 165 - 175 เซนติเมตรโดยประมาณ  รุ่นน้ำหนักจะอยู่ที่ 105 ปอนด์ขึ้นไป  เปรียบเทียบรุ่นแล้วเราจะมักเห็นกันบ่อย ๆ ก็จะอยู่ที่รุ่นสตรอว์เวทไปจนถึงรุ่นเวลเทอร์เวท  ซึ่งเมื่อดูตามประวัติของสมุทรที่เขาได้ให้กับพี่ธานไว้  เขามีส่วนสูงถึง 183 เซนติเมตรกับน้ำหนักที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ระหว่าง 68 - 72 กิโลกรัม  เขาสูงกว่าผมสองเซนติเมตร  และอีกแค่สองเซนติเมตรเขาก็จะสูงเท่ากับพี่ธานแล้ว  ในส่วนสูงและน้ำหนักระหว่างพี่ธาน  ผม  ไอ้นพหรือแม้กระทั่งสมุทร  มักจะได้คู่ชกเป็นชาวต่างชาติเสียมาก  ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับค่ายมวยของผมนักเพราะส่วนใหญ่ผมและนักมวยที่น้ำหนักเท่า ๆ กันมักจะได้ไปชกที่ต่างประเทศเนื่องจากได้เงินดีกว่า  เกณฑ์ส่วนสูงและน้ำหนักเท่านี้จึงได้เจอคู่ชกเป็นชาวต่างชาติเสียมาก  จะไปเป็นปัญหาก็ตรงที่เมื่อไหร่เราได้คู่ชกชาวต่างชาติที่ตัวสูงใหญ่กว่าเรานั่นละครับ 

"ไอ้เจ้านี่ใช่ไหมที่เคยว่า เป็นลูกของไอ้ยอดหรอกรึ" ลุงลอยถามถึง

"ครับ..ชกอยู่ที่ค่ายศรไกรน่ะ" ผมตอบ 

"ฝากลุงดูเชิงมวยเค้าให้หน่อยแล้วกัน ชกกับผมแล้วเค้าหัวดื้อ..ไปหน่อย" ผมพูดติดขำไปงั้น  ลุงลอยหันมามองหน้าผมก่อนหัวเราะออกมา

"วันนี้ให้ลุงขันจัดหนักไปเลยแล้วกัน..ผมจะดูว่าเค้าปรับตัวกับค่ายเราได้แค่ไหน ทำงานเป็นเทรนเนอร์โอเคไหม..หน่วยก้านเป็นยังไง ลุงว่าเค้าจะพอไหวในระดับไหนแล้วค่อยว่ากันอีกที" ผมบอก  ลุงลอยพยักหน้ารับทราบ  เนื่องจากว่าสมุทรเป็นงานเทรนเนอร์กับค่ายมวยศรไกรมาบ้างแล้วและเขาก็มีประสบการณ์ต่าง ๆ พอสมควร  ผมคิดว่าเขาน่าปรับตัวได้เร็ว  ลูกค้าประจำส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นชาวต่างชาติที่มีฝีมือค่อนข้างเก่งในระดับหนึ่ง  ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับสมุทรมากกว่าให้ไปเป็นเทรนเนอร์ให้กับลูกค้าทั่ว ๆ ไป

"จะให้เทรนไอ้พวกบ้านั่นเหรอ" ลุงพยักหน้าไปทางพวกไอ้เด่นที่กำลังถูกพี่ธานซ้อมอย่างบ้าคลั่ง  ผมพยักหน้ายิ้มหน่อย ๆ

"ครับ..ตั้งใจว่าอย่างนั้น ถ้าพี่ธานติดงาน ผมจะให้สมุทรเทรนแทน..ถ้าทำได้ดี ผมจะให้คุมประจำนักมวยรุ่นเล็กไปก่อน" ผมวางแผนไว้อย่างนั้น

"แล้วก็ ที่จริงผมอยากได้เค้ามาเป็นคู่ซ้อมน่ะ"   

"ผมอยากรู้ว่าเค้ามีของไหม" ผมมองลุงลอยอย่างเจ้าเล่ห์  อีกฝ่ายอมยิ้มกลับ  ในเมื่อสมุทรไม่ต้องการขึ้นชก  ผมก็ต้องหาทางออกให้กับเขาแต่ผมยังไม่บอกเขาหรอกครับ  กว่าเขาจะไปถึงจุดที่จะควบคุมนักมวยรุ่นต่าง ๆ ได้  ผมอยากให้เขาแสดงฝีมืออกมาให้ทุกคนเห็นจนเป็นที่ไว้ใจในสายตาทุกคนซะก่อน

"เค้าไม่ยอมปล่อยของน่ะ..ก็เลยไม่รู้ว่าจริง ๆ มีหรือไม่มี" ผมพูดยิ้ม ๆ

"เดี๋ยวผมจะเอาซีดีบันทึกการชกของเค้ามาให้ลุงดู ยังไงก็ปิดเป็นความลับหน่อยก็แล้วกัน..ผมไม่อยากให้เจ้าตัวรู้"

"ทำไม..อยากปั้นงั้นเหรอ" ลุงถาม

"หึ..ลุงก็รู้ ถ้าไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน ปั้นให้ตาย..ช่างปั้นก็เหนื่อยเปล่า" ผมอมยิ้มตอบปัดไปทีเพราะผมไม่ได้คิดมากเรื่องปั้นหรือไม่ปั้นเขา  แน่นอนว่าผมต้องการให้เขาทำชื่อเสียงในนามของค่ายผมในระดับหนึ่ง  ผมไม่ต้องการบอกสาเหตุให้สมุทรรู้ด้วยซ้ำว่าทำไมผมถึงได้อยากให้เขาทำงานที่นี่  ทำอะไรบ้างเพราะอะไรเพราะทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน  มันคงดูประจวบเหมาะไปเสียหน่อยที่อีกฝ่ายก็อยากศึกษาและทำงานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การกีฬาด้วย  แต่ก็อย่างว่าละครับ  ถ้าเป็นเรื่องของอนาคตผมก็ไม่อยากวิเคราะห์ให้มาก

เราเริ่มแยกย้ายกันไปเมื่อนักมวยมากันพร้อมหน้า  บางกลุ่มเพิ่งกลับออกมาจากไปวิ่งในตอนเช้า  ลูกน้องแยกย้ายกันไปฝึกด้วยตนเอง  ผมเป็นคู่ซ้อมกับพี่ธานเพราะตัวสูสีกันที่สุด  สมุทรลงนวมกับลุงขัน  ครูมวยมือดีอีกคนของค่ายผม  รอง ๆ จากลุงลอยแล้วต้องลุงขันนี่ละ  ปั้นนักมวยชาวต่างชาติให้เชิงมวยสวยอย่างกับชาวไทยสมัยก่อนมาหลายต่อหลายคนแล้ว  แม้ลุงแกจะดูเหมือนคนขาดสารอาหารไปบ้าง  รูปร่างสูงโย่ง  ตัวดำคล้ำ  หน้าตาน่ากลัว  แต่ที่จริงแล้วแกเป็นคนที่ใจดีมาก  เป็นคนที่มีฝีมือ  แม่ไม้มวยไทยโบราณต้องแกเลยเพราะแกเก็บรายละเอียดทุกอย่าง  ผ่านเวทีมวยมาแล้วหลายสนาม  เห็นร่างกายผอมแห้งอย่างนั้นแต่ก็เป็นกล้ามเนื้อทั้งหมดทั้งที่อายุก็ไป ๆ กับลุงลอยแล้ว

ส่วนพี่ธานเลิกชกมวยตั้งแต่อายุ 29  สมัยก่อนเราเป็นคู่ซ้อมด้วยกันเสมอ  ตั้งแต่ที่พี่ธานวางมือเราก็ห่าง ๆ ในการซ้อมร่วมกันไปบ้าง  ส่วนผมวางแผนไว้ว่าอีกไม่กี่ปีก็คงจะเลิกชกแล้วเหมือนกันเพราะอายุเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เดี๋ยวนี้ให้ขึ้นชกกับชาวต่างชาติที่ร่างกายเท่าเราแต่อายุน้อยกว่า  บางครั้งก็น่วมกลับมาเหมือนกัน  ตอนนี้ผมเองก็ปาไป 27 แล้ว  อีกไม่กี่ปีก็คงถึงเวลาของผม  เรียกว่าตามพี่ธานไปติด ๆ สมุทรเองก็คงจะเห็นอนาคตกับเวทีมวยของตัวเองด้วยเหมือนกัน  เขาถึงไม่ได้ใฝ่เอาดีทางด้านนี้อย่างสุดโต่งนัก  ดูเขาไม่ค่อยหวังอะไรกับมันมาก  ได้มาก็พร้อมปล่อยออกไปอะไรทำนองนั้น  ผมคิดว่าเขาคงวางแผนไว้แล้วว่าถ้ามีโอกาสก็คงจะเลิกขาดเช่นกัน  สายตาและท่าทีของเขามันสื่อบอกผมอย่างนั้น

หลังจากที่ผมซ้อมเสร็จเรียบร้อยผมก็จัดหนักให้ลูกน้องผมต่อโดยผมเป็นคนดูแทน  พี่ธานไปช่วยเทรนการอุบอุ่นร่างกายให้สมุทรต่อจากลุงขัน  ทั้งลุงขัน  ลุงลอย  พี่ธานและสมุทรพูดคุยกันไปด้วย  ดูจะเข้ากันได้ดีไม่มีปัญหา  ลูกค้าเริ่มทยอยกันเข้ามามากแต่เทรนเนอร์บางคนขอลา  ผมจึงสั่งให้ไอ้เด่นและไอ้หินอยู่ช่วยที่ค่ายไปก่อน  ส่วนผม  พี่ธาน  สมุทรและไอ้เข้มเดินทางกลับมาที่บ้านอีกครั้งเพื่ออาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว  ผมเตรียมตัวเข้าตลาด  ส่วนพี่ธานจะต้องไปเยี่ยมดูค่ายมวยที่สาขาสุขุมวิทกับสมุทรปราการพร้อมกับไอ้เข้มแทนผม 

"สมุทร..มาอาบห้องพี่" พี่ธานกวักมือเรียกสมุทรให้ตามเข้ามา  ผมที่กำลังจะแยกตัวขึ้นไปบนบ้านหันไปเหล่สายตามองพี่ธานเล็กน้อย  อีกฝ่ายหันมาอมยิ้มมองเจ้าเล่ห์กลับให้ผมด้วย

"อะไรครับ" พี่ธานตีหน้าซื่อถามผม

"เปล่า" ผมยักไหล่เบะปากตอบอย่างรักษาท่าที  สมุทรมองเราทั้งสองคนยิ้ม ๆ รอยยิ้มนิ่ม ๆ เหมือนไม่ประสีประสาอะไรยังคงปรากฏให้เห็นในสถานการณ์แบบนี้น่ะนะ

"ผมอาบที่ไหนก็ได้ครับ" สมุทรพูดเหมือนยืนยันว่าตนเองไม่เรื่องมาก

"อาบห้องพี่นะดีแล้ว พี่เป็นคนที่ไม่ทำอะไรตามใจตัวเองแบบใครบางคน" พี่ธานพูดขึ้นลอย ๆ แล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเองนำไปก่อน  สมุทรยืนนิ่งมองตามแต่คิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ธานพูดเมื่อครู่  ผมยืนกัดลิ้นตัวเองอย่างเคยชิน  พยายามจะนึกคำสวนกลับพี่ธานแต่กลับนึกออกไม่ทัน  พอถูกสมุทรหันกลับมาจ้องมอง  ผมจึงอดมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์กลับไม่ได้

"โตมาด้วยกันสินะครับ" สมุทรพูด  เขาคงมองอะไรออก  ผมไม่เถียงเพราะไม่รู้ว่าเขาต้องการจะหมายถึงอะไรในประโยคนี้กันแน่ 

"นายรู้ไหมว่าฉายาพี่ธานคืออะไร.." ผมพูดแกล้งกลับ  ถ้าผมจะเดาใจพี่ธานไม่ผิด  ผมคิดว่าพี่เขาจะต้องแอบยืนฟังอยู่จากในห้องแน่ ๆ เนื่องจากประตูห้องนอนของพี่เขายังไม่ปิดสนิท
 
"อะไร" สมุทรถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย 

"พี่ใหญ่เก้านิ้ว" ผมตอบเสียงดังฟังชัดพร้อมทำสีหน้าเครียด ๆ ชูลำแขนขึ้นกำมือเป็นภาพประกอบให้ด้วย  สมุทรชะงักไปคล้ายกับใช้ความคิดอย่างหนักมากกว่าเดิม

"คุณไฟ!!" พี่ธานเดินปรี่ออกมาหน้าตาถมึงทึง  ผมหัวเราะยิ้มกว้างแล้วรีบเดินหนีมา 

"คุณนี่มันจริง ๆ เลย" พี่ธานบ่นไล่หลัง  ผมวิ่งขึ้นบันไดหนีออกมาทั้งที่ยังขำไม่หยุด  เสียงแก้ตัวและพูดคุยกันของคนสองคนข้างล่างพูดกันเบา ๆ เหมือนระวังผม  และต้องการจะได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น  รู้ตัวอีกทีว่าตัวเองหัวเราะกว้างไปหน่อยก็ตอนที่ผมถึงห้องนอนแล้วนั่นละครับ



............ไฟ............


หมายเหตุ:

.. เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้  ทางเบบี้เคยได้บอกกับคนอ่านส่วนหนึ่งไว้ว่า  ถ้าร่างกายเบบี้ไหว  เบบี้อาจจะต่อให้ถึงตอนที่ 15 ภายในปี 2558 นี้  ตอนที่ 13 และตอนที่ 14 ต่อให้ยาวมากและค่อนข้างเหนื่อย  เบบี้จึงขอชี้แจงตรงนี้ว่า.. ขอชะลอการต่อนิยายเรื่อง The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ภายในปี 2558 นี้ไว้หยุดที่ตอนที่ 14 นะคะ  ส่วนตอนที่ 15 จะขอต่อเป็นปีหน้าพ.ศ. 2559 แทน  ซึ่งไม่ขอรับปากว่าเป็นประมาณวันที่เท่าไหร่อย่างไร  ขอโทษด้วย  ขอบคุณมากค่ะ..เบบี้

......................

ขอตอบความคิดเห็นของคุณ kms นะคะ

โอ้ยยนย รำไฟ เบื่อมาก ดูเล่นกะสมุทรไปทุกอย่าง
สงสารสมุทรตอนไม่ได้กลับบ้าน กลับต้องมานั่งกินเฟร้นฟรายงี่เง้า
ตอนแรกนึกว่าไฟสมุทร
แต่ทำไมตอนนี้ไฟเคะแตกจัง ดูตุ๊ดมาก
เพลียแปป

ทางเบบี้ได้เคยเตือนผู้อ่านแล้วก่อนหน้านี้  ไม่ว่าจะคำเตือนก่อนที่จะอ่านนิยายเรื่องนี้ก็ตาม  หรือการแจ้งเตือนจากผู้เขียนในท้ายของตอนที่ 11 ก็ตามเกี่ยวกับแนวเรื่องของตัวละคร  สำหรับความคิดเห็นของคุณ kms ขอความกรุณาให้คุณเลือกอ่านสิ่งที่ทำให้เป็นที่ชื่นชอบและสบายใจต่อคุณนะคะ  เพราะในหลายกรณีเบบี้ได้เคยแจ้งเตือนก่อนหน้านี้แล้ว 

แน่นอนค่ะว่า  ส่วนตัวผู้เขียนยังหาความ "ตุ๊ด" ของไฟไม่เจอ  ซึ่งคนเราก็ต่างคนต่างมุมมอง  และถ้าผู้อ่านรู้สึกว่า "ไฟตุ๊ดจัง" ผู้เขียนเองไม่มีสิ่งใดจะแก้ตัว หรือ จะไม่ขอแก้เนื้อหาของนิยายเรื่องนี้ในส่วนใดในอนาคต  เนื้อหาของตัวละครได้ดำเนินไปตามลักษณะนิสัยของตัวละครนั้น ๆ การดำเนินเรื่องต่าง ๆ ก็ใช้เวลาการทำงานคิดอย่างดีแล้ว เบบี้ขอเรียนว่า.. ถ้าคนอ่านท่านใดไม่พบความบันเทิงใด ๆ เกี่ยวกับตัวละครของนิยายในเรื่องนี้ หรือ ไม่พบว่ามีเนื้อหาสารประโยชน์ใด ๆ ให้กับคุณได้เลย คุณสามารถเลือกที่จะออกจากนิยายเรื่องนี้ได้ในทันที  มากไปกว่านั้น.. เนื้อหาของนิยายเรื่องนี้ในภายภาคหน้าก็จะยังคงประมาณนี้ต่อไป  ซึ่งอาจจะดูงี่เง่ามากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำค่ะ  ซึ่งถ้าใครคิดว่าตอนนี้ตัวละครก็ดูตุ๊ดอยู่แล้ว  ในอนาคตอาจจะต้องดูตุ๊ดมากยิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ  ..ขอบคุณค่ะ..

แนบเนื้อหาเดิมจากที่เคยชี้แจงก่อนหน้านี้
..สำหรับคนอ่านท่านใดก็ตามที่รับไม่ได้กับคำไม่สุภาพใด ๆ ไม่ชอบความรุนแรง  หรือเคยอ่านนิยายของเบบี้แล้ว(ตามรายชื่อนิยายที่แจงไว้ทางด้านบน) แต่ที่ผ่านมาแนวการเขียนนิยายของเบบี้นั้นไม่ถูกจริตการอ่านของท่าน  เขียนไม่ได้อารมณ์ตามอย่างที่คุณต้องการได้  แมนไป..สาวไป  หรือบทน่ารำคาญไม่ชอบใจอย่างไรก็แล้วแต่  คุณสามารถกดออกจากหน้านิยายเรื่องนี้ได้ทันทีค่ะ  และขอย้ำว่า  เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ยังคงคอนเซปการเขียนของเบบี้อย่างเคย  ดังนั้น..รบกวนให้ผู้อ่านเลือกทำในสิ่งที่ทำแล้วจะทำให้เราทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายใจด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ปล. จากผู้เขียน

1). มีการพูดคุย  สงสัยและคาดเดากันเกิดขึ้นมากในกรณีที่ว่า ตอนของไฟนี้.. ผู้ใดรุก และ ผู้ใดรับ ^ - ^ เบบี้ไม่สามารถตอบให้ได้ในตอนนี้เพราะต้องการให้ทราบในตอนต่อ ๆ ไปในอนาคตด้วยตัวผู้อ่านเอง  แต่เนื่องจากว่าเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง(ขออ้างเฉพาะนิยายบางเรื่องของตัวเบบี้เอง)เคยเกิดกรณีที่ผู้อ่านบางท่าน "รับไม่ได้" กับเนื้อหาพลิกผันที่เกิดขึ้น ฯลฯ  ดังนี้..จึงขอเตือนก่อนล่วงหน้าว่า  ถ้าหากท่านจะไม่สามารถรับได้..ถ้า..ใครก็ตามจะรุก หรือ ใครก็ตามจะรับ  เพื่อกันไม่ให้เกิดสภาวะสะเทือนใจต่อผู้อ่าน(ท่านที่รับไม่ได้)เกิดขึ้น  เบบี้จึงขอเตือนว่าท่านสามารถหยุดอ่านได้ตั้งแต่ตอนนี้ยังทันนะคะ  เพราะทางเบบี้มีเนื้อหาที่วางไว้ในใจอยู่แล้วและจะไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งใด 


เบบี้

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 23-12-2015 17:01:15
ขำที่ไฟชี้ให้โปรดดูป้ายแจ้งเตือน  55555 เหมือนกับว่ากูเตือนแล้วนะ คนนี้ของกู แต่ไม่ยอมพูดออกมา
ยิ่งอ่านยิ่งชอบพี่ธาน รู้ใจไฟทุกอย่างจริงๆ แถมรู้ทันไปซะทุกอย่าง

พี่ธานคะ เก้านิ้วจริงหรือป่าวคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-12-2015 17:32:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 23-12-2015 17:59:29
ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-12-2015 18:14:10
พี่ใหญ่เก้านิ้ว5555555
เจอกันอีกทีปีหน้า สวัสดีปีใหม่(ล่างหน้า) คะ >///<
#ไฟสมุทร #สมุทรไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 23-12-2015 18:18:54
อยากเห็นสมุทรแบบเท่ๆ คึคึ
นี่มันใจมากว่า ถ้าปล่อยของต้องปังมากแน่ๆ
ชอบตอนที่พี่ไฟหวงสมุทร (หวงใช่มั้ย น่าจะใช้คำนี้ได้)
คือแบบ โปรดก็โปรดเหอะ ต้องรู้นะว่าคนนี้ของใคร
>< เราชอบเวลาเบบี้อธิบายลักษณะการใช้ชีวิต การทำงานอะไรงี้
มันอยู่แบบเราใกล้กับตัวละครเข้าไปอีก
ไปม่สบายก็นอนเยอะๆ พักเยอะๆ จะรออ่านตอน 15 นะะ ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 23-12-2015 19:14:54
พี่ธานนนนนนน จริงม้ายยยยยยย เค้าอยากรู้ XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Madness69 ที่ 23-12-2015 20:12:45
เย้ๆ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้อ่านตอน 14 ปีนี้

<------------------ Edit Comment ------------------------>

ให้พายุไปรับน้องเมฆ แอร๊ย!!!~ อิชั้นเริ่มมีฟามหวังรำไร อยากให้มีโชตะ พายุ x น้องเมฆ (น้อยหอยสังข์)

อะไรยังไงกันคะพี่ไฟ ไม่ระบุสถานะตัวตนที่ชัดเจน แต่มีถึงขั้นลงมือเบิร์ดกะโหลกเพื่อนโปรด เป็นมาตรการสั่งห้ามขั้นเด็ดขาด หวงก้างนิหว่า ...... ชริส์

แล้วยังไงล่ะ หวังจะโชว์ลีลาสีหญิงอวดไอ้คุณกริด กลายเป็นสมุทรมาเจอซะงั้น ทีนี้ละคุณไฟเอ๋ย จงตามจีบ ตามหยอด ตามหวง ตามกวนประสาทเค้าไปเหอะ อีกยาวววววววว กว่าจะได้แอ้ม ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมน้ำหน้าหว่ะ
แต่ให้คะแนนความดีหน่อยนึงก็ได้ ทีทำให้คนอื่นๆ รู้ว่าต้องให้เกียรติสมุทร

 :mew1:
ขอบคุณน้องบี้จ้า
อากาศเปลี่ยนเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นรักษาสุขภาพ พักผ่อนบ้างนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2015 20:20:16
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 23-12-2015 21:30:12
แกล้งกันตลอดพี่ธารกับคุณไฟ


รอตอนต่อไปค่ะ และสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า  :mc4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 23-12-2015 21:32:10
ชอบ พี่ใหญ่เก้านิ้ว!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 23-12-2015 21:57:10
พี่ใหญ่เก้านิ้ว ชอบอะ55555555
  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 23-12-2015 22:43:48
สมุทรคงไม่คิดว่าอยู่กันมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่าพี่ธานพิการ มีเก้านิ้วเอง
ปกติคนอื่นมี10นิ้วนะพี่ :z1:
อิจฉาแฟนพี่ธานในอนาตคเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 23-12-2015 22:46:25
ชอบพี่โปรดจังเลยค่ะ บุคลิกพี่เค้ากวน...... ดี  :haun5:
ปล.พี่ใหญ่เก้านิ้ว อืมมมมม เป็นฉายาที่น่ากลัวนะคะเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 24-12-2015 00:07:32
แกล้งสมุทรอีกแล้ววววววว

อยากให้สมุทรไปอาบน้ำห้องตัวเองสิไม่ว่า...ใช่ไหมคะ??

พี่ไฟ  :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 24-12-2015 01:06:07
รอได้เสมอ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: matilda.taon ที่ 24-12-2015 07:56:44
งื้ออออออ  ชอบบบบบบบบบบบบ :-[ :-[
ทุกครั้งที่อ่านนิยายของพี่เบบี้ ก็จะต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมา ระหว่างรอตอนต่อไป

ชอบไฟ หวงเขาตลอดดด :hao7: :hao7:
ชอบพี่ธาน แกล้งไฟตลอดดด
 :hao3: :hao3:
รอเปิดสมุทร พร้อมไฟ

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 24-12-2015 08:06:52
บี้จะลง ตอนที่15 ปีหน้าเลยเหรอ!!! อีกหลายวันเลยนะกว่าจะปีหน้าTwT เสียใจ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-12-2015 08:54:15
เย้ๆๆๆๆๆ  พี่พายุจะได้เจอน้องเมฆน้อยแล้ว ดีใจจัง น้องเมฆจะได้มีสังคมที่กว้างขึ้น






คุณไฟขี้หวงนะเนี่ย   ขนาดยังไม่ได้คิดอะไรแน่ชัดกับสมุทร ยังออกอาการตลอต ครึ ครึ






อยากให้ สมุทรไปอาบน้ำห้องคุณไฟจัง (พี่ธาน เก้านิ้ว แล้วคุณไฟละกี่นิ้ว)







สมุทรนี่ ขยับหยิบจับอะไร ก็ถูกใจคุรไฟไปหมดเลยน๊าาาาาาาาา







(คุณไฟถึงกับโกรธเลยเว๊ย ที่สมุทรไปหยิบโทรศัพห์ให้ไอ้เด่น ฮ่าๆคนของไฟใครอย่าแตะ)







ขนาดคุณโปรดถึงกับโดนดีดหน้าผาก โทษฐาน จะลามของหวง ฮ่าๆๆๆ







คุณไฟ กู่ไม่กลับแล้วแบบนี้ ชอบเค๊าแล้วอะดิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 24-12-2015 12:04:36
พี่ธานนนนน
เก้านิ้วจริงหรอพี่  :z1:
ชอบตอนพี่ธานกะคุณไฟเถียงกัน
ตลกอ่ะชอบบบบยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 24-12-2015 12:43:33
ไฟออกอาการขนาดนี้โปรดดูไม่ออกก็แปลกละนะ

ส่วนพี่ธาน9นิ้วโอ๊ยฮามากไฟนี่ทั้งกวนทั้งขี้แกล้ง จิกกัดได้สารพัด

สนุกมากและรอนะคะสะดวกเมื่อไหร่ก็มาลงค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 24-12-2015 15:50:16
พี่ใหญ่ 9 นิ้ว โอ้ววววว :haun4:

เหมือนสมุทรจะทำถูกใจไปซะทุกเรื่องเมื่อไหร่จะทำให้ถูกต้องซักทีน่าาา... :mew3:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 24-12-2015 17:29:34
ขี้แกล้งจัง2พี่น้อง....

เดี๋ยวจะคอยดูสมุทร..เอาคืนบ้าง!!!

พี่ใหญ่เก้านิ้ว :hao6: :hao6: o13 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 24-12-2015 21:59:56
คิดถึงนิยายของเบบี้ ดีใจที่ได้ตามอ่านอีก

จะรอตอนต่อไปในปีหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-12-2015 01:41:53
งานนี้ต้องมีพลัดกันนนน ไฟสมุทร สมุทรไฟ 555

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าาาาน้ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 25-12-2015 19:25:49
"พี่ใหญ่เก้านิ้ว" ไฟเอาคืนพี่ธานได้เยี่ยม  o13 o13 o13 พี่ธานจะบอกสมุทรยังไงเนี่ย  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 25-12-2015 23:24:05
เก้าเลยหรอ พี่ใหญ่เก้านิ้วเลยหรอ อร๊ายยยยยยย เหมือนหน้ามันร้อนๆ เลือดกำดาวจะไหล  :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 27-12-2015 22:22:36
อยากให้เขามาอาบน้ำห้องตัวเองก็เรียกสิคะคุณไฟฟฟ
อย่ามาซึนนน 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-01-2016 13:01:55
ป้ามารอคุณไฟอยู่ที่เก่าเวลาเดิม






คุณไฟอย่ามัวใช้งานสมุทรเพลินจนลืมเวลาน๊าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 08-01-2016 11:35:41
มาบอกว่าคิดถึงสมุทร  :call: :call:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-01-2016 11:53:07
คิดถึงพี่ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 08-01-2016 12:08:05

ตอนที่ 15
..ไฟ..




12:20 น.  ตลาดชโนทัย

"โซนตลาดสดของเรา พื้นที่ 40% พลาซ่า 20% ไม่รวมที่จอดรถ" ผมอธิบายงานส่วนนอกให้สมุทรฟังอย่างคร่าว ๆ ตอนนี้ผมกับสมุทรมาอยู่ที่ตลาดเรียบร้อยแล้ว  เราเดินทางมาโดยสมุทรเป็นคนขับรถ  ให้เขาจับรถขับเข้าไว้บ่อย ๆ เพื่อที่เขาจะได้ชินเส้นทางและชินกับรถยนต์ของผมในแต่ละคันด้วย 

"ตอนนี้เราปิดโซนพลาซ่าทั้งหมดมาได้เกือบสองเดือนแล้ว ปิดซ่อมแซมแล้วก็ขยายโซนนี้ออกไปอีกเป็น 30% ..เพิ่งขอซื้อพื้นที่เพิ่มได้น่ะ ขยายพวกที่จอดรถด้วย" ผมเล่า 

"ครับ" สมุทรพยักหน้ารับฟัง

"ปรับปรุงใหม่ให้สะอาดแล้วก็เป็นระเบียบกว่าเดิม ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะชอบมาเดินที่นี่"

"โซนพลาซ่าที่จริงมันรวมโซนโต้รุ่งไว้ด้วย แยกพื้นที่ด้านนอก ไว้เดี๋ยวฉันจะพาไปดู..เวลาที่ขายดีที่สุดคือเย็น ๆ จนโต้รุ่งเปิดนั่นแหละ" ผมชี้ภาพรวมทั่ว ๆ ไปในส่วนพื้นที่ของตลาดที่สายตาตอนนี้พอจะดูจากมุมกว้างได้

"โซนรอบนอกด้านซ้ายมือของตลาดสด ส่วนใหญ่ก็จะเปิดโต้รุ่งเหมือนกัน..ถ้านายมาตอนกลางคืนจะเห็นว่าร้านค้าจะตั้งยาวมาตั้งแต่โซนพลาซ่าจนไปถึงโซนตลาดสดเลย เฉพาะรอบนอกนะ ข้างในเราปิดเปิดตามเวลา" ผมอธิบาย

"ฝั่งตลาดสด จะวางเงินประกันหนึ่งเดือน..จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าสองเดือน ส่วนโซนพลาซ่า..แต่ก่อนเงินประกันสองเดือน จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งเดือน แต่ว่าหลังจากปรับปรุงเสร็จจะปรับเปลี่ยนค่าเช่าขึ้นนิดหน่อย..ส่วนใหญ่การเช่าแผงก็จะเต็มพื้นที่มาตลอด และก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นต่อไปน่ะนะ" ผมบอกพลางถอนหายใจเบา ๆ แอบบ่นไปในตัว  สมุทรอมยิ้มเล็กน้อย  รอยยิ้มที่เหมือนจะเข้าใจว่าผมถอนหายใจทำไม  ผมเดินนำไปที่ด้านในพลาซ่าที่กำลังปรับปรุงอยู่

"ปกติ..ตั้งแต่รุ่นพ่อของฉันแล้ว พ่อปรับการตลาดโดยการลดค่าเช่าแผงแต่ละแผงเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อค้าแม่ค้าที่นี่ ตอนรุ่นปู่..ในสมัยนั้นก็ถือว่าเก็บค่อนข้างแพง ตลาดกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งก็สมัยของพ่อฉันน่ะ" ผมเล่าถึง

"ฉันเองก็เพิ่งจะมาปรับขึ้นค่าเช่าเมื่อตอนที่พ่อฉันป่วย แล้วก็เพิ่งจะมาคิดปรับอีกทีก็ตอนนี้..เพราะว่าเราต้องปรับปรุงตลาด ใช้ทุกวันมันก็เสื่อมโทรมไปตามเวลา..ฉันก็แค่อยากให้มันดูดี ไม่น่าเกลียด..แต่สำหรับฉันมันคงไม่ยุติธรรมถ้าฉันต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด" ผมพูดแกมบ่นแต่ก็ต้องทิ้งน้ำเสียงลงเพราะไม่อยากบ่นให้เหนื่อยเปล่า

"ผมเข้าใจ" สมุทรพูดขึ้น  ผมหันไปมองก่อนจะพยักหน้าตอบให้เป็นการขอบคุณที่ผมไม่ต้องพูดมากให้เปลืองน้ำลายอีก

"ฉันเหมือนปู่น่ะ" ผมพูดขึ้นห้วน ๆ

"พายุเหมือนพ่อ" ผมยักไหล่พูดถึง  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ

"ที่จริง แม่ค้าที่นี่คงไม่ชอบหน้าฉันเท่าไหร่" ผมเบะปากแกมหัวเราะ

"ทำไมล่ะครับ" สมุทรถาม  เราเดินกันไปช้า ๆ เรียบไปตามทางเรื่อย ๆ

"ฉันเข้มงวดไปหน่อยมั้ง" ผมตอบเพราะตามจริงก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงเหมือนกัน

"ฉันไม่เหมือนพ่อที่จะอะไรก็ได้ ใจดีกับทุกคน..ติดค่าเช่าแผงได้อะไรทำนองนั้น สำหรับฉัน กฎก็ต้องเป็นกฎ..ฉันขอแค่ให้ทุกคนในตลาดทำตามกฎ นอกเหนือจากนั้นฉันจะดูแลทุกคนเอง..แต่ดูเหมือนหลายคนจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่" ผมก้มหัวมองปลายเท้ายิ้ม ๆ

"ก็ทำตามกฎมันยากนี่" สมุทรพูด  ผมที่ก้มหน้าอยู่ช้อนตาขึ้นมองเขาและหัวเราะในลำคอ

"ใครก็อยากทำตามใจตัวเองทั้งนั้น คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่รึไงครับ" เขาว่าเหน็บ  ผมแสยะยิ้มพยักหน้ารับอย่างไม่ปฏิเสธ

"การไม่เคารพกฎ กับการเอาแต่ใจน่ะ..มีเส้นบาง ๆ ที่นายควรเข้าใจซะใหม่นะ" ผมย้อน  สมุทรยิ้มกว้างออกมาเหมือนยอมรับในความหมายที่ผมต้องการจะเตือน

"งั้น..มีอะไรจะถามไหม" ผมถามกลับ  เขาหันไปมองทางและนิ่งไปครู่หนึ่ง  สมุทรหยุดเดิน  ผมจึงหยุดเดินแล้วหันไปประชันหน้าอีกฝ่ายด้วย

"..หัวใจของตลาดคุณคืออะไร" สมุทรหันมามองหน้าผม

"ทุกคนต้องมีความสุขกับการอยู่ที่นี่" ผมตอบ

"แล้วฉันก็ต้องแฮปปี้กับการทำงานที่นี่ด้วย การที่ฉันได้เห็นสถานที่ของฉันมันสะอาด และเป็นระเบียบ..มันก็ทำให้ฉันมีความสุข" ผมเบะปากตอบ

"เราฉีดยาฆ่าเชื้อตลาดทุกอาทิตย์ มีกฎของการทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง..คนที่จะทำความสกปรกให้ตลาดมากที่สุดคือพ่อค้าแม่ค้า ดังนั้น..ฉันค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้ การกำจัดและรีไซเคิลขยะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็จะเข้าตรวจตลาดเองเกือบทุกอาทิตย์" ผมพูดบอก

"ถ้าอย่างนั้น..ราคาสินค้าของแต่ละร้านก็คงยังไงก็ได้สินะครับ เอาแต่ความสะอาดเป็นที่ตั้งน่ะ เพราะคุณก็คงปั่นแต่รายรับอยู่แล้ว" สมุทรย้อนตรงไปตรงมาจนน่าตกใจ  ผมมองเขาและแอบยิ้มไว้ในใจไม่ได้ที่ได้ยินเขาพูดตรงอย่างนี้  แหม..เวลาที่ถูกคนบุคลิกแบบนี้มาพูดตรง ๆ ใส่แล้วมันเสียวหูดีพิลึก

"ฉันถือว่าค่าเช่าแผงในแต่ละเดือนสมเหตุสมผลแล้ว แน่นอนว่าราคาสินค้าจะต้องไปพร้อมกับคุณภาพของสินค้า..ราคาต้องเหมาะสม ถ้าสินค้าแพงเกินกว่าตลาดอื่น แน่นอนว่าความสะอาดคงไม่ช่วยให้ฉันมีข้าวกินแน่..มันก็คงจะขายไม่ออก เราลงเช็กราคาสินค้าสม่ำเสมอ ตราชั่งต้องได้มาตรฐาน แน่นอนว่าเรื่องนี้เราก็ลงตรวจเหมือนกัน" ผมบอกพร้อมกับเลิกคิ้วท้าทายที่ถูกอีกฝ่ายต้อนถาม  สมุทรยักไหล่และยิ้มให้ผมอย่างยอมความ

"มากไปกว่านั้น กฎก็คือกฎ..ใครทำตามไม่ได้ อยู่ไม่ไหว ก็ไปซะ..อันที่จริงฉันก็ไม่แคร์อะไรเท่าไหร่" ผมพูดอย่างไม่สน  สมุทรนิ่งไป

"ก็คุณมีเงินนี่ครับ คุณทำอะไรก็ได้" สมุทรพูดเสียงเรียบ  ผมหัวเราะขึ้นจมูกและไม่ตอบกลับอะไร

"เคยทำงานนี้มาก่อนงั้นเหรอ" ผมถามเพราะเขาดูรู้อะไรมากกว่าที่คิด

"ก็ไม่เชิง" เขาตอบ

"สมัยเรียนผมเคยไปขายขนมที่ตลาดกับแม่น่ะ เฉพาะตอนที่ว่าง ช่วงสุดสัปดาห์..บางทีก็คิดบัญชีให้ที่ร้านขายของ ๆ ลุงเทิด เอ่อ..พ่อเลี้ยงผม" สมุทรเล่า

"พ่อเลี้ยงนายทำงานอะไร" ผมถามถึง

"เป็นครูครับ แล้วก็หลังจากที่เจอกับแม่ผม ลุงแกก็เปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ให้ด้วย" สมุทรยิ้มน้อย ๆ เล่าถึงความหลัง  ผมยืนมองสีหน้าของเขาที่อมยิ้มให้เห็นระหว่างพูดตลอดเวลา 

"แล้วตอนที่ยังไม่เจอพ่อเลี้ยงล่ะ แม่นายทำงานอะไร" ผมถามอีก  เพราะหลังจากที่ลุงยอดเสีย  ครอบครัวของสมุทรก็ย้ายหนีหายไปแบบไร้วี่แวว  สมุทรชะงัก  อันที่จริงแล้วผมอยากจะพูดให้เต็มประโยคมากกว่าว่า "แม่นายทำงานอะไรเพื่อเลี้ยงดูน้องและนาย"

"อยู่ร้านตัดเสื้อ แม่ผมเย็บผ้าเก่งนะ" อีกฝ่ายพูดตอบแกมหัวเราะเหมือนอยากเล่าให้ผ่าน ๆ ประเด็นเครียดไปที

"เหรอ" ผมหลบสายตาลง  เราเงียบลงครู่หนึ่ง 

"เออ..ที่สำคัญ ฉันอยากให้นายคอยตรวจดูด้วยเรื่องผู้เช่าคนกลาง..บางคนมันหัวหมอ ลับตานิดเดียวก็ทำอะไรตามใจตัวเอง" ผมพูดขึ้นเปลี่ยนประเด็นทันทีแล้วเดินนำต่อ

"ที่ตลาดของเราไม่อนุญาตให้คนกลางมาเช่าต่อ ผู้เช่าจะต้องเช่าตรงจากเราเท่านั้น..ไม่อย่างนั้นเราก็จะควบคุมราคาค่าเช่าแผงไม่ได้" ผมหันกลับไปมองหน้าสมุทร  อีกฝ่ายเดินมายืนขนาบข้างและพยักหน้ารับทราบ 

ผมพาสมุทรเดินตรวจตลาดจนเกือบทั่ว  แนะนำเขาเกี่ยวกับแผนผังของตลาดโดยภาพรวมก่อน  อีกฝ่ายก็จดลงสมุดตามที่ผมเล่าบอกตลอดเวลา  เสร็จจากนั้นก็ไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ให้ช่างมาซ่อมแซมท่อประปา  ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี  ผมพาสมุทรขึ้นไปแนะนำให้รู้จักกับพนักงานในออฟฟิศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง  กว่าจะเสร็จออกมาจากตลาดก็เกือบบ่ายสาม  ผมจึงให้สมุทรขับตรงไปที่ค่ายมวยเลยจะได้ไม่ต้องขับรถกลับไปกลับมา 

เมื่อถึงค่ายมวย  ผมอนุญาตให้สมุทรเข้าฟังงานในออฟฟิศในค่ายมวยพร้อมกันเพราะวันนี้ทีมงานมากันครบ  แนะนำเขาให้ทุกคนในที่ทำงานได้รู้จัก  ทั้งเทรนเนอร์ของนักมวยอาชีพและเทรนเนอร์ทั่วไปทั้งหมดด้วย 

หัวหน้าเทรนเนอร์ฟิตเนสและเป็นนักโภชนาการ คือ "พี่เอิร์ธ"  และมือดีรองลงมาที่เป็นผู้ช่วยให้กับพี่เอิร์ธคือ "ปอ" ทั้งสองคนเป็นตัวสำคัญของค่ายเรา  มีงานประจำคือรับราชการตำรวจซึ่งคาดว่าอีกไม่นานคงจะได้ลาออกจากงานประจำนั้นแน่ ๆ เพราะดูเหมือนจะรักงานที่ทำที่ค่ายมวยให้ผมมากกว่างานประจำซะอีก 

หลังจากที่แนะนำพนักงานในออฟฟิศส่วนต่าง ๆ ว่าใครทำตำแหน่งอะไรอย่างไรบ้าง  เสร็จจากนั้นผมก็ให้สมุทรออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมออกไปวิ่งพร้อมกับนักมวยในค่ายเนื่องจากได้เวลาพอดี  ส่วนผมอยู่จัดตารางการซ้อมของตัวเองกับพี่เอิร์ธที่ค่าย  หลังจากที่เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยก็เปลี่ยนเสื้อผ้า  วอร์มร่างกายและออกวิ่งตามหลังพวกมันไปอีกที

ในทุกเช้าและในตอนเย็นนักมวยจะวิ่งกันอยู่ที่ไม่ต่ำกว่าสิบกิโลเป็นประจำ  นาน ๆ ทีผมถึงจะได้ร่วมขบวนแบบนี้ด้วยเพราะถ้าไม่ได้เก็บตัวขึ้นชกก็จะห่าง ๆ ออกมา  ผมชะลอการวิ่งสลับช้าเร็วไปจนตามทันพวกนั้น  สมุทรดูจะเข้าได้ดีกับเด็ก ๆ ในค่ายแล้ว  เห็นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  พอเห็นอย่างนั้นได้ผมก็สบายใจ  เมื่อพวกเราวิ่งไปถึงจุดหมายเทรนเนอร์ที่ตามมาจับเวลาอยู่ด้วยก็สั่งให้วิ่งกลับไปที่ค่ายมวยทันที  พอถึงที่ค่ายมวยทุกคนก็แยกย้ายกันไปซ้อม 

"คุณไฟครับ นั่น..ใช่ลูกลุงยอดรึเปล่า" ไอ้นพเดินเข้ามาถามอย่างเกรง ๆ

"ใช่" ผมตอบอย่างไม่ปิดบัง  สายตามองตามไอ้นพไปที่สมุทรที่กำลังชกยางรถยนต์อยู่  อายุของไอ้นพไล่เลี่ยกันกับผม  เพียงแค่อ่อนเดือนกว่า  พ่อของมันเป็นลูกน้องเก่าของพ่อผม  ที่จริงเราก็เห็นกันมาตั้งแต่ยังเด็ก  มีอะไรพ่อผมก็ช่วยเหลือครอบครัวของไอ้นพมาตลอด  มันเองก็คงเป็นอีกคนที่น่าจะรู้จักที่มาที่ไปของสมุทรอยู่บ้าง  ความจริงผมไม่เคยปริปากเล่าหรอกครับแต่พ่อของไอ้นพคงเล่าให้มันฟังอยู่บ้างละมัง

"งั้น..คงเก่งมวยคาดเชือกเหมือนกันสินะครับ" ไอ้นพยิ้มวิเคราะห์

"หึ..ลองถามเจ้าตัวดูสิ" ผมแสยะยิ้มทำเอาไอ้นพอมยิ้มออกมา  ไม่แน่ว่าสมุทรอาจจะบอกไอ้นพก็ได้ว่าที่ผ่านมาทำอะไรมาบ้างน่ะนะ  เขาคงจะไว้ใจไอ้นพมากกว่าผม

"เตรียมตัวไว้ล่ะ ฉันจะให้นายขึ้นชกคาดเชือกที่พัทยา..เมื่อกี้คุยกับลุงลอยแล้ว ตอนแรกคิดอยู่ว่าระหว่างนายกับไอ้หนึ่ง แต่ตารางของไอ้หนึ่งมันมีชกต่อเลยกลัวว่ามันจะไม่ไหว" ผมบอกแล้วเอื้อมไปหยิบดัมเบลมายกระหว่างที่พูดด้วย

"สนามของเสี่ยปรีดาสินะครับ" ไอ้นพพึมพำ  ผมไม่ตอบเพราะกลัวว่ามันจะคิดมาก

"ผมว่า คงไม่ใช่การชกธรรมดาแล้วละมั้งครับ" ไอ้นพว่า  ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งไป

"ไอ้เสี่ยนั่นมันสร้างสนามนี้เพราะการชกโชว์แบบเต็มรูปแบบ คงทำเงินได้มหาศาลน่าดู..แต่ฉันไม่แคร์หรอกนะว่ามันจะทำไปเพื่อห่าอะไร มันเชิญมาก็แค่สนองไป" ผมพูดยิ้ม ๆ ผมคิดว่าเจ้าของค่ายมวยแต่ละค่ายคงจะมั่นใจแน่ ๆ ว่าผมจะส่งไอ้นพที่เป็นมือดีที่สุดของค่ายขึ้นเพื่อชกคาดเชือก  ป่านนี้นักพนันเองก็คงตีความกันอย่างเมามันแล้วด้วย 

"แต่ถ้าชนะก็ดี.." ผมหันไปมองหน้าคู่สนทนา  ไอ้นพหันหน้ามามองผม

"ถ้าทำได้ กูจะไม่หักค่าตัวส่วนของมึงสักสลึงเดียว" ผมอมยิ้มมองมันอย่างเจ้าเล่ห์  ไอ้นพอมยิ้มออกมาเขิน ๆ
การขึ้นชกครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นเพียงงานเรียกน้ำย่อยของการเปิดสนามแข่งมวยอย่างไม่จริงจังอะไรนัก  แต่เชื่อเถอะครับว่ามันจะต้องจริงจังอย่างเอาเป็นเอาตายเป็นแน่  ใครหน้าใหญ่จะยิ่งเสียหน้าไม่ได้  ผมเองก็คงจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันละมัง  ยิ่งมีค่ายของเสี่ยยุทธร่วมด้วยแล้ว  มันยิ่งไม่น่ายอมเข้าไปกันใหญ่  และที่การชกครั้งนี้จะเป็นงานหินอีกงานก็เพราะนักมวยค่ายใหญ่ ๆ ค่ายอื่น ๆ ก็มีนักชกที่ฝีมือเก่งกาจไม่ธรรมดาเช่นกัน   

"พูดจริงพูดจริงครับเนี้ย" ไอ้นพพูดหัวเราะด้วยประโยคกวน ๆ

"อย่าไปบอกลุงลอยล่ะ" ผมดักคอเอาไว้ก่อนจนไอ้นพหัวเราะอีกครั้งเพราะเป็นที่รู้กันเฉพาะเราสองคน

"ครับ..งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับคุณ" ไอ้นพพูด  ผมพยักหน้าก่อนที่มันจะเดินกลับเข้าไปซ้อมต่อ

"เออ นพ" ผมเรียก  ไอ้นพหันกลับมา 

"ฝากดู สมุทรด้วยนะ" ผมบอก  ไอ้นพชะงักไปครู่

"ได้ครับ" มันพยักหน้ารับ

"..เดี๋ยว" ผมเรียกไว้อีกครั้ง

"ครับ" ไอ้นพหันกลับมาอย่างสงสัย

"เอ่อ..คือ ไม่ต้องบอกเจ้าตัวนะว่าฉัน ..ฝากน่ะ" ผมยักไหล่แล้วเหล่มองไปทางสมุทรเล็กน้อยอย่างกังวล  ไอ้นพอมยิ้มมอง

"ได้ครับ" อีกฝ่ายรับปากยิ้ม ๆ ก่อนเดินตรงไปหาสมุทร  ผมยกดัมเบลต่ออยู่พักใหญ่ ๆ พี่เอิร์ธ..ฟิตเนสเทรนเนอร์ประจำตัวผมมาช่วยดูผมด้วยอีกแรง  หลังจากที่ยกเวทเสร็จเรียบร้อยก็กระโดดเชือก  ชกยาง  เตะกระสอบ  ชกลม  บริหารกล้ามขาด้วยพื้นฐานทั่วไปหลายรูปแบบ  รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงไปเกือบห้าโมงครึ่ง  เสียงของผู้คนเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ผมหันไปสังเกตเห็นสมุทรเหลือบมองดูนาฬิกาที่ฝาผนังตลอดเวลาที่ตัวเองกำลังชกลมอยู่  เขาชกสลับกับมองนาฬิกามาได้ครู่ใหญ่ ๆ แล้ว

"โฟกัสน่ะ รู้จักไหม" ผมพูดเสียงเบาเหน็บให้สมุทรได้ยินกันแค่สองคน  อีกฝ่ายเหล่สายตามองผม  ผมอมยิ้มให้เพราะไม่รู้ว่าสายตาแบบนั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่   

"สมุทร! ลมนวมมา!" พี่ธานตะโกนเรียกให้สมุทรขึ้นไปหาบนเวทีมวย 

"ครับ" สมุทรขานรับ  รีบวิ่งไปหาพี่ธานทันที  ลุงขันกวักมือให้สมุทรเข้าไปหาแกก่อนเพื่อที่จะใส่นวมให้  ผมหยุดชกลม  เดินไปดูสถานการณ์  หลังจากที่สมุทรใส่นวมเสร็จเรียบร้อยเขาก็ขึ้นไปบนเวที  ลุงลอยและลุงขันยืนดูสถานการณ์อยู่คนละมุม  ดูเหมือนจุดสนใจตอนนี้จะเหไปที่สมุทรกับพี่ธานที่อยู่บนเวทีนั่นไปซะแล้ว

"ธาน ๆ" ลุงลอยเรียก  พี่ธานเดินเข้าไปหาพร้อมกับก้มหน้าลงไปใกล้ลุงลอยมากขึ้น  แกพูดบอกอะไรพี่ธานสักอย่างเพราะพี่ธานดูจะตั้งใจยืนบังปากลุงลอยเอาไว้ผมจึงมองลุงแกได้ไม่ถนัด  พี่ธานพยักหน้ารับ  หันตัวกลับมาอมยิ้มให้ผมเพียงนิดเดียว  ผมแสยะยิ้มกลับให้ก่อนที่พี่เขาจะเข้าไปเตรียมพร้อมเป็นคู่ซ้อมให้กับสมุทร 

เสียงการลงนวมเริ่มจากเบา ๆ เหมือนพี่ธานลองเชิงดูน้ำหนักหมัดจากฝั่งตรงข้ามก่อน  จนนาทีต่อนาทีที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ผมมองนาฬิกาที่ผนังและเริ่มจับเวลาไว้ในใจ  สายตาจับจ้องมองพี่ธานที่ดูเหมือนกำลังต้อนให้สมุทรออกแรงออกมาให้มากอย่างที่เจ้าตัวควรจะมี  สมุทรทำตามที่สั่งอย่างไม่มีปากมีเสียงหรืออิดออดแต่อย่างใด  นักมวยทั้งไทยและต่างชาติเริ่มทยอยมาเกาะขอบเวที  การชกเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนหมดยกแรก  ทั้งคู่ยังไม่มีท่าทีที่จะเหนื่อย  พี่ธานถอดนวมออก  หยิบน้ำให้กับสมุทรดื่มก่อน  ส่วนผมเดินไปตักน้ำยื่นส่งให้พี่ธาน 

"น้องนายมาแล้ว" ผมบอกสมุทร  หันไปเห็นพายุเดินจูงมือเมฆเดินเข้ามาในค่ายพอดี  สมุทรหันไปมองอย่างดีใจ  สีหน้าของเขาดูโล่งอกเป็นปริทิ้ง  ครูมวยในค่ายทักทายพายุอย่างคุ้นเคยและดูจะดีใจด้วยซ้ำเพราะนาน ๆ ทีจะได้เห็นพายุที่ค่ายนี้

"ขอตัวแป๊บนึงนะครับ" สมุทรขออนุญาตพี่ธาน  พี่ธานอมยิ้ม  พยักหน้าอนุญาตยังไม่ทันไรสมุทรก็แทบจะกระโดดลงจากเวทีเข้าไปหาน้องชายตน  เมฆมองมาที่พี่ชายตัวเองยิ้ม ๆ เหมือนมันเองก็สบายใจด้วยเหมือนกันที่ได้เห็นพี่ชายตัวเองอยู่ที่นี่  พายุเดินมาไหว้ทักทายลุง ๆ และตรงมาที่ผม

"ขอบใจมาก" ผมบอกพายุ  พายุพยักหน้าเฉย ๆ ตามเคย

"คุยอะไรกันมาบ้างล่ะ" ผมถามถึงบรรยากาศในการพาตัวมาของบุคคลแปลกหน้า  ดูท่าแล้วต่างคนต่างก็ไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้ากันทั้งคู่  แต่สุดท้ายก็มาด้วยกันอย่างรอดปลอดภัยดีก็เลยสงสัยนิดหน่อย

"ก็..เปิดการ์ตูนให้ดู ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบ คงกลัวน่ะ" พายุตอบ  พี่ธานเท้าแขนอยู่ที่ขอบเวทีฟังร่วมอยู่ด้วย 

"เหมือนมึงตอนเด็ก ๆ ไง" ผมแซว

"หึหึ" พี่ธานหัวเราะเห็นด้วย  พายุยืนหน้ามุ่ยค้อนใส่ผมกับพี่ธาน  ลุงลอยกับลุงขันเข้าไปทักทายเมฆตามประสาคนแก่รักเด็ก  ลุงขันนี่รักเด็กมากครับ  เห็นเด็กเล็กเป็นไม่ได้เลย  ชอบเข้าหาตลอดทั้งที่ตนเองหน้าโหดมากจนเด็กกลัว   

"เป็นไงครับ" พี่ธานเปลี่ยนเรื่องถามผม

"อย่าออมมือดิ..ก็แค่เด็กใหม่ สองมาตรฐานว่ะ" ผมต่อว่าลอย ๆ ไม่มองหน้าพี่เขาเพราะกำลังมองสมุทรอยู่  ถ้าเทียบกำลังแรงที่สมุทรปล้ำมวยกับผมที่ค่ายมวยศรไกรอย่างจริงจังคล้ายกับเขาต้องการวัดฝีมือผมในครั้งนั้นแล้ว  เขายังมีแรงใส่กับพี่ธานได้สบาย ๆ

"หึ อย่าใจร้อนสิ" พี่ธานอมยิ้มกวนกลับ

"นิสัยแย่ ทั้งคู่เลย" พายุพึมพำ  ผมกับพี่ธานหันไปมองทันที

"งั้นยุไปก่อนนะ..ว่าจะกลับไปซ้อมหน่อย อ่านหนังสือด้วย" มันขอตัวหน้าด้าน ๆ

"เชิญ" ผมไล่ส่ง

"ชิ" พายุเบ้ปากใส่ผมน้อย ๆ ก่อนหันไปลาพวกลุง ๆ ในค่าย  พอสมุทรเห็นว่าพายุกำลังจะกลับแล้ว  เขาก็รีบเข้าไปขอบคุณพายุยกใหญ่และให้เมฆบอกลาพายุด้วย  สมุทรพาเมฆไปนั่งที่เก้าอี้นั่งข้าง ๆ กับเวทีมวยก่อนที่ตัวเองจะกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง  พี่ธานเดินกลับไปกลางเวที 

เมฆนั่งมองตามพี่ชายตัวเองไม่วางตา  ผมแกล้งเดินไปนั่งลงข้าง ๆ เมฆหันมามองผมด้วยสีหน้าประหม่าและไม่ไว้ใจแต่ก็ยังยอมยกมือไหว้ทักทายผมน้อย ๆ ผมยักคิ้วตอบแทนเท่านั้น  ทำให้เมฆก้มหน้าหลบตาผมลงทันที  ผมหันกลับไปบนเวทีอีกครั้งก็พบว่าสมุทรมองมาที่ผมกับเมฆตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว  เขาจ้องผมเขม็งด้วยสีหน้าดุ ๆ ผมฉีกยิ้มกวน ๆ พร้อมยักคิ้วให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาที่ได้แกล้งน้องชายของเขาต่อหน้าต่อตาพี่ชายไปอย่างไม่ทันระวังตัวไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 08-01-2016 12:11:45

พี่ธานกับสมุทรแตะมือกันอีกครั้งเพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าจะเริ่มซ้อมต่อแล้ว  เสียงต่อยอย่างลองเชิงของทั้งสองฝ่ายเริ่มได้ยินเรื่อย ๆ พี่ธานยังคงไม่ยอมให้สมุทรปล่อยหนักอย่างที่ควร  ผมดูนาฬิกาอีกครั้ง  อีกไม่นานพี่ธานคงจะเอาจริงแล้วแน่ ๆ เวลาผ่านไปสองนาทีที่พี่ธานเริ่มสวนกลับสมุทรมากขึ้น  อีกฝ่ายเองก็ตอบกลับรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน 

"เออ! แทง!" เสียงลุงขันประกอบการแสดงอยู่ข้าง ๆ เวที  ทั้งผม  ลุงลอยและลุงขันมองไปที่สมุทรไม่วางตา

"หนัก ๆ เลย! เอาให้หนักโว้ย!!" ลุงขันเข้าขั้นโวยวายเพราะแกเป็นคนจริงจังเรื่องนี้

"พี่นายน่ะ กั๊กฉิบเป๋งเลยว่ะ" ผมหันไปพูดบอกเมฆที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เมฆกลอกตาขึ้นมองผมด้วยสายตาซื่อ ๆ เหมือนไม่เข้าใจในความหมายของผมนัก  ก่อนที่มันจะเหลือบไปมองพี่ชายตัวเองที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง

"เออ..แทงเข้าไป! แทง!!" ลุงขันปรบมือเร่งไม่ห่างที่เห็นว่าสมุทรปล่อยจังหวะแทงเข่าเข้าใส่พี่ธานแบบไม่ยั้ง  ผมแสยะยิ้มมองเพราะการซ้อมกับพี่ธานถือเป็นความซวยที่นักมวยในค่ายไม่ค่อยอยากซ้อมด้วยเท่าไหร่  หนึ่ง..พี่ธานแกตัวใหญ่  เตะหรือแทงอัดเท่าไหร่ก็แทบไม่สะเทือน  สอง..พี่ธานเป็นคนเสียงเบา  ถ้าเป็นคู่ซ้อมลงนวมพี่ธานจะไม่ค่อยพูดอะไรกับคู่ซ้อมนัก  ถึงพูดก็จะพูดเสียงเบาอยู่ในลำคอเหมือนคนพึมพำอะไรคนเดียว  ไม่เหมือนตอนที่ต้องคุมลูกน้องหลาย ๆ คนที่พี่เขาใช้เสียงได้ดี  โดยส่วนตัวแล้วผมชอบซ้อมกับพี่ธานเพราะมันเสียวดี  คงเพราะรู้ใจกันมากที่สุด  ยิ่งซ้อมยิ่งสะใจ  เราซ้อมด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  รู้น้ำหนักของหมัดของทั้งคู่เป็นอย่างดี  มันไม่มีใครที่จะมาแทนกันได้อะไรประมาณนั้นละครับ 

"สมุทร" พี่ธานเรียกสติ  ทั้งสองคนวางมือลงและจ้องหน้ากัน

"ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก" พี่ธานอมยิ้มบอก  สมุทรนิ่งไปครู่โดยไม่ตอบอะไรกลับ  พี่ธานจึงไม่ขยับตัวเช่นกัน  เอาแต่จ้องมองสมุทรนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น  นักมวยรอบ ๆ มองอย่างสงสัย

"ครับ" สมุทรพยักหน้ารับปาก  เมื่อพี่ธานเห็นอย่างนั้น  ทั้งสองคนจึงเริ่มชกกันอีกครั้ง  ครั้งนี้สมุทรปล่อยแข้งเตะเต็มกำลังอย่างแรงขึ้นกว่าเดิม  ผมลุกขึ้นยืน  เดินเข้าไปที่เวทีและเข้าไปเท้าแขนไว้ตรงขอบเวทีมวยเพื่อต้องการดูให้สะดวกตามากขึ้นโดยไม่มีอะไรขวางกั้น  เสียงเตะ  ต่อย  ดังขึ้นเรื่อย ๆ เสียงคำรามในลำคอจากสมุทรดังให้ได้ยินเป็นระยะ  ผมอมยิ้มมองชอบใจ  รู้สึกถูกสเปกแปลก ๆ ที่ได้ยินเสียงคำรามในลำคอตามแบบที่ชอบ  ไม่ใช่ทุกคนที่เวลาชกแล้วจะมีเสียงคำรามที่น่าฟัง  ในความหมายของผมคือ..ลักษณะของเสียงร้องของแต่ละคนก็บอกอะไรในตัวได้หลาย ๆ อย่างน่ะนะ 


ตึง !!!

"โอ้ เอ๊ย!" เสียงลุงลอยร้องเชียร์ชอบใจ  แกยิ้มกว้างที่เห็นสมุทรล็อกขาพี่ธานที่เข้าไปเตะตัวเขาแต่สมุทรกลับเตะตัดขาพี่ธานจนพี่ธานล้มลงบนเวทีได้  พี่ธานที่นอนอยู่หันมายักคิ้วยิ้มให้ผม  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นชกต่อ

"เออ เร็ว ๆ ๆ ๆ ๆ สมุทร! ล็อกแน่น ๆ ดิเฮ้ย!!" ลุงขันตะโกนด้วยสีหน้าเหวี่ยง ๆ ดังลั่น  แกคงสะใจที่พี่ธานและสมุทรต่างปล่อยกำลังอย่างไม่มีใครยอมใคร  อีกทั้งตัวก็สูสีกันมาก  เวลาผ่านไปพักใหญ่  คราวนี้พี่ธานล็อกขาสมุทรได้ก็ดันพร้อมเหวี่ยงอีกฝ่ายไปจนติดขอบเวที  ผมดูว่าสมุทรจะแก้เกมพี่ธานอย่างไร  เขาดึงงัดคอพี่ธานเข้าไปหาตัว  ก่อนจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสเข้าปล้ำมวยในทันที  เสียงโห่ร้องชอบใจจากนักมวยคนอื่น ๆ สมุทรแทงเข่าใส่ล่อเป้าที่พี่ธานสวมอยู่เต็มแรง  พวกลูกน้องผมพากันมาเกาะเวทีดูอย่างตื่นเต้น  เมื่อตัวของทั้งสองคนแยกออกจากกันได้  เสียงสลับกันเตะเข้าที่ลำตัวของแต่ละฝ่ายก็ดังติดกันดัง ตับ ๆ ๆ ๆ ๆ! ยาวไม่หยุดจนคนรอบ ๆ เวทีพากันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างเมามัน 

"หมดยก!" ลุงขันตะโกนบอก  พี่ธานยิ้มกว้างเข้าไปกอดคอสมุทรมาอย่างเอ็นดู  สมุทรยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างทุกที  พี่ธานเข้าไปกระซิบพูดอะไรสักอย่างทำให้สมุทรเหลือบตามามองหน้าผม  ผมอมยิ้ม  กลอกตาหนีกวน ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น  สมุทรยกมือไหว้พี่ธานและเดินกลับมาหาลุงลอยและลุงขันที่ข้างเวที  พี่ธานถอนนวมออก  ไอ้เข้มรีบนำน้ำไปให้พี่ใหญ่ของมันทันที

"หน้าตาเหมือนคนต้องการอะไรไม่รู้จบ" พี่ธานพูดทายใจผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปหา  ผมยิ้มให้

"เมื่อกี้กระซิบอะไรกัน" ผมถาม  พี่ธานอมยิ้มและทำหน้าเมินเหมือนไม่ต้องการจะตอบ

"หึ ผมก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก" ผมเบะปาก  ยักไหล่ใส่  พี่ธานเท้าแขนลงตรงเชือกกั้นเวทีมวย

"ผมอยากดูหมัดซ้ายแบบที่เค้าชกผมร่วงวันนั้น" ผมพูดบอกพี่ธาน  พี่แกนิ่งไป

"ไม่ครับ" อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ 

"พี่ธาน ..นะ" ผมย้ำขอ

"ทำแบบนั้นเค้าก็รู้พอดีสิครับ นิสัยเสียจริง ๆ" พี่เขาบ่น  ทำหน้าขึงขังขึ้นมา
 
"ก็แล้วไง ก็ผมอยากดู" ผมย้อนตอบอย่างไม่แคร์

"ถ้าจะเอาแบบวันนั้น คุณก็ต้องมาเป็นคู่ซ้อมเอง และด้วยนิสัยของคุณแล้ว..เค้าได้ชกคุณแบบนั้นอีกแน่" พี่ธานอมยิ้มพูดกวน  ผมยิ้มกว้างไม่รู้สึกอะไรเพราะชอบจริง ๆ ที่พี่ธานรู้มันหมดทุกอย่างที่ผมเป็น

"รอบนี้ผมอยากดูมุมกว้าง!" ผมผายมือออก

"..หรือว่าคงต้องรอให้ตายใจกว่านี้" ผมฉุกคิด  พี่ธานกับไอ้เข้มหัวเราะ

"คงงั้น" พี่แกเห็นด้วย  ลุงขันตะโกนเรียกรวมอีกครั้ง  ยกนี้พี่ธานเน้นให้สมุทรใช้หมัดมากกว่าการปล่อยลูกเตะและเข่าอย่างยกก่อนหน้า  ทั้งที่ปฏิเสธผมแต่ดูเหมือนพี่เขาเองก็คงอยากลองได้เห็นอีกครั้งด้วยไม่น้อยแต่เพียงแค่ไม่อยากทำอะไรให้ดูโจ่งแจ้งเกินไป  ถึงแม้ผมจะไม่ได้เห็นหมัดอย่างวันนั้นแต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมเห็นว่าหมอนี่ชกสวยและมีน้ำหนักหมัดที่หนักหน่วงมากจริง ๆ ทั้งมั่นคง  แรงและความแม่นยำของหมัดในแต่ละหมัดเป็นแบบที่หาไม่ได้ง่าย ๆ เสียงกระทบกระแทกนั้นย้ำว่าฝ่ายที่ชกยังมีแรงที่จะปล่อยออกมาอีกแน่แต่กลับปล่อยพลังออกมาไม่หมด  เมื่อวิเคราะห์หน่วยก้านได้อย่างนั้น  ผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นกับความแปลกใหม่จนรู้สึกว่าตัวเองมวนท้องไปหมด  มันซาบซ่ายังไงบอกไม่ถูก

"หมัดหนักไม่เบา" ลุงลอยเข้ามาพูดข้าง ๆ ผม  ตาเราสองคนมองไปที่คนบนเวที  หนักไม่หนักไม่รู้  แต่ชกกูร่วงเลือดไหลเป็นก๊อกมาแล้วอะนะ หึ..ชอบตรงนี้

"เคลื่อนไหวเร็ว ๆ" ผมตะโกนบอกอย่างอดไม่ได้เพราะการเคลื่อนตัวของสมุทรค่อนข้างช้ากว่าที่ควร 

"ชอบไหมครับ" ผมถามลุงลอย  ลุงลอยเบะปากและพยักหน้าอย่างยอมรับ  ผมยิ้มกว้าง

"เอาขึ้นชกเมื่อไหร่ดี" ลุงพูดจริงจังจนผมหัวเราะ

"ผมอยากให้เค้าได้ปรับตัวสักระยะก่อน" ผมพูดอย่างไม่รีบร้อน  ลุงลอยมองสมุทรไม่วางตาและสายตาแบบนี้ผมคิดว่าสมุทรคงถูกใจลุงแกไม่น้อยทีเดียว  ลุงลอยเป็นคนชอบคนว่านอนสอนง่ายและเชิงมวยสวย  ถ้ารวมผมด้วยแล้วนักมวยในค่ายก็มีไม่กี่คนที่แกชอบ  สมุทรคงมาตรงทางแกพอดิบพอดี..

พี่เอิร์ธเดินมาหาและร่วมดูการชกของสมุทรอย่างสนใจนักมวยคนใหม่  เพียงแค่ดูการชกของสมุทรแค่ไม่กี่นาที  พี่เอิร์ธก็สามารถวางตารางการฝึกมาให้ผมได้อย่างรวดเร็ว  ผมอนุญาตให้พี่เอิร์ธทำตามที่เห็นสมควร  เสร็จจากนั้นผมจึงมาฝึกของผมต่อโดยเรียกให้พวกลูกน้องตัวดีที่กำลังแอบอู้อยู่กับการดูคนบนเวทีกลับมาตั้งใจซ้อม  ผมเป็นคู่ซ้อมกับไอ้รุ่งเหมือนเคยเพราะคู่หูของผมกำลังไม่ว่างอยู่อย่างที่เห็น  ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ จนผ่านไปร่วมชั่วโมงก็ซ้อมเสร็จ  ผมปล่อยตัวสบาย ๆ ปลีกตัวออกมาโหนบาร์โหนที่ด้านนอกใกล้กับโรงจอดรถคนเดียว  เพราะแถวนี้ค่อนข้างเงียบ  ก็แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ น่ะนะ

".........." ผมเหลือบไปมองด้านล่าง  สังเกตเห็นว่ามีคนมายืนดูอยู่ด้วย  สมุทรเงยหน้ามองผม  ในมือถือขวดน้ำด้วย  เดินเข้ามาหาได้เบาเงียบเชียบขนาดนี้  ไม่รู้ว่าไอ้นี่มันคนหรือผีกันแน่

"มีไร" ผมถามและก็ยังไม่หยุดออกแรงโหนขึ้นลง 

"น้ำครับ" สมุทรตอบ  ผมแปลกใจแต่ไม่ทันตอบอะไรกลับ  เลือกที่จะโหนขึ้นลงอยู่อย่างนั้นต่ออยู่พักหนึ่งเพื่อให้จำนวนตัวเลขเป็นไปตามเป้าที่วางเอาไว้ในตอนแรก  สมุทรยังคงไม่ยอมไปไหน  เขายืนเงียบรอไม่ว่าอะไรจนผมโหนต่อจนครบรอบ 

"เออ ฉันว่าจะถามหลายครั้งแล้ว" ผมชวนคุย  รู้สึกว่าบริเวณนี้มันเงียบเกินไป 

"ครับ" สมุทรขานรับ

"นายชอบว่ายน้ำเหรอ" ผมถาม  สงสัยมานานเพราะวิเคราะห์ดูได้จากหุ่นและช่วงไหล่ของเขา 

"ก็ไม่เชิง แต่ตั้งแต่เด็ก..จนเมื่อสามปีก่อน ผมว่ายเกือบทุกวัน" สมุทรตอบ  ผมอมยิ้มไว้ในใจและค้างเกร็งอยู่บนบาร์อยู่อย่างนั้นเกือบสิบวินาทีก่อนจะปล่อยตัวลงช้า ๆ ทำให้เราสองคนยืนประชันหน้ากัน 

"ถามทำไมครับ" สมุทรถาม

"ก็อยากรู้" ผมตอบปัดไปที 

"คุณก็ชอบเหรอ" เขาถามอีก

"ชอบอะไร ชอบว่ายน้ำน่ะเหรอ" ผมยิ้มมุมปากแกล้งถามกลับด้วยใบหน้าซื่อ ๆ ทำเอาสมุทรอมยิ้มจ้องผมเขม็ง

"ก็นายไม่ถามให้เต็มประโยค เดี๋ยวฉันก็เข้าใจผิดเหมือนครั้งที่แล้วอีก" ผมยิ้มกะล่อนใส่ 

"เอาเป็นว่า ถือว่าผมไม่ได้ถามอะไรก็แล้วกัน" สมุทรย้อนตอบ

"หึหึ" ผมหัวเราะแล้วเข้าไปหาสมุทร  เขายื่นขวดน้ำมาให้ 

"ถ้าเป็นพี่ธาน เค้าจะเปิดให้ฉันด้วย" ผมพูด  สมุทรว่าง่ายเปิดขวดน้ำให้ผม

"ต้องป้อนด้วยไหมครับ" อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบ  ผมเหลือบสังเกตสีหน้าของเขาที่ดูปกติดี  ตกลงก็เลยไม่รู้ว่านั่นเป็นการถามซื่อ ๆ หรือต้องการประชดผมกันแน่

"นี่กวนตีนเหรอ" ผมเลิกตาถาม

"หึหึ" สมุทรหัวเราะ  ผมรับขวดน้ำมาและยกดื่มจนเกือบครึ่งขวด  สมุทรยืนมองเงียบ ๆ

"ผมเสร็จแล้ว ขอตัวกลับเลยได้รึเปล่าครับ"

"อืม" ผมพยักหน้าอนุญาต

"วันนี้ผมไม่เอามอเตอร์ไซค์ไปนะครับ เป็นห่วงเมฆน่ะ ว่าจะเอาไปจอดไว้ที่บ้านคุณ" สมุทรบอก  ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง  ในสมองกำลังเบลอ ๆ เหมือนมีความคิดหลายความคิดกำลังตีกันให้วุ่นไปหมด 

"งั้น เจอกันพรุ่งนี้นะครับ" สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ตัดบทก่อนหันตัวกลับไป  ผมมองตามหลังของเขา  หุ่นอีกฝ่ายตรงสเปกผมตามที่พี่ธานว่าเอาไว้จริง ๆ พี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่  รู้ดีไปซะหมด  พอเห็นหุ่นใกล้ ๆ แบบนี้แล้ว  มันเป็นความจริงที่เห็นแล้วรู้สึกอยากตายชอบกล

"เดี๋ยวไปส่ง" ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ ในใจร้องคำรามเสียงดัง "อ๊าก!" เชี้ยไรวะเนี่ย 

"ฉันหมายถึง..เดี๋ยวฉันไปส่ง" ผมพูด  สมุทรหันกลับมามองผมคล้ายไม่เข้าใจ
 
"ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้" เขายิ้มปฏิเสธน้อย ๆ

"ก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่งไง" ผมตัดบทอย่างรำคาญแล้วเดินผ่านสมุทรออกมาเลย 

ผมเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วนำเข้าไปในห้องแต่งตัว  หยิบเครื่องใช้อาบน้ำแล้วเข้าไปอาบน้ำในทันที  หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงคนตามเข้ามา  คงเป็นสมุทรนั่นแหละเพราะผมได้ยินเสียงเด็กผู้ชายเดินตามเข้ามารอที่ด้านในตรงส่วนของห้องอาบน้ำนี้ด้วย  ผมใช้เวลาอาบอยู่สิบห้านาที  ซ้อมมวยทีไรต้องอาบนานหน่อยเพราะจำเป็นต้องขัดตัวด้วย  ไม่อย่างนั้นกลิ่นติดตัวไม่หาย  พอเดินออกมาจากห้องน้ำ  ผมเห็นเมฆนั่งเฝ้าอยู่ตรงเก้าอี้กลางห้องแต่งตัว  ผมหันไปมองที่ห้องอาบน้ำใกล้ ๆ คาดว่าสมุทรคงอยู่ในนั้นเพราะห้องอื่นว่างหมด 

"มองอะไร เดี๋ยวจับเรียกค่าไถ่ซะเลย" ผมว่า  แกล้งทำหน้านิ่งขู่  เมฆชะงักหน้าเสียเหมือนจะร้องไห้

"คุณไฟ!" สมุทรที่อยู่ในห้องน้ำตะโกนปรามผมออกมา 

"หึหึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะอย่างอดไม่ได้  ผมเปิดกระเป๋า  หยิบเสื้อผ้ามานวยนาดแต่งตัวอยู่อย่างนั้นจนสมุทรอาบน้ำเสร็จ

"ปกตินายอาบเร็วแบบนี้ หรือว่ารีบออกมาเพราะฉัน" ผมยิ้มแซว  สมุทรจ้องปรามใส่

"เล่นเป็นเด็กไปได้" อีกฝ่ายบ่นพร้อมส่ายหัวน้อย ๆ ผมยิ้ม  หยิบเสื้อยืดตัวใหม่มาใส่  เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ม้านั่งตัวยาวตัวเดียวกันกับที่เมฆนั่งอยู่  สมุทรเช็ดตัว  ผมเอนหลังนั่งด้วยท่านั่งที่ถนัดแก่สายตามากที่สุดและจ้องมองสมุทรแต่งตัวอย่างจงใจ  เมฆยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น  ความเงียบในห้องแต่งตัวที่ค่อนข้างส่วนตัวนี้ทำให้เราสามคนเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง  เสียงเพลงด้านนอกดังแว่วให้ได้ยิน  มือของเมฆขยับเล่นของเล่นในมือไปมาแต่ยังคงรักษาความเงียบเอาไว้  ผมสังเกตเห็นว่ามันคือไดโนเสาร์ตัวเล็กจิ๋วซึ่งน่าจะเป็นของพายุ  เพราะน้องชายผมมันชอบสะสมอะไรปัญญาอ่อน

ผมหันกลับมาสนใจสมุทรอีกครั้ง  เอียงตัวเองเล็กน้อยเพื่อให้หันไปในทางที่สมุทรยืนอยู่  ตั้งศอกลงบนพนักเก้าอี้และเท้าใบหน้าตนเองเพื่อมองคนตรงหน้า  สายตาเหลือบมองไปที่ต้นขาของสมุทรอย่างอดไม่ได้  คนที่ถูกมองยังคงหยิบกางเกงในมาใส่และทำเฉยคล้ายกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวใด ๆ ต่อสายตาของผมอีกตามเคย  ผมรู้สึกว่าสมุทรก็แอบดูหยิ่งในบางที 

ผ้าขนหนูถูกเลิกขึ้นสูงขึ้นไปบนต้นขาเรื่อย ๆ ผมสังเกตเห็นอยู่นานแล้วว่าต้นขาของเขาค่อนข้างขาวกว่าพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย  ไม่แน่ว่านั่นอาจจะเป็นผิวที่แท้จริงของเขาแต่ก่อนก็เป็นได้ 

"งานอดิเรกของคุณคือชอบมองคนอื่นแต่งตัวรึไงครับ" สมุทรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ทั้งที่ไม่มองหน้าผม  ไม่รู้ว่าในหัวของคนที่ปกติมีใบหน้าที่อ่อนโยนแบบนั้น  ตอนนี้ไม่แน่อาจจะกำลังคิดอยากฆ่าผมอยู่ก็ได้

"หึ ฉันก็เพิ่งมารู้ตัววันนี้เหมือนกัน" ผมแสยะยิ้ม 

"ทำไมไม่ใส่กางเกงก่อน" ผมทัก  เพราะพอสมุทรใส่กางเกงในเสร็จเขาก็หยิบเสื้อยืดมาใส่ก่อน  ผมคิดว่าถ้าใส่กางเกงยีนก่อนมันน่าจะง่ายกว่าใส่เสื้อก่อนนะครับ

"เพราะผมชอบใส่เสื้อก่อน" สมุทรย้อนตอบ  เขาหันตัวกลับมามองผมตาขวาง  ผมยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไม่สนใจในสายตาดุ ๆ แบบนั้น  อีกฝ่ายหยิบกางเกงยีนมาใส่  ก้มหน้าลงหน้าลงมองขณะติดกระดุม  พอติดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นสบตากับผมพอดี  ผมมองตามทุกการกระทำ  ยิ่งเขานิ่งแบบนั้นผมยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกต้อนให้จนมุมอย่างไรอย่างนั้น 

เมื่อสมุทรแต่งตัวเสร็จ  อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับเท้าแขนลงบนพนักเก้าอี้โดยคร่อมตัวผมเอาไว้  สมุทรก้มเข้ามา  ผมยังคงนั่งนิ่ง  เราจ้องกันเขม็ง  ใจหนึ่งผมค่อนข้างตกใจที่เขาทำแบบนี้แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่นัก  สมุทรก้มหน้าลงมาใกล้  เบี่ยงใบหน้ามาใกล้กับหูผมมากขึ้น..

"ถ้าน้องผมไม่อยู่ ตาคุณบอดไปแล้ว" อีกฝ่ายกระซิบขู่ที่ข้างหูเสียงเข้ม  ผมฉีกยิ้มกว้าง  บอกตามตรงว่าเสียวข้างหูวาบไปจนถึงปลายเท้า  เจ้าตัวคงไม่ได้รู้อะไรเลยสินะ

"หึ" ผมก้มหน้าหัวเราะน้อย ๆ และยังไม่หยุดเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาโลมเลียจนสมุทรลุกขึ้นยืนตามเดิม  เขาส่ายหัวอย่างเซ็ง ๆ ที่ผมไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อคำขู่ใด ๆ สมุทรหันกลับไปเก็บข้าวของใส่กระเป๋าและเอื้อมไปจับมือเมฆให้เดินตามออกไป  ผมรีบลุกหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายและตามไปทันที

"ฉันควรขอบคุณเมฆสินะ" ผมพูดไล่หลังอย่างไม่ยอมจบเรื่องง่าย ๆ สมุทรเหลือบมามองหน้าผมเล็กน้อย

"แล้วถ้าฉันตาบอด ฉันก็คงโชคร้ายสุด ๆ ที่คงไม่ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรของ.." ผมพูดพร่ำแกล้ง

"คุณไฟ..กรุณาปรามปากสวย ๆ ของคุณให้พูดแต่เรื่องที่ควรพูดด้วยครับ" สมุทรพูดประชดประชันแทรกขึ้นทันควันเหมือนกลัวว่าผมจะพูดอะไรไม่ควรมากไปกว่านี้

"นายก็คิดว่าปากฉันสวยเหมือนกันงั้นเหรอ ก็นะ..มีแต่คนชมอย่างนั้น ถึงแม้หลายคนจะไม่ชอบเวลาที่ฉันพูดก็เถอะ ฉันเองก็รู้ว่ามันค่อนข้างหมาอะนะ..แต่ฉันโอเคนะที่นายก็คิดแบบนี้" ผมพูดเดินตามหลังสมุทรไป  รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองยิ้มกว้างโคตร ๆ และรู้สึกว่าตัวเองยิ้มออกมาง่าย ๆ บ่อยไปแบบไม่มีสาเหตุเกินกว่าปกติ

เราเดินทางไปที่บ้านของสมุทรด้วยกันโดยรถยนต์ของพี่ธานที่ผมไปบังคับเอามาและผมเลือกที่จะเป็นคนขับเอง  วันนี้เมฆก็ยังคงนั่งด้านหน้ากับสมุทรเหมือนเคย  ดูเหมือนการออกมาครั้งนี้จะทำให้ลูกน้องผมแปลกใจมาก  พวกมันพากันเหลือบมองกะหลับกะเหลือกจนผมขับออกมา  ระหว่างทางผมเลือกที่จะเปิดเพลงคลอเบา ๆ เพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะชวนคุยเรื่องอะไรไหม  หรือควรทำตัวอย่างไร  นอกจากสมุทรจะคุยอยู่แต่กับเมฆแล้ว  นอกนั้นเราก็ไม่มีบทสนทนาอื่น ๆ อีกเลย..

"ลงไปดื่มน้ำก่อนไหมครับ" สมุทรถามเมื่อเราจอดรถสนิท  ผมหันไปมองหน้าสมุทรอย่างแปลกใจที่ถูกอีกฝ่ายชวนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

"อืม" ผมพยักหน้ารับอย่างไม่ต้องคิด  สมุทรเปิดประตูและพาเมฆลงไปยืนรอผม  ผมขยับรถให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้งเพราะเมื่อครู่กะจอดเพียงเพื่อส่งพวกเขาทั้งสองคนเท่านั้น  ผมลงจากรถ  เดินขนาบข้างสมุทร  อีกฝ่ายก็เดินจูงมือน้องชายตัวเองไปด้วยจนถึงบ้าน  วันนี้ที่หน้าบ้านของเขายังคงตั้งร้านขายขนมไทยเหมือนเคย 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 14 [ 17:00 น. - 23 ธ.ค 58 หน้า 15 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 08-01-2016 12:16:01

"ดาว" สมุทรตะโกนเรียกจากด้านนอก  เมฆถอดรองเท้า  เดินเข้าบ้านไปก่อน

"กลับมาแล้วฮะ" เมฆพูดบอกคนในบ้าน  น้ำเสียงเบา ๆ ไม่ตะโกนอย่างกับมันเอาไว้พูดกับตัวเองอะไรทำนองนั้น

"นี่" ผมเรียกสมุทรไว้  อีกฝ่ายหันกลับมามอง

"เอ่อ..อย่าบอกยายนายได้ไหมว่าที่จริงฉันเป็นใคร" ผมพูดออกไปตรง ๆ สมุทรอมยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่ซื่อนัก  ผมถึงกับต้องเปลี่ยนสายตาในการมองหน้าเขาในทันที  ผมคิดว่ายายของสมุทรคงรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี  รู้ว่าทำไมลุงยอดถึงตาย  รู้ว่าทำไมทุกคนถึงต้องจากบ้านหลังนี้ไปและจำเป็นต้องทิ้งยายไว้ที่นี่  อยู่กับค่ายมวยศรไกร  รู้ว่าทำไมสมุทรและน้องถึงได้กลับมา  เธอคงรู้ทุกอย่าง

"ทำไมครับ ละอายใจเหรอ" สมุทรว่ากลับ  ผมเหสายตาหนีอย่างเหนื่อยหน่าย

"ที่จริงน่ะ นายเป็นคนปากจัด..รู้ตัวไว้ซะด้วย" ผมว่าเหน็บเสียงเข้ม  สมุทรยักไหล่คล้ายยอมรับ  เราสองคนหันไปเมื่อประตูบ้านเปิดออก  ดาวออกมาต้อนรับ  ดูเธอจะตกใจไม่น้อยที่เห็นหน้าผม

"ดาว นี่คุณไฟ..เป็นเจ้านายของพี่" สมุทรแนะนำรวบรัด  ดาวยกมือไหว้ผมด้วยสีหน้าสงสัยไม่เลิก

"สวัสดีค่ะ" เธอยิ้มน้อย ๆ ผมยกมือรับไหว้

"สวัสดีครับ" ผมตอบ  เราสามคนยืนประชันหน้ากันครู่หนึ่ง

"เดี๋ยวดาวเอาน้ำมาให้นะคะ" ดาวยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไป  สมุทรและผมหันมามองหน้ากัน 

"เข้าไปในบ้านก่อนไหม แต่จะร้อนหน่อยนะครับ" สมุทรพูดด้วยท่าทางเกรงใจผม  ดูเขามีความกังวลเล็ก ๆ สมุทรเข้าไปถอดรองเท้าแล้วเปิดประตูนำเข้าไปก่อน  เขายืนรอผมอยู่ที่ปากประตู  ผมเดินตามเข้าไปอย่างรู้สึกประหม่าไม่ได้  ในบ้านค่อนข้างมืดเพราะเปิดไฟแค่ดวงเดียว  คงเพราะแสงจากพระอาทิตย์ทางด้านนอกยังคงให้ความสว่างได้อยู่บ้าง
 
"ยาย" สมุทรเข้าไปช่วยประคองยายที่เพิ่งเดินออกมาจากทางด้านหลังบ้าน  เธอมองมาที่ผมและยิ้มให้  รอยยิ้มอ่อนโยน  ให้อารมณ์คล้ายกับคนที่กำลังประคองเธออยู่ไม่มีผิด

"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้

"สวัสดีจ้ะ" เธอพยายามจะยกมือพนมไหว้ผมกลับ

"เอ..พ่อหนุ่มนี่ ยายเคยเจอรึเปล่านะ" ยายมองหน้าและเดินไปนั่งที่แหย่งไม้ตัวใหญ่ 

"นั่งก่อนสิ" สมุทรบอก  ผมหันไปมองเห็นเก้าอี้อยู่ใกล้ ๆ จึงนั่งเลยทันทีอย่างกับกลัวโดนแย่ง  ก็นี่มันใกล้มือใกล้เท้าที่สุดแล้ว  สถานที่ ๆ ไม่ใช่บ้านของตัวเองก็รู้สึกแปลก ๆ ไปหมดนั่นแหละ

"พี่คนที่พายายไปโรงพยาบาลไง" ดาวยิ้มเสียงใส  เธอเดินออกมาพร้อมกับนำขันน้ำขนาดกลาง  ดาวนำมันมาวางตรงหน้าผม  ผมมองสำรวจ  ในนั้นมีดอกมะลิและดูท่าจะใส่อุทัยทิพย์เข้าไปด้วย เวรละ..กูเกลียดอุทัยทิพย์ที่สุด
 
"อ๋อ! ยายนึกออกแล้ว ขอบคุณมากนะลูกนะ" ยายยิ้มกว้างทำท่าดีใจจนผมตกใจ 

"แล้วเป็นยังไงมายังไงละลูก" เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"เค้าเป็นเจ้านายสมุทรนะ" สมุทรก้มลงบอกเธอใกล้ ๆ

"เจ้านาย..คนใหม่ที่หนูว่าน่ะรึ" ยายถามอีก

"ครับ" สมุทรพยักหน้า  เมฆเดินออกมา  มันถอดถุงเท้าเรียบร้อยแล้วและเดินมานั่งที่โต๊ะเดียวกันกับผมแต่ก็ทิ้งระยะห่างของเก้าอี้ที่ตนนั่งไว้ประมาณเกือบเมตรได้ 

"ขอบคุณมากนะจ๊ะ ถ้าไม่ได้หนูยายคงแย่ อากาศมันร้อนจริง ๆ" ยายบ่นอุบอิบ  ผมยิ้มน้อย ๆ

"ยังไง..วันนี้อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ" เธอยิ้มชวน  ผมเหลือบมองสมุทรเพื่อขอความคิดเห็น  อีกฝ่ายทำหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรอีกตามเคย  ผมว่าที่จริงเขากำลังกวนผมเล่นอยู่แน่

"อยู่ด้วยกันนะคะ หนูกำลังทำกับข้าวอยู่พอดี" ดาวยิ้มบอกอยู่ห่าง ๆ

"ครับ" ผมผงกหัวรับคำชวน 

"เดี๋ยว ๆ งั้นยายไปทำกับข้าวก่อนนะ" ยายพูดเสียงแหบพร่า  นำมือเท้าลงบนแหย่งเพื่อพยายามที่จะดันตัวเองขึ้นยืน  สมุทรรีบเข้าไปช่วยพยุงให้ยายลุกขึ้นได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม 

"มีอะไรที่กินไม่ได้ไหมลูก" ยายหันมาถาม

"กินได้หมดครับ" ผมรีบตอบอย่างเกรงใจ

"ดี ๆ เดี๋ยวยายทอดปลาซิวให้กินนะ..กระดูกจะได้แข็งแรง" ยายยิ้มชอบใจ  เดินช้า ๆ มีดาวประคองไปด้วย  ทั้งสองเดินเข้าไปที่ด้านหลังบ้านที่ดาวเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่นี้  ตอนนี้จึงเหลือแค่ผม  สมุทรและเมฆ 

"ผมขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" สมุทรบอก  ผมพยักหน้าตอบ  อีกฝ่ายเดินขึ้นบ้านไป  ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับไอ้เด็กมืดมนนี่สองคนเท่านั้น

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงนำวางไว้บนโต๊ะ  เมฆหยิบสมุดการบ้านจากกระเป๋าเป้ออกมาวาง  ก้มหน้าก้มตาจัดของ ๆ ตัวเองไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ  ผมนั่งมองสำรวจไปรอบ ๆ ตัวบ้าน  ความกว้างของบ้านลึกยาวไปตามลักษณะของตึกพาณิชย์ทั่ว ๆ ไป  มุ้งลวดที่สะอาดแปลกตาจึงไม่ทำให้ตึกเก่า ๆ นี้ไม่ดูไม่น่าอยู่อย่างที่ควรจะเป็น  แสงอาทิตย์ให้ความสว่างอ่อน ๆ ประตูด้านนอกปิดไว้ครึ่งหนึ่งคงเอาไว้กันแดดที่สามารถส่องเข้ามาได้เต็ม ๆ ถัดจากโต๊ะไม้ขนาดสองเมตรคูณสองเมตรนี้  เป็นแหย่งไม้สักซึ่งน่าจะเป็นขอโบราณนมนาน  โทรทัศน์ขนาดสิบหกนิ้วโดยประมาณพร้อมกับเครื่องเสียงเล็ก ๆ รุ่นเก่า  นอกนั้นเป็นชั้นวางหนังสือ  ถัดไปทางด้านหลังมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเก่า ๆ วางอยู่ซึ่งคงจะเป็นโต๊ะทำงานไปในตัวด้วย  แม้บ้านจะดูเก่าทรุดโทรมแต่ถือว่าค่อนข้างสะอาดมาก  ไร้หยากไย่  ไร้ฝุ่น  ทุกอย่างจัดวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย  และโดยภาพรวมแล้วบ้านนี้ตกแต่งแบบปล่อยให้บ้านดูโล่ง  เหมือนจงใจไม่ให้มีอะไรมาทำให้เกะกะหรือสกปรก 

ผมเอื้อมมือไปที่โต๊ะเล็ก ๆ ที่วางอยู่ด้านข้างติดผนัง  ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  จึงนำมือลูบไปที่โต๊ะนั่นเพื่อต้องการให้แน่ใจว่ามีฝุ่นหรือไม่  แต่เมื่อนำมือมาดูก็ไม่พบว่าฝุ่นจะติดมือตัวเองแต่อย่างใด  ด้านล่างข้าง ๆ กันนั้นมีรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านวางอยู่ด้วย 

"เฮย มืดมน..นี่ผ้าขี้ริ้วเหรอ" ผมเรียก  ชี้มือไปที่ผ้าขาวสะอาดตาที่วางอยู่ข้าง ๆ กับโทรศัพท์  เมฆเงยหน้ามองตามมือผมและพยักหน้าตอบ  จากที่ผมพบมา  น้อยครอบครัวมากที่ในบ้านจะมีผ้าขี้ริ้วที่สะอาดเท่า ๆ กับเสื้อผ้าที่สวมใส่  นอกจากบ้านของผมแล้วผมก็แทบไม่เจอบ้านใครที่มีผ้าขี้ริ้วที่สะอาดจนแขกที่มาเยี่ยมบ้านตกใจ  และถามว่า "นี่ผ้าขี้ริ้วบ้านมึงแน่เหรอ!"  เพราะขาวสะอาดหมดจดตามที่พายุต้องการ 

"ซื้อขนมหน่อยจ้า!" เสียงแว่วดังมาจากด้านนอก  ผมชะงัก  ชะโงกหน้าออกไปดูพร้อมกับเมฆก็เห็นลูกค้ามายืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว  เธอพยายามมองเข้ามาด้านในบ้าน  ผมลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น  ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร  อยู่ ๆ ก็เกิดอาการงง ๆ นี่ผมควรออกไปตักขายเองหรือว่าเรียกคนบนบ้านดี  ผมไม่กล้าตะโกนเรียกเพราะในบ้านเงียบมาก  อยู่กันแบบเงียบสงบจนผมไม่แน่ใจว่าควรเรียกในโทนเสียงแบบไหน

"..........." ผมเหลือบมองไปที่เมฆที่เงยหน้ามองหน้าผมอยู่เหมือนอีกฝ่ายก็รอการตัดสินใจจากผมด้วยเช่นกัน

"ให้ฉันตักงั้นเหรอ ยกหม้อกลับไปเลยง่ายกว่านะ" ผมชี้หน้าตัวเองว่าเมฆ  เพราะสีหน้าของมันเหมือนคาดหวังผมอย่างนั้น

"เรียกพี่ชายนายสิ" ผมสั่ง  ใช้เด็กนี่ละ..ทางออกที่ง่ายที่สุด  เมฆนั่งเงียบไปครู่  ลูกค้าด้านนอกยังคงส่งเสียงเรียกอยู่ไม่หยุดเช่นกัน

"พี่สมุทร" เมฆหันไปตะโกนเรียก  แต่เป็นการตะโกนที่เบาและฟังดูไร้เรี่ยวแรงมากสำหรับผม

"ดัง ๆ สิ ให้มันหนักแน่นหน่อย" ผมสั่งอีกครั้ง

"พี่สมุทร!!!" เมฆรวบรวมพลังตะโกนอีกครั้งตามที่สั่ง  มันหลับตาปี๋เลย  สงสัยนั่นสุดเสียงที่มีแล้ว 

"ครับ ๆ มาแล้ว ๆ" สมุทรขานรับ  เสียงฝีเท้าวิ่งลงมาจากบนบ้านมาอย่างรวดเร็ว

"ครับ" สมุทรมองหน้าผมอย่างสงสัย 
 
"มีลูกค้า" ผมและเมฆพูดพร้อมกันและชี้นิ้วไปที่หน้าบ้านประกอบด้วย

"หึ" สมุทรหลุดหัวเราะคล้ายโล่งอก 

"มีอะไรรึเปล่าคะ!" ดาวตะโกนถามออกมาจากครัวอย่างสงสัย  เสียงดังกังวานมาก ๆ

"เปล่า ๆ" สมุทรตะโกนตอบ 

"ก็พูดเสียงดังกันได้นี่หว่า" ผมพึมพำคนเดียว  สมุทรรีบออกไปหน้าบ้าน  ผมกลับมานั่งที่เดิม 

".........." ความเงียบระหว่างผมกับเมฆก่อตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  ผมเหลือบมองว่าเด็กนี่กำลังทำอะไร  เขาวางสมุดโดยกางอยู่หน้าเดิมและจ้องไม่ขยับอยู่อย่างนั้นอยู่นานจนเกือบห้านาทีได้แล้ว  ผมแอบดูว่านั่นเป็นการบ้านเป็นวิชาอะไร  พบว่ามันคือคณิตศาสตร์  วิชาที่ผมคิดว่าเด็กเก้าสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะเกลียดเข้าไส้   

"ช่วยไหม" ผมถามขึ้นลอย ๆ ห้วน ๆ ไม่มองหน้า  หลังจากนั้นเราต่างเงียบเหมือนเดิม  ผมมองเหล่สายตาไป  เห็นเมฆเหลือบสายตามามองผมเหมือนต้องการอ่านสีหน้าของผมเช่นกัน  อีกฝ่ายเลื่อนสมุดมาทางผมช้า ๆ คงเป็นการส่งสัญญาณของการอนุญาตให้ช่วย  ผมจึงหยิบมาดู

"นี่การบ้านเด็กป.3 เหรอ!" ผมขมวดคิ้วบ่นทันที  พลิกหนังสือเรียนดูอีกครั้งว่าใช่สำหรับการเรียนการสอนของเด็กประถมศึกษาปีที่ 3 แน่หรือไม่  ตัวเลขบวกลบหลักหมื่นที่อาจดูธรรมดาสำหรับคนโตแต่ผมกลับคิดว่า  ถ้าให้ไอ้รุ่งหรือไอ้เด่นมาเห็นตัวเลขบวกลบหลักหมื่นละก็  มันได้มียกนิ้วเท้าขึ้นมาช่วยกันนับเป็นแน่  หรือไม่ก็คงหยิบโทรศัพท์มากดคิดเลขแทนเพื่อความรวดเร็ว

"อันนี้เป็นหลักอะไร" ผมเลื่อนหนังสือกลับไปตรงหน้าเมฆและเลือกเริ่มสอนข้อที่ง่ายที่สุดก่อน  อีกฝ่ายชะเง้อมองไปตามดินสอที่ผมชี้อยู่

"หมื่น" เมฆตอบเสียงเบา

"ใช่..แล้วอันนี้ล่ะ" ผมถามต่อพร้อมกับเลื่อนดินต่อไล่เรียงไปทีละตัวให้ด้วย

"พัน"

"รวมกันเป็นอะไร" ผมถาม

"ห้า..หมื่น หนึ่งพัน" เมฆสองเสียงเบาเหมือนไม่แน่ใจ

"ใช่"

"แล้วนี่ล่ะ" ผมชี้ไปที่เลขหก

"หก..ร้อย!" เมฆรีบตอบอย่างมั่นใจ

"งั้น..ถ้าสองอยู่ที่ตรงนี้ เรียกว่าหลักอะไร" ผมถาม

"หลัก หน่วย" เมฆตอบเสียงเบาลงอีกครั้งเป็นการแสดงความไม่มั่นใจให้เห็น

"ถ้ารวมทั้งหมดนี่ล่ะ" ผมถาม  คราวนี้เมฆเงียบไปครู่หนึ่งก่อนนำนิ้วมาจิ้มที่ตัวเลข

"ห้าหมื่น..หนึ่งพัน หกร้อย..สอง" เมฆตอบ

"เก่งนี่" ผมอมยิ้มมุมปากให้เล็กน้อย  เมฆหลบสายตาและพยักหน้ารับคล้ายแทนคำขอบคุณ

"งั้น ข้อนี้ควรตอบอะไร" ผมถาม

"ขอไข่" เมฆชี้ไป  ผมวางดินสอให้อีกฝ่ายเพื่อให้เขาได้ทำการกาข้อที่ถูกด้วยตัวเอง  ครู่หนึ่งสมุทรเดินกลับเข้ามา  เขามองมาที่ผมกับเมฆและอมยิ้มน้อย ๆ

"ยิ้มอะไรไม่ทราบ" ผมถามเสียงห้วนเพราะรอยยิ้มนี้กลับดูไม่บริสุทธิ์เหมือนทุกทีที่ผมได้เห็นและชอบมอง

"บัวลอยกับปลากริมไข่เต่า อยากได้อะไรหลังอาหารเย็นดีครับ" สมุทรเปลี่ยนเรื่อง 

"ไม่ล่ะ ขอบคุณ" ผมตอบ  สมุทรนิ่งไป  ตาจ้องมองมาที่ผม

"ปกติ ฉันไม่ค่อยกินอาหารหวานหลังอาหารเย็นน่ะ" ผมขยายความตามความจริง 

"แล้วเมฆล่ะเอาไหม" สมุทรถามเมฆ

"หนูเอาบัวลอย" เมฆยิ้มตอบ  สมุทรพยักหน้ารับก่อนเดินเข้าไปที่หลังบ้าน  ผมสอนการบ้านเมฆต่อโดยที่ทั้งสมุทร  ดาวและยาย  ดูจะวุ่น ๆ อยู่กับการจัดเตรียมอาหาร 

สุดท้ายน้ำที่ดาวนำมาเสิร์ฟให้  ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบแต่ผมก็ดื่มเพราะรู้สึกกระหายมากอีกทั้งไม่กล้าปฏิเสธด้วย  เมฆทำการบ้านเสร็จก่อนที่อาหารเย็นจะตั้งโต๊ะได้พักหนึ่ง  เราต้องรีบเคลียร์สมุดและหนังสือเพราะโต๊ะที่จะต้องกินข้าวก็คือโต๊ะนี้ที่เรานั่งอยู่นั่นละ

วันนี้อาหารเย็นที่ยายดูจะภูมิใจทำให้ผมได้กิน คือ แกงเขียวหวานปลากราย  มันทั้งหอมและน่ากินมาก   แถมยังมาเสิร์ฟให้ซะโถใหญ่เบ้อเร่อ  ส่วนกับข้าวอีกสามอย่าง คือ ไข่เจียวทรงเครื่อง  ผัดผักและปลาซิวทอดที่ดูจะเป็นของโปรดของสมุทรและเมฆอย่างมาก  ระหว่างที่กินก็เปิดโทรทัศน์คลอไปด้วย  เรากินกันไปคุยกันบ้าง  ดูโทรทัศน์ไปด้วยบ้างและแน่นอนว่าได้พูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาในโทรทัศน์นั้นอีกด้วย  ดาวหลอกถามหลายเรื่องเกี่ยวกับตัวผมเหมือนต้องการสืบทราบให้แน่ใจว่าพี่ชายของเธอไม่ได้เอาคนไม่ดีเข้าบ้าน  ผมก็ตอบไปตรง ๆ ในเมื่อเธออยากรู้ก็แค่ตอบไปให้หายข้องใจแค่นั้น  ส่วนเมฆไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากขานรับเนือง ๆ ยายชวนคุยเรื่องอดีตเป็นระยะ  ถามไถ่ถึงครอบครัวของผมซึ่งผมก็ตอบไปตามความจริงแต่มีการเบี่ยงหลบประเด็นโดยการไม่บอกชื่อของพ่อและแม่บ้าง  บางเรื่องที่ยายเล่าถึงเป็นความหลังหวาน ๆ ของครอบครัวที่เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้บนโต๊ะอาหารได้ด้วยเหมือนกัน..



...........ไฟ...........

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 08-01-2016 12:54:50
สงสารเมฆ ถ้าเราเป็นเมฆเราก็คงกลัวไฟ 555555555555 ชอบแกล้งอะ

แต่แอบดูขาอ่อนสมุทรนี่ อารมณ์เริ่มหื่นขึ้นเรื่อยๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 08-01-2016 14:02:32
สมุทรขี้อ่อย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 08-01-2016 14:17:07
เริ่มคลืบคลานเข้าหาช้าๆ ตอนนี้ก็เข้าบ้านได้แล้ว อีกไม่นานเข้าห้องนอน  :hao7:
อยากเห็นสมุทรชกแบบจริงจัง งัดทุกกลเม็ดออกมา แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-01-2016 14:18:36
ตีคุณไฟซักเพี๊ยะ  ป้าจะโดนฆ่าใหม



คนอะไร แกล้งเด็ก มาแกล้งน้องเมฆของป้าทำไม



คุณไฟเวลาอยู่ใกล้สมุทร  ความสามารถในการควบคุมตนเองลดลงใช่ใหม



ถึงขนาด อาสาขับรถไปส่ง สมุทรถึงบ้านกันเลยทีเดียว



แถมยังอยู่กินข้าวเย็น กับครอบครัวสมุทรอีกแน่ะ



เอ..แบบนี้ อาจมีมุข ทำให้ตัวเองได้ค้างคืนบ้านสมุทร ก็เป็นได้ คริๆ



คุณไฟสอนการบ้านน้องเมฆได้ น่ารัก เข้าใจง่าย



ตอนแรก ป้าคิดว่าน้องเมฆจะสนิทกับพายุ แต่ถ้าเป็นแบบนี้



น้องเมฆคงจะสนิทกับคุณไฟขี้แกล้งนี่แหละก่อน ฮ่าๆ



พี่ธานฉลาดจัง ไม่ยอมหลงกล คุณไฟให้ตัวเองโดนน๊อค



หมัดซ้ายพิฆาต  ของสมุทรที่คุณไฟปลื้ม ที่คุณไฟฟิน



ปล่อยให้เธอโดนคนเดียวนะดีแล้ว พี่ธารคิดถูกแล้วค่ะ



พายุออกมาน้อยจัง ออกเยอะๆกว่านี้หน่อย



(คุณ เบบี้  เขียนเรื่องนี้ได้สนุกมากๆ  การใช้ภาษา ดูธรรมชาติ เข้าใจง่าย อ่านสนุกจริง ชื่นชมค่ะ)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 08-01-2016 14:23:29
^_______________^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-01-2016 14:56:41
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 08-01-2016 15:10:21
น้องเมฆฆฆฆฆฆฆฆฆ
อยากแกล้งอ่ะ 5555555555555555555
ขอแกล้งหน่อยยยยยย

ชอบตอนสมุทรเท้าแขนลงบนเก้าอี้คุณไฟฟ
กรี๊ดมาก กรี๊ดสุด อ่านซ้ำสามรอบบบ555
บุคลิกคุณไฟเหมือนนางเอกเซ็กซี่ขี้ยั่วแบบเหมือนจะเล่นๆแต่ถ้าได้ก็เอางั้นอ่ะ
แล้วสมุทรนี่ก็เซ็กซี่นะ เซ็กซี่มากด้วย ชอบบบบ
นี่ถ้ามีอะไรกันนะ กรี๊ดดดดด มันต้องเป็นอะไรที่ดับเบิ้ลๆๆๆเซ็กซี่แรงมากอ่ะ
นี่คิดไปไกลแล้ว 5555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 08-01-2016 15:30:26
ขำเวลาที่ไฟแกล้งน้องเมฆ  :laugh:  แบบว่าเหมือนรอดูเชิงซึ่งกันและกัน
ค่อยๆใกล้กันเข้าไปอีกหน่อย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-01-2016 15:57:59
คุณไฟอ่อยตลอด
สมุทรก็นิ่งไปรึเปล่า
แต่น้องเมฆน่ารัก :hao7:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 08-01-2016 16:38:16
คิดภาพตามตอนที่ไฟมองหุ่นของสมุทรแล้ว :haun4: หืนขึ้น 5555+++
ชอบน้องเมฆจัง :mew1:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 08-01-2016 16:48:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-01-2016 18:32:41
พี่ไฟชอบแกล้งน้องว่ะ นิสัยนะอิอิ

สมุทรร้ายนะเห็นแบบนี้ 555 จะเอาพี่ไฟอยู่หมัดเชียวล่ะ

#ทีมพี่ไฟ

ขอบคุณเบบี้จ้า 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: matilda.taon ที่ 08-01-2016 19:12:59
เรื่องนี้อัพทีไร  มันเป็นเหมือนของกินที่เราชอบกินมากๆ
จะค่อยๆละเลียดกิน กลัวมันหมดเร็ว

ค่อยๆอ่าน กลัวมันจบ :hao5: :hao5:

คุณไฟก็แกล้งน้องเมฆเก่งจริงๆ  เอาจริงๆเฮียแกก็แกล้งทั้งพี่ทั้งน้องอะนะ
เนื้อเรื่องเหมือนไม่มีอะไรในตอน  แต่ทำไมรู้สึกจินตนาการไปหื่นมากกกกกก :hao7: :hao7:

ชอบบ   o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 08-01-2016 19:24:25
คุณฟ.ไฟ....นั้น..เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ

แต่คุณส.สมุทร...นั้นยากแท้หยั่งถึงยิ่งกว่า!!!


ตอนนี้รู้แค่ว่าต่างคนต่างขี้อ่อยยยยยย :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 08-01-2016 19:41:47
เมฆหนูมาผิดวันมากเลยลูก
ถ้าหนูไม่มาพวกพี่อาจจะเห็นอะไรมากกว่านี้ก็ได้นะลูก เสียดายจริงๆ
ส่วนคุณไฟนี่ขี้แกล้งจริงๆ
แกล้งสมุทรลามมาถึงเมฆเลยนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 08-01-2016 20:42:35
พี่ธานเยี่ยมรู้ทันไฟคิดอะไร ไฟขี้แกล้งเมฆหวังอ่อยสมุทรหล่ะสิ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 08-01-2016 21:55:01
ไฟแกล้งเด็กอ่ะ แต่ชอบสมุทรเอาเมฆไปให้ไฟแกล้งบ่อยๆนะ  :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 08-01-2016 22:31:21
ชอบตอนสมุทรคร่อม ???
55555
น่ารักมากกก  น้องเมฆก็ดี
อยากเห็นสมุทรทำงานตลาด จะเป็นไง ดุแบบไหน
รอออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 09-01-2016 00:22:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 09-01-2016 01:32:13
ดูท่าทางแล้วไฟเคะแน่ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 09-01-2016 03:05:24
อยากเห็นไฟชกใต้เข็มขัดสมุทร :z1:
ตอนกินข้าวบ้านสมุทร เหมือนครอบครัวกันเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 09-01-2016 07:25:34
คุณไฟนี่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ 55555555 มีแอบมองตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย55
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 09-01-2016 14:23:38
นิยายพี่เบบี้นี่เด็ดจริงๆ
ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 09-01-2016 16:38:43
ไฟน่ารักเวลาแกล้งน้องเมฆ   แม้จะต้องการยั่วสมุทรแต่ก็รู้สึกได้ว่าไม่ได้เกลียดเด็กแน่นอน  :laugh: ชอบโมเม้นนี้ของไฟมาก ๆ ค่ะ อยู่กับน้องเมฆแลัวฮาดี


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 09-01-2016 21:14:21
ไฟมีมุมน่ารักแบบนี้ เชียร์ให้เป็นสมุทรไฟเลยค่ะ
ตอนนี้ได้กรี๊ดตลอด ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 10-01-2016 00:15:08
โอ้ยย น้องเมฆที่น่าสงสาร 
คือรายนี้ก็ขี้แกล้งไง แกล้งพี่ธาน แกล้งพายุ แกล้งลูกน้อง แกล้งสมุทร   
อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ กับหมาอิตาคุณไฟก็แกล้งมาแล้ว
ที่ช็อกคือแกล้งคนพี่ละยังจะไปแกล้งน้องเค้าอีก กับเด็กก็ไม่เว้น ขำหนักมาก 
น้องเค้าสุภาพมารยาทดี กลายเป็นไอเด็กมืดมนไปซะงั้น 5555555
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 11-01-2016 23:38:11
ไฟขี้แกล้งอะ เราเป็นเมฆนี่คงมีวิ่งหนีขึ้นบ้านแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-01-2016 08:54:11
น้องเมฆ น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 12-01-2016 10:05:33
สงสารน้องเฆฆเวลาอยู่กับไฟ5555..
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 16-01-2016 12:58:54
มารอคุณไฟ  อยากให้คุณไฟสอนการบ้านป้ามั่งได้ป๊ะ



คิดถึงสมุทร คิดถึงพี่ธานน้องพายุ  คิดถึงน้องเมฆด้วย



ป้ารอออออออออออออออออออออออออออออออ :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Map ที่ 16-01-2016 15:30:14
โอ้ยยยยยยย ฟิน ขี้อ่อยทั้งคู่ พี่ธารคนน่ารัก #สมุทรไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 16-01-2016 17:43:55
 :m7: :m7: :m7: จะมาต่อหรือยังน้อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 18-01-2016 07:20:42
เมฆน่ารัก ชอบเมฆจัง
ไฟนี่ก็แอบอ่อยสมุทรเหรอ 55+
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 21-01-2016 15:08:20
มาแอบดูว่าสมุทรมายัง :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-01-2016 15:45:53
รอเหมือนกัน อยากรู้เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 21-01-2016 20:38:11
ไฟขี้อ่อยยยยหายไปไหนนะ

รอชั้นรอเธออยู่!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 22-01-2016 00:16:35
 :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 23-01-2016 08:27:32
 :m7: :m7: เข้ามารอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 27-01-2016 10:10:16
คิดถึงแล้ว  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 27-01-2016 12:41:16
เข้ามารอคุณไฟกะสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 28-01-2016 06:57:37
ยังไม่มาอีกหรอคะ คิดถึงแล้วน้าาา
 :sad4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 28-01-2016 15:03:59

ตอนที่ 16
..ไฟ..




6:30 น. บ้านเลิศประสงค์
"นี่รูปความคืบหน้าของค่ายศรไกรครับ" อยู่ ๆ พี่ธานก็ยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าผมที่กำลังซิทอัพอยู่  วันนี้ผมกับพี่ธานตื่นตั้งแต่ตีห้า  ออกไปวิ่งด้วยกัน  กลับมาซ้อมมวย  ตอนนี้ก็วอร์มร่างกายใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว

"พี่นี่ เริ่มทำอะไรไม่ต่างจากไอ้เด่นแล้วนะครับ" ผมว่าเรื่องมารยาท  พี่ธานยิ้มเขิน   

"งานเร็วดีนะ" ผมชม  พี่ธานปิดโทรศัพท์มือถือและวางทิ้งไว้  ก่อนนำมือมาแตะที่ขาของผมเหมือนบอกให้ยกสูงขึ้นเพื่อเพิ่มความยากในการฟิตร่างกาย  ผมหายใจเข้าและหายใจออกลึกยาวมากขึ้น 

"แล้ว..ตำรวจสงสัยอะไรไหม" ผมถามถึงเพราะตั้งแต่วันนั้นมา  สมุทรก็ไม่มีท่าทีกังวลอะไรเลย

"ไม่ครับ เรื่องเงียบกริบยิ่งกว่าแม่ค้าในตลาดตีกันซะอีก" พี่ธานพูดแกมประชด  ผมหัวเราะขึ้นจมูกอย่างเข้าใจในความหมาย

"วันเสาร์นี้พี่เข้าไปดูที่ค่ายอีกรอบแล้วกันนะ" ผมสั่ง

"ได้ครับ ผมว่ากำลังจะนัดสถาปนิกเรื่องแบบงานพอดี" พี่ธานตอบ  ผมพยักหน้ารับทราบ

"วันนี้คุณมีนัดกับป๋าจงนะครับ อย่าลืมล่ะ" พี่ธานเตือนความจำ

"รู้แล้วน่า" ผมพูด

"แล้ว จะให้ผมไปด้วยไหมครับ คุณมีคู่หูใหม่แล้วนี่" พี่ธานอมยิ้มแซว ๆ ผมเหล่มองและหยุดขยับร่างกาย 

"ว่าแล้วก็.." ผมเบ้ปากแกมเจ้าเล่ห์  พี่ธานยิ้มมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจผมขึ้นมา

"เดี๋ยวผมไปกับหมอนั่นแล้วกัน" ผมยักคิ้วแสยะยิ้มกว้างกว่าเดิม  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ 

"เป็นรอยยิ้มที่ไม่ซื่อตรงเลยนะครับ พี่หึงผมกับสมุทรก็พูดมาตรง ๆ ก็ได้" ผมพูดกวนพร้อมกับลุกขึ้นนั่งสบาย ๆ เท้าแขนไปทางด้านหลัง

"ถ้าคุณชอบจริง ๆ ก็จีบจริงจังไปเลยสิครับ" พี่ธานพูดตรงประเด็น  หย่อนก้นนั่งลงตรงเบาะที่นั่งของเครื่องออกกำลังกาย  ผมเงียบ  หันไปจ้องหน้าพี่เขา  อีกฝ่ายยักไหล่เหมือนกับบอกผมว่า..ผมพูดผิดตรงไหนกัน

".........." ผมอมยิ้มและรักษาความเงียบเอาไว้  ลุกขึ้นยืนเพราะไม่อยากให้เส้นยึดทันทีที่หยุดเคลื่อนไหวร่างกาย  พี่ธานมองตามผมตลอดเวลา  ผมเดินไปหยุดนำก้นพิงไว้ที่โต๊ะสนุกเกอร์ซึ่งห่างจากตรงที่พี่ธานนั่งอยู่เพียงเมตรสองเมตรเท่านั้น  เราต่างมองตากันไม่วางตา  ผมเคลื่อนไหวใบหน้าตัวเองไปมาอย่างต้องการใช้ความคิด  ที่จริงก็แค่อยากกวนตีนพี่ธานมากกว่าอะนะ

"ขอจูบก่อนได้ไหมล่ะ แล้วค่อยว่ากันทีหลัง" ผมพูดขึ้นเล่น ๆ ไปงั้น  พี่ธานหัวเราะขึ้นจมูก

"แค่จูบก็น่าจะตอบได้อยู่ว่าไปต่อได้ไหม" ผมยักคิ้วพลางหุบยิ้มลงทีละนิด

"หึหึหึ" พี่ธานหัวเราะออกมา  นำมือลูบท้ายทอยตัวเองแล้วถอนหายใจ 

"เขาบอกว่าปากผมสวยด้วย พี่คิดว่าไง" ผมกวนพี่ธานต่ออีก  พี่ธานหันมาเลิกคิ้วมองหน้าผมด้วยสีหน้าดูแปลกใจ  ผมเลิกคิ้ว  พยักหน้าตอบให้พี่ธานด้วยสีหน้าแบบเดียวกันกับพี่เขา  เรียกว่าเราชอบเลียนแบบสีหน้ากันมากขนาดแม้กระทั่งคนใกล้ตัวก็ยังเกลียดที่จะเห็นเราทั้งคู่อยู่ด้วยกันนะครับ

"ครับ คุณเป็นผู้ชายที่ปากสวย น่าจูบมากที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา" พี่ธานพูดบอก

"ก็ถ้าคุณไม่ใช่นายน้อยของผมมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่ลูกของคุณท่าน ฐานะเราเท่ากัน แล้วถ้าผมไม่ได้รู้ลึกนิสัยของคุณมาก่อน แน่นอนว่าปากของคุณมีส่วนให้ผมอยากลองจีบคุณดูแน่ ๆ" พี่ธานพูดกวน  ทั้งการใช้คำพูดและสีหน้าต้องการกวนตีนผมอย่างเห็นได้ชัด 

"นั่นสินะครับ ถ้าผมได้พี่ละก็..มีแต่กำไรเห็น ๆ" ผมแสยะยิ้มมองพี่ธานกลับอย่างไม่ยอมความและไม่รู้สึกใด ๆ ต่อคำกวนอารมณ์ของพี่เขาด้วย

"พี่ก็รู้ว่าผมเซ็กส์จัด แล้วจากที่เราอยู่ด้วยกันมานาน ถ้าพี่กับผมบวกกันขึ้นมาละก็..อารมณ์นี่เรียกว่าขึ้นแบบลงไม่เป็นเลยนะ ตายคาเตียงแน่ ๆ" ผมยักคิ้วเจ้าชู้ให้

"คุณไฟ! หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยครับ!!" พี่ธานกระชากเสียงอย่างสุดทน  ผมหลุดหัวเราะ  มากวนผมก่อนเองแต่ดันรับไม่ได้ซะงั้น

"ถ้าคุณท่านมาได้ยิน ได้ฆ่าผมแน่" พี่ธานทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา

"ถ้าพายุอยู่ มันต้องพูดว่า..ขอโทษอาป๊าที่อยู่บนสวรรค์ด้วยฮะ ยุดูแลเฮียไม่ดีเอง ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหัวเราะอย่างยั้งไม่อยู่  พี่ธานยิ้มคล้ายอ่อนใจ

"ก็เพราะปากคุณเป็นแบบนี้นี่ไงครับ พูดแต่ละคำ ดันตรงกันข้ามกับรูปปากไปซะหมด" พี่ธานบ่น  ผมหัวเราะอย่างไม่คิดอะไร  นำลิ้นออกมากัดอย่างรู้สึกแปลก ๆ ในความรู้สึกของตัวเอง  ถูกชมแกมกัดด่าก็โอเคอะนะ 

"แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าสมมุติผมเป็นสมุทร ในสายตาของเขาตอนนี้ คุณคือคนหล่อที่ไม่ควรเข้าใกล้" พี่ธานเลิกคิ้วพูด  สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย  ครั้งนี้ดูท่าจะจริงจัง

"นี่กำลังจะให้กำลังใจรึเปล่าครับ ผมจะได้ทำหน้าถูก" ผมถามยิ้ม ๆ

"คุณโปรดก็เคยบอกคุณแล้วนี่ครับ ว่าหน้าตาคุณถึงจะดีแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้ลดความร้ายกาจบนหน้าให้ลดลงไป ดังนั้น ถ้าอยากจีบเขาให้ติดละก็ ผมก็พอมีตัวช่วยอยู่บ้าง.." พี่ธานยักคิ้ว  ทำท่าเหนือกว่า  ผมแสยะยิ้ม  ครั้งนี้มองพี่ธานแทบแดก 

"ผมแนะนำว่า ให้คุณไฟกรุณาเลิกพูดกวนอีกฝ่าย เลิกใช้คำพูดสองแง่สองง่าม" พี่ธานบอก

"สองแง่สองง่าม" ผมขมวดคิ้วเบะปากย้ำคำพูดของพี่ธานพร้อมกับผายมือออกทั้งสองมืออย่างรับไม่ได้  เพราะไอ้สองแง่สองง่ามที่ว่านี่มันเกิดมาเพื่อผมเลยนะครับ

"เวลาที่ชอบใจอะไร ขอให้เลิกแสยะยิ้มแบบที่ผมพร่ำบอกแต่เด็กว่า..ให้ให้คุณเลิก" พี่ธานเริ่มเข้าโหมดคุณพ่อ  ผมหัวเราะน้อย ๆ เบะปาก  เลิกคิ้วมองพี่ธานอย่างอยากรู้ว่าพี่เขาจะว่าอะไรอีก

"แล้วก็เลิกไอ้นิสัยชอบเลิกคิ้วข้างเดียว ทำตาไม่รับรู้ระหว่างที่ฟังคนอื่นพูดอยู่ด้วยครับ ผมบอกเป็นร้อยครั้งแล้วว่ามันดูเสียมารยาท" พี่ธานว่า

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหยุดหัวเราะเพราะเมื่อครู่พี่ธานทำหน้าตาตลกมากจริง ๆ

"หยุดฟังผมให้จบก่อนครับ" อีกฝ่ายทำเสียงเข้ม  ผมยกมือขึ้นส่งสัญญาณบอกว่าให้ต่อได้เลย

"ที่สำคัญไปกว่านั้น ขอให้เลิกทำตาเจ้าเล่ห์เวลามองเขาสักที ผมรู้ครับว่าคุณถูกใจเขาน่าดู แต่เพราะแค่หน้าเจ้าชู้ ๆ ของคุณ อีกฝ่ายคงเอือมที่จะเห็นจะแย่ จบครับ..หึหึ ต้องปรับตัวเยอะเลยนะครับท่าน" พี่ธานแสยะยิ้มเจ้าเล่ก์หนักกว่าเก่า  ผมเบะปากพยักหน้างึกงักขอผ่านไปที

"พี่น่ะ เริ่มเรียนรู้นิสัยลามปามผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะครับ บางทีผมชักเริ่มสงสัย" ผมพูด  พี่ธานยิ้มเขิน

"อีกอย่าง ใครจะอยากเกิดมาหน้าตาแบบนี้กัน พี่ก็รู้ ๆ อยู่.." ผมย้อน  เรามองตากันนิ่ง  สายตาของพี่ธานเริ่มระแวงมองมาที่ผม

"ไม่เห็นความยุติธรรมเลย กับบางคนที่เจ้าชู้หลบใน แต่กลับได้หน้าตานิ่ง ๆ อย่างกับหินอะนะ" ผมว่าเหน็บ

"ขอแนะนำอีกอย่าง.." พี่ธานเอ่ยแทรก 

"เชิญ" ผมอนุญาต  ประมาณว่า "ไม่ว่าพี่ธานจะพูดอะไร ผมก็รับได้ทุกอย่าง"

"ดูจากน้ำหนักการลงนวมเมื่อวานแล้ว คุณคงต้องหลอกให้อีกฝ่ายยอมโอนอ่อนเองด้วยนะครับ เพราะผมไม่อยากให้พี่ทัพมาเดือดร้อนช่วยปิดคดีนองเลือดของพวกคุณ" พี่ธานพูดติดตลกแต่ผมคิดว่ามันสามารถเป็นเรื่องจริงตามที่พี่ธานเตือนมากกว่า

"ท้าทายจริง ๆ" ผมทำเสียงกระเส่าจนพี่ธานหัวเราะ  พี่เขาจ้องผมไม่เลิกเลยเหมือนรอคำตอบอะไรอย่างนั้น

"เซ็กซี่ดีนะว่าไหม" ผมพูดคนละเรื่อง 

"ผมหมายถึงไอ้เข้มน่ะ" ผมเบ้ปาก  ชี้นิ้วไปที่ไอ้เข้มที่เดินใส่แค่กางเกงบอลออกมาจากด้านหลังห้องน้ำ  มันถือตะกร้อติดมือออกมาด้วย 

"นายครับ เล่นไหมครับ" ไอ้เข้มตะโกนถาม  ผมพยักหน้าตอบส่ง ๆ ก่อนที่ไอ้เข้มจะเดินไปที่ลานด้านนอก  ผมเหล่ไปมองที่คนข้าง ๆ อีกครั้งเพราะรู้สึกว่าพี่ธานยังคงจ้องผมอยู่ไม่ยอมไปไหนเลย

"กลัวแห้วเหรอครับ" พี่ธานพูด  ผมหันไปมองตรง ๆ กัดลิ้นไว้อย่างเคยชิน

"หึ" ผมหัวเราะขึ้นจมูก 

"..ก็แค่" ผมพึมพำนึกคำพูด  เท้าเอวพลางเงยหน้ามองไปอีกด้านของโรงฝึก
 
"หมาหยอกไก่ไปก่อน ถ้าอีกฝ่ายไม่ว่าอะไร..แล้วเดี๋ยวค่อยจีบ" พี่ธานอ่านใจผมทันที  ผมมองปรามเพราะอีกฝ่ายพูดได้ตรงประเด็นจนน่าหมันไส้จริง ๆ

"แต่งงานกันไหมครับ" ผมจ้องหน้าพี่ธาน  พี่ธานที่ทำหน้าขรึมแกมเจ้าเล่ห์อยู่เมื่อครู่หลุดยิ้ม

"ไม่มีใครรู้ใจผมเท่าพี่อีกแล้วนะ" ผมทำหน้าจริงจัง 

"อีกฝ่ายน่ะ เป็นคนที่ใจเย็นนะครับ ใจดี แต่ดูลึก ๆ แล้วนี่ค่อนข้างไปทางเย็นชาเลยล่ะ" พี่ธานเปลี่ยนเรื่องวิเคราะห์  ผมนิ่งฟัง

"ใช่..หึ พี่ก็เห็นเหมือนผมใช่ไหมล่ะ ผมสัมผัสได้ว่าหมอนั่นน่าจะตายด้าน" ผมว่า 

"ก็มีด้านที่เหมือนคุณอยู่ไม่น้อยนะ" พี่ธานย้อนยิ้ม ๆ

"ตกลงไก่ตุกติกบ้างไหมล่ะครับ เผื่อผมจะได้เอาใจช่วย" พี่ธานกลับมาแซวเรื่องเดิม

"ไก่ไม่ตุกติกเลย น่าใจหายจริง ๆ" ผมทำหน้าหนักใจ  พี่ธานหัวเราะอีกครั้ง

"หยอกไก่แล้วต่างหาก" ผมเบะปากพูดขึ้นโต้ง ๆ อย่างยอมรับนิด ๆ ว่าก็แหย ๆ บุคคลที่กำลังพูดถึงอยู่เหมือนกัน  ก็บอกปัดไม่ได้น่ะนะว่าผมถูกใจเขาหลาย ๆ อย่าง  พี่ธานหัวเราะอย่างอ่อนใจที่ผมตอบอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้

"เปล่าหรอก ก็แค่..ถูกใจน่ะ" ผมพูดแก้  เรามองหน้ากันครู่หนึ่ง 

"ระวังหน่อยก็ดีนะครับ เพราะรักก่อนมักเสียเปรียบ" พี่ธานยักคิ้วเตือน  สายตาดูเยาะเย้ยมากกว่าจะบอกเตือนน่ะนะ

"งั้นเหรอครับ" ผมอมยิ้มอย่างไม่สนใจ

"ผมว่า แบบนั้นยิ่งน่าลองไปกันใหญ่ ก็ผมมันได้เปรียบมาเกือบทั้งชีวิตแล้ว" ผมย้อนตอบอย่างไม่วิตกต่ออะไร  ว่าไปว่ามาก็รู้สึกตื่นเต้นดีแปลก ๆ 

"หึ..คุณนี่มันจริง ๆ" พี่ธานส่ายหัวรับไม่ได้ 

ถ้าให้พูดตามตรงก็คงเป็นไปตามอย่างที่ผมบอกพี่ธาน  การได้รักใครสักคนที่เรารักจากใจจริงมันคงเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดดี  ตลอดมาผมรอคนที่จะสามารถทำให้ผมรู้สึกแปลกพิลึกแบบที่ผมต้องการรู้สึกและไม่เคยมีมาก่อนแบบนี้ได้  ประเด็นของผมอาจไม่ได้อยู่ที่อีกฝ่ายจะรักผมตอบหรือไม่  แต่มันคงอยู่ที่เพราะเขาสามารถทำให้ผมสนใจและตกหลุมรักได้ก็แค่นั้น  ถ้าเขาคือคน ๆ นั้นโดยแม้ว่าเขาจะรักผมหรือไม่ก็ตาม  ผมคิดว่าแค่นี้มันก็สุดยอดแล้ว  ตลอดมาผมไม่เคยรู้สึกรักใครจริง ๆ จัง ๆ  ไม่ใช่สิ ผมไม่เคยตกหลุมรักใครเลยสักครั้งมากกว่า  เคยได้แค่รู้สึกชอบ  ได้หลงใหลและมีความเป็นห่วงเป็นใยให้  กรอบสิ้นสุดอยู่แค่ที่ตรงนั้นมาเสมอ  ที่ผ่านมาเป็นเพียงความชอบและหลงใหลอย่างผิวเผิน  ซึ่งถ้าสมุทรจะทำให้ผมหลงรักได้หัวปักหัวปำขนาดที่พี่ธานอ่านออก  การที่ผมจะต้องเสียเปรียบสักนิดสักหน่อยเพื่อให้หัวใจได้ว้าวุ่นดูบ้าง  มันคงเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับผมน่าดูชมทีเดียว

ผมกับพี่ธานเดินออกมาพร้อมกับพับขอบกางเกงเพิ่มไปอีกทบหนึ่ง  เพื่อให้ขากางเกงล่นขึ้นมา  มันจะสบายต่อการเคลื่อนไหวร่างกายมากยิ่งขึ้น  เราเริ่มจับกลุ่มเตรียมดวลตะกร้อ  ไอ้เด่นอยู่ฝั่งเดียวกับผม  ส่วนไอ้เข้มอยู่ฝั่งเดียวกับพี่ใหญ่ของมัน  ส่วนคนอื่น ๆ ยังคงออกกำลังกายอยู่ในโรงฝึก  พวกเราเล่นตะกร้อจนแทบลืมเวลา  จากที่เล่นติดสนุกในตอนแรกก็เริ่มนับคะแนนและต้องการเอาแพ้ชนะ  รู้ตัวอีกทีว่าเจ็ดโมงครึ่งแล้วก็ตอนที่สมุทรเดินทางมาถึงบ้าน  ดูเขาค่อนข้างแปลกใจที่เห็นผมและลูกน้องอยู่ที่สนามและยังไม่มีใครอาบน้ำเลยสักคนเดียว  หลายครั้งผมแอบรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่ผมไม่มีลูกพี่ลูกน้องหรือญาติสนิทเป็นผู้หญิง  ไม่อย่างนั้นคงลำบากใจที่จะเลี้ยงดูแน่ ๆ เพราะพวกเราอยู่กันง่าย ๆ แบบนี้จนติดเป็นนิสัย  อีกนิดเดียวก็แทบแก้ผ้าต่อหน้ากันอยู่แล้ว   

"พอแล้วมึง เดี๋ยวพี่ธานจะแพ้ไปมากกว่านี้" ผมแซว  ไอ้เด่นอมยิ้ม  เราจับมือกันเพื่อเลิกเกมก่อนแยกย้าย  ส่วนไอ้เข้มยังคงเดาะตะกร้อคนเดียวต่อ  ผมเดินไปหาสมุทรที่ยืนอยู่ด้านในโรงฝึก 

"หวัดดีครับ" อีกฝ่ายทักทายพร้อมกับยิ้มให้นิด ๆ พอนึกถึงคำพูดของพี่ธานเมื่อกี้นี้ปุ๊บ  สายตาก็เหไปทางอื่นปั๊บอย่างกับโดนสะกิดต่อมอะไรในใจ

"เดี๋ยวเราต้องออกไปข้างนอก ฉันไปอาบน้ำก่อน" ผมบอก

"ครับ" สมุทรพยักหน้ารับทราบ  ผมเดินออกมา  ได้ยินพี่ธานกำลังคุยกับสมุทรต่อ  ผมกลับขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว  เสร็จแล้วก็กินข้าวเช้าต่อคนเดียวเพราะพายุยังไม่ตื่นและไอ้ดินก็ออกไปเรียนตั้งแต่เช้า  ประมาณเก้าโมงครึ่งผมเดินทางออกจากบ้าน  ไอ้เด่นเป็นคนขับรถอย่างเคย  สมุทรเลือกที่จะไปนั่งข้างหน้าด้านข้างคนขับ  ผมไม่ว่าอะไรเพราะถ้าเขาเลือกที่จะมานั่งข้าง ๆ ผมโดยที่ผมไม่ได้เอ่ยปากชวน  ผมคิดว่านั่นจะเป็นการเสนอหน้าเกินไป  ถ้าเขาทำแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ ผมอาจจะรู้สึกไม่ชอบใจและเปลี่ยนใจไม่ชอบเขาทั้งหมดทีเดียว  ทั้งที่ ๆ จริงแล้วผมก็อยากให้เขามานั่งด้านหลังมากกว่าน่ะนะ


- - - - - - - - - - - - - - -


11:02 น.  ร้านอาหารครัวยิ้ม

"สวัสดีครับป๋า" ผมยกมือไหว้ทักทายป๋าจงที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว  ผมเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับสมุทรโดยให้ไอ้เด่นเฝ้ารถอยู่ที่ลานจอดรถ  ลูกน้องของป๋านั่งแยกอยู่โต๊ะข้าง ๆ กันด้วย

"หวัดดี ๆ นั่ง ๆ" ป๋าจงปัดมืออย่างกันเอง  แกเหลือบมามองสมุทรด้วยสีหน้าแปลกใจก่อนหันมามองหน้าผม  โดยปกติถ้าผมมาหาป๋า  ผมจะไม่ให้ใครเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยนอกจากพี่ธาน

"เอ่อ..ป๋าครับ นี่สมุทรครับ" ผมแนะนำ  สมุทรยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม  ป๋ายกมือรับไหว้แต่สายตาก็ยังไม่ยอมละจากสมุทรแม้แต่นิดเดียว

"สมุทร ลูกชายของลุงยอดน่ะครับ" ผมขยายความให้ทราบ  สมุทรอมยิ้มคงเพราะประหม่าในสายตาของป๋าจงที่มองเขาไม่วางตา  ป๋าอมยิ้มมองสมุทรคล้ายเอ็นดู 

"นั่งสิ..นั่งด้วยกัน" ป๋ายิ้มบอกแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลงอีกครั้ง  ผมพยักหน้าอนุญาตให้สมุทรนั่งตามที่ป๋าบอก  สมุทรรอให้ผมนั่งลงก่อน  เขาจึงเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตามทีหลัง 

"เอาอะไรดี ไวน์ไหม" ป๋าถามผม

"น้ำเปล่าครับ" ผมบอกพนักงานที่เดินมาถึงพอดี

"เราล่ะ" ป๋าหันไปถามสมุทร

"น้ำเปล่าแล้วกันครับ ขอบคุณครับ คือผม..ไม่ดื่ม" สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ด้วยท่าทีเกรงใจ

"หึหึหึ ฮ่า ๆ ๆ!" ป๋าจงหัวเราะออกมาดังลั่น  ไม่รู้ว่าชอบใจอะไร  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ สมุทรชะงักไปแล้ว

"เหมือนไอ้ยอดไม่มีผิด" ป๋ายิ้มกว้างชี้หน้าสมุทร

"ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่..สมัยเป็นวัยรุ่น มันตามฉันกับพ่อไอ้ไฟไปช่วยเก็บเงินค่าที่ ผู้หญิงชวนมันไปนอนด้วย มันยังไม่ไปเลย! ชอบเข้าวัด เป็นเรารึเปล่าล่ะ" ป๋าพูดจ้อ  พยักหน้าให้สมุทรเหมือนเดาในคำตอบ  สมุทรไม่ตอบแต่กลับอมยิ้มและเหลือบตาต่ำลงคล้ายกับยอมรับ

"เข้าซ่องเสร็จ ต้องไปเข้าวัดเพราะมัน อั๊วประสาทจะแดก" ป๋าจงกระแทกเสียง  ผมปิดปากหัวเราะ  สมุทรยิ้มเขิน ๆ

"ได้นึกถึงวันเก่า ๆ แล้วมัน ดีจริง ๆ" ป๋ายิ้มกว้าง 

"เดี๋ยวสถาปนิกก็มาแล้ว รอแป๊บนะ..นี่ป๋าสั่งอาหารไปบ้างแล้ว แกสั่งสิไฟ" ป๋าพูดเสียงดังเหมือนจะบังคับกลาย ๆ

"ผมไม่ค่อยหิวอ่ะครับ" ผมบอกป๋า

"สั่งอะไรมากินเล่นก็ได้!" ป๋าไม่หยุดคะยั้นคะยอ  แกหันไปกวักมือเรียกพนักงานทันทีอย่างไม่รีรอ  ครู่หนึ่งพนักงานก็นำเมนูมาให้  ผมจึงสั่งอาหารกินเล่นไปสามอย่าง  ตัดรำคาญป๋าเพราะป๋าเป็นคนนิสัยแบบนี้  ลูกหลานที่รู้จักและรักต้องได้กินดีอยู่ดีเท่านั้น  เรานั่งคุยกันเพื่อฆ่าเวลารอสถาปนิกที่กำลังเดินทางมาถึง  ส่วนใหญ่ก็คุยเรื่องระหว่างธุรกิจของผมกับป๋าจง  หลังจากที่สถาปนิกนำแบบงานของผับมาให้ผมและป๋าจงได้เลือกดู  วันกำหนดงาน  แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายเบื้องต้น  จัดการทุกอย่างเสร็จก็ปาไปเกือบสองชั่วโมง  สถาปนิกก็ขอตัวกลับออกไป  ผมอยู่คุยกับป๋าจงแกก่อนเพราะแกคุยติดลมบน  กินไปคุยกันไป  ส่วนใหญ่ติดที่แกบ่นนู่นนี่ให้ฟังเสียมาก  คงเพราะนาน ๆ จะมีคนพูดคุยถูกคอนั่นแหละครับ 

"ป๋าอารมณ์ดี ๆ นะครับ" สมุทรชมหลังจากที่เราส่งป๋าจงขึ้นรถกลับออกไปแล้ว

"อืม..พ่อทูนหัวของไอ้พายุมันน่ะ" ผมพูดติดตลกไปอย่างนั้นเพราะพายุค่อนข้างเป็นที่รักของป๋าจงพอสมควร  และพายุเองก็รักป๋ามากเช่นกัน

"ดูเหมือน ป๋าจะสนิทกับพ่อของผมมาก" สมุทรพูดขึ้น  คำพูดคล้ายคำถามมากกว่า  ผมชะงัก 

"ก็ไม่เชิง" ผมตอบ  ที่จริงผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่  ไม่รู้ว่าพ่อของผม พ่อของสมุทรและป๋าจงสนิทกันมากแค่ไหนอย่างไรก็ด้วย   

"ป๋าสนิทกับพ่อของฉันมาก ก็คง..พอได้เจอกันอยู่บ้างละมัง ฉันเอง..ตัวไม่ได้ติดกับพ่อน่ะ รายนั้นไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก ส่วนใหญ่ฉันอยู่กับพี่ธาน" ผมตอบปัด ๆ ไป  ความจริงคือลุงยอดตัวติดพ่อผมยิ่งกว่าพี่ธานที่ต้องตามติดผมตลอดเวลาเสียอีก  สมุทรพยักหน้าเงียบ ๆ เหมือนเพียงรับรู้แต่ไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไร  ผมเองก็ไม่อยากจะพูดให้มากไปกว่านี้ด้วย

"ป๋าแกขี้เหงาน่ะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง  สมุทรอมยิ้มมองด้วยสายตาไม่เชื่อในคำพูดของผม

"แกมีเมียเยอะ" ผมว่า

"นั่นคือผลกระทบของความเป็นคนขี้เหงาเหรอครับ" สมุทรย้อน

"หึ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหัวเราะ  เอาซะยั้งไม่อยู่  สมุทรอมยิ้ม

"ฉันหมายถึง เป็นประเด็นที่แยกกันน่ะ เมียแก..ที่นับได้แบบจริงจังก็ห้าคน" ผมเริ่มเดินกลับไปที่รถช้า ๆ ไอ้เด่นเห็นผมแล้ว  มันจึงรีบมายืนรอพร้อมกับสตาร์ทเครื่องเตรียมรอไว้เรียบร้อย

"เมียแกทุกคนแกเปิดเผยด้วยหมด แต่ไม่เคยแต่งนะ..ก็แบบ มีไปเรื่อย ๆ" ผมเล่า

"เมียห้าคน มีลูกด้วยกันทุกคน..ทุกวันนี้ก็ยังดูแลทุกคนดีหมด ทั้งที่บางคนก็ไปมีครอบครัวใหม่แล้ว ป๋าแกเป็นคนเด็ดขาดน่ะ เห็นแกเสียงดังขี้โวยวายอย่างนั้น ตรงกันข้ามแกค่อนข้างใจดี" ผมหยุดเดินเมื่อถึงรถ  สมุทรยืนฟังอย่างตั้งใจ

"แต่แปลก ลูกของแกแทบไม่ได้ดีสักคน" ผมพูดพลางถอนหายใจ

"..ทำอะไรก็เจ๊ง ป๋าแกก็ค่อนข้างเขี้ยวกับลูกตัวเองน่ะ ไม่เคยให้เงินง่าย ๆ หรอก ลูกก็เกเรหนีไปนู่นไปนี่ แกก็เลยติดที่จะพูดคุยกับฉันแล้วก็พายุเป็นพิเศษ" ผมเล่าก่อนจะนิ่งมองหน้าสมุทรโดยทิ้งคำพูดไว้ในใจว่า "ไม่แน่ เดี๋ยวป๋าก็คงจะถูกใจนายด้วยอีกคน"

"ไปเถอะ" ผมตัดบทดื้อ ๆ ไอ้เด่นเข้ามาเปิดประตูรถให้ผมอย่างรู้หน้าที่  ผมสั่งให้มันขับรถตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ร้านอาหารครัวยิ้มมากที่สุด  วันนี้ผมไม่มีนัดที่ไหนแล้ว  อยากจะเดินเล่นสักหน่อย  โดยปกติผมชอบที่จะกลับบ้าน  แต่วันนี้ก็แค่อยากจะอยู่ข้างนอกต่อก็เท่านั้น 

"นายเข้าไปก่อนเลย" ผมสั่งสมุทร  เขาหันมามองผมเหมือนระแวงที่เห็นผมยืนอยู่กับไอ้เด่นด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ แต่สุดท้ายสมุทรก็ยอมเดินเข้าไปในตัวห้างก่อน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 28-01-2016 15:05:14

"เอากุญแจรถมา" ผมสั่ง  ไอ้เด่นมองผมงง ๆ แต่ก็ยื่นกุญแจรถให้  ผมหยิบเงินออกมาหนึ่งพันแล้วยื่นให้มัน

"วันนี้มึงกลับไปเลย" ผมบอก  ไอ้เด่นไม่รับเงินไปในทันที  มันมองผมอย่างลังเล  ผมมองเขม่นกลับทำให้มันรีบหยิบเงินออกจากมือผมด้วยความรวดเร็ว 

"อะไร" ผมขมวดคิ้วมองหน้ามัน  ชักเริ่มรำคาญตา

"แต่ว่านายครับ เดี๋ยวพี่ใหญ่แกจะดุผมเอาอีก" ไอ้เด่นทำหน้าลำบากใจ  หลายครั้งที่ไอ้เด่นมักจะถูกพี่ธานดุเมื่อไหร่ที่อยู่ในช่วงอันตรายและไอ้เด่นไม่อยู่ใกล้ ๆ ตัวผม  เพราะหน้าที่หลักของมันก็คือคนขับรถและคอยตามติดผมไม่ต่างจากพี่ธานก่อนหน้านี้ 

"เออน่า บอกพี่ธานไปว่ากูให้กลับ" ผมสั่งอย่างปัด ๆ ไปที  ไอ้เด่นหน้าสลด 

"งั้นนายระวังตัวด้วยนะครับ" ไอ้เด่นพูดอย่างเป็นห่วง  ไม่รู้มันจะห่วงอะไร

"มึงนั่นแหละ" ผมย้อนบอกแล้วรีบเดินหนีออกมาเลยเพราะขี้เกียจจะตอบคำถามอีก  เมื่อผมเดินเข้ามาด้านในตัวห้าง  สมุทรก็ยืนรออยู่ที่ปากประตูแล้ว  เขามองหน้าผม  สายตาปนสงสัยแต่ก็ไม่พูดถามอะไรอย่างที่ควร
 
"คุณมีธุระที่นี่เหรอครับ" สมุทรถาม  ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าส่ง ๆ ให้และเดินนำเข้ามาก่อน 

"ธุระอะไรครับ" สมุทรซัก  ผมว่าเขารู้อยู่แล้วว่าผมไม่มีธุระที่นี่เพราะจากการสังเกตของผม  สมุทรมักจะไม่ถามอะไรไร้สาระถ้ารู้ว่ากำลังอยู่ในการทำงาน  แต่เขาจะถามเมื่อไหร่ที่รู้ว่าผมกำลังจะนอกเรื่องมากกว่า   

"อยากดูหนังน่ะ" ผมตอบ  สมุทรนิ่งไป  เขาหยุดเดิน  ผมเหลือบสายตาไปมอง
 
"คุณไฟ" อีกฝ่ายย้ำเสียงคล้ายกับปรามผมอยู่  น้ำเสียงเหมือนปรามผมอยู่นี่นะ!  ถ้าคนอื่นทำผมคงซัดไปแล้ว  แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกแปลก ๆ น้ำเสียงแบบนี้มัน..ฟังแล้วชอบใจเป็นบ้า

"อะไร" ผมย้อนอย่างไม่แคร์ในสายตาคู่นั้น 

"ก็ฉันว่าง แล้วฉันอยากดูหนังมันผิดตรงไหน" ผมพูด 

"งั้นก็น่าจะให้เด่นมาดูด้วย" สมุทรบอก

"ไม่ได้" ผมตอบทันที

"ทำไม" สมุทรย้อนถามกลับ

"มันต้องเฝ้ารถ" ผมพูด 

"อีกอย่าง ไอ้เด่นกับพี่ธานคนละหน้าที่กัน..แล้วนายก็ทำหน้าที่แทนพี่ธาน และพี่ธานแทบไม่เคยอยู่ห่างฉัน" ผมตอบ  คำตอบนี้ทำให้สมุทรเถียงไม่ออกอีก  เรายืนมองหน้ากันจนสมุทรหลบสายตาผมและถอนหายใจออกมาเบา ๆ คล้ายยอมรับ

"คุณเป็นเด็กเล็กรึไงครับ ถึงได้ต้องให้มีคนมาคอยตามเฝ้าน่ะ" สมุทรพูดคล้ายเหน็บแนม  ผมอมยิ้ม

"งั้นก็ไม่ต้องตามสิ" ผมมองเขาเจ้าเล่ห์ลองเชิง 

"เชิญ" ผมยักไหล่ไล่ ๆ และเดินหนีออกมาโดยไม่ได้หันกลับไปมองสมุทรอีก  ครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็ยอมเดินตามหลังมาโดยไม่พูดอะไร  ผมเดินไปที่โรงภาพยนตร์และหยุดยืนดูโปรแกรมหนัง  สมุทรยืนอยู่ห่าง ๆ ผมจึงหันกลับไปมองเขา  อีกฝ่ายมองตอบแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

"ดูเรื่องอะไร" ผมถาม

"แล้วแต่คุณสิครับ" สมุทรตอบ  ผมหันกลับมามองโปรแกรมหนังที่ใกล้เวลาฉายมากที่สุด  นั่นก็คือเรื่อง xxxx  ผมเดินไปซื้อตั๋วหนัง  สมุทรเดินตามมาขนาบข้าง
 
"เรื่อง xxxx ครับ" ผมบอกพนักงาน

"มีรอบบ่ายโมงห้านาทีนะคะ" เธอยิ้มบอก

"ครับ รอบนี้เลย" ผมพยักหน้า  เมื่อผมเลือกที่นั่งเสร็จ  สมุทรทำท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายเงิน  ผมนำมือปรามไว้และเกือบจะหลุดหัวเราะ  รีบหยิบเงินจ่ายไปก่อน  เมื่อได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้วผมจึงยื่นบัตรให้สมุทรเป็นฝ่ายถือ 

"จะกินอะไรรึเปล่าครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้" สมุทรถาม  ผมไม่ตอบทันทีแต่มองไปที่ป้ายโฆษณาอาหารต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่ไม่ไกลตานัก 

"เอาป๊อปคอร์น หวานกับชีส" ผมบอก

"แล้วก็..น้ำเปล่า"

"ครับ" สมุทรพยักหน้า  ผมยื่นเงินที่ได้จากเงินทอนตั๋วหนังเมื่อกี้ไปให้เขา  อีกฝ่ายก้มลงมอง

"ไม่เป็นไร" เขาพูดแค่นั้น  ไม่ยอมหยิบเงินจากผมและเดินไปเลย

"หึ" ผมหัวเราะกับนิสัยหยิ่ง ๆ ในศักดิ์ศรีนั่นที่มันดูจะไร้เหตุผลไปสักหน่อย  ผมยืนรออยู่เกือบสิบนาที  สมุทรกลับมาพร้อมกับป๊อปคอร์นถังใหญ่หนึ่งถังและน้ำเปล่าสองขวด  เขายื่นถังป๊อปคอร์นมาให้ผมโดยตัวเองถือขวดน้ำไว้  ผมรับมาก็กินเลยทันที

"อะ เอาสิ" ผมยื่นถังป๊อปคอร์นไปให้เขาเพื่อแบ่งกันกิน  สมุทรส่ายหัวน้อย ๆ

"ผม..ไม่กิน" เขาบอก

"อ่าว แล้วซื้อถังใหญ่มาทำไม" ผมว่า  สมุทรไม่ตอบแต่กลับยิ้มเจื่อน ๆ ให้

"ไม่อยากเหรอ" ผมถามด้วยความอยากรู้

"ก็ไม่เชิง..ผม ไม่ค่อยชอบน่ะ" สมุทรตอบปัด  ผมขมวดคิ้วไปกินไปอย่างไม่เข้าใจ  ไม่ชอบกินป๊อปคอร์นนี่นะ  มีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอครับ!

"ไม่สิ..ถ้าไม่รู้สึกอยากกินก็จะเฉย ๆ มากกว่า" เขาอธิบายอย่างขอไปที  สมุทรพลิกนาฬิกาข้อมือดู 

"จะเข้ารึยังครับ หรือว่าจะเข้าห้องน้ำก่อนรึเปล่า" สมุทรถาม 

"หึ" ผมหัวเราะ  เป็นอารมณ์ที่บอกไม่ถูก  ประโยคนี้คล้ายกับมีพี่ธานมายืนอยู่ตรงหน้า  ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะเดินตรงไปที่โรงสองตามที่ระบุไว้ทางหน้าตั๋ว  สมุทรรีบจ้ำมาข้าง ๆ เพื่อยื่นตั๋วให้กับพนักงานให้ทันผม  พนักงานตรวจตั๋วเรียบร้อย  เราเดินเข้ามาพร้อม ๆ กัน  สมุทรเดินนำผมไปหาที่นั่งให้ก่อน  ระหว่างที่นั่งดูหนังอยู่นั้นผมเองก็ไม่ได้ถึงกับขนาดแล้งน้ำใจ  ได้ยื่นกล่องป๊อปคอร์นไปให้คนข้าง ๆ บ้างเป็นระยะ  อีกฝ่ายกินบ้างสองสามครั้งแต่พอหลัง ๆ ก็ยกมือห้าม  พอหนังจบ  ผมเดินเล่นดูของใช้ในบ้านต่อ  ผมชอบดูเครื่องเรือนและชอบเข้าแผนกกีฬามาก ๆ สมุทรยังคงทำหน้าที่เดินตามอยู่ไม่ห่าง  โดยเราไม่มีบทสนทนาใด ๆ ต่อกัน 


ตืด  ๆ ๆ ๆ   ..ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู  เห็นสายเข้าไปสายจากภาคิน  ความจริงเวลานี้ไม่ค่อยอยากรับเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยมีอารมณ์พูด  แต่สุดท้ายก็กดรับด้วยเกรงว่าจะมีเรื่องด่วนอะไร

"ว่า" ผมทัก  ขาก้าวเดินตรงไปที่ร้านเค้กยี่ห้อประจำที่มักจะชอบซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย   

"คืนนี้เจอกันนะ" ไอ้คินพูดเองเสร็จสรรพ
   
"อะไรของมึง.." ผมว่าขำ ๆ

"เออน่า เจอกัน..มีคนอยากรู้จักมึง" ไอ้คินบอก  น้ำเสียงของมันกรุ้มกริ่มมาเชียว

"ไม่เอา ไม่ชอบ" ผมตอบตรง ๆ  ไม่ชอบในที่นี้หมายถึง  ไม่ชอบเข้าไปหาใครสักคนที่กำลังรอเราเหมือนรู้ว่าเราจะไปเพื่อเขาแน่อะไรทำนองนั้นทั้งที่เราไม่เคยรู้จักเขามาก่อนน่ะนะ

"เอา! ไอ้เหี้ย..มาเหอะน่า รับรองถูกใจมึงแน่ หึหึ" ไอ้คินสบถ  ผมเงียบ  เหลือบมองสมุทรเล็กน้อย  อีกฝ่ายยังคงทำหูทวนลม  ยืนด้วยท่าทางเคร่งขรึมทำหน้าที่ ๆ ดีต่อไป  พนักงานร้านเหลือมองเราทั้งคู่ 

"ไม่ผูกมัดแน่นอน แถมก้นงอนสุด ๆ" ไอ้คินบอกสรรพคุณ

"หึหึ" ผมหัวเราะอย่างอดไม่ได้  ไอ้นี่มันกวนตีน

"งั้นมึงก็จัดการเองไปเลยสิ" ผมว่า

"ไอ้ห่า จัดการไม่ได้..ผู้ชาย" ไอ้คินว่า  ผมเบะปากยิ้ม ๆ

"ก็ได้" ผมตอบรับอย่างไม่คิดมาก

"เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีนะครับ" ไอ้คินประชด  ผมยิ้ม

"งั้นกูถือว่ามึงตกลง เจอกันที่ Shinta นะ บอกชื่อกู..กูจองไว้แล้ว" ไอ้คินบอก  Shinta ร้านนั่งดื่มกึ่งบาร์รับเฉพาะแขกระดับ VIP มีชื่อเสียง  เจ้าของร้านก็เพื่อนร่วมรุ่นของพวกผมนี่ละ  คนกันเองทั้งนั้น

"เออ" ผมรับปากแล้วตัดสายโต้ง ๆ ไม่ฟังเสียง  ผมหันไปมองสมุทร  เขาหันมามองหน้าผมเมื่อเห็นว่าผมคุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว   

"นายเคยทำงานเลขามาก่อนเหรอ หรือติดตามใครอะไรทำนองนี้" ผมชวนคุย
 
"ก็มีบ้างครับ" สมุทรตอบซื่อ ๆ ผมคิดว่าคนลักษณะนิสัยอย่างเขา  ไม่ว่าเจ้านายคนไหนก็คงอยากเอาไปไว้ข้าง ๆ ด้วยเพื่อความอุ่นใจ  การจะมีใครสักคนที่คอยติดตามเราไปด้วยเสมอ ๆ ในชีวิตประจำวัน  สำหรับผม ไม่ใช่จะหยิบจับใครไปด้วยก็ได้  ต้องเป็นคนที่ถูกใจ  คุยกันถูกคอและรู้อารมณ์  ซึ่งบางครั้งก็ได้ถูกใจ  บางครั้งก็ไม่ถูกใจถึงกับเกลียดขี้หน้าเลยก็มี  ก็เหมือนกับพี่ธานและไอ้เด่น  เพราะถูกใจและถูกคอ  อะไร ๆ มันก็เลยง่ายไปหมด

"ก็ดีนะ ฉันชอบ" ผมเบะปากชม  สมุทรมอง  สายตาดูพิกลกว่าทุกที  ผมเลยมองกลับอย่างเจ้าเล่ห์แบบอดไม่ได้  พอได้เห็นสายตาคู่นี้มองด้วยสายตาแบบนี้ทีไร  มันอดไม่ได้ที่จะสู้กลับทุกที 

"เข้าใจคำว่าชอบที่ฉันพูดไหม" ผมแกล้งต้อนดู  สมุทรเหลือบสายตาไปทางอื่นทันควัน

"ไม่ครับ ผมไม่ขอเข้าใจดีกว่า" เขาตอบอย่างเลี่ยง ๆ เป็นคำตอบที่ฟังดูรู้ในความหมายของผม  ผมอมยิ้ม  นำมือล้วงกระเป๋าอย่างเคยชิน

"แล้วคุณจะไปไหนต่อครับ" สมุทรถาม

"เดี๋ยวมีซ้อมที่ค่าย แต่ว่า..ก็ยังไม่ถึงเวลา" ผมพลิกนาฬิกาข้อมือดู

"นายอยากไปไหนล่ะ" ผมถามกลับเพราะผมหมดแผนแล้ว  อีกอย่าง ตอนนี้รู้สึกสบาย ๆ ยังไงก็ได้

"ผมอยู่ในสถานะที่เลือกได้ด้วยเหรอ" สมุทรย้อนถามนิ่ง ๆ

"นี่กวนตีนเหรอ" ผมเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ

"ทำไมคุณถึงพูดไม่เพราะจังเลยครับ" สมุทรบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง 

"ก็นายกวนตีน หรือนายจะปฏิเสธว่าเมื่อกี้นายไม่ได้ต้องการกวนตีนฉัน เอาสิ..ปฏิเสธเลย" ผมผายมือให้โอกาสแก้ตัว  สมุทรนิ่งไปเลย  เขาอมยิ้มออกมาทีละนิดคล้ายยอมรับ 

"หึ" ผมหัวเราะ

"ช่างเถอะ ครั้งนี้ฉันให้เลือก" ผมยักไหล่อนุญาตอย่างไม่สนใจอะไรนัก  สมุทรนิ่งไปครู่

"แน่ใจนะครับ" เขาย้ำถาม

"ตามสบาย" ผมตอบ

"ก็ได้ครับ" สมุทรพยักหน้ารับปากก่อนเดินนำผมไปก่อน  ผมแสยะยิ้มเดินตาม  เป็นครั้งแรกเลยมั้งครับที่ลูกน้องของผมเดินนำหน้าผมก่อนแบบนี้  ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกสะกิดใจอะไรนัก  แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ธานแล้วมาเดินนำผมไปแบบไม่รออย่างนี้  ผมคงเข้าไปเตะตัดขาไปแล้วละนะ  สมุทรหันตัวกลับมามองเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ 

"ขอโทษครับ" เขาพูด  ผมอมยิ้ม  ไม่มองหน้าสมุทรแต่เดินผ่านเขาไปเฉย ๆ สมุทรเดินตามหลังมา

"ยิ้มอะไรของคุณ" สมุทรว่า  ผมไม่ตอบ  เขาเดินตรงไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต  ผมยืนมองเขาที่เดินไปหยิบรถเข็นมาอย่างคล่องแคล่ว  ปกติผมไม่ค่อยมาเดินซูเปอร์มาร์เก็ต  นอกจากถูกพายุบังคับ  หรือว่าจะใช้บริการด้วยตนเองก็ต่อเมื่ออยู่ต่างประเทศแค่นั้น 
เราเดินขนาบข้างกันไม่พูดไม่จา  สมุทรก็เข็นรถไปเรื่อย ๆ ผมเดินตามอย่างสงสัยว่าเขาต้องการมาซื้ออะไร  สมุทรเดินตรงไปที่แผนกกระดาษชำระ  เขาหยิบกระดาษชำระเปียกมาสามห่อและกระดาษชำระแบบพกพาด้วยอีกห่อใหญ่  ผมมองตาม  เขาดูมีเป้าหมายชัดเจน  มันก็ดูน่าสนใจดี  น่าสนใจกว่าตอนที่มาเป็นเพื่อนพายุตั้งเยอะ  รายนั้นละก็เลือกของกว่าจะได้แต่ละอย่าง  อ่านแล้วอ่านอีก  เปรียบเทียบราคา  เป็นการซื้อของที่น่าปวดหัวมาก

สมุทรเดินตรงต่อไปที่แผนกขนมขบเคี้ยว  เขายืนจ้องอยู่ประมาณห้านาทีเหมือนตัดสินใจไม่ได้  สีหน้าดูเป็นเรื่องใหญ่  ผมที่รออยู่นานมากและรู้สึกว่าตัวเองแทบจะหักห้ามใจไม่ให้เลือกซื้อขนมพวกนี้กลับบ้านก็หักห้ามใจไม่อยู่เสียแล้ว  ส่วนตัวเวลาที่มาซูเปอร์มาร์เก็ต  แผนกขนมขบเคี้ยวเป็นแผนกเดียวที่ผมมาก่อนเป็นอันดับแรก  บ่อยที่สุดและให้เวลานานที่สุด  กลับไปแบบไม่มีขนมนี่เหมือนมาไม่ถึงซูเปอร์มาร์เก็ตอะไรประมาณนั้น 

"เดี๋ยวฉันมานะ" ผมบอก  สมุทรหันมามองอย่างสงสัย

"ไปไหนครับ" เขาถาม  ทำท่าจะเดินตามมา  ผมปัดมือให้เขารออยู่ที่นี่และเดินออกมาเลย  ผมจ้ำเท้าเดินไปหยิบตะกร้าแล้วกลับไปหาสมุทรอีกครั้ง  เขายังคงหยุดอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน  พอสมุทรเห็นว่าผมกลับมาอีกฝ่ายถึงได้เลิกหันซ้ายหันขวารอผม  ผมหยิบขนมที่อยากกินอย่างไม่รีรอ  บางยี่ห้อที่ซื้อก็เป็นยี่ห้อประจำจนกินติดเป็นนิสัย  นำแต่ละห่อใส่ตะกร้าอย่างรวดเร็วไม่คิดมาก  ถึงซื้อไปเยอะแค่ไหน  ผมใช้เวลาไม่นานก็จัดการมันได้หมด  สบายมาก  ผมเดินไปทั่วแผนกขนมขบเคี้ยวจนหนำใจ  เดินกลับมาหาสมุทรอีกครั้ง  เขาจ้องมองมาที่ผมเขม็งเลย

"นี่คุณซื้อไปให้ใคร" สมุทรถาม

"กินเอง" ผมตอบ   

"........" สมุทรนิ่งเงียบ  ตามองตะกร้าในมือผมไม่พูดไม่จาอยู่ครู่ใหญ่  ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกอยู่เล็ก ๆ ไม่ว่าลูกน้องผมคนไหน ๆ ก็ดูเหมือนจะชินหมดทุกคนกับนิสัยของกินขนมของผม  ไอ้เด่นกับไอ้เข้มยังชอบเหมือนผมเลย  คนที่ดุผมบ่อยที่สุดคงเป็นพายุ  ส่วนพี่ธานก็ห้ามผมไม่อยู่เท่าไหร่  บ่นไปผมก็ทำหูทวนลมอยู่ดี

"คุณเป็นเด็กรึไงครับ" สมุทรว่า

"เดี๋ยวนะ..บางอย่างมันเขียนว่าห้ามเด็กต่ำกว่า 6 ขวบ ฉันคิดว่ามันเป็นขนมสำหรับผู้ใหญ่" ผมตอบหน้าตาย 

"ทำไมคุณถึงได้ซื้อเยอะขนาดนั้นล่ะครับ" สมุทรยังไม่หยุด 

"ก็ฉันชอบกิน แป๊บเดียวก็หมดแล้วน่า" ผมว่า  ไม่เห็นเข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำหน้าเหมือนรับไม่ได้ขนาดนั้น

"แป๊บเดียวก็หมดแล้ว" สมุทรย้ำเสียงหลง  ขมวดคิ้วหน้าเครียด

"อะไร" ผมระแวง

"นี่คุณ ใช้ชีวิตยังไงของคุณครับเนี่ย" อีกฝ่ายบ่น 

"นายล่ะ..เลือกได้รึยัง นานจริง" ผมบ่นบ้าง  สมุทรถอนหายใจ  ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนหันไปมองขนมอย่างพิจารณาอีกครั้ง

"อันนี้สิ อร่อยนะ" ผมเดินไปหยิบถุงล็อคเกอร์เวเฟอร์รสวานิลลามาใส่รถเข็นของสมุทรให้

"ไม่เอาครับ มันแพง" สมุทรหยิบออกทันควัน

"แต่ว่า มันหอมนะ อร่อยด้วย" ผมท้วง  โห่..อะไรคือการหยิบไปเก็บเข้าวางที่เดิมแบบไร้เยื่อใยอย่างนั้น  แม่งไร้หัวใจสุด ๆ สมุทรหันกลับมาจ้องผม  ผมจ้องกลับ

"งั้นนี่..ถูกพอไหม" ผมเดินไปหยิบโอเค ทิน บิสกิต  รสนมกับรสชีสมาอย่างละห่อใหญ่  สมุทรหันไปเหลือบมองราคา  อีกฝ่ายยอมหยิบรสนมออกจากมือผมไปแค่แพ็กเดียว  ผมพยักหน้ายิ้ม ๆ กวนตอบแล้วนำอีกห่อไปวางที่เดิมอย่างยอม ๆ   

"คุกกี้รสนั้นก็โอเคนะ" ผมชี้  แนะนำไปอีกยี่ห้อหนึ่ง  ไม่ค่อยได้กินประจำแต่รสชาติก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง

"ผมอยากได้ห่อเล็ก ๆ ที่พกไปโรงเรียนได้ครับ" สมุทรพูดเชิงอธิบาย  ผมชะงักและนึกได้ทันทีว่าเขาคงจะซื้อไปให้น้อง  ไม่ได้ซื้อไปกินเล่นที่บ้านแบบผม  ใครจะไปคิดถึงจุดนั้นกันละครับ  ถ้าผมจะรู้ขนาดนั้นก็ฉลาดเกินมนุษย์ไปแล้ว

"..........." ผมยืนเงียบมองสำรวจ  ช่วยคิด  สมุทรเหมือนยังอยากได้อะไรจากตรงนี้อีกเพราะเขายังไม่ยอมขยับไปไหน

"เยลลี่กลิ่นโคล่าไง" ผมนึกถึงขนมที่ชอบกินสมัยเด็ก ๆ ขึ้นได้

"มันไม่เห็นจะมีประโยชน์เลยครับ เปลืองเงินเปล่าสิแบบนั้น" อีกฝ่ายว่าด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ

"นี่นายโตมาแบบไหนกันแน่ เด็ก ๆ ก็ชอบโคล่าทั้งนั้นแหละ" ผมย้อนว่า  สมุทรยิ้มนิด ๆ เหมือนยอมรับ

"คุณเลือกมาอีกซักอย่างสิครับ ผมเลือกไม่เป็นหรอก เอ่อ..ไม่ชอบกินอะไรพวกนี้น่ะ" สมุทรพูดขอ

"น้องนายชอบกินช็อกโกแลตไหม" ผมสอบถามข้อมูล

"แต่มันหวานนะครับ" สมุทรตอบคนละเรื่อง

"ฉันไม่ได้ถามความคิดเห็นนายว่ามันหวานไหม ฉันหมายถึงน้องนายชอบกินรึเปล่า" ผมกระแทกเสียงเกือบจะหมดความอดทน  สมุทรถอนหายใจคล้ายยอมความว่าเขาไม่สามารถเอาความชอบส่วนตัวไปตัดสินแทนความชอบของน้องตัวเองได้

"ก็คงชอบ ละมั้งครับ" เขาตอบปัดไปที  สีหน้ายังดูไม่เต็มใจอยู่นิด ๆ 

"หึ.." ผมหัวเราะ  เหลือบหันไปเห็นเวเฟอร์โคนรสช็อกโกแลตแบบแท่งเล็กพอดีสำหรับพกพา  ขายเป็นแพ็กอีกเหมือนกัน  ผมชี้ไป  สมุทรเดินตามมาดู  เขาเลือกหยิบรสช็อกโกแลตไปหนึ่งแพ็ก

"พอแล้วครับ ไม่เห็นจะมีประโยชน์สักอย่างเลย" อีกฝ่ายบ่นพึมพำนำไปใส่รถเข็น  ผมหลุดหัวเราะเพราะสีหน้าอีกฝ่ายเครียดมากจริง ๆ

"ประโยชน์ทางใจน่ะ" ผมย้อนบอก  สมุทรส่ายหัวน้อย ๆ ยิ้ม ๆ เขาเดินตรงไปที่แผนกพวกคัตเติ้ลบัต  ยาหอม  ยาหม่อง  เจลล้างมือ  โลชั่นทามือ  ทุกอย่างนั้นเข้าไปหยิบอย่างมีจุดประสงค์ชัดเจนเหมือนเคย  ผิดจากการเลือกซื้อขนมเมื่อครู่นี้ที่ดูหนักใจกว่าแผนกอื่น  เลือกซื้อเสร็จสมุทรก็หันมามอง  ทำหน้าเป็นคำถามประมาณว่า "คุณมีอะไรจะซื้ออีกไหม"  ผมเลยทำหน้ากลับประมาณว่า "นี่ฉันก็รอนายอยู่คนเดียวนี่แหละ"  เราเลยพากันไปจ่ายเงินโดยแยกจ่าย  ผมดูนาฬิกาอีกครั้ง  ได้เวลาที่ผมควรจะกลับบ้านไปเตรียมตัวเพื่อเข้าซ้อมที่ค่ายมวยแล้ว 

ขาขับรถกลับ  ผมยกหน้าที่คนขับรถของไอ้เด่นให้กับสมุทรไปทำ  ปกติถ้าไม่มีไอ้เด่นขับ  พี่ธานก็มักจะรู้หน้าที่ตัวเองอยู่แล้ว  อาจมีบ้างบางครั้งที่ผมเลือกที่จะขับเอง  พี่ธานก็จะเอ่ยปากแซว ๆ ประมาณว่า "ดีจังเลยนะครับ มีเจ้านายขับรถให้ด้วยแบบนี้" อะไรทำนองนี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 28-01-2016 15:06:40

"ฝากบอกคนที่ค่ายมวยของนายด้วยนะ พรุ่งนี้..พี่ธานกับสถาปนิกจะเข้าไป พี่ธานจะช่วยดูเรื่องแบบให้" ผมพูดขึ้นระหว่างทาง

"ครับ" สมุทรตอบ

"เขาแนะนำอะไรก็ให้ทำตาม ไม่ต้องห่วงหรอก..เขามืออาชีพ เดี๋ยวงานก็เสร็จ บริษัทนี้เป็นบริษัทของพ่อเพื่อนฉันเอง ไอ้โปรดน่ะ..ที่เจอที่สนามแข่งวันนั้น" ผมพูดบอก

"อ๋อ..ครับ" สมุทรหันมาพยักหน้ารับทราบอีกครั้ง  ผมเงียบ  ในรถก็เงียบเพราะผมเลือกที่จะไม่เปิดอะไรฟังสักอย่าง  สมุทรก็ไม่มือบอนทำอะไรที่เสียมารยาทอย่างที่ผมไม่ได้สั่งเช่นกัน  ถ้าเป็นไอ้เด่นละก็  มักจะทำผิดกฎผมเสมอ ๆ ถ้าผมลงจากรถแค่ครู่เดียว  บางทีมันก็จะแอบเปิดวิทยุฟังบ้าง  พอผมเปิดประตูเข้ารถแบบกะทันหันมันมักจะตกใจ  ร้อนรนทำตัวไม่ถูกตลอด  ก็ตลกไปอีกแบบน่ะนะ

"ขอบคุณนะครับ" สมุทรพูดขึ้นโต้ง ๆ ผมเหลือบมองเขาแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร  เราเงียบจนใกล้ถึงบ้าน  ผมเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้เกี่ยวกับเรื่องของเมฆ

"เออ..พรุ่งนี้สินะ ที่นายต้องไปประชุมผู้ปกครองน่ะ" ผมพูด

"ครับ" สมุทรพยักหน้า

"ไปกี่โมงล่ะ" ผมถาม

"เริ่มประชุมตอนแปดโมงน่ะครับ"

"แล้วเสร็จกี่โมง" ผมถาม  ไม่มีอะไรมากก็แค่อยากรู้

"คงสิบโมงกว่า ๆ มั้งครับ ทุกทีเสร็จเกือบสิบเอ็ดโมง เสร็จแล้วผมจะรีบมาเข้างานเลยครับ" เขาตอบ

"คุณไฟมีอะไรรึเปล่าครับ"

"เปล่า" ผมตอบปัดก่อนเงียบพักหนึ่ง

"งั้นก็บอกครูไปเลยนะ เรื่องย้ายโรงเรียน หมดเทอมนี้..ก็ย้ายเลย" ผมพูดแกมสั่ง

"ได้ครับ" สมุทรพยักหน้า  เราจบบทสนทนาลงเท่านั้น  ผมให้สมุทรขับรถตรงไปที่ค่ายมวยเลยเพราะเขาเอ่ยปากว่าจะไม่ขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านเพราะต้องนำของที่ซื้อมากลับไปด้วย  ผมเลยบ่น ๆ เรื่องรถยนต์ที่บอกให้เขานำไปใช้ก่อน  อีกฝ่ายก็ปฏิเสธหนักแน่นอีกตามเคย 


- - - - - - - - - - - - - - -


21:08  ร้าน Shinta

ผมเดินทางมาร้าน Shinta ช้ากว่าเวลาที่ไอ้คินนัดไว้ประมาณยี่สิบนาที  วันนี้ให้ไอ้เด่นและไอ้เข้มขับรถออกมาให้  คาดว่าน่าจะอยู่ดึกจึงให้ไอ้เข้มมาอยู่เป็นเพื่อนกับไอ้เด่นด้วย  จะได้เปลี่ยนกันขับ   

ร้านนี้เป็นร้านนั่งดื่มตอบโจทย์ระดับลูกค้าที่มีเงินทุนจ่ายค่อนข้างสูง  หรูหราโอ่อ่า  ดนตรีเล่นสด  สามารถเรียกน้อง ๆ มานั่งขนาบข้างคอยเอาใจใส่หรือเป็นเพื่อนระหว่างดื่มไปด้วยได้  แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นเม็ดเงินทั้งหมด  ตอบโจทย์ความส่วนตัวของลูกค้าสูงมาก  เก็บความลับได้เงียบสนิท  ถ้าต้องการมาเจรจาธุรกิจไอ้คินก็มักจะมาที่นี่  แต่จะให้เรียกว่าเป็นเลาจน์ก็คงไม่ใช่อารมณ์นั้นเสียทีเดียว 

"ไง" ผมทักไอ้คิน  มันนั่งรออยู่ที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว  วันนี้ไอ้โปรดก็มาด้วย  เมื่อครู่มันยังโทรเร่งผมยิก ๆ อยู่เลย 

"อ่าว ไอ้ไฟ!" พี่ทัพหันมาพอดี  พี่แกยิ้มกว้างดีใจที่เห็นผม  ผมยกมือไหว้ทักทาย  "พี่ทัพ" พี่ชายแท้ ๆ ของภาคิน  นานมาแล้วที่ผมและพี่แกร่วมหัวจมท้ายด้วยกันมาหลายคดี

"สวัสดีครับสารวัต ไม่เจอกันตั้งนาน..ยังบ้ากามเหมือนเดิมเลยนะครับ" ผมยักคิ้วยิ้มกวน  ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้หัวเราะ  รวมถึงพนักงานหญิงสาวของร้านที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของพี่ทัพก็ด้วย

"มาถึงก็ปากดีเลย ลามปามกูนี่ให้มันน้อย ๆ หน่อย" พี่ทัพกัดฟันยิ้มเขิน ๆ คล้ายย้อนผมกลับไม่ถูก   
 
"นั่งก่อนมึง" ไอ้คินลุกขึ้นมาโอบไหล่ผมให้นั่งลง  ผมยังไม่ยอมนั่งลงในทันที  เลือกที่จะกวาดตามองไปที่บุคคลที่ไม่รู้จักก่อนอย่างติดนิสัย  ผู้ชายที่นั่งอยู่อีกสามคนที่ผมไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน  ใส่สูทแต่งตัวภูมิฐาน  หน้าตาดีและอายุน่าจะประมาณเกือบสามสิบเห็นจะได้  หรือไม่ ก็อาจจะราว ๆ เดียวกับพี่ทัพ  ทั้งสามคนผงกหัวยิ้มทักทายผม  ผมผงกหัวยิ้มตอบ  ไอ้คินดันตัวผมให้ไปนั่งที่นั่งของมันเมื่อครู่  ซึ่งเป็นที่นั่งติดกับผู้ชายแปลกหน้าหนึ่งในนั้น 

"สวัสดีครับ" ผมผายมือทักทาย  ทั้งสามคนกึ่งลุกขึ้นยืนพลางโค้งตัวและจับมือผมตอบทันทีอย่างรู้มารยาททางสังคมเป็นอย่างดี  คาดว่าคงทำธุรกิจเป็นอาชีพแน่ 

"สวัสดีครับ" เขาจับมือผมตอบ  เราจับมือทักทายกันจนครบก่อนที่จะนั่งลง  โดยส่วนตัวผมไม่ชอบอารมณ์นี้เท่าไหร่  อารมณ์ที่เมื่อไหร่ที่ถูกเพื่อนสนิทชวนให้ออกมานั่งดื่มด้วยอารมณ์ชิว ๆ แต่มันกลับชวนคนอื่นที่ผมไม่รู้จักมาด้วย  สำหรับผม..การนั่งดื่มด้วยอารมณ์สบาย ๆ ต้องมาพร้อมกับบุคคลที่น่านั่งด้วยและรู้ใจ  จะให้มาทำความรู้จักกับคนอื่นอีกนั่นก็คงไม่ใช่เรื่อง  และเหล้าก็จะเสียรสซะเปล่า ๆ แต่ครั้งนี้นั้นไม่เหมือนกัน  ผมรู้มาก่อนแล้วว่าไอ้คินไม่น่าจะชวนผมมาดื่มธรรมดาสบาย ๆ เพราะผมทำใจมาก่อนแล้วว่าจะมีคนอื่นมาร่วมวงสนทนาด้วย  ดังนั้น การปั้นหน้าอย่างธุรกิจก็ต้องเป็นมืออาชีพบ้างเป็นธรรมดา

"นี่ไฟ เพื่อนสนิทผมเองครับ เจ้าของหลายกิจการ..สาธยายคืนนี้ก็ไม่หมด! เมื่อกี้พูดไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ สนิทกันไปหน่อย..ขอโทษด้วยนะครับ" ไอ้คินรีบพูดซะยาวเหยียด  ผมนั่งมองทุกคนที่ดูจะเป็นกันเอง  หันไปเห็นไอ้โปรด  มันนั่งเท้าแขนที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์พร้อมกับพนักงานหญิงของร้าน  ไอ้โปรดเหล่ตามองผมอยู่ตลอดเวลา  มันแสยะยิ้มและยักคิ้วให้เงียบ ๆ ผมรู้ทันทีว่ามันจะต้องมีอะไรแน่ ๆ ไอ้เวรพวกนี้นี่

"อ๋อ ไม่เป็นไรครับ" หนึ่งในสามคนพูดขึ้น

"นี่คุณเอก..ผู้บริหาร Wizardry" ไอ้คินผายมือไปที่ผู้ชายที่นั่งติดอยู่กับพี่ทัพ  อายุน่าจะเท่า ๆ กับพี่ทัพนั่นละ  เขาผงกหัวยิ้มให้ 

"นี่คุณกำธร ผู้จัดการโรงแรมกูเอง สาขาใหม่" ไอ้คินแนะนำบุคคลที่นั่งอยู่ตรงกลาง

"อ่าวเหรอครับ ผมไม่ทราบ..ไม่เคยได้ไปสักที" ผมยิ้ม  อีกฝ่ายหัวเราะเล็กน้อยอย่างนอบน้อม 

"กูก็นึกว่าโรงแรมสาขาใหม่มึงเจ๋งไปแล้วซะอีก" ผมพูดบอกไอ้คิน  ไอ้คินฉีกยิ้ม  ย้อนตอบไม่ถูก  ทุกคนหัวเราะเบา ๆ

"ส่วนนี่..คุณตุล เจ้าของนิตยสาร TRAVEL with Us" ไอ้คินแนะนำผู้ชายที่นั่งติดอยู่กับผมที่สุด  เขาอมยิ้มผงกหัวให้ผมอย่างรักษาท่าที  ผมผงกหัวยิ้มตอบให้เช่นกัน 

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ตุลพูด  ท่าทางเรียบร้อย  สายตาที่มองมาที่ผมผิดกับเอกและกำธรอย่างชัดเจน  ผมยิ้มให้เขามากกว่าเดิมเพื่อไม่ให้เสียมารยาทก่อนเบี่ยงตัวหันกลับไปทางไอ้คิน  มันอมยิ้มกรุ้มกริ่ม

"ที่กูมานี่ กูมีสิทธิ์ได้รับเครื่องดื่มไหม" ผมถามเพราะผมยังไม่มีเครื่องดื่มเลย  ตุลหัวเราะน้อย ๆ

"เออ ลืม! โทษ ๆ" ไอ้คินกระแทกเสียงยิ้ม ๆ มันรีบกวักมือเรียกพนักงานและสั่งเบียร์ยี่ห้อที่ผมชอบให้คล้ายรู้ใจ

"ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย" ผมพูดแกมสั่งไอ้คินไม่ดังเท่าไหร่เพราะกลัวว่าคนที่เพิ่งทำความรู้จักจะได้ยิน

"ไม่หิว" ไอ้คินตอบไม่มองหน้าผม  ผมแสยะยิ้มทันที  ไอ้เหี้ยนี่มันกวนส้นตีน

"ที่จริงมึงคงอยากแลกลิ้นกับกูต่อหน้าคนอื่นสินะ" ผมพูดหน้าตาย  ไอ้คินหันมามอง  ผมแลบลิ้นออกมากัดพร้อมเลิกคิ้วให้อย่างไม่แยแสว่ามันจะเลือกทางไหนเพราะผมกล้าจูบมันจริง ๆ ไอ้คินก็น่าจะรู้ดีว่าผมกล้าทำ 

"แม่ง" มันบ่นเซ็ง ๆ ยอมลุกขึ้น  พี่ทัพกับไอ้โปรดเหลือบมองเราสองคนเล็กน้อย

"เดี๋ยวมานะครับ ตามสบายเลยครับ" ไอ้คินโค้งน้อย ๆ ตามสไตล์คนชอบเอาใจแขก  ผมเดินนำไปทางห้องน้ำ  พนักงานหลีกทางให้อย่างถูกฝึกมาอย่างดี  ไอ้คินเดินตามหลังมาค่อนข้างทิ้งห่าง  พอถึงมุมลับตาและเงียบพอที่จะเป็นส่วนตัว  ผมจึงหยุดยืนรอมัน 

"คนไหน" ผมยิงคำถาม

"คุณตุลไง Come on! มึงแกล้งโง่ใช่ไหม" ไอ้คินกระแทกเสียงว่าด้วยท่าทางทะเล้น  ผมจ้องหน้ามันและไม่ตลกด้วย  ระดับเจ้าของนิตยสารการท่องเที่ยวชื่อดังขนาดนั้น  คงมีส่วนได้ส่วนเสียกับไอ้คินเป็นแน่

"แล้วไง.." ผมถามอย่างหยั่งเชิง  คะยั้นคะยอให้ผมเสียขนาดนี้  มันคงกำลังมีอะไรปิดบังผมอยู่บ้างละ

"ดูแลแขกให้กูหน่อยดิ..นะ" มันขอตรง ๆ ผมไม่ตอบทันทีเพราะแค่อยากเล่นตัวแกล้งมันเล่น  คุณตุลก็โอเคดี  หน้าตาดี  แต่งตัวสะอาดสะอ้านภูมิฐานสมอายุและฐานะ  ไม่มีอะไรที่ต้องติ
 
"แล้วไงล่ะ หน้าที่กู" ผมย้อนเชิงถาม

"ห่า..คุณตุลน่ารักออก มึงก็..เทคแคร์เขาหน่อย ถือว่ากูขอ" มันพูด

"กูรู้ว่ามึงก็ชอบ น่าจะ..ใช่ไหมวะ" ไอ้คินยิ้ม  แต่มันเริ่มทำหน้าไม่แน่ใจทิ้งท้าย

"นอกจากถ้ากูจะได้เขาแล้ว กูจะได้อะไรอีก" ผมเลิกคิ้วเชิงถามขอกำไร

"มึงจะเอาอะไรล่ะ" ไอ้คินย้อนถามด้วยสีหน้าเหนื่อยใจที่จะเล่นกับผมแล้ว  มันคงรู้ว่าผมกำลังกวนมันอยู่

"เอาอะไรเหรอ" ผมยืนนึก
 
"..ไม่มีว่ะ" ผมขมวดคิ้วตอบห้วน ๆ 

"ไอ้สัตว์ เลิกกวนตีนสักทีได้ไหม" มันว่าอย่างสุดทน

"หึหึหึ" ผมหัวเราะ

"ก็บอกกูมาตรง ๆ สิว่าทำไม อ้อมไปอ้อมมา..รำคาญ" ผมบ่น  ชักเริ่มหงุดหงิด

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก" ไอ้คินตอบ  น้ำเสียงพึมพำเบาลงทีละนิด

"เขา..ช่วยโปรโมตโรงแรมให้กูบ่อย ๆ ยอดแขกระดับผู้บริหารก็เลยทะลุเปรี้ยงปร้าง คุณตุลเขารับปากกูว่าจะเสนอชื่อโรงแรมกูในนิตยสารของต่างประเทศให้ กูก็เลย..อยากตอบแทนเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ..เอ่อ กูเห็นเขาถามถึงเมื่อตอนกลางวัน แบบว่า..อยู่ดี ๆ ก็ถามทั้งที่กูไม่เคยเล่าเรื่องมึงให้ฟัง กูก็เลยคิดว่า..เขาน่าจะสนใจมึงน่ะ แฮ่~" ไอ้คินยิ้มไปเล่าไป  ผมจ้องมันเขม็ง
 
"เขารับปากจะเสนอชื่อมึง ก่อนที่มึงจะเรียกกูมา หรือ เขายังไม่ได้รับปากอะไร แล้วพูดถึงกู..ขอแบบไม่โกหก" ผมถาม

"เขารับปากก่อน!" ไอ้คินกระแทกเสียงตอบทันทีทันใด  ผมยังคงยืนนิ่ง

"อะ..ไอ้เหี้ย จริง ๆ เขารับปากก่อน คุณตุลไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกมึง กูว่าเขาแยกแยะออกนะ อันไหนเรื่องงาน..อันไหนเรื่องส่วนตัว" ไอ้คินเกาหัว

"พอเขาถามถึงมึง แล้วกูเล่าเรื่องมึงปุ๊บ..ตาเขาดูแวววาวอะ" ไอ้คินพูดพร้อมทำตาประกอบให้ดูด้วย  ผมว่ามันดูอุบาทว์มากกว่าจะแวววาวอะนะ  ผมเงียบ  ถอนหายใจเล็กน้อยอย่างเริ่มคิดหนัก 

"แล้ว..เขา ประมาณไหน" ผมพยักหน้าไปทางด้านนอกซึ่งก็หมายถึงตุลนั่นแหละ

"แบบ..เอ่อ มั่วเซ็กส์ ง่าย ๆ..รึยาก หรือจริงจัง ถ้าอันหลังนี่กูขอบาย ไม่ช่วย" ผมรีบอธิบายและผายมือขึ้นปรามไอ้คินก่อนก้าวถอยหลังแบ่งระยะห่าง  ถ้าให้คบด้วย  แบบนี้ไม่สเปกเท่าไหร่ 

"กูก็ไม่รู้ว่ะ" ไอ้คินยิ้มแหย

"เอา ไอ้เวร!" ผมด่าลั่น

"หึหึ ไม่..กูหมายถึง กูไม่รู้ว่าเขาชอบมึงแบบไหน" ไอ้คินผายมือกว้างอธิบาย

"แต่ที่รู้ ๆ มาคือ ก็..เขาก็แอบมีแนวไม่ซีเรียสกับความสัมพันธ์นะ ดูเป็นผู้ใหญ่แบบ..ไงก็ได้ เขาเพิ่งเลิกกับแฟนด้วย กูว่า..ไม่แน่มึงอาจจะได้แดกเขา" ไอ้คินวิเคราะห์  การเล่นกับคนระดับนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย  ในความคิดของผม  เราทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน  เหมือนได้รู้ความลับและคิดวิตกว่าใครจะเปิดเผยความลับของอีกฝ่ายไหมอะไรทำนองนั้น  มันไม่เหมือนการที่ได้จีบใครไปนอนด้วยสมัยเป็นวันรุ่น  หน้าตาทางสังคมถึงแม้จะใช้ชื่อเดิมและนามสกุลเดิม  แต่ระดับความผิดพลาดมักจะสูงทะยานขึ้นกว่าสมัยวัยรุ่นมาก

"..อายุเท่าไหร่" ผมถาม  ดูแล้วน่าจะราว ๆ ผมหรือไม่ก็มากกว่า

"กูเหรอ ก็เท่ามึงไง!" ไอ้คินกวนตีนชี้เข้าที่ตัวเอง  ผมเลยตบหัวมันเข้าให้ทีนึงเป็นการสั่งสอน

"หึหึหึ" มันหัวเราะ

"สามสิบ" ไอ้คินยิ้มตอบ

"หน้าเด็กจังวะ" ผมว่าแต่ถึงแม้จะดูหน้าเด็กในบางมุม  แต่ท่าทางก็โตตามอายุแหละครับ

"ระดับนี้แล้ว กูว่าเขาก็คงวางท่าเหมือนแหละ" ผมเดา  ไอ้คินพยักหน้าเห็นด้วย

"ขอค่าน้ำมันไปซื้อถุงยางหน่อย" ผมแบมือตรงหน้ามัน  ไอ้คินขมวดคิ้วแต่ก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

"เท่าไหร่" มันถามเสียงห้วนอย่างไม่พอใจเพราะคงรู้ว่าผมไม่ได้จะเอาเงินไปเป็นค่าถุงยางจริง ๆ
 
"สองหมื่น" ผมตอบ

"สัตว์" ไอ้คินกัดฟันว่า

"ไม่เอาก็ได้นะ งั้นกูกลับ" ผมเบะปากยิ้ม ๆ ให้มันเลือก  อันที่จริงจะให้กลับตอนนี้ก็นึกเสียดายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน  นี่มันระดับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ได้เป็นเจ้าของบริษัทตั้งแต่อายุยังแค่สามสิบเองนะครับ  น่าค้นหาจะตาย

"เออ ๆ" ไอ้คินรีบควักเงินออกมาให้  ผมยืนมอง  มันนับซะดีถี่ถ้วนเชียว  ผมรับมา

"ทำบัตร VIP ห้องอาหารญี่ปุ่นที่โรงแรมมึงให้พายุด้วย น้องมันอยากได้..แต่กูไม่อยากเสียเงิน" ผมพูดพร้อมกับนำเงินก้อนที่อยู่ในมือตีเข้าที่หน้าผากไอ้คินแกมสั่ง 

"โห่ เหี้ยไรวะ" ไอ้คินบ่น

"มึงนี่ทำเหมือนบ้านยากจนเนอะ" มันบ่น  ผมหัวเราะในลำคออย่างพอใจ  เอาเงินไปอย่างนั้นเพราะทำให้ฟรี ๆ มันมีไม่บ่อยนักหรอกครับ  ลูกน้องก็ยังต้องกินต้องใช้  เราเองก็ยังต้องกินต้องขี้  ใครได้ใครเสีย  เป็นช่วงเวลาของใครก็ว่ากันไป..

"กูขอเตือนไว้ก่อน" ผมพูด  ไอ้คินหันมาจ้องหน้า  ผมหุบยิ้มเพราะที่กำลังจะพูดนี้เป็นเรื่องจริงจัง

"กูจะเข้าหาตรง ๆ ถ้าอีกฝ่ายไม่มีท่าที แล้วก็จีบยาก..กูขอบาย สองหมื่นนี่กูไม่คืน" ผมพูด  กรณีรูปแบบนี้สำหรับคนฐานะระดับเท่านี้  มันก็ขึ้นอยู่หลายสาเหตุและปัจจัย  ซึ่งถ้ายากขึ้นมาจริง ๆ ผมเองก็ไม่อยากรู้เหตุปัจจัยนั้นหรอกครับ  มันเสียเวลาน่ะ

"แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นที่กระทบต่องานมึง กูไม่ขอรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น" ผมพูดอย่างหนักแน่น

"บางทีกูก็อดคิดไม่ได้นะว่า ตกลงมึงเป็นเพื่อนสนิทกูแน่ไหม" ไอ้คินตอบกลับหน้านิ่งขรึม

"นี่กูควรคบมึงต่อดีรึเปล่า" มันบ่น

"หึหึ" ผมหัวเราะ  หันหน้าไปทางอื่นอย่างใช้ความคิด 

"มึงเลิกยิ้มแบบนี้สักที นี่กูหนาวสันหลังวาบ" ไอ้คินขยับหลังไปมา  ผมเหล่ตามองมันอย่างเจ้าเล่ห์

"แฮ่~" ผมแยกเขี้ยว  ทำเสียงเดียวกับเสือเวลาแยกเขี้ยวใส่แกล้งกวนมัน
 
"ไอ้สัตว์" ไอ้คินว่าแกมหัวเราะ

"กลับไปที่โต๊ะได้แล้ว" ผมไล่

"แล้วมึงก็บ่น ๆ ว่าก๊อกแตก น้ำเปียกเสื้อกู..ถามไอ้โปรดว่ามีเสื้อสำรองไหม อะไรทำนองนั้น" ผมพูดสั่ง

"แค่นี้.." ไอ้คินถาม

"อือ" ผมยักคิ้วตอบ

"จัดให้" ไอ้คินอมยิ้มก่อนเดินไป  ผมยืนรอทิ้งช่วงที่ไอ้คินจากไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ  นำมือหมุนก๊อกสุดอย่างแรงจนน้ำกระเด็นเปียกเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่  ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ในห้องน้ำต่างพากันมองผมกะหลับกะเหลือกคล้ายสงสัยว่าไอ้ควายนี่ทำเสื้อตัวเองให้เปียกทำไม  เห็นอย่างนั้นผมจึงแสยะยิ้มมุมปากให้ทุกคนด้วยรอยยิ้มสุภาพชนประดิษฐ์  ทุกคนหลบสายตาทันที  เสร็จจากนั้นจึงยืนกอดอกพิงอ่างรอ  เริ่มจับเวลา  เวลาผ่านไปเกือบ ๆ ห้านาที  ผมรู้สึกว่าเวลามันชักนานไปจนเกินจำเป็น  เกินคาดจนเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในแผนที่กำลังลองใจอยู่ขึ้นมาชอบกล  แต่ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้คินว่าเอาไว้ก่อนหน้า  เหตุการณ์มันก็ไม่น่าพลาด



.............ไฟ..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 15 [ 12:35 น. - 8 ม.ค 59 หน้า 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 28-01-2016 15:07:50
 :mew6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 28-01-2016 16:08:42
คุณไฟดูเล่นด้วยยากมากกกก
ขนาดกับเพื่อนสนิทนะเนี่ย 5555555
แล้วคุณไฟจะทำอะไรอยู่
เมื่อไหร่จะไปจีบสมุทรแบบจริงจัง
เรารออยู่นะคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 28-01-2016 16:10:09
เหนื่อยลุ้นมากอ่ะ5555ใจเต้นแรงตลอดที่อ่าน ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นตอนไหน
เหมือนอยู่ในเรื่องต้องคอยลุ้นกับการกระทำพวกนี้และเดาไปด้วยว่าเขาคิดอะไรอยู่ จะทำอะไรต่อไป
แต่สนุก เหมือนเล่นเกมตลอดเวลา5555555
รออยู่นะ รอจีบกันและกัน กรั่กๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Moonwish ที่ 28-01-2016 17:49:57
เหมือนจะมีตัวแปรเพิ่มอีกหนึึ่ง
ไฟไปเล่นด้วยทำไม เดินหน้าจีบสมุทรดีกว่า
รายนี้ท่าจะจีบยาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-01-2016 18:21:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 28-01-2016 18:30:06
ไม่อยากให้พี่ไฟยุ่งเกี่ยวกับคนชื่อตุลนี่เลย เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล( เอ๊ะ!!เราคิดมากไปรึป่าว) 
อยากให้พี่ไฟคิดถึงสมุทรเยอะๆๆ ไม่ชอบจริงๆนะถ้าตอนหน้าพี่ไฟได้คุณตุลนี่จริงๆ

ขอบคุณเบบี้จ้า รอมานานมากกมาส่องทุกวัน
ดีใจที่สุดเลย อยากรู้เรื่องราวพี่ไฟกับสมุทรมากกว่านี้อีก  ยังไงก็รอนะคะ


รักพี่ไฟ:)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 28-01-2016 18:42:09
ไฟน่าร๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-01-2016 19:50:01
ตอนนี้ทั้งสองคนดูอบอุ่นๆจัง :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 28-01-2016 19:52:24
ไฟขี้อ่อยยยยย....
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 28-01-2016 20:32:53
พี่ไฟแม่งงงงงง
จะเจ้าเล่ห์ไปไหนนนน
โฮวววว แต่ตุณตุลนั่นก็น่าจัด
แอร๊ยยย พูดอะไรออกไป คึคึ
นี่ยังไงก็ได้อ่ะ เป็นคนแบบถ้าอ่านแล้วเขียนสนุก เรื่องเดินไปทางไหนเราก็โอเคร ^_____^
รีบมาต่อนะเบบี้ รอออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 28-01-2016 20:47:32
ไฟอย่านะะะะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-01-2016 21:17:40
พี่ธาน เท่านั้นรู้จักไฟดี ทันกันดี  o13 o13 สมุทรน่าสงสารจะตามไฟทันไหม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-01-2016 22:12:34
คุณไฟ แม่งอินดี้ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 28-01-2016 22:43:04
ชอบเวลาพี่ธานกะไฟคุย มันเหมือนรู้ทันกันตลอดเวลา 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 28-01-2016 23:28:04
พี่ธานกับไฟ เหมือนที่เขาว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่อ่ะ
ชอบใจเวลาไฟอยู่กับสมุทร เคมีเข้ากันเข้ากัน :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 29-01-2016 00:35:37
คุณไฟชอบคุยกับพี่ธานแบบรหัสมอสอ่ะ 
คุยกันแต่ละอย่างคนอ่านนี่ต้องแปลไทยเป็นไทย 555555555555
 
ส่วนสมุทรก็ดูนิ่งมาก คุณไฟอ่อยเท่าไหร่ไม่มีหวั่นไหวเลย T T   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 29-01-2016 01:36:26
 :ling1:โอ้ยยยยย อยากรู้จะยังไงต่อ
มาต่ออีกนะค้าบบบบบย :ling3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 29-01-2016 10:32:53
ไฟให้ความรู้สึกทุกอย่างอยู่ในกำมือจริงๆ ทำอะไรก็สำเร็จไปหมด ทุกคนอยู่ใต้อายัด ดีแล้วที่มีสมุทรอยู่คอยขัดๆบ้างก็ดี ขัดใจเลยยิ่งดี กดไฟเลยยิ่งดี  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 29-01-2016 10:34:39
ไฟนี่มันเจ้าเล่จริง ๆ หึ..แต่ก็เหมาะแล้วละ
ตอนนี้ยังไม่ลงเอยกับสมุทรก็หาของกินเล่นไปก่อนนะ
แต่ลงเอยเมื่อไหร่ทำแบบนี้ระวัง FC สมุทรไปเผาบ้านนะเอ่อ o18

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 29-01-2016 12:11:17
ตอนแรกนึกว่าจะพาวมุทรไปด้วย แต่ไปๆมาๆ จะได้เด็กไปเฉยเลย แหม่! รักเพื่อนจริงๆนะคะคุณไฟ ถึงขั้นใช้ตัวเข้าแลกกันเลยทีเดียว จัดไป!!  :เฮ้อ: เผื่อสมุทรจะแสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้ความหวังบ้าง เพราะความสัมพันธ์ตอนนี้ เหมือนพี่ชายใหญ่ กับน้องน้อยมาก โมเม้นเป็นเด็กๆนี่มีเฉพาะสมุทรหรือเปล่าที่คอมเม้นได้  :laugh: เป็นคนอื่นคงโดนไปแล้ว  ชอบตอนมองตาแล้วรู้ใจ อ่านแล้วฮาดี  :กอด1:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 29-01-2016 12:41:50
ชอบพี่ธานสุดๆละรู้ทันไฟไม่มีใครเกิน..ส่วนไฟนี่นอกจากเจ้าเล่ห์ปากเสีย

กวนตีนยังงกอีกกับเพื่อนก็ไม่เว้น
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 30-01-2016 00:00:58
ไฟน่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: must ที่ 30-01-2016 00:08:27
อัพเดทสารบัญ

♨The Real Me ♨ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3238689#msg3238689)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 30-01-2016 03:53:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 30-01-2016 12:44:44
ทันแล้ว เย้
ยาวมากแบบมากกกกกกกกกกกกกกก ตอนนึงนี่อ่านได้เป็นอาทิตย์อ่า
ไม่ใช่อะไร พอใจน่ะค่ะ 55555 อิ่มดี


หลังจากได้ย้อนกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นแล้วนั้น ก็ยังไม่รู้แน่ชัดในเพศสภาพของพี่ไฟ จนโดนด่าวันนั้นถึงเข้าใจ 55555

ชอบพี่ธานกับพี่ไฟเวลาคุยกันจริงๆ รักกันดี(?) พี่ธานไม่ยอมไปไหนจริงจังมาก ถ้าไม่เห็นว่าเอือมพี่ไฟอยู่มากจะคิดว่าแอบชอบซะแล้ว กร๊ากกกก
พี่ไฟที่บอกว่าขอแค่ได้รู้สึกรักใครสักคนจริงจังแค่นี้พอ คือพี่ไม่รู้จักฤทธิ์เดชของความรักซะแล้ว สุขเศร้าเหงาเจ็บปวด พี่พร้อมจะเจอมันแล้วใช่มั้ยยยยยยย

สมุทรก็อีกคนนี่ยอมให้อ่อยเพราะเป็นเจ้านายหรือเพราะเข้าใจในนิสัย หรือเพราะไม่ได้ว่าอะไรก็โอเคนะไรงี้ หรืออะไร? อยากจะรู้วววววว์


พี่ไฟจะไปกับตุลเพราะพี่ไฟโอเคถ้าง่ายก็ดี ได้กำไรงี้ป่ะ ไม่ได้ว่าไรกรณีนี้นะ เพราะกับสมุทรก็ยังไม่ได้อะไรกันเยอะแยะ
แต่กลัวว่าตาตุลนี่จะจริงจังกับพี่ไฟแบบพี่ไฟไม่รู้ตัวและทำอะไรไม่ได้นี่สิ มั้ย? แล้วก็กลัวสมุทรจะคิดว่าที่หยอดๆตัวเองก็เล่นๆด้วยงี้ป่าว แง้ งานมโน งานคิดไปเองงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 30-01-2016 20:32:34
คู่นี้ยิ่งนานวันยิ่งน่ารัก :-[
ไฟจีบสมุทรจริงจังเยอะๆหน่อยนะ ท่าทางสมุทรจะเจียมตัวเกิน  จีบยากแต่ไฟอย่าหมดความอดทนนะ  ชอบที่ไฟจีบสมุทรมากๆ  :impress2:
คู่แข่งของสมุทรก็ดีๆรวยๆทั้งนั้น สมุทรจะเอาอะไรไปสู้ได้  นอกจากคุณไฟจะจัดการทุกอย่างเอง555
สนุกมากๆเลยค่ะ  ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 31-01-2016 01:10:02
ขอเม้นอีกหน่อย


ชอบโมเม้นสมุทรตอนอยู่กับพี่ไฟมาก ชอบความรู้สึกแปลกใจของลูกน้องคนอื่นๆ 55555 ชอบที่พี่ไฟยอมให้สมุทรทำอะไรก็ตามที่ลูกน้องคนอื่นไม่สิทธิ์ทำ เป็นคนพิเศษ และเชื่อว่าคนรอบข้างจะสัมผัสได้ แต่ตัวสมุทรเองที่เพิ่งมาอยู่ด้วยคงไม่รู้ความอาการหนักของพี่ไฟนี้แน่ๆ


รอวันที่พี่ไฟจะรัก จนไม่สามารถไปมีอะไรกับใครอื่นได้ คึคึ จะมีมั้ยอ่า 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 03-02-2016 20:36:56
เค้าอ่านพี่ธานกะไฟ แล้วจั๊กกะจี้ในหัวใจ #สมุทรคือใครไม่รู้จัก XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 03-02-2016 21:43:44
อ่านแล้วอ่านอีก:)

คิดถึงพี่ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 04-02-2016 17:26:20
ไฟ ลืมสมุทรไปแล้ว 555+
จริงๆที่คิดถึงขั้น อยากให้คินคู่โปรด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-02-2016 13:14:03
คุณไฟลูกล่อ  ลูกชนแพรวพราว ฉลาดหลักแหลมครบเครื่อง


สมุทรนี่ คมในฟักของแท้ รู้ทันตลอดแต่ไม่แสดงออก แค่นั้นเอง


พี่ธาน สมกับเป็นพี่ใหญ่จริงๆ ฉลาดรู้ทันคุณไฟและมองเกมส์ได้ขาดจริงๆ


พายุ บทหนูน้อยไปหน่อยนะลูก อยากให้พายุอ่อยพี่ธานแบบชัดเจนกว่านี้หน่อย คริๆป้าเชียร์


และสุดท้าย น้องเมฆของป้า กอดรัวๆๆๆๆๆๆ  รักที่สุดเด้กน้อยใสๆ ที่มีโลกเป็นของตัวเอง


และในตอนนี้  ป้าก็กลับมารอคุณไฟ อีกครั้ง และ อีกครั้ง รออออออออออออออออ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 19-02-2016 18:29:20
คิดถึงพี่ไฟ:)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 20-02-2016 20:55:38
คิดถึงสมุทรมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 21-02-2016 19:08:48
คิดถึงจัง :mew2: :mew2: :mew2: เจอกันไหม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 28-02-2016 16:03:56

ตอนที่ 17
..ไฟ..




"เอ่อ นี่เสื้อยืดของคุณตุล" ไอ้คินโผล่หัวเข้ามาพร้อมกับเสื้อยืดสีดำในมือ  คุณตุลเดินตามหลังมันมาด้วย

"เออ! ใครโทรมาวะเนี่ย!" ไอ้คินตีหน้าซื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโต้ง ๆ

"อะ เปลี่ยนซะ" มันยื่นเสื้อมาให้  ผมรับมา

"ฝากไอ้ไฟด้วยนะครับคุณตุล" ไอ้คินหันไปบอกตุลอย่างลวก ๆ แล้วรีบเดินคุยโทรศัพท์ออกไปเลย  ผมหันไปมอตุลเล็กน้อย  อีกฝ่ายอมยิ้มด้วยสีหน้าประหม่าแบบที่ถ้าเป็นผู้ชายปกติก็คงจะไม่ทำกัน

"ของ..แฟนเก่าผมน่ะครับ น่าจะไซซ์เดียวกันกับคุณไฟ ถ้าคุณไม่รังเกียจ" เขาพูดขึ้นซะตรง  พูดขนาดนี้เปิดประตูซะอ้ากว้างทีเดียวเชียว  ผมอมยิ้มมุมปาก

"หึ..ไม่หรอกครับ ขอบคุณ" ผมตอบ 

"ฝากถือสักครู่ได้ไหมครับ" ผมยื่นเสื้อของคุณตุลกลับไปให้เขา

"ครับ" ตุลรับไปถือไว้และยังคงไม่เดินไปไหน  ผมหันตัวกลับมาทางกระจกอีกครั้ง  แกล้งทำเป็นมีมารยาทกับการถอดเสื้อออกต่อหน้าคนอื่นไปอย่างนั้นเอง  ผมปลดกระดุมลงช้า ๆ อย่างใจเย็น  นวยนาดเพราะนอกจากจะรู้สึกสนุกอยู่ลึก ๆ ในตอนนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีกด้วย  จะหัวหรือก้อย  ผมไม่ได้คิดหนักอะไรเพราะผมไม่มีผลกระทบเดือดร้อนด้วยน่ะนะ 

เมื่อถอดเสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ผมหันตัวกลับไปหาตุลอีกครั้ง  อีกฝ่ายยื่นเสื้อยืดกลับมาให้ไม่สบตาผมตรง ๆ ผมเลยแกล้งยื่นเสื้อเชิ้ตที่เพิ่งถอดกลับไปให้เขา  ตุลรับไปและผับเสื้อให้ผมเรียบร้อย  ผมอมยิ้มมองกะล่อนอย่างลืมตัวเพราะชอบที่ได้เห็นอะไรแบบนี้  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมพอดีถึงกับชะงัก  หลบสายตาผมไปอีกทาง  เมื่อผมใส่เสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ตุลก็ยื่นเสื้อเชิ้ตของผมกลับมาให้ 

"ขอบคุณครับ" ผมบอก  ตุลยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน  ผมเองก็เลยลองยืนนิ่ง ๆ ดูบ้าง

"จะทำธุระก่อนไหมครับ ผมรอเป็นเพื่อน" ผมพูดเสนอก่อน

"เอ่อ..ครับ" ตุลตะกุกตะกักพยักหน้าตอบ  เข้าเดินแยกเข้าไปเข้าห้องน้ำแบบส่วนตัว  ผมเดินไปยืนพิงอยู่ตรงอ่างล้างมือโดยหันหน้าเข้าไปทางประตูห้องน้ำที่ตุลเพิ่งเข้าไป  ยืนหันหน้าตรง ๆ จงใจที่จะประชันหน้ากับอีกฝ่าย  ประมาณห้านาทีให้หลังคนในห้องน้ำก็เดินออกมา  ตุลชะงักที่เห็นผมจ้องอยู่ก่อนแล้ว  ดูเขาทำตัวไม่ค่อยถูกแต่ท่าทีก็ไม่ได้เป็นไปในทางที่แย่นัก  ผมคิดว่าเขาก็น่าจะพออ่านสถานการณ์ในตอนนี้ออก  ผมคิดว่าถึงเป็นผู้ชายแท้ ๆ ก็คงอ่านออกว่าการกระทำของผมในตอนนี้มันแปลก 
ตุลเดินมาหยุดยืนล้างมืออยู่ที่อ่างน้ำข้าง ๆ กับที่ผมยืนอยู่  เขาเปิดก๊อกน้ำล้างมือ  ผมหันไปมอง

"คุณตุลเอารถมาเหรอครับ" ผมถาม

"ครับ" ตุลหันมายิ้มตอบ  ผมเงียบลงจนอีกฝ่ายล้างมือเสร็จ

"แล้ว..คุณไฟขับรถมาเองเหรอฮะ" อีกฝ่ายเริ่มยิงคำถามบ้าง 

"เปล่าครับ ให้ลูกน้องขับมาน่ะ" ผมตอบ  เอื้อมมือหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดมือยื่นไปให้  ตุลผงกหัวเล็ก ๆ และรับกระดาษทิชชู่ไปเช็ดมือจนแห้งดี  เขาก็นำกระดาษไปทิ้ง   

"แล้ว..เสร็จจากที่นี้จะไปไหนต่อเหรอครับ" ผมถามอีก  การยิงคำถามเป็นไปแบบไม่ยิงเร็วทันทีทันใดเพราะต้องสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายด้วย  เป็นการถามอย่างเว้นระยะเพื่อให้อีกฝ่ายได้ใช้เวลาคิดบ้างว่า  ผมจะถามต่อรึเปล่าอะไรทำนองนั้น 
 
"คงกลับโรงแรมเลยน่ะครับ พรุ่งนี้มีสัมมนาที่โรงแรมแต่เช้า" ตุลยิ้มหวานตอบ  ครั้งนี้เขาหันมามองหน้าผมตรง ๆ ผมจ้องมองสำรวจใบหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ ให้เต็มตาอีกครั้ง  คุณตุลเหสายตาหนีไปอีกทาง

"พักที่โรงแรมของไอ้คินเหรอ"

"ครับ" ตุลพยักหน้า  ผมพยักหน้ารับเช่นกัน  เราเงียบลง  ผมเหสายตาลงพื้นอยู่ครู่หนึ่ง  ตุลไม่พูดทักอะไร  ยืนเงียบตรงหน้าผมคล้ายกับรอดูปฏิกิริยาของผมด้วย  ผมเงยหน้าขึ้น  เหลือบมองผู้ชายที่ล้างมือเสร็จและเขากำลังมองมาที่ผมและตุล  อีกฝ่ายคงสงสัยว่าผมสองคนกำลังจีบกันอยู่รึเปล่าละมัง

"ผมไปส่งเอาไหมครับ" ผมถามขึ้นโต้ง ๆ

"หะ.." ตุลอุทานเบา ๆ ด้วยใบหน้าดูตกใจ  ผมไม่ขยายความในประโยคที่เพิ่งพูดไปแต่มองเขาอย่างมีเล่ห์นัยให้ตีความเอาเอง  ตุลนิ่งไปครู่  รอยยิ้มน้อย ๆ ผุดบนใบหน้าให้เห็น

"นี่เป็นการชวนขึ้นเตียงเหรอครับ" อีกฝ่ายพูด 

"หึ" ผมหลุดหัวเราะในทันที  ไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดตรงไปตรงมานี้จะออกมาจากท่าทีประหม่าของคน ๆ เดียวกับเมื่อก่อนหน้า

"คงงั้นมั้งครับ" ผมตอบส่ง ๆ ไปทีแต่ก็ไม่ปฏิเสธ   

"ไอ้คิน บอกว่าคุณเป็นแขกคนสำคัญ มันบอกให้ผมดูแลคุณเป็นอย่างดีให้หน่อย แต่ว่าผม..ดูแลใครไม่เป็นนอกจากเรื่องแบบนี้ซะด้วย" ผมพูดพลางจ้องหน้าตุลเขม็งเป็นการบอกว่า "ผมไม่ได้พูดเล่น"  เขาเองก็จ้องตาผมไม่กะพริบเช่นกัน

"เพื่อนผมมันคงลืม ว่าผมชอบตีความผิดความหมายจากชาวบ้านทั่วไป แล้วก็ไม่อธิบายให้กระจ่าง" ผมยิ้มมุมปาก  ตุลยิ้มน้อย ๆ ไม่ว่าอะไร

"ผมเสียมารยาทกับคุณตุลซะแล้ว เอายังไงดีละครับ" ผมพูดเชิงถามให้เขาตัดสินใจ  ตุลยิ้มกว้างออกมาด้วยสีหน้าเขิน ๆ เขาเงียบไปประมาณหนึ่งอึดใจจนผมเริ่มขยับตัว  ตุลผงะ  ช้อนตาขึ้นมองตาม

"ถ้าคุณไฟไม่มีธุระที่ไหน" เขาพูดขึ้น  ผมยิ้มให้และเดินเข้าไปหาก่อนนำแขนโอบเอวอีกฝ่ายเบา ๆ

"ขอกุญแจรถด้วยครับ" ผมก้มลงไปกระซิบบอก  ตุลหน้าแดงทันที  เขาหยิบกุญแจรถออกมาให้ผมง่าย ๆ คนในห้องน้ำพากันมองมาที่เราทั้งคู่  ผมเหลือบมองเรียงรายตัวพร้อมแสยะยิ้มทักทายให้ทุกคนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  เพื่อนสนิทผมเคยบอกว่าผมหน้าด้าน  ผมว่าผมไม่ได้หน้าด้าน  แต่ผมแค่เป็นคนที่ถ้าอยากทำอะไรผมก็ไม่อายต่อสถานที่เท่านั้นเอง..

หลังจากเคลียร์เรื่องในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย  ผมกลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง  ทุกคนครื้นเครงกว่าเดิม  มีผู้หญิงนั่งขนาบข้างกันคนละคู่โดยไม่มีใครทักถามหรือสนใจที่ผมและตุลไม่เรียกให้ผู้หญิงมานั่งด้วย  มันเดาได้ไม่ยากว่า  ทั้งกำธรและเอกเองก็คงรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรอยู่บ้างไม่มากก็น้อย 

ระหว่างที่นั่งดื่ม  เราคุยเรื่องธุรกิจและเรื่องทั่วไปกันบ้าง  ไม่ได้เจาะจงเรื่องซีเรียสอะไรเป็นพิเศษ  ผมที่นั่งติดกับตุลก็ชวนเขาชนแก้วบ้างครั้งคราว  ไม่ได้ออกท่าทีหวานเสน่ห์หรือจีบแบบตรงไปตรงมา  หรือหาทางหยอดตลอดเวลาอย่างที่ควรจะทำ  ผมไม่ชอบทำอะไรทำนองนั้น  คงเพราะโดยปกติผมก็ไม่ค่อยทำแบบนั้นกับใครอยู่แล้ว  อีกฝ่ายจะชอบผมหรือไม่ชอบผม  ส่วนใหญ่ผมมักไม่ค่อยเทคแคร์อะไรใครเป็นพิเศษ  ชวนคุยบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เพื่อไม่ให้ต่างเกร็งกันจนเกินไป  แต่ถ้าจะให้ไปพะเน้าพะนอคลอเคลียคอยเอาอกเอาใจอีกฝ่าย  ผมไม่ทำ 

หลังจากที่ทุกคนเริ่มเข้าโลกของตัวเองแน่นอนว่าไม่มีใครจบแค่ที่โต๊ะนี้แน่  เวลาเกือบเที่ยงคืน  ผมขอตัวออกมาก่อน  ไอ้คินและไอ้โปรดดูท่าจะอ่านทุกอย่างออก  มันอมยิ้มกะล่อนพร้อมกับโบกมือบ้ายบายให้ผม  ระหว่างที่ตุลกำลังลาคนที่โต๊ะผมก็เดินนำออกมาก่อนเพื่อไม่ให้ตุลดูน่าเกลียด  ผมออกมายืนรอที่หน้าร้าน  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นยืนรออยู่ก่อนนานแล้ว 

"เข้ม..เดี๋ยวมึงขับคันนี้ไปส่งกูที่โรงแรมของไอ้คิน" ผมยื่นกุญแจรถของตุลให้มัน  ไอ้เข้มรับไป  มันก้มหน้าก้มตารับฟังคำสั่งจากผมอย่างตั้งใจ

"ส่วนมึงขับรถกูไปจอดที่โรงแรม บอกเขาว่าของกู ทิ้งกุญแจรถไว้ที่ล็อบบี้แล้วกัน คืนนี้กูจะนอนนั่น" ผมสั่งไอ้เด่นแล้วหยิบเงินออกมาสองพันบาทยื่นให้กับมันสองคน ๆ ละหนึ่งพัน

"เสร็จแล้วมึงก็กลับบ้านกันได้เลย" ผมบอก

"ครับนาย" มันสองคนรับทราบ  ตุลเดินออกมาพอดี  อีกฝ่ายดูจะตกใจที่เห็นไอ้เข้มและไอ้เด่นยืนอยู่ด้วย  เขาอมยิ้มน้อย ๆ ทักทายมันทั้งคู่  ลูกน้องทั้งสองคนผงกหัวอย่างนอบน้อมและไม่มองหน้าของตุลอย่างรู้จักมารยาทและหน้าที่ 

"เชิญครับ" ผมผายมือให้เล็กน้อย  ไอ้เข้มกดหารถยนต์ของคุณตุล  เมื่อรถส่งสัญญาณมันก็รีบวิ่งนำตรงไปที่รถคันของตุลทันที  ผมและตุลเดินตามไปอย่างไม่เร่งรีบอะไร  อีกฝ่ายยิ้มให้ผมเป็นระยะแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกอะไรเกินงาน  ผมจึงเข้าไปโอบเอวตุลเข้ามาเพื่อให้เขาหายเกร็งและเดินไปด้วยกันแบบนั้น

"คนรักคุณไฟไม่หลงตายเลยเหรอครับ ทำอะไรไม่อายใครแบบนี้" ตุลแซวยิ้ม ๆ

"หึ" ผมหลุดหัวเราะและไม่คิดจะพูดขยายความใด ๆ

"เจ้าชู้นี่คือนิสัยสินะครับ" ตุลพูด  ใบหน้าทีเล่นทีจริง

"คุณตุลนี่เสียมารยาทจัง" ผมตอบปัดไปงั้น  อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ ที่ถูกผมพูดหยอกกลับ   

"ผมดูเป็นงั้นเหรอครับ" ผมก้มหน้าถามเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

บางคนชอบพูดกับผมแบบนี้  ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวผมเจ้าชู้ขนาดที่สับรางเก่ง  ผมไม่เคยสับรางเพราะมันยุ่งยากน่ารำคาญ  เมื่อไหร่ที่ผมนอนกับใครหลายคนผมก็ไม่เคยปฏิเสธเพื่อรักษาน้ำใจใครที่ผมนอนด้วยว่าผมนอนกับเขาแค่คนเดียว  และสำหรับผม  คนเจ้าชู้คือคนที่ไม่พร้อมจะหยุดอยู่กับใคร  คบหา  ปิดบังและนอนกับใครก็ได้ทีละหลาย ๆ คน  ไม่มีความจริงใจหรือจริงจัง  บางครั้งก็ไม่ตรงไปตรงมาต่อผู้อื่น  ซึ่งผมคิดว่าผมไม่ได้มีส่วนนั้นทั้งหมด  ถ้าใครคิดคบกับผมแบบจริงจังไม่ได้หวังแค่ร่วมหลับนอนด้วย  และถ้ารับไม่ได้ที่ผมนอนกับคนอื่นในขณะเดียวกัน  ก็เชิญไปซะ  ผมไม่สนเพราะก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายเข้ามาเสนอให้  จะต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าผมไม่คิดคบหาใครอย่างจริงจัง 

"ไม่หรอกครับ ขอโทษด้วย ผมก็แซวไปงั้น ก็เขินนี่นะ" ตุลยิ้มน้อย ๆ ตอบปัด  ผมก้มลงหอมแก้มเขาอย่างรู้สึกหมันเขี้ยว 

"คุณไฟ" ตุลปรามผมอย่างอาย ๆ ไอ้เข้มก้มหัวลงทันทีที่ผมหันไปสบตา  เมื่อถึงรถแล้วผมจึงเปิดประตูรถให้ตุลขึ้นไปก่อน  ไอ้เข้มรีบเปิดประตูรถฝั่งของผมรอ  ไอ้เด่นเคลื่อนรถมารออยู่ก่อนแล้ว  เมื่อไอ้เข้มขับนำออกมาก่อนมันจึงขับตามมา  เมื่อถึงโรงแรม  ตุลก็เดินนำพาผมขึ้นไปบนห้องพัก Suite ของเขา  โรงแรมของไอ้คินยังวิวดีอย่างเคย  ผมเคยมานอนแล้วครั้งสองครั้งแต่ไม่ใช่ห้องฝั่งนี้  มันชอบเลือกฝั่งที่วิวไม่ค่อยดีให้เพื่อนรักอย่างผมตลอด

ผมหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือนำไปวางลงบนโต๊ะกลางห้องก่อนเดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อดูวิวด้านนอกให้ชัดเต็มตามากขึ้น  ตุลเดินเข้าไปในห้องนอน  ผมไม่ถามว่าเข้าไปทำไมเพราะส่วนใหญ่ที่หายไปก็มักจะไปทำธุระส่วนตัว  ครู่หนึ่งเขาก็ออกมา  ตุลถอดเสื้อสูทนอกออกเรียบร้อยแล้ว  ผมยืนมองนิ่ง ๆ

"เอ่อ สูบบุหรี่ได้ไหมครับ" ตุลถามเสียงเบามาก  ผมเหสายตา

"อย่าเลย ผมไม่ค่อยชอบน่ะ" ผมพูดตามตรง  บางครั้งการได้กลิ่นบุหรี่จากปากผู้ชายก็ไม่เท่าไหร่  รู้สึกพอทำใจได้  ยิ่งถ้าอารมณ์ถึงจุดหน้ามืดแล้วจะบุหรี่หรือกัญชาก็คงห้ามผมไม่อยู่  แต่ถ้าเป็นผู้หญิงและจำเป็นที่จะต้องจูบกัน  ถ้าอารมณ์ผมไม่ได้ดีคงที่เป็นทุนและมาได้กลิ่นบุหรี่จากปากของเธอ  มันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผมเสียอารมณ์ได้ไม่น้อยเหมือนกัน  ผู้หญิงคนไหนมีกลิ่นบุหรี่ติดมา  ส่วนใหญ่ผมไม่ไปต่อด้วย

"คุณไฟไม่สูบเหรอครับ หึ..หน้าไม่ให้เลยนะ" ตุลอมยิ้มแซว

"หึ" ผมหัวเราะเท่านั้นเพราะคำพูดนี้ไม่ได้หลุดออกมาจากปากเขาคนแรก  ผมได้ยินจนชินหูเสียแล้ว  ตุลเดินตรงเข้ามาหาแต่ก็เว้นระยะห่างไว้ประมาณเมตรหนึ่ง

"แต่ถ้าคุณติดก็ตามสบายนะ" ผมพูดลองเชิง

"ไม่หรอกครับ ก็ไม่รู้จะทำอะไร" ตุลตอบ  เขาหลบตาผมไปอีก

"อ่าว..นี่ไม่ได้มาเพื่อหาอะไรทำกันหรอกเหรอ" ผมกวนตอบหน้าตาย

"หึ บ้า" ตุลยิ้มเขิน  เข้ามาตีแขนผมเบา ๆ มือของอีกฝ่ายเลื่อนมาจับอยู่บนเสื้อที่อกผม  ผมจ้องมองหน้าตุลที่กำลังมองสำรวจร่างกายของผมอยู่

"คุณไม่เหมาะกับมันหรอก" ผมพูดบอก  ถึงบุหรี่และตัวเขา 

"กับใครครับ ไม่เหมาะกับคุณ หรือ บุหรี่" ตุลแสยะยิ้มถามผมกลับกวน ๆ ด้วยสายตาเย้าหยอกผมอีกด้วย

"ก็ทั้งคู่นั่นแหละ" ผมยิ้มตอบพร้อมกับเข้าไปโอบเอวของตุลมาทั้งสองมือ  เมื่อสำรวจจากรอบเอวแล้ว  เนื้อตัวไม่ได้ต่างจากที่สายตาได้เห็นภายนอก  ตัวของตุลแนบชิดเข้ามาติดกับตัวผม  ผมไล่มือต่ำลงจากสะโพกลงไปที่บั่นท้าย  กางเกงผ้าสีกากีตัดกับสีเสื้อเชิ้ตและสูทนอกที่เพิ่งถอดออกไปแสดงถึงความทันสมัยของคนใส่  แม้จะเป็นสีกากีทึบ ๆ แต่กลับยังเห็นรูปร่างได้อย่างชัดเจนว่าก้นอีกฝ่ายคงสวยแบบที่ไอ้คินโฆษณาไว้เป็นแน่ 

"อะ" ตุลหลุดครางออกมาเมื่อผมจงใจบีบก้นของเขาอย่างแรงพร้อมกันทั้งสองมือ  เพราะรู้สึกหมันเขี้ยว  แขนอีกฝ่ายกอดเข้าที่ไหล่ผมทันสองข้าง  หน้าแม่งโคตรยั่วได้อีก  ผมว่าผมโดนของจริงเข้าให้แล้ว
   
"คุณไฟ..ขอ ตุล อาบน้ำก่อน" อีกฝ่ายกระซิบบอกที่ข้างหู  ผมไม่ฟังเสียงเพราะถ้ามีอารมณ์ก็ไม่อยากจะมานั่งรออะไรไม่เข้าท่าแบบนั้น  อีกอย่างกลิ่นตัวเขาก็ไม่ได้เหม็นน่ารังเกียจ  ติดจะหอมซะด้วยซ้ำ  นึกจะนอนกับนักธุรกิจแล้วไม่ทำระหว่างอยู่ในเครื่องแบบแล้วจะไปมีผลอะไร 

"ไฟ อ้า~" ตุลเผลอครางออกมา  ครั้งนี้เสียงหลงกว่าเก่า  ผมดึงกดเอวของเขาเข้ามากระแทกกับตัวทั้งสองมืออย่างย้ำแน่น  อีกฝ่ายตัวสั่นที่ถูกผมแทรกขาซ้ายเข้าไประหว่างขาของเขาทำให้รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์อย่างมากจนเป้าแข็งเด่นออกมาแล้ว
 
ตุลเลื่อนมือที่จับไหล่ผมอยู่ไปจับข้อมือของผมที่กำลังนวดคลึงก้นของเขาอย่างสนุกมือไว้  คล้ายกับพยายามห้ามปราม  ผมมองสีหน้าของเขาไม่วางตา  รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจยั่วผมด้วยทีท่าหวงตัวไปอย่างนั้นเอง  หน้าตาเขามีอารมณ์ร่วมยั่วยวนสุด ๆ แบบที่รู้ทันทีเลยว่าคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่ไม่ธรรมดาแน่  เพราะคู่ต่อสู้คนนี้คงเซ็กส์จัดพอดู  แต่ก็คงดีสำหรับผมละมัง  ถือว่าครั้งนี้ได้กำไรแบบไม่ทันตั้งตัวเพราะถ้าเจอคนที่เซ็กส์เข้ากันได้  ผมเองก็เป็นคนเซ็กส์จัดไม่น้อย  ไม่ขอปฏิเสธ 


- - - - - - - - - - - - - - -


06:21 น. RATIO HOTEL

"จุ๊บ~" ผมสะดุ้งตื่นแต่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นดูเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนที่นอนอยู่ด้วยเมื่อคืนนี้กำลังทำอะไรผม  ผมยังคงหลับต่ออย่างรู้สึกเพลีย ๆ เล็ก ๆ ริมฝีปากของตุลไล่จูบไปทั่วระหว่างหน้าอกและลำตัวของผม  ดูอีกฝ่ายจะเพลินพอได้เหมือนกัน  ผมสะลึมสะลือ  ลืมตาขึ้นมองดูเล็กน้อย  เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำผมตื่นแล้ว  ท่าทางการจูบไซ้อย่างเกร็ง ๆ เพราะกลัวว่าจะกวนผม  ทั้งอย่างนั้นดูเหมือนเขายังไม่หยุดที่จะรุกมากขึ้นเรื่อย ๆ

อยู่ ๆ ตุลก็ลุกขึ้นนั่ง  อ้าขาคร่อมอยู่บนตัวผม  แก้มอีกฝ่ายแดงระเรื่อ  หน้าตาบอกว่ามีอารมณ์สุด ๆ ขนาดเมื่อคืนทำจนร้องระงมจนนอนหมดแรงขนาดนั้น  เขายังลุกขึ้นมาด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 "อื้อ" ตุลพยายามกลั้นเสียงครางของตนไว้ในลำคอเมื่อเขานำก้นถูเข้ากับน้องชายของผมที่ใส่เพียงกางเกงในนอนปิดไว้  ดูท่าอีกฝ่ายจะชอบที่ของผมมันเริ่มแข็งขึ้นทีละนิด  มือทั้งสองมือลูบตัวผมไล่ขึ้นลงอย่างแผ่วเบาแต่ก้นกลับกระแทกถูหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนผมแอบสังเกตเห็นว่าน้องชายของตุลแข็งชันเด่นนูนออกมาจากกางเกงในสีขาว ๆ ที่เขาสวมใส่อยู่ 

"กวนอะไรแต่เช้า" ผมทนไม่ได้  ลืมตาขึ้นมองเต็มตา  ทำเสียงดุออกไป  อีกฝ่ายสะดุ้งหน้าเสีย  หยุดขยับทุกอย่างทันที  ผมนอนมองตาขวางก่อนนำมือลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อให้ตื่นเต็มตา  เมื่อหันกลับไปมองดูนาฬิกาก็เห็นเวลาว่ายังเช้าอยู่มากเลยไม่ได้ต่อว่าอะไรอีก  ส่วนตัวก็มีอารมณ์จะทำอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน  เซ็กซี่ขนาดนี้ปล่อยไปก็แปลกแล้วละมั้งครับ

"ขอโทษครับ" ตุลพูดเสียงหงอย  ทำท่าจะลงจากตัวผม  ผมจับสะโพกเขากดเอาไว้ให้นั่งอย่างเดิม   

"มีสัมมนาเช้านี้ไม่ใช่เหรอ" ผมถามห้วน ๆ ด้วยสีหน้าดุ ๆ แกล้งไปอย่างนั้น

"เอ่อ ต้องขึ้นเปิดงานตอนเก้าโมงน่ะครับ" ตุลตอบ  ผมอมยิ้มมุมปากมองอย่างเจ้าเล่ห์ 

"เมื่อคืนยังไม่พออีกรึไง" ผมว่าพร้อมกับแกล้งขยับเอวหนีเล็กน้อย  ตุลมองตามตาละห้อย 

"ไฟอะ อย่างแกล้งสิ" อีกฝ่ายอมยิ้ม  หน้าแดงด้วยท่าทางอาย ๆ ตุลก้มลงเข้ามาหาผมทำให้หน้าของเราประชันอยู่ตรงหน้ากันและกัน  ตุลทำท่าจะก้มลงมาจูบแต่ผมเบือนหน้าหนี  ริมฝีปากของเขาจึงกดลงหอมที่แก้มผมอย่างแรงและจูบแทบทั่วไปหน้าผมด้วยสายตาโหยหาแสดงออกจากโจ่งแจ้ง  ผมเบี่ยงหน้าหนีเขาตลอดเวลา  แกล้งไม่ต้องการให้อีกฝ่ายจูบ

"อื้อ!" ตุลประท้วงในลำคอหน้างอที่ผมไม่ยอมจูบเขาดี ๆ ผมยิ้มกว้าง  ปฏิกิริยาที่ตรงไปตรงมาของเขาก็ดูน่ารักดี  ผมได้จังหวะจึงแกล้งกระแทกน้องชายตัวเองสวนขึ้นไม่ทันให้เขาได้รู้ตัวก่อน  เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง  ตุลกัดฟันแน่นเป็นการบอกว่ากำลังมีอารมณ์อย่างหนัก  เขาหลับตาครวญครางด้วยน้ำเสียงยั่วยวนอยู่ในลำคอ  มืออีกข้างเท้าอยู่บนเตียงและอีกข้างไขว้หลังไปจับก้นของตัวเองเอาไว้ด้วย 

ตุลกดบั้นท้ายตัวเองลงขยี้สู้น้องชายผมกลับอย่างไม่ยอมแพ้  ผมกัดลิ้นมองอย่างหมดความอดทน  นำมือจับก้นของตุลไว้ทั้งสองมือพร้อมกับแหวกกางเกงในขึ้นรวบรวมมาดึงไว้ที่ซอกก้นอย่างจงใจแกล้งเขา  ก้นอีกฝ่ายทั้งกลมและพอดีมือแบบที่จับกี่ครั้งก็รู้สึกหมันเขี้ยวได้ตลอด  ผมตีแก้มก้นตุลอย่างแรง  เจ้าตัวครางเสียงหวาน  หลับตาพริ้มพร้อมกดหน้าลงเข้าที่ไหล่ผม  สะโพกส่ายไปมาสู้มือผมซะอย่างนั้น 

"อ้า! ไฟ อื้อ!" ตุลชันตัวเองขึ้นนั่งอีกครั้ง  ร้องครางหน้าตาเหยเก  น้องชายของตุลกระตุกจนน้ำเยิ้มออกมาแสดงถึงอารมณ์รุนแรงที่กำลังปะทุขึ้นอย่างหนัก  สะโพกส่ายไปมาสู้มือยกใหญ่  ผมชันตัวขึ้นเล็กน้อยเข้าไปดูดจูบหัวนมของเขาอย่างแรง  ครั้งนี้เองตุลครางระงมไม่รู้เรื่องเลย  มือของเขาขยุ้มหัวผมแรงขึ้นเรื่อย ๆ พอผมปล่อยมือออกจากกางเกงใน  ตุลก็กดสะโพกลงที่เป้าของผมทันที  สุดยอดฉิบหาย.. ประธานบริษัท  ปล่อยจิตใต้สำนึกสุด ๆ ไปเลย

เวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมงการแกล้งหยอกตุลของผมก็จบลงโดยการให้เขาได้ถึงที่หมายอย่างอิสระ  นี่ไม่ใช่การทรมานแต่อย่างใด  นอกจากที่ผมได้ทำตามใจตัวเองแล้วก็ดูเหมือนคนที่ถูกแกล้งจะพอใจมากอีกด้วย 

ผมลุกขึ้นเดินไปเก็บถุงยางทิ้ง  ตุลนอนหมดสภาพอ้าขาแน่นิ่งอยู่บนเตียง  ทำกันเสร็จท่าไหนเขาก็ยังคงนอนอยู่ท่านั้น  ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่นอนหายใจหอบรวยริน  ผมกลับเข้าไปจูบหน้าผากเขาเบา ๆ เป็นการขอโทษที่ดูเหมือนจะแกล้งหนักไปหน่อย  อีกฝ่ายหันมาและไม่วายที่จะส่งสายตายั่วอารมณ์มาให้ผมอีกครั้ง  เราต่างมองไปที่โทรศัพท์มือถือของตุลที่สั่นอยู่ตรงหัวเตียง  ครั้งนี้สั่นรอบที่สองแล้ว  ผมหยิบไปให้เพราะดูจากสภาพแล้วเจ้าของโทรศัพท์คงเอื้อมไปหยิบเองไม่ไหว 

"ฮัลโหล" ตุลพูดเสียงยานคาง

"ตื่นแล้วสิ" ตุลตอบห้วน ๆ ปลายสายคงเป็นลูกน้องเพราะน้ำเสียงฟังดูลุกลี้ลุกลนถามว่าเจ้านายของตนแต่งตัวเสร็จรึยัง

"ขอเวลาอีกสี่สิบนาที เดี๋ยวฉันไปแน่น่า" ตุลตอบปัด ๆ ไปที 

"ถ้าไม่ไงก็ให้คุณเมธาขึ้นพูดแทนฉันไปเลย" ตุลสั่ง
 
"อืม..ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ" ตุลลดน้ำเสียงลง  เขาถอนหายใจก่อนกดวางสาย  ผมนั่งมอง

"ไหวรึเปล่า" ผมถาม

"ไหวสิ" ตุลตอบยิ้ม ๆ ผมกดโทรศัพท์ในห้องเพื่อต่อเบอร์ไปที่ห้องอาหารของโรงแรม  สั่งให้นำอาหารขึ้นมาเสิร์ฟให้ที่ห้องนี้  ตุลลุกขึ้นนั่งมองผมยิ้ม ๆ

"ใจดีอย่างนี้กับทุกคนรึเปล่า" ตุลยิ้มถาม

"แบบนี้เรียกว่าใจดีแล้วเหรอ งั้นก็คงกับทุกคนละมั้ง" ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบอย่างไม่ปฏิเสธว่าใครพิเศษ

"ชิ ใจร้าย" ตุลเบะปากให้

"กินอะไรก่อนแล้วค่อยไปแล้วกันครับ" ผมพูดแกมสั่ง  เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป  สำหรับผมอาหารเช้าสำคัญที่สุด  ผมค่อนข้างจริงจังกับการกินอาหารให้ตรงเวลามาก  เบี้ยวไม่ได้เพราะมันสำคัญในการทำงานของผม  ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องมีอะไรรองท้องตรงตามเวลาอาหารหลัก  พ่อเคยพูดว่า ผู้นำที่ไม่ให้อาหารกับร่างกายตัวเองอย่างตรงเวลา  จะดูแลลูกน้องให้ดีได้ยังไง  แต่ก่อนผมก็เคยคิดว่าพ่อผมนี่พูดอะไรตลกอย่างกับเด็ก  แต่พอโตมาแล้วถึงได้รู้ว่ามันมีนัยยะที่สำคัญทีเดียว

"ปกติตอนเช้าผมกินแต่กาแฟนะ" ตุลบอก  ผมขมวดคิ้ว  รู้สึกไม่ชอบใจในทันที

"เอ่อ แต่วันนี้ขอกินกับคุณไฟด้วยก็แล้วกัน" ตุลรีบพูดแก้ตัว

"เรียกไฟเฉย ๆ ก็ได้" ผมพูดอย่างไม่คิดมาก 

"ไม่เอาอะ" ตุลเบะปากทีเล่นทีจริง

"หึ..อะไร" ผมหัวเราะ

"เดี๋ยวสนิทเกิน แล้วอยากได้อีก" ตุลยิ้มหน้าทะเล้น  ผมไม่ตอบกลับเพราะประโยคแบบนี้จะตอบทีเล่นทีจริงหรืออะไรก็ดูจะไม่ควร  ผมก็เป็นคนแบบนี้ละครับ  กำแพงก่อตัวเร็วยิ่งกว่าเวลาที่น้ำแตกซะอีก

"จะอาบน้ำเลยไหม" ผมเปลี่ยนเรื่องแล้วลุกขึ้น  ตุลมองตาม

"เดินเองไหวรึเปล่า" ผมถาม 

"ไหว.." ตุลพยักหน้า

"แต่อุ้มไปให้ด้วยน่าจะดีกว่า" อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นทำตาหวานใส่  ผมหัวเราะน้อย ๆ แต่ก็ก้มตัวลงไปอุ้มเขาขึ้นอย่างไม่คิดมากเพราะก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะอุ้มพาไปให้

"คุณไฟน่ะ ที่จริงเป็นคนใจดีสินะฮะ" ตุลพูดขึ้นทั้งที่ยังกอดคอผมอยู่  เมื่อเข้ามาในห้องน้ำ  ผมจึงวางขาเขาลงช้า ๆ

"อะไร" ผมขมวดคิ้วยิ้ม ๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจ

"ถึงตอนไม่ยิ้มจะดูดุ แต่ก็ดูไม่หยิ่ง ไม่เหมือนบางคน" ตุลพูดพร่ำ  ผมเอื้อมมือไปเปิดน้ำให้ทั้งที่ก็ยังถูกเกาะตัวอยู่อย่างนี้

"ตุลว่าตอนคุณไฟไม่ยิ้มยังดีกว่าตอนยิ้มอีก ตอนยิ้มดู..ไม่ค่อยน่าไว้ใจ" ตุลเงยหน้าบอก

"หึ..ตกลงอยากให้ยิ้ม หรือไม่อยากให้ยิ้มกันแน่" ผมว่า  ตุลอมยิ้มเขินและไม่ตอบไปซะดื้อ ๆ ผมก้มลงหอมที่หน้าผากอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนออกจากฝั่งห้องอาบน้ำมา  ผมออกมายืนล้างหน้าแปรงฟันก่อน  เมื่อตุลอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วผมจึงเข้าไปอาบต่อ
ผมแยกตัวออกมาหลังจากที่กินอาหารเสร็จ  เราร่ำลากันเป็นปกติเหมือนกับเป็นการจากลาของคนที่เพิ่งรู้จักกันตามท้องถนนอะไรทำนองนั้น  เราไม่ได้แลกนามบัตรกันไว้  ใจผมคิดอยู่ลึก ๆ ว่าก็ไม่อยากให้ตุลถามถึงเช่นกัน  ใช่ว่าเรื่องบนเตียงเราเข้ากันได้ดีมากแต่ผมยังไม่มั่นใจว่าตุลจะเป็นลักษณะเดียวกันกับพลอยได้หรือไม่  ตุลเองก็ไม่เอ่ยเรื่องขอเบอร์ติดต่อ  มันทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่เขาไม่ถามผมต่อหน้าให้ผมรู้สึกลำบากใจ  ความหนักใจหายไปเป็นปริทิ้ง  ผมเดินลงมาที่ล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อขอรับกุญแจรถ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 28-02-2016 16:06:16

"ไอ้ไฟ!" ผมหันไป  ไอ้คินวิ่งตาลีตาเหลือกมาหาอย่างไม่สนพนักงานในโรงแรมที่หยุดชะงักด้วยความตกใจที่เห็นเจ้าของโรงแรมมาป้วนเปี้ยนแถว ๆ นี้

"กูเหนื่อย ขี้เกียจพูด" ผมยกมือขึ้นปรามมัน

"ซะงั้น ไอ้สาดดดดด" ไอ้คินลากเสียงยาวยิ้มกว้าง

"ไงมึง..ทุกอย่าง ราบรื่นดีไหม" ไอ้คินเข้ามากระซิบถาม  สายตาแวววาวเลยทีเดียว  ผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับเท่านั้น
 
"ยันเช้าเลย แหม..โดนใจมึงเลยสิ" มันแซว  คงเพราะรู้ว่าที่ผ่านมาถ้าคนไหนไม่ถูกใจผมจริง ๆ ผมทำเสร็จผมก็มักจะเลือกที่จะกลับออกมาในคืนนั้นทันทีมากกว่าที่จะนอนค้างคืนต่อ  ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเลือกที่จะนอนถึงเช้าเท่าไหร่  ถ้าไม่หมดแรงจนเดินไม่ไหวจริง ๆ น่ะนะ

"ปากมากว่ะ" ผมว่าปรามแล้วเดินหนีออกมาเลย 

"กินข้าวยัง" ไอ้คินถาม  มันเดินตามตูดผมต้อย ๆ

"กินแล้ว" ผมตอบ

"กลับเลยเหรอ" มันซักอีก

"เออ..กูมีธุระ" ผมตอกห้วน ๆ ชักเริ่มอารมณ์ไม่ดี  พนักงานต้อนรับรีบประตูให้ผมและไอ้คิน  ผมเดินไปที่รถของตัวเองและเปิดท้ายรถออกก่อนเพราะอย่างน้อยได้เปลี่ยนเสื้อเป็นตัวใหม่ก็ยังดี

"คุณตุล เขาเดินไหวไหมน่ะ" ไอ้คินถามด้วยสีหน้าดูกังวล  มันนั่งลงที่ท้ายรถของผมทำให้เราสองคนประชันหน้ากัน  ผมหัวเราะและถอดเสื้อออกด้วย

"กูสิจะเดินไม่ไหว มึงกล้าพูด" ผมว่า  โยนเสื้อยืดของแฟนตุลคืนให้มัน

"เฮ้ย! จริงดิ" ไอ้คินปิดปากทำตาเหลือเชื่ออีก 

"แล้วมึงมาเปลี่ยนเสื้ออะไรตรงนี้เนี่ย โรงแรมกูห้าดาวนะ ไม่ใช่ม่านรูด" ไอ้คินส่ายหัวบ่น  มันมองเลิ่กลั่กเหมือนกลัวว่าลูกค้าคนอื่นจะมาเห็น   

"มึงจะให้กูเอาเสื้อเข้าไปเปลี่ยนในโรงแรมนี่นะ แค่ตัวเดียว" ผมบ่นมัน  เปิดกล่องที่เก็บเสื้อผ้าสำรองไว้ค้นหาเสื้อยืดสักตัว

"หุ่นกูดีจนลูกค้ามึงจะอดใจไม่ไหวน่ะสิ รอบหน้าให้กูแก้ผ้า ยืนกุมเป้าตัวเองเป็นไอคอนโฆษณาให้โรงแรมมึงเอาไหม กันเอง..คิดถูก ๆ โรงแรมมึงดังยันโลกหน้าแน่ ๆ" ผมยักคิ้วแสยะยิ้มให้ไอ้คินอย่างแกล้งหยอก 

"สัตว์! เก็บไว้ให้แม่มึงดูเถอะ!" ไอ้คินสบถด่าผม  เราพากันหัวเราะ  ผมหยิบเสื้อยืดสีขาวมาใส่

"เอาไปส่งซักแล้วคืนเจ้าของให้กูด้วย" ผมสั่งถึงเสื้อยืดสีดำของคุณตุลที่มันถืออยู่  ไอ้คินขยับปากบ่น ๆ แต่ก็ยอมพับเสื้อตัวนั้น  พยักหน้ารับรู้อย่างช่วยไม่ได้  ผมสะกิดให้ไอ้คินลุกขึ้นยืนและจัดการปิดท้ายรถ

"แล้วถ้าคุณตุลเขาขอเบอร์มึงอะไรแบบนี้ มึงให้กูทำไง" ไอ้คินถาม  ผมจ้องหน้ามัน

"ไม่ต้องให้..มีอะไรก็นัดกูก่อนแล้วกัน" ผมตอบ  ไอ้คินพยักหน้ารับง่าย ๆ อย่างรู้นิสัยผม 

"ไปแล้ว เจอกันมึง" ผมบอก  ไอ้คินพยักหน้า  มันตบไหล่ผมสองสามทีเป็นการบอกลาเช่นกัน
 
ผมขับรถออกมา  สองจิตสองใจอยู่ลึก ๆ กับสิ่งที่อยากทำในขณะนี้  ขณะที่รถกำลังติด  ผมกดโทรศัพท์โทรออกเป็นเบอร์โทรของสมุทร  โดยกดหน้าจอค้างไว้ที่หน้านั้นอยู่อย่างนั้น  นาฬิกาบนรถบอกเวลาเก้าโมงครึ่งโดยประมาณ  ตอนนี้สมุทรคงอยู่ที่โรงเรียนของเมฆเรียบร้อยแล้ว  ที่จริงเมื่อวานผมก็ตั้งใจไว้ว่าวันนี้อยากจะไปหาเขาที่โรงเรียนถึงได้ถามข้อมูลเขาออกไปแบบนั้น  พอถึงเวลานี้จริง ๆ กลับย้ำคิดย้ำทำว่าควรไปหรือไม่ควรไปดี 


ตืด  ๆ  ๆ  ๆ
"ครับ" ผมกดรับ  พี่ธานโทรมา

"คุณไฟครับ เรื่องที่ค่ายศรไกร วันนี้สถาปนิกมาดูและเริ่มลงมือทำงานแล้วนะครับ ได้รับค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งมาแล้ว" พี่ธานรีบรายงาน

"อ๋อ โอเคครับ" ผมตอบ

"แล้วนี่คุณอยู่ที่ไหนครับ"

"ผมเพิ่งออกมาจากโรงแรมของไอ้คินน่ะ"

"วันนี้พี่มีธุระที่ไหนรึเปล่า" ผมถามกลับ

"ไม่ครับ จะให้ผมทำอะไรรึเปล่าครับ" พี่ธานตอบ

"งั้นเดี๋ยวเข้าไปดูที่ตลาดแทนผมให้ด้วยนะว่างานไปถึงไหนแล้ว" ผมสั่ง

"ได้ครับ" พี่ธานรับปาก

"ครับ..เท่านั้นแหละ เดี๋ยวบ่าย ๆ ผมกลับเข้าบ้าน" ผมบอก

"โอเคครับ สวัสดีครับ" พี่ธานตอบก่อนตัดสายไป  ด้วยความไวของไฟเขียวที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นไฟแดงที่สี่แยกข้างหน้า  ผมก็หักรถเลี้ยวไปทางไปโรงเรียนของเมฆในทันทีแบบที่จิตใต้สำนึกมันคงสั่ง  แทนที่ผมจะตรงกลับบ้านแต่ผมดันเลี้ยวนี่นะครับ! ไอ้เย-ดแม่งเอ๊ย!!

"กูนี่มันดีจริง ๆ" ผมกัดฟันบ่นกับตัวเอง  พลางส่ายหัวอมยิ้มออกมาและสุดท้ายก็ปล่อยไปตามใจ
 
การทำไปตามจิตใต้สำนึกแสดงว่านั่นคือสิ่งที่ต้องการ  และบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลละมัง  ระหว่างทางที่จะต้องไปโรงเรียนของเมฆ  ผมเห็นว่ามีร้านเค้กเปิดอยู่พอดีจึงหยุดแวะซื้อเค้กติดไม้ติดมือไปด้วย  เหตุผลเพราะแค่อยากซื้อเท่านั้นเอง  ไม่มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่านั้น 

ผมหยุดรถจอดอยู่ที่หน้าโรงเรียนของเมฆที่เก่าที่เดิมที่เคยจอดส่งสมุทรเมื่อครั้งก่อน  ดูนาฬิกาน่าจะใกล้เวลาที่ประชุมผู้ปกครองเลิกแล้ว  ถึงแม้ว่าคนผ่านไปผ่านมาจะพากันมองมาอย่างสนใจ  แต่ผมก็ยังเลือกที่จะออกมายืนรอที่ด้านนอกรถ  ให้หลังไม่ถึงห้านาทีก็เห็นผู้ปกครองเริ่มทยอยเดินออกทีละคนสองคน  ผมก็เห็นสมุทรเดินมาพร้อมกับเมฆ  เนื่องจากอีกฝ่ายโดดเด่นสะดุดตากว่าใครจึงมองหาได้ไม่ยาก  สมุทรตกใจที่เห็นผม  เขายืนหยุดนิ่งอยู่กับที่จนเมฆมองตามสายตาของพี่ชายตนเองมา  สมุทรเดินตรงมาหาผมโดยจับมือเมฆให้เดินมาด้วย 

"คุณมีธุระอะไรรีบร้อนรึเปล่าครับ" สมุทรถาม  ใบหน้าแสดงออกมาซื่อตรงอย่างที่ถามจริง ๆ

"ผ่านมาพอดี ก็เลย เอ่อ เดี๋ยวฉันไปส่ง" ผมบอกอย่างรวบรัด  สมุทรจ้องหน้าผมเหมือนไม่เชื่อที่ผมพูดอยู่  ผมหาเรื่องเบี่ยงประเด็น  ก้มหน้าลงนำนิ้วเข้าไปดีดที่หน้าผากเมฆแทนคำทักทาย

"นี่นายไหว้ฉันรึยัง" ผมทำเสียงขู่  เมฆขมวดคิ้วเบะปากด้วยท่าทางกลัว ๆ ผมไม่เลิก  มันรีบนำมือออกจากมือของสมุทรและพนมมือก้มหัวไหว้ผมในทันที  พอไหว้เสร็จมันก็เข้าไปจับมือสมุทรเหมือนเดิม

"ใช้น้ำเสียงให้มันเพราะ ๆ หน่อยได้ไหมครับ" สมุทรทำหน้าดุใส่ผม  ผมแสยะยิ้มมุมปาก

"ไปกินข้าวกัน" ผมชวน  มองหน้าอีกฝ่าย   

"ไม่ครับ ผมต้องรีบไปส่งน้อง..แล้วเดี๋ยวต้องไปค่ายมวยคุณอีก" สมุทรพูด

"ก็นี่ไง ไปกินข้าว ส่งน้องนาย แล้วนายก็ไปพร้อมกันกับฉันเลย" ผมยื่นข้อเสนอ  สมุทรนิ่งไปครู่

"คุณมาเพราะเรื่องแค่นี้เหรอครับ" สมุทรระแวง 

"นั่นน่ะสิ" ผมตอบเพราะนี่ก็กำลังงงตัวเองอยู่ไม่น้อยไปกว่าเขาหรอกครับ

"ตกลงว่าไง นี่ฉันต้องขับรถออกไปหาอะไรกินเองงั้นสินะ" ผมพูดแกมบ่น  สมุทรถอนหายใจน้อย ๆ
 
"กินแถวบ้านผมนะครับ น้องสาวผมยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน" สมุทรบอก

"โอเค เชิญ" ผมพยักหน้าและหันกลับไปกดเปิดรถ  เดินกลับมาที่ฝั่งคนขับ  สมุทรและเมฆขึ้นรถมาโดยเฆมยังเลือกที่จะนั่งตักพี่ชายตัวเองเหมือนเคย  ผมขับรถมาแถวชุมชนของบ้านสมุทรโดยจอดรถทิ้งไว้แถว ๆ ด้านหน้าปากซอย  คนพากันมองมาที่พวกเราอีกตามเคยอย่างที่ผมคาดไว้ไม่มีผิด  ผมหยิบกล่องขนมเค้กออกมาด้วยและนำไปยื่นตรงหน้าเมฆ

"ชอบรึเปล่า ฉันซื้อมาฝาก" ผมบอก  เมฆมองกล่องขนมเค้ก  ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาที่ดูจะดีใจไม่น้อยแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมรับไป 

"ขอบคุณครับก่อนรับนะครับ" สมุทรก้มลงบอกน้องชายของตน  เมฆพยักหน้ารับทราบ  ยกมือไหว้ผมก่อนที่จะรับกล่องเค้กไปถือไว้ยิ้ม ๆ

"พูดว่าขอบคุณครับด้วย" สมุทรย้ำเสียงค่อนข้างดุ

"ขอบคุณครับ" เมฆพูดตามเสียงหงอยจนผมแทบจะหัวเราะ

"พี่พูดกี่ครั้งแล้วว่าเวลาใครให้ของอะไร หรือขอร้องให้คนอื่นทำอะไร เมฆต้องพูดขอบคุณครับด้วย" สมุทรพูดแกมบ่น 

"เอาน่า" ผมปัด  ชักจะสงสารไอ้มืดมนนี่ขึ้นมาตงิด ๆ

"เดี๋ยวพี่ถือให้" สมุทรบอก  นำกล่องเค้กไปถือแทนคงกลัวว่าถ้าน้องตัวเองถือแล้วจะไม่ปลอดภัย

"ขอบคุณครับ" เมฆพูดบอกซะงั้น 

"หึ ๆ" ผมหัวเราะ  สมุทรเองก็หลุดยิ้มด้วยเหมือนกัน   

"วันหลังไม่ต้องนะครับ" สมุทรบอกผม

"มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร" ผมบอก

"หึ ถึงมาตัวเปล่าผมก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณอยู่แล้ว เป็นเจ้านายนี่นะ" สมุทรยิ้มนิด ๆ ผมมองหน้าเขา  แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ประโยคพูดอย่างซื่อตรง  เขาคงกำลังแกล้งประชดผมอยู่แน่ ๆ แต่ใครสนกันละครับ

"ก็ดี..ถือว่านายพูดเองนะ" ผมใช้โอกาสนี้ตอบกลับตรง ๆ ซะเลย  สมุทรหัวเราะขึ้นจมูก  เขาเดินนำไปก่อน  ผมเดินตามหลังเขาโดยเยื้อง ๆ ให้เล็กน้อย  เดินไปยิ้มไป  ในอกมันรู้สึกจี๊ด ๆ คัน ๆ ยังไงบอกไม่ถูก  เห็นหุ่นแล้วหมันเขี้ยวจนอยากจะเข้าไปขย้ำแม่ง!!!

ระหว่างทางที่สมุทรกำลังพาผมเดินไปในทางที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน  เขาโทรหาน้องสาว  ฟังดูเหมือนกับว่ามีคนมาหายายที่บ้านของสมุทรพอดี  สมุทรจึงสบายใจให้ดาวออกมากินอาหารกลางวันด้วยกันเลย  สมุทรบอกชื่อร้านดาวไป  แถวนี้คงเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว  เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไทยโบราณ  ซึ่งดูจากสภาพบ้านที่ขายก๋วยเตี๋ยวแล้ว  มันค่อนข้างโบราณสมชื่อมากเลยทีเดียว

"เอาอะไรดีครับ" สมุทรถาม  เราพากันนั่งลง  เขาวางกล่องเค้กลงบนโต๊ะตรงหน้าเมฆพอดี  เมฆนำไปจับไว้ทั้งสองมืออย่างกับกลัวว่าใครจะมาแย่งไปอย่างนั้น

"เส้นเล็กเนื้อเปื่อย" ผมบอก

"จานใหญ่มากไหม" ผมถาม

"ก็ไม่นะครับ คุณจะเอาพิเศษเลยไหม" สมุทรถาม

"อือ เพิ่มผักเยอะ ๆ" ผมพยักหน้า
 
"เมฆเอาเหมือนเดิมนะ" สมุทรถาม

"ครับ ขอบคุณครับ" เมฆพยักหน้าตอบ

"นี่ประชดพี่เหรอ" สมุทรเบิกตาถามเอาความ  เมฆเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาใสซื่อ

"เปล่า" เมฆตอบเสียงเบา  ผมหัวเราะ  สมุทรอมยิ้มลุกไปสั่งอาหารให้  เขากลับมานั่งยังไม่ถึงห้านาที  ดาวก็มาถึงร้านพอดี  เธอดูจะตกใจปนแปลกใจที่เห็นผมร่วมนั่งอยู่ด้วย 

"สวัสดีค่ะ" ดาวยกมือไหว้ยิ้ม ๆ

"สวัสดีครับ" ผมผงกหัวตอบ

"พี่สั่งแล้วนะ ดาวกินอะไรก็ไปสั่งสิ" สมุทรบอกเธอ  เขาลุกขยับเก้าอี้เลื่อนมาใกล้ ๆ กับผมมากขึ้นเพราะจัดการจะให้ดาวนั่งระหว่างตนกับเมฆ  ผมแอบอมยิ้มไว้ในใจ  ทั้ง ๆ ที่เก้าอี้ฝั่งของผมว่างอยู่หนึ่งตัว  ดูท่าอีกฝ่ายจะหวงน้องสาวน่าดูเลยทำอะไรซะโจ่งแจ้งเลยทีเดียว

"หึ" ผมหัวเราะ  ตามองออกไปนอกร้าน

"อะไรครับ" สมุทรถาม  สายตามองมาอย่างจับผิด

"เปล่านี่" ผมเบะปาก

"ดูท่าแล้วคุณคงผ่านผู้หญิงมาเยอะ แถมรอบ ๆ ตัวคุณก็มีแต่คนหล่อ ๆ สวย ๆ หวังว่าคงจะรู้นะครับว่าผมหมายความว่ายังไง" สมุทรพูดขึ้นตรง ๆ เขาหยิบแก้วน้ำแข็งที่พนักงานในร้านเพิ่งนำมาเสิร์ฟมารินน้ำให้

"ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ" ผมหันหน้าไปมองกวน ๆ สมุทรมองตาขวางด้วยสีหน้าไม่พอใจในทันที  ผมยิ้ม  เลิกคิ้วคล้ายรอให้เขาขยายความให้ด้วย

"อย่างน้องสาวนายนี่ก็แปลกดีน่ะนะ ฉันหมายถึง รอบ ๆ ตัวฉันก็หาแบบน้องนายได้ยาก" ผมได้ทีแกล้งเสียเลย

"แต่ก็นั่นแหละ..แบบนี้ฉันไม่นิยมเท่าไหร่ ตามจริงแล้วก็ไม่ใช่สเปกน่ะ" ผมบอกตรง ๆ

"แต่ถ้าน้องนายมาชอบฉันก่อน มันก็คงช่วยอะไรไม่ได้..รึเปล่า" ผมทำเสียงสูงทิ้งท้าย  เบะปากทำหน้าพิลึกใส่  เมฆเหลือบมองหน้าผมเล็กน้อย  คงฟังออกหมดนั่นแหละว่าผมสองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่  แค่เด็กประถมแต่ไม่ได้หูหนวกสักหน่อย 

"คุณไฟ" สมุทรข่มน้ำเสียงปราม

"ครับ" ผมขานตอบยิ้ม ๆ มองเขาด้วยสายตามีนัยยะแอบแฝง  ซึ่งถ้าเขาจะตีความยังไงก็คงต้องแล้วแต่เขาเลย

"วันหลังถ้าจะพูดขออะไรใครน่ะ ก็พูดให้มันไพเราะหูหน่อยสิ" ผมแสยะยิ้มย้อนไปถึงประโยคที่เขาเคยพูดว่าผมไว้ก่อนหน้านี้  สมุทรถอนหายใจด้วยท่าทางเซ็งจัด  เขาเบือนหน้าหนียอมเลิกทัพ  ดาวกลับมานั่งที่โต๊ะ  เธอนั่งลงตรงกันข้ามกับผมพอดี 

"วันนี้ไม่มีเรียนเหรอครับ" ผมถามเธอ

"ค่ะ" ดาวยิ้มกว้างพยักหน้าตอบ  น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำคล้ายกับพี่ชายไม่มีผิด

"นี่ของใครอะ!" ดาวยิ้มกว้างเสียงใส  ชี้นิ้วไปที่กล่องเค้กตรงหน้าเมฆ

"ของหนู" เมฆแสดงความเป็นเจ้าของในทันที

"หูย~" ดาวทำจมูกย่นแกล้งตอบน้องชาย  เมฆยิ้มเขิน

"พี่คนนี้ซื้อให้" เมฆบอกพร้อมกับชี้มือมาที่ผมอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

"ฉันซื้อให้เอามาแบ่งกันต่างหากเล่า" ผมว่า  ดาวหัวเราะที่เมฆก้มหน้างุดไปแล้ว 

"ขอบคุณนะคะ" ดาวบอกผม 

"ไหน..ขอพี่ดูหน่อยซิ ไม่แย่งหรอกน่า" ดาวขยับเก้าอี้ไปใกล้ ๆ กับเมฆแล้วก้มลงดูเค้กในกล่อง  สองคนพากันพูดคุยถึงเค้กด้านในด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นจากน้องชาย  ผมเหลือบมองสมุทร  เขาอมยิ้มนิดหน่อยระหว่างที่มองดาวและเมฆอยู่  ครู่หนึ่งเขาก็หันมาทางผมอย่างกะทันหัน  ผมรู้ตัวว่าหลบสายตาไม่ทันซะแล้วจึงจัดการจ้องตอบไปตรง ๆ

ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ  ผมชวนดาวคุยบ้างเป็นระยะ  ส่วนใหญ่เป็นหัวข้อทั่ว ๆ ไปไม่ได้เกินเลยอะไร  ส่วนดาวเองก็เป็นเด็กที่รู้จักกาลเทศะ  ไม่ถามข้อมูลจากตัวผมอย่างละลาบละล้วงเลย  หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จ  ผมเดินตามสมุทรไปที่บ้านของเขา  เขาพาน้อง ๆ ไปส่งถึงบ้านและเก็บเสื้อผ้าเตรียมไปค่ายมวยพร้อมกัน

"ที่คุณให้ผมทำงานที่ค่ายมวย คุณตั้งใจจะทำอะไร" สมุทรถามขึ้นระหว่างทางที่เขากำลังขับรถไปที่ค่ายมวย  ทั้ง ๆ ที่รักษาความเงียบมานานจนผมไม่คิดว่าเขาจะปริปากพูดกับผมแล้วซะอีก

"ฉันจะให้นายขึ้นชก ในนามของค่ายฉัน" ผมพูดตอบไปตรง ๆ

".........." สมุทรนั่งเงียบ  รถข้างหน้าติดชะงักพอดี  ผมหันไปมองสีหน้าที่เรียบเฉยของเขาและผมไม่คิดจะถามถึงเหตุผลด้วยว่าทำไมจริง ๆ แล้วเขาถึงไม่อยากขึ้นชก
 
"แล้วผมต้องทำนานแค่ไหน"

"มันก็ขึ้นอยู่ที่ฝีมือนาย" ผมตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นกัน  ผมไม่คิดจะเอาชีวิตเขามาเล่นและแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เกมการเล่นสนุก  ผมได้เขามาทำงานกับผมอย่างที่ต้องการแล้วและผมต้องการมอบงานที่เหมาะสมให้กับเขา  และก่อนที่จะไปถึงจุด ๆ นั้นเขาต้องแสดงฝีมือให้ทุกคนได้ยอมรับเสียก่อน  ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเขาด้วยว่าจะทำมันออกมาได้ดีแค่ไหน  เสร็จจากนั้นค่อยว่าความกันอีกที  ถ้าเขาไม่อยากที่จะเป็นคนติดตามผมไปตลอด  ความจริงแล้วผมก็พร้อมที่จะยอมให้เขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำแต่ผมยังไม่บอกเขาหรอกครับ

"นักมวยค่ายคุณก็เยอะแยะ ทำไม.."
 
"ทำไมคุณต้องมาปั้นผมที่ไม่มีชื่อเสียงให้ขึ้นชกด้วย อย่างนั้นน่ะเหรอ" ผมแสยะยิ้มพูดแทรกขึ้น  สมุทรเงียบลงทันใด

"อยากได้ความจริงไหมล่ะ" ผมหันหน้าไปยิ้มถาม  สมุทรไม่ตอบ 

"หึ.." ผมหัวเราะ  เราจบบทสนทนาลงดื้อ ๆ ไม่ว่าคำตอบไหนจากผม  ผมคิดว่ามันก็คงไม่ได้เป็นที่น่าพอใจสำหรับเขานักหรอก  ดูเหมือนเขาเองก็พอจะทราบเลยไม่คิดจะถามซักไซ้ต่อด้วย

เมื่อถึงค่ายมวย  เราแยกกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  ผมทิ้งเวลาให้หลังประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ โดยหาอะไรทำยังไม่ซ้อมจริง  พอได้เวลาก็วอร์มร่างกาย  ผมไม่ได้กลับไปที่บ้านอีกเพราะว่าหมดเวลาแล้ว  นักมวยประจำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเริ่มออกมาวอร์มร่างกายกันอย่างพร้อมเพรียง  ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้านอก  ดังนั้น เป็นเวลาที่ควรเก็บเกี่ยวได้อย่างเต็มที่  พี่ธานตามมาถึงที่ค่ายหลังจากที่ผมวอร์มร่างกายเสร็จ  พี่เขาคงวิ่งวอร์มมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว  พอมาถึงก็จับเวลากระโดดเชือกพร้อมกันกับผมเลย 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 28-02-2016 16:07:13

"ที่หายตัวไปนี่ คือไปรับสมุทรมาเหรอครับ" พี่ธานถามระหว่างที่เรากระโดดเชือกอยู่  ผมเหลือบมองนาฬิกา  ครบยี่สิบนาทีจึงนำเชือกไปแขวนไปที่เดิมโดยไม่ตอบคำถามจากพี่เขา  พี่ธานมองตามผมยิ้ม ๆ ผมเดินกลับมาที่ ๆ สำหรับยกเวท  หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดมือที่เหงื่อก่อน

"ผมไม่ยักรู้ว่าพี่ชอบรู้เรื่องจุกจิกอะไรทำนองนี้ด้วย" ผมแกล้งแซวกลับ  พี่ธานเดินนำเชือกมาเก็บเช่นกัน

"ก็มันเป็นเรื่องของนายที่เคารพนี่ครับ ผมก็จุกจิกเรื่องของคุณมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว" พี่ธานตอบ

"หึ" ผมหัวเราะ

"ผมเพิ่งจะเห็นว่ามีเจ้านายคอยไปหาลูกน้อง เทียวรับเทียวส่งแบบนี้ด้วย" พี่ธานมองมาอย่างเจ้าเล่ห์

"มีสิครับ ก็สมภารกินไก่วัดไง ในสังคมนี้มันเยอะแยะออกจะตายไป" ผมแสยะยิ้มกวน

"แต่สมัยมหาลัย ผมก็เคยไปรับพี่ออกบ่อย" ผมย้อนหน้าด้าน ๆ ทั้งที่ก็รู้ว่าพี่ธานกำลังหมายถึงเรื่องอะไร

"อ๋อ นั่นคุณบังคับเอารถของผมไปรับเด็กคุณต่างหากครับ" พี่ธานพูดประชด 

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะหนักกว่าเดิม

"ทำอย่างกับผมไม่ตอบแทนอย่างนั้น บ่นอะไรเรื่องเก่า ๆ ครับพี่ใหญ่" ผมพูด  พี่ธานอมยิ้ม  ผมเอนตัวนอนลงที่เตียงยกเวท  พี่ธานเข้ามาคอยเป็นเทรนเนอร์คุมอยู่ทางด้านหลังในทันที 

"ชักช้า ระวังแมวเหมียวคาบไปกินเอานะครับ ผู้ชายในอุดมคติ..พ่อของลูก" พี่ธานบอก  ตามองไปที่สมุทรที่กำลังยกน้ำหนักอยู่กับเทรนเนอร์ฝั่งตรงกันข้าม  ผมยิ้มกว้าง  ขณะเดียวกันร่างกายก็ยังไม่หยุดขยับออกกำลังไปด้วย 

"น่ะ พี่ก็เอาประสบการณ์แห้ว ๆ ของตัวเองมาเปรียบอีกละ" ผมกวนไม่หยุด  พี่ธานก้มหน้าหลุดหัวเราะ  นำมือปิดปากตัวเองอย่างเขิน ๆ

"อีกอย่าง พี่พูดเหมือนง่ายอย่างกับผมจีบใครก็ติดอย่างนั้น" ผมขมวดคิ้วบ่น

"นั่นสิครับ ผมลืม..ดูท่าแล้ว ถ้าคุณเอาจริงขึ้นมาละก็ งานหินไม่เบา" พี่ธานเบะปากวิเคราะห์  ผมหยุดมือ  กลอกตาขึ้นมองไปที่พี่ธานที่ยืนอยู่เหนือหัว   

"แต่ถ้าคุณแห้วละก็ ไม่เป็นไรหรอกครับ ในฐานะที่ผมทำงานกับคุณมานาน ผมจะพยายามหาคนที่หุ่นประมาณเขามาให้ก็แล้วกัน เผื่อจะแก้ช้ำในไปได้บ้าง" พี่ธานว่าเหน็บ

"หึ ๆ ๆ งั้นพี่ก็เสร็จผมก่อนเลยคนแรก" ผมว่าให้

"ฮ่า ๆ ๆ" พี่ธานหัวเราะดังลั่นจนคนที่ยืนอยู่ละแวกใกล้เคียงหันมามอง 

"เอาเข้าจริง.." ผมพูดและทิ้งน้ำเสียงลง  พี่ธานหยุดมองเหมือนรอฟังว่าผมจะพูดอะไร

"หมอนั่นก็ไม่ใช่คนหล่ออะไรมากมายพี่ว่าไหม ก็แค่ดูรวม ๆ แล้วโอเค" ผมขมวดคิ้ว  เบะปากบ่นถึง  ผมลุกขึ้นนั่ง  ตามองไปที่สมุทรอีกครั้ง 

"แต่เห็นหุ่นที่ไร จิ! ของขึ้นทุกที" ผมกัดฟัน  ส่ายหัวสบถอย่างไม่เข้าใจตัวเอง  พี่ธานยิ้มกว้างจนเกือบจะหลุดหัวเราะอยู่แล้ว

"ผมว่ามันไม่ได้อยู่ที่แค่หุ่นหรอกครับ ในค่ายเราคนหุ่นดี ๆ เยอะแยะ ไม่เห็นคุณจะว่าอะไรเลย" พี่ธานพูด

"เอา..พี่พูดอย่างนั้นได้ไง เดี๋ยวไอ้เข้มจะเสียใจเอานะ" ผมยิ้มบอกเพราะหุ่นไอ้เข้มมันดีไม่หยอกเลยนะครับ  ผมหันกลับไปมองหน้าพี่ธานอย่างจงใจคิดเบื้องต่ำ   

"จากประสบการณ์ ไอ้พวกขรึม ๆ นี่ เอาเข้าจริงขึ้นมา เล่นซะเคลิ้มยิ่งกว่าอาบเบียร์ซะอีก" ผมอมยิ้มยักคิ้วบอกถึงเรื่องบนเตียง

"ใช่..หมอนั่นต้องเป็นงั้นแน่ ๆ ผมดูคนไม่ผิดหรอก" ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง 

"คุณนี่เข้าค่ายเก็บกดแล้วนะครับ" พี่ธานพูด

"หึ ๆ เพิ่งมารู้ตัวเหมือนกัน" ผมรับคำ  ทำท่าขนลุกประกอบ  สมุทรหันมาเห็นพอดี  ผมเลยยักคิ้ว  นอนโบกมือทักทายเขาอย่างทะลึ่งทะเล้น  สมุทรมองมาที่ผมและพี่ธานด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
 
การซ้อมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด  ยิ่งใกล้วันแข่งยิ่งมีสารบางอย่างที่ทำให้ค่ายเราอึมครึมได้  เราต่างคนต่างซ้อม  รู้หน้าที่ของตน  พี่ธานล่อเป้าให้ไอ้เข้ม  ส่วนผมลงนวมกับลุงลอย  สมุทรลงนวมกับไอ้นพ  ดูทุกคนจะสมน้ำสมเนื้อกันดี
 
หลังจากที่ผมซ้อมเสร็จ  ผมก็ต้องรับหน้าที่ของเจ้าของค่ายมวยต่ออย่างไม่หยุดพัก  เพราะต้องปล้ำกับนักมวยไทยมืออาชีพชาวต่างชาติอย่างมาร์ค  มันเป็นนักมวยอาชีพของค่ายผมเอง  ตัวใหญ่ไป ๆ กับผม  ติดที่มาร์คจะตัวบางกว่าผมหน่อย
 
อีกฝ่ายยังอายุเพียงแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น  แต่รักในศิลปะแม้ไม้มวยไทยเป็นอย่างมาก  ครั้งแรกที่มาก็มาแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้นี่ละ  พอตกหลุมรักก็อยู่ยาว  ขอให้พ่อกับแม่ที่เดนมาร์กเดินทางมาดูที่ค่ายเราด้วยตนเอง  พอเห็นว่าทางเราไว้ใจได้  ทางครอบครัวก็สบายใจและปล่อยให้ลูกชายของตนเองอยู่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้

เสร็จจากการซ้อมหนัก  ต่างคนต่างพัก  เรานั่งพูดคุยกันตามประสานักมวย  ส่วนใหญ่ก็เพียงแค่นั่งทอดอารมณ์ไปอย่างนั้น  สมุทรเองดูจะผ่อนคลายมากขึ้นและเริ่มสนิทสนมกับนักมวยและเทรนเนอร์ในค่ายเป็นอย่างดีแล้ว  ผมว่าคงเพราะเขาเป็นคนเข้ากับคนง่ายและสุภาพละมังครับ  ก็เลยดูจะไม่เป็นปัญหาในการปรับตัว  พวกเราแยกย้ายกันไปอาบน้ำ  ผมและลูกน้องพากันกลับมาที่บ้าน..

"วันนี้เย็นมีอะไรกินละครับป้า" ผมถามป้าอิ่มที่เพิ่งเดินนำผลไม้มาให้ผมในห้องนั่งเล่นหลังจากที่เพิ่งขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามา  เธอจะรู้ดีว่าผมต้องกินผลไม้ก่อนอาหารทุกมื้อเสมอ

"วันนี้มีผัดหมี่ซั่วค่ะ เห็นธานบ่นอยากกินเมื่อวันก่อน พอดีกับคุณพายุบอกป้าเมื่อเช้าว่าอยากกินเป็ดอบยอดผัก ป้าก็เลยทำพร้อมกันเลย" ป้าอิ่มยิ้มตอบ

"หึ..เป็นที่รักของป้าจังเลยนะ" ผมยิ้มแซว

"แหม คุณไฟอยากจะกินอะไรก็บอกป้าสิคะ" ป้าอิ่มว่าเขิน ๆ

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็กำลังอยากกินเป็ดอยู่พอดี"

"เดี๋ยวป้าขอตัวไปเตรียมอาหารก่อนนะคะ" เธอบอก  ผมพยักหน้า  พายุกลับมาจากข้างนอก  มันยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย  แสดงว่าคงตรงมาจากมหาวิทยาลัยแน่ ๆ 

"ไง" ผมทัก 

"หวัดดีฮะ" พายุทักกลับด้วยท่าทางอิดโรย  มันเดินมานั่งที่โซฟาพร้อมกับวางหนังสือและกระเป๋าสัมภาระลง
 
พอผมเห็นพายุหอบของพะรุงพะรังแล้วก็นึกถึงสมัยที่ตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย  ผมว่าทั้งผมและน้องชายมีนิสัยหลายอย่างที่คล้าย ๆ กัน  อย่างพวกของใช้จำเป็นและหนังสือเรียนก็มักจะหอบไปเยอะแยะเสมอจนต้องมีเป้ใบใหญ่สะพายประจำตัว  ถ้าเปรียบเทียบกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ส่วนมากที่มักจะเดินตัวปลิว  หลายครั้งผมเคยสงสัยว่าเพื่อน ๆ ของผมมันพกอะไรไปเรียนบ้าง  ซึ่งคำตอบที่ได้คือ "ปากกา" ด้ามเดียวและ "สมุด" หนึ่งเล่ม  บางทีปากกามันยังลืมเลยครับแต่โทรศัพท์มือถือมันกลับไม่เคยลืมนะ 

ผู้ชายไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าผู้หญิง  เพราะโดยส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่กลุ่มเด็กเรียนก็มักจะไปเรียนกันแบบแทบจะตัวเปล่าอยู่แล้ว  ส่วนผู้หญิงบางคน  ผมก็อดสงสัยไม่ได้อีกนั่นละว่าในกระเป๋าใบเล็ก ๆ ของพวกเธอนั้นใส่อะไรไว้บ้าง  บางทีอดสงสัยไม่ได้จนต้องขอแอบค้นของเพื่อนผู้หญิงที่สนิท ๆ กัน  แต่อย่างว่าละครับ  เพื่อนผู้หญิงที่ผมรู้จักมักจะตั้งใจเรียนหนังสือ  กระเป๋าของพวกเธอก็เลยหนักอึ้งเป็นธรรมดาไม่ต่างจากผมนัก  ส่วนกระเป๋าของพวกผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของผม  ส่วนใหญ่มักเต็มไปด้วยเครื่องสำอางและพาวเวอร์แบงค์  บางทีผมก็บ่น ๆ พวกเธอว่า "เอาอะไรมาเรียนบ้างน่ะ"  ซึ่งคำตอบที่ได้คือ "ไฟนี่จุกจิกจัง" ซะอย่างนั้น  ก็กระเป๋ามันสำหรับการมาเรียนนี่ครับ  ไม่ได้มาเดินเล่นห้างซะหน่อย  ผมละไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

"เหนื่อยเหรอ" ผมถาม  พายุพยักหน้าตอบ  มันมองต่ำลงที่โต๊ะเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่อีกแล้ว  ผมนั่งเงียบมอง  พายุเหลือบตาขึ้นมองผมอีกครั้ง

"ยุว่ายุน่าจะป่วย เร็ว ๆ นี้" พายุพูดบอก  มันพึมพำ ๆ เหมือนกำลังวิเคราะห์ตัวเองอยู่

"เมื่อคืนนอนกี่โมง" ผมถาม  ลุกขึ้นเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมัน  ตัวมันรุม ๆ นิดหน่อย

"ตีสองตีสามมาหลายคืนติดแล้ว" มันตอบเสียงเอื่อยเฉื่อย

"คืนนี้กินยาแล้วนอนเลย" ผมพูดแกมสั่ง

"อาทิตย์นี้มึงต้องนอนก่อนสี่ทุ่มครึ่ง ไม่งั้นก็งดซ้อม" ผมพูด

"........." พายุเงียบ  จ้องหน้าผมเขม็งเหมือนจะไม่ทำตาม  ผมจ้องกลับ  เลิกคิ้วเชิงถามมันว่า "มีปัญหาอะไร" มันไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนี

"ถ้ามึงไม่ทำตามที่กูสั่ง กูจะให้ไอ้ดินไปนอนด้วย" ผมขู่

"นั่นห้องยุ" มันย้อนกลับอย่างไม่ยอม

"อ๋อ..นี่บ้านกู" ผมลอยหน้าลอยตากวนตีนมันตอบ  พายุขมวดคิ้วเป็นปม

"เลือกเอา ระหว่าง..ให้ไอ้ดินไปพังห้องมึง หรือจะนอนก่อนสี่ทุ่มครึ่งดี ๆ" ผมว่า

"ร่างกายไม่พร้อม มึงจะเป็นนักกีฬาที่ดีได้ยังไง นี่โค้ชรู้รึเปล่า หรือกูต้องย้ำพื้นฐานให้มึงฟังงั้นเหรอ" ผมประชด  หันไปเห็นพี่ธานเดินเข้ามาคงอาบน้ำเพิ่งเสร็จ 

"มีอะไรกันเหรอครับ" พี่ธานถาม  เดินไปนั่งลงตรงข้ามกับพายุ

"คนแถวนี้กำลังจะป่วยน่ะ ฉลาดดีที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะป่วยด้วย" ผมพูดเหน็บ  เราทั้งสามคน  ไม่ว่าจะผม  พี่ธานหรือว่าพายุ  ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้  เมื่อไหร่ที่ร่างกายผิดปกติ  คนที่รับรู้ได้รวดเร็วที่สุดคือตัวของเราเอง  เรามักจะสังเกตตัวเองเสมอเมื่อไหร่ที่มีอาการผิดแปลกไปและจะปฏิบัติอย่างไรไม่ให้สิ่งนั้นมาทำร้ายร่างกายเราได้หนักขึ้นกว่าเก่า  อย่างพายุเอง ตอนที่มันต้องไปอยู่ต่างประเทศคนเดียว  การไวต่อการรับรู้นี้เป็นเรื่องที่ก็คงเกิดขึ้นปกติทั่วไป  เมื่อไหร่ที่ผิดปกติ  พ่อและแม่มักจะพาเราไปหาหมอเสมออย่างไม่รีรอว่าอาการจะหนักหรืออาการจะเบาเล็กน้อยก็ตาม

"ไปอาบน้ำได้แล้วไป" ผมไล่

"เบื่อเฮียจริง ๆ เลย" พายุบ่นหน้ามุ่ย  เก็บหนังสือเตรียมจะหนี

"คร้าบ ๆ" ผมพยักหน้างึก ๆ ขานตอบไปอย่างนั้น

"อาบแล้วลงมาล่ะ ป้าอิ่มเขาเตรียมอาหารอยู่" ผมบอก  พายุพยักหน้าตอบส่ง ๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
 
"อยากกินเป็ดปักกิ่งขึ้นมาแฮะ" ผมบ่น

"พรุ่งนี้ก็ไปกินไหมล่ะครับ" พี่ธานถาม

"พี่เลี้ยงเหรอ" ผมถามกลับ  อีกฝ่ายยิ้มกว้าง

"ก็ได้ครับ" พี่เขาตอบรับ 

"หึ ๆ งั้นก็โอเค" ผมพยักหน้าตอบตกลงทันที

"เดี๋ยวผมไปดูในครัวหน่อย" ผมลุกขึ้นพลางถอนหายใจแรง  พี่ธานพยักหน้า  กดเปิดโทรทัศน์  ผมเข้ามาในครัวเพื่อถามหาส้มจะนำมาคั้นสดให้พายุ  ป้าอิ่มซื้อส้มมาใหม่เมื่อเช้านี้พอดี  ตอนแรกตั้งใจว่าจะคั้นให้พายุแค่คนเดียว  แต่ยิ่งคั้นก็ยิ่งสนุกข้อมือ  สุดท้ายผมก็คั้นน้ำส้มได้สี่แก้วใหญ่พอดี  ผมนำสามแก้วแช่เย็นไว้สำหรับของผม  พี่ธานและไอ้ดินหลังมื้อเย็นนี้  และนำแก้วที่ไม่ได้แช่เย็นขึ้นไปให้พายุที่ห้องนอน 

"ทำไมเฮียไม่เคาะห้อง!" พายุขึ้นเสียงว่าหน้าตาเหรอหรา  อย่างกับคนไม่ได้อ่อนเพลียแต่อย่างใด  ผมหัวเราะในลำคออย่างไม่แคร์  เดินเข้าไปหน้าตาเฉย  พายุนุ่งผ้าขนหนูเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดี 

"นาน ๆ ทีกูก็อยากมาดูห้องมึงบ้าง" ผมเบะปากหน้าตาเฉยอย่างไม่สนใจว่ามันจะโกรธหรือไม่

"ทำไม..มีความลับอะไร เมื่อกี้มึงคงไม่ได้ชักว่าวอยู่หรอกใช่ไหม" ผมขมวดคิ้วถามห้วน ๆ เหล่ตามองน้องชายตัวเองอย่างต้องการกวนอารมณ์มันเล่น

"ใครจะไปทำอะไรพิเรนทร์ ๆ" มันว่า

"หึ ๆ ชักว่าวนี่คือเรื่องพิเรนทร์เหรอวะ ไอ้เหี้ย..กูไม่รู้มาก่อนเลยอะ" ผมหัวเราะถามกลับ  พายุหน้างอหงิกแล้ว

"กินซะ" ผมยิ้ม  ยกมือยอมความมัน  นำถาดแก้วน้ำส้มไปวางไว้ที่โต๊ะสำหรับวางเครื่องดื่มและอาหาร  พายุไม่ชอบนำน้ำหรืออะไรที่เปียกได้ไปวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของมันเพราะมันรักหนังสือของมันมาก 

"ขอบคุณครับ" พายุบอกเสียงอ่อนลง  มันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง  ผมจึงเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วเปิดหาอะไรที่เป็นส่วนตัว ๆ ดู

"ห้ามค้นห้องยุ" เจ้าของห้องพูดปรามคิ้วขมวด

"ทีตอนเด็ก ๆ กูห้ามมึงเข้าห้องกู มึงยังสาระแนค้นห้องกูเอาเป็นเอาตายได้เลย" ผมว่ากลับ

"นั่นมัน.. ตอนเด็ก ๆ" มันอ้ำอึ้งตอบ  หน้าตาดูจะอายความจริง 

"นี่ใครให้มา" ผมถามถึงกล่องตุ๊กตาหมีสำหรับเอาไว้ทับกระดาษที่ดูเหมือนจะได้มาใหม่เอี่ยมซะด้วย

"เพื่อน" พายุตอบสั้น ๆ

"ผู้หญิง ผู้ชาย" ผมถาม

"ผู้หญิง" มันพึมพำ

"เขาชอบมึงเหรอ" ผมถาม

"อือ" พายุพยักหน้าตอบตรง ๆ ปกติมันก็เป็นคนพูดตรง ๆ ไม่ค่อยปิดบังอะไรอยู่แล้วน่ะนะ

"แล้วเขาไม่รู้เหรอว่ามึงไม่ได้ชอบผู้หญิง" ผมถามอย่างเป็นกังวล

"รู้" พายุตอบ

"อืม ก็ชัดเจนดี" ผมเบะปากพยักหน้าอย่างเคยชินในสังคมยุคปัจจุบัน

"แล้วไอ้หน้าตาโหงวเฮ้งไม่ดีนี่ใคร" ผมถาม  เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งรวมอยู่ในกลุ่มเพื่อนของพายุ  ซึ่งผมเคยเห็นหน้ามันบ่อย ๆ ที่ Fb. ของพายุด้วย

"เพื่อนฮะ" พายุตอบ  ผมจ้องมองรูปอย่างพินิจพิเคราะห์

"มันจีบมึง.." ผมถามตรง ๆ เพราะเคยเห็นหลายคอมเมนต์ของมันดูผิดปกติจากเพื่อนทั่ว ๆ ไปและทำอะไรโจ่งแจ้งอีกด้วย

"......." ครั้งนี้พายุไม่ตอบ  มันนั่งเงียบทำหูทวนลมทาโลชั่นไปเรื่อย  การเลี่ยงไม่ตอบสำหรับน้องชายของผมนี้มีอยู่สองสาเหตุ  ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิด  หนึ่งคือ มันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย  กับสองคือ มันมีอะไรแต่ไม่ต้องการจะบอกผม

"ห้ามคบกับมันก็แล้วกัน กูไม่ชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่" ผมว่า  โยนรูปที่อยู่ในมือลงส่ง ๆ พายุหันมามองด้วยสีหน้าสงสัยเต็มเปี่ยม  ผมยักไหล่ให้เพราะมันดันเลือกที่จะไม่ตอบคำถามผมก่อนหน้าเอง  การจะโดนผมกวนตอบก็คงไม่แปลก

"เฮียยังไม่ทันเจอเขาเลยไม่ใช่รึไง" พายุพูด

"ก็เหมือนกับที่มึงไม่ถูกชะตากับใครสักคนตั้งแต่ทีแรกแล้วปั้นหน้าเบื่อโลกใส่เขานั่นแหละ กูเห็นหน้าไอ้นี่กูก็รู้แล้วว่ามันหวังเงินมึง" ผมพูด

"นั่นเพื่อน แค่เพื่อน" พายุย้ำบอก

"ก็ดี" ผมตอบเสียงสูงปัด ๆ ไปที

"อ๋อ มันอาจจะหวังหัวนมชมพูกับซิกแพคมึงก็ด้วย" ผมเบะปากว่าเสริม

"ไอ้เฮีย!" พายุขึ้นเสียง  ผมหัวเราะดังลั่น

"ใส่เสื้อสักที เดี๋ยวก็ได้ป่วยขึ้นมาจริง ๆ" ผมบ่นหน้าเซ็งใส่  พายุลุกขึ้นไปหยิบชุดนอนมาใส่หน้างอ ๆ

"เฮีย..เป่าผมให้ยุหน่อย ยุขี้เกียจยกแขน" มันว่า  ทำเสียงเอื่อย ๆ ประกอบอีก  ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ

"เมื่อกี้ยังไล่กูอยู่เลย" ผมเดินกลับไปหาพร้อมกับเขกหัวมันทีนึง  อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจยกใหญ่  พายุยื่นไดร์เป่าผมมาให้  ผมรับมาเปิดแล้วเป่าผมให้มัน  สมัยเด็กผมก็เคยเป่าผมให้มันแบบนี้บ่อย ๆ เพราะตอนเป็นเด็กพายุไว้ผมค่อนข้างยาว  แม่ของมันก็มักจะดุที่มันไม่ยอมเช็ดผมให้แห้งก่อนเข้านอน  ผมเลยตัดปัญหาจับมันไดร์ผมให้ซะเลย

"ใกล้จะครบรอบวันที่ป๋าเสียแล้ว ยุว่า..ปีนี้ยุจะไปทำบุญให้ป๋าที่วัดหลวงลุง โทรคุยกับอาม้าเมื่อวาน อาม้าฝากเงินมาซื้อของไปทำบุญด้วย แล้วก็จะเอาไปบริจาคให้เด็กที่มูลนิธิด้วย" พายุพูดขึ้นระหว่างที่ผมเป่าผมให้มัน  ผมพยักหน้ารับฟัง

"เฮียจะไปด้วยกันไหม" มันถาม  ที่จริงผมว่ามันกำลังชวนกึ่ง ๆ บังคับมากกว่า

"อือ ก็ไปสิ" ผมรับปาก

"ดี" พายุอมยิ้มอย่างดีใจ

"ที่จริงทำที่วัดแถว ๆ นี้ก็ได้ นอกจากได้ไปเจอหลวงลุงแล้ว มีเหตุอะไรที่ถึงขนาดต้องเหาะไปทำบุญถึงที่นั่นกัน" ผมพูดแกมบ่นไปอย่างนั้น  ไม่ได้คิดจริงจังอะไร

"ใช่..ว่าข้อแรกของการทำทานคืออยู่ที่ใจของเรา แต่เหตุที่ถึงกับต้องเหาะไปถึงที่นั่น ก็เพราะไปหานักบวชที่มีศีลดีไง เฮียนี่ไม่รู้อะไรเอาซะเลย" พายุบ่นค้อนใส่ผมผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง  ผมยิ้ม  ไม่รู้จะตอบอะไรมัน

"หลวงลุงเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติถูกต้อง มีความประพฤติเรียบร้อยตามพระวินัย หาได้ง่าย ๆ เหรอสมัยนี้น่ะ แถวนี้มีรึเปล่าล่ะ ไม่งั้นยุจะได้ไป เฮียก็ไม่ได้ไปหาหลวงลุงจะปีแล้วด้วย" พายุย้อนว่าหน้างออีกแล้ว  ผมเบะปากยอมความมันเพราะเถียงไม่ออก  ซึ่งจะไปเถียงมันเรื่องนี้ก็ไม่ได้ด้วยเพราะผมมันไม่ใช่คนลักษณะอยากรู้อยากเห็นเหมือนอย่างพายุน่ะนะ  ดังนั้น แม้กระทั่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจัง

"เราให้ทานกับพระไม่ดี ก็เหมือนเราไปส่งเสริมให้ศาสนาเสื่อมลง" มันบ่น

"ยาว! ยาวไปอีก" ผมดักคอมัน  ให้มันเลิกบ่น  พายุหุบปากลงและค้อนตาขึ้นมอง

"เฮียจะได้ไปฟังธรรมด้วยนะ นาน ๆ ที ยุจะให้หลวงลุงดุเฮีย" พายุยักคิ้วยิ้ม ๆ

"มึงกล้าพูดแบบนี้ในขณะที่กูมีไดร์อยู่ในมือเหรอ" ผมมองมันผ่านกระจก  พายุหัวเราะ

"พูดมาก..ย้ำอย่างกับกูเป็นคนบาปไปได้" ผมว่าและขยี้หัวมันแรงขึ้นจนมันร้อง

"หึ..ก็เฮียเป็นคนบาปไง จะได้โผล่พ้นน้ำขึ้นมาบ้าง" มันไม่หยุดปากดี  ผมเลยนำไดร์เป่าผมโขกหัวมันไปอีกทีเป็นการปรามปากมัน  พายุร้องเสียงหลง  ผมเป่าผมให้พายุต่ออีกสองสามนาทีผมของมันก็แห้ง  พายุเดินไปหยิบน้ำส้มดื่มจนหมดแก้วแล้วไปแต่งตัว  ผมกลับลงมา  พี่ธานกำลังช่วยป้าอิ่มจัดโต๊ะอาหาร  ส่วนไอ้ดินเพิ่งกลับจากเรียนพิเศษ  มันกำลังขึ้นไปเก็บกระเป๋า  ลงมาอีกทีพร้อมกับพายุ  เราสี่คนกินอาหารเย็นร่วมกัน  บรรยากาศสนุกสนานกลับมาเหมือนเดิม  เสียงหัวเราะเป็นเหมือนช่วงเวลาหนึ่งที่คอยย้ำกับเราว่า  การได้อยู่กับปัจจุบัน  มีเวลาให้กับครอบครัวนั่นคือสิ่งสำคัญใกล้ตัวที่เราควรจดจำไว้ให้ดี..



...........ไฟ............

หมายเหตุ:
.. สำหรับตอนที่ 17 นี้ยังมีความยาวที่เสมอ ๆ หรือมากกว่าตอนที่ผ่าน ๆ มานะคะ  หายไปนานเป็นเดือน  ตอนนี้มาให้ครบทั้งพายุ เมฆและดาว  III  ทางเบบี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าตอนต่อไปจะมาต่อให้ได้เมื่อไหร่  เนื่องจากปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างงานหนังสือภาคต่อเรื่องอื่นอยู่  ดังนั้น งานค่อนข้างหนักและร่างกายไม่ค่อยโอเค  ส่วนแต่ละตอนของไฟ-สมุทรที่จะมาลงก็ใช้เวลาในการทำงานนานพอดูค่ะ  อย่างไรหวังว่าคนอ่านจะเข้าใจและรอกันได้นะคะ  ขอโทษด้วย

ขอบคุณค่ะ
เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 16 [ 15:35 น. - 28 ม.ค 59 หน้า 17 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 28-02-2016 16:08:32
 :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 28-02-2016 17:27:41
รอวันที่คุณไฟตกเป็นของสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 28-02-2016 17:46:44
ไฟแพ้ทางสมุทรนิดๆเนอะ5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 28-02-2016 19:48:14
โอยยยยย เค้าแพ้พี่น้องเวอร์ชั่นมุ้งมิ้ง พี่ไฟนี่เข้าข่ายปากหมาใจดีนะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 28-02-2016 20:28:32
อ่านแล้วก็ติดค่ะ
รอเบบี้เสมอนะค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 28-02-2016 21:11:06
พี่ไฟนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ แต่หลงสมุทรเข้าไปแล้วซินะ 5555

ชอบเวลาพี่น้องเค้าคุยกันมันดูน่ารักดีอยากเข้าไปร่วมวงคุยด้วย  :o8:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-02-2016 21:23:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 28-02-2016 21:48:05
น้องเมฆน่ารัก > <
 
fc น้องเมฆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 28-02-2016 21:49:11
ต้องอย่างสมุทรถึงจะโหงวเฮ้งดีถูกใจพี่ไฟเหรอฮะะะะะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-02-2016 22:06:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 28-02-2016 22:56:29
พี่ไฟนี่จังรี้สม่ำเสมอ
ได้กะนักธุรกิจในเครื่องแบบนี่แมร่มมมมมม
555555 ยอมเขาเลยจริงๆ
ใครจีบพายุบ้าง พายุจะได้ใคร นี่อยากรู้ละ
คึคึ รอตอนหน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-02-2016 00:56:20
นานยังไง ก้อรอจ้ะเบบี้

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 29-02-2016 01:19:34
ตกลงไฟรุกเกรอเนี้ย ไม่น่าเชื่ออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NCJung ที่ 29-02-2016 01:24:54
เฮียไฟคะ คุณตุลนี่จะมาสร้างปัญหาในภายหลังไหมคะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 29-02-2016 02:30:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 29-02-2016 11:17:16
เรายังรอเสมอ

คิดถึงพี่ไฟ:)

อ่านเรื่องนี้มันรู้สึกดีจริงๆ พี่ไฟเจ้าเล่ห์มากกกกกประสบการณ์โชกโชน ทันคนทันความคิดคนอื่น
ตลอด  อยากจะให้มาหยุด ....หยุดที่สมุทรในเร็ววัน555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 29-02-2016 12:18:13
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ  รักษาสุขภาพด้วย :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 29-02-2016 13:34:53
ไฟ..ขี้อ่อย!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 29-02-2016 15:21:40
ยอมจริง ๆ ไอ้คุณไฟเนี่ยขนาดแค่อ่านนะไม่ได้เห็นสีหน้าจริง ๆ
ยังรับรู้ได้ถึงความกวน T ของไอ้คุณไฟมันเลย
สมุทรได้เมื่อไหรจัดหนัก ๆ ซักที่นะ (เอ๊ะสรุปสมุทรได้ไฟเหรอเนี่ย5555+++มโนล้วน ๆ)

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 29-02-2016 15:57:25
ไฟกับพี่ธานนี่มีเรื่องไหนรู้ไม่ทันกันบ้าง..กับสมุทรก็พูดดีๆกับเค้าหน่อยอยากได้เค้าใจจะขาดแต่ปากเนี่ยนะร้ายยมาก

ขอบคุณที่มาต่อนานแค่ไหนก็รอได้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 29-02-2016 16:56:20
คุณไฟนี่ อาการ ออกเยอะแล้วนะ



ถึงขนาดไปรับสมุทรด้วยตัวเองแบบไม่ได้คิดการล่วงหน้า  ใจสั่งมาล้วนๆ



กอดดดดดดดด  น้องเมฆน้อย มาคราวนี้ หนูมีบทพูดตั้งหลายคำ  :hao5: ป้าปลื้ม



ง่ะ/พี่ธานมัวแต่ มารู้ทัน มัวแต่มารู้ใจ คุณไฟอยู่นี่แหล่ะ น้องพายุ มีคนเข้าหาทั้งหญิงทั้งชายแล้ว



ทำเป็นนิ่ง ทำเป็น ไม่สนใจอยู่นั่นแหละ



ถ้าวันใหน น้องพายุ มีแฟนจริงๆจังๆขึ้นมา ป้าจะสมน้ำหน้าให้



คุณตุล นี่ป้าขอให้ผ่านแล้วผ่านเลยนะ อย่ามาเป็นประเด็นให้



ความรักในอนาคตที่ยังมองไม่เห็นของสมุทรกับคุณไฟมีปัญหานะ ป้าขู่ใว้เลย



ป.ล. กอดดดดดด  น้องเมฆน้อยอีกรอบ  (รักจริงจังเลยเด็กมืดมน ฮ่าๆๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 29-02-2016 20:45:35
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 01-03-2016 00:49:31
ตอนคุณตุลนี่คนละฟีลกับสมุทรเลย กับคุณตุลพี่ไฟดูเป็นผู้นำเกมให้เดินไปทางนั้นทางนี้ เจ้าเล่เซ็กซี่ และหล่อ หล๊อหล่อ 5555
แต่กับสมุทรนี่แบบ หวั่นไหวเหลือเกิน ทำอะไรมากก็ไม่ได้ 55555
ตอนพี่ไฟไปเจอสมุทรที่รร. ตอนที่เจอหน้ากัน รู้สึกมันอบอุ่นๆ สุขใจแปลกๆ ชอบบบ ชอบให้เขาอยู่ด้วยกัน งุ้ยยยย
แล้วก็ชอบพูดจากวนเขานะ กลัวพี่ไฟจะเฮิร์ตเพราะสมุทรสักดอกอยู่เนี่ย


พี่ธานดี๊ดี ยังคงแซวพี่ไฟอย่างสม่ำเสมอ 5555 อยากเห็นตอนพี่ธานมีความรักบ้าง คงไม่เวิ่นเว้อแบบพี่ไฟหรอก 55555
พายุก็แอบมีกิ๊กแล้วอ่า ดูดิๆ ฟ้องพี่ธาน เค้าอยากเห็นความคืบหน้าของคู่นี้ๆๆๆ

น้องเมฆก็น่ารัก เริ่มกลัวพี่ไฟน้อยลงแล้วมั้ย ตั้งแต่สอนการบ้านกันวันนั้น น่ารักจริงๆ พี่ไฟจะเข้าทางน้องล่ะสิ กร๊าก แซว


ปล. ไปไหว้หลวงลุง พาสมุทรไปด้วยนะะะะะะะะ

รอค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ จุ๊บ!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 01-03-2016 09:32:51
สมุทรอย่ายอมอิไฟนะ มั่วขนาดนั้น เหมาะกับอิตุลย์ละ สมุทรของเจ้ต้องคู่ควรกับคนดีๆเนอะ คนขี้เอ.. อย่างไฟอย่าไปสน เบบี้หาคูแข่งสุดเท่แสนดีมาจีบสมุทรแย่งอิพี่ไฟสักคนสิคะ อยากเห็นพี่ไฟเต้นนนนน  :z2: :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 01-03-2016 12:28:48
คุณไฟดูแพรวพราวมากกก
อ่านละเขินแทนตุล
แล้วนี่ถ้าคบกับสมุทรจริงๆคงแพรวพราวกว่านี้
สมุทรเตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 01-03-2016 16:09:44
รอได้ค่ะ ไม่อยากให้เร่งจนเกินไป เพราะกลัวจะป่วยเอา  :กอด1: ค่อยเป็นค่อยไปทีละอย่างนะ

ยังยีนยันความรู้สึกเดิม คีอชอบตอนคุณไฟอยู่กับเมฆมาก  :laugh: ฮาดีน้องน่ารัก

แม้ตอนนี้คุณไฟจะยังไม่ได้เป็นอะไรกับสมุทร แต่ก็อยากให้สมุทรรู้สึกอะไรกับเรี่องนี้บ้าง  :ling2: แต่นางคงไม่รู้  :mew5:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mangozen ที่ 06-03-2016 09:09:15
เปลี่ยนนายเอกเป็นคุณตุลเลยได้ไหมอะ
ดูเข้ากันดีน้าาา กับสมุทรนี่ไฟช้ามากอะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-03-2016 21:27:38
พี่เบบี้หายไปไหนนนน

คิดถึงแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-03-2016 06:16:21
เฝ้ารอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: purpleguy ที่ 16-03-2016 10:43:40
 :L1:  อ่านทันละ  :L1: หน้าใหม่ขอโผล่ .......
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 19-03-2016 17:27:45

ตอนที่ 18
..ไฟ..




อาทิตย์: 7:30 น. ค่ายมวยชัยโรจน์

"เออ! เร่งหน่อย ๆ!" เสียงดังโหวกเหวกโวยวายแต่เช้าเป็นกิจวัตร 

"อ่าว..นายฮะ" ไอ้รุ่งยิ้มทัก  มันตะโกนเรียกผมซะดัง 

"อะไร" ผมว่า  กวาดตามองไปรอบ ๆ ค่าย

"นายมาทำไมอะครับ" มันถาม

"กูเป็นเจ้าของค่ายแล้วกูมาค่ายกูไม่ได้รึไง" ผมย้อน  ขึ้นเสียงนิด ๆ ไอ้นี่มันกวนอารมณ์แต่เช้า

"หึ ๆ ๆ" พี่ธานที่เพิ่งวิ่งตามมา  ได้ยินถึงกับหัวเราะออกมา  ผมเหลือบมองไปที่สมุทรที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ  ความจริงแล้ววันนี้เป็นวันหยุดของผม  ไอ้รุ่งมันถึงได้ถามผมอย่างนั้น  ส่วนใหญ่ถ้าไม่มีธุระหรือนัดกับเพื่อนไว้ก็จะอยู่แต่บ้าน  บางอาทิตย์จะเข้าไปที่สนามแข่งรถ  ถ้าอาทิตย์นั้น ๆ มีงานแข่งสำคัญ ๆ นะครับ

"สวัดดีครับ" สมุทรยิ้มทักผมและพี่ธาน 

"ซ้อมถึงไหนแล้ว" พี่ธานถามสมุทร

"อ๋อ เตรียมล่อเป้าแล้วครับ" สมุทรตอบยิ้ม ๆ

"เอาสิ คุณไฟเขามาเพื่ออยากเป็นเป้าพอดี" พี่ธานอมยิ้ม  พยักพเยิดหน้ามาทางผม  ผมเหล่ตามองพี่เขา  พยายามกลั้นใบหน้าตัวเองไม่ให้ยิ้มออกไป  แม่ง..โดนเล่นแต่เช้า 

"พี่วิ่งมาก็เพื่อจะรีบวิ่งกลับไม่ใช่เหรอครับ" ผมถามแกมประชด  เพราะวันนี้พี่ธานต้องเข้าไปที่สนามแข่งแต่เช้า  เนื่องจากนัดกับพี่สนเอาไว้  พี่สนไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศแล้ว  เห็นว่าสนามที่นั่นเลื่อนนัดประชุม  วันนี้พี่สนเลยอยู่ที่สนาม  ผมเองก็ตั้งใจว่าจะเข้าไปที่สนามด้วยในตอนบ่ายของวันนี้

"หึ ๆ" อีกฝ่ายหัวเราะ  ยักคิ้วให้ผมด้วยใบหน้ากะล่อน ๆ อีก

"นี่ผมอุตส่าห์ช่วยนะ" พี่ธานกระซิบ

"งั้นเหรอครับ" ผมแสยะปากยิ้มกะล่อนกลับเช่นกัน

"ไม่เจอหน้ากันแค่วันเดียวนี่คิดถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่ยักรู้นะว่าคุณเป็นคนอ่อนไหวด้วย" พี่ธานพูดแซวเบา ๆ น้ำเสียงได้ยินกันแค่ผมกับพี่เขา

"ที่จริงผมเป็นคนเซ็นซิทีฟกับครอบครัวพี่ก็รู้ คิดว่า..ถ้ามีความรักขึ้นมา ก็คงจะเป็นอย่างนั้นด้วย" ผมทำตาปริบ ๆ นำมือทาไปที่หน้าอกฝั่งหัวใจตัวเอง  ด้วยท่าทีใสซื่อประกอบ  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ รับไม่ได้

"เฮ้ย! กลับก่อนนะ เจอกัน" พี่ธานตะโกนลานักมวยในค่าย  พวกมันพากันส่งเสียงลาตอบกลับยกใหญ่

"สวัสดีครับ" สมุทรยกมือไหว้ลา

"โชคดี" พี่ธานพยักหน้าตอบยิ้ม ๆ สมุทรไม่พูดอะไร  เขายืนมองงง ๆ

"วันนี้พี่เป็นเจ้ามือเลี้ยงเป็ดปักกิ่งผมนะ" ผมเตือนความจำ  พี่ธานยิ้มกว้างไม่ปฏิเสธก่อนจะวิ่งไป

"เอาสิ ลองหน่อย..เดี๋ยวลูกค้าจะมาแล้ว" ผมพยักหน้าส่งสัญญาณบอกสมุทร  สมุทรมองผมมึน ๆ เหมือนไม่แน่ใจ  ลุงลอยเดินออกมาจากออฟฟิตพอดี

"อ่าว มาซ้อมรึ" ลุงแกยิ้มทักด้วยสีหน้าแปลกใจอีกคน 

"ครับ" ผมพยักหน้า

"เออ พอดีเลย ลงนวมกับเจ้าไฟนี่แหละ หน่วยก้านพอกันดี" ลุงลอยพูด  เห็นดีเห็นงามทั้งที่ผมยังไม่ได้บอกอะไร 

ครั้งแรกที่เราได้เคยหยั่งเชิงฝีมือกัน  ครั้งนั้นสมุทรเป็นเทรนเนอร์ตั้งรับให้ผม  แต่คราวนี้สลับกัน  ผมเป็นฝ่ายใส่เป้าล่อเพื่อจะเป็นเทรนเนอร์ให้เขาเอง  อยากจะรู้เหมือนกันว่าน้ำหนักจะเหมือนเดิมไหม 

ด้วยความที่ผมเพิ่งวิ่งมาจากบ้าน  ใส่แค่กางเกงมวยตัวเดียวพร้อมกับรองเท้าวิ่ง  มันจึงง่ายมากต่อการใส่นวมและเป้าล่อเตรียมซ้อมได้ในทันที  ร่างกายได้อบอุ่นเตรียมมาพร้อมเรียบร้อยแล้ว  ผมถอดรองเท้าวิ่งออก  เดินไปที่ชั้นวางนวมต่าง ๆ

"ผมใส่ให้ครับนาย" ไอ้เด่นวิ่งระริกระรี้มาหาผม  มันรีบหยิบเป้าล่อมาใส่ให้

"มึงไปไหนมา" ผมขมวดคิ้วถาม  เมื่อกี้ไม่เห็นหัว  ไอ้เข้มกับไอ้หินก็เพิ่งโผล่หัวตามมาเช่นกัน

"ก็ไอ้เอิร์นน่ะสินาย มันต่อยอย่างกับไล่ควาย" ไอ้เด่นตอบ  สมุทรที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินไอ้เด่นว่าอย่างนั้นก็อมยิ้มเหมือนจะหลุดขำ  "ไอ้เอิร์น" คือหลานของน้าเป๋  ครูมวยในค่าย  มันเป็นเสมือนเด็กในค่ายอีกคน  เริ่มมาหัดชกมวยจริง ๆ จัง ๆ แต่ฝีมือไม่เอาอ่าวเอาซะเลย   

"สอนไม่ไปไหนสักที พวกผมก็เลยซัดมันซะเลย" ไอ้เด่นยิ้มเล่า  ภูมิใจซะไม่มี 

"หึ..ไปแกล้งมัน" ผมบ่น

"หยอกเล่นขำ ๆ น่ะครับ" มันยิ้ม  ขณะเดียวกันสมุทรเดินตรงไปหาลุงลอยเพราะถูกเรียก

"นายไม่ใส่กระจับก่อนหรอครับ" ไอ้เด่นถาม  สีหน้าเป็นห่วง

"ไม่อะ" ผมตอบปัดไปที

"กูชอบโดนตรง ๆ" ผมยักคิ้วบอกหน้าตาย  ไอ้เด่นผงะไปครู่หนึ่งก่อนหลุดยิ้มออกมา 

"ถ่ายวิดีโอไว้หน่อย" ผมกระซิบสั่ง  ไอ้เด่นทำหน้าสอดรู้สอดเห็นทันควัน

"ได้ครับ" มันพยักหน้ารับทราบ

"หวัดดีครับคุณไฟ" นพเดินยิ้มมาแต่ไกล

"หวัดดี" ผมทักตอบ  ก้าวขึ้นไปรอบนเวทีมวย  สมุทรขึ้นตามมา  ไอ้เข้ม  ไอ้หิน  ไอ้รุ่งและไอ้นพพากันมาเกาะขอบเวที  ผมยืนรอเวลาให้ไอ้เด่นวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อไปหยิบโทรศัพท์มือถือ  ผมยิงฟันคนฝั่งตรงข้ามที่ประชันหน้ากันอยู่  ฉีกยิ้มกว้าง ๆ จนสมุทรจ้องมองมาเขม็ง  สายตาดูไม่ไว้ใจผมอย่างเห็นได้ชัด  ผมยืนรอจนไอ้เด่นวิ่งออกมาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ  นักมวยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติยังคงซ้อมกันต่อไปตามหน้าที่  มีบางคนที่เพิ่งวอร์มร่างกายเสร็จมาหยุดรอดูบ้างคงเพราะนาน ๆ ครั้งที่จะเห็นผมมาค่ายในวันอาทิตย์แบบนี้ 

สมุทรเริ่มตั้งกาดเมื่อได้ยินเสียงลุงลอยตะโกนบอกว่าเริ่มจับเวลา  นวมของผมและนวมของสมุทรแตะเข้าหากันเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกถึงความพร้อมของเราทั้งคู่ 

"ยี่สิบ..มา!" ผมข่มน้ำเสียงบอก  ตั้งกาดเตรียมตั้งรับให้อีกฝ่ายเตะซ้าย  สมุทรเตะเข้าที่เป้าล่อเต็มกำลังที่มี  ยี่สิบครั้งรวดเดียวด้วยความหนักแน่นและค่อนข้างเร็ว  เสียงร้องคำรามที่เปล่งออกมาเพื่อเรียกกำลังของเขาในแบบที่ผมต้องการเริ่มได้ยินแว่ว ๆ
 
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยที่ผมไม่ต้องพูดสั่งอะไรมากอย่างที่ควร  นี่ไม่ใช่เพียงแค่การล่อเป้าให้อย่างเดียวแต่ผมโต้ตอบกลับเขาไปด้วย  สมุทรเองก็ไม่ใช่มวยพื้นฐานที่ผมจะต้องมาออมมือให้  เพียงแค่ผมตั้งกาดในสิ่งที่ผมต้องการให้สมุทรทำ  อีกฝ่ายก็อ่านผมออกในทันทีว่าผมต้องการให้เขาเตะหรือต่อย  หรือปล่อยท่วงท่าอย่างไรโดยไร้การพูดบอกกันและกัน  ปกติการซ้อมอย่างรู้ทางกันเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับนักมวยและเทรนเนอร์ที่ฝึกด้วยกันมานานจนรู้ใจ  เขาเป็นคนมีไหวพริบทางด้านนี้มากทีเดียว  เสียงร้องและเสียงหอบของเราต่างเริ่มรุนแรงหนักมากขึ้น  สมุทรดูจะหายเกร็งและไว้ใจผมในการปล่อยท่วงท่าออกมา

"ตี! เออ! ตี ๆ ๆ!" เสียงลุงลอยร้องประกอบเมื่อสมุทรจับผมล็อกเข้าไปแทงเข่าจนผมถอยหลังไปสองสามเก้า  แขนของสมุทรยังคงล็อกผมไว้  ผมนำนวมดันเข้าที่เอวของเขาสองสามทีเป็นการบอกเตือนให้เขาถอยหลังกลับไปที่กลางเวทีอีกครั้ง  สมุทรปล่อยแขนออกและทำตาม

"หนึ่งผ่าน!" นพตะโกนบอกเมื่อครบหนึ่งนาที  ฝีมือของสมุทรสามารถรับแรงและลูกล่อลูกชนจากผมได้ไหว  เราเตะต่อยสู้กันเป็นระยะสลับกับการให้สมุทรได้ซ้อมปล่อยหมัดและลูกเตะที่เขามีออกมา 

"เอาอีกที" ผมกัดฟันสั่ง  แกล้งเข้าไปชกสมุทรอย่างต้องการให้อีกฝ่ายสู้ผมกลับเข้ามารุนแรงกว่านี้  ใบหน้าของสมุทรยังคงเรียบเฉย  เขารุกแทงเข่าเข้ามาทันทีที่ผมทำอย่างนั้น  เสียงกัดฟันร้องจากเขาและผมที่คำรามอย่างสะใจ  มันบอกไม่ถูก  พอเห็นอย่างนั้นผมจึงจับอีกฝ่ายตีเข่ากลับบ้างแต่ไม่แรงอะไรนักเพราะผมเป็นมวยเข่า  ถนัดที่สุดคือการใช้เข่าที่เป็นอาวุธร้ายแรงที่ผมสามารถทำได้ดีเป็นอย่างมาก  ดังนั้น..เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บระหว่างซ้อมก็ต้องออมมือเป็นธรรมดา 

"หนึ่งยก!" ลุงลอยตะโกน  ผมกับสมุทรพยักหน้าให้กันเล็กน้อยและกลับมาที่มุมเวที
 
"หมัดดี แต่เคลื่อนตัวช้า" ลุงลอยพูดบอกสมุทร 

"ครับ" สมุทรผงกหัวรับทราบ 

"เวลาเราหลบต้องไวสิ ให้ไวกว่านี้..ไอ้นี่ขามันไว" ลุงลอยชี้มาที่ผม 

"ใช่..ไวมากเลยครับ" ไอ้เด่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังบอกสมุทร  ผมไม่ว่าอะไร  ไอ้เด่นคงยังจำฝังถึงตอนที่มันเคยทำให้ผมโมโห  แล้วถูกผมที่นั่งอยู่เตะเสยคางจนทำมันสลบเข้าโรงพยาบาลไป  หลังจากนั้นมาถ้าไม่มีอะไรร้ายแรงมันก็ไม่กล้าทำผิดอีกเลย  ไอ้เด่นหยิบน้ำนำมาให้ผมดื่ม  ส่วนนพก็นำน้ำไปให้สมุทรดื่มด้วย

"ต่อเร็ว ๆ ๆ!" ลุงลอยตะโกนเร่ง  ผมกับสมุทรกลับเข้ากลางเวทีอีกครั้ง

"หนึ่งสอง มา" ผมบอก  สมุทรชกหมัดหนึ่งสองมาพร้อมกับเตะ  ผมเริ่มจากเบา ๆ ก่อนโดยหยุดสั่งบ้างเป็นระยะ  อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้  การปล่อยหมัดเป็นไปแบบไม่เร่งรีบและเริ่มหนักแรงขึ้นเรื่อย ๆ

"ดี!" ผมบอกด้วยนึกสะใจที่สมุทรเตะเข้ามาที่สนับขาผมอย่างเต็มเหนี่ยว  ผมแสยะยิ้ม  ตัวเซไปอีกด้านตามแรงเตะ  สมุทรผงกหัวน้อย ๆ เหมือนเป็นการขอโทษ  ผมเริ่มสู้กลับอย่างจริงจังอีกครั้ง  ต่างคนต่างไม่ออมแรง  เสียงเราสองคนดังระงมและผมคิดว่าเสียงผมคงจะดังกว่าสมุทร  เพราะรู้สึกสะใจมากแบบบอกไม่ถูก  ทุกหมัดและการเตะต่อยมันหนักแน่นตามแบบที่ผมคาดเอาไว้ไม่มีผิด 

"อูย~" ผมร้องแซว  ฉีกยิ้มกว้าง  พอใจที่แกล้งให้สมุทรเหวี่ยงปล่อยหมัดซ้ายตามแบบที่ผมต้องการจะเห็นออกมาได้  หมัดก่อนหน้าที่เขาชกผมจนเลือดไหลเป็นน้ำ  อีกฝ่ายส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายรู้แกวผม  สมุทรปล่อยหมัดรัวมาไม่หยุด  ผมจับสมุทรงัดตัวเข้ามาตีเข่า  พออีกฝ่ายหลุดออกไปได้  หมัดต่อหมัดต่อยสู้กลับทันควัน  เสียงโห่ร้องเชียร์เริ่มดังขึ้นเนือง ๆ พอผมดูออกว่าสมุทรแรงเริ่มอ่อนลงแล้ว  จึงจับข้อเท้าของเขาล็อกเอาไว้พร้อมเตะเข้าที่ชายโครงไปเต็มที่ดัง "ตับ!!!"

"อื้ย!" ผมกัดฟันร้องแกล้ง  เสียงร้องเชียร์ประสานไปพร้อม ๆ คล้ายกับเจ็บแทนสมุทร  อีกฝ่ายจับข้อเท้าผมไว้ได้ทัน  พอสมุทรจับขาผมเป็นหลักให้ตัวเองไว้ได้  ทันทีนั้นเขาก็เตะกลับเข้าที่ชายโครงอย่างแรง

"อูย!!!" เสียงร้องจากผมและกองเชียร์  ประสานร้องเป็นเสียงเดียวกัน  ผมกัดลิ้นยิ้ม ๆ อย่างชอบใจ  การซ้อมเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนครบห้ายก  เรียกว่าแทบหมดสภาพทั้งผมและเขา  การซ้อมกับคู่ซ้อมที่มีรูปร่างใกล้เคียงกันและฝีมือพอ ๆ กัน  ทำให้จุดจบมักเหนื่อยเป็นธรรมดา  แต่ในความเหนื่อยมีความรู้สึกดี  รู้สึกเหมือนตัวโล่งสุด ๆ ซึ่งเป็นอารมณ์ในแบบที่ผมชอบมากทีเดียวน่ะนะ

"วันนี้คุณจะไปสนามแข่งรถไม่ใช่เหรอครับ" สมุทรถามขึ้นหลังจากที่เราลงมาวอร์มร่างกายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  อีกฝ่ายต้องเตรียมเป็นเทรนเนอร์ให้กับลูกค้าที่เพิ่งมาถึงต่อ   

"อือ ตอนบ่ายน่ะ" ผมตอบ

"ครับ" สมุทรพูด  ผมเหล่ตามองเขากำลังจะเดินไป

"ไปด้วยกันไหมล่ะ" ผมลองถาม  สมุทรหันกลับมามอง 

"วันนี้มีซ้อมอุ่นเครื่องน่ะ ถ้านายสนใจไปดูละก็นะ" ผมพูด  เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

"มีธุระงั้นเหรอ"

"เปล่า งั้นไปก็ได้ครับ" สมุทรพยักหน้า 

"แต่ว่า.." อยู่ ๆ เขาก็อ้ำอึ้งด้วยสีหน้าลำบากใจ

"สอนให้เสร็จก่อน ฉันอยู่ในออฟฟิต" ผมตัดบท  รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังลำบากใจเรื่องอะไร

"ขอบคุณครับ" สมุทรตอบยิ้ม ๆ แล้วเดินไปฝั่งที่ต้องสอนมวยให้ลูกค้า  ผมนั่งลงที่หน้าประตูออฟฟิต  กำลังคิดว่าบางทีสมุทรก็ดูเหมือนไว้ใจผมง่าย ๆ แต่บางครั้งก็มีเส้นบาง ๆ ที่ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังแบ่งพื้นที่กับผมอยู่  ผมนั่งมองนักมวยซ้อมต่อ  ระหว่างนั้นก็แอบดูสมุทรสอนมวยให้กับลูกค้าไปด้วย  ลูกค้าผู้หญิงออกจะมีอาการเขิน ๆ ที่ได้เทรนเนอร์ที่ดูดีขนาดนั้น  ผมหัวเราะเบา ๆ มองไอ้เด่นที่กำลังพยายามจะเข้าไปช่วยสมุทร  ผมว่ามันต้องการไปจีบลูกค้า  แต่ไอ้เด่นกลับโดนสมุทรเขม่นไล่ออกมาด้วยสีหน้าดุ ๆ ขณะเดียวกันมันก็เหลือบมาเห็นผมพอดี  ผมจึงกวักมือเรียกให้มาหา

"ครับนาย" ไอ้เด่นยิ้มแป้นแล้นมา

"คุกเข่า นั่งลง" ผมสั่งเรียบ ๆ เพราะตัวเองจะได้ไม่ต้องออกแรงมาก  ตอนนี้ขี้เกียจขยับตัวสุด ๆ


เพี้ย !!!

"โอ๊ย" ไอ้เด่นร้องตาหยี  มันลูบหัวตัวเองปรอย ๆ

"กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามก้อร่อก้อติกกับลูกค้า" ผมว่า  มองปรามมันนิด ๆ แม้จะไม่จริงจังอะไรนัก
 
"ขอโทษครับนาย"

"ก็..พี่สมุทรได้แต่ลูกค้าสวย ๆ ทั้งนั้นเลย ทีผมทำไมผมได้แต่แก่ ๆ" มันบ่นหน้ามุ่ย  ผมกลอกตาหนีเพราะเกือบจะหลุดขำสีหน้าของมัน

"มึงนี่ปล่อยไม่ได้เลย หางโผล่ตลอด" ผมบ่นไม่จริงจังอะไร  เพราะก็รู้ดีว่าเมื่อกี้ไอ้เด่นก็แค่ทะลึ่งทะเล้นของมันไปตามนิสัย

"ลองกับกูสักทีนึงไหม เผื่อจะได้ลด ๆ ไอ้อาการอยากผู้หญิงตลอดเวลาของมึงได้บ้าง" ผมช้อนตามอง

"นายอะ" ไอ้เด่นยิ้ม  เกาท้ายทอยเขิน ๆ

"กับนายเหรอครับ ก็ได้นะ" มันฉีกยิ้มกว้างตอบผมซะงั้น  ผมยิ้มกริ่มมองกลับ  มันทะเล้นจนจะกลายเป็นกวนตีนแล้ว

"กูไม่ติดใจกูทิ้งนะ" ผมพูดส่ง ๆ ไปที  อยากรู้ว่ามันจะตอบว่ายังไง 

"ไม่เป็นไรครับ ผมยอม" ไอ้เด่นฉีกยิ้มกว้างตอบง่าย ๆ

"ไอ้สัตว์! ไปไกล ๆ ตีนเลยไป มึงนี่ชักจะมากไปแล้ว" ผมกัดฟันด่าและอดยิ้มด้วยไม่ได้  ไอ้เด่นหัวเราะ  รีบคลานหนีเท้าผมไปด้วยความว่องไว

"กลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเลยมึงน่ะ กินอะไรให้เรียบร้อย เตรียมรถไว้ให้ด้วย..เดี๋ยวกูจะไปสนามแข่ง" ผมไล่

"ครับผม" ไอ้เด่นตอบ  มันผงกหัวให้ผมก่อนเดินไปลาเพื่อน ๆ ในค่ายมวยก่อนกลับออกไป 

ผมนั่งต่อสักพัก  เห็นว่าทุกคนทำงานขันแข็งกันดีจึงเข้าไปตากแอร์ในออฟฟิต  พูดคุยกับพนักงานไปพลาง ๆ นาน ๆ ทีจะได้มานั่งคุยสบาย ๆ กันแบบนี้  เรื่องการแข่งขันสำหรับนักชกรุ่นใหญ่ ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่เราเปิดประเด็นกัน  จึงนำรายชื่อของการชกเวทีใหญ่มาเปิดดู  ปีนี้ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกการแข่งขันใด ๆ เป็นพิเศษ  อยากใช้เวลาดูความพร้อมของสมุทรอีกสักพักหนึ่ง  แต่คิดว่าไม่นานนี้เขาคงได้ขึ้นชกแน่เพราะเขาฝีมือดี  ปรับสอนเพิ่มเติมนิดหน่อยก็ขึ้นเวทีรุ่นใหญ่ในนามของค่ายผมได้ไม่ยาก 

"สมุทรนี่เชิงมวยสวยมากเลยนะคะ" เตย  พนักงานทั่วไปประจำออฟฟิตพูดชม  เธอเองก็ฝึกมวยเหมือนกันแต่เพียงฝึกเพื่อออกกำลังกายเท่านั้น

"อือ เขานิ่งดีนะ..พี่ชอบ" พี่เอิร์ธ  นักโภชนาการประจำค่ายพูดชม  ผมนั่งฟัง  อมยิ้มไปพลาง

"สู้ไม่ถอย สมน้ำสมเนื้อกับคุณเขาดี" พี่เอิร์ธว่า  ส่งสายตาแซวมาทางผม  พี่เอิร์ธเป็นอีกคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของผมและพี่ธานเป็นอย่างดีมานาน

"หึ.." ผมหัวเราะขึ้นจมูก  น้อง ๆ พนักงานที่นั่งอยู่อมยิ้มไม่แสดงความคิดเห็นอีก

"ไฟนี่มันเป็นประเภท ยิ่งโดนยิ่งชอบ" พี่เอิร์ธจัดเอกสารไปพูดไป  แถมยังหน้าเอือม ๆ อีก

"รอบก่อนถูกชก คิ้วแตก..เลือดไหลเข้าตา ไอ้นี่ยิ้มไปชกไปจนหมดยก ไม่รู้ชอบห่าอะไรนักหนา" พี่เขากระแทกเสียงเล่าด้วยสีหน้ารับไม่ได้  ผมยิ้มกว้างเพราะขำหน้าพี่แก

"บอกให้พบแพทย์บ้าง ๆ" พี่เอิร์ธทำหน้าจริงจังประกอบ

"ร่างกายผมไม่ได้เป็นไรสักหน่อย" ผมปัดหน้าซื่อ

"หมายถึงสภาพจิตแกต่างหาก" พี่เอิร์ธย้อนเสียงห้วน

"หึ ๆ ๆ" ผมหัวเราะ

"อ๋อ..พี่เอิร์ธเขาชอบเอาความโรคจิตของตัวเองเป็นบรรทัดฐานวัดคนอื่นตลอด" ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางส่ายหัว  พี่เอิร์ธยิ้มเขิน  ผมเองก็รู้ไต๋พี่เอิร์ธหมดนั่นแหละ  ยิ่งพี่ธานยิ่งแล้วใหญ่   

"อายุปูนนี้แล้วยังไม่ยอมมีเมียเป็นตัวเป็นตน แปลกไหมล่ะ" ผมทำหน้าประหลาดใส่พนักงาน  พี่เอิร์ธถึงกลับไม่กล้าอีก

"นี่พี่คงไม่ได้แอบชอบขาอ่อนของผมหรอกใช่ไหม" ผมทำหน้าระแวงพร้อมกับยกขากางเกงขึ้นโชว์ต้นขาประกอบด้วย

"หึ ๆ ไอ้ไฟ!" อีกฝ่ายขึ้นเสียงยิ้มกว้าง 

"ฮ่า ๆ ๆ" พนักงานหัวเราะชอบใจกันใหญ่

"ผมไปละ เดี๋ยวต้องไปธุระต่ออีก" ผมบอก

"เออ" พี่เอิร์ธพยักหน้าส่ง ๆ

"ฝากด้วยนะครับ" ผมบอกลาทุกคน

"ค่า/ครับ" พนักงานพากันขานรับ  ผมยกมือไหว้พี่เอิร์ธก่อนเดินออกมา  สมุทรทำหน้าที่เสร็จพอดี  เดินเหงื่อโชกเต็มตัวมาเลย 

"เสร็จแล้วใช่ไหม" ผมถาม  เขาพยักหน้า

"เอ่อ..ผมลืมไปว่าผมไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ผมใส่กางเกงขาสั้นมา กะว่าซ้อมเสร็จแล้วจะกลับบ้านเลยนะครับ" สมุทรพูด  น้ำเสียงเตรียมพร้อมปฏิเสธในการไปด้วยกัน 

"ใส่ของฉันก็ได้" ผมบอก

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเกรงใจ"

"เอาเหอะน่า เสื้อผ้าฉันเยอะแยะ ไม่ใช่ให้นายยืนใส่แล้วฉันต้องแก้ผ้าออกนอกบ้านเมื่อไหร่" ผมว่าปัดไปที  สมุทรยืนเงียบ

"ไปเถอะ เดินกลับนะ พอดีฉันวิ่งมาน่ะ" ผมบอก

"ได้ครับ แต่เดี๋ยวผมขอตัวไปเอากระเป๋าในห้องแต่งตัวก่อน" สมุทรพูด  ผมพยักหน้าอนุญาต  เขารีบเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัว  ครูมวยหันมาถามผมว่าผมจะกลับแล้วเหรอ  ผมร่ำลาทุกคนอย่างผ่าน ๆ ไปทีเพราะวันนี้ลูกค้าเยอะ  ทุกคนจึงค่อนข้างวุ่น  ผมออกมายืนรอฝั่งลานจอดรถ  ไม่นานสมุทรก็สะพายกระเป๋าตามมา  ผมเดินนำมาก่อน  อีกฝ่ายเดินขนาบข้างมาเงียบ ๆ

"วันนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะไปไหนเหรอ" ผมชวนคุยระหว่างทางเดินกลับบ้าน

"ไม่ครับ" สมุทรตอบ  ผมหันหน้าไปมอง  เขาตั้งหน้าตั้งตาเดินไม่ได้มองมา 

"หมัดซ้ายนายเจ๋งดี ฉันชอบ" ผมพูดชมอมยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ได้ยินเสียงคนข้าง ๆ หัวเราะในลำคอเช่นกัน

"ขอบคุณครับ"

"มวยเข่าสินะ คุณน่ะ" อีกฝ่ายพูดเดา  ผมว่าแล้วว่าเขาจะต้องดูออก  ผมเหล่ตามองไปด้วย

"คุณฝีมือดีขนาดนี้ ที่จริงควรสร้างชื่อให้ค่ายมากกว่านี้นะครับ" สมุทรพูด  คำพูดเหมือนต้องการรู้เหตุผลแต่ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว  ผมเงียบ  เลือกที่จะไม่อธิบายเหตุผลใด ๆ 

"ได้ข่าวว่าคุณว่าผมกั๊ก คุณรู้อะไรไหม.." สมุทรหันมามองผมยิ้ม ๆ

"คุณก็กั๊กเหมือนกัน" สมุทรบอก  ผมฉีกยิ้มมุมปากทันทีที่อีกฝ่ายรู้ทัน 

"กั๊ก ๆ ไว้บ้าง ก็ได้อารมณ์ดี" ผมยิ้ม  ยักไหล่แก้สถานการณ์ไปที  รถยนต์คันหนึ่งขับสวนผ่านมา  ผมมองเข้าไปเห็นผู้หญิงอยู่ในนั้นสี่คน

"หึ ๆ" ผมหัวเราะ  ผู้หญิงที่เพิ่งขับผ่านไปมองมาที่เราสองคนทั้งคันรถ  คงเพราะตอนนี้ผมใส่เพียงกางเกงมวยตัวเดียว  แถมพับขอบกางเกงมวยจนมันสั้นมากอีกด้วย  ผมโบกมือทักทายพวกเธอไป  คนในรถหลุดหัวเราะเช่นกัน

"ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อ" สมุทรว่า  คิ้วขมวดเล็กน้อย

"หุ่นฉันดีสุด ๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ" ผมยิ้มกรุ้มกริ่มตอบคนละเรื่องหน้าด้าน ๆ สมุทรเหสายตาไปอย่างเหนื่อยหน่าย 

"นายเสียอยู่อย่าง.." ผมพูดโต้ง ๆ เรายังคงเดินต่อไปอย่างเนิบช้าไม่รีบร้อน  ลมเย็น ๆ พัดกระบทร่างกายเบาบางมากจนแทบไม่รู้สึก  แสงแดดสาดมาแบบเต็มเหนี่ยว  แต่ทั้งผมและสมุทรยังคงเดินไปคล้ายกับไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ ความใจเย็นช่างอดทนของเขา  ทำให้ผมรู้สึกอยากมอง  ดูเป็นคนหนักเอาเบาสู้อย่างที่พี่ธานเคยว่าเอาไว้

 "นายหลบช้า" ผมพูด  ทิ้งน้ำเสียงลงดื้อ ๆ คิดว่าถึงไม่อธิบายไปเจ้าตัวก็คงเข้าใจถึงความหมายของผม  สมุทรไม่ซ้ำคู่ต่อสู้เมื่อมีโอกาส  จะว่าดีก็ดี  จะว่าไม่ดีก็ใช่  กาดของเขามั่นคงดีแล้ว  เทคนิคที่สมุทรมีก็เปรียบว่ามีฝีมือที่ดีมากแต่เขาค่อนข้างหยั่งเชิงในการชกจนบางทีก็น่ารำคาญลูกตา   

"ทำแบบนั้นเพื่ออะไร.." ผมถามและหยุดยืนนิ่ง

"บางทีการหยั่งเชิงคู่ต่อสู้มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ ยิ่งพออายุมากขึ้น ทุกอย่างจะยิ่งช้าไปหมด" ผมบอก  สมุทรยืนเงียบไม่ยอมมองหน้าผม

"เวทีใหญ่ ๆ มันไม่มีใครมาคอยดูกับนายด้วยหรอกว่านายอ่อนข้อให้มันน่ะ เอาเก็บไปคิดดูแล้วกัน" ผมพูด  น้ำเสียงเรียบ ๆ เพื่อให้เขาได้คิดจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อก่อกวนความคิดของเขา 

"คุณไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอครับ" สมุทรเอ่ย  ครั้งนี้เขายอมมองหน้าผมตรง ๆ 

"เวลาที่เห็นคนอื่นเจ็บเพราะเรา คุณไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ" สมุทรพูด  ผมเงียบ  เหสายตาลงต่ำ

"เคยรู้สึก.." ผมตอบเรียบ ๆ และนี่คือความจริงจากใจ  เราไร้บทสนทนาจนถึงบ้าน  ภาพในอดีตหวนกลับมาให้นึกถึง  ไม่ว่าจะดีหรือร้ายมันแทบย้อนกลับมาหมดเพียงเพราะประโยคเดียวจากคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยในตอนนี้

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 19-03-2016 17:30:36

"อะไร" ผมหันกลับไปถาม  เมื่อถึงหน้าบ้าน  สมุทรกลับหยุดเดินดื้อ ๆ

"เอ่อ พี่ธานไม่อยู่ไม่ใช่เหรอครับ" สมุทรถาม  ผมเลิกคิ้วก่อนพยักหน้าตอบ

"งั้นผมไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านหลังดีกว่า" สมุทรพูด

"อาบห้องฉันนี่แหละ" ผมบอก  เรามองหน้ากันครู่

"ปกติ เวลาจำเป็น..พี่ธานอาบน้ำพร้อมฉันด้วยซ้ำน่ะนะ" ผมอมยิ้ม  ดักทางไว้เรียบร้อย  ความจริงผมกับพี่ธานอาบน้ำด้วยกัน  เห็นกันมาตั้งแต่เด็กยันโตจนไม่รู้สึกอะไรต่อหน้ากันไปแล้ว

"ทำไม.." ผมอมยิ้มมุมปากถาม 

"ผมว่ามันไม่เหมาะหรอกครับ" สมุทรพูด  ผมหัวเราะขึ้นจมูกก่อนเดินกลับเข้าไปหาสมุทร  โดยยืนประชันหน้าเขาตรง ๆ

"นายกลัวอะไรงั้นเหรอ" ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง  ส่งสายตายิ้มกริ่มมอง  สุดท้ายสมุทรก็ยอมเดินตามเข้ามาในบ้าน  ผมแอบฟังอยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะเดินตามขึ้นมาบนบ้านไหม  ซึ่งเสียงฝีเท้าก็ยังคงตามผมมาอยู่ไม่ห่างจนถึงห้องนอน  ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไปแต่หยุดยืนไว้เพื่อให้สมุทรได้เข้าไปก่อน

"เชิญ" ผมพูด  พยายามที่จะไม่ขำอาการของเขา  ตอนนี้จึงกลายเป็นกลั้นอมยิ้มอยู่ตลอดเวลาไปซะงั้น

"ขออนุญาตนะครับ" สมุทรพูด  ไม่รู้บอกใคร  บอกผมหรือบอกห้อง  เมื่อสมุทรเข้าไปในห้องแล้วผมจึงปิดประตูลง  แขกหน้าใหม่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางห้อง  นานพอดูที่ไม่มีคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องนอนของผม  และตอนนี้ผมกำลังรู้สึกตื่นเต้นเล็ก ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก  อีกใจหนึ่งก็สนุกกับการได้เห็นปฏิกิริยาประหม่าและดูระแวงระวังนั่นด้วย

".........." ผมเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัว  เปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบผ้าขนหนูออกมาสองผืน  นำกลับไปยื่นให้สมุทร

"ขอบคุณครับ" เขารับไป

"เดี๋ยวฉันเตรียมเสื้อผ้าให้ เข้าไปอาบก่อนเลย ใช้ได้ตามสบาย" ผมบอก  ชี้มือไปทางห้องน้ำ  สมุทรมองตาม

"ครับ" อีกฝ่ายผงกหัว  เดินเข้าห้องน้ำไป  ผมกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้ง  เปิดตู้เสื้อผ้า  หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนออกมาสามตัว  คิดว่าเสื้อน่าจะใส่ขนาดเดียวกันได้  แต่ไม่แน่ใจว่ากางเกงยีนจะใส่ทรงแบบไหนถึงจะพอดีตัวเขา  เพราะกางเกงแต่ละทรงนั้นเทียบกับหุ่นแล้วไม่เหมือนกันซะทีเดียว 

ระหว่างที่รอผมจึงเดินไปเปิดโทรทัศน์เพื่อทำลายความเงียบ  เดี๋ยวจะยิ่งเกร็งกันไปทั้งคู่  หยิบผ้าขนหนูมาพันตัวพร้อมกับถอดกางเกงมวยและกางเกงในออก  รู้สึกรำคาญจะแย่อยู่แล้ว  ผมเปิดตู้เย็น  หยิบแก้วออกมาวางไว้บนโต๊ะสองใบ  รินนำเปล่าสำหรับผมและคนในห้องน้ำด้วยคนละแก้ว  ป่านนี้อีกฝ่ายคงหิวน้ำแย่แล้วเพราะเพิ่งซ้อมเสร็จ  อีกทั้งเดินตากแดดมาหมาด ๆ แต่ผมคิดว่าเขาไม่กล้าเอ่ยขอมากกว่า 

ผมกดปิดเสียงโทรทัศน์เพื่อตั้งใจฟังเสียงในห้องน้ำ  รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นโรคจิตหื่นกามขึ้นมาตงิด ๆ ผมเอนหลังพิงพนักโซฟายิ้ม ๆ ฟังอย่างสบายใจ  เหลือบมองนาฬิกาเพื่อจับเวลา  ผ่านไปประมาณสิบห้านาที  เสียงในห้องน้ำเงียบไปครู่หนึ่ง  ผมจึงกดเปิดเสียงโทรทัศน์อีกครั้งก่อนที่สมุทรจะเปิดประตูห้องน้ำออกมา  ผมหันหน้าไปมอง  อีกฝ่ายยืนนุ่งผ้าขนหนูหยุดอยู่บนผ้าเช็ดเท้าที่ด้านหน้าห้องน้ำ 

".........." ผมเงียบ  นั่งจ้องสมุทรอยู่อย่างนั้น  อีกฝ่ายที่ถ้าไม่ซื่อจนโง่ก็น่าจะรู้ดีว่าตอนนี้สถานการณ์มันผิดปกติโคตร ๆ แต่ถึงอย่างนั้น  สมุทรกลับจ้องตาผมกลับ  สีหน้ายังคงไม่แสดงทีท่าใด ๆ

"ผมคิดมาสักพักนึงแล้ว.." สมุทรพูดขึ้น  ตาเรายังคบจับจ้องกันและกันด้วยใบหน้าเรียบเฉย

"คุณน่ะ..ชอบผู้ชายเหรอครับ" เขาถามตรง ๆ

"หึ..หึ ๆ ๆ ๆ" ผมก้มหน้า  หลุดหัวเราะในลำคออย่างยั้งไม่อยู่  นี่ถึงกับเก็บเอาไปคิดมาสักพักนึงแล้วเลยเหรอครับ
 
"โทษทีที่ถามตรง ๆ" สมุทรว่า  ผมยิ้มกว้าง  หยุดหัวเราะได้แล้วจึงเหใบหน้าไปอีกทาง  นำลิ้นออกมาดุนเล่นอย่างเคยชิน  สมุทรยังคงยืนเงียบอยู่ที่เดิม

"คิดว่าไงล่ะ" ผมหันกลับไปถาม  ไม่วายที่จะส่งสายตาโลมเลียแกล้งให้อีกฝ่ายสับสนเล่นอีกด้วย  สมุทรยืนเงียบ  เหสายตาลงเหมือนหนีที่จะตอบ  ผมจ้องเขาอยู่อย่างนั้นอยู่พักหนึ่ง  จนสมุทรเงยหน้าขึ้นสบตามองผมอีกครั้ง 

"แต่ว่าคุณ.." อีกฝ่ายพึมพำด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ  ผมอมยิ้มและลุกขึ้นยืน 

"แล้วแต่จะคิด" ผมพูดแทรก

"ฉันหมายถึง นายคิดว่าฉันเป็นแบบไหนฉันก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละ" ผมเบะปากอย่างไม่แคร์ว่าเขาจะคิดว่าผมเป็นเกย์  เป็นผู้ชายที่หลอกฟันทั้งผู้หญิงหรือฟันผู้ชาย  หรือผมเป็นชายแท้ที่ง่าย ๆ มั่วไปเรื่อยยังไงก็แล้วแต่  เพราะความจริงเดียวคือผมได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  ดังนั้น..ผมไม่คิดที่จะอธิบาย  คำตอบที่กระจ่างดีที่สุด  เวลาจะให้คำตอบกับเขาเอง

"งั้นฉันขอถามในคำถามที่ตรง ๆ บ้าง" ผมพูด  มองหน้าอีกฝ่ายกวน ๆ ก้มลงเอื้อมหยิบลูกอมที่วางอยู่ในกล่องลูกอมขึ้นมาสองเม็ด  โยนไปให้สมุทรเม็ดหนึ่ง  อีกฝ่ายรับไว้ได้  ผมแกะเปลือกเม็ดของตัวเองออกแล้วกินเข้าไป

"ถ้าฉันเป็น แล้วไง..รังเกียจ?" ผมถาม  จ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง  สมุทรจ้องกลับ  เราต่างเงียบลองเชิงซึ่งกันและกัน  เขาอมยิ้มมุมปากออกมาให้เห็นนิด ๆ ผมเองก็ทำตามเช่นกัน  แต่ดูเหมือนจะเป็นรอยยิ้มที่คนละความหมายไปสักหน่อย

"จะเกลียดก็ได้นะ" ผมเดินเข้าไปใกล้  กลอกตาเหลือบมองตามร่างกายอีกฝ่ายอย่างจงใจกวน 

"ผมน่ะ.." สมุทรเอ่ย  น้ำเสียงนุ่มทุ้มไม่สะทกสะท้านใด ๆ ผมช้อนตาขึ้นมองยิ้ม ๆ เขาเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเหมือนไม่ยอมให้ผมกระทำอยู่ฝ่ายเดียว  ผมแสยะปากยิ้มทันที ชอบใจจริง ๆ คนแบบนี้น่ะนะ

"รู้สึกไม่สบอารมณ์เวลาที่ได้เห็นรอยยิ้มที่อยู่บนหน้าคุณมากกว่าอะไรที่เคยเจอมาอีกซะอีก คุณคิดว่าผมควรจะรังเกียจอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นรึเปล่าล่ะ" สมุทรย้อนตอบด้วยใบหน้ากวน ๆ ปนให้เห็น  ผมเงียบ  ยังคงอมยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่เหนือคาดอีกแล้ว   

"อีกอย่าง..คุณจะเป็นยังไง ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย อย่ามาทำให้ผมเดือดร้อนก็พอ" เขาพูดส่ง ๆ ไปทีแต่น้ำเสียงทุ้ม ๆ ของเขาไม่ได้ทำให้ประโยคนี้ฟังดูไม่น่าฟังเลยแม้แต่น้อย  สมุทรทำท่าจะเดินไป

"แล้วถ้ามันเกี่ยวล่ะ.." ผมพูดต้อนทันทีที่ได้โอกาส  สมุทรชะงัก  คราวนี้เขาไม่ได้หันกลับมาอีก  ผมยืนมองแผ่นหลังอีกฝ่าย  ความเงียบของเราทำให้ผมรับรู้ถึงเสียงลูกอมที่ถูกผมคบกัดอยู่ในปากอย่างชัดเจน  ผมเดินเข้าไปประกบอยู่ที่ด้านหลังสมุทร  ใกล้มากจนตัวแทบจะแนบชิดกันแต่อีกฝ่ายกลับไม่เดินหนีอย่างที่ควรแต่อย่างใด 

"รู้สึกอยากทำให้เดือดร้อนขึ้นมาเลยแฮะ" ผมเข้าไปกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยเล่ห์นัย  ริมฝีปากอยู่ใกล้ใบหูอีกฝ่ายเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น  ด้วยเพราะอีกฝ่ายที่สูงกว่าผม  จึงทำให้ปากของผมอยู่ระหว่างซอกคอและหูของเขาพอดิบพอดี     

"กางเกง..สามตัว บนโซฟา ตัวไหนใส่ได้ก็ลองดูแล้วกัน" ผมพูดยิ้ม ๆ อีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ขยับสักนิดและไม่ขานตอบใด ๆ

"I wanna know what turns you on. Tell me what I gotta do to please you~~" ผมเอ่ยปากร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำมา  เสียงร้องอย่างหยอกล้อฝ่ายตรงข้ามให้คิดมากเล่น  ก็นะ..ครั้งแรกที่ร้องเพลงในรอบปีเลยละมั้ง 

"แม่ง" ผมก้มหัวบ่น  เท้าแขนลงที่หน้ากระจกห้องน้ำ  เห็นสภาพหน้าตัวเองยิ้มผ่านกระจกแล้ว ประหลาดตาฉิบเป๋ง


- - - - - - - - - - - - - - -


15:30 น. T-Racer International

"ไอ้โปรดอยู่ไหน" ผมถามช่างเครื่อง  เห็นพี่ธานบอกว่าวันนี้ไอ้โปรดจะเข้ามาด้วย  แต่เดินไปหาที่ห้องทำงานกลับไม่เจอ  ที่อัฒจันทร์ก็ไม่พบใคร  ผมเลยเดินมาที่ Pit  วันนี้เป็นวันอุ่นเครื่องของการแข่งขัน Grand Moto ซึ่งเป็นสำหรับรถยนต์ทางเรียบ BT 300 และ BT 500  ซึ่งการซ้อมวันนี้ปิดสนามเฉพาะนักแข่งรถของไทย  เป็นวันที่ไม่เปิดให้คนภายนอกเข้ามาดู  ดังนั้นวันนี้จึงไม่คึกคักเท่าไหร่นัก  มีแต่ทีมงานและนักแข่งเท่านั้น

"เอ่อ..อยู่นั่นครับ" ช่างเครื่องตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก  ผมมองตามือที่เขาชี้ไป  เห็นไอ้โปรดใส่ Racing Suit อยู่  ผมแปลกใจ  รีบจ้ำเข้าไปหา

"อ่าว มาแล้วเหรอ" ไอ้โปรดยิ้มทัก  มันเหลือบมองไปทางสมุทรและยิ้มกว้าง

"หวัดดีครับ" ไอ้โปรดทัก  พี่ธานเดินที่กำลังทำงานอยู่หันมาเห็นจึงเดินเข้ามาหา

"สวัดดีครับ" สมุทรผงกหัวยิ้มทักทายตอบ

"ทำไร นี่มึงใส่ชุดนี้ทำไม" ผมถามมัน  ไอ้โปรดกรอกสายตาไปทางอื่น  สายตาแบบที่มันชอบทำเวลาที่มันดื้อกับผม
 
"อะไร.." ผมซักเสียงห้วน  คิ้วขมวดชนกันทันที

"ก็ว่าจะลองขับกับสตีเฟ่นดูน่ะ" ไอ้โปรดยิ้มตอบ  คำตอบเหมือนตอบส่ง ๆ ไปที

"นี่มึงเพิ่งบินมาวันไหน" ผมถามอย่างเป็นห่วง

"ก็.. เมื่อเช้า" มันตอบเสียงเบาไม่มองหน้า

"ไปเปลี่ยนชุด" ผมสั่ง  ไอ้โปรดยืนเงียบ  มันนิ่งเงียบไปด้วยท่าทางที่ผมรู้ทันทีว่าคงมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แน่ ๆ ผมหันไปมองหน้าพี่ธานเพื่อขอคำอธิบาย 

"ชุดมันถอดยาก" ไอ้โปรดปัด  ทำท่าจะเดินหนีไป

"กูไม่ให้มึงขับ รถลงแข่งไม่ใช่ของเล่นสนุกของมึงนะ" ผมดึงแขนมันไว้  มองขวางอย่างหงุดหงิด  ไอ้โปรดไม่ตอบ  มันเงียบขรึมกว่าทุกที  อีกทั้งไม่ยอมมองหน้าผมเลย 

"มีอะไรวะ" ผมขมวดคิ้วถาม

"เพื่อนสนิทของไอ้กริด ที่ลง BT 300 มัน.." พี่ธานพูด

"พี่ธาน" ไอ้โปรดขึ้นเสียงปรามพี่ธานที่พยายามจะอธิบาย

"มันทำไม" ผมถาม  พี่ธานกับไอ้โปรดไม่ยอมตอบอีก

"มึงไม่ไว้ใจฝีมือกูเหรอ" ไอ้โปรดยิ้มแก้สถานการณ์  เวลาที่มันชอบเปลี่ยนเรื่องทีไร  มันชอบทำหน้าแบบนี้ทุกที

"มันเกี่ยวกันไหมวะโปรด กูสนแค่ว่าร่างกายมึงไม่พร้อม" ผมย้ำเตือนมัน   

"กูไม่ง่วงหรอกน่า แล้วนี่ก็แค่ซ้อมเอง ขำ ๆ ซีเรียสห่าไรนักหนาวะ" ไอ้โปรดปัด  มันดึงแขนออกจากมือผมอย่างแรงก่อนจะเดินหนีไปที่รถ  ผมถอนหายใจ  เท้าเอวยืนมองเพื่อนตัวเองที่ทำตัวดื้อด้านอีกแล้ว 

"Hi Fai!" สตีเฟ่นเดินยิ้มเข้ามา  ผมพยักหน้าตอบก่อนที่มันจะเดินไปหาไอ้โปรดที่รถ  ปกติแล้วการลงแข่ง BT 500 สตีเฟ่นจะลงคู่กับไอ้เต๋อ  ซึ่งลงในนามของรถยนต์ของ MZT และยังเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับสนามแข่งของเราด้วย

"เกิดอะไรขึ้น" ผมถามพี่ธาน

"ไอ้กริดมาน่ะครับ คุณไฟจำนักแข่งหน้าใหม่ที่ชื่อดอยได้รึเปล่า ชนะทางเรียบเมื่อปลายปีก่อน มันเป็นเพื่อนสนิทของไอ้กริด ผมก็เพิ่งทราบ" พี่ธานตอบ  ผมอ้าปากพยักหน้าช้า ๆ ข่าวใหม่อีกแล้ว

"แล้วไง มันอยู่นี่..วันนี้" ผมพูด

"ครับ Pit ของ WXT" พี่ธานตอบ  ผมยืนนิ่ง  ถอนหายใจออกมาอย่างยาว

"แล้วไอ้โปรดก็เต้นไปตามน้ำมัน" ผมวิเคราะห์เรื่องได้ไม่ยาก 

"หึ.." พี่ธานหัวเราะเสียไม่ได้

"พอดีว่า ดูเหมือนเพื่อนรักของคุณ จะยังไม่ยอมอนุญาตให้ใครที่ไม่สนิทใจด้วยเรียกเขาว่าเกย์น่ะ" พี่ธานพูดแกมบ่น 

"คนในทีมของมันพูดเรื่องคุณโปรดเป็นเกย์กันสนุกปาก แล้ว..คุณเขาก็ดันไปได้ยินเข้าพอดี ไอ้กริดมันก็เสนอหน้าเข้ามาขอโทษแทนลูกน้องมัน แล้วก็ถามว่า..ขาคุณโปรดยังแตะเบรกได้อยู่รึเปล่า" พี่ธานเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ผมนำมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเซ็ง ๆ ประสาทจะเสีย  ดูเหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเข้าให้อีกแล้ว 

"แล้วพี่ทำไมไม่ห้ามมัน" ผมว่า

"ผมห้ามแล้วครับ คุณก็รู้ว่าเพื่อนคุณดื้อยิ่งกว่าสัตว์ป่าซะอีก ไม่เชื่องเอาซะเลย" พี่ธานบ่นเซ็ง ๆ

"หึ" ผมหัวเราะ  รู้สึกชอบใจกับคำเปรียบของพี่ธานซะอย่างนั้น  ผมตัดสินใจเดินไปหาไอ้โปรดที่รถ  มันขึ้นรถเตรียมตัวพร้อมออกเรียบร้อยแล้ว 

"ทำไมมึงถึงชอบสร้างเรื่อง" ผมก้มหน้าลงไปหาเพื่อให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับอีกฝ่าย

"พี่ธานปากมากอีกตามเคยสินะ" มันว่า  น้ำเสียงห้วน ๆ คล้ายรำคาญ  ผมจ้องมันเขม็ง  ไม่ชอบที่มันว่าพี่ธานด้วยคำพูดและน้ำเสียงแบบนี้  เตือนหลายครั้งแล้วแต่กลับเลิกได้นาน ๆ ที

"นั่นศัตรูของมึงนะ มึงต้องรับผิดชอบสิที่มันดันมาเขม่นกูด้วย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่กูต้องมาถูกใครนินทาว่าเป็นเกย์แท้ ๆ" ไอ้โปรดพูดลอยหน้าลอยตา 

"ก็มึงเป็นเกย์" ผมพูดว่ามัน

"ช่ายครับ คุณไฟ" ไอ้โปรดแสยะยิ้มย้ำเสียง  แต่สายตากลับไม่ได้ยิ้มด้วย

"แต่กูไม่อนุญาตให้มันเรียกแบบนั้น นอกจากมันจะอ้าตูดให้กูยัดสักทีน่ะนะ" มันย้อน

"........." ผมเงียบ  ไอ้โปรดก็เช่นกัน  ต่างฝ่ายต่างจ้องกันเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร  เสียงรถแข่งจากโรงรถของ WXT ขับผ่านหน้าผมกับไอ้โปรดออกไปแล้ว  เมื่อเหลือบมองผ่านกระจกรถไปอีกฟากหนึ่ง  ผมเห็นไอ้กริดยืนอยู่ที่โรงรถของ WXT กับเพื่อน ๆ ของมัน  ซึ่งพวกมันเองก็เห็นผมแล้วด้วยเช่นกัน

"มึงไม่ใช่นักแข่งไอ้โปรด มึงเป็นสจ๊วต" ผมถอนหายใจ  ย้ำถึงสภาพร่างกายของมันในตอนนี้  อย่างไรนักแข่งที่เป็นมืออาชีพก็มีร่างกายที่พร้อมกับการแข่งขันเสมออยู่แล้ว  อีกทั้งไอ้โปรดเพิ่งเสร็จจากงานมา  ผมคิดว่าร่างกายของมันไม่พร้อม  โดยปกติแล้วการแข่งขันสนามใหญ่แบบนี้จะใช้เวลาในการแข่งขันถึงสามชั่วโมงกว่า ๆ และถึงแม้ว่านี่จะเป็นการลองสนามเท่านั้น  นักแข่งสามารถหยุดพักเมื่อไหร่ก็ได้แต่ผมคิดว่าการที่ไอ้โปรดถึงกับลงไปขับเองแบบนี้  มันคงไม่ได้ต้องการแค่ลองสนามเล่น ๆ อย่างที่ปากมันว่าแน่  และผมไม่ต้องการให้มันไปก่อกวนคนอื่นในสิ่งที่จะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ

"ใช่..กูเป็นสจ๊วต แล้วกูก็เป็นเกย์ด้วย อ้อ..เป็นเกย์ที่รุกก็ได้ แต่รับทีก็ครางเป็นหมาตัวเมียเลย ที่สำคัญเสือกเอาผู้หญิงก็ได้ด้วย พอใจมึงรึยังล่ะ" มันย้อนว่าด้วยน้ำเสียงประชดประชัน  ผมรู้ดีว่ามันกำลังไม่พอใจผมด้วยอีกคน

"และมึงก็เป็นเพื่อนกู" ผมพูดเสียงเข้มตัดบททุกอย่าง  ไม่มีอารมณ์จะมาเถียงเอาชนะในตอนนี้  ไอ้โปรดเงียบไป  มันเหสายตาหนีอีกครั้ง

"เป็นคนที่กูเสือกยอมให้เอารถของทีมไปปู้ยี้ปู้ยำ" ผมประชดกลับบ้าง

"กูจะให้คนลากมึงออกมาตอนนี้เลยก็ได้" ผมพูดขู่  ย้ำสถานะจริงของมันด้วย

"กูถือหุ้นสนามนี้เท่ามึง" ไอ้โปรดเรียกร้องสิทธิ์บ้างทั้งที่ไม่ยอมสบตาผม

"มึงคิดว่าพวกมันจะฟังกู หรือฟังมึงดีล่ะ" ผมพูดแกมหัวเราะ  ไอ้โปรดมองค้อนใส่ทันที 

"อย่าให้มันเกินเลย" ผมพูดเตือน  ไอ้โปรดเบนหน้าไปอีกทางและไม่ยอมรับปากอีก

"โปรด" ผมย้ำเรียก

"คร้าบ ๆ กระผมทราบแล้ว" ไอ้โปรดหันมายิ้มตอบ  ผมส่ายหัวพร้อมกับเดินเฉียงห่างออกมาจากตัวรถ  ไอ้โปรดขับรถออกจากโรงรถไปทันที  เหลือบมองไปทากฝั่งของ WXT ไอ้กริดและเพื่อนที่อยู่ที่นั่นยืนจ้องมองมาทางผมอยู่  มันแสยะยิ้มพร้อมผงกหัวให้ผมเล็ก ๆ อย่างทักทาย  ผมไม่ได้แสดงสีหน้าแบบใดตอบแต่เลือกที่จะเดินกลับเข้าไปหาพี่ธาน

"เรียบร้อยนะครับ" พี่ธานถาม

"หวังว่านะ" ผมพยักหน้าส่ง ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 17 [ 16:35 น. - 28 ก.พ 59 หน้า 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 19-03-2016 17:33:57

"ไอ้ธาน!" ผมหันไป  เห็นพี่สนวิ่งตาลีตาเหลือกมา

"ที่ขับออกไปไม่ใช่ไอ้เฟ่นนี่! นั่นมันไอ้โปรด!!" พี่สนชี้มือไปที่สนามและมองผมกับพี่ธานตาโต  พี่ธานพยักหน้าแทนคำตอบ

"ไออยู่นี่" สตีเฟ่นยกมือขึ้นเรียกสติพี่เขา

"ไอ้เวรเอ๊ย! มึงเป็นนักแข่งแล้วทำไมมึงไม่ไปอยู่ที่รถ!" พี่สนด่าเสียงดังลั่น  สตีเฟ่นยิ้มเจื่อน

"แล้วมึงปล่อยให้มันไปขับทำไม นั่นไม่ใช่ถนนเด็กเล่นนะ" พี่สนที่รักน้องชายตัวเองมาก  รู้สึกเหมือนสติจะหลุดไปแล้ว  พี่ธานกลอกตาพร้อมถอนหายใจด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย  ผมอมยิ้มไม่ทักอะไร  ปล่อยให้พี่แกสองคนเคลียร์กันเอง

"น้องมึง มึงก็ไปห้ามเองสิ" พี่ธานที่ดูจะเบื่อกับนิสัยส่วนตัวของไอ้โปรดมากที่สุดพูดว่าอย่างไม่ใยดี  ผมหัวเราะที่เห็นพี่สนขมวดคิ้วเป็นปม  พี่ธานกับไอ้โปรดเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร  คงเพราะปากของทั้งคู่ที่ดูจะสูสีกันและเพราะพี่ธานเป็นคนแบบนี้  ส่วนไอ้โปรดก็เป็นคนนิสัยอย่างที่เห็น  ทั้งสองคนก็เลยสุดขั้วกันไปคนละทาง

"กูเบื่อมันมาก!" พี่สนยืนเท้าเอวกระแทกเสียงบ่นถึงไอ้โปรดไล่หลัง  พี่ธานส่ายหัวด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ เดินไปที่จอมอนิเตอร์  สมุทรมองสำรวจไปรอบ ๆ สีหน้าดูอยากรู้อยากเห็นอะไรแปลกใหม่ 

"งั้นกูไปที่ห้อง Race Control ก่อนแล้วกัน เผื่อมีอะไร" พี่สนบอก

"ครับ" ผมพยักหน้า  พี่สนเหลือบมามองสมุทร  สมุทรผงกหัวทักทายยิ้ม ๆ ทันที

"นี่สมุทร ลูกน้องผมเอง ส่วนนี่พี่สน ลูกพี่ลูกน้องของไอ้โปรด" ผมแนะนำ 

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ" สมุทรอมยิ้ม

"ครับ" พี่สนผงกหัวยิ้มรับก่อนเดินไป  เสียงรถในสนามแข่งค่อนข้างดังมาก  ถึงแม้ว่าจะมีรถที่มาฝึกแค่สามทีมเท่านั้นแต่เสียงของเครื่องยนต์ยังดังระงมให้ปวดหูเล่นอยู่เนือง ๆ สำหรับผมถือว่าธรรมดาเพราะได้ยินจนชินแล้วแต่สำหรับคนใหม่ ๆ อาจจะแสบแก้วหูอยู่สักหน่อย 

"คุณโปรดเขาเคยแข่งรถมาก่อนเหรอครับ" สมุทรถาม

"อือ นานแล้ว..สมัยเลือดร้อน" ผมเบะปากตอบส่ง ๆ อีกฝ่ายอมยิ้ม

"แล้วคุณล่ะ.."

"ผมเห็นถ้วยรางวัลในห้อง" สมุทรขยายความ  ผมหัวเราะเบา ๆ

"ก็สมัยเลือดร้อนเหมือนกันละมั้ง" ผมตอบยิ้ม ๆ

"ตอนนั้นก็แค่อยากลองอะไรใหม่ ๆ ตามประสาวัยรุ่น พอได้รางวัลพอไม่ให้เสียเวลาฝึกก็เพลา ๆ ลงบ้าง" ผมเล่า  สมุทรรับฟังอย่างตั้งใจ

"รถยนต์เหรอครับ.." เขาซักถามอีก  ครั้งนี้ดูจะเป็นฝ่ายถามเยอะกว่าทุกครั้ง

"อือ รถยนต์ได้รางวัลมาแค่สองสนาม ส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซค์ ฉันชอบมอเตอร์ไซค์มากกว่า รู้สึกเหมือน เอ่อ..เป็นผีเสื้อน่ะ" ผมเบะปากพลางยักคิ้วกวนบอก  สมุทรยิ้มกว้างออกมา

"หึ..ผีเสื้อตายเร็วนะครับ" สมุทรพูด

"หึ ๆ นั่นสินะ" ผมเห็นด้วย

"งั้น ..เป็นนกอินทรีย์แทนแล้วกัน" ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์มอง 

"อันนั้นก็นานไปไหมครับ สำหรับคนอย่างคุณน่ะ" สมุทรอมยิ้มกะล่อนตอบกลับเช่นกัน  ผมมองไม่วางตา  แม่งเอ๊ย..ใจกูเต้นแรงเกินไปแล้ว!

"ที่ฝึกวันนี้เป็นการแข่งของอะไรเหรอครับ ใช่ Super BT รึเปล่า ผมเห็นนักแข่งคนไทยด้วย" สมุทรเปลี่ยนเรื่องทันควัน

"ใช่ ฤดูกาลนี้จะจัดแข่งที่ไทยด้วย เป็นสนามที่ห้า มีทีมสปอนเซอร์จากประเทศไทยสามราย ของ WXT..ทีม Dream แล้วก็ MAX ที่เป็นสปอนเซอร์หลักให้กับสนามเรา" ผมตอบ  หันไปมองตามรถของไอ้โปรดที่เพิ่งขับผ่านหน้าผมไปเป็นรอบที่สอง  เสียงดังกังวานผ่านไปอย่างรวดเร็วและตามติดมาด้วยรถจาก WXT และทีม Dream อีกสองคัน 

"คุณไม่ถูกกับ WXT เหรอ"

"หึ ตาไวดีนี่" ผมชมและเลือกที่จะไม่ตอบเพื่อให้เขาไปตีความด้วยตนเอง  ผมเดินตรงไปที่จอมอนิเตอร์ที่พี่ธานและทีมงานกำลังดูภาพสนามโดยรวมอยู่  เรายืนเงียบมองจอจนรถของไอ้โปรดขับผ่านหน้าไปอีกครั้ง 

"ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับ ว่าผมเบื่อพฤติกรรมแย่ ๆ ของเพื่อนคุณที่ชอบเอามาใช้ในสนามที่สุด และวันนี้..ผมก็ยังยืนยันคำเดิม ขอโทษด้วยครับที่ผมอดพูดไม่ได้" พี่ธานพูดเสียงเรียบแต่สายตาข่มอารมณ์อยู่น่าดู 

"นิสัย ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ!" พี่ธานส่ายหัวหน้าเครียด  น้ำเสียงสบถติดปลายเสียงนิด ๆ ผมอมยิ้มมุมปาก  นาน ๆ ครั้งจะได้ยินพี่ธานพูดบ่นจากใจ  ตาขอพี่เขายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอไม่วางตา  ผ่านไปประมาณห้านาทีทุกอย่างยังคงเป็นปกติ 

"พี่ธานดูโกรธนะครับ" สมุทรพูดคล้ายแปลกใจที่ได้เห็น  ผมอมยิ้ม  ยืนกอดออกมอง  การขับของไอ้โปรดเริ่มผิดเพี้ยนมากขึ้น  มันจงใจกวนคนบนสนามพอดู  เพียงแค่ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าบนสนามในตอนนี้เริ่มจะไม่ใช่แค่การฝึกอย่างปกติเท่านั้น  ในช่วงจังหวะที่ไอ้โปรดสามารถแซงได้แต่มันกลับไม่แซงทันที 
 
"โค้งที่สามเมื่อกี้ไอ้โปรดความเร็วเท่าไหร่" ผมเดินเข้าไปใกล้พี่ธาน

"สองร้อยยี่สิบครับ" พี่ธานตอบ  สิ้นเสียงตอบจากพี่เขา  รถแข่งคันของไอ้โปรดก็เร่งความเร็วในโค้งที่สี่ทิ้งช่วงคันอื่น ๆ ไปอย่างรวดเร็ว  ความเร็วไม่เพียงแค่คงที่แต่มันกลับเร่งให้แรงมากขึ้นทั้งที่ตัวมันก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าโค้งนั้นเป็นหนึ่งในโค้งที่อันตรายของสนามเรา  ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นโค้งที่สามารถทำคะแนนได้ดีถ้านักแข่งควบคุมผ่านไปได้ 

ผมกัดฟันแน่น  จับจ้องลุ้นมองไม่วางตา  เพื่อนผมคนนี้มันใจกล้าในเวลาที่ไม่สมควรนำออกมาใช้เสมอ  ทีมงานทุกคนมองจอมอนิเตอร์กันเป็นหนึ่งเดียว  รถแข่งคันของไอ้ดอยพยายามที่จะแซงคู่แต่ด้วยเพราะความเร็วของไอ้โปรดที่ไม่มีเบาลงเลยสักนิด  จึงทำให้มันแซงไปไม่พ้น

"ฟังอยู่" พี่ธานพูดใส่ไมโครโฟน  ผมหันไปมอง  พี่ธานนำมือกดหูฟังเอาไว้คงเพราะได้ยินไม่ถนัด  พี่ธานเป็นหนึ่งในทีมงานส่วนของโรงรถในตำแหน่ง Team Director จึงเป็นหนึ่งในผู้สั่งงานด้วย

"กูเห็นแล้ว" พี่ธานตอบ  พูดมึงกูแบบนี้คนที่อยู่ปลายทางคงเป็นพี่สนเพียงคนเดียว  เพราะในสนามแข่งพี่ธานไม่พูดมึงกูกับใครนอกจากพี่สน

"กูว่าวันนี้เราคงได้ใช้หน่วยกู้ภัย เพราะนิสัยเดิม ๆ ที่ไม่เคยพัฒนาของน้องมึง" พี่ธานว่านิ่ง ๆ ผมฉีกยิ้มอย่างอดไม่ได้

"สองร้อยเก้าสิบ สามร้อยแล้วพี่ธาน" ทีมงานพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าไอ้โปรดและไอ้ดอยเร่งเครื่องสูงสีกันในทางตรง  รถของไอ้โปรดอยู่นำกว่าเล็กน้อยเท่านั้น  ห่างกันเพียง 5 วินาทีทิ้งท้าย 

"ไอ้นี่มันยังเจ๋งอยู่เหมือนกันแฮะ" ผมอดชมเพื่อนตัวดีไม่ได้  ผมไม่ได้เห็นไอ้โปรดขับรถด้วยความเร็วขนาดนี้มานานแล้ว  พี่ธานเองก็อมยิ้มนิด ๆ ดูเหมือนจะปฏิเสธไม่ลง

"เฮย" พี่ธานอุทานเบา ๆ ในลำคอ  รถของไอ้ดอยกระแทกเข้ากับรถของไอ้โปรดเพราะเสียการทรงตัว  แม้การเสียดสีจะไม่แรงนักแต่ทำให้รถของไอ้โปรดที่มีความเร็วขนาดนั้นเขวได้เหมือนกัน  ความเร็วในระดับนี้สามารถควบคุมรถได้ยากมาก  ผมจับจ้องมองจอไม่วางตา  สถานการณ์ชักไม่โอเค  ถ้าผ่านโค้งที่เจ็ดไปได้คงจะไม่มีอะไรน่ากลัวเกิดขึ้น  เนื่องจากโค้งนั้นเป็นโค้งที่อันตรายมากที่สุดของสนามเรา  รถแข่งของทีม Dream เบาความเร็วลงเมื่อสองคันข้างหน้าไม่มีแม้แต่การชะลอ  ดูออกเลยว่าไม่มีใครยอมใคร 

ผมดุนลิ้น  ส่ายหัวสบถคนเดียว  หยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าพลางแกะเปลือกและอมเข้าไปเพื่อให้ผ่อนคลายลงบ้าง  เสียงรถในสนามยังคงดังอย่างต่อเนื่อง  โทนเสียงของคันเร่งยังคงอยู่ในระดับเดิม

"ไอ้ห่าเอ๊ย!" ผมกัดฟันสบถ  ไอ้โปรดเสือกทำอะไรไม่เข้าท่า  มันนำรถของมันกระแทกใส่คู่ต่อสู้  รถของมันทั้งสองคันประชิดติดเข้าหากันไปตามทาง

"เบาคันเร่งเดี๋ยวนี้ ..เบา เดี๋ยวนี้" พี่ธานพึมพำหน้าเครียด  ก้มตัวลงเท้าแขนลงไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ใกล้มากขึ้น 

"เวรเอ๊ย" พี่ธานหลุดสบถออกมา  ผมคว้ากล้องส่องทางไกลที่วางอยู่บนโต๊ะของทีมงานขึ้นมาส่องดูหลังจากที่เห็นว่ารถคันของไอ้โปรดถูกเบียดจนแทบตกขอบสนาม  ทันทีนั้นไอ้โปรดเร่งคันเร่งขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้รถของมันผละออกจากตัวรถของไอ้ดอยและแซงออกมาได้

"มีควันออกมาจากตัวเครื่อง" ผมพูด  ตาส่องเห็นควันลอยออกมาจากตัวถังด้านหน้ารถคันของไอ้โปรด

"ไอ้สน เตรียมหน่วยกู้ภัย" พี่ธานสั่งปลายทางที่อยู่ในห้อง Race Control ที่น่าจะเห็นทุกอย่างก่อนพวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้  และครั้งนี้น้ำเสียงไม่ใช่เพียงการพูดหยอกเล่นอีกแล้ว

"หยุดรถสักทีสิวะไอ้เหี้ยโปรด" ผมสบถอย่างนึกหงุดหงิดที่มันไม่แม้แต่จะเบรกหรือชะลอความเร็วลงเลย  ทั้งที่มันต้องรู้อยู่แล้วว่ารถของมันไม่ปกติแล้ว  ไอ้โปรดผ่านหน้าพวกเราไปอีกครั้ง



ตึง!!!!   ..เสียงรถของไอ้ดอยและไอ้โปรดกระแทกกันอีกครั้งเมื่อต่างฝ่ายต่างจะแย่งกันเข้าโค้ง  รถแข่งจากทีม Dream กลับเข้ามาจอดใน Pit ทันทีเพื่อความปลอดภัย 

เอี๊ยด!!!   ..เสียงล้อเบียดกับถนนดังลั่น  ทั้งเสียงเบรก  เสียงเครื่องยนต์ดังไปทั่วสนาม  รถคันของไอ้โปรดเสียหลักในการเข้าโค้งจนปัดไปไม่เป็นท่า  ทำให้รถคันของไอ้ดอยที่ขับตามมาติด ๆ เบรกไม่ทันถึงกับชนเข้าที่ท้ายรถของไอ้โปรดอย่างจังและกระเด็นไปอีกทาง  รถของมันทั้งสองคันลากยาวไปด้วยความเร็วที่ยังไม่หยุดนิ่งจนออกไปนอกสนามแข่ง 

"สั่งปิดสนามวันนี้ ยกเลิกทั้งหมด ปิดปากนักข่าวที่มาเก็บภาพวันนี้ด้วย" ผมสั่งทีมงานที่นั่งอยู่

"ครับ" พนักงานที่เป็นลูกน้องของพี่ธานผงกหัวรับทราบและรีบลุกออกไป  ผมส่องกล้องดูอีกครั้ง  เสียงไซเรนรถหน่วยกูภัยดังขึ้นแว่ว ๆ อีกฟากหนึ่งของสนาม  ไอ้โปรดยังไม่ยอมโผล่หัวออกมาจากรถเสียทีจนผมชักเริ่มใจไม่ดี 

"เอากุญแจรถมา" ผมบอกพี่ธาน  อีกฝ่ายเองก็ขมวดคิ้วหน้าเครียดไม่แพ้กัน  ผมโยนกล้องลงบนโต๊ะและรีบขับมอเตอร์ไซค์ของพี่สนที่จอดอยู่ในโรงรถออกจากสนาม  ขับตรงไปหาไอ้โปรดทันที  ควันรถลอยเด่นชัดออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด  ผมเห็นไอ้ดอยลงออกมาจากรถได้แล้วและมันดูปกติดี 

"ไอ้โปรด" ผมเรียก  เข้าไปเปิดประตูรถออก  รถหน่วยกู้ภัยกำลังขับเข้ามาพอดี 

"ไอ้เหี้ย มึงนั่งรอเผาพ่อมึงรึไง" ผมด่าเพราะเห็นว่ามันไม่ได้หมดสติ  ไอ้โปรดหน้าเสียมองผม

"ไฟ..กูแกะเข็มขัดไม่ออก" มันบอกอย่างกังวล  ผมตกใจ  รีบก้มลงเข้าไปดูเข็มขัดนิรภัยให้  มือของไอ้โปรดก็พยายามแกะเข็มขัดอยู่ไม่หยุด  ผมกับมันเงยหน้าขึ้นมองไอ้ดอยที่ยืนมองมาทางพวกเราอยู่ไกล ๆ
 
"ระยำ!!!" ไอ้โปรดตะโกนด่าเสียงดังลั่น  หน้ามันแดง  มือทุบพวงมาลัยด้วยความโกรธ 

"สัตว์โปรด อยู่นิ่ง ๆ สิวะ" ผมว่ามันเพราะผมก็แกะให้มันไม่ออกสักที

"ระยำ.. ระยำ ๆ ๆ ๆ!!!" ไอ้โปรดกัดฟันพึมพำด่าลากเสียงยาวจนสุดท้ายก็กระแทกเสียงดังลั่นรถ  มือมันสั่นชัดเจนมากจนผมต้องจับมือของมันออก 

"เอาเครื่องมือมา! แกะเข็มขัดไม่ออก" ผมรีบออกไปบอกหน่วยกู้ภัยและถอยห่างออกมาให้พวกเขาทำงานได้ถนัด  หน่วยกู้ภัยสองสามคนรีบนำอุปกรณ์มาตัดเข็มขัดออกให้ทันท่วงที  ควันรถไหม้ไม่หยุด  ผมเข้าไปช้อนตัวไอ้โปรดให้รีบถอยห่างออกมาเพื่อความปลอดภัย  พนักงานรีบฉีดน้ำดับไฟก่อนที่มันจะไหม้และอาจเกิดระเบิดขึ้นได้  ไอ้โปรดหันไปมองหน้าไอ้ดอยอีกครั้ง
 
"กูเจ๋งปะล่ะ มึงดูหน้ามันสิ" ไอ้โปรดพูด  ทั้งที่น้ำเสียงฟังดูไม่มีแรง

"รอบหน้า กูจะเอาให้มันแดดิ้นต่อหน้ากูเลย" มันกัดฟันสบถ

"เพิ่งขับไปแค่ไม่กี่รอบ..สภาพมึงยังเป็นขนาดนี้ มึงหยุดปากดีสักทีเถอะ" ผมว่าด้วยสีหน้าจริงจังเพราะรอบนี้ผมไม่ตลกด้วยแล้วจริง ๆ

"ทำไมมึงถึงชอบเข้าข้างคนอื่นเวลาที่คนอื่นเขาทำร้ายกูก่อนวะ" มันบ่นทันที  น้ำเสียงไม่พอใจผม  ผมดึงตัวมันเพื่อพามันไปที่รถกู้ภัย 

"เพราะมึงชอบทำอะไรไม่เข้าท่า" ผมว่า  หยิบขวดน้ำที่หน่วยกู้ภัยยื่นมาให้นำไปให้มัน  ไอ้โปรดรับไปดื่มอย่างหงุดหงิดและยื่นขวดกลับมา

"คนอื่นเดือดร้อน มึงเดือดร้อน กูเดือดร้อน มึงไปขับแข่งกับมันทำไม" ผมบ่นด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดอะไรทำนองนี้ขึ้นระหว่างผมและมัน

"แล้วรถคันนี้เป็นรถเตรียมลงแข่งอีกไม่กี่วันนี้แล้ว" ผมชี้หน้าคาดโทษมัน

"ไอ้เหี้ย! เข็มขัดแกะออกไม่ได้ ตัวเครื่องมีปัญหา มึงว่ามันปกติรึไง!" ไอ้โปรดย้อนว่าอย่างไม่ยอมลง

"มึงหุบปากเลยไอ้โปรด! นี่มันคนละปัญหากัน" ผมกระแทกเสียงว่ากลับ  มันถึงเงียบลงไปได้  ผมเข้าไปกระชากเอวมันเข้ามาช่วยพยุงไว้  เพราะรู้ว่ามันจะหมดแรงแล้วแต่เสือกทำปากดีไปอย่างนั้นเอง

"ถ้าไม่ใช่กูวันนี้ วันแข่งไอ้เฟ่นถูกเผาตายคารถไปแล้ว" มันบ่นงึมงำจะเอาชนะผมให้ได้  ผมถอนหายใจ  พยายามไม่เหวี่ยงอีก  อากาศก็ร้อนมากและไม่อยากเสียอารมณ์ไปมากกว่านี้  ไอ้โปรดเหล่ตามองผมยิ้ม ๆ ทำหน้าทะเล้นไม่ได้รู้สึกผิดขึ้นมาคงเพราะรู้ว่าผมไม่ได้โกรธมันจริงจังอะไร

"รถคันนี้ มึงเตรียมชดใช้ได้เลย งานที่ต้องยกเลิกปิดสนามวันนี้ด้วย พี่สนไม่เอามึงไว้แน่" ผมเรียกสติให้

"หึ ๆ" ไอ้โปรดหัวเราะชอบใจอีก

"ปวดหัวฉิบหาย" ผมลูบหัวบ่น ๆ เพราะมันไม่ใช่คนทำงานที่นี่ก็เลยคิดเป็นเรื่องสนุกไปหมด  อย่างนี้เดี๋ยวได้มีสอบสวนทีมงานขึ้นอีก  ยุ่งยากไปหมด

"มีงานให้พี่ธานทำอีกแล้วล่ะ" ไอ้โปรดพูดขึ้น  ผมชะงัก  เหลือบไปมองมัน  ไอ้โปรดยักคิ้วยิ้ม ๆ

"แน่นอนว่ามึงได้ไปเพิ่มเลเวลการเบื่อนิสัยแย่ ๆ ของมึงให้พี่เขาด้วย" ผมว่า

"หึ ๆ ๆ หลังจากที่ไม่ได้ทำมานานอะนะ" ไอ้โปรดหัวเราะตอบ

"ไอ้สัตว์" ผมด่าและก็อดยิ้มกว้างไม่ได้  มันนี่จริง ๆ เลยนะครับ  พูดอีกก็ถูกอีกนั่นละ.. 


..10 ปีก่อน..



...........ไฟ...........
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 19-03-2016 18:30:47
ไฟอ่อยสมุทรแรงมาก5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-03-2016 19:34:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 19-03-2016 19:54:24
อยากรู้ใจสมุทรว่าคิดยังไงกะไฟ
สำหรับไฟไม่ต้องคิดเพราะแทบอยากจะกินสมุทรเหลือเกินละ 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 19-03-2016 20:04:13
นอกจาก มาโซ ขี้อ่อย หน้าด้าน แล้วมีอะไรยิ่งกว่านี้อีกมั้ยอิพี่ Faiiiiiiiiiiiiiii XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-03-2016 20:33:58
อีโปรดนี้บ้าบออะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 19-03-2016 21:20:35
รู้สึกเกลียดโปรดมากตอนนี้ เอาแต่ใจ อวดดีเกิน ไม่ฟังคนอื่น  :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 19-03-2016 21:22:12
ไฟควรไปพบหมอจริงๆ คะ // แต่ถ้าเราเป็นไฟเราก็ใจเต้นแรงนะ

ชอบสมุทรอ่ะ พ่อคูณณณ ทำอะไรก็ถูกใจไปหมด ฮ่า า า ได้เดือนร้อนแน่ๆ สมุทรเอ้ยยย

>/////< อั้ยย  :o8:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 20-03-2016 01:58:14
พออ่านๆดูแล้วนะ โปรดกับไฟนี่เคมีเข้ากันจริงๆอะ แบบพออยู่ด้วยกันแล้วมันคลิก นิดๆ ถถถถถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-03-2016 06:41:49
พี่ไฟ!!!!!!!!

คิดถึงอ่ะ

รอบนี้พี่ไฟเขินแรงนะ สมุทรก็ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม
เมื่อไรจะหวั่นไหวกับพี่ไฟสักทีนะ

ขอบคุณเบบี้จ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 20-03-2016 08:35:42
คุณไฟอาการหนักละนะ
มีใจเต้นแรงด้วยอ่ะ 555555
แล้วสมุทรนี่เมื่อล่ะจะใจเต้นแบบคุณไฟเค้าล่ะ
แต่คิดว่าไม่นาน
เพราะคุณไฟเค้าขยันอ่อยเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 20-03-2016 09:27:54
เย้ๆ คุณไฟกับสมุทรมาแล้ว
สองคนนี้เค้ารู้ทันกันตลอดเนอะ
บี้เราว่านะ เรารู้สึกว่าเราไม่ปกติอ่ะ
เราไม่ปกติแน่ๆที่ชอบความโรคจิตของคุณไฟ
ยิ่งเวลาคุณไฟแกล้งกวนตีนกะอ่อยคน ..โดยเฉพาะแกล้งสมุทรนี่เราโคตรชอบ
สงสัยเราต้องไปพบแพทย์ละล่ะบี้ 55555555555555555

ปล. ตรวจทานให้ด้วยรักจ้ะ จุ้บๆ
"สวัดดีครับ" สมุทรยิ้มทักผมและพี่ธาน  >>   สวัสดี
"สวัดดีครับ" สมุทรผงกหัวยิ้มทักทายตอบ >> สวัสดี
เด่นคงยังจำฝังถึงตอนที่มัน  >>  ฝังใจ ??
เหลือบมองไปทากฝั่งของ WXT   >> ทาง
ตาขอพี่เขายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอไม่วางตา >> ของ
ยืนกอดออกมอง >> กอด อก
เสียงไซเรนรถหน่วยกูภัยดังขึ้นแว่ว  >> กู้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-03-2016 09:46:46
หยอดไปยาวๆ


 :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 20-03-2016 10:23:04
เบบี้หายไปนานมากเลย คิดถึงคุณไฟจะแย่ กะล่อนที่1 มาต่อถี่ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 20-03-2016 15:42:13
เป็นนิยายที่น่าติดตามมากๆ

ไฟน่าร้ากก 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-03-2016 17:35:25
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 20-03-2016 19:00:45
พี่ธานกับโปรดนี่ยังไงน้าาาาาาาาาาาาาา 55555555555555555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-03-2016 21:23:26
อูยยยยย คิดถึง เฮียไฟ มากมาย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 20-03-2016 23:33:04
ดูคุณไฟจะตกหลุมรักสมุทรอย่างจังเลยนะคะ ไม่ว่าจะโมเม้นไหนนางก็ใจเต้นแรงได้ตลอด. ใส่ใจในทุกกระบวนท่า ตั้งแต่ซ้อมมวยด้วยจนกระทั่งฟังเสียงน้ำไหล ดูใส่ใจในรายละเอียด.  :laugh: แต่ก็สัมผัสได้ว่าไฟห่วงใยคนใกล้ตัวเสมอ  :กอด1: ซึ่งน่ารักมาก


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 21-03-2016 01:55:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 21-03-2016 12:00:13
สมุทรนี่ถึงกับทำให้คนอย่างไฟใจเต้นแรงได้นี่ไม่ธรรมดาเลยนะแถมถามก็ซะตรงประเด็นขนาดนั้นอีก

สรุปคู่นี้สมน้ำสมเนื้อ5555

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 21-03-2016 13:41:43
มีหัวจงหัวใจเต้นแรง แหม ๆ เป็นวัยรุ่นเชียวนะคุณไฟ
ว่าแต่พี่ธานกับโปรดนี่จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเฉย ๆ หรือจะมีซัมติงกันภายหลังดีเนี่ยเหมาะกันเกิ๊น :mew3:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 21-03-2016 16:33:41
ยาวมากกกกกก สำหรับเรารอได้ค่ะ แต่ไม่ทิ้งกันไปไหนก็ อันนี้เราว่าคุณเบบี้ก็ไม่เคยทิ้งอยู่แล้วนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-03-2016 11:52:34
ป้าเริ่มเป็นห่วงสมุทรจริงๆจังๆแล้วนะเนี่ย



ไม่รู้ว่าวันใหนคุณไฟแกจะขาดสติปล้ำสมุทร



ดูๆแล้วช่วงนี้คุณไฟแกจะมีโรคหื่นขึ้นตาเป็นโรคประจำตัวนะ



สมุทรก็ระวังตัวใว้หน่อยล่ะ  อย่าคิดว่าตัวเองเก่งเป็นมวยแล้วคุณไฟแกจะทำอะไรไม่ได้นะ



เท่าที่ป้าพิจรณาดูแล้ว คุณไฟแกจะยิ่งฟินมากขึ้นด้วยซ้ำเวลาโดนต่อยโดนกระทืบน่ะ



สงสารพี่ธานจังนอกจากจะต้องคอยรับมือ ลับสมอง  ลับฝีปากของคุณไฟแล้ว



ยังต้องมาคอย รับมือเพื่อนห่วยๆของคุณไฟอีก  ป้าบอกแล้วนะพี่ธาน



ไม่มีใครน่ารักเท่าพายุกับน้องเมฆของป้าอีกแล้วล่ะ



คิดถึงน้องเมฆที่สุด :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-03-2016 12:40:41
ไฟนี่...เฮ้อ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: purpleguy ที่ 22-03-2016 16:19:28
 :oo1: จัดซักดอก 2ดอก รับลองเลยสมุทร ..... :oo1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 22-03-2016 20:20:21
เราเข้าใจโปรดนะ ก็เป็นเด็กดื้อๆคนนึง เป็นคนปกติที่ยังควบคุมความโกรธไม่ได้จากการถูกดูถูกหรือถูกท้าทาย
พี่ไฟต้องสอนวิธีไม่วิ่งไปตามเกมพวกชั่วๆและด่ากลับไปให้มันเจ็บแสบ (เหมือนคราวนั้น) คึคึ
พี่ธานคนดีนานๆทีจะเดือดขนาดนี้นะ บุญตา


ขอโฟกัสไปที่สมุทรที่โดนไฟหยอดนะ ชอบ พี่ไฟเป็นบ้า ชอบเขามากจนคุมตัวเองไม่อยู่แล้วมั้ย 555555
สมุทรดูยังไม่ได้อะไรด้วยเลยอ่า 555555555 ที่สนใจอยู่ทุกวันนี้เพราะเป็นเจ้านายอย่างเดียวเลยมะ
งุ้ยยยยยยยย ย อยากได้กันแล้ว นึกภาพแล้วเขินล่วงหน้าเลย ฮาาาาา


ลืมมม ขอเพิ่มในส่วนของไอ้เด่นที่บอกว่าจะสมยอมพี่ไฟ มันบ้าาาาาาาาาาาาาาา
เป็นบ้าทั้งเจ้านายลูกน้อง อ่านตอนนี้แบบหัวเราะลั่น เล่นอะไรก๊านนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 23-03-2016 22:49:43
ทำไมก็ไม่รู้ ตลกกับนิสัยไฟอ่ะ ดูเหมือนร้ายมาก แต่พอกับคนที่ตัวเองรัก ออกแนวคุณแม่ที่แสนห่วงและขี้บ่นยังไงยังงันเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-03-2016 19:04:24

ตอนที่ 19
..ไฟ..




..10 ปีก่อน..

โรงเรียนสหศึกษา
"Traps อันนี้ทำหน้าที่เป็นอะไรในประโยคนี้วะ" ไอ้ดี๋  หนึ่งในเพื่อนสนิทในกลุ่มชั้นเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยกัน  ถามขึ้นระหว่างที่เรากำลังทำการบ้านกันอยู่ในตอนเช้าของวันใหม่  แต่พฤติกรรมไม่ทำการบ้านของพวกมันยังเหมือนเดิมทุกวัน

"กริยาแท้" ผมตอบ  ตาจับจ้องอ่านแผนที่ของจังหวัดพัทยาอย่างตั้งใจ  ผมทำการบ้านเสร็จหมดแล้ว  ดังนั้น ผมจึงมีเวลาว่างพอที่จะทำอะไรส่วนตัวในแบบที่ชอบ  เช้า ๆ แบบนี้ก็ต้องอารมณ์ประมาณนี้สิครับ 

"แท้แค่ไหนวะ แท้ ๆ เทียม ๆ อย่างไอ้โปรดงี้เปล่า" ไอ้ดี๋ทำหน้ากวนตีนใส่  ผมแสยะยิ้มเหลือบมองไอ้โปรด  คนที่ถูกอ้างถึงกำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจลอกการบ้านวิชาสังคมศึกษาจากผมอยู่  มันเงยหน้าขึ้นมองไอ้ดี๋อย่างเอาเรื่อง  เพื่อน ๆ ในกลุ่มที่นั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะพากันอมยิ้ม

"หนังหน้ามึงไม่มีสิทธิ์ว่าคนอื่น มีดีแค่ส่วนสูงแหละมึงอะ ให้กูเดา..แบบมึงนี่เด้าถุงยางไม่ทันเปียกก็แตกละ" ไอ้โปรดตอกกลับหน้าตาย

"หึ ๆ ๆ" ผมหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่

"ไอ้สาด" ไอ้ดี๋ยิ้มเขิน 

"มึงก็รู้ว่ามึงไม่เคยตอบกลับมันทัน ก็ยังหาเรื่องใส่ตัว ไอ้ควาย" ไอ้วอร์มส่ายหัวเอือม ๆ

"ไฟ..ตรงประโยค Because the glass in the greenhouse  traps บลา ๆ ๆ ก่อนหน้านั้นอะ มีประธานตรงไหนบ้างวะ ประโยคยาวฉิบหาย เดี๋ยวครูถามแล้วกูตอบไม่ได้" ไอ้สักหยุดจดและรีบถามผมหน้าตื่น

"ประธาน That กริยาก็ is" ผมตอบเสียงยานคางเพราะเริ่มขี้เกียจจะตอบคำถามพวกมันแล้ว 

"ลอกฉลาด ๆ ด้วยล่ะ เดี๋ยวได้ซวยกันเป็นแพอีก" ผมเตือนพลางถอนหายใจ  จะไม่ให้ลอกก็ไม่ได้  สภาพหน้าพวกมันตอนอ้อนขอน่าสมเพชสุด ๆ

"จะเข้าแถวแล้ว" ผมบอก  เสียงตามสายในโรงเรียนเงียบไป  นาฬิกาข้อมือบอกเวลาใกล้เข้าแถวเต็มที  เสียงเพลงประจำโรงเรียนดังต่อขึ้นทันควัน   

"ไฟ..ขอยืมสมุดสุขศึกษาหน่อยสิ" เปรียว  เพื่อนผู้หญิงในห้องเดินมาหายิ้ม ๆ

"กิ่งเอาไปแล้วอะครับ" ผมตอบ

"ของเราเสร็จแล้ว เอาป่ะ" ไอ้โปรดถาม  หน้าแฝงไปด้วยความกะล่อนสุด ๆ ผมมองมันอย่างรู้แกว

"ไม่เอาอะ อ่านลายมือโปรดไม่ออก" เปรียวเบ้หน้า  ผมหัวเราะในลำคอ  ไอ้โปรดทำปากจู๋รับไม่ได้

"อะไร..ของเรามีวิธีสอนใส่ถุงยางด้วยนะ เราตั้งใจวาดรูปอย่างดีทั้งคืน" ไอ้โปรดทำหน้าตายพูดซะเป็นเรื่องปกติ

"ทะลึ่ง" เปรียวตีหลังไอ้โปรดเบา ๆ ไอ้โปรดหันมายักคิ้วให้ผม  ผมส่ายหัว  เม้มปากอย่างหมันเขี้ยวเอื้อมตัวไปตบหัวเพื่อนรักหนึ่งทีอย่างปราม ๆ เปรียวมองมาที่ผมด้วยทีท่าเขินอาย

"งั้นเดี๋ยวเราขอยืมต่อจากกิ่งนะ" เปรียวขอผม

"ครับ เอามาคืนให้ด้วยนะ" ผมพยักหน้าตอบ

"จ้ะ" เปรียวรับปากก่อนเดินกลับไป 

".........." อยู่ ๆ ทั้งโต๊ะก็เงียบลง  ผมนั่งลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาของพวกเพื่อนเวรที่พากันพร้อมใจหยุดลอกงาน  ทั้งที่เมื่อกี้ยังเอาเป็นเอาตายไฟลนก้นอยู่เลย  พอผมหันไปมอง  พวกมันก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าผมกันเป็นตาเดียว

"กูว่าเขาคงอยากให้มึงสอนสุขศึกษาแบบส่วนตัวมากกว่า" ไอ้ดี๋ยิ้มกริ่ม  ไอ้โปรดพยักหน้าเห็นด้วย 

"ลอกงานบนเตียงงี้ ไอ้สาด..ผิวอย่างเปรียวนี่มึงไม่ต้องเปิดไฟเลย จะแจ่มมาก" ไอ้สักยิ้ม  ทำหน้าทำตาลามกจนแทบทนดูไม่ได้ 

"กูว่าพวกมึงนี่เก็บกดกันเกินไปละ" ผมถอนหายใจบ่น

"คร้าบ..ก็กูไม่ได้รูปหล่อ พ่อรวย คว-ยบิ๊กอย่างมึงนี่" ไอ้ดี๋  ไอ้สักและไอ้วอร์มประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน  พวกมันชอบพูดประชดผมด้วยประโยคนี้อยู่จนชินปากไปแล้ว

"มึงมาเห็นของกูตอนไหน" ผมถามขำ ๆ

"ไอ้โปรดบอก" ไอ้สักพยักหน้าไปทางไอ้โปรด

"ก๊าก" ไอ้โปรดเงยหน้าขำออกมาดังลั่น  ผมส่งสายตาค้อนมองไปที่มัน

"กูพูดเล่นแล้วมันเชื่อกูกันเองอะ" มันพูดไปขำไป

"หล่อเหี้ย ๆ นะมึงเนี่ย! ไม่รู้เอาเหี้ยอะไรมาหล่อนักหนา" ไอ้ดี๋สบถ  ทำท่าส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ

"ถ้ากูเป็นผู้หญิงนะ ถึงให้รวยแค่ไหน แต่หล่อแบบมึงกูก็ไม่เอา" ไอ้ดี๋เบ้ปากใส่ด้วยความหมันไส้  ผมแสยะยิ้มมอง

"ทำไม" ไอ้โปรดถามไปหัวเราะไป  ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน   

"มึงดูหน้ามัน! หล่อเถื่อน..ถุย!" ไอ้ดี๋กระแทกเสียงพร้อมกับชี้หน้าผมอย่างกับโกรธแค้นอะไรอย่างนั้น  ผมยิ้ม ๆ ไม่เข้าใจว่าเพื่อนผมมันต้องการอะไรกันแน่

"หน้าอย่างไอ้เหี้ยไฟนี่นะ กูฟันธงเลย แม่ง ทั้งซาดิสม์ ทั้งมาโซแน่นอน หน้าหื่นเหี้ย ๆ หื่นแบบ พร้อมที่จะแดกห่าทุกคนที่ขวางหน้าตลอดเวลา โถ..ไอ้เถื่อน!" ไอ้ดี๋กระแทกเสียงว่ายาว  เสียงมันดังขนาดที่เพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ หันมามองและหัวเราะตาม  ผมอมยิ้มนั่งเฉยเพราะไม่ได้อายอะไร   

"แล้วถ้ามันไซ้มึงขึ้นมา มึงจะว่าไง" ไอ้สักถาม  ไอ้ดี๋ชะงัก

"ถ้าเสียว เขาก็ยอมนะ" ไอ้ดี๋ทำท่าทะเล้นตอบ  พวกผมหัวเราะแทบลั่น

"เอา! ไปเข้าแถวกันได้แล้ว!!" เสียงครูฝ่ายปกครองตะโกนบอก 

"กูเบื่อไอ้เถิกนี่ฉิบหาย" ไอ้ดี๋ส่ายหัวบ่นถึงครูฝ่ายปกครองที่มันไม่ถูกชะตานัก  พวกมันจึงรีบพับเก็บของใส่กระเป๋าเป้ของตน  ส่วนผมพร้อมลุกอยู่นานแล้ว 

"ไปเหอะ" ผมตัดบทลุกขึ้นก่อน  พวกมันลุกตาม  ผมเดินตรงไปที่ลานสำหรับเข้าแถวของชั้นปีเรา  เสียงพูดคุยทักทายเป็นไปอย่างสนุกสนาน  อากาศดี ๆ แต่ที่จริงค่อนข้างร้อน  เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เกิดจากความทะลึ่งตึงตังของพวกเพื่อนในกลุ่มผมก็ทำให้หลาย ๆ คนในชั้นปีเดียวกันผ่อนคลายได้ไม่น้อย 

"มีไรรึเปล่า" ผมถามไอ้โปรด  เห็นมันเหมือนกำลังมองหาใครอยู่ ๆ สักพักนึงแล้ว

"เปล่า" ไอ้โปรดตอบปัด  ผมจ้องหน้ามันเพราะรู้ว่าเป็นการตอบปัดเพื่อขอผ่านไปที

"อะไรของมึง" มันหัวเราะเก้อ ๆ พยายามทำตัวให้เป็นปกติต่อหน้าผม

"ไม่ได้ไปทำระยำตำบอนอะไรไว้อีกหรอกนะ พี่ธานได้ฉีกอกกูพอดี" ผมบ่น

"ระยำตำบอน" ไอ้โปรดทำหน้าแขยงพูดซ้ำคำพูดของผม

"นี่มึงเป็นคุณลุงอายุห้าสิบรึไง" มันล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมเบือนหน้าหนี

"อย่าให้กูซัดมึงไอ้โปรด" ผมพูดลอย ๆ เตือน  ไม่ได้จ้องหน้าตรง ๆ นั่นหมายถึงไม่ได้จงใจเตือนอย่างจริงจัง  แต่แค่พูดลอย ๆ ให้รู้ไว้ก็เท่านั้น

"ชิ" ไอ้โปรดเบะปากทำหน้าเซ็งขึ้นมา 

พี่ธานรับคำสั่งจากพ่อให้เป็นคนดูแลผม  เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม  พี่ธานจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในทุก ๆ การกระทำของผมด้วย  ยิ่งถ้าเป็นเรื่องไม่ดีพี่ธานโดนลงโทษหนักกว่าผมอย่างแน่นอน  ซึ่งทุกครั้งที่เราเกิดเรื่องอะไรก็ตาม  คนที่เข้ามายื่นมือช่วยผมไว้เสมอคือพี่ธาน  พี่เขาดูแลผมในแบบเจ้านายกึ่ง ๆ พี่น้องมานานแล้ว  เราตัวติดกันตลอดเวลาจนเป็นเสมือนพี่น้อง  ญาติและเพื่อนสนิทกัน  ปรึกษาหารือกันได้ทุกเรื่อง 

ส่วนเพื่อนสนิท  ผมไม่ค่อยเปิดใจคบหาใครจริงจังเพราะผมถือว่าผมมีพี่ธานอยู่แล้ว  ผมไม่จำเป็นต้องมีใครอีก  แต่การที่ผมได้รู้จักกับไอ้โปรดและไอ้โชมันเหมือนมีพลังดึงดูดบางอย่างที่บอกว่าเราทั้งสามคนมีชะตากรรมคล้าย ๆ กัน  มีพื้นฐานนิสัยที่บอกว่ามีแค่พวกเราเท่านั้นที่รับกันและกันได้  เพื่อนสมัยมัธยมคนอื่น ๆ ก็ถือว่าสนิทสนมในระดับหนึ่ง  ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันในหลาย ๆ เรื่อง  แต่ก็ยังมีเส้นบาง ๆ ที่ผมแบ่งเอาไว้ไม่ให้ใครก้าวข้ามเกินมาได้อย่างไอ้โปรดหรือไอ้โช 

เวลาที่ไอ้โปรดเกิดปัญหา  เป็นปัญหาที่ผมมักทนดูไม่ได้และยื่นมือเข้าไปช่วยมันทุกครั้ง  ปกติผมจะไม่สนใครเพราะถือว่าไม่ใช่ญาติ  ผมไม่ชอบความวุ่นวายที่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับตัวเอง  ใครจะเดือดร้อนยังไงและถึงผมมีกำลังช่วยผมก็ไม่สน  ทุกครั้งที่ผมทำอะไรเพื่อไอ้โปรด  พี่ธานมักจะถูกร่างแห่เข้าไปร่วมด้วยช่วยกันเสมอ  ในฐานะตามหน้าที่แล้วพี่ธานเองก็คงทนดูไม่ได้เหมือนกัน  หลายครั้งที่พ่อของผมถึงกับออกปากว่าให้พี่ธานควบคุมความพฤติกรรมของผมให้ได้  แล้วคิดว่าจะทำได้เหรอครับ  บางครั้งที่เกิดเหตุสุดวิสัยผมกับพี่ธานจึงจำเป็นต้องมีความลับกับพ่ออยู่เสมอ  ที่จริงแล้วเหตุการณ์น่าปวดหัวบางเหตุการณ์ที่ผมกับพี่ธานไม่ได้ทำเพื่อครอบครัว  มันมักไม่ได้เกิดขึ้นจากผมหรอกครับ  มันมักจะเกิดขึ้นจากไอ้เพื่อนตัวดีข้าง ๆ นี่ต่างหาก

"เอาตามตรงนะ.." ไอ้โปรดพูดขึ้น  ตอนนี้เรากำลังเดินกลับเข้าชั้นเรียนแล้ว  ผมหันไปมองไอ้โปรดที่เดินล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางกุ๊ย ๆ

"กูน่ะ เบื่อลูกน้องมึงคนนี้ฉิบหายเลยว่ะ อยากบอกมาหลายทีว่าสุดจะทนละ มึงบอกให้พ่อมึงเปลี่ยนคนไม่ได้เหรอวะ" มันว่า  ผมรู้ว่ามันแค่ต้องการกวนตีนผม  ดังนั้น ผมจะไม่กวนตีนมันตอบ

"พี่ธานอยู่กับกูมาตั้งแต่กูจำความได้ เป็นเหมือนพี่กูคนนึง มึงเองก็โตมาพร้อมกู..มึงปัญญาอ่อนรึไง" ผมบ่นมันบ้าง  ในเมื่อมันเป็นฝ่ายเปิดประเด็นเอง  ผมก็จะได้บ่นอย่างจริง ๆ จัง ๆ ซะเลย 

อย่างไรเราสามคนก็โตเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกัน  ถึงไอ้โปรดจะบ้า ๆ บอ ๆ ตัวพ่อ  แต่มันก็ซื่อสัตย์กับผม  ทั้งที่ลึก ๆ แล้วเป็นคนขี้กลัวแต่ก็ไม่เคยทิ้งเวลาที่ผมหรือพี่ธานเดือดร้อน  ไม่รู้ว่าอะไรถึงทำให้ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มอกว่ามันจะไม่มีทางหักหลังผม  แน่นอนว่าพี่ธานก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามในการกระทำของไอ้โปรดในหลาย ๆ ครั้ง  พี่ธานเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบและเคร่งในกฎกติกา  เคารพในหน้าที่  เมื่อไหร่ที่ผมสั่งอะไรพี่ธานไม่เคยปฏิเสธเลย  ซึ่งไอ้โปรดแทบตรงกันข้ามกับพี่ธานหมดเลยละครับ  มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งคู่จะเขม่นกันอยู่บ่อย ๆ น่ะนะ

"กูไม่ใช่เจ้านายเขาไง แล้วพี่เขาก็ไม่ชอบขี้หน้ากูด้วย" ไอ้โปรดกระแทกเสียงว่า

"มึงไปทำตัวให้พี่เขาไม่ชอบขี้หน้ามึงเอง ทั้งที่มึงก็รู้ว่าเขาไม่ชอบ มึงก็ยังทำ..มึงตั้งใจ" ผมจ้องหน้ามันเขม็ง  ทำไมผมจะไม่รู้แต่ผมแค่ไม่พูด  ไอ้โปรดยืนนิ่ง  มันกลอกตาดำขึ้นสูง  ใบหน้าที่ชอบทำต่อหน้าผมเวลาที่ตนถูกจับไต๋ได้

"จิ..เฮ้อ!" มันถอนหายใจแรง  เกาหัวไปมาคล้ายรำคาญใจซะเอง

"ไอ้โชต้องรู้สึกขอบคุณกูสุด ๆ เลยละ" ผมยักคิ้วพูดเป็นนัยยะ  ไอ้โชก็นิสัยไม่ได้ต่างจากไอ้โปรดนัก  มันสองคนดูแลกันเองไม่ได้หรอก  เอากันและกันไม่อยู่เพราะประสาทบ้า ๆ บอ ๆ กันเกินไป

"เออสิ! ทั้งที่มึงต้องเป็นของกูคนเดียวแท้ ๆ แทนที่มึงจะตามใจกู แต่มึงต้องอยู่ในกรอบของพี่ธาน" ไอ้โปรดขึ้นเสียงอย่างไม่ยอม  คือมันไม่ได้อายใครที่เดินผ่านไปผ่านมาเลย

"กูไม่ได้อยู่ในกรอบของพี่ธาน" ผมหันกลับไปว่า  เราต่างเงียบมองหน้ากัน

"พี่ธานเคารพกู กูเคารพในงานของพี่เขา กรอบที่มึงว่าคืออะไร มึงเดือดร้อน กูเดือดร้อน พี่เขาก็เดือดร้อน ตกลงสาเหตุมันมาจากมึงหรือพี่ธาน" ผมว่า

"น่ะ! สุดท้ายมาลงที่กู" ไอ้โปรดขมวดคิ้ว

"สำเหนียกตัวด้วยไอ้โปรด คดีตัดสายเบรกล่าสุดของมึง ถ้าไม่ได้พี่ธานคุ้มกะลาหัวมึงอยู่ มึงไม่ได้มายืนปากดีอยู่ตรงนี้แน่" ผมส่ายหัวด่าให้แล้วเดินหนีออกมาเลย  ที่จริงที่พี่ธานทำเพราะถูกผมขอเอาไว้  ถ้าผมไม่สั่งพี่เขาก็คงปล่อยเลยตามเลยเพราะได้ทีเอาคืนที่หมันไส้ไอ้โปรดมานาน  หลายครั้งที่พวกเรามีเรื่องครอบครัวของเรามักช่วยเหลือกันเสมอ  แต่บางเรื่องที่เกิดจากความเลือดร้อน  บางครั้งเราก็ไม่ได้บอกพวกท่าน  หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์ในระยะถี่ ๆ ถ้ามันเกิดขึ้นบ่อยเกินไปเราก็จะปิดเอาไว้โดยแก้ปัญหากันเอง 

"เออ!" มันกระแทกเสียงไล่หลัง

"คำก็พี่ธาน สองคำก็พี่ธาน..คว-ย!" ไอ้โปรดด่าไหล่หลังผมดังลั่น  ในเมื่อคนอย่างมันไม่อายแล้วมีเหรอครับที่คนอย่างผมจะอาย  มันกล้าด่าต่อหน้าคนอื่น  ผมก็กล้ารับเหมือนกัน

"ค-ย! ค-ย ๆ ๆ แล้วก็ค-ย!!" มันด่ากราดไม่หยุด  ผมหันกลับไปแสยะยิ้มให้

"มองอะไร! เป็นเมียพี่ไหมจ๊ะ เย็-ด ๆ" ไอ้โปรดหันไปเหวี่ยงแต่เสือกทำเสียงเสียว ๆ ยิ้มพูดกลางคนหมู่มาก  ตุ๊ดที่เดินจับกลุ่มกันกำลังมองไอ้โปรดอยู่พากันกรี๊ดวี๊ดว้ายที่ได้ยิน  ผมไม่ต้องหันไปดูเลยว่าไอ้โปรดมันจะหน้าไม่อายขนาดไหน  ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาเลิกแถวหน้าเสาธง  ดังนั้น คนเป็นร้อยแต่มันดันทำทุกอย่างเป็นปกติมาก

"ไอ้เหี้ยโปรด จังไรว่ะแม่ง!" ไอ้ดี๋ยิ้มกว้างด่า  พวกเพื่อนในชั้นเรียนหัวเราะกันเกรียว

"ถ้าไอ้โปรดเป็นเกย์เต็มตัว ไอ้เหี้ยนี่จะเป็นเกย์ที่จังไรที่สุดเท่าที่กูเคยเจอมาในชีวิต ระยำฉิบหาย" เพื่อนในชั้นเรียนพูดคุยกันเอง  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ เพราะได้ยินเต็มสองรูหู 

ระหว่างนั้นเพื่อน ๆ ต่างห้องก็ส่งเสียงแซวไอ้โปรดทันทีที่มันพูดตะโกนคำอื่น ๆ ออกมาได้อย่างไม่อายปาก  ไอ้โปรดเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  มันคุยเล่นสนุก  แซวตุ๊ดต่างห้องอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะกับทอม  กับตุ๊ด  กับผู้หญิงหรือผู้ชาย  มันเป็นที่รักสุด ๆ เรียกเสียงฮาจากเพื่อน ๆ ได้เสมอ  เราแยกย้ายกันเข้าชั้นเรียน  ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนพักเที่ยง 

"เมื่อวานเห็นว่าไอ้เป๋า..มอหก ยกพวกไปรุมไอ้เก๋เหรอวะ" ไอ้สักถามขึ้น  ผมที่ตอนนี้เดินนำพวกมันอยู่ได้แต่เอาหูฟังผ่าน ๆ ไปที  ปกติไม่ชอบพูด  ชอบฟังพวกมันคุยกันมากกว่า 

"เออ ไอ้เหี้ยเก๋คนเดียว แต่ไอ้เป๋าแม่งเป็นร้อย ปิดประตูตีแมวเลยมึง" ไอ้ดี๋กระแทกเสียงเล่า  ไอ้เก๋ที่ว่ามันเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เท่ากันกับพวกผม  สนิทสนมกันอยู่บ้าง  แต่เนื่องจากอยู่คนละห้องและอยู่คนละกลุ่มจึงไม่ได้ไปมาหาสู่กันนัก  อีกอย่างไอ้เก๋เป็นประเภทเวลามีเรื่องแล้วชอบมีคนเดียวซะด้วย  ผมว่าใจมันใหญ่ดี

"มันเด็ดเดี่ยวดีนี่ พวกมึงก็เอาอย่างมันบ้างสิ" ผมพูดลอย ๆ อดว่าออกไปไม่ได้

"โด่ มึงก็พูดไม่คิด" ไอ้ดี๋กวนโอ๊ยผมตอบ  ผมได้แต่ยิ้มและเดินต่อ

"กูไม่ค่อยชอบหน้าไอ้เป๋าเลยตามตรง หน้ามันดูมีอะไรตลอดเวลา" ไอ้แก้วบ่น

"เพราะเขาหน้าหล่อกว่ามึงอะดิ" ไอ้สักว่าให้  ผมแสยะยิ้มที่พวกมันเสือกมาแซวกันเอง

"หน้ามีอะไร ..คืออะไร" ไอ้โปรดพูด  ผมหันกลับไปมอง  เห็นหน้าไอ้โปรดดูสงสัยอะไรสักอย่าง

"ก็หน้าแบบ..เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอด" ไอ้แก้วตอบ  ไอ้โปรดเงียบ

"หน้าคนไม่จริงใจอะ หน้าเถื่อนอย่างไอ้ไฟกับหน้าคนไม่จริงใจมันแยกกันนะเว้ย มึงเข้าใจปะ" ไอ้แก้วอธิบายติดตลก  เพื่อน ๆ หัวเราะเบา ๆ 

"ได้ข่าวว่ามันให้อีพี่ติ๋มไปบ๊วบให้ที่โต๊ะสนุ๊กเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยนะมึง" ไอ้ดี๋เล่าอย่างตื่นเต้น  ติ๋มที่ถูกกล่าวถึงน่าจะเป็นรุ่นพี่ชั้นม.6 ที่เป็นตุ๊ดนะครับ  ผมเคยเห็นพี่เขาผ่านตาอยู่บ่อย ๆ ก็หน้าตาน่ารักดี

"มึงก็ไปให้เขาบ๊วบมาด้วยสินะ ถึงได้รู้ดีนัก" ผมว่าให้  ไอ้ดี๋ยิ้มเขิน  แต่คราวนี้ไอ้โปรดไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย  มันเบือนหน้าไปทางอื่นนิ่ง ๆ ผมมองมันไม่วางตา  มันแทบไม่มีสติรู้ด้วยซ้ำว่าผมมองอยู่

"แต่กูไม่ชอบมัน" ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ คราวนี้ไอ้โปรดหันขวับมามองทันที  ผมทำเมินไม่รู้ไม่ชี้ 

"แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากูอยากมีเรื่อง" ผมบอกเป็นนัยยะ  จงใจบอกทุกคนไม่เว้นใคร

"ซึ่งถ้าพวกมึงมีเรื่องกับพวกมันเมื่อไหร่ ในกรณีที่พวกมึงหาเรื่องก่อน กูจะยืนดู..เข้าใจที่กูพูดนะ" ผมพูด  พวกมันเงียบกันหมด

"มึงไม่ช่วย กูก็จมส้นตีนเลยสิ" ไอ้ดี๋สบถทำลายความเงียบ  ผมยิ้ม  เหลือบมองไปที่ไอ้โปรดนิดหน่อย  มันแสยะยิ้มกริ่มออกมาเหมือนชอบใจอะไรสักอย่าง 

"มึงเนี่ย รู้ใจกูจัง" ไอ้โปรดทำเสียงเล็กเสียงน้อยยิ้มไม่หุบ 

ผมไม่รู้ว่าไอ้โปรดรู้จักกับไอ้เป๋าหรือสนิทสนมกันแค่ไหน  หรือไอ้โปรดกำลังคิดอะไรไม่ดี ๆ อยู่  การพูดดักคอในครั้งนี้เป็นการดักคอในทุก ๆ ปัญหา  ถ้ามีเรื่องอีกพ่อผมได้บ่นหูชาเป็นแน่  และถึงแม้ว่าพี่ธานจะถูกพ่อสั่งว่าให้คอยจับตาดูพฤติกรรมของพวกผมเอาไว้ให้ดี  แต่คนที่แหกกฎสม่ำเสมอคือพวกเราอยู่ดีนั่นแหละครับ  แต่ก็นั่นละ พ่อผมรักไอ้โปรดออกจะตายไป  มันปากดี  ปากหวาน  ช่างเอาใจ  มันเรียกพ่อผมว่า "คุณพ่อฮะ" ทุกคำ  ฟังแล้วขนลุกสุด ๆ เวลาอยู่กับพ่อผมทีไรเป็นที่เข้ากันได้ดีในการอ้อนพ่อไปพร้อม ๆ กับพายุน่ะนะ  บางครั้งผมก็คิดว่าดีนะครับ  เหมือนกับมันมาทำหน้าที่ผมให้แทนผม

"รู้ใจกูจังเลย~ กูถึงได้รักมึงที่สุดยังไงล่ะ" ไอ้โปรดทำเสียงเจ้าเล่ห์  มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เหมือนไม่ยอมลงให้ที่ผมดันพูดดักคอมันออกไปอย่างนั้น  มันเดินตรงมาประชัดหน้ากับผม 

"บนโลกนี้นะ แค่มีไอ้ไฟคนเดียว..กูก็พอใจสุด ๆ แล้ว นะจ๊ะ" ไอ้โปรดพูดจ้องตาผมเขม็ง  มันหันกลับไปทางเพื่อน ๆ ในกลุ่ม 

"ไอ้ไฟแม่งโชคร้ายเหี้ย ๆ" พวกเพื่อน ๆ พากันสบถพลางหัวเราะที่ไอ้โปรดพูดออกมาหน้าซื่ออย่างนั้น  แต่ความจริงแล้วคำพูดไม่ได้ซื่ออย่างนั้นหรอก  ผมส่ายหัว  เดินตรงไปที่สวนนั่งเล่นข้าง ๆ ตึกเรียนที่จะขึ้นเรียนในคาบเรียนวิชาต่อไป  พวกเพื่อน ๆ ในห้องเดียวกันมักจะมานั่งอยู่ที่ตรงนี้กันเป็นประจำ  เพราะมันทั้งเย็นสบายและก็เป็นส่วนตัวดีด้วย  ผมหยิบการบ้านชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้าออกมาทำ  อยากให้เสร็จไปตอนนี้เลย

"กูชอบเพลงนี้ของ Eminem ฉิบ..ดนตรีโคตรดี" ไอ้แก้วพูดบอกพร้อมกับเปิดลำโพงโทรศัพท์เพื่อให้ฟังกันได้ทั่วถึง  ผมดูสมุดโน้ตที่จดงานไว้  อาทิตย์หน้าผมต้องขึ้นไปเชียงใหม่กับพ่อและพี่ธานเพื่อดูที่ดินที่จะซื้อ  นั่นหมายความว่าผมต้องเคลียร์การบ้านทุกอย่างให้เสร็จก่อนเดินทางด้วย   

"กรี๊ดดดดดดด!" ผมขมวดคิ้ว  เหลือบไปมองตามเสียงร้องจากพวกผู้หญิงและตุ๊ดที่นั่งอยู่ติด ๆ กับทางเดินฝั่งด้านนอก  สงสัยพวกเธอคงมีเรื่องอะไรทะลึ่ง ๆ มาเล่ากันอีกแน่  ไม่อย่างนั้นคงไม่กรี๊ดกันดังขนาดนั้น  หันเหลือบเห็นว่าแนทก็อยู่ในนั้นด้วย  แนทเป็นตุ๊ดเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 4  ผมว่าน้องมันก็น่ารักดี  หน้าตาดีด้วยแต่ดูอ่อนต่อโลกไปหน่อย  การจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้เกินไปผมคิดว่ามีแต่จะทำให้อีกฝ่ายเสียใจเปล่า ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-03-2016 19:06:25

"ชอบเหรอ" ไอ้โปรดถาม  ผมหันกลับไปมองหน้ามัน  ไอ้เหี้ยนี่ตาไวเป็นบ้า

"ก็น่ารักดี" ผมตอบตรง ๆ เพราะก็น่ารักจริง ๆ จะให้ไปตอบเป็นอย่างอื่นก็ไม่เห็นจำเป็น

"พวกมึงนี่พูดง่ายกันดีเนอะ" ไอ้ดี๋ขมวดคิ้วบ่นเหมือนไม่เข้าใจ  ผมกับไอ้โปรดอมยิ้มเพราะพอจะเข้าใจว่ามันหมายความถึงอะไรอยู่

"นั่นตุ๊ดนะมึง ไม่ใช่ผู้หญิง" ไอ้ดี๋สะบัดหัวบ่น

"แสดงว่าไอ้เหี้ยดี๋ไม่เคยเสียวขนาดสมองเบลอ" ไอ้โปรดพูดเสียงกระเส่าจนพวกเราหัวเราะ

"ห่า..กูไม่ได้ง่ายอย่างมึงนี่!" ไอ้ดี๋สบถ

"กู ไม่ได้..ง่าย!" ไอ้โปรดกัดฟันว่าพร้อมกับโบกหัวไอ้ดี๋ไปทีนึง  ผมหัวเราะ

"เกิดมาทั้งที ชาติหน้ามึงอาจจะเกิดเป็นหมาก็ได้นะ ถ้ามึงไม่เคยเสียวขนาดสมองเบลอ กูว่าแม่งเสียชาติเกิดฉิบหาย ดูอย่างไอ้ไฟดิ..รอบก่อนมันถูกเจ๊ดรีมบุกในห้องน้ำ ไอ้เหี้ยนี่ถึงกับร้องเสียงหลงไปอีก ซี๊ด! เจ๊ เดี๋ยว อะ..ผม จะออก..ออกสุดท้ายที่มันร้องนะมึง อ๊อก! แม่งลั่นอยู่ในลำคอ หลังจากนั้นเสียงแม่งก็ดับไปเลย ฮ่า ๆ ๆ ไอ้เหี้ย กูนึกว่ามันตายคาห้องน้ำไปแล้ว" ไอ้โปรดเล่าซะละเอียด  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ จะแก้ตัวไปก็ไม่ได้เพราะมันก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย 

เจ๊ดรีม คือรุ่นพี่เรียนอยู่ชั้นม.6  เป็นตุ๊ดที่ค่อนข้างคลั่งผมพอสมควร  แบบว่าไม่รู้เจ๊แกชอบอะไรผมนักหนา  ตามตรงแล้วคือผมไม่ได้รังเกียจ  เจ๊ดรีมเองก็เป็นคนตรง ๆ ดี  เหตุการณ์วันนั้นเป็นวันที่ผมไปเข้าห้องน้ำกับไอ้โปรดเพราะมันอยากสูบบุหรี่  ผมเลยไปเป็นเพื่อน  เจ๊ดรีมมาเจอเข้าพอดี  ไอ้โปรดก็เห็นดีเห็นงาม  เสือกล็อกประตูห้องน้ำขังผมไว้กับเจ๊แก  ความจริงคือทั้งสองคนนัดกันเอาไว้แล้ว  ก็อย่างที่ไอ้โปรดเล่านั่นละครับ  เจ๊แกใช้ปากให้ผมอย่างถึงพริกถึงขิง  ขนาดที่ปกติผมมักจะไม่หลุดเสียงครางออกมาถ้าไม่ใช่คู่ที่ถูกใจและลีลาสุด ๆ จริง ๆ แต่วันนั้นกลับครางซะไม่บันยะบันยัง  ประสบการณ์ในช่วงอายุในตอนนั้น  ถือว่าผมยกให้เจ๊ดรีมเป็นตุ๊ดอันดับหนึ่งที่ใช้ปากได้เยี่ยมยอดสุด ๆ เท่าที่เคยเจอมาเลยละ

"เออ เล่นกูเกร็งซะ บีบราวห้องน้ำแทบหักคามือ" ผมพูดเสียงเรียบ  ส่ายหัวยิ้ม ๆ อย่างอดนึกถึงด้วยไม่ได้  ตอนนั้นพยายามหาอะไรเพื่อระบายแทนการกลั้นเสียงแล้วแต่เอาไม่อยู่จริง ๆ

"ขนาดนั้นเลยเหรอวะ" ไอ้ดี๋อ้าปากค้างเหมือนเหลือเชื่อ

"อ๋อ แต่กูคิดว่าเจ๊แกคงไม่บ๊วบให้มึงหรอก แกดูเลือกน่ะ" ผมบอกมัน

"สาด กูก็ไม่เอาเหมือนกัน" ไอ้ดี๋ว่ากลับเขิน ๆ ทันที  สีหน้ามันดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด  ไอ้โปรดแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ยักคิ้วมาให้  ผมดุนลิ้นออกมาอย่างเจ้าเล่ห์เช่นกัน

"ไอ้เหี้ย คิดไรกัน! หยุดเลยนะมึงอะ" ไอ้ดี๋ว่าอย่างระแวง

"หึ ๆ ๆ" ผมกับไอ้โปรดหัวเราะ

"ผู้ชายจะมาดีกว่าผู้หญิงได้ไง" ไอ้ดี๋พูด  มันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคำพูดของมันตอนนี้ดูไม่แน่ใจในตัวเองสุด ๆ

"ทำให้เสร็จได้ เรื่องเพศมันเป็นปัญหาตรงไหนวะ" ผมพูดเรียบ ๆ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา  อีกอย่างเวลาที่แนทเขินอายตอนที่ได้เจอหน้าผม  เขาดูน่ารักกว่าผู้หญิงบางคนที่ชอบผมแต่กลับวางท่าเล่นตัวเองไว้ซะอีก

"เออ..ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน!" ไอ้โปรดกระแทกเสียงเห็นด้วย

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหลุดหัวเราะโคตรดัง  ยั้งไม่อยู่จริง ๆ

"งั้นมึงหมายความว่า..." ไอ้ดี๋กอดตัวเองเอาไว้พร้อมทำท่าหวาดกลัว

"ดึงสตินิดนึงครับไอ้ดี๋ กูเลือก" ผมว่า

"หึ ๆ ๆ" พวกเพื่อน ๆ พากันหัวเราะเป็นเสียงเดียว

"มึงนี่ชอบหลงตัวเองเนอะ มึงถึงไม่มีแฟนไง ควายล้วน ๆ ไม่มีอะไรปนเลยมึงอะ" ไอ้โปรดบ่น 

"ถุย! อีตุ๊ด!!" พวกผมหยุดหัวเราะหันไปมอง  เสียงด่าค่อนข้างดังมาจากฝั่งทางเดิน  เมื่อหันไปก็พบพวกของไอ้เป๋า  รุ่นพี่ม.6 เดินมากันเป็นกลุ่มประมาณเกือบ ๆ สิบกว่าคนเห็นจะได้

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" พวกไอ้เป๋าพากันหัวเราะที่ทำให้พวกกลุ่มของตุ๊ดและผู้หญิงต่างสายชั้นนับยี่สิบคน  ที่กำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หุบปากเงียบลงได้  ไม่ใช่แค่ตรงนั้นที่เงียบ  บริเวณแถว ๆ นี้พากันเงียบกันหมด  ผมมองเฉย ๆ
   
"มันไปเป็นตุ๊ดบนหัวพ่อมึงรึไงคะพี่!" เหมียว  ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในกลุ่มนั้นด่าขึ้นเสียงดัง  ผมหัวเราะในลำคอ  พวกไอ้เป๋าหุบปากเงียบและเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา  ผมเอนตัวเท้าแขนไปด้านหลัง  ตั้งใจนั่งดูอย่างสบายใจ
 
"โถ อีดอก..ด่าตุ๊ด ต่อยกับกูปะ สัตว์! กูไม่ได้คลั่งคว-ยนะคะ ทำความเข้าใจซะใหม่ด้วย กูเลือกค่ะ" ดิวว่ากราด  เขาจงใจพูดเสียงดังแต่กลับไม่มองหน้าใคร

"หึ ๆ ๆ" ผมหัวเราะชอบใจ 

ดิว คือตุ๊ดเพื่อนร่วมชั้น  เรียนห้องเดียวกันกับพวกผมเลยครับ  จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนค่อนข้างหวงตัวอยู่เหมือนกันแต่อย่างนั้นก็เป็นคนขี้เล่น  ครั้งหนึ่งไอ้โปรดเคยพูดชวนดิวตรง ๆ ว่า "ดิว..เงี่ยนว่ะ ไปเข้าห้องน้ำกันปะ" คำพูดของไอ้โปรดที่ดูไม่จริงจังดันทำให้ดิวเขินขึ้นมาจริง ๆ นี่ผมก็ไม่รู้ว่าสองคนนี้ได้กันไปเรียบร้อยแล้วรึยัง 

ว่าไปว่ามาแล้วพวกตุ๊ดไม่เคยโกรธไอ้โปรดเลยแม้จะถูกไอ้โปรดพูดชวนโต้ง ๆ อย่างนั้น  ผมว่าอาจเป็นเพราะไอ้โปรดไม่เคยดูถูกใคร  นี่คือข้อดีของไอ้โปรด  มีอะไรมันก็จะคอยหยิบยื่นช่วยเหลือพวกเขาเสมอ  แต่กลับกัน  ไอ้แก้วที่เห็นไอ้โปรดทำอย่างนั้น  มันก็เคยลองพูดประโยคเดียวกันนี้บ้างเผื่อฟลุค  แต่ดันถูกดิวตอกกลับมาว่า "กูเลือกค่ะ!" ซะอย่างนั้น  ผมนี่ฮากันไม่ยั้งเลยละครับ

ด้วยความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะ  พวกไอ้เป๋าชี้หน้าคาดโทษพวกผู้หญิงและตุ๊ดกลุ่มเดิมก่อนเดินจากไป  ผมเหลือบมองไอ้โปรดที่หยิบบุหรี่ออกมาโต้ง ๆ มันเหสายตาลง  สีหน้าดูเรียบเฉยผิดปกติที่ถ้าเกิดเหตุการณ์ประมาณนี้  มันจะต้องเข้าไปช่วยทุกคนโดยการเรียกเสียงหัวเราะให้สถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว
 
"โอ๊ย!" ไอ้โปรดร้อง  ผมตบปากมันค่อนข้างแรง  บุหรี่ร่วงหล่นลง  ผมจึงนำมือไปบีบคางมันมาอย่างแรงจนไอ้โปรดหน้าแหย   

"อย่าให้มันเกินไป" ผมเตือนเสียงเย็นพร้อมสะบัดหน้ามันออกค่อนข้างแรง  ไอ้โปรดหน้าหันและเงียบไป

"เชี้ย!" มันสบถอย่างหงุดหงิด  ลุกขึ้นยืนทันที 

"ไปไหนวะ" ไอ้สักถามอย่างเป็นห่วงเพราะดูไอ้โปรดจะหงุดหงิดจริง ๆ และผมไม่คิดจะง้อด้วย  ตรงนี้ใกล้ตึกเรียน  ใกล้ห้องพักอาจารย์  แต่มันดันเอาบุหรี่ออกมาคาบ  มันสมควรแล้วงั้นเหรอครับ

"เดี๋ยวกูมา!" ไอ้โปรดกระแทกเสียง  เดินหนีไปเลย   
 
"ไอ้โปรดแม่ง อารมณ์มันยิ่งน่ากังวลขึ้นทุกวัน ใครจะเอามันอยู่บ้างวะ" ไอ้สักส่ายหัวบ่นคล้ายเป็นห่วง  สถานการณ์ทุกอย่างผ่อนคลายลงแม้พวกนั้นจะยังนินทาพวกไอ้เป๋าต่ออย่างต่อเนื่อง ฯลฯ  ผมตั้งหน้าตั้งตาทำการบ้านต่อ  เย็นนี้ผมต้องเข้าไปซ้อมที่ค่ายมวยเพราะใกล้ขึ้นชกแล้วและพ่อจะกลับมาจากต่างจังหวัดวันนี้เพื่อมาดูการซ้อมของผมด้วย  ผมไม่อยากมีการบ้านค้างคาเพราะเผื่อท่านจะเรียกใช้อะไรอย่างอื่น  ผมจะได้ออกไปทำให้ได้ในทันที

"ไอ้ไฟ มึงนี่ขยันดีเนอะ" จูน  เพื่อนทอมร่วมชั้นเรียนเดินมานั่งข้าง ๆ ผมหัวเราะขึ้นจมูกนิด ๆ เพราะจูนเป็นทอมที่เสียงแหลมแสบแก้วหู  แถมยังขี้เกียจสุด ๆ

"ทำไมผู้หญิงถึงได้รุมชอบมึงกันนักวะ" ไอ้สักบ่น  สีหน้าไม่เข้าใจอีกคน  ผมเงยหน้ายิ้มมอง

"ก็กูมีดีที่หน้าตา!" จูนตอบหน้าด้าน ๆ

"ไอ้สาด มึงนี่มั่นใจเนอะ" ไอ้ดี๋สะบัดหัวรับไม่ได้

"ถ้ากูเป็นผู้หญิง กูก็จะสวยมากเว้ย" มันว่า

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะ   

"ไอ้โปรดไปไหนของมันวะ นานละนะ" ไอ้แก้วบ่น  ผมมองนาฬิกา  ได้เวลาขึ้นเรียนแล้วแต่มันหายเงียบไปเลย 

"เออ นั่นดิ" ไอ้สักละสายตาจากเกมโทรศัพท์มือถือที่เล่นอยู่ขึ้นมองหน้าผม

"ไฟ! ไอ้ไฟ!!" ไอ้เกม  เพื่อนต่างห้องวิ่งตาลีตาเหลือกมาอย่างกับมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร

"ไอ้โปรด.." ไอ้เกมพยายามพูดบอก  มันกลืนน้ำลายลงคออย่างเหนื่อยอ่อน  ผมมองหน้าไอ้เกมนิ่ง ๆบอกตามตรงเลยว่าสัญชาตญาณของผมเกี่ยวกับเรื่องของไอ้โปรดนั้นเร็วมากและนี่จะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

"ไอ้โปรด มีเรื่องกับไอ้เป๋าอยู่ที่ห้องน้ำชาย หลังตึกแปด ..มึง รีบไปช่วยห้ามมันหน่อย" ไอ้เกมพูดบอกหน้าเสีย  ใบหน้าแดงก่ำและคำพูดของมันบอกเป็นนัยว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม  นั่นหมายความว่าเพื่อนของผมไม่ได้ถูกรุมอยู่ 

ผมรีบลุกขึ้น  หยิบกระเป๋าเป้โยนให้ไอ้สักเป็นคนถือให้และรีบวิ่งตรงไปทางห้องน้ำชายหลังตึกแปดโดยมีไอ้เกมเป็นคนนำทางให้ด้วยอีกทาง  ระหว่างทางเราไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรนอกจากพยายามให้ไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด  เมื่อไปถึงหน้าห้องน้ำก็พบนักเรียนชายหลากหลายสายชั้นนับร้อย  พากันมุงอยู่เต็มหน้าห้องน้ำไปหมด  ผู้หญิงบางคนที่เห็นเหตุการณ์ยืนกล้า ๆ กลัว ๆ มองอยู่ห่าง ๆ

"หลบ!" ผมผลักตัวพวกมันออก  รีบแทรกตัวเข้าไปด้านใน

"........" ทุกคนเงียบเสียงลงทันที  ผมชะงัก  ยืนมองไอ้โปรดที่ยืนอยู่เกือบด้านในสุดของห้องน้ำ  มันคงได้ยินเสียงว่าทุกคนเงียบลงและมีคนเดินเข้ามา  ไอ้โปรดหันหน้ามามอง  ผมมองสำรวจมันตั้งแต่หัวจรดเท้า  มือของมันชุ่มไปด้วยเลือด  เสื้อผ้าของมันเปียกแฉะไปหมดแต่ทุกอย่างยังปลอดภัยดี   

"ไง" เพื่อนรักยิ้มทักผม  มุมปากมีเลือดซึมออกมาให้เห็นทีละนิด  ผมรีบจ้ำเท้าเดินเข้าไปพร้อมกับผลักไอ้โปรดออกจากปากประตูห้องน้ำอย่างแรงจนมันตัวเซ  ไอ้เป๋าอยู่ในห้องน้ำ  มันนอนเลือดอาบหมดสภาพ  คนถูกซ้อมพยายามลืมตาขึ้นมอง  ทันทีนั้นมันก็สำลักเลือดออกมา  ผมหันกลับไปมองไอ้โปรด

"ผลลัพธ์ของคนเกลียดตุ๊ดไง" ไอ้โปรดแสยะปากยิ้ม ๆ บอกอย่างไม่รู้สึกผิด

"มึงทำเหี้ยอะไรวะ!" ผมตวาดใส่  ว่าจะไม่โมโหแต่ก็เหลืออด

"อย่ามาขึ้นเสียงกับกู!!" ไอ้โปรดตวาดกลับดังลั่น  มันถลึงตาโต  พุ่งตัวเข้ามาเหมือนห้ามอารมณ์ตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน 



เพี้ย!!!   ..ผมเงื้อมมือตบหน้ามันเต็มแรง  ไอ้โปรดตัวเซ  เท้าแขนลงที่อ่างล้างมือใกล้ ๆ มันหุบปากเงียบลงได้  แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมตบหน้ามัน  และก็เป็นครั้งแรกของมันเหมือนกันที่กล้าเถียงกับผมแบบนี้

"ไอ้สัตว์ไฟ" ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้น  มันสบถด้วยความแค้นพร้อมพุ่งตัวเข้าหาผมอีกครั้ง  ผมกัดฟันแน่น  ยืนนิ่งรอ  ด้วยความที่ผมตัวใหญ่กว่ามันมาก  ผมจึงเอื้อมมือบีบเข้าไปที่คอมันอย่างแรงเพื่อไม่ให้มันทำอะไรไปได้มากกว่านี้ 

ผมโมโหที่มันไม่ยอมลงง่าย ๆ และแน่นอนว่าผมไม่ต้องการลงไม้ลงมือให้มันเจ็บตัวไปมากกว่านี้  ไอ้โปรดชะงักแน่นิ่งไป  ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันไม่วางตา  ผมออกแรงบีบคอมันแน่นมากขึ้นเพื่อให้มันได้สติว่าใครที่อ่อนแอกว่า  ไอ้โปรดยังคงไม่ยอมปริปากใด ๆ ผมจึงบีบแน่นมากขึ้นกว่าเดิมจนมันหน้าซีดและเริ่มดิ้นอย่างทุรนทุราย  ไอ้โปรดนำมือจับข้อมือผมไว้  สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา

"ไฟ.." มันร้องเรียกด้วยสีหน้าทรมาน  ตาเริ่มแดง 

"อึก ฟะ ไฟ~" ไอ้โปรดร้องขอเสียงเครือ  ผมยอมปล่อยมือออก  ไอ้โปรดทรุดลงกับพื้น  ก้มหน้าลงหน้าสลด  หายใจหอบรัวถี่  ผมเข้าไปในห้องน้ำและช้อนตัวไอ้เป๋าขึ้นมา  แต่ตัวมันใหญ่พอ ๆ กับผมจึงทำให้ค่อนข้างทุลักทุเล

"ออกแรงหน่อยสิวะ" ผมบ่น  นำแขนมันขึ้นพาดคอ  ไอ้แก้ววิ่งมายืนอยู่หน้าห้องน้ำ  มันรีบเข้ามาช่วยผมอีกแรง  ด้วยความที่ไอ้แก้วตัวใหญ่กว่าผมมาก  มันตัวสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มเราจึงทำให้ช่วยได้สบาย ๆ

"พามันไปห้องพยาบาล มึงไปกับมัน" ผมสั่งไอ้สัก  ไอ้สักพยักหน้ารับ

"เฮ้ย! ออกไปโว้ย!!" ไอ้ดี๋ตะโกนไล่ทุกคนที่ยืนมุงอยู่  ทำให้ทุกคนกระจายตัวออกไปคนละทาง  ไอ้สักพยุงตัวไอ้โปรดให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะตามไอ้แก้วออกจากห้องน้ำไป  ผมหันกลับไปมองไอ้โปรดอีกครั้ง  มันไม่ยอมเงยหน้าขึ้นเลยตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว  ผมเดินเข้าไปหา  พอเห็นว่ามันร้องไห้อยู่จึงเอื้อมมือไปจะจับหน้ามันขึ้นแต่ก็ถูกมันปัดออกอย่างแรง  ผมถอนหายใจ  พยายามมีสติไม่โมโหอีก 

"มึงทำแบบนั้นทำไม" ผมถาม

"กูจะฟ้องไอ้โช อึก" ไอ้โปรดพูดขึ้นคนละเรื่อง  สะอึกสะอื้น  ผมเบนหน้าหนีเซ็ง ๆ
 
"ที่จริงกูน่าจะไปเมกากับไอ้โชตั้งแต่ขึ้นมอปลาย กูไม่น่าเลือกอยู่กับมึงเลย" มันเงยหน้าขึ้นว่าทั้งน้ำตา 

"กูถามว่ามึงทำแบบนั้นทำไม" ผมถอนหายใจย้ำถามอีกครั้งอย่างใจเย็น

"มึงไม่เคยเข้าข้างถามกูก่อนเลย มึงเข้าข้างแต่คนอื่น!" มันว่าไม่หยุด

"มันนอนเลือดอาบทั้งที่มันตัวใหญ่กว่ามึง มึงคิดว่ากูควรจะช่วยใครก่อน!" ผมว่ากลับอย่างโมโห

"นิสัยมึงนี่แม่ง ระยำเอ๊ย! ถ้าไม่พร้อมคุยก็ไม่ต้องคุย" ผมว่าและเดินหนีออกมา

"เฮ้ย ไอ้ไฟ" ไอ้ดี๋ที่ยืนรอดูสถานการณ์อยู่หน้าห้องน้ำเรียกผมเอาไว้  มันคงเป็นห่วงไอ้โปรดแต่มันก็ไม่ได้เข้ามาห้ามผม  ผมเดินออกมา  ให้พวกมันดูแลกันเองก็แล้วกัน  ผมเดินตรงไปที่ห้องพยาบาลเพื่อไปดูอาการของไอ้เป๋า  พวกเพื่อน ๆ ของไอ้เป๋าอยู่รวมกันที่หน้าห้อง  ไอ้สักกับไอ้แก้วยืนรออยู่ที่นั่นด้วย   

"เป็นไง" ผมถามมัน

"ครูเขาโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว บอกว่าแผลฉีก..รักษาไม่ไหว" ไอ้สักตอบหน้าแหย ๆ พวกเพื่อน ๆ ของไอ้เป๋ามองมาที่ผมเป็นตาเดียว  ผมเมินหน้าหนีไม่สนใจ 

ในโรงเรียนนี้ถ้าจะบอกว่าไม่มีกลุ่มไหนกล้ากับผมก็คงจะเป็นอย่างนั้น  แต่อีกทางตรงกันข้าม  ผมไม่เคยหาเรื่องใครก่อน  ผมพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่มีเรื่องกับใคร  เลือกที่จะอยู่อย่างสงบแม้จะรู้ว่าใครเกลียดผมบ้าง  ผมพยายามที่จะไม่ไปเพิ่มเรื่องเดือดร้อนให้กับพ่อ  ทุกครั้งถ้าไม่สุดทนจริง ๆ จะใช้สติผ่านเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทไปได้เสมอ  ธุรกิจของที่บ้านผมเป็นที่ถูกจับตามองในไปทางที่ไม่ดี  หัวไหล่เสียดสีใกล้คุกใกล้ตารางมารุ่นต่อรุ่น  มีเรื่องวิวาทกับคนรุ่นเดียวกันมันเสียเวลาเรียน  ดังนั้น เลี่ยงอะไรได้ผมก็เลี่ยง 

"เพื่อนมึง.." รุ่นพี่หนึ่งในเพื่อนของไอ้เป๋าเดินตรงเข้ามาหา  หน้าตาเคียดแค้นมาเลย

"ถ้าอยากเสียเหงื่อ ใครสักคนต้องสละชีวิตตัวเองนะครับ" ผมพูดตาลอย ๆ มองไปด้วยรู้สึกว่างเปล่า  เพื่อนของพวกมันเข้ามาจับแขนปรามเพื่อนของตนไป

"อย่ายุ่งกับเพื่อนผม" ผมย้ำเสียงเย็น  มันจ้องมองผมไม่วางตา

"ขอให้เข้าใจสถานการณ์ด้วย ผมจะรู้สึกขอบคุณมาก" ผมย้ำบอก
   
"นายไฟ" ครูห้องฝ่ายปกครองเดินออกมา 

"หวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้เดินตรงเข้าไปหาเธอ

"ฝีมือเพื่อนรักเธออีกแล้วใช่ไหม" เธอถาม

"ครับ" ผมพยักหน้ารับ  ครูเงียบลงด้วยใบหน้าหนักใจ

"เดี๋ยวครูจัดการเอง แล้วค่อยว่ากัน" ครูพูดบอกผมแทบกระซิบ

"ขอบคุณครับ" ผมผงกหัวตอบก่อนที่ครูจะเดินไป  ผมเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเรียนมาจากไอ้สัก 

"กูไปดูมันหน่อย ขอบใจพวกมึงมาก" ผมบอก

"โอเค" ไอ้สักกับไอ้แก้วพยักหน้ารับ  ผมเดินออกมาพร้อมกดโทรศัพท์โทรหาพี่ธาน  โดยปกติเรื่องร้ายดีอย่างไรพี่ธานจะรับรู้ก่อนพ่อผมซะอีก  ผมมักจะบอกพี่ธานเป็นคนแรกเสมอ  เมื่อผมเล่าเรื่องให้พี่ธานฟังเรียบร้อยแล้ว  ปลายสายบอกว่าจะมาหาหลังจากที่ตนเลิกเรียน 

"ไฟ" ผมหันไปมอง  กลุ่มเพื่อนของจูนทั้งผู้หญิงและตุ๊ดเดินมา  ผมจำชื่อพวกเธอไม่ได้หมดเพราะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว

"คือว่า เรื่องโปรดน่ะ" หนึ่งในนั้นพูดขึ้นหน้าเศร้า

"อะไร" ผมถามอย่างสงสัย

"ที่จริง..เป๋ามันจงใจหาเรื่องเรา แล้วโปรดยืนอยู่แถวนั้นพอดี" เขาบอก

"ใช่..คือ ฉันเป็นคนหาเรื่องไอ้เป๋าต่อเองนั่นแหละ ไม่คิดว่าเป๋ามันจะโมโหจริง ๆ มันจะชกเราน่ะ โปรดก็เลยเข้ามาช่วยไว้" ยุ้ยเล่า  เขาเป็นตุ๊ด  ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเรียนอยู่ห้อง 9 หรือ 10 นี่ละ

"งั้นเหรอ" ผมพยักหน้า

"คือ โปรดจะไม่ถูกไล่ออกหรอกใช่ไหม ไฟช่วยเขาได้ไหม" ยุ้ยถาม

"ไม่หรอก ไม่ต้องห่วงนะ" ผมบอกพวกเธอ

"อื้อ..ขอบคุณนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ" ทุกคนพูดพร้อมกัน  ขณะเดียวกันผมเห็นไอ้โปรดเดินมาทางนี้พอดี  มันหยุดยืนคุยกับพวกเพื่อน ๆ พวกนี้  ผมยืนมองอยู่ห่าง ๆ จนทั้งหมดบอกลาก่อนแยกย้ายกันไป 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 18 [ 18:00 น. - 19 มี.ค 59 หน้า 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-03-2016 19:07:43

ผมยืนรอจนไอ้โปรดเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า  เราเงียบอยู่อย่างนั้น  ไอ้โปรดเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองเท้าตัวเอง  ที่คอมันเป็นรอยแดง ๆ ผมถอนหายใจ  สุดท้ายผมก็โกรธมันไม่ลงอยู่ดี  ไอ้โปรดสะดุ้งที่เห็นผมถอนหายใจแรงอย่างนี้  มันเงยหน้าขึ้นมอง  เราจ้องหน้ากันนิ่งจนผมถึงกับต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง  พูดอะไรไม่ออก  มันเหนื่อย  ผมหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าสองเม็ดแล้วโยนไปให้ไอ้โปรดหนึ่งเม็ด  พอเดินออกมาไอ้โปรดก็เดินตามหลังมาด้วย  เราต่างเดินไปเงียบ ๆ ผมไปหยุดอยู่ที่สระน้ำใกล้กับห้องศิลปะ  แถวนี้เงียบสงบและไม่ค่อยมีใครมานักเพราะค่อนข้างเปลี่ยว  อีกทั้งเด็กนักเรียนที่ห้องศิลปะมักจะใช้เวลาอยู่แถว ๆ นี้กันอย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวนกันและกัน

"กูรักมัน" ไอ้โปรดพูดขึ้นโต้ง ๆ ระหว่างที่เราต่างนั่งรักษาความเงียบมาได้พักใหญ่  ผมหันไปมองมันด้วยความตกใจแต่ก็ไม่อึ้งอะไรนัก  ผมเตรียมใจคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังมากกว่าที่เห็นแน่ ๆ

"แต่มันไม่รู้หรอกนะ หึ..กูไม่เคยบอก"

"สมเพชกูล่ะสิ" มันทำท่าจะแสยะหัวเราะ  ผมเหสายตาลงเล็กน้อย  ไอ้โปรดหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า  ครั้งนี้ผมเลือกที่จะไม่ห้ามอีกเพราะห้ามไปก็เท่านั้น  ปากมันคาบบุหรี่เข้าไปและพยายามจะจุดไฟแช็ก  ผมเห็นว่ามือมันสั่นนิด ๆ กดจุดเท่าไหร่ก็ไม่ติดสักที  ผมตีแก้มมันเบา ๆ เรียกสติ  คว้าเอาไฟแช็กมาแล้วจุดให้แทน
 
"อึก~" อยู่ดี ๆ มันก็สะอึก  มือคีบบุหรี่พลางพ่นควันออก  น้ำตาหยดไหลลงบนหน้าขา

"แม่ง ฉิบ!" ไอ้โปรดกัดฟันพึมพำ  มันสบถคล้ายกับมันเองต่างหากที่กำลังสมเพชตัวมันอยู่ 

"มึงได้กับมันเมื่อไหร่" ผมถามตรง ๆ เพราะกรณีนี้คงได้เสียเมียผัวกันแล้วแน่นอน

"หึ.." ไอ้โปรดหลุดหัวเราะ  แต่หุบยิ้มลงทีละนิด

"สองเดือนก่อน" มันตอบพร้อมกับสูดบุหรี่เข้าไปอีกครั้ง   

"ใส่ถุงยางรึเปล่า สดเหรอ..หน้ามืด เมา หรือไง" ผมซักรัวด้วยใบหน้านิ่ง ๆ

"ไอ้เหี้ยไฟ! นี่มึงเป็นห่วงกูบ้างไหม!" ไอ้โปรดว่าเสียงหลง  ผมหัวเราะ  มันมองค้อนและอมยิ้มออกมา

"มึงเล่นยารึเปล่า" ผมถามตรง ๆ ไอ้โปรดนิ่งไป 

"เปล่า" มันหลบตาผม  ผมนั่งเงียบ 

"ก็ดี..แต่ถ้ามึงแตะต้องมันเมื่อไหร่ เชิญไปจากชีวิตกูซะ" ผมพูดเสียงเรียบ  ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมอึ้ง ๆ ผมจ้องมันเขม็งว่าผมพูดจริง  ผมสังเกตอาการมันมานานพอดู  จับผิดปกติแต่ไม่เคยพูดทักอะไรเลยสักครั้ง  ผมไม่ต้องการรู้ด้วยว่าจริง ๆ แล้วมันเล่นรึเปล่า  ผมไม่อยากรู้  แต่ผมต้องการบอกให้ทราบเอาไว้ว่าถ้าผมรู้ความจริงขึ้นมาเองโดยไม่ต้องพยายามเมื่อไหร่  ผมกับมันจบกัน

"ใช้คำว่าเชิญเหรอ" ไอ้โปรดแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์  กลับมากวนโอ๊ยอย่างเคย

"ใช่..เชิญ คำพูดตามมารยาทระดับสากล" ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับ  เราเงียบกันอีกครั้ง  ไอ้โปรดสูบบุหรี่จนเกือบหมดมวน  ผมมองมันอยู่ตลอดเวลาแต่มันไม่ยอมมองหน้าผมเลย  นานพอจนมันขยี้ก้นบุหรี่ลงที่หินใกล้ ๆ

"เลิกทำตัวแบบนี้สักทีเถอะ" ผมพูดขึ้น  วกกลับมาเรื่องที่ควรจริงจัง

"กูเองก็รู้ตัวว่าไม่ใช่คนดีที่ขนาดจะมาเตือนมึงได้หรอก" ผมว่า

"แต่มึงจะกระทืบทุกคนที่ไม่สามารถยอมรับในตัวมึงแบบนี้ไม่ได้ มึงไม่รักตัวเอง..แล้วจะให้ใครมารัก" ผมบอก  ไอ้โปรดกัดกรามแน่นจนสังเกตเห็น 

"เพราะกูรักตัวเองนี่ไง และเพราะมันได้กับกูแล้ว" ไอ้โปรดขึ้นเสียงนิด ๆ

"มึงดูไม่ออกรึไงว่าไอ้เป๋ามันรักมึงหรือไม่ได้รักมึง อย่าโง่ไปหน่อยเลย" ผมด่า  ไอ้โปรดเบะปากมากกว่าเดิม  ทำท่าเหมือนจะหลั่งน้ำตาออกมาอีก

"ควายเอ๊ย! มึงนี่..พบแพทย์หน่อยไหม ชอบแต่คนเลว ๆ กูไม่รู้จะด่าอะไรมึงดีแล้ว" ผมบ่นพร้อมกับหันหน้าหนี 

"อึก..ไอ้เหี้ย ด่ากูเข้าไป" มันสะอื้นว่า  เขามาทุบตัวผมเบา ๆ 

"ก็ถือว่ามึงได้กำไรไง ไอ้เป๋ามันก็หล่อดี" ผมพูดติดตลก  ไอ้โปรดอมยิ้มออกมาได้  มันหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะพูดแบบนี้

"ที่สำคัญ ของมันใหญ่ไหมวะ" ผมถามถึง  มันอมยิ้มกว้างกว่าเดิม 

"ไม่น่าใหญ่ กูว่ามันคงเล็กพอ ๆ กับใจมัน" ผมเบะปาก  ยักคิ้วกวน ๆ

"ถึงมึงกับมันจะเอากันไปเรื่อย ๆ กูก็ไม่ยอมรับอยู่ดี" ผมพูดเปลี่ยนประเด็น  เท้าแขนไปด้านหลังด้วยท่านั่งที่สบายมากขึ้น

"เพราะกูไม่ชอบขี้หน้ามัน มันไม่เหมาะกับมึง ดังนั้น..ถ้าสมมุติมึงกับมันจะรักกันปานจะแหกตูดดมจริง ๆ มึงก็ต้องเลือก ระหว่างไอ้เป๋า..หรือกู" ผมสรุปบอกเพื่อให้มันตัดใจได้ง่ายมากขึ้น

"มึงนี่มั่นใจในตัวเองดีนะ ตรงนี้ละที่กูชอบ" ไอ้โปรดพูดพลางอมยิ้ม  มันก้มหน้าลงอีกครั้ง  หุบยิ้มไปด้วยใบหน้าเศร้า ๆ มือยังคงสั่นอยู่  มีแผลเต็มไปหมด  ผมจึงเอื้อมมือไปลูบแก้มมันเบา ๆ

"อึก" อีกฝ่ายสะอึกร้องในลำคอออกมาเหมือนสุดกลั้น  ไอ้โปรดทิ้งตัวลงนอนบนตักผมมา  ผมวางมือลงระหว่างใบหน้าและแก้มมันพร้อมเกลี่ยลูบไปมาอย่างให้กำลังใจ  ผมไม่รู้จะพูดให้กำลังใจอย่างไรถึงจะเหมาะควร  จะสั่งว่า "มึงเลิกรักมันเดี๋ยวนี้" ก็คงสั่งให้เป็นไปตามปากไม่ได้  เรื่องของสภาพจิตใจ  มันไม่มีอะไรช่วยได้นอกจากเวลาหรอกครับ

"กูจะฟ้องไอ้โชว่ามึงบีบคอกู" มันพูดเสียงเครือ

"หึ" ผมหลุดหัวเราะ

"เมื่อกี้มึงจงใจจะฆ่ากู ฟรืด~" มันร้องบอกเหมือนกับกำลังฟ้องอะไรใครอยู่

"หึ ๆ กูขอโทษ" ผมบอกมันแกมหัวเราะ  น้ำตาของมันไหลลงจนเปื้อนขากางเกงผม  ผมไม่ได้ว่าอะไร  ไอ้โปรดนอนหลับตานิ่งไปเงียบ ๆ แล้ว  เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ ได้เวลาที่พี่ธานใกล้เลิกเรียน  ผมจึงส่งข้อความไปบอกพี่เขาว่าผมอยู่บริเวณไหนของโรงเรียน 

"อ่าว มาแล้วเหรอ" ผมทักพี่ธาน  เวลาผ่านไปเกือบ ๆ ชั่วโมงพี่เขาก็มา  ชอบโผล่ตัวมาเงียบ ๆ ตลอด  ไอ้โปรดสะดุ้งตื่น  มันหันหน้าไปมองพี่ธานที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง

"อ๋อ พ่อมึงมาละ" ไอ้โปรดพึมพำ  ผมส่ายหัวไม่ได้ว่าอะไร  ตื่นขึ้นมาก็ปากดีเลย  ไอ้โปรดหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย 

"กลับพร้อมกูเลย เดี๋ยวกูไปส่ง" ผมบอก  มันพยักหน้าลุกขึ้นยืน  ผมสะพายกระเป๋าและลุกขึ้นตาม  มันยืนนิ่งจ้องหน้าพี่ธาน  พี่ธานเองก็จ้องกลับอย่างไม่ลดละเช่นกัน 

"มองอะไรวะครับ" ไอ้โปรดเปิดประเด็น 

"จะให้ผมพูดตรง ๆ หรือโกหกดีละครับ" พี่ธานย้อนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มแต่แฝงไปด้วยความกวนตีนไม่ต่าง

"กูไม่ไปละ เดี๋ยวกูให้พ่อส่งคนมารับ" ไอ้โปรดว่าเสียงห้วน 

"ไป..เร็ว ๆ ไปขึ้นรถ" ผมไล่  ไม่อยากปล่อยให้มันอยู่คนเดียวในตอนนี้

"คุณไฟไม่มีคุณ เขาอยู่ได้ คุณไม่มีคุณไฟ คุณอยู่ได้รึเปล่าล่ะ ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อยเถอะครับ" พี่ธานพูดว่าทำเอาไอ้โปรดกัดฟันแน่น  มันเดินปรี่เข้าไปหา  พี่ธานยังคงยืนไม่ขยับ

"ขี้ข้ามึงนี่ปากมากฉิบเป๋งเลยว่ะไอ้ไฟ" ไอ้โปรดถลึงตาใส่อีกฝ่าย

"ไอ้โปรด" ผมปราม

"ฮึ..ก็เพราะนิสัยแบบนี้ไงล่ะ ใครก็ไม่อยากคบด้วยทั้งนั้นแหละ" พี่ธานกัดกรามว่ากลับอย่างมีอารมณ์เช่นกัน 

"หุบปาก!" ไอ้โปรดตวาดพร้อมผลักอกพี่ธานอย่างแรง  พี่ธานสะบัดหัว  พุ่งตัวเข้าไปคว้าแขนไอ้โปรดกระชากไปจนมันเซไปอีกทางจนเกือบล้ม  ผมรีบเข้าไปพยุงช่วยเอาไว้

"พี่ธาน!" ผมขึ้นเสียงปราม  พี่ธานถอนหายใจ  ยอมปล่อยแขนไอ้โปรดออกทันควัน  แรงอย่างพี่ธานสะกิดทีเดียวไอ้โปรดก็กระเด็นแล้วมั้งครับ

"มันจะฆ่ากู!" ไอ้โปรดโวยวายฟ้องใหญ่

"ไม่มีใครจะฆ่ามึงทั้งนั้นแหละ!" ผมกระแทกเสียงบ่น
 
"ผมไม่ฆ่าคุณหรอกครับ เสียมือ" พี่ธานว่า

"ให้ตายเถอะ" ผมบ่น  ดันตัวไอ้โปรดให้ออกห่างจากพี่เขา 

"มันจะชกกูด้วย! มึงไล่มันออกเลยนะ!!" ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นจะเอาความให้ได้  มันมือชี้มือไปที่พี่ธานประกอบด้วย

"กูบอกให้ไปขึ้นรถ!" ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออด  ไอ้โปรดชะงัก  มันกัดฟันแน่น  พี่ธานยักคิ้วเยาะเย้ยที่ตนเองเป็นฝ่ายชนะ  ไอ้โปรดกัดฟันกำมือแน่น  เดินเหวี่ยงกลับไปขึ้นรถง่าย ๆ แต่ดันเปิดประตูไม่ออก

"เปิดรถสิวะ! ไอ้เถื่อนเอ๊ย" ไอ้โปรดตะคอก  พี่ธานกัดฟันแน่น  หันไปกดปลดล็อกรถก่อนที่ไอ้โปรดจะขึ้นรถไป  พี่เขาหลับตาหายใจค่อนข้างแรง  ผมเองก็ถอนหายใจแรงเช่นกัน 

"ผมขอโทษ" ผมพูดบอก  ยกมือลูบหน้าตัวเองอย่างเหนื่อย ๆ

"ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ" พี่ธานยิ้มพูด  แต่อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกขำจึงหัวเราะออกมา

"หึ ๆ ไอ้เถื่อน ฮ่า ๆ ๆ" ผมนำหลังมือปิดปากตัวเองเพราะเพิ่งเคยได้ยินใครเรียกพี่ธานแบบนี้เป็นครั้งแรก  พี่ธานยิ้มเขิน

"แต่พี่นี่ก็จริง ๆ เลย" ผมส่ายหัวบ่น 

"ขอโทษครับ" พี่ธานอมยิ้มก้มหัวนิดหน่อย  ผมไม่ว่าอะไร  ตีแขนพี่เขาเบา ๆ ก่อนเดินตามไอ้โปรดไปขึ้นรถ  พี่ธานขึ้นมาฝั่งคนขับ  ส่วนผมนั่งข้าง ๆ พี่เขา  ไอ้โปรดนั่งเบาะหลัง 


- - - - - - - - - - - - - - -


..ปัจจุบัน..

หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุอันเกิดจากความตั้งใจของไอ้โปรดที่สนามแข่งก็ผ่านมาได้ร่วมหนึ่งอาทิตย์แล้ว  ถัดจากวันนั้นไอ้โปรดต้องขอลาป่วยกะทันหัน  มันไม่ได้ไปบิน  พี่สนให้มันไปตรวจเช็กร่างกายและพักผ่อนอยู่บ้านห้ามไปไหน 

ที่สนามค่อนข้างวุ่น  ทางทีมงานต้องเอารถเข้าตรวจสอบทั้งหมด  ไม่มีข่าวรั่วหลุดลอดออกไปทางหน้าหนังสือพิมพ์  ผมกับพี่สนวุ่นวานไปกับการปิดข่าว  เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทีมงานของพวกไอ้ดอย  โดยการให้พี่สนเป็นคนกลางในการสอบถาม  พวกไอ้ดอยเองก็ไม่ได้เอาความอะไร  คงเพราะเห็นว่าต่างคนต่างพยายามเอาชนะซึ่งกันและกันอยู่ลึก ๆ มันคงกลัวคดีอยู่เหมือนกัน  และถ้ามีคดีก็จะส่งผลกระทบกับงานของมันโดยตรงด้วย  ถัดจากวันนั้นสองสามวันไอ้โปรดได้กลับไปทำงานตามปกติ  มันถูกพี่สนบ่นที่ดันทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี  แต่ก็แค่บ่นแหละครับเพราะพี่สนแกรักน้องแกจะตายไป 

"คุณไฟครับ พี่สาวที่ตลาดโทรมาครับ" สมุทรเดินมายื่นโทรศัพท์ให้  ผมหยิบมารับ

"ครับ"

"คุณไฟคะ เอ่อ..วันนี้คุณจะเข้ามาที่ตลาดหน่อยได้ไหมคะ" เธอถาม  น้ำเสียงฟังดูร้อนรน

"มีอะไรรึเปล่าครับ" ผมถามตรง ๆ ที่จริงตั้งใจว่าจะเข้าไปที่ตลาดอยู่แล้วในช่วงสาย ๆ ของวันนี้

"พวกแม่ค้าเขาประท้วงเรื่องค่าเช่าแผงน่ะค่ะ" พี่สาวตอบ  ผมเงียบฟัง  พี่ธานเหลือบมามอง

"ได้ครับ เดี๋ยวผมเข้าไป" ผมตอบ

"ขอบคุณค่ะ" พี่สาวรับคำก่อนตัดสายไป

"แม่ค้าประท้วงเรื่องค่าเช่าแผง" ผมพูดบอก

"ขอเอกสารของแม่ค้าที่ติดหนี้ไว้หน่อย" ผมสั่งพี่ธาน  มือเปิดปฏิทินดู

"ครบกำหนดพอดี" ผมพูด  พี่ธานนำเอกสารมาให้  ผมเปิดดูทั้งหมด

"เอาไปด้วย" ผมยื่นกลับไปทางสมุทร  เขารับไปถือไว้

"ไปเถอะ ให้สมุทรขับแล้วกัน" ผมสั่ง  พี่ธานผงกหัวรับก่อนเดินไปหยิบกุญแจรถ
 
เราเดินทางไปที่ตลาดชโนทัยโดยสมุทรเป็นคนขับ  พี่ธานนั่งด้านหน้าข้าง ๆ คนขับ  สมุทรดูจะหายเกร็งกับรถยนต์คันนี้ของผมแล้ว  ที่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์  เขาเรียนรู้งานตามตารางของผมได้เร็วดี  จำได้ด้วยว่าผมจะต้องไปที่ไหนบ้างในแต่ละวัน  พอจำทางได้บ้างแล้ว  รถยนต์แต่ละคันที่ผมใช้ประจำมีทั้งหมดสามคัน  เขาก็เรียนรู้จำได้หมดว่าควรตรวจเช็กสภาพรถอย่างไร  เรียนรู้ระบบการใช้รถคันนั้น ๆ โดยมีไอ้เด่นเป็นคนแนะนำให้อีกที  งานส่วนอื่นก็กระจายแบ่งเบาภาระไป  พี่ธานทำงานเบาลงกว่าเดิม  ไม่ต้องคอยตามผมตลอดเวลาอย่างแต่ก่อน  แต่ก็มีบ้างที่พี่เขาคอยเป็นห่วง  ชอบห้ามนู่นห้ามนี่ตามประสาและดูจะติดเป็นนิสัยไปแล้ว 

เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว  มีเรื่องที่ทำให้ผมแปลกใจเกี่ยวกับสมุทรอยู่อย่าง  ผมไปเตะตะกร้อกับพวกพี่อ้อน  พี่ธานเลยชวนให้สมุทรไปด้วยกัน  ผมไม่รู้มาก่อนว่าเขาเล่นตะกร้อเป็นและเล่นได้ดีอีกด้วย  ผมเองก็เพิ่งจะมานึกได้ว่าเจ้าตัวอยากลงเรียนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา  ดังนั้น พื้นฐานทางด้านกีฬาของเขาน่าจะดีพอสมควร  แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเตะตะกร้อเป็นน่ะนะ  ดูเหมือนสีหน้าแปลกใจจากผมจะทำให้สมุทรดูออก  อีกฝ่ายอมยิ้มเจ้าเล่ห์  พยายามเล่นเอาชนะผมตลอดเวลาและเขาก็ทำได้ผลดีซะด้วย  ตอนนี้พวกคนในชมรมตะกร้อที่พี่อ้อนดูแลอยู่ถูกใจสมุทรน่าดู  ก่อนกลับพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่ารอบหน้าให้สมุทรมาด้วยกัน  สงสัยผมคงจะตะกระป๋องแล้วเป็นแน่ 

"เฮ้อ" ผมถอนหายใจแรงเมื่อเห็นกลุ่มพวกพ่อค้าแม่ขายรวมตัวกันอยู่ที่หน้าทางเข้าสำนักงาน เห็นแล้วก็เหนื่อยใจขึ้นมาเลย
 
"จอดด้านหน้านั่นเลย" พี่ธานสั่ง

"ครับ" สมุทรรับคำ  ผมลงจากรถ  พี่สาวและพนักงานคนอื่น ๆ ที่รับหน้าแทนผมอยู่หันมาเห็นผม  พวกเธอคลายสีหน้าเคร่งเครียดลงทันที 

"เขาว่าไง" ผมถามรายละเอียดจากพี่สาว

"น้าน้อยแกเป็นตัวตั้งตัวตีให้คนในตลาดมาประท้วงขอลดค่าเช่าแผงน่ะค่ะ" พี่สาวเล่า

"แค่น้าน้อยเหรอ" ผมถาม

"เปล่าค่ะ มีอู๊ดกับลุงจ๋อด้วย แต่ว่าเป็นกลุ่มน้อยนะคะ พ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ๆ เขาก็ไม่ได้เห็นดีด้วย" เธอตอบ

"โอเค" ผมพยักหน้ารับทราบ  พี่ธานกับสมุทรลงมาจากรถและเดินตามผมมา  พ่อค้าแม่ค้าคาดด้วยสายตาแล้วราว ๆ ยี่สิบคนพากันหยุดส่งเสียงเมื่อเห็นหน้าผม

"ผมขอตัวแทนหนึ่งคน คนที่อยากจะพูดกับผม..ขอคนที่คุยรู้เรื่องหน่อยนะ" ผมพูดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบ ๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร  ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก 

"ฉันเอง" น้าน้อยยกมือขึ้น  ตามที่คาดไว้เปี๊ยบ   

"เชิญครับ" ผมพยักหน้าอนุญาต

"พวกเราคิดกันแล้ว ว่าค่าเช่าแผงต่อเดือนมันแพงไป..อยากให้ลดลงให้หน่อย" น้าน้อยว่าห้วน ๆ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ  สีหน้าที่พยายามทำให้ตัวเองดูเหนือกว่าในตอนนี้

"อยากได้เท่าไหร่ล่ะครับ" ผมแกล้งอมยิ้มถาม  น้าน้อยหลบตาผมทันที  เธอหันไปมองลูกทีมที่มาด้วยกัน

"ฉันขอลดสักสี่ห้าร้อยก็พอ คงช่วยได้มาก!" แกว่า  น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังเลยสักนิดเดียว

"ใช่..เท่านั้นก็พอ" พ่อค้าแม่ค้าประสานเสียงพูดขึ้นพร้อมกัน 

"ห้าร้อย" ผมแสยะยิ้มมุมปาก  เลิกตาขึ้นมองพวกเขา

"ห้าร้อย..ห้าร้อย ห้าร้อย ๆ ๆ ๆ" ผมพูดกวน ๆ ขณะเดียวกันก็นำมือชี้หัวเรียงรายตัว  ทุกคนหน้าเสีย

"ยี่สิบคนเป็นเท่าไหร่ครับ" ผมกลอกตากลับมามองน้าน้อย  เธอชะงักหน้าซีด

"ผมไม่สามารถลดให้ได้" ผมพูดขึ้นเสียงแข็งไม่มองหน้าใคร 

"แกทำอย่างนี้ได้ไง ไม่เห็นใจกันเลยรึไง คนทำมาค้าขาย ของก็ขึ้นเอา ๆ" หนึ่งในนั้นขึ้นเสียง

"ใช่! รวยแล้วนี่ จะขูดเลือดขูดเนื้อยังไงก็ได้" น้าน้อยสมทบทันที

"ผมก็ค้าขายเหมือนกัน และนี่คือธุรกิจ!" ผมพูดแทรกตอบกลับไปแทบตวาด  ทุกคนเงียบลง

"ฟังไว้ให้ดี..ผมจะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น" ผมย้ำเสียงเข้ม  กลอกตามองขวางไปที่น้าน้อย  น้าแกหลบสายตาหนี

"ผม..สนใจเฉพาะคนที่เคารพในการทำงานของผม ใคร..ที่คิดถึงแต่ตัวเอง ผมไม่สนใจ" ผมกระแทกเสียงหนักแน่น  อารมณ์ขึ้นสุด ๆ จนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

"ที่ผ่านมา ผมพยายามปรับปรุงดูแลตลาดนี้อย่างดีเพื่อให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตกันอย่างสะดวกสบายมาเสมอ ไม่มีปีไหนที่ผมไม่ปรับปรุงให้มันดีขึ้น"

"และทุกการทำงาน มีค่าใช้จ่ายตลอดเวลา ผมขอย้ำว่า! ตลอด..เวลา" ผมกระแทกเสียงชัดถ้อยชัดคำ

"ผมเห็นใจทุกคน และคิดดีแล้วว่าค่าเช่าแผงสมเหตุสมผล พวกคุณเป็นเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าค่าเช่าแผงแพงเกินไป"

"ดังนั้น ถ้าพวกคุณรับไม่ได้ อยู่ไม่ไหว ก็เชิญออกไป" ผมว่าส่ง

"และก่อนที่จะออกไป กรุณาใช้หนี้ผมให้เรียบร้อยซะด้วย" ผมพูด 

"เข้าใจที่ผมพูดนะครับ ใครอยากเช่าต่อ กรุณากลับไปทำงานด้วยครับ ส่วนใครที่ไม่พอใจจะอยู่..กลับไปเก็บข้าวของที่แผงตัวเอง ทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วกลับมารับเงินประกันที่คุณสาว ผมจะไม่ขอหักเงินประกันสักบาทเดียว..แต่เชิญออกไปได้เลย" ผมพูดบอก  ไม่มองหน้าใครสักคนเพราะไม่จำเป็นต้องมอง  ผมไม่เห็นใจใครทั้งนั้น  ทุกคนมีลิมิตในการทำงาน  ผมให้ลิมิตกับตัวเองผมถึงมอบหมายหน้าที่ให้ลูกน้องไปตามสมควร  พี่สาวรับมือ  ถ้าเธอรับไม่ไหวก็จะส่งต่อให้พี่ธาน  ถ้าพี่ธานรับไม่ไหวก็ส่งต่อให้ผม  และถ้าการทำงานมาถึงจุดสูงสุดที่มือผมเมื่อไหร่  ผมไม่ไว้หน้าใครและใจแข็งกว่าลูกน้องผมทุกคนเสียอีก  ที่ผ่านมาผมถึงได้ส่งพี่ธานไปเจรจาก่อนเสมอ  แต่ดูเหมือนการไม่ให้เกียรติพี่สาวหรือพี่ธานจากพวกเขา  นั่นก็คือการไม่สำเหนียกกะลาหัวตัวเองไว้ให้ดีด้วย

"ไปเถอะ" พ่อค้าแม่ค้า  เดินหน้าสลดยอมแพ้กลับไปง่าย ๆ

"นี่พวกแก!" น้าน้อยร้องเสียงหลง  ผมเดินตรงเข้าไปหาเธอทันที

"อย่านึกนะว่าน้าทำอะไรแล้วผมไม่รู้" ผมกระซิบพูดเสียงเย็น  น้าน้อยถอยหลังไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว

"มันอยู่ที่ว่าผมอยากรู้หรือผมไม่อยากรู้" ผมจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย  ฆ่าให้ตายตอนนี้ได้คงฆ่าไปแล้ว

"ฉันเปล่า" แกว่า

"ถ้าน้า ก่อปัญหาอีกครั้งนึงละก็..ผมไม่เอาไว้แน่" ผมกระซิบเตือน  เธอร้อนรนจะเดินหนีไป 

"เดี๋ยว" ผมเรียกไว้  อีกฝ่ายหยุดชะงัก

"ใช้หนี้ด้วยครับ ถึงกำหนดแล้ว" ผมบอก  เธอกลืนน้ำลายหน้าซีด  รีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนที่ใส่อยู่  มือสั่นไปหมด  น้าน้อยรีบหยิบเงินออกมาอย่างร้อนรน  สมุทรเข้าไปรับเงินมาถือไว้ก่อนที่น้าน้อยแทบจะวิ่งกลับเข้าตลาดไป

"อีเปรตเอ๊ย" ผมกัดฟังสบถ

"ให้ไอ้เข้มไปสืบมา ว่าแกทำงานให้ใครรึเปล่า ผมคิดว่าตอนที่ท่อประปาแตก น่าจะเป็นฝีมือคนเดียวกัน" ผมสั่ง

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับ  สมุทรยื่นเงินให้กับพี่สาว 

"เก็บค่าเช่าแผงเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" ผมถามเธอ  สีหน้าเธอดูกังวลมากเช่นกัน  ไม่ยอมสบตาผมเลย

"ค่ะ..แต่ว่าพวกที่มาประท้วงเมื่อครู่ยังไม่ยอมจ่าย" พี่สาวตอบ

"ไปเก็บมาเดี๋ยวนี้" ผมสั่ง

"ค่ะ" เธอพยักหน้ารับ

"นายไปพร้อมพี่สาว..ดูแลเธอด้วย เก็บมาให้หมดทุกสตางค์ ใครไม่มีก็ต้องมี ทุกคน..อย่าให้ขาดแม้แต่บาทเดียว" ผมจ้องหน้าสมุทรเขม็ง  บอกให้รู้ว่าผมไม่เล่น  ถ้าเขาไม่แข็งข้อกับคนพวกนี้ด้วยผมเอาเรื่องเขาแน่  สมุทรพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปพร้อม ๆ พี่สาว 

ผมกลับขึ้นไปบนสำนักงานพร้อมกับพี่ธาน  พนักงานรีบนำน้ำมาเสิร์ฟให้เราทั้งคู่  ผมเปิดดูกล้องวงจรปิดดูทั้งหมด  ดูความเป็นไปทุกอย่างในตลาดอย่างละเอียด  พนักงานรวบรวมบัญชีเพื่อให้ผมได้รับทราบให้เสร็จภายในวันนี้  ระหว่างนั้นผมแอบดูการทำงานของสมุทรจากกล้องวงจรปิด  อยากรู้ว่าเขาจะสามารถทำมันได้ดีหรือไม่  สมุทรไม่ค่อยพูดหรือยิ้มอย่างที่ควรนัก  ดูอีกฝ่ายจะเครียดพอดู  เวลาที่เขาไม่ยิ้มเขาเป็นคนที่นิ่งขรึมมากคนหนึ่ง  พ่อค้าแม่ค้าที่มาประท้วงเมื่อครู่กลับไปทำงานที่แผงของตนตามปกติ  พี่ธานโทรสั่งให้ไอ้เข้มออกไปสืบเรื่องของน้าน้อย  เมื่อพี่สาวกับสมุทรกลับมาถึงและได้เงินมาครบตามที่ผมต้องการ  ผมจึงจัดแจงเรื่องบัญชีของเดือนก่อนได้จนเสร็จ  รีบร่ำลาทุกคนเพราะต้องไปตรวจตราที่ห้างสรรพสินค้าต่อ 

เราสามคนพากันมากินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารในตัวห้าง Bangkok Land  พี่ธานชวนสมุทรคุยเป็นระยะ  ส่วนผมได้แต่นั่งฟังเพราะก็เพลินหูดี  ถ้าให้เป็นฝ่ายชวนคุยผมก็อดไม่ได้ที่จะกวนตีนเขาน่ะนะ  ซึ่งอารมณ์ตอนนี้ของผมยังไม่คงที่เท่าไหร่  และการกวนต่อหน้าพี่ธานก็จะถูกอีกฝ่ายเอาไปแซวในวันอื่น ๆ ต่อได้อีกด้วย  ดังนั้น..มันไม่โอเค  รอบนี้ผมขอผ่านดีกว่า  อยากให้บรรยากาศมันดูอบอุ่น ๆ ในรูปแบบการพูดคุยอย่างปกติทั่วไปบ้างน่ะนะ  อย่างน้อย ๆ พี่ธานก็ทำให้สมุทรผ่อนคลายลงได้แล้ว




...........ไฟ...........
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 25-03-2016 19:51:27
ปวดหัวแทนไฟ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 25-03-2016 20:01:43
หรือโปรดจะได้กับพี่ธานนะ5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-03-2016 20:13:14
สงสารโปรดเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 25-03-2016 20:48:13
คุณไฟนี่เจ๋งจริงๆเลย เก่งรอบด้าน  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-03-2016 20:56:50
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 25-03-2016 21:13:09
ไฟ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 25-03-2016 21:21:49
เอาเป็ดไปกินซะ o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 25-03-2016 21:38:33
พี่ธารกับคุณโปรดนี่มีสิทธิลุ้นมั้ย ( ฟ้าคงผ่า บ้านคงพัง) 55555555

 
ปล. ผมกับพี่สนวุ่นวานไปกับ  >> วุ่นวาย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 25-03-2016 22:03:57
ไม่รู้จะพูดอะไร..เลย!!!

ไฟ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-03-2016 22:26:04
ป๋าไฟโหดอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 25-03-2016 22:48:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 25-03-2016 23:22:03
สุดยอดมากกกกก เป็นตอนที่ยาวมากกชอบสุดๆ

โปรด.....แกโหดแล้ว แต่ไฟแม่งโหดกว่า!!

ชอบเวลาสมุทรอยู่กับคุณไฟ:)
ขอบคุณเบบี้จ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 25-03-2016 23:25:56
ขอย้อนไปตอนก่อนหน้า เพิ่งมาอ่านอ่ะ
ตอนไฟกับสมุทรคุยกันให้ความรู้สึกเหมือนพี่คิวมีแฝด
รู้สึกปวดหัว แต่ก็ชอบ ให้ความรู้สึกท้าทายและตื่นเต้นตามไปด้วยเลย

ที่จริงแล้วโปรดน่ะ ชอบพี่ธานอยู่ลึกๆใช่หรือเปล่า
คล้ายๆพีทัวร์นะคู่นี้ เพียงแต่เงียบๆกว่าเท่านั้นเอง ไม่โหวกเหวกเท่า55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 26-03-2016 04:34:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-03-2016 07:48:04
แล้วเค้าสองคนจะรักกันยังไงนะ.... :confuse: :confuse:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-03-2016 08:55:50
ไฟ เลิศมาก ชอบบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 26-03-2016 09:59:46
น้องโปรดช่างจี๊ดได้ใจพี่มากเลยค่ะ สมแล้วที่มีแต่คุณไฟคนเดียวเอาอยู่. รอเชียร์คู่ของโปรดอยู่นะคะ จะมีหรือเปล่าไม่รู้  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 26-03-2016 12:04:59
ชีวิตไฟนี่มีเรื่องให้ปวดหัวตั้งแต่เด็กยันแก่เลยนะ
โดยเฉพาะกับคุณโปรดเนี่ย แสบดีจัง
ส่วนสมุทรตอนนี้มาเป็นตัวประกอบ 555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 26-03-2016 12:49:40
คุณโปรดใช้ชีวิตได้ไร้สาระมาก



สมุทรหนูอย่าไปยุ่งอย่าไปสนิทด้วยนะ ดูอยู่ห่างๆพอ



เขาเป็นเพื่อนคุณไฟก็ให้คุณไฟเขายุ่งเขาจัดการไป



เห็นใจพี่ธานมากมาย ต้องเจอคนแบบมาโปรด อย่างนี้ไม่ใหวจริงๆ



คุณไฟเก่ง คุณไแกร่ง แต่คุณไฟโหด  สมุทรคู่พี่ธานดีกว่าใหมคุยกันเข้าใจง่าย



ไม่เจ้าเล่ห์ขี้โมโหแบบคุณไฟ



เฮ้อ....ยังมองไม่เห็นอนาคตของสมุทรเลยว่าจะเป็นแบบใหน



ต้องอยู่เป็นเบ้ให้คุณไฟทดสอบอะไรอีกมากมายแค่ใหน เหนื่อยแทน



คิดถึงหนุงเมฆกับพายุ หายตลอดๆ  กอดดดดดดดดดเด็กมืดมนคนมุ๊งมิ๊ง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-03-2016 14:44:20
 :mew1: :mew1: :mew1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4
สนุก  ชอบ  รอตอนใหม่ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 27-03-2016 00:15:41
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-03-2016 21:13:02
ลุ้นว่าเค้าจะชอบกันยังไง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 29-03-2016 04:34:38
สนุกมากกกกก ชอบนิยายแบบนี้ ชอบคุณไฟ ชอบร้อยยิ้ม555
ตอนไฟกับพี่ธานคุยกันมันฮามากๆ ฮาแบบแปลกๆ เหมือนรู้ใจกันตลอดเวลา ชอบบบ :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 29-03-2016 09:30:40
โปรดนี่สร้างเรื่องตั้งแต่เด็กยันโตนี่เราต้องมานั่งลุ้นพี่ธานกับโปรดหรือเปล่าเนี่ย55555

คู่กัดมักได้กัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: speedyy ที่ 01-04-2016 07:38:22
อ่านผลงานของเบบี้ที่ยังสามารถหาอ่านได้หมดแล้ว บางเรื่อง 2 รอบ
บอกเลยว่าถูกใจสุดๆ หึ หึ ชอบที่ตัวเอกคิดเป็นกับชีวิตตัวเองดี
ค่อยมันส์หน่อย สะใจทุกความคิดและการกระทำ
5555555 เสป็คเลยแบบนี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: @milan ที่ 01-04-2016 11:48:59
พี่ไฟเท่สุดๆอะ พี่โพี่โปรดนี่แต่เด็กเลยน่ะ o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 01-04-2016 17:31:07
ไม่ได้เข้าเล้านานมาก สองวันนี้ว่างเลยเข้ามาดู เห็นหนูบี้
กับนิยายเรื่องใหม่ ก่อนอื่นมาให้กอด  :กอด1: ให้หายคิดถึงก่อน
อ่านไล่สองวัน ตาลายแต่สนุกมาก เนื้อเรื่องต้องหาข้อมูลมาก กับตัวละครถึงจะมากแต่ไม่สับสน
สรุปเอาว่า  FC  หนูบี้กลับมารายงานตัวเพิ่มอีกหนึ่ง
ปล. ช่วงเวลาที่ห่างหายไป เวลาคิดถึงก็เอาเรื่องเก่า ๆ  เหล่า แก็งค์ข้าวกับต้าร์ มาอ่านเล่น ๆ
      ก็เพลินดี เอาว่ารักและคิดถึงกันเสมอ ๆ นะ ครับ หนูเบบี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 06-04-2016 11:43:11
ชวนไฟไปเที่ยวสงกรานต์
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-04-2016 15:02:42
ป้าหอบอ้ายแดงมายืนรอคุณไฟกับสมุทร



อยู่ที่สะพานท่าน้ำหน้าบ้านทุกวันเลย



แดดก็ร้อน ฝนก็แล้ง น้ำก็แห้ง อ้ายแดงก็ร้อง



ป้าก็ยังรอด้วยความหวัง ว่าคุณไฟจะพาสมุทรมาหาในเร็ววัน



แต่จนบัดเดี๋ยวนีั ก็ยังไร้วี่แวว



โธ่เอ๋ย....ไปอ้ายแดง เราไปนั่งรอเถอะ  ป้าเมื่อยขา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 06-04-2016 23:49:10
คิดถึง...คุณไฟ :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-04-2016 17:03:39

ตอนที่ 20
..ไฟ..





"คุณไฟครับ วันนี้จะเลิกดึกหรือเปล่าครับ" สมุทรถามหลังจากที่เราเสร็จงานจากที่ห้างสรรพสินค้า Bangkok Land เรียบร้อยและกำลังจะตรงไปที่ค่ายมวย  ผมมองหน้าเขานิ่ง ๆ
 
"ถ้าไม่อย่างนั้น เอ่อ..ผมจะขอไปรับเมฆที่โรงเรียนก่อน พอดีว่าดาวเลิกดึกน่ะครับ ไปรับเมฆแทนให้ไม่ได้" สมุทรพูด

"ไม่เป็นไร..เดี๋ยวฉันให้พายุไปรับให้ ขับไปขับมา..เสียเวลาซ้อมเปล่า ๆ" ผมตัดบท  เพราะถ้าเลยเวลาซ้อมของสมุทรก็จะไปกินเวลาทำงานในส่วนของเทรนเนอร์ช่วงตอนเย็นของเขาด้วย

"ก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ" เขาผงกหัว  ผมมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลัง

"ดื่มน้ำไหมครับ" สมุทรถามขณะที่ตนกำลังขับรถอยู่ 

"หึ..นายเรียนรู้งานไวดีนะ" ผมเท้าแขนกับประตูอมยิ้มชม 

"ผมถามเพราะอยากถาม ไม่ใช่งานครับ" เขาตอบเสียงเข้ม

"แล้วถ้าฉันต้องการดื่มน้ำนี่นายจะหันมาหยิบให้รึไง" ผมยังไม่หยุดกวน  พอได้กวนแล้วเลยทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างไรบอกไม่ถูก  ตั้งแต่เช้าผมก็แทบไม่ได้หยุดพัก  ทั้งเรื่องประท้วงที่ตลาด  ผม  สมุทรและพี่ธาน  รวมไปถึงพนักงานทุกคนที่สำนักงานในตลาดก็เครียดไม่แพ้กัน  ไหนจะต้องมาดูงานต่อที่ห้างสรรพสินค้าอีก  นี่พี่ธานก็เพิ่งกลับออกไปก่อนเพราะพี่สนเรียกให้พี่ธานไปเจอกะหันทัน  ผมเลยอนุญาตให้พี่เขาไปได้ 

"คุณนี่มันจริง ๆ เลย" สมุทรทำเสียงยอมแพ้  ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ เหลือบมองไปที่กระจกมองหลังอย่างเจ้าเล่ห์  อีกฝ่ายก็แอบเหลือบมองมาทางผมเช่นกัน  ผมจ้องเขาผ่านกระจกไม่วางตา  สุดท้ายสมุทรก็ละสายตาหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ

"นายว่าฉันใจร้ายไหมที่ทำกับแม่ค้าพวกนั้น" ผมลองใจ

"ครับ..คุณใจร้ายพอดู" สมุทรตอบทันที  ผมได้แต่อมยิ้ม

"แต่คุณก็คงมีเหตุผลของคุณ" เขาพูดเสริม  ได้ยินอย่างนั้นกลับรู้สึกพอใจจึงหันหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่าง 

"ฉันอยากกิน โมจิไอศกรีมรสวานิลลา" ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  อากาศด้านนอกค่อนข้างร้อนและอยู่ดี ๆ ในหัวก็นึกถึงเรื่องกินขึ้นมา  ใจจริงแล้วก็แค่คิดเล่น ๆ นะครับ

"ทำไมเมื่อกี้คุณไม่ซื้อก่อนออกมาล่ะครับ" สมุทรพูด 

"ก็ฉันเพิ่งอยากกินตอนนี้นี่" ผมตอบ 

"ผมไม่ขับกลับไปหรอกนะครับ รถติดขนาดนี้" สมุทรบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจนิด ๆ

"ฮึ..รถติดขนาดนี้ นี่นายเป็นลูกน้องฉันแน่เหรอ" ผมแสยะยิ้มพร้อมกลับแกล้งทำหน้าเข้มด้วย  ทั้ง ๆ ที่ในใจของผมกำลังยิ้มหน้าบานไปแล้วเพราะดันถูกใจกับอาการขัดใจแบบนี้ชอบกล

"ปกติ..ลูกน้องมันขัดใจเจ้านายได้ด้วยรึไง ลูกน้องฉันไม่เคยยักจะทำแฮะ ถึงไกลแค่ไหนเพื่อไปซื้อลูกชิ้นแค่สิบบาท มันก็ต้องกลับไป" ผมพูดเว่อร์ไปอย่างนั้นเองเพราะที่จริงผมก็คงจะไม่ใช้ให้ลูกน้องทำอะไรปัญญาอ่อน ๆ แบบนั้นหรอกครับ  ก็แค่ลองใจพูดว่าเขาดูน่ะนะ

"จวนใกล้เวลาซ้อมแล้วครับ คุณเพิ่งพูดเองไม่ใช่เหรอว่าจะเสียเวลาซ้อมน่ะ" สมุทรตอบกลับ  น้ำเสียงเรียบ ๆ คล้ายกับคุมเกมได้อยู่  ผมเงียบนิ่งไม่ตอบกลับอยู่ครู่หนึ่ง 
 
"ฉันชอบโมจิไอศกรีมรสวานิลลา" ผมพูดขึ้น 

"........." สมุทรยังคงนั่งเงียบ  รถเคลื่อนตัวไปได้ทีละนิด ๆ เท่านั้น 
 
"ฉันชอบโมจิไอศกรีมรสวานิลลา" ผมพูดซ้ำอีกครั้ง

"ผมทราบแล้วครับ" สมุทรตอบรับ  ผมแสยะยิ้ม  พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้  เอนตัวเองพิงเบาะด้วยความสบายมากขึ้น  ตาเหลือบมองผ่านกระจกมองหลังตลอดเวลาจนคนขับหันมาเห็นเป็นพัก ๆ เขาพยายามมองรถด้านหลังโดยไม่ยอมสบตาผมเท่าไหร่ 

"นายชอบรสอะไร" ผมถามหลังจากที่เงียบมาร่วมสิบนาที  ในรถเงียบมากเพราะผมไม่ได้บอกให้เขาเปิดอะไรฟังเลย

“ไอติมกะทิครับ” สมุทรตอบ

“หึ..ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะดังลั่น  สมุทรอมยิ้มมุมปากนิด ๆ เช่นกัน

“อยู่ไทยก็ต้องไอติมกะทิสินะ แต่เดี๋ยวนี้หารสชาติดี ๆ ถูกลิ้นเหมือนสมัยเด็ก ๆ แทบไม่ได้แล้ว” ผมพึมพำอดบ่นไม่ได้   

“ชอบเหรอครับ” สมุทรเหลือบตามามองเล็กน้อย 

“ชอบใคร” ผมมองเจ้าเล่ห์ตอบคนละเรื่อง 

“ไอติมกะทิครับ กรุณาอย่างนอกประเด็น” สมุทรเตือน  ผมกลั้นหัวเราะอีกครั้ง

“ก็ชอบ” ผมตอบส่ง ๆ

“ไว้ผมจะทำให้แล้วกันครับ” เขาบอก

“จริงดิ ทำเป็นเหรอ” ผมแปลกใจ

“อาจจะไม่ถูกปากขนาดแบบสมัยเด็กหรอกนะครับ” อีกฝ่ายเตือนก่อน  ผมเบะปากนิด ๆ พยักหน้ารับทราบ

“แล้วไม่ชอบไอศกรีมโมจิเหรอ”   

"ผมไม่เคยกินครับ ราคามันแพงสำหรับผม" สมุทรตอบเสียงเรียบ
 
"งั้น..ลองขับกลับไปไหมละ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง" ผมพูด  จงใจกวนเขาเล่น

"ผมไม่ได้อยากกินครับ ขอบคุณ" เขาบอก  น้ำเสียงยังเส้นคงวาเหมือนเคย 

"เมฆกับดาวน่าจะชอบนะ" ผมพูดอีก  สมุทรรักษาความเงียบเอาไว้เหมือนต้องการจะเอาชนะผมด้วยการเงียบแบบนั้น
 
"ฉันลองเปิดร้านโมจิไอศกรีมดูไหม มีแฟรนไชส์ด้วย เอามาลงแต่รสวานิลลาแล้วกัน ฉันว่าน่าจะขายดีนะ อืม..หรือไม่ก็มาการองไอศกรีมดี" ผมพูดไม่หยุด

"ถ้าคุณจะทำมันก็ทำได้สบาย ๆ แหละครับ แต่นี่คุณแค่กำลังอยากกวนผม แล้วผมต้องใช้สมาธิในการขับรถ" สมุทรว่า
 
"..เวลานายขรึมนี่เซ็กซี่ดีนะ" ผมพูดแกมหัวเราะ  สมุทรเหลือบมองผมอีกครั้งในทันที  ผมแสยะยิ้มมองกลับ 

"หน้าตานายเหมือนกับกำลังพูดว่า คุณชมลูกน้องแบบนี้ทุกคนเลยงั้นเหรอครับ" ผมพูดเดา

"เปล่านี่ครับ..ผมกำลังพูดว่า หน้าตาคุณดูมักมากในกามจังนะครับต่างหากล่ะ" สมุทรย้อนนิ่ง ๆ

"หึ!" ผมหลุดหัวเราะ

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมทิ้งตัวลงบนเบาะอย่างยั้งไม่อยู่

"เห็นเป็นงั้นเหรอ แสดงว่าฉันส่งถึงสินะ" ผมยังไม่หยุดตอบกลับอย่างหน้าด้าน ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างเดิมไม่พอ  ยังชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับเบาะฝั่งคนขับอีกด้วย   

"มักมากในกาม ฉันชอบแฮะ" ผมกระซิบพูดยิ้ม ๆ สมุทรถึงกับนิ่งไม่ขยับตัวเลย  ผมหัวเราะในลำคอกับปฏิกิริยาที่ได้รับ  อีกฝ่ายส่ายหัวเล็ก ๆ คงจะอ่อนใจเต็มทนแล้ว

"ฉันรู้สึกยังไง ฉันก็ทำอย่างนั้น..ปกปิดซ่อนเร้นไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา" ผมพูดส่ง ๆ เบนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนขอจบศึกในครั้งนี้ง่าย ๆ  เรารักษาความเงียบไปจนถึงค่ายมวยและต่างคนต่างแยกย้ายกันไปซ้อมตามหน้าที่ของตัวเองก่อนหน้าที่จะซ้อมผมได้โทรสั่งพายุเรื่องไปรับเมฆเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  พอพายุพาเมฆมาส่งเสร็จมันก็กลับออกไป  เมฆรีบเดินไปนั่งที่ ๆ นั่งประจำอย่างรู้หน้าที่  มันกอดกระเป๋าเป้ตัวเองไว้แน่นจนพี่ชายเข้าไปหา  ผมบอกให้สมุทรพาเมฆเข้าไปนั่งด้านในสำนักงานดี ๆ แต่เมฆก็ไม่ยอมเข้าไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล  มันขอนั่งทำการบ้านอยู่ที่เก้าอี้ที่วางอยู่ด้านหน้าสำนักงานแทน  และดูท่าจะเก้ ๆ กัง ๆ ลำบากพอดู  หลังจากที่ผมซ้อมเสร็จ  เข้าห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัวอย่างลวก ๆ นำผ้าขนหนูออกมาเช็ดตัวและเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวข้าง ๆ กับที่เมฆกำลังทำการบ้าน  เมฆที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสีหน้าประหม่าอย่างกับเห็นคนแปลกหน้าอย่างนั้น  ผมยักคิ้วให้นิ่ง ๆ อีกฝ่ายจึงยกมือขึ้นไหว้ผมน้อย ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อ

"นายครับ! ไอ้เข้มโทรมา" ไอ้เด่นวิ่งนำโทรศัพท์มือถือของมันมาให้ผม 

"ฉันพูด" ผมทัก

"นายครับ..น้าน้อยแกจะทำงานให้กับคนของตลาดหนึ่งมิตรจริง ๆ ครับ เอ่อ..ตอนนี้ดูเหมือนแกจะถูกเล่นงานที่ทำงานไม่สำเร็จ" ไอ้เข้มรายงานทันที  ผมเงียบฟัง

"ผมว่าอีกครู่หนึ่งน่าจะถูกซ้อมแน่ ๆ เอาไงดีครับนาย ให้ผมเข้าไปช่วยไหมครับ" ไอ้เข้มถาม

"ไม่ต้อง" ผมตอบอย่างไม่ต้องคิดมาก

"อยากอยู่ดีไม่ว่าดี มึงเองก็คิดเหมือนกูไหมว่าน้าแกไม่น่าจะได้แก่ตาย ฮึ..เอาเป็นว่าถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานแล้วกัน ห้ามช่วยเด็ดขาด แต่ถ้าตายก็ถ่ายมาด้วยล่ะ กูอยากดู เสร็จแล้วตามคนของหนึ่งมิตรไป กูแค่อยากรู้ว่าใครเป็นเจ้านายพวกมัน" ผมสั่ง

"ได้ครับ" ไอ้เข้มรับปาก  ผมตัดสายแล้วยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้กับไอ้เด่น

"พี่ธานไปไหน" ผมถามเพราะได้เวลาแล้วแต่ยังไม่เห็นโผล่หน้ามาสักที

"มานู่นแล้วครับ" ไอ้เด่นชี้มือไปทางเข้าอีกฝั่งหนึ่งซึ่งปกติลูกค้าจะใช้ทางนั้น  ลูกค้าสาว ๆ หันไปเห็นพี่ธานต่างพากันกระซิบกระซาบมองอีกฝ่ายตาเยิ้ม  พี่ธานผงกหัวยิ้มทักทายลูกค้าอย่างสุภาพ  ผมอมยิ้มมุมปากมอง  พี่ธานหันมาเห็นผมแล้วแต่แวะทักทายสมุทรก่อนจะเดินตรงมาหา  ผมอมยิ้มกรุ้มกริ่มแซวอย่างอดไม่ได้ 

"ไอ้เข้มรายงานคุณแล้วใช่ไหมครับ" พี่เขาถาม

“ดูเหมือนผมควรจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ส่วนของค่ายให้พี่ด้วยแล้วละมั้ง” ผมตอบคนละเรื่อง  พี่ธานยิ้มเขินนิด ๆ

“ลูกค้าเลือกมาก็เพราะคุณแหละครับ แต่คุณไม่ค่อยลงไปซ้อมให้ พวกเธอก็เลยไม่กล้ายุ่งกับคุณมากกว่า” พี่ธานตอบ  ผมเบะปากทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อคำแก้ตัวของพี่แก 

“คุณสั่งให้ไอ้เข้มจัดการยังไงเหรอครับ จะเอายังไงต่อดี” พี่ธานวกมาที่เรื่องเดิม  ผมนั่งนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่เดียว
 
"ไม่เอายังไง" ผมตอบส่ง ๆ ไปที

"ผมจะไม่ทำอะไรจนกว่าจะไม่ไหว..เหมือนเดิม" ผมตอบอย่างเหนื่อยหน่าย  พี่ธานคงเข้าใจที่ผมพูดด้วยจึงได้แต่พยักหน้ารับ 

"แล้วนี่ซ้อมเสร็จแล้วเหรอครับ"

"ครับ" ผมตอบ

"ว่าไงเมฆ" พี่ธานเข้ามาลูบหัวเมฆอย่างทักทาย  เมฆหันตัวกลับไปพร้อมยกมือไหว้พี่ธานด้วยสีหน้าเกร็ง ๆ ไม่ต่างจากที่มีให้กับผมนัก 

"หิวไหม" พี่ธานยิ้มถาม  เมฆไม่ตอบแต่ส่ายหัวแทนคำตอบให้แทน  พี่ธานอมยิ้มมองอย่างเอ็นดู  เมฆมองพี่ธานตาปริบ ๆ
 
“มีลูกดิ เดี๋ยวผมส่งเสียค่าเล่าเรียนให้เอง ถ้าเป็นลูกพี่..ต่อให้กี่ล้านผมก็ยอมจ่ายนะ จริง ๆ” ผมยักคิ้วกวน  พี่ธานยิ้มกว้างในทันที   

"เดี๋ยวผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าครับ" อีกฝ่ายรีบพูดเปลี่ยนเรื่องเลย   

"ครับ..ตามสบาย ๆ รีบ ๆ เปลี่ยนเถอะ..สาว ๆ รอจะแย่" ผมไม่เลิกที่จะดักคอเพื่อแกล้งในประเด็นอื่นต่ออีก  พี่ธานกลั้นอมยิ้มยืนนิ่งไม่ขยับ  ผมเลิกคิ้วอมยิ้มมองตอบ  เราจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นอย่างไม่มีใครยอมใคร 

"ผมเคยบอกคุณแล้วนะครับ ว่าการเลิกคิ้วข้างเดียวของคุณมันทำให้ดูไม่สุภาพต่อคนที่เห็นนะครับ" พี่ธานพูดเชิงสอน  แต่ผมคิดว่าพี่แกจงใจว่าผมมากกว่าแล้วก็เดินไปซะเฉย  ผมหัวเราะ  ตามจริงแล้วผมก็เป็นอย่างที่พี่เขาว่าจริง ๆ นั่นละ  มั่นใจในตัวเองและชอบเลิกคิ้วข้างเดียว  ดูเหมือนจะติดเป็นนิสัยแย่ ๆ ไปเสียแล้ว   

"........." ผมนั่งเงียบ  เหลือบมองเมฆที่ทำการบ้านใกล้จะเสร็จแล้วและก็เลยนึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นได้

"ไอ้เด่น!" ผมตะโกนเรียก

"ครับ!" มันขานรับและรีบวิ่งมาหาอย่างว่องไว

"ขอยืมมือถือหน่อย" ผมบอก  มันมองผมงง ๆ 

"มือถือ..วิ่ง! เร็ว ๆ ๆ ๆ!!" ผมเร่ง  ใช้น้ำเสียงและจังหวะเข้ม ๆ เหมือนเวลาที่สั่งตอนฝึกเพื่อแกล้งมัน  ไอ้เด่นรีบวิ่งกลับไปหยิบโทรศัพท์มือถือกลับมาให้ผม  ผมรับมาและกดเข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาภาพที่ต้องการ  เลือกภาพที่ดูดึงดูดสายตามากที่สุด  พอได้ภาพสมใจแล้วจึงนำภาพบนหน้าจอโทรศัพท์นั่นยื่นไปตรงหน้าของเมฆ  อีกฝ่ายละสายตาจากสมุดการบ้านมามองบนหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างสนอกสนใจ  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

"น่ากินไหม" ผมถาม  เมฆไม่ตอบและไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจนผมชักหวั่นใจเพราะไอ้เด็กนี่มันไม่ยอมพูดกับคนแปลกหน้าเลย 

"ไปกินกันไหม" ผมยังคงไม่ยอมแพ้  ยิงคำถามเพื่อต้อนไปด้วย  เมฆมีนิสัยคล้าย ๆ กับพายุตอนเป็นเด็ก  ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าใช้วิธีการพูดในลักษณะแบบเดียวกันกับที่ผมเคยใช้กับพายุ  มันก็น่าจะได้ผล

".........." เมฆนั่งเงียบ  เหลือบตาลงต่ำ  ดูท่าแล้วคงลังเลและไม่แน่ใจว่าควรตอบผมว่าอย่างไรดี

"ถ้านายอยากกิน ฉันจะเลี้ยงเอง จ่ายส่วนของพี่ชายนายด้วย แต่ว่า..นายต้องเดินไปบอกพี่ชายนายเองนะ" ผมก้มหน้าลงไปกระซิบบอก

"บอกว่า..อยากกินฮันนี่โทสต์" ผมพูด  เมฆมองหน้าผมตาโตแต่ยังคงเงียบ

"นะ" ผมสะกิดไล่เมฆเบา ๆ เพื่อกระตุ้นด้วย  อยู่ ๆ เมฆก็ลุกขึ้นวิ่งตรงไปหาสมุทรที่กำลังถอดนวมออกไปเก็บพอดี
 
"พี่สมุทร" เมฆเรียก  ผมเบนหน้าหนีมองไปทางอื่นเล็กน้อยเพราะเกือบจะหลุดอมยิ้มออกมา

"เมฆอยากกินฮันนี่โทสต์!" เมฆบอกเสียงใส 

"อะไรนะ" สมุทรย้ำถามคล้ายไม่เชื่อหู  น้ำเสียงแอบแฝงด้วยความดุนิด ๆ

"หนู.. อยากกิน ฮันนี่..โทสต์" เมฆพูดย้ำอีกครั้ง  ครั้งนี้เสียงเบาลงไปเหมือนคนพูดเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง  ผมมองเห็นด้วยหางตาเห็นว่าสมุทรมองมาทางผมเขม็งเลย  อีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาหา  ผมจึงหันกลับไปมองหน้าซื่อ ๆ

"มีอะไร" ผมตีหน้าซื่อถาม

"คุณสอนน้องผมพูดเหรอ" สมุทรพูดอย่างรู้ทัน  บทจะซื่อบื้อก็ซื่อบื้อแต่พอบทจะจมูกไวก็ดันฉลาดขึ้นมาเชียว 

"ฉันเปล่า" ผมยักไหล่ตอบหน้าตาย

"ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครครับ เมฆยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮันนี่โทสต์คืออะไร" สมุทรว่า

"อ้อ..เขารู้แล้ว ฉันเปิดให้ดูน่ะ" ผมอมยิ้มนิด ๆ ยอมความอย่างง่าย ๆ สมุทรจ้องหน้าผมนิ่ง  ดูท่าแล้วคงไม่พอใจน่าดูที่ผมทำแบบนี้   

"ฉันเลี้ยงเอง" ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างเราทั้งคู่ที่มีเมฆยืนมองรออยู่ห่าง ๆ

"มันไม่ได้สำคัญตรงที่ใครเลี้ยงหรอกนะครับ" สมุทรพูด  น้ำเสียงอ่อนลงนิดหน่อย  ความใจเย็นของเขานี่ผมถูกใจมากจริง ๆ

"คุณกำลังจะทำให้น้องผมติดกินแต่ของที่ไม่มีประโยชน์" สมุทรต่อว่าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนไม่ได้โกรธจริงจังอะไร 

"ก็นาน ๆ ที..อีกอย่างน้องนายยังไม่เคยกินสักหน่อย" ผมพูด

"ตกลง ไปไหม" ผมย้ำถามอีกครั้ง  คนแบบนี้ต้อนไปทีละนิดเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ยอมเองละครับ

"ไม่ไปครับ" สมุทรตอบ  เมฆหน้าหงอยผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด  ผมเลิกคิ้วทั้งสองข้าง  กลอกตาและพยักหน้าส่งสัญณาณไปทางเมฆเพื่อให้สมุทรได้ดูสีหน้าของน้องตัวเองในตอนนี้เสียก่อนที่จะปฏิเสธผม  สมุทรก้มลงมองหน้าเมฆเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตามามองผมอย่างคาดโทษ  ผมอมยิ้มให้

"ตกลงว่าไปแล้วกัน ฉันขอไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน" ผมสรุป  ลุกขึ้นยืน

"การบ้านเสร็จรึยัง ถ้าไม่เสร็จพี่ไม่พาไปนะ" สมุทรพูดบอก  ผมอมยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น 
 
"ใกล้เสร็จแล้ว" เมฆรีบตอบอย่างดีใจ 

"ชิ" ผมสบถทันที  เพราะดันหันไปเห็นว่าพี่ธานยืนอมยิ้มมองผมกับสมุทรอยู่ก่อนหน้านี้นานแล้ว  อีกฝ่ายแสยะยิ้มให้ผมไม่วางตา  ผมส่ายหัวเล็กน้อยแต่พี่ธานก็ยังไม่วายหยุดทำหน้าทำตาแซวผมอยู่อย่างนั้น ผมเบะปากหน้าด้าน ๆ เรื่องอะไรจะสน  พอนึกเรื่องแก้เผ็ดขึ้นได้จึงเดินตรงไปหาลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ระหว่างผมกับพี่ธานในตอนนี้มากที่สุด

"ขอโทษนะครับ" ผมกระซิบเรียกเธอ

"เทรนเนอร์คนนั้นน่ะ เขามองคุณอยู่นานแล้ว ระวังตัวหน่อยนะครับ..สายตาของเขาดูหื่นมากเลย" ผมพูดบอก  พี่ธานมองผมอย่างไม่ไว้ใจ  ลูกค้าคนนี้พอหันไปเห็นว่าเทรนเนอร์ที่ผมหมายถึงคือพี่ธาน  เธอก็ยิ้มเขิน ๆ ไม่พูดไม่จา  พี่ธานหน้าเหวอ  ผมยักคิ้วให้อีกครั้ง  ทิ้งขี้ไว้ให้พี่ธานเสร็จแล้วจึงเดินเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจัดการทำความสะอาดตัวเอง


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-04-2016 17:04:50

18:25 น. Yummy Honey Toast

"ไง..ชอบไหม" ผมถามเมฆหลังจากอาหารของเราถูกนำมาเสิร์ฟสองจานใหญ่  เมฆดูจะตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจกับสีสันฉูดฉาดบนจานฮันนี่โทสต์  ส่วนพี่ชายของเขาก็เอาแต่ดื่มชาบ้าง  ตักไอศกรีมกินบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ

วันนี้ผมให้สมุทรจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ที่ค่ายมวยเพราะผมรับปากว่าจะไปส่งทั้งสองคนที่บ้าน  สมุทรบอกว่าเขารับปากดาวไว้ว่าจะไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยเพราะวันนี้เธอเลิกดึก  ผมก็เลยอาสาจะขับรถไปรับดาวและไปส่งทั้งสามคนที่บ้านให้เลยทีเดียว 

"มื้อนี้ผมขอจ่ายเองแล้วกันนะครับ" สมุทรพูด

"ไม่ได้ ฉันเป็นคนล้างสมองน้องนาย..เดี๋ยวฉันจ่ายเอง" ผมพูดเสียงแข็งกึ่ง ๆ บังคับเพราะรู้อยู่แล้วว่าสมุทรคงไม่ได้เต็มใจมาเท่าไหร่นักหรอก

"ไม่ได้ครับ คุณจ่ายมาหลายครั้งแล้ว"

"หึ..” ผมหลุดหัวเราะพลางยิ้มมองหน้าเขา

“คิดมากเรื่องเล็กน้อยนี่นะ เวลาที่ฉันอยู่กับพวกลูกน้องฉันก็จ่ายตลอด" ผมตอบส่ง ๆ ไปที  ส้อมยังไม่หยุดจิ้มขนมปังเข้าปากไปด้วย  ร้านนี้มันร้านโปรดผมเลยจริง ๆ

"แต่ว่านาย..ฉันยกให้กรณีพิเศษ" ผมพูด  เหลือบมองสมุทรอีกครั้งอย่างอดแอบหยอดไม่ได้  สมุทรมองผมด้วยหางตานิด ๆ ท่าทางไม่สะทกสะท้านใด ๆ จนแทบอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  สายตาเรียบนิ่ง  ครู่เดียวริมฝีปากของเขาดันแฝงไปด้วยความกรุ้มกริ่มนิด ๆ และนั่นกำลังทำให้ผมรู้สึกอยากแดกอีกฝ่ายขึ้นมาทั้งอย่างนี้  ผมอมยิ้มมองไม่วางตา  อยากได้แบบไหนก็จัดให้ได้ทั้งนั้น

"หน้าตานายเหมือนกำลังพูดว่า คุณกำลังจีบผมอยู่เหรอครับ" ผมแกล้งพูดออกไปตรง ๆ



ปึก!   ..ผมถลึงตาโตพลางยิ้มกว้างให้เพราะดันถูกสมุทรนำเท้าเตะเข้ามาที่เท้าผมอย่างแรงเหมือนปรามให้ผมหยุดพูดอะไรต่อหน้าเมฆ 

"นี่มันสองพันสิบห้าแล้วนะ เปิดใจกว้าง ๆ หน่อยน่า" ผมแซวอย่างไม่จริงจังอะไร

"ผมไม่ได้โลกทัศน์แคบขนาดนั้นหรอกครับ แต่ปากคุณน่ะ..ทำไมถึงได้ชอบพูดอะไรไม่เข้าท่า เกินควร" สมุทรบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง 

".........." ผมอมยิ้มไม่ตอบโต้กลับ  สมุทรจ้องมองผมเขม็งอย่างปราม ๆ ผมจึงเลิกคิ้วให้

"แล้ว..แฟนเก่านาย ทำไมยังไปมาหาสู่กันอยู่ล่ะ" ผมได้โอกาสจึงถามออกไป  เท้าแขนลงบนโต๊ะ  นำมือเชยใบหน้าเอาไว้โดยหันหน้าไปมองสมุทรเหมือนกำลังชวนพูดในหัวข้อที่สบาย ๆ แต่ดูเหมือนจริง ๆ แล้วจะไม่สบายสำหรับคนถูกถามเท่าไหร่เพราะสมุทรไม่ยอมตอบ  เขาเลือกที่จะหยิบเหยือกเพื่อรินน้ำชาใส่แก้วให้ผมกับแก้วของเขาไปอย่างเงียบ ๆ
 
"คบกันมากี่ปี เคยรักกันแค่ไหน ที่จริง..ถ้ารักกันขนาดนั้นก็คงไม่เลิกกันหรอกใช่ไหม" ผมพูดไปเรื่อยอย่างต้องการกวนอารมณ์ให้เขารำคาญใจเล่น 

"คุณไฟครับ ผมคิดว่าเรามีหัวข้ออื่นให้สนทนากันเยอะแยะไปนะครับ ผมหมายถึงเรื่องอื่น" สมุทรพูดพร้อมถอนหายใจเบา ๆ

“พี่นายนี่ดุจังแฮะ” ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ ให้เมฆ  เมฆตั้งหน้าตั้งตากิน  มันมองผมตาแป้วไม่ตอบอะไร

"ก็ได้..พูดเรื่องอื่น แต่ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของหูน้องนายนะ" ผมยักไหล่  สมุทรมองผมตาโตก่อนถอนหายใจ

"ผมกับเธอรู้จักกันได้หลายปีแล้วครับ คบกันได้ประมาณสองปี เราตัดสินใจแยกทางกันเพราะหลาย ๆ สาเหตุ" สมุทรตัดสินใจเล่าออกมาอย่างรวบรัดและรวดเร็ว  ผมยิ้มกะล่อนมองอย่างพอใจ

"เพราะฐานะเหรอ" ผมยิงคำถามออกไปอีก  ไม่ได้สนใจว่าจะเสียมารยาทต่ออีกฝ่ายรึเปล่า

"..นั่นก็ด้วยครับ" สมุทรตอบไม่มองหน้า

"โอเค" ผมเบะปากพอใจในสิ่งที่ได้รู้เพิ่มเติม  ตั้งตัวตรงเตรียมจะกินต่อเพราะกลัวว่าไอศกรีมจะละลายซะหมด

"อยากถามฉันบ้างไหมล่ะ ฉันตอบได้หมดนะ..สิบแปดบวก ยี่สิบห้าบวก สามสิบบวก..ไม่จำกัดหัวข้อ" ผมยิ้มเจ้าเล่ห์

"คุณเคยไม่กวนใครบ้างไหมครับ" สมุทรยิงคำถามแทบจะทันที

".........." ผมเงียบ  ชะงักมือที่จิ้มขนมปังเอาไว้พร้อมกลอกตาขึ้นอย่างใช้ความคิดย้อนไปถึงความหลังอย่างหนัก  สมุทรกับเมฆรอคำตอบมองหน้าผมเขม็งเลย 

"ใครจะไม่เคย บ้าเปล่า" ผมตอบส่ง ๆ ที่จริงก็นึกไม่ค่อยออกเท่าไหร่

"แต่ปกติ ฉันจะไม่ค่อยกวนคนที่ฉันไม่ชอบขี้หน้าอะนะ" ผมเบ้ปาก

"งั้นเหรอครับ" สมุทรพูด  เรามองหน้ากันและอมยิ้มนิด ๆ ให้เห็น  ผมยักคิ้วให้เขาด้วย   

"ปากเปื้อนแล้ว" สมุทรหันไปเห็นน้องชายตัวเอง  เมฆยิ้มเขิน  พยายามจะนำมือเช็ดปากตัวเองทั้งที่ไม่รู้ว่าเปื้อนตรงไหน สมุทรรีบหยิบกระดาษทิชชู่มาพับแล้วเช็ดมุมปากที่เปื้อนของเมฆให้จนสะอาดเอี่ยม

"เช็ดมือซะครับ" สมุทรหันมายื่นกระดาษทิชชู่แผ่นใหม่ให้ผม  ผมขมวดคิ้วงง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะให้ผมเช็ดมือทำไม

"มือคุณเปื้อน เป็นเด็กรึไง" อีกฝ่ายบ่น ๆ ผมพลิกมือทั้งสองมือดูอย่างตกใจ  ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนกินมูมมามขนาดนั้นแต่ก็พบว่าที่นิ้วมือข้างซ้ายเปื้อนวิปปิ้งครีมอยู่จริง ๆ

"เช็ดให้หน่อยสิ" ผมบอกพร้อมยื่นมือไปตรงหน้าสมุทร  อีกฝ่ายมองมา  ถอนหายใจน้อย ๆ แต่ก็ยอมจับมือซ้ายของผมไปแล้วเช็ดให้ง่าย ๆ  ผมมองหน้าสมุทรที่กำลังมองมือผมขณะที่เช็ดอยู่อย่างตั้งใจ  อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าความคิดที่คิดในใจอย่างอิจฉาเมฆเมื่อครู่นี้นั้นมันดันตอบสนองผมได้อย่างรวดเร็วเกินตั้งรับไปหน่อย  ก็ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่สมุทรทำให้อยู่ในตอนนี้เท่าไหร่หรอกนะครับเพราะผมก็ตั้งใจอยากให้เขาทำแบบนี้ให้อยู่แล้ว  เรียกว่าตั้งใจอ่อยสุด ๆ   
 
"ขอบคุณ เดี๋ยวรอบหน้าจะทำเปื้อนอีก" ผมพูด  สมุทรไม่ตอบโต้แต่อมยิ้มไม่มองหน้าผม  รอยยิ้มที่ปรากฏออกมาดูไม่น่าไว้ใจอย่างที่ผมไม่ได้เห็นบ่อยนัก  ผมคิดว่าความจริงแล้วเขาก็มีความเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ในตัวนะครับแต่เขาแค่ไม่รู้ตัว  และเพราะมีบุคลิกที่เรียบร้อยสุภาพมันจึงค่อนข้างกลบอะไร ๆ ทำนองนั้นไปได้น่ะ

"อยากเอาไปให้พี่ดาวกินด้วย" เมฆพูดขึ้น 

"ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไอศกรีมละลายนะ" สมุทรบอก  เมฆหน้าหงอยผิดหวังอีกครั้ง

"ซื้อเค้กไปฝากแทนไหม" ผมถาม  เมฆมองตาลุกวาวขึ้นมา

"กินเสร็จแล้วเดี๋ยวไปเลือกกัน" ผมบอก  เมฆผงกหัวยิ้มเขิน ๆ

"ลืมขนมยายแล้วมั้งเนี้ย หือ" สมุทรกัดฟันยิ้ม ๆ นำมือบีบจมูกเมฆอย่างแซว ๆ

"ไม่ลืมสักหน่อย~" เมฆฉีกยิ้มกว้างแก้ตัวทันควัน  ผมอมยิ้มมอง  เรากินกันไปคุยกันไปเรื่อย ๆ ไม่มีหัวข้ออะไรที่จะล้วงลึกความลับใครเป็นพิเศษ  หลังจากกินเสร็จผมก็พาเมฆไปเลือกเค้กที่ตู้เค้กกันสองคน  ส่วนสมุทรนั่งเฝ้าอยู่ที่โต๊ะ  พอเลือกเสร็จแล้วจึงจ่ายเงินออกจากร้านมา   

"ถือดี ๆ อย่าแกว่งแขนสิ" สมุทรบอกน้องชายของเขาที่ถือกล่องเค้กไปและแกว่งแขนไปมาด้วยท่าทางตื่นเต้น  เมฆหยุดมือตามที่ถูกเตือน  ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องออกไปรับดาว  ผมจึงออกปากบอกให้พวกเราเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ก่อน  สมุทรพาเมฆไปที่แผนกเครื่องเขียน  เขาได้ของที่ต้องการติดไม้ติดมือกลับบ้านมาด้วย  ผมสังเกตดูตลอด  เห็นว่าสองพี่น้องเลือกของกันอย่างมัธยัสถ์ดี  หลังจากนั้นส่วนใหญ่ร้านที่เลือกเขาเป็นร้านที่ผมต้องการทั้งสิ้น  ผมแวะซื้อของที่จะนำไปทำบุญเตรียมไว้ด้วย  ส่วนใหญ่เป็นของใช้ทั่วไปจึงไม่ได้ทำให้สมุทรติดใจถาม  เขายังคงทำหน้าที่ประหนึ่งหนึ่งในลูกน้องเดินตามผมและช่วยถือของอย่างไม่ปริปากบ่น 

"ใบนี้เท่าไหร่ครับ" ผมถามพนักงานขายเครื่องหนังยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งของดีไซเนอร์ชาวไทย  อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของพายุแล้ว  คิดว่าซื้อเตรียมไว้เลยดีกว่า  กันพลาดและกันลืมนะครับ

"สี่หมื่นหกพันบาทค่ะ" เธอยิ้มตอบ  ผมเอื้อมมือหยิบกระเป๋ามาดูรวม ๆ

"ใบนี้รุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะคะ ของเพิ่งวางเมื่อวานนี้เองค่ะ..สะพายได้หลายแบบนะคะ" เธอยิ้ม  รีบหยิบกระเป๋าขึ้นสาธิตวิธีการสะพายในดูในลักษณะแบบต่าง ๆ ซึ่งสามารถสะพายแบบเป้ก็ได้หรือสะพายข้างหรือว่าถือก็น่าจะใช้ถนัดมือเช่นกัน

"ออกแบบมามีทั้งหมดสามสีค่ะ มีเพียงสีละใบเท่านั้นเองนะคะคุณลูกค้า" พนักงานยิ้มเชียร์ใหญ่  ผมพยักหน้าตอบน้อย ๆ เท่านั้นเพราะขี้เกียจปั้นหน้ายิ้มให้  กวาดตามองกระเป๋าใบนี้ทั้งสามสีที่วางโชว์อยู่ด้านหน้าร้านหรา  ก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาพี่ธาน

"ครับคุณไฟ" พี่ธานรับ

"พี่ซื้อของขวัญให้พายุรึยัง" ผมถาม 

"ครับ..จองมาแล้ว ได้อาทิตย์หน้าน่ะครับ" พี่ธานตอบ

“จิ..เตรียมพร้อมดีเกินไปแล้วมั้ง” ผมบ่นยิ้ม ๆ เรื่องทำนองนี้ทีไรพี่ธานชนะผมอีกตามเคย  รายนี้นี่ใส่ใจคนในบ้านเป็นพิเศษอยู่แล้วละครับ   

"ซื้ออะไรให้ล่ะ" ผมถาม

"หึ รองเท้านะครับ ยี่ห้อใหม่ของดีไซเนอร์ที่สตอกโฮล์ม ไม่ค่อยดังหรอกครับ..ก็เลยไม่มีร้านวางขายอยู่แถบเอเชีย ผมเลยต้องสั่งไว้ก่อนน่ะครับ" พี่ธานอธิบาย

"งั้นเหรอ..ปิดปากเงียบเลยน้าพี่ใหญ่" ผมแซว  ก้มหน้ามองรองเท้าตัวเองไปพลางอย่างใช้ความคิด

"คุณไฟดูอะไรไว้งั้นเหรอครับ"

"เปล่าหรอก..เจอกระเป๋าน่ะ มันน่าจะชอบ" ผมตอบ

"งั้นเท่านี้นะครับ ผมว่าผมเอาใบนี้แหละ" ผมตัดบท  ใช้เวลาเลือกมากกว่านี้ก็เสียเวลาเปล่า  เพราะยังไงผมก็มักจะถูกไอ้น้องชายตัวดีทั้งสองคนรีดไถเงินเป็นประจำอยู่แล้ว

"ครับ" พี่ธานตอบและหัวเราะน้อย ๆ

"ผมเอาใบนี้นะครับ เอาสีเขียว" ผมชี้มือไปที่กระเป๋าหนังใบสีเขียวเข้ม  ถึงแม้ว่าสีน้ำตาลและสีหนังอีกสองใบจะสวยเช่นกัน  แต่รูปทรงนี้สีเขียวดูสะดุดตามากกว่า  อีกทั้งปกติพายุเป็นคนชอบสีเด่น ๆ ผมคิดว่าถ้ามันมาเลือกเองมันก็คงจะเลือกสีเขียวแน่ ๆ

"คุณลูกค้าเลือกใบนี้นะคะ" พนักงานหยิบกระเป๋าและย้ำถามยิ้ม ๆ ผมพยักหน้าตอบ  เธอนำกระเป๋าใบนี้ไปที่เคาน์เตอร์  ผมเดินตามไปและยื่นบัตรเครดิตให้  สมุทรจับมือเมฆให้เดินตามหลังมา  ระหว่างที่พนักงานนำกระเป๋าไปใส่กล่องและใส่ถุงให้  กว่าจะคิดเงินเสร็จก็ใช้เวลานานพอดู  หลังจากซื้อของเสร็จ  คาดคะเนเวลาได้แล้วจึงออกเดินทาง  สมุทรเป็นฝ่ายขับรถ  ผมนั่งฝั่งข้าง ๆ คนขับและครั้งนี้เมฆจึงจำเป็นที่จะต้องไปนั่งข้างหลังแทน  ถึงแม้ว่าตอนแรกเมฆจะถูกผมแกล้งว่าให้เขามานั่งตักผมได้ก็เถอะแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกลัวน่ะนะ  ก็เลยไม่ยอมให้ได้

"สวัสดีค่ะ" ดาวยกมือไหว้ผมยิ้ม ๆ เธอดูแปลกใจที่เห็นผมมาด้วย  ดาวมองสมุทรและมองมาที่รถของผมครู่หนึ่ง  เป็นการกวาดตาอย่างรวม ๆ เมฆรีบเปิดประตูรถออกมา

"พี่ดาว!" เมฆวิ่งเข้าไปจับมือดาวให้ไปที่รถ

"จ้า ๆ" ดาวหัวเราะและรีบเดินตามไป  สมุทรอมยิ้มมองทั้งสองคน  ผมจึงเข้าไปเปิดประตูรถให้เธอ  การที่ดาวเลือกที่จะไม่ถามอะไรซึ่งผมคิดว่าเธอเป็นคนที่ฉลาดปรับตัวให้เข้ากับสังคมของพี่ชายตัวเองเป็นอย่างดี

"ขอบคุณค่ะ" ดาวก้มหัวยิ้ม ๆ เมฆขึ้นรถไปก่อน  เมื่อดาวขึ้นไปแล้วผมจึงปิดประตูรถให้  หันกลับมาอีกทีก็เจอกับสายตาของพี่ชายของทั้งสองคนที่ยืนมองผมซะเขม็งเชียว 

"อะไร" ผมยักไหล่ถามอย่างไม่เข้าใจ 

"เปล่าครับ" สมุทรตอบปัดแล้วกลับไปขึ้นรถ  ผมแสยะยิ้มน้อย ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบใจอะไรเหมือนกันแต่ก็พออ่านออกละนะว่าเจ้าตัวเป็นห่วงน้องสาว  ระหว่างทางกลับบ้าน  ผมเริ่มชวนดาวคุยก่อนเพราะไม่อยากให้ในรถเงียบจนเกินไป  เมื่อเธอเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว  คราวนี้เธอก็เป็นฝ่ายชวนผมคุยบ้างจนถึงบ้านนู่นละครับ 

"พี่หยามา" ดาวพูดขึ้นเสียงใส  ผมสังเกตเห็นรถยนต์คันเดิมคุ้นตา  เพราะส่วนตัวเป็นคนช่างสังเกต  จึงสามารถจำได้ดีว่ารถยนต์คันที่จอดอยู่หน้าปากซอยนี้เป็นรถยนต์คันเดียวกันกับของผู้หญิงคนที่มาเมื่อครั้งก่อนหน้า  ซึ่งก็คือแฟนเก่าของไอ้คนข้าง ๆ ผมนี่ละ

ดาวรีบลงจากรถไปพร้อมกับเมฆ  ทั้งคู่ดูตื่นเต้นดีใจ  ผมเองก็ลงด้วย  สมุทรนำกุญแจรถมายื่นคืนให้ 

"ขอบคุณมากนะคะพี่ไฟ" ดาวยกมือยิ้มไหว้ เมฆเห็นอย่างนั้นก็รีบยกมือไหว้ตามเธอทันที  เหมือนกลัวว่าถ้าไม่ไหว้ผมซะตอนนี้  เดี๋ยวจะต้องได้โชว์ไหว้ขอบคุณเดี่ยว ๆ คนเดียวแน่อย่างนั้น  ในมือก็ถือกล่องเค้กไว้ไม่ยอมปล่อย  ผมพยักหน้าตอบ  นำมือขยี้หัวเมฆเบา ๆ อย่างหมันเขี้ยว 

"ไม่เป็นไร" ผมยิ้มตอบให้เธอ

"งั้นหนูกับเมฆไปที่บ้านก่อนนะคะ" ดาวจับมือเมฆไว้  สมุทรพยักหน้า  ทั้งสองคนรีบวิ่งไปทันที

"ดูตื่นเต้นกันน่าดูนะ" ผมพูด  สมุทรไม่ตอบ  คิดว่าผู้หญิงที่ชื่อหยาอะไรนั่นคงสนิทสนมกับคนที่บ้านสมุทรเป็นอย่างดี   
"งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน" ผมตัดบท

"ครับ ขอบคุณนะครับ" สมุทรบอก  ผมพยักหน้าตอบ  กลับมาขึ้นรถแล้วขับออกมา  เมื่อผมขับออกมาได้สักระยะหนึ่งผมก็เห็นว่าสมุทรก็เดินกลับเข้าซอยไป..


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-04-2016 17:05:39

21:50 น. The Rest Bar, RATIO HOTEL

"แล้วไหงมาร้านกูแบบที่กูไม่ต้องเชิญได้" ไอ้คินว่า  มันนั่งลงขนาบข้างผมโดยไว 

"เซ็ง ๆ" ผมตอบส่ง ๆ

"นี่กูชวนพี่ธานมาด้วย เห็นว่าอยู่แถว ๆ นี้พอดี" ผมบอก  พนักงานรีบเข้ามารินเบียร์เพิ่มให้ผม   

"เซ็งอะไรว้า ไหนดูกระหม่อมหน่อยซิ" ไอ้คินทำเสียงแซว  มันไม่พูดเปล่า  นำมือมากุมหัวผมทั้งสองมือแล้วกดหัวผมไปดูด้วย

"ไอ้เหี้ย" ผมด่าพร้อมกับปัดมือมันออก  ไอ้คินหัวเราะ

"เออ ไอ้ไฟ..กูมีเรื่องจะบอกมึงอยู่พอดี" มันทำหน้าเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา  ผมเหลือบเห็นพี่ธานเดินเข้ามาในร้านพอดีจึงโบกมือส่งสัญญาณให้ 

"ขออนุญาตครับ" พี่ธานยิ้ม  ผงกหัวน้อย ๆ แล้วนั่งลง

"ดื่มอะไรสั่งเลยครับพี่ธาน" ไอ้คินบอก

"เรื่องอะไรวะ" ผมกลับมาเรื่องเดิมที่ไอ้คินเกริ่นไว้

"เห็นเขาลือกันว่าไอ้กริดจีบเด็กมึงอยู่เหรอวะ" ไอ้คินถามพร้อมยิ้มน้อย ๆ ด้วยสีหน้าเกรงใจที่จะเล่าจนผิดสังเกต

"ใครเด็กกู เดียร์น่ะเหรอ" ผมขมวดคิ้วสงสัย  เพราะนึกออกอยู่แค่คนเดียวที่เห็นว่าไอ้กริดเล็งไว้อยู่

"ริศาต่างหากเล่า!" ไอ้คินกระแทกเสียงว่า  ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

"ริศามาเกี่ยวอะไร" ผมว่า  หันไปมองหน้าพี่ธานขำ ๆ

"กูจะไปรู้ไง..กูเห็นเขาลือกันว่ามันจ้องจะจีบริศาอยู่ อ่าว..นี่ตกลงมึงยังไงของมึงวะ ไม่รู้เรื่องเลย" ไอ้คินพูดแกมบ่น  มันหยิบเครื่องดื่มของมันขึ้นดื่มบ้าง  ผมกัดลิ้นตัวเองนิด ๆ อย่างใช้ความคิด

"ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้สนใจ" ผมเบะปากตอบ  หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูเพราะเห็นว่าหน้าจอมีไฟกะพริบเตือน

"แต่ว่า นี่มึงยังคั่วกับเดียร์อยู่อีกเหรอวะ" ไอ้คินทำหน้าอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา 

“อย่าใช้คำว่าคั่ว กูคน..ไม่ใช่พริก” ผมส่ายหัวหน่าย ๆ เพราะมันชอบดึงเรื่องยาวไปเรื่อยเปื่อย  เมื่อมองลงไปที่โทรศัพท์มือถือผมกลับถึงกับผงะและรีบปลดล็อกหน้าจอในทันที  ชื่อของคนที่บันทึกเอาไว้และไม่เคยแม้แต่จะส่งข้อความถึงกันปรากฏให้เห็นเต็มสองตา  ผมไม่เคยคิดเลยด้วยว่าจะได้รับอะไรไม่ทันตั้งตัวจากอีกฝ่ายแบบนี้  จึงรีบกดเปิดข้อความที่ได้รับจากสมุทรขึ้นอ่าน  ปลายสายส่งข้อความมาสั้น ๆ ได้ใจความว่า..

สมุทร:  "ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้"
.. ผมอมยิ้มออกมาในทันทีอย่างควบคุมหน้าตัวเองไม่ได้  สายตาจ้องมองหน้าจออยู่อย่างนั้นแล้วอ่านประโยคสั้น ๆ นั่นซ้ำไปซ้ำมาอย่างกับประโยคแม่งยาวเป็นเรียงความอย่างนั้น

"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของมึง" ไอ้คินเสนอหน้าเข้ามาจะดู  ผมรีบนำโทรศัพท์ออกห่างมันในทันที

"ฮันแน่~ ใครส่งอะไรมาเหรอครับคุณไฟ ทำเสือยิ้มยากกูยิ้มหน้าบานได้ขนาดนี้" ไอ้คินแซว  มันอ้าปากซะกว้างเหมือนมีเรื่องสนุก ๆ ให้แซวพร้อมกับหันไปมองหน้าพี่ธานอย่างหาแนวร่วม  พี่ธานอมยิ้มนิด ๆ

"ไอ้คนที่พูดบอกกูว่าเซ็ง ๆ เมื่อกี้นี้มันไปไหน คนเดียวกันเปล่าวะ สาด..เขิน ๆ" ไอ้คินเล่นไม่เลิก 

"เขินเหี้ยไร พูดมากว่ะ" ผมว่า  ดันหัวมันออกไปไกลเพราะเริ่มจะรำคาญมันแล้ว

"พี่ธานรู้ปะครับเนี่ยว่ามันจีบใครอยู่" ไอ้คินหันไปถาม

“แต่ถ้าพี่ไม่รู้ บนโลกนี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วนะ” มันกระแทกเสียง  ผมกับพี่ธานหัวเราะ

"ไม่ ๆ ๆ ไอ้เชี้ยนี่มันเคยจีบใครแล้วเคยยิ้มประหลาดแบบนี้ด้วยเหรอ" ไอ้คินเริ่มทำหน้าจับผิดชี้หน้าผมด้วย  คราวนี้พี่ธานแสยะยิ้มกว้างจนน่าถีบจริง ๆ ผมกลอกตาไปอีกทางพร้อมกับเบนหน้าหนียิ้ม ๆ เช่นกัน

"ที่จริง..ผมก็พอจะรู้อยู่บ้างนะครับ ถ้าเดาไม่ผิด" พี่ธานตอบ 

"ใครอะ!" ไอ้คินกระแทกเสียง ๆ หลงเลย

"ถ้าคุณไฟไม่อนุญาต ผมก็บอกไม่ได้หรอกครับ" พี่ธานพูด  ผมเหล่ตากลับไปมองพี่ธานแล้วยักคิ้วให้ด้วยเพราะถึงพี่ธานพูดความจริงออกมา  ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้วละนะ  อาจจะมีเขินบ้าง  แต่แน่นอนว่าในความเขินของผมก็มีความสะใจในอารมณ์อยู่พอสมควร

"กูบอกให้เอาปะล่ะ" ผมพูด  เข้าไปกอดคอไอ้คินมาใกล้  ไอ้คินพยักหน้าตอบแทบหลุด

"อีกฝ่ายน่ะ..” ผมเกริ่น

“เป็นคนที่ทำให้เป้ากูตุงแทบระเบิดได้ทั้งที่ไม่ต้องทำอะไรเลย มึงคิดว่าไง กูเจอคนที่โคตรเจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ หึ..ดีใจกับกูล่ะสิ" ผมแสยะยิ้มเหี้ย ๆ ให้  พร้อมกับตีแก้มไอ้คินเบา ๆ อย่างหยอก ๆ 
 
"กูละสงสารคน ๆ นั้นฉิบหายเลยว่ะเพื่อน" ไอ้คินพูดหน้านิ่งตายไปเลย   

"หึ ๆ ๆ ๆ" ผมกับพี่ธานหลุดหัวเราะออกมาเพราะขำหน้าของมัน  ดูท่ามันจะจริงจังน่าดู

"ผมว่าผมไม่อยากรู้จักแล้วล่ะ" ไอ้คินทำหน้าเอือม ๆ หันไปบอกพี่ธาน  พี่เขายิ้มกว้างคล้ายเห็นด้วย  ไอ้คินเป็นคนจมูกไว  แต่จมูกไวน้อยกว่าไอ้โปรดไปหน่อย   

"ห่าเอ๊ย พายุโทรมา" ผมบ่นเป็นนัยเพื่อให้ไอ้คินหุบปากสักเดี๋ยว  เพราะปกติผมไม่ค่อยได้รับสายโทรเข้าจากน้องชายตัวดีเท่าไหร่หรอกนะครับ  แสดงว่าคงเป็นเรื่องสำคัญน่าดู

"ว่า.." ผมกดรับ

"พรุ่งนี้วันอะไร" พายุถามเสียงเข้มจัดมาเลย

"วันที่สาม หวยไม่ออกนี่" ผมกวนตอบ

"เฮีย!" ปลายสายกระแทกเสียง  ผมหัวเราะเบา ๆ

"ไหนเฮียบอกว่าพรุ่งนี้จะไปทำบุญด้วยกันไง แล้วนี่ยังไม่ถึงบ้านอีก" มันเริ่มบ่น

"เออน่า กูจำได้"

"แล้วนี่อยู่ไหน" พายุทำเสียงจับผิด

"ร้านไอ้คิน" ผมตอบ

".........." ทีนี้ทำเอาพายุเงียบไปสนิทเลย 

"กำลังจะกลับแล้ว เข้านอนไปเหอะน่า..กูถึงบ้านก่อนห้าทุ่มแน่นอน" ผมรับปากมันเพราะไม่อย่างนั้นคงโดนงอนเป็นแน่

"เร็ว ๆ ล่ะ แต่ขับรถไม่ต้องเร็วมากก็ได้" มันพูดอย่างยอมความ

"เออ" ผมตอบและชิงตัดสายก่อนเลย

"แม่กูโทรตามละ กลับก่อน" ผมตัดบทแล้วหยิบน้ำเปล่ามาดื่มจนหมดแก้ว

"อ่าว อะไรวะ" ไอ้คินบ่นหน้างอ

"มันบอกให้กูกลับบ้านเร็ว ๆ แต่ขับรถไม่ต้องเร็ว ตกลงมันจะให้กูกลับเร็วหรือไม่เร็ว" ผมบ่น

"หึ ๆ" ไอ้คินหัวเราะ  พี่ธานรีบลุกตาม

"พรุ่งนี้กูต้องไปทำบุญให้พ่อกูที่เขาใหญ่ รับปากมันไว้แล้ว..เอาไว้เจอกันมึง" ผมบอก 

“อ่าวเหรอ” ไอ้คินพยักหน้าเข้าใจ  อยู่ ๆ มันก็เปิดกระเป๋าสตางค์  หยิบเงินออกมายื่นให้ผมปึกหนึ่ง  น่าจะประมาณห้าพันเห็นจะได้

“อะไร..ไม่เอา” ผมว่าพร้อมปัดมือมันออก

“จิ..เอาไปเหอะน่า ฝากทำบุญหน่อย” มันขมวดคิ้ว  นำเงินมายัดใส่มือผมกึ่งบังคับ  ผมยิ้มน้อย ๆ ไอ้นี่มันใจดีผิดกับผม  ขนาดผมแกล้งมันไว้เยอะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน  ไม่ว่าจะเรื่องไถเงินมันหรือเรื่องอื่น ๆ ที่ทำให้มันขายหน้า  มันก็ยังคงเป็นคนนิสัยแบบนี้อยู่เหมือนเดิม 

"ค่าเหล้าไม่ต้องจ่าย ห่า..ดื่มไปได้ไม่กี่อึก" มันดักคอผม  ผมกับพี่ธานหัวเราะ  เราร่ำลาและแยกย้ายกันออกจากร้านมา 


- - - - - - - - - - - - - - -


12:30 น. เขาใหญ่

วันนี้ผมเดินทางมาทำบุญที่วัดหลวงลุงโดยออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่  เดินทางมากับพายุแค่สองคนและพากังฟูมาด้วย  ปกติเวลามาทำบุญกับพายุเราก็จะมากันแค่สองคนแบบนี้อยู่แล้ว  ลูกน้องทุกคนจะทราบดี ครั้งนี้ผมเป็นคนขับ  พี่ธานเป็นคนเดียวที่ทราบดีกว่าใครว่าผมจะไปที่ไหนบ้าง  ทุก ๆ ปีไม่ผมหรือพายุก็มักจะหายตัวกันไปในวันนี้เป็นประจำ  อันที่จริงก็ไม่เชิงว่าหายตัวไปโดยขาดการติดต่อแต่แค่อยากมาอย่างสงบ ๆ ก็เท่านั้น 

ผมสั่งงานว่าถ้าวันนี้พี่ธานไปไหนให้พาสมุทรไปกับพี่เขาด้วย  คิดว่าวันนี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่พี่ธานจะได้สอนสมุทรขับบิ๊กไบท์อย่างจริงจัง  ส่วนไอ้เข้มยังคงต้องไปตามสืบเรื่องต่อเพราะยังจับมือใครดมไม่ได้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ตลาดนั้นตัวการจริงมาจากใคร  ไอ้หินมีเรียน  ไอ้รุ่งมีฝึกมวย  ส่วนไอ้เด่นผมให้ออกไปช่วยไอ้เข้มในวันนี้  ขณะเดียวกันก็ให้มันสองคนเลยไปดูความคืบหน้าของการซ่อมแซมที่ค่ายมวยศรไกรด้วย 

พายุกับผมมาถึงวันตั้งแต่เช้ามืด  ถนนโล่งจึงทำให้ขับรถได้สะดวกสบายบวกกับที่ผมขับรถค่อนข้างเร็ว  ส่วนพายุตอนแรกก็ชวนผมคุยอยู่ดี ๆ ครู่เดียวมันก็หลับไปจนถึงวัด  วันนี้ป้าอิ่ม  แม่บ้านคนอื่น ๆ รวมไปถึงพายุตื่นตั้งแต่ตีสามกว่า ๆ เพื่อลุกขึ้นมาทำอาหารที่จะนำมาถวายพระ  เมื่อถึงวันแล้วผมกับพายุก็นำอาหารไปตั้งโต๊ะเตรียมไว้ในที่เดียวกับคนอื่น ๆ ในโรงครัว  ระหว่างรอพระเข้าศาลาญาติโยมที่มากันแต่เช้าจึงมานั่งสมาธิรอ  พายุนั่งสมาธิตัวแทบไม่กระดิกอีกตามเคย  มันนั่งนิ่งมากในเวลาเกือบ ๆ สองชั่วโมงจนผมยอมใจ  ระหว่างนั่งสมาธิลุกไปเข้าห้องน้ำถึงสองครั้งเพราะเป็นคนดื่มน้ำเยอะและเนื่องจากอยู่ในป่าอากาศเลยค่อนข้างเย็น เสียงนกเสียงไก่ดังเป็นระยะ ๆ เสียงซึ่งบ่งบอกถึงชีวิตที่สุขสงบในแบบที่ผมแทบไม่ได้ยินมานานมากแล้ว 

หลวงลุงเห็นผมและพายุแล้วตั้งแต่ที่ท่านมาถึงศาลา  หลวงลุงเพียงแต่มองมาทางเราช่วงสบตาและผมคิดว่าท่านคงทราบด้วยดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของเราสองพี่น้อง  เสร็จจากพระให้ธรรมะและญาติโยมนั่งสมาธิระหว่างฟังธรรมไปประมาณเกือบ ๆ สี่สิบนาทีก็ถวายสังฆทาน  ผมกับพายุนำของที่ซื้อเตรียมไว้ทั้งส่วนของมันและของผมไปถวายพร้อม ๆ กัน  นำเงินก้อนหนึ่งซึ่งร่วมจากส่วนของผม  พายุ  พี่ธานและไอ้คินรวบรวมอยู่ในซองเดียวนำไปให้กับไวยาวัจกร 

เสร็จจากนั้นพายุก็เข้าไปถือบาตรให้กับหลวงลุงเพื่อเดินไปตักอาหาร  ผมไม่ใช่คนดีถึงขนาดเข้าใกล้พระได้อย่างสนิทใจจึงเลือกที่จะนั่งมองอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า  ความเงียบทำให้อดีตย้อนกลับมาหาผมอีกครั้ง  ระหว่างที่รอพระเข้าไปฉันอาหาร  ผมกับพายุออกมานั่งรอที่ด้านนอกศาลา  พายุเข้าไปตักขนมหวานมากิน  มันคงหิวนั่นแหละครับเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย  ส่วนผมยังไม่รู้สึกอยากจึงกินโยเกิร์ตไปสองถ้วยอย่างลวก ๆ เพื่อไม่ให้ท้องว่างจนเกินไป  หลังจากที่หลวงลุงฉันอาหารเสร็จ  เราสองคนก็เข้าไปกราบท่านรวมถึงท่านเจ้าอาวาสด้วย  สนทนากันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงพวกผมก็ขอตัวกลับออกมา  ท่านจะได้ทำกิจของสงฆ์ไป

"อากาศโคตรดีเลย" ผมลงจากรถมาได้จึงถอดแจ็คเก็ตที่ใส่อยู่ออก  ตอนนี้เรามาอยู่ที่ตลาดในชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพื่อเจาะจงมาที่ร้านข้าวต้มกุ๊ยเจ้าประจำของครอบครัวเราที่ตั้งอยู่ที่นี่  เวลาที่พวกเรามาที่เขาใหญ่  เราก็มักจะแวะเวียนมากินเสมอ ๆ รสชาติข้าวต้มกุ๊ยเหมือนกับรสชาติฝีมือของแม่พายุไม่มีผิดเพี้ยนเลย     

"กังฟูลงมา" พายุเปิดประตูรถให้ลูกรักของมัน  กังฟูดูจะตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้ออกมาเที่ยวทางไกลแบบนี้  ปกติถ้าพายุหรือผมไม่ว่างก็ไม่ค่อยมีใครได้เล่นกับมันหรอกครับ  เพราะทุกคนกลัวมันกันหมดนั่นแหละ

"หิวววว!" พายุร้องบ่นทั้งที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนมันเพิ่งจะกินไปหยก ๆ

"มาเร็ว" ผมเรียกมันทั้งสองตัว  พายุจับสายจูงให้กังฟูเดินตามมา 

"เฮ้ย เฮีย!" พายุอุทาน  น้ำเสียงมันทำให้ผมหันไปด้วยความตกใจ

"อะไร" ผมขมวดคิ้ว

"ย่า..มา ได้ไงวะ" พายุพูดตะกุกตะกัก  มันตาโตชี้มือไปอีกทาง  ผมเสียวสันหลังวาบ  หันไปมองก็เห็นย่าเต็มสองลูกตาตนเองจริง ๆ   

"พายุ!" ย่าหันขวับมาอย่างกับมีเรดาร์ ผมทำท่าจะก้าวขาหนีแต่ก็ไม่ทันแล้ว  หางตาเห็นย่าเดินจ้ำอ้าวเข้ามาเลย

"เจ้าไฟ แกหยุดเลยนะ!" ย่าเรียกเสียงดังจนชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้หันมามอง 

"โฮ่ง!" กังฟูเห่าใส่  ย่าผงะและชะลอฝีเท้าลงอย่างกับมีใครไปกดปิดสวิตช์

"หนูริศาล่ะ ไปตามหนูริศามาซิ" ย่าหันตัวไปสั่งคนติดตามที่พามาด้วย  ผมกับพายุมองหน้ากันเลิ่กลั่ก  ครู่เดียวริศาก็เดินมา  เธอยิ้มกว้างทันทีที่เห็นหน้าผม 

"นี่แกเพิ่งออกมาจากวัดกันรึ งั้นกลับไปด้วยกันก่อนสิ..ย่ากำลังจะไป" ย่ายิ้มอย่างดีใจ

"สวัสดีค่ะไฟ" ริศายิ้มทัก 

"สวัสดีค่ะน้องพายุ" เธอหันไปทักทายพายุด้วย

"สวัสดีครับ" พายุผงกหัวทักทายกลับ 

"ตกลงยังไง.." ย่าพูดเร่ง 

"ผมเพิ่งออกมาจากวัดครับย่า แล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย" ผมพูดบอก  คิดว่าย่าคงรู้อยู่แล้วเป็นแน่ว่าวันนี้พายุและผมจะต้องมาที่วัดของหลวงลุงเพื่อมาทำบุญให้กับพ่อ  และผมไม่คิดด้วยว่าพี่ธานหรือพายุจะเป็นคนบอกย่าในเรื่องนี้  ยิ่งพี่ธานยิ่งไม่มีทางไปกันใหญ่ นอกจากพ่อที่เสียไปแล้วก็ไม่มีใครสามารถปริปากพี่ธานได้นอกจากผม

"นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนะครับ พระฉันมื้อเดียวนะครับย่าและก็เสร็จเรียบร้อยไปแล้วด้วย" พายุว่าให้  ย่าหน้าสลดไปนิดหน่อยเหมือนเถียงไม่ออก   

"งั้น..เดี๋ยวย่าไปกับคนของย่าแล้วกัน แกสองคนจะกลับแล้วใช่ไหมล่ะ ฝากหนูริศากลับไปด้วยเลยสิ" ย่ายิ้มออกมาได้อีกครั้ง  ผมเหลือบมองพายุเพื่อขอให้มันช่วย  พายุกระดุกสายจูงอย่างแผ่วเบาทำให้ลูกรักของมันเริ่มขู่รำคามในลำคอตามที่ผมต้องการ

"........." ริศาเงียบไปดื้อ ๆ เธอมองต่ำลงไปที่กังฟูและสีหน้าเธอดูหวาดกลัวในทันที 

"คงไม่ได้หรอกครับ ขอโทษด้วยนะครับพี่ริศา กังฟูต้องนั่งเบาะหลังน่ะ..ตัวมันใหญ่" พายุพูด

"แล้วริศาไม่ได้ตั้งใจจะมาทำบุญอยู่แล้วหรอกเหรอครับ" ผมแกล้งถามต้อนไปอย่างนั้น  ริศากับย่ามองหน้ากันก่อนที่ย่าจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"ค่ะ ก็..ตั้งใจจะมาอยู่แล้วน่ะค่ะ" ริศาอมยิ้มตอบอย่างเสียไม่ได้ 

"งั้นผมกับพายุขอตัวนะครับย่า เดี๋ยวต้องรีบกลับบ้าน" ผมตัดบทโต้ง ๆ ย่าทำหน้าไม่พอใจ

"นี่ตกลง แกสองคนจะไม่ไปวัดกับย่าก่อนเรอะ!" ย่าว่าเสียงหลง  หลุดความเป็นตัวเองออกมาอีกแล้ว  ช่างเป็นคุณย่าที่เอาแต่ใจจริง ๆ

"ย่าอยากให้ยุกลับไปกับเฮียแล้วย่าถูกหลวงลุงดุเอาไหมล่ะครับ" พายุตอบย่ามันด้วยความฉลาดของมันที่มักจะใช้ได้ผลสำหรับย่าเสมอ

"........." ย่ากัดฟันแน่น  ริศามองตามผมตลอดเวลาแต่ผมไม่ค่อยหันไปมองเธอ  ผมยกมือไหว้ลาย่าและฉีกยิ้มให้ริศาเล็กน้อยก่อนเดินหนีออกมาเลย
 
"ย่าโทรไปถามอาม้าแน่ ๆ เลยเฮีย" พายุวิเคราะห์  มันเดินตามหลังผมมา  ผมหัวเราะน้อย ๆ

"ดูย่าเขาเอาจริงนะ เรื่องพี่ริศา" มันพูด  ผมยิ้มมุมปากน้อย ๆ เพราะก็จริงอย่างที่พายุว่า  แค่ดูเพียงนิดเดียวก็อ่านเกมของย่าออกหมดดุ้นแล้วละ

"ถ้ากูไม่เอาซะอย่าง กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าย่าจะทำอะไรกูได้" ผมพูด  คิดให้เป็นเรื่องสนุกไป 


ร้านแปะยิ้ม ข้าวต้มกุ๊ย
"หวัดดีฮะแปะ!" พายุส่งเสียงทักทายอย่างดีใจที่ไม่ได้เจออาแปะเจ้าของร้านมานาน 

"หวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้แก

"อ่าว อาไฟ..อาพายุ!" อาแปะยิ้มกว้างด้วยสีหน้าดีใจเช่นกัน  เมียแกและคนงานที่ร้านของอาแปะยิ้มกว้างทักทายพวกเราอย่างสนิทสนมคนลูกค้าในร้านหันมามอง

"ไปยังไงมายังไงกันล่ะ อ๋อ..นี่ใช่วันครบรอบของเตี่ยลื้อรึเปล่า" อาแปะทัก  ความจำยังคงดีไม่เปลี่ยน  อีกทั้งสุขภาพร่างกายก็แข็งแรงมากอีกด้วย  ถ้าพ่อผมแข็งแรงได้อย่างอาแปะแกสักนิดก็คงดี

"ครับ..ยุกับเฮียเพิ่งกลับจากวันมาน่ะครับ" พายุยิ้มตอบ

"ผมขอนั่งข้างนอกนะครับแปะ" พายุชี้ไปที่โต๊ะที่ตั้งอยู่นอกร้านที่เหลือเพียงหนึ่งโต๊ะ  คงเพราะไม่อยากปล่อยทิ้งกังฟูไว้หน้าร้านคนเดียว

"ได้ ๆ" อาแปะพยักหน้า  กวักมือให้ผมยกใหญ่
 
"นั่งก่อน ๆ" เมียอาแปะรีบเข้ามาจัดโต๊ะให้เราสองคนพี่น้อง  ผมผงกหัวขอบคุณน้อย ๆ ก่อนนั่งลง

"เอาอะไรสั่งได้เลยนะ อาหลิน..ไปรับออเดอร์ซิ" อาแปะสั่งเสียงดังลั่น  ผมยื่นเมนูอาหารไปให้พายุ  ก่อนมองสำรวจไปรอบ ๆ ร้าน  ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน  ห้องแถวไม้สองชั้นไม่รู้กี่สิบปีมาแล้ว  ยังคงเป็นประตูบานพับแบบสมัยก่อน  โต๊ะไม้รูปวงกลมสไตล์จีน  บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง  ลูกค้ายังคงเต็มร้านทั้งที่เกือบจะบ่ายโมงเข้าไปเต็มแก่แล้ว  เสียงเอะอะของทั้งอาแปะและเมียแกที่พูดคุยกับลูกค้าทุกคนอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง  คนงานในร้านยังคงเสียงดังพูดข้ามหัวลูกค้าโต๊ะต่อโต๊ะ  แต่ทุกโต๊ะกลับมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม 

"เอาข้าวต้มกี่ถ้วยอะเฮีย" พายุถามตาไม่มองผมเพราะมัวแต่มองเมนู

"สามถ้วยครับ" ผมสั่งคนมารับออเดอร์  สั่งไปแค่สามถ้วยพอเพราะร้านอาแปะแกให้ข้าวต้มถ้วยเบ้อเริ่ม

"เอาผักหวานไฟแดง คะน้าหมูกรอบ" ผมสั่งก่อน  นึกอยากกินอยู่พอดี  หมูกรอบร้านของอาแปะอร่อยจนน้ำตาแทบไหลเลยละ

"เป็ดพะโล้" ผมพูดอีก

"โห่ รอด้วยสิ!" พายุเงยหน้าว่าผมเสียงหลง  ผมยิ้ม

"มึงอยากสั่งอะไรมึงก็สั่งไปสิ ห่า" ผมบ่น  เสือกสั่งช้าเองแล้วมาโวยวาย

"เอายำปลาสลิด ใส่ไข่เค็มด้วยได้ไหมครับ" พายุเงยหน้าถาม 

"ได้จ้ะ" เธอหัวเราะน้อย ๆ

"ปลาสลิดก็เค็ม ไข่เค็มก็เค็ม" ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจมัน

"ขาไก่น้ำแดง" พายุสั่ง

"เอา..ยำผักกาดดองด้วยครับ" ผมสั่งต่อ

"พอยัง" ผมถามพายุ

"พอตั้งแต่ขาไก่น้ำแดงแล้วมั้ง" มันประชดใส่ผมจนคนรับออเดอร์หัวเราะ

"เท่านี้ครับ" ผมบอกเธอ  เธออ่านไล่รายการอาหารย้ำให้ฟังอีกครั้งก่อนเดินไปสั่งอาหารกับอาแปะ  กุ๊กฝีมือดีเสมอต้นเสมอปลายประจำร้านนี้  ซึ่งผมจัดให้เป็นร้านในตำนานของครอบครัวผมเลยนะครับ 

"กังฟูหิวไหม" พายุก้มตัวลงขยี้หัวถามกังฟูที่นอนอยู่ข้าง ๆ มัน  กังฟูเงยหน้ามองเรา 

"กินขาเฮียไฟรองท้องก่อนก็ได้นะ" พายุยิ้ม  ผมยิ้มไม่ว่าอะไร  รู้อยู่แล้วว่ามันกวนตีน

"สั่งเป็ดพะโล้ให้กังฟูกินได้ไหมเฮีย แต่ก็..เกรงใจแปะ" พายุบ่นพึมพำด้วยสีหน้าคิดหนัก

"เป็ดตายอีกเป็นฟาร์มกูก็จ่ายให้มึงได้ แต่มึงจะเอาเป็ดพะโล้มาให้หมากินเนี่ยนะ ไอ้เหี้ย..มึงช่วยสำรวจดูก่อนว่าในร้านตอนนี้นี่รวมกันแล้วกี่ตีน" ผมว่าขำ ๆ จนพายุหลุดหัวเราะชอบใจ

"แล้วมึงจะไม่ได้มาเหยียบร้านแปะอีกเลยนะ" ผมพูดไปหัวเราะไป

"เฮียอะ" พายุบ่นยิ้มเขิน ๆ

"ทนก่อนนะกังฟู เดี๋ยวซื้อเป็ดกลับไปให้กินที่บ้าน เอาแต่เนื้อเนอะ..เนื้ออร่อย" พายุก้มลงกระซิบบอก  กังฟูเงยหน้ามองหงอย ๆ สงสัยกลิ่นอาหารในตอนนี้คงโชยเตะจมูกของมันน่าดู ผมเหลือบมองไปรอบ ๆ ตัวเองขณะที่นั่งอยู่

"แล้ว..พี่สมุทรฝีมือเป็นไง" พายุถาม  สีหน้าสนใจขึ้นมา  ผมอมยิ้มไม่ตอบ  เป็นรอยยิ้มให้มันเดาคำตอบเอาเอง

"เฮียชอบกวน" มันบ่น  ผมหัวเราะน้อย ๆ หยิบน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

“อ้า~” ผมส่งเสียงด้วยความสะใจ  น้ำที่ดื่มเข้าไปทำให้รู้สึกชุ่มคอ  พายุส่ายหัวน้อย ๆ พร้อมถอนหายใจ  มันเท้าแขนลงบนโต๊ะพร้อมกับหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้นจิบบ้าง 

".........." เราจบบทสนทนาลงดื้อ ๆ ผมกับพายุนั่งหันหน้าเข้าหากัน  มันมองตาผมไม่พูดอะไร  ผมจึงอมยิ้มมุมปากให้  ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน  มือของผมหมุนโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเล่นไปพลางเพื่อรอคำพูดจากน้องชาย  พายุหันหน้าออกไปทางขวามือ  ผมอมยิ้มในใจกับปฏิกิริยาจากประสาทสัมผัสที่ไวมากของพายุ  ไวมากกว่าลูกน้องของผมทุก ๆ คน  ไม่เว้นแม้แต่พี่ธาน

"ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เหมือนมีคนตามเรา..อยู่เลยนะ" พายุพูดเว้นวรรคเหมือนไม่แน่ใจแต่น้ำเสียงยังคงปกติ  ผมฉีกยิ้มในทันทีที่ได้ยินคำพูดที่แอบคิดไว้ในใจอยู่ได้สักพักหนึ่งแล้ว  ซึ่งตอนแรกผมกะปล่อยผ่านไปเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองก็ได้เนื่องจากไม่มีสิ่งผิดสังเกตเกินควร  แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พายุพูดออกมาแบบนี้คล้ายกับเป็นสิ่งรับรองความจริง  เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมเชื่อในประสาทสัมผัสของมันน่ะนะ

"ตามมาถึงนี่ได้ สงสัยเราคงถูกให้ความสำคัญน่าดู..รู้สึกพิเศษจัง” ผมชมอย่างรู้สึกชอบใจ 

“เอาซะต่อมเสียวกูเต้นตุบ ๆ เลย" ผมแสยะปากยิ้ม ๆ




............ไฟ...........

จากผู้เขียน: เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาเกิดขึ้นกับเบบี้มากมาย  เบบี้อาจมาต่อไม่ได้สักระยะหนึ่งนะคะ(แต่คงไม่นานมากขนาดที่หายไปเลย)  ก่อนหน้านี้ที่ได้ลงให้นั้น คือวันที่ 25 มีนาคม นี่ก็ผ่านมาร่วม ๆ สามอาทิตย์ได้  หลังจากลงตอนล่าสุดคือตอนที่ 20 นี้  ที่มาลงให้ก่อนเพราะตอนต่อเนื่องจากตอนที่ 19  ซึ่งทางเบบี้เองยังไม่สามารถรับปากได้ว่าตอนต่อไปจะสะดวกมาต่อได้คือเมื่อไหร่  ถ้าสามารถเคลียร์สิ่งต่าง ๆ และหาเวลามาลงให้ได้ก็จะรีบมาลงให้ทันทีค่ะ :)


ขอบคุณค่ะ
เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 19 [ 19:30 น. - 25 มี.ค 59 หน้า 21 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-04-2016 17:27:40
ไม่ได้เข้าเล้านานมาก สองวันนี้ว่างเลยเข้ามาดู เห็นหนูบี้
กับนิยายเรื่องใหม่ ก่อนอื่นมาให้กอด  :กอด1: ให้หายคิดถึงก่อน
อ่านไล่สองวัน ตาลายแต่สนุกมาก เนื้อเรื่องต้องหาข้อมูลมาก กับตัวละครถึงจะมากแต่ไม่สับสน
สรุปเอาว่า  FC  หนูบี้กลับมารายงานตัวเพิ่มอีกหนึ่ง
ปล. ช่วงเวลาที่ห่างหายไป เวลาคิดถึงก็เอาเรื่องเก่า ๆ  เหล่า แก็งค์ข้าวกับต้าร์ มาอ่านเล่น ๆ
      ก็เพลินดี เอาว่ารักและคิดถึงกันเสมอ ๆ นะ ครับ หนูเบบี้  :mew1:

ขอ  :man1: ตอบ ..ยินดีต้อนรับกลับเช่นกันค่ะ ~
ขอบคุณที่สนับสนุนผลงานมาเสมอนะคะ
  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 14-04-2016 17:52:57
คุณไฟรู้สึกว่าคู่แข่งน่ากลัวใช่ใหม



สมุทรใจร้ายไปนะ คุณไฟอ่อยหลายรอบแล้วก็ไม่ตกหลุมซะที



กรี๊ดดดดดด น้องเมฆของป้าาาาาา



กอดดดดดดดด คิดจุงเบย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 14-04-2016 18:01:05
ไฟขี้อ้อนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 14-04-2016 19:46:50
พี่ไฟนี่ขี้อ่อยจริงๆ  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-04-2016 19:51:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 14-04-2016 19:51:23
ไฟกวนประสาทอะ แต่เราก็ชอบนะน่ารักดี5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 14-04-2016 21:58:28
รอนาน แต่จุใจสุดๆ ชอบไฟฟฟฟฟ :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 14-04-2016 23:48:37
สมุทรทนได้ยังไง คุณไฟน่ารักแถมยังขี้เต๊าะขนาดนี้55555555 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 15-04-2016 01:46:43
นานแค่ไหนก็จะรอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-04-2016 02:17:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 15-04-2016 02:46:30
ไฟ..อ่อยแล้วอ่อยอีก..
สมุทรก็ไม่อ้อยตาม!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 15-04-2016 08:48:33
รอได้จ้าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 15-04-2016 09:24:42
คุณไฟฟฟฟ ทำไมขี้อ่อยขนาดนี้
สมุทรก็คุณไฟขยันอ่อยขนาดนี้ก็ใจอ่อนเร็วๆนะ
อยากให้รักกันแล้ววว

เบบี้สู้ๆนะ
รอได้เสมออ :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 15-04-2016 09:35:38
จะมีเรื่องอีกแล้ววววว ดีๆนะ เอากังฟูไล่กัดมันเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-04-2016 11:47:47
ชอบ  :katai2-1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 15-04-2016 12:20:34
อยากได้ใจเขาก็ต้องได้ใจคนรอบข้างเขาก่อนใช่ไหมคะคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-04-2016 13:54:41
เพิ่งเห็นว่ามีเพิ่มขึ้นอีก สองบทแน่ะ ฮ่าๆๆๆ  ป้าอ่านข้ามหรือยังไงเนี่ย



คุณย่าคะ ทำไม  คุณย่า ถึงวุ่นวาย เรื่องยายริศานี่จัง




เรื่องอยากให้หลานมีครอบครัวก็เข้าใจค่ะ




แต่กำหนดว่าต้องคู่คนนี้เท่านั้น มันน่ารำคาญมากกว่า



#ไม่ปลื้มคุณย่า #รักไฟสมุทร  #รักพายุ  #รักน้องเมฆ #รักธานพายุ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 15-04-2016 18:07:10
 :กอด1: รออ่านได้อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 15-04-2016 22:27:44
ลองคิดเล่นๆ ถ้าไฟคู่กับพี่ธาน คงสนุกมาก ทันกันดี
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 16-04-2016 00:22:38
 เราจะรอบี้อยุ่ที่ท่าน้ำทุกวันเหมือนเคย ~
ตอนหน้าจะมีฉากบู๊มั้ยนะ มากันสองคนไม่มีการ์ดซะด้วย
แย่ล่ะสิ
ปล. ตอนนี้มีเจ้ากังฟูด้วย 
อร๊ายยย มามะมาให้เจ้กอดหน่อยยยยย
 สิ่งมีชีวิตในเรื่องที่โดนคุณไฟแกล้งแล้วน่ารักน่าหยิกที่สุดก็น้องเมฆกะกังฟูนี่แหละ 5555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 16-04-2016 09:08:54
พี่ไฟอ่อยหนักมากกกกกก

ยังไงต่อดีล่ะคะ อิอิ

สมุทรยังคงใจเย็นเล่นตามน้ำไปบ้างแต่ก็ยังคงนิ่งไว้

รักมากคู่นี้  #ไฟสมุทร

ขอบคุณเบบี้จ้า :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: purpleguy ที่ 16-04-2016 10:08:24
 :pig4: ขอบคุณเบบี้ มากๆ ที่มาอย่างต่อเนื่อง...คนเราก็ต้องมียุ่งบ้าง ยังงัยก็ขอให้ผ่านสบายๆเลยละกัน  ผู้อ่านก็จะรอ  อ่านต่อไป มาต่อเมื่อใหร่ก็เมื่อนั้น นะ..สู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 16-04-2016 14:18:53
รู้สึกว่าสมุทรจะเริ่มแคร์ไฟขึ้นมาบ้างแล้ว แม้จะดูเหมือนไม่ชัดเจนนัก :katai3: แต่ก็อยากให้ความหวังไฟมากๆ  :laugh:



รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-04-2016 15:40:16
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-04-2016 15:02:59
เป็นกำลังใจให้ครับ
การรอคอยอย่างมีความหวัง ก็ OK นะ
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Qmulonimbus ที่ 22-04-2016 23:33:55
ชอบมากกกก เลยค่ะ อ่าน2วันรวดเดียวเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 02-05-2016 02:38:35
เจิมมค่ะ เดี๋ยวมาตามอ่าน :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-05-2016 03:59:58
คิดถึง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-05-2016 20:32:18
ใครจะโดนกังฟูงับ. เปนห่วงกังฟูเดียวต้องล้างฟันฆ่าเชื้อโรคจากคนที่ไปงับมา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fenfen2537 ที่ 10-05-2016 17:21:11
ลอยคอ. และรอคอยค่ะะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 10-05-2016 20:35:27
รอพี่ไฟกับพี่สมุทร โอ้ยเขิน :z6: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 10-05-2016 21:09:00
รอแล้วรอเล่า รอวัน รอคืน รอถึงเดือนมืด เมื่อไหร่เทอจะมา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 13-05-2016 21:15:23
เพิ่งตามอ่านทันค่ะ

สนุกสมเป็นเรื่องของเบบี้ รออ่านตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-05-2016 00:39:15
คิดถึงพี่ไฟ:)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bomomorujira ที่ 14-05-2016 12:52:00
คิดถึงงง มาต่อเร็วๆน้า :pig2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 14-05-2016 14:27:25
แอบมาส่อง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 14-05-2016 20:16:27
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:


ฝากอีโมน่ารัก ๆ ไว้ให้รู้ว่ามีคนอ่านที่น่ารัก ๆ (?) รออยู่  :laugh: คิดถึงคุณไฟกับสมุทรอีกแล้วววว


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 20 [ 17:10 น. - 14 เม.ย 59 หน้า 22 ]
เริ่มหัวข้อโดย: must ที่ 14-05-2016 21:51:50
อัพเดทสารบัญ

♨The Real Me ♨ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3238689#msg3238689)


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 21-05-2016 20:43:02

ตอนที่ 21
..ไฟ..





ร้านอาแปะยิ้ม ข้าวต้มกุ๊ย


"ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เหมือนมีคนตามเรา..อยู่เลยนะ" พายุพูดเว้นวรรคด้วยน้ำเสียงปกติ  ผมฉีกยิ้มทันทีที่ได้ยินคำพูดที่แอบคิดไว้ในใจอยู่ได้สักพักหนึ่งแล้ว  ซึ่งตอนแรกปล่อยผ่านไปเพราะคิดว่าอาจจะคิดไปเองเพราะยังจับตัวตนใครไม่ได้  แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พายุพูดออกมาแบบนี้  เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมเชื่อในประสาทสัมผัสของพายุน่ะนะ

"ตามมาถึงนี่ สงสัยเราคงถูกให้ความสำคัญน่าดู..รู้สึกพิเศษจัง ต่อมเสียวกูเต้นตุบ ๆ เลย" ผมฉีกยิ้มกว้างเหมือนมีใครมาสะกิดต่อมเสียวที่นอนสงบนิ่งอยู่ในตัวอย่างนั้น..

“ตอนนี้น่ะ นอกจากน้องชายคนรองของมึงที่อยู่ใต้กางเกงในกู..กูก็ไม่มีอาวุธอะไรที่จะทำร้ายใครได้เลย” ผมพูดติดตลกถึงของรักของหวงเพื่อกวนพายุ  วันนี้อากาศดีจนรู้สึกดีมากจริง ๆ พายุพ่นลมหายใจทิ้ง

“เฮียช่วยพูดภาษาคนปกติบ้างจะได้ไหม” มันบ่นหน้าเครียด

“มึงสอนกูได้เหรอ” ผมย้อนถามตาใส  มันนั่นละตัวดี  พายุจ้องผมเขม็ง  ผมจึงอมยิ้มมุมปากให้นิดหน่อย

"แยกกันไป ..ทำอะไรก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน" ผมพูดแกมสั่ง  พายุพยักหน้ารับ  เข้าใจง่ายและหัวไวในเรื่องที่ผมต้องการความร่วมมือเสมอ  ผมนั่งรอ  พายุลุกขึ้นยืนทำให้กังฟูลุกตามในทันที  มันเลือกที่จะปลดสายจูงออกอย่างตั้งใจให้เป็นทั้งทีปกติเราจะไม่ทำ  กังฟูยังคงนิ่งสงบ  บางทีผมก็รู้สึกว่ามันเป็นหมาที่ฉลาดจนผมยอมใจ  ทำให้ไม่รู้สึกเสียดายเงินที่ได้ให้ไป  เมื่อพายุเดินเข้าซอยไปจนลับตาแล้ว  ผมกวาดตามองรอบตัวอย่างรักษาท่าที  ไม่มีใครในที่นี้ที่ผิดสังเกต 

"แปะครับ" ผมเรียกพร้อมกับลุกขึ้นยืน  อาแปะที่กำลังทำอาหารอยู่อย่างวุ่น ๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

"เดี๋ยวผมกลับมานะ..นี่ค่าอาหาร แต่ถ้าสามสิบนาทีผมไม่กลับมา..แปะเก็บโต๊ะได้เลย" ผมสั่งเป็นนัยยะพร้อมกับวางเงินแบงก์พันลงบนโต๊ะ  อาแปะขมวดคิ้วเล็กน้อย  แกส่ายหน้า

"เอาอีกแล้วนะอาไฟ ไป ๆ กลับมาแล้วค่อยจ่าย!" อาแปะปัดมือส่ง ๆ ไปทีอย่างเหนื่อยหน่ายคล้ายกับรู้จักงานของครอบครัวผมเป็นอย่างดี

“รอพวกลื้อ อาหารจะเย็นซะเปล่า อั๊วไม่ทำรอ” ผมยิ้มกว้างให้เพราะรักที่แกเป็นคนหัวไวอีกคน

"แปะเป็นซะอย่างนี้ พ่อผมถึงได้รักแปะไง ..ผมเองก็ด้วย" ผมยิ้มบอก  อาแปะส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายดีใจที่ได้ยิน  ผมจงใจเดินออกไปคนละทางกับที่พายุเดินไป  เราทั้งคู่รู้จักตรอกซอกซอยแถวนี้เป็นอย่างดีไปจนถึงดีมากด้วย  เรามาละแวกนี้บ่อย ๆ เพราะพ่อพามาปล่อยวิ่งแถวนี้ตั้งแต่จำความได้แล้ว  ไม่ว่าจะมาเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว  มาจนคุ้นชินแถวนี้อย่างกับวิ่งอยู่ในบ้านตัวเองอย่างนั้น 

..ยิ่งผมเดินเข้าไปในซอยลึกและเปลี่ยวมากเท่าไหร่  ก็ยิ่งแน่ใจว่ามีคนตั้งใจตามผมมาจริง ๆ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้พายุถูกตามด้วยรึเปล่า  เสียงฝีเท้ามามากกว่าสองคน  ผมเดินผิวปากฮึมฮัมยิ้ม ๆ อย่างสบายอารมณ์

"หึ..ชอบจริง ๆ อารมณ์ถูกต้อนนี่นะ" ผมส่ายหัวบ่นกับตัวเอง  ฝีเท้าเดินด้วยความเร็วปกติบ้าง  ชะลอฝีเท้าเบาลงบ้างเพื่อแกล้งหยอกคนด้านหลัง  การที่ได้เห็นพวกนั้นปฏิบัติตามมันสนุกดี  เมื่อมาถึงที่ ๆ ปลอดคน  ผมจึงตัดสินใจหยุดเดินพร้อมหันตัวกลับไป

"ไงครับพี่ชาย" ผมอมยิ้ม  ทักผู้ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมสี่คน

"พอมีลูกอมไหมครับ?" ผมถาม  ทุกคนมองหน้ากันเหรอหรา

"คนคุมความประพฤติผมเขาอนุญาตให้กินได้วันละสองเม็ดน่ะ แล้ววันนี้เขาดันไม่มา ผมติด..เลยอยากได้อีกสักเม็ด" ผมฉีกยิ้มกว้างอธิบาย   

"กูไม่ตลก" อีกฝั่งตอบมา  น้ำเสียงห้วนแข็งกร้าวผสมอยู่ในลูกตาที่ค่อนข้างระแวง

“ใจเย็น ๆ น่า พวกพี่ตั้งสี่คน ผมสิควรโมโห” ผมขยับมือขำ ๆ

"ไม่ยักรู้ว่าคนแถวนี้เขาตอนรับแขกกันแบบนี้นะครับ" ผมแซวไปอย่างนั้น  ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าพวกมันไม่ใช่คนแถวนี้แน่  ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว  หน้าตาหรือสำเนียงการพูดก็ตาม

“น้องชายผมละครับ” ผมถาม  ใช้น้ำเสียงชวนคุยสบาย ๆ

“หึ ไม่ต้องห่วงน้องมึงหรอก คิดว่าหมาจะช่วยได้รึไง” มันแสยะยิ้มตอบ  ผมมองต่ำลงพลางเบะปากให้

“ก็นะ..ผมก็ว่างั้น พี่นี่ฉลาดจัง ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะกว้าง

“วันเกิดปีก่อน น้องชายผมสั่งเนื้อจากภัตตาคารมาโลนึง มันน่ะ..กินดีอยู่ดีสุด ๆ” ผมเล่าให้ฟัง  ฟังดูตอแหลแต่กลับเป็นความจริงเสียด้วย  พายุสั่งเนื้อจากภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น  เป็นเนื้อคุณภาพดีที่จัดให้กังฟูได้กินดีสุด ๆ พายุมีวิธีการเลี้ยงหมาโดยให้อาหารสดบ้าง  สุก ๆ ดิบ ๆ บ้าง  สลับกับอาหารเม็ดที่นาน ๆ ครั้งจะเกิดขึ้น  ได้ผลตรงที่ว่ากังฟูเติบโตอย่างแข็งแรงมากทีเดียว 
 
"มาทายกันไหมว่าน้องผมหรือคนของพวกมึงใครจะล้มก่อน" ผมยักคิ้ว  เปลี่ยนน้ำเสียงในการใช้ทำให้ฝั่งตรงข้ามแสยะยิ้มออกมาคล้ายเหนือกว่า

"หึ สี่นาที" ผมวิเคราะห์  ไม่น่าเกินนี้  พวกมันยืนมองผมนิ่ง  ไร้คำพูดจนน่าแปลกใจ  ผมมองสำรวจมันหัวจรดเท้า  เมื่อผมเริ่มก้าวขาขยับตัว  มันสี่คนก็ตั้งกาดพร้อมสู้ทันที 

"อู้~ จุ ๆ ๆ" ผมอุทานด้วยน้ำเสียงหยอก ๆ พลางเดอะลิ้นเล็กน้อย  รู้สึกเสียวบอกไม่ถูก  พวกมันมองผมอย่างไม่ไว้ใจ  สายตาดูหลอกแหลก  ผมตั้งกาดบ้างแต่ไม่จริงจังนัก  เมื่อบุกเข้าหา  หนึ่งในนั้นที่ถูกผมจ้องมองก็สลับกาดไปมาคล้ายไม่แน่ใจว่าผมจะทำอะไรกับมันกันแน่ 

"หึ ๆ" ผมหัวเราะ  พร้อมกับเปลี่ยนท่าตั้งกาดเลียนแบบท่าทางลังเลของมันเมื่อครู่เพื่อล้อเลียนกวน ๆ พอมันเห็นอย่างนั้น  สีหน้าที่ลังเลเมื่อครู่นี้ก็เปลี่ยนเป็นถอดสี  อาการของผมคงไปยั่วโมโหอีกฝ่ายเสียแล้ว  ผมยักคิ้วแสยะยิ้มกว้างท้าทาย  ชี้นิ้วเข้าที่ตาตัวเอง  ก่อนชี้ไปที่มันทั้งหมดครั้งหนึ่ง  เพื่อเป็นการบอกให้มันมองไว้ให้ดีและควรตั้งสติให้มากกว่านี้  ถ้าพวกมันเป็นนักมวยที่ค่ายผม  อาการแบบนี้ผมไม่เลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำเด็ดขาด

..การต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อฝั่งนั้นเป็นฝั่งพุ่งเข้าหาผมก่อน  ผมล้มมันทีละคนอย่างใจเย็น  บางครั้งสองคนได้ภายในไม่กี่นาที  แม่ไม้มวยไทยไม่ที่งัดมาใช้  ส่วนใหญ่ผมจะตั้งรับและปัดป้องซะมาก  แทบไม่ได้ลงแรงจนถึงกับต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวอย่างที่ควร  ฝีมือของพวกมันถือว่าไม่เลวร้ายแต่ก็ไม่ได้ดี  ถ้าตามภาษาของพายุก็คือ "ห่วยแตก" นั่นแหละ  ถ้าพวกลูกน้องผมอยู่ก็คงสามารถจัดการได้ง่าย ๆ ภายในไม่กี่นาทีเช่นกัน

"ไม่ว่างคุยด้วยนะครับ ไว้เจอกันโอกาสหน้า" ผมบอกทิ้งท้ายและไม่คิดจะเค้นขอคำตอบด้วยว่าพวกมันเป็นคนของใคร  ศัตรูผมค่อนข้างมาก  ถามไปก็คงมีแต่จะใส่ความกันเปล่า ๆ 

พวกมันไม่มีอาวุธติดตัวมาซึ่งน่าแปลกมาก  ถ้าพวกนี้ตั้งใจจะเอาชีวิตผมพวกมันคงไม่มามือเปล่าแบบนี้  คงมีใครกำลังเล่นตลกกับผมอยู่แน่  ผมเดินย้อนกลับไปทางที่พายุไปโดยใช้ทางลัด  คิดว่าถ้ามันโดนรูปแบบเดียวกันกับผม  เส้นทางที่จะไปประจบกันได้ก็มีไม่เกินสามทางนี้  ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะจริง ๆ แล้วก็ยังไม่ไว้ใจเท่าไหร่  ถ้าได้เห็นพายุอยู่ในสายตาค่อยว่ากันอีกที  ผมใช้เวลาเดินหาพายุอยู่เกือบสามนาที  จนมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับโกดังเก็บข้าวที่หลังตลาด  พบพายุยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกังฟูที่ขนาบข้างและบุคคลแปลกหน้าจำนวนสี่คนที่ล้อมรอบมันอยู่ในอีหรอบเดียวกันกับผม  ผมยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก้มหน้าหัวเราะ  สังเกตเห็นชายอีกคนยืนมองดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ฝั่งตรงข้ามกันกับผม  ฝ่ายนั้นเองก็ไม่ทันสังเกตเห็นผมเช่นกัน

"จัดว่าเป็นมหรสพชั้นดี" ผมยิ้มกว้าง  หยิบเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ที่วางอยู่ใกล้มือติดกับอาคารมานั่งลงอย่างสบายใจ

"เอาเลยยาหยี โชว์ของให้พวกเฮีย ๆ เขาดูหน่อย" ผมยิ้มบ่นอย่างชอบใจและไม่คิดจะเข้าไปช่วยด้วย  ถ้าพี่ธานอยู่หรือแม้กระทั่งลูกน้องผมทุกคน  มันคงตื่นตาตื่นใจกันเป็นแน่ที่ผมเลือกที่จะทำเช่นนี้  ก็นาน ๆ ครั้งจะได้เห็นเป็นขวัญตาสักทีนี่นะ  ปกติพายุมันเก็บตัวจะตายไป 

พายุสั่งให้กังฟูที่กำลังขู่คำรามจนไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้พายุเกินกว่านั้นสักคน  พอสิ้นคำสั่งจากเจ้านาย  กังฟูก็ถอยห่างออกไปสองสามก้าว  ลำตัวมันยังคงยืดตรงเตรียมพร้อมสู้อยู่ไม่ถอย  ตอนนี้พายุถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ชายตัวขนาดเท่า ๆ กับมัน  บางคนใหญ่กว่านิดหน่อย  น้องชายผมยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่และสีหน้าไม่เปลี่ยนไปในทางใดเลยแม้แต่น้อย  หน้าตายมึน ๆ ยังไงก็ยังคงตายอยู่อย่างนั้นเสมอต้นเสมอปลาย 

เสียงเพลงลูกทุ่งดังก้องมาจากทางต้นซอยซึ่งค่อนข้างดังมากจนหลังซอยนี้ได้ยินแว่ว ๆ ถนัดหู  แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความเงียบที่มีอยู่ตรงนี้ดีขึ้นนัก  ผู้ชายสี่คนตั้งกาดเตรียมพร้อมสู้  หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าหาพายุก่อนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง  เมื่อพายุปัดป้องและสู้กลับได้จึงทำให้อีกสองคนที่มองสถานการณ์อยู่เข้าไปช่วยรับมือในทันที  วิชากังฟูของมันยังว่องไวและปราดเปรียวเหมือนเคย  ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เห็นมันในสถานการณ์เช่นนี้มาได้สักพักใหญ่แล้ว  น่าจะสามสี่เดือนแล้วละมังที่ไม่ได้พามันไปออกงานลงไม้ลงมือกับใคร 

เมื่อฝั่งตรงข้ามเห็นว่าแม้จะเข้าไปแล้วถึงสามคนแต่ก็ยังไม่สะเทือนฝีมือของพายุ  สีหน้าของพวกมันเริ่มลังเล  เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่ว  ดูเหมือนน้องชายผมมันจะเอาจริงผิดจากที่ผมแค่หยอกล้อไอ้สี่ตัวเมื่อครู่นี้เล่นซะแล้ว  หนึ่งในนั้นถูกชกจนเกือบสลบล้มไป  ดูท่าแล้วคงลุกไม่ขึ้นอีกพัก

"อ้าก!" เสียงคำรามจากพายุดังโผงขึ้น  มันปล่อยหมัดชกหนึ่งในสามคนที่เหลือ  จับล็อกแขนของอีกสองคนดึงทั้งคู่เข้าหากันสุดกำลังจนตัวของพวกมันกระแทกเข้าหากันด้วยความแรงอย่างหนักหน่วง  เป็นผลทำให้ทั้งคู่กระเด็นออกคนละทิศละทาง
 
"อู้" ผมร้องแกมหัวเราะไปพลาง  สองคนที่เหลือตั้งกาดมองพายุอย่างระแวดระวัง  พายุยืนนิ่ง  มันก้มหน้าลง  เอียงคอไปทางซ้ายเล็กน้อยสองครั้ง  ก่อนเอียงคอไปทางขวาสองครั้งพร้อมกับกวาดปลายเท้าขวาออกไปทางด้านหลังอย่างช้า ๆ เสียงปลายเท้าที่ลากพื้นไปดัง "ฟืดดดด" จนผมได้ยินชัดเจน  ครั้งนี้พายุพุ่งเข้าสู้ก่อนเหมือนอยากให้รีบจบการต่อสู้นี้ลงเสียที  หนึ่งในนั้นถูกเล่นจนน่วม  เลือดสาด  ตัวกระเด็นไปปะทะกับรถยนต์เก่า ๆ ผุ ๆ ที่จอดอยู่  คนสุดท้ายที่เหลือ  ทีแรกมันทำท่าจะหนีถอย  ทันทีนั้นกังฟูก็วิ่งกระโจนตาม 

“ชู่!” เสียงปรามดังลอดไรฟันของพายุทำให้กังฟูชะงัก  ผู้ชายฝั่งตรงข้ามที่ถูกกังฟูต้อนอยู่หน้าถอดสีจนแทบหดเหลือเพียงสองนิ้ว  ปากของกังฟูสั่นคำรามตลอดเวลา  มันเผยอปากจนเห็นเขี้ยวขาวสะอาด  เจ้าตัวคงกำลังอึดอัดจะแย่แล้วที่ไม่ได้ออกแรงเสียที

“เลือกเอา ว่าจะจบกับใคร” พายุยอมพูดเสนอออกมา  ทั้งที่ปกติมักจะไม่พูดกับคนแปลกหน้าในสถานการณ์เช่นนี้

"อึก!" อีกฝั่งกัดฟันเลือกที่จะพุ่งตัวเข้าสู้กับพายุต่อแทนที่จะเป็นกับกังฟู 

"เฮือก!" พายุคำรามในลำคออีกครั้งที่คงต้องใช้แรงอย่างมาก  มันชกซ้ายสลับขวาอย่างเร็วและแรงจนคู่ต่อสู้ตั้งตัวไม่ทัน 



ตึง !!!!   ...ฝ่ายที่เสียเปรียบตัวกระเด็นไปจนหลังกระแทกเข้ากับประตูทางเข้าโกดัง  พายุวิ่งต้อนเข้าไปอย่างไม่ลดละทั้งที่สภาพอีกฝ่ายจนมุม  หมดกำลังที่จะสู้ต่อแล้ว  มันใช้ปลายเท้าถีบดันคอหอยของอีกฝ่ายไว้เหมือนไม่ยอมให้คู่ต่อสู้ล้มลงไปทั้งอย่างนี้  ผมยิ้มมอง  เลือดของผู้ชายคนนั้นไหลออกมาทางจมูกจนเปื้อนรองเท้าของน้องชายผู้รักความสะอาด  ตามันเหลือกด้วยเพราะหายใจไม่ออก  มันจับข้อเท้าของพายุไว้เหมือนเป็นการบอกว่ามันทรมานและขอยอมแพ้  ถ้าพายุยังดึงดันที่จะทำเช่นนั้นต่อไป  อีกฝ่ายได้ขาดอากาศหายใจตายในที่สุดแน่  พายุผ่อนเท้าออกเล็กน้อยคล้ายยอมความ  แต่แล้วมันก็แกล้งเหยียบกลับเข้าไปอีกครั้ง

"หึ ๆ" ผมหัวเราะ  ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปหา


แปะ  ๆ  ๆ  ๆ   ...ผมยิ้มกว้าง  ปรบมือขึ้นอย่างดังสามสี่ทีทำให้ผู้ชายคนที่ยืนมองดูสถานการณ์อยู่เหลือบมามองผม  เขาเป็นคนเดียวที่มีสติดีครบทุกอย่าง  การที่เห็นผมและสีหน้ายังไม่เปลี่ยนไปแสดงว่าทำใจไว้ก่อนแล้ว 

"........." ผมหันหน้าไปยิ้มกว้างให้พายุ  มันมองผมตาขวางพร้อมกับนำมือขึ้นชูนิ้วกลางให้พี่ชายอย่างผมในทันที  นิ้วกลางจากน้องชายที่น่าจะหมายความว่าทำไมเห็นแล้วไม่เข้าไปช่วย  ผมพยักหน้าสั่งให้พายุรีบจัดการส่วนที่เหลือ  ทันทีนั้นมันก็ตวัดตัวเตะเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่ายจนร่วงลงสลบภายในไม่กี่วินาที  ผมหัวเราะ  ฉีกยิ้มเดินตรงเข้าไปหาหนึ่งเดียวที่รออยู่  สำรวจมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า  หน้าตาไม่เหมาะที่จะเป็นคนเลวจริง ๆ นั่นละ  เพราะอย่างน้อยน่าจะมีกลิ่นเชื้อของคนนิสัยแบบผมอยู่บ้างน่ะนะ 

..สายตาของผมกวาดไปจนทั่วร่างกายก่อนหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงของอีกฝ่ายอย่างจงใจ  มันยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ  ผมแสยะยิ้ม  เข้าประชิดตัวและนำมือจับชายเสื้อของมันเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องได้ชัดเจน

"อู้~ ซิกแพค" ผมถลึงตาชมด้วยน้ำเสียงหยอก ๆ     

"หุ่นสวยดีนี่ครับ" ผมบอก  อีกฝ่ายทำหน้าไม่ถูก  ไม่รู้ว่านั่นตกใจหรืออะไรแน่  พายุกลับเข้ามาแต่ยืนทิ้งระยะห่างเอาไว้

"แนะนำก่อน นั่นน้องชายผมเองครับ ความภูมิใจของตระกูลเลยนะครับนั่น" ผมไม่พูดเปล่า  เข้าไปกอดไหล่มันอย่างสนิทสนิมจนอีกฝ่ายชะงักด้วยความระแวง  พายุยังคงมองเราทั้งคู่สีหน้าปกติเช่นเคย

"ใครส่งมางั้นเหรอครับ" ผมกระซิบถามที่ข้างหู  ปลายจมูกเลื่อนแตะลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายจนตัวมันสั่น  ปฏิกิริยาที่ทำให้ผมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้

“นั่งก่อนสิ” ผมผละตัวออก  อนุญาตให้นั่งเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ที่ยังคงใช้งานได้อยู่วางอยู่ใกล้ ๆ กับเราทั้งคู่  อีกฝ่ายก็นั่งลง  ผมจึงหยิบเก้าอี้ไปตั้งประชันหน้าและนั่งลงด้วยเช่นเดียวกัน   

"ไอ้ตัวนั้นชื่อกังฟู น่าเสียดายที่พี่ไม่ได้เห็นฝีมือ..ค่าตัวมันน่ะ คงแพงกว่ารถพี่ซะอีก" ผมหัวเราะบอก 

"ชื่ออะไรครับ" ผมเปลี่ยนเรื่องพูดกะหันหัน 

"ทิว" อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ 

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ..แต่ ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยมีศัตรูที่หน้าตาแบบพี่ด้วย" ผมพูด  ทิวเบนหน้าไม่ยอมสบตา  ผมเห็นด้วยหางตาว่าพายุยืนหันหลังให้ผมอย่างรู้หน้าที่ว่าควรระวังฝั่งนั้นเอาไว้ให้

"พี่คง..ไม่ได้ทำงานให้วงการผมหรอกใช่ไหม สัญชาตญาณน่ะ ดูเป็นคนปกติ" ผมจับผิดมองแต่ไม่วายส่งตาหวานเยิ้มไปให้

"..ผมดันชอบคนดีซะด้วย" ผมแสยะยิ้มมุมปากพลางเดาะลิ้นเบา ๆ



ตืด  ๆ ๆ   ...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  แน่นอนว่าไม่ใช่จากผม  มันมาจากในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่าย  ผมนำขาไขว่ห้างนั่งมองอย่างสบาย ๆ

"รับเลยครับ ตามสบาย" ผมปัดมือบอก  แต่อีกฝ่ายยังมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจอยู่ดี

"เร็วหน่อยครับ ผมหิวน่ะ" ผมบ่นเซ็ง ๆ ทำให้ทิวยอมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า  ผมแบมือไปตรงหน้า  อีกฝ่ายวางโทรศัพท์ลงบนมือผม  ผมยิ้มให้เล็กน้อยแทนคำขอบคุณที่เขาทำตัวว่าง่ายดี  เมื่อเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอโทรศัพท์ถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึกยาว 

"สวัสดีครับ" ผมกดรับทักปลายสาย 

"........." ปลายสายเงียบไปตามที่คาด

"ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอครับ คุณสารวัต" ผมเปิดประเด็น  ปลายสายคือพี่ทัพไม่ผิดแน่  ชอบเล่นอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้  มีไม่กี่คนในชีวิตของผมหรอกครับ  ก็ปกติผมมักจะเป็นฝ่ายชอบเล่นไม่เข้าท่ามากกว่า

"หึ..รับสายแทนคนของกูได้ คนของกูคงไม่ได้ตายไปหมดแล้วหรอกนะ" พี่ทัพตอบ  น้ำเสียงคุ้นหูที่ต่างฝ่ายต่างจำได้ดีขึ้นใจ

"หึ..ตายเตยอะไร บ้านเมืองมีขื่อมีแป" ผมพูดห้วน ๆ ระหว่างพูดตาก็มองตรงข้ามตลอดเวลา  สำรวจมองตั้งแต่หัวจรดเท้า  อีกฝ่ายหุ่นดีไม่ธรรมดาจนแทบทำให้เสียสมาธิทีเดียว

"พี่ทิวนี่เขามีลูกมีเมียรึยัง? ผมว่าผมตกหลุมรักพี่เขาแล้วน่ะ” ผมพูดโต้ง ๆ คนที่ถูกพูดถึงหน้าถอดสี

“เฮียก็รู้..ว่าเวลาที่ผมเหงื่อออกไม่หมด มักมีอารมณ์ผิดที่ผิดทาง ขอเอาพี่เขาสักทีคงไม่ว่ากันหรอกใช่ไหม แล้วผมจะถือว่าเรื่องวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..แบบนี้ดีไหม" ผมถามออกไปตรง ๆ พูดเล่นติดตลกไปงั้น  แต่กลับทำเอาทิวตาโตแทบถลน  ปลายลิ้นถูไปตามไรฟันอย่างนึกหมันเขี้ยวขึ้นมา

"ไอ้ไฟ มึงหยุดระยำสักห้านาทีจะตายไหม!" พี่ทัพขึ้นเสียงคล้ายสุดทน

"หึ ๆ ๆ" ผมหัวเราะ

"พี่ทำแบบนี้ทำไม" ผมหยุดขำดื้อ ๆ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง  พี่ทัพเงียบลงทันที  ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้คำตอบง่าย ๆ

ผมนำขาขวาที่ไขว่ห้างอยู่ตวัดเหยียบลงไปที่ปลายเก้าอี้ระหว่างขาของทิวที่นั่งอยู่  ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นผมเหยียบไปอย่างนั้น  มันก็อ้าขาออกกว้างอย่างระแวดระวังตัวเอง  ผมช้อนตาพลางยิ้มให้  ปลายสายยังคงรักษาความเงียบเอาไว้  ผมจึงเลื่อนเท้าไปเชื่องช้าจนคนที่นั่งอยู่ถอยก้นออกหนีเท้าผมไปเท่าที่จะทำได้  เมื่อจนหนทางแล้วมันกลืนน้ำลายลงคอ  มองหน้าผมอย่างระแวง  ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และหยุดเท้าไว้แค่นั้นเพื่อให้คนตรงข้ามตายใจ  สายตาที่จับจ้องมองของผมเปลี่ยนอารมณ์  เท้าขยับเหยียบเข้าไปที่เป้ากางเกงของทิวในทันที

“สารวัตร!” ทิวอุทานหน้าเสีย  ผมฉีกยิ้มด้วยความพอใจกับปฏิกิริยาที่ได้รับ

“ไอ้ไฟ..” พี่ทัพถอนหายใจเฮือกใหญ่ปรามเหมือนรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นกับลูกน้องตน  ผมแลบลิ้นออกมากัดเล็กน้อย  ปลายเท้าขยับย้ำไปที่ส่วนสำคัญของคนตรงหน้าอย่างใจเย็นจนอีกฝ่ายอึกอักหายใจลำบาก  แกมเริ่มแดงให้เห็น

“ทั้งที่มึงบอกว่าวางมือแล้ว ที่จริงมันไม่ใช่” พี่ทัพเอ่ย

“ถอดกางเกงซะ..” ผมสั่งห้วน ๆ ทิวก้มหน้าลง 

“ไอ้ไฟ!” พี่ทัพขึ้นเสียงดังกว่าเดิม

“ไม่โทษคนอื่นสิครับ” ผมเตือนพี่แก  ย้ำเท้ากดเข้าไปที่เป้าแรงมากขึ้นเดิม  อีกฝ่ายสะดุ้งนำมือจับข้อเท้าผมไว้หน้าเสีย

“ก็ได้..กูแค่อยากให้มึงช่วย" พี่ทัพทำท่าจะตอบ  แต่การขึ้นต้นประโยคแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากรับฟังคำตอบขึ้นมา

"ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร" ผมตัดบนขึ้นโต้ง ๆ พี่ทัพเงียบลงในทันที  อีกฝ่ายคงรู้ดีว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่  เราเคยทำงานร่วมกันมานาน  อยู่กันในฐานะของพี่น้อง  ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานมานานจนรู้ตื้นลึกหนาบางกันหมด 

"อย่าทำแบบนี้อีก..” ผมพูด

“ผมคิดว่าพายุไม่น่าจะชอบ พี่ก็รู้ว่ามันไม่ชอบให้เหงื่อออกเวลาที่ไม่มีก๊อกน้ำอยู่ใกล้ ๆ ตี๋เล็กไม่ชอบ อั๊วก็ไม่ชอบด้วยเหมือนกัน" ผมพูดเรียบ ๆ อย่างไม่จริงจังนัก  เพราะถ้าจะให้ผมโกรธเรื่องแค่นี้กับพี่ทัพ  ตามจริงแล้วผมก็ไม่โกรธ  ผมชักเท้าออกจากเป้าของทิวแล้วลุกขึ้นยืน  ทิวถอนหายใจแรงคล้ายโล่งอก 

"ลื้อฟังอั๊วอธิบายก่อนได้ไหมวะ" พี่ทัพรีบพูด

"ถ้าพี่ไม่ฟังที่ผมบอก ผมก็ไม่รับประกันคนของพี่นะครับ" ผมบอก  พร้อมนำมืออีกมือที่ว่างอยู่ลูบเข้าไปที่ต้นคอของทิวพลางเกลี่ยนิ้วไปมา  เหงื่อของอีกฝ่ายเปื้อนมือผมนิดหน่อย  เจ้าของร่างกายไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองมาเลย 

"เชิญครับ ขอบคุณ" ผมไม่ฟังเสียงปลายสาย  ยื่นโทรศัพท์คืนทั้งที่ยังไม่ตัดสายกลับไปให้  ทิวรับคืนกลับไปแนบหู  พูดอยู่สองสามประโยคก่อนวางสายไป 

"ทำงานกับคนแบบนั้น เหนื่อยหน่อยนะครับ" ผมพูดบอกพร้อมตบบ่าอีกฝ่ายสองสามทีอย่างให้กำลังใจแล้วเดินออกมา

"ทำงานกับคนแบบเฮียก็เหนื่อยเหมือนกัน" พายุพูดตามหลัง 

"หึ" ผมหัวเราะชอบใจ  หยุดเดินแล้วหันกลับไปคว้าคอมันเข้ามากอด 

ผมกับพายุเดินกลับไปกินข้าวต้มที่ร้านอาแปะ  แปะทำอาหารเตรียมให้ผมสองพี่น้องใหม่แบบสด ๆ ร้อน ๆ และพายุก็ไม่ลืมที่จะสั่งเป็ดสำหรับกังฟูกลับบ้านไปด้วย  ครั้งนี้พายุเป็นคนขับกลับเพราะผมหมดอารมณ์แล้ว

"เฮีย..จะทำงานให้ตำรวจอีกเหรอ" พายุถามตะกุกตะกักขึ้นระหว่างทาง  น้ำเสียงเหมือนเกรงที่จะถามออกมา  ผมเอนเบาะรถลงเพื่อให้นอนได้สบายมากขึ้นและเท้าแขนไว้บนหัวทั้งสองข้าง

"ไม่หรอก" ผมตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มเบาเพื่อให้มันสบายใจ  พายุเป็นห่วง  ผมทราบดี  มากไปกว่านั้นตอนนี้ที่ผมไม่อยากทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างเมื่อสมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่  ก็เพราะผมเป็นห่วงพวกมันมากกว่า 

"งั้นฟังเพลงนะ" มันเปลี่ยนเสียงใสขึ้นมาเลย  ผมไม่ตอบ  อยากทำอะไรก็ทำไป  สายตาเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของพายุ  มันวางอยู่ตรงใกล้กับคันเร่งและมีสายเข้า  พายุหยิบไปกดรับ  ผมหลับตาลง

"ขับรถอยู่ เดี๋ยวค่อยโทรมาใหม่นะ" พายุพูดบอกปลายสาย 

"มากับเฮียครับ" มันตอบ  ผมตงิดใจด้วยสัญชาตญาณของความเป็นพี่อย่างเร็วสูง

"ครับ ๆ" พายุขานรับแล้ววางสายไป

"ใคร" ผมถามทันที

"เพื่อน" มันตอบ

"เพื่อนท้องชนกัน?" ผมพูด  ลืมตาขึ้นมอง  พายุยังคงนิ่ง

"กูถามว่าใคร" ผมย้ำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคงเดิม

"ยุตอบว่าเพื่อนไปแล้วไง เฮียนี่ซักเป็นอาป๊าเลย" มันขมวดคิ้วบ่น  ส่วนตัวผมค่อนข้างขี้บ่นเหมือนพ่อเพราะแม่ผมเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด  ผมก็ยอมรับนะครับว่าผมขี้บ่น  แต่ผมจะบ่นเฉพาะคนในครอบครัวและคนสำคัญเท่านั้น  ใครที่ไม่สำคัญในชีวิตเรา ๆ จำเป็นต้องใส่ใจด้วยงั้นเหรอครับ  เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เอง  ซึ่งเพื่อนสนิทผมจะรู้ดีว่าผมชอบบ่นจุกจิก  พวกมันมักส่ายหัวเสมอเมื่อไหร่ที่คนนอกที่ไม่รู้จักมาคลั่งไคล้หลงใหลผม  พวกมันมักจะทำเสียงรับไม่ได้ใส่คนที่มาชอบผมว่า "โธ่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย" ประมาณว่าถ้าได้รู้จักตัวจริงของผมแล้วละก็คงเบือนหน้าหนีกันเป็นแน่

"กูรู้แล้วว่าเพื่อน แต่เพื่อนชื่อเหี้ยอะไรล่ะ..เสือ สิงห์ กระทิง แรด..กูขอชื่อ" ผมว่า

"ชื่อพี่ม่าน" พายุกระแทกเสียงตอบอย่างยอมความ

"ไอ้เหี้ยนี่เป็นคนรึเปล่า หรือเป็นผี..ชื่อม่าน คนเหี้ยไรชื่อม่าน" ผมแสยะปากบ่น

“แล้วไหนมึงบอกเพื่อน"

"เพื่อนรุ่นพี่ไง" มันย้อนตอบ  ทำปากยื่นปากยาว

"มันจีบมึงเหรอ" ผมถาม

"ยุไม่รู้" พายุเสียงกระแทกไม่เลิก

"มึงดูไม่ออกเลยรึไงว่าใครจีบมึง หรือไม่จีบมึง"

"อ๋อใช่..กูลืมไป มึงซื่อบื้อ" ผมว่า  พายุนั่งหน้างอหงิกเป็นกระบวยไปแล้ว

"พี่เขาชอบหมาเหมือนกัน ที่บ้านน้าพี่เขาเพาะหมาขายด้วย..ก็เลยคุยกัน" พายุอธิบาย

"หึ..หึ ๆ ชอบหมา มันเคยเจอกังฟูแล้วเหรอ" ผมถาม  พายุเงียบ  เจ้าของชื่อครวญครางในลำคอ 

"ลูกไม้ตื้น ๆ จะจีบคนอื่นแล้วบอกชอบหมา แสดงว่ามันรู้ว่ามึงรักหมา" ผมเบะปากและเอื้อมมือหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ด้านซ้ายมือมาเปิดดื่มไปบ่นไป  คิดว่าที่เดาอยู่นี่ไม่ผิดอีกด้วย

"เฮียอย่าเอาพื้นฐานตัวเองไปตัดสินใครสิ"

"โทษครับ อย่าเอากูไปเปรียบกับมัน เพราะกูไม่เคยจีบใครเพราะใช้ลูกไม้..ผมชอบหมาครับ ไม่ทราบว่าคุณชอบหมารึเปล่า โอ๊ะโอ..พอดีเลย ผมก็เลี้ยงหมาเหมือนกัน ยังไงมาดูหมาที่บ้านผมสิ แล้วก็พกถุงยางไปด้วยนะครับ หึ! ปัญญาอ่อน" ผมเล่นน้ำเสียงขึ้น ๆ ลง ๆ ตอบกลับ

"ยุไม่คุยกับเฮียแล้ว" มันย้อนด้วยน้ำเสียงเคือง ๆ
 
"คร้าบ ๆ" ผมยกมือขึ้นยอมแพ้มันเช่นกัน

"อ๋อ..กูขอบอกไว้อย่าง จุดจบส่วนใหญ่ หลังจากดูหมาแล้วก็มักจะจบที่การปี้กันน่ะนะ" ผมพูดจบก็เมินหน้าหนีทั้งที่กลั้นหัวเราะไว้สุดชีวิต  ในใจนึกและจำ "ไอ้ม่าน"


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 21-05-2016 20:44:05

15:10 น. บ้านเลิศประสงค์

"คุณไฟครับ เฮ้อ..ปลอดภัยก็ดีแล้ว" พี่ธานเดินหน้าตาตื่นออกมาต้อนรับทันทีที่ผมลงจากรถ

"เป็นไงบ้าง" ผมถาม  สมุทรเดินตามพี่ธานมาด้วย  เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนพี่ธานเพิ่งโทรรายงานผมว่าพี่เขาและสมุทรเองก็โดนแบบที่ผมโดนเช่นเดียวกัน 

"ปลอดภัยดีครับ" พี่ธานตอบ 

"ฝีมือพี่ทัพ" ผมบอก  พี่ธานพยักหน้ารับ 

"พวกไอ้เด่นกับไอ้เข้มเจออะไรไหม" ผมถามถึง

"ผมโทรถามแล้วนะครับ พวกมันบอกว่าทุกอย่างปกติดี" พี่ธานตอบ

"คุณพายุเป็นไงบ้างครับ" พี่ธานถามพายุที่เพิ่งเดินเข้ามา

"ลูกน้องพี่ทัพฝีมือห่วยบรมเหมือนเดิม" พายุตอบหน้าตาย  พี่ธานถึงกับกลั้นอมยิ้ม  เข้าไปลูบหัวพายุเบา ๆ อย่างเอ็นดูตามเคย  ผมหันไปมองสมุทร  เขาดูปกติดีตั้งแต่หัวจรดเท้า 

"ยินดีต้อนรับสู่โลกของฉัน" ผมยิ้มแกล้ง  ประโยคแรกเพื่อต้อนรับการพบกันในวันนี้  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ผงกหัวรับ
 
"งานที่ตลาดเรียบร้อยดีนะ" ผมถาม

"ครับ ช่างมาซ่อมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กล้องก็ติดแล้วครับ..แล้วก็ลานจอดรถที่คุณให้ปรับปรุง เดี๋ยวผมเอารูปให้ดู เก็บภาพมาเรียบร้อยแล้วเหมือนกันครับ" สมุทรรายงานแทนพี่ธาน 

"ดี" ผมพยักหน้า 

"คุณไฟจะออกไปไหนไหมครับ" พี่ธานถาม

"ตอนนี้ไม่ล่ะ ตามสบายเถอะ" ผมอนุญาตทุกคน

"ยุอาบน้ำก่อน เหนียวตัว" พายุบ่น  เดินหน้ามุ่ยตุ้ยขึ้นบ้านไป  ผมปัดมือขอตัวแล้วเดินขึ้นมาบนห้องเช่นกัน  เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด  ล้างหน้าล้างตา  หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กติดมือมาด้วยแล้วลงไปที่โรงฝึก  ขณะเดียวกันไอ้เด่นกับไอ้เข้มก็ขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจของมันเข้ามาพอดี  ผมตรงไปที่โรงฝึก  พี่ธาน  สมุทรและไอ้หินอยู่ในนั้นแล้ว  ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเตรียมออกกำลังกายกันพร้อม

"หวัดดีครับนาย หวัดดีครับพี่ธาน..พี่สมุทร!" ไอ้เด่นตะโกนเรียกอยู่ตรงทางเดินจะไปหลังบ้าน  มันสองคนยกมือไหว้พวกผม  ผมยืนนิ่งมอง  พี่ธานพยักหน้าส่ง ๆ สมุทรยกมือรับไหว้อย่างมารยาทดีก่อนที่ไอ้เด่นและไอ้เข้มจะวิ่งเข้าไปทางหลังบ้าน

"หิน..พี่บอกให้นับในใจไปด้วยไง" พี่ธานบ่นคิ้วขมวดที่เห็นว่าไอ้หินไม่ฟังสัญญาณมือจากพี่ธานในระหว่างที่กำลังบริหารกล้ามเนื้ออยู่  ผมเดินไปที่โต๊ะสนุกเกอร์  หยิบผ้าขนหนูสำหรับเช็ดโต๊ะมาเช็ดขอบโต๊ะเพราะเห็นว่ามีรอยเปื้อนอยู่นิด ๆ สมุทรกำลังเช็ดเครื่องมือออกกำลังกายอยู่เหลือบมามอง

“เดี๋ยวผมเช็ดเองครับ” อีกฝ่ายพูด  ผมไม่ตอบแต่เช็ดไปเรื่อยจนมันสะอาดตามที่ต้องการ

"คุณไปทำบุญให้คุณพ่อคุณมาเหรอครับ" สมุทรถาม  ผมหยุดมือพร้อมช้อนตาขึ้นมอง

"อือ" ผมพยักหน้าตอบแล้วนำผ้าไปใส่ตะกร้าสำหรับเตรียมซัก

"ที่เขาใหญ่เหรอครับ" สมุทรถามอีก 

"ใช่" ผมตอบ  หันกลับไปมองหน้าเขาที่วันนี้เขาถามผมมากเป็นพิเศษ  สงสัยพี่ธานคงบอกสมุทรเรื่องนี้หมดแล้ว

"วันหลัง เอ่อ..ผมขอไปด้วยได้ไหม" อีกฝ่ายถามตะกุกตะกักด้วยสีหน้าเกรงใจ   

"........." ผมเงียบ  แน่นอนว่าผมไม่คาดคิดที่จะได้ยินอะไรทำนองนี้

"วันหลังนี่มันปีหน้าเลยนะ" ผมพูดอย่างอดกวนไม่ได้

"หึ" สมุทรแสยะหัวเราะ  เรามองหน้ากันครู่หนึ่ง

“ไม่จำเป็นจะต้องทำเฉพาะวันพิเศษนี่ครับ” เขาพูด  ผมเหสายตาไปอีกทางก่อนพยักหน้าเข้าใจ

"ได้สิ..ถ้านายไม่กังวลว่าจะต้องกลับบ้านช้าแล้วครอบครัวของนายจะรอน่ะนะ" ผมบอก  เบ้ปากนิด ๆ  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ไม่ต่อว่ากลับ   

"มาแล้วคร้าบ! พร้อมมาก!!" ไอ้เด่นวิ่งกลับมาพร้อมด้วยกางเกงขาสั้นออกกำลังกายเพียงตัวเดียว  ไอ้เข้มที่เดินตามหลังมาด้วย  มันส่ายหัวที่น้องชายส่งเสียงดังทั้งที่พี่ธานมักจะปรามพวกมันอยู่บ่อยครั้ง

"พี่สมุทร สบายดีนะครับ..ได้ข่าวว่าพี่ล้มควายตายด้วยมือเปล่าตั้งสี่ตัว!" ไอ้เด่นถลึงตาโตถามสมุทรอย่างตื่นเต้น 

"หึ" ผมหัวเราะขึ้นจมูกที่ได้ยิน   

"ไม่..ประเด็นมันอยู่ที่เด่นอดดูคุณพายุต่างหากล่ะ" ไอ้เด่นกัดฟันหน้าหงอย ๆ นำมือลูบหน้าตัวเองขึ้นอย่างหงุดหงิด ๆ ไอ้เข้มเข้าไปตบหัวไอ้เด่นค่อนข้างแรง

“มึงตบหัวกูทำไม” ไอ้เด่นโวยวาย

“มึงเสียงดัง” ไอ้เข้มตอบเรียบ ๆ ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่มองทั้งที่ก็รู้ว่าไอ้เด่นหันหน้ามามองทางผมหงอย ๆ

"มันรู้ละเอียดดีนะ" ผมพูดกับไอ้เข้มเมื่อมันเดินเข้ามาใกล้

"พี่ธานบอกผมน่ะครับ แล้วมันก็เค้นความจากผมอีกที..วันหลังผมขอทำงานคนเดียวได้ไหมครับนาย ไม่ก็ขอเป็นหินแทนแล้วกัน หูผมจะหนวกอยู่แล้ว" ไอ้เข้มบ่นเบา ๆ ผมหัวเราะในลำคอเพราะชอบใจที่ไอ้เข้มบ่นน้องมันแบบนี้  ดูท่าจะเอือมระอาพอดู

"มันคงตื่นเต้นที่นาน ๆ ทีจะได้ทำงานกับพี่ชายน่ะ" ผมยิ้มกว้าง  ไอ้เข้มไม่กล้าปฏิเสธ  การแกล้งลูกน้องคือหนึ่งในงานอดิเรกของผมเช่นกัน

"ไอ้เด่น มึงจะพล่ามอีกนานไหม พี่สมุทรเขาเช็ดเครื่องมือแล้ว มึงมากระโดดเชือกเลย..ให้ไว" ไอ้เข้มเรียก  มันหยิบเชือกแล้วเดินออกไปอีกมุมหนึ่งของโรงฝึก
 
"กูจะช่วยพี่เขา" ไอ้เด่นพูด

"ไม่ต้องหรอก ไปเถอะ..เดี๋ยวพี่ทำเอง" สมุทรยิ้มบอก  ไอ้เด่นหัวเราะเขิน ๆ แล้วเดินไปเปิดเพลงทำให้สร้างสีสันขึ้นมา  ผมถอดเสื้อยืดออกเหลือแต่กางเกงขาสั้น  พร้อมกับพับขอบกางเกงมากขึ้นเพื่อให้รู้สึกสบายตัวในการขยับร่างกาย  พายุเดินออกมาจากบ้านพอดี 

"หึ..นึกครึ้มอะไรของเขา" พี่ธานพูดกับผม  ผมพยักหน้ายิ้มเห็นด้วยกับพี่แก  พายุเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้น  เสื้อกล้ามและใส่รองเท้ากีฬามาพร้อมเลย   

"คุณพายุ! หวัดดีครับ" ไอ้เด่นส่งเสียงเรียก 

"เอากังฟูออกมาเล่นด้วยได้ไหม" พายุหยุดเดินแล้วถามด้วยสีหน้าคาดหวังเมื่อนึกขึ้นได้  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นหยุดกระโดดเชือกทันควัน  ทำหน้ากระอักกระอ่วนตอบไม่ถูก

"หึ ๆ ๆ" ผมกับพี่ธานหัวเราะชอบใจ 

"ไม่ได้สินะ" พายุพึมพำหน้าหงอยไป

"กังฟูออกจะเป็นเด็กดีแท้ ๆ" มันบ่นพึมพำคนเดียวแล้วเดินตรงเข้าไปคุยกับสมุทรอย่างเจาะจงเป็นพิเศษ 

ผมเริ่มบริหารอบอุ่นร่างกาย  เสร็จแล้วก็นำเชือกไปกระโดดต่อข้าง ๆ กับไอ้เด่นโดยจับเวลากระโดดเชือกสิบห้านาทีหรืออาจเกินไปเล็กน้อย  สมุทรก็นำเชือกมากระโดดข้าง ๆ ส่วนพายุบริหารร่างกายอยู่กับพี่ธาน  เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงร่างกายอุ่นจนร้อนได้ที่  เราผลัดกันชกลม  เล่นเวทเทรนนิ่งบ้างสลับไปโดยทุกคนรู้มาตรฐานที่ควรปฏิบัติอยู่แล้ว  เมื่อผมฝึกเสร็จ  จึงนำลูกตะกร้อมาเตะลอดห่วงอยู่สักพักใหญ่ ๆ ไอ้เข้มเข้ามาร่วมด้วยจึงเตะส่งกันระหว่างผมกับมัน  พอคนอื่น ๆ ฝึกเสร็จต่างก็ตามมาเล่นร่วมด้วย  ไป ๆ มา ๆ จึงหยุดซ้อมมวย  พากันมาตั้งตะข่ายเตรียมแข่งตะกร้อเป็นทีม  พวกเราทั้งหกคนแบ่งกันจับกลุ่มจนได้เป็นจำนวนสองทีม  ทีมแรกคือผม  สมุทรและพี่ธาน  ทีมที่สองคือไอ้เด่น  ไอ้เข้มและไอ้หิน  ส่วนพายุไม่เล่นเพราะขอตัวไปซ้อมปิงปองอยู่ในโรงฝึกของมัน

"โห่ แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยครับ" ไอ้เด่นบ่น  มองมาที่ผมทั้งสามคน

"กูให้มึงเปลี่ยนไปคนนึง เอาใคร..แล้วมึงโยนของมึงมาคนนึง" ผมอนุญาต  ไอ้เด่นยิ้มกริ่ม

"งั้นผมเอานาย แล้วไอ้หิน..มึงไปอยู่ทีมนู้น" ไอ้เด่นไล่พร้อมผลักน้องเล็กเกือบกระเด็น

"ไอ้เหี้ย เอาคนอื่นที่ไม่ใช่กูสิ" ผมว่าให้  สำหรับผมจะพี่ธานอยู่หรือสมุทรอยู่ก็ได้  ฝีมือสองคนนี้พอกัน

"อ่าว นายอะ" ไอ้เด่นโวยวาย  ผมกลั้มยิ้มเอาไว้

"งั้น..พี่สมุทรเล่นเก่งรึเปล่าครับ" ไอ้เด่นถาม  สมุทรตอบไม่ตอบ  เอาแต่ยืนยิ้มอย่างเดียวเหมือนกับไม่รู้จะให้คำตอบว่าอย่างไร

"งั้นเด่นไป พี่สมุทรมาดีกว่า" ไอ้เด่นเอาตัวเองรอดในทันที



เพี้ย!!   ...ไอ้เข้มตบหัวไอ้เด่นปรามไว้ทันควัน  ไอ้เด่นหัวเราะกว้าง  ลูบหัวตัวเองเขิน ๆ

"กูไม่อนุญาต" ไอ้เข้มบอก

"เออ ๆ งั้นเอาพี่ธานก็ได้ ..แล้วมึงยืนบื้ออยู่ทำไมไอ้หิน ไปดิ!" ไอ้เด่นไล่  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ แล้วเดินไปสลับฝั่งกับไอ้หิน 

"มึงพูดกับมันดี ๆ" ไอ้เข้มบ่นที่ไอ้เด่นชอบพูดไม่เพราะกับไอ้หิน

"เอาพี่ใหญ่ไป แต่ยังมีพี่เด่นอยู่ ทีมก็แพ้อยู่ดีอะ" ไอ้หินพูดขึ้น

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมได้ยินอย่างนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาเพราะชอบคำพูดมัน  ไอ้เด่นยิงฟันทำท่าฟึดฟัดจะเข้ามาเล่นไอ้หิน  ทำให้ไอ้เข้มเข้ามาล็อกคอไอ้เด่นไว้ก่อน  ไอ้หินอมยิ้มมอง  ถูกไอ้เด่นชี้หน้ายิ้มเขินคาดโทษ 

การแข่งตะกร้อแบ่งฝั่งละสามคนในครั้งนี้  ถือเป็นครั้งแรกของบ้านเราหลังจากมีสมาชิกในบ้านคนใหม่เพิ่มเข้ามา  ซึ่งแน่นอนว่าฝั่งผมยังทำคะแนนได้ดีเหมือนเคย  ฝั่งไอ้เด่นแพ้ไม่เป็นท่า  มันก็รำไม่ดีโทษปี่โทษกลองไปเรื่อย  พอเล่นตะกร้อได้ผลแพ้ชนะเรียบร้อย  ลูกน้องผมแยกย้ายกันไปเล่นสนุกเกอร์ต่อ  ผมอนุญาตให้พวกมันพักผ่อนกันตามสบาย  ส่วนผม  พี่ธานและสมุทรแยกตัวออกมาอาบน้ำแต่งตัว  วันนี้สมุทรเปลี่ยนไปอาบน้ำที่ห้องของพี่ธานแทนเพราะถูกเจ้าของห้องชวน  ผมเข้าไปก่อกวนที่ห้องนอนของพี่ธานเป็นระยะเท่าที่จะหาโอกาสได้  ถึงมีพี่ธานอยู่ก็ไม่ได้ทำให้ผมสะทกสะท้านต่อสิ่งใดอยู่ดีน่ะนะ 

เย็นวันนี้สมุทรไม่ต้องเข้าค่ายมวย  ผมเองก็ด้วย  เพราะจะต้องนำเงินทั้งหมดที่เก็บมาตั้งแต่วันก่อนไปเข้าธนาคาร  อย่างแรกต้องไปเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้ที่ยังค้างอยู่อีกรายและนัดกันว่าจะจ่ายให้ผมในวันนี้  ผมจึงเดินทางไปพร้อมกับสมุทรเลยทีเดียวโดยให้สมุทรเป็นคนขับรถ  เสร็จจากการเก็บดอกเบี้ยก็ตรงไปที่ธนาคารในห้างสรรพสิค้าเพราะเวลานี้ธนาคารอบนอกสาขาต่าง ๆ คงจะปิดให้บริการไปเรียบร้อยแล้ว 

"ไปไหนต่อล่ะ" ผมถามหลังจากเสร็จภารกิจ  ตอนนี้ยืนอยู่หน้าปากประตูทางเข้าธนาคาร  ที่จริงสถานะผมไม่ควรถามเขานะครับและผมไม่เคยถามคำถามนี้กับลูกน้องคนไหน  แม้กระทั่งพี่ธานก็ด้วย   

"คุณมีงานต่อรึเปล่าละครับ มาถามผมทำไม" สมุทรย้อนตอบ

"เสร็จเรียบร้อยแล้ว" ผมตอบห้วน ๆ

"นายจะกลับบ้านเลยงั้นเหรอ ฉันจะได้ไปส่ง" ผมพูด

"ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้" สมุทรพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ

"ไม่เป็นไรครับ ผมไปส่งได้" ผมแกล้งตีสีหน้าและทำน้ำเสียงเลียนแบบสมุทร  อีกฝ่ายอมยิ้มออกมาคล้ายเหนื่อยใจ

"จะเลียนแบบผมทำไมครับ คุณเป็นเด็กรึไง" สมุทรว่ายิ้ม ๆ ผมเหล่ตามอง  เรายืนจ้องกันจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสังเกตเห็น  ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนสมุทรพยักหน้ายอมความ

"แต่ผมต้องไปซื้อของก่อนนะครับ อาหารสดหมดแล้ว ถ้าคุณมีความอดทนขนาดนั้น..ก็ไปครับ” อีกฝ่ายพูด  น้ำเสียงสุภาพที่ใช้คำพูดดูหยอกล้อในนิสัยของผม  ผมอมยิ้ม  ยักไหล่ให้เล็กน้อยเป็นการบอกว่า “ตามสบาย” สมุทรเดินนำไปก่อนแต่ยังคงระยะไว้เพื่อรอผมอยู่  ผมพลางอมยิ้มไว้ในใจ  เขาคงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผมมีความอดทนสูงขนาดไหน  ผมหมายถึง  ผมสามารถอดทนในเรื่องที่ผมต้องการจะอดทนน่ะนะ  ทำได้เสมอนั่นแหละ

สมุทรเดินนำไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต  เขาเลื่อนคนเข็นและนำทางไปอย่างรู้ดีว่าตัวเองจะต้องการซื้ออะไรบ้าง  ผมเดินขนาบข้าง  สมุทรนำไปที่แผนกอาหารสด  ผมสังเกตเห็นว่าเขามักจะหยิบซื้อเฉพาะอาหารสดที่ไม่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด  อย่างปลาแซลมอน  กีวี  หรือผักบางชนิดที่ปลอดสารพิษ

"กินดีเหมือนกันนี่" ผมชมแกมประชด  สมุทรยิ้มกว้างคล้ายยอมรับ

"ดาวชอบกิน เธอรักสุขภาพน่ะ..ผู้หญิงนี่นะ" สมุทรบอก  น้ำเสียงฟังดูแอบบ่นเล็ก ๆ ผมหัวเราะเพราะพอจะเข้าใจ  พายุก็ประมาณนี้ไม่ต่างกัน

"เมื่อวานเธอได้คะแนนสอบดีนะครับ นาน ๆ ที..ก็เลยอยากจะซื้อของดี ๆ ให้กินข้าง ก็แค่นั้น" เขาพูด  ไม่เชิงอธิบายให้ฟัง  อีกนัยหนึ่งแล้วฟังดูประชดผมกลับด้วย  ผมเลิกคิ้ว  เบะปากพยักหน้าเข้าใจ

"ก็น้องนี่นะ" ผมพูดปัดไปที  สมุทรช้อนตามามองผมเขม็ง

"อะไร" ผมถาม

"เปล่าครับ" เขายิ้มปัด

"อะไร" ผมย้ำถามอีกครั้งเพราะคาใจ  ต้องการคำตอบ  รอยยิ้มของสมุทรในตอนนี้มันแฝงไปด้วยความหมายมากมายจนน่าหมันไส้

"คุณดูรักครอบครัวผิดบุคลิก" สมุทรพูดแกมหัวเราะ  ผมชะงัก  ล้วงมือเข้ากระเป๋าเพราะไม่รู้จะตอบกลับยังไง  จะอย่างที่เขาพูดก็คงถูกละมัง  แล้วแต่คนจะวิเคราะห์

"ปลาแซลมอนติดมัน พอเอาไปทำต้มยำน่ะ อร่อยนะครับ" อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องโต้ง ๆ

"เหรอ? งั้นขออยู่กินด้วยได้ไหมล่ะ" ผมพูด  สมุทรหันมาอมยิ้มมอง  ผมอมยิ้มตอบให้เช่นกัน
   
"แต่ถ้านายกลัวว่าฉันไปแย่งกินของ ๆ น้องนายจนหมด ถ้าลำบากใจ..ฉันไม่อยู่ก็ได้นะ" ผมพูดเล่นไปงั้น  อีกฝ่ายหลุดหัวเราะและก็ไม่ได้ให้คำตอบอีกด้วย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 21-05-2016 20:45:19
 
ตืด  ๆ  ๆ   ...เสียงโทรศัพท์ของผมสั่น  เมื่อหยิบมาดูและเห็นว่าปลายสายเป็นพลอยจึงกดรับ

"หวัดดีครับ" ผมทัก

"สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้ คุณไฟนอนอยู่บนเตียงกับผู้หญิงหรือผู้ชายอื่นอยู่รึเปล่าคะ ถ้าใช่..ดิฉันจะได้วางสาย" พลอยพูดทักด้วยน้ำเสียงดัดจริตแกล้งผม  ผมยิ้มกว้างให้กับนิสัยทะเล้นของเธอ

"ก็ทำนองนั้นครับ ไม่เชิงอยู่บนเตียง..ตอนนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศเอาท์ดอร์นิดหน่อย" ผมกวนตอบ  หันตัวเบนเดินหนีออกมาอย่างช้า ๆ แต่ไม่ทิ้งระยะห่างจากสมุทรมากนัก

"แหม่ ปากดี๊ดีค่ะ" พลอยว่ากัด

"มีอะไร นี่กลับไทยแล้วเหรอ" ผมถามเพราะเห็นเบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ของเธอในประเทศไทย

"กลับมาแล้ว เจอกันหน่อยไหม" พลอยถามเข้าเรื่อง

"ได้สิ วันไหนล่ะ"

"กินข้าวเฉย ๆ นะ" เธอทำเสียงเจ้าเล่ห์อย่างรู้ทัน

"แล้วใครพูดอะไรรึยังล่ะครับคุณผู้หญิง คิดเองเออเองไปมั้ง" ผมย้อนกลับ  พลอยหัวเราะคิกคัก

"งั้นเป็นมื้อกลางวัน วันพฤหัสได้ไหม..พลอยจะเสร็จจากไปเจอลูกค้าพอดี สักประมาณบ่ายโมง" พลอยบอก

"ได้ครับ" ผมตอบรับ

"โอเค..ไฟเลือกร้านแล้วกันนะ เราไม่นึกอยากอะไรเป็นพิเศษ ได้ร้านแล้วส่งมาบอกพลอยแล้วกัน" เธอสรุป  ผมชอบที่พลอยเป็นผู้หญิงง่าย ๆ ง่ายในที่นี้หมายถึง  เป็นคนเด็ดขาดและรวดเร็วในการประสานงานไม่ว่าเรื่องใด  ผมเคยนั่งฟังเธอติดต่องานระหว่างที่เราไปเจอกัน  การพูดของเธอเป็นแบบผู้หญิงฉลาดและไม่มากความ  ผิดกับผู้หญิงบางคนที่ผมสามารถฟังจากการพูดโทรศัพท์ได้ภายในเพียงไม่กี่วินาที  ก็ทราบทันทีว่าผู้หญิงแบบนั้นจะเป็นคนน่ารำคาญหรือไม่

"ครับ แล้วเจอกัน" ผมรับปากและตัดสายลง  เมื่อหันกลับไปสมุทรกำลังนำอาหารไปชั่งที่เครื่องชั่ง  เขาทิ้งรถเข็นไว้ข้าง ๆ ผม  ผมยืนมองอยู่ตรงนี้จนสมุทรเดินกลับมา  อีกฝ่ายไม่ถามอะไร  ก็แน่ละ..ถ้าเขาถามละก็คงแปลกแล้ว

"อยากกินหมึกนึ่งมะนาว ทำให้กินทีสิ" ผมพูดบอก  สมุทรเหลือบมองผมเล็กน้อยคงลังเลว่าผมพูดจริงไหม

"ไปหยิบมาสิครับ" อีกฝ่ายบอก  ผมแสยะยิ้มมุมปากนิด ๆ ที่เขากล้าสั่งผม

"แน่ใจนะว่าให้ฉันหยิบเอง" ผมเลิกคิ้วมองอย่างเจ้าเล่ห์  สมุทรถอนหายใจเล็ก ๆ ให้ได้ยินแต่สุดท้ายก็เดินไปที่ฝั่งอาหารทะเลสด  ผมจึงเป็นฝ่ายเข็นรถเข็นให้แทน  สมุทรเอื้อมหยิบถุงพลาสติกเพื่อนำมาใส่ปลาหมึก  ข้าง ๆ มีผู้หญิงวัยรุ่นในชุดนักเรียนมัธยมปลายมากันสองคน  เธอสองคนเหลือบมองสมุทรเล็กน้อย  ผมอมยิ้มแอบยืนสังเกตดู  เพราะคนที่ถูกมองอยู่ในตอนนี้ไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าเขากำลังเป็นที่สนใจ 

"........." สมุทรเพิ่งมองป้ายราคาก่อนตั้งใจเลือกปลาหมึก  ขณะเดียวกันเขาก็หันไปเห็นเด็กนักเรียนสองคนนั้น  เธอทั้งสองคนละสายตาจากสมุทรเขิน ๆ แล้วทำท่าจะเอื้อมหยิบถุงพลาสติก

"เอาถุงเหรอครับ" สมุทรถาม  มองเธอทั้งสองคนอย่างซื่อ ๆ พร้อมกับเอื้อมหยิบถุงพลาสติกให้ทันที

"ขอบคุณค่ะ" ทั้งสองประสานเสียงกันยิ้ม ๆ สมุทรอมยิ้มอย่างอ่อนโยนให้อีกตามเคย  หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเลือกปลาหมึกอย่างตั้งใจ  ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวต่ออะไรทั้งสิ้น  ทีอย่างนี้ละดันซื่อบื้อขึ้นมาเชียว  คนบ้าอะไรประหลาดเป็นบ้า 

ผมเท้าแขนไว้ที่ ๆ จับรถเข็น  ยืนรอสมุทรโดยมองเขาอยู่ไม่ห่าง  ตั้งแต่หัวจรดเท้านี่แทบไม่มีที่ติดอะไรเลยละนะ  ทั้งที่ไม่ได้จัดว่าหล่อเหลามากมายขนาดที่สาวต้องกรี๊ดสลบแท้ ๆ แต่กลับมีเสน่ห์จนแทบละสายตาไปทางอื่นไม่ได้  ผมกวาดตามองสรีระเขาอย่างไม่แคร์ว่าใครจะเห็น  กำลังได้จังหวะเหมาะที่เจ้าตัวไม่ทันระวังตัวอยู่พอดี  มองอยู่อย่างนั้นและกำลังคิดไปไกลเลยเถิด  ครู่เดียวเจ้าของร่างกายก็เดินนำปลาหมึกไปชั่งน้ำหนักแล้วกลับมา  ผมก้มหน้าหัวเราะที่ตัวเองดันคิดอะไรทะลึ่ง ๆ ทั้งที่กลางวันแสก ๆ แบบนี้  สมุทรมองผมงง ๆ

"คุณอยากได้อะไรอีกรึเปล่าครับ" เขาถาม  ผมส่ายหัวแทนคำตอบ

"งั้นผมคิดเงินเลยนะครับ" สมุทรพูด  ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง  เราเดินไปที่เคาน์เตอร์คิดเงินพร้อมกัน  ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา  คิดว่าของตรงหน้านี้ไม่น่าจะเกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท  ที่ควรจะแพงก็น่าจะแพงค่าปลาหมึกของผมนั่นแหละเพราะตัวใหญ่เบ้อเริ่มเลย

"อะ" ผมยื่นแบงก์พันไปให้คนตรงหน้าสองใบ  สมุทรที่ยืนมองหน้าจอเครื่องคิดเงินอยู่หันมามอง

"เดี๋ยวผมจ่ายเอง" สมุทรบอก

"เอาไปเถอะน่า" ผมปัดเพราะเบื่อกับการยื่นเงินให้แล้วไม่ยอมรับแบบนี้ที่สุด

"ถือว่าครั้งนี้ผมขอเลี้ยงคุณบ้างแล้วกัน" สมุทรย้อนบอกด้วยคำพูดที่ทำให้ผมนิ่งลง 

“ฉันได้ใจขึ้นมา จะมาโทษฉันฝ่ายเดียวไม่ได้นะ” ผมแอบบ่น  เอียงคอไปอีกทางเล็กน้อยไม่มองหน้าเขา  สมุทรอมยิ้มนิด ๆ

"เงินไม่ชนเดือนจะมาโทษฉันก็ไม่ได้ด้วยเหมือนกัน" ผมบ่นลอย ๆ อีกฝ่ายคงได้ยินที่ผมพูดชัดเจน  เมื่อคิดเงินเสร็จ  ผมเห็นร้านไอศกรีมโมจิยี่ห้อดังอยู่ไกล ๆ จึงรีบสะกิดสมุทรให้เขาเดินตามมา  ผมว่าอีกฝ่ายคงสงสัยว่าผมจะไปไหนเลยเอาแต่เดินตามไม่ถาม 

"น้องนายชอบกินไอศกรีมรสอะไรกัน" ผมถาม

"แต่ฉันว่าวนิลาอร่อยสุดแล้ว" ผมพูดแล้วเดินไปยืนอยู่ที่หน้าตู้  พนักงานรีบมายืนรอต้อนรับ

"เอาวนิลาหกลูกครับ" ผมสั่ง

"แล้วก็..สตรอเบอว์เบอร์รี่สี่ลูก แล้วก็" ผมหยุดใช้ความคิด

"พอแล้วครับ ถ้าคุณคิดจะเอาไปยาหัวน้องผมน่ะนะ" สมุทรดักคอ

"ก็ถ้านายไม่ยอมบอกว่าน้องนายชอบอะไร ไม่แน่ฉันคงต้องเหมาหมดทุกรสนี่ละ" ผมยักไหล่ไม่สน

"พอคุณซื้อไป..ถ้าพวกเขาชอบ พวกเขาก็ติด ทีนี้ละก็จะร้องอยากกินอีก" สมุทรบ่น  ทำหน้าดุใส่ผมด้วย  ผมกลอกตาบน

"นาน ๆ ทีน่า ถ้าน้องนายอยากกินก็บอกฉันก็ได้ เดี๋ยวฉันพามากิน" ผมบอก  ทุกอย่างเข้าทางกูพอดี

"ไม่ครับ ผมไม่คิดว่ามันติดที่เรื่องราคาอย่างเดียว..แต่มันจะเป็นการหัดให้น้องผมติดนิสัยกินอะไรไม่เข้าท่าแบบคุณ" สมุทรว่า

"หึ" ผมหัวเราะ

"ชาเขียวแล้วกัน ดาวชอบไหม" ผมถาม  สมุทรไม่ยอมสบตา  ผมจ้องเขาไม่เลิกอยู่อย่างนั้น

"ครับ คงงั้นละมั้ง" สมุทรตอบปัดไปที 

"ชาเขียวสองครับ ช็อกโกแลตสาม แล้วก็ชาไทยสาม" ผมอมยิ้มสั่ง

"คุณไฟครับ.." สมุทรย้ำเสียงหน้าเครียด

"ก็ซื้อแบบนี้มันถูกกว่า ดูสิ" ผมชี้ไปที่ป้ายราคา

"บาทเดียวเนี่ยนะครับ!" สมุทรขึ้นเสียง  ผมกลั้นอมยิ้มเพราะหน้าเขาดูตลกดี  พนักงานหน้าเหวอเลย

"คิดมากไปได้..กินไม่หมดก็เก็บไว้กินวันอื่นสิ วันละลูก หลังจากน้องนายกลับจากโรงเรียน..กติกานี้ดีไหม" ผมโน้มน้าว  สมุทรส่ายหัวพร้อมถอนหายใจแรง  เรานั่งรอพนักงานจัดไอศกรีมโมจิใส่กล่องให้เกือบสิบนาที  เสร็จแล้วจึงเดินกลับมาที่รถ
วันนี้ผมกับสมุทรได้กลับบ้านของเขาแต่หัววัน  ซึ่งถือว่าเร็วผิดเวลากว่าปกติ  ผมไม่ช่วยสมุทรถือถุงอาหารเลยเพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของผม  ระหว่างทางเขาแวะซื้อผักที่แผงขายผักเพิ่มอีกสามสี่อย่าง  ที่บ้านนี้น่าจะกินผักกันเป็นชีวิตเพราะซื้อเยอะมากทีเดียว  เมื่อกลับถึงบ้านทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว  ดาวกลับมาจากมหาวิทยาลัยและตรงไปรับเมฆมาพร้อมกัน  ขนมไทยของยายสมุทรยังคงตั้งขายอยู่ไม่หมด  ดาวจัดการนำถุงอาหารสดตรงเข้าไปเก็บเรียงในครัว  ส่วนเมฆนั่งทำการบ้านอยู่ที่เก่าที่เดิม  สมุทรออกไปช่วยยายขายขนมด้านนอก  ยายนั่งคุยกับเพื่อน ๆ ที่มาแวะเวียนหาเธอ  มีคนมาช่วยยายตักขนมขายด้วย  ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนแถว ๆ นี้ที่สนิทสนมกันนี่ละ

"เมฆ..มาเอาน้ำไปให้พี่ไฟเร็ว" ดาวที่กำลังยืนอยู่ตรงชั้นวางน้ำกวักมือเรียกเมฆ  เมฆลุกขึ้นเดินไปหาเธอแล้วหยิบขันน้ำนำมาเสิร์ฟให้ผม  ท่าทีของมันยังเกร็ง ๆ กับผมเหมือนเดิมทั้งที่ก็เจอหน้ากันบ่อยแล้ว  เมฆชำเลืองมองผมเล็กน้อย  ผมอมยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้  เมฆทำตากะหลับกะเหลือก  วางขันน้ำลงแล้วกลับไปนั่งที่เดิม 

"พี่ไฟชอบอาหารรสจัดไหมคะ" ดาวถาม

"เอารสที่ดาวกินเถอะครับ..พี่กินอะไรก็ได้" ผมตอบเพราะผมคงกินไม่มาก  ดูท่าแล้วที่บ้านนี้คงประหยัดกินประหยัดใช้  ถ้ามีเหลือเก็บก็คงจะนำไว้กินวันอื่นด้วย 

"ดาวกินรสค่อนข้างจัดน่ะค่ะ" ดาวยิ้มบอก  สมุทรเดินลงมาจากบนบ้านพอดี  ดาวหันไปเปิดตู้เย็น  สมุทรวางมือลงบนหัวน้องสาวแล้วลูบเบา ๆ สองคนพูดกันอยู่สองสามประโยค  ผมจับใจความไม่ได้เพราะมันเบามากอีกทั้งเห็นปากไม่ชัดด้วย  พอสมุทรพูดจบดาวก็เดินเข้าครัวไป 

"พี่สมุทร สอนการบ้านหน่อย" เมฆพูด  สีหน้าเหมือนขอมากกว่าสั่งพี่ชาย 

"การบ้านอะไรครับ" สมุทรเข้ามาถาม

"เรียงความ" เมฆตอบ

"หึ..ให้คุณไฟเขาสอนสิ เขาดูเรียงเก่งนะ..ความน่ะ" สมุทรพูดแกมประชด  ผมมองเขา

"ก็ดีนะ ถ้าฉันสอน..พรุ่งนี้น้องนายได้ดังไปทั้งโรงเรียนแน่" ผมยักคิ้วตอบอย่างไม่ยอม  สมุทรส่ายหัวน้อย ๆ

"หวัดดีครับยาย!" เสียงผู้ชายไม่คุ้นหูดังอยู่หน้าบ้าน  น้ำเสียงดูสนิทสนมกับคนในบ้านนี้เป็นอย่างดี

"อ่าว มาหาสมุทรเหรอ..อยู่ข้างในแน่ะ" ยายบอก  สมุทรที่กำลังจะเดินเข้าครัวได้ยินคนหน้าบ้านคุยกัน  เขารีบเดินตรงไปที่หน้าบ้านทันที

"สมุทร..สูงมาหาน่ะลูก" ยายเรียก 

"ครับ" สมุทรตอบ  เขาเลื่อนประตูเปิดออกไป 

"ไงมึง..เพิ่งกลับเหรอวะ" เสียงเดิมถาม  หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เงียบไปคงออกไปคุยกันไกลจากหน้าบ้านแน่แล้ว  ผมแอบลุกออกไปดูก็เห็นสมุทรยืนคุยอยู่กับผู้ชายคุ้นตาอยู่อีกฟากถนน  เพ่งพินิจมองเพราะเหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหน  ยืนนึกอยู่พักใหญ่ ๆ จนนึกออกว่าผู้ชายคนที่ชื่อสูงคนนี้  น่าจะเป็นลูกชายของลุงเสือ  เจ้าของค่ายมวยศรไกร

"คนที่ชื่อสูงนี่ใคร" ผมกลับไปนั่งที่เดิมแล้วถามเมฆออกไปตรง ๆ คนอย่างมันไม่มีปากมีเสียงหรอกครับ  ถามอะไรก็คงตอบ

"พี่สูง.." เมฆพึมพำ

"เป็นลูกของลุงเสือ" มันตอบ

"มาบ่อยไหม" ผมถามอีกเพราะก่อนหน้านี้ไม่เห็นหน้าค่าตาบ่อย ๆ

"........." เมฆพยักหน้า

"บ้านอยู่แถวนี้" เมฆขยายความให้รู้

"ชอบเขารึเปล่า" ผมถามห้วน ๆ

"พี่สูงใจดี" เมฆบอก

"เหรอ แล้วฉันล่ะ" ผมถามอีก  เมฆชะงักไป  สายตาดูลังเลจนผมอดอมยิ้มไม่ได้  เมฆหลบสายตาเขิน ๆ เหมือนไม่ต้องการให้คำตอบ  มันหยิบดินสอไปถือไว้แต่กลับไม่เขียนอะไรลงบนสมุดการบ้าน

"ฉันชอบกินไอศกรีมรสวนิลา นายชอบกินรสอะไร" ผมถาม

"ช็อกโกแลต!" เมฆยิ้มกว้าง

"แหวะ ไม่เห็นอร่อยตรงไหน รสชาติอย่างกับกินดิน" ผมเบะปากหน้าทำแขยง  เมฆชะงักไปอีกครั้ง  ผมกลั้นหัวเราะเอาไว้  ท่าทางแม่งโคตรฮาจริง ๆ

"ล้อเล่นน่า ฉันซื้อไอศกรีมมาให้..แต่นายต้องสัญญานะว่าจะกินวันละลูกเท่านั้น แล้วแบ่งพี่ดาวด้วย ไม่งั้นพี่ชายนายฆ่าฉันแน่..ตกลงไหม" ผมพูดถาม

"ฮะ" เมฆพยักหน้ารับปากทันที

"แต่ฉันซื้อรสวนิลามาซะเยอะ เอาไว้รอบหน้าฉันแก้ตัวใหม่แล้วกัน" ผมบ่นคนเดียว  เมฆผงกหัว  ไม่รู้มันผงกทำไม  อีกฝ่ายหยิบสมุดการบ้านออกมาจากกระเป๋ามาเรียงบนโต๊ะเพิ่ม  ผมนั่งมองเมฆนั่งทำการบ้านไปเกือบ ๆ สิบนาที  พลิกดูนาฬิกาไปด้วย  ในใจก็แอบนึกว่าไอ้คนที่ออกไปคุยกันมันพูดคุยอะไรกันนักหนาถึงได้ไปนานขนาดนั้น  แล้วยังมีหน้าทิ้งแขกที่อยู่ในสถานะเจ้านายไว้แบบนี้อีกด้วย 

"สวัสดีค่ะคุณยาย" เสียงใส ๆ ทักทาย  ผมจิปากอย่างนึกเซ็งขึ้นมาในทันที  เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูใกล้ชิดขนาดนี้  ไม่ต้องเห็นหน้าก็พอจะเดาออกได้เลยว่าเป็นใคร..



..............ไฟ.............


จากผู้เขียน:
.. ช่วงนี้เบบี้ติดเรื่องทำงานเขียนหนังสือที่กำลังจัดทำอยู่ในขณะนี้  ซึ่งค่อนข้างยุ่ง  ตอน ๆ หนึ่งสำหรับนิยายเรื่องนี้ใช้เวลาค่อนข้างมาก  จึงไม่สามารถรับปากได้ว่าจะมาลงนิยายเรื่องนี้ตอนต่อไปได้เมื่อไหร่นะคะ 

ขอบคุณค่ะ
เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 21-05-2016 20:47:03
มารอออจ๋า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-05-2016 20:59:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 21-05-2016 21:38:57
ไฟนี่มันจริงๆเล้ยยยยยยยยยยยยย ทั้งเลือดเย็นและใจเย็น 555555

รอเบบี้ได้เสมอจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 21-05-2016 21:53:59
น่ารัก

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: purpleguy ที่ 21-05-2016 23:47:04
 :pig4: เรารอได้.......... :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 22-05-2016 00:18:26
รอได้เสมอค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2016 00:25:42
สมุทรเนื้อหอม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 22-05-2016 00:29:56
รอได้ๆ....ฉันจะรอเธอ :mc2: :mc2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 22-05-2016 01:19:41
ไฟเริ่มเดือดแล้ววววว.....!!!555

สมุทรhotเหลือเกิน...
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 22-05-2016 08:54:22
คิดถึงพี่ไฟมากกกกกกกก

เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ เมื่อไรจะจีบติดสักทีล่ะเนี่ยวันนี้ก็มีคนมาหาตั้งสองคน หงุดหงิดสินะ ใจมันร้อนรุ่ม 555+

ชอบพี่ไฟมากขึ้น. ยิ่งอ่านยิ่งรักนางมีเสน่ห์ เท่ รู้ทันตลอด

ขอบคุณเบบี้ค่ะ รอมานาน นานเท่าไรก็รอนะอิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-05-2016 09:02:23
ช้าอดนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 22-05-2016 14:19:30
สมุทรฮอทเชียวว
มีทั้งสาวทั้งหนุ่มมาหาเลย
คุณไฟต้องเร่งมือละนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 22-05-2016 16:57:39
เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศอันมุ้งมิ้ง เห็นพัฒนาการหึงหน่อยๆของไฟ  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 22-05-2016 18:21:00
พี่ไฟสู้ๆ
#ชอบสมุทร รักสมุทร รอสมุทร เสมอๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 22-05-2016 23:11:18
บี้หายไปร่วมเดือน กลับมาพร้อมตัวละครใหม่เพียบเลย
คุณไฟสู้ๆ บุกค่ะบุก บุกไปอย่าถอยย
อย่าไปกลัวคู่แข่ง 
ปล. พายุกะกังฟูน่ารักกกกกกก  > <
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 23-05-2016 14:11:11
ไฟแอบเคืองเสน่ห์ของสมุทรเบา ๆ  :laugh:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-05-2016 19:26:59
รอเทอได้เสมออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 25-05-2016 08:55:55
ทำไมรู้สึกว่าไฟกับสมุทรน่ารักขึ้น ๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 25-05-2016 13:29:51
สมุทรมีสาวมาแอบมองกลับบ้านมีหนุ่มมาหาอีกไม่เบาๆ

 :pig4:รอได้ค่ะสะวกค่อยมาต่อ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 25-05-2016 19:29:19
ชอบความจังไรของไฟมาก
คือเป็นคนจังไรสุดจริงๆ
นี่ชมนะ ชอบคาแรคเตอร์นี้ ๕๕๕
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 25-05-2016 20:35:40
ชอบไฟอ่ะ   สมุทรก็เริ่มชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันๆ ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-05-2016 21:46:36
 5555 ตลกไฟ รุกเยอะจน สมุทรเริ่มตีกลับแล้วค่ะ
ไฟสนุกเลยล่ะสิ

เมฆน่ารัก

ไฟระวังนะ มีคู่แข่ง

จะรออ่านนะคะ สู้สู้จ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 25-05-2016 23:18:44
สนุกมากครับ...รอติดตามตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 26-05-2016 08:27:11
นี่เราไปอยู่ไหนมาเนี่ยทำไมพึ่งมาเจอนิยายเรื่องนี้สนุกมากกกกกคุณไฟโคตรเท่เวลาพูดผมพูดครับนี่เรานึกถึงพี่ว๊ากเลยโรคคุณไฟแอดดิกกำเริบมาก :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 26-05-2016 10:46:44
คุณไฟ  คู่แข่งเยอะขนาดนี้ จะอยู่นิ่งๆ หยิ่งๆ แหย่ๆ แบบเดิมไม่ได้นะ



ป้าแนะนำให้คุณไฟ หงาย การ์ด #ขอจีบบหน่อย#ให้สมุทรดูไปเลย



ขืนชักช้า คาดการณ์ว่า คู่แข่งอาจมีเพิ่มมาเรื่อยๆ



พี่ทัพสาราวัตรใหญ่นี่อาจมีอะไรในกอไผ่กับพี่ทิวแน่ๆ



อิเด่นนี่ คิดอะไรกับสมุทรหรือเปล่า ดูนางอ่อยๆพี่สมุทรอยู่นะ



ฟินพี่ธานลูบหัวพายุ (พี่ธานจะรู้ใหมว่ามีอีพี่ม่านเพิ่มเข้ามาในวงจรพายุอีกคนแล้วอย่ามัวทำตัวเป็นพี่ใหญ่ไร้ใจอย่างเดียว)



หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nanaka ที่ 26-05-2016 13:38:50
อ่านตอนแรกๆ คิดาไฟกวนตีน
อ่านไปอ่านมากวนตีนทั้งคู่ค่าาาาาา  :hao3:

รออ่านมุมมองของสมุทร
อยากรู้ว่้าสมุทรคิดัยังไงกับพี่ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 26-05-2016 15:40:50
รอ น้องเมฆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 26-05-2016 15:41:27
มาอัพเถอะน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 26-05-2016 22:02:43
ยังไม่ได้เป็นเจ้าของก็ออกอาการหึงเสียแล้ว นายไฟ  :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ เบบี้  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yeeva ที่ 27-05-2016 17:13:24
รอค่ะเปนกำลังใจให้เบบี้จ๊ :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 27-05-2016 20:09:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 28-05-2016 23:59:14
ชอบไฟจัง. ดูเป็นคนจริงมากๆ. #สมุทรไฟ.
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 31-05-2016 07:15:22
สมุทรเสน่ห์แรง ไฟแอบหวงละซี  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanunsak ที่ 04-06-2016 21:12:35
แหม...พี่สมุทรเรานี่เนื้อหอมจัง น่าอิจฉาๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 10-06-2016 23:37:03
คิดถึงไฟ อยากเห็นสมุทรอ่อยไฟบ้าง เพราะที่ผ่านมาไฟอ่อยตลอด 555  :z1:


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-06-2016 01:07:31
คิดถึงพี่ไฟ:)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-06-2016 11:56:32
คิดถึงน้องเมฆใจจะขาด :ling2: :ling1:




คุณไฟพาสมุทรกับน้องเมฆ มาได้แล้ว



คนรอ ทรมาณใจที่สุด :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: www.maxdevil ที่ 14-06-2016 22:02:28
ติดตาม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 19-06-2016 07:08:18
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-06-2016 14:35:01
คิดถึงจะแย่แล้วววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 22-06-2016 00:18:20
ยังรอคุณไฟอยู่นะคะ :m15:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 22-06-2016 07:13:14
รอ......
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 22-06-2016 10:59:01
มารอค่ะ คิดถึง คุณไฟกับสมุทร  :ling2:  :oo1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 22-06-2016 21:40:37
มารอค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 24-06-2016 19:33:53
โอ้ยย ฮาาาา. คู่แข่งมาแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fenfen2537 ที่ 26-06-2016 21:15:37
ชั้นนกำลังขอร้อง อ้อนวอนได้โปรดอัพพ~~~
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 01-07-2016 10:26:38
รอด้วยคนค่า :t3: :t3: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 02-07-2016 01:30:56
รอนะคะะะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-07-2016 15:24:43
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-07-2016 19:54:19
 :hao4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 03-07-2016 01:22:59
พึ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบๆๆๆๆๆๆ ชอบหนูเมฆ น้องน่ารัก ฮืออออ อยากให้น้องมีบทเยอะๆ ขำเวลาคุณไฟอยู่กับลูกน้อง อย่างกับเปิดคณะตลก555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 03-07-2016 16:44:23
มารอ :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 06-07-2016 21:18:43
สนุกมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ เรารออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 07-07-2016 20:59:51
รออยู่นะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 09-07-2016 20:16:17
 :o12: :o12: :o12: :o12:พี่มารอไฟสมุทรที่ท่าน้ำทุกวันเลยยยยยยยย :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 09-07-2016 20:31:58
มารอด้วย  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 17-07-2016 11:35:34
คิดถึงสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 20-07-2016 10:37:14
รอจนกว่าจะมา :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 21 [ 20:48 น. - 21 พ.ค 59 หน้า 23 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 23-07-2016 14:53:28

ตอนที่ 22
..ไฟ..




"เข้าไปในบ้านก่อนสิหยา" ยายของสมุทรบอกเธอ  ตอนนี้สมาธิของผมไปจับจ่ออยู่กับการมาและการไปของแต่ละคนที่ด้านนอก  สายตาเหลือบไปมอง  เมื่อประตูมุ้งลวดเปิดออกผู้หญิงที่ชื่อหยาก็เดินเข้ามา  เธอชะงักมองหน้าผมด้วยความตกใจที่พบว่ามีคนแปลกหน้าร่วมอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย

"หวัดดีฮะ" เมฆยกมือไหว้เธอ  ท่าทีดูคุ้นเคย

"สวัสดีจ้ะ" หยายิ้มรับ  เธอผงกหัวยิ้ม ๆ ทักทายผม  ผมเพียงผงกหัวตอบเล็กน้อย  พร้อมด้วยสายตาที่เมินเฉยเพราะไม่ต้องการทำความรู้จักกันเป็นพิเศษ  ขณะเดียวกันสมุทรก็กลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับผู้ชายที่ชื่อสูง

"คุณไฟครับ..นี่พี่สูงครับ เป็นลูกของลุงเสือ" เจ้าตัวแนะนำ  สูงหยุดยืนมองผมด้วยท่าทีนอบน้อม

"สวัสดีครับ" ผมลุกขึ้นและกล่าวทักกลับพอเป็นพิธี 

"สวัสดีครับ" สูงผงกหัวยิ้มกว้าง  เขาก้มหัวไว้เล็กน้อยคล้ายกับเกรงใจอะไรอยู่สักอย่าง 

"เอ่อ นี่หยาครับ หยา..นี่คุณไฟ เจ้านายผมเอง" สมุทรบอก

"สวัสดีค่ะ" เธอยกมือไหว้ทักทายอีกครั้ง  ผมผงกหัวน้อย ๆ เท่านั้น  สถานการณ์ดูเกร็ง ๆ ไปกับบรรยากาศการแนะนำตัวที่ไม่เป็นปกติธรรมชาติ

"เรามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ" หยาหันไปพูดบอกสมุทร

"ได้สิ..งั้นเดี๋ยวขึ้นไปคุยกันข้างบนก็ได้" สมุทรยิ้มนิด ๆ  เจ้าตัวดูเกรงใจที่จะพูดคุยตรงนี้เพราะมีผมอยู่ด้วยเป็นแน่ 

"ขอตัวก่อนนะคะ" เธอหันมาบอกเราทุกคน 

"ตามสบายเลย" สูงตอบรับ  สังเกตได้จากสายตาแล้วทั้งหยาและสูงน่าจะรู้จักกันมาพอสมควร  ผมมองสมุทรที่เดินขึ้นไปบนบ้านพร้อมกับเธอ  เมื่อทั้งคู่หายตัวไปแล้วบ้านจึงกลับมาเงียบลงอีกครั้ง 

"เอ่อ..ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือค่ายของเราไว้" จู่ ๆ คนตรงหน้าก็พูดขึ้น  ผมหันไปมองหน้าเขาในทันที  ด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าสมุทรจะบอกเรื่องนี้กับใครด้วย  ทั้งที่ผมกำชับแล้วว่าห้ามเขาปริปาก  ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างไม่คิดจะตอบรับใด ๆ
 
"ผมเป็นคนเค้นสมุทรเองน่ะครับว่าไปเอาเงินมาจากไหน เกรงว่าเขาจะไปเอามาจากที่ ๆ ไม่ดี"

“หึ..ผมก็ไม่ใช่ที่ ๆ ดีนักหรอก” ผมอมยิ้มมุมปากตอบห้วน ๆ จึงทำให้อีกฝ่ายชะงักไปครู่

“ขอโทษครับ อาจทำให้คุณไม่พอใจ แต่ผมอยากขอบคุณจากใจจริง ๆ” เขาย้ำบอกด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม  ผมกวาดตามองอีกฝ่ายหัวจรดเท้าและยังคงนิ่งเฉยไปด้วยความเงียบ   

"ไม่เป็นไร..” ผมเอ่ย  สูงเงยหน้าขึ้นสบตาผมทันที

“ผมเองก็ดึงนักมวยค่ายคุณมาแบบไม่ชอบธรรมด้วยเหมือนกัน" ผมพูด  เขาตัวสูงเท่า ๆ กันกับผม  รูปร่างท่าทางแล้วไม่ใช่คนที่ดูไม่เอาไหนอะไร

"เจ้าตัวเป็นคนมีฝีมือ" ผมเอ่ย

"ครับ..มีฝีมือเกินไปที่จะอยู่ค่ายอย่างผม" สูงยิ้มเจื่อนด้วยใบหน้าปนเศร้า  ผมนิ่งมองและไม่ปฏิเสธ

"ถ้าผมมีเมื่อไหร่ จะรีบใช้คืนในทันทีเลยครับ" เขาบอก  ผมไม่ตอบกลับในทันทีเพราะกำลังใช้ความคิดว่าควรพูดสิ่งใดในสถานการณ์เช่นนี้  ผมไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ  เวลาที่เห็นใครตรงหน้ากระทำการใดที่แสดงออกว่าเราควรเชื่อใจ  ใจผมมักสะดุดนิ่งและแบ่งเผื่อไว้ 50/50 เสมอ

"ก็ดี.." ผมตอบรับห้วน ๆ ได้เท่านี้  ไม่ใช่ว่าต้องการเงินคืน  ผมตั้งใจอยู่แล้วว่านี่จะเป็นการให้แบบให้เปล่า  นั่นหมายถึงว่าผมไม่คาดหวังที่จะได้คืนจากสมุทร  แต่การตอบรับเช่นนี้ก็เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาจะได้เงินง่าย ๆ จากผมไปเสมอ  แน่นอนว่าผมไม่ไว้ใจคนตรงหน้า  ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไร  เขาจริงใจต่อสมุทรแค่ไหน ?  สมุทรมีมุมที่โง่บรมมากกว่าที่เห็นหรือเปล่า ?  ดังนั้น การให้เงินไปโดยง่ายในครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ได้

"เดี๋ยวยังไง ผมขอตัวก่อนนะครับ..ต้องไปดูแลที่ค่ายต่อ" สูงยิ้มบอก  ผมพยักหน้ารับ 

"ไปแล้วนะเมฆ"

"หวัดดีฮะ" เมฆรีบยกมือไหว้  สูงหันมาผงกหัวให้ผมอีกครั้งยิ้ม ๆ ก่อนออกจากบ้านไป  เสียงร่ำลายายที่นั่งอยู่ทางด้านนอก  ผมได้แต่เท้าเอว  ตามองไปทางบันไดบ้าน  ด้านบนบ้านเงียบมากจนผมไม่ได้ยินอะไร  แค่อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นถึงขนาดต้องพากันไปคุยบนบ้านเลยงั้นหรือ  มองแป๊บเดียวก็วิเคราะห์ฉากหลังได้อย่างไม่ยากเลยว่า  สองคนนี้ได้เสียกันแล้วอย่างแน่นอน 

"นี่.. มืดมน" ผมนั่งลงอีกครั้ง  เมฆหันมามอง

“ตกลงชอบชื่อนี้งั้นเหรอ ?” ผมเลิกคิ้วถามด้วยอดกวนไม่ได้  เมฆส่ายหัวหน้ามุ่ยทำเอาผมหัวเราะขึ้นจมูกได้นิดหน่อย 

"พี่ชายนายน่ะ เขาพาผู้หญิงมาบ้านบ่อยไหม" ผมถาม  คนฟังเงียบไปครู่และจ้องหน้าผมเขม็งเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ  ผมสูดหายใจเข้าลึกยาวเพื่อคิดประโยคที่ให้เด็กฟังแล้วเข้าใจง่ายที่สุด  คุยกับเด็กนี่มันเลือกใช้คำยากจริง ๆ นะครับ

"ฉันหมายถึง ผู้หญิงน่ะ ? นอกจากพี่หยาของพี่ชายนายแล้ว..เขาเคยพา คนอื่น มาบ้าน อีกไหม" ผมอธิบายเน้นเป็นคำ ๆ  เมฆนั่งนึก  ซึ่งเป็นการนึกที่ค่อนข้างยาวนานมากจนผมชักเริ่มมีอารมณ์

“ตอบเร็ว ๆ สิวะ” ผมเร่ง

"..ไม่เคย" เมฆส่ายหัวตอบ

“ไม่เคย ‘ครับ’ สิ!” ผมขมวดคิ้วเตือน  อีกฝ่ายเหสายตาลง

“..ครับ” มันเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงค่อยเบาลงไปในลำคอ  ก่อนจะตั้งใจทำการบ้านต่อ  ผมเอนหลังพิงเก้าอี้  ไอ้ที่บอกว่าไม่เคยน่าจะวิเคราะห์ออกไปได้หลายประเด็น  “หนึ่ง”..สองคนนี้รักกันมาก  “สอง”..ให้เกียรติและเป็นห่วงครอบครัวจึงไม่ค่อยพาสาวมาบ้าน  แต่กรณีพาออกไปนอกบ้านอันนี้มองไม่เห็นจึงถือว่าไม่นับอยู่ในกรณี  “สาม”..ไม่นอกลู่นอกทางเรื่องใต้สะดือ  หรืออาจมีความหมายอื่น ๆ อีกแต่ไม่ขอวิเคราะห์ต่อแล้วกัน

เวลาผ่านไปเกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมงที่ตั้งแต่สมุทรและหยาขึ้นไปบนบ้าน  ผมเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้  ไม่ใช่เพราะสงสัยว่าสองคนนั้นขึ้นไปบนบ้านทำไม  แต่รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดเวลา  เจ้าของบ้านที่เป็นลูกน้องของผมที่ดูไม่ค่อยสนใจผมนัก  หากเป็นลูกน้องคนอื่นไม่มีทางกล้าปล่อยผมทิ้งไว้แบบนี้แน่  ระหว่างที่นั่งอยู่มีคำถามผุดขึ้นมาตลอดว่า "ควรนั่งอยู่ต่อ" หรือ "กลับออกไปดี" คิดไปคิดมาแบบที่หาจุดจบและคำตอบไม่ได้  เวลาได้ล่วงเลยมาทีละนิด  ถ้าผมยังเลือกที่จะอยู่ต่อจนถึงอาหารมื้อเย็นและถ้าผู้หญิงคนนี้อยู่ร่วมโต๊ะด้วย  บรรยากาศมันจะโอเคหรือไม่  มันผิดจังหวะก็ตรงที่ผมดึงดันที่จะเข้าบ้านสมุทรมาเองเสียแต่แรกและดันมารู้สึกแปลก ๆ เวลาที่มีคนไม่คุ้นเคยมาร่วมหายใจด้วย  ก่อนหน้านี้ก็ทราบดีว่าเจ้าของบ้านไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่นักหรอก 

..การคิดวกไปวนมา  สุดท้ายผมก็เลือกที่จะนั่งอยู่ต่อ  รู้สึกเหมือนเก้าอี้มันดูดก้นผมไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  อยากรู้ว่าผู้หญิงคนที่ชื่อหยามีลักษณะนิสัยอย่างไร  สนิทกับคนในบ้านหลังนี้แค่ไหนและคำถามอีก ฯลฯ  ดาวเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างหน้าบ้านกับหลังบ้านเป็นระยะ  เธอวุ่นกับการจัดเตรียมอาหารและคอยสอบถามผมเป็นตลอดด้วยความเป็นห่วงและเกรงใจ  ผมนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือไปพลางและสอนการบ้านเมฆไปด้วยจนหยาเดินลงมา  เธอหยุดยืนมองมา  ผมยังคงทำเมินแกล้งว่าไม่ได้ยินและไม่เห็นอะไร 

"ขอตัวกลับก่อนนะคะ" หยาพูดขึ้นทำให้ผมต้องละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมองเธอ  อีกฝ่ายฉีกยิ้มให้นิดหน่อย  เมื่อเราสบตากันเธอก็หลบสายตาผมไปในทันที 

"ดาว..พี่หยากลับแล้วนะ" เสียงตะโกนจากสมุทรทำลายความเงียบนี้ลงไปได้  เขายืนหยุดอยู่ตรงปากประตูกลางบ้านที่แบ่งระหว่างหน้าบ้านและทางเข้าครัว
 
"ค่า!" ดาวส่งเสียงตอบ  เสียงวิ่งดังตามติดมาทันที

"กลับแล้วเหรอคะพี่หยา ไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนเหรอ ดาวหุงเผื่อไปแล้วนะเนี่ย" ดาวถามด้วยสีหน้าผิดหวัง

"พี่ต้องเข้าเวรน่ะ เอาไว้คราวหน้านะ" หยายิ้มบอกแล้วเข้าไปลูบหัวดาวเบา ๆ

"พี่ไปแล้วนะเมฆ" เธอหันมาลา  เมฆผงกหัวยกมือไหว้อีกครั้ง  สงสัยว่าที่บ้านคงเห็นว่าไอ้เด็กนี่พูดไม่ค่อยเป็น  เลยสอนให้ไหว้ดะเอาไว้ก่อนลูกเดียว  ช่างเป็นการปลูกฝังความมืดมนอะไรเช่นนี้

"กลับก่อนนะคะ" หยาผงกหัวให้ผมอีกครั้ง  ผมผงกหัวตอบ  เธอออกไปใส่รองเท้าที่หน้าบ้าน  สมุทรเดินตามหยาไป  เขาเดินผ่านผมโดยก้มหัวให้ผมเล็กน้อย  เสียงคนข้างนอกพูดคุยร่ำลากัน  เมื่อเสียงเงียบลงไปแล้วผมจึงเดาได้ว่าสมุทรคงเดินออกไปส่งเธอ  ประมาณห้านาทีให้หลังเขาก็กลับเข้าบ้านมาอีกครั้ง.. 

"ขอโทษด้วยนะครับ" สมุทรบอก  ผมไม่ตอบ  เพียงช้อนสายตาไปอีกทางเท่านั้น  มืดกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้ววางมันไว้บนโต๊ะอย่างเก่าเพราะความจริงมันหมดประโยชน์มานานแล้ว 

"ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าบอกคนที่ค่ายน่ะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง  รู้สึกคาใจเรื่องนี้ที่สุดมาได้ครู่ใหญ่ ๆ  ผมไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่งเรื่องงาน  ไม่เว้นใครทั้งนั้น 

"ขอโทษครับ" อีกฝ่ายชะงัก  เหสายตาลงต่ำ 

“ฉันจะเตือนความจำไว้อย่าง..” ผมเอ่ย  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมอง  เมฆหยุดทำการบ้านลงดื้อ ๆ 

“ไม่ว่ายังไง สถานะของฉันก็ยังเป็นเจ้านายของนาย” ผมเตือนเสียงเย็น  ใช่ว่าผมล้ำเส้นในบางส่วนของชีวิตเขาเกินกว่าเจ้านายและลูกน้อง  แต่เรื่องงานเขาไม่ควรล้ำเส้นในส่วนที่ผมไม่อนุญาต  ทำงานอยู่กับผมเขาจำเป็นต้อยแยกแยะให้ได้ว่าเรื่องไหนที่ผมชอบ  และเรื่องไหนที่ผมไม่ชอบ

“.........” สมุทรยืนเงียบ  เขาแทบไม่ขยับตัวและไม่มองหน้าผมอีก 

"ถ้านายเชื่อใจคนพวกนั้น..ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่ฉันไม่ให้บอก..เพราะเงินสามารถทำให้คนบางคนตอแหลได้อย่างไม่น่าเชื่อ” ผมพูดเรียบ ๆ  เมื่อเขามองมาผมจึงจ้องสบตาอีกฝ่ายเขม็ง

“ถ้านายไม่ปกป้องตัวเอง มันก็เรื่องของนาย”

“ซึ่งถ้านายชอบวัดใจ.. ฉันเองก็ชอบเหมือนกัน” ผมจงใจพูดกวนพลางอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพื่อเตือนเขาเป็นนัยยะ  สองสิ่งในชีวิตที่ผมได้พบเจอมาตั้งแต่เด็ก  สองสิ่งที่วงการนี้ทำให้ผมเห็นว่าคนเราสามารถเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้  สันดานที่เก็บซ่อนไว้เบื้องลึกนั้นแตกออก  คือหนึ่ง “ความตาย”  และสองคือ “เงิน”
 
"ครับ ผมเข้าใจ ขอโทษด้วยครับที่ขัดคำสั่ง" สมุทรพยักหน้ารับด้วยใบหน้าสำนึกผิดและไม่มีคิดที่จะตอบโต้ผมอีก
 
"ช่างมันเถอะ" ผมปัดไปที  เพราะถือว่าได้พูดในส่วนที่ควรพูดแล้ว

"เดี๋ยวผมขอตัวไปช่วยดาวทำกับข้าวดีกว่า จะได้เสร็จเร็ว ๆ" เขาบอก  ผมพยักหน้าส่ง ๆ อนุญาต  สมุทรเดินเข้าครัวไป
 
“คำว่า ‘ตอแหล’ น่ะ พี่นายใช้บ่อยไหม ?” ผมถามเมฆ  อีกฝ่ายมองมาก่อนส่ายหัวแทนคำตอบ
 
“หึ..งั้นเหรอ โทษทีแล้วกัน” ผมเบะปากไปที  รู้อยู่แล้วล่ะว่าไม่น่าจะมีคำ ๆ นี้หลุดออกมาจากคน ๆ นี้ได้
 
พ่อของผมเคยบอกว่าพ่อและแม่ของสมุทรเป็นคนสุภาพ  อ่อนน้อมถ่อมตน  ประหยัดมัธยัสถ์  ซึ่งผมว่าของแบบนี้เป็นเรื่องยากที่จะสอนให้เป็นเหมือนต้นแบบอย่างพ่อและแม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มได้  การปลูกฝังของครอบครัวก็มีส่วนอยู่  แต่โดยรวมแล้วการที่คนเราจะเป็นอย่างไรมันก็ปัดไม่ได้ว่าวัดกันที่สิ่งที่นำติดตัวมาก่อนเกิด  ที่ถึงแม้สิ่งแวดล้อมจะพร่ำบอกให้คนเราใฝ่ดีหรือใฝ่ต่ำให้ตาย  สันดานดิบก็จะสอนให้เขาเลือกที่จะไม่เป็นไปตามสิ่งนั้น ๆ  ผมเชื่อเรื่องที่ว่าการมาเกิดของคน ๆ หนึ่งในครอบครัวหนึ่ง  มันมีเหตุมีปัจจัยแบ่งอยู่ 50/50 เพื่อการคัดเลือกให้คนเราได้เกิดมาในครอบครัวที่มีพื้นฐานเหมือนตนเอง  ผม  พายุ  ไอ้ดินหรือพี่ธาน  แม้จะไม่ได้เกิดมาในท้องแม่เดียวกัน  แต่เมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันจึงไม่ได้มีพื้นฐานแตกต่างสุดโต่งไปจากต้นตระกูลนัก  สมุทร  ดาวหรือว่าเมฆก็ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้ให้กำเนิดพวกเขาเลยเช่นกัน   
 
..ระหว่างการนั่งรออยู่ที่โต๊ะ  ผมและเมฆส่วนใหญ่ใช้กระแสจิตคุยกัน  เพราะส่วนตัวผมก็ขี้เกียจขยับปากและขี้เกียจเลือกคำพูดมาใช้ด้วย  ให้หลังประมาณครึ่งชั่วโมงอาหารก็เสร็จพร้อมตั้งโต๊ะ  บรรยากาศของบ้านนี้ยังคงเดิม ๆ อย่างที่ผมเคยสัมผัสได้ก่อนหน้า  เป็นครอบครัวที่อบอุ่นคนละแบบกับครอบครัวของผม  หลังจากที่กินอาหารเสร็จทุกคนช่วยกันยกจานชามเข้าไปเก็บ  ผมนั่งคุยกับยายสมุทรเป็นเพื่อนจนดาวเสร็จธุระออกมา  เธอก็ขอตัวลาผมเพื่อพายายขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน

“ยายนายก็ไม่ค่อยดีแล้ว ทำไมไม่ให้นอนข้างล่างล่ะ” ผมถาม

“เคยมีงูเข้ามาในบ้านน่ะครับ ตอนนั้นผมไม่อยู่..ดาวกลัว” สมุทรที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะอยู่เงยหน้าขึ้นตอบผม

“..แต่ยายไม่กลัวหรอกครับ” เขาขยายความยิ้ม ๆ พร้อมก้มหน้าเช็ดต่อ  ผมหลุดหัวเราะ  อีกฝ่ายเหลือบมองมาและยิ้มกว้างจนเห็นฟัน  ผมได้แต่จ้องมอง  หลายครั้งที่ผมปัดไม่ได้ว่าผมละสายตาจากรอยยิ้มนี้ของเขาได้ยาก  เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่ซื่อตรงจนแทบหาความเลวร้ายไม่พบเลยจริง ๆ  นั่นคงเป็นเสน่ห์ของเขาละมัง

“ติดมุ้งลวดให้แล้วแต่ดาวก็ยังกลัวอยู่ดี” สมุทรพูดแกมบ่น 

“ดาวนอนกับยาย ?” ผมถาม 

“ครับ..เมฆด้วย” สมุทรตอบ  พร้อมนำผ้าที่เพิ่งเช็ดโต๊ะเสร็จไปใส่ตะกร้า 

“เมฆเป็นภูมิแพ้น่ะครับ ข้างบนสะอาดกว่า” อีกฝ่ายพูดก่อนหยิบผ้าอีกผืนหนึ่งที่สะอาดกว่าผืนก่อนมาเช็ดมือซ้ำอีกครั้ง
 
"พี่สมุทร" เมฆเดินมาในมือถือแผ่นกระดาษโบรชัวร์

"หือ ?" สมุทรหันกลับไปมองพร้อมหยิบโบรชัวร์ออกจากมือของเมฆไปดู  ผมเห็นว่านั่นเป็นโบรชัวร์คอร์สเรียนกังฟู  อีกทั้งยังเป็นของโรงเรียนพายุอีกด้วย  เมื่อสมุทรอ่านเสร็จเขาก็เหลือบสายตามามองผมเล็กน้อย

“สาบานได้ว่า ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ผมอมยิ้มพูดดักคอก่อนเลย  ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าไอ้มืดมนไปได้โบรชัวร์แผ่นนั้นมาจากที่ไหน
 
"ทำไมครับ" สมุทรยังเฉย  เขาละสายตาจากผมแล้วก้มลงถามเมฆ 

"เมฆอยากเรียน" เมฆตอบ

"ไม่ได้" สมุทรตอบพร้อมกับคืนโบรชัวร์ไปให้

“มาก็เรียนครับ” เมฆพูด  แต่พี่ชายของมันยังนิ่งเฉยด้วยใบหน้าขึงขัง

“พี่บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ” สมุทรย้ำไม่มองหน้าใคร

"ทำไม ก็เรียนไปสิ..ถ้าเรื่องเงินละก็เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง" ผมพูดแทรก

"ไม่ได้ครับ" สมุทรย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำเอาเมฆหน้าหงอยลงชัดเจน
 
"ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้อ่านหนังสือแล้วเข้านอน" สมุทรก้มลงอุ้มเมฆขึ้น 

"ลาคุณไฟก่อน" เขาสั่งพร้อมหันตัวให้เมฆหันหน้ามาทางผม  เมฆยกมือไหว้ผมน้อย ๆ  ไม่ยอมเงยหน้ามามอง  ดูท่าจะงอนพี่ชายตัวเองซะแล้ว  สมุทรอุ้มเมฆพาไปส่งที่ตีนบันได  พอเมฆขึ้นบ้านไปแล้วเขาจึงเดินกลับมาและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม  ไม่ไกลจากผมนัก 

"ทำไมถึงไม่ให้เรียน ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายตรงไหน" ผมถามเรื่องเดิม

"อย่าพูดเรื่องนี้เลยครับ" สมุทรปัด

"พายุสอนดีนะ ในประเทศไทยมีโรงเรียนสอนกังฟูสักกี่โรงเรียนกันเชียว" ผมว่า

"ถึงไม่เรียน น้องผมก็ยังมีชีวิตปกติสุขดี" สมุทรย้อนทันที  คำพูดฟังประชดประชันติดปลายเสียงอยู่นิดหน่อย
 
"แต่บางครั้งมันก็จำเป็น.." ผมย้อนอย่างไม่ยอมความเช่นกัน

"นายปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันจำเป็น" ผมประชดกลับบ้าง  พลางอมยิ้มมุมปากตอบให้

"ถ้าไม่จำเป็น คงไม่เทียวไปซ้อมอยู่ทุกวัน ..ใช่ไหมครับ ?" ผมเลิกคิ้ว

"หยุดพูดได้แล้วครับ แล้วก็เลิกทำหน้าตาเหมือนรู้อะไรไปหมดสักที" อีกฝ่ายว่า

"งั้นเหรอ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงแหบ ๆ  อมยิ้มพลางกวาดตามองอีกฝ่ายด้วยรู้สึกชอบใจในคำพูดเชิงว่าปรามเมื่อครู่

"ฉันว่าเป็นเรื่องที่ดีนะที่น้องนายสนใจอยากจะเรียน คนเราก็ต้องมีเรื่องที่สนใจเป็นพิเศษกันบ้าง โดยเฉพาะกับน้องนายแล้วยิ่งควรสนับสนุนไปกันใหญ่” ผมเบ้ปากพูด  คนตรงหน้านั่งฟังเงียบ ๆ

“ดูหน้าหมอนั่นสิ ..ซื่อบื้อออก" ผมพูดว่าอย่างจงใจ  ทำเอาสมุทรทำท่าเหมือนจะอมยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ยิ้มออกมาตรง ๆ ซะทีเดียว  ทำไมผมถึงมองว่าคนตรงหน้ามีปฏิกิริยาที่น่าแกล้งอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ทราบ

"เรื่องหน้าตาก็มีผลทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันได้ เป็นธรรมดาของมนุษย์โลกที่กล้าเหยียบคนที่ภายนอกดูอ่อนแอกว่า..ขนาดฉันยังชอบเลย" ผมยักคิ้ว  เอนหลังพิงสบาย ๆ พูดให้ฟัง  อีกฝ่ายส่ายหัวยิ้ม ๆ

“มีอำนาจก็ใช้! ทางที่ดีบ้าง..ไม่ดีบ้าง มีกำลังก็อยากแสดง..วางท่า โอ้อวด เสร่อ มีปากก็ต้องพูด..เรื่องดีบ้าง เรื่องจังไรบ้าง พูดทำให้คนอื่นเจ็บปวดต้องมีเยอะกว่าพูดเรื่องที่มีความสุขอยู่แล้ว ก็มันสนุกปากนี่นะ..เป็นธรรมดา” ผมพูดเพ้อเจ้อไปเรื่อยด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ

“คุณไฟครับ” สมุทรเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม  ผมอมยิ้มมุมปากมองเขาและยอมเงียบลง  เราต่างนั่งอยู่ในความเงียบร่วม ๆ ห้านาที  อีกฝ่ายนั่งสงบเสงี่ยมคล้ายรอให้ผมเป็นฝ่ายออกคำสั่ง

"ตอนที่พายุไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้น ๆ ที่อเมริกา สมัยมัธยมต้น..” ผมเล่าถึง  เงยหน้ามองเพดานพร้อมถอนหายใจเมื่อต้องนึกถึงความหลัง 

“มันถูกรุ่นพี่เจ้าถิ่นที่นั่นหาเรื่อง เพราะว่า..ผู้หญิงอเมริกันที่คุณครูสั่งให้ดูแลมันน่ะดันเป็นดาวเด่นในหมู่โจร แล้วเธอก็ติดพายุแจ” ผมเล่าปนหัวเราะ  สมุทรอมยิ้มนิด ๆ

“พายุน่ะ น็อกฝรั่งตัวใหญ่กว่าด้วยมือเปล่าทีเดียวหลายคนกลางสนามบาส กลายเป็นฮีโร่ของเพื่อน ๆ ที่ฉันต้องรีบให้ทำเรื่องกลับประเทศไทยแทบไม่ทัน ฉันที่เป็นพี่..ดุด่ามันว่ามึงไม่ควรทำแบบนี้ แต่ในใจกลับรู้สึกภูมิใจกับมันสุด ๆ” ผมแสยะยิ้ม  สมุทรหลุดหัวเราะ

“ใช่แล้ว..ไอ้ซื่อบื้อนั่นมันน้องชายฉันเอง อะไรทำนองนั้น" ผมพูดติดตลกไปที  เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มผมจึงเงียบลง

"เดี๋ยวฉันให้คนมาติดแอร์ให้นะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง

"ตอนกลางวันไม่ร้อนตายเลยเหรอ" ผมบ่น  รู้สึกว่าตรงนี้เพิ่งจะมาเย็นก็ตอนช่วงเย็น ๆ นี่ล่ะ  คิดว่าตอนกลางวันคงร้อนระอุมากเป็นแน่

"พวกผมอยู่กันได้ครับ" สมุทรพูด  คิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันนิด ๆ

"เดี๋ยวฉันให้คนมาติดแอร์" ผมย้ำคำเดิม

"ไม่ครับคุณไฟ อย่ามาทำอะไรไม่เข้าท่า"

"ตอนกลางวันยายนานจะได้อยู่สบาย ๆ" ผมอ้าง  ครั้งนี้สมุทรเงียบทันที

"ขอบคุณนะครับ..แต่ผมบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาสิครับ อย่าทำให้ผมลำบากใจได้ไหม" สมุทรส่ายหัวน้อย ๆ  เขาไม่ยอมมองหน้าผมเลย

"งั้นติดเฉพาะข้างล่างนี้ก็ได้ เผื่อให้น้อง ๆ นายได้ทำการบ้าน อ่านหนังสือเย็น ๆ อยากเปิดเมื่อไหร่ก็เปิด ไม่เปิดมันก็ไม่ได้ร้องขอข้าวกินสักหน่อย" ผมบอก

"ตามนั้นนะ" ผมสรุปให้  อีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ผมนั่งเงียบมองหน้าเขา  สมุทรเองก็เงียบด้วยเช่นกัน  อีกฝ่ายหันหน้าไปทางอื่นอยู่พักหนึ่ง  พอหันกลับมาก็สบตาเข้ากับผมที่จ้องเขาอยู่ก่อนหน้าแล้วพอดี  สายตาที่จ้องตอบมาทำให้ผมหลุดอมยิ้มมุมปากด้วยรู้สึกชอบใจ  ผมจับจ้องมองอยู่อย่างนี้จนคนตรงหน้าเหสายตาไปทางอื่น

"จะกลับรึยังครับ" เขาถามขึ้น

"ไล่เหรอ ?" ผมถามกลับห้วน ๆ

"ครับ..เจ้านายมาขลุกอยู่บ้านลูกน้องแบบนี้ เหมาะควรแล้วเหรอครับ" สมุทรหันกลับมามองตอบเอาคืน

"ก็เหมาะกว่าพาผู้หญิงขึ้นไปคุยบนห้องอะนะ" ผมเบ้ปากน้อย ๆ  เอนหลังพิงพนักเก้าอี้

"คุยนอกห้องครับ ไม่ได้คุยในห้อง" สมุทรสวนทันควัน 

"ให้เกียรติกันน่าดู" ผมเบะปาก  พยักหน้าหงึก ๆ

"คุณต้องการอะไรกับประเด็นนี้ของผมครับ"

"ก็ไม่มีอะไร แค่เป็นคนขี้สงสัย..ไม่ได้รึไง" ผมย้อน  สมุทรไม่ตอบโต้อีก  เขาเลือกที่จะเงียบคงเพราะรำคาญผมแล้วละมัง

“มีเซ็กส์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่” คำถามนี้ทำเอาสมุทรหันขวับมามอง  สายตาเรียบนิ่งเริ่มบอกว่าไม่พอใจ

“ให้เดา..เกินครึ่งปีแล้วแน่ ๆ  อึดอัดแย่เลยนะ ?” ผมกวาดตามองยิ้ม ๆ

“ผมทราบดีครับว่าคุณเป็นเจ้านายผม แต่ผมจะรู้สึกขอบคุณมาก..หากคุณไฟจะช่วยระวังเรื่องที่พูดอยู่ให้ผมสักหน่อย” สมุทรพูดเตือน  สายตาที่สุขุมกำลังแฝงไปด้วยความดุดันที่เจ้าตัวมี

“ฮึ!” ผมหัวเราะชอบใจ  แลบลิ้นออกมากัดพลางยิ้มมอง

“ฉันรู้สึกถูกใจอะไรบางอย่างล่ะนะ” ผมบ่นลอย ๆ

“กลับก่อนแล้วกัน" ผมตัดบท  ลุกขึ้นพลางถอนหายใจนิดหน่อย  สมุทรลุกตามในทันที  เมื่อเดินออกมาจากบ้าน  เจ้าของบ้านก็เดินตามหลังผมมาเงียบ ๆ จนถึงรถ

"ขอบคุณนะครับ" สมุทรพูดขึ้นโต้ง ๆ  ผมที่กำลังจะเดินไปถึงหน้าประตูฝั่งคนขับก็ต้องหยุดชะงัก  นิ้วที่แกว่งกุญแจรถยนต์อยู่ก็หยุดด้วย  รอยยิ้มนิด ๆ ผุดขึ้นมาที่มุมแก้มเมื่อได้ยิน  ผมจึงหันตัวกลับไปมอง 

"..ครับ" ผมยิ้มกะล่อนตอบรับ  อีกฝ่ายคล้ายกับจะหลุดยิ้มแต่เขาดันเบือนหน้าหนีผมไปดื้อ ๆ ซะก่อน  ผมยิ้มกว้างกลับมาขึ้นรถ  ยิ้มทำไม..นี่กูก็ยังงงตัวเอง


... ... ... ... ... ... ...
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 23-07-2016 14:55:02

วันพฤหัส : ร้านอาหาร FOX

วันนี้ผมมาพบพลอยตามที่นัดกันเอาไว้เมื่อสองวันก่อน  เมื่อเช้าผมเข้าค่ายมวยทั้งเช้า  อยู่ซ้อมและเคลียร์งานที่นั่น  กลับมาอาบน้ำแต่งตัวและเดินทางมาที่นี่พร้อมกับสมุทรและไอ้เด่น  ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะให้ไอ้เด่นเป็นคนขับรถมาให้  โดยให้สมุทรอยู่ซ้อมที่ค่ายมวยจนถึงตอนเย็นเลย  แต่เนื่องจากพลอยโทรมาขอนัดเป็นอาหารมื้อกลางวันที่ร้าน FOX ซึ่งค่อนข้างใกล้กับบ้านของผม  ผมจึงให้สมุทรเดินทางมาด้วยกัน  เดี๋ยวจะปล่อยให้ว่างไปซะเปล่า ๆ

"หวัดดี" พลอยยิ้มทัก  เธอลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผมมาถึง  สายตาของเธอมองไปที่คนแปลกหน้าก็คือสมุทรที่ตามหลังผมเข้ามาในร้านด้วย 

"นี่สมุทร สมุทร..นี่พลอย" ผมแนะนำส่ง ๆ

"สวัสดีครับ" สมุทรผงกหัวทักทาย 

"สวัสดีค่ะ" พลอยผงกหัวยิ้มทักตอบเช่นกัน  ตามสัญชาตญาณจึงจับสังเกตพลอยได้ในทันที

“ขี้ข้าน่ะ” ผมพูดแทรกความคิด  พลอยชะงัก  ส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผม  ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ  ทำไมถึงจะดูไม่ออกว่าสายตาที่ดูสนใจของเธอที่มองสมุทรมันต่างจากที่เอาไว้มองลูกน้องของผมคนอื่น ๆ

"จะนั่งไหมครับ" ผมลอยหน้าลอยตาถาม 

"นั่งสิคะ" เธอตอบปนประชดนิด ๆ  ผมอมยิ้มเดินไปที่ฝั่งของเธอและจับเลื่อนเก้าอี้ให้พอเป็นพิธีก่อนเดินย้อนกลับมาฝั่งตรงข้าม  สมุทรรู้หน้าที่เป็นฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่ง 

"ผมขอตัวนะครับ" อีกฝ่ายกุมมือเข้าหากัน  ก้มหน้าก้มตาพูดขออนุญาต

"อือ" ผมพยักหน้าตอบ  เขาผงกหัวให้ผมและพลอยอีกครั้งก่อนออกจากร้านไป 

"อะแฮ่ม" ผมกระแอมคอไม่มองหน้าเธอพร้อมเอื้อมมือรับเมนูจากพนักงาน
 
"ลูกน้องใหม่เหรอ ? ไม่เคยเห็นหน้า" พลอยมองค้อนเขิน ๆ ปรามมาให้ผม

"ใช่" ผมตอบ 

"สั่งอาหารแล้วเหรอ" ผมถาม

"ยัง..ก็รอไฟนั่นแหละ" พลอยตอบ  เธอรับเมนูจากพนักงานไปเปิดดูเช่นกัน  เราต่างสั่งอาหารมาคนละสองอย่าง  พนักงานทวนเมนูทั้งหมดก่อนจากไปทำหน้าที่  ขณะเดียวกันพนักงานอีกคนก็เข้ามารินน้ำเปล่าเตรียมเสิร์ฟให้

"ไม่ดื่มอะไรเหรอ" พลอยถาม  ผมส่ายหัว  เอนหลังพิงเก้าอี้พลางมองหน้าเธอที่ไม่ได้พบมาหลายอาทิตย์

"ไม่ต้องมาทำตาหวานเลย ดิฉันไม่หลงหรอกนะคะ" พลอยอมยิ้ม  เตะเท้าเข้ามาที่เท้าของผมงอน ๆ  ผมฉีกยิ้มมองไม่วางตา  เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในตอนนี้เลยละมังที่ผมอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจที่สุด

"ทำไม..ชอบแบบนั้นเหรอ" ผมเบ้ปาก  พยักพเยิดหน้าไปด้านนอกร้านเพื่อหมายถึงเป้าหมายของเธอที่เพิ่งออกจากร้านไป

"ก็ดูดีดีอะนะ" พลอยไม่ปฏิเสธ 

"ได้เจ้านายแล้วยังจะเอาลูกน้องอีก มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ" ผมว่า  เท้าศอกขึ้นบนที่วางแขนพร้อมนำมือเท้าคางมองหน้าเธอสบาย ๆ

"จิ..ไฟ" พลอยเขม่นปราม  เพราะพนักงานเสิร์ฟเพิ่งเสิร์ฟน้ำให้เราเสร็จและยังเดินไปไม่ได้ถึงไหนไกล 

"ทำไมถึงรับคนติดตามใหม่ล่ะ แล้วพี่ธานไปไหน"

“เกิดเรื่องนิดหน่อย อันนี้เป็นคนติดตามจำเป็นน่ะ” ผมตอบปนหัวเราะ  พลอยยิ้ม

"พี่ธานก็งานเยอะ..ให้ไปโฟกัสเรื่องอื่นบ้าง รายนั้นแก่แล้วนี่นะ" ผมกวนทำเอาพลอยหัวเราะชอบใจ

"เอาพี่ธานไหมล่ะ ? ฉันให้" ผมวกกลับมาเรื่องเดิม  พลอยได้เจอลูกน้องผมครบทุกคนแล้ว  แต่เธอดูไม่ได้สนใจใครออกนอกหน้าอย่างที่เห็นสมุทรเมื่อครู่นี้  ขนาดพี่ธานเองพลอยก็ยังเฉย ๆ เลยด้วยซ้ำ

"ไม่เอาหรอก เฮอะ! เล่นกับไฟ" พลอยทำหน้าผวาประกอบ

“ฉันดูออกหรอกนะว่าคนไหนไฟ คนไหนฟืน พี่ธานน่ะไฟ..ส่วนนายน่ะฟืน” เธอกระแทกเสียงต่อว่า

"หึ ๆ ๆ" ผมหลุดหัวเราะ  หน้าของเธอตลกดี 

"แต่คนนี้นี่ใช้ได้เลย" พลอยขยิบตายิ้มเจ้าเล่ห์หมายถึงสมุทร  ผมนิ่งลง  รู้สึกไม่ชอบที่จะรับฟังขึ้นมาตงิด ๆ ชอบกล 

"ดูยังไงว่าใช้ได้ไม่ทราบ เธอนี่มันใจง่ายจริง ๆ" ผมบ่น  เหสายตากวาดไปมองที่ลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ อย่างสำรวจ  ด้วยเพราะติดเป็นนิสัย

"ปากนี่นะ!" พลอยกัดฟันหมันไส้ผม  พร้อมเขวี้ยงผ้ากันเปื้อนมาโดนเข้าที่หน้าของผมพอดี  ผมหยิบออกยิ้ม ๆ

"เพราะเขาดูเป็นคนไม่ใช่คนแบบเธอยังไงล่ะ" พลอยตอบ

"ยังไงไม่ทราบ ? ฉันอ่อนโยนกับเธอสุด ๆ  อยากได้แบบไหนก็ตามใจตลอด นี่ตกลงไม่เคยมีความดีเลยสินะ" ผมกวนกลับอย่างไม่ยอม  ทำเอาพลอยหน้าแดงก่ำอย่างกับสั่งได้ในทันที 

"ฉันไม่น่าหลวมตัวเลย" เธอกระซิบกระซาบต่อว่าตัวเอง

"สายไปแล้วมั้ง" ผมยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  พลอยเงียบลง  เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบนิด ๆ

"สนใจหมอนั่น ในลักษณะไหน..ไว้หน้าฉันหน่อยก็ได้มั้ง" ผมเตือน  เพราะอย่างไรผมกับพี่ธานก็ไม่เคยทับทางกัน  จะมีก็แต่บางครั้งผมจะเอ่ยปากอนุญาตเท่านั้น

"ทำไม หึงเหรอ" พลอยย้อน  ผมดุนลิ้นออกมากัดพลางแสยะยิ้มไม่ได้ให้คำตอบกับเธอ 

"เธอไม่ได้หวงฉันด้วยซ้ำ" เธอว่า  เราต่างมองตากัน 

"จะให้หวงแค่ไหน คุณเองก็ไม่ได้ต้องการให้ผมหวงด้วยซ้ำ" ผมพูดบ้าง

"นี่ตกลงว่าเธอหวงฉันหรือหวงลูกน้องกันแน่" พลอยทำหน้าขึงขังขึ้นมา

"หวงลูกน้อง" ผมแสยะยิ้มตอบทันที

"ไฟ!" พลอยขึ้นเสียงหน้ามุ่ย  ผมหัวเราะ

"หมอนั่นดีกว่าฉันตรงไหน เธอพูดไม่รักษาน้ำใจฉันก่อนเอง” ผมยักไหล่น้อย ๆ

“หมอนั่นน่ะ เก่งไม่ได้ครึ่งฉันหรอก..เดาได้เลย" ผมยิ้มให้

"ดูเขาเป็นคนสุภาพ แล้วก็น่าจะอ่อนโยน ให้เกียรติผู้หญิงมากกว่าใครบางคนแถว ๆ นี้" พลอยเบะปากประชด

"นั่นมันภาพลวงตารึเปล่า" ผมตอบอย่างไม่แคร์ว่าเธอจะว่ายังไง   ตามจริงแล้วผมก็เห็นสมุทรในมุมเดียวกันกับที่พลอยมองเห็นเหมือนกัน  แต่แค่ไม่คิดว่าเป็นส่วนที่ต้องเอามาพูดยอมรับต่อหน้าคนอื่นน่ะนะ

"พูดกันแค่ไม่กี่คำก็หลงเขาซะแล้ว นี่ตกลงเธอเป็นนักธุรกิจจริง ๆ รึเปล่าเนี่ย หึ..ตอนที่อยู่ห่างหูห่างตาฉันคงไม่ได้ไปเดินตามใครต้อย ๆ หรอกนะ"

"ไฟ!" พลอยขึ้นเสียงครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบ  ผมหัวเราะจึงทำให้เธอสะบัดหน้าไปอีกทาง  ผมนั่งเฉย  พลอยไม่ยอมหันหน้ามาทางผมเลยสงสัยจะงอนจริงซะแล้ว  ผมนำเท้าสะกิดเท้าเธอเบา ๆ  อีกฝ่ายจึงเหล่หางตามามอง 

"หายงอนเถอะน่า ได้กันตอนทะเลาะเดี๋ยวได้ท้องกันพอดี แบบนั้นผมเดือดร้อนแย่" ผมพูด

“ไม่สิ..มีพ่อกับแม่เป็นคุณกับผม ลูกต่างหากที่จะเดือดร้อน” ผมขยายความ  ทำให้พลอยพยายามอดกลั้นตัวเองไม่ให้หลุดหัวเราะออกมาอย่างเห็นได้ชัด 

"ไฟนี่นิสัยแย่จริง ๆ" พลอยบ่น  ผมยื่นผ้าเช็ดปากกลับไปให้  เธอรับไปด้วยท่าทีเขิน ๆ

"ช่วงนี้เป็นไงบ้างล่ะ" เธอถาม  น้ำเสียงและสีหน้ากลับมาเป็นปกติตามเดิมแล้ว

"ก็เรื่อย ๆ เก็บตัวนักมวยน่ะ มีแข่งที่พัทยาอีกไม่กี่อาทิตย์"

"ไฟก็ซ้อมด้วยเหรอ"

"อืม ก็ไม่ได้ซ้อมหนักเหมือนเตรียมขึ้นชกหรอก แต่หนักเป็นปกติ" ผมตอบขำ ๆ

"แล้ว..ไปได้ลูกน้องแบบนั้นมาจากไหน" พลอยกลับมาเรื่องเก่า  ผมจิปากเซ็ง ๆ  ดูเธอจะสนใจสมุทรเข้าให้จริง ๆ

"เรื่องมันยาว" ผมตอบ

"นายนั่นจนนะ" ผมพูด

"อ้อ..ฉันรวย เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก" พลอยย้อนอย่างไม่แคร์  ผมคิดว่าเธอต้องการกวนอารมณ์ผมมากกว่า  ผมช้อนตาขึ้นมองหน้าเธอด้วยนึกหมันไส้ขึ้นมาตงิด ๆ

"เดี๋ยวจะโดนนะ" ผมขู่  อีกฝ่ายชะงัก  เหหน้าไปทางอื่นไม่ยอมสบตาผม  เราเงียบลงครู่หนึ่ง  พลอยเท้าแขนลงบนโต๊ะมองมา  ผมนั่งนิ่งเงียบเพื่อรอดูท่าทีของเธอ

"พลอยรู้ว่าไฟไม่ได้หวงพลอยหรอก แถมรู้ด้วยว่าตอนนี้ไฟรู้สึกยังไง" พลอยอมยิ้ม 

"พลอยเองก็ไม่คิดจะรักไฟอยู่แล้วละนะ เพราะคนอย่างไฟ ไม่มีทางหลงรักพลอย" พลอยพูดจ้อไม่หยุด  ผมอมยิ้มมุมปาก  ตั้งใจฟังที่เธอพร่ำพูดอยู่

"ดังนั้น..เราควรแยกสถานะกันรึเปล่า ถ้าพลอยสนใจลูกน้องของไฟจริง ๆ ในแง่ของความจริงจัง ไฟก็ควรจะยินดีกับพลอยสิ" เธอทำหน้าทะเล้น

"ก็นะ.." ผมเอ่ยสั้น ๆ  ตามองต่ำลงนึกคำพูด

"งั้นจนกว่าหมอนั่นจะตกหลุมพรางของเธอ ก็เตรียมถุงยางไว้เยอะ ๆ ก็แล้วกัน" ผมกลอกตาค้อนมองอย่างเป็นการขู่นัย ๆ  พลอยนิ่งไปแทบไม่กระดิก  ตามที่ผมพูดนั่นล่ะ..เอาให้สนุกสนานจนกว่าจะพอ

"จิ! นิสัย!!" พลอยสะบัดหน้าหนี  ดูท่าจะงอนผมอีกแล้ว  พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ  เราต่างอยู่ในความเงียบจนพนักงานเดินจากไป 

"ขอเบอร์หน่อย" พลอยพูดแกมสั่ง

"ไม่ให้" ผมตอบ

"เอ๊ะ" เธอขึ้นเสียง 

"อยากได้ก็ไปขอกับเจ้าตัวเอง ฉันไม่ให้" ผมพูดเสียงแข็ง 

"ได้ ฉันขอเองก็ได้" พลอยทำเมินใส่ผม
 
"นี่เอาจริงเหรอเนี่ย" ผมถามอย่างชักเริ่มหงุดหงิด

"คนเราเจอคนที่ถูกชะตาในชีวิตไม่กี่คนหรอกนะ..คุณไฟ" พลอยอมยิ้ม  สีหน้าเธอดูจริงจังจนผมถึงกับถอนหายใจออกมา 

"ตามใจ" ผมตัดบท  พลอยเปลี่ยนเรื่องคุยหลังจากนั้น  เธอคงเห็นว่าผมเริ่มเซ็งจัดที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของสมุทร  อาหารถูกนำมาทยอยเสิร์ฟให้หลังไม่ถึงสิบนาที  ผมกับพลอยใช้เวลานั่งคุยกันไปและกินกันไปเกือบ ๆ ชั่วโมงก็พร้อมแยกย้าย  ผมเรียกคิดเงิน  เดินออกมาส่งพลอยที่หน้าร้านและพบว่าทั้งสมุทรและไอ้เด่นนั่งอยู่ที่เก้าอี้ม้านั่งด้านหน้าร้านรออยู่แล้ว  พอทั้งสองคนเห็นผม  ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นยืนในทันที 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 23-07-2016 14:55:48

"สวัสดีครับคุณพลอย" ไอ้เด่นผงกหัวทักทาย 

"สวัสดีค่ะ" พลอยยิ้มกว้าง  เธอหันไปมองหน้าสมุทรและจับจ้องไม่วางตาด้วยทีท่าที่อยากทำความรู้จักมากกว่าก่อนหน้า  สมุทรหลบสายตาของเธอคล้ายไม่กล้าสู้ตอบ  ผมยืนล้วงกระเป๋ามองทั้งคู่ที่ต่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวจนทำให้คิ้วของผมแทบขมวดชนกัน

"สมุทรคะ" พลอยเอ่ย

"ครับ" สมุทรขานรับ  เงยหน้าขึ้นมองหน้าพลอยอีกครั้ง

"ฉันขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอได้รึเปล่า" พลอยถามตรง ๆ  ต่อหน้าผมโต้ง ๆ เลย  สมุทรเองก็คงตกใจ  เขาหันมามองหน้าผมทันควัน  ผมเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่ต้องการแสดงสีหน้าท่าทางใด ๆ  อยากให้อีกฝ่ายตัดสินใจด้วยตัวเอง

"เอ่อ..คุณพลอยมีธุระอะไรกับผมหรือครับ ติดต่อผ่านคุณไฟได้เลยนะครับ" สมุทรเอ่ยแบ่งรับแบ่งสู้

"เปล่าหรอก ก็แค่อยากทำความรู้จักเป็นการส่วนตัวน่ะ" พลอยตอบ  เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่พลอยพูดจบสถานการณ์ตรงหน้าก็เงียบอย่างกับเป่าสาก

“รังเกียจฉันเหรอ ?” เธอถาม 

"เปล่าครับ แต่ผมคิดว่าคงไม่เหมาะน่ะครับ" สมุทรปฏิเสธ 

"ไม่เห็นเป็นไรเลย ไฟก็อนุญาตฉันแล้วด้วย" พลอยพูด

"แต่ว่า.." สมุทรอ้ำอึ้ง  มองหน้าผมสลับกับพลอยตลอดเวลา

"น่า..ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาโทรศัพท์มือถือของสมุทรมาสิ" พลอยแบมือไปตรงหน้า  สมุทรนิ่งไปครู่แต่ก็ยอมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้กับพลอย  ผมหันกลับไปมอง  เห็นพลอยกดเบอร์โทรศัพท์ของเธอเข้าเครื่องของสมุทรพร้อมกดโทรออกเรียบร้อย   

"ขอบคุณ" เธอยิ้มกว้าง  ยื่นโทรศัพท์มือถือกลับไปให้เจ้าของ 

"งั้นฉันกลับแล้วนะ" พลอยหันมาลา  ทำหน้าระรื่นดูความสุขเชียว  ผมจ้องเธอเขม็ง  น่าแปลกที่ผมควรจะรู้สึกเสียหน้าเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าไอ้เด่นด้วย  ผมควรรู้สึกเหมือนถูกเหยียบหน้าเข้าเต็ม ๆ  เพราะคนของผมดันมาสนใจลูกน้องของผมเอง  แต่เปล่า ผมกำลังหงุดหงิดในอกแบบบอกไม่ถูก  หงุดหงิดเพราะคิดไปว่าไม่แน่..พลอยอาจจะทำให้สมุทรชอบเธอก็ได้ 
"ถือว่าเธอเป็นคนเริ่มเองนะ งั้นก็เตรียมตัวครางจนเข้าโรงบาลได้เลย" ผมพูดแกล้งต่อหน้าทุกคน  จงใจจะหักหน้าเธอ

"เอ๊ะ! ไฟ เธอพูดอะไรน่ะ" พลอยหน้าเหวอ  ร้องเสียงหลง

"หมอนี่ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอนอนกับฉัน มีปัญหาอะไรตรงไหน ไว้เจอกันแล้วกัน..อยากเมื่อไหร่จะโทรหา" ผมโบกมือลาอย่างขอไปที  ไม่สนพลอยที่หน้าดำหน้าแดงไม่รู้ว่าอายใครบ้างกันแน่ 

"ไอ้บ้า! ไอ้ไฟบ้า!!!" พลอยตะโกนดังลั่น  ผมยิ้มกว้าง  เธอยังเป็นผู้หญิงที่น่าเอ็นดูสำหรับผมอยู่ดีนั่นละ  ไป ๆ มา ๆ แล้วผมเองก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญพลอยเลยด้วยซ้ำ  ผมตรงดิ่งกลับไปที่รถ  ไอ้เด่นกุลีกุจอวิ่งตามมาขนาบข้างผมติด ๆ  และเปิดประตูรถรอไว้ให้ผมได้ทันก่อนที่ผมจะถึง



ตืด  ๆ ๆ   ..โทรศัพท์มือถือสั่นเตือนขึ้น  ใจหนึ่งคิดว่าพลอยจะโทรมาต่อว่าอีกแต่ดันเป็นสายเข้าจากพี่ธาน  ไอ้เด่นสตาร์ทรถ  เมื่อสมุทรขึ้นมานั่งมันจึงเคลื่อนตัวรถออกทันที

"ครับ" ผมรับสาย

"คุณไฟครับ เอ่อ..คุณพายุโทรมาบอกว่าคุณดินมีเรื่องที่โรงเรียนน่ะครับ ฝ่ายปกครองเพิ่งติดต่อมาให้ผู้ปกครองเข้าไปพบเดี๋ยวนี้" พี่ธานรายงานเข้าประเด็น  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่าย

"มีอะไรอีก" ผมถาม

"เอ่อ..ไม่ทราบครับ คุณพายุบอกผมเท่านี้ คุณพายุไม่ว่างไปแทนเลยสั่งให้ผมโทรมาบอกคุณน่ะครับ"

"โอเค บอกไอ้ยุไปว่าเดี๋ยวผมจะไปเอง" ผมบอก

"ได้ครับ" พี่ธานรับคำสั่งก่อนที่ผมจะตัดสายลง

"ไปที่โรงเรียนไอ้ดิน" ผมสั่ง

"ครับ" ไอ้เด่นรับทราบ  มันใช้เวลาขับรถไปถึงโรงเรียนของพายุไม่ถึงยี่สิบนาทีเพราะใช้เส้นทางลัดที่ปกติรถไม่ติดนัก  ผมพยายามไม่คิดการไกลว่าเพราะอะไรไอ้ดินถึงก่อเรื่องขึ้นอีกทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันถูกผมขู่เอาไว้แล้ว  ซึ่งผมไม่คิดว่ามันจะกล้าขัดคำสั่งของผมในระหว่างที่อยู่ในเขตเคอร์ฟิว 

เมื่อถึงโรงเรียน ไอ้เด่นรู้หน้าที่ว่าตรงไหนคือห้องปกครองและควรจอดรถไว้ที่ไหนที่ใกล้ที่สุด  เพราะผมเดินทางมาด้วยเหตุถูกเรียกแบบนี้หลายครั้งแล้ว  สมุทรและไอ้เด่นเดินตามหลังผมมาจนถึงห้องปกครอง  ใต้ตึกของห้องพักอาจารย์ค่อนข้างวุ่นวาย  มีนักเรียนชุดมัธยมศึกษาตอนปลายนั่งรออยู่  ทุกคนที่นั่งอยู่หันมามองพร้อมยกมือไหว้ผม  ผมเพียงพยักหน้ารับ  จำไม่ได้และไม่เคยจำว่าใครเป็นใครบ้างแต่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของไอ้ดิน
 
"สวัสดีครับ" ป้าง  เพื่อนสนิทของไอ้ดินที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงปากประตูเข้าห้องปกครองหันมาเห็นผม  อีกฝ่ายยกมือขึ้นไหว้หน้าจ๋อย  มันเป็นเพื่อนสนิทของไอ้ดินมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้ว  ผมเห็นหน้ามันบ่อยครั้งเพราะไอ้ดินพามาเที่ยวเล่นที่บ้านเสมอ   

"มันอยู่ไหน" ผมถาม

"ในห้องครับ" ป้างตอบ  อีกฝ่ายหลบตาผมและไม่พูดอะไรอีก  ผมเข้าไปในห้องปกครอง  คุณครูที่อยู่ในห้องต่างหันมาเป็นตาเดียว  ก็แน่ล่ะ..ทุกคนคงไม่ได้พิสมัยกับสิ่งที่ไอ้ดินก่อเป็นประจำนักหรอก  ผมมองเข้าไป  เห็นไอ้ดินนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องประชุมกระจกอีกฝั่งหนึ่ง  หน้าของมันบอบช้ำไปหมด  คู่กรณีนั่งอยู่ตรงกันข้าม  และผมแน่ใจด้วยว่านั่นจะต้องเป็นคู่กรณีของไอ้ดินแน่ ๆ  เพราะคนที่นั่งอยู่นั่นคือ “ไอ้กี” น้องชายคนโปรดของไอ้กริด 

"คุณไฟคะ ขอเชิญในห้องเลยค่ะ" คุณครูท่านหนึ่งเข้ามาผายมือเชิญผม  ผมจำหน้าเธอได้แต่ไม่เคยถามชื่อเสียงเรียงนามสักครั้ง 

"รออยู่นี่แหละ" ผมสั่งทั้งคู่ก่อนเดินเข้าไปในห้องประชุมคนเดียว

"สวัสดีครับ" คุณครูหัวหน้าฝ่ายปกครองลุกขึ้นยืนยกมือไหว้  ผมเองก็ยกมือไหว้ตอบด้วย

"เชิญนั่งก่อนครับ" เขาบอก  ผมเข้าไปเลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้าง ๆ ไอ้ดิน  เมื่อมันเห็นหน้าผม  อีกฝ่ายก็ก้มหน้าก้มตาหนี  ในห้องในตอนนี้มีเพียงหัวหน้าฝ่ายปกครอง  ไอ้ดิน  ไอ้กีและผมเท่านั้น  ให้หลังที่ผมนั่งไม่ถึงนาที “สมยศ” พ่อของไอ้กีและไอ้กริดก็ปรากฏตัว 

"สวัสดีครับคุณสมยศ เชิญนั่งครับ" คุณครูลุกขึ้นยกมือไหว้อีกครั้ง  ในห้องเงียบกริบสนิท  สมยศเหลือบมองมาที่ผมเล็กน้อย  ผมนั่งเฉยไม่คิดจะทักทายถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ใหญ่กว่าหลายรอบ

"มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ" สมยศถามทันที  พร้อมกับเลื่อนเก้าอี้นั่งลงที่ข้าง ๆ ลูกชายของตน

"ทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกันน่ะครับ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ทางเราได้เคยตักเตือนแล้ว" คุณครูตอบเข้าประเด็นอย่างฉะฉาน  เขานั่งลงที่เดิมด้วยสีหน้าค่อนข้างหนักใจ  หน้าที่คือหน้าที่  หากคุณครูไม่เข้าข้างใครเป็นพิเศษผมก็ไม่คิดที่จะต่อว่าหรอกครับ 

..ผมสำรวจใบหน้าของน้องชายไอ้กริด  รอยช้ำเต็มใบหน้าไม่ต่างจากไอ้ดินนัก  คงเล่นกันน่วมนานน่าดู 

"นายปฐพีเป็นคนเริ่มลงมือก่อนนะครับคุณไฟ เขาเป็นคนสารภาพเอง" คุณครูมองหน้าผม  ผมผงกหัวน้อย ๆ รับทราบ 

"ถ้าจะไล่ออกก็ได้ครับ เอาตามที่คุณเห็นสมควร" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเพราะไม่มีอารมณ์มาต่อเถียงด้วย  และเอือมระอาที่จะพูดอ้อนวอนขอร้องใครในเรื่องนี้ 

"พี่ไฟ" ไอ้ดินหันกลับมา  มันเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกผม  แต่ผมยังคงไม่มองหน้ามันอยู่ดี

"ทางโรงเรียนเองก็เห็นใจนะครับ เราตักเตือนอยู่หลายครั้งแล้ว สองคนนี้ยกพวกก่อเรื่องวิวาทกันบ่อยมาก ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ทางเราเองก็อยากที่จะประนีประนอมอยู่เหมือนกัน" คุณครูพูด

"มีเรื่องอะไรถึงกับต้องลงไม้ลงมือกัน" สมยศถามขึ้น  ไอ้กีเองก็ไม่กล้าสบตาพ่อของตนเช่นกัน

"พ่อถามแกอยู่" เขาขึ้นเสียงใส่ลูกของตน 

"มันหาเรื่องผมก่อน" ไอ้ดินพูดแทรก

"ฉันไม่ได้ถามเธอ" สมยศมองขวางมาทางไอ้ดิน

"ผมเปล่านะพ่อ" ไอ้กีเงยหน้าตอบ 

"มันกวนผมก่อน" ไอ้ดินว่า  มันยังยืนยันคำเดิม  ผมมองไปที่สมยศ  อีกฝ่ายก็มองตอบผมเช่นกัน 

"ครั้งนี้นายปฐพีลงมือก่อนก็จริงนะครับ แต่มีพยานเห็นว่าลูกคุณหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน แต่ยังไงก็ตาม..ทั้งคู่จงใจมีเรื่องกันด้วย" คำพูดนี้ของคุณครูทำให้ทุกคนสงบลงได้ 

"ทางอาจารย์ใหญ่และผม..เราปรึกษากันแล้ว ว่าจำเป็นต้องให้พักการเรียนของทั้งคู่ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ทางเราจำเป็นต้องไล่ออกนะครับ เพราะถือว่าเราได้ตักเตือนมาหลายครั้งแล้ว"

"ระยะสั้นหรือระยะยาวครับ" ผมถาม 

"ระยะสั้นครับ แค่หนึ่งอาทิตย์" คุณครูตอบ  ผมพยักหน้าเข้าใจ

"แล้วลูกผมล่ะ อีกฝ่ายลงมือก่อนนะ" สมยศถามเอาความทำเอาคุณครูหน้าเสีย

"คุณจะเอาเท่าไหร่" ผมเข้าประเด็น  สมยศอมยิ้มเล็กน้อยที่ดูเหมือนผมจะเข้าใจอะไรได้โดยง่าย  ผมยังคงนิ่งเฉยเพราะไม่คิดที่อยากจะมีเรื่อง

"หนึ่งแสน" สมยศตอบ

"ผมให้ห้าหมื่น" ผมยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ 

"ถ้าคุณไม่รับก็ตามสบาย น้องชายผมก็เจ็บเหมือนกัน" ผมว่า 

“ฮึ..พวกไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องก็อย่างนี้ละนะ โตกันเอง” สมยศแสยะหัวเราะ  ดูปฏิกิริยาก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการเงินก้อนเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้  ผมแสยะยิ้มมุมปากนิด ๆ อย่างไม่รู้สึกใด ๆ ต่อคำพูดเหน็บกัด

“พวกที่มีพ่อแม่ก็ไม่ได้ดึงโซ่ที่คอลูกให้ควบคุมตัวเองได้ดีสักเท่าไหร่” ผมอมยิ้มพูดตาลอยมองทั้งคู่ตรงหน้า  อีกฝ่ายหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

"เงินสด เดี๋ยวนี้" สมยศกระแทกเสียงแกมสั่ง  ผมหัวเราะขึ้นจมูก  เหลือบมามองไอ้ดิน  มันนั่งหงอยพูดไม่ออก  ผมลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปที่หน้าห้อง  ไอ้เด่นรีบตรงเข้ามาหาอย่างรู้งาน

"ไปเอาเงินสดมาห้าหมื่น" ผมสั่ง  ใช้น้ำเสียงให้ได้ยินกันเพียงแค่คนของผมเท่านั้น  ลูกน้องคนสนิทของผมจะรู้ดีว่ารถยนต์คันที่ผมใช้ประจำจะมีเงินสดสำรองอยู่ในรถอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาท  เมื่อไหร่ที่ขาดพี่ธานจะเป็นคนรับเงินจากผมเพื่อนำไปใส่ให้เต็มเสมอ 

"ครับนาย" ไอ้เด่นพยักหน้ารับเดินออกไปพร้อม ๆ กับสมุทร  ผมกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งโดยนั่งลงที่เดิม  ทุกคนเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไรสักคำจนไอ้เด่นและสมุทรกลับมาถึง  สมุทรเคาะห้องสองสามครั้งเป็นการขออนุญาตและเป็นฝ่ายเปิดประตูถือเงินเข้ามาวางให้ตรงหน้าผม  ผมลุกขึ้นยืน  ดันเงินปึกละหมื่นเป็นจำนวนห้าปึกไปตรงหน้าของสมยศ

"ขอโทษด้วยแล้วกันครับที่น้องชายผม อารมณ์ร้อนไปหน่อย" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ  เพราะคนตรงหน้าไม่มีทางทำให้ผมรู้สึกแย่หรือดูถูกตัวเองไปได้  ผมไม่ได้รู้สึกแย่ที่ต้องพูดขอโทษแทนน้องตัวเองกับคนแบบสมยศและไอ้กี  เพราะคำ ๆ นี้สำหรับคนแบบนี้มันคงไม่ได้มีความหมายสำคัญด้วยซ้ำ  ซึ่งอย่างไรก็ตามไอ้ดินก็เป็นฝ่ายผิด 

"กลับ" ผมสั่ง  ไอ้ดินลุกขึ้นยกมือไหว้ลาคุณครู  ผมเองก็ลาเขาด้วย  อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนยกมือไหว้ตอบด้วยสีหน้าท่าทางหนักใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า  และเหมือนความเป็นครูของเขาจะไม่สามารถทำอะไรระหว่างเราได้เลย  ไอ้เด่นรีบเปิดประตูห้องให้  ไอ้ดินทิ้งช่วงเดินตามหลังไม่กล้าเข้ามาเดินขนาบข้างผมอย่างทุกที  เพื่อน ๆ ของมันที่นั่งรอฟังผลอยู่ต่างเงียบสนิท  ไม่มีใครส่งเสียงใด ๆ จนเกือบถึงรถ

“เปิดท้ายรถ” ผมสั่ง  สมุทรผงกหัวและรีบทำตามที่สั่งทันที  ผมหยิบไม้เท้าซ่อนมีดหัวมังกรที่พายุซื้อมาให้จากประเทศจีน  เมื่อไอ้ดินเห็นว่าผมหยิบอะไรออกมา  มันก็ก้มหน้าก้มตาน้ำตาไหลไม่หยุด  มือที่ถือไม้เท้าอยู่ตวัดควงให้ได้น้ำหนัก  เมื่อสัมผัสได้ว่าแน่นมือดีแล้วจึงวาดแขนขึ้นสูงเต็มเหนี่ยว


เพี้ย!!!   ..เสียงฝ่ามือที่ฟาดเข้าที่หน้าไอ้ดินสุดแรงดังสะท้อน  เสียงที่ดังกว่านั้นคือเสียงของไม้เท้าที่ผมปล่อยออกจากมือก่อนที่จะถึงใบหน้าของไอ้ดินนั้นตกกระทบกับพื้น  แม้สุดท้ายจะไม่ใช่การฟาดจากอาวุธ  แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายตัวเซกระแทกล้มลงไปไม่เป็นท่า

“อึก” มันก้มหน้าร้องไห้หมดสภาพ  ผมเพียงเหล่มอง  ไม่รู้สึกสงสารมันเลยแม้แต่นิดเดียว  สมุทรเข้าไปช่วยพยุงไอ้ดินเอาไว้ด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก  การลงไม้ลงมือกับคนในครอบครัวคงเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้อภัยสำหรับเขา  แน่นอนว่าหน้าที่พยุงไอ้ดินขึ้นมาต่อหน้าผมโดยที่ผมไม่ได้สั่งแบบนี้  นอกจากพี่ธานแล้วก็ไม่มีใครกล้าทำ

“มึงรู้ใช่ไหมว่ากูจะใช้ของแบบนั้นกับใคร” ผมพูดเสียงเย็นตักเตือน  ผมไม่ได้ใช้ไม้เท้าฟาดมันอย่างที่มันคาด  ไม้เท้าสเตนเลสมีน้ำหนักผสมด้วยลายไม้อย่างดี  หัวมังกรผสมเงินแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์  ความแข็งแรงทนทานที่ไม่ควรเอาร่างกายไปรองรับ  ผมจะใช้มันในยามฉุกเฉินในบางครั้ง  ตั้งแต่ที่ผมฟาดคนร้ายสลบไปภายในครั้งเดียว  ลูกน้องผมก็ยังไม่เคยกวนใจทำให้ผมได้ใช้มันซ้ำต่อหน้าพวกมันอีกเลย   

"นี่สำหรับ..ที่มึงไม่หักห้ามใจตัวเอง" ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายใด ๆ

"อึก ฮือ~" ไอ้ดินแทบร้องไห้โฮ  มันพยายามกลั้นไม่ให้น้ำเสียงออกมาแล้ว  มือปาดเลือดที่ไหลออกจากจมูกทั้งน้ำตา 

"ลุกขึ้น" ผมสั่งเรียบ ๆ  สมุทรออกแรงยกตัวไอ้ดินที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้น  มันยืนตัวสั่นก้มหน้าก้มตา  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ยืนมองมันอยู่อย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง  เห็นว่าเลือดออกที่มุมปากข้างที่ผมตบไปด้วย  ผมรู้ว่าสาเหตุไม่น่าจะเกิดจากไอ้ดิน  ฟังจากที่คุณครูพูดเมื่อครู่ก็พอจะเดาอะไร ๆ ออก  ผมไม่โกรธเพราะอย่างน้อย ๆ มันก็รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับผมได้บ้าง 

"อึก~ ดิน..ขอ โทษ" มันพูดสะอึกสะอื้น  นำแขนปาดน้ำตาตัวเองอย่างลวก ๆ  ผมเดินเข้าไปหาพร้อมกับคว้าหัวมันเข้ามากอดอย่างแรงจนมันเซตัวเข้ามาซบหน้าลงที่อกของผม  ซึ่งกลับกลายเป็นว่ามันดันร้องออกมาหนักขึ้นกว่าเดิม

"ดินไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ดิน..ไม่ได้อยากทำให้เฮียเสียใจ" ไอ้ดินพร่ำพูดไปน้ำตามันก็ไหลเปื้อนเสื้อผมจนรู้สึกว่าเสื้อที่อกคงเปียกไปหมดแล้ว  ผมอมยิ้มนิดหน่อย  ยังดีที่คนอย่างไอ้ดินสำนึกได้อยู่  อย่างน้อยมันก็ยังดื้อน้อยกว่าผมสมัยที่เป็นวัยรุ่นเยอะเลย

“ถ้าสักวันไม่มีกูอยู่ พวกมึงต้องดูแลตัวเอง” ผมพูด

“มึงต้องอดทนให้มากกว่านี้ ทำตัวให้มันสมชื่อหน่อย” ผมเตือนยิ้ม ๆ  เพราะนึกถึงคำของพ่อขึ้นมา  ด้วยความที่ไอ้ดินเป็นเด็กใจร้อน  พ่อของผมมักจะเตือนไอ้ดินเสมอว่า  ที่ให้มันชื่อ “ดิน” เพราะแผ่นดินเป็นของมีค่า  ไม่ว่าใครจะทำร้ายดีกับพื้นดินอย่างไร  มันทั้งอดทนและแข็งแรง   

"รู้ไว้นะไอ้ดิน เพราะว่ามึงเป็นน้องกู ไม่ว่ามึงจะทำให้กูโกรธกี่ครั้ง..มึงก็คือน้องกู" ผมพูดอย่างไม่อายใครที่ยืนอยู่ในตอนนี้ 

"..มึงจำไว้ให้ดี" ผมย้ำบอกเสียงเข้ม  การย้ำที่ให้คนอย่างมันเอาไปตีความด้วยตัวเองว่าเมื่อไหร่ที่ผมไม่เห็นว่ามันเป็นน้องขึ้นมา  มันจะไม่ได้อะไรจากผมเลยสักอย่างเดียว

ผมให้ไอ้เด่นขับรถมอเตอร์ไซค์ของไอ้ดินกลับบ้าน  สมุทรจึงทำหน้าที่ขับรถแทนโดยมีผมและไอ้ดินนั่งไปด้วย  ระหว่างทางผมไม่ได้สอบถามอะไรจากไอ้ดินเพราะผมยังไม่มีอารมณ์  อีกอย่างปล่อยให้มันได้คิดทบทวนด้วยตัวเองบ้าง  ให้เราอารมณ์สบาย ๆ ทั้งคู่แล้วค่อยสอบถามถึงสาเหตุอีกทีหนึ่งคงดีกว่า  สมัยที่ผมเป็นวัยรุ่นและก่อเรื่องมา  พ่อก็ทำกับผมแบบนี้เหมือนกัน   

เมื่อกลับถึงบ้านเราต่างแยกย้ายกันไป  ผมเข้าห้องทำงาน  ไอ้ดินขึ้นไปอาบน้ำ  สมุทรไปอยู่ที่โรงฝึกกับไอ้เด่นที่มาถึงบ้านก่อนหน้ารถยนต์ไม่กี่นาที  ผมใช้เวลาอยู่ในห้องทำงาน  เห็นงานแล้วรู้สึกท้อแท้ใจขึ้นมาบ้าง  บางทีก็แอบคิดว่าจุดจบจะอยู่ที่ตรงไหน  เงินหลายร้อยล้านที่ผมถืออยู่ในตอนนี้  ถ้าผมหยุดทุกอย่างแล้วมันจะสามารถดูแลลูกน้องที่ค่ายทุก ๆ คนได้อย่างไม่ขัดสนไหม  ถ้าเกิดเดือดร้อนขึ้นมาในยามฉุกเฉิน  ถ้า ๆ ๆ เต็มไปหมด..


ก๊อก  ๆ ๆ

"คุณไฟครับ ผมเองนะครับ" พี่ธานพูด

"ครับ" ผมขานรับ  พี่ธานเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา

"ได้เวลาที่สมุทรต้องไปค่ายมวยแล้วนะครับ เขาให้ผมมาถามคุณว่าไปได้รึเปล่า"

"เชิญตามสบาย" ผมอนุญาต  พี่ธานนิ่งมองมา

"เป็นอะไรรึเปล่าครับ" พี่เขาถาม

"หึ เปล่า" ผมหลุดยิ้มนิด ๆ  แต่อีกฝ่ายกลับตรงมาที่โต๊ะทำงานของผม  ผมมองอย่างสงสัยว่าพี่เขาจะทำอะไร  พี่ธานเข้ามาเปิดขวดโหลลูกอมที่วางอยู่และหยิบลูกอมออกมาให้ผมหนึ่งเม็ด 

"อย่าคิดมากสิครับ" อีกฝ่ายยิ้มบอก  ผมหัวเราะนิด ๆ พลางเหล่มองก่อนที่พี่เขาจะเดินออกจากห้องไป  มือเอื้อมหยิบลูกอมมาแกะกิน  เอนตัวพิงพนักเก้าอี้  ตาลอยมองไปบนเพดาน

"มีอะไรให้ชีวิตกูต้องหวัง เพื่อให้อยู่ต่อไปบนโลกนี้อีกวะ" ผมบ่นพร้อมเอนหลังไปมากกว่าเดิม  หลายครั้งที่รู้สึกได้แต่ความวางเฉยในชีวิต  ตั้งแต่เล็กจนโตผมได้ทุกอย่างที่อยากได้  ได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ  แม้กระทั่งฆ่าคนผิดในความรู้สึกที่เคยเจ็บปวดสาหัส  เดินผ่านจุด ๆ นั้นมาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว  ตั้งแต่แม่กับพ่อเสียไป  การพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อเป็นหลักในชีวิตมันก็จางลง  ความเป็นตัวของตัวเองยังคงเหมือนเดิม  ได้แต่ทำหน้าที่ของคนเป็นพี่  และคิดว่าสักวันหน้าที่ที่รับช่วงต่อจากพ่อและแม่นี้ของผมก็คงจะหมดลงไปเอง  แต่บางครั้งมันก็ว่างเปล่าจนรู้สึกว่า  ถ้าน้อง ๆ ไม่มีผมมันก็อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้แล้วละมัง  ถ้าหมดจากพายุและไอ้ดิน  ผมจะพยายามทุก ๆ อย่างไปเพื่ออะไรอีก..




..........(ไฟ).........

จากผู้เขียน:
.. ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ห่างหายไปค่อนข้างนาน  เนื่องจากว่าต้องจัดการงานเขียนของหนังสือเรื่องอื่นที่กำลังจัดทำอยู่  ซึ่งที่ผ่านมาธุระส่วนตัวยุ่งมาก ๆ จนแทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นสักและสุขภาพไม่ค่อยดีดั่งใจสักเท่าไหร่  เขียนตอนที่ 22 นี้เพิ่งเสร็จเมื่อครู่เลยนำมาลงให้ก่อน  หากมีเวลาจะมาต่อตอนต่อ ๆ ไปให้อีกค่ะ



เบบี้

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 23-07-2016 15:34:54
อิพี่ไฟใจร้ายยยยยย...แต่ดินก็สมควรโดนอะนะ

จริงๆ อยากจะถามเหมือนกัน ตอนตั้งชื่อนี่นึกยังไงถึงตั้งว่าไฟ...ร้อนไปหมดดดดด XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-07-2016 17:04:50
 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-07-2016 17:29:11
พี่ไฟ!!!!!!!!!!!

คิดถึงมาก

ชอบเวลาพี่อารมณ์หงุดหงิดกับสมุทร บางทีก็เผลอยิ้มแบบเจ้าเล่ห์  ชอบพี่ไฟจริงๆ

ขอบคุณเบบี้มากๆรอมานาน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 23-07-2016 18:18:42
สู้ๆค่าาาา 

สุขภาพแข็งแรงๆนะคะ

นักอ่านรอๆกันนนนนนนน เสมอออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-07-2016 18:32:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 23-07-2016 18:41:35
สมุทรเนื้อหอมไปใหนใครก็อยากได้





คุณไฟโหดร้าย ใจร้าย ปากร้าย






น้องเมฆ น่ารัก เดี๋ยวหนูต้องได้ไปฟึกกังฟูแน่ๆจ้ะ





สมุทรก็อย่าไป ขุ่นใจกับปากเสียๆของคุณไฟนะ นางปากเสียแบบนี้แหละ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 23-07-2016 19:17:00
น่าเห็นใจไฟมาก ๆ เลยค่ะ ชีวิตเหมือนขาดเป้าหมาย เหมือนสิ่งที่ยึดเหนี่ยวมาตลอดกำลังถูกสั่นคลอน คงต้องให้สมุทรเข้ามาดูแลใจแทนพี่ธารอย่างเต็มตัวสักที  :mew1:  แบกรับภาระไว้หนักเหลือเกิน พ่อไฟของป้า  :o8:


รอตอนต่อไปค่ะ


ปล.ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ช่วงนี้เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวร้อนๆ หนาวๆ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 23-07-2016 22:03:05
เย้ๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 23-07-2016 22:30:16
บางทีก็เหนื่อยแทนไฟนะ มีแต่เรื่องที่ต้องแก้ปัญหา
คงมีแต่รอยยิ้มของสมุทรละมั้ง ที่ทำให้ไฟอารมณ์ดีได้  :กอด1:
เฮียไฟ สู้ๆ o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-07-2016 22:32:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 23-07-2016 23:34:58
มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน
คุณไฟอย่าท้อนะ 
คุณไฟคือเสาหลักของบ้าน อดทนไว้ ฮึบๆ 

ปล. หอมแก้มน้องมืดมนดังฟอดให้สมกับความคิดถึง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 24-07-2016 06:47:57
ที่ไฟหงุดหงิดแปลว่าหึงใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-07-2016 10:11:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 24-07-2016 15:16:12
คุณไฟก็เดินหน้าจีบสมุทรไปเลยสิคะ จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิด หึงเค้าอย่างงี้ :hao3:

ตอนที่ไฟเอาไม้เท้าฟาดหน้าดิน เราอึ้งไปเลยนะ แต่พอไฟคว้าน้องมากอด ก็ซึ้งเลย มันคงเป็นวิธีการสอนน้องในแบบของเฮีย (ที่แอบโหดไปมาก) ไม่รู้ทำไมเราชอบดิน ตั้งแต่ที่มีเรื่องกับกีช่วงต้นเรื่อง แล้วมาสะอึกสะอื้นร้องไห้ขอโทษเฮียล่ะ น่าเอ็นดู น้องดูเด็กน้อยจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 24-07-2016 17:46:46
ทำไมเรารู้สึกหน่วงแปลกๆ เห้ออออออ


ยอมรับว่าครั้งแรกที่เห็นว่าอัพแล้ว นี่ตกใจแทบกรี๊ด 55555

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ   คนแต่งรักษาสุขภาพด้วยนะคะ คนอ่านรอได้ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-07-2016 20:14:07
เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้หายป่วยไวๆค่ะ

เมฆน่ารัก ไฟก็บ้าไปกวนน้อง
แล้วทำไมนั่งเฝ้าขนาดนั้น อยากรู้หรืออิจฉาน่ะ เอาให้แน่

สมุทรก้าวเข้ามาแล้วออกยากนะ ทำใจเหอะ

ไฟต้องเจออะไรอีกเยอะ ผ่านมาเยอะ ก็ยังดีที่ยังมีช่วงเฟลบ้าง แต่ยังมีสมุทรนะ 555
บ้านนี้เค้าเลี้ยงแบบเผชิญหน้าจริงๆค่ะ ดินโดนเลย

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 24-07-2016 22:18:51
อ่านตอนนร้แล้วรู้สึกหน่วงอย่างรุนแรง ฮือออ ไฟจ๋า ลดความโหดลงบ้างก็ด้าย สงสารน้องดิน เจ็บน่าดูนะนั่น
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-07-2016 22:47:48
ชอบบบ สมกับที่รอ อ่านเท่าไรก็ไม่จุใจ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
งานคุณภาพ ยอดเยี่ยมเสมอ :mew1: :mew1: :mew1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 25-07-2016 21:16:06
หลงรัก น้องมืดมน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 26-07-2016 04:22:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 26-07-2016 11:00:38
ไฟนี่ตัดคู่แข่งซะแบบไม่ไว้หน้าผ้หญิงเลยอย่างร้าย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 26-07-2016 12:19:26
ความรับผิดชอบ ในหน้าที่ ผู้นำครอบครัว บนบ่า
เจ้าตัวคงยังไม่รู้ว่า เกิดความรู้สึก หวงในตัวสมุทร  :z1:
+1 ให้พร้อมกำลังใจ นะ เบบี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 26-07-2016 20:01:28
ถ้าสักวันไม่มีกูอยู่ พวกมึงต้องดูแลตัวเอง ไฟรักน้องนะสอนดี แต่แรงอ่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 27-07-2016 01:40:54
รอรักกับสมุทรไงงงง  ฮิ้วว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 30-07-2016 14:51:02
บางครั้งก็สงสารดินนะ เป็นกระสอบทรายเชียว ฮ่าๆๆๆๆ
แต่ก็เข้าใจแหละว่าทำไมน่ะนะ

สู้ๆ จ้าคนเขียน รอติดตามต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 31-07-2016 02:41:47
รอบนี้พี่ไฟไม่ค่อยโหดกับดินเท่าไหร่ แกรู้แหละว่าดินไท้ใช่ฝ่ายเริ่ม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 31-07-2016 12:18:19
จะรักกันตอนไหนล่ะสองคนนี้
คุณไฟดูมีอะไรมากมายให้คิด
แล้วแบบนี้จะคิดจริงจังกับสมุทรเมื่อไหร่ค้าาาา
ส่วนสมุทรก็มีหยาไม่พอมาตอนนี้มีคุณพลอยอีก
ลุ้นกันเหนื่อยเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 22 [ 14:53 น. - 23 ก.ค 59 หน้า 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-08-2016 23:05:52

ตอนที่ 23
..ไฟ..



6:30 น.

วันนี้ผมไม่มีซ้อมตอนเช้า  ปกติจะต้องพักร่างกายเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักหายใจบ้าง  แต่เนื่องจากว่าใกล้ถึงการแข่งขันที่พัทยาเข้ามาทุกที ๆ  ผมเองก็ต้องทำร่างกายไว้ให้พร้อมด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นชกเองก็ตาม  พี่ธานสั่งให้พวกลูกน้องของผมตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง  เราอบอุ่นร่างกายและออกไปวิ่งเพิ่งกลับมาถึงเมื่อครู่  ไอ้เด่นเปิดเพลงดังลั่นโรงฝึก  ไอ้ดินจึงโผล่หัวออกจากบ้านใหญ่ได้โดยไม่ต้องมีใครปลุก  ผมคิดว่ามันไม่กล้านอนตื่นสายมากกว่าเพราะกลัวโดนผมดุ  เพราะนี่ไม่ใช่ปิดเทอมของมัน  มันเป็นผู้รับโทษอยู่  ดังนั้นควรรู้หน้าที่ของตัวเองและไม่มีสิทธิ์พัก  ผมจะไม่พูดบอกสอนอะไรทั้งนั้นจนกว่าผมจะสุดทนน่ะนะ 

"สมุทรมาแล้วครับ" พี่ธานบอก  ผมที่กำลังเช็ดเหงื่ออยู่หันไปมองสมุทรที่เพิ่งขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามา  วันนี้พี่ธานนัดให้เขามาซ้อมรวมด้วยกันที่นี่

“สั่งให้ไอ้หินไปซื้อแอร์ให้หน่อยสิ” ผมบอกโดยสั่งงานไปตามความถนัดของแต่ละคน

“ทำไมครับ” พี่ธานถาม

“ติดในห้องชั้นล่างของบ้านสมุทรน่ะ” ผมตอบไม่ได้มองหน้าพี่ธานแต่พอหันกลับมาอีกที  ลูกน้องผู้จงรักภักดีของผมมาตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็กก็อมยิ้มรออยู่แล้ว

“ห้องน่าจะประมาณยี่สิบสี่ตารางเมตรกว่า ๆ  ดูแบบ..หมื่นแปดถึงสองหมื่นบีทียูมาก็แล้วกัน” ผมสั่งโดยไม่สนใจรอยยิ้มนั่น
 
“ได้ครับ” พี่ธานยิ้มรับ

“เอายี่ห้อที่ดีที่สุดน่ะ..แบบประหยัดไฟด้วยก็ดี ให้มันมาเอาบัตรผมไป สั่งให้ช่างไปติดตั้งอะไรให้เรียบร้อยเลย ถ้ามีให้ต่อประกันอะไรก็ให้ต่อไปเลยนะ..จัดการให้เรียบร้อย แล้วบอกให้มันตามงานมาด้วยล่ะ”

“ได้ครับ” พี่ธานยิ้มรับอีกครั้ง

“เลิกทำน้ำเสียงแบบนั้นเถอะน่า..ผมขนลุก” ผมกลอกตาดำอย่างรับไม่ได้

“หึ ๆ ๆ” อีกฝ่ายหลุดหัวเราะ

“เลิกยิ้มด้วยครับ ถึงเป็นพี่ผมก็ซื้อให้แบบนี้เหมือนกัน” ผมว่าแต่อีกฝ่ายกันดันไม่หยุดหัวเราะซะงั้น

"พรุ่งนี้เช้าพี่สอนเข้าขับหน่อยสิ อีกฝ่ายยังไม่เคยเรียนขับบิ๊กไบค์น่ะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน" ผมสั่ง

"มีธุระที่ไหนรึเปล่า" ผมถามถึง

"ไม่หรอกครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะเข้าสนามแข่งน่ะครับ ผมเลื่อนไปเป็นเข้าสายหน่อยก็ได้" พี่ธานตอบ

"อือ..ก็ดี เออ..ผมมีงานให้พี่ไปสืบหน่อย พอดีเมื่อคืนไอ้คินโทรมาบอกว่ามีคนขายที่ดินที่ชลบุรี ผมอยากรู้ทำเลแถวนั้น หลายสิบไร่เหมือนกัน เห็นว่าเจ้าของเขารีบขายใช้หนี้น่ะ" ผมพูดพร้อมหยิบขวดน้ำมาเปิดออกดื่ม

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับทราบ  สมุทรเดินมาที่โรงฝึก  เขายกมือไหว้พี่ธานและหันมาผงกหัวทักทายผม 

"บอกอนาคตดีนะ.." ผมอมยิ้มพูดกับพี่ธาน  ตอนนี้สมุทรถูกดักทางโดยไอ้ดินไปเรียบร้อยแล้ว

"อะไรครับ..?" พี่ธานอมยิ้มถามกลับงง ๆ

"นี่ไม่ใช่ยุคก่อนกรุงศรีนะ ใครเขาไหว้คนรักกันล่ะ" ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมยักไหล่กวน ๆ 

"หึ ๆ ๆ" อีกฝ่ายได้ยินถึงกับหลุดหัวเราะไม่ยั้ง

"เมื่อวานคุณยังทำหน้าเบื่อโลกอยู่เลยแท้ ๆ  เขาถามผมด้วยว่าคุณพูดอะไรให้ผมฟังรึเปล่า ท่าทางเขาดูเป็นห่วงคุณอยู่เหมือนกันนะครับ" พี่ธานเล่าถึง  แม้ผมจะไม่แสดงอาการตื่นเต้นใด ๆ ออกไป  แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำพูดสุดท้ายเมื่อครู่นี้ทำให้รู้สึกดีต่อโสตประสาทพอสมควร 

"หมายความว่าไง" ผมแกล้งงงไปงั้น

"ไม่รู้สิครับ" พี่ธานตอบหน้าซื่อ 

"เรื่องพลอยละมั้ง" ผมเดา

"คุณพลอย..ทำไมเหรอครับ ?"

"ยัยนั่นขอเบอร์สมุทรน่ะ"

"หะ" พี่ธานอุทานตาโต  ผมเบ้ปากเล็กน้อยย้ำประมาณว่า “เรื่องจริง” 

"แล้วคุณไม่ห้ามละครับ คุณก็มีสิทธิ์..แค่คุณออกคำสั่ง เขาก็คงไม่กล้าให้หรอก"

"ไม่เอาหรอก ประเด็นนี้ขอบายแล้วกัน" ผมตอบปัดพลางหัวเราะ

"ของอย่างนี้ห้ามไปก็เท่านั้น ถ้าเขาจะรักจะชอบกันขึ้นมาจริง ๆ  คนห้ามไม่หมาเหรอ" ผมขมวดคิ้วยิ้ม ๆ มองหน้าพี่ธาน

"คุณนี่คิดมากกว่าที่ผมคิดนะครับ" อีกฝ่ายแซว   

"ก็นะ..เหมือนฤดูหมาอยากผสมพันธุ์ไง ห้ามไปจะช้ำเลือดช้ำหนองซะเปล่า ๆ" ผมเบ้ปากนิดหน่อย

"คุณสนใจเขาไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวก็โดนแย่งไปจริง ๆ หรอก"

"ผมก็บอกแล้วว่าผมเซนซิทีฟ" ผมยักคิ้วกวนปัดไปงั้น  จะให้ผมไปจีบสู้กับผู้หญิงนี่นะครับ  คงจะชนะหรอก  สมุทรขอตัวจากไอ้ดินเข้าไปในห้องแต่งตัวทางด้านหลัง 

"ดินไปซ้อมบ้างดีกว่า" ไอ้ดินยิ้มพูดกับตัวเองแล้วเดินตรงไปที่โรงเก็บรถจักรยานของมัน
 
"เดี๋ยวพี่เอาตารางฝึกให้สมุทรนะ ให้เขาคุมพวกนั้นไป" ผมสั่ง

"ได้ครับ" พี่ธานขานรับพร้อมหยิบตารางซ้อมมา  ไม่นานนักสมุทรก็ออกมาจากห้องแต่งตัวโดยใส่กางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว

"เดี๋ยวนายคุมพวกนั้นฝึก..นี่นาฬิกา ตารางตรงพี่ธาน เอากลับไปจำด้วยก็ดี" ผมบอก  สมุทรรับกระดาษจากพี่ธานไปดู
 
"เสร็จจากนี้แล้วเดี๋ยวจะล่อเป้า" ผมบอก

"ครับ" สมุทรผงกหัวก่อนเรียกพวกไอ้เด่น  ไอ้เข้มและไอ้หินเพื่อให้มารวมตัว  ผมกับพี่ธานแยกตัวกันมาซ้อมต่างหากโดยจับเวลาเริ่มที่กระโดดเชือกเป็นอันดับแรก  ใช้เวลายี่สิบนาทีที่ลานกลางแจ้งด้านหน้าโรงฝึก  ลูกน้องผมไม่ใช่คนไม่เอาใครหรือดื้อรั้นนัก  ดังนั้นใครที่ผมจัดมาให้คุมพวกมันแสดงว่าผมเลือกแล้วและทุกคนมักจะเชื่อฟังเป็นอย่างดี  ส่วนผู้ฝึกจะทำให้ลูกน้องผมเคารพได้หรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่ที่เจ้าตัวเอง

ยี่สิบนาทีผ่านไปผมเห็นพายุเดินออกมาจากบ้าน  มันที่กำลังจะเดินผ่านพวกผมไปโบกมือทักทายน้อย ๆ  ผมได้เพียงแต่พยักหน้าทักทายกลับและไม่หยุดกระโดดเชือกเพื่อจะทำให้ครบรอบ 

"ฟู่!" การหายใจเริ่มหายใจทางปากมากขึ้น  ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ ๆ วางลูกบอล  พี่ธานยืนคุมตรงหน้าเพื่อช่วยดูลักษณะการเคลื่อนลำตัวของผม  การเคลื่อนไหวด้วยตัวเองจะช่วยให้เรามีสมาธิอยู่กับการเอี้ยวตัวในการหยิบลูกบอลไขว้ไปข้างหลัง  เป็นการฝึกกล้ามแขน  กล้ามหลัง  กล้ามหน้าท้อง  เพราะลูกบอลมีน้ำหนักค่อนข้างมาก  พี่ธานยืนคุมผมจนเสร็จเมื่อถึงตาของพี่ธานผมก็เป็นฝ่ายคุมพี่เขาต่อ  เราสลับหน้าที่กันแบบนี้โดยไม่หยุดพักใด ๆ  เพราะระหว่างที่เรายืนคุมอีกฝ่ายอยู่นั้นนั่นก็ถือว่าเป็นการได้พักให้หายใจแล้ว 

เราฝึกซ้อมในทุกการเคลื่อนไหวในทุก ๆ สัดส่วนของร่างจนครบ  ไม่ว่าจะวิดพื้น  เวทเทรนนิ่ง  การออกกำลังขา  แข่งโหนบาร์  แข่งยกยางรถยนต์  ตีเข่า  เตะกระสอบทรายและอีก ฯลฯ  เสร็จจากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องลงนวม  ตามเวลาของผมกับพี่ธานและฝั่งของสมุทรเสร็จพร้อมกันเปี๊ยบ  แสดงว่าฝั่งนั้นได้จับเวลาตรงตามตารางที่ผมวางไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน  การซ้อมในเช้านี้เป็นไปอย่างดุเดือดกว่าสองสามวันที่ผ่านมา  พายุออกมายืนดูได้ไม่นาน  อีกฝ่ายดูจะคันไม้คันมือจึงขอเป็นคู่ซ้อมให้กับไอ้หิน  ส่วนตัวของไอ้หินไปแบบไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่นัก  เพราะพายุเดาใจค่อนข้างยาก  แต่สุดท้ายไอ้หินก็ยอมไปเพราะนั่นคือคำสั่งที่นาน ๆ จะลงมาที่โรงฝึกแบบนี้ที  เสร็จจากลงนวมเสร็จเรียบร้อย  เรียกได้ว่าเหนื่อยจนคอแห้งผากกันหมดทุกคน  ผมว่านี่ล่ะที่เรียกว่า “สะใจสุด ๆ”  เราพักพูดคุยอยู่ประมาณสิบนาทีและจบด้วยการฝึกฟุตเวิร์ค  โดยมีพายุคอยอยู่จับเวลาให้จึงทำให้พวกผมได้ฝึกไปพร้อม ๆ กันทีเดียวทั้งหมด

"ตาย ๆ ๆ" พี่ธานยิ้มแซวสภาพของไอ้เด่นกับไอ้หินที่หอบลิ้นห้อยไปแล้ว

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ 

"เอา..พอ!" ผมอนุญาตบอกเลิกการฝึก  พวกมันพร้อมใจกันโอดครวญในทันที  สมุทรเพียงยืนยิ้มมอง  เจ้าตัวก็เหงื่อโชกจนเปียกไปทั้งตัวเช่นกัน  แต่ดูเหมือนจะไม่หมดสภาพเท่ากับลูกน้องของผมอย่างไอ้เด่นและไอ้หิน  ขนาดพวกมันอยู่กับผมมานาน  ฝึกกันมาหลายอย่าง  เจออะไร ๆ ด้วยกันมาก็เยอะแต่พอบทจะขี้เกียจ  หมดแรงพวกมันก็เป็นเอาเสียดื้อ ๆ  ส่วนสมุทร ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตกับการฝึกซ้อมมวยมาอย่างไรบ้าง  หนักเบาเอาจริงเอาจังแค่ไหน  แต่การที่เขาสามารถควบคุมลูกน้องของผมวันนี้ได้ตรงตามเวลา  สามารถคุมสถานการณ์ให้พวกมันอยู่ในโอวาทได้  ผมก็ถือว่าเขาสอบผ่านได้ในระดับหนึ่ง

"พี่สมุทรเล่นปิงปองเป็นปะครับ" พายุถาม 

"ก็..พอเป็นครับ แต่ไม่เก่ง" สมุทรยิ้มตอบ

"งั้นช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ยุหน่อยได้ไหม" พายุถามด้วยแววตามีความหวัง  สมุทรหันมามองหน้าผม 

"เสิร์ฟลูกให้เฉย ๆ น่ะ ไม่ถึงขนาดตีโต้หรอก" ผมขยายความแทนพายุ  หากใครในบ้านสามารถตีโต้กับพายุได้ก็ไปคัดตัวนักกีฬาได้เลย  เพราะพายุเล่นปิงปองฝีมือเข้าขั้นเก่งเลยล่ะ  ผมเป็นคู่ซ้อมให้มันมาตั้งแต่จำความได้แต่ไม่สามารถตีโต้อย่างการแข่งขันจริง ๆ ได้  ต้องยอมรับว่าคนเรามีทักษะทางด้านกีฬาไม่เหมือนกัน  บางทีพายุคงอยากซ้อมอยู่บ้านบ้าง  แต่ก็ไม่มีใครเต็มใจจะฝึกให้มันซักคนเพราะถ้าทำอีกฝ่ายโมโหก็อาจจะพาลหงุดหงิดไปได้อีกหลายวัน   

"งั้นก็ได้ครับ" สมุทยพยักหน้ารับ

"ใครมาแต่เช้า" พายุขมวดคิ้วมองไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน  ลุงทองรีบกุลีกุจอกดเปิดประตูรั้วให้แบบนั้นแสดงว่าลุงแกต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นใคร

"แขกมึงไง ไอ้ยุ" ผมพูดเพราะรถยนต์คันที่ขับเข้ามาเป็นรถยนต์ที่บ้านของย่าผม 

"กูอยากจะบ้า" ผมบ่น  หลับตาพร้อมถอนหายใจแรง  งานเข้าแต่เช้า

"ไอ้รุ่งขึ้นชกวันนี้นี่ใช่ไหม" ผมยืนเท้าเอวขมวดคิ้วมองหน้าพี่ธาน  อยากรีบสั่งงานให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปเจอหน้าของย่า  การมาหาแบบนี้ได้คงมีเรื่องกะทันหันหรืออาจทำให้ผมอารมณ์เสียเป็นแน่

“ใช่ครับ” พี่ธานผงกหัว

"งั้นพี่ธานกับไอ้เด่นไปดูมันชกแทนผมหน่อยก็แล้วกัน"

"ได้ครับนาย!" ไอ้เด่นยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

"ต่อหน้านาย ให้มันน้อย ๆ หน่อย" พี่ธานปรามดุ ๆ  ผมแสยะยิ้มเพราะไอ้เด่นหน้าเจื่อนไปแล้ว

"แต่ว่าผมตั้งใจว่าจะรายงานเรื่องบัญชีให้คุณก่อนนะครับ" พี่ธานบอก

"ไม่เป็นไร พี่เอาเอกสารทิ้งไว้ในห้องทำงานนั่นแหละ เดี๋ยวผมดูเอง ถ้ามีอะไรเอาไว้คุยกันตอนเย็น" ผมสั่ง

"ได้ครับ” พี่ธานตอบ

"ไปอาบน้ำอาบท่าไป" ผมไล่พวกมัน  ไอ้เข้ม  ไอ้เด่นและไอ้หินขานรับพร้อมผงกรับทราบก่อนเดินจากไปพร้อมกัน
 
"ถ้ามันชนะละก็..ก่อนกลับมาบ้าน มันอยากกินอะไรพี่ก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับมาแล้วกันนะ เดี๋ยวผมให้เงินทีหลัง" ผมสั่งเสีย  พี่ธานอมยิ้มน้อย ๆ

"งานเข้าเฮียเต็ม ๆ" พายุอุทาน  ผมหันไปมองตามสายตาของพายุทันที  เห็นคนที่เพิ่งลงมาจากรถไม่ใช่เพียงแค่ย่าของผมคนเดียวแต่กลับมีริศามาด้วย 

"อาซ้อมาหาถึงที่เลย" พายุยิ้มแซว

"เดี๋ยวกูซัด" ผมกัดฟัน  ง้างขาจะเตะมัน  พายุหลบยิ้ม ๆ   

"แล้วใครละครับนั่นน่ะ ?" มันบ่นอีก  รถยนต์คันแปลกตาขับเข้ามาจอดติดกับท้ายรถคันของย่า  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ  เดินไปหยิบขันแล้วตักน้ำในโอ่งตรงลานด้านนอกมาล้างหน้าอย่างลวก ๆ  พี่ธานยื่นผ้าขนหนูเตรียมไว้ให้พร้อม  ผมจึงนำมาเช็ดเหงื่อแล้วหันกลับไปที่รถคันแปลกตานั่นอีกครั้งและก็พบว่าไอ้กริดลงมาจากรถคันนั้นพร้อม ๆ กับลูกน้องของมัน  ผมได้แต่นิ่งมอง  ทั้งแปลกใจ  ตกใจและไม่ชอบใจผสมปนเปกัน  ไอ้กริดไม่เคยมาที่บ้านของผมมาก่อน  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกแบบที่ไม่ได้นัดหมายใด ๆ ล่วงหน้า  ย่าและริศายืนอยู่ที่หน้าบ้านพร้อมกับคนขับรถ  พวกเธอมองมาที่พวกเราเหมือนรอให้เดินเข้าไปหา  ผมจึงตัดใจเดินตรง  พี่ธาน  พายุและสมุทรจึงประกบตามหลังมา

"หวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้

"สวัสดี" ย่าพูดทัก  สายตาเหล่มองผมมาอย่างเย้ยหยันตามสไตล์แก 

"สวัสดีค่ะคุณไฟ" ริศายกมือไหว้  ผมเพียงผงกหัวตอบน้อย ๆ  และยังวางท่าทีที่จงใจจะไม่ทักไอ้กริดก่อน 

"ไงไฟ" ไอ้กริดเดินเข้ามาขนาบข้างกับริศาพร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง  ผมยังคงเมินหน้าไปอีกทางซึ่งเป็นคนละทางกับที่ย่า  ริศาและไอ้กริดยืนอยู่ 

"พอดีคุณกริดเขามีเรื่องอยากจะคุยกับเราน่ะ ย่าก็เลยให้มาด้วยกัน" ย่าพูดขึ้น  ผมจึงเหสายตากวาดมองไปที่เธอ

"วันหลังย่าต้องนัดไฟก่อน" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมจ้องไปที่ตาเธอเขม็ง

"ฉันเป็นย่าแกนะ" อีกฝ่ายขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ  ก็เอาแต่ใจตัวเองที่หนึ่งขนาดนี้  จะไม่พอใจรึก็ไม่แปลกหรอก

"วันหลัง.. ย่าต้องนัดผมก่อน" ผมย้ำเสียงเข้มลงอีกครั้ง  สรรพนามที่จงใจเปลี่ยนทำให้อีกฝ่ายชะงัก  เหสายตาไปอีกทางด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์  ริศาหน้าถอดสี  ผมเดินหนีเข้าบ้านมาโต้ง ๆ โดยไม่เอ่ยปากเชิญใคร  ทั้งพี่ธาน  พายุและสมุทรก็ไม่มีใครทักท้วงใด ๆ เช่นกัน 

"ไปเอาเสื้อให้กูหน่อย" ผมหันไปสั่งพายุ  พายุรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อไปเอาเสื้อให้ผมที่ห้องนอน 

"นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ" ผมสั่งสมุทร  เพราะอีกฝ่ายดูรอคำสั่งจากผมอยู่นานแล้ว

"ครับ" เขาพยักหน้า

"อาบห้องพี่ได้เลยนะ" พี่ธานบอก

"ขอบคุณครับ" สมุทรยิ้มรับ  เขาผงกหัวเล็กน้อยก่อนเดินตรงเข้าห้องนอนของพี่ธานไป  ลุงทองเดินนำย่าเข้ามาด้วยความนอบน้อม  ริศากับไอ้กริดก็ตามหลังมาด้วยไม่ห่าง  ผมอารมณ์ขึ้นทันทีที่เห็นแต่ไม่ได้กระโตกกระตากแสดงอารมณ์ออกไป  เพราะอย่างน้อย ๆ ย่าก็ฉลาดพอ  เพราะเธอคงสั่งไม่ให้ลูกน้องของไอ้กริดเดินตามตูดเจ้านายเข้ามาด้วยอย่างทุกที  ผมไม่มองหรือพูดเชิญใครสักตาจนย่าเดินผ่านผมเข้าห้องรับแขกไปด้วยท่าทางเชิดหยิ่ง  พี่ธานกลับเข้าไปในห้องนอน  ออกมาอีกครั้งก็ใส่เสื้อยืดเรียบร้อยแล้ว  พายุวิ่งลงมาพร้อมกับเสื้อยืดในมือ  ผมรับมาใส่ลวก ๆ  แม่บ้านพากันนำน้ำเข้าไปเสิร์ฟ   

"ย่ารู้ได้ไงว่าเช้านี้กูอยู่บ้าน" ผมขมวดคิ้วบ่นไปทางพายุ

"ยุไม่ได้บอกนะ แต่ยุว่าย่าเดา..ก็เฮียชอบตื่นเช้ามาซ้อมไง" พายุตอบ

"แล้วคุณย่ารู้จักกับไอ้กริดได้ยังไงครับ" พี่ธานถาม  ครั้งนี้ไร้คำตอบ

"ความเครียดทำให้ผมมวนท้อง" ผมพูดไปงั้นและรีบสงบสติอารมณ์เพราะไม่ต้องการมวนท้องต้อนรับเช้าวันใหม่แบบนี้ด้วย  พายุและพี่ธานตามผมเข้ามาในห้องรับแขกที่เงียบสนิท  ไอ้กริดนั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับริศาและย่า  ส่วนย่ากับริศานั่งด้วยกัน  เธอคงรู้ว่าที่ประจำของผมอยู่ตรงไหนเธอจึงเลือกที่จะไม่นั่ง  เมื่อผมนั่งลงแม่บ้านจึงรีบปลีกตัวออกไป  พี่ธานและพายุยืนประกบอยู่ไม่ห่างมากนัก

"ย่ามีอะไรครับ ?" ผมเปิดประเด็น 

"ก็พอดีย่าเห็นว่าแกน่าจะซ้อมเช้านี้ ย่าก็เลยแวะมาหาน่ะ" ย่ายิ้มบอก

"ย่าครับ.." ผมย้ำเสียง  ยิ้มให้เธอนิด ๆ  เพื่อขอให้เธอเข้าประเด็นเดี๋ยวนี้

"คืออย่างนี้ค่ะไฟ" ริศาเกริ่น

"คือว่า คุณกริดน่ะค่ะ..เขามีโครงการที่จะทำรีสอร์ตที่ภูเก็ต แล้วต้องการที่ดินติดทะเล ริศาก็เลยแนะนำที่ดินของคุณไฟไปเพราะเห็นว่าทำเลดี คุณกริดไปเห็นแล้วก็ถูกใจมากเลยค่ะ จึงอยากจะมาขอพูดคุยกับคุณน่ะค่ะ" ริศายิ้มบอก

“ไม่ว่าจะมาในฐานะไหน แม้จะเป็นคนในครอบครัว..ก็ต้องรู้จักมารยาทและพื้นที่ส่วนตัว จิตใต้สำนึกไม่ได้บอกสอนเหรอครับว่าต้องนัดก่อน แบบนี้มันเหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าของบ้าน และจงใจข้ามหัวกัน” ผมเหล่มองไปทางริศา  อีกฝ่ายหลบสายตาผมลง

“ไหน ๆ ฉันก็มาแล้ว ทำไมเธอต้องว่าหนูริศาแบบนั้นด้วย” ย่าโวย  เธอเข้าไปลูบแขนริศาอย่างปลอบโยน

"นี่มันเรื่องของธุรกิจไม่ใช่เหรอครับ แต่กลับทำอะไรไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย ทำไมคุณกริดไม่เข้ามาคุยกับผมด้วยตัวคุณเอง..ในฐานะนักธุรกิจล่ะครับ" ผมยิ้มกวนไปทางไอ้กริดอย่างจงใจ 

ผมเริ่มศึกษาและซื้อที่ดินไว้เก็งกำไรตั้งแต่เริ่มเรียนรู้งานกับพ่อ  สมัยที่พ่อของผมยังอยู่  ผมไม่เคยสนใจว่าที่ดินนั้น ๆ จะทำเลไม่ดีหรือไม่อย่างไร  ผมเชื่อว่าสักวันทำเลมันจะดีของมันด้วยตัวมันเองไปตามกาลเวลาและการพัฒนาของโลกนี้ที่เปลี่ยนไปค่อนข้างรวดเร็ว  เมื่อผมมีเงินส่วนตัวและพบที่ดินตรงไหนที่ถูกใจผมก็จะซื้อไว้ทันที  แรก ๆ มักซื้อด้วยเงินเก็บของตัวเองในที่ดินที่มีราคาไม่แพงมากนัก  โดยปล่อยเก็งกำไรออกไปและไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ไม่เคยไม่ได้กำไรคืน  อย่างน้อยที่สุดก็สองสามแสน
 
เมื่อรู้หลักและได้เงินมากขึ้นก็ขยับขยายไปในพื้นที่ที่มีราคาแพงมากขึ้น  พื้นที่ทางเศรษฐกิจบ้าง  ที่นาบ้าง  จนพ่อไว้ใจและปล่อยให้ผมได้ใช้เงินซื้อที่ดินได้ตามสมควร  แน่นอนว่าผมไม่กล้าดีขนาดตัดสินใจด้วยตัวเองหรอกครับ  ทุกครั้งที่จะตัดสินใจทำอะไรก็มักจะเอาไปปรึกษาพ่อก่อนเสมอ  มีครั้งหนึ่งที่ผมไปซื้อที่ไว้ในราคาไร่ละ 4 ล้านบาท  ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมองไม่ค่อยออกว่าพื้นที่นั้นจะสร้างรายได้ให้คนซื้อได้อย่างไร  แม้จะเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์แต่ก็อยู่บนภูเขากันดารทีเดียว  ผมซื้อทิ้งไว้อย่างนั้นเหมือนเป็นการลองเสี่ยงดู  วัดใจเอาเงินโปรยเปล่า  เวลาผ่านไปเกือบปีอยู่ ๆ ก็มีถนนตัดผ่านเข้ามา  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมสามารถปล่อยขายออกไปต่อไร่ได้ไร่ละ 6 - 7 ล้านบาท  วันนั้นมันทำให้ผมคิดได้ว่า.. บางทีเราก็ต้องเสี่ยงก้าวเดินไปแม้จะมองไม่เห็นทางข้างหน้า  ซึ่งมันใช้ได้ผลหลายครั้งทีเดียว 

"ผมเห็นคุณไฟสนิทกับคุณริศานะครับ ก็เลยรบกวนเธอให้มาช่วยเจรจาให้" ไอ้กริดอมยิ้มตอบ  ผมถือว่ามันรักษาอาการได้ดีมาก  มันแทนตัวเองว่า "คุณ" กับ "ผม" ในลักษณะเดียวกันกับที่ผมพูดในตอนแรก 

"ได้ค่านายหน้างั้นเหรอครับ ฮิ ๆ ๆ ๆ" ผมแซวพลางหัวเราะคิกคัก  แต่กลับดันไม่มีใครตลกด้วย 

"แถวไหนล่ะ" ผมเม้มปาก  เลิกตาพร้อมยิงคำถามดี ๆ

"ชายหาดป่าตอง ที่ดินของคุณไฟ..สิบไร่ใช่ไหมล่ะครับ" ฝ่ายตรงข้ามพูดเชิงถามกลับ

"ฮึ!" ผมหลุดหัวเราะ  แม่งฮาหน้ามันว่ะ

"คุณจะซื้อเท่าไหร่ล่ะ ?" ผมถาม  ไอ้กริดไม่ใช่คนแรกที่มาขอซื้อที่ดินผืนนี้จากผม  ที่ผ่านมาไม่ว่ากับใครผมยังไม่เคยคิดที่จะปล่อยขายออกไป  ที่ดินที่ภูเก็ตผมเป็นเจ้าของอยู่ทั้งหมดสามที่  ฝั่งติดหาดป่าตองพื้นที่ทั้งหมดสิบไร่นี้เป็นส่วนที่วิวสวยที่สุดเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้  นอกนั้นที่อยากได้ก็ซื้อสู้ไม่ทันจริง ๆ  ส่วนที่มีอยู่ที่อื่น ๆ วิวก็ไม่สวยเท่าที่นี่ด้วย 

"คุณให้เท่าไหร่ล่ะ ?" ไอ้กริดย้อนถามกลับคล้ายลองเชิง

"ล่าสุดที่โทรเข้ามา..อีกฝ่ายขอซื้อผมเจ็ดร้อยล้าน ผมยังไม่ขาย ปี ๆ นึงค่ายมวยผมใช้เงินตั้งหลายสิบล้าน ฮ่า ๆ ๆ เจ็ดร้อยล้านหมดเร็วจะตาย คุณคิดว่า..ผมควรจะขายให้คุณสักเท่าไหร่ดีล่ะครับ" ผมทำท่าสบาย ๆ  เล่นน้ำเสียงพลางจ้องหน้ามันกลับทำเอาไอ้กริดนิ่งไป 

"ไฟ..แกจะยื้อไว้ทำไม ที่ดินแกก็ตั้งเยอะแยะ จะขายเท่าไหร่ก็บอกคุณกริดเขาไปสิ" ย่าท้วงด้วยน้ำเสียงปราม ๆ ผม

"มันอยู่เฉย ๆ ของมัน ก็ไม่ได้ร้องขอข้าวกินนี่ครับ" ผมย้อนตอบอย่างไม่แคร์ใคร  ทุกคนเงียบลง  ไอ้กริดก้มหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังใช้ความคิดและสติที่จะเล่นละครเป็นคนดีต่อหน้าย่าของผม

"ผมขอซื้อแปดร้อยล้าน" มันหันมาพูด 

"........" ผมเงียบ  พร้อมกับเบะปากกะพริบตาถี่ ๆ อย่างจงใจกวนส้นตีนมัน 

"พันห้าร้อยล้าน ผมจะเอาไปคิดดู" ผมเสนอ

"ผมหมายถึง..ถ้าคุณให้ราคานี้ได้ ผมจะลองเอาเก็บไปคิดดูเฉย ๆ นะครับ" ผมฉีกยิ้มให้

"ไฟ!" ไอ้กริดกระแทกเสียงถลึงตาโต  น่าแปลกเพราะไม่มีคำว่า "ไอ้" นำหน้าชื่อของผม

“ตลาดของผม..ติดหนึ่งในห้าของประเทศ แม้จะมีพวกแมงหวี่คอยสร้างชื่อเสียงไม่ดี ๆ อยู่เสมอ แต่ก็เป็นรายได้ที่อยู่ตัวมากแล้วครับ” ผมจงใจเตือนสติกวน ๆ ว่าสถานะระหว่างผมกับมันนั้นต่างกัน

“ทุกวันนี้..น้ำพริกผักต้มที่ตลาด ชุดนึงอย่างมากก็แค่สามสิบสี่สิบบาท ผมก็อิ่มไปมื้อนึงแล้ว ส่วนเสื้อผ้าถ้าผมซื้อเอง ห้าร้อยนี่ก็แพงสำหรับเสื้อยืดของผมแล้วนะครับ ผมก็เลย..ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้นน่ะ” ผมมองหน้าไอ้กริดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า  ไอ้กริดกัดฟันแน่นพร้อมเหวี่ยงหน้าไปอีกทาง  เลือกที่จะไม่ตอบโต้ผมกลับ 

"วันนี้ผมขอตัวก่อนแล้วกัน" มันตัดบทโต้ง ๆ  ลุกขึ้นยืนจับสูทด้วยใบหน้าถมึงทึง  ย่าจ้องมองมาทางผม  ผมทำเป็นมองไม่เห็น
 
"เดี๋ยวสิคะคุณกริด" ริศาลุกขึ้นยืนทันที   

"คุณไฟเขาคงไม่เต็มใจที่เห็นผมมาในวันนี้ เอาไว้คุยกันตอนที่อารมณ์ดีกว่านี้คงจะดีกว่า" ไอ้กริดหันมามอง  น้ำเสียงฟังไม่น่ารื่นหู  คำพูดก็ยังประชดประชันอีก
 
"ก็ดีครับ..ถือว่าเรียนให้ทราบไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าคุณต้องการพบผมในเรื่องส่วนตัว กรุณาอย่าแตะมือใครเข้ามาแบบนี้อีก บ้านผมไม่ใช่สนามกรีฑา ถ้ามีครั้งหน้า..ผมคงไม่ให้ลูกน้องผมใจดีกับพวกคุณแบบนี้" ผมช้อนตาขึ้นมอง  ปากไอ้กริดขมุบขมิบด้วยท่าทางหมันไส้ผมพอดู 

"ลาละครับคุณย่า ขอบคุณมากครับที่เป็นธุระให้" ไอ้กริดยกมือไหว้ส่ง ๆ  ก่อนจะเดินออกจากห้องไป  ผมหันกลับไปมองพายุ  ส่งสัญญาณให้มันไปจัดการเคลียร์แขกให้เรียบร้อย  พายุพยักหน้ารับทราบและตามไอ้กริดไปในทันที

“หึ..ฮ่า ๆ ๆ! คุณย่างั้นเหรอ ?” ผมแสยะหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วจู่ ๆ ก็หยุดหัวเราะลงห้วน ๆ  ในห้องเงียบลงอีกครั้ง  ริศานั่งลงหน้าเจื่อนบอกบุญไม่รับ  ผมเอื้อมหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มหมดแก้ว  เพิ่งได้สติกลับมาเมื่อกี้นี้เอง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-08-2016 23:07:14

"แกตั้งใจหักหน้าฉัน ต่อหน้าคนอื่นงั้นรึ" ย่าพูดขึ้นเสียงแข็ง

"ย่าเอามันเข้ามาในบ้านนี้โดยไม่บอกไฟก่อนสักคำ ย่าให้เกียรติเจ้าของบ้านมากเลยสินะครับ" ผมพูดเสียงเข้มด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกันกับเธอ  รู้สึกหงุดหงิดจนเกือบจะกลายเป็นโมโหอยู่แล้ว 

“ใช่สิ นี่มันบ้านแกนี่นะ ฉันลืมไปเสียสนิท” ย่าประชด  หึ..ประชดเก่งละที่หนึ่ง

“ไฟไม่ใช่พ่อนะครับย่า” ผมพูด

“แต่ฉันเป็นคนที่คลอดพ่อแกออกมา! ไม่อย่างนั้นแกไม่ได้มานั่งเถียงฉันฉอด ๆ แบบนี้หรอก” ย่ากระแทกเสียงตาโต  ผมหลับตาพร้อมสูดหายใจเข้าลึกยาว

"เอ่อ..คุณไฟคะ เป็นความผิดของริศาเองน่ะค่ะ คือ.." ริศาพยายามจะอธิบาย  คล้ายกับต้องการให้ผมและย่าผ่อนคลายลง
 
"ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณกับไอ้กริดจะรู้จักกันได้ยังไง เพราะอะไร" ผมพูดแทรกเธอทันควัน  ไม่ให้โอกาสเธอได้แก้ตัว
   
“ขอเตือนว่าอย่าทำแบบนี้อีก" ผมพูดเสียงเย็น  จ้องหน้าเธอเขม็งเอาความ  ริศาก้มหน้าลง 

"ถ้าแกไม่ขายที่ตรงนี้ให้คุณกริด ฉันจะขายที่ดินที่พ่อแกยกให้ฉันให้กับเขาแทน" ย่ายื่นคำขาด  สีหน้าอยากเอาชนะของย่าแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง  ย่าถือว่าย่าคือย่า  ลูกสาวสุดเอาแต่ใจจากตระกูลผู้ดีเก่า  อยากได้อะไรฉันต้องได้  ย่าที่ชอบเอาชนะปู่  เอาชนะลูก ๆ ของตัวเอง  นี่ละย่าผม  ผมชอบเธอนะครับ  พื้นฐานแล้วเธอไม่ใช่คนไม่ดี  ดังนั้นมันเหมือนเป็นการประลองไหวพริบเวลาที่สู้กับคนอย่างเธอน่ะ 

.. ที่ดินของย่าที่มีอยู่ที่ภูเก็ตเป็นผืนเดียวกับที่พ่อเคยซื้อไว้ตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่ม ๆ  และที่ดินนั้นพ่อยกให้กับย่าก่อนที่จะเสียชีวิตลง  เป็นที่ดินวิวสวย  ทำเลดี  ราคาเหยียบพันล้านขึ้นไปอย่างไม่ต้องสงสัย  เศรษฐีมากมายเข้ามาทาบทามขอซื้อเพื่อจะนำไปลงทุนทางธุรกิจ  แต่ย่าก็ไม่เคยขาย  เธอเคยเปรย ๆ กับผมไว้ว่าเธอจะยกที่ดินผืนนี้ให้กับพายุ  ซึ่งผมทราบแล้วก็สบายใจเพราะปกติเธอไม่ใช่คนผิดคำพูด

"ถ้าย่าเห็นดีว่าอย่างนั้น.. ก็เชิญตามสบายครับ" ผมย้อนอย่างไม่ยอมทำให้อีกฝ่ายตาโตหนักกว่าเดิม  ย่าเป็นผู้หญิงฉลาด  การอ้างแบบนี้ก็เพื่อต้องการประชดผมที่ผมไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอ  นี่ไม่ใช่การอ่อนข้อให้กับไอ้กริดนะครับ  ในสายตาของย่าเหมือนผมหักหน้าเธอมากกว่า  เชื่อเถอะว่าย่าไม่กล้าทำแบบที่พูดหรอก  ที่ดินเป็นพัน ๆ ล้านที่ซื้อมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของลูกชายสุดที่รัก  ย่าไม่ทำแบบนั้นแน่ 

"เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นย่าพอรึยังครับ ? ผมจะได้ขึ้นไปอาบน้ำ" ผมพูด

"ไอ้ไฟ!" ย่าตะคอกหน้าแดงก่ำ

"พายุ! แกดูเฮียแกนะ!" ย่าโวย  ลุกขึ้นยืนพร้อมกับคว้ากระเป๋าไปคล้องแขน

"ย่าทำอะไรให้เฮียโกรธละครับ" พายุถามหน้าซื่อจนผมเกือบจะหลุดยิ้ม
 
"แกต้องพูดว่าเฮียแกทำอะไรให้ฉันโกรธต่างหาก นี่พวกแกเลี้ยงดูกันยังไง หะ ? ธาน!" เธอกระแทกเสียงไม่เลิก  เพ่งตามองมาที่พี่ธาน  เจ้าตัวที่ยืนกุมมืออย่างสงบเสงี่ยมอยู่ทางด้านหลังผมก้มหน้าลงคล้ายยอมรับผิดแต่โดยดีในทันที

“คุณไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่คนของผมนะครับคุณผู้หญิง” ผมเตือนเรียบ ๆ

“ไอ้ไฟ! แกจะลองดีกับคนอย่างฉันใช่ไหม” เธอกัดฟันแน่น 

"ย่าครับ ทำแบบนี้..ไม่ดีเลย" พายุปรามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทำให้ย่าเม้มปากเข้าหากันเหมือนเถียงกลับไม่ถูก

"ย่ามาเหรอ!" ไอ้ดินโวยวายมาเสียงหลง  ทำลายบรรยากาศซะสิ้น  ผมมองย่าด้วยแววตากรุ้มกริ่มที่ย่าไม่กล้าต่อปากต่อคำผมอีกคงเพราะกลัวโดนหลานรักอย่างพายุเบรก

"ย่า!" ไอ้ดินวิ่งเข้ามาในห้อง  มันกระโจนเข้าไปกอดย่าด้วยท่าทางดีใจ  ย่ายิ้มกอดมันตอบ

"ไงเรา" เธอลูบหัวไอ้ดินน้อย ๆ

"มีแต่แกนี่แหละที่รักย่าที่สุด" ย่าพูดชมประชด

“ดินรักย่าที่สุดดด~” ไอ้ดินเล่นเสียงทะลึ่ง ๆ เล่นตอบ

“อย่าเอาความรักที่คนอื่นมีให้มาประชด เพราะความเอาแต่ใจของตัวเองได้ไหมฮะย่า” พายุเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ อีกครั้ง

“ใช่ฮะ..ย่าก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเรารักย่า ไม่งั้นไม่กล้าประชดหรอก” ไอ้ดินสมทบหน้าซื่อตาใสอีกคน

“หึ!” ผมนำมือปิดปากยิ้ม ๆ  ย่าหน้าเปลี่ยนสีทำท่าจะงอนจริง ๆ

"ดิน..ส่งย่ามึงด้วยเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวกูให้พันนึง" ผมสั่ง  ไอ้ดินชะงัก  มันเอนตัวมองหน้าย่าอย่างจับผิด

"ฉันไปแน่ แกไม่ต้องมาไล่! ใช่สิ..นี่มันบ้านแกนี่นะ ฉันจะมาเหยียบแต่ละทีก็ต้องบอกต้องกล่าวด้วย" ย่ากัดฟันว่าทำท่าจะเดินออกไป

"คุณเทวี.." ผมเรียกย่าไว้ก่อน  อีกฝ่ายหยุดชะงัก  เหล่ตามองมาที่ผม

"รักนะครับ" ผมยิ้มมุมปากนิด ๆ  ย่าเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยใบหน้าที่ปั้นไม่ถูก

"ฉันไม่หายโกรธหรอกนะ" เธอย้อนเสียงแข็งวางมาดตามเดิม

"ผมก็ไม่ง้อเหมือนกันครับ" ผมเบะปากตอบปัดส่ง ๆ ทันทีเช่นกัน  ทำเอาย่าสะบัดหน้าจ้ำเท้าออกไป  ไอ้ดินเห็นเป็นเรื่องสนุก  มันหัวเราะวิ่งตามย่าไปพร้อม ๆ กับพายุ

"งั้น..ริศาขอตัวนะคะ" เธอเอ่ย  ผมยังคงนั่งตัวตรงหน้าตรงไม่คิดที่จะมองเธอ

"คุณจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับไอ้กริดยังไงผมไม่สนหรอกนะครับ แต่อย่าเอาย่าเข้ามายุ่ง" ผมบอกโต้ง ๆ อย่างไม่ไว้หน้า 

"คุณไฟคะ ริศาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะคะ" เธอตอบ  น้ำเสียงฟังดูไม่พอใจที่ผมด่วนสรุป  ผมกลอกตาจ้องไปที่เธอ 

"ผมพูดแล้วไงครับว่าผมไม่สน" ผมย้อนบอกเสียงเย็นตามเดิม  อีกฝ่ายสลดลงไปได้บ้าง  เธอเงียบ  ผมก็เงียบ 
 
"ถ้าริศาบอกว่าคุณกริดเขาสนใจริศา คุณไฟจะว่ายังไงคะ" เธอพูดขึ้น

"เชิญครับ" ผมตอบทันที 

"คุณไม่แคร์ริศาเลยใช่ไหม" ริศาว่าด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

"ผมว่าผมพูดกับคุณรู้เรื่องแล้วนะครับ"

"แต่ริศา.." เธอเอ่ย  ทำท่าจะเถียงแต่ก็ต้องชะงักลงอีกครั้งเมื่อเงยหน้ามาสบตากับผม 

"ผมไม่หึงคุณหรอกครับริศา จะไม่มีทางหึงด้วย คุณเองก็น่าจะรู้ว่าเพราะอะไร" ผมพูด  ใช้นำเสียงปกติธรรมดาเพราะความจริงแล้วก็ไม่อยากปฏิเสธให้เธอเสียใจ  ริศาเงียบไปครู่ใหญ่ ๆ  เธอตัดสินใจลุกขึ้น  หยิบกระเป๋าไปถือไว้ในมือและยืนประชันตรงหน้าผม

"ริศาไม่รู้ว่าอะไรในตัวของริศาที่ทำให้คุณไม่ชอบ ริศาพร้อมที่จะปรับปรุงตัว" เธอพูด  ผมยังเลือกที่จะเงียบและไม่มองหน้าเธออีก 

“ริศาชอบคุณนะคะ” เธอทิ้งคำพูดเสร็จก็เดินจากไป  ผมถอนหายใจแรง  ในห้องสงบลงเป็นบ้านที่น่าอยู่อีกครั้ง  ให้หลังไม่ถึงห้านาทีเสียงด้านนอกก็เงียบลงทำให้ผมทราบว่าย่าคงจะกลับออกไปแล้ว

"ความจริงแล้ว..ผมคิดว่าเธอดูชอบคุณมากเลยนะครับ" พี่ธานพูดขึ้น

"พอเถอะน่า" ผมปราม  รีบถอดเสื้อยืดออกเพราะรู้สึกอึดอัดที่ใส่ทับเข้าไปทั้งที่เหงื่อยังไม่แห้งดี 

"ไอ้กริดนี่มันก็กล้าดีนะครับ" พี่ธานพูด 

"กล้า หน้าด้าน สะเออะ..มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่นะครับ" ผมว่า  พี่ธานหัวเราะ

"เฮ้อ! อาบน้ำก่อนนะ" ผมลุกขึ้น

"วันนี้ก็ขอให้โชคดีนะครับ" พี่ธานพูดส่งท้าย  ผมชะงัก  หันหน้ากลับไปแสยะยิ้มมองพี่เขาด้วยนึกหมันไส้ขึ้นมาที่ทำเป็นรู้ดี  อีกฝ่ายยิ้มกว้าง  ผมเบะปากพยักหน้ารับยิ้ม ๆ  ก่อนชี้หน้าคาดโทษให้ระวังตัว  วันนี้เตรียมตัวเพื่อเข้าตลาด  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จลงมาก็เจอสมุทรรอผมอยู่ที่โถงหน้าบ้านอยู่ก่อนแล้ว  ผมโยนกุญแจรถให้ซึ่งเป็นคันใหม่ที่สมุทรยังไม่เคยขับ

"ตองสี่ สีดำ" ผมบอก

"ครับ" สมุทรรับทราบ

"เฮีย!" ผมแกล้งทำเป็นหูทวนลมไปใส่รองเท้าไป

"เฮียยย!!!" เสียงไอ้ดินเรียกดังแว่วมาแต่ไกล  เสียงวิ่งดังตามมาติด ๆ  วิเคราะห์แล้วน่าจะมากกว่าสองขา

"ใกล้วันแข่งแล้ว ขอดินออกไปซ้อมจักรยานกับเพื่อนนะ" ไอ้ดินวิ่งเข้ามาเกาะแขนผมไว้  พายุที่ตามหลังมายืนมอง 

"พี่ยุไปด้วย" มันบอก 

"เอาลุงทองไปด้วย กลับก่อนหกโมงละ" ผมอนุญาต

"คร้าบ" พวกมันขานรับ

"อะไร ?" ผมถามห้วน ๆ  เพราะพวกมันยังเสือกจับแขนผมไว้ไม่ปล่อย  แถมยังมาทำตาปริบ ๆ อีก 

"ขอเงินด้วยได้ไหมครับ หนึ่งพันที่เฮียบอกไง" ไอ้ดินบอกด้วยน้ำเสียงไพเราะเชียว 

"ไม่ให้ครับ ผมไม่ได้พูดสักหน่อยว่าผมจะให้คุณวันนี้" ผมยิ้มตอบพร้อมสะบัดแขนออก

"เฮีย! ไม่! ..ม่ายยย~" อีกฝ่ายร้องเสียงหลง  ทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้น  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ เดินหนีทันที 

"ไปตลาด" ผมสั่งหลังจากขึ้นรถมาแล้ว  สมุทรขานรับเบา ๆ  ระหว่างทางไปตลาดเราไม่มีบทสนทนาใด ๆ  อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนค่อยคุยนัก  เป็นคนขับรถใจเย็นมากทีเดียว  ส่วนผมก็ไม่มีอะไรจะพูด  บทจะไม่มีอารมณ์ชวนคุยก็ไม่อยากคุยขึ้นมาจนถึงที่หมาย
 
ผมออกตรวจเขตก่อสร้างก่อนอันดับแรก  สมุทรเชี่ยวชาญทางนี้มากกว่าผม ๆ เลยอยากให้เขาเก็บรายละเอียดของงานให้  งานส่วนที่ต้องต่อเติมตลาดคืบหน้าไปมากแล้ว  ผมอยากให้ตลาดเสร็จเร็วที่สุดเพราะงานยิ่งช้าเท่าไหร่ก็หมายความว่าเงินส่วนที่จะต้องเข้ามาก็ห่างออกไปเท่านั้น  พวกช่างเองก็ทำงานกันไม่หยุดถึงดึกดื่นเที่ยงคืน  พวกเขาคงรู้ว่าผมส่งให้ลูกน้องมาแอบดูที่นี่แทบจะทุกวัน  เรียกได้ว่าตามติดชีวิตสุด ๆ  ผมกลับขึ้นมาบนออฟฟิต  พี่สาวนำบัญชีมาให้ผมดู  สมุทรอยู่ในห้องทำงานกับผมด้วยเพราะผมต้องการให้เขาเรียนรู้งานไปทีละเล็กทีละน้อย   


ตือดึง~   ..เสียงข้อความเข้าเตือน  พี่สาวหยุดบทสนทนาเหมือนรอให้ผมได้เช็กธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย  เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ก็ถึงกับถอนหายใจออกมา  พลอยส่งข้อความมาทางไลน์  ผมเปิดอ่านอย่างรักษาท่าที

พลอย: ฉันกับลูกน้องเธอคุยกันแล้วนะ น่ารักมากเลย สุภาพมาก!
ปลายทางส่งข้อความมาอย่างนั้น  ผมเบ้ปากเล็กน้อย  เหลือบมองหน้าสมุทรครู่หนึ่ง  ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานทำให้อีกฝ่ายก็เหลือบมองผมอย่างระแวงเช่นกัน 
 
ไฟ:  ใครอยากรู้ไม่ทราบ
ผมส่งกลับไปแค่นั้นแล้วกดปิดเสียงในทันที

"ต่อเลยครับ" ผมอนุญาตพี่สาวให้เธออธิบายงานต่อ 

"เรื่องที่คุณไฟให้ติดต่อพนักงานรักษาความปลอดภัยเพิ่มน่ะค่ะ สาวได้มาเพิ่มอีกห้าคนนะคะ ตรงตามที่คุณไฟขอทุกอย่าง" พี่สาวบอก

"ดูประวัติแล้วเหรอ" ผมถาม

"เรียบร้อยแล้วค่ะ" พี่สาวตอบ

"นัดสัมภาษณ์เลยแล้วกัน พรุ่งนี้เลยได้ไหม ลองติดต่อถามเขาดู ผมจะสัมภาษณ์เอง" ผมบอก

"ได้ค่ะ" เธอผงกหัว  เสร็จจากงานเรียบร้อยพี่สาวก็ขอตัวออกจากห้องไป  ผมจึงกดเปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง 

"นายคิดว่าถ้านายเป็นพ่อค้าในตลาด มันจะมีอะไรที่ขาดเหลืออีกไหม" ผมชวนคุย  เพราะตั้งแต่นั่งกันมาผมกับสมุทรพูดกันนับคำได้เลย

“ตอนนี้ยังไม่มีนะครับ” อีกฝ่ายตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้  ผมแสยะยิ้มเพราะถูกใจไอ้คำพูดที่ประมาณว่า “ตอนนี้ยัง” แต่ในอนาคต
“ไม่แน่”

"ผมว่าโดยรวมแล้วแบ่งโซนได้ชัดเจนดี" สมุทรขยายความ

"ฉันอยากให้เสร็จไว ๆ  เสร็จแล้วฉันจะได้โล่งใจสักที" ผมพูดแกมบ่น  หยิบสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายเก็บเข้ากระเป๋า 

"แล้ว..พ่อค้าแม่ค้าที่เคยประท้วง เขา..เอ่อ ปกติดีแล้วเหรอครับ"

"หึ ก็นะ" ผมหัวเราะ

"ก็ไม่ได้ประท้วงเพราะเดือดร้อนจริง ๆ สักหน่อย" ผมว่า

"หมายความว่ายังไงครับ"

"บทพอนายจะซื่อ นายก็เอาซะซื่อบื้อเลยนะ" ผมบ่นไปงั้น  เพราะบางทีเขาก็ซื่อจริง ๆ นะครับแต่พอบางเรื่องที่จะรู้ทันฉลาดขึ้นมา  ก็ดันฉลาดไปโต้ง ๆ เสียอย่างนั้น

"เป็นไงล่ะ..?" ผมเปลี่ยนประเด็น  เท้าแขนลงบนโต๊ะพร้อมเท้าคางหันหน้าไปทางคู่สนทนา

"อะไรครับ" สมุทรถามกลับด้วยแววตาไม่เข้าใจ

"พลอยน่ะ เป็นไง" ผมเลิกคิ้ว  อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง

"ผมทราบครับว่าคุณอาจจะโกรธ" สมุทรพูด

"ฉันไม่ได้โกรธ" ผมแทรกทันที  สมุทรเงียบจ้องมองหน้าผม ๆ จ้องตาเขากลับ

"ใช่..ฉันไม่ได้โกรธหรอก" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ  พร้อมหันกลับมานั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

"มันเป็นสิทธิ์ของเธอ สิทธิ์ของนาย" ผมขยายความ 

"ผู้หญิงคนเมื่อเช้า แฟนคุณเหรอครับ" สมุทรถาม  ผมหันไปมองหน้าเขาทันที 

"เปล่า" ผมตอบ

"นั่นสินะครับ ก็คุณมีคุณพลอยอยู่แล้ว ผมยังคิดอยู่เลยว่าคุณเหมาะกับคุณพลอยมากกว่า"
 
"คำก็พลอยสองคำก็พลอย นายเลิกพูดชื่อยัยนี่สักทีเหอะน่า" ผมว่า  รำคาญหู

"อีกอย่าง..เธอชอบนาย ไม่ได้ชอบฉัน"

"คุณพลอยเขาจะมาชอบผมได้ยังไงละครับ" อีกฝ่ายย้อนด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องเหมือนกัน

"เราเป็นแค่คู่นอนกัน.." ทันทีที่ผมตอกกลับจึงทำให้คนฟังนิ่งลงไปได้บ้าง 

"ไม่มีพันธะอะไรมากไปกว่านี้ เราเสน่หากันเรื่องบนเตียง แล้วก็ถือเป็นเพื่อนร่วมโลกที่ดีต่อกัน" ผมบอก  สายตาของเขาเหลงเล็กน้อย  ดูเหมือนกำลังใช้ความคิดคิดไปตามคำพูดของผมอยู่ 

"ผม..ไม่เข้าใจอะไรแบบนั้นหรอกครับ"

"หึ นายจะบอกฉันว่า..ผมรับไม่ได้ครับงั้นเหรอ ?" ผมแสยะยิ้ม  สมุทรยังคงจ้องหน้าผมเขม็ง

"พลอยเป็นคนดีนะ สวย รวย เก่ง เข้าใจนิสัยผู้ชายด้วย เพอร์เฟคสุด ๆ  ถ้านายจะชอบเธอก็ไม่แปลกหรอก สบายใจได้ ฉันไม่ได้ชอบพลอยสักนิด" ผมพูด

“ไม่ใช่สเปกน่ะ” ผมถอนหายใจเอ่ยทิ้งท้าย 

“แต่ที่จริงก็มีส่วนที่สเปกอยู่” ผมแก้คำพลางกลอกสายตาไปทางสมุทร

"คุณบอกว่าคุณไม่โกรธ แต่ดูเหมือนคุณกำลังไม่พอใจนะครับ" สมุทรพูด  ผมหลุดอมยิ้มนิดหน่อย

"ฉันไม่ได้ไม่พอใจที่พลอยจะชอบนาย" ผมพูดตรง ๆ  ให้อีกฝ่ายไปตีความเอาเอง  พอพูดจบก็ตัดบทสนทนาโดยการต่อสายโทรหาพี่ธานทันที 

"ฮัลโหล" ผมทักปลายสาย

"ครับ" พี่ธานขานตอบ

"ผมส่งแผนที่ที่ดินที่ชลบุรีเข้าไลน์เรียบร้อยแล้ว ส่งคนไปดูด้วยนะครับ" ผมบอก

"ได้ครับ"

"เดี๋ยวนี้เลย ติดต่อเอารายละเอียดมาด้วย" ผมสั่ง  อยากจะรู้ว่าเจ้าของจะบอกขายราคากับลูกค้าแต่ละคนตรงกันไหม  เพราะจากที่ผมทราบราคามาจากไอ้คินนั้นราคาไม่สูงเท่าไหร่นัก  ถือว่าสมเหตุสมผลดี

"ครับ" พี่ธานขานตอบเสร็จผมจึงตัดสายลงก่อน

"วันนี้นายต้องเข้าค่ายมวยช่วงบ่ายใช่ไหม" ผมถามเพื่อความแน่ใจ  จำได้เพียงราง ๆ

"ครับ" สมุทรตอบ

"อาทิตย์หน้าต้องเดินทางไปพัทยานะ เตรียมตัวไว้ให้พร้อมแล้วกัน" ผมบอก

"ครับ" สมุทรผงกหัวแต่สายตากลับลังเลเป็นกังวล

"น้องนายอยู่กันได้ใช่ไหม"

"ได้ครับ เดี๋ยวฝากให้คนที่ค่ายคอยไปดู"

"คนที่ชื่อสูงอะไรนั่น ไว้ใจได้แค่ไหน" ผมถาม

"เราโตมาด้วยกันนะครับ พี่สูงเป็นคนดี"

"หึ..คำนิยามของคำว่าคนดีที่นายว่าคืออะไร" ผมกวน

“ไม่ดื่มเหล้า ?” ผมเบ้ปากทาย  สมุทรยังคงนิ่งมองคล้ายกับเลือกที่จะไม่สู้เถียงผมดีกว่า

“เฮ ๆ ๆ  เปอร์เซ็นต์ของคนที่ไม่ดื่มเหล้าแล้วจังไรน่ะ ถ้าเอามาวัดทำโพลละก็ ฉันว่าน่าจะเทียบไปพอ ๆ กับคนที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เลยมั้ง” ผมว่า  แน่นอนว่าผมกำลังกวนเขาอยู่

“คุณไฟครับ” อีกฝ่ายปรามด้วยท่าทางนิ่งขรึม  ผมชอบเวลาที่เขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้  มันแบบว่า..ฟังแล้วกระตุ้นดีเป็นบ้า

“อ๋อ หรือ..ใส่ถุงยางระหว่างมีเซ็กส์ ใช่..อันนี้ฉันก็ถือว่าเป็นข้อดีอะนะ” ผมแสยะยิ้ม

"คุณทำไมชอบกวนผมนัก" สมุทรต่อว่าออกมา 

"หึ" ผมหัวเราะในลำคอ  การถูกต่อว่าด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ก็น่าฟังดี  "คุณทำไมชอบกวนผมนัก" งั้นเหรอครับ  ลูกน้องผมยังไม่กล้าพูดกับผมแบบนี้เลยสักคน  ถึงพูดจริง ๆ  ผมคงตบพวกมันปากแตกไปแล้ว

“สำหรับฉันน่ะ แค่ซื่อสัตย์ก็พอ..” ผมเอ่ย 

“หายากใช่ไหมล่ะ คนซื่อสัตย์น่ะ” ผมพูดปนอมยิ้ม  เหล่ตามองไปทางสมุทรเพื่อกำลังบอกเขาว่าผมไม่ได้พูดเล่นอยู่  เพราะองค์ประกอบของความเป็นคนซื่อสัตย์มันทำยาก  ดังนั้นการที่จะพบคนแบบนี้ได้ยากนั้นก็ไม่แปลก 

“คนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อคนอื่น จะไม่มีทางแม้กระทั่งซื่อสัตย์ได้กับตัวเอง พ่อเคยบอกฉันน่ะ หึ..ฟังแล้วรู้สึกเกือบหมดความเป็นคนเลยใช่ไหมล่ะ นายก็คิดว่ามันเป็นงั้นไหม” ผมยิ้มให้  เป็นการพูดเตือนไปในตัวว่า  ทำงานกับผม  ผมไม่ขอเขาอย่างอื่นเลยนอกจากคำ ๆ นี้

"ไปเถอะ ขับรถไปส่งฉันหน่อย เสร็จแล้วนายก็ขับรถกลับไปบ้านแล้วก็ไปค่ายมวยได้เลย ไม่ต้องรอฉัน" ผมลุกขึ้นสั่ง  หยิบกระเป๋าและเอกสารติดมือมา

"คุณจะไปไหนครับ"

"บ้านไอ้โปรด เดี๋ยวบอกทาง"


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-08-2016 23:09:27

บ้านเพียรสุข
 
"อ่าว ไม่ให้ลูกน้องมึงอยู่รอเหรอ" ไอ้โปรดถามหน้าฉงน  มันเห็นว่าสมุทรขับรถกลับออกไปแล้ว  ซึ่งถ้าเป็นปกติผมอาจจะให้ไอ้เด่นอยู่รอ

"ไม่อะ..ต้องไปซ้อม" ผมส่ายหัว

"ที่ค่ายอะนะ" มันถาม  ผมพยักหน้าพร้อมทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน
 
"ลูกน้องมึงคนใหม่ที่ชื่อสมุทรน่ะนะ"

"อือ" ผมพยักหน้าอีก  ไอ้โปรดทำหน้านึกพลางเบ้ปากออกมานิด ๆ

"ให้สิทธิ์พิเศษแปลก ๆ" อีกฝ่ายพึมพำ

"อย่ามาทำเป็นรู้ดี มันใกล้วันแข่งแล้ว" ผมว่า 

"แล้วนี่ทำไมยังไม่อาบน้ำ" ผมมองมันหัวจรดเท้า 

"กำลังเงี่ยน ๆ เลยนั่งรอมึง จะชวนให้เป็นเพื่อนชักว่าวเสร็จแล้วค่อยอาบทีเดียวเลย" มันตอบหน้าตาย  เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบเหล้าออกมาหนึ่งขวด

"เสียใจด้วยแล้วกัน กูไม่มีอารมณ์" ผมตอบกลับเซ็ง ๆ  ไอ้โปรดหัวเราะน้อย ๆ  นำแก้วเหล้ามายื่นให้ผม

"ร้านมึงที่ทำกับป๋าจงไปถึงไหนละ"

"กำลังก่อสร้าง เอาจริง ๆ กูก็ไม่รู้สึกอยากทำเท่าไหร่แล้วว่ะ รู้สึกเหมือนว่าจะมีปัญหาตามมายังไงบอกไม่ถูก" ผมบ่น 

"เป็นธรรมดา ก็ร้านเหล้านี่หว่า ถึงมึงเปิดที่ปฏิบัติธรรมก็ยังมีปัญหาอยู่ดี ต่างกันตรงที่..มึงแค่ไม่โดนตามฆ่าแค่นั้นเอง" ไอ้โปรดยิ้มว่า

"สัตว์" ผมด่าพลางหัวเราะน้อย ๆ

"ชวนกูมานี่จะไปไหน" ผมถาม

"เดี๋ยวกูต้องบินยาวอีกเป็นอาทิตย์ เลยอยากไปทำให้สมองโล่ง ๆ หน่อย" มันตอบพร้อมนั่งลงข้าง ๆ

"เอาแบบ โล่งขนาดที่..ให้หมดน้ำไปเลย" ผมได้แต่นั่งฟังมันพร่ำเรื่องไม่เป็นเรื่อง

"ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนน้องชายกูจะออกได้ประมาณยี่สิบน้ำอะนะ" ไอ้โปรดทำหน้าซีเรียส  มันมักทำหน้าแบบนี้ในเรื่องที่ไม่ควรเสมอล่ะ  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ

"แล้ว..มึงเป็นไงวะ กับคุณตุล" ไอ้โปรดอมยิ้มเจ้าเล่ห์

"ก็ไม่มีอะไร ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน กูไม่ได้ให้เบอร์ไว้ด้วยแหละ"
 
"กูก็อยากได้คุณตุลบ้างเหมือนกันน้า แต่ดันเสือกไม่ใช่สเปกเขา" มันทำหน้าเซ็ง  ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอึกหนึ่งก่อนเทตัวลงทำท่าจะนอนไปบนโซฟา

"มีน้ำผลไม้ไหม กูไม่มีอารมณ์แดกเหล้าเลย" ผมพูดจากใจจริง  รู้สึกอารมณ์มันเนือย ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก

"เหี้ยนี่เรื่องมากอีก" เจ้าของบ้านบ่นอย่างหัวเสีย  แต่ก็ยอมลุกกลับไปที่เคาน์เตอร์ให้  ไอ้โปรดกลับมาอีกครั้งพร้อมกับขวดน้ำส้มยี่ห้อดังจากต่างประเทศ

"ห่า..น้ำส้มสำเร็จรูป กูแดกน้ำเปล่าดีกว่างี้" ผมบ่นอย่างหงุดหงิดแต่ก็รับขวดมาเปิดออกอย่างช่วยไม่ได้  บ่นไปงั้น  ใจจริงก็อยากกินอะไรหวาน ๆ อยู่  ผมว่าน้ำส้มสำเร็จรูปรสชาติมันคล้าย ๆ ยาน้ำสมัยเป็นเด็ก  ห่วยแตกสุด ๆ

"คืนนี้กูนอนนี่แล้วกันนะ" ผมบอกมันไว้ก่อน

"อื้อ" ไอ้โปรดพยักหน้าส่ง ๆ ไปที  มันหยิบโทรศัพท์มาตั้งหน้าตั้งตากด  ผมเงียบมองโทรทัศน์ตรงหน้า  เปลี่ยนช่องวนกลับไปมาไร้จุดหมาย  ไอ้โปรดดื่มต่ออยู่แก้วสองแก้วก็ขอตัวไปอาบน้ำ  ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปพลาง ๆ  อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง  พลอยส่งข้อความมาหาเป็นระยะเพราะเธอเห็นว่าผมอ่านข้อความจากเธอแล้วแต่ผมดันไม่ตอบกลับ  เธอเลยส่งมาไม่ยั้งเหมือนจะต้อนให้ผมตอบเธอให้ได้  พอไอ้โปรดอาบน้ำเสร็จเราจึงออกเดินทางไปหาไอ้คินที่โรงแรม  ผมกับไอ้โปรดไม่ได้นัดไอ้คินไว้ก่อนล่วงหน้า  มันเลยไม่ได้รีบเคลียร์งานเพื่อมาพบเราสองคน  ผมเลยตัดสินใจไปนั่งกินอาหารเย็นฆ่าเวลาที่ห้องอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมนั่นละ  กะว่าไอ้คินเสร็จงานก็จะได้ออกไปพร้อม ๆ กันเลยเพราะผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว

"คุณไฟครับ" น้ำเสียงที่ทำให้มือที่กำลังจะคีบปลาดิบเข้าปากถึงกับชะงัก  เมื่อหันไปก็พบว่าตุลยืนอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ

"อ่าว สวัสดีครับ" ผมวางปลาดิบและตะเกียบกลับลงบนจานอย่างเดิม 

"สวัสดีครับคุณโปรด" ตุลผงกหัวทักทายอย่างกันเอง

"สวัสดีครับ" ไอ้โปรดผงกหัวยิ้ม ๆ

"มากินอาหารเย็นเหรอครับ" ผมเป็นฝ่ายตั้งคำถามก่อนพร้อมลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ตัวของตุลเพื่อสำรวจสถานการณ์

"ก็ไม่เชิงหรอกครับ พอดีมาคุยงานกับลูกค้าที่นี่แล้วก็เลยชวนกันมากินอาหารก่อนกลับน่ะครับ" ตุลยิ้มตอบ  ผมเพียงแต่ยิ้มมอง  เขาเหสายตาลงนิด ๆ เหมือนทำท่าทางไม่ถูกขึ้นมาดื้อ ๆ

"เดี๋ยวคืนนี้พวกเราจะไปต่อกัน ไปด้วยกันไหมครับ" ไอ้โปรดชวน  ผมมองขวางไปทางเพื่อนรักแต่มันกลับไม่ยอมสบตาผมซะงั้น

"ที่ไหนเหรอครับ" ตุลถามด้วยแววตาสนใจ

"ยังไม่ทราบเลยครับ รอไอ้คินอยู่น่ะ" ผมตอบปัด

"เหรอครับ" ตุลพยักหน้านิด ๆ  เขาสบตาผมเล็กน้อยและเอาแต่ยิ้มให้

"จะไปด้วยกันก็ได้นะครับ" ผมเอ่ยชวนเพราะดูท่าทีเหมือนอีกฝ่ายกำลังรออยู่อย่างนั้น

"ถ้าคุณไฟไม่ว่าอะไรละก็" ตุลพูด

"หึ..ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ว่าเดี๋ยวผมให้ไอ้คินนัดสถานที่อีกทีนะครับ เราสองคนมีธุระที่ต้องไปทำก่อนน่ะ" ผมพูด

"ได้ครับ" อีกฝ่ายเข้าใจโดยง่าย

"งั้น..เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกัน" ตุลพูด  ผมอมยิ้มให้  เขาผงกหัวลาอีกครั้งก่อนกลับไปที่โต๊ะของตน  ผมมองตาม  ก่อนจะนั่งลงที่เดิมเลยเอื้อมมือตบหัวไอ้โปรดไปทีนึง

"มึงจะไปไหนของมึง" ไอ้โปรดกินไปขำไป 

"เออน่า..รีบแดกให้เสร็จ จะได้รีบไป" ผมตัดบทส่ง ๆ 

“แต่กูยังไม่อิ่มสักหน่อย” มันโวยวาย

“ก็เพราะปากมึงไง” ผมว่า

“ฮ่า ๆ ๆ” ไอ้โปรดหัวเราะลั่น  ผมถอนหายใจแรง  กวาดปลาดิบตรงหน้าเข้าปากทีเดียวด้วยความเร่งรีบ

"หึ..สัตว์ มึงนี่ตั้งใจเว้นระยะห่างโจ่งแจ้งฉิบหาย ถึงมึงไม่ทำอย่างนี้..เขาก็รู้ตัวอยู่แล้ว" ไอ้โปรดสะบัดหัวหน่าย ๆ

"ทำเพื่อย้ำให้อีกฝ่ายแน่ใจ" ผมพูดเรียบ ๆ

"คืนนี้มึงก็ไม่ต้องหาคู่แล้วงี้ เหลือแต่กูงี้" อีกฝ่ายเริ่มบ่นพร้อมทำเสียงทิ้งท้ายแปลก ๆ  ผมหัวเราะ  ขำหน้าของมัน  เราค่อนข้างรีบกินพอสมควร  อาหารมาเสิร์ฟเพิ่มอีกสามอย่าง  ผมกับไอ้โปรดจัดการกินด้วยความรวดเร็วหลังจากนั้นไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
 
"ไปไหน" ไอ้โปรดถามหลังจากที่ออกมาจากร้าน

"ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว ไปดูที่ป๋าจงหน่อยแล้วกัน" ผมตอบพร้อมกับโยนกุญแจรถให้มันเพราะขามาผมเป็นคนขับ  ไอ้โปรดรับกุญแจรถไปง่าย ๆ  ผมอยากไปดูความคืบหน้าว่าไปถึงไหนแล้ว  อันที่จริงตั้งใจว่าจะดูงานพรุ่งนี้โดยให้สมุทรไปด้วยกัน  แต่ถึงไปวันนี้ก็ดีเพราะไม่ต้องเสียเวลาสำหรับพรุ่งนี้ด้วย   

"แถวทรัพย์โชคนะ ?" มันถาม

"เออ" ผมตอบ  ไอ้โปรดกดเปิดเพลงทันทีที่ขึ้นรถ  มันเป็นคนขับรถค่อนข้างเร็วและใจร้อนมากคนหนึ่ง  นั่งรถกับมันต้องทำใจในบางครั้ง  ถ้ามันอารมณ์ดีมันก็จะขับเหมือนปุถุชนปกติ  ถ้ามันอารมณ์ไม่ดีมันก็จะเหวี่ยงตลอดทาง  ลูกน้องผมเคยนั่งไปกับมัน  เข็ดอ้วกแตกอ้วกแตนกันเกือบทุกคนยกเว้นพี่ธาน 

"มึงว่ามีเปอร์เซ็นต์มากน้อยแค่ไหน กับการที่ผู้ชายจะยอมผู้ชายวะ" ผมถามขึ้นระหว่างทางทำเอาไอ้โปรดหลุดหัวเราะนิด ๆ เหมือนเป็นประเด็นตลก

"กูหมายถึง..ผู้ชายแท้ ๆ  ที่ไหนจะชอบใจที่ถูกผู้ชายจีบ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ต้องถูกเกลียดแน่นอนอยู่แล้วนี่หว่า" ผมวิเคราะห์

“ผู้ชายแท้ ๆ จะรักผู้ชายได้..นอกจากอยู่ที่ใจแล้ว อีกฝ่ายแม่งต้องคนดีมาก ๆ เลยที่ยอมรับเรื่องนี้ได้” ไอ้โปรดพูดปนหัวเราะ

“ขนาดนั้นเลย ?” ผมเบ้ปาก

“ขนาดนั้น” ไอ้โปรดพยักหน้า  เบะปากตอบเช่นกัน

"นึกไงถามแบบนี้ ปกติกูไม่เห็นมึงสนใจด้วยซ้ำ" มันว่า

"เปล่า" ผมปัดไปที  เท้าข้อศอกลงที่ขอบประตูหน้าต่าง  คู่สนทนาเงียบไปสักพักหนึ่ง  ผมเองก็เงียบด้วยเพราะกำลังคิดเรื่องเรื่อยเปื่อย

"แล้วแต่โชคชะตามั้ง" ไอ้โปรดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงส่ง ๆ ไปทีอย่างต้องการขยายความให้กับประเด็นเดิม 

"เพราะผู้ชายแท้ ๆ ที่คิดอยากลากขึ้นเตียงเฉย ๆ  กับคนที่อยากได้มาเป็นของตัวเองคนเดียว มันไม่เหมือนกัน" มันว่า  ผมเหล่ตาไปมองและแสยะยิ้มตั้งใจฟัง  นาน ๆ ทีมันจะพูดมีสาระกับเขาบ้าง  อีกฝ่ายอมยิ้มพร้อมยักไหล่น้อย ๆ เหมือนกับกำลังบอกผมว่า "กูพูดเรื่องจริงอยู่นะ"

"แต่ก่อนกูให้มึงจีบผู้ชายแท้ ๆ  ก็ไม่เห็นว่ามึงจะสนใจใครหน้าไหนเลยนี่ว่าจีบไปแล้วจะเกลียดมึงรึเปล่า" มันว่า  ผมเงียบ
 
"ชอบใครอยู่ ?" ไอ้ปากดีถามซะตรง  ผมแสยะยิ้มมุมปาก  เลือกที่จะไม่ตอบโดยการเบือนหน้ามาทางหน้าต่างแทน 

"เกลียดรอยยิ้มมึงฉิบหาย หึ..ไง เห็นไอ้คินเล่าเปรย ๆ ว่ามีคนทำให้มึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ต่อหน้ามันได้ด้วย"

"นั่นสิ" ผมบ่นพึมพำถึง

"อีกฝ่ายดูท่าจะบื้อไม่เบา" ผมว่า

"ฮ่า ๆ ๆ"

"ก็ยังดีที่มึงได้ชอบใครเป็นสักคน กูนึกว่ามึงจะตายด้านจนไม่ชอบใครแล้วซะอีก" ไอ้โปรดพูดแกมบ่น

"ที่จริง กูก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แค่เอ่อ..ถูกใจน่ะ" ผมบอกไว้ก่อน

"กูเข้าใจ" ไอ้โปรดตอบรับแค่นั้น  โดยตัดบทจบแบบที่ทำให้ผมถึงกับอมยิ้ม  ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายดูเหมือนจะเข้าใจอย่างที่ผมพูดเป็นอย่างดี  การขับรถต่อเป็นไปอย่างเงียบ ๆ  จนถึงที่ก่อสร้างผับ  ผมกับไอ้โปรดลงจากรถ  แยกย้ายกันเดินดูความเรียบร้อยของงาน  เกือบตกเย็นเต็มแก่แล้วแต่คนงานก่อสร้างก็ยังทำงานไม่หยุดมือ  ผมเปิดโทรศัพท์มือถือดูแบบร้านที่สถาปนิกเคยส่งโครงสร้างมาให้  เดินดูแบบพร้อมมองภาพจริงไปคร่าว ๆ  อีกทั้งถ่ายรูปไว้ด้วยเผื่อจะนำส่งให้กับป๋าจง 

“แบบสวยดีนี่หว่า” ไอ้โปรดก้มมองมาที่หน้าจอโทรศัพท์ของผม  ผมเงยหน้ากวาดตามองรอบ ๆ อีกครั้ง  แขนขยับขึ้นเท้าเอวยืนมองด้วยท่าประจำที่บางครั้งทำจนเคยชิน

“มึงชอบเท้าเอวเวลาตรวจงาน ไอ้เหี้ย..เหมือนหาเรื่อง เมื่อกี้ป้าก่อสร้างแอบนินทามึงกันว่า นายไม่พอใจงานแหงเลย” ไอ้โปรดเล่าด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบทำให้ผมหลุดหัวเราะ

"ด้านโน้นลานจอดรถเหรอวะ" มันชี้มือไปอีกฝั่งหนึ่งของเขตก่อสร้าง

"เออ..จอดได้เกือบห้าสิบคัน" ผมตอบ 

"เจ๋งว่ะ กูเกลียดฉิบหาย ร้านดัง ๆ แต่ไม่มีที่จอดรถ ให้ลูกค้าลำบากไปอีก" ไอ้โปรดเท้าเอวบ่น

“มึงเท้าเอวอยู่” ผมเหล่มอง

“อะ ไอ้เหี้ย” มันสวนด่ากลับยิ้ม ๆ  อยู่ ๆ เสียงรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์คันแปลกตาก็ขับเข้ามาในบริเวณเขตก่อสร้าง

"โปรด" ผมเรียกโดยทำเป็นไม่หันไปมองฝั่งนั้นอีก  หางตามองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง  ด้วยสัญชาตญาณทำให้รู้ได้ในทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องอีกไม่กี่นาทีนี้เป็นแน่  ไอ้โปรดยืนจ้องหน้าผมนิ่งเขม็งเช่นกัน  ประสาทสัมผัสมันฉลาดดี

"ท้ายรถมึงมีเสื้อสำรองไว้เปลี่ยนรึเปล่าวะ"

"ก็พอมีอะนะ แต่..ถ้าเหงื่อออกไม่เยอะ กูก็จะขอบคุณมึงมาก" อีกฝ่ายตอบเหมือนรู้ชะตากรรมเช่นกัน



ปัง!!!!   ..ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งถนน  ด้วยความรวดเร็วจึงคว้าหัวไอ้โปรดมาหลบในทันใด 

"ช่วยวิ่งสุดชีวิตกลับไปที่รถที" ผมสั่งเสียงเรียบ

"งานถนัด..ก็กูรู้จักคำนี้ตั้งแต่รู้จักกับมึง" ไอ้โปรดเบะปากหน้าทะเล้น

“ไป!” ผมตะโกนไล่พร้อมผลักตัวไอ้โปรดให้ออกห่าง  คนงานพากันแตกตื่น  เมื่อเหลือบมองไปที่เป้าหมาย  ผู้ชายสองคนร่างสันทัด  หนึ่งคนคร่อมอยู่บนรถ  อีกคนทำท่าจะลงจากรถมา  ผมหันกลับไปมองที่ไอ้โปรดอีกครั้งว่ามันใกล้ถึงแล้วหรือยัง 

เนื่องจากรถของเราจอดห่างจากตรงที่เรายืนอยู่พอสมควร  มือปืนลงมาจากมอเตอร์ไซค์แล้ว  มันจงใจเดินมาที่ผมเพียงคนเดียวอย่างอุกอาจ  ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปในเขตก่อสร้างเพื่อหาที่กำบังเพื่อจะหาทางลัดกลับไปที่รถ  ตอนนี้ผมไม่มีอาวุธใด ๆ และไม่มีแม้แต่อะไรที่จะป้องกันตัวได้  ดูท่าแล้วอีกฝ่ายต้องการมาเล่นงานผมแน่  เมื่อวิ่งเข้าไปหลบในตึก  เสียงคนงานร้องกันดังระงมชัดเจนกว่าเดิมทำให้แทบไม่ได้ยินเสียงจากอีกฝั่งเลย  เสียงปืนที่ยิงไล่ตามหลังอีกนัดนั้นเงียบไปแล้ว  ผมได้ยินเพียงเสียงรถยนต์ของไอ้โปรดที่ขับออกไปค่อนข้างเร็ว  สายตาหันไปเห็นว่ามีทางออกไปทางด้านหลังของเขตก่อสร้าง  ผมจึงรีบวิ่งออกไปทันที  เสียงล้อรถเสียดสีไปตามถนนดังก้อง  เสียงเศษกรวดกระทบกับสังกะสี  เมื่อโผล่ตัวออกมาจากป่าหญ้าอีกทีก็พบรถของไอ้โปรดจอดอยู่ไม่ไกลนัก 

"หลบไป" ผมวิ่งไปเปิดประตูฝั่งคนขับ  ไอ้โปรดกระโดดไปนั่งฝั่งข้าง ๆ คนขับจนแทบเสียท่า

"มึงจะทำเหี้ยอะไร" ไอ้โปรดถามด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก  ผมคาดเข็มขัด  เร่งคันเร่งพุ่งหน้ารถเข้าป่าหญ้าก่อนหันท้ายรถกลับไปที่เป้าหมายในทันที 

"หมอบลงไป ..มาเสี่ยงดวงกันหน่อย" ผมบอกพร้อมใส่เกียร์ถอยหลังเตรียมพร้อม

"กูจะแดกมัน" ผมแสยะยิ้ม  เหล่มองไปที่เจ้าของรถที่ลงไปนั่งด้านล่างแล้ว

"ประกันไม่น่าจะรับเรื่องนี้" สิ้นเสียงที่ไอ้โปรดพูดเสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นแทรก  ก่อนที่มันจะโวยวายเสียงหลงว่า “รถกูเพิ่งซื้อมา!” ซะดังลั่น  เสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัด  พวกมันกะเล็งมาที่รถอย่างจงใจ  ผมถอยท้ายรถกลับไปอย่างรวดเร็วและไม่มีลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น  มือปืนยังคงยืนนิ่งอยู่กลางถนนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  มืออาชีพแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัย 

“เอาเลย” ผมกัดฟันยิ้ม ๆ ด้วยรู้สึกสะใจขึ้นมา  ความเร็วของรถทำให้ยิ่งขับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ  เสียงความเร็วปะทะกับเสียงลูกปืนที่กระทบกับรถ  วัดใจกันไปว่ามันหรือผมที่จะยอมก่อน  และถ้ามันหวังว่าผมจะยอมให้ละก็  มันคิดผิด 

"ปอดแหกเอ๊ย!" ผมสบถ  มือปืนวิ่งกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์  อีกนิดเดียวผมก็จะถึงมันอยู่รอมร่ออยู่แล้ว

"ไอ้โปรด มึงมีปืนไหมวะ" ผมถามไปอย่างนั้นทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มี 

"ปืนนะไม่ใช่เซ็กส์ทอย กูจะพกไว้ยัดตูดรึไงล่ะ" มันว่า  ขยับตัวกลับมานั่งดี ๆ  ผมได้แต่จิปากสบถเซ็ง ๆ วนรถกลับมาจอดตั้งท่ารอ

“อย่าตามมันไปนะไฟ กูใจไม่ดีไอ้เวรเอ๊ย” ไอ้โปรดสบถหน้าเสีย  ผมหัวเราะและเลือกที่จะขับต่อไปอีกทางซึ่งเป็นคนละเส้นทางกับที่มือปืนขับหนีไป

"อยู่กับมึงอยู่นี่ดีฉิบ พอเบื่อ ๆ รู้สึกห่อเหี่ยวเจียนตายทีไร ก็มีเรื่องมาให้กูรู้สึกว่ากูยังมีลมหายใจได้ทุกที" มันบ่น

"ชีวิตต้องสู้สินะ" ไอ้โปรดพึมพำตาค้างไม่เลิก  ทั้ง ๆ ที่มันควรจะชินได้แล้ว

"หึ ๆ" ผมได้แต่หัวเราะ  มือกดโทรศัพท์ต่อสายหาพี่ธาน

"ครับ คุณไฟ"

"ตามรถให้ผมหน่อย บิ๊กไบท์..ทะเบียน BB 4471 สีดำ น่าจะทำสีมา" ผมพูด  พี่ธานขานรับทราบเป็นระยะ

"ถามพี่ศรก็ได้ มีคนมาดักยิงผมเมื่อกี้ ที่เขตก่อสร้างร้านป๋าจง" ผมบอก

"แล้วคุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ" ปลายสายถามด้วยความตกใจ

"ยังสบายดี" ผมตอบ

"คิดว่าเป็นใครครับ" พี่ธานถาม  ซึ่งถ้าเป็นคนปกติทั่วไปคงถามว่า "แจ้งความรึยัง ?" น่ะนะ

"ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนของไอ้กริด เดาอะนะ ไม่ได้ปักใจเชื่อซะหมดหรอก" ผมตอบ

"แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น" พี่ธานพูดเชิงถาม

"ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็มีคนคิดไม่ดีกับผมทุกวันอยู่แล้ว" ผมยิ้มนิด ๆ

"อีกอย่าง..ผมว่าก็ดีนะ ไอ้โปรดดูเหมือนจะไม่ได้วิ่งเร็วขนาดนี้มานานพอควรแล้ว เอาซะหางจุกตูดเลย" ผมพูดติดตลก 

"คุณนี่ก็" พี่ธานถอนหายใจ  ติดหัวเราะทิ้งท้ายนิดหน่อย  ไอ้โปรดด่าแทรกเข้ามาเบา ๆ 
 
"ไปจัดการให้ด้วยแล้วกัน" ผมพูด 

"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบให้ไอ้เข้มไปจัดการ" พี่ธานรับปาก 

"คืนนี้ผมไม่กลับนะ ฝากบ้านด้วย" ผมบอก

"คุณจะไปไหนครับ แล้วนี่พกอะไรไปด้วยรึเปล่า ผมว่าผมไปหาคุณดีกว่านะครับ" พี่ธานพูด

"เปล่า..อยู่กับไอ้โปรดนี่แหละ ว่าจะนอนโรงแรมไอ้คิน มีอะไรโทรมาแล้วกันนะครับ" ผมตัดบท

"ครับ ระวังตัวด้วยนะครับ"

"ครับ” ผมตอบพร้อมกดวางสาย

"น้องชายมึงใช้งานได้กับทุกคนสภาพรึเปล่าวะไอ้โปรด" ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังปนสงสัย

"ถ้ากูจะแข็งตลอดเวลาขนาดนั้น วัน ๆ กูไม่ต้องทำมาหากินละฉิบหาย ขายตัวได้อย่างเดียว" มันสบถ

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะลั่น

"กูก็ว่า..อุตส่าห์ตั้งใจอยากจะให้มึงเอาไอ้นั่นของมึง ยัดตูดมือปืนแทนกูสักหน่อย" ผมพูดบ่นไปที  แต่ก็แอบคิดจริงอยู่เหมือนกัน  พอดีพอเห็นว่าเป็นมือปืนแล้วมักไม่มีอารมณ์

"มึงนี่โรคจิตว่ะ" ไอ้โปรดบ่นด้วยน้ำเสียงรับไม่ได้  ผมขำ  คนแบบมันมีสิทธิ์มาว่าผมด้วยงั้นเหรอครับ

"ไอ้กริดอีกแล้วเหรอวะ" ไอ้โปรดถาม

"อือ แต่ก็ไม่แน่ใจนะ พอดีเมื่อเช้ากูดันไปสะกิดใจมันเข้านิดหน่อย"

"แล้วมึงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่" ไอ้โปรดเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง  ผมได้แต่เงียบ

"ถึงกูตายตอนนี้ ความจริงกูก็ไม่มีห่วงอะไรน่ะนะ" ผมพูดคนละเรื่อง

"กูเบื่อว่ะ มึงชอบพูดเรื่องตายจนเป็นธรรมชาติ" ไอ้โปรดหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะรับฟัง  ผมอมยิ้ม  นำมือไปลูบหัวปลอบมันน้อย ๆ

"ที่ผ่านมากูเจอเรื่องบัดซบมากกว่านี้ กูก็ยังมีชีวิตมานั่งแลกลิ้นกับมึงได้ตั้งหลายครั้ง บางทีกูก็คิดนะว่า..ดวงกูนี่มันแข็งสุด ๆ ไปเลย" ผมพูดติดตลก  แต่ความหมายลึก ๆ แล้วไอ้โปรดก็คงรู้ดีว่าผมพูดเรื่องจริง

"สบายใจเถอะ งานศพมึง..กูจัดให้สมเกียรติแน่นอน ข้าวต้มน่ะมันเชยไปแล้ว อย่างมึงนี่กูจัดเป็ดปักกิ่งมาทั้งฟาร์มเลย" ไอ้โปรดอมยิ้มกวน ๆ

"ถ้าเป็นงั้นจริง.. กูฝากมึงรักพายุกับไอ้ดินแทนส่วนของกูด้วยแล้วกัน ไม่ต้องห่วงหรอก ในพินัยกรรมก็มีของขวัญลาตายจากกูให้มึงด้วย" ผมตอบรับยิ้ม ๆ

"ไฟ!" ไอ้โปรดกระแทกเสียงหน้าเสีย  ผมหลุดหัวเราะ  บางครั้งก็ใจหาย  บางครั้งก็รู้สึกเฉย ๆ  ก็ชีวิตผมอยู่กับความตายทุก ๆ วันอยู่แล้ว  จะให้มาคาดหวังว่าตัวเองจะมีชีวิตยืนยาว  มันไม่ใช่เหตุปัจจัยที่จะคิดแบบนั้นได้..




..........(ไฟ).........
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-08-2016 23:10:37
 :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 06-08-2016 00:53:55
ไฟนี่กวนดีจริงๆ :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2016 01:53:09
อยากอ่านพาร์ทสมุทรบ้างอะ ว่าคิดอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-08-2016 05:57:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 06-08-2016 07:13:05
กวนจริงๆพ่อพระเอก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 06-08-2016 08:35:01
ไฟมีความหวั่นไหว
ต้องออกตัวละนะ เดี๋ยวโดนแย่งไม่รู้ตัว 55555
 :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 06-08-2016 10:10:23
รู้ว่าชีวิตพี่ไฟเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาตลอด

แต่ก็อยากให้พี่ไฟมีความสุขกับสมุทรก่อนอยู่ด้วยกันไปนานๆ  :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณเบบี้ค่ะ





หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 06-08-2016 10:11:41
แรงสมชื่อจริงๆนะไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 06-08-2016 15:16:35
รอติดตามม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 06-08-2016 15:27:34
มีชีวิตที่พร้อมจะตาย  ถ้ามองในแง่สัจจธรรม ก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ในชีวิตจริง คงตื่นเต้นน่าดู
มาลุนกันดีกว่า ว่าไอ้มือปืน จะถูกดุ้นของใครยัดใส่  :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ หนูบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 06-08-2016 15:39:55
ช่วงนี้คุณไฟพูดเรื่องความตาย บ่อยไปนะ ฮืออออออ จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าหนออออ อยากอ่านพาร์ทสมุทรอีกเสียงค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 06-08-2016 16:39:48
ชีวิตไฟนี่เสี่ยงมากกกก
สมุทรมาทำให้ไฟอยากอยู่ต่อยาวๆหน่อยเหอะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 06-08-2016 17:13:52
ชีวิตไฟนี่มันตื่นเต้นตลอดเวลา แต่เป็นคนที่มีไหวพริบทันคนดีจัง
ชอบไฟจัง  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-08-2016 18:16:20
ชีวิตของไฟนี่ร้อนแรงอย่างชื่จริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 06-08-2016 19:28:41
สนุกมาก
ไฟบ้าดีเดือดกวนทีนสุด
รอวันที่เค้าได้กัน
ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 06-08-2016 19:59:02
 :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-08-2016 22:02:26
5555 เป็นไฟก็ลำบากไปนะ
จะบอกชอบชัดๆ ก็ยาก จะอยู่ใช้ชีวิตยาวๆก็ลำบาก
กวนก็ที่หนึ่ง ยั่วโมโหก็เก่ง แล้วสมุทรจะรักยังไงล่ะนั่น

โปรดไม่ชินมั้ง มากระหน่ำขนาดนี้ให้ชินยากนะไฟ

อยากรู้ ถ้าสมุทรรู้ว่าไฟโดนบุก สมุทรจะทำไง

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 07-08-2016 15:01:52
บางทีเราก็มองว่าไฟใช้ชีวิตประมาทไปถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกริด
ไม่ใช่ขาดความรอบคอบนะ แต่มันรู้สึกว่าไฟหละหลวมในความปลอดภัย
อารมณ์เหมือนรู้ว่ามีงูอยู่ในบ้าน รู้นะ คอยระวังด้วย แต่ไม่คิดกำจัด
ไฟทำตัวเหมือนเป็นคนมีหลักการนะ แต่เรามองไม่เห็นหลักการในการเฝ้าระวังความปลอดภัยของชีวิตเลย
รู้ว่าพระเอกยังไงก็คงไม่ตาย มีน้อย%มากที่จะมาตาย แต่มันขัดใจกับความประมาทจริงๆ ทั้งๆ ที่แจ้งตำรวจ
หรือลงบันทึกประจำวันก็ได้ ไม่ทำโอเคมันไม่เท่ ไม่คูล ก็แล้วทำไมไม่โต้กลับทั้งๆ ที่ตอนมีเรื่องที่ค่ายมวยสมุทรโดนเผา
แหมโชว์เก่งซะเหลือเกิน แต่พอมาเป็นเรื่องของชีวิตตัวเองและความปลอดภัยของคนรอบข้างกลับเพิกเฉย
เพื่อนไฟอาจจะทำใจรับได้นะ แต่ถ้าเป็นเราถ้าเพื่อนเห็นความเป็นห่วงของเราเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยใส่ใจ ยิงมุกตลกกลบเกลื่อน
อ้างความตายว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ หลายๆ อย่างที่ไฟแสดงออกมามันเหมือนหักหาญน้ำใจความห่วงใยของเพื่อนมาก

ขอโทษทียาวไปหน่อยมันอัดอั้นมานาน สุดท้ายนี้ขอบคุณที่มาต่อจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 07-08-2016 18:08:49
เฮียพูดลาจนนึกว่าจะไปบวชได้เลย ปลงกับชีวิตได้มากเลย  แล้วสมุทรจะคู่กับใครล่ะคะ คงต้องได้ตามคุณไฟไปแน่ๆ. แต่ตอนนี้เริ่มแย้มแล้วว่าชอบสมุทรจนคิดมากว่าเค้าจะรังเกียจ. ไฟแบบนี้น่ารักค่ะ ชอบ ชอบที่เห็นมุมที่ไม่มั่นใจของไฟบ้าง  :L2:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 07-08-2016 20:01:47
ชอบไฟจัง :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-08-2016 14:51:40
เกิดเรื่องตื่นเต้น กับคุณไฟเมื่อไร



ทำไม ชอบเกิดตอนสมุทรไม่อยู่ด้วยทุกที



แบบนี้เมื่อไรสมุทรจะได้โชว์แมน โชว์มวยแบบโหดๆล่ะ



คุณไฟ จะไปปลดปล่อยอีกแล้วนะ สมุทรล่ะ เคยได้ปลดปล่อยที่ใหนบ้างใหมเนี่ย



ทำแต่งานหาเงินงกๆไม่มีเวลาสบายเลย



คุณไฟรีบไปติดแอร์ให้ที่บ้านสมุทรน่ะดีแล้ว น้องเมฆกับยายจะได้อยู่เย็นๆบ้าง



สมุทร มองออกใช่ใหมว่าคุณไฟเขาหวงนายไม่ใช่หวงแพร ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 09-08-2016 00:57:32
หลงรักไฟเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 10-08-2016 11:20:01
ชอบไฟ ตอนนี้จัง เป็นได้หลายอารมณ์ กับย่ายังไม่ยอมเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 10-08-2016 12:06:41
ไฟนี่ปากร้ายยกับทุกคนยกเว้นพี่ธาน555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-08-2016 13:15:58
 :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-08-2016 13:17:40

ตอนที่ 22 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.720
ตอนที่ 23 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.750
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _



ตอนที่ 24
..ไฟ..




07:15 น. : RATIO HOTEL

เมื่อคืนนี้พี่ธานส่งข้อความรายงานมาว่าไอ้รุ่งและนักมวยที่ค่ายของเราคนอื่น ๆ ชนะการแข่งขัน  รูปการจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ค่ายก็ถูกส่งแนบมาให้ดูด้วย  ความคืบหน้าของคนที่มาปองร้ายผมเมื่อวานยังคงเป็นปริศนา  ที่ร้านทำสีรถบิ๊กไบท์ที่เป็นพักพวกของคนในวงการบอกว่าลักษณะรถและเลขทะเบียนที่ให้มานั้นไม่ตรงกันกับที่เคยทำรถให้กับลูกค้า  ตอนนี้ยังคงมืดแปดด้าน  ถามว่าตามตรงแล้วผมอยากรู้ไหมว่าใครเป็นคนจ้างวานมา  พูดตามตรงคือไม่ได้อยากรู้

ระหว่างที่อยู่ที่ผับกับไอ้โปรดและไอ้คินเมื่อคืนนี้  ตุลเดินทางมาที่ผับพร้อมกับเพื่อน ๆ ของเขา  โดยไอ้คินเป็นคนโทรบอกเรื่องสถานที่ให้อีกฝ่าย  เราแยกย้ายกันคนละทางในตอนประมาณตีหนึ่ง  ไอ้คินไปกับผู้หญิงของมัน  ไอ้โปรดไปกับเพื่อนของตุล  ผมเดินทางกลับมาที่โรงแรมของไอ้คินพร้อมกับตุลโดยรถของเขา 

"เออ อย่าสายล่ะ" ผมสั่งไอ้เด่นก่อนตัดสายลง  ไอ้เด่นจะมารับผมที่โรงแรมพร้อมกับสมุทร  ความจริงแล้วผมตั้งใจให้สมุทรมาเห็น  ไม่ใช่เพื่อคาดหวังให้อีกฝ่ายหึง  แต่เพราะต้องการให้เขารู้ไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าไม่ว่าที่ผ่านมาหรือตอนนี้ “ผมมีรสนิยมแบบนี้”  ซึ่งอาจจะเป็นคำตอบที่เขาเคยสงสัยในตัวผมอยู่บ้างก็ได้  ลูกน้องคนสนิทของผมทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว  พวกมันแค่ไม่ปริปากเท่านั้น  ดังนั้นเพื่อให้คำตอบที่กระจ่างแก่อีกฝ่าย  คิดว่าให้เขาเห็นกับตาไปเลยน่าจะเป็นคำตอบที่ดีแบบไม่กระอักกระอ่วนกันทั้งสองฝ่าย   

"อาหารมาแล้วนะครับ" ตุลบอก  พนักงานนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงห้อง  อีกฝ่ายเก้ ๆ กัง ๆ  หลบสายตาผมในทันที  ผมและตุลคงเป็นอะไรที่พนักงานคาดเดาได้ด้วยสายตา  คู่ของผมใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำ  ส่วนผมนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้น  วันนี้เช้าผมต้องเข้าตลาดเพราะเมื่อช่วงค่ำวานนี้พี่สาวได้โทรมาบอกว่าได้นัดพนักงานรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว  โดยทุกคนจะมาสัมภาษณ์งานในช่วงสายของวันนี้

ผมลุกขึ้นหยิบแบงก์ห้าร้อยออกมาหนึ่งใบแล้วนำไปเสียบใส่ในกระเป๋าเสื้อของพนักงาน  อีกฝ่ายผงกหัวด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมจนทำให้ผมแทบหลุดยิ้ม 

“ขอบคุณ” ผมบอกพร้อมตบเข้าที่กระเป๋าเสื้อเบา ๆ สองสามที  พนักงานก้มหน้าก้มตาออกจากห้องไปแล้ว  ตุลรีบจัดแจงโต๊ะให้  ผมจึงกลับไปนั่งที่เดิม  ตุลเลื่อนรถวางอาหารมาใกล้กับโต๊ะกินอาหารที่ผมนั่งอยู่  ทั้งผมและตุลยังไม่มีใครอาบน้ำแปรงฟันแต่อย่างใด  เพียงแค่ล้างหน้าล้างตาอย่างลวก ๆ เท่านั้น

"เช้านี้ผมก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน ต้องรีบเข้าบริษัท..มีประชุม" ตุลพูดขึ้น  มือรินกาแฟร้อนใส่ในแก้วของผมด้วย  ผมไม่ตอบใด ๆ  ได้แต่นั่งมองเงียบ ๆ 

"คุณไฟใส่น้ำตาลไหม ?"

"ผมไม่ใส่น้ำตาลครับ" ผมตอบ  ตุลอมยิ้มน้อย ๆ  ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่หยิบน้ำตาลก้อนใส่เข้าไปในแก้วของตัวเองถึงสี่ก้อน

“ใส่เยอะไปรึเปล่า” ผมทัก

“หึ..คุณไม่กินหวานต่างหาก” ตุลย้อนตอบด้วยใบหน้ายิ้มเขิน  ผมอยากแก้ตัวออกไปว่า “ผมกินหวานนะ” แต่ก็ไม่อยากบอก  คนใกล้ตัวจะรู้ว่าผมชอบกิน Honey Toast กับไอศกรีมวนิลามากเลยล่ะ

“ปกติตอนเช้าคุณไฟกินอะไรเหรอครับ”

“ผลไม้” ผมตอบ  คำตอบของผมทำให้ตุลหลุดหัวเราะ  ผมอมยิ้ม  หยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ   

"คุณไฟเป็นคนที่ตรงไปตรงมาดีนะครับ" ตุลพูด

"หะ ?" ผมอ้าปากเลิกคิ้ว  งงที่อยู่ ๆ ตุลก็เอ่ยเปิดประเด็นโต้ง ๆ แบบนี้  อีกฝ่ายหลุดยิ้ม  ผมกวาดตามองอย่างไม่ไว้ใจ  มือวางแก้วลงก่อนหยิบขนมปังขึ้นทาเนยไปด้วยอย่างไม่คิดที่จะซักเอาความต่อ

"ผมเป็นนักธุรกิจนะ ที่จริงก็พอจะดูคนออกอยู่บ้าง ก็วงการนี้น่ะ..มันมีแต่คนพลิกลิ้นเก่งตลอดเวลา มีแต่คนเก่ง..ที่โกหกเก่งเป็นไฟ" ตุลเบ้ปากติดตลก  ขณะเดียวกันมือของเขาก็คนกาแฟไปพร้อมด้วย
 
"ยังไง ?" ผมยิ้มถามก่อนกัดขนมปังเข้าปาก 

“เดี๋ยวนะครับ” ตุลท้วง  ตากลอกมองมาที่ขนมปังในมือของผม

“คุณไฟไม่ดื่มกาแฟใส่น้ำตาล แต่ดันเอาน้ำตาลโรยไปบนขนมปังเนี่ยนะ” เขากระแทกเสียงงง ๆ

“หึ ๆ” ผมยิ้มกว้างไม่ปฏิเสธ

“ไม่ดีเหรอ ความจริงแล้วผมกินอะไรไม่เรื่องมากอยู่นะ” ผมพูดขำ ๆ  ตุลได้แต่ยิ้มฟัง

“ถ้าอยู่บนเครื่องจะเสิร์ฟไข่ปลาคาเวียร์หรืออะไรหรูขนาดไหนผมไม่สนหรอก ผมชะเง้อรอแต่ตะกร้าขนมปังที่มันควรจะเป็นของผม บางทีมันก็น่าอายที่จะขอเนยสดกับน้ำตาลเพิ่มน่ะนะ ก็ทน ๆ กับสายตากะหลับกะเหลือกจากพนักงานไป ที่จริงพวกเขาควรจะชอบสิ ผมไม่เรื่องมากสักหน่อย แค่เอามาให้แล้วรบกวนปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ผมไม่ขออะไรเพิ่มหรอก กินเสร็จผมก็จะนอนแล้ว” ผมเล่าขำ ๆ 

“ฮ่า ๆ ๆ” ตุลหลุดหัวเราะ  แล้วผมก็เป็นแบบที่ว่าจริง ๆ ซะด้วย  บางครั้งการกระทำนี้มันค่อนข้างน่าอายอยู่นิดหน่อย  ครั้งหนึ่งชาวต่างชาติเคยมองเหล่ผมเมื่อเห็นว่าผมโรยน้ำตาลลงไปบนขนมปังแล้วกินสด ๆ อย่างนั้น  เป็นการสบตาซึ่งกันและกันแบบที่ต่างคนต่างไม่เข้าใจในอารมณ์

“ผมเดาได้เลยว่าที่จริงแล้วคุณเป็นคนประหยัด” ตุลทำจมูกยู่ใส่  คำพูดเขาทำให้ผมยิ้มได้นิดหน่อย

“ไม่ดีเหรอ ? ความจริงแล้ววัน ๆ นึงคนเราจะกินอะไรสักเท่าไหร่เชียว บางทีผมก็แย่งข้าวลูกน้องกิน แบบนั้นมันอร่อยกว่า อิ่มเร็วกว่าปกติด้วย ดังนั้นใช้คำว่า ‘ใช้เงินเป็น’ ดีกว่าไหมครับ” ผมพูดปนหัวเราะ  นึกถึงหน้าไอ้เด่นเวลาที่ตาละห้อยตอนที่ถูกผมแกล้งโดยการแย่งของกินที่มันชอบแล้วรู้สึกสนุกทุกที

“คงสนิทกันมากสินะครับ” ตุลพูดเดา  ผมไม่ตอบ

"คุณชอบมองตาคนอื่น..” อีกฝ่ายพูดขึ้นโต้ง ๆ  หยิบแอปเปิลเข้าปาก  ตากลอกมองมาที่ผมอย่างเจ้าเล่ห์  ผมเหตาลงมองอาหารตรงหน้าพร้อมเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะ

“แม้กระทั่งบนเตียงคุณก็ยังมองตลอด" เขาขยายความพร้อมอมยิ้มน้อย ๆ

“มันทำให้.. ยิ่งมีอารมณ์น่ะ” ตุลแสยะยิ้มยั่วยวนหน้าทะเล้น  ทำให้ผมหลุดยิ้มกว้างในทันที  เราต่างหัวเราะ  ผมเบะปาก  ผงกหัวไปอย่างยอมรับว่าผมก็ชอบมองจริง ๆ นั่นละ

"เฮ้อ..บางคนสักแต่ว่าสอดใส่แล้วก็ขยับเอวลูกเดียว ทำเอาเสียอารมณ์อยู่เหมือนกัน" ตุลถอนหายใจบ่นหน้าขยาด

"หึ แคะ ๆ" ผมหลุดหัวเราะ  แทบสำลักขนมปังที่กำลังกลืนเข้าไป 

"หึ ๆ" อีกฝ่ายหัวเราะมองมา  ผมนำมือกุมหน้าตัวเองอย่างเหลือเชื่อที่จู่ ๆ ตุลก็พูดในสิ่งที่ผมไม่คาดว่ามันจะออกมาจากปากของเขา

"คู่นอน..ไม่ได้ระบายอารมณ์เพราะอยากได้ไอ้นั่นอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ คุณไฟว่ามันจริงไหมละครับ" ตุลยิ้มน้อย ๆ  สายตาว่างเปล่าไม่มีความหมายลึกซึ้ง

"ก็จริงมั้งครับ" ผมตอบ  ความจริงแล้วก็เห็นด้วยอยู่พอสมควร  เราต่างเงียบลงครู่หนึ่ง  ตุลหยิบน้ำเปล่าขึ้นจิบ  ผมมองตามจนเราหันมาสบตากัน

"คุณชมผมหลายครั้งแล้วนะ หวังอะไรรึเปล่า" ผมแกล้งแซวเล่น ๆ  เพราะอยากรู้ในสิ่งที่คิดว่าควรรู้ไว้ก็ดี

"บ้า..ชมไม่ได้เหรอ ก็คิดอย่างนั้นจริง ๆ นี่ฮะ" ตุลยิ้มเขิน

"ตาคุณมีเสน่ห์มาก" เขาพูดอีก  ผมหยุดมือที่กำลังจะหยิบขนมปังอีกแผ่นหนึ่งมาทาเนย

"พูดจริง ๆ นะ แววตาคุณไฟเหมือนเด็กเลย ดูอยากรู้อยากเห็น เปลี่ยนอารมณ์ไว แต่เวลาคุณมองสิ่งที่คุณอยากมองคุณกลับมองอย่างตรงไปตรงมา คุณไม่จำเป็นต้องมองผมแบบนั้นบนเตียงก็ได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า..ขี้อ้อนสุด ๆ" ตุลฉีกยิ้มอธิบายออกมาหมดเปลือก  ท่าทางเขินอายเมื่อครู่กลับดูมั่นใจในตัวเองขึ้นมาดื้อ ๆ

“ผมเปล่าอ้อนสักหน่อย” ผมปฏิเสธ  ความจริงแล้วผมอาจเผลอทำไปอยู่บ้างละมัง

“ก็ได้ งั้นเปลี่ยนคำใหม่..สายตาคุณมันเจ้าชู้เกินเยียวยาเลย” ตุลย้อนเสียงแข็งอย่างไม่ยอมแพ้  ผมชะงัก  เราจ้องตากันยิ้ม ๆ

"ใช้คำว่าอยากรู้อยากเห็นฟังดูเพราะกว่า ก็ผมยังอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นนี่นะ" ผมตอบปัด  ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมรับเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นเป็นประเด็นสนุก ๆ ไป  และตุลก็หลุดหัวเราะออกมาจริง ๆ  เขากลอกตาคล้ายปรามผม  ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาผิดหูผิดตาจากที่อยู่บนเตียง 

"ไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอครับ" ตุลถามโต้ง ๆ  ผมที่กำลังจะหยิบผลไม้ขึ้นกินถึงกับชะงัก 

"ไม่มีครับ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบทุ้ม

"ยังไม่เจอคนที่ทำให้หลงรักได้สินะ" อีกฝ่ายพูดคล้ายเดา

"หึ..ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ผมปัดไปที

"ถ้าผมไม่ได้ชอบคน ๆ นั้นจริง ๆ  คิดว่าไม่คบกันคงจะดีกว่า ผมไม่ต้องมีพันธะ อีกฝ่ายก็ไม่ต้องมาเสียใจ เสียเวลาเพราะผมด้วย ผมไม่ได้รู้สึกอยากมีน่ะครับ ที่ผ่านมาก็ยังไม่พร้อมดูแลใคร คงเพราะยังไม่เจอคนที่อยากดูแลมั้ง" ผมอมยิ้มอย่างมีนัยยะ  ตุลนิ่งไปครู่  เขาขยับมือหยิบส้อมจิ้มลงในจานสลัด

"คิดดีนี่ครับ ผมว่า..ยังดีกว่าพวกที่อยากมีแฟนจนตัวสั่นแต่หยุดเพื่อใครไม่ได้เป็นไหน ๆ" ตุลเบะปากคล้ายกับประชดสักอย่างอยู่

"พูดถึงแฟนเก่าคุณอยู่งั้นเหรอ" ผมแกล้งถาม  ตุลเหลือบมองก่อนยักไหล่น้อย ๆ แทนคำตอบ 

"ถ้ามีใครสักคนแล้วไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับผม..อย่ามีเลยจะดีกว่า ที่จริงแล้ว ความรักไม่ได้ทำให้ชีวิตเพอร์เฟคเสมอไปนี่ครับ ผมคิดงั้นนะ" ตุลพูด

"ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดเข้าข้างตัวเองอะนะว่าผมเพอร์เฟคอยู่" ตุลทำหน้าทะเล้น

"ก็ไม่แปลกนี่ครับ ไม่ได้โหยหาอยากได้อะไรอีก..นั่นก็คือเพอร์เฟคแล้ว" ผมเห็นด้วย   
 
"หึ..คุณไฟนี่แปลกคน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็แบ่งเขตกับตุลแท้ ๆ  ยังมาให้กำลังใจกันอีก" ตุลอมยิ้มส่งสายตาเจ้าเล่ห์มา
 
"รู้ทันซะแล้ว" ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ รับมุกอีกฝ่ายกลับ 

เรากินอาหารเช้าโดยเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องธุรกิจของเขา  ตุลเป็นคนเปิดเผยและค่อนข้างตรงไปตรงมา  เขาเล่าเรื่องธุรกิจของเขาให้ผมฟังอย่างไม่มีปิดบัง  ไม่เหมือนกับพลอยที่ทั้งผมและเธออาจมีหลายครั้งที่ไม่อยากเล่าถึงอาชีพส่วนตัวของกันและกันอยู่บ้าง  ผมคิดว่าตุลก็แค่อยากระบายให้คนที่ไม่ใช่สายงานตัวเองได้ฟัง  ผมไม่มีปัญหาใด ๆ  และพร้อมเป็นผู้ฟังที่ดี  การที่คนเราระบายเรื่องใด ๆ ก็ตามอย่างหมดเปลือก  ผมถือว่าคน ๆ นั้นกำลังให้ความไว้วางใจในตัวของเราอยู่  ดังนั้นเราก็ควรเคารพอีกฝ่ายที่เขาไว้ใจเราด้วยน่ะนะ

"คุณตุลไปก่อนเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องรอผมหรอก" ผมบอก  ตอนนี้เรามายืนอยู่ที่ด้านหน้าโรงแรมแล้ว  ไอ้เด่นโทรบอกผมว่าใกล้ถึงเต็มที  ผมยืนรอมาได้ห้านาทีโดยมีตุลยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย

"ไม่เป็นไรครับ ผมอยากรอเป็นเพื่อนนี่" ตุลพูด  ผมได้แต่ยิ้มให้  ผมรู้สึกว่าเราสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม  รถยนต์ของที่บ้านขับเข้ามาไว ๆ  หลุดจอดที่ด้านหน้าผมพอดิบพอดี  ไอ้เด่นกับสมุทรลงมาจากรถ  วันนี้ไอ้เด่นเป็นคนขับ  ทั้งสองคนมองมาที่ผมไม่วางตา 

"งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ" ผมบอก

"ขอบคุณครับ" ตุลยิ้มเขิน  ออกเดินนำผมไปก่อน  รถยนต์ของตุลจอดอยู่ไม่ไกลนัก  อีกฝ่ายกดเปิดรถผมจึงเปิดประตูฝั่งคนขับให้ 

"หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ" ตุลพูด  ผมยิ้มนิดหน่อย  สองจิตสองใจเพราะความจริงแล้วก็อยากจะให้นามบัตรกับเขาไปแต่ยังรู้สึกปนระแวงในความสัมพันธ์อยู่ดี  ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดออกมาตรง ๆ  ผมก็คงไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินขอบเขตของตัวเอง   


จุ๊บ~

"หึ" ผมหลุดหัวเราะ  อยู่ดี ๆ  ตุลก็เข้ามาหอมลงที่ปากของผมและคนหอมดูท่าจะเขินเสียเองอีกด้วย 

"ไปนะครับ ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดี ๆ"

"ขอบคุณเหมือนกันครับ" ผมบอก  ตุลเข้าไปนั่งในรถ  ผมขยับประตูเพื่อจะปิดให้

"เออ! ตุลลืมบอกไปเลย" อีกฝ่ายแทบจะชะโงกหน้าออกมา  ผมหยุดมือด้วยความแปลกใจ

"ลูกน้องคุณไฟนี่ มีแต่หุ่นดี ๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ แบบว่า..ดูดีมากเลย" ตุลยิ้มกว้าง  ขยิบตาด้วยท่าทางขี้เล่น

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะลั่น 

"โชคดีครับ" ผมบอกอีกครั้งก่อนปิดประตูให้จริง ๆ  และยืนรอจนตุลขับออกไปจึงเดินกลับมาที่รถ  ไอ้เด่นก้มหน้าทันทีที่เห็นผม  สมุทรเองก็หลบตาหนีทั้งที่เมื่อครู่เขายังมองดูผมอยู่ด้วย  ผมเดินไปด้านหลังฝั่งเดียวกับด้านคนขับ  ไอ้เด่นจึงรีบเปิดประตูรถให้
 
"เข้าตลาดนะ" ผมบอก

"ครับนาย" มันพยักหน้ารับ

"มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม" ผมถามขึ้นหลังจากที่รถเคลื่อนออกมาได้สักพัก  นิ้วนำกดที่เบ้าตาตัวเองเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย 

"เห็นว่าไอ้เข้มมีความคืบหน้าของตลาดหนึ่งมิตรที่นายให้ไปสืบน่ะครับ แต่เรื่องมือปืนเมื่อวานยังไม่ได้ความอะไร พี่ธานเลยสั่งให้มันไปตามเรื่องต่อวันนี้" ไอ้เด่นรายงาน

“เหรอ” ผมขานรับ  ถอนหายใจน้อย ๆ  หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

“แล้ววันนี้ต้องออกมารับฉันตอนเช้า พี่ธานบอกนายรึเปล่าว่าจะสอนขับรถให้ตอนไหน” ผมถามเพราะมีการเปลี่ยนแผน  การเปลี่ยนสรรพนามถึงเจ้าตัวที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็คงจะรู้ว่าผมจงใจพูดอยู่กับใคร

“เมื่อวานที่คุณให้ผมกลับมา พี่ธานสอนเรียบร้อยแล้วละครับ สอนก่อนที่ผมจะเข้าค่ายมวย” สมุทรเอี้ยวใบหน้าหันกลับมามอง  ผมพยักหน้าน้อย ๆ รับทราบ

“ไอ้หินจัดการเรื่องแอร์ให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ผมถามอีก  ในรถเงียบสนิทอยู่ประมาณหนึ่งวิเห็นจะได้

“เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณมากครับที่เป็นธุระให้” สมุทรพูด  ผมไม่ตอบ  อีกฝ่ายจึงหันกลับไป 

"แล้ววันนี้พี่ธานไปไหน" ผมถามถึง

"เข้าสนามแข่งครับ แล้วเห็นว่าจะไปดูเรื่องที่ดินที่ชลบุรีให้คุณด้วย คงจะกลับค่ำ ๆ" สมุทรตอบ

“ทำไมทำงานชักช้า ฉันสั่งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ผมเริ่มบ่น  ทั้งคู่ตรงหน้าเงียบสนิท   

"แล้วค่ายนายไปถึงไหนแล้ว" ผมซักต่อ

"เสร็จไปประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ" สมุทรหันหน้ามาตอบ 

"ฉันอยากให้นายไปช่วยดูงานก่อสร้างที่ร้านที่ฉันทำกับป๋าจงด้วย แวะเวียนไปดู เดี๋ยวฉันจะเอาแบบจากสถาปนิกให้" ผมบอก 

"ได้ครับ" สมุทรขานรับ

"แล้วคุณ เอ่อ..เรื่องเมื่อวานนี้ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ" จู่ ๆ สมุทรก็หันกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง  ครั้งนี้สีหน้าเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า  เขาดูเป็นกังวล

"ฉันไม่เป็นไร" ผมตอบ 

"พี่ใหญ่หัวเสียใหญ่เลยครับที่นายให้พี่สมุทรกลับ" ไอ้เด่นว่า  ผมหลุดยิ้มนิด ๆ  เพราะพอจะเข้าใจว่าพี่ธานมักจะบ่นพวกมันให้หลังผมเสมอ 

"นายโดนดุงั้นเหรอ" ผมถามสมุทร

"เปล่าหรอกครับ พี่เขาเข้าใจว่าผมต้องกลับมาซ้อม" สมุทรตอบ

"ถึงผมอยู่ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้มาก.. ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ" สมุทรพูดเสียงเบา  สายตาเขาเหลงต่ำ

"ช่างเถอะ ถึงไอ้เด่นอยู่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรนักหรอก" ผมตอบปัดติดตลกไปที

"โธ่ นายครับ" ไอ้เด่นทำเสียงตัดพ้อทันควันทำให้สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ออกมา  เขาหันกลับไปนั่งเหมือนเดิม  ผมสังเกตเห็นว่าขณะเดียวกันก็มีสายเขา  สมุทรหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาแอบดู  เจ้าตัวจ้องหน้าจออยู่ครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจว่าควรจะกดรับดีหรือไม่  ผ่านไปประมาณหลายวินาทีสุดท้ายเจ้าตัวก็กดรับ 

"ครับ" สมุทรทัก  ผมเงี่ยหูฟัง  ในรถเงียบสนิทจนได้ยินเลยว่าปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิง

"น่าจะกลับเวลาเดิมครับ อืม..หยาไปที่บ้านก่อนได้เลย" ผมเหลือบมองสมุทรอยู่ตลอดเวลาที่เขาพูดโทรศัพท์อยู่  ปลายสายพูดต่ออยู่พอสมควรที่ทำให้คนฝั่งนี้ตั้งใจเงียบฟังอย่างเดียว  น้ำเสียงที่ปกติก็สุภาพเป็นทุนอยู่แล้วยิ่งฟังดูอ่อนโยนเป็นกันเองมากขึ้นจน น่าหมันไส้เป็นบ้า

"ครับ ผมทำงานอยู่นะ ได้..เดี๋ยวบอกดาวให้ ครับ..สวัสดีครับ" สมุทรตัดบทและรีบร้อนตัดสายทันที

"ฮันแน่~ แฟนเหรอครับ" ปากไอ้เด่นทำหน้าที่อย่างไม่เสียเวลาเปล่า  ผมเงียบรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ  แล้วนี่เป็นเหี้ยอะไร ในใจแม่งตื่นเต้นไปหมด

"เปล่า เพื่อนพี่น่ะ" สมุทรตอบยิ้ม ๆ

"เพื่อนอะไรครับ พูดซะหวาน..เพราะเชียว" ไอ้เด่นกระแทกเสียงใสแซวไม่เลิก

"ก็เขาเป็นคนมีมารยาทไงเขาก็เลยพูดเพราะ! พูดเพราะกับมึงด้วย" ผมกัดฟันสบถอย่างสุดทน  เอื้อมมือเข้าไปผลักหัวไอ้เด่นอย่างแรงจนหน้ามันเกือบทิ่มเข้าหาพวงมาลัย  แม่งหงุดหงิดฉิบหาย!

"นายฮะ! ผมทำอะไรผิด!!" ไอ้เด่นโวยวายเสียงดังลั่นรถ  สมุทรหัวเราะ  ผมได้แต่ยิ้มมอง 

"หุบปาก!" ผมสบถ  เท้าคางเบี่ยงหน้าไปมองถนนที่ด้านนอก  นึกหงุดหงิดบ่นกับตัวเองในใจไม่ได้ว่า "ตกลง..สเปกกูเป็นอย่างนี้นี่งั้นเหรอวะ ?"

  ใช้เวลาสัมภาษณ์พนักงานรักษาความปลอดภัยเสร็จสิ้นไปประมาณหนึ่งชั่วโมง  ผมตั้งใจว่าจะให้สมุทรและไอ้เด่นมาตรวจดูตลาดเป็นระยะ ๆ  เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดกรณีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยชุดก่อน ๆ  ทำงานอย่างหละหลวม  ขี้เกียจและหลายครั้งที่ไม่รอบคอบ  ซึ่งผมได้ไล่พนักงานชุดนั้นออกไปนานแล้ว  สำหรับบางชุดมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้างซึ่งหลายครั้งที่ผมได้เรียกให้มาปรับทัศนคติอยู่เรื่อย ๆ  ผมเข้าใจดีว่างานนี้เป็นงานตากแดดตากลมและในขณะเดียวกันก็ต้องเอาใจลูกค้าที่เข้านอกออกในอยู่เสมอ  ลูกค้าที่ต่างพ่อต่างแม่จึงมาในทุกรูปแบบ  พนักงานจึงจำเป็นต้องอดทนให้ได้  พวกเราต่างรู้ดีว่าหากยิ่งขยันก็ยิ่งได้เงินดี  เพราะทิปส์ที่แต่ละคนได้รับจากลูกค้าผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว  ลูกค้าหยิบยื่นเงินให้ใครเพิ่มอันนั้นก็ถือว่าเป็นความโชคดีของคน ๆ นั้นไป  ตอบแทนในการทำงานหนักของพวกเขา  แต่ในทางเดียวกันผมก็ต้องคอยให้คนลงไปตรวจตราอยู่เสมอ  ซึ่งจะให้ผู้หญิงลงไปทำหน้าที่นี้ก็ไม่เหมาะควรนัก  บางคนหัวรั้นพอสมควร  กลุ่มคนพวกนี้ต้องเจอไม้แข็งถึงจะเอาอยู่  ปกติพนักงานจะเจอพี่ธานหรือผม  แต่ผมจะไม่ให้พี่ธานมาทำที่นี่เป็นหลักแล้ว  ดังนั้น ผมอาจมอบหน้าที่นี้ให้กับสมุทรเป็นหลักแทน 

.. เสร็จจากที่ตลาด  ผมสั่งให้ไอ้เด่นขับไปที่ห้างสรรพสินค้า Bangkok Land  ใช้เวลาเซ็นเอกสารและดูบัญชีที่นั่นอยู่เกือบ ๆ สองชั่วโมงถึงได้พักเพื่อกินข้าวกลางวัน   

"นายครับ ผมขอสั่งอีกจานได้ไหมครับ" ไอ้เด่นขออนุญาตด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ  ผมเหลือบมองจานก๋วยเตี๋ยวของมันที่กินใกล้หมดเต็มทีแล้ว 

"มึงนี่ชักกินมากเกินแรงที่ทำงานไปแล้วนะ" ผมว่า  ไอ้เด่นยิ้มเจื่อนเขิน ๆ

"อยากกินก็ไปสั่ง" ผมไล่  เห็นหน้ามันแล้วก็ห้ามไม่ลง 

"ขอบคุณคร้าบ" ไอ้เด่นผงกหัวยิ้มกว้าง

"นายเอาอะไรอีกไหม" ผมถามสมุทรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  ดูเหมือนเขาจะเรียบร้อยแล้ว

"ไม่แล้วครับ" สมุทรตอบ

"สั่งกวางตุ้งใส่น้ำซุปมาให้กูหน่อย" ผมเอาหลังมือสะกิดแขนไอ้เด่น

"บอกเฮียไปว่า กูขอแบบ..เอากวางตุ้งมาทั้งไร่เลย" ผมสั่ง

"หึ ๆ  ได้ครับนาย" ไอ้เด่นหัวเราะ

"เดี๋ยวผมไปสั่งให้ครับ" สมุทรรีบลุกขึ้นก่อนไอ้เด่น 

"เด่นจะเอาอะไร" เขาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ 

"เอาเส้นเล็กน่องไก่ครับ ฝากด้วย..ขอบคุณครับ" ไอ้เด่นยิ้มอย่างดีใจที่มีคนลุกไปแทน  มันกำลังติดลมกับอาหารตรงหน้าของมัน  สมุทรจัดการสั่งอาหารให้  พอเขาสั่งเสร็จจึงกลับมานั่ง  เส้นเล็กแห้งของผมหมดจานไปแล้ว  ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว  ร้านนี้เป็นเจ้าประจำของผมตั้งแต่ที่พ่อเริ่มก่อตั้งที่นี่  ทั้งเส้นเล็ก  ทั้งเส้นบะหมี่เหลืองเด้งสู้ลิ้นสุด ๆ  แบบว่าอร่อยลืมโลกไปเลย 

"โอ้โห่ เจ้าของร้านเขาให้ประชดนายรึเปล่าครับเนี่ย" ไอ้เด่นอ้าปากตาค้างเมื่อชามกวางตุ้งของผมถูกนำมาเสิร์ฟ  มันพูนแทบเป็นรูปภูเขา  ผมหัวเราะมอง  ชอบใจจริง ๆ

"กินผักเข้าไปมึงอะ ไอ้ห่า..เป็นคนป่ายังไงแดกแต่เส้น" ผมบ่น  มือคีบผักในชามกวางตุ้งของตัวเองใส่ชามก๋วยเตี๋ยวให้ไอ้เด่น  มันกินอิ่มหนำสำราญอย่างกับคนอดยากจนลืมกินผักไปเลย

“นายครับ..” อีกฝ่ายขมวดคิ้วหน้าแดงที่ผมแซวมันอย่างนั้น  ผมอมยิ้มก้มหน้าก้มตากินต่อแต่ไอ้เด่นยังคงนิ่งค้างเติ่งอยู่ท่าเดิม

“ทำไม กูแซวไม่ได้ ?” ผมเลิกคิ้วถาม

“เปล่าครับ แต่ว่า..” มันอ้ำอึ้งจะแก้ตัว  กลอกตามองไปทางสมุทรเล็กน้อย  สมุทรหลบสายตาเหมือนเกรงว่าตนเองจะเสียมารยาทต่อเราทั้งคู่

“ต้องให้กูง้อไหม ?” ผมถามห้วน ๆ  คีบตะเกียบทิ่มลงไปบนชามเพื่อตั้งกาดรอ

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ไอ้เด่นก้มหน้าก้มตาตอบทันที

"หึ.." ผมเหลือบมองไปอีกทาง  เนื่องจากได้ยินเสียงคนข้าง ๆ หัวเราะ  สมุทรยิ้มกว้างมองมาที่ผมกับไอ้เด่นแต่กลับไม่พูดอะไร  พออีกฝ่ายเห็นว่าผมหันไปมองเขา  เขาก็หันหน้าหนี  หลังกินอาหารกลางวันเสร็จ  ผมก็เดินเอ้อระเหยไปที่ร้านเค้ก  สั่งไอศกรีมเค้กมาหนึ่งปอนด์และสั่งแบบเป็นชิ้น ๆ  เพิ่มอีกสี่ชิ้นด้วย

"ฝากให้เมฆกับดาวด้วย" ผมยื่นกล่องเค้กแบบแบ่งชิ้นส่งไปให้สมุทร 

"ขอบคุณครับ" สมุทรรับไปง่าย ๆ ผิดทุกครั้ง  ไอ้เด่นรับกล่องที่เป็นเค้กปอนด์ส่วนของผมไปถือไว้

"เดินไปสิวะ" ผมเตะขาไอ้เด่นเบา ๆ  เพราะมันอยู่หน้าสุดแต่เสือกไม่เดินออกไปสักที  สมุทรยิ้มมองไอ้เด่นที่รีบเร่งฝีเท้าก้าวขานำพวกเราออกไปก่อน

"ปกตินายชอบกินรสอะไร เค้กน่ะ ?" ผมหันไปถามสมุทร
 
"นอกจากไอติมกะทิของนาย" ผมขยายความถึง

"ใบเตยมั้งครับ" สมุทรตอบ 

“กวนตีนอยู่เหรอ” ผมกลอกตาขึ้นมอง  อีกฝ่ายกลั้นอมยิ้มไว้น้อย ๆ 

“นมสดครับ” สมุทรพูดขึ้น  ผมเพียงรับฟังเงียบ ๆ  นมสดงั้นเหรอ ? งั้นรอบหน้าควรจะเป็นนมสดกับช็อกโกแลตงั้นซินะ

"แล้วดาวล่ะ" ผมหันกลับไปถามอีกครั้ง

“ถามถึงน้องผมทำไมครับ” อีกฝ่ายเหล่ตามองมา

“ฉันอยากรู้เกี่ยวกับตัวน้องสาวนายหมดนั่นแหละ” ผมกวนกลับ

“งั้นเกรงว่าผมคงตอบให้ไม่ได้” สมุทรพูดเสียงแข็ง

“งั้นเกรงว่าผมคงจะต้องไปถามเธอด้วยตัวผมเองแล้วละมั้งครับ” ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ  สมุทรชะงัก

"สตรอว์เบอร์รีครับ" สมุทรตอบทันที

“ขอบคุณ” ผมยิ้มกว้าง 

"คุณนะ.." สมุทรทำท่าเหมือนจะพูดอะไร

"ไอ้เด่นมันจะเดินไปไหนของมัน" ผมพูดแทรกปัดประเด็นในทันที

เราเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จภารกิจของวันนี้  ไอ้เด่นขอตัวผมออกไปซ้อมสนุกเกอร์ที่โต๊ะประจำ  ผมอนุญาตให้มันไปเพราะเห็นว่าอีกไม่ถึงเดือนมันจะมีลงแข่งขันแล้ว  และให้สมุทรได้พัก  ส่วนผมกลับขึ้นมาล้างหน้าล้างตา  เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดสบาย ๆ  และตรวจรายการบัญชีของกิจการที่เชียงใหม่ต่อ  ผมต้องการเคลียร์งานส่วนนี้ให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้เพราะอาทิตย์หน้าผมจะไม่มีเวลามาทำมันได้  ผ่านไปสองชั่วโมงยังไม่เห็นวี่แววว่างานจะเสร็จจึงออกมาเดินยืดเส้นยืดสายด้านล่าง  ตอนนี้ที่บ้านเงียบเป็นพิเศษ  เห็นว่าพายุยังไม่กลับจากที่เรียน  ส่วนไอ้ดินออกไปเรียนพิเศษ 

"คุณไม่ต้องทำหรอกครับ" ผมหันไปตามเสียงที่ทางห้องโถง  ซึ่งเป็นทางเข้าไปในครัวใหญ่ด้านหลังบ้าน

"ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้" เสียงของสมุทรพูดตอบ  ผมจึงรีบเดินตามไปดูว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ 

"หลอดไฟมันขาดน่ะครับ ขั้วมันหมดอายุแล้ว" น้ามิ่งพูด  ผมหยุดยืนมองสมุทรที่กำลังปีนบันไดขึ้นไปถอดหลอดไฟบนเพดานตรงทางเดินไปห้องครัว  ส่วนน้ามิ่งยืนมองอยู่ข้างล่าง 

"เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้เลยครับ น้าส่งมาเลย" อีกฝ่ายบอก  น้ามิ่งจัดการส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้  ผมยืนกอดอกพิงผนังห้องมองเงียบ ๆ  สมุทรจัดการเปลี่ยนขั้วหลอดไฟทั้งหมดเสร็จภายในไม่กี่นาที  เขาก็ปีนบันไดลงมา

"สมุทร..หนูซ่อมพัดลมเป็นไหมลูก มาดูให้ป้าหน่อยได้ไหม" เสียงของป้าอิ่มเรียกแว่ว ๆ

"ครับป้า" สมุทรขานรับ

"ไปเถอะ เดี๋ยวหลอดอื่นน้าทำเอง พัดลมติดผนังน่ะ..สงสัยมดคงเข้าไปทำรังอีก นี่น้าก็แก้มาหลายรอบแล้ว ไม่รู้ขยันเข้าไปทำไมจริงจัง" น้ามิ่งส่ายหัวบ่นเซ็ง ๆ  สมุทรยิ้มน้อย ๆ ตรงเข้าไปในครัว

"อ่าว คุณไฟ" น้ามิ่งทัก

"อันนี้เป็นของที่มีอยู่แล้วใช่ไหมครับ ต้องซื้ออะไรเพิ่มไหม" ผมถาม

"อ๋อ..มีอยู่แล้วครับ คุณพายุให้เงินมาซื้อตั้งแต่เดือนก่อนแล้วครับ" น้าแกตอบ

"ครับ งั้นฝากด้วยนะ" ผมบอกก่อนแอบย่องเข้าไปใกล้ ๆ กับปากประตูห้องครัว  ทางนั้นมีกระจก  สามารถมองลอดเข้าไปด้านในครัวได้  สมุทรกำลังจัดการปีนขึ้นไปบนเคาน์เตอร์เพื่อถอดชิ้นส่วนของพัดลมออกมาทีละชิ้นเพื่อดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไร  ป้าอิ่มและแม่บ้านพากันยืนมอง  ครู่หนึ่งก็ทราบสาเหตุที่พัดลมไม่ทำงานเพราะมดเข้าไปทำรังที่สวิตซ์อย่างที่น้ามิ่งว่าเอาไว้  เสียงพวกป้า ๆ พากันบ่นระงมเป็นเสียงเดียวกัน  ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าเพราะสมุทรเอาแต่เงียบ  เขาซ่อมไปยิ้มไปไม่บ่นอะไรสักคำ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-08-2016 13:18:38

"อ่าว..คุณไฟ อยากได้อะไรหรือคะ" ผมแทบสะดุ้ง  กำลังมองเพลิน  น้าจ้อนแม่บ้านก็หันมาเห็นผมเข้าพอดี  ผมเลยต้องเดินเข้าไปในครัวอย่างเนียน ๆ  เพื่อไม่ให้ตัวเองดูเหมือนเป็นพวกถ้ำมอง

"เปล่าครับ" ผมตอบ  สมุทรหันตัวกลับมา

"คุณต้องการเรียกใช้ผมรึเปล่าครับ" อีกฝ่ายถาม

"เปล่า" ผมตอบปัดอีกครั้ง

"เอ่อ..ที่จริง อยากได้สับปะรดปั่นสักแก้ว" ผมพูดไปงั้น  แต่ถ้าได้กินก็ดี
 
"เดี๋ยวป้าทำให้นะคะ" ป้าอิ่มยิ้มรับ  รีบกุลีกุจอเปิดตู้เย็น 

"เอากากด้วยเหมือนเดิมนะคะ" เธอถาม  ผมพยักหน้าตอบ  สมุทรหันกลับไปซ่อมพัดลมต่อ  ขี้ผงที่มดไปทำรังหล่นร่วงเต็มพื้นห้องครัวจนเปื้อนไปหมด  ผมขยับตัวขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์โดยหันหน้าไปทางฝั่งของสมุทรเพื่อที่จะได้มองได้ถนัด ๆ
   
"ช็อคกันมดก็เอาไม่อยู่เหรอครับ" ผมถาม

"ค่ะ" น้าจ้อนตอบทันที

"น้าคอยขีดตลอด แต่เผลอไม่ได้เลย..ก็มาตลอดเหมือนกันค่ะ" แกบ่น 

"ป้าไม่อยากฆ่ามันเลยนะคะ เลยไม่อยากจะฉีดยา ปล่อยให้เสีย..ซ่อมไปไอ้มิ่งมันก็บ่นไป" ป้าอิ่มพูด  มือก็หั่นสับปะรดไปด้วย  ผมยิ้มฟังไม่ว่าอะไร

"ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ ให้มันขึ้นไปเถอะ..ยังไงก็มีคนซ่อมเพิ่มมาอีกคนแล้ว" ผมพูดแซว

"จริงสินะคะ" ป้าอิ่มกับน้าจ้อนหัวเราะ  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ

"ใช้ได้แล้วครับ" สมุทรบอก  มือกดเปิดพัดลมเพื่อทดลองดูการใช้งาน  เมื่อมันกลับมาใช้งานได้อย่างเดิมเรียบร้อยแล้วอีกฝ่ายจึงกดปิดทันที  เขาคงกลัวว่าขี้ผงที่ตกอยู่บนพื้นมันจะกระจาย 

"ขอบคุณมากนะจ๊ะ" ป้าอิ่มยิ้ม  ผมมองตามสมุทรที่เดินไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักผงมาจัดการกวาดสิ่งสกปรกที่อยู่บนพื้นห้อง  น้าจ้อนเอ่ยปากห้ามแต่อีกฝ่ายก็กวาดต่อจนเอี่ยม  เธอจึงเป็นฝ่ายหยิบผ้าไปเช็ดทำความสะอาดที่เคาน์เตอร์ซ้ำต่ออีกทีหนึ่ง  ครู่เดียวครัวก็กลับมาสะอาดเอี่ยมเหมือนเดิมและน้ำสับปะรดของผมก็เสร็จพร้อมพอดีอีกด้วย 

"นี่ของสมุทรนะลูก" ป้าอิ่มบอกพร้อมเลื่อนแก้วน้ำสับปะรดมาวางข้าง ๆ แก้วของผม 

"ขอบคุณครับ" สมุทรผงกหัวน้อย ๆ อย่างเกรงใจ  แก้วของสมุทรเล็กกว่าแก้วของผมเพราะป้านิดกรองเนื้อสับปะรดออกให้กับเขาด้วย  ผมหยิบแก้วของผมขึ้นดื่ม  สมุทรมองตามมาด้วยสายตาสงสัย

"นี่คุณกินทั้งกากเลยเหรอครับ" สมุทรทัก 

"ฉันว่ามันอร่อยกว่าไม่มีกาก" ผมตอบส่ง ๆ ไปที

"หึ" อีกฝ่ายหลุดหัวเราะ  ป้าอิ่มและน้าจ้อนออกจากครัวไปแล้ว 

"เดี๋ยวนายต้องไปค่ายแล้วใช่ไหม" ผมถามเพราะเห็นว่าเขาชำเลืองมองไปที่นาฬิกาบนเพดาน

"ครับ" เขาผงกหัวก่อนจิบน้ำสับปะรดอย่างช้า ๆ  วันนี้ผมไม่เข้าค่ายมวย  อยากจะพักนะครับ

"งานเทรนเนอร์เป็นไง" ผมถามไปจิบน้ำสับปะรดไปทีละน้อย  ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วจะดื่มแบบจัดหนักรวดเดียวให้จบหมดแก้ว  กินน้ำผลไม้ที่มีกาก  ถ้าจิบช้า ๆ ผมว่ามันเหนื่อยใจจะกินน่ะครับ

"ก็ดีครับ ลูกค้าน่ารักดี"

"หมายถึงหน้าตาเหรอ ?" ผมกวนทันทีทำเอาอีกฝ่ายเงียบลง 

"ห้ามจีบลูกค้านะ กฎของค่ายน่ะ" ผมดักคอ 

“..แต่จีบคนในค่ายได้” ผมเจ้าเล่ห์มอง  อีกฝ่ายเหล่ตาปราม ๆ ส่งมาให้ 

“ที่สำคัญคือ..จีบได้เฉพาะผู้ชายนะ ผู้หญิงห้ามจีบ กันปัญหาการตั้งครรภ์แล้วหาพ่อไม่เจอน่ะ ผู้ชายเยอะซะด้วย พูดยาก” ผมถอนหายใจแกล้งทำท่าเป็นหนักใจ  สมุทรส่ายหัวน้อย ๆ เบือนหน้าหนี  ผมเงียบลง  สมุทรเองก็ไม่พูดอะไรตามเคย  เขาดื่มน้ำทีละนิดไม่ต่างกับผมนัก  อีกฝ่ายคงเกรงใจที่จะดื่มจนหมดทีเดียวมากกว่า 

"ฉันมีอะไรกับผู้ชายด้วย" ผมพูดบอกโต้ง ๆ  สมุทรหันมาจ้องตาผมไม่กะพริบ  ไม่รู้ว่าเขากำลังตกใจที่ผมมาพูดไม่ทันให้เขาได้ตั้งรับหรือเพราะไม่ต้องการรับฟังความจริงกันแน่
 
"นายเคยถามฉันใช่ไหมล่ะ ก่อนหน้านี้น่ะ" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ  ปกติธรรมดาเหมือนกับเพื่อนที่กำลังเล่าสู่กันฟัง

"ไอ้โปรดก็มีอะไรกับผู้ชาย..มันเป็นเกย์ พี่ธานก็มีอะไรกับผู้ชาย พวกเรานอนกับผู้ชายได้เป็นเรื่องปกติ” การขยายความจากผมทำให้คนตรงหน้าเหสายตาลง  เขายืนนิ่งไปแล้ว

".........." ผมจ้องมองดูปฏิกิริยาจากเขาไม่วางตา  สมุทรเอาแต่เงียบ  เขาพยายามที่จะสบตาผมเป็นระยะแต่ก็เป็นการสบตาที่ไม่นานนัก  ผมไม่ว่าอะไรเพราะถ้าเขาจะตกใจก็คงไม่แปลก

"คุณกำลังจะบอกว่า คนเมื่อเช้านั่นแฟนคุณเหรอครับ"

"เปล่า..คู่นอนน่ะ" ผมตอบตรง ๆ

"เราแค่หลับนอนกันเฉย ๆ  ไม่ได้มีพันธะอะไรกัน..วิน ๆ ทั้งสองฝ่าย" ผมบอก 

"นายคิดว่าเปอร์เซ็นต์มากน้อยแค่ไหนที่ฉันควรจะเดาว่า นายกำลังรู้สึกรับไม่ได้อยู่น่ะ" ผมอมยิ้ม

"รับไม่ได้เรื่องไหนครับ ? เรื่องที่คุณเที่ยวนอนกับคนอื่นไปทั่วเป็นปกติ หรือเรื่องที่คุณนอนกับผู้ชายได้" สมุทรย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงฉะฉาน  สีหน้าเอาความอย่างผู้ใหญ่คนหนึ่งที่คล้ายกับกำลังปรามการกระทำของเด็กอยู่อย่างนั้น  ผมกลอกตาดำไปทางอื่นอย่างจงใจทำทะเล้น 

"บอกให้ก็ได้ว่าฉันไม่สนหรอกนะว่านายจะรับได้หรือไม่ได้ที่ฉันนอนกับผู้ชาย" ผมเบะปากอธิบาย

“แค่อยากให้รู้เอาไว้ จะได้ไม่ต้องแอบเดาเอาเองในใจ” ผมแซว

"แต่ถ้านายรับไม่ได้เรื่องที่ฉันนอนกับคนอื่นไปทั่วมากกว่า ประเด็นนี้นี่น่าสนใจแฮะ" ผมแสยะยิ้ม    สมุทรนิ่งมองผมไม่วางตา  ผมยิ้มตอบให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ

"เหมือนกำลังได้รับความสำคัญยังไงบอกไม่ถูก" ผมพูดแกมหยอกไปอย่างนั้น  ทั้งที่ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้รู้ห่าเหวอะไรเลย

"หึ..หลงตัวเองไปหน่อยไหมครับ" อีกฝ่ายแสยะยิ้มกลับ

"ผมแค่กำลังคิดว่า เพิ่งได้รู้จักคนที่ไม่มีศีลธรรมอย่างมากอย่างใกล้ชิดแบบนี้เป็นครั้งแรก" สมุทรอธิบายเสียงเรียบ  เอาอยู่ตามสไตล์เขา

"โอ้ งั้นเหรอ! ศีลธรรม สะกดคำนี้ไม่ถูกตั้งแต่ขึ้นม.ต้นแล้วแฮะ ขอบคุณนะที่เตือนสติว่ามีคำ ๆ นี้อยู่บนโลกด้วย" ผมเบ้ปากส่ง ๆ ไปที  เราสบตาและพากันเงียบสงบศึก  ผมอมยิ้มนิดหน่อยและยอมเป็นฝ่ายหลบสายตาไปทางอื่นก่อน

"พ่อคุณเป็นคนดีนะครับ.." สมุทรพูดขึ้น  ผมชะงัก  อยู่ดี ๆ  เขาก็พูดอะไรของเขา

"ไม่ว่าเรื่องอะไรจะเกิดขึ้น ผมไม่เอามาปนกันหรอกครับ พ่อคุณเป็นคนดี..พ่อกับแม่ของผมเคยบอกอย่างนั้น แล้วผมก็ไม่คิดว่าคนที่คุมลูกน้องที่เป็นคนนิสัยน่ารักในบ้านหลังนี้ โดยพื้นฐานจะเป็นคนไม่ดีไปได้" สมุทรบอก  รอยยิ้มที่อ่อนโยนบนหน้าของเขาทำให้ผมพูดไม่ออก  บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร  แต่คำพูดตรง ๆ นี้มันเหมือนกับมีใครเอาอะไรมาทุบสิ่งที่ไม่เคยมีออกไปซะดื้อ ๆ เลย

"แม้จะขาดศีลธรรมในบางเรื่องอยู่มากก็เถอะ ผมพยายามไม่มองน่ะนะ" อีกฝ่ายพูดแทรกขยายความ

"หึ..เมื่อกี้ฉันเกือบจะอยู่ร้องไห้แล้วนะ" ผมว่าปนหัวเราะ  สมุทรยิ้มกว้าง

"ฉันไม่ใช่คนดีหรอก" ผมพูด  มีเรื่องอีกเยอะแยะที่สมุทรยังไม่รู้  และผมคิดว่าถ้าเขารู้เขาอาจจะรับไม่ได้มากกว่านี้ก็ได้ 

"ถ้าคัดมาตรฐานคนดีละก็ ฉันไม่มีทางได้เข้ากลุ่มแน่ ๆ" ผมยิ้มบอก

"รู้อะไรไหมครับ.." สมุทรเอ่ย

"คนที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ยังดีกว่าคนที่ไม่รู้จักการกระทำของตัวเองเป็นไหน ๆ" 

"ปลอบอยู่งั้นเหรอ ?" ผมยิ้มกวน  ตาลอยมองหน้าอีกฝ่าย 

"งั้นมั้งครับ" อีกฝ่ายเบะปากยิ้ม ๆ กวนกลับเช่นกัน

“แต่ถึงอย่างนั้น..คนเราไม่ดีก็ไม่มีสิทธิ์แก้ตัวเวลาทำอะไรผิดโดยอ้างว่าตัวเองไม่ใช่คนดี เรื่องไม่ดี..หากรู้ตัว มันเป็นเรื่องที่ควรปรับปรุงน่ะครับ ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นไปจนเป็นเรื่องธรรมดาเพราะความเคยชินของตัวเอง” ผมรับฟังอย่างเปิดรับโดยไม่ทักท้วงใด ๆ 

“มนุษย์เราเกิดมาเพื่อพัฒนาทางด้านจิตใจนะครับ ไม่ใช่วัตถุ” สมุทรอมยิ้มเจ้าเล่ห์คล้ายแซวผม  ผมอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ  ชอบใจที่เขาดันมาปิดเกมแบบนี้

"ผมต้องไปแล้ว" อีกฝ่ายตัดบท

"โอเค" ผมพยักหน้ารับทราบ  เข้าใจว่าการเข้าค่ายมวยตรงเวลาถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด  ผมยกแก้วน้ำสับปะรดขึ้นดื่มจนหมด  สมุทรเองก็ทำเช่นกัน  เขารอรับแก้วเปล่าจากผมเพื่อนำไปเก็บใส่อ่างล้างจานให้  ผมกระโดดลงจากเคาน์เตอร์  ชั่งใจมองคนตรงหน้าว่าจะแกล้งอะไรอีกฝ่ายทิ้งทวนสำหรับวันนี้ดี

"นี่.." ผมเรียก  สมุทรที่กำลังนำผ้าเช็ดมืออยู่หันกลับมามอง

"ฉันมีเรื่องไม่ดี ๆ  อยากสารภาพกับนายไว้อย่าง" ผมทำหน้าเครียด  สมุทรสบตาผมตรง ๆ  เหมือนกำลังตั้งใจฟังด้วยความเห็นใจ 

"แบบว่า..คนที่คิดอยากจับนายแก้ผ้าแล้วพาขึ้นเตียงเนี่ย แบบนี้ยังถูกเรียกว่าคนดีอยู่ได้ไหมนะ ?" ผมถามหน้าซื่อ

"คุณไฟ!" สมุทรอุทานหน้าเหวอ  น้ำเสียงของเขามันดังจนทำเอาผมขำก๊ากออกมา

"หมายถึงชวนให้นอนเป็นเพื่อนต่างหากเล่า ก็..อากาศมันร้อน คิดอะไรของนาย" ผมยักคิ้ว

"คุณนี่มัน.." สมุทรกัดฟันแน่น  ทำท่าเหมือนจะต่อว่าผมแต่ก็ดันไม่พูดออกมา 

"ผมขอถอนคำพูด" เขาพูดเสียงแข็ง

“ทั้งหมดเลยเหรอ ?” ผมเหวอ

“ทั้งหมดเลยครับ” อีกฝ่ายย้ำ 

"แย่จัง" ผมแสยะปากทำหน้าเศร้า  สายตาของอีกฝ่ายดุปรามมาไม่หยุด   

"คร้าบ ๆ  งั้นเจอกันพรุ่งนี้” ผมยิ้มบอกพร้อมโบกมือยอมความ  เราเงียบมองหน้ากันแต่ดูเหมือนเขาจะรู้ทันว่าผมยังไม่หมดมุกดี

“แบบว่า..ฉันจะรอเจอหน้านาย อย่างใจจดจ่อเลย" ผมขยิบตาบอกด้วยน้ำเสียงทะลึ่ง ๆ  ไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ขึ้นเสียงต่อว่ากลับผมก็เดินหนีออกมาทันทีเลย


- - - - - - - - - - - - - - -


20:30 น. : บ้านเลิศประสงค์

"เหมาะเจี๊ยะ!!!" พายุยิ้มกว้าง

“แม่งเอ๊ย!" ผมสบถเซ็ง ๆ  เล่นไพ่นกกระจอกกันทีไร  ทั้งผม  ทั้งพี่ธานยังไม่เคยมีใครเอาชนะพายุได้เลยสักที 

"เลิก!" ผมกวาดไพ่กระจายเต็มโต๊ะ  ทุกคนหัวเราะ

"แพ้แล้วพาล" พายุบ่นอุบอิบ  กวาดเงินส่วนของผมและของพี่ธานไปยิ้ม ๆ  เริงร่าอย่างกับหมาเห็นกระดูก

"นวด ๆ" พายุตบบ่าตัวเองสองสามที  พี่ธานหัวเราะ  ไอ้ดินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  รีบลุกขึ้นไปนวดให้พี่ชายมันทันควัน  ผมเอนหลังพิงพนักโซฟายิ้ม ๆ

"เอาไปนะ อั๊วให้" พายุว่า  มันทำเสียงแปร่ง ๆ  ติดสำเนียงจีนพร้อมกับยื่นเงินให้ไอ้ดินไปห้าร้อย

"พายุจะมีแข่งปิงปองอีกเมื่อไหร่" พี่ธานถาม

"เดือนหน้าฮะ" พายุตอบ  ทั้งคู่ช่วยกันเก็บไพ่เข้ากล่องอย่างเดิม 

"พี่ธานกับเฮียจะไปดูไหม" มันถาม

"รอบชิงค่อยดู เสียเวลาเข้าห้องน้ำ" ผมเบ้ปาก  ตามองรายการการแข่งขันสนุกเกอร์บนหน้าจอทีวีตรงหน้า

“กวน...” พายุกัดฟันด่าโดยทิ้งน้ำเสียงละไว้ในฐานที่เข้าใจ

"พี่ธานไปดูไหม" พายุถามซ้ำคงเพราะสิ้นหวังจากผม

"ไปอยู่แล้วครับ" พี่ธานยิ้มตอบ  รายนี้รักน้องเป็นบ้าอยู่แล้ว

"งั้นดินไปกับพี่ธานด้วย" ไอ้ดินบอก

"นายครับ" ไอ้เข้มเดินเข้ามา  ผมกลอกตามองหน้ามัน

"นี่รูปเจ้าของตลาดหนึ่งมิตรครับ" ไอ้เข้มก้มตัวเข้ามาใกล้  มันยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ผมทั้งสองมือ  ในซองมีรูปหน้าตาของเจ้าของตลาดอยู่สี่ใบและรูปของพนักงานในตลาดทั้งหมด

"เจ้าของตลาดเป็นคนสั่งให้น้าน้อยทำจริง ๆ ครับ" ไอ้เข้มบอก  ผมนำรูปใส่กลับเข้าไปในซองอย่างเดิมก่อนยื่นให้พี่ธาน 

"ไม่รู้จัก" ผมพูดลอย ๆ  คิดย้อนหลังกลับไปในอดีตว่าเคยรู้จักกับพวกนี้มาก่อนหรือไม่

"ดิสเครดิตตลาดเรา กำจัดคู่แข่งงั้นเหรอ สมัยนี้..อะไรแบบนี้ยังมีอีกรึไง" พายุพูดแกมบ่น  คำพูดมันทำให้ผมหัวเราะ

"นายจะให้ผมทำยังไงต่อครับ" ไอ้เข้มถาม

“ผู้บริหารล่ะ หุ้นในตลาดมีใครบ้าง ไอ้สุพจน์นี่เป็นเจ้าของคนเดียวเหรอ” ผมถาม 

“จากที่ทราบเหมือนกับว่าจะหุ้นกับญาติพี่น้องนะครับ” มันตอบ  ผมเงียบลงครู่หนึ่ง

“ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นหนี้ที่ไหนบ้างรึเปล่า แล้วมันรู้จักกับใครที่เป็นศัตรูของเราไหม” ผมพูด

“ได้ครับ” ไอ้เข้มผงกหัว

"ไปพักผ่อนเถอะ" ผมบอก  ไอ้เข้มขานรับก่อนเดินออกจากห้องไป

"เฮีย..โทรศัพท์" ไอ้ดินชี้มือไปที่โทรศัพท์มือถือของผมที่วางอยู่ข้าง ๆ กับโทรศัพท์บ้าน  มันน่าจะสั่นมาได้แป๊บนึงแล้ว

"รับสิ" ผมสั่งส่ง ๆ  เพราะขี้เกียจจะเอี้ยวตัวไปดู  ไอ้ดินรีบกระโดดมาหยิบโทรศัพท์ไปกดรับให้ทันควัน

"สวัสดีครับ ผมดิน..น้องเล็กของบ้านพูดสายแทนเฮียไฟอยู่คร้าบ" ไอ้ดินพูดทักเสียงใส 

"หึ ๆ" พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ 

"พี่พลอย" ไอ้น้องเล็กบอกพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้  ผมรับมา

"ผมขึ้นห้องแล้วนะ" ผมบอกพี่ธาน

"อย่านอนดึกล่ะ" ผมหันไปสั่งเสียทั้งพายุและไอ้ดินทิ้งท้ายก่อนออกมา

"สวัสดีค่ะคุณไฟ" พลอยทัก  ใช้น้ำเสียงและคำพูดประชดประชันนิด ๆ

"หึ..มีอะไร" ผมยิ้ม  ผมไม่ได้ติดต่อกับพลอยมาตั้งแต่วันที่เธอส่งข้อความมาบอกผมว่าเธอติดต่อกับสมุทร  ส่วนเธอเองก็เงียบ ๆ ไปด้วย

"ช่วยอะไรหน่อยสิ" ปลายสายพูด

"อะไร ?" ผมถาม  รู้สึกแปลกใจนิด ๆ  เพราะปกติเธอไม่ค่อยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากผมนัก

"ฉันอยากชวนสมุทรออกไปกินข้าวด้วยกันพรุ่งนี้น่ะ แต่เห็นว่าอีกฝ่ายบอกว่าวันอาทิตย์ก็มีงานเทรนเนอร์"

"แล้วไง..?" ผมย้อน

"ก็..พลอยอยากให้ไฟอนุญาตให้เขาหยุดงานพรุ่งนี้ให้หน่อย" พลอยทำเสียงอ้อนนิด ๆ

"อีกฝ่ายสั่งเธอมาเหรอ" ผมถามกลับ

"เปล่า ฉันจะได้ไปบอกเขาไงว่าเธออนุญาตให้หยุดแล้ว เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่กล้าโทรมาขอลางานกับเธอเพราะออกไปกับฉันอยู่ดีใช่ไหมล่ะ" พลอยว่า  ผมเงียบฟังเพราะก็จริงอย่างที่เธอว่า

"ไฟ"

"อะไร" ผมขานห้วน ๆ

"ให้สมุทรหยุดเถอะนะ วันอื่นฉันไม่ว่างเลย มีแค่วันพรุ่งนี้ที่ว่างแค่วันเดียวเอง วันจันทร์ก็ต้องไปภูเก็ตแล้วด้วย..นะ" พลอยขอร้อง

"ก็ตามใจเธอสิ" ผมตอบ  ถอนหายใจบางเบาคิดว่าปลายสายคงไม่ได้ยิน 

"........" อยู่ ๆ พลอยก็เงียบไป  ผมเองก็เงียบด้วย  ไม่มีอะไรจะพูด 

"งั้น..แปลว่าอนุญาตแล้วนะ" เธอย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง

"อนุญาตแล้วครับ" ผมย้ำบอกเธอ  ปลายสายหัวเราะคิกคักเบา ๆ  ชอบใจ

"แค่นี้ใช่ไหม" ผมถาม

"อื้อ ขอบคุณนะ" พลอยตอบเสียงใส  ผมได้ยินอย่างนั้นเลยตัดสายลง  ทิ้งโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงด้วยอารมณ์จืดชืดบอกไม่ถูก  และไม่ต้องการลำดับเหตุการณ์ด้วยว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันไปถึงไหนแล้วบ้าง  ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง  ตาเหลือบมองไปที่จอโทรทัศน์สีดำมืด  จะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทก็ยังขี้เกียจเลย



ตืด  ๆ  ๆ 

"เฮ้อ!" ผมถอนหายใจแรง  หันหน้าไปมองโทรศัพท์อีกครั้งอย่างนึกหงุดหงิด  คิดว่าเป็นสายจากพลอยเข้ามาอีก  พอเห็นว่าปลายสายไม่ใช่พลอยและเป็นคนที่เพิ่งเคยโทรมาครั้งนี้ครั้งแรก  ผมถึงกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งผึงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแทบจะทันที

"ฮัลโหล" ผมพูด 

"สวัสดีครับ เอ่อ..คุณไฟครับ" สมุทรทักมา 

"อืม" ผมขานตอบในลำคอ  แล้วนี่กูตื่นเต้นทำไม

"คุณพลอยโทรมาบอกผมว่าคุณไฟ อนุญาตให้ผมหยุดงานวันพรุ่งนี้หรือครับ" สมุทรถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ 

"ใช่" ผมตอบ  น้ำเสียงเดิมเรียบ ๆ คงเดิม  ปลายสายเงียบไปครู่

"ทำไมละครับ คือผมไม่ได้.." อีกฝ่ายเอ่ย

"ก็เธอโทรมาขอฉันตรง ๆ  ว่าอยากให้พรุ่งนี้นายหยุด" ผมพูดแทรก 

"ถึงงั้น..นายปฏิเสธพลอยไปแล้วรึไงล่ะ" ผมถามลองเชิง   

"เปล่าครับ" สมุทรตอบเสียงเบาลง

"หึ.." ผมหัวเราะ 

"ช่างมันเถอะ หยุดงานวันเดียวไม่เป็นไรหรอก" ผมบอกปัดเพื่อให้อีกฝั่งสบายใจ  เขาดูเป็นคนจริงจังกับการทำงาน  ดังนั้น..ก็คงห่วงหน้าพะวงหลังเป็นธรรมดาละมัง 

"ขอบคุณครับ" สมุทรพูด

"งั้นเท่านี้นะครับ ขอโทษที่ผมต้องโทรมารบกวนดึกดื่น"

"อืม" ผมตอบในลำคอด้วยน้ำเสียงโทนเดิม  รอจนปลายสายวางสายไปก่อน   

"รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนดีในรอบสิบปี" ผมบ่นใส่หน้าจอโทรศัพท์ขำ ๆ


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 23 [ 23:05 น. - 5 ส.ค 59 หน้า 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-08-2016 13:20:31

วันอาทิตย์ : ค่ายมวย 

"ตามตารางแล้ว คุณไฟมีอะไรอยากแก้ไขไหมคะ" พี่นีถาม 

"ไม่มีครับ ผมชอบ" ผมตอบ 

วันนี้ลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าตั้งแต่เช้ามืด  อบอุ่นร่างกายและออกวิ่งพร้อม ๆ กับลูกน้องในค่าย  พายุกับไอ้ดินก็มาด้วย  เราวิ่งกันเกือบยี่สิบกิโล  เป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลกว่าปกติ  เสร็จจากการวิ่งก็ลงซ้อมพร้อมกับทุกคน  หลังจากที่ผมซ้อมเสร็จ  ล้างหน้าล้างตาลวก ๆ  และเลือกที่จะปล่อยตัวให้เหงื่อแห้งไปเอง  ระหว่างที่ฆ่าเวลาพักเหนื่อยจึงเข้ามาเคลียร์งานในออฟฟิต  วันนี้พนักงานจากต่างสาขาก็มาด้วยเนื่องจากพี่นีนัดให้พนักงานทุกคนมาประชุมใหญ่ก่อนเดินทาง

"โรงแรมนี้สวยดีนะ" ผมพูดกับพี่ธานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  โรงแรมแต่ละที่ ๆ พี่นีคัดมาให้ผมเลือก  โดยก่อนหน้านี้ผมได้เลือกหนึ่งในรายชื่อแล้ว  เสร็จจากนั้นพี่นีก็ติดต่อไปกับทางโรงแรมเพื่อขอรับเอกสารเพิ่มเติม  ซึ่งผมเพิ่งได้ดูรูปภาพโดยรวมจริงเพิ่มในวันนี้เอง 

"ครับ" พี่ธานเห็นด้วย 

"คุณไฟจะให้รุ่งนำหน้าไปก่อนพร้อมกับพวกเราแน่นอนใช่ไหมคะ" พี่นีถามถึง

"ใช่ครับ ผมกับพวกพี่ธานจะตามไปวันเสาร์เช้า" ผมตอบ  ทุกคนพยักหน้ารับ
 
"แล้ว..สมุทรล่ะคะ ?" พี่นีถามอีก

"สมุทรจะไปพร้อมพวกผม" ผมพูด

“โอเคค่ะ” เธอผงกหัวรับทราบ

"อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายของโรงแรมทั้งหมดนะคะคุณไฟ" พี่นีจัดการยื่นเอกสารมาให้โดยทันที  ผมถอนหายใจแต่ก็รับมาอ่านอย่างละเอียด  ระหว่างนั้นพี่นีก็ชี้แจงเรื่องต่าง ๆ  ให้กับพนักงานแต่ละสาขาได้ฟัง   

ปกติถ้าพนักงานเพิ่งเข้าทำงานใหม่  ผมจะคอยตรวจสอบข้อมูลหลังจากที่อีกฝ่ายหามาให้เสมอ  อย่างเช่น  ค่าใช้จ่ายโรงแรม  ค่าเดินทาง  ค่ากินอยู่ของคนในค่าย ฯลฯ  ผมให้พนักงานรับงานไปทำก็จริงแต่หลายครั้งผมจะสุ่มตรวจด้วยตัวเองโดยไม่บอกอีกฝ่ายว่าราคาที่เขานำมาให้ผมเซ็นเช็คนั้นมันถูกต้องหรือไม่  โกงกันหรือเปล่าอะไรทำนองนั้น  ซึ่งที่ผ่านมาพี่นีไม่เคยมีประวัติเสียหายเลย  จากที่เคยแอบสุ่มตรวจบ่อย ๆ  เดี๋ยวนี้จึงกลายเป็นนาน ๆ ที  ผมถือว่าพี่นีทำงานได้ดีมาโดยตลอด  หาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้กับค่ายของผมเสมอ  ซื่อสัตย์ต่อที่ค่าย  ผมชอบการทำงานของเธอมากพอสมควรเลยนะครับและไม่รู้ด้วยว่าหากไม่มีเธอ  ผมจะโชคดีได้คนแบบนี้มาร่วมงานอีกรึเปล่า   

"ห้องของเราห้องตั้งเกือบสองหมื่นเลยเหรอ" ผมขมวดคิ้วนิด ๆ  แต่พี่ธานกลับเห็นเป็นเรื่องน่าหัวเราะ

"นับวัน..คุณยิ่งเหมือนคุณท่านขึ้นทุกวันแล้วนะครับ" พี่เขายิ้มน้อย ๆ  สงสัยหมายถึงความขี้เหนียว

"พี่นีครับ อันนี้ราคาลดให้แล้วเหรอ" ผมถาม  เพราะก่อนหน้านี้เคยเปิดดูทางหน้าเว็บไซต์ของโรงแรมแล้วดูเหมือนจะราคาสูงกว่านี้

"ใช่ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ" พี่นีเดินก้มลงมองมาเหมือนกลัวว่าจะมีปัญหา 

"เปล่าหรอกครับ ลดราคากว่านี้ไม่ได้เหรอ เห็นราคาแล้วรู้สึกอยากนอนรวมกับคนในค่ายขึ้นมาตงิด ๆ" ผมบ่นติดตลกไปงั้นแต่ถ้าได้ก็ดี  ทุกคนได้ยินถึงกับหัวเราะ

"แต่ถ้าไม่เอาห้องนี้ก็ไม่ได้ซะด้วยนี่นะครับ คุณพายุคงไม่ยอมหรอก" พี่ธานพูด 

“มีน้องนี่มันลำบากจริง ๆ” ผมบ่นพลางอมยิ้มนิดหน่อย  หยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเพื่อเซ็นจ่ายค่าโรงแรมให้เรียบร้อย 
 
"นี่ครับ ฝากด้วย" ผมบอกเธอ  พี่นีขานรับพร้อมรับเช็คไปอย่างนอบน้อม

"อันนี้ค่าเดินทางค่ะ" เธอจัดการส่งยอดต่อไปมาให้ผมในทันที  ทุกคนในห้องที่มองอยู่พากันหัวเราะอีกครั้งที่เห็นสีหน้าเซ็งจัดจากผม 

"เอาน่า..นายน้อย" พี่ธานเข้ามาบีบนวดขาให้ผมแซว ๆ

"จิ พี่น่ะหุบปากไปเลย" ผมยิ้มว่าเพราะดันรู้สึกเขินขึ้นมา
 
"รถทัวร์หนึ่งคัน รถตู้หนึ่งคัน" ผมอ่านรายละเอียดของรถ

"โอ้ รถแบบใหม่เหรอครับ" พี่ธานอุทานเมื่อเห็นภาพรถทัวร์คันแปลกตากว่าปีก่อน ๆ  รูปทรงใหม่สวยหรูทีเดียว

"ค่ะ..บริษัทบอกว่าเพิ่งซื้อรถใหม่เข้ามาเดือนที่แล้วเอง" พี่นียิ้มตอบ

"กำชับไปรึเปล่าครับว่าขอพนักงานขับรถประสาทปกติน่ะ" ผมขมวดคิ้วพูดประชดไปที  เพราะหลายครั้งที่เดินทางกับค่ายก็เจอมาเยอะ  ครั้งหนึ่งเคยเจอแย่ที่สุดเลยเมื่อสองปีก่อน  ขับรถได้ส้นตีนมาก ๆ  พายุที่ปกติควบคุมอารมณ์ได้ค่อนข้างดี  มันเคยด่าคนแปลกหน้าบนท้องถนนอยู่ครั้งหนึ่งว่า “คนขับรถส้นตีน คือคนขับรถส้นตีน” ซึ่งผมก็เห็นด้วยอยู่บ้างในบางครั้งน่ะนะ

"เรียบร้อยแล้วค่ะ" พี่นีตอบพลางหัวเราะ

"ห้าหมื่นห้า" ผมกัดฟันเซ็นเช็คออกไปอีกใบ 

“เอ่อ ขอเบิกเงินสดค่าน้ำมันด้วยค่ะคุณไฟ” พี่นีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  ผมนิ่งมองหน้าเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่า  เสียงหัวเราะจากพี่ธานอยู่ข้าง ๆ หู

“พักร้อนไงครับ” อีกฝ่ายเข้ามากระซิบเป่าหูผม 

“พี่นี่เหมือนไอ้เด่นเข้าไปทุกทีแล้ว” ผมว่าพร้อมเอาศอกดันตัวพี่ธานออกอย่างรำคาญ

“ผมต้องลดตัวไปเหมือนมันด้วยเหรอครับ” อีกฝ่ายว่า  ผมหัวเราะหยิบเงินสดที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋า  นับให้พี่นีไปสองหมื่นบาท  ค่าใช้จ่ายเรื่องค่าน้ำมันไม่น่าจะถึงแต่ให้เงินก้อนไว้เลย  คิดเหลือดีกว่าขาด

“จดบัญชีมาให้ผมหลังจบงานด้วยนะครับ” ผมสั่งเสีย

“ได้ค่ะ” พี่นีรับเงินยิ้ม ๆ 
 
"ถ้าไอ้นพแพ้ ผมจะเอาศพมันหมกใต้ท้องรถทัวร์นี่แหละ" ผมหันไปบอกพี่ธานด้วยสีหน้าจริงจัง   

"ฮ่า ๆ ๆ" พี่ธานหัวเราะร่า  เมื่อหมดหน้าที่ของผมแล้วผมจึงขอตัวออกมา  ให้พวกพนักงานได้ทำงานไปได้สะดวก 

"ดูเหมือนก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะ" ผมพูด  ยืนเท้าเอวมองไปรอบ ๆ บริเวณค่าย  ตั้งแต่ให้คนคอยสังเกตการระหว่างค่ายมวยทุกสาขาของผมและเรายังทำงานได้อย่างราบรื่นดี

"ยิ่งเงียบ ยิ่งไม่น่าไว้ใจ" พี่ธานพูด  ผมยิ้มเพราะก็เห็นด้วย  สายตาของอีกฝ่ายเหล่มองมา  ผมจึงเหล่ส่งสายตาด้วยความหมายเดียวกลับไปให้

"คุณยังสนุกอยู่เลยนะครับเวลาที่มีเรื่องทำนองนี้" พี่ธานพูดไม่มองหน้าผม

"ก็พี่ดูสนุกอะ" ผมกวน  พี่ธานหันกลับมายิ้มกว้าง  ผมยักคิ้วให้ 

"ทำไมวันนี้สมุทรหยุดละครับ" อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องโต้ง ๆ  ผมเมิน  ก้มลงหยิบรองเท้าวิ่งมาใส่

"มีอะไรรึเปล่าครับเนี่ย" พี่เขาซักด้วยสีหน้าเป็นห่วงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง  ใส่รองเท้าเสร็จจึงนั่งเงียบเบือนหน้าไปคนละทาง  แต่พี่ธานกลับยังยืนจ้องผมไม่เลิก

"เมื่อคืนพลอยโทรมาขอให้หมอนั่นลางานออกไปกับเธอน่ะ" ผมตอบตัดรำคาญไปที  ประโยคเดียวที่น่าจะอธิบายทุกอย่างให้พี่ธานเข้าใจได้เคลียร์ทั้งหมด 

"แล้วคุณก็ยอม ?" พี่ธานขึ้นเสียงนิด ๆ  ด้วยความแปลกใจ

"แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง" ผมหลุดหัวเราะ  ลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับพี่ธานที่มีสีหน้าตะลึงอึ้งไปแล้ว

"ผมไม่ใช่เจ้าของชีวิตเขานะ ตามจริงแล้วผมเป็นแค่เจ้านาย"

"ทำไมคุณไม่ทำอะไรสักอย่างละครับ ทำไมปล่อยไว้แบบนี้" พี่ธานยิ้มอ่อน

"ผมพยายามหยอดหมอนั่นตั้งหลายครั้งแล้ว บอกตามตรงนะ..ถ้าเจ้าตัวจะไม่รู้บ้างเลย ไม่เรียกว่าซื่อบื้อก็เข้าขั้นโง่เลยล่ะ" ผมว่าพร้อมผายมือออกอย่างไม่คิดมาก

“ถ้าสมมุตผมทำแบบที่ผมทำกับสมุทรกับไอ้เด่นละก็ ป่านนี้ผมคงได้เสียกับไอ้เด่นไปนานแล้วแน่ ๆ” ผมกระแทกเสียงอธิบาย

“ด้วยความเคารพ..คุณเอาไปเปรียบเทียบกับไอ้เด่นได้ยังไงครับ ไอ้นั่นมันบ้า” พี่ธานย้อนเสียงหลงเช่นกัน

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  ขำหน้าพี่ธาน  ผมเท้าเอวยืนมองพี่ธานยิ้ม ๆ  อีกฝ่ายทำหน้าซีเรียสอย่างกับว่านี่คือเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนั้น

"ไม่มีผู้ชายคนไหน ถ้าไม่สนใจแล้วมานั่งมองอีกฝ่ายตลอดเวลาที่มีโอกาสหรอกน่า" ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติคงเดิม

ใช่ครับว่าผมสนใจสมุทร  แต่พื้นฐานของความจริงบนโลกนี้โดยเฉพาะกับการอยู่ในประเทศไทยด้วยแล้ว  เราต้องดูอีกฝ่ายด้วยว่าเขามีท่าทีอย่างไร  โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่เคยชอบกับผู้ชายมาก่อนในชีวิต  คนเรานิสัยไม่เหมือนกัน  เกิดมาร้อยพ่อพันแม่และต่างสังคม  ความคิดความอ่านก็ต่างกัน  จะให้ผมวัดสมุทรจากมุมมองของผมซะหมดทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้  และจะให้เอาความคิดของอีกฝ่ายมาใส่ในหัวของผม ๆ ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

.. มากไปกว่านั้น การทำตัวหมาหยอกไก่ใส่อีกฝ่ายก็เพื่อการไว้หน้าเราทั้งคู่  แน่นอนว่าผมคิดว่าสมุทรเองก็น่าจะพอสะกิดใจอยู่บ้าง  ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตั้งคำถามกับผมเมื่อมีโอกาส  อีกอย่างคงจะไม่มีผู้ชายปกติทั่วไปคนไหนมาคอยพูดหรือทำสายตาแปลก ๆ  ใส่ผู้ชายด้วยกันแบบที่ผมปฏิบัติกับเขา  แต่ทั้งอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังนิ่งเฉยเพราะความเป็นคนใจเย็นเป็นพื้นฐาน  บอกตามตรงว่ามันทำให้อ่านปฏิกิริยาออกได้ค่อนข้างยากมากทีเดียว  และยิ่งผมแคร์มันก็ยิ่งทำให้ผมลังเลที่จะตีความหมาย 

"ถ้าคุณคิดว่าเขาซื่อบื้อ งั้นก็พูดไปตรง ๆ เลยสิครับ" พี่ธานแนะนำ

"พูดไปตรง ๆ ?" ผมทำหน้าประหลาดใส่พี่ธาน  พี่เขาพยักหน้ายิ้มให้

"ผมบอกแล้วนะ สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวานนี้เลย..ผมพูดโคตรตรงเลยว่าอยากพาเขาแก้ผ้าขึ้นเตียง" ผมเล่าหน้าตาย

"คุณไฟ! ผมก็บอกแล้วไงครับว่าให้คุณเลิกพูดสองแง่สองง่าม" พี่ธานขึ้นเสียงถลึงตาโต

"ก็มันอดไม่ได้นี่นา" ผมพูดปนหัวเราะ

“ก็หมอนั่น..เวลากลั้นอมยิ้ม น่ามองเป็นบ้า” ผมยิ้มยอมรับผิดแต่โดยดีทำให้พี่ธานหลุดหัวเราะเช่นกัน

"พี่ใหญ่ครับ ผู้ชายจะรู้สึกดีเหรอครับที่มาถูกเพ่งเล็งจากผู้ชายด้วยกันน่ะ" ผมเลิกคิ้วเปิดประเด็นที่ค่อนข้างซีเรียส  พี่ธานนิ่งไป 

"ขนาดพวกเราเอง เวลาที่ถูกใครชอบจริงจังขึ้นมา..ก็ยังปฏิเสธอีกฝ่ายโจ่งแจ้งเลย" ผมรำลึกความหลัง 

"ก็นะ..ก็พวกเรามันคนนิสัยไม่ดีนี่ครับ" พี่ธานพูด

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะลั่น

“ผมก็แค่ เห็นว่าคุณสนใจเขากว่าคนอื่น ๆ จริง ๆ” พี่ธานพูดด้วยใบหน้าจริงจัง  ผมนิ่งลง

"เอาเถอะน่า พี่จะมาเครียดแทนผมทำไม ผมก็ไม่ได้ชอบขนาดจะต้องเจียนตายสักหน่อย" ผมปัดไปที  ถึงแม้อาจจะต้องรู้สึกเซ็ง ๆ อยู่บ้างถ้าคนที่สนใจถูกแย่งไปต่อหน้าต่อหน้า  แต่ก็ต้องยอมรับละนะ

"ไปแต่เนิ่น ๆ  ไม่ถลำลึกอะไรแบบนั้น ?" พี่ธานเดา  ทำน้ำเสียงคล้ายประชด  ผมยักไหล่ตอบ 

"สมุทรดูเป็นคนดีโดยพื้นฐานนะครับ ผมว่า..เขาน่าจะมีวิธีการรับมือในการปฏิเสธคุณแบบไม่ให้คุณเจ็บปวดอยู่แน่ ๆ" อีกฝ่ายอมยิ้มเจ้าเล่ห์  ผมมองค้อนทันทีที่ได้ยิน

“พี่กำลังยุให้ผมจีบเขาแบบจริงจัง แต่อีกนัยยะนึง..พี่ก็ไม่แน่ใจว่าผมจะจีบติดรึเปล่า แต่อย่างนั้นพี่ก็ยังยุผมงั้นเหรอ น่าสนใจจริง ๆ” ผมพูดเสียงเย็นลงเรื่อย ๆ  พี่ธานมองผมด้วยสายตาหวาดระแวง

"ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่า..." ผมพูดพลางทิ้งลมหายใจเบา ๆ  อีกฝ่ายก้าวขาไปด้านหลังอย่างเนิบช้า

"ผม.. ไม่ได้ลงไม้ลงมือกับพี่เพราะเห็นถึงความเป็นพี่เป็นน้องตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมหุบยิ้มลง

"คุณไฟครับ" พี่ธานผายมือห้ามเตือนยิ้ม ๆ  ทันทีที่ผมปล่อยหมัดออกไปไม่ฟังเสียง  อีกฝ่ายก็เบี่ยงตัวหนีได้ในทันที  ผมแสยะปากมองเป้าหมายอย่างรู้สึกหมันเขี้ยวขึ้นมาพร้อมเหวี่ยงหมัดซ้ายชกเข้าที่ลำตัวอย่างไม่ยั้งแรง  พี่ธานถอยเซไปทางด้านหลัง  เราต่างยิ้มให้กัน   

"พี่กล้าเดินหนีผมงั้นเหรอ" ผมพูดเสียงเย็น  อีกฝ่ายชะงักเขิน ๆ  เราประชันหน้ากันอีกครั้ง

“ผมเตือนพี่หลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าพี่ปากชักเหมือนไอ้เด่นเข้าไปทุกที” ผมชี้หน้าคาดโทษ  พี่ธานกลั้นหัวเราะ  อีกมือหนึ่งก็กุมท้องตัวเองไว้  ผมพุ่งเข้าหาพร้อมล็อกคอพี่ธานกดเข้ามาอย่างแรง  อีกฝ่ายไม่หลบแล้วและปล่อยให้ผมปล้ำมวยได้สบาย ๆ

"อุก!" เจ้าตัวตัวงอแน่นิ่งไปเมื่อถูกผมตีเข่าเข้าที่ล้ำตัวซ้ำ 

"เอาจริงเหรอครับเนี่ย" พี่ธานร้อง  ผมฉีกยิ้มอย่างพอใจ  ลำแขนกอดคอพี่เขาไว้จนแทบขยับตัวหนีไม่ได้

"นายทำอะไรพี่ใหญ่ครับ!" ไอ้รุ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับไอ้เข้มและไอ้เด่น 

"ลูกพี่มึงปากเสียไง!” ผมด่ากลับเสียงดัง  นักมวยในค่ายต่างหันมามอง 

“พวกมึงมาก็ดีแล้ว..” ผมเอ่ยเสียงเย็นพร้อมเหวี่ยงตัวพี่ธานออก  ไอ้เข้มรีบเข้ามารับตัวลูกพี่ของมันไป 

“มาโดนด้วยกันให้หมดนี่เลย!" ผมสบถ  พอทำท่าจะวิ่งเข้าหา  พวกมันก็พากันประสานเสียงว่า “ขอโทษครับ” แล้ววิ่งกระจัดกระจายกันไปคนละทาง  รวมถึงไอ้เข้มก็ทิ้งพี่ธานปล่อยไว้ให้ผมด้วย 

"ไอ้พวกปัญญาอ่อน เอะอะโวยวายกันไปหมด" ผมบ่นไล่หลังยิ้ม ๆ   

"อารมณ์ดีแล้วสินะครับ" พี่ธานทัก  ผมหันควับไปมองอย่างไม่เข้าใจ  อีกฝ่ายยกมือขึ้นเหมือนขอยอมแพ้พร้อมเดินออกไปตั้งหลักไกลจากผมพอสมควร

"ก็คุณดูหงุดหงิดมาตั้งแต่เช้าแล้ว" พี่ธานยิ้มบอก

"พี่เองก็ปากมากอย่างที่ไอ้โปรดว่าจริง ๆ นั่นแหละ" ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ

“ก็ผมเป็นมือขวาคุณนี่ครับ” พี่ธานอมยิ้มเจ้าเล่ห์

“คนแบบพี่น่ะ โดนไอ้โปรดสักทีนึงก็น่าจะดีมั้ง” ผมแสยะยิ้มยักคิ้วขู่

“ทำไมคุณต้องพูดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นกับผมด้วยครับ” พี่ธานบ่นหน้าเครียดทำเอาผมหลุดหัวเราะดังลั่นกับปฏิกิริยาที่ได้รับในทันที



..........(ไฟ).........


ที่จริงอยากต่อตอนนี้ให้นานแล้ว  แต่ผู้เขียนเพิ่งพื้นคืนชีพจากอาการป่วยเลยเพิ่งเสร็จ  :impress3:  สำหรับตอนที่ 25 อาจจะมาต่อได้อีกทีน่าจะนานกว่า 5 วันเลยนะคะ  ขอบคุณค่ะ  ..เบบี้ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-08-2016 15:21:37
เมื่อไรเขาจะจีบกันแบบจะ จะ  ซะที



คุณไฟก็หยอดแบบไม่จริงจัง สมุทรก็ทำซึนไม่รู้ไฒ่ชี้



ชะนีรอบตัวสมุทรก็ยิ่งเยอะ



เดี๋ยวคุณไฟก็ไม่ ทันชะนีแต่ละนางหรอก



สมุทรนี่เสน่ห์ล้นเหลือ



ชอบพี่ธารตามใจพายุจัง น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 10-08-2016 15:36:44
ไฟกับสมุทรนี่จะโป๊ะเช๊ะกันเมื่อไหร่ง่ะ 555555

ไฟก็ได้แต่หยอดไปเรื่อยๆสินะ เฮ้อ 

เชียร์ธานโปรดด้วยนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-08-2016 16:19:39
อยากให้คุณไฟโดนสมุทร...อย่างจริงจริงจังจัง :hao6:  :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-08-2016 16:40:30
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 10-08-2016 19:24:50
อืมมมมมม.

บางทีก็รู้สึกว่าสมุทรแคร์ ไฟ นะ
แต่ก็อย่างว่าแหละ นิ่งเกิ๊นนน
พูดขนาดนั้น ยังนิ่งได้ ก็นะ...
รอได้เสมอจ้าาา.  หายป่วยแล้ว ขอให้ฟื้นไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-08-2016 19:46:08
ควรสงสารไฟหรือสมุทรดี555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 10-08-2016 22:18:06
เนื้อเรื่องไม่ไปไหนเลยอ่า กะสมุทรก็ไม่เหงมีท่าทีอะไร
คือสมุทรเป็นพระเอกแน่หรอ สงสารไฟเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 10-08-2016 22:28:22
มารอดูความเจ้าเลห์ของไฟ ว่าจะถูกสมุทร สาดจนเย็นเป็นน้ำแข็งเมื่อไหร่  :hao6:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ หนูบี้  รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 10-08-2016 22:42:06
 :mew1: :mew1: ชอบๆ ไฟหยอดบ่อยๆเลย อยากรู้ว่าสมุทรจะจัดการยังไง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 10-08-2016 23:25:33
ไฟรุกสมุทรขนาดนี้ แต่ยังนิ่งได้ สุดยอดมาก  อยากเห็นเวลาเป็นแฟนกันจะสวีทแบบไหนนี่ยังจินตนาการไม่ออกเลย  :serius2:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 11-08-2016 00:07:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-08-2016 01:57:01
"ผมก็ไม่คิดว่าคนที่คุมลูกน้องที่เป็นคนนิสัยน่ารักในบ้านหลังนี้ โดยพื้นฐานจะเป็นคนไม่ดีไปได้" สมุทรบอก  ....

สารภาพได้ว่าอ่านตอนนี้แล้วมันดีกับใจเหลือเกิน ลุ้นกับคุณไฟในทุกๆประโยค  ชอบเวลาที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน เคมีดูเข้ากันมาก แอบห่วงความรู้สึกกันและกัน

มีความสุขมากๆเลยค่ะ ขอบคุณเบบี้นะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 11-08-2016 07:10:56
ยังเชียร์คู่นี้อยู่นะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 11-08-2016 08:10:27
ไฟนี่เจ๋ง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-08-2016 08:38:13
ไฟ เอาจริงแล้วใช่ไหม หยอกแกมหยิกนะคะ สมุทรเหวอขั้นสุด

5555 สมุทรรู้ทัน รู้ทางตลอด แต่ก็อึ้งตอนโดนยิงตรง ก็ปกติไหมอะ

ไฟขี้หวง ขี้หึงนะนั่น ขนาดแค่ชอบนะ ยังไม่ได้คบ แถมตัวเองเปิดทางให้คนอื่นเองด้วย
ถ้าคบกันแล้ว สมุทรคงเดี้ยง 5555 เพราะไฟไม่ยอม

สมุทรฮอตไปนะคะ ใครเจอก็อยากเข้าหานะ แย่แน่ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 11-08-2016 09:06:14
คุณไฟเข้าโหมดจริงจังได้แล้วฝฝว
เอาแบบบอกไปเลยว่าสนใจจะจีบเงี้ย
แล้วบอกไปเลยไม่อยากให้ไปกะคุณพลอยอ้ะ
เข้าโหมดตริงจังได้แล้วน้า
อยากเห็นตอนรักกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 11-08-2016 09:19:55
เมื่อไหร่ไฟจะเอาจริงซักที ทำเป็นหมาหยอกไก่อยู่นั่นแหละ
สมุทรอาจจะรอให้ไฟพูดแบบจริงๆจังๆอยู่ก็ได้ พอดีสุนัขจะคาบไปซะก่อนนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 11-08-2016 10:05:12
ไฟนี่ก็ขยันหยอดนะแต่หยอดแบบทั้งกวนทั้งกาม555



หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 11-08-2016 12:20:09
เมื่อไหร่เค้าจะคบกัน!!!..

นึกภาพไม่ออกจริงๆว่าถ้าคบกันมันเป็นยังไงนะ!!!

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 11-08-2016 19:07:03
อ่านยาวๆสะใจดีครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 11-08-2016 23:09:56
 :L2: ให้เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 12-08-2016 07:57:01
หยอดอีกกกกกกก  หยอดสมุทรเยอะๆเลยค่ะคุณไฟ สู้เค้านะ!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-08-2016 12:42:49

:L2: ให้เบบี้

 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 12-08-2016 13:04:53
สนุกมากค่าาา

ชอบเรื่องแนวนี้มากๆเลย

อยากให้ไฟเริ่มจีบสมุทรแบบจริงจังซะที

อยากเห็นฉากฟินๆของทั้งคู่มากกว่านี้

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านค่ะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เอวา ที่ 13-08-2016 13:31:58
อยากให้สมุทรได้กะไฟสักทีงิ 5555 ขอมากไปป่ะเนี่ย
ปล.เป็นกำลังใจให้ไรท์นะค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 14-08-2016 02:06:38
ตอนนี้เป็นตอนที่รู้สึกว่า  คุณไฟ น่ารักมากก 
อืมนี่ตอนที่ 24 แล้วเหรอ  คืออ่านได้เพลินๆนะ  ^^

คุณไฟกำลังขยับก้าวเท้ามาเรื่องความรักทีละนิดๆ
รอลุ้นสมุทร  ว่าจะยังไงต่อน้า 


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 14-08-2016 08:27:51
รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 24 [ 13:17 น. - พ. 10 ส.ค 59 หน้า 27 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-08-2016 17:22:27
 :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-08-2016 17:25:07

[ พ. 10 ส.ค 59 ] ตอนที่ 24 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.780
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _



ตอนที่ 25
..ไฟ..




07:10 น. บ้านเลิศประสงค์
"กินข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตาในรอบหลายอาทิตย์ เพราะใครบางคนไม่ต้องไปโรงเรียนสาย" ผมพูดกลางโต๊ะอาหารเช้าที่มีผม  พี่ธาน  พายุและไอ้ดิน  คนที่ถูกว่าถึงอมยิ้มเคอะเขิน

"ยุ..มึงทำข้าวเช้าเหรอวะ" ผมเอ่ยปากบ่นเมื่อป้าอิ่มนำโจ๊กหมูมาเสิร์ฟให้  แค่เห็นก็รู้เลยไม่ต้องเดา  สีขาวนวลสะอาดตาอย่างกับเชฟจาก Hong Kong มาเอง  จืดสนิทแน่ไม่ต้องเดาอีกนั่นแหละ

"ไม่ดีรึไงล่ะ มีน้องบ้านไหนบ้างตื่นแต่เช้ามาทำข้าวให้กินแบบนี้" พายุตอบหน้ามุ่ย

“วันหลังก็ช่วยทำอะไรที่ไม่ร้อนได้ไหมวะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ” ผมบ่น  พายุมองเลิ่กลั่ก

“หึ ๆ” ผมกับพี่ธานหัวเราะ  ผมถอนหายใจน้อย ๆ  ลงมือคนโจ๊ก  อากาศก็ร้อนแล้วยังต้องมานั่งกินโจ๊กร้อน ๆ อีก  ประเทศไทย

"ขอผลไม้หน่อยครับ" ผมบอกแม่บ้าน  ถ้าให้กินโจ๊กไปทั้งอย่างนี้รู้สึกไม่มีอารมณ์เลย  อย่างน้อยก็ขอกินผลไม้นำไปก่อนให้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้างก็ยังดี

"ได้ค่ะ..คุณพายุซื้อฝรั่งมาเมื่อวาน หวานมากเลยนะคะ" ป้าอิ่มยิ้ม  เธอนำจานผลไม้เสิร์ฟลงที่ตรงกลางโต๊ะ  มีทั้งสับปะรด  ฝรั่งและแอปเปิล  ซึ่งผมจัดเข้าปากหมดทุกอย่างเลย

“ถ้าโลกนี้ไม่มีสับปะรด ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง” ผมบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง  ทุกคนหัวเราะมองเพราะรู้ว่าผมชอบกินสับปะรดมาก

"บ่ายนี้ยุจะทำโดนัทนะ ใครอยากกินรสอะไรบ้าง" พายุยิ้มถาม

"กูเอาสตรอว์เบอร์รีกับบาวาเรียนนะ" ผมสั่งทันที  ชอบกิน

"พี่เอาบาวาเรียนเหมือนกัน" พี่ธานยิ้ม

"ดินกินทุกอย่าง แต่ชอบแบบมีอัลมอนด์" ไอ้ดินพูดไปกินไป  ผมกับพี่ธานหัวเราะ
 
"เอ่อ..ขอเพิ่มสตรอว์เบอร์รีกับช็อกโกแลตให้ด้วยอย่างละสามสี่ชิ้นแล้วกัน เอาเป็น..สตรอว์เบอร์รีสาม ช็อกโกแลตสาม แล้วก็บาวาเรียนสาม" ผมพูด  นึกอยากเอาไปฝากเมฆและดาวขึ้นมา   

"........." ความสงบที่อยู่ ๆ ก็ก่อตัวขึ้น  ผมทำเมินที่ทั้งสามคนจงใจเงียบและหันมาจ้องหน้าผมกันเป็นตาเดียว  มือผมคนโจ๊กไปพลางก่อนตักกินไม่มองใคร

"ใส่กล่องให้ด้วยล่ะ" ผมพูดแกมสั่ง  เมื่อช้อนตาขึ้นมองก็เจอกับสายตารู้ทันจากพี่ธานเป็นคู่แรก

"เฮียจะให้พี่ยุเขียนบนหน้าโดนัทด้วยปะ ?" ไอ้ดินทำเสียงใสแซวคล้ายกับรู้ว่าผมไม่ได้จะกินโดนัทพวกนี้เอง

"ไม่กวนตีนผมสิครับ" ผมเตือนเรียบ ๆ

"หึ ๆ ๆ" ทั้งสามคนหัวเราะพร้อมใจ 

อาหารเช้าเป็นไปด้วยความสงสัยที่ไม่ถูกถาม  ซึ่งก็ดีแล้วไม่งั้นพวกมันจะถูกถีบ  เราแยกย้ายกันไปหลังจากนั้น  ไอ้ดินออกจากบ้านพร้อมกับพายุเพราะพายุต้องไปส่งมันที่โรงเรียนเรียนพิเศษและพายุมีหน้าที่ที่ จะต้องรับมันกลับบ้านด้วย  สมุทรเดินทางมาถึงจวนเจ็ดโมงสี่สิบนาที  ผมจึงสั่งให้พี่ธานไปบอกกับอีกฝ่ายว่าให้เขาซ้อมล่อเป้ากับไอ้เด่นล่วงหน้าไปเลย  ไอ้รุ่งยังคงเก็บตัวอยู่ที่ค่าย  ส่วนไอ้หินไปอ่านหนังสือที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าแล้ว  เห็นว่าใกล้ช่วงสอบมิดเทอมเต็มแก่  ผมจึงไม่ค่อยเรียกใช้งานมันนัก  ไอ้เข้มออกไปสืบเรื่องมือปืนตั้งแต่เสร็จอาหารมื้อเช้า  ที่บ้านจึงเหลือแต่ไอ้เด่นเท่านั้น

"คุณไฟตั้งใจจะซื้อที่ดินผืนนี้ที่ชลบุรีจริง ๆ ใช่ไหมครับ ที่มันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่" พี่ธานถาม  เรานั่งคุยอยู่ในห้องนั่งเล่น  ผมละสายตาจากสมุทรและไอ้เด่นที่ซ้อมอยู่ที่โรงฝึกมานั่งลงที่โซฟา

"ซื้อไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ผมว่ามันถูกดี" ผมตอบ   

"เดี๋ยววันที่ไปชกที่พัทยาผมว่าจะไปดูเองสักหน่อย อยากรีบซื้อไว้เลย เห็นไอ้คินว่ามีคนสนใจเยอะอยู่เหมือนกัน"

"ไป ๆ มา ๆ ไม่ใช่โก่งราคาขึ้นอีกนะครับ" พี่ธานพูดแกมบ่น

"ผมได้ข่าวมาว่าครอบครัวของไอ้โชอยากตั้งโรงงาน มีแผนอยู่น่ะนะ บ้านนั้นน่ะซื้อไม่ทันคนอื่นเขาหรอก หลายปากหลายสมอง กว่าจะวางแผนเสร็จที่ดินดี ๆ  คงถูกกว้านซื้อไปหมดแล้ว ผมซื้อไว้..เผื่อได้พึ่งพากัน" ผมพูดเว้นจังหวะพลางนึกถึงไอ้โช  คิดว่าถ้าไอ้โชอยากได้ผมก็จะขายให้มันในราคาที่ซื้อมา  มันรักทะเล  มาอยู่กรุงเทพเอาเข้าจริง ๆ  เดี๋ยวก็จะคลั่งตายซะเปล่า ๆ

“ผมอยากได้ที่ดินติดทะเลอีก ถ้ามี..รีบบอกผมด้วยนะ สุราษฎร์ก็ดีนะ..ผมชอบ” ผมพูด

“ได้ครับ” พี่ธานยิ้มน้อย ๆ

"แล้วคุณโชจะกลับมาเมื่อไหร่ละครับ"

"ยังไม่รู้เลย มันไม่เคยเตรียมอะไรสำหรับที่นี่สักอย่าง ลอยชายไปมา ถ้ามันมาก็คงมาตัวเปล่า..มีแต่หมอยกับกางเกงใน" ผมอดบ่นไม่ได้

“หึ ๆ  คุณนี่” พี่ธานปิดปากยิ้ม ๆ 

"เราไม่ได้ขึ้นเชียงใหม่มานานแล้วนะ" ผมเพิ่งนึกขึ้นได้  เพราะเห็นข้อมูลในสมุดโน้ตของตัวเองที่เพิ่งเปิดดู 

"เสร็จจากแข่งที่พัทยา ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นผมว่าจะขึ้นไปดูสักหน่อย อย่าบอกใครที่นั่นล่ะ"

"ได้ครับ แต่..ตัวเลขก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ" พี่ธานบอก

"อืม..ผมเห็นแล้ว ตรวจดูในเว็บไซต์ก็ไม่มีใครร้องเรียนอะไร แต่แค่อยากขึ้นไปให้เห็นกับตาน่ะ" ผมพูด

"ครับ" พี่ธานผงกหัว

"ไอ้กริด..มันก็เงียบไปเลยนะเรื่องป๋าจง” พี่ธานเอ่ยเว้นวรรคคล้ายกับเกรงใจที่จะพูดถึง 

“ไม่รู้ว่าป๋าไปพูดยังไง" ผมบ่น  หลาย ๆ เรื่องที่ประดังประเดไม่ใช่ปัญหาใหญ่  ถึงผมจะแอบคิดว่าอาจเป็นฝีมือของไอ้กริดแต่ผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเสียทีเดียว  ผมพยายามไม่เก็บเล็กผสมน้อยในปัญหานั้น ๆ  เพราะมันจะทำให้ผมปวดหัวเกินปัญหา

"ที่ ๆ มันอยากได้ที่ภูเก็ต มันจะเอาไปทำอะไร คนอย่างมันนี่นะจะลงมือทำธุรกิจเอง มีดีนอกจากเกาะพ่อมันไปวัน ๆ  หรือเกาะชายเสื้อคนอื่นเพื่อหุ้นทำธุรกิจด้วยเหรอ" ผมพูด 

"หน้าตามัน..ไม่ใช่คนที่จะกล้ายอมเสียเงินหลายร้อยล้านเพื่อที่ดินไม่กี่ไร่ได้หรอกครับ" พี่ธานวิเคราะห์

"พี่กำลังจะบอกว่า มันต้องการมากวนประสาทผมงั้นซิ ?" ผมเท้าแขนลงที่หน้าขายิ้มสบาย ๆ 

"ผมแค่สงสัยว่ามันรู้จักกับคุณริศาได้ยังไง" พี่ธานจ้องหน้าผม
 
“ข่าวลือที่ว่ามันพัวพันกับคนใหญ่คนโตในวงการการเมือง..” พี่ธานเอ่ย

“อาจจะจริงก็ได้” ผมพูดแทรกทันที  เราต่างเงียบเสียงลงเพื่อใช้ความคิด  ที่ผ่านมาผมไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายเพื่อสอดรู้เรื่องของใครเกินจำเป็น  เรื่องบางเรื่อง..รู้เพื่อรู้  ไม่ว่าจะเป็นวงการสีขาว  วงการสีดำหรือวงการเทา ๆ  หากคน ๆ นั้นไม่ได้เอาเปรียบหรือติดหนี้ผมอยู่  อย่างที่ผมเคยพูดว่าพวกเราต่างก็ระวังตัวและเรียนรู้ซึ่งกันและกันว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ  การเสือกเรื่องคนอื่นที่ไม่มีผลประโยชน์ต่อผมหรือคนสำคัญของผม.. ผมถือว่าเป็นการเสือกที่เสียเวลาเปล่า

"ผมไปรู้มาว่ามันน่ะ.. เกลียดเกย์สุด ๆ" พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบา

"หึ..ไปรู้มาจากไหน" ผมเหล่ตามอง

"ไม่นานมานี้ครับ คุณจำเพื่อนของมันที่คุณโปรดไปแข่งรถด้วยได้ไหมครับ ผมไปได้ยินคนในสนามคุย ๆ กัน กลุ่มมันน่ะ..เกลียดเกย์ตัวพ่อเลย" พี่ธานแสยะยิ้มมุมปาก  ผมนิ่งฟัง

“มันไม่คิดเหรอว่าเกย์ก็อาจจะเกลียดมันด้วยเหมือนกัน” ผมพูดปนหัวเราะ  พี่ธานได้แต่ยิ้มน้อย ๆ

“ก็นะ..มันเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล” ผมเล่นเสียง

"งั้นพวกมันก็เป็นศัตรูของไอ้โปรดตัวจริงเสียงจริงเลยน่ะสิ" ผมปั้นหน้าเหลือเชื่อ

"ถ้ามันระแคะระคายเรื่องที่คุณเองก็โอเคกับผู้ชายละก็" พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำลง

"ไม่มีผลอะไรกับผมอยู่แล้ว" ผมย้อนเสียงห้วนทันที  ทั้งย่าและริศาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าผมหลับนอนกับผู้ชายแต่แค่ไม่พูดออกมาเป็นคำพูดก็เท่านั้น

“อีกอย่าง..ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยปิดบังสักหน่อย” ผมว่า

"แล้วคุณพายุละครับ ?" พี่ธานเอ่ยถึง  ผมชะงัก  เหลือบสายตามองไปที่อีกฝ่าย

"ผมก็แค่เป็นห่วงน่ะครับ" พี่เขาหลบสายตาผมในทันที

"ฝีมือระดับไอ้กริดเอาพายุไม่อยู่หรอก" ผมพูดเรียบ ๆ  แฝงไปด้วยมุกตลกที่ตัวเองก็ขำไม่ออก  แม้ความจริงคือถึงมาเป็นสิบคนพายุก็ยังเอาอยู่  แต่สิ่งที่พี่ธานกำลังกังวลคือ..ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  ผมนั่งเงียบอย่างใช้ความคิด  เพราะความกังวลจากพี่ธานเลยทำให้สิ่งที่ผมไม่อยากนึกถึงดันนึกถึงขึ้นมาอีกครั้ง  พี่ธานเองก็ก้มหน้าก้มตาเงียบไปแล้ว 

"ตั้งแต่พ่อเสีย..ผมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พายุเดือดร้อน แต่ถ้าผมเอาไม่อยู่ขึ้นมา ผมฝากด้วยแล้วกัน" ผมพูด

"คุณทำไมชอบพูดเหมือนนายท่านเลยครับ" พี่ธานเงยหน้าขึ้นต่อว่าหน้าเครียด  การหงุดหงิดต่อหน้าผมที่น้อยครั้งที่ผมจะได้เห็น 

"ก็พ่อลูกกันนี่" ผมได้แต่ยิ้มตอบ  อีกฝ่ายถอนหายใจ  เหสายตาหนีเหมือนกำลังกักเก็บอารมณ์

"แต่ก่อนน่ะ..บ้านเรามีเรื่องแทบไม่เว้นแต่ละวัน ไปงานศพกันเป็นเรื่องธรรมดาอย่างกับเปลี่ยนที่กินข้าวเย็นอย่างนั้น” ผมพูดปนหัวเราะเมื่อต้องนึกถึงอดีต

"พี่ทัพเล่นสนุกกับผมกับพายุไว้ที่เขาใหญ่..แล้วจู่ ๆ ก็หายไป เชื่อฟังผิดปกติไปหมด" ผมพูด

"ช่วงนี้มันสงบ จนบ้างทีผมรู้สึกใจหายเลย" ผมอมยิ้ม  บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองกำลังพูดอยู่ในความรู้สึกอย่างไร

"ชอบแบบไหนมากกว่ากันละครับ" พี่ธานถาม  เราสบตากันยิ้ม ๆ  รอยยิ้มที่สื่อออกมาไม่ได้ต่างความหมายกันเลยแม้สักนิดเดียว

"พี่ล่ะ..?" ผมถามกลับ

"ผมไม่เลือกหรอกครับ คุณเลือกแบบไหน ผมก็ชอบทั้งนั้น" พี่เขาตอบ

"3P งั้นเหรอ ?" ผมได้ช่องกวนเปลี่ยนบรรยากาศทันควัน

"หึ!" พี่ธานหลุดหัวเราะคล้ายกลั้นเอาไว้ไม่ทัน

"พอเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมา พายุกลับไม่เคยขอในสิ่งที่ต้องการเลย ถ้ามันพูดขอตรง ๆ  ผมก็อาจจะให้มันก็ได้แท้ ๆ" ผมพูดตาลอย

"หมายถึง..จะเอาเก็บไปพิจารณาดูเฉย ๆ น่ะนะ" ผมทิ้งท้ายกวน ๆ  พี่ธานส่ายหัวเล็กน้อย

"ไปเถอะครับ เริ่มงานที่เรารักกันดีกว่า" ผมถอนหายใจตัดบทพร้อมลุกขึ้น

"วันนี้วันครบรอบเก็บดอกเบี้ยนี่" ผมนึกขึ้นได้ 

"ครับ เที่ยง ๆ ผมเริ่มงาน" พี่ธานบอก  ผมพยักหน้ารับทราบ

"เช้านี้ผมว่าจะไปสนามยิงปืนสักหน่อย แล้วต้องเข้าไปที่ห้างอีก..มีบริษัทมาขอเช่าที่รายปีน่ะ สัญญายาวสามปีเลย ดีเป็นบ้า..เสร็จแล้วจะเข้าค่ายมวยต่อเลย" ผมบอกแผนของผมในวันนี้

"งั้นผมไปด้วยนะครับ ความจริงไอ้เข้มจะเข้ามาสมทบกับผมสาย ๆ วันนี้เหมือนกัน"

"ได้..งั้นฝากบอกเด็กใหม่พี่ด้วยแล้วกันว่าให้เขาอาบน้ำได้แล้ว" ผมพยักหน้าส่งสัญญาณไปทางโรงฝึก

"อาบห้องพี่นะ ผมว่าจะช่วยตัวเองสักหน่อย" ผมปัดไปทีแล้วลุกหนีออกมาไม่ทันให้พี่ธานซักเอาความ  ตามจริงแล้วผมยังไม่พร้อมเจอหน้าสมุทรตรง ๆ  มันเหมือนกับในใจยังคงมีคำถามว่าเมื่อวานนี้เขากับพลอยไปไหนมาบ้าง  พลอยไม่ติดต่อมาเลยเช่นกัน  เรียกว่าเงียบสุด ๆ  เมื่อวานผมเปิดไปดูเฟซบุ๊กของทั้งสมุทรและของพลอย  สมุทรไม่โพสอะไรมาร่วมสองอาทิตย์แล้ว  ส่วนพลอยปกติที่ชอบโพสนั่นนี่กลับเงียบฉี่เช่นกัน  จะบอกว่าการมีเฟซบุ๊กของเขาค่อนข้างไร้ประโยชน์เลยก็ได้นะครับ  ผมเชื่อ


- - - - - - - - - - - - - - -


15:01 น. : ค่ายมวยชัยโรจน์

“เฮ้อ~” ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้เด่นทันทีที่เห็นมันถอนหายใจเบา ๆ  อีกฝ่ายที่เพิ่งปิดประตูรถให้ผมถึงกับชะงัก  มันได้สติมองผมด้วยความตกใจก่อนก้มหน้าก้มตาหนี 

“ถอนหายใจทำไม.. แม่ตาย ?” ผมตาขวาง  ถามเสียงห้วนเพราะรู้สึกไม่ชอบที่ได้ยินอะไรทำนองนี้  ผมเป็นเจ้านายมัน  ผมมีสิทธิ์คนเดียวที่จะถอนหายใจอย่างนั้น  ก็ไม่อยากจะจับผิดหรอกนะครับแต่ปกติพวกมันค่อนข้างระวังการกระทำต่อหน้าผมพอสมควร

“ก็วันนี้นายไม่ยิ้มเลยครับ” ไอ้เด่นพูดแก้ตัวงึมงำกลัวความผิด  ผมเห็นด้วยหางตาว่าสมุทรยืนรออยู่อีกฝั่งหนึ่งของตัวรถแล้ว  เราเพิ่งกลับมาจากเสร็จภารกิจของวันนี้  พี่ธานบังคับสอนสมุทรให้เรียนรู้จักพื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับปืน  ซึ่งผมเป็นคนแอบสั่งให้พี่ธานทำอย่างนั้นเอง  คิดว่าถ้าพี่ธานเป็นคนพูดสมุทรน่าจะเกรงใจและเต็มใจทำตามมากกว่า

“ปกติแล้วกูยิ้มบ่อยรึไง” ผมบ่น

“แต่เดี๋ยวนี้นายยิ้มบ่อยขึ้นนะครับ” ไอ้เด่นเงยหน้ายิ้มกว้าง   

“ไปเอากระเป๋าเสื้อผ้ามา” ผมเปลี่ยนเรื่อง  ขี้เกียจพูดอธิบายเพราะที่ไม่ยิ้มก็ไม่มีเหตุผลในตัวอยู่แล้ว  ไม่ได้อารมณ์เสียแต่ก็ไม่ได้อารมณ์ดี  แค่ไม่มีเรื่องทำให้ยิ้ม  ไอ้เด่นรับหน้าที่นำกระเป๋าของผมที่ท้ายรถมาให้  ผมเดินนำเข้ามาในค่ายก่อน  สมุทรจึงตามมาติด ๆ

“ดื่มน้ำไหมครับ” เขาถาม 

“ไม่ล่ะ” ผมตอบไม่มองหน้าเขา  รู้เพียงว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้าผมเขม็ง

“อะไร ?” ผมมองหน้า

“เปล่าครับ” สมุทรก้มหน้าลงเล็กน้อย 

“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ลุง ๆ  ทั้งหลาย

“นี่ ๆ  รายชื่อนักมวยที่พัทยามาแล้ว” ลุงลอยกวักมือเรียกผมด้วยสีหน้าตื่นเต้น  ผมรีบเข้าไปหา  แกหยิบกระดาษออกมากางให้ดู 

“ไอ้ยุทธมันส่งพยัคลงจริง ๆ” ลุงแกกระแทกเสียง  “พยัค” คือนักมวยมือดีและมีชื่อเสียงที่สุดของค่ายหาญสิงห์  นั่นก็คือค่ายของเสี่ยยุทธนั่นละ 

“เสี่ยปรีดาส่งใครครับ” ผมถาม

“ยังไม่ขึ้นชื่อ” ลุงขันตอบ

“ได้ข่าวว่า มีการเปลี่ยนหุ้นน่ะ อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเก้าอี้เป็นเสี่ยเจียนซะเฉย” ลุงลอยเข้ามากระซิบ 

“เรื่องมันยาว” ลุงแกยักคิ้วให้  ผมอมยิ้มมุมปากไม่คิดถามเรื่องนี้ต่อ

“ไอ้นพเจอใคร” ผมซัก

“โรเจอร์ของค่ายทัพนคร” ลุงลอยตอบ  ผมพยักหน้ารับทราบ 

“หึ..งานหนักไม่เบา” ผมยิ้มแกมบ่น  ลุงลอยหัวเราะในลำคอคล้ายเห็นด้วยกับผม 

“งานหนักไม่เบา” ผมพึมพำซ้ำ ๆ  เดินไปที่ข้างเวที  บนนั้นไอ้นพกำลังซ้อมอยู่กับครูมวยอย่างขะมักเขม้น 

“นพ!” ผมเรียก

“ครับ” ไอ้นพหยุดซ้อมรีบวิ่งมาหาผมทันที 

“พักก่อน เดี๋ยวซ้อมกับฉัน” ผมสั่ง

“ได้ครับ” มันพยักหน้ารับงง ๆ

“จนกว่าจะถึงวันชกผมจะเป็นคู่ซ้อมให้นพเอง” ผมหันกลับไปบอกลุงลอย  อีกเพียงแค่ห้าวันก็จะถึงวันชกจริงแล้วและผมอยากให้เวลาที่เหลือได้คลุกคลีกับไอ้นพด้วยตัวเอง
 
“เอางั้นก็ได้” ลุงลอยผงกหัวรับทราบ  ไอ้เด่นยืนถือกระเป๋ารอผม  ผมรับมาถือไว้เพื่อนำเข้ามาเปลี่ยนที่ห้องอาบน้ำ  สมุทรกับไอ้เด่นเองก็ตามเข้ามาเปลี่ยนด้วยเช่นกัน  หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จก็แยกย้ายกันไปคนละมุมตามหน้าที่ของตนเอง  ผมเริ่มจากอบอุ่นร่างกายก่อนเป็นอันดับแรกและขึ้นซ้อมกับไอ้นพในทันทีโดยมีลุงลอยและลุงขันคอยชี้แนะอยู่ใกล้ ๆ 

“ฟู่! เหนื่อยเหมือนกันว่ะ” ผมออกปากบ่นหลังจากซ้อมเสร็จ  เราสองคนแทบไม่ได้พักเลยร่วม ๆ สองชั่วโมง  แถมยังใส่กันหนักไม่ยั้งทั้งคู่  เวลาที่ซ้อมกับไอ้นพมักได้รู้สึกเหมือนซ้อมกับพี่ธานยังไงอย่างนั้น  อึด ถึก ควาย อดทนสุด ๆ

“หึ นาน ๆ ทีผมจะได้ยินคุณบ่นแบบนี้นะครับ” ไอ้นพพูดไปหอบไป  ลุงลอยรีบนำน้ำมาให้ผม

“พรุ่งนี้เหมือนเดิมนะ เดี๋ยวฉันมาซ้อมด้วย” ผมบอกไว้ก่อนล่วงหน้า

“ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายผงกหัวยิ้ม ๆ  ผมยื่นแก้วกลับให้ลุงลอยเมื่อดื่มเสร็จแล้วลงจากเวที

“คุณพายุโทรมาครับนาย” ไอ้เด่นวิ่งนำโทรศัพท์มือถือมาให้  ผมนำหูเข้าไปแนบแทนที่จะรับมาถือดี ๆ ด้วยตัวเอง  ไอ้เด่นจึงอำนวยความสะดวกยื่นโทรศัพท์ขึ้นสูงให้เสมอกับหูของผม

“ว่าไง” ผมทัก

“ทำโดนัทเสร็จแล้วนะ จะให้ยุเอาไปให้ไหม” พายุถาม  ผมชะงักเพราะคำพูดมันเหมือนรู้โดยไม่ต้องถามข้อมูลจากผมเลยว่าผมจะนำไปให้คนอื่นภายในวันนี้  สายตาชำเลืองไปที่สมุทรที่กำลังนำนวมมาเก็บเข้าที่ชั้นวาง  อีกฝ่ายเหลือบตามาสบเข้ากับผมพอดี

“ไม่ต้องอะ..เอาไว้นั่นแหละ เดี๋ยวกูไปเอา” ผมตอบ

“โอเค” พายุรับปากก่อนตัดสาย  ไอ้เด่นนำโทรศัพท์มือถือกลับไปเก็บ

“สมุทร” ผมเรียก

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ  เดินตรงมาหาผมทันทีเพราะเขาก็มองผมอยู่ก่อนหน้าอยู่แล้วน่ะนะ

“วันนี้พายุทำโดนัทน่ะ เลยทำไว้เผื่อน้องนายด้วย ก่อนกลับบ้านเดี๋ยวไปเอาด้วยแล้วกัน” ผมพูดบอกโดยเว้นข้อมูลบางส่วนออกไป  สมุทรนิ่งมอง  สายตาเหมือนปรับอารมณ์ตามรูปประโยคไม่ทันก่อนอมยิ้มน้อย ๆ มาให้

“ขอบคุณครับ”

“เอ่อ..” อีกฝ่ายอ้ำอึ้งทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูด  ผมจึงหันไปมองเขาโดยไม่เดินไปไหน

“คุณจะกลับแล้วเหรอครับ”

“ใช่” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“คือว่า เอ่อ”

“อะไร ?” ผมย้ำถามคิ้วขมวด  เห็นแล้วรำคาญตา  ก็อีกฝ่ายไม่ยอมพูดซักที

“คุณโกรธอะไรผมรึเปล่า” สมุทรถามทันที

“เปล่านี่” ผมตอบทันควันเช่นกัน

“........” เราเงียบลง  อีกฝ่ายสบตาคล้ายกับยังมีคำถามเหลืออยู่แต่ก็ไม่พูดออกมา   

“คุณว่างแล้วเหรอครับ” เขาเบี่ยงประเด็น 

“ทำไม..?” ผมถามกลับ 

“คือเมฆกับดาวถามถึงคุณน่ะ” สมุทรตอบ  ผมนิ่งฟัง  จะว่าตกใจที่ได้ยินก็ไม่เชิง  แต่คิดว่าเหนือคาดที่ได้ยินมากกว่า

“วันนี้ใกล้ ๆ บ้านมีงานวัดน่ะครับ สุดสัปดาห์นี้ผมพาพวกเขาไปไหนไม่ได้ก็เลยรับปากไปว่าคืนนี้จะพาไปงานวัดให้ก่อน คือ.. ถ้าคืนนี้คุณว่าง..” สมุทรพูด  น้ำเสียงค่อนข้างเป็นไปอย่างตะกุกตะกักนิด ๆ  มันไม่ใช่อาการเกร็งหรือตื่นเต้นขณะที่พูด  แต่เป็นการพูดที่ปนไปด้วยความไม่แน่ใจมากกว่าว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นควรดีหรือไม่

“คือ..ฉันว่าง” ผมพูดแทรกก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ  ใบหน้าของผมยังคงไม่แสดงอาการอย่างก่อนหน้า  เรื่องอะไรผมจะแสดงอาการว่าตอนนี้น่ะ.. กูโคตรว่างเลยล่ะ  ใจกูแม่งไปถึงงานวัดละเนี่ย!

“งั้น..ไปด้วยกันไหมครับ” อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้  ผมนิ่งมอง

“เมื่อวานก็พาพลอยไปงานวัดงั้นเหรอ ไม่ยักรู้แฮะว่ายัยนั่นเที่ยวอะไรแบบนี้เป็นด้วย” ผมอดเหน็บถึงไม่ได้  ใจจริงอยากรู้อะไรมากกว่านี้ละนะแต่ถ้าให้ถามตรง ๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่อง

“แค่ออกไปกินข้าวกันน่ะครับ” สมุทรบอก  หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็เงียบอีกครั้ง  ต่างฝ่ายต่างไม่ได้มองหน้ากัน  จะว่าคำตอบจากสมุทรทำให้ผมสบายใจขึ้นมาหน่อยก็คงใช่  ไม่ใช่สบายใจว่าทั้งคู่ไม่ได้เกินเลยกันอย่างที่ถ้าเป็นกรณีผมอาจจะจบที่เตียง  แต่รู้สึกค่อนข้างพอใจที่เขากล้าพูดบอกผมออกมาตรง ๆ  ปกติถ้าเป็นลูกน้องคนอื่นผมคงซักจนสะอาดเอี่ยมไปแล้ว  แต่กลับเขาผมไม่คิดที่จะแตะต้องเกินจำเป็น

“งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน ส่วนโดนัทเดี๋ยวฉันเอาไปให้นายที่บ้านเอง” ผมตัดบทก่อนที่บรรยากาศมันจะงงงวยไปมากกว่านี้

“ครับ” อีกฝ่ายผงกหัวรับทราบ 

“ไอ้เด่น!” ผมตะโกนเรียก

“คร้าบนาย” มันขานตอบเสียงใส  รีบวิ่งมาทั้งที่ยังไม่ถอดนวมออก

“กลับบ้าน” ผมสั่ง  เดินนำไปเข้าห้องอาบน้ำก่อน  ไอ้เด่นอุทานงง ๆ  แต่ไม่นานมันก็ตามผมเข้ามาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าติด ๆ  ผมเดินทางกลับบ้านโดยที่ไอ้เด่นเป็นคนขับรถเหมือนเดิม  วันนี้มันรับหน้าที่ขับทั้งวัน  ผมอาบน้ำแต่งตัว  ไม่ได้รีบร้อนอะไรนักเพราะคิดว่าสมุทรคงอยู่ซ้อมอีกสักพักถึงจะกลับบ้านได้ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-08-2016 17:26:37

ตั้งแต่จำความได้ผมก็ไม่ได้ไปเดินเที่ยวเล่นที่งานวัดมาตั้งแต่สมัยเรียนจบมัธยมปลายแล้วละมั้ง  การเลือกเสื้อผ้าจึงได้เลือกใส่แบบสบาย ๆ  ที่เดี๋ยวนี้นาน ๆ ครั้งถึงจะได้ใส่ที  เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว  กางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบ  ปกติไม่ค่อยได้ใส่แบบนี้บ่อยนักถ้าไม่ใช่วันที่อยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทจริง ๆ 

“เฮียจะไปไหน” พายุตะโกนถาม  มันเพิ่งลงมาจากบนบ้านและผมก็เพิ่งออกมาจากห้องครัว  ไปเอากล่องโดนัทที่พายุเตรียมไว้ให้มา  ก่อนออกมาก็เลยชิมโดนัทลงท้องไปแล้วหนึ่งชิ้น

“อร่อยดีนะ” ผมตอบคนละเรื่อง

“ไปไหน..” มันลากเสียงยานคาง   

“ข้างนอก” ผมตอบส่ง ๆ

“จะกลับมากินข้าวเย็นไหม วันนี้ยุทำข้าวหน้าเป็ดนะ”

“ไม่กิน มึงกินกันเหอะ” ผมปัดไปที  เดินมานั่งใส่รองเท้าที่ตรงห้องโถงปากประตูบ้าน

“เป็ดนุ่มละลายในปากเลยนะ!” มันโวยวายจะเอาชนะให้ได้

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ  ลุกขึ้นยืนหันไปมองหน้าน้องชาย

“ขอบคุณนะ” ผมยักคิ้วพร้อมชูกล่องโดนัทในมือ  พายุพยักหน้างึก ๆ รับทราบ

“วันนี้ก็ไม่ต้องออกไปไหนล่ะ” ผมสั่ง

“รู้แล้ว” มันตอบห้วน ๆ

“พูดให้มันเพราะ ๆ หน่อยได้ไหม” ผมว่า  อีกฝ่ายอมยิ้มทำหน้าทะเล้น  เดินหน้าเชิดหนีเข้าห้องนั่งเล่นไป 

“หน้าตากวนส้นตีนได้ใคร” ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนเดินออกมา

“นายจะไปไหนครับ!” ไอ้เข้มวิ่งตาลีตาเหลือกมาจากทางโรงฝึก

“จิ..จะมีใครถามกูอีกไหม กูจะได้ตอบทีเดียว” ผมกระแทกเสียงเหวี่ยงใส่  อยู่ ๆ ก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาซะงั้น  แม่ง..ขากูจะถึงประตูรถอยู่แล้วเนี่ย

“ขอโทษครับ ไอ้เด่นไม่ได้ไปด้วยเหรอครับ” ไอ้เข้มหน้าถอดสี 

“กูไปเองได้ ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว” ผมตอบเพราะรู้ว่าพวกมันคงเป็นห่วง

“พี่ใหญ่ของมึงยังไม่ถึงบ้านอีก ?” ผมเลิกคิ้วเชิงถาม

“ยังครับ”

“บอกด้วยแล้วกันเดี๋ยวกูมา ไม่เกินเที่ยงคืนหรอก”

“ครับ” ไอ้เข้มพยักหน้า

“แล้ว..เอ่อ แต่ว่า..จะให้ผมบอกพี่ใหญ่ว่านายไปไหนครับ” มันยังไม่เลิกซักด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเรื่อย ๆ

“งานวัด!” ผมตอบห้วน ๆ  อีกฝ่ายพึมพำตามหลังด้วยน้ำเสียงงง ๆ ว่า “งานวัด”  ผมชี้มือไปที่ประตูรั้วให้มันไปจัดการเปิดให้และรีบตรงไปที่รถยนต์  ไอ้เข้มวิ่งไปหยิบรีโมทประตูรั้วกดเปิดในทันที  ผมขับรถตรงไปที่บ้านของสมุทรใช้เวลาค่อนข้างนานเอาเรื่องเนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน  รถเลยติดฉิบหายไปเลย  นี่ถ้ารถกูมีปุ่มกดให้เหาะได้ก็คงดี


  - - - - - - - - - - - - - - -


ย่านมารัต  ซอย 6

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ยายสมุทร  เธอนั่งอยู่ในบ้านอยู่กับเมฆ 

“อ่าว สวัสดีจ้ะ เชิญ ๆ” ยายยิ้มกว้าง  เมฆจ้องมองมา  ผมวางกล่องโดนัทไปตรงหน้ามันอย่างเจาะจง  สายตาของอีกฝ่ายจับจ้องตามในทันที  มันกะหลับกะเหลือกมองหน้าผมสลับกับกล่องโดนัท  ผมเลยยักคิ้วด้วยใบหน้านิ่ง ๆ กวนกลับไปให้  เมฆก้มหน้าก้มตาเข้าไปเกาะแขนยายทันควัน  ยายหัวเราะน้อย ๆ  คงเพราะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว

“น้องชายผมเป็นคนทำเองนะครับ เขาฝากมาให้” ผมบอก  เลื่อนกล่องโดนัทไปตรงหน้ายายกับเมฆทั้งสองมือ  เมฆลุกขึ้นจากเก้าอี้ชะโงกดูขนมในกล่องด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

“ขอบคุณมากนะจ๊ะ” เธอยิ้ม

“มาแล้วเหรอครับ” สมุทรลงมาจากบนบ้าน  เขาใส่ชุดสบาย ๆ  กางเกงยีนกับเสื้อยืดสีหม่น ๆ ธรรมดา ๆ  ผมไม่ได้ขานตอบหรือมีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับไป  ไอ้อาการแปลก ๆ  ลักษณะแบบทำตัวไม่ถูกเฉพาะบางสถานการณ์เช่นนี้มันคืออะไรสักอย่าง  ซึ่งมันชอบเกิดขึ้นตอนที่ผมมาที่บ้านของเขาตลอดเลย

“นั่นโดนัทเหรอครับ” สมุทรมองไปที่กล่องตรงหน้าเมฆ
 
“ใช่” ผมตอบ

“ขอบคุณรึยัง หือ ?” สมุทรไม่ดุเปล่า  อีกฝ่ายเข้าไปดึงกล่องกลับออกมาด้วยความรวดเร็ว  เมฆมองตามด้วยสีหน้าตกใจ

“ขอบคุณฮะ~” มันรีบยกมือไหว้ปลก ๆ  หน้าถอดสีจนผมเกือบจะหลุดหัวเราะ  สมุทรยิ้มอ่อน ๆ  วางกล่องกลับไปตรงหน้าเมฆอย่างเดิม

“ต้องให้พี่เตือนเรื่องเดิม ๆ ถึงเมื่อไหร่กัน” สมุทรบ่น

“กินได้วันละไม่เกินสองชิ้นแค่นั้นนะ” พี่ชายพูดดักคอน้องของตน

“งั้นวันนี้หนูกินอันนี้ ..กับอันนี้” เมฆอมยิ้ม  รีบชี้มือไปที่ชิ้นที่ตนต้องการ

“วันนี้กินได้แค่ชิ้นเดียวครับ เพราะเมื่อเช้าเมฆกินช็อกโกแลตไปแล้วนะ” สมุทรบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม  แต่ผมว่าเขากำลังปรามด้วยใบหน้าเรียบ ๆ  โดยไม่แสดงออกมากกว่า  เพราะแม้อย่างนั้นเขาก็สามารถทำให้เมฆเงียบลงแบบไม่กล้ามีปากเสียงใด ๆ  ไปแล้ว

“สวัสดีค่ะพี่ไฟ” ผมหันไปมอง  ดาวยิ้มแป้นสดใสเช่นทุกครั้ง

“สวัสดีครับ” ผมยิ้มทัก  เธอยกมือไหว้ก่อนผงกหัวให้อย่างน้อมนอบอีกครั้ง

“เดี๋ยวรอแป๊บนึงนะคะ ดาวกำลังทำข้าวเย็น ใกล้เสร็จแล้วค่ะ” เธอบอก

“ครับ” ผมพยักหน้า 

“โดนัท!” ดาวเหลือบไปเห็น  เธออุทานตาโตพร้อมเข้าไปคว้าถุงโดนัทออกมาจากเมฆอย่างกับตั้งใจแกล้ง

“พี่ดาว!” เมฆร้องเสียงหลง  ตัวดีดผึงลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้

“ไปช่วยพี่ทำกับข้าวเลย มาอ้อนยายอยู่ได้..นิสัย” ดาวทำปากยู่ใส่  เธอถือกล่องโดนัทกลับเข้าหลังบ้านไปหน้าตาเฉยทำให้เมฆรีบวิ่งตามไปติด ๆ

“ได้ผล” ผมเบะปากมองตามวิธีการควบคุมน้องของเธอ

“หึ” สมุทรหัวเราะ

“คุณกำลังทำให้ระบบการจัดการบ้านผมเสีย” อีกฝ่ายบ่นด้วยสายตาปราม ๆ

“คุณยายสบายดีนะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องทันที

“สบายดีจ้ะ” เธอตอบ

“ร้อนไหม เปิดแอร์ไหมลูก” เธอยิ้มถาม  ผมนำหลังมือปิดปากหัวเราะเบา ๆ  มองหน้าสมุทร  หลานชายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  แถมไม่ยอมสบตาผมอีกด้วย

“ซื้อขนมหน่อยจ้า!” เสียงลูกค้าดังมาจากด้านหน้าบ้าน

“คร้าบ” สมุทรขานตอบ  เขารีบเปิดประตูบ้านออกไป  ผมผงกหัวให้ยายเล็กน้อยพร้อมลุกตามไปในทันที  ยายเองไม่ได้ว่าอะไร  ดูเหมือนเธอกำลังติดละครอยู่นะครับ

ผมนั่งลงที่โต๊ะไม้หินอ่อนหน้าบ้าน  สมุทรหันกลับมามองผมเล็กน้อยโดยไม่เอ่ยทัก  ผมมองเขาที่กำลังตักขนมหวานขาย  แดดด้านนอกค่อนข้างร้อนแต่ก็มีลมพัดมาให้ความเย็นได้อยู่บ้าง  คงเพราะพระอาทิตย์เริ่มตกดินเข้าไปทุกทีแล้ว  ขนมดูเหมือนขายจวนใกล้หมด  ลูกค้าทยอยเข้ามาซื้อไม่ขาดสาย  ผมเท้าคางมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าที่ตักขนมใส่ถุงอย่างค่อยเป็นค่อยไป  ท่าทางการขายที่สุภาพ ๆ ของเขายิ่งทำให้ผมแทบละสายตาไปไหนไม่ได้ 

.. แต่ก่อนสมัยที่แม่ยังมีชีวิตอยู่  เวลาที่เธอเห็นผู้ชายขายของอย่างขยันขันแข็ง  เธอมักจะพูดด้วยน้ำเสียงปนเอ็นดูว่า “ผู้ชายขายของด้วยท่าทางอยากขายนี่น่าเอ็นดูจริง ๆ เลยนะ”  ซึ่งผมมักจะได้ยินพ่อพูดตัดบทแม่อยู่เสมอว่า “มันน่าเอ็นดูมากกว่าผู้ชายทำมาหากินอาชีพอื่นยังไง”  ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยชอบใจเสมอ  ตอนนั้นผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าแม่กำลังหมายถึงอะไรกันแน่  แต่ไม่แน่ว่าความรู้สึกของผมในตอนนี้อาจจะคล้าย ๆ กับความรู้สึกที่แม่เคยมีก็เป็นได้

“อันนี้ผมแถมให้นะครับคุณป้า พรุ่งนี้ยายจะทำฝอยทองแล้วนะครับ” สมุทรยื่นถุงขนมให้ก่อนรับเงินจากลูกค้ามา 

“ขอบใจจ้า ไว้เดี๋ยวมาอุดหนุนนะ” เธอรับเงินทอนจากสมุทรก่อนเดินจากไป  ลูกค้ารายสุดท้ายหมดไปแล้ว  สมุทรเช็ดโต๊ะตรงแท่นขายจนสะอาดเอี่ยมอีกครั้ง  เขาหันตัวกลับมา  เราปะทะสายตากันพอดี  ผมจึงยิ้มมุมปากนิด ๆ ให้  อีกทั้งไม่คิดที่จะเหสายตาหนีอีกด้วย  ก็ผมมองเขาอยู่นานแล้วและไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องหลบ

สมุทรเดินไปที่กระติกน้ำ  เขาตักน้ำมาสองแก้ว  นำมาวางตรงหน้าผมหนึ่งแก้วและดื่มเองหนึ่งแก้ว  อีกฝ่ายนั่งลงตรงข้ามผมเงียบ ๆ  เขาพยายามที่จะไม่สบตาผมทุกครั้งที่เขาเหลือบตามาและยังเห็นว่าผมยังคงมองเขาอยู่   

“วันนึงได้กำไรเท่าไหร่” ผมถาม  มองดูจากสายตาที่มาแต่ละครั้ง  มีขนมไทยวางขายไม่ต่ำกว่าห้าอย่าง  ผมคิดว่าการขายอาหารทำนองนี้เป็นงานที่หนักเอาการ  ถึงแม้ขนมจะมีปริมาณน้อยก็เถอะครับ

“เกือบ ๆ พัน วันไหนทำมากหน่อยก็พันกว่าบาท ขนมบางอย่างต้นทุนสูงน่ะครับ” สมุทรตอบ  เราสบตากันอยู่อย่างนั้น  ผมจ้องตาเขาตลอดเวลา

“สรุปว่า..กำไรที่ได้ ยังไม่เท่าราคาต้นทุนเลยสินะ” ผมพูด

“บางวันก็ทำนองนั้นครับ” อีกฝ่ายตอบ

“ตื่นมาทำตั้งแต่กี่โมง”

“ยายกับดาวตื่นตั้งแต่เกือบตีห้าครับ ผมตื่นมาช่วยช้าหน่อย..ปกติก็เกือบหกโมง เริ่มตั้งร้านก่อนผมออกไปทำงาน บางทีก็ตั้งช่วงบ่ายนะครับ ตอนเช้าไม่ค่อยมีคนซื้อเท่าไหร่..นอกจากเวลาเช้าที่คนออกมาจ่ายตลาดกัน” 

“มันคุ้มเหนื่อยเหรอ” ผมพูด  นี่ไม่ได้ตลก  แค่คิดตามก็เหนื่อยแล้ว

“ไม่คุ้มหรอกครับ” สมุทรตอบทันที  เขาอมยิ้มนิด ๆ  ติดปลายเสียงให้เห็นคล้ายกับพูดไม่จริงจังเท่าไหร่นัก

“แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน” เขาเสริม  ผมเหสายตาลง  หัวเราะขึ้นจมูกนิด ๆ  เห็นด้วยกับที่เขาพูด 

“สำหรับผม แค่ไม่มีหนี้..ชีวิตก็ไม่ได้ยากอะไรเท่าไหร่” สมุทรว่า

“ตอนนี้ก็ไม่มีไม่ใช่ไง” ผมพูด  อีกฝ่ายหันกลับมามอง

“ครับ” เขายิ้มน้อย ๆ

“แต่ก็ไม่ใช่ไม่เคยไม่มี” สมุทรขยายความ

“ตอนได้เลี้ยงน้องเต็มตัวก็เพิ่งรู้นี่ละครับว่าทำไมบางครอบครัวลูกถึงมาพร้อมกับหนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมให้สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น..ไม่ให้เกิดขึ้น” สมุทรพูดคล้ายบ่นด้วยใบหน้าสบาย ๆ

“หึ ๆ  ก็นะ..ค่าอาหาร ค่าขนม ค่าเทอม ค่าชุด ค่าเรียนพิเศษ ค่านันทนาการ ค่า..ค่า ๆ ๆ มาบ่อยจนขี้เกียจถอนเงินเลย” ผมเท้าหน้าบ่นร่ายให้ฟังทำเอาสมุทรยิ้มกว้าง

“ทุกคนก็มีช่วงเวลาที่ลำบากกันทั้งนั้นแหละนะ” ผมพูดส่ง ๆ  เบือนหน้าไปอีกทาง 

“แต่คุณคงไม่เคยรู้สึกถึงความลำบากตอนไม่มีเงินให้ถอนหรอกใช่ไหมล่ะครับ” สมุทรย้อนแกมเหน็บกัด  ผมเหล่ตากลับไปมองหน้าเขาพลางอมยิ้ม  ก็ไม่ปฏิเสธน่ะนะ

“มันคนละอารมณ์กันนะครับ อะไรแบบนั้น” อีกฝ่ายจ้องตาผมตอบ  สายตาที่แฝงนัยยะด้วยความเจ้าเล่ห์นิด ๆ

“ก็ไม่เชิง..” ผมเบ้ปาก  เท้าแขนลงบนโต๊ะพลางนึกย้อนถึงอดีต

“เคยไปติดอยู่ในป่าแบบไม่มีจะกินครั้งนึง นอกจากน้ำก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องสองวันเต็ม ๆ  ก็แค่รู้สึกว่า อ๋อ..อยากกินในสิ่งที่ไม่มีทางได้กินมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ” ผมพึมพำ

“หึ” สมุทรก้มหน้าหลุดหัวเราะ
 
“ทำไมถึงไปติดอยู่ในนั้นละครับ ?”

“ความลับ” ผมขยิบตายิ้ม ๆ

“อยากมาเป็นฉันดูไหมละ ฉันก็อยากลองใช้ชีวิตแบบนายดูเหมือนกัน” ผมพูด

“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ชอบอะไรยุ่งยากน่ะ..ขอบคุณ” สมุทรปฏิเสธทันที

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ  เป็นการจบบทสนทนาลงดื้อ ๆ  เราเพียงแต่นั่งมองคนที่เดินผ่านไปมาจนดาวออกมาเรียกให้เข้าไปกินอาหารเย็น  ขณะที่กินข้าวอยู่นั้นมีลูกค้ามาเรียกซื้อขนมอยู่เรื่อย ๆ  เรากินอาหารเสร็จเร็วกว่าปกติ  สมุทรบอกกับผมว่าเขาตั้งใจจะขายขนมให้หมดก่อนถึงจะออกไปงานวัดได้  เมฆรีบนำการบ้าน  ส่วนดาวก็ดูเหมือนว่าเธอเองก็มีการบ้านเหมือนกัน  เธอนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์  เราเดินทางไปงานวัดตอนเกือบ ๆ หนึ่งทุ่มครึ่งเห็นจะได้  วัดที่ไปอยู่ไม่ไกลจากบ้านของสมุทรนัก  ห่างจากซอยของบ้านเขาไปแค่สองซอยเท่านั้น  เป็นงานวัดที่ค่อนข้างใหญ่  คนมาหนาตาพอควรเลยล่ะ 

“คนเยอะเหมือนกันนะ รู้งี้หนูเอาขนมมาวางขายก็ดีอะ” ดาวบ่นถึง 

“ไม่เอา..เดี๋ยวได้เกิดเรื่องอีก มันคุ้มซะที่ไหนล่ะ” สมุทรพูดด้วยสีหน้าแกมดุนิด ๆ  ดาวเม้มปากไม่เถียงต่อ  ผมก้มลงมองเห็นเมฆเพราะจู่ ๆ อีกฝ่ายก็หยุดยืนนิ่ง  เมื่อมองตามสายตาของเมฆไปก็พบว่ามันกำลังจับจ้องไปที่ร้านลูกชิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายทีเดียว

“เมฆครับ” สมุทรเรียก  เมฆหันกลับไปมองพี่ชายเก้ ๆ กัง ๆ  แล้วหันกลับไปที่ร้านลูกชิ้นอีกครั้ง  พอมันอ้าปากจะหันกลับไปเรียกสมุทรอีกรอบก็พบว่าสมุทรพยุงยายเดินต่อไปแล้ว  ผมยิ้มมองเพราะภาพตรงหน้าดูตลกดี  เมฆวิ่งเข้าไปกอดแขนดาวเอาไว้พร้อมออกแรงดึงจะให้เธอกลับไปที่ร้านลูกชิ้นด้วยกัน

“ไม่ได้..” ดาวกระซิบปราม  ฝืนตัวไม่ยอมไปตามแรงดึง

“หนูอยากกิน” เมฆบอก

“เมฆ..อย่าดื้อสิ เดี๋ยวพี่สมุทรก็ไม่พามาอีกหรอก” เธอว่า  ทำท่าจะก้มลงอุ้มเมฆแต่มันปล่อยแขนดาวออกอย่างประท้วง  เธอถลึงตาใส่น้องชายพลางเหลือบมายิ้มเจื่อน ๆ ให้ผมที่มองอยู่นิดหน่อย   

“อยากโดนดุเหรอ” ดาวเตือน

“.........” เมฆยืนนิ่ง  หน้าหงอยเป็นลูกหมา  ดาวเหลือบไปที่ร้านลูกชิ้นด้วยสีหน้าลังเลใจ

“เมฆ” สมุทรหยุดเดิน  หันกลับมาย้ำเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าก่อนหน้า  ผมเดาได้เลยว่าเขาจะต้องสั่งห้ามไม่ให้น้องกินอาหารพวกนี้เป็นแน่ 

“มาเร็ว” ดาวแบมือออกตรงหน้าเมฆ  อีกฝ่ายส่ายหัวด้วยท่าทางงอน ๆ

“งั้นก็ตามใจนะ” เธอเบะปากให้อย่างไม่แคร์เช่นกัน  แล้วเดินหนีไปหาสมุทรเลย  ทั้งสามคนเดินต่อไปแล้ว  ยายเดินค่อนข้างช้า  จึงทำให้เราไม่ต้องรีบร้อนไปด้วย  คือยังไง ๆ ก็เดินตามทันอยู่ดีนะครับ

“ไปเลือกสิ” ผมพูด  เมฆเงยหน้าขึ้นมอง  ผมพยักหน้าส่งสัญญาณไปทางร้านลูกชิ้น  เมฆจ้องตาผมด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ 

“เร็ว..” ผมเร่งเสียง  ทำให้อีกฝ่ายรีบวิ่งตรงไปที่ร้านเป้าหมาย 

“รับอะไรดีจ้ะ” แม่ค้ารีบลุกขึ้นยิ้มถาม  เมฆยืนจด ๆ จ้อง ๆ  มองไปที่ไม้ลูกชิ้นที่อยู่ตรงหน้าพอดีเป๊ะ  มันชี้นิ้วไปที่ลูกชิ้นไม้นั้นด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

“เท่าไหร่ ..ฮะ ?” เมฆถามเสียงเบา  ผมเกือบจะหลุดหัวเราะเพราะท่าทางมันตลกมากจริง ๆ

“สิบบาทจ้ะ” แม่ค้ายิ้มตอบ

“เอากี่ไม้ดีจ๊ะ” เธอถาม  เมฆไม่ตอบ  แต่หันกลับมามองหน้าผมคล้ายรอคำอนุญาต  ผมเหล่มองไปที่มันโดยไม่ให้คำตอบดี ๆ  อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจทำยังไง  เมฆหันกลับไปมองแม่ค้าก่อนชูนิ้วชี้ขึ้นทีละนิด  นิ้วมันยังไม่ทันชูขึ้นสุดดี  มันก็เหนิ้วงอกลับเข้าเก็บเหมือนจะไม่สั่งแล้วซะงั้น

“อย่างเดียวเหรอ” แม่ค้าเหลือบมามองหน้าผม  เหมือนเมฆจะสติหายไปแล้ว  มันเอาแต่กวาดตามองอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปทั่ว

“ฉันให้อีกอย่างนึง” ผมพูด  เมฆชี้ไปที่ไส้กรอกพันหมี่ทอดชิ้นเล็ก ๆ

“เอาดี ๆ สิ ชี้แล้วป้าเขาจะรู้ไหม” ผมอดนำนิ้วตีเข้าที่แก้มมันเบา ๆ  เพื่อกระตุ้นนิสัยไม่กล้าของมันไม่ได้ 

“ขายยังไงครับ” เมฆถามเสียงค่อย  แม่ค้าอมยิ้ม

“ชิ้นละสามบาทจ้ะ เอากี่ชิ้นดี” เธอยิ้มรับอย่างใจเย็น

“ห้าชิ้นครับ” ผมตอบแทนพร้อมกับเอื้อมหยิบไส้กรอกไม้ใหญ่ส่งให้แม่ค้าไปอีกหนึ่งไม้เพื่อจะกินเอง  เมฆมองตาม

“ไม้นั้นของฉัน” ผมดักคอมันก่อนเลย

“น้ำเปล่าขวดนึงด้วยครับ” ผมบอก  แม่ค้าขานรับ  ผมหยิบไส้กรอกไม้ของผมออกมาจากถุงก่อนเพราะมันชุ่มน้ำจิ้มกำลังพอดี  นำคาบไว้ในปากทั้งอย่างนั้นก่อนส่งถุงไปให้เมฆ  มันมองถุงอาหารด้วยหน้าตาชื่นมื่น  มือที่ว่างล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์เพื่อจ่ายเงิน  หันกลับไปมองอีกทีก็เห็นว่าดาวยืนมองมาทางพวกเราอยู่ก่อนแล้ว  เธออมยิ้มให้ผมนิด ๆ  ผมขยิบตาส่งให้เธอประมาณว่าให้เธอเงียบ ๆ เอาไว้  ตอนนี้สมุทรกับยายหายไปไหนแล้วไม่ทราบ 



ปึก!!!   ... ผมชะงักเท้า  อยู่ดี ๆ  คนที่เดินนำหน้าก็สะดุดขาตัวเองล้มหน้าทิ่มไป

“กูละเชื่อ” ผมบ่น  นำไส้กรอกออกจากปากพลางถอนหายใจและเคี้ยวไปด้วย  แม่ค้าขายลูกชิ้นเห็นเหตุการณ์อุทานด้วยความเป็นห่วง  ไอ้ตัวที่ล้มคลุกฝุ่นคงเพิ่งได้สติ  มันลุกขึ้นยืนและไม่วายที่จะหยิบถุงและไม้ลูกชิ้นที่หล่นออกจากปากถุงเสียบกลับเข้าถุงเหมือนเดิมติดมือขึ้นมา 

“........” เมฆยืนมองถุงหน้าสลด  ผมเข้าใจดีว่ามันกำลังรู้สึกยังไง  คนอื่นจะหาว่าผมที่บ้านมีเงินกำลังตอแหลอยู่ก็ได้ที่ทำเป็นเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนนี้  แต่ผมคิดว่าผมเข้าใจความรู้สึกของมันในตอนนี้เป็นอย่างดีทีเดียว  แบบว่าของที่ชอบหกไปต่อหน้าต่อตานี่มันเจ็บปวดจริง ๆ  ผมเข้าไปคว้าถุงออกจากมือของเมฆ  มันมองตามโดยไม่พูดอะไร 

“ฝากทิ้งด้วยครับ” ผมยื่นถุงกลับให้คนขายเพราะมองหาถังขยะใกล้ ๆ ไม่เจอ 

“ได้จ้ะ” เธอรับถุงไปด้วยใบหน้าเจื่อน ๆ

“เอาแบบเมื่อกี้อีกถุงนึง” ผมสั่ง  แม่ค้าขานรับเสียงใสทันที  ผมหยิบกระดาษทิชชู่ที่ร้านนี้วางขายอยู่ก่อนนั่งยอง ๆ ลงนำเช็ดมือให้เมฆ

“เมื่อกี้เล่นตลกให้ดูงั้นเหรอ” ผมพูดไปเช็ดไป  เมฆไม่พูดไม่จา  แบมือที่เปื้อนให้ผมเช็ดง่าย ๆ

“ให้ตายเถอะ นี่ฉันยังไม่เห็นว่ามันมีอะไรให้นายสะดุดได้เลยนะ..ชีวิตนี้นี่จะมืดมนไปไหน” ผมว่าขำ ๆ  ปัดฝุ่นออกจากตัวเมฆจนกลับมาเป็นผู้เป็นคน  โชคดีที่ไม่มีแผล  เราได้ถุงอาหารมาใหม่  จ่ายเงินไปใหม่พร้อมเพิ่มค่ากระดาษทิชชู่หนึ่งห่อด้วย

“ขอบคุณครับ” เมฆบอก   

“มีคนยอมตามใจซะแล้วสิ” ดาวอมยิ้มแซวผมทันที  ผมอมยิ้ม

“เอาไหม เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” ผมถาม

“ไม่ค่ะ” เธอผงกหัวยิ้ม ๆ

“ไปไหนแล้วล่ะ” ผมถามถึงสมุทร

“ยายอยากดูลิเกน่ะค่ะ” เธอตอบเขิน ๆ  คว้ามือเมฆเดินนำไป  ผมเดินตามหลังเธอ  เมฆนำลูกชิ้นไม้ใหญ่ออกมากินระหว่างที่เดินไปด้วย  พอไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าโรงลิเกผมก็เห็นสมุทรกำลังมองหาพวกเราอยู่ก่อนหน้าแล้ว  พอเจ้าตัวเห็นว่าเมฆถือของติดไม้ติดมือมาด้วย  สายตาคู่นั้นก็เหลือบมาจ้องผมเขม็งอย่างเอาเรื่องทันควัน  ผมทำไม่รู้ไม่ชี้  เคี้ยวไส้กรอกหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-08-2016 17:27:27

“คุณไฟครับ..” สมุทรเอ่ย  สีหน้าเตรียมเข้าโหมดต่อว่า  น้ำเสียงปราม ๆ ที่ผมชอบที่จะได้ยิน

“ร้านลูกชิ้นกับงานวัดเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ฉันจำความได้แล้วนะ” ผมพูดก่อนเลย  สมุทรเงียบลง  ผมยักไหล่น้อย ๆ  ประมาณว่า “หรือไม่จริง”

“มันไม่ได้มีทุกวันสักหน่อย ให้น้องกินสักไม้สองไม้จะเป็นไรไปล่ะ” ผมพูด  ดาวพายายกับเมฆไปนั่งที่เก้าอี้พลาสติกเยื้อง ๆ กับหน้าโรงลิเก

“หน้าโรงเรียนก็มีขายครับแบบนี้ เวลาที่เขางอแงแล้วเขาได้ของที่ต้องการ เขาก็จะคิดว่าถ้ารอบหน้าเขาทำตัวแบบนี้..เขาก็จะได้อีก” สมุทรเข้ามากระซิบ 

“อ๋อ..นี่มันเป็นหลักการเดียวกับการเลี้ยงหมานี่” ผมตีหน้าซื่อไม่เลิก  อีกฝ่ายถอนหายใจน้อย ๆ  ผมยิ้ม  ไม่เถียงต่อเพราะนี่คงเป็นวิธีเลี้ยงน้องในแบบของเขา  ซึ่งสำหรับคนบางคนมันก็เป็นจริงตามที่สมุทรพูด  แต่ละครอบครัวก็มีวิธีการเลี้ยงคนใกล้ชิดแตกต่างกันออกไป  โดยวัดจากพื้นฐานนิสัยของคนในครอบครัวตัวเอง  ผมเองก็มีวิธีไม่ได้แตกต่างจากสมุทรสักเท่าไหร่นักหรอก

“บางทีคุณก็ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะครับ” สมุทรขมวดคิ้ว

“ชอบแฮะ” ผมแสยะยิ้มตอบอย่างไม่รู้สึกใด ๆ  ให้เขาคิดตีความเอาเอง

“นายหมายความว่า ถ้าน้องนายเห็นว่าขออะไรกับฉันแล้วได้ของ รอบหน้าเขาก็จะขอฉันอีกแล้วก็ติดฉันในที่สุดซินะ” ผมเปลี่ยนประเด็นทำเอาสมุทรถึงกับเงียบไปเลย 
 
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันไม่ได้รู้สึกไม่โอเค” ผมพูดยิ้ม ๆ  อ้าปากกินไส้กรอกส่วนที่เหลือส่วนสุดท้ายเข้าปากจนหมด  สมุทรถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

“หึ ๆ  น้องนายเป็นเด็กมืดมนที่ซื่อบื้อแต่ก็เป็นเด็กดี บางทีนายก็ต้องให้รางวัลเข้าอยู่เรื่อย ๆ รู้ไหม” 

“รางวัลในความซื่อบื้อน่ะ” ผมยักคิ้ว  ใบหน้าของสมุทรเหมือนอ่อนใจแล้วที่จะสู้กับผม

“ผมทราบแล้วครับ แต่กรุณาเลิกเรียกน้องผมว่าซื่อบื้อหรือมืดมนสักทีเถอะ” สมุทรกลั้นอมยิ้มนิดหน่อย  ผมยิ้มกว้าง  กวาดตามองใบหน้าของเขา  แม่ง..ยิ้มทีกูจะบ้า  อีกฝ่ายคงรู้ว่าสายตาของผมเริ่มมองเกินเหตุ  เขาจึงทำเป็นหันกลับไปมองครอบครัวของตน

“ฝากยายกับน้องผมสักครู่ได้ไหมครับ เดี๋ยวผมมา” สมุทรบอก

“ได้” ผมพยักหน้ารับ  สมุทรเดินจากไป  ผมเข้าไปหยุดเฝ้าอยู่ด้านหลังใกล้ ๆ กับยาย  ได้แต่ยืนรอเพราะไม่มีที่นั่งเหลือเลย  คนมาดูลิเกเยอะมาก  สมุทรกลับมาอีกครั้งพร้อมกับไอศกรีมกะทิสำหรับทุกคน  เขาบอกกับผมว่าอยากให้ผมลองชิมเจ้านี้ดูเพราะเป็นเจ้าประจำของเขา  รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว 

ผมดูลิเกไม่ค่อยเป็นและไม่ค่อยอินเท่าไหร่นัก  แต่ถ้าถามว่าดูได้ไหมก็ดูได้  บางฉากสนุกดี  ถึงแม้ผมจะดูไม่เป็นแต่ผมคิดว่าลิเกเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่จะแสดงกันได้ง่าย ๆ  สมุทรชวนผมคุยบ้างจนผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีลิเกก็ปิดฉากลง  พวกแม่ยกพากันไปอออยู่ที่ด้านหน้าเวทีกันให้ชุลมุน  พวกเราลุกออกมาเดินงานวัดต่อ  ผลัดกันเล่นซุ้มเกมในงานวัด  ส่วนใหญ่ดาวดูจะตื่นเต้นกว่าใคร  เธอเล่นแข่งกับผมสองคน  บางครั้งสมุทรก็เข้ามาช่วยเธอบ้าง  เช่น พวกเกมปาเป้าหรือปากระป๋อง  ส่วนคนที่ตื่นเต้นกับของรางวัลมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นเมฆมากกว่า 

“ดาวจะเอาตัวไหน” ผมถาม

“เอาตัวนั้นค่ะ” เธอชี้ไปที่ตุ๊กตากระต่าย

“น้อง..เติมซิ” ผมกวักมือเรียกเด็กที่ทำงานแลกเงินที่ร้านปืนยาว  ที่จริงเด็กมันยืนมองผมอยู่ก่อนหน้าอยู่นานแล้วแต่ผมทำเป็นไม่เห็น  มันเดินเข้าหายิ้มหน้าเจื่อนมาเลย

“เอ่อ พี่ครับ” มันพูดแทบกระซิบ  ก้มหน้าก้มตาทำท่ามีลับลมคมใน

“คือว่า เจ้าของร้านอยากรบกวนให้พี่เล่นตานี้เป็นตาสุดท้ายได้ไหมครับ” อีกฝ่ายพูด  ผมเหล่มองตาขวางทันที 

“คือว่าพี่ กวาดตุ๊กตาของเราไปแถบนึงเลยอะครับ” เด็กชี้นิ้วไปที่ฝั่งของตุ๊กตาที่ผมยิงได้ทั้งหมดแบบที่เพิ่งแลกเงินไปเพียงแค่ร้อยเดียวเท่านั้น 

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ

“นั่นใช่ปัญหาของฉันเหรอ ? ขออีกตัวนึง ฉันจะเอาตัวนั้น” ผมพูด  ชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาตัวที่ดาวอยากได้ 

“ไม่ต้องหรอกครับ เกรงใจเขา” สมุทรละมือจากที่พยุงยายอยู่เข้ามาห้ามผม

“ก็ที่ซื้อมายังไม่หมดเลย เติมให้หมด” ผมชี้นิ้วไปที่กระสุนส่วนของผมที่เหลืออยู่อีกสามนัด
 
“คุณไฟครับ” สมุทรย้ำเสียงอ่อน

“ออกไปน่า ขออีกตัวเดียว” ผมว่าไม่ฟังเสียงใคร  ทันทีที่เด็กในร้านยอมวางกระสุนให้  ผมก็เล็งปืนขึ้นทันที  เสียงกระสุนที่ปล่อยออกไปจังเข้าที่ตุ๊กตาตัวเป้าหมายพอดีในเวลาไม่ถึงวิ

“ใส่ถุงให้ด้วยคร้าบ” ผมตะโกน  ฉีกยิ้มอย่างพอใจพร้อมวางปืนลง  พนักงานผงกหัว  รีบกลับไปที่หลังร้านแล้วหยิบถุงใบใหญ่เพื่อนำตุ๊กตาที่ผมยิงได้ทั้งหมดแปดตัว  ทั้งเล็กและใหญ่ใส่เข้าไปในถุงใบนั้น 

“ขอบคุณครับ” สมุทรบอก  เขารับถุงนั้นมาพาดบ่าเพราะถือด้วยท่าปกติไม่ได้เนื่องจากถุงค่อนข้างใหญ่มาก  ดาวจึงทำหน้าที่พยุงยายแทน

“พี่ไฟแม่นมากเลยอะค่ะ”

“อย่าลืมซักก่อนล่ะ มีแต่ขี้ฝุ่นทั้งนั้นเลย” ผมบอก

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มกว้าง  เราเดินต่อกันเรื่อย ๆ  จนเกือบครบรอบแต่เพราะสมุทรเกรงว่ายายจะเหนื่อย  เราจึงแวะซื้อน้ำมะพร้าวกับน้ำส้มเป็นการจบงานก่อนเดินทางกลับบ้าน

การมางานวัดในครั้งนี้ก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยมัธยมเหมือนกัน  พวกเรามักตื่นเต้นอย่างกับเป็นเด็กประถมเสมอนั่นละ  ตอนนั้นผมไปงานวัดพร้อมกับพี่ธานและไอ้โปรด  ผมกับไอ้โปรดชอบลากให้พี่ธานไปที่ซุ้มปืนยาวยิงตุ๊กตามาก  เวลาที่ได้เห็นคนในร้านหน้าเหวอ ๆ  เพราะตุ๊กตาร่วงเรียงกันถี่ ๆ ด้วยฝีมือของพี่ธานแล้วมันฮาสุด ๆ  ตอนแรกผมก็ไม่ได้ชอบใจอะไรนักหรอกครับ  พอดีไอ้โปรดมันชอบเล่นสนุก  หลัง ๆ ผมก็เลยสนุกไปกับมันด้วย  ได้ตุ๊กตากลับมาเยอะมากจนบางทีเจ้าของร้านถึงกับออกปากขอให้พวกเราเลิกแบบนี้นี่ละ  ตุ๊กตาที่ได้มาส่วนใหญ่ก็นำไปบริจาคให้เด็ก ๆ  เพราะพวกเราก็ไม่ใช่คนคลั่งอะไรทำนองนี้  ยิงไปเพราะความสนุกล้วน ๆ

“ขึ้นไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเลยนะ” สมุทรสั่งเมฆ  เราถึงบ้านกันเรียบร้อย  ผมร่ำลายาย  เธอขึ้นไปบนบ้านพร้อมกับดาวแล้ว

“เมฆ..” สมุทรย้ำเสียงอีกครั้งเพราะเมฆมัวแต่มีสติก้มลงดูถุงของเล่นที่เราเล่นเกมมาได้เมื่อกี้นี้

“ฮะ” เมฆขานรับแต่กลับไม่ลุกขึ้นหรือเงยหน้ามองดี ๆ  สมุทรยืนเงียบมองน้องชายตัวเองอยู่อย่างนั้น  ผมหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว  ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้ครู่เดียวเมฆยอมเงยหน้าขึ้นมองสมุทรพร้อมลุกขึ้นยืนในทันที

“ไปเข้านอน ดึกแล้วครับ” สมุทรบอก  เมฆพยักหน้ารับทราบ  มันหันกลับมาทางผมพร้อมยกมือไหว้น้อย ๆ  แล้ววิ่งขึ้นบ้านไป  สมุทรรินน้ำนำมาวางตรงหน้า  ผมรับมาดื่มทันทีเพราะรู้สึกกระหายอยู่เหมือนกัน 

“ขอบคุณนะครับ” สมุทรพูดโต้ง ๆ  ผมมองว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร

“สำหรับตุ๊กตาน่ะ” อีกฝ่ายอมยิ้มนิด ๆ  ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อย  สมุทรนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงหน้าผม  หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาสว่างขึ้นทำให้ต่างดึงดูดสายตาของเราทั้งคู่  เจ้าของหยิบมันขึ้นมาดู  ผมจึงละสายตาไปทางอื่นแทน  เขาก้มลงอ่านครู่หนึ่งก็วางมันกลับลงบนโต๊ะอย่างเดิม  ดูเหมือนเขาจะกังวลอยู่กับโทรศัพท์มาตั้งแต่ก่อนกลับบ้านแล้วแต่ผมไม่คิดทัก  ก็ไม่ได้เป็นคนเสือกขนาดนั้น 

“วันที่ต้องเดินทางไปพัทยา มีอะไรก็บอกแล้วกันนะ ฉันจะให้ผู้หญิงที่ค่ายเข้ามาแทนให้ ถ้าพี่สูงของนายไม่ว่าง” ผมบอก

“ครับ ขอบคุณ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ  ผมเอนหลังพิงไปที่พนักเก้าอี้  เป็นอาการที่น่าจะบอกให้เขารับรู้ได้ว่าไอ้เจ้านายคนนี้ยังไม่กลับง่าย ๆ แน่  ความเงียบทำให้เราทั้งคู่ปฏิบัติตัวไม่ถูก  แต่อย่างนั้นผมก็ยังไม่หยุดมองสมุทรด้วยแววตาที่แฝงในหลายความหมาย  ทั้งนี้เขายังคงนิ่งเฉย  สีหน้าควบคุมได้ดีอีกตามเคยหรือว่านั่นคือธรรมชาติของเขาละครับ   

“ให้ผมขับรถคุณไปส่งไหมครับ” สมุทรถามขึ้นโต้ง ๆ

“นายมีวิธีไล่ฉันออกจากบ้านได้แย่มากนะ” ผมกวาดตามองกรุ้มกริ่ม

“แล้วไง.. หลังจากนั้นก็จะนอนห้องฉัน ?” ผมเลิกคิ้ว

“ผมจะขึ้นแท็กซี่กลับครับ” เขาคุมเกม  ตอบด้วยคำพูดเรียบ ๆ  ไม่ได้มีความตื่นตระหนกกับประโยคยียวนของผมแต่อย่างใด  ผมอมยิ้มนิดหน่อย 

“งั้นก็ไม่จำเป็น” ผมสรุป

“เข้านอนกี่โมง” ผมเลือกที่จะถามอีกครั้ง  อีกฝ่ายนั่งเงียบ  ผมอมยิ้มมุมปากมองเขาไม่วางตา  สมุทรเหสายตาหลบเล็กน้อยก่อนจะช้อนตาขึ้นจ้องตอบอย่างสุภาพ

“สี่ทุ่มครับ” สมุทรตอบ  ผมพลิกนาฬิกาข้อมือ  นี่ก็ใกล้สี่ทุ่มเต็มแก่แล้ว

“เบื่อไหมครับ” เขาถาม

“งานวัดน่ะเหรอ” ผมพูด  สมุทรพยักหน้า

“สนุกดี” ผมยิ้มให้เล็กน้อย   

“........” เมื่อเราสองคนเลิกที่จะพูดต่อ  ความเงียบทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองสบายใจที่อยู่กับเขาเงียบ ๆ แบบนี้  ถึงให้ผมนั่งมองอีกฝ่ายเฉย ๆ  ผมก็คงจะทำได้นานไม่เบื่อเลยละมัง 

“ฉันมีคำถามอยากถามนายเยอะแยะ อยากให้ฉันลองถามดูไหม” ผมพูด  ขยับขาขวาขึ้นไขว่ห้างด้วยสีหน้าชวนให้อีกฝ่ายหมันไส้

“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ” สมุทรตอบทันที

“หึ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอ  ความสงบเงียบจากในบ้านและนอกบ้านทำให้ได้ยินเสียงดนตรีจากงานวัดแว่ว ๆ  ของบางอย่างในบ้านที่เป็นพลาสติกสั่นนิด ๆ  สมุทรดูกระอักกระอ่วนคงเป็นเพราะสายตาของผมที่มันดันไม่ยอมละไปจากคนตรงหน้าอย่างที่ควร

“คุณกำลังมองผมแบบไหนรู้ตัวไหม” สมุทรพูดขึ้นโต้ง ๆ  แววตาดุ ๆ  คล้ายหมดความอดทนมันทำให้ผมหลุดยิ้มเจ้าเล่ห์โดยอัตโนมัติ

“แบบไหนล่ะ” ผมลองถามกลับ

“มองเหมือนผมเป็นผู้หญิง” สมุทรว่า

“ผิดแล้วมั้ง..” ผมพูดปนหัวเราะ

“ฉันมองเพราะฉันอยากมอง กำแพงกั้นเรื่องเพศ..ในสามัญสำนึกของฉันมันไม่มี” ผมตอบ  สมุทรจ้องผมเขม็ง  สีหน้านิ่งขรึมเริ่มปรากฏออกมาทับใบหน้าสุภาพ ๆ ก่อนหน้านั้นทีละนิด  ผมหุบยิ้มลงเช่นกัน 

“คุณไฟครับ..” น้ำเสียงเรียกปราม  เป็นการเรียกเหมือนย้ำให้ผมหยุดการกระทำในตอนนี้

“แล้วถ้าสมมุติตอนนี้นายเป็นผู้หญิง นายคิดว่าฉันกำลังคิดอะไร” ผมถามเสียงเย็นลง   

“โทษทีครับที่ผมไม่ใช่ผู้หญิง” สมุทรพูดห้วน ๆ 

“เห็นน่า..กล้ามใหญ่เต็มตัวซะขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงฉันก็คงไม่เอาเหมือนกัน” ผมพูดกวนเปลี่ยนบรรยากาศทำเอาอีกฝ่ายหลุดอมยิ้มออกมานิดหน่อย

“นายเป็นคนเริ่มประเด็นนี้เองนะ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้มองนายแบบนั้นเลยสักนิด แต่ถ้านายเรียบเรียงคำพูดซะใหม่ บางทีอาจจะใช่ก็ได้” ผมต้อนด้วยสีหน้าจริงจัง

“กลับกัน..ถ้าคุณเป็นผู้หญิงอยู่ตอนนี้ คุณกำลังจงใจให้ท่าผม ผมเรียบเรียงคำพูดใหม่แบบนี้ดีกว่าไหมครับ” สมุทรต้อนกลับคล้ายไม่ยอมอ่อนความให้  คำพูดเหนือคาดที่ทำให้ผมนิ่งลงครู่หนึ่งก่อนแสยะยิ้มด้วยความพอใจ   
 
“หึ..เกินคาดแฮะ ไม่คิดว่านายจะใช้คำว่า ‘ให้ท่า’ กับผู้หญิงด้วย” ผมแซว 

“ก็คุณเป็นผู้ชายนี่ครับ” อีกฝ่ายแก้คำพูดย้อนได้ทัน

“แล้วไง ก็เลยใช้คำว่าให้ท่ากับฉันได้งั้นซิ ?” ผมมองอีกฝ่ายตาหวาน  อยากรู้จริง ๆ ว่าจะตอบกลับมายังไง  สีหน้าของสมุทรเปลี่ยนจากเดิมนิดหน่อย

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้จะหมายความไปในทางที่ไม่ดี” เขาพูด

“ก็นะ..ฉันไม่ได้ว่าอะไร” ผมหัวเราะ

“งั้นถ้าผู้หญิงให้ท่านาย ๆ ก็ดูออกงั้นซินะ ไม่ได้โง่” ผมปัดมือไปมาด้วยน้ำเสียงหยอก ๆ

“นายกำลังจะบอกว่า มันอยู่ที่นายจะเอาหรือไม่เอา” ผมพูดตรง ๆ  สายตาของเราต่างจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“โอเค ถ้างั้น..นายก็พูดถูก ฉันให้ท่า แล้วไงต่อดี ?” ผมอมยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วท้าทาย

“คุณตั้งใจจะทำอะไรครับ” น้ำเสียงของสมุทรเริ่มแกว่ง

“อึดอัดรึเปล่าล่ะ” ผมย้อนถาม  ถ้าผมไม่ได้แปลคำถามของสมุทรผิดไป  ผมคิดว่าผมน่าจะเข้าใจว่าเขากำลังถามถึงการกระทำของผมในตอนนี้อยู่

“นิดหน่อยครับ” อีกฝ่ายตอบนิ่ง ๆ

“แสดงว่าไม่มาก” ผมเบ้ปากกวนอารมณ์  เราเงียบลงอีกครั้ง  ผมหยิบน้ำในแก้วที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด  คุยกับหมอนี่แล้วใช้สมองหนักเป็นบ้า 

“ผมไม่ได้ยอมมาทำงานเพื่อเล่นเป็นคู่นอนกับคุณนะครับ เข้าใจซะใหม่ด้วยครับว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นมันชักเริ่มไม่เหมาะ” คำพูดคล้ายเตือนจากเขาทำให้ผมยิ้มกว้าง

“หมายความว่าอยากให้ฉันจริงจัง ?” ผมเลิกคิ้ว  แม้จะเวลานี้ก็อดกวนไม่ได้อยู่ดี

“คุณไฟ” สมุทรย้ำเสียงเข้ม  ช้อนตามองผมอย่างเอาความ 

“งั้นนายก็เข้าใจใหม่ซะด้วย..ว่าฉันเองก็จำไม่ได้ว่าถ้าอยากได้แค่คู่นอนเฉย ๆ  ตัวเองต้องทำถึงขนาดนี้” ผมพูดหาเรื่องกลับเช่นกัน  อารมณ์ของอีกฝ่ายนิ่งลงได้บ้าง  สีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด

“ฉันน่ะ..” ผมเอ่ย  เราไม่ได้มองหน้ากันแล้ว  น้ำเสียงของผมที่ทิ้งลงก่อนถอนหายใจน้อย ๆ  ส่วนตัวยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรต่อดี  ไม่ว่าจะประเด็นไหน  ปากมันหนักไปหมด

“โอเค คือว่านะ...” ผมเอ่ยเปิดซ้ำอีกครั้ง  คำเตือนจากพี่ธานผุดขึ้นมาในหัว  ผมจึงตัดสินใจที่จะเลิกกวนเขาชั่วขณะ 

“ที่จริงฉันไม่ชอบเท่าไหร่ที่นายออกไปกับพลอย” ผมพูด  สมุทรมองหน้าผมอีกครั้ง   

“แต่ไม่ใช่เพราะฉันหวงพลอย แต่ก็..ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ฉันบอกกับนายเกี่ยวกับพลอยก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้โกหก” ผมอธิบาย

“จริง ๆ แล้ว คือฉัน...” การทิ้งน้ำเสียงลงอีกครั้งด้วยเพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดความรู้สึกในตอนนี้ออกไปดีหรือไม่  ตามจริงแล้วผมคิดว่ามันยังไม่เหมาะเท่าไหร่  ผมจะไม่พูดหากประเด็นมันไม่เริ่มแบบนี้  ความลังเลที่มีมันไม่ใช่ความลังเลต่อผมเพียงคนเดียว  อีกด้านหนึ่งผมกำลังมีความลังเลต่อคนตรงหน้าด้วย  ตอนนี้จิตใต้สำนึกคล้ายกับกำลังจะบอกกับผมว่าผมควรเลือกที่จะหุบปากเงียบไว้ก่อนเสียดีกว่า 

.. สายตาที่เรามองกันไม่มีแม้แต่ความโกรธเคือง  ดุดัน  ต้อนปรามอย่างอารมณ์ที่เราต่างมีอยู่เมื่อครู่เลยสักนิด  ผมคิดว่าเขาก็คงดูออกว่าสายตาของผมที่สื่ออยู่นั้นไม่ได้ต่างจากเขาเลย  ต่างคนต่างกำลังอ่านกันและกันด้วยความสงบ  ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคล้ายกับมีคนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ  สติของผมจึงกลับมาอีกครั้ง

“สมุทร~” เสียงผู้หญิงส่งเสียงเรียกมาจากทางประตูบ้าน  น้ำเสียงคุ้นหูที่ผมได้ยินเพียงไม่กี่ครั้งก็จำได้แทบจะทันทีว่าเป็นใคร 

“หยา” สมุทรขานรับลุกขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ  ขณะเดียวกันเธอก็เปิดประตูเข้ามา  สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก  ผมยังคงนั่งเฉย  อารมณ์แปรปรวนกลับมาไม่ชอบใจเหมือนกับมีใครไปเปิดฝาที่ปากขวดออก  แล้วก็มีควันในขวดระเหยออกมาทีละนิด  ด้วยความที่มีอะไรมาขัดใจก็ยิ่งทำให้ตอนนี้อยากกวนทุกคนไปเสียอย่างนั้น  ผมช้อนตามอง  ยียวนหน้าด้านนั่งรับแขกใหม่มันอยู่อย่างนี้ไม่ลุกไปไหน 



................(ไฟ)...............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 16-08-2016 18:19:26
โถ่ คุณไฟ สู้ๆเข้าละกัน  :katai4:
ขอบคุณมากๆค่ะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 16-08-2016 18:39:02
 :angry2:หยาาาาาาาาาา หยามาทำไม
รอตอนต่อไปค่ะ^ ^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 16-08-2016 19:12:57
โอ้ยยยยย ไม่ไหวๆตัดฉับ!!!!   :serius2: :serius2:
ความรู้สึกมันกำลังลุ้นถึงความกล้าหาญที่พี่ไฟจะเอ่ย....ความรู้สึกลึกๆออกมา :-[

 หากแต่มันมีเธอโผล่เข้ามานะหยา มันใช่เวลาที่เธอจะมาบ้านสมุทรในเวลานี้ไหม ฉันกำลังลุ้นอยู่เชียว เกลียดเธอจริงๆ :angry2: :angry2:

ชอบเวลาพี่ไฟหัวเราะน้องมืดมนมันฮาแต่แฝงไปด้วยความน่ารัก :mew1: :mew1:

สมุทรู้ว่าคุณไฟคิดยังไง อาจจะยังไม่แน่ใจทั้งสองฝ่าย คงต้องใช้เวลาน่าจะไม่นานนี้แน่ๆ

บอกเลยว่าอ่านตอนนี้แล้วยิ้มแก้มจะแตก ลุ้นกับพี่ไฟเขินแทนเฮียแกจริงค่ะ

ขอบคุณเบบี้มากๆค่ะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-08-2016 19:21:56
หยา มาขัดจังหวัดทำไมวะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

กะลังลุ้นว่าไฟจะพูดว่ายังไงต่อ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 16-08-2016 19:32:58
โหดร้ายยยยย
ไม่ว่าจะโหมดหมาหยอกไก่ หรือโหมดจริงจัง
เหมือนสมุทรจะไม่สนใจคุณไฟเลย   T_________T
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 16-08-2016 20:09:11
บางทีก็ปลงกับแทนไฟน้อ จีบไม่เห็นวี่แววเลย
สงสัยว่าจะปห้วรึเปล่า 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-08-2016 20:22:06
ชอบมากกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 ไฟ สมุทร  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 16-08-2016 20:51:33
ไฟสู้ๆๆๆๆเขานะเว้ยยยยยยยยยย

นี่ลุ้นไปกับไฟด้วยเลย เห้อออออออ

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ  รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 16-08-2016 21:11:28
 o13 o13 ชอบโม้เมนไฟกับเมฆ จะว่าแข็งๆแต่ก็อ่อนโยน เจ้าเด็กมืดหมน!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 16-08-2016 21:31:25
งืม ไฟสู้ๆ ทำไมรู้สึกว่าลึกๆแล้วมันหนวงนะ? :hao4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 16-08-2016 22:21:39
ชอบคุณไฟ ชอบสมุทรด้วย ชอบฟิลตอนเขาคุยกันมากๆ อ่านไปอมยิ้มไป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 16-08-2016 22:26:29
เด็กมืดมน ฮาจริงกับคำนี้ :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 16-08-2016 22:36:07
 :serius2:4 ทุ่มนะจ๊ะแม่สาวน้อย เป็นสาวเป็นนางไปหาผู้ชายถึงย้านค่ำๆมืดๆแบบนั้นมันดีรึ ฮึ๊ย!!!!!!!! ไฟอย่าเพิ่งกลับนะ นอนแม่งบ้านสมุทรนั่นแหละคืนนี้ :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-08-2016 23:22:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 17-08-2016 00:02:56
แค่บทพูดธรรมดาๆ ทำไมทำเราเขินไปได้นะ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 17-08-2016 01:19:54
มองบน.... อีตาสมุทรนี่ไม่มีทีท่าอะไรเลย
สงสัยจริงๆ จะไปสปาร์กกันยังไง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 17-08-2016 02:53:25
รอตอนต่อไป :hao3: :hao3: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เอวา ที่ 17-08-2016 08:58:30
งุงิงุงิ5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 17-08-2016 10:43:18
เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกเหนื่อยเพราะต้องลุ้นอยู่ตลอดเวลา อะไรมันจะตื่นเต้นปานนี้555555
คาดเดาการกระทำและความคิดไม่ค่อยได้เลยยยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 17-08-2016 11:33:24
จะมาทำไมตอนนี้คะคุณขา   :m16:

อ่านตอนน้องเมฆอยากกินลูกชิ้นทำลูกชิ้นตกทำไมเราน้ำตาซึมอ่ะอารมไหนบอกไม่ถูก :mew2:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 17-08-2016 13:29:04
โอ้โหมาผิดที่ผิดเวลามากค่ะคุณณณณกำลังลุ้นเลยว่า

ไฟจะพูดยังไงกับสมุทร :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 17-08-2016 13:47:54
หึงละซิคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 17-08-2016 16:34:31
เรื่องราวชักจะเข้มข้นขึ้นมาแล้ว ไฟให้ท่าจนได้เรื่อง ขอให้สำเร็จนะคะคุณไฟของป้า สมุทรกำลังสัมผัสถึงความรู้สึกจริงจังของไฟและตอบโต้กลับมาบ้างแล้ว ไม่รู้ใครให้ท่าใครมากกว่ากัน  :o8:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 17-08-2016 18:46:11
ถูกขัดจังหวะซะงั้น
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 17-08-2016 22:59:25
เป็นนิยายที่เส้นเรื่องยาวมาก
ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 18-08-2016 00:25:43
ไฟเราเชื่อว่านายจะหึงได้มากกว่านี้ เราอยู่ข้างนาย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 18-08-2016 22:46:06
ลุ้นตลอด มาไวๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 19-08-2016 05:27:28
ไฟกำลังจะอธิบายให้สมุทรเข้าใจ แล้วทำไมต้องมีมารมาขัดขวาง :เฮ้อ: ชอบน้องเมฆเจ้าเด็กมีดมน ชอบโมเม้นครอบครัวสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 20-08-2016 16:18:44
โอ้ยเหนื่อยแทน ลุ้นตลอด!
เมื่อไหร่เขาจะได้กัน ฮ่าๆๆ :hao7:
#ทีมพี่ไฟค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-08-2016 13:50:10
คุณไฟเริ่มรุกแบบจริงจังแล้วซินะ



แบบนี้ก็ถือว่าก้าวหน้าพอสมควร ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย




น้องเมฆน่ารัก  อยากกินลูกชิ้นจนยอมดื้อนิดๆแต่พี่สมุทร





ดีนะป๋าไฟไปด้วย ไม่งั้น เด็กมืดอดกินลูกชิ้นงานวัดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เอวา ที่ 21-08-2016 20:58:49
คิดถึงไรท์เตอร์ คิดถึงสมุทร คิดถึงไฟ วอนให้ไรท์มาต่อไวๆนะค่ะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 25 [ 17:30 น. - อ. 16 ส.ค 59 หน้า 28 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-08-2016 16:14:28
 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-08-2016 16:16:34

ตอนที่ 26
..ไฟ..




ผมนั่งทอดอารมณ์อยู่ในบ้านหน้าตาเฉยอย่างกับบ้านของตัวเอง  สมุทรพาผู้หญิงที่ชื่อหยาขึ้นไปคุยบนบ้าน  เขาดูลำบากใจที่จะถามผมว่า “คุณจะกลับบ้านเลยไหมครับ ?”  แน่นอนว่าประโยคนี้ไม่ได้หลุดออกมาจากปากเขา  ผมรู้นิสัยตรงส่วนนี้ของเขาดีจึงเลือกที่จะไม่เอ่ยปากออกไปว่า “ฉันกลับละ” ตามมารยาทที่ควรทำ  สายตาของหยาที่กะหลับกะเหลือกมองมาทำให้ผมอ่านเธอออกว่าเธอคงมีคำถามสงสัยในตัวผมและดูไม่ไว้ใจ  แต่ใครจะสน  ยิ่งถ้าการกระทำแบบนี้ทำให้เธอสงสัยผมได้มากเท่าไหร่ผมก็จะทำไปเรื่อย ๆ

.. เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาทีที่ทั้งคู่หายขึ้นไปบนบ้าน  ดูท่าทางแล้วเหมือนผู้หญิงคนนี้กำลังมีปัญหาหนักใจ  สีหน้าของเธอเหมือนเพิ่งร้องไห้มาอย่างหนัก  เธอค่อนข้างโทรมทั้ง ๆ ที่แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า  แต่ก็ช่างหัวเธอเถอะ  ผมไม่ได้รู้สึกสงสารเธอเลยสักนิด

“คุณไฟครับ เอ่อ..เดี๋ยวผมต้องออกไปส่งหยาที่บ้านนะครับ” สมุทรเดินลงมา  เขานำทางมาก่อน  ผมนั่งฟังด้วยทีท่านิ่งเฉยไม่รับรู้สถานการณ์ใด ๆ  ผู้หญิงที่ชื่อหยาตามหลังลงมา  ปกติเธอคงจะพูดทักทายตามมารยาทแล้วแต่ครั้งนี้เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาลูกเดียว

“โอเค” ผมตอบรับห้วน ๆ  ประมาณว่า “ยังไงก็ได้” พร้อมกับลุกขึ้น 

“เอารถฉันไปสิ” ผมนึกขึ้นได้จึงยื่นกุญแจรถไปให้ 

“เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งแท็กซี่ไปส่งเธอดีกว่า” สมุทรตอบด้วยสีหน้าหนักใจ 

“เอาไปเถอะน่า” ผมดึงดันอยู่อย่างนั้น  ถ้าอีกฝ่ายไม่รับไปผมก็ต้องกลับเดี๋ยวนี้เลยนะสิ

“ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ” สมุทรหลบสายตาคล้ายกับเลี่ยงการปฏิเสธผมอย่างจริงจัง

“ฉันยังไม่กลับอะ เหนื่อย ๆ  ขี้เกียจขับรถ” ผมเหล่มอง  โยนกุญแจลงบนโต๊ะและเลือกที่จะนั่งกลับลงที่เดิม  สมุทรหันมามองสีหน้าปนไปด้วยความตกใจ  หยาเองก็เช่นกัน 

“หมุด..เดี๋ยวหยากลับเองก็ได้” เธอพูดขึ้น

“เดี๋ยวผมไปส่ง” สมุทรหันกลับไปห้าม  คำพูดคำจาที่ฟังดูไม่คุ้นหูผมจากปากของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา 

“คุณไฟครับ..” สมุทรเดินเข้ามาใกล้  ผมเหลือบมองนิ่ง ๆ  อยากดูว่าเขาจะทำยังไง

“นี่กุญแจบ้านนะครับ คือ..ถ้าคุณต้องการจะกลับก่อน ผมรบกวนให้คุณล็อกบ้านแล้ววางกุญแจไว้ใต้กระถางต้นไม้หน้าบ้านให้ผมหน่อยนะครับ” สมุทรพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน  ใช่..ผมสะใจที่ได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนแบบสุด ๆ ของเขาแบบนี้  แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับขยับตัวไม่ได้  จะบอกว่าอึ้งกับการกระทำก็นิดหน่อย  ในหัวเพียงแต่คิดแย้งขึ้นได้ประโยคเดียวว่า “ให้กูล็อกบ้านให้ นี่กูเจ้านายมึงนะเว้ย!”

“ได้” ผมเสือกคว้ากุญแจมาจากมือเจ้าของบ้านง่าย ๆ

“ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาผงกหัว

“ขอตัวก่อนนะคะ” หยาพูด  เธอโค้งตัวเล็กน้อยบอกลา  ผมเบือนหน้ามาอีกทางโดยไม่สนใจที่จะตอบรับเธอ  ทั้งคู่ออกจากบ้านไปแล้วและผมก็เพิ่งมารู้สึกตัวว่าตัวเองเลือกผิดยังไงชอบกลที่เลือกที่จะอยู่ต่อแบบนี้ 

“มีใครหน้าด้านมากกว่ากูอีกไหมเนี่ย” ผมบ่นพลางถอนหายใจ  แต่เมื่อย้อนกลับไปคิด  หากแก้ไขได้ผมก็ยังเลือกที่จะอยู่ต่อแบบนี้อยู่ดี  เพราะถ้าให้ผมเดินกลับออกไปพร้อมกับทั้งคู่  ผมเองก็คงรู้สึกพิลึกไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่นักหรอก 

เสียงฝีเท้าของทั้งคู่เงียบหายไปสนิท  ชุมชนนี้ตอนกลางคืนเงียบสงบอย่างนี้เป็นปกติรึเปล่าไม่ทราบ  แม้กระทั่งเสียงวัยรุ่นก็ยังไม่มีมาให้กวนใจ  ขนาดเสียงหายใจของตัวเองยังได้ยินชัดเจน  ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเล่นฆ่าเวลา  อย่างแรกที่ดูคือดูเวลาที่สมุทรออกจากบ้านไป  แน่นอนว่าส่วนหนึ่งของตัวผมกำลังตั้งคำถามว่า “กูกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ?” 

ผมเลือกกดเปิดเฟซบุ๊กของสมุทร  ตอนแรกก็ว่าจะไม่กดอยู่แล้วเชียวแต่มือมันลั่นไปเองก่อนที่จะคิดคำนวณใด ๆ ด้วยซ้ำ  และเมื่อเลื่อนดู ภาพที่เห็นทำให้ผมอมยิ้มออกมาไม่ได้  ดาวแท็กรูปภาพที่พวกเราไปเที่ยวงานวัดเมื่อตอนหัวค่ำกับสมุทร  ผมไม่ได้มีเฟซบุ๊กของดาวและไม่คิดที่จะเพิ่มเป็นเพื่อนด้วย  สำหรับผมมันยังไม่ถึงเวลาและไม่เหมาะควร  นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องเดิม ๆ ไม่มีอะไรอัพเดท  ผมไล่ดูโพสเก่า ๆ ของเขาเมื่อสองสามปีก่อนทั้ง ๆ ที่ก็เคยเลื่อนดูก่อนหน้านี้มาแล้ว  มีรูปที่ถ่ายคู่กับผู้หญิงที่ชื่อหยาอยู่พอสมควร  ไม่ใช่การจงใจถ่ายรูปคู่แต่เป็นรูปที่ถ่ายเผลอในมุมมองต่าง ๆ มากกว่า  เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีนะครับ  แม้แต่กับในรูปที่ดูเหมือนจะไม่ได้ใกล้ชิดกับหยามากนัก  แต่ก็ดูออกว่าเขาเป็นคนที่อบอุ่นและใจดี  แต่ในขณะเดียวกันผมคิดว่าเขาก็มีอารมณ์ส่วนที่เข้าถึงได้ยากอยู่  สีหน้าบนรูปนั้น ๆ คล้ายกับความจริงแล้วนั่นยังไม่ใช่เขาทั้งหมด 

การตัดสินใจหยุดดูสิ่งที่มันค่อนข้างแคลงใจเป็นเรื่องยาก..แต่เป็นสิ่งที่คนเราควรทำ  ผมเลื่อนดูหน้าฟีดข่าว  พบว่าไอ้โปรดกำลังอยู่ผับแถวตะวันออกกลางในวันนี้  ภาพของมันทำให้ผมหัวเราะ  สภาพอย่างกับแยงกี้ญี่ปุ่น  ผมไล่ดูไปเรื่อย ๆ  มีข่าวบ้านเมืองที่ยังไม่ทราบก็กดอ่านมันจนหมด  เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงผมเริ่มลุกขึ้นเดินสำรวจสิ่งของในบ้านตามนิสัยส่วนตัวที่ชอบสังเกต  กรอบรูปตั้งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ  ส่วนใหญ่น่าจะมาจากฝีมือของดาวเพราะติดสติกเกอร์รอบ ๆ กรอบรูปน่ารักเชียว  ผมสำรวจเสียทั่ว  เรียกว่าถ้าเป็นโจรบ้านนี้จะไม่เหลือของไว้ให้ขโมยสักชิ้นเดียวเพราะมันเงียบโปร่งมากจริง ๆ  ผมล้วงกระเป๋า  ถอนหายใจเดินออกมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้าน  มองไปรอบ ๆ พบแต่ความมืด  แสงไฟที่ให้ความสว่างส่วนใหญ่นั้นมาจากไฟฟ้าจากหน้าบ้านของบางบ้านเท่านั้น  เสาไฟฟ้าแต่ละเสาอยู่ห่างกันพอสมควรจนแทบนับต้นได้

ตามองดูนาฬิกาข้อมืออยู่เรื่อย ๆ  มันหมุนช้าหรือผมใจร้อน  หลายครั้งที่อดคิดไม่ได้ว่าควรกลับไปซะตอนนี้ดีหรือไม่  ไม่ต้องสู้หน้ากันและพรุ่งนี้ก็กลับสู่โหมดปกติเช่นเดิม  เท้าสอดสวมเข้าไปในรองเท้าก่อนที่จะคิดอะไร  ในหัวย้อนตีกลับมาว่าตัวผมได้ก้าวข้ามเส้นมาเกินสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว  ความจริงคือถ้าผมไม่สนผมจะไม่ต้อน  ไม่รู้ว่าผมถอนหายใจกับการกระทำของตัวเองในตอนนี้ไปแล้วกี่ครั้ง 

.. ผมยังไม่น่าจะรักสมุทรหรอก  ผมถูกใจอีกฝ่าย  ผมชอบองค์ประกอบหลาย ๆ ส่วนที่ก่อรวมเป็นตัวเขา  ซึ่งมันค่อนข้างดึงดูดผม  ยอมรับว่าในใจตอนนี้ผมอยากรู้อยากเห็นมากเกินควร  ผมต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายจะกลับมาไหม  ทั้ง ๆ ที่คาดว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ผมเดาไปตามพื้นฐานนิสัยของเขา ๆ จะต้องกลับมา  แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับไม่รู้สึกมั่นใจเอาเสียเลย

“หรือกูควรกลับ ?” ผมก้มหัวพลางถอนหายใจ  มือลูบท้ายทอยตัวเองด้วยรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาที่ตัวเองดันสองจิตสองใจแบบนี้ 

“พี่ไฟคะ..” เสียงทักทายน้อย ๆ แว่วมาจากในบ้าน

“อ่าว ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” ผมหันไปมองดาวผ่านมุ้งลวด  ตัวของเธอมีผ้าคลุมไหล่ปิดมาด้วย

“ดาวลุกมาเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ เห็นว่าไฟชั้นล่างเปิดอยู่แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยลงมาดู” เธอพูดบอกด้วยแววตาเป็นกังวล

“พี่อยู่ครับ..ขึ้นไปนอนเถอะ เดี๋ยวสมุทรมาถึงพี่ก็จะกลับแล้ว” ผมยิ้มให้  เธอเงียบไปครู่  ตากวาดมองไปรอบ ๆ

“ดาว..ยังไม่นอนอีกเหรอ” เสียงเข้มดุพูดทักขึ้น  เราหันไปมองที่ต้นเสียง  สมุทรเดินจ้ำเข้ามา  ผมนิ่งมองว่าอีกฝ่ายตกใจอะไร

“ดาวแค่ลุกมาดู” เธอตอบเสียงค่อยคล้ายกลัวความผิด 

“กลับเข้าบ้านไปได้แล้วครับ” สมุทรบอก

“ค่ะ” ดาวผงกหัว

“ฝันดีนะครับ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์มองดาวด้วยนึกอยากกวนพี่ชายของเธอขึ้นมา  ทีแบบนี้อาการดันอ่านออกง่ายซะหมด  ดาวก้มหน้าด้วยแววตาเก้อเขิน  ใบหน้าของเธอยิ้มน้อย ๆ  เสียงวิ่งดังจากไป  คราวนี้เองสมุทรจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างนั้น  ผมช้อนตาขึ้นมองเขาครู่หนึ่งก่อนกลอกตาลงอีกทาง  ลิมิตความคุกรุ่นมันช่างน่ารำคาญจริง ๆ

“ออกมานั่งตรงนี้นานรึยังครับ” เขาถาม  น้ำเสียงเปลี่ยนจากเมื่อกี้นี้ที่ค่อนข้างมาก

“ไม่นานเท่าไหร่” ผมตอบส่ง ๆ

“แล้ว.. ดาว ออกมานานรึยังครับ” สมุทรถามอีกครั้ง  ครั้งนี้อ้ำอึ้งคล้ายเกรงใจ  ผมอมยิ้มมุมปากนิด ๆ  คิดว่าคำถามนี้เขาอยากได้คำตอบมากที่สุด

“ก็นานมั้ง” ผมเบะปากยักไหล่กวน

“.........” สมุทรนิ่งเงียบไปเลย  แต่แล้วเขาก็ไม่แสดงอาการใด ๆ อีก

“นั่งแบบนี้ยุงไม่กัดเหรอครับ” อีกฝ่ายขมวดคิ้ว  น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงแต่ถ้าหากไม่ปิดตัวเองให้ตาบอดเขาก็ใจดีแบบนี้กับทุกคนน่ะนะ  ผมไม่ได้ดีใจอะไรหรอกที่ถูกถาม  หากมองตามพื้นฐานของเขาทุกคนก็เทียบเท่ากันอย่างไม่พิเศษอะไร  ผมคิดว่าจริง ๆ แล้วสมุทรเองก็มีจิตใจที่ไม่ต่างไปจากผมเท่าไหร่  เพียงแต่มีนัยยะแฝงลึกไปคนละแง่มุมเท่านั้น
 
“นายนี่เป็นห่วงไปซะทุกคนจนน่าหมันไส้เลยนะ” ผมพูดปนหัวเราะก่อนลุกขึ้นยืน

“ฉันนึกว่านายจะไม่กลับซะอีก” เรายืนประชันหน้ากันด้วยความห่างเพียงไม่กี่เมตร

“..ไปจบที่โรงแรมอะไรทำนองนั้นน่ะ” ผมเบะปากยิ้ม ๆ

“ส่วนฉันก็คงคุยกับดาวยาวเลย” ผมหุบยิ้มบอกด้วยน้ำเสียงแหบ ๆ  ตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาว่างเปล่า

“กรุณาระวังปากด้วยครับ” อีกฝ่ายตักเตือนเสียงเย็น  สีหน้าดุ ๆ  ที่แฝงไปด้วยความนิ่งสงบปรากฏทันทีแบบที่ผมคาดไว้ไม่มีผิด 

“จะทำไมฉันงั้นเหรอ ?” ผมอมยิ้มพร้อมเดินเข้าไปใกล้อย่างท้าทายมากขึ้น

“กับเรื่องแค่นี้..ทำไมต้องของขึ้นด้วย ฉันรอก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่านายจะเป็นไปตามส่วนใหญ่ที่มักหายหัวไปใช้ถุงยางรึเปล่าแค่นั้นเอง” ผมยียวนไม่หยุด  สมุทรถอนหายใจเฮือกหนึ่ง  เขาเบือนหน้าหนีคล้ายสุดจะฟัง 

“ได้กันแล้วสินะ ฉันได้กลิ่นน่ะ” ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางสูดดม  ทันทีนั้นคิ้วของอีกฝ่ายก็ชนกันพร้อมหันหน้ากลับมาผลักผมออกอย่างแรง  ผมยิ้มกว้าง  บอกแล้วว่าหมอนี่ชอบอารมณ์ขึ้นกับเรื่องทำนองนี้เสมอ  ซึ่งเป็นการจี้จุดที่มักใช้ได้ผล  ขาของผมจ้ำอ้าวพุ่งเข้าหาพร้อมสวนหมัดไปที่เป้าหมาย  สมุทรหลบด้วยความไวได้ตามที่คาด  หมัดซ้ายฮุกเข้าที่ท้องแบบที่อีกฝ่ายหลบไม่ทัน  เขากัดฟันแน่น  แววตาดุดันมาพร้อมกับหมัดขวาที่ชกสวนเข้าที่หน้าผมอย่างจัง  ซึ่งแน่นอนว่าผมตั้งใจยืนรับมันซะด้วย   

“.........” ความเงียบก่อตัวขึ้นทันที  ทุกอย่างสงบลงเมื่อเราสองคนได้สติ  ผมยืนนิ่ง  รู้ตัวอยู่หรอกว่าตัวเองผิดที่ปากหมา  แต่คนปากหมามันก็ยากที่จะไม่ปากหมานั่นแหละ  ใบหน้าชาเล็กน้อย  ไม่ได้เจ็บ  ไม่ได้เซ  เป็นหมัดที่สวนมาเต็ม ๆ  แต่ค่อนข้างยั้งแรงไว้พอควร  สมุทรก้าวขาเข้ามาหาผมทีละก้าวอย่างลังเล  ผมเหลือบมองหน้าที่ถอดสีของเขาและมันเกือบทำให้ผมหลุดขำ

“ผมขอโทษ” สมุทรแตะมือลงที่ปลายคางผมเบา ๆ  ผมยืนเฉย  แววตาร้อนรนมองหาแผลบนใบหน้าของผม  ซึ่งมันทำให้ผมพอใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เห็นอีกฝ่ายรู้สึกผิดอย่างที่ต้องการ
 
“คือ..ผมขอโทษครับ” สมุทรย้ำพูดไม่ยอมสบตาผมอีก  ปฏิกิริยาคล้ายกับลูกน้องกำลังรู้สึกผิดต่อเจ้านายมากกว่าที่จะมีอะไรเกินไปกว่านี้

“ไม่เจ็บหรอกน่า” ผมปัดข้อมืออีกฝ่ายออกเป็นการบอกว่าให้เขาเลิกจับหน้าผมสักที  เราต่างเงียบลง  สายตาของสมุทรมองลงต่ำไม่ต่างจากผม

“ถ้าแค่นี้เจ็บฉันตายไปตั้งแต่แปดขวบแล้ว” ผมพูดติดตลก 

“นายไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าฉันเข้าหานายแบบนี้ทำไม” ผมถามปนหัวเราะ  นำลิ้นดุนออกมากัด  ปากมันแข็งจนจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าควรพูดอะไรก่อนหลังดี  สิ่งที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะถาม  สุดท้ายก็อดต้อนถามออกไปซ้ำ ๆ ไม่ได้ 

“.........” สมุทรไม่ตอบรับ  แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นสับสน

“ฉันก็เพิ่งรู้ตัวเมื่อกี้ ว่านายทำให้ฉันเป็นบ้าได้นิด ๆ” ผมเบะปากแกมหัวเราะ  ครั้งนี้ผมเลือกที่จะเงียบอยู่ไม่นานและคิดว่าควรได้เวลากลับสักที   

“กุญแจบ้านอยู่บนโต๊ะ..” ผมชี้มือกลับไปบนโต๊ะไม้หินอ่อนทางด้านหลังก่อนนำมือล้วงกระเป๋าอีกครั้ง

“ไม่คิดจะเอาไว้ในกระถางตั้งแต่แรกอยู่แล้วน่ะนะ” ผมบอกก่อนเดินออกมา  จู่ ๆ สมุทรก็เข้ามาคว้าแขนผมไว้  ผมหยุดเดินหันกลับไปมอง

“คือ ..ผมไม่เข้าใจ” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยสีหน้าลังเลใจ  รู้สึกผิด  สงสัย  หลาย ๆ อย่างผสมปนเปกัน  ผมเลือกที่จะสบตาและกวาดมองสีหน้าของเขาตรง ๆ เพื่อจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ  เขาเองก็มองผมอยู่ตลอดอย่างไม่วางตาคล้ายกับอยากได้ความกระจ่างกว่านี้เช่นกัน  ที่จริงแล้วผมมันผิดน่ะนะที่ทำให้เขารู้สึกผิดได้แบบนี้

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายก้มหน้าลงเล็กน้อย  คำขอโทษในครั้งนี้มันคนละประเด็นกับประเด็นก่อนหน้าอย่างโจ่งแจ้งทีเดียว  ผมอมยิ้มนิด ๆ ที่เขาดูไยดีเกินเหตุ  สมุทรปล่อยมือออกจากแขนผมแล้ว

“ตามที่ฉันพูดเมื่อกี้นั่นแหละ” ผมบอก  ทิ้งน้ำเสียงลงเว้นพักหายใจ 

“ที่ฉันอยู่รอ ก็เพราะอยากรู้ว่านายจะไปจบที่โรงแรมจริง ๆ รึเปล่า” ผมขยายความ

“ไง..? อยากชกอีกสักหมัดไหมล่ะ” ผมหัวเราะ  สีหน้าคิดหนักของเขาอึ้งไปไม่น้อยที่ได้ยิน

“จำสิ่งที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ได้ไหม ?” ผมเอ่ยถาม  ดวงตาของเราสะท้อนภาพกันและกัน

“ช่างมันเถอะ” ผมปัดยิ้ม ๆ  ก่อนเดินจากมา


- - - - - - - - - - - - - - -


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-08-2016 16:17:18

07:05 น. : ค่ายมวยชัยโรจน์
“สามสิบ พักครับ” ไอ้นพพูด  เราวิดพื้นจบลงทั้งหมดห้าเซต  ผมมาซ้อมมวยตั้งแต่เช้าแล้ว  ที่จำได้คร่าว ๆ  น่าจะวิ่งมาถึงค่ายตอนประมาณหกโมง

“นายครับ!” ไอ้เด่นตะโกนเรียก  มันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในค่ายพร้อมกับคนอื่น ๆ

“ใครตาย” ผมถามไปงั้น  รู้อยู่แล้วว่าที่มันรีบวิ่งมาแบบนี้เพราะตามผม  ผมออกวิ่งมาตั้งแต่เช้าก็เพื่อต้องการออกมาคนเดียวไม่รอใคร 

“นายทำไมไม่รอพวกผมก่อนละครับ” ไอ้เด่นพูดหน้าแหย

“กูต้องตอบคำถามมึงไหม ?” ผมตาขวางมอง  ทุกคนยืนเรียงหน้ากระดานหน้าสลด

“วันหลังกูจะเอาไก่ทั้งฟาร์มไปไว้ในห้องมึง ตื่นสายโด่งทำมาพูด” ผมบ่นปัดไปที  หันตัวเดินหนีเพราะไม่อยากจะทำให้เสียบรรยากาศ

“ขอโทษครับ” พวกมันประสานเสียงก้มหน้างุดสำนึกผิด 

“น้ำครับ” พี่ธานยื่นขวดน้ำเย็นมาให้  ผมรับมาดื่มไม่พูดไม่จา

“สวัดดีครับพี่ธาน สวัดดีครับ” ผมชะงักหันไปมองเสียงทักทาย  สมุทรเพิ่งมาถึง  เขาใส่เสื้อผ้าชุดทำงานตามปกติ 

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ แล้วมาซ้อมด้วยกัน” พี่ธานบอกอีกฝ่าย

“ครับ” สมุทรตอบยิ้ม ๆ  เขาหันมาผงกหัวทักทายผมเล็กน้อยก่อนเดินตรงเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ” พี่ธานถาม  ผมเงียบ  เหลือบไปเห็นไอ้เด่น  ไอ้เข้มและไอ้รุ่งพากันจับกลุ่มลงซ้อมแล้ว
   
“ไอ้หินไปเรียนเหรอ” ผมถามกลับคนละเรื่อง

“ใช่ครับ แล้วตกลง..คุณเป็นอะไรรึเปล่า” พี่เขาวกกลับมาเรื่องเดิม

“เปล่านี่” ผมตอบแกมหัวเราะ  พี่ธานจ้องหน้าผมอย่างเอาความมันทำให้ผมถอนหายใจออกมาเซ็ง ๆ

“แค่อยากอยู่คนเดียวน่ะ” ผมตัดรำคาญตอบกลับไป  นำมือเสยผมขึ้นลวก ๆ
 
“แสดงว่ามีอะไรใช่ไหมครับ”

“อะไร ? การที่คนเราอยากอยู่คนเดียวนี่ต้องมีอะไรด้วยรึไง” ผมขมวดคิ้วพูดปนหัวเราะ

“ใช่ครับ เวลาผมมีอะไร ผมมักจะอยากอยู่คนเดียว” พี่ธานยิ้มตอบ  เราสบตากันนิดหน่อย  ผมปิดพี่ธานไม่มิดหรอก  มันก็พอ ๆ กับที่พี่ธานก็ปิดผมไม่มิดเหมือนกัน

“คือ..ที่จริงก็มีนิดหน่อย แต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้นหรอก”

“ครับ ผมพอทราบ แต่ผมพร้อมรับฟังเสมอนะครับ” อีกฝ่ายตอบทันทีด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง 

“รับฟังในฐานะไหน..พี่ใหญ่ หรือลูกน้องดี” ผมอดกวนไม่ได้

“คุณมันก็เป็นซะแบบนี้” พี่ธานถอนหายใจ

“ทุกคน..มารับตารางเดินทางกันด้วยนะคะ!” พี่นีออกมาจากออฟฟิศตะโกนบอกเสียงดังฟังชัด

“คร้าบ” พวกนักมวยพากันขานรับ  เราแยกกันซ้อมต่อ  ตามจริงแล้วผมหนีพี่ธานโดยเป็นคู่ซ้อมกับไอ้นพตามปกติ  ส่วนสมุทรหลังจากที่อบอุ่นร่างกายเสร็จก็ขึ้นชกกับพี่ธานต่อ  หลังจากที่ซ้อมกันเสร็จก็แยกย้ายทำงานตามหน้าที่  ลูกค้าภาคเช้าทยอยกันเข้ามาแล้ว  พวกผมและลูกน้องจึงเดินเท้ากลับบ้านเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำและเริ่มงานสำหรับวันนี้

“สมุทรจะอาบห้องพี่หรือจะอาบห้องคุณไฟ” พี่ธานจงใจแกล้งถามต่อหน้าผม  เราสามคนต่างหยุดยืนอยู่ตรงตีนบันไดระหว่างทางขึ้นไปห้องผมและห้องของพี่ธาน  ผมมองเฉย  ไม่ได้ตอบรับมุกอย่างทุกครั้ง  สมุทรเองก็ชะงักดูไม่กล้าให้คำตอบเช่นกัน  ก็แน่ล่ะ..เขาเป็นตัวกลางนี่นะ  จะให้เลือกฝั่งไหนก็คงไม่เหมาะ 

“เอ่อ อาบห้องพี่แล้วกัน” พี่ธานตัดบทด้วยแววตาไปไม่เป็น

“ครับ” สมุทรผงกหัวรับ  พี่ธานเงยหน้ามองผมเล็กน้อยก่อนตบไหล่สมุทรสองสามทีเหมือนบอกให้เขาเข้าห้องไปก่อน  สมุทรผงกหัวให้พวกเราก่อนเดินไปอย่างว่าง่าย   

“คุณไฟ” อีกฝ่ายเรียก

“อ้า ปวดฉี่” ผมปัด  เดินหนีขึ้นห้องมาก่อนที่จะให้พี่ธานมีจังหวะได้ซักอะไรไปมากกว่านั้น 

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมกับพี่ธานเข้ามาทำงานพร้อมกันในห้องทำงาน  วันนี้พี่เขาไม่มีธุระที่จะต้องออกไปที่ไหน  เราเคลียร์เรื่องดอกเบี้ยจากลูกหนี้ของผมทั้งหมดและผมจะนำเงินส่วนนี้ไปเข้าธนาคารบ่ายวันนี้ด้วย

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจ  เอนตัวหมดแรง   

“สมองกับพลังงานในตัวนี่มันแยกกันรึเปล่านะ ให้ใช้แรงงานหนัก ๆ ยังดีกว่าอีก เวลาใช้สมองหนักแล้วเหมือนร่างกายมันย่ำแย่กว่ายังไงไม่รู้” ผมบ่น

“หึ ๆ” พี่ธานหัวเราะ

“คุณเป็นนักมวยอาชีพแต่แรกก็หมดเรื่องไปแล้วนี่ครับ” พี่ธานยิ้มแซว  ลุกขึ้นเก็บเอกสารเรียงกลับเข้าบนชั้นอย่างเก่า
 
“นั่นสิ ตอนนั้นไม่น่าลังเลเลย ก็เพราะพี่นั่นแหละ” ผมตอบ

“เพราะผม ?” พี่ธานหันตัวมาหัวเราะน้อย ๆ

“ใช่..เพราะพี่” ผมอมยิ้ม  หยิบน้ำมาดื่มจนหมด

“พี่เอาพวกรายละเอียดเกี่ยวกับตลาดไปให้สมุทรหน่อยสิ ให้เขาอ่านไว้ก่อน”

“เรื่องทั่ว ๆ ไปเหรอครับ” พี่ธานหันกลับมาถาม  ผมพยักหน้า

“ได้ครับ” 

“เฮ้อ..เวลาที่ลูกหนี้จ่ายดอกตรงเวลานี่ชีวิตก็สงบดีเหมือนกันนะว่าไหม สงบแบบ..พวกไอ้เด่นก็ไม่ต้องเหนื่อยด้วย” ผมเงยหน้าขึ้นมองบนเพดาน  นำสองมือกุมอยู่ตรงท้องพลางหมุนเก้าอี้ไปมา

“หึ จะพานให้พวกมันไม่รู้หน้าที่ไปด้วยน่ะสิครับ” ผมอมยิ้มที่พี่ธานไม่เห็นดีด้วยซะงั้น

“ผมให้อีกประมาณเดือนเดียว เสี่ยหลงต้องกลับมาจีบปากจีบคอขอกู้เงินอีกก้อนแน่ ๆ” ผมเดา  เสี่ยหลงใช้หนี้ผมครบแล้ว  ได้ข่าวจากสายของเฮียกานต์ที่ไอ้เข้มได้สืบมาว่าช่วงนี้เสี่ยหลงขาขึ้นที่บ่อนน่าดู 



ก๊อก  ๆ ๆ

“เฮีย..ยุเอง”

“เข้ามา” ผมตอบ  พายุเปิดประตู  มันเหลือบสำรวจดูก่อนว่าในห้องมีใครบ้างก่อนจะปิดประตูลง 

“มีอะไร” ผมถาม

“เฮียดูนี่สิ” พายุเดินมาหยุดตรงโต๊ะทำงานของผมพร้อมกับยื่นแท็บเล็ตของมันมาให้  ผมทิ้งน้ำหนักลงตรงที่วางแขนมอง  บนนั้นเป็นวิดีโอการต่อสู้ของค่ายเสี่ยปรีดาที่อัพโหลดลงบนเว็บไซต์ชื่อดัง  ศาสตร์มวยโบราณที่น้อยคนนักจะรับสอน  หนึ่งในนักมวยที่วาดลวดลายมวยได้สวยงามเป็นอย่างมากคือเพื่อนร่วมอาชีพที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันมานานนมแล้ว  ผมนั่งดูอย่างนั้นจนจบ  พายุเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนั่งลงเงียบ ๆ  พี่ธานยืนขนาบข้างอยู่ทางด้านหลังของพายุและสงบปากสงบคำเช่นกัน

“มันมาอยู่ที่ค่ายเสี่ยปรีดาได้ไง” ผมถามถึง  “บูรณ์” หนึ่งในนักมวยไทยฝีมือเก่งกาจที่เคยชกกับผมมาแล้วถึงสี่เวที  ซึ่งมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ผมเคยแพ้คะแนนให้กับมัน  หลังจากที่ไอ้บูรณ์แพ้ผมไปในเวทีสุดท้ายมันก็หายหน้าหายตาจากวงการมวยไปหลายปี  ผมแทบไม่ได้ข่าวคราวของมันอีกเลยจากนั้นมา

“ยุว่าแล้วว่าเฮียต้องยังไม่รู้”

“กูจะไปรู้ห่าอะไร ไอ้เสี่ยปรีดามันยังไม่ใส่ชื่อนักมวยของมันด้วยซ้ำ” ผมว่า

“ดูเหมือนจากที่มันให้สัมภาษณ์ล่าสุด มันน่าจะขึ้นชกเองนะ” พายุพูด  ผมเหลือบตามอง

“วิดีโอโปรโมทงานที่พัทยาน่ะ” พายุขยายความ

“เสี่ยปรีดาไม่ได้จะส่งไอ้สิงโตหรอกเหรอ” ผมขมวดคิ้วพลางถอนหายใจ

“นั่นน่ะสิ” พายุพึมพำงง ๆ

“หรือว่าเพราะเสี่ยรู้ว่ากูส่งไอ้นพ” ผมเดา  ทุกคนเงียบ 

“ช่างแม่งเหอะ ประเด็นคือไปขุดไอ้เหี้ยบูรณ์มาจากไหนวะ” ผมสงสัย

“แล้วนี่มึงรู้ได้ไง” ผมถาม  เพราะปกติพายุจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้  ถ้าเรื่องไหนที่ผมไม่สั่งมันก็มักจะไม่ยุ่ง  พายุไม่ได้สนใจเรื่องค่ายมวยเท่าไหร่นัก  ส่วนใหญ่ก็จะขลุกอยู่แต่กับงานและการเรียนของตัวเองมากกว่าซึ่งผมเองก็ไม่ได้บังคับ

“เพื่อนส่งมาให้ดูเมื่อกี้” มันตอบ

“ขอบใจ แต่มันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้วอยู่ดี” ผมบอก  จุดยืนของผมอย่างไรก็ยังเป็นอย่างเดิม  ผมตั้งใจแต่แรกอยู่แล้วว่าจะส่งไอ้นพและในตอนนี้ก็ไม่มีใครเก่งไปกว่ามันอีกด้วย 

“เอ่อ..เพื่อนยุมันถามว่าให้พนันข้างไหนดี” พายุพูดด้วยสีหน้าหนักใจเหมือนต้องการคำตอบจากผมจากใจจริง

“เพื่อนมึงตั้งใจกวนส้นตีนกูเหรอครับ” ผมเหตามอง  ยังมีหน้าเอาเรื่องนี้มาทำหน้าซื่อบื้อถามตรง ๆ อีก

“ข้างเฮียก็ได้” พายุพยักหน้างึก ๆ


ตืด  ๆ ๆ   
“ว่า” ผมทักปลายสาย  เบอร์โทรเข้าจากไอ้โปรด

“ไปกินข้าวกัน ไอ้คินเลี้ยง” มันทักเสียงใสมาเลย

“มึงถึงไทยเมื่อไหร่” ผมถาม  ก็เมื่อคืนยังเห็นอยู่นอกประเทศอยู่เลย

“เมื่อเช้า กูนอนโรงแรมไอ้คินเนี่ย” มันตอบ

“มึงนี่ไม่เหนื่อยบ้างรึไงวะ” ผมถอนหายใจบ่นเอือม ๆ  เห็นแล้วเหนื่อยแทน

“ขยัน..จนน้ำล้นออกทางตา” มันพูดเสียงเรียบ ๆ  กวนตีนอีก

“กี่โมง ?” ผมอมยิ้มถามต่อ  วันนี้หลังจากนำเงินเข้าธนาคารผมก็จะว่างพอดี 

“แล้วแต่มึง” ไอ้โปรดบอก

“งั้นบ่ายสองครึ่ง” ผมตอบ  นี่ก็เที่ยงกว่าแล้วและผมยังไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด

“ได้..เจอกันที่โรงแรมไอ้คินนะ”

“อืม” ผมตอบแล้วตัดสายเพราะขี้เกียจได้ยินน้ำเสียงรื่นเริงของมัน

“พี่ธาน เอกสารรวมตึกที่ขายอยู่ไหนครับ” ผมถามถึง

“อยู่บนโต๊ะผมครับ” พี่ธานตอบ  รีบเดินไปหยิบมาให้  ผมรับมาดูและไล่ดูที่อยู่ของแต่ละที่ทั้งหมด

“คุณไฟจะเข้าไปดูเหรอครับ”

“อือ วันนี้จะไปดูตรงที่ใกล้ ๆ กับตลาด” ผมตอบ  หยิบสมุดโน้ตออกมาจดตึกที่ตั้งอยู่ใกล้กับตลาดชโนทัยมากที่สุด 

“ยุ..วันนี้มึงเข้าไปดูที่ห้างด้วย ไปกับพี่ธานแล้วกัน” ผมสั่งก่อนลุกขึ้นยืน  เปิดกล่องที่เก็บเช็คไว้ยื่นเช็คที่เซ็นเสร็จเรียบร้อยแล้วให้พายุไป

“ค่าซ่อมแซม เอาให้พี่มลด้วย..เขารู้” ผมสั่ง

“ครับ” พายุพยักหน้ารับ

“ไอ้ดินเป็นไงบ้าง” ผมถามความประพฤติ  เพราะช่วงนี้ผมแทบไม่ได้เจอหน้ามันจริง ๆ จัง ๆ เลย

“ก็ดี..ดูเอาจริงเอาจังกับการแข่งดี” พายุตอบ 

“ตกลงเฮียให้ใครอยู่เฝ้าบ้านสุดสัปดาห์นี้เหรอ”

“ไอ้หินอยู่ พี่ไม่ได้ให้มันไป แล้วเดี๋ยวให้ไอ้เป็ดมานอนนี่ด้วย” ผมตอบ  บางทีผมก็เปลี่ยนสรรพนามตัวเองที่ใช้กับพายุอยู่บ้าง  แต่ส่วนใหญ่จะชินคำว่า “กู” มากกว่า

“ไปละ” ผมตัดบท

“คือว่าเฮีย..” พายุดักเอาไว้  มันรีบลุกขึ้นเหมือนมีอะไรจะพูดมากกว่านี้  ผมมองอย่างจับผิด

“คือว่าเฮีย ?” ผมย้ำคำพูดเลียนแบบเพื่อแกล้งมัน 

“ยุอยากได้ ..นี่อะ” พายุไม่พูดเปล่า  รีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่กำไว้อยู่ในมืออยู่นานแล้วขึ้นชูมาตรงหน้าผม  คือลักษณะท่าทางของมันนั้นเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้เลย  ผมมองไปบนหน้าจอ  เห็นรูปหมาพันธุ์ Belgian Malinois สีดำลายน้ำตาลคล้าย ๆ ลายเสือท่าทางน่าเกรงขาม

“สวยดี” ผมแกล้งพูดหน้าซื่อ ๆ บ้าง  รู้อยู่หรอกว่ามันหมายถึงอะไร

“เอาไว้ค่อยคุยกัน”

“แล้วเฮียจะให้ไหมครับ” พายุรีบซักถามด้วยสีหน้ามีความหวัง

“เอาไว้ค่อยคุยกันไง” ผมปัดย้ำอีกครั้ง

“งั้นยุซื้อเองก็ได้” มันทำเสียงแข็งทันที  ผมชะงัก  เหล่ตากลับไปมอง

“ลองถามพี่ธานดูซิว่าคำพูดเมื่อกี้มึงควรพูดกับกูไหม”


- - - - - - - - - - - - - - -


14:35 น. : RATIO HOTEL
ผมเดินทางมาถึงที่นัดหมายโดยมีสมุทรเป็นคนขับรถเพราะผมอนุญาตให้ไอ้เด่นไปซ้อมสนุกเกอร์เนื่องจากอีกสองอาทิตย์จะถึงการแข่งขันนัดแรกแล้ว  ปกติไอ้เด่นจะไม่ค่อยเอ่ยปากขออนุญาตผมนักถ้าไม่ใกล้วันแข่งขันจริง ๆ  ส่วนผมกับสมุทรยังคงเหมือนเดิม  โดยทั่วไปเขาก็ไม่ค่อยพูดมากอยู่แล้ว  ยิ่งเกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนเราทั้งคู่ก็เลยพูดกันนับคำได้ซึ่งไม่มีการนอกเรื่องนอกจากเรื่องงานเลย

ไอ้โปรดทราบเรียบร้อยแล้วว่าผมรออยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม  เป็นการรอที่เงียบเชียบ  พนักงานโรงแรมนำน้ำมาเสิร์ฟ  ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากชวนอีกฝ่ายคุยหรอกนะครับ  แต่บอกปัดไม่ได้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้วันนี้เรามีเส้นบาง ๆ แบ่งเอาไว้พอควร  สมุทรยังคงทำหน้าที่ได้ดี  เขายังคงนิ่งขรึมและเป็นปกติคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น 

“ไฟ” ไอ้โปรดเรียก  มันกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากฝั่งของคาเฟ่  ผมลุกขึ้นยืนและกลับต้องหยุดนิ่งเมื่อเหลือบไปเห็นไอ้คินเดินออกมาพร้อม ๆ กับพลอย  เธอยิ้มแป้นมาเลย
 
“อ่าว ไม่ดีใจเหรอ” ไอ้โปรดยิ้มเจื่อนมองหน้าผม  พลอยหยุดยืนยิ้มกว้างเขิน ๆ ให้สมุทร  คนถูกยิ้มให้เองก็ผงกหัวตอบน้อย ๆ เช่นกัน 

“แล้วเด่นไปไหนอะ” ไอ้โปรดถามหา

“ซ้อมสนุ๊ก” ผมตอบ  อยู่ดี ๆ ก็หมดอารมณ์ขึ้นมาซะงั้น

“จะกินอะไร” ผมถาม

“นี่จะไม่ทักกันเลยใช่ไหม” พลอยทำเสียงไม่พอใจมาทางผม

“สวัสดี เธอก็มาด้วยเหรอ” ผมแกล้งทักด้วยสีหน้าตกใจ  ทุกคนต่างหัวเราะยกเว้นพลอยที่ค้อนผมตาแทบคว่ำ
 
“ไหนบอกต้องไปภูเก็ตไง” ผมถามดี ๆ

“พอดีมาเยี่ยมลูกค้ากะทันหัน..เขาพักอยู่ที่นี่ แล้วบังเอิญเจอคุณคินพอดีก็เลยถูกชวนกินข้าวน่ะ ฉันหิ้วท้องรอคุณตั้งนาน” พลอยตอบยิ้ม ๆ  คำตอบกลบเกลื่อนผ่านไปที  และผมไม่คิดจะซักเอาความอีก

“คิน..นี่สมุทร ลูกน้องใหม่ฉัน ส่วนนั่นภาคิน เพื่อนฉันเอง” ผมแนะนำ

“สวัสดีครับ” สมุทรโค้งทักทาย  ไอ้คินผงกหัวทักทายยิ้ม ๆ

“นายไปรอฉันที่คาเฟ่ก่อนแล้วกัน” ผมบอกสมุทร

“อ่าว สมุทรไม่กินด้วยกันเหรอ” พลอยถามด้วยสีหน้าตกใจ

“ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ผมว่าเธอ  พลอยยักไหล่เชิด ๆ มาให้

“เอ่อ จะเป็นอะไรไหมคะถ้าพลอยอยากให้สมุทรร่วมโต๊ะด้วย” พลอยถามไอ้โปรดกับไอ้คิน  ทั้งคู่มองพลอยด้วยสายตาไม่เข้าใจนักแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ 

“ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ ถามป๋าเขาเถอะ” ไอ้คินชี้นิ้วมาทางผมด้วยท่าทางติดตลก 

“ไปเถอะค่ะ อาหารจีนใช่ไหมคะ” อีกฝ่ายตัดบทยิ้ม ๆ

“เอ่อ..” สมุทรอ้ำอึ้ง  มีทีท่าลังเลไม่ยอมเดินตามพลอยไปทำให้พลอยหันมาค้อนใส่ผมทันที  ผมแสยะยิ้มเพราะอย่างไรสมุทรก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของผมมากกว่าเธออยู่แล้ว

“ให้สมุทรไปกินด้วยนะ” เธอขอ  ผมถอนหายใจ  หันไปมองหน้าสมุทรก่อนพยักหน้าอนุญาต  เมื่อถึงร้านอาหารพลอยจัดแจงเลือกที่จะนั่งข้าง ๆ สมุทรอย่างโจ่งแจ้ง  ไอ้โปรดและไอ้คินมองหน้าผมกะหลับกะเหลือก  ผมไม่สนใจนักหรอก  เลื่อนเก้าอี้นั่งลงที่หัวโต๊ะ  ส่วนไอ้โปรดนั่งทางซ้ายมือ  ไอ้คินนั่งถัดจากไอ้โปรดอีกทีหนึ่ง 

“กูสั่งหมูหันกับเป็ดปักกิ่งชุดใหญ่เตรียมไว้ให้แล้ว จะเอาอะไรก็สั่งเลยนะ..ป๋าเลี้ยง” ไอ้คินยิ้มให้ทุกคนโดยพยักหน้ามาทางผม

“อะไรของมึง ที่กูมาเพราะไอ้โปรดบอกว่ามึงเลี้ยง” ผมว่าอย่างเอาเรื่อง

“แล้วทำไมกูต้องเป็นฝ่ายเอาเงินของกูมาจ่ายเข้าโรงแรมกูด้วย แค่ค่าบัตรวีไอพีห้องอาหารญี่ปุ่นให้น้องมึงกูก็ช้ำพอแล้ว” ไอ้คินกระแทกเสียงไม่เข้าใจ

“งั้นหาร กูไม่เลี้ยง” ผมพูดเสียงเข้มไม่แคร์ใคร  ไอ้โปรดหัวเราะ

“ขี้งก” พลอยหันมาว่า

“เธอเองก็จ่ายส่วนของลูกน้องฉันด้วยแล้วกันนะ ถือซะว่าเป็นค่าตัวของหมอนี่น่ะ” ผมกวน

“สมุทรไม่ใช่เด็กนั่งดริ๊งก์นะ” พลอยขึ้นเสียงด้วยสีหน้าเก้อเขิน

“ฉันสั่งให้เขาลุกออกไปรอข้างนอกตอนนี้ยังได้เลย” ผมตอบกลับเสียงเข้มทำเอาพลอยถึงกับหุบปากสนิท

“ก็ได้! เลี้ยงทั้งชีวิตก็ยังได้เลย ชิ” พลอยเบะปากใส่ผมตามนิสัยของคนชอบเอาชนะ  ผมแสยะปากทำหน้ารับไม่ได้ใส่เธอ

“เอาไก่แช่เหล้า” ผมสั่ง  พนักงานก้มหน้าก้มตาจดเมนู

“กูเอาอะไรดีน้า” ไอ้โปรดกับไอ้คินพึมพำมองเมนูคล้ายตัดสินใจไม่ได้  ผมแอบชำเลืองมองสมุทร  ใจจริงก็ห่วงว่าเขาอาจจะเกร็งอยู่ก็ได้และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ  อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดเมนู  เอาแต่นั่งด้วยท่าทางเจียมการกระทำเท่านั้น  พลอยเอาใจด้วยการชวนให้เขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเมนูต่าง ๆ  ทั้ง ๆ ที่ปกติเธอเป็นคนตัดสินใจรวดเร็วแท้ ๆ  พอเห็นอาการแบบนี้แล้วมันน่าถีบจริง ๆ

“ปลาหิมะนึ่งซีอิ้ว” ผมสั่งอีก

“ครับ” พนักงานรับทราบ

“ฮะเก๋ากุ้งสองที่ ปูผัดหมี่หมื่นลี้” ผมพูด  ตามจริงแล้วผมไม่ต้องมองเมนูเลยก็ยังได้เพราะมีแต่ของโปรดของพายุทั้งนั้น  ซึ่งเวลาที่ไปนั่งร้านอาหารจีนทีไรผมก็มักจะสั่งเมนูเดิม ๆ อยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ 

"เนื้อเปื่อยน้ำแดง” ผมพูดต่อไม่ได้สนใจสายตาใครที่จับจ้องมา

“นี่! คนอื่นยังไม่ได้สั่งเลยนะ” พลอยหันมาโวยใส่  ผมหลุดยิ้มมุมปาก

“ไม่ใช่ปัญหาของฉันสักหน่อย” ผมตอบหน้าตาย

“เกี๊ยวกุ้งทอด ฟองเต้าหู้ห่อเนื้อนึ่ง” ไอ้โปรดสั่งบ้าง

“เอาอย่างละสองที่..รีบจดเลย เดี๋ยวไม่ทันมัน” มันพูดติดตลกทำเอาผมกับไอ้คินหัวเราะ

“สมุทรจะกินอะไรก็สั่งตามสบายเลยนะ” ไอ้คินบอก

“ขอบคุณครับ” สมุทรผงกหัวนิด ๆ  แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะสั่งอยู่ดี

“พลอย..เอาปลิงทะเลไหม ?” ผมเท้าแขนลงบนโต๊ะ  พลอยหันมามองผมตาขวาง

“ฉันหมายถึงปลิงทะเลน้ำแดงน่ะ” ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ขยายความให้ฟังทำเอาอีกฝ่ายหน้าแดงทันที

“เอาหอยเชลล์ผัดซอส แล้วก็เปาฮื้อด้วยค่ะ” พลอยสั่งด้วยน้ำเสียงงอนเล็ก ๆ  ด้วยความที่เธอนั่งฝั่งขวามือติดกับผม ๆ จึงนำเท้าสอดเข้าไปสะกิดขาเธอเบา ๆ

“ไฟ!” พลอยถลึงตาโตปราม  ผมเบะปากยิ้ม ๆ พลางยักไหล่ให้ก่อนพิงพนักเก้าอี้มองหน้าเธอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-08-2016 16:17:44

บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยบทสนทนาเรื่องทั่ว ๆ ไปโดยส่วนใหญ่ไอ้คินจะชวนเปิดประเด็นซะมาก  อาหารเต็มโต๊ะจนแทนล้นไม่มีที่วาง  ผมได้แต่นั่งเงียบรับฟังและอือออตอบบ้างเป็นระยะเท่านั้น  เพราะมีคนอื่นพูดแทนแล้วผมก็ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดให้มาก  ส่วนพลอยก็ชวนสมุทรคุยตลอดที่มีโอกาส  ดูเธอจะสนใจสมุทรมากจริง ๆ  อาหารที่สั่งมามากนั้นเหมือนจะกินไม่หมดแต่ก็ถูกตักตอดเข้าปากไปทีละนิด  พลอยคอยตักเสิร์ฟให้สมุทรตลอดเวลาแต่เจ้าตัวไม่ค่อยกินเท่าไหร่นัก  ดูไม่เจริญอาหารแต่อีกฝ่ายก็ตักอาหารให้พลอยบ้างเช่นกัน  การกระทำแบบนั้นของทั้งสองคนทำให้ไอ้โปรดชำเลืองมองด้วยสายตาแปลก ๆ มาทางผมคล้ายอยากได้คำอธิบาย  ผมนิ่งเฉย  เรียกว่ามาเพื่อแดกอย่างเดียวเลยก็ว่าได้

“ยังจับมือปืนที่ยิงวันนั้นไม่ได้อีกเหรอวะ” ไอ้โปรดบ่น  มันเริ่มลงมือกินขนมหวานตบท้าย 

“อืม” ผมพยักหน้าตอบไม่มองหน้าใคร 

“ไฟถูกดักยิงอีกแล้วเหรอ” พลอยอุทานด้วยความตกใจ

“ทำไม..เป็นห่วง ? เปิดห้องเลยไหมละ” ผมหันไปมองหน้าเธอพลางกวนไปเคี้ยวอาหารในปากไป  ไอ้โปรดกับไอ้คินได้แต่อมยิ้ม  พลอยค้อนเล็กน้อย  ขณะเดียวกันผมสังเกตเห็นทางหางตาว่าสมุทรหันไปมองทางด้านขวามือของเขา  เจ้าตัวนิ่งผิดปกติทำให้ผมต้องมองไปที่ต้นเหตุ  ผู้หญิงที่ชื่อหยาปรากฏตัวในร้านนี้พร้อมกับผู้ชายแปลกหน้าที่ผมไม่เคยพบมาก่อน  ฝ่ายตรงข้ามก็ดูตกใจเช่นกันที่เห็นสมุทรอยู่ที่นี่ด้วย 

“สมุทรอิ่มแล้วเหรอคะ เอาของหวานไหม” พลอยยิ้มเอาใจเหมือนเดิมไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว

“อิ่มแล้ว ไม่ครับ..ขอบคุณ” สมุทรหันกลับมาผงกหัวยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน  ผมหัวเราะขึ้นจมูกกับสิ่งที่เห็น   

“ใครเหรอคะ” พลอยถามตรง ๆ  คงเพราะเห็นว่าหยาจ้องมาที่พวกเราไม่วางตา  พอเธอสบตาเข้ากับผม  เธอก็หลบตาผมอีกเหมือนเคย

“เพื่อนน่ะครับ” สมุทรตอบ  ผมจิ้มเป็ดปักกิ่งชิ้นสุดท้ายมากินเปล่า ๆ  พลอยมองตามด้วยสีหน้าแปลก ๆ อีกแล้ว

“กินเยอะไปแล้วนะ” ดูเธออดทนว่าไม่ได้

“ทำอย่างกับไปตายอดตายอยากมาจากไหน” พลอยบ่นเสียงเบา

“เสียดายของ” ผมพูดส่ง ๆ  ชำเลืองเห็นสมุทรหยิบโทรศัพท์ออกมา  หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาสว่างเตือน  ขณะเดียวกันผู้หญิงที่ชื่อหยาก็เดินออกจากร้านไป  ส่วนผู้ชายที่มากับเธอยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะและกำลังสั่งอาหารอยู่ 

“พลอยไม่มีงานต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้วเหรอ” ไอ้คินถาม

“ช่วงนี้ไม่มีแล้วค่ะ ที่ไปรอบก่อนนั่นก็ไปเคลียร์ครั้งใหญ่เลย เบื่อจะไปเต็มแก่แล้ว” พลอยตอบ  ผมหยิบน้ำขึ้นดื่มโดยสังเกตท่าทางของสมุทรอยู่ตลอด

“เอ่อ..คุณไฟครับ” เขาหันมาจนได้  ทุกคนหยุดคุยและมองไปที่เขาเป็นตาเดียว

“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่ได้ไหมครับ” สมุทรพูด  ผมพยักหน้าอนุญาต

“ขออนุญาตนะครับ” เขาบอกทุกคน  ผงกหัวน้อย ๆ ก่อนลุกจากที่นั่งออกจากร้านไป  พลอยมองตามหลังจนลับตา  ด้วยนึกหมันไส้ผมจึงลุกขึ้นแล้วเข้าไปคว้าหน้าของเธอมาก่อนกดปากจูบปากของเธอลงอย่างแรง

“อื้อ!” พลอยหน้าหยีด้วยความตกใจ  เมื่อได้สติก็พยายามที่จะสู้แรงผลักผมออก

“อื้อออ ม๊วบ! ฮ้า~” ผมแกล้งทำเสียงกวนอารมณ์ก่อนยอมปล่อยหน้าเธอออก

“ไฟ! ไอ้บ้า!!” เธอโวยวายหน้าเสีย  ผมแสยะยิ้มพลางนำลิ้นออกมากัดขำ ๆ  ทิ้งตัวนั่งลงตามเดิม  ปากของเธอแรงระเรื่อจากการถูกกดทับ  ไอ้คินกับไอ้โปรดได้แต่ยิ้มกว้าง  มันสองคนกลั้นหัวเราะไว้เต็มที่  ส่วนพลอยหน้าแดงก่ำปิดเงียบปากไปแล้ว

“เตือนแล้วว่าต่อหน้าฉันนี่ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ผมพูดนิ่ง ๆ  เหล่ตามองไปที่พนักงานที่คล้ายกับมองพวกเราอยู่  พวกมันก้มหน้างุดหนีสายตาผมในทันที

“ชี่! ไอ้ไฟ พนักงานโรงแรมกูกลัวมึงหัวหดกันหมดแล้ว” ไม่รู้ว่าไอ้คินมันบ่นหรือปรามอยู่กันแน่

“ถ้าพลอยเป็นข่าวขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ไฟจะรับผิดชอบงั้นเหรอ” พลอยวางมาดอีกครั้ง

“ฮึ..กับอีแค่ตัวอักษรที่เขียนเรื่องไม่จริงบนกระดาษ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องแคร์สักหน่อย” ผมตอบ

“สุภาพบุรุษสุด ๆ” เธอบ่นอุบอิบ

“พลอยก็ไม่น่าไปเล่นกับมันแต่แรกอยู่แล้วครับ เล่นกับหมา ๆ เลียปาก” ไอ้โปรดพูดปนหัวเราะ

“นั่นสินะคะ” พลอยอมยิ้มหน้าทะเล้นที่มีคนช่วยสมทบเธอ

“ที่จริงกูก็ไม่ได้เลียแค่ปากน่ะนะ..” ผมย้อนด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ ทันควัน  ไอ้โปรดกับไอ้คินอ้าปากเหวอที่ได้ยินประโยคนี้  พลอยหันขวับมา  หน้าแดงหูแดงหนักกว่าเดิม

“โกรธเหรอครับ จะให้เลียให้ตรงนี้เลยไหมละ แบบที่คุณชอบน่ะ” ผมยิ้มหน้าตาย 

“เหมือนกูได้ดูหนังเรทอาร์บนโต๊ะอาหาร” ไอ้คินบ่น  มันถอนหายใจซะแรง  ผมฉีกยิ้มมองพลอยด้วยความหลงใหล  เวลาที่เธองอนก็น่ารักดี   

“งั้นก็เสียใจด้วยแล้วกันที่นายจะไม่ได้แตะต้องตัวฉันอีก” พลอยกระแทกเสียงด้วยความเชิดหยิ่ง  คำพูดของเธอที่ตอบกลับมาต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ผมนอนด้วย  แน่นอนว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะไม่ตอบหรือมีท่าทีเช่นนี้

“หึ ๆ  มันอยู่ที่ว่าฉันอยากจะแตะหรือไม่อยากแตะต่างหากล่ะ” ผมพูด

“ไฟ!!” พลอยหันมามองผมอึ้ง ๆ  ครั้งนี้ดูท่าจะงอนจริง 

“ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” เธอเตือนด้วยน้ำเสียงงอน ๆ  ผมยิ้มน้อย ๆ มอง  พลอยหันหน้าหนีไปแล้ว  ผมถอนหายใจพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนโน้มตัวเข้าไปหาเธอ


จุ๊บ~   ..ผมลูบผมของเธอไว้อย่างเบามือพร้อมหอมลงที่หัวของเธอเบา ๆ  เจ้าตัวยังคงนั่งนิ่งเฉย

“ขอโทษครับ” ผมกระซิบบอก

“เดี๋ยวมา..ไปฉี่” ผมตัดบทด้วยน้ำเสียงอีกโทนหนึ่งโต้ง ๆ  จ้ำเท้าเดินออกมาเลย 

“ไอ้คนสองบุคลิก!” เสียงพลอยบ่นไล่หลังคล้ายหงุดหงิด  ผมถามพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าร้านว่าสมุทรออกไปทางไหน  ก็แน่ละ..ผมไม่คิดหรอกว่าเขาขอตัวออกมาห้องน้ำจริง ๆ  พอทราบทางแล้วจึงเดินตามไป  ฝั่งนั้นเป็นทางบันไดหนีไฟซึ่งอยู่เยื้อง ๆ กับทางไปห้องน้ำชายพอดี

“มันไม่ได้เกี่ยวกันเลยนะครับหยา” เสียงสมุทรดังแว่ว ๆ  และชื่อที่ถูกเรียกที่รู้จักทำให้แน่ใจว่าเป็นเขา  ผมหยุดยืนอยู่ตรงปากประตูทางเข้าห้องน้ำซึ่งมีกำแพงที่สามารถกำบังให้ผมเสือกได้อย่างพอดิบพอดี

“ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ” หยาย้อนตอบ  น้ำเสียงของทั้งคู่เป็นการพูดคุยปกติแต่ลึก ๆ ฟังดูแล้วตัดพ้ออยู่ไม่น้อย
 
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับใคร มันเกี่ยวกับเราสองคน” สมุทรตอบ  หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เงียบลงสักพักหนึ่ง

“ผู้หญิงคนนั้นดูดีนะ” หยาพูด  หัวเราะทิ้งท้ายนิด ๆ

“นั่นเป็นเพื่อนของเจ้านายครับ ต้องให้ผมพูดคำ ๆ นี้ย้ำอีกกี่ครั้ง” สมุทรพูดเสียงแข็ง 

“สมุทรก็รู้ว่าหยายังรักสมุทรอยู่” เธอย้อนหน้าเศร้า

“หยา..” อีกฝ่ายย้ำเรียกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงคล้ายกับบอกให้เธอหยุด

“ที่นั่งอยู่ในนั้นนั่นคู่หมั้นคุณนะครับ”   

“ถ้าสมุทรดึงดันอย่างที่ทำอยู่นี้สักนิด เราสองคนก็คงไม่เป็นแบบนี้” เธอขึ้นเสียง  ผมยืนพิงผนังฟังสบาย ๆ  เพราะเป็นบทสนทนาที่ได้ยินค่อนข้างชัดจนไม่ต้องพยายามเลยทีเดียว 

“ที่จริงสมุทรไม่ได้รักหยาด้วยซ้ำ..ใช่ไหมล่ะ ก็แค่พูดออกมา” เธอต่อว่า

“ผมรักหยา” สมุทรย้อนทันที  อยู่ ๆ  ใจผมก็เป็นบ้า  มันเต้นแรงขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ

“หยาก็รู้ว่าผมพร้อมจะอยู่ข้าง ๆ หยา แต่..เราสองคนก็แค่เลือกทางเดินกันคนละทางเท่านั้น”

“หึ..แก้ตัวแบบนี้มันไม่ตลกเลยนะ” หยาพูดปนหัวเราะ  เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างใจเย็นพอสมควร  ผมฟังดูจากน้ำเสียงน่ะนะ  คิดว่าเธอน่าจะเป็นคนฉลาดพอดู

“งั้นหยาจะให้ผมทำยังไงครับ ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ก็คือเป็นไปไม่ได้”

“มันเป็นไปไม่ได้เพราะสมุทรไม่อยากให้มันเป็นไปต่างหากล่ะ” หยาย้อนทันควัน

“ทำไมสมุทรไม่ห้ามหยาสักนิดเวลาที่หยาบอกว่าจะแต่งงาน” เธอพูดเสียงเครือ  สมุทรเงียบไปครู่

“เราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะครับ เรื่องของเรามันจบไปแล้ว หยาทำแบบนี้..พี่แชมป์เขาจะรู้สึกยังไง” สมุทรพูดเชิงต่อว่า

“อ๋อ..หยาผิดงั้นเหรอ” เธอขึ้นเสียงอีกครั้ง  ครั้งนี้ลักษณะต่างจากก่อนหน้า 

“หยาก็แค่อยากได้ยินสมุทรพูดออกมาตรง ๆ ว่าตอนนี้สมุทรมีคนอื่น”

“ผมไม่มีใคร” สมุทรพูด  น้ำเสียงยังคงเย็นนุ่มเช่นเคยแม้ในสถานการณ์แบบนี้

“งั้นถ้าหยาถอนหมั้นล่ะ” หยาถามด้วยแววตามีหวัง 

“ถึงหยาถอนหมั้น สำหรับผม..ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม” สมุทรบอก  ครั้งนี้อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ  ผมจ้องมอง  สมุทรเอื้อมมือลูบที่ศีรษะของเธอไว้อย่างอ่อนโยน

“ผู้หญิงคนนั้นดีกว่าหยายังไง” หยากำมือตีสมุทรทำให้น้ำตาคลอไหลออกมา

“หยาครับ..แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” สมุทรปลอบ  อยู่ ๆ เธอก็ทำท่าจะเข้าไปกอดสมุทรแต่อีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบนิดหน่อย  เสียงพูดคุยดังขึ้นทำให้ต่างฝ่ายต่างหยุดชะงัก  สมุทรหันกลับมามองทางปากประตูร้านอาหารอย่างระแวง  เสียงเงียบไปแล้ว  หยาผลักเขาออกด้วยความโกรธก่อนเดินตรงเข้าห้องน้ำหญิง  สมุทรเดินไปหยุดยืนรอเธออยู่ที่ปากทางเข้าอยู่สักพักหนึ่งจนหยาเดินออกมา  ครั้งนี้เธอไม่มองสมุทรแล้ว  หยาจ้ำฝีเท้าตรงกลับเข้าร้านทันที  คนเดินตามหลังหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านอาหารพลางถอนหายใจ  เขาทิ้งช่วงยืนอยู่ตรงนั้นประมาณสองสามนาทีให้หลังก่อนจะกลับเข้าร้านไปอีกคน
 
“ไอ้อาการอยากรู้อยากเห็นนี่คืออะไร ?” ผมบ่นพลางบิดขี้เกียจแล้วยืนพิงกำแพงอยู่ต่ออย่างนั้น

“เป็นไรรึเปล่า” ผมเกือบสะดุ้งหันไปมอง  ไอ้โปรดมายืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ 

“กูมาฉี่นี่กูต้องเป็นไรด้วยเหรอ” ผมพูดหน้าตาเฉยพร้อมยืนตั้งตัวดี ๆ

“อ๋อ..มึงฉี่นานขนาดนี้ ค-ยมึงยาวสามร้อยเมตรเหรอไอ้สาด” มันว่า  ผมหัวเราะ  เดินตรงไปที่อ่างล้างมือ  ห้องน้ำไม่ค่อยมีใครใช้นัก  คงเพราะว่าในร้านอาหารเองก็ไม่ค่อยมีลูกค้าในช่วงเวลานี้

“สมุทรกับพลอยนี่ยังไงวะ” ไอ้โปรดเปิดประเด็น  ผมเงียบ

“เธอดูสนใจสมุทรออกนอกหน้าเลย แล้วมึงก็รู้” มันขมวดคิ้วนิด ๆ งงกับสิ่งที่เห็น

“ก็สนใจไง มันก็เรื่องของพลอย” ผมพูดได้แค่นั้น

“........” ไอ้โปรดเงียบไป  ตามองผมเขม็งอย่างเอาความทำให้ผมถอนหายใจแรง

“เลิกถามเรื่องนี้ได้ไหมวะ ทั้งมึงทั้งพี่ธานเลยน่ารำคาญฉิบหาย” ผมบ่น

“เอาจริงดิ นี่มึงชอบสมุทรเหรอวะ” ไอ้โปรดพึมพำด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

“หะ ?” ผมขานตอบงง ๆ

“หะ ?” ไอ้โปรดเลียนเสียงตามผม  เราต่างมองหน้ากัน

“คนนี้ใช่ไหมที่มึงถามถึงก่อนหน้านี้น่ะ” มันวิเคราะห์  ผมกลอกตาดำขึ้นมองไอ้โปรดผ่านกระจกก่อนจะหันตัวกลับไปประชันหน้ามันตรง ๆ 

“มันมีอะไรที่ทำให้จมูกมึงดมกลิ่นได้ไวขนาดนั้นเลยรึไง” ผมพูดอย่างสงสัย

“แน่นอนว่ามี” ไอ้โปรดผงกหัวกวน ๆ  เหมือนเราจะเล่น ๆ กันอยู่แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างจริงจังกันพอดู 

“ถ้าเป็นพลอย มึงไม่มีทางตามออกมาแบบนี้แน่” ไอ้โปรดพูด  เรามองหน้ากันแทบไม่กะพริบตา  ผมถือว่ามันอ่านออกทุกอย่างเร็วดีจริง ๆ 

“เอาจริงนะมึง...” มันเอ่ยเป็นงานเป็นการพร้อมผายมือขึ้น  ผมเงียบรอฟัง  ดูท่าแล้วมันคงจะไม่ปล่อยผมไปง่าย ๆ แน่ถ้าไม่ได้ความ

“นั่นแม่งโคตรแมนเลยนะเว้ย ให้อารมณ์แบบ..ถ้าเป็นพ่อของลูก ก็จะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีอะ คือกูก็พอรู้อยู่หรอกว่ามึงชอบคนลักษณะแบบนี้ กูจะไม่ห้ามด้วย..แต่ที่กูจะบอกคือ กูไม่ได้กลิ่นแปลก ๆ เลยสักนิดว่ะ” ไอ้โปรดไม่พูดเปล่า  มันทำท่าขยับจมูกเหมือนหมาประกอบด้วย

“จริง ๆ แล้วพี่ธานก็เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีนะ แต่กูก็ไม่ได้อยากมีอะไรกับพี่ธานเหมือนกัน” ผมอ้างประชดถึงกรณีตัวอย่าง 

“หึ..สำหรับพี่ธานกูจัดให้อยู่อีกหมวดนึง” ไอ้โปรดเบะปากยักไหล่ 

“กูพอจะเข้าใจอารมณ์มึงอยู่ เวลาที่เห็นอีกฝ่ายเขินมันน่ารักจนอยากจับแดกน่ะ แต่..แบบนี้แดกยากนะมึง เผลอ ๆ มึงจะไม่ได้แดกซะอีก” ไอ้โปรดเตือน  ผมหัวเราะน้อย ๆ  สมุทรเป็นคนที่เขินอายคนอื่นค่อนข้างง่ายมาก  เวลาที่ถูกแซวอะไรเขามักจะยิ้มในลักษณะให้อารมณ์เก้อเขินอยู่นิด ๆ เสมอ

“.........” เราเงียบ  ห้องน้ำแม่งก็เงียบ  ในหัวผมก็เงียบไปหมด   

“บางทีกูอาจจะมีวิธีทำให้ตัวเองได้แดกก็ได้นะ” ผมเบะปากพูดขึ้น

“โอ้ คุณไฟผู้มั่นใจในตัวเองกลับมาแล้ว” ไอ้โปรดผายมือออกกว้างทำหน้าทะเล้นแซว

“มึงรู้อะไรไหม เมื่อกี้น่ะ..มึงดูไม่มั่นใจตัวเองสุด ๆ เลยว่ะ” มันยิ้มมองผมด้วยแววตาสนุกสนาน  ผมไม่เถียง

“งั้นทำไมมึงไม่จีบเขาดี ๆ ไปเลยวะ”

“กูจีบแล้ว” ผมถอนหายใจเอือม ๆ  แม่งชักขี้เกียจจะพูดถึงประเด็นนี้แล้วนะครับ

“จีบห่าอะไร เจ้าตัวเขาพูดเองว่ามึงชอบหยอกชอบแกล้งเขาติดเป็นนิสัย ..เสีย” ไอ้โปรดประชด

“มึงถามมาเหรอ” ผมตกใจ

“เออ”

"กูจีบอยู่..แต่คนอย่างนั้น ถ้ากูไม่ทำแบบนี้มึงจะให้กูจีบยังไง เออ..ถ้าแม่งพูดง่าย ๆ เหมือนชวนมึงว่า รบกวนสละเวลามาขึ้นเตียงกันหน่อยเถอะครับ ได้กันแล้ว ๆ เดี๋ยวพวกเราค่อยมาคิดกันอีกทีว่าเข้ากันได้ไหม..งี้ก็ว่าไปอย่าง" ผมบ่นด้วยน้ำเสียงขึ้น ๆ ลง ๆ

“กูไม่ได้ง่าย ไอ้เหี้ย!” ไอ้โปรดสบถพร้อมเตะขาเข้ามาที่ขาผมเขิน ๆ 

“อีกอย่าง..มึงก็พูดอยู่ว่าติดเป็นนิสัย” ผมขมวดคิ้วยอมรับ  ไอ้โปรดหัวเราะ

“เวลาอีกฝ่ายทำท่าไม่พอใจตอนกูบังคับให้ทำอะไร แม่งถูกใจกูฉิบหาย” ผมบอกตรง ๆ

“สัตว์..แต่ทีคนอื่นทำท่าไม่พอใจใส่ มึงเกือบแดกเขาเนี้ยนะ” ไอ้โปรดส่ายหัวบ่นอย่างไม่เข้าใจ  ข้อนี้ผมก็ไม่เถียงอีกนั่นละ

“งั้นกูมีทางลัด..” มันเอ่ย  ผมรอฟังด้วยความตั้งใจ  ถึงแม้เพื่อนผมคนนี้จะสมองน้อยแต่ไม่แน่ว่าเผื่อจะช่วยอะไรได้ก็ได้

“อันนี้นี่หลังจากทำแล้วมึงมักจะจีบได้เร็วสุด กูเห็นในละครเขาทำกัน” ไอ้โปรดทำหน้าเชื่อมั่น

“ปล้ำแม่งเลย พิศาลไง..Safe house มึงก็มีออกเยอะแยะ”   

“ไอ้สัตว์ หึ ๆ” ผมส่ายหัวขำ ๆ

“ทางมึงเลยนี่ จิ! แต่แม่งคงยากหน่อยว่ะ ดูจากทรงแล้ว..เป็นมวยด้วยใช่ไหม ? ไอ้ฉิบหายเอ๊ย เตียงพังซะมั้ง” ไอ้โปรดเท้าเอวบ่นด้วยสีหน้าหนักใจแทนผม  แต่มันดันทำให้ผมหัวเราะ  ไม่รู้ว่าตกลงเพื่อนผมมันทำหน้าเครียดกับประเด็นก่อนหรือหลังกันแน่  ฟังแล้วงงไปหมด

“ถามหน่อยดิ..” มันเอ่ย  ผมพยักหน้าอนุญาต

“อันที่จริงกูก็ไม่เคยคิดมาก่อนหรอกนะว่าจะต้องมาตั้งคำถามแบบนี้กับมึง คือ..อยู่ดี ๆ แม่งก็เป็นประเด็นน่าศึกษาสำหรับกูเลยว่ะ กูก็พอรู้ว่าแบบไหนที่มึงชอบ แต่ก็ไม่เคยมองภาพออกเป็นรูปเป็นร่างเลยว่าคนที่มึงเลือกจะเป็นคน ..แบบนั้น” มันจ้องตาผมเขม็ง  ผมนิ่งเฉยรอคำถาม

“มันทำให้กูมีคำถามน่ะ..ว่า ถ้าอีกฝ่ายรุก มึงก็ยอมรับได้รึเปล่าวะ” ไอ้โปรดถามด้วยสีหน้าจริงจัง  ผมแสยะยิ้มมุมปากทันที

“นั่นใช่ปัญหาสำหรับกูเหรอ...” ผมเลิกคิ้วตอบอย่างไม่แคร์  ไม่เคยคิดเรื่องนี้ในหัวเลยด้วยซ้ำ  ดังนั้นถือว่าไอ้โปรดตั้งประเด็นได้น่าสนใจสำหรับผมทีเดียว

“เป็นปัญหาสำหรับอีกฝ่ายมากกว่ามั้ง” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์  ไอ้โปรดหลุดยิ้มออกมาทีละนิด

ถ้าผมได้สมุทรมาเป็นของผมจริง ๆ  อย่างเดียวที่ผมแน่ใจเลยคือผมจะไม่ปล่อยให้ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของเขาลอยนวลไปอย่างแน่นอน  ใช่..ผมหลงร่างกายของเขามากกว่าหน้าของเขาซะอีก  ในทางกลับกันอย่างที่ไอ้โปรดถาม  ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดที่จะเป็นฝ่ายรับ  เพราะตรรกะง่าย ๆ ของผมคือผมชอบทำ  ผมชอบใส่ของ ๆ ผมเข้าไปในตัวคนอื่น  ผมไม่ได้ต้องการความเป็นผู้นำเพราะมันเหนื่อย  แต่ในหัวของผมมีแต่ความต้องการแบบนั้น  มันเป็นอารมณ์ที่สร้างความอิ่มเอมในชีวิต  ในขณะเดียวกันผมไม่เคยปฏิเสธหรือขยะแขยงในการถูกให้เป็นฝ่ายรับ  ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดว่านั่นคือประเด็นที่เป็นปัญหา  ความจริงกว่านั้นคือไม่ว่าคู่นอนที่เข้ามาในชีวิตผมจะแมนแค่ไหนก็ไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าที่จะบังคับให้ผมเป็นแบบนั้นได้  ถึงแม้จะมีบางคนกล้าเอ่ยปากขออยู่บ้างซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นชาวต่างชาติ  แต่เมื่อผมเงียบก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรต่อ  ไม่ได้โกรธหรอก ไม่ได้ไม่ชอบ ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้รู้สึกว่าตนเสียศักดิ์ศรีในความเป็นชายแต่อย่างใด  แต่แค่ไม่ได้ให้สิทธิ์ก็เท่านั้น  บางทีใบหน้าของผมมันคงมีความหมายตอบให้คนพวกนั้นไปโดยนัยยะว่า.. อย่าเอาหน้าแบบนั้น  มาสะเออะกล้าขอสิทธิ์ที่ควรได้รับมากเกินไป ละมัง

“ถือว่าตอบได้ดี” ไอ้โปรดพึมพำผงกหัวขึ้นลง

“มึงนี่จิตใช้ได้เลยกูชอบ” มันชมตาวาวคล้ายเหลือเชื่อ

“กูไม่ได้โรคจิตแบบมึงครับ กูแค่พูดว่า..นั่นไม่ใช่ปัญหาของกู” ผมแสยะปากส่ง ๆ ไปที

“งั้นปัญหาแรกตอนนี้คือ มึงทำให้เขาชอบมึงให้ได้ก่อนเหอะ!” อยู่ ๆ ไอ้โปรดก็สบถออกมาซะดัง  ผมหัวเราะร่วน

“บางทีมันอาจจะชอบกูแล้วก็ได้นะ” ผมเบ้ปากตอบ  เพื่อนรักกลอกตาทำหน้าเอือมจัด

“เร็ว ๆ นี้ต้องชอบกูแน่ ๆ” ผมกัดฟันพร้อมฉีกยิ้มกว้าง  สยามเมืองยิ้ม

“กูจะรอดูนะ” ไอ้โปรดถอนหายใจพร้อมผายมือมาให้

“ขอบคุณครับ” ผมผงกหัวจับมือมันตอบอย่างนักธุรกิจ  เราผละมือออกก่อนเข้าไปทำธุระส่วนตัว  เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกันด้วยสีหน้าชื่นมื่นปกติ  ไอ้คินบ่นทักอยู่บ้างที่พวกผมหายหัวกันมานาน  แน่นอนว่าสมุทรเองก็มองผมด้วยสายตาที่ดูสงสัยเป็นอย่างมาก 

“น้อง..คิดเงินเลย” ไอ้โปรดกวักมือส่งสัญญาณให้พนักงาน 

“มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ฉลองหน่อย” ไอ้โปรดทำเสียงกระเส่า  ยิ้มเจ้าเล่ห์มองหน้าสมุทร  คนถูกมองใบหน้าเปื้อนยิ้มน้อย ๆ ไม่กล้าสบตาไอ้โปรดมากนัก  ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งลงพลางแสยะยิ้มกว้างไม่ว่าอะไร  ก็ผมชอบเพื่อนผมจะตาย..หึ   

“เรื่องอะไรวะ” ไอ้คินขมวดคิ้วสงสัย

“เรื่องที่พ่อมึงจับได้ว่ามึงแอบดูผู้หญิงแก้ผ้าตอนเจ็ดขวบมั้ง” ไอ้โปรดทำหน้าแขยง
 
“ไอ้โปรด ปากมึงแม่ง” ไอ้คินด่าเขิน ๆ

“ไฟ..เดี๋ยวให้สมุทรไปส่งพลอยได้ไหม” พลอยถาม 

“เอ่อ เดี๋ยวผมต้องไปส่งคุณไฟนะครับ” สมุทรพูดแทรก  พลอยมองสมุทรหงอย ๆ  ก่อนหันมาค้อนใส่ผมอีกครั้งคล้ายบังคับกลาย ๆ

“อยากให้มันไปส่ง ?” ผมพูดห้วน ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง  ชี้นิ้วไปที่สมุทรด้วยสีหน้ากวนเบื้องต่ำต่อหน้าทุกคน  หน้าของพลอยถอดสีเลิ่กลั่ก

“มีอะไรแลกเปลี่ยนล่ะ” ผมเท้าศอกลงบนโต๊ะ  เทินหน้ามองไปทางพลอย  ปลายเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะเกลี่ยอยู่ที่ข้อเท้าของเธออย่างจงใจแกล้ง  พลอยชะงัก 

“อยากไปไหมล่ะ” ผมช้อนตาขึ้นเจาะจงถามสมุทร  เขาเหสายตาลงอย่างเกรงใจ

“ไปด้วยกันนะคะ” พลอยเอี้ยวตัวไปยิ้มชวน

“ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องทำงานนะครับ” สมุทรตอบ

“ดีแล้วล่ะ จำไว้ว่าชีวิตจะรุ่ง..งานต้องมาก่อนผู้หญิง” ผมกระแทกเสียงพร้อมปรบมือชมดังลั่นร้านดัง “แปะ ๆ ๆ!” จนคนในร้านหันมามองกันหมด 

“หึ ๆ ๆ” ไอ้โปรดกับไอ้คินส่ายหัวปิดปากกลั้นหัวเราะ  ส่วนพลอยกัดริมฝีปากหน้าหงิกหน้างอไปแล้ว

“จับเงิน..ต้องจับให้ได้บ่อยกว่าจับถุงยาง ถ้าหากจับถุงยางบ่อยกว่าเงิน ถุงยาง..จะต้องทำเงินได้” ผมพูดตาลอย 

“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้เหี้ยนี่” ไอ้โปรดหลุดขำเป็นจริงเป็นจัง  พลอยเหมือนจะพูดไม่ออก  เมื่อเราลุกขึ้นผมจึงคว้าเอวเธอเข้ามากอดเพื่อให้เดินไปด้วยกัน  เจ้าตัวไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืนคงเพราะอายสมุทรนั่นละ  ครั้งนี้ผมเลือกที่จะไม่ยอมให้สมุทรเดินไปส่งพลอยที่รถแม้พลอยจะเอ่ยขอ  ตัวสมุทรเองก็ฟังคำสั่งผมเป็นอย่างดี  บางทีการที่เราใช้หน้าที่กระตุกเชือกที่ปลอกคอกับคนของเราอาจเป็นเรื่องที่ควรทำในบางสถานการณ์น่ะนะ

.. สมุทรตามผมมาที่รถและกุลีกุจอเปิดประตูรถให้  รถขับเคลื่อนตัวออกมาทั้งอย่างนั้นโดยมีพลอยยืนหน้าบึ้งใส่ผมจนลับตา  บรรยากาศในรถเปลี่ยนไปเป็นอย่างกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้หมุนวนกลับมาทักทาย  ผมไม่พูดและเขาไม่เอ่ย 



............(ไฟ)............



ขอบคุณค่ะ
เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 22-08-2016 17:18:42
บรรยากาศระหว่างสมุทรกับคุณไฟแลดูอึมครึมกระอักกระอ่วนได้อีก
ว่าแต่สมกับที่เป็นโปรดนะ จมูกไวยิ่งกว่ากังฟู 
ชอบที่โปรดคุยกับคุณไฟนะ 
เหมือนเพื่อนที่รู้ใจ ช่วยเติมพลังใจให้ฮึดสู้ในวันที่ห่อเหี่ยว   
ถ้าเราเป็นคุณไฟนี่สารภาพเลยว่าคงถอดใจยอมแพ้ไปนานแล้ว
เพราะดูท่างานนี้คงไม่มีวันได้กินแน่ๆ แมนซะขนาดนั้น
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ทางเดียวที่น่าลองคือทุบหัวยัดใส่กระสอบลากเข้าถ้ำ
พูดเล่นไป สมุทรหน้าหล่อ ตัวอย่างกะยักษ์ หมัดหนัก สู้กันคงสูสี
เห็นแววคุณไฟน่วม อ่วมทั้งกายและใจ 5555555555555
สู้เค้านะ คนอ่านลุ้นอยู่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 22-08-2016 17:27:47
พี่ไฟ #ปากหมา #ขี้อ่อย #ถ่อยไม่เลือกจริงๆ 55555

บางทีก็แอบเห็นใจพี่ไฟนะ คือไม่นิ่งเพราะสมุทรนี่ เสียความเป็นพี่ไฟไปเยอะเลย สมุทรบอก #ผมเกี่ยวไรด้วย XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 22-08-2016 18:18:49
ทุบแล้วลากเข้าห้องไปเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 22-08-2016 18:36:54
ตอนนี้มายาวมาก :3123:   คุณไฟกับสมุทรดูกระอักกระอ่วนใจเวลาอยู่กันสองคนจังเลยค่ะ ก็ได้แต่แอบหวังว่าคุณไฟจะเอาชนะใจสมุทรได้อย่างเต็มที่ในเร็ววันนะคะ


ปล.โล่งใจที่คุณไฟประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน ว่าถ้าเป็นสมุทรแล้วล่ะก็ ยอม!!!!!!  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-08-2016 19:00:27
เข้ามาลุ้นให้ไฟจีบสมุทรติดเร็วๆ ><
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-08-2016 19:51:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 22-08-2016 21:45:22
ขอสมัครเป็นแฟนคลับคุณไฟค่ะ ทำไมเราถึงรู้สึกชอบคุณไฟมากขนาดนี้ก็ไม่รู้
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-08-2016 01:00:07
พี่ไฟชอบสมุทร...แล้วสมุทรล่ะชอบพี่ไฟรึยัง?

ขอบคุณเบบี้ค่ะ สนุกมากๆ

รักพี่ไฟ 

 

 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 23-08-2016 01:28:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 23-08-2016 03:13:47
้#ธามไฟ ได้มั้ยยยยยยย 55555 เราชอบคู่นี้จัง

ชอบบรรยากาศแบบนี้กระอักกระอ่วนดี 5555

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 23-08-2016 08:35:34
เชียร์คุณไฟให้ได้กับ เอ้ย รักกับสมุทรได้ในเร็ววัน คุณไฟอ่อยเยอะๆสิ รอตอนต่อไปน้า :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 23-08-2016 09:53:23
ไฟถ้าจะจีบสมุทรก็เลิกปากเสียแกล้งแหย่เค้ากวนเค้าบ้างก็ได้นะ

ไม่งั้นสมุทรก็จะคิดอยู่เรื่อยๆว่าไฟไม่ได้จริงจังอะไรมากมายอย่างงี้เมื่อไหร่

ความสัมพันธ์จะก้าวหน้า





หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-08-2016 10:10:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 23-08-2016 10:54:51
 :-[ รอวันที่สมุทรจะขอสิทธิ์นั้นจากตาไฟ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 23-08-2016 11:24:47
เราจำสไตล์การเขียนของคุณเบบี้ได้ ไม่ว่าจะออกมาเป็นแบบไหนพร้อมยอมรับ แต่ดูๆแล้ว งานนี้ไฟไ้ด้เปลี่ยนสถานะแน่ จะได้รู้ว่า born to be  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เอวา ที่ 23-08-2016 12:29:57
 :hao3::katai5: โอ๊ย!!!อิพี่ไฟ เมื่อไหร่พวกคุณจิได้กัน รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเจ้าคร่าาาาา  :katai4: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 23-08-2016 14:13:10
ไฟควรทำแบบที่โปรดบอก ปล้ำเลย 55555555 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 23-08-2016 20:05:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ขอน้องมืดมนกับพี่ไฟอีกสักตอน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 23-08-2016 21:34:26
ต้องบอกว่าคนเขียนสื่อให้เข้าใจ อารมณ์แต่ละคนได้ดี โดยเฉพาะไฟ ชอบมาก  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 23-08-2016 22:39:58
ไฟสู้ๆ นะ สมุทรใจแข็งเท่าที่ผู้ชายแมนๆ คนหนึ่งจะเป็นจริงๆ
ไม่ง่ายเลยหากจะชนะใจคนที่ไม่ได้ชอบผู้ชายมาก่อน
ส่วนนังหยา(เริ่มหยาบคาย) หล่อนนี่ยังไง มาหาผู้ชายถึงบ้านตลอด
แถมตอนนี้ก็จะสี่ทุ่มแล้วมันไม่ดึกไปหน่อยหรือ  :angry2: :angry2:
 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 23-08-2016 23:17:18
ควันไฟ จาง ๆ ถูกเริ่มจุดโดย เจ้านาย
แต่ถูกกระพือโดย ลูกน้อง  :z1:
ลุ้นกันต่อว่า เมื่อไหร่ที่สมุทร จะเข้าใจและยอมรับ ( ไม่ใช่ถูกเสียบนะ 555....) ในไมตรี
+1 ให้หนูบี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-08-2016 07:20:23
สมุทรหวั่นไหวบ้างมั้ย? ไฟสู้ๆ :mew1: #ทีมไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 24-08-2016 16:57:34
โปรดดดดด....กับไฟ....รู้ใจกันมาก!!!


แต่หมั่นไส้ไฟอ่ะ....บางทีก็มั่นหน้าเกิ๊นนนน555
แต่ก็เป็นเสน่ห์ของเขาล่ะ...


รอตอนหน้า..ขอให้สมุทรชอบไฟสักที!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เอวา ที่ 27-08-2016 15:06:35
ได้แต่รอๆๆๆๆ....
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 27-08-2016 15:58:37
คิดถึงพี่ไฟ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2016 22:05:26
ไฟ สมุทร  :mew1: :mew1: :mew1:
รอ สมุทร ชอบไฟ
ชอบ ตาร์ข้าว
แต่ วิทย์เว มาจากชื่อเรื่องใด ใครรู้บอกหน่อย ได้โปรด
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 28-08-2016 00:45:46
รู้มาตลอด 26 ตอนว่าพี่ไฟจังไร
เพิ่งรู้เร็วๆนี้ ว่าพี่ไฟแรดมาก
อหหห. ผู้ชายแรดอ่ะ
นี่เอาจริงๆคือดักอ่อยสมุทรทุกทาง เข้าทุกช่อง ถ้าจะไม่รู้ตัวนะ
โถถถถ พ่อคุณ ลงทุนขนาดนี้ต้องได้มั่งแล้วล่ะ
เแาใจช่วย คึคึ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 28-08-2016 00:57:30
ไฟ สมุทร  :mew1: :mew1: :mew1:
รอ สมุทร ชอบไฟ
ชอบ ตาร์ข้าว
แต่ วิทย์เว มาจากชื่อเรื่องใด ใครรู้บอกหน่อย ได้โปรด
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

วิทย์เว จาก Memorial รักแรก รักสุดท้าย 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-08-2016 07:49:17
มาอ่านอีกรอบ อยากให้มีคู่พี่ธานจัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 28-08-2016 17:13:01
ใครจะรุกใครจะรับได้หมดเลยยย
แต่เค้าจะรุกจะรับกันตอนไหนเนี่ย
คุณไฟเร่งมือหน่อยเร็ว
รุกสมุทรเยอะๆจะได้ใจอ่อนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-08-2016 00:05:10
อ๊อยยยยยยยยยยยยย!! เรื่องนี้สนุกกกมากกกกกกก อ่านจบตั้งแต่วันเสาร์ละรวดเดียว 26 ตอน แต่เพิ่งมาเม้นท์ตามไรท์555 // โอ๊ยยยยยยยยยยยสนุกจริง ชอบไฟ ไฟคนจริง เถื่อนโหดถ่อยดิบ สำคัญทะลึ่งตึงตัง แต่ความทะลึ่งทำเราฮามากกกกกขำทุกครั้ง (คนทะลึ่งเหมือนกันมั้ง55555) //เชียร์รุกสมุทร รุกๆเลย สมุทรจะไม่รู้ก็ซื่อหรือโง่อยากที่ไฟมันบอกแล้วล่ะ //ชอบความคิดไฟดีนะ แทบทุกเรื่อง เป็นตรรกะที่เป็นจริง ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ก็ขอให้ได้พยายามก่อน //สงสัยว่าจะได้ร้องไห้ก็เพราะไอ้ไฟนี้ละ หลงรักเขาก่อน กว่าสมุทรจะรู้ตัว กว่าจะรู้ใจตัวเอง และก็กว่าจะยอมรับอีก โห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยไฟตรู ต้องรอต้องอ่อยอีกนานไหม หืมมมมม ใจที่ว่างเปล่ามานาน ช่วยเติมให้เต็มให้อุ่นทีเห๊ออออออ 55555 แต่ชอบนะรุกๆอ่อยๆ แต่จะเฟลก็ตอนเจอสมุทรบอกว่า "ผมรักหยา" นี้แหล่ะ เซ็งงง ใจกระตุกกับไฟอ่ะ อินค่ะ 555//ชอบตอนที่ไฟอยู่กับมืดมน 555555555 น่ารักอ่ะ ตลก ทั้งแกล้งทั้งดูแล ให้มืดมนไปเรียนมวยกับพายุนะสมุทร จะได้แข็งแรง //สนุกกมากอะค่ะ หลากหลายอารมณ์เลย อยากอ่านอีก มาต่อนะค่ะ รออยู่ ขอเป็น FC เรื่องนี้ค่ะ ต่อไปนี้ตามตลอด //
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 26 [ 16:15 น. - จ. 22 ส.ค 59 หน้า 29 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-09-2016 15:10:37
 :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-09-2016 15:12:42

[ จ. 22 ส.ค 59 ] ตอนที่ 26 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.840

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _



ตอนที่ 27
..ไฟ..



7:30 น.
“เอาอันนี้ตั้งโต๊ะเลยนะครับ” ผมชะงักเท้าทันที  ได้ยินเสียงสมุทรดังออกมาจากในห้องครัวจึงพลิกนาฬิกาข้อมือดู
 
“พี่สมุทร ฝากนี่ด้วยครับ” พายุพูด

“หิวแล้ว!” ผมแทบสะดุ้ง  หันไปมองทางด้านหลังก็พบว่าไอ้ดินโหวกเหวกวิ่งลงมาด้วยความรวดเร็ว


เพี้ย!   ..พอไอ้ดินเข้ามาใกล้มือ  ผมก็ฟาดปรามไปที่หัวมันเต็มแรงจนเจ้าตัวตัวเซหน้าแทบทิ่ม

“เดินให้มันดี ๆ ได้ไหม ตกบันไดนี่ไม่เข็ดสินะ” ผมบ่น  สมัยเด็ก ๆ มันตกบันไดเป็นประจำเพราะชอบวิ่งแบบนี้จนถึงกับต้องหามส่งโรงพยาบาลมาแล้วหลายครั้ง  จะเด็กหรือโตแม่งก็เหมือนเดิม 

“ดินยังไม่ตกสักหน่อย นี่เฮียมาตีก็เลยเจ็บเลยเนี่ย” มันจับหัวบ่นหน้างอ  ผมส่ายหัวพลางถอนหายใจ  ขณะเดียวกันสมุทรก็เดินออกมาจากฝั่งของห้องครัวพร้อมกับถาดอาหาร  พายุตามมาติด ๆ  เขาผงกหัวยิ้มทักทายเล็กน้อย  ผมเพียงมองอาหารบนถาดโดยไม่ได้มีปฏิกิริยาในการทักตอบ  เมื่อเข้าห้องอาหาร  ไอ้ดินอ้าปากหาวนั่งลงประจำที่  แม่บ้านและสมุทรช่วยกันจัดโต๊ะ  เขาเหลือบมามองหน้าผมครู่หนึ่ง  สีหน้าคล้ายสำรวจหาสิ่งผิดปกติจากใบหน้าผมสักอย่าง  ขณะนั้นพี่ธานก็เดินเข้ามาพอดี  ดูท่าคงอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

“อ่าวสมุทร มาแล้วเหรอ” พี่เขาทัก

“ครับ ผมเอาขนมเปียกปูนมาให้น่ะครับ ทำเสร็จเมื่อเช้าก็รีบเอามาเลย” สมุทรยิ้มตอบ
 
“คุณไฟชอบ” พี่ธานถลึงตาดีใจแทนผมอย่างโจ่งแจ้ง  ผมนั่งนิ่งมองพลางหยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

“แต่หวานไหมล่ะ คุณเขาไม่ชอบกินหวานเท่าไหร่” พี่ธานเลื่อนเก้าอี้ออก

“เอ่อ ไม่หวานมากหรอกครับ” สมุทรแบ่งรับแบ่งสู้ตอบ  สายตาเหลือบมองหน้าผมด้วยท่าทางลังเล 

“หอมใบเตยมาก ๆ เลยค่ะ ขนมไทยทำสดใหม่นี่ดีจริง ๆ นะคะ” ป้าอิ่มยิ้มพร้อมนำจานขนมเปียกปูนขนาดกลางวางลงตรงหน้าผม  ส่วนอีกจานวางอยู่กลางโต๊ะระหว่างที่นั่งของพี่ธาน

“กินข้าวเช้ามารึยัง” อีกฝ่ายถามสมุทรอีกครั้ง

“เรียบร้อยแล้วครับ” สมุทรยิ้มน้อย ๆ

“แสดงว่าตื่นเช้ามากเลยสินะ” พี่ธานหัวเราะเหลือบตามามองผมอย่างเจ้าเล่ห์  ก็นะ..ตอบปัดไม่ได้ว่าผมชอบคนตื่นเช้า  อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอุ่นใจดี

“งั้นผมขอตัวนะครับ”

“ขอบคุณนะครับ” พายุพูด  สมุทรไม่ตอบและอีกทั้งผมไม่ได้มองด้วยว่าเขาทำหน้าเช่นไรอยู่  มือที่ว่างอยู่รีบนำตีหัวไอ้ดินเบา ๆ เพื่อบอกให้รู้หน้าที่ก่อนชี้ไปที่สมุทร

“ขอบคุณคร้าบพี่สมุทร” ไอ้ดินรีบพูดซะยกใหญ่  สมุทรยิ้มกว้างเหลือบมองผมเล็กน้อย  ผมเพียงพยักหน้าอนุญาตให้เขาออกไปได้

“อย่าเที่ยวคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกน้องแล้วไม่ต้องไหว้ก็ได้ มือไม้หัดอ่อนซะบ้าง” ผมว่าห้วน ๆ ไม่ได้มองหน้าใคร 

“ครับ” ไอ้ดินขานรับเสียงหงอย

อาหารเช้ามีสีสันอีกมื้อเพราะอยู่ ๆ ไอ้ดินก็ชวนคุยแต่เรื่องแปลก ๆ ที่โรงเรียนของมัน  ผมคิดว่ามันคงคิดถึงโรงเรียนเต็มแก่แล้วมากกว่า  ฟังไปก็หัวเราะไป  บางเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนจนบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กสมัยนี้ก็มีอะไรแปลก ๆ  แตกต่างจากสมัยของรุ่นผมเยอะไม่น้อย  ตอนที่พวกเราเป็นเด็กพ่อกับแม่เองก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน  หลังจากกินอาหารเสร็จพายุเดินทางไปมหาวิทยาลัย  วันนี้มันมีเรียนเช้า  ส่วนไอ้ดินกลับขึ้นห้องไปแล้ว  ผมสั่งให้พี่ธานไปตามสมุทรมาพบผมที่ห้องนั่งเล่น  เมื่อผมเข้ามาถึงก็พบพี่ธานและสมุทรยืนอยู่ก่อนแล้ว

"นั่งสิ พี่ด้วย” ผมสั่งส่ง ๆ นั่งลงก่อน  พี่ธานเดินมานั่งที่โซฟาทางด้านขวามือของผม  เมื่อพี่ธานนั่งลงแล้วสมุทรจึงนั่งตาม
 
“ส่วนที่เหลือ” ผมยื่นเช็คไปให้  สมุทรลุกขึ้นยืนเล็กน้อยรับเช็คจากมือผมไป  อีกฝ่ายก้มลงมองของในมือที่เพิ่งรับไปด้วยสีหน้าปนสงสัย

“อันนั้นเป็นส่วนที่เหลือที่ฉันบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะใช้หนี้ให้เจ้าของค่าย แล้วเพิ่มให้อีกสองหมื่น..คงช่วยอะไรได้บ้าง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ซ่อมแซมค่าย บิลจะมาที่ฉัน” ผมบอก

“มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับ” สมุทรพูด  ผมดูรูปภาพที่ค่ายมวยล่าสุดที่พี่ธานนำมาให้แล้วซึ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดี  งานเสร็จไปกว่า 70% ถือว่าเร็วมาก  และผมก็เบื่อที่จะตามงานแล้วด้วย 

“ให้มันจบไปเป็นเรื่อง ๆ เถอะ” ผมตัดบททุกอย่างเพื่อให้กรณีนี้จบลง  สมุทรเงียบทันที  ผมต้องการเคลียร์ให้จบเป็นเรื่อง ๆ ไป  จิตใต้สำนึกกำลังบอกผมว่าอาจจะมีปัญหายุ่งยากมาให้ผมอีกในอนาคต  ยิ่งทั้งสิ่งที่ผมควรให้สมุทรเรื่องไหนเคลียร์ได้เร็วที่สุดผมก็ควรเคลียร์ออกไปก่อนด้วยตัวเอง  ดูจากท่าแล้วถ้าไม่เดือดร้อนจนขาดใจตายอีกฝ่ายก็คงไม่เข้ามาเอ่ยปากทวงเงินก้อนที่เหลือจากผมด้วยแน่ 

“ขอบคุณครับ” สมุทรผงกหัวเล็กน้อย

“แล้วก็..เรื่องเรียนต่อของนายน่ะ ถึงเวลาลงทะเบียนเมื่อไหร่ก็บอกฉันล่วงหน้าแล้วกัน ส่วนเรื่องเรียนของเมฆ พายุนัดวันพบครูไว้เรียบร้อยแล้ว วันศุกร์นี้แหละ เดี๋ยวนายไปพร้อมฉัน” ผมบอก

“ครับ” สมุทรขานรับ  เขานั่งหลังตรงไม่ต่างจากพี่ธานและวางท่าทีในแบบที่ไม่ขัดสายตา

“เท่านี้ล่ะ” ผมจบเรื่องแรกลง

“นายออกไปก่อน” ผมสั่ง

“ครับ” สมุทรพยักหน้ารับและลุกขึ้นปลีกตัวออก

“ให้ไอ้เข้มไปดู ว่าเงินก้อนนั้นถึงมือเจ้าหนี้เรียบร้อยไหม” ผมสั่งทันที  พเยิดหน้าหมายถึงคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องไป

“ได้ครับ” พี่ธานรับปาก  ผมนั่งนิ่งใช้ความคิดลำดับในหัวว่ามีอะไรจะสั่งพี่ธานอีกบ้าง

“ขอโทษครับนาย” ไอ้เข้มกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามา

“มีอะไร” ผมขมวดคิ้ว

“ขออนุญาตครับ” มันไม่ตอบคำถามทีเดียว  แต่เลือกที่จะไปเปิดปุ่มโทรทัศน์ก่อนเลื่อนไปที่ช่องข่าวเช้าประจำวันนี้  พวกเราต่างเงียบมองข่าวตรงหน้า  จับใจความข่าวส่วนที่เหลือได้ว่านักข่าวกำลังทำข่าวการตายของมือปืนรายหนึ่ง  ไอ้เข้มเบาเสียงโทรทัศน์ลงจนหรี่หลังจากที่ข่าวตัดภาพมาอีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นด้านที่นักข่าวกำลังสัมภาษณ์คนที่พบศพคนแรก

“.........” ไอ้เข้มไม่พูดอะไร  มันยืนหน้าเครียดกุมมือรอ  ท่าทางของมันที่อธิบายแทนคำพูดหมดเรียบร้อย
 
“ช่วยไม่ได้นะ ซี้ไปซะแล้ว” ผมพูดติดตลก  ในห้องเงียบสนิท  ปลายนิ้วกระดิกหาทางออก

“แต่กูก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกที่มันจะตายง่ายขนาดนี้น่ะนะ” ผมอมยิ้มให้เห็น  เพราะถ้ามันฝีมือดีกว่านี้มันอาจยิงถูกผมบ้างสักนัดก็ได้ 

“นายให้ผมเอายังไงต่อดีครับ”

“ข่าวโยงว่าไง” ผมถามกลับ

“จากข่าว เห็นบอกว่ามันน่าจะเป็นมือปืนที่เคยฆ่าลูกหนี้ที่เป็นผู้มีอิทธิพลเมื่อกลางปีที่แล้วนะครับ ก็เลยไม่ทราบว่าใครกันแน่ที่เป็นคนฆ่ามัน” ไอ้เข้มตอบ 

“กลางปี ใช่เสี่ยนักพนันนั่นรึเปลา ?” ผมจำได้คร่าว ๆ แต่จำชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้

“ครับ..ตำรวจโยงว่าอาจจะเกี่ยวข้องกัน” ไอ้เข้มผงกหัว 

“จะมีเหตุผลอะไรที่คนที่สั่งมันมาเก็บผม จะเก็บมันเอง..เพราะผม” ผมพูดเชิงถาม  เหล่ตามองพี่ธานเล็ก ๆ  อีกฝ่ายนั่งหน้าเครียดเสียแล้ว

“ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรมันด้วยซ้ำอะนะ” ผมหัวเราะขึ้นจมูกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้  ดุนลิ้นออกมากัดค้างไว้ด้วยคิดอะไรไม่ออก

“หรือมันรู้ว่าเราส่งคนไปตามสืบ” ผมว่า  พี่ธานเงยหน้าจ้องไอ้เข้มเขม็งทันควัน  ไอ้เข้มหลบสายตาพี่ใหญ่  ก้มหน้าก้มตากุมมือเข้าหากันอย่างกลัวความผิด  ผมปัดมือขึ้นกลางอากาศปรามพี่ธาน  อีกฝ่ายจึงเลิกจ้องลูกน้องของตัวเองลงได้

“มึงระวังตัวแค่ไหน” ผมถามเรียบ ๆ  ตามองโทรทัศน์

“ผมระวังตัวอย่างดีครับนาย” ไอ้เข้มตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  พวกเราอยู่ในความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง 

“ช่างมันเถอะ” ผมบ่นพลางถอนหายใจ

“ก็แค่รอ..ว่าจะมีอะไรอีก” ผมเตือน

“ส่งงานนี้ให้พี่ศรทำแทน สืบมาแค่ว่าก่อนหน้านี้มันฆ่าใครไปแล้วบ้าง พลาดไปกี่ครั้ง” ผมเอ่ยปากสั่ง

“แล้วก็..สั่งให้ไอ้เป็ดมาอยู่เฝ้าที่นี่จนกว่าพวกเราจะกลับ ห้ามไอ้ดินออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด ไอ้ดินไปไหน ไอ้หินต้องไปด้วย”

“ได้ครับ” พี่ธานรับคำ

“งั้นมึงก็เลิกตามสืบเรื่องนี้ได้แล้ว หยุดเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้นจนกว่าการแข่งที่พัทยาจะจบ ที่นั่นคงเปิดประตูต้อนรับให้พวกเราไปเคลียร์อะไรอีกเยอะแยะ” ผมบอกเป็นนัยยะ

“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัวรับคำสั่ง  ผมปัดมือไล่ให้มันออกจากห้องไป

“วันนี้คุณจะไปไหนบ้างครับ”

“ผมจะแวะเข้าไปดูค่ายสาขาอื่นหน่อย” ผมตอบ

“แล้ว..เมื่อวานเป็นยังไงบ้างเหรอครับ ที่ไปกินข้าวกับคุณโปรด”

“ก็ดี..มีแขกไม่ได้รับเชิญด้วยอะนะ” ผมตอบยิ้มมุมปากนิดหน่อย

“ใครครับ” พี่ธานขมวดคิ้ว

“พลอย” ผมตอบห้วน ๆ

“อ่าว ทำไมเป็นแบบนั้นละครับ” พี่ธานฉงน 

“ก็นะ” ผมถอนหายใจเพราะขี้เกียจจะพูดถึง   

“ผมจะไปกับไอ้เด่นนะวันนี้ พี่สั่งให้สมุทรออกไปซื้อของสำหรับจัดงานวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน หมอนั่นน่าจะรู้ดีกว่าไอ้ปัญญาอ่อนพวกนี้..พี่คิดว่าควรซื้ออะไรก็เขียนสั่งไป” ผมสั่ง  ชี้มือพูดถึงไอ้เข้มที่เพิ่งออกไปเป็นตัวอย่างว่า  นอกจากพี่ธานแล้วระดับสมองในการจับจ่ายใช้สอยข้าวของหรืออาหารการกินของลูกน้องผมนั้นเป็นศูนย์  ผมหยิบเงินออกจากกระเป๋าหนึ่งหมื่นบาทก่อนยื่นให้พี่ธาน  พี่เขาลุกขึ้นเข้ามารับเงินจากผมไปทั้งสองมือ

“ตามนั้น” ผมทิ้งท้ายห้วน ๆ  ประมาณว่าไม่ต้องถามอีก

พรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของพายุแล้ว  ลูกน้องผมมักจะตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อใกล้วันพิเศษ ๆ  ผมสัมผัสได้ว่าพวกมันมักจะเก็บอาการตื่นเต้นนี้ไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าผม  วันนี้ไอ้เด่นอารมณ์ดีกว่าทุกวันทำให้มันพูดมากเป็นพิเศษ  ปกติก็พูดมากอยู่แล้วอะนะ  ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกเพราะผมเองก็อารมณ์ดีพอใช้  ดังนั้น ถ้ามันไม่เมื่อยปากหรือกลัวว่าจะเปลืองน้ำลายก็ให้พูดไปให้สมใจอยากไปเถอะ 

การติดต่อดูความเรียบร้อยของค่ายมวยสาขาอื่น ๆ เป็นไปด้วยดี  การปรากฏตัวของผมที่ไม่ได้บอกกับคนที่ค่ายไว้ล่วงหน้าทำให้หลายคนแตกตื่น  นักมวยเตรียมความพร้อมกันเรียบร้อยทุกคนแล้วแบบที่ไม่ได้ทำตัวเป็นผักชีโรยหน้า  การชกที่พัทยานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่ในรายการร่วมของระดับสากล  แต่นัยยะหนึ่งเป็นเวทีค่อนข้างสำคัญเพราะเป็นเวทีใหญ่ที่รวมตัวจากค่ายมวยยักษ์ ๆ ขึ้นเวทีเท่านั้น  มันจึงเกี่ยวโยงไปถึงศักดิ์ศรี  หน้าตาและเงินทองอีกด้วย   

ผมกลับถึงบ้านประมาณเกือบ ๆ บ่ายสามจึงเดินทางเข้าค่ายมวยต่อเลยเพราะต้องการฝึกซ้อมร่างกาย  อีกทั้งขาดซ้อมกับไอ้นพไม่ได้  หลังจากที่เลิกค่ายได้มีการประชุมต่อ  กว่าผมจะได้กลับถึงบ้านก็เกือบ ๆ สามทุ่มโน่นล่ะ  แม่บ้านอยู่รอผมโดยรายงานอาหารที่จัดเตรียมสำหรับงานในวันพรุ่งนี้  เมื่อผมเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยจึงเข้านอนแต่หัวค่ำเนื่องจากว่าวันรุ่งขึ้นผมจะมีภารกิจแต่เช้ามืด


- - - - - - - - - - - - - - -


05:00 น. : ของวันถัดมา..


ก๊อก  ๆ ๆ
“พายุ” ผมเรียกด้วยความงัวเงีย  สภาพสดเพิ่งตื่น  ตอนนี้แม้กระทั่งผมหรือลูกน้องที่ยืนอออยู่หน้าประตูห้องนอนของพายุยังคงอยู่ในสภาพชุดนอน  ยกเว้นพี่ธานที่อาบน้ำซะหอมฉุยเรียบร้อยอยู่คนเดียว

“.........” ในห้องเงียบกริบไร้การตอบรับใด ๆ



ก๊อก  ๆ ๆ

“ไอ้ยุ!” ผมตะโกนเรียกอีกครั้ง

“คร้าบ~” คนในห้องขานรับด้วยน้ำเสียงงัวเงียไม่ต่าง  อีกฝั่งหนึ่งเงียบไปครู่  ผมขมวดคิ้ว  หลับตายืนรอฟังว่ามันหลับต่อหรือว่ามันลุกมาแล้วกันแน่  ชั่งใจรออยู่เกือบ ๆ หนึ่งนาทีให้หลังเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมาครึ่งหลับครึ่งตื่น  คือตามันยังไม่ยอมเปิดขึ้นเลยครับ

“มึงช่วยลืมตาคุยกับกูด้วย” ผมพูด  พายุหรี่ตาขึ้นมองหน้าผมทีละนิด  ผมหัวเราะเพราะหน้ามันบวม ๆ บูด ๆ  พายุเหลือบมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้ามึนงง

“สุขสันต์วันเกิดครับ” พี่ธานยิ้มบอก  พายุกวาดตามองพี่ธานตั้งแต่หัวจรดเท้า

“กี่โมงแล้วฮะ” มันขมวดคิ้วถามเสียงเครือในคอ

“ตีห้าครับ” พี่ธานตอบเสียงใส

“เฮียอะ~” เจ้าของวันเกิดร้องโอดครวญหน้ามุ่ยโยนความผิดมาทางผม 

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  คว้าหัวมันเข้ามาอย่างแรงจนเจ้าตัวตัวเซล้มซุกหน้าลงมาที่ไหล่

“สุขสันต์วันเกิด” ผมพูดบอกพร้อมหอมลงที่หัวพายุอย่างแรงด้วยความหมันเขี้ยว 

“สัขสันต์วันเกิดนะพี่ยุ” ไอ้ดินบอกด้วยน้ำเสียงยานคางทั้งที่กำลังยืนหลับตาอยู่  มันซบหน้าลงบนไหล่ของไอ้หินเป็นเสาหลักเอาไว้อย่างกับร่างไร้วิญญาณอย่างนั้น 

“ปีนี้ กูขอให้...” ผมพูดขึ้นก่อนทิ้งน้ำเสียงลงครู่หนึ่ง  พายุนิ่งฟังไม่ขยับ 

“ห้ามมึงคบใครโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากกูก่อน” ผมบอก  พายุผลักตัวออกในทันที  มันมองหน้าผมฉงน ๆ 

“มึงก็รักใครไม่เป็นอยู่แล้วนี่” ผมอมยิ้ม  คราวนี้เองตามันกลับเบิกโตซะกว้าง  ผมแสยะยิ้มเลิกคิ้วกวนอารมณ์
 
“เป่าเค้กซะสิ” ผมชี้นิ้วไปที่เค้กปอนด์ที่พี่ธานถืออยู่ในมือ  มันยอมหันหน้าไปทางเค้กและพนมมืออยู่เสี้ยววินาทีก่อนเป่าเทียนจนดับลง 

“สุขสันต์วันเกิดครับ” พี่ธานยิ้มบอกอีกครั้ง

“สุขสันต์วันเกิดครับคุณพายุ” ลูกน้องผมพากันประสานเสียงยิ้ม ๆ

“ขอบคุณ” พายุอมยิ้มตอบเขิน ๆ

“ล้างหน้าล้างตา เตรียมออกวิ่ง” ผมสั่งทุกคน

“ครับนาย” พวกมันขานรับ

“ดินไปนอนต่อนะ เฮียยย~” ไอ้ดินลา  มันเดินหลับตากลับห้องนอนของมันไปทั้งอย่างนั้น

“กล่องของขวัญทั้งหมดพี่จัดไว้แล้ว..อยู่บนโต๊ะที่ห้องอาหารนะครับ เดี๋ยวพี่เอาเค้กไปเก็บ ตั้งโต๊ะอาหารเช้าเจ็ดโมง..แล้วเจอกันข้างล่างนะครับ” พี่ธานสั่งเสียเป็นลำดับ

“ขอบคุณครับ” พายุพยักหน้ารับทราบก่อนกลับเข้าห้องนอนไป 


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-09-2016 15:13:21

07:03 น. : วันเสาร์

หลังจากปาร์ตี้งานวันเกิดของพายุจบลงก็คล้ายกับเป็นสัญญาณบอกกับพวกเราว่า “หยุดเล่นสนุกได้แล้ว”  งานวันเกิดที่จัดขึ้นเฉพาะคนในครอบครัว  พายุเชิญให้สมุทรมาร่วมงานด้วย  เขาเดินทางมาพร้อมกับอาหารฝีมือของยายและดาว  เจ้าตัวพาเมฆมาเป็นเพื่อนด้วยอีกคน  มืดมนเลยถูกแกล้งไปตามเหตุปัจจัย  ทั้ง ๆ อย่างนั้นผมก็ไม่ได้พูดคุยกับสมุทรมากนักแม้บรรยากาศระหว่างเราจะดีขึ้นแล้ว  ตั้งแต่วันที่หยามาที่บ้านของเขาหรือตั้งแต่วันที่ผมแก้สถานการณ์วันที่พบพลอยที่โรงแรม  ความกระอักกระอ่วนจางลงแต่ผมก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเสียทีเดียว  ตามจริงผมอยากให้บรรยากาศระหว่างเราดีขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย
 
ทุก ๆ ปีผมมักจะจัดงานเล็ก ๆ แบบนี้เสมอ  พายุมักจะไม่ชวนให้เพื่อนมาร่วมแม้จะเป็นเพื่อนสนิท  มันไม่ชอบงานสังสรรค์ที่มีคนไม่สนิทอยู่เยอะ ๆ  มันก็เลยไม่เคยชวนใครอื่นมา  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพายุรู้ว่าผมไม่ชอบหรือเพราะมันเองก็ไม่ชอบด้วยเหมือนกัน
 
เมื่อวานนี้เป็นวันที่ผมเดินทางไปติดต่อโรงเรียนให้เมฆพร้อมกับสมุทร  ตามโควต้าของนักเรียนที่จะรับเข้าใหม่ในปีนี้ยังเหลืออยู่  ผมชอบที่รับนักเรียนต่อห้องไม่เกินสามสิบคนเท่านั้น  การที่พายุติดต่อเรื่องไว้ให้ก่อนทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น  แน่นอนว่าการที่ผมไปพบครูในวันนั้นก็เพื่อรับทราบรายละเอียดต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเงินด้วยตัวผมเอง  การจ่ายเช็คก่อนล่วงหน้าเป็นเสมือนการยืนยันว่า “ผมจะเข้าที่นี่แน่นอน” และอีกฝั่งหนึ่งก็ยืนยันให้ว่า “รับคนของคุณแน่นอน” เช่นกัน  สมุทรไม่เอ่ยปากใด ๆ แม้สีหน้าของเขาดูจะกังวลเมื่อเห็นเช็คในมือของผม  ผมเพียงบอกให้เขาเตรียมตัวให้เมฆไว้ให้พร้อม  จะเหลือก็แต่จ่ายค่าเล่าเรียนเท่านั้น  ซึ่งผมรับปากกับเจ้าตัวว่าจะมาจัดการให้อีกทีพร้อม ๆ กับให้เมฆมาด้วยกัน  เนื่องจากวันดังกล่าวจะต้องเป็นวันที่ซื้ออุปกรณ์การเรียนทีเดียว

“อยู่ทางนี้ ดูแลให้เรียบร้อย..ตามที่ฉันบอก ห้ามคลาดสายตาจากไอ้ดินเด็ดขาด” ผมย้ำ  เจ้าของชื่อยังนอนตูดกระดกอยู่บนห้องอยู่เลย

“ครับนาย” ไอ้หินผงกหัวรับทราบ  ลูกน้องเตรียมรถพร้อมออกเดินทางแล้ว  เรานำรถออกทั้งหมดสองคัน  คันของผมมีสมุทรเป็นคนขับพร้อมกับพี่ธานนั่งไปด้วย  ส่วนอีกคันของพายุและกังฟู  โดยมีไอ้เด่นเป็นคนขับและไอ้เข้มนั่งไปด้วย  ผมสั่งไม่ให้เอารถตู้ไปเพราะการเดินทางแบบนี้สะดวกกว่า  เมื่อผมไปถึงพัทยาเรามีภาระหน้าที่ ๆ จะต้องแบ่งงานกันทำ  ดังนั้นจึงไม่สามารถนำรถไปคันเดียวได้

“นี่บัตรเงินสดของฉัน อยากกินอะไรก็ให้มันกินไป แต่ถ้ามันอยากได้อะไรก็ลองพิจารณาดูแล้วกัน อย่าไปบอกมันล่ะว่าฉันให้ถือไว้” ผมยื่นบัตรเดบิตให้ไอ้หินเป็นคนดูแล  คนเดียวที่จะต้องรับหน้าที่หนักในการตามติดน้องผู้ปัญญาน้อยของผมอย่างไอ้ดิน

“ได้ครับ” ไอ้หินผงกหัว  ยื่นมือมารับบัตรไปทั้งสองมือ

“จดรายจ่ายมาด้วย อย่าไปตามใจมากนัก” ผมเตือน  เพราะอย่างไรไอ้หินก็ไม่ใช่พี่ธาน  จะมาออกปากห้ามไอ้ดินแบบเด็ดขาดมันก็คงทำไม่ทำตามเท่าไหร่  ไอ้ดินก็คือไอ้ดินนั่นละครับ  มันเองก็ดื้ออยู่พอสมควร  ผมถึงไม่อนุญาตให้มันถือบัตรด้วยตัวเอง
 
“กลับบ้านก่อนหกโมงนะครับ” ผมย้ำไปทางลุงทองอีกครั้ง  ลุงทองมีหน้าที่เป็นคนขับรถให้ไอ้ดินและไอ้หิน  ซึ่งผมได้แบ่งหน้าที่ให้เรียบร้อยแล้ว  การที่ผมไม่อยู่บ้านทุกคนจะได้ไม่เกี่ยงงานกัน

“ฝากด้วยนะครับ” ผมบอกพลางกวาดตามองทุกคน

“ไม่ต้องห่วงครับ” ลุงทองผงกหัวรับปาก

“ไปเถอะ” ผมบอกพี่ธาน

“เดินทางปลอดภัยนะครับ” ลุงทองยิ้มบอก  ผมยิ้มให้นิด ๆ  สมุทรเปิดประตูรถรออยู่ก่อนแล้ว  เมื่อผมขึ้นรถเรียบร้อย  ไอ้เด่นกับไอ้เข้มที่อยู่ประจำอีกคันทางด้านหลังถึงขึ้นประจำที่ของพวกมัน

“สิบโมงแวะกินข้าวนะครับคุณไฟ แล้วก็หลังจากที่คุณไฟเข้าฟิตเนส..คุณพายุเตรียมผลไม้ไว้ให้คุณแล้ว สมุทรจะจัดการให้ต่อนะครับ” พี่ธานรายงาน  รถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณบ้านอย่างช้า ๆ

“อือ” ผมขานรับ   

“อยากฟังเพลงไหมครับ” พี่ธานถามอีก 

“หึ..ก็ดีมั้ง” ผมตอบปัดไปที  เปิดก็ได้ไม่เปิดก็ได้  เสียงเพลงคลอเบา ๆ ขึ้นหลังจากที่ผมเอ่ยปากอนุญาต 

คนในค่ายเดินทางไปถึงที่พัทยาตั้งแต่เมื่อวานเช้าแล้ว  ประตูงานจะเริ่มเปิดวันนี้ตอนบ่ายโมงตรง  เมื่อถึงโรงแรมพี่ธานและพายุจะเดินทางไปดูความเรียบร้อยที่งานพร้อมกับคนในค่าย  ตารางของผมคือจะเข้าไปทีหลังเมื่อใกล้การขึ้นชก  คนขับรถของผมวันนี้รู้ตัวดีว่าตัวเองมีชื่อสำรองอยู่ในการแข่งขัน  แต่เขาไม่ได้พูดแสดงความกังวลใด ๆ  อีกทั้งไม่มีทีท่าที่จะไม่อยากทำตามคำสั่งอีกด้วย  เงียบขรึมไม่แสดงออกอย่างไรก็ยังคงเก็บอาการได้อยู่อย่างนั้น  ยอมรับว่าวันนี้ผมรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง  ความสบายใจและงานที่ราบรื่นมันสะกิดเตือนว่าไม่แน่อาจมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ 


- - - - - - - - - - - - - - -


KEETHARA HOTEL, PATTAYA

“สวัสดีครับคุณไฟ!” คนในค่ายมวยพากันส่งเสียงทักทายเมื่อเห็นหน้าผม  เมื่อถึงโรงแรมผมก็ตรงมาทักทายทุกคนที่ที่พักก่อนเป็นอันดับแรก

“มีอะไรขาดเหลือไหม” ผมถาม

“ไม่มีครับ” ไอ้นพยิ้มตอบ  ผมพยักหน้ารับ  เดินสำรวจดูที่เคาน์เตอร์ห้องครัวในบ้านพัก  มีอาหารเยอะแยะมากมายทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง  ซึ่งผมเป็นคนสั่งให้พี่นีจัดการเรื่องนี้เนื่องจากจะได้ไม่ต้องออกไปซื้อกินกันตามมีตามเกิด  ใช้เงินส่วนตัวเดี๋ยวจะเป็นการถกเถียงกันอีก 

“พี่ธานมา! พี่ธานครับดูนี่ดิ!” นักมวยรุ่นน้องวิ่งกระโจนออกมาจากหลังบ้านแล้วตรงเข้าหาพี่ธานในทันที  ผมหัวเราะมองอยู่ไกล ๆ  พี่ใหญ่ยังเป็นที่รักของทุกคนเหมือนเคย 
 
“พวกลุงลอยจะออกเดินทางกี่โมง” ผมถามพี่นี

“เดี๋ยวออกกันแล้วค่ะ เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เธอตอบ  ยืนประกบผมไม่ห่าง

“ดี..เดี๋ยวพี่ธานกับพายุจะตามไปหลังจากนั้น แล้วเดี๋ยวผมตามไปเย็น ๆ  มีอะไรก็บอกพี่ธานแล้วกัน” ผมพูด

“ค่ะ”

“คุณพายุไปไหนละคะ” พี่นีมองหา

“เอาหมาไปฝากกับศูนย์หน้าโรงแรมน่ะ” ผมตอบ  เธอหัวเราะคิกคักเพราะรู้นิสัยของพายุ

“ผมขอตัวก่อนแล้วกัน ฝากด้วยนะ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” พี่นียิ้มรับ

“นพ” ผมเรียก

“ครับ” ไอ้นพละสายตาจากพี่ธานรีบวิ่งมาหาผมทันที

“มีอะไรจะสั่งเสียไหม” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์

“หึ” อีกฝ่ายหัวเราะเขิน ๆ

“ฉันเชื่อมือนาย” ผมตบมือลงที่ไหล่ของอีกฝ่ายด้วยความหนักแน่น 

“ขอบคุณครับคุณไฟ” ไอ้นพก้มหัวให้เล็กน้อย  เสียงจอแจเพราะการรวมตัวจากนักมวยและพนักงานจากหลายสาขาทำให้บรรยากาศครื้นเครง  ผมกวาดตามองทั่ว ๆ ซ้ำอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับออกมา  พี่ธานและสมุทรเดินตามหลังผมมาติด ๆ

“ถ้าพี่จัดการเรื่องส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วออกไปได้เลยนะ อย่าเกินบ่ายโมง” มือล้วงกระเป๋ากางเกงพลางสั่งงานพร้อม 

“ให้ไอ้เข้มประกบพายุไว้” ผมพูดเป็นนัยยะเพราะคิดว่าน้องผมมันจะต้องดื้อกับทุกคนอีกแน่

“ครับ” พี่ธานขานรับ  เราแยกย้ายกันเข้าที่พัก  ห้องพักแรกแบ่งออกเป็นสองห้องนอนใหญ่กับหนึ่งห้องนั่งเล่นและห้องสำหรับจัดเตรียมอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ  หนึ่งห้องนอนสำหรับผม  ส่วนพี่ธานและสมุทรนอนห้องเดียวกัน  อีกห้องพักเป็นห้องแบบเดียวกันกับของผม  โดยหนึ่งห้องนอนนั้นสำหรับพายุและอีกห้องหนึ่งสำหรับไอ้เข้มและไอ้เด่นนอนด้วยกัน  เมื่อจัดเตรียมของเข้าห้องเรียบร้อยพี่ธาน  พายุและไอ้เข้มเดินทางไปที่สนามมวยก่อน  ผมยังคงอยู่ที่โรงแรมเพราะต้องการเข้าใช้ฟิตเนสและจัดการตัวเองให้พร้อมก่อนออกเดินทาง  อีกทั้งไม่จำเป็นที่ผมจะต้องเดินทางไปก่อนเวลามากมายหลายชั่วโมง  ผม  สมุทรและไอ้เด่นลงมาใช้บริการฟิตเนสของทางโรงแรมด้วยกันโดยสมุทรเป็นคู่ซ้อมลงนวมให้ผมก่อน 

“พี่สมุทรนี่เจ๋งเป็นบ้า” ไอ้เด่นพึมพำมองหน้าสมุทร  ฝ่ายที่ถูกชมอมยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น  เขาแรงเยอะจริง ๆ แม้กระทั่งรับแรงผมกับไอ้เด่นทีเดียวสลับอย่างต่อเนื่องก็ยังสู้ไม่ถอย  ไม่มีบ่นสักคำ  หรืออาจจะบ่นในใจก็ไม่รู้ละนะ

“ใครมันจะไปอ่อนปวกเปียกแบบมึง” ผมพูด  นำนวมที่เพิ่งถอดออกตีหัวไอ้เด่นเบา ๆ

“ไปต่อเลย” ผมสั่ง 

“ครับ” ไอ้เด่นรับนวมจากผมไปใส่  ผมวอร์มร่างกายพร้อมมองดูการชกของไอ้เด่นไปพลาง  ตามจริงแล้วกล้ามของสมุทรมองแล้วมันเพลินตาดี  เราออกจากฟิตเนสให้หลังจากนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อแยกย้ายอาบน้ำแต่งตัวต่อ

“ผมปลอกแอปเปิล สับปะรดแล้วก็กล้วยเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ จะรับเลยไหมครับ” สมุทรลุกจากโซฟาทันทีเมื่อผมเปิดประตูออกมาจากห้องนอน 

“อือ” ผมพยักหน้ารับเดินไปนั่งที่โซฟา  อีกฝ่ายรีบกุลีกุจอเข้าไปในครัว  โทรทัศน์ฉายข่าวการเมืองแต่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจสำหรับผมนัก  สายตาเหล่มองไปที่สมุทรที่กำลังนำจานผลไม้ออกจากตู้เย็น  เขาขยับจัดเรียงดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนนำมาเสิร์ฟ  ผมจึงเหตากลับมาที่โทรทัศน์ตามเดิม

“ผมเพิ่งเอาเข้าตู้เย็นเมื่อกี้นี้เองครับ” เจ้าตัวรายงาน  พี่ธานคงกำชับเขาแล้วแน่ ๆ ว่าผมไม่ชอบกินผลไม้ที่เย็นจนเกินไป

“ขอบคุณ” ผมบอก

“เอาน้ำอะไรดีครับ คุณพายุเตรียมน้ำส้มกับน้ำนมข้าวโพดมา” สมุทรก้มลงถาม  ผมเหสายตามองพื้นคิดครู่หนึ่ง

“น้ำข้าวโพด” ผมตอบ

“ได้ครับ” สมุทรผงกหัวกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง  ไม่นานนักเหยือกน้ำนมข้าวโพดก็ถูกนำมาวางตรงหน้า  ผมนั่งจ้องเงียบ ๆ  เพราะอยากรู้ว่าเขาจะรินออกมาในปริมาณที่ผมพอใจได้ไหม  เมื่อมือที่กำลังรินอยู่นั้นหยุดทันทีที่น้ำนมข้าวโพดเกินครึ่งแก้วไปนิดหนึ่ง  เป็นภาพที่ทำให้ผมเกือบหลุดหัวเราะออกมา 

“พี่ธานเป็นไง” ผมถามโต้ง ๆ  เพราะถ้าพี่ธานไม่บอกไว้เขาไม่มีทางรู้แน่

“เป็นพี่ที่ดีครับ” สมุทรยิ้มตอบพร้อมวางเหยือกลงบนถาดเสิร์ฟ

“โทรสั่งอาหารของโรงแรมสิ สั่งเผื่อไอ้เด่นด้วยแล้วกัน กินซะให้เรียบร้อย” ผมบอก

“คุณไฟจะไม่รับใช่ไหมครับ” สมุทรถามย้ำ  เขาคงไม่แน่ใจเพราะเห็นว่าอาหารของผมที่พี่ธานสั่งไว้มีแค่ตรงหน้านี้

“ไม่..” ผมตอบห้วน ๆ  หยิบรีโมทโทรทัศน์กดเปลี่ยนช่อง  สมุทรปลีกตัวกลับเข้าห้องนอนของเขาไปแต่ไม่ได้ปิดประตู  เสียงพูดคุยโทรศัพท์ดังลอดแว่วมาให้ได้ยิน  ห้านาทีสมุทรก็กลับออกมาอีกครั้ง  เขายืนกุมมือสงบเสงี่ยมอยู่ข้าง ๆ คล้ายรอคำสั่ง

“นั่งเถอะ” ผมพูดขึ้นทั้งที่ตายังเอาแต่จ้องโทรทัศน์อยู่

“ขอบคุณครับ” เขาขานตอบ  เดินอ้อมมานั่งที่โซฟาอีกตัวใกล้ ๆ กับผม  เมื่อได้ช่องตามที่สนใจแล้วจึงวางรีโมทลงก่อนคว้าน้ำเปล่าขึ้นดื่ม 

“เรื่องเงินที่ค่ายเรียบร้อยดีไหม ?” ผมหลอกถาม  มือจิ้มกล้วยเข้าปากไม่มองหน้าคู่สนทนา

“เรียบร้อยดีครับ” สมุทรตอบ  ไอ้เข้มรายงานให้ผมทราบตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วว่าสมุทรจัดการเรื่องเงินที่ผมให้กับเขาในทันทีที่ได้รับเงินไป  ซึ่งตั้งแต่นั้นผมก็ไม่ได้ถามเจ้าตัวอีกว่าเป็นอย่างไรบ้างจนถึงวันนี้  ก็แค่อยากจะรู้ว่าโกหกรึเปล่าก็เท่านั้น

“.........” บทสนทนาจบลงดื้อ ๆ


- ฮิปโปเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม –
เสียงโทรทัศน์ช่วยให้ความเงียบระหว่างเราทั้งคู่ไม่อึดอัดนัก  การกินผลไม้ตรงหน้าใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีแบบที่ผมไม่ได้รีบร้อนอะไร  เคี้ยวอย่างช้า ๆ เพื่อให้ระบบในร่างกายไม่ต้องทำงานหนักในการย่อยอาหาร  ให้หลังไม่นานไอ้เด่นก็มาถึง  ทั้งคู่จึงย้ายกันไปนั่งที่โต๊ะอาหารแทนเพื่อความสะดวกและเหมาะสม  พนักงานโรงแรมนำอาหารมาเสิร์ฟถึงห้อง  อาหารเป็นแบบอาหารจานเดียว  จานหนึ่งเป็นข้าวผัดอเมริกัน  เดาได้ไม่ยากเลยว่าจะต้องเป็นของไอ้เด่นแน่เพราะมันชอบกิน  ส่วนอีกจานเป็นข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ  ถึงอีกจานหนึ่งไม่ใช่ของไอ้เด่นผมก็เดาได้ไม่ยากอีกนั่นละว่าข้าวผัดน้ำพริกลงเรือนี้จะต้องเป็นของสมุทร  ไอ้เด่นรีบทำหน้าที่แทนสมุทรเพราะอีกฝ่ายกำลังเก็บจานชามผลไม้และแก้วน้ำตรงหน้าผมที่เพิ่งกินเสร็จเข้าครัว

“เท่าไหร่” ผมลุกขึ้นถาม

“สี่ร้อยยี่สิบครับ” พนักงานโรงแรมก้มหน้าก้มตายื่นสมุดบิลมาให้  ผมรับมาเปิดดูก่อนวางแบงก์ห้าร้อย  ปิดสมุดพร้อมยื่นกลับไป

“ไม่ต้องทอน” ผมบอก

“ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายผงกหัวน้อย ๆ  ไอ้เด่นเดินตามพนักงานโรงแรมไปเพื่อส่งแขกแปลกหน้าให้พ้นประตู

“กินกันตามสบายแล้วกัน..เสร็จเดี๋ยวออกกันเลย” ผมบอก

“ครับนาย” ไอ้เด่นรับทราบ  ผมกลับเข้าห้องนอนเพื่อทำธุระส่วนตัว  ล้างหน้าแปรงฟันอีกครั้ง  แต่งตัวให้เรียบร้อยกว่าเดิม  หยิบของสำคัญติดมือ  ใช้เวลาเกือบ ๆ สิบห้านาที  ออกมาอีกทีก็พบว่าทั้งคู่กินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว  พวกมันไวจนผมเกือบจะหลุดขำ

“เรียบร้อยแล้วครับ” สมุทรบอก  ผมล้วงกระเป๋ามองหน้าสมุทรกับไอ้เด่นสลับไปมา

“ออกไปเดินดูสาว ๆ ใส่บิกินี่กันก่อนไหมแล้วค่อยไป” ผมมองหน้าสมุทรกะว่าจงใจกวนอีกฝ่าย  สมุทรที่สบตาผมอยู่เหสายตาลงนิดหน่อยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่แฝงไว้ข้างใน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-09-2016 15:14:34

ตืด  ๆ ๆ   ..เสียงโทรศัพท์เครื่องของผมสั่นเตือน  สมุทรทำหน้าที่นำขึ้นกดรับแทนเจ้าของ

“สวัสดีครับ..ครับ” อีกฝ่ายขานตอบอยู่สองสามคำก่อนยื่นโทรศัพท์มาให้

“จากพี่ธานครับ” เขาบอก 

“ผมพูด” ผมทัก

“คุณไฟครับ นพอาการไม่ดีเลยครับ” พี่ธานเอ่ยเข้าประเด็น  ผมยืนนิ่ง  กลอกตาลงโดยไม่เอ่ยตอบใด ๆ

“เหมือนมันจะถูกวางยาน่ะครับ แล้วทางผู้จัดจะให้เราถอนตัวให้ได้” พี่ธานบอก 

“มันอาการหนักแค่ไหน” ผมถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย

“ถ่ายเป็นเลือดครับ” พี่ธานตอบด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน   

“เมื่อไหร่ ?” ผมซัก

“เมื่อครู่ครับ ผมเห็นอาการมันไม่ปกติมาสักพักแล้ว แต่เมื่อครู่อาการหนักขึ้น”

“มันพูดรู้เรื่องไหม”

“ไม่ค่อยรู้เรื่องครับ” พี่เขาตอบ  ผมเงียบลงชั่วขณะ  ปลายสายก็เช่นกัน 

“รถพยาบาลมารึยัง เอามันไปโรงพยาบาล” ผมสั่ง

“คือ..มันไม่ยอมไปน่ะครับ มันจะอยู่รอคุณให้ได้” พี่ธานอ้ำอึ้งบอกก่อนทิ้งน้ำเสียงลงอย่างเกรง ๆ

“คุณไฟครับ ผมว่า..” ปลายสายเอ่ยเสียงเบาลง

“เอาเป็นว่าผมจะไปเดี๋ยวนี้” ผมตัดบทพร้อมกดวางสายทันที  สมุทรรับโทรศัพท์กลับคืนไป

“ตรงไปสนาม ไอ้นพถูกวางยา” ผมบอก

“ครับนาย” ไอ้เด่นผงกหัวรับทราบ  เราออกเดินทางในทันที  ตารางการชกแบ่งออกเป็นทั้งหมดสี่คู่ภายในวันเดียว  โดยคัดจากนักมวยค่ายใหญ่เท่านั้น  หากคิดให้ดี การที่ตัดมือดีของผมออกไปนั่นหมายถึงว่าค่ายของผมจะต้องให้นักชกโนเนมอย่างสมุทรขึ้นชกแทน  ผมไม่ได้บอกว่าสมุทรไม่ไหว  แต่ผมกำลังบอกว่า “สมุทรโนเนม”  นั่นหมายความว่าพวกนั้นไม่คิดว่าสมุทรจะสามารถชนะในรอบลึก ๆ ได้  หรือทางเลือกอีกทางหนึ่งที่ผมทำได้คือ  ผมจะต้องถอนตัวออกจากการแข่งขัน
 
นาฬิกาบอกเวลาเกือบ ๆ บ่ายโมงครึ่ง ณ ขณะนี้  งานจะเริ่มเปิดพิธีตอนบ่ายสองโมงครึ่ง  เริ่มการชกจริงของคู่หลักตอนบ่ายสามโมงครึ่งโดยประมาณ  หนึ่งคู่ต่อสามยกจึงเป็นการใช้เวลาหาเงินได้ในช่วงสั้น ๆ แต่สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนเป็นกอบเป็นกำทีเดียว 

“.........” ทุกคนในห้องพักพากันลดเสียงลงทันทีเมื่อเห็นผมปรากฏตัว  ไอ้นพนอนอยู่บนเตียงเตรียมสำหรับเคลื่อนย้าย  ลุงหมอนพ่อของไอ้นพยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี  พี่ธานและไอ้เด่นเคลียร์คนในค่ายออกจากห้องในทันทีอย่างรู้หน้าที่  ประตูห้องปิดสนิทลงเมื่อนักมวยและพนักงานออกจากห้องไปจนเกือบหมด  เหลือเพียงครูมวย  เทรนเนอร์คนสำคัญ  พายุและลูกน้องของผมเท่านั้น  สภาพของไอ้นพไม่ต่างจากคนป่วยใกล้ตาย  ตัวของมันซีดเซียว  รูม่านตาที่ดูไม่ปกติ  ตามันเบิกขึ้นสะลึมสะลือเพื่อมองมาที่ผม

“กูอยากฆ่ามึงจริง ๆ” ผมกัดฟันบ่นเดินเข้าไปประชิดติดกับเตียง  สภาพหนักขนาดนี้ยังจะฝืนรออยู่อีก  ทั้งลุงหมอนและพยาบาลหลบทางให้

“จำได้ไหมว่ากินอะไรเข้าไปบ้าง” ผมถาม 

“.........” ไอ้นพเพียงกะพริบตา  มันส่ายหัวน้อย ๆ ไร้สติ  ความเงียบในห้องทำให้ผมได้ยินชัดเจนว่ามันหายใจไม่ถนัด 

“คุณ ..ไฟ” อีกฝ่ายเรียกเสียงเครือ  มือที่สั่นเทาพยายามขยับคล้ายกับจะยกขึ้น  ผมเห็นอย่างนั้นจึงเป็นฝ่ายนำมือเข้าไปจับมือของมันตอบเอาไว้ด้วยความหนักแน่น 

“ขอ.. โทษ” ไอ้นพพูดบอก  ปลายเสียงแหบหายเข้าไปในลำคอจนแทบได้ยินไม่ถนัด

“ขอโทษนะคะ เรารอไม่ได้แล้วนะคะ คนไข้ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล” พยาบาลพูดขึ้นหน้าเจื่อนไม่สบตาผม 

“เอาไปได้เลย” ผมบอกเธอ 

“ไม่ต้องห่วงทางนี้ หน้าที่มึงคือห้ามตาย..กูสั่ง” ผมพูดเสียงเข้มบอกคนที่นอนอยู่พลางวางมือของมันลงตามเดิม  ไอ้นพหลับตาหรี่ลงทั้งอย่างนั้น  เมื่อทีมปฐมพยาบาลเข้ามาจะนำตัวมันออกไป  ผมจึงวางมือลงบนหน้าผากของไอ้นพเบา ๆ อีกครั้งหนึ่ง  เสียงประตูปิดลง  ไอ้นพออกไปแล้ว   

“มึงตามไปเฝ้าไอ้นพไว้..เอาคนไปสองคน มีอะไรตุกติกลงมือได้เลย” ผมสั่งไอ้เด่น

“ครับนาย” ไอ้เด่นก้มหัวลงน้อย ๆ ตามทีมปฐมพยาบาลออกไปทันที  มือขวาที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงค่อนข้างแฉะ  ความนิ่งเฉยที่ปรากฏออกมา  ตามจริงแล้วในใจกำลังเดือดเป็นไฟ  ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่มองหน้าใครจึงทำให้ทุกคนในห้องในตอนนี้ไม่แม้แต่จะขยับตัว

“คุณไฟครับ..ทางนั้นถามเราว่า ตกลงจะเอาสมุทรขึ้นชกแทนหรือว่าจะถอนตัวน่ะครับ” พี่ธานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ  ผมมองหน้าพี่ธานก่อนเหล่มองไปทางสมุทรครู่หนึ่ง  เจ้าของชื่อยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงอาการเช่นเคย

“สองทางเลือกเหรอ..?” ผมถามตาขวาง  พี่ธานหลบตาไม่ตอบ

“ฮึ! ง่ายไปมั้ง” ผมสบถห้วน ๆ
 
“ไฟ..ถือโอกาสเปิดตัวสมุทรไปเลยสิ” ลุงลอยเรียกสติ

“จบง่ายไปมั้งครับลุง” ผมพูดตัดบทลุงลอยตาขวาง  ลุงเงียบลง  ผมถอนหายใจเบา ๆ พยายามควบคุมตัวเอง

“ตำรวจอยู่ไหน ?” ผมกวาดตามองทุกคนด้วยคำถามที่ไม่ได้กระแทกกระทั้นแต่อย่างใด  แต่นั่นละว่า..ไร้เสียงตอบรับจากใครเช่นกัน

“อีหรอบเดิม” ผมแสยะปากหัวเราะ  คู่แรกที่ไอ้นพต้องขึ้นชกนั้นเป็นการขึ้นชกกับนักมวยชาวฝรั่งเศส  ซึ่งเป็นตัวแทนของค่ายน้ำมนต์จากภาคอีสาน  ผมเชื่อว่าสมุทรสามารถเอาชนะได้  แต่คนที่สร้างเรื่องคงไม่คิดอย่างเดียวกับผมแน่  สถานการณ์ในตอนนี้สำหรับผมมันเปลี่ยนไปแล้ว  ถึงสมุทรจะชนะแล้วยังไงไม่ทราบ  ถ้าเขาได้เข้าไปในรอบต่อ ๆ ไปทุกอย่างอาจจะเป็นไปตามแผนที่พวกมันวางไว้ทั้งหมดก็ได้

“ก็นะ..อีกฝ่ายอุตส่าห์เปิดเกมมาให้แล้วทั้งที” ผมฉีกยิ้มติดตลกแต่ในห้องกลับอึมครึมไม่ขำด้วยเสียอย่างนั้น

“ไฟ แกไปเล่นตอบมันแบบนั้น ถ้าเกิดแกเป็นอะไรขึ้นมาอีกคนล่ะ” ลุงลอยเตือนหน้าเครียด

“มันเป็นทฤษฏีหยอกเล่นน่ะครับลุง”

“กำลังมีคนท้าทายว่า ผม..ที่ไม่มีปู่กับพ่อคุ้มกะลาหัวอยู่ตอนนี้ ถ้าถูกเหยียบหน้าแบบนี้แล้วผมจะทำยังไงต่อ” ผมแสยะยิ้มอธิบาย  ลุง ๆ ต่างหน้าเสียที่ผมไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งกับลุงลอย



ก๊อก  ๆ ๆ

“เชิญ” ผมขานรับ  ผู้ชายแปลกหน้า  ใส่สูทใส่แว่นตาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าตื่น ๆ

“เอ่อ..สวัสดีครับคุณไฟ ทางเราอยากทราบว่า ตกลงทางชัยโรจน์จะส่งนักมวยขึ้นชกไหมครับ” อีกฝ่ายถามด้วยใบหน้าสุภาพจนน่าถีบ

“แน่นอนครับ” ผมยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรกลับ

“งั้นผมรบกวนขอให้ทางคุณคอนเฟิร์มเรื่องรายชื่อด้วยนะครับ” เขายิ้มให้

“ไฟ เลิศประสงค์ครับ” ผมตอบ

“เอ๊ะ!” อีกฝ่ายชะงัก  เหลือบตาโตขึ้นมองมา  ผมหมุนตัวตรง ๆ พลางเดินเข้าไปหาก่อนเว้นระยะไว้ช่วงหนึ่ง

“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอครับ” ผมฉีกยิ้มถาม  อีกฝ่ายเลิ่กลั่กเปิดกระดาษในมือดูซ้ำอย่างร้อนรน

“เอ่อ แต่ว่า..รายชื่อที่ทางค่ายมวยชัยโรจย์ให้กับทางเรามาในตอนแรกไม่ใช่ชื่อนี้นี่ครับ เป็นชื่อ..เอ่อ นายสมุทร มั่นรักษา” มันว่า

“อ๋อ ลูกน้องผมคงเขียนชื่อผิดไปน่ะ โทษที” ผมปัด

“เอ่อ งั้นคงไม่ได้หรอกครับ คือว่า..มันผิดกฏน่ะครับ” อีกฝ่ายพูดหน้าเจื่อน  ผมหุบยิ้มลงทีละนิดเพราะขี้เกียจจะฉีกปากยิ้มเกินจำเป็นแล้ว 

“ใครตั้งกฏ ? ขอผมคุยด้วยหน่อยจะได้ไหมละครับ” ผมถาม

“หือ.. คุณแว่น” ปลายเท้าจ้ำเข้าหาอีกครั้งโดยไม่ทันสั่งการ  คนตรงหน้าหน้าถอดสีถอยหลังไปสองสามก้าวทันควัน

“รีบเก็บหางมึงแล้วไสหัวไปซะก่อนที่กูจะกรอกยามึงเหมือนที่ลูกพี่ของพวกมึงทำกับคนของกู!” ผมกัดฟันพูดเสียงเย็น  อีกฝ่ายไม่รอช้าวิ่งออกจากห้องไปในทันที 

“ระยำ! เฮือก!!” ผมร้องสบถ  ขาเตะเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าอย่างห้ามใจไม่อยู่  เสียงกระแทกดัง “โครม!”  ลั่นห้องก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง  ลมที่พ่นออกมาทางปากไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นมากนัก  กลับแต่จะหงุดหงิดมากกว่าเดิม  ผมหลับตาลงฟังเสียงลมหายใจของตัวเองอยู่พักหนึ่ง  เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง

“เอ่อ คุณไฟคะ” พี่นีเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ  เหมือนกับไม่แน่ใจว่าตัวเธอเองควรพูดออกมาดีหรือไม่

“เราส่งรายชื่อนักมวยเป็นคนแรก ๆ  ไม่ว่าจะเวทีไหนเซียนมวยก็ต่างพนันข้างนพทั้งนั้น พี่คิดว่า..ถ้าครั้งนี้เป็นแผน” พี่นีพูดเสียงเบา 

“ครับ เป็นแผนที่ตื้นดีใช่ไหมละครับ” ผมพูดห้วน ๆ ปนหัวเราะ  ตาเหลือบมองไปทางสมุทรอีกครั้ง  ผมจ้องหน้าเขาเขม็ง

“ก็ดี..งั้นผมจะเปลี่ยนแผนให้พวกมันใหม่” ผมยิงฟันให้ทุกคนพลางเท้าเอวมอง 

“ผมจะขึ้นเอง” ผมสรุป

“น่าสนุก..” ผมสบถยิ้ม ๆ  ลุงลอยถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายเอือมระอา  แกส่ายศีรษะยิ้มน้อย ๆ ในที่สุด

“ทุกอย่างเหมือนเดิม ใครมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป อย่างอื่นผมจัดการเอง” ผมสั่ง

“พี่นีรู้ไหมครับว่าห้องเสี่ยเจียนอยู่ไหน” ผมถาม

“รู้ยิ่งกว่ารู้ซะอีกค่ะ” เธอยิ้มตอบ

“หึ..ชอบจัง อะไรมั่นอกมั่นใจแบบนี้น่ะ” ผมยิ้มชมเธอทำให้เจ้าตัวหลุดหัวเราะเขิน ๆ  พี่นีเดินนำทางออกไปก่อน  เมื่อพายุเข้ามาขนาบข้างผม  พี่ธาน  สมุทรและไอ้เข้มจึงตามติดมา  เมื่อมาถึงห้องทำงานของเสี่ยเจียน  พี่นีเป็นฝ่ายเข้าไปติดต่อคนของเสี่ยเจียนให้  เมื่อเรียบร้อยแล้วผมจึงสั่งให้เธอกลับไปทำงานต่อ 

“เสี่ยครับ คุณไฟจากค่ายชัยโรจน์มาขอพบครับ” ไม่ทันให้ลูกน้องของเจ้าของกิจการคนปัจจุบันนี้ได้ส่งสารจบ  ผมก็เดินตรงดิ่งเข้าไปอย่างไม่รักษามารยาทใด ๆ  ทำให้คนในห้องต่างตื่นตระหนก 

“หวัดดีครับเสี่ย” ผมยิ้มทัก  เสี่ยเจียนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานที่กลางห้อง  เป็นที่รู้กันว่าแกเป็นคนดังที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ห้องทำงานของแกก็เลยใหญ่อลังการ  ถ้าให้แกบรรยายรายละเอียดในห้องนี้มาสักหนึ่งหน้ากระดาษเอสี่ก็คงไม่จบ

“ถ้าคนของเสี่ยไม่ลดปืนลง พวกเราคงคุยกันยากนะครับว่าไหม” ผมยิ้มเล็กน้อย  ลูกน้องคนสนิทที่ข้างโต๊ะทำงานของเสี่ยแกหนึ่งคนและประจำอยู่ที่มุมห้องอีกฝั่งละคน  เสี่ยเจียนกลอกตาขึ้นมองมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง

“ก็ลื้อหุนหันพลันแล่นเข้ามาแบบนี้ มันก็เป็นธรรมดา” เสี่ยเจียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ก็มีเรื่องให้ต้องหุนหันพลันแล่นนี่ครับ” ผมตอบ  เสี่ยจ้องมองมา  ผมเองก็มองตอบกลับเช่นกัน

“กี่ปี ๆ  ลื้อก็ยังขวานผ่าซากเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสี่ยแกอมยิ้มด้วยใบหน้าชอบใจ  แก้ววิสกี้ในมือของเสี่ยเคลื่อนวางลงอย่างเนิบช้า  ผมยืนเงียบ  ต้องยอมรับว่าเสี่ยเจียนเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของกิจการนี้มากกว่าเสี่ยปรีดาเยอะเลย
 
“ในบรรดาเด็กที่อายุเท่าลื้อที่ฉันรู้จัก มีแต่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพึ่งบารมีพ่อแม่ทั้งนั้น คงมีแต่ลื้อนี่ล่ะที่ถูกใจอั้วที่สุด หึ ๆ ๆ” อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ 

“ขอบคุณครับ ตามตรงแล้วผมก็ชอบเสี่ยเหมือนกัน” ผมยิ้มตอบ

“เป็นไง..? น้องชายลื้อยังมือตีนไวอยู่เหมือนเดิมรึเปล่าล่ะ เฮ้อ~ อั๊วอยากได้คนแบบนี้ไปช่วยคุมร้านที่เมืองนอกจริง ๆ น้า นักเลงฝรั่งพวกนั้นน่ะ..มีแต่พวกร่างยักษ์ที่ไม่รู้ว่าควรจะเอามือตีนตัวเองไปเก็บไว้ที่ตรงไหน” เสี่ยถอนหายใจพูดแกมบ่นที่แฝงไปด้วยนัยยะกวน ๆ  ผมไม่ตอบ  พายุเองก็เฉยเช่นกัน

“เก็บปืนซะ..ฉันไม่อยากเห็นรอยตีนของมันบนหน้าพวกแกหรอกนะ” เสี่ยเจียนพูดติดตลก  กวาดตามองไปทางพายุพร้อมโบกมือขึ้นให้ลูกน้องของตนลดปืนลง 

“วันดี ๆ แบบนี้ มีอะไรให้ฉันช่วยรึไง ถึงได้ยกโขยงกันมา”

“นักมวยของผมถูกวางยา” ผมเข้าเรื่อง  เสี่ยเจียนชะงักไปครู่  เราต่างมองตากันเขม็ง  ผมแทบไม่เชื่อว่านี่คือแผนของเสี่ยเจียน  ตามสัญชาตญาณแล้วมันบอกผมว่า “ไม่น่าใช่”

“ลื้อพูดอะไรของลื้อ อั๊วให้คนดูแลเรื่องนี้อย่างดี” เสี่ยหน้าถอดสี

“งั้นผมคงวางยานักมวยค่ายตัวเองงั้นมั้งครับ” ผมย้อน  เสี่ยเจียนหุบปากเงียบ

“ผมไม่ขออะไรมาก..” ผมเอ่ยอย่างใจเย็น

“เปลี่ยนรายชื่อตัวสำรอง ผมจะขอเป็นคนขึ้นชกเอง” ผมพูด

“หึ ๆ ๆ เข้าง่าย..ออกคงไม่ง่ายหรอกมั้ง” เสียงคนแปลกหน้าแสยะพูดแทรกเข้ามา  ผมไม่หันกลับไปมองเพราะพอจะเดาได้ว่าเป็นเสียงหมาตัวไหน

“ฝาโลงตอนตายของเสี่ยเหรอครับ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ หากเสี่ยอยากออกยากกว่าผมละก็ ผมจะเจาะฝาโลงปิดให้เสี่ยอย่างมิดชิดเลย” ผมตอบกลับลอย ๆ

“ไอ้ไฟ!!!” เสี่ยปรีดาสบถ


ฉับ!  ปึก!!  กรอบ!!! ...เสียงกระดูกถูกบิดหักดังลั่น  เสียงลูกน้องของเสี่ยปรีดาที่เป็นเจ้าของมือที่ถือมีดอยู่ร้องดังระงม

แกรก!!!

“โว้ว~” ผมเล่นเสียงพลางยิ้มกว้าง  ทำตาเหลือกแกล้งเป็นตกตะลึงกับภาพตรงหน้า  ข้อมือของลูกน้องเสี่ยปรีดาถูกพายุบิดหักเข้าให้เสียแล้ว  ทำให้ปลายมีดที่ควรจะอยู่ที่คอผมกลับถูกจ่อไปที่คอของเจ้านายใหญ่ของมันแทน  เสี่ยปรีดายืนตาเหลือก  ปากกระบอกปืนจากไอ้เข้มจ่ออยู่ที่หัวของลูกน้องของเสี่ยอีกต่อหนึ่ง  ตอนนี้จึงไม่มีแม้แต่ใครจะขยับตัว  โดยเฉพาะไอ้เสี่ยอัปรีย์นี่ก็ด้วย 

“ไวเหลือเชื่อเลยใช่ไหมละครับ น้องชายผมน่ะ” ผมส่งยิ้มพิมพ์ใจไปให้

“ค่ายเราอยู่กันแบบหมากับเจ้านายน่ะครับ หมา..มักเลียนแบบพฤติกรรมเจ้านาย เจ้านายอ่อนปวกเปียก หมามันก็อ่อนปวกเปียกไม่ต่างหรอก..ว่าไหมละครับเสี่ย” 

“ที่สำคัญผมมีแต่หมาล่าเนื้อซะด้วย” ผมฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมทำเอาเสี่ยปรีดาเดือดตาแทบทะลัก

“ก่อนตาย..พ่อมึงคงทิ้งไว้แต่สมบัติ ไม่ได้สอนให้พวกมึงมีสัมมาคารวะสินะ ถุย!” เสี่ยปรีดาสบถยิ้ม ๆ

“หือ! เสี่ยนี่..ปากเหม็นจังเลยนะครับ” ผมทำท่าตกใจหน้าแขยงเห็นเป็นประเด็นตลก

“ไอ้เวรเอ๊ย!” เสี่ยปรีดาขึ้นเสียงด้วยความโมโหอีกครั้ง  พอมันขยับตัวจึงทำให้ปลายมีดที่แหลมคมเจาะเข้าไปที่คอหอยมากกว่าเดิมโดยที่พายุไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลย

“อึก” อยู่ ๆ เจ้าตัวก็ชะงักนิ่งไปซะอย่างนั้น  ผมยิ้มเจ้าเล่ห์มองอย่างชอบใจโดยไม่คิดจะเอ่ยปากห้าม

“เฮีย..” เสี่ยปรีดาเรียกเสี่ยเจียนคล้ายขอความช่วยเหลือ  ผมนิ่งเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน  ทุกคนเงียบสนิทอีกครั้ง

“อาไฟ บอกน้องลื้อให้ลดมือซะ” เสี่ยเจียนพูด

“.........” ผมเหลือบมองพายุก่อนพยักหน้าอนุญาตให้มันทำตามที่เสี่ยเจียนบอก  พายุปล่อยมือออกช้า ๆ อย่างระมัดระวัง  เมื่อมือของมันพ้นจากลูกน้องของเสี่ยปรีดาได้มันก็ตวัดตัวถีบตัวลูกน้องเสี่ยปรีดาจนอีกฝ่ายตัวกระเด็นไปติดกับกำแพงอีกด้านหนึ่ง  เสียงกระแทกดังลั่นแต่ไม่มีใครคิดจะสนใจว่ามันเจ็บปวดหรือไม่  เสี่ยปรีดาก้าวถอยห่างไปอย่างเว้นช่วง 

“ผมไม่มีเวลามาทะเลาะด้วยหรอกครับ คนพูดมาก..ฉิบหายมาเยอะแล้ว” ผมเบะปากยิ้ม ๆ ให้เสี่ยปรีดา  อีกฝ่ายขบฟันแน่นด้วยใบหน้าแค้นจัด

“รบกวนใส่ชื่อผมลงไปด้วยครับเสี่ย ด้วยความเคารพ..ถือว่าผมขอ” ผมพูดบอก  เสี่ยเจียนถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่

“แต่มันเป็นกฏนะ อั๊วเองก็ไม่อยากจะผิดคำพูดแบบนั้น” เสี่ยเจียนว่าหน้าเครียดไม่ต่าง

“ผมเข้าใจครับ แต่อย่าหาว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะครับ ด้วยวิถีการทำงานแล้วผมเองก็เคารพเสี่ย พ่อผมก็เคารพเสี่ย แต่เรื่องนี้ผมคงปล่อยไปเงียบ ๆ ไม่ได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ  แม้ความลามปามกับคนตรงหน้าก็ตาม

“น่าแปลกนะครับ นักมวยชื่อดังที่เซียนมวยต่างมาเกาะเวทีเตรียมดูถูกวางยากะทันหัน แต่กลับไม่มีนักข่าวสักเงาหัวเดียว ผมไม่ยักรู้..ว่าคนของผมถูกลืมขนาดนั้น” ผมพูดปนหัวเราะก่อนหุบยิ้มลงทีละนิด

“ถ้าหากเสี่ยจะไม่เปลี่ยนเป็นชื่อผม ความสัมพันธ์ของเราคงจบกันตรงนี้ และขอเรียนให้ทราบ..ด้วยความสัจจริง ไอ้นพเป็นตัวเงินตัวทองของผม ดังนั้น..ผมจะขุดรากถอนโคนเอาตัวการออกมาเปิดโปง เก็บบัญชีให้หมดทุกบาททุกสตางค์แบบที่เสี่ยจะนึกภาพไม่ออกเลย” ผมเบะปากลงเล็กน้อย  เสี่ยเจียนกวาดตามองผมด้วยสายตาที่เริ่มไม่พอใจ  มือของแกหยิบซิการ์ขึ้นพลางจุดสูบ

“ฮึ!” เจ้าของห้องหัวเราะขึ้นจมูกขึ้นท่ามกลางห้องที่เงียบเชียบ

“อั้วเคยแอบคิดนะว่าไอ้หวนมันทำยังไงถึงได้ลูกแบบลื้อมา ในวงการเรา..มันก็บอกปัดไม่ได้ว่าอยากได้ลูกแบบลื้อสักคน แต่ไอ้คำพูดกร่าง ๆ กับอั้วนั่นน่ะ ลื้อคิดดีแน่แล้วใช่ไหม” เสี่ยเจียนอมยิ้มท้าทาย

“ครับ..พ่อก็เคยบอกให้ผมลด ๆ ลงบ้าง โทษทีครับที่ดูเหมือนจะฝังรากลึกมากไปหน่อย ถ้าหากเสี่ยคิดว่าผมท้าทาย ผมก็จะขอตอบว่าใช่” ผมตอบเสียงเข้มพร้อมจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

“ผมพยายามไม่ทำให้ใครเดือดร้อน..เรื่องไหนทนได้ผมก็ไม่เคยตอบโต้ เพราะนั่นคือวิถีการทำงานของพ่อ ผมคิดว่าเสี่ยคงทราบดี แต่นี่คือคนของผม..ผมไม่ได้ใจดีเหมือนพ่อหรอกนะครับ มีคนทำให้คนในบ้านของผมเดือดร้อน โดยที่จริง ๆ แล้ว คนพวกนั้นคงไม่รู้ว่ากฏที่สามารถทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนเป็นไฟได้น่ะ..มันเป็นยังไง” ผมเอ่ยแกมประชดถึงคนข้าง ๆ  เสี่ยเจียนนิ่งไป  แกเอนหลังพิงพนักพิงพลางมองพวกเราทุกคน

“รับปากอั้วได้ไหมล่ะว่าเรื่องนี้ต้องเงียบที่สุด” เสี่ยว่า

“ผมรับปากครับ” ผมตอบรับทันที

“เอาชื่ออาไฟเข้าการแข่งขัน” เสี่ยเจียนสั่งลูกน้องคนสนิท

“ครับเสี่ย” อีกฝ่ายผงกหัวรับทราบและรีบออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง

“เฮีย! เฮียทำแบบนี้ได้ยังไง มันผิดกฏที่เราตกลงกันไว้นะ!” เสี่ยปรีดาโวยวายเป็นเดือดเป็นร้อน

“ฉันตัดสินใจแล้ว หุ้นใหญ่ตอนนี้คือฉัน..และนี่มันงานของฉัน” เสี่ยเจียนตอบหน้านิ่ง  เสียงเข้มและเด็ดขาดทำให้เสี่ยปรีดาหันขวับมามองผมทันใด

“ขอบคุณครับเสี่ย” ผมยิ้มบอกก่อนหันกลับมามองตอบเสี่ยปรีดา  ทั้งผมและอีกฝ่ายต่างจ้องหน้ากันเขม็ง  สายตาที่เคียดแค้นจากมันบอกได้เลยว่า  พวกมันคงได้สูญเงินมหาศาลแน่ ๆ  ผมเดินเข้าหามันอย่างเนิบช้า  คนตรงหน้ายืนนิ่งสู้ไม่ขยับ

“การอยากได้ของ ๆ คนอื่น ชีวิตมักไม่สงบสุขหรอกครับ” ผมอมยิ้ม  มองเสี่ยปรีดาด้วยความว่างเปล่า  คนอย่างมันช่างว่างเปล่าไร้ความหมายสำหรับผมเสียจริง

“แล้วนี่..คือขั้นตอนแรกของการไม่สงบสุข” ผมเข้าไปกระซิบกระซาบที่ข้างหู 

“เปลี่ยนแผน..? ฮิ ๆ ๆ ๆ วู้!” ผมแสยะหัวเราะด้วยน้ำเสียงกวนอารมณ์พร้อมนำลิ้นออกมากัดดุนเล่นมองหน้าอีกฝ่ายอย่างนึกสนุก 

“ผมแนะนำอะไรให้เอาไหมครับเสี่ย ชู่~ แค่เงียบปากของเสี่ยเอาไว้ครับ” ผมทำปากจู๋พร้อมนำนิ้วชี้ปิดปากตัวเองประกอบ

“หากเสี่ยฉลาดพอ เสี่ยจะเป็นคนเดียวที่ยังพลิกเกมทัน” ผมพูด  เสี่ยปรีดาถลึงตาโต  คิดว่าอีกฝ่ายคงรู้แล้วแน่ว่าผมรู้ทัน 

“เอาเป็นว่า! หากเสี่ยรู้ตัวคนวางยาละก็..ฝากบอกคนพวกนั้นด้วยนะครับว่าให้ฝึกให้หนักกว่านี้ จะได้ไม่เที่ยวไปวางยาใคร” ผมฉีกยิ้ม

“...มันเปลืองเงินค่ายาน่ะครับ ก๊ากกก!!!” ผมขยายความ  เงยหน้าขึ้นสูงพร้อมอ้าปากหัวเราะดังลั่น  นำปลายนิ้วมือสะกิดตีเข้าที่ไหล่เสี่ยปรีดาหยอก ๆ สองสามทีทิ้งท้ายก่อนเดินจากมา




............(ไฟ)............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-09-2016 15:56:27
ไฟ สมุทร  :mew1: :mew1: :mew1:
รอ สมุทร ชอบไฟ
ชอบ ตาร์ข้าว
แต่ วิทย์เว มาจากชื่อเรื่องใด ใครรู้บอกหน่อย ได้โปรด
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

วิทย์เว จาก Memorial รักแรก รักสุดท้าย 

วิทย์/เว  จากเรื่อง Memorial รักแรก รักสุดท้าย  ตามที่คุณ Maru_saki ได้ตอบไปข้างต้นเลยค่ะ
..หากต้องการทราบข้อมูลผลงานสามารถอ่านได้ที่หน้าที่ 1 (ของกระทู้นิยายนี้) เนื่องจากเบบี้ได้แจ้งรายละเอียดไว้ให้ก่อนเริ่มเรื่องเรียบร้อยแล้วนะคะ

เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 02-09-2016 16:19:09
พายุน่ารัก พี่ชายถึงได้หวงมาก ขนาดจะขอแสกนแฟนน้องด้วยตัวเองกันเลยทีเดียว  :jul3: พี่ธารดูพร้อมที่สุดในบรรดา


รอสมุทรกับคุณไฟสวีทวี้ดวิ้ว  :กอด1:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-09-2016 16:35:50
เครียดเลย ตอนนี้  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 02-09-2016 17:28:11
มันมากสนุกมากๆ ชอบไฟอ่ะชอบบบบบ
รอตอนต่อไปนะคะ ^ ^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 02-09-2016 17:30:08
พายุเท่ ไว ฟิ้วฟ้าวว
5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฝน ต้นหนาว ที่ 02-09-2016 19:44:09
เข้ามาดูเรื่องนี้ทุกวันเลย ชอบบบบบบบบบบบ :katai4: :hao7:
ตอนนี้สมุทรแปลกๆ เพราะคุณไฟทำตัวแปลกใช่ไหมเนี่ย
พี่ธานนี่ชงสมุทรกับคุณไฟเข้มมาก ยอมใจ
 แซวแบบที่รู้กับคุณไฟสองคนด้วยนะ ขำ  :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-09-2016 20:28:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 02-09-2016 20:41:56
 o13 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 02-09-2016 20:56:38
ชอบไฟว่ะ เท่ห์สาดดดดดดดดดดดดดดดด โอ๊ย สะใจทุกประโยค :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 02-09-2016 21:01:08
มันเหมือนกะลังอ่านซีรีย์ฮ่องกง คมเฉือนคม 55555  ลุ้นทุกตัวอักษร

พายุนี่เป็นมือขวาของไฟอีกคนได้เลย รวดเร็ว เหมือนชื่อจริงๆ  o13



หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-09-2016 21:22:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 02-09-2016 21:34:02
เหมือนดี แต่ก็อึมครึมใช้ได้ :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-09-2016 21:41:48
ขอบคุณ คุณเบบี๋ และ คุณMura_Saki มากค่ะ
ที่ทำให้รู้ว่า
วิทย์เว จาก Memorial รักแรก รักสุดท้าย

ยิ่งอ่าน ยิ่งแซ่บบบบ มัน สนุก มากกกก
ไฟ สมเป็นไฟ จริงๆ
คนหนึ่ง ร้อนเป็นไฟ
อีกคน เย็นเป็นน้ำ ไม่ใช่น้ำธรรมดา น้ำทั้งมหาสมุทรเลย
นี่แหละ สมเป็นคู่กั้น คู่กัน  น้ำ กับ ไฟ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 02-09-2016 22:07:08
บอกได้แค่ว่าโคตรจะมันส์เลย o18
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-09-2016 22:20:10
 :pig4 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 02-09-2016 22:23:12
เรื่องนี้โคตรสนุก บอกได้เลย จะลงแดงแล้ว
เฮียไฟสู้ๆ เรารักเฮียไฟมากกกกก
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะ  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-ram 70 ที่ 02-09-2016 22:40:41
เรื่องนี้เนื้อเรื่องสนุกมาก
แต่ก็อยากให้สมุทรรักไฟเร็วๆเหมือนกัน ท่าทางไฟจะแซ่บ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 02-09-2016 23:48:07
ยิ่งอ่านยิ่งชอบคุณไฟเขาอ่ะ นางมีความกวน 5555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 03-09-2016 00:33:51
พี่ไฟแม่ง มาเหนืออออ
สะะะ อ่านๆไปใครจะรุกะรับนี่เคลิ้มหมด เอาเหอะ
ได้กันก็พอไม่เรื่องมาก ถถถถถ
กร๊ากกกก แค่คิดภาพเตียงพังก็มา
พี่ไฟยังคงจังไรเสมอต้นเสมอปลาย กะผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่เว้น
เอานะ บางทีแก่แค่อายุ อย่างอื่นไม่แก่ตามก็ไม่น่าเคารพ
นี่เทข้างพี่ไฟเลย รอเชียร์มวย ก๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 03-09-2016 01:27:40
ตอนต่อไปต้องมันแน่ๆ :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 03-09-2016 02:13:20
ไฟเท่มากกกกกก  เราโคตรชอบตัวละครบุคลิกแบบนี้เลย มีเสน่ห์มากๆๆๆๆ

รอมาต่อนะคะ เราชอบการบรรยายและเนื้อเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป

ตอนหน้าได้มันส์แน่ๆ ขอบคุณที่มาต่อนะคะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 03-09-2016 06:55:21
พี่ไฟโหดได้กว่านี้ เท่จริงๆค่ะ จิกกัดพวกเสี่ยที่ชอบเป็นหมาลอบกัดไม่ดูตัวเองซะเลย พี่ไฟขึ้นชกคราวนี้เอาเด็กมันน็อคยกแรกไปเลยนะคะ!!!

ปล.เรื่องนี้ต้องค่อยๆอ่านเก็บรายละเอียด นิสัยของแต่ละคน ยิ่งอ่านยิ่งรัก

พี่ไฟ & สมุทร :)

ขอบคุณเบบี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-09-2016 08:33:10
ไฟนี่ปากดีแต่ก็มีดีสมปาก เชียร์ไฟชนะน๊อกกันไปเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 03-09-2016 09:03:04
พลิกล็อกมาก นึกว่าไฟจะให้สมุทรลงแทนนพซะอีก เล่นเอาตัวเองลงแทนแบบนี้คู่แข่งคงเกร็งแย่เลย ไฟจะมีแผนอะไรซ่อนไว้หรือเปล่า เครียดๆๆๆ  :ling1: แต่ก็คิดว่า ไม่ว่ายังไงไฟก็ยังเป็นต่ออยู่ดี  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 03-09-2016 09:17:53
ตอนนี้ยกใจให้ไฟ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 03-09-2016 10:11:12
คุณไฟกวนตีนได้ใจมากกกก
แต่สะใจสุดๆ
ลุยเลยคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 03-09-2016 19:41:24
รักคุณไฟมากเลย ตอนที่คุณไฟคุกับนพนี่น้ำตาจะไหลเลย รู้เลยว่ารักลูกน้องมากแค่ไหน

จัดการมันเลยค่ะคุณไฟขา เอาให้หาทางกลับบ้านไม่เจอเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-09-2016 20:41:01
กำลังจะดี แต่มาเจอเรื่องอีกละ
ไฟไม่ได้สวีทก้บสมุทรเลย

สมุทรมานิ่งๆ รู้ทาง รู้ทัน ทำดีค่ะ
ไฟขาลุยมาก กล้าเสี่ยง กล้าบุก ระวังไว้บ้างนะ

พายุโหดมากกก ดินแย่แน่โดนคุมตัวหนัก

พี่ธานก็รู้ทาง เตรียมการให้หมดเลย เตรียมสมุทรด้วย 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 04-09-2016 20:36:56
นี่ละไฟสมชื่อ สมุทรจะเอาอยู่ไหมน้อ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-09-2016 22:12:15
หึหึหึ!!!เล่นกับใครไม่เล่น ไฟคนนี้ไม่ง่ายนะ อยากตายมากรึไงมึง โด่วววววว 55555 /ไฟเฟี้ยวฟ้าวเฮี้ยวฮ้าวได้ใจจริง หยิ่งทะนง ดีมาดีกลับ ร้ายมาก็ร้ายกลับไปเท่าตัวชอบมากอ่ะ /เรื่องมืดมน ค่ายมวยสมุทร ลูกน้อง ครอบครัวตัวเอง คิดเป็นระบบบจัดการทุกอย่างรวดเร็วดี ปึปปับ รู้จักใช้คน เป็นงาน ไฟคนจริงมันต้องงี้ดิ แต่ก็ห่วงไฟมากมาย มีคนจ้องล้มเยอะจริง ยังไงก็ระวังนะไฟ /ช่วงนี้พักให้สมุทรหายใจหายคอ เดี๋ยวค่อยรุกต่อใช่ะม่ะ 5555 แต่ก็แบบแอบมีโมเม้นท์น่ารักๆทำให้ยิ้มได้ 555 /อยากให้ความรู้สึกที่ไฟแบกรับทุกอย่าง บางเวลาก็อยากให้พักปล่อยวางไว้กับใครสักคนจริงๆ เมื่อไหร่สมุทรจะเห็นใจไฟบ้างงงงงงงงงงง(ยังๆ ยังอีกนาน) 55555555555 /โอ๊ยยยยสนุกค่ะ ลุ้นจังว่าจะขึ้นชกเป็นไงบ้าง แค้นแทนอ่ะ เอาให้พวกมันหน้าหงายไปเลยนะ  สวะมากวางยาเกือบถึงตาย เอาคืนๆแค้นนนนนนนนนน อินมากค่ะ 55555 ชอบอ่ะ รอตอนต่อไปค่ะ สู้ๆ ฮึบๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 27 [ 15:15 น. - ศ. 2 ก.ย 59 หน้า 31 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-09-2016 22:30:22
 :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-09-2016 22:33:38

[ ศ. 2 ก.ย 59 ] ตอนที่ 27 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.900

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _


ตอนที่ 28
..ไฟ..




สถานการณ์กลับตึงเครียดมากขึ้นเมื่อคนในค่ายต่างรู้ว่าผมจะขึ้นชกแทน  แน่นอนว่าเป็นการขึ้นอย่างไม่ถูกกฎอยู่แล้ว  ผมสั่งให้พายุ  สมุทรและไอ้เข้มออกไปสืบเรื่องคนวางยาไอ้นพ  ส่วนผม  พี่ธาน  พี่นีและพนักงานในค่ายคนอื่น ๆ ประชุมเป็นการส่วนตัวอยู่ในห้อง  อย่างแรกเลยคือถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนของฝั่งนั้นว่าสมุทรขึ้นชกแทนไอ้นพได้  ความน่าจะเป็นของการจับคู่มวยสำหรับขึ้นชกในรอบต่อไปจะเป็นอย่างไร 



ก๊อก  ๆ ๆ

“เฮีย..ยุเอง”

“เข้ามา” ผมอนุญาต

“ป๋ามาด้วยล่ะ แต่เห็นว่าไปหาเสี่ยเจียนแล้ว” พายุยิ้มบอกด้วยใบหน้าเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่  ป๋าที่มันว่าก็มีคนเดียวคือป๋าจง  คงเป็นใครอื่นไม่ได้ที่จะทำให้น้องชายผมยิ้มแป้นขนาดนี้
 
“แล้วก็..ยุเห็นเฮียกานต์มาด้วย เพิ่งมาถึงเมื่อกี้” มันส่งข่าว  ผมชะงักก่อนแสยะยิ้มออกมากับประโยคนี้  มือชี้หน้ามันน้อย ๆ บอกความชอบใจแสดงความขอบคุณ  หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาเฮียกานต์และลุกเดินออกมาคุยเป็นการส่วนตัว

“หวัดดี” ปลายสายทักคล้ายรู้แกวอยู่แล้วว่าจะได้รับสายจากผม

“เฮียจะแทงข้างใครเหรอครับ ในเมื่อคนของผมเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ผมก็นึกว่าเฮียเป็นแฟนคลับตัวยงของค่ายผมซะอีก” ผมเข้าประเด็นแซว ๆ  คาดเดาเอาว่าเฮียกานต์น่าจะรู้เบื้องหลังทุกอย่างไม่มากก็น้อย

“หึ..ฉันก็กำลังคิด ๆ อยู่เหมือนกัน แกว่าไงดีล่ะ” เฮียถามกลับปนหัวเราะ 

“ผมมีเรื่องจะรบกวนให้ช่วยหน่อยน่ะครับ” ผมเอ่ยตามตรง

“ว่ามาสิ” เฮียกานต์ขานรับโดยง่ายไม่มีการลังเล  แกเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้อยู่แล้ว  ไม่คือไม่ เอาคือเอา  จะว่าเป็นเจ้าของบ่อนที่ผมค่อนข้างชอบมากทีเดียว

“ขอทราบชื่อเจ้ามือใหญ่ครั้งนี้ด้วยครับ” ผมพูดเสียงเย็น

“หึ ถามคำตามตอบยากจังนะ ฉันมันเจ้าของบ่อนเล็ก ๆ  ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาใครจะคุ้มกะลาหัวละวะ” เฮียตอบทีเล่นทีจริง  ผมเงียบฟัง  ปลายสายเองก็เงียบไปครู่หนึ่งเช่นกัน

“ถือว่าฉันพูดทิ้งส่ง ๆ ให้ลมได้ยินก็แล้วกันนะ” อีกฝ่ายเอ่ยพลางถอนหายใจ

“เจ้ามือเจ๊ปราณี..ถือหุ้นร่วมกับเสี่ยปรีดา แล้วก็อริมึง..ไอ้กริด” คำตอบจากปลายสายทำเอาสมองผมหยุดนิ่งไปได้เหมือนกัน 

“ฟังดูดีนะครับ” ผมชม

“เอิ่ม..เหมือน สุภาษิตฝนตกขี้หมูไหลอะไรแบบนั้น” ผมเบะปากว่าติดตลก

“หึ ๆ ๆ” เฮียกานต์หัวเราะชอบใจ

“ค่ายของเสี่ยยุทธกับไอ้สมัครก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เป็นทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งดีแกว่าไหมละ ? โทษทีว่ะ..เงินเดินหลายร้อยล้านแน่นอน ข่าวใหม่ล่าสุด..วงในบอกว่ามันวางจุดแทงที่ต่างประเทศด้วย ไอ้ไฟ..มึงเจอศึกใหญ่จริง ๆ  กูก็นึกว่ามึงเตรียมตัวไว้แล้วซะอีก” เฮียพูดคล้ายบ่น  สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไป  ปนไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นคล้ายเป็นกังวล

“มันเชิญผมแต่แรกทำไมวะเฮีย ถ้ามันไม่อยากให้ใครมาขัดขา”

“หักหลังกันเองบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา” เฮียกานต์ตอบทันควัน

“เอาไงว่ามา นี่กูอยากมาดูมวยดี ๆ พักผ่อนอารมณ์สักหน่อย ไอ้นพทิ้งกูไปแบบนี้ กูหมดอารมณ์ร่วมพอดี” เฮียกระแทกเสียงคล้ายรำคาญอีก

“หึ เฮียนี่สเปกแปลกดีนะ” ผมหลุดยิ้ม  เฮียกานต์ปลื้มนักมวยค่ายผมเป็นพิเศษ  จะแต่ก่อนหรือตอนนี้ก็ยังเหมือนเคย

“หึ เหมือนมึงไง” เฮียย้อนเอาได้  ผมยิ้มกว้าง 

“อยากจะให้ช่วยอีกเรื่องนึงนะครับ ไม่หนักหนาอะไรหรอก อันนี้ค่อนข้างเป็นความลับระหว่างเรา แบบว่า..เรามาร่วมมือกันช่วยใช้เงินของพวกหมูพวกนั้นน่ะ” ผมเอ่ย

“เท่าไหร่ ?” เฮียถามห้วน ๆ

“แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าเฮียไม่ได้ร่วมกับพวกนั้นด้วย” ผมกวนกลับ  ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่ได้ไว้ใจเฮียกานต์เสียทีเดียว  โลกนี้ว่าบัดซบแล้ว วงการนี้มันบัดซบกว่าที่เห็น

“แล้วมึงโทรหากูทำเตี่ยมึงเหรอวะ พูดมานี่ไม่ได้ไว้หน้ากูเลยนะ กับคนอย่างเจ๊ปราณีน่ะกูไม่ร่วมงานด้วยหรอก มึงไม่รู้ฉายาเหรอ..เจ๊ปราณีไม่ปราศรัย” เฮียกานต์ตอบ  เราต่างหลุดหัวเราะพร้อมกัน

“ผมเชื่อเฮียอยู่แล้วล่ะ งั้นผมสามสิบ เฮียเจ็ดสิบ..ของสมนาคุณคือ เฮียจะได้ดูมวยแบบที่เฮียอยากดูแน่นอน” ผมแสยะยิ้ม

“หึ ๆ ๆ ดี! กูชอบตรงที่มึงไม่ห่วงที่จะเสียเปรียบเรื่องเงินนี่แหละ” เฮียกานต์กระแทกเสียงด้วยความสะใจอีกครั้ง  เรื่องบางเรื่องสำหรับผมเงินมันไม่สำคัญ  ถ้าหากจุดประสงค์ที่ต้องการทำนั้นไม่ใช่เรื่องเงิน  การจะเสียเงินบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมน่ะนะ

“เจอกันที่ห้องพักของฉัน ห้อง 444”

“ได้ครับ แต่ผมพายุจะไปแทนผม เอาเป็นว่าอย่าแกล้งน้องชายผมล่ะ” ผมตอบ

“ก็ถ้าน้องมึงไม่มีปฏิกิริยาน่ารัก ๆ  กูจะเอาเก็บไปคิดดูอะนะ” เฮียตอบกวน ๆ  ผมแสยะยิ้มก่อนหันตัวกลับไปมองพายุที่ยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ที่วงสนทนา 

“แลกกับรายรับต่อปีบ่อนที่มาเก๊าของเฮีย ผมยกมันให้เลย” ผมพูด

“หึ..มึงพูดแล้วนะ เฮ้อ..ผู้หญิงที่กูพามาด้วยวันนี้เรียกว่าเป็นแม่พันธุ์เกรดเอบวก ๆ  แต่ก็ยังไม่ถูกใจกูเท่าน้องมึงเลยจริง ๆ  น้องมึงมันสายพยศ แบบว่าหมดตัวกูก็ยอมเสียเลยล่ะ” เฮียกานต์บ่นด้วยน้ำเสียงทะลึ่งไม่หยุด 

“ฮ่า ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะลั่น  เราร่ำลาอีกครั้งก่อนตัดสายลง  ผมกวักมือเรียกพายุให้มาหา

“กูลงห้าล้าน..ตกลงกับเฮียไว้เรียบร้อยแล้วว่ากำไรแบ่งสามสิบเจ็ดสิบ ลงในนามเฮียกานต์ทั้งหมด ห้ามใครรู้เรื่องนี้ว่ากูมีส่วนได้ส่วนเสียกับการแทง คู่อื่นที่กูไม่ได้ขึ้นชกให้เฮียเลือกข้างได้ตามสบาย กูขอแค่รอบชิง แต่ว่า..ให้มึงเลือกแล้วกัน” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์  พายุเหล่มองด้วยแววตาไม่ไว้ใจ 

“บอกเฮียว่าขอเช็คทันทีหลังจบเกม จัดการตามนี้ มึงก็..หว่านเสน่ห์ใส่เฮียเขาหน่อย เผื่ออีกฝ่ายจะแบ่งให้กูสักสี่สิบ” ผมยักคิ้ว

“คนที่ถูกวางยาน่าจะเป็นเฮียมากกว่านะ” มันว่าเข้าให้  ผมหลุดหัวเราะ

“แล้วตกลงได้เรื่องอะไรบ้าง”

“เครื่องดื่มที่พี่นพได้ขวดล่าสุดหลังจากชั่งน้ำหนัก ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นขวดนั้นรึเปล่า แต่ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนถือคนสุดท้าย โบ้ยกันไปโบ้ยกันมา” พายุตอบ

“ฝากด้วยแล้วกัน” ผมตบไหล่พายุเพราะเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะต้องมานั่งคิดเรื่องนี้ 
 
“พี่ธาน เข้ม ไปกับพายุ” ผมปัดมือไล่  พี่ธานรีบลุกจากเก้าอี้เดินตามพายุออกไปติด ๆ

“ตกลงทุกอย่างตามนี้นะคะ คู่ของคุณไฟน่าจะเริ่มประมาณ เอ่อ..ห้าโมงยี่สิบค่ะ” พี่นีรายงาน

“โอเคครับ” ผมพยักหน้ารับ  พวกเราแยกย้ายกันทำตามหน้าที่  สมุทรเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ผมเปลี่ยนทันทีที่ทุกคนออกไปจากห้อง  ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่า ๆ สำหรับการเตรียมตัวให้พร้อม  ผมถอดเสื้อเชิ้ตออก  สมุทรมารับจากมือผมเพื่อนำไปแขวนให้เรียบร้อย  ในห้องเงียบกริบสนิท  อีกฝ่ายไม่เอ่ยปากพูด  เขาเพียงยืนมองรอว่าผมจะสั่งอะไร  เสียงเข็มขัดถูกปลดออกได้ยินอย่างชัดเจน  ผมจงใจมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพราะอยากดูปฏิกิริยาต่อไป  สมุทรเงยหน้าขึ้นสบตาผมเข้าพอดี

“อยากดูเหรอ ?” ผมถามหน้าตาเฉย  อีกฝ่ายเหมือนเพิ่งได้สติ 
 
“งั้นผมให้ห้านาทีนะครับ รีบเปลี่ยนให้เรียบร้อย” สมุทรพูดเร็วเป็นจรวดพร้อมพลิกนาฬิกาข้อมือดู  อีกทั้งไม่รอให้ผมตอบรับใด ๆ  เขาก็ออกจากห้องไปทันที

“หึ ๆ ๆ” ผมกลั้นหัวเราะ 

“พี่ธานไม่น่าจะสอนนะ อะไรแบบนั้น” ผมบ่นกับตัวเอง  หึ.. “งั้นผมให้อีกห้านาทีนะครับ” งั้นเหรอ  ฟังแล้วขยี้หูเป็นบ้า  สมุทรเข้ามาให้หลังจากหมดห้านาทีตามที่บอก  ผมเปลี่ยนเป็นใส่กางเกงมวยเรียบร้อยเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยืดกล้ามเนื้อ 

“พี่เอิร์ธตามนักมวยออกไปแล้วนะครับ เขาบอกให้ผมแจ้งให้คุณทราบ” สมุทรบอก

“อืม” ผมพยักหน้ารับ  ป่านนี้ทุกคนคงออกไปรอเชียร์การชกคู่ของไอ้ใส  มันเป็นนักมวยที่ครูมวยและผมตัดสินใจให้ขึ้นชกเวทีใหญ่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

“คุณต้องการจะทำอะไรก่อนดีครับ” สมุทรถามด้วยท่าทางสุภาพและดูเป็นห่วงในหน้าที่  ผมลุกขึ้นยืนทำให้เราประชันหน้ากันพอดี 

“.........” อีกฝ่ายยืนเงียบมองหน้าผมรอคำตอบ  ผมอมยิ้มนิด ๆ พร้อมเหสายตาลงต่ำครู่หนึ่ง  ไม่รู้ว่ายิ้มทำไมเหมือนกัน

“ฉันอยากยืดเส้นสักหน่อย” ผมบอก  สมุทรพยักหน้ารับทราบ  เขารีบจัดเตรียมอุปกรณ์ในทันที  ระหว่างนั้นจึงขึ้นไปนั่งรอบนเตียงนอนที่อยู่กลางห้อง  อุปกรณ์เตรียมพร้อมวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงไม่ถึงนาที  ผมนั่งห้อยขามองเงียบ ๆ  สมุทรเริ่มเป็นฝ่ายบังคับร่างกายของผมให้เป็นไปตามลำดับของการบริหารจากเริ่มต้น  ร่างกายของผมถูกผ่อนคลายเป็นไปอย่างเงียบเชียบ  เสียงจากด้านนอกกึกก้องสะท้อนแว่วเข้ามาบ้างแต่ก็ไม่เป็นการรบกวนนัก  คงเพราะโครงสร้างของตัวอาคารถูกออกแบบมาอย่างดีแน่
   
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง” ผมถาม  ตาลอยมองโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสดจากเวทีทางด้านนอก 

“ลูกน้องคุณบางคนครับ พี่ธานสั่งให้เฝ้าที่นี่” สมุทรตอบ  มือของเขาจับข้อศอกผมขึ้นอย่างเบามือ  มันจึงบิดไปตามแรงจนรู้สึกตึง 

“ช่วยปิดโทรทัศน์ทีสิ” ผมพูดเพราะไม่อยากดู  สมุทรนิ่งไปเสี้ยววินาที  ผมว่าเขาคงสงสัยแต่ไม่ถามอะไร  ลุกขึ้นเดินไปปิดโทรทัศน์ก่อนเดินกลับมา 

“เด่นโทรมารึยัง นพเป็นไงบ้าง” ผมหลับตาลง   

“ที่โทรมาหาผมล่าสุดบอกว่ายังอยู่ในห้องฉุกเฉินครับ จะให้ผมโทรไปถามไหมครับ”

“ไม่ต้อง” ผมตอบ

“จับมือผมไว้ครับ” สมุทรพูด  เขานำมือมาจับมือผมไว้ตรงหน้าทั้งสองมือ  ผมลืมตาขึ้นมอง  แขนของผมถูกยืดตรงออกไปทางด้านหน้าจนตรง 

“ยิ้มอะไรครับ” อีกฝ่ายถามหน้านิ่งเฉย  ผมมองเฉยไม่คิดตอบเช่นกัน  อีกทั้งควบคุมรอยยิ้มมุมปากของตัวเองก็ไม่ได้ด้วย

“ก้มตัวลงด้วยครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มออกคำสั่ง  ผมก้มหัวลงช้า ๆ  ฝ่ามือของสมุทรแตะลงที่ท้ายทอยผมเบา ๆ เพื่อบังคับน้ำหนักไม่ให้ผมลงหนักมากจนเกินไป

“ระหว่างที่ฉันก้มหัวอยู่นี่ นายก็แอบยิ้มอยู่ใช่ไหมละ ?” ผมพูด  หยุดยิ้มไม่ได้  ใกล้เคียงคนบ้า..ก็กูนี่ล่ะ

“หายใจเข้าลึก ๆ ครับ” สมุทรพูด  ผมหายใจเข้าลึกยาวตามที่อีกฝ่ายบอก

“อย่าลืมหายใจออกล่ะ..” อีกฝ่ายประชดเอาคืนเข้าให้  ผมเงยหน้ากลับขึ้นช้า ๆ  สมุทรมองมาด้วยแววตาที่ปรับอารมณ์ไม่ทัน  ที่ผมแซวว่าเมื่อครู่เขายิ้มอยู่  มันจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แน่เพราะใบหน้าของเขาดันซ่อนมันไว้ไม่ทันซะแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะพูดทัก  เพียงเงียบและเก็บแววตาสนอกสนใจของตัวเองไว้เท่านั้น  การผ่อนคลายกล้ามเนื้อใช้เวลาเกือบสิบนาทีหลังจากนั้น  ไม่มีทั้งการพูดคุยหรือแซวเล่นอีก  บรรยากาศที่ไร้บทสนทนาที่ควรจะอึดอัดนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น  ผมไม่รู้สึกแบบนั้นเลย 

“ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก” ผมพูดขึ้นหลังจากเสร็จจากการยืดกล้ามเนื้อ

“ได้ครับ มีอะไร..ผมรออยู่หน้าประตูนะครับ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ  เขาออกจากห้องไป  ผมลุกขึ้นเปลี่ยนไปนั่งที่โซฟาให้เป็นกิจจะลักษณะ  ทุกการขึ้นชกการใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพักเป็นเรื่องที่ช่วยได้มากสำหรับผม  ได้พยายามเพื่อจะหยุดคิดเรื่องวุ่นวายบนโลกภายนอก  เสียงหน้าประตูเงียบไปแล้วทำให้ผมรู้สึกสงบมากยิ่งขึ้น  ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนี้จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ  รู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงของพายุจากทางด้านนอก  ไม่มีใครเปิดประตูเข้ามารบกวนตามที่ผมสั่งไว้กับสมุทร  ผมจึงนั่งต่ออยู่อีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยตัวเอง

“เรียบร้อยไหม” ผมมองหน้าพายุ

“เรียบร้อยแล้วครับ” พายุตอบ 

“ผมขอตัวไปที่หน้าเวทีนะครับ แล้วสักครู่จะกลับมา” พี่ธานพูด

“อืม ไปเถอะ” ผมอนุญาตก่อนกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งโดยมีพายุ  สมุทรและไอ้เข้มตามเข้ามาด้วย 

“คุณไฟครับ คุณป๋อมาขอพบครับ” ลูกน้องโผล่หน้ามาไม่ทันให้พักหายใจ  ผมพยักหน้าอนุญาต  ครู่เดียวลุงป๋อก็เดินเข้ามาพวกเราจึงลุกขึ้นทันที  ลุงป๋อเป็นเจ้าของค่ายศิษย์ป. และเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของสนามแข่งนี้เช่นเดียวกัน 

“หวัดดีครับลุง” ผมยกมือไหว้

“เป็นไงบ้าง..ไอ้ป๊อดมันตกใจใหญ่ บอกว่าไอ้นพถูกวางยารึ” ลุงแกยิงคำถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ครับ” ผมผงกหัวน้อย ๆ  ผายมือให้แกนั่งลงก่อน  สมุทรและไอ้เข้มขยับเยื้องตัวออกไปยืนห่างในทันที

“ไอ้ป๊อดเป็นไงบ้างครับ” ผมถามถึงลูกของแกที่อายุอานามเท่ากันกับผม 
 
“ไม้หลักปักเลนเหมือนเดิม” ลุงแกตอบยิ้ม ๆ ก่อนเงียบลง

“ขอโทษด้วยนะ” ลุงป๋อก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางนำมือกุมเข้าหากัน   

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมบอก  ลุงป๋อหันหน้ามามอง  สายตาของแกสำรวจมาที่ร่างกายของผม

“นี่แกอย่าบอกนะว่า..” อีกฝ่ายตกใจ

“ครับ ทางออกนี้ดีที่สุดแล้ว” ผมพูด 

“แล้วพวกมันยอมรึ โดยเฉพาะไอ้ปรีดา”

“ผมคุยกับเสี่ยเจียนเรียบร้อยแล้วครับ”

“งั้นเหรอ..งั้นก็ดี” ลุงผงกหัวขึ้นลงสองสามทีพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คู่สองของลุงใช่ไหม มันไม่ได้บอกให้ลุงทำอะไรเหรอครับ” ผมตะล่อมถาม

“ก็นะ..” ลุงแกยิ้มเจื่อน

“ลุงบอกไปแล้วว่าลุงไม่เอาด้วยน่ะ ไอ้หมัดเลยได้ชกกับพยัค ก็สูสีดีนะ..ถ้าคนของลุงจะแพ้ก็ยอมรับได้ ไม่ติดใจอะไรหรอก” ลุงป๋อพูดคล้ายบ่น  พยัคเป็นนักมวยมือดีที่สุดของค่ายเสี่ยยุทธ  ส่วนหมัดเป็นนักมวยมือดีของค่ายลุงป๋อ  แน่นอนว่าถ้าจะให้หมัดไปชกกับค่ายอื่น ๆ เช่น ค่ายของสมัคร  มีหวังการแข่งขันได้ป่วนกว่านี้แน่  เพราะหากลุงป๋อไม่เล่นด้วยแบบนี้  การแบ่งคู่ชกก็จะไม่ลงตัวเป็นไปตามที่พวกมันวางแผนเอาไว้ 

“พยัคมันแพ้ไม่ได้หรอกครับ” ผมพูด  ทำให้ลุงป๋อหันมาจ้องหน้าผมในทันที

“ถ้าคู่แรกพวกมันไม่ชนะก็จะส่งผลต่อตัวพวกมันเอง ไม่ว่ายังไง..มันก็ต้องชนะ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง   

“ให้ไอ้หมัดหลบให้ดีแล้วกันครับ ยอมมันไปซะ” ผมหันหน้ากลับมา  นี่ไม่ใช่การบอกให้ลุงป๋อเปิดทางให้ผม  หากค่ายของลุงป๋อชนะมันก็ดี  แต่แน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อความปลอดภัยของลุงแกเอง   

“แกตั้งใจจะทำอะไร” ลุงป๋อถามเสียงเบาลงคล้ายลังเล

“..........” ผมไม่ตอบ  รักษาความเงียบไว้  สายตาของเราทั้งคู่ต่างจ้องไปที่โต๊ะตรงหน้า

“การที่นักมวยถูกวางยา เหมือนเป็นประเพณีเลยไหมครับ” ผมยิ้มนิด ๆ  คำถามที่ตามจริงเราก็รู้ดีว่าเราแทบยิ้มไม่ออกด้วยซ้ำ

“ค่ายผม ไม่ใช่ค่ายที่จะให้พวกมันเลือกใช้วิธีเดียวกันกับแบบที่พวกมันเอาไว้ใช้กับค่ายอื่น ๆ ได้ คนพวกนี้น่ะ..ไม่เห็นกีฬาเป็นกีฬา บางทีก็ต้องตอบกลับบ้างน่ะครับ ผมน่ะ..คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเกินเลยนะ” ผมตอบ  คำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งคล้ายกับกำลังระบายให้ญาติผู้ใหญ่ฟัง  ลุงป๋อผงกหัวรับรู้เงียบ ๆ เท่านั้น 

บอกตามตรงว่าความจริงผมค่อนข้างแค้น  ถึงแม้ผมพยายามไม่คิดเพื่อให้ตัวเองอารมณ์เสีย  แต่เมื่อภาพของไอ้นพลอยขึ้นมามันก็อดคิดไม่ได้ทุกทีว่าที่ผมทำอยู่นี้มันถูกต้องแล้ว  ทุกครั้งที่ผมเป็นฝ่ายมองอยู่ห่าง ๆ กับการที่เห็นข่าวแต่ละค่ายถูกวางยา  ส่วนใหญ่เป็นค่ายเล็ก ๆ ที่ไม่มีปากเสียงที่จะสามารถต่อกรกับพวกมันได้  ทำกันจนได้ใจเห็นเป็นเรื่องธรรมดา  การแจ้งความที่สุดท้ายก็ไม่ส่งผลดีต่อค่ายเล็ก ๆ และมีแต่จะย่ำแย่ลง  ในใจผมได้แต่ย้ำบอกกับตัวเองว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นกับค่ายของผม  เพราะผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีวิธีอื่นในการจัดการพวกมันนอกจากวิธีแบบนี้ของผมไหม  คำตอบที่ตอบได้คือ “ผมไม่มี”

“ถ้าพ่อแกอยู่คงไม่ให้แกทำแบบนี้แน่” ลุงป๋อพูดขึ้นทำลายความเงียบ  แกอมยิ้มอ่อนโยน  มือเอื้อมตบบ่าผมไว้

“หึ..คงได้ทะเลาะกันก่อนขึ้นเวทีแน่ ๆ ครับ” ผมยิ้มเห็นด้วย

“แต่ที่ผ่านมาผมมีปู่เป็นไอดอลน่ะ” ผมขยายความติดตลกทำเอาลุงป๋อหัวเราะก๊ากออกมาเสียดัง  ในวงการเราไม่มีใครไม่รู้จักปู่ของผม  เผลอ ๆ สมัยนั้นโด่งดังเป็นที่นับหน้าถือตามากกว่าพ่อของผมซะอีก  ปู่น่ะ..ขึ้นชื่อเรื่องความดื้อรั้นและกะล่อนที่สุดในบ้าน  แก่แล้วก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่  แต่ผมกลับชอบปู่สุด ๆ  เราเข้ากันได้ดีจนคนในบ้านพากันส่ายหัวเลยละครับ  ผมยังสงสัยไม่หายเลยว่าพ่อผมน่ะเหมือนใคร

“ระวังตัวด้วยแล้วกัน” ลุงป๋อลุกขึ้น   

“ขอบคุณครับ” ผมผงกหัวรับ  พายุออกไปส่งลุงป๋อแทนให้ผม  สมุทรและไอ้เข้มยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับจนพายุกลับเข้ามา  มันนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้

“แย่นะ มีปู่เป็นไอดอลน่ะ ใช้ชีวิตยาก” ผมบ่นหน้านิ่ง

“หึ ๆ” พายุหลุดหัวเราะชอบใจ   

“เปิดเอง” มันว่า  หมายถึงขวดน้ำเปล่าที่อยู่ในมือของมัน  ผมรับมาพลางมองมันยิ้ม ๆ

“อันนี้ยุซื้อมาเอง ให้กังฟูดมกลิ่นแล้วด้วย” มันรายงาน 

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ  อยากย้อนกวนมันกว่านี้ว่า “วันหลังก็พกเครื่องกรองน้ำเองซะเลยสิ” แต่เดี๋ยวจะเป็นการทำให้น้องชายงอนเอาได้

“มันปิดฝาอยู่ หมามึงฉลาดขนาดนั้นเลย” ผมเลิกคิ้ว  เรารู้กันดีว่ากระบวนการวางยามีหลายรูปแบบ  โลกเราพัฒนาไปอย่างไรคนพวกนี้ก็มีกลกลวงที่สามารถพัฒนาไปตามนั้น  ฉลาดเรื่องเลว ๆ จนเหลือเชื่อเลยล่ะ 

“ชี่..กังฟูฉลาดจะตาย” พายุเบ้ปากใส่ 

“แล้วนี่มึงเอามันไปไว้ไหน” ผมถามเพราะยังไม่เห็นลูกรักของมันแม้แต่เงา

“ห้องทำงานของพนักงานที่นี่ ตรงประตูทางเข้า ฝากไว้..ให้คนของเฮียดูให้” มันตอบ  ผมเปิดขวดน้ำออกพร้อมยกดื่ม  พอผมดื่มเสร็จเจ้าของขวดน้ำก็คว้าขวดไปปิดฝาพร้อมโยนใส่ถังขยะอย่างไม่ไยดี

“จะกินแล้วเอาขวดใหม่..มาเอาตรงยุนะ” พายุสั่งเสร็จสรรพ  ผมจ้องมองอีกฝ่ายตาเยิ้ม

“ไม ? กลัวกูตายเหรอ” ผมแซว  นำมือจับปลายคางมันมาอย่างนึกหมันเขี้ยว

“หยุดพูดไปเลย” พายุค้อนตอบเสียงแข็ง  ปัดมือของผมออกอย่างแรง 

“เข้าใจไหมครับพี่สมุทร ห้ามเฮียกินน้ำนะ” พายุหันกลับไปถามผู้ดูแลผมที่ยืนเป็นเสาหินอยู่ทางด้านหลัง

“ได้ครับ” สมุทรขานรับ  ผมนั่งยิ้มหุบปากเงียบไม่ว่าอะไร  ห้ามกูกินน้ำ  จะขำแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้

“งั้นพายุไปหากังฟูก่อนนะ” มันลุกขึ้นโต้ง ๆ

“เอาไอ้เข้มไปด้วย” ผมบอก

“รู้แล้วน่า” มันปัดส่ง ๆ  เดินสะบัดตูดออกจากห้องไป  ไอ้เข้มจ้ำเท้าตามติดในทันที  ผมถอนหายใจแรง  เอนหลังพิงพนักโซฟา  เงยหน้าขึ้นพร้อมหลับตาลง

“นั่งเถอะ” ผมพูดลอย ๆ อนุญาตให้คนที่อยู่ร่วมห้องด้วยนี้ได้พักขาบ้าง  เสียงการเดินของสมุทรทำให้รับรู้ได้ว่าเขานั่งลงแล้ว  ผมหลับตาอยู่อย่างนั้น  เราต่างเงียบไร้บทสนทนาอยู่พักใหญ่ ๆ 

“ขอโทษครับคุณไฟ จวนได้เวลาแล้วครับ นวดน้ำมันเลยสมุทร” พี่ธานกลับเข้ามาพร้อมสั่งการ  สมุทรผงกหัวขานรับ 

“ไอ้รุ่งไปไหน ทำไมมันไม่อยู่เฝ้านาย ไอ้ห่านี่ไม่รู้หน้าที่เลย!..ไปตามมันมาซิ” พี่ธานปิดประตูห้องพร้อมโวยวายแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก  ผมหัวเราะน้อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปที่เตียง 

“นวดแบบ ปิดห้องลงกลอนได้ไหม” ผมยักคิ้ว  อดกวนไม่ได้
 
“กรุณาหยุดทะลึ่งแล้วเชิญขึ้นเตียงด้วยครับ” สมุทรย้อนเสียงเข้ม 

“หึ ๆ ๆ” ผมกลั้นหัวเราะ  ว่าแล้วว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายจะต้องทำให้ผมขำได้

“ต้องถอดกระจับด้วยไหม” ผมยังไม่หยุดแกล้ง  คนฟังเหล่สายตามาอย่างคาดโทษ  ผมเพียงยิ้มและยอมขึ้นนั่งบนเตียงดี ๆ  อุปกรณ์การนวดที่เตรียมไว้ที่หัวเตียงก่อนหน้านี้ถูกเปิดออกอย่างไม่ลังเล  เสียงดนตรีแนวฮิพฮอพดังมาจากทางด้านนอก  ผมสังเกตการทำงานของสมุทรทุกการเคลื่อนไหวที่ไม่มีความลนลานแม้ในที่นี้จะเหลือเขาทำหน้าที่หลักอยู่เพียงคนเดียว  มันทำให้ผมคิดถึงอดีตไม่ได้ว่าที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างไร  บางทีมันอาจไม่ได้ต่างจากผมนักเลยก็เป็นได้ 

“..........” ผมที่นั่งห้อยขาอยู่ก้มลงมองสมุทรที่นั่งยอง ๆ ตรงหน้าเพื่อนวดน้ำมันที่น่องให้  อีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองตอบเล็กน้อย  มือของเขาขยับอย่างเชื่องช้าด้วยน้ำหนักที่ค่อนหนักแน่นจนทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกผ่อนคลาย 

“จะให้ผมเปิดโทรทัศน์หรืออะไรไหมครับ” สมุทรถาม   

“ไม่” ผมตอบ 

“ฉันไม่ชอบ บางทีมัน..หนวกหูน่ะ” ผมขยายความเสียงเบาเพื่อบอกให้อีกฝ่ายทราบไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าผมชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร
..น้ำมันมวยถูกเทใส่มือ  การนวดเริ่มจากที่ขาส่วนล่างก่อนเป็นอันดับแรก  ผมปิดตาสนิท  รับรู้ถึงสัมผัสจากน้ำหนักมือและวิธีการนวดของเขาว่าถูกต้องเป็นที่น่าพอใจหรือไม่  อย่างน้อย ๆ อีกฝ่ายคงได้เป็นพี่เลี้ยงนักมวยผ่านมือมามากพอสมควร  ผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้นักหรอก 

“ถ้าหนักหรือเบาไปบอกได้นะครับ” อีกฝ่ายพูดขึ้นหลังจากที่เราต่างฝ่ายต่างเงียบร่วม ๆ สิบนาที  จากที่นั่งก็เปลี่ยนกลายเป็นนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงแล้ว  คำพูดของเขาทำให้รอยยิ้มของผมหลุดไว้เพียงที่มุมปาก  มือทั้งสองของสมุทรลูบจากข้อเท้าไล่มาถึงต้นขาของผมโดยลูบขึ้นลูบลงอยู่อย่างนี้จากช้าเป็นเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฉันนึกว่านายจะถามว่า ‘ชอบแบบนี้ไหมครับ ?’ ซะอีก แบบนั้นอาจจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นอะนะ” ผมพูดตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่   

“มีแต่จะทำให้กวนใจคนนวดน่ะครับ” สมุทรย้อน  ผมหัวเราะในลำคอ

“ตรงไหนที่นวดแล้วรู้สึกชอบเป็นพิเศษไหมครับ” เขาถาม  ทำให้ผมแทบดีดตัวลุกขึ้นตั้งศอกในทันที  สมุทรชะงักมองอย่างสงสัย

“ต้นขาด้านในน่ะ” ผมเอี้ยวหน้ากลับไปตอบหน้าตาย  อีกฝ่ายส่งสายตามองปรามมา  ผมยิ้มกว้างพลางยักคิ้วกวน

“ผมจะพยายามทำให้เป็นพิเศษแล้วกันครับ” สมุทรตอบเสียงเข้มแต่คำพูดกลับแฝงไปด้วยความประชดประชัน  ผมหัวเราะอีกครั้ง  อีกฝ่ายสั่งให้ผมพลิกตัวกลับมานอนหงายเพื่อนวดด้านหน้าต่ออย่างต่อเนื่อง 

“มือด้าน ๆ แบบนี้ มีอะไรให้คุณเล่นสนุกมากนักรึไง” เจ้าตัวเอ่ยปากบ่นคล้ายค้างคาใจอย่างนั้น 

“แต่ฉันชอบนะ ..มือด้าน ๆ น่ะ” ผมบอกทั้งที่ยังหลับตาอยู่

“สำหรับฉันมันหมายความว่า..ห้าสิบเปอร์เซ็นต์มักทำงานหนัก อยู่ด้วยแล้วไม่น่าจะอดตาย” ผมขยายความก่อนหรี่ตาขึ้นมองคนตรงหน้า  อีกฝ่ายหยุดมือไปแล้ว  ใบหน้าที่นิ่งขรึมหลุดรอยยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ ปรากฏให้เห็น  ผมยิ้มกว้างให้  สมุทรหัวเราะพร้อมส่ายหัว  ผมมองใบหน้านี้แทบไม่กะพริบตา  รอยยิ้มของเขาในตอนนี้มัน.. ขยี้ใจเป็นบ้าเลย


ก๊อก  ๆ ๆ

“ขออนุญาตครับ” ผมหันไปมอง  พี่ธานเปิดประตูเข้ามาก่อนหยุดยืนอยู่ที่ตรงนั้น  สายตามองมาที่ผมและสมุทร  แม้แววตาจะไม่แสดงออกใด ๆ แต่ผมก็รู้ดีว่าพี่ใหญ่กำลังปิดบังตัวเองไว้แค่ไหน     

“เชิญครับพี่ใหญ่ หยิบมีดตรงนั้น..แล้วรีบไปฮาราคีรีตัวเองซะ” ผมชี้มือสั่ง  พี่ธานยิ้มกว้างทันที  คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร

“ว่าไง หมอนวดคนใหม่..ตัวใหญ่ขนาดนี้ไหวไหม” พี่ธานเอ่ยปากแซวแต่ตาดันเหลือบมาที่ผม

“หึ ๆ” สมุทรหัวเราะ  ไม่รับคำอีกทั้งไม่ปฏิเสธ

“หากมีอะไรให้ใจเย็น ๆ ก็แล้วกันนะ พี่เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่าย นายน้อยเขาถูกใจมือคนอื่นยากน่ะ..ปกตินวดผิดน้ำหนักก็ไล่ตะเพิดไปแล้วนะ” พี่ธานพูดบอกสมุทรทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มเขิน ๆ ออกมา

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-09-2016 22:34:18

“วานไปเอาเอกสารที่รถให้พี่หน่อยสิ ซองสีน้ำตาลอยู่หน้ารถ แล้วช่วยตามคุณพายุกลับมาที่นี่ด้วย” พี่เขายื่นกุญแจรถไปให้  สมุทรนำผ้าขึ้นเช็ดมือก่อนรับกุญแจจากมือพี่ธานแล้วออกจากห้องไป  ผมมองตามหลังสมุทรจนแผ่นหลังพ้นออกไปจากประตูห้อง 

“เซ็กซี่เป็นบ้าเลยว่าไหม” ผมขบฟันบ่นในทันทีอย่างไม่มีการเว้นช่วง

“ฮ่า ๆ ๆ” พี่ธานหัวเราะโผงซะดังจนตัวแทบหงายหลัง  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ เพราะดันมาหัวเราะเอาง่าย ๆ กับเรื่องที่ไม่น่าหัวเราะซะอย่างนั้น

“หลงเสน่ห์มากไปไหมครับ โดนของรึไง” พี่ธานว่าพร้อมเทน้ำมันมวยใส่มือของตน

“เฮ้อ ก็นะ” ผมถอนหายใจยอมรับ  เอนตัวนอนลงอย่างเก่า  พี่ธานวางมือนวดลงบนลำตัวผมก่อนเป็นอันดับแรก

“เฮ้! พี่นี่..อืมหือ!” ผมอุทาน  ลุกขึ้นขมวดคิ้วใส่อีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ

“อะไรครับ ?” พี่ธานหน้าถอดสีผายมือออกอย่างงง ๆ

“แขนมีสองข้างนี่ทำไมไม่นวดเข้าไป พี่ทำแบบนี้..หมอนั่นกลับมาก็ไม่ทำแล้วสิ” ผมกระซิบต่อว่า  ถลึงตาใส่ด้วยนึกหงุดหงิดใจ

“อ้าก!” ผมกัดฟัน  ข่มน้ำเสียงคำรามของตัวเองเอาไว้

“แล้วทำไมคุณไม่บอกผมก่อนละครับ ผมก็ทำทุกอย่างเป็นปกติ” อีกฝ่ายทำท่าจะหลุดยิ้มอีก

“..........” ผมกับพี่ธานมองหน้ากันพลางยิ้มกริ่ม  ไม่มีคำพูดระหว่างเราอยู่ครู่หนึ่ง

“อารมณ์เหมือนพวกชอบลักหลับคนอื่นเลยนะครับ” พี่ธานพูด

“ประมาณนั้น” ผมเห็นด้วย  เท้าศอกทั้งสองข้างพยุงตัวเองไว้เพื่อให้มองคนตรงหน้าได้ถนัด   

“รอยยิ้มอีกฝ่ายดึงดูดความสนใจของผมมากเกินไปหน่อยน่ะ” ผมบ่นติดตลก

“หึ..ผมก็คิดเหมือนกันว่ารอยยิ้มสมุทรบางทีก็ไร้เดียงสาจริง ๆ” พี่ธานพูดพร้อมลงมือนวดต่อ

“เขาไม่ใช่คนซื่อทีเดียวนะ แต่ยิ้มแบบ..ยิ้มน่ะ” ผมพึมพำงงกับคำขยายความของตัวเอง 

“ครับ..ไม่ใช่ยิ้มลวง ๆ แบบพวกเรา” พี่ธานว่า  คำพูดนี้จากพี่ธานทำให้ผมหลุดหัวเราะได้นิดหน่อย 

“รู้อะไรไหมครับ..?” ผมนอนลงตามเดิม  สายตาเหล่มองที่อยู่ดี ๆ พี่เขาก็เอ่ยปากเปิดประเด็น

“เขาว่ากันว่า ถ้าหากคนเราหลงรอยยิ้มใครแบบหัวปักหัวปำแล้วละก็ แสดงว่าโดนดีเข้าให้แล้วละครับ” พี่ธานอมยิ้มเจ้าเล่ห์
 
“ใครว่าเหรอครับ..? ไอ้ที่ว่ากันว่าน่ะ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งกลับอย่างไม่ยอม

“ผมไงครับ” พี่ธานตอบ

“ฮ่า ๆ ๆ” เราต่างหัวเราะทันที  เรายังคุยกันอยู่เรื่อย ๆ แต่เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเท่านั้น

“พี่ธานครับ ได้แล้วครับ” สมุทรกลับเข้ามาพร้อมพายุ

“ใส่ไว้ในกระเป๋าพี่ให้หน่อย ขอบคุณ” พี่ธานบอก  สมุทรรีบจัดการในทันที  เมื่อเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับมาทำหน้าที่เดิมต่อ
 
“รีบนวดต่อเลย มือพี่ธานทำให้ฉันหมดอารมณ์จะชกแล้ว” ผมพูด  สมุทรผงกหัวให้พี่ธานเล็กน้อย  เขาหยิบขวดน้ำมันเทใส่มือโดยเริ่มนวดแขนให้ผมเป็นอันดับแรก  ทุกคนอยู่ในความเงียบ  ผมนอนมองสมุทรอย่างจงใจมอง  เห็นด้วยหางตาว่าพี่ธานเพียงส่ายหัวยิ้มน้อย ๆ เท่านั้น 

“อะไร ?” ผมขมวดคิ้วมองพายุที่จู่ ๆ มันก็มาหยุดยืนข้างเตียง   

“ผ้าเย็น” มันไม่ตอบเปล่านำผ้าเย็นมาวางลงบนหน้าผมทันที

“ไอ้ยุ!” ผมโวยเพราะมันจงใจวางผ้าเย็นปิดหน้าผมเต็ม ๆ  พี่ธานรีบหยิบออกให้ 

“กวนตีนกูทำไม” ผมว่า  เหลือบหันไปเห็นไอ้เข้มเดินเข้ามาพร้อมกับกังฟู

“แล้วนี่มึงเอาหมาเข้ามาในนี้ได้ยังไง” ผมขึ้นเสียง  ไอ้เข้มก้มหน้าลง

“ยุขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว ก็มัน..คนเยอะ กังฟูอยู่ข้างนอกคนเดียวน่าเป็นห่วงออก พอยุบอกว่าเฮียอยากเจอกังฟู พนักงานเขาก็อนุญาตเอง ช่วยไม่ได้” มันตอบหน้าตาย  ทำตาปริบ ๆ เหมือนโยนว่าเป็นความผิดผมซะงั้น

“แม่งเอ๊ย แต่ละคน” ผมบ่น  คว้ามือยิบผ้าเย็นของพายุเมื่อครู่มาปิดหน้าแล้วนอนลงตามเดิม กูเกลียดโลกภายนอก!

หลังจากนวดน้ำมันเสร็จ  การชกรอบชิงของรุ่นไม่เกินห้าสิบเจ็ดกิโลกรัมก็ได้ผู้ชนะ  เป็นไอ้ใสคนของค่ายผมไปตามคาด  แต่ก็เรียกว่าหืดขึ้นคอสำหรับมันอยู่เหมือนกัน  อันที่จริงผมก็ไม่ได้คาดหวังนักหรอก  ถึงไอ้ใสจะได้อันดับสองหรือสามผมก็ไม่โทษอะไรเพราะได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว 

การแข่งขันมวยไทยคาดเชือกกำลังจะเริ่มขึ้นอีกในไม่ช้า  การชกในแต่ละคู่จะชกเพียงสามยกเท่านั้นการชกทั้งหมดสี่คู่จะต้องจบผลแพ้ชนะภายในวันนี้  เรียกว่าเป็นงานหนักทีเดียว  เวลาผ่านไปไม่นานก็ได้ทราบผลการชกของคู่แรกว่าเป็น “สีหมอก” คือไอ้ป้องจากค่ายของสมัคร  ผมจึงแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวอยู่พักหนึ่งเพื่อฝึกชกลมอุ่นร่างกายอยู่ในบริเวณที่พี่ธานจัดไว้ให้  พอจวนใกล้เวลาของการชกในคู่ที่สองจบลงผมจึงเข้าไปเก็บตัวในห้องพักอีกครั้ง  ทุกคนต่างรู้ว่าไม่ควรรบกวนผมขณะที่ใกล้เวลาขึ้นชก  ในห้องนี้จึงมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น..



ก๊อก  ๆ  ๆ

“เข้ามา” ผมขานตอบ

“พยัคดูท่าจะชนะคะแนนครับ พร้อมไหมครับ..ต้องเตรียมสแตนบายแล้ว” พี่ธานกลับเข้ามา  ผมเพียงพยักหน้าตอบ  สมุทรตามหลังพี่ธานมาติด ๆ พร้อมกับเชือกในมือ  อีกฝ่ายย่อตัวนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าผมพร้อมยื่นเชือกมาให้
 
“ให้ผมทำให้ไหมครับ” เขาถาม

“ไม่เป็นไร” ผมตอบก่อนรับเชือกมาพันมือด้วยตัวเองเพราะมันถนัดกว่า  สมุทรยังคงจดจ่อมองอยู่ที่มือของผมนิ่ง ๆ ไม่ลุกขึ้นไปนั่งดี ๆ  สีหน้าของเขาเหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูดหรือดูเป็นกังวล

“มีอะไรรึเปล่า” ผมถามด้วยน้ำเสียงปกติ  เวลาแบบนี้ผมเองก็หมดกะจิตกะใจจะกวนเขาด้วยเหมือนกัน

“เปล่าครับ” สมุทรเหลือบตาขึ้น  ผมหยุดมือที่พันเชือกอยู่พร้อมมองตอบ 

“ถ้าผมจะบอกว่าโชคดี มันคงฟังดูตลกสำหรับคุณนะครับ” อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม

“หึ..ไม่หรอก ฉันอยากฟังจะแย่” ผมหัวเราะนิดหน่อย  มือขยับทำงานต่อ  คนตรงหน้าเงียบลงเสียดื้อ ๆ จนผมพันมือซ้ายจนเสร็จ

“เพราะแบบนี้ ผมถึงได้เกลียดวงการเฮงซวยนี่” สมุทรพูดขึ้น  ผมหยุดมือมอง 

“คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าทำไม..” ผมได้แต่เงียบฟัง  เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนพากันเหสายตาลงคล้ายยอมรับในความหมายที่สมุทรกำลังสื่อ

“มันจะวนอยู่แบบนี้ครับ แล้วมันจะไม่มีทางจบ” สมุทรพูด  สายตาว่างเปล่าเหมือนกับว่าหมดความหมายกับสิ่งที่ตนกำลังพูดอยู่อย่างนั้น

“ฉันรู้” ผมตอบ

“..แต่ฉันชินซะแล้ว” ผมขยายความพลางยิ้มให้เล็กน้อย  ไม่ว่าจะวงการนี้หรือวงการไหน ๆ ก็มักจะมีเรื่องทำให้กลายเป็นวงจรอุบาวท์อยู่เสมอ  ซึ่งมันจะเป็นแบบนี้  มันไม่สามารถหยุดเพราะความดีของใครคนหนึ่งได้  ในเมื่อคนไม่ดีพร้อมใจกันมีมากกว่าคนดี  การขับเคลื่อนที่ผิดบาปจึงไม่สามารถหยุดสนิทได้

“มันชินไปแล้วละนะ” ผมว่า 

“แต่ฉันอยากให้นายลองเปิดใจกลับมารักมันดู” ผมพูด  สมุทรเงียบเฉย

“มวยยังเป็นมวย รากเหง้ามันไม่ได้เปลี่ยนไปนี่..คนเราต่างหากที่เปลี่ยนตัวเราเองเพื่อความอยู่รอด”   

“ฉันคิดว่าฉันทำให้นายรักมันได้นะ พอมีวิธีอยู่..ลองดูไหมละ ?” ผมได้จังหวะตีประตูกวนอีกฝ่าย  สมุทรเหล่ตาคล้ายรู้ทัน  เขาหัวเราะขึ้นจมูกนิดหน่อยเหมือนเหนื่อยใจจะต่อกร   

“ขอบคุณครับ แต่ขอปฏิเสธ” อีกฝ่ายตอบพร้อมลุกขึ้นยืนโต้ง ๆ ปิดบทสนทนาก่อนเดินจากไปซะเฉย  พี่ธานที่ทำท่าทำทางแกล้งทำเป็นยืนพิงกำแพงกดโทรศัพท์มือถืออยู่เหลือบตามองมาที่ผมในทันทีที่หลังของสมุทรพ้นประตู  ผมดุนลิ้นพร้อมแสยะยิ้มมองตอบ  มือเริ่มขยับพันต่ออีกข้าง

“โดนปฏิเสธเหรอครับ ?” พี่ธานยิ้มเจ้าเล่ห์
 
“อยากตายรึไงครับ” ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ

“นี่เป็นโอกาสดีนะครับ” พี่เขาเดินเข้ามา
 
“อะไร ?” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“อีกฝ่ายอยู่ที่นี่..แถมไม่ต้องกลับบ้าน” พี่ธานเบิกตาโต 

“ใช่ ผมลืมได้ไง” ผมเล่นเสียงกระเส่าตอบในทันทีจนพี่ธานหลุดหัวเราะ

“ผมแค่แนะนำเท่านั้นนะครับ ไม่ได้เปิดช่องให้คุณวางแผนทำเรื่องไม่เข้าท่า” พี่ใหญ่เอ่ยปากปรามรู้แกว

“เฮ้อ..มีแต่เรื่องไม่เข้าท่าเต็มหัวผมไปหมด” ผมตอบปัดอย่างไม่แคร์  พี่ธานฉีกยิ้มพร้อมส่ายหัวคล้ายระอา

“นายครับ ใกล้ได้เวลาแล้วครับ” ไอ้รุ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

“เออ” ผมขานรับพร้อมลุกขึ้น  เมื่อออกมาจากห้อง  ครูมวยต่างรีบมาประกบตัวผมเพื่อพาเดินออกไปที่ด้านหน้าเวที  เสียงโห่ร้องดังกึกก้องเมื่อโฆษกประกาศรายชื่อนักมวยที่จะขึ้นชกในคู่ถัดไป  ผมไม่รู้ว่าพวกของเจ๊ปราณีในตอนนี้นั่งอยู่ฝั่งไหน  แต่ที่แน่ใจคือเหตุการณ์หน้าเวทีนี้ถูกจับจ้องมองจากหัวใหญ่หัวโตอยู่เป็นแน่

“ถ้าผมชนะไอ้โรเจอร์ ผมจะเจอใครรอบต่อไป” ผมถามพี่ธาน

“ก่อนเข้ารอบชิง..ไอ้ป้องจะเจอกับพยัค ถ้าเป็นไปตามแบบของพวกมัน คุณต้องเจอไอ้บูรณ์ครับ” พี่ธานกระซิบตอบที่ข้างหู
 
“หึ..ก็สมเหตุสมผลดี” ผมหัวเราะขึ้นจมูกและคาดว่าไม่น่าจะผิดแผนตามนี้  ค่ายของผมเดินไปที่มุมดำเพื่อเตรียมตัว  ค่ายมวยทัพนครมุมน้ำเงินที่ส่งนักมวยขึ้นชกการแข่งขันในวันนี้คือ “โรเจอร์”  เราทั้งสองค่ายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน  ต่างพบเจอและเคารพกันในฐานะผู้ร่วมอาชีพมาโดยตลอด  แต่เหตุการณ์ในวันนี้เราคงจะมองหน้ากันยากหน่อยแล้วละมังเพราะผมตั้งใจที่จะโค่นโรเจอร์ให้จบตั้งแต่ยกแรก  ไม่อย่างนั้นมันจะกินแรงผมสำหรับการชกในรอบลึกต่อไป..   


- - - - - - - - - - - - - - -


“สี่คู่ที่ผ่านมาเดาทางค่อนข้างยากนะครับ ตามตรงคงทั้งได้ทั้งเสีย” พี่ธานพูด  ตอนนี้พวกผมอยู่ในห้องพักเรียบร้อยแล้ว  ผลชนะเป็นฝั่งผมตามที่ตั้งใจไว้  การน็อกโรเจอร์ไม่ได้จัดการจนอีกฝ่ายถึงกับต้องหามส่งโรงพยาบาล  แต่เป็นการตัดกำลังเพื่อให้มันลุกขึ้นมาชกต่อไม่ไหวเท่านั้น  คู่ที่สี่เพิ่งชกเสร็จไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าและผลเป็นไอ้บูรณ์ที่ชนะตามที่หลาย ๆ คนคาด  นักมวยของแต่ละค่ายแยกย้ายเข้าห้องพักของตน  คู่ถัดไปจะเป็นคู่ชกจากค่ายส.โชคเจริญของสมัครและค่ายหาญสิงห์ของเสี่ยยุทธ 

“กระบวนการผลิตเงินของจริงเริ่มแล้วงั้นสินะ” ผมพึมพำ

“ไอ้กริดกับเสี่ยยุทธนั่งอยู่ที่สิบสามนาฬิกาจากมุมเรา” พายุเดินเข้ามารายงาน  ผมฟังเฉย 

“เฮียอยากรู้แค่นี้เหรอ” มันถาม

“อยากรู้แค่นี้” ผมตอบไม่มองหน้าใคร   

“สีหมอกจากค่ายส.โชคเจริญ ปะทะกับพยัค! จากหาญสิงห์!” ทุกคนในห้องพักต่างเงียบสนิทเมื่อได้ยินเสียงสะท้อนจากด้านนอกเวทีประกาศการชกของคู่ต่อไป 

“ฉันจะเตรียมตัวแล้ว” ผมพูดขึ้น  ทุกคนต่างลุกขึ้นพร้อมเพรียงเมื่อผมลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปนั่งที่เตียงนอน  พี่ธาน  สมุทร  ลุงลอยและไอ้รุ่งจัดแจงหน้าที่ในการดูแลผม 

..หากเป็นไปตามที่พวกผมคิดเอาไว้  เสี่ยยุทธและสมัครคงวางแผนให้ไอ้ป้องเป็นฝ่ายชนะ  ถึงแม้คู่นี้จะดูออกยากเสียหน่อยแต่ด้วยผลชนะที่ผ่านมาของพยัคเป็นที่รู้ดีว่าโชกโชนกว่าไอ้ป้องมาก  ถ้าหากไม่มีผมไม่แน่ว่าพยัคอาจได้เจอกับไอ้บูรณ์ก็ได้  ดังนั้น..นี่ไม่ใช่การสับขาหลอกเซียนมวย  แต่ผมกำลังมั่นใจว่าต้องมีคนแทงข้างผมไม่มากก็น้อย  ถ้าหากมีไอ้นพอยู่ละก็  แปดสิบเปอร์เซ็นต์มักไม่มีใครแทงฝั่งตรงข้ามเลย 

“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ กูนึกว่ามึงตายห่าไปแล้วซะอีก” ผมเอ่ยปากทัก  การเดินสวนทางออกจากห้องพักทำให้คนของเราต่างหยุดชะงักเช่นกัน  ไอ้บูรณ์อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย 

“กูก็ไม่คิดว่าคนแบบมึงจะมีลมหายใจจนกระทั่งวันนี้เหมือนกัน” ไอ้บูรณ์ย้อนตอบ  ส่วนตัวผมคิดว่าตามจริงแล้วผมกับไอ้บูรณ์มีเคมีในการชกที่เข้ากันได้ดีทีเดียว  ไอ้บูรณ์ไม่ใช่คนไม่ดีแต่ก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน  ผมคิดว่ามันเป็นคนดีกว่านี้ได้แต่มันไม่เลือกก็เท่านั้น   

“ไม่ยักรู้..ว่าคนอย่างมึง ยอมเป็นเบ๊ให้เสี่ยปรีดาไปแล้ว” ผมพูดพร้อมเดินเข้าหาโดยทิ้งคนของเราไว้ที่ด้านหลัง

“หึ..ก็กูไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีทางเลือกเยอะแบบมึงนี่” อีกฝ่ายแสยะยิ้มกวนตีน

“หึ ๆ ก็จริงว่ะ! รวยจนลืมใช้เงินเลยอะบางที ฮ่า ๆ ๆ!” ผมหัวเราะลั่นยอมรับง่าย ๆ  คนของค่ายเสี่ยปรีดาที่อยู่ทางด้านหลังของไอ้บูรณ์คงได้ยินชัดเจนจึงมองตาขวางมา 

“ฮึ..มึงนี่ กวนส้นตีนเสมอต้นเสมอปลายดีนะ” ไอ้บูรณ์บ่น

“คนเรามันบารมีต่างกัน ถึงมึงจะประชดมา..แม่งก็เป็นเรื่องจริงอยู่ดี” ผมยิ้มตอบตาใสซื่อ

“.........” เราทั้งคู่ยืนนิ่งเงียบลง  สายตาของมันที่มองมาความหมายคงไม่ต่างจากสายที่ผมใช้มองมันเท่าไหร่นัก

“กูจะบอกอะไรให้..” ผมเอ่ย

“วันนี้ ก็กูจะเอาให้มึงคลานเป็นหมาลงเวทีเหมือนอย่างทุกครั้ง” ผมฉีกยิ้มท้าทาย  ไอ้บูรณ์จ้องเขม็งไม่ตอบโต้ใด ๆ
 
“ที่กูต้องทำ..เพราะมึง ดันคิดจะเอาชนะกู เพื่อไปยอมแพ้คนอย่างไอ้ป้องนี่นะ” ผมพูดพร้อมถอนหายใจแรง  ประโยคนี้ทำเอาไอ้บูรณ์หน้าขยับได้นิดหน่อยที่ดันไปรู้ทัน 

“ถ้ากูเป็นมึงละก็ พ่อกูคงอับอายที่จะดูกูชกจนจบ มึงกับกู..ควรจะเจอกันรอบชิง มึงไม่คิดงั้นเหรอ ?” ผมเลิกคิ้วเชิงถาม  ไอ้บูรณ์กัดสันกรามด้วยสีหน้าหนักใจถึงกับพูดไม่ออก  หากครูมวยมองอยู่ยิ่งคงเป็นเรื่องน่าละอายต่อผู้ที่สั่งสอนวิชาให้ 
   
“ครั้งนี้กูอาจชนะมึงก็ได้ อยากเห็นฝีมือของเจ้าของค่ายผู้โด่งดังเต็มแก่ว่าจะพัฒนาไปแค่ไหน” อีกฝ่ายประชด

“ปลื้มใจจัง” ผมทำตาปริบ ๆ ยิ้มเล่นเสียงเล็กเสียงน้อยทำเอาอีกฝ่ายขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ

“ถ้ามึงจะชนะกูให้ได้ละก็ มึงต้องชนะไอ้ป้องด้วย” น้ำเสียงของผมเปลี่ยนลง  ขาขยับเข้าไปใกล้เพื่อให้ประโยคนี้เราได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น

“กูเองก็ไม่อยากเห็นหน้าหล่อ ๆ ของมึงมีแผลหรอก แต่มือขวากูน่ะ..เกลียดเจ้าของค่ายมึงเข้าไส้เลยว่ะ” ผมปั้นยิ้มกล่าวถึงพี่ธาน  ไอ้บูรณ์ช้อนตามองเอาเรื่อง

“รู้อะไรไหม..?” ผมเอ่ยก่อนที่เราทำท่าจะแยกกัน  เสียงแว่ว ๆ จากด้านนอกส่งสัญญาณเต็มแก่

“คนเราชอบโทษว่าเป็นเวรกรรม ทั้ง ๆ ที่ทางที่ผิด..เราก็เป็นฝ่ายเลือกเดินไปเองทั้งนั้น” ผมบอก  บอกแม้กระทั่งหมายถึงตัวผมเองด้วย

“มึงก็รู้ว่าเสี่ยปรีดาไม่ใช่คนที่มึงจะฝากชีวิตไว้ได้ มึงปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่ามึงรู้ดีแก่ใจ”

“มาเป็นนักมวยค่ายกูไหมล่ะ ? ถ้าพ่อกูไม่ชอบมึงขนาดนั้น..กูคงไม่ชนะมึง ศักดิ์ศรีน่ะ..ทิ้ง ๆ ไว้บ้าง กูหมายถึง..ยกเว้นกรณีวันนี้น่ะนะ บอกให้รู้..แม่ครัวที่ค่ายกูทำน้ำพริกหนุ่มอร่อยสุด ๆ  ได้ข่าวมาว่ามึงชอบยัดห่านี่” ผมเบะปาก

“เออ..อีกอย่าง กูสงสัยมานานละ ไอ้ที่แว่ว ๆ มาว่าแม่มึงไปได้ผัวฝรั่งแล้วคลอดมึงเอาไปทิ้งไว้ที่ค่ายมวยนี่จริงปะวะ” ผมหัวเราะกวนให้ทุกคนได้ยิน  ความจริงคือไอ้บูรณ์เป็นลูกครึ่งจริง ๆ  มันไม่ค่อยพูดเรื่องนี้ออกสื่อหรือให้ใครรู้เท่าไหร่นักเพราะเห็นว่าแม่เลี้ยงดูมันมาตัวคนเดียวตั้งแต่ที่มันยังเล็ก  แต่ด้วยเพราะรูปร่างหน้าตาของมันดันสื่อชัดเจนว่ามีส่วนผสมจากชาติอื่นนอกจากชาติไทยแน่ ๆ  เป็นใบหน้าที่พ่อให้มาแบบปิดไม่มิดเลยล่ะ

“ไอ้ไฟ..” ไอ้บูรณ์กัดฟันข่มน้ำเสียงคล้ายขู่เตือน

“มาทำให้เวทีเป็นสีขาวกันเถอะ” ผมยิ้มพูดแทรกคนละเรื่องด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง  ทำเอาอีกฝ่ายปรับอารมณ์แทบไม่ทัน 

“มึงแม่งหล่อว่ะ กูชอบ!” ผมกระแทกเสียงดังลั่นวกกลับมาหยอกเรื่องเดิม  ไอ้บูรณ์ถลึงตาใส่หน้าเหว่อ  มือของผมสะกิดแก้มของมันสองสามทีก่อนเดินจากมา  เสียงดังกระหึ่มเมื่อเราทั้งสองค่ายปรากฏตัวที่ด้านหน้าเวที 

“..หรือว่าเปิดโรงงานน้ำพริกด้วยดีนะ ?” ผมบ่นพึมพำคนเดียว  พี่ธานกับสมุทรที่ได้ยินหัวเราะเบา ๆ

“อย่าประมาทนะครับ” พี่ธานพูดพร้อมถอดชุดคลุมออกให้

“เมื่อกี้..ตามสถานการณ์แล้ว ผมคิดว่าคุณกวนอยู่เป็นอย่างมาก อีกฝ่ายคงหมันไส้คุณเต็มแก่แล้วครับ” พี่ธานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  ผมหัวเราะยอมรับ.. แบบนั้นละที่ต้องการ

“ถ้าไอ้บูรณ์ชนะคุณไม่ได้ มันโดนน่วมแน่” พี่ธานพูด

“เนื้อเต้นไปหมด เหมือนกลับไปหลายปีก่อน พี่คิดว่าไง..” ผมฉีกยิ้ม  ยังไม่หยุดกวนอารมณ์พี่ธาน  อีกฝ่ายถอนหายใจน้อย ๆ

“ดูหน้าคุณพายุสิครับ จะกินหัวคุณอยู่แล้ว” พี่ธานเข้ามากระซิบ  ผมไม่หันไปมองเพราะพอจะนึกภาพออก  พายุคงหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่ผมทำเรื่องในตอนนี้ให้เป็นเล่นไปหมด  ที่จริงจะให้ผมบอกว่า “ผมค่อนข้างเอาจริงเลยทีเดียว” ก็คงไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-09-2016 22:34:53

“นักมวยผู้ออกอาวุธสวยงาม ฉายานามในวงการมวยเรียกเขาว่าฉลามขาว ชกคู่ต่อสู้แบบกัดไม่ปล่อย..ไฟ ศิษย์ลมหวน!” โฆษกมวยเอ่ยแซว

“ชื่อผมไม่เหมาะเป็นกับเวทีมวยเลยพี่ว่าไหม ฟังกี่รอบก็ไม่ชอบทุกที” ผมบ่นประชดไปถึงพ่อที่เสียไปแล้ว  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ ไม่แสดงความคิดเห็น

“วันนี้มันแน่นอนครับ คู่นี้เคยชกกันมาก่อนแล้วที่เวทีบางปะกอกเมื่อหกปีก่อน เป็นไฟต์ที่พวกเราคงจะจำกันได้ติดตาว่านักมวยจากค่ายชัยโรจน์ชนะน็อกไปแบบเหนือการคาดหมายจริง ๆ  ซึ่งตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่มีครั้งไหนที่ไอ้หนึ่ง.บริบูรณ์จะเอาชนะเขาได้” โฆษกพูด

“ใช่ครับใช่ วันนี้ก็ไม่รู้ว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกรึเปล่า มุมดำ..ลูกชายคนโตของอดีตนักมวยและครูมวยชื่อดังอย่างลมหวน เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ  ออกอาวุธมวยโบราณสวยมากครับคนนี้ เป็นเจ้าของค่ายสืบทอดต่อจากพ่อของเขาด้วย สูงยาวเข่าดี วันนี้สาว ๆ ดูมวยกันเพลินตาเลยทีเดียว..หล่อเหลาทั้งคู่ครับ แหม่..ไม่รู้ว่าจะเจ้าชู้ด้วยรึเปล่านะครับนี่” โฆษกอีกคนพูดปนหัวเราะ

“หึ ๆ  อันนี้ต้องถามสาว ๆ เอานะครับ” โฆษกคนก่อนหน้ากล่าวสมทบ 

“พูดด้วยเรื่องเชิงมวย..อาวุธสวยทั้งคู่เหมือนกัน จัดว่าเป็นนักมวยไทยฝีมือดีที่น่าจับตามองสำหรับนักมวยรุ่นใหม่เลยทีเดียว”

..เสียงส่งสัญญาณให้นักมวยขึ้นบนเวทีดังขึ้น  เราสองคนต่างประชันหน้ากัน  ผมฉีกยิ้มกว้าง ๆ ให้กับไอ้บูรณ์  ถือว่าเป็นการชกที่สมศักดิ์ศรีในการกลับมาพบกันหลังจากที่ต่างก็ไม่ได้ขึ้นเวทีใหญ่ ๆ ด้วยกันทั้งคู่

การชกระหว่างไอ้บูรณ์กับผมอาจเดาเกมได้ยากสำหรับนักพนัน  แม้ส่วนตัวผมจะรู้ตัวว่าการชกกับไอ้บูรณ์นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย  แต่ต้องขอเข้าข้างตัวเองว่า “ผมจะชนะ”  การได้คู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อสำหรับผมเป็นการดับความลังเลที่จะแสดงฝีมือ  รวมถึงความกลัวในใจก็หมดลงไปได้  นี่คงเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่แปลก  ผมไม่เคยรู้สึกกลัวต่อคนที่เสมอกันหรือกับคนที่เก่งกว่า  เพราะหากแพ้ก็คงเป็นการแพ้ที่สามารถยอมรับได้  แน่นอนว่า “อย่าประมาท” คือคำพูดติดปากที่พี่ธานมักเตือน  ในหัวของผมหากได้ยินคำพูดนี้มันมักจะเชื่อมโยงคำพูดของพายุเสมอว่า “อยู่กับปัจจุบัน”  หากมองเผิน ๆ คงไม่มีความหมายอะไรนักสำหรับบางคน  “ปัจจุบัน” คือปัจจุบัน  ผมถือว่าในหลายครั้งมันใช้ได้ผลสำหรับผมมากทีเดียว 

“หมัดยังไวเหมือนเดิมเลยนะ ทำเอากูเสียวสันหลังเลย” ผมแสยะยิ้มชมทันทีที่ล็อกคออีกฝ่ายเข้ามาปล้ำได้  เหงื่อชโลมตัวเราทั้งคู่ทั้งที่เพิ่งยกที่สองเท่านั้น  ไอ้บูรณ์สู้สุดกำลังที่มีแบบที่เราต่างยียวนกันก่อนหน้า  เพียงเท่านี้ผมก็ถือว่าสมศักดิ์ศรีของไอ้นพแล้ว  ผมไม่มีทางที่จะน็อกคู่ต่อสู้ตรงหน้านี้หากมีโอกาส  และถ้าหากมันยังมีศักดิ์ศรีเหลือให้ผมนับถืออยู่บ้าง  มันก็คงจะไม่น็อกผมเช่นกัน  การต่อสู้ที่ปล่อยอาวุธแบบไม่มียั้งมือคงทำให้เสี่ยปรีดาเป็นบ้าเป็นหลังไปแล้วแน่ ๆ  ถึงแม้ว่าไอ้บูรณ์จะถูกผมต้อนเสียจนมุมอยู่หลายครั้ง  แต่ผมต้องยอมรับว่าหมัดขวาของมันที่ถือว่าเป็นของดีประจำตัวเล่นเอาผมจุกที่ซี่โครงอยู่ไม่น้อย  มันซ้ำอยู่ที่เดิมอยู่อย่างนั้นเมื่อมีโอกาส  จนหมดยกที่สาม  การประกาศชนะคะแนนจากกรรมการทำให้ใบหน้าของทุกคนต่างโล่งใจ 

..ปลายหางตาเหลือบมองไปเห็นเสี่ยยุทธกับเสี่ยปรีดานั่งอยู่ที่นั่งโซนวีไอพีด้วยใบหน้าถอดสี  ผมกับไอ้บูรณ์ยกมือไหว้และกอดกันเพียงเล็กน้อย  คำกล่าว “ขอบคุณ” เบาแว่วให้ได้ยินที่ข้างหูกันและกันเท่านั้น  เราผละตัวออกจากกันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เวทีมวยปล่อยว่างอีกครั้ง  นักมวยกลับมาที่ห้องเก็บตัวและรีบทำความสะอาดร่างกายอย่างลวก ๆ  ผมมีเวลาพักเพียงแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ต้องขึ้นชกในคู่ต่อไป  ซึ่งเสียเปรียบตรงที่ก่อนหน้านี้ไอ้ป้องได้มีเวลาพักร่างกายนานมากกว่าผม
 
“..........” ความเงียบในห้องพักทำให้ผมได้ยินเสียงฝ่ามือของพี่ธานและสมุทรที่กำลังนวดไปตามลำขาของผม  แม้จะเป็นการนวดที่นุ่มนวลแต่ผมกลับได้ยินเสียงชัดมากทีเดียว  พายุนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่เก้าอี้โซฟาตรงหน้า  ไม่รู้ว่าสายตาของมันจับจ้องอะไรอยู่  มันไม่พูดไม่จามาสักพักแล้ว  ผมมองเฉยอยู่ครู่หนึ่ง  กังฟูนั่งตัวตรงจ้องหน้าเจ้านายตัวเองเขม็งคล้ายอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน  ทุกครั้งที่พวกเราอยู่ในสถานการณ์เกินควบคุมมันมักจะมีความรู้สึกเล็ก ๆ ที่สะกิดเตือนให้ผมรู้ว่าผมรักมันมากกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก

..ผมหัวเราะน้อย ๆ ไร้เสียง  มือคว้ากล่องกระดาษทิชชู่ที่วางอยู่บนเตียงข้างมือก่อนเล็งไปที่เป้าหมาย 


โป๊ก!   ..เสียงกล่องกระดาษทิชชู่ถูกปัดออกทันทีทันใดจนกล่องกระเด็นไปกระทบกับกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง  ผมอมยิ้มมุมปากชอบใจที่เห็นว่ามันเหม่อแต่สัญชาตญาณก็คือสัญชาตญาณจริง ๆ
 
“เฮีย!” เจ้าตัวหันมามองด้วยสีหน้าโกรธจัด  กังฟูก็มองผมทันทีเช่นกัน   

“หิวน้ำ” ผมบอกเสียงเรียบ  พายุก้มลงเก็บกล่องกระดาษทิชชู่มาถือไว้ก่อนก้มลงหยิบขวดน้ำเปล่าออกมาจากกระเป๋าเป้ส่วนตัวของตน  มันเดินมาพร้อมยื่นขวดให้โดยที่ยังไม่ได้เปิดฝา

“เปิดให้หน่อย” ผมเบือนหน้าหนี  สมุทรรับกล่องกระดาษทิชชู่จากพายุกลับมาวางที่เดิม  เสียงเปิดขวดได้ยินชัดเจน  ผมรับน้ำมาจิบนิดหน่อยเท่านั้น

“พวกมันจงใจให้บูรณ์ชกซ้ำที่เดิมเพื่อกินแรงคุณ ผมว่าพวกมันคงรู้ว่าเราคิดอะไร..ไอ้บูรณ์เป็นคนเดียวที่เอาคุณไหว ส่วนไอ้ป้องแทบไม่เป็นอะไรเลย” พี่ธานพูด  ผมได้แต่เงียบฟัง 

“ที่พี่ธานพูด หมายถึงเฮียกำลังเสียเปรียบอยู่” พายุจ้องเขม็ง  ผมยังคงเงียบตามเดิม  พี่ธานหยุดมือไปแล้วแต่สมุทรยังคงทำหน้าที่นวดแขนให้ผมต่อ

“สี่คู่วันเดียวกูก็เคยชนะมาแล้ว” ผมพูดถึงอดีตเวทีมวยที่ต่างประเทศโดยไม่มองหน้าใคร

“อือ..เป็นวันที่เฮียฉี่เป็นเลือดด้วย ทั้งผ้าขนหนูทั้งห้องน้ำมีแต่เลือดเหม็นเน่าของเฮีย เฮียถอดกางเกงเองไม่ไหวด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกยุก็จำได้” พายุว่าเสียงแข็ง  สมุทรชะงักมือหยุดนวดไปเสียดื้อ ๆ ทำให้ผมเหลือบไปมองหน้าเขา  อีกฝ่ายจ้องผมด้วยแววตาที่ผมอ่านความหมายไม่ออกนัก 

“เฮียไม่ได้อายุยี่สิบอยู่นะ” มันเตือนความจำ

“งั้นเหรอ กูก็นึกว่ากูยี่สิบมาเจ็ดรอบซะอีก” ผมตอบยิ้ม ๆ  พายุค้อนด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ  วันนั้นตัวผมที่เต็มไปด้วยคราบเลือดกลับไม่มีน้ำตาออกมาสักหยดเดียว  ความรู้สึกมันตื้อไปหมด  จำได้เพียงว่าใบหน้าของพายุทำให้ผมไม่สามารถเอ่ยปากแซวมันอย่างทุกทีได้ด้วยซ้ำ  หน้าของมันที่พยายามข่มอารมณ์โกรธผมเอาไว้กลับเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา  แต่มือกลับไม่หยุดที่จะทำความสะอาดเนื้อตัวของผมด้วยมือของมันเอง  วันนั้นเป็นวันที่ผมได้รับชัยชนะแต่กลับไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนั้นมาก่อนเลยในชีวิต

“กูกำลังจะขึ้นชก มึงจะมาพูดในแง่ลบทำไม” ผมมองตาขวางปราม

“..........” เราทั้งสี่คนพากันเงียบกริบพร้อมกัน  ทุกคนนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้สามสี่นาทีจนผมต้องถอนหายใจออกมา

“ขอผมอยู่กันสองคน” ผมพูด  พี่ธานกับสมุทรผงกหัวน้อย ๆ ก่อนปิดประตูห้องออกไป

“มานี่สิ” ผมเรียก  ผายมือออกเล็กน้อย

“ยุเหม็นเหงื่อเฮีย” มันต่อว่าหน้างอ

“หึ ๆ” ผมหลุดยิ้มเพราะมันกลับพุ่งตัวเข้าหา  พายุซบหน้าผากลงที่ไหล่  ฝ่ามือของผมลูบท้ายทอยของมันไปพลาง

“มึงคิดว่าไอ้ป้องเก่งแค่ไหน เก่งกว่ากูอีกงั้นเหรอ” ผมถาม  ชวนคุยไปงั้น

“ที่จริงแล้ว มันค่อนข้างห่วย” พายุตอบงึมงำในลำคอ  ผมหัวเราะ

“แล้วมึงจะห่วงอะไร” ผมบ่น

“อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ขนาดพี่นพยังเป็นแบบนั้นเลย ถ้าเกิดพวกมันเล่นไม่ซื่อล่ะ” มันย้อนด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก

“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น..” ผมกระซิบบอก  พายุเงียบลง  ผมเองก็ด้วย

“ยุจะเป็นคนโยนผ้าขาวเอง” มันกวนไม่เลิก

“ผ้าขาวซักยากมึงกูรู้” ผมกวนกลับ  พายุผละตัวออกตามองจ้องมา

“กูอยากทำสมาธิสักหน่อย” ผมบอก

“อืม งั้นยุนั่งรอตรงนี้นะ” พายุผงกหัวยิ้มออกมาได้  มันเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเพื่อปล่อยให้ผมได้มีเวลาส่วนตัว  เปลือกตาหลับตาลงช้า ๆ  ข้างนอกไม่ดังเท่าไหร่จึงทำให้ผมสร้างสมาธิได้ง่าย  คนที่อยู่ร่วมห้องด้วยกันในตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจ  ใจจึงสงบลง  บนโลกนี้คงจะมีเพียงไม่กี่คนที่จะทำให้เรารู้สึกสบายใจได้กระทั่งเราหลับตาอยู่  ความคิดทุกอย่างเมื่อครู่ทยอยจางหายไป  ผ่านไปสักพักหนึ่งผมจึงลืมตาขึ้น  ขณะเดียวกันพายุก็หันหน้ามองมาพอดี 

“ไปบอกพี่ธานว่ากูพร้อมแล้ว” ผมบอก  เมื่อประตูห้องเปิดออกอีกครั้งโดยพายุ  การเคลื่อนไหวของผู้คนก็กลับเข้ามา  สมุทรถือเชือกมาหาผมอย่างมีเป้าหมายแน่ชัด   

“เชือกครับ” เขายื่นมาให้  ผมรับมาพันมืออย่างเนิบช้า

“มีอะไรจะบอกไหม ?” ผมถามไม่มองหน้าเขา

“ผมเคยชนะไอ้ป้องด้วยการแย็บหมัดบ่อย ๆ  อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ชอบอะไรแบบนั้นนะครับ เขาหงุดหงิดง่าย” สมุทรพูด

“หึ ๆ” ผมแสยะหัวเราะ  พอจะมองภาพออก 

“แล้วนายก็เลยจบมันด้วยการปล่อยหมัดซ้ายของนาย ?” ผมลองเชิงถาม  ช้อนตามองคู่สนทนา  เขาไม่ตอบ  เพียงแต่พยักหน้าให้น้อย ๆ

“อีกฝ่ายชอบเตะน่ะครับ ถนัดขวา..” สมุทรพูด

“ผมหมายถึง คุณห้ามเผลอปล่อยคอให้มันเห็น”

“ฮึ” ผมหัวเราะอีกครั้ง  เพราะเขาดันเตือนด้วยใบหน้าเอือมระอา 

“เอางี้ไหม..?” ผมเอ่ย  มือหยุดพันเชือกก่อนเงยหน้าขึ้นมองสมุทรตรง ๆ 

“ถ้าฉันสามารถเอาชนะมันด้วยเข่าของฉันละก็ นายต้องไปเดทกับฉัน” ผมคลี่ยิ้มเปื้อนใบหน้านิดหน่อย
   
“นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะครับ” อีกฝ่ายเตือนเสียงเข้ม

“ฉันดูล้อเล่นตรงไหน ?” ผมเลิกคิ้วถาม

“เหรอครับ..คุณกำลังทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยอยู่” สมุทรตอกกลับ  ผมหลุดยิ้มทันที

“แล้วผมคิดว่า ดูเหมือนคุณกำลังใช้คำว่า ‘เดท’ ผิดรูปประโยคกับผมอยู่” 

“ผิดรูปประโยคยังไงไม่ทราบ ? มีอะไรตรงตัวกว่าคำว่าเดทอีกไหมละ ? ฉันก็แค่ชวนนายเดท..นายเรียนรู้ฉัน ส่วนฉันก็เรียนรู้นาย ทิ้งคำว่าเจ้านายกับลูกน้องกันสักวัน” ผมพูดตรง ๆ  ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว  ถ้าไม่พูดตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเหมาะอีกรึเปล่า 

“..........” สมุทรเงียบเสียดื้อ ๆ  เขาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าที่วางเฉย  ก็ดีแล้ว..แค่สีหน้าของเขาไม่ได้ดูลำบากใจหรือตกใจ  ก็ดีพอสมควรแล้ว   

“ตกลงไหม ?” ผมย้ำถาม  อยู่ดี ๆ ใจผมมันก็เต้นตึกตักผิดรูปจังหวะปกติขึ้นมา  นี่ถ้ากูถูกคนตรงหน้าปฏิเสธละก็.. กูจะเอาหน้าหนีไปมุดที่แผ่นดินไหนดีวะเนี่ย! แม่งเอ๊ย เพิ่งคิดได้!

“คุณหมายถึงชนะด้วยเข่าของคุณ ?” อีกฝ่ายย้ำถามด้วยใบหน้ามั่นอกมั่นใจ  มองไว้ไม่มีผิด..จริง ๆ แล้วเขาก็มีเล่ห์เหลี่ยมพอให้เนื้อเต้นได้เลยล่ะ

“ใช่..ด้วยเข่าของฉัน” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบ 

“แต่ถ้านายอึดอัด..รังเกียจ ? ก็ไม่ต้องก็ได้นะ ฉันไม่เอามาปนกับเรื่องงานอยู่แล้ว” ผมพูดแทรกพร้อมหันหน้าหนี  การยับยั้งความคิดของเขาเพื่อที่จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย

“ก็ได้ครับ ถ้าคำตอบของผมจะทำให้คุณหยุดทำกะล่อนกับผมในตอนนี้เพื่อโฟกัสกับการชก” สมุทรพูดขึ้น  ผมหันขวับกลับไปมองตาเกือบโต

“เอาเป็นว่าผมตกลง เพราะยังไง..มันก็อาจจะห้าสิบห้าสิบอยู่แล้ว ไอ้ป้องก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวนะครับ ขอเตือนให้ระวังตัวด้วย” เขาพูดย้ำด้วยรอยยิ้มกวนโอ๊ย  ผมแสยะยิ้มมองไม่วางตา  พี่ธานเดินเข้ามาแทรกบทสนทนาพอดี  อีกฝ่ายเหลือบตามองเราทั้งคู่กะหลับกะเหลือก  สมุทรผงกหัวน้อย ๆ ปลีกตัวออกไป

“มีอะไรที่ผมควรรู้ไหมครับ” พี่ธานถาม  แววตามองมาอย่างรู้ทัน  ผมไม่ตอบ  เมื่อพันมือเสร็จจึงลุกขึ้นยืน 

“ถึงคืนนี้ผมจะต้องตาย ผมก็จะหนีนรกกลับมาอีก” ผมยักคิ้วบอก  พี่ธานปิดปากกลั้นหัวเราะทั้งที่ยังไม่รู้สาเหตุ

“เฮ้อ เป้าหมายใหม่ของการชนะ” ผมเบะปากยิ้ม ๆ

“โดนท้าทายเอาซะเลือดลมสูบฉีดเลย” ผมว่า  พี่ธานส่ายหัวไปมายิ้ม ๆ  ไร้คำพูดระหว่างเราทั้งคู่อีก 

การประกาศรายชื่อของนักมวยรอบชิงชนะเลิศเป็นชื่อของไอ้ป้องขึ้นก่อนที่จะประกาศชื่อของผม  เสียงโห่ร้องกึกก้องดังระงม  ฟังแทบไม่ออกว่าเชียร์ใครเป็นใครบ้าง  ผมคิดว่าเซียนมวยหลายคนคงจะดูออกว่าเบื้องหลังมีการเล่นไม่ซื่ออยู่

การชกแบ่งออกเป็นสามยก  ยกละสามนาที  เกินคาดนิดหน่อยที่ไอ้ป้องไม่มีท่าทีตื่นตระหนกต่อคู่ต่อสู้อย่างผมแต่อย่างใด  แต่ก็เป็นไปตามคาดที่สายตาของมันมีแต่ความเกลียดชังที่มีให้กับผม  และแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการเอาชนะ  ความแข็งแกร่งของศิลปะการต่อสู้ก็ทำให้เราคลั่งความรุนแรงจนบางทีเราก็หลงลืมไปว่า  ศาสตร์ของมวยไทยแท้จริงแล้วไม่ใช่แค่การแสดงถึงความแข็งแกร่งเท่านั้น  แต่เป็นการต่อสู้ที่สวยงาม  ที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ไปคู่ขนาดกัน 

..คำเตือนของสมุทรหลุดเข้ามาในหัวเป็นครั้งคราว  ผมปล่อยหมัดแย็บออกไปเพื่อลองเชิงดูปฏิกิริยาจากฝั่งตรงข้าม  อีกฝ่ายถนัดลูกถีบจริงอย่างที่สมุทรว่าเอาไว้  มันขยันถีบจนน่ารำคาญเป็นบ้า

“เฮ้!” เสียงร้องเฮดังลั่นเมื่อไอ้ป้องพลาดท่าจากการตั้งใจปล่อยจระเข้ฟาดหางใส่ผม  โดยผมสามารถหลบได้จนอีกฝ่ายเกือบล้มลงหน้ากระแทก  ระหว่างยกแรก ผมแทบไม่ทำอะไรเลยนอกจากปัดป้องอาวุธจากฝั่งตรงข้ามและปล่อยหมัดแย็บลองเท่านั้น 

การชกสไตล์ของสมุทรวนเข้ามาในหัว  หมอนั่นเคลื่อนไหวค่อนข้างช้า  ดูลังเลแต่กลับปล่อยอาวุธใส่อย่างมั่นคง  ซึ่งไม่ใช่สไตล์การชกของผมเท่าไหร่  แต่ปัดไม่ได้ว่าเป็นการชกที่น่าสนใจและใช้ได้ผล ณ ตอนนี้  ผมคืบคลานปลายเท้าอย่างมีจังหวะโดยมุ่งตำแหน่งที่ต้องการจะไปโดยให้คู่ต่อสู้เป็นคนบังคับทิศทาง  ไอ้ป้องสบตาผมครั้งคราว  สายตาของมันเริ่มสับสนที่คงรู้ว่าผมไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างอย่างจริงจังเสียทีจนยกแรกหมดลง   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 07-09-2016 22:49:23

“เก็บความรู้พอรึยังครับ” พี่ธานประชดทันทีเมื่อผมเข้ามุม

“หึ..” ผมหัวเราะ  เบื่อคนรู้ทันจริง ๆ  ลุงลอยและพี่ธานช่วยกันเช็ดเหงื่อออกจากตัว  เหงื่อออกไม่เยอะเท่าที่ควรเพราะการบังคับลมหายใจให้เป็นไปค่อนข้างช้า  ตาเหลือบมองไปที่ด้านข้างเวที  พายุมองผมอยู่ที่เดิม  นั่นคือองศาประจำที่ไม่ว่าผมขึ้นชกเมื่อไหร่มันก็จะอยู่ที่องศานั้นเสมอ 

“มันชอบถีบสุ่มสี่สุ่มห้าดีนัก นาคาบิดหางไปเลย” ลุงลอยพูด

“ครับ” ผมสบตาลุงแกรับปาก  เสียงระฆังดังส่งสัญญาณ 

การชกในยกนี้ผมยังคงเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับตั้งรับตามเดิม  แต่ต้องไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว  ครั้งนี้ผมจะเป็นฝ่ายเริ่มปล่อยอาวุธหนักขึ้นบ้าง  ไอ้ป้องได้ใจปล่อยหมัดเร็วแรงเมื่อแรกเริ่ม  ทุกครั้งที่ผมเบี่ยงตัวหลบก็มักจะมีโอกาสทำให้ปล่อยอาวุธกลับไปได้  การชกหมัดต่อหมัดเพื่อสร้างสีสันให้ผู้ชม  แบบนี้สนุกกว่าเป็นไหน ๆ  ช่องโหว่เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไอ้ป้องถีบมาที่หน้าท้องด้วยคิดว่าเป็นโอกาสของตน  เท้าซ้ายของผมรับน้ำหนักตัวตั้งหลักไว้ได้ในทันที  มือขวาตั้งฝ่ามือรับปลายเท้าจากคู่ต่อสู้  ออกแรงจับไว้แน่นพร้อมพลิกบิด  ทันทีนั้นเจ้าของร่างกายหน้าถอดสี  เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีที่ผมดึงส้นเท้าของไอ้ป้องเข้าหาตัว  เข่าของผมก็แทงเข้าที่น่องของมันเต็มแรงจนอีกฝ่ายล้มลง 

“เฮ้ !!!!” เสียงเชียร์ดังระงมขึ้นอีกครั้ง  กรรมการเข้ามานับทันใด  ไอ้ป้องลุกขึ้นได้  มันกัดฟันแน่นพร้อมกับสายตาที่เกรี้ยวโกรธหนักกว่าก่อนหน้า  ผมเอียงคอเล็กน้อย  ตามองไปที่คนตรงหน้าอย่างไร้ความหมาย  รอยยิ้มแสยะออกให้ทีละนิด  ทันทีนั้นเองผมก็แทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกอีก  ลำตัวพุ่งเข้าหาและรับหมัดจากไอ้ป้องอย่างจงใจคลุกวงใน
 
“แฮก ๆ ๆ” เสียงหอบแรงจากคนตรงหน้า  ผมล็อกคอไอ้ป้องไว้แน่นจนหลังของมันเซเข้าขอบเวที 

“พวกมึงจะจัดการกูไม่ใช่เหรอ เอาเลยซี่..กูอยู่นี่แล้วไง” ผมกัดฟันกระซิบปนหัวเราะ 

“อ้าก!” ไอ้ป้องร้องคำราม  เข่ากระทุ้งตัวดันผมออกแทบกระเด็น  ผมยิ้มกว้าง  ตัวเซออกมาพร้อมผายมือออกอย่างท้าทาย  โดยปกติแล้วผมไม่เคยคิดทำท่าทางเช่นนี้กับใครบนเวทีเพราะมันถือเป็นการไม่ให้เกียรติคู่ต่อสู้  แต่สำหรับวันนี้ยกให้ไอ้นพเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน  อีกฝ่ายพุ่งสู้เข้าหา  ปลายเท้าผมกวาดออกหลอกคล้ายกับจะจระเข้ฟาดหางเพื่อจนใจให้มันหลบเอาได้  เมื่อหมุนตัวกลับมาหลักยืนมวยทรงตัวไว้  เท้าขวายกขึ้นถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้ป้องจนตัวมันกระเด็นไปไกล  หลังกระแทกเข้ากับมุมเวทีฝั่งของตน  เสียงโฆษกและเสียงคนเชียร์ไม่รู้ใครเป็นใคร  ผมเดินดุ่ม ๆ เข้าหาอย่างไม่สนว่ากรรมการที่เข้ามาแทรก  ไอ้ป้องพยายามที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง  เมื่อกรรมการส่งสัญญาณมือให้ชกต่อได้  ผมก็คว้าตัวมันเข้ามาปล้ำมวยอย่างไม่ให้ใครได้พักแม้แต่จะหายใจ

“รสชาติเป็นไง ชอบไม่ใช่เหรอ..มอญยันหลักน่ะ ฮี่ ๆ ๆ” ผมแสยะหัวเราะ

“ไอ้สัตว์!” มันกัดฟันถลึงตาโต 

“จุ ๆ หยาบคายจัง” ผมเบ้ปาก  คนดูโห่ร้องเป็นจังหวะจะโคนไปกับการปล้ำตีเข่าของเราทั้งคู่ที่แลกเข่าแทงกันอย่างไม่มียั้ง  ผมแทบจะไม่ป้องกันตัวเองอย่างที่ควร  ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำของคู่ชก  เจ้ามือรับแทงมวยจะต้องเป็นบ้าตายยันนาทีสุดท้ายเป็นแน่  นั่นละที่ต้องการ  ครู่หนึ่งเมื่อผมเริ่มแน่ใจว่าขาของไอ้ป้องเกินที่จะรับน้ำหนักของตัวเองเอาไว้ได้  ส่วนตัวผมยังไม่รู้สึกเหนื่อยจนขาดใจ  ตอนนี้รับรู้ได้เพียงว่าชายโครงที่ไอ้บูรณ์เล่นงานผมไว้นั้นมันเริ่มออกอาการเมื่อถูกชกซ้ำ ๆ จากไอ้ป้องจนทำให้ผมหายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร  หมัดแลกหมัดต่อหมัดไม่เว้นช่วง  เลือดของไอ้ป้องไหลออกมาทางจมูก  หางตาของผมกำลังมีบางอย่างไหลเข้าตาจนทำให้มองไม่ชัดเช่นกัน  ทันทีนั้นระฆังก็ดังขึ้นอีกครั้ง..

“แกปล่อยการ์ดทำไมบ่อยนักวะ!” ลุงลอยโวยวายด้วยสีหน้าโกรธจัด  แกรู้ดีที่สุดว่าไม่ว่าผมจะเหนื่อยแค่ไหน  ผมเป็นหนึ่งในนักมวยไม่กี่คนในค่ายที่การ์ดไม่เคยตกเลย

“ตาผมเป็นไง ?” ผมถามถึง  พี่ธานใส่ถุงมือยางนำสำลีเช็ดเลือดที่หางคิ้วออกให้

“ปกติดีครับ” พี่ธานตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ  ลุงลอยถอดฟันยางออก  น้ำถูกกรอกใส่ปากก่อนที่ผมจะพ่นมันออกมา

“สมุทรมันชกแบบนั้นของมันไปได้ยังไงเป็นปี ๆ  ไอ้บ้าเอ๊ย..โดนยำน่วมเลย” ผมสบถอย่างอดบ่นไม่ได้ 

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานขำ 

“ไฟ!” ลุงลอยจับหน้าผมไปทั้งสองมือ  แกเหลือกตาถลึงโต

“ครับ” ผมมองหน้า

“เลิกทำแบบเมื่อกี้ได้แล้ว รีบจัดการซะ!” ลุงลอยกระแทกเสียงเข้ม  ผมอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนอ้าปากรับฟันยางกลับเข้ามา  พี่ธานมัดเชือกที่หลุดออกเก็บเข้าที่ตามเดิมจนเรียบร้อย  ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกแรง  สติกลับมาเป็นคนเดิม  การเริ่มของจริงทำให้รู้สึกอย่างกับว่านี่คือยกแรกอย่างนั้น  เสียงระฆังดังขึ้น  โฆษกมวยพูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่สนใจจะฟังมันอีก  หมัดแย็บถูกปล่อยออกตามที่สมุทรแนะนำ  แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การแย็บอย่างยกก่อน ๆ เพื่อต้องการลองเชิงอีกฝ่าย  นี่คือการแย็บเร็วในสไตล์ของผม

“แย็บ ๆ ๆ!” เสียงตะโกนพากษ์จากครูมวยฝั่งของผมดังประสานพร้อมกับเสียงเชียร์ของคนดู  ผมไม่ปล่อยให้การ์ดตก  อีกทั้งไม่เปิดช่องว่างให้ไอ้ป้องปล่อยอาวุธใด ๆ อย่างยกก่อน ๆ ได้อีกด้วย  การกวาดปลายเท้าเป็นไปอย่างระวังพร้อมบุกเข้าหาอย่างมั่นคง 

“เออ! แทงเข้าไป! แทง ๆ ๆ ๆ!!!” โฆษกต่างประสานเสียง

“เป็นที่รู้กันว่าลูกของลมหวนนี่เป็นมวยเข่าจริง ๆ  คลุกแทงวงในอย่างไม่กลัวคู่ต่อสู้เลยครับท่านผู้ชม สีหมอก ส.โชคเจริญจะรอดรึเปล่า! รอดรึเปล่า ไส้จะไหลรึเปล่า โอ้โอ๊ย..สับขาหลอก!” 

“ไม่มีการลองเชิงเลยครับสำหรับยกนี้ ฉลามขาวของเราบุกลูกเดียว กรรมการไม่มีเวลาให้สับมือกันเลยทีเดียว”

“เฮ้!!!”

“ฟืด! ฮ้า.. ฮา” เสียงหอบหายใจทั้งจากผมและไอ้ป้องต่างปะทะกัน  ชายโครงของผมที่ถูกมันชกซ้ำเข้าเมื่อครู่ถึงหลายหมัดเริ่มแสดงอาการเจ็บ  เสียงเตะเข้าที่ลำตัวสลับซ้ายขวาทั้งจากผมและมันดังอย่างต่อเนื่อง  ตับ ๆ ๆ ๆ ๆ!  จนเรียกเสียงแห่งความสะใจจากผู้ชมเป็นทำนอง

“เหลี่ยมเข่า! เหลี่ยมเข่า!! โดนยัดไส้เข้าให้แล้วครับสีหมอก..สีหมอกจะแก้เกมได้หรือไม่ แทบไม่ได้ปล่อยอาวุธก้านคอเลยครับวันนี้ แหม่..บุกไม่เกรงใจเลือดที่หางคิ้วเลยนะครับไฟ ศิษย์ลมหวน” ทันทีที่หมดเสียงพากษ์  ไอ้ป้องออกแรงที่มีรั้งขอของผมเพื่อจงใจแก้เกมแทงเข่าผมกลับ  ผมหดคอหนีโดยอัตโนมัติ  ตัวที่ชุ่มเหงื่อช่วยให้หลุดออกมาได้ง่ายมากขึ้น  ขาซ้ายปัดหลบหลีกพร้อมเสียบเข่าขวาย้อนกลับทันใด 

“สีหมอกเสียทรงแล้ว โอ้ว!”

“ไม่จบด้วยท่านี้สิ” ผมพึมพำพูดถึงคนตรงหน้า  กรรมการเริ่มสับมือ  ไอ้ป้องไม่รอช้า  มันฮุกหมัดขวาสวนเข้าที่หน้า  ตัวผมเบี่ยงหลบหลีกได้ทัน  แขนคว้ากึ่งล็อกคอของมันมาเป็นหลัก  ได้จังหวะนั้นจึงปล่อยเข่ากระแทกเข้าที่หน้าจนอีกฝ่ายหงายหลังหมดท่าลงนอน

“โว้ว! สีหมอกเจอศิษย์ลมหวนหักคอเอราวัณล้มไปแล้วครับคุณผู้ชม!!”

“แม่งเอ๊ย” ผมกัดฟันสบถอย่างนึกหงุดหงิด  ลืมตัว..ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้สักหน่อย  กรรมการเริ่มนับอีกครั้ง 

“แฮก! ฟืด ๆ” ผมสูดหายใจเข้าเป็นจังหวะ  ยืนมองหวังให้ไอ้ป้องมีแรงลุกขึ้นมาสู้กันต่อ  ผมไม่ต้องการให้มันน็อกไปทั้งอย่างนี้  ไม่ใช่ท่านี้  ต้องไม่ใช่แบบนั้น 

ไอ้ป้องนำมือดันตัวลุกขึ้นสุดแรงที่มี  เมื่อมันพยักหน้าส่งสัญญาณว่าตนสามารถชกต่อได้  การชกจึงเริ่มขึ้นอีก  ผมยิ้มกว้างด้วยนึกชอบใจ  อีกฝ่ายกัดฟันสบถคำรามเรียกพละกำลัง  ทั้งเลือดทั้งเหงื่อกลิ่นคละคลุ้ง  ไอ้ป้องสู้สุดแรงที่มีเหลืออย่างไม่ย่อถอย  เลือดที่หางตาเริ่มไหลลงเปื้อนจนแทบปิดเปลือกตาของผมอีกครั้ง  ทันทีนั้นผมจึงลำคอหดลง  ลำตัวปิดการ์ดเพื่อป้องกันตนเอง  ปิดหัวไหล่ห่อพร้อมซ่อนคาง  รับรู้ถึงลมหายใจที่หอบแรงและจับจังหวะของปลายเท้าให้โยกไปด้วยน้ำหนักที่เป็นปกติแบบที่ต้องการ  ผมช้อนตาขึ้นมองคู่ต่อสู้  ไอ้ป้องปล่อยหมัดบ้าพลังบุกเข้ามา  ผมจับจังหวะรอให้อีกฝ่ายปล่อยอาวุธที่มันถนัด  พอมันเตะซ้ายผมจึงเตะขวา  ใกล้หมดเวลายกสุดท้ายเต็มทีแล้ว 

..ผมจะน็อกมัน  นั่นคือความตั้งใจ  เสียงการก้าวบุกคล้ายต่างพร้อมออกฤทธิ์ของแม่ไม้ที่ตนมี  ต่างฝ่ายต่างจะทำสิ่งที่ตนถนัด  ผมที่ไวกว่าทำให้ไม่ถึงวินาทีเข่าของผมก็กระโดดสวนเข้าที่ปลายคางในจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้ป้องพุ่งตัวเข้ามา



ตึง !!!!!   ..เสียงกระแทกเวทีดังลั่นสนามแข่งขัน

“โอ้!! สีหมอกเจอเข่าลอยล้มลงไปแล้วครับ!!!” โฆษกแทบกรีดร้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน  ผมยืนมองผลงานที่นอนตัวกระตุกอยู่กลางเวที  กรรมการเริ่มนับแต่เสียงโห่ร้องแทบไม่สนใจคนเจ็บเสียแล้ว  เลือดที่ไหลปิดตาข้างหนึ่งทำให้ผมมองเห็นไม่ค่อยชัดนัก  ไอ้บูรณ์ยืนหลบมุมอยู่ทางด้านหลังของเจ้านายตน  ผมยักคิ้วให้  อีกฝ่ายอมยิ้มน้อย ๆ ตอบที่มุมปากก่อนเดินจากไป  ฟันยางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย  ผมปลิ้นมันออกมาพลางฉีกยิ้มให้เสี่ยปรีดาที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่โซนวีไอพี  ผมไม่สนด้วยซ้ำว่าโฆษกกำลังพูดห่าเหวอะไร  ไม่สนแม้เปลพยาบาลกำลังลอยขึ้นมาบนเวทีและคนที่กำลังจะถูกหามไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นได้เร็ว ๆ นี้

ระยำ.. ถือว่ายังโดยน้อยไปด้วยซ้ำหากต้องเทียบกับสภาพของไอ้นพ  กรรมการชี้ขาดให้ผมเป็นฝ่ายชนะขาดลอย  แขนของผมถูกยกขึ้นไปพร้อม ๆ กับพวกพี่ธานและลุงลอยที่กระโดดขึ้นมาบนเวที  ตัวถูกอุ้มลอยขึ้นง่าย ๆ  ผมรับถ้วยรางวัลมาถือไว้ครู่เดียวก็ยื่นให้ลุงลอยแกเป็นคนรับผิดชอบต่อ

เสียงจ้อกแจ้กจอแจในห้องพักจนฟังไม่ได้ศัพท์  ทุกคนในค่ายต่างดีใจที่ค่ายของเราชนะมันทั้งสองรุ่น  พี่ธานพาผมเดินมานั่งที่เตียง  ชายโครงขยับแรงขึ้นกว่าเดิมคล้ายประท้วงร่างกายให้ทราบ  ทันทีที่ก้นของผมแตะลงที่เบาะ  มือของพายุก็แตะเข้าที่ระหว่างเอวของผมอย่างจัง

“ไอ้ยุ! ระยำเอ๊ย!!” ผมสบถด้วยความหงุดหงิด  มือปัดมือพายุออกอย่างแรง  อีกฝ่ายหน้าเสีย  เมื่อผมได้สติจึงถอนหายใจออกมา  พายุมองค้อนผมตลอดเวลาแต่มือกลับไม่หยุดขยับเปิดขวดน้ำให้ 

“สัตว์..มึงจะฆ่ากูรึไง!” ผมบ่น  มันยื่นขวดน้ำมาให้

“ไม่ตายหรอกน่า ไปกวนมันอยู่เมื่อกี้..ปล่อยให้มันซ้ำชายโครงอยู่ได้ยังไม่เห็นบ่นสักคำ” พายุขึ้นเสียงใส่  ผมฟังเงียบ ๆ  น้ำที่ดื่มค่อนข้างลำบากทำให้หกเลอะเทอะ  สมุทรนำผ้าสะอาดมาเช็ดปากให้พร้อมกับเช็ดเหงื่อที่ตัวผมให้ด้วย  ไอ้รุ่งกุลีกุจอเช็ดเลือดที่หางคิ้ว   

“ไปเอาเงินมา” ผมสั่งเสียงแหบ  ทุกคนหยุดปากเงียบลง

“ไปเอาเงินมาเดี๋ยวนี้” ผมพูดซ้ำตาขวาง  พายุถอนหายใจก่อนเดินออกไปตามที่สั่ง  ผมปัดมือส่งสัญญาณให้พี่ธานกับไอ้เข้มตามไปด้วย 

“ยังห่วงเงินอีกนะครับ คุณนี่มันจริง ๆ” คนข้าง ๆ เอ่ยปากบ่น  ผมเหลือบมอง  สมุทรไม่แม้สบตาแต่จับมือผมไปเพื่อจัดการแก้เชือกออกให้อย่างเบามือ  ผมไม่ย้อนอะไรสักคำ.. เหนื่อย

“ติดต่อไอ้เด่นซิ” ผมพูดขึ้น  สมุทรหยิบโทรศัพท์กดโทรออก  ครู่หนึ่งเขาก็ถือโทรศัพท์นำมาแนบที่ข้างหูให้ผม

“ครับนาย” ปลายสายทัก

“ไอ้นพเป็นไงบ้าง” ผมถาม

“ปลอดภัยแล้วครับ เพิ่งเข้าห้องพิเศษเรียบร้อยเมื่อกี้นี้เองครับ” ไอ้เด่นตอบเสียงใส

“ดี..เดี๋ยวกูกำลังจะไปที่นั่น มึงรอก่อนแล้วกัน” ผมสั่ง

“ได้ครับนาย” ปลายสายรับปาก  ผมเบี่ยงหน้าออกเล็กน้อยเป็นการบอกให้สมุทรจัดการวางสายลงได้  เขากดตัดสาย  เก็บโทรศัพท์มือถือเข้าที่เดิมแล้วทำหน้าที่แก้เชือกต่อ  ครูมวยเข้ามาแสดงความยินดี  ผมได้แต่ยิ้มรับให้กับทุกคน  เหงื่อผมแห้งดีแล้วเพราะสมุทรเป็นคนจัดการเช็ดให้  ให้หลังไม่นานนักพายุก็กลับมาพร้อมกับเช็คจากเฮียกานต์และเงินรางวัลที่ควรได้รับจากการแข่งขันชนะ

“ผมจะไปดูไอ้นพหน่อย” ผมกระซิบบอกพี่ธาน

“ก็ดีครับ ผมว่าคุณไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่า” พี่ธานพูด

“ขอโทษนะคะ” ทีมพยาบาลประจำค่ายเดินเข้ามา

“ไม่ครับ เราจะไปโรงพยาบาล ขอบคุณ” พี่ธานกันท่าพยาบาลออกห่างไม่ไว้หน้า  ผมลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องพักเพื่อจะเปลี่ยนกางเกง  พี่ธานไม่อนุญาตให้ใครเข้ามานอกจากพี่เขา  อีกฝ่ายปิดห้องทันทีก่อนที่ผมจะถอดกางเกงออกด้วยซ้ำ 

“เฮียว่าไง ?” ผมถามถึง  กางเกงและกระจับหลุดออกไปแล้ว  พี่ธานเบี่ยงตัวยืนคุมอยู่ที่หน้าห้องโดยไม่ได้หันหน้ามา
 
“คาดว่าน่าจะได้ไปเยอะพอสมควรครับ ยิ้มร่าเลย..บอกขอบคุณคุณด้วย” พี่ธานตอบ  ผมอมยิ้ม  ก้มลงใส่กางเกงใน

“ไม่อยากใส่เลย” ผมบ่น  กูเบื่อกางเกงใน

“ใส่เถอะครับ” พี่ธานย้อนทันทีทำเอาผมแทบหลุดขำ

“คัดคนไปเฝ้าไอ้นพด้วย” ผมสั่ง

“ผมกับพี่นีเตรียมคนไว้พร้อมแล้วครับ” พี่ธานตอบ  ผมพยักหน้า  ผมใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอย่างลวก ๆ เพื่อไม่ให้อุจาดตาเท่านั้น  เมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องสมุทรก็แทรกตัวเข้าไปเก็บข้าวของของผมในทันที  ผมลาครูมวยและทุก ๆ คนในค่ายเพราะวันนี้ผมคงไม่มีอารมณ์ที่จะไปพบปะทุกคนหลังอาหารมื้อเย็นอีก  พี่ธาน  พายุ  สมุทรและไอ้เข้มพาตัวผมหลบหลีกออกจากนักข่าวที่ยืนรอสัมภาษณ์อยู่ที่หน้าห้อง  มันคงแปลกมากที่ผมไม่ให้สัมภาษณ์ใครแม้กระทั่งกับเจ้าของสนามแห่งนี้  แต่ช่างเถอะ ผมถือว่างานของผมจบไปตั้งแต่ที่ผมได้รับเงินแล้ว 

“นั่นมัน..ใช่ผู้กองมาดรึเปล่าครับ” พี่ธานทัก  ผมหันไปมองตามก็พบผู้กองมาดกำลังเดินเข้าไปในสนามแข่งพอดี  อีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเห็นพวกเรา

“เขามาทำอะไรที่นี่” พี่ธานบ่น 


ก๊อก  ๆ   ..ผมเคาะนิ้วลงที่ท้ายรถเพื่อเป็นการบอกให้เปิดออก  สมุทรเปิดท้ายรถทันทีโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากสั่ง  การที่ผมไม่ต้องอ้าปากขยายความแบบนี้คล้ายกับได้ร่วมงานกันมานาน  ซึ่งมันทำให้ผมหัวเราะได้นิดหน่อยเพราะเขาฉลาดดี  เมื่อท้ายรถถูกเปิดออก  พี่ธานก็ก้มลงเปิดกล่องไม้เท้าให้อย่างรู้ใจเช่นกัน  ผมยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง  ในกล่องนั้นมีไม้เท้าอยู่ทั้งหมดสามแบบ  ผมหยิบอันที่คุ้นมือที่สุดออกมา  ไม้เท้าหัวสุนัขที่พายุเป็นคนซื้อมาให้อีกนั่นล่ะ  ลำไม้เคลือบทองแท้  ผมว่ามันเป็นน้องชายที่พิถีพิถันสุด ๆ เท่าที่ผมเคยพบเจอมาเลย

“ไปโรงพบาบาล” พี่ธานสั่ง  สมุทรผงกหัวรับทราบพร้อมเปิดประตูรถรอ 

“..สัญญาให้ไว้ยังจำ” ผมแสยะปากร้องลอย ๆ กวนใครบางคนที่ยืนคุมรอปิดประตูรถให้อยู่




..............(ไฟ)..............

จากผู้เขียน:
.. สำหรับตอนต่อไปยังไม่ทราบว่าจะมาเร็วได้ที่สุดเมื่อไหร่นะคะ  ตั้งแต่ที่ต่อตอนที่ 27 ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ที่ผ่านมา  ส่วนตัวก็พยายามเร่งสำหรับตอนที่ 28 แล้ว  แต่เร็วได้สุดเท่านี้จริง ๆ ค่ะ T T ช่วงนี้เบบี้มีงานต้องเคลียร์อีก  แต่จะพยายามไม่ปล่อยเว้นให้นานจนเกินไปค่ะ (หวังว่า)  :m15: ปล.สำหรับตอนนี้หากมีคำผิดที่ใดต้องขออภัย  เพราะไม่สามารถตรวจทานได้ไหว(อีก)

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 07-09-2016 22:51:10
ลงเล่นเองแบบนี้ สนามแตกแน่ ๆ
หลังจากนั้น คงได้ตามเช็ดตามเก็บ ในแบบฉบับของไฟ เป็นแน่แท้  :เฮ้อ:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ หนูบี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 07-09-2016 23:59:17
หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ยังมีเวลามาจีบกันได้หวานจนนนนนน ไฟรุกหนักมากเค้าจะไปเดตกันแล้วววว
ขอบคุณและรอติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 08-09-2016 00:07:20
 :katai2-1: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-ram 70 ที่ 08-09-2016 00:19:09
คู่นี้บอกเลย สมน้ำสมเนื้อมาก :haun4:

#ทีมสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-09-2016 00:20:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 08-09-2016 05:52:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 08-09-2016 07:59:11
หนุกงะ รอให้คุณไฟกะคุณทะเลเข้าด้ายเข้าเข็มกัน แหม  น้ำกะไฟจะมารวมกันไงน้อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-09-2016 08:28:09
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 08-09-2016 08:44:56
ลุ้นทุกตัวอักษรจริงๆ ถึงจะตื่นเต้น ลุ้นระทึก แต่ไฟก็หยอดสมุทรได้ทุกเวลาจริงๆ 55555
ต่อไปก็รอเวลาออกเดทกันแล้วซิ o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 08-09-2016 08:49:26
ว่างเมื่อไรค่อยมาต่อก็ได้ครับ   รอได้เสมอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 08-09-2016 09:04:10
บรรยายเห็นภาพเลยอย่างกะดูมวยในสนาม  ลุ้นละทึก สุดยอด  มันส์หยด

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-09-2016 09:39:51
คุณเบบี๋ สุดยอดดดดดด มันส์มาก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อ่านอย่างสนุก อารมณ์ร่วมมาเต็มๆ ลุ้นระทึก
ไฟ ใช้พลังเต็มเปี่ยม มีลูกเล่น ลูกหลอก
สมเป็นหลานรักที่ถ่ายทอดลูกกะล่อนจากปู่
เสี่ยปรีดา เจ๊ปราณีไม่ปราศรัย และกริด คงแทบกระอัก
เฮียกานต์ สนพายุ ชอบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  อยากเผือกด้วย
รอ สมุทร ไฟ เดท ตอนใหม่ อย่างใจจดใจจ่อ :mew1: :mew1: :mew1:
    :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฝน ต้นหนาว ที่ 08-09-2016 10:07:53
ถือว่าคืบหน้า กร๊าซซซซ ชอบคุณไฟมาก อยากได้  :ling1: :ling1: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 08-09-2016 10:33:06
มันสนุกทุกตอน ทุกตัวอักษร เหมือนไปนั่งดูมวยอยู่ข้างๆสนาม โหย รอตอนต่อไปแทบไม่ไหวแล้ว  ไฟเก่งมาก รักนะ :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 08-09-2016 13:28:27
คุณไฟของบ่าวววววววววว เต๊่าะได้ทุกสถานการณ์จริงๆ
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 08-09-2016 14:40:19
ไฟนี่ไม่ว่าสถานะการณ์ไหนก็สามารถหยอดสมุทรได้ทุกที่ทุกเวลารอเวลาเค้าไปเดทด้วยกันอิิ

หลงรักพี่ธานดูเป็นพี่ใหญ่สำหรับน้องๆมากนะแบบรู้ทันไปซะทุกเรื่องด้วย

ขอบคุณค่ะมาอ่าน2ตอนรวดตาแทบแฉะ :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: flowerloveyaoi ที่ 08-09-2016 15:03:30
ขอบคุณมากค่ะ มาต่อยาวจุใจมากกก~ มาต่ออีกเร็วๆนะ

คุณไฟนี่รุกหนักจริงๆแต่เราชอบ555 สมุทรจ๋าหวั่นไหวเร็วๆนะแล้วรุกคุณไฟบ้าง อิอิ 
แล้วมาดูกันว่าใครจะเป็นคนบ้ารักกัน นี่รอมานานละ แต่น่าจะเป็นคุณไฟสินะ~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 08-09-2016 15:23:03
ไฟกวน_ีนสุดๆ  ชอบพี่ธานแฮะตามไฟทันตลอด สมุทรทำใจเถอะนายกวนอารมณ์สุดๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 08-09-2016 16:14:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ขุ่นไฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 08-09-2016 16:31:29
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 08-09-2016 17:10:28
ในที่สุดก็เอ่ยปากจีบตรงๆ เค้าขอเดทกันล๊าวววววววววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 08-09-2016 19:42:33
ความรู้สึกเราหยั่งกะนั่งอยู่ข้างเวทีแน่ะ มันส์มาก o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 08-09-2016 20:04:52
ตอนนี้ยาวจุใจ ขอบคุณเบบี้มากกเลยจ้าาา
 :pig4:

ปล. เชียร์ให้สมุทรจัดให้ไฟหายคันเร็วๆ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 08-09-2016 20:06:46
ชอบอ่ะชอบบบบบบบบบบบ หลงไฟเข้าแล้วเต็มเปา รักนางงงงงงงงงงงงงงง :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 08-09-2016 20:20:28
โอ๊ยยย นี่ก็ลุ้นพี่ไฟเหลือเกิน ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าจะชนะอะนะ

ตอนหน้าก็...ไปเดทกันเถอะๆๆๆๆ เราคิดว่าเดทของพี่ไฟอาจจะไม่ได้หมายถึงเดทแบบที่สมุทรคิดอยู่ ไอ้พี่ไฟมันต้องมีอะไรๆเยอะกว่านั้นแน่ๆ  :hao7:

เป็นกำลังใจให้เบบี้นะคะ ติดตามรอตอนต่อไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 08-09-2016 22:22:55
 :z2: ได้เดทสมใจ ต้องขอบคุณเข่านะไฟนะ คนอะไรได้เดทเพราะมีเข่าเป็นอาวุธ หึหึหึ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 09-09-2016 00:24:21
รู้สึกเหนื่อยไปกับไฟมากจริงๆ ไม่รู้จะเรียกว่าทน หรือถึกดี แต่ถ้าสมุทรเคยเจอสถานการณ์ล้มมวยอย่างนี้มาก่อน ก็คงจะเป็นสิ่งท่ีเลวร้ายสุดๆ ไปเลย อย่างที่ไฟว่า ไม่รู้ว่าทนมาได้ยังไง. คิดว่าจากนี้ไปไฟคงไม่ยอมให้สมุทรไปล้มมวยให้ใครแล้วล่ะคะ. ถ้าจะล้มก็คงจะให้ล้มกับคุณได้แค่คนเดียว. อร๊ายยยยย!!!..... :-[


รตอนต่อไปนะคะ ป.ล.ชอบความคิดของไฟ เวลาสบท ความรู้สึกเมื่อเกิดจากสมุทร มันดูน่ารักดี ถึงน่ารักมากเลยค่ะ ชอบ :กอด1:


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 09-09-2016 00:55:55
อยากจะเข้าไปเชียร์พี่ไฟจริงๆ สะใจมากๆ เก่งสุดๆไปเลยค่ะ ชอบพี่ไฟตอนอยู่กับพายุพี่ชอบแกล้งน้อง อยู่เรื่อย...555

ตอนนี้มีความสุขมากค่ะพี่ไฟคุยกับสมุทรเยอะ ทำให้ความรู้สึกว่าความสัมพันธ์มันยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม พี่ไฟเจ้าเล่ห์ ร้ายยยย แต่ขี้อ้อนยังไงก็ไม่รู้ ดูน่ารักมากก

 สมุทรก็ยังคงขรึม เป็นตัวของตัวเอง แต่แอบมีหลุดนะ เพราะพี่ไฟสินะ อิอิ

ชอบเวลาที่พี่ไฟอยู่กันสองคน เคมีเข้ากันสุดๆ คนอ่านก็ยิ้มแก้มจะแตกอยู่แล้ว เขินนนนมากบอกเลย

เขาจะไปเดทกันแล้วว :)  :o8: :o8:

ขอบคุณเบบี้มากค่ะ สนุกทุกตัวอักษรเลย 
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-09-2016 06:55:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 09-09-2016 07:58:48
โอ้ยมันมาก
เหมือนไปนั่งเชียร์คุณไฟอยู่ขอบสนาม
โกงมามันก็ต้องเจอแบบนี้ สะใจจจจ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: conanji ที่ 09-09-2016 15:07:52
เยี่ยมไปเลยคุณไฟ ทำให้มันรู้ว่าอย่ามาเล่นโง่ๆกับไฟ
เราชอบที่บอกว่า 'ทุกที่มันมีวงจรแย่ๆ ทำได้แค่ชินกับมัน' ทำได้แค่ชินจริงๆนั่นแหละ ต่อให้ซีเรียสยังไงคุณไฟก็ยังจะเต๊าะสมุทรได้เนอะ สมุทรลูกจะใจแข็งได้แค่ไหนนนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 09-09-2016 15:26:17
ทำไมชอบเฮียกานต์ 5555555
พี่ไฟนี่เหี้ยจริงๆ นี่ชม
พายุน่ารักอ่ะ ดูห่วงพี่มากชอบความสัมพันธ์แบบนี้ อ่านแล้วปริ่ม~
ดีใจที่พี่ไฟได้เดท แล้วถ้าพี่ไฟจะส่งมอบพายุให้เฮัยกานต์ แม้เราจะเชียร์พี่ธานมาก่อน เราก็โอเคนะ
คึคึ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 09-09-2016 19:17:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-09-2016 01:18:49
 :mew3: ไปเดทททททททททททท อ๊างงงงงงงง อยากว๊าปไปตอนหน้า (ตอนที่ 29) 5555555 แค่คิดก็เขินอ่ะ ไฟยิ่งขี้แกล้ง ละไปแบบไม่ใช่เจ้านายลูกน้อง คือ ไปเดทอะไปเดท  เฮ้ยไฟ อยากเห็นว่ะ จุ๊บๆอ่ะ  :กอด1: กล้าไหมว่ะ ทำแล้วจะโดนถีบไหมละนั่น 555555555555555 //โห้ยยยยยยชกมวยมันส์มากกกกกก ยังกะนั่งอยู่ตรงนั้น บรรยายจนมโนเห็นภาพชกละบรรยากาศการแข่งได้ซะอินจริง สะใจโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย แก้แค้นให้นพ(ให้ตรูด้วย555) ไฟคนจริง ชนะใสๆด้วยเข่า ไฟ ศิษย์ลมหวน อย่าคิดจะแหย่นะมึงงงงงงงงง 55555555 //ไฟก็ยังเป็นไฟ กวนฮาแหย่รุกทะลึ่ง บทจะจริงจังก็จริงจัง พายุน่ารักมากกกกกกกก พี่น้องคู่นี้เป็นห่วงใยกันดี ผ่านไรกันมาเยอะ //พี่ธาน มีแบบ ตามไม่ทันไฟบ้างไหม 55555 ดีจริงที่มีพี่ธาน จัดการงานเรียบร้อยดีละกวนกันได้อี๊กกกก 555555 // โว๊ยยยยยยอยากอ่านตอนต่อไปแล้วววว อยากแอบตามไปเป็นสโตกเกอร์ดูเขาเดท 5555555 แต่เห็นว่าไรท์กำลังเคลียร์งาน แอบยุ่งๆ ว่างมีเวลาค่อยแต่งและอัพนะคะ ยังไงก็รอติดตามทุกๆตอนต่อไป ไฟท์ติ้งทุกงานค่ะ ฮึบๆ  :katai4: o13 ส่วนตอน 28 นี้ขอบคุณคะ ยาวดีจริงไม่ค้างตอนชก มันลุ้น 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 10-09-2016 06:43:54
ขอบคุณคนแต่งค่ะสนุกและมันส์มาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-09-2016 13:41:54
ไม่ได้เข้าเล้ามาครึ่งเดือน ตามอ่านสองตอนจุใจสุดๆ



เหนื่อยกาย เหนื่อยใจแทนคุณไฟจริงๆ



เรื่องหัวใจปิ๊งปั๊งกับสมุทรก็ไม่คืบน้า



เรื่องธุรกิจการค้้า+ค่ายมวย ก็มีแต่ปัญหา



คนชั่วๆ ร่วมมือกันหลายสาย หนึ่งสมอง สองมือสองขา จะฟันฝ่าพวกพวกนี้ได้นานแค่ใหน



คงได้แต่หวังว่าพี่ใหญ่ธาน น้องเล็กพายุ และ สมุทรคู่ใจ จะเคียงข้างพร้อมรบร่วมกับคุณไฟ



โถ๋คุณไฟของป้า เสร็จธุระที่โรงพยาบาลแล้วก็ กลับบ้านขอนอนหนุนตักสมุทรคลายเหนื่อยก็ดีนะ



สมุทรอย่าลืม ประคบร้อน ประคบเย็นให้คุณไฟเธอด้วยนะ วันนี้เธอเจ็บเยอะ เอ็นดูเธอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 10-09-2016 22:04:32
สมุทรเอ๋ย เสร็จคุณไฟแน่  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 13-09-2016 00:08:41
มาย้อนอ่านใหม่ ไม่น่าใช้เวลาถึงเดือนหรอกเนอะ 5555
 :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-09-2016 08:49:55
เข้ามาอวยว่าคุณไฟเก่งเว่อร์วังอลังการแท้เหลา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 13-09-2016 15:52:53
มาย้อนอ่านใหม่ ไม่น่าใช้เวลาถึงเดือนหรอกเนอะ 5555
 :mew3:

2 เดือนจะพอป่าว ???  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 13-09-2016 23:36:22
ตอนที่27-28นี่ อ่านสนุกมากอะบี้  ห่วงเจ้านพ  โกธรแทนคุณไฟ   ชอบบรรยายกาศน้องพายุห่วงพี่ชายมากด้วย
แต่ที่พีคคือ รุกจีบสมุทรในระหว่างหน้าสิ่วหน้าขวาน  ตอนสองนี้ครบรสมาก 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 14-09-2016 17:02:26
เป็นการอ่านที่ลุ้นเอามาก ๆ  และได้ความรู้เรื่องมวยมาเพียบเลย
แต่ก็ต้องสลับหน้าไปถามพี่ goo บ่อย ๆ เพราะอยากเห็นว่าทาทางของมวยที่เบบี้กล่าวมาเป็นยังไง
มันมากค่ะตอนนี้

ปล. รอตอนออกเดทนะ ฮิ้วววว...

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 15-09-2016 00:51:06
มาเร็วๆ นะไฟ เค้ารออยู่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 19-09-2016 19:47:05
ตอน 19

พี่ธานกับโปรดมีความไม่ลงรอยกันชัดเจนมาก ควรจะได้คู่กันค่ะ 555555
ไอ้เถื่อนของไอ้ดื้อโปรด  :hao6:
แต่จริงๆ โปรดดูไม่ปกติเหมือนพี่ไฟว่า ดูขี้โมโหเกินไป ยังดีโตขึ้นก็ดีขึ้นบ้าง เป็นพักๆ เหมือน "เด็กมีปัญหา หา หา หาใครไม่ได้เลยเธอ" (ร้องเพลงทำไม)

สมุทรเริ่มเล่นปากเล่นคำกับพี่ไฟแล้ววว งุงิๆ รักกันเร็วๆนะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 19-09-2016 23:05:36
20


เจ็บๆคันๆหัวใจยิบๆ เรื่องแฟนเก่าสมุทร โง้ยยยยยยย
แล้วส่งข้อความมาคือไร ไก่อ่อยหมา ดักไว้ก่อน กลัวหมางอนไม่มาหยอกต่อแล้ว งี้หรา
นี่เป็นคนขี้งอนนะ ถ้าสมุทรให้ความสำคัญกับแฟนเก่ามากกว่าพี่ไฟ น้องจะงอน!!!
(พี่ไฟบอกงอนเกินหน้าเกินตากูแล้ว 555)
เจ้าเมฆกับดาวก็ด้วย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 20-09-2016 00:55:48
21


ตัดจบแต่ละตอนนี่ ทรมานกันชัดๆเลย เบบี้ใจร้าย  :sad4:
จะตีหนึ่งแล้ววววววว ว กะจะนอนตั้งนานแล้ว ก็ลากยาวมาเรื่อยเลย


ได้เห็นฝีมือน้องยุแล้ว เหลือฝีมือกังฟูนะ คึคึ
คนชื่อทิวนี่จะมีบทบาทอะไรในอนาคตอะป่าว แล้วอีตาม่านจีบด้วยหมานี่ล่ะ สงสัยหลายสิ่ง 5555


ไฟสมุทรก็นะ คือตอนกุ๊กกิ๊กกันก็กระชุมกระชวยหัวใจดีเหลือเกิน ทั้งขำทั้งเขิน บิดหมอนน้ำลายไหล(?)
แต่พอเสียงชะนีโผล่มานี่ น้องหงิดเลยค่ะ
 :serius2:
หงิดค่ะ แต่ต้องหยุดอ่านก่อน กรี๊ดดดดดด ด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-09-2016 01:39:27
คิดถึงพี่ไฟจังเลยค่ะ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 20-09-2016 09:57:09
22


ค่อนข้างคิดมากเรื่องหยา แง้ แต่พี่ไฟดูจะแค่ติดใจเล็กๆน้อยๆ
มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นปัญหาในอนาคตได้อีก

พี่ไฟขี้หวง แต่แบบ สมุทรน่าจะเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ ไม่ใช่เข้าใจว่าพี่ไฟหวงพลอยไปแล้วหรอกนะ


แล้วก็คิดเหมือนกันกับพี่เลย ชีวิตจะยังไงต่ออีก คือ เห็นงานพี่แกแล้วเหนื่อยแทน สู้นะพี่ไฟ
ถ้าได้ความรักมา พี่จะเห็นทางเดินต่อไปเอง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 20-09-2016 12:28:29
23


เจริญมรณานุสติอยู่ทุกลมหายใจ
พี่ไฟต้องรีบรักสมุทรให้มากๆ จะได้มีห่วงดึงรั้งเอาไว้ 5555 ว่าไปนั่น

ชอบที่สองเกลอปรึกษากัน คือต่างคนต่างหลงรักชายแท้ด้วยกันทั้งคู่ไง เข้าใจกันได้ง่ายๆ กร๊ากกก



หยุดอ่านไม่ได้เลย พี่ไฟตื่นเต้นทุกช่วง
รับผิดชอบหน้าที่การงานข้าพเจ้าด้วย 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-09-2016 12:35:08
 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 20-09-2016 15:54:07
24


น่าสงสารพี่ไฟจัง แบบ รู้ตัวว่าเป็นไปได้ยากงี้
นึกถึงเวลาชอบใครสักคนเลย เราไม่กล้าเดาหรอกว่าเขาคิดยังไง แง้ กอดพี่ไฟแน่น

อาการหนักขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ถูกใจเฉยๆแล้ว ปล่อยให้ถล่ำลึกไปอีกนิดนี่อาจตายได้เลยนะ


พี่ธานก็พยายามจะให้อารมณ์ดีขึ้นเนอะ มีพี่ธานนี่แหละที่น่าจะดูออกที่สุดแล้ว ว่าอารมณ์พี่ไฟไปถึงขั้นไหน 5555


ตอนนี้อารมณ์อึมครึมๆมากๆ พี่ไฟผู้อารมณ์ลั้ลลาหายไปเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 20-09-2016 20:55:33
25

ให้เดาหยานี่ต้องมีปัญหามาให้สมุทรช่วยเคลียร์ให้แน่ๆ //มองแรง

พี่ไฟทำดีแล้วค่ะ แค่นี้ก็น่าจะเดาเอาเองได้แล้ว ถ้าสมุทรไม่โง่จนเกินไป
เป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตนะ 55555
ตอนเคืองก็อารมณ์เสียทั้งวัน เขา(เหมือนจะ)ง้อหน่อยก็อารมณ์ดีขึ้นมาเลย น้องเข้าใจคนรักเขาข้างเดียวค่ะ


สมุทรจ๋า รักพี่ไฟเร็วๆนะะะะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 20-09-2016 22:38:53
26


"ผมรักหยา" โอยยยย โอยยยยยยยยยยย
อย่าว่าแต่พี่ไฟเลย น้องก็มือไม้สั่นเหมือนกัน อกหักแรง!!!!
แต่พี่ไฟเก่งนะ ยังฮึดต่อได้อยู่ ยังพูดเล่นดูมีความหวังอยู่ พยายามเข้านะคะะะะ

ส่วนพลอยนี่ก็ดื้อจริง ดูไม่ออกอีกหรอว่าพี่ไฟเขาหวงลูกน้อง ชะนีนี่!!!!

พี่สมุทรรู้แล้วใช่มั้ย งั้นก็มองพี่ไฟใหม่บ้าง ไม่ได้หยอกเล่นๆแล้วนะ เห็นใจพี่ไฟของน้องด้วยค่ะ น้องรู้ว่ามันยาก เพราะพี่สมุทรแมนมาก แมนแบบที่ยังบอกรักผู้หญิงได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ในขณะที่พี่ไฟก็ชอบสมุทรและกล้าเปิดออกมาบ้างแล้ว ก็มองมาทางนี้นิดนึงโนะ

ตอนนี้อินแรงจริงๆ ฮอลลลลลล ล  :mew6:

ชอบตอนต่อยแล้วจับหน้าหาแผล นี่ยังไม่รักนะ ถ้ารักขึ้นมาจะห่วงพี่ไฟมากขนาดไหน
พี่ไฟต้องสู้ ต้องสู้ให้ได้มา!!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 21-09-2016 00:48:24
26


"ผมรักหยา" โอยยยย โอยยยยยยยยยยย
อย่าว่าแต่พี่ไฟเลย น้องก็มือไม้สั่นเหมือนกัน อกหักแรง!!!!
แต่พี่ไฟเก่งนะ ยังฮึดต่อได้อยู่ ยังพูดเล่นดูมีความหวังอยู่ พยายามเข้านะคะะะะ

ส่วนพลอยนี่ก็ดื้อจริง ดูไม่ออกอีกหรอว่าพี่ไฟเขาหวงลูกน้อง ชะนีนี่!!!!

พี่สมุทรรู้แล้วใช่มั้ย งั้นก็มองพี่ไฟใหม่บ้าง ไม่ได้หยอกเล่นๆแล้วนะ เห็นใจพี่ไฟของน้องด้วยค่ะ น้องรู้ว่ามันยาก เพราะพี่สมุทรแมนมาก แมนแบบที่ยังบอกรักผู้หญิงได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ในขณะที่พี่ไฟก็ชอบสมุทรและกล้าเปิดออกมาบ้างแล้ว ก็มองมาทางนี้นิดนึงโนะ

ตอนนี้อินแรงจริงๆ ฮอลลลลลล ล  :mew6:

ชอบตอนต่อยแล้วจับหน้าหาแผล นี่ยังไม่รักนะ ถ้ารักขึ้นมาจะห่วงพี่ไฟมากขนาดไหน
พี่ไฟต้องสู้ ต้องสู้ให้ได้มา!!!!

ฮิ ฮิ ฮิ #แสยะยิ้มแบบไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 21-09-2016 01:19:19
 เข้ามารอพี่ไฟทุกวันเลย    แม่งโคตรชอบ  เก็บไปคิดเป็นตุเป็นตะ  ชอบทุกเรื่องที่เบบี้เขียนเลยอ่าาา    เรื่องอื่นนี่น้อยมากที่จะอ่านจนจบ   ชอบแบบนี้  แมนมาก   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 21-09-2016 10:59:48
27

ชีวิตพี่ไฟนี่ช่างทรหดอดทนจริงๆ
ชนะให้ได้นะ แก้แค้นแทนลูกน้องด้วย 5555
ขอให้นพปลอดภัยนะคะ สงสาร ตัวเองทรมานจะตายอยู่แล้วก็ยังห่วงความรู้สึกเจ้านาย

กับสมุทรก็ ระหว่างพยายามรักษาระยะเพื่อปรับบรรยากาศนะ
นี่ก็ยังเนียนแอบมองเขาอยู่เรื่อยๆได้อีก 55555
โถถถถถถ คนมันชอบเนอะ ห้ามใจไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 21-09-2016 14:22:51
28 แล้ว


พี่ไฟมีความอยากเดทมากกว่าการเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างมาก
อย่างออกหน้าออกตา อย่างน่าหมั่นไส้
คือ น้องว่าพี่ไฟต้องแบ่งเงินให้ไอ้ป้องมันด้วยนะคะ
ในฐานะที่มันไม่น็อคไปตั้งแต่เข่าลอยชนหน้า
มันฮึดขึ้นมาเพื่อให้พี่ไฟได้ไปเดทกับสมุทรเลยนะ แรงฮึดนั้นมีค่าเหลือเกิน

ขำเวลาพี่ธานแซว โอ้ยยยย ย บ้าบอจริงๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง
นี่ก็นวดน้ำมันไปเลือดพุ่งไป สูบฉีดแรงเลยสินะพี่ไฟ นอนยิ้มเคลิ้มเชียว
หลงมากมั้ยถามใจตัวเองบ่อยๆนะคะ

ความรักจากครอบครัวก็มีค่ามหาศาล น้องยุเป็นห่วงพี่มาก พี่น้องรักกันน้ำตาไหลเลยค่ะ


ทั้งนี้ทั้งนั้น จะได้เดทแล้วนะพี่!!!!!
ไม่มีเจ้านายลูกน้อง มีแต่ความรู้สึกดีๆ ของผู้ชายกล้ามแน่นสองคน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 21-09-2016 16:48:08
 :mew2:เข้ามารอคุณไฟกับสมุทรทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 21-09-2016 21:25:21
เค้ามารอ สมุทรกับคุณไฟไปออกรบ เอ้ย ไปออกเดตกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 22-09-2016 09:03:28
เข้ามาทุกวันแหล่ะ รอว่าจะนัดเดทที่ไหน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 22-09-2016 23:42:56
คิดถึงคุณไฟกับสมุทรค่ะ จริง ๆ ก็อยากรู้ว่าจะเดทกันแบบไหน.  :jul3:  แต่อีกใจก็คิดว่าอยากให้น้องมืดมน เอ๊ย!! น้องเมฆมาด้วย  :laugh:  ชอบเวลาน้องถูกไฟแกล้ง แล้วได้เห็นปฏิกิริยาของสมุทร น่ารักทั้งพี่ทั้งน้องเลยอ่ะ เพ้อหนักมาก


รอ อย่างจดจ่อ เข้ามาทุกวันที่มีโอกาส.  :katai5:


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 23-09-2016 16:22:55
 สมุทธนี่นิ่งมากจนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่เลย :ling2:
:hao7: อยากอ่านตอนต่อไปแล้วว สมุทรต้องโดนไฟแกล้งแน่นอน หุหุ จะมีความคืบหน้าไหมน๊า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 25-09-2016 16:46:23
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 26-09-2016 19:14:48
มารอไฟกะสมุทร :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: I-nam ที่ 26-09-2016 22:30:53
รอคุณไฟกะสมุทร :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 26-09-2016 22:38:16
บี้ จ๋าาาาาาาาาาาาาาา เรามารอบี้ที่ท่าน้ำทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 27-09-2016 14:05:16
คิดถึงมากแล้ว มาต่อเหอะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 27-09-2016 22:10:50
คิดถึงมากมาย เมื่อไรจะมาจ๊ะ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เอวา ที่ 27-09-2016 22:54:53
ถ้าเราเข้ามาอ่านปีหน้านี่จะถึงตอน 35 รึเปล่าค่ะ  :hao7: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 27-09-2016 23:17:10

สวัสดีค่ะ

เบื้องต้น ต้องขออภัยสำหรับคนอ่านท่านที่รอ(นาน)  ตอนนี้เบบี้มีปัญหาที่ต้องเคลียร์มากมาย  สภาพจิตใจไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะ "เขียนงานต่อ" ให้ได้  ทางเราได้พยายามแล้วที่จะเขียนแต่ไม่สามารถทำให้มันออกมาดีได้ ณ ขณะนี้  จิตใจที่ค่อนข้างเหนื่อยส่งผลให้ร่างกายไม่ค่อยดีเท่าที่ควรนัก  ขอพูดตรง ๆ ว่า "ตอนนี้เหนื่อยมาก" ทั้งกายและใจ  ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเวลาแบบที่จะสามารถมาเขียนงานต่อให้อ่านได้อย่างสม่ำเสมอนะคะ

หากคนอ่านท่านที่รอได้และเข้าใจ  เบบี้ต้องขอขอบคุณมากค่ะ _/\_ อยากเขียนให้จบวันนี้พรุ่งนี้อย่างใจนึกเหมือนกันค่ะ  เพราะกว่าจะได้แต่ละตอนมันเหนื่อยเหลือเกิน  นิยายเรื่องนี้ไม่ได้นั่งสับบนแป้นพิมพ์แล้วจะลงเว็บให้คุณอ่านได้ในทันที  ข้าพเจ้าเขียน เกลาและตรวจ  ถ้าให้เทียบแบบทำไม่หยุดคือ 1 ตอนที่คุณอ่าน = 16++ หน้าเวิร์ดขึ้นไป  ผู้เขียนใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 วัน

ดังนั้น.. ขอความเข้าใจด้วยนะคะ  ขอให้รักษาน้ำใจด้วย  เราเองก็เหนื่อย  เขียนงานเราก็ต้องการกำลังใจค่ะ : -)


ขอบคุณมากค่ะ
เบบี้ ..27 ก.ย 59
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 27-09-2016 23:25:11
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: เข้าใจค่ะและรอได้ พักให้หายเหนื่อยมีแรงมีกำลังก่อนเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 27-09-2016 23:37:19
มาให้กำลังใจเบบี้ :กอด1: พักผ่อนให้สบายใจแล้วค่อยมาแต่งก็ได้ เพื่อได้อ่านนิยายดีๆเรารอได้ค่า :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-09-2016 01:10:45
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 28-09-2016 02:06:07
ลูกบ้าเยอะจริงๆ....


รอตอนหน้าว่าจะไปเดทกันอิท่าไหน!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 28-09-2016 07:51:37
พักให้หายเหนื่อย เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย พร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นนะบี้ สบายๆ ทำทุกอย่างด้วยความสุขเน้ออออ ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 28-09-2016 08:03:00
เป็นกำลังใจให้เบบี้นะ สู้ :)


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 28-09-2016 08:32:35
มาๆๆ มาอยู่ทางธรรมด้วยกัน มาดูพระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลกกับเค้าก่อนนะ



ปล. ไหนวันนั้นบอกจะหยุดเศร้าใจแล้วไง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เอวา ที่ 28-09-2016 10:14:06
พักเคลียร์ทุกอย่างให้หายเหนื่อยสักระยะ แล้วค่อยต่อยาวๆให้ชื่นใจเน้อไรท์ ผู้อ่านอย่างเราๆรอได้ไม่ลงแดงช็อคหัวใจหยุดเต้นแน่นอน เป็นกำลังใจให้นร้า เหนื่อยกายก็พัก ส่วนเหนื่อยใจก็แค่ปล่อยวางอาจจะไม่ง่ายแต่เชื่อว่าทำได้ไม่ยากเช่นกัน   :mew1:  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-09-2016 21:03:15
เหนื่อยก็พัก มีแรงเมื่อไหร่ค่อยมาต่อ สู้สู้ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 29-09-2016 13:03:49
เป็นกำลังใจให้นะครับ เหนื่อยก็พัก พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาสู้ต่อ o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nokhook ที่ 29-09-2016 22:55:08
เข้ามากอดคนเขียนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 30-09-2016 13:06:07
โอ๊ยยย สนุกกกกกกห พากย์มันมากกกกก มวยดี
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 28 [ 22:35 น. - พ. 7 ก.ย 59 หน้า 32 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-10-2016 17:34:52
 :m15:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-10-2016 17:38:17

ตอนที่ 29
..ไฟ..




พัทยา : โรงพยาบาล

“คุณไฟไปตรวจร่างกายก่อนเถอะครับ ทางนี้ผมจะดูเอง” พี่เอิร์ธสีหน้าเคร่งเครียดผิดทุกที  ผมพยักหน้ารับ  ตายังคงมองไอ้นพที่ยังนอนไม่ฟื้นอยู่บนเตียง  แต่สภาพของมันเป็นผู้เป็นคนขึ้นแล้ว 

“ฝากด้วยแล้วกันนะ” ผมบอก 

คนที่อยู่เฝ้าที่นี่มีพี่เอิร์ธกับลุงขันและลูกน้องของผมอีกคน  พี่นีจะเป็นคนจัดการส่งคนมาเปลี่ยนให้พี่เอิร์ธกับลุงขันกลับไปในเช้าวันรุ่งขึ้น  ผมกลับไปที่ห้องตรวจ  สมุทรจองคิวตรวจไว้รอเรียบร้อยแล้ว  หมอสั่งให้ทำอะไรก็ทำ  การตรวจไม่ได้ละเอียดถึงกับต้องสแกนร่างกาย  ส่วนใหญ่ผมเลยไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่  ได้แต่นั่งเงียบทำตามคำสั่งเท่านั้นเพราะพี่ธานคงฟังแทนแล้ว  พยาบาลทำแผลที่บอบช้ำให้ตามร่างกาย  ส่วนหางคิ้วที่แตกต้องเย็บหลายเข็มตามระเบียบ
   
“ไม่เจ็บหรือคะ ?” พยาบาลถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ  ผมเหล่มองหน้าเธอที่อยู่ต่ำกว่า  อีกฝ่ายหลบตาทันที 

“ครับ..ก็ เจ็บนะ” ผมตอบ  เจ็บรึเปล่าก็ไม่รู้เพราะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่  พี่ธานยืนถือไม้เท้าของผมดูสถานการณ์อยู่ไม่ห่างตัว  ส่วนสมุทรกับไอ้เด่นรออยู่ด้านนอก  ผมกวาดตามองดูร่างกายตัวเองเมื่อได้สติ 

“คุณพยาบาลครับ คือว่าผมเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้” ผมพูดตาลอยมองไปบนเพดานห้อง  พวกเธอหยุดมือที่กำลังทำงานอยู่ขึ้นมองหน้าผมด้วยแววตาสงสัย

“เอ่อ..ช่วยพันผ้าที่เอวผมเหมือนเจ็บหนักไม่ได้เหรอครับ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ  ตอนนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีแรงที่จะพูด  แต่เหมือนกับว่าได้ถูกสูบพลังไปค่อนข้างเยอะเลยทำให้ขี้เกียจจะขยับร่างกายมากกว่า

“คือ ตามจริงแล้วผมคิดว่าผมก็เจ็บมากอยู่นะ ทำไมผ้ามันถึงได้บางนักละครับ” ผมเลิกคิ้วเจาะจงมองไปที่นางพยาบาลทางด้านซ้ายมือ  เธอชะงักไปครู่ก่อนอมยิ้มออกมา 

“จะเอาไว้ไปอ้อนสาวรึไงคะ” หนึ่งในสามคนยิ้มแซวทำให้ทุกคนพากันยิ้มร่า  คุณหมอสาวใหญ่ท่านเดิมเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับกระดาษในมือ  เธอยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับลูกน้อง  ผมว่าเธอคงได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้วถึงได้ทำสายตากระหยิ่มยิ้มปรามมาทางผม  ผมอมยิ้มแฝงด้วยนัยยะหลาย ๆ อย่างให้เธอตีความเอาเอง 

“มันก็น่าจะใช้ได้ผลอยู่นี่ครับ ใช่ไหมครับคุณหมอ ?” ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ถาม  เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์มองเฉยมาทางผมครู่หนึ่ง 

“เจ้าชู้ขนาดนี้ ใครโชคร้ายกันนะ” เธอย้อน  ใบหน้าท่าทางไม่ใช่แค่รู้ทันแต่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดทันคนน่าดู  นางพยาบาลสามคนพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  รวมไปถึงคนของผมก็ด้วย  อยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นเร่า ๆ อย่างกับเพลงต้อนรับฤดูร้อนอย่างนั้น  มันแบบว่า.. เหมือนยกภูเขาก้อนแรกออกจากอกและผมกำลังจะทำอะไรตามที่ผมอยากทำ 

“ผิดจรรยาบรรณอยู่นิดหน่อยนะ แต่จะทำให้แล้วกันนะคะ” คุณหมอตัดบท  ผมแสยะยิ้ม

“ตามจริงแล้ว ไม่ทำให้เสียจรรยาบรรณหรอกครับ ผมจะทำอาการให้เป็นไปตามเนื้อผ้าสุด ๆ เลย” ผมยักคิ้ว 

“หึ ๆ ๆ” คุณหมอหัวเราะพร้อมตรงเข้ามาตรวจความเรียบร้อยให้ผมอีกครั้ง  นางพยาบาลแยกตัวออกทันที 

“โดนซะขนาดนี้ โชคดีที่ซี่โครงไม่หัก..คุณนี่แข็งแรงจริง ๆ” เธอพูดแกมบ่น  จับแขนผมยกขึ้นช้า ๆ  ตัวผมปฏิบัติตามว่าง่าย
 
“หลังจากนี้พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ ให้ร่างกายได้ฟื้นตัวสักหน่อย คุณช้ำไปทั้งตัวเลย” เธอช้อนตาขึ้นมอง  ผมยิ้มให้

“..แต่ช้ำกว่านี้ก็คงเคยเป็นมาแล้วละมั้ง” เธอประชดเสียงห้วนซะเฉย

“คุณหมอตอนเป็นสาวคงสวยน่าดูนะครับ” ผมตอบคนละเรื่อง  ตามจริงตอนนี้เธอก็ยังสวยอยู่  แถมยังอึ๋มสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่ชุดกาวน์ปิดสัดส่วนซะมิดชิด  แต่ส่วนสำคัญของเธอกลับยื่นชี้หน้าผมชัดเจนทีเดียว
   
“ตอนนี้ก็สาวอยู่ย่ะ” เธอย้อนเสียงแข็งโดยที่มือไม่หยุดทำแผลที่คิ้วให้ผม   

“ผู้ชายเจ้าชู้ที่ดูเหมือนคุณหมอไม่ค่อยถูกใจ ก็ชอบผู้หญิงอย่างคุณหมอทั้งนั้นละครับ ตามจริงแล้ว..คุณหมอก็คงชอบแบบผมเหมือนกัน แต่คนแบบคุณหมอน่ะ..ต้องการสามีแบบที่อยู่ในโอวาทมากกว่า แต่ใครจะรู้ละครับ..ว่าลึก ๆ แล้ว คุณหมอก็อยู่ในโอวาทอีกฝ่ายเหมือนกัน” ผมพูดแทบกระซิบ  คุณหมอจ้องผมเขม็งจะเอาชนะให้ได้  พยาบาลก้มหน้างุดกลั้นหัวเราะแทบแย่แล้วละมัง

“ถ้างั้นฉันขอเดา ว่าคนที่คุณกำลังพันแผลไปตบตานี่ ก็คงไม่ต่างจากสามีของฉันเท่าไหร่นักหรอกละมั้งคะ” เธอเลิกตากวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้  เราพลางมองตากันแทบไม่กะพริบ  คำพูดของของเธอทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา

“ผมอยากอยู่ในโอวาทจะแย่อยู่แล้วละครับ” ผมตอบเสียงแหบพร่าแกล้งกวนทะลึ่ง  อีกฝ่ายหลุดยิ้มทันที

“คุณหมอนี่ฉลาดจังนะครับ คนเป็นสามีคงน่าสงสารแย่” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงติดตลก 

“คิก ๆ ๆ” พยาบาลหัวเราะ  ทำให้คุณหมอมองปรามไปทางพวกเธอ 

“รับยาแล้วกลับไปพักผ่อนนะคะคุณไฟ เลิศประสงค์ ยินดีที่ได้เจอตัวจริงค่ะ” คุณหมอพูดเสียงฉะฉาน  ผมลุกจากเตียง  พยาบาลหยิบเสื้อมาให้  ผมรับมาสวมใส่โดยเพิกเฉยที่จะทักต่อสายตาของพวกเธอที่จงใจมองมาบนร่างกายของผม

“ให้มันน้อย ๆ หน่อย” คุณหมอปรามพวกเธอลอย ๆ  พยาบาลยิ้มเขินที่หัวหน้าของพวกเธอดันรู้ทัน 

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มบอก

“ใบรับยาค่ะ” พยาบาลคนเดิมยื่นกระดาษมาให้  ผมส่งต่อให้พี่ธาน  อีกฝ่ายรับไปพร้อมส่งไม้เท้ากลับมาทันที  คุณหมอยืนนิ่งกวาดตามองมาที่ของในมือผมเงียบ ๆ  ก่อนเหลือบขึ้นจ้องหน้าผมอย่างจับผิด  ผมนิ่งเฉย  รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

“วันหลังอย่าเอาอาวุธเข้ามาในโรงพยาบาลซิคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟังผิดเมื่อครู่ 

“ก็แค่ของช่วยพยุงร่างกายนะครับ” ผมตอบเสียงเรียบ 

“หึ..ไม่ยักรู้ะนะคะ ว่าสมัยนี้เขาผลิตของน้ำหนักขนาดที่คนปกติถือยังเมื่อยไว้พยุงผู้ป่วยด้วย” เธอย้อน

“หึ..คุณหมอนี่ถูกใจผมจัง” ผมจ้องเธอพลางยิ้ม  คนถูกชมยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ต่าง

“ขอตัวครับ” ผมตัดบท  เมื่อนึกอะไรขึ้นได้กะทันหันจึงหยุดเดินหันกลับไปอีกครั้ง
 
“ถ้าผมแกล้งอ้วกนี่ มันจะเป็นอาการที่เหมาะควรรึเปล่าครับ ?” ผมถาม

“ก็พอได้นะคะ แต่ถ้าใช้กับดิฉันมันจะไม่ได้ผล” เธอตอบกวน ๆ

“งั้นเหรอครับ..” ผมผงกหัวกวนประสาท

“ผมเคยนอนอยู่ดี ๆ แล้วเลือดก็ไหลออกมาจากจมูกเอง ถ้าผมทำแบบนั้นอีก ไม่ได้งั้นเหรอครับ” ผมยักไหล่กวนเธอไม่หยุด  ก็เธอลูกเล่นเยอะดีนี่นะ

“ก็ได้นะคะ แต่คุณไม่ได้ถูกซ้อมขนาดนั้นสักหน่อย แค่ผ้าพันแผลที่พันเกินจริงนั่นยังไม่พออีกเหรอคะ” คุณหมอตอบชัดถ้อยชัดคำ 

“อีกฝ่ายอยู่ในวงการเดียวกันกับคุณรึเปล่าล่ะ ?”

“ก็..ทำนองนั้นครับ แต่เขาค่อนข้างซื่อบื้อน่ะ” ผมเบ้ปาก

“ซื่อบื้อกับโง่แยกหมวดกันนะคะ แต่ถ้าคุณอยากจะลองใช้ดูก็ได้..น่าสนุก!” เธอทิ้งน้ำเสียงลงห้วน ๆ ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น  ผมแสยะยิ้มมองเธอไม่วางตา 

“พรุ่งนี้ตาข้างที่คิ้วแตกจะบวมขึ้นเล็กน้อย” เธอพูดโต้ง ๆ  เราทุกคนเงียบกริบตั้งใจฟัง

“เอาเป็นว่าไม่ต้องตกใจนะคะ มันจะบวมอยู่สักพักหนึ่ง ประโยชน์ของมันคือ..มันจะช่วยลดสายตากะล่อน ๆ ของผู้ป่วยลงได้บ้างน่ะค่ะ” เธออมยิ้มขยายความ  ทีนี้เองพยาบาลพากันยิ้มกว้างเปิดเผยกันยกใหญ่

“แบบนั้นผมก็แย่สิครับ” ผมพูด 

“ลาจริง ๆ แล้วครับ ฝากบอกสามีคุณหมอด้วยนะครับว่า.. น่าสงสารจัง” ผมขยิบตาให้เธอเล็กน้อย  พยาบาลหลุดหัวเราะก่อนที่ผมจะเดินหนีออก 

“ผมชอบเธอนะ พี่ว่าไง..แต่แก่ไปหน่อย ไม่อย่างนั้นผมจะยกพี่ให้เธอเลย ได้อาซ้อนิสัยแบบนี้..คงถูกใจพายุน่าดู” ผมพูดด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจังพลางนำหลังมือตีอกพี่ธานเบา ๆ  อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างไม่มีปากเสียง

“หุ่นยังเซี๊ยะอยู่เลย” ผมพึมพำถึงเธอในห้อง  ขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องตรวจ  ตามองไปทางสมุทรและไอ้เด่นที่ลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผมปรากฏตัว  จุดสนใจคือ..ของเล่นใหม่อยู่ตรงหน้าตอนนี้มากกว่า 

“พี่เคยรู้สึก อยากมีเซ็กส์กับใครสักคนจนทนไม่ไหวไหม” ผมถามลอย ๆ ตามองตรงเป้าหมาย

“แบบว่า.. อยากได้จังน้า อะไรประมาณนั้น” ผมขยายความด้วยน้ำเสียงติดตลก  ก่อนเงียบปากลงเมื่อสมุทรตรงเข้ามาหา  ผมเมินเดินหนีทันที  ทุกคนเดินตามหลัง  พี่ธานไปจัดการเรื่องยาพร้อมกับสมุทร  ส่วนไอ้เด่นอยู่เฝ้าผมที่โซฟารับรอง  หลังรับยาเสร็จจึงเดินทางกลับโรงแรมทันที  ส่วนพายุกับไอ้เข้มกลับถึงโรงแรมตั้งแต่เสร็จจากแยกกันที่สนามมวยแล้ว

“ผมอยากอาบน้ำ” ผมพูดทันทีที่ถึงห้อง  ตอนนี้นอกจากอาการปวดตามเนื้อตัวคือรู้สึกขยะแขยงเหงื่อตัวเองสุด ๆ  ถ้าหากไม่ได้อาบน้ำคงนอนไม่หลับเป็นแน่  พายุโผล่หน้าออกมาจากห้องพักของตัวเองในทันทีที่พี่ธานโทรรายงานให้มันทราบว่าผมเดินทางมาถึงโรงแรมแล้ว  อีกฝ่ายที่อาบน้ำเรียบร้อยตามผมมาที่ห้องพักเพื่อจัดการชงชาสมุนไพรเตรียมไว้ให้  ส่วนพี่ธานหายเข้าไปในห้องน้ำของผมพร้อมกับสมุทร  ไม่รู้ว่าสองคนนั่นนัดแนะอะไรกัน  พูดโน่นนี่เสียงเบากระซิบกระซาบเรื่องการเตรียมของในห้องน้ำให้กับผม
   
.. เสื้อผ้าถูกถอดออกเมื่อเข้ามาในส่วนของห้องนอน  เหลือเพียงกางเกงในด้วยความเคยชิน  เสื้อผ้ากองอยู่ที่พื้น  สมุทรเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี  อีกฝ่ายหยุดเดินไปดื้อ ๆ  ตาชะงักมองมาเมื่อเห็นว่าผมกำลังทำท่าจะถอดกางเกงในออกโต้ง ๆ  ผมหยุดการเคลื่อนไหวของการกระทำที่เป็นไปอย่างเคยชินนี้โดยไม่คิดจะสนใคร  ผมแกล้งค้างทุกสิ่งไว้อย่างนั้น  สายตาช้อนมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ พร้อมขยับมือทำท่าจะเลื่อนขอบกางเกงในลงมากกว่าเดิม  ทำให้สมุทรก้มหน้าหลบในทันที

“ขอโทษครับ” สมุทรพูดคล้ายกลัวว่าตนจะเสียมารยาทแล้วแทบจ้ำเท้าออกจากห้องไป   

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอ  เดินไปหยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาพันร่างกายก่อนถอดกางเกงในออก  อยู่ ๆ ดันเสือกระวังเรื่องความหน้าด้านของตัวเองขึ้นมาซะอย่างนั้น  พี่ธานออกมาจากห้องน้ำพอดีจึงก้มลงเก็บเสื้อผ้าของผมที่กองอยู่บนพื้นขึ้นนำไปใส่ตะกร้าสำหรับส่งซักให้   

“พรุ่งนี้เราต้องไปดูที่ดินที่ชลบุรี คุณจะเปลี่ยนแผนไหมครับ ผมว่าพักผ่อนตามที่หมอบอกก็ดีนะครับ” พี่ธานพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ไปเถอะ ผมไหว” ผมตอบพร้อมถอนหายใจติดปลายเสียง  พี่ธานผงกหัวรับทราบเงียบ ๆ

“ผมกับพี่.. แล้วก็หมอนั่น” ผมชี้มือออกไปนอกห้อง

“โอเคครับ” พี่ธานรับปากก่อนยืนจ้องหน้าผม

“อะไร” ผมถาม

“คืนนี้ให้ผมสั่งให้เขามานอนเฝ้าคุณไหมครับ ?” อีกฝ่ายตอบด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทำเอาผมหลุดยิ้มมุมปากได้เล็ก ๆ

“มันจะทำให้จิตใต้สำนึกผมกระสับกระส่ายน่ะ ผมไม่ได้มีอะไรกับใครมาหลายอาทิตย์แล้วด้วย” ผมตอบเป็นเรื่องธรรมดา  พี่ใหญ่อมยิ้มเห็นด้วย

“คุณพายุคงโมโหแน่ถ้าคุณคิดจะออกไปหิ้วใครทั้งที่ร่างกายเป็นแบบนี้ ดังนั้น..ผมเซอร์วิสให้พิเศษได้ครับ” พี่เขาว่า

“อู้ ~ พี่มีความสามารถทำได้ขนาดนั้นเลยรึไง” ผมหัวเราะขึ้นจมูกพร้อมกวาดตาท้าทาย

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเองครับ” พี่ธานตอบรับ  เปิดประตูห้องเดินออกไปหน้าตาเฉย  แต่ก็ถือว่ายอมรับได้ละนะ  ผมยิ้มกว้างเข้าห้องน้ำโดยไม่คิดทักท้วงใด ๆ  ปล่อยให้พี่ใหญ่จัดการไปตามที่ปากว่า  ส่วนตัวเองก็อยากจะดูเหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นแบบไหน   

การแช่ตัวอยู่ในน้ำอุ่น ๆ กับกลิ่นอโรมาทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย  พี่ธานมักเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอุณหภูมิตามที่ผมชอบ  ผมไม่ได้ขัดเนื้อตัวด้วยซ้ำเพราะมันจะยิ่งสร้างแผลให้ตัวเอง  เพียงนำมือลูบตามสมควร  เมื่อร่างกายผ่านน้ำเรียบร้อยแล้วจึงทำธุระส่วนอื่น ๆ ให้เสร็จ  หยิบกางเกงในกับกางเกงขาสั้นมาใส่อย่างลวก ๆ โดยไม่ได้ใส่เสื้อ

“ชา” พายุพูด  มันนั่งรอผมอยู่ที่โซฟาพร้อมกับไอ้เด่น  มือชี้ไปที่ชุดชาที่รินไว้ให้พร้อมแล้ว  ผมนั่งลงที่โซฟา  ไอ้เด่นกุลีกุจอเลื่อนแก้วชามาให้ผมถือได้ถนัด  เมื่อจับแก้วดูจึงรู้ว่ามันอุ่นพร้อมสำหรับดื่มโดยไม่ร้อนจนเกินไปแบบที่ผมไม่ชอบ
   
“เข้มไปไหน” ผมถามก่อนจิบชาไปพลาง ๆ

“พี่ใหญ่สั่งให้ไปอาบน้ำแล้วครับ” ไอ้เด่นตอบ

“เมื่อกี้ป๋าโทรมา ถามว่าเฮียเป็นไงบ้าง” พายุบอก 

“.........” ผมนั่งเงียบมองพายุที่กำลังแกะซองยาจากโรงพยาบาลเตรียมให้  มันอ่านซองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  อ่านละเอียดอย่างกับเตรียมทำข้อสอบอย่างนั้น  ก็ปล่อยให้มันทำไปครับเพราะมันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  เอาที่มันสบายใจ

“นี่ยา..น้ำ” พายุพูดทีละขั้นตอน  มือเลื่อนแก้วขนาดเล็กที่ใส่ยาเตรียมพร้อมไว้ให้นำมาวางตรงหน้า  ผมรับมาดื่มต่อหน้าเพื่อที่จะได้จบ ๆ ไป  พี่ธานกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกล่องยาอเนกประสงค์ 

“ไปพักผ่อนกันเถอะไป” ผมบอก

“อืม งั้นยุไปนอนแล้วนะ” พายุพูด  ผมพยักหน้า

“ผมขอตัวนะครับ” ไอ้เด่นเอ่ย  มันสองคนออกจากห้องไปพร้อมกัน  พี่ธานนั่งลงข้าง ๆ  ลงมือทำแผลให้ผมใหม่อีกครั้งตามที่หมอเขียนใบสั่งเอาไว้  ผมนั่งเฉยให้ทำแต่โดยดี  โทรทัศน์ฉายสารคดีสัตว์ทำให้นึกถึงไอ้โชขึ้นมา  มือของพี่ธานค่อนข้างเบาทำให้ไม่ค่อยรบกวนสมาธินัก  เราสองคนผลัดกันทำแผลให้กันและกันแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้แล้ว..

“..ผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้ว” ผมพึมพำ

“อะไรเหรอครับ” พี่ธานถาม

“เปล่า” ผมปัด 

“เขาเคยถามถึงแผลเป็นของคุณไหมครับ” พี่ธานถาม  คงหมายถึงคนที่ตอนนี้อยู่ในห้องนอนของตน  ไม่ว่าจะแผ่นหลังหรือด้านหน้า  รึที่ขา  บนตัวผมมีแต่แผลเป็นชวนให้น่าสงสัยทั้งนั้น 

“ไม่เคย” ผมตอบยิ้ม ๆ

“เขาเงียบปากดีพี่ว่าไหม” ผมชมถึง

“ครับ ไม่ถามสิ่งที่ไม่ควรถาม” พี่ธานหัวเราะน้อย ๆ

“แต่เรื่องนี้เขาจะถามผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ” ผมเบะปากไม่สน  แต่อีกฝ่ายไม่ถามเลยนี่สิที่มันน่าหงุดหงิด  พี่ธานหัวเราะในลำคอ 

“เมื่อกี้ผมสั่งเขาแล้วว่าให้นอนเฝ้าคุณคืนนี้นะครับ ต่อหน้าคุณพายุ..อีกฝ่ายดูลังเลนิดหน่อย แต่เขาคงรู้ว่าคุณพายุเป็นห่วงคุณ ก็เลยรับทราบแล้วครับ” พี่ธานส่งสารแทบกระซิบ  ผมหันไปมองหน้าพี่เขาทันควัน

“แต่ปกติผมนอนแก้ผ้านะ..” ผมขมวดคิ้วบ่นถึงปัญหาใหญ่

“กรุณาใส่กางเกงนอนสักวันเถอะครับ” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงอะลุ่มอล่วย 

“..........” ผมเงียบ  กลั้นอมยิ้มจ้องตาสู้พี่ธาน

“ก็ได้” ผมรับปาก  แม่งเกือบจะหลุดยิ้ม  อีกฝ่ายถอนหายใจคล้ายโล่งอก

“แล้ว.. ถ้าผมของขึ้นขึ้นมาทำไง ?” ผมกวน

“รบกวนแจ้งให้ผมทราบล่วงหน้าด้วยครับ” พี่ธานกวนกลับ

“หึ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ

“อีกฝ่ายคงแอบสงสัยว่าทำไมผมไม่เฝ้าด้วยตัวเอง” พี่ธานบ่นยิ้ม ๆ

“ก็ผมชอบหุ่นแบบเขามากกว่าพี่นี่” ผมตอบให้แทนทันทีทำให้พี่ธานช้อนตาขึ้นปราม  ผมเบะปากน้อย ๆ เป็นการย้ำว่า “ผมพูดจริงอยู่นะ”

.. ครู่เดียวให้หลัง  สมุทรออกมาจากห้องนอน  เขาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  กางเกงนอนขายาวลายทางกับเสื้อยืดสีขาวธรรมดา ๆ  หุ่นที่ถูกใจจะใส่แบบไหนมองยังไงก็ไม่เบื่อจริง ๆ นั่นล่ะ  พี่ธานเอ่ยปากขอไปอาบน้ำและสั่งให้สมุทรมาทายาให้ผมต่อ  ทั้งผมและพี่ใหญ่ต่างปั้นหน้าเป็นปกติคล้ายไม่มีอะไรแฝงนัยยะ  ผมคิดว่าสมุทรก็ดูไม่ออกหรอก  ตามจริงแล้วพี่ธานน่ะแสดงละครเก่งตัวพ่อเลย   

“กินยาเรียบร้อยรึยังครับ” สมุทรเอ่ยถาม

“กินแล้ว” ผมตอบไม่มองหน้าเขา 

“ขอโทษนะครับ” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม  ผมเพียงเหลือบมองด้วยหางตา  ครู่หนึ่งปลายนิ้วชี้ของเขาก็แตะยาลงที่ริมฝีปากล่างของผม  อีกฝ่ายไม่สบตาผมสักนิด  เอาแต่จับจ้องอยู่ที่เป้าหมายที่ต้องการจัดการให้เสร็จ  แต่กลับเป็นผมซะอีกที่มองเขาอยู่ตลอด  อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมา  ผมไม่สนหรอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่ผมมั่นใจว่าทุกการเคลื่อนไหวของเราทั้งคู่มันไม่ปกติ  ในความเงียบระหว่างเรามันมีจุดเล็ก ๆ ของความไม่เป็นธรรมชาติระหว่างเจ้านายกับลูกน้องอยู่  ผมคิดว่าเขาเองก็รับรู้ได้ 

.. ทันทีนั้นเสียงกล่องอเนกประสงค์ก็ปิดลง  เราสบตากันและกัน  ผมจงใจกวาดตามองโดยไม่ได้ยิ้มอย่างเคย  ใบหน้าอีกฝ่ายเรียบขรึมอย่างไรผมก็ทำตามอย่างนั้น  สมุทรเหตาลงต่ำก่อนลุกขึ้นยกกล่องยาไปเก็บ  ผมมองตามจนอีกฝ่ายกลับมา  ครั้งนี้เขาไม่ได้นั่งลงข้าง ๆ ผมอย่างเดิมแต่เลือกที่จะนั่งลงที่โซฟาอีกตัว  โทรทัศน์ตรงหน้ายังคงเป็นที่จับจ้องจากผม  ในหัวกำลังประมวลสิ่งต่าง ๆ ว่าจะแกล้งอะไรคนที่จะนอนร่วมห้องในคืนนี้ดี  หรือว่า..ไม่แกล้งดี ?
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-10-2016 17:39:11

ผ่านไปสักพักหนึ่ง ผมลุกขึ้นจากโซฟาโดยไม่พูดใด ๆ  สมุทรไม่ได้ลุกตามในทันทีมันทำให้ผมเอะใจอยู่นิดหน่อย  การเดินไปถึงประตูห้องที่ไม่กระโตกกระตาก  ครู่เดียวให้หลังก็ได้ยินเสียงลุกจากที่นั่งทำให้ผมอมยิ้มออกมาได้  สมุทรเดินตามมาจนถึงปากประตูห้องนอน  ผมจึงหันกลับไปหน้าซื่อ  อีกฝ่ายชะงักด้วยแววตาตกใจอย่างเห็นได้ชัด
 
“พี่ธานสั่งให้ผมนอนกับคุณคืนนี้น่ะครับ” เขาอธิบายการกระทำของตน

“นอนกับฉัน ?” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย 

“นอนเฝ้าคุณครับ” คนตรงหน้าขยายความเสียงเข้ม  ผมทำหน้าเฉยเกรงว่าไก่จะตื่น  ตาดำกลอกไปทางทำไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูด  ขาเดินเข้าห้องโดยไม่ได้ปิดประตู  ความรู้สึกอยากแกล้งทำให้ในตัวรู้สึกผิดแปลก  สมุทรเดินตามหลังมาเงียบ ๆ  เสียงประตูห้องนอนถูกปิดเบาแทบไม่ได้ยิน  เมื่อผมหันตัวกลับไปมอง  เขายืนนิ่งสนิทอยู่ที่เดิม  ดูท่าแล้วผมกำลังถูกอ่านความคิดจากสายตาคู่นั้นอยู่แน่ 

“นายนอนฝั่งนั้นแล้วกัน” ผมชี้มือรักษาท่าทางปกติ  เตียงขนาด Super King Size รองรับพอสำหรับผู้ชายหุ่นอย่างเราสองคนได้สบาย  สมุทรเดินอ้อมเตียงไปอีกฝั่งหนึ่งก่อนยืนจ้องเตียงคล้ายรอให้ผมเป็นฝ่ายเจิมลงเสียก่อน  ผมกวาดตามองเขาหัวจรดเท้า  อีกฝ่ายที่จ้องเขม็งสู้กลับทำให้อมยิ้มมุมปากได้นิดหน่อย  สู้กลับคล้ายกับกำลังบอกผมอย่างแน่วแน่ว่า “อย่าแม้แต่จะคิด” อย่างนั้น

“นายนอนก่อนเถอะ ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่ธาน” ผมพูด

“ผมรอได้ครับ” สมุทรตอบรับ  ท่าทีเกรงใจแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งในทันที 

“เรื่องส่วนตัวน่ะ” ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ติดให้เห็น  ทำให้เขายอมเงียบปากลง

“นายอยู่ในนี้แล้วกัน ส่วนถ้า..อยากรอก็รอ” ผมตัดบทห้วน ๆ อย่างไม่แยแส
 
“ครับ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ  พอผมออกมาจากห้องของผม  พี่ธานก็โผล่ออกมาจากห้องนอนของตัวเองพอดี  เราหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง  ประสานสายตามองคล้ายต่างอ่านออกเสียหมดจด  ผมแสยะยิ้มให้พี่ใหญ่  อีกฝ่ายกะพริบตาเอ่ยปรามรอยยิ้มจากผม

“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ” อีกฝ่ายถามเสียงนุ่ม  ผมเดินตรงเข้าหา  กัดฟัน เม้มริมฝีปากออกมาอย่างหยอกล้อในสถานการณ์  พี่ธานนิ่งรอคำตอบ   

“ขอผมใช้ห้องน้ำหน่อย” ผมตอบ

“ครับ ?” อีกฝ่ายอ้าปากค้าง

“ผมนอนไม่หลับหรอก ถ้าหลังถึงเตียงทั้งที่อารมณ์แบบนี้..หมอนั่นจะไม่กล้านอนกับผมอีกแน่นอน” ผมยิ้มบอกตาใสไร้การปิดบังใด ๆ

“อยู่ดี ๆ  ไหงเป็นแบบนี้ละครับ” อีกฝ่ายถามด้วยแววตาปนฉงน

“พอดี ดันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปหน่อยน่ะ” ผมยอมรับตรง ๆ ว่าเมื่อครู่ดันคิดไปถึงไหนต่อไหน  การถูกมองด้วยสายตาแข็งกร้าวแบบนั้นที่บอกว่ามีเส้นบาง ๆ แสดงถึงความเย็นชาอยู่ไม่น้อย  มันทำให้รู้สึกอยากบดขยี้และเอาชนะขึ้นมา

“ตอนถูกรู้ทันจากคนที่อยากให้รู้นี่มันได้อารมณ์จริง ๆ นะ” ผมปั้นหน้าทำเป็นเครียด  พี่ธานหลุดยิ้ม  เบี่ยงตัวเปิดประตูให้ผมโดยไม่ทักท้วงใด ๆ อีก   

“กูต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” ผมสบถบ่นกับตัวเอง 

ประตูห้องน้ำไม่ได้ถูกปิดสนิท  ผมเปิดแง้มค้างไว้อย่างไม่สนใจว่าจะมีใครผลีผลามเข้ามา  พี่ธานเพียงปิดตรงประตูห้องนอนเท่านั้น  แน่นอนว่าเวลาแบบนี้พี่เขาเป็นคนเดียวที่รู้หน้าที่ตัวเองดีที่สุดกว่าใคร  มือเลื่อนขอบกางเกงลงอย่างไม่ค่อยสะดวกมือนัก  ผ้าที่พันตัวอยู่ทำให้โค้งตัวได้ยาก  แม้สิ่งที่อยู่ใต้เนื้อผ้าในตอนนี้จะไม่ได้ชูชันเรียกร้องความสนใจแต่อารมณ์ร้อนวนอยู่รอบท้องน้อยเมื่อครู่มันบอกกับผมว่าถ้าผมปลุกมันขึ้นมาเพียงไม่กี่นาทีมันก็คงจะลุกสู้มือเป็นแน่ 

“ฮา ~” เสียงลมหายใจที่เริ่มถี่แรง  อาการตื่นตัวทันทีที่มือขยับ  ทำให้ความคิดเมื่อครู่นั้นแน่ชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ  ลิ้นไล่เกลี่ยไรฟันเบา ๆ ด้วยรู้สึกสะใจในความคิดของตัวเองอย่างแปลกพิกล  ผมไม่ใช่เด็กวัยรุ่นสิบปลาย ๆ ที่น้องชายจะแข็งทันทีทันใดอย่างกับสั่งได้อย่างนี้  ความแปลกใหม่ในตอนนี้อย่างกับเพิ่งได้พบของน่าสนใจมากขึ้น  ไม่มีอะไรทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่ในจินตนาการที่มีแต่ร่างกายของคนที่รออยู่ในห้องนอนในตอนนี้  จิตใต้สำนึกกำลังบอกผมว่า “โอเค..แบบนี้มันโคตรดีสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่รึไง” 

เนื้อตัวที่บอบช้ำจากการแข่งขัน  แผลที่เพิ่งถูกรักษาไปหมาด ๆ  ความเจ็บปวดไม่ได้ส่งผลใด ๆ นอกจากจะยิ่งทำให้รู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิม  ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีสิ่งที่ใจเร่งเร้าอยากให้ออกมาสู่โลกภายนอกก็พุ่งกระเด็นเกือบจะติดพนังห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง  ฟันขบสบถกับตัวเอง..แม่งเอ๊ย  สมองโล่งอย่างกับเพิ่งได้ก้าวขาข้ามผ่านมาอีกโลกยังไงอย่างนั้น 

“หึ..” ผมหัวเราะมอง  คราบน้ำรักที่เพิ่งปลดปล่อยออกมาเจือจางไปพร้อมกับน้ำที่เปียกอยู่บนพื้น  มีการทำลายหลักฐานเกิดขึ้นอย่างลวก ๆ  ทำอะไรไว้ก็ต้องเก็บน่ะนะ  สบู่ล้างมือของพี่ธานยังใช้ยี่ห้อประจำเหมือนเคย  ไม่รู้ว่าถ้าผมใช้มันไปแล้วจะทำให้คนในห้องได้กลิ่นแปลกจมูกแล้วสงสัยในตัวผมบ้างรึเปล่า  เมื่อผมเปิดประตูออกมาก็พบพี่ธานนั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์  อีกฝ่ายอมยิ้มมุมปากต้อนรับ

“สงสารอีกฝ่ายนะครับ” พี่ธานยักคิ้วไปถึงคนในห้อง   
 
“สงสารผมไม่ดีกว่าเหรอ จำไม่ได้แล้วว่าเคยใช้มือตัวเองแบบนี้ตอนอายุเท่าไหร่” ผมทำตากรุ้มกริ่มบ่นกลับ

“หึ ๆ ๆ” พี่ใหญ่หัวเราะ 

“ผมคิดมาหลายครั้งแล้ว..” ผมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเครียด ๆ 

“ว่าเอาออกตอนเจ็บแผลนี่มัน ค่อนข้างสุดยอดผิดปกติ” ผมถอนหายใจบ่น   

“ที่จริงพวกเราเป็นมานานแล้วครับ ไอ้ Masochism น่ะ” พี่ธานตอบหน้าตาเฉย

“ฮ่า ๆ ๆ” ผมหัวเราะเห็นด้วย  อีกฝ่ายเองพูดเองกลับส่ายหัวเล็กน้อยเช่นกัน

“ขอบคุณที่ให้ใช้ห้องน้ำนะครับพี่ใหญ่ ฮา~ รู้สึกเหมือนพร้อมเล่นสนุกแล้วล่ะ ฝันดีครับ” ผมยิ้มกว้าง  พี่ธานปิดปากยิ้มมองพร้อมส่ายหัวแบบที่ไม่คิดจะห้ามปรามเจ้านายอย่างผม  ไม่กี่วินาทีผมก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง  สมุทรนั่งรอผมอยู่ที่เตียงฝั่งของเขา  อีกฝ่ายเบือนหน้ามาเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู

“นั่งรอเหมือนนางทาสสมัยก่อนกรุงศรีเลยนะ” ผมเริ่มปากหมาได้อย่างเก่าแบบไม่รู้สึกกระตุ้นต่อมล่างใด ๆ ของตัวเอง  สมุทรชะงัก  ไม่ถึงสองวินาทีเขาก็ถอนหายใจออกทางจมูกเฮือกหนึ่งพร้อมลุกขึ้นยืน  การกระทำแบบที่ทำให้ผมกลั้นหัวเราะไว้ได้  เมื่อผมซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่มดีแล้ว  สมุทรจึงจัดการปิดไฟและดูความเรียบร้อย  เขายืนจ้องผมเขม็งอยู่ที่ข้างเตียงอยู่ครู่หนึ่งอย่างกับสุนัขรอคำสั่งเจ้านายอย่างนั้น

“เชิญ” ผมเอ่ยปากอนุญาต  อีกฝ่ายผงกหัว  ทิ้งหัวเข่าลงบนเตียงก่อนแทรกตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ  สมุทรนอนหงายลงบนกลางหมอนพอดิบพอดี  ห้องที่ไร้เสียงรบกวนทำให้ได้ยินแต่ความเงียบ  ผมขยับหมอนเข้าไปใกล้คนข้าง ๆ  ปากก็ไม่สามารถหุบยิ้มกะล่อนลงได้ซะทีเดียว

“ถ้าคุณคิดจะทำอะไรละก็ กำลังคิดผิดอยู่นะครับ” คนข้าง ๆ พูดทักเสียงเย็นโดยไม่มีทีท่ากระโตกกระตากแต่อย่างใด   

“หึ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอด้วยความพอใจ

“ก็มันหนาว” ผมพูด

“สมควรอยู่หรอก ไปใส่เสื้อนอนสิครับ” อีกฝ่ายหันหน้ามาย้อนเอาให้  ผมนิ่งมองหน้าตาเฉย  แม่ง..กูดันขุดหลุมฝังตัวเองซะงั้น

“ตามจริงแล้วฉันชอบแก้ผ้านอน แก้ผ้าได้ไหมล่ะ ?” ผมขึ้นเสียงกวนอารมณ์  สมุทรชะงัก  ตากลอกไปมาอย่างลังเลก่อนถอนหายใจแรงแก้ปัญหาซะงั้น  หมอนของผมหยุดอยู่ที่กลางเตียงเยื้องไปทางฝั่งของสมุทรพอดี

“ฉันชอบนอนกลางเตียงน่ะ” ผมแก้ตัว  ยังไม่มีปฏิกิริยาใดตอบรับจากคนข้างเคียง  ตามสัญชาตญาณแล้วรับรู้ได้ว่าสมุทรคงตาสว่างไม่ต่างจากผมในตอนนี้แน่  เราต่างหุบปากเงียบนานร่วม ๆ ห้านาทีผมจึงตัดสินใจหันหน้าไปทางฝั่งที่อีกฝ่ายนอนอยู่  สายตาที่เหลือบมองเพดานเมื่อครู่ของสมุทรกำลังกะพริบเหลือบลงต่ำในทันทีที่รับรู้ว่ามีการเคลื่อนไหวจากผม 

“ไม่ง่วงรึไงครับ ?” น่าแปลกที่อีกฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน  น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่แฝงรวมความดุอยู่ด้วยนิดหน่อย
 
“ก็ง่วง” ผมตอบง่าย ๆ  ได้จังหวะอีกครั้งจึงขยับหมอนเข้าไปใกล้มากขึ้นทีละนิด 

“คุณไฟครับ” สมุทรย้ำเรียกเสียงเข้ม

“ครับ” ผมขานตอบเสียงซื่อ

“กรุณาหยุดอยู่แค่นั้น” สมุทรเอ่ยปากเตือนทันที  โดยที่ตัวของเขายังนอนนิ่งไม่ไหวติงและไม่แสดงอาการตกใจใด ๆ อีกด้วย  ผมหลุดยิ้มกว้าง  ถอนหายใจพร้อมลุกเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงมองไปทางเขา

“ไม่เหมือนคนเจ็บตัวอยู่เลยนะครับ” คนข้าง ๆ ยอมหันหน้ามามอง   

“เจ็บจะตายอยู่แล้ว” ผมกะพริบตาซื่อ ๆ อีกครั้งแก้ต่าง  แม้ในห้องนี้ค่อนข้างมืดแต่เพราะผมเปิดไฟหรี่ในห้องน้ำเอาไว้จึงทำให้พอมีแสงส่องลอดเข้ามาได้บ้าง  อีกทั้งผ้าม่านทึบแสงก็ปิดหน้าต่างไว้เพียงแค่ครึ่งเดียวอีกด้วย 

“โรแมนติกนะว่าไหม ?” ผมพูดคนละเรื่อง  พยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดยิ้มสุด ๆ  ใจจริงตอนนี้อยากหัวเราะอยู่หรอกนะครับ  ก็หน้าอีกฝ่ายมันตลกจะตาย

“.........” สมุทรไม่ตอบ  สายตากลอกหนีกลับไปที่เพดานเช่นเดิม
 
“วันนี้โทรหาที่บ้านเรียบร้อยแล้วเหรอ” ผมชวนคุย

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“คุณควรจะนอนได้แล้วนะครับ คุณพายุดูเป็นห่วงคุณมากนะครับรู้ไหม” อีกฝ่ายพูด  ผมนอนฟังเงียบ ๆ  พอสมุทรพูดจบไปได้สักพักหนึ่งผมก็ยังไม่ตอบโต้จนทำให้เขาถึงกับต้องหันมามองและก็พบรอยยิ้มจากผม

“แล้วนายล่ะ ห่วงฉันไหม”

“ไม่ได้ห่วงเท่ากับที่คุณพายุมีหรอกครับ” สมุทรตอบตรง ๆ

“ตอบได้ดี” ผมเบะปากชม  สมุทรเงียบลงแล้ว  ผมนอนมองรูปร่างของคนตรงหน้า  ความนิ่งเฉยของเราทั้งคู่อย่างกับในห้องนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่  นี่ถ้าผมไม่ใช้ฝ่ามือทั้งห้าไปก่อนหน้านี้แล้วละก็  น้องชายสุดรักสุดหวงของผมมันคงจะขึงขันแล้วเป็นแน่  เพิ่งรู้ว่าตัวเองหื่นมากก็ตอนนี้  ปกติที่ผ่านมาไม่คิดว่าความหื่นกามที่ตัวเองมีคือปัญหาที่ควรแก้ไขเท่าไหร่หรอก

“คุณจะจ้องผมให้มันได้อะไรขึ้นมา” สุดท้ายสมุทรก็พูดขึ้น  น้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นห้วนขึ้นนิดหน่อย

“นายเคยบอกว่าปากฉันสวยนี่ ..ลองจูบกันไหม ?” ผมเอ่ยกลับ

“ไม่ครับ ขอบคุณที่ถาม” อีกฝ่ายเมินหน้าหนีทันที  ผมกลั้นหัวเราะ

“เอาใหม่...” ผมตัดบท

“ขอฉันจูบนายได้ไหม” ผมพูดอีกครั้ง  ครั้งนี้เราทั้งคู่ต่างเงียบปากทันที  ผมอ่านอีกฝ่ายไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  ไม่รู้ว่าเพราะมองไม่ค่อยเห็นการแสดงออกทางสีหน้า  หรือเพราะแท้จริงแล้วเขาไม่รู้สึกอะไรเลยกันแน่ถึงได้เก็บปฏิกิริยาได้เก่งนัก 

“ผม..ไม่ได้ชอบผู้ชายครับ” สมุทรมองหน้าผม

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะน่า” ผมตอบปัดปนหัวเราะนิด ๆ เพื่อไม่ให้เขาคิดมาก 

“แต่เจ็บนิด ๆ แฮะ เหมือนกำลังถูกปฏิเสธว่าขยะแขยงอะไรแบบนั้น” ผมพูด  แม้จะฟังดูทีเล่นทีจริงในคำพูดและน้ำเสียง  แต่ตามตรงแล้วในใจก็แอบหวั่น ๆ ไปตามคำพูดของตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน

“ผมเปล่าหมายถึงแบบนั้นนะครับ” สมุทรรีบแก้ตัว  เราต่างสงบลงพลางสบตากันเล็กน้อย

“ผมหมายถึง ผม..เอ่อ ไม่ได้มีความสนใจ ใน..ทำนองนั้น เท่าไหร่” สมุทรอธิบายตะกุกตะกัก  ผมเงียบจ้องมองเขาที่หลบตาผมลงแล้ว   

“ฉันไม่ได้สนว่านายชอบผู้ชายรึเปล่า ฉันสนแต่ว่านายชอบฉันรึเปล่า” ผมพูดพลางอมยิ้ม

“เหมือนตัวตลกเหรอครับ.. ผมน่ะ ?”

“วันนั้นฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ เฮ้อ!” ผมบ่นเซ็ง ๆ

“ฉันไม่เคยเห็นใครเป็นตัวตลก นอกจากศัตรูน่ะนะ” ผมบอกเสียงเรียบ  ทั้งผมและเขาต่างก็ไม่ละสายตาไปจากกันมากนัก  อีกฝ่ายคล้ายกับกำลังบอกผมว่าเขาจริงจังในทุกการสื่อสารอยู่ในตอนนี้ไม่ต่างจากผมเลย  และที่ผมไม่ละสายตาไปจากเขาก็เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าผมก็ไม่ได้เล่นตลกดาษดื่นกับใครไปทั่วเช่นกัน

“อีกอย่าง..ฉันไม่บ้าอยากจูบกับตัวตลกหรอกน่า รสนิยมคงไม่แปลกขนาดนั้น” ผมแสยะปากหน้าแขยง  สายตาของสมุทรเปลี่ยนเป็นอ่อนลง  ดูเหมือนเขาเกือบจะยิ้มที่เห็นปฏิกิริยาจากผม  ทันทีนั้นผมจึงขยับตัวเข้าไปอีกเล็กน้อย  เพียงไม่ถึงช่วงหนึ่งของแขนด้วยซ้ำตัวของผมก็เกือบจะติดกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว  แต่แล้วสายตาดุกร้าวก็เผยปรากฏให้ผมเห็นอีกครั้งหนึ่ง  แต่ไม่รู้ทำไมผมดันยิ้มออกมาที่อีกฝ่ายรู้ทันแบบนี้

“นายแน่ใจนะว่าลึก ๆ แล้วนายไม่ได้สนใจฉันเลยน่ะ ?” ผมกวน

“ถ้าผมตอบออกไป คุณที่มั่นใจในตัวเองแบบคุณ อาจจะร้องไห้ก็ได้นะ” อีกฝ่ายกวนกลับ

“หึ ๆ” ผมหัวเราะก่อนจะเงียบลง  เขาก็นอนเงียบอยู่สักพักหนึ่งเหมือนกัน

“ผมขอโทษนะครับที่ชกคุณวันนั้น”

“มาพูดอะไรตอนนี้” ผมตอบเสียงห้วน  ส่วนตัวก็ไม่อยากนึกถึงเท่าไหร่นักหรอก

“.........” ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง  แน่นอนว่าให้อารมณ์ผิดกับก่อนหน้านี้  ผมคิดว่าเขาอยากได้คำตอบที่แน่ชัดจากปากของผมว่าทำไมผมถึงได้เป็นแบบนั้น  ผมตอบไม่ได้แน่ชัดหรอกครับ  ที่จริงเขาน่าจะเดาได้บ้างอยู่แล้วจากสิ่งที่ผมได้สื่อออกไป  จะมาเอ่ยทำไมให้มากหัวข้อ

“ฉันขี้หวงน่ะ” ผมพูดขึ้น

“เป็นนิสัยที่ถูกปั้มติดหลังมาตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่” ผมขยายความ

“หวงไปหมด.. ถ้าอยากหวง” ผมบอกส่ง ๆ ไปที  คนตรงหน้าไม่ได้หันกลับมามองผมอีก  ผมคิดว่าเขาคงจะอ่านรูปประโยคนี้ออกอยู่บ้างถึงได้ไม่ยอมหันมามองหน้าผมตรง ๆ

“นอกจากคำสั่งของพ่อของคุณ คุณมาบ้านผมในฐานะอะไร ?” สมุทรถาม  ผมไม่ตอบในทันที  อีกฝ่ายจึงหันหน้ามาเร่ง

“แล้วกรุณาช่วยเลิกขยับตัวเข้ามาใกล้สักทีจะได้ไหมครับ คุณเห็นผมโง่รึไง” อีกฝ่ายขมวดคิ้วบ่นเสียงแข็ง

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะโดยไม่วายที่จะขยับตัวเข้าหาจนตัวของผมแทบประชิดติดกับคนตรงหน้า

“ตอบคำถามด้วยครับ” สมุทรตัดความหันหน้ากลับไป  ตาจ้องมองเพดานอีกครั้ง 

“ก็ฉันอยากไป” ผมตอบ

“ในฐานะครับ” อีกฝ่ายย้ำคำถามเดิม

“ก็ฉันอยากไป..” ผมพูดซ้ำคำเดิมเช่นกัน  ครั้งนี้ขยับตัวเท้าแขนขึ้นคร่อมคนตรงหน้าในทันทีอย่างไม่ให้เสียโอกาส

“..........” สมุทรสบตามองมา  แต่ปฏิกิริยาของเขายังคงนิ่งขรึมเช่นก่อนหน้า  ผมเพียงอมยิ้มมุมปากนิดหน่อย 

“ให้เดา...” ผมเอ่ยแทบกระซิบ

“คงถูกคร่อมมาเยอะสินะ” ผมแซวท่าทีของเขาที่ไม่มีเป็นเดือดเป็นร้อน  อีกฝ่ายจ้องตาผมเขม็งคล้ายไม่ยอมโอนอ่อนลงเช่นกัน

“คนแบบคุณเยอะซะด้วยนี่ครับ” สมุทรประชดกลับด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ไม่ต่างทำให้ผมหลุดยิ้มที่มุมปากได้มากกว่าเดิม
 
“จะหยุดไหมครับ ?” เขาปรามเสียงนุ่ม  คำสั่งแต่ดันเสือกน่าฟังฉิบเป๋ง 

“ใจเต้นเลยแฮะ” ผมยิ้มกว้างเป็นการบอกว่า “ไม่หยุด”

“ความถูกต้องบนโลกใบนี้น่ะ เป็นแค่มาตรฐานที่มนุษย์ตั้งขึ้นมา นายไม่คิดว่างั้นเหรอ” ผมถาม  ยิ้มกริ่มเป็นนัยยะ  ปลายจมูกเฉียดปลายจมูกของอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  สมุทรนอนเฉย  มีเพียงสายตาของเขาที่ตามการกระทำของผมไปอย่างรวดเร็ว  มันทำให้ผมได้แต่ยิ้มในใจต่อปฏิกิริยาที่แปลกใหม่เช่นนี้  เราต่างเงียบคล้ายลองเชิงซึ่งกันและกัน  ความสงสัยในตัวเขาที่ผมเคยมีซึ่งในตอนนี้ผมก็ยังมีอยู่  เขานิ่งเสียจนผมชักไม่แน่ใจว่าเขาผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้าง  หรือใต้จิตสำนึกของเขานั้นมีความบ้าในกามอารมณ์บ้างหรือเปล่า  หากไอ้เข้มหรือไอ้เด่นที่ว่าโชกโชนในวงการนี้มากับผม  ถ้าพวกมันเป็นสมุทรในตอนนี้พวกมันคงไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้แน่ที่มาถูกผมขึ้นคร่อมเข้าให้   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-10-2016 17:39:38

“หลายครั้งที่ผมปรามคุณแล้วผมไม่เคยได้รับเลย ครั้งนี้ผมก็จะพูดอีก..” สมุทรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ

“เอาเลย พูดเลย” ผมเบ้ปากอนุญาตให้เขาทำตามที่อยากทำ 

“กรุณาลงไปจากตัวผมด้วยครับ” เจ้าตัวสั่ง  คำสั่งที่ออกมาจากเสียงที่น่าฟังแต่มันกลับช่างเย็นชาจริง ๆ  ผมเลือกที่จะมองสมุทรด้วยสายตานิ่งเฉยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  รอยยิ้มที่ไม่ปรากฏอยู่บนใบหน้าผมที่ปกติคนภายนอกมองว่าผมหยิ่งยโสและดูไม่ใช่คนดีนัก  หากทำแบบนี้ไม่แน่ว่าสมุทรเองก็คงลังเลอยู่บ้างไม่มากก็น้อย  ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับหน้าของเขาขึ้นเรื่อย ๆ  ดวงตาที่เริ่มกะพริบถี่มากขึ้นกว่าเดิมทำให้ผมรู้ว่าสมุทรกำลังคิดวิธีที่จะจัดการผมอยู่  ลมหายใจปะทะซึ่งกันและกัน  มุมปากผมยิ้มเผยให้อีกฝ่ายเห็น  ปลายจมูกแตะลงที่ปลายคางของเขา  กลิ่นกายแบบผู้ชายโชยเข้ามา  ทันทีนั้นผมจึงช้อนตาขึ้นมอง  สมุทรจ้องตอบกลับมา  สายตาที่เราต่างประสานกันลึก ๆ แล้วเราเองก็เย็นในความรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก  และนั่นก็คงไม่แปลกเลยที่ดวงตาคู่นี้จะทำให้คนรักเก่าของเขาโวยวายเช่นนั้นที่โรงแรม  ผมแทบไม่แปลกใจเลยสักนิดเดียว

..ปลายจมูกของผมจงใจไล่เกลี่ยไปตามปลายคางและโครงรูปหน้าของสันกรามของเขาอย่างเนิบช้า  เสียงการเต้นของหัวใจชักไม่ปกติ  มันเป็นการเคลื่อนตัวที่บางเบามากจนตัวเองก็รับรู้ได้ว่าในตัวเริ่มร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง   

“ไม่คิดจะทำอะไรสักอย่างเหรอ” ผมขยับตัวกระซิบเตือนสมุทรที่ข้างหู  ใช่..ที่จริงกูเตือนตัวกูเองด้วย  ปากแตะลงเข้าที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาพร้อมช้อนตาขึ้นมอง  หากเขาไม่หยุดผมในตอนนี้  ผมคงได้เป็นบ้าแน่ ๆ

“ครับ..ผมกำลังจะทำอยู่” อีกฝ่ายตอบนิ่ง ๆ  ผมแสยะยิ้มค้างตัวรออยู่อย่างนั้น

“โอ๊ย!!!” ตัวผมสะดุ้งโยน  ร้องอุทานพร้อมผละออกมาจากสมุทรในทันที  อีกฝ่ายจงใจบีบมือมาที่แผลผมอย่างไม่ยั้งแรงมือเลยแม้แต่นิดเดียว

“ซี๊ด! สมุทร!” ผมกัดฟันแน่น  นอนขดตัวด้วยเพราะระบมที่ซี่โครง  สมุทรลุกขึ้นนั่งมองมาด้วยใบหน้านิ่งสงบ  เมื่อผมตั้งสติได้จึงสบตาตอบพร้อมฉีกยิ้มกะล่อนให้อย่างไม่ลดละ

“นายนี่มัน.. ใจร้ายเป็นบ้า” ผมบ่น

“กับคนที่กำลังล่วงละเมิดทางเพศลูกน้องนี่นะครับ” สมุทรต่อว่า   

“ก็ลูกน้องน่าล่วงละเมิดทางเพศนี่” ผมตอบพร้อมส่งสายตาไม่เลิกทั้งที่ยังนอนอยู่อย่างนั้น  ใบหน้าของสมุทรก็เกือบจะหลุดยิ้มเช่นกัน  ความนิ่งขรึมไม่ได้มีมากถึงกับจะทำให้สถานการณ์ระหว่างเราตึงเครียด 

“นอนได้แล้วครับ” สมุทรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนอยากให้จบการเล่นนี้สักที

“จริง ๆ แล้ว..นายเป็นประเภทเดียวกันกับฉันใช่ไหมล่ะ ?” ผมกวาดตา  อีกฝ่ายไม่โต้ตอบ  เอาแต่จ้องผมเขม็ง

“สายตาเย็นชาแบบนั้น มันพูดแทนหมดเลย” ผมต้อน  นำนิ้วชี้กวาดขึ้นกลางอากาศใกล้กับใบหน้าของสมุทร

“แต่ในสายตาผม คุณน่ะ..ปิดกั้นตัวเอง และไร้ความรู้สึกยิ่งกว่าผมซะอีกครับ คนที่ปากยิ้มโดยที่ตาไม่ยิ้มด้วยแบบคุณ มาว่าผมได้ด้วยเหรอ” อีกฝ่ายย้อนเข้าให้  ดูท่าจะทำให้ไม่พอใจซะแล้ว 
 
“ชอบจัง” ผมหัวเราะขึ้นจมูกแกมบ่น

“ขอให้เจอดีเข้าสักวันนะครับ” อีกฝ่ายว่าอย่างเหลืออดพร้อมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

“ฮา~ อยากเจอจนเนื้อเต้นไปหมดแล้ว” ผมทำเสียงกระเส่าและยังคงนอนด้วยท่าที่ตะแคงตัวตั้งแต่แรกอยู่นั้น  พอผมเท้าข้อศอกข้างซ้ายตั้งตัวขึ้น  อีกฝ่ายก็ตะแคงหันหลังหนีให้ผมในทันที 

“แน่ใจนะว่าจะนอนหันหลังให้กันแบบนั้น” ผมพูดเชิงถาม  สมุทรนิ่งไปครู่ก่อนเอี้ยวตัวหันมามองผมตาขวาง  คิ้วผมยึกยักให้โดยอัตโนมัติ  ขยับตัวขึ้นไปนอนบนหมอนดี ๆ  ซึ่งมันก็ใกล้กับหมอนของสมุทรมาก  อีกฝ่ายยอมพลิกตัวนอนหงายกลับมาเป็นปกติ  ต่างคนต่างนอนหงายบนหมอนของใครของมัน  สงบศึกได้เสียที  ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนกันดีเป็นแน่
 
“สมุทร” ผมเรียก  ทั้งที่ยังคงนอนไม่ขยับ

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ

“สุดท้ายแล้ว..จิตใต้สำนึก มักจะเป็นคำตอบที่แท้จริงให้คนเรานะ” ผมพูดแกมบ่นถึงตัวเองและอะไรหลาย ๆ อย่าง  สมุทรไม่ตอบ  เขาเงียบลงพักหนึ่ง

“ผมเคยอยากทำความรู้จักกับคุณ..” อยู่ดี ๆ อีกฝ่ายก็เกริ่นไม่มีปี่มีขลุ่ย  ผมหันหน้าไปมอง  เขาหลับตาลงแล้ว

“เพราะได้ยินชื่อของคุณออกมาจากปากของพ่อกับแม่บ่อย ๆ” ผมเงียบฟัง  สมุทรลืมตาขึ้นอย่างเนิบช้า  สายตาที่เหลงต่ำของเขาทำให้ผมรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในอก  คล้ายระแวงในคำพูดต่อไปจากอีกฝ่าย

“เราปฏิเสธไม่ได้นะครับ ว่าความทรงจำสมัยเด็ก..มันฝังอยู่ในหัวเป็นเลิศกว่าอะไรจริง ๆ” สมุทรบ่นพลางยิ้มน้อย ๆ  ผมเงียบปากเพราะไม่คิดจะปฏิเสธเช่นกัน

“พ่อบอกปัดที่จะให้ผมรู้จักกับคุณ แกพูดว่า..เอาไว้ก่อน แบบส่ง ๆ ไปที”

“ผมเคยได้ยินพ่อคุณบอกว่าอยากให้ผมเป็นเพื่อนกับคุณ แต่พ่อผมดันปฏิเสธว่า..มันไม่เหมาะ ผมไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกับคนแบบคุณ อย่างที่คุณพูดนั่นล่ะครับ..ผมน่ะ อาจจะต้องเป็นเบ๊คุณตั้งแต่เกิดแล้วก็ได้ ผมน้อยใจพ่อมาก..ตอนนั้นเลยคิดอยู่หรอกว่าก็ดีแล้วล่ะ ไม่ได้อยากเป็นเบ๊ให้คนแบบคุณสักหน่อย ใครก็ไม่รู้ สุดท้าย..ไม่ยักคิดว่าจะมีวันที่ได้มาเป็นลูกน้องคุณจริง ๆ” สมุทรพูดปนหัวเราะ  คำพูดที่แฝงไปด้วยความหมายนัยยะมากมายที่แม้เขาจะไม่อธิบายให้กระจ่างผมก็เข้าใจดี   

“ถ้าคุณไม่ได้เป็นเจ้านายผมตอนนี้ ผมก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพื่อนกับคุณให้ก็ได้น่ะนะ” อีกฝ่ายพูดอย่างไร้เยื่อใย  ในหัวของผมกำลังประมวลคำพูดของสมุทรวนไปมา  คำพูดของเขาทำให้ปากผมหนักอึ้งซะอย่างนั้น  ทั้งหมันไส้  ทั้งอยากเอาชนะ 

“ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง..” ผมพูดขึ้น  ณ ตอนนี้สิ่งที่เราทั้งคู่มองอยู่คงเป็นเพดานห้องตรงหน้า

“หน้าที่ที่เอาไว้เลี้ยงปากท้อง ลูกน้องก็มีหน้าที่ในส่วนของงานตัวเอง..ที่ควรสำนึกว่าอะไรคืองานของตัวรึเปล่า ทำ..สิ่งที่ควรทำ” ผมบอก

“ที่บ้านฉัน หน้าที่กับความสัมพันธ์แยกกัน ลูกน้องคือเพื่อน เพื่อน..คือคนในครอบครัว” ผมตัดบท  ก่อนพลิกตัวตะแคงหันหลังให้สมุทรเพื่อเป็นการบอกกับเขาว่า  “ผมขอจบบทสนทนาไว้เพียงเท่านี้”



- - - - - - - - - - - - - - -



06:40 น.

แต๊ก ~~

เสียงนาฬิกาเดินย่องเบาอย่างกับไม่ได้เดิน  ผมนอนตะแคงมองคนร่วมเตียงมาร่วม ๆ สิบห้านาทีเห็นจะได้  เขาหลับสนิทเชียว  หนึ่งสิ่งที่ผมได้รู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวของสมุทรคือ  เขาไม่ใช่คนนอนกรน  และไม่ค่อยเปลี่ยนท่าในการนอนนัก

..ความจริงแล้วผมควรนอนตื่นสายกว่านี้แต่เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อตัวเท่าไหร่นัก  ร่างกายจึงปลุกตัวเองให้ตื่นไปโดยอัตโนมัติ  สมุทรเริ่มขยับตัวเล็กน้อย  ตาหรี่ลืมขึ้นช้า ๆ ก่อนที่จะหันหน้ามาทางผม

“ตื่นนานแล้วเหรอครับ” เขาถามด้วยสีหน้าตกใจ  เหมือนเกรงในความผิดต่อหน้าที่การงาน

“ชั่วโมงนึงได้” ผมตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย   

“ได้ข่าวว่าปกติตื่นเช้านี่” ผมแซว  ที่จริงไม่ใช่การ ‘ได้ข่าว’ แต่เป็นการสังเกตด้วยตัวเองล้วน ๆ

“ขอโทษครับ” สมุทรขยับตัวลุกขึ้น

“วันนี้เราต้องออกไปไหนรึเปล่าครับ”

“ไปเดทไงเล่า ถามได้..ลืมเหรอ ?” ผมบ่นพร้อมพลิกตัวนอนหงาย  สมุทรที่นั่งอยู่มองผมเงียบ ๆ  ผมพลิกตัวมาอีกด้านเพื่อที่จะลุกขึ้นอาบน้ำ  น้ำหนักตัวหนักขึ้นกว่าเมื่อวานมากจึงทำให้การเคลื่อนตัวเริ่มแรกค่อนข้างเชื่องช้านิดหน่อย  ขาห้อยลงจนปลายเท้าแตะบนพื้นพรมอยู่สักพักหนึ่งเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ 

“คุณนอนพักอีกสักนิดดีกว่าไหมครับ” สมุทรลุกจากเตียงไปแล้ว  เขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าผม 
 
“ไม่” ผมปัด  ตาสว่างเต็มที  ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิดเดียวแล้วจะนอนต่อให้เมื่อยไปทำไม 

“ตาคุณบวมมากเลยนะครับ” สมุทรมองด้วยสีหน้าไม่สู้ดี  กูก็ว่า  ทำไมรู้สึกหนัก ๆ ที่เบ้าตา  คำทำนายที่คุณหมอรู้ดีคนเมื่อวานนี้เป็นจริงเข้าให้ซะแล้ว..

“ฉันอยากอาบน้ำ” ผมขมวดคิ้วพูดเบี่ยงประเด็น  สมุทรนิ่งไปหนึ่งอึดใจ  ผมนั่งมึนเมินไม่สนใจ

“ทำไมคุณถึงเป็นคนรั้นแบบนี้ครับ”

“หุบปากน่า เป็นแม่ฉันรึไง..” ผมว่ากลับ  อีกฝ่ายถอนหายใจเล็กน้อย

“ทำตามหน้าที่ด้วยครับ หรือต้องให้ผมไปทำเอง” ผมเลิกตามองขวาง  สมุทรหลบตา  เดินหนีเข้าห้องน้ำไปเพื่อจัดการตามหน้าที่ของตน

“อย่างกับตัวเองรั้นน้อยเมื่อไหร่” ผมกัดฟันบ่นไล่หลัง 

สมุทรจัดการเตรียมน้ำใส่อ่างให้ผมในอุณหภูมิเดียวกันกับที่พี่ธานรู้เปี๊ยบ  พร้อมจัดเตียงเข้าที่เรียบร้อยอย่างกับแม่บ้านของทางโรงแรมมาเอง  เสร็จหน้าที่แล้วก็ออกจากห้องไปโดยที่ผมไม่ต้องออกปากไล่  เพราะเมื่อไหร่ที่ผมต้องการเวลาส่วนตัว  ขอให้ผมอยู่คนเดียว

.. มือกดเปิดไอพอตของทางโรงแรมพร้อมเลือกเพลงที่ชอบให้เหมาะควรแก่เช้าวันใหม่ในอารมณ์แบบนี้  คลอไปพร้อม ๆ กับการแต่งตัว  ตากวาดมองงานในตู้เสื้อผ้า  เสื้อผ้าของผมที่เตรียมมาถูกนำใส่ไม้แขวนจัดเรียงเข้าตู้ไว้ให้เรียบกริบเป็นที่น่าพอใจ  เสียงพูดคุยเบา ๆ จากด้านนอกทำให้ผมทราบว่าพี่ธานเองก็ตื่นแล้วเช่นกัน 

เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสไตล์ฮาวายลายดอก  พื้นสีแดงฉูดฉาดที่เพื่อนรักชอบซื้อมาฝากจากต่างประเทศ  ไอ้โปรดชอบให้ผมใส่เสื้อเชิ้ตฮาวาย  มันบอกว่าผมใส่ขึ้นเหมือนจิ๋กโก๋ยุค 70s  เสื้อสไตล์ฮาวายจึงเต็มตู้เสื้อผ้าผมไปหมด  ตามจริงแล้วผมก็ชอบด้วยเหมือนกัน  ซื้ออะไรมาให้ฟรีก็ชอบทั้งนั้น  เนื้อผ้าพลิ้วใส่สบาย  อีกทั้งผมเป็นคนชอบของสีสดเป็นทุนอยู่แล้วด้วย  ทั้งไอ้โปรดและพายุรู้ในส่วนที่ผมชอบและพวกมันมักจะเลือกสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมมาให้เสมอ  อะไรที่ได้รับ  เสื้อทรงไหนมาผมก็นำมาใช้ทั้งนั้น  แล้วแต่สถานการณ์  แล้วแต่โอกาสไป  ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใส่แนวอย่างวันนี้เท่าไหร่นักถ้าไม่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ หรือเที่ยวส่วนตัว   


- I’m the man. Do wicked things. -

“หึ..” หนวดที่ไม่ได้ถูกโกนออกในตอนเช้าวันนี้เห็นในกระจกยังอดชอบใจให้ตัวเองไม่ได้  ชายเสื้อเชิ้ตซุกเข้าในกางเกงผ้าวูลสีเทาทรงคร็อปแพนท์  กระดุมเสื้อปลดออกจนเกือบเห็นแผ่นอกอย่างชัดเจน  นาฬิกาเรือนทองทั้งเรือน  แหวนวงใหญ่สามวงติดที่มือข้างเดียวกับนาฬิกา  รสนิยมการเลือกของของพายุดีคงที่เสมอต้นเสมอปลาย  ดังนั้น ไม่ว่าผมจะหยิบอะไรมาผสมในตัวมันก็เลยเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ถุงเท้าสีดำซ่อนข้อที่เตรียมเรียงเป็นคู่ ๆ ไว้ให้พร้อม  ทุกคนรู้ดีว่าผมไม่ชอบใส่รองเท้าโดยไม่ใส่ถุงเท้า  ไม่ว่าชุดไหน ๆ ก็ต้องสวมถุงเท้าเสมอ  ปลายเท้าข้างขวาเขี่ยรองเท้าหนังกลับพื้นสีกรมท่าตัดกับขลิบสีน้ำตาลแยกออกมาเพื่อตัดสินใจว่าวันนี้จะใส่คู่นี้ 


- Nothing can stop me. Nothing can stop me -

“This is my way. Nothing can stop me.” เสียงเคาะประตูพร้อมการขออนุญาตจากพี่ธานแทรกเข้ามาในขณะที่ปากของผมยังคงขยับคลอตามเพลงจังหวะฮิพฮอพที่มีเนื้อร้องซ้ำ ๆ อยู่ที่เดิม  จนไม่รู้ว่าแม่งจะร้องเนื้อเดิม ๆ นี้ยันจบเพลงเลยรึไง  ประตูห้องเปิดเข้ามาพอดีกับที่มือของผมกำลังปาดเจลใส่ผมเสร็จหมาด ๆ  พี่ธานหยุดยืนที่หน้าประตู  มือแตะปิดประตูเบา ๆ  ผมยักคิ้วทักทายยามเช้า  นำหวีปาดผมไปทางด้านหลังพลางมองหน้าพี่ใหญ่  อีกฝ่ายฉีกยิ้มอ่อน ๆ  ตากวาดมองผมอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยความหมายไม่ต่างกันนัก   

“นี่คือชุดของวันนี้งั้นเหรอครับ”

“ไม่ดีเหรอ ? ชุดมาทะเลไงครับพี่ใหญ่ หัวจรดเท้านี่กลั่นกรองมาแล้วนะ พูดงี้น้องพายุเสียใจแย่” ผมตอบพลางอมยิ้มมุมปาก  เท้าก้าวถอยห่างจากกระจกเล็กน้อยเพื่อสำรวจมองตัวเองในมุมกว้างอีกครั้ง

“ไม่ได้ว่าไม่ดีครับ..ดูเหมือน Gangster คุมถิ่นเอเชียแถว Miami ในยุค 1970s ดีครับ” พี่ธานขยายความหน้าประหลาด

“หึ! ฮ่า ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะดังลั่นด้วยความพอใจ  พี่ธานหลุดขำเช่นกัน  ตามองไปที่กล่องเก็บแว่นตา  พี่ธานรู้งานเข้ามาเปิดกล่องแว่นตาที่เตรียมไว้ออกทั้งหมดทันที  เราต่างเงียบลง  ผมหยิบแว่นกันแดดอันที่เหมาะกับชุดที่สุดมาเสียบเข้าที่ระหว่างกลางเสื้อ  พอทำแบบนี้จึงยิ่งทำให้น้ำหนักของเสื้อถูกรั้งให้หย่อนลงไปมากกว่าเดิม 

“ยิ่งคุณตั้งใจแต่งตัวแบบนี้ ในตัวคุณ..แทบไม่มีอะไรเหลือให้เขาไว้ใจได้เลยครับ” พี่ธานพูด  ผมเงียบ  ช้อนตาขึ้นมองพี่ใหญ่พร้อมดุนลิ้นไว้ที่กระพุ้งแก้มยิ้ม ๆ

“รู้ดีจังนะครับ” ผมพูดเรียบ ๆ

“พูดให้ฟังน่ะครับ” อีกฝ่ายตอบกลับเสียงเรียบเช่นกัน

“ใจต่างล่ะ ที่จะวัดว่าควรเชื่อได้รึเปล่า ไม่ใช่เหรอครับพี่ใหญ่ ?” ผมถาม  พี่ธานนิ่งมองด้วยแววตาแฝงความหมายเช่นกัน

“ครับ ผมจะอธิฐานให้อีกฝ่ายมองเห็นเร็ว ๆ นะครับ” พี่เขายิ้มตอบ   

“Awesome!” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงที่ใช้พร้อมชี้หน้าพี่ธานหน้าทะเล้น

“ไม่กวนเขาไม่ได้เหรอครับ ?” อีกฝ่ายถามทีเล่นทีจริง

“This is the real me.” ผมมองตัวเองในกระจก  อีกฝ่ายเงียบไปแล้ว  ผมไม่เคยไม่เป็นตัวของตัวเอง  ไม่แม้กระทั่งกับคู่นอน  แต่การเป็นตัวของตัวเองในบางครั้งมันก็แค่เป็นบางมุม  มุมในด้านที่ผมตั้งใจเปิดหรือปิดไว้เพื่อใช้กับคน ๆ นั้น  บางทีคนเราก็ต้องการทดสอบตัวเองด้วยการเปิดเผยทุก ๆ ด้านที่ตัวเองเป็นกับคนที่เราต้องการให้เห็นเท่านั้น  ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะอยู่ในสถานะใดสำหรับเราก็ตาม  เพราะนั่นคือการทดสอบอีกฝ่ายเช่นกัน

“แล้วจะไม่ทำแผลที่ท้องหน่อยเหรอครับ” พี่ธานมองมาที่เอวของผมอย่างเป็นกังวล

“เฮ..ผมทายาเองไปแล้ว รำคาญ..เอาไว้เจ็บอีกทีตอนเย็นแล้วกัน” ผมขยิบตากระซิบปราม  พี่ธานยิ้มอ่อน ๆ อีกครั้ง

“เขาอาบน้ำอยู่เหรอ” ผมถาม

“ครับ” พี่ธานเอื้อมเปิดประตูให้

“ล็อกห้องรึเปล่า” ผมแกล้งทำหน้าตาเลิ่กลั่ก  พี่ธานหัวเราะ

“พี่แต่งตัวสบาย ๆ ก็ได้นะ วันนี้ไม่ต้องซีเรียสนักหรอก” ผมบอก  พี่ธานยิ้มมีเลศนัยรู้ทันไม่ถามเอาความอีก
 
ผมออกมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่น  พี่ธานนำน้ำมาเสิร์ฟพร้อมแกะซองยาเพื่อให้ผมได้กินยาก่อนอาหาร  อีกฝ่ายขอตัวกลับเข้าห้องตัวเองเพื่อจัดการธุระส่วนตัว  ผมนั่งรอทั้งคู่อยู่เกือบสิบห้านาที  ปกติผมจะต้องเสร็จทีหลังลูกน้อง  แต่วันนี้คงอารมณ์ดีมากไปหน่อย  ก็นะ..
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-10-2016 17:40:01
“Show me something, baby~” ผมร้องคลอตามเสียงเพลงจากโทรทัศน์  มือหนึ่งเปิดกล่องแอปเปิลที่สมุทรหั่นเตรียมใส่ไว้ในตู้เย็นออกมากิน  บรรยากาศทำให้นึกถึงไอ้โปรดและไอ้โชขึ้นมา  ผมเดินออกจากครัวพร้อมหนีบกล่องแอปเปิลมาด้วย  สมุทรที่แต่งตัวเสร็จออกจากห้องมาพอดี  อีกฝ่ายชะงักกวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า  ผมฉีกยิ้มให้ทั้งยังเคี้ยวแอปเปิลอยู่ในปาก

“มีอะไร” ผมเลิกคิ้วแกล้งถามหน้าซื่อไปอย่างนั้น 

“เอ่อ..เปล่าครับ คุณดู..แปลกตากว่าทุกทีนะครับ” สมุทรตอบ

“แบบนี้ดีกว่าไหมละ ฉันจะได้ใส่ทุกวันเลย” ผมถามตาใสไม่เลิก

“คุณใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นละครับ แต่ผมขอให้คุณดูเรื่องกาลเทศะจะดีกว่า ถ้าคุณใส่แบบนี้เข้าไปเซ็นเอกสารที่ห้างหรือตลาด มันคงไม่เหมาะ” สมุทรตอบเป็นจริงเป็นจัง

“พูดยาวเป็นบ้า” ผมทำหน้าเซ็ง  หยิบแอปเปิลอีกอันเข้าปากพร้อมคาบมันค้างไว้อย่างนั้นไม่เคี้ยวเข้าไปดี ๆ  สมุทรยอมเงียบปากแล้ว  ผมเดินตรงเข้าหา  เราจ้องตากันไม่กะพริบ  ความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วครู่ทำให้เราต่างได้ยินเสียงแอปเปิลที่ผมเริ่มขยับฟันเคี้ยวเข้าไปในปากได้อย่างชัดเจนได้ “แกรบ~”

.. ใบหน้าของผมตอนนี้คงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย  มือหยิบแอปเปิลอีกชิ้นที่อยู่ในกล่องขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ยอมละไปจากสายตาคู่ตรงหน้า  สมุทรจ้องผมเอาเป็นเอาตายไม่ต่างนัก  สายตาที่กำลังบอกผมว่าเขาจะไม่ยอมลงให้ผมเป็นแน่  ผมนำแอปเปิลที่อยู่ในมือจ่อไปที่ปากของสมุทร  อีกฝ่ายเหลือบมองแอปเปิลเล็กน้อยแต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาที่จะยอมรับเข้าปากไปง่าย ๆ

“ไม่กินฉันจูบ” ผมพูดเสียงเรียบ  อีกฝ่ายกลอกตาคล้ายอ่อนใจก่อนเผยปากออกช้า ๆ รับแอปเปิลเข้าปากไปง่าย ๆ  ผมดุนลิ้นยิ้มอย่างพอใจ 

“เฮ้อ กินง่ายไปมั้ง น่าเสียใจจัง” ผมถอนหายใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมทำเสียงเล็กเสียงน้อยกวน  ทำให้อีกฝ่ายทำท่าจะหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน  แอปเปิลที่เราต่างเคี้ยวอยู่ในปากรสชาติค่อนข้างหวาน  เมื่อมันหมดแล้ว ลิ้นเกลี่ยไปตามไรฟันด้านในด้วยรู้สึกหมันเขี้ยวคนตรงหน้าขึ้นมาที่เขายังคงมองสู้ผมไม่เลิก  เสียงเพลงจากโทรทัศน์เปลี่ยนไปเป็นเพลงอื่น  นิ้วมือข้างที่ถือกล่องทัพเพอร์แวร์อยู่เคาะไปตามทำนองเบา ๆ 

“สู้ให้ได้ตลอดนะ” ผมเตือน  คำเตือนที่ละประโยคปิดท้ายว่า “..ฉันชอบ” เอาไว้  พร้อมพยายามที่จะส่งยิ้มให้เขาสบายใจ  แต่ไม่รู้ว่าแววตาที่กำลังอยากมีอะไรกับเขาอย่างเอาเป็นเอาตายในตอนนี้ของผมนั้นมันกลบทุกอย่างมิดไปแล้วหรือไม่  แต่พ่อใครสน.. ก็มันเรื่องจริงนี่นะ

“เช็ดไม้เท้าซะ” ผมเดินกลับมานั่งลงที่โซฟา  มือชี้ไปที่ไม้เท้าที่วางอยู่บนโต๊ะระหว่างโซฟา

“กล่องทำความสะอาดพี่ธานบอกแล้วใช่ไหมว่าอยู่ไหน” ผมพูด  สมุทรขานรับ  มือหยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นเพื่อเปลี่ยนช่อง  เขานำกล่องทำความสะอาดมานั่งลงที่โซฟาอีกตัวโดยนั่งทำความสะอาดไม้เท้าไปอย่างเงียบเชียบละเอียดละออทีเดียว  เราไม่ได้พูดคุยกันเลยระหว่างที่นั่งรอพี่ธาน  ปกติผมก็ไม่ใช่คนชอบชวนคนไม่สนิทพูดบ่อยอยู่แล้ว  ถึงผมจะอยากคุยกับเขาอยู่บ้างแต่คิดว่าไม่พูดบ้างคงจะดีกว่า..

“ทีอย่างนี้ละตื่นสายเชียวนะ” ผมบ่นพายุ  มันงัวเงียออกมาจากห้องนอน  ผมให้พี่ธานเข้าไปปลุกมันเพื่อที่จะได้ลงมากินข้าวเช้าของโรงแรมพร้อมกัน  ถ้าให้ไอ้เข้มหรือไอ้เด่นปลุกมันไม่ตื่นหรอกครับ

“..........” พายุมองผมตาปรือ  สภาพของมันยังคงใส่ชุดนอนโดยมีชุดคลุมอาบน้ำสีเหลืองทองลายประหลาดที่ไม่น่าจะหาซื้อได้ในประเทศไทยคลุมทับไว้อีกทีหนึ่ง

“เฮียแต่งตัวได้ น่าโดนมาก” มันตอบเสียงเครือคนละเรื่อง 

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอ  นำแขนอีกข้างที่ไม่ได้ถือไม้เท้าอยู่กอดไหล่พายุเข้ามาเพื่อให้เดินไปด้วยกัน  พี่ธานและสมุทรตามมาขนาบข้าง  พร้อมด้วยไอ้เข้มและไอ้เด่นที่ดูแล้วก็คงเพิ่งตื่นเช่นกันตามหลังมาติด ๆ  ประตูลิฟต์เปิดออกไม่ทันได้กดรอนาน  คนในลิฟต์สามคนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อสบตากับผม  ผมจึงฉีกยิ้มในลักษณะเป็นมิตรกลับไปให้ 

“ไปรึเปล่าคะ” เธอถามหน้าประหม่า

“ไปครับ” พี่ธานยิ้มสุภาพตอบให้แทนก่อนเข้าไปในลิฟต์เพื่อกันประตูลิฟต์ให้ผมและพายุได้เข้าสะดวก 

ห้องอาหารของโรงแรมไม่พลุกพล่านนัก  ด้วยคงเพราะตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก  อีกทั้งการจัดโซนที่นั่งของทางโรงแรมก็เป็นสัดส่วนดี  เราแยกย้ายกันตักอาหารของตนเองโดยนั่งรวมอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน  ผมตักเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ตอนนี้จึงเป็นตาของพายุและพี่ธาน

“วันนี้ฉันจะออกไปดูที่ดินกับพี่ธาน นายสองคนอยู่กับพายุ” ผมสั่งไอ้เข้มกับไอ้เด่นไว้ก่อนที่พายุจะกลับมาถึงโต๊ะ

“ครับนาย” ทั้งคู่ผงกหัวรับ

“อย่าให้คลาดสายตาล่ะ” ผมเตือน

“แต่..ถ้าคุณพายุปล่อยกังฟูกัดพวกผมละครับ” ไอ้เด่นพูดใบหน้าเจี๋ยมเจี่ยม

“มึงอย่าควายน่า มันไม่ปล่อยหรอก..ก็แค่ขู่” ผมบ่นด้วยความรำคาญ

“ก็คุณพายุชอบขู่นี่ครับนาย บางทีก็เอาจริงด้วย” ไอ้เด่นบอก  ผมเงียบ  เพราะก็จริงของมัน

“เดี๋ยวกูออกค่ารักษาพยาบาลให้เองน่า กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามึงหรือกังฟูที่เลี้ยงเสียข้าวสุก” ผมตอบปัดประเด็นอย่างไม่แคร์  ไอ้เข้มหลุดอมยิ้มน้อย ๆ ทำให้น้องชายมันถึงกับหันไปค้อนใส่  เมื่อนึกขึ้นได้จึงเปิดกระเป๋าสตางค์ออกแล้วนับเงินให้กับทั้งสามคนออกไปคนละห้าพันบาท 

“เผื่ออยากได้อะไร” ผมวางเงินตรงหน้าไอ้เข้มและไอ้เด่น  ก่อนนำอีกก้อนหนึ่งวางลงตรงหน้าสมุทรที่อยู่ทางด้านขวามือ

“เอ่อ ค่าอะไรครับ” สมุทรมองหน้าผมด้วยสีหน้าสงสัยและยังไม่ยอมที่จะเก็บเงินไปดี ๆ  ผมหลุดยิ้มกว้างและไม่ตอบคำถาม  ปกติแล้วถ้าเงินไม่มากจริง ๆ ลูกน้องผมมักไม่เคยถามปากมากแบบนี้

“เผื่ออยากได้อะไรน่ะครับ” ไอ้เข้มขยายความให้เด็กใหม่ที่มีอายุมากกว่ารับทราบอย่างสุภาพก่อนที่มันและน้องชายจะเอ่ยปากขอบคุณผม  สมุทรผงกหัวให้ผมเล็กน้อยแล้วหยิบเงินเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อไป   

ผมนั่งรอ  ตาเหลือบมองไปที่พายุที่กำลังตักอาหารอยู่ตรงโซนอาหารยุโรปว่าเมื่อไหร่มันจะเสร็จสักที  ตกลงว่ามันเลือกกับข้าวมาแดกหรือว่ามันไปเดินจ่ายตลาดกันแน่  พี่ธานเดินอยู่ใกล้ ๆ กับพายุไม่ห่างนัก  ถ้าพายุไม่เสร็จอีกฝ่ายก็กลับมาที่โต๊ะไม่ได้ด้วย 
และด้วยความที่ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบมองไปรอบ ๆ ในสถานที่ที่ตนเองอยู่  จึงทำให้มักได้เห็นอะไรแปลกตาเสมอ  ครั้งนี้ก็เช่นกัน  ผมสังเกตเห็นผู้หญิงโต๊ะหนึ่งกำลังพูดคุยด้วยท่าทางตื่นเต้น  พวกเธอจ้องมองไปทางพายุอยู่สักพักหนึ่งเห็นจะได้  แต่เป้าหมายยังคงยืนทำหน้าซื่อบื้อเลือกอาหารที่อยากกินอย่างเพ่งพินิจ  มันเข้าไปหาพี่ธานพร้อมกับยื่นจานเปล่าให้พี่ธานอีกใบหนึ่ง  มันเลือกอาหารอย่างไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนกำลังมองอยู่  สายตาของพี่ธานเหลือบมองไปที่ผู้หญิงพวกนั้นคล้ายรู้ตัวแล้ว  ปฏิกิริยาที่ทำให้ผมแสยะยิ้มมองเป็นเรื่องสนุก  ผู้หญิงหนึ่งในสี่คนตัดสินใจลุกขึ้นยืน  เธอจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่  ผมที่ยาวสลวยพลิ้วไหวอย่างมั่นใจในตัวเอง  ตัวของเธอค่อนข้างเล็กและผิวค่อนข้างขาว  มองรวม ๆ แล้วก็เหมาะกับพายุอยู่ไม่น้อย   

ครู่เดียวเท่านั้นเธอก็ประชิดตัวตรงหน้าน้องชายของผมเสียแล้ว  พี่ธานเลือกที่จะเฝ้าโดยเว้นระยะให้อย่างรักษามารยาท  เธอแนะนำตัวเองก่อนตามสเต็ปและถามชื่อของเป้าหมาย  ริมฝีปากบาง ๆ ที่ขยับในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้วิเคราะห์จากสายตาได้ไม่ยากว่าเธอพูดอะไรไปบ้าง  พายุส่ายหัวน้อย ๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ก็ยอมรับกระดาษแผ่นเล็กมาจากผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้น  เมื่อเธอกลับไปที่โต๊ะของเธอ  คนของผมจึงเดินกลับมา  พี่ธานสบตากับผม  ทั้งโต๊ะเห็นสถานการณ์ทั้งหมดและเมื่อไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากผมทุกคนจึงยังนั่งเงียบไม่กระดิก 

“วันนี้จะออกไปดูที่ดิน” ผมพูดขึ้น  พายุที่นั่งลงข้าง ๆ ผมหันมามอง

“ไอ้เข้มกับไอ้เด่นจะอยู่กับมึง ตลอดเวลายกเว้นตอนมึงเข้าห้องน้ำ ดังนั้น..ถ้ามึงคิดวางแผนที่จะอยู่คนเดียว ปล่อยไอ้กังฟูเพื่อไล่พวกมันละก็..” ผมพูดยาวก่อนหยุดคิดครู่หนึ่งว่าจะเอาอะไรมาดัดนิสัยน้องชายคนนี้ของผมดี

“ไอ้ที่กูคิด ๆ ไว้เรื่องปรับปรุงโรงเรียนของมึงปีหน้า..จะเป็นโมฆะ” ผมสรุป  พายุจ้องเขม็งเอาความ  ผมอมยิ้มให้มันก่อนหันหน้ากลับมา  นิ้วกระดิกเคาะโต๊ะเบา ๆ  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นก้มหน้าก้มตามองจานอาหารตรงหน้าตัวเองอย่างกับตนมีความผิดแล้วอย่างนั้น 

“เอาหมาอีกตัวด้วย” พายุพูดขึ้นเสียงแข็ง

“อ๋อ..นี่ท้าทาย ?” ผมยิงฟัน  เบิกตาถาม

“ก็วันนั้นเฮียบอกว่าเอาไว้ค่อยคุยกันอะ” มันหันมาโวยใส่ 

“แค่ตัวเดียวก็จะเต็มบ้านแล้วพายุ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงอะลุ่มอล่วยแต่แฝงไปด้วยความกวนโมโหน้องชาย  พูดเองก็เกือบจะหัวเราะเองจึงได้แต่กลั้นขำไว้สุด ๆ  พี่ธานยิ้มมอง

“เออน่า..เอาไว้ค่อยคุยกัน” ผมปัดไปทีก่อนหันตัวกลับมาหยิบส้อมเพื่อจิ้มสลัดกินก่อนเป็นอันดับแรก  รับรู้ได้อยู่ว่ายังคงมีสายตาอาฆาตจากน้องชายจับจ้องมาที่ผมอยู่เนือง ๆ ไม่ลดละ  ผมไม่สนใจ  เคี้ยวสลัดไปพลางหันไปยิ้มให้พายุไปพลาง  มือข้างขวาแตะลงที่กระดาษแผ่นที่มันเพิ่งได้รับมาจากผู้หญิง
 
“ชอบเหรอ ?” ผมตั้งคำถามโดยยังไม่ละสายตาไปจากน้องชาย  ผมคิดว่ามันเองก็คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร 

“ไม่ได้ชอบ” พายุตอบ

“แล้วรับมาทำไม”

“ก็เขาให้” อีกฝ่ายตอบซื่อ ๆ  หันตัวกลับไปตั้งหน้าตั้งตาลงมือกินทำเป็นตัดบทใส่ผม  ผมแสยะหัวเราะไม่มีสาเหตุพร้อมกางแขนออกกว้าง  ข้างซ้ายนำฟาดลงบนพนักเก้าอี้ตัวที่พายุนั่งก่อนเอี้ยวคอหันไปมองทางโต๊ะของผู้หญิงพวกนั้น  ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเธอได้จ้องมองสถานการณ์ตั้งแต่ก่อนหน้าอยู่แล้ว  เจ้าของกระดาษหลบตาทันทีที่เราปะทะสายตากัน  ตอนนี้มีเพียงพายุกับพี่ธานเท่านั้นที่กำลังลงมือกิน  พี่ใหญ่กินไปอมยิ้มไปตลอดเวลา  ผมหยิบกระดาษแผ่นนั้นวางลงตรงหน้าของไอ้เข้ม  อีกฝ่ายมองรอคำสั่งจากผม  ที่ผมเจาะจงเลือกไอ้เข้มเพราะว่าหน้ามันเหมาะสมกับอะไรเด็ดขาดเช่นนี้ดี 

“เอาไปคืน” ผมสั่ง

“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัวน้อย ๆ หยิบกระดาษพร้อมลุกจากไป  พายุกินต่อไม่สนใจใด ๆ  นั่นแปลว่าตามจริงแล้วมันไม่สนเลยสักขี้เล็บเดียว  ผมหันกลับไปมองที่โต๊ะดังกล่าว  ไอ้เข้มวางของกลางลงบนโต๊ะพร้อมพูดว่า “นายผมให้เอามาคืนครับ” เท่านั้น  มันไม่รอเสียงตอบรับก็เดินกลับมาทันที  ผมหัวเราะ

“เดี๋ยวยุก็จะเอาไปทิ้งอยู่แล้วแท้ ๆ” พายุหันมาบ่น 

“อีกฝ่ายรอ จะให้เธอรอทำไม” ผมว่า

“เฮียทำแบบนั้น เธอเสียหน้า” มันขมวดคิ้วต่อว่า

“ไม่ใช่ญาติกูนี่” ผมตอบกลับห้วน ๆ 

“นี่มึงเลือกแคร์ผู้หญิงมากกว่าพี่มึงเหรอ” ผมหมันไส้  คว้าหน้าพายุอย่างแรงจนมันตัวเซไถลเข้าหา

“เฮีย!” เจ้าของร่างกายขึ้นเสียงเสียงหลง  ผมยิ้มกว้าง  ออกแรงล็อกคอพายุมากอดพร้อมนำหนวดที่ปลายคางที่ไม่ได้ถูกโกนในเช้าวันนี้ถูไถไปที่ซอกคอของมัน 

“ไอ้เฮีย!!!” พายุโวยวายเสียงดัง  มันออกแรงผลักผมออกอย่างแรง  หน้ามันแดง  หูก็แดงไปหมด

“โกรธเหรอ หือ ?” ผมขบฟัน  นำมือเขี่ยคางหยอกกวนมันไม่เลิก 

“ฮื้ย! ยุเจ็บนะ” มันนำมือปัดคอตัวเองอย่างแรง  ขยับตัวทำท่าขนลุกด้วยใบหน้ามู่ทู่จนดูตลก  ผมกับพี่ธานหัวเราะ

“โรคจิต” พายุบ่นงึมงำ 

“เรียกชื่อเล่นกูทำไมครับ” ผมย้อนทันที  ทุกคนอมยิ้ม  ผมนำแขนออกจากเก้าอี้ของพายุหันตัวกลับมานั่งกินดี ๆ 



.............(ไฟ)............


จากผู้เขียน:  สำหรับตอนต่อไป..ยังไม่ขอรับปากว่าจะเป็นช้าเร็วอย่างไรเมื่อไหร่นะคะ  เพราะสำหรับตอนที่ 29 นี้ก็มาต่อให้อย่างเร็วได้ที่สุดแล้วและค่อนข้างยาวด้วย  บทเลยพยายามไม่ให้รู้สึกค้าง  ตอนหน้าเดท  หลายคนเดาและทวงว่าได้เดท ... :a5: :a5: :a5:


ขอบคุณค่ะ
เบบี้

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-10-2016 17:49:19
เย้ๆๆๆๆๆ เบบี้มาแล้ววววว คิดถึงมากกกกกกกกกกก

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฝน ต้นหนาว ที่ 02-10-2016 18:25:26
เยยยยยยยยย่ :katai4: :katai4: :katai4:
คุณไฟนี่เราไม่รู้จะใช้อะไรมาบรรยาย ความคุณไฟนี่มัน หึ้ยยยย
สมุทรคงเหนื่อย ยอมคุณไฟก็หายเหนื่อยแล้วว :hao7:
พี่ธานรู้ใจคุณไฟมากเลย ห้ามเฉพาะที่มันเกินไปอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ห้ามแค่เตือนๆ
พายุกับคุณน่าร๊ากก ชอบหยอกน้อง


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 02-10-2016 19:03:06
เป็นหนึ่งตอนที่ให้ความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มาก
ไฟสมุทร/สมุทรไฟ ^ ^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 02-10-2016 19:04:04
ไฟหื่นอ่ะ ฮ่าๆ สมุทรคิดหนักอิอิ ลุ้นมากว่าจะได้จูบไหม นี่ถ้าจูบไฟคงยิ่งกว่านี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 02-10-2016 19:09:03
เดทททททททท
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 02-10-2016 19:19:27
ไฟนี่มันกวนจริงๆ  เมื่อไหร่สมุทรจะใจอ่อน  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 02-10-2016 19:42:51
รอวันที่ไฟได้โดนสมใจ :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-10-2016 20:08:03
มันเป็นอะไรที่่ดีมากกกรู้สึกดีจริงๆนะ ตั้งใจอ่านทุกตัวอักษร เราคงบ้าไปแล้วแน่( เหมือนที่ไฟชอบบ่นกับตัวเอง555+)

เขินมากกกกลุ้นกับพี่ไฟขนาดนอนเตียงเดียวกัน สมุทรก็นิ่งไม่ไหวติง แกล้งขยับใกล้เข้าไปแล้ว แต่..สมุทรก็ยังคงเป็นพ่อพระ  หรือ..ลึกๆแล้วแอบขำพี่ไฟอยู่ก็เป็นได้ อิอิ

พี่ไฟร้ายมากแอบมีหอมแก้มไปแล้วหนึ่งครั้ง ถือว่ากำไรสุดๆค่ะพี่ อ้อนต่อไปค่ะ ...กำลังดีทีเดียว :)


ขอบคุณเบบี้มากๆค่ะ  :กอด1: :L2:






หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 02-10-2016 20:29:00
ชอบคุณไฟจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 02-10-2016 21:30:42
ขอจุ๊บให้หายคิดถึงเบบี้  ไฟก็แซะไปเรื่อยเผื่อสมุทรใจอ่อน  กวนแบบนี้ถ้าจะอีกนาน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 02-10-2016 21:39:52
เข้ามากรี๊ดก่อน แบบว่าคิดถึงมากๆ  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 02-10-2016 22:31:03
สมุทรเปลี่ยนชื่อเป็นน้ำแข็งไหม???!!!!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 02-10-2016 23:28:52
ความจังไรของพี่ไฟ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
5555555555555
ชอบตรงเน้ จะเอาก็แสดงชัดๆไปเลย!!
นี่ชัดยังวะ !?
แต่เหนื่อยแทนพี่ไฟ สมุทรยากมากอ่ะ ยากจริงๆ
ตอนได้กันคงดีพิลึก คึคึ
พายุน่ารักมาก น้องเฮียอ่ะ น่าเอ็นดูวววว
เบบี้สู้วววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-10-2016 23:58:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-10-2016 00:05:58
ตอนนี้ยาวสะใจเลยค่ะ

ไฟขี้แกล้ง โดนกันทั่วถึงเลย
สงสัยแกล้งแก้เครียด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 03-10-2016 00:51:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 03-10-2016 01:03:57
จะชอบเขาอะไรขนาดนี้ จากที่เป็นบ้าอยู่แล้ว ก็ดูเป็นบ้ายิ่งกว่าเดิมอีก 5555
ชอบใจความดุของสมุทร แต่คือคนยังไม่รักเนอะ แค่ไม่รังเกียจกันก็พอแล้ว อย่าถึงกับผลักไสเลย กลัวพี่ไฟใจขาดตายซะก่อน ยังไม่อยากเห็นบทโศก 55555

แล้วชอบว่าเขาปากมากงี้ คือชอบเขานะ นี่จีบจริงป่าว สงสารสมุทรเลยอ่า มีคนบ้ามาจีบ

พี่ธานก็เข้ากันกันดีเหลือเกิน รู้ใจกันไปหมด



สไตล์เสื้อผ้าบ่งบอกถึงตัวคนใส่นะคะ ไม่ใช่เป็นมาเฟียหรือกุ๊ยอะไรนะ …กวนตีนล้วน!!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-10-2016 01:36:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 03-10-2016 11:02:51
ไฟเจ้าเล่ห์มากทั้งหยอดทั้งรุก  :-[ สมุทรนี่ก็นิ่งได้นิ่งดี

ขอบคุณที่มาต่อค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 03-10-2016 11:16:32
เฮียหยอกน้องยุได้หื่นมาก สมหน้าตาโดยเฉพาะตอนไปทำกับสมุทร ทำเอาคนอ่านรู้สึกว่าตัวเองหื่นตาม เพราะอยากให้เผด็จศึกสำเร็จในเร็ววัน  :jul1: แอบเชียร์ให้สมุทรอ้อล้อกับคุณไฟบ้าง คงไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว  :o8:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 03-10-2016 16:45:38
โอ้วววได้นอนด้วยกันแล้ว ถึงแม้จะใส ๆ ต่างคนต่างนอนก็เถอะ :-[
แต่จะว่าไปไอ้คุณไฟกว่าจะจีบสมุทรติดคงอีกชาติ เพราะระดับความกวนนี้เหรียญทองเลย
แต่ไม่เป็นไรเตาะ ๆ ไปก็ฟินดี :really2:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-10-2016 19:29:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 03-10-2016 23:20:32
คงนึกว่าจะต้อนสมุทรได้ง่าย ๆ เจองานหินเข้าอย่างจัง :z10:
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่  :z1:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ หนูบี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-10-2016 02:11:45

ไฟฟฟฟฟฟฟ คิดถึงงงงงงง มาทียาวดีค่ะ มาเมื่อไหร่ไฟก็ยังเป็นไฟ ชอบแกล้งชอบแหย่ยังไงก็ยังงั้น เพิ่มเติมคือหื่นขึ้นมาก แค่สายตาแข็งกราวเสียงนุ่มทุ้มของเขายังทำของขึ้น 55555 มาโซจริง ทรมานตัวเองแต่มีความสุข ทั้งสงสารทั้งฟิน 55555 ลุ้นมากกก ไม่ลุ้นบู๊นะ แต่ลุ้นฉากบนเตียง ค่อยๆ เขยิบเถิบๆเข้ามา อะๆได้คร่อมละ จะได้จูบไหม เชี่ย โคตรจะไม่ง่ายอ่ะ 55555 ตายเฮียไฟคือตอนนี้สมุทรไม่หวั่นไหวไรเลย(???) มองไม่เห็นแสงของไฟ 5555 สมุทรจะหวั่นไหวยังไงหว่ะ ท่าจะมาแบบนี้ เต๊าะไปอีกกี่ชาติ อดทนไปอีกกี่สิบปี 555 โคตรเห็นใจไฟอ่ะ มองหน้าของขึ้นไปแล้วเขายังไม่หวั่นไหวไรเลย 555 //สมุทรนี่ก็นะ ไฟเขาจริงจังเว้ย เสน่ห์ไฟจะกระแทกตากระแทกใจทำให้สมุทรหวั่นไหว ข้ามกำแพงได้ไหม วันนี้ไม่ชอบ วันหน้าเชื่อว่าไฟรุกไหว(ถ้าไม่หมดความอดทนไม่ไปซะก่อนอะนะ55)ถึงวันนั้นละ หึ!!เอาให้โงหัวไม่ขึ้นเลยนะไฟ หึงแรงไรงี้ (มันจะมีหรอว่ะ55) ต้องรอจนเหงือกแห้งไปอีก อืมมม ประเมินระยะเวลาไม่ได้เลย สมุทรเสียงแข็งขนาดนี้ เหอออออ 5555  ไปเดทจะช่วยไรไหมหนิ ยียวนพอดีๆนะ 5555//พี่ธามนี่ไม่มีจุดไหนไม่รู้ทัน ตลกดี เวลาทันกัน ขำตามอ่ะ ไม่มีพี่ธามแย่เลย คนรู้ใจขนาดนี้ ทำอะไรได้ไม่ต้องเกรงอึดอัด //เฮียไฟแหย่พายุได้กวนดีจริงๆ ขี้หวง น่ารักกกสองพี่น้อง //ขอบคุณมากนะค่ะที่มาต่อ คิดถึงเฮียไฟมากกก รอตอนต่อไปไปอีกค่ะ 55 สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 04-10-2016 07:40:09
โถ่ อุตส่าลุ้นว่าคุณไฟจะสมหวังมั้ย
สักจุ๊บก็ไม่ได้เหรอ

รอวันเดทนะคะ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 04-10-2016 08:51:54
คุณไฟทำไมดูหื่นขนาดนี้ล่ะ
แต่เสียดายอดจูบ
สมุทรนะสมุทรยอมให้จูบหน่อยก็ไม่ได้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 04-10-2016 09:55:08
มายาวมากกกกก ขอบคุณนะบี้ อ่านกันจุใจทีเดียว 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 04-10-2016 19:27:15
 :L1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 04-10-2016 22:25:27
เฮียไฟขี้แหย่ชอบแหย่สมุทรอยู่เรื่อย สมุทรก็ใจแข็งจัง :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 04-10-2016 22:42:05
ฉันรักพี่ไฟฟฟฟ พี่ไฟขาของเค้าาา แต่จริงๆยกให้สมุทรก็ได้นะ  :laugh:

สมุทรแอบโหดใช่เล่นนะเนี่ย ซัดซะพี่ไฟจุกไปเลย แต่ก็ดันไปเหย่เค้าก่อนนี่เนอะ

ตอนหน้าเดทแล้วๆๆๆ (หรือเปล่า) รอให้สมุทรใจอ่อนอยู่น๊า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 04-10-2016 23:41:21
 อ่านแล้วแบบ  :haun4:  ชอบบ
เข้ามาเล้าวันละหลายรอบเพราะเรื่องนี้เลย   มาตามอ่านเมนท์คนอื่นด้วย 

คุณเบบี้แต่งนิยายแบบนี้ อยากรู้จังชีวิตจริงจะเป็นสาววายมั้ย   แต่แนวนิยายในการเขียน ส่วนใหญ่ตัวละครดูห้าวๆ แมนๆ 
ดูมีชีวิตจริง  ถ้าเบบี้เห็นคู่ผู้ชายตัวใหญ่แบบนี้สองคนนี่จิ้นมั้ยถามจริง   

มันใช่อะ  มันใช่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 05-10-2016 06:22:31
บังคับจูบแม่งงงงงงงงง  :katai1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 05-10-2016 08:12:27
ใครอยู่ใกล้ไฟนี่คงประสาท แข็งมาก 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-10-2016 14:20:21
เบื่อคุณไฟ ทำอ่อย ทีเล่นทีจริง อยู่นั่แหละ



จีบแบบตรงๆไปเลย จะหน้าแตก จะอกหักก็ ลุยให้เต็มที่



นี่คือทำอาการเป็นหมาหยอกไก่อยู่นั่นแหละ



สมุทรเป็นผู้ชายเต็มตัวนะไม่ใช่ผู้หญิงหรือตุ๊ด จะได้ชอบให้ผู้ชายอีกคนมากระลิ้มกระเหลี่ยบ่อยๆ



ถ้าคิดว่าคุณชอบสมุทรจริงๆ ก็แสดงออกเต็มที่ไปเลย ไม่ใช่ล้อเล่นไปวันๆแบบนี้



ยิ่งสมุทรต้องทำงน เป็นลูกน้องด้วยแบบนี้ มันอึดอัดนะ ต่อให้สมุทรเป็นคนดี



มีความอดทนแค่ใหน มันก็น่าอึดอัดอยู่ดี ถ้าวันนึงสมุทรมีใจให้คุณไฟแล้วจะยังไง



ในเมื่อคุณไฟยังทำเล่นๆหัวๆกับสมุทรอยู่เลย หรือ ต้องให้เป็นทั้งลูกน้องทังนายบำเรอเหรอ



ส่วนสมุทร จะปฎิเสทแบบจริงจังไปเลยก็ไม่ทำ  :ling1: :ling1: อร๊ายยยยย อึดอัด



คิดถึงน้องเมฆน้อยเด็กมืดมนของป้าดีกว่า



เบื่อพวกผู้ใหญ่ท่าเยอะโน๊ะ กอดดดดดน้องเมฆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-10-2016 19:45:46
5555 ตลกไฟ อาการหนักนะ ชอบแกล้ง กวนประสาท ชอบความรุนแรง

ชอบสมุทรทันตลอด ไม่หลงเกมส์ด้วย
พี่ธานคือรู้ใจจริง รู้ทุกการเคลื่อนไหวอะ

พายุโดนแหย่แล้ว โกรธง่ายไปอีก 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 07-10-2016 16:36:35
มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้บรรยากาศเซ็กซี่จัง
รับรู้ถึงแรงดึงดูดระหว่างไฟกับสมุทร

เรารอสงครามบนเตียงแล้วนะ จะมีเตียงพังมั๊ย  อร๊ายยยยย (มโนไปไกลมาก 55555)

:haun4:  :haun4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-10-2016 17:00:31
ไฟ มีความท้าทาย กวนตีน และโรคจิตอยู่ในตัว
แต่เหนืออื่นใด การมองการณ์ไกล ความมีสติรอบคอบ
ระมัดระวังตัวนั้น ไฟตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ขอบคุณเบบี๋มาก  สนุกมาก
เป็นอะไรที่อ่านแล้วลุ้นตามทุกเรื่องตลอด
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 08-10-2016 02:43:48
 :katai4:  ต้องลุ้นตลอดด 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 09-10-2016 20:57:26
โอ้ยย...บรรยายคำจำกัดความของอิไฟไม่ถูกจริง...ๆ

สรุปเป็นผู้ชาย..แร้งส์!!5555

สนุกมากๆค่ะ
รอตอนต่อไป!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 11-10-2016 09:22:52
เดท เดท เดท :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 29 [ 17:40 น. - อา. 2 ต.ค 59 หน้า 35 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-10-2016 11:56:59
 :mew6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-10-2016 11:58:55

[ อา. 2 ต.ค 59 ] ตอนที่ 29 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1020

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _



ตอนที่ 30
..ไฟ..




ถนน 316 : ตลาดศรี

“ติดต่อทางนั้นไปว่าผมจะเจรจาขอซื้อ แจ้งราคาเดิมไปก่อน..โอนคนละครึ่ง ถ้าอีกฝ่ายไม่ตกลง ผมไม่เอา” ผมส่งงานกันลืม  พี่ธานผงกหัวรับทราบ  เราสามคนเพิ่งกลับมาจากชลบุรีและผมสั่งให้ตรงมาที่ตลาดศรีแห่งนี้เพราะต้องการดูงานของตลาดใหม่เพิ่งเปิด  เมื่อเช้าพวกเราออกจากโรงแรมแต่เช้าจึงทำให้มีเวลาว่างเหลือค่อนข้างมาก 

“อยากกินโอเลี้ยง” ผมหันไปมองหน้าสมุทรแกมสั่ง

“ครับ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ รับทราบ

“พี่ธานเอาอะไรดีครับ” เขาถาม

“ชามะนาวแล้วกัน” พี่ธานตอบ  สมุทรเดินจากไปอย่างมีเป้าหมาย  ผมหันกลับมามองหน้าพี่ธานอีกครั้ง 

“ถ้าผมจะบอกว่าพี่กลับโรงแรมไปก่อนได้เลย..จะเหมือนไล่รึเปล่า ? ที่จริงผมอยากไล่นะ แต่ขอถามความคิดเห็นดูก่อน ในฐานะพี่ใหญ่” ผมพูด  เก็บแฝงแววตากรุ้มกริ่มที่จงใจกวนพี่ธานเอาไว้ด้วย
 
“ถึงคุณไล่ผม..แต่เห็นทีวันนี้คงจะไม่ได้ครับ” อีกฝ่ายตอบด้วยคำพูดเด็ดขาด  ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสุภาพชน 

“ไม่เอาน่า” ผมขมวดคิ้วบ่นทันควัน

“คุณไฟครับ คุณเจ็บอยู่..แล้วสมุทรก็ไม่ยอมใช้ปืน เหตุการณ์แบบนี้บอกตามตรงว่าผมยังไม่สบายใจเลยครับ” พี่เขาพูดหน้าเครียด

“ไม่ยักรู้ว่าพี่จริงจังกับเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ด้วย” ผมเบ้ปาก  พี่ธานสงบลง

“อีกอย่าง..ตอนนี้พี่ก็ไม่ได้พกเหมือนกัน ?” ผมเบิกตา  ผายมือออกไปทางพี่ธานเล็กน้อย
 
“จะให้ผมพกก็ได้ครับ” พี่เขาย้อนทันที

“จิ! พี่ใหญ่” ผมเบือนหน้าหนีพร้อมถอนหายใจเซ็งจัด

“พี่ก็รู้..เดี๋ยวนี้มีแต่ไอ้พวกระยำสังคมที่ควงปืนไปมาเป็นว่าเล่นทำให้เราอยู่ยากไปหมด ถ้าเราถูกตำรวจจับข้อหานี้ขึ้นมา..คงขายขี้หน้าแย่นะครับ” ผมบ่นติดตลกทำให้พี่ธานกวาดตามองผมด้วยแววตาที่เกือบจะหลุดซีเรียสกับเรื่องก่อนหน้า

“แล้วพี่คิดว่าผมมีโอกาสเยอะนักรึไง เมื่อวานผมเสนอหมอนั่นว่าถ้าผมชนะ เขาจะยอมเดทกับผม” ผมยักไหล่

“ใช่..เดทในความหมายของผมกับอีกฝ่ายคงไม่เหมือนกันแน่” ผมขยายความ

“แถมไอ้โปรดยังปากดีบอกว่าผมไม่น่าจะมีทางจีบอีกฝ่ายติด”

“แต่อยู่ดี ๆ  ผมก็ดันมั่นใจว่าผมจะจีบติดขึ้นมา แล้วถ้าพี่ยังติดหนึบผมแบบนี้ นี่ล่ะอุปสรรค” ผมทำหน้าทะเล้น  พี่ธานกลั้นอมยิ้มเอาไว้  เราหันข้างวางฟอร์มให้กันชั่วขณะหนึ่ง

“ยิ้มทำไมครับ อยากตายรึไง” ผมมองหัวจรดเท้าทำให้อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม  พอผมเดินเข้าหาพี่ธานก็ก้าวถอยหลังในทันที

“พี่ก็คิดเหมือนไอ้โปรดงั้นเหรอ คิดดีนี่” ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์

“จิ! ฉี่~” ผมจิปากพลางกัดฟันไว้แน่นด้วยรู้สึกเหมือนถูกหยามขึ้นมา  พี่ธานผายมือขึ้นคล้ายบอกปฏิเสธ  เราหยุดสบตานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

“รู้อะไรไหมครับ..?” พี่เขาเอ่ย  ผมเท้าเอวทั้งที่ไม่ยอมหันตัวกลับไปมองพี่ธานดี ๆ  ได้เพียงแต่เหลือบสายตามองเหล่ไปที่เป้าหมายเท่านั้น

“ผมจะยอม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณทำแบบนี้”

“ผมขอรอที่รถนะครับ นายใหญ่” พี่ธานสรุปพร้อมสรรพนามปิดประโยคกึ่งบังคับ

“ไม่เอาน่า” ผมถอนหายใจ

“อย่าให้ผมกลับเลยครับ ผมขอร้อง” พี่เขาย้ำ  สีหน้าตึงเครียดตรงหน้าทำให้ผมยอมเงียบลง

“โอเค” ผมพยักหน้ายอมรับ  อีกฝ่ายจริงจังขนาดที่เอ่ยปากไล่ต่อไม่ลง  พ่อค้าแม่ขายและคนที่มาเดินตลาดต่างมองผมกับพี่ธานกะหลับกะเหลือก  ไม่นานให้หลังสมุทรก็กลับมาพร้อมกับถุงโอเลี้ยงและชามะนาวอย่างละถุง

“อ่าว สมุทรไม่กินเหรอ” พี่ธานถาม

“ไม่ครับ” สมุทรยิ้มตอบ  ผมรับโอเลี้ยงมาดูด  ยืนรอให้พี่ธานเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกลา 

“เดี๋ยวสมุทรอยู่กับคุณไฟนะ พี่มีธุระต้องไปทำแป๊บนึง”

“ได้ครับ” สมุทรพยักหน้ารับ 

“ฝากด้วยนะ” พี่ธานย้ำ  เหลือบตามองมาทางผมครู่เดียว  ผมยักคิ้วตอบให้ก่อนที่พี่ใหญ่จะเดินจากไปด้วยใบหน้าของพี่ผู้นิ่งขรึมที่เล่นละครตบตาเก่งชนะเลิศ

“บายครับพี่ใหญ่~” ผมฉีกยิ้มพร้อมโบกมือลาพี่ธานเป็นงานเป็นการ  เมื่อก้าวขาเดินต่อสมุทรก็จ้ำเท้าตามหลังมาทันที  ผมตั้งใจเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ  ที่ตั้งใจมาที่ตลาดนี้เพราะต้องการมาดูการบริหารงานของที่นี่เนื่องจากเป็นตลาดเปิดใหม่  อีกทั้งยังได้เสียงตอบรับไปในทางที่ดีอีกด้วย  ในมุมมองของผมเจ้าของสถานที่ค่อนข้างมีบุญเก่า  ตลาดแห่งนี้ขายได้ดีเกิดจากบริเวธรอบ ๆ ที่เป็นพื้นที่ชุมชนเก่าแก่  จุดนี้จึงทำให้เป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ค่อนข้างหนาตา   

ตลาดจัดโซนอาหารที่ขายสำหรับกินได้เลยแยกโซนจากอาหารสดอย่างชัดเจน  ทำให้เลือกเดินได้สะดวก  นอกจากนี้ยังมีโซนขายของทั่วไปซึ่งสามารถเดินต่อเข้าไปถึงย่านชุมชนเก่าแก่ได้ด้วย  บางบ้านถือโอกาสนี้ใช้หน้าบ้านของตนเปิดเป็นร้านขายของจิปาถะ ฯลฯ  ผิดกับที่ตลาดของผมที่อยู่แยกจากตัวชุมชนไปมาก 

“สะอาดดีนะครับ” สมุทรเอ่ยชม 

เราไม่ได้พูดคุยกันตั้งแต่ที่พี่ธานแยกตัวออกไป  โอเลี้ยงในมือของผมพร่องไปแล้วครึ่งถุงทำให้น้ำแข็งที่ละลายเริ่มกวนใจ  มันคอยแต่จะหยดลงไปที่ก้นถุงและทำให้เปื้อนรองเท้าบ้างในบางครั้งจนรู้สึกน่ารำคาญ  ผมจึงยื่นถุงเจ้าปัญหาไปให้สมุทรถือแทน  อีกฝ่ายรับไปถือไม่มีปากเสียง  ร้านขนมรังผึ้งที่เรากำลังจะเดินผ่านส่งกลิ่นหอมเพิ่งอบเสร็จสดใหม่ทำให้ผมถึงกับต้องหยุดยืนที่หน้าร้าน  แม่ค้าชะงักมือที่เพิ่งนำขนมชิ้นล่าสุดออกมาจากเตา  สายตาของเธอเพ่งมองผมตั้งแต่ศีรษะและหยุดการกระทำดังกล่าวอยู่เพียงแค่ครึ่งท่อน  ควันลอยพวยพุ่งปะทะหน้าเราทั้งคู่  เมื่อควันจางลงเราจึงสบตากัน  เธอต้อนรับพร้อมรอยยิ้มกว้าง ๆ ทักทาย

“เพิ่งอบเสร็จร้อน ๆ เลยจ้า” แม่ค้าบอกสรรพคุณ 

“เอาชิ้นนึงครับ” ผมสั่ง  อยากลองกินแค่นิดเดียว  กลิ่นมันหอมมากจนอดใจไม่ลองไม่ได้

“ได้จ้ะ” เธอขานรับ  คีบขนมรังผึ้งชิ้นล่าสุดนั้นใส่กระดาษห่อสะอาดก่อนยื่นมาให้  ผมจ่ายเงินไปพร้อมรับมาชิมไม่สนใจคนข้าง ๆ ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน

“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่านายจะเอารึเปล่า” ผมพูดไปกินไปไม่มองหน้าสมุทร  ตาจ้องมองร้านริมทางที่เดินผ่าน

“เพราะถ้านายอยากกินเดี๋ยวฉันจะป้อน” ผมหันไปเลิกคิ้วให้

“ผมไม่ได้อยากกินครับ” อีกฝ่ายปฏิเสธพร้อมอมยิ้มไว้ให้เห็นนิดหน่อย

“ใช่..อย่ากินเลย กินมาตั้งหลายเจ้าก็ไม่เห็นเจอผึ้งสักตัว” ผมยักไหล่หมายถึงขนมในปาก  สมุทรหลุดหัวเราะ  รอยยิ้มธรรมชาติที่เห็นฟันเรียงขาวสะอาดตาดึงดูดสายตาอีกเหมือนเคย 

“ของดอง” ผมอุทาน  มองเห็นร้านขายของดองตรงหน้าใกล้ ๆ
 
“คุณชอบเหรอครับ” สมุทรถามหน้าเหวอ

“พายุชอบกิน ฉันก็ชอบ..นาน ๆ ที”

“เอามะม่วงดองครับ” ผมสั่ง 

“องุ่น..มะปราง แล้วก็กระท้อนด้วย เอาถุงใหญ่หมดเลยครับ” ผมชี้นิ้วบอก  แม่ค้าดูตกใจที่เห็นผมสั่งถึงหลายอย่าง  เป็นการสั่งไปเผื่อพอสำหรับพวกคนอื่น ๆ ด้วย  จัดว่าเป็นของโปรดของคนในค่ายเลยก็ว่าได้  แม่ค้าจัดใส่ถุงมัดให้อย่างดี  เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วสมุทรจึงรับหน้าที่นำถุงไปถืออย่างเคย

“เดินไปย่านชุมชนไหมครับ ผมเห็นมีร้านอาหารเปิดขายตามบ้านด้วย คุณหิวรึเปล่า” สมุทรถาม  ผมมองหน้าเขาเพราะสีหน้าที่แสดงออกนั้นเหมือนเขามีความสนใจอยากที่จะไปจึงได้เอ่ยปากชวน 

“เอาสิ” ผมตามใจ  เราเดินพ้นโซนขายอาหารต่อจนสุดทาง  ไม่มีอะไรสะดุดตาให้ผมเลือกซื้อ  ตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงเต็มแก่แล้ว  ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแต่กลับไม่รู้สึกหิวสักนิด

“เฉาก๊วยโบราณ ของโปรดพี่ธาน” ผมพูด  ขาหยุดยืนหน้าร้านเฉาก๊วยที่ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับหน้าร้านขนมเบื้องโบราณ  สมุทรหัวเราะเบา ๆ ที่ได้ยิน

“นายล่ะ หิวรึเปล่า” ผมถาม

“ไม่หรอกครับ แต่ร้อน ๆ แบบนี้ผมยังไงก็ได้” เขาตอบ

“งั้นนั่งพักร้านนี้แล้วกัน” ผมสรุปด้วยความรวดเร็ว  เราสองคนหาที่นั่งเหมาะ ๆ  ด้วยเพราะไม่มีลูกค้าจึงเลือกนั่งได้ตามสบาย  เราทั้งคู่สั่งเฉาก๊วยคนละถ้วย  สมุทรสั่งเฉาก๊วยโบราณ  ส่วนผมสั่งเฉาก๊วยชาไทย  คาดว่าเจ้าของร้านเฉาก๊วยกับร้านขนมเบื้องน่าจะเป็นญาติพี่น้องกัน

“รับอะไรเพิ่มไหมจ๊ะ” แม่ค้าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณย่าออกมาต้อนรับ

“ขอน้ำเปล่าสองแก้วครับ” ผมตอบ

“เอาข้าวเหนียวมะม่วงไหมจ๊ะ ของเราอร่อยน้า” เธอยิ้ม

“ไม่ครับ ขอบคุณ” ผมตอบ  ไม่นานให้หลังเฉาก๊วยและน้ำเปล่าของเราทั้งคู่ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ  รสชาติของชาไทยที่ไม่หวานจนเกินไปและความนุ่มของเฉาก๊วยถือว่าใช้ได้ทีเดียว 

“บทคุณจะกินง่าย คุณก็กินง่ายดีนะครับ” คนตรงหน้าพูดขึ้น

“ชมหรือประชดไม่ทราบ” ผมว่า  สมุทรไม่ตอบ  เขาเพียงช้อนตามองผมด้วยแววตาแฝงความหมายก่อนก้มลงตักเฉาก๊วยกินต่อ  บทสนทนาไม่เกิดขึ้นระหว่างที่กินกันอย่างเนิบ ๆ   

“ตอนเด็ก ๆ  ฉันชอบมาเดินตลาดมาก เวลาที่แม่บ้านจะออกไปจ่ายตลาด ฉันมักจะเกาะไปด้วยทุกที” ผมบอก  รสชาติของน้ำชาไทยเริ่มจางลงเพราะน้ำแข็งที่ค่อย ๆ ละลาย

“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบไปนัก” ผมพูดแกมบ่น 

“ผมก็เหมือนกัน” สมุทรเสริม  เราหัวเราะนิดหน่อยก่อนจบหัวข้อนี้ลง 
 
การเล็มเฉาก๊วยในแก้วเป็นไปโดยไม่รีบร้อน  สังเกตการกินของสมุทรแล้ว  เขาเป็นคนที่กินเรียบร้อยแต่ค่อนข้างไว  เพียงแป๊บเดียวเขาก็ฟาดเฉาก๊วยจนหมดเรียบเหลือแต่น้ำแข็ง  ส่วนผมเป็นคนที่กินอาหารไวแต่อิ่มเร็ว  ยิ่งถ้าได้รับรู้รสชาติแล้วและถ้าจู่ ๆ เกิดเบื่อหรืออิ่มขึ้นมาก็มักจะหยุดกินในทันที.. 

.. ซอยถัด ๆ ไปส่วนใหญ่ขายพวกเสื้อผ้าและของเล่นสมัยก่อน  เช่นพวกลูกแก้ว  หมากเก็บ  โยโย่  เก็บฝึกสมอง  เป่าลูกโป่งวิทยาศาสตร์อะไรพวกนั้นก็ได้พบหนาตาที่นี่ 

“เคยสงสัยไหมว่าเป่าไปเพื่ออะไร แต่เจอทีไรเหมือนมีพลังบางอย่าง..เป็นต้องซื้อมันทุกที” ผมบ่นถึง  ตาจ้องมองไปที่ของเล่นตรงหน้า  มันคือลูกโป่งวิทยาศาสตร์ในตำนานเลยก็ว่าได้

“เด็กสมัยนี้เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนสมัยเราหรอกครับ ผม..ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นกับของเล่นสมัยนี้เท่าไหร่”

“หึ หัวโบราณจังนะคุณสมุทร” ผมแสยะหัวเราะมอง  สมุทรอมยิ้มไม่ปฏิเสธ

“มีเกมยิงห่วงน้ำด้วย!” ผมชี้นิ้วไปด้วยความตกใจ  สมุทรยิ้มกว้างเอื้อมตัวหยิบขึ้นมาให้ผมดู  คุณลุงเจ้าของร้านยืนขนาบข้างมองพวกเรายิ้ม ๆ  ใบหน้าของแกอ่อนโยนและดูอยากขายของเป็นอย่างมาก  แต่ตั้งแต่ผมมายืนอยู่ที่หน้าร้าน  แกยังไม่เอ่ยปากพูดเลยสักคำเดียว

“มันยังเล่นได้อยู่เหรอครับ” สมุทรถามด้วยความสงสัยไม่ต่างจากผม

“เล่นได้อยู่นะ” ลุงแกตอบ

“ผมเอาอันนี้” ผมชี้ไปที่ของในมือของสมุทร

“เอ่อ สองอัน” ผมสั่ง  ลุงเจ้าของร้านพยักหน้า  กุลีกุจอเปิดกล่องเพื่อหยิบเกมยิงห่วงน้ำชิ้นใหม่อีกอันมาให้

“คุณไฟครับ ?” สมุทรเลิกคิ้วยิ้ม ๆ เหมือนเหลือเชื่อว่าผมเอาไปทำไมหลายอัน

“อีกอันให้เมฆนะ” ผมบอก  คนข้าง ๆ พึมพำเสียงเบาว่า “คุณนี่มันจริง ๆ”  ขณะเดียวกันสายตาเหลือบไปเห็นกล่องหมากฝรั่งสมัยเด็กที่กินเป็นประจำ  จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นขายกล่องละเท่าไหร่

“อันนี้ด้วยครับ สองกล่อง” ผมบอก  มือชี้ไปที่กล่องหมากฝรั่ง  ลุงแกหยิบทุกอย่างนำไปใส่ถุงพลาสติก  สิ่งของที่สมัยก่อนรู้สึกแพงแต่ตอนนี้มันกลับถูกจนแทบน้ำตาไหล  เราเดินจากมาและตรงตามตรอกซอยลึกเข้าไปเรื่อย ๆ 

“เฮ้อ ขายไปทำไมวะ ถูกจนน้ำตาแทบกระเด็น” ผมบ่นถึงชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไปของลุงเจ้าของร้าน  มือที่เพิ่งแกะซองนำหมากฝรั่งเข้าปากก็เก็บซองกลับใส่ถุงลงอย่างเดิม

“แต่ก่อนกว่าจะซื้อได้แต่ละชิ้น ต้องเจียดเงินค่าขนมมาซื้อนะ” ผมบ่นติดตลก  ยื่นถุงไปตรงหน้าคนข้าง ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายถือ  สมุทรรับไปยิ้ม ๆ คล้ายเห็นด้วย  ดูเหมือนวันนี้เขาจะยิ้มบ่อยมากเป็นพิเศษ

“สมัยเด็กนายชอบเล่นอะไร” ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่เดินเยื้องอยู่ทางด้านหลังผมไปเล็กน้อยคล้ายกับยังไม่ลืมหน้าที่ของตน

“ลูกแก้วครับ ที่มีติดมือบ่อย ๆ ก็ลูกแก้ว”

“เล่นกับดินกับทราย..ง่ายดี” เขาขยายความ  ผมเบะปากยิ้ม ๆ

“ส่วนฉันชอบเอาแบงก์กาโม่ไปใส่กระเป๋าตังของพ่อกับแม่ รับรองว่าอันนี้สนุกยิ่งกว่าลูกแก้วของนายอีก” ผมพูดถึงความหลัง

“หึ ๆ  ผมพอจะดูออกครับว่าคุณคงชอบอะไรทำนองนั้น”

“ก็ว่าไป” ผมรับคำง่าย ๆ 

เราเดินต่อไปเรื่อยจนสุดซอย  มีทางเลี้ยวแยกออกเป็นสองทาง  ทางซ้ายซึ่งน่าจะเป็นทางที่สามารถกลับเข้าไปในตัวตลาดเดิม  ส่วนทางขวาผมไม่ทราบว่าออกไปแล้วจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน  ด้วยความที่เกรงว่าคนที่มาด้วยจะเริ่มเบื่อจนออกปากชวนกลับ  ซึ่งก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าชวนหรอกนะ  แค่กันไว้ดีกว่าแก้  เท้าจึงตัดสินใจเดินเลี้ยวไปทางด้านขวาแทน

“เอ่อ..ใช่ คุณไฟครับ ที่จริงคุณควรจะกินข้าวด้วยนะครับเมื่อกี้นี้ คุณยังไม่ได้กินยาก่อนอาหารกลางวันเลย” สมุทรทักขึ้น  ตามองนาฬิกาข้อมือของตนด้วยใบหน้าห่วงหน้าพะวงหลัง

“ลืมไปแล้ว” ผมตอบส่ง ๆ เมินหน้าหนี  อีกฝ่ายเงียบ

“ยาอยู่ในรถไม่ใช่เหรอ ?” ผมพูด  เผื่อว่าเขาจะตัดใจไม่บังคับให้เราต้องกลับไปที่รถในตอนนี้

“ครับ..งั้นเดี๋ยวผมกลับไปเอาให้นะครับ” สมุทรทำท่าจะไปจริง ๆ

“ไม่ต้องหรอกน่า! เดี๋ยวก็กลับแล้ว..กินยา กลับโรงแรม แล้วก็ไปกินข้าวที่โรงแรมพอดี” ผมรีบสรุปให้เสร็จ  เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายไปเนื่องจากขี้เกียจรอ  ผมถอนหายใจพร้อมก้าวเดินต่อ

“ไม่มีอะไรให้น่าดูแล้วมั้ง” ผมออกปากบ่น  มืออีกข้างที่ไม่ได้จับไม้เท้าอยู่ล้วงเข้ากระเป๋าสบาย ๆ  สมุทรเดินตาม  มือถือของพะรุงพะรังแต่คิดว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับเขา  เราเดินผ่านซอยอีกสองซอยถัดไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าจะมีอะไรอีกหรือไม่  ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งใกล้เขตชุมชนมากขึ้นเท่านั้น  นั่นหมายถึงมันกำลังสิ้นสุดร้านค้าเต็มทีแล้ว
 
“วันนี้ไม่รวมเดทนะ” ผมพูดท้วงขึ้นก่อน  แม่งไม่คุ้มสักหน่อย

“แต่คุณพูดเองเมื่อเช้านี้ว่าวันนี้คือเดท” สมุทรย้อนเอาเรื่อง  ผมเมิน  คอตั้งตรงพลางกลั้นอมยิ้มไว้ 

“ฉันลืมไปว่าวันนี้ยังเป็นวันทำงานอยู่” ผมหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายพร้อมเลิกคิ้ว  ย่นปากเข้าหากันกวนอารมณ์  สมุทรจ้องหน้าผมครู่หนึ่งและพ่นลมหายใจออกมา

“คุณนี่มันเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ” อีกฝ่ายกัดฟันบ่นด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก 

“หึ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอเพราะเพิ่งได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาเป็นครั้งแรก

“อย่าพูดอะไรที่ทำให้ฉันเจ็บปวดสิ มันจะกระทบกระเทือนถึงแผลได้นะ” ผมโยนความผิด  ก้าวขาเลี้ยวเข้าซอยขวามือโดยทันทีเพราะคาดว่าน่าจะเป็นทางที่ทะลุกลับไปที่ตลาดได้ 

ผู้ชายอย่างผมคงต้องยอมรับอย่างเห็นแก่ตัวว่า  รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจทางเพศของเราได้เป็นอันดับแรก  เราทุกคนชอบมองของที่สบายตาอยู่แล้ว  ผมมักรับรู้ได้ถึงกลิ่นบางอย่างที่แม้ผู้หญิงหรือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด  แต่จะต้องมีกลิ่นของฟีโรโมนที่สามารถทำให้เราแทบคลั่งได้  นั่นล่ะคือประเด็นหลัก

.. ผู้ชายแต่ละคนมีสัญชาตญาณของความเป็นผู้นำที่มีมากน้อยไม่เท่ากัน  เคยมีคนพูดว่าผู้ชายมีสัญญาตญาณของนักล่า  ผมไม่คิดอย่างนั้น  สำหรับผม ผู้หญิงบางคนมีสัญชาตญาณนี้เยอะกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก  ความเป็น “แม่” ที่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูก นั่นคือความเป็นผู้นำแบบที่เปรียบหาไม่ได้แล้ว 

ผมไม่ค่อยล่าเนื้อเท่าไหร่  ไม่เคยกระเหี้ยนกระหือรือออกล่าเพื่อให้ได้คู่นอนมา  ไม่ใช่คนประเภทที่จะสนอกสนใจที่จะคบใครพร้อมกันได้ถึงหลายคน  ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่าผมไม่สามารถมีอารมณ์ทางเพศกับคนหลาย ๆ คนได้  แน่นอนว่าผมมักมีอารมณ์ทางเพศกับสิ่งน่าสนใจได้เสมอนั่นละ  แต่ในกรณีพิเศษ ผมกำลังหมายถึงกรณีพิเศษแบบที่ว่า  ผมไม่เคยออกตัวจีบใครเพื่อให้ได้มาพร้อมกัน  มากไปกว่านั้นมักจะหมดความสนอกสนใจ “ใครสักคน” ในทันทีที่ได้เรียนรู้ตัวตนอีกฝ่ายเพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยค  แต่ลึก ๆ แล้วผมเชื่อเหลือเกินว่าในชีวิตของเราอย่างน้อยจะต้องได้เจอ #ใครสักคน ที่ทำให้เราอยากปล่อยตัวเองให้หลงกายหยาบนั้นได้แน่  ที่ผ่านมาผมไม่เคยตั้งคำถามว่าถ้าเมื่อเจอแล้วผมจะจัดการอย่างไรกับมันได้  เดินเข้าหาอย่างกับสิงโตที่จ้องจะตะครุบเหยื่ออย่างนั้นหรือ ? หึ..มันก็จะดูบ้าดีเดือดไปนิดหน่อย

“..........” ความคิดทำให้ผมหยุดเท้าที่จะเดินต่อ  คนที่เดินขนาบข้างหยุดด้วยเช่นกัน  เบื้องหน้าเป็นซอยลึกยาวออกไปไกล  บ้านใกล้เรือนเคียงแถว ๆ นี้ค่อนข้างเงียบสงบกว่าซอยที่เราเพิ่งเดินผ่านมา  หูผมเงียบฟังถึงความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเรา  และเมื่อเริ่มก้าวขาเดินต่ออีกครั้งสมุทรก็ก้าวเดินตามทันที  ความรู้สึกรับรู้ได้ตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายกำลังมองการกระทำของผมอยู่  มันทำให้รอยยิ้มผุดออกมาที่มุมปากอย่างห้ามไม่ได้  นั่นไม่มีสาเหตุ

นี่หรือเปล่า ???
.. การเฝ้าคอยที่จะได้เห็นหน้า
.. การหยอกเอินที่สนุกแม้จะเล็กน้อย
.. การเคลื่อนไหวของร่างกายที่ค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ
.. การกระทำที่พยายามดึงดูดให้อีกฝ่ายสนใจ
.. การทำให้อีกฝ่ายหลุดยิ้มเพราะเรา
.. การกระทบกันของร่างกายที่แม้เพียงนิดเดียวก็ทำให้หัวใจผิดเพี้ยน
.. การหลงใหลที่สามารถปิดบังความผิดในการกระทำนั้นได้
.. การสนอกสนใจที่มากไปจนหักห้ามตัวเองไม่อยู่

“..แล้วก็เป็นบ้า” ผมพึมพำกับตัวเอง  คำตอบในใจที่ไม่เคยถาม  ไม่เคยตรวจสอบตัวเองให้แน่ชัดเพราะคิดว่ามันไม่สำคัญ  ตอนนี้กลับพยายามยืนยันเป็นคำตอบที่ตักเตือนผมอย่างชัดเจนว่า  ความรู้สึกไม่เพียงพอกับคนข้าง ๆ นี้มันคือหลุมที่กำลังพยายามถีบให้ผมตกลงไป

“คุณว่าอะไรนะครับ ?” สมุทรรีบจ้ำเท้าให้ทันพร้อมก้มหน้ามาถามด้วยแววตาสงสัย  ผมหยุดเดิน  เบื้องหน้าตอนนี้คือใบหน้าของเขา 

“หลุมดำน่ะ” ผมตอบลอย ๆ  สมุทรเบิกตาฉงน  อีกฝ่ายมองลงไปบนพื้นถนนเหมือนพยายามที่จะหาคำตอบ  เมื่อเขามองแล้วไม่พบ “หลุมดำ” ที่ผมพูดถึงบนพื้นถนนเขาก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง

“ฉันกำลังคิดว่า..” ผมเอ่ยก่อนทิ้งน้ำเสียงลงครู่หนึ่ง  เรามองกันไม่วางตา

“ตอนนายแก้ผ้า จะต้องดูดีกว่าตอนใส่เสื้อผ้าแน่ ๆ ..ก็เลยรู้สึก” ผมทิ้งจังหวะเพราะสมุทรนิ่งไปแล้ว

“อยากจูบขึ้นมา” ผมกวาดตามอง  รอยยิ้มแทบไม่ปรากฏออกมาบนใบหน้าของผมแต่ไม่รู้ทำไมผมแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงเห็นอยู่แน่ว่าผมกำลังยิ้มอยู่  ร่างกายที่ต่างยืนนิ่งสนิทของเราทั้งคู่  มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ขยับมองแววตาของกันและกัน  ผมขยับตัวเข้าไปใกล้  สมุทรยังคงไม่ขยับหนีจึงทำให้ผมหยุดการกระทำของตัวเอง  เลือกที่จะจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายเท่านั้น

“เจอแล้วล่ะ” ผมยิ้มบอกกับตัวเอง  หรือบอกเขาก็ไม่ทราบ  สมุทรกะพริบตาเล็กน้อย  ผมหันตัวกลับมาเดินต่อพลางแสยะยิ้มออกมาด้วยความพอใจในคำตอบ  ผมเคยคิดมาเสมอว่าคนที่จะทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษกว่าคนอื่นได้จะต้องมีความหมายมากพอให้ผมได้เสียเวลา  ผมไม่เคยรู้เลยว่าจะคน ๆ นั้นจะเป็นคนลักษณะไหน  แน่ละว่าเมื่อได้คำตอบแล้วคนนั้นที่ผมเลือกจะต้องไม่ทำให้ผมเสียใจที่ได้รู้สึกชอบน่ะนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-10-2016 11:59:36

.. เสียงซอกแซกของฝีเท้าที่มีน้ำหนักการเดินประหลาดหูกำลังเดินตามหลังมา  น้ำหนักของการก้าวเดินที่เป็นสัญญาณเตือนผมได้ว่า “งานเข้า” อีกแล้ว  ทั้งผมและสมุทรหยุดยืนอยู่กึ่งกลางซอยพอดิบพอดีอย่างกับมีอะไรดลใจให้คนแปลกหน้าเข้าถึงได้ง่าย  เมื่อหันหลังกลับไปมองก็พบชายแปลกหน้าสี่คนตามที่คาด   

“เหมือนจะมีแขกไม่ได้รับเชิญแฮะ” ผมแสยะยิ้มทักทาย  ปลายไม้เท้าตวัดขึ้นพาดบ่าตนเองติดสนุก

“สวัสดี” ผมพูด  ความมืดมนตรงหน้าคือเสื้อผ้าสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ไร้ความปราณีต  ในหนังเป็นอย่างไรดูเหมือนความจริงก็ไม่ต่างกันนัก  หรือไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะแต่งตัวตามตัวละครในหนังก็เป็นได้ 

“ไม่ทราบว่าวันนี้มัน..วันตาย ‘พ่อ’ ใครงั้นเหรอครับ ?” ผมเบิกตาถามปนหัวเราะ

“หึ..วันตาย ‘พ่อ’ มึงไง” อีกฝ่ายแสยะปากตอบ

“ฮึ! ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมกัดฟันกลั้นหัวเราะชอบใจกับคำตอบที่ได้รับ

“ถุย!” ปากพ่นหมากฝรั่งออกยิ้ม ๆ เพื่อที่จะเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

“วางของซะ” ผมสั่งสมุทร  เขาเดินไปที่ริมถนนเพื่อนำถุงอาหารที่พวกเราซื้อมาวางเรียงไว้ให้เรียบร้อย  ทันทีที่สมุทรเงยตัวขึ้น  คนฝั่งตรงหน้าก็ไม่รอช้าวิ่งตรงเข้าหาเราสองคนในทันที  ผมเบี่ยงตัวหลบ  ร่างกายที่เคลื่อนไหวปกป้องตนเองเป็นไปโดยอัตโนมัติแบบที่เคยชิน

“สมุทร!” ผมตะโกนแกล้งเรียกเมื่อนึกเรื่องสนุกขึ้นได้  เจ้าของชื่อหันมามองตามเสียงด้วยความตกใจ  เมื่อเขาเห็นว่าผมตั้งใจยืนรอรับหมัดจากศัตรู  สมุทรที่เพิ่งจัดการเคลียร์คู่ต่อสู้เสร็จก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนผมออกจากการเป็นเป้าหมายในทันควัน

“เอาเลย..วู้!” ผมสบถ  ยิ้มกว้างหยอกศัตรูด้วยรู้สึกสนุกขึ้นมา  สมุทรเคลื่อนตัวความรวดเร็ว  หมัดต่อหมัดที่เขาปล่อยเป็นระวิงเพื่อปกป้องผมแทนตัวผมเอง  เสียงสบถบ่นด้วยความไม่พอใจหลุดออกมาว่า “คุณไฟ!”  ดูท่าแล้วคงรำคาญใจน่าดูแต่ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะได้บ่นจริงจัง  ผมหัวเราะ  เพียงพยายามเบี่ยงตัวหลบไม่ให้โดนทำร้ายจริง ๆ เท่านั้น  ซึ่งสมุทรเองก็อ่านจังหวะออกได้ทันอีกด้วย   

“ใช่..นั่นแหละ อาฮะ~” ผมพยักหน้ายิ้มชมถึงผลลัพธ์ตรงหน้า  ไอ้ตัวที่โดนหมัดซ้ายจากคนของผมถึงกับล้มทั้งยืนไม่เป็นท่า
   
“หมัดซ้ายหมอนี่เจ๋งโคตรเลยใช่ไหมล่ะ” ผมบ่นติดตลกตาวาวมอง  สองคนที่เหลือแบบพอมีสติอยู่ยืนกัดฟันแน่นด้วยสีหน้าแค้นจัด  มันยังคงยืนมองเราทั้งคู่เหมือนรอดูปฏิกิริยา  ผมหุบยิ้มลงทีละนิดพลางเอียงคอเล็กน้อยมองตาลอย..

“ไม่พอใจอะไรตรงไหน ?” ผมเอ่ยปากถาม  ไม่มีเสียงตอบรับระหว่างใคร  คนที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มขยับร่างกายอีกครั้ง 

“ไม่น่าเลย” ผมถอนหายใจบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายอย่างชักเริ่มหมดอารมณ์เล่นให้ยืดเยื้อ  มือควงไม้เท้าพร้อมจ้ำขาพุ่งเข้าหาอย่างไม่รีรอ  ดวงตาที่เบิกโตจนเห็นตาขาวได้ชัดเจนของคนตรงหน้าถอยหลังออกไปแต่ก็ไม่ทันหนี  ปลายไม้เท้าที่แสนภาคภูมิใจจากน้องชายฟาดเข้าที่ก้านคอแรงพอให้เป้าหมายสลบลง  เสียงชกต่อยดังขึ้นอีกครั้ง  มันคงรบกวนชาวบ้านแถว ๆ นี้จนทำให้ผู้คนออกมามุงดู  แต่ไม่นานนักทุกคนต่างก็หนีกลับเข้าถิ่นของตนไป  พร้อมกับเสียงประตูบ้านปิดดังคล้ายกับมันล็อกมิดชิดไม่ให้คนแปลกหน้าได้บุกเข้าไปได้

“มึง.. ขะ..มึงไม่รอดแน่” เสียงขู่ที่พยายามเปล่งลอดไรฟันออกมาจากแรงของเท้าที่กดอยู่ที่คอหอยทำให้รู้ว่ามันยังคงแรงไม่พอ  เมื่อลองกดปลายเท้าหนักขึ้นกว่าเดิมอีกฝ่ายจึงเริ่มทุรนทุราย  มือจับข้อเท้าของผมไว้คล้ายร้องขอชีวิต

“หึ คำกล่าวเปิดศึกเหรอ” ผมผลิยิ้ม

“..ความจริงคือ”

“พวกพี่กำลังรบกวนวันดี ๆ ของผมอยู่น่ะครับ แบบว่า..เมื่อกี้กำลังโคตรดีเลย” ผมบอก  ตาดำของอีกฝ่ายกลอกขึ้นไปข้างบนหนักกว่าเก่า  ลมหายใจที่ติดขัดรุนแรงเริ่มแผ่วเบาลงเป็นสัญญาณว่ากำลังจะจากไป 

“คุณไฟครับ..” สมุทรเรียกชื่อผมแว่ว ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแปลกหู  ฟังดูเหมือนผมกำลังทำผิดอยู่อย่างนั้นล่ะ 


ปัง !!! 

“เวรเอ๊ย!” ผมสบถ  จัดการเตะก้านคอคนตรงหน้าเพื่อให้จบไปทีละราย  อย่างน้อยมันยังหายใจซึ่งคงไม่ไปรบกวนจิตใจคนที่มากับผมในวันนี้  เมื่อผมหันไปมองที่ต้นเสียงที่อยู่ปากซอยก็กับพบชายแปลกหน้าอีกหลายชีวิต  แย่หน่อยที่ของในมือของหนึ่งในนั้นทำให้ผมต้องรีบถอย 

“ไป” ผมสั่ง  สมุทรได้ยินอย่างนั้นกลับยังมีอารมณ์เข้าไปคว้าถุงอาหารที่วางไว้ก่อนวิ่งตามผมมา  เสียงโหวกเหวกโวยวายจากคนในชุมชนระงมขึ้นอีกครั้ง  ไม่มีการเอ่ยปากขอทาง  เพียงแต่จ้ำเท้าโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ชีวิตนี้ปลอดภัย  เสียงคนด้านหลังวิ่งตามมาติด ๆ ด้วยความรวดเร็ว  ผมตัดสินใจเลี้ยวไปทางซ้ายเพื่อที่จะได้ออกห่างจากตัวตลาดได้มากขึ้น 

“ทางนี้ครับ!” ปลายนิ้วของสมุทรแตะเข้าที่แขนของผมเพื่อส่งสัญญาณบอก  เขาคงเห็นที่เหมาะ ๆ  ผมตามไปติด ๆ  เราได้มุมสงบแบบที่ฟ้าเป็นใจ  ฝั่งตรงข้ามตะโกนสั่งแยกย้ายให้ออกตามหา

“ตาไวดีนะ” ผมเอ่ยปากยิ้มชม

“หาที่ซ่อนเก่งมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ มันคงเป็นข้อดี” อีกฝ่ายตอบพร้อมหอบติดปลายเสียงเล็กน้อย  ผมหุบปากเงียบเพราะรู้ว่าเขานั้นประชดถึงความหลัง   

“นี่คือผลของการไม่พกปืน” ผมพูด  ซอกปูนของตัวบ้านเก่า ๆ หลังหนึ่งที่มีของหน้าบ้านรกกระจัดกระจายเต็มพื้นที่  ผมมองไปที่ประตูทางเข้าบ้านมีฝุ่นเกาะเกรอะกรัง  กลอนประตูล็อกจากด้านนอก  สภาพเหมือนกับไม่ได้เปิดมานานแล้วหลายเดือน  สมุทรวางถุงอาหารลงบนพื้น 

“คุณช่วยใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องพกปืนได้ไหมละครับ แบบนั้นง่ายกว่า” สมุทรว่าเข้าให้ 

“ฉันก็ใช้ของฉันปกติ พวกนั้นต่างหากเล่าที่เข้าใจอะไรยาก” ผมย้อนบ่น  ผมไม่รู้หรอกว่าคนพวกนี้ใครสั่งมา  แต่ที่ผ่าน ๆ มาผมไม่เคยคิดล้างแค้นใครแบบสุดโต่ง  ถ้านั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมแค้นฝังใจตามจริง  ถ้าใครคิดเอาชนะผมในพื้นฐานเหตุผลที่ผมสามารถยอมรับได้ผมก็ยอมรับและก็จบเรื่องไป  แต่กรณีนี้นั้นไม่ใช่สำหรับบางคนโดยเฉพาะคนในวงจรอุบาวท์ที่ผมต้องพบเจอ  พวกมันงี่เง่าจนหาคำเปรียบไม่ได้เลยละ


.. เราสองต่างยืนประชันหน้าเข้าหากัน  การจ้องต่างเอาชนะในเหตุผลของตนเอง  เสียงคนโหวกเหวกดังมากใกล้ ๆ ทำให้สมุทรก้าวถอยหลังหลบตามสัญชาตญาณจนหลังของเขาติดกำแพงด้านในสุด  ผมเดินเข้าหาเช่นกัน  ระยะความใกล้ในตอนนี้ทำให้ผมอมยิ้มออกได้นิด ๆ อย่างนึกสนุกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

“ตามจริงแล้ว แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” ผมพูด  มือซ้ายเท้าลงที่กำแพงข้างหนึ่ง
 
“ขอเตือนนะครับ ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาทำตัวแบบนี้กับผม” สมุทรปราม  แสดงสีหน้าขึงขังผิดทุกที  เสียงฝีเท้าที่วิ่งด้วยความเร็วยังคงได้ยินอยู่เป็นระยะ  พ่อค้าแม่ขายร้องแว่วไกล ๆ  ข้างนอกที่ดูไร้ความสงบกลับยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นพิกล

“ไม่เอาน่า..ก็นี่มันเดท นายเรียนรู้ฉัน ฉันก็เรียนรู้นายไง แล้วนี่ก็..ชีวิตฉันที่นายควรเรียนรู้” ผมยกคิ้วข้างหนึ่งอย่างเคยชิน

“คุณเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้เองว่าวันนี้ไม่นับ”

“โอเค ไม่นับ” ผมพยักหน้ารับซื่อ ๆ   

“มันไปทางนั้นรึเปล่า! ไปดูซิ ไอ้ควายเอ๊ย!!” พวกมันตะโกนสั่งงานกลางซอยดังลั่น  ผมกับสมุทรรักษาความเงียบเอาไว้จนด้านนอกเงียบไปแล้ว 

“ปกติฉันไม่ค่อยหลบเท่าไหร่อะนะ” ผมถอนหายใจพูดถึง 

“รักตัวเองบ้างเถอะครับ” สมุทรพูดแกมบ่น  เราสบตากันอีกครั้ง

“ฉันรักตัวเองมากพออยู่แล้ว” ผมตอบ 

“.........” สมุทรเหสายตาลงและดูท่าแล้วเขาคงไม่คิดที่จะเถียงเอาความเรื่องนี้ต่อจากผมอีก 

“อย่ามองฉันแบบนั้น” ผมพูด  ใบหน้าของเราต่างห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น  คนถูกตำหนิจึงเหลือบสายตาลงตามที่บอก

“คุณเองก็อย่ามองผมแบบนั้น” สมุทรเตือนเสียงเย็น

“แบบไหน ?” ผมกระซิบถามกลับ  ในใจอดยิ้มไม่ได้ที่ถูกอีกฝ่ายจับได้เสียแล้ว  สมุทรไม่ให้คำตอบ  ขาที่ขยับเข้าหาคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้เขาคิดหลบหนีแต่อย่างใด  เราจ้องกันเขม็งโดยไม่สนร่างกายที่เคลื่อนไหว  ไม้เท้าที่อยู่ในมือขวาจึงนำมันวางพิงกำแพงเอาไว้  ทันทีที่มือของผมว่างสมุทรก็จับเข้ามาที่ข้อมือของผมเพื่อห้ามปรามอย่างรู้แกวว่าผมคิดจะทำอะไร  ..ผมยิ้มให้ ข้อมือพลิกหนีมือของอีกฝ่ายได้ทัน 

.. ผมดันลำตัวเข้าแนบประชิดมากขึ้นจนสมุทรเริ่มเปลี่ยนสีหน้า  อีกฝ่ายตาโตด้วยความตกใจ  ปลายจมูกของเราชนเข้าหากันค่อนข้างแรงจนลมหายใจกระทบ  สมุทรไม่ยอมแพ้  ครั้งนี้เขาจับข้อมือของผมไว้แน่น  เราต่างคนต่างสู้แรงกันด้วยความเงียบที่เกิดขึ้น  แม้จะไม่เอ่ยปากพูดแต่การกระทำต่างรู้ดีว่ามันคืออะไร  ข้อมือข้างขวาของผมถูกล็อกไว้แน่นเสียแล้ว  เมื่อเป็นอย่างนั้นผมจึงกระแทกลำตัวเข้าหาจนหลังของสมุทรติดกำแพงแบบแทบไร้อากาศที่จะแทรกผ่านไปได้  ทำไมไม่ทราบ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าสายตาของเขาในบางครั้งมันเองก็พยายามที่จะได้คำตอบบางอย่างไม่ต่างจากที่ผมเป็นอยู่

“คุณไฟ..ผมเตือนแล้วใช่ไหมครับว่าอย่าให้มันเกินเลย” สมุทรพูดเสียงเข้ม  น้ำเสียงที่ดุดันและปนไปในทางเกือบเย็นชาของเขาทำให้ความหวั่นใจที่เก็บซ่อนไว้ลึกสุดเหวว่าจะถูกอีกฝ่ายเกลียดขี้หน้าเอาได้นั้นผุดเตือนขึ้นมา

“ก็ฉันอยากให้มันเกินเลยนี่” ผมบอกไม่ฟังเสียง  ริมฝีปากพลางคลอเคลียอยู่ที่ปากอีกฝ่ายแผ่วเบา

สมุทรเบือนหน้าหนีด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยพอใจนักทำให้ผมชะงักได้อยู่ครู่หนึ่ง  ท่าทีของเขาทำให้ผมเริ่มสองจิตสองใจ  ใบหน้าที่เบือนหันข้างคล้ายปฏิเสธทำให้รู้สึกไม่ค่อยดี  แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่สามารถชนะความอยากเอาชนะคนตรงหน้านี้ไปได้  ผมจ้องอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นอยู่พักหนึ่ง  ร่างกายเริ่มขยับเข้าหาไปเอง  มันค่อนข้างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะลังเล  ปลายจมูกแตะเข้าที่ข้างแก้มอย่างเนิ่บช้า  เราต่างค้างตัวหยุดนิ่งไปทั้งอย่างนั้น  ทีท่าที่อ่อนลงของเจ้าตัวทำให้ผมเริ่มขยับปลายจมูกเกลี่ยเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก  สมุทรมองต่ำลงมาถึงการกระทำของผมในขณะนี้  กลิ่นกายของเขาเตะเข้าที่จมูกอ่อน ๆ มันยิ่งทำให้เหตุผลในตัวหายไปกับความเงียบ  ทันทีที่สายตามองต่ำลงไปที่ปากของคนตรงหน้าปากของผมก็เผยออกตั้งรับ

.. แน่นอนว่ารสชาติภายนอกไม่หวานหอมอย่างกับตอนจูบกับผู้หญิงหรอก  แต่อย่างนั้น ปากที่ประกบแนบชิดคล้ายกับจะเป็นจูบอย่างธรรมดากลับทำให้รู้สึกลึกลงไปในความหมายมากกว่าตอนที่จูบกับใครก็ได้  ในใจมีคำพูดประท้วงขึ้นมาถึงคนตรงหน้าว่า “ได้โปรด” อย่าหยุดฉันตอนนี้  ใจตัวเอง.. อยากรับรู้ให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย  รสชาติหวาน ๆ จากเครื่องดื่มที่เราเพิ่งดื่มมายังคงได้รสเจืองจางอยู่อ่อน ๆ  อีกฝ่ายค่อนข้างขัดขืน  เมื่อผมหยุดขยับ  นำปากออกทิ้งช่วงพักหายใจ  สายตาที่ประสานกันทำให้ผมสังเกตเห็นว่าคิ้วที่ขมวดของสมุทรนั้นค่อย ๆ คลายลง  เมื่ออีกฝ่ายล้มเลิกที่จะปรามผมจึงประกบปากไปอีกครั้ง  ลิ้นสอดแทรกรุกล้ำเข้าไปอย่างไม่มีการขออนุญาตอีก  ลมหายใจที่ติดขัดระหว่างเราที่พยายามจะเอาชนะกันและกันเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ จนลมหายใจประสานไปในทิศทางเดียวกัน  จังหวะและน้ำหนักที่ไม่เก้งก้างทำให้ในตัวผมร้อนวูบวาบแบบที่ไม่ควรเป็นในสถานการณ์เช่นนี้  มากไปกว่านั้นหัวใจมันก็เต้นเร่า ๆ แบบที่ไม่มั่นใจในจูบของตนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน


“.........” ผมจ้องมองปากของสมุทรเงียบ ๆ  ปลายนิ้วโป้งเขี่ยลูบปากของเขาไว้อย่างเบามือ  มันทำท่าจะขยับ  ก่อนที่อีกฝ่ายจะหลุดคำพูดใดออกมาผมก็ประทับจูบไปอีกครั้ง  มือประคองต้นคอสมุทรไว้เพื่อให้จูบได้ถนัดกว่าก่อนหน้า  เสียงจูบที่ดังบ้างเป็นบางครั้งคราวหลุดลอดออกมาพร้อม ๆ กับเสียงเรียกชื่อเพื่อบอกปรามการกระทำ “คุณไฟ” แล้วมันก็หายไป  รสจูบแบบที่แม้จะเคยพบเจอคนที่จูบเข้ากันได้เป็นอย่างดีแต่กลับไม่เคยรู้สึกแบบที่ทำกับคนตรงหน้านี้มาก่อน  ผมหยุดการกระทำ  ดวงตาที่ต่างฝ่ายต่างมองลึกลงไปในแววตาของกันและกันคล้ายต้องการอ่านความรู้สึก

“พอใจรึยังครับ” สมุทรถาม  น้ำเสียงเขาคล้ายยอมให้ผมได้ทำตามใจเท่าที่อยากทำ

“ดูไม่ออกเหรอ..” ผมย้อน  อาการของผมตอนนี้ที่อยู่ ๆ ก็ไม่คิดจะปิดบังความหมายใดต่อหน้าเขา  ไม่เข้าใจว่าเขาดูไม่ออกหรือ  ตอนนี้ทั้งใบหน้าและแววตาของผมมันคงเผยออกไปหมดเปลือกจนน่าขายหน้าแล้วเป็นแน่
 
“.........” สมุทรนิ่งมอง  ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมทิ้งช่วงใช้ความคิด

“ยัง..” ผมยอมรับความจริงก่อนเงยหน้าขึ้น  มือที่เท้ากำแพงอยู่ขยับออก  ลำตัวขยับออกห่าง  ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกในตอนนี้มันคืออะไร

“ผมเห็นมันมาทางนี้จริง ๆ นะพี่!!” เสียงตะโกนดังลั่นขึ้นอีกครั้ง  สมุทรหน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะเดินออกไป  อีกฝ่ายเข้ามาคว้าแขนผมดึงกลับ  ผมบิดลำแขนออกไม่เชื่อฟังเพราะรำคาญ  อีกฝ่ายขมวดคิ้วด้วยสีหน้าหงุดหงิด  ดึงเสื้อที่ลำตัวผมอย่างแรงจนคว้าเอวผมไปไว้ได้  ความแรงทำให้ผมเซเข้าหาจนตัวเราประชิดกันอีกครั้ง  อีกฝ่ายชะงักกับการกระทำของตนน่าดู  ผมยิ้มด้วยความพอใจที่ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงผมมากกว่าที่คิด 

“ฉันควรดีใจที่นายดูเป็นห่วงฉันดีไหมนะ” ผมยิ้มหยอก

“ผมเป็นห่วงคุณครับ” สมุทรตอบเสียงนุ่มเช่นเคย 

“.........” ผมกวาดตามอง  คำพูดเล็กน้อยแค่นี้ทำให้เรารู้สึกดีได้ด้วยงั้นเหรอครับ น่าตลก
 
“ในฐานะอะไร ..เจ้านาย ?” ผมเลิกคิ้วถาม  อีกฝ่ายชั่งใจคิดครู่หนึ่ง

“ครับ” เขาขานรับ  เราจ้องกันเขม็ง  ความคิดของผมกำลังเคาะรบกวนอยู่ในหัว  มันทำท่าจะปะทุออกมาเสียดื้อ ๆ  อยากเอาชนะ ความดื้อดึง ความว่างเปล่า ความสงบนิ่งของสายตาคู่นี้ อยากได้คนตรงหน้า  ใจเริ่มเต้นแรงไม่เป็นส่ำ  ทั้ง ๆ ที่เกรงถึงความจริงข้างหน้าที่ดูเหมือนจะเร็วเกินควร  ปากที่หนักอึ้งยิ่งขยับยากกว่าทุกครั้ง  หนักอย่างกับต้องมนต์เหมือนกับพยายามบอกปราม  แต่สุดท้ายกลับอดกลั้นที่จะเอาชนะตัวเองให้ “หยุด” ไว้ไม่ได้

“ฉันชอบนาย” ผมพูดออกไป  คำพูดนี้ที่ทำเอาสมุทรสงบลง  แววตาของเขาที่เกือบจะเบิกโตเปลี่ยนไปในความหมาย 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-10-2016 12:00:26

“..คิดว่างั้นนะ” ผมอมยิ้มขยายความก่อนผละตัวออกห่าง  ดูกับว่าเขายังไม่ได้สติ  มือคว้าไม้เท้าติดมือออกมาพร้อม  ตอนนี้อยากเคลียร์เรื่องตรงหน้า  การบอกเตือนควรจบวันนี้แบบเรื่องต่อเรื่อง  เสียงเรียกปรามให้ผมหยุดจากสมุทรแว่วตามหลัง  แต่ไม่ทันแล้ว ผมเดินออกมาหยุดยืนที่กลางซอยไม่คิดเชื่อเขา 

“ตามหาผมอยู่งั้นเหรอครับ” ผมทักทายทุกคน  พวกที่กำลังยืนสับสนอยู่ไม่ไกลนักหันกลับมา  คนตรงหน้าหกคน  แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีปืนและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกมันเสียด้วย  สมุทรตามผมมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ

ลูกน้องของฝั่งนั้นได้รับคำสั่งเพียงแค่สบตา  พวกมันต่างเดินเข้าหา  สมุทรก้าวขาออกตัวขึ้นขวางที่ด้านหน้าผมเอาไว้  ผมมองเฉยเพราะต้องการปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการ  อีกทั้งต้องการจะดูอย่างจริงจังด้วยว่าเขาจะสามารถจัดการได้มากน้อยแค่ไหน  ชายห้าคน  ส่วนสูงไล่เลี่ยสลับบ้างยืนล้อมสมุทรในทันที  เสมือนกับข่มกันตามระดับขั้นตอน  ผมอมยิ้มพลางกางขาออกเล็กน้อย  มือกุมหัวไม้เท้าไว้ตรงหน้าทั้งสองมือ  เสียงการปะทะร่างกายเริ่มดังขึ้น  อาจจะดูหมาไปสักหน่อยที่ห้าต่อหนึ่งแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถูกใจผมพอดู  เป็นการฉายภาพที่น่าสนใจ  และนี่คือโลกแห่งความเป็นจริงที่เขาควรจะรู้ได้แล้วว่า  บนถนนแห่งความเป็นจริงนี้เขาไม่สามารถชกมวยปาหี่ต่อหน้าผมได้ 

“อะ!” เสียงร้องดังทรมานเมื่อฝ่ายหนึ่งถูกสมุทรเตะเข้าที่ลำตัวพร้อม ๆ กับฮุกหมัดซ้ายเข้าที่ชายโครงซ้ำสอง  การต่อสู้ที่ยังคงนิ่งขรึมและแข็งแรงบอกกับผมว่าคนอย่างเขาคงได้เจอเรื่องทำนองนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว  คำตอบที่ย้ำคำตอบที่รู้อยู่แล้ว  ถึงแม้เขาพยายามจะปกปิดความจริงแค่ไหน  แต่ความจริงก็คือความจริง

“เฮือก!!!” สมุทรคำรามดังก้อง  น้ำเสียงที่เค้นออกมาจากในลำคอทำให้ผมหลุดยิ้ม  ตอนหมอนี่เริ่มหงุดหงิดนี่มันเซ็กซี่เป็นบ้าจริง ๆ ละนะ



ปึก!!!  ..หลังของคนที่ถูกถีบกระเด็นไกลออกไปถึงหลายเมตร  เจ้านายของพวกมันเห็นผลงานถึงกับตวัดตามองขวางมาที่ผมเขม็ง  ผมส่งแววตาที่ไร้ความหมายให้พร้อม ๆ กับมุมปากที่ผลิขึ้นสูงอย่างเย้ยหยัน

เสียงคำรามดังอย่างต่อเนื่อง  ศาสตร์มวยโบราณปรากฏออกมาให้เห็นเป็นบุญตาเป็นครั้งคราว  มันสวยมากจนผมมองแทบไม่กะพริบ  แน่นอนว่าเขาพยายามที่จะไม่ทำอย่างนั้น  แต่ดูเหมือนร่างกายมันไม่เป็นไปตามที่สั่งเสียเลย  ปกป้องตัวเอง  ไร้การควบคุมให้ได้ดั่งใจ  ไม่ถึงนาทีให้หลัง ห้าคนตรงหน้าก็กองอยู่กับพื้นเรียบร้อยไปแล้ว  สมุทรยืนนิ่ง  ตามองพื้นถนนหรือผลงานของตนอยู่ก็ไม่ทราบ  ลึกลงไปในความรู้สึกแล้วเจ้าตัวคงเอียนเรื่องพวกนี้เต็มที  อกของเขากระเพื่อมอย่างหอบเหนื่อย  ขณะเดียวกันนั้นสายตาผมก็เหลือบไปเห็นพี่ธานวิ่งมาถึง  หนึ่งในนั้นที่มีสติเหลือครบถ้วยอยู่เพียงผู้เดียวเริ่มแสดงความไม่พอใจให้เห็นกว่าเก่า


.. ผมแสยะยิ้มมุมปาก  คิ้วข้างขวาเลิกสูงขึ้นเหนือด้วยความเคยชิน  ตวัดชี้ปลายไม้เท้าขึ้นกลางอากาศพลางนำมันดันตัวสมุทรให้เขาหลีกทางออก  เพื่อเป็นการบอกว่า..ผมจะจัดการส่วนที่เหลือนี้เอง 

“ถ้าพี่ไม่เก็บผมวันนี้งานพี่ก็ไม่จบนะครับ จะดูถูกกันไปมั้ง..ทำไมไม่หาคนที่มันมีฝีมือกว่านี้มาหน่อยล่ะ” ผมอมยิ้มกรุ้มกริ่มมอง  การเอ่ยพูดเป็นไปอย่างเรียบ ๆ ไม่แสดงอารมณ์  อีกฝ่ายกัดฟันแน่น  จ้ำเท้าเดินเข้าหาพร้อมควักปืนขึ้นจ่อกระบาลผม  ทำให้ผมได้แต่เพียงฉีกยิ้มยืนรับ

“อย่าเสี่ยงดีกว่าครับ” ผมพูด  การยืนอยู่ของพี่ธานแม้จะห่างออกไปหลายเมตรจากเป้าหมายแต่รุ่นของปืนและฝีมือมันต่างกัน  สายตาของอีกฝ่ายหลุกหลิกที่จะมองไปทางด้านหลังของตนเพื่อหาคำตอบ  ทันทีนั้นผมก็พลิกข้อมือของมัน  ทำให้ปืนร่วงลงกระทบกับพื้นจนเจ้าของหน้าถอดสี  ไม่เสียเวลาเปล่า  กระบอกปืนถูกปลายไม้เท้าเกี่ยวขึ้นมาและนั่นจึงเปลี่ยนสถานะของเจ้าของในทันที  เสียงกระสุนถูกปลดออกร่วงกราวกระทบกับพื้น  ก่อนตัวปืนจะถูกโยนไปไกลอย่างไร้เยื่อไย 

.. ความเงียบของพวกเราทำให้รู้ว่าตามจริงแล้วในตอนนี้เสียงรอบข้างของคนในชุมชนสงบอย่างกับชุมชนร้าง  คนตรงหน้าตั้งกาดเตรียมพร้อมสู้กันด้วยฝีมือ  ผมยืนรับซื่อ ๆ  หมัดที่ปล่อยมาจากฝั่งตรงกันข้ามเจาะจงเข้าที่ชายโครงของผมอย่างรู้แก้ว

“อึก!” ผมกัดฟันร้องด้วยความเจ็บ  ทั้งอย่างนั้น ปลายไม้เท้าสวนแทงกลับเข้าที่ท้องของคนตรงหน้าจนมันเซถอยหลังไปตามแรงด้วยใบหน้าตาเหยเก  แบบนั้นที่อยากเห็นว่าจะทนได้สักเท่าไหร่  ความแข็งและน้ำหนักที่มีทำมาจากอุปกรณ์อย่างดีจากแหล่งที่มาหลากหลายชนิด  ความคมของด้ามปลายแม้จะไม่คมมากนักแต่ถ้าคนตรงหน้ายังสู้แรงผมกลับอยู่อย่างนี้  ไม่แน่ว่ามันอาจจะทะลุเข้าไปด้านในก็ได้  ดวงตาเบิกออกเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ย้ำสอบถามกับมันว่า “จะจัดการยังไงต่อ ?”  เสียงคำรามดังลั่นไม่ยอมแพ้จากอีกฝ่ายพร้อมออกแรงดันไม้ออกจากท้องของตนสุดแรงเกิด  เมื่อมันทำท่าจะเสียการทรงตัวล้มลง  ไม้เท้าก็ฟาดเสยขึ้นที่หน้าไม่ให้อีกฝ่ายได้ล้มลงโดยง่าย  มันเซไปอีกด้าน  พร้อมทำท่าจะล้มอีกครั้ง 


ผลัวะ!!!   .. ผมฟาดซ้ำทันทีด้วยความเร็วแรง  ผลลัพธ์ที่กองลงกับพื้นไม่ได้ทำให้หายหงุดหงิดใจได้เท่า ๆ กับที่เลือดของมันสาดกระเด็นมาโดนกางเกงของผมจนเห็นเด่นชัด  ผมหลับตาลงครู่หนึ่ง  ลมหายใจลอดไรฟันพลางพึมพำบ่นไม่ได้ความหมาย 


ผลัวะ!!!! 

“อ้าก!!” เจ้าตัวร้องจ้าอีกครั้งเมื่อถูกตีซ้ำเข้าที่ขาคล้ายกับถูกตัดกำลังทั้งหมด  มันนอนแน่นิ่งไม่คิดที่จะคลานตัวเองให้ไปต่อ  หน้าแดงก่ำไม่รู้เพราะเหนื่อยหรืออะไรแน่  แต่อีกสักพักมันจะคงเปลี่ยนเป็นสีอื่น  ผมยืนมองพลางนำปลายไม้เกลี่ยขาอีกฝ่ายตั้งแต่ต้นขาต่ำลงเรื่อย ๆ  ขามันสั่นนิดหน่อย  ด้วยเพราะของสุดรักของผมมีน้ำหนักมากทำให้การฟาดครั้งต่อ ๆ ไปจึงไม่เกิดเสียงดังกวนใจเท่าที่ควร  ต้นขา สะบ้า แข้ง อีกครั้งและอีกครั้งจนร่างกายตรงหน้านิ่งเงียบ  เสียงที่หอบแรงคือเสียงหายใจ  ขากระตุกเล็กน้อยคล้ายเจ้าของร่างกายพยายามจะตรวจสอบว่ายังใช้การได้หรือไม่ 

“อึดดีนี่..คว-ยกูแข็งเลยว่ะ ฮึ!” ผมอดยิ้มชมไม่ได้  ใช้ไม้เท้าเขี่ยแก้มอีกฝ่ายแกมหยอก
 


ผลัวะ!  ผลัวะ!!  ผลัวะ!!! 

น้ำหนักของฟันที่ขบกัดคล้ายก้นบึ้งลึกลงไปรู้สึกยังไม่พอ  ลิ้นที่ไม่อยู่สุข  น้ำเสียงที่ฟาดซ้ำต่อระบายอารมณ์ชักเริ่มกวนใจ  เลือดที่สาดกระจายติดไม้เท้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้เห็นแล้วหงุดหงิด  เมื่อได้สติหยุดมืออีกครั้ง  กวาดตามองไปทั่ว  บางคนเพิ่งตื่นจากการสลบ  พวกมันพยายามขยับตัวเพื่อที่จะดูลูกพี่ของตน  แต่น่าแปลก..ที่ไม่มีใครคิดที่จะขยับตัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
 
“นิ่งไว้ครับ” ผมเอ่ยปากเตือนพร้อมทิ่มปลายไม้เท้าลงที่แก้มเป็นการย้ำว่า “อย่าขยับ”  ใบหน้าของมันถูติดขนาบไปกับพื้นดิน  ลมหายใจพ่นทิ้งทางจมูกครั้งหนึ่งเพื่อรวบรวมสติ  ปลายเท้าเหยียบลงที่ฝ่ามือขวาที่แบแผ่หราอยู่  ปลายนิ้วของคนที่ถูกเหยียบกระดิกขัดขืนเล็กน้อย  ผมหย่อนตัวนั่งยองลง  ออกแรงทิ้งน้ำหนักเน้นไปที่เท้าข้างที่เหยียบมือ  อีกฝ่ายตาปรือพยายามที่จะมองมาทั้งที่หายใจติดขัด 

.. ผมขยับใบหน้าหาลูกตาดำของคนตรงหน้าเพื่อที่จะได้สบตากันตรง ๆ ก่อนเริ่มบทสนทนา

“ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจนะครับ ..มองผมสิ” ผมพูดเสียงนุ่ม  ปลายผมที่ถูกทาเจลจัดทรงไว้อย่างดีเมื่อเช้านี้ตกปรอยลงมาโดนหางตา  จู่ ๆ ใจก็เต้นเร่า ๆ ขึ้นอย่างไร้เหตุผล
 
“ผมกูเสียทรงเลยเนี้ย! มองหน้ากู!!” 

“ซี๊ดดด” ลำคอขยับหมุนพร้อมหลับตาลงทันที  สิ้นเสียงตวาดจึงรับรู้ได้ว่ารอบตัวเงียบสงัดเป็นใจ  มือที่ว่างอยู่ลูบปลายผมกลับขึ้นเพื่อจัดทรงให้กลับไปทางด้านหลังอย่างเดิม 

“หายใจออกรึเปล่า” ผมกลับมาควบคุมยิ้มถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร  ตาลอยมองอย่างใจเย็น  น้ำหนักของปลายไม้เท้ากดซ้ำที่เดิมด้วยน้ำหนักเท่าเดิม  เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบออกมาดี ๆ  จึงค่อย ๆ ขยับเลื่อนจากแก้มลงมาที่คอหอยแทน

“คะ..เคอะ! อะ!!” เจ้าของร่างกายเริ่มหายใจลำบาก  ตาเบิกถลึง  เส้นเลือดในตาเห็นเด่นชัด  เลือดออกปากไหลย้อนเป็นทางดูน่าแขยง  มือข้างที่ผมเหยียบเอาไว้พยายามที่จะขยับหนีอย่างไม่เป็นผล  ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่นั้นพยายามออกแรงจับมาที่ไม้เท้าเพื่อสู้ให้นำออกจากคอของตน  มือที่เปื้อนเลือดทำให้จับไม่ถนัดนัก  ยิ่งมันจับไม้สู้ผมเท่าไหร่ผมก็ยิ่งกดย้ำไปที่คอหอยมันหนักกว่าเดิมเท่านั้น 
 
“หายใจไว้ครับ อย่าตายนะ” ผมขอ

“ผมขี้เกียจเก็บงานน่ะ มันเหนื่อยกว่าอะไรซะอีก” ผมผลิยิ้ม

“ปล่อยครับ มันแพง” ผมพูดเรียบ ๆ  คนตรงหน้าปล่อยมือออกจากไม้เท้าตามที่ขอ  เมื่ออีกฝ่ายทำท่าหมดแรงจะขาดอากาศหายใจไปจริง ๆ ผมจึงนำไม้เท้าออกจากคอมันให้เป็นอิสระ 

“ฮ้า! ฮา..แคะ ๆ” อีกฝ่ายสำลักหน้าทิ่มลงพื้นหมดสภาพ  ผมนั่งรอมองให้มันได้ตั้งสติก่อนที่จะถามสิ่งที่ต้องการ

“เรามาคุยกันดี ๆ ดีกว่าไหม” ผมเสนอ  เลื่อนปลายไม้เท้าทิ่มไปลงบนพื้นดิน  ทั้งอย่างนั้นมันยังคงไม่ไปไหนไกล  เสียบจ่อต่ำอยู่ที่ปลายคางอีกฝ่ายเท่านั้น 

“ใครส่งมาครับ ?” ผมถาม 

“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  ตาดำหลบไปอีกทาง

“ถุย!” น้ำลายที่มันถมออกมามาพร้อม ๆ กับเลือดในปาก 

“เอาเงินใครมาบ้าง มึงก็ลองเดาดูเองสิ”

“พูดได้ดีนี่” ผมเบะปากยิ้มน้อย ๆ  เท้าออกแรงกดขยี้จนมันร้องดังระงม  หัวไม้เท้าถูกบิดออกด้วยความรวดเร็วดัง “แกรก~” ไปพร้อม ๆ กับอารมณ์ที่ไม่คงที่  เจ้าของร่างกายตาเหลือกมองด้วยความตกใจ  มีดปลายแหลมคมที่ถูกซ่อนอยู่ออกมาพบโลกภายนอก  ความเงาสะท้อนสู้แดดได้ไม่นานนัก ..ฉึกกก!!!  ปลายด้ามก็กดมิดเสียบเข้าไปที่แขนของคนตรงหน้า  เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ให้เสียแล้ว 

“อ้ากกก!! ฮื้อ..ระยำเอ๊ย!!!” อีกฝ่ายปากสั่นร้องลั่น  ตัวเกร็ง  น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง  เลือดพุ่งกระฉูดจนกระเด็นติดเสื้อและหน้าของผม 

“ถุย!!! มึงสิระยำ” ผมพ่นน้ำลายใส่  ฟันบดขยับ  ลิ้นไล่เกลี่ยไรฟันจนแทบตามลมหายใจของตัวเองไม่ทัน  ผมหลับตาลง  รวบรวมสติก่อนปล่อยลมหายใจออกอีกครั้ง

“ผมถามว่าใครส่งมา..” ผมเลิกตามองถามซ้ำอีกครั้ง  สายตาของอีกฝ่ายที่มองมาเริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว
 
“บอกไม่ได้” มันตอบ  ผมเบ้ปากเข้าใจ  มือขยับด้ามมีดหมุนอย่างช้า ๆ

“อ้ากกก! อย่า!!” เจ้าตัวร้องด้วยความทรมาน  แต่ไม่รู้ว่าตกลงนั่นหัวเราะหรืออยากร้องไห้กันแน่

“ฮือออ~ อึก” อีกฝ่ายนอนหอบไร้เรี่ยวแรงพึมพำคำเดิม “บอกไม่ได้” ซ้ำ ๆ จนน่าหนวกหู

“กูถามว่าใครส่งมึงมา!” ผมสบถ  ปลายมีดกดซ้ำลึกลงไปแทบทะลุทำให้เสียงร้องดังโหยหวนลั่นซอย

“ฮื่ออ..เสี่ย! เสี่ยปรีดา อึก”ทันทีที่ได้ยินคำตอบผมจึงนิ่งลง  ดึงมีดออกให้เป็นอิสระ  แต่เปล่า เลือดที่ไหลออกมาจากรูนั่นคงกำลังบอกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น 

“ฟัง” ผมเอ่ย  นำไม้เท้าที่แทงอยู่ปลายคางของมันช้อนปลายคางขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายมีสติมองหน้าผมดี ๆ  ปลายมีดที่เปื้อนเลือดป้ายไปที่เสื้อของคนตรงหน้าเพื่อเช็ดออกอย่างลวก ๆ

“ฟังผมพูดให้ดีนะครับ...” น้ำเสียงของผมแทบทิ้งหายเข้าไปในคอก่อนเว้นช่วงไปครู่

“วันนี้ผมจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ผมพูด  สายตาที่เหม่อลอยมองภาพตรงหน้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากำลังต้องการมองอะไร

“ใจกว้างใช่ไหมละครับ ?” ผมอมยิ้ม  อีกฝ่ายเพ่งมองคล้ายไม่เข้าใจ

“ผมขอให้คุณเปลี่ยนอาชีพซะ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป” ผมบอก  สายตาของเราทั้งคู่ต่างมองกันนิ่งสนิท  ผมมีแต่เพียงความว่างเปล่าที่แสนซื่อตรงที่จะบอกเตือนเท่านั้น  ไม่มีอะไรแฝงนัยยะไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“ถ้าหากคุณยังไม่เลิกพันแข้งพันขาผมแบบนี้ คราวหน้าช่วยฆ่าผมให้ตายด้วยนะครับ” ผมพูด  ดวงตาคู่ตรงหน้าลังเลในคำขอจากผม

“ฆ่าผมให้ตายคนแรก”

“เอาให้ตาย ทำให้แน่ใจว่า..ผมตายแล้ว” ผมย้ำจุดยืนของตัวเองที่จะไม่เปลี่ยนแปลง  และถึงแม้จะถูกกระทำอย่างที่ขอขึ้นมาจริง ๆ ก็จะขอจากไปโดยไม่มีความโกรธแค้นใด ๆ ด้วย

“เพราะถ้าผมไม่ตาย และคุณทำให้คนของผมเดือดร้อน..ผมจะจองล้างจองผลาญคุณไปเรื่อย ๆ  โคตรเหง้าคุณจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ผมจะทำให้พวกเขา..ระเหเร่ร่อนเจียนตาย แล้วยอมฆ่าตัวตายเองไปทีละคน ส่วนคุณจะเป็นคนสุดท้าย แบบนี้..ยุติธรรมดีไหมครับ” ผมพูด  และผมคิดว่าผมกำลังยิ้มให้เขาอยู่อย่างเป็นมิตรพอให้เชื่อในคำสัจนี้  กระเป๋าสตางค์ของมันถูกดึงออกมาจากกางเกง  บัตรประชาชนถูกยึดด้วยเจ้าของคนใหม่

“ขอเรียนให้ทราบ...”

“เงิน..ได้มาโดยยุติธรรมดีแล้ว” ผมขยายความเพื่อขอให้เข้าใจว่าไม่ว่าจะผมหรือเจ้านายของมันก็ระยำด้วยกันทั้งคู่  ผิดแค่ เจ้านายของพวกมันมักไม่ยอมรับความจริงเวลาที่คนอื่นทำระยำกับตัวเองกลับบ้างก็เท่านั้น

“หวังว่าจะไม่เจอกันอีกนะครับ”


ฉึก!!!!

เสียงโหยหวนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกใด  มันทำให้ลึกลงไปแล้วรับรู้ว่าแม้จะพยายามปกปิดความรู้สึกไว้แค่ไหน  แต่ความจริงคือความจริง  ตัวขยับขึ้นยืนเมื่อเสร็จภารกิจ  การขยับที่อยู่ ๆ ก็เชื่องช้าลงดื้อ ๆ  มือข้างที่สะอาดปาดเลือดที่ปรกเปื้อนตาออกอย่างเนิบช้า  แค่อยากมองให้เห็นชัดกว่าที่เป็น  ภาพตรงหน้าคือพี่ธานที่กำลังลดปืนลงและมองมาที่ผม  ดวงตาคู่ตรงหน้าในความหมายเดียวกันที่ต่างมองเห็นกันและกันมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยครั้ง  ขาก้าวข้ามคนที่นอนอยู่เพื่อเป้าหมายคือการกลับถิ่นที่พัก  มีดถูกเสียบเก็บเข้าที่เก่าของมัน  หัวล็อกสนิท  ไม้เท้ากลับมาเป็นไม้เท้าตามเดิม  ผิดเพี้ยนเสียหน่อยตรงที่มันไม่สวยเงางามอย่างเก่า.. 



..............(ไฟ)............


จากผู้เขียน:
.. อยากให้ลองสังเกตการกระทำและความคิดของไฟในแต่ละครั้งให้ดีนะคะว่าทำไมตัวละครถึงได้ดำเนินชีวิต(รัก)แบบนั้น  การทำหมาหยอกไก่ใส่สมุทร  ในหลายตอนผู้เขียนคิดว่าได้บรรยายในบางมุมความคิดของไฟไปบ้างแล้ว  ทั้งแบบที่ไฟพูดคุยกับพี่ธานหรือเปิดใจกับโปรด  นั่นคือวิธีการในแบบที่ดำเนินตามพื้นฐานนิสัยของไฟและสมุทร  จนถึง ณ ตอนที่ 30 นี้  บางท่านอาจคิดว่าไม่คืบหน้า  เหมือนเพิ่งจีบกัน  แต่ในมุมของผู้เขียนนั้นทั้งคู่ต่างเรียนรู้  และคอยสังเกตซึ่งกันและกันในมุมของเจ้านาย/ลูกน้อง/หรือเพื่อนที่เพิ่งได้พบกันอยู่พอสมควร(เนอะคะ/ฮิ ๆ)  และแล้วก็ได้ :haun4: เดทกันเลือดสาด :jul1:

เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: I-nam ที่ 11-10-2016 12:50:23
 :ling1: :ling1: :o8:  :-[ เขาจูบกันแล้ววววว :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-10-2016 12:56:32
อร๊ายยย อีไฟได้จูบสมุทรแล้วววววว จะดีใจกะอีไฟหรือเสียใจกะสมุทรดีอิอิ o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 11-10-2016 13:48:09
มันเหมือนเดทกันอยู่ในสมรภูมิรบ 555555555 เลือดสาดจริงๆ  :haun4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 11-10-2016 14:09:49
คือดีและโคตรดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะอ่านเพราะชอบอ่านแนวมหาลัยใสๆกวนๆมากที่สุด แต่ตั้งแต่เริ่มอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่แรกนู้นนนนจนถึงตอนนี้ ขอบอกว่ามันสุดยอดมากค่ะ การบรรยายความคิดทั้งไฟและสมุทร แม้จะแทบไม่เคยมีฉากsweetหวานแหววไรเลยแต่มันรู้สึกยิบๆในใจเราตลอด บู๊เลือดสาดแค่ไหนแต่ทำไมเราอ่านไปเขินไปแบบนี้ คุณเบบี้คือเก่งมากจริงๆมันสนุกทุกตอนเลย แม้บางตอนจะหมั่นความอิไฟไปบ้าง555 #ขอบคุณเบบี้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-10-2016 14:32:06
ชอบเวลาพี่ไฟอยู่กับสมุทร มีความสุขยังไงก็ไม่รู้  :mew1: :o8:

ปากตรงกับใจดีจังค่ะพี่ไฟ ชนะเลิศ!!!!!   :กอด1:

ชอบก็บอกว่าชอบ. อยากจูบก็บอกว่าอยากจูบ
มันดีเว่อร์

จูบครั้งนี้เหมือนสมุทรยอมตามใจพี่ไฟนิดๆนะอิอิ


ขอบคุณเบบี้จ้า
















หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 11-10-2016 14:54:32
นิยายรักโรแมนติค เลือดสาด หวานๆ โรคจิตหน่อยๆ
ชอบบบบบบบบบบบบบบ >w<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 11-10-2016 15:02:12
คุณไฟฟฟฟ เท่ห์มากเลยค่ะ ตอนนี้สมุทรน่าจะรู้สึกตัวบ้างแล้ว ว่าคุณไม่จริงจัง ไม่หมาหยอกไก่นะจ๊ะ ฉากในตรอกเหมือนจะหวายแต่พออกมากลางซอยเท่านั้นแหละ เลือดสาดจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 11-10-2016 15:18:26
โอ้ยยยยฟินจูบ อาจแตกต่างแต่ฟินมาก :-[
แต่เป็นเดทที่สยองสมกับเป็นไฟ  o18

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 11-10-2016 15:57:25
เดทกลางตลาดศรี เลือด :pighaun:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 11-10-2016 15:58:48
ได้ข่าวว่าวันเลือดสาดนี้ไม่ถูกนับว่าเป็นการเดท  :z3: การเดทอันหอมหวานในฝันของช้านนนนนน !!!!!! ทำกันได้ลงคอ  :o12: 


ปล. แม้คุณไฟจะตอบโต้อริอย่างดุเดือดเลือดพล่าน  แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็หาสู้การเผยความในใจต่อสมุทรไม่  :L2: มันพีคตรงนี้.



รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 11-10-2016 16:02:08
ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ยอมให้ทำหรอก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 11-10-2016 16:18:44
หวัดดีครับเจ้  คนอ่านหน้าใหม่นะ  ใหม่มากๆเลย  คิดถึงเจ้จังเลยครับ   ตั้งแต่รักแรกรัก สุดท้ายจบแล้วไม่เห็นชื่อเจ้เลย นึกว่าจะไม่มีนิยายมาต่อแล้ว  แต่วันนี้โชคดีจังได้เห็นชื่อ เบบี้ อีกแล้ว  เพิ่งมาเห็นครับ  ได้อ่านนิยายของเจ้อีกแล้วดีใจ  ไปอ่านก่อนนะครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-10-2016 16:26:16

หวัดดีครับเจ้  คนอ่านหน้าใหม่นะ  ใหม่มากๆเลย  คิดถึงเจ้จังเลยครับ   ตั้งแต่รักแรกรัก สุดท้ายจบแล้วไม่เห็นชื่อเจ้เลย นึกว่าจะไม่มีนิยายมาต่อแล้ว  แต่วันนี้โชคดีจังได้เห็นชื่อ เบบี้ อีกแล้ว  เพิ่งมาเห็นครับ  ได้อ่านนิยายของเจ้อีกแล้วดีใจ  ไปอ่านก่อนนะครับ

เดี๋ยวนะ ....
.
..
....
..... ใหม่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!  :a5:  ดิฉันคิดว่าดิฉันจำยูสเซอร์เนมคุณได้  ไม่เม้าท์  ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งค่ะ 555++
  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 11-10-2016 17:48:41
เดทกันอย่างสดใสสมวัย(?) ด้วยธีมสีแดงสดใสซาบซ่า(?) หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ #จิตตามไฟ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 11-10-2016 17:57:09
เขาจูบกันแล้วววววว
ต้องขอบคุณเสี่ยปรีดารึเปล่าที่ทำให้เค้าได้จูบกัน 5555555
คุณไฟโหดเหมือนเดิม
เดทคราวหน้าไปเดทในห้องมั้ยคุณไฟ
จะได้ไม่มีคนมากวน
เลือดไม่สาดด้วย 5555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 11-10-2016 18:07:53
เดทกันกลางตลาด แบบเลือดสาด ?! ไม่ใช่เลือดพวกที่จะมาฆ่าคุณไฟอย่างเดียว
เลือดกำเดาเราด้วยนี่แหละ เขาจูบกันแล้ววววว        ฟินมากๆ  :pighaun:
ตอนนี้คุณไฟโหดกว่าตอนชกอีก ถ้าเราเป็นสมุทรคงไม่เอาคุณไฟเป็นเมีย โคตรโหดปนจิต :ling3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-10-2016 18:59:08
เดทสไตล์ไฟ ธรรมดาซะที่ไหน เรียบๆไปมันก็ไม่ใช่แล้ว (พวกมึงไปเดทกันอีกเถอะ 55555) //แสรดดดด "จูบ" สนองความอยากของตัวเองล้วนๆ ทนไม่ไหวแล้วโว้ย จูบแม่ง มึงจะรู้สึกยังไงก็เถอะ 5555 รุกด้วยความเอาแต่ใจ แบบนี้ละถึงจะเข้าไปวอแวหัวใจสมุทรได้ 5555 แต่นิ่งมาก มีหวั่นไหวไหมเนี้ยดูไม่ออกเลยจริงๆ 555 ที่ยอมให้จูบหนิหรือว่าอารมณ์แบบดูเขาอยากจูบซะเหลือเกิน ก็เลย จูบๆไป ไม่ขัดขืนไรงี้ หรือขัดขืนไม่ได้ หรือว่าแกก็แอบอยากจูบ เพราะแกก็แอบจูบตอบ!!!อยากให้เขาพอใจหรืออยากเอง 5555 แต่ทำไมดูเย็นชาได้อีก นิ่งจนทำให้ไฟมันสับสนได้ 55555 ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ทำให้ไฟตาเป็นประกายมีแต่อยากได้ๆ อยาก.. อยาก..... ไงไฟมันชอบ รุกแหลกละค่ะ 5555  //ซาดิสต์กับศัตรูโคตรๆ แต่มาโซกับสมุทรมากๆ 555555  //ไฟมันจริงจังนะสมุทร สายตาบางทีมีไหวระริก ยามโดนปฎิเสธ ชัดตรงว่าชอบ แสดงออกเบอร์ ก็รู้แต่ไม่แน่ใจ ไม่อยากยอมรับ?? ไฟรุกไปอีกจ๊ะไฟ ทีเล่นทีจริง อ้าวสับสนไปอี๊ก เลยจะไม่แน่ใจสักที 5555 ก็นิสัยไฟเป็นงี้อ่ะ สมุทรต้องดูออกนะ อิอิ //สมุทรต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยโลกของไฟ ขอความสงบนี้ ยาก 5555 ต่อไปไม่รู้ว่าจะยังมีความคิดที่ไม่พกปืนอยู่หรือป่าวนะ หรือว่าสมุทรก็ยังเป็นสมุทร ไฟได้ตายพอดี 55555555555 ขำๆ ไฟชอบใจใหญ่ดูสมุทรล้มไอ้พวกนั้น ของดี มึงสู้ไป กูยืนดูแม่งละ เจ๋งสัส!! 55555 //โอ๊ยยยชอบอ่ะ สนุกกกจริง ชอบความกวนบาทาของไฟ ไอ้เสียงหัวเราะ "ฮิ ฮิ ฮิๆๆ" นี้เกลียดมากเลยเวลาเจอเรื่องสนุก 55555555555555555 //ขอบคุณค่ะที่มาต่อ มันส์ดีจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-10-2016 19:07:52
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 11-10-2016 19:55:26
ฉากจูบนี่แบบว่า :m25: :pighaun:  ไฟบอกยังไม่พอ :hao7: หุหุ เอาอีกๆ แต่พอมาตอนซ้อมคนแล้ว :mew5: อย่าได้ไปมีเรื่องกะคุณไฟเชียว คิดว่าสมุทธก็สนใจไฟอยู่น้า แต่คงต้องบีบจนสุดจริงๆถึงจะแสดงออก :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 11-10-2016 20:18:42
อ๊ากกกก เดทกันเลือดสาดของแท้ แต่ทำไมเรารู้สึกชอบคุณไฟตอนนี้มากเลย เหมือนความรู้สึกมันมากเกินที่จะเก็บไว้แล้วสินะ มันต้องบอกออกไปแล้ว งืออออ  :hao5: เพราะคุณไฟไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนด้วยหรือเปล่า พอมาเจอสมุทรเลยรู้สึกไม่มั่นใจในบางที จะจูบก็กลัวเค้าจะโกรธ รักเค้าแต่กลัวเค้าไม่รัก เชื่อเค้านะ สมุทรยอมให้จูบขนาดนี้มันไม่ธรรมดาแน่ๆ  :katai2-1:

“ก็ฉันอยากให้มันเกินเลยนี่” <== ชอบประโยคนี้สุดๆ เหมือนรวมทุกอย่างของคุณไฟไว้ในประโยคเดียวเลย 5555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 11-10-2016 20:28:10
เดทกันเลือดสาดมากกกกก
ฮอลลล
ชอบตอนที่สมุทรบอกว่า ผมเตือนแล้ว... อร๊ายยยย กร๊าวใจมากกกก
เท่สวดดดดดดดดดด
แล้วตอบจูบกันคือดี ฮือออ แค่จูบยังระทึก ถ้าได้กันนี่คง...
คึคึ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 11-10-2016 21:10:27
 :L1: :pig4: :L1:
เดทจนเลือดสาด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 11-10-2016 21:17:34
 :mew1: :mew1: :mew1: จุ๊บกันตอนเนี้ยนี่นะ บอกชอบอีก ด้วย สมเป็นไฟเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 11-10-2016 21:23:37
เดทเลือดสาดจริงๆค่ะ. แต่ยังตะมีอารมณ์มาจูบกันอีกนะ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 11-10-2016 21:47:10
สมุทรยิ้มเยอะกว่าทุกวัน เพราะพยายามทำให้วันเดทของพี่ไฟเป็นวันที่ดีหรือเปล่า 55555

คือคิสนี่แบบ แบบบบบ พี่ไฟผู้มากประสบการณ์ถึงกับไม่มั่นใจ เพราะชอบเขามาก
โอ้ยยยยยย ตอนไหนตอนไหนก็ได้แต่บอกว่าพี่ไฟชอบเขามากเกินไปจริงๆ
แล้วมีทบทวนหัวใจตัวเอง และเป็นบ้า 55555 รู้ตัวโด่ยยยยยย ย

ตัดทิ้งไปเลยว่าสมุทรจะรังเกียจ เขายอมแล้ว และจูบตอบด้วย บ้าจริง
รอบหน้าก็ไม่ต้องกลัวโดนเกลียดแล้วนะะะะะ เอาอีกกกกกก มอร์นิ่งคิส หรือกู้ดไนท์คิสทุกวันงี้

ชอบความเป็นห่วงของสมุทรด้วย เป็นห่วงแบบห่วงงงงง ไม่อยากให้เจ็บ ว๊ายยย เขินนนนนน
แต่ฉากพี่ไฟโหดนี่แบบ ให้ยังไงก็ไม่ชิน กลัววววว ว กลบความหวานๆมันๆไปเกลี้ยงเลย แง้
ไม่ได้ว่าไม่ดีหรืออะไรนะ เข้าใจ แต่เค้าค่อนข้างบอบบาง โลกสวยนิสนึง 55555


สมุทรพ่อพระของน้อง เป็นกำลังใจให้ค่ะ อยู่ข้างๆเด็กซนๆคนนี้ไปเรื่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 11-10-2016 22:13:21
อื้อหืออ คู่นี้เดตกันได้เลือดสาดจริงๆด้วย
คุณไฟเป็นคนแปลก เป็นตัวเอกที่แปลกที่สุดที่เคยอ่านมา
คึกคักผิดเวล่ำเวลา(คนอ่านถึงขั้นกุมขมับ)
โหดก็โหดแบบจิตๆ ถึงจะจิตแต่ก็เป็นสายโหดที่มีคุณธรรม
ถ้าอีกฝ่ายไม่สกปรกมาพี่แกก็แฟร์มากนะเราว่า
ถ้ามองจากภาระหน้าที่ตั้งแต่เด็กรวมถึงสิ่งแวดล้อมสภาพสังคมที่หล่อหลอมให้มาเป็นคุณไฟในปัจจุบันก็พอจะเข้าใจได้อยู่
สมุทรนี่สิน่าสนใจกว่า ดูเป็นการ์ด'นิ่งๆ'หล่อมาดแมนแอนแฮนซัมธรรมดา....
แต่หากคำกล่าวที่ว่าผีเห็นผีเป็นจริง สมุทรก็คงไม่แคล้วเป็นคนนิสัยแปลกเหมือนคุณไฟนั่นแหละ 55555555
เอาจริงๆมั้ย เราว่าทั้งสองคนนี้ เหมือนแอ๊บบุคลิกบางอย่างไว้ทั้งคู่เลย ลุ้นมากกก
เรื่องนี้มีใครปกติบ้างเนี่ย พายุ พี่ธาน เข้ม เดี่ยว หิน ดิน บลาๆ เห้ย ทำไมหาคนปกติไม่เจอ 
 :laugh: :laugh: :laugh:

 ผ่านไปสามสิบตอนกว่าจะได้จูบกัน 
ในความคิดเราถ้ามองดีๆอย่างที่บี้ว่าทุกเรื่องราวและการกระทำล้วนสมเหตุสมผลจริงๆนะ
โดยส่วนตัวเราไม่ได้มองว่าเรื่องเดินช้าเพราะแต่ละตอนที่บี้เขียนบอกเลยว่ามีนัยยะแฝงอยู่ทุกตอน
แอบไฮไลท์ไว้ในใจเรียบร้อยด้วย สงสัยพอดีเป็นนักอ่านที่ไม่ได้ฝักใฝ่อยากอ่านฉากอย่างว่ามากมายแต่พูดก็พูดเถอะทำไมสัญชาติญาณลึกๆของเรามันร้องบอกว่าที่คุณไฟคิดจะกดสมุทรนี่เราว่าบางทีคุณไฟอาจจะต้องเผื่อใจไว้บ้างนะ นิสัยอย่างคุณไฟนี่ราชินีสายโหดก็รุ่งอยู่นา 55555  // รออ่านต่อไปเรื่อยๆ รักบี้ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-10-2016 22:33:14
 :pighaun: เดทเลือดสาดจริงๆ
แต่ถึงอย่างนั้น เดทนี้ไฟ มีความสุขมากกกก
ได้จูบสมุทร อย่างดีพคิส แล้วยังไม่พอใจ อยากจูบอีก
คราวนี้ไฟ ได้บอกชอบสมุทรอย่างจริงจัง
ไม่ทีเล่นทีจริง ไม่หมาหยอกไก่แล้ว
เสี่ยปรีดา จะเจอการโต้ตอบจากไฟเต็มๆมั้ยนะ
โกงเขาได้ พอเขาแก้เกมได้ ก็ไม่พอใจอีก
อนาคตทายได้เลยว่า ไม่แก่ตายแน่ๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 12-10-2016 00:25:48
แค่จูบกันก็ฟินแล้ว  :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 12-10-2016 02:48:12
แม่ขา!!!!! :katai5: เขา  :hao3: จูบ  :m25: กัน  :pighaun: แล้ว  :a5: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เขิน!!!!!! :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 12-10-2016 04:15:06
จูบแรกมาแล้ว ปรบมือแสดงความยินดีกับคุณไฟค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-10-2016 05:33:52
ไฟสมใจไหม สมุทรเหมือนอยากรู้ตัวเองว่าจะชอบจริงไหม

ทีนี้ก็ได้รู้กันแล้วว่าขาโหดทั้งคู่ ไฟมีความบ้า
พี่ธานรู้ใจมาก

สมใจเลยมีเดียวค่ะ อ่านไปก็ลุ้นไป ไม่ใช่กลัวสมุทรไล่ไฟนะ กลัวคนมาขัดจังหวะ 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 12-10-2016 08:28:43
รักมันโหด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 12-10-2016 09:04:34
โรแมนติกสุดๆ......ไปเลยค่ะไฟ....!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 12-10-2016 14:49:07
เป็นเดทที่ดุเดือดมากแต่อย่างน้อยไฟก็ได้จูบกับสมุทรโรแมนติดมากจูบกันข้างซอกผนัง555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 12-10-2016 20:20:50
ิ่อ่านแล้วลุ้นสุดๆ. ในที่สุดก็ได้
จูบกันแลเว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 12-10-2016 23:57:22
บอกรักกันในสถานการณ์ คับขัน  :จุ๊บๆ:
อารมณ์และความรู้สุึกของไฟ คงจะมอดดับลง เพราะความนิ่งและเย็น จากมหาสมุทร  :z2:
+1 ให้หนูบี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 14-10-2016 07:40:45
ไปเก็บเรื่องนี้มาจากเสนอชื่อเข้าโหวต sengped aword 2016.  โหยยยยยยยย ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ  แซ่บ! มาก แมนๆ ชกกันเลือดสาด  จีบกันแบบดิบๆอย่างนี้ ถูกจริตเดี๊ยนนัก ยิ่งรู้ว่าเป็นผลงานคุณเบบี้ มันยิ่ง #ไว้ใจได้ค่ะ 

ขอตามติดแบบเกาะหน้าคอมฯกับเรื่องนี้เลย เบบี้อัพช้าบ้างเร็วบ้างเราก็จะรอ เราเข้าใจ เพราะรู้ว่ารอแล้วคุ้มมากตอนที่ได้อ่าน

ขอเม้าท์ตัวละครนิด แบบว่า ค่ายนี้มันแซ่บทุกคนจริงๆ ซี๊ดดดดดด  :hao6:  ตั้งแต่เจ้าของค่าย คนสนิท มือขวา มือซ้าย คนขับรถ ยันน้องเล็ก งานพรีเมี่ยมจริงๆค่ายนี้ #อยากด๊ายยยย ฮาาาาาาา

ชอบมากเวลาคุณไฟ ออกอาการหื่น อาการอยากได้ แบบปิดไม่มิด คือเป็นเจ้านายแล้วจีบลูกน้องว่ายากแล้ว นี่สมุทรยังแบบแมนล้วนๆไม่มีเจือปน #สามีแห่งชาติ ของแท้ งานยาก งานท้าทายจริงๆ คุณไฟของเรา  o13

แอบจิ้นพี่ธานกับโปรดแหละ แอร๊ยยยยยยย ได้ไหมๆๆๆๆๆๆ เบบี้. pleaseeeeee.  :กอด1:

ปลื้มเรื่องนี้มากค่ะ จริงจัง เดวไปตามเชียร์ ไปช่วยโหวตให้ด้วย เปนกำลังใจให้นะคะ เบบี้ สู้ๆๆๆ เยิฟนะยูวววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 15-10-2016 12:08:14
สมุทรสายแข็งมากกกกกก ทำเอาคุณไฟเสียหลักได้นี่ยอมมมมม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 15-10-2016 17:40:11
อยากให้คุณไฟ จัดสมุทรซัก 2 ดอก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-10-2016 17:45:45
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 15-10-2016 20:34:04
ถ้าไฟโดนสมุทรจัด ซักดอกจะเป็นไงน้อ :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 20-10-2016 00:35:54
ตามมม :katai4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 20-10-2016 14:31:13
ตอนนี้น่ารักกกกก ไฟสมควรโดนสมุทรเล่นให้หนักจริงๆซักทีน้าาา น่ารักมาก หมั่นเขี้ยววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 20-10-2016 19:27:27
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-10-2016 13:36:10
คุณไฟเริ่มรุก แบบจริงๆจังๆแล้ว โว๊วๆๆ



สงสารพวกนักเลงที่มาหาเรื่องคุณไฟจังว่ะ



อุตส่าห์ขนกันมาเป็นโขยง แต่ไร้ความสามารถเลยโดน บาทาไร้ปราณี ของคุณไฟไปเต็มๆ



เป็นห่วงสมุทรจัง คุณไฟแกเข้าข่ายโรคจิต เป็นบุคคลหลายอารมณ์ และ อารมณ์ร้ายด้วย



สมุทรต้องระวังหลังดีๆนะ คนไฟแกไม่เคยข่มขืนใรก็จริง



สมุทรอาจฟลุ๊คโดนคนแรก ฮ่าๆๆ เพราะดูๆแล้วคุณไฟ เหงี่ยนมากกกกกก



ดีนะของฝากน้องเมฆไม่เสียหาย ถ้าโดนเหยียบเละละก็ ป้าจะไปตบกะโหลก



ไอ้นักเลงบ้าบิ่น ที่มากวนไม่เลือกเวลานี่จริงเลย รักน้องเมฆเด็กมืดมนเหมือนเดิม :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 30-10-2016 13:01:31
แวะมาส่องหน้าค่ายมวยทุกวัน  เผื่อเจอสมุทรพาลูกน้องพี่ไฟในค่ายออกมาซ้อมบ้าง   ฮือออ คิดถึง   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 30-10-2016 21:22:48
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 02-11-2016 11:44:51
มาเกาะขอบเวทีรอ นักมวย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-11-2016 14:33:19
มาไหมนะ คิดถึงจะแย่แล้วพี่ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 02-11-2016 20:31:24
คิดถึงคุณไฟ  :o12: :o12:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 02-11-2016 20:40:35
 :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 05-11-2016 09:03:23
คิดถึงสมุทรกับคุณไฟแล้ว อยากรู้ว่าความรู้สึกของทั้งสองคนจะหวานขึ้นหรือเปล่า สมุทรจะตามใจคุณไฟได้มากแค่ไหน  :L2:



รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 06-11-2016 07:26:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 06-11-2016 12:04:38
เหมือนจะมาสวีทกันนะ แต่.... 5555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 06-11-2016 19:36:21
 o9 o9 o9 o9 o9 o9 เมื่อไรคุณไฟจะมาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 07-11-2016 07:17:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: SunShinee ที่ 07-11-2016 08:24:29
อื้อออ ในที่สุดก็จูบกันแล้วววววว  สมุทรแบบไร้วี่แววอ้ะ รู้สึกยังไงกันแน่นะดูไม่ออกเลย  :o12:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 07-11-2016 11:07:14
มาตอเถอะนะคุณไฟ แงงงงง คิดถึงมากๆเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 08-11-2016 01:02:11
 :katai5:เข้ามารอ :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 08-11-2016 09:48:09
บี้จ๋า คนอ่านคิดถึงงงงงมากมาย ^_______^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 09-11-2016 22:27:48
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 11-11-2016 06:02:24
ไม่เจอไฟเดือนแล้วนึงแล้ว คิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-11-2016 07:36:11
ขำตัวเอง เห็นเรื่องนี้อยู่ฟีดหน้าแรกบรรทัดต้นๆ มองไวๆเห็นเป็นวันที่ 11 รีบพรวดพราดเข้ามาดูด้วยความดีใจ อ้าว!! ตอนเก่านี่หว่าอัพตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.59 นิ๊ ไม่ใช่ 11 พ.ย.59  :a5:  ฮาาาาาว่ะ  อายจุง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 30 [ 11:58 น. - อ. 11 ต.ค 59 หน้า 36 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-11-2016 13:09:51
 :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-11-2016 13:11:13

ชี้แจงและตอบคำถามเกี่ยวกับตัวละคร [ วันที่ 11 พ.ย 59 ] หน้า 39 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3514362#msg3514362


ตอนที่ 31
..ไฟ..




KEETHARA HOTEL, PATTAYA
การกลับมาถึงโรงแรมโดยที่มีพายุ  ไอ้เข้มและไอ้เด่นรออยู่ที่ห้องพักของผมอยู่แล้วนั้นน่าจะเดาได้ไม่ยากว่าพวกมันทราบเรื่องที่ตลาดเรียบร้อยแล้ว  พี่ธานคงเป็นคนบอก  ผมโยนไม้เท้ามองหน้าที่ให้กับไอ้เด่นเพื่อให้มันนำไปจัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อย  อีกฝ่ายรับไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก  ประตูห้องนอนปิดลงอย่างแรงเพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าเจ้าของห้องต้องการอยู่คนเดียวสักพักหนึ่ง 

เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ  แผลที่ตัวก็เริ่มออกอาการเตือนว่าก่อนหน้านี้มันยังไม่หายดีและปัจจุบันมันกำลังกำเริบขึ้นจากการที่ผมเคลื่อนไหวร่างกายมากเกินไป  ความเจ็บปวดในตอนนี้ไม่ได้รุนแรงมากถึงขนาดทำให้ละความยึดติดในความเจ็บปวดนั้นไม่ได้  ผมถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือย  รู้สึกแขยงทั้งเลือดและทั้งเหงื่อของตัวเอง  น้ำในอ่างไม่ได้มีคนเปิดรอไว้อย่างทุกครั้งทำให้ต้องทำความสะอาดร่างกายอย่างลวก ๆ แทน  แม้ที่ท้องจะไม่มีสีช้ำเลือดช้ำหนองแต่ก็ระบมอยู่ตลอดเวลา  หลังอาบน้ำเสร็จผมก็ซุกตัวเข้าเตียงพร้อมกับกางเกงในตัวเดียว  และอยู่ ๆ ร่างกายก็รู้สึกเพลียขึ้นมา..
 


ก๊อก  ๆ ๆ
“เฮีย..” เสียงพายุเรียกขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตูเบา ๆ คล้ายเกรงใจ  ผมลืมตาขึ้น  เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบบ่ายสองโมงเต็มแก่แล้ว  เวลาหลับไปไม่นานแต่การหลับที่ดิ่งลึกทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้นบ้าง  คนข้างนอกเงียบสนิท  ผมนอนนิ่งอย่างไม่คิดที่จะขานรับ  คาดว่าอีกประเดี๋ยวมันก็คงจะเปิดประตูเข้ามาเองเพราะผมไม่ได้ล็อก  ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ  พายุเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารและยา

“ยาก่อนอาหาร” มันบอก  พี่ธานตามเข้ามาพร้อมกล่องยาอเนกประสงค์อีกคน  ประตูห้องถูกปิดลงอย่างเบามือ  ผมนอนมองไม่ขยับจนพายุยื่นแก้วยามาให้จึงยอมขยับตัวขึ้นกึ่งนั่งและรับมากินโดยดี  ตามองข้าวต้มกุ้งในชามกับจานผลไม้บนถาด  กลิ่นก็หอมดีอยู่หรอก แต่ไม่ค่อยมีอารมณ์

“กูไม่ใช่คนป่วยที่แดกอะไรไม่ได้สักหน่อย” ผมเอ่ยปาก

“ก็เกือบจะป่วยแล้วแหละ” พายุย้อนเสียงแข็งแกมประชด  พี่ธานเหลือบตามาสบกะล่อนอ่านใจผมออก 

“ไม่กิน ไม่มีอารมณ์” ผมเทตัวลงนอน

“กินยาก่อนอาหารแล้วไม่กินอาหารได้ยังไง” พายุขมวดคิ้ว

“.........” ผมเงียบ  ในห้องจึงเงียบตาม  เสียงการคนข้าวต้มในชามดังขึ้นแว่ว ๆ

“เฮียครับ” มันเรียกอีกครั้ง  ผมเหลือบตามองก่อนถอนหายใจยอมความลุกขึ้นนั่งดี ๆ  ขาหย่อนลงจนเท้าแตะพื้นพรม  ช้อนที่ตักข้าวต้มและถูกเป่าให้คลายร้อนยื่นมาจ่อรอที่ปาก  ผมอ้าปากรับมากินโดยง่าย 

“ขออนุญาตนะครับ” พี่ธานเอ่ยขอก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ กับผม  เมื่อข้าวต้มถูกกลืนลงคอก็เหมือนน้องชายผมมันจะดูออก  ช้อนต่อไปตักมาจ่อปากรอทันที  ผมกินไปได้รวมสามคำ  มือคว้าหยิบจานผลไม้บนถาดมาวางบนตักตนเอง 

“พอแล้ว” ผมท้วง  ขอเลือกที่จะกินผลไม้ต่อแทนข้าว  พายุถอนหายใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ห้ามอีก  มันย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแทน  แขนซ้ายของผมยกขึ้นสูงเพื่อให้พี่ธานทายาได้ถนัดขึ้น
 
“ทำไมเฮียไม่ใส่เสื้อผ้า เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” พายุขมวดคิ้วมองมา

“บ่นมากจริง” ผมบ่นเสียงเนือยด้วยนึกรำคาญหู

“เจ็บไหมครับ” พี่ธานถาม

“นิดหน่อย” ผมตอบส่ง ๆ  เราสามคนพากันนั่งเงียบจนเอวของผมถูกทายาให้จนเสร็จ

“ดีนะครับแผลที่คิ้วไม่เปิด คุณอย่าโกรธบ่อยนักสิครับ” พี่เขาบ่นเสียงเรียบ

“ไม่ได้โกรธเลย” ผมพูดจากใจ  โดยละคำว่า “..มั้งนะ ?” ต่อท้ายไว้เบื้องลึก  ตาลอยมองผนังห้องตรงหน้าพร้อม ๆ กับมือข้างขวาหยิบแอปเปิลเข้าปากไปด้วย  น้ำแอปเปิลหวาน ๆ ไหลลงคอช่วยทำให้รู้สึกดีทันที

“เดี๋ยวยุจะออกไปห้างหน่อยนะ” พายุพูดขึ้นคล้ายขออนุญาต

“ไปทำไม” ผมเหล่ตาไปมอง  พายุกลอกตากลอกแกลก

“นี่มันเลยเคอร์ฟิวที่สั่งห้ามชอปปิงรึยังนะ” ผมคุยกับพี่ธาน  อีกฝ่ายอมยิ้มอ่อน ๆ ตอบ  ทำท่าเหมือนจะเข้าข้างน้องชาย

“อย่าตามใจมันนักเลยน่า” ผมส่ายหัวบ่นพี่เขา

“สระว่ายน้ำที่นี่สวยดี ยุอยากลง..แต่ไม่ได้เอากางเกงว่ายน้ำมา” พายุแก้ตัว  ผมชะงักก่อนเหลือบตามองไปที่พายุ

“เหรอ ?” ผมเลิกคิ้วรับทราบ

“..........” ในห้องเงียบลง  ต่อมสมองลึก ๆ กำลังประมวลผลก่อนแสยะยิ้มส่งไปให้พี่ธาน

“ความคิดดีนี่” ผมชมน้องชาย  พี่ธานที่กำลังแปะผ้าก๊อซที่หางคิ้วให้ผมอยู่เหลือบตาลงต่ำ  มองผมด้วยแววตากรุ่มกริ่มไม่ต่าง 

“ซื้อมาให้กูด้วยตัวนึง” ผมสั่ง

“เฮียจะลงสระได้ยังไง แผลยังไม่หายเลย”

“เออน่า กูแค่อยากใส่อาบแดดของกูเฉย ๆ ไม่ได้รึไง หรือจะให้กูใส่กางเกงในลงไป มึงนี่ไม่รู้กาลเทศะเอาซะเลย” ผมย้อน

“ไม่ยักรู้ว่ารู้จักคำว่า ‘กาลเทศะ’ กับเขาด้วย” มันตอกกลับเอือม ๆ

“ฮึ!” ผมสบถหัวเราะขึ้นจมูกอย่างชอบใจ  ทำเมินไม่สนใจหน้าตาซื่อบื่อของน้องชาย  หันตัวกลับไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนหัวเตียงพร้อมยื่นบัตรเครดิตบัตรเสริมที่ผมเปิดไว้ให้พายุได้ใช้ยื่นให้กับมัน  พายุรับไปไม่ถามไถ่  บัตรเครดิตบางบัตรหากเป็นบัตรเสริมที่มีวงเงินที่สูงผมจะเก็บไว้ที่ตัวเอง  จะอนุญาตให้พวกมันเอาไปใช้ได้บางครั้งบางคราวเท่านั้นเพราะต้องดูสาเหตุที่จะให้มันเอาไปใช้ด้วย  กับไอ้ดินยังพอเกรงกลัวไม่กล้าใช้วงเงินเยอะหากไม่ได้รับอนุญาต  แต่กับไอ้พายุนี่เผลอเป็นไม่ได้  ถึงมันจะเป็นคนรู้จักใช้และเป็นระเบียบในเกือบทุก ๆ เรื่อง  แต่หากมันไปเจอของสิ่งใดที่ถูกใจจนตกหลุมรักมากจนไม่สามารถออกจากร้านได้จริง ๆ ละก็  เหตุผลของมันมักหายไปกับสายลมเลยละครับ   

“ซื้อให้พวกนั้นด้วย” ผมพยักพเยิดหน้าออกไปนอกห้อง

“เอาให้ครบนะ” ผมกำชับ

“แล้วอยากได้อะไรก็ซื้อมา” ผมอนุญาต

“ได้!” พายุผงกหัวยิ้มกว้าง  มีน้องฉลาดในเรื่องที่ไม่ควรฉลาดนี่มันดีแก่ใจจริง ๆ

“อิ่มแล้ว ขอบใจ” ผมจิ้มสับปะรดเข้าปากอีกสามสี่ชิ้นเป็นการปิดจบพร้อมยื่นจานกลับไปให้  พายุสลับมือยื่นยาหลังอาหารมาให้ทันควัน  ผมรับมากินง่าย ๆ เพราะจะได้จบเรื่องไป  เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเป็นไปตามที่มันต้องการแล้วมันก็ลั่นล้าหูตั้งหางแกว่งออกจากห้องไปก่อน 

“คิดอะไรอีกครับ ?” พี่ธานพูดขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงกล่องยาอเนกประสงค์ที่ถูกปิดลง

“อะไรกัน ผมต้องตอบด้วยเหรอ..นึกว่าพี่รู้ใจผมที่สุดซะอีก” ผมแซวกลับพร้อมกะพริบตาถี่ ๆ  เท้าแขนทั้งสองข้างเอนตัวไปทางด้านหลัง  อีกฝ่ายกลั้นอมยิ้มเอาไว้

“เดทผมล้มไม่เป็นท่า” ผมบ่นพร้อมถอนหายใจ  ฟันกัดลิ้นในปากด้วยความเคยชิน  ขยับเลื่อนตัวกลับไปเอนหลังพิงหมอนที่หัวเตียง

“นั่นเรียกว่าเดทได้ด้วยเหรอครับ” พี่ธานประชด  ผมอมยิ้มเพราะหน้าพี่แกกวนตีน 

“ช่วยอะไรหน่อยสิ..” ผมพูด 

“กางเกงว่ายน้ำของอีกฝ่ายน่ะ น่าจะไซซ์เดียวกันกับพี่กับผมนั่นแหละ แล้วพี่ก็ออกปากชวนให้เขาใส่ ตะล่อมบอกว่ามันแพง..ใส่หน่อยเดี๋ยวพายุจะเสียน้ำใจ” ผมเสนอ

“นั่นมันจุดอ่อนเขาครับ” พี่ธานย้อน

“ใช่..นั่นมันจุดอ่อนหมอนั่น” ผมยักคิ้วยิ้มรับ

“คุณไฟครับ ตอนอยู่ที่ค่าย..บางครั้งเขาก็ถอดเสื้อซ้อมอยู่แล้วนี่ครับ” พี่ธานพูดด้วยสีหน้าไม่เข้าใจขึ้นมา  ปกติผมกับพี่ธานจะถอดเสื้อซ้อมไม่ว่าจะซ้อมกับใครก็ตาม  เหตุผลพื้นฐานแสนธรรมดาคือชอบอะไรที่สะดวกสบาย  เคลื่อนตัวได้คล่องตัว  แต่สำหรับสมุทร ถ้าหากเขารับหน้าที่เป็นเทรนเนอร์  อีกฝ่ายมักจะใส่เสื้อยืดหรือไม่ก็เสื้อกล้ามทำหน้าที่นั้นเสมอ  เขาจะถอดเสื้อซ้อมก็ต่อเมื่อขึ้นซ้อมส่วนตัวเท่านั้น 

“พี่ก็รู้ว่ามันไม่เหมือนกัน” ผมแก้ต่าง

“หน้าตาตื่นเต้นจังเลยนะครับ”

“หึ ๆ” ผมหัวเราะยอมรับ

“นะครับ ช่วยหน่อยน่าพี่ใหญ่” ผมย้ำขอ  ขณะเดียวกันก็ขยับตัวนอนซุกเข้าไปใต้ผ้าห่มมากกว่าเดิม  พี่ธานส่ายหัวยิ้มน้อย ๆ ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

“สมุทรเขาคงเบื่อผมแล้วแน่ ๆ” พี่ธานพูดแกมบ่น 

“อีกนิดเดียวเจ้าตัวคงจะรู้แกวว่าผมให้ท้ายคุณ” พี่เขาบ่นด้วยสีหน้าหนักใจ

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ

“ผมอยากนอนต่ออีกสักหน่อย” ผมตัดบท

“งั้นเดี๋ยวผมรอข้างนอกนะครับ”

“ขอบคุณครับ” ผมบอก  อารมณ์ครุกรุ่นเมื่อครู่แทบหายไปแทบหมดสิ้น  ทางออกในบางครั้งของผมก็คือพยายามไม่นึกถึงมัน  พี่ธานจัดผ้าห่มให้ผมก่อนออกจากห้อง  แอร์ปรับอากาศทำให้รู้สึกหนาวขึ้นเรื่อย ๆ  โทรศัพท์มีสายโทรเข้าเป็นระยะแต่ผมไม่ได้สนใจที่จะนำมากดดูว่าจากใคร  ตัดสินใจปิดไฟดวงหลักในห้องเพื่อนอนพักต่อ  เสียงจอแจของคนด้านนอกเงียบไปแล้ว  พายุคงพากันออกไปซื้อของแล้วเป็นแน่  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรืออะไร  อยู่ดี ๆ หนังตาก็หนักขึ้นมาอีกครั้งเสียอย่างนั้น..


- - - - - - - - - - - - - - -


ก๊อก  ๆ ๆ 

เสียงเคาะประตูดังแว่วไม่แรงนัก  มันค่อนข้างเบามากอย่างกับคนเคาะไม่ค่อยกล้าจะเข้ามารบกวน  ตาปรือพยายามปรับหรี่ขึ้นมอง  ประตูห้องเปิดแง้มเข้ามาอย่างเนิบช้า  หน้าของพี่ธานชะโงกเข้ามาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น  อีกฝ่ายทำหน้าตาประหลาด ๆ ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมองเต็มตา  รู้สึกว่าตัวเองได้นอนเต็มอิ่มในรอบหลายอาทิตย์ก็คราวนี้  ไม่ทันให้สอบถามอะไรพี่เขาก็หายตัวไป  เสียงพูดคุยของพี่ธานกับสมุทรแว่ว ๆ  ครู่เดียวสมุทรก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร  เขาเลือกที่จะไม่ปิดประตูโดยแง้มมันไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 


.. อีกฝ่ายนำถาดวางลงตรงโต๊ะที่หัวเตียงไม่พูดไม่จา  ผมพลิกตัวนอนหงายมองอย่างไม่คิดที่จะเอ่ยปากทักก่อนด้วยเช่นกัน

“คุณพายุสั่งเอาไว้ว่าให้คุณกินเวลานี้ครับ เป็นยาจีนน่ะครับ” สมุทรอธิบายถึงการมาขอตน  น้ำเสียงอ่อนโยนจนแทบจะสำลัก

“ไม่” ผมตอบเด็ดขาด  กลิ้งตัวตะแคงข้างเหมือนเดิม  ยาจีนของไอ้พายุน่ะเหรอ.. รสชาติป่วยนรก!

“แต่ว่า..” สมุทรอ้ำอึ้ง 

“ฉันมียาหมออยู่แล้ว ๆ ก็กินไปแล้วด้วย ทำไมฉันต้องกินยาจีนอีก นี่ไม่ได้ติดอยู่ในป่านะ”

“ในป่าหายาจีนดี ๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะครับ” อีกฝ่ายย้อนเสียงเรียบ  ผมเงียบ.. แม่งเสือกฉลาด

“เป็นยาที่จะบำรุงช่วยให้ร่างกายของคุณอาการดีขึ้นเร็ว ๆ น่ะครับ กินเถอะนะครับ” สมุทรพูดด้วยน้ำเสียงอะลุ่มอล่วย  ผมซุกหน้าเข้าที่หมอนนอนฟังเงียบ ๆ  อยากยอมว่าง่ายอยู่สักหน่อยเพื่อตามใจหวังเอาใจอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน  แต่ความเป็นตัวเองมันดันเรียกร้องให้เป็นตัวเองต่อไป

“ฉันดีขึ้นมากแล้ว” ผมบอก  เสียงอู้อี้อยู่ในหมอน

“เหรอครับ..” สมุทรขานรับเท่านั้นก่อนเงียบไปง่าย ๆ  ผมยังคงนอนเฉย  คิดว่าอีกเดี๋ยวเขาคงจะยอมแพ้แล้วออกจากห้องไปเอง


หมับ!   

“โอ๊ย! แม่งเอ๊ย!” ผมตวาดเสียงดัง  ตัวสะดุ้งลุกขึ้นนั่งพร้อมปัดมือสมุทรออกจากท้องอย่างแรง  อีกฝ่ายบีบมือเข้ามาที่แผลเต็มกำลังโดยไม่มียั้งมือแม้แต่น้อย 

“สัส!!” ผมด่าอย่างหงุดหงิด  พี่ธานเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจไม่ต่างจากคนที่ถูกว่ากลับ  ผมนั่งเงียบ  พ่นลมหายใจทิ้งไปกับอารมณ์ที่ขึ้นอย่างกะทันหัน  มือกุมท้องที่ถูกจู่โจมเอาไว้อย่างได้สติ

“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมยกมือปัดบอกพี่ธาน  พี่เขาเหลือบมองหน้าสมุทรเล็กน้อยก่อนผงกหัวรับทราบแล้วออกจากห้องไป  สมุทรยืนนิ่งจ้องมองมา 

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายพูด  ผมเงียบ  หันหน้าหนี  ตามจริงแล้วก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรทำนองนั้นหรอก

“มือผมเร็วไปหน่อย” เขาขยายความเรียบ ๆ

“ผมแค่รู้สึก หมันไส้คุณ..อยู่นิดหน่อยน่ะครับ” สมุทรพูดคล้ายพยายามจะอธิบายการกระทำของตน  คำพูดประโยคนี้ที่เกือบทำให้ผมหลุดยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกไปจริง ๆ  สายตาเพียงเหลงบนเตียงเท่านั้น

“ดื่มหน่อยนะครับ คุณพายุอุตส่าห์ทำเตรียมไว้ให้ก่อนจะออกไป” อีกฝ่ายสรุปเองเสร็จสรรพ  ก้มลงยกถ้วยยาจีนยื่นมาให้ผม  ผมถอนหายใจแรงและไม่คิดจะพูดอะไร  สมุทรยืนเงียบจ้องมองมาอยู่อย่างนั้นและดูเหมือนเขากำลังเหนื่อยใจที่จะให้เป็นอย่างนี้ต่อไปด้วย  เจ้าตัวนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ หยิบถาดมาวางเทินบนตักของตนเพื่อเป็นฐานรองถ้วยยา  ฝาของมันถูกเปิดออกช้า ๆ ทำให้ไอร้อนพุ่งออกมากระทบหน้าพวกเราในทันที  กลิ่นดุดันโชยหึ่ง  ผมถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง  นำมืออีกข้างลูบนวดระหว่างกลางคิ้วเพื่อให้ใบหน้าตัวเองได้รู้สึกผ่อนคลาย

“หึ..” น้ำเสียงหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอทำให้ผมหันกลับไปมอง

“อะไร ?” ผมถาม  ได้ยินแล้วดันไม่สบอารมณ์

“มันไม่ใช่เรื่องที่คุณควรเครียดเลยนะครับ เป็นเด็กรึไง” สมุทรยิ้มมอง  ผมเมินหน้าหนีครู่หนึ่ง

“ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้ แต่แค่ไม่มีอารมณ์..มีอารมณ์เมื่อไหร่ก็เรียกหาเองนั่นแหละ” ผมตอบ

“ถึงเวลาที่เรามีอารมณ์เรียกหา คนที่เราอยากให้ทำให้กิน อาจไม่อยู่ทำให้แบบนี้แล้วก็ได้นะครับ” สมุทรย้อน  น้ำเสียงนุ่ม ๆ เฉือนไปด้วยความหมายที่เถียงไม่ออก 

“..........” ผมยังคงนิ่ง  ในห้องเงียบสนิท  คนข้าง ๆ ไม่ขยับไปไหนเช่นกัน

“อยากให้ฉันกินก็เป่าซะ” ผมสั่งโดยยังไม่หันไปมอง  ทิ้งช่วงไปครู่หนึ่ง เสียงพ่นลมหายใจทางจมูกดังขึ้นนิดหน่อย  แต่แล้วก็ได้ยินเสียงของช้อนที่ขยับคนเป็นวงกลมไปรอบ ๆ ถ้วย  ผมเหลือบตามองไปที่เป้าหมาย

“ไอร้อนซะขนาดนี้นี่มันคิดจะฆ่ากูรึไง” ผมบ่นหน้าขยาดถึงไอร้อนในถ้วยยาที่ยังคงพุ่งออกมากระทบหน้าสมุทรอย่างต่อเนื่องขณะที่เขาใช้ปากเป่า  ควันมีมากอย่างกับว่าถ้วยมันตั้งอยู่บนเตาร้อน ๆ อยู่อย่างนั้น  สมุทรอมยิ้มตั้งอกตั้งใจคนไปเป่าไปไม่ว่าอะไร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-11-2016 13:12:09

“เป็นน้องชายที่ดีนะครับ”

“คุณเขากำชับนักหนาว่าพี่ชายเขาไม่ชอบของร้อนถ้าไม่มีอารมณ์ ถ้วยนี่ก็สั่งทำจากญี่ปุ่นใช่ไหมครับ คุณเขาอุตส่าห์เตรียมเผื่อไว้ ทำอย่างกับรู้ว่ามันจำเป็นต้องได้ใช้งาน” สมุทรเหลือบตามองมา  นัยยะแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์อยู่ลึก ๆ
 
“จัดแจงหมดทุกอย่างว่าอะไรที่คุณควรกิน อะไรที่คุณชอบ..อะไรที่คุณไม่ชอบ” เขาสาธยายเสร็จก็วางช้อนลงที่จานรองแล้วยื่นถ้วยมาตรงหน้า  ผมรับฟังเพราะมันก็จริงตามนั้น  มือรับถ้วยมาถือไว้พร้อมเป่าอีกครั้งเพราะยังคงไม่ไว้ใจในความร้อนนั่น

“อะไรที่ฉันไม่ชอบงั้นเหรอ ? มันทำมาเสมอนั่นแหละ” ผมว่าก่อนยกถ้วยขึ้นจิบนิด ๆ  รสชาติขมฝาดแตะโดนลิ้นพุ่งตรงเข้าไปที่ประสาทการรับรู้อย่างรวดเร็ว  ผมยื่นถ้วยกลับไปให้  สมุทรเหลือบมองถ้วยด้วยใบหน้านิ่งเฉยโดยไม่ยอมรับกลับไปดี ๆ

“ดื่มให้หมดครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ที่แฝงนัยยะไปด้วยความแน่วแน่  ใช่..ผมชอบเขาที่เป็นคนแบบนี้  แต่ก็ไม่ได้หมายถึงในกรณีนี้หรอกนะครับ

“มันขมน่า ร้อนด้วย” ผมบ่น  ทิ้งถ้วยวางลงบนถาดที่อยู่บนหน้าตักสมุทร  อีกฝ่ายรีบจับจานรองถ้วยไว้ในทันทีอย่างกลัวว่ามันจะหก

“กินสักครึ่งนึงก็ยังดีครับ นี่คุณจิบไปแค่นิดเดียวเอง”

“นายนี่อะไร..? บังคับเป็นเมียเลย เป็นก่อนได้ไหมละ จะยอมให้บังคับ” ผมตั้งใจกวนตีนล้วน ๆ เพราะตัดความรำคาญ  ไม่ได้จงใจหยอดแฝงนัยใด ๆ

“.........” สมุทรนั่งนิ่งเฉยทันควัน  อีกฝ่ายจงใจเงียบปากคล้ายจะเริ่มสงครามประสาทใส่ผม  ผมเลยจงใจเงียบด้วยจนคนตรงหน้าถอนหายใจออกมา  เขาก้มหน้าหยิบช้อนคนอีกครั้งอย่างไม่ลดละในความพยายาม  เมื่อควันจางลงสมุทรจึงวางช้อนกลับที่เดิมพร้อมยกถ้วยขึ้นเป่าด้วยปากซ้ำ  ผมนั่งมองอย่างไม่คิดทัก  รู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะต้องได้ดื่มต่ออีกแน่ ๆ  ในหัวหมอนี่คงกำลังคิดงัดไม้ตายอะไรออกมาสู้ผมอยู่ 

“วันจันทร์ไปเดทต่อนะ..” ผมสรุปขึ้นโต้ง ๆ  เพื่อหยุดยั้งความคิดของเขาทั้งหมด

“อุ่นกำลังดีแล้ว ดื่มได้ครับ” สมุทรทำเป็นไม่ได้ยิน  ยื่นถ้วยมาจ่อตรงหน้า

“..เอาราดหน้าฉันเลยไหมละ ?” ผมประชดเบิกตามอง  ถ้วยจะกระแทกหน้ากูอยู่ละ  มันยังคงไม่ขยับไปไหนไกล  คนที่ถือถ้วยอยู่จงใจเหล่ตาไปทางอื่นไม่คิดตอบ

“ตั้งใจกวนตีนเหรอ ก็ได้อยู่นะ” ผมเบะปากรับทราบ

“โปรโมชั่นเขาไม่ได้มีมากันบ่อย ๆ หรอกนะครับ คิดจะขอก็ขอรึไง ผมบอกให้ดื่มครับ” อีกฝ่ายย้ำเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง 

“เอาน่า ฉันเชื่อฟังนายอยู่แล้ว หรือนายอยากจะเป็นผัวก็ได้นะ..เอาไหมละ ? เล่นผัวเมีย น่าสนุกออก!” ผมแสยะยิ้มกว้าง  ยักคิ้วหลิ่วตาถาม

“คุณนี่มัน จิ..จริง ๆ เลย” อีกฝ่ายกัดฟันสบถออกมาอย่างเหลืออด

“ฮึ” ผมกลั้นหัวเราะ ..แม่งตลก  มือรับถ้วยจากสมุทรมายกดื่มจนหมดภายในครั้งเดียว  มันอุ่นกำลังดีอย่างที่เขาว่า  ถ้ามันเย็นกว่านี้รสชาติคงห่วยแตกบรมกว่านี้เป็นแน่  สมุทรรับถ้วยจากมือผมวางลงบนถาด  เขาเอี้ยวตัวนำถาดไปวางที่เก้าอี้ตรงหัวเตียงก่อนรินน้ำเปล่าพร้อมยื่นกระดาษทิชชู่มาให้  ผมดื่มน้ำจนหมดแก้ว  นำกระดาษทิชชู่เช็ดปากตบท้าย  สมุทรมองตามการกระทำของผมไม่วางตา  เหมือนเขาอยากรู้อยากเห็นว่าผมจะทำเป็นขั้นตอนเหมือนที่ใครสักคนคงได้บอกกำชับเขาไว้รึเปล่าอยู่แน่

“ชอบฉันขึ้นมาแล้วใช่ไหมละ” ผมแกล้งถลึงตาทำท่าตกใจ

“แปลกนะครับที่คุณยังหายใจอยู่” สมุทรย้อนเสียงนุ่ม

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่  อ้าปากยิ้มมองเขาด้วยความหลงใหล 

“นายก็รู้ความรู้สึกของฉันแล้ว ..แล้วยังไงต่อดี ?” ผมกลั้นใจถามเมื่อเห็นสมุทรทำท่าจะลุกขึ้น  อีกฝ่ายชะงัก  ตามจริงแล้วผมก็อยากปล่อยผ่านอยู่หรอก  ประมาณว่าสิ่งที่พูดออกไปแล้วอีกฝ่ายก็คงจะรับทราบแล้วเรียบร้อย  แต่ลึก ๆ ยังมีความลังเลและค่อนข้างไม่ค่อยมั่นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าคนที่รับสารเข้าใจสิ่งที่ผมบอกแน่รึเปล่า  ในเมื่อตัวเองมีความกล้าพูดออกไปอย่างนั้น  ผมก็ไม่อยากให้สถานการณ์มันเลยตามเลยไปสำหรับเขา  แน่นอนว่าความกังวลใจจะตกมาอยู่ที่ผมด้วย


.. สมุทรที่นั่งนิ่งหันกลับมามอง  เราสบตากันในความเงียบ  สีหน้าของเขาไม่ได้ดูลำบากใจแต่ก็ไม่ได้ดูปีติเช่นกัน  คงดีหน่อยที่เขาไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจออกมาต่อหน้าผมอย่างโจ่งแจ้งก็เท่านั้น

“อย่าเพิ่งพูดอะไรได้ไหม รู้สึกเหมือนฉันกำลังมวนท้องน่ะ” ผมถอนหายใจแรง  นำมือลูบที่ต้นคอคล้ายปลอบประโลม

สมุทรก้มหน้าลงเล็กน้อย  อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา  การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นไปอย่างเนิบช้าและงงงวย  บอกไม่ถูกว่ามันใช่อาการเขินรึเปล่าแต่มันแค่จับต้นชนปลายไม่ถูก  ผมคิดว่าคนที่ต้องมาฟังสิ่งที่ผมพูดอยู่ในตอนนี้ก็คงรู้สึกไม่ต่างกันนัก  เขาคงกระอักกระอ่วน  อีกฝ่ายเหลือบตาขึ้นสบผมอยู่เป็นระยะ ๆ แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา  คล้ายกับรอให้ผมเป็นฝ่ายพูดก่อนมากกว่า  บางทีการกระทำของผมในตอนนี้อาจทำให้เขาพูดไม่ออกอยู่ก็เป็นได้

“ขอบอกให้รู้....” ผมเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

“ว่าฉันไม่เคยพูดแบบนี้กับใครมาก่อน” นี่เป็นการขยายความเพื่อกันการเข้าใจผิดของสมุทร  อีกฝ่ายที่ปกติเป็นคนมองโลกในแง่ดีแต่หลายครั้งผมทราบว่าลึก ๆ เขาดันมีความคิดติดลบต่อตัวผม 

“ถ้าจะถามฉันว่า ‘ทำไม’ ละก็..”

“ไม่มีเหตุผล” ผมทิ้งน้ำเสียงห้วนลง

“ดูเหมือน..เหตุผลจะไม่มีมาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว แบบว่า..ระบบการจัดการรวนน่ะ” ผมเบ้ปากบอกปนหัวเราะก่อนจบสิ่งที่ต้องการบอก  ตอนนี้คนตรงหน้าเงียบยิ่งกว่าผีดิบซะอีก  การเงียบสงบของเขาทำให้ผมหายใจไม่สะดวกและใจกำลังเต้นด้วยความกังวลจนแทบเป็นบ้าได้แล้ว

“ขอบคุณครับ” สมุทรพูดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นทันที  อีกฝ่ายจ้องมองมาเช่นกัน

“สิ่งที่คุณพูดมันไม่ใช่เรื่องไม่ดี ..ผมเลยขอบคุณ” เขาขยายความด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มนิดหน่อย  ผมยิ้มได้เพียงมุมปากเท่านั้น  รับรู้สถานการณ์ได้เลยว่าคนตรงหน้าเตรียมพร้อมที่จะเอ่ยปากปฏิเสธผมอยู่เป็นแน่  อย่างที่พี่ธานเคยพูดทีเล่นทีจริงนั่นละว่าคน ๆ นี้จะต้องมีวิธีที่ปฏิเสธผมอย่างอะลุ่มอล่วยรออยู่แล้ว 

“จะปฏิเสธเหรอ ?” ผมจ้องเขม็งว่าตรง ๆ  ทำให้เขาหลบสายตาไปทางอื่น  เราทิ้งช่วงเงียบครู่หนึ่ง 

“นายจะไม่ให้โอกาสฉันเลยรึไง ฉันสารภาพคำศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ” ผมอดกวนเพื่อแก้สถานการณ์ไม่ได้  ใจจริงแล้วมันก็แค่อาการกลบเกลื่อนบางประเด็นเท่านั้นละมัง

“..คือว่านะ” ผมเอ่ยเป็นจริงเป็นจัง  ตามองต่ำลงที่เตียง

“อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยน่า ฉันยังไม่เคยอกหัก..ไม่อยากฟังอะไรแบบนั้นหรอก” ผมพูดห้วน ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เบาลงทุกที  สมุทรมองมาด้วยแววตาเหลือเชื่อ  ผมมองตอบ

.. น่าอายฉิบ  คงไม่มีอะไรในจักรวาลนี้ที่จะน่าอับอายไปมากกว่าตอนนี้อีกแล้ว

“คุณไฟครับ..” สมุทรเอ่ยปากเสียงเบาไม่ต่าง  ซึ่งผมคงจะไม่ตกใจเลยถ้าตัวเองไม่ได้ยินน้ำเสียงถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนเกริ่นคำพูดจากเขาแบบนี้

“ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณชอบผมขนาดไหน และใช่แบบที่ผมเข้าใจอยู่ตอนนี้รึเปล่า ผมจะไม่ขอให้คุณอธิบายไปมากกว่านี้ด้วย” ผมเงียบปากอย่างตั้งใจรับฟังน้ำเสียงนุ่มน่าฟังที่กำลังพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากฟังเท่าไหร่

“ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรอกนะครับ แต่..สำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นความรู้สึกที่ยอมรับโดยง่าย” สมุทรเงียบลงโดยที่สายตายังคงจับจ้องผมอยู่ตลอด  สายตาที่แน่วแน่ของเขาทำให้ผมปากหนักจนแทบพูดไม่ออก 

“อีกอย่าง มากไปกว่านั้น ตอนนี้ผม คือ..ผมไม่คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะเรียนรู้ใคร ถ้าหากผมไม่ปฏิเสธคุณตอนนี้ แล้วถ้ามันยืดเยื้อเกินไป คนที่จะเป็นฝ่าย...” คำพูดของเขาเริ่มตะกุกตะกักแบบพยายามที่จะอธิบายให้ทุกอย่างลงตัว

“น่าสนใจดีนะ” ผมพูดแทรกก่อนที่เขาจะได้พูดจบ  ผมจะไม่มีทางให้เขาได้พูดประโยคแบบนั้นจบแน่นอน

“..........” เราต่างเงียบพร้อมกันในทันที

“เหมือนกับนายไม่ได้กำลังบอกฉันว่า นายจะไม่มีทางชอบฉัน น่ะ” ผมอมยิ้ม  อีกฝ่ายถลึงตาโตคล้ายได้สติ

“รู้อะไรไหม.. ฉันคิดว่าฉันเข้าใจคำพูดของนายอยู่นิดหน่อย” ผมบอก 

“..........” ความเงียบเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง  ครั้งนี้นานกว่าก่อนหน้าพอดู  เราไม่ได้มองหน้ากันหรอก  แต่ผมคิดว่าเรากำลังสังเกตปฏิกิริยาของกันและกันอยู่มากกว่า

“อยากลองดูน่ะ ให้ฉันลองได้ไหม ?” ผมพูดเชิงถาม  ช้อนตาขึ้นมองหน้าสมุทรอีกครั้ง

“ฉันก็อยากรู้จักตัวฉันเองมากกว่านี้เหมือนกัน เรา..ก็แค่ลองมายืดเยื้อกันดู” ผมเบะปากเล็กน้อย  คำพูดแฝงนัยยะกวนทิ้งท้ายทำให้ใบหน้าเคร่งเครียดของสมุทรมองผมด้วยแววตาที่ผ่อนคลายลงได้บ้าง

“ฉัน..ไม่เคยขอใครแบบนี้หรอกนะ นายไม่คิดว่ามันแย่เหรอ ถ้านายไม่ให้โอกาสฉันเลย..”

“อันดับแรกคือคุณกำลังลำดับขั้นตอนผิดนะครับ” สมุทรพูดแทรกด้วยน้ำเสียงที่ยังคงนุ่มนวล

“นึกถึงหน้าที่การงานคุณบ้างสิครับ ถ้าคุณทำตัวแบบที่พูด..ลูกน้องคนสนิทของคุณจะว่ายังไง”

“อันดับแรกเลยคือฉันไม่สน นั่นเป็นปัญหาของพวกมัน” ผมตอบด้วยสีหน้าตึงเครียดไม่ต่างจากเขา

“คุณกำลังกดดันผมนะครับ กำลังใช้อำนาจกดดันผม” สมุทรย้อน

“ใช่..ฉันใช้อำนาจกดดันนาย” ผมยอมรับผิดมองเขาอย่างอ่อนโยน  เพราะแม้กระทั่งสิ่งที่เขาพูดอยู่นี้ที่เหมือนกำลังต่อว่าผม  แต่ผมคิดว่ามันเหมือนอีกฝ่ายบ่นให้ฟังมากกว่า  ลึก ๆ แล้วเขาหนักใจและหาทางออกไม่ได้  เขาเกรงใจที่จะปฏิเสธผมอย่างไร้เยื่อใย..นั่นละเขา 

“นายก็แค่อยู่เฉย ๆ  ฉันจะเป็นฝ่ายจีบนายเอง ข้อเสียคือ..ฉันจะเข้าหายิ่งกว่าที่ผ่านมา แน่นอนว่าบางทีนายอาจเดือดร้อนเลยล่ะ” ผมพูดคล้ายบ่น

“ผมไม่ชอบเรื่องเดือดร้อนครับ” อีกฝ่ายสวนกลับคล้ายกล่าวเตือน

“นายอาจตกหลุมรักฉันเพราะเรื่องเดือดร้อนตื่นเต้นก็ได้นะ” ผมมองเจ้าเล่ห์  สมุทรมองปราบด้วยแววตาดุแฝงมาให้

“ขอบอกให้รู้อีกอย่าง..ว่าถึงนายจะปฏิเสธฉันตอนนี้ ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะจีบนายต่ออยู่ดี แย่ใช่ไหมละ ? ไม่ว่านายเลือกทางไหนก็ดูเหมือนจะแย่ไปหมด นอกจากนายจะพูดตอนนี้เลยว่า ‘ผมขยะแขยงคุณมากครับ กรุณาอยู่ให้ห่างจากผมด้วย’ ฉันจะหยุดทุกอย่างทันที” ผมเสนอถึงทางออกที่ดีที่สุดให้

“หรือไม่ก็ ‘ผมมีคนที่รักอยู่แล้วครับ’ ก็ได้ แต่ก่อนหน้านี้นายเป็นคนบอกฉันเองนี่นะว่าไม่มีใคร” ผมดักคอถึงทางเลือกนี้ไว้ก่อนเลย

“.........” สมุทรนิ่งเงียบ  เงียบอย่างกับมีใครไปปิดสวิตซ์

“ไม่โกรธหรอก” ผมเอ่ยปาก

“ถ้าเหตุผลนั้นออกมาจากก้นบึ้งของใจนายน่ะนะ เกลียดฉันก็บอกว่าเกลียดฉัน ฉันจะไม่โกรธนายเลยสักนิดเดียว” ผมขยายความ  คนข้าง ๆ ละสายจากผมก่อนก้มหน้าลงเล็กน้อย 

“คุณนี่เป็นคนที่ผมเหนื่อยจะคุยด้วยจริง ๆ” สมุทรบ่น

“ฉันก็เหนื่อยเวลาคุยกับนายเหมือนกัน” ผมย้อนอย่างไม่ยอมพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ 

“แต่ก็ชอบอะนะ ..อยากเหนื่อย” ผมยักคิ้วพลางอมยิ้ม 

“ที่ฉันพูดทั้งหมด เป็นเพราะไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ดูเหมือนนายจะคิดว่าฉันมองนายเป็นตัวตลก”

“ก็คุณมันกะล่อนนี่” สมุทนหันขวับมาย้อนแทบจะทันที

“นึกภาพไม่ออกแฮะว่าถ้าเราเจอกันก่อนหน้านี้อีกสักหน่อย เราจะเป็นไง” ผมกลั้นอมยิ้มเอาไว้  เขาพูดมาอีกเรื่องผมก็ย้อนอีกเรื่อง 

“..เอาแต่ใจ” อีกฝ่ายสวนกลับในหัวข้อก่อนหน้าโดยแกล้งทำเป็นไม่ฟังคำพูดจากผม 

“ไม่แน่ว่าคนที่ชอบก่อนอาจเป็นนายก็ได้” ผมแสยะยิ้มกวนไม่หยุด  ครั้งนี้สมุทรถึงกับนิ่งลงได้  เรามองตากันเขม็ง

“เอาเป็นว่า ผมจะถือว่าผมรับรู้ไว้ก็แล้วกัน” สมุทรตัดบทโต้ง ๆ  สีหน้าขึงขังบวกไปกับแววตาที่ดูเหนือกว่าเหมือนจงใจให้เป็นอย่างนั้น  คล้ายกับเจ้าตัวกำลังบอกผมว่าถึงผมจะดื้อดึงยืดเยื้อต่อไปยังไงเขาก็จะไม่ยอมลงให้ง่าย ๆ อะไรทำนองนั้น

“แล้วถ้าคุณทำให้ผมเดือดร้อนเกินไปละก็ ขอเตือนไว้ก่อนนะครับ..”

“ในฐานะเจ้านายฉันจะทำให้นายเดือดร้อนแค่ไหนก็ได้” ผมยักไหล่พูดแทรก 

“หึ..ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนกลับกลอกแบบคุณจะทนได้สักเท่าไหร่” อีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์  ผมนิ่งมองเพราะรอยยิ้มเมื่อครู่ดูท่าจะเอาจริง

“ผมถือว่าผมบอกคุณแล้ว คุณเลือกเองนะครับ” สมุทรหุบยิ้มลง  น้ำเสียงและสายตาที่จริงจังทำให้เป็นเรื่องน่ากังวลใจอยู่ลึก ๆ  เหมือนกับกำลังเตือนว่า “จะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้”  แต่ถึงความหมายจะสื่ออย่างนั้นผมยังคงจ้องตอบเอาเป็นเอาตายเช่นเดิม  เขาพูดออกมาแบบนี้ได้แสดงว่าความรู้สึกนึกคิดมันก็คงไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก


.. สมุทรลุกขึ้นยืนทำท่าจะออกจากห้องไปดื้อ ๆ  ผมสะบัดตัวออกจากผ้าห่มพร้อมเอื้อมมือไปคว้าแขนอีกฝ่ายกระชากมาเต็มแรงจนตัวเองหงายหลังล้มลงบนเตียง  สมุทรตกใจ  ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ล้มทับลงมา  เสียงตัวเรากระแทกดัง “ตุบ!” นอนอยู่บนเตียง  ไม่ทันให้สมุทรได้ตั้งสติ  ผมก็ออกแรงขึ้นคร่อมตัวเขาในทันที

“คุณไฟ!” สมุทรร้องเสียงหลงตาโตด้วยความตกใจ  ผมยิ้มกว้างพลางยักคิ้วให้ 

“ฉันรู้สึกว่าเราจะเข้ากันได้ดีเรื่องบนเตียงด้วยน่ะนะ นายคิดว่างั้นไหม แบบว่า..เราต้องเป็นคู่รักที่เร่าร้อนสุด ๆ แน่ ๆ” ผมกวาดตามองใบหน้าของเขาใกล้ ๆ  ก่อนจ่อหน้าเข้าไปหามากขึ้น  คนตรงหน้าที่ดูจะตกใจก่อนหน้านี้  เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีสีหน้าก็กลับมานิ่งขรึมได้ปกติอย่างเคย

“หึ..ผมไม่ได้มีอารมณ์ร่วมเรื่อยเปื่อยกับใครมานานแล้ว คิดว่าง่ายไหมครับ..ไอ้บทเร่าร้อนแสนมั่นใจของคุณที่ว่านั่นน่ะ” อีกฝ่ายย้อนกลับด้วยแววตากวนอารมณ์   

“อู้~ น่าสนใจจังนะ” ผมยิ้มกว้างชอบใจที่ได้ยิน 

“แบบว่า..” ผมแนบจมูกเข้าไปคลอเคลียใกล้กับปลายจมูกอีกฝ่าย  ทำให้เจ้าตัวเงียบปากลง  ตาเหลือบมองตามการกระทำผมไม่หยุด

“ปฏิญาณตนให้ฟังว่าจะไม่ครางออกมาแม้จะเสียวสุด ๆ อะไรแบบนั้นน่ะ เอาน่า..ฉันจะทำให้รู้สึกดีแบบที่นายไม่เคยเจอมาก่อนเลยในชีวิต” ผมแสยะยิ้มแซวตาวาว  จมูดสูดกลิ่นไปตามริมฝีปากของเขา  อีกฝ่ายกัดฟันแน่นคล้ายรำคาญใจ  ทันทีนั้นเขาก็ดันตัวผมออก  ด้วยความรวดเร็วผมจึงคว้าคอเสื้อของสมุทรยึดเอาไว้จนเจ้าตัวหล่นทับผมมา  สมุทรหน้าเหวอกับเหตุการณ์พลิกผันที่เกิดขึ้น  แขนทั้งสองข้างของเขาพยายามดันตัวเองขึ้น  แต่เพราะผมดึงคอเสื้อของเขาไว้แน่นจึงทำให้เขาลุกไปไม่ได้โดยง่าย  มือของสมุทรเท้ากางออกลงบนเตียงคร่อมผมไว้ทั้งสองข้างเพื่อให้ตัวเองเว้นระยะห่างจากผมให้มากที่สุด  ผมยักคิ้วยิ้มมองพร้อมนำขาทั้งสองข้างเกี่ยวตัวสมุทรให้เข้ามาแนบชิดกับตัวของผมในทันที

“คุณไฟ!” สมุทรตะคอกหน้าถอดสีกว่าเดิม  แขนยังคงเท้าเตียงไว้แต่ตัวของเขากลับประชิดติดผมเสียแล้ว

“คุณแก้ผ้าทำไมครับ!!” เขาโวยวาย 

“หึ ๆ ๆ  นาน ๆ ทีนายจะเสียงดังนะเนี่ย” ผมกลั้นหัวเราะในลำคอ  แม่ง..ตลกฉิบหาย  สมุทรถอนหายใจแรง

“แก้ผ้าตรงไหน กางเกงในได้ปิดในส่วนที่ควรปิดอยู่แล้ว” ผมตอบกลับงง ๆ

“คุณนี่มัน..” สมุทรกัดฟันแน่น  คิ้วขมวดเป็นปมใหญ่เชียว 

“คุณไฟ..อย่าครับ” อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีผมที่พยายามชะโงกหน้าเข้าไปคลอเคลีย  เสียงประตูด้านนอกดังขึ้นพร้อมกับเสียงของฝีเท้าที่เดินเข้ามา  พวกพายุคงกลับมาถึงแล้วละมัง  สมุทรตาโตมองไปที่ประตูห้องนอนปนระแวง  ผมดึงคอเสื้อของเขาเหนี่ยวแรงขึ้นกว่าเดิมจนลำตัวของเขาแนบสนิทกับผมมากขึ้น

“จูบก่อน เดี๋ยวปล่อย” ผมกระซิบบอก

“คุณไฟ!” สมุทรหน้างอพร้อมเหวี่ยง  น้ำเสียงที่ถูกกดเอาไว้ดูท่าแล้วคงจะหงุดหงิดมากทีเดียว  มือขวาที่เท้าเตียงอยู่เปลี่ยนตำแหน่งมาจับล็อกคอผมอย่างห้ามปรามการกระทำในทันที  ผมนอนยิ้มกว้างด้วยความพอใจ  แขนซ้ายถูกล็อกขึงไว้จากคนที่คร่อมอยู่จึงทำให้ผมขยับตัวได้ลำบากนิดหน่อย   

“วู้~ ถูกล็อกแฮะ” ผมแสยะยิ้ม  นอนมองอย่างสบายใจ

“กำลังถูกรุกเหรอเนี่ย เอาเลย..ต่อไปทำอะไรต่อดี ?” ผมยียวนมองคนตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น  แต่ดูเหมือนการกระทำของผมจะทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิมเสียแล้ว



ก๊อก  ๆ ๆ   ..เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เฮีย..” พายุเรียกจากด้านนอก  ทันทีนั้นสมุทรทำท่าจะลุกออก  ยอมรับว่าอยู่ ๆ ก็ดันได้อารมณ์ขึ้นมา 

“ฉันบอกว่าจูบก่อนไงเล่า” ผมกัดฟันกระชากคออีกฝ่ายมาอย่างแรง

“คุณ..” สมุทรเบี่ยงหน้า  การเรียกชื่อของผมที่เรียกไม่จบเป็นไปแบบกวนใจ  ยิ่งพอเขาพยายามจะขยับตัวหนีกลับยิ่งทำให้ด้านล่างของเรามันเสียดสีกันไปมายกใหญ่

“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า เดี๋ยวมันตั้งขึ้นมาจะแย่เอานะ” ผมแสยะยิ้มกระซิบเตือน  สมุทรหยุดชะงักอย่างกับสั่งได้  ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยแขนผมออกเป็นอิสระ  ขาของผมยังคงเกี่ยวตัวสมุทรไว้ไม่ปล่อย  ผมตั้งข้อศอกขึ้นเท้าบนเตียงทำให้ใบหน้าของเราใกล้แทบจะชนกัน  อีกฝ่ายไม่ขยับตัวสู้ต่อแล้ว  เสียงเรียกด้านนอกก็เงียบไปด้วย



แกรก~   ..พายุเปิดประตูเข้า  แต่แล้วคำว่า “เฮีย..” ก็หลุดหายเข้าไปในลำคอ  มันหยุดยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก

“ปิดประตูด้วยครับ” ผมยิ้มบอกน้องชาย

“ขอโทษครับ” พายุผงกหัวน้อย ๆ  รีบปิดประตูจากไปอย่างว่าง่าย

“นั่นน้องคุณนะ” สมุทรหันขวับมาขมวดคิ้วดุ

“รู้อยู่หรอก ก็ให้เงินกินใช้อยู่ทุกเดือน เลี้ยงอย่างกับลูก” ผมตอบ

“คุณนี่มัน..” สมุทรกัดฟันอีกครั้ง  ครั้งนี้สันกรามปูดนูนขึ้นเด่นชัด  ผมฉีกยิ้มรอรับฟังคำต่อว่าคำต่อไป

“เกินเยียวยาจริง ๆ!” อีกฝ่ายกระแทกเสียงดังด้วยความหงุดหงิดใจเต็มพิกัด  ผมตาโตยิ้มมอง  ไม่ทันให้ผมได้แก้ตัวอะไร  อยู่ ๆ สมุทรก็โขกหน้าผากเข้ามาที่หน้าผากผมอย่างจัง  เสียงดัง.. “โป๊ก!!!” 

“โอ๊ย” ผมร้องขำ ๆ  เทตัวนอนลงอย่างหมดแรง  จะขำก็จะขำ เจ็บก็เจ็บ  สมุทรผละตัวออกจากผมทันทีที่ได้โอกาส  เดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะยกถาดกับถ้วยยาออกไปด้วย

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมนอนกลั้นหัวเราะ  นำแขนกางออกกว้าง 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-11-2016 13:12:32

.. ตามตรงแล้วก็เหมือนโดนปฏิเสธแสกหน้าอยู่หรอกนะ  แต่ทำไมผมกลับรู้สึกเหมือนร่างกายกระชุ่มกระชวยอย่างนี้ก็ไม่ทราบ
 
“ฮ้า~” ผมพ่นลมร้องครางด้วยรู้สึกโล่งอย่างไรบอกไม่ถูก  ตัวพลิกนอนตะแคง  นำหน้าซุกลงเข้าที่เตียง  ใบหน้าของอีกฝ่ายเมื่อครู่หวนกลับมาในหัวทำให้อมยิ้มมุมปากได้ไม่หุบ  มือขวาทุบเตียงสองสามทีอย่างไม่รู้ว่าตัวเองแม่งเป็นห่าอะไร

“อ้ากกก! หมันเขี้ยวฉิบหาย!!!” ผมกัดฟันคำรามอย่างสุดจะกลั้น  ลมพัดเข้ามาทางประตูทำให้ต้องเหลือบขึ้นมอง  พี่ใหญ่เข้ามาพร้อมสายตาปราม ๆ โดยไม่เอ่ยปากขออนุญาตอย่างทุกที  ใบหน้ากลั้นรอยยิ้มคล้ายเอือมระอานั่นยิ่งทำให้ผมหัวเราะหนักกว่าเดิม 

“สมุทรมันกล้าเอาหัวโขกผมด้วย” ผมพลิกตัวนอนหงายฟ้องก่อนเลย 

“ผมได้ยินคำว่า ‘เกินเยียวยา’ ดังแว่ว ๆ ด้วยน่ะครับ คุณพายุเลิ่กลั่กหน้าแดง แล้วสมุทรที่หน้าบอกบุญไม่รับขนาดนั้น เขา..ที่เพิ่งพูดเสียงดังในรอบหลายอาทิตย์ คุณต่างหากละครับที่ผมควรจะถามว่า..ทำอะไรลงไป” พี่ธานพูดชัดถ้อยชัดคำ  ผมยิ้มกว้างนอนมองพี่เขาตาเยิ้ม

“พี่ไม่คิดเหรอว่าหมอนั่น.. หุ่น ‘ฮื้ม’ มาก” ผมบดฟัน  ลิ้นเกลี่ยริมฝีปากไปพลาง

“อะไรคือ ‘ฮื้ม’ ที่ว่าครับ” พี่ธานถามกลับยิ้ม ๆ

“เอาน่า..พี่ก็รู้อยู่แล้วว่า ‘ฮื้ม’ ของผมคืออะไร แบบ..เห็นแล้วมัน ฮ้ากกก~” ผมกัดฟันแน่นพร้อมคำรามในลำคอประกอบอารมณ์  พี่ธานปิดปากหัวเราะเหมือนสุดทนในทันที

“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจ  ขยับแขนขึ้นเท้าศีรษะทั้งสองข้าง 

“เอาไงต่อดีนะ” ผมพึมพำมองเพดาน

“กางเกงว่ายน้ำไหมครับ ?” พี่ธานถาม  ผมเหลือบมอง  เราต่างยิ้มกว้างให้กันจนเห็นฟันหน้าครบทุกซี่

“พี่นี่น่ากลัวเป็นบ้าเลยว่ะ” ผมส่ายหัวบ่นที่อีกฝ่ายรู้ใจขนาดนี้

“หึ ๆ” พี่เขาหัวเราะก่อนเดินออกจากห้องไป  กลับมาอีกครั้งพร้อมกับถุงกางเกงว่ายน้ำของผม   

เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกจับได้ว่าประสงค์ไม่ดีต่อการซื้อกางเกงว่ายน้ำนี้มา  ผมจึงลงมาที่สระว่ายน้ำก่อนพร้อมกับพี่ธานและไอ้เด่น  พี่เขาจึงออกปากสั่งให้สมุทรและไอ้เข้มตามพายุลงมาทีหลังเพราะน้องชายผมมันเตรียมตัวค่อนข้างนาน  ผมใส่กางเกงว่ายน้ำ  สวมชุดคลุมอาบน้ำทับมาลวก ๆ  คนในค่ายบางส่วนกำลังเล่นน้ำที่สระ  บางส่วนออกไปเดินเล่นที่ชายหาด  บางส่วนออกไปเที่ยวนอกโรงแรม  ส่วนที่เหลือนอนเอกเขนกอยู่ในบ้านพัก 


.. โรงแรมมีสระว่ายน้ำสองส่วนแยกกันชัดเจนทั้งสระผู้ใหญ่และสระสำหรับเด็ก  ผมสั่งให้พี่ธานสั่งเครื่องดื่มมาเผื่อสำหรับทุกคน  ไอ้เด่นเข้ามารับชุดคลุมอาบน้ำออกจากตัวผมทันทีที่ผมทำท่าจะถอดออก  มันนำไปแขวนไว้ที่เดียวกันกับพี่ธาน  ผมไม่ลงเล่นหรอกครับ  แผลเต็มตัวซะขนาดนี้ลงไปจะเป็นที่น่ากังวลสำหรับคนอื่นเอาได้  แต่แค่อยากออกมานั่งพักผ่อนสมองกับลูกน้องสบาย ๆ ก็เท่านั้น  อีกอย่าง จุดประสงค์ที่สำคัญกว่านั้นคือ “บุคคลที่กำลังจะมาถึงทีหลังนั่นต่างหากล่ะ” 

 
“ผมบอกชอบหมอนั่นไปแล้ว” ผมเปิดประเด็นขึ้นโต้ง ๆ เมื่อไอ้เด่นลงไปเล่นน้ำกับคนในค่าย  ตอนนี้ที่โต๊ะริมสระว่ายน้ำจึงมีเพียงผมและพี่ธาน

“อะไรนะครับ !?”

“หึ ไม่คิดว่าพี่จะตกใจขนาดนี้นะ” ผมยิ้มพูดจากใจจริง  มือคว้าแก้วน้ำผลไม้ขึ้นจิบ

“ผมก็ไม่คิดว่าอยู่ดี ๆ” พี่ธานอึกอักด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ

“สถานการณ์มันพาไปน่ะ” ผมบอกพลางถอนหายใจ  ตามองผู้หญิงที่โต๊ะริมสระว่ายน้ำอีกฝั่งหนึ่งเนื่องจากหุ่นของเธอเฟิร์มสะดุดตาเป็นอย่างมาก  พี่ธานหันไปมองอย่างสนใจเช่นกัน

“คือ..ก็ไม่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะบอกหรอก แต่ความรู้สึกที่รู้อยู่แล้วจะเร็วหรือช้าก็มีค่าเท่ากัน ผมว่าสถานการณ์ตอนนั้นมัน ..พูดยากน่ะ” ผมเบ้ปากนิดหน่อย 

“แล้วสมุทรเขาว่ายังไงบ้างครับ” 

“ก็นิ่ง ตามสไตล์หมอนั่น เขาบอกว่าจะรับรู้ไว้ ดูเหมือนจะแค่นั้น” ผมหัวเราะขึ้นจมูก  มือหยิบแว่นกันแดดขึ้นสวม 

“ผมคิดว่า..เขาคิดว่าผมแค่อยากลองดูเล่น ๆ  ไม่ได้จริงจังอะไรละมั้ง ก็เลยยอมเลยตามเลย” ผมวิเคราะห์ 

“ผมว่าสมุทรเขาเป็นคนที่..” พี่ธานเอ่ย  ทิ้งน้ำเสียงเว้นวรรคลงหนึ่งอึดใจ  มือของพี่เขาที่ทำท่าจะรินวิสกี้ใส่แก้วของตนก็หยุดไปด้วย

“ไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักเท่าไหร่” ผมพูดขึ้น

“ใช่ครับ ประมาณนั้น” อีกฝ่ายเห็นด้วย

“ไม่ใช่ไม่รู้สึกดี ทั้งที่ไม่อยากทำให้เสียใจ แต่ใจจริงแล้วก็ไม่ได้รัก” ผมพูด  ขยายความเมื่อต้องนึกถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีตของตัวเอง

“แล้วเขาดูกังวลหลายอย่างนะครับ หลายอย่างแบบที่คนละประเด็นกับเรา” พี่ธานอมยิ้ม

“เขาดูเป็นคนที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะโฟกัสแต่เรื่องงานกับครอบครัว แบบสุดโต่ง..เรื่องอื่นคือเรื่องรอง ผมรู้สึกอย่างนั้น” พี่เขาพูดปนหัวเราะ

“ก็เหมือนเราไม่ใช่เหรอ” ผมว่ายิ้ม ๆ

“ครับ..ก็เหมือนอยู่ แต่ที่ไม่เหมือนคือ..” อีกฝ่ายเหล่ตามองไปทางสระว่ายน้ำ

“เขามีเหตุผลกว่าเราอยู่พอสมควร”

“ฮ่า ๆ ๆ” ผมหัวเราะในทันทีที่ได้ยินประโยคขยายความติดตลกนั่น

“คิดเยอะไปหน่อย” ผมยักคิ้วบ่น  พี่ธานขำ

“ก็พวกเรามันเป็นพวกทำตามอารมณ์นี่นะ” ผมเบะปาก

“มาโน่นแล้วครับ” พี่ธานยักคิ้วไปอีกฝั่ง  ผมหันหน้าไปมอง  ไอ้เด่นส่งเสียงเรียกพายุพร้อมโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณให้เห็น
 
“ทางนี้ครับคุณพายุ!!!” คนในสระส่งเสียงจอแจตื่นเต้นกันใหญ่

“จุ ๆ ๆ เฮ้ย..เบา ๆ” พี่ธานหันไปดุปรามทำให้ทุกคนสงบลงไปได้ 

ผมอมยิ้ม  เอนหลังมองลอดผ่านแว่น  พายุเดินนำสมุทรกับไอ้เข้มมาโดยทุกคนใส่ชุดคลุมอาบน้ำไว้พร้อม  มีเพียงพายุคนเดียวเท่านั้นที่นุ่งผ้าขนหนูไว้ครึ่งตัว  เดินหน้ามึนไม่สนใจอะไร  แขกที่อยู่ริมสระว่ายน้ำต่างมองมันเป็นตาเดียว  เสียงของพี่ธานทักถามพายุว่า “ดื่มอะไรดีครับ”  ซึ่งผมไม่ได้สนใจที่จะหันไปฟังคำตอบ  จงใจจับจ้องมองไปที่สมุทรผ่านแว่นตากันแดดที่สวมอยู่  ใช่..มันมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นักหรอก แต่ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบน่ะนะ 


.. สมุทรเหลือบตาขวางมาทางผมครู่หนึ่ง  เขาจงใจปรามผมด้วยสายตาคู่นั้น  เจ้าตัวคงรู้เป็นแน่ว่าผมมองเขาอยู่แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นลูกตาของผมก็ตาม  ผมแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมคิ้วก็ถูกยกขึ้นสูงให้

“ยุก็อยากสั่งอาหารบ้าง” พายุพูดขึ้นคล้ายบ่นให้ผมได้ยิน  ประโยคงง ๆ ที่ไม่รู้พูดเพื่อฟ้องเลียนแบบใครเพราะที่โต๊ะผมยังไม่มีใครสั่งอาหารเลยสักอย่าง
 
“ก็ไปสั่งสิ” ผมอนุญาตโดยที่ตายังไม่เหเป้าหมายไปทางอื่น 

“แพงแค่ไหนก็ได้เหรอ ?” มันถาม

“เออ อย่าสั่งทองมาแดกก็พอ” ผมตอบห้วน ๆ  พายุพึมพำ “ดีจัง” แล้วร่าเริงเดินจากไปทำให้ไอ้เข้มต้องตามหลังไปติด ๆ  สมุทรเดินไปที่ริมสระพูดคุยกับคนในค่าย  ผมหันกลับมาสบตากับพี่ธานที่กำลังอมยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ต่าง 

“จ้องมากไปแล้วครับ” อีกฝ่ายว่า  ผมไม่ปฏิเสธ  รอยยิ้มไม่จางไปจากใบหน้าของเราทั้งคู่ 

“สมุทร” พี่ธานตะโกนเรียกไม่ดังเท่าไหร่

“ครับ” สมุทรขานรับ  รีบจ้ำเท้ากลับมาหาพี่ธาน

“อยากกินอะไรรึเปล่า”

“เอ่อ ไม่ครับ” สมุทรปฏิเสธ 

“เครื่องดื่มหมดก็สั่งได้เลยนะ ตามสบาย คุณไฟรับผิดชอบ” พี่ธานพูดบอกด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ  ผมไม่คิดจะห้ามปราม  ได้แต่นั่งเฉยมันอยู่อย่างนี้

“ขอบคุณครับ” สมุทรผงกหัวให้เราทั้งคู่  ดูเหมือนเขาจงใจที่จะไม่หันมามองผมตรง ๆ ด้วย

“ตามสบายเลย ถือว่าพักผ่อนแล้วกัน” พี่ธานพูด

“ครับ” สมุทรผงกหัวอีกครั้ง 

“..........” อยู่ ๆ เราสามคนพากันเงียบลงพร้อมกันซะอย่างนั้น  ผมคิดว่าพี่ธานจงใจมากกว่า  มันจึงทำให้สมุทรเก้ ๆ กัง ๆ ที่พี่ธานไม่เอ่ยปากให้เขาไปจากตรงนี้  เขาเลยดูเหมือนไม่กล้าพูด  คล้ายกับเกรงว่าพี่ธานมีเรื่องอะไรจะสั่งอีกรึเปล่า 

ผมนำนิ้วชี้ดันแว่นออกจากระดับของสายตาจนแว่นเลื่อนลงมาอยู่ที่ปลายจมูกเพื่อให้มองอะไร ๆ ได้สะดวก  สมุทรหันมาเห็นเข้าพอดี  ตอนนี้ภาพตรงหน้าจึงมองเห็นได้ชัดแจ๋วทีเดียว  แบบว่าภาพเป็นสีปกติน่ะนะ  พี่ธานยังคงนั่งเงียบเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ผมอมยิ้มพลางยักคิ้วข้างหนึ่งขึ้นทักทายทำให้คนตรงหน้าจ้องเขม็ง  สีหน้าขึงขังที่เหมือนจะคิดสู้ผมครู่เดียวก็เริ่มเปลี่ยน  เผยให้เห็นเป็นใบหน้าที่เก้อเขินต่อสถานการณ์  แม้จะไม่พบรอยยิ้มสักนิดเดียวแต่กลับเป็นอาการที่ปิดไม่มิดซะงั้น

“ขอตัวนะครับ” สมุทรตัดบทโดยเจาะจงหันไปบอกพี่ธานคนเดียว  พี่ธานพยักหน้ารับซื่อ ๆ

“หึ!” ผมหัวเราะทันทีทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะส่ายหัวยิ้ม ๆ  สมุทรกลับไปฝั่งของพวกคนในค่ายแล้ว  ผมยังคงนั่งมองเพราะยังไงก็ตามเขาจะต้องลงสระแน่ ๆ  สมุทรยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างสระ  มือที่จับปมชุดคลุมอาบน้ำยังไม่ดึงออกในทันที  ผมคิดว่าเขากำลังลังเลอยู่ว่าควรถอดมันออกดีหรือไม่  ไม่ว่าจะเป็นผมหรือพี่ธานก็คงรอดูอะไร ๆ ไม่ต่างกัน  ครู่เดียวสมุทรก็หันข้างไปทางอื่นโดยจงใจหันหลังให้ผม  ผมหัวเราะด้วยความพอใจ  ตั้งข้อศอกเท้าลงบนที่วางแขนโดยไม่คิดที่จะดันแว่นกันแดดกลับขึ้นใส่ในระดับปกติตามเดิม

“พี่สมุทร! เร็วครับ!!” ไอ้เด่นเร่งเสียงดังลั่นทำให้นักมวยคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสระต่างก็พากันเรียกแต่ชื่อเขา 


.. เอาเลย ถอดออกเลย  ผมนั่งนึกรออย่างใจจดจ่อ  ทันทีนั้นอีกฝ่ายคงจำใจทำในสิ่งที่ตนก็ลำบากใจอยู่ไม่มากก็น้อย  สมุทรปดปมชุดคลุมออกอย่างช้า ๆ  เสื้อคลุมที่ถูกถอดออกเผยให้เห็นกางเกงว่ายน้ำขาสั้นแบบรัดรูปสีขาวตัดดำปรากฏตรงหน้า  และนั่น.. คล้ายกับมีใครมากดปุ่มเปิดสวิตช์ในตัวของผมออกในทันที

“Holy ..shit!” ผมสบถเสียงสั่น  ตาค้างยิ้มกว้างมองด้วยความพอใจ  สมุทรเบี่ยงตัวหันหน้าไปทางสระว่ายน้ำตรง ๆ  ผมคิดว่าเขารู้แน่ว่าโต๊ะของผมกับพี่ธานคงมองอยู่แต่ทำเป็นไม่หันมา  ฝ่ายที่ยืนริมสระโดยหันข้างอยู่จึงทำให้ผมเห็นรูปร่างด้านข้างของเขาได้ชัดเจน

ด้วยความที่เจ้าตัวก็มีเลือดของนักกีฬาอยู่พอสมควร  เขาเลือกที่จะไม่ลงไปในสระทันทีทั้งที่ไม่ใช่สถานการณ์ควรรอ  สมุทรยืนอบอุ่นร่างกายอยู่ข้างสระด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก  ผมตั้งตามองอย่างกับภาพตรงหน้าคืองานศิลปะระดับโลกอย่างนั้น  ก็เคยคิดอยู่หรอกว่าผมชอบหุ่นของเขามาก  มันพอดิบพอดีเสริมให้หน้าตาของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยมีอะไรเด่นให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นได้  แต่ผมว่าวันนี้ผมจะคิดใหม่สักหน่อย  เพราะดูเหมือนมันจะอาการหนักกว่าเดิม  สรีระเต็ม ๆ ตาในอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เลือดลมลุกโชนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ฟู่~ ขอบคุณสวรรค์ที่ให้กูมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้” ผมพึมพำติดตลกทำให้พี่ธานหลุดหัวเราะเอาเป็นเอาตายซะงั้น

“คุณพายุเซ้นต์ดีเหมือนเคยนะครับ รู้ว่าใครเหมาะกับอะไร” พี่ธานชม  สายตาของพี่ธานก็มองไปที่สมุทรคล้ายกับพินิจพิเคราะห์ไม่ต่าง  ผมเอียงลำคอเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองมองอะไร ๆ ได้ถนัดมากยิ่งขึ้น  ขณะเดียวกันสมุทรก็กระโดดพุ่งตัวหนีลงสระไปซะแล้ว  ผมกัดลิ้นด้วยนึกเสียดาย  นิ้วชี้ดันจมูกแว่นตากลับเข้าที่อย่างเดิม  ลมหายใจพ่นออกทางปากพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มากขึ้นจนเกือบกลายเป็นเลื้อย  พี่ธานยิ้มมอง

“หุ่นหมอนั่นนะ ของแท้ทั้งร่าง เล่นเอาท่อนล่างผมเต้นไม่หยุดเลย” ผมบ่น  พี่ธานกลั้นหัวเราะอีกครั้ง

ผมชอบผู้ชายหุ่นแบบสมุทรหรือพี่ธานทำนองนี้  แต่หากคน ๆ หนึ่งที่ผมต้องนอนด้วยอาจเป็นหุ่นเล็กบางไม่มีกล้าม  ผมขออย่างเดียวคืออย่ามีหน้าท้องก็พอ  บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงหมดอารมณ์ได้บ้างทีที่เห็น  หุ่นแบบพี่ธานและสมุทรเป็นหุ่นที่จัดว่าใส่เสื้อเชิ้ตแล้วน่ามองสำหรับผม  ด้วยเพราะเนื้อผ้าที่มักจะเต็มรูปร่างส่วนบนจนดูออกเลยว่าอีกฝ่ายออกกำลังกายอย่างแน่นอน  ผมไม่ได้บอกว่าผมไม่ชอบหุ่นตัวเอง  ผมพอใจในหุ่นของตัวเองมาก  แต่อย่างที่บอกว่าหุ่นของผมกับสมุทรนั้นคนละทรงกัน  ซึ่งถ้าจะให้ผมหุ่นแบบสมุทรผมก็ไม่เอาเหมือนกัน  เพราะผมชอบหุ่นตัวเองเวลาที่ใส่เสื้อเชิ้ตมากกว่า  ขอบคุณที่มันปั้นมาเพื่อให้เหมาะกับหน้าตาของผมแล้ว

“ยุสั่งอาหารมาเผื่อคนในค่ายด้วยนะ เห็นว่าไม่มีขนมกินเล่น” พายุเดินยิ้มแป้นแล้นกลับมา

“อยากลงเหมือนกันน้า~” ผมออกปากทันทีเพราะพี่ธานลุกขึ้นทำท่าจะอบอุ่นร่างกาย 

“ไม่ได้นะครับ คุณยังไม่หายดีเลย” พี่เขาปรามทันควัน 

“รู้แล้วน่า” ผมกลอกตาเซ็ง ๆ  หันข้างมามองน้องชายที่นั่งอยู่  นึกหมันเขี้ยวเลยเอานิ้วไปเขี่ยหัวนมมันเล่น

“เฮีย!” พายุกระแทกเสียงปัดมือออกอย่างแรง  ไอ้เข้มที่เห็นเหตุการณ์รีบก้มหน้าก้มตากลั้นใบหน้ายิ้ม ๆ ของตนเอาไว้
 
“อยากตาบอดรึไงวะ” พายุกัดฟันหันไปว่าไอ้เข้ม  ผมหัวเราะ

“ขอโทษครับ” ไอ้เข้มผงกหัวหน้าเจื่อน

“แม่ง..มีแต่คนเพี้ยน” พายุสบถพร้อมลุกขึ้นปลดผ้าขนหนูออกจากเอว  ผมจ้องเขม็งไปที่เป้าของมันที่อยู่เบื้องหน้าในระดับสายตาพอดี

“เฮีย!!”

“ชี่..เสียงดังทำเหี้ยไรวะ ไม่ได้อยากดูหรอกน่าหนอนน้อยมึงน่ะ ดูอนาคอนด้าของพี่ธานสบายตากว่าเยอะ” ผมยักคิ้วพร้อมทำเสียงซี๊ดซ๊าด  พี่ธานถึงกับขบกรามไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมา  เจ้าของอนาคอนด้าถอนหายใจคล้ายเหนื่อยหน่าย  ส่วนพายุขมุบขมิบปากบ่นเดินหนีลงน้ำไปแล้ว

“ไอ้เข้ม” ผมเรียก

“ครับ” ไอ้เข้มเงยหน้าขานรับ

“พี่ใหญ่มึงเขายัดผ้าไว้เหรอวะ ? ไม่ต้องตุงขนาดนั้นก็ได้มั้ง แหม่..น่าสงสารคู่กรณี” ผมถามด้วยน้ำเสียงซื่อ ๆ  จ้องมองไปที่เป้ากางเกงพี่แก  อีกฝ่ายฉีกยิ้มเขิน ๆ  ไอ้เข้มปิดปากกลั้นอมยิ้มเอาไว้จนหูมันแดงทำให้พี่ธานถึงกับต้องเอื้อมมือไปตบหัวปรามมัน

“เฮ้อ..” พี่ธานส่ายหัวเหนื่อย ๆ  หนีลงน้ำไปอีกคน

“ไม่ลงรึไง” ผมถามถึงไอ้เข้มที่นั่งสงบเสงี่ยม

“รอให้พี่ใหญ่ขึ้นมาก่อนดีกว่าครับ” มันตอบอย่างเป็นกังวล  แน่นอนว่าถ้าผมไม่มีพี่ธานอยู่ข้าง ๆ  หน้าที่ดูแลผมจะต้องเป็นใครสักคน  ซึ่งถ้ามันเสนอหน้าลงไปตอนนี้ผมก็ไม่ว่าอะไรมันหรอกนะครับ  แต่คนที่จะดุมันก็คือพี่ใหญ่โน่นละ

พี่ธานกับพายุเล่นน้ำด้วยกัน  แต่เหมือนพี่เขากำลังถูกซักคำถามโดยพายุมากกว่า  สมุทรว่ายน้ำสลับกับคุยเล่นกับคนในค่ายบ้าง  ผ่านไปยี่สิบนาทีเห็นจะได้อาหารก็นำมาเสิร์ฟ  บางคนกระจายตัวขึ้นมาจากสระ  พอพี่ธานกลับขึ้นมานั่งที่โต๊ะไอ้เข้มก็สลับลงสระไป  พายุนั่งลงข้างผมโดยนำผ้าขนหนูคลุมไหล่เอาไว้  อาหารที่นำมาเสิร์ฟที่โต๊ะของผมมีมันบดจัดจานอลังการจานเบ้อเริ่ม  กุ้งอบชีส  สลัดอกเป็ดรมควัน  ปิดท้ายด้วยซาชิมิชุดใหญ่  ผมนั่งมองอาหารเงียบ ๆ  พายุนั่งหน้าตายหยิบช้อนส้อมเตรียมลงมือกิน  พนักงานนำบิลค่าอาหารมายืนเก้ ๆ กัง ๆ ข้างพายุ  น้องชายตัวดีจึงรับสมุดบิลมาวางลงตรงหน้าผมให้อย่างรู้หน้าที่  ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ  รับมาเปิดดูราคาที่ค่อนข้างสูงก่อนวางบัตรเครดิตให้  เนื่องจากเป็นโอกาสนาน ๆ ครั้งพายุก็ต้องเลือกของดีให้คนในค่ายได้กินอยู่แล้ว  ดังนั้นราคาจะสูงก็คงไม่แปลก  ผมมองคนในค่ายที่กำลังกินอาหารอยู่อีกโต๊ะหนึ่งอย่างอิ่มเอม  พายุคีบปลาแซลมอนมาจ่อที่ปากให้  ผมจึงอ้าปากรับกินง่าย ๆ 

“อร่อย” มันยิ้มสาธยาย  ผมเคี้ยวโดยไม่ตอบ 
 
“เฮีย..จีบพี่สมุทรเหรอ ?” จู่ ๆ พายุก็ถามขึ้น  พี่ธานช้อนตาขึ้นมองมา

“ดีปะละ ?” ผมกวนตอบให้มันคิดเอาเอง  พายุชะงัก  เคี้ยวอาหารในปากพลางกลอกตาขึ้นคล้ายกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

“ไม่รู้สิ” พายุตอบเสียงค่อย

“พี่เขาก็ดูเป็นคนดีนะ แต่ว่า..”

“ถ้าดีจริงก็ไม่น่าจะเอาเฮียหรอก ก็เฮียนิสัยอย่างเนี้ย!” มันแสยะปากรับไม่ได้  ผมแลบลิ้นนำมากัดไว้ด้วยนึกชอบใจคำขยายความของน้องชายขึ้นมา

“พูดได้ดี ถือว่ารู้จักกันจริง” ผมยิ้มรับ




..............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 11-11-2016 14:24:47
ไฟนี่นะ มันเหมือนคนโรคจิต แต่มันคือตัวตนที่แท้จริง 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 11-11-2016 14:42:06
รอเก็บเลยนะเรื่องนี้  รักจังเลยยยยย  ช้อบบบ555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 11-11-2016 14:47:54
“นายนี่อะไร..? บังคับเป็นเมียเลย เป็นก่อนได้ไหมละ จะยอมให้บังคับ”
อหหหหหห. ต้องอ่านยังไงให้คนอื่นไม่มองว่าเป็นคนบ้า
แล้วนั่งอ่านในออฟฟิศคือแบบ กลั้นยิ้มจนแก้มจะแตก
ฮือออ พี่ไฟแม่ง จังไร คงเส้นคงวา จังไรเอ็กซ์เปิด มากอ่ะ
ขำมากที่สระว่ายน้ำ ฮ่าๆๆ
พี่ธานจะมีคู่กรณีให้อ่านใช่ไหม ขอทุกคู่ อยากอ่านๆ
เออดี ยืดเยื้อกันเข้าไป เราอยากให้ทั้งคู่ได้ลองงงง... ศึกษากันดู คึคึ
แฮปปี้มาก ขอบคุณเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-11-2016 15:13:50
โอ๊ยยยยยย ชอบอ่ะ 555555   :katai2-1:

ครืออ อ่านโพสแรก รู้สึกเลยว่า สงสารไฟ #ทีมไฟ สงสารนางมาก นาง "ระบบจัดการรวน" เป็นคำสารภาพที่... น่าเอ็นดูที่สุด เท่าที่เคยอ่านนิยายมาเลย  :o8:
 
มาโพสสอง.... เอิ่มมมมม เริ่มเข้าใจความรู้สึกสมุทรละ คือ ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ งานช้างแน่ ความปวดหัวจะตามสมุทรมาอย่างไม่หยุดหย่อนแน่ๆ  :laugh:

โพสสาม ... เกลียดอิไฟ! 555555 ขอย้ายค่าย #ทีมสมุทร หมั่นใส้อิไฟมากกกก นางหื่นได้ไร้ขีดจำกัดมาก ชัดเจน ถ้าซี้ดปากได้ น้ำลายไหลได้ ไม่อายลูกน้อง ไม่กลัวสมุทรโกรธ นางคงทำไปแล้วววว แน่ๆ 555555  ถ้าสมุทรยอมคบ สมุทรต้องเจอกับอะไรเนี่ย? ไม่อยากคิดแทนเลย  :haun4:

ฮาตอนอิไฟ มันจ้องเป้าน้องกับแซวพี่ธารอ่ะ ที่ว่าพี่ธารเอาผ้าห่อไว้เหรอ? 55555 ทะลึ่งสุดโต่งจริงๆ อิไฟ ว่าแต่ขนาดของพี่ธารนี่ สมฉายาพี่ "ใหญ่"  จริงๆใช่มะ  :hao6:

โอ๊ยยย ชอบๆๆ สนุกค่ะ มาต่อเร็วๆน้าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 11-11-2016 15:45:08
ไฟอย่างหื่น อย่างจิต สมุทรเค้าหลอนแกหมดแล้วไหมล่ะนั่นน่ะ โอ๊ยยยยยยยย55555555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 11-11-2016 15:52:32
ฮั่นหน่อววววว เค้าเริ่มใกล้ชิดกันแล้ว อร๊ายยย 
มีการคลุกวงในด้วยแหละแกร๊ !!!! (  เลือดกำเดาไหล ) 
คุณไฟเวลาปกตินี่หื่นตลอดเวลาจริงๆ 
นิสัยขี้แกล้ง ทำทุกอย่างเป็นเล่นไปหมด
พี่ใหญ่ น้งน้อง ลูกน้องก็โดนโหม้ดดดด
แต่คนอ่านก็ชอบที่คุณไฟเป็นแบบนี้นะ อบอุ่นดีอ่ะ 5555555555

ใจหนึ่งรู้สึกสงสารสมุทรที่คนอย่างคุณไฟตามจีบ 
สงสารหนักมาก วิธีจีบก็แสนพิลึกพิลั่น
ใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารคุณไฟที่ดันไปถูกใจสมุทร
ชอบใครไม่ชอบ ดันไปโดนเอาก้อนน้ำแข็งเดินได้อย่างสมุทร 
ลุ้นกันต่อไป ขอให้สมุทรตกหลุมพรางในเร็ววัน 
ขอบคุณบี้ที่มาอัพตอนใหม่ + 1 ให้เป็นกำลังใจนะจ้ะ  สู้ๆ
 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 11-11-2016 16:14:04
ไฟดูโรคจิตดีอ่ะ ^0^ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 11-11-2016 18:04:17
ไฟโคตรน่ากลัว กลัวแทนสมุทรแล้ว นี่คิดว่าฝ่ายรับเนี่ยต้องไฟ พอมารู้ว่าไฟซิกแพคแน่นกว่าสมุทรนี่แบบ เอ๊ะ ไม่มั้ง ความแซ่บไม่ได้วัดกันที่ซิกแพคนะ พี่ไฟต้องยอมนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 11-11-2016 18:46:59
โอ๊ยยยย~ ขำอิไฟฟฟฟฟฟฟ~  :hao7: :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-11-2016 18:48:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 11-11-2016 19:18:55
พายุช่างพูดได้ถูกใจมากเลยจ้า  :laugh:  ขยี้ใจพี่ชายเข้าไปอีก  แม้ตอนแรกจะสงสาร และเป็นห่วงความรู้สึกคุณไฟมากก็เถอะ กลัวจะถูกสมุทรปฏิเสธตรงๆแล้วทำใจรับไม่ได้.  :mew5: แต่ไม่ว่ายังไงหลังอ่านตอนนี้ก็เชียร์คุณไฟให้จีบแบบหักโหมต่อไป อย่าได้ถอย  o18


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 11-11-2016 19:27:57
ซะใจ คนดีๆไม่น่าจะเอาเฮียไฟ   o13

ขอบคุณเบบี้  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-11-2016 19:30:34
ไฟนี่จิงๆเลย ฮึ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย


 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-11-2016 20:02:14
เฮียไฟ!!!!!!!!! คิดถึงมากกกกกก
มารอบนี้จัดหนัก เขินแรง ไม่เป็นตัวเอง
บอกความรู้สึกกันไปตรงๆ
เป็นไงเป็นกัน สู้ๆนะคะ

เฮียจะหื่นไปไหนเนี่ย !!!!
ไม่อดเปรี้ยวไว้กินหวานแล้วสินะคะ เล่นจ้องหุ่นสมุทรซะขนาดนั้น555.
ลึกๆแล้วสมุทรเองก็เขินเฮียอยู่เป็นแน่ แค่ทำขรึมไปเท่านั้นเอง


ขอบคุณเบบี้
อิ่มอกอิ่มใจมากเลยค่ะ :)

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 11-11-2016 20:13:17
โอ๊ยยยยพี่ไฟขา พี่ทำหนูแก้มจะแตกอยู่แล้ววว ฮือออออ

ชอบบุคลิคพี่ไฟจริงๆเลยยย นี่แหละคนจริง จะหื่นก็หื่นให้สุด จะมาทำลับๆล่อๆไม่ได้ ให้เค้ารู้กันไปเลย!  :laugh:

เราเข้าใจความรู้สึกสมุทรนะ คงจะเป็นแบบที่พี่ธานว่า สมุทรไม่ได้สนใจเรื่องรักๆเลย แต่คิดว่าต่อไปนี้คงต้องหัมาสนใจแล้วแหละ เพราะคุณหัวหน้าน่าจะเริ่มรุก(จีบ)อย่างจริงจังละ  o18
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 11-11-2016 21:17:04
 :hao7: :hao7: :hao7:
ปวดหัวแทนสมุทรเลย มีคนอย่างไฟมาชอบเนี่ย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 12-11-2016 09:23:45
ไฟเนี่ยหื่นได้จิต  :hao6: สมุทรต้องหุ่นดีมากขนาดพี่ธานยังจ้อง  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 12-11-2016 09:57:32
ไฟนี่อะไรจะหื่นเบอร์นั้น555555555555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 12-11-2016 11:20:57
พายุพูดถูกใจป้ามาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 13-11-2016 06:50:31
คุณไฟเก็บอาการนิดนึงงง
เดี๋ยวสมุทรกลัวหรอก 5555555
ไม่แค่สมุทรนะ
คนรอบข้างคนอื่นด้วย
หื่นขนาดนี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 13-11-2016 13:15:13
อ้างถึง
“ปฏิญาณตนให้ฟังว่าจะไม่ครางออกมาแม้จะเสียวสุด ๆ อะไรแบบนั้นน่ะ เอาน่า..ฉันจะทำให้รู้สึกดีแบบที่นายไม่เคยเจอมาก่อนเลยในชีวิต” ผมแสยะยิ้มแซวตาวาว
:m25: :pighaun: :o8:

สมุทรยอมๆคุณไฟไปเถอะหนู อิอิ แต่ดูจากอาการคุณไฟ สมุทรอาจจะโดนจับกดในเร็ววันก็ได้  :hao6:

คิดอยู่ว่าพี่ธานให้ท้ายคุณไฟชัดเจนขนาดนี้ สมุทรยังไมรู้ก็แอบซื่อบื้ออยู่นะ น่าร้ากก ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 13-11-2016 16:19:59
พี่ไฟพอได้สารภาพแล้วก็ไม่มีการกั๊กความรู้สึกใดๆอีกต่อไป
หื่นระดับไหนพี่พุ่งใส่ไม่ยั้ง
โถถถถถถ สงสารพี่สมุทรของน้องเลยค่ะ

ตอนนี้ยังไม่รัก แล้วก็นึกภาพตอนสมุทรรักพี่ไฟไม่ออกด้วย นึกไม่ออกจริงๆ 5555
พี่ไฟบอก กูจะแห้วมั้ยให้ทาย…
หนูเอาใจช่วย เพราะความหื่นของพี่ที่เพ้อสมุทร ทำเอาหนูรู้สึกหื่นด้วยเลยค่ะ บ้าจริง


พี่ธานตุง แล้วสมุทรตุงมั้ย…?
อ่อ หุ่นเหมือนกัน ก็น่าจะตุงไม่ต่างกัน ดีค่ะ!!!
 :m25:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 13-11-2016 23:35:33
คุณไฟหลงสมุทรอย่างรุนแรง สนุกมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ :katai5: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 15-11-2016 03:42:31
 :haun4:รอไฟโดนสมุทรกด :z2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 15-11-2016 11:05:52
ชอบตอนนี้มากกกไฟนี่มันเกินเยียวยาแบบที่สมุทรว่าจริงๆนะตลกด้วย

หลงเค้าขนาดนั้นเลยตายแล้ววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 15-11-2016 17:20:52
เวลาคุณไฟเข้าฉากกับสมุทรนี่ทำเราเขินตลอดเลย ยอมใจคุณไฟจริงๆ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-11-2016 20:06:35
ยิ่งอ่านยิ่งรัก "คุณไฟ เลิศประสงค์"
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 15-11-2016 22:19:15
คือดี อธิษฐานให้มาต่อไวๆ ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 15-11-2016 23:19:00
ชี้แจง: จากผู้เขียน

1 ). ก่อนหน้านี้ท้ายตอนที่ 26  เบบี้ได้พูดเกริ่นไปบ้างแล้วเกี่ยวกับบทบาทของคู่ไฟ/สมุทร  แต่เนื่องจากว่ายังมีคนอ่านหลายท่านคอมเมนต์และสอบถามเข้ามาประมาณอยากทราบว่าฝ่ายใดรุกฝ่ายใดรับ 


2 ). จากข้อ 1. วันนี้มาสรุปคำตอบให้เพื่อที่จะได้ไม่ค้างคาใจสำหรับบางท่านที่ยังไม่ทราบ (จะได้ไม่ต้องลุ้นในมุมนี้มาก) ทางเบบี้อาจจะไม่อธิบายในส่วนนี้อีก  คิดว่าในส่วนของการเขียนเนื้อหาที่ผ่านมาได้ทำการใส่รายละเอียดเป็นแนวทางให้วิเคราะห์ไปพอสมควรแล้ว  สรุปคือ.."ไฟ/สมุทร" จะ สลับกันค่ะ 
(ข้อความเดิมท้ายตอนที่ 26)  (https://i37.servimg.com/u/f37/18/05/03/16/untitl10.png) (https://servimg.com/view/18050316/185)


3 ). เนื่องจากแต่ละตอนมาต่อค่อนข้างช้าจึงได้ใส่เนื้อหาในแต่ละตอนยาวโดยพูดถึงหลายประเด็น  ซึ่งทางเบบี้ได้พิจารณาถึงกำลังร่างกายของตนเองและตัดสินใจแล้วว่า  ในตอนต่อ ๆ ไป.. สำหรับบางตอนอาจจะลดความยาวนั้นลงค่ะ


4 ). ไฟและสมุทรเป็นตัวเริ่มของเรื่องนี้  ดังนั้น จะเขียนคู่ "ไฟ/สมุทร" เป็นหลักสำหรับการลงนิยายเรื่องนี้บนหน้าเว็บไซต์เล้าเป็ด  จาก 31 ตอนที่ผ่านมามีเนื้อหาที่ค่อนข้างยาวมาก (เทียบเท่า ๆ กับนิยาย 50 ตอนของเบบี้เรื่องก่อนได้เลย 555++)  และผู้เขียนมีเหตุผลที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะไปต่อไหวถึงแค่ไหน  ดังนั้น.. จึงขอชี้แจงว่า  เมื่อถึงตอนจบของคู่ไฟ/สมุทร และได้ต่อตอนพิเศษให้เรียบร้อยแล้ว  นิยายจะย้ายไปอยู่ห้องนิยายจบแล้ว(ตามอย่างนิยายเรื่องที่ผ่านมาของเบบี้)  ส่วนหลังจากนั้น สำหรับคู่อื่นจะมีเขียนต่อเพิ่มให้อ่านหรือไม่นั้นยังไม่ขอรับปาก จะพิจารณาอีกทีหนึ่งค่ะ



เบบี้ ..15 / 11 / 2016
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _


แนบภาพ:  เนื้อหาในตอนที่ผ่านมาในบริบทที่ผู้เขียนพยายามสื่อให้ทราบ

1.
(https://i37.servimg.com/u/f37/18/05/03/16/1_aoaa11.png) (https://servimg.com/view/18050316/181)

2.
(https://i37.servimg.com/u/f37/18/05/03/16/2_aoaa11.png) (https://servimg.com/view/18050316/180)

3.
(https://i37.servimg.com/u/f37/18/05/03/16/3_aoaa11.png) (https://servimg.com/view/18050316/179)

4.
(https://i37.servimg.com/u/f37/18/05/03/16/5_aoaa11.png) (https://servimg.com/view/18050316/178)

5.
(https://i37.servimg.com/u/f37/18/05/03/16/6_aoaa11.png) (https://servimg.com/view/18050316/182)

6.
(https://i37.servimg.com/u/f37/18/05/03/16/8_aoaa11.png) (https://servimg.com/view/18050316/184)


 :a5: o22 :m25:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 16-11-2016 00:03:26
รับทราบ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 16-11-2016 00:20:22
ขอบคุณบี้ที่เข้ามาแถลง
จริงๆไม่มายด์เรื่องใครรุกหรือรับเพราะเราเป็นนักอ่านที่ไม่ได้มุ่ง Nc
แต่พอบี้แถลงว่า ... สลับกัน...นี่แอบดีใจลึกๆ
บี้ปูทางมาก่อนหน้านี้แล้วพอสมควร พฤติกรรมตัวละครสมเหตุสมผลนะเราว่า
คนหนึ่งนิสัยดื้อแพ่งดันทุรัง อีกคนก็ดื้อเงียบหลบใน     
คงไม่มีใครยอมใครง่ายๆ   
รู้สึกปลื้มปริ่มปิติยินดียิ่งที่จะได้เห็นสองคนนี้ห้ำหั่นแย่งบทกันบนเตียง 5555555555 
 o18 o18 o18
 
 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-11-2016 00:30:04
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-11-2016 07:01:39
คิดว่า สมุทรจะยอมง่ายๆเหรอ ฝัน  เลือด(คนอ่าน)สาด  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 16-11-2016 09:17:26
ไฟนี่พอจะบุกก็บุกซะตั้งตัวไม่ทัน
แต่เราชอบบบ.... :impress2:เอาอีก ๆ เอาให้สมุทรไปไม่เป็นเลยยิ่งดี
สงสัยเราจะโรคจิตเหมือนไปไฟแล้ว :laugh:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-11-2016 01:07:11
โถ่...เฉลยซะละ ลุ้นต่ออีกหน่อยก็ดีนะ

จริงๆเราไม่ได้อยากรู้ว่าใครจะรับจะรุก เราชอบอ่านความเป็นไปของความรู้สึกของไฟและสมุทรที่แสดงออกมาแต่ละตอนมากกว่า

 :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-11-2016 01:25:22
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 17-11-2016 08:14:39
ขอบคุณค่ะ ก็ดีใจที่เป็นอย่างที่คาดเอาไว้  :laugh: เพราะหลายตอนก็ค่อนข้างจะบอกชัดเจนอยู่ เลยพอเดา ๆ ได้ และจากเรื่องก่อนที่เคยอ่านผ่านมา ก็มีสไตล์คล้ายกัน ดังนั้นไม่ซีเรียสนะคะเรื่องฝ่าย และอยากให้กำลังใจคนเขียนด้วยไม่อยากให้เครียด  :3123:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 17-11-2016 20:49:39
ขอบคุณที่เบบี้มาอธิบาย แอบเสียดาย :hao5: จริงๆก็อยากอ่านยาวๆๆ อยากอ่านคู่พี่ธาน คู่พายุ คู่โปรด และอื่นๆ(เอ๊ะ เยอะไปไหม ฮ่าๆ)แต่ก็แล้วแต่เบบี้เลยจ้า เอาเท่าที่กำลังไหวเน้อ ชอบตัวละครไฟกับสมุทรมากๆแต่คิดว่าไฟรุกก่อนเพราะเฮียคงรอให้สมุทรรุกไม่ไหวแน่ๆ  :m20:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-11-2016 22:23:43
“Holy ..shit!”  >> “ฟู่~ ขอบคุณสวรรค์ที่ให้กูมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้” : เชี้ยยยยยไฟฟฟฟ~~กูลั่นแรง โอ๊ยยยยยมึงงงงงง ขำตายกับพี่ธานเลยอ่ะ 5555555 //ช่วงแรก สงสารไฟ กว่ามันจะยอมรับใจ กว่าจะเจอคนที่ใช่ อยากปักหลักกับคนนี้ มันไม่ง่ายเลย แล้วต้องมาเจอเย็นชาไร้ใจให้ชายแบบสมุทรอีก ตอนสารภาพนี้แบบ โฮรรรไฟกู ถึงใจกล้าแต่มันก็กลัวหวั่นวิตกกังวลแปปๆ แม้จะรู้ก็ยังไม่ยอมรับฟังไม่อยากให้เขาพ่นคำปฎิเสธออกมาตรงๆ แถได้เลี่ยงไปก่อน บ้าๆแบบนั้น บางทีก็แอบป๊อดแอบมีอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้นะ เอ็นดู๊ววว 55555 //แต่ก็เข้าใจสมุทรนะ แต่ก็อย่างว่า ลองเล่นด้วยหน่อย แล้วจะรู้ไฟมันน่ารัก???? ป่าวไม่อ่ะ กวนตีน มีแต่หื่นนน 5555 ป่าวๆจะได้เห็นอีกมุมๆหนึ่ง มุมจริงจัง มาแบ่งเบาภาระช่วยปลดปล่อยความทุกข์ความกดดันเก็บกดต่างๆที่ไม่อาจบอกใครได้ให้บ้างอยู่เคียงข้างมัน (ปล.มาบอกสมุทรให้โอกาสตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วละ เพราะไฟมันไม่สนไรแล้ว บังคับเสร็จสับ 5555 สนไม่สนไม่รู้กูรุกอย่างเดียว 555) ไฟมันรู้ จะรุก ควรจะต่อหรือหยุด มีขอบเขตถึงไหน ใช่ป่ะไฟ ถ้าสมุทรใจร้ายต่อเนื่อง ไฟเต็มที่แล้ว ก็นะ ห่างกันสักพักดีม่ะ??? อิอิ //สมุทรเตรียมตัวเลย ไฟคนจริง เอาจริงแน่ 55555 ชอบบไฟมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กับพี่ธานนี้สุดๆ อ่านทีไรขำตาม สองคนนี้โคตรจะทันกัน 555555 //รอมาต่อเลยค่ะ //ใครจะรุกรับไม่สน ขอให้เขาเอากันเถอะเป็นพอ 5555555 แต่ไฟมันมาโซซะชอบเหลือเกินทรมานตัวเองยิ่งเจ็บปวดยิ่งมีความสุข มันบ้า 555555 สมุทรซาดิสต์ให้ถึงละ 555555555555  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 17-11-2016 23:20:55
ณ จุดนี้ จะรุกรับ หรือสลับกันยังไงก็ได้หมอ่ะ ขอให้คุณไฟจีบสมุทรติดก่อนเถอะ 55555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-11-2016 18:10:27
55555 จะรอดหรือจะร่วงน่ะไฟ ทำแต่ละอย่าง สมุทรคงรับได้
ไฟรุกหนักมาก คือชัดเจนว่าอยากได้มากแล้ว

สงสารพายุ มาเห็นช็อตเด็ด 5555
 
ธานก็เป็นใจเหลือเกิน รู้ใจกันดี

สงสารสมุทรหนักมากก ไม่มีคนเข้าข้าง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 31 [ 13:10 น. - ศ. 11 พ.ย 59 หน้า 38 + 39 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-11-2016 18:21:33
 :jul1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-11-2016 18:24:12

[ ส. 11 พ.ย 59 ] ตอนที่ 31: http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1110

[ อ. 15 พ.ย 59 ] ชี้แจงจากผู้เขียนเกี่ยวกับบทบาท(รุก/รับ)ของตัวละคร  รวมถึงแจ้งความเป็นไปของ The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ในอนาคต.. http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1140



_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 32
..ไฟ..




คนในค่ายต่างทยอยกันกลับมาถึงโรงแรม  ผมเดินไปทักทายพวกครูมวยและพี่เลี้ยง  เย็นวันนี้จะเข้าไปเยี่ยมไอ้นพที่โรงพยาบาล  มันจะถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลที่พัทยาเข้ากรุงเทพในวันพรุ่งนี้เช้าโดยมีพี่นีเป็นฝ่ายดำเนินเรื่อง  บรรยากาศในค่ายกลับมาปกติมากแล้ว  แต่นอนว่าเรื่องคนวางยายังคงคาใจทุกคนอยู่มาก  ผมไม่สนหรอกครับว่าคนนอกค่ายคนไหนจะเล่นงานเรื่องนี้เพราะมีจุดประสงค์มุ่งหมายที่ตัวผม  ไม่มีใครที่จะทำร้ายความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสูงสุดได้เท่ากับคนใน  ซึ่งที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าผมไม่ได้เชื่อใจใครทุกคนร้อยเปอร์เซ็นต์  ถ้าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะผมเลี้ยงศัตรูไว้ให้อยู่ดีกินดี  คนที่ผิดก็คงเป็นที่ผมเองนี่ละมัง
 
“ไง..? ฉีกยิ้มให้ฉันได้แสดงว่าซ้อมต่อได้เลยใช่ไหม” ผมทักไอ้นพที่นอนซมอยู่บนเตียงผู้ป่วย  หน้าตามันสดใสขึ้นมากแล้ว

“ออกไปก่อน” ผมสั่ง  ทุกคนต่างผงกหัวรับพร้อมออกจากห้องไปไม่เว้นแม้แต่พี่ธาน 

“ตามที่ตกลงกันไว้ถือเป็นโมฆะนะ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์  เลื่อนเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง  ไอ้นพเพียงยิ้มน้อย ๆ  มันเอาแต่เงียบ  คงเพราะรู้ว่าผมมีจุดประสงค์ในการมาวันนี้ 

“ฉันจะให้เงินนายก้อนนึงเข้าบัญชี แต่ไม่มีสิทธิ์เบิกใช้จนกว่าจะสิ้นปี” ผมเอ่ย  บัญชีที่ว่าคือบัญชีเงินออมของนักมวยแต่ละคนที่มีพนักงานของทางค่ายเป็นผู้ดูแล   

“ขอบคุณครับ แต่..อย่าเลยครับคุณไฟ” ไอ้นพพูดแทรกด้วยใบหน้าร้อนรน 

“ผมไม่ได้ขึ้นชก แถมคุณยังต้องมาเจ็บตัวเพราะผมอีก พ่อโกรธผมมากเลย”

“ก็ต้องโกรธอยู่แล้ว” ผมพูดเสียงแข็งเบ้ปากถึงความจริงจนไอ้นพชะงัก  หลบสายตาลงทันที
 
“มึงกินอะไรเข้าไป” ผมถามคำถามที่คาใจไว้นาน  ตามจริงแล้วต้องการจะรู้ว่า “ใครให้มึงกินอะไร” มากกว่า

“ผมจำไม่ได้แล้วครับว่าใครเอาน้ำมาให้ผมกินบ้าง” ไอ้นพเงยหน้าขึ้นสบตา  ผมเพียงกะพริบตาลงอย่างเนิบช้า ใจเย็น  คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าคำพูดประเภทนี้ต้องออกจากปากคนอย่างมัน 

“คนที่ดูแลมึงคือพี่เอิร์ธ กูไม่สนหรอกนะว่าพี่เอิร์ธทำรึเปล่า แต่เพราะพี่แกดูแลมึงไม่ดี เอาเป็นว่ากูจะไล่พี่แกออกก็แล้วกัน” ผมสรุป

“คุณไฟ! พี่เอิร์ธแกไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ คุณ..คือ พี่เขา ไม่กล้าหักหลังคุณหรอกนะครับ” มันรีบแก้ตัวตะกุกตะกักยกใหญ่

“อย่างนั้น ฉันควรจัดการยังไงดี ?” ผมถาม  ดวงตาจ้องมองอย่างหยอก ๆ พร้อมเลิกคิ้วขึ้นเป็นการอนุญาตให้คนตรงหน้าแสดงความคิดเห็นได้  ไม่บ่อยนักที่ผมจะเอาอำนาจที่เกี่ยวกับการทำงานในด้านอื่นมาผสมใช้กับการควบคุมคนในค่ายมวย  ผมค่อนข้างให้อิสระ  และปฏิบัติตัวเองเหมือนกับเป็นคนในค่ายมวยคนหนึ่ง  เป็นเจ้านายในฐานะของเจ้าของค่าย  แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้อำนาจนี้ในบางครั้งมันก็คือสิ่งที่ผมเป็นจริง ๆ นั่นละ  ถึงแม้ผมหรือพี่ธานไม่เคยประกาศกร้าวถึงอดีตของครอบครัวที่ผ่านมา  แต่สายตาที่ถูกมองจากทุกคู่ในค่ายมันบอกเป็นนัยยะอยู่แล้วว่าลึก ๆ พวกมันเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าการที่ผมปฏิบัติตนเหมือนคนในค่ายมวยคนหนึ่งนั้นเป็นเพียงการแยกแยะเพื่อให้เกียรติตามสายงานก็เท่านั้น


.. ไอ้นพนั่งนิ่ง  สีหน้าวิตกกังวลจนเริ่มซีดเผือก  ท่าทางของมันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันจะต้องรู้อะไรอยู่บ้างเป็นแน่ 
 
“กูเคยคิดเล่น ๆ นะ ว่าถ้าสมมุติมึงขึ้นชกกับกู ใครจะชนะวะ ?” ผมยิ้มเพื่อให้ผ่อนคลาย

“ผมไม่ชนะหรอกครับ” มันแก้ตัวเสียงเจื่อน

“ฝีมือระดับมึงก็ต้องยอมอ่อนให้กูได้ชนะอยู่แล้วน่ะนะ รู้อยู่หรอก ถ้ากูแพ้คงขายขี้หน้าแย่” ผมบ่นปนหัวเราะ

“ไม่หรอกครับ คุณไฟ..” น้ำเสียงของไอ้นพเบาลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเงียบสนิท

“ถ้ามึงไม่เจ็บขนาดนี้กูซ้ำมึงไปแล้ว” ผมมองเฉยพร้อมถอนหายใจแรงทิ้งท้าย

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้ารู้สึกผิด  ผมเลือกที่จะนั่งนิ่งไม่คิดเอ่ยซักต่อ  การมาที่นี่ก็มาเพื่อให้มันเล่าอยู่แล้ว  ดังนั้น มันควรเลือกที่จะเอ่ยปากเล่าด้วยตัวมันเอง

“คือ..ผมก็ไม่แน่ใจ” ไอ้นพอึกอักพูดขึ้น  ริมฝีปากของมันไม่ค่อยปกตินัก 

“ผมจำได้ราง ๆ ว่า พี่เอิร์ธ ไปเข้าห้องน้ำ” มันกลืนน้ำลายลงคอทิ้งช่วง  กุมมือเข้าหากันไว้ระหว่างท้อง

“ตอนนั้นวุ่นวายมากครับ มีนักข่าวเข้ามาขอสัมภาษณ์ผม ผมจำได้แค่ว่า..ไอ้มงคลเดินเข้ามา ผมก็หยิบน้ำที่มันเตรียมไว้ให้มากินโดยไม่ทันคิดอะไร” 

“ผมไม่รู้จริง ๆ ครับนายว่าใครทำกันแน่ ผมไม่อยากปักใจว่าเป็นใคร..” ไอ้นพมองมาน้ำตาคลอ  ผมมองเฉยอย่างไร้ความรู้สึก  สายตาที่มองมาคล้ายกับกำลังพยายามร้องขอเพื่อไม่ให้ผมเอาผิดใคร 

“ผมเชื่อใจทุกคน ผมไม่อยากโทษใครจริง ๆ ครับ” ไอ้นพก้มหน้าลง  หลังจากนั้นเราต่างก็เงียบอยู่สักพักใหญ่
   
“ต่อไปนี้ทำตัวปกติ” ผมพูดขึ้น 

“ไม่ว่ากับใคร ไม่ต้องเล่าว่ากูถามอะไรบ้าง เสร็จจากนี้กูอนุญาตให้มึงพักสองอาทิตย์ ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องห่วง กูเคยบอกว่าจะให้ กูก็จะให้” ผมจับหัวไม้เท้าดันตัวลุกขึ้นยืน 

“อย่างที่มึงบอก..” ผมทิ้งน้ำเสียงลง 

“เชื่อใจทุกคน” ผมอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ

“กูเคยโกรธพ่อกูมากว่าทำไมถึงได้เชื่อใจลูกน้องเกินเหตุ กูโกรธ..เพราะครั้งแล้วครั้งเล่าเราก็รู้ดีแก่ใจว่า คนที่จะเห็นคุณค่าของความซื่อสัตย์ของคนอื่นน่ะมีน้อย”

“กูซ้ำเติมพ่อกูทุกครั้งที่แกถูกหักหลังกลับมา ความเสียใจพวกนั้นมันควรเป็นความผิดที่พ่อควรได้รับ พ่อจะได้จำสักที ดูเหมือนมันจะย้อนกลับมาที่กูซะแล้ว” ผมเล่ายิ้ม ๆ
 
“รายจ่ายที่ค่ายต่อปีหลายสิบล้าน และมันก็จะเพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับกู..นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกนพ” ผมบอก  ตามจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย  ผมไม่เคยอยากให้อะไร ๆ เป็นแบบนี้  ความเครียดทำให้ผมมวนท้อง  แต่วงจรมันขับเคลื่อนมาแบบนี้  ในเมื่อผมเดินเข้ามาในวงการนี้ผมจำเป็นที่จะต้องก้าวตามไปในหมู่ชนส่วนมาก  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไม่ทิ้งอุดมการณ์ของครอบครัวที่เคยทำมา  โดยควบคุมไม่ให้ทุกอย่างมันออกนอกกรอบเกินเลยจนเกินไป 

.. ไอ้นพนั่งฟัง  มันปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ

“เอาเป็นว่าตอนนี้กูเชื่อมึง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” ผมเหสายตาลง  ก้าวเดินออกมาโดยที่ไอ้นพกำลังจะยกมือไหว้ลา  ผมถือว่าการซื่อสัตย์ต่อตนเองคือศักดิ์ศรีอย่างหนึ่งของการเป็นมนุษย์  เมื่อไหร่ที่เราไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง  เราจะไม่มีทางทำกับคนอื่นได้  ไม่มีใครที่จะรู้ดีที่สุดว่าเราได้ย่ำยีศักดิ์ศรีของเราไปแล้วเท่าไหร่  ได้เท่ากับตัวของเราเอง

“ได้เรื่องอะไรไหมครับ” พี่ธานถามหลังจากที่คนดูแลของไอ้นพร่ำลาผมและกลับเข้าห้องพักผู้ป่วยไป

“ส่งคนจับตาดูพี่เอิร์ธกับไอ้มงคลไว้” ผมออกคำสั่ง  ดวงตาลอยมองตรงไปที่ทางเดินด้านหน้า  น้ำเสียงที่ใช้เป็นไปเพื่อได้ยินเพียงแค่ผมและพี่ธานเท่านั้น 

“ได้ครับ” พี่เขาผงกหัวรับทราบโดยไม่ถามข้อมูลเพิ่มเติม  ผมยืนนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่  ทั้งพี่ธาน  สมุทรและไอ้เด่นที่ยืนเฝ้าอยู่ห่าง ๆ ก็รักษาความเงียบไว้เพื่อผมเช่นกัน 


- - - - - - - - - - - - - - -


ที่โรงแรมวันนี้ผมสั่งจองปิดห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติสำหรับคนในค่ายโดยเฉพาะ  เป็นการกำชับด้วยว่าให้สังสรรค์กันแต่พองามเพราะวันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางกลับ  คิดว่าคนเก่าคนแก่ก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าผมไม่ชอบให้เมาเกินควร  เสียงร้องเพลงคาราโอเกะดังแว่ว ๆ จากด้านใน  นึกเสียดายแทนคนที่อยู่เฝ้าไอ้นพที่โรงพยาบาล  พวกนั้นคงอยากมาร่วมวงด้วยเต็มแก่เป็นแน่ 

“มานั่งทำไมตรงนี้ละครับ” น้ำเสียงนุ่มสุภาพเอ่ยถาม  ผมไม่ได้หันกลับไปมองในทันทีเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงของใคร  สมุทรยืนอยู่ด้านข้าง  ผมเพียงกลอกตามองไปทางเขาเล็กน้อยก่อนกลอกสายตากลับมาที่สระว่ายน้ำตรงหน้าตามเดิม   

“นายล่ะ ออกมาทำไม”

“..คิดถึงเหรอ ?” ผมอมยิ้มกวน  ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ยืนอยู่ 

ผมออกมานั่งดื่มที่บาร์ใกล้ ๆ กับสระว่ายน้ำได้สักชั่วโมงหนึ่งแล้ว  เป็นการปลีกตัวออกมาเพราะต้องการอยู่คนเดียว  ส่วนเรื่องเอนเตอร์เทนในงานให้พี่ธานเป็นคนดูแลไป

“นั่งสิ” ผมเชิญเพราะถ้าไม่เชิญอีกฝ่ายก็คงไม่เอ่ยปากขอนั่งด้วยตัวเอง  สมุทรผงกหัว  เลื่อนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ตรงกันข้ามนั่งลง  บริเวณส่วนนี้จัดเตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการนั่งดื่มสบาย ๆ ในยามเย็นเท่านั้น  มีพนักงานเสิร์ฟคอยยืนเฝ้าอยู่เป็นจุด  ไม่มีดนตรีสด  มีเพียงเสียงเพลงคลอจากลำโพงที่แอบซ่อนไว้ตามพุ่มไม้ต่าง ๆ  ดังนั้น ลูกค้ามากมายที่เลือกนั่งดื่มที่ตรงนี้จึงรักษาความเงียบของแต่ละโต๊ะไว้เพื่อรักษาบรรยากาศสงบนี้ด้วย 

“คุณพายุให้มาบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้คุณหยุดดื่มได้แล้วน่ะครับ” สมุทรพูดด้วยน้ำเสียงอะลุ่มอล่วย  คงหมายถึงขวดแชมเปญที่วางอยู่บนโต๊ะที่ถูกผมดื่มไปได้ครึ่งขวดแล้ว

“นาน ๆ ทีน่ะ” ผมพูดโดยยังไม่ได้หันไปมองหน้าคู่สนทนา

“ครับ..แต่ที่จริงคุณถูกสั่งห้ามดื่ม” สมุทรสวนทันควัน 

“.........” ผมเงียบ  รอยยิ้มที่มุมปากฝั่งที่สมุทรจะมองไม่เห็นผลิออกมาอย่างพอใจที่ได้ยิน  เมื่อเขาเห็นว่าผมไม่คิดที่จะตอบโต้กลับ  เจ้าตัวก็เว้นระยะแห่งความเงียบไปช่วงหนึ่งเช่นกัน

“คิดมากเรื่องนพเหรอครับ” สมุทรถาม

“เปล่า” ผมปัด 

“กำลังคิดว่า ..ทำไมตัวเองยังหายใจอยู่น่ะ” ผมขยายความถึงความจริง


.. เราต่างอยู่ในความเงียบร่วมหลายสิบนาที  ผมไม่ได้ตั้งใจพูดเพื่อให้ใครคิดมากแต่แค่พูดออกไปจากใจเท่านั้น  ณ ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอึดอัดต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่ก็ไม่รู้ว่าคนข้าง ๆ อึดอัดที่เห็นผมเงียบอย่างนี้รึเปล่าไม่ทราบ  ผมหันหน้าไปทางสมุทรช้า ๆ ก็พบกับสายตาที่จับจ้องมาทางผมก่อนหน้าอยู่แล้ว

“ก็เคยคิดนะว่าจะหยุดทำธุรกิจทุกอย่างแล้วนอนอยู่บ้านใช้เงินเฉย ๆ” ผมยิ้มติดตลก

“แต่ไม่รู้ทำไม รู้สึกอยากทำงานตลอดทุกที” ผมทำหน้าตื่นประกอบ  สมุทรหลุดยิ้มกว้าง  ผมหยุดบทสนทนาลงก่อนมองรอยยิ้มของเขาที่หุบลงเรื่อย ๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่อ่อนโยน  สายตาผมเหลงต่ำ  หันหน้ากลับมาจ้องสระว่ายน้ำอีกครั้ง

“..ไม่เคยตัดใจได้สักที” ผมบ่นปนหัวเราะ

“ทำไมไม่ตาย ๆ ไปสักที ทุกอย่างก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว แต่พอมีคนมาจะเอาชีวิตทีไร..ก็อดคิดไม่ได้ว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด ให้ตายกันไปข้างนึง นายว่ามันน่าขำไหมละ สุดท้ายทุกคนก็รักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้น” ผมพูดพลางถอนหายใจติดปลายเสียง

“คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าทุกคนก็มีช่วงเวลาที่ลำบากเหมือนกันทั้งนั้น” สมุทรเอ่ย  ผมหันกลับไปรักษาความเงียบโดยไม่คิดตอบกลับ  ไม่คาดมาก่อนว่าเขาจะจำคำพูดของผมได้ด้วย  ใบหน้าของเราที่หันมาทางเดียวกันแต่สายตากลับมองตกลงบนโต๊ะด้วยกันทั้งคู่

“แต่ผมว่าช่วงเวลาที่ลำบากของคุณดูเยอะไปหน่อยนะ” อีกฝ่ายแซว 

“หึ” ผมหัวเราะ

“ผมเองก็เคยคิดอยู่หลายครั้งตอนที่พ่อเสีย ว่าชีวิตผมต้องลำบากอีกแค่ไหน..” สมุทรคลี่ยิ้ม  สายตาช้อนขึ้นมองผม

“เหนื่อยใจจนบางครั้งก็นึกเล่น ๆ ว่า ไม่เป็นไรหรอก..ไม่แน่วันพรุ่งนี้เราอาจจะตายก็ได้ ตอนนั้นนับวันรอให้เป็นคิวของตัวเองตลอดเลย” เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่  ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดี  แม้ผมจะบอกว่าผมไม่ใช่ต้นเหตุโดยตรงแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึก ๆ แล้วมันใช่

“โทษที” ผมพูดแทรก  อีกฝ่ายชะงัก  ตาเบิกมองมาคล้ายตกใจ

“ผมไม่ได้จะว่าคุณหรอกนะครับ” เขาแก้ตัว  ผมหัวเราะในลำคอ

“แม้กระทั่งแม่ ก็ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของใคร” สมุทรขยายความถึงความหลัง  ผมเงียบ  สมุทรเองก็เช่นกัน
 
“แม่บอกว่า..” สมุทรพูดขึ้น  น้ำเสียงของเขาเบามากอยู่ในลำคอเท่านั้น

“ความเป็นตัวเราเป็นตัวดึงดูดให้ได้เจอกับใครสักคนหนึ่ง” อีกฝ่ายเบือนหน้าไปทางสระว่ายน้ำ  สายตาจับจ้องอยู่อย่างนั้นคล้ายกับกำลังนึกถึงความหลัง  คำพูดที่เกือบจะทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้ก็คงเป็นสิ่งที่ทำให้คนพูดไม่อยากพูดถึง

“พื้นฐานลึก ๆ แล้วเราเป็นยังไง มันจะเป็นตัวเชื่อมให้เราได้เจอคนที่มีลักษณะคล้ายกัน”

“เหมือนกับแม่พยายามบอกผมว่า ไม่ให้ผมเสียใจกับการเกิดมาเป็นครอบครัวเดียวกัน อะไรทำนองนั้น” สมุทรพูดปนหัวเราะแห้ง ๆ

“ผมกับแม่ไม่เคยทะเลาะกันเลย ดาวก็ไม่เคยดื้อหรือทำตัวให้น่าเป็นห่วง เพื่อนสนิทที่เข้ามาในชีวิตก็อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แปลกไหมละครับ ผมคิดว่าแค่นั้นก็พอแล้ว” สมุทรอมยิ้ม

“เรามีรอยยิ้มให้กันทุกวัน ทั้ง ๆ ที่แต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบาก เหมือนกับว่า..บางสิ่งบางอย่างได้มาก็ต้องแลกกัน ถ้าถามว่าตอนนั้นให้ผมได้สุขสบายดีแต่ต้องแลกกับการที่ผมไม่ได้เจอพวกเขา ผมก็ไม่เอาเหมือนกันละนะ” เขาหัวเราะ  ผมอมยิ้มมองให้กับคำพูดของคนตรงหน้าที่คล้ายกับเขาได้เปิดเข้ามานั่งอยู่ในใจผมอย่างนั้น

“ผมยอมลำบาก”

“บางทีคนเราก็ต้องยอมลำบากเพื่อให้ได้อะไรมา เป็นเป้าหมายที่มีไม่เหมือนกัน” สมุทรบอก

“คุณจะหยุดก็ได้นี่ครับ..” เขาจ้องผมเขม็ง  การเอ่ยที่อยู่ ๆ ก็ทิ้งห้วนประโยคลง  ผมคิดว่าเขาคงอยากพูดอะไรทำนองนี้ที่คาใจมานานแล้ว  ผมเงียบเฉย ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-11-2016 18:25:14

“ขอโทษค่ะ ขออนุญาตเติมแชมเปญนะคะ” พนักงานเข้ามาแทรกพอดิบพอดี  ผมผงกหัวอนุญาต  เธอรินแชมเปญใส่แก้วให้ผมในขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็หุบปากเงียบสนิทจนเกือบวังเวง

“คุณผู้ชายอีกท่าน ไม่ทราบว่ารับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ”

“เอ่อ ไม่ครับ” สมุทรตอบปฏิเสธด้วยท่าทางเกรงใจ

“แฟนผมเอง เขาหล่อไหม” ผมยิ้มถาม  คนที่ถูกเอ่ยถึงตาเบิกโตทันที

“เอ๊ะ” พนักงานอุทานด้วยสีหน้าแปลกใจ  พอนึกตามได้เธอก็ยิ้มเก้อเขินออกมา  ผมจ้องมองหน้าเธอเพื่อรอคำตอบ

“ค่ะ” เธอผงกหัวน้อย ๆ

“ผมกับเขาใครหล่อกว่ากัน ?” ผมไม่เลิกก่อกวนสมุทร  พนักงานอมยิ้มแต่ผมคิดว่าเธอเกือบจะหลุดหัวเราะมากกว่า  นิ้วมือชี้น้อย ๆ ให้คำตอบมาทางผม

“ผมก็ว่างั้น” ผมเบะปากเท้าแขนยอมรับหน้าด้าน ๆ 

“หน้าหมอนี่ค่อนข้างเชยนะว่าไหม” ผมชวนคุย  เธอไม่ตอบ  ได้แต่นำมือปิดปากกลั้นหัวเราะเอาไว้

“แต่ดูดีนะคะ” เธอแก้ต่าง

“ฮึ!” ผมหลุดหัวเราะชอบใจ

“ขออนุญาตค่ะ” เธอยิ้มกว้างพร้อมผงกหัวน้อย ๆ ขออนุญาตชักเท้าถอยหลังออกตัวกลับไป  ผมมองตามทรวดทรงองค์เอวทางด้านหลังของเธอ

“หุ่นดีนะ” ผมชม

“ชอบผู้หญิงแบบนี้ไหม ก้นเธอสวยดี” ผมเลิกคิ้วถามสมุทร

“คุณไฟครับ” สมุทรปรามหน้าเข้ม  ผมหัวเราะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ 

“เคืองที่ฉันว่าหน้านายเชยงั้นเหรอ”   

“โทษทีครับที่ผมเชย” สมุทรพ่นลมหายใจหันหน้าหนีทางอื่น  ผมอมยิ้มมองคนตรงหน้าที่หุบปากเงียบไปแล้ว  เมื่อเราต่างไม่พูดจึงได้ยินเสียงกีตาร์จากเพลงได้ชัดเจน   

“เอาน่า ยังไงฉันก็ชอบความเชยของนายอยู่ดี” ผมพึมพำตาช้อนมองไม่วางตา  บทสนทนาเงียบลงดื้อ ๆ เพราะสมุทรที่ไม่คิดจะตอบโต้กลับ  เจ้าตัวคงรู้ว่าผมตั้งใจมองอยู่เขาจึงไม่ยอมหันกลับมาสบตาผมเลย  เพลงรักในทำนองอคูสติกดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนจบเพลงและขึ้นเพลงใหม่  สมุทรยอมหันหน้ากลับมาทำให้เราสบตากันพอดี  ผมอมยิ้มมุมปากต้อนรับให้อีกฝ่ายที่ยอมเป็นฝ่ายหันกลับมาในที่สุด 

“คุณนี่เป็นคนหน้าไม่อายจริง ๆ” สมุทรต่อว่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยเต็มทน  ผมยิ้มกว้างทำให้เขาเกือบจะหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน

“ติดเชื้อมาจากปู่น่ะ” ผมยักคิ้ว  ย่าของผมสมัยเป็นสาวน่ะพยศอย่างกับอะไร  ถึงอย่างนั้นปู่ก็ยังเอามาทำแม่ของลูกได้  ดังนั้น ผมคิดว่าคนตรงหน้าก็อาจมีหวังก็ได้น่ะนะ ใครจะรู้


.. บทสนทนาในหัวข้อก่อนหน้าจบลงอีกครั้ง  ครั้งนี้เป็นการทิ้งช่วงอยู่นานกว่าครั้งก่อนพอสมควร  ต่างฝ่ายต่างมองกันไปคนละทางเหมือนกับมีเรื่องให้คิดอยู่ในใจ

“ทำไม..คุณถึงไม่แจ้งความละครับ”

“เรื่องอะไร ?” ผมถามกลับห้วน ๆ แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ

“เรื่องที่คุณโดยลอบทำร้ายวันนี้” สมุทรตอบ  ผมเงียบไว้ครู่หนึ่งเพราะรู้สึกรำคาญใจที่จะอธิบายขึ้นมา

“ถ้าแจ้งความวันนี้ เรื่องจะโยงไปถึงคดีวางยาของไอ้นพ แล้วฉันก็รับปากเสี่ยเจียนไว้แล้วว่าจะไม่แจ้งความ” ผมตอบส่ง ๆ ไปที  คว้ามือหยิบแก้วแชมเปญขึ้นดื่มจนหมด

“งั้น.. ก็เรื่องที่คุณถูกลอบยิงวันนั้น” สมุทรพูดด้วยแววตาไม่เข้าใจ  ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น  ด้วยความเงียบที่ก่อตัวขึ้นสมุทรเองก็คงเพิ่งรู้ตัวว่าได้ถามในสิ่งที่ไม่ควรถามออกมา


- I’m in a trouble. –

เมื่อบทสนทนาไม่เกิดขึ้นจึงทำให้ได้ยินเสียงเพลงชัดอีกครั้ง  ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดอะไรกับคนข้าง ๆ  พอ ๆ กับที่เขาคงมีคำถามมากมายที่อยากจะถามผม   

“นายคิดว่าโลกที่เราอยู่ จะมีคนช่วยเหลือเราจากหน้าที่จริง ๆ สักกี่คน เงินซื้อไม่ได้ สักกี่คน..” ผมเอ่ยในทำนองบ่นให้ฟัง  ไม่อยากให้เป็นประเด็นที่เครียดจนเกินไป 

“พวกเสี่ยปรีดาน่ะรักเงินยิ่งกว่าอะไร รองลงมาก็ชื่อเสียง พวกมันใช้ชีวิตกันแบบนี้..”

“แต่ฉันไม่สนหรอกนะว่าใครจะเป็นตายยังไง ส่วนฉัน..ก็แค่พยายามไม่ให้ตัวเองเดินตกไปอีกฝั่งจนมองไม่เห็นเชือกก็แค่นั้น”

“.........” สมุทรได้แต่เงียบสนิท 

“นายไว้ใจใครในวงการมวยได้เหรอ ?” ผมหันไปสบตา 

“คนที่ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ยังตอแหลเป็นไฟ มันไม่มีอะไรแปลกหรอกถ้าจะเจอแต่คนไว้ใจไม่ได้ในวงการแบบนี้ ถ้าทุกอย่างบนโลกนี้มันเป็นไปตามกฏที่ควรเป็นอย่างที่นายว่า โลกก็คงไม่มีสงคราม หน้าบ้านชนชั้นกลางก็คงจะไม่มีใบปลิวเงินกู้นอกระบบเกลื่อนเป็นขยะ”

“มันง่ายขนาดนั้นไหมละ ? ถ้าทุกอย่างมันง่ายขนาดนั้น ครอบครัวนายก็คงไม่หนีตายหัวหดก้นขวิดหรอก” ผมบอกออกไปเสียหมดเปลือก  รู้ดีว่าเป็นคำพูดที่ไม่ควรแตะแต่ก็อดไม่ได้

“ว่าไม่ได้..เหตุผลก็เพราะต้องกินต้องใช้กันทั้งนั้นนี่นะ” ผมหัวเราะขึ้นจมูกปัดประเด็นไปที

“แค้นไหมครับ” สมุทรถาม 

“เรื่องวันนี้น่ะเหรอ ? ไม่..” ผมตอบเสียงเบา  เรามองหน้ากันแทบไม่กะพริบ

“ไม่เท่าไหร่” ผมขยายความยิ้ม ๆ  อีกฝ่ายอมยิ้มเล็กน้อย 

“เวร..ระงับไม่ได้ด้วยการผูกเวรหรอกนะครับ”

“นั่นมันเป็นเงินส่วนที่ฉันควรจะได้อยู่แล้ว” ผมแทรก  เพราะตามทันว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร  เขากำลังจะบอกผมว่าผมควรหยุดตั้งแต่แรกแล้ว

“แค่ไม่กี่วันที่เดินทางมานี่ฉันหมดไปกี่แสน ค่าข้าวค่าน้ำ ค่าที่พักค่าเดินทาง ค่าเหงื่อไอ้นพที่ซ้อมมาเป็นปี ๆ อีกกี่แสน ? ค่าใช้จ่ายนักมวยแต่ละวันจนกว่าจะได้คิวขึ้นชกสักเวที นายก็รู้ว่ามันเยอะแค่ไหน สิ่งที่ควรได้รับคือให้ฉันเอาเงินไปจ่ายให้ทนายประจำตระกูลเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมที่สู้กันไม่รู้กี่ปีถึงจะจบงั้นเหรอ หึ..หวานหมูพวกมันแหละ”

“ถ้าลองคิดแบบระยำ ๆ เลยนะ ขึ้นชกสิบครั้ง..นักมวยถูกวางยาไปแล้วห้าเวที แบบนั้นฉันไม่ฉิบหายเหรอ ?” ผมเพ่งมอง  ไม่ได้ต้องการคำตอบแต่เพียงต้องการให้เขามองในมุมของผมบ้างก็เท่านั้น

“ทั้ง ๆ ที่นายก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร พูดไปก็ไม่จบหรอก มีแต่จะเถียงกันซะเปล่า ๆ” ผมตัดบท

“ฉันเหนื่อยจะพูดเรื่องนี้แล้วด้วย นายไม่คิดว่าการที่นายออกมานั่งกับฉันแบบนี้..จะมีเรื่องบันเทิงมาให้ฉันสบายใจหน่อยรึไง” ผมเสนอกลับ

“ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมเคยมีอาชีพเป็นตลกนี่นะ” สมุทรย้อน

“ตลกเขาก็ไม่ได้เล่นตลกเกลื่อนกลาดไปทั่วสักหน่อย” ผมอมยิ้มตาวาวทำให้อีกฝ่ายหยุดยิ้มเช่นกัน

“เพราะความน่าไม่อายของคุณเมื่อกี้ เลยทำให้พนักงานพากันแอบมามองเรา..ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” สมุทรเหลือบตาไปทางด้านหลังของผมก่อนเหลือบกลับมามองขวางใส่ผมด้วยคำพูดและสายตาทิ่มแทง  เห็นเป็นอย่างนั้นผมเลยยิ้มมองด้วยความหมายที่มากกว่าเดิม  สมุทรจ้องกลับด้วยใบหน้านิ่งขรึม  เราสู้กันด้วยสายตาที่ต่างความหมายอยู่พักหนึ่งเห็นจะได้  ครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็ยอมเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปก่อน  แต่ผมยังคงปฏิบัติเช่นเดิมจนเขาหันกลับมาอีกครั้ง  และแววตาของเราต่างก็เปลี่ยนไป

“ที่นายไม่ปฏิเสธฉันตรง ๆ เพราะนายคิดว่าฉันมันเป็นคนประเภทไม่จริงจังในความสัมพันธ์ใช่ไหม คิดว่า..เดี๋ยวฉันเบื่อก็คงจะหยุดไปเอง” ผมวิเคราะห์  เปลือกตาของเขากะพริบอย่างเนิบช้า ใจเย็น

“ครับ..” สมุทรตอบรับโดยง่าย 

“และเพราะผมคิดว่าความสัมพันธ์จะไม่มีทางเกิดขึ้น..ถ้าคนสองคนไม่ได้มองอยู่ในระดับเดียวกัน”

“แต่ทำไมฉันรู้สึกว่านายมองระดับเดียวกันกับฉันอยู่” ผมเบะปากพลิกวิกฤตในทันที 

“บางที.. เวลาอาจทำให้คนเรามองอยู่ในระดับเดียวกันโดยไม่รู้ตัวก็ได้” ผมเท้าคางมองตอบสายตาที่แน่วแน่ตรงหน้า

“นายไม่คิดว่าฉันเซ็กซี่เหรอ ? ไม่เอาน่า..ฉันรู้ว่านายก็แอบคิดอยู่บ้างล่ะ” ผมแสยะยิ้ม

“เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองจังเลยนะครับ” สมุทรยิ้มเย้ยหยัน
 
“ก็ทำนองนั้น” ผมยักไหล่รับ

“ช่วยไม่ได้..อยู่กับนายทีไร ฉันมีอารมณ์ทุกที” ผมบอก  หางคิ้วข้างขวายกขึ้นสูง

“คุณ!” สมุทรอึกอัก  ใบหน้าเปลี่ยนความหมาย

“หูนายแดงน่ะ..” ผมทำปากเตือนส่งสัญญาณไปทางใบหูของเขา

“ในฐานะที่ฉันดูร้ายกาจในสายตานาย ขอบอกให้รู้ว่าคนเจ้าชู้น่ะมีหลายแบบ” ผมตั้งท่านั่งหลังตรงเป็นงานเป็นการ 

“มีแบบขาดศีลธรรมไปโดยสิ้นเชิง แบบกึ่ง ๆ มีศีลธรรม กับแบบมีศีลธรรมผุดขึ้นมานาน ๆ ที ส่วนคนแบบนายก็เจ้าชู้ได้ ถ้าจะเจ้าชู้ แล้วที่สำคัญ..” ผมทิ้งน้ำเสียงลง

“ฉันคิดว่าเป็นประเภทที่ควรระวังมากที่สุดด้วย ประเภทนี้จะไม่แสดงออกว่าตัวเองเจ้าชู้ น่ากลัวใช่ไหมละ ตามตรงแล้วฉันเกลียดประเภทนี้ที่สุด” ผมเบะปากทำหน้าเอือมประกอบ

“ถ้าคุณคิดว่าเป็นอย่างนั้น คงงั้นมั้งครับ แต่ผมคิดว่าผู้ชายประเภทที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นพวกหว่านเสน่ห์ไปทั่วด้วยสายตา แต่พอเอาเข้าจริง กลับ..ไม่เอา” สมุทรย้อนเลิกคิ้วยียวน  ท่าทีของเขาที่ทำให้ผมยิ้มมุมปากได้สูงขึ้นกว่าเดิม
 
“โอเค” ผมพยักหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยโดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ  เพราะผมก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ

“นายหึงฉันงั้นเหรอ ?” ผมยิ้มกว้างด้วยใบหน้าดีใจ  สมุทรได้ยินถึงกับชะงัก  พอเขาคิดได้ว่าตัวเองขุดหลุมฝังตัวเองซะแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา

“จริง ๆ แล้วนายกำลังกังวลว่าฉันก็ส่งสายตาแบบนี้กับคนอื่นไปทั่วใช่ไหม ? เฮ้อ โอเค..ต่อไปผมจะไม่ทำแล้วครับ” ผมตีหน้าซื่อ

“คุณไฟครับ” สมุทรปราม

“ครับ ?” ผมขานรับไม่รู้ไม่ชี้ทำให้สมุทรส่ายหัวคล้ายเหนื่อยที่จะห้ามต่อ

“นายมีเซ็กส์ครั้งแรกเมื่อไหร่” ผมยิ้มถาม  เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง

“จิ ทำไมคุณถึงชอบถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง” อีกฝ่ายคิ้วขมวดผูกเป็นโบ

“ก็อยากรู้ไม่ได้รึไง ไม่เห็นจะประหลาดตรงไหน” ผมว่า  สมุทรถอนหายใจน้อย ๆ และเลือกที่จะไม่ให้คำตอบเพื่อสยบความเคลื่อนไหวของปากผม

“ฉันถูกบ๊วบให้ตั้งแต่ขึ้นป.หกแล้ว เคยสงสัยเหมือนกันว่า ‘ทำไมไอ้แท่ง ๆ นี้มันถึงได้ตั้งกันวะ’ ตอนนั้นหนักใจแทบแย่แน่ะ” ผมทำเสียงประหลาดใจเมื่อนึกถึง

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ครับ” สมุทรพูดเสียงแข็ง 

“แล้วก็เริ่มมีเซ็กส์จริง ๆ ตอนขึ้นม.หนึ่ง ก็ช่วยไม่ได้ โตเร็วไปหน่อย” ผมยังไม่หยุดเล่า  สมุทรนั่งนิ่งจ้องผมตาขวางเอาเป็นเอาตาย  ผมเลยยอมเงียบปากลงแล้วฉีกยิ้มให้  เพราะแม่งตลก

“..ฉันไม่เคยมีแฟน” ผมพูดโต้ง ๆ  การเปลี่ยนประเด็นทำให้สายตาที่มองมาเริ่มกะพริบได้บ้างแล้ว

“คนที่เคยไปไหนมาไหนได้ด้วยนาน ๆ คงคิดว่าฉันเป็นแฟน แต่ฉันไม่เคยคิดว่าคนพวกนั้นเป็นแฟน” ผมบอก  สายตามุ่งมองไปที่พุ่มไม้ทางด้านหลังของสมุทร 

“ฉันก็เคยคิดว่าอยู่เหมือนกันว่าแบบนี้มันแปลกรึเปล่านะ แต่ก็นะ..ไม่เคยคิดอยากมี” 
 
“คุณไม่เคยรักใครเลยเหรอครับ” สมุทรถามกลับเสียงนุ่มปนไปด้วยแววตาที่สงสัยและดูเป็นห่วงมากกว่าจะเหลือเชื่อ  ผมเงียบ  เหลือบตามองลงไปที่พื้นอย่างใช้ความคิด

“ก็..ไม่รู้สิ รักมั้ง..แต่ ไม่ได้รักแบบนั้น รักแบบ..เพื่อนมนุษย์” ผมอธิบาย  ใช่..รักแบบเพื่อนมนุษย์  มันถูกต้องในประเด็นของผมที่สุดแล้ว

“แต่ดูเหมือนตอนนี้กำลังจะได้เจอแล้วล่ะ” ผมยิ้มกว้าง  เหวี่ยงประเด็นกลับมาที่เดิมอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว  จากที่สมุทรดูอ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจผมอยู่เมื่อครู่เขาก็เปลี่ยนอารมณ์ทางสีหน้าในทันควันเช่นกัน

“ครับ..งั้นก็ขอให้สำเร็จนะครับ” อีกฝ่ายเหล่มองด้วยท่าทางมั่นใจ 

“อู้~ รู้ตัวซะด้วย” ผมตาวาว  ได้ทีแซวย้อนเข้าให้  เขาคงทนฟังอยู่ไม่ไหว  จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นเดินหนีไปซะเฉย

“ไม่เอาน่า! อย่างอนสิครับที่รัก!!” ผมตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อจงใจให้พนักงานในละแวกนี้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง  สมุทรชะงักหันขวับกลับมาหน้าตาตื่น

“ขึ้นไปรอบนห้องนะ ผมดื่มเสร็จแล้วเดี๋ยวจะตามไป!!” ผมยิ้มกว้าง  มองเห็นปากของสมุทรขยับพะงาบ ๆ เหมือนมันกำลังจะต่อว่ากลับมา  แต่แล้วมันก็ปิดสนิทลงไปพร้อม ๆ กับสันกรามที่ปูดนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ผมกัดฟันไว้แน่นแทบหักเพราะตัวเองก็เกือบจะหลุดขำ  สมุทรส่ายหัวนิดหน่อยจ้ำอ้าวกลับเข้าโรงแรมทันที

“ฮึ!” ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“ฮ่า ๆ ๆ  จี้ฉิบเลยว่ะ ทำเหี้ยอะไรของกูวะเนี่ย” ผมตัวงอก้มหน้าลงติดกับโต๊ะ  แม่งเอ๊ย.. กูจะกลั้นขำจนชักไหมเนี้ย



- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-11-2016 18:27:45

เช้าวันรุ่งขึ้นเราต่างทยอยเดินทางกลับกรุงเทพ  ในส่วนของผมออกสายกว่ารถของทางค่ายไปเกือบชั่วโมงเพราะไม่มีสิ่งจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนให้กลับจึงได้มีโอกาสจอดรถเพื่อแวะกินข้าวและซื้อของในร้านที่ไม่เคยแวะมาก่อน  ความสบายใจจวนเกือบจะหมดลงเมื่อเราเข้าถึงตัวเมืองเพราะพี่ธานได้รับสายจากที่บ้านว่ามีแขกมาขอพบผม  ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกผมว่า “ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดี”

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณไฟ” คนในบ้านยืนพร้อมเพรียงรอต้อนรับ  ผมเพียงผงกหัวทักทาย  หยุดยืนอยู่ที่ปากประตูเพราะสังเกตเห็นรถยนต์ของพี่ทัพจอดอยู่ตั้งแต่มาถึง   

“อีกคันนั่นรถใคร ?” ผมถามถึงคันที่ไม่คุ้นตา

“มากับคุณทัพครับ” ลุงทองตอบ 

“ไอ้ดินล่ะ”

“อยู่ที่ห้องนอนครับ” ลุงตอบ  สมุทรและไอ้เด่นนำรถจอดเทียบเข้าที่ลานจอดรถ  แม่บ้านกุลีกุจอเข้าไปจัดการยกสัมภาระออกมาและแบ่งแยกทำตามหน้าที่   

“มึงขึ้นไปเช็กวงจรปิด” ผมสั่งพายุ 

“ครับ” พายุขานรับเข้าบ้านไปคนแรก  สมุทรกับไอ้เด่นหยุดยืนอยู่หลังพี่ธาน  ปลายไม้เท้าขยับก้าวไปทางด้านหน้าก่อนที่ขาจะก้าวตาม  จุดหมายคือห้องรับแขกที่ไม่รู้ว่าปัจจุบันรับแขกหน้าใหม่มาแล้วกี่คน  วันนี้ก็คงมีแขกหน้าใหม่มาแบบไม่ได้รับเชิญอีกตามเคย

“..........” คนในห้องหยุดบทสนทนาลงในทันทีที่ผมปรากฏตัว  พี่ทัพลุกขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มรับ  ผมหยุดมองตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาถึงขนาดนี้กลับยังห้อยบัตรเจ้าหน้าที่คล้องคอมาด้วย

ชายแปลกหน้าสองคน  คนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ พี่ทัพ  อายุอานามน่าจะราว ๆ เดียวกับไอ้เด่น  ส่วนอีกคนนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม  หน้าตาไม่ห่างจากวัยของพี่ทัพนัก  อีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่ทัพ  หนึ่งในนั้นเคยพบหน้ามาก่อนแล้วที่เขาใหญ่  ผมอมยิ้มเลิกตาทักทาย  จำได้คร่าว ๆ ว่าน่าจะชื่อทิวอะไรนั่น  อีกฝ่ายหลบตาลงในทันที  แม่บ้านนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ผมโดยเฉพาะ  เพราะเครื่องดื่มของแขกคนอื่นถูกเสิร์ฟต้อนรับเรียบร้อยแล้ว  ไม่มีใครเริ่มบทสนทนาจนแม่บ้านเดินจากไป     

“โทษทีที่มากะทันหัน” พี่ทัพเอ่ย  ผมมองเฉยอยู่พักหนึ่ง  การยืนของคนร่างใหญ่แบบนี้ถึงหลายคนทำให้ห้องรับแขกที่กว้างขวางดูเล็กลงไปนิดหน่อย  ผมเดินไปที่โซฟาตัวกลางที่ว่างอยู่คล้ายกับแขกที่มาเยี่ยมก็รู้จักมารยาทอยู่บ้างว่าไม่ควรแตะต้องมัน  มือแตะลงที่กระเป๋าเสื้อที่หน้าอกของพี่ทัพเบา ๆ  อีกฝ่ายยืนเฉยจ้องมองการกระทำของผมโดยไม่พูดอะไร  นิ้วชี้เกี่ยวขอบกระเป๋าเสื้อออกเพื่อช่วยจัดให้เป็นระเบียบ  เห็นขัดลูกตา 

“นอกจากพี่แล้วผมไม่ชอบให้คนในเครื่องแบบมาป้วนเปี้ยนในบ้าน ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก” ผมพูดเสียงเรียบ  พี่ทัพถอนหายใจเบา ๆ  แต่กลับได้ยินเสียงจิจ๊ะจากปากของคนข้าง ๆ ดังลอดสวนออกมา  ผมแสยะยิ้มมุมปาก  เหล่ตามองไปที่เป้าหมายที่ยังไม่ได้ทำความรู้จัก  อีกฝ่ายแสดงสีหน้าไม่พอใจ  ไม้เท้าจึงถูกขยับขึ้นจนปลายแตะไปยังป้ายคล้องคอของเจ้าตัว



ปึก!!   ..เจ้าของป้ายชื่อปัดปลายไม้เท้าออกอย่างแรง  ตาขวางมองเอาเรื่อง

“หึ ๆ  ดุซะด้วย” ผมแสยะยิ้มก่อนหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟา 

“ไอ้เต้ มึงนี่” พี่ทัพเอ่ยห้ามทำให้คนของพี่แกสงบลงได้ 

“มีเรื่องอะไร ?” ผมถาม 

“เห็นว่ามึงขึ้นชกเองเหรอ” พี่ทัพถามกลับ  ผมไม่ตอบ  ขาขวาขยับไขว้ห้างอย่างเคยชินโดยไม่สนสายตาทุกคู่ที่กำลังมองมา

“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“นิดหน่อย” ผมตอบ 

“เอ่อ..นั่นผา คู่หูใหม่อั๊ว แล้วนี่เต้ ลูกน้องในทีม” พี่ทัพแนะนำ 

“.........” การนั่งเฉยเป็นไปอย่างไม่คิดขานรับหรือมองหน้าใคร  สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์สีดำสนิทด้านหน้า  ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่เป็นเสมือนพี่ชาย  เจ้าตัวก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นเพื่อเปิดประเด็น

“ที่อั๊วมา เพราะมีเรื่องอยากให้ลื้อช่วย” พี่ทัพพูด  น้ำเสียงที่เน้นย้ำหนักแน่นบอกได้ว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่  ตั้งแต่ที่ผมเคยออกปากออกไปในครั้งนั้น  หากไม่จำเป็นจนสุดทาง พี่ทัพมักไม่เคยออกปากในทำนองนี้เลย

“มิตรหรือศัตรู ?” ผมถาม  แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“งั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม” ผมขยายความ

“งั้นเหรอ งั้นเราต้องคุยกันยาวหน่อยละมั้ง ทำอย่างกับไม่มีเรื่องติดตัว หึ!” ไอ้เต้พูดโผงขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ไอ้เต้ มึงหุบปาก” พี่ทัพว่า  คำขู่นั้นทำให้หัวเราะขึ้นจมูกได้นิดหน่อย 

“เรื่องอะไรที่ว่าน่ะ ?” ผมเบิกตาเลิกคิ้วยิ้มถาม  มือขวาขยับหมุนหัวไม้เท้าเล่นไปพลางจนเสียงดัง “แกรก ๆ” เป็นที่สนใจของคนที่ร่วมห้องอยู่ด้วยกัน 

“ออกเงินกู้ ? เข้าออกบ่อนเป็นว่าเล่น คนของมึงซ้อมคนปางตายไปแล้วกี่คน..นึกว่าพวกกูไม่รู้รึไง” ไอ้เต้ตอบกลับด้วยสีหน้าเอาเรื่อง 

“จุ ๆ” ผมปรามพลางแสยะยิ้ม

“คุณ..”
 
“ช่วยเรียกผมว่า ‘คุณ’ ด้วยครับ  ‘มึง’ มันฟังแล้วไม่รื่นหูเอาซะเลย..ฮึ” ผมฉีกปากหัวเราะออกมา

“สารวัตรก็รู้งั้นเหรอครับ” ผมพูดเชิงถาม  เปลี่ยนสรรพนามการเรียกตัวพี่ทัพ 

“ไฟ” พี่ทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายพร้อมเปลี่ยนการเรียกตัวผมด้วยเช่นกัน

“ผมไม่ชอบลูกน้องคนนี้ของพี่เลย บอกตามตรงว่านอกจากหน้าตามันจะเหมือนเด็กมีปัญหาทางครอบครัวแล้ว ปากมันก็ไม่น่าพิสมัยสักนิด”

“อบรบหน่อยสิครับ”

“หมาน่ะ..ต้องฝึกให้เชื่องก่อนเอาออกนอกบ้านนะครับสารวัตร เพราะเวลาที่เราต้องคอยกระตุกปลอกคอเตือนบ่อย ๆ  มันน่ารำคาญออก” ผมขมวดคิ้วแกมบ่น

“มึงว่าใครวะ!?” ไอ้เต้ขึ้นเสียงลุกขึ้นยืน  ผมนั่งเฉย  เอียงคอพลางช้อนตาขึ้นยิ้มมอง

“ไอ้เต้ นั่งลง” พี่ทัพสั่ง  เจ้าของชื่อยังคงยืนค้ำหัว  ไม้เท้าถูกวางลงบนโต๊ะกลางโซฟาก่อนเอนหลังพิงอย่างผ่อนคลาย
 
“เป็นคำพูดที่ไม่ตรวจสอบอะไรเลยนะ” ผมพูด  น้ำเสียงเรียบเฉยไม่แสดงถึงความไม่พอใจใด

“ไม่ยักรู้..ว่าเงินฉัน ได้ไปง่ายขนาดนั้น” แววตาของผมปนไปด้วยรอยยิ้มที่พยายามสื่อ  ผมไม่เคยปล่อยเงินกู้ให้ตาสีตาสาไม่รู้หนังสือและไม่เอาเปรียบคนที่เล่นไม่ซื่อกับผมก่อน  แม้แต่กับชนชั้นกลางก็ไม่คิดแตะ  เงินน้อยเหนื่อยง่าย  คนใหญ่คนโตที่กล้าเข้ามาหาคล้ายกับเป็นเส้นสาย  มุมมองภายนอกเหมือนกับมาเพื่อหยิบยืมกลาย ๆ  เราเก็บความลับของคนกู้  ถ้าลูกค้าประวัติดีเราก็ไม่เคยมีปัญหากัน  ดอกเบี้ยผมน่ะถูกยิ่งกว่าบริษัทถูกกฏหมายรายใหญ่บางรายซะอีก  หึ..น่าขำ

“ฟังดูไม่แฟร์เลยนะครับคุณตำรวจ ถ้าคุณคิดจะเปิดผมคนเดียวละก็ ผมจะช่วยทำงานให้ด้วยแล้วกัน ที่คุณมาก็เพราะรู้ไม่ใช่เหรอครับว่าผมรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง” ผมขยิบตาขวายิ้ม ๆ  อีกฝ่ายหน้าถอดสีด้วยเถียงไม่ออก   

“ไฟ” พี่ทัพเรียกสติ 

“ไม่ครับ” ผมตอบปัดทันที  น้ำเสียงที่ทุ้มลงในลำคอที่ใช้กับพี่เขาคนเดียวเป็นการบอกว่าผมไม่สนุกด้วยแล้ว

“คนของพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามารยาทในการปฏิบัติต่อเจ้าของบ้านน่ะเป็นยังไง”

“ไอ้เต้..อั๊วจะพูดอีกแค่ครั้งเดียวว่าให้ลื้อนั่งลง” พี่ทัพดุทำให้ครั้งนี้ไอ้เต้ยอมนั่งลงโดยง่าย 

“ไปหาคนอื่นสิครับ คนอื่น..ที่มันจนตรอกกว่าผม” ผมเสนอตาลอยมองพี่เขา

“จนตรอกเหมือนหมาที่วิ่งไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด” ผมยิ้ม  มุมปากที่ผลิยิ้มออกทั้งสองข้างให้พี่ทัพมันแทบไม่มีความหมายใด ๆ เลย

“เชิญกลับไปได้แล้วครับ บ้านนี้ไม่ต้อนรับ” คนที่เพิ่งถูกสั่งให้นั่งลงทำท่าฮึดฮัดทันทีที่ได้ยิน 

“ทางเราต้องการความร่วมมือจากคุณจริง ๆ นะครับ” พี่ผาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“มันไม่ใช่ปัญหาของผมครับ” ผมตอบ  สายตายังคงมองตรงไม่เจาะจงที่ใครเป็นพิเศษ

“หึ พูดหมา ๆ!” ไอ้เต้สบถ

“ช่วยไม่ได้ ก็มึงอ้าปากบ่อยซะขนาดนี้ หมามันจะวิ่งออกมาเข้าปากกูบ้างก็ไม่แปลก” ผมยิ้มตอบ

“มึง!” มันลุกขึ้นอีกครั้ง  ครั้งนี้ผมลุกขึ้นด้วยเช่นกัน  พี่ผาที่รู้แกวทำท่าจะเข้ามาคว้าของสำคัญของผมแต่ไม่ทันให้หยิบได้ถนัด  ไม้เท้าก็ถูกคว้าติดมือขึ้นด้วยความรวดเร็วแทงไปที่คอหอยของเป้าหมายจนอีกฝ่ายชะงัก 

“ไฟ..ใจเย็น” พี่ทัพลุกขึ้นปราม  สันกรามที่กัดขบไว้แน่นพยายามอย่างที่สุดกับการควบคุมอารมณ์นี้  ขณะเดียวกันพายุก็เดินเข้ามาทำลายความเงียบ  การที่มันเจาะจงเดินตรงดิ่งมาหาผมทำให้ทุกคนมองตามมาอย่างสงสัย
 
“เครื่องดักฟังอยู่ใต้โต๊ะ” พายุกระซิบที่ข้างหูก่อนก้าวขาออกห่างไปคืบหนึ่ง  ผมแสยะยิ้มตาวาวมองหน้าไอ้เต้  สายตาอีกฝ่ายกระอักกระอ่วนคล้ายรู้เสียแล้วว่าผมทราบอะไร 

“ไฟ” พี่ทัพพูด

“วันหลัง..บอกคนของพี่ด้วยว่าถ้าไม่อยากตายห่าอยู่ในนี้ก็ช่วยรู้สถานะตัวเองด้วย” ผมพูด  มือออกแรงกระแทกไม้เท้าย้ำแรงก่อนสะบัดออก  ไอ้เต้ถลึงตาด้วยความแค้น  เสียงสะอึกในลำคอ  ตัวเซถอยหลังไปตามแรงที่ถูกกระแทก

“คนแบบนี้เหรอที่พี่ร่วมงานด้วย หึ..สมควรหรอกที่ปิดคดีไม่ได้”

“มึง!” ไอ้เต้สบถพร้อมพุ่งเข้ามาด้วยความโมโหอีกครั้ง  ผมถีบเข้าที่ท้องมันก่อนที่จะบุกเข้ามาหา  ไอ้เต้หงายหลังล้มลงโซฟา  พี่ทัพเข้ามาแทรกกลางห้าม  เสียงชักปืนจากพี่ผาจ่อมาในขณะเดียวกับที่กระบอกปืนของพี่ธานและไอ้เด่นก็จ่ออยู่ที่พี่เขาเช่นกัน

“ฮึ!” ผมหันกลับไปมองพี่ผายิ้ม ๆ  หยุดทุกอย่างก่อนก้มลงหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้ววางลง

“ที่นี่เราอยู่กันแบบไหนรู้ไหมครับ ?” ผมยิ้มถามพี่เขา

“แบบที่..ไม่ว่าจะจนมุมแค่ไหน ก็ไม่เอาปืนจ่อหัวกัน” ผมตอบ  พี่ผาเหลือบตามองพี่ทัพเล็กน้อย

“แล้วคนที่ชักปืนจ่อหัวผมนี่เหรอครับ ที่ผมควรจะร่วมมือด้วย ?” ผมเบิกตาถาม 

“ลูกน้องผมเขาใจร้อนนะ อาธาน..ประวัติไม่เบาว่าไหม ? แต่ก็นะ..ผมน่ะ พร้อมตายอยู่แล้วล่ะครับ คิดว่าพร้อมกว่าคุณเยอะเลย” ผมยิ้มบอกอย่างเหนื่อยหน่ายต่อสถานการณ์เช่นนี้  หย่อนตัวนั่งลงที่เดิม  อะไร ๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว  ผมไม่ใช่ลูกชายคนโตที่เคยมีพ่อที่คาดหวังให้ครอบครัวของเราเดินหน้าต่อไปอย่างแต่ก่อน  ทุกอย่างมันเป็นระบบระเบียบของมันอย่างเหมาะควรแล้ว

“เอาสิ..ลูกพี่มึงกำลังจะตาย เป็นมึง..มึงจะทำยังไง” ผมเบิกตาถามเอาความจากไอ้เต้  อีกฝ่ายกัดฟันแน่น
 
“ตายแทนเหรอ ? หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะติดตลก

“ไม่.. ความจริงคือมึงจะปล่อยให้ลูกพี่มึงตาย ก็มันช่วยไม่ได้นี่นะ เสร็จแล้วมึงก็กลับบ้านไปพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชาย โทษตัวเองเป็นปี ๆ แต่กลับมีข้าวตกถึงท้องทุกมื้อ วนไปมาอยู่แบบนี้ แบบว่า..มีชีวิต” ผมเบะปากพูดแกมบ่น

“ไฟ” พี่ทัพปรามอีกครั้ง

“ลองพูดดูสิ ผมจะยอมตายแทนเอง ..พูดดูสิครับ” ผมมองอย่างท้าทาย

“ไอ้ไฟ! มึงใจเย็นก่อนได้ไหมวะ!!” พี่ทัพสบถ  ผมเงียบ หลับตาลงในทันที  ไม่ได้รู้สึกดีเลยที่ต้องทำแบบนี้กับพี่ชายคนสนิท  ความสัมพันธ์ระหว่างเรา พี่ทัพเองก็รู้ดีว่ามันมากกว่าคนรู้จัก  นับถือกันมากกว่าคำว่าพี่ชายของเพื่อนหรือเพื่อนของน้องชาย  ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ควรกลับมายุ่งเหยิงเพราะอะไรแบบนี้ 

“ผมเย็นเป็นน้ำเลย” ผมลืมตาขึ้น

“เทียบไม่ติดเลยกับที่คนของพี่ทำระยำที่บ้านผม” ผมบอก  ตามองไปที่โต๊ะตรงหน้าพลางยิ้มน้อย ๆ

“แม่งเอ๊ย! ไอ้ผา..วางปืนลง!!” พี่ทัพตะคอกอย่างหมดความอดทน  พี่ผาเหสายตาลงครู่หนึ่งก่อนยอมลดปืนลงก่อน  พี่ทัพถอนหายใจแรง  นั่งลงพร้อมนำมือลูบหน้าตัวเอง  ในห้องเงียบลงสนิท..

“เอาขยะของคุณกลับไปซะ” ผมพูด  คนถูกโยงถึงหน้าถอดสีแต่ยังไม่ยอมขยับตัว
 
“เอาคืนให้เขาไป..” ผมพยักพเยิดหน้าไปที่โต๊ะกลางโซฟาสั่งพายุ  ไอ้เต้นิ่งมอง  โต๊ะสั่งทำที่มีน้ำหนักมากหลายกิโลถูกยกขึ้นตะแคงข้างโดยพายุ  ขยะที่ว่านั่นแปะหราอยู่ที่ใต้โต๊ะอย่างที่พายุบอก

“ไอ้เต้!!!” พี่ทัพขึ้นเสียงตาขวางขึ้นมองหน้าลูกน้องตน

“ขอโทษครับ” เจ้าตัวก้มหน้าสำนึกผิด 

“ถ้าเขายังไม่หยิบกลับไปเองดี ๆ ผมจะสั่งให้คนของผมเอายัดปากเขากลับไปนะครับ เก็บไว้เผื่ออมตอนตาย” ผมหัวเราะ

“ไอ้ไฟ..พอได้แล้ว! ไว้หน้ากูบ้าง” พี่ทัพว่าขมวดคิ้วเป็นปม

“นี่มันบทครับ”

“ที่พวกพี่มาบ้านผม เรากำลังเล่นนอกบทกันอยู่..หรือไม่ใช่ ?” ผมบอก

“คนของพี่ไว้หน้าผมไหม”

“พี่..ไว้หน้าผมรึเปล่า” ผมถามกลับมองตาลึกลงไป  พี่ทัพถอนหายใจเบือนหน้าหนีอีกทาง

“อั๊วขอโทษ”

“ไว้อั๊วจะมาใหม่ ตอนที่ลื้อเย็นกว่านี้” พี่เขาลุกขึ้น

“ผมไม่ทำ” ผมบอกดักไว้ก่อน

“..........” พี่ทัพยืนนิ่งมองต่ำมาที่ผมครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไรอีก  เดินผ่านหลังโซฟาที่ผมนั่งอยู่ไปลูบไหล่พี่ธานก่อนออกจากห้องไป  ไอ้เต้ก้มลงเก็บของ ๆ ตนออกด้วยสีหน้าหงุดหงิดเต็มกลืนกลับออกไป

“ขอโทษด้วย” พี่ผาพูด  ผมเหลือบตาขึ้นมอง

“..ผมก็ด้วย” ผมบอก  อีกฝ่ายผงกหัวน้อย ๆ คล้ายรับคำและเดินออกไปพร้อมกับคนที่เหลือ  ผมนั่งเฉยอยู่อย่างนั้น  ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าทยอยออกไปทีละคน 

“เฮีย..” ไอ้ดินเอ่ยทักเบาลงในทันทีคงเพราะเห็นสิ่งผิดปกติ  ผมยังคงจ้องแก้วน้ำไม่ขยับไปไหน  อีกส่วนหนึ่งรับรู้ว่าไอ้ดินหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตูห้องไม่ยอมก้าวผ่านเข้ามา

“มีอะไร” พายุเอ่ยถามแทน  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นเข้ามายกโต๊ะกลับไปเป็นอย่างเดิม

“เอ่อ..เปล่าฮะ คือ..แค่อยากคุยกับเฮีย เรื่องเบิกเงินค่าแข่ง” ไอ้ดินตอบตะกุกตะกักไม่เต็มเสียง  พายุไม่ตอบคงเพราะรู้ว่าผมได้ยินแล้ว  ผมลุกขึ้นยืน..

“เคลียร์บ้านให้เรียบร้อย” ผมสั่ง  หมายถึงทุกจุด  ทุกคนผงกหัวรับทราบ  ไอ้ดินมองมาตาปริบ

“เอารายละเอียดให้พี่ธาน พี่อยากพักก่อน” ผมบอก  วางมือลงบนหัวไอ้ดินเบา ๆ  เพื่อเป็นการบอกว่าผมไม่ลืมที่จะทักทายการกลับมาถึงบ้าน

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ



...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 22-11-2016 18:44:03
+1 ไว้ก่อน เดียวมาอ่าน  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 22-11-2016 19:02:08
อู้วว หายคาใจ สลับกันนี่ละเยี่ยมมาก ในแง่ของ ผช แมน ๆ แมนทั้งแท่งแบบ สมุทร คิคิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-11-2016 19:06:05
ไฟจีบสมุทรได้หวานมากหวานจริงๆ รอวันสมุทรใจอ่อน/ไฟสู้ๆ >\\<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-11-2016 19:31:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-11-2016 19:56:28
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 22-11-2016 20:28:38
หูยยยยยย เค้าชอบพี่ไฟโหมดนี้อะ มันจี๊ดมากกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 22-11-2016 21:13:09
ต้องตั้งชื่อเรื่องว่ารักในดงปืนแล้วล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 22-11-2016 21:51:19
ชีวิตไฟดูเครียดมากกกก
ไม่นับตอนหยอดสมุทรนะ 555555
คือแต่ละคนที่เข้ามาหาหรืออยู่รอบตัวนี่ไว้ใจยากมาก
และพร้อมจะนำเรื่องมาให้ด้วย
สมุทรมาช่วยเติมให้ชีวิตไฟมีความสุขกว่านี้หน่อยเร็วววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-11-2016 22:05:50
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 22-11-2016 22:06:24
ตอนหลังๆแอบเครียดกันนิดหน่อย แต่ชอบพี่ไฟตรงที่เด็ดขาดแบบนี้จัง โหดแบบมีมารยาทสุดๆอะ

แล้วก็นะ....พี่ไฟแม่งโคตรรรรกวนตีนเลย กร๊ากกกกกก แต่ก็โคตรรักอะ รักตัวละครตัวนี้จริงๆ นี่ก็แอบสงสารสมุทรนิดๆนะ เล่นอะไรไปคุณไฟก็วกกลับมาเรื่องนั้นได้ทุกที ทำเอาสมุทรไปไม่เป็นหลายรอบเลย รีบใจอ่อนได้แล้วน๊าสมุทร คุณไฟเค้าหงายไพ่จนจะหมดแล้วเนี่ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 22-11-2016 22:06:28
ลุ้นแทบตาย นึกว่าจะนองเลือดซะแล้ว คุณไฟเท่อ่ะ >///<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 22-11-2016 22:40:51
คุณไฟเสี่ยงตายวันละสิบรอบ
กว่าสมุทรจะใจอ่อน
คงได้ตายก่อน

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 22-11-2016 23:30:18
พี่ไฟ~~สิ่งที่พี่ทำมันถูกต้องมาตลอดค่ะ
อย่าคิดมาก น้องเป็นห่วงค่ะ

ความซื่อสัตย์มันยังเป็นสิ่งสำคัญเพื่อดำรงตนในความสุจริต เชื่อว่าลูกน้องก็รักพี่ไฟไม่แพ้กัน แม้บางคนเท่านั้นที่อาจจะมีความโลภครอบงำบ้าง
เป็นกำลังใจให้พี่นะ
.........
กับสมุทร เหมือนความพิเศษมีมากขึ้น ดูอบอุ่น เหมือนใส่ใจในความรู้สึกกันและกันมากกว่าเมื่อก่อน น้องอ่านแล้วน้องเขินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ มันดีต่อใจมากกกก แม้จะจิกกัดพูดแกล้งโน่นนี่ แต่รอยยิ้มที่ทั้งสองคนมีให้กันมันมีความสุขจริงๆ

ปล1.คุณทัพควรหาลูกน้องที่มีมารยาทกว่านี้การมาขอความช่วยเหลือใครไม่ควรกร่าง แน่มากใช่ป่ะ บังอาจทำให้พี่ไฟอารมณ์เสีย เกลียดจริง!!!

ปล2.ขำน้องดิน ไม่กล้าเดินเข้ามาหาเฮีย นางคงกลัวโดนด่า แค่เฮียเดินเข้าไปลูบหัวแล้วเดินออกไป ทำไมเราน้ำตาซึมนะ มันดีอ่ะ พี่น้องรักกัน

ขอบคุณเบบี้ค่ะ  :กอด1:




หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 22-11-2016 23:57:05
ฮือออ นี่ก็รู้สึกมีความสุขเวลาสมุทรด่าอะไร
คงจิตเหมือนพี่ไฟ ถถถถถ
แบบว่าเวลามองตาขวาง กัดฟัน มันโดนจัยยย
แล้วพี่ทัพมีอะไร อยากรู้เลย
แต่คนชื่อเต้นี่ส้นตีนมาก มารยาทขั้นพื้นฐานไม่เคยเรียนเหรอ
ถึงได้แสดงความไร้มารยาทขนาดนี้ออกมา
มาขอความช่วยเหลือควรมาแบบนี้?
เลือกได้ขนาดนั้นเชียวเราะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 23-11-2016 00:54:30
ไฟแลดูเหนื่อยกับชีวิตมากกกก เฮ้อมมมม 55555555555555 เอาสมุทรเปลือยกายมาปลอบใจคุณไฟซักตอนสิคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 23-11-2016 00:57:53
ไฟเป็นคนรักสงบแต่มีเรื่องให้ต้องออกรบตลอดเลย  :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 23-11-2016 02:07:38
ชีวิตไว้ใจใครไม่ได้เลยงี้เหรอ แอบสงสารไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 23-11-2016 04:00:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 23-11-2016 05:23:25
ขุ่นพระ เขาพูดกันไม่กี่คำ แต่ละประโยคต้องตั้งใจอ่านเป็นอย่างมาก  เข้าใจยาก แต่ทำไม? .. อ่านแล้ว ฟินนนน  :ruready

ดูเหมือนคนรอบตัวไฟ จะมีอะไรให้ต้องห่วงไฟมากขึ้นทั้งนั้นเลยเนอะ อย่างน้อย ไฟยังโชคดีที่มีพี่ธาน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-11-2016 05:33:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 23-11-2016 07:10:57
เกิดเป็นไฟไม่ง่ายเลยจริงๆ มีความเสี่ยงทุกอย่างแม้แต่เรื่องความรัก 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 23-11-2016 08:07:11
สมุทรคงอ่อนใจ ก่อนใจอ่อนกับไฟอ่ะ ไฟมีเรื่องเข้าหาตลอดไม่ต้องเดินไปหาเรื่องเลย :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 23-11-2016 11:04:46
ชอบทุกอย่างที่เป็นไฟ ความเด็ดขาด ชัดเจน และกวนตีน 5555 ขอบคุณคุณเบบี้ค้าบบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 23-11-2016 14:04:55
อ่านแล้วหน่วง :mew5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 23-11-2016 14:10:39
คุณไฟทำเราหลงรักอีกแล้วววว ชอบ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 23-11-2016 16:59:44
เหนื่อยแทนไฟ 
เกิดเป็นคุณไฟชีวิตไม่ง่ายเลย 
รอบตัวมีแต่คมหอกและดาบ
อยู่วงการนี้มันไม่ง่ายเลยเนอะ 
เหมือนขี่หลังเสือจะลงก็ไม่ได้
จะอยู่เฉยๆเป็นเสือซ่อนเล็บ หมาก็ชอบมากระตุกหนวดแหย่ให้ต้องออกโรงอยู่เรื่อย   
 
ถึงโลกของคุณไฟจะสีเทา 
อย่างน้อยตอนนี้ก็มีสมุทรมาเป็นจุดสีชมพูเล็กๆให้พอได้ชื่นใจ แอร๋มม 5555

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 23-11-2016 21:56:29
เครียดตอนกลับมาบ้านเนี่ยแหละ น่าจะอยู่เที่ยวสักเดือนค่อยกลับมา  :กอด1:



รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 23-11-2016 22:17:15
ไฟจีบสมุทรได้กะล่อนมากแต่บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ หุหุ ถ้าเราเป็นสมุทรนี่มีหวั่นไหวอ่ะ :o8: :-[
พวกตำหนวดนี่มันจริงๆเล้ยย มาเหยียบถึงบ้านเขาก็ช่างกล้าติดเครื่องดักฟังนะ :m16:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 23-11-2016 22:19:59
คุณไฟทำเราหลงรักอีกแล้วววว ชอบ
 :กอด1: :กอด1:

เหมือนกันเลยค่ะ ตกหลุมรักคุณไฟซ้ำแล้วซ้ำเล่า :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 24-11-2016 08:01:02
เมื่อไรจะฟีทเจอริ่งกันสักทีน้อออออออ พี่ไฟรอจนจะมอดแล้วข่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 24-11-2016 09:47:07
ไฟขยันกวนสมุทรได้ทุกวัน5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 24-11-2016 21:13:36
รักคุณไฟจังเลย โคตรเท่ นิ่งมากๆ ชอบคนที่คิดวิเคราะห์แยกแยะเป็น :katai4:
รอตอนต่อไปค่า สนุกสุดๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-11-2016 23:39:25
หู้วววววว!!! สมควร!! มาขอร้องแกมข่มขู่ไม่พอ พูดแล้วยังทำแบบนั้นอีก มันใช่ไหม เล่นกับใคร หึ!! //มุมมองในด้านธุรกิจ+สังคมสิ่งแวดล้อมที่ไฟเป็นอยู่นี้ หาข้อแย้งไม่เห็นด้วยไม่ได้เลย ไฟพูดมาคือมันใช่ อำนาจเงินชื่อเสียงมันเกิดขึ้นจริง //ไม่ว่าเรื่องอะไรชั่วโมงบินของไฟกับสมุทรมันต่างกันจริง ตอนนี้เห็นชัดเลย อืมมมันก็นะ สมุทรต้องเรียนรู้อีกเยอะ //ไฟก็ชัดเจนความรู้สึกแบบหมดเปลือกเลย 5555 บอกออกไปให้เคลียร์ เหย้าแหย่นิดหน่อยพอให้กระชุ่มกระชวยหัวจายยยยยยย สมุทรโดนไปซะหลายดอก ก็คนมันหน้าไม่อายอ่ะ ขึ้นๆว้อยยย 55555 ยิ่งทำให้มีน้ำโห ฮึดฮัดๆแบบนั้น ไม่รู้รึไงไฟมันยิ่งช้อบชอบบบ  555555 //ยิ่งได้รู้จักไฟ มันเก่งมากจริงๆ หน้าที่ความรับผิดชอบงาน+ด้านความเป็นอยู่  คลุกคลีด้านมืดด้วยแบบนี้ แต่ยังคงรักษาความเป็นตัวเองความเป็นคนไว้ได้ ปรบมืออออ! 5555 ไฟตรู~~ มันดูเก่ง ความคิด(ชั่ว)ดี ความคิดได้ ความหื่น ความกะล่อน ความโหด ความจริงจัง ความทันเล่ห์เหลี่ยม ความหน้าด้าน #ไฟคนจริง //แล้วก็นะสมุทร ที่บอกว่า ⏩ “ครับ..งั้นก็ขอให้สำเร็จนะครับ” จ๊ะ สมพรปากนะ 5555555555 ไฟมันก็คงวอแววันละนิดจิตแจ่มใส ค่อยๆตอดเล็ดตอดน้อยไป ไม่นานหร๊อกกก สำเร็จตามที่อวยพร 555555555 #ไฟสมุทร ชอบบบบบ มันส์ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-11-2016 12:06:03
กระชากอารมณ์กันตันหลอดดดด~ :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 27-11-2016 17:35:33
เฮียไฟมาแล้วววววววว
ลุ้นจริงๆ ว่าเมื่อไหร่เฮียไฟจะจีบสมุทรติด *ถือป้ายไฟเชียร์เฮีย

รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 27-11-2016 22:02:53
คุณไฟ...ในโหมดดาร์ก....!!!!

รอตอนหน้าค่ะ....

รอร่วมให้กำลังใจหยอดสมุทรต่อ!!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-11-2016 23:32:34
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 29-11-2016 11:50:16
อย่างกับไปดินเนอร์กันแนะ  :-[
ทำไมเรามองว่าไฟเป็นคนใจเย็น
เพราะถ้าใครเจอคนแบบไอ้เตคงได้เห็นเลือด

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 32 [ 18:22 น. - อ. 22 พ.ย 59 หน้า 40 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 29-11-2016 22:04:11
เป็นไฟนี่ก็ไม่ง่ายเลยอ่ะ เจอแต่เรื่องเครียดๆ  แต่สมุทรคงจะเครียดกว่าเพราะเจอไฟจีบ  :m20: ชอบตอนไฟคุยกับคุณหมอ แบหมอเจ๋งอ่ะ  พี่ธานนี่เป็นพี่ใหญ่จริงๆด้วย เก้านิ้วแหนะเขินจัง   :haun4:  :-[  รอตอนต่อไปค่ะ สนุกมาก โดยเฉพาะตอนไฟมีงานเข้าทุกตอนตื่นเต้นสุดๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 30-11-2016 16:15:30

[ อังคารที่ 22 พ.ย 59 ] ตอนที่ 32 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1170


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 33
..ไฟ..




“ลุง! แข็งใจไว้ พี่ทัพกำลังมาแล้วนะ เราจะออกไปด้วยกัน”
“รีบ..อะ เอาคุณไฟ หนีไปเดี๋ยวนี้”
“ลุง..”
“ไม่!! พี่ธาน..ปล่อย! ระยำเอ๊ย! ปล่อยกู!!”
“กูจะฆ่ามัน!! ไอ้สัตว์! กูจะฆ่ามัน!!!!”



“ขออนุญาตครับ” ผมผงะหลุดออกจากภวังค์

“กินอะไรหน่อยนะครับ” พี่ธานพูด 

“ผมไม่หิว” สายตาผมยังคงจับจ้องอยู่ที่สวนริมสระว่ายน้ำตรงหน้า  รู้เพียงว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้แล้ว
 
“.........” พี่เขาเลือกที่จะไม่พูดใด ๆ แต่ดื้อดึงวางเครื่องดื่มเสิร์ฟลงบนโต๊ะ  สมุทรตามหลังมาติด ๆ พร้อมกับถาดอาหาร  เขาจัดแจงนำมาจัดโต๊ะโดยที่พี่ธานยังคงยืนเงียบมองคล้ายรอตรวจดูความเรียบร้อยให้พอใจ  ผ่านมาสองวันแล้วที่พี่ทัพกลับไป  พี่เขาไม่ได้ติดต่อมาหาผมอีกแต่ฉลาดเลือกที่จะติดต่อผ่านพี่ธานแทน  บอกปัดไม่ได้ว่าการมาของพี่ทัพทำให้อยู่ ๆ ความหดหู่ใจที่ได้ฝังลึกไว้ชวนกลับมาให้นึกถึง  โชคดีหน่อยที่ช่วงนี้ไม่มีงานเร่งและส่วนตัวผมไม่คิดวางแผนที่จะทำอะไรสำคัญเป็นพิเศษ
 
“ตั้งแต่เช้าคุณกินแค่น้ำข้าวโพดเอง กินหน่อยเถอะครับ เลยเที่ยงมามากแล้ว” พี่ธานบอก  ผมไม่ตอบ  เถียงสู้ไปยังไงอาหารก็จัดเตรียมไว้ให้เสร็จแล้วอยู่ดี  สมุทรกลับเข้าบ้านไปอีกครั้ง 

“เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูที่ตลาดนะครับ อยู่นี่ก็เรียกใช้สมุทรได้ วันนี้..ไหน ๆ คุณก็หยุดพักแล้ว ผมอยากให้เลิกคิดอะไรด้วย ผมหมายถึงทุก ๆ เรื่องน่ะครับ คุณเองก็ยังไม่หายดี การเลิกคิดคือการพักที่ดีที่สุดของร่างกายนะครับ” พี่ธานยิ้มบอก  เมื่อรุ่งเช้าพี่ธานบอกกับผมว่า  พี่ทัพพูดเป็นนัยยะว่ามีการลักลอบส่งยาเสพติดผ่านที่ตลาดของผม  ตัวพี่ทัพเองยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดแต่เป็นการได้รับข่าวมาอีกทีหนึ่ง  ผมคิดว่าเมื่อวานก่อนที่พี่ทัพมาก็คงมาเพราะจะสืบเรื่องนี้ด้วย

“ครับ” ผมตอบ

“ขอตัวนะครับ” พี่ธานก้มหัวลง  ผมพยักหน้าอนุญาต  ยังคงมองอาหารตรงหน้าและนิ่งเฉย  โทรศัพท์ไม่ได้ถูกเปิดมาตั้งแต่เมื่อคืน  เห็นว่าวันนี้พายุออกไปเรียน  ส่วนไอ้ดินออกไปข้างนอกกับไอ้หิน  เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีเห็นจะได้  อาหารคงเริ่มเย็นชืด  เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ทางด้านหลังแต่แล้วเสียงก็เงียบ  เป็นอยู่อย่างนี้อยู่สองครั้งจนสมุทรปรากฏตัวตรงหน้าผมพร้อมกับจานผลไม้ 

“ทำไมไม่กินละครับ”

“ไม่หิว” ผมถอนหายใจ  บนจานผลไม้มีแอปเปิล สับปะรดและฝรั่งที่มากกว่าส่วนอื่นหน่อย

“อยากได้อะไรเพิ่มไหมครับ” สมุทรถาม

“นายมั้ง..?” ผมเท้าแขนมองเป็นการตอบส่ง ๆ ไปที  แต่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อน ๆ ของเขาทำให้ผมชะงัก  สมุทรเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามนั่งลง

“แปลกแฮะ” ผมทัก 

แปลกตาที่อีกฝ่ายยอมนั่งลงง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องออกปากขอหรือยื้อให้ทำ  สมุทรเงียบมองเหมือนรอดูว่าผมจะกินอาหารตรงหน้าเมื่อไหร่  แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น  สระว่ายน้ำด้านหน้าถูกแดดสะท้อนจนรู้สึกแสบตา  ความเงียบสงบที่ควรสบายใจกลับไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอยากทำอะไรขึ้นมาจริง ๆ
 
“กินหน่อยเถอะครับ” อีกฝ่ายพูดขึ้นหลังจากที่เราเงียบมาร่วมห้านาที

“ยังไม่หิวน่ะ” ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้นเดินกลับเข้าบ้านมา  เสียงเรียกชื่อตามหลังครั้งหนึ่งแต่แล้วก็เงียบไป  ผมตรงขึ้นห้องทำงาน  บนโต๊ะทำงานมีเอกสารที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยกองอยู่ทางซ้ายมือพร้อมกับกระดาษและโน้ตย่อจากพี่ธานว่า “ของคุณดินครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

เก้าอี้ทำงานถูกหมุนได้องศาก่อนหย่อนตัวนั่งลง  หยิบเอกสารของไอ้ดินขึ้นอ่านอย่างคร่าว ๆ เพราะอย่างไรมันก็คงผ่านตาพี่ธานมาก่อนหน้าแล้ว  ตัวเลขงวดแรกสองหมื่นบาทถ้วน  ผมจึงหยิบเงินสดออกจากเซฟเตรียมพร้อมไว้จะได้ไม่ลืม 


หลังเอนพิงพนักเก้าอี้  ขาพาดไปที่ที่พักเท้าใต้โต๊ะ  ลมที่ถูกถอนออกทางปากครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ  พยายามมาโดยตลอดที่จะเลิกคิดเรื่องในอดีต  มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน  แต่มนุษย์ธรรมดาก็คือมนุษย์ธรรมดา  สุดท้ายพอมีเหตุการณ์มาสะกิดเพียงนิดเดียวอดีตก็ย้อนกลับมาแบบเดิมซ้ำ ๆ อย่างกับการฉายภาพซ้ำของฟิล์มที่ไม่มีวันสึกหรอ  ผมถอนหายใจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเพื่อเปิดเครื่อง  เมื่อหน้าจอสว่างข้อความต่าง ๆ ก็เตือนให้ทราบทันใด  ผมเลือกที่จะคว่ำหน้าจอไว้บนโต๊ะ  หยิบเอกสารเล่มบนสุดกางออกพร้อม ๆ กับเปิดเพลงที่สบายหูที่สุดคลอไปพลาง  สายตาที่มองตัวเลขบนสมุดบัญชียิ่งทำให้ตาพร่าเบลอด้วยเพราะสมองไม่ได้ทำงานขนานไปกับมันด้วย  พอเห็นท่าไม่ดีกลัวว่างานจะผิดพลาดจึงเลือกที่จะปิดสมุดลง  เดินตรงไปที่โซฟาตัวยาวในห้องทำงานก่อนเทตัวนอนลงอย่างกับคนเพิ่งเหนื่อยจากการไปออกรบมาอย่างนั้น



ก๊อก  ๆ ๆ

“คุณไฟครับ” สมุทรเรียกจากด้านนอก  คาดคะเนว่าน่าจะชั่วโมงหนึ่งได้แล้วที่นอนแอ้งแม้งอยู่อย่างนี้  ผมนอนฟังเฉยไม่คิดขานตอบจนคนข้างนอกเงียบไป  สักพักหนึ่งฝั่งนั้นก็เคาะประตูขึ้นอีกครั้ง

“เฮีย.. ยุเองนะ” พายุพูดคล้ายบอกให้ทราบก่อนเปิดประตูเข้ามาทันทีอย่างไม่รอคำอนุญาต

“ยุซื้อไอติมมาให้ล่ะ รสวานิลลา..มีทุกยี่ห้อเลย” พายุบอกเสียงใส

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ  ตอนแรกนึกว่ามันจะเอาอาหารมายัดเยียดให้กินอย่างคนอื่นซะอีก  แต่การบอกเฉย ๆ ก็เหมือนยัดเยียดละนะเพราะสมุทรที่ตามหลังพายุเข้ามาด้วย  มาพร้อมกับถาดเสิร์ฟไอศกรีมไว้ให้พร้อม  ผมยังคงนอนเฉยไม่คิดขยับ  พายุหยุดยืนข้าง ๆ จ้องมองมาด้วยสีหน้าเหมือนสำรวจมากกว่าอยากจะพูดอะไร

“เฝ้าให้กินให้หมดด้วยนะครับ” พายุหันไปสั่งเสียสมุทรก่อนออกจากห้องไปหน้าตาเฉย  สมุทรยืนชะงักอยู่ที่เดิมคล้ายงงงวย  เจ้าตัวมองถ้วยไอศกรีมอยู่ครู่หนึ่งก่อนช้อนตามองมา  ผมนอนเฉยมองเขากลับเช่นกัน  อีกฝ่ายยืนค้ำหัวอยู่อย่างนั้นไม่พูดไม่จา
   
“ถ้าป้อนละก็นะ..” ผมส่งสารบอกลอย ๆ เพื่อให้เขาพิจารณาเอาเอง


- You know that you can treat my heart. So, let’s do something more. -

“.........” ผมกางแขนออกขึ้นนำเทินไว้บนหัว  ความหมายของเพลงที่คลออยู่นั้นคงทำให้ใบหน้าของผมในตอนนี้มันเปื้อนยิ้มนิด ๆ อยู่เหมือนกันละมัง  ตามจริงแล้วก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะยิ้มสักเท่าไหร่  แต่เนื้อหาของเพลงมันเข้ามาสะกิดต่อมพอดี

“ไม่สมเป็นคุณเลยนะครับ” สมุทรพูดเสียงนุ่ม  คำพูดคล้ายต่อว่าแต่น้ำเสียงกลับฟังดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง

“ไม่สมเป็นนายเหมือนกัน” ผมย้อนตอบ  อีกฝ่ายยังคงนิ่งเพื่อสยบทุกอย่าง

“ฉันบอกว่า.. ถ้าป้อนละก็นะ” ผมพูดซ้ำย้ำจุดยืนเดิม  คนตรงหน้ายังคงนิ่งเฉย  ผมว่าเขากำลังชั่งใจคิดอยู่มากกว่า  ไอศกรีมคงทยอยละลายลงทีละนิดแล้ว  สมุทรถอนหายใจทิ้งเล็กน้อยพร้อมก้มตัววางถาดลงบนโต๊ะก่อนหยิบถ้วยไอศกรีมขึ้นไปถือไว้ในมือ  เราจ้องมองกันเขม็ง  รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของผมเกิดขึ้นเพราะความพอใจ  ขาข้างซ้ายขยับตั้งชันขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณบอกกับเขาว่า  ผมอนุญาตให้เขานั่งลงที่ตรงนี้ “เท่านั้น”


.. โซฟายาวที่ผมนอนอยู่มีพื้นที่ว่างเพิ่มขึ้น  สมุทรหย่อนก้นนั่งลงจริง ๆ  ทันทีนั้นผมจึงนำขาซ้ายพาดวางลงไปบนตักของคนตรงหน้าในทันที  อีกฝ่ายชะงักตาโต  เมื่อเขาได้สติ สายตาก็เหลือบขวางมาคล้ายกับไม่พอใจในการกระทำของผม  ผมยิ้มกว้างส่งกลับไปให้  ขาซ้ายกับขาขวาขยับเข้าแนบเอวของสมุทรมากกว่าเดิมอย่างไม่สนใจ  อีกฝ่ายจงใจถอนหายใจเสียแรง  สายตาที่เปลี่ยนจุดหมายมองไปที่โต๊ะตรงหน้าเป็นสายตาที่ข่มอารมณ์เย็นชาของตนไว้พอควร  มันว่างเปล่าจนจับความรู้สึกได้ชัดเจนสำหรับผม  แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหัวเราะออกมาได้อยู่ดี 

“จะกินรึยังครับ” สมุทรถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำกว่าก่อนหน้า  ผมออกแรงขาโดยเกี่ยวตัวของสมุทรเพื่อยึดไว้เป็นหลักพร้อมยันตัวลุกขึ้นนั่ง   


จุ๊บ ~   .. ริมฝีปากประทับหอมลงที่หัวไหล่อีกฝ่ายจนเกิดเสียง  ใบหน้าสมุทรหันขวับมาทันควัน  มากไปกว่านั้นคือสายตาที่จ้องขวางมาที่ผม  ผมมองตอบอย่างไม่ไยดีว่าเขาจะไม่พอใจแค่ไหน  ความในใจผมได้พูดออกไปแล้ว  ดังนั้นในบางเรื่องผมขอไม่แคร์ว่าเขาจะคิดห้ามการกระทำไหนของผมหรือไม่  สงครามประสาททางสายตาจบลงเมื่อสมุทรมุ่งมองไปทางอื่นก่อนเหมือนเป็นฝ่ายยอมตัดปัญหา  เราต่างหุบปากสนิท  ปลายคางของผมขยับเทินไปบนไหล่ของสมุทรอย่างเชื่องช้า คล้ายหมดแรง  เพลงเมื่อครู่เล่นไปจนจบเพลงแล้ว  Intro เพลงใหม่ก็เริ่มต่อขึ้น
   
“จะกินรึยังครับ”

“..ยังไม่หิว” ผมตอบเสียงเนือย  ขยับใบหน้าจนแก้มซ้ายแนบลงบนไหล่ของสมุทร  ระดับสายตามองเห็นตุ๊กตาตั้งโชว์ที่อยู่ติดผนังห้องทางด้านหลังโซฟา  ตัวมันมักจะขยับน้อย ๆ เมื่อถูกลมกระทบ  จำได้ว่าน่าจะเป็นของที่ไอ้ดินซื้อมาจากที่ไหนสักที่ตอนมันไปเที่ยวไต้หวันกับป๋าจง

“คุณไฟ..” สมุทรเรียก  น้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังจะหมดความอดทนแล้ว  ผมไม่ขานรับ  พออีกฝ่ายขยับตัวทำท่าจะยัดเยียดให้ผมกินไอศกรีมมันก็เหมือนมีอะไรมาเคาะเข้าที่จุดดำ ๆ ในตัวซ้ำ ๆ

“กูบอกว่ายังไม่หิวไงเล่า!” ผมตวาดอย่างรำคาญ  มองหน้าอีกฝ่ายที่การกระทำของเขามันไม่สบอารมณ์ผมสักนิด  สมุทรมองมาด้วยสายตาแปลกใจทำให้ผมหลบตาลง  ลมหายใจพ่นออกเรียกสติครั้งหนึ่ง  เขาเองก็ทำเช่นกัน  เจ้าตัววางถ้วนไอศกรีมกลับลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก

“ออกไปซะ” ผมพูด 

“.........” สมุทรนั่งเฉย  สันกรามของเขาปูดขึ้นเล็กน้อยเป็นนัยยะบอกว่าอีกฝ่ายกำลังขบฟันไว้แน่น  สายตาและใบหน้าตั้งตรงมุ่งมองไปแค่ด้านหน้าเท่านั้น  พอเขาทำท่าจะลุกขึ้นขาผมกลับรัดตัวอีกฝ่ายไปโดยอัตโนมัติ  มือจับเข้าที่ต้นแขนห้ามปรามเพื่อเป็นการบอกว่า “ผมเปลี่ยนใจแล้ว”  สมุทรหันกลับมา  ดวงตาของเราทั้งคู่คงสื่อความหมายไม่ต่างกัน  ต่างฝ่ายต่างข่มอารมณ์แปลก ๆ ที่ซ่อนลึกไว้ใต้ตม  เขาสะบัดแขนออกอย่างแรงประท้วงการกระทำของผม  ลำแขนที่ถูกเกร็งทำให้เห็นเส้นเลือดเด่นชัด  ผมคว้ามือตะบบเข้าไปจับไว้ที่เดิมอีกครั้งด้วยน้ำหนักที่แรงกว่าเก่า  สายตาที่ต่อสู้กันแทบไม่กะพริบนี้มีเพียงแรงของร่างกายที่ยื้อกันไว้เท่านั้น  เมื่อดูท่าว่าคนตรงหน้าจะสู้ไม่เลิก  ด้วยความหงุดหงิดใจ  มือข้างซ้ายที่พยายามจับแขนอีกฝ่ายจึงขยับขึ้นสูงเปลี่ยนตำแหน่ง  เสียงหลังมือตีกระทบเข้าที่แก้มสมุทรเสียงดัง “แปะ!”  เจ้าของร่างกายชะงัก  ผมขบกรามไว้แน่นเพ่งมอง  เราต่างหยุดยื้อแล้ว  ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจมากกว่าเดิมจึงเลือกหันหน้าหนีไปอีกทาง


.. ผมเอื้อมมือบีบหน้าเจ้าตัวเพื่อให้เขาหันกลับมามองทางนี้  สมุทรขืนแรงไว้ไม่ยอม  เมื่อผมออกแรงบีบหนักมากขึ้น ใบหน้าที่อยากมองถึงได้ยอมหันกลับมา  ผมชะงัก  ดวงตาคู่ตรงหน้ามองมาคล้ายลังเลในตัวผม  มือคลายแรงลงเรื่อย ๆ  การกระทำของเราทั้งคู่จึงชะลอ ..และเริ่มสงบลง

“โทษที” ผมบอก  มือถูกปล่อยทิ้งไปตามแรงโน้มถ่วง  หน้าผากซบลงที่ไหล่ของสมุทรอย่างเดิมอีกครั้ง  ความว่างเปล่าในใจไม่รู้มาจากที่ใด  เมื่อร่างกายไร้การขยับในห้องจึงแทบไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เลยนอกจากเสียงเพลง  ครู่หนึ่ง รับรู้ได้ถึงนิ้วมือที่แตะลงมาที่ต้นคอของผมอย่างแผ่วเบา  ผมหลับตาลง  ความอุ่นจากฝ่ามือที่กดทับลงมานั้นคล้ายกับพยายามบอกผมกลาย ๆ ว่า “ไม่เป็นไร”   

.. ไม่รู้กี่เพลงต่อกี่เพลงที่หมุนไป  เราสองคนยังคงอยู่ในท่านี้  สมุทรไม่แม้แต่จะขยับตัว  มือของเขาก็ยังลูบอยู่ที่เดิมจนอารมณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ  ผมจึงขยับใบหน้าพลิกกลับมาอีกด้านเพื่อจ้องมองเขา  สมุทรคงรู้ตัวแล้วจึงเหลือบตามองมาเช่นกัน 

“เดี๋ยวผมไปเอามาให้ใหม่นะครับ”   

“ไม่ต้อง” ผมบอก 

“มันละลายหมดแล้วครับ” สมุทรบอก  ผมจึงมองไปที่ถ้วยไอศกรีมซึ่งมันละลายเป็นน้ำแล้วจริง ๆ  สมุทรยกถ้วยไอศกรีมขึ้น  ผมยอมปล่อยขาออก  อีกฝ่ายออกจากห้องไปพร้อมกับถ้วยไอศกรีมนั้น 

ผมถอนหายใจแรง  เสยผมขึ้นกุมหัวไว้ทั้งสองมือพร้อมสูดหายใจเข้าลึกยาว  ไม่นานนักสมุทรก็กลับมาพร้อมกับไอศกรีมถ้วยใหม่  ดูเหมือนว่ามันจะลูกใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ  ผมมองดูและไม่เอ่ยปากพูดอีก  ต้องการจะดูว่าเขาจะเลือกนั่งที่เดิมหรือที่ตรงไหนด้วยตัวของเขาเอง

“ถ้วยเล็กนิดเดียวเองนะครับ ตั้งสี่ห้าร้อย” สมุทรพูดคล้ายบ่น
 
“หึ..” ผมหลุดยิ้ม  เขานั่งลงที่เดิมตรงหน้า  เมื่อเป็นดังนั้นผมจึงเกี่ยวขาไปบนตัวเขาด้วยท่าเดิมอย่างก่อนหน้าเช่นกัน  อีกฝ่ายมองมาแต่สีหน้าผ่อนคลายกว่าครั้งก่อน

“ก็บอกแล้วไงว่าไอติมกะทิสมัยนี้มันไม่มีรสถูกปากน่ะ” ผมบ่น

“ดีขึ้นแล้วล่ะ” ผมอมยิ้ม 

“งั้นก็กินเองได้แล้วสินะครับ” สมุทรยื่นถ้วยมากึ่งบังคับ

“ไม่ถนัด แขนขวามันอยู่ด้านหลัง ฉัน..ถนัดขวา” ผมตีหน้าตาย  ตามจริงแล้วผมถนัดทั้งซ้ายและขวา  สามารถเขียนหนังสือได้ถนัดทั้งสองมือมาตั้งแต่เด็กแล้ว
 
“งั้นก็นั่งดี ๆ สิครับ” สมุทรว่า  ผมตัดใจ  หยิบถ้วยออกจากมือของเขาพร้อมนั่งดี ๆ เป็นผู้เป็นคน  การตักไอศกรีมกินเป็นไปอย่างเงียบเชียบโดยมีคนข้าง ๆ นั่งมองผลงาน

“ไปเดทกันเถอะ” ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ  ตักไอศกรีมเข้าปากไปอีกคำ   

“พี่ธานกับคุณพายุอยากให้คุณอยู่พักผ่อนมากกว่านะครับ” คำพูดฟังดูปฏิเสธ  ผมหันหน้าไปมองพร้อมจ้องด้วยความหมายว่า “กู อยาก ออกไป ข้างนอก!”

“.........” สมุทรเงียบลงและเบือนหน้าหนี  ผมจึงหันกลับมามองถ้วยไอศกรีมและกินต่อ

“มีเซ็กส์กันไหม ?” ผมชวนไปกินไป

“ตั้งแต่เช้าคุณยังไม่ได้ทำแผลเลย พี่ธานสั่งผมไว้ด้วยน่ะครับ” เขาตั้งใจเมินทำเป็นไม่ได้ยิน

“งั้นต้องไปเดท..” ผมย้ำคำเดิม 

“คุณไม่ยอมทำตามที่พี่ธานสั่งงานผมไว้เลยสักอย่าง ผมเพิ่งเคยรู้สึกว่าตัวเองทำงานไม่ตรงไปตามเป้าหมายก็ตอนที่ทำงานกับคุณนี่ล่ะ” สมุทรย้อนกลับเสียงเข้ม

“.........” ผมแสยะปากเล็กน้อยแต่ไม่ตอบรับใด ๆ  จะว่าพอใจก็พอใจละมัง  มือตะแคงถ้วยไอศกรีมเพื่อให้ตักกินได้ง่ายมากขึ้น  การไม่โต้ตอบต่อเป็นการทิ้งช่วงเพื่อบอกอีกฝ่ายว่า “ถ้าเขาไม่ทำ ผมก็ไม่!” ถ้าเขายั่วอารมณ์มา  ผมจะยิ่งกวนตีนกลับ

“คุณไฟครับ” สมุทรเรียกอีกครั้งคล้ายรอฟังคำตอบรับ

“อะไร ?” ผมถามเสียงห้วนหันหน้าไปมอง  เลิกตาเบิกกว้างจงใจกวน  อีกฝ่ายขยับปากเล็กน้อย  ท่าทางเหมือนมีเรื่องจะพูดสักอย่าง  ผมยังตีหน้าเฉยเพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะจัดการยังไงต่อ  สมุทรถอนหายใจแรง

“เปลี่ยนเป็นวันอาทิตย์แทนได้ไหมครับ” เขาเสนอ  หน้าเครียดเชียว

“นานไปเปล่า เดทกันนี่ต้องมีฤกษ์ด้วยรึไง” ผมบ่นด้วยน้ำเสียงรับไม่ได้

“ผมจะไปให้ครับ ถ้านอกเวลางาน” สมุทรขยายความด้วยทีท่าหนักแน่น 

“..ก็ได้!” ผมกระแทกเสียงยอมรับในเหตุผล   

“นายพูดแล้วนะ”

“แต่ที่จริง ถ้านายพูดว่า ‘ผมก็ชอบคุณเหมือนกันครับ’ ตอนนี้เลย เราไม่ต้องไปเดทให้เสียเวลาก็ได้นะ” ผมบ่นงึมงำ  ยื่นถ้วยไอศกรีมไปให้

“อิ่มแล้ว”


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 30-11-2016 16:16:11

วันอังคาร : เขตตลาดชโนทัย

“มีอะไรเคลื่อนไหวไหม” ผมถาม  ไอ้เข้มถูกผมสั่งให้มาเฝ้าดูลาดเลาที่บริเวณตลาดตั้งแต่เช้ามืดแล้ว  เมื่อวานที่พี่ธานเข้ามาสืบก็ไม่พบอะไรเช่นกัน   

“ยังไม่พบอะไรเลยครับ” ไอ้เข้มตอบ  ผมล้วงมือเข้ากระเป๋าแจ็คเก็ตพลางมองไปรอบ ๆ 

“ไปพักเถอะ” ผมอนุญาต  ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงเต็มแก่แล้ว  ไอ้เข้มผงกหัวรับทราบ  เสียงเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์คันโปรดของมันกระหึ่มขึ้นจนชาวบ้านแถวนี้หันมองมา  เมื่อพวกเขาพบว่าผมยืนอยู่ด้วยทุกคนจึงหันหน้ากลับไป   

“เฮ้อ เพิ่มงานให้กูทำจริง ๆ” ผมบ่นเสียงเนือยจ้ำเท้าเดินต่อเข้าไปใกล้ในบริเวณตลาดสด  สมุทรและไอ้เด่นขนาบข้างตามหลัง  พ่อค้าแม่ขายที่เห็นต่างยกมือไหว้ทักทาย 

“ขายดีไหมครับ” ผมหยุดยืนหน้าร้านขายถั่วต้มซึ่งเป็นร้านของยายแมวที่ขายอยู่กับตลาดเรามานานหลายปีแล้ว  แกมักขายถั่วต้มเป็นหลัก  บางวันจะมีเผือกเผาและข้าวโพดต้มมาแจมบ้าง 

“ก็เรื่อย ๆ จ้ะ” ยายตอบ  ขณะเดียวกันมือของเธอก็หยิบถุงพลาสติกถุงเล็กกรอกถั่วต้มใส่ถุงยื่นมาคล้ายบอกให้ฟรี  ผมเหลือบมองราคาบนป้ายกระดาษที่เขียนขึ้นอย่างลวก ๆ  รับถุงมาพร้อมยื่นแบงก์ยี่สิบไปให้

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ยายให้”

“เอาไปเถอะครับ ของซื้อของขาย” ผมปฏิเสธ  ถึงผมรับของเธอมาฟรีผมก็ลดค่าเช่าแผงให้เธอไม่ได้อยู่ดี  ไอ้เด่นรีบเข้ามารับถั่วต้มจากมือผม  ผมเลยสะกิดให้มันเปิดถุงออกมันก็ทำตาม  มือหยิบถั่วต้มขึ้นมาแกะกินต่อหน้าคนขาย  ยายมองกะหลับกะเหลือกเหมือนรออะไรสักอย่าง 

“ข้าวโพดต้มด้วยครับ ถุงนึง” ผมชี้นิ้วไปกินไป  กลิ่นมันหอมดี  ยายยิ้มกว้างรีบนำข้าวโพดต้มที่ใส่ถุงมัดเตรียมขายไว้อยู่แล้วใส่ถุงหิ้วอีกชั้นหนึ่ง  ไอ้เด่นรับเงินจากผมและไปรับถุงข้าวโพดต้มมาแทน   

“ตลาดเรียบร้อยดีไหมครับ มีอะไรอยากให้ปรับปรุงไหม” ผมถาม  ที่จงใจถามยายแกเพราะปกติแล้วดูเธอเป็นคนไม่ค่อยพูดนัก  คำพูดไหนจะหลุดออกมาจากปากเธอทีก็จัดว่ายาก  เรียกว่าเป็นคุณยายที่ค้าขายอย่างไม่ปากมาก  ไม่เคยมีปัญหา  ซึ่งผมสังเกตอยู่หลายครั้งว่านี่คงเป็นนิสัยโดยปกติของเธอ

“ก็ดีนี่จ๊ะ” แกตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้

“ถ้ามีอะไรให้บอกผมนะครับ” ผมพูดเชิงสั่ง

“ได้จ้ะ” ยายรับคำ  ผมหันข้างให้กับตัวร้าน  จกมือเข้าไปในถุงถั่วต้มนำมาแกะกินอย่างหยุดไม่ได้

“ทำไมกูต้องเชื่อลูกน้องพี่ทัพด้วยวะ” ผมขมวดคิ้วบ่นตาลอยมองไปที่แผงอื่น ๆ  เริ่มสองจิตสองใจอะไรพิกล  แดดที่สว่างจ้าแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องหยิบแว่นตากันแดดขึ้นสวม

“นี่ดีกว่า” ผมแสยะยิ้มตัดบทดื้อ ๆ  ทิ้งเปลือกถั่วต้มลงถังขยะพร้อมปัดมือเข้าหากันเพื่อให้สะอาด  เดินจ้ำอ้าวมุ่งไปที่ร้านส้มตำร้านหนึ่งริมฝั่งนอกตลาดสดไม่ไกลนัก  สองผัวเมียค้าขายส้มตำที่เดินทางมาจากภาคอีสานและปักหลักร้านขายอยู่ที่ตลาดเรามานานกว่าห้าปีแล้ว  เมื่อทั้งสองเห็นผมถึงกับชะงักในทันที 

“หวัดดีครับ” ผมทักทาย  สมุทรกับไอ้เด่นเว้นห่างจากผมอย่างรู้หน้าที่  การเข้าหาพุ่งติดประชิดแผงหน้าร้านจนกลิ่นปลาร้าในครกโชยเตะจมูก 

“หอมดีนะครับ” ผมยิ้มชม  พร้อมสูดกลิ่นปลาร้าเข้าเต็มปอด

“เอ่อ..คุณไฟ วันนี้กินอะไรดีคะ” พี่แดงยิ้มถาม 

“เปล่าหรอกครับ พอดีว่ามีเรื่องจะมาถามหน่อย” ผมอมยิ้มมองหน้าเธอ  สายตาของทั้งคู่ที่มองมามีความหมายผิดปกติ  ทำให้รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเรื่องปกปิดอยู่บ้างเป็นแน่

“ช่วงนี้มีเด็กวัยรุ่นอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดมากินส้มตำร้านพี่แดงบ้างรึเปล่าครับ พวกที่แบบว่า..แบบที่พวกพี่ไม่น่าจะชอบให้มานั่งน่ะ” ผมพูด  ทั้งสองคนหยุดมือที่กำลังทำงานและหน้าถอดสีไปพอดู

“เพราะถ้าหากมี พอจะบอกผมได้ไหมครับว่าปกติพวกเขาไปสุมหัวกันที่ไหน”

“เอ่อ คุณไฟคะ..” พี่แดงเอ่ยปากตะกุกตะกัก

“บอกเสร็จแล้ว พี่ก็แค่เงียบปากไว้เท่านั้นน่ะครับ” ผมหุบยิ้มลง  พี่เอ๋ผัวของพี่แดงเข้ามายืนขนาบข้างเมียแต่ก็ยังรักษาความเงียบเอาไว้  ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันไปมาสักพัก

“แถว ๆ  ข้างตึกห้องเช่าฝั่งตะวันตกของคุณที่ตอนนี้ยังไม่มีคนเช่าน่ะครับ ได้ยินว่า พวกมันมักไปกันที่นั่น” พี่เอ๋ให้คำตอบ  ผมเงียบ  ลิ้นขยับไปมาพลางเหล่ตามองไปยังทั้งคู่

“รู้มานานแค่ไหนแล้ว” ผมซัก  เสียงห้วนลงด้วยอารมณ์ไม่ชอบใจที่บังคับไม่อยู่

“กะ..ก็ สักพักได้แล้วครับ ตามจริง..พวกเราก็อยากจะบอกคุณอยู่เหมือนกัน แต่..” พี่เอ๋ตอบหน้าเจื่อน  ผมเหตาลง  ขยับใบหน้าหันหนีเพราะไม่ต้องการใส่อารมณ์กับพวกเขาไปมากกว่านี้

“พวกเรา..เห็นว่า ลูกพี่ของพวกมันเป็นเจ้าใหญ่ พวกเราก็เลยไม่กล้ายุ่งน่ะค่ะ คิดว่าเดี๋ยวคุณก็น่าจะทราบ..เอง” พี่แดงขยายความหน้าหดลงทีละนิด  ผมมองหน้าเธออยู่สักพักหนึ่ง

“วันหลัง มีอะไรบอกผมได้ทุกเรื่อง” ผมพูดเสียงเย็นลง  นิ้วชี้เคลื่อนกระดิกอยู่ที่ตู้อาหาร  ทั้งคู่ช้อนตาขึ้นมองกะหลับกะเหลือก

“ที่นี่คือที่ของผม ไม่ใช่ที่ของเจ้านายพวกมัน เข้าใจนะครับ ?” 

“ค่ะ/ครับ” ทั้งคู่ผงกหัว

“ดีครับ..ขอบคุณ” ผมตัดบทเท่านั้น  หันตัวกลับมาทางสมุทรและไอ้เด่นอีกครั้ง  มือล้วงเข้าไปในถุงถั่วต้ม  หยิบออกมาแกะกินต่อ  สมองที่กำลังคิดเรื่องอื่นทำให้กรามขยับเคี้ยวเนิบช้ากว่าปกติ  ก่อนทิ้งเศษเปลือกลงบนถังขยะเล็ก ๆ ของร้านส้มตำ  จุดหมายต่อไปคืออาคารพาณิชย์ฝั่งตะวันตกที่ปัจจุบันเป็นสองห้องสุดท้ายที่ยังว่างอยู่เพราะไม่มีใครมาขอเช่าเนื่องจากเหตุผลว่าเป็นมุมอับ 

“ไข..” ผมชี้มือสั่ง  เม็ดถั่วเข้าไปในปากอีกเม็ด  เราไม่ได้พกกุญแจมา  ดังนั้นหน้าที่นี้ไอ้เด่นควรรับทราบ  กิ๊บหนีบผมที่พกติดตัวอยู่เสมอถูกเสียบเข้าไป  เสียงสะเดาะกุญแจแทบไม่ได้ยิน  ครู่เดียวแม่กุญแจก็ถูกถอดออก  สมุทรยืนมองไอ้เด่นที่ลุกขึ้นและทั้งคู่สบตากันงง ๆ

“ฉันคิดว่านายก็ทำได้น่า แค่อย่ามายุ่งกับตู้เซฟของฉันก็พอ” ผมแซว  นำหลังมือตีเข้าที่หน้าอกของสมุทรอย่างหยอก ๆ สองสามที  ไอ้เด่นอมยิ้มชอบใจ  เมื่อเจ้าตัวไม่ออกปากบอกปฏิเสธแสดงว่าก็คงมีความจริงอยู่บ้างน่ะนะ

ประตูถูกปิดลงในทันทีที่พวกเราเข้ามาในบริเวณตึก  ความเย็นในตึกทำให้รู้สึกสบาย  ผมเดินนำขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย  ฝุ่นมีไม่มากนักเพราะผมสั่งให้คนมาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว  เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่ยังพอมีเก้าอี้ของผู้เช่ารายเดิมทิ้งไว้ให้นั่งอยู่บ้าง  กล้องส่องทางไกลขนาดพกพาสะดวกถูกหยิบออกมาจากคอของสมุทร  มันเป็นของผมเอง  และผมสั่งให้เขาคล้องคอมาแบบนี้ตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว  ผมแค่ลองสั่งเล่น ๆ  น่าขำตรงที่เจ้าตัวยอมทำตามอย่างไม่มีปากเสียงอีกด้วย
 
.. เมื่อได้กล้องมาถือจึงส่องกล้องเหไปทางสมุทร  อีกฝ่ายหันหน้ามานิ่ง ๆ  ตาจ้องมาที่เลนส์กล้องที่ผมส่องเขาอยู่  ผมยิ้มให้น้อย ๆ  เจ้าตัวคงรู้ว่ากำลังถูกส่องด้วยความหมายแปลก ๆ เขาจึงเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ  ไอ้เด่นขยับเก้าอี้มาให้  ผมจึงลากเก้าอี้ไปใกล้กับประตูหน้าต่างเพื่อที่จะดูภายนอกได้สะดวก


- 30 นาทีผ่านไป –

“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” ผมบ่น  ถอนหายใจอย่างแรง  ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วแต่กลับยังไม่มีวี่แววอะไร 

ผมหันหลังกลับพร้อมโยนกล้องให้ไอ้เด่นไปทำหน้าที่ต่อจากผมก่อนลุกขึ้นเดินไปหยิบข้าวโพดออกมาหนึ่งฝัก  หักแบ่งครึ่งอย่างเคยชิน  ทำให้น้ำจากฝักข้าวโพดไหลย้อยเปื้อนลำแขน  สมุทรที่สังเกตเห็นรีบหยิบกระดาษทิชชู่ที่เขาพกติดตัวมาด้วยนำมาเช็ดทำความสะอาดให้ในทันที  แม่ง.. กูชอบไอ้ซื่อบื้อนี่ฉิบเป๋ง

ผมยืนนิ่ง  ยื่นแขนให้อีกฝ่ายเช็ดหน้าตาเฉย  พอหันกลับไปสังเกตไอ้เด่นที่กำลังตั้งอกตั้งใจส่องกล้องไม่ทันได้หันมามองเราทั้งคู่  ผมจึงขยับใบหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นจนสมุทรชะงักเขม่นตาปรามมา  ผมยิ้มให้  ปลายจมูกสูดกลิ่นกายอีกฝ่ายอย่างจงใจ  ริมฝีปากเฉียดแก้มของเขาไปอย่างรวดเร็วก่อนหยุดปากอยู่ที่ข้างใบหู  “เมื่อคืน ในฝันฉัน..นายเร่าร้อนสุด ๆ จนฉันเกือบตายแน่ะ” ผมกระซิบบอก 

“นายครับ เหมือนจะมาแล้ว” ไอ้เด่นส่งเสียง  ทำให้สมุทรผละตัวออกห่างจากผมในทันที  ผมยิ้มกว้าง  ยื่นข้าวโพดอีกครึ่งฝักให้สมุทรนำไปเก็บแล้วกลับไปรับกล้องส่องทางไกลจากไอ้เด่นมาส่องดูก็พบเป้าหมายตามที่มันบอกจริง ๆ 

“เฮ้อ! พี่ธานน่าจะอยู่น้า” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  เสียงกัดข้าวโพดดัง “กรุบ~” แล้วหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิม

“ไปเอาตัวมา..” ผมออกปาก  ขาขวาขยับขึ้นไขว่ห้างอย่างเคยชิน 

“ให้ไวด้วย” ผมขยายความ  ทั้งสองคนแทบวิ่งลงบันไดไป  เสียงฝีเท้าจางหายไกลไปเรื่อย ๆ  ร่างกายที่นั่งอย่างหมดแรงทำให้ไหล่ซ้ายเอียงไปทางซ้ายเล็กน้อย  มือขวาที่ถือข้าวโพดต้มอยู่ขยับมาจ่อที่ปากทันทีที่ของในปากหมดลง 

.. ผมแหงนหน้าขึ้นมองด้านบน  แม้แต่บนเพดานก็ไม่พบหยากไย่ให้กวนใจสักนิด  ถึงไม่มีคนมาเช่าแต่มันน่าพอใจจริง ๆ น่ะนะ

“เงี่ยนฉิบ!” จิตใต้สำนึกเมื่อครู่ทำให้พึมพำสบถออกมา  ข้าวโพดถูกแทะจนหายไปครึ่งหนึ่ง  ความเงียบสงบรอบตัวทำให้ได้ยินเสียงเคี้ยวข้าวโพดอย่างชัดเจน  และเสียงท่อนล่างกำลังเรียกร้องหาบางอย่าง --ความหื่นกระหาย 

“อียายคนนี้แม่งต้มอร่อยฉิบ!” ผมสบถบ่นอย่างเหลือเชื่อกับน้ำข้าวโพดที่เพิ่งดูดและมันหวานหอมแทรกแซมไปด้วยรสเค็ม ๆ

“..รึกูหิว ?” ผมเอ๊ะใจสับสนตัวเอง  ขณะเดียวกันก็ยกข้อมือขึ้นสูงเหนือหัวให้ขนาบสายตาไปกับเพดานที่มองอยู่  เวลาถูกจับ(ผิด)ทันที  ผ่านไปจวนสิบนาที สมุทรและไอ้เด่นก็กลับขึ้นมาพร้อมกับวัยรุ่นชายหนึ่งคน  หญิงหนึ่งคน  ผมแสยะยิ้มพอใจกับเวลาที่ได้รับ  สีหน้าหวาดกลัวของทั้งคู่ซีดเผือกอย่างกับเห็นผีนั่งอยู่อย่างนั้น 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 30-11-2016 16:17:13

“นั่ง” ไอ้เด่นสั่งผู้ชายที่มันจับตัวมาพร้อมเตะเข้าที่ขาพับของอีกฝ่ายจนมันทรุดลงกับพื้นไม่เป็นท่า   

“เอาผู้หญิงไปมัด” ผมสั่งสมุทร  ชี้มือไปที่กระเป๋าเป้ขนาดกลางที่ไอ้เด่นพกมาด้วย  กระเป๋าวางอยู่บนโต๊ะ  สมุทรที่จับตัววัยรุ่นผู้หญิงยังคงยืนนิ่งคล้ายกับลังเลที่จะทำตามคำสั่ง  ผมหัวเราะขึ้นจมูก  ดูดน้ำข้าวโพดอย่างแรงอีกครั้งจนรสหวานอร่อยถูกกลืนลงคอ   

“เดี๋ยวผมทำให้ครับ” ไอ้เด่นเอ่ยปากทำท่าจะขยับ

“กูไม่ได้สั่งมึง” ผมเอ่ย  มือที่ถือข้าวโพดอยู่ชี้ไปที่ไอ้เด่นโดยที่สายตายังคงจับจ้องสมุทรไม่ไปไหน

“.........” สมุทรหลบตา

“อย่า อย่าทำอะไรหนูเลย” เธอร้องขอ  ขยับตัวทำท่าจะหนีแต่ไม่เป็นผล  ถูกสมุทรล็อกแขนไว้แน่น  สมุทรมองผมตอบอยู่ครู่หนึ่ง  ดวงตาที่ไม่ละจากเขาของผมกำลังทำให้ผมรู้สึกไม่แน่ใจว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามที่สั่ง  ผมจะไม่ซัดเขาได้หรือไม่ 

“มัด..ผู้หญิง เดี๋ยวนี้” ผมย้ำสั่งอีกครั้ง  สันกรามของคนที่ถูกรับคำสั่งบูดขึ้นนิดหน่อย  น้ำลายถูกกลืนลงคอ  สีหน้าลำบากใจเหตาลงต่ำก่อนขยับตัวทำตามที่ผมสั่งแต่โดยดี  กระเป๋าเป้ของไอ้เด่นถูกเปิดออก  เชือกที่เตรียมมามัดไปที่ผู้หญิงร่างเล็กที่พยายามต่อสู้ให้หยุดนิ่งไปอย่างง่ายดาย  ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม  ลมหายใจถูกพ่นออกมาทางไรฟันด้วยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับนิสัยของหมอนี่ขึ้นมา

“จะ! จับผมมาทำไม!” วัยรุ่นชายมองเพื่อนของตนก่อนตะโกนถาม  ผมไม่ตอบ  แทะข้าวโพดต้มต่อมองหน้ามันไปพลาง 

“ปล่อยพวกเราไปเถอะ” มันร้อง  อยู่ดี ๆ เหงื่อของมันก็ออกมามากผิดปกติ 

“กินข้าวโพดไหม ?” ผมถาม  อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“จ..จับ ผมมาทำไม” คำถามเดิมถูกถามขึ้นอีกครั้ง  แต่น้ำเสียงดูท่าจะไม่แน่ใจว่าควรเอ่ยปากดีไหม   

“กูถามว่ากินข้าวโพดไหม ?” ผมถามกลับคำเดิมเช่นกัน

“..อึก” อีกฝ่ายสะอึก  ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมตอบ  ในห้องเงียบลงอีกครั้งเมื่อหมดคำถาม  ข้าวโพดเกลี้ยงฝักแล้ว  ไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว  แม้แต่น้ำในฝักก็เกลี้ยงเชียว  ขาขวาที่ไขว่ห้างอยู่ขยับอ้าออกกว้างลงอย่างช้า ๆ จนเท้าทั้งสองข้างแตะที่พื้น  นิ้วหมุนฝักข้าวโพดไปมาวนเป็นวงกลม 


ปึก !!!!   .. ข้าวโพดถูกเขวี้ยงออกไปที่เป้าหมายตรงเผง  ฝ่ายที่ก้มหน้าเมื่อครู่ถูกฝักข้าวโพดกระแทกจนหงายหลังล้มลง  ไอ้เด่นตบเข้าที่ท้ายทอยมันอย่างแรงทันควันเพื่อให้มันกลับมานั่งในท่าเดิม  เลือดไหลซึมออกที่จมูก  ลมหายใจของมันดูเหมือนจะหอบแรงขึ้นทีละน้อย 

ผมยิ้มกว้างให้กับสายตาเคียดแค้นที่ถูกส่งมาก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเดินไปที่กระเป๋าเป้  หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมืออย่างใจเย็น  ขวดน้ำเปล่าที่พกมาด้วยถูกเปิดออก  ยกดื่มจนเหลือเพียงครึ่งขวด  น้ำถูกอมไว้ในกระพุ้งแก้มอยู่ครึ่งหนึ่ง  ก่อนที่ผมจะละเลียดกลืนลงคออย่างช้า ๆ เพื่อรับรู้ได้ถึงน้ำที่ไหลผ่านคอไปสู่ท้อง  เสียงกลืนเสียงสุดท้ายดัง ..อึกกก! ทิ้งท้ายให้ได้ยิน

“ซี๊ด ฮ้าา ~” ปากเผยอออกกว้าง  เสียงร้องเปล่งออกมาด้วยความพอใจ  “น้ำเปล่า” คือสิ่งสำคัญต่อชีวิตของผมจริง ๆ นั่นละนะ  มือจัดการปิดฝาอย่างมิดชิดและก้มลงนำขวดวางไว้ที่เดิม

“ข้าวโพด เห็นว่าบำรุงสายตานะรู้ไหม” ผมยิ้มพูด

“แถมขี้คล่องอีกต่างหาก! หึ ๆ ๆ” ผมกระแทกเสียงบอก  มือล้วงกระเป๋าจ้องมอง  ปากเม้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิด  เมื่อขาก้าวเดินเข้าหาวัยรุ่นชาย  อีกฝ่ายก็ดันทำหน้าแปลก ๆ แสดงให้เห็น  สายตาของผมกำลังมองคนที่มักจะถูกเรียกใช้กับเด็กว่า
“อนาคตของชาติ”  ซึ่งมันช่างไม่มีความหมายใดสำหรับผม  อนาคตของชาติงั้นเหรอ  อนาคตของชาติคือคนดีมีจิตสำนึกต่างหากล่ะ

“กล้าดียังไง ถึงได้มาปล่อยของในที่ของกู” ผมถาม  โดยเลือกใช้น้ำเสียงเรียบเฉย

“ผมเปล่า..” มันตอบ  เหงื่อไหลย้อยที่ข้างแก้มเห็นชัดเจน 

“กูถามว่า ‘มึงกล้าดียังไง ถึงได้มาปล่อยของในที่ของกู’ ..ครับ ?” ผมก้มตัวนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้ามัน  อีกฝ่ายหลบตาพร้อมขยับตัวถอยหลัง  ผมคว้าคอเสื้อของมันมาอย่างแรง  มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่ดูท่าจะไม่ได้ซักมาหลายเดือนจนเจ้าของมันดิ้นพล่านพยายามหนี



แกรก ~   .. ถุงพลาสติกที่ห่อสิ่งผิดปกติตกลงบนพื้น  เจ้าของมันถึงกับตาเบิกโต   

“ผะ..ผม ขอโทษ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นบอกด้วยสีหน้าร้อนรน  มือผมหยิบถุงดังกล่าวกำขึ้นมาช้า ๆ อย่างแทบตามไม่ทันลมหายใจของตัวเองว่ายังหายใจสม่ำเสมอปกติดีรึเปล่า  กำปั้นฟาดไปที่ใบหน้าของคนตรงหน้าเต็มแรง

ผลัวะ!
“มึง!!” 

ผลัวะ!!
“กล้าดี!!!”

ผลัวะ!!!   ..“ยังไงงง! !!” เสียงสะท้อนแว่วหายไป  ผมสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรงทันทีที่เสียงเงียบลง

“อึก ปล่อย..ปล่อยพวกผมไปเถอะนะครับ ผม..จะ จะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” มันขยับตัวโดยเท้าแขนไว้บนพื้น  เลือดไหลย้อยออกจากปากกับจมูกเป็นทาง

“เปล่า ฉันกำลังชมต่างหาก..ว่ากล้าดี” การเอ่ยชมออกอักขระเสียงชัดเจน  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองตาค้าง  ผมฉีกยิ้มให้  คนตรงหน้าจึงเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ขึ้นเช่นกัน  แต่แล้วรอยยิ้มที่ผลิออกจากผมก็หุบลงทีละนิด  มือกระชากศีรษะของมันมาอย่างแรงจนใบหน้าของเราห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร

“รู้ไหม กูเกลียดเด็กเวรอย่างพวกมึงที่สุด” ผมถลึงตา

“เวร ..โคตรเวร” ผมหัวเราะพูดในลำคอ  ลิ้นถูกแลบออกมากัดไปพร้อม ๆ กับที่กำลังมองคนตรงหน้า
 
“มึงจะทำระยำตำบอนที่ไหนก็ได้ กูไม่สน แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่..ตรงไหนก็ตามที่มึงได้กลิ่นว่าเป็นที่ของกู”

“คะ..ครับ” มันก้มหน้าก้มตาผงกหัวรับทราบ 

“ดีแล้ว” ผมบอก  ปล่อยมือออกจากหัวก่อนตีแก้มมันเบา ๆ

“ทีนี้..ไหนลองบอกมาหน่อยซิ ว่ารับของมาจากใคร”

“คนที่สั่งให้มึงมาส่งของแถวนี้น่ะ มีคนสั่งใช่ไหม” ผมอมยิ้มถาม  อีกฝ่ายเบะปากเล็กน้อย  ก้มหน้าลงเนื้อตัวเริ่มสั่นเทิ้ม  เมื่อเห็นท่าว่าไม่น่าจะได้คำตอบโดยง่ายผมจึงลุกขึ้นยืน

“บอกอนาคตให้เอาไหม..?”

“จะเจ็บตัวหรือไม่เจ็บตัว สุดท้าย มึงก็ต้องบอกออกมาอยู่ดี ..เลือกสิ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงโทนเดิม

“อึก! เอ็ม บอกไปเถอะ กูกลัว” ผู้หญิงออกปากร้องขอ  ริมฝีปากที่แห้งผากของเธออย่างกับคนที่ไม่ได้รับเครื่องดื่มมีประโยชน์มานาน

“เธอฉลาดดี” ผมชมยิ้ม ๆ

“ผม..บอก ไม่ได้” มันเงยหน้าขึ้นมอง

“แต่มันจะทรมานนะ”

“ทรมาน..จนยานรกพวกนั้นก็ช่วยให้นายขึ้นสวรรค์ไม่ได้เลย” ผมพูดด้วยความเป็นห่วง
 
“อึก!” อีกฝ่ายสะอึกหน้าเสีย

“ได้โปรด..ผม ปล่อยผมไปเถอะนะครับ ผมจะไม่มาที่นี่อีก ผมสัญญา ผมสัญญา!” น้ำเสียงร้องขอดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  ครั้งนี้มันกลับดังกว่าครั้งก่อน ๆ  ขาของผมถูกกอดรัดเข้าไปอย่างแรง

“ได้สิ” ผมรับคำโดยง่าย  ไอ้เด่นกระชากตัวมันออกจากขาผมทันควันทำให้คนที่รู้ชะตากรรมน้ำตาไหลออกมา  ผมกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง  เมื่อปืนถูกควักออกมาจากกระเป๋าเป้เสียงร้องไห้จากผู้หญิงก็ดังขึ้นกว่าเดิม  กระสุนถูกปลดออกจากลำปืนหนึ่งนัดก่อนนำปืนวางลงข้าง ๆ ขวดน้ำ 

“ฮือออ หนูขอโทษ หนูจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ  ผู้หญิงที่หน้าซีดเผือกในทีแรก  ตอนนี้กลับมีแต่คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเธอไปหมด 

“ชู่ ~” ผมปราม  เพ่งดวงตามองลึกลงไปที่นัยตาของเธอ  แต่แล้วปากเธอก็เบะสั่นหนักขึ้นคล้ายกับพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้

“ใจเย็น ๆ” ผมบอก  อีกฝ่ายหุบปากลงตามที่สั่ง

“ไม่ร้องนะครับ อ้าปากสิ” 

“อึก..หนู ขอโทษ” เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง  ผมถอนหายใจจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง

“หมอนี่ขี้ใจอ่อนน่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่สมุทรที่ยืนทำหน้าอย่างกับญาติเสียอยู่ข้าง ๆ

“ถ้าเธอร้องไห้ไปมากกว่านี้ คนของฉันก็จะแย่ไปด้วย” ผมหัวเราะติดหางเสียงนิดหน่อย 

“อึก!” อีกฝ่ายกัดริมฝีปากสะกดกลั้น  เข้าใจอะไรง่ายดี  แต่อย่างนั้น น้ำตาของเธอยังคงไหลออกมาหนักขึ้น
 
“บอกให้ใจเย็น ๆ ไง แล้วก็แค่อ้าปากครับ” ผมพูด   

“เล่นยารึเปล่า ?” ผมเลิกคิ้วถาม

“อะ..อึก” เธอผงกหัวยอมรับทั้งน้ำตา

“มันจะทำให้ความสวยลดลงนะ” ผมยิ้มน้อย ๆ
 
“แล้ว พ่อกับแม่ล่ะ ?”

“พ่อ..ตายไปแล้ว” เธอตอบเสียงเครือในลำคอ  ตาเพ่งมองลงไปที่ของในมือผม

“แม่ล่ะ” ผมซักต่อ  นำมือที่ถือกระสุนอยู่ขึ้นปิดตาของเธอไว้เพื่อเป็นการบอกว่าไม่อนุญาตให้มอง  น้ำตาของเธอที่ไหลออกไม่หยุดเปื้อนฝ่ามือผมเล็กน้อย

“แม่..อยู่ อยู่ต่างจังหวัด”

“คิดถึงไหม ?” ผมถาม

“อึก!” เธอสะอึก  เบะปากจนมันสั่นไม่ได้รูป 

“ฉันก็คิดถึงแม่ฉันเหมือนกัน หึ..แต่เธอเสียไปแล้วน่ะ” ผมกระแทกเสียงบอกปนหัวเราะ

“เอาล่ะ อ้าปากครับ” ผมพูดปนพ่นหายใจออกทางจมูก  อีกฝ่ายสะอึกสะอื้นไม่ยอมอ้าปากตามที่สั่ง  ครั้งนี้ผมไม่เอ่ยปากพูดอีก  นำมือออกจากใบหน้าของเธออย่างเนิบช้าพลางจ้องมอง  เธอสบตาผมครู่หนึ่งและสุดท้ายก็ยอมเผยปากออก

“นั่นล่ะ” ผมชมที่เธอยอมรับกระสุนเข้าปากไปโดยดี  พร้อมจับปลายเส้นผมที่ติดเข้าไปในปากของเธอออกให้อย่างเบามือ  ผมยาวดำถูกนำไปทัดหูจนเห็นใบหน้าได้ชัดมากขึ้น

“อมไว้..เพราะถ้าเธอคายมันออกมาเมื่อไหร่ ฉันจะเอาไอ้นั่นปิดปากกับจมูกของเธอ” ผมมองไปที่แล็คซีนที่วางอยู่ใกล้กับกระบอกปืน  ไม่รู้ว่าตามจริงแล้วเธอจะเข้าใจว่าผมหมายถึงแล็คซีนหรือไม่  ผมกับสมุทรสบตากันครู่หนึ่ง  เจ้าตัวหลบตาลงต่ำในทันทีคล้ายกับเป็นอาการบอกว่า “ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมจะไม่มอง” 

แจ็คเก็ตถูกถอดออก  วางพาดไปบนพนักเก้าอี้เป็นระเบียบก่อนนั่งลงพร้อมคว้าขวดน้ำมาเปิดขึ้นดื่มอีกครั้ง  นาฬิกาที่ข้อมือยังไม่เดินไปตามเลขตามที่ต้องการ  ผมอยากได้เลขคู่  จึงจำเป็นที่จะต้องนั่งรออย่างใจเย็นอีกสักหน่อย


- 12:46 น. - 
ผมพยักหน้าส่งสัญญาณให้ไอ้เด่นจัดการตามสมควร  เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังระงมได้ไม่นานนักมันก็เงียบไป  ไอ้เด่นจัดการตามขั้นตอนที่เคยได้สั่งสมมา  การทรมานร่างกายไม่ใช่เรื่องน่าสนุก  แม้อย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเท่าไหร่นักต่อการกระทำของตนเอง  น้ำตานองหน้าผู้หญิงที่มองเพื่อนที่กำลังถูกกระทำอย่างกับหมา  ปากของเธอขยับคล้ายกับจะร้องพูดออกมาแต่แล้วก็ไม่ทำ  ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวแบบนั้นอดเคยสงสัยไม่ได้ว่าในเมื่อกลัวความตายแล้วเดินทางมาทางนี้ทำไม  คำถามที่ตอบได้ยาก  บางที โชคชะตาก็ทำให้คนเราต้องเดินไปในทางที่คดเคี้ยวละมัง

“อ้ากกกก! ฮื่อ! ฮื่ออ! ฮื่อออ!”

เสียงสะท้องดังกังวาน  ทำให้สมุทรเหลือบตาขึ้นมองฝีมือของไอ้เด่นบ้างครั้งคราว  หันมามองผมบ้างในครั้งคราว  ถึงแม้ผมจะไม่มองเขาสักตาแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมสามารถรับรู้ความหมายของสายตาที่ถูกมองมาเป็นอย่างดี  พื้นห้องสีขาวเปื้อนไปด้วยสีแดงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงปัดมือขึ้นกลางอากาศเพื่อให้ไอ้เด่นหยุดการกระทำ  มือที่ชุ่มเลือดนั่นจึงหยุดทันที
 
“จะเอาถึงตายเลยรึไง แล้วใครจะมาเช่าต่อ” ผมบ่นปนถอนหายใจ  นำถุงมือยางมาใส่ทั้งสองมือ  หยิบผ้าคลุมสีดำกับเชือกที่เตรียมไว้ติดมือขึ้นมา  หยุดยืนมองร่างที่นอนหมดสภาพ  อีกฝ่ายพยายามลืมตาขึ้นอ่านสถานการณ์  ผมนั่งลงข้าง ๆ กระชากศีรษะมันขึ้นพร้อมนำผ้าคลุมหัวมันในทันที  เชือกถูกพันไปรอบคอทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาดิ้นทุรนทุราย  นิ้วมือกรีดเชือกไว้เพียงปลายนิ้วสัมผัสก่อนลุกขึ้นดึงขึงไปจนปลายเชือกผูกติดเข้ากับลูกกรงที่หน้าต่าง

“อึก ฮะ..ปล่อยผม!” มันตะโกน  ผ้าที่คลุมหัวอยู่กระพือแรงขึ้นเรื่อย ๆ คงเพราะกำลังหาช่องทางหายใจ  ผมขยับเชือกรูดกระตุ้นทำให้ร่างกายเซไถมาตามแรงดึง  มือที่สั่นของมันพยายามหาทางจับเชือกที่คอตัวเอง  มันพยายามที่จะนำของที่คอตนออก

“ผะ..ผม คะ ผมจะ ฮื่อ ฮื่อออ!” 

“ว่าอะไรนะ ?” ผมย้ำถาม  หลังพิงลูกกรงประตูหน้าต่าง  ยืนตาลอยมองคนที่อาจกำลังจะโกหก  มือทำหน้าที่กระตุกเชือกสองสามทีอย่างเร่งเร้าไปพลาง  แต่ดูเหมือนมันจะตอบได้ลำบากแล้ว

“เอ็ม!” ผู้หญิงร้องโผงออกมาทำให้ลูกกระสุนที่อยู่ในปากเธอหล่นตกกระทบพื้นดัง “แกรก”  น่าหนวกหู  ตาผมช้อนมองขึ้นไปที่เป้าหมายที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ทันควัน  อีกฝ่ายหน้าถอดสีเมื่อได้สติ  ทำท่าจะก้มตัวนั่งลงเพื่อนำของที่เพิ่งตกลงบนพื้นใส่ปากอย่างเดิม  แต่คงลืมไปว่าตนเองถูกมัดอยู่ 

“ฮึก! อย่า หนู ขอโทษ” เสียงร้องแก้ตัวปนไปด้วยความร้อนใจ  ฟันที่บดขบไว้ในปากไม่ได้ทำให้รู้สึกหายหงุดหงิดขึ้นได้  เท้าเดินจ้ำเข้าหาไปพร้อม ๆ กับเสียงร้องไห้โฮ 

“อย่าทำเธอ” สมุทรออกตัวยืนขวางเธอไว้แทบมิด  ผมแสยะหัวเราะที่หมอนี่มันกล้าดี  ท่าทางแน่วแน่คล้ายไม่ยอม

“ไม่ได้สั่ง ..อย่าเสือก” ตากลอกขึ้นมอง  คิ้วขยับกระตุกขึ้นอย่างไม่ได้บังคับให้เป็น  ปากหุบรอยยิ้มลงในทันที 

“อะ..เอ็ม ฮื่อออ~”

“ผะ! ผม! จะบอกแล้ว ผมจะบอกจริง ๆ อึก”

“..........” ผมยืนเฉยจ้องสมุทรอยู่ครู่หนึ่ง  ผู้หญิงทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรงเมื่อได้ยินอย่างนั้น  การที่ผมเงียบยิ่งทำให้มันพยายามเอาตัวรอด  มือควานหาผมทั้งที่มองไม่เห็นสิ่งรอบตัว  ผมแสยะยิ้มมุมปากให้สมุทรเล็กน้อยที่ดูเหมือนเขาจะรอดตัว  ก่อนเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเป้าหมาย  นิ้วชี้เคาะลงที่หัวมันสองสามทีเพื่อเป็นการบอกว่าผมอยู่ตรงหน้ามันแล้ว  เจ้าตัวสะดุ้ง 

“ว่ามาสิ..” ผมนั่งยองลงกระซิบเสียงเย็น

“คะ..คือ ผม รู้แค่” อีกฝ่ายพูดตะกุกตะกักไม่ถนัด  ผมพยักหน้าให้ไอ้เด่น  มันจึงขยับแก้เชือกออกให้จนเชือกถูกคลายปลดออกจากคอ  เมื่อผ้าคลุมถูกเลิกออกจากหัวก็เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวที่เต็มไปด้วยคราบเลือด น้ำตา น้ำลาย  ทุกอย่างที่ไม่น่าพิสมัย   

“รับของ..มาจาก อึก!”

“คนของผับ Blackfoot ครับ ไอ้เอก มัน..มันเป็นหลานของป้าน้อย ที่ขายหมู..ตลาดคุณ ฮึก!”



...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-11-2016 16:53:32
เย้ๆ มาล้าววววว    :mew1: :mew1: :mew1:
เดี๋ยวไปอ่านก่อน
คิดถึงมากกกกกกกกก
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 30-11-2016 17:27:58
 :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 30-11-2016 17:57:14
สมุทรก็ยังคง still strong อยู่วันยังค่ำ 5555 คุณไฟก็ยังคงมีอารมณ์กับสมุทรง่ายๆเหมือนเดิมเช่นกัน ทำไมดูจะรักกันย๊ากยาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-11-2016 18:08:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 30-11-2016 18:50:41
ดูท่าทางจะไม่ได้รักกันง่ายๆแน่ 5555555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 30-11-2016 18:55:26
ในความตึงเครียดยังมีความโรแมนติค 5555555

อ่านไปด้วยความระทึก เจ้าพ่อไฟโหดได้ใจมาก  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 30-11-2016 19:02:58
จะโหดไปไหนพี!!!!!!!!!
แต่ก็นะ ....มาเล่นถึงถิ่น ไม่ถึงตายก็เหมือนตาย

 ไอ้เอกมึงไม่ตายดีแน่ ใครหนุนหลังแกงานนี้มีเฮ โดนล้างบางเป็นแน่แท้ ฮึฮึ


ขอบคุณเบบี้จ้า  :L2:



หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-11-2016 20:00:19
มุมไฟฝั่งดาร์ก ต้องมาาาาาา  สมุทร... รับไหวไหม?  แต่มองให้ลึก คนโหดสุดก็อ่อนแอสุดและอยากมีคนคอยดูแลนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 30-11-2016 20:53:02
ปากบอกไม่ช่วย ไม่ทำนะจ๊ะคุณไฟ แต่นี้พี่มาจัดโหดเลย  o22
ใจอ่อนเร็วๆ นะคะคุณสมุทรสุดสวาท พี่ไฟต้องการคนดูแลทั้งกายและใจอย่างใกล้ชิดดดดด :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 30-11-2016 21:00:45
ตอนเช็ดแขนนิ สมุทรเหมือนแม่บ้านญี่ปุ่นเลย555 แต่ชอบโม้เม้นที่ไฟแอบกระซิบข้างหู มีความตื่นเต้น อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-11-2016 21:09:53
อารมณ์ไฟนี่มันขึ้นลงได้ใจจริงๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 30-11-2016 22:37:01
คุณไฟโหดมากกกก
เหมือนดูหนังอยู่เลย
สมุทรต้องทำใจแล้วล่ะ
อนาคตอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
ต้องใจแข็งไว้ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 30-11-2016 22:53:24
 :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 30-11-2016 22:55:05
คุณไฟอย่างมาเฟียเลย แต่ก็ต้องโหดละนะเพื่อความอยู่รอด เราห่วงอย่างเดียวว่าสมุทรจะไม่โอเค  :o12:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 30-11-2016 23:08:14
บอกได้คำเดียว

พี่ไฟโหดมาก!

โหดดีแท้
ไอ้เอกกับป้าน้อยแม่งอยู่ยากแล้วอะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-11-2016 23:30:13
โหดดดได้ใจ ซวยชิบหายวายวอดหมดละมึง นี่ถิ่นใครให้รู้ไว้ หึหึ!!!ไอ้เด็กสองคนนี่ฝันร้ายไปอีกหลายคืน เข็ดไหมละ เจอของจริง อิอิ!! //ตามล่าไอ้เอก เดี๊ยะได้เจอพี่ไฟคนจริง วิ่งหนีไม่ทันแน่มึง 55555 //นี้วิธีขู่แค่เบาๆเองนะสมุทร แบบเด็กๆ ก็แหม่พวกปากหนักมันต้องเจอโหดบ้างถึงจะคายสิ่งที่มันอมไว้ ต้องเข้าใจไฟมันนิดนึงงงง 5555555 //ตอนแรกเข้าใจอารมณ์ไฟนะ แบบไม่อยากทำไร บางทีมันเหนื่อย ปล่อยวาง ก็อยากเลื้อยยยไปเรื่อย วอแว คลอเคลียอ้อน ทำตามใจ ถ้าใครมาบังคับจะหงุดหงิดแบบนั้นละ คืออยากกเลื้อยยอ่ะ อย่าเพิ่งให้ทำอะไร 5555555 //สมุทรมันจะรักไฟตอนไหนยังไงวะ สายแข็งจริง เดี๋ยวเจอสายหื่นไป จอด!!! 55555555 //รอๆตอนต่อไปค่ะ ตามล่าไอ้วายร้ายเอก เสร็จก็ไปเดทกันต่อเนาะ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-12-2016 00:01:14
ตอนนี้ไฟมาสายโหด โหดมากด้วย :sad4: ช่วงทายกลั้นหายใจอ่านโดยไม่รู้ตัว  รู้ตัวอีกทีแบบอ้าวจบตอนแล้วหรอ  :a5: ลุ้นมาก ลุ้นแทนเด็กผู้หญิงตอนทำกระสุนตกว่าจะรอดมั้ย  :katai1: ไฟนี่คือไฟจริงๆ    :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 01-12-2016 00:08:50
ฟ้าคคคคค
ตามล่าตามล้างกันแน่ค่ะมึง
อหหหห. มันส์พะยะค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 01-12-2016 02:50:08
อารมณ์ของคุณไฟของอิฉันน่ากลัวมาก เหมือนคนเป็นไบโพลาร์เลย T______T
แบบนี้สมุทรจะกล้ารักมั้ย แงๆๆๆ
ตอนนี้คุณไฟตบสมุทร ตอนหน้าคุณไฟจะทำอะไร (กดสมุทรสิ กดๆๆ เอ้ยไม่ใช่ 5555555 )
แบบนี้ลำบากแน่ สมุทรเป็นคนใจอ่อนเกิดวันนึงคุณไฟสั่งให้สมุทรฆ่าคนแล้วสมุทรไม่ทำ นี่สมุทรไม่โดนคุณไฟกระทืบตายหรอ

แต่เราก็เข้าใจในมุมคุณไฟนะ ถ้าไม่มีใครมากระตุกหนวดเฮียก่อนเฮียก็ไม่ร้ายอ่ะ
การจะรีดข้อมูลได้มันก็ต้องทำกันแบบนี้แหละ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 01-12-2016 04:35:44
หมั่นไส่คุณไฟ :m16:
อะไรก็ใส่อารมณ์กับสมุทร :angry2:
สมุทรอย่าใจอ่อนง่ายๆนะ
เล่นตัวไปนานๆเลย :katai3:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 01-12-2016 07:44:02
พอจะได้จีบ ก็มีเรื่อง แล้วไฟจะทำคะแนนตอนไหน ในสายตาสมุทรไฟคงติดลบเยอะ :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 01-12-2016 13:23:04
ไฟนี่นอกจากพี่ธานคงไม่มีใครเดาอารมณ์ได้ถูกละ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 01-12-2016 14:56:53
ช่วงนี้คุณไฟอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะคะ สมุทรช่วยปลอบที  :กอด1: โหดเหลือเกิน  :z10:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 01-12-2016 22:36:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 04-12-2016 19:44:16
 :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-12-2016 12:56:14
อ่านแบบจุใจเลย



ตอนที่ 31 - 32 - 33 



คุณไฟคะ  ป้าว่าที่คุณไฟหงุดหงิด ผีเข้าผีออกนี่



นอกจากจะเพราะเรื่องงาน เรื่องตลาด เรื่องค่ายมวย แล้ว



สิ่งที่ทำให้หงุดหงิดจนสติกระจาย คงเพราะความ #เงี่ยน # นี่แหละ



ยิ่งเปิดตัวเปิดใจแล้วด้วย ยิ่งอยากได้สมุทรหนักขึ้นไปอีก



เลยเกิดอาการฟาดงวงฟาดงาเข้าไปใหญ่



ก็ถ้าจีบแล้วสมุทรยังเฉยๆ ก็อ่อยเลย ยอมให้สมุทรทำประตูไปก่อน



แล้วค่อยไปรวบหัวรวบหางสมุทรคราวหน้า แบบทบต้นทบดอก



สมุทรหนีไปใหนไม่พ้นแน่ๆ ดีกว่าเก็บกดแล้ว มาโวยวายสติแตกแบบนี้อีกนะ



ความเงี่ยนมัน ไม่ปราณีคุณไฟจริงๆ อยากฟีชเจอริ่งกับสมุทร จนกระปู๋สั่น ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 05-12-2016 14:30:28
หลากหลายอารมณ์มาก อ้อนๆอยู่ ก็กลายเป็นคนบ้า อารมผันแปรยิ่วกว่ากระแสไฟฟ้า

แล้วเมื่อถึงเวลางานก็เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว แถมจิตด้วย

แต่ถึงยังไงเราก็ยังอยู่ทีมไฟนะ  :pighaun:

ขอบคุณเบบี้ค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2016 19:57:46
ไฟ ตอนนี้อารมณ์ดำดิ่ง
แม้จะมีอะไรที่ทำให้หน่วง หน่าย
รวมทั้งเรื่องยา แต่ที่แน่ๆ สมุทรเป็นหนึ่งในนั้น
ถ้าสมุทร มีทีท่าตอบรับไฟ  :เฮ้อ:
ไฟ คงอารมณ์ดีแน่ๆ มีอ้อนๆสมุทรด้วย
สมุทร มีทั้งเข้มแข็ง ซื่อบื้อ ใจอ่อน ปนกันไป
แต่ไม่รู้จะอ่อนใจกับไฟ มั้ย อย่าอ่อนใจเลยนะ
ใจอ่อนกับคุณไฟ ซักทีเฮอะ
แน่ะ.....ไฟ รู้ตัวด้วยว่าทั้งหิว ทั้งเงี่ยน อะจ๊ากกกกก
ที่แน่ๆ ไอ้เอก หลานของป้าน้อย ที่ขายหมูตลาดของไฟ
มึงถูกหมายหัวไว้แล้ว :z6: :z6: :z6:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 05-12-2016 23:08:37
บางครั้งก็กลัวไฟ บางครั้งก็ตลก55555555

แต่ว่าไฟน่ากลัวจริงๆนะ ส่วนสมุทรน่ารัก ~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kangkaw ที่ 06-12-2016 01:53:10
มาขออ่าน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 09-12-2016 13:27:28
ไม่ว่าไฟจะ dark แค่ไหน แต่เรายังมองเห็นจุดสีชมพูเล็ก ๆ  :mew3:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2016 13:42:35
มารออออออออออออออ  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 09-12-2016 21:23:34
คิดถึงคุณสมุทรผู้แสนอ่อนโยน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 33 [ 16:14 น. - พ. 30 พ.ย 59 หน้า 41 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2016 15:55:27

[ พุธที่ 30 พ.ย 59 ]  ตอนที่ 33 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1200


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 34
..ไฟ..





16:45 น. : ย่านมารัต

เสร็จภารกิจที่ตลาด  ผมแยกตัวออกมาพร้อมกับสมุทรโดยเอ่ยปากกับเขาเองว่าต้องการมากินข้าวเย็นที่บ้านของเขา  ครับ..อีกฝ่ายไม่ได้ชวนผมหรอก 

“หน้าพี่ไฟไปโดนอะไรมาหรือคะ” ดาวถามด้วยสีหน้าตกใจ  ปนแปลกใจ  เธอถลึงตามองมาที่หางคิ้วของผม

“ขึ้นชกแทนนักมวยในค่ายน่ะครับ ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก” ผมอมยิ้มติดให้เห็นนิดหน่อย

“งั้นเหรอคะ” เธอผงกหัวเข้าใจโดยง่าย

“งั้น! ให้หนูทำแผลให้ไหมคะ หนูทำเก่งนะ แต่ก่อนทำให้พี่สมุทรตลอดเลยค่ะ พี่หนูอะ..มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน” ดาวฉีกยิ้ม  ผมเหลือบหางตามองบุคคลที่เพิ่งถูกเอ่ยถึงที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังบ้านพร้อมกับขันนำ

“ไม่ต้องเลยค่ะ” สมุทรปราม  วางมือลงบนศีรษะของน้องสาวอย่างอ่อนโยน

“มีอะไรทำก็ไปทำเลย ยายอยู่หลังครัวทำอาหารคนเดียว”

“หวงน้องจังนะ” ผมพูดแซวโต้ง ๆ ทำให้ดาวอมยิ้มด้วยท่าทีเขินอาย 

“ไปได้แล้วครับ” สมุทรย้ำคำสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมากขึ้น

“ค่า~” ดาวขานรับเสียงใสลุกจากเก้าอี้ไปโดยดี
 
“มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน” ผมพึมพำแซวถึงอดีตของเขา

“น้ำครับ” เจ้าตัวเปลี่ยนเรื่อง  วางขันน้ำเปล่าลอยดอกมะลิลงบนโต๊ะ  ผมจ้องมองขันเงียบ ๆ  รับรู้ได้ว่าตนเองกำลังถูกจับจ้องเขม่นตาใส่อยู่  เมื่อรู้อย่างนั้นจึงช้อนตาขึ้นสบพร้อมเลิกคิ้วใส่  เป็นการถามกลับไปว่า “อะไร ?”  แกล้งตีหน้าซื่อถามไปอย่างนั้นทั้งที่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขามองแบบนี้มันเพราะอะไร

“ทีหลัง..ห้ามทำสายตาแบบเมื่อครู่ใส่น้องสาวผมอีก” สมุทรตอบตรง ๆ

“แบบเมื่อครู่” ผมพึมพำตาใส

“..แบบไหน ?” ผมเผยอปากถามกลับ

“คุณไฟครับ” เขาย้ำเสียงเข้ม

“ไม่เอาน่า ยังไงมันก็คนละแบบกับที่ฉันเอาไว้มองนายอยู่แล้ว นายก็รู้ดีแก่ใจ หรือไม่ใช่ ?” ผมอมยิ้มมุมปาก  ส่งสายตาแบบที่ชอบเอาไว้มองอีกฝ่ายสื่อให้ตรงไปตรงมา   

“ดาว..เธอยังเด็ก แยกแยะไม่ได้หรอกนะครับ” สมุทรบ่นด้วยสีหน้าจริงจังในทันที
 
“ก็เพราะโอบอุ้มกันไว้แบบนี้ไง” ผมถอนหายใจบ่น  สมุทรเบือนหน้าหนีเล็กน้อยคล้ายไม่สบอารมณ์ที่ถูกผมพูดแทงใจดำ

“ภูมิคุ้มกันคนเรามันก็ต้องสร้างด้วยตัวเอง”   

“บางคนเกิดมาเพื่อบ้าผู้ชายหัวปักหัวปำ โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่ากลับยังอ่อนแอเหมือนเดิมอยู่เลย นายว่ามันแปลกไหมละ ส่วนบางคน..เกิดมาเพื่อเรียนรู้ที่จะไม่หัวปักหัวปำ แต่ในฐานะพี่..ถ้าให้เลือกแบบเลวร้ายที่สุด เราก็ต้องอยากให้น้องเราเป็นประเภทหลังอยู่แล้วล่ะนะ” ผมพูดวกไปวนมาชวนให้คิดตาม  สมุทรยังคงไม่หันกลับมามอง

“สุดท้ายแล้ว เราก็บังคับคนให้เหมือนหมาไม่ได้อยู่ดี อะนะ!” ผมเบะปากทิ้งเสียงลงห้วน ๆ ถึงความจริงในใจที่ค่อนข้างไม่สบอารมณ์เช่นกัน 

“แต่..” ผมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง  ทิ้งน้ำเสียงห่างพอดู 

“เราบังคับคนที่ไม่ใช่น้องเราได้ ก็พอทำได้อยู่” ผมพึมพำยิ้มเจ้าเล่ห์  อีกฝ่ายได้ยินอย่างนั้นเขาก็เกือบที่จะหลุดยิ้มออกมา  สายตาที่เหล่มองมาที่ผมเริ่มอ่อนลงในความหมาย 

“สงสารคุณพายุกับคุณดินนะครับ” สมุทรยิ้มบอก

“อ้อ..ไม่ต้องห่วงไอ้ดินหรอก ใครได้มันไปมีแต่จะน่าสงสารซะมาก” ผมว่า  อีกฝ่ายยิ้มกว้าง
 
“ฉันไม่ยุ่งกับผู้หญิงแบบน้องสาวนายหรอก” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังวกกลับเข้าเรื่องก่อนหน้าทำให้คนฟังถึงกับหยุดกลางคัน

“..มันไม่สนุก” แม้น้ำเสียงจะห้วนเพราะไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นแต่ก็เป็นสิ่งที่พูดจากใจ

“ดีแล้วครับ” สมุทรเอ่ยทันที

“..เพราะผมเองก็จะไม่สนุกด้วยเหมือนกัน” เขาขยายความก่อนตรงกลับเข้าครัวไปหน้าตาเฉย  ผมแสยะยิ้มจ้องมองตามหลัง

“ขู่จริงแฮะ หึ” ผมหัวเราะ  ..ชอบฉิบเลยแบบนี้! ชอบมากกว่านี้กูอาจจะเพี้ยนตายก็ได้นะ

“หนูมาแล้ว!” เสียงใส ๆ ตะโกนบอกคนในบ้าน  ทันทีนั้นประตูมุ้งลวดก็เปิดออก  คนที่เพิ่งมาถึงแทบผงะเมื่อเห็นว่าผมนั่งอยู่  ผมแกล้งฉีกยิ้มตาหยีพร้อมยกมือขวาขึ้นขยับกระดิกนิ้วทักทาย

“ว่าไง มืดมน” ผมกดน้ำเสียงต่ำลง

“..........” เมฆหยุดยืนอยู่กับที่  สีหน้าเลิ่กลั่ก  แขนสองข้างของมันขยับขึ้นอย่างช้า ๆ  มือพนมยกไหว้

“มาแล้วเหรอ” สมุทรออกมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมเหลือบมองนาฬิกาที่ฝาผนัง

“ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเลย แล้วเอาการบ้านลงมาทำด้วยครับ”

“ครับ” เมฆผงกหัว

“คุณป้าฝากส้มมาให้ยาย!” มันชูถุงส้มให้สมุทรดูอย่างดีใจ

“ขอบคุณด้วยรึเปล่า” สมุทรถาม

“อื้อ” เมฆผงกหัว

“พี่สมุทร ทำน้ำส้มคั้นนะ” เมฆพูด 

“อืม” สมุทรรับคำและหยิบถุงจากมือน้องชายไปถือไว้  เมฆวิ่งขึ้นบ้านไปแล้ว  ผมนั่งเฉย  สมุทรสบตาผมครู่หนึ่งก่อนเดินกลับเข้าหลังบ้านพร้อมกับถุงส้ม  สายตาที่ถูกมองเมื่อกี้นี้คล้ายเหยียดกวนทำให้กระตุ้นความรู้สึกลึก ๆ ได้อยู่ไม่น้อย  ไม่นานนักสมุทรก็กลับออกมาอีกรอบพร้อมกับจานผลไม้ที่ถูกปลอกและจัดวางซะสวยน่ากิน 

“ผลไม้ครับ” สมุทรวางจานลงใกล้มือผม

“ขอบคุณ” ผมบอก  เจ้าของบ้านเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงหน้า  ขยับกล่องกระดาษทิชชู่มาใกล้ ๆ กับจานผลไม้  ผมจึงหยิบแอปเปิลขึ้นกินก่อนอันดับแรก  การกัดกินเป็นไปอย่างสงบจนแทบได้ยินเสียงเคี้ยวแอปเปิลชัดเจน

“โกรธฉันเรื่องที่ตลาดรึเปล่า ?” ผมถามถึง  ถึงแม้ว่าการแยกย้ายออกมาจากตลาดจะมีบรรยากาศที่ดีขึ้น  ถือว่าสมุทรแยกแยะสิ่งต่าง ๆ ได้พอสมควร  เขายังคงปฏิบัติต่อผมตามหน้าที่เหมือนผมเป็นเจ้านายคนหนึ่งที่เขาควรรับฟัง  ซึ่งผมเองก็ปฏิบัติต่อเขาเป็นปกติด้วย 

“ปกติชอบผลไม้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” สมุทรหันหน้ามามอง  คำถามที่ถูกสวนกลับคนละประเด็นอย่างสิ้นเชิงไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกผิดแปลก  ตามจริงก็ไม่ได้อยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่  อีกฝ่ายเองก็คงรู้  หรือไม่..เขาเองก็คงไม่อยากพูดถึงมันเหมือนกัน   

“ฝรั่ง..มั้ง” ผมกลอกตาดำขึ้นนึกอย่างใช้ความคิด

“หวาน ๆ” ผมขยายความ 

“แม่บ้านที่ต้องคอยเอาฝรั่งเสิร์ฟให้คุณ ไม่ต้องคอยชิมก่อนตลอดเลยรึไงครับ” อีกฝ่ายประชดด้วยใบหน้าเหมือนจะรับไม่ได้
 
“คงงั้น ก็มันหน้าที่ของแม่บ้านไม่ใช่รึไง” ผมเบะปากยอมรับว่าพวกเธอก็อาจทำตามอย่างนั้นจริง ๆ เพราะถ้าหากผมอยู่บ้าน  ผมไม่เคยได้กินฝรั่งที่มีรสเฝื่อนลิ้นเลย

“ฟักทองก็ดีนะ” ผมยักคิ้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้  สมุทรอมยิ้ม  แอปเปิลในมือผมหมดลงแล้วและผมยังคงจับจ้องคนตรงหน้า  ใบหน้าของเขาเริ่มหุบยิ้มลงทีละนิด  เป้าหมายของสายตาคือจานผลไม้

“อยากให้วันพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์จังนะ” ผมเอ่ยบอกไม่ดังมากนัก  สมุทรหันหน้ามา  เขาสบตาผมอยู่นิดเดียวด้วยความรู้สึกที่สุภาพแล้วก็เหสายตาลง

“เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อของที่ตลาดสักหน่อย..”

“เป็นของที่ต้องใช้ทำขนมขายวันพรุ่งนี้ เลย..รบกวนขอให้คุณอยู่รอก่อนได้ไหมครับ” สมุทรถาม
 
“แต่ถ้าคุณอยากจะไปด้วย หรือ..”

“ได้” ผมพูดแทรกห้วน ๆ  เพราะรู้ว่าประโยคต่อไปจะเป็นไปในทำนองไหน  สมุทรหุบปากทันควัน
 
“จะไล่ฉันกลับทางอ้อมงั้นเหรอ ไม่กลับหรอกน่า..ฉันยังไม่ได้แกล้งไอ้เมฆเลย” ผมทำหน้าประหลาดประกอบ

“หึ” สมุทรหัวเราะในลำคอ 

“งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ” อีกฝ่ายลุกขึ้น 

“ตามสบาย” ผมพยักหน้ารับทราบ  เขาเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ลิ้นชักพร้อมกับตะกร้าจ่ายตลาดติดตัวออกไปด้วย  เสียงฝีเท้าที่เดินเงียบหายไปไกลแล้ว  ผมภาวนาแค่ว่าอย่าให้มีลูกค้ามาเรียกซื้อขนมหวานในระหว่างที่เขาไม่อยู่ก็พอเพราะผมไม่อยากเอ่ยปากเรียกดาวที่อยู่หลังบ้าน


ให้หลังไม่ถึงสิบห้านาทีเมฆก็ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเรียน  อีกฝ่ายวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ไร้คำพูดทักทาย  หันซ้ายหันขวาคงกำลังมองหาพี่ชาย  พอไม่พบใครมันก็เลือกที่จะไม่ถามผมแต่กลับวิ่งไปที่หลังบ้าน  ไม่ถึงนาทีก็วิ่งกลับมาใหม่  ปีนขึ้นนั่งบนเก้าอี้  เปิดกระเป๋าเรียนออกเงียบ ๆ  ผมนั่งมองพลางหยิบแอปเปิลกินด้วย  นิ้วมืออีกข้างที่ว่างอยู่ดันขอบจานผลไม้อย่างแรงจนจานขยับเลื่อนไปอยู่ที่กลางโต๊ะ  เสียงการเคลื่อนตัวของจานทำให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมอง  ผมยักคิ้วให้  เมฆก้มหน้าลงครู่หนึ่งก่อนชันเข่าขึ้น  เอื้อมมือหยิบสับปะรดไปถือไว้เก้ ๆ กัง ๆ  สีหน้าเหยเกแสดงออกในทันทีที่สับปะรดถูกกัดเข้าไปในปาก

“หึ” ผมหัวเราะ  เดาไว้ก่อนหน้าอยู่แล้วว่าคงเปรี้ยวไม่น้อย  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีพริกเกลือวางแนบมาด้วย 

ผลไม้พร่องลงเรื่อย ๆ จากการช่วยกันกินจนจานว่างเปล่า  ผมพลิกนาฬิกาข้อมือ  สมุทรไปตลาดเกือบชั่วโมงแล้วและดูเหมือนเมฆก็ทำการบ้านใกล้จะเสร็จแล้วด้วย  วันนี้หมอนี่ทำเองคนเดียวได้  ไม่ดูเหมือนมีอะไรติดขัดตรงไหน



ตืด  ๆ ๆ   .. เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตรงชั้นวางของ  เราทั้งคู่มองตามไปที่ต้นเสียง  โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนชั้นนั้นกำลังสั่นและผมจำได้ว่ามันเป็นเครื่องของสมุทร  เจ้าของคงลืมมันทิ้งไว้หรือไม่ก็อาจตั้งใจไม่เอาไป 

“ทำไป” ผมสั่งเมฆพร้อมลุกขึ้นยืนเมฆจึงตั้งใจทำการบ้านต่อ  ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ชั้นดังกล่าว  มือล้วงกระเป๋า  ตาจ้องมองไปที่ของที่มีไฟกะพริบถี่ ๆ  หน้าจอโทรศัพท์โชว์เบอร์โทรเข้า “คุณพลอย” ที่บันทึกไว้อย่างชัดเจนแบบที่ไม่ต้องตีความว่าอาจจะเป็นคนชื่อซ้ำ 

สายยังคงสั่นอยู่อย่างนั้น  ผมยังคงนิ่งเฉยไม่คิดกดรับแทน  อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะหยุดสั่นเมื่อไหร่  ไม่ถึงนาทีหน้าจอก็ดับมืดสนิท  แต่ให้หลังไม่นานหน้าจอก็สว่างขึ้นอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับตัวหนังสือที่โผล่ขึ้นเป็นข้อความจากโปรแกรมไลน์  แจ้งว่า “ว่างแล้วโทรกลับหาพลอยด้วยนะคะ”  พร้อมกับสติกเกอร์ที่น่าจะปัญญาอ่อนพอ ๆ กับข้อความ
 
เสียงประตูมุ้งลวดถูกเลื่อนออก  ผมหันหน้ามองเจ้าของบ้านที่กลับมาถึง  ในมือของเขาถือของพะรุงพะรัง  สมุทรหยุดยืนอยู่หน้าประตู  ตามองมาที่ผมอย่างสงสัยก่อนเหลือบมองไปที่โทรศัพท์มือถือที่แสงสว่างบนหน้าจอเพิ่งดับลงไป   

“มีคนโทรหาพี่ด้วย” เมฆพูดบอกพี่ชายทำลายความเงียบ  สมุทรเดินตรงมาใกล้  ผมจึงคว้าโทรศัพท์มือถือของเขาแล้วยื่นไปให้แทน  อีกฝ่ายไม่สบตานักเมื่อชื่อของพลอยเตือนกะพริบขึ้นตรงหน้าเราทั้งคู่  แม้สถานการณ์จะค่อนข้างกระอักกระอ่วน  แต่เจ้าของที่ไม่เอ่ยปฏิเสธก็รับของ ๆ เขาคืนไปโดยไม่ลืมที่จะผงกหัวแทนคำขอบคุณ


- - - - - - - - - - - - - - -


20:38 น. : Classic Move Bar & Restaurant

“สวัสดีครับคุณไฟ ไม่พบหน้านานเลยนะครับ” ผู้จัดการร้านยิ้มสุภาพต้อนรับ  ชื่อจริงของเขาคือไลโอเนล  ชาติพันธุ์เป็นต่างชาติโดยแท้ที่มากำเนิดบนแผ่นดินไทย  พูดภาษาไทยได้เพราะหู  พวกผมมักเรียกกันติดปากสั้น ๆ ง่าย ๆ กันว่า “คุณเนล” 

“ยูอยู่รึเปล่า” ผมถาม

“อยู่ครับ อยู่ในห้องทำงาน” คุณเนลตอบ

“แล้วพี่กิ่งล่ะ” ผมถามถึง

“คุณกิ่งไปดูร้านที่เชียงใหม่ครับ จะกลับมาที่กรุงเทพอีกทีหลังจากกลับจากอินโดนีเซียเลยน่ะครับ”

“เดี๋ยวผมจะพาไปพบคุณยูนะครับ” คุณเนลยิ้มพร้อมผายมือออก

“ไม่ต้อง จัดโต๊ะให้คนของผมก็พอ” ผมยกมือขึ้นปรามเพื่อเป็นการบอกว่าผมต้องการความเป็นส่วนตัว 

เสร็จจากที่กินข้าวเย็นที่บ้านสมุทรไอ้เด่นก็ไปรอรับผมกลับบ้าน  ความคืบหน้าที่เชื่อมโยงเป็นเหตุทำให้ผมเตือนตัวเองให้หยุดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้  นั่นเป็นผลว่าทำไมผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ตอนนี้โดยไม่ได้ทำการนัดกับทางร้านเสียก่อน  พี่ธานกับไอ้เด่นแยกตัวไปพร้อมกับคุณเนล  ผมมุ่งตรงไปที่หลังร้านอย่างคุ้นเคย  เสียงในห้องทำงานเงียบมากเหมือนบอกว่าไม่มีคนอยู่  เมื่อลองเคาะดูก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนด้านในเช่นกันจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปและก็ไม่พบใครในนั้นตามที่คาด  ผมปิดประตูลงอย่างเดิม  เลือกเดินตรงลึกเข้าไปเพื่อไปที่ห้องทำงานของพี่กิ่ง 

“ปล่อย!”

“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า”


“บอกให้ปล่อย! ขยะแขยง..สัส ปล่อย! คุณเนล!!”

“ขยะแขยงกูเหรอ! หื้อ! กูจะดูซิว่ามึงจะหยุดขยะแขยงกูเมื่อไหร่”

“แม่งเอ๊ย อย่าขืนสิวะ” เสียงฮึดฮัดดังมาจากทางด้านหลัง  น้ำเสียงที่ฟังได้ยินถนัดชัดเจนเลยว่าเรื่องทำนองไหนกำลังเกิดขึ้น  ผมอมยิ้มให้กับเรื่องแก้เบื่อ  ขามุ่งตรงไปที่ที่เกิดเหตุ 

“เล่นอะไรอยู่เหรอ ดูน่าสนุกจัง” ผมยิ้มทักพร้อมคร่อมแขนทั้งสองข้างมือแตะติดกำแพง  คนที่กำลังคร่อมคนอื่นอยู่ถูกคร่อมจากผมอีกทีจึงทำให้เจ้าตัวถึงกับตาเบิกโต

“ไฟ” ยูทักด้วยสีหน้าตกใจไม่ต่าง

“ขอเล่นด้วยคนสิ” ผมฉีกยิ้มทักท้ายคนสนิท  จงใจทำเมินคนตรงกลางที่กอดตัวยูไว้อยู่ 

“หือ กูถามว่ามึงเล่นสนุกอะไรอยู่” ผมแสยะยิ้มขยับตัวเข้าประชิด  กระซิบถามที่ข้างหูของชายแปลกหน้าร่างกายกำยำ  ท่าจะเป็นพวกคลั่งการเล่นกล้ามสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ..จนดูท่าจะกลายเป็นหลงตัวเองเสียแล้ว

“ยะ.. อย่าเสือก!!” อีกฝ่ายให้คำตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก  ผมเหล่มอง  กัดฟันแน่นด้วยนึกหงุดหงิดพร้อมกระแทกเป้าใส่ก้นมันอย่างแรงจนตัวมันเซไปด้านหน้าชนเข้ากับยู  ทำให้ยูที่มีรูปร่างสันทัดสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ  ผมกระชากคอเสื้อมันมาเพื่อให้คนสนิทหนีออกได้ถนัด   
 
“ทำอะไรวะ!” อีกฝ่ายตะคอก  สะบัดตัวออกทำท่าจะสู้  มือผมตะบบเข้าที่กกหูพร้อมออกแรงดันจนหัวของมันกระแทกกับกระจกห้องทำงานดัง “ปึก !!!”  ..ไร้หนทางสู้ 

 “กูถามว่ามึงเล่นสนุกอะไร..?” การเอ่ยอีกครั้งเย็นต่ำลง  ตาถลึงเพื่อย้ำขอคำตอบจากคำถามเดิม  เหลือบมองเห็นเข็มขัดของมันที่ถูกปลดออกคล้ายเตรียมการ  มือขวาที่ว่างอยู่จึงช่วยรูดซิบกางเกงของมันต่ำลงเพื่อให้คว-ยมันได้หายใจสะดวก  เสียงซิปดัง “ฟืด!”

“มึง..” เจ้าของกางเกงกัดฟันแน่นด้วยสีหน้าแค้นจัด  ผมแสยะใบหน้า  ลิ้นเกลี่ยออกมาจากริมฝีปากอย่างเคยชิน  มือล้วงเข้าไปในกางเกงของมันในทันที

“ยะ อย่า!” มันร้องขอหน้าซีดเปลี่ยนจากเมื่อครู่  ผมหัวเราะในลำคอนึกชอบใจต่อปฏิกิริยาที่ได้รับ  มือขยำบีบไข่ผ่านกางเกงในของมันอย่างสนุกมือ  มือซ้ายที่ล็อกคอมันอยู่เลื่อนนำไปปิดปากมันไว้แน่นจึงทำให้มันหยุดดิ้นเหมือนกับพยายามจะบอกว่า.. ขอยอมแพ้แล้ว

“ไหงแข็งซะล่ะ ?” ผมหัวเราะขึ้นจมูกแซว  เลิกตามองอย่างเย้ยหยัน
 
“ไฟ..” ยูที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ เอ่ยปราม  ผมไม่คิดฟัง  มือกระชากกางเกงมันกองลงกับพื้นแล้วแนบลำตัวเข้าประชิด  มือผละออกจากเป้าของคนตรงหน้า  ปืนที่เหน็บอยู่ทางด้านหลังนำขึ้นจ่อไปที่หัวของมันอย่างใกล้ชิด..เป็นกันเอง   

“อ้าปาก” ผมสั่งเสียงเรียบพร้อมขยับมือขึ้นบีบแก้มเชิงบังคับ  เมื่อมันไม่ยอมอ้าง่าย ๆ  มือจึงจำเป็นต้องออกแรงบีบหนักขึ้น  หมากฝรั่งที่อยู่ในปากผมถูกเคี้ยวได้ที่จนรสหวานอร่อยหมดไปนานแล้ว  เมื่ออีกฝ่ายทนความเจ็บปวดไม่ไหวปากจึงเผยออ้าออกทีละน้อย   


ถุย!!   .. ไม่ถึงวินาทีหมากฝรั่งก็เปลี่ยนที่อยู่ไปอยู่ที่ปากของเจ้าของคนใหม่  ผมยิ้มพอใจ  กวาดตามองแววตาที่หวาดกลัวแปลก ๆ ของมัน  แต่อย่างนั้นคว-ยมันที่โดนตัวผมอยู่กลับไม่อ่อนลงสักนิด 

“รูนั่นน่ะ ..ของกู” ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
     
“ถ้าคิดแตะต้องมันอีกละก็ คนของกูคงถูกใจเวลาที่ได้ยินเสียงมึงครางเป็นหมา แล้วขยับสะโพกเรียกร้องของของพวกมันจนลืมไม่ลง” ผมอมยิ้มมุมปาก  นึกไปนึกมาก็มีอารมณ์กับคนตรงหน้าขึ้นมาเหมือนกัน

“ฟังดูอีโรติกจัง! ฮิ ๆ ๆ” ผมเอนตัวออกหัวเราะชอบใจ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2016 15:56:08

ปากกระบอกปืนลากจากท้องน้อยต่ำลงไปที่ส่วนสำคัญอย่างเนิบช้าจนอีกฝ่ายตัวสั่นเทิ้ม  สะโพกที่ขยับหนีอย่างหวาดกลัวทำให้ก้นแนบไปติดกับกำแพงทันควัน  ขาทั้งสองข้างพยายามอ้าออกเพื่อหลบหลีก  ลำปืนหยุดขยับเมื่อมันถูกวางแทรกกลางระหว่างขาพอดี  ปากกระบอกปืนถูกปิดสนิทกับกำแพง  ผมขยับลำปืนขึ้นสูงจนมันกระแทกเข้ากับจุดสำคัญของผู้ชายอย่างเรา  จุดที่ไวต่อความรู้สึก 

“ขะ..ขอโทษ” อีกฝ่ายเอ่ย  น้ำลายถูกกลืนลงคอดูท่าจะลำบาก
 
“ฮึ!” ผมพ่นลมออกจมูก  แนบหน้าเข้าไปใกล้มันจนมันต้องเบือนหน้าหนี  จมูกของผมจ่ออยู่ที่แก้มอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นและค้างมอง  เราต่างหยุดขยับอยู่พักหนึ่ง

“ถ้าอีกฝ่ายเขาบอกว่าขยะแขยง แสดงว่าเขาไม่อยากได้ไอ้นั่นของคุณ ขอให้เข้าใจตรงกันนะครับ ?” ผมกระซิบบอก

“อึก” มันไม่ตอบ  สันกรามกัดไว้แน่นและพยักหน้ารับ  ผมจ่อใบหน้าเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม “จุ๊บ~”  เสียงหอมแก้มอย่างหยอก ๆ ดังชัดเจนจนเจ้าตัวสะดุ้งก่อนที่ผมจะผละตัวออก  กวาดตามองร่างกายของคนตรงหน้าที่มีเพียงชายเสื้อปิดกางเกงในไว้เท่านั้น 

“ถ้าอยากให้ช่วยก็รอหน้าร้านได้นะครับ” ผมแสยะยิ้มก่อนเดินหนีออกมา  ยูจ้ำเท้าตามมาติด ๆ  ประตูห้องทำงานของเขาเปิดออกอีกครั้ง  เมื่อเจ้าของห้องเข้ามาแล้วเจ้าตัวก็ปิดพร้อมลงกลอนทันควัน

“เฮ้อ!” อีกฝ่ายถอนหายใจเต็มที่  ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจอย่างกับโลกใกล้แตก

“อุตส่าห์ช่วย” ผมเบ้ปากจงใจกวน

“ช่วยสร้างเรื่องสิไม่ว่า” ยูเขม่นตารู้ทัน  ผมอมยิ้มพร้อมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง  ทำหูทวนลมไปที

“สู้ได้ทำไมไม่สู้ อยากโดนรึไง เล็กออก..เสียเวลา” ผมบ่น

“ก็แค่ลูกค้างี่เง่าน่ะ” ยูขมวดคิ้วบ่นเซ็ง ๆ

“อย่างนี้ครูเสียใจแย่ที่ลูกศิษย์แก้ปัญหาไม่เข้าท่า” ผมแซวไปถึงพายุที่เป็นแรงบันดาลใจให้ยูได้กล้าเรียนศิลปะการต่อสู้เพื่อนำไว้ปกป้องตัวเอง

“ให้ฉันหาแฟนให้พายุเอาไหม เอาแบบทนมือทนเท้าพี่ชาย” ยูอมยิ้ม

“อย่ายุ่งน่า หาของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ” ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ  อีกฝ่ายคงแกล้งลืมประโยคต่อท้ายให้จบว่า “จะได้เลิกยุ่งเรื่องของฉันสักที” อะไรทำนองนั้น  ผมเอนหลังพิงโซฟาจนแทบนอน  ตาเหล่มองไปทางเขา  ยูเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม  เปิดตู้หยิบวิสกี้ออกมาพร้อมแก้วสำหรับวิสกี้อีกสองใบ  เขากลับมาที่โซฟา  วางแก้วลงบนโต๊ะก่อนรินวิสกี้ให้ผม  อีกฝ่ายหย่อนก้นนั่งลงขณะเดียวกันกับที่ผมเอื้อมมือไปหยิบแก้วของตัวเอง  ยูนำแก้วของเขาสะกิดชนแก้วผมเบา ๆ เสียงดัง “กิ้ง” ทำให้เราหลุดยิ้มได้นิดหน่อย  ต่างคนต่างยกวิสกี้ขึ้นดื่มจนหมดไร้บทสนทนาคล้ายย้อมใจ

“มีเรื่องสินะถึงได้โผล่หน้ามาได้”

“ทำนองนั้น” ผมเบะปากปฏิเสธไม่ลง 

“โปรดล่ะ บินเหรอ” ยูถามพร้อมลุกขึ้นยืนเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์  ผมจึงหยิบขวดวิสกี้ริสใส่แก้วของเราเพิ่ม
 
“มั้งนะ..ไม่เห็นมันติดต่อมา”   

“พายุเป็นไง สบายดี” เขาถามอีก  คำถามที่ถูกยิงมาเหมือนต้องการรู้ความเป็นไปโดยภาพรวมก่อนเข้าเรื่องอื่น

“เรื่อย ๆ” ผมตอบ

“ก็ไลน์คุยกันอยู่แล้ว จะถามทำไม” ผมพูดปนหัวเราะ  ยกแก้ววิสกี้จิบไปพลาง

“ไม่ได้คุยทุกวันสักหน่อย” ยูหัวเราะขึ้นจมูก  ผมเงียบมองเขาที่กำลังตั้งใจเช็ดมือของตัวเองด้วยกระดาษทิชชู่เปียก  ในห้องเงียบสนิท  กระดาษทิชชู่ถูกทิ้งลงในถังขยะใกล้ ๆ กับเคาน์เตอร์  น้ำเปล่าถูกยกขึ้นดื่มด้วยมือที่สั่นเทิ้มจนสังเกตเห็นได้ด้วยสายตา   

“ฮ้า ~ ผู้ชายสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดน้า” จู่ ๆ ยูก็ถอนหายใจพูดโต้ง ๆ  เท้าเอวเงยหน้าขึ้นเหมือนบ่นให้เพดานฟัง  ผมได้แต่อมยิ้ม  เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องได้เก่งเหมือนเคย

“พอสังคมเปิดเข้าหน่อย เอ๊ะอะก็จะเอามาใส่ลูกเดียว ดูไม่ออกรึไงว่าของแบบนี้ถ้าไม่มีอารมณ์จริง ๆ มันต้องเล้าโลมก่อนน่ะ” อีกฝ่ายที่ยืนเท้าเอวหันมาขมวดคิ้วใส่ผมทำให้ผมหัวเราะได้กับใบหน้าติดตลกนั่น

“อีกอย่าง ควรดูบุคคลด้วยว่าถึงเป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้อยากได้น่ะนะ” ยูเบะปากหน้าแขยง

“หึ ๆ ๆ” ผมขำอีกครั้งทั้งที่กำลังยกวิสกี้ขึ้นดื่ม  ยูก้มหน้าลงจบคำพูดตัวเองทั้งอย่างนั้น  เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจนถึงข้อศอกทั้งสองข้าง  ใบหน้าที่แสดงความรู้สึกแบบก่อนหน้าปรากฏให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง

“พี่กิ่งทิ้งงานไว้ให้อีกแล้วเหรอ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
 
“อืม” ยูอมยิ้มน้อย ๆ ตอบไม่ยอมสบตา  มือคว้ากระดาษทิชชู่เปียกออกมาอีกสองแผ่นและนำมาเช็ดมือซ้ำอีกครั้ง  ครั้งนี้เขาเลือกเช็ดยาวไปจนถึงข้อมือ  ผมจึงหยุดพูดเพื่อให้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง  เมื่อเจ้าตัวเห็นว่าร่างกายสะอาดจนพอใจแล้วจึงกลับมานั่งลงที่โซฟาตัวข้าง ๆ

“ได้ข่าวว่านอนกับคุณตุล เจ้าของนิตยสาร TRAVEL with Us แล้วเหรอ ? นายนี่มันจริง ๆ”

“รู้ได้ไง” ผมมองอย่างระแวง  เขามีเรื่องแปลกประหลาดให้ผมต้องระแวงได้อยู่ตลอด

“มีอะไรที่ฉันอยากรู้แล้วไม่รู้บ้าง” ยูยักไหล่เชิด ๆ  ผมยิ้มไม่ปฏิเสธ  ยูเหล่ตาอมยิ้มไม่ว่าอะไรอีก  ผมจึงนำแก้ววิสกี้ชนที่แก้วของเขา  เจ้าของแก้วจึงยกวิสกี้ขึ้นดื่มอีกครั้ง

“เห็นว่าช่วงนี้ทั้งตำรวจ ทั้งคนใหญ่คนโต แวะเวียนกันมายืมใช้สถานที่เป็นว่าเล่นเลยนี่” ผมเอ่ย  ยูเงียบปากด้วยท่าทีนิ่งเฉย  หยิบกล่องบุหรี่เปิดฝาออก  บุหรี่ถูกคาบไว้ในปากหนึ่งมวนก่อนปิดฝา  ผมเลยหยิบไฟแช็กที่อยู่ใกล้มือนำขึ้นจุดไฟให้  ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาอย่างแรงในครั้งแรกด้วยเสน่ห์ที่เซ็กซี่ไม่เคยเปลี่ยน   

“งงไปหมดว่ามาทำไม” คางของยูเชิดขึ้นประมาณสามสิบองศา  เจ้าตัวพึมพำตาลอยด้วยสีหน้าที่เอือมระอาต่อวงการนี้พอดู

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ 

“วันครบรอบวันตายคุณลุงน่ะ..” ยูเอ่ยขึ้น  ทิ้งน้ำเสียงเว้นระยะขณะขยับขาซ้ายขึ้นไขว่ห้าง

“ฉันไปปฏิบัติธรรมมา”

“พรวดดด!!!” ผมพ่นหัวเราะลั่น  วิสกี้ที่กำลังจะกลืนลงคอได้เกือบหมดกลับสำลักพ่นออกจากปากแบบยั้งเอาไว้ไม่ทัน  ปากเปื้อนนิดหน่อย  ผมรีบหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดโดยกลั้นยิ้มเอาไว้ด้วย

“นี่..ไอ้บ้า!” ยูกัดฟันว่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ว่าแล้ว ไม่บอกรึก็ดี” เขามองตาขวาง

“ขอบคุณนะ” ผมพูด  ยิ้มกว้างมองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูจึงทำให้ยูอ่อนท่าทีลง 

“ป่านนี้พ่อผมคงบ่นแย่ ไอ้พวกลูกเวร..พวกแกไม่คิดจะทำบุญมาให้กันเลยรึไง ยูมันลูกฉันรึก็ไม่ใช่” ผมแซวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ แบบที่พ่อชอบใช้บ่น  ยูฉีกยิ้มกว้าง  รอยยิ้มของเขาสดใสน่ารักเสมอ

“แต่ก็เหมือนลูกละนะ” ผมพูดต่อท้าย  ยูเบือนหน้ากลับด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ   

“มีอะไรให้ช่วยงั้นเหรอ ?” เขาถามเข้าประเด็น

“ก็ไม่เชิง” ผมเหตาลง

“แต่ต้องมีของมาแลกนะ” อีกฝ่ายแสยะยิ้ม  นำปลายเท้าซ้ายสะกิดมาที่ขาผมอย่างหยอกเย้า
 
“ไปหิวมาจากไหนไม่ทราบ” ผมเขม่นตาแซว

“หิวสิ..ก็นายเล่นหายหัวไป ฉันนึกว่าตายไปแล้ว” ยูบ่นเสียงหลง

“ก็โทรมาสิ” ผมย้อน 

“ไม่ล่ะ เล่นหุ้นใจเต้นแรงกว่า” ยูยักไหล่กวนกลับทำเอาผมหัวเราะให้กับนิสัยที่ชอบกอบโกยเงินทองของเขาได้เหมือนเดิม
 
ยูขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้โซฟาของตนมานั่งคร่อมบนตัวผมแทน  ผมมองเฉย  อีกฝ่ายสูดบุหรี่เข้าไปอีกครั้งหนึ่งด้วยสายตาที่ยังจับจ้องกันอยู่  วิสกี้ของผมที่เหลือค่อนแก้วถูกยกขึ้นดื่มจนหมด  ยูเห็นอย่างนั้นจึงขยี้บุหรี่ที่เหลือลงในแก้ว  ก่อนจับแก้วออกจากมือผมนำไปวางไว้ที่โต๊ะข้างโซฟา

“ทำให้รู้สึกดีจนลืมโลกไปเลยได้ไหม” เขายิ้มเจ้าเล่ห์

“มันก็เป็นอย่างนั้นทุกรอบอยู่แล้ว ไม่ใช่รึไงเล่า” ผมสบถด้วยสีหน้ารับไม่ได้จนอีกฝ่ายหลุดหัวเราะ 


- - - - - - - - - - - - - - -


เสียงเพลงสากลในทำนอง R&B เปิดทิ้งมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว  ผมผละตัวออก  ลุกขึ้นก้มหยิบกางเกงในขึ้นใส่  คนข้าง ๆ หลังจากที่ลุกขึ้นไปเปิดเพลงก็นอนเปลือยเปล่าเอกเขนกไม่ยอมลุกแต่งตัวดี ๆ  หุ่นของยูที่นอนคว่ำหน้าอยู่ยังคงเซ็กซี่อย่างกับราชินีเหมือนเคย  ไม่แปลกที่ถึงเขาไม่ต้องทำอะไรมากแต่กลับมีแต่คนอยากเข้าหา ทำความรู้จัก เลวร้ายหน่อยก็จ้องมุ่งแต่ร่างกายนี้   


กรอบเขตแดนที่เข้าถึงก้นบึ้งของหัวใจผู้ชายคนนี้มันชัดเจนเกินไป  แค่ใช้สายตามองในฐานะคนใกล้ชิดยังรู้สึกได้ถึงความห่างไกลและอยากช่วยเหลือ  ไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่สนิทด้วย  นอกจากจะไม่สำคัญแล้วก็แทบอยู่นอกสายตาไปเหมือนกัน  ท่านอนคว่ำที่ชอบนอนแบบนี้ทุกครั้งเมื่อเสร็จกิจ  มันดูน่าหดหู่  อย่างกับมีอะไรให้ตรอมใจ  แต่นั่นล่ะ..ผมอ่านใจยูไม่ออกพอ ๆ กับที่เขาเองก็ไม่เคยคิดอยากแตะต้องความคิดของผมเช่นกัน   

.. วิสกี้ถูกยกขึ้นดื่มจากขวดก่อนลุกขึ้นใส่กางเกงอย่างลวก ๆ  ยังไม่ทันได้รูดซิปกางเกงผมก็นั่งลงอีกครั้ง 

“ไปหาที่บ้านได้ตลอดนะ” ผมพูดขึ้นลอย ๆ  เป็นคำบอกใบ้ที่ย้ำให้ฟังรอบที่ล้านแล้วละมั้ง  หางตาเห็นว่ายูขยับใบหน้ามา  ผมจึงหันไปมอง   

“ขอแต่งงานเหรอ” อีกฝ่ายอมยิ้มหน้าทะเล้น

“ผมหมายถึงถ้าคุณเหงาน่ะ” ผมขยายความกวนกลับ  อีกฝ่ายนอนนิ่ง  หลบตาหนีคงเพราะผมพูดแทงใจดำ  แม้ยูจะอายุมากกว่าแต่ผมก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่  แต่อย่างนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างยูกับครอบครัวผมที่ผ่านมามันเป็นมากกว่าคนรู้จักไปแล้ว  “เราเหลือกันแค่นี้” นั่นคือความจริงที่ผมพยายามบอกเขามาตลอด  มากกว่าคู่นอนที่สนองให้กันได้  เรารู้จักกันและกันมากกว่าเพื่อนโดยไม่ต้องใช้คำพูดให้มาก  แก้เหงาให้เขาหรือสิ่งที่เขาพยายามตอบแทนให้ผม  เขาคงลืมไปว่าที่จริงแล้วผมต่างหากที่เป็นฝ่ายสนองให้เขามาตลอด  แต่นั่นล่ะ..ก็ไม่ใช่เรื่องไม่เต็มใจน่ะนะ

“เพราะคุณเป็นแบบนี้ พายุก็เลยไม่กล้าชวนคุณเลย” ผมเปลี่ยนเป็นพูดติดตลก

“หึ” อีกฝ่ายยิ้มอ่อนโยนทันทีที่พูดถึงชื่อของน้องรัก 

“มันบ่น ๆ ว่า หรือว่าคุณมีคนที่คบแล้วกันนะ” ผมยักคิ้ว

“ไอ้บ้า” ยูว่า  คงรู้ว่าพายุไม่ได้พูดแต่เป็นผมที่ปั้นน้ำเป็นตัว
 
“ใจอ่อนไปเหอะน่า” ผมพูดปนสบถ

“แก่ ๆ กันหมดแล้ว..เดี๋ยวก็ตาย หกสิบจะอยู่ถึงรึเปล่าก็ไม่รู้..หึ” ผมแซวไปถึงคู่กรณีอีกคนที่ตามตื๊อจีบยูมานานหลายปี  ยูถอนหายใจ  ขยับตัวกลับมานอนหงาย  ผมจึงจับขาขวาของเขาให้ตั้งชันขึ้นก่อนประทับปากจูบลงที่หัวเข่ายิ้ม ๆ
 
“นายก็รีบมีคนรักซะสิ นายมีเมื่อไหร่ ฉันอาจจะใจอ่อนกับหมอนั่นก็ได้”

“เอาแล้ว ฮ่า ๆ ๆ รู้ด้วยว่าพูดถึงใคร” ผมยิ้มกว้างทำเสียงทะลึ่งทำให้คนตรงหน้าหน้ามุ่ยทันควัน  เท้าถีบมาที่ไหล่ผมเต็มแรงดัง “ปึก!” ปรามคำพูด  การถูกถีบที่ไม่เคยคิดโกรธทั้งที่ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน  อีกฝ่ายลุกขึ้นนั่ง หยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นสวมด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นิดหน่อย

“มีคนที่ถูกใจอยู่น่ะ” ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ  ยูหันขวับมามอง

“แต่ดูเหมือนจะแห้วเร็ว ๆ นี้ รึแห้วแล้วก็ไม่รู้” ผมขยายความติดตลก  ยูหัวเราะน้อย ๆ

“ผม ..ไม่รู้อะไรเลย”

“ยัยริศานั่นน่ะเหรอ ได้ข่าว” อีกฝ่ายกัด  เบี่ยงประเด็นหักเลี้ยวแก้สถานการณ์

“ชิ ฝีมือคุณตกรึไง” ผมรับไม่ได้  หยิบเสื้อที่พาดอยู่ที่โซฟามาใส่

“งั้นฉันต้องใจอ่อนแล้วงั้นซิ ? ไร้สาระ” ยูบ่นอย่างไม่แคร์

“เจอคนแบบคุณผมคงเลิกจีบไปแล้ว” ผมว่าถึงความใจแข็งของเขา  ยูหัวเราะในลำคอไม่ปฏิเสธ

“จีบใครอยู่ก็ ไม่อยากรู้หรอกนะ แต่..พยายามเข้าล่ะ” เขามองอย่างยียวน

“จีบติดแล้ว ฉันค่อยถามพายุเอาเวลานั้นก็ได้” อีกฝ่ายขยิบตา


ก๊อก  ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2016 15:56:43

“นายครับ” ไอ้เด่นเรียก  ผมถอนหายใจลุกเดินไปเปิดประตูให้แล้วเดินกลับมาทันที  ไอ้เด่นปิดประตูห้องลง  เมื่อมันหันมาเห็นว่ายูยังไม่ได้ใส่ชั้นในมันก็รีบละสายตาก้มหน้าลงมองพื้น

“พี่ธานให้มาบอกว่า ไอ้กริดมาครับ” มันรายงาน

“มึงเฝ้าหน้าห้องไว้ก่อน” ผมสั่ง  ไอ้เด่นผงกหัวน้อย ๆ ก่อนออกจากห้องไป

“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกทำแบบนี้สักที อยากตายรึไง” ผมพูด  นำหลังมือไปแตะหน้าผากยูก่อนลูบหัวเขาไว้ด้วย
 
“ก็ไม่เหลือใครให้ห่วงสักหน่อย” ยูยิ้ม  ทำท่าสนุกเพื่อปัดสถานการณ์ตามเคย  ผมนั่งลงข้าง ๆ

“ต้องให้ผมพูดอีกกี่ครั้ง ว่าคุณคือคนในครอบครัว” ผมเริ่มไม่พอใจ  ยูเงยหน้าขึ้นมองตาปริบ   

“อย่ามาทำให้ไขว้เขวน่า” เขาต่อว่า

“แล้วนายมีอะไรล่ะ” ยูถามอีกครั้ง

“เจ้าของผับ Blackfoot น่ะ ..ใคร ?” ผมถาม

“กาย” ยูให้คำตอบอย่างไม่ลังเล

“เฮอะ..ไปเจออะไรเข้ามาล่ะ” ยูเงยหน้าหัวเราะขึ้นจมูก  ผมเผยอปากอย่างเซ็งอารมณ์  ลุกขึ้นติดกระดุมเสื้อพร้อมจัดองค์ทรงเครื่องให้สภาพเหมือนตอนที่มา 

“รู้ไหมว่ามันเป็นเด็กใคร” ยูตั้งคำถามแบบที่ผมให้คำตอบไม่ได้

“ถ้านาย ‘ไม่รู้’ ก็ไม่แปลกอะนะ แต่ฉันก็จะเตือนเหมือนที่นายพูดกับฉันเหมือนกันว่า..อยากตายรึไง ?” ยูกวน  ผมนั่งลงอีกครั้งโดยไม่คิดพูดอะไร     

“ทีสมิธ” ยูพูดขึ้น  ผมขมวดคิ้วกับชื่อที่พอคุ้นหูถึงบุคคลใต้ดินที่ยังไม่มีใครเคยพบหน้า  เรียกว่าอยู่ในวงการแบบดำสนิท

“มากกว่าสองปากพูดกันว่า กาย..เข้าออกบ้านพักตากอากาศของนายดำริเป็นว่าเล่น” ยูยักไหล่เล่า

“นักการเมืองดีเด่นแห่งชาตินั่นน่ะนะ ?” ผมประชดถึง

“อาฮะ..” ยูเลิกคิ้วรับ

“คุณกำลังบอกว่าทีสมิธคือดำริงั้นเหรอ”

“เปล่า..ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย” ยูทำตาใสปฏิเสธ  คล้ายเกรงที่จะให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา 

“เห็นว่าเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง แอบเลี้ยงน่ะ เลี้ยงเหมือนเด็กปั้นกลาย ๆ  ทุกคนรู้แค่ว่ามันเป็นหลาน” ยูขยายความ

“เป็นข่าวเดียวที่ฉันไม่กล้าขาย” ยูเบะปากระหว่างยิ้มนิดหน่อย

“งั้นแสดงว่าที่จริงร้านนั้นเป็นของทีสมิธ” ผมพูด  ยูอมยิ้มพร้อมยักไหล่นิดหน่อย

“ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก แต่ช่วงนี้..พวกไอ้กายกับไอ้กริดมากินที่ร้านบ่อย ๆ  มันจองที่นั่ง VIP ตลอด อย่างที่บอก มาบ่อยพอ ๆ กับสายตำรวจที่ทำฉันปวดหัวไปหมด” ยูพูดคล้ายบ่นให้ฟังโดยไม่ลืมที่จะถอนหายใจไปด้วย

“..นั่งนานแค่ไหน” ผมถาม

“ก็สัก..สองสามชั่วโมงได้ บางทีก็แค่ยี่สิบนาทีทั้งที่เปิดไวน์ขวดครึ่งแสนยังไม่ทันหมด แปลกใช่ไหมละ”

“เคยได้ยินพวกมันพูดกันว่า พ่อของริศาให้เช่าท่าเรือแถวฉะเชิงเทราด้วยนะ”

“คุณรู้ใช่ไหมว่าพวกมันขนอะไรกัน” ผมถามตรง ๆ  ยูจ้องไปที่แก้ววิสกี้ครู่หนึ่งก่อนเหลือบมามอง

“..ก็ไม่ใช่เรื่องดี หน้าตาพวกมันเหมือนทำเรื่องดี ๆ เป็นประจำเหรอ” อีกฝ่ายตอบติดตลกก่อนลุกขึ้นแต่งตัว  ผมหลุดหัวเราะ  นั่งมองให้เวลาจนยูแต่งตัวเสร็จ

“เท่าไหร่..?” ผมเอ่ย  ทำให้คนที่ได้ยินเหล่ตามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“งานครั้งนี้น่ะ” ผมขยายความ  ดึงเอวอีกฝ่ายมาอย่างแรงจนยูเซล้มตัวนั่งลงบนตัก

“แลกกับเมื่อกี้ไปแล้ว” ยูตอบเสียงแข็ง 

“ไม่ยักรู้ว่าคุณขายข่าวแลกเซ็กส์แล้ว จนตรอกขนาดนั้นเลย” ผมประชดแกล้ง  ยูนำมือมาหยิกแก้มผมด้วยท่าทางหมันไส้ก่อนผละตัวลุกขึ้นยืน   

“ก็..นายมัน ยกให้กรณีพิเศษมั้ง” อีกฝ่ายย้อนส่ง ๆ  เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์   

“บอกมาเถอะน่าว่าเท่าไหร่” ผมย้ำเสียงนุ่มลง  ยูไม่ตอบอีก  ทำเมินเฉยหยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่ม  ผมถอนหายใจกับนิสัยแบบนี้ของเขา  เอาไม่อยู่หรอก คน ๆ นี้มีเรื่องฝังใจเยอะเกินไปและก็ “กวนตีนนิด ๆ ด้วย”

“เอาเป็นว่าผมจะโอนเข้าบัญชีให้พรุ่งนี้แล้วกันนะ” ผมสรุปอย่างทุกที

“อย่ามาทำอะไรไร้สาระ!” ยูขมวดคิ้วขึ้นเสียงยกใหญ่   

“ให้ไปพักร้อน เผื่อเอาไว้นอนเล่นที่มัลดีฟส์สักห้าหกวัน..ไม่ชอบเหรอ” ผมยิ้ม  พอได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวก็ทำตากลอกวนไปมา  มุมปากทั้งสองข้างหลุดยิ้มน้อย ๆ

“คุณนี่มัน นิสัยแย่จริง ๆ” ผมส่ายหัวบ่น

“คึ ๆ” ยูทำท่าปิดปากหัวเราะหน้าทะเล้น  เราเดินออกมาจากห้องพร้อมกัน

“ว่าไงเด่น” ยูทักไอ้เด่นที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง

“สวัสดีครับคุณยู” ไอ้เด่นผงกหัวปลก ๆ

“บอดี้การ์ดสุดหล่อของฉันล่ะ”

“พี่ธานดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์กับคุณกานต์น่ะครับ” ไอ้เด่นตอบ  คำตอบที่ทำให้ยูเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นหุบยิ้มจนผมหลุดหัวเราะชอบใจ  ผมเดินนำออกมาก่อน  เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังมาจากด้านนอกทำให้สัญชาตญาณบอกให้ฝีเท้าต้องทำการชะลอลง 


“แม่งเอ๊ย! มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร!!” เสียงไอ้กริดโวยวายดังลั่นสู้กับเสียงเพลงคลาสสิกแสนหรู  ผมหยุดยืนพิงกำแพงก่อนที่จะพ้นทางเดิน  ตามองไปในส่วนของหน้าร้าน  ไอ้กริด ไอ้กาย พร้อมกับลูกน้องของพวกมันกำลังประชันหน้ากับคนที่ผมเพิ่งได้รู้จัก “ไอ้เต้” ลูกน้องของพี่ทัพ  ดูท่าดวงผมกับมันจะสมพงษ์กัน

“ผมขอละครับ” คุณเนลเข้าห้ามกลางด้วยสีหน้าร้อนใจ
 
“ขอโทษกูเดี๋ยวนี้” ไอ้กริดข่มน้ำเสียงแทบกลายเป็นสบถ

“ฮ่า ๆ ๆ!” ไอ้เต้หัวเราะตอบอย่างยียวน

“หึ” ผมแสยะปากมองอย่างเพลินตา  ไอ้ลูกน้องของพี่ทัพคนนี้นี่มันพยศได้ใจจริง ๆ 

“ระวังปากหน่อยก็ดีมั้ง คุณกริด” ไอ้เต้พูดเสียงเย็นพร้อมพุ่งตัวเข้าหา  คุณเนลเข้าไปยืนขวางกลาง 

“ไปตามคุณยูมา” ไอ้กายที่นิ่งกว่าใครสั่งขึ้น 

“ไม่ต้อง” ผมห้ามพร้อมดึงตัวยูเข้ามาใกล้  เขายอมหยุดอยู่กับที่อย่างว่าง่าย   

“คุณยูพบแขกอยู่ครับ” คุณเนลบอก  สถานการณ์สงบลงครู่หนึ่ง ไอ้กายก็เดินเข้าหาไอ้เต้  ทั้งคู่ประชันหน้ากัน  ปากของไอ้กายขยับพูดอะไรสักอย่าง  ความมืดของร้านทำให้ผมอ่านปากได้ไม่ถนัด 

“อ้าว! คุณเนล มีอะไรครับเนี้ย!!” เสียงเฮียกานต์ตะโกนโผล่เข้ามาด้วยน้ำเสียงติดสนุกทักทายคุณเนลอย่างไม่ดูสถานการณ์ใด  ผมยิ้มกว้าง  เพราะรู้ว่าเฮียจงใจแก้สถานการณ์ให้เป็นไปอย่างนั้น

“ไง..กริด กาย ไม่เจอกันนานเลย มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า ?” เฮียแกล้งทักหน้าซื่อตาใส  ทุกคนต่างชะงักและเลือกที่จะผงกหัวทักทายเฮียกานต์ตอบโดยง่าย 
 
“ไอ้บ้า” ยูพึมพำว่าเสียงแข็ง  ผมกัดฟันกลั้นหัวเราะทำให้ยูมองค้อนและนำมือตีหน้าอกผมเบา ๆ 
 
“เฮียแก..เหมาะกับคุณดีออก” ผมยิ้มกวน  การที่ยูยังอยู่ในวงการนี้อย่างเฉิดฉายทั้งที่ก็ทำเรื่องที่เสี่ยงต่อชีวิตตัวเอง  หนึ่งเหตุผลที่ปฏิเสธไม่ได้นั่นก็คงเพราะตัวหัวหน้าต่างก็รู้ดีว่ายูเป็นที่หมายปองของเฮีย


.. ผมเห็นเฮียกานต์แอบสะกิดคุณเนลไม่ทันให้ใครสังเกต  คุณเนลจึงขอตัวและเดินตรงมาทางพวกเรา 

“ฝากด้วย!” ยูกระแทกเสียงบอกงอน ๆ ก่อนเดินกลับทางเดิม  คุณเนลที่กำลังจะผ่านไปผงกหัวให้ผมน้อย ๆ แล้วตามตูดยูเข้าห้องทำงานไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก 

“มึงว่า ไอ้เต้เนี่ย มันจะโง่เรื่องผู้หญิงไหมวะ” ผมตั้งคำถามเพื่อฆ่าเวลา 

“หรือน่าจะโง่พอ ๆ กับมึง”

“โธ่ นายครับ” ไอ้เด่นบ่นอิดออด

“มันบ้าดีว่ะ” ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“แต่บ้าไม่เลือกที่แบบนี้ จัดว่าปัญญาอ่อนไปหน่อย” ผมบ่น

“อยู่กับกู มึงต้องใจเย็นกว่านี้นะ แบบไอ้พวกนี้..กูไม่ชอบ” ผมบอกเรียบ ๆ  ไอ้เด่นเพียงขานรับ “ครับนาย” เท่านั้น  เรายืนมองสถานการณ์ด้านนอกสบาย ๆ  เพื่อนของไอ้เต้ที่มาด้วยกันซึ่งไม่น่าจะใช่ตำรวจเข้าไปห้ามให้มันใจเย็นลง  เฮียกานต์คุยกับไอ้กายอย่างเป็นมิตร  ทั้งหมดต่างแยกตัวได้เพราะเฮียแกก่อนที่เฮียจะตามไอ้เต้และเพื่อนออกไปส่งที่นอกร้าน  ทั้งที่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเฮียเลยสักนิด 

“เก็บมันซะ” ผมมองริมฝีปากของไอ้กายที่ขยับพูดกับไอ้กริด  แสงจากบาร์เครื่องดื่มสะท้อนเข้าพอดีด้วยไม่มีใครยืนบังจึงทำให้อ่านริมฝีปากได้อย่างชัดเจน  ไอ้กริดยังคงฮึดฮัดโมโหไม่หาย  ไม่นานให้หลังทุกคนต่างก็แยกตัวออกจากร้านไปทีละกลุ่ม  พี่ธานโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำฝั่งทิศใต้อย่างกับใครได้คิว  สงสัยคงเข้าไปหลบอยู่ในนั้นตั้งแต่เริ่มแล้วละมัง 


“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้  ยิ้มกว้างทักเฮียกานต์ที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม

ไอ้สัส! เห็นหมดแล้วสินะ” เฮียสบถยกใหญ่  พี่ธานเลื่อนเก้าอี้ข้าง ๆ เฮียกานต์ให้ผมได้นั่ง  ผมหัวเราะ  เท้าแขนลงบนเคานเตอร์พิงไว้ข้างหนึ่งโดยหันหน้าตรงเข้าหาเฮียที่นั่งหันข้างให้  ส่วนพี่ธานยืนเฝ้าอยู่ทางด้านหลังผมอยู่กับไอ้เด่น 

“ไม่ใช่เรื่องของเฮียสักหน่อยนี่” ผมแซว

“ไอ้ตำรวจนั่นเลือดร้อนเป็นบ้า เด็กใหม่ใครวะ..ไฟแรงฉิบเป๋ง” เฮียส่ายหัวด้วยสีหน้ารับไม่ได้

“มันจะใจร้อนกันไปไหนว้า อยู่วงการนี้ทำตัวให้มันใจเย็นกันหน่อยเซ่ แล้วไอ้คำพูดที่ว่า ‘มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร’ ก็ควรจะเลิกพูดได้แล้ว แบบนี้..กูถึงได้เบื่อไอ้คนที่เรียกรวมไอ้พวกนี้ว่ามาเฟีย” เฮียถอนหายใจ  ยกแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกอย่างหงุดหงิด  ผมได้แต่ยิ้มมอง  ดูท่าเฮียแม่งจะหงุดหงิดจริง ๆ

“White house” ผมเหลือบตาสั่งบาร์เทนเดอร์ที่รอรับออเดอร์อยู่ 

“..........” อยู่ดี ๆ เฮียกานต์ก็เงียบลงไปซะอย่างนั้น  ตากลอกมองไปทางเดินทางด้านหลังที่ไปยังห้องทำงานของยูก่อนเหลือบสายตามองมาที่ผมอย่างจับผิด

“มึงมานานแค่ไหนแล้ว ?” เฮียกานต์ถามเสียงเย็น

“ก่อนหน้าเฮียแป๊บเดียว” ผมโกหกเอาหน้ารอด 

“ผมคิดว่าวันชกที่พัทยา เฮียน่าจะได้จากผมไปหลายสิบล้านนะ แบ่งให้เขาไปเท่าไหร่ล่ะ” ผมยกความดีความชอบกลับมาพูด  เฮียแสยะปากใส่  เปิดกล่องบุหรี่ขึ้นด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก  ผมจึงใช้มือซ้ายที่ไม่ได้พิงเท้าเคาน์เตอร์อยู่หยิบไฟแช็กของเฮียที่วางอยู่ตรงหน้านำไปจุดให้ถึงปากของเจ้าของ

“อมยิ้มหาพ่อมึงเหรอ ไอ้สัสไฟ!” อีกฝ่ายหันมาตวาดซะดัง  ปากที่คาบบุหรี่อยู่ก็ปล่อยควันออกมาในขณะเดียวกัน

“หึ ๆ ๆ” ผมก้มหน้าฟุบลงบนเคาร์เตอร์พลางหัวเราะ  เฮียกานต์ยังไม่หยุดพึมพำต่อว่า “เกลียดรอยยิ้มมึงฉิบหาย กูอยากจะข่วนหน้ามึงนัก” ให้ได้ยินกันเท่านี้

“ได้แล้วรึยัง ?” อีกฝ่ายถามด้วยสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจัง

“อะไรครับ ?” ผมถามกลับ  ทำเป็นไม่เข้าใจในความหมาย

“.........” เฮียกานต์ไม่ตอบ  คีบบุหรี่ออกจากปากพลางกัดริมฝีปากล่างของตนไว้

“กูถามว่ามึงน่ะ ได้ใช้ถุงยางกับ ‘เมีย’ กูไปแล้วรึยัง” เฮียถามย้ำเสียงเข้ม  ผมกะพริบตามองเฮียกานต์อย่างเนิบช้า  ปากขยับจะให้ความจริง..

“ไม่ต้องตอบ!” เฮียกระแทกเสียงแทรกขึ้น  ซึ่งมันทำให้ผมเกือบหลุดหัวเราะได้อีกครั้ง

“เช็ดแม่งเอ๊ย กูมาทำอะไรที่นี่..” อีกฝ่ายสบถบ่นด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ  ยัดบุหรี่เข้าปากอีกครั้ง  วิสกี้ถูกเสิร์ฟตรงหน้าผม  ผมจึงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เล็กน้อย  มือหยิบวิสกี้ขึ้นจิบพลาง ๆ  เราไม่มีบทสนทนาอีกเพราะดูเหมือนผมจะทำให้เฮียกานต์ไม่สบอารมณ์เสียแล้ว 

“ดูแลให้ดีกว่านี้หน่อยสิครับ ผมอุตส่าห์ไว้ใจเฮียนะ” ผมพูด

“เหลือแต่กราบตีนนะที่กูยังไม่ได้ทำ” เฮียประชดกลับ  ผมหันไปยักคิ้วยิ้ม ๆ ให้พี่ธาน  พี่เขายิ้มกว้างเช่นกัน  ขณะเดียวกันพี่ธานก็เหลือบมองไปทางด้านหลังผมพร้อมผงกหัวน้อย ๆ  ผมจึงหันตัวกลับไปมอง  ยูเดินออกมาพอดีและตั้งใจตรงเข้าหาพี่ธานทันทีเลย

“พี่ธานยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะ” ยูชม  มือแตะลงบนปกเสื้อพี่ธานอย่างถึงเนื้อถึงตัว

“คุณยูก็เหมือนกันครับ” พี่ธานยิ้มตอบอย่างสุภาพ

“ขอบคุณ” ยูยิ้มเขิน  หันตัวกลับมายืนอยู่ตรงหน้าผมโดยตั้งใจทำเมินเฮียกานต์ที่ร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย 

“มีอะไรต้องคุยกันเหรอ ?” ยูถาม  ประโยคค่อนข้างกำกวมแต่ฟังดูก็รู้แล้วว่าประชดที่ผมมีเรื่องต้องคุยกับเฮียกานต์

“ก็กำลังคุยว่า คุณชอบผู้ชายแบบไหนกันแน่น่ะ” ผมใส่ไฟเสียเลย 

“หึ” ยูหัวเราะในลำคอเล็กน้อย  มือจับคอเสื้อผมให้เป็นระเบียบ

“ผู้ชายจิตบริสุทธิ์น่ะ” ยูตอบ 

“พรืดดด~ คึ! หึ ๆ ๆ” ผมนำมือปิดปากกลั้นหัวเราะในทันทีเพราะเฮียกานต์นั่งสำลักควันบุหรี่ไปซะแล้ว 

“..ทำงานสุจริต” ยูขยายความ  ตามองมาที่อกของผมโดยมือทั้งสองข้างยังคงลูบไล้ไปมาอย่างใจเย็น  เฮียกานต์กลอกตาไปทางคล้ายกับกำลังระงับอารมณ์ของตนไม่ให้เถียงตอบอยู่

“ผู้ชายธรรมดาที่ไม่โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล แล้วที่สำคัญ..พูดเพราะหูหน่อยก็ดี” ยูเชิดหน้าพูดอย่างเย่อหยิ่ง

“แต่..แบบไฟก็ได้นะ” ยูฉีกยิ้มสรุปตาวาวจงใจยั่วคนข้าง ๆ  ผมนิ่งเฉยเพราะรู้ดีว่ากำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือ

“งั้นไปก่อนดีกว่า” ยูตัดบท  ปากเผยอพ่นลมอย่างเบาบางก่อนผลิยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม

“พอดี...” เขาทิ้งน้ำเสียงลง

“ฉันแพ้ควันบุหรี่น่ะ อ้า ~ Disgusting.” ยูเบะปากเสียงเรียบ  สีหน้าขยะแขยงส่งไปทางเฮียกานต์พลางโบกมือขึ้นปัดใกล้กับใบหน้าของตน  เดินหน้าเชิดออกไป  เฮียกานต์อ้าปากเหวอมองตาม  ปากขยับพะงาบ ๆ พูดไม่ออก

“มึงก็สูบไม่ใช่รึไงวะ!” เฮียสบถไล่หลัง  เสียงที่ค่อนข้างดังทำให้บาร์เทนเดอร์ต่างหันขวับเป็นจุดสนใจ  แต่นึกเหรอครับว่ามันจะไปกระทบต่อมใด ๆ ของยู  เจ้าตัวเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉยเลย 

“เวรเอ๊ย” เฮียสบถ  คว้าแก้ววิสกี้ของตัวเองขึ้นดื่มจนหมด  เสียงกลืนดัง “อึก!” ให้ได้ยิน

“ดัดจริตฉิบ ไม่รู้จะกวนส้นตีนกูไปถึงไหน”

“มันเป็นเกย์ภาษาอะไร วันก่อน..จับนิดจับหน่อย ตบกูซะงั้น!” เฮียหันมาบ่นอย่างอึดอัดใจ  พร้อมคำพูดต่อท้ายว่า “ต่อหน้าลูกน้องกูด้วย” นั้นพึมพำหายเข้าไปเหมือนไม่อยากให้ผมได้ยินถนัด  นิ้วของเฮียเคาะลงที่เคาน์เตอร์สองสามทีเป็นการส่งสัญญาณบอกให้บาร์เทนเดอร์เติมเครื่องดื่ม

“อะไรที่อีกฝ่ายไม่ชอบก็เลิกทำซะสิครับ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง  เฮียกานต์จึงนิ่งลงได้

“คนแบบเขาไม่มีทางพูดหรอก เฮียก็รู้ เขาเลือกที่จะตายอย่างโดดเดี่ยวน่ะ ก็แค่..กลั้นใจไม่หนีฆ่าตัวตายตัดปัญหาไปซะก่อน ถ้าเฮียไม่เลิกเอง..ชาตินี้ไอ้จู๋เฮียไม่มีทางได้เข้าไปทะลวงร่างกายนั้นอีกรอบแน่ คนละสิบล้านดีไหมครับ ?” ผมเลิกคิ้วชี้แนะ

“มึงนี่ ..น่าหมันไส้จนน่าถีบ” เฮียกานต์หันมาว่าตาขวาง  ผมยิ้มกว้าง

“ยกพายุให้กูสิ มึงก็รู้ว่าเตี่ยกูอยากได้คนที่ไว้ใจได้มาคุมท่าเรือที่มาเก๊า แล้วกูก็อยากได้พายุ” เฮียกานต์พูด

“ไม่ให้ครับ” ผมตอบทันที  น้ำเสียงเรียบเฉยแต่ก็ยิ้มประกอบให้  เฮียกานต์กวาดหางตามองมา  เราจ้องตากันเขม็ง

“นั่นมันลูกหมาของผมนะ” ผมขยายความ  เราต่างหัวเราะให้กันในลำคอ


ปัง !!!  .. ผมกับเฮียกานต์ผงะมองหน้ากัน  เสียงแว่วคล้ายเสียงปืนเงียบไปได้ไม่ถึงวินาที

ปั้ง ! ปั้ง !!  ปั้งงง !!!!

เสียงปืนดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง  ครั้งนี้สามครั้งติดไม่มีเว้นช่วง  ไม่ทันเวลาที่เราจะพูดอะไร  ในสมองของผมนึกถึงแต่ “ยู” ที่เพิ่งออกจากร้านไปเท่านั้น  ทั้งผมและเฮียกานต์วิ่งปรี่แทบชนสิ่งของที่ขวางทางอยู่เพื่อวิ่งออกไปยังหน้าร้านอย่างเร็วที่สุด  เสียงปืนเงียบหายไปแล้ว ไปพร้อม ๆ กับเสียงมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์  ผมกับเฮียกานต์ยืนนิ่ง  ตากวาดมองหาบุคคลสำคัญที่ลานจอดรถทางด้านหน้า  หวังในใจเพียงว่าจะไม่ใช่คนของเรา  แต่แล้วก็พบร่างคุ้นตาพร้อม ๆ กับไอ้เต้ที่กำลังขยับตัวคลานเข้าไปหาร่างนั้น

“ยู !!!” เฮียกานต์อุทานดังลั่น  ฝีเท้าและสีหน้าที่วิ่งตื่นอย่างกับคนบ้าที่วิ่งหนีตัวประหลาดสักอย่างที่กลัวที่สุดในชีวิต  แต่ครั้งนี้กลับเป็นการวิ่งเข้าหา  ฝุ่นตลบโดนใบหน้าพวกเรา  เฮียกานต์ทรุดนั่งลงข้าง ๆ ร่างของยู  ผมนั่งลงเปิดมือของยูที่จับอยู่ที่เอวของเขาออก

“โทรตามรถพยาบาลสิวะ!” ผมตะคอกใส่ไอ้เต้ที่ทำหน้าถอดสีอยู่ข้าง ๆ  มันผงกหัวลุกลี้ลุกลนรับทราบและทำตามที่บอก

“ยะ ยู” เฮียเรียก  ประคองร่างกายของยูไว้  มือของเฮียสั่นคล้ายไม่กล้าจับโดนหน้าของเจ้าของร่างกาย

“แค่เฉี่ยวน่ะเฮีย” ผมบอกเพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็น  ยูหรี่ตาขึ้นมองเฮียกานต์

“โดนแค่นี้ ทำหน้าพิลึก” ยูหัวเราะมองด้วยใบหน้าอ่อนโยนตามเคย
 
“ใครทำ..?” เฮียกานต์ถามเสียงสั่น

“ฉันเจ็บนะ เวลานี้..ถามอะไรไม่เข้าท่า” ยูบ่ายเบี่ยงเสียงค่อย 

“แม่งเอ๊ย! ใครทำวะ!!” เฮียตะคอกใส่อย่างขาดสติ  ดวงตาคล้ายกับจะร้องไห้  สีหน้าร้อนรนแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  เสียงคุยโทรศัพท์จากคนข้าง ๆ เงียบไปแล้ว  ผมหันไปมองหน้าไอ้เต้เมื่อนึกขึ้นได้ทำให้มันหลบตาทันที

“..มันจะยิงมึง” ผมพูดเสียงเย็นลง   

“มันตั้งใจจะยิงมึงใช่ไหม!” ผมพุ่งตัวเข้าหาแต่พี่ธานเข้ามาห้ามผมไว้ 

“กูไม่รู้! กูขอโทษ!” มันตอบ  ตัวเซถอยห่างออกไป

“ไฟ พอเถอะ” ยูเรียกด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ

“ไปด้วยกัน” ผมลุกขึ้น  ไอ้เต้เงยหน้าขึ้นมอง  มันดูงงงวยแต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนโดยง่าย

“ไฟ ..อย่าไปนะ” ยูบอกเสียงเครือ  ผมไม่ได้มองหน้ายูอีก  น้ำเสียงนั่นนุ่มนวลเกินกว่าจะมองได้  เฮียกานต์ยังคงนั่งก้มหน้ากอดยูไว้แน่น  ฟันที่ขบกัดของเฮียมันเด่นชัดจนผมรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่คิดห้ามผมแน่  มีแต่จะรีบไล่ให้ผมไปอยู่ในใจ  เพราะถ้าผมไม่ไปเจ้าตัวก็คงจะทำอะไรสักอย่าง  ไม่ได้มีความผูกพันมากมายกับประเทศนี้อยู่แล้ว  ..นอกจากคนที่นั่งกอดอยู่นั่น



...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-12-2016 16:07:05
อยู่ไหนง่ะตอนที่ 34  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 11-12-2016 17:11:57
ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้ไฟดูเศร้าๆ เจียมตัวผิดปกติ สมุทรไม่น่าจะชอบพลอยนะ คุณยูนี่จะเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญอะไรต่อจากนี้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 11-12-2016 17:30:28
แม้ไฟจะดูแรง เหี้ยม แต่ก็มีคนเอ็นดู และช่วยเหลืออยู่ตลอด ช่างเป็นยอดชายที่มีหู ตา รอบด้านจริง ๆ คนใกล้ตัวคนอื่น ๆ ยังเป็นที่ถูกใจของหลายคน ดูเป็นการเติบโต และอยู่ด้วยกันมาแบบครอบครัวจริง ๆ  รู้สึกเห็นใจเฮียกานต์ เพิ่งจะเปิดตัวมาแท้ ๆ ต้องได้มาเจอบทโศกของเฮียแกซะแล้ว สู้ ๆ นะคะยู ให้เฮีย และคุณไฟดูแลไปก่อน  :กอด1: ว่าแล้วก็สงสาร เฮียพาไปดูแลที่ฮ่องกงเองซะเลยตัดปัญหา  :z3:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 11-12-2016 17:52:14
โอ้ยยยยยยยยย สนุกมากลุ้นสุดๆ ไฟจะทำอะไรยังไงรออ่านตอนต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-12-2016 18:01:30
เย้ๆ ไฟมาแล้ววววว   :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 11-12-2016 18:07:04
ระหว่างที่ปากบอกจีบสมุทรนี่คุณไฟได้ใช้ถุงยางไปกี่คนแล้ว 
ลองวันนี้ไม่เอาไอ้เด่นมาด้วยแต่เปลี่ยนเป็นสมุทร 
อยากรู้ว่าคุณไฟจะยังทำแบบนี้แลกกับข่าวที่อยากได้อีกรึเปล่า
... โลกสีเทาๆจากบุหรี่และควันปืนเนี่ย ...
เป็นโลกที่ซับซ้อนดีจังเลยน้าาา

ขอบคุณบี้ที่มาอัพจ้ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-12-2016 18:49:58
เป็นนิยายที่เราขอยกมือสารภาพว่า ... อ่าน - ยาก - มาก   :ling3: 

ด้วยนิยายใช้เวลาพอสมควรจึงจะอัพตอนใหม่ และเนื้อเรื่องที่มีตัวละครเยอะมาก แต่ละคนก็มาแบบแวบไปแวบมา (อย่าง ยู มาช่วงต้นเรื่องแล้วหายไปเลย เพิ่งโผล่มาจริงจังเอาตอนนี้) ประกอบกับ เรื่องราวเป็นแนวมาเฟีย ชิงไหวชิงพริบ พูดกันน้อยคำ ประหยัดคำพูดและสื่ออะไรแบบกำกวม เพื่อให้คนฉลาด ช่างสังเกตุ และคนที่รู้ทางกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ  คนอ่านที่ฉลาดน้อยแต่อยากอ่านอย่างดิฉัน .. จบรอบแรกในแต่ละตอน แทบจะดีดดิ้น เขาพูดถึงเรื่องไรกัน? เขาหมายถึงใคร?  #กูงง #อ่านใหม่ 

ด้วยความที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น และชื่นชอบเรื่องนี้มาก ชอบเสน่ห์ของไฟเวลาเตาะสมุทร ชอบไฟเวลาดูแลและสอนน้องๆทั้งพายุและดิน ชอบไฟเวลากวนตีนพี่ธานและลูกน้อง #ทีมไฟ  แต่มันก็มีเรื่องราวหลายมุมที่มันสลับซับซ้อน ซ่อนเหลี่ยมกันหลายชั้นเหลือเกิน อ่านไปก็ต้องถอนหายใจไป #อยากอ่านให้เข้าใจ จะได้สนุกไปด้วยแต่สกิลต่ำเตี้ยเหลือเกิน

แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยังตามต่อไปนะคะ  ตามไปแบบงงนี่แหละ อัพเมื่อไหร่อ่านเมื่อนั้น เป็นกำลังใจและเป็น คุณเบบี้ FC เหมือนเดิม ขอบคุณค่าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 11-12-2016 18:54:32
ง่าาา
เฮียกานต์ตามจีบยูนี่เอง
ยูใจแข็งมากเลยสินะ
ฮืออ ว่าแต่คนสั่งยิงคือกาย ???
งืมมมม มันน่าาาา!!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2016 19:02:47
เป็นนิยายที่เราขอยกมือสารภาพว่า ... อ่าน - ยาก - มาก   :ling3: 

ด้วยนิยายใช้เวลาพอสมควรจึงจะอัพตอนใหม่ และเนื้อเรื่องที่มีตัวละครเยอะมาก แต่ละคนก็มาแบบแวบไปแวบมา (อย่าง ยู มาช่วงต้นเรื่องแล้วหายไปเลย เพิ่งโผล่มาจริงจังเอาตอนนี้) ประกอบกับ เรื่องราวเป็นแนวมาเฟีย ชิงไหวชิงพริบ พูดกันน้อยคำ ประหยัดคำพูดและสื่ออะไรแบบกำกวม เพื่อให้คนฉลาด ช่างสังเกตุ และคนที่รู้ทางกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ  คนอ่านที่ฉลาดน้อยแต่อยากอ่านอย่างดิฉัน .. จบรอบแรกในแต่ละตอน แทบจะดีดดิ้น เขาพูดถึงเรื่องไรกัน? เขาหมายถึงใคร?  #กูงง #อ่านใหม่ 

ด้วยความที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น และชื่นชอบเรื่องนี้มาก ชอบเสน่ห์ของไฟเวลาเตาะสมุทร ชอบไฟเวลาดูแลและสอนน้องๆทั้งพายุและดิน ชอบไฟเวลากวนตีนพี่ธานและลูกน้อง #ทีมไฟ  แต่มันก็มีเรื่องราวหลายมุมที่มันสลับซับซ้อน ซ่อนเหลี่ยมกันหลายชั้นเหลือเกิน อ่านไปก็ต้องถอนหายใจไป #อยากอ่านให้เข้าใจ จะได้สนุกไปด้วยแต่สกิลต่ำเตี้ยเหลือเกิน

แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยังตามต่อไปนะคะ  ตามไปแบบงงนี่แหละ อัพเมื่อไหร่อ่านเมื่อนั้น เป็นกำลังใจและเป็น คุณเบบี้ FC เหมือนเดิม ขอบคุณค่าาา  :mew1:

ตัวละครอย่าง 'ยู' ไม่เคยโผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่องนะคะ ไม่ได้มีการกล่าวถึง เราเริ่มต้นกล่าวที่ตอนนี้ตอนแรก แต่เฮียกานต์โผล่มาแล้วหลายตอนและอย่างที่เห็นคือตัวละครอย่างยูหรือเฮียกานต์มีที่มาที่ไปสืบเนื่องกันอยู่ค่ะ  ตัวเบบี้เองก็เหนื่อยมากและท้อกับงานเขียนนี้เหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-12-2016 19:30:13
เป็นนิยายที่เราขอยกมือสารภาพว่า ... อ่าน - ยาก - มาก   :ling3: 

ด้วยนิยายใช้เวลาพอสมควรจึงจะอัพตอนใหม่ และเนื้อเรื่องที่มีตัวละครเยอะมาก แต่ละคนก็มาแบบแวบไปแวบมา (อย่าง ยู มาช่วงต้นเรื่องแล้วหายไปเลย เพิ่งโผล่มาจริงจังเอาตอนนี้) ประกอบกับ เรื่องราวเป็นแนวมาเฟีย ชิงไหวชิงพริบ พูดกันน้อยคำ ประหยัดคำพูดและสื่ออะไรแบบกำกวม เพื่อให้คนฉลาด ช่างสังเกตุ และคนที่รู้ทางกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ  คนอ่านที่ฉลาดน้อยแต่อยากอ่านอย่างดิฉัน .. จบรอบแรกในแต่ละตอน แทบจะดีดดิ้น เขาพูดถึงเรื่องไรกัน? เขาหมายถึงใคร?  #กูงง #อ่านใหม่ 

ด้วยความที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น และชื่นชอบเรื่องนี้มาก ชอบเสน่ห์ของไฟเวลาเตาะสมุทร ชอบไฟเวลาดูแลและสอนน้องๆทั้งพายุและดิน ชอบไฟเวลากวนตีนพี่ธานและลูกน้อง #ทีมไฟ  แต่มันก็มีเรื่องราวหลายมุมที่มันสลับซับซ้อน ซ่อนเหลี่ยมกันหลายชั้นเหลือเกิน อ่านไปก็ต้องถอนหายใจไป #อยากอ่านให้เข้าใจ จะได้สนุกไปด้วยแต่สกิลต่ำเตี้ยเหลือเกิน

แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยังตามต่อไปนะคะ  ตามไปแบบงงนี่แหละ อัพเมื่อไหร่อ่านเมื่อนั้น เป็นกำลังใจและเป็น คุณเบบี้ FC เหมือนเดิม ขอบคุณค่าาา  :mew1:

ตัวละครอย่าง 'ยู' ไม่เคยโผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่องนะคะ ไม่ได้มีการกล่าวถึง เราเริ่มต้นกล่าวที่ตอนนี้ตอนแรก แต่เฮียกานต์โผล่มาแล้วหลายตอนและอย่างที่เห็นคือตัวละครอย่างยูหรือเฮียกานต์มีที่มาที่ไปสืบเนื่องกันอยู่ค่ะ  ตัวเบบี้เองก็เหนื่อยมากและท้อกับงานเขียนนี้เหมือนกันค่ะ

เราคงอ่านแล้วงงเอง คงไปจำสับสนกับเพื่อนสนิทไฟที่เคยไปเจอกันช่วงแรกๆนึกว่าเป็น 'ยู'  เราขอโทษด้วยนะ ถ้าคอมเม้นท์เราไปทำให้เบบี้รู้สึกไม่ดี  เราก็พลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย แต่เราเชื่อนะว่ายังมีคนอ่านอีกเป็นร้อยเป็นพันที่เขาอ่านแล้วเก็ตแล้วสนุกไม่จัดง่าวเหมือนเรา อย่าเอาแค่เสียงเดียวของเรามาทำให้เบบี้ไม่สบายใจและท้อเลยค่ะ คุณทำดีแล้ว มีไม่กี่คนหรอกที่กล้าฉีกทำอะไรใหม่ๆ เขียนแนวใหม่ๆ ท้าทายตัวเองแบบนี้ สู้ๆค่ะ เรายังเป็นกำลังใจให้เสมอ  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 11-12-2016 19:41:50
ความสัมพันธ์แลดูยุ่งเหยิง~ :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 11-12-2016 20:02:19
มีเรื่องมาตลอด ส่งใจไปช่วยไฟ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 11-12-2016 20:04:09
ชูป้ายไฟเฮียกานต์ ฉากสุดท้ายทำเราย้ายทีมเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 11-12-2016 20:07:54
เรื่องมันซับซ้อนมากๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 11-12-2016 20:30:23
ตอนนี้น้องเมฆมืดมนมาแล้ว และยกใจให้เฮียกานต์พูดโดนใจอยากเอามือข่วนหน้าเวลาไฟยิ้ม  :laugh: :laugh:
ขอเอาใจช่วยเฮียกานต์ให้ยูใจอ่อน

ขอบคุณเบบี้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 11-12-2016 20:44:23
ตอนนี้มีหลายอารมณ์มาก สนุกสุดๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  o13 :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2016 21:06:33
เป็นนิยายที่เราขอยกมือสารภาพว่า ... อ่าน - ยาก - มาก   :ling3: 

ด้วยนิยายใช้เวลาพอสมควรจึงจะอัพตอนใหม่ และเนื้อเรื่องที่มีตัวละครเยอะมาก แต่ละคนก็มาแบบแวบไปแวบมา (อย่าง ยู มาช่วงต้นเรื่องแล้วหายไปเลย เพิ่งโผล่มาจริงจังเอาตอนนี้) ประกอบกับ เรื่องราวเป็นแนวมาเฟีย ชิงไหวชิงพริบ พูดกันน้อยคำ ประหยัดคำพูดและสื่ออะไรแบบกำกวม เพื่อให้คนฉลาด ช่างสังเกตุ และคนที่รู้ทางกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ  คนอ่านที่ฉลาดน้อยแต่อยากอ่านอย่างดิฉัน .. จบรอบแรกในแต่ละตอน แทบจะดีดดิ้น เขาพูดถึงเรื่องไรกัน? เขาหมายถึงใคร?  #กูงง #อ่านใหม่ 

ด้วยความที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น และชื่นชอบเรื่องนี้มาก ชอบเสน่ห์ของไฟเวลาเตาะสมุทร ชอบไฟเวลาดูแลและสอนน้องๆทั้งพายุและดิน ชอบไฟเวลากวนตีนพี่ธานและลูกน้อง #ทีมไฟ  แต่มันก็มีเรื่องราวหลายมุมที่มันสลับซับซ้อน ซ่อนเหลี่ยมกันหลายชั้นเหลือเกิน อ่านไปก็ต้องถอนหายใจไป #อยากอ่านให้เข้าใจ จะได้สนุกไปด้วยแต่สกิลต่ำเตี้ยเหลือเกิน

แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยังตามต่อไปนะคะ  ตามไปแบบงงนี่แหละ อัพเมื่อไหร่อ่านเมื่อนั้น เป็นกำลังใจและเป็น คุณเบบี้ FC เหมือนเดิม ขอบคุณค่าาา  :mew1:

ตัวละครอย่าง 'ยู' ไม่เคยโผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่องนะคะ ไม่ได้มีการกล่าวถึง เราเริ่มต้นกล่าวที่ตอนนี้ตอนแรก แต่เฮียกานต์โผล่มาแล้วหลายตอนและอย่างที่เห็นคือตัวละครอย่างยูหรือเฮียกานต์มีที่มาที่ไปสืบเนื่องกันอยู่ค่ะ  ตัวเบบี้เองก็เหนื่อยมากและท้อกับงานเขียนนี้เหมือนกันค่ะ

เราคงอ่านแล้วงงเอง คงไปจำสับสนกับเพื่อนสนิทไฟที่เคยไปเจอกันช่วงแรกๆนึกว่าเป็น 'ยู'  เราขอโทษด้วยนะ ถ้าคอมเม้นท์เราไปทำให้เบบี้รู้สึกไม่ดี  เราก็พลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย แต่เราเชื่อนะว่ายังมีคนอ่านอีกเป็นร้อยเป็นพันที่เขาอ่านแล้วเก็ตแล้วสนุกไม่จัดง่าวเหมือนเรา อย่าเอาแค่เสียงเดียวของเรามาทำให้เบบี้ไม่สบายใจและท้อเลยค่ะ คุณทำดีแล้ว มีไม่กี่คนหรอกที่กล้าฉีกทำอะไรใหม่ๆ เขียนแนวใหม่ๆ ท้าทายตัวเองแบบนี้ สู้ๆค่ะ เรายังเป็นกำลังใจให้เสมอ  o13


เพื่อนสนิทของไฟหลัก ๆ คือ "โปรด กับ โช" ค่ะ  รองลงมาคือ "ภาคิน" ที่เป็นน้องชายแท้ ๆ ของ "พี่ทัพ  ..ซึ่งตัวละคนอย่างโชได้กล่าวถึงบ้างในช่วงแรก ๆ และไม่ได้กล่าวอีกเลยหากไม่มีโปรดอยู่หรือไม่มีเหตุ(ซึ่งเบบี้ก็พยายามที่จะไม่ใส่เหตุที่เกี่ยวข้องกับโชเข้ามา  เพราะไม่ต้องการให้เนื้อหาส่วนนี้มารบกวน)  ส่วน "โปรด" ถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญสำหรับไฟ  จึงเป็นตัวละครที่กล่าวถึงแล้วหลายครั้ง  และก่อนหน้านี้ เพื่ออยากให้คนอ่านได้เห็นถึงความเป็น "เพื่อนสนิท" ระหว่างไฟกับโปรด  จึงได้มีการเล่าย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์สมัยมัธยมปลายสอดแทรกไว้ด้วย (ตอนที่ 18 - 19)


.. ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ ..

เบบี้ได้อ่านคอมเมนต์ทุกคอมเมนต์จากคนอ่าน  และเห็นว่าคอมเมนต์ของคุณ PP_annann ที่ผ่านมาไม่ได้ประสงค์ไม่ดีต่อเบบี้หรือนิยาย  การที่เบบี้บอกว่าเหนื่อยและท้อ  มันเป็นความรู้สึกจริง ๆ กับการทำงานเขียนเรื่องนี้น่ะค่ะ  ดังนั้นก็อย่าคิดมากไปเลยนะคะ

เข้าใจค่ะว่าคนอ่านคงรู้สึกเหนื่อยกับการอ่านเนื้อหาเรื่องนี้ที่มันยาวมาก  บวกกับไม่ใช่นิยายรักแบบเข้าใจง่ายสุดโต่ง  จุดประสงค์ของเนื้อหาหลักไม่ใช่พุ่งประเด็นเพื่อการจีบกันโดยตรง 

..คุณ PP_annann ไม่ใช่คนแรกค่ะที่ไม่สามารถจับประเด็นเนื้อหาได้หมดตามที่ผู้เขียนอยากให้เป็น  หลายครั้งที่มีสิ่งกระทบทำให้เบบี้เองก็อดรู้สึกเหนื่อยจนอยากหยุดเขียนไม่ได้เหมือนกัน  เนื้อเรื่องไม่ได้ใช้เวลาในการเขียนแป๊บเดียว  แต่ละตอนหลายหลายอาทิตย์/เป็นเดือน  ต่อสู้กับตัวเองที่จะไม่หยุดเขียนคอนเซ็ปต์งานที่เริ่มไว้  เครียดบ้างท้อบ้างมาตลอด :>)  ด้วยเนื้อหาในแต่ละตอนที่ยาวจึงพยายามวางตัวละครที่ดำเนินหลัก ๆ เชื่อมโยงและบรรยายไม่ให้คนอ่านสับสน  นี่คือสิ่งที่วางให้จึงเป็นหนึ่งเหตุผลทำให้มาต่ออย่างเร็วมากกว่านี้ไม่ได้  ..ส่วนตัวเบบี้เองรับรู้ได้ว่าใน 34 ตอนนี้ที่ผ่านมาใจความมันเยอะ และ คงหนักมาก  เพราะขนาดบางทีตัวเบบี้เองก็เกือบจะเขียนต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน เหนื่อย #หัวเราะ  การที่คุณ PP_annann รู้สึกอ่านยากมันก็เป็นเรื่องที่เบบี้ปฏิเสธไม่ได้  อย่างไรก็ตาม รับรู้ค่ะว่าคำพูดของคุณไม่ได้สื่อไปในทางที่ไม่ดี  การที่ได้รับคอมเมนต์จากคุณที่ผ่านมาก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ปัจจุบันเบบี้ยังคงเขียนต่ออยู่  ขอบคุณมากนะคะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 11-12-2016 21:30:21
เปิดเรื่องมาด้วยความมุ้งมิ่งของครอบครัวสมุทร  :m1: :m1: :m1:

พอตอนจบ...ยิงกันสนั่นเมือง....เพ่ไฟถ้าจะไปจัดการคนที่ยิงคุณยู ก็เอาให้หนักๆเลยเพ่ :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 11-12-2016 21:48:59
อะไรมันจะหม่นเท่ากับการนอนกับใครก็ได้แค่พอใจแบบยู เฮียกานต์ต้องใจแข็งน่าดูที่ต้องยอมรับให้ได้ ก็ยังไม่ใช่เจ้าของเขาอ่ะน๊า ส่วนไฟได้นอนด้วยง่ายๆสบายใจเฉิบ 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 11-12-2016 22:26:32
เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้เข้ามีรีเฟรชเล้าทุกวัน ฮือออ    เห็นคอมเมนท์ว่าคุณเบบี้บางทีก็ท้อ   สู้ๆ นะครับ   อ่านนิยายของเบบี้แล้วรู้สึกอินอะ    ชอบการเล่าเรื่องจากมุมตัวละครคนเดียว  และก็ในมุมแบบเทาๆ  อ่านแล้วอิน  ผมชอบแนวนี้จริงๆ   

ตามติดอยางใกล้ชิดนะครับ  แวะมาให้กำลังใจ     คิดตอนสวีทกันไม่ออกเลยว่ะไอ้คุณไฟเอ๊ยยย   กวนตีนนี่ที่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-12-2016 22:49:16
พี่ไฟจะงานเข้าอะไรอีกรึป่าวเนี่ย
ดูเหมือนครั้งนี้มันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

ไอ้เต้!!!!!!! เหตุมันเริ่มเพราะแกใจร้อนอีกแล้ว ไอ้กริดก็อริพี่ไฟ ยุ่งกันไปใหญ่แล้ววววว เป็นห่วงพี่ไฟจริงๆ

เฮียกานต์ จีบคุณยูให้ติดนะ เชียร์อยู่ 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-12-2016 23:30:33
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 12-12-2016 09:02:07
สงสารเฮียกานต์เบาๆ แต่คิดว่ายูก็น่าจะชอบเฮียแหล่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 12-12-2016 09:34:24
อิคุณไฟนี่ขนาดตามจีบสมุทรแบบออกนอกหน้าขนาดนี้ยังไปนอนกับยูซะได้

ส่วนเต้นี่ดูท่าจะพาความเดือดร้อนมาอีกหลายเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 12-12-2016 10:41:55
เปิดฉากมาอยู่บ้านสมุทรยังดูอบอุ่นอยู่เลยนะ
พอหลังจากนั้นนี่หนังมาเฟียมากกก 5555555
ว่าแต่คุณไฟคะ
จีบสมุทรแล้วยังไปเอากับคุณยูอีกนะ
เคลียร์ตัวเองได้แล้ววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 12-12-2016 11:06:09
คุณไฟยังคงทำตัวแบบนี้อยู่ ยังคงไม่เคลียร์ตัวเอง ยังคงจีบสมุทรไปเรื่อยๆแต่แวะไปหาคนนู้นคนนี้  เพิ่งสังเกตด้วยว่ามันสามสิบกว่าตอนแล้ว แต่สมุทรยังคงไม่ใจอ่อนไม่เบี่ยงเบน เริ่มรู้แล้วว่าทำไม ชาตินี้พี่จะได้งาบของแซ่บไหมคะ

ปล.ไม่ค่อยได้ตามนักเขียนมากนักเลยไม่รู้ว่ามาตราฐานเขียนตอนเยอะแค่ไหน แต่นิยายเรื่องนี้ยาวจุใจจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-12-2016 11:08:13
กอดดดดดดดดดดด  น้องเมฆ เด็กมืดมน คนน่ารัก  โถ๋ คนดี โดนคนไฟแกล้งอีกแล้วลูกเอ๋ย



สมุทร หนูช่างเป็นคนดี ศรีบ้าน ศรีเรือนจริงๆ ถึงชีวิตจะมีคนไฟ คอยป่วน คอยเต๊าะ



หนูก็ยังคงความนิ่ง  ความซึนอยู่อย่าเหนียวแน่นนะ ช่วงนี้ต้องทนคุณแกหน่อย แกเงี่ยน



ในที่สุดคุณไฟของป้าก็ได้ปลดปล่อย  เบาเนื้อ เบาตัวไปเลยซิ



เบื้องลึก เบื้องหลัง กำลัง กลับมาบรรจบกันทีละจุดซินะ



คุณยูยอมรับในตัวพี่กานต์เถอะ ถึงแกจะร้าย แกจะเพี้ยน แต่แกดูจะรักคุณจริงๆนะ



ไฟตามไปลากคอไอ้ คนยิงพลาดมาโดนคุณยู กระทืบให้ตายเลย



พี่ธาน โทรตามสมุทร ให้ตามไปช่วยคุณไฟอีกแรงนะ เดี๋ยวคุณไฟ ฟิวขาดไม่มีใครห้าม



จะเกิดเรื่องใหญ่โตไปกว่านี้  ไอ้กริต ไอ้กายนี่ มันสัมภเวสีมีคนหนุนหลังใหญ่โตซินะ



กลัวคุณไฟมุทะลุ จนลืมใช้สติ  ตรึกตรอง  จนพลาดพลั้งบาดเจ็บเพิ่มจริงๆ



ร่างกาย ยังไม่ฟื้นตัว  ออกไปลุยแบบนี้  ป้าเป็นห่วงนะ



สมุทร อย่าลืมไปช่วยคุณไฟนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 12-12-2016 11:38:04
คุณไฟถ้าไม่ได้แกล้งเมฆนี่คงจะนอนไม่หลับ
ตอนนี้หลากหลายอารมณ์มากๆ แต่ยังไงสมุทรก็ยังไม่ใจอ่อน ฮ่าๆๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณเบบี้่ค่ะ

 :3123:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 12-12-2016 13:56:23
มาอีกคู่เหรอ เฮียกานต์กับยู ดูยูน่ารักนะ มารอลุ้นเค้าเดทกัน  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 12-12-2016 21:43:14
งือออออ ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น ยิ่งอ่านยิ่งตื่นเต้นไปหมดแล้ววววว เหมือนใจเต้นตลอดเวลาที่ได้อ่านเลย รู้สึกรักตัวละครในเรื่องนี้จริงๆ
ทุกคนดูมีมิติและแนวทางการใช้ชีวิตของตัวเอง มันมีความสีเทาๆในโลกสีเทาๆนี้ พอมีฉากพระนางทีไรก็แทบจะจิกหมอน ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้สวีตกันแต่เรารู้สึกว่าแค่คำพูดไม่กี่คำมันทำเอาใจเต้นแรงไปหมด  o18

คู่แรกว่าลุ้นแล้ว คู่เฮียกานต์นี่ลุ้นกว่า สู้กันต่อไปนะคะเฮียๆ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก  :hao5:

ขอบคุณคุณเบบี้นะคะ รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 12-12-2016 22:38:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 13-12-2016 11:54:43
ต่อมความอยากรู้มันทำงานหนัก คุณเบบี้จะมีคู่พายุไหม ลุ้นมาก ชอบพายุนอึนมึน แต่รู้ใจไฟที่สุด   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-12-2016 19:54:22
เป็นกำลังใจให้ไรท์  ประทับใจมาก:mew1: :mew1: :mew1:
เรื่องของคุณเบบี๋ เรื่องนี้หนักกกก
แต่ในความหนัก ก็สนุกกกก มาก ลุ้นตลอด
ต้องอ่านอย่างเก็บรายละเอียด
อ่านไป ก็เห็นภาพ สถานที่ในเรื่องได้ชัดเจน
อ่านแล้วรู้ถึงความยากของการเขียน
อ่านแล้วก็ โอ้โห.....ร้ายกาจ ไรท์ฉลาดมากๆ
เขียนได้ถึงขนาดนี้ สุดยอดดดด
ถ้าคนอ่านอารมณ์ไม่ใส ไม่นิ่ง รีบๆอ่าน
จะไม่ได้อารมณ์ บรรยากาศ ของเรื่อง
เพราะไม่ใช่เรื่องใสๆเลย
ชอบบบบ ไฟ ไม่ใช่แค่หัวหน้าๆ ธรรมดา
มันสมอง วิสัยทัศน์ สุดๆไปเลย
สามารถใช้อำนาจ พระเดช พระคุณ ได้ยอดเยี่ยม
สมุทร ระวังตัว รอบคอบ ปิดกั้นตัวเองมาก
จนบางที อยากให้มีเหตุอะไร มาทำให้เปิดใจกับไฟซักที
ยู ก็มีใจให้กานต์นะ
น่าเอาคืนไอ้กริด ไอ้กายจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 13-12-2016 20:44:14
อ้า~ สนุกมาก ติดเรื่องนี้สุดๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 14-12-2016 22:55:57
เฮียกานต์...!!!..มาแย่งซีนล่ะ...
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 15-12-2016 10:45:00
ยูอย่าเป็นอะไรเลยนะสงสารเฮียกานต์
ตอนหน้ามีบู้ จัดให้หนักเลยนะไฟ

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-12-2016 18:24:43
5555 เหนื่อยกับไฟจริงเลย นี่ขนาดจีบสมุทรอยู่นะ

คือมันต้องได้ปลดปล่อยใช่ไหม แถมยังไปข่มเค้าอีกกกก

สมุทรจะรอดอีกนานไหม

ตลกไฟแหย่เมฆ แล้วดูเรียกน้อง เรียกสว่างไสวแทนไม่ได้หรอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-12-2016 14:13:56
อยากอ่านต่อแล้วววววววววว   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
คิดถึงไฟกับสมุทร
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 17-12-2016 18:46:56
 :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanunsak ที่ 18-12-2016 21:51:44
เค้ามารอมืดมน ฮ่าๆๆๆ  ชอบเวลาไฟอยู่กะมืดมน รู้สึกน่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 34 [ 15:55 น. - อา. 11 ธ.ค 59 หน้า 42 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 19-12-2016 00:13:09
เม้นก่อนนะฮะ เพิ่งอ่านไปตอนแรกตอนเดียว ติดใจเลย  :mew1:

ใครจะคู่กับไฟนะ สมุทรหรือเปล่านะ  :o8: หรือจะพายุน้องชาย  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-12-2016 11:25:41

[ อาทิตย์ที่ 11 ธ.ค 59 ]  ตอนที่ 34 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1230



_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 35
..ไฟ..




บรื้นนนน ~~

“ทางนั้น!” ไอ้เต้ตะโกน  มือชี้บอกไปทางทิศตะวันออก  มอเตอร์ไซค์ 4 สูบ 1300 ซีซี  เจ้าของคือคนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ด้านหลัง  ผมเป็นคนบังคับที่จะขับเองเพราะไม่ไว้ใจในฝีมือ  ไม่ใช่ทุกคนที่มีรถคุณภาพจะสามารถใช้มันได้โดยเกินคุณค่าของประสิทธิภาพที่รถมี

รถมอเตอร์ไซค์เป้าหมายห่างจากเราไม่ไกลนัก  ตามที่สายตาสามารถคาดเดาได้ดูแล้วไม่น่าเกินแปดวินาทีให้หลัง  ถนนถูกกวาดตามองในวงกว้าง  ผมผ่อนแรงมือที่จับคันเร่งลงเรื่อย ๆ  เครื่องยนต์ต้องถูกเร่งให้เร็วขึ้นกว่านี้เพื่อที่จะตามได้ทัน  แต่ด้วยเพราะบนถนนที่มีสิ่งกีดขวางขวักไขว่ค่อนข้างเป็นอุปสรรค  ดังนั้น เพื่อเป็นการดีเราต้องตั้งหลักเสียก่อน  เสียงเร่งเครื่องยนต์ครางกระหึ่มขึ้นสองสามครั้งเตรียมพร้อมทำให้เจ้าของรถร้องแว่วอยู่ที่ด้านหลังข้าง ๆ หมวกกันน็อก “จะทำอะไรน่ะ!?”


บรื้น!  บรื้นนนนนน !!!  


เพี้ยววว!!!   .. รถยนต์  รถบรรทุกที่ขับผ่านด้วยความเร็วของสองฝั่งถนน  คันของเราแทรกผ่านมาด้วยความเร็วที่มากกว่านั้นอย่างไม่สนความเป็นความตายของผู้คน  ช่วงของความแคบที่เหลือเพียงช่องหลืบเล็กให้มอเตอร์ไซค์แทรกผ่านไปได้ในลักษณะเสี่ยงตาย  ด้วยความเร็วที่มากกว่าร้อยสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้วิ่งผ่านมาด้วยความปลอดภัย  เสียงบีบแตรดังระงมตามท้าย  คงด่าพ่อล่อแม่พวกเราอยู่เป็นแน่  ความวุ่นวายบนถนนสี่แยกที่สร้างความงุนงงปนตกใจ  เมื่อหลุดผ่านมาได้เกือบสิบกิโลเมตรให้หลังก็พบกับทางรกร้างสงบเงียบ  กลิ่นแม่น้ำ กลิ่นดินโชยเตะจมูก  เดาได้ไม่ยากว่าไม่ไกลกันนี้คงต้องมีท่าเรืออยู่เป็นแน่ 

“อย่า!”

“อย่า ๆ ๆ ๆ!!!” ไอ้เต้ตะโกนห้ามฟังไม่ได้ศัพท์  ทันทีนั้นล้อรถคันของเราก็ปะทะพุ่งชนเข้ากับล้อหลังของมอเตอร์ไซค์เป้าหมายอย่างไม่ลังเล  ต่างฝ่ายต่างเสียหลัก  เสียงล้อสีถูกวาดกับถนนไปเป็นทางยาว  เบรกกันหน้าทิ่มคว่ำหมดสภาพ


เอี๊ยดดดด ~

โครม !!!!

“ฟู่!” ลมหายใจที่ถูกพ่นออกจากปากทำให้รู้ตัวว่ายังมีสติครบถ้วน ปลอดภัย  โชคดีที่การกะวางให้รถล้มลงบนพื้นหญ้าเป็นไปด้วยดี  ลำตัวที่ล้มลงในท่านอนหงายพอดีทำให้เห็นท้องฟ้าที่มืดสนิท  มองไม่พบดาวสักดวง  น่าขำ..  เสียงร่างคนที่เพิ่งถูกชนอีกฝั่งหนึ่งคล้ายกับกำลังขยับ  ผมจึงลุกขึ้นนั่งและถอดหมวกกันน็อกออก 

“เป็นไรไหม” ผมถามไอ้เต้ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ข้าง ๆ  อีกฝ่ายลุกขึ้นด้วยสีหน้าเหยเก

“มึง..” มันเอ่ยตาถลึงขวางมองมา  โกรธห่าอะไรอีกละ

“สิบล้อเกือบเอาไปแดกแล้ว! ยังมีหน้ามาถามอีก!!” มันล่อซะดัง 

“ดูเหมือนจะสบายดี” ผมชมที่มันยังแรงดีไม่มีตก 

“แต่เดี๋ยวคงจะไม่สบายแล้วล่ะนะ” ผมอมยิ้มมุมปากถึงเหตุผลของการตามมา  ป่าหญ้ารกร้างจนเกือบถึงถนน  มองออกไปพบโกดังขนาดใหญ่ซึ่งน่าจะเป็นโกดังร้าง  ความยาวทอดออกไปจนสุดบรรจบกับแม่น้ำ  มีแม่น้ำจริงตามที่คิดเอาไว้

“เสียงรถมึงครางหวานใช้ได้เลย น่าชื่นชมจริง ๆ” ผมแสยะยิ้มปนถอนหายใจถึงสภาพรถที่นอนอยู่จึงทำให้เจ้าของรถได้สติอีกครั้ง  ไอ้เต้ตาโตมองมอเตอร์ไซค์ของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก  ผมลุกขึ้นยืนถอดแจ็คเก็ตออก  ปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังโยนลงตรงหน้าคุณตำรวจ  มาลองดูแล้ว ไหน ๆ คุณเขาก็มาด้วย  ผมจึงอยากจะปล่อยให้เป็นหน้าที่หลักของคุณตำรวจไปน่าจะส่งผลดีกับยูมากกว่า

“สวยใช่ไหมละ ?” ผมอมยิ้มถามถึงยี่ห้อปืน USP รุ่นงามต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมัน 

“เออ” มันยอมรับห้วน ๆ อย่างเสียไม่ได้ 

“ให้ยืม” ผมพูด  ดูท่าแล้วมันไม่ได้พกอาวุธเลย  เรียกว่าการไปร้าน Classic Move Bar & Restaurant ของยู  มันคงไปในกึ่งพลเมืองปกติแต่ก็อดที่จะละทิ้งหน้าที่ไม่ได้อะไรเทือกนั้น

“แต่กูขอจัดการส่วนของกูก่อน”

ขาก้าวตรงเข้าหาเป้าหมายอย่างไม่ลังเล  มือปืนสองคนกับมอเตอร์ไซค์คันงามที่ต่างก็ล้มลงไม่เป็นท่าเหมือนพวกผม  หนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืนได้โดยปกติ  ที่สำคัญมือปืนเป็นผู้หญิงไม่ผิดแน่  คนขับรถยังคงนอนอยู่กับพื้น  รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่น้ำหนักมากทับตัวอยู่หมดสภาพ  ดูท่าคงลุกขึ้นไม่ได้ง่าย  เมื่อมันเห็นว่าผมเดินมามันก็กระเสือกกระสนที่จะขยับตัวเอง  ผมไม่สนหรอก ..หากในเมื่อมันไม่ได้ลงมือ

“ชอบวอนหาเรื่องงั้นเหรอ” ผู้หญิงตรงหน้าสวมหมวกกันน็อกมิดชิดเอ่ยพูด  ผมสำรวจมองอีกฝ่ายหัวจรดปลายเท้า  น้ำเสียงที่หนักแน่นกำลังยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ของเล่น

“แค่มีเรื่องจะถามน่ะ” ผมเอ่ย  เราต่างเงียบลง

“คุณยิงผิดคนรึเปล่า ?” 

“หึ..” อีกฝ่ายแสยะหัวเราะ 

“จะว่าผิดก็ผิดละนะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ หมอนั่นอยากสอดเข้ามายุ่งเอง”

“.........” ผมเงียบมองอย่างไม่คิดที่จะตอบโต้  หนึ่ง เพราะผมไม่ได้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง  และพอจะคาดเดาบางอย่างได้หากให้มองจากมุมของนิสัยส่วนตัวของยู 

ปลายหางตาเห็นคนที่นอนถูกรถทัพอยู่พยายามขยับแขนของตน  ผมยังคงเลือกที่จะนิ่งเฉย  เสียงไอ้เต้เอ่ยห้ามแว่วมาจากทางด้านหลัง



ปัง !!!   

แกรก ~   .. ปืนของชายคนขับรถที่นอนอยู่ถูกยิงจนกระเด็นออกห่างจากเจ้าตัวไปอีกทาง  เสียงร้องโหยหวนดังระงมจากการถูกยิงเข้าที่ข้อมือ  เลือดสาดกระเด็น  ไอ้เต้ยิงสกัดจงใจให้อีกฝ่ายอยู่รอด  คนตรงหน้ายืนนิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น 

“หึ มาฆ่าฉันงั้นเหรอ ?” เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

“ไม่หรอกครับ แค่จะมาบอกว่า..ถ้าฝีมือคุณห่วยขนาดนี้ ผมแนะนำให้คุณเปลี่ยนอาชีพดีกว่าน่ะ” ผมยิ้มตอบ   

“ฮึ!” อีกฝ่ายหัวเราะขึ้นจมูกหนักกว่าเดิม

“ชอบเสือกเรื่องคนอื่นสินะ” เธอพูดแทบสบถ  ดูเหมือนการยียวนจะเป็นผล  กระจกหมวกกันน็อกถูกเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาที่ซ่อนอยู่

“ก็ไม่เท่าไหร่” ผมตอบเรียบ ๆ

“เวลาว่างมีไม่มาก คิดว่าไม่น่าได้เสือกเท่าคุณ ฮี่ ๆ ๆ” ผมฉีกยิ้มกว้าง  หน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนอารมณ์ทันควันขนาดที่ว่าหมวกกันน็อกที่ปิดอยู่ครึ่งใบหน้าก็ยังซ่อนอารมณ์ของเธอไว้ไม่มิด  คนตรงหน้าจ้ำเท้าเข้าหาอย่างไม่กลัวสิ่งใด  ใช้เวลาเพียงไม่เท่าไหร่ก็บุกเข้าประชิดกระโดดถีบมาที่ลำตัวผมได้อย่างจัง  น้ำหนักของการยืนทรงตัวตั้งรับแต่แรกทำให้ขาซ้ายผมขยับไปทางด้านหลังเพียงเล็กน้อย  แรงที่สามารถทำให้ผมขยับตัวได้ถือว่าใช้ได้สำหรับผู้หญิง  เธอที่ตวัดตัวออกห่างไม่ทันได้ไกลทำให้ผมเป็นผู้บุกถึงได้ง่ายดาย  ปลายเท้าถีบเข้าที่ท้องน้อยเต็มแรงจนอีกฝ่ายกระเด็นตัวลอยไปไกลหลายเมตร  หลังกระแทกเข้ากับพื้นถนนดัง “อั๊ก!!!” ได้ยินดังชัดหูทีเดียว

ผมจ้ำเท้าเข้าหาอย่างไม่รอให้เสียโอกาส  ร่างกายที่หมุนตัวหลีกออกอย่างกระฉับกระเฉงในทันทีทำให้ผมผลิยิ้มมุมปากด้วยความถูกใจ  ไม่ได้เห็นแบบนี้ต่อตามานานแล้วนี่นะ  ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผมจึงทิ้งช่วงเพื่อให้อีกฝ่ายได้ลุกขึ้นสู้กันอย่างโดยดี  เราปะทะเข้าหากันอีกครั้ง  ศิลปะการต่อสู้ที่จับทางออกว่าเธอถนัดการต่อสู้แบบคาราเต้โดยพื้นฐาน  การเตะต่อยแม้จะชำนาญในฝีมือแต่กลับใช้แต่พละกำลังที่มีมากเกินไป  ถ้าน้องชายผมอยู่มันคงพูดเตือนเธอเนือย ๆ ว่า “แบบนี้มีแต่จะเหนื่อยเปล่า”


ผลัวะ!   .. เท้ากระทืบซ้ำยังท้องน้อยในจุดที่เธอเพิ่งโดนผมถีบมาก่อนหน้า  เจ้าของร่างกายขดตัวงอร้องครางระงมไม่ได้ศัพท์  ผมก้มตัวลงล็อกคอเสื้อเธอพร้อมถอดหมวกกันน็อกของเธอออกอย่างใจเย็น  ลิ้นถูกนำออกมากัดใกล้ปลายริมฝีปาก  สายตาคู่ตรงหน้าตวัดขึ้นมองขวางมาที่ผมในทันทีที่หมวกกันน็อกหลุดออกไป

“วู้ ~ สวยน่าดูนี่” ผมชมปนหัวเราะอย่างหยาดเยิ้ม   


หมับ !!!!   .. เสียงมือทั้งสองข้างตะปบจับเข้าที่ข้อเท้าของผมอย่างแรง  ผมแสยะยิ้มมองเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  ฟันของเธอดูเหมือนจะขบกัดหนักกว่าเดิมเมื่อผมเลิกคิ้วท้าทายให้เธอทำสิ่งที่ต้องการ  ขากางเกงยีนถูกดึงขึงตึงเป็นหลักก่อนที่เธอจะออกแรงดันตัวผมขึ้นจนผมเซถอยหลังล้มลงทำให้เธอพลิกตัวลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง  ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่พุ่งเข้าหาจงใจซ้ำขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่กับพื้น  เสียงฝีเท้าขูดกับถนนจนทิ้งร่องรอยยาวเป็นทาง  ผมเพียงแต่พลิกร่างกายหลบหลีกโดยไม่ลุกขึ้นยืนดี ๆ แต่การทำเช่นนั้นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดกว่าเดิม  ขาผมอ้าออกกว้างหลบปลายเท้าที่พุ่งเข้ามาเต็มแรง  พร้อมจับข้อเท้าของเธอล็อกไว้ได้ก่อนที่มันจะมาถึงส่วนสำคัญของร่างกาย 

“อึก!” เธอกัดฟันแน่น  ขืนตัวจะดึงขากลับแต่ไม่สามารถทำได้ดั่งใจ  ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมฉีกยิ้มให้
 
“ของสำคัญชิ้นเดียวที่พ่อเหลือไว้ให้เลยนะ” ผมบอกตาปริบ ๆ  เธอไม่ยอมแพ้ที่จะสู้ต่อแต่อย่างนั้นก็ไม่สามารถขืนสู้แรงผมได้ไหว 

“อวบกว่าข้าวหลามอีกนะ ..อยากไปลองกันดูหน่อยไหม ?” ผมแสยะยิ้ม

“สัส!” อีกฝ่ายสบถพร้อมตวัดขาอีกข้างถีบมาที่อกผมเต็มแรง 

“เช็ดแม่ง” ผมสบถอย่างรำคาญ  ลุกขึ้นถีบอีกฝ่ายกลับอย่างไม่ยั้งแรงให้อย่างก่อนหน้าอีก  การเว้นช่วงให้เป็นไปเพื่อดูเหตุการณ์  เมื่อเธอลุกขึ้นทรงตัวได้ไหวหมัดจึงถูกปล่อยมาอีกครั้ง  แย่หน่อย ที่แรงมันถดถอยลงไปมาก


เพี้ยะ!  เพี้ยะ!!  ผลัวะ!!!

คนตรงหน้าล้มนอนแน่นิ่งลงเรื่อย ๆ จนแทบกลายเป็นเงียบสนิท  ผมนิ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง  ตั้งใจเลือกที่จะไม่ชกให้มากนักเพราะไม่ต้องการให้พูดกันไม่รู้ความ  เธอยังพอขยับตัวได้บ้าง  ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปป่านนี้คงสลบส่งตัวเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว  อีนี่มันอึดดีไม่หยอก  ผมนั่งยองลงกระชากผมของเธอขึ้นมาเพื่อให้คุยกันได้ถนัด ๆ 

“ถุย! หน้าตัวเมีย” น้ำลายถูกพ่นออกมาอย่างแค้นเคือง  แย่หน่อยที่มันย้อนลงพื้นแทนที่จะถูกตัวผม 

“มีคนทักถูกอยู่บ่อย ๆ” ผมยอมรับคำชม  อีกฝ่ายเงียบไปเสียเฉย ๆ  ตาดำพยายามเหลือบขึ้นมองดูท่าทีของผม  คำพูดที่ต้องการถามก่อนหน้านี้เพื่อให้ได้คำตอบที่แน่ชัดถูกกลืนเก็บเข้าไว้ที่เดิมเมื่อสำรวจดูแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ผมควรทราบออกจากปากเธอ 

“..ต้องการอะไร” อีกฝ่ายถาม

“เป็นผู้หญิง พูดให้มันเพราะกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง” ผมพูด

“กูถามว่ามึงต้องการอะไร!” เธอตะคอกกลับ  ผมมองเฉย

“ไปโรงพักกันครับ” ผมสรุปให้

“หึ ตลกจังนะ” เธอหัวเราะชอบใจ  ผมจึงยิ้มไปด้วย  ตากำลังสำรวจหาของเล่นตรงหน้า

“รู้อะไรบ้าง ?” ผมแทบกระซิบถามโดยเว้นชื่อของคนสำคัญเอาไว้เพื่อความปลอดภัย  เธอหยุดหัวเราะเปลี่ยนเป็นอมยิ้มมองผมอย่างเยาะเย้ย

“หน้าอกสวยน่าดูเลยนะ” ผมเอ่ยปากชมทำเอาอีกฝ่ายชะงัก  ควานมือล้วงเข้าไปในเสื้อของเธอและลึกลงไปใต้ยกทรง  เนื้อหนังอวบอิ่มเต็มมือตามที่คาดไม่ผิด  เจ้าของร่างกายฮึดฮัดกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ 

“ของจริงซะด้วย หึ ๆ ๆ” ผมแสยะยิ้มพลางออกแรงขยำหนักขึ้น

“อ้ากกก! ไอ้สัส! ไอ้หน้าตัวเมีย! ไอ้เหี้ย!” อีกฝ่ายร้องคำรามพยายามสะบัดตัวขยับหนี  ผมกัดฟันแน่น  มือที่ถึงศีรษะเธออยู่ออกแรงจิกหนักขึ้นกว่าเดิมจนหน้าของเธอแหงนขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อยู่รอมร่อ  เธอยอมหยุดนิ่งเหมือนได้สติที่จะไม่คิดต่อสู้อีก 

“อีนรก” ผมกระซิบบอกเสียงเย็น  ตาเพ่งมองดวงตาตรงหน้าอย่างไม่ละเว้น  เสียงฝีเท้าเดินผ่านด้านหลังอย่างย่องเบา  ปืนที่ตกอยู่ห่างออกไปถูกไอ้เต้หยิบไป

“ถุย!” น้ำลายถูกถมผสมไปกับเลือดบนใบหน้าของคนตรงหน้าจนเจ้าตัวสะดุ้ง 

“กูจะบอกมึงให้..”

“ว่าถ้าคน ๆ นั้นตาย มึงก็หยุดหายใจไปแล้ว” ผมขบฟันแน่นด้วยนึกหงุดหงิดขึ้นมา  ฝ่ายที่ถูกว่าก็คงแค้นจัดไม่แพ้กัน
 
“หวังว่าจมูกนี่คงไม่ใช่ซิลิโคนหรอกนะ ฮึ!” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงให้ทันที  เธอได้ยินถึงกับหน้าถอดสี  หัวลอยสูงเชิดกว่าเดิม  เสียงไอ้เต้ร้องปรามแทรกเข้ามายิ่งน่าหนวกหู  ไม่ทันห้ามได้  หน้าผากของเธอกระแทกลงสู่พื้นถนนอย่างแรง  หลายครั้งติด  สีแดงจาง ๆ จากหน้าผากปรากฏให้เห็นเรื่อย ๆ  ผมหัวเราะมอง

“พอได้แล้ว!” ไอ้เต้ตะคอกพร้อมพยายามผลักผมออก  ผมหยุดมือ  ช้อนตาขึ้นเหล่มองมันช้า ๆ ก่อนแสยะยิ้มมุมปากให้เท่านั้น  ไอ้เต้นิ่งไปและเหลือบมองร่างที่นอนอยู่ด้วย  ผมยอมปล่อยมือออกโดยง่ายตามที่มันต้องการ  อีกฝ่ายพึมพำบ่นอะไรสักอย่างได้ยินไม่ถนัดก่อนรีบเข้าตรวจดูร่างของผู้หญิงเพื่อให้เธอพลิกกลับนอนหงาย 

“ออกไปห่าง ๆ  อีบ้านี่มันไม่ตายง่าย ๆ หรอก” ผมเตือนส่ง ๆ ไปที  ไม่ได้ต้องการให้มันเชื่อคำเตือนเพราะมันไม่ใช่ลูกน้องผม  ไอ้เต้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นโทรออก  ผมเหความสนใจไปที่ผู้ชายที่มาด้วยกันกับเธอ  มันได้สติครบถ้วนดีแม้จะขยับตัวไม่ได้  ดูเหมือนขาจะหัก  ผมนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้า

“สิ่งที่น่าอนาถที่สุดที่คนของกูจะไม่มีทางให้เกิดขึ้นคืออะไรรู้ไหม ?” ผมชวนคุยขณะที่มือเปิดกระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่อกมันออกอย่างใจเย็น 

“คือ..นอนให้มอเตอร์ไซค์ทับตายแบบนี้ คึ!!” ผมฉีกฟันพ่นหัวเราะในลำคอประกอบ  สายตาที่มองมาคล้ายขอร้องให้ช่วยก่อนจะเปลี่ยนเป็นจ้องเขม็ง  ผมหุบยิ้ม  เปลี่ยนมือล้วงเข้าไปที่กระเป๋าเสื้ออีกอันโดยไม่มองหน้ามัน

“ลุกเองไม่ได้ ก็ต้องยอมตายห่ามันทั้งอย่างนี้ ..ไม่คิดงั้นเหรอ” ผมบ่นไปพลาง  กระดาษโน้ตสีเขียวอ่อนแผ่นเล็กถูกนำออกมาจากกระเป๋า  บนแผ่นกระดาษมีเบอร์โทรศัพท์เขียนอยู่ 

“อย่า..” อีกฝ่ายร้องขอ

“ชู่~” ผมอมยิ้ม  นำนิ้วชี้ขึ้นปิดปากส่งสัญญาณประกอบก่อนเก็บกระดาษเข้ากระเป๋าตัวเองโดยที่ไอ้เต้ไม่ทันสังเกต  เจ้าของกระดาษมองด้วยสีหน้างงงวย

“อย่าทำสายตาแบบนั้น” ผมขยิบตาให้ยิ้ม ๆ 



บรื้น!   .. เราต่างหันไปมองที่ต้นเสียงตรงท่าน้ำใกล้โกดัง   

ผลัวะ!!!

“อ้ากกก!” เสียงคำรามดังมาจากฝั่งของไอ้เต้  ผมหันกลับไปมอง  อยู่ ๆ คนที่นอนแน่นิ่งคล้ายหมดสติไปแล้วก็ขึงขังลุกขึ้นได้  ผมนั่งมองเฉย  ไอ้เต้ถูกถีบจนกระเด็นหงายหลังไม่เป็นท่า  ปืนที่หลุดออกจากมือของมันก็ถูกผู้หญิงคนนั้นคว้าไปได้อีกด้วย  ไอ้เต้ลุกขึ้นสู้ในทันที  มองดูแล้วเป็นการสู้กลับเหมือนยั้งแรงเอาไว้ซะมากกว่า  เสียงการต่อสู้ที่ดูเหมือนฝ่ายชายกำลังจะเสียเปรียบ  หน้าตาที่ซื่อบื้อของมันแสดงออกถึงความงุนงงที่พบว่าผู้หญิงคนตรงหน้ามีแรงเยอะกว่าที่คิด   

“อึก” ไม่กี่นาทีไอ้เต้ก็นอนจุกอยู่กับพื้นถนน  เธอมองขวางมาทางผม  เราสบตากันครู่หนึ่ง  ปืนก็เหปากจ่อเล็งมาที่คนข้าง ๆ ที่นอนอยู่

“อย่า!!!” เสียงร้องห้ามจากทั้งไอ้เต้ดังลั่นประสานกับเสียงของชายเป้าหมายที่เอ่ยปากขอชีวิต  ทันทีนั้นปืนก็ถูกลั่นไกอย่างไม่มีการลังเล  สมองถูกเจาะเข้ากลางเป้าสวยงามอย่างกับจับวาง  เสียงเรือเร่งสัญญาณดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งคล้ายบอกเตือน  ปืนจ่อเหเป้าหมายมาที่ผมต่อ  หึ.. ผมยิ้มมอง  ดูเหมือนเธอก็ยิ้มพอใจอยู่เช่นกัน  ร่างกายยังไม่คิดที่จะเคลื่อนไหว  ส่วนเดียวที่ขยับออกมาจากใจนั้นคือปาก “อีเปตร”  คำพูดที่ทำให้คนตรงหน้าถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน



ปั้ง! 

ปั้ง!!!
   .. การยิงสู้กันถึงสองนัดติดไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว  นัดแรกจากปืนของผมที่ไอ้เต้ยิงสกัดไว้ได้ทันจนกระบอกปืนของคนตรงข้ามหลุดกระเด็น  ไอ้เต้ลุกขึ้นพุ่งเข้าหา  ขณะเดียวกันคนบนเรือก็ยิงสวนกลับขึ้นมา  เสียงตะโกนเรียกแว่ว ๆ ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อ  ผมหมอบลงกับพื้นราบเรียบปล่อยให้ไอ้เต้เป็นฝ่ายยิงสู้กลับ  มันพยายามอย่างที่สุดที่จะวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไปเพื่อให้ได้ตัวมา  แต่แล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ  เธอวิ่งโซซัดโซเซเลือดไหลเป็นทางหนีขึ้นเรือไปได้  ผมลุกขึ้นนั่ง เท้าแขนพิงไปทางด้านหลังอย่างเหนื่อยหน่าย  ไอ้เต้ได้แต่ยืนมองเรือที่ขับออกไปไกลในความมืด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-12-2016 11:26:27

“หึ” ผมเบะปากล่างหัวเราะ  เหลือบมองร่างไร้วิญญาณที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนลุกขึ้นยืนอย่างเนิบช้า   

“แม่ง! อะไรวะเนี้ย!!” ไอ้เต้สบถ  ขาเตะฝุ่นกระจาย  ดูท่ามันยังงงไม่เลิก  อีกฝ่ายเดินกลับมาอย่างหัวเสีย  ผมแบมือเพื่อขอของของผมคืน  อย่างน้อยมันก็ดูแลของที่ไม่ใช่ของมันเป็นอย่างดี  อีกฝ่ายชะงัก  ถอนหายใจแรงวางปืนคืนให้

“เปลืองกระสุน” ผมพูด  ตาลอยมองไปที่แม่น้ำ  ปืนถูกตรวจสอบก่อนเหน็บกลับเข้าที่เก่า

“มึงพูดอะไร” ไอ้เต้ว่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ตามที่พูด..” ผมยักไหล่ยิ้ม ๆ

“ดูท่าคงจะใจอ่อนเพราะผู้หญิงอยู่บ่อย ๆ” ผมแซวทำให้อีกฝ่ายตวัดหางตาแทบหลุด 

“มึงก็ไม่ได้คิดช่วย หุบปากไปเหอะ” มันโวย

“ไม่ใช่หน้าที่นี่ หึ” ผมเบิกตาโตตอบอย่างไม่สน  ไอ้เต้เงียบจ้องเขม็งเหมือนกำลังขู่การกระทำที่ผมมีต่อมัน  ผมจึงหุบยิ้มลง

“ปืนอยู่ที่มึง และเพราะมึงไม่ได้จงใจยิงให้ถูกอยู่แล้ว หลักฐานก็เลยลอยไปกับน้ำ..มึงควรโทษคนอื่นก่อนอย่างงั้นเหรอ” ผมถามเสียงเย็นลง  มันหน้าเปลี่ยนสีเถียงไม่ออก

“แต่นั่นมัน ผู้หญิง” มันว่า

“ฮึ” ผมพ่นลมหายใจออกจมูกด้วยเพราะขำเหตุผล

“อู้~ สุภาพบุรุษศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด” ผมเล่นเสียงแซว 

“ใช้คำ ๆ นั้นกับผู้หญิงที่ถีบมึงกระเด็นได้เมื่อกี้นี้น่ะนะ มึงแม่งฮาใช้ได้ว่ะ รอยส้นตีนยังอยู่บนอกมึงอยู่เลยเนี้ย” ผมนำหลังมือขวาปิดปากยิ้ม ๆ  มือซ้ายสะกิดไปที่อกของมันชี้บอกที่เกิดเหตุ  ไอ้เต้มองตามงง ๆ เหมือนเพิ่งได้สติ

“มึงหยุดกวนตีนกูสักทีได้ไหมวะ!” ผมขมวดคิ้ว  ปัดมือผมออกด้วยสีหน้าขัดเคือง

“โอเค” ผมยกมือผายออกกว้างทั้งสองข้างพลางเบะปากยิ้มรับ

“แย่จังนะ ทำงานแยกแยะเรื่องเพศแบบนี้” ผมแตะแก้มมันหยอก ๆ  เดินห่างออกมา ..น่าเบื่อ

“พี่ทัพกำลังมา” ไอ้เต้พูดบอกลอย ๆ ผมไม่ตอบ  เดินตรงกลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ยังคงนอนคว่ำอยู่  ผมยืนมองอย่างไม่คิดจะช่วยยกขึ้น  ให้เจ้าของมันจัดการเอาเอง  ให้หลังไม่ทันไรรถยนต์คุ้นตาก็ขับมาถึงพอดี  ผมมองหน้าพี่ทัพเซ็ง ๆ อย่างไม่คิดทักทายใด ๆ  พี่แกพยักหน้าทักทายผมก่อนตรงเข้าไปหาลูกน้องก่อนเป็นที่แรก  ผมก้มลงเก็บแจ็คเก็ตสะบัดขี้ดินออกลวก ๆ ก่อนนำขึ้นสวมตามเดิม



บึ้มมมมมมมมมมมมมมม!!!!

“อึก! ..”

แรงกระแทกทำให้รู้สึกอึดอัดในอกชั่วขณะ  กลิ่นควันไหม้คละคลุ้งเตะจมูกรุนแรงจนทำให้สำลักและไอออกมา  เมื่อเท้าแขนขึ้นทรงตัวเพื่อมองภาพตรงหน้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  รถยนต์ของพี่ทัพจมอยู่ในกองไฟ  เศษซากรถกระเด็นกระจายไปคนละทิศ  ผมกวาดตามองแสงลุกไหม้ที่ทำให้ตรงนี้สว่างจ้าไปโดยปริยาย  เสียงร้องตะโกนระงม  ไอ้เต้แหกปากวิ่งปรี่ผ่ากองควันเข้าหาร่างที่นอนอยู่ค่อนข้างไกลจากมัน  ทุกอย่างว่างเปล่า  ขาผมขยับวิ่งตรงไปที่จุดเดียวกันนั้นในทันที 

“สารวัตร!” ไอ้เต้ร้องเรียกเสียงหอบเหนื่อยพร้อมไอติดปลายเสียง

“พี่ทัพ..” ผมเรียก  มือแตะลงที่แก้มพี่เขาที่นอนหลับตาแน่นิ่งอย่างเบามือ  เสียงรถตำรวจดังแว่วมาไกล ๆ

“..พี่” ไอ้เต้เรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไอ้เหี้ยพี่ทัพ! ตื่นสิวะ!!” ผมตะคอก

“สัสเอ๊ย..หูกูดับแล้ว” คนที่นอนอยู่ขยับปากพึมพำบ่นออกมาพร้อมลืมตาขึ้นช้า ๆ  ผมสบถพร้อมถอนหายใจแรง

“มันกะเอาให้กูตายเลยใช่ไหม” พี่ทัพพูด  ขยับตัวมองไปที่รถยนต์ของตนเอง  ไอ้เต้เข้าไปช่วยพยุงตัวไว้  เราต่างอยู่ในความเงียบตามองไปที่กองเพลิง  ลมจากแม่น้ำที่พัดมาทำให้ถึงกับต้องหรี่ตาเล็กลง  ผิวหนังถูกกระทบจนรู้สึกร้อนไปหมด

“ไฟ..” พี่ทัพหันมามองด้วยสายตาวอนขอ  สำหรับคนอื่นอาจเห็นว่าวอนขอแต่สำหรับผมพี่เขากำลังกวนอารมณ์อยู่  ผมกลอกตาเซ็ง ๆ  ลุกขึ้นเดินหนีกลับไปยังจุด ๆ เดิมในทันที  รถตำรวจมาถึงในไม่ช้า  ไล่มาพร้อม ๆ กับรถดับเพลิง  ที่เกิดเหตุที่มีคนมากขึ้นเริ่มน่ารำคาญขึ้นเรื่อย ๆ  ผมปลีกตัวออกมายืนรอที่ข้างโกดังโดยยังไม่ได้โทรติดต่อพี่ธานเพราะต้องการเคลียร์ทางนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน 


ด้วยความมืดรอบตัวที่ยืนอยู่ทำให้มองจุดเกิดเหตุได้เต็มตาโดยภาพมุมกว้าง  ดูเหมือนไอ้สารวัตรบ้าบอนั่นกำลังมีปากเสียงกับตำรวจยศเท่ากัน  ใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก  พี่ผากับไอ้เต้เข้าไปห้ามปรามเพื่อหยุดทั้งคู่  ไม่นานนักสถานการณ์ก็กลับเป็นปกติ  พี่เขาเดินตรงมาหาผมด้วยท่าทางหัวเสีย  ไอ้เต้แอบมองตาม  ผมเบือนหน้าไปทางแม่น้ำ  ลมที่โชยมาส่งกลิ่นหอม ๆ ของน้ำและดินทำให้รู้สึกสบายสมอง

“อย่าอ่านปากกู” อีกฝ่ายสั่งเสียงห้วน  ผมอมยิ้มมุมปากไม่คิดปฏิเสธ

“........” ความเงียบระหว่างเราทำให้ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของคนตรงหน้าเป็นระยะ  เสียงพื้นรองเท้าของพี่ทัพขูดกับพื้นถนนไปมา  ผมล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงรักษาความเงียบเอาไว้   

“คดีนี้กูเป็นคนสืบมาเกือบจะปีแล้วแท้ ๆ ด่ากู ทั้ง ๆ ที่กูถูกลอบวางระเบิดนี่นะ แม่ง” ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่กำลังบ่นให้ฟังด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจนัก  หรือบางทีอาจจะกำลังน้อยใจในชีวิตอยู่  พี่แกยืนหันข้างให้ผมพลางล้วงกระเป๋าและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า 

“ตายไปในรถซะก็ดี เสือกเดินเร็วไปหน่อย” พี่ทัพบ่นยิ้ม ๆ

“ตายง่ายไปมั้ง” ผมพูดขึ้นห้วน ๆ  อีกฝ่ายหันกลับมามอง  ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ ทำให้พี่เขาเปลี่ยนสีหน้าทิ้งความหนักใจออกไปได้  เรามองตากันอยู่ครู่หนึ่งและพี่เขาก็ก้มหน้าลงมองพื้น  ปลายเท้าขยับไปมาสองสามที  คอพับลงเกือบสี่สิบองศา 
 
“ถึงมึงไม่ช่วยกู ๆ ก็ไม่โกรธหรอก มึงก็รู้” อีกฝ่ายยิ้มพูด

“พี่มีสิทธิ์โกรธผมด้วยงั้นเหรอ ผมยังไม่หายเคืองเรื่องลูกน้องพี่เลย” ผมมองกลับตาใส

“ได้ข่าวว่าเด็กที่ส่งยาที่ตลาดมึงหายหัวไปแล้ว ?” พี่ทัพพูดเชิงถาม  ผมเหสายตาไปทางซ้ายเลี่ยงคำตอบ
 
“มึงปล่อยเด็กไปใช่ไหม ทำไมไม่ส่งเด็กมา”

“ไปตามเอาเองสิ หน้าที่ผมเมื่อไหร่”

“หึ..” พี่ทัพยิ้มกว้าง  ท่าจะสมองเพี้ยนไปครึ่งซีกแล้วละมัง

“รอแป๊บแล้วกัน เดี๋ยวไปด้วยกัน” อีกฝ่ายตัดบท  ผมพยักหน้ารับทราบ  ขณะเดียวกันพี่ธานก็โทรเข้ามา  ปลายสายส่งข่าวทำให้ผมทราบมาว่ายูอยู่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วและพ้นขีดอันตรายโดยมีเฮียกานต์เฝ้าอยู่ไม่ห่าง

ผมหยิบกระดาษแผ่นเมื่อครู่นี้ออกมา  แสงไฟจากจุดเกิดเหตุไกลพอที่จะมองเห็นตัวเลขตรงนี้ได้ชัด  เบอร์โทรศัพท์ถูกท่องจำไว้ในหัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่กระดาษจะถูกฉีกออกเป็นเศษละเอียด  ทิ้งลงในแอ่งน้ำขังใกล้ ๆ  ผมเบี่ยงตัวเดินไปทางด้านหลังจากจุดเกิดเหตุ  รถกู้ภัยและรถตำรวจที่จอดเรียงรายหลายคัน  ความชุลมุนของการทำงานของเจ้าหน้าที่จึงไม่ทำให้ใครหันมาสังเกตผม  พี่ทัพกับไอ้เต้ปลีกตัวออกไปคุยกันในมุมสงบ  ผมจึงตามไปอยู่ท้ายรถอย่างเงียบ ๆ  จะว่าตั้งใจแอบฟังก็คงใช่  ผมเอนไหล่พิงท้ายรถมองพี่ทัพกับไอ้เต้ที่ถกกันถึงเรื่องงานโดยสายตายังคงจับจ้องศพของผู้ตายที่อยู่ไกลออกไป

“สารวัตรครับ เซ็นตรงนี้หน่อยครับ” ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งวิ่งมาพร้อมกับเอกสาร  พอพี่ทัพเซ็นเสร็จตำรวจนายนั้นก็วิ่งไป

“รถผมเพิ่งผ่อนมาได้แค่ห้างวดเอง มันชนซะยับเยินเลย สารวัตรต้องรับผิดชอบด้วย” ไอ้เต้บ่นทันที  น้ำเสียงเครือไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ทำให้พี่ทัพหัวเราะก่อนเออออห่อหมกตามมันไป

“ผมว่า..”

“อารมณ์ของไอ้ไฟมันเข้าขั้นไม่ปกตินะครับสารวัตร เราหาคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ เดี๋ยวมันก็มีลู่ทางเอง” ไอ้เต้ขมวดคิ้วหน้าเครียด  ผมผลิยิ้มมุมปาก  ดูท่าแล้วไอ้เหี้ยนี่ท่าจะฮาได้กว่านี้อีก

“ลู่ทาง” พี่ทัพพึมพำก่อนเงียบลง  ระดับสายตายังคงจ้องไปที่ศพอย่างกับมีเรื่องให้ใช้ความคิด

“โค้งหักศอกของสนามแข่งที่อินโดนีเซีย กูเห็นกับตา..” พี่ทัพเอ่ยขึ้นคนละเรื่องแล้วก็เว้นทิ้งช่วง  ผมตั้งใจฟัง ก็หัวข้อดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับผมนี่นะ

“มันใช้ความเร็วเกือบสองร้อย มึงหาคนแบบมันมาแทนให้กูตอนนี้เลยได้ไหมละ ? กูหมายถึง ถ้าอีกฝ่ายยังมีชีวิตรอดมาอยู่ต่อรองให้ช่วยเราน่ะนะ” พี่ทัพมองหน้าไอ้เต้  น้ำเสียงเหมือนหมดอาลัยตายอยากมากกว่าจะชื่นชม

“แต่ตามัน นิ่งมากเลยนะครับ เหมือนกับ..” ไอ้เต้พึมพำเหมือนจะฟ้องโน้มน้าวให้เชื่อตนให้ได้  แต่แล้วอยู่ ๆ มันก็เงียบไป

“ตอนที่กูยังไม่รู้จักมัน..” พี่ทัพพูดพร้อมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“กูได้ยินไอ้คินเตือนเพื่อนในคณะมันด้วยสีหน้าจริงจังว่า ‘มันไม่โกรธมึงก็ดีแล้ว แค่อย่าไปยุ่งกับมันคือสิ่งที่มึงควรทำ กูหวังดีนะ’ กูก็เคยคิดว่าน้องชายกูนี่มันยังเป็นวัยรุ่นอยู่ละนะ คำพูดอย่างกับเด็กมัธยมปลายเตือนเวลาตีกัน” พี่แกยิ้มเล็กน้อย 

“มองเผิน ๆ ก็เหมือนเด็กมหาลัยคนนึง ที่มีรูปร่างเด่นผิดคนอื่น พอได้รู้จักมันเข้าจริง ๆ ไอ้เหี้ยนี่แม่งบ้าเข้าขั้นเลย แล้วกูก็เสือกถูกใจมันซะด้วย! มันเป็นคนอารมณ์ร้อนนะ แต่ไอ้คินเล่าว่า..ถ้าอยู่มหาลัยมันไม่เคยโกรธใครจริงจังเลยสักครั้ง”

“ถ้าให้ขยายความว่าเป็นคน ‘ไม่เห็นหัวใคร’ จริง ๆ แล้วก็มีนัยยะนี้ฝังอยู่ในตัวมันมากเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์” พี่ทัพพูดต่อขำ ๆ  ผมสบถทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น  ส่วนตัวไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลยหรืออาจลืมไปแล้ว

“..ทำคดีนี้มึงอ้วกไปกี่ครั้งแล้ววะไอ้เต้ ?” พี่ทัพถาม  ไอ้เต้หลบตา  คำถามที่ไม่ได้คำตอบคล้ายกับไม่ปฏิเสธว่าตนเองเป็นอย่างนั้น

“ทุกวันนี้กูยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีพวกชั่วแบบนี้อยู่บนโลก ทั้งที่รู้ว่ามี แต่กูก็ไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่ากูต้องได้เจอกับตัวเอง” อีกฝ่ายล้วงกระเป๋า  ก้มหน้าลง  เอนหลังพิงกระจกรถด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย

“ตามจริง.. กูจะหมดแรงแล้วละนะ”

“สารวัตร” ไอ้เต้หน้าเสีย  ทั้งคู่เงียบไปหนึ่งอึดใจ  ไอ้เต้ไม่พูดเลยสักคำ  หน้ามันที่ปกติมักเหวี่ยงโวยวายอยู่ตลอด  เวลานี้กลับหงอยเป็นลูกหมาเชื่อง ๆ ไปเสียแล้ว

“ชั่วก็ต้องเจอบ้า ไม่เหลืออะไรให้ลองแล้วนี่” พี่ทัพเงยหน้าขึ้นสบตามัน

“แต่ผมว่ามันเหมือนคนวิตถารมากกว่าครับ! มันบ้าไป!!” ไอ้เต้ขึ้นเสียงเถียงกลับทันควัน  สีหน้าที่บ่นด่ามากกว่าจะจูงไปในทางเครียดทำให้พี่ทัพยิ้มเล็กน้อย

“มันล้วงหน้าอกผู้หญิงด้วย หน้าสิ่วหน้าขวานแต่มันกลับขยำหน้าอกเธอหน้าตาเฉยเลยนะครับ ทั้ง ๆ ที่ที่เขาใหญ่วันนั้นมันเพิ่งเหยียบเป้าพี่ทิวแกไปแท้ ๆ” ไอ้เต้ฟ้องยกใหญ่  สีหน้ามันดูสับสนงงงวยในคำพูดตัวเองมากกว่าจะแค้นเคือง

“พรืด! จริงดิ! ก๊ากกก!!” พี่ทัพถลึงตา  หลุดหัวเราะโผงดังลั่นทำให้ตำรวจหลายนายที่อยู่แถว ๆ นั้นต่างหันมามอง

“ไอ้เวร พูดซะดัง” ผมบ่น  พลิกตัวหันกลับมาเอนหลังพิงท้ายรถเซ็ง ๆ 

“กูต้องการคนมือเบา วงการนี้ สะกิดโดนนิดเดียวมันจะกลายเป็นโดมิโน่ แล้วหน้าไหนมันจะอยากช่วยเรา”

“ลื้อไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ..” พี่ทัพเอ่ย  ไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านหลัง

“ทำไมมันถึงขลุกไปกับวงการแบบนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่มันไม่เคยบากหน้าเข้าไปเป็นพันธมิตรกับใคร ตั้งแต่รุ่นปู่มันแล้ว เราปฏิเสธไม่ได้ว่าคนอื่นที่จะช่วยเราได้ไม่มีคุณสมบัติตรงนี้ มันเป็นเรื่องของบารมีไอ้เต้ ลื้อก็รู้ ..ไปสืบมาหมดแล้วนี่ ?” พี่ทัพพูดด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย

“ผม..เปล่าสืบสักหน่อย!” ไอ้เต้งึมงำปฏิเสธ  พี่ทัพหัวเราะเว้นช่วงเงียบลงอีกครั้ง

“ในฐานะเพื่อน มันจะไม่มีทางหักหลังอั๊ว”   

“ลื้อสามารถใช้คำ ๆ นี้กับเพื่อนสนิทคนไหนของลื้อได้กี่คน ? ดังนั้น ..ลื้อต้องเชื่ออั๊ว” 

“พี่ทัพ” ไอ้เต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีกับสรรพนามการเรียกที่เปลี่ยนไป

“เดี๋ยวก็ชอบมันเองนั่นแหละ” พี่ทัพสรุป  เสียงตบบ่าสองสามทีดังให้ได้ยิน  ขณะเดียวกันพี่ผาก็เรียกพี่ทัพให้ไปหาด้วย

“เออ อีกอย่าง..”

“ไอ้ไฟมันแก่กว่าลื้อ คราวหน้าเรียกมันว่า ‘พี่’ ด้วย”

“ทำไมผมต้อง!” ไอ้เต้แทบตะคอก

“ลูกน้องมันรักเจ้านายมันอย่างกับหมาหวงเจ้าของ ลื้อคิดว่าพวกมันจะชอบขี้หน้าลื้อไหมละ ? ก็เหมือนกับลื้อนั่นแหละ เที่ยวกัดคนอื่นไปทั่ว กูแก่แล้ว..กูเหนื่อยเป็น ต้องให้บ่นไปมากกว่านี้รึไง” พี่ทัพสบถอย่างหัวเสียจากไป  ผมพลิกตัวหันไปมองไอ้เต้ที่ยืนหน้างอเป็นกระบวยอยู่ที่เดิม

“ผมไม่ใช่หมาสักหน่อย” มันพึมพำคนเดียว  ผมก้าวขาออกไปปรากฏตัวตรงหน้า  อีกฝ่ายถึงกับชะงักตาเบิกกว้างในทันที

“ไง ?” ผมแสยะยิ้มทักทาย

“ไหน..เรียก ‘พี่’ สิจ๊ะ” ผมยักคิ้วให้

“ไอ้..” ไอ้เต้อ้าปากพะงาบ ๆ ด้วยสีหน้าไปไม่เป็น  ผมยังคงปั้นหน้ายิ้มหน้าตาเฉยอยู่อย่างนั้น

“เวรเอ๊ย” มันว่า  จ้ำเท้าเดินหนีตามพี่ทัพไปเฉย

“หึ ๆ ๆ” ไอ้เหี้ยนี่แม่งหน้าตาตลกใช้ได้



- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-12-2016 11:27:13

23:45 น. : The Prim (Safe house)

“คุณไฟจะรับอะไรครับ” พี่ธานถาม

“ไวน์” ผมตอบ  วางผ้าขนหนูที่เพิ่งใช้เช็ดผมจนแห้งทิ้งบนโซฟา  ผมกับพี่ทัพเดินทางมาที่ Safe house ของพี่แก  ส่วนพี่ธานเพิ่งตามมาถึงก่อนหน้าที่ผมจะเข้าไปอาบน้ำไม่นานนี้เอง

“มึงไม่คิดจะใส่กางเกงหน่อยรึไง” พี่ทัพที่กำลังจัดเตรียมอาหาร  ชะงักเท้าเอวมองมาที่ผมด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย

“ใส่เสื้อกับกางเกงใน ไอ้เหี้ย..มีแต่เขาใส่กางเกงไม่ใส่เสื้อ” อีกฝ่ายส่ายหัว  ผมกับพี่ธานยิ้มให้กันน้อย ๆ  ผมคว้ารีโมทกดเปลี่ยนช่องแล้วนั่งลง  รายการถูกเลื่อนไปเรื่อย ๆ จนถึงช่องฉายภาพยนตร์โรแมนติกที่นาน ๆ ทีจะได้มีโอกาสดู  พี่ธานกับพี่ทัพสลับกันเดินนำอาหารและเครื่องดื่มมาจัดเรียงวางบนโต๊ะ 

“ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงดูหนังแนวนี้ด้วย” พี่ทัพยิ้ม  วางจานอาหารลงแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารกลางห้อง  ผมเพียงเงียบมองฉากพระเอกกับนางเอกที่จวนจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน  พอนึกอะไรขึ้นได้มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกอย่างไม่รีรอให้ระบบเหตุผลสั่งการ

พี่ธานนำแก้วไวน์แดงยื่นมาให้  โทรศัพท์ถูกแนบอยู่ที่หู  ผมรับแก้วมา  กลอกตาไปมาพลางยักคิ้วให้อีกฝ่าย  พี่ธานยิ้มกว้าง  ไวน์ถูกนำขึ้นดมก่อนจิบ  หลังเทเอนลงบนเบาะจนกลายเป็นกึ่ง ๆ นั่งจนเกือบนอน  ฐานแก้วไวน์วางลงบนเบาะ  ขาอ้าออกเล็กน้อยเพื่อความสบายตัว  ปลายสายที่ยังไม่รับเสียทีกลับทำให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น  ไวน์จึงถูกยกกรอกเข้าปากอีกทีจนเกือบหมด  ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกที่ผมโทรหาเขานอกเหนือจากเรื่องงานเลยละมัง 

ใช่แล้ว.. ครั้งแรกนี่หว่า ไอ้ฉิบหาย!

“ฮัลโหล ครับ” สมุทรพูด  น้ำเสียงนุ่มทุ้มไม่ได้งัวเงียทำให้ใจชื้นขึ้นนิดหน่อยที่คาดว่าเขายังไม่ได้เข้านอน

“.........” ผมเงียบอย่างกับมีใครมากดปิดสวิตซ์  ปกติเขาต้องพูดอะไรก่อน  สมองกำลังประมวลถึงเหตุการณ์ย้อนหลังที่เคยโทรหาคนอื่นก่อน  ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการชวนออกไปหลับนอนทั้งสิ้น ..บัดซบ

“คุณไฟ” สมุทรเรียก

“ได้ยินไหมครับ..”

“ได้ยิน” ผมตอบ  น้ำเสียงทุ้มอยู่ในลำคอ  หลังจากที่ปลายสายรู้ว่าผมได้ยินเขาก็เงียบไปเสียเฉย ๆ  เราต่างทิ้งช่วงเว้นอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที  ผมยกไวน์ที่เหลือดื่มอีกครั้งจนหมดแก้ว  พี่ธานที่เพิ่งวางจานอาหารเหลือบมาเห็นแก้วที่ว่างเปล่าของผมพี่เขาก็รีบรินเติมให้อีกครั้ง 

“ดื่มอยู่เหรอครับ ?” อีกฝ่ายทัก

“ไหงงั้น” ผมพูดเสียงห้วนแกมหยอก

“ก็เสียงคุณดูเป็นอย่างนั้นน่ะครับ” สมุทรตอบ  ผมเพียงอมยิ้มมุมปากรับฟังเท่านั้น

“มีธุระรึเปล่าครับ” อีกฝ่ายถามเข้าประเด็น
 
“ไม่มี” ผมตอบตรง ๆ  พี่ทัพวางกล่องกระดาษทิชชู่ใกล้มือผม  คงเพราะรู้ว่าผมมักจะใช้กระดาษทิชชู่บ่อย  พี่แกเหลือบมองมาที่ร่างกายผมก่อนถอนหายใจหันไปส่ายหัวให้กับพี่ธาน  พี่ธานฉีกยิ้มแต่ยังนิ่งสงบเช่นทุกที

“นี่กูต้องนั่งแดกไปพร้อม ๆ กับดูเป้ามันทั้งคืนรึไงวะ” อีกฝ่ายบ่นทำเอาพี่ธานหลุดหัวเราะ 

เสียงโทรทัศน์ถูกหรี่จนเงียบเหลือเพียงภาพที่ดำเนินไปไม่รู้จบ  เจ้าของห้องเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงแนว R&B แบบที่ไม่ค่อยเข้ากับหน้าเคล้าคลอไปด้วย  ผมลุกขึ้นปลีกตัวออกมาอีกฝั่งหนึ่งของห้องนั่งเล่น  ความเงียบที่ตรงนี้จึงทำให้ได้ยินเสียงของปลายสายได้ชัดขึ้น  กระจกห้องเปิดกว้างเห็นตึกรามบ้านช่อง  ท้องฟ้าที่ถูกแสงสีของเมืองกระทบทำให้จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเมืองนี้มันน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย  ริมฝีปากที่เพิ่งดื่มเครื่องดื่มมาหยก ๆ กลับรู้สึกแห้งขึ้นมาทันทีอย่างนั้น

เรื่องเมื่อเย็นนี้หวนมาให้นึกถึง  ผมกำลังรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองถูกสมุทรและพลอยทำให้เป็นคนนอก  เพิ่งจะมารู้สึกเดี๋ยวนี้  ก่อนหน้านั้นไม่คิดว่าทั้งคู่ติดต่อกันอยู่ด้วยคำพูดสนิทสนมเช่นนั้น  ถ้าทั้งคู่จะสนิทกันจริงจังและให้บอกว่าผมไม่รู้สึกใด ๆ คงจะต้องปฏิเสธ  ไม่ว่าจะฝั่งพลอยหรือฝั่งสมุทรมันก็คือคนที่พบปะกันมากกว่าหลายครั้ง  ในความสัมพันธ์รูปแบบไม่เชิงปกติ  ความจริงแล้วตอนนี้ผมเองก็เหมือนคนที่กำลังลงเล่นเกม  เล่นเกมกับพลอยแบบที่อีกฝ่ายไม่ทราบอะไร  หากพลอยกำลังทอยลูกเต๋าอยู่เงียบ ๆ ผมเองก็จะทำเหมือนกัน

“ฉัน...” ผมก้มหน้าลง  คำพูดที่อยู่ในใจทำให้รู้สึกปากหนักขึ้นมาและเริ่มขนลุกที่ต้นคอ

“แค่อยากได้ยินเสียงน่ะ” ผมพูด  น้ำลายถูกกลืนลงคอจนรู้สึกว่ามันชัดเจนเกินไป  เสียงใจที่กระหน่ำแรงจนฟังดูน่ารำคาญ  แน่นอนว่าปลายสายคงจะไม่ตอบอะไรอยู่แล้ว  แล้วกูแม่งพูดเหี้ยอะไรออกไปวะเนี้ย  มึงเป็นเด็กมัธยมปลายรึไง!

“ไม่ได้เมานะ” ผมดักทางไว้ก่อนเลย

“ครับ คนเมาเขาก็ชอบพูดประโยคนี้กันทั้งนั้น” อีกฝ่ายตอบ  น้ำเสียงยังคงนิ่งตามเคย

“คนเขินก็มักชอบย้อนแบบนายเหมือนกัน” ผมย้อนกวน  ทำเอาปลายสายเงียบไปแล้ว

“ฉันก็แค่คิดว่านายคงอยากได้ยินฉันพูดแบบนี้ ก็เลย..พูดดู” ผมขยายความห้วน ๆ  เหล่ตามองไปที่รูปภาพที่ติดอยู่บนฝาผนังอย่างอ้อนวอนหาเพื่อนร่วมชะตากรรม

“แล้วนาย ก็คง ยิ้ม..อะไรแบบนั้น” ผมเว้นจังหวะงง ๆ

“เมาก็ไปนอนซะครับ” อีกฝ่ายตอบ  ผมกลั้นหัวเราะ

“น้ำเสียงคนเรามันบอกได้นะว่ายิ้มอยู่รึเปล่า” ผมแสยะยิ้ม  แซวด้วยน้ำเสียงทุ้มเบาลง

“..........” สมุทรเงียบ 

“ถ้านายบอกฝันดีฉันละก็นะ จะวางให้ก็ได้” ผมตัดบท  เกือบจะหลุดถามในสิ่งที่ต้องการรู้และคงจะเป็นประโยคที่ละศักดิ์ศรีอย่างน่าอับอายว่า “คุยกับใครอยู่รึเปล่า..?”  คำตอบจากอีกฝ่ายถ้าจะโกหกเพื่อรักษาน้ำใจหรือไม่โกหกกลับมาก็คงไม่น่าฟังทั้งนั้นละมัง

“ไม่ครับ” สมุทรตอบเรียบ ๆ

“ไม่เป็นไร ฝันดีก็ฟังดูเห่ยไปนิดหน่อย ก็ไม่ใช่เด็กสิบเจ็ดกันแล้วนี่นะ” ผมเบ้ปาก

“เอาเป็นว่า คืนนี้อย่าคิดมากจนเอาฉันไปฝันก็แล้วกัน เดี๋ยวมันจะแย่กันหมด” ผมยิ้มบอก  สุดท้ายกูก็อดวกกลับมากวนไม่ได้อยู่ดี

“หึ ผมคิดว่าน่าจะมีคนแย่กว่าผมนะครับ” สมุทรตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนชิงตัดสายไปในทันที

“ฮึ!” ผมกระแทกเสียงหัวเราะ  ตามองหน้าจอโทรศัพท์ยิ้ม ๆ ลิ้นเกลี่ยริมฝีปากจนเปียกแฉะ   
 
“อย่าให้กูได้นะ ชิ~” เสียงคำรามบ่นรอดออกมาตามไรฟันที่ขบกัด
   
“จีบใครวะ” พี่ทัพปากมากทันทีที่ผมกลับมาถึงโซฟา 

“หึ..เพิ่งเห็นมึงจีบคนอื่น” พี่ทัพบ่นยิ้ม ๆ  ปากที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่กลับดูเหมือนไม่สนใจว่าจะได้รับคำตอบหรือไม่  ผมนั่งลงที่เดิม  ยกแก้วขึ้นดื่มหมดแก้วอีกครั้งก่อนพ่นลมออกจากปากอย่างแรง  “อ้า!”

“พี่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครสักคนไหม ประมาณว่า..” ผมจ้องมองโทรทัศน์  สังเกตถึงอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้และที่ผ่านมา

“กูได้กลิ่นของเซ็กส์ ทุกครั้ง..ที่อยู่ใกล้คน ๆ นี้ ท่าทีกับคำพูดบางอย่าง ที่ดูเหมือนธรรมดา แต่กูกลับมีอารมณ์ กูว่า..มันคือการเกิดมาเพื่อตกกระทบกัน” ผมตาลอยมองหน้าพี่แก

“เฮ้อ ฟังแล้วกูเหนื่อย” อีกฝ่ายทำหน้าหนักใจ

“แล้ว ..ผู้หญิงผู้ชาย ?”

“ผู้ชาย” ผมยิ้มกริ่มพร้อมหยิบสับปะรดเข้าปาก

“งั้นที่ไอ้คินเล่าให้กูฟังก็ไม่ใช่ข่าวโคมลอยน่ะสิ” พี่ทัพแซว

“แถมหัวนมสวยสุด ๆ” ผมยักคิ้ว  ขยายความบอกสรรพคุณไปปากก็เคี้ยวสับปะรดไปยิ้ม ๆ  ตามองโทรทัศน์แต่ในหัวกลับนึกถึงแต่เรื่องพิเรนทร์ ๆ

“แบบว่า..” ผมหันหน้ากลับมาจ้องหน้าพี่ทัพ  มือซ้ายชูขึ้นทำท่าประกอบ  อีกฝ่ายขมวดคิ้วมองตามมือผมงง ๆ  ลิ้นถูกดุนไว้ในกระพุ้งแก้มและทิ้งจังหวะใช้ความคิดเพื่อประมวลคำพูดตัวเอง

“รูปหน้าอกกับหัวนมโค้งได้รูป แข็งกำลังดีเลย” ผมตาวาวบรรยาย  ขยับรูปมือประกอบ  ผู้ชายเพศสภาพปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ตรงหน้ากำลังอ้าปากเหวอด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับไปเสียแล้ว

“ระยำเอ๊ย!” พี่ทัพด่าตาขวาง  ผมกับพี่ธานพร้อมใจกันหัวเราะลั่นจนแทบหงายท้อง

“นี่กูอยู่โลกไหนวะเนี้ย” อีกฝ่ายตาลอยด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“มันก็เหมือนที่พี่ชอบดูดจุกผู้หญิงแหละน่า ทำเป็นรับไม่ได้ไปได้” ผมย้อน

“พี่จะลองดูหน่อยไหมละ เผื่อติดใจ มันมีเทคนิคที่ถึงพี่ให้ผู้หญิงลองดูดให้ดูมันก็ไม่เหมือนกันหรอกนะ บางทีพี่อาจจะมีพรสวรรค์ทางด้านนั้นแฝงอยู่ก็ได้” ผมเสนอด้วยใบหน้าสนใจขึ้นมา

“คว-ย!” พี่ทัพด่าเสียงแข็ง  สีหน้าเต็มไปด้วยความระแวง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมก้มหน้าหัวเราะอีกครั้ง

“มึงนี่เล่นไปเรื่อย” อีกฝ่ายเอื้อมมือเข้ามาจะตีปราม  ผมหลบตัวยิ้ม ๆ

“ลูกน้องกูคิดว่ามึงเป็นโรคจิตจริง ๆ แล้ว ไอ้เหี้ย” พี่ทัพด่าไม่หยุด

“แต่ก็นะ เพราะกูต้องการไอ้ตรงนี้ของมึงที่คนของกูไม่มีนี่แหละ เฮ้อ กูละเบื่อจริง ๆ” อีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกับเป็นหัวข้อที่ไม่อยากยอมรับแต่ต้องยอมจำนน

“ผมก็เบื่อพี่เหมือนกัน” ผมบอก

“ใครจะพูดยังไง แต่ไอ้ความจริงที่ว่าผมชอบหน้าอกแบบพี่ธานมากกว่าของผู้หญิงก็ยังไม่เปลี่ยนอยู่ดีอะนะ” ผมยักไหล่ส่ง ๆ  ยักคิ้วไปทางพี่ธานที่นั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัว  ใส่เพียงกางเกงขายาว  เปลือยท่อนบนไว้เผยให้เห็นสัดส่วนกล้ามเนื้อชัดเจน 

“มึงเติบโตมายังไงถึงทำให้มึงเป็นคนแบบนี้” พี่ทัพถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง  พี่ธานที่นั่งอยู่ถึงกับก้มหน้ากลั้นหัวเราะจนหูแดงก่ำไปหมด

“ไม่น่าเลยกู..” ผมส่ายหัวไว้อาลัยตัวเอง  หยิบส้อมเสียบเนื้อปลาตักเข้าปาก 

“ขอกระดาษผมหน่อย” ผมกวักมือ  พี่ทัพหันไปเปิดลิ้นชักตั้งโต๊ะข้างโซฟา  หยิบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กกับปากกามาให้  ผมรับมาและเขียนเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ในหัวลงไป 

“ให้” ผมบอก   

“อะไร” พี่ทัพถาม  หยิบกระดาษไปดู

“ไม่รู้ รู้แต่ว่าได้มาจาก ‘คุณศพ’ วันนี้” ผมตอบ  พี่ทัพมองมาด้วยสีหน้าตกใจ

“อุตส่าห์แอบเอามาให้เลยนะเนี้ย” ผมปั้นหน้ากวน  เราสามคนต่างเงียบลง  เสียงเพลงที่คลออยู่ไม่ดังนัก  พี่ทัพจ้องแน่นิ่งอยู่ที่กระดาษทีท่าสลดผิดปกติ

“เหมือนตอนนี้กูไม่เหลือใคร..” พี่เขาพูดปนหัวเราะ

“ที่จริงกูไม่อยากพูดคำนี้เลยว่ะ คงได้เฉพาะต่อหน้าพวกมึง”
 
“คดีอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“ฟอกเงิน ค้ายา มนุษย์ อวัยวะข้ามชาติ..แก๊งใหญ่” พี่ทัพตอบ  ผมหันไปมอง

“เอาซะกูกระเดือกปลาไม่ลง” ผมหยิบไวน์ขึ้นกระดก

“หึ..ไอ้เต้เห็นศพค้าอวัยวะ แม่งอ้วกไปเป็นสิบโลละมั้ง” พี่ทัพหัวเราะ

“กูรู้สึกว่ากูไปแตะโดนคนใหญ่คนโต ใครสักคนที่กูมองไม่เห็น การที่กูกำลังจะกระเด็นออกจากทีม ทำให้กูรู้สึกว่าหน้าที่ที่กูรักษามาอย่างดีสิบกว่าปีแทบไม่เหลือเกียรติห่าอะไรเลย”

“เกียรติมันก็ยังอยู่ที่พี่อะนะ” ผมแซว  ทำเอาพี่แกชะงัก

“ไม่มีใครทำลายเกียรติกูได้นอกจากตัวกูเอง ผมคิดแบบนี้มาตลอด ผมนี่มัน..เท่โคตรเลยใช่ไหมละ” ผมปั้นหน้าทะเล้น  เงยหน้ามองเพดานด้วยท่าทางภูมิใจ 

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พี่ทัพนั่งขำ  ดูท่าจะชอบใจไม่เบา

“พี่กำลังจะบอกว่า มีคนใหญ่คนโตในบ้านเราอยู่เบื้องหลังงั้นเหรอครับ” พี่ธานถาม

“คิดว่างั้นนะ” พี่ทัพผงกหัว

“ก็..บอสก็โดนเบื้องบนว่ามาเหมือนกัน บอกว่าอั๊วบุ่มบ่ามเกินไป บุกเข้าจับกุมกี่ครั้งพลาดจนโดนด่าไม่รู้จะเอาหูไปไว้ตรงไหนแล้ว ที่สำคัญ..สายที่อั๊วส่งเข้าไปสืบลับสองคนก็หายเข้ากลีบเงียบไปซะเฉย ไม่รู้ตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไง”

“แล้วพี่จะให้ผมช่วยยังไง ?” ผมถาม

“ตกลงมึงจะช่วยกูใช่ไหม” พี่ทัพยิ้มด้วยท่าทางดีใจ

“กูแค่ถามก่อนเฉย ๆ เว้ย” ผมดักคอมองปรามแต่อีกฝ่ายกลับยิ้มไม่หุบ

“จิ..เฮ้อ!” ผมถอนหายใจทิ้ง  ขมวดคิ้วเป็นปม

“กูไม่ได้ต้องการให้มึงช่วยเต็มตัวหรอก กูแค่อยากได้ข้อมูลบางอย่าง บางอย่างที่สายของกูเข้าไม่ถึง ได้จากมึงน่าจะเร็วกว่า” พี่ทัพบอก  เราเงียบกันอีกครั้ง   

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้กริดแล้วก็ไอ้กายด้วย” ผมถามถึงคนที่ไม่อยากแตะต้องมากที่สุด  มันน่าเบื่อ

“ไอ้กริดทำงานให้ไอ้กาย เรารู้อยู่แล้วว่าพวกมันค้ายา แต่แค่จับคาหนังคาเขาไม่ได้ มันสองคนเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนี้ กูตามสืบเรื่องไอ้กายมานานแล้ว เหมือนกับว่าไอ้กายตั้งใจใช้ไอ้กริดเป็นเครื่องมือ” พี่ทัพตอบ 

“ก็คงงั้น ไอ้กริดไม่น่าฉลาดทำงานใหญ่ขนาดนั้น” ผมหัวเราะเยาะอย่างอดไม่ได้

“ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา มันเพิ่งมาทำท่าจะขอซื้อที่ดินของผมที่ภูเก็ต” ผมเล่า  เท้าแขนไว้บนหน้าตัก  แขนขวาหยิบส้อมจิ้มแครอทเข้าปาก

“เสี่ยปรีดาน่ะ..” พี่ทัพเอ่ยเสียงเบา  ผมกับพี่ธานจ้องเขม็งมองหน้าพี่แกในทันทีที่ได้ยินชื่อนี้

“น่าจะอยู่ในขบวนการนี้ด้วย” พี่เขาขยายความ  ผมไม่คิดตอบหรือพูดให้ข้อมูลในส่วนของผมที่พอมีอยู่  พี่ทัพหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากลิ้นชักยื่นมาให้  ผมรับมาเปิดดู  ในนั้นเต็มไปด้วยรูปภาพของศพที่ถูกคว้านเอาอวัยวะไปทั้งหมด  สภาพไม่ชวนมองสักนิด  ไม่เลย..สักนิดเดียว
 
“เจ้านายของพวมกัน ใครสักคนที่เหี้ยมเหี้ย ๆ  แถมเส้นหนายิ่งกว่าอุด้ง” พี่ทัพบ่นแกมประชด  ผมกับพี่ธานขำให้กับไอ้มุขอุด้งที่อยู่ ๆ ก็โผล่มา  รูปภาพถูกสอดกลับเข้าซองอย่างเดิมแล้วยื่นต่อให้พี่ธาน  พี่แกรับไปเปิดดูเช่นกัน 

“คุณสืบประวัติไอ้กายแล้วเหรอครับ” พี่ธานถาม 

“พ่อแม่ถูกฆ่าตาย เติมโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีคนอุปการะให้ไปเรียนต่อสายอาชีพที่ประเทศอเมริกา ประเด็นคือ..คนอุปการะไม่ได้แจ้งชื่อ” พี่ทัพตอบ  ผมนั่งเฉย รักษาความเงียบเอาไว้

“ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ตอนนี้กูสรุปเจาะจงอะไรไม่ได้มาก ถ้ารู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังไอ้กาย..งานคงง่ายกว่านี้”

“อยากลาออกฉิบหาย” พี่ทัพถอนหายใจเหนื่อย ๆ

“ทำงานลืมตาย ขนาดเมียยังทิ้ง” อีกฝ่ายไม่หยุดบ่นความในใจ

“หึ..” ผมอมยิ้ม  อ้าแขนออกพาดโซฟา  นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินผู้ชายคนนี้พูดแบบนี้กับงานที่รักด้วยใจ  บ้านพี่ทัพมีฐานะดีมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นตาโน่นแล้ว  กับการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเรียบ ๆ ของพี่แกถ้าไม่ต้องทำมาหากินก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ  ถึงจะใจรักมากแค่ไหน คนเรามันก็คงต้องมีเรื่องสุดทนกันบ้างละนะ

“มีข้อมูลแค่นี้เหรอ” ผมถามห้วน ๆ แกมประชด

“มีอีกเยอะเลย ถ้าลื้อยอมรับปากตรงนี้ว่าผมจะช่วยพี่เองอะนะ คุยกันยาวได้ทั้งคืน!” พี่ทัพกวนกลับตาเบิกโต  ผมสบถพร้อมกลอกตาหนีไอ้บ้านี่ 

“ผมบอกไว้ก่อนนะ ..แค่บางเรื่อง” 





...............(ไฟ)..............


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-12-2016 11:34:56
มาเม้นไว้ก่อน มีธุระ เดี๋ยวกลับมาอ่าน   :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-12-2016 12:53:42
อ๊ากกกกกก...มันสนุกมากๆ ไฟโรคจิตได้โดนใจจริงๆ ตื่นเต้นลุ้นกันทุกตอน  เต้มีความมุ้งมิ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ไฟมีแอบหวานกับสมุทรเล็กๆด้วย รอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-12-2016 12:54:31
พี่ทัพเจองานหินเข้าเส้นเลยทีเดียว พี่ไฟนี่แหละที่จะช่วยได้ แม่งจะจิตไปไหน ปากคอร้ายมากกกก ไอ้เต้นี่อ่อนไปเลย5555
†***********†***********
"แค่อยากได้ยินเสียงน่ะ”  :mew2:
“ไม่ได้เมานะ” ผมดักทางไว้ก่อนเลย

 พี่ไฟขา~~~ เขินมากกก ยอมใจพี่จริงๆ สมุทรต้องแอบหวั่นไหวมากขึ้นแน่ๆ  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 20-12-2016 13:07:29
ไม่เจอหน้าพี่สินสมุทรสุดสวาทเลยอะ สงสัยค่าตัวแพง แต่เฮียก็ยังอยากได้ยินเสียง  :-[ เฮียหยอดได้น่ารักมาก
เนื้อเรื่องเข้มข้น พัวพันเยอะแยะไปหมด น่ากลัวอะ สนุกดี แต่สยองเฮียมาก  :mew5:  รักษาเนื้อรักษาตัวหน่อย
เดะสามี เอะหรือภรรยา เป็นห่วงเอาน๊า อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 20-12-2016 13:41:05
เห็นด้วยกับเต้นะว่าไฟนี่เหมือนมันจะโรคจิต5555หน้าสิ่วหน้าขวาน

ยังไปจับนเค้าอีก...
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 20-12-2016 14:41:10
ถ้าไม่ติดว่าเรื่องนี้ ไฟ-สมุทร นะ คงจิ้น ไฟ-เต้ อ่ะ ทะเลาะกันปานลูกจะดก 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-12-2016 14:49:21
เรื่องราวโหดขึ้นทุกที
ไฟ ท่าทางจะจุดไฟลุกล่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-12-2016 14:50:15
อุ๋ยยยยยยยย ตอนนี้สนุก เจ้มจ้นมากกกก ยังกะดูหนังแอ๊คชั่นเลยอ่ะ มือปืนเป็นชะนีด้วย นางมั่นเนอะ #ฮาอีไฟบีบนมนาง #ยิ่งกว่าจิตก็อิไฟนี่แหละ ต้องภูมิใจในความจิตแบบ limited edition ของไฟมันนะ เพราะมันเป็นแบบนี้ พี่ทัพถึงต้องตื้ออยู่แบบนี้ #อยากเห็นเต้โดนไฟลวนลามสักที คงจะหายซ่าส์ไปเยอะ 555555

หน้าสิ่วหน้าขวาน ไฟมันก็ยังเตาะสมุทรได้เนอะ 555555 #น่ารักง่ะ สมุทรอย่าเพิ่งใจอ่อนง่ายๆนะ แกล้งไฟมัน มันชอบแกล้งคนอื่นดีนัก หึหึ

ดูท่าไฟจะเข้าไปช่วยพี่ทัพแน่ สนุกแน่ๆ ไฟกับสมุทรจะไปเจอสถานะการณ์สะเทือนใจซ้ำกับตอนพ่อของไฟกับพ่อของสมุทรออกภาคสนามด้วยกันหรือเปล่านะ? อย่าขนาดนั้นเลยนะ งืออออออ  :hao5:

ตอนนี้อ่านง่ายโดนใจเรามากเลย ขอบคุณนะเบบี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 20-12-2016 14:52:37
บี้มาอัพแล้ว เย้ ๆ
ตอนนี้สมุทรโผล่มาจี้ดเดียว พระเอกเราค่าตัวแพ้งแพง
ว่าแต่เต้ที่พยศๆนี่คอยดูเถอะ  ....
ถ้ารู้จักคุณไฟให้มากกว่านี้จะรู้ว่าคุณไฟมันจิตกว่านี้ได้อีกแหละแกรเอ๊ยย 5555555
จริงๆถ้าเอ็งไม่ไปกวนตีนเฮียเค้าก่อนอ่านะ คุณไฟเค้าคงไม่จัดเอ็งหนักขนาดนี้
ชอบเวลาพี่ทัพพูดถึงไฟมากเลย มันคือมุมมองที่สามจากคนที่รู้จักไฟจริงๆ   
มุมที่ไม่ค่อยมีใครได้สัมผัส  มุมที่ไม่ได้ตัดสินกันจากภายนอก
ว่าแต่คุณไฟเข้ามาเอี่ยวช่วยคดีแบบนี้จากที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่แล้ว
คงยิ่งเสี่ยงเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เป็นห่วงจัง ดูแลตัวเองดีๆน้าาา 
 o13 o13 o13

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 20-12-2016 15:46:34
พี่ทัพยังระแวง เต้คงหลอนก่อนจะชิน มีพี่ธาน คนเดียวมั้งที่เข้าใจ ที่ไฟอารมณ์ประมาณนี้  :m20: :m20:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 20-12-2016 16:47:24
เห็นด้วยนะไฟมันจิต ๆ แต่เราชอบบบบ.. :laugh:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 20-12-2016 17:16:15
อ่านหนึ่งรอบให้หายคิดถึง แล้วก็กลับไปอ่านทุกตัวอย่างละเอียด จะอินกับไฟมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 20-12-2016 19:04:12
โอยยยย ตอนนี้สนุกอ่า เหมือนอ่านหนังสือสายลับหรือพวกจารชนเลย แต่ต่างกันตรงที่ส่วนมากไม่ได้บ้าอะ XD

พี่ทัพงานนี้ตรงเป๊ะมาก ชั่วเจอบ้า 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 20-12-2016 19:18:41
สนุกอ่ะ อ่านแบบลืมหายใจเลย ถ้าเป็นหนังคงจะมันน่าดู  o13 o13
แล้วช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานไฟก็ยังทำให้อมยิ้มได้นะ  o3


ปล. มีสมุทรโพล่งมามุ้งมิ่งช่วงท้ายด้วย ตอนหน้าขอสมุทรด้วยเยอะๆ แม่ยกคิดถึง :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-12-2016 19:21:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 20-12-2016 19:32:37
นุ้งเต้แลดูมุ้งมิ้งกับคุณไฟ จะมาเป็นตัวจุดชนวนให้สมุทรชอบคุณไฟบ้างรึเปล่าหนออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 20-12-2016 20:11:33
เหมือนนั่งดูหนังแอ๊คชั่น สืบสวนสอบสวน 55555

พี่ไฟเรานี่โรคจิตดีๆจริงๆ ถึงจะเกิดเรื่องขนาดไหน แต่ก็ยังหวานๆให้ได้เห็น

ลุ้นสมุทรจนเหนื่อยละเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 20-12-2016 20:53:16
ไฟโหดดี
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-12-2016 21:55:55
เฮอะๆ.....ไฟ จิตอยู่แล้ว บ้าดีเดือดด้วย
ไม่เก่งจริง ไม่เป็นไฟอย่างนี้หรอก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อย่างเต้ว่าแหละ ไฟเหมือนคนวิตถาร บ้าด้วย
ก็เล่นไม่ใส่กางเกง กินไวน์กับพี่ทัพ พี่ธาน กร๊ากกกกก
เบื่อชะนีพลอย ทะลึ่งชอบคนของไฟ
น่าสั่งสอนให้ไม่กล้าเสนอหน้าอีก :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 20-12-2016 22:21:51
เข้าใจเต้ที่จะกลัวไฟนะ
555555
ชอบสมุทรขึ้นมาเลย
ต้านทานความจังไรของคนๆนี้ได้ยังไง
เนื้อคู่ชัดๆ ก๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 20-12-2016 22:36:29
เหมือนมันจะมีงานใหญ่รออยู่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 20-12-2016 22:43:58
งืออออ แค่อยากอยากได้เสียง โฮวววววว อะไรจะหวานเบอร์นั้นคะพี่ไฟ คิดถึงเค้าก็บอกไปเลยยยย จริงๆสมุทรอาจจะแอบยิ้มอยู่ก็ได้นะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 21-12-2016 00:54:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 21-12-2016 01:40:51
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก ถ้าเรามีเงินสะกหลายสิบล้านเราจะขอซื้อไปทำละครจริงๆ เราชอบมาก นี่คิดถึงนักแสดงของตัวละครหลักแต่ละตัวไว้หมดแล้วนะเนี่ย !!!!! อินขั้นสุด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 21-12-2016 09:02:26
คุณไฟฟฟฟ
นี่พระเอกหรือตัวโกงถามจริงๆ
ทำไมมันกวนมันบ้าได้ขนาดนี้
ปวดหัวแทนสมุทรเลย 55555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 21-12-2016 12:41:33
ในที่สุดคุณไฟก็ใจอ่อนช่วยพี่ทัพจนได้   แต่ไม่รู้ว่าสมุทรจะใจอ่อนให้คุณไฟเมื่อไร รู้สึกจะมีเรื่องที่ได้อยู่เหนือเจ้านายบ้างก็น่ารักดีอารมณ์แบบเป็นต่ออ่ะ  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 21-12-2016 19:17:47
ไฟโหดและจัญไรมาก แต่ยังมีความมุ้งมิ้งเมื่อจีบสมุทร ฮ่าๆ สมุทรไม่สะทกสะท้านแถมยังต่อปากต่อคำได้อีก ไม่มีใครเหมาะเท่านี้อีกละ เพราะงั้นสมุทรต้องเสียสละตัวเองเป็นแฟนไฟ จะได้มีคนปรามให้ไฟอยู่กะร่องกะรอยได้บ้าง 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 21-12-2016 21:26:33
ไฟนี่จิตจริงๆ แต่เพราะงี้แหละเลยน่าสนุก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 22-12-2016 10:50:50
เพิ่งได้มาตามอ่านค่ะเบบี้ จะบอกว่าชอบไฟมากกกกกกก
โอ้ยยย ช่างเป็นคนที่ผีบ้าดีจริงๆ 555555
นี่ชอบทุกการกระทำของไฟเลย คือเป็นคนที่สุดตีนจริงๆนะคะ
นี่สงสารสมุทรปนชื่นชมและอิจฉาอยู่ลึกๆ?
ใช้ชีวิตรับมือกับคนแบบนี้มันทั้งน่าอิจฉาน่าสงสารและน่าชื่นชม
อิจฉาเพราะอยากเจอคนแบบนี้บ้าง น่าสงสารเพราะสมุทรไม่ยังคุ้นชินกับความเป็นไฟเท่าไหร่
พูดง่ายๆคือปากกับสายตาของไฟ ฮ่าๆ แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็รู้เรื่องเลย อิอิ
ส่วนน่าชื่นชม เราว่านิสัยสมุทรก็มีทั้งเสน่ห์และความน่ารำคาญ
ในการเป็นสุภาพบุรุษเกินไปสักนิด ความเป็นคนดีเกินไปสักหน่อย
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเวลาเจอคนแบบนี้มักจะอดคิดไม่ได้ว่า
ก้ดีนะ อย่างน้อยก็ยังมีคนแบบนี้อยู่ และเราเห็นด้วยที่ว่า
ความเป็นเราจะดึงดูดคนที่คล้ายๆกับเราให้เราเจอกัน
ดังนั้นเราก็คิดว่าลึกๆทั้งคู่เหมือนกัน แต่แค่นิสัยต่างกันในพื้นฐาน
การใช้ชีวิต สังคม ความรับผิดชอบที่หล่อหลอมขึ้นมา

จริงๆเรารู้สึกได้ว่าไฟเป็นคนที่น่ารักมากนะคะ เราค่อนข้างชอบนิสัยไฟมากเลยทีเดียว
แบบว่าถ้าเราเป็นสมุทร เราว่าวันนึงเราตกหลุมรักไฟแน่นอนอะ
บังเอิญชอบและมีความคิดแนวเดียวกับไฟ นั่นคือชอบคนซื่อสัตย์
เราว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างมากพอๆกับคำว่าจิตสำนึก
แต่กลับหาได้ยากมากๆในปัจจุบัน ก็ไม่รู้เหมือนกันอะนะว่าทำไม

เราว่าลึกๆแล้วสมุทรชอบไฟนะ แค่ยังไม่คิดต่อว่าชอบแบบไหน
และยังไม่พร้อมกับอะไรหลายๆอย่าง เหนื่อยใจในการรับมือ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยอมให้
บางทีโมโหจนอยากจะต่อยให้คว่ำ แต่เพราะรู้ว่าทำไปก็ทำให้หยุดไฟไม่ได้
สุดท้ายก็จะอ่อนให้ ลงให้ จนกลายเป็นไม่เคยได้โกรธจริงๆจังสักที
ต่อไปสมุทรก็จะยิ่งเป็นแบบนี้ ค่อยๆรับ ค่อยๆเห็นว่าไฟมันน่ารักจะตาย
สุดท้ายก็รักไปซะแล้ว  นี่คิดไปเองค่ะ ฮ่าาาาาา

ชอบค่ะ ชอบมากๆๆๆ ขอบคุณเบบี้จริงๆที่แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา
เราจะเป็นกำลังใจและรอติดตามต่อไปนะคะ

ปล.เมฆเป็นเด็กตลกที่น่าแกล้งมากจริงๆ
และพี่ธานนี่เป็นผู้ชายที่มีภาพลักษณ์เป็นสมุทรที่มีสันดานเป็นไฟใช่มั้ยคะ? ฮ่าๆ



หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 22-12-2016 13:21:11
โคตรสนุกเลย  :katai4: :katai4:
รอตอนต่อไปนะค้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 22-12-2016 22:18:49
ผู้ชายอย่างไฟ ให้ความรู้สึกว่าทั้งรักและเกลียดชัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 23-12-2016 00:54:03
อ่านถึงตอนที่22ละ สะเทือนใจมากๆ กับเรื่องของพี่น้องครอบครัว ขอเม้นก่อนนะ

ไฟเลี้ยงน้องได้ดีมากเลยอะ มีวิธีการสั่งสอนที่สุดยอดเลย ในห้องปกครองเราว่าไฟจัดการได้โหดมาก เด็ดขาดสุดๆ ด้วยความโมโหแหละ พี่แกไม่ไว้หน้าใคร ไม่สนใจใครเลย แค่ทำหน้าที่ผู้ปกครองให้จบ แล้วเดินกลับมาที่รถหยิบเอาไม้เท้าออกมานี่ใจหายเลยอะ พี่! หน้าห้องปกครอง กลางรร.เลยนะพี่! แต่ก็ตบหน้าแทนเรานี่ใจหายแว้บบบ เจ็บแทนดิน แต่ก็เอ้อ ไม่ยอมเชื่อพี่ไง ไม่อดทนเองอ่ะ สมแล้วดินเอ๋ย ละพอพี่ไฟคว้าดิสไปซบอกนี่ คนอ่านน้ำตาแตกเลยจ้า สวมวิญญานดินแล้วร่ำไห้แทน แง้ พี่ไฟ ดินขอโทษษษ ง่าา แถมมีสั่งสอนตบท้าย พี่ไฟโคตรเท่เลยยย  :-[

ส่งท้ายบทยิ่งสะเทือนใจนะ เออ พี่ไฟเขาก็ผ่านอะไรมายแล้วอะเนอะ มีหลุมในจิตใจ คงเคว้งแล้ว อยากได้อะไรยึดเหนี่ยวเยียวยาจิตใจใช่ม้าาา เอาเป็นน้ำเย็นๆ จาก(มหา) สมุทรซักคน เอ้ย แก้วมั้ยพี่ อิอิ  :hao7:

ขอไปอ่านต่อก่อนละ  :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 35 [ 11:25 น. - อ. 20 ธ.ค 59 หน้า 44 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 24-12-2016 17:25:43
เหมือนโดนไฟจีบ...มีความเขินแทน!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-12-2016 12:00:54

[ อังคารที่ 20 ธ.ค 59 ]  ตอนที่ 35 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1290



_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 36
..ไฟ..




08:30 น. : โรงพยาบาล WITPA

“อะไร ?” เฮียกานต์มองขวางมาที่เช็คในมือผม

“ของยู” ผมตอบ 

“ไม่จำเป็น” เฮียตอบเสียงแข็ง  ความไม่พอใจแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง  แน่นอนว่าการทำเช่นนี้คล้ายกับเอาเท้าไปสะกิดศักดิ์ศรีของคนระดับเฮียแกอยู่บ้างเหมือนกัน

“ผมอยากให้เฮียพายูไปที่เซี่ยงไฮ้สักพัก” ผมบอก  เก็บเช็คเข้ากระเป๋าเสื้อ

“มึงคิดว่ามันง่ายไหมละ แม่งดื้ออย่างกับอะไร ขนาดกูเอ่ยปากว่าจะปิดบ่อนมันยังไม่ยอมเลย” เฮียขึ้นเสียงบ่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดทุกครั้ง

“เขารู้มากเกินไปแล้ว” ผมพูด  ดวงตาของเฮียกานต์เบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่งก่อนจะนิ่งลง

“ดูเหมือนสิ่งที่เขารู้จะเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ อยู่ต่อไปเฮียก็จะลำบากไปด้วย”

“เฮียควรเอาเขาไป เดี๋ยวผมจะคุยกับเขาเอง” ผมตัดบทสรุปเด็ดขาด  ลุกขึ้นตรงเข้าห้องพักผู้ป่วย  พายุที่นำเข้าไปเยี่ยมยูตั้งแต่มาถึงกำลังชวนคุยอย่างออกรส  ถ้าเป็นกับยูละก็น้องชายผมมักพูดมากเป็นพิเศษ  ส่วนยูก็จะกลายเป็นคนพูดน้อยไปโดยง่ายหากอยู่กับพายุ 

“เฮียจีบพี่สมุทรล่ะ วันนี้พี่เขาก็มาด้วยนะครับ รออยู่ข้างนอกน่ะ” พายุพูดเสียงเนือย ๆ 

“ไปพามาให้ดูหน้าหน่อยสิ” ยูบอก

“พูดมาก” ผมเข้าไปทางด้านหลังของพายุที่นั่งเก้าอี้อยู่ข้าง ๆ เตียง  มือเคาะลงกลางหัวน้องชายปากสว่างเบา ๆ

“ไหนบอกไม่ยากรู้ไง” ผมอมยิ้มมุมปากแซวคนบนเตียง  ยูกลอกตาหน้าทะเล้น  พายุลุกขึ้นเพื่อสละเก้าอี้ให้ผมนั่ง  ส่วนมันย้ายไปนั่งที่โซฟาแทน

“ผมมีบ้านที่เซี่ยงไฮ้ เป็นชื่อของแม่พายุน่ะ” ผมเปรยขึ้นมองยูที่เบือนหน้าไปทางหน้าต่างทีละน้อย  สายตาทอดลอยไปไกลคล้ายไร้จุดหมาย

“ไปอยู่ที่นั่นก่อนสักพัก หายดีแล้วค่อยเข้ามาเก๊ากับเฮีย อยู่ที่นั่น..เฮียดูแลคุณได้เต็มที่กว่า” ผมพูด

“........” ยูยังคงรักษาความเงียบนี้ไว้อย่างนิ่งเฉย  ผมหยุดพูดเพื่อรอความคิดเห็นของเขาอย่างใจเย็น  การพูดเช่นนี้ของผมยูเองก็น่าจะทราบดีว่าไม่ใช่การแนะนำแต่เป็นการบังคับต่างหาก

“แถวนั้นมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะไหม” ยูพึมพำ  ใบหน้ายังคงไม่หันกลับมา

“คุณไง” ผมกวนตอบ  รอยยิ้มปรากฏผุดที่มุมปากของเขาน้อย ๆ   

“แล้ว..ห้องนอนฉันจะใหญ่แค่ไหน ?”

“ใหญ่มาก ก็ผมรวย” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายทำให้ยูหันหน้ากลับมามองพร้อมยิ้มชอบใจ  ผมเองก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน

“บอกแล้วไงว่าให้เลิกสอดรู้” ผมต่อว่าเสียเลย

“Nosy ?” ยูย้ำคำพร้อมแสยะปากประชด

“เปล่าสอดรู้สักหน่อย ฉันไม่ได้อยากไปรู้เรื่องระยำพวกนี้สักนิด” ยูบ่นด้วยสีหน้าไม่แยแส  ผมเพียงกวาดตามองใบหน้าเขาทุกการเคลื่อนไหวจนอีกฝ่ายหุบปากเงียบลง

“คุณ..รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นนายของไอ้กาย ตำรวจยังงมอยู่ที่เดิมกันอยู่เลย คุณไปรู้มาได้ยังไง” ผมถอนหายใจ

“ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นล่ะน่า นายก็รู้ว่าพวกเราอยู่กับแบบไหน ก็แค่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ส่วนเรื่องนี้ที่นายไม่รู้ ก็เพราะว่านายมันไม่สนหัวใครจนกว่าเรื่องจะเข้ามาหานายเองไงล่ะ” ยูพูดด้วยใบหน้ายิ้มอ่อน ๆ  แดกดันมาว่าเป็นความผิดของผมเสียอย่างนั้น  ผมอมยิ้ม อย่างไรผมก็ไม่ปฏิเสธละนะ

“ในเมื่อคนอื่นยังไม่กล้าแตะต้อง คุณก็อย่าหาเรื่องใส่ตัวนักสิ” ผมบ่น

“ปอดแหกน่า อย่างมากก็แค่ตาย” ยูมองเขม็งมาที่ผมด้วยใบหน้านิ่งสงบ  คำบอกเล่าคล้ายพูดเล่นสนุกปากแต่หากเป็นคน ๆ นี้แล้วมันลึกซึ้งกว่านั้นแน่  เราจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพ่นหัวเราะในลำคอออกมาพร้อม ๆ กัน  บทสนทนาถูกทิ้งช่วงลงทีละน้อย

“ฉันไปคนเดียวได้ ไอ้บ้ากามนั่นบอกว่าจะปิดบ่อนที่นี่ ฉันไม่ได้ขอสักหน่อย” ยูเปิดประเด็นเสียงแข็ง

“คุณก็อยากให้เขาปิดอยู่แล้วนี่” ผมมองอย่างรู้ทัน  คนบนเตียงถึงกับชะงัก  หันหน้าหนีด้วยสีหน้าแอบเคือง

“ยู..” ผมเรียก 

“วันมะรืนนี้คุณต้องเดินทาง เราจะไม่ให้โรงพยาบาลทำเรื่องส่งตัว ไหวใช่ไหม ?” ผมถาม

“หึ..สบาย” ยูยิ้มตอบ

“ไม่ต้องติดต่อพี่กิ่ง ผมจะบอกเธอเอง ห้ามคุณติดต่อใครจนกว่าจะออกจากเซี่ยงไฮ้”

“ฉัน..” ยูจ้องมองมา

“ไม่ได้จะเอาเรื่องของพวกมันไปบอกใครได้นอกจากนาย” เขาขยายความ

“หึ..ก็นะ” ผมยิ้มกว้างเข้าใจในความหมาย

“แล้วมีอะไรอีกไหมที่ยังไม่ได้บอกผม” ผมถาม  ยูเงียบด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ไอ้กริดเกลียดนายน่าดู” ยูยิ้มกว้างบอก

“หึ ๆ ๆ” ผมกับพายุหัวเราะ

“เรื่องนั้นเฮียรู้อยู่แล้วล่ะ” พายุพูดยิ้ม ๆ

“ก็มีแต่คนรักผมนี่น้า มันจะเกลียดผมสักคนก็ช่วยไม่ได้” ผมเล่นเสียง  เอนหลังพร้อมเงยหน้าขึ้นถอนหายใจ

“หลงตัวเองชะมัด” ยูเบะปาก

“ผมจะไม่มาที่นี่อีก” ผมพูดขึ้น  ตั้งคอตรงเพ่งมองเขา

“ดังนั้นคุณต้องเชื่อฟังเฮีย แล้วถ้าคุณอยากจะพยศละก็ ควบคุมมันไว้แล้วค่อยเก็บไว้ไปทำนอกประเทศ” ผมย้ำเพื่อดักทางนิสัยของเขาที่มีต่อเฮียกานต์

“ก็ถ้ามันไม่กวนฉันละก็นะ” ยูทำเมินถึงประเด็นดังกล่าว

“ถ้าอีกฝ่ายทำท่าจะทิ้งคุณขึ้นมา ก็โทรบอกผมแล้วกัน” ผมอมยิ้มสรุป  ยูเพียงยิ้มน้อย ๆ ด้วยดวงตาไร้ความหมาย 

“อ้า ๆ ขาให้เฮียเขาไปเถอะน่า เดี๋ยวลูกน้องที่นั่นจะงงว่าทำไมอาซ้อของพวกมันถึงได้เล่นตัวนัก อีกฝ่ายจะคลั่งอยู่แล้วมั้ง” ผมยักคิ้วเจ้าเล่ห์ทำเอายูหน้างอหงิกได้ทีเดียว

“ถ้าให้ชั่วโมงละล้านจะเก็บเอาไปคิดดูนะ” ยูเชิดตอบ  พายุหัวเราะชอบใจ

“กลัวว่าอ้าแล้วจะถูกรักมากกว่าเดิมแล้วทำใจยอมรับไม่ได้งั้นสินะ” ผมแซวต่อทันที

“นายนี่มัน ..หยุดพูดได้แล้ว!” ยูขมวดคิ้วว่าเสียงแทบหลง

“หยุดหัวเราะด้วยพายุ” 

“งั้นก็ยกเฮียให้พายุไหมละ ? เฮียเขาเอ่ยปากขอจนผมจะใจอ่อนอยู่แล้ว เอางั้นก็ได้นะถ้าคุณยอม” ผมเสนอ

“อยากได้ก็เอาไปสิ” ยูแสยะปาก

“หึ..” ผมกับพายุมองหน้ากันยิ้ม ๆ

“หยุดทำหน้าประหลาดเลยนะไอ้พี่น้องนรกพวกนี้นี่” ยูบ่นเสียงแข็ง

“ผมโอนเงินให้เรียบร้อยแล้วนะ” ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้น  วางมือลงบนหัวของยูอย่างเบามือ

“บอกว่าไม่เอา ๆ พูดยากจริง” ยูบ่นเซ็ง ๆ

“ติดต่อมาด้วยล่ะ พวกเรารออยู่” ผมพูดบังคับเป็นนัยยะ  ครั้งนี้เลิกที่จะใช้คำพูดว่า “มีอะไรก็ติดต่อมาได้นะ”  เพราะคนอย่างยูถึงแม้ว่าจะมีอะไรเดือดร้อนก็คงจะไม่ยอมติดต่อมาหากเขาไม่จนมุม

“ไว้ยุจะไปหานะครับ” พายุพูด

“อื้อ” ยูผงกหัว  ผมเข้าไปใกล้มากขึ้น  ก้มลงหอมหน้าผากของเขาเป็นการบอกลา 

“ดูแลตัวเองด้วย” ผมบอก

“พวกนายก็ด้วย” ยูยิ้มเล็กน้อย  เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะเดินนำออกมาก่อน  พายุยกมือไหว้ยูอีกครั้ง  ด้านฝั่งของห้องนั่งเล่นทั้งลูกน้องของผมและลูกน้องของเฮียกานต์ยืนรออยู่อย่างเงียบสงบ  จากห้องพักที่กว้างขวางก็ดูอึดอัดไปถนัดตาเมื่อต้องเต็มไปด้วยผู้ชายร่างเท่าใหญ่เท่า ๆ กัน  เฮียกานต์ลุกจากโซฟาในทันที

“เรียบร้อยแล้วครับ” ผมบอก  อีกฝ่ายมีสีหน้าโล่งใจปรากฏชัด 

“วันมะรืน เอาไฟล์ทที่เช้าที่สุด”

“ไม่มีปัญหา” เฮียพยักหน้ารับ

“นี่ที่อยู่บ้านผมที่เซี่ยงไฮ้ แล้วก็เบอร์คนดูแล เฮียไปถึงแล้วเขาจะเอากุญแจไปให้” ผมยื่นกระดาษรายละเอียดให้เฮียกานต์   

“ฝากด้วยครับ” ผมบอก

“แล้วมึงล่ะ..?” เฮียถาม  ผมไม่ตอบในทันที  ตาตกลงต่ำครู่หนึ่งก่อนช้อนตาขึ้นมอง

“ก็..ผมหวังว่ามันคงไม่มีอะไร” ผมตอบ

“เอาเถอะ ถ้ามึงต้องการความช่วยเหลือก็บอกแล้วกัน” เฮียพูดพร้อมวางมือลงที่ไหล่ผมด้วยน้ำหนักที่มั่นคง

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้ม  เฮียกานต์จ้องมองมาคล้ายกับรู้ว่าผมมีเรื่องที่จะพูดบอกอีก

“ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเหมือนตัวคนเดียวบนโลกนี้ แต่ครอบครัวผมเป็นคนดูแลเขานะครับ ผมไม่อยากให้เฮียลืม” ผมย้ำถึงจุดยืนที่เราเองก็ต่างรู้ดี 

“ท้าทายงั้นเหรอ ?” เฮียแกมองตอบไม่สบอารมณ์  ผมหัวเราะมุมปากเล็กน้อยกับประโยคที่คล้ายกับกำลังรับปากว่า “กูจะดูแลเป็นอย่างดี”

“แล้วเจอกันนะจ๊ะยาหยี” เฮียขยิบตาให้พายุที่ยืนอยู่ด้านหลังผม
 
“เดี๋ยวไม่ยกพี่ยูให้เลย” พายุปรามหน้าดุทำเอาเฮียยิ้มชอบใจใหญ่
 
“..ลืมแนะนำไปหน่อย” ผมแทรก

“ไปถึงแล้วพาเขาไปดู Art book กับร้านเครื่องเขียนด้วยนะครับ เผื่ออีกฝ่ายจะอารมณ์ดีบ้าง ส่วนเฮียก็เตรียมเงินไปให้พอด้วยแล้วกัน เฮียก็รู้ว่าเขาลูกผู้ดีเก่า แต่..ขนหน้าแข้งเฮียคงไม่ร่วงหรอกมั้ง ยังไง..ดวงเขาก็คงเรียกเงินเข้าคาสิโนให้เฮียได้อีกพอดู” ผมแสยะลิ้นออกมายิ้ม ๆ  แค่นึกก็จั๊กกะเดียมหัวใจแล้ว

“เหมือนมึงกำลังสนุกอยู่เลยนะ” เฮียมองเอือม

“หึ ๆ  ก็ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้วนี่นะ” ผมอ้าปากกว้าง

“โชคดีครับพี่ชาย” ผมตัดบท  เฮียกานต์พยักหน้า  ผายมือขวาขึ้นยิ้ม ๆ  ผมจับมือแกตอบก่อนที่เราจะกอดลาพอเป็นพิธี  ลูกน้องเฮียกานต์ต่างโค้งลาผมอย่างพร้อมเพรียง  สมุทรเปิดประตูห้องให้ผมกับพายุในขณะที่ลูกน้องของผมกำลังโค้งร่ำลาเฮียกานต์  พยาบาลสองคนที่กำลังจะเดินสวนเข้าห้องมาพากันหยุดชะงัก  ก้มหน้าหลบลง  คนของผมออกมาครบทุกคนแล้วแต่สมุทรยังคงเปิดประตูอ้ารอเอาไว้  พยาบาลทั้งสองคนจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ  เขายิ้มสุภาพให้พร้อมบอก “เชิญครับ” เธอเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ผงกหัวขอบคุณเขาแล้วแทรกเดินเข้าไป 


“มีอะไรคืบหน้าไหม” ผมถาม  หยุดยืนรอที่หน้าลิฟต์  มือล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบลูกอมออกมา  ไอ้เด่นกดตัวเลขในชั้นที่ต้องการไปถึง 

“พี่เอิร์ธปกติครับ แต่ไอ้มงคล..ออกไปนอกค่ายตอนกลางคืนบ่อย ๆ  ส่วนรูปของหลานป้าน้อยอยู่ในโทรศัพท์มือถือของนายแล้วครับ” ไอ้เข้มตอบ

“ดูเหมือน มงคลกับหลานป้าน้อยน่าจะรู้จักกันน่ะครับ ไม่ใช่ข้อมูลแน่นอน ผมขอเวลาอีกสักหน่อยครับนาย” ไอ้เข้มก้มหัวลงเล็กน้อย

ลูกอมรสมิ้นท์ถูกนำเข้าปากก่อนช้อนตาดำขึ้นมองพลางผลิยิ้ม.. “ให้” ผมเอ่ยปากอนุญาต  ไอ้เข้มผงกหัวน้อย ๆ รับทราบ  ขณะเดียวกันลิฟต์ก็มาถึง  ประตูเปิดออก  เรารอจนคนในลิฟต์ออกจนหมดก่อนที่จะเข้าไป  ประตูลิฟต์ถูกกดปิดทันทีโดยไอ้เด่น  ผมเงยหน้าขึ้นมองจอที่ฉายภาพกล้องวงจรปิดในตัวลิฟต์  มือขวาปาดผมด้านข้างหูไปทางด้านหลังให้เรียบกว่าเดิมพร้อมยิ้มให้ตัวเองบนจอ

“โคตรหล่อ” ผมชมตัวเอง  พี่ธานหลุดยิ้มกว้างทำให้สมุทรที่ยืนอยู่ด้านข้างพี่เขาก้มหน้าลงด้วยใบหน้ากลั้นอมยิ้มเช่นกัน

“คุณจะไล่ป้าน้อยออกไหมครับ” พี่ธานถาม

“ไม่” ผมฉีกยิ้มตอบ  ลิ้นที่แลบออกมาถูกฟันบนกัดเอาไว้

“ในเมื่อพวกเขาอยากให้ผมดูโง่ ผมก็จะเป็นคนโง่แบบนี้ต่อไป คนเรา..ก็ไม่ได้ฉลาดไปซะทุกเรื่องอยู่แล้วนี่นะ คึ!” ผมเกร็งตัวพ่นหัวเราะในคอ  น่าสนุก!



- - - - - - - - - - - - - - -



[ วันอาทิตย์: 06:50 น. ]  บ้านเลิศประสงค์

พยากรณ์อากาศบอกว่าเช้าวันนี้กรุงเทพจะอากาศดี  ความเย็นขณะที่นั่งอยู่ในสวนกระทบครั้งคราวก็พอทราบได้ว่ามีความจริงอยู่บ้าง  และอาจมีพายุจากผลของอากาศแปรปรวนที่จะเริ่มเข้าประเทศไทยในช่วงบ่าย  ผมไม่เชื่อมันหรอกจนกว่าจะพบกับความจริง  เหงื่อที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหน้าเริ่มแห้งลง  เสียงพูดคุยยามเช้าดังแว่วมาจากทางหลังบ้าน  พวกลูกน้องของผมเพิ่งตื่นและคงกำลังเดินมาทางนี้เพื่อจะลัดไปที่โรงฝึกเป็นแน่  คู่หูผมออกกำลังกายเสร็จก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำก่อนแล้ว   

“นายซ้อมเสร็จแล้วเหรอครับ” ไอ้เด่นแทบผงะที่เห็นผมนั่งอยู่  มันผงกหัวปลก ๆ ด้วยสีหน้าตกใจคงสังเกตเห็นว่าผมใส่แต่กางเกงขาสั้น

“เออ” ผมตอบ  มันกุลีกุจอเข้ามาเติมน้ำเปล่าใส่แก้วให้เมื่อเห็นว่าแก้วว่างเปล่า

“ถ้ามึงไปเดทกับกู มึงคิดว่าเราควรจะไปไหนกัน ?” ผมจ้องไอ้เด่นเขม็ง

“เอ๊ะ” อีกฝ่ายอุทานด้วยสีหน้างงงวย  ครู่หนึ่งมันก็ทำหน้าใช้ความคิดหาคำตอบ

“ไป..ที่ ๆ นายชอบก็ได้ครับ ผมไปไหนก็ได้” มันยิ้มตอบแบ่งรับแบ่งสู้

“แล้วมึงเขินทำเหี้ยไร ไปให้พ้นส้นตีนกูเลย” ผมพูด  เอาตีนยกขึ้นเขี่ยกลางอากาศทำให้ไอ้เด่นรีบกระโดดโหยงถอยหลังเก้อเขิน

“หน้าตามึงนี่ชวนหงุดหงิดจริง ๆ” ผมถอนหายใจยาว  แก้วน้ำถูกยกขึ้นดื่มครึ่งแก้วก่อนวางลง

“นายจะไปเดทเหรอครับ” ไอ้เด่นถาม  ยืนเว้นระยะห่างจากขาผมออกไปประมาณสองเมตร  ไอ้เข้มเดินมาและหยุดยืนอยู่ด้านหลังน้องชายอย่างสนใจในประเด็นที่กำลังเกิดขึ้น 

“เออ” ผมตอบเสียงห้วน

“กูนึกไม่ออก นอกจากโรงแรม” แขนถูกปล่อยทิ้งแกว่งลงกลางอากาศทั้งสองข้างขณะนั่งอยู่  ใบหน้าเอียงเล็กน้อย  ตากลอกขึ้นมองต้นไม้ใบหญ้าที่แกว่งอยู่บนหลังคาศาลานั่งเล่น

“ไปที่ ๆ อีกฝ่ายอยากไปสิครับ” ไอ้เข้มเสนอ  ผมเหล่ตามองไปที่มัน
   
“มึงอยากไปไหนล่ะ ?” ผมยิงคำถามกลับทันที  คนถูกถามชะงักวิหนึ่งเห็นจะได้

“ผมอยากไปทะเลครับ” มันตอบกลับซื่อ ๆ  ไอ้เข้มแตกต่างจากไอ้เด่นบ้างในบางมุม  มันเถรตรงแบบไม่ปัญญาอ่อนเหมือนน้องชาย

“ไกลไป แล้วมึงก็เพิ่งกลับมาไม่ใช่เรอะ” ผมหลุดขำ

“ฝ่ายนั้นเขาก็เพิ่งกลับมาเหรอครับ” ไอ้เข้มถามกลับ  ไอ้นี่บทจะฉลาดก็ฉลาดขึ้นมา  ผมไม่ตอบ  กวาดตาพลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์มองอย่างพอใจในคำถามที่ถูกย้อนมาอย่างสงสัย 

“พี่ธานมา!” ไอ้หินวิ่งหน้าตั้งออกมาจากบ้าน  มันสะดุ้งด้วยความตกใจที่เห็นผมนั่งอยู่  ก่อนผงกหัวทักทายยามเช้าแล้ววิ่งหนีไปก่อนใครเพื่อน  พี่ธานเดินออกมาจากประตูฝั่งห้องนั่งเล่น  อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย  จ้องเขม็งมาที่ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่ยืนอยู่  ไม่ทันให้พี่แกได้เอ่ยปากด่ามันสองคนก็ร่ำลาผมลวก ๆ แล้ววิ่งตามก้นไอ้หินไปติด ๆ  พี่ธานหยุดยืนเท้าเอวจ้องไปที่โรงฝึกด้วยท่าทางรำคาญใจก่อนจะหันกลับมา 

“นัดเขาไว้กี่โมงเหรอครับ” พี่เขาถามแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลง

“บ่ายโมง” ผมตอบ

“ระวังตัวด้วยนะครับ”

วันนี้เป็นวันที่ผมกับสมุทรนัดกันไว้  และด้วยเหตุผลเพราะผมอ้างว่านี่คือการไปเดท  ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครทราบนอกจากพี่ธาน  อีกทั้งผมออกปากสั่งให้ทุกคนพักผ่อนได้ตามสบาย  กึ่ง ๆ บอกพี่ธานนั่นละว่า “ไม่ให้ตามไป”  อีกฝ่ายคงเป็นห่วงและอ่านสถานการณ์ออกว่าผมไม่ได้พูดเล่น  ด้วยสถานการณ์ที่กึ่งดำกึ่งขาวเช่นนี้พี่เขาคงลำบากใจมากที่ต้องปล่อยให้ผมไปลำพัง   

“ยูเดินทางแล้วใช่ไหม” ผมถาม

“ครับ” พี่ธานผงกหัว

“ขอโทษนะคะ คุณไฟอยากให้ป้าจัดโต๊ะอาหารเช้าที่ไหนดีคะ” ป้าอิ่มยิ้มถาม

“ที่นี่ก็ได้ครับ” ผมตอบเพราะขี้เกียจเคลื่อนย้ายตัวแล้ว 

“ได้ค่ะ” เธอผงกหัวแล้วกลับเข้าบ้านไป  ผมนั่งมอง  เห็นไกล ๆ ที่หน้าบ้านว่าพายุกำลังเดินออกมาพร้อมกับกังฟูทั้งชุดนอนของมัน

“อาทิตย์หน้าไอ้ดินก็กลับไปเรียนแล้วนี่นะ” ผมนึกขึ้นได้

“ทำเรื่องย้ายให้มันไปอยู่โรงเรียนประจำกับแม่ดีไหมนะ”

“งอนตายเลยครับ” พี่ธานยิ้มบอก  ผมหัวเราะเห็นด้วย

“ผมอยากให้มันเรียนสายอาชีพมากกว่าเข้ามหาลัย”

“คนอย่างมัน จบมหาลัยไปก็ไปกองรวมอยู่ในกลุ่มคนทำงานไม่ตรงสายอาชีพอยู่ดี” ผมบ่นขำ ๆ  พี่ธานยิ้มอย่างไม่ปฏิเสธ  บทสนทนาเรื่อยเปื่อยไปหลายเรื่องจนอาหารเช้าถูกเสิร์ฟพร้อม  พายุพากังฟูมาด้วย  มันนั่งสงบเสงี่ยมเฝ้าเจ้านายอยู่ข้างสระว่ายน้ำ  ดูท่าคงอยากกระโดดลงไปเต็มแก่  แต่เพราะถูกฝึกมาอย่างดีจึงยับยั้งใจไว้ได้  ส่วนไอ้ดินตื่นช้ากว่าหมาหน่อย  มันลุกมานั่งร่วมโต๊ะทั้งขี้ตา  วันนี้อาหารเช้าเป็นอีกวันที่เริ่มต้นวันอย่างสบาย ๆ  ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนที่เปลี่ยนบรรยากาศด้วยรึเปล่าน่ะนะ


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-12-2016 12:01:15

12:40 น. : สวนรถไฟ

พี่ธานขับรถมาส่งผมและกลับออกไปเพื่อทำธุระต่อ  ตามจริงผมก็สงสัยอยู่หรอกว่าผมมาก่อนเวลานานไปรึเปล่า  เพิ่งเป็นครั้งแรกที่สมองทำงานเป็นจริงเป็นจังในการคำนวณเวลาเพื่อมาพบใคร  กว่าจะได้คำตอบรู้ตัวอีกทีก็มาถึงไปเสียแล้ว 

โดยปกติผมหรืออีกฝ่ายที่ผมต้องการเจอคงจะนัดพบกันที่ร้านอาหาร  ผับหรือห้างสรรพสินค้า  ที่ใดสักที่หนึ่งที่สะดวกสบายต่อทั้งสองฝ่าย  แต่สำหรับสมุทรเขาเป็นคนบอกให้ผมเลือก  และเพื่อเป็นกลางต่อเขาและต่อผม  ผมจึงเลือกที่นี่  นึกภาพสถานที่ไม่ออกว่าควรจะเป็นที่ไหนถึงจะเหมาะ  ตามตรงแล้วก็เพิ่งเคยจะคิดจริงจังกับการออกมาพบปะใครแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยละมัง

เวลาบ่ายโมงตรงคือเวลาที่ผมกับสมุทรนัดกันไว้  ไม่ว่านัดกับใครผมก็มักไปก่อนเวลาเสมอ  สักห้าหรือสิบนาทีเพื่อไม่ให้น่าเกลียด  การรอเพื่อให้ตรงเวลาจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร  แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา  ความคิดที่ว่าถ้าหากอีกฝ่ายมาช้ากว่าเวลาที่นัดไว้นั้นหน้าผมจะปั้นเป็นรูปอะไร  เส้นผมที่ไม่ถูกใส่เจลจัดทรงอย่างทุกทีขยับไปตามแรงลมที่เข้ามากระทบเป็นระยะ  เสียงใบไม้เกลี่ยไปตามพื้นถนน  เสียงคนจักรยานปั่นผ่านนาน ๆ ครั้ง  ผมไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ  ตั้งแต่สมัยที่พายุยังเป็นเด็กโน่นละมัง  สมัยที่พี่ธานกับผมยังเห่อน้องเล็กที่เพิ่งเกิด  ไม่รู้มาก่อนเลยว่าที่นี่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ 


แดดสาดกระทบจนเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ  เงาต้นไม้เห็นเป็นรูปร่าง  ผมเดินเรื่อยเปื่อยอย่างเนิบช้าไร้จุดหมาย  พออยู่คนเดียวก็ทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อตอนสายไม่ได้  เสื้อผ้าที่คิดว่าจะใส่กลับไม่ถูกหยิบมาใส่เสียอย่างนั้น  ไอ้ความที่ว่าต้องการใส่เสื้อผ้าที่เป็นตัวเองมันอาจจะดูกวนบาทาและเด่นเกินไปสำหรับคนที่กำลังจะมาถึงก็ได้  ผมจึงหยุดความคิดนั้นลงและเลือกอะไรง่าย ๆ แทน  กางเกงยีนส์สกินนี่สีดำถูกชายเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายโง่ ๆ ที่หน้าอกสอดชายไว้ด้านในอย่างลวก ๆ  รองเท้าผ้าใบกับแจ็คเก็ตยีนส์ที่ใส่ทับมาด้วยความเคยชิน  และที่ขาดไม่ได้คงเป็นนาฬิกาข้อมือ 

“อย่าสายล่ะ..ไอ้โง่” ผมบ่นกับตัวเองแล้วหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ม้านั่งใต้ต้นไม้  ตาทอดมองไปยังพื้นหญ้าบริเวณกว้างตรงหน้า  แห้งเหี่ยวบ้าง ชุ่มชื้นบ้าง  โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้นมาเปิดดู  ผมกับสมุทรไม่ค่อยได้ติดต่อกันทางข้อความหรือไลน์มากนัก  ตามจริงแล้วมีเพียงผมมากกว่าที่ส่งข้อความไปหาเขาทางไลน์  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน  และอาจมีข้อความบ้า ๆ บอ ๆ จากผมที่อีกฝ่ายตอบกลับมาบ้าง ไม่ตอบกลับมาบ้างเท่านั้น  ผมเองก็ไม่ชอบเล่นอะไรทำนองนี้จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรำคาญมากน้อยแค่ไหนถ้าหากผมทักไปมาก ๆ เข้า

ยิ่งเข็มนาฬิกาเลื่อนไปอย่างไร้วี่แววมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกกระวนกระวายขึ้นทีละนิด  ความมั่นใจที่ว่าจะไม่ถูกกระทำอย่างผิดคำพูดยังคงมีอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกสบายอกสบายใจได้เท่าไหร่  ผมนั่งรออยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนกระทั่งเข็มยาวชี้เลยเลขที่เรากำหนดเอาไว้  บ่ายโมงตรงผ่านมาแล้ว  เวลาในโทรศัพท์ก็ยืนยันตรงกับนาฬิกาที่ข้อมืออย่างนั้น  การถอนหายใจไม่ได้พ่นออกมาโต้ง ๆ แต่ในใจกำลังปฏิบัติแทนอยู่  ผมเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิมด้วยเหตุผลมากมายโดยไม่รีบร้อน  โทรศัพท์สั่นเตือนและหน้าจอก็โชว์สายโทรเข้าจากคน ๆ นั้น  ผมนั่งมองเฉย  ความรู้สึกมั่นใจว่าสายที่โทรเข้ามาจะไม่เป็นไปในทางบวกมันร้อยเปอร์เซ็นต์จนน่าขำ  และก่อนที่ปลายสายจะตัดใจตัดสายลงเพราะรอนาน  ผมจึงกดรับสายในที่สุด 

“ฮัลโหล คุณไฟครับ” ปลายสายรีบร้อนพูด

“อืม ฟังอยู่” ผมขานรับเรียบ ๆ

“เอ่อ คุณอยู่ไหนแล้วครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“.........” ผมเลือกที่จะเงียบ  ปลายสายก็เงียบไปครู่หนึ่งเช่นกัน  เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังอยู่รอบ ๆ ตัวเขา  ผมคิดว่าเขาเองก็คงได้ยินแต่ความเงียบสงบรอบ ๆ ตัวผมแทนคำตอบแล้วด้วย

“ขอโทษนะครับที่ช้า แต่ผมกำลังไปครับ” สมุทรพูดคล้ายสรุปให้ฟัง  ผมยังคงเงียบ  ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกโล่งอกขึ้นมา

“คุณไฟครับ” อีกฝ่ายย้ำเรียกอีกครั้ง 

“ก็รีบมาซะสิ” ผมตัดบทตอบปัด  แล้วชิงตัดสายลงเพื่อบอกให้เขารู้ว่า “กูมาถึงตั้งชาตินึงแล้ว”     

ลมหายใจถูกพ่นออกอย่างแรงขณะที่ยืนขึ้น  ไม่เคยรออะไรแล้วร้อนใจแปลกประหลาดอย่างนี้มาก่อนในชีวิต  รวมถึงการอดทนรอแบบสร้างเหตุผลให้ตัวเองนี่ก็ด้วย  ผมเดินเล่นฆ่าเวลาไปตามถนนที่ทอดยาว  ต้นไม้สูงทอดยาวตามข้างถนนยังไม่สามารถสู้แรงของแดดประเทศไทยไว้ได้  อากาศยามบ่ายที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องถอดแจ็คเก็ตยีนส์ออก  นิ้วเกี่ยวปกนำเสื้อพาดบ่า  แน่นอนว่าคนที่เป็นฝ่ายรออยู่นาฬิกามักเคลื่อนตัวไปช้าเสมอ  แต่ก็ช่างเถอะ ก็อีกฝ่ายบอกว่ากำลังมานี่นะ 


“คุณไฟครับ!”

เสียงคุ้นหูทำให้เท้าต้องหยุดชะงัก  คนด้านหลังเงียบไปแล้ว  เสียงฝีเท้าของเขาก้าวตามมาอย่างรีบเร่งประมาณสองสามก้าวก็ชะลอและหยุดลง  ผมหันหน้ากลับไปทางด้านหลังพลางสบตากับคนที่เพิ่งมาถึง  อีกฝ่ายยังหายใจไม่สม่ำเสมอเป็นปกติ  เหงื่อซึมที่หน้าผากเขานิดหน่อย  ผมยังคงยืนหันข้าง  เบือนใบหน้ากลับมาก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อ 

“ขอโทษนะครับที่ผมมาสาย พอดี..ผมติดธุระด่วนน่ะครับ” สมุทรเดินตามหลังพร้อมอธิบาย  ผมไม่ขานตอบใด ๆ  เขาจึงเงียบปากลง

“คุณ ..มานานแค่ไหนแล้วครับ ?” อีกฝ่ายเอ่ยถาม  ผมหยุดเดินทันทีแล้วหันตัวกลับไปประชันหน้า  สมุทรจ้องมองอย่างรอคำตอบ  เสียงจักรยานที่เพิ่งปั่นผ่านพวกเราไปหลายคันเป็นครอบครัวทำให้ได้รับลมเย็นได้เสี้ยววินาที  สายตาที่มองอยู่ในระดับเดียวกันมีระยะห่างไม่มากนัก  มันไม่ถึงหนึ่งเมตรด้วยซ้ำ   

“ปกติ..คนที่เป็นฝ่ายชวน เขาต้องเป็นฝ่ายรอด้วยรึเปล่า แล้วมันต้องนานแค่ไหน สงสัยน่ะ ?” ผมถามอย่างซื่อตรง  ปกติแบบนี้มันปกติรึเปล่า..ก็แค่นั้น

“ขอโทษครับ” สมุทรเลี่ยง

“ก็แค่สงสัย” ผมย้ำจุดยืนให้ฟัง  นี่ไม่ใช่การกระแทกแดกดันเพื่อให้เสียบรรยากาศแต่แค่อยากรู้ก็เท่านั้น

“.........” เขาเหตาลงต่ำเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร  ดวงตาของเราทั้งคู่ตกลงต่ำไปคนละทิศ  บริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ  เกิดคำถามขึ้นอีกว่าปกติก็เงียบแบบนี้ทุกวันหรือไม่  ผมเหลือบมองสีหน้ารู้สึกผิดของคนตรงหน้า  วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีดำผิดตาจากทุก ๆ วันที่มักเห็นเขาใส่แต่สีขาว  กางเกงยีนส์สีเข้มทรงหลวมกับรองเท้าผ้าใบง่าย ๆ ไม่ต่างจากผม  สมุทรคงสังเกตเห็นว่ากำลังถูกจ้องอยู่  ทันทีนั้นผมจึงก้าวตรงเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่ให้เสียโอกาส  ใบหน้าที่ยื่นเข้าประชิดทำให้เขาเหลือบมองมาที่การกระทำผมอย่างงุนงง  ผมเอนลำตัวลงต่ำเล็กน้อยเพื่อให้ตนเองขยับได้ถนัด  ตาของสมุทรเบิกกว้างแต่ยังคงนิ่งเฉยอยู่กับที่ ริมฝีปากแตะปากของเขาเบาบางเพียงกระทบ พร้อมช้อนตาขึ้นมอง  เจ้าตัวตกใจจังงังจนผมผละปากออก  สายตาของเขายังนิ่งเรียบไม่บอกอารมณ์ตามเคย  คงแย่หน่อย เพราะสายตาผมเองก็คงเป็นแบบเขาเช่นกัน

“ฉันหิวแล้ว” ผมพูดส่ง ๆ ไม่ได้มองหน้าเขา

“เลี้ยงด้วยล่ะ ไถ่โทษที่นายสาย” ผมบอก  เบี่ยงตัวหันกลับไปทางเดิมที่เดินมา  บัดซบก็ตรงที่อีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกขาดความมั่นใจได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน  บัดซบกว่านั้นคือผมดันไม่โกรธและกำลังยอมรับความรู้สึกตัวเองอยู่  สมุทรเดินตามหลังโดยไม่มีคำพูดใด ๆ สักคำ  แม้ผมจะเดินช้าแต่เขาก็ไม่ยอมแซงไป  เราต่างเดินอย่างไร้บทสนทนาจนมาถึงประตูทางออก

“ไม่ได้เอารถมา” ผมส่งสารบอกคนข้าง ๆ

“จะไปไหนครับ” อีกฝ่ายถามกลับ

“ที่ ๆ นายอยากไป” ผมตอบไม่มองหน้า  สมุทรเงียบ  ผมจึงหันไปมอง

“น่านน่ะเหรอครับ ? ไกลไปนะ” อีกฝ่ายตอบหน้านิ่ง  ผมผลิอมยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากด้านซ้ายเพราะเหมือนเขาจะพูดจริง

“จะไปก็ได้นะ ถ้าอยากไป” ผมตอบด้วยใบหน้าแบบเดียวกัน  เขาหลุดยิ้ม

“งั้น..ไปกินข้าวก่อนนะครับ” สมุทรบอก  ผมผงกหัว  มือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่คิดที่จะขยับตัวไปไหน  สมุทรจึงเป็นฝ่ายเดินออกไปที่ริมถนนเพื่อเรียกแท็กซี่  แดดส่องผ่าหัวอีกฝ่ายที่กำลังชะเง้อมองหารถ  ทีแรกดูเหมือนจะไร้วี่แววเพราะไม่ค่อยมีรถผ่าน  แต่ไม่นานนักโชคก็เข้าข้าง  หลายครั้งผมว่าหมอนี่มีบุญทางด้านนี้อย่างเหลือเชื่อ  รถแท็กซี่สีชมพูสะท้อนกับแสงแดดจนกระทบแสบตา  มันจอดเทียบตรงหน้า  มีลูกค้าผู้หญิงออกมาจากรถคันดังกล่าวพร้อมกับเด็ก ๆ  สมุทรเปิดประตูฝั่งด้านข้างคนขับก้มลงถามสองสามประโยค  เขาก็หันกลับมาหาผมคล้ายกับบอกว่า “มาขึ้นสิครับ” ประมาณนั้น


ตรอกซอกซอยเข้ามาลึกพอควรจากถนนใหญ่เลียบทางด่วน  จวนบ่ายสองโมงครึ่งรถแท็กซี่จอดสนิทที่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่งที่ผมไม่เคยมามาก่อน  ด้านนอกกำแพงร้านประดับตกแต่งด้วยไม้เลื้อย  ทางเข้าร้านเงียบสงบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ดูลึกลับพอดู  สมุทรเลือกที่จะเบี่ยงตัวให้ผมเดินนำเข้าไปก่อน  คนเรียกแท็กซี่เป็นคนชำระค่าแท็กซี่อีกด้วย  ผมก็ไม่ได้ทักท้วงที่จะช่วยออกเงินด้วยน่ะนะ  เขามาสายเขาก็จ่ายไปสิ 

เมื่อเข้ามาในบริเวณร้านก็พบว่าเป็นร้านที่ประดับตกแต่งแบบร้านอาหารในสวน  ตัวอาคารร้านเป็นปูนสีขาว  ดูเหมือนจะเป็นบ้านทรงเก่ามาก่อนจะมาทำใหม่  ตัดกันได้ดีกับพืชพันธุ์ไม้สีเขียวรอบตัวร้าน  พนักงานต้อนรับออกมายืนอยู่หน้าประตูเพื่อต้อนรับลูกค้า  ผมเลือกที่จะเดินตรงไปหาเธอพร้อมบอกจำนวนคนที่มาอย่างไม่รอการตอบรับก่อนพุ่งเข้าไปในตัวร้านเพื่อสำรวจการตกแต่งภายใน  พนักงานจึงเปลี่ยนไปสอบถามเพิ่มเติมกับสมุทรที่ตามหลังมาแทน  การตกแต่งด้านในอาคารเป็นกระจกล้อมรอบคงเพื่อให้มองเห็นสวนด้านนอกได้อย่างสบายตา  ดอกไม้ที่ประดับตกแต่ง  ชั้นวางหนังสือ  รวมไปถึงฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ให้กลิ่นของความเป็นอังกฤษโบราณผสมอยู่อย่างค่อนข้างสุดโต่ง  ฟอร์นิเจอร์ดูแล้วไม่ได้ใช้ของมีราคาสูงนัก  บางอย่างน่าจะมือสองแต่ก็ดูดีไปอีกแบบ  ร้านมีรสนิยมขนาดที่ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายที่มาด้วยกันในวันนี้รู้จักร้านแบบนี้ได้อย่างไร  ถ้าให้พูดอย่างไม่เสียมารยาทแล้ว  เขาก็พอมีพอใช้ไม่อดอยากอยู่หรอก  แต่มุมมองการใช้ชีวิตในแบบของเขาไม่น่าจะรู้จักร้านแบบนี้ได้น่ะนะ

“คุณไฟอยากนั่งข้างในหรือด้านนอกครับ” สมุทรเข้ามาถาม  ถึงแม้เราจะอ้างว่านี่คือการออกเดท  แต่เขาพยายามดูแลผมตามหน้าที่อยู่  ผมทราบดีว่าคนแบบเขาคงจะละสิ่ง ๆ นี้ไปง่าย ๆ ไม่ได้  พนักงานที่เคาน์เตอร์สามคนที่มองผมอยู่สบตาเข้ากับผมพอดี  ผมจึงจ้องตอบพลางยิ้มประดิษฐ์ให้พวกเธอ

“ด้านนอก” ผมตอบโดยยังไม่ละสายตาไปที่อื่นจนพวกเธอเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน  พนักงานต้อนรับคนเดิมยืนรอเพื่อนำทางให้ผมกับสมุทรได้เดินออกจากตัวร้าน  ผมเป็นฝ่ายเลือกที่นั่งในมุมที่ดูท่าจะสงบที่สุดของสวน  คงเพราะเลยเวลาเที่ยงมามากลูกค้าจึงซาลง  พนักงานต้อนรับนำเมนูมาวางไว้ก่อนจากไป  ผมหยิบมันขึ้นเปิดออก  อย่างแรกคือการตรวจสอบราคาอาหารโดยรวมทั้งหมดอย่างสนอกสนใจ  ตามจริงราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่  อาหารเริ่มที่จานละร้อยไปถึงห้าร้อยโดยประมาณ 

“รู้จักร้านนี้ได้ไง ?” ผมเอ่ยถามไม่มองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“เป็นร้านของญาติ ของเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันน่ะครับ” สมุทรตอบฉะฉานทันที  แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่กลับมีคำถามอื่นเข้ามาแทรกต่อท้าย

“ที่บริษัทเคยมาจัดเลี้ยงที่นี่ครั้งนึง แล้วผม..ก็เคยพาดาวมากินครั้งนึงน่ะครับ ตอนนั้นเป็นวันเกิดของเธอ” เขาอธิบายเรียบ ๆ  อย่างไม่มีความสงสัยในตัวผม

“งั้นเหรอ” ผมขานรับห้วน ๆ

“อย่าดูถูกคนที่มีน้องสาวสิครับ” อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างรู้ทัน  ผมช้อนตามองยิ้ม ๆ  แม้เขาจะรู้ทันว่าผมสงสัย  แต่ตามจริงแล้วเขาก็รู้ทันผิดประเด็นที่ผมคาดไว้นิดหน่อยอยู่ดีละนะ

“แต่ถึงยังไงมันก็แพงสำหรับผมนะครับ คุณก็สั่งให้มันพอดี ๆ หน่อยแล้วกัน” สมุทรส่งสายตาปรามทีเล่นทีจริง

“หึ..” ผมหัวเราะ

“ฉันกินอะไรก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องร้านนี้สักนิด” ผมว่า  แม้จะรู้สึกดีอยู่บ้างก็เถอะที่อีกฝ่ายดูจะใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นพิเศษ

“หรือไง ? ปกติสาวที่นายพาไปต้องไปร้านทำนองนี้สินะ” ผมเบิกตากวน  สมุทรนิ่งมองกลับ

“ไม่เหมือนก็เหมือนละมั้งครับ คุณก็ดู..เรื่องมากอยู่นิดหน่อย” อีกฝ่ายตอบเสียงแข็งประชด

“ชิ อย่าเอาฉันไปรวมกับอะไรพวกนั้น” ผมเบะปากรับไม่ได้

“หวงเหรอครับ คุณเป็นเด็กรึไง” สมุทรเลิกคิ้วตาใสจงใจกวน  ผมชะงัก  ไม่คาดว่าเจ้าตัวจะกล้าแหย่จึงยังไม่ตอบในทันที  นั่งเงียบจ้องหน้าเขาก่อนผลิยิ้มมุมปากพลางเหล่มอง

“..งั้นมั้ง” ผมยอมรับทำให้สายตาของเขาเริ่มอ่อนลง

“ก็ถ้าร้านนี้นายเคยพาใครพิเศษนอกจากครอบครัวมา เพราะงั้นก็เลยพาฉันมา มันก็เป็นเรื่องน่าชวนอ้วกแตกออกนี่นา” ผมแสยะลิ้นทำใบหน้ารับไม่ได้  อีกฝ่ายยิ้มอ่อน ๆ ส่ายหัวอย่างเอือมระอา 

“ไม่ได้อยากรู้ทั้งหมดหรอกนะครับคำตอบน่ะ” สมุทรบ่นเสียงห้วน  ตัดบทโดยการก้มหน้าอ่านเมนูหนีผม  เสียงพนักงานเดินกลับมาที่โต๊ะเราอีกครั้ง

“หึ..งั้นก็อย่าถามสิ คำถามจากนายฉันพร้อมตอบเสมอแหละ” ผมพูดเสียงฟังชัด  ละสายตาจากสมุทรก้มลงมองเมนูโดยไม่สนพนักงานที่ยืนรอข้าง ๆ เช่นกัน  เธอคงได้ยินทุกคำพูดชัดทีเดียว  เราต่างเงียบอ่านเมนูอยู่หลายนาที  ผมชั่งใจอยู่ว่าควรจะกินอาหารมื้อหลักดีหรือว่ากินของหวานดี  มันก็รู้สึกหิวอยู่หรอก  แต่พอมาเห็นภาพของหวานที่ชอบและอากาศแบบนี้ก็ดันลังเลใจขึ้นมา

“ฉันเอา Honey Toast กับเอสเปรสโซ่เย็น” ผมตัดสินใจบอกสมุทรพร้อมตัดใจปิดเมนูลง 

“หึ..” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็หัวเราะ  เขาเงยหน้าขึ้นมองผมทั้งรอยยิ้ม

“อะไร” ผมขมวดคิ้ว

“ผมนึกอยู่แล้วว่าคุณต้องสั่งน่ะ” สมุทรตอบ

“ก็อยากกิน ผิดรึไง” ผมว่า  เอนตัวพิงเก้าอี้ก่อนเหลือบตามองพนักงาน 

“เอา Honey Toast กับเอสเปรสโซ่เย็นครับ” สมุทรยิ้มบอกเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพตามเคย

“แล้วก็ข้าวซอยเป็ดที่นึงครับ น้ำมะนาว น้ำเปล่าด้วยครับ..สองแก้ว”

“ค่ะ ขอทวนเมนูนะคะ” เธอผงกหัวยิ้ม ๆ ทวนอาหารที่เราสั่งทั้งหมดแล้วหยิบเมนูกลับเข้าร้านไป 

“คุณนี่ชอบกินอะไรแบบนี้จริง ๆ” สมุทรวกกลับมาเรื่องเดิม 

“นายก็ชอบกินอะไรแบบนั้นเหมือนกัน” ผมประชดถึงอาหารที่เขาสั่ง  อีกฝ่ายไม่เถียง  เหลือบตามองจ้องมาที่ผมที่มองเขาอยู่  เราเงียบอยู่อย่างนั้นชั่วครู่เห็นจะได้

“มีชุดผลไม้รวมด้วยนะครับ เอาไหม” สมุทรถามหนีบรรยากาศ  ผมพยักหน้าตอบเพราะกำลังอยากกินผลไม้อยู่พอดี  เจ้าตัวลุกจากเก้าอี้อย่างแทบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่มิด  ผมมองตามหลังสมุทรที่กลับเข้าไปในตัวร้านและกำลังสั่งอาหารเพิ่มกับพนักงานที่เคาน์เตอร์

“กวนใจกันเกินไปแล้ว” ผมเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะพลางบ่น  มือรับน้ำหนักของใบหน้าเอาไว้  ปากพึมพำคุยกับดอกไม้ในแจกันกลางโต๊ะ  อีกฝ่ายคงไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองกำลังให้ความหวังอยู่  เปล่าหรอก เขาอาจไม่ได้ให้ความหวัง  แต่การเอาใจใส่เล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นดูเหมือนจะเป็นลักษณะพิเศษในแบบของเขาที่ทำออกมาเป็นปกติธรรมชาติ  โดยลืมนึกไปเสียว่าการกระทำเช่นนี้นั้นไม่ควรทำกับคนที่ชวนให้ออกมาเดทด้วย 


สมุทรกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งพร้อมกับนิตยสารกีฬาสองเล่ม  ผมเหลือบอ่านชื่อนิตยสารโดยยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับ  เขาเปิดหนังสืออ่านต่อหน้าโดยไม่ทักใด ๆ  น้ำเปล่าถูกนำมาเสิร์ฟก่อนเป็นอันดับแรก  คนที่เอ่ยปากขอบคุณเธอคือสมุทร  บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบ  สวนด้านนอกถูกคลอด้วยเพลงบรรเลงจากเสียงเปียโน  ลูกค้ามีไม่มาก  ในตัวร้านมีอยู่ไม่กี่โต๊ะ  ส่วนด้านนอกหนาตามากกว่าหน่อย  การจัดวางโต๊ะเป็นแบบค่อนข้างส่วนตัว  เว้นพื้นที่ห่างสองสามเมตรจึงไม่รบกวนให้กวนใจ  ผมหยิบสมุดโน้ตของทางร้านที่วางอยู่ข้าง ๆ แจกันหาอะไรทำแก้เซ็งพร้อมกับปากกา  บนกระดาษถูกพิมพ์ชื่อและโลโก้ร้านดูน่ารัก  ปากกาหัวกดเป็นตุ๊กตาหมี  ผมเปิดสมุดออก  ค้างมือใช้ความคิดไม่นานเท่าไหร่  กระดาษถูกฉีกออกจากสมุดพร้อมข้อความสั้น ๆ และนำไปวางลงตรงกลางหน้านิตยสารที่คนร่วมโต๊ะกำลังกางอ่านอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ

“.........” สมุทรแอบเหลือบมองกระดาษแผ่นนั้นอย่างเงียบ ๆ  เขาคงเห็นชื่อของตัวเองอยู่บนกระดาษแล้ว  ผมกลั้นหัวเราะเพราะอีกฝ่ายละสายตาจากกระดาษแล้วอ่านหนังสือต่อได้โดยไม่สะทกสะท้าน  เป็นการกระทำที่จงใจพอดูว่ากระดาษแผ่นนั้นไร้ค่า  ในเมื่อเข้าเลือกที่จะอ่านต่อ  ผมก็เลยวาดรูปต่อเช่นกัน 

กระดาษแผ่นที่สองถูกวางลงที่เดิมรบกวนสมาธิอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง  ผมจ้องรอดูปฏิกิริยา  กระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่ถูกวาดรูปหมีส่งจูบทำให้ครั้งนี้สมุทรช้อนตาไปอีกทางอย่างสะกัดกั้นอารมณ์  ดูเหมือนเขาจะรำคาญแต่ใบหน้าคับคล้ายว่าจะหลุดยิ้ม  พนักงานนำเครื่องดื่มของเรามาเสิร์ฟพอดีแต่ก็ไม่สามารถทำลายความเงียบพิลึกนี้ได้  ยิ่งพวกผมเงียบ  เธอจึงเงียบ  บรรยากาศจึงสงัดไปกันใหญ่

“ขอบคุณครับ” สมุทรพูด  เธอผงกหัวน้อย ๆ ก่อนไป  สมุทรมองผมอย่างนิ่งสงบ  ผมกะพริบพร้อมฉีกยิ้มยียวนเพราะอ่านออกได้จากสายตาว่าอีกฝ่ายกำลังจะเอาคืนแน่  มือของเขาขยับนิตยสารที่ถืออยู่แล้วนำมันตั้งลงบนโต๊ะ  ทำให้กระดาษโน้ตสองแผ่นนั้นหล่นร่วงลงบนโต๊ะอย่างไร้เยื่อใย

“ใจร้าย” ผมทำตาปริบ ๆ หุบยิ้มหน้าเป็น  อีกฝ่ายแบหนังสือกางอ่านต่อหน้าตาเฉย
 
“นั่นมันผลงาน Masterpiece ของฉันนะ” ผมพูดซื่อ ๆ 

“งั้นคุณก็เก็บไปสิครับ” สมุทรตอบส่ง ๆ ไปทีโดยตายังไม่ละจากหนังสือ  นิ้วพลิกกระดาษเปลี่ยนเป็นหน้าถัดไป   

“ก็ได้..” ผมรับคำง่าย ๆ  หยิบกระดาษสองแผ่นนั่นมาวาดรูปเพิ่มเติม  โดยใส่คำว่า “มาเดทครับ” ลงไปบนกระดาษที่มีชื่อของเขา  การกระทำของผมยังคงถูกเมินเฉย  ผมจึงหยิบมันไปเสียบหราอยู่บนแจกันดอกไม้กลางโต๊ะ  สมุทรเงยหน้าขึ้นมองตามอย่างสงสัย

“คุณไฟ” เจ้าตัวเสียงหลง  หยิบกระดาษแผ่นนั้นออกทันควัน

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ

“เอามา” ผมหุบยิ้มทวงของคืน  เขามองด้วยความระแวง

“ไม่ให้ครับ” 

“ฉันบอกให้เอามา” ผมย้ำเสียง  อีกฝ่ายไม่ตอบ  รีบเก็บกระดาษดังกล่าวใส่กระเป๋ากางเกงตัดปัญหา

“ผมไม่ไว้ใจคุณ” สมุทรว่า  ซึ่งเขาคงไม่ทราบว่าการที่เขาทำอย่างนั้นเป็นการเข้าทางผมพอดี  ผมแกล้งทำหน้าเซ็งไปงั้นเองทั้งที่พอใจอยู่พอสมควร 

ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟผมจึงหยิบนิตยสารกีฬาอีกเล่มที่สมุทรยังไม่ได้อ่านนำมาเปิดอ่านฆ่าเวลา  เราต่างนั่งอ่านคล้ายแวะพักกันไปคนละมุมโลก  บทความน่าสนใจมากมายทำให้การอ่านเป็นไปอย่างไม่น่าเบื่อ  อาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟจึงดูเร็วไปภายในพริบตา  ผมกินผลไม้นำหน้าก่อนเช่นทุกครั้ง  Honey Toast สานต่อรองลงมา  ร้านนี้ทำได้รสชาติอร่อยถูกปาก  ข้าวซอยเป็ดของสมุทรตกแต่งแบบ Fusion Food เอาใจคนสมัยใหม่และดูเหมือนจะตอบโจทย์ลูกค้าที่มาด้วย  จานมันใหญ่มากแต่อีกฝ่ายกลับกินซะหมดไม่เหลือสักหยดเดียว  ระหว่างที่กินเราก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่  พอผมไม่ชวนคุยเขาก็ไม่ค่อยพูดน่ะนะ

“อิ่ม” ผมถอนหายใจเอนหลังพิงพนักเก้าอี้  ขณะเดียวกันก็แอบเห็นว่าอีกฝ่ายมองมา  ผมจึงแกล้งทำเป็นไม่เห็นและนั่งเฉยไปอย่างนั้น 

“คุณจะไปไหนต่อครับ”

“ไม่รู้สิ ตามจริงคือไม่มีแผน” ผมพูดส่ง ๆ   

“ปกติเขาไปที่ไหนกันล่ะ” ผมย้อนถามทำให้อีกฝ่ายเงียบทิ้งช่วงไปพอควร

“ผม..ก็ไม่ทราบที่ไหนเป็นพิเศษหรอกครับ” เขาตอบตาใส

“หึ” ผมหัวเราะขึ้นจมูก 

“งั้น..” ผมเอ่ยพลางช้อนตาจ้องมอง

“ที่ ๆ อยากพาฉันไปเป็นพิเศษก็ได้” ผมบอก  สมุทรมองตอบก่อนเบือนหน้ายกมือขึ้นส่งสัญญาณให้พนักงานเพื่อเรียกเก็บเงิน  ผมนั่งรอลุ้นว่าอีกฝ่ายจะพาไปที่ไหน  เขาไม่พูด  ทำท่าอย่างกับเป็นความลับ  เราออกมาจากร้านโดยเดินเท้าไปถึงหน้าปากซอย  แดดเริ่มหุบลงไปบ้างแล้วแต่กลับรู้สึกอบอ้าวอยู่  การเดินจึงเป็นไปอย่างเนิบช้าทั้งคู่

“นายน่าจะเอามอเตอร์ไซค์ไปรับฉันนะ” ผมพูด

“ก็คุณไม่ได้บอกผมนี่ครับ”

“ฉันผิดงั้นซิ” ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ  สมุทรหันมาจ้องหน้าผมก่อนอมยิ้ม  ผมเหล่ตาตอบ  อยู่ ๆ เจ้าตัวก็เดินตรงเข้าร้านขายของชำข้างทางไปโดยไม่บอกกล่าว  ไม่ถึงสามนาทีเขาก็กลับออกมาพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่ขนาดพกพา  ผมรับมาซับเหงื่อ  รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

เราตกลงกันว่าจะใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป  แต่ต้องขึ้นแท็กซี่ไปต่อรถไฟฟ้าอีกทีหนึ่ง  ซึ่งผมก็ตามใจไม่ได้ท้วงอะไร  สมุทรจัดการเลือกซื้อตั๋วรถไฟฟ้าให้ผมเสร็จสรรพ  ดูเหมือนเขาจะมีบัตรรายเดือนอยู่แล้วก็เลยไม่ต้องซื้อของตัวเอง 

ด้วยคงเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ช่วงบ่ายพอดีที่นั่งบนรถไฟฟ้าจึงมีเหลือว่างไม่มาก  ผมเลือกที่จะยืนใกล้กับประตูทางออกโดยพิงหลังขนาบกับกระจกที่คั่นระหว่างเก้าอี้นั่ง  ส่วนสมุทรยืนหันข้างอยู่ตรงหน้าไม่ห่างจากผมมากนัก  อีกฝ่ายจับราวโหน  ส่วนผมมีที่พิงจึงไม่ต้องอาศัยราวจับ  ผมมองใบหน้าด้านข้างที่กำลังเอาแต่จับจ้องไปที่กระจกมืด ๆ ที่ประตู  เสียงพูดคุยของวัยรุ่นทางด้านหลังดังแว่วขนานไปกับเสียงของเครื่องยนต์ “ที่พารากอนลดราคาอะ เลิกเรียนแล้วไปดูนะ”, “วันก่อนกูเจอดาราด้วย ชื่อห่าอะไรวะ จำไม่ได้”, “ตารางเรียนเข้ากี่โมงวะ กูไปซื้อชานมไข่มุกก่อนจะทันไหม”  และอีก ฯลฯ ที่หูได้ยินชัดเจน  การจับจ้องจากผมที่เจ้าตัวน่าจะรับรู้ได้เป็นอย่างดีนั้นไม่มีปฏิกิริยาใด  ลำคอตั้งตรงแทบไม่กระดิกมานานแล้ว  ปลายเท้าขวาของผมกระแทกชนเข้าไปโดนเท้าซ้ายของสมุทร  มันค่อนข้างแรงจนอีกฝ่ายหันมามอง  ผมมองอย่างไมม่ละสายตา  แม่งน่ารักฉิบหาย  ทำไมกูถึงเห็นว่าคนเรียบ ๆ แบบนี้น่ารักไปได้กัน

“ที่ ๆ กำลังจะไป รบกวนช่วยสำรวมหน่อยก็ดีนะครับ” อีกฝ่ายเอ่ยปากดักทางพร้อมเบือนหน้ากลับไป  กระจกบนรถไฟฟ้าสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเขาที่แอบแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์จนทำให้ผมยิ้มกว้าง  คำพูดกึ่งประชดประชันที่รับรู้ได้เลยทันทีว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นที่ใด 




...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-12-2016 12:01:43
 :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 25-12-2016 12:52:48
เป็นคู่ที่ลุ้นจนเหงื่อแตกอ่ะ ขนาดอากาศไม่ได้ร้อน 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 25-12-2016 13:13:53
นี่เค้ามาเดทกันจริงๆใช่มั๊ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 25-12-2016 13:41:48
หลงหัวปักหัวปำ :m20: ที่ต่อไปคือที่ไหนนะ #ไฟสมุทร
รอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 25-12-2016 13:52:05
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที5555 มาเป็นเพลง ไฟเก่งทุกเรื่องแต่เรื่องจีบสมุทรนี่เราสงสารไฟจัง  :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-12-2016 13:53:50
เดี๋ยวๆๆๆๆ ตกลงเขาจะไปไหนกัน?? สมุทรจะแกล้งไฟใช่ไหม? ถึงบอกต้องสำรวม งานยากสำหรับไฟนะนั่น 555555 โอ๊ยยย เขาพูดกันน้อย แต่ทำไมมันดู .. ตะมุตะมิ เนอะ ว่ามะ  :o8:

ฉันรักเรื่องนี้จริงๆ   :c5:  ขอบคุณนะเบบี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 25-12-2016 15:17:09
เมื่อไหร่สมุทรจะใจอ่อนน้า :hao3: :hao3: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: moohamja ที่ 25-12-2016 15:48:15
คงไม่ใช่พาไปวัดนะ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 25-12-2016 16:42:58
หรือสมุทรจะพาไฟไปเดทในวัด ถึงต้องสำรวม    :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 25-12-2016 16:58:08
ไฟตกหลุมรักเข้าเต็มๆเลยนะเนี่ย ถอนตัวไม่ทันละคุณไฟ :o8: :-[ เดาว่าสมุทรคงพาไปวัดแน่เลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 25-12-2016 17:16:45
เดาไม่ออกว่าที่ไหนคือต้องให้สำรวม  รู้สึกหลัง ๆ มานี้เวลาอยู่ด้วยกันจะได้อมยิ้มบ่อยขี้นนะคะ. ซึ่งมันดีต่อหัวใจคนอ่านมากเลยค่ะ  :กอด1:


รอตอนต่อไปนะคะ.


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 25-12-2016 17:33:15
การออกเดททำให้ ไฟไบโพลาร์ กลายเป็นหนุ่มน้อยริรักไปซะแล้ว

น่ารักไม่เบาเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Maewjunsu ที่ 25-12-2016 17:36:59
มั่นใจว่าสมุทรพาไฟไปวัดแน่เลยคงกะให้ไฟราคะของไอ้โรคจิตลดลงมั้ง เวลาไฟอยู่กับสมุทรนี่ดูน่ารักเป็นสาวน้อยริรักผิดกับเวลาปกติที่ดูวิตถารมากๆ :ruready
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-12-2016 18:27:35
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 25-12-2016 18:39:28
ไปไหนเนี่ยย วัดรึเปล่า
คุณไฟอย่าไปพังวัดเค้านะ ไปเดตที่ไหนเละที่นั่นล่ะคู่นี้ 555555   
เอาใจช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
 
ฉากที่อ่านแล้วคิดว่าคุณไฟเท่มากวันนี้ คือฉากรอสมุทรที่สวนอ่ะบี้ กรี๊ดๆ
นึกภาพตามคุณไฟแต่งตัวสบายๆในชุดลำลอง
รองเท้าผ้าใบ เกงยีนส์ เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายโง่ๆ 
เอานิ้วเกี่ยวแจ็กเกตยีนส์พาดบ่าไว้แล้วหันมาตอนสมุทรเรียก โอ้ยยย เท่ระเบิด
ทำตัวปกติแบบชาวบ้านเค้าแล้วดูหล่อขึ้นเป็นกองเลยคุณไฟของหนู >//////< 
 
ปล. ขอบคุณบี้ที่มาอัพค่ะ ถือว่าเป็นของขวัญวันคริสต์มาสเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 25-12-2016 19:45:50
สมุทรพาไฟไปวัด? จะใช่มั้ยหนอ? 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 25-12-2016 20:41:54
เอ็นดูยูมาก ชอบบบ
ออกมาสองสามตอน รู้สึกเข้าใจเฮียกานต์
รอดูเดทแมนๆ ของไฟกับสมุทร
เอาใจช่วยให้ไฟลวนลามได้มากกว่านี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 25-12-2016 21:08:41
สมุทรพาคุณไฟเข้าวัดชัวร์ กร๊ากกกก
เป็นเดทที่บรรยากาศมุ้งมิ้งดีจริงๆ รู้สึกถึงความเป็นตัวของตัวเองของสมุทรเวลาแบบนี้นะ มีกวนบ้างอะไรบ้าง เวลาเป็นบอดี้การ์ดจะกวนเยอะก็ไม่ได้(เพราะเจ้านายกวนกว่า)  :hao7:

คู่ของเฮียกับยูก็น่าสนใจ เหมือนเฮียจะเก่งกาจแค่ไหนก็ยังเอายูน้อยไม่อยู่  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-12-2016 22:44:01
เดาว่าพาไปวัด
สมุทรมีเขินอยู่บ้างนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 25-12-2016 23:04:31
คู่นี้คงอีกไกล
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 26-12-2016 09:25:37
คุณไฟเหมือนสาวน้อยมาเดทครั้งแรก 5555555
แบบกังวลมั่งเขินมั่ง
น่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 26-12-2016 09:49:41
ขอให้สมุทรพาไฟไปวัดเถอะ  :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 26-12-2016 11:10:10
ไฟนี่หลงสมุทรมากเลยนะเนี่ยเวลาอยู่กับสมุทรนี่ทั้งกวนเค้าทั้งหยอดเผลอๆมีจุ๊บอีกโอ๊ยน่ารัก

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 26-12-2016 14:40:57
เขาไปเดทกันจริงๆจังๆแล้วววววว ดีงาม พี่ไฟมารออีกต่างหาก แอบลุ้นไปกับพี่ กลัวสมุทรไม่มาเหมือนกัน5555 

จุ๊บกันเบาๆ แม่งโครตจะน่ารักอ่ะ  ยอมรับตรงนี้ว่าอยากได้ผู้ชายแบบพี่ไฟเหลือเกินค่ะ  กริ๊ดดดดดด

นี่เป็นของขวัญ x'mas ที่อบอุ่นมาก ได้อ่านพี่ไฟกับสมุทร เขินมากบอกเลย เขินแทนพี่ไฟ

ขอบคุณเบบี้  :กอด1:



หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 26-12-2016 14:51:03
อ่านทันแล้วววว ฮ่าาาา

แต่เสียใจมากกว่าง่ะ เพราะต้องรอตอนต่อไป อ้ากกกกกกก
ก็เลยเว้นตอนล่าสุดไว้ยังไม่อ่าน555555

เนื้อเรื่องแปลกดี แนวมันแตกต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆที่เคยอ่านมา แถมบรรยากาศของเรื่องมันใกล้ตัวมากๆ ใกล้แบบเจอทุกวันหลังข่าวภาคค่ำงี้ เหมือนละครเลยอะ แต่น่าสนใจกว่าละครทีวีเย้อออ มีแต่ตัวละครผู้ชาย 55555555555555 :-[

ตอนแรกๆ นี่อยากจะตั้งชื่อเล่นให้เรื่องนี้ว่า ชีวิตในวันๆหนึ่งของนายไฟ หรือการติดตามชีวิตนายไฟ 5555555 เห้ย คือคุณไฟเขามีวินัยมากเลยนะ ทำทุกอย่างมีระบบ เป็นตารางเวลาอย่างนี้ เราชื่นชมคนแบบนี้อะ เขาทำได้ยังไงกัน เป็นคนในอุดมคติอะ อยากทำได้แบบนี้มาตลอด แต่ทำไม่เคยได้ TT ติดขี้เกียจ5555555 เป็นคาแรคเตอร์ที่แตกต่างจากที่เคยอ่านๆมาอะ อีกอย่างเวลากลางวันครึ่งหนึ่งคนพวกนี้ให้กับการออกกำลังกายอะ! หุยยยยยย ไม่อยากนึกถึงหุ่น ฟิตเปรี๊ยะๆ กล้ามแน่น ซิกแพค ชอบบบบ เราชอบอ่านส่วนที่ออกกำลังกายอะ นึกภาพตามแล้ว ถอดเสื้อ เปลือยอก ชกลม ยกเวท หึยยยย แล้วทั้งคุณไฟ พี่ธาน สมุทร นพ เข้ม เด่น หุยยยยย แต่หลังๆไม่มีฉากออกกำลังแล้วอะ คุณไฟต้องพักร่างกาย เซงเลย555555

ว่าคุณไฟแกจิตไม่ปกติใช่มั้ย เอะอะจับนมจับเป้าเขาไปทั่ว แม้สถานการณ์จะน่าสิ่วหน้าขวานก็ตาม แต่เอ้ แล้วสมุทรล่ะ จะเป็นคนยังไงกันแน่ถึงจะคุมคนแบบคุณไฟอยู่ เอิ้กๆๆๆๆ :hao7:

เราได้ความรู้จากเรื่องนี้เยอะเลย ทั้งค่ายมวย การต่อยมวย ตลาด การจัดการหลายๆ อย่าง เอ้อ รถด้วย เราเพิ่งรู้นี้แหละว่าบิ๊กไบท์มันหนักเกือบ200โลอะ โหววววววหนักชิบ ขี่กันได้ยังไง -0-!!!
พื้นฐานเราชอบนิยายแบบนี้อะ คนเขียนพร้อมเตรียมมาดี ข้อมูลแน่น นอกจากสนุก ยังได้ความรู้อีก เยี่ยมไปเลย

ขอบคุณคนเขียน เป็นกำลังใจให้นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 26-12-2016 15:05:21
เบบี้อัพตั้งยาว แต่ทำไมเราอ่านแล้วเหมือนมันสั้นอ่ะ
แบบว่าเพลินกับการจีบกับแบบ แบบยังไงดีละ
ให้คำนิยามไม่ออกว่าจีบกันเดทกันได้หรือเปล่าแต่คนอ่านฟิน  :impress2:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 26-12-2016 15:31:28
เบบี้อัพตั้งยาว แต่ทำไมเราอ่านแล้วเหมือนมันสั้นอ่ะ
แบบว่าเพลินกับการจีบกับแบบ แบบยังไงดีละ
ให้คำนิยามไม่ออกว่าจีบกันเดทกันได้หรือเปล่าแต่คนอ่านฟิน  :impress2:

 :pig4: ค่ะ

คิดเหมือนกันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 26-12-2016 15:34:35
แล้วก็อ่านตอนล่าสุดจนได้

คงไม่ได้พาไปวัดหรอกนะสมุทร 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 26-12-2016 15:49:22
เบบี้อัพตั้งยาว แต่ทำไมเราอ่านแล้วเหมือนมันสั้นอ่ะ
แบบว่าเพลินกับการจีบกับแบบ แบบยังไงดีละ
ให้คำนิยามไม่ออกว่าจีบกันเดทกันได้หรือเปล่าแต่คนอ่านฟิน  :impress2:

 :pig4: ค่ะ

คิดเหมือนกันเลยค่ะ

คิดเหมือนกันเลยค่ะ ..คึ!!!   :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 26-12-2016 17:41:17
ลุ้นจนเหนื่อย เกร็งไปหมด โมเมนท์เท่ามดแต่ฟินอลังการ 5555555555555555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 26-12-2016 19:48:07
โหยยยยย อิพี่ไฟ ทำไมพี่อ้อยได้ขนาดนี้ ฉากช้อนตามองนี่ตายๆๆๆๆ รู้สึฟีโรโมนฟุ้งมาก ส่วนสมุทรนี่เวลาไม่ทำงานชักยังไงๆ อยู่นา อยากเห็นเวลาระเบิดความรู้สึกออกมา จะเป็นยังไง ตื่นเต้ๆๆๆๆ

ปล. พี่ไฟคะ รบกวนช่วยกลับไปยิงปืน ต่อยมวย เตะหญิง กวนบาทาเหมือนเดิมเถอะค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-12-2016 20:34:41
พาไปชำระจิตใจ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-12-2016 21:40:34
ไฟ ดูแลคนในครอบครัว ลูกน้อง ดีมาก
ไฟ น่าจะร้องเพลง หรือเปิดเพลงซึ้งๆ ให้สมุทรฟัง
อย่างเพลง  All That I am
When The Heart Ache Ends
น่าจะช่วยได้นะ (ขอโทษค่ะ วุ่นวาย ว้าย วาย อีกและ)
(ที่จริงชอบเพลงพวกนี้ เพราะคุณเบบี๋ นั่นแหละฟังกี่ที ก็ซาบซึ้งทุกที) :mew6: :mew6: :mew6:
สมุทร พาไฟไปวัดแน่ๆ ถึงต้องให้ไฟ สำรวม
ลุ้น ไฟ สมุทร มากๆ      :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 26-12-2016 22:03:44
เดทนี้แกทำตัวน่ารักว่ะไฟ
ชั้นเขิน  :o8: โอเค แกสอบผ่าน o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 27-12-2016 22:31:54
มาลุ้นว่าเค้าจะพากันไปเดทที่ไหน!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 28-12-2016 16:46:48
อย่าบอกนะว่าไปเดทกันที่วัด 555555 ดูหน้าคุณไฟด้วย~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 30-12-2016 08:58:50
อ่านแล้วติดหนึบ ชอบสมุทร พายุ พี่ธาน ไฟบ้าๆบอๆ กวนมาก  ขอให้โดนสมุทรจัดการ555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 36 [ 12:00 น. - อา. 25 ธ.ค 59 หน้า 45 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 30-12-2016 11:12:32
พักจากตอนหนักๆ มา ตอนนี้ดูละมุนมาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-01-2017 09:54:12

[ อังคารที่ 20 ธ.ค 59 ]  ตอนที่ 35 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1290

[ อาทิตย์ที่ 25 ธ.ค 59 ]  ตอนที่ 36  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1320



_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 37
..ไฟ..




ระยะทางระหว่างรถไฟฟ้าและการเดินเท้ามาวัดค่อนข้างไกลพอสมควร  ตามจริงแล้วผมเป็นคนเอ่ยปากเองว่าจะเดิน  ผมไม่แปลกใจกับเส้นทางที่กำลังไป  ตามตรงแล้วก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี  การเดินตามหลังของแผ่นหลังที่เดินตรงไปอย่างแน่วแน่ทำให้ภาพในอดีตย้อนกลับมา  ไม่ใช่ภาพของเขาเสียคนเดียวซะทีเดียว  ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที  ความเหนื่อยเกิดจากอากาศที่ร้อนมากกว่าระยะทาง  เราทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าสถานที่ที่แสนเงียบสงบแห่งหนึ่งในเมืองหลวง  ต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบปกคลุมเหนือหัว  ได้ยินเสียงนกร้องเพราะหู 

วัดนี้เป็นวัดประจำที่ตระกูลของผมมักเลือกใช้ทำพิธีให้กับคนในครอบครัวที่เสียชีวิต  ไม่ว่าจะลูกน้องหรือคนสนิท  เป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่สมัยของปู่หรือพ่อของปู่โน่นล่ะ  เช่นเดียวกันว่าพ่อของคนที่มาด้วยกันกับผมก็เผาที่นี่เช่นกัน  เผาแบบไร้ญาติมิตร  มีแต่เพียงเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัวผมเท่านั้น  ผมหยุดยืนนิ่ง  แม้จะไม่แปลกใจหรือตื่นตระหนกต่อการมาถึง  แต่แค่สงสัยนิดหน่อยว่าคนตรงหน้ากำลังรู้สึกอย่างไร   


“ไปกันเถอะครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองสมุทรที่หันกลับมาเรียกสติผมด้วยน้ำเสียงสุภาพ  เขาก้าวเข้าไปในตัววัดก่อน  ผมจึงก้าวตามไป  ระหว่างทางมีร้านดอกไม้ธูปเทียนวางขาย  โดยปกติแล้วผมไม่จุดธูปไหว้พระ  แต่เนื่องจากยังไม่รู้นิสัยใจคอของคนที่มาด้วยมากนักและเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทผมจึงเดินไปเพื่อจะซื้อดอกไม้ธูปเทียนติดมือไปด้วย  สมุทรหยุดเดินหันกลับมา  ผมจึงชี้นิ้วบอกจุดประสงค์เล็กน้อย  ไม่รู้ว่าคำพูดหายไปไหนหมด  แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เข้ามาคว้าแขนผมไว้  ผมหยุดมองอย่างสงสัย  เขาไม่พูดอธิบายใด ๆ แต่กลับดึงแขนผมให้เดินตามเขาไปทั้งอย่างนั้นจนเรามาหยุดอยู่ที่หน้าโบสถ์  รองเท้าที่ด้านหน้าไม่มีสักคู่ทำให้รู้ว่าด้านในคงจะไม่มีใคร  รอบ ๆ ตัวที่เห็นหนาตาหน่อยก็เป็นผ้าขาว  สมุทรปล่อยมือออกพร้อมถอดรองเท้า  ผมจึงทำตาม 

สัมผัสแรกที่เข้ามาถึงด้านในคือความเย็นสบายที่มีมากกว่าด้านนอก  ผมนั่งลงข้าง ๆ กับคนที่มาด้วย  เราต่างไหว้พระ  ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบและสงบ  ผมที่ไหว้พระเสร็จก่อน  เป็นการไหว้อย่างไม่มีการขอใด ๆ  เสร็จแล้วจึงได้แต่นั่งมองสมุทรอย่างรักษาความเงียบเอาไว้  อีกฝ่ายลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนก้มกราบสามครั้ง  ผมเหสายตามองไปที่ตักของเขาแทนที่เราจะสบตากันตรง ๆ

“วัดนี่นะ สถานที่ที่พิเศษสำหรับฉัน” ผมเปลี่ยนเรื่องพูดติดตลก

“ไม่ดีเหรอครับ” อีกฝ่ายยิ้มตอบ  ผมเงียบ  ได้เพียงแต่ยิ้มมุมปากนิดหน่อยเท่านั้น  ผมขยับขาเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิ

“พ่อฉันจัดพิธีศพให้พ่อนายที่นี่” ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ โดยหันหน้าออกไปทางประตูโบสถ์ 

“ครับ ผมทราบ” สมุทรตอบ  ผมทิ้งช่วงเงียบลงอึดใจหนึ่ง

“ทำพิธีเจ็ดวัน นานพอ ๆ กับญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว พ่อฉันต้องการแบบนั้น ปกติ.. ถ้าลูกน้องคนไหนที่ญาติไม่สะดวกนำกลับไปทำพิธีที่บ้านเกิด เรามักจะทำพิธีกันที่วัดนี้ ครอบครัวฉันจะช่วยเหลือค่าทำศพครึ่งหนึ่ง แล้วเป็นเจ้าภาพแค่บางวัน แล้วแต่คน”

“แต่ลุงยอด พ่อฉันไม่ให้ใครแตะเลย จัดการเองหมด” ผมเล่า  ทิ้งเสียงจากผมเราก็เงียบกันหลายนาทีเห็นจะได้

“ผมเคยเห็นคุณที่นี่..” สมุทรพูดขึ้นทำให้ผมหันขวับไปมองเขาในทันที  อีกฝ่ายเหสายตาลงไม่สบตา

“สมัย ที่พ่อเอาแต่..โอ๋คุณละมัง”

“หึ” ผมหัวเราะกับคำพูดติดตลกที่ประชดประชันนั่น

“ผมแอบมา ตอนนั้นหน้าวัดยังมีแต่ป่าอยู่เลย กลับถึงบ้านโดนแม่ตีใหญ่ว่าหายไปไหนมาดึกดื่น คืนนั้นเป็นงานศพของลูกน้องพ่ออีกทีมั้งครับ ที่สำคัญ..ผมว่าคุณหน้าตากวนประสาทตั้งแต่เด็กเลย” สมุทรช้อนตาขึ้นมอง  ผมจ้องจนเกือบจะหลุดขำ

“ผมจำหน้าคุณไม่ได้หรอก แต่จำความคิดตัวเองในใจตอนนั้นได้น่ะ”

“สาบานต่อหน้าพระนะว่านั่นพูดออกมาจากใจ” ผมพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย

“ครับ ไม่จำเป็นต้องโกหกนี่” อีกฝ่ายย้อน  ผมยิ้มนิดหน่อยอย่างไม่ปฏิเสธ  บทสนทนาถูกจบลงหลังจากนั้น  เราออกจากตัวโบสถ์เมื่อมีคนทยอยมากราบไหว้

“ฉันสงสัยน่ะ..” ผมเข้าไปยืนขวางตรงหน้าสมุทรไม่ให้อีกฝ่ายเดินต่อ
 
“ที่เขาบอกว่า การที่คนเราได้มาเจอกันอีกเพราะทำบุญทำกรรมร่วมกันมานี่มัน ..นายว่ามันจริงไหม ?” ผมถามหน้าเป็น  สมุทรจ้องเขม็ง  สีหน้ายังไม่บอกอารมณ์ไม่ชอบใจใด ๆ

“กรุณาสำรวมด้วยครับ” เขาตอบ

“ไม่สำรวมตรงไหน ก็แค่ถาม” ผมเบ้ปาก  กะพริบตาพลางยกไหล่ขึ้นทั้งสองข้าง 

“ครับ คงงั้นมั้งครับ” สมุทรตัดบทตอบปัดประเด็นไปที  เขาเบี่ยงตัวเดินผ่านหน้าผมไป  ผมได้แต่แสยะยิ้มมอง  อีกฝ่ายคงไม่อยากที่จะโกหกถึงได้ตอบรับมาเช่นนั้น  สมุทรเดินตรงไปที่แม่ค้าขายน้ำอ้อยตรงทางประตูเข้าบริเวณวัด   

“เอาไหมครับ” เขาหันมาถามพร้อมทำท่าจะซื้อให้ผมอีกถุง

“ไม่” ผมตอบแทบไม่ต้องคิด  เห็นก็รู้แล้วว่ามันคงจะหวานมาก  สมุทรับถุงน้ำอ้อยมาพร้อมกับจ่ายเงินให้แม่ค้าไป  ไม่ทันให้หลอดน้ำอ้อยเข้าปากคนซื้อ  ผมก็คว้ามือไปแย่งถุงมาก่อนจนยายคนขายมองตามแล้วหัวเราะ  สมุทรอมยิ้มส่ายหัวน้อย ๆ ไม่ว่าอะไร  น้ำอ้อยถูกดูดเข้าไปหลายอึกพร้อม ๆ กับเดินออกมาหยุดยืนที่ริมถนนใหญ่   

“อ้า หวานฉิบ” ผมขมวดคิ้วบ่นหน้าแหย  ยื่นถุงกลับคืนให้เจ้าของ   

“หึ” สมุทรอมยิ้ม  รับถุงกลับคืนไปดูดต่อ 

ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเดินนำออกมาก่อน  ในหัวที่ไม่มีแบบแผนมาตั้งแต่ก่อนหน้ากำลังนึกไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าควรไปที่ไหนต่อเพื่อที่จะไม่ให้อีกฝ่ายเบื่อ  คิดไปคิดมาแล้ว บางทีหมอนี่อาจจะเบื่อตั้งแต่ก่อนมาแล้วก็ได้น่ะนะ  ดังนั้น ช่างหัวปะไร

สมุทรเดินตามหลังมาเงียบ ๆ  เราทั้งคู่ออกมายืนอยู่ที่หน้าปากซอยอีกครั้ง  ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายโบกเรียกแท็กซี่เองคล้ายกับกึ่ง ๆ บังคับให้คนที่มาด้วยไปต่อด้วยกัน  สถานที่ต่อไปเป็นเขตพระนคร  พิพิธภัณฑ์  ผมเคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จากปากของยู  เขาสนใจทางด้านนี้แต่ผมไม่เคยมีโอกาสได้มาสักที  ไม่วนเวียนอยู่กับแหล่งทำมาหากินก็อยู่แต่บ้านกับค่ายมวย  หากผมมีโอกาสมาที่นี่ปกติผมคงมาคนเดียวหรือไม่ก็คงจะชวนให้ยูมาด้วยกัน  สรุปแล้วสถานที่เช่นนี้ผมว่าการมาคนเดียวสะดวกกว่า  แต่วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษละมัง  เหมือนกับว่าไม่มีที่จะไปด้วยกันทั้งคู่  ถ้าจะเป็นห้างสรรพสินค้าก็คงไม่ต่างอะไรจากทุกที  อีกอย่างสมุทรก็คงไม่ได้พิสมัยห้างสักเท่าไหร่ 

“เบื่อก็บอกล่ะ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่จ่ายเงินค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สำหรับสองคนเสร็จ

“ยังไม่เคยมาที่นี่เหมือนกันครับ” สมุทรพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นมองตัวตึกของอาคารแห่งนี้  ไม่รู้เป็นบอกกล่าวหรือบ่นให้ฟังกันแน่ 

“ใช่สิ คุณไม่ต้องกินยาเหรอครับ” อีกฝ่ายขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“ไม่ต้อง” ผมตอบปัด  ตามจริงแล้วยังมียาที่จำเป็นต้องกินเหลืออยู่แม้จะหายดีแล้ว  ผมไม่ได้พกมาด้วยเพราะมันน่ารำคาญ
 
“คุณนี่นะ” คนฟังถึงกับถอนหายใจ  ดูท่าเขาจะรู้ทัน

ผมพลิกนาฬิกาข้อมือดูก่อนที่จะเริ่มสำรวจด้านใน  เวลาตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นแล้ว  ดังนั้นจึงมีเวลาเหลือไม่มากสำหรับที่นี่  เราสองคนไม่ได้เกาะกลุ่มกันเดิน  ใครใคร่สนใจในสิ่งไหนก็อยู่กับจุดนั้นนานหน่อย  มีเพียงระหว่างเปลี่ยนไปชั้นอื่น ๆ เราก็แค่เดินตามไปด้วยกันก็เท่านั้น  ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของประเทศไทยในแบบที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็กนักเรียน  ส่วนใหญ่จึงมีแต่วัยรุ่นเข้ามาศึกษาหาข้อมูล  สิ่งที่ทำให้ผมกับสมุทรตื่นเต้นกันมากที่สุดก็คงจะเป็นพวกวัฒนธรรมเก่า ๆ ที่เราได้เคยสัมผัสกันในสมัยเด็ก  แต่ตอนนี้กลับเลืองรางเต็มทีและแทบไม่ได้เห็นว่าเด็กสมัยนี้จะได้สัมผัสถึงสิ่ง ๆ นั้น 

“หิวเลย” ผมเอ่ยปาก  ตาหยุดนิ่งมองรถเข็นส้มตำที่ทางพิพิธภัณฑ์จำลองเอาไว้  สมุทรหัวเราะในลำคอคล้ายเห็นด้วยกันกับผม

“สมัยเป็นเด็กผมเคยปิ้งปลาหวานขายที่หน้าบ้านด้วยนะครับ” สมุทรบอกขึ้นด้วยสีหน้าสนใจ  นิ้วชี้ไปที่ปลากระเบนหวานย่างบนเตา

“ฉันกับพี่ธานชอบซื้อมาปิ้งที่บ้านบ่อย ๆ” ผมสมทบ  ปลากระเบนหวานย่างคือหนึ่งในของเล่นและอาหารกินเล่นที่หลังบ้านของผมกับพี่ธาน 

เราเดินต่อไปเรื่อย  เล่นเกมที่ทางพิพิธภัณฑ์มีไว้ให้บ้าง  สุดท้ายมาจบที่ชั้นหนึ่งตามที่ผมตั้งใจไว้ว่าจะดูภาพยนตร์ปิดท้ายก่อนกลับออกไป  ภาพยนตร์ที่ฉายเป็นเนื้อหาภาพยนตร์สั้นที่เกี่ยวกับความเป็นมาของประเทศไทย  คล้ายกับว่าสรุปให้เข้าใจโดยง่าย  มีเด็กเล็กบ้าง  ผู้ใหญ่บ้างไม่มากนักนั่งอยู่  ที่นั่งแบ่งเป็นสำหรับผู้ใหญ่นั่งได้สองคน  หากเป็นเด็กเล็กก็อาจจะจุได้สามถึงสี่คน  โดยเก้าอี้แต่ละตัวเว้นระยะห่างเท่าช่วงแขน 

แสงลอดผ่านผนังสีน้ำเงินเข้มส่องให้ความสว่างทำให้การดูเป็นไปโดยไม่มืดสนิทเสียทีเดียว  ผมแอบเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  เขาดูตั้งอกตั้งใจมากกว่าผมเสียอีก

“ถ้านายเบื่อ หลังจากนี้เราจะกลับกันเลย” ผมพูดขึ้นขณะที่กำลังดูภาพยนตร์อยู่  ใช้น้ำเสียงที่เบาได้ยินกันเพียงแค่สองคน  เวลานี้ก็จวนจะหมดวันเต็มแก่แล้ว

“คุณจะพูดเพื่อให้ผมเลือกทำไมละครับ” อีกฝ่ายย้อนทั้งที่ยังไม่ยอมมองมาที่ผมดี ๆ

“ถ้าผมเลือกกลับขึ้นมาล่ะ..” สมุทรเลิกคิ้วหันหน้ามาทางผม

“ฉันคิดว่าฉันจะตามนายไปด้วย ว่าจะขอฝากท้องฝีมือดาวสักหน่อย กำลังหิวข้าวพอดี” ผมตอบหน้าตาย  ทำให้สมุทรเบือนหน้าหันกลับไปดูภาพยนตร์ต่อ 

“เอาเป็นว่า ฉันจะคิดเอาเองว่านายไม่เบื่อก็แล้วกันนะ” ผมสรุปส่ง ๆ รวบรัดเข้าหาตัว  แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้าง ๆ  เราดูจนภาพยนตร์จบ  กลับออกมาฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มผิดปกติ  บางส่วนแจ้งบางส่วนสว่าง  พยากรณ์อากาศเมื่อเช้าที่เพิ่งฟังมาชวนให้นึกถึงและอดด่าปรามไม่ได้ว่า “อย่าตกนะมึง”

“ไปไหนครับ” สมุทรหันมาถามเมื่อแท็กซี่คันหนึ่งหยุดจอดเทียบคล้ายกับรู้ว่าเราต้องการใช้บริการ

“เยาวราช” ผมตอบ  เขาหันกลับไปบอกที่หมาย  คนขับรถผงกหัวเป็นการตอบรับว่า “กูไป”  เวลานี้เป็นเวลาที่ผู้คนกำลังออกนอกบ้านออกจากที่ทำงาน ทำให้ระยะทางที่ไม่ไกลมากก็ไกลในบัดดล  รถค่อนข้างติด  ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง 


..
ส้มตำเจ๊เป็ด ครกระเบิด


“ปกตินายกินตำอะไร” ผมถามข้อมูลประกอบการสั่งอาหาร  เสร็จจากมื้อนี้ผมคงปล่อยเขาไปไม่ยื้อไว้อีก 

ลูกค้าที่มาร้านนี้ถ้าเลยหกโมงเย็นคนจะเยอะเป็นพิเศษกว่าเวลาอื่น ๆ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “เยอะฉิบหาย”  ปกติผมไม่ค่อยได้มากินบ่อยเพราะเวลาอยากกินมักจะสั่งให้แม่บ้านทำให้หรือไม่ก็ให้แม่บ้านไปซื้อที่ตลาดแล้วนำกลับมากินที่บ้านจะสะดวกกว่า

“ปูปลาร้าครับ เอ่อ..ผมกินได้หมด” สมุทรแบ่งรับแบ่งสู้
 
“คุณสั่งเลยครับ” เขาสรุป 

“โอเค” ผมรับทราบอย่างไม่เกรงใจ

“ตำปูปลาร้าหนึ่ง ตำปูม้าดองหนึ่ง ตำผลไม้รวมไข่เค็มหนึ่ง” ผมบอกพนักงาน  ความเคยชินของผมคือการสั่งแบบไม่ยั้งเมื่อกินอาหารประเภทนี้  มันเกิดจากความเคยชินที่ชอบกินกับลูกน้องและเราสามารถสั่งหลายอย่างได้เพราะมีคนช่วยกิน  มันสนุก มันอร่อย  แต่ถึงกินคนเดียวหรือกินแค่กับพี่ธานผมก็ยังชอบสั่งเยอะอยู่ดีน่ะนะ

“เผ็ดไหมครับ ?” พนักงานถาม

“เอารสเจ๊” ผมตอบห้วน ๆ

“เอาแน่น้า~ งั้นไม่เกรงใจน้าคร้าบ” มันขานรับเสียงทะเล้นก้มหน้าก้มตาจดทำเอาผมกับสมุทรได้แต่อมยิ้มให้กัน

“แล้วก็ตับหวานหนึ่ง ลาบวุ้นเส้น ปีกไก่ทอดน้ำปลา คอหมูย่าง ไก่ย่างด้วย..เอาเฉพาะตรงอกนะ สองไม้แล้วกัน” ผมร่ายยาว  สมุทรมองกะหลับกะเหลือก  ไม่เว้นแม้แต่พนักงาน

“เอ่อ คุณไฟครับ” สมุทรเอ่ยปากเตรียมเบรก  ผมยกมือขึ้นปรามเพราะใกล้จะพูดจบแล้ว

“ข้าวเหนียวสองกระติบ”

“ครับ” พนักงานพยักหน้ารับ

“น้ำแข็งถังนึง” ผมบอก 

“ได้ครับ รอสักครู่นะครับ” พนักงานรับปากห้วน ๆ  มันทวนอาหารอีกครั้งและเดินไปอย่างคล่องแคล่ว  มีเด็กผู้ชายที่เป็นพนักงานอีกคนนำแก้วเปล่ากับน้ำแข็งมาวางให้  สมุทรเป็นฝ่ายจัดการรินน้ำใส่แก้วให้เรียบร้อย

“สั่งเยอะไปไหมครับ เดี๋ยวก็ท้องแตกตายหรอก” อีกฝ่ายบ่น

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ

“ก็ไม่จำเป็นต้องกินหมดทุกอย่างสักหน่อย” ผมพูด

“เฮ้อ เอาจริง ๆ นะ” ผมถอนหายใจมองหน้าคนตรงหน้า  สมุทรจ้องมองกลับอย่างสนใจว่าผมจะพูดอะไร

“ส้มตำนี่มันที่สุดของชีวิตเลยนะ มันคืออาหารช่วยชีวิตน่ะ” ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  อีกฝ่ายหลุดหัวเราะ
 
“ปกติฉันชอบกินที่บ้านมากกว่าที่ร้าน” ผมบอก

“บางทีก็เลยใช้ให้คนที่บ้านไปซื้อ กินกับไอ้พวกนั้นอร่อยกว่า รึบางทีแม่บ้านก็จุดชุดใหญ่..ตำให้กินกับมือ ส่วนไอ้พวกเวรก็สนุก ได้ปิ้งโน่นนี่กันที่หลังบ้าน ครัวกระจายก็โดนพายุด่าไปตามระเบียบ” ผมเล่า

“หึ ๆ” สมุทรยิ้มกว้าง 

“แล้วนายล่ะ” ผมถามกลับ

“กินที่บ้านครับ ปกติก็กินกับดาวกับยาย ดาวชอบกินส้มตำมากเลย เธอชวนผมกินบ่อยมากจนบางทีผมต้องเบรกไว้บ้าง วัน ๆ นึกอยากแต่ส้มตำ”

“กินคนเดียวก็ไม่ได้ซะด้วย บังคับว่า..กินเป็นเพื่อนหน่อย กระเพาะก็คนละกระเพาะแท้ ๆ” สมุทรยิ้ม ๆ ผมหัวเราะ  เราหุบยิ้มลงทีละนิดก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย  แม้จะเป็นการคุยแบบเว้นช่วงไปบ้าง  ส่วนใหญ่จะเว้นช่วงโดยไม่พูดมากกว่าแต่ก็ไม่ได้มีความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้น 

อาหารถูกนำมาเสิร์ฟไร่เรี่ยกันโดยแต่ละอย่างรอให้หลังกันไม่นานเท่าไหร่  ทั้งผมและเขาดูเหมือนจะกินอาหารรสชาติเดียวกัน  เรียกว่าเป็นการกินที่เป็นไปอย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่มีการหยุดขยับปากเลย  มีเพียงเสียงสบถชมถึงรสชาติให้ได้ยินเป็นระยะ  เวลาผ่านไปพักหนึ่ง ร่างกายของพวกเราเริ่มขยับช้าลงไปโดยธรรมชาติ  บริเวณท้องมีน้ำหนักมากขึ้น  อาหารตรงหน้าเหลือเพียงไม่กี่อย่างและดูเหมือนเราจะยัดกันเข้าไปไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว  เสียงฝนลงเม็ดทำให้ต้องเหลียวหลังกลับไปมอง  ลูกค้าต่างบ่นอิดออดในทันทีที่ฝนตกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  ครู่หนึ่งสมุทรดูแปลกไป  ทีท่าคล้ายกับมีกังวลอย่างเห็นได้ชัดทั้งที่เจ้าตัวพยายามที่จะซ่อนมันไว้ 

ให้หลังไม่เท่าไหร่เขาก็ขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ  ในมือถือโทรศัพท์มือถือติดมือไปด้วย  ที่หน้าจอกะพริบสว่างขึ้นจนสังเกตได้ทัน  ผมยังคงเมินเฉย  หยิบน้ำเปล่าที่เหลือครึ่งแก้วขึ้นดื่มจนหมด  เว้นช่วงเวลาระยะหนึ่งถึงลุกตามหลังเขาไป  ร้านส้มตำธรรมดา ๆ ที่มีลูกค้ามากมายทำให้ต้องเตรียมพร้อมเรื่องห้องน้ำไว้ถึงสามห้องโดยแยกชายหนึ่งและหญิงสอง
 
“หยาอยู่ไหน” เสียงแว่วมาจากทางด้านหลังเลยประตูห้องน้ำชาย  ผมหยุดเท้าจงใจยืนฟัง 

“ที่บ้านคุณเป็นห่วงกันมากนะ ทำไมทำตัวแบบนี้” น้ำเสียงของคนที่พูดฟังดูไม่พอใจและดุนิดหน่อย  เขาเงียบลงครู่หนึ่ง  ลมหายใจพ่นออกมาค่อนข้างยาวจนได้ยินชัดเจน

“บอกมาครับว่าอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปหา” สมุทรตัดบท  ผมฟังเท่านั้นและสังเกตสถานการณ์ดูแล้วว่าบทสนทนาน่าจะจบลงในไม่ช้านี้  ผมจึงเลือกกลับมานั่งที่โต๊ะและเรียกเก็บเงิน  สมุทรกลับออกมาทั้งที่บิลค่าอาหารยังไม่มาถึงด้วยซ้ำ  ผมแกล้งทำเฉยเพราะเขาเองก็ทำเช่นกัน  ดวงตาสีดำสนิทกำลังมองขึ้นผ่านหัวผมเหนือไปเพียงเสี้ยววิ  ผมเอ่ยปากว่าจะจ่ายเงินเอง  วางเงินใส่ถาดเรียบร้อยแล้วจึงลุกขึ้นทันที  เมื่อมองขึ้นไปยังจุดหมายของสายตาเมื่อครู่นี้จึงรู้ว่าอีกฝ่ายมองนาฬิกาที่ฝาผนังของร้าน 

“เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่นะครับ” สมุทรพูด  เราหยุดยืนเยื้อง ๆ ข้างร้านส้มตำซึ่งติดกับถนน  ที่จริงที่ยืนมันไม่พอดีหรอกแต่ไม่มีตรงไหนให้หลบฝนได้แล้วนอกจากตรงนี้  ผมล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกง  ซ้ำแล้วเสียงฝนที่เทสาดมาเต็มแรงดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

“มีธุระก็ไปก่อนได้เลย” ผมพูดขึ้นทำให้คนข้าง ๆ หันขวับมามอง  ผมเหล่ตามองไปที่เขาทั้งที่ใบหน้ายังคงตั้งตรงนิ่งเฉย

“ฉันเห็นว่านายดูให้ความสนใจกับนาฬิกาน่ะ” ผมขยายความเพื่อให้อีกฝ่ายหายสงสัย  สมุทรไม่ปฏิเสธ  ก็ไม่ได้หวังให้ปฏิเสธอยู่แล้วละนะ 

“เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่ให้นะครับ” อีกฝ่ายสรุป  ประโยคเดิมเดียวกันกับก่อนหน้าแต่มีคำเสริมเติมแต่งเข้ามานิดหน่อย  หากฟังไม่ดีก็คงจะคลุมเครือ  สมุทรเดินออกไปที่ริมถนนจนตัวเขาเกือบเปียกฝน  การยืนเพื่อให้ตนเป็นที่สังเกตได้ถนัด  ผมไม่คิดห้าม  คนเราก็ต้องบากบั่นเพื่อให้ได้อะไรมา  ความพยายามของเขาทำให้เรียกแท็กซี่ได้ภายในเวลาไม่นาน  คนที่กระโดดเข้ากระโดดออกได้แต่ชะโงกมองยังคงต้องดำเนินต่อไป  สมุทรจัดการบอกจุดหมายของแท็กซี่ให้เรียบร้อยโดยไม่สอบถามผมก่อน  มือเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารรอ  แม้ทุกอย่างจะเคลื่อนไหวไปอย่างปกติแต่ผมกลับดูออกว่าเขามีความรีบร้อนจนแทบปิดไม่มิด

“ขอบใจ” ผมบอกเท่านั้น  อีกฝ่ายผงกหัวผลิยิ้มน้อย ๆ  พอประตูรถปิดสนิทคนขับก็เคลื่อนรถออกทันที 

“โทษนะครับ” ผมเอ่ย  เจ้าของรถเหลือบมองผมผ่านกระจกมองหลัง 

“จะขอให้เสียเวลาสักหน่อย”

“เลี้ยวขวาซอยข้างหน้าจะมีที่จอดรถ ผมขอเหมาสองพัน..จะขอให้คุณรอไม่กี่นาทีหรอก” ผมพูดโดยย่อ  แม้สีหน้าของคนขับจะงุนงงในทีแรกแต่เขาก็ผงกหัวทำตามที่สั่ง  ฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง  แท็กซี่ได้ที่จอดรถไม่ยากจนเจ้าตัวก็ดูแปลกใจ  ร้านอาหารร้านดังที่ผมรู้จักกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี  เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นว่าคนที่นั่งแท็กซี่มาเป็นผมเขาก็โบกอนุญาตให้เข้าไปจอด  ผมลงจากรถตรงเข้าร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอย  ร่มคันเล็กถูกนำไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์  ไม่นานนักผมก็มาหยุดยืนอยู่ที่หัวมุมของร้านอาหารตามสั่งฝั่งตรงกันข้ามกับที่สมุทรยืนอยู่  เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม  ฝนก็คงไม่หยุดง่ายเร็ว ๆ นี้  เนื้อตัวเริ่มเหนียวชื้นน่ารำคาญใจ  ดูเหมือนสมุทรจะถูกแท็กซี่ปฏิเสธไปแล้วหลายคัน  สีหน้าของเขาเริ่มแสดงออกมากขึ้น  เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาทีก็โชคดีที่มีแท็กซี่บอกรับ  เลขทะเบียนรถและลักษณะของรถอยู่ในหัวเรียบร้อยจึงกลับมาขึ้นรถของตนพร้อมบอกจุดหมายที่ต้องการ  รวมถึงราคาค่าเสียเวลาที่เพิ่มขึ้นให้ก็ด้วย


“เตรียมรถด้วย อีกครึ่งชั่วโมงจะให้ออกมารับ” ผมสั่ง  ไอ้เด่นขานรับทราบก่อนที่ผมจะตัดสาย  ในแท็กซี่เงียบสนิท  คนขับแอบมองผมผ่านกระจกมองหลังกะหลับกะเหลือกมาหลายครั้งแล้ว  ครั้งนี้เป็นการตัดรำคาญจึงช้อนมองตอบกลับไป  เพลงลูกทุ่งถูกปิดไปเมื่อครู่นี้หลังจากที่ผมเอ่ยปากว่า “ไม่ต้องรีบ ตามคันข้างหน้าอย่าให้รู้ตัวก็พอ”  เขาเองก็คงต้องการสมาธิละมัง

จากเยาวราชไปถึงจุดหมายของสมุทรไกลพอดู  ใช้เวลาอยู่บนถนนเกือบสองชั่วโมง  ที่นานคงเพราะอุปสรรคบนท้องถนนและสภาพอากาศเป็นเหตุด้วย  ผมให้ค่าเสียเวลากับคนขับไปทั้งหมดห้าพันบาทและสั่งว่าไม่ต้องรอ  อีกฝ่ายรับเงินไปด้วยน้ำเสียงสุภาพปนดีใจ  สมุทรลงจากรถแล้ว  เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกผมตามอยู่  อีกฝ่ายเดินตากฝนทั้งอย่างนั้นไปตามตรอกซอกซอยที่ดูเหมือนจะคุ้นชิน  เท้าหยุดชะงักอยู่ริมฟุตปาธเมื่อคนที่กำลังตามอยู่หยุดยืนอยู่ที่หน้าโรงแรมหรูของอีกฝั่งถนนหนึ่ง  ผมกวาดตามองตาม  ผู้หญิงที่ชื่อหยาปรากฏตัวออกมาจากโรงแรมดังกล่าว  สมุทรหันรีหันขวารีบข้ามถนนไปหา  เธอเห็นว่าคนที่มาถึงเปียกโชกก็ดูจะตกใจ  ร่มที่เธอถือมาด้วยกางขึ้นเหนือหัวของสมุทร  ทั้งคู่หยุดยืนไร้บทสนทนาด้วยความใกล้เพียงฝ่ามือ  ร่มถูกสับเปลี่ยนคนถือก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตรงเข้าโรงแรมไป



- - - - - - - - - - - - - - -

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-01-2017 09:54:47

06:40 น. : บ้านเลิศประสงค์

“ต่อไปเป็นข่าวการเมืองค่ะ พรรคการเมือง...”

“น้ำแอปเปิลครับ” พี่ธานวางแก้วน้ำแอปเปิลปั่นสดลงบนโต๊ะ  หน้าจอโทรทัศน์กำลังฉายภาพนักการเมืองขณะให้สัมภาษณ์กับนักข่าว  โดยปกติผมไม่ค่อยดูข่าวพวกนี้และไม่คิดยุ่งเกี่ยว  อาจจะดูแบบผิวเผินบ้างเพื่อเป็นความรู้ 

“นั่งสิ” ผมพูด  พี่ธานเลือกที่จะนั่งโซฟาฝั่งซ้ายมือที่ตนยืนอยู่ 

“มีอะไรหรือครับ”

“ประวัตินักการเมืองคนนี้เป็นไง” ผมถาม

“ส่วนใหญ่เป็นไปในทางที่ดี เป็นที่รักของประชาชนนะครับ แต่ว่า..” พี่ธานตอบ  ผมมองหน้าพี่เขาเมื่อได้ยินคำว่า “แต่ว่า” นั่น  มันสะกิดหูนิดหน่อย

“มีแว่วมาว่าก็ไม่เบาเหมือนกัน” พี่เขาขยายความพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

“ก็นะ” ผมหัวเราะสมทบ  เรื่องที่ยูบอกผมเกี่ยวกับดำริและทีสมิธนั้นผมยังไม่ได้ปริปากบอกใครสักคนแม้แต่พี่ธาน  ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจพี่ธานแต่ผมต้องการความแน่ใจมากกว่านี้เสียก่อน

“ถ้ามีคนแอบพูดถึงผมว่า ไอ้ไฟมันก็ดีนะ แต่ว่า..” ผมแกล้งทำหน้าเป็นจนคนฟังยิ้มกว้าง

“ก็ต้องมี ‘แต่ว่า’ อยู่แล้วละนะ เฮ้อ” ผมพูดปนหัวเราะ 

“มีลูกกี่คน ?” ผมถามถึง

“สองคนครับ”

“เห็นว่าอยู่ต่างประเทศทั้งคู่เลย เรียนดีมากด้วยนะครับ พี่ชายคนโตกำลังเรียนต่อด็อกเตอร์อยู่ ได้ทุนการศึกษาของทางต่างประเทศ แต่ประวัติทางญาติพี่น้องต่างหากที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่”

“งั้นเหรอ” ผมขานรับ   

“สงสัยอะไรงั้นเหรอครับ ?” อีกฝ่ายรู้ทัน  ผมกุมมือเข้าหากัน  พี่ธานทิ้งช่วงเงียบอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าผมไม่ให้คำตอบโดยง่าย

“เฮีย!” เสียงไอ้ดินตะโกนแว่วมาแต่ไกล  ผมเหลือบมองเวลาที่ยังเช้าอยู่มาก  วันนี้มันจะต้องกลับไปโรงเรียนวันแรก
 
“Money!” มันกระแทกตัวนั่งลงข้าง ๆ ผม  มือขวาแบออกคล้ายบอกหน้าที่

“พูดภาษาอังกฤษเป็นอยู่คำเดียวแหละมึงอะ” ผมว่าด้วยน้ำเสียงเอือมระอา

“ก็มันเป็นคำที่สำคัญจะตาย” ไอ้ดินตอบหน้าทะเล้น

“หึ ๆ” พี่ธานกลั้นหัวเราะ 

“สอบวันไหน” ผมถาม  เอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟามาถือไว้

“อีกสองอาทิตย์เอง อืม..อาทิตย์กว่า ๆ ก็ได้มั้ง” ไอ้ดินทำหน้าคิดไม่ตก

“ไปเอาวันเวลาที่แน่นอนมาให้กู วันนี้” ผมสรุป  ไอ้ดินเงียบไป  แบงก์พันถูกหยิบออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นไปให้

“ทำไมเหรอครับ” มันถามเสียงอ่อยด้วยสีหน้าระแวง  ตามองเงินในมือผมโดยยังไม่ยอมรับไปดี ๆ  ขณะเดียวกันพายุก็เดินมาพร้อมกับแซนด์วิชในปาก  มันโยนห่อแซนด์วิชให้ไอ้ดินห่อนึง  ทั้งคู่แต่งตัวพร้อมไปเรียน

“ปิดเทอมนี้กูจะให้มึงไปอยู่ต่างประเทศ” ผมบอก

“แต่ดินอย่างอยู่นี่กับเฮีย” มันพูดเสียงแข็งเข้ามากอด

“ถึงมึงอยู่ไทย มึงก็ไม่เคยให้กูเห็นหัวมึงบ่อยอยู่แล้ว”

“มึงด้วยนะพายุ เอาวันสอบ วันปิดเทอมมาให้กูด้วย..ไม่เกินพรุ่งนี้ได้ยิ่งดี”

“ครับ” พายุรับปาก

“พี่ยุไม่สงสัยบ้างเลยรึไง!” ไอ้ดินหันไปเหวี่ยงที่พายุยอมรับโดยง่าย  คนถูกเหวี่ยงยังคงยืนเคี้ยวแซนด์วิชหน้าตาเฉย
 
“ดินจะไปก็ได้ ที่ไหนก็ได้ แต่เฮียต้องซื้อจักรยานคันใหม่ให้ด้วย” ไอ้ดินพูดเสียงแข็งเตรียมจะสร้างเงื่อนไข

“มึงเป็นพ่อกูเหรอ” ผมมองตาขวาง  อีกฝ่ายชะงัก  หันหน้าหนีทำท่าจะเคือง

“เอาสี่มาให้กูเห็นสักสองสามตัวแล้วค่อยยืดอกมาพูด” ผมโบกหัวกระบาลมันไปหลายทีด้วยความหมันไส้  ไอ้ดินหน้าหงายไปตามแรง  พี่ธานกับพายุได้แต่หัวเราะ

“แต่เลขสี่มันไม่เป็นมงคลนะเฮีย เลขหนึ่งน่ะ..เขาว่ามันมงคลที่สุดแล้ว” ไอ้ดินจงใจทำตาปริบ ๆ จนผมอมยิ้มออกมาเพราะดันเสือกจะขำหน้ามันตามคนอื่นไปอีกคน

“ได้..งั้นเงื่อนไขของกูคือ ถ้าเทอมนี้มึงได้เลขหนึ่งเกินหนึ่งตัว จักรยานมึงกูให้ได้ไม่เกินสามพัน บอกไว้ก่อน” ผมพูด  หันหน้ากลับมาจ้องโทรทัศน์อีกครั้ง  เงื่อนไขนี้ทำเอาน้องชายผมถึงกับพูดไม่ออกไปหลายวินาที

“ราคานั้นเรียกว่าจักรยานได้ด้วยเหรอ” ไอ้ดินทำหน้าแขยง 

“ก็ได้! งั้นถ้าเลขสี่อั๊วเกินสามตัวล่ะ !?” มันกระแทกเสียง  ผมยังคงทำเมิน

“ถ้าอั๊วทำได้ อั๊วขอคันละไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นนะ” มันย้อนด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ 

“มึงน่ะ..” ผมแสยะยิ้มขึ้นมุมปาก  เหล่ตากลับไปมองคนที่นั่งข้าง ๆ ที่ดูเหมือนกำลังขาดสติ

“เคยถามครูไหมว่าเขาคิดคะแนนเก็บก่อนสอบกับหลังสอบยังไง คะแนนสอบมิดเทอม ไฟนอลแบ่งเท่าไหร่ ? มึงไม่รู้ด้วยซ้ำ มึงสนแต่..มึงมีคะแนนอยู่ที่เท่าไหร่และต้องทำอีกเท่าไหร่มึงถึงจะรอดผ่านครึ่ง” ผมแสยะปากต้อนอย่างรู้ไส้รู้พุงยิ่งกว่ามุดเข้าไปในลำไส้ใหญ่ของมันด้วยตัวเอง

“กูให้แสนนึงเลย” ผมเลิกคิ้วยิ้มมอง  มือแบออกอย่างท้าทาย  ไอ้ดินกัดฟันทำหน้าฮึดฮัดเอาจริง

“Deal!!!” มันกระแทกเสียงรับคำท้าและนำมือจับมือผมตอบอย่างแรง

“ไม่น่าเชื่อ ..มึงพูดภาษาอังกฤษได้อีกคำแล้ว” ผมพึมพำตาโตหยอกมัน

“เฮียอ้า!” อีกฝ่ายโวยวายลุกขึ้นเขิน ๆ

“ไปเรียนละ กราบครับ กราบครับ” มันยกมือไหว้ผมอย่างสวยงามก่อนหันตัวไปไหว้พี่ธาน  หยิบแซนด์วิชที่วางอยู่บนโซฟาแล้ววิ่งออกไปหาแม่บ้าน  เสียงโหวกเหวกโวยวายลั่นไปทั่ว

“งั้นยุก็จะได้ด้วยใช่ไหม แสนนึงอะ” พายุแสยะยิ้มตาลอยวาดฝันไปแล้วเรียบร้อย

“หวัดดีครับ หวัดดีครับ” มันยกมือไหว้สรุปเองเสร็จแล้วจากไป

“ไอ้เวร ทำหน้าอย่างกับการ์ตูน” ผมบ่นถึงพายุ  มันมั่นใจอยู่แล้วว่ามันจะต้องได้ A หลายตัว  หรือไม่ก็คงไม่พ้น B, B+  ผลการเรียนของพายุเป็นอย่างนี้ประจำไม่เคยตก  มันถึงได้ลอยหน้าลอยตาทวงสิทธิ์แบบนั้นได้

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานหัวเราะ

“เฮ้อ เด็กสมัยนี้ ต้องเอาเงินแลกเกรดแล้วเหรอวะเนี้ย” ผมเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างเหนื่อยหน่าย

“สมัยเรานะ..” ผมเอ่ยพลางนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตช่วงที่จำได้หลัก ๆ

“ไอ้ไฟ! ตกลงมึงจะเรียนไม่เรียน! ไอ้ลูกเวร มึงนี่มันเหี้ยจริง ๆ ไม่น่าเกิดมาเป็นลูกกูเลย! มึงเลือกมา! ถ้ามึงจะทำตัวแบบนี้ พรุ่งนี้มึงไม่ต้องไปเรียน!!!” ผมเลียนเสียงดุดันเวลาที่พ่อโกรธ

“ตอนนั้น..ขนาดแค้นพ่อแค่ไหน ยังเลือกไปเรียนเลยคิดดู” ผมบอกยิ้ม ๆ สมเพชตัวเองฉิบเป๋ง

“ติดกระดุมชุดนักเรียนทั้งน้ำตา ไม่ได้เสียใจนะ..แค้นล้วน ๆ” ผมพูดติดตลกในส่วนที่ไม่เป็นจริง

“ฮ่า ๆ ๆ” พี่ธานก้มหน้าเห็นด้วย  สถานการณ์ตอนนั้นมันก็คงไม่ต่างกันนักหรอก

“ไอ้ตัวเหี้ยตัวนี้แม่งก็ลูกพ่อไม่ใช่รึไง สักวัน..จะต้องเอาคืนให้ได้ ตอนนั้นผมคิดอยู่แค่นี้เลยนะ” ผมยิ้ม

“แค้นพี่ด้วย” ผมเหล่ตาประชด

“ไหงงั้นละครับ” พี่ธานยิ้มเขิน  ต้นเหตุเพราะพ่อชอบเอาพี่ธานมาเปรียบเวลาด่าผมประจำ

“เตรียมติดต่อโรงเรียนภาษาที่เซี่ยงไฮ้ให้ผมหน่อย เอาลงเรียนครึ่งวันก็พอ ไอ้ดินมันได้เที่ยวทุกปิดเทอมมามากพอแล้ว” ผมพูดเป็นงานเป็นการ

“จะให้ไปอยู่กับคุณยูเหรอครับ”

“อืม” ผมพยักหน้า

“ยูจะได้ไม่เหงา อีกอย่าง..ให้พวกมันไปกวนเฮียกานต์หน่อยก็ดี” ผมแสยะยิ้ม   

“เฮียเขาต้องรู้แน่ว่าคุณจงใจส่งพวกคุณดินไปแกล้งน่ะ” พี่ธานส่ายหัวยิ้มเล็กน้อย

“ก็อยากให้รู้อยู่แล้วอะนะ” ผมเบ้ปาก

“แล้ว..เมื่อวาน เป็นไงบ้างครับ ?” พี่ธานเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน  ผมเงียบแต่รอยยิ้มที่เจือจางเมื่อครู่ยังคงไม่หมดไปจากใบหน้าซะทีเดียว

“ก็ดี” ผมตอบส่ง ๆ

“ไม่สนุกเหรอครับ”

“ก็..ไม่เชิง” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย  พี่ธานยังคงจ้องเหมือนรอคำตอบที่ขยายกว้างมากกว่านี้

“หมอนั่น มีมุมที่ทำให้รู้สึกว่าน่ารักว่ะ อะไรประมาณนั้น” ผมบอกปนหัวเราะ

“แต่มีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหมครับ”

“หึ..จะมีก็ไม่แปลกนี่ครับ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ผมตอบ  พี่ธานไม่พูดต่อความให้ยาวอีก  ผมเองก็เงียบด้วย 

“คืนนี้ผมจะไป Blackfoot ห้าโมงเย็นสั่งให้ไอ้เข้มกับไอ้เด่นเตรียมตัวด้วย ผมจะให้มันตามมงคลกับพี่เอิร์ธ เวลาเลิกงานพอดี..พวกมันคงจะเคลื่อนไหวอะไร” ผมสั่ง  พี่ธานผงกหับรับทราบ

“การที่ป้าน้อยถูกจ้างให้ดิสเครดิตตลาดเรา พวกมันคงมีเอี่ยวอะไรด้วย” ผมว่า

“ไอ้กริดนะเหรอครับ”

“เดาน่ะ” ผมตอบ

“เรื่องนี้ไอ้กายไม่น่าจะสั่ง ถ้าตามที่พี่ทัพบอก ผมคิดว่าไอ้กริดก็คงถูกใช้เป็นเครื่องมือทางธุรกิจเหมือนกัน ไอ้กริดมันกว้างขวางออก ลูกหนี้เงินกู้มันมีเยอะกว่าผมซะอีก” ผมอมยิ้มมุมปาก

“แล้วคุณจะบอกเรื่องนี้กับคุณทัพก่อนไหมครับ” พี่ธานถามอีกครั้ง

“ไม่ล่ะ รอพี่ทัพเคลื่อนไหวแล้วผมจะบอกพี่แกอีกที มีหลายเรื่องที่ผมยังอยากให้แน่ใจ”


- - - - - - - - - - - - - - -


21:35 น.

ตึกเก่าใกล้ละแวกเคียงผับ Blackfoot เป็นร้านกี๋วยเตี๋ยวบะหมี่ที่มักเปิดขายในตอนกลางวันจนถึงหัวค่ำ  ไม่มีใครอยู่ที่ร้านนอกจากพนักงานแม่ลูกสองคน  ส่วนเจ้าของร้านมักจะกลับไปอาศัยที่บ้าน  ได้เรื่องมาว่าอย่างนั้น  ดาดฟ้ารกค่อนไปทางสกปรก  มีราวตากผ้ายาวเป็นทาง  ส่วนใหญ่เป็นพวกผ้าเช็ดโต๊ะที่ใช้ทำความสะอาดในร้าน  อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ  วิวที่นี่แม่งดีสุด ๆ ไปเลย

“การ์ดคุมหน้าร้านสี่คน กล้องวงจรปิดเอาซะรอบทิศ” ผมบ่น  นำกล้องส่องทางไกลออกก่อนตะแคงตัวหันกลับมานอนมองท้องฟ้า  คู่หูของผมวันนี้เป็นเจ้าเก่าคนเดิมที่ทำงานด้วยแล้วสบายใจที่สุด “พี่ธาน”

“พี่ว่า ไอ้เอกหลานป้าน้อยนี่หน้ามันเหลี่ยมแบบไม่สมเหตุสมผลไปปะ” ผมชูรูปขึ้นมองและจดจำเข้าสมอง  พี่ธานที่กำลังตั้งใจปฏิบัติงานหัวเราะน้อย ๆ เอี้ยวตัวกลับมามองรูปอีกครั้ง

“บางคนก็เหลี่ยมมีเสน่ห์ในตัวอยู่หรอก แต่ไอ้นี่มันทั้งเหลี่ยมทั้งไม่หล่อ เอาซะจำง่ายไปอีก แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ดีมั้ง” ผมวิเคราะห์ปนหัวเราะก่อนนำโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋าเป้คู่ใจ 

“พี่ทัพโทรมาหาผมสองรอบแล้ววันนี้ น่าเบื่อฉิบ” ผมถอนหายใจ  พลิกตัวกลับมานอนในท่าเดิม  กล้องส่องทางไกลส่องตรงไปยังพนักงานผู้หญิงของร้านที่กำลังเดินเข้าเดินออกสวนกันเป็นว่าเล่น

“คนนั้นสวยนะ” ผมทัก

“ผมดำยาว หน้าม้านั่นน่ะ” ผมบอกพิกัด  พี่ใหญ่เหกล้องตามทันควัน

“หน้าอกนั่นก็ ทำมาสินะ” ผมพูด   

“คุณไฟครับ สิบสามนาฬิกา” พี่ธานทัก  ผมปัดเป้าหมายทันที  เราต่างเงียบมองผู้ชายร่างคุ้นตาที่กำลังทำท่าแปลก ๆ อยู่ทางด้านหลังรถยนต์ที่ลานจอดรถ 

“มันมาทำไม” ผมพูด  ไอ้บูรณ์ยืนลังเลคล้ายกับจะเข้าไปในร้านก็ไม่เชิง  ที่น่าแปลกคือมันก้าวขาและหยุดชะงัก  ทำซ้ำอยู่อย่างนั้น

“เฮ้ย! เคลียร์ลานจอดรถด้วย เดี๋ยวคุณกายมา” การ์ดหนึ่งในนั้นตะโกนสั่งพนักงานที่ยืนคุมลานจอดรถอยู่  ไอ้บูรณ์ที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ได้ยินอย่างนั้นมันก็กลับขึ้นรถของมันไป  ให้หลังประมาณห้านาที ไม่มีทีท่าว่าไอ้บูรณ์จะเคลื่อนไหว  จนรถยนต์ SuperCar สัญชาตเยอรมันเทียบจอดที่หน้าร้านอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนในนั้นจะเป็นใคร  การ์ดรีบเข้าไปต้อนรับ  ไอ้กายลงจากรถด้วยชุดลำลองสูทพร้อมกับผู้หญิงที่ทำให้ผมถึงกับต้องถอนหายใจแรง “ริศา”

“เฮ้อ น่าเบื่อฉิบเป๋ง” ผมเอ่ยปากบ่น  ขยับตัวลุกขึ้นนั่งยอง ๆ  ไอ้กายและริศาเข้าไปในร้านแล้ว  ส่วนรถยนต์ของมันก็ถูกขับไปจอดในที่ ๆ เหมาะที่สุดในร้านแล้วเช่นกัน

“ตกลงผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกมันบ้าง” ผมบ่น

“คงไม่ใช่แค่ประชดคุณเท่านั้นแล้วละมั้งครับ” พี่ธานพูด

“คุณย่าก็น่าจะทราบเรื่องนี้ ถึงได้ยอมเงียบไป หากทราบแล้ว คงกำลังมองหาผู้หญิงคนอื่นให้คุณอยู่แน่เลยครับ”

“พูดมากไปแล้วครับพี่ใหญ่” ผมปราม  พี่ธานอมยิ้มเก้อเขิน 

“คุณไฟครับ! นั่นมัน... สมุทรนี่ครับ”   




...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arnis ที่ 02-01-2017 11:15:25
เป็นเดทที่หักมุมอีกละฯ เดาเรื่องไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 02-01-2017 11:16:10
โอ๊ยยยยย ทำไมอ่านตอนนี้แล้วเคืองสมุทรบอกไม่ถูก
ปกติจะหมั่นไส้ไฟปนชอบใจนะ แต่ตอนนี้หมั่นสมุทรปนอยากจะฟาดซักที
ขัดใจอะ ตอนก่อนหน้าก็ฟินอยู่ดีๆ มาตอนนี้นี่แบบ... โดนซักทีดีมั้ย ฮึ สมุทร
กับผู้หญิงคนนั้นมันจะอะไรนักหนา จบแล้วจบเลยได้มั้ยเนี่ย
ในเมื่อเลือกทางเดินทางใครทางมันละก็ปล่อยนางไปเถอะ

เนื้อเรื่องก็เข้มข้นขึ้นไปอีกกกกก คุณเบบี้ก็ตัดฉับทำซะเราจะลงไปดีดดิ้น
ยังคงยืนยันว่าชอบไฟ สปอยไฟ เข้าข้างไฟ บัญชีความเคืองนี้เราจะทดไว้ในใจ
วันไหนที่สมุทรตกหลุมนะ ฮึ่มมมม จะยุไฟให้ใช้นิสัยความเป็นไฟทำให้หัวหมุน
ไม่ก็อกแตกตายไปเลย บางทีก็ขัดใจนิสัยสมุทรตรงที่เด็ดขาดไม่พอนี่แหละ เซ็ง

ขอบคุณเบบี้มากค่ะที่มาต่อ อาจจะเสียมรรยาทนิดนึงทั้งๆที่เบบี้เพิ่งมาต่อ
แต่อยากบอกว่าอยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ เราค้างมาก อยากอ่านอีกกกก
แต่ก็เข้าใจสิ่งที่เบบี้เคยเเจ้งมาแต่ต้น จึงได้แต่คร่ำครวญและรอต่อไป  :o12:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-01-2017 11:52:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 02-01-2017 12:03:31
ค้างอ่ะ สมุทรไปอยู่ตรงนั้นได้ไง โดนบังคับหรือเป็นสายให้พวกนั้น ถ้าอย่างหลังนี่ :m16: ไฟทำตามคำแนะนำโปรดได้เลย พิศาล ตบจูบๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-01-2017 12:13:16
เฮ้ยๆ อะไรเนี้ย หันไปทางไหนก็เจอปมอะ อ่านๆ ไปชักสงสารเฮียไฟแกละ
เฮ้อ...  :m16:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 02-01-2017 12:16:03
 :เฮ้อ: อุตส่าห์เปิดตอนปีใหม่พาไปเดทที่วัดแล้ว จะอะไรอีกหล่ะ ชะนีนำเหตุรึเปล่าเนี่ย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :katai1: :katai1: :katai1:
สวัสดีปีใหม่เบบี้ ให้สุขภาพแข็งมีแรงมาต่อเรื่อยๆ :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 02-01-2017 12:24:18
สมุทรรรรรรรรร
มีความลุ้น มีความตื่นเต้น มีความค้างคา  รอตอต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 02-01-2017 13:51:24
อ้าวเฮ้ยยยยยยยยย
ยังไงกันล่ะนั่น ลุ้น งง ค้างงงงงงง :a5: o22
ปล.สวัสดีปีใหม่จร้าาาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 02-01-2017 14:23:02
มีความค้างเบอร์แรง  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-01-2017 14:44:17
ทำไมเราสงสารไฟ? รักคนที่เขายังไม่คิดจะรักเรา .. มันเหนื่อยจัง #อีกนานไหม?กว่าจะได้ใจเธอ  :o11:

ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ถึงไฟจะมีลูกน้องอยู่รายล้อม มีงานมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมาย มีอีกหลายชีวิตต้องดูแล  มีคนในครอบครัวที่ต้องคอยห่วงใย  แต่ลึกๆ เราว่าไฟ .. เหงา และยิ่งรู้สึกเหงา เมื่อคนที่อยากให้มาคอยอยู่เคียงข้าง มาคอยดูแล ให้กำลังใจ ... ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาด้วยความเต็มใจ  o6
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 02-01-2017 15:29:35
รู้สึกใจคอไม่ดีเลย สมุทรไปทำอะไรแถวนั้นกัน  :katai1:  นอกจาจะรีบกลังระหว่างเดทกับคุณไฟแล้ว ยังทำตัวน่าสงสัยโดยไปอยู่ในที่ที่อันตรายอีก  :m16:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 02-01-2017 16:16:30
สมุทรไม่น่ารักเลย ทำไมทิ้งคุณไฟไว้กลางทางแบบนั้น  T___T
เป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงแล้วคุณไฟของเค้าล่ะ
ฮื่อออออ งอลลลลลลลอ่ะบี้ เค้างอลสมุทร   
มันน่าสั่งวิดพื้น 200 ครั้ง ปฏิบัติ !!
ว่าแต่หยานี่เกี่ยวข้องอะไรกับนักการเมืองนั่นรึเปล่านะ ไม่น่าไว้ใจๆ 
ปล. หวัดดีปีไก่จ้ะ เราจะอยู่กันไปอีกนานๆ ติดตามงานบี้ต่อไปเรื่อยๆน้า

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 02-01-2017 16:56:07
กรี๊ดดดด ตัดจบตรงชื่อสมุทรพอดี!!!

ปล. นี่ไม่คุ้นกับปลาหวานย่าง ถึงกลับต้องไปกู้เกิ้ลรูปมาดูเลย 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 02-01-2017 17:06:07
เอาแล้วไง ทำไมสมุทรมาอยู่ตรงนั้นกะเค้าด้วย  :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-01-2017 17:07:45
เอ้า....สมุทรมาเกี่ยวอะไรกันล่ะเนี่ย ?
คุณไฟจะทำยังไงต่อไป แล้วความเชื่อใจในตัวสมุทรจะลดลงไหม?
เดาไม่ออกเลยว่างานนี้จะออกหัวหรือก้อย
อยากรู้!!!!!!!

รอตอนต่อไป ขอบคุณเบบี้ค่ะ

สวัสดีปีใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 02-01-2017 17:09:28
ปล. นี่ไม่คุ้นกับปลาหวานย่าง ถึงกลับต้องไปกู้เกิ้ลรูปมาดูเลย 55555

 
เหมือนกันเลย  นี่สงสัยถึงขั้นเปิดดูในกูเกิ้ล ได้สาระไปอีก 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Maewjunsu ที่ 02-01-2017 17:20:57
ก็มันคาใจข้างในลึกๆ...สมุทรไปทำอะไรที่นั่นหรือจริงๆสมุทรเป็นสายตำรวจ???เดทครั้งแรกของพี่ไฟโรคจิตวิตถารเกือบจะดีถ้าไม่มีชะนีหยามาตอนท้ายแต่สมุทรก็ไม่ผิดนะถ้าจะมีอะไรกับใครในเมื่อไฟเองยังมีอะไรกับคนอื่นเลยเค้ายังไม่คบกันใครจะมีอะไรกับใครก็ได้ไฟไม่มีสิทธิ์นอยด์ในเมื่อตัวเองยังไปนอนกับคนอื่นทั่วไปหมด รอตอนหน้าอยากรู้สมุทรไปทำอะไรที่นั่นแล้วพี่ไฟจะคาดคั้นสมุทรได้ไหม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 02-01-2017 17:22:16
ปล. นี่ไม่คุ้นกับปลาหวานย่าง ถึงกลับต้องไปกู้เกิ้ลรูปมาดูเลย 55555

 
เหมือนกันเลย  นี่สงสัยถึงขั้นเปิดดูในกูเกิ้ล ได้สาระไปอีก 5555

ในส่วนนี้น้านนน.. มันคือ "ปลากระเบนหวานย่าง" ค่ะ  แก้เพิ่มเติมให้แล้วจะได้ไม่สับสนกันต่อไป 55555++
ปล. มันอร่อยนะ #ไฟกล่าว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 02-01-2017 18:52:19
อ้าว สมุทรมาทำอะไร๊
 :pig4: :pig4:
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-01-2017 00:49:51
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 03-01-2017 01:44:16
ชิบหาย!!
นึกคำอุทานได้คำนี้คำเดียว
คดีเทตอนเดท ยังไม่เคลียร์เลยมั้ยล่าา
อยากรู้แล้วว่าสมุทรมาทำอะไรรร
ฮอลลล พี่ไฟอย่าท้อนะ (คำว่าท้อไม่น่ามีในสารบบพี่ท่านอ่ะนะ)
สู้วววววว  ปล้ำม่างงงงงง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 03-01-2017 05:14:58
ค้างอย่างแรง สมุทรมาทำไม :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2017 05:54:32
❤️ HAPPY NEW YEAR 2017 ❤️
สวัสดีปีไหม่ ๒๕๖๐
ขอให้คุณเบบี๋ มีความสุข มากๆ นะคะ
。◕‿◕。
โอ๊ย.........มันมาก ลุ้นมาก
ใจจดจ่อกับไฟ มากกกก  :ling1: :ling1: :ling1:
ริศา หางแลบ โผล่มาและ
ที่สำคัญ สมุทร ไปโผล่ที่นั่นได้ไง  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-01-2017 07:43:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 03-01-2017 09:07:13
อ้าวสมุทร
มากะเค้าได้ไงเนี่ยยย
ส่วนเดทนี่ตอนแรกเหมือนจะดีแท้ๆ
หยามาทำไม กลับบ้านไปเลยพ่อแม่เป็นห่วงแล้ว
อย่ามายุ่งกับสมุทรรรร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 03-01-2017 14:09:34
คิดถึงคุณไฟฟฟฟฟฟฟ :o8: เห็นว่าอัพแล้วก็แทบกรี๊ด ทุกครั้งที่ได้ยินคำว่ามวย หรือเปิดทีวีเจอแข่งมวย แว่บแรกที่คิดก็คุณไฟนี่แหละ เป็นเอามากเลยทีเดียว  :o8:

เดทแสนหวานจบไม่ดีเลยน้า คุณไฟคงฉุนเฉียวอยู่บ้าง5555555
แต่จบตอนคืออะไร ทำไมสมุทรไปอยู่ตรงนั้น? หักหลัง? สปาย?
ม่ายยยยยยยย :serius2:

ค้างงงงงงงงงง ว้ากกกกกกก  :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanunsak ที่ 03-01-2017 14:39:57
เอิ่ม.... คืออารายย ยางงายยยยย คุณสมุทรค่ะ คุณไปทำอะไรที่นั่นมิทราบค่ะ  ตอบๆๆๆๆๆ / คิดถึงมืดมน......
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 03-01-2017 20:37:19
อ๊ากกกก สมุทรมาทำอะไรที่นี่กันแน่ มีอะไรบางอย่างทำให้คิดว่าสมุทรกำลังเอาตัวเองเข้าไปสู่อันตรายเพราะผู้หญิงคนนั้น
ตอนนี้แอบสงสารพี่ไฟของเราเลย "ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่" โฮฮฮฮฮ น้อยใจแรงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-01-2017 23:52:55
ไฟ คนบ้า คือไม่มีอะไรจะหยุดได้ ถ้าใจจะทำ มีความกวนหนักมาก 55555
สงสารสมุทรหนักมาก ตามทันนะ แต่บางครั้งก็มีตกหลุมบ้างสิเนาะ อยู่กับคนเจ้าเล่ห์

ไฟหลงสมุทรหนักมากกกกก เพ้อได้อีก 55555

แล้ว แล้วสมุทรมาทำไม มาจากไหน โอ๊ยยยย ลุ้นค่ะ สมุทรคงไม่ทำพลิกโผนะ ไฟเสียใจแย่

ตลกพายุ เนียนตลอด ดินทำให้ได้นะ ดีล

ธานนี่รู้ใจสุดละ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 04-01-2017 13:25:46
อ้าวงงเลยทีนี้สมุทรกำลงจะทำอะไร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 04-01-2017 20:55:55
รอฉากที่คุณไฟกับสมุทรกุ๊กกิ๊กกัน
สมุทรต้องมีเอี่ยวเรื่องนี้เพราะหยาแน่เลย
สนุกมากๆค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 04-01-2017 21:48:35
อ่อ ค้างไปอีกกกกกกกกกกกก

เดทที่มีทีท่าว่าจะดี แต่ก็ไม่สุด  :ling1: :ling1:

แล้วไฟยังมาเจอสมุทรในที่แบบนี้อีก อืมหือออออออออออออออออออ

นั่งเฝ้ารอตอนต่อไปเลย  :katai4: :katai4:

แต่รู้สึกว่าตอนนี้สั้นๆ เนอะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 05-01-2017 10:09:28
สมุทรเหรอ สมุทรมาทำอะไรอ่ะ
อย่าบอกนะว่ายัย แฟนเก่าสมุทร
เกี่ยวข้องกับพวกนี้ทำให้สมุทรต้องมาเกี่ยวพันกับพวกนี้ด้วย

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 08-01-2017 08:12:29
เราเพิ่งอ่าน ขอเมนท์รวดเดียวเลยแล้วกันนะคะ
ชอบเนื้อเรื่องมากค่ะ สนุกมาก ชอบคาแรกเตอร์ของทั้ง
ไฟและสมุทรเลย เคมีดีมากๆเลยค่ะ 

อ่านเรื่องนี้ให้ฟีลเหมือนกำลังดูละครหรือไม่ก็หนังฝรั่งซักเรื่องอยู่เลย
ชอบแก๊กของพี่ไฟ บางทีมันก็จิตๆตลกดี 555555

แต่นี่ก็แอบสงสารพี่ไฟ สมุทรดูนิ่งไม่ใจอ่อนเลยอ่ะ
เหมือนแค่ใจดีไม่อยากให้เสียใจเฉยๆ ไหนจะเรื่องหยาอีก
ดูสมุทรจะตัดไม่ขาดง่ายๆ ตอนล่าสุดยิ่งค้างงงงงงงงงงง
ไม่รู้ว่าสมุทรไปทำไม โอยยยยยย รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
สู้ๆนะคะเบบี้ ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 09-01-2017 14:27:35
อ่านทันซะที
ขอบอกว่าใช้เวลาอ่านนานมาก แบบรายละเอียดแต่ละตัวละครเยอะเหลือเกิน
ต้องค่อยๆอ่าน กลัวจะพลาดอะไรไป

ถึงจะรู้ว่าไฟมีข้อเสียเยอะ แต่ทำไมเราเข้าข้างไฟก็ไม่รู้ :laugh:
แอบโกรธสมุทร ทำไฟขาเสียใจเงียบๆ(มั้ง)ตั้งหลายครั้ง
แต่ถ้าใจอ่อนง่าย ก็ไม่สนุกซิเนอะ 555
เป็นกำลังใจให้ไฟขาพยายามต่อไปค่ะ ฮึบๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 10-01-2017 00:42:10
ตัดจบได้คาใจมาก
จะไว้ใจคนใกล้ตัวได้ไหม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 11-01-2017 11:12:28
มีความค้างคามากๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 11-01-2017 13:06:32
สมุทรทำไม อะไรยังไง ค้างอย่างแรงงงงงงง
แต่ตอนนี้สมุทรก็น่าหงุดหงิดจริงๆแหละชิ ไม่เชียร์แล้วเคืองงงงงงง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 37 [ 09:53 น. - จ. 2 ม.ค 60 หน้า 46 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 11-01-2017 13:48:51
 :katai5: :katai5: :katai5: แอบส่องสมุทร มาไหม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-01-2017 12:49:17
 :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-01-2017 12:49:44

[ จันทร์ที่ 2 ม.ค 60 ]  ตอนที่ 37  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1350


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 38
..ไฟ..




“ฟังอยู่..” ผมทัก  ปลายสายเป็นไอ้เข้มที่โทรเข้ามาขัดจังหวะ

“ตอนนี้พี่เอิร์ธแอบตามไอ้มงคลออกไปน่ะครับ” มันรายงาน

“มึงตามไปก่อน กูยังไม่เสร็จจากที่นี่”

“ได้ครับนาย” ปลายสายขานรับหน้าที่  ผมเหความสนใจไปยังจุดเดิมในทันทีเมื่อเห็นว่ารถยนต์คันของไอ้บูรณ์กำลังเคลื่อนตัวออกจากบริเวณลานจอดรถ 

“ตามไหมครับ ?” พี่ธานถาม

“ไม่” ผมตอบ 

หน้าร้านที่เคาน์เตอร์รับรองแขกดูเหมือนคนที่มาจะสร้างความเกะกะ  สมุทรและพี่สูงกำลังเจรจาบางอย่าง  การ์ดของทางร้านคล้ายกับไม่อนุญาตในสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังขอ  อีกทั้งดูเหมือนจะไม่ต้องการฟังใด ๆ มากกว่านั้น  ผมกังพี่ธานเงียบเฝ้ามองอย่างจดจ่อ  ทั้งสองคนเดินเข้าไปในตัวร้านเมื่อการ์ดคนหนึ่งอนุญาตให้พาเข้าไปได้  ผมเริ่มเก็บของใส่กระเป๋าโดยที่พี่ธานยังคงเฝ้าอยู่เช่นนั้นเพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจากผม  ให้หลังไม่ถึงสองสามนาทีด้วยซ้ำ ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากร้านโดยมีพนักงานที่น่าเกรงขามกว่าใครออกมาส่ง  สีหน้าของสมุทรไม่สู้ดีนัก  การ์ดที่ประจำหน้าร้านผายมือคล้ายเชิญให้ออก  การพูดคุยเริ่มอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล  พี่สูงถูกผลักออกอย่างแรงเมื่อเจ้าตัวเดินเข้าหาด้วยท่าทางไม่พอใจ   

“บอกให้กลับไปไงเล่า เกะกะหน้าร้านโว้ย!” การ์ดหนึ่งในนั้นที่ตัวใหญ่กว่าเพื่อนพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดังขนาดที่ผมได้ยินชัดเจน  มันตัวใหญ่ล่ำกว่าสมุทรและพี่สูงซะอีก  หน้าตามีเค้าโครงของชาวต่างชาติผสมอยู่นิด ๆ

“แม่งอย่างกับเดอะร็อค” ผมหัวเราะ  สถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีทำให้มีการ์ดออกมาจากร้านเพิ่มอีกสองคน  รวมตรงหน้าจึงกลายเป็นห้าต่อสอง  ใบหน้าต้อนรับลูกค้าของพวกมันเมื่อครู่เริ่มหายไปหมดสิ้น  เปลี่ยนเป็นถมึงทึงแทน 

“เก็บปืน” ผมสั่งพี่ธาน  พี่เขาลุกขึ้น  เราสบตากันไม่พูดอะไร  ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีสัมภาระก็ถูกเก็บพร้อมเรียบร้อย

“ฉันจะแจ้งตำรวจ” สมุทรพูดคล้ายบอกเตือน

“ฮึ! มึงนึกว่ามึงพูดอยู่กับใครวะ” การ์ดหนึ่งในนั้นที่คล้ายเป็นพี่ใหญ่กว่าพวกแสยะยิ้มด้วยใบหน้าไม่แยแสต่อคำขู่ 

“เอาสิ เชิญมึงไปแจ้งตำรวจได้เลย” มันตอบ  เบิกตาโตพลางเดินเข้าหา  สมุทรยืนนิ่ง  สายตายังคงแน่วแน่จ้องคนตรงหน้าไม่ลดละ  ปืนถูกนำออกมาตามรูป  มันเกลี่ยไปที่ต้นคอของสมุทรอย่างแผ่วเบา  ทั้งคู่ต่างท้าทายกันในแบบของตน  ฝ่ายที่ถือปืนอยู่นั้นขยับตัวเข้าไปใกล้สมุทรขึ้นเรื่อย ๆ  ใบหน้าแนบเข้าที่ข้างหูพร้อมกับปากที่ขยับกระซิบกระซาบ  เมื่อมันผละตัวออก สมุทรก็ฮึดฮัดผลักอกคนตรงหน้าอย่างแรง  สีหน้าเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ  คนถูกผลักออกกลับยิ้มกว้าง  จ่อปืนไปที่หัวของสมุทรอย่างหยอกล้อต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลูกน้องของมันพากันหัวเราะสมทบ  พี่สูงเข้าไปจับแขนของสมุทรห้ามปรามไว้

“ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเรื่องนี้พี่ทัพถึงต้องการเรา”

น้ำเสียงพี่ธานราบเรียบไม่บอกอารมณ์  ผมไม่แสดงความคิดเห็นใด  คนเรามักจะฉลาดใช้ประโยชน์ในสิ่งที่ตนเองถนัด  พี่ทัพเองก็เป็นคนประเภทนั้น  ใช้ความถนัดของตัวเองเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง  ผมก็ด้วยละนะ  ทั้งผมและพี่ทัพต่างถนัดกันคนละเรื่องถึงได้ยังบรรจบกัน  กระเป๋าเป้ของผมปิดลงแล้วนำขึ้นสะพายหลัง  แผนยังเป็นไปตามแผนแม้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจะเหนือเรื่องคาดหมาย  และเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดคำถามในใจว่า “ทำไม ?”  แต่อย่างนั้นก็ไม่สามารถที่จะล้มเลิกสิ่งที่ควรทำไปตามลำดับได้  ทุกอย่างควรลำดับไปตามความสำคัญ  จุดหมายต่อไปยังคงเป็นดำเนินไปตามแผนที่ได้วางไว้ก่อนหน้า


- - - - - - - - - - - - - - -


22:26 น. : ชุมชนใจดี

“ผมให้ไอ้หินออกตามพี่เอิร์ธต่อครับ” ไอ้เข้มรายงานทันทีที่ผมลงจากรถ  ฝ่ายไอ้เด่นเดินเข้าหาพร้อมเปิดหน้าจอกล้องวิดีโอขนาดพกพาของมัน  ผมเหลือบมอง  ภาพฉายไร้สาระอยู่ช่วงหนึ่งก่อนเข้าเหตุการณ์สำคัญที่นานกว่าห้านาที 


“กลับไปกับกู..”

“ไปสารภาพทุกอย่าง ตอนนี้ยังทัน คุณไฟเขาช่วยมึงได้ กูจะไปเป็นเพื่อนมึงเอง”

“ใครจะช่วยผมได้!”

“มึงคิดว่ามึงจะทำงานให้มันแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ สักวันที่มึงหมดประโยชน์ พวกมันก็จะเก็บมึงอยู่ดี!”

“ผมไม่กลับ! พี่อย่ามายุ่งกับดีกว่า!”


“ถ้าคุณไฟรู้เขาเอามึงตายแน่ไอ้เหี้ย สำนึกซะบ้างสิวะ! กูเองก็จะโดนร่างแหไปด้วย” พี่เอิร์ธตะคอก  น้ำเสียงร้อนรนปนไปด้วยความโมโห

“ร่างแหเหรอ..หึ สุดท้ายพี่ก็ห่วงตัวเองแหละวะ! ผมจัดการเองได้! นี่มันชีวิตผม!!” ตัวคนอายุน้อยกว่าสะบัดแขนออกอย่างไร้เยื่อใย

“เออ! นี่มันชีวิตมึง! แต่กูเสือกมารู้ชีวิตมึงนี่ไง ถ้าคุณเขารู้ว่ากูรู้ว่าใครวางยาไอ้นพ กูตายแน่! มึงห่วงพวกกูบ้างไหมวะ!”

“ทำไมผมต้องห่วง!!!”

“.........”

“ตอนที่ผมจะเป็นตายร้ายดียังไง มีใครห่วงผมไหม! พี่อย่าพูดเหมือนรู้ดีชีวิตคนอื่นไปหน่อยเลยว่ะ ไอ้เหี้ยนพ..วัน ๆ อยู่ดีกินดี มีเงินเป็นสิบ ๆ ล้าน นายแม่งเห็นหัวมันคนเดียว!!”

“มึงหุบปาก!”


เสียงตะคอกดังลั่นพร้อม ๆ กับเสียงลงไม้ลงมือจากคนที่อายุมากกว่า  เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงทำให้คนมีอายุน้อยที่พื้นฐานจิตใจคงไม่ใช่คนเคารพรักใครในฐานะอาวุโสนักแสดงท่าทีไม่พอใจ  ทำท่าฮึดฮัดขึ้นสู้  การต่อสู้เป็นไปอย่างไม่มีใครยอมใคร  ต่างก็มีอาวุธประจำกายคือเชิงมวยทั้งร่ำเรียนมา  แต่หากจะให้ระดับอย่างไอ้มงคลไปสู้หุ่นสูงใหญ่จากพี่เอิร์ธก็คงยากสำหรับอีกฝ่าย  สุดท้ายคนที่ยอมหยุดมือก่อนก็คือตัวพี่เขาเอง..


“มึงมันระยำ” พี่เอิร์ธเดินเซถอยหลังออกไปสองสามก้าว  น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย  สีหน้าผิดหวังแสดงออกแบบที่นาน ๆ ทีลูกผู้ชายอย่างเราจะแสดงสีหน้าเช่นนี้ให้ใครได้เห็น

“มึงคิดว่าไอ้นพไม่รู้เหรอ ? มึงรู้ดีแก่ใจ มึงไม่กล้าสบตาไอ้นพด้วยซ้ำ..”

“มึงมันเห็นแก่ตัวไอ้คล จ้องแต่จะโทษความผิดของคนอื่น มึงไม่เคยมองความเหี้ยของตัวมึงเองเลย!”

“มึงหุบปาก!”
ไอ้มงคลตะคอกกลับ

“ทั้งที่ไอ้นพมันเห็นมึงเป็นน้อง ทั้งที่พวกกูเห็นว่าเราคือครอบครัว ได้..ในเมื่อมึงพูดอย่างนี้ กูก็พอแล้ว..หน้าที่กูจบตรงนี้”

“ต่อไปนี้มึงกับกูขาดกัน มึงจะไปตายห่าที่ไหนมึงก็ไป!”


.

..

“มุมกล้องดี๊ดีนะ” ผมล้วงกระเป๋า  เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสนิท 

“เปลี่ยนจากทำงานกับกู ไปเรียนทำภาพยนตร์ไหมละ ? กูจ่ายให้” ผมเลิกคิ้วมองไอ้เด่น  อีกฝ่ายอมยิ้มเก้อเขินที่ถูกผมแซว 

“แล้วก็ นี่ครับ..” ไอ้เด่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการต่อ  มันมีสีหน้าที่เกร็งผิดตา  วิดีโอถัดไปถูกกดเล่น  ความเงียบในวิดีโอนั้นสะดวกหูและสบายระบบประสาทมากกว่าวิดีโออันก่อนหน้า  ภาพฉายไม่ค่อยนิ่งนักแต่ภาพของคนตรงหน้านั้นชัดเจน  หนึ่งในนั้นคือไอ้มงคล  และบุคคลสำคัญที่ผมให้ไอ้เข้มตามงานอยู่  จะเป็นใครไปได้ที่ไหนนอกจาก “ไอ้เอก” วิดีโอถูกบันทึกไว้ไม่นานนัก  เพียงหนึ่งนาทีกับอีกสองวินาทีหน้าจอก็หยุดนิ่งไป   

“รุ่งตามไอ้เอกไปแล้วครับ” ไอ้เด่นรายงาน  มันกดปิดกล้องวิดีโอและเก็บของใส่กระเป๋า 

“มันอยู่ไหน ?” ผมถาม

“เข้าไปในบ้านได้ครึ่งชั่วโมงแล้วครับ ก่อนหน้าที่นายจะมาประมาณสิบนาที มีเสียงทะเลาะกันในบ้านด้วยครับ” ไอ้เข้มตอบ
ผมก้มหน้าลงพลางผงกหัวน้อย ๆ เป็นการบอกว่าได้ยินแล้ว  มือล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบลูกอมออกมากินฆ่าเวลา  ความเงียบในชุมชนทำให้ได้ยินเสียงแกะเปลือกลูกอมได้อย่างชัดเจน  ถังขยะไม่มีอยู่ในละแวกนี้  แม้สักถังเดียว  จึงจำเป็นให้ต้องยัดเปลือกกลับใส่กระเป๋ากางเกงอย่างเดิมเพื่อจะได้ไม่เป็นหนึ่งในภาระต่อสังคมที่แสนไม่สงบสุขนี้

.. ชุมชนเก่า  บ้านเรือนแต่ละหลังมีหน้าร้านยื่นออกมาระเกะระกะ  หากมองให้เป็นสัญลักษณ์แล้ว  นี่คงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มองออกได้โดยง่ายถึงความเป็นประเทศไทย  สนามตะกร้อที่ตั้งอยู่เยื้องออกไปด้านหน้า  สามารถมองเห็นจากสายตาได้ไม่ไกลกันนัก  ไร้แสงไฟในแต่ละจุด  ทุกอย่างแถวนี้ล้วนเกือบกลายเป็นมืดสนิท  พวกเรายืนหลบอยู่มุมตึกซึ่งเป็นทางเดินออกไปยังถนนใหญ่ได้  ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า  วันนี้พระจันทร์สีหม่นกว่าเคย  เงยขึ้นไปมองทีไร  กูไม่เคยเห็นว่ามันสวยถูกใจสักที..

“เช็กกล้องรึยัง” ผมถาม  ใช้เสียงพอได้ยินกันเท่านี้

“เรียบร้อยแล้วครับ” ไอ้เข้มตอบ  ลูกอมรสมะนาวมีความหวานปนอยู่จนทำให้ริมฝีปากด้านนอกเป็นคราบเหนียวนิดหน่อย  ลิ้นเกลี่ยไปตามริมปากเพื่อให้น้ำลายล้างคราบเหนียวนั้นออก

ไร้กล้องวงจรปิดทั่วบริเวณ  บางทีผมก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าผมจะได้มีชีวิตอยู่มาถึงยุคที่ทำงานยากขึ้นและต้องระมัดระวังในเรื่องที่ทำให้เสียเวลา  คล้ายกับอายุที่คาบเกี่ยวจากสมัยหนึ่งไปยังอีกสมัยหนึ่งทั้งที่เป็นช่วงของปีสั้น ๆ  เมื่อตอนเป็นวัยรุ่นนั้นเรายังได้ใช้ชีวิตอย่างแสนสบายโดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องที่ใดจะมีกล้องจับผิดพฤติกรรมคนเราอยู่หรือไม่  สิ่งที่คอยจับผิดผู้อื่นยังตั้งอยู่อย่างนั้น  ในขณะที่กล้องไม่เคยเหกลับไปส่องที่เจ้าของ  ชีวิตที่เคยเป็นไปโดยอิสระ  จิตใจที่ควรบอกว่าอะไรควรทำหรืออะไรไม่ควรทำคงกำลังถดถอยไปทีละเล็กทีละน้อย  เมื่อสิ่งที่สั่งให้คนเราควรทำกลับไม่ใช่ใจจิตใต้สำนึกในใจอีกต่อไป  บอกปัดไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเป็นอุปสรรคในบางงานที่พวกเราลงมือทำ  แต่ก็นะ ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ยันตอนนี้  คนเราก็ต้องหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้ก้าวเดินต่อไป  เด็กยุคสมัยนี้คงจะไม่ได้ลิ้มรสชาติความรู้สึกอย่างพวกผมนัก  ว่าแต่ก่อนชีวิตมันแสนจะธรรมชาติมากแค่ไหน  เราถูกจรรโลงไปโดยโลกที่แม้กระทั่งชมคอนเสิร์ตแต่ก็ไม่มีใครสักคนชูโทรศัพท์  ถึงโลกจะเจริญไปแค่ไหน  สำหรับผมแล้วอย่างไรผมก็ยังต้องการกลับมาอยู่จุด ๆ เดิมอยู่ดี

“มาแล้วครับ” พี่ธานบอก  พวกเราต่างรักษาความเงียบไว้อย่างสงบ  เสียงของการก้าวเดินค่อนข้างเบาแต่กลับแฝงไปด้วยความรีบร้อน  การสับขาที่ถี่ยิบทำให้อ่านไปถึงจิตใจได้ว่าคนที่กำลังเดินมานั้นมีจิตใจที่ร้อนรนมากเพียงไร

“ค.. คุณไฟ” ไอ้มงคลชะงักงัน  ตาค้างมองหน้าผมจนเห็นพื้นที่สีขาวบนดวงตาคู่นั้นได้ชัดเจน

“ไง ?” ผมผลิยิ้มทักทาย  คิ้วข้างขวาเลิกขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างกับร่างกายฝังคำสั่งไว้นานแล้ว  พี่ธานที่ได้รับสัญญาณ  ทันทีนั้นเสียงขวดน้ำก็กระแทกเข้าที่ก้านคอของคนตรงหน้าเต็มแรงจนมันฟุบลงพื้น ไม่ได้สติ  การเคลื่อนย้ายร่างของไอ้มงคลเป็นไปโดยเรียบง่าย รวดเร็ว  เราต้องการสถานที่ที่สงบเงียบที่สุด  โกดังส่งของออกต่างประเทศของเฮียกานต์คือที่ที่ผมเอ่ยขอนำไว้ยืมใช้เคลียร์งานอยู่บ่อยครั้ง


“ว่าไปแล้ว..” ผมเอ่ยขึ้น  ขณะเดียวกันลมจากแม่น้ำก็พัดผ่านมากระทบใบหน้าทำให้อดใจไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นบริสุทธิ์นั้นเข้าเต็มปอด  ผมละสายตาจากไอ้มงคลที่ยังคงนอนสลบไม่ได้สติอยู่กลางถนน  ลานกว้างหลังโกดังคือที่จอดรถของคนงานซึ่งไม่มีกล้องวงจรปิด 

“นอกจากบ่อนกับปล่อยเงินกู้ เฮียก็มีงานสุจริตกับเขาเหมือนกันนะ” ผมยิ้มชมถึงบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ

“อ้าก! ฮื้อ ๆ”

สิ้นเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทำให้ผมต้องหยุดพูดแล้วหันไปมอง  แสดงความเจ็บได้ตอแหลพิกลลูกตา  ไอ้มงคลคงแกล้งทำเป็นนอนไม่ได้สติมาประมาณสองสามนาทีเห็นจะได้  และดูเหมือนไอ้เข้มกับไอ้เด่นจะดูออกเสียด้วย  จังหวะเผลอที่มันคอยมองหาช่องทางจะหลบหนีกลับถูกคนของผมสะกัดไว้จนคว่ำไม่เป็นท่า  คนที่ทำตามหน้าที่หยุดมือไว้พอประมาณ  ไอ้มงคลกึ่งนั่งกึ่งนอนกวาดตามองสำรวจไปทั่วพื้นที่จนสบตากับผมเข้า

ผมหยิบขวดน้ำเปล่าที่ใช้ดื่มระหว่างรอมันฟื้นเมื่อครู่นี้ติดมือออกมาด้วย  มันเหลืออยู่ครึ่งขวด  ผลิตภันฑ์เขียนอวดข้างขวดว่าน้ำแร่ธรรมชาติจึงจะนำไปฝากให้คนตรงหน้าเสียหน่อย  ไอ้มงคลมองกะหลับกะเหลือก  สีหน้าปนไปด้วยความระแวงชัดเจน  ผมหยุดยืนตรงหน้ามัน  ร่างกายของมันเป็นอิสระ  ผมไม่ได้สั่งให้ใครมัดมันไว้เพราะไม่ใช่จุดประสงค์  เราต่างสบตากันได้เสี้ยววินาทีเท่านั้นเพราะไอ้มงคลเลือกที่จะหลบตาผมไปก่อนเสียแต่แรก 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-01-2017 12:50:42

“ช่วงนี้กูเงี่ยนบ่อยฉิบเป๋ง” ผมบ่นให้ฟัง  มือขยับหมุนฝาขวดน้ำออกช้า ๆ ก่อนยกขึ้นดื่ม  น้ำที่ถูกผมกลืนลงคอไปหลายอึกส่งผลให้เหลือในขวดอีกไม่เท่าไหร่  ไอ้มงคลชะงัก  ตาเหลือบขึ้นมองมาที่ขวดน้ำในมือผมที่ยื่นไปให้มัน

“ดื่มซะสิ” ผมอนุญาต  อีกฝ่ายลังเล  แต่คงเห็นว่าน้ำคงปลอดภัยเพราะผมเองก็เพิ่งดื่มไป  ไอ้มงคลจึงยอมรับขวดน้ำไปโดยง่าย  มันยกขึ้นดื่มจนหมดขวด  ดูท่าจะกระหายไม่เบา 

“ขะ ขอบคุณครับ” มันบอก  มือสองข้างพนมขึ้นประกบกัน  ปลายนิ้วสั่นนิดหน่อย  ผมนิ่งมอง  ไอ้มงคลเริ่มขยับขาที่กางออกบนพื้นหดไปนั่งคุกเข่า 

“จะไปไหนงั้นเหรอ ?” ผมถาม  น้ำเสียงที่ใช้ด้วยยังคงเป็นไปอย่างราบเรียบปกติ 

“เปล่าครับ ผม..แค่ จะไปนอนบ้านเพื่อน น่ะครับ ทะ..ทะเลาะกับที่บ้าน” อีกฝ่ายตอบตะกุกตะกัก

“ที่ค่ายก็มี ทำไมไม่ไปนอนที่ค่ายล่ะ” ผมพูดเชิงถาม

“........” ไอ้มงคลหุบปากลง  นิ้วมือของมันทั้งสองข้างเริ่มหดงอเข้าหากันคล้ายกับพยายามที่จะปกป้องตนเอง 

“พอดีว่า ช่วงนี้ฉันยุ่ง ๆ ก็เลยอาจทำให้ดูแลคนในค่ายไม่ทั่วถึง” ผมพลางยิ้มเล็กน้อย

“นายคิดว่างั้นไหม ?” ผมตั้งคำถาม  คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบและอีกฝ่ายก็คงไม่คิดตอบเช่นกัน  ไอ้มงคลนั่งก้มหน้างุดมองพื้น  ท่าทางอย่างกับตุ๊กตาคอหักอย่างนั้น

“ยุ่งเรื่องตามหาคนวางยาไอ้นพน่ะ แบบว่า..เรื่องนี้แจ้งตำรวจไม่ได้ซะด้วยสิ” ผมหัวเราะในลำคอห้อยติดปลายประโยค

“สงสัยคนใกล้ตัวน่ะ”   

“นายรู้ไหมว่ามีใครในค่ายทำอะไร ..แบบนั้น ?” ผมถาม  ขยับร่างกายลงนั่งยอง ๆ เพื่อให้ใบหน้าของตัวเองตรงกับคนที่คุยด้วย  ไอ้มงคลเงยหน้าขึ้นมอง  ครู่หนึ่งดวงตาก็เหลงอีกครั้ง  ผมเอียงต้นคอเล็กน้อยเพื่อให้ตนเองช้อนตามองตามสายตาของมันได้ถนัด  จู่ ๆ หัวเข่าของมันก็สะดุดขยับถอยไปทางด้านหลัง

“บนโลกนี้น่ะ ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่างหรอก” ผมยิ้มพูด  ประเด็นที่เอ่ยผิดเพี้ยนขึ้นอย่างโต้ง ๆ  รอยยิ้มที่ผลิให้ปรากฏพร้อม ๆ กับดวงตาที่ยิ้มไม่ออก

“ไฟ.. สิ่งที่ลูกอยากให้เป็น มันจะไม่มีทางอยู่กับลูกตลอดไป บนโลกนี้..ไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจคิด”

“แม่ฉันเคยพูดไว้อย่างนั้น” มุมปากฉีกยิ้มให้มากขึ้นกว่าเก่า

“ไม่มี” ผมกระซิบ

“..แม้กระทั่งฉันเองก็ไม่ได้มีทุกอย่างอย่างที่อยากได้”

“มองหน้าฉัน..” ผมทักทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายหลบสายตา  ลูกกระเดือกของมันขยับนูนขึ้นลง  ฟันกัดขบกันแน่นขณะที่พยายามสบตามาที่ผมอย่างจดจ่อ   

“ใคร..เป็นคนวางยานพ ?” ผมหยิบยื่นโอกาส  คำถามที่จงใจถามตรง ๆ หากมันฉลาดเลือก  เปลือกตาที่เลิกกว้างมองไปยังคนตรงหน้านานพอดูที่มันจะสังเกตเห็นได้  ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ที่ถูกลมพัดผ่านพวกเราไป

“คุณไฟ..ไม่คิดว่าลูกน้องคนใหม่ของคุณจะทำบ้างงั้นเหรอครับ ถึงได้มาถามผมแบบนี้!” ไอ้มงคลตอบ  ประโยคยาว ๆ ประโยคแรกของมันเลยละมัง 

“ใครล่ะ” ผมถามกลับ

“ไอ้สมุทรนั่นไง”

“นั่นสินะ ไอ้เวรนั่นมันก็น่าสงสัยเหมือนกัน” ผมหัวเราะในลำคอเห็นด้วยกับคำตอบนี้

“แล้วมีใครอีกไหม”

“พะ..พี่ เอิร์ธ”

“........” ผมเงียบฟัง  นิ้วกลางขยับเสียบเข้าไปในขวดน้ำที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเรา  ขวดไม่ถูกฝาปิดถูกเกี่ยวขึ้นก่อนลากมาตรงหน้าผม  เสียงของก้นขวดขูดกับพื้นถนนดัง “แกรก” ยาวเป็นทาง  การกระทำของผมทำให้เป็นที่สนใจต่อไอ้มงคล  อย่างกับหมาที่ถูกเจ้าของดึงความสนใจ  มันมองตามไม่วางตา  ดูเหมือนมันจะผ่อนคลายลงบ้างแล้วเมื่อเป็นฝ่ายได้ตอบคำถาม
 
“กินข้าวที่ค่ายมื้อล่าสุดเมื่อไหร่ ?” ผมฉีกยิ้มถามด้วยสายตาขอความรู้เพิ่มเติม  เมื่อมือหยุดขยับ ขวดก็หยุดขยับเช่นกัน

“เมื่อเย็นนี้เหรอ” ผมตอบแทน  คนถูกถามผงกหัวน้อย ๆ

“แม่บ้านทำอะไรให้กินนะ ? น้ำพริกกะปิ ผักต้มกับปลาทูรึเปล่า” ผมพูดคล้ายกับกำลังรำพึงรำพันคนเดียว

“มะเขือพวง เห็นว่าช่วยเรื่องทองผูกนี่นะ ส่วนปลาทู..ก็เป็นแหล่งโปรตีน แต่เดี๋ยวนี้ปลาทูแพงใช่ย่อย ตัวละสามสิบบาท เล็กกว่าจู๋ไอ้เด่นอีกมั้ง..คึ!” ผมยักไหล่ขำ ๆ 

“คนในค่ายห้าสิบคน ถ้าปลาทูตัวละสามสิบบาทหกสิบตัว จะเป็นเท่าไหร่นะ..?” ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางคิดเลขในหัว

“พันแปด ค่าข้าวกล้องอีกสองร้อยแล้วกัน ค่าผักต้มที่พวกมันกินกันทีเป็นเข็ง ๆ นั่นอีก ตีรวม ๆ แบบย่ำแย่ก็ตกมื้อละสองพันห้า สองพันห้า..สามมื้อก็เจ็ดพันห้า”

“แพงจังนะ หึ ๆ ๆ” ผมพ่นหัวเราะส่ง ๆ

“.........” ดวงตาของไอ้มงคลเริ่มขยับ  มันกลืนน้ำลายลงคอครั้งหนึ่งเห็นจะได้  ผมเงียบมอง  ลมพัดมาอีกระลอกใหญ่ทำให้เส้นผมขยับไปตามแรงลม

“ทั้งข้าว ทั้งน้ำนี่น่ะ..” ผมเอ่ย

“จะเป็นของชิ้นสุดท้าย ที่มึงจะได้จากกู”



ผลัวะ!

แกรกกกกกก ~


ขวดน้ำพลาสติกถูกขยี้จนบี้แบน  คนที่เพิ่งถูกฟาดใบหน้าเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตางงงวยเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น  ดูเหมือนมันจะรู้ตัวได้ด้วยตัวเองแล้วว่าทำไมตนถึงถูกกระทำเช่นนี้  มือที่กำเศษขวดน้ำอยู่ฟาดไปที่หน้าของไอ้มงคลซ้ำแล้วซ้ำอีกจนอีกฝ่ายสำลักเลือดออกมาเป็นกอง  สบายใจขึ้นเปราะหนึ่ง  ผมลุกขึ้นยืนอย่างเนิบช้า  ยังคงจับจ้องคนตรงหน้าเอาไว้  ไอ้มงคลนำแขนเสื้อแขนยาวปาดจมูกของตนอย่างลวก ๆ

“คุณ..ไฟ ผม..ไม่ได้ ฮึก” มันพึมพำ  ทำท่าจะคลานเข้ามาหาแต่ก็ไม่ทำ  ตั้งท่าคุกเข่าและค้างตัวไว้  ตามองเลือดที่ไหลโชกอย่างตื่นตระหนก  คำพูดหยุดพูดหยุดไปเสียดื้อ ๆ  ผมตั้งตัวยืนตรงก่อนโน้มตัวลงเข้าไปหาเพียงครึ่งเดียว  อีกฝ่ายจึงเงยหน้าขึ้นมอง

“มึงชื่ออะไรนะ มงคล..? หึ ๆ ๆ” ผมเลิกคิ้ว

“แต่สันดานมึงแม่งไม่เป็นมงคลเลยว่ะ” ผมว่า  ดูเหมือนจะจี้ใจดำเพราะทำเอาอีกฝ่ายจ้องเขม็งมาด้วยความโกรธ

“มึงเลือกที่จะหักหลังกู มึง ..เลือก” ผมแทบกระซิบ 

“ผม ผมขอโทษ!” อีกฝ่ายเอ่ยร้องอย่างร้อนรน  ปลายเสียงปนไปด้วยความสั่นเครือ

“ลองทำร้ายตัวเองดูไหมละ เผื่อกูจะคิดดู..ว่าควรจะปล่อยมึงไปดีไหม” ผมยิ้มประดิษฐ์  ไอ้มงคลเบะปากเล็กน้อย  มันเริ่มสะอึกสะอื้นกลัวความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น

“คะ คุณจะมาทำแบบนี้กับผมไม่ได้!” มันตะคอกใส่  ทั้งเลือดทั้งน้ำลายที่ผสมกันกระเด็นเห็นเป็นทาง

“ทำไมล่ะ..?”

“ทำไมฉันถึงจะทำแบบนั้นกับนายไม่ได้” ผมกระซิบถามด้วยความเกรงใจ

“อึก” ไอ้มงคลสะอึกสะอื้น

“ในเมื่อ...”

“กู เป็นยิ่งกว่าพ่อมึงซะอีก” ผมแสยะปากยิ้มกว้าง  มือตะปบหัวอีกฝ่ายนำกระแทกพื้นอย่างแรง  เสียงเค้นออกลำคอพร้อมกับฟันที่กัดไว้แน่นด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่น  ร่างกายของมันถูกกระแทกไปกับพื้นปูนดังลั่นอย่างกับของแข็งกระทบของแข็ง  เสียงกรีดร้องดังอยู่เพียงช่วงหนึ่งก็จางหายไป  ร่างของไอ้มงคลนอนหอบหมดแรง  หน้าผากที่เปื้อนเลือดเป็นแผลเหวอะ

“ไว้ ไว้ชีวิตผมด้วย ผม..ฮื่อออ ผมขอ โทษ” อีกฝ่ายยกมือไหว้ทั้งที่นอนอยู่

“หนีไปสิ” ผมพูด  มันได้ยินถึงกับชะงัก 

“เรามาเล่นเกมกัน..” ผมเผยยิ้มมุมปากซ้ายให้เห็น 

“ถ้ามึงหนีกูพ้น มึงก็รอด” ผมบอก  ไอ้มงคลสบตาด้วยท่าทางงงงวย  ก่อนตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งด้วยกำลังที่มีอยู่  สภาพยิ่งกว่าสัตว์ที่หมดหนทางจะต่อสู้กับมนุษย์ที่กำลังจะเอาชีวิตตน  มันยืนโซเซก่อนก้าวเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มตัวลง  ร่างกายพยายามออกแรงคลานต่อไปทั้งอย่างนั้นก่อนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง  กึ่งเดินกึ่งวิ่งโซซัดโซเซห่างออกไปเรื่อย ๆ

“ตามมันไป..” ผมสั่งไอ้เข้ม

“ส่งคนโทรเข้าหาไอ้เอก บอกว่ามันแจ้งข่าวให้ตำรวจ ให้มันฆ่ากันเอง”

“ถ้าพรุ่งนี้ไอ้เอกยังไม่เก็บมัน สั่งให้พี่ศรลงมือได้เลย ให้พี่เขารู้แค่นั้น..ไม่มากกว่านี้” ผมสั่ง  ตามองตามหลังไอ้มงคลจนลับตา

“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัว

“กูอยากได้ชีวิตมัน เข้าใจที่ฉันพูดไหม..” ผมมองตาไอ้เข้มอย่างเจาะจงว่าหากมันทำงานพลาดมันจะโดน

“ครับนาย” มันผงกหัวอีกครั้ง

“ไปได้” ผมไล่พร้อมเดินกลับมาที่รถ  พี่ธานเปิดประตูรถให้

“ไปบ้านหมอนั่น..”


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-01-2017 12:51:15

01:10 น. : ย่านมารัต

“เขาขึ้นนอนไปแล้วมั้งครับ” ประโยคแรกที่พี่ธานเอ่ยปากตั้งแต่ที่เรามาหยุดอยู่หน้าบ้านของสมุทรได้ร่วมยี่สิบนาที

“จะเข้าข้างกันไปหน่อยมั้งพี่ใหญ่” ผมเงยหน้าพูดลอยหน้าลอยตาประชดถึง  รถมอเตอร์ไซค์ที่ผมให้สมุทรไว้ใช้ไม่ได้จอดอยู่ในที่ที่ควรจอดอย่างทุกที  พี่ธานเองก็คงไม่ได้โง่บรมขนาดนั้น

“ไง..? เดี๋ยวนี้เข้าข้างกันแล้วงั้นเหรอ ไอ้ประโยคควาย ๆ เมื่อกี้ พี่ควรพูดรึไงครับ” ผมอมยิ้มแซว  เหล่ตามองไปยังพี่เขา  อีกฝ่ายก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกับรู้ว่านี่ไม่ใช่การแซวแต่ผมกำลังหาเรื่องพี่เขาอยู่ต่างหาก

“คุณไฟสงสัยสมุทรด้วยงั้นเหรอครับ” พี่ธานถาม  น้ำเสียงไม่ค่อยโอเคนัก

“เปล่านี่” ผมตอบส่ง ๆ ไปที

“ผมก็แค่ทำหน้าที่ของผม” ผมขยายความ

“เดี๋ยวลูกน้องคนอื่นเขาจะว่าเอาได้อีกว่าผมสองมาตรฐาน” ผมแสยะยิ้มตาหยีมองไปทางพี่ธาน  อีกฝ่ายเพียงนิ่งตอบ 

ไฟบนอาคารบ้านของสมุทรมืดสนิท  ละแวกบ้านแถวนี้ก็ปิดไฟกันเงียบหมดแล้วเช่นกัน  ได้ยินเพียงเสียงเพลงลูกทุ่งแว่ว ๆ มาจากท้ายซอย  ลึกเข้าไปไกลมาก  คงเป็นอย่างเดียวที่ทำให้ทราบว่ายังมีสิ่งมีชีวิตดำเนินอยู่ ณ เวลานี้  เสียงรถบิ๊กไบท์คุ้นหูส่งสัญญาณว่า “มาแล้ว” มาแต่ไกล  แม้จะไม่ได้ขับด้วยตนเองแต่ก็จำได้เกือบทุกเสียงหากเป็นรถที่ซื้อด้วยเงินที่หามาได้
 

.. ดูเหมือนเจ้าของบ้านก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่หน้าบ้านเขาในเวลานี้

รถมอเตอร์ไซค์รีบร้อนจอดอย่างลน ๆ เพื่อจะเข้ามาต้อนรับอย่างไม่ได้นัดหมาย  หมวกกันน็อกราคาหลายหมื่นที่อนุญาตให้นำไปใช้ได้ตามสบายถูกวางไว้บนเบาะอย่างเบามือ  สมุทรหยุดยืนตรงหน้าผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ม้าหินอ่อน  พี่ธานยืนห่างออกไปคืบหนึ่ง  เขาเลือกที่จะเงียบไว้คล้ายกับคงทราบได้ด้วยตัวเองว่าการมาของผมนั้นคงไม่ใช่เรื่องดี  เพราะมีเหตุผิดปกติถึงได้มีการมา

“กลับดึกนะ ไหนว่านอนสี่ทุ่ม” ผมพูดคนเดียวแต่น้ำเสียงพอให้ได้ยินชัดเจนทั่วถึงสำหรับทั้งสองคน

“ไปไหนมา ?” ผมเอ่ยถาม  ใบหน้าเอียงไปทางสมุทรเล็กน้อย  ตาช้อนขึ้นมองคนที่ยืนอยู่เพื่อขอคำตอบตรง ๆ  ขาที่สลับไขว่ห้างยังคงอยู่ในท่าเดิมอย่างนั้นเพราะมันสบายดี 

“ไปบ้านพี่สูงมาครับ” สมุทรตอบ  ดูเหมือนคำตอบนี้จะไม่ได้โกหก  ผมพยักหน้าลงหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการบอกว่า “ฉันรับทราบ”  เขายังคงรักษาความนิ่งสงบไว้ได้เป็นอย่างดี  มันคงจะเป็นข้อดีของเขาที่สะสมมานมนานหลายภพชาติ  ผมขยับขาซ้ายที่นำไขว่ห้างกับขาขวาอยู่ออก  ลมหายใจพ่นเบาบางทางจมูกพร้อมกับลุกขึ้นยืน  ฝีเท้าก้าวไปตรงหน้าเพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดยืนตรงหน้าของเขาพอดิบพอดี

“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ ?” ผมตั้งคำถามอีกหนึ่งครั้ง 

ดวงตาคู่ตรงหน้าที่เหลือบขึ้นมองมาที่ผมในทันทีที่ได้ยินคำถามทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายแปลกใจ  คำถามที่ไม่ได้คำตอบในทันทีอย่างที่ควรได้  จากผู้ชายที่มีท่าทางไม่ใช่บุคคลที่ชอบโกหก  ลักษณะการดำเนินชีวิตที่เห็นว่าการโกหกนั้นเป็นเรื่องผิดบาปต่อตนเองและผู้อื่น  แต่การกะพริบดวงตาโดยเนิบช้าครั้งหนึ่งพร้อมกับเว้นช่วงจังหวะ  ทำให้มองออกได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายกำลังลังเลที่จะให้คำตอบเพียงไร 

“ฉันถามว่า แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ ?” ผมย้ำถามให้เขาฟังอีกครั้งอย่างใจเย็น  เราจ้องตากันเขม็งไม่มีใครลดละในสิ่งที่ตนเองต้องการ 

“คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” สมุทรถามกลับ

“ตอบ..” ผมย้ำเสียงเบาลง  อีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย

“ตอบ!!!” ผมตะคอก  ดวงตาถลึงเบิกออกต่อหน้า

“ผับ Blackfoot ครับ” สมุทรตอบ  ใบหน้าเหลงเพียงเล็กน้อยคล้ายเป็นสัญลักษณ์ในคำขอโทษ



ผลัวะ !!! 

หมัดขวาเสยชกเข้าที่หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้งแรง  น้ำหนักของกำลังที่มีกำลังตักเตือนย้ำให้ทราบถึงฐานะทางหน้าที่การงานที่เขาควรคำนึงถึง  สมุทรตัวเซถอยหลังไปสองสามก้าว  ใบหน้าของเขาที่พยายามทรงตัวเองเอาไว้ไม่ให้ล้มลง  ผมจึงฟาดมือซ้ำที่เดิมไปอีกครั้งหนึ่ง  เสียงสะท้อนก้องทั่วบริเวณนี้ดัง “เพียะ!”  เจ้าตัวที่ไม่สามารถต้านกำลังไว้ได้จึงล้มลงพื้น  เขามีสติครองตัวอยู่มาก  การล้มลงจึงเป็นไปอย่างช้า ๆ เพียงแต่ร่างกายไม่สามารถทนต่อสิ่งที่ถูกกระทบได้เท่านั้น
 
“แคะ!” อีกฝ่ายสำลักและพ่นลมออกจากปากครั้งหนึ่ง  มือขวาพยุงน้ำหนักตัวเองไว้กับพื้นถนน  สมุทรไออยู่ในลำคออีกสองสามทีก่อนนิ่งไป  ผมเพียงเหล่มองต่ำไปยังสภาพที่อยู่ตรงหน้า  ความสงบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง  สมุทรที่เรียกสติกลับมาได้เงยหน้าขึ้นมองผมที่ยืนอยู่  ผมจึงก้าวเดินเข้าไปหา  ย่อตัวนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าเขา  โดยมีสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายของความรู้สึกผิดในการกระทำ สงสัย และลังเลใจ ฯ ประมวลอยู่ครบครัน  อีกทั้งมันยังจับจ้องผมไปทุกการเคลื่อนไหว

“อย่าคิดที่จะทรยศฉัน” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่สงบลง  ผมไม่ได้โกรธ  แต่นี่มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความโกรธในวันข้างหน้า

“อย่าสมุทร..” ผมย้ำ  ดวงตาที่กำลังถูกเพ่งลึกลงมาคล้ายกับกำลังสงสัยว่าผมทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร

“ช่วยเอาพ่อนายเป็นตัวอย่าง”

“เรื่องเดียว ที่ฉันจะเตือนนายเพียงครั้งเดียว แล้วกรุณาช่วยจำใส่หัวสมองของนายไว้ให้ดี” ผมมองตอบอย่างนิ่งเฉยก่อนทิ้งช่วงลงเว้นเสี้ยววินาที  น้ำเสียงที่พยายามให้เป็นไปโดยไม่ใช่การขู่เตือนนั้นต่ำลงเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าน้ำลายที่กลืนลงคอมันช่างเหนียวหนืด 

“แม้เรื่องเล็กน้อย ต่อเพื่อน ต่องานที่ทำ..นี่คือเรื่องเดียวที่ฉันจะขอ ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวระหว่างฉันกับนาย” ผมเว้นคำอย่างจงใจให้มันเป็น

“เข้าใจนะครับ” ผมบอกปิดท้าย  มือขวาวางลงบนแก้มของเขาเบา ๆ  นิ้วโป้งช่วยเกลี่ยปาดเลือดที่จมูกของเขาออกก่อนนำมาเลียเข้าปากต่อหน้าต่อตาอีกฝ่าย  รสชาติของเลือดเข้มข้นชัดเจน  เราทั้งคู่ต่างมองตากันและกันด้วยอารมณ์ที่คงที่ปกติ  เขาคงเข้าใจความหมายแล้ว 

การเดินจากมาเป็นไปโดยไม่กล่าวร่ำลา  บุคคลสองคนทางด้านหลังพูดคุยกันสองสามประโยคสั้น ๆ  ให้หลังไม่นานพี่ธานก็แทบวิ่งมาหยุดอยู่ที่ประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับ  ผมหยุดรอพลางมองหน้าพี่ใหญ่  เจ้าตัวไม่ยอมกดปลดล็อครถคล้ายมีเรื่องคาใจ  ผมไม่เอ่ยอะไร  ยืนมองอนุญาตให้พี่เขาทำตามที่ต้องการ

“โกรธเหรอครับ” พี่ธานถาม  ผมเหล่ตามองหน้าพี่เขาครู่หนึ่ง

“หมอนั่น ลืมไปว่าการไปสถานที่แบบนั้น เขาอยู่ในฐานะลูกน้องผม ไม่ใช่พนักงานบริษัทอย่างก่อนหน้า”

“ดังนั้น ..แค่เตือนน่ะ” ผมตัดบท  พี่ธานนิ่งไปก่อนยอมเปิดปลดล็อครถและเอื้อมมือเปิดประตูรถให้

สำหรับผม ผมไม่ขอพูดถึงความสัมพันธ์ที่เกินกว่าเจ้านายและลูกน้องระหว่างผมกับสมุทร  ผมกำลังเตือนให้เขาทราบว่า “เราจำเป็นต้องมีบางส่วนที่มันอยู่แยกกัน”  สามสิ่งที่ความซื่อสัตย์ควรรักษาไว้ให้ดำรงอยู่อย่าง “ไม่ควร” เปลี่ยนแปลง “บ่อยเกินไปนัก” ของความเป็นคนนั่นก็คือ “ตนเอง” “เพื่อนสนิท” และ “ครอบครัว”  เพราะสามส่วนนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในชีวิตของมนุษย์ 

แต่สิ่งเดียวสำหรับความซื่อสัตย์ที่สามารถแปรปรวนไปตามอารมณ์และการใช้ชีวิตได้คือ “ความซื่อสัตย์ต่อคนรัก” ใช่..คนเรามักพูดกันว่าความซื่อสัตย์เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตคู่  แต่มีไม่มากนักหรอกครับที่ใครจะสามารถซื่อสัตย์ต่อคนรักของตนเองเพียงคนเดียวได้ตลอดไป  เราก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าบนโลกนี้มีไม่มากนักหรอก  หากต้องให้พูดกันตามตรงกว่านั้น  ผมคงเป็นหนึ่งคนที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า “ผมไม่เชื่อว่าคนรักที่บอกว่ารักผม จะรักผมตลอดได้ไป”  ผมเผื่อใจที่จะเปลี่ยนแปลง  กระทั่งไม่สัญญากับตัวเองด้วยว่าจะรักคน ๆ นี้ไปได้ตลอดชีวิต  การที่ที่ผ่านมาได้เห็นคนมากมายที่มีคนรักอยู่แล้วก็ยังนอกใจ คบซ้อน เจ้าชู้ ฯลฯ  มันก็เป็นอย่างนั้นเป็นธรรมดา  เห็นจนชินแล้ว  ความลวงโลกคือสิ่งที่บางคนพยายามสร้างกำแพงและเชื่อมั่นในตัวเองว่าคนรักของฉันจะรักฉันคนเดียวตลอดไปนั่นล่ะ  ทั้งที่เราก็เห็นอยู่ว่าของสวย ๆ งาม ๆ มันมักล่อตาล่อใจ  และความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่โลกดำเนินชีวิตเรา  คนดีเปลี่ยนเป็นคนไม่ดีได้  คนไม่ดีสักวันก็กลายเป็นคนดีได้  เราปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น  ดังนั้น.. ผมไม่ได้กำลังโกรธสมุทรในฐานะที่ผมให้ความสนใจสมุทรเป็นพิเศษและเพราะเขาโกหกผมผมจึงโกรธ  แต่สำหรับเรื่องนี้ ผมกำลังเตือนเขาในฐานะของหนึ่งในเพื่อนร่วมงานเท่านั้น

เพราะการเกื้อกูลกันในเรื่องต่าง ๆ ของ “ครอบครับ” และ “เพื่อนสนิท” เป็นองค์ประกอบสำคัญมากกว่าได้คนรักที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่รักของตนเอง  ผมว่ามันเป็นสิ่งสำคัญกว่าและเราไม่สามารถตัดครอบครัวหรือเพื่อนสนิทออกจากชีวิตเราได้โดยง่าย  ผมมองว่าเพราะพื้นฐานตัวเราเป็นอย่างนั้นและเพื่อนสนิทที่ได้ก็จะเป็นในลักษณะไม่ต่างกันมากนัก  แม้คนสนิทของผมบางคนจะดูกะล่อนไปบ้างแต่พวกมันไม่เคยเอาเปรียบใครก่อน  เรามักจะอะลุ่มอล่วยและรักษาน้ำใจเพื่อนสนิทเพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเราดำรงอยู่ต่อไปเสมอ  ความสนิทสนมฉันท์เพื่อนจึงเป็นโครงสร้างของคำว่าครอบครัวไปโดยปริยาย  แต่กับคนรักหากพื้นฐานไม่คล้ายกันโดยสิ้นเชิง  ปรับตัวแค่ไหนก็มีแต่จะฝืนทน  และมันเป็นเรื่องธรรมดามากหากจะยอมรับไม่ได้และไม่ควรดำเนินความสัมพันธ์นั้นต่อ  ผมจึงไม่คาดหวังในส่วนนี้เพื่ออะไรอย่างยั่งยืน  ราคะ ตัณหา อารมณ์โกรธมันยังคงมีอยู่ในตัวผมและทุกคน  และโดยที่สุดแล้ว หากสมุทรจะไม่สามารถสานความสัมพันธ์เกินเพื่อนหรือเจ้านายให้ตามที่ผมต้องการได้  ผมก็ไม่สามารถบังคับอะไรเขาได้  แต่เรื่องเดียวที่ผมจะขอให้เขาดำเนินหน้าที่ต่อไปจนกว่าสักวันเขาจะไม่ได้ทำงานกับผมแล้ว  นั่นคือสิ่งที่เขาควรเป็นอย่างพ่อของเขาเท่านั้นเอง 



...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-01-2017 13:18:15
อ่อ ค้างไปอีกกกกกกกกกกกก

เดทที่มีทีท่าว่าจะดี แต่ก็ไม่สุด  :ling1: :ling1:

แล้วไฟยังมาเจอสมุทรในที่แบบนี้อีก อืมหือออออออออออออออออออ

นั่งเฝ้ารอตอนต่อไปเลย  :katai4: :katai4:

แต่รู้สึกว่าตอนนี้สั้นๆ เนอะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ตามคอมเมนต์จากคุณ mamacub เบบี้ขอชี้แจงย้ำอีกครั้งเผื่อสำหรับทุกท่าน  ดังนี้นะคะ ^ ^

.. หากเปรียบเทียบตอนที่ 37 นั้นสั้นกว่าตอนอื่น ๆ ที่ผ่านมา  รวมถึงตอนที่ 38 นี้ด้วยค่ะ  เพราะตอนอื่น ๆ ที่ผ่านมาก่อนหน้ามีความยาวเกือบจะ 20 หน้าเวิร์ดในเกือบทุกตอน  ตามที่เบบี้ได้เคยชี้แจงล่วงหน้าไปเมื่อ 15/11/2016 หน้าที่ 39  หรือสไตล์การลงนิยายเรื่องนี้ที่เกริ่นไว้เพื่อทราบให้ในหน้าที่ 1 (ข้อความตัวอย่างทางด้านล่างนี้)  เบบี้จึงขอย้ำอีกครั้งหนึ่งนะคะว่า  ทางเราจะพิจารณาว่าตอนใดควรลดความยาวลง หรือ ตอนใดจำเป็นต้องยาวตามความเหมาะสมของเนื้อหาค่ะ  ประกอบกับสาเหตุสุขภาพกำลังที่มีของผู้เขียนด้วยนะคะ
   

ขอบคุณค่ะ
เบบี้ ..12/01/2017


V
v
ชี้แจง: จากผู้เขียน

1 ). ก่อนหน้านี้ท้ายตอนที่ 26  เบบี้ได้พูดเกริ่นไปบ้างแล้วเกี่ยวกับบทบาทของคู่ไฟ/สมุทร  แต่เนื่องจากว่ายังมีคนอ่านหลายท่านคอมเมนต์และสอบถามเข้ามาประมาณอยากทราบว่าฝ่ายใดรุกฝ่ายใดรับ 

2 ). จากข้อ 1. วันนี้มาสรุปคำตอบให้เพื่อที่จะได้ไม่ค้างคาใจสำหรับบางท่านที่ยังไม่ทราบ (จะได้ไม่ต้องลุ้นในมุมนี้มาก) ทางเบบี้อาจจะไม่อธิบายในส่วนนี้อีก  คิดว่าในส่วนของการเขียนเนื้อหาที่ผ่านมาได้ทำการใส่รายละเอียดเป็นแนวทางให้วิเคราะห์ไปพอสมควรแล้ว  สรุปคือ.."ไฟ/สมุทร" จะ สลับกันค่ะ 
(ข้อความเดิมท้ายตอนที่ 26)  (https://i37.servimg.com/u/f37/18/05/03/16/untitl10.png) (https://servimg.com/view/18050316/185)

3 ). เนื่องจากแต่ละตอนมาต่อค่อนข้างช้าจึงได้ใส่เนื้อหาในแต่ละตอนยาวโดยพูดถึงหลายประเด็น  ซึ่งทางเบบี้ได้พิจารณาถึงกำลังร่างกายของตนเองและตัดสินใจแล้วว่า  ในตอนต่อ ๆ ไป.. สำหรับบางตอนอาจจะลดความยาวนั้นลงค่ะ

4 ). ไฟและสมุทรเป็นตัวเริ่มของเรื่องนี้  ดังนั้น จะเขียนคู่ "ไฟ/สมุทร" เป็นหลักสำหรับการลงนิยายเรื่องนี้บนหน้าเว็บไซต์เล้าเป็ด  จาก 31 ตอนที่ผ่านมามีเนื้อหาที่ค่อนข้างยาวมาก (เทียบเท่า ๆ กับนิยาย 50 ตอนของเบบี้เรื่องก่อนได้เลย 555++)  และผู้เขียนมีเหตุผลที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะไปต่อไหวถึงแค่ไหน  ดังนั้น.. จึงขอชี้แจงว่า  เมื่อถึงตอนจบของคู่ไฟ/สมุทร และได้ต่อตอนพิเศษให้เรียบร้อยแล้ว  นิยายจะย้ายไปอยู่ห้องนิยายจบแล้ว(ตามอย่างนิยายเรื่องที่ผ่านมาของเบบี้)  ส่วนหลังจากนั้น สำหรับคู่อื่นจะมีเขียนต่อเพิ่มให้อ่านหรือไม่นั้นยังไม่ขอรับปาก จะพิจารณาอีกทีหนึ่งค่ะ



เบบี้ ..15 / 11 / 2016
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-01-2017 13:26:30
ยาวสั้นไม่ว่า ขอแค่มาให้อ่านก็ดีใจมากแล้ว   :mew1: :mew1:
สู้ๆน้าเบบี้    :L2: :L2:
รักษาสุขภาพด้วย  :L1: :L1:
เราแวบไปอ่านก่อน
 o18 o18
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 12-01-2017 14:01:15
(มือขวาวางลงบนแก้มของเขาเบา ๆ  นิ้วโป้งช่วยปาดเลือดที่จมูกของเขาออกก่อนนำเลียเข้าปากต่อหน้าต่อตาอีกฝ่าย  รสชาติของเลือดเข้มชัดเจน  เราต่างมองตากันและกันด้วยอารมณ์ที่คงที่ปกติ ) โมเม้นสวีทเล็กๆ 55555
"ช่วยเอาพ่อนายเป็นตัวอย่าง" จุกกับประโยคนี้ นี้ว่าซ้อมกันปางตายยังไม่เจ็บเท่านี้ ชอบไฟอย่างนึ่งคือเป็นคนชัดเจนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก บ้าแต่ชัดเจนอ่ะชอบ>\\<
รอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 12-01-2017 15:17:39
เข้าใจความรู้สึกของไฟ เหมือนกำลังรู้สึกดีๆกับสมุทรแต่มาเจอสมุทรในที่ที่ไม่ควรจะมาเจอ เหมือนเอาหินมาทุบหัว

ทั้งรักทั้งโกรธ กลัวว่าความไว้ใจที่เคยมีให้ มันจะจางลง

พี่ไฟของเราชัดเจนเสมอ ชอบวะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 12-01-2017 17:23:10
คุณไฟทำถูกแล้ว
สั่งสอนหนักกว่านี้คนอ่านก็ไม่ว่า
สมุทรสมควรโดน  ทำตัวมีลับลมคมในไม่โปร่งใส 
หึ คงไม่พ้นเรื่องหยา
คุณไฟแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวได้ แต่คนอ่านไม่
( ยังงอลสมุทรอยุ่ที่ทิ้งคุณไฟไว้กลางทางตั้งแต่ตอนที่แล้ว 5555555 ) 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-01-2017 18:02:01
“อย่าคิดที่จะทรยศฉัน”
ไฟ โหดมากลงมือกับสมุทร  :z6: :z6: :z6:
โดยไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวกับสมุทรมาร่วม 
เอาแค่ความซื่อสัตย์ อย่างเดียวนี่เป็นเรื่องที่สุดๆละ  :ling1: :ling1: :ling1:
อย่าทรยศ ไฟเตือนเรื่องนี้เรื่องเดียว
เรื่องมงคล คนวางยา ไฟจัดการได้ยอดมากกกก
อ่านไปลุ้นไป ไฟ สมกับเป็นผู้นำจริงๆ สุดยอด
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 12-01-2017 18:37:41
แล้วสมุทรไปที่นั่นทำไมล่ะนั่น หรือมีอะไรเกี่ยวกับค่ายเก่าเพราะมีพี่สูงไปด้วย มีอะไรก็บอกเฮียไฟสิจ๊ะ แต่ก็ยังดีนะที่ไม่โกหก ไฟต่อยแล้วมีปาดเลือดมากินด้วย เท่มากกกกก สรุปยังไม่เฉลยปม อยากอ่านต่อๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 12-01-2017 18:39:49
บอกอย่างไม่อาย ... กูกลัวคนอย่างไฟมาก!  ครือถ้าเราเป็นไอ้มงคลนะ นี่ฉี่ราดตั้งกะเห็นไฟแม่งยืนรอละ ไม่ต้องรอตอบโต้กับ 10 กว่าประโยค ไม่ต้องรอโดนฟาดด้วยขวด เรายอมกัดลิ้นตายไปก่อนเลย เอาจริง!!  #กูยอม   :hao5:

ไฟแม่งน่ากลัวอ่ะ เดาอารมณ์ไม่ได้ โหดแบบจิตๆ สมแล้ว.... ไม่งั้นก็ยืนอยู่จุดนี้ไม่ได้ ....  แต่สิ่งนึงที่เป็นตัวตนของไฟแล้วเราชอบ คือ.. ความคิด ไฟมีตรรกะการใช้มีชีวิต การดำรงอยู่ ที่น่าสนใจมาก ดูได้จากช่วงบทบรรยายพาร์ทที่เป็นความคิดไฟแต่ละช่วง ดูไม่ล้ำ ไม่หลง มีแก่นที่ชัดเจนดีอ่ะ  o13

เรายังไม่อยากคิด ว่าสิ่งที่สมุทรทำลงไป คืออะไร? เราทำใจไม่ได้อ่ะถ้าสมุทรคิดจะหักหลังไฟ  :z3: โอวววว ได้โปรดดด  ใจเย็นๆๆๆๆ #บอกตัวเอง ขอดูๆสถานะการณ์ไปก่อนสัก 4-5 ตอนก่อนนะ #รอจนจบเรื่องเลยไหม? แหะๆๆๆๆ  o17  ก็เก๊าอิน เก๊าลุ้นไปด้วยอ่ะ  เวิ่นไปบ้าง อย่าว่ากันนะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-01-2017 20:42:38
บอกอย่างไม่อาย ... กูกลัวคนอย่างไฟมาก!  ครือถ้าเราเป็นไอ้มงคลนะ นี่ฉี่ราดตั้งกะเห็นไฟแม่งยืนรอละ ไม่ต้องรอตอบโต้กับ 10 กว่าประโยค ไม่ต้องรอโดนฟาดด้วยขวด เรายอมกัดลิ้นตายไปก่อนเลย เอาจริง!!  #กูยอม   :hao5:

ไฟแม่งน่ากลัวอ่ะ เดาอารมณ์ไม่ได้ โหดแบบจิตๆ สมแล้ว.... ไม่งั้นก็ยืนอยู่จุดนี้ไม่ได้ ....  แต่สิ่งนึงที่เป็นตัวตนของไฟแล้วเราชอบ คือ.. ความคิด ไฟมีตรรกะการใช้มีชีวิต การดำรงอยู่ ที่น่าสนใจมาก ดูได้จากช่วงบทบรรยายพาร์ทที่เป็นความคิดไฟแต่ละช่วง ดูไม่ล้ำ ไม่หลง มีแก่นที่ชัดเจนดีอ่ะ  o13

เรายังไม่อยากคิด ว่าสิ่งที่สมุทรทำลงไป คืออะไร? เราทำใจไม่ได้อ่ะถ้าสมุทรคิดจะหักหลังไฟ  :z3: โอวววว ได้โปรดดด  ใจเย็นๆๆๆๆ #บอกตัวเอง ขอดูๆสถานะการณ์ไปก่อนสัก 4-5 ตอนก่อนนะ #รอจนจบเรื่องเลยไหม? แหะๆๆๆๆ  o17  ก็เก๊าอิน เก๊าลุ้นไปด้วยอ่ะ  เวิ่นไปบ้าง อย่าว่ากันนะ  :mew1:



อีก 4 - 5 ตอน ....คือ .... :oo1:  :oo1: :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 12-01-2017 20:53:52
กรี๊ดดดดดดดดดด  เบบี้ตอบบมาแบบเน้ รอสิคะ .. จะนิ่งใย  :z2:  ใสๆค่ะ ไม่ได้คิดอะไร? :o8:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 12-01-2017 20:56:02
ง่าาาาาาาา
ไฟ ตอนนี้เจ้าพ่อมาเฟียมาก (ปกติก็เป็นทุกตอนนี่ ถถถถ)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-01-2017 21:15:10
พี่ไฟโครตจะแคร์สมุทรนี่แค่การลงโทษครั้งแรก อย่าให้มีอีก เพราะมันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆหากคิดจะทรยศกัน

กอดพี่ไฟ   :กอด1: :L1:

พี่แม่งโครตเท่ว่ะ

ขอบคุณเบบี้ค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 12-01-2017 21:15:29
ชอบความคิดคุณไฟจัง รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มองโลกได้ขาดมาก แอบจิตนิดๆแต่ก็มีเสน่ห์นะ  :-[

ไม่รู้ว่าเบื้องหลังเรื่องนี้ของสมุทรเป็นยังไง แต่เราก็ยังเชื่อนะว่าสมุทรไม่หักหลังคุณไฟแน่นอน พื้นฐานสมุทรไม่ได้คนแบบนั้นอะ แต่ถ้าต้องไปช่วยใครที่ตัวเองรักนี่ก็อีกเรื่องนึงมั้ง  :ling1:

ขอบคุณเบบี้นะคะ จะสั้นจะยาวก็ยังรออ่านต่อไปน๊าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 12-01-2017 22:12:27
ไฟ ตอนนี้นายเท่มากกกกกกกกกก
งานคืองาน ส่วนตัวก็ส่วนตัวแบบชัดเจนมาก  o13

ให้กำลังใจสมุทรนะมีอะไรก็บอกว่าที่แฟนได้  :hao7: แว่วมาว่าอีกสี่ห้าตอนจะ.........จะมีข่าวดี  :z1: :z1:

ปล. เบบี้ไม่ต้องคิดมากเอาสุขภาพก่อน จะช้าจะเร็ว จะสั้นจะยาวเรารอได้อยู่แล้ว  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 12-01-2017 22:39:47
เชื่อในความเป็นลูกผู้ชายของสมุทร
เข้มแข็งไว้นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 12-01-2017 22:45:12
คุณไฟเด็ดขาดและเหี้ยมมาก  ไม่ลังเลที่จะตักเตือน  และตัดขาดในสิ่งที่เห็นว่าเป็นเรื่องอันตรายกับตนเองและพวกพ้อง   :call:  งานนี้สมุทรโดนเตือนซะหนักเลย  สงสัยคุณไฟจะโกรธมาก  ไม่รู้ใครจะโกรธใครจะง้องเลย   :L2:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanunsak ที่ 12-01-2017 23:23:57
รู้สึกเห็นใจ.. ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-01-2017 23:56:03
เฮ้อออออ.    ทำไมไฟชอบแบกรับอะไรไว้กะตัวเองคนเดียวตลอดเลย มีไรไม่เคยพูดไม่เคยแก้ตัวเลย.
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 13-01-2017 00:01:22
ชีวิตไฟมันเหนื่อยมากอ่ะ ต้องคุมงานคุมคนกี่ชีวิต แล้วเป็นงานที่อยู่บนความเสี่ยงมากด้วย
ไฟลงมือหนักนะ แต่เราไม่สงสารสมุทร  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 13-01-2017 00:47:34
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วนั้นอยากจะขอเบบี้อย่างหนึ่งได้ไหมคะ ?:z13:
.
.
.
ขอเป็นเมียไฟค่ะ อิอิ :katai2-1:
เราหลงรักแคแรคเตอร์ไฟสุดหัวใจเลย นี่มโนว่าถ้าชีวิตนี้ได้เจอผู้ชายแบบไฟจะผลักไสตัวเองไปเป็นเมียชั่วคราว เมียแก้เหงา แก้เงี่ยน ก็ยังดี อยากอยู่รอบๆตัวไฟ :z3: ไฟมีเกแอพพีลสูงมากและเซ็กซี่ว่ะเฮ้ย!!!! กรี๊ดดดดดดด กูหลงมึงไอ้ไฟ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 13-01-2017 01:28:58
แล้วไปทำไม เออนะ อยากรู้
แต่ปากเลือดมาเลียนี่ อหหห. ดิบสัส
โบกป้ายไฟพี่ไฟค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 13-01-2017 07:22:34
มีเรื่องได้ตลอดปวดหัวแทนไฟจริงๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
มาคอยกัน สมุทรจะให้เหตุผลไฟยังไง แล้วไฟเองจะไปต่อเรื่องสมุทรแค่ไหน  :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 13-01-2017 09:39:55
ไฟชัดเจนดีชอบ ไม่ต้องเก็บแล้วไปคิดเอาเอง
ชอบไม่ชอบอะไรบอกกันชัด ๆ  o13

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 13-01-2017 09:53:03
ไฟเป็นคนน่ากลัวมากโหดกับลูกน้องคนอื่นยังพอเข้าใจได้คนทรยศยังไงก็ต้องโดนลงโทษ

แต่กับสมุทรถ้าจะปรามก็ไม่น่าจะลงไม้ลงมือขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-01-2017 13:15:26
ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 13-01-2017 14:02:10
แค่10วันหลังจากอ่านตอนก่อนหน้า พี่สูงเป็นใคร โธ่ความจำ

เรื่องทรยศหักหลังนี่มันละเอียดอ่อนมากเลยนะ คนเราก็ต้องการความไว้ใจเชื่อใจจากคนที่เรารู้สึกดีๆด้วยทั้งนั้นแหละ

กำลังเข้มข้น สมุทรจะทำไงต่อไป รอติดตาม  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 13-01-2017 14:18:33
้นานๆ จะเจอตัวเอกแบบไฟ
ดูมีสติและรู้เท่าทันตนเองอ่ะ มองโลกอย่างที่โลกเป็น
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 13-01-2017 17:07:47
โอ๊ยยยย สมุทรไปทำไมมม อยากรู้เลยอ่า
นี่เข้าใจพี่ไฟนะ เป็นเราก็คงโกรธแต่พี่ไฟก็ชัดเจนดี
เตือนในสิ่งที่ควรเตือน
พี่ไฟก็ยังคงเป็นพี่ไฟที่ไม่เชื่อใจใครเลยซักคน
ความรักของสมุทรจะเปลี่ยนพี่เค้าได้มั้ยนะ
แต่ก็ยังไม่อยากจะคิดไกลเพราะสมุทรยังไม่ใจอ่อนให้พี่ไฟเลย
ถถถถถถถถถถถ
มาต่อไวๆน้า เป็นกำลังใจให้ค่าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 13-01-2017 21:42:10
จะสั้น จะนานก็รอได้ค่ะ แค่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 13-01-2017 21:56:48
แอบเข้าข้างไฟนิดนึง แต่ยังไม่ปักใจเรื่องสมุทร แต่บางทีตรรกะการใช้ชีวิตของไฟ มันเป็นเรื่องยากนะ ที่จะให้ใครคิดเหมือน ยากอะเรื่องนี้

ปล.ดราม่าเข้มข้นฝุดๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 14-01-2017 09:30:53
ชอบไฟอ่ะ อ่านตอนใหม่แต่ละตอนชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ชอบที่สุดคือแนวความคิด ตัวตนของไฟในเรื่องคิดได้ขนาดนี้ คนเขียนจะขนาดไหน ยอมรับเลยค่ะ คุณเป็นอะไรที่พิเศษมาก อยากเจอตัวจริงสักครั้ง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NCJung ที่ 14-01-2017 10:44:11
อืมมม กินเลือดสมุทรด้วย คุณไฟโรคจิต 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 14-01-2017 17:53:36
เฮียไฟเค้าก็โหดแบบมีเหตุผล แต่ทำไมรู้สึกละมุนตอนเฮียปาดเลือดที่แก้มสมุทร>_<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 15-01-2017 03:25:19
โหด..แต่ก็ยังถือว่าปราณี!!!

จุดยืน..ความเป็นตัวตนของไฟชัดเจนเสมอ..

หลงรักจังๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 16-01-2017 16:45:26
เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคุณไฟนะมงคล
ส่วนสมุทรก็หวิวๆอยู่เหมือนกันตอนสมุทรไปผับ
แต่ก็หวังอยู่ลึกๆว่าอย่านะสมุทร
อย่าทำอะไรให้คุณไฟไม่พอใจ
ไม่งั้นไม่ตายดีแน่ๆ อดเป็นพระเอกแน่ๆสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 17-01-2017 01:10:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 19-01-2017 08:16:06
ขอย้ำแบบขีดเส้นใต้เน้นตัวหนาแบบโตๆว่าอยู่ #ทีมไฟ
เราชอบและหลงรักทุกความคิดและการกระทำของไฟ
ชัดเจนขนาดนี้ รู้ทั้งรู้ว่าถ้าทำ จะเกิดอะไรขึ้น
แต่ก็นะ คนมันเลี้ยงไม่เชื่องก็คือเลี้ยงไม่เชื่องวันยังค่ำ
กว่าไฟจะมาถึงจุดนี้มันไม่ง่าย กว่าจะเป็น "นาย" คนได้ คิดว่าต้องแลกมากับอะไรกัน?
ทุกอย่างที่หล่อหลอมให้ผู้ชายคนนี้คิดแบบนี้ทำแบบนี้
เราว่ามันยากเกินกว่าใครคนนึงจะคิดฝันเลยล่ะ
แยกสถานะ ความรู้สึกส่วนตัว ทุกอย่าง ถ้าทำไม่ได้คงได้ตายไปนานแล้ว
ชอบคำพูดที่ว่า ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ใจต้องการ เราเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์
วันนี้คุณคิดว่าคุณได้ แต่จะมั่นใจได้ยังไงว่าอนาคตจะได้ด้วย
หลายๆอย่างก็เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ความรัก ซึ่งมันก็แค่เป็นความรู้สึกนึงที่ครั้งนึงอาจจะมากมาย
แต่หลายปีผ่านไป เราว่ามันเจือจางลงแน่นอน เชื่อได้จริงหรอความรู้สึกแบบนี้
มากกว่าความรัก ที่จะทำให้ความสัมพันธ์คงอยู่ได้มันมีองค์ประกอบมากมาย
อย่างน้อยที่สุดความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานนึงในทุกอย่าง ความเคารพและให้เกียรติก็เช่นกัน

การที่ไฟเตือนสมุทรในลักษณะนี้ เราว่ามันชัดเจนดี
สมุทรควรรู้ว่า ณ ตอนนี้ตัวเองคือใคร และควรกับไม่ควรทำอะไร
ถึงไฟจะจีบก็แล้วไง เรื่องส่วนตัว กับการเป็น "นาย" มันรวมกันได้หรอ
ในเมื่อเขียนยังต่างกัน จะให้กระทำเหมือนกันก็คงไม่ได้
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไฟอยู่วงการนี้ได้และเราเชื่อว่าจะอยู่ได้อีกนาน
คือการแยกแยะนี่แหละ คนเราคนนึงมีบทบาทที่ต้องได้รับมากมาย
เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นคนรัก เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ก็ต้องดูด้วยว่าในตอนนั้นคุณอยู่สถานะไหน
ทำสิ่งไหนได้และทำสิ่งไหนไม่ได้

อยากฝากถึงสมุทร โดนมาก็หลายทีไม่รู้หรอว่าว่าที่เมียตีนหนักมือหนัก
เราไม่คิดว่าสมุทรจะทรยศหรอก แต่ก็ช่วยกรุณาทำให้เห็นด้วยว่าซื่อสัตย์จริงๆ
ในเมื่อไฟมันแยกแยะออกได้ขนาดนี้ อย่า"หา"เรื่องเลยนะ
คนเรามันไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะแก้ได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของคนอื่น...

ปล.ถึงจะยังเคืองสมุทร แต่ก็อยากให้สมุทรตกหลุมไฟเร็วๆ
คนแบบไฟไม่ใช่อ่อนไหวไม่ได้นะ แค่บางทีไม่แสดงออกก็เท่านั้น
ตอนนี้ไม่ได้สมุทรไม่เป็นไร แต่ไฟได้เรานะ you've got my back baby!
จริงๆก็ได้มาตั้งแต่เราเริ่มอ่านล่ะ ฮ่าๆ
เราแค่รักไฟที่เป็นเป็นไฟในแบบของตัวเองนี่แหละ
ขนาดเรายังเป็นขนาดนี้ สมุทรมันต้องหวั่นไหวสักนิดมั่งแหละ!

ขอบคุณเบบี้นะคะ เป็นกำลังใจให้และรอติดตามค่า

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: chuxm ที่ 19-01-2017 21:51:28
ชอบนิยายแบบนี้มากค่ะสนุกมาก ดูเรียลจริงๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เอวา ที่ 20-01-2017 12:20:31
เออ กูพึ่งรู้สึกตัวว่ะว่าชอบเฮียไฟเข้าให้แล้ว เผลอๆกูคงรักเค้าเลยแหละ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: flowerloveyaoi ที่ 20-01-2017 12:45:22
แปะไว้เดี๋ยวมาอ่าน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 23-01-2017 06:08:55
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 25-01-2017 10:30:19
ไม่ได้อ่านนิยายในเล้าเป็ดมานานมากกกกกกก
วันก่อนเกิดนึกครึ้มอะไรไม่ทราบเลยกดเข้ามา เจอนิยายของพี่เบบี้ที่ไม่ได้อ่านมานานแล้วเช่นกันพอดี...

โคตรรรร คิดถึงเลยค่ะ!

ใช้เวลา 2 วันกว่าจะตามอ่านจนทัน ไม่ผิดหวังเลย
เราชอบวิธีบรรยาย โครงเรื่อง ลักษณะนิสัยตัวละครที่มีตื้นลึกหนาบางแตกต่างกัน
อ่านนิยายแนวมาเฟียๆ มาก็หลายเรื่อง เจอหลายเรื่องเหมือนกันที่ตัวละครมาเฟียชอบทำตัวแบบตลกๆ "..."
แต่เราชอบไฟนะคะ เราว่าบทเวลาที่จะมีเรื่อง มันดูไม่มากเกินพอดี ทุกอย่างดูมีเหตุผลรองรับ
ส่วนเรื่องไฟสมุทรใครจะรุกรับอันนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย เราแบบ ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน

สรุปคือรอตอนต่อไปนะคะ เข้าใจว่ามีธุระต่างๆ ไม่ต้องรีบก็ได้ เรารอได้เรื่อยๆ
รักและคิดถึง :man1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 26-01-2017 19:20:58
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-01-2017 21:18:36
รอไฟมาแจกแต๊ะเอีย  :mew1: :mew1: :mew1: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 28-01-2017 22:10:42
ยังเจ้มจ้นและน่าติดตามเฉกเช่นทุกตอนค่ะ แต่ตอนอ่านแล้วแอบเคืองแทนไฟอยู่นะ ที่สมุทรทำเหมือนมีเรื่องลับหลังไฟ  :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 30-01-2017 06:29:10
คิดถึงไฟจังเลยค่ะคุณเบบี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 38 [ 12:50 น. - พฤ. 12 ม.ค 60 หน้า 48 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 31-01-2017 13:21:02
 :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 31-01-2017 13:25:23


ตอนที่ 39
..ไฟ..




07:23 น. : บ้านเลิศประสงค์

“คุณไฟ ตื่นแล้วหรือคะ” ป้าอิ่มยิ้มรับ 

“ขอกล้วยหอมปั่นโยเกิร์ตให้ผมหน่อย” ผมสั่ง

“ได้ค่ะ” เธอผงกหัว  ดวงตาเหลือบมองลูกมือของเธอคล้ายเป็นการส่งทอดหน้าที่ต่อ

“คุณพายุเตรียมอาหารเช้าเสร็จพอดีเลยค่ะ”

“อีกละ” ผมพึมพำกับตัวเอง  ป้าอิ่มได้ยินถึงกับอมยิ้ม 

“แล้วรออะไรครับ” ผมเหลือบมองเธอที่ยังคงยืนรออยู่ที่ตีนบันไดไม่ไปไหน  ในมือถือกล่องอาหารขนาดเล็กสำหรับพกพาสะดวก

“เอ่อ..” ป้าอิ่มอ้ำอึ้งพร้อมยิ้มอ่อน

“มาแล้วคร้าบ!” ผมหันไปมองชั้นสองของบ้าน  ไอ้ดินตะโกนโวยวายออกมาจากห้องนอนพร้อมเสียงประตูที่ปิดเสียดังลั่น  ชุดนักเรียนแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยอย่างกับนักเรียนดีเด่น  มาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มทันทีที่เจ้าตัวเห็นว่าผมยืนอยู่กับป้าอิ่มด้วย 

ผมเหลือบสำรวจน้องชายหัวจรดเท้า  ไม่มีที่ให้ติเช้านี้จึงไม่ต้องเปลืองน้ำลาย  ผมไม่ชอบให้คนใกล้ตัวแต่งชุดนักเรียนหรือชุดนักศึกษาไม่เรียบร้อย  ตัวผมเองและพี่ธานมักจะแต่งตัวถูกต้องตามกฏของโรงเรียนเสมอจนเรียนจบมหาวิทยาลัย  ชายเสื้อที่ควรอยู่ในกางเกงก็มักจะอยู่ในกางเกงเสมอแม้ว่าจะออกจากโรงเรียนแล้ว  ถึงเราจะเป็นคนดีหรือไม่  สำหรับผม ในเมื่อเรายังอยู่ในเครื่องแบบของสถาบันก็ควรให้เกียรติในระดับหนึ่ง  มันเป็นหน้าเป็นตาของตัวเราเองซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้ปฏิบัติยากอะไร  ผมเองก็ยังไม่ได้ขาดใจตายห่าจนทุกวันนี้  พอทำอย่างเคยชินก็มีแต่จะแต่งตัวง่ายไปโดยปริยายเสียด้วยซ้ำ

“เฟรนช์โทสต์โรลค่ะ ตามที่สั่ง” ป้าอิ่มยื่นกล่องให้ไอ้ดินทั้งสองมือ

“ขอบคุณมากครับ ป้าอิ่มน่ารักที่สุด~” มันยกมือไหว้พร้อมรับกล่องไปกอด

“เฟรนช์โทสต์ ?” ผมเหล่ตามอง

“หน้าอย่างมึง ข้าวต้มหมูก็หรูแล้ว” ผมสบถหัวเราะเดินหนี

“โหย เฮียอะ! ไปเรียนละนะ!” มันว่า

“เออ!” ผมตอบอย่างไม่คิดที่จะหันหลังไปมอง

“หันมามองกันหน่อยเซ่!” ไอ้ดินตะโกน  เสียงของมันดังขนาดที่ว่าพายุที่อยู่ในห้องอาหารถึงกับต้องชะโงกหน้าออกมามองตรงประตู  ผมจึงยอมหันกลับไป  อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างรอ

“ตามจริงมึงควรถึงโรงเรียนตั้งนานแล้ว” ผมอดเหน็บไม่ได้ 

“โด่ว~ หวัดดีคร้าบท่านพี่ทั้งสอง” มันโค้งตัวลงเก้าสิบองศาตัดบทอย่างสวยงาม  ..ดูแล้วกวนส้นตีนนิด ๆ  แม่บ้านที่เห็นพากันหัวเราะคิกคัก

“วันนี้มีขนมปังไข่ดาวอะโวคาโด” พายุรีบสาธยาย  ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่นั่งประจำ

“นี่คือชื่อเมนู ?” ผมกวน  พี่ธานเข้ามาถึงเอ่ยปากทัก “หวัดดีครับ” ให้ได้ยิน

“แล้วก็ไข่ม้วนแฮมชีส” พายุบอก  จานไข่ม้วนแฮมชีสวางลงข้าง ๆ
 
“เออ ให้มันได้อย่างนี้ดิ” ผมชมอย่างพอใจ  จานอาหารที่ถูกตกแต่งด้วยผลไม้รอบจานอย่างน่ารับประทาน  นาน ๆ ทีจะพ้นของร้อนในยามเช้า  เห็นแล้วสดชื่นเป็นบ้า

“คุณพายุทำเหรอครับ” พี่ธานถาม

“ครับ” พายุผงกหัวยิ้ม

“สมุทรมาถึงแล้วนะครับ” พี่ธานบอกขณะที่เลื่อนเก้าอี้นั่ง  ผมผงกหัวเป็นการรับทราบว่าตนเองได้ยินแล้ว

“ตารางสอบของยุกับดิน” พายุพูดถึงกระดาษต้องสงสัยที่วางอยู่ข้างจานอาหารของผม  พอมันบอกอย่างนั้นผมจึงหยิบขึ้นมาดูรายละเอียด

“วันถัดมาหลังจากที่ยุสอบเสร็จ ยุมีแข่งปิงปองรอบชิงก่อนนะ” มันบอก

“นี่มึงจะเข้ารอบชิงแล้วเหรอ” ผมทำหน้าตกใจจงใจแกล้งกวนน้องชาย  อีกฝ่ายถึงกับมองค้อนมาอย่างไม่พอใจที่ผมไม่สนใจมัน  ผมหัวเราะ  วางกระดาษลงที่เดิม

“กูจะให้มึงสองคนไปเซี่ยงไฮ้สักพัก ต้องขึ้นเครื่องทันทีที่มึงวางไม้ปิงปอง” ผมสรุปพร้อมลงมือกินขนมปังไข่ดาวอะโวคาโดห่าเหวอะไรนั่นของมัน

“แต่..เฮีย ไม่ต้องให้ยุอยู่ก่อนเหรอ” มันถามตะกุกตะกัก  ลังเลไม่อยากที่จะไป

“ไม่ หลังจากนั้นไม่ต้อง” ผมตอบ  ตามองจานอาหาร  ตั้งใจให้ลิ้นรับรู้รสชาติที่ถูกปากนี้

“แต่...” พายุอ้ำอึ้ง  ทำท่าจะเสนอเหตุผล

“ไม่ต้อง” ผมสรุปย้ำอีกครั้ง  ตาช้อนขึ้นมองอีกฝ่าย

ผมทราบดีว่าพายุมองออกว่าพวกผมกำลังทำอะไรอยู่  การที่พี่ทัพมาหาถึงบ้านคงทำให้พายุไม่สบายใจในหลายเรื่อง  รวมทั้งผมเองก็ผิดที่เลือกที่จะไม่อธิบายใด ๆ ให้กับมันได้รับทราบ  ที่ผมไม่ต้องการให้พวกมันอยู่เพราะไม่ต้องการให้เป็นห่วงและรับรู้เรื่องที่ควรเป็นห่วงมากกว่านี้  อีกทั้งผมไม่ต้องการห่วงหน้าพะวงหลังด้วย

“มึงกลับมากูจะซื้อหมาตัวที่มึงอยากได้ให้ โอเคไหม” ผมเสนอ  ต้องการให้เรื่องราวจบโดยดี

“.........” อีกฝ่ายนั่งเงียบเชียบ  เรียกว่านิ่งสนิท 

“ไหนเฮียบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้แล้วไง” พายุพูดหน้าตรงไม่ได้เจาะจงมองที่ใคร  ผมกับพี่ธานได้แต่เงียบ  มือยังคงถือขนมปังค้างไว้อยู่

“พี่ทัพต้องการความช่วยเหลือ แล้วกูก็ไม่ได้จะเข้าไปยุ่งเต็มตัว แค่..แค่บางเรื่อง” ผมอธิบาย  ทิ้งเสียงลงพักใหญ่จนแม่บ้านที่ยืนอยู่ปากประตูห้องอาหารทราบว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องส่วนตัวจึงทยอยออกไปทีละคน

“ตามจริง..ถ้าไอ้กริดมันไม่เข้ามาในเขตของเรา กูก็คงจะไม่ยุ่งเท่าไหร่ ส่วนพี่ทัพก็คงไม่ขอให้ช่วย”

“มันเรื่องใหญ่แค่ไหน ?” พายุมองมา  คำถามที่ทำให้ผมตอบในทันทีไม่ได้

“ใหญ่กว่าที่ผ่านมาใช่ไหม”

“พายุ..” ผมทิ้งเสียง   

“ทำตามที่พี่ขอก็พอได้ไหม” ผมถอนหายใจนิดหน่อยอย่างอดไม่ได้  มือคว้าส้อมจิ้มสับปะรดวางลงบนจานให้พายุกึ่งบังคับให้มันกิน  มันจะได้เลิกถามสักที

“เฮียชอบผิดสัญญาตลอดเลย” พายุบ่น  คิ้วขมวดเป็นปม  อีกฝ่ายลงมือกินทั้งที่หน้ายังมุ่ยตุ้ยอย่างนั้น

“กูทำแบบนั้นบ่อยเมื่อไหร่เล่า” ผมอมยิ้มมุมปาก  ขนมปังกัดเข้าเต็มปากจนแก้มนูนขึ้นพร้อมหลิ่วตาให้พี่ธานยิ้ม ๆ

“ยุจะบอกม้า” มันพึมพำ  เสียงส้อมกระแทกลงบนจานดังหนวกหู

“บอกย่าด้วย”

“ฉี่~” ปากผมเผยอออกพร้อมเสียงประหลาดเมื่อได้ยินอย่างนั้น  หลังเอนพิงพนักเก้าอี้  พี่ธานหัวเราะมอง

“เฮ้อ คิดถึงปู่เป็นบ้า!” ผมกวนกลับ 

ดูเหมือนอาหารมื้อเช้าวันนี้ที่แปลกลิ้นทำให้ผมกับพี่ธานมีเรื่องให้แกล้งคนบนโต๊ะเป็นพิเศษ  พายุเลือกที่จะกดโทรศัพท์ไปด้วย  หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปในเรื่องของหมาพันธุ์ที่น้องชายผมต้องการ  มันดูวนไปวนมาแล้วก็ยิ้มกริ่มเป็นคนบ้าในโลกของมันคนเดียว 

เสร็จจากโต๊ะอาหารเราแยกย้ายกันไป  พี่ธานได้รับมอบหมายให้ไปที่ค่ายมวยแทนผมในเช้าวันนี้  ผมจะไม่เข้าไปที่นั่นรวมถึงจะไม่ออกไปไหนอีกด้วย  เราจะมีการรวมตัวสำคัญอีกทีในค่ำวันนี้  ผมจึงอยากใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยสักหน่อย  ชุดนอนถูกเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นสำหรับออกกำลังกายตัวเดียว  ร่างกายที่ถูกล้างหน้าและแปรงฟันเท่านั้น  รอยพกช้ำตามร่างกายจางหายไปแล้ว  เหลือแต่แผลบนใบหน้าที่เป็นแผลเป็นหลงเหลือให้เห็นอยู่ 

สมุทร เข้ม เด่นและรุ่งอยู่ที่โรงฝึก  พายุออกไปพร้อมหินที่รับหน้าที่ขับรถของพายุให้  ตอนนี้มีเพียงสมุทรคนเดียวที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเพื่อเข้าฝึก  เขาคงรอคำสั่งจากผมว่ามีเหตุจำเป็นต้องไปข้างนอกหรือเปล่า  อีกฝ่ายเดินออกมารอที่หน้าโรงฝึกเมื่อเห็นผมปรากฏตัวออกมาจากบ้าน  เขายืนกุมมือสงบเสงี่ยมไม่สบตาผมนัก  ใบหน้าที่มีลักษณะเรียบเฉยยังคงเป็นอย่างนั้นเป็นปกติ  ผมเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเขา  ทำให้อีกฝ่ายจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองเป็นมารยาท  เรื่องของเมื่อคืนคืออดีตที่ผมถือว่าเป็นการเตือนอย่างจบแล้วจบเลย  ครั้งเดียวอย่างไม่ขอพูดซ้ำซาก  เช้าวันนี้คือเช้าวันนี้  ปลายจมูกของสมุทรที่ถูกชกนั้นช้ำเป็นสีแดงเข้มเด่นชัด  ไม่แปลกใจอะไรเพราะลูกน้องผมคนอื่น ๆ เคยโดนหนักกว่านี้  ดังนั้น สำหรับเขานี่ถือว่าเบามากแล้ว 

“วันนี้ไม่ต้องออกไปไหน เดี๋ยวนายลงนวมกับไอ้รุ่งแล้วกัน” ผมสั่งงาน

“ครับ” สมุทรผงกหัวรับทราบ 

“......” เรายังคงยืนนิ่งกับที่  มือผมขยับขึ้นเท้าเอวพลางมองหน้าอีกฝ่ายที่ไม่สบตามา  แสงแดดสาดส่องกระทบใบหน้าทำให้ผมต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย  คิ้วขมวดเป็นปม     

“ไปที่นั่นทำไม..?” ผมถามขึ้นโต้ง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ  คำถามนี้ที่พุ่งตรงประเด็น  มันเป็นคนละคำถามกับที่ผมถามเขาเมื่อคืน  เมื่อคืนนี้ผมไม่ได้ต้องการทราบว่าเขาไปที่ผับ Blackfoot ทำไม  สาเหตุห่าเหวเพราะอะไร  ผมไม่ได้อยากรู้  ณ ตอนนั้น มันเป็นแค่การรอสังเกตการณ์ดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายในฐานะเจ้านายและลูกน้อง  ผมถามเขาว่า “ไปไหนมา ?” นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะรู้  เขาควรตอบผมอย่างฉะฉานว่าเขาไปไหนมา  ความลังเลที่จะตอบอย่างตรงไปตรงมาของเขามันทำให้ผมทราบว่าเขากำลังคิดที่จะโกหก  และมันน่าโมโหตรงที่มันขัดกับบุคลิกของเขา  แน่นอนว่า สาเหตุที่เขาถูกผมเตือนไม่ใช่การที่เขาไปโผล่ที่นั่น  มันเป็นประเด็นที่เล็กสำหรับผม  ถ้าเขาฉลาดกว่านี้เขาคงจะรู้ว่าผมชกเขาทำไม  เขาเคยยืนหยัดว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขาได้จากผมไปเพื่อชดใช้หนี้สินเขาจะใช้คืนให้  ผมไม่ได้หวังรอตรงนั้น  ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจต่องานที่กำลังทำอยู่นี้  เขาควรสำนึกว่า ณ ตอนนี้เจ้านายของเขาไม่ได้เล่นแคะขนมครกขายเลี้ยงปากท้องลูกน้อง  และในฐานะที่เขาทำงานอยู่กับผม  เขาก็ควรที่จะอ่านผมให้ออกมากกว่านี้ว่าผมจะเป็นเจ้านายให้เขาในลักษณะแบบไหน 

ผมอยู่กินสบายแล้วจะปล่อยให้ลูกน้องลำบากได้งั้นเหรอ  ในมาตรฐานของการดูแลคนทั้งค่ายเป็นไปอย่างเท่าเทียม  ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร ที่อยู่ที่พัก สวัสดิการที่แทบป้อนให้ทุกอย่างเพื่อให้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขกายสบายใจ  แต่อีกมุมหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นสถานที่ที่ดูแลเลี้ยงคนร้อยพ่อพันแม่  มาตรฐานการอยู่ร่วมกัน สร้างกฏในค่ายให้เท่ากันเพื่อที่จะได้มีกำลังใจในการทำงาน ไม่รู้สึกเหลื่อมล้ำ  ไม่ว่าจะเป็นไอ้นพหรือนักมวยดัง ๆ ที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้ค่ายไม่รู้กี่สิบล้าน  แต่พวกมันก็ยังต้องกินข้าวหม้อเดียว ครัวเดียวกันกับนักมวยรุ่นเล็ก  ยังต้องเคารพนอบน้อมครูมวยและพี่เลี้ยง  เมื่อออกค่ายฝึกด้วยกันพวกมันกินน้ำพริกผมก็กินน้ำพริก  ลูกน้องกินอะไรเราต้องกินแบบนั้น  คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้สิ่งแรกคือต้องมองเห็นคุณค่าของตัวเองและคนอื่นก่อน  “มึงต้องขยันกว่านี้ มึงมองว่าตัวมึงทำดีที่สุดแล้วเพราะมึงเอาตัวเองไปเปรียบกับคนที่แย่กว่ามึง มึงคิดแบบนี้ไม่ได้! มีคนฝึกหนักกว่ามึง ตอนนี้มีคนที่เหนื่อยกว่ามึง!!” คำพูดของพ่อตอนที่เราเคยทะเลากัน  น้ำเสียงเย้ยหยันกระแทกกระทั้นนั้นยังฝังอยู่ในกบาลผมจนทุกวันนี้  และมันก็ไม่ง่ายเลยที่ผมจะระงับอารมณ์โกรธของตัวเองได้เมื่อเห็นคนลักษณะความคิดเป็นแบบไอ้มงคล  มันยากที่จะเข้าใจ พอ ๆ กับที่มันยากที่คนแบบมันจะเข้าใจผมนั่นละ

แต่ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่า  การที่พี่เอิร์ธอ่านบางอย่างในตัวผมออก  ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าหากไอ้มงคลมันมาสารภาพทุกอย่างจากใจจริง  ผมก็คงไม่คิดที่จะทำแบบนั้นกับมัน  บางทีการช่วยเหลืออาจจะเกิดขึ้น  ผมจะให้อภัยทั้งที่ไม่มีทางรู้ว่ามันกำลังตอแหลผมอยู่รึเปล่า  ผมจะให้อภัยมันทั้งที่ไม่มีทางรู้ว่าในอนาคตมันจะหักหลังผมอีกหรือไม่  จะให้อภัยมันทั้งที่แววตาของมันจะไม่ได้มองผมในความเคารพนับถือในฐานะเจ้านาย  จะให้อภัยทั้งที่ที่ผ่านมามันไม่เคยมองเห็นคุณค่าความดีของคนที่ให้ความรักกับมัน  ให้อภัยทั้งที่ไม่มีทางรู้ว่าคำขอโทษนั้นได้กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอัตตาตัวตนของมันหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม..สำหรับผม การให้อภัยไม่ได้แปลว่าจะให้โอกาส  ให้อภัยคือการปล่อยอีกฝ่ายไปโดยไม่คิดแค้นเคืองต่อกัน  แต่โอกาสทางความสัมพันธ์ฉันท์คนรู้จักจะไม่มีให้อีก  จะไม่ให้ความเชื่อใจอีกต่อไป  เป็นเพียงการหยิบยื่นโอกาสที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปแบบต่างคนต่างอยู่  ต่างสงบ  ตามจริงแล้วผมเป็นคนใจอ่อนอยู่นิดหน่อย ..หึ ผมคิดว่าผมเป็นแบบนั้นน่ะนะ
 
“เรื่องยาวมากเลยครับ” สมุทรตอบ  น้ำเสียงหนักแน่นในคำตอบเป็นที่น่าพอใจ

“ฉันมีเวลาให้นายทั้งวัน” ผมตอบปนหัวเราะ  อีกฝ่ายเบิกตาแทบไม่กะพริบแต่แล้วใบหน้าก็เริ่มมีความหนักใจแสดงให้เห็น  เราทั้งคู่เงียบอยู่นานมากจนได้ยินเสียงพวกที่กำลังซ้อมอยู่หายใจเข้าออกค่อนข้างแรง

“ฉันเป็นคนแบบนี้แหละ” ผมพูดขึ้นห้วน ๆ  สมุทรสบตาผมโดยไม่พูดอะไร 

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาก่อนแล้วกัน” ผมโบกมือตัดบทสนทนา

“คุณไฟครับ” อีกฝ่ายเรียก  ผมหันกลับไปมอง

“ผม..” เขาอ้ำอึ้ง

“ผมไม่เคยคิดที่จะ หักหลัง..ทุกคนที่นี่”

“เป็นความคิดที่ดีนี่” ผมอมยิ้มมุมปากชมปัดส่ง ๆ ไปที   

“ผม..ผมมีเรื่องอยากรบกวนให้คุณช่วย” เขาพูด  สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจในอก

“บอกแล้วไงว่ามีเวลาให้ทั้งวัน” ผมฉีกยิ้มมุมปากเล็กน้อย  ขาเริ่มก้าวเดินอีกครั้งได้ยินเสียงคนข้างหลังพูดบอกไล่หลังอย่างเบาบางว่า “ขอบคุณครับ”

“จับเวลา!” ผมตะโกนท่ามกลางพวกมันที่กำลังฝึกอยู่  มือคว้านาฬิกาจับเวลามาถือไว้ทำให้พวกมันทราบได้ทันทีว่าผมจะควบคุมพวกมันแทนการที่พวกมันฝึกด้วยตนเอง  นาฬิกาจับเวลาถูกกดเปลี่ยนเพื่อตั้งเวลาใหม่  เช้านี้ผมจะไม่ฝึกตัวเองตามตารางที่วางไว้  แค่อยากพัก  แต่ก็ไม่ได้อยากพักอย่างเด็ดขาดเสียทีเดียว   

“วิตพื้น” ผมสั่งเคลียร์ใหม่ทั้งหมด  พวกมันรีบละมือจากที่ฝึกอยู่ไปรวมตัวที่มุมว่างของโรงฝึกในทันที  ส่วนสมุทรหายตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว

“เร็ว ๆ ๆ ๆ!” ผมเร่ง  ชี้นิ้วไปที่สมุทรที่เพิ่งวิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวอย่างรีบร้อน  เขาวางผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้าไปพาดไว้บนเก้าอี้ก่อนเข้าไปรวมตัวกับคนอื่น 

“พาดเท้าขึ้นไป” ผมสั่ง  พวกมันวางมือไว้บนเบาะที่พื้น  ปลายเท้าพาดขึ้นไปบนเวทีมวยเพื่อเพิ่มแรงโน้มถ่วงให้การวิตพื้นยากกว่าปกติ  แต่ผมชอบแบบนี้มากกว่าเพราะส่วนตัวรู้สึกว่าง่ายกว่า

“เริ่ม” ผมสั่ง  ตัวเลขหลักวินาทีวิ่งอย่างรวดเร็ว  ลำตัวของพวกมันขยับขึ้นลงเป็นไปอย่างพร้อมเพรียง

“นับด้วย ต้องให้บอกรึไง” ผมขมวดคิ้วอย่างนึกรำคาญ 

“สี่! ห้า!” พวกมันเริ่มนับพร้อมกัน

“เริ่มนับใหม่โว้ย! จะโกงกูเหรอ” ผมขึ้นเสียง  อยู่ ๆ ก็รับไม่ได้ขึ้นมา  ไอ้เด่นอมยิ้มเขิน

“หนึ่ง! สอง! ..” พวกมันส่งเสียง  ผมเดินเข้าไปใกล้ไอ้รุ่งที่อยู่ในตำแหน่งหน้าสุด  รอเวลาจนนาฬิกาวนไปนาทีที่สี่จึงนั่งยองลงตรงหน้า  คล้องสายนาฬิกาจับเวลาไว้ที่คอก่อนปัดหน้าจอนาฬิกาไปทางด้านหลังตัดรำคาญ 

“ตีมือมา” ผมบอก  แบมือออกตรงหน้าไอ้รุ่งในขณะที่มันเงยหน้าขึ้นได้จังหวะพอดี  การวิตพื้นสลับไปกับการที่พวกมันต้องมีสติตีมือผมมา

“รอจังหวะด้วย ทำไป” ผมสั่งคนอื่น ๆ  จึงเป็นการวิตพื้นที่เป็นไปโดยช้ากว่าปกติ 

“หายใจ” ผมเตือน  ถัดจากไอ้รุ่งเป็นไอ้เด่นทำให้คนที่รออยู่คนอื่นเริ่มหอบเหนื่อย

“ฟู่~” ไอ้เด่นหอบเหงื่อแตกซก  ผมนำหลังมือสะกิดแก้มมันเบา ๆ เพื่อเตือนให้มันหายใจลึกยาวกว่านี้  ผมใช้เวลาคุมการฝึกของพวกมันอยู่ร่วมชั่วโมง  หลังจากนั้นจึงปล่อยให้ลงนวมกันเอง  สมุทรซ้อมกับไอ้รุ่ง  ส่วนไอ้เข้มจับคู่กับน้องชาย  ผมยืนดูพวกมันไปพลางมือก็กดเปลี่ยนเพลงที่เครื่องเสียงไปพลาง  ส่วนใหญ่เป็นเพลงแนวฮิพฮอพเรียกพลังงานทั้งสิ้น  บางทีผมก็มีเบื่อบ้างนะครับเพลงพวกนี้น่ะ  มันอยู่ที่อารมณ์ในบางเวลาจริง ๆ  เพราะบางครั้งก็นึกครึ้มชอบฟังเพลงลูกกรุงเนิบ ๆ ขณะออกกำลังกาย  แบบนั้นก็สบายหูไปอีกแบบ


ปิ้ม!!  ปิ้ม ๆ ๆ ๆ !!!

“วู้ ~” พวกเราต่างหันไปมองกันเป็นจุดเดียวที่หน้าบ้าน  ผมกดปิดเครื่องเสียงทันที  เสียงโหวกเหวกดังลั่นอย่างไร้มารยาทนั้นมันคุ้นหูอย่างหนีใครไปไม่พ้น  ทำนองเพลง Blues กับการลีดกีตาร์นุ่ม ๆ ดังปะทะกับเสียงเครื่องยนต์ทำให้แม่บ้านวิ่งออกมาจากบ้านหน้าตาตื่น  เมื่อพวกเธอเห็นว่าเจ้าของรถคันดังกล่าวนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล  เธอจึงรีบกดรีโมทประตูรั้วอนุญาตให้เข้ามาได้  ความติงต๊องของไอ้โปรดทำให้ไอ้กังฟูเห่ารับมาจากที่อยู่ของมัน

“What’s up guys!” รถเปิดประทุนทำให้ไอ้โปรดลุกขึ้นยืนพร้อมโบกผ้าเป็นผีบ้าได้ถนัด  คนขับคือไอ้คินที่บังคับรถเข้ามาอย่างเชื่องช้าอย่างกับจะโชว์รถอย่างจงใจ  ผมเดินไปหยุดยืนที่หน้าโรงฝึกพร้อมเท้ามือพิงเสามองทั้งคู่ปล่อยให้พวกมันทำกันให้เต็มที่ตามสบาย

“Do you know John Lee Hooker? Oh, my King of Blues~” ไอ้โปรดยกมือขึ้นฟ้าทั้งสองข้าง ปากของมันคาบบุหรี่อยู่  ขาข้างซ้ายเหยียบเบาะรถ  กางเกงเอวสูงกับเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีคลาสสิกแบบที่ดูออกว่าเป็นของนอกแต่กลับยังดูกวนลูกตา  มือสะกิดเกาอยู่ที่เอวประกอบท่าการลีดกีตาร์แบบลวง ๆ ของมัน  เป้าขยับสู้กลางอากาศสองสามที  นึกแล้วอดสงสารผู้บริหารสายการบินของมันไม่ได้  ถ้าสักวันหนึ่งมีคลิปวีดิโอของมันเต้นอยู่กลางรันเวย์ผมก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่


- I’m in the mood, I’m in the mood for love –

เพลงเล่นในทำนองบลูส์ไพเพราะน่าฟัง  เมื่อพ้นเสียงนักร้องไปได้  ไอ้โปรดก็ร้องคลอตามด้วยพลังที่มี “I’m in the mood, I’m in the mood for love yeah!”  ผมหลุดหัวเราะอย่างอดไม่ได้  ภาพในอดีตสมัยมัธยมหวนกลับมาเป็นฉาก ๆ  ไอ้โปรดที่มีพฤติกรรมหลายอย่างชวนหมันไส้และน่าถูกเกลียดมากคนหนึ่งเป็นอันดับต้น ๆ ของโรงเรียน  แต่เพราะความเป็นจริงแล้ว ตัวตนของมันที่เป็นอยู่นี้ก็เป็นแบบนี้นั่นเลยทำให้ไม่มีใครเคยนึกเกลียดหรือถือโทษอะไรกับมันเลย  ผม..จะไม่มีมันเป็นเพื่อนได้ไหมนะครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 31-01-2017 13:27:07

- I said, night time is the right time –

“Yeah, it is. Woohoo!” มันกระแทกเสียงพร้อมสะบัดหน้าไปมากลางอากาศ  ไอ้คินก้มหน้าหัวเราะคล้ายกลั้นไม่อยู่  ผมเดินเข้าหาเพราะดูท่ามันจะไม่หยุดง่าย ๆ  ยืนเท้าเอวมองและถึงกับต้องหรี่ตาลงเพราะแดดที่ส่องเข้าตา

“ว่าไงสหาย รถพี่จ๊าบมะ” ไอ้โปรดเท้าเอวพลางยักคิ้ว  ปากที่คาบบุหรี่อยู่ที่มุมปากดูกวนอารมณ์  พอมันขยับปากพูดจึงทำให้บุหรี่กระดกขึ้นกระดกลง

“เพิ่งเปิดประทุนหน้าปากซอยใช่ไหม” ผมพูดอย่างรู้ทัน  รู้ว่ามันจงใจเพื่อก่อกวนโดยเฉพาะ

“เอ้า! ไอ้นี่พูดหมา ๆ  แดดร้อนขนาดนี้ กูคงเปิดมาตั้งแต่สุวรรณภูมิมั้ง” ไอ้โปรดยอมรับหน้าด้าน ๆ พร้อมกับสำเนียงการพูดที่ดัดให้เหมือนคนสุพรรณ 

“หึ ๆ ๆ” ผมกับไอ้คินก้มหน้าหัวเราะ

“ไปขโมยของใครมา” ผมว่า  คันนี้ไม่ใช่รถยนต์ของมัน

“มีคนเขาร้อนเงินจะเอามาขาย เลยขอมาลองเครื่องสักหน่อย” ไอ้โปรดตอบพร้อมกระโดดลงมาสู่พื้นดิน  ผมกวาดตามองรถเก่าปี 70 ยี่ห้อดังจากแดนอาทิตย์อุทัย  สีแดงโดดเด่นสะดุดตา  ไอ้คินดับเครื่องก่อนลงจากรถ  จัดการโยนกุญแจคืนให้เจ้าของ

“ไง! หวัดดีทุกคน!” ไอ้โปรดหันตัวไปทักทายคนในโรงฝึก  บุหรี่ถูกคีบออกจากปากพร้อมชูแขนตึงขึ้นฟ้า  ขาขวาอ้าออกประกอบให้เข้ากับเสื้อผ้าด้วย

“สวัสดีครับ” ฝั่งนั้นทักทายกลับอย่างดีใจที่ถูกทักและไม่วายที่ขำกับท่าทักทายแปลกใหม่จากไอ้โปรดด้วย

“น่าสงสาร” ผมพูดถึงคนขาย

“เท่าไหร่” ผมถาม  ก้มตัวลงมองไปใกล้ ๆ เบาะรถเพื่อดูการเก็บตะเข็บของเบาะ

“ล้านห้า” ไอ้คินตอบ

“ขับใช้ได้เลย ป๋าเอาไหมละ ?” ไอ้โปรดถลึงตาใส่ผมอย่างตื่นเต้น

“ตีนกูก็มีแค่สองตีน ทุกวันนี้กูควักหมอยจ่ายแทนค่าประกันได้กูทำไปแล้ว” ผมตอบ  พวกมันหัวเราะชอบใจใหญ่  ผมหันหลังให้รถโดยยืนพิงรถมันไว้  มือแตะลงบนขอบกระจกเพื่อสำรวจสินค้า 

“ใช้ได้นี่ เจ้าของไม่ร้องไห้แย่รึไง” ผมพูด

“ร้องระงม!” ไอ้โปรดสบถตอบขำ ๆ  ควันบุหรี่ลอยเตะจมูก  แดดที่สาดส่องมากระทบกับเสื้อสีสันสดใสของมันจนรู้สึกแสบตา

“ควาย..ติดเงินกูแล้วไม่ยอมใช้ ยึดรถแม่งเลย รู้จักโปรดปากน้ำโพน้อยไป” มันบ่นถึงความจริงของที่มา

“ฮ่า ๆ ๆ” พวกผมหัวเราะให้กับคำสร้อย
“กูขู่มันว่าจะเอาไปขายต่อถ้าไม่เอาเงินมาคืน หน้าแม่งอย่างฮา” ไอ้โปรดพ่นหัวเราะด้วยท่าทางสะใจ  พวกผมขำ  ตลกหน้ามันด้วยอะไรด้วย

“แล้ว.. มากันทำไมครับ ?” ผมเหล่มอง 

“กูละเกลียดคำถามนี้ที่หลุดจากปากมึงจริง ๆ” ไอ้คินแทบสบถ

“พี่ทัพบ่นมึงให้กูฟังทุกวัน ตกลงมึงจะเอาไงแน่ กูฟังจนหูจะพังละ” มันอมยิ้มนิดหน่อย  ล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมเอนตัวพิงรถ  ผมเพียงอมยิ้ม

“เคลียร์งานเสร็จพอดี แล้วไอ้เหี้ยนี่เขาชวนมา” ไอ้คินขยายความ  มือชี้ไปทางไอ้โปรด

“ได้หยุดสามวัน น้ำตากูจะไหล” ไอ้โปรดบอก

“ตกลง..มึงจะช่วยพี่ทัพไหมวะ ช่วย ๆ ไปเหอะ สงสารแก” ไอ้โปรดพูดติดท่าทางตลก

“มึงรู้ปะ เมื่อวานเช้า แม่จับมันออกไปใส่บาตรด้วยกัน กูแอบเห็นตรงกลางหัวมันมีผมหงอกเต็มเลยมึง!” ไอ้คินถลึงตาด้วยสีหน้าจริงจังแต่ปากเสือกจะหลุดขำในตอนท้าย  ผมกับไอ้โปรดเองยังตกใจ  สีหน้าที่แสดงออกเหมือนกันก่อนเกร็งตัวแล้วขำกร๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  เสียงหัวเราะดังขนาดที่คนในโรงฝึกหันมามอง

“ฮ่า ๆ ๆ  โจ๊กเหรอไอ้เหี้ย” ไอ้โปรดว่า

“โจ๊กเหี้ยไรล่ะ กูแม่ง..จะขำมันก็ขำ สงสารมันก็สงสาร กัดฟันกลั้นไว้แทบตาย” ไอ้คินยิ้มอ่อน

“เออ แล้ว..พี่ยูถูกยิงเหรอ ?” ไอ้โปรดเปลี่ยนเรื่อง  ผมพยักหน้าตอบ  ขี้บุหรี่ในมือของมันถูกดีดลงพื้นปูน

“กูให้ไปอยู่ที่อื่นแล้ว”

“ไอดอลกูเลยอะนะ เย็นยะเยือกประดุจน้ำแข็ง” ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นพ่นควันบุหรี่ออก  พึมพำถึงยูที่อยู่ต่างประเทศพลางอมยิ้ม

“มีผับใหม่มึงน่าจะชอบ..” ผมเลิกคิ้วเมื่อนึกเรื่องดี ๆ ขึ้นได้

“มีผับใหม่ ? กูควรจักรู้ก่อนมึงสิ” ไอ้คินหันหน้ามาเชิงสงสัย

“Blackfoot” ผมขยายความให้กระจ่าง 

“ใหม่พ่อมึงสิ! หาเรื่องให้กูอีกละ” ไอ้คินสะบัดหัวกลับแทบหลุด

“หึ ๆ” ไอ้โปรดขำขึ้นจมูก

“ก็ช่วยงานพี่มึงไง คลานออกมาจากท้องแม่กูรึก็ไม่ใช่” ผมว่า  ไอ้คินถอนหายใจเฮือกใหญ่ผมจึงยักคิ้วให้เพื่อนรักยิ้ม ๆ  เท้าแขนไปที่กระจกหน้ารถเพื่อให้ตัวเองขยับเข้าไปใกล้กับมันมากขึ้น

“พี่มึงทำกูปวดกบาลไปหมด คืนนี้มึงจ่าย รวมของลูกน้องกูด้วย” ผมสรุป 

“โห ไรวะ!” ไอ้คินหน้าเบี้ยวทันที

“แหม่ เหมือนมีเรื่องน่าสนุก” ไอ้โปรดยิ้มกว้างชอบใจ

“Boom, boom, boom, boom.” ผมฮัมเพลงโปรด John Lee Hooker ของไอ้โปรดที่ผมมักได้ยินมันร้องอยู่บ่อยครั้งสมัยมัธยม

“I’m gonna shoot you right now, knock you off of your feet ~” ไอ้โปรดรีบนำบุหรี่ออกจากปากพร้อมร้องต่อผมในทันที  ขาของมันขยับโยกเต้นไปตามทำนองที่สร้างขึ้นเองจนไอ้คินถึงกับหลุดขำ  ผมเองก็ด้วย 

พวกเราพากันเข้าบ้าน  การมาของไอ้โปรดและไอ้คินทำให้แม่บ้านผมตื่นเต้นยกใหญ่  พวกมันเป็นขวัญใจของพวกเธอนี่นะครับ  หลังจากพวกมันใช้พลังงานอย่างเกินจำเป็น  ทำให้เริ่มขี้เกียจ  แม่บ้านต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ที่ห้องนั่งเล่น  เรียกว่าห้องที่แสนสุขของผมกระจัดกระจายไปด้วยอาหาร  พอพวกมันกินอิ่มก็พากันกลิ้งตัวนอนบนโซฟากันคนละตัว  ผมสั่งไม่ให้แม่บ้านทำความสะอาดจนกว่าพวกมันจะพ้นเขตประตูบ้าน  เพราะถึงทยอยทำความสะอาดไป  เดี๋ยวไอ้โปรดก็ลุกขึ้นมาทำเลอะอยู่ดี 


- - - - - - - - - - - - - - -


21:23 น. : Blackfoot Pub

“เชิญครับคุณไฟ” ชื่อที่ถูกเรียกอย่างฉะฉานทำให้ต้องเหลือบมองป้ายตำแหน่งหน้าที่ที่อยู่บนหน้าอกของอีกฝ่าย “ผู้จัดการร้าน”  ก่อนไล่กวาดขึ้นมองไปยังใบหน้าของคนที่ต้อนรับอยู่พร้อมยิ้มให้ 

“เอ่อ คือว่า..” อีกฝ่ายอ้ำอึ้ง  ดวงตาสีดำสนิทขยับมองไปยังดันหลังของผมก่อนก้มต่ำลง

“เราจะขอเสียมารยาท ขออนุญาตตรวจอาวุธน่ะครับ” เขาพูด

“ฮึ!” ผมพ่นหัวเราะ

“Loving you, baby boy~” ไอ้โปรดที่ยืนอยู่ด้านหลังผมยังคงร้องเพลงไม่เลิก  มันร้องตามเพลงที่เราเปิดบนรถเมื่อครู่และดูเหมือนมันยังไม่สามารถหยุดตัวเองได้  ทำให้ผู้จัดการร้านแอบเหลือบมองไปยังไอ้โปรดที่ก่อกวนบทสนทนาระหว่างเรา

“Nothing can hold me down. Oh, hold me down!” ไอ้โปรดยิ้มกว้างให้ผู้จัดการร้าน  หัวของมันกระดิกโยกไปตามทำนอง  ผู้จัดการร้านยังคงรักษาอาการของเขาไว้ได้  เขาฉีกยิ้มให้ไอ้โปรดอย่างรักษามารยาทอย่างมืออาชีพ

“โทษที ได้สิ” ผมกระแทกเสียงตอบโดยไม่คิดห้ามเพื่อนสนิท

“หน้าผมก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้วนี่นะ” ผมยิ้ม

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คือว่า..เป็นกฏของทางร้านน่ะครับ” ผู้จัดการกุมมือเข้าหากันอย่างสุภาพขณะก้มหน้าลง  การ์ดของร้านสามคนยืนอยู่ทางด้านหลังเขาอย่างรอคำสั่งต่ออีกทอดหนึ่ง  ผมพยักหน้าส่งสัญญาณให้พี่ธานให้จัดการให้เรียบร้อย  ทั้งพี่ธาน สมุทรและไอ้เด่นจึงต้องขยับตัวออกเพื่อให้ตรวจได้สะดวก  ผู้จัดการร้านพยักหน้าให้กับคนของตนไปทำตามหน้าที่  เพลงในตัวร้านดังลอดออกมาในท่อนอินโทรทำให้ไอ้โปรดเริ่มขยับตัวเต้นหนักกว่าเดิม

“ตรวจฉันด้วยไหม” ผมถามนุ่ม ๆ

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายหลบตาผงกหัวเล็กน้อย 

การตรวจร่างกายเป็นไปโดยราบรื่น  พวกผมจงใจไม่พกอาวุธมาเพื่อให้เป็นเรื่องยุ่งยากอยู่แล้ว  การมาครั้งนี้ไม่ใช่จุดประสงค์เช่นนั้น  ผู้จัดการร้านเป็นคนพาผมไปที่โต๊ะวีไอพีด้วยตัวของเขาเอง  ไอ้โปรดนำมือขึ้นลูบปกเสื้อผู้จัดการร้านอย่างเบามือพร้อมร้องเพลงตามที่ดีเจเปิด  พี่ธานที่ตามประกบผมอยู่แอบอมยิ้มน้อย ๆ กับสิ่งที่ไอ้โปรดทำ  มันกวนตีน  และเครื่องดื่มถูกสั่งโดยไอ้คินที่เป็นเจ้าพ่องาน 

“ไม่เบานี่หว่า สืบประวัติลูกค้าขนาดนี้” ไอ้โปรดทักให้หลังพนักงานที่ปล่อยให้เราอยู่ส่วนตัว
 
“เฮียบอกว่าลูกค้ารายใหญ่ ผู้จัดการร้านจำได้หมดทั้งที่เคยมาร้าน..หรือแบบไม่เคย อยากได้แบบนี้ที่ร้านกูสักคน..หึ” ไอ้คินเลิกคิ้ว  มันเบ้ปากด้วยใบหน้ากวนแฝงนัยยะทำให้ผมหัวเราะ  หมากฝรั่งที่อยู่ในปากเริ่มจืดจางและแข็งขึ้นนิดหน่อย  ผมกวาดตาสำรวจตัวร้าน  ไอ้คินละการใช้คำเรียกว่า “พี่ทัพ” เป็น “เฮีย” แทน  ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีในหมู่พวกผมหากอยู่ด้วยกันว่ากำลังหมายถึงใคร 

พี่ธานยืนค้ำหัวอยู่ด้านข้าง  สมุทรกับไอ้เด่นยืนประกบระหว่างสองมุมห่างจากโต๊ะไปคืบหนึ่ง  ผมชี้มือเคาะลงบนโซฟาอนุญาตให้พี่เขานั่งลง  ผู้จัดการร้านกลับมาอีกครั้ง  เขาดูไม่ค่อยสะดวกกับการเข้ามาตรง ๆ พี่ธานจึงรีบลุกทำหน้าที่เป็นฝ่ายรับหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้ามาทำธุระ 

“ขอประทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณไฟกับเพื่อน อยากให้น้อง ๆ ของทางร้านเรามานั่งบริการส่วนตัวไหมครับ” เขาโค้งตัวยิ้มถามอย่างสุภาพ

“ผมเลือกเอง ได้ไหม” ไอ้โปรดพูดขึ้นเสียงดัง
 
“ได้ครับ” ผู้จัดการร้านผงกหัวตอบรับอย่างนุ่มนวล

“เอาไหม ?” มันหันมาถาม  ผมส่ายหัวแทนคำตอบ  รำคาญ ไม่มีอารมณ์

“ดี” มันตอบขำ ๆ  ลุกขึ้นเดินผ่านพี่ธานไปหาเป้าหมายอย่างไม่รีรอ

“ไอ้เหี้ยนี่แม่ง รุงรัง..อย่างกับคนอดอยากตลอดเวลา” ไอ้คินบ่น

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ

“ฮ้า! แต่ไหน ๆ  มื้อนี้กูจ่ายอะนะ” ไอ้คินฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบครบ  มันยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบก่อนวางลง  จับเสื้อของตนให้ดูดีก่อนลุกขึ้นตามก้นไอ้โปรดไปติด ๆ  พอผู้จัดการร้านเข้าไปบริการพวกนั้นพี่ธานจึงกลับมานั่งลงข้างผมอย่างเดิม  พนักงานชายเข้ามาเพื่อจะจัดการเครื่องดื่มให้สะดวกแต่พี่เขาปัดมือไล่ไปเสียก่อน  เสียงน้ำแข็งใส่ลงในแก้วให้ผมนั้นใสจนน่าฟัง  ข้อมือหมุนฝาเปิดขวดออกก่อนรินวิสกี้ใส่แก้วอย่างใจเย็น 

“น้ำเปล่า” ผมสั่ง  หยิบวิสกี้มาถือไว้ในมือ  พี่ธานเปิดขวดน้ำเปล่าเพื่อรินใส่แก้วให้ผมเพิ่มอีกแก้วหนึ่ง

“ข้างนอกพร้อมรึยัง” ผมถาม  เขย่าแก้วเล็กน้อยเพื่อให้ความเย็นพอเหมาะก่อนยกขึ้นดื่มจนหมด

“พร้อมแล้วครับ” พี่ธานตอบ  แก้วน้ำเปล่าถูกเลื่อนมาตรงหน้า

“พี่ใหญ่อยากดื่มไวน์ไหม” ผมหันไปถาม  เอนตัวพิงพนักโซฟาพร้อมยกขาซ้ายขึ้นไขว่ห้าง  อีกฝ่ายกลั้นอมยิ้มไม่ให้คำตอบ

“สักหน่อยน่า เดี๋ยวปากไม่แดง” ผมแซว  นำหลังมือตีอกพี่เขาอย่างหยอก ๆ

“เอาอันดับต้น ๆ ของร้านมาสักขวดแล้วกัน ไม่ได้จ่ายเองนี่นะ ถือว่ามาพักผ่อน” ผมอมยิ้ม  พี่ธานผงกหัวรับทราบแล้วลุกจากโต๊ะตรงไปหาผู้จัดการ  ผมเหลือบมองสมุทรที่หากไม่สังเกตให้ดีภายนอกของเขาคงดูเคร่งขรึมในสายตาของคนทั่วไปมากทีเดียว  ไม่นานนักไอ้คินก็กลับมาพร้อมสาวสวยตัวเล็ก  สะโพกของเธอกลมงอนเข้ากับส่วนขา  ผมเหลือบมองตั้งแต่ส่วนล่างขึ้นไปจนถึงใบหน้าหมวย ๆ ของเธอ  ดวงตาโฉบเฉี่ยวมีเสน่ห์  แม้จะร่างเล็กแต่หุ่นอวบอึ๋มชวนมองมันตั้งแต่หน้าอกยันสะโพก  สเปกไอ้คินมันล่ะ

“น้องมากับพี่ มองแต่พี่สิครับ” ไอ้คินพูดกับเธอหยอก ๆ  ก่อนเอนหลังไปทางด้านหลังเพื่อไม่ให้เธอสังเกตเห็น  ปากมันขยับด่าพร้อมถลึงตาใส่ผม “ไอ้เหี้ย!”  ผมได้แต่อมยิ้มอย่างไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียง  เธอนั่งลง  ละสายตาจากผมแล้วนำมือดันตัวไอ้คินด้วยท่าทางเขินอาย  ครู่หนึ่งหางตาของเธอก็ตวัดกลับมาอีกครั้ง  ผมเพียงจ้องตอบ  ความเซ็กซี่ของเธอมีเสน่ห์แปลกตากว่าผู้หญิงหุ่นสูงยาวเข่าดีทั่วไป  เธอมีเสน่ห์แบบชวนให้คิดแต่เรื่องต่ำกว่าสะดือท่าเดียวเลย

“ของกู!” ไอ้คินเอนตัวบังผู้หญิงของมันพร้อมตะโกนดังลั่น  ทั้งผมและเธอต่างหลุดหัวเราะ  หยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่มหมดแก้ว  พี่ธานกลับมาพร้อมกับขวดไวน์ที่ถือมาด้วยมือของตัวเองโต้ง ๆ ทำให้ผู้จัดการร้านถึงกับต้องเดินตามมาให้บริการ  พี่เขายืนยันกับผู้จัดการร้านว่าต้องการที่จะเปิดขวดด้วยตัวเอง  แก้วไวน์ถูกพนักงานเสิร์ฟนำวางลงบนโต๊ะเตรียมให้  ขณะเดียวกันไอ้โปรดก็ควงผู้หญิงกลับมาเช่นกัน  เสียงขวดไวน์ถูกเปิดดัง “ปึก!” 

“ไม่ทราบว่าคุณไฟ ไม่อยากรับพนักงานของเรามานั่งบริการด้วยสักคนหรือครับ” ผู้จัดการร้านยังไม่เลิกคะยั้นคะยอ  ผมเหลือบมองเขาอย่างไม่คิดที่จะให้คำตอบ  ทำให้อีกฝ่ายหน้าเจื่อนลง

“อ๋อ! เพื่อนผมเขาชอบหุ่นแบบคนที่ถือขวดไวน์อยู่มากกว่าน่ะครับ หุ่นบางร่างน้อยแบบนี้ไม่คณามือมันหรอก ถ้าแบบน้อง ๆ นี่ต้องสามคนนะครับถึงจะเอาอยู่!” ไอ้โปรดลอยหน้าตอบแทนทีเล่นทีจริงแก้สถานการณ์  มือของมันชี้ไปที่พี่ธานประกอบให้ด้วยอย่างจงใจแกล้ง  ผู้จัดการมองกะหลับกะเหลือกมาที่พี่ธานที่ยังคงนิ่งเฉยตั้งใจรินไวน์อย่างไม่สะทกสะท้าน  มุมปากผมเผยรอยยิ้มขึ้นสูงนิดหน่อยเพื่อเป็นการย้ำให้เขารู้ว่าสิ่งที่ไอ้โปรดบอกนั้นอาจเป็นความจริงก็ได้

“อย่างนั้น หากมีอะไรเรียกใช้ผมได้เลยนะครับ” ผู้จัดการผงกหัวน้อย ๆ ตัดใจจากไป  แก้วไวน์แดงถูกยื่นมาตรงหน้าผมหนึ่งแก้วและของพี่ธานหนึ่งแก้ว
 
“เท่าไหร่ล่ะ ?” ผมถามถึงราคา  น้ำเสียงได้ยินกันแค่สองคน

“สามหมื่นบาทครับ” พี่เขาตอบ  ผมรับมาดมและหลุดหัวเราะในลำคอ

“ผมแค่ทำตามคำสั่งของคุณเท่านั้นนะครับ” อีกฝ่ายขยายความคล้ายกับเกรงต่อความผิดนี้ต่อไอ้คิน  ผมอมยิ้ม  รสไวน์ที่จิบเข้าปากเป็นที่น่าพอใจว่าไม่ได้กำลังสังสรรค์อยู่กับเงินของตน

“คุณริศามาแล้วครับ” พี่เขารายงาน  ผมผงกหัวรับทราบ

“คัดลูกค้าน่าดูเลยนะ” ผมพูดถึง  พี่ธานผงกหัวเห็นด้วย   

“เด็กใหม่พี่ มองไปทั่วร้านตั้งแต่มาถึงแล้ว ไม่เก็บอาการเอาซะเลย” ผมพูด  ยักคิ้วส่งไปทางสมุทร

“อย่าลืมฝึกให้ดีกว่านี้ล่ะ” ผมบอกติดตลก  พี่ธานอมยิ้มน้อย ๆ

“คุณไฟจะไม่ถามเขาหน่อยเหรอครับ”

“ถามสิ แต่แค่อยากฟังบนเตียงสบาย ๆ ยาว ๆ ไรงี้” ผมปั้นหน้าตอบปนหัวเราะ  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ

“ถ้าเกิดถามก่อนเขาก็คงไม่แสดงอาการอย่างนี้ เราต้องการสิ่งที่หมอนี่เป็นอยู่ไม่ใช่รึไงครับ” ผมยกไวน์ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดและพี่ธานไม่ปฏิเสธ

“ผมคิดว่า ถ้าคุณพูดกับเขาให้เข้าใจว่าคุณสามารถช่วยเขาได้ บางทีเขาอาจจะเปิดใจให้คุณมากขึ้นกว่าเดิมนะครับ”

“ไม่ครับพี่ใหญ่” ผมสวนกลับแทบจะทันที  ดวงตาจ้องมองลึกเข้าไปเพื่อยืนยันกับสิ่งที่กำลังพูดอยู่

“ทำแบบนั้นก็เหมือนจงใจสร้างแต่ภาพดี ๆ ให้อีกฝ่ายมองเลยงั้นสิครับ ?” ผมแสยะยิ้ม

“เราเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ ?” ผมพ่นหัวเราะทางจมูก  พี่ธานอมยิ้มปฏิเสธไม่ออก 

“ใช่..ผมต้องมีจังหวะสร้างภาพแน่นอนอยู่แล้วก็ผมอยากได้หมอนั่นนี่นะ แต่ภาพที่ผมจะสร้างกับเขา ผมจะเลือกเองว่าภาพไหนผมจะทำ ..หรือไม่ทำ” กูพูดเองหัวเราะเองก็ได้ด้วย
 
“หากคุณฟังคำเตือนผมบ้างก็คงดี” พี่ธานยิ้มเจ้าเล่ห์คล้ายเห็นด้วยว่าต้องการให้ผมเป็นอย่างที่พูดต่อไป 

“จะหมอนั่น หรือกับพี่..ผมก็จะยังเป็นผม” ผมตัดบทสนทนา  พี่ธานเงียบไป

“ขอโทษนะคะ” ผมช้อนตาขึ้นมองผู้หญิงแปลกหน้าที่เข้ามาทักทายกลางวงจนเป็นจุดสนใจของทุกคน  ไอ้เด่นที่อยู่ใกล้เธอมองตาม  รอจังหวะที่จะกันเธอออกหากผมแสดงอาการไม่ต้อนรับ

“ไฟคะ~” ริศาปรากฏตัวขึ้น  เธอเข้ามายืนขนาบข้างผู้หญิงคนนั้นจนอีกฝ่ายถึงกับชะงักงันอย่างเกรงกลัว  ริศาส่งสายตาไปที่เธอทำให้เธอถึงกับต้องปลีกตัวออกจากที่นี่ในทันที   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 31-01-2017 13:28:08

“ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะคะ คุณก็น่าจะบอกริศาก่อน ดีนะคะเนี้ยที่ริศาแวะเข้ามาด้วย โชคดีจังเลยนะคะ” ริศายิ้มกว้าง  พูดเองชมเองฟังดูงงงวย 

“เชิญครับคุณริศา” พี่ธานสละที่นั่งพร้อมลุกขึ้นยืน 

“ขอบคุณค่ะ” เธอฉีกยิ้มให้พี่ธาน  พี่ธานเป็นคนเดียวที่ริศาคุยด้วยอย่างไม่ถือตัวนัก  ส่วนลูกน้องของผมคนอื่นถือว่าไม่อยู่ในสายตาของเธอเลยแม้แต่น้อย  ไหล่ซ้ายของริศางอเข้าหากันเล็กน้อยประกอบกิริยาเก้อเขิน  ผมที่นั่งเอียงข้างคุยกับพี่ธานอยู่เมื่อครู่นี้  ยังคงนั่งคาเฉยแช่ไว้ในท่าเดิมไม่คิดขยับ  อยู่ดี ๆ ก็ขี้เกียจไปหมด  ทำให้นึกถึงคำพูดของไอ้โปรดขี้เบื่อที่รักการหลับเป็นชีวิต  มันเคยเล่าด้วยใบหน้าจริงจังสมัยมหาลัยว่า “เด็กที่กูเอากลับห้องเมื่อคืน ตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม อยู่ดี ๆ กูก็รู้สึกขี้เกียจขยับเอวขึ้นมา ไอ้นั่นของกูเกือบเหี่ยวคาที่แน่ะ เฮ้อ พอขี้เกียจแล้ว มันยากมากจริง ๆ ที่จะไปต่อ..”

“หึ” นึกถึงทีไรอดขำออกมาไม่ได้ทุกที 

“มีอะไรหรือคะ” ริศาสงสัยที่อยู่ดี ๆ ผมก็หัวเราะ  ผมหุบยิ้มลง  เธอนั่งลงข้างผมจนตัวเราแทบจะประชิด 

“มาเที่ยวกันเหรอคะโปรด” ริศาชะโงกหน้าหันไปทางไอ้โปรดที่นั่งถัดจากผมไป

“ครับ พอดีไอ้คินเลี้ยง” ไอ้โปรดตอบเป็นจริงเป็นจัง  ริศาผงกหัวทักทายไอ้คินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนเบือนหน้ากลับมาหาผมแล้วเธอก็เงียบปากไปเสียดื้อ ๆ  ผมเพียงจ้องมองเธอโดยไม่คิดพูดอะไรทำให้เธอเงียบลงไปสักพักหนึ่ง 

“นี่แก้วพี่ธานใช่ไหมคะ” ริศาถามผม

“ดื่มของผมนี่ล่ะ” ผมตอบ  ยื่นแก้วไวน์แก้วเปล่าที่ถืออยู่ในมือให้  ริศารับไปถือไว้  ผมขยับตัวหยิบขวดไวน์เติมเพิ่มให้กับเธอ
 
“ขอบคุณค่ะ” เธออมยิ้มพอใจก่อนยกขึ้นจิบ

“ไหนเพื่อนคุณ” ผมถามถึง

“โต๊ะฝั่งตรงข้ามน่ะค่ะ” เธอเอี้ยวตัวชี้ประกอบ  ผมมองไปที่โต๊ะดังกล่าวซึ่งมีคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับริศานั่งอยู่เกือบสิบคน  ประมาณด้วยสายตา  บางคนหันมามองเราทั้งคู่เป็นระยะ  ริศายกแก้วไวน์ขึ้นจิบแก้เก้อ  เธอจิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและท้ายที่สุดก็เอาแต่เงียบโดยไม่มีทีท่าว่าจะขอตัวกลับไปที่พวกของเธอ

ผมมองชุดที่เธอสวมใส่ในคืนนี้  ชุดเกาะอกกระโปรงสั้นที่เพียงปิดส่วนสำคัญของร่างกายไว้  สีแดงสดสะท้อนเข้ากับแสงไฟวิบวับในร้าน  เธอเป็นผู้หญิงที่หุ่นดีไร้ที่ติ  หากให้เปรียบเทียบกับพลอยคงเป็นคนละอารมณ์  ถึงพลอยจะเป็นหุ่นแบบที่ผมชอบมากกว่าแต่ริศาก็ไม่น้อยหน้า  ติดที่เธอผอมไปหน่อย  ผมวางมือลงบนตักทำให้คนตรงหน้าที่คงกำลังมีเรื่องให้คิดแทบสะดุ้ง  ริศาพยายามที่จะมองขึ้นสบตาผมแต่เป็นเพียงการกระทำแบบครั้งคราวเท่านั้น  หลังมือของผมขยับเกลี่ยอยู่ที่ต้นขาของเธออย่างที่เจ้าตัวไม่มีแม้แต่จะเอ่ยปากห้าม  มือขยับเหนือขึ้นไปถึงเอวเล็กคอดก่อนดึงเข้ามาค่อนข้างแรง  ริศาส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ  ตัวเซเข้ามาประชิดกับผมจนตัวเราติดกันแทบสนิท  ละแวกนี้คือโซนวีไอพีที่เด็กประถมก็คงเดาได้ว่าจะต้องมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ทั่วเป็นแน่

“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ได้ชอบคุณ” ผมพูด  ตามองต่ำลงไปที่ริศาที่เงยหน้าขึ้นตาเบิกโต
 
“แต่จะให้นอนด้วยก็ได้ อยากรู้งั้นเหรอว่าถ้าผมนอนกับคุณแล้วผมจะปฏิบัติกับคุณยังไง” ผมเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหู  น้ำเสียงยียวนที่คงเย้ยหยันศักดิ์ศรีของเธอเต็มที  ริศานำมือกระแทกอกผมอย่างแรง  ผมหัวเราะขึ้นจมูกผละตัวออกมาพลางจ้องตอบ  เธอค้อนด้วยใบหน้าเกรี้ยวโกรธ  มือฟาดตีแก้มผมซ้ำ  ทันทีนั้นมือขวาของผมที่อยู่ใกล้กับตัวของริศามากที่สุดก็คว้าลำคอเรียวเล็กของเธอกระชากมา  ริศาร้องขัดขืนพร้อม ๆ กับปากผมที่บดขยี้อยู่ที่ใบหน้า  เจ้าตัวขัดขืนอยู่ในทีแรกแต่สุดท้ายก็ผ่อนแรงสู้ลงทีละนิด   

“ไฟ..ให้เกียรติริศาบ้างได้ไหม” เธอพูดเสียงเครือ 

“ผมเคยไม่ให้เกียรติคุณตอนไหน” ผมตอบกลับเสียงเย็น  จ้องมองดวงตาอีกฝ่ายอย่างเค้นหาคำตอบ

“คุณล่ะ ให้เกียรติตัวเองบ้างรึเปล่า” ผมย้อน  เธอชะงัก  ครู่หนึ่งดวงตาก็เบิกโตคล้ายเถียงไม่ออก  ริศาวางแก้วไวน์กระแทกลงบนโต๊ะ  หุนหันเดินจากไปไม่ลาใคร 

“มึงนี่มัน ..สุดระยำจริง ๆ” ไอ้โปรดกะพริบตามองตามริศา  ผมเหล่มองมันครู่หนึ่งก่อนคว้าขวดน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มมันทั้งอย่างนั้น  บรรยากาศที่โต๊ะกลับมาสงบอีกครั้งหนึ่ง  เราดื่มกันไปคุยกันไปพลางร่วมครึ่งชั่วโมง  หางตาของผมสังเกตเห็นโทรศัพท์ของพี่ธานส่องสว่าง  เจ้าของมองมาที่ผมเล็กน้อยก่อนหันตัวกลับ  เห็นอย่างนั้นผมจึงลุกขึ้นกลางวง
 
“ไปไหน” ไอ้โปรดถาม  ผมไม่ตอบจึงทำให้ได้ยินมันบ่นตามหลังแว่วว่า “ไอ้เวร” 

พี่ธานกับไอ้เด่นตามหลังผมมาติด ๆ  ส่วนสมุทรถูกพี่ใหญ่สั่งให้อยู่เฝ้าที่โต๊ะ  ห้องน้ำฝั่งของลูกค้าวีไอพีแยกออกมาอยู่นอกเหนือโซนอื่น  ไอ้เด่นเฝ้ารออยู่ที่ประตูทางเข้าด้านหน้า  ขนาบข้างกับการ์ดของร้านที่ประจำหน้าที่เฝ้าห้องน้ำอยู่  พี่ธานตามผมมาด้านในพร้อม ๆ กับโทรศัพท์ที่ถูกกดโทรออกเพียงหนึ่งครั้งและตัดสายทันทีเพื่อไม่ให้ปลายสายกดรับ  การส่งสัญญาณให้คนที่ทำหน้าที่อยู่ด้านนอกได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ได้นัดแนะไว้ 

บริเวณห้องน้ำกว้างขวางโอ่โถง  ถูกออกแบบสวยงามดึงดูดในทุกมุมห้องอย่างไม่น่าผิดหวัง  มีลูกค้าอยู่สามคนที่กำลังใช้ห้องน้ำอยู่  ผมทำธุระส่วนตัวโดยปกติ  ตามจริงไม่ปวดเท่าไหร่แต่พอสั่งให้ออกก็ปวดขึ้นมา  โถปัสสาวะด้านริมสุดทำให้เห็นมุมกว้างของบริเวณห้องน้ำได้ถนัด  กล้องวงจรปิดที่เห็นได้ชัดเจนมีเพียงตัวเดียวคือก่อนเข้าห้องน้ำ  ผมล้างมือทำความสะอาดอยู่สองครั้ง  เป็นไปอย่างไม่รีบร้อน  อีกทั้งยังทิ้งช่วงเวลาก่อนที่จะกลับออกจากห้องน้ำด้วย

การ์ดประจำหน้าห้องน้ำผงกหัวเล็กน้อย  ผมฉีกยิ้มให้โดยยังคงยืนอยู่ในบริเวณหน้าห้องน้ำไม่ไปไหน  หากสังเกตดูให้ดีจะพบว่ามีการ์ดเดินตรวจในร้านแทบจะตลอดเวลา  บางคนยืนอยู่ประจำจุด  บางครั้งมีการสลับหมุนเวียนเปลี่ยนตำแหน่งกันไป  ทำหน้าที่การ์ดอย่างเดียวไม่แตะต้องหน้าที่อื่นเลย  หากเป็นที่ผับในต่างประเทศในบางประเทศอาจเป็นเรื่องปกติ  แต่สำหรับประเทศไทยไม่ค่อยพบเห็นแบบนี้บ่อยนัก  บรรยากาศในร้านเหมือนผับบาร์ของคนมีจะกินทั่วไป  เสียงเพลงในทำนองเดิม ๆ  เสียงสังสรรค์เฮฮาของขี้เหล้า  แปลกตาหน่อยก็ตรงที่การเดินเข้าหาแขกในโซนวีไอพีของพนักงานหญิงที่ไม่ได้ทำหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มหรือเชียร์แขก  พวกเธอไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบใดให้สะดุดตาว่าเป็นพนักงาน  เสื้อผ้าหรูหรามีราคาผิดตา  บางคนเดินออกมาแล้วก็กลับเข้าหลังร้านไป  วนเวียนเปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ๆ และดูเหมือนว่าจะมีเยอะกว่าที่คาด 


ผมนำหลังมือดันตัวไอ้เด่นที่ทำท่าจะเดินเข้าหาสมุทร  เรื่องนี้คงเป็นเรื่องเดียวที่มันไม่รู้  ไอ้เด่นหยุดนิ่งตามที่สั่ง  หมอนั่นเริ่มเคลื่อนไหวอย่างไม่รีรอให้เสียโอกาส  ถ้าเป็นหวยผมคงถูกสามตัวตรง  เขาจ้ำอ้าวแทรกฝ่าฝูงชนด้วยความรวดเร็ว  ผู้หญิงรูปร่างดีที่ผมมองเห็นใบหน้าของเธอไม่ชัดนัก  แต่ท่าทางของเธอที่พยายามหนีอย่างร้อนรนบวกกับออร่าของสีผิวที่สามารถดึงดูดสายตาได้กว่าใครอื่นทำให้ผมแน่ใจว่าเธอคือเป้าหมายของสมุทรในคืนนี้ไม่ผิดแน่  สมุทรตะโกนเรียกชื่อเธออยู่หลายครั้ง  ปากของเขาขยับพูดแต่ผมอ่านไม่ชัดนัก “แก้ม” หรืออะไรนี่ละ  ไม่ทันไรเธอก็วิ่งผ่านหลังพ้นประตูทางเข้าหลังร้านไปอย่างรวดเร็ว  การ์ดสองคนกางแขนออกบอกห้ามคนแปลกหน้าในทันที  สมุทรชะงัก..

“ห้ามเข้า” หนึ่งในนั้นเอ่ย  ผมก้าวเข้าไปใกล้เพื่อให้เห็นสถานการณ์ได้ถนัด

“ผมต้องการพบเธอ ผู้หญิงคนเมื่อครู่” สมุทรพูด  ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“นี่มันที่ส่วนของคนในร้าน ลื้อเป็นใครวะ” การ์ดคนเดิมเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ผมต้องการพบเธอ แค่แป๊บเดียวเท่านั้นครับ ช่วยไปตามเธอให้ผมหน่อยได้ไหม” สมุทรเริ่มขึ้นน้ำเสียง  ผมยืนมองอย่างไม่คิดที่จะเข้าไปห้ามปรามเขา  คาดไว้อยู่แล้วว่าถ้าหากเขาละสายตาจากผมเมื่อไหร่เขาจะเป็นแบบนี้  ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  การยืนทำหน้าที่ดูแลผมเขาก็แค่เก็บความไม่เหมาะสมเพื่อรอจังหวะ  แต่ก็นะ.. เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าเขาจะเป็นอย่างนี้  ผมเองก็รอจังหวะเหมือนกัน

“กล้าดียังไงมาสั่งวะ ถอยไปซะ เกะกะ!” มันตะโกน  มือผลักอกสมุทรไล่ส่ง  ทันทีที่เสียงเริ่มเอะอะก็มีการ์ดโผล่เพิ่มมาจากหลังร้านอีกสองคน

“แก้ม! พี่เห็นนะ! ออกมาคุยกันก่อน!” สมุทรแหกปากตะโกนดังลั่นอย่างไม่สนหน้าใคร  ลูกค้าละแวกนั้นเหลือบมองกะหลับกะเหลือกทำให้ยิ่งยั่วอารมณ์ของการ์ดมากกว่าเดิม  สองคนในนั้นถูกสั่งให้เข้าไปล็อกแขนสมุทรไว้แต่กลับยิ่งทำให้สมุทรตะโกนประโยคเดิม ๆ ดังมากขึ้นอีก  เขาออกตัวขืนสู้ไม่ถอย  ทำอย่างกับว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วอย่างนั้น
 
“อั๊วบอกไม่ได้ก็ไม่ได้สิวะ! เอาตัวมันไป!!” หนึ่งในนั้นตะคอกหน้าเหี้ยม

“หยุดนะ!” 

“สมุทรคะ มีอะไรรึเปล่า” ผมขมวดคิ้วเป็นปมถึงแขกที่ไม่คาดฝัน  พลอยที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาจากทางไหนไม่ทราบ  ผมทันไม่สังเกตเห็นเธอด้วยซ้ำ

“เอาไงดีครับ” พี่ธานถาม

“ปล่อยไปงั้น” ผมปัดส่งกับเรื่องที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้  อย่างไรก็ตามผมว่ามันค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว  จุดสนใจของการ์ดในร้านจะมารวมกันอยู่ที่ตรงนี้และคนของผมก็ทำงานสะดวกขึ้น 

“มีอะไร !?” เสียงห้วนชวนแขยงหูดังขึ้นติด ๆ กัน  ไอ้กริดโผล่หัวออกมาจากทางเดียวกันกับที่ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งหายตัวเข้าไป  ลูกน้องตามประกบหลังสองคน  การ์ดหนึ่งในนั้นจึงรีบเข้าไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น

“มึงนี่มัน....” ไอ้กริดกวาดตาขึ้นมองสมุทรพลางเดินเข้าหา

“ลูกน้องไอ้ไฟนี่หว่า” มันแสยะยิ้ม  ดูเหมือนมันคงจะชื่นชอบชื่อผมน่าดูเพราะดวงตามันสนุกมากทีเดียว

“เจ้านายมึงอยู่ไหนล่ะ เห็นว่ามาปาร์ตี้ อยากสนทนาด้วยสักหน่อย” มันปั้นหน้าเย้ยหยัน   

“ไปกันเถอะค่ะ” พลอยตัดบท  เธอเข้าไปจับแขนสมุทรเพื่อที่จะให้หลุดออกจากการ์ดทั้งสอง  ไอ้กริดเหลือบมองเธอในทันที  ดวงตากวาดมองสำรวจพลอยอย่างสนอกสนใจ  เจ้าของร่างกายค้อนด้วยใบหน้าเย่อหยิ่งนั่นจึงยิ่งทำให้ไอ้กริดอมยิ้มกรุ้มกริ่มหนักขึ้นกว่าเดิม  มันพยักหน้าให้ลูกน้องของมันที่ยืนอยู่ฝั่งของพลอย  การ์ดคนดังกล่าวจึงปล่อยตัวสมุทรออก  พลอยเข้าประชิดสมุทรทันทีที่ได้โอกาส 

“ผมกริดครับ” ไอ้กริดผายมือขวาออกตรงหน้าเธอ  พลอยอมยิ้มมุมปาก  ตาเพ่งมองไปมือของไอ้กริดอย่างไร้เยื่อใยก่อนไล่สายตาขึ้นกวนอารมณ์  ไอ้กริดหน้าเปลี่ยนสีอย่างกับเห็นผี  ผมพ่นหัวเราะกับท่าทีของพลอยที่มันยียวนใจผมดี

“เข้มบอกว่าคนของเราออกไปแล้วครับ” พี่ธานเข้ามากระซิบ  ผมผงกหัวรับทราบ  สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่จุดเดิมไม่ไปไหน

“จะไม่เสียมารยาทไปหน่อยหรือครับ” ไอ้กริดเอ่ยปาก  ใบหน้ากลับมาคงที่อีกครั้ง

“ช่วยสั่งให้คนของคุณ..ให้ปล่อยเขาด้วยค่ะ ดูเหมือนคนของคุณก็กำลังเสียมารยาทกับลูกค้าอยู่เหมือนกัน” พลอยย้อนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  ไอ้กริดจ้องพลอยอยู่ครู่หนึ่งก่อนมองไปยังสมุทรคล้ายดูเชิงว่าคนที่ถูกเข้าข้างอยู่นั้นมีสิ่งใดพิเศษ   

“เขามาที่นี่ครั้งที่สองแล้วครับ ทุกครั้งที่มามักส่งเสียงดัง ก่อความวุ่นวายในร้าน คนของผม..ก็แค่ทำตาม ..หน้าที่” ไอ้กริดเว้นเสียงอย่างจงใจ  ลิ้นของมันกระดกขึ้นบนเพดานปากทั้งที่คำพูดที่ลง  ลิ้นมันไม่ควรไปในลักษณะทางนั้น 

“ผมต้องการพบแก้ม” สมุทรพูดแทรก  ยังคงยืนหยัดที่จะพบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ที่นี่ไม่มีใคร ชื่ออะไรแบบนั้น” ไอ้กริดตอบเสียงแข็ง  บนใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเย้ยหยันต่อผู้ที่พูดด้วย  สันกรามของสมุทรกัดกันแน่นจนมันนูนชัด  แม้เขาจะนิ่งสงบแต่สายตากลับเกรี้ยวโกรธผิดทุกทีที่เขาเป็น  นั่น คือการเผยจุดอ่อน

“ทำไม ? มองอั๊วอย่างนี้ หรือลื้อมีปัญหาอะไร” ไอ้กริดแสยะปาก  กระซิบกระซาบตรงเข้าหาสมุทร

“เจ้านายมึงเขาไม่ได้สั่งสอนเรื่องมารยาทรึไงวะ หือ ? สอน..ว่าตรงไหนเขตใคร” ไอ้กริดยื่นหน้าเข้าใกล้  ถลึงตาเบิกกว้างอย่างท้าทาย  สมุทรพุ่งเข้าหา  ดูเหมือนเขาจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ในอีกไม่นานนี้

“ผม..ต้องการพบผู้หญิงคนนั้น ไม่เกี่ยวกับคุณไฟ” สมุทรพูด  น้ำเสียงถูกกดลงต่ำเรื่อย ๆ  ดวงตาจ้องกลับไอ้กริดอย่างไร้ความเกรงกลัวใด  พลอยเริ่มร้อนรน  เธอเอ่ยปากเรียกชื่อสมุทรซ้ำคล้ายต้องการเรียกสติ  ขณะเดียวกันริศาก็ตรงเข้ามากลางวงไม่สนสถานการณ์  ท่าทางของเธอมาด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าอยู่ข้างใคร 

“ให้เรียกตำรวจไหมคะ” ริศาฉีกยิ้มกว้างถามไอ้กริด  มองไปที่พลอยหัวจรดปลายเท้า  ท่าทางของเธอทำให้พลอยควบคุมสีหน้าไว้ไม่อยู่

“ไม่จำเป็น” พลอยกระแทกเสียง

“ปล่อยเขา” เธอหันไปสั่งการ์ดอีกคนที่ยังคงล็อกตัวสมุทรไว้อยู่  แต่ไม่เป็นผล

“คุณจะมาทำเหมือนที่นี่ไม่มีกฏไม่ได้หรอกนะครับ แล้วนั่น..คนของผม ที่นี่..กฏ ของ ผม” ไอ้กริดอมยิ้มมุมปาก  มือแตะลงที่แขนพลอยเบา ๆ

“นี่! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!” พลอยสะบัดแขนออกอย่างแรง  ไอ้กริดหัวเราะชอบใจ

“อย่ายุ่งกับเธอ” สมุทรเอ่ยปากทำเอาไอ้กริดหันขวับตาขวาง

“มึงเสือกอะไร ?” มันว่า  ทั้งคู่ประชันหน้ากัน  สายตาจ้องเขม็งสู้  ครู่เดียวมุมปากของไอ้กริดก็เผยรอยยิ้มออกมา

“อ้อ..” มันเบิกตาคล้ายนึกอะไรขึ้นได้  ทันทีนั้น พลอยก็ถูกมองสำรวจอีกครั้งหนึ่ง

“หรือนี่..คือคุณพลอย เจ้าของธุรกิจส่งออกหน้าใหม่ไฟแรง คู่หูของคุณไฟที่เขาลือกัน แหม..ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะครับ” ไอ้กริดเปลี่ยนสีหน้าเป็นชมเชย 

“เราสองคนมาทำความรู้จักกันหน่อยไม่ดีเหรอครับ ผม..อยากจะขอคำปรึกษาเกี่ยวกับที่ร้านนี้ด้วย”

“คงจะไม่ละค่ะ ดิฉัน..ไม่สันทัดพวกร้านอโคจร” พลอยตอบเสียงนิ่งปนประชด

“หึ..พูดอย่างกับว่า คนที่คุณสันทัดด้วย ไม่อโคจรอย่างนั้น” ไอ้กริดย้อน  พลอยจ้องไอ้กริดเขม็ง  เธอที่นิ่งไปครู่เป็นปฏิกิริยาที่พอใจต่อคนที่กำลังถากถาง  ดวงตาประหนึ่งหาทางออกให้กับศักดิ์ศรีของตนเอง

“ค่ะ แต่ดิฉันค่อนข้างเลือกที่จะคลุกคลีด้วยน่ะค่ะ” พลอยย้อน

“คุณพลอยคงเลือกคนที่จะคลุกคลีด้วยเยอะพอดูเลยสินะครับ ถึงได้กำลังออกตัวแทนลูกน้องของไอ้ไฟด้วยแบบนี้ เจ้านายเขารู้รึเปล่าละครับ ว่าลูกน้องมันกำลังลักกินขโมยกิน” ไอ้กริดถามกลับ 

“อีกอย่าง..หมารับใช้แบบนี้ คุณให้เกียรติเรียกว่า ‘เลือก’ แล้วงั้นเหรอครับ” ไอ้กริดเย้ย  พลอยกัดฟันแน่น  ริศาอมยิ้ม  กระทั่งลูกน้องของพวกมันก็แสดงสีหน้าแบบเดียวกัน

“คงมีแต่คนจิตใจต่ำ ๆ เท่านั้นละค่ะที่คิดอะไรทำนองนี้ได้ ที่สำคัญ..คนที่ฉันอยากคลุกคลีด้วย ฉันก็มีมาตรฐานในการเลือกอยู่เหมือนกันละนะคะ ไม่ปฏิเสธหรอก” พลอยย้อนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“ไม่เกี่ยวว่าจะ ‘หมา’ หรือเจ้านาย” เธอเน้นเสียง  ผมแสยะยิ้มมุมปากกับประโยคยอกย้อนชวนคันหู

“เพราะว่ากลิ่นเหม็นเน่าอัปปรีย์จากคน ถ้ามันแรง! ฉันขอขลุกอยู่กับหมา..คงสบายจมูกกว่า” ใบหน้าพลอยเปื้อนยิ้ม  ไอ้กริดจ้องพลอยอย่างไม่ลดละ  มันพุ่งตัวเข้าหาเธอด้วยอารมณ์โกรธที่ปิดไม่มิด  สมุทรสะบัดตัวหลุดออกจากการ์ดด้วยแรงที่เขาสามารถทำได้ตั้งแต่ทีแรกแต่กลับไม่ทำ  เขาคว้าตัวพลอยไปทางด้านหลังเพื่อความปลอดภัย  นั่นจึงทำให้จำเป็นต้องประชันหน้ากับไอ้กริดอีกครั้งหนึ่ง  การ์ดของไอ้กริดกระจายตัวพร้อมทำงาน

..เอาเลย ล่อกันเลย

“เข้มตามรถออกไปแล้วครับ” พี่ธานรายงานที่ข้างหู  ผมพ่นลมหายใจ  ฟันหน้าดันหมากฝรั่งที่ติดเป็นแผ่นอยู่บนลิ้นขูดจนเนื้อหมากฝรั่งรูดจับเป็นก้อนอีกครั้ง  การแทรกเข้าไปกลางวงสนทนาทำให้พลอยหันมาเห็นผมก่อนเป็นคนแรก 

“ไฟ” เธออุทาน  ไอ้กริดหันมาทางผมทันที  สีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันเป็นมิตรส่งมาให้  พลอยเดินตรงมาหา  ผมจึงดึงเอวเธอเข้ามากอดโดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของไอ้กริด แม้สักเสี้ยววินาที  สีหน้าเป็นมิตรที่มันพยายามหยิบยื่นให้ผมในทีแรกจวนจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่มิด

“มีปัญหาอะไรกับคนของฉัน” ผมถามพลางเหลือบตาไปที่สมุทรเล็กน้อย  อีกฝ่ายเหสายตาลงคล้ายสำนึกได้

“คนของนาย พยายามที่จะบุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคลของร้าน” ไอ้กริดตอบ

“งั้นเหรอ งั้นฉันต้องขอโทษแทนด้วยแล้วกัน” ผมบอก

“หึ..ไม่เป็นไร แต่ฉันหวังว่าเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นอีก” มันผลิยิ้ม 

“หรือไม่ใช่ว่า ใครใช้ให้ทำหรอกใช่ไหม ?” อีกฝ่ายเหล่มองเจ้าเล่ห์จงใจกวน

“ผับนายมีบ่อน้ำมันฝังอยู่ใต้ดินงั้นรึ ฉันถึงต้องลงทุนทำขนาดนั้น” ผมเลิกดวงตากวนตอบ 

“แต่ถึงมีจริง ก็คงไม่ล่ะ..หึ ๆ  แค่นี้..เงินก็หล่นทับจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว” ผมหุบยิ้มลง  ถ้ามันฟังให้ดีก็คงรู้ว่าผมพูดแทงใจดำมันอยู่ไม่น้อย  มันถึงได้ยิ้มไม่ออกแล้วเช่นนั้น

“ขอโทษเขาซะ” ผมสั่ง  สมุทรไม่รีบรอ  เขาก้มหัวให้ไอ้กริดพร้อมกล่าวขอโทษอย่างฉะฉานในทันที

“เตือนลูกน้องใหม่บ้างล่ะ ว่าเราอยู่กันแบบไหน” ไอ้กริดปั้นหน้าสอน

“นายก็ด้วย..” ผมย้อนเสียงเรียบ  อีกฝ่ายถึงกับชะงัก 

“แล้วก็..เพื่อเป็นการให้เกียรตินายต่อหน้าลูกน้อง ฉันจะไม่ขอให้นายขอโทษหรอก ที่มาทำรุ่มร่ามกับผู้หญิงของฉัน” ผมผลิยิ้มพลางผละมือออกจากเอวของพลอย  เดินเข้าประชิดต่อหน้าคู่สนทนา

“เธอสวย ฉลาดอีกด้วยใช่ไหมละ” ผมยิ้ม

“มึงควรระวังตัวไว้บ้างก็ดี” ไอ้กริดเอ่ยเสียงเย็นลง

“ทำไม.. เหมือนกูกำลังได้ยินมึงพูดว่า ‘อยู่บนเตียงต้องใช้ถุงยางด้วยนะครับ’ เลยวะ ?” ผมเล่นเสียง  หยีตาปนหัวเราะ  ริมฝีปากบนของไอ้กริดกระตุกขึ้นสองสามทีจนผมสังเกตเห็น  เราต่างหุบยิ้ม จับจ้องกัน 

“ระวังเรื่องอะไร ลอบกัดงั้นเหรอ ?” ผมถามกลับ  ไอ้กริดนิ่ง

“ชินแล้วล่ะ ขอบคุณที่เตือน” ผมตัดบท  มือขวาหยิบก้อนหมากฝรั่งออกจากปาก  ไอ้กริดถลึงตามองตามหมากฝรั่งที่ถูกผมนำไปแปะไว้ที่กระดุมเสื้อตรงกระเป๋าที่หน้าอกของมัน  อีกฝ่ายกัดฟัน  ปัดมือผมออกด้วยความหงุดหงิด 

“โทษที แค่จะฝากทิ้งน่ะ” ผมยิ้มมุมปาก  หันตัวกลับโดยไม่คิดเอ่ยลา  นั่นเป็นการจบบทสนทนาเรียบร้อยแล้ว  พลอยเข้ามากอดแขนผมโดยกลับมาที่โต๊ะพร้อมกัน  บรรยากาศที่เปลี่ยนไปทำให้ไอ้โปรดและไอ้คินรู้งานอย่างไม่ต้องเอ่ยถาม

“ต้องกลับไหม” ไอ้โปรดผละตัวออกจากผู้หญิงของมัน

“กลับ” ผมตอบห้วน ๆ  มือคว้าขวดไวน์ขวดที่พี่ธานเพิ่งเปิดดื่มไปได้เพียงไม่เท่าไหร่ติดมือขึ้นมาโดยไม่อธิบายรายละเอียด  ไอ้โปรดแสยะยิ้มไม่คิดถามเพิ่มเติม  มันหยิบขวดวิสกี้ของมันที่เหลืออยู่ครึ่งขวดตามออกมาด้วยเช่นกัน  ..เสียของ



...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 31-01-2017 13:29:02
สืบเนื่องจาก ขณะที่เบบี้กำลังจะโพสเนื้อหาของตอนที่ 39 และได้กำลัง Reply ล็อกลำดับข้อความไว้เพื่อจะให้เนื้อหาเรียงต่อเนื่องกัน 1 - 2 - 3 จนจบตอน  แต่พบว่าข้อความของคุณ ♥►MAGNOLIA◄♥ ได้ Reply คั่นต่อโพสที่ 3 จากของเบบี้  จึงทำให้คั่นระหว่างเนื้อหานิยายของตอนที่ 39  > <  ดังนี้.. เบบี้จึงขอลบข้อความ #Reply ของคุณ ♥►MAGNOLIA◄♥ ออกและนำมาแปะ #quote ที่นี่แทนนะคะ  ต้องขอโทษด้วยค่ะ  เพราะว่าเนื้อหายาวและต้องการให้มีข้อความของเนื้อหาที่ต่อเนื่องกันเพื่อกันความสับสนค่ะ

ขอบคุณค่ะ ..เบบี้
.
..

ชอบไฟอ่ะ อ่านตอนใหม่แต่ละตอนชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ชอบที่สุดคือแนวความคิด ตัวตนของไฟในเรื่องคิดได้ขนาดนี้ คนเขียนจะขนาดไหน ยอมรับเลยค่ะ คุณเป็นอะไรที่พิเศษมาก อยากเจอตัวจริงสักครั้ง
คิดเช่นเดียวกันเลย นับถือคุณเบบี๋ มากกกกกก
ไฟ เก่งกาจ ได้เพราะคุณเบบี๋
คุณเบบี๋ สุดยอดดดดด :mew1: :mew1: :mew1:
อือ.....อีก 4-5 ตอน จะ :oo1: :oo1: :z1: ตั้งตารอและ....  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 31-01-2017 14:07:12
สมุทรกำลังทำอะไรอยู่ควรจะบอกไฟได้ละในเมื่อสถานะการณ์เป็นแบบนี้

จะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดหรือหวาดระแวงกันอยากเห็นไฟคนที่คอยหยอดคอยเต๊าะสมุทร

ทุกครั้งที่มีโอกาส.... :pig4:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 31-01-2017 14:34:12
ผู้หญิงชื่อแก้ม คือใครกัน ถึงกับทำให้สมุทรขัดคำสั่งไฟอีกแล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 31-01-2017 14:36:45
 :a5:  ลุ้นมากๆเลย สมุทรใจร้อนไปนิดนะเกือบทำให้ตัวเองและคนอื่นลำบาก ส่วนไฟจับสมุทรเข้าห้องสั่งสอนเลยค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 31-01-2017 15:40:42
เริ่มเข้าใจละว่าสมุทรมาที่นี่ทำไม
แต่งานนี้ไฟได้ 2 เด้งนะเนี่ย

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 31-01-2017 16:52:03
ตอนนี้ยาวนะคะ แต่ทำไมเรารู้สึกว่าเราอ่านแปปเดียวก็จบแล้วอะ

ละพออ่านจบปุ๊ป อยากจะถลาเข้าไปหาไฟแล้วว่าเราก็มีปัญหาเหมือนกันนะ
ไฟจะมีเวลาให้เราทั้งวันแบบสมุทรบ้างมั้ยอะ ฮ่าาาาาาา ล้อเล่นค่าา อิอิ

ไฟนี่มันไฟจริงๆเลยนะ ชอบคำพูดที่บอกพี่ธานว่า
ไม่ว่าจะกับสมุทรหรือพี่ธาน ผมก็จะยังเป็นผม
มันเป็นคำพูดที่ชัดเจนและบอกความเป็นตัวเองได้มากเลยล่ะนะ

แม้ตอนนี้จะยังไม่ชัดเจนว่าสมุทรกำลังทำอะไร แต่ที่เรารู้คนคุมเกมส์นี้คือไฟแน่นอน
ในโลกของไฟ สมุทรคงมีข้อที่ต้องปรับปรุงมากมาย ทั้งอ่านง่ายและใจอ่อน
แต่ก็นะ ปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่าเราใช้คนแบบนี้ต่อได้
ตอนนี้ไฟคงได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่ก็อย่างที่ไฟเขาบอก มันอยู่ที่เขา
ว่าเขาเลือกที่จะให้อีกฝ่ายเห็นเขามุมไหน
เฮ้อออ บางทีก็เข้าใจหัวอกพี่ธาน เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย อยู่กับไฟอะ
แต่ทำไงได้ดันสันดานเหมือนกัน เหอๆ ละเราอยากจะสะกิดสมุทรแรงๆซักทีจริงๆนะ
ไฟน่าสนใจจะตาย รู้สึกใช่มั้ยล่ะ แค่ไม่แสดงออกใช่มั้ย ขนาดแค่นี้ก็ได้ใจจะแย่ล่ะ
คิดแบบนี้ใช่รึเปล่า... อันนี้ก็ไม่รู้ ที่รู้คือชั้นอาจคิดไปเอง 555555

เริ่มเม้นเวิ่นล่ะ มีความอยากอ่านต่อแต่ก็เข้าใจ
แต่ว่าเบบี้คะ เมื่อไหร่เขาจะได้กันคะ เมื่อไหร่สมุทรจะได้ไฟ
เรานี่อยากได้ใจจะขาด ระหว่างยังไม่ได้กัน ส่งมาให้เราก่อนก็ได้นะคะ ฮ่าๆ

ขอบคุณที่มาต่อค่ะ รอติดตามอยู่เสมอนะคะ




หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-01-2017 16:52:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-01-2017 17:48:17
เรื่องกำลังสนุกขึ้นเรื่อยๆเลย    ชอบมากกกกกกกก

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 31-01-2017 18:05:54
เราอุตส่าห์อาจหาญแอบเดา  .. ว่าเมื่อ 2 ตอนที่แล้ว ที่สมุทรมา blackfoot น่าจะเกี่ยวกับแฟนเก่านาง... ปรากฎว่าถูกแค่ครึ่งเดียว (ยังดีวะ) สมุทรมาหาชะนี...แต่ชื่อแก้ม (?) พยายามนึกมากกกก นางเป็น extra หน้าใหม่หรือหน้าเก่ากลับมาเก็บบทอีกรอบ 55555 เขาจำไม่ได้อ่าาา  :z3:
ชอบไฟ นางน่ารักนะเวลาอยู่กับน้องๆ #หราาาา  ดูนางรักน้อง แต่ไม่ตามใจ และสอนให้ดูแลตัวเองให้ได้ เหมือนดุแต่ใจดี  //  แต่ไฟจะมาใจอ่อนกับอิมงคลนี่ ไม่ไหวนะ มันงูพิษชัดขนาดนั้น เก็บไว้ใจอ่อนกับสมุทรพอ คนนั้นหนับหนุนให้ใจอ่อน อย่าดุนางนักเลย สงสารหน้าจ๋อยๆของนางเนอะไฟเนอะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 31-01-2017 18:15:15
ชอบความล้ำเลิศของคุณไฟมากๆเลยค่ะ ซ้อนแผนซะจนเหยื่อไม่รู้ตัวเลย และไม่ว่าใครหรือสถานการณ์ไหนก็สามารถตกเหยื่อได้  :กอด1:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-01-2017 18:32:06
ไฟ ชัดเจนมาก เป็นตัวของตัวเอง ไม่สองมาตรฐาน
ไม่ว่ากับพี่ธาน สมุทร เจ๋งงงง
มาผับครั้งนี้ ไฟ เจอแต่คนรู้จัก คู่ขาที่เปลี่ยนขา
ว่าที่จริงไฟ กับพลอย รสนิยมตรงกันเป๊ะเลย
ไฟ สนใจสมุทร พลอย ก็สนใจด้วย
ริศา นี่ยังไง
ทำตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากไฟหรอ คงได้หรอกนะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
รอ เรื่องใหญ่ที่จะตามมา  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 31-01-2017 19:46:00
อหหห. แก้มเป็นใคร ญาติฝั่งไหนของสุทรล่ะ
คุณพลอยก็ปากดี ฮอลลล ดีนะมีสมุทรอยู่
สมุทรจะเล่าอะไรให้คุณไฟฟังน้อออ อยากรู้เลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 31-01-2017 20:05:55
ยายริสาโพล่มานิรู้สึกงุดหงุดใจเลย จับตบสักทีซิ  :z6: หมั่นไส้

ยายพลอยมาถูกที่ถูกเวลาจริงจริ๊งงงงงงงงงงง นี้ก็หมั่นใส้  :fcuk: กะจะเอาทั้งไฟทั้งสมุทรอะดิ  :3125: :3125:

ยายแก้ม เป็นใครอีกกกกกกกกกกกกกกเนี่ย ทำไมสมุทรต้องตามๆๆๆๆๆขนาดนั้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 31-01-2017 20:27:58
ลุ้นๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 31-01-2017 20:51:02
ไฟมาเจอกริด เพื่อสมุทรใช่ไหม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 31-01-2017 21:54:52
คุณไฟตอนนี้มามาดพระเอกมากเลย แต่ก็ยังแอบมีกวนตีนเค้าอยู่นะ นี่แหละคุณไฟตัวจริง  :katai2-1:
ดูสมุทรตอนนี้เก็บอารมณ์ไม่อยู่จริงจัง ต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่ๆอะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

รักพี่ไฟ  :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 31-01-2017 22:16:45
สมุทรบางทีก็ใจดีเกินไป ไปช่วยใครอีกล่ะ
---------
กลับมาอ่านอีกรอบ เหมือนสถานการณ์บังคับ ถึงไฟไม่อยากยุ่งแต่ก็ต้องยุ่งกับไอ้กริดเพราะสมุทรสุดที่รักก็เข้าไปเอี่ยวกับเค้าด้วย สรุปสาวคนนั้นเป็นใคร แฟนพี่สูงหรืออะไร
ถ้าไฟช่วยสมุทรแล้ว ก็ควรตอบแทนด้วยไฟด้วยร่างกายนะคะ เสี่ยงชีวิตขนาดนี้ :hao7:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 01-02-2017 00:18:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 01-02-2017 00:34:29
 o13 ยกนิ้วให้ไฟ

และขอบคุณเบบี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-02-2017 10:45:44
พี่ไฟมีเวลาให้สมุทรทั้งชีวิตเลยล่ะ หึหึ ความเจ้าเล่ห์แกล้งได้เป็นต้องแกล้งไม่เคยลดลงเลยนะคะ :) :mew1:

กริดแกจะเทียบกับพี่ไฟมันห่างกันเยอะว่ะ เจอคุณพลอยพูดเข้าหน่อยถึงกับไม่พอใจ เพราะมันคือความจริงแกเลยรับไม่ได้สินะ  :laugh:


พี่ไฟเป็นห่วงทุกคนไปซะหมด ห่วงตัวเองบ้างนะคะ

รักพี่ไฟนะ หลงรักจริงๆ  :กอด1:

ขอบคุณเบบี้ค่ะ :กอด1: :L2:


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 01-02-2017 11:20:04
สมุทรเข้าใจขึ้นบ้างแล้วยังว่าการกระทำของตนเองทำให้คุณไฟเดือดร้อนขนาดไหน !!
คุณไฟโดนกริดอัดไปหลายดอกเลย T________T
แต่คุณไฟก็คือคุณไฟเนอะ
ใครกัดมา 1 แผล กัดกลับ 10 แผล
ไอมุกฝากทิ้งหมากฝรั่งนี่กวนตีนสมกับเป็นคุณไฟมาก
ทั้งขำทั้งสะใจ 5555555555555 
 :laugh: :laugh:
 
สวัสดีเดือนแห่งความรักกกก + ขอบคุณบี้ที่มาอัพตอนใหม่จ้ะ ^_^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 01-02-2017 15:19:00
 :impress3:
"ไฟ" ชั้นรักนาย ได้โปรดออกจากนิยายมาหาช้านนนนนนน
ไม่งั้นชั้นจะ.....เข้าไปหานายยยย

เพ้อขั้นสุด ว่ารักข้าวมาก แต่ไฟขาของบ่าว ทำไมเปนคนแบบนี้...

มีความอยากรู้จักเบบี้ขึ้นล้านเท่า...
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 01-02-2017 23:42:57
ยิ่งอ่านยิ่งรักไฟขึ้นเรื่อยๆ กลับกันกลับรำคาญสมุทรขึ้นเรื่อยๆ จะอะไรกับผู้หญิงนักหนา เดี๋ยววิ่งตามคนนั้น เดี๋ยวมีลับลมคมในกับคนนี้ เหมือนจะเป็นผู้ชายนิ่งๆ เอาการเอางาน แต่มาเสียกิริยาเพราะผู้หญิงซะงั้น ทำงานอยู่แท้ๆ ถ้าไม่ใช่ว่าไฟมีใจ เอาจริงๆลูกน้องแบบนี้ใครจะเอาไว้ เสียงานเสียการหมด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 02-02-2017 09:15:56
มีอย่างนึงจากหลายๆอย่างที่อ่านเรื่องนี้แล้วชอบคือ ไฟกะสมุทรรักน้องมาก คนเขียนเขียนได้รู้สึกมาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-02-2017 14:17:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 02-02-2017 16:56:27
ตัวละครใหม่มาอีกแล้ว ทำสมุทรปรี๊ดได้ด้วย
นางเป็นใครรรรร ถึงตอนนี้จะยาวสะใจ
แต่ก็อยากรู้ต่อแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
เรื่องนี้ปมเยอะทั้งงานราษฎร์งานหลวง รองานรักของพี่ไฟ
กับสมุทร เมื่อไหร่จะคืบหน้าาา เอาใจช่วยพี่ไฟ

เบบี้สู้ๆค่าาาา รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-02-2017 08:30:05
รอตอนต่อไปค่า :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 04-02-2017 13:40:46
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 04-02-2017 19:56:51
คิดถึงงงงง มาต่อแล้ววว  :katai1:

ใครคือแก้ม นี่ก็ยังไม่รู้เลยพี่สูงคือใคร 55555

รอตอนค่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 04-02-2017 22:31:09
คิดถึงงงงง มาต่อแล้ววว  :katai1:

ใครคือแก้ม นี่ก็ยังไม่รู้เลยพี่สูงคือใคร 55555

รอตอนค่อไปค่าา

พี่สูงเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสมุทร  ซึ่งในเรื่องที่ผ่านมามีการกล่าวถึง "พี่สูง"  ไปแล้วหลายครั้งนะคะ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-02-2017 08:10:04
ไฟน่ากลัว แต่ก็ชอบบบบบ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 05-02-2017 08:46:25
แก้มมาจากไหนอีกเนี่ย
คุณพลอยอีกมาวอแวอีกแล้ว
ส่วนสมุทรก็คุณไฟเค้ามีเวลาให้เยอะ
คืนนี้ก็ไปนอนเล่าให้คุณไฟฟังเลยก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-02-2017 12:58:08
อะไรกันคะ อิรุงตุงนังไปหมด ไม่รู้ใครจะทำตามแผน ใครเดินตามแผน แล้วใครนอกบท

สมุทรไปตามหาใคร แล้วจำเป็นที่ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ มงคลทำไมบอกว่าอาจเป็นสมุทรที่หักหลัง
แต่เอาจริงๆ คือไฟไว้ใจนะ แต่แค่อยากรู้ว่า สมุทรทำไปทำไม เพื่อใคร

ไฟก็ลูกเยอะไปอีก จะทำไรก็ต้องคอยต้อนให้จนมุม มันเป็นสไตล์ แล้วตอนนี้ไฟคงพอเดาออก ว่าทำไมสมุทรยอมแลก

ธานรู้ใจทุกอย่างเลยค่ะ สมควรได้รับความไว้ใจ

โปรดอย่างฮา แต่อย่าให้โหด คินก็ตลก เหมาะแล้วอยู่ด้วยกันได้ มีความกวนกันยกชุด

พายุมีขู่ ไฟก็ชอบแหย่น้อง

เรื่องจะร้ายแรงขนาดไหนนะ จับตัวการใหญ่ได้สักทีค่ะ อยากเห็นตอนสวีทแล้ว ว่าสมุทรจะยอมลงให้ไฟยังไง


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 13-02-2017 16:56:50
หงุดหงิดสมุทรสุดๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 39 [ 13:25 น. - อ. 31 ม.ค 60 หน้า 50 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 14-02-2017 07:40:21
 :3123: :3123: :3123:  :L1: :L1: :L1: :L2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-02-2017 16:18:43

[ จันทร์ที่ 2 ม.ค 60 ]  ตอนที่ 37  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1350

[ พฤหัสที่ 12 ม.ค 60 ]  ตอนที่ 38  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1410

[ อังคารที่ 31 ม.ค 60 ]  ตอนที่ 39  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1470

ตั้งแต่ตอนที่ 36 - 40 มีเนื้อหาเกี่ยวกับงานที่ไฟทำสืบเนื่องกัน  รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างไฟกับสมุทรด้วย  ที่จริงทั้งคู่เริ่มเห็นอกเห็นใจกัน(ทีละนิด ๆ)มาตั้งแต่ตอนที่ 30 แล้วนะคะ  แต่เนื่องจากเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานมันเยอะ  อาจไม่รู้สึกถึงพัฒนาการของทั้งคู่ได้ยาก  สำหรับตอนที่ 40 นี้ เบบี้แบ่งลงไว้ทั้งหมด 3 พาร์ท  ในตอนที่ 41 ถึงตอนต่อ ๆ ไปความสัมพันธ์จะเริ่มมีมากขึ้น  ยังไม่สามารถตอบได้ว่าตอนต่อไปจะมาลงให้ช้าเร็วเมื่อไหร่อย่างไร  ขอบคุณค่ะ


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 40
..ไฟ..




23:10 น. : บ้านเพียรสุข

“น้ำ...”

“น้ำ!” ผมทุบมือลงบนเคาน์เตอร์เร่งให้กับความลีลายืดยาดของไอ้โปรด 

“เช็ดแม่งเอ๊ย กูก็รีบอยู่นี่ไง” ไอ้โปรดแอบบ่น  ผมมองขวาง  อีกฝ่ายที่ถือถาดเสิร์ฟน้ำมาให้หยุดชะงักอยู่กับที่ทำให้พี่ธานต้องเข้าไปรับถาดน้ำมาจัดการแทน  ผมคว้าแก้วน้ำจากพี่ธานขึ้นดื่มจนหมด  ห้องนั่งเล่นบ้านไอ้โปรดเงียบลงถนัดตาเมื่อผมได้น้ำมาปิดปาก  พี่ธานรับแก้วกลับไป  มือรีบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกหลายเม็ดด้วยนึกรำคาญ  หันไปมองหน้าไอ้คินที่เหลือบมองผมมาเป็นระยะตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว


แชะ ๆ!

“เลิกสูบไอ้เหี้ยนี่สักทีได้ไหมวะ” ผมว่า  มือปัดบุหรี่ออกจากปากไอ้โปรดอย่างแรง  มันอ้าปากเหวอมองใส่ผมตาโต

“แต่นี่มันบ้านกูนะ” มันโวย  เดินหนีไปนั่งลงข้างไอ้คินอย่างหงุดหงิด  พี่ธานก้มลงเก็บบุหรี่ที่ตกอยู่บนพื้นและทำท่าจะเอาไปทิ้ง

“ห้ามทิ้ง!” ไอ้โปรดขึ้นเสียงสั่ง  ทำให้พี่ธานเบือนหน้ากลับไป  ตาเหล่มองเพื่อนผมด้วยหางตาครู่หนึ่งก่อนนำบุหรี่วางลงบนโต๊ะให้ดี ๆ  เสียงไอ้โปรดพึมพำด่าพี่ธาน “กวนตีน”
 
“เอาไงต่อวะ ให้กูบอกพี่ทัพไหมว่าเราเข้าไป” ไอ้คินถาม

“ไม่ต้อง กูจะบอกเอง” ผมตอบ 

“มึงไม่ได้หงุดหงิดเรื่องไอ้กริดสักนิด” ไอ้โปรดโพล่งขึ้นพร้อมเอนหลังพิงพนักโซฟา  ขาไขว้ห้างเบะปากด้วยท่าทางกวนอารมณ์  ผมช้อนตามองมันในทันที 

“ไอ้ไฟไม่ได้หงุดหงิดเรื่องไอ้กริด แล้วมันหงุดหงิดเหี้ยไร” ไอ้คินถามไอ้โปรดซื่อ ๆ  อีกฝ่ายแสยะปากบนขึ้นสูงพร้อมกลอกตาไปมา  ผมขยับมือขึ้นเท้าเอวรอคำตอบจากเพื่อนที่รู้ใจ  ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มไว้อย่างเคยชิน

“บอกไม่ได้ มันจะแดกกูอะ!” ไอ้โปรดขยับขาขึ้นกระโดดหลบไปเกาะหลังไอ้คิน  ไอ้คินหัวเราะ

“ฮัลโหล” พี่ธานรับโทรศัพท์

“ดี..กลับไปรอที่บ้านได้เลย อืม ตามนั้น”

“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ พวกเข้มกำลังเดินทางกลับ” พี่ธานรายงาน  หน้าจอโทรศัพท์ดับลงสนิท  ผมพยักหน้ารับทราบ
 
“เปิดไวน์ซิ” ผมชี้นิ้วสั่งไอ้โปรดส่ง ๆ  ไม่ลืมที่จะลดน้ำเสียงลงกลับมาเป็นปกติ

“เอ้า!” เจ้าของบ้านอุทานงง ๆ  เพราะเมื่อกี้ผมเพิ่งบอกมันไปว่าผมจะไม่ดื่ม  สุดท้ายไอ้โปรดก็ลุกขึ้นทำตามที่สั่ง  ผมถอนหายใจ  ตรงไปที่โซฟาตัวยาวพร้อมทิ้งตัวนอนลง 

“สูบได้รึยัง..?” ไอ้โปรดที่กำลังเตรียมเครื่องดื่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์ตะโกนถาม

“เลิกสูบสักทีเหอะน่า” ผมตอบเสียงเนือย  ประโยคนัยยะคล้ายอนุญาตให้มันสูบได้แล้ว

“ชิ การที่กูสูบบุหรี่อะนะ ตายยากกว่าชีวิตมึงเยอะเลย” มันว่าให้  ผมเกือบหลุดอมยิ้มออกมาเพราะปฏิเสธกับคำประชดนี้ไม่ได้  เสียงไอ้คินหัวเราะอยู่เหนือหัวทางด้านหลัง  ข้อมือซ้ายถูกชูขึ้นสูงให้มองเห็นในระดับสายตา  เข็มนาฬิกาบอกเวลาที่ไม่น่าให้ชื่นใจ 

เราออกจาก Blackfoot ทันทีเมื่อเกิดเรื่อง  ผมกับพลอยมีปากเสียงกันนิดหน่อยก่อนที่จะแยกทางกันที่หน้าร้าน  เธอใช้คำพูดแซวเล่นที่มักเล่นกับผมอย่างทุกที  แต่สถานการณ์มันผิดไปหน่อยตรงที่ผมไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นกับเธอด้วย  ไม่มีอารมณ์แม้จะรับฟังคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไร้สาระ  เมื่ออยู่ในความหงุดหงิดรำคาญก็คือเป็นอย่างนนั้น  ไม่มีอะไรมาทำให้เย็นลงได้อย่างทันทีทันใด  คำพูดของพลอยนั้นไม่สบอารมณ์จนผมเองก็ยังรู้สึกแปลกใจตัวเองไม่ได้  ทั้ง ๆ ที่มันก็แทบไม่มีความหมายใดอย่างทุกครั้งที่เราชอบเล่นกัน  พลอยเองก็ดูไม่พอใจเท่าไหร่ที่ผมไม่สนุกด้วย  เธอไม่ใช่ผู้หญิงอย่างริศาและจะให้มายอมลงเพื่อง้อใครก็คงยาก  หลังจากที่เรายียวนใส่กัน  พลอยก็ออกปากตรง ๆ ว่าต้องการให้สมุทรไปส่งเธอที่คอนโด  ผมไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตว่า “ไปสิ” แต่เป็นการกวนกลับด้วยกันทั้งสองฝ่าย  ใช่แล้ว.. หากวิเคราะห์ในสถานการณ์เช่นนั้นคล้ายกับผมเป็นฝ่ายอนุญาตเอง  พลอยต้องการเอาชนะ  ต่อหน้าลูกน้องผมที่ยืนอยู่  นั่นจึงทำให้พลอยสรุปเสร็จสรรพนำสมุทรขึ้นรถของเธอไปอย่างไม่แยแสใด ๆ

“เอาไงต่อ มึงจะนอนนี่รึเปล่า” ไอ้โปรดถาม  ไวน์ถูกเสิร์ฟให้สำหรับทุกคนยกเว้นพี่ธาน

“ไม่ล่ะ” ผมปัด  ลุกขึ้นนั่งพร้อมหยิบไวน์ขึ้นดื่มจนหมด  ไอ้โปรดนั่งลงตรงกลางระหว่างผมกับไอ้คิน

“มึงคิดจะทำอะไรวะ เอาตัวเองเข้าชนแบบนี้ ไอ้กริดมันจะไม่ยิ่งพุ่งเป้ามาเล่นงานที่มึงไปใหญ่เหรอวะ” ไอ้คินพูดด้วยท่าทีเป็นกังวล

“ก็พี่มึงบอกว่าอยากได้ข้อมูลเร็ว ๆ” ผมปัดประเด็นไปทีทั้งที่รู้อยู่ว่าไอ้คินต้องการพูดอะไร  ไวน์ในแก้วผมหมดลงทำให้พี่ธานต้องมารินเติมให้  ไวน์ก็ขวดเดียวกับที่ผมดื่มเหลือจาก Blackfoot นั่นละ

“เพราะพี่แกรู้ว่าไอ้ไฟกับไอ้กริดไม่ถูกกันอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช้ไอ้ไฟในเรื่องทำนองนี้ ไม่งั้นจะใช้มันทำไมวะ” ไอ้โปรดว่าซะตรงทำเอาไอ้คินหุบปากเงียบ

“เอาจริงนะเว้ย..” ไอ้โปรดพ่นลมหายใจ  ตามองบุหรี่ในมือ

“สมมุตว่าข้อมูลจากมึงช่วยให้พี่ทัพปิดคดีได้ แต่มึงตาย กูได้เลี้ยงเป็ดปักกิ่งงานศพมึง” ไอ้โปรดเบ้ปากหันหน้ามามองผม

“ยาบ้า ค้ามนุษย์ บลา ๆ ๆ ก็ยังไม่หมดจากโลกนี้อยู่ดี มาเฟียยังมีอยู่ทุกมุมโลก ซ่องยังทำธุรกิจต่อไปได้ เพราะทุกคนก็ยังหื่นกระหายเซ็กส์” ไอ้โปรดพรรณนา 

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ  พูดอีกก็ถูกอีก

“ยังมีคนที่ ‘เหี้ย’ กว่ามึงที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกเป็นสิบ ๆ ล้าน แต่เสือกไม่เป็นเหี้ยอะไรตาย” ไอ้โปรดสบถด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย
 
“มึงกำลังบอกว่าพี่กูเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมเกินไปงั้นเหรอ” ไอ้คินหันไปมองหน้าไอ้โปรด

“กูกำลังบอกว่า ชีวิตคนเรามีค่า..” ไอ้โปรดแก้ต่าง  ยักไหล่ทะเล้น 

“โดยเฉพาะกับการที่ต้องเอาไปแลกกับอะไรแบบนั้น พี่มึงไม่ใช่ Super Hero ถึงขนาดที่ว่าตายห่าไปแล้วไปแก้ตัวในนรกได้ว่า ผมเคยเป็น Super Hero มาก่อนครับให้ผมขึ้นสวรรค์เถอะ คนจะสรรเสริญความดีของพี่มึงอยู่แค่ถึงวันเผา แล้วเขาก็จะลืม” ไอ้โปรดกวนกลับ  สายตามันมองไอ้คินอย่างเอาจริงเอาจังแม้จะแกล้งทำเป็นพูดติดตลก

“แล้วมึงจะให้โลกนี้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อย ๆ รึไง” ไอ้คินเริ่มแย้งไอ้โปรด

“..ใช่!” ไอ้โปรดย้อนชัดคำในทันที  มันทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งลง
 
“ใช่..” ไอ้โปรดย้ำพูดคำเดิมอีกครั้งหนึ่ง

“เพราะไอ้ไฟมันเพื่อนกู กูก็เลยบอกว่าใช่ กูจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น มีแต่ความเห็นแก่ตัว ถึงคดีไม่ปิด โลกนี้ก็ยังฆ่ากันไม่จบสิ้นอยู่แล้ว” คำพูดของไอ้โปรดทำให้ไอ้คินถึงกับเถียงไม่ออก 

“ถ้าพี่ทัพไม่ใช่พี่ชายมึง มึงจะให้พวกกูไปเสี่ยงชีวิตไหม แต่..เพราะไอ้ไฟมันเห็นว่าพี่ทัพคือพี่มึง มันเลยช่วย เพราะพี่ธานเห็นว่าไอ้ไฟช่วย พี่เขาเลยต้องช่วย ดังนั้น..มันก็ช่วยไม่ได้อะนะ กูแค่กำลังพูดในสิ่งที่กูคิด” ไอ้โปรดยักไหล่บ่นไปที

“..........” พอไอ้โปรดพูดจบพวกมันก็เอาแต่เงียบลูกเดียว  ดูเหมือนครั้งนี้ไอ้โปรดจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“กูไม่อยากให้การตัดสินใจของกูทำให้พวกมึงแคลงใจกันหรอกนะ” ผมพูดแซว

“เปล่าสักหน่อย” ไอ้โปรดทำเสียงเล็กเสียงน้อย 

“มึงก็เล่นพูดซะพี่กูจากคนดีกลายเป็นคนเหี้ยไปเลย” ไอ้คินว่าติดตลกกลับ

“หึ!” เราสี่คนหลุดหัวเราะพร้อมกัน

“การจะขีดเส้นกันคนเหี้ยออกจากโลกนี้อะนะ มันก็ยากพอ ๆ กันกับสั่งให้เกย์กลับไปเป็นผู้ชาย แล้วให้ทอมกลับไปเป็นผู้หญิงนั่นแหละ” ไอ้โปรดว่าให้

“หึ! ฮ่า ๆ ๆ” ผมหัวเราะจนหงายท้องตึง

“ไอ้สาด” ไอ้คินยิ้มเขิน  ดูท่าคงนึกภาพออกได้ง่ายมากขึ้น

“กู..แค่เคยวิเคราะห์เล่น ๆ ว่า ทีมมึงมีสายรึเปล่าวะพี่ทัพ มันนิ่งไปเลย มันรักเพื่อนมันอย่างกับอะไร กูเบื่อจะเตือนละฉิบหาย” ไอ้คินบ่นขึ้น  หยิบไวน์ขึ้นยกดื่มหมดแก้วคล้ายย้อมใจ

“ช่วยไม่ได้ ในทีมมีแต่เพื่อนเก่าที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันแล้วทั้งนั้น” ผมพูด

“กูบอกให้ลาออก ๆ  พวกมึงก็รู้ว่ากูอยากให้มันลาออก แต่ดันมาเหวี่ยงใส่กูอีกว่า..มึงเลิกหาทางออกง่าย ๆ ให้กูฟังสักทีได้ไหมวะ!” ไอ้คินเลียนเสียงพี่ชายตน  พวกผมได้แต่ยิ้มมอง 

“พอมันถามถึงมึงกูเลยไม่คุยกับแม่ง” มันสบถ

“ฮ่า ๆ ๆ  มึงอายุสิบห้าเหรอสัส งอนกันเป็นเด็ก” ไอ้โปรดว่า 

ประเด็นของการสนทนาเริ่มเปลี่ยนวนไปเรื่อย ๆ จนไวน์ขวดแรกหมดลงและเปลี่ยนขวดเป็นวิสกี้  ผมเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่าแทนต่อจากนั้น  พี่ธานกับไอ้เด่นกลับบ้านไปแล้วเพราะผมสั่ง  และบอกอีกฝ่ายไปว่าตัดสินใจที่จะนอนค้างที่นี่  ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมงให้หลัง  ผมพยายามบอกให้ตัวเองไม่นึกถึงเรื่องสอดรู้สอดเห็นที่อยู่ภายในใจแต่ก็เหมือนจะพ่ายแพ้ต่อตัณหาที่มีอยู่เนือง ๆ  และถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างผมอาจจะนอนไม่หลับก็เป็นไปได้ 

“กูยืมรถหน่อย” ผมลุกขึ้นโต้ง ๆ  มันสองคนมองตาม

“ไปไหน” ไอ้โปรดขมวดคิ้ว 

“ธุระ” ผมตอบ

“ตีหนึ่งเนี้ยนะ” มันสบถ  ทำท่าจะห้าม

“เออน่า เอามาเหอะ” ผมขึ้นเสียงอย่างรำคาญพร้อมกวักมือเร่ง  ไอ้โปรดนิ่งไปครู่ก่อนส่ายหัวเซ็ง ๆ พร้อมลุกขึ้นเดินไปที่ที่แขวนกุญแจใกล้กับประตูห้องนอนของมัน 

“เบนซ์” กุญแจรถถูกโยนขึ้นสูง  แต่องศาที่โยนมาทำให้รับไว้ได้ถูกจังหวะพอดี  รถเบนซ์เป็นรถคันเดียวของไอ้โปรดที่ติดกระจกกันกระสุน  อยู่ ๆ มันสองคนก็เงียบสนิท

“ให้ไอ้น้ำไปด้วยไหม กูจะไปปลุกมัน” ไอ้โปรดพูดถึงลูกน้องของมัน

“ไม่ต้อง” ผมตอบ

“พี่ธานจะไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งพวกกูถ้ามึงเป็นอะไร” ไอ้คินเอ่ยปากเตือนเมื่อผมทำท่าจะเดินออกมาโดยไม่มีการอธิบาย

“เตือนหรือขู่วะ ?” ผมแกล้งแสยะปาก  มองกลับอย่างเจ้าเล่ห์

“กวนส้นตีน!” ไอ้โปรดกับไอ้คินพากันสบถอย่างพร้อมเพรียงอย่างกับสั่งลา


- - - - - - - - - - - - - - -


01:50 น.

ผมคงจะไม่ต้องมายืนอยู่หน้าคอนโดของคนอื่นหากมีใครบางคนกลับถึงบ้านแล้ว  ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีผมยังอยู่หน้าบ้านของสมุทรอยู่  การทักทายดาวไปทางข้อความผ่านเบอร์โทรศัพท์ของเธอคงเป็นครั้งแรกที่ผมติดต่อหาเธออย่างเสียมารยาทกลางดึก  เธอบอกกับผมว่าพี่ชายของเธอยังไม่กลับถึงบ้านและดูร้อนรนในทันทีที่พบว่าผมสอบถามคำถามแปลก ๆ เช่นนี้  นั่นคงเพราะว่าเธอคิดว่าพี่ชายได้ออกมาทำงานอยู่กับผมและคงเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

การโทรหาอีกฝั่งหนึ่งเป็นการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเมื่อเวลาเที่ยงคืนขณะที่นั่งดื่มอยู่ที่บ้านไอ้โปรด  การทิ้งช่วงที่จะติดต่อไปหาทางฝั่งนั้นเพราะคาดคะเนตามความรู้สึกว่าอย่างช้าที่สุดเขาน่าจะส่งพลอยเสร็จและถึงบ้านแล้ว  การกดโทรอีกครั้งหนึ่งที่หน้าบ้านของเขาก่อนที่จะติดต่อหาดาว  ผมเพิ่งจะรู้ตัวเป็นครั้งแรกว่าการที่ต้องติดต่อใครสักคนที่ไม่รู้สถานะนั้นต้องใช้ความกล้าหาญแค่ไหน  ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ขี้ขลาดเลยสักครั้งตั้งแต่ใช้ชีวิตมา  ไม่เคยเลยไม่ว่าเรื่องใด  แต่ครั้งนี้ผมกลับคิดไปต่าง ๆ นา ๆ จนอดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้  ใจหนึ่งผมพยายามที่จะฉุดตัวเองกลับมาว่า “ไม่ ผมไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้นหรอก”  แต่ความร้อนรุ่มในใจกลับแทรกผ่านเข้ามาได้  คล้ายถูกมันตบหัวจนคว่ำหน้าได้ทุกที

.. มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ  นี่มันไม่ควรใช่ผมเลย

นาฬิกาวนเดินอย่างเนิบช้าในความรู้สึก  เข็มที่ยาวที่สุดบนหน้าปัดขยับเคลื่อนไปที่เลขสิบเอ็ด  ขาผมหยุดยืนอยู่ที่หน้ารถของพลอยพอดี  มันคือรถของเธอไม่ผิดแน่เพราะเป็นคันเดียวกับที่เธอใช้ให้สมุทรขับออกมาจากร้าน Blackfoot  ผมตรงเข้าไปในส่วนของใต้คอนโด  เคาน์เตอร์ต้อนรับว่างเปล่า  แสงไฟที่โต๊ะยังคงเปิดอยู่แสดงว่ายังมีพนักงานอยู่ทำงาน  โซฟาสำหรับรับรองแขกเกือบสิบตัวว่างเปล่าทุกตัว  ผมนั่งลง  ในหัวที่ดึงให้เราไปคิดในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่ดีพยายามที่จะจดจ่ออยู่กับตัวเองให้มากที่สุดอย่างใจเย็น

ความเชื่อมั่นในตัวสมุทรจากมุมมองของผมเริ่มไขว้เขว  เหมือนกับลูกดิ่งที่แกว่งไปมา  มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ไขว้เขวเลย  เพราะเราไม่ต้องการผิดหวังในตัวอีกฝ่ายต่างหากตัวเราจึงพยายามคิดถึงแต่เรื่องดี ๆ เพื่อให้เชื่อมั่นว่าเราจะไม่มองอะไรผิดไป  ผมกำลังคุยกับตัวเองอย่างกับคนเพี้ยนว่าผมควรจะขึ้นไปถึงห้องให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดีหรือไม่  จะได้หายแคลงใจ  แล้วก็กลับไปดื่มต่อกับไอ้พวกนั้น

ผมให้คำตอบตัวเองไม่ได้แน่ชัดด้วยซ้ำว่าผมมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่ทำไม  ในเมื่อผมเองก็เคยเป็นฝ่ายยุบอกกับสมุทรไปว่าพลอยเป็นผู้หญิงที่มีคุณสมบัติดี  ในเมื่อผมเองก็เคยเป็นฝ่ายยั่วอารมณ์ท้าในความสามารถของผู้หญิงอย่างพลอย  แต่หากมองอีกมุมหนึ่งผมก็ไม่ได้ไร้สิทธิ์เสียทีเดียว  สมุทรก็ทราบดีอยู่แก่ใจในความรู้สึกที่ผมมีให้กับเขา  ดังนั้นการมาที่นี่ก็คงไม่แปลกนัก  ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างนั้น  ไม่แน่ว่าเดี๋ยวสมุทรคงจะลงมาก็ได้  เขาต้องกลับบ้านแน่  ถ้าเหตุการณ์จะไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิดผมอาจจะขึ้นไป 

เมื่อเวลาผ่านไปการนั่งรอยิ่งทำให้ตัวเองเริ่มตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นได้  อยู่ ๆ กลับคิดขึ้นมาว่าถ้าสองคนนั้นไปด้วยกันได้ดี  การนั่งอยู่ตรงนี้ของผมมันคงเป็นเรื่องน่าขายหน้า  คงเป็นเรื่องน่าอับอายที่ไม่อยากย้อนอดีตนึกถึงที่สุด  พอนึกออกมาอย่างนั้นแล้วก็อยากจะหายตัวมันไปซะตอนนี้  แต่ร่างกายกลับไม่ขยับไปไหน  ผมคิดว่าการที่มันนั่งแช่แน่นิ่งอยู่เช่นนี้เพราะมันกำลังฟังคำสั่งจากจิตใต้สำนึกที่อยู่ลึกลงไปในตัวผมมากกว่า  ไอ้เหี้ยตัวไหนที่มันฝังอยู่ลึกในสุดของจิตใจของความเป็นผมกันนะ  มันบัดซบจริง ๆ

“ส่งแค่ตรงนี้ก็พอครับ”
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-02-2017 16:19:47

“........” ผมเหลือบตาขึ้นมองไปยังประตูทางออกจากตัวลิฟต์ในทันทีที่ได้ยินเสียง  ดูเหมือนการมาปรากฏตัวของผมจะทำให้ทั้งคู่ตกใจน่าดูชม  สมุทรและพลอยหยุดชะงักอยู่หน้าประตูทางออก  ผมยังคงนั่งเฉยมองทั้งคู่  รอยยิ้มของพวกเขาจางหายลงไปภายในพริบตา  ทันทีนั้นเหตุผลล้านแปดที่นั่งคุยอยู่กับตัวเองอยู่ก่อนหน้าก็หายวับไป  พลอยหลบสายตาผมด้วยใบหน้าที่เจือปนคล้ายสำนึกผิด  น่าแปลกใจที่เธอแสดงสีหน้าแบบนั้นแทนที่จะทำใบหน้าอวดดีอย่างก่อนหน้านี้ 

“มาขอโทษฉันเหรอ” พลอยตรงเข้ามาหา  คำถามถูกตั้งด้วยท่าทางเชิดหยิ่งขึ้นทั้งที่ปกติเธอไม่ใช่คนแบบนี้สักเท่าไหร่

“ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้” ผมพูด  ไม่แม้แต่เจาะจงมองเธอ

“.........” เราต่างเงียบลง

“ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้เหมือนกัน” พลอยพูด  น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอที่ยืนอยู่  ครู่เดียวผมก็สังเกตถึงสิ่งดึงดูดความสนใจของสายตา  ผมกวาดตามองเธอหัวจรดเท้า  ชุดนอนสีขาวด้านในแบบที่เธอชอบใส่เป็นปกติถูกคลุมด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินลายลูกไม้ช่วยขับสีผิวของเธอ

“เรียบร้อยแล้ว ?” ผมเลิกคิ้วตั้งคำถาม

“พูดอะไร” พลอยตอบเสียงห้วน  คิ้วขมวดพันกัน

“หึ ฉันถามว่าเอากันเรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ” ผมขยายความพร้อมรอยยิ้ม

“ไฟ!” พลอยขึ้นเสียง  ตาเบิกถลึงโต  นี่คงเป็นการขึ้นเสียงระหว่างเราทั้งคู่ที่จริงจังอย่างมากเป็นครั้งแรก  สมุทรหยุดยืนอยู่ด้านหลังของพลอยโดยทิ้งระยะห่างคืบหนึ่ง

“ทำไม จะบอกให้ฉันระวังปาก” ผมไม่เลิกยียวน  ยิ่งเธอเริ่มหน้าดำหน้าแดงขึ้นด้วยความโมโหเท่าไหร่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุกขึ้นเท่านั้น 

“ถ้าไม่พอใจอะไรก็ช่วยอย่าเอาฉันเข้าไปเป็นประเด็น” พลอยย้อน  มุมปากเผยรอยยิ้มมาให้  ผมมองเธอเขม็ง  คำถามต่อการกระทำของเธอเริ่มทำให้ผมสงสัยลังเล  พลอยจ้องผมตอบไม่วางตาเช่นกัน  เธอฉลาดและแม้ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันคำเดิม

“งั้นคุณช่วยอย่าสร้างประเด็นก่อนได้ไหมละ ?” ผมย้อนกลับด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำลง

“คุณเริ่มนะ...” ผมเตือน  พลอยชะงักพร้อมเบือนหน้าหนีคล้ายยอมรับผิด
 
“ใช่ ..ฉันเริ่ม” พลอยตัดบทแล้วเดินจากไปดื้อ ๆ

“พลอย!” ผมเรียกแทบตะคอก  ลุกขึ้นยืนทันควัน  อีกฝ่ายหยุดเดินทันทีแต่กลับไม่ยอมหันกลับมา

“ยัยบ้าเอ๊ย เป็นบ้าอะไร” ผมขมวดคิ้วขึ้นเสียงอย่างไม่เข้าใจ  ใช่อยู่ว่าผมกำลังหงุดหงิดที่สมุทรอยู่กับเธอ  แต่ท่าทางของเธอมันแปลกจนผมสับสนว่าผมควรจะหงุดหงิดประเด็นไหนก่อนกันแน่  และแบบนี้มันไม่ควรใช่เธอเลย

“เฮอะ!” พลอยหันกลับมา  ปากแสยะหัวเราะใส่ผม  ดวงตากลอกขึ้นลง

“ฉันบ้าเหรอ ? ใช่..ฉันบ้า แล้วคุณปกติงั้นเหรอ” เธอว่ากลับด้วยสีหน้าที่สนุกไม่ปาน

“มาเฝ้าอย่างกับหมา” ผมกลอกตาพร้อมถอนหายใจทิ้งแรง  คำพูดของเธอทำให้ขาผมขยับไปด้านหน้า  พอทำท่าจะเดินเข้าหาอีกฝ่ายก็ก้าวถอยหลังหนีออกไปเรื่อย

“ฉันไม่สนุกแล้ว” พลอยจ้องเขม็ง  ก่อนกระแทกเสียงไล่ “เชิญ” ไล่หลังแล้วจากขึ้นลิฟต์ไป

“.......” ทั้งผมและสมุทรยืนอยู่ในความเงียบอยู่พักใหญ่  หางตาเห็นการเคลื่อนไหวของพนักงานตรงเคาน์เตอร์ต้อนรับ  เธอดูเก้ ๆ กัง ๆ ที่จะเข้ามาสอบถาม  ผมหันตัวกลับไป  ช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้า  สมุทรไม่สบตาผมอย่างที่ควรเท่าไหร่  ใบหน้าและแววตากะหลับกะเหลือกของเขากำลังเริ่มทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นแบบไม่มีเหตุผล  ผมจิปากทิ้งส่ง  จ้ำเท้าเดินออกมาจากตัวอาคารตรงกลับไปยังลานจอดรถในทันที  เสียงฝีเท้าเดินตามหลังมาติด ๆ  เมื่อผมหยุด อีกฝ่ายก็หยุดทันทีเช่นกัน..


ผมรู้สึกราวกับว่าผมยืนนิ่งหยุดอยู่กับที่อยู่นานพอสมควร  คนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังก็ไม่ขยับร่างกายเลย  ทำคล้ายกับดูพฤติกรรมของผมอยู่อย่างนั้น

“เห็นสายโทรเข้าจากฉันไหม ?” ผมเอ่ยถามขึ้น  ความเงียบรอบตัวเป็นใจ  ผมจึงเบี่ยงตัวหันกลับยังสมุทรเพื่อที่จะได้พูดในสิ่งที่ต้องการพูดให้จบ 

“.........” อีกฝ่ายไม่ให้คำตอบ  เราต่างหุบปากสนิทท่ามกลางความมืดและไร้เสียงผู้คนรอบกาย  ใบหน้าของผมที่ไม่ได้หันไปทางสมุทรตรง ๆ ทำให้สายตาของผมกำลังเหล่มองเจ้าตัวอยู่  สมุทรจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา  ดวงตาสีดำสนิทกำลังกวาดมองสีหน้าของผมอย่างกับต้องการอ่านทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนี้  แววตาของเขาก่อกวนใจผมอย่างกับใครนำไม้กลองมาตีจนเต้นระรัว  เขาต้องการอะไรจากผม

“ทำไม..?” ผมพูด  ความเดือดดาลในใจกำลังผุดขึ้นทีละนิด

“ทำไม อยากได้อะไรจากหน้าฉัน” ผมจ้องเขม็งเดินเข้าหา  สมุทรหลบตาทันควันหนีการให้คำตอบ
   
“เสนอหน้ามาทำไมถึงนี่งั้นซินะ ไอ้โง่ตรงหน้ากูนี่ดูตลกชะมัด ? คิดงั้นใช่ไหม” ผมแสยะปาก  เบิกตาย้ำถาม  มือตีแก้มของสมุทรเป็นจังหวะ  เสียงดัง “แปะ ๆ ๆ” อย่างต้องการกวนโมโห  สมุทรหลับตาครู่หนึ่ง  ขยับใบหน้าหนีมือผมเพียงนิดหน่อยเท่านั้น  เขากำลังรวบรวมสติตัวเองอยู่มากทีเดียว
 
“หะ หน้าฉันมันตลกมากงั้นใช่ไหม” ผมข่มน้ำเสียงลง  หลังมือตีเข้าที่อกของเขาสลับกับสะกิดตีเข้าที่แก้มไปมาอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายทนไม่ไหว  ก้าวขาถอยหนีพร้อมปัดแขนผมออกอย่างแรง
 
“คุณไฟครับ” สมุทรเอ่ยปราม

“ฉันถามว่าเห็นสายโทรเข้าจากฉันไหม!” ผมตะคอกกลับทันทีด้วยคำถามเดิมที่ยังคงไม่ได้คำตอบ

“........” สมุทรนิ่งสนิท  สันกรามของเขาปูดนูนขึ้นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายกัดขบฟันไว้แน่นแค่ไหน

“เวรเอ๊ย” ผมสบถ  มือคว้าต้นขอของสมุทรกระชากเข้าหาตัวอย่างแรง  อีกฝ่ายขืนตัวต้านแรงโดยสัญชาตญาณ  การเคลื่อนไหวที่พยายามต้านสู้นี้ยิ่งทำให้น่ารำคาญขึ้นอีก  แขนของเราปัดป่ายกันและกัน  อีกฝ่ายทำเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกบุกรุก  ทุกการเคลื่อนไหวของเราทั้งคู่ค่อนข้างยากลำบาก  เสียงหายใจเริ่มแรงขึ้นเนือง ๆ  มือขวาบีบล็อกต้นคอสมุทรไว้ได้  เจ้าตัวกัดฟันแน่นเมื่อผมขยับขาก้าวไปด้านหน้า  ออกแรงดันตัวเขาจนหลังกระแทกเข้ากับตัวรถ  ปากบดจูบในทันทีที่ได้โอกาส  หาความนุ่มนวลไม่ได้  ผมได้ยินชื่อตัวเองเป็นระยะคล้ายกับพยายามเรียกสติ  คอเสื้อถูกดึงรั้งขึ้นไปจนรัดคอผมแทบหายใจไม่ออก  หน้าผากของเราทั้งคู่ชนสู้กันไม่มีใครยอมใคร  ปากผมผละออกแล้ว  ดวงตาจ้องต่อสู้ไม่กะพริบ  สมุทรกำลังโมโห  เขาไม่ได้มองผมในความหมายเช่นทุกที

“หยุดเดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเข้ม  ทั้งน้ำเสียงและการแสดงทางสีหน้าไม่ใช่การเตือนอย่างลูกน้องและเจ้านายอีก  เหมือนกับว่าเขากำลังจะหมดความเกรงใจในไม่ช้า  นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุก  ปากแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ

“ถ้าไม่หยุดแล้วจะทำไม ฮึ ?” ผมถามกลับแทบกระซิบ  แขนขวาที่ล็อกคอเขาอยู่กระแทกเข้าที่คอหอยเจ้าตัวอย่างแรง  ใบหน้าของสมุทรเริ่มเปลี่ยนสี
 
“จะทำไม..หะ” ผมพูดย้ำซ้ำคำเดิม ๆ ก่อนบดปากประทับลงที่ปากของอีกฝ่ายอีกครั้ง  สมุทรพยายามที่จะเบือนหน้าหนีตลอดเวลาทำให้การจูบไม่ตรงไปตามเป้าหมาย  มันจึงโดนเพียงปลายคางเท่านั้น  แต่อย่างนั้นผมก็ยังไม่ลดละ  ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะหนีอย่างนั้นผมก็จะทำอย่างที่ผมทำได้  ริมฝีปากขยี้อยู่ที่ปลายคางและใบหน้าจนเจ้าตัวเริ่มหายใจลำบากเพราะผลจากการถูกกดทับที่ต้นคอ 

“คุณไฟ..” สมุทรล็อกขอเสื้อผมขึ้นสูงมากขึ้น  มือของเขาสามารถจับเข้าที่ต้นคอผมได้แล้ว  ผมอมยิ้มรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร  สมุทรออกแรงบีบคอผมอย่างไม่มีความเกรงใจอีก  ผมแสยะยิ้มให้  ความทะเยอทะยานที่จะต่อสู้พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่รีรอ  สมุทรจ้องมองมา  เขาเริ่มลังเลที่จะบีบให้หนักขึ้นกว่าเก่าทั้งที่เขาสามารถทำได้  พออีกฝ่ายผ่อนมือออกผมจึงพุ่งเข้าหาอีกครั้ง  สมุทรผลักตัวผมออกแรง  ตัวผมที่เซถอยลุกขึ้นเดินเข้าหาซ้ำอีก  รอบตัวได้ยินเพียงเสียงการต่อสู้ที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างเราสองคน  ไร้กระทั่งเสียงพูด  มีเพียงเสียงลมหายใจ  ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะจบลงอย่างไร 


ผลัวะ!   

หมัดซ้ายของสมุทรที่ผมชื่นชอบนักหนาซัดมาเต็มแรงอย่างไม่ยั้งมือ  ผมเซ  มือเท้าไปที่ฝากระโปรงรถยนต์คันใกล้ ๆ ทำให้ทรงตัวไว้ได้  เราได้สติ ต่างหยุดหอบแรงทั้งคู่  การสู้แรงกันเพียงไม่กี่นาทีกลับทำให้เราเหนื่อยได้ขนาดนี้คงเป็นเพราะอารมณ์ที่ต่างก็ดุดันจะเอาชนะ  เพราะกำลังที่งัดออกมาเพื่อพยายามข่มจิตใต้สำนึกเอาไว้ไม่ให้ตัวเองปล่อยอารมณ์ที่แท้จริงออกมาจนหมดเปลือก  น้ำลายที่เพิ่งกลืนลงคอทำให้ทราบว่ามีเลือดผสมเข้าไปด้วย  ถึงแม้สมุทรจะเรียกสติผมไว้ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความหงุดหงิดคาใจนั้นจะหมดไป  เราต่างไม่ขยับตัวอยู่พักใหญ่  ทำอย่างกับว่าใครเคลื่อนไหวก่อนแล้วจะพ่ายแพ้อย่างนั้น  ผมเอียงใบหน้าเล็กน้อยยอมความ  ขยับถอดแจ็กเก็ตยีนส์ออก  กุญแจรถถูกนำออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนเดินกลับไปยังรถ  สมุทรที่ยืนอยู่ใกล้รถของผมเคลื่อนไหวตาม

ทันทีที่รถถูกกดปลดล็อคสมุทรก็เอื้อมมือเข้ามาทำท่าจะคว้ากุญแจจากมือผมไป  ผมขยับมือหนี  แต่เขาก็ไม่หยุดการกระทำเดิม  มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกคล้ายกับตัวเองกำลังถูกปั่นหัว  เมื่อเปิดประตูรถออก  สมุทรก็กระแทกมือดันปิดประตูรถจนเสียงดังสนั่น  ผมหันหน้ากลับไปมองอย่างไม่เข้าใจ  หว่างคิ้วของผมมันตึงแน่นจนน่าหงุดหงิดรำคาญ  อีกฝ่ายจ้องมองมา  ใบหน้าของเขาสงบลงกว่าผมมากทีเดียว 

ลิ้นเดาะเข้ากับฟันบนจนออกมาเป็นเสียงสบถ  กุญแจในมือถูกขว้างออกไปในความมืด  มันกระเด็นไปไกลโดยอัตโนมัติ  สมุทรยังคงมองผมและหายใจสม่ำเสมอ  เขาหันหลังเดินไปหากุญแจก่อนก้มลงหยิบมันขึ้นมา  ผมเดินอ้อมไปยังที่นั่งฝั่งด้านข้างคนขับ  ลูกน้องใหม่ที่ซื่อสัตย์ในหน้าที่การงานกว่าอะไรยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองแม้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้  สมุทรขึ้นมานั่งที่นั่งฝั่งคนขับ  กุญแจรถถูกเสียบเข้าพร้อมสตาร์ท  เสียงล็อกประตูรถทันทีดัง “แกรก!”


..ลมแอร์ที่กำลังทำงานและเสียงคลอของมันเป็นสัมผัสแรกที่กระทบพวกเรา

ความมืดจากฟิลม์รถบวกกับความมืดยามค่ำคืนทำให้แทบมองเห็นด้านนอกได้ไม่ถนัด  พอ ๆ กับที่ด้านนอกคงมองไม่เห็นอะไรในนี้เลย  ผมไม่คิดจะพูดอะไรทั้งที่กระสับกระส่ายด้วยความไม่เข้าใจว่าสมุทรกำลังคิดอะไรอยู่  รถยังถูกสตาร์ทแช่ไว้อย่างนั้นโดยไม่เคลื่อนไหว  อารมณ์ที่ครุกรุ่นยังไม่ยอมสงบลงโดยง่าย  ผมเคยโกรธเกือบแทบกลายเป็นคนบ้า  แต่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  จำไม่ได้แล้วว่าเคยโกรธหรือรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจในลักษณะเช่นนี้กับใครมาก่อนหรือไม่

“.........” กระดาษทิชชู่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า  ผมเพียงเหลือบมอง  มือปัดกระแทกปฏิเสธที่จะรับ  กระดาษทิชชู่ปลิวตกลงบนพื้น  อีกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหวชั่วครู่  กระดาษทิชชู่แผ่นใหม่ถูกนำมาให้อีกครั้งหนึ่ง  ครั้งนี้ผมช้อนตาขึ้นมอง

“อยากตายรึไง” คำถามที่ไม่เชิงเป็นคำถามเสียทีเดียว  คำตอบที่ไม่ได้รับนั้นมาพร้อมกับสายตาที่กำลังบอกว่าตัวเองรู้สึกผิดต่อการกระทำก่อนหน้ามากแค่ไหน   มันยิ่งทำให้ผมไม่อยากมอง

ร่างกายของผมเริ่มขยับอีกครั้ง  เหมือนกับมันฟังและทำตามคำสั่งของจิตใต้สำนึกผมในทันทีอย่างไม่รอฟังเหตุผลใด ๆ  คอเสื้อของสมุทรถูกกระชากดึงเข้ามา  ขณะเดียวกันผมก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างไม่ลังเลในการกระทำ  แม้คนที่ถูกผมพุ่งเข้าใส่จะขืนตัวเองเอาไว้  แต่แล้วพื้นที่ในรถก็ทำให้เขาทำแบบนั้นได้ไม่สะดวกนัก  ปากของเราแนบสนิท  ดวงตาของสมุทรที่ปิดหนีจากการถูกบุกรุกอย่างกะทันหันกำลังลืมขึ้น  ร่างกายเราเริ่มขยับช้าลง  มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่กวาดไปมา  ผมผละปากออกเว้นระยะห่าง  มือซ้ายที่ว่างอยู่ขยับขึ้นและแตะลงที่ต้นขอของคนตรงหน้าอย่างเบามือ

ผมปิดเปลือกตาลงพร้อมกับแตะปากจูบลงที่เดิมซ้ำอีกครั้ง  ทุกอย่างนั้นเชื่องช้าไปหมด  มือซ้ายรับรู้ได้ถึงลำคอของสมุทรไว้เต็มฝ่ามือ  ความรู้สึกได้ถึงริมฝีปากคู่ตรงหน้าที่เริ่มขยับบ้างทำให้ผมลืมตาขึ้นมองอย่างแปลกใจ  พบว่าอีกฝ่ายกำลังหลับตาอยู่  มือซ้ายออกแรงลูบต้นคอของเขาหนักขึ้นพร้อม ๆ กับปากที่ได้ใจกำลังกดน้ำหนักมากขึ้นไปโดยอัตโนมัติ  ปากของผมขยับเกะกะไม่แพ้อีกฝ่าย  รับรู้ได้ถึงความลังเลของเราทั้งคู่  ผมหยุดชะงัก  ลืมตาขึ้นมอง  สมุทรก็ทำเช่นกัน


คำถามมากมายอยู่ในหัวผมและผมคิดว่ามันกำลังจะทำให้ผมเสียโอกาสไม่ว่าต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น  มือซ้ายขยับขึ้นมาอยู่ระหว่างปลายคางของสมุทร  นิ้วโป้งแตะลงที่ริมฝีปากล่างก่อนคลี่ออกเบา ๆ  สมุทรเหตาลงแต่กลับไม่ห้ามปรามอย่างที่เคย  ทันทีนั้นปากผมก็กดจูบลงก่อนที่จะตัดสินใจอะไรไปด้วยซ้ำ  รู้สึกขาดความปราณีต่อการกระทำอีก  ผมต้องการลิ้มรสจูบนี้ให้มากขึ้นว่ามันควรจะใช่ความรู้สึกที่ผมสงสัยหรือไม่  ลมหายใจเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง  ลิ้นที่สอดแหย่เข้าไปลองเชิงทีละน้อยทำให้ปากของเขาเริ่มเปียก  เสียงเคล้าจูบเบาลงคล้ายพักหายใจ  เราต่างลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง  นิ้วกลางและนิ้วชี้ที่มือขวาเกลี่ยไล่จากใบหูกลับไปยังคอเสื้อของสมุทรตามเดิม  เสื้อถูกขยุ้มไว้ในมือ  ผมเอียงใบหน้าต่ำลงพลางช้อนริมฝีปากขึ้นต้อนอีกฝ่ายอีกครั้ง  ทันทีนั้นคนตรงหน้าก็ขยับตัวคล้ายทำตอบผมเช่นกัน
 
รสจูบหนักขึ้นกว่าก่อนหน้าจนความร้อนในร่างกายพุ่งขึ้น  ความเซ่อซ่าระหว่างเราทั้งคู่แทบหายไปหมดสิ้น  มือขวาสมุทรช้อนต้นคอผมประคองไว้  จับอย่างกับกลัวว่าผมจะเจ็บไป  ผมควานหาที่เอนเบาะก่อนกดปลดล็อค  เบาะฝั่งของผมถูกเอนลงไปทางด้านหลังเล็กน้อยด้วยแรงจากตัวผม  มันเอนไปไม่มากนัก  เพียงเพื่อให้สะดวกเท่านั้น  สมุทรที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับต้องเท้าแขนไว้บนเบาะของผมทั้งสองข้างเพื่อที่เขาจะได้ไม่ล้มทับมา  คอเสื้อของเขาไม่ถูกผมผ่อนแรงให้เลย  การสอดลิ้นเข้าไปในปากเขาอีกครั้งทำให้อีกฝ่ายต้องตวัดลิ้นกระทบกลับมาไม่อย่างนั้นเขาคงหายใจไม่ทัน  นั่นจึงทำให้เป็นการบุกรุกที่คืบหน้า  เสียงหอบจวนแทบกลายเป็นเสียงคราง  ปากล่างของเราต่างเปียกแฉะ  จมูกที่กระทบถูเป็นครั้งคราวทำให้ได้ยินเสียงหอบหายใจ 

แม้เขาจะถูกบังคับให้การจูบและเขาคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังตอบสนองอยู่  ไม่ว่าเขาจะจูบผมตอบด้วยเหตุผลเพราะเหตุใจ สมเพช ขอโทษหรือความหมายใดก็แล้วแต่  ผมแค่เตือนสติว่า ผมไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่  การเคลื่อนไหวสุดท้าย ผมเกลี่ยไล่จมูกหยอกเขาอย่างยียวน  ไม่เข้าจูบตรง ๆ  สมุทรหยุดนิ่งมองการกระทำของผมไม่ขยับ  ผมเองก็กวาดตามองเขาอยู่อย่างไม่ว่างเว้น  กวาดมองอย่างเต็มไปด้วยความกระหายอยู่เช่นนั้น  แต่กลับไม่เป็นฝ่ายทำอะไรอีก  จนอีกฝ่ายประกบปากเข้าหาผมก่อนตรง ๆ เป็นครั้งแรก  เมื่อปากถูกสอดเข้ามาอย่างดุดัน  ร่างกายจึงขยับตอบสนองกลับไปอย่างไม่รีรอ  สมุทรเอนหลังกลับไปพิงที่เบาะของตัวเองตามแรงจากตัวผม  ผมเท้าแขนไว้ที่เบาะทั้งสองข้าง  จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์หลังจากนั้นมันเย็นลงเมื่อไหร่  มันเป็นจูบที่บ้าและนานมากเท่าที่เคยมีประสบการณ์มา   

ผมจำไม่ได้ว่าผมกลับถึงบ้านกี่โมง  สมุทรไม่ถามสักคำว่ารถคันนี้เป็นรถของใคร  เขาเลือกที่จะขับกลับไปส่งผมที่บ้าน  เลือดที่ปากแห้งสนิทไปแล้ว  เราเงียบตลอดทางระหว่างกลับบ้าน  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าผมรู้สึกต่อเหตุการณ์เมื่อครู่นี้แบบไหน  พี่ธานออกมายืนรอผมอยู่ที่หน้าบ้านอย่างกับรู้จากใครมาว่าผมออกไปข้างนอกเพียงคนเดียว  ไอ้โปรดหรือไอ้คินอาจจะฟ้อง  พี่เขาถึงได้แหกตาตื่นรอผมอยู่แบบนี้  ผมลงจากรถ  เดินผ่านพี่ธานไปโดยไม่ทักทาย  พี่เขาทราบดีว่ารถคันนี้เป็นของไอ้โปรดและถ้าหากเขาเห็นว่าผมไม่ได้มาคนเดียวก็คงจะเข้าใจในสถานการณ์ว่าในฐานะมือขวานั้นควรจะจัดการกับคนที่มาส่งผมนี้ด้วยอย่างไร


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-02-2017 16:20:12

07:10 น. : บ้านเลิศประสงค์

ห้องนั่งเล่นยามเช้าประชุมพร้อมไปด้วยพี่ธาน  ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่รอผมกันพร้อมหน้า  ผมยังไม่ได้อาบน้ำ  วันนี้ตื่นสายกว่าปกติเพราะเมื่อคืนกลับดึก  และเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้นอนไม่หลับ  เผลอหลับไปได้เมื่อตอนรุ่งสาง  เช้านี้เลยลงมาทั้งชุดนอน  พวกมันพากันมองหน้าผมกะหลับกะเหลือ  แผลจากการถูกชกเมื่อคืนคงส่งผลทำให้มีสีช้ำที่มุมปากและดึงดูดความสนใจของพวกมัน

“หน้ากูเหมือนญาติฝ่ายไหนของพวกมึงเหรอ” ผมถามส่ง ๆ เสียงต่ำลงอย่างเหนื่อยหน่าย  โทรศัพท์มือถือของผมที่นำไว้ใช้สำหรับเรื่องงานวางหราอยู่กลางโต๊ะ  ผมนั่งลงที่โซฟาพร้อมหยิบมันมาเปิดดู  ภาพศพของไอ้มงคลสามรูปเด่นชัดว่าเสียชีวิตแน่นอน  เมื่อแน่ใจแล้วจึงกดลบรูปภาพออกจากเครื่อง  น้ำเปล่าแก้วของผมที่วางอยู่กลางโต๊ะเตรียมไว้พร้อม  ถูกผมยกขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนพ่นลมหายใจออกทางปาก  พวกมันนั่งเงียบรอฟัง  ผมตาลอยมองโทรทัศน์ด้านหน้าอยู่พักหนึ่ง

“สั่งจบงานกับพี่ศรไปก่อน ส่งค่าแรงให้แกไป” ผมพูดขึ้นและเว้นจังหวะเงียบอีกครั้ง

“มึงคอยตามประกบไอ้เอก” ผมสั่ง  เหลือบตาดำมองไปทางไอ้เข้มที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ

“ไม่ต้องลงมืออะไร ระหว่างนี้รอพี่ทัพ” ผมขยายความ

“ครับ” ทั้งสามคนขานรับ

“เป็นไปได้กูจะลงมือเอง” ผมพูดบอกเผื่อเป็นนัยยะว่าให้รอฟังคำสั่งจากผมเท่านั้น  ห้ามแตะต้องไอ้เอก

“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัวรับทราบ

“แล้วรถที่ออกจาก Blackfoot เมื่อคืนมันขนอะไร” ผมถาม  เอื้อมหยิบเหยือกน้ำเปล่ารินเติมใส่แก้วอีกครึ่งแก้ว
 
“ไม่ทราบครับ เห็นแต่ว่าเป็นกล่องสีดำ ขนาดค่อนข้างใหญ่ สองคนแบก..หลายกล่อง มันขนเข้าไปที่โรงแรม Tsmith” ไอ้เข้มตอบ
 
“Tsmith ? โรงแรมของไอ้กายไม่ใช่เหรอ” ผมเหล่มอง

“ครับ” ไอ้เข้มผงกหัว

“พวกมันใช้ด้านหลังโรงแรมในการขน การ์ดเยอะมากครับ แต่แถวนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดเลยสักตัว”

“งั้นเหรอ” ผมพ่นหัวเราะ

“แล้วคนของเราเจออะไรใน Blackfoot บ้างไหม”

“ครับ..ห้องฝั่งทิศตะวันออกของร้าน มีการ์ดของร้านสลับเข้าไปในนั้นบ่อย ๆ  คล้ายกับองศาเดียวกับด้านหลังที่มันใช้ขนของออก มีการ์ดประจำหน้าห้อง ไม่ใช่ทางที่ลูกค้าควรผ่าน” ไอ้เข้มตอบด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนัก  ผมพยักหน้ารับทราบ 

“เท่านี้ใช่ไหม” ผมถาม

“ครับ”


ก๊อก  ๆ ๆ

“ตั้งโต๊ะแล้วนะเฮีย” พายุเดินมาบอก  ผมปัดมืออนุญาตให้พวกมันแยกย้ายกันไปกินข้าวเช้า 

“ดูเหนื่อยนะครับ” พี่ธานทัก 

“หึ” ผมยิ้มนิดหน่อย  ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมด  อีกฝ่ายไม่เซ้าซี้ถามเกินควร  ผมลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น  ขณะเดียวกันก็สวนกับคนที่เพิ่งมาถึงพอดี  สมุทรหยุดชะงักด้วยใบหน้าตกใจที่พบหน้าผมกะทันหัน  ก่อนที่ดวงตาจะกวาดมองมาที่มุมปากของผมและจับจ้องมันอยู่จุดเดียว   

“สวัสดีครับ” สมุทรผงกหัวทักทายพายุ  พายุผงกหัวยิ้มให้น้อย ๆ

“ปากเฮียไปโดนอะไรมาน่ะ” พายุขมวดคิ้วสงสัย

“คู่นอนเมื่อคืนซาดิสม์ไปหน่อย” ผมตอบ  จงใจแกล้งกวนไปถึงคนข้าง ๆ ที่ยืนอยู่ด้วย  ผมเดินออกมาไม่ฟังเสียงพายุที่บ่นไล่หลัง “แผลเก่าเพิ่งหาย ได้แผลใหม่มาอีกละ”

“วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ” ผมถามระหว่างอาหารเช้า  สมาชิกร่วมโต๊ะวันนี้มีเพียงผม พี่ธานและพายุ  ส่วนไอ้ดินออกไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว  เห็นว่ามีกิจกรรมที่ต้องเข้าร่วมเลยต้องไปโรงเรียนเช้าผิดเวลา

“ไม่มี วันนี้ก็เลยว่าจะออกไปซื้อของมาทำเบอร์เกอร์มื้อเย็นอะ” พายุตอบ  ผมกินไปฟังไป 

“พี่ธานเอาไส้กรอกด้วยไหม” พายุถาม 

“ครับ” พี่เขายิ้มตอบ 

“ยาทาแผลในปากค่ะคุณไฟ” ป้าอิ่มนำกระปุกยามาวางลงข้าง ๆ มือ  ผมเหลือบมอง

“ขอบคุณครับ” ผมพูด  เธอยิ้มอ่อนโยนก่อนออกจากห้อง  ความเงียบบนโต๊ะทำให้ผมช้อนตาขึ้นมองน้องชาย  และคิดว่ามันน่าจะเป็นคนสั่งให้ป้าแกนำยานี้มาให้ 

“วันหลังก็เลือกคู่นอนหน่อยสิ” มันประชด  ทำหน้าเมินกลับไปตั้งใจกินอาหารต่อ

“จิ” ผมกลอกตา  ปากเคี้ยวอาหารแรงขึ้นด้วยนึกหงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ แต่ไม่คิดที่จะปฏิเสธประเด็นซาดิสม์ที่น้องชายเชื่อไปแล้ว
เรื่องเมื่อคืนหวนกลับมา  ฉากต่อฉาก  คำถามที่ต้องการคำตอบ  ความหงุดหงิดจากพฤติกรรมแปลก ๆ แทบถูกลบไปหมดเมื่อความรู้สึกถึงรสชาติของจูบนั้นแรงมากกว่า  มันขยับเข้ามาแทนที่ขนาดที่แทบบดบังทุกอย่างได้มิดสนิท  ลมหายใจ น้ำหนักที่ลง  แล้วการกระทำอย่างนั้นยิ่งทำให้ผมเริ่มเข้าข้างตัวเองขึ้นมา  เสือกเป็นประเด็นเพิ่มมาทำให้คิดไม่ตกตั้งแต่เมื่อคืน

“อ้ากกกกกกกก!” เสียงตะโกนดังลั่นขึ้นกลางโต๊ะอาหารทันทีที่ภาพในหัวคิดไปเองต่าง ๆ นา ๆ  สายตาคู่นั้นที่มองระหว่างจูบกันก็ลบภาพไม่ออกจากหัวผมเลย  ผมควรต้องรีบดึงสติกลับมาซะ  อ้า.. น่าหงุดหงิดฉิบเป๋ง  ไม่รู้อารมณ์ไหนเป็นอารมณ์ไหนแน่ มันมั่วไปหมด
 
“อะไรของเฮียเนี้ย” พายุตกใจตาโต
 
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจแรง  ทิ้งช้อนส้อมลงบนจาน  นำมือลูบหน้าตัวเองขึ้นทั้งสองมือพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
 
“หงุดหงิดฉิบหาย” ผมพึมพำ  ตามองเพดาน

“...หงุดหงิดโว้ย!” ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น  ทั้งพี่ธานและพายุหุบปากเงียบ

“อิ่มแล้ว” ผมตัดบทลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร  คนร่วมโต๊ะมองตามแต่ไม่เอ่ยปากห้ามอะไร  ยาทาแผลถูกหยิบติดมือออกมาด้วย  ผมตรงขึ้นห้องนอนทันที  อยากอาบน้ำให้สมองโล่งกว่านี้สักหน่อย

.
..
“ผมขอโทษนะครับที่ผมลงมือไปแบบนั้น”

เสียงพูดคุยดังออกมาจากห้องครัวไทยแบบเปิดโล่งทางด้านหลังบ้าน  หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย  พบว่าทุกคนแยกย้ายกันไป  ผมจึงกลับเข้าไปทำงานในห้องทำงาน  วันนี้ไม่มีภารกิจที่จะต้องออกไปทำข้างนอก  เลยถือเสียว่าหยุดให้พักผ่อน  เวลาใกล้เที่ยงเต็มแก่  ผมวางมือจากตัวเลขของบัญชีจากที่ลูกน้องที่เชียงใหม่ส่งมาให้ลงมาที่ด้านล่างแต่ไม่พบใคร  ที่โรงฝึกก็ไม่มีใครอยู่  ได้ยินเสียงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวแว่วดังมาจากด้านหลังบ้านจึงกะว่าจะเดินมาดูว่ามีใครอยู่บ้าง
 
“ไม่หรอก พี่เข้าใจ” พี่ธานตอบนุ่มนวล  มีติดปลายเสียงหัวเราะในลำคอนิด ๆ  ผมจึงสั่งให้ตัวเองหยุดยืนแอบฟังอยู่ตรงประตูทางออกโดยอัตโนมัติ  ประโยคแบบนั้นคาดว่าน่าจะได้ยินอะไรเพิ่มเติม  เพราะผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ธานฟังเลย

“ผมก็เข้าใจอยู่หรอกครับว่าอีกฝ่ายเป็นคนโมโหแรง แต่..เมื่อคืน สิ่งที่คุณไฟทำก็ทำเอาผมหงุดหงิดเหมือนกัน” สมุทรพูด  คำพูดเชิงบ่นให้ฟังกลับใช้น้ำเสียงเรียบ ๆ น่าฟัง  ผมหันหลังพิงกำแพงไว้  มือล้วงกระเป๋ากางเกงไปพลาง

“แต่กล้าเหมือนกันนะ หึ” พี่ธานพูดคล้ายชื่นชม

“ครับ เสี่ยงน่าดู” สมุทรตอบ  ทั้งสองคนทิ้งน้ำเสียงอึดใจหนึ่ง

“ปกติคุณเขาก็ไม่ใช่คนโมโหง่ายหรอกนะ” พี่ธานพูดขึ้น  เสียงคล้ายกับช้อนเคาะลงที่ปากกะละมังดัง เก้ง ๆ คลอไม่ดังนัก

“ครับ ผมพอจะดูออก..หลายครั้ง เหมือนคุณเขาพยายามควบคุมตัวเอง” สมุทรพูด 

“คงเพราะรู้ว่าถ้าตัวเองโมโหขึ้นมาจริง ๆ ...” เขาทิ้งน้ำเสียงที่จะพูดต่อให้จบประโยค

“ตั้งแต่ที่สมุทรมาอยู่กับพวกเรา พี่ว่านายยังไม่เห็นที่คุณเขาโมโหจริงสักรอบเลยนะ” พี่ธานใช้น้ำเสียงติดทะเล้นนิดหน่อยเหมือนกับจะเบี่ยงประเด็นไม่ให้จริงจังนัก  สมุทรหัวเราะน้อย ๆ ไม่ปฏิเสธ

“อ้า แต่อาจมีครั้งนึง ที่พัทยากับคนของเสี่ยปรีดาน่ะ แต่นั่น..สำหรับพี่ยังนั่นยังไม่ใช่ที่สุด ฮ่า ๆ ๆ”

“กับลูกน้องที่ทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ถึงคุณเขาจะโมโห แต่ก็แค่แป๊บเดียวนะ คุณเขาไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยหรอก แต่กับสมุทร..ไม่ใช่” พี่ธานพูด  น้ำเสียงหนักแน่นจนใจผมชักเต้นผิดจังหวะ  มันเหมือนกับว่าเรากำลังจะได้ฟังความในใจจากใครสักคนแบบที่นั่นจะออกมาจากใจจริง

“พี่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน พี่ไม่เห็นกับตา ดังนั้นพี่พูดอะไรไม่ได้ นายเล่าเรื่องเมื่อคืนนี้หมดทุกอย่างยังล่ะ..” พี่ธานย้ำถาม  มีความเจ้าเล่ห์จับผิดเห็นเด่นชัดว่าไม่เชื่อว่าสมุทรได้เล่าทุกรายละเอียดแล้ว  สมุทรไม่ตอบ

“เอาเถอะ พี่คิดว่าสมุทรน่าจะมองออกนะ คุณเขาไม่เคยเป็นแบบนี้หรอก ไม่ตามหรอก ที่ผ่านมาไม่เคยตามใครไป” สิ้นเสียงจากพี่ธานก็ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากคู่สนทนา

“แล้วก็ ส่วนตัวพี่คิดว่าสมุทรทำไม่ถูกตั้งแต่แรก”

“ครับ ผมทราบดี” สมุทรตอบ

“เราจงใจไม่โทรกลับ ทำแบบนั้นทำไม มีอะไรรึเปล่า ?” พี่เขาถาม  แต่สมุทรกลับไม่ตอบ  นั่นคือประเด็นที่ผมเองก็สงสัยไม่ต่าง 

“คือว่า คุณพลอยเธอ..”

“ชอบคุณพลอยเหรอ ?”

“เปล่าครับ” สมุทรตอบ

“..คือว่า” เจ้าตัวอ้ำอึ้งก่อนที่ทั้งคู่จะเงียบไปครู่หนึ่ง

“หึ ช่างมันเถอะ เล่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” พี่ธานตัดบท
 
“แล้วเป็นไงบ้าง วันที่ไปเดทกับคุณเขาน่ะ” พี่ธานตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงแซว ๆ จนผมถึงกับพ่นลมหายใจออกทางปากและอดอมยิ้มไม่ได้ที่พี่ใหญ่ถามอะไรชวนขนลุกหู  ขาที่ทำท่าจะก้าวเดินหนีกลับหันกลับมาอยู่ที่เดิมเพื่อรอฟังคำตอบ  ฟังสักหน่อยคงไม่เป็นไร  มือซ้ายลูบขึ้นที่ท้ายทอย  หน้าก้มลงมองปลายเท้ารออย่างตั้งใจ

“จะสถานการณ์ไหนก็ยังเป็นคนที่รับมือยากเหมือนเดิมละครับ” สมุทรตอบเสียงเข้ม

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” คนฟังถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา

“ถูกจูบไปบ้างแล้วรึยัง ?” ผมยิ้มกว้างกับสิ่งที่พี่ใหญ่มาหลอกถามกับสมุทรแทนที่จะถามผม

“.........” สมุทรไม่ตอบ

“เรียบร้อยแล้วสินะ กี่ครั้งเหรอ พี่ขอทายได้ไหม”

“อย่าทายเลยครับ” สมุทรรีบห้ามปราบทำเอาพี่ใหญ่หลุดขำ

“พี่ธานมีความอดทนสูงดีนะครับ” พี่ใหญ่ของบ้านถูกชม

“เปล่าเลย พี่ไม่เคยใช้ความอดทนกับการอยู่กับคุณไฟนะ” พี่ธานตอบทันที 

“คุณเขานิสัยเหมือนคุณพ่อกับคุณปู่ผสมกันน่ะ”

“ไม่ใช่คนร้ายกาจซะทีเดียวหรอก แต่แค่ไม่ใช่คนขี้สงสารอะไรง่าย ๆ  เรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณท่านที่มักใจอ่อนกับคนที่ท่านไว้ใจแล้วถูกหักหลังบ่อย ๆ  คุณเขาฝังใจ..ก็เลยเป็นแบบนั้น ส่วนนิสัยทะลึ่งทะเล้น ไม่ไว้หน้าใครนี่ติดมาจากนายใหญ่ คุณปู่น่ะ แกค่อนข้างนักเลง”

“ใช้ความเข้าใจ เรา..ไม่เคยใช้ความอดทนในการอยู่ร่วมกันหรอก” พี่ธานพูด

“สมุทรใช้งั้นเหรอครับ ?” พี่เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

“ก็ไม่เชิงครับ กับคนแบบนั้นบางมุมมันก็ต้องมีบ้าง ผม..คงภูมิต้านทานต่ำไปหน่อยละมั้ง” สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เช่นกัน

“หึ ๆ ๆ พี่ว่านายไม่ได้ใช้หรอกไอ้ความอดทนน่ะ แต่นายแค่ไม่รู้ตัว” พี่ธานแซว  อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ

“ถามอะไรหน่อยได้ไหม ?”

“ถ้า...” อยู่ ๆ น้ำเสียงของพี่เขาก็เปลี่ยนไป  มันเป็นการเอ่ยอย่างเบาบางจนรู้สึกผิดแปลก

“ถ้าพี่ไม่บอกให้สมุทรคิดดูเรื่องที่ออกไปกับคุณเขาสองคน สมุทรยังจะตอบรับที่จะออกไปอยู่ไหม ?” พี่ธานถาม  คำพูดประโยคกระชับสามารถเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายทำให้ผมรู้สึกหน้าชามากกว่าจะโกรธหรือโมโห  แต่อย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอยากฮึดฮัดต้องการชกหน้าใครสักคน  ความสับสนงงงวยเหมือนกับได้รับทราบความลับที่ถูกเปิด  และได้สตินึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา  คำถามดูเหมือนจะไม่ถูกให้คำตอบ  เสียงทางด้านหลังครัวเงียบไปสนิท

“พี่สมุทรคร้าบ! วานหยิบตะกร้าให้หน่อยคร้าบ!” เสียงไอ้เด่นตะโกนดังมาจากทางสวนผัก

“มึงก็ไปหยิบเองสิวะ!” ไอ้เข้มต่อว่าน้องชาย 

“เดี๋ยวพี่เอาให้” สมุทรขานรับ  ผมยังคงยืนเฉยอยู่อย่างนั้น  สมุทรที่อยู่ด้านนอกเดินผ่านหน้าผมไปเพื่อหยิบของตามที่ถูกไหว้วาน  เขาเดินผ่านหน้าผมไปถึงสองรอบโดยไม่ทันหันมาสังเกตเห็นว่าผมยืนร่วมวงสนทนาอยู่ด้วยพักหนึ่งแล้ว

“คุณไฟ” พี่ธานที่จะกลับเข้ามาในห้องครัวในบ้านถึงกับหยุดยืนตาเบิกกว้างที่เห็นผมยืนพิงกำแพงอยู่  ผมมองเฉย  ไม่ได้โกรธหรอกแต่ว่า.. ความรู้สึกมันเฉยมากแบบที่ไม่อาจแสดงอารมณ์ใดต่อคนตรงหน้าที่หวังดีได้ 

“สรุปว่า” ผมเอ่ยเสียงเบา 
 
“ที่หมอนั่นยอมออกไปกับผมง่าย ๆ เพราะเกรงใจพี่สินะ”

“คือ..” พี่ธานอ้ำอึ้ง  สบตาผมเพียงครั้งคราวเท่านั้น  แถมยังไม่ให้คำตอบฉะฉานอย่างทุกครั้งด้วย

“ผมก็รู้ลึก ๆ อยู่หรอกว่าหมอนั่นจะต้องเห็นว่ามันคือหน้าที่ แต่ไม่คิดว่าจะถูกขอร้องมาจากพี่ใหญ่ด้วย พอดีเลย..ผมกำลังเอาเรื่องเมื่อคืนมาปะติดปะต่อให้คิดเข้าข้างตัวเองอยู่พอดี” ผมยิ้มมุมปาก  ตาสว่างได้สติกลับมาพอสมควร  ถ้าผมไม่ทราบเรื่องนี้ผมจะคิดไปเองกระโดดโลดเต้นออกไปอีกหลายกิโลเลยมั้งครับ  ไม่ว่าในเรื่องอะไร..การคิดไปเองมันค่อนข้างเป็นกรณีใหญ่อยู่นะครับ   

“คุณไฟครับ คือว่า” พี่ธานหน้าเจื่อน

“พี่ธานครับ ผมว่าจะทำกะทิก่อน” สมุทรที่ตามหลังมาถึงกับชะงักงันไปอีกคน  ในมือของเขาถือกะละมังที่มีกากมะพร้าวอยู่ในนั้น  เจ้าตัวคงเห็นสถานการณ์จากเราสองคนและอ่านออกจนหมด  เขาจึงนิ่งลงเช่นกัน  เราสามคนเงียบสนิท 
 
“ดีจังเลยน้า ลูกน้องรักกันเนี่ย” ผมสบถหัวเราะ  ประชดติดตลกก่อนหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน 



...............(ไฟ)..............

 :m16: +  :angry2: +  :ruready +  :-[ +  :L3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 16-02-2017 18:20:19
เชื่อมั้ยคะว่าอ่านตอนนี้ละเราหัวร้อน มือสั่นมากๆ ประหนึ่งเป็นไฟเอง
ตั้งแต่อ่านมาไม่เคยเข้าใจความรู้สึกไฟได้มากเท่าตอนนี้เลย
ความรู้สึกที่เหมือนกับเราเป็นตัวตลก วิ่งพล่านอยู่คนเดียว
มันไม่สนุกซักนิด อ่านตอนนี้จบแอบเกลียดสมุทรขึ้นมาเลย

จริงๆสมุทรอาจเเค่ตามน้ำ เพราะในใจก็คงคิดเยอะเหมือนกัน
ความอยากรู้ อยากแน่ใจ อยากเห็นว่าสิ่งที่ไฟเคยบอกมันจริงรึเปล่า
มาคราวนี้นี่จี้ถูกจุดเลยทีเดียวว่ามั้ย แจ่มชัดดีมั้ยล่ะ หวังว่าจากเหตุการณ์คราวนี้
มันคงจะทำให้อะไรๆในหัวสมุทรมีความชัดเจนขึ้นบ้างอะนะ หึ
พลอยเองก็ใช่ย่อย เธอฉลาดทีเดียว ที่เป็นคนเริ่มเกมส์นี้ และเพราะความฉลาดของเธอ
ในตอนนี้ก็คงได้รู้ ว่าคนที่ถูกตามถูกหวงมันดันไม่ใช่ตัวเองซะนี่ เธอเลยไม่สนุกซะเเล้ว

อารมณ์เรานี่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงตามไฟเลยล่ะค่ะ เบบี้ อินขั้นสุด
จะไม่แปลกใจซักนิดถ้าตอนต่อๆไปไฟจะเฉยขึ้น ละอาจจะมีอีกคนดิ้นซะเอง
จุดพีค จุดเสียสติ มันผ่านไปแล้วซะด้วย นี่รอดูอย่างเดียวเลยค่ะว่าจะเป็นยังไง
พอคนเรามันได้บ้ามากๆ หลังจากนั้นสติเข้าร่าง ความเป็นจริงจ่ออยู่ตรงหน้า...
เราจะรู้ตัวเราเองว่าเราควรทำยังไงค่ะ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเตือนซักนิด

พี่ใหญ่ก็นะ ความหวังดีที่บางทีเราก็ไม่ต้องการอะ เข้าใจมั้ยคะ
มันก็ยังดีที่ได้รู้วันนี้ อย่างที่ไฟบอก การคิดไปเองนี่มันเรื่องใหญ่มากนะ
ใหญ่มากขนาดที่เปลี่ยนจาก"ใช่"เป็น"ไม่"ได้เลย
ฉะนั้น ยืนอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆอาจจะช่วยพี่ใหญ่ได้ในจุดๆนี้ค่ะ

ปล.ขอบคุณเบบี้มากๆที่เขียนตอนนี้ขึ้นมาให้เราอินได้ขนาดนี้
ขอบคุณที่มาต่อ และเราจะเฝ้ารอตอนต่อไปแน่นอนค่ะ






หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 16-02-2017 18:35:31
โอ้ยยยยย หงุดหงิดสมุทร มีอะไรทำไมไม่พูดดดดดด
#ทีมไฟ มีความเครืองพี่ใหญ่
แต่ตอนนี้ไฟนี้มันไฟจริงๆนะลนไปหมด สติคะไฟแล้วค่อยเฉือดนิ่มนิ่ม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-02-2017 19:02:07
อร๊ายยยย เบบี้มาแล้ววววว คิดถึงมากกกกกก   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-02-2017 19:06:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-02-2017 19:09:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 16-02-2017 19:14:18
โอ้ยยยย อินมาก ทีมไฟค่ะ ฮืออออ ฉากจูบทำเอาเราใจสั่นเลย นี่สิที่ต้องการรีี
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 16-02-2017 19:34:57
สงสารไฟอะ ToT
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 16-02-2017 19:43:51
เจ็บแทนไฟอ่ะ อ่านแล้วน้ำตาไหลเฉย เหอๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 16-02-2017 20:04:52
คนที่รู้สึกมากกว่าก็เงี้ย ตอนไฟสับสนว่าจะคิดไปทางไหนเราว่าน่ารักดีนะ แต่พอเจอความจริงแสกหน้า ก็นั่นล่ะ ไม่เจ็บละ ชินและชาแทน
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 16-02-2017 20:09:59
บีบหัวใจ ขอเทสมุทรทีเถอะ รำคาญ!
ไฟกลับมาเป็นนายใหญ่ที่ไร้ใจเหมือนเดิมเถอะ อย่าให้ใครเขามาทำให้เป็นตัวตลกที่ดิ้นพล่านไปเองอีกเลย ให้คนอื่นดิ้นตายกันซะบ้าง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PYonG ที่ 16-02-2017 20:12:26
สงสารไฟ
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 16-02-2017 20:19:28
เป็นการจูบที่ดิบเถื่อนมาก สุดยอด :hao7: ไฟอารมณ์รุนแรงจนน่ากลัว ขนาดจูบยังขนาดนี้ถ้า.....จะขนาดไหน :hao6:
ยังเดาใจสมุทรไม่ออก ไม่รู้ว่าคิดอะไร นิยังมาจูบตอบคุณไฟอีกน่ะ
แต่คิดอีกที ถ้าไม่มีใจจะยอมเหรอ  :katai1: ถึงพี่ธานจะหว่านล้อมก็เถอะนะ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-02-2017 20:29:16
อ่านแบบกลั้นหายใจอ่าน อ่านแบบรวดเดียว
รู้สึกโกรธแทนไฟ ผิดหวัง ความรู้สึกลึกๆมันเหมือนตกลงมาจากตึก
มันค้างงงงงงงงงงงงงงงง  :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 16-02-2017 20:44:39
สงสารไฟ นางเหมือนคนที่เริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าตัวเองตกหลุมรักใครบางคนอย่างปฏิเสธไม่ได้ มันร้อนรุ่ม มันทุรนทุราย มันคงเกินคำว่าชอบไปมากแล้ว มันปล่อยวางไม่ได้ สักเพียงนิดที่เขาโต้ตอบมาก็พาลดีใจจนลืมทุกเรื่องก่อนหน้านั้นไปหมดว่าตัวเองมานั่งรอตรงนี้เพราะอะไร? คิดกังวลเรื่องอะไรอยู่? ระแวงอะไรอยู่? โกรธอะไรเขาอยู่? แม้จะพยายามดึงสติแต่ก็อดดีใจ อดแอบคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้

ความรู้สึกไฟ คงเหมือนตกจากที่สูง พอรู้เหตุผลที่สมุทรออกไปด้วยตามลำพัง ... เพราะพี่ธานขอร้อง  ไฟ....หนูเจ็บแค่ไหนลูก? สงสารไฟเหลือเกิน  :o7:  สมุทร ถ้าไม่มีใจ ก็ไม่ควรทำแบบนี้นะ นายกำลังปิดความรู้สึกตัวเองจริงๆอยู่หรือเปล่า? อย่าใจร้ายกับไฟกันนักเลย มีอะไร? คิดอะไร? ก็แสดงออกมาตรงๆเถอะ สงสารไฟ งืออออ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 16-02-2017 21:59:15
อ่าา ตอนนี้ไฟดู... ต้องการอะไรสักอย่าง
ความชัดเจนหรืออะไรแบบนั้น แต่ไฟก็ไม่ใช่คนน่าสงสารอ่ะ เลยบอกไม่ถูก
แต่จูบกันไปแล้ว มาขนาดนี้แล้วก็อย่าเทง่ายๆละกัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 16-02-2017 22:39:34
ไปไม่เป็นเลย...สตั๊นไปเลย....

ไฟจะเอาไงต้อน้ออออ...

ทีมไฟเสมอค่ะ!!

รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 16-02-2017 22:45:23
อ่านละ ไม่ชอบสมุทรเลย
ไฟปรับสติ ถอยออกมาหน่อยนะ เหมือนบ้าไปคนเดียวเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 16-02-2017 23:19:31
คุณไฟฟฟฟฟฟฟ
อยากจะยื่นทิชชู่ให้
คือแบบตอนแรกอย่าว่าแต่คุณไฟคิดเลย
นี่ก็คิดนู่นคิดนี่ตามไปแล้วด้วย
พอมาตอนนี้คือเหมือนโดนตบหน้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 17-02-2017 00:17:57
จบค่ะ สมุทรทำเกินไปอะ เอาความรู้สึกคนมาทำแบบนี้ได้ไง เสียดายที่เชียร์มาตลอด ไฟปล่อยมือสมุทรเหอะ เค้าไม่เคยคิดแบบที่ไฟคิด กลับมาเป็นไฟที่พร้อมจะลุกโชนกับทุกสิ่งเหมือนเดิมดีกว่า เขาไม่รัก เราก็แค่เดินออกมา สมุทรเหมาะกับทุกคนแต่ไม่เหมาะกับไฟเลย อ้ำอึ้ง ทำเท่ เป็นคนดีตลอดๆ เก๊กยิ่งกว่าไฟเยอะ เอาจริงนะ สมุทรโคตรน่ามคาน  #เทสมุทรค่ะ #ทีมไฟ o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 17-02-2017 00:39:08
 :hao5: :hao5: :hao5: เราร้องไห้ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 17-02-2017 02:01:07
อยากให้ไฟเป็นฝ่ายที่นิ่งๆบ้าง ไฟเป็นคนแกร่งยุแล้วเรื่องแค่นี้จิ้บๆ ให้สมุทรได้ชะนีไปเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 17-02-2017 06:50:06
หักหลัง หวังดี ช่วยเหลือ รวมกันพี่ธานกะสมุทรทำไม่คิดถึงไฟเลย จะแก้ตัวยังความรู้สึกไฟจะกลับมา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nang_nang ที่ 17-02-2017 06:57:59
คิดว่าสมุทร คงจะชอบไฟแล้วหล่ะ ดูจากการจูบตอบ
คิดว่าถ้า เด่นไม่ขัดตอนพี่ธามถาม คำตอบของสมุทร
น่าจะเอนเอียงมาทางไฟแหละ คนอย่างไฟไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 17-02-2017 07:00:57
คู่นี้ก็ยังรักกันแบบโหดๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 17-02-2017 07:05:04
 :mew4: :mew4: อินจัดคุณไฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 17-02-2017 08:55:58
สมุทรกับพลอยนี่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังคนอื่นแบบนี้

เป็นไฟก็น่าโมโหอยู่นะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 17-02-2017 09:03:23
สงสารไฟ กลับมาเป็นไฟที่เย็นชาเหมือนเดิมเหอะ เยียวยาความรู้สึกตัวเองด้วยความเฉยชา :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-02-2017 10:35:16
แม่งโคตรโกรธสมุทรว่ะ
โกรธแทนพี่ไฟอ่ะ กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว.... โป้งสมุทรแล้ว  :m16:

น้องชอบพี่ไฟเวลาที่ไม่เป็นตัวเองแบบนี้จัง คิดมากใช่เล่นเลยนะ อีกฝ่ายที่เหมือนจะรู้สึกกับเราเหมือนกันแต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด

รักพี่ไฟค่ะ :กอด1:

ขอบคุณเบบี้นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 17-02-2017 10:45:38
หลายอารมณ์มากกกก.....
ตื่นเต้น
ฟิน  :-[
และชีช้ำเล็กน้อย ปนช็อคหน่อย ๆ  :hao5:  :katai1:
สรุปครบรส  :z2:

 :pig4: ค่ะ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 17-02-2017 11:57:18
สงสารเฮียไฟ :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 17-02-2017 12:53:48
live&learn
ื่เชื่อว่าทั้งไฟและสมุทร จะผ่านจุดที่อึดอัดไปด้วยกันได้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ ไม่เทใครทั้งนั้นค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 17-02-2017 13:34:41
เหมือนลูกโป่งลูกใหญ่ที่ลอยขึ้นฟ้าแล้วโดนจิ้มแตกดังโพล๊ะ 
ความรู้สึกที่อันตรายที่สุดคือการคิดเข้าข้างตัวเองนี่แหละ
ยิ่งสะท้อนใจมากที่คนอย่างคุณไฟยอมไปนั่งตบยุงรอสองคนนั้นใต้คอนโด
รอไปทำไมก็ไม่รู้ เหมือนไอ้งั่งที่โดนปั่นหัวเป็นตัวตลก
พอเข้าใจว่าสมุทรเองคงอยู่ระยะสับสนตัวเองมากทีเดียวในฐานะชายแท้และลูกน้อง 
แต่อย่าทำแบบนี้ไม่ว่ากับใคร เข้าใจมั้ย  ~~~
ถ้าไม่รักไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร ~~~~ ใจร้ายที่สุดเลย
บางทีก็อยากให้คุณไฟเลิกๆแคร์สมุทรไปซะ 
 
ฉากในห้องครัวนี่พีคสุด เหมือนจิกซอว์มันปะติดปะต่อกันว่าที่ผ่านมาอะไรเป็นอะไร
เข้าใจได้ว่า อ้อ โดนพี่ใหญ่ขอไว้นี่เองถึงได้ไปเดต 
เดตไม่ทันเสร็จก็รีบไปหาคนอื่น 
( คุณไฟเราก็ยังอุตส่าห์ตามไปดูถึงที่อีกต่างหาก ไม่บ้าทำไม่ได้ขนาดนี้นะ !!)
 
ไม่รู้จะขอบคุณบี้ยังไงแต่เราชอบตอนนี้มาก
อาจเพราะเห็นพัฒนาการชัดเจนด้วย 
ที่สำคัญอ่านแล้วบีบคั้นความรู้สึกได้ดีมาก   
มันคือความสุขบนความทรมานแบบ ฮรึ่มมม !!  ( คนอ่านมีความจิต 5555 )   

ถ้าบี้แต่งเรื่องนี้แล้วเหนื่อยหรือท้อ 
ขอให้รู้ไว้เลยว่ามีคนอ่านอีกหลายคนที่ตามผลงานบี้อยู่อย่างใจจดใจจ่อ 
หนึ่งในนั้นอยู่ตรงนี้คนนึง 
สู้ๆ ตอนหน้าเจอกันน้า ^__________^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 17-02-2017 20:37:50
ยังไงไม่รู้ เหมือนจะอธิบายความรู้สึกออกมาไม่ถูกเลย คือดีใจที่สมุทรเหมือนจะตอบรับคุณไฟอยู่บ้าง แต่พาร์ทหลังๆนี่ทำเอาใจหวิวๆได้เหมือนกัน สงสารคุณไฟก็ใช่ สงสารสมุทรก็ด้วย เหมือนสมุทรก็จะรู้ใจตัวเองขึ้นบ้างนิดๆหรือเปล่านะ
เอาจริงๆคิดว่าที่สมุทรไปเดทกับคุณไฟไม่ใช่เพราะเกรงใจพี่ธานหรอก อย่างสมุทรไม่น่าจะเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะเรื่องเดทด้วยแล้ว ยิ่งเรื่องจูบนี่ยิ่งแล้วใหญ่ อย่าสมุทรอะ ถ้าไม่รู้สึกจริงๆคงไม่ยอมจูบหรอก ไม่น่าใช่เพราะความเกรงใจหรืออะไรแบบนั้นแน่ๆ

แอบสงสัยนิดนึงที่สมุทรไม่โทรกลับ เพราะต้องการให้คุณไฟมาตามหรือเปล่านะ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 17-02-2017 22:10:16
เราเคยเม้นว่าไม่ชอบพลอย ตอนนี้ก็ยังยิ่งไม่ชอบ ไม่ชอบความหมั่นหน้าของนาง
แล้วก็โมโหไฟด้วยที่ให้นางลากสมุทรไป  :mew5: กับคนที่ชอบอย่าปล่อยให้คนอื่นมาแหย่มดิ!!

ตอนไฟตามหาสมุทร....ไฟอ่ะ คนอย่างไฟทำถึงขนาดนั้น...  :mew6: น้ำตาซึมเลย

แล้วสมุทรรู้ว่าไฟชอบก็ยังทำตัวแบบนี้ สาวๆในสต๊อกอ่ะช่วยเขาไปทั่วมีอะไรก็ไม่บอกไฟ
กับคนอื่นใจดีแต่กับไฟทำไมถึงใจร้ายจัง ถ้าไม่ชอบก็อย่าให้ความหวังเพราะคนที่เขาหวังเขาจะเจ็บ!!

ปล.มีความรู้สึกว่าพลอยจะขอให้สมุทรช่วยอะไรหรือเปล่า เพราะสมุทรไม่ใช่คนที่จะไปอะไรกับใครง่ายๆ ยกเว้นมีใครขอร้องให้ช่วย ... แต่ฉันก็ยังโกรธเธออยู่นะสมุทร  :angry2:





หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 17-02-2017 22:43:35
อ่านตอนนี้จบแล้วรู้สึกจุกๆ หน่วงๆ ในอก มันอินอ่ะ เข้าใจความรู้สึกเฮียไฟ ฮรือออออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 18-02-2017 00:00:10
อ่านตอนนี้แล้วแบบโกรธหน้าสั่นมากกกกก  :z6: ยิ่งตอนท้ายนี่เจ็บปวด เหมือนโดนตบหน้าอ่ะ หน้าชาเลย ปรี๊ดสมุทรสุดๆ ทำไมทำกับไฟอย่างนี้  :o12: ตอนนี้พลอยดูน่าหมั่นไส้ขึ้นประมาณสามเท่า เอานางไปเก็บที  :angry2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 18-02-2017 00:21:31
โอ้ยยยยสงสารรรคุณไฟฟฟฟฟฟฟ

รู้ว่าพี่ใหญ่หวังดี แต่ทำไมมมมมมมมม โอ้ยยย
สงสารมากกกจิงๆๆๆๆ

แล้วถ้าไม่ชอบบ จะจูบตอบทำไมมมม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 18-02-2017 02:19:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-02-2017 20:06:08
อะไร ทำไม ยังไง สมุทรบอกมา
แต่เดาๆแล้ว สมุทรทั้งอยากก้าว และถอย พร้อมๆกัน

ไฟรุกหนักมาก แรงมาก เพ้อไปแล้วด้วย พอได้ยินแล้วตกเหวเลย เวลานี้ไฟเฮิร์ทมาก บอกเลย

ธานไม่ผิดหรอก คนผิดคือคนที่ไม่ชัดเจนมากกว่า สมุทรต้องเคลียร์นะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 18-02-2017 21:05:42
รู้สึกว่างานนี้จะไม่ใช่แค่สมุทรคนเดียวที่ต้องมาง้อคุณไฟ แต่พี่ธารก็อาจจะได้เลี้ยงน้องชุดใหญ่เลยล่ะค่ะ. ได้เห็นปฏิกิริยาตอบโต้แบบนี้ของสมุทรก็ใจชื้นขึ้นหน่อย ดูเต็มใจมากกว่าสมยอมเลยนะ.  :กอด1:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 19-02-2017 04:26:00
โธ่ คุณไฟ  :sad4:

เจ็บปวดแทน อินมากตอนนี้ นึกถึงตอนโดนอ่อย แต่จริงๆเขาไม่คิดอะไร เราคิดไปเองฝ่ายเดียวงี้  :katai1:

โกรธอะ งอนสมุทรสี่วัน  :serius2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 21-02-2017 00:21:25
คุณไฟของป้า...... สงสารอ่ะ T__T
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-02-2017 11:27:26
ตอนนี้ หน่วงมาก จนอ่านแล้วหยุด ควบคุมสติอารมณ์ก่อน
อ่านแล้วเหมือนเข้าไปอยู่ในตัวไฟ มันวูบวาบ
ตอนไฟ ตามไปนั่งรอที่ล็อบบี้ เจอสมุทรกับพลอย
มันให้อารมณ์ แบบไฟ กับพลอย ประดาบกัน แปร๊บปร๊าบ
พลอย นี่พอรู้ชัดเซ็งทันที พลอยทำไม่ถูกในความรู้สึก
ไปผับไปเองได้ แต่อยากแหย่ไฟ อ้อนขอสมุทรไปส่ง
รู้สึกรังเกียจพลอยขึ้นมากว่าเดิม
สมุทร ก็เช่นกัน ไปส่งพลอยเพื่ออะไร ทั้งไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
รู้ทั้งรู้ว่าไฟคิดอย่างไรกับตัวเอง
ไฟ กับสมุทรที่ลานจอดรถ รู้สึกอินมาก
เข้าใจอารมณ์นั้น ทั้งของไฟและสมุทร
ไฟ ที่แทบจะขาดการควบคุมตัวเอง
แล้วเอียงคอยอมความ ไปไขกุญแจรถ
ถ้าตอนนี้สมุทรปล่อยไฟ ขับรถออกไป สมุทรจะเสียไฟไปเลย
ให้ความรู้สึกว่าไฟ จะตัดสมุทรจากที่ชอบแบบคนรัก
เป็นแค่ความรู้สึกแบบเจ้านายกับลูกน้องอย่างเดียวตลอดไป
รู้สึกเหมือนๆสมุทรก็ยอมๆไฟ แต่พอฟังพี่ธานพูดกับสมุทร
เลยเหมือนพี่ธานไปยุ่งก้าวก่ายเกินไป
แต่อย่างน้อยสมุทร ก็รู้รสชาติไฟ บ้างละแม้จะไม่สุดๆก็ตาม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 21-02-2017 12:34:45
รู้สึกหน้าชาไปพร้อมๆกับคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 21-02-2017 12:49:51
อยากให้สมุทรแสดงออกอะไรบ้าง ถ้าเริ่มรู้สึกดีดีก็ควรแสดงออก ไม่ใช่มาค้างคาแบบนี้ นี้อึดอัด รู้ากหน้าชาไม่ต่างจากไฟ :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 22-02-2017 16:40:25
สงสารไฟ
 :a5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 22-02-2017 22:12:01
ตอนแรกก็เกือบจะคิดไปเองเหมือนพี่ไฟละว่าสมุทรต้องคิดอะไรบ้างล่ะวะ
พอเจอแบบนี้เข้าไป เข้าใจพี่ไฟเลยอ่ะ ฮือออ สงสาร เหมือนที่คิดไว้พังซะงั้น
พี่ไฟถอยเหอะ เหนื่อยแทน สมุทรเดายากเกินไป อาจจะมีคิดบ้าง
แต่ก็ไม่ได้ชัดเจน มันก้ำกึ่งอ่ะ แบบนี้พี่ไฟเสียเปรียบ
อยากอ่านต่อ อยากจะรู้ว่าสมุทรจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ย โฮวววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 24-02-2017 21:39:04
คิดถึงคุณไฟขา >///////<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 25-02-2017 11:44:28
 :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-02-2017 11:51:08
คิดถึงเบบี้กับไฟแล้วววววววววววว   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 28-02-2017 00:24:53
คิดถึงพี่ไฟค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fahtallll ที่ 28-02-2017 14:25:01
คิดถึงจังเลยค่ะ อยากอ่านต่อแล้ววววว ว ว
สงสารคุณไฟ  สมุทรคนบ้าๆๆๆ :z6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PWSR ที่ 28-02-2017 23:35:29
ไฟเวลาคิดเรื่องสมุทรคือนางเหมือนไปตามความรู้สึกเลยนะ มันเรียลมาก  :man1:อีกอย่างตอนที่รู้ว่าพลอยอยู่กับสมุทรคือหัวร้อน!   :katai1: มันหวง สมุทรของไฟนะ!! แต่ทำไมในความคิดเรา เราคิดว่าสมุทรเหมือนเคลียอะไรกับพลอยมากกว่า แต่ด้วยความโมโหของไฟทำให้นางคิดไปต่างๆนานา
ฉากจูบเขินมากกกกก โอ้ยคุณแม่ขาา เดี๊ยนจะแดดิ้น  :o8: สมุทรอย่างที่เบบี้บอกว่าเขาความสัมพันธ์คืบมาตั้งแต่ตอนที่ 30 ถึงตอนนี้เราเห็นพัฒนาการความรักของทั้งสองคนอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ว่ามีเรื่องงานปะปนมา เราอยากเห็นความชัดเจนของสมุทรมากกว่านี้นะแต่ว่าบรรยายแค่มุมไฟมันดูน่าค้นหากว่าจริงๆ พี่ธานช่วยนายน้อย แต่ไฟบางทีคงอาจไม่ต้องการ แต่ก็คนเราหวังดีต่อคนที่รัก เราขอคิดเข้าข้างไฟหน่อยแล้วกัน ฮ่าาาๆ ว่าคำตอบของสมุทรอาจจะเบี่ยงมาทางไฟแต่แค่นางลังเลที่จะตอบ ชอบๆๆ เนื้อหากำลังเข้มข้น รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ เรารอน้าาาาาา เบบี้สู้ๆค่ะ!!  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 01-03-2017 09:40:11
รู้สึกโกรธสมุทรเลยอ่ะ ระหว่างสมุทรกับพลอยคือไรหา  :katai1:

สงสารไฟ ความรู้สึกมันคงชาเลยอ่ะ แง โกรธสมุทรมากกว่าเดิมอีก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-03-2017 16:35:52
และระหว่างที่รอคุณไฟ เอ้ยยยย คุณเบบี้  ..  :katai4: :katai4:


สารบัญ
The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก By เบบี้

ตอนที่ 1 ..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3191425#msg3191425)  *  ตอนที่ 2..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3194285#msg3194285)  *  ตอนที่ 3..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3197425#msg3197425)  *   ตอนที่ 4..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3200014#msg3200014)  * ตอนที่ 5..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3204759#msg3204759)  *  ตอนที่ 6..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3206218#msg3206218)
ตอนที่ 7..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3211719#msg3211719)  *   ตอนที่ 8..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3218126#msg3218126)  * ตอนที่ 9..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3229211#msg3229211)  *  ตอนที่ 10..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3236447#msg3236447)  *  ตอนที่ 11..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3244757#msg3244757)
ตอนที่ 12..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3256298#msg3256298) *  ตอนที่ 13..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3261844#msg3261844)  *   ตอนที่ 14..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3264162#msg3264162)  *  ตอนที่ 15..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3277305#msg3277305)

ตอนที่ 16..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3294175#msg3294175) * ตอนที่ 17..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3319188#msg3319188) * ตอนที่ 18..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3336942#msg3336942) * ตอนที่ 19..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3342804#msg3342804) * ตอนที่ 20..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3358294#msg3358294) *  ตอนที่ 21..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3384019#msg3384019)
ตอนที่ 22..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3430725#msg3430725) * ตอนที่ 23..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3441616#msg3441616) *  ตอนที่ 24..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3444783#msg3444783) * ตอนที่ 25..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3449053#msg3449053) * ตอนที่ 26..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3453317#msg3453317)
ตอนที่ 27..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3461643#msg3461643) *  ตอนที่ 28..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3465528#msg3465528) * ตอนที่ 29..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3483523#msg3483523) * ตอนที่ 30..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3490037#msg3490037)

ตอนที่ 31..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3511079#msg3511079) *  ตอนที่ 32..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3519194#msg3519194) * ตอนที่ 33..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3524390#msg3524390) *  ตอนที่ 34..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3532033#msg3532033) *  ตอนที่ 35..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3539209#msg3539209) *  ตอนที่ 36..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3542657#msg3542657)
ตอนที่ 37..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3548292#msg3548292) * ตอนที่ 38..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3555881#msg3555881) *  ตอนที่ 39..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3568553#msg3568553) *  ตอนที่ 40..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3580283#msg3580283)

:กอด1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 01-03-2017 19:08:42
สงสารไฟมากๆค่ะ

หน้าชาไปเลยอะ ฮืออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-03-2017 22:19:17
และระหว่างที่รอคุณไฟ เอ้ยยยย คุณเบบี้  ..  :katai4: :katai4:


สารบัญ
The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก By เบบี้

ตอนที่ 1 ..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3191425#msg3191425)  *  ตอนที่ 2..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3194285#msg3194285)  *  ตอนที่ 3..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3197425#msg3197425)  *   ตอนที่ 4..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3200014#msg3200014)  * ตอนที่ 5..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3204759#msg3204759)  *  ตอนที่ 6..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3206218#msg3206218)
ตอนที่ 7..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3211719#msg3211719)  *   ตอนที่ 8..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3218126#msg3218126)  * ตอนที่ 9..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3229211#msg3229211)  *  ตอนที่ 10..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3236447#msg3236447)  *  ตอนที่ 11..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3244757#msg3244757)
ตอนที่ 12..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3256298#msg3256298) *  ตอนที่ 13..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3261844#msg3261844)  *   ตอนที่ 14..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3264162#msg3264162)  *  ตอนที่ 15..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3277305#msg3277305)

ตอนที่ 16..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3294175#msg3294175) * ตอนที่ 17..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3319188#msg3319188) * ตอนที่ 18..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3336942#msg3336942) * ตอนที่ 19..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3342804#msg3342804) * ตอนที่ 20..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3358294#msg3358294) *  ตอนที่ 21..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3384019#msg3384019)
ตอนที่ 22..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3430725#msg3430725) * ตอนที่ 23..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3441616#msg3441616) *  ตอนที่ 24..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3444783#msg3444783) * ตอนที่ 25..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3449053#msg3449053) * ตอนที่ 26..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3453317#msg3453317)
ตอนที่ 27..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3461643#msg3461643) *  ตอนที่ 28..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3465528#msg3465528) * ตอนที่ 29..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3483523#msg3483523) * ตอนที่ 30..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3490037#msg3490037)

ตอนที่ 31..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3511079#msg3511079) *  ตอนที่ 32..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3519194#msg3519194) * ตอนที่ 33..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3524390#msg3524390) *  ตอนที่ 34..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3532033#msg3532033) *  ตอนที่ 35..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3539209#msg3539209) *  ตอนที่ 36..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3542657#msg3542657)
ตอนที่ 37..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3548292#msg3548292) * ตอนที่ 38..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3555881#msg3555881) *  ตอนที่ 39..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3568553#msg3568553) *  ตอนที่ 40..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3580283#msg3580283)

:กอด1: :mew1:



ขอบคุณคุณ PP_annann มาก ๆ นะคะที่สละเวลามาทำให้ ^ - ^  :L1:

เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 02-03-2017 11:44:48
คิดถึงไฟกับเบบี้จังเลยค่ะ   :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 02-03-2017 19:55:36
และระหว่างที่รอคุณไฟ เอ้ยยยย คุณเบบี้  ..  :katai4: :katai4:

หูยยยยยย ดีงาม ขอบคุณค่ะ  o13


สารบัญ
The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก By เบบี้

ตอนที่ 1 ..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3191425#msg3191425)  *  ตอนที่ 2..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3194285#msg3194285)  *  ตอนที่ 3..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3197425#msg3197425)  *   ตอนที่ 4..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3200014#msg3200014)  * ตอนที่ 5..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3204759#msg3204759)  *  ตอนที่ 6..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3206218#msg3206218)
ตอนที่ 7..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3211719#msg3211719)  *   ตอนที่ 8..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3218126#msg3218126)  * ตอนที่ 9..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3229211#msg3229211)  *  ตอนที่ 10..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3236447#msg3236447)  *  ตอนที่ 11..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3244757#msg3244757)
ตอนที่ 12..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3256298#msg3256298) *  ตอนที่ 13..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3261844#msg3261844)  *   ตอนที่ 14..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3264162#msg3264162)  *  ตอนที่ 15..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3277305#msg3277305)

ตอนที่ 16..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3294175#msg3294175) * ตอนที่ 17..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3319188#msg3319188) * ตอนที่ 18..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3336942#msg3336942) * ตอนที่ 19..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3342804#msg3342804) * ตอนที่ 20..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3358294#msg3358294) *  ตอนที่ 21..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3384019#msg3384019)
ตอนที่ 22..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3430725#msg3430725) * ตอนที่ 23..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3441616#msg3441616) *  ตอนที่ 24..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3444783#msg3444783) * ตอนที่ 25..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3449053#msg3449053) * ตอนที่ 26..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3453317#msg3453317)
ตอนที่ 27..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3461643#msg3461643) *  ตอนที่ 28..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3465528#msg3465528) * ตอนที่ 29..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3483523#msg3483523) * ตอนที่ 30..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3490037#msg3490037)

ตอนที่ 31..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3511079#msg3511079) *  ตอนที่ 32..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3519194#msg3519194) * ตอนที่ 33..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3524390#msg3524390) *  ตอนที่ 34..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3532033#msg3532033) *  ตอนที่ 35..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3539209#msg3539209) *  ตอนที่ 36..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3542657#msg3542657)
ตอนที่ 37..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3548292#msg3548292) * ตอนที่ 38..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3555881#msg3555881) *  ตอนที่ 39..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3568553#msg3568553) *  ตอนที่ 40..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3580283#msg3580283)

:กอด1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 03-03-2017 13:38:02
 :z3:  :z6:  ไฟขาของบ่าว ฟงัจากบทสนทนาแล้ว
สมุทรเค้าเรียนรู้และเข้าใจไฟไปเยอะแล้วนะ ถึงจะมีพี่ใหญ่คอยหนุนคอยพลักก็เอาน๊า
ไม่เสียฟอร์มนะไฟขา
คิดถึงไฟ  :mew1:
คิดถึงเบบี้มากกว่า  :call: มาม๊ะๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 04-03-2017 20:34:02
น้องมารอคุณไฟที่ท่าน้ำ
 
คุณไฟของน้อง ป่านฉะนี้จะเป็นเช่นไร ~~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nang_nang ที่ 08-03-2017 12:54:01
ฮืออออ คิดถึงสมุทรกับคุณไฟแล้วค่า
นี่เข้ามาอ่านฉากจูบตอบของสมุทร แก้คิดถึงพลางๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 40 [ 16:17 น. - พฤ. 16 ก.พ 60 หน้า 51 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 08-03-2017 18:57:18
นี่เข้ามาอ่านฉากจูบตอบของสมุทร แก้คิดถึงพลางๆ

 
เราด้วย ฉากจูบสองคนนี้นี่เป็นอะไรที่กระชากใจมาก   
ในความเถื่อนมีความละมุนอยู่ อร๊ายย >//////<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 09-03-2017 13:50:18

[ พฤหัสที่ 16 ก.พ 60 ]  ตอนที่ 40  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1500


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 41
..ไฟ..




12:30 น. บ้านเลิศประสงค์

“ถึงกับต้องมาในเครื่องแบบเลยเหรอครับสารวัตร” ผมอมยิ้มแซว  ห้องทำงานของผมจำเป็นต้องต้อนรับแขกอย่างกะทันหันก่อนที่จะได้กินอาหารกลางวันเสียอีก

“หน้าไปโดนอะไรมา” พี่ทัพทัก  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่  ยังไม่ทันพ้นครึ่งวันก็ถูกถามคำถามเดียวกันจนชักเริ่มรำคาญขึ้นมา

“รึต้องแขวนคำตอบคล้องคอไว้เลยดี” ผมปรึกษากับตัวเอง

“หะ ?” อีกฝ่ายอุทาน ได้ยินไม่ถนัด

“เปล่า” ผมปัด  ผายมือเชิญให้พี่ผานั่งตามสบาย

“นี่คงไปทำปากหมาบังคับขืนใจใครมาล่ะสิ ถ้าเดาไม่ผิด” พี่ทัพส่งสายตาเจ้าเล่ห์

“หึ ขืนใจ พูดเป็นเล่น” ผมแสยะยิ้ม  เอนหลังพิงพนักโซฟา

“อั๊วบอกทางนั้นว่ามาสืบคดีที่คุณยูถูกยิง” พี่ทัพพูดขึ้น

“พุงใหญ่ขึ้นนะ เตรียมตัวเป็นเสี่ยว่างั้น” ผมตอบกลับคนละเรื่อง  ตาเหล่มองไปยังพุงเฮียแก

“สมควรละที่ปากมึงมีแผล” อีกฝ่ายกัดฟันด่าเข้าให้  พี่ผายิ้มเล็กน้อย  แม่บ้านขออนุญาตแทรกเข้ากลางวง  น้ำถูกวางเสิร์ฟจนครบก่อนที่เธอจะออกไป  พี่ธานจัดการปิดประตูห้องและสำรวจว่ามันสนิทดี  คนอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการสนทนานี้ด้วย

“ได้ข่าวว่าเมื่อคืนคุณเข้าไปใน Blackfoot มาหรือครับ” พี่ผาพูด  ผมพยักหน้า

“ลื้อจะให้อั๊วพูดของอั๊วก่อน รึลื้อจะเข้าเรื่องก่อน” พี่ทัพถาม

“เชิญพี่ก่อนเลย” ผมตอบปัด  ยกน้ำขึ้นดื่มจวนครึ่งแล้ว  สีหน้าเคร่งเครียดของพี่ทัพจึงปรากฏขึ้น

“ลื้อส่งคุณยูไปต่างประเทศ เขารู้อะไรรึเปล่า” การเอ่ยถามเป็นมากกว่าจะจับผิด  ผมไม่ตอบ  เท้าข้อศอกลงบนพนักวางแขน  มือเทินใบหน้าเพื่อหันไปมองกับคนที่คุยอยู่ด้วยได้ถนัด  พี่ทัพถอนหายใจออกทางจมูกซะดังลั่นห้องกับทีท่าของผม

“ถึงคน ๆ นั้นรู้อะไร จ้างให้เขาก็ไม่บอกพี่หรอก” ผมผลิยิ้ม

“เฮ้อ! ลื้อนี่มัน” อีกฝ่ายยิงฟัน เบือนหน้าหนีท่าทางเคืองนิดหน่อย 

“ลื้อก็พิจารณาเอาเองแล้วกัน” พี่ทัพตัดบทคล้ายประชด

“ครับ ผมได้พิจารณาเอาเองแล้ว” ผมยิ้มรับตาใส

“มีคนส่งข่าวมาทางกูว่า..อีกไม่กี่วัน ใกล้กับรีสอร์ตของเสี่ยปรีดาที่สมุทรสาครจะมีการเคลื่อนไหวสินค้า คนที่จะตรวจสินค้าคือลูกน้องคนสนิทของกาย ไอ้เอก” พี่ทัพกางกระดาษเอสี่ลงบนโต๊ะ  ปากกาสีดำถูกขีดเขียนลงเป็นรูปสถานที่อย่างคร่าว ๆ ขนาดเบ้อเริ่มเทิ่ม

“ใคร ? ใครคือคนส่งข่าวที่ว่า..” ผมถาม  พี่ทัพกับพี่ผามองหน้ากัน

“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน” พี่ผาให้คำตอบ

“หมายความไง” ผมพ่นหัวเราะ

“ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่มีคนส่งข่าวให้อั๊ว” พี่ทัพเปรย ทำให้ในห้องเงียบสงัดลง

“...แค่อั๊ว” พี่เขาขยายความแทบกระซิบ

“สองครั้งแรก อั๊วเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมในทีมก่อนบุกเข้าตรวจค้น อั๊วพลาด พวกมันไหวตัวทัน”
 
“เป็นเหตุผลว่าทำไมบอสถึงสั่งให้อั๊วหยุดมาพักผ่อน บอกว่าอั๊วหลอน คิดเองเออเอง แถมให้เบอร์จิตแพทย์มาอีก” อีกฝ่ายบ่นอิดออดติดตลกด้วยใบหน้าเอือมเต็มทน

“ฮึ!” ผมขำ

“ทีแรกพวกเราก็คิดอยู่ว่า ใครสักคนต้องการจะปั่นหัวพวกเรารึเปล่าน่ะครับ” พี่ผาบอก

“แต่ตอนนี้อั๊วไม่มีอะไรจะเสีย เลยอยากจะลองเชื่ออีกสักครั้ง แล้วก็ประจวบตรงกับข้อมูลที่อั๊วสืบอยู่ด้วย”

“ถ้าสมมุตินะครับว่าครั้งนี้เป็นเรื่องจริง” พี่ธานเอ่ย

“การที่ฝั่งนั้นรู้เรื่องแสดงว่าต้องเป็นคนใน แล้วทางนั้นต้องการอะไรกับการที่นำข่าวมาบอกให้คุณทราบ ผมหมายถึง..เฉพาะคุณ” พี่ธานจ้องหน้าพี่ทัพไม่วางตา

“นั่นน่ะสิ” คนตรงข้ามพยักหน้าสมทบกับข้อที่ควรคิด 

“ลื้อก็รู้ว่าอั๊วขยับตัวไม่ได้” พี่ทัพจ้องมองไปที่กระดาษ  คำพูดลอย ๆ คล้ายส่งตรงถึงผมโดยเฉพาะ

“ผีอำว่างั้น ?” ผมไม่เลิกกวนตีนทั้งที่รู้ดีว่าพี่แกกำลังหมายความว่าอย่างไร

“เออ!” อีกฝ่ายกระแทกเสียงอย่างสุดทน ทำเอาผมหลุดหัวเราะได้อีกครั้ง

“มึงนี่มันน่าถีบจริง ๆ”

“.........” สิ้นเสียงบ่นจากพี่ทัพ  ผมยังคงนั่งเมินเฉยท่ามกลางทุกคนที่ต่างเงียบลง  ทั้งคู่มาเพื่อจุดประสงค์ต่อผมอยู่แล้ว  ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะออกตัวเพื่อการกระทำที่ไม่ค่อยเต็มใจนี้

“พูดได้ตามสบายครับสารวัตร” ผมเสนอ

“อั๊วอยากขอให้ลื้อไปแทน” พี่ทัพมองมา  ผมนิ่ง  จับจ้องใบหน้าของพี่เขาอยู่พักใหญ่อย่างไม่มีใครคิดแทรกกลาง

“เสี่ยงตายแทนสารวัตรและผองเพื่อน ?” ปากผมขยุ้มย่นเข้าหากันติดตลก  คิ้วชนประกอบการเอ่ยอย่างจิกกัด  พวกเราต่างไม่สามารถเชื่อข่าวลอยจากสายที่ไม่รู้ตัวตนนั้นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์  หรือสุดท้ายอาจจะคว้าน้ำเหลว  ฝ่ายที่พุ่งชนเข้าไปแล้วไม่เจ็บคงเป็นผมมากกว่าพี่เขา

“ได้” ผมตอบรับ  ผมก็มีจุดประสงค์ของผมที่จะไปในครั้งนี้  จุดประสงค์ที่คนตรงหน้าไม่ทราบได้

“อั๊วจะเข้าตรวจค้นที่รีสอร์ตของเสี่ยปรีดาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อั๊วพลาดหลายครั้งแล้ว ป่านนี้พวกมันคงกำลังนั่งขำกันท้องแข็ง ไม่มีใครในทีมของอั๊วนอกจากผากับไอ้เต้รู้ว่าอั๊วส่งลื้อไปที่นั่น” พี่ทัพพูดด้วยโทนเสียงหนักแน่นเชิงสั่งการถึงเรื่องคอขาดบาดตายที่ผมควรรับมือให้พร้อม

“คนของผมจะต้องทำตามแผนของผมเท่านั้น” ผมพูดต่อ  นัยยะเชิงบอกว่าผมจะไม่ทำตามแผนของใครหน้าไหนที่นั่งอยู่ตรงนี้ 

“ได้” พี่ทัพรับปากทันทีเช่นกัน

“นี่เป็นรูปของแกนทอส ชื่อในวงการมาเฟีย” พี่ทัพยื่นซองเอกสารมาให้  ผมรับมาเปิดดู  รูปภาพของชาวต่างชาติ  ผมสีทอง คิ้วสีทอง มีลักษณะใบหน้านิ่งขรึมน่าเกรงขามและแต่งตัวดูดีภูมิฐาน

“ข้อมูลจากสายสืบต่างประเทศที่กำลังตามสืบคดีนี้อยู่ ให้ข้อมูลว่าเป็นชาวรัสเซีย ตำรวจนานาชาติรู้กันว่ามันเป็นมาเฟียรายใหญ่ สามปีให้หลังมานี้มันเริ่มวางแผนทำธุรกิจสร้างตลาดในเอเชีย เดิมที..เริ่มที่ชิคาโก โดยเริ่มจากการค้ายาก่อนเป็นอันดับแรก ส่งให้รายเล็ก ๆ จนประสบความสำเร็จมันก็เริ่มผลิตเอง ส่งต่อให้มาเฟียในพื้นที่ เส้นมันบิ๊กบึ้มยันนักการเมือง เข้านอกออกในประเทศโน้นประเทศนี้อย่างกับไม่ได้มีอาชีพผิดกฏหมาย บอดี้การ์ดมีฝีมือ แทบไม่มีใครกล้าแตะ จับตัวไม่ได้” พี่ทัพให้ข้อมูลขณะที่เรากำลังดูภาพถ่าย
 
“รวยน่าดู” ผมชมถึงเครื่องประดับและข้าวของเครื่องใช้สุดหรูที่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับ Brand High-End ทั้งสิ้น

“อั๊วยังไม่มุ่งประเด็นไปที่มันหรอกนะ ที่น่าสนใจคือมันทำธุรกิจกับใครที่ไทย”

“เส้นอุด้งที่พี่ว่า ?” ผมแสยะมุมปาก

“อืม” พี่ทัพผงกหัว

“ไม่ใช่แค่ไอ้กาย ไอ้กายยังไม่ใช่” พี่เขาพึมพำแน่ใจในคำพูดของตน  ผมเงียบ  คำบอกเล่าของยูที่พูดถึงดำริหรือทีสมิธผุดขึ้นในหัวผมเรียงลำดับเป็นฉากตอน

“ยา อาวุธ ฟอกเงิน บ่อน ผู้หญิง เด็ก อวัยวะ บ่อนคาสิโน มันกวาดเรียบหมดทุกอย่าง” พี่ทัพขยายความ

“เป็นระบบ” ผมว่า

“เป็นระบบ” พี่ทัพพยักหน้าย้ำ

“เสี่ยงจังนะ” ผมบ่นปนหัวเราะพลางช้อนตาขึ้นมอง

“ไม่แน่ เราอาจจะตายห่าก่อนแล้วพวกมันก็ทำงานกันสบายใจเฉิบก็ได้” พี่ทัพขยายความด้วยแววตาไม่มีหวังนัก  เราเว้นช่วงทิ้งความเงียบลง  ผมยัดรูปลงซองก่อนพี่ธานมารับไปเก็บ

“แล้วเรื่องที่ลื้อรู้ล่ะ” พี่ทัพถาม

“พี่รู้อะไรเกี่ยวกับโรงแรม Tsmith บ้าง” ผมย้อนกลับ

“พวกเราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเข้าตรวจค้นได้ครับ รู้แค่ว่าเป็นโรงแรมของกาย ชั้นสิบของโรงแรมมีบาร์ร้านอาหารระดับหรู คนที่เข้าใช้บริการส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะ พวกเราเข้าไม่ถึง พวกมันคัดลูกค้าอย่างกับสอบเข้า Cambridge อย่างนั้น” พี่ผาขยายความกึ่งประชด

“สายบอกว่ามันใช้ที่นั่นส่งค้าบริการด้วย มีหมดตั้งแต่เกย์ ไบ ผู้หญิง สินค้าระดับ Premium” พี่ทัพพูด

“หึ..อะไรล่ะนั่น” ผมอุทาน

“ทีเรื่องนี้ตาวาวเลยนะไอ้เวร!” พี่ทัพด่าเสียงหลง  คลายเครียดทุกคนลงได้

“นั่นมันธุรกิจแบบยั่งยืนสู่โลกอนาคตเลยนะ ฉลาดฉิบเป๋ง” ผมยิ้มชม

“เอาเป็นว่า ผมอยากรู้ว่าโรงแรมนี้ได้มายังไง เจ้าของคนเดิมคือใคร สร้างเมื่อไหร่ ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโรงแรมนี้ แล้วก็มันส่งเด็กกันยังไงด้วย ลูกค้า..ที่น่าจะมีเอี่ยวใช้บริการบ่อย” ผมพูด

“ได้..เดี๋ยวให้คนสืบมาให้”

“เงียบที่สุด” ผมดักคอ

“เงียบที่สุด” พี่ทัพย้ำคำรับทราบ

“แม้แต่ลูกน้องพันธุ์บางแก้วของเฮียก็ไม่ควรรู้” ผมเอ่ย  นิ้วชี้ไปที่ประตูห้องที่ด้านนอกซึ่งมีไอ้เต้ยืนเฝ้าคอยอยู่  พี่ผาปิดปากหัวเราะชอบใจกับคำเปรียบที่ได้ยิน

“ถ้าพี่ได้ข้อมูลตรงนี้มาให้ผมได้ ผมจะบอกว่าทำไม”

“โอเค” พี่ทัพพยักหน้า

“ส่วนเรื่องวันมะรืนอั๊วจะส่งข่าวอีกที เตรียมตัวไว้ให้พร้อมล่ะ”

“ได้ครับ” 

“ถ้าต้องลงมือ ผมไม่เกรงใจนะ” ผมบอกไว้ก่อน  พี่ทัพอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ  เราลุกขึ้นรวบรวมเอกสาร  พี่ธานเปิดประตูห้อง  ผมเดินออกมาก่อนคนแรกและก็พบกับบรรยากาศไม่น่าสบอารมณ์  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นหน้าเครียดดูฟึดฟัด  ระหว่างกลางของฝั่งลูกน้องผมและลูกน้องของพี่ทัพมีสมุทรขวางกลางอยู่  เขาชะงัก  เบี่ยงตัวไปยืนอยู่ทางฝั่งของไอ้เข้มทันทีเพื่อหลบทางเดินให้แก่ผม 


“มีอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“มันคอยแต่จะแอบฟังครับนาย” ไอ้เด่นตอบทันทีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ  ไอ้นี่มันโผงผางกว่าสมุทรและไอ้เข้มละนะ

“หึ” ผมหัวเราะ  คำตอบไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่  ไอ้เต้ฟึดฟัดสะบัดหน้าหนีความจริง

“อยากรู้อะไรล่ะ ? ฉันจะบอกให้” ผมถามและเดินตรงเข้าหา  มือเขี่ยไปที่ปลายคางของมันอย่างหยอกเอิน  เจ้าตัวปัดมือออกอย่างแรง

“ไอ้เต้!” พี่ทัพขึ้นเสียงปรามการกระทำลูกน้อง 

“หึ..แอบฟังคนอื่น ทำอย่างกับมีศักดิ์ศรี ชอบเสือกแบบนี้ ควรทำท่าไม่พอใจได้ด้วยงั้นเหรอ” ผมแสยะปากเลิกตายิ้มถามคนตรงหน้า

“ฉันก็ไม่ได้อยากฟังนักหรอก ไม่ได้อยากให้นายช่วยน่ะนะ” ไอ้ต้ข่มเสียงพร้อมยื่นใบหน้าเข้าสู้  มือขวาผมคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายกระชากมา  เสียงกระชากดังจนทำให้เจ้านายของไอ้เต้ขยับตัวตกใจตามลูกน้อง
 
“อึก!” มันขืนตัวสู้  คอเสื้อถูกรั้งไปทางด้านหลังจนลูกกระเดือกขยับลำบาก

“ถ้ามีทางเลือกอื่น ค่อยมาพูดแบบนี้กับฉัน” ผมว่า

“คนของฉันจะเคารพนาย ถ้านายเคารพกฏของเรา หุบปากซะบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันจะช่วยเอาอย่างอื่นยัดปากแทน” ผมกระซิบ

“..หรือจริง ๆ แล้วอยากโดนยัดสักที” ผมกวาดตาเจ้าเล่ห์  ยื่นหน้าเข้าประชิดจนปากจวนแนบเข้ากับปากของมัน  ไอ้เต้เงียบปากอย่างที่ต้องการ  ยืนนิ่งไม่ขยับ  เมื่อพอใจแล้วจึงปล่อยคอเสื้อออกและขยับจัดคอเสื้อให้มันอย่างเดิมจนเป็นระเบียบด้วย 

“ฝากบอกลูกน้องพี่ด้วยนะว่าผมชอบอะไรแบบนี้” ผมหันไปยิ้มกว้างให้พี่ทัพที่กำลังส่งสายตาจ้องไปทางไอ้เต้อย่างโมโห  ก่อนที่พี่แกจะถอนหายใจออกมาชุดใหญ่  ไม่รู้ว่าเอือมระอาใครกันแน่

“ส่งแขกด้วยครับ!” ผมตัดบทขึ้นกลางอากาศ  เดินหนีออกมาจากกลุ่ม  ได้ยินเสียงสมุทรพูดตามหลังว่า “เชิญครับ”  แขกระดับ Premium ของผมจึงทยอยแยกย้ายกันไป  ผมกลับมาที่ห้องนั่งเล่น  โทรทัศน์ถูกเปลี่ยนช่องไปเรื่อย  จากช่องข่าวบันเทิงที่ไร้ความหมายที่สุดสำหรับผมเวียนไปจนพบช่องสารคดีสัตว์โลก  ช่องที่พอใจทำให้รีโมทถูกวางทิ้งลงข้างกาย  เสียงทักทายระหว่างพี่ธานและพายุแว่วอยู่ด้านนอก  สงสัยพายุคงเพิ่งกลับมาจากออกไปซื้ออาหารสด


ก๊อก  ๆ  ๆ

“อะไร” ผมขานรับโดยไม่หันหน้าไปมองว่าใครเป็นคนเคาะ  ลักษณะรูปร่างที่เห็นด้วยหางตาทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร  พี่ธานตรงเข้ามายืนเงียบจังงังอยู่ข้างโซฟา  ผมจึงเงยหน้าขึ้นมอง  สายตาอีกฝ่ายเหลือบตกลงไม่สบตามากนัก  ตั้งแต่ที่พี่ทัพมาที่บ้านก็ขัดสถานการณ์ที่จะทำให้พี่ใหญ่ได้มีโอกาสอธิบายเรื่องหลังครัวต่อผม

“ผมถามว่ามีอะไร”

“ผมอยากอธิบายเรื่องที่ครัวน่ะครับ” พี่เขาตอบ  ผมยังคงเงียบเฉย  ไม่เอ่ยปากเชิญให้นั่งอย่างทุกครั้ง 

“คุณไฟกำลังเข้าใจผิดนะครับ”

“คือ.. ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ที่พวกเราพักด้วยกันที่พัทยา สมุทรเขาเข้ามาปรึกษาผมเรื่องคุณ” พี่ธานพูดเข้าประเด็น  ผมกดปิดเสียงโทรทัศน์เพื่อบอกให้อีกฝ่ายทราบว่าผมฟังอยู่

“อย่างที่คุณบอกผมว่าคุณบอกชอบเขา อีกฝ่ายเขาสับสนน่ะครับ ผมแค่แนะนำไปว่าให้เขาลองเปิดใจเชื่อคุณดู”

“ส่วนเรื่องที่คุณออกไปข้างนอกกันสองคน..”

“ครับ ผมผิดเอง” พี่ธานทิ้งน้ำเสียงเบาลง

“ผมบอกกับเขาไปว่าหากอะไรที่คุณขอนั้นไม่เกินที่เขาจะรับมือ ก็อยากให้เขาลองคิดดูน่ะครับ”

“อย่าทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองไปมากกว่านี้เพราะต้องโกรธพี่เลย ผมไม่ได้โกรธพี่สักนิด” ผมพูดตามที่รู้สึก

“........” พี่ธานก้มหน้าลง

“ผมไม่คิดว่าสมุทรจะออกไปเพราะผมพูดหรอกนะครับ” พี่ธานเงยหน้า

“แต่มันก็มีส่วนนะพี่ใหญ่” ผมตัดบท

“สั่งงานพวกนั้นให้ผมหน่อย เปลี่ยนคนตามไอ้เอกให้ไอ้เข้ม พรุ่งนี้เช้าเข้าซ้อมที่ค่าย เสร็จแล้วจะวางแผนเรื่องพี่ทัพ ผมคิดว่าวันมะรืนเราคงได้เรื่อง เย็นนี้พี่ไปเอาบัญชีที่ตลาดกับที่ห้างมาให้ผมด้วย ผมต้องการเคลียร์ให้เสร็จภายในพรุ่งนี้เช้า” ผมสั่งรวดเดียว

“ได้ครับ” พี่ธานผงกหัวรับ

“ไปเถอะ แล้วมาให้ทันข้าวเย็นน้องชายด้วยล่ะ” ผมพูดติดตลก

“ครับ” พี่ธานยิ้มรับเล็กน้อยก่อนออกจากห้องไป  ลมหายใจพ่นทิ้งทางจมูกก่อนเอนตัวพิงโซฟาอย่างเหนื่อยหน่าย  เท้าพาดขึ้นวางบนโต๊ะตรงหน้าขนาบไปกับแจกันดอกไม้  หน้าจอโทรทัศน์ฉายภาพแม่สิงโตกำลังหาอาหารให้ลูกน้อยอย่างเอาเป็นเอาตาย  ไร้ความช่วยเหลือจากตัวผู้ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 09-03-2017 13:51:17

“ขอโทษนะครับ” สมุทรทักขึ้น  เขาสวนเข้ามาหลังจากพี่ธานออกไปได้ไม่ถึงห้านาที  เจ้าตัวเข้ามาหยุดอยู่ใกล้พร้อมกับถาดอาหารที่มีถ้วยไอศกรีมวางอยู่บนนั้น

“ไอติมกะทิน่ะครับ ผม..ทำเสร็จเมื่อกี้” เขาบอก  ไอศกรีมสีขาวสะอาดตาถูกนำเสิร์ฟลงตรงหน้าข้าง ๆ กับขาที่พาดอยู่

“ขอบใจ” ผมยังคงไม่ขยับร่างกาย  คนร่วมห้องเอาแต่เงียบโดยยังไม่ออกจากห้องไปเสียที

“มีอะไรอีก” ผมเหลือบมอง

“คือ ผม”

“ถ้าจะพูดเรื่องเมื่อกี้ละก็ไม่ต้อง พี่ธานบอกหมดแล้ว” ผมอดถอนหายใจไปด้วยไม่ได้

“ขอโทษครับ” เขาพูดแทรก

“ขอโทษ ขอโทษทำไม ?” ผมย้อน  อยู่ ๆ ก็รู้สึกรำคาญที่จะคุยด้วยเหมือนมีใครเอาเล็บยาว ๆ มาสะกิดโดนแขนตอนที่กำลังอยากอยู่คนเดียว

“คิดว่ามันคือความผิดงั้นเหรอ” ผมผลิยิ้มมุมปาก  คิ้วขมวดเข้าหากัน

“นายไปเพราะคิดว่าฉันแค่เล่นสนุกไว้คลายเครียดงั้นสินะ ตามจริงนายคิดอย่างนั้น”

“สิ่งที่พี่ธานพูดก็ไม่มีอะไรเสียหาย ในฐานะลูกน้องก็ทำ ๆ ไปก่อน อะไรทำนองนั้นใช่ไหม” ผมพูดเชิงบ่นให้ฟัง  ตามองกลับไปยังจุด ๆ เดิมคือโทรทัศน์

“ใช่..ที่พัทยาฉันเป็นคนบังคับให้นายให้โอกาสฉัน ฉันผิดเอง”

“คุณไฟครับ” อีกฝ่ายเอ่ยแทรก

“คำถาม” ผมกระแทกเสียงห้วนเป็นการบอกเตือนว่าห้ามเขาพูดแทรกผมอีก

“ฉันเหมือนเล่นสนุกมากขนาดนั้นเหรอ ?” ผมจ้องคนตรงหน้าเขม็ง 

“ในขณะที่ฉันเป็นตัวฉันเอง แต่ไหงไม่เห็นรู้สึกสนุกด้วยสักนิด” ผมหัวเราะพร้อมลุกขึ้นยืน

“ผมไม่ได้ไปเพราะพี่ธานพูดซะทีเดียวหรอกนะครับ” สมุทรสวนกลับเสียงแข็ง  เราต่างจ้องกันเขม็ง

“เหรอ..? งั้นพูดมาสิ บอกฉันมาว่าถ้าไม่ใช่เพราะพี่ธานพูดซะทีเดียวแล้วมันเพราะอะไรบ้าง” ผมได้ทางต้อน  ขณะเดียวกันก็เดินปรี่เข้าหาอีกฝ่ายจนห่างกันไม่เท่าไหร่  น้ำเสียงเข้มกดต่ำเข้าไปในลำคอจนรู้สึกแน่นหน้าอก 

“คุณอย่าต้อนผมให้มากนักได้ไหม” สมุทรว่ากล่าว  น้ำเสียงเรียบประกอบใบหน้านิ่งขรึม  เสียงนี้มีความหมายคุ้นหูคล้ายกับเมื่อคืนไม่มีผิด  เป็นความนุ่มนวลที่ยังคงรักษาสัมมาคารวะแต่ขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความแน่วแน่ต่อตนเองว่าพร้อมที่จะไม่เกรงใจอย่างไร้เยื่อใย  นี่เป็นสิ่งที่เขาต่างจากคนอื่นรอบตัวผม

“ถ้าไม่ให้ต้อนแล้วฉันควรทำยังไง” ผมถามตรง ๆ     

“ทำไมพลอยพูดกับฉันแบบนั้น นายเปิดใจให้ฉันแล้วงั้นเหรอ ?” ผมยียวนด้วยโทนเสียงปกติ  สมุทรที่ยังคงยืนนิ่งกับที่มีสีหน้าลังเลเกรงว่าผมจะทำอะไร  ผมเอียงใบหน้าก้มเข้าไปใกล้จนขนาบแนบตรงกับหน้าอกของเขา  รับรู้ได้ถึงแรงของลมหายใจของเจ้าตัวได้ชัดเจน 

“ยัง.. นายยังไม่คิดที่จะเอากลอนออกเลยด้วยซ้ำ” ผมพูดแทบกระซิบ  ขยับใบหน้าเชิดปลายจมูกขึ้นจนถูกกับปลายคางของสมุทร  อีกฝ่ายเบือนหน้าหนี  ถึงอย่างนั้นเขากลับจับจ้องผมไม่ละสายตาสักเสี้ยวนาที

“ถ้าฉันแค่อยากได้นายจนตัวสั่นละก็ ฉันไม่รอให้เมื่อยหรอกสมุทร” ตามจริงแล้วผมกำลังอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ จนไม่รู้ว่าควรจะพูดคำไหนที่มันดีกว่านี้และทำให้สถานการณ์ระหว่างเรามันพอดีลงตัว

“แต่ก็ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นน่ะนะ หึ” ผมเบ้ยิ้ม ๆ  อีกฝ่ายนิ่งไปเสียแล้ว   

“นายคร..” ไอ้เด่นแทรกเข้ามากะทันหัน  มันหยุดเท้าไว้ที่หน้าประตูห้องเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี

“ออกไปซะ” ผมเอ่ยปากไล่ทุกคน  แต่กลับไม่มีใครขยับ

“ออกไป!” ผมแทบตวาด  ไอ้เด่นผงกหัวและรีบออกจากห้องไปก่อนใคร  ผมนั่งลงที่เดิมโดยไม่มองคนที่ยังยืนอยู่ในห้องอีก  การมองเขานานกว่านี้อาจยิ่งทำให้หงุดหงิดเสียเปล่า  ท่าทีอ้ำอึ้งจากสมุทรคล้ายกับมีสิ่งที่อยากพูด หนักใจ  เขาพอมีโอกาสอยู่บ้างจากการที่ผมเงียบแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทำ  เจ้าตัวออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่ได้พูดใด ๆ  ผมเหลือบมองไอศกรีมที่เริ่มละลายกลับกลายเป็นน้ำทีละนิด  อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาทำอย่างไรมันถึงได้ออกมาเป็นไอศกรีมเหมือนของร้านแบบนี้


- - - - - - - - - - - - - - -


เวลาตี 02:40 น. : สมุทรสาคร

การเฝ้าอยู่ที่สมุทรสาครวันนี้เป็นวันที่สองแล้ว  ผม พายุ พี่ธาน สมุทรและลูกน้องคนสนิทคนอื่น ๆ เดินทางมาสังเกตการณ์ล่วงหน้าเป็นไปอย่างสงบเงียบ  ไม่มีการบอกข่าวใดแม้กระทั่งกับพี่ทัพ  แม้การวางแผนระหว่างผมกับพี่เขาจะแบ่งวางหน้าที่ไว้ชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยดี  แต่ในส่วนงานของผมพี่เขาไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างที่รับปากไว้  ลูกน้องของผมคือของ ๆ ผม  ดังนั้นเราจึงเคารพตามกฏนี้มาเสมอ

การมาครั้งนี้ต่างชวนให้พวกเราฉงนมากขึ้น  เมื่ออยู่ ๆ พี่ทัพก็ได้ข่าวเพิ่มมาว่าจะมีการนัดส่งผู้หญิงในงานปาร์ตี้ที่จะจัดขึ้นที่รีสอร์ตแสนดี  ปาร์ตี้นั้นเป็นปาร์ตี้ของบริษัทส่งออกมีชื่อแห่งหนึ่งในสมุทรสาคร  เป็นที่รู้กันดีในวงการมวยว่ารีสอร์ตแสนดีแห่งนี้มีเจ้าของเป็นนักมวยมีชื่ออย่าง “แสนดี” ที่แขวนนวมลาวงการไปได้พักใหญ่  แต่เขายังคงโลดแล่นอยู่ในวงการมวยในฐานะนักวิจารณ์  ที่ไม่น่าแปลกใจสำหรับผมคือมันเป็นนักมวยเก่าของค่ายเสี่ยปรีดาและสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก  พี่ทัพวิเคราะห์ว่ารีสอร์ตแห่งนี้อาจไม่ใช่ของนายแสนดีโดยตรง  ถ้าหากเราจะคาดกันไม่ผิดคนอยู่เบื้องหลังอาจเป็นเสี่ยปรีดาก็เป็นไปได้


ที่ดินรกร้างเลียบริมแม่น้ำเป็นอีกที่หนึ่งที่ใช้เคลื่อนย้ายสินค้า  พี่ทัพแบ่งงานนี้มาให้ผมเนื่องจากสาเหตุหลายประการที่พี่เขาไม่สามารถลงมือได้ด้วยตนเอง  เพราะหากพี่เขาพลาดอีกครั้งหนึ่งอาจจะส่งผลต่อการออกจากทีมสืบคดีนี้ทั้งหมด  เราไม่สามารถปักใจในข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งจากฝั่งไหนได้  ตามเวลาในที่ ๆ ผมและพวกกำลังเฝ้าอยู่ในขณะนี้ยังไม่พบแม้แต่สิ่งมีชีวิตมาร่วมชั่วโมงแล้ว  พี่ทัพแยกทีมออกไปตรวจค้นที่รีสอร์ตแสนดี  มีการออกหมายค้นพื้นที่โดยผู้กองมาดเป็นคนรับหน้าที่  ดูเหมือนพี่ชายผมมันจะขาดประสิทธิภาพอยู่ในช่วงนี้น่ะนะ

ผมแบ่งหน้าที่ออกทั้งหมดสามทีม  ทีมที่หนึ่งคือไอ้รุ่งและไอ้หินที่อยู่ประจำที่รถยนต์เพื่อเตรียมหลบหลีกทางถนน  รถจอดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ  ห่างออกไปสิบกิโลเมตรโดยประมาณ  ทีมที่สองคือพายุและสมุทรที่อยู่ประจำ Speed Boat และชายฝั่ง  เราจำเป็นต้องใช้ Speed Boat ในการเคลื่อนหนีอย่างเร็วที่สุด  ทีมสุดท้ายคือผม พี่ธาน ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่แยกตัวอยู่คนละทิศตั้งแต่ทิศเหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตก  ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบชัดเจน  พี่ธานและไอ้เข้มรับหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์เพื่อยิงเป้าระยะไกล  ผมและไอ้เด่นเตรียมบุกระยะประชิดหากมีเหตุฉุกเฉิน  ข้อมูลที่พวกเราได้รับมานั้นบอกเวลาชัดเจนว่าจะเริ่มงานในเวลาตีสาม  พี่ทัพจะเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุในทันทีหากทางผมยืนยันแน่นอนว่ามีการเคลื่อนไหวการส่งของจริง  จนถึง ณ เวลานี้แล้วผมยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากพี่แกสักสายเดียว  ส่วนตัวเองยังอดทนรอได้  ไม่คิดที่จะโทรไปจนกว่าจะจวนเวลานัดหมาย

“It’s doesn’t matter, what you create~ If you have no fun.” ผมฮึมฮัมร้องเพลงฆ่าเวลาใส่วิทยุ  เสียงทุ้มใช้เพียงในลำคอ  ความเงียบสงัดรอบตัวทำให้ได้ยินเสียงตัวเองชัดหูทีเดียว  รอบทิศมืดสนิท  แม้แต่แสงจันทร์คืนนี้ก็ไม่เป็นใจ  พื้นที่เต็มไปด้วยป่าหญ้าและต้นไม้ขนาดใหญ่เหมาะแก่การพรางตัว

“Pretty girl, put down your pen. Come over here, I’ll show you how it’s done.”

“เพราะไหม ?” ผมถามเพื่อนร่วมงานที่อยู่กันคนละทิศทาง

“หึ..” เสียงพี่ธานหัวเราะในลำคอตอบกลับมา  ไร้คำตอบจากลูกน้องผมแม้สักคน  ไอ้เราก็อุตส่าห์เอ็นเตอร์เทนกะว่าให้ผ่อนคลายลงเสียหน่อย  ถึงอย่างนั้นผมกลับหยุดตัวเองให้ร้องต่อไม่ได้  ทำนองยังวนในหัว จึงฮัมเนื้อเพลงโปรดนี้ต่ออย่างไม่ค่อยตั้งใจไปเรื่อย ๆ “I can dance. I can drink~”

“In the dark, it’s all a …trick.” ผมทิ้งเสียงเบาลงทันทีที่กล้องส่องทางไกลจับเห็นความเคลื่อนไหวระยะไกล  แสงไฟสาดส่องมาใกล้บริเวณ   

“แจ็คพอตแฮะคุณสารวัตร” ผมแสยะปาก  รถยนต์บิ๊กอัพหลายคันขับเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ  ไม่รีบร้อน  รถยี่ห้อดังทำให้เสียงเครื่องยนต์เงียบเบาหูเป็นอย่างยิ่ง   

“เหมือนดวงกูจะมีไว้เพื่อหย่อนเชื้อ” ผมพ่นลมหายใจบ่นกับตัวเอง

หญ้าที่อยู่อย่างนิ่งสงบมาร่วมชั่วโมงเริ่มขยับพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่ถูกบุกรุก  เสียงซอกแซกจากการถูกกดทับของล้อรถได้ยินถนัดหูขึ้นเนือง ๆ  นาฬิกาข้อมือบอกเวลาตีสองสี่สิบเจ็ดนาที  ผมแกะเปลือกลูกอมเม็ดที่สองซึ่งเป็นเม็ดสุดท้ายสำหรับวันนี้เข้าปากดับกระหาย  ลูกอมทำจากผลไม้ในฤดูร้อนของญี่ปุ่นซึ่งขโมยมาจากห้องนอนของไอ้ดิน  ดูเหมือนจะมีสาวเอามาให้มัน  รสชาติไม่ได้โดดเด่นจนทำให้หลงรัก  ผมคงหัวโบราณไปหน่อยเพราะยังคงติดใจรสมะขามไทยบ้าน ๆ มากกว่า  รถตู้สองคันจอดเทียบไล่เลี่ยกับรถกระบะสามคันที่มาด้วยกัน  พวกมันทยอยลงจากรถทีละคนพร้อมอาวุธครบมือ  ให้หลังไม่ถึงสองนาทีก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับนำเข้ามาพร้อมกับรถตู้ตามหลังอีกหนึ่งคัน  แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปทั่วบริเวณจนสังเกตเห็นหน้าตาของบางคนได้ถนัด  รถสองคันดังกล่าวหยุดจอดเทียบข้างคนที่มาถึงก่อน 

“ทิศใต้สามคน เปลี่ยน” ผมส่งสาร

“ทิศเหนือหกคน เปลี่ยน” พี่ธานสวนกลับ

“ทิศตะวันตกสองคน เปลี่ยน” ไอ้เข้มพูด

“ทิศตะวันออก..สี่คน หน้าสอง หลังสอง เปลี่ยน” ไอ้เด่นรายงาน  ผมตรวจสอบโทรศัพท์มือถืออีกครั้งว่าปิดทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่ก่อนที่จะกดโทรออกหาพี่ทัพ  ปลายสายกดรับแทบจะทันทีอย่างกับอยู่หน้าจอรออยู่แล้วอย่างนั้น

“พวกมันถึงแล้ว มาก่อนเวลา” ผมรายงาน  ปลายเสียงเงียบไปครู่ผิดปกติ

“พี่กำลังทำงานอยู่” พี่ทัพกระซิบกระซาบ  เปลี่ยนการใช้สรรพนามชัดเจนสื่อให้ผมรู้ถึงความพิกล

“กูคงโดนเล่นเขาให้แล้ว..” อีกฝ่ายบอก  เสียงรอบตัวของพี่เขาเริ่มชุลมุนขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่ต้องมาแล้ว ผมจะออก” ผมตัดบท  ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเงียบไป 

“รอหน่อย เดี๋ยวส่งทีมเข้าไป แล้วเดี๋ยวโทรกลับ” ปลายสายตัดบททันทีเช่นกัน  ใครสักคนเรียกชื่อพี่ทัพก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร  สายที่ตัดห้วนคล้ายกับว่าให้ผมจัดการเรื่องไปก่อน

“รอหน่อย สั่งกูเหรอวะ”

"รอหน่อย ‘ครับ’ สิ” ผมจิปากเซ็ง ๆ  ขณะเดียวกันนั้นคนสำคัญที่สุดสำหรับผมในคืนนี้ก็ปรากฏตัวออกมาจากรถเป็นคนสุดท้าย “ไอ้เอก” กรามเหลี่ยมหักมุมของมันสะท้อนเห็นรูปหน้าชัดเจนว่าเป็นคนเดียวกันไม่ผิดแน่  ภาพตรงหน้าไม่น่าแปลกใจเท่ากับคนที่ลงจากรถอีกคันหนึ่ง “ไอ้แสนดี” 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 09-03-2017 13:51:50

เปลือกลูกอมถูกยัดเก็บใส่กระเป๋ากางเกง  ของสำคัญนำลงกระเป๋าเป้ขนาดพกพาที่สะพายติดตัวมาด้วยเรียบร้อยแล้ว  เสียงร้องแปลกหูดังลอดออกมาจากบ้านกลางป่าที่ถูกโบกปูนไว้หนาทึบ  ไม่มีแม้แต่หน้าต่าง  ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียวยังเป็นเพียงบ้านเปล่าโง่ ๆ หลังหนึ่งเท่านั้น  ถึงอย่างนั้นมันก็แปลกอยู่ดีที่มีสิ่งนี้อยู่กลางป่าแบบนี้  ผมเพ่งมองไปยังไอ้เอกและไอ้แสนดีที่กำลังพูดคุยเพียงสองคน  ลูกน้องของพวกมันทิ้งระยะห่าง  ธุรกิจเริ่มเจรจาเมื่อไอ้เอกพยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนเข้าไปตรวจสินค้าในบ้านหลังดังกล่าว  กระเป๋าสีดำสองใบขนาดกลางถูกถือไว้โดยคนของฝั่งไอ้เอกสองคนและคนคุ้มกันอีกสองคน   

“เรียบร้อยครับ ทุกอย่างครบตามจำนวน” คนของมันรายงาน  ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงอ่านความหมายออกได้ไม่ยาก  รถตู้ฝั่งของไอ้แสนดีถูกเปิดออก  ไอ้เอกเดินตรงไปหยุดอยู่ที่ประตู  ลูกน้องของมันชูไฟฉายขึ้นนำทางส่องเข้าไปในตัวรถ  เสียงผู้หญิงร้องอู้อี้ประท้วงแต่คนมองกลับอมยิ้มชอบใจพลางปัดมือสั่งให้ปิดประตู  ไอ้เอกหันกลับไปพยักหน้าให้ลูกน้องของมันที่ยืนอยู่หน้าประตูรถตู้คันของมัน  ประตูรถถูกเปิดออกตามที่สั่ง  ผู้หญิงเดินลงมาจากรถยืนเรียงตัวเป็นรายบุคคลอย่างสมัครใจ  ไอ้แสนดีประชิดเข้าใกล้พวกเธออย่างพิจารณา  การลงมาเป็นไปอย่างไม่มีการฝืนใจ  อีกทั้งการแต่งตัวของพวกเธอก็จัดว่าดีในระดับหนึ่ง  ทีท่าตรงกันข้ามจากกรณีของผู้หญิงที่อยู่ในรถคันของไอ้แสนดี  ปลายกระบอกปืนที่ไอ้แสนดีถืออยู่นำเกลี่ยไปตามท้องน้อยของพวกเธออย่างหยอกเอิน ใจเย็น  แต่นั่นกลับทำให้สีหน้าของพวกเธอเริ่มเปลี่ยนไป


ดูเหมือนสิ่งที่พี่ทัพคาดการณ์ไว้จะใกล้เคียงแต่ก็ถูกไม่หมดเสียทีเดียว  ขณะปรับเลนส์กล้อง  หางตาสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปกติมุมทางทิศตะวันออก  ผมจึงเบี่ยงความสนใจไปยังจุดดังกล่าว  กล้องปรับซูมใกล้มากขึ้นและสิ่งที่พบตรงหน้าทำให้ผมต้องเพ่งมองซ้ำ ๆ ให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ตาฝาดไป  นั่นมัน “ไอ้บูรณ์” ไม่ผิดแน่  มันทำลับ ๆ ล่อ ๆ แอบมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ไกล ๆ  ผู้หญิงกลุ่มดังกล่าวเริ่มทยอยกลับขึ้นรถไปอีกครั้ง  เข็มนาฬิกาชี้ตรงเวลาตามที่สายข่าวของพี่ทัพได้บอกพวกเรามา  ผมเปิดหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งหนึ่งเพื่อรอการติดต่อกลับ  ถึงอย่างนั้นสัญชาตญาณก็รับรู้ได้ว่าจะไม่มีการติดต่อมา  เมื่อสถานการณ์ไม่ตรงไปตามแผนที่พวกเราวางไว้ก่อนหน้าและเพื่อจะไม่ให้มันผิดแผนสุดโต่ง  ผมจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายโทรไปหาแทน  ครั้งนี้ปลายสายกลับเงียบสนิท..

“ไอ้พี่เวร” ผมสบถ

“เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว สั่งการด้วยครับ” พี่ธานพูดขึ้น  ผมนิ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ครู่ก่อนจะทำการใด

“เตรียมพร้อม” ผมตัดสินใจสั่งออกไป  นอกเหนือจากมาเฝ้างานให้พี่ทัพในครั้งนี้แล้ว  วันนี้ผมมีเป้าหมายพิเศษของผม  อย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้ผมต้องการพบหน้า “คุณเอก” อย่างจับเข่าคุยสักครั้งหนึ่ง

“เราจำเป็นต้องถ่วงเวลา เตรียมปล่อยตัวประกัน ทีมดีเข้าประชิด เตรียมคุ้มกันด้วย”

“รับทราบ เปลี่ยน” ไอ้เด่นขานรับคำสั่ง  ผมยังคงไม่ให้สัญญาณกับพี่ธานที่เป็นมือหลัก  หากผมเดาไม่ผิด รถตู้คันของไอ้เอกและรถตู้คันของไอ้แสนดีจะถูกนำสลับเปลี่ยนไปโดยเจ้าของคนใหม่เป็นแน่  หากมันเคลื่อนย้ายคนในบ้านหลังนั้นจนหมด  ทุกอย่างจะใช้เวลาเสร็จสรรพเพียงไม่กี่นาที

“มีเรือเข้าเทียมแล้ว ย้ำ..มีเรือเข้าเทียบแล้วครับ” สมุทรพูดแทรกเข้ามา  มันทำให้ผมอมยิ้ม  กระทั่งเวลาอย่างนี้เขาก็ยังไม่ลืมคำว่า “ครับ”  กูนี่ท่าจะเพี้ยนไปใหญ่  เคืองเขาอยู่แท้ ๆ แต่กลับอยากได้ยินเสียงซะอย่างนั้น  ลึก ๆ แล้วผมปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า สถานการณ์แบบนี้ขอแค่ให้ได้ยินเสียงก็พอละมัง

“.........” อยู่ ๆ ลูกน้องของไอ้เอกก็วิ่งเข้าขัดระหว่างบทสนทนาของพวกมัน  การกระซิบกระซาบทำให้ผมมองปากพวกมันไม่ถนัด  อ่านไม่ออก  ลูกน้องคนดังกล่าวได้วิ่งกลับเข้าไปในเส้นทางเดิมทางทิศเหนือ   

“ทีมเอ..” ผมเอ่ยถึงพี่ธาน

“เตรียมยิง ขอแค่หูก็พอนะครับ”

“ครับ แค่หู” เจ้าตัวทวนคำสั่ง

“It’s showtime.” ผมพ่นลมออก ปากขยับจู๋  มันคงน่าเกลียดไม่น้อย

“ล็อกเป้าหมาย รอคำสั่ง พร้อมยิง..เปลี่ยน” พี่ธานพูดบอก  น้ำเสียงนุ่มทุ้มเต็มไปด้วยความเด็ดขาด  คาดเดาอย่างไม่ผิดพลาดแน่ว่าพี่ใหญ่คงกำลังอมยิ้มอยู่ด้วยเป็นแน่ 

กระบอกลดเสียงที่เตรียมไว้แต่แรกถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต  จมูกสูดดมกลิ่นไปตามลำปืนอย่างไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานาน  แม็กกาซีนถูกตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนเสียบกระบอกลดเสียงเข้าต่อกับปากกระบอก  ทันทีนั้นความเงียบสงบอย่างผิดแปลกก็เริ่มบรรเลงขึ้น  การ์ดที่หน้าประตูบ้านหลังดังกล่าวสองคนยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างกับหมาที่รอเพียงคำสั่งจากเจ้านายเท่านั้น  ความเงียบสงบทำให้ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของผิวน้ำได้ถนัดหู  แม้กระทั่งผมและคนของผมทุกคนต่างก็หุบปากสนิท  ความรู้สึกเป็นหนึ่งพุ่งไปยังจุด ๆ เดียวกันตรงหน้า  กระเป๋าถือสีดำขนาดกลางที่ลูกน้องของไอ้เอกถืออยู่ทำท่าจะเปลี่ยนเจ้าของเร็ว ๆ นี้

“ยิง!” ผมลั่นคำ


เพี้ยว !!!!!!    .. กระสุนที่ปล่อยออกทันทีที่ได้รับคำสั่งไม่ทันตั้งตัวเป็นการยืนยันว่าคนลั่นไกมีสมาธิหนักแน่นแค่ไหน  วิถีกระสุนผ่านไปในความมืดด้วยความเร็วสูง  ลิ้นนำแลบออกมากัดด้วยนึกหมันเขี้ยวกับภาพที่เห็น  สไนเปอร์แบบที่ไม่พบกับตามานาน  กระสุนเฉียดเป้าหมายไปเพียงเสี้ยววินาที  มันคือความจงใจของการรักษาคำสั่ง

“เซ็กซี่จังนะพี่ใหญ่ เอาซะมีอารมณ์เลย” ผมชมกระเส่า  ไอ้แสนดีถลึงตาโต  มันยังคงไม่ได้สติว่ามีอะไรเกิดขึ้น  มือของมันขยับขึ้นแตะที่หูของตนอย่างระมัดระวัง “หูกู!!!”  เสียงกรีดร้องระงมไปทั่วทุกทิศ  เหมือนหูมันจะหายไปทั้งดุ้น  ทันทีที่เกิดความวุ่นวายปืนก็ยิงขึ้นอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่  ไอ้เด่นใช้โอกาสนี้กระโดดจากต้นไม้เพื่อไปสะสางหน้าที่ของตน

“เป็นเหี้ยอะไรวะ!” ไอ้เอกตะคอกไอ้แสนดีเมื่อตนถูกเล่งปืนใส่  มันทั้งคู่ต่างจ่อปืนใส่กันและกัน

“มึงจะหักหลังเสี่ยเหรอวะ!” ไอ้แสนดีต่อว่า

“ไปเอาเงินมา! ไปเอามา!!” ไอ้เอกทุบหลังคนของมันหลายทีเป็นการกระตุ้น  กระเป๋าเงินหนึ่งใบตกอยู่ท่ามกลางระหว่างมันทั้งคู่  พี่ธานยังคงทำหน้าที่ปั่นหัวให้พวกมันต่อสู้กันเอง  การ์ดสองคนยิงสวนกลับให้มั่วไปมาในความมืด  พวกมันตื่นตระหนกและบางครั้งก็ยิงกันเอง  ผมส่องดูไอ้เด่นในขณะเดียวกัน  มันวิ่งใกล้จะถึงจุดหมายเต็มทีแล้วและผมต้องรีบเคลียร์พื้นที่ให้ก่อนที่มันจะไปถึง  ยิ่งเสียงปืนดังเท่าไหร่  เสียงกรีดร้องของคนในบ้านก็ดังขึ้นเท่านั้น  มันชัดเจนจนไม่ต้องเดาว่าเป็นอะไร  ผมเล็งปืนไปที่เป้าหมาย  สองนัดแบ่งให้คนที่เฝ้าหน้าอยู่ประตูคนละนัดจนแน่นิ่งลง 

“ประตูเคลียร์” ผมบอก

“รับทราบ” ไอ้เด่นขานรับ  เสียงปืนที่แทรกรบกวนทำให้พวกเราได้ยินกันไม่ถนัดนัก  ผู้หญิงที่อยู่ในรถตู้ของไอ้แสนดีพยายามที่จะทยอยหนีออกจากรถ  พวกเธอช่วยกันต่อสู้ยิ่งก่อความชุลมุนขึ้นกว่าเดิมและดูเหมือนนั่นจะเป็นการกระทำที่ทำให้พวกมันไม่พอใจสักเท่าไหร่  จึงทำให้มีการเชือดไก่ให้ลิงดูเกิดขึ้น  ศพแรกนอนล้มลง  เป็นผู้หญิงผมยาวถูกมัดทั้งมือและเท้า  เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวโหยหวนไม่เพราะหู

“ใครหนีต้องตายเหมือนอีนี่!”  

“มีเด็ก มีเด็กอยู่ด้วย! ปล่อยไหมครับ!” ไอ้เด่นส่งเสียงตะโกนบอกสู้กับเสียงปืน  ผมชะงัก  หันขวับกลับไปมองมันที่นอนราบกับพื้นหน้าประตูบ้านเพื่อรอคำสั่ง

“อย่ายิงสินค้า ไอ้ควายเอ๊ย!” ไอ้เอกตะโกนหน้าเสีย  มันร้อนรนเป็นหนูติดจั่นทีเดียว   

“ทีมซี เตรียมยิงคุ้มกันเด็กด้วย” ผมพูด

“รับทราบ” ไอ้เข้มที่อยู่เฝ้ายิงระยะไกลขานรับ

“ปล่อยเลย” ผมสั่ง  มือดึงผ้าปิดหน้าที่เทินอยู่บนปลายจมูกลงปิดใบหน้าจนมิด  เมื่อไอ้เด่นได้รับคำสั่งเช่นนั้น  ประตูที่ถูกล็อคไว้แน่นหนาก็ถูกถล่มควันตลบ  เด็กและผู้หญิงวิ่งออกมาเป็นพรวนอย่างกับผึ้งแตกรัง  นั่นยิ่งทำให้การยิงเพื่อขู่จากไอ้เอกเป็นไปอย่างร้อนรน  ผู้หญิงกึ่งวิ่งกึ่งงอตัวหลบหลีกออกมาตามสัญชาตญาณ  บางคนได้รับปาดเจ็บ  บางคนถูกจับเป็นตัวประกันต่อ  “ดูอีนี่ไว้!” ชายหนึ่งในนั้นกระชากหัวผู้หญิงไปอย่างแรง  ตะโกนบอกด้วยท่าทางองอาจ  ปืนจ่อศีรษะของเธอที่ร้องไห้จนดูเปรอะเปื้อน  ไม่ทันให้มันได้นำเสนอผลงานต่อหน้าทุกคนตามที่ปากว่า  กระสุนจากไอ้เข้มก็เจาะเข้ากลางกระบาลอย่างกับหยิบไปเสียบไว้ให้กับมือ  ไอ้เอกถลึงตาโตกับสิ่งที่เห็น  มือสั่นเมื่อได้รับโทรศัพท์  ทันทีที่มันวางสายสีหน้ามันก็ฮึดฮัดเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวโกรธแสดงให้เห็น

“แม่งเอ๊ย! มีสายในนี้! ไปจับมันมาให้ได้!!” ไอ้เอกตะคอกสั่งดังลั่น

“.........” ผมยังคงนั่งอยู่บนต้นไม้ที่เดิม  รู้อยู่หรอกว่ามันต้องรู้  โทรศัพท์สั่นเตือน  ได้รับข้อความจากพี่ทัพว่า “กำลังไป” สั้น ๆ เท่านี้  พอได้สตินึกขึ้นได้ผมจึงหันกล้องไปยังจุดเดิมทางทิศตะวันออกอีกครั้ง  ไอ้บูรณ์หายตัวไปแล้ว

“เตรียมเคลื่อนย้ายภายในห้านาที ย้ำ..เตรียมเคลื่อนย้ายภายในห้านาที รับทราบด้วย” ผมสั่งงานเป็นครั้งสุดท้าย  สิ้นเสียงที่ทุกฝ่ายรับคำสั่งจึงรีบจ้ำฝีเท้าไปยั่งฝั่งที่ไอ้บูรณ์ได้หลบซ่อนอยู่ก่อนหน้า  หลังใครสักคนไว ๆ กลางพุ่มไม้  ผมคาดว่ามันวิ่งออกมาไม่ได้นานนัก  ทีท่าเหมือนจะหนีไปให้ไกลแต่กลับลังเลที่จะอยู่ต่อ  ผู้หญิงสองสามคนที่วิ่งหนีผ่านไปอีกฝั่งถนนหนึ่งทำให้ไอ้บูรณ์ชะงักชะเง้อมองตามพวกเธอ  เสียงปืนดังขึ้นติด ๆ กันหลายนัดทำให้ผู้หญิงพวกนั้นสะดุดล้มลง  ไอ้บูรณ์ก็หมอบหลบลงเช่นกัน

“ไอ้เปรตกำลังไปทางทิศตะวันตก ย้ำ..ระวังตัวด้วย มีไอ้เปรตกำลังไปทางทิศตะวันตก เปลี่ยน” เสียงพี่ธานลอดเตือนเข้ามา  สรรพนามการเรียกของพี่ใหญ่ที่ดูเหมือนลูกน้องคนอื่นของผมคงจะไม่กล้าใช้ตาม  ทางทิศดังกล่าวอาจจะเป็นไปได้ที่จะทำให้พวกมันพบกับพายุหรือสมุทร  ผมจึงตามไอ้บูรณ์ต่อไปไม่ได้  ผมรีบขานรับพร้อมเปลี่ยนทิศทางหน้าที่  เสียงรถตำรวจได้ยินแว่วไกลห่างออกไปหลายสิบกิโล  นั่นยิ่งทำให้พวกมันแตกฮือ  เสียงคนต่อสู้ดังมาจากทางฝั่งของแม่น้ำทางทิศที่สมุทรควรอยู่  ซึ่งจะเป็นทางที่พวกเราจะใช้ในการหลบหนี  ผมจึงรีบจ้ำเท้าไปในทันที



ปัง!!!   

เสียงปืนที่ลั่นไกดึงความสนใจให้หยุดชะงัก  กระบอกปืนกระเด็นผ่านหน้าผมห่างไม่เท่าไหร่  มันถูกเตะออกจากเป้าหมายที่หลบเลี่ยงได้ทัน  สมุทรต่อสู้กับคนของพวกไอ้เอก  ชายร่างสูงใหญ่พอกัน  การสู้เป็นไปอย่างดุเดือด  ฝ่ายหนึ่งเพื่อเอาชีวิตรอด  อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจับเป้าหมายส่งให้นายของตนให้ได้  ไม่รู้ว่าอุบัติเหตุอีท่าไหนเขาถึงถูกถอดหมวกไอ้โม่งออกซะแล้ว  ผมยืนมองเว้นระยะรักษาความเงียบเอาไว้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น  คำพูดของพี่ธานวนเข้ามาในหัว “คุณจะให้เขาเข้ามารับรู้งานนี้จริง ๆ เหรอครับ ผมว่าเขารับไม่ไหวหรอก”  สติถูกตัดฉับจากการถีบเต็มกำลังของสมุทรที่ทำให้คู่ต่อสู้กระเด็นไปไกลหลายเมตร  หลังกระแทกกับต้นไม้เสียงดังลั่น  สมุทรไม่ปล่อยให้เสียเปล่า  เขาเดินจ้ำเข้าซ้ำทันที

.. เจ้าตัวไม่ยอมใช้ปืน  ผมทราบดีอยู่แล้วว่าเขาจะไม่มีทางใช้มัน  ก่อนที่จะเริ่มงานผมจึงไม่เคยคิดเอ่ยปากพูดซ้ำเรื่องนี้  ไม่ถามว่าต้องการไหม เพราะมันน่าเบื่อออก  ถ้าในเมื่อเขาเคยปฏิเสธแสดงว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเผชิญเรื่องแบบนี้

“ฮื่อ~ ชะ ..ช่วยด้วย!” เสียงเด็กร้องขอวิ่งสะเปะสะปะมาทางผม  ผมหันไปมองพร้อมปรี่เข้าหาเด็กผู้ชายสองคนที่วิ่งมาทั้งน้ำตา  ออกแรงคว้าเอวทั้งคู่สะกัดไว้ไม่ให้เข้าไปในวงต่อสู้ก่อนอุ้มพาวิ่งลัดไปอีกทาง 

“อย่า อือ” ทั้งคู่ร้องดิ้นด้วยความหวาดกลัว

“หุบปาก” ผมว่า  ป่าที่มืดมิดทำให้เห็นแสงไฟหน้ารถของพวกไอ้เอกเลืองราง  พุ่มไม้สูงกว่าความสูงของเด็กทั้งสองจึงทำให้พ้นสายตาที่ใครจะสังเกตเห็นได้

“หลบอยู่นี่” ผมวางทั้งคู่ลงบนพื้นพร้อมกดหัวมันแนบต่ำลงไปอย่างแรง  ทั้งสองมองผมกะหลับกะเหลือก  หน้าเปื้อนมอมแมม เนื้อตัวสั่นเทิ้ม

“อย่าไป หนู อึ..กลัว~” หนึ่งในนั้นคว้าแขนผมไว้

“..อยู่ตรงนี้” ผมพูดพร้อมจับมือมันออก  ส่งสายตาเขม็งว่าผมไม่สามารถทำตามที่มันขอได้  ขาก้าวกลับไปยังจุด ๆ เดิม  สมุทรจวนจะจัดการทุกอย่างได้แล้วถ้าหนึ่งในนั้นไม่มีโอกาสเอาปืนจ่อหัวเขาในขณะนี้

“หึ! กูนึกว่าจะแน่” ฝั่งหนึ่งแสยะยิ้ม  คนถูกปืนจ่อยังคงสงบอยู่อย่างนั้น

“ถ้ามึงไม่มีปืน คนอย่างมึงก็ไม่มีเหี้ยอะไรเลย” สมุทรตอกกลับ  น้ำเสียงเรียบเฉยของเขากลับส่อเสียดบาดลึกถูกใจจนผมแทบจะพ่นหัวเราะออกมา  คนที่ถือปืนอยู่ถึงกับย้อนไม่เป็น

“ดูเหมือน ที่นี่จะมีหนูป้วนเปี้ยนเต็มไปหมด” น้ำเสียงเย้ยหยันที่แทรกเข้ามาทำให้ทุกคนหยุดชะงัก  สมุทรหันขวับมาทางเสียงที่อยู่ทางผม  ตาของเขาเบิกตกใจ  ใครสักคนหยุดอยู่ด้านข้างผมในตอนนี้คงกำลังเอาปืนจ่อหัวผมอยู่ไม่ต่างจากเขา  เราพลางสบตากัน  แม้จะมืดสนิทแต่กลับเห็นดวงตาของเขาชัดเจน  ผมเผยอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกคนตรงหน้าว่าไม่เป็นไร  ทำอย่างนั้นทั้งที่ก็รู้ว่าหมวกไอ้โม่งปิดปากไว้มิดชิด 

“นั่นหนูสกปรกตัวแรก..” กระบอกปืนชี้ไปทางสมุทรที่ไม่ได้สวมสิ่งใดปกปิดใบหน้า 

“แล้วนี่ ก็คงเป็นหนูสกปรกตัวที่สอง หึ ๆ ๆ” มันหันปืนกลับมาที่ผมอย่างเก่า

“ไหน.. ขอกูดูหน้าหนูสกปรกหน่อยซิ” อีกฝ่ายพูด  ผมเหสายตามองกลับไปยังคนที่เอ่ยปากขอ

“...ให้” ผมออกปากอนุญาต  ไอ้เอกนิ่งไปครู่  ดวงตาเพ่งมองมาที่ผมคล้ายแปลกใจ ..ลังเล
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 09-03-2017 13:52:35

ผมยืนนิ่งรอให้มันมาจัดการถอดสิ่งที่ควรถอด  อีกฝ่ายกำลังสำรวจบางสิ่งบางอย่างบนใบหน้าที่ถูกปกปิด  แม้เสี้ยววินาทีก็ไม่ควรเผลอ  ข้อมือของมันถูกล็อคกะทันหัน  กระบอกปืนร่วงหล่นลงพื้นด้วยความไว  เสียงสบถด้วยความไม่พอใจจากฝั่งตรงข้ามดังพร้อมกับเสียงถีบยอดอกจากผม  ไอ้เอกกระเด็นไกลออกไปหลายเมตร  สันกรามบดขยี้อยู่ในปากแน่นพร้อมกับเลือดลมที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย  กระเป๋าเป้ที่สะพายหลังปลดออกอย่างรำคาญ  ปืนสั้นถูกทิ้งลงบนนั้นเช่นกัน  เมื่อคนตรงหน้าเห็นว่าผมโยนทุกอย่างลงพื้นอย่างไม่ไยดี  มันก็แสยะยิ้มด้วยใบหน้าพอใจทำอย่างกับว่านี่คือโอกาสแล้ว  เราต่างพุ่งเข้าหากันปลดปล่อยสิ่งที่ตนเองมี  มือขวาตั้งฉากสับเข้าที่ต้นคอของไอ้เอกเพื่อตัดกำลัง  กำลังแรงมากจนเจ้าตัวขาอ่อนทรุดลง

“เฮือก!” คนตรงหน้ากัดฟันคำรามด้วยสายตาเคียดแค้น  ผมกระชากหัวมันขึ้นเพื่อให้มันเงยหน้ามองมาที่ผมได้ถนัด  รองเท้าหนังสำหรับเดินป่าพื้นหนามาตรฐานสั่งทำจากร้านดังในเทนเนสซีบดขยี้ลงที่น่องของไอ้เอกจนเสียงดัง “กรอบ แกรบ~”  ไม่รู้ว่าเสียงร้องของมันหรือเสียงกระดูกดังกว่ากันกันแน่

“อยากดูหน้า ‘หนู’ ไม่ใช่เหรอ” ผมถาม

“เอาเลย...” ผมท้าทาย  ปล่อยมือออกจากศีรษะของมันให้เป็นอิสระ  ไอ้เอกพยายามรวบรวมกำลังที่มีลุกขึ้นฮึดสู้อีกครั้ง  ขาของมันไม่สมประกอบแล้ว  ในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีมันกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากปล่อยให้หน้าตัวเองมีแต่เลือดเต็มคราบ  ในทุก ๆ ครั้งที่มันลุกมันจะถูกซัด 

“ตำรวจมา!” ใครสักคนตะโกนส่งข่าว  ผู้คนแตกตื่น  ไอ้เอกเหลอหลาหาทางออก 

“พี่! หนีเร็ว!” อีกเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นดังลั่นมาทางด้านหลังของไอ้เอก  ผมหันไปมองตาม ทันทีนั้นปืนจากคนแปลกหน้าก็จ่อเล็งมาทางผมเป็นเป้าหมายแรกเพื่อช่วยคนของตน  สมุทรเตะข้อมือของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา  กระบอกปืนกระเด็นสู่พื้น  การต่อสู้ชุลมุนอีกครั้ง  คนที่เฝ้าเล็งอยู่จึงเบี่ยงเป้าหมายไปเป็นสมุทรแทน  ผมถีบไอ้เอกจนมันเสียท่าล้มลงแล้ววิ่งพุ่งตรงเข้าหาสมุทรที่กำลังจะก้มลงคว้าปืนที่ตกอยู่  เขาทำตามไปโดยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ผมเองก็เช่นกัน  ปืนดังขึ้นหนึ่งนัด  เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแก้ไขให้เป็นไปตามที่ต้องการไม่ได้  ตัวผมกับสมุทรกระแทกลงพื้นจนรู้สึกจุกไปทั่วร่าง  มือของเขายังไม่ปล่อยปืนที่คว้าได้มา 

“อย่า” ผมกระซิบปราม  รู้ว่าเขาต้องการอะไร  นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้นอนหลับได้หรอกหากได้ทำมันลงไป 

ผมคว้าปืนออกจากสมุทรเพื่อบอกว่าปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของผม  การที่เราล้มลงเช่นนี้ทำให้ได้เปรียบที่จะเล็งเป้าหมายให้แม่นยำแต่เสียเปรียบสำหรับปืนที่ยังไม่ได้ขึ้นลำ  มือซ้ายที่ว่างอยู่นำขึ้นปิดตาสมุทร  เขาว่าง่ายรู้สถานการณ์  ผมออกกำลังแขนขวาที่มีกระชากขึ้นลำปืนมือเดียวพร้อมเหนี่ยวไกออกไป  เสียงปืนดังสนั่นทำให้คนที่ผมนอนทับตัวอยู่สะดุ้งโหยง  ชายแปลกหน้าคนนั้นทรุดลง  ผมลุกขึ้นนั่ง  อีกนัดยิงให้เจ้าของปืนก่อนหน้าอย่างไม่รีรอก่อนนั่งมองไปยังไอ้เอกที่ไร้ความหวัง  ความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะมีกลิ่นบางอย่างบนร่างกายผมผิดแปลก  ทันทีที่รับรู้ได้ถึงความผิดแปลกที่เคยคุ้นเคยนี้จึงหันกลับไปมองคนข้าง ๆ  ดวงตาของเจ้าตัวเบิกกว้างมองตามมาที่เสื้อของตนที่เปื้อนไปด้วยสีไม่พึงประสงค์

“คุณ..” สมุทรอุทานหน้าถอดสี   

“เป็นไรไหม ?” ผมถาม  เขาไม่ตอบ  ใบหน้าเริ่มซีดเผือดอย่างกับโดนเองอย่างนั้น

“นายถูกยิง” สมุทรรายงานเสียงสั่นติดปลายหางจนสังเกตได้  ผมมองไปยังไอ้เอกที่พยายามอย่างทุลักทุเลที่จะลุกขึ้นเพื่อไปหยิบปืนของตนเองให้ได้



ฟิ้ววว!!! 

“อั๊ก!” เจ้าตัวร้องลั่นล้มลงหมดท่าอีกครั้ง  แขนที่ถูกผมเหนี่ยวไกกระเด็นเหวี่ยงไปทางด้านหลัง  เลือดสาดกระจายเห็นได้ชัดในความมืด  ผมลุกขึ้นยืนแล้วตรงเข้าหา 

“ฮื่อออ อึก” ไอ้เอกกัดฟันร้อง  มือข้างที่ยังสบายดีอยู่จับแขนข้างที่ถูกยิงประคองไว้  เงยหน้าขึ้นมองผมช้า ๆ ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว

“แม่นเนอะ” ผมทักชมตัวเอง

“หายหัวไปไหนหมดวะ ช่วยกูด้วย!” มันตะโกน  ผมจ่อปืนไปที่กกหูของมันจึงทำให้เจ้าตัวหุบปากนิ่งสนิทลงได้อย่างที่ต้องการ

“พ่อแม่มึงไม่ได้สอนเหรอว่าเวลาจะขอให้คนอื่นช่วยเหลืออะไรให้พูดเพราะ ๆ น่ะ” ผมกระซิบ  นำหน้าขยับเข้าหา
 
“มึง.. มึงทำงานให้ใคร! มึงรู้ไหมว่ามึงกำลังเล่นอยู่กับใคร ไอ้ระยำเอ๊ย! ไอ้สัส! แขนกู อึก” คำถามที่แทบตะคอกฟังดูตะกุกตะกักร้อนรนปนกวนส้นตีน  ดูเหมือนมันจะงุนงงมากกว่าจะแค้นเคืองเสียอีก
 
“จะจ้างเหรอ ?” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ถามนายใหญ่ของพวกมึงให้กูหน่อยได้ไหมว่าจะจ้างกูรึเปล่า แต่...” ผมทิ้งช่วงลง  กวาดตามอง

“แพงหน่อยนะ”

“ใช้ใจซื้อน่ะ ฮิ ๆ ๆ ๆ ๆ” ผมตบมุขตลกด้วยตัวเอง

“ไอ้สัส!” มันด่า  ตาขาวเพิ่มพื้นที่กว้างออกจนเห็นชัดเจนในความมืด

“ฮึ!” ผมหัวเราะ  เสียงรถตำรวจได้ยินชัดถนัดหูขึ้นเรื่อย ๆ  เป็นนัยยะบอกว่าให้ผมรีบเสียที  นิ้วมือเกี่ยวผ้าที่ปิดใบหน้าออกอย่างเนิบช้า  ดวงตาของไอ้เอกเบิกกว้างทีละนิด  ผมจึงทำดวงตาแบบเดียวกันกับมันนั้นกลับไปให้  ปากเผยอ ลิ้นแสยะแลบออกมาทักทายเพื่อใหม่

“ไง ?” ผมทักทาย  คิ้วเลิกขึ้นข้างหนึ่งโดยอัติโนมัติอย่างเคยชิน

“ครับ ผมไฟ เลิศประสงค์ ดูเหมือนจะรู้จักด้วย เป็นเกียรติจัง” ผมยิ้มกว้าง  กระบอกปืนในมือสั่นระริก  เหตุเพราะร่างกายที่กำลังจ่ออยู่มันสั่นแรงเกินไปจนสะเทือนมาถึงกัน  น่ารำคาญฉิบหาย

“พูดซะใหม่ด้วย ฉันแค่มาที่นี่ก็เพื่อนายโดยเฉพาะ”

“อยากถามมานานแล้ว นายพอรู้เบอร์ช่างซ่อมประปาเก่ง ๆ บ้างไหม ? พอดี มีคนทำท่อประปาที่ตลาดฉันแตก เลยวุ่นกันไปหมด”

“มึงพูดเรื่องเหี้ยอะไรวะ!?” ไอ้เอกตะคอก 

“ค่าตัวนักมวยกู ห้าสิบล้าน เอามาวางให้กูตรงหน้าภายในสองนาที..มึงรอด” ผมเสนอ

“กูไม่ได้ทำ!” มันย้อนเสียงสั่น  น้ำลายไหลออกมาพร้อมกับเลือดในปากที่บังคับไม่อยู่

“ได้..ถือว่าคนกันเอง ลดให้ เหลือสามสิบล้าน”

“หนึ่ง ค่าเสียหายที่ป้ามึงกับเด็กที่ส่งยาของนายมึงมาดิสเครดิตตลาดกู สอง ค่าน้ำใจที่กูยังให้ป้าที่แสนตอแหลหน้าด้านของมึงได้มีที่ทำมาหากินโดยที่กูไม่เอาอีนรกนั่นเข้าตาราง รู้ไหมว่ากูต้องใช้ความอดทนแค่ไหนที่ต้องมองความตอแหลซ้ำซากของป้ามึง สาม ค่ารักษาพยาบาลที่กูต้องจ่ายให้นักมวยของกูเอง อ้อ! นี่ยังไม่รวมค่าตัวกูอีกยี่สิบล้านที่ขึ้นชกแทนด้วยหรอกนะ” ผมแจงอย่างใจเย็น 

“ฮึก!” ไอ้เอกสะอึก  ปืนถูกเลื่อนอย่างเนิบช้าจากกกหูไปจ่อที่ริมฝีปากของเจ้าตัว   

“แล้วก็...” ลิ้นที่แลบออกมาเกลี่ยไรฟันและริมฝีปากผมจนเปียกแฉะกว่าปกติ

“ค่ารักษาพยาบาลซิกแพคอันแสนสวยงามของกูที่คนของมึงทำตำหนิไว้ให้นี่ก็ด้วย” ผมฉีกยิ้ม

“บ้าจัง กูรู้หมดทุกอย่างเลย กร๊าก! มึงจะปรบมือหน่อยก็ได้นะ” ผมอ้าปากกว้างหัวเราะลั่น  ไอ้เอกหายใจแรงตาแทบถลน  ไม่รู้ว่านั่นโกรธหรืออะไรกันแน่

“แล้วไง มึงจะจัดการพวกกูงั้นเหรอ เฮอะ มึงนึกว่ามันง่ายขนาดนั้นเหรอวะ!” มันตะคอกใส่

“ใครฆ่าไอ้มงคล ?” ผมพูดเชิงถาม

“ชู่~ ..ใครกันนะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางกระซิบกระซาบแผ่วเบาจนไอ้เอกได้สติ

“ปะ ปล่อยผมไปเถอะครับ คุณไฟ ผม..ไม่รู้เรื่อง นายผมสั่งให้ทำ ผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ผมจะไม่ทำอีกแล้ว” มันร้องขอ
 
“จากประสบการณ์ที่เลี้ยงดูน้องชายมา เมื่อไหร่ที่ได้ยินคำว่า ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ แปลว่ามันจะทำว่ะ” ผมพ่นขำให้กับความจริง  จ้องตาตามดวงตาและใบหน้าที่พยายามจะหลบหลีกการมองตอบจากผม

“คุณเอก มองหน้าผมสิ” ผมเอ่ยขออย่างสุภาพ  ไอ้เอกทำตามที่ขออย่างว่าง่าย  เรามองตากันเสี้ยววินาทีและปากของไอ้เอกกลับสั่นแรงขึ้นอีกครั้ง

“หน้ากูเหมือนพ่อมึงรึเปล่าครับ ?”

“ไม่น่าถาม ก็กูหล่อ” ผมกลั้นหัวเราะให้กับมุขตัวเองอีกรอบ

“ไอ้.. ไอ้ มึงคิดว่ามึงจะรอดเหรอวะ สัส! ไอ้เหี้ยเอ๊ย! เดี๋ยวมึงจะตายห่าเหมือนหมา!!

“มึงนึกว่ามึงเป็นใคร ถุย!” มันสบถ  ทุกอย่างเต็มไปด้วยหมดความอดทน  พอได้ยินดังนั้นกระพุ้งแก้มก็ถูกลิ้นดุนนูนขึ้นจนจวนแทบจะทะลักออกมา

“เชิญมึงเป็นหมารุ่นพี่นำไปก่อนก็แล้วกัน” ผมขานรับข้อหาอย่างไม่ปฏิเสธ  หางตาเห็นแขนของอีกฝ่ายที่ยังใช้งานได้อยู่ขยับเนิบช้า จังไรจริง ๆ

“ไม่ต้องห่วง กูจะช่วยเจ้านายมึงเอง แล้วก็งงไปหมด.. ว่าไอ้เหี้ยตัวไหนมันทำ” ผมพูด  น้ำเสียงยังคงนิ่งเรียบไม่คิดจะแสดงอารมณ์ใด ๆ  นอกจากความหนักแน่นของความหมายที่ให้ได้  พวกมันไม่ควรเข้ามายุ่งวุ่นวายกับพื้นที่ของผมแต่แรกแล้ว  ไม่ควรแตะต้องกันตั้งแต่แรก..

“ฮื้อ ๆ  สัส!” ไอ้เอกฮึดฮัดพุ่งเข้าหาพร้อมกับมีดขนาดพกพาที่เสียบตรงเข้ามา  เสียงหักข้อมือดังกราว “กร๊อบ!” อย่างกับขนมทอดกรอบในเตาอบ  เจ้าของร่างกายร้องลั่นป่าดังกว่าทุกครั้ง  ปลายมีดเรียวแหลมหันกลับไปจ่ออยู่ที่หน้าท้องของเจ้าของเสียเอง  ไอ้เอกที่นอนหงายมือออกแรงเกร็งสุดกำลังเพื่อสู้แรงผมที่พยายามกดมือของมันให้มันเสียบตัวเอง

“ขอร้องดูไหม ฉันชอบคนพูดเพราะอยู่นะ” 

“ขอ ขอร้อง..ปะ อึก” อีกฝ่ายละสายตาจากปลายมีดขึ้นมองมา

“ได้..” ผมผลิยิ้มรับปาก

“สิทธิ์นี้จะเก็บไว้ให้ได้ใช้ชาติหน้า” หมดคำรับปาก  อีกฝ่ายก็ฮึดฮัดโกรธขึ้นอีกครั้ง 

“จำทุกอย่างของกูไว้ เจอกันใหม่ อย่าล้ำเส้น


ฉึก !!!!!   

กระสุน 9 มม. เจาะเข้ากลางขมับหนึ่งนัดไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ทนสู้กับความเจ็บจากปลายมีด  เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันที่เห็นหน้าผมกับสมุทรแล้วจะต้องไม่มีชีวิตรอด  เลือดกระเด็นสาดโดนใบหน้าผมจนเปื้อนเข้าหางตา  ผมนั่งยองลง  ร่างกายเริ่มเคลื่อนไหวลำบาก  มือควานหาของที่ควร  โทรศัพท์มือถือของไอ้เอกอยู่ในกระเป๋ากางเกงของมัน  ผมหยิบออกมาและมองร่างตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง

“กูฟรีแลนซ์” ผมตอบ  ตอบคำถามที่ไม่ได้ถูกให้คำตอบก่อนหน้า  นำโทรศัพท์มือถือตบไปที่หน้าขาของเจ้าของเพื่อบอกลา  ไอ้เด่นวิ่งมา  มันตรงปรี่เข้ามาหาผมพร้อมช้อนแขนผมขึ้นพาดบ่าอย่างไม่รีรอ

“ได้ตัวนายแล้ว ถึงเรือภายในสามสิบวิ เปลี่ยน!” มันบอกเพื่อนร่วมทีมด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ 

ผมหันตัวกลับไปก็พบสมุทรยืนเอนหลังพิงต้นไม้อยู่  ตาจับจ้องไปที่ทุก ๆ ร่างเบื้องหน้าคล้ายหมดแรงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  พออีกฝ่ายได้สติ  แววตาที่ว่างเปล่าก็มองมาที่ผมก่อนจะขาก้าวเดินไปก้มลงหยิบกระเป๋าเป้และปืนของผมอย่างไม่ลืมหน้าที่ตน  ผมแตะมือลงที่แก้มอีกฝ่าย  ฝ่ามือที่ไม่สะอาดทั้งข้างนอกและข้างในแนบไปกับโครงหน้านั้นก่อนผละออก  ก่อนกระซิบบอก “ไปเถอะ” เรียกสติเขาให้กลับมา 


คนที่ฝั่งแม่น้ำส่งสัญญาณนัดหมาย  ผมกับไอ้เด่นกึ่งเดินกึ่งวิ่งถึงริมตลิ่ง  พายุที่รออยู่บน Speed Boat เห็นผมสีหน้าของมันก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างง่ายดาย  เราไม่มีเวลาพูดกันแม้สักคำเดียว  ไอ้เด่นออกแรงดึงเรือเข้าฝั่งให้ระยะสั้นที่สุดเพื่อให้ผมขึ้นได้ง่าย  สมุทรนำกระเป๋าของผมสะพายหลังแล้วเข้ามาพยุงผมไว้แทน  แอบสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเหลือบมองมาที่หน้าท้องของผมแทบตลอดเวลา

“โทษนะครับ” สมุทรเอ่ยปากขออนุญาต  ผมไม่ตอบเพราะไม่เข้าใจว่าอยู่ ๆ พูดทำไม  เขาก้มตัวลงออกแรงอุ้มผมขึ้นไม่รีรอ  แม้มันจะค่อนข้างทุลักทุเลในการทรงตัวเพราะไม่ได้สะดวกเหมือนยืนอยู่บนพื้นดินและตัวผมก็ไม่ได้เล็กแบบมาตรฐานชายไทย  แต่เขากลับยังสามารถยกตัวผมขึ้นได้

“อู้~ ถูกอุ้มด้วยแฮะ” ผมยิ้มกว้างแซว  นำแขนขวากอดไหล่อีกฝ่ายเพื่อตอบรับการช่วยเหลือ  ที่จริงการทำแบบนี้จะช่วยให้เขาทรงตัวได้ถนัดขึ้น

“ยังจะเล่นอีกนะครับ” สมุทรขมวดคิ้ว  ทำท่าจะว่าปราบต่อแต่ก็หุบปากเงียบไปเฉย  กลิ่นเลือดโชยเตะจมูกเราทั้งคู่คละคลุ้งไปหมด

“ปกติคนที่อุ้มฉันไหวมีแต่พี่ธานกับนักมวยรุ่นเดียวกันเท่านั้นนะ ปลื้มใจจัง” ผมบอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสมุทรที่เอาแต่พะวงมองอยู่ที่ท้อง  เขาหันหน้ามาผมจึงยักคิ้วหยอกกวนให้  ลูกทีมวิ่งตามหลังมาไม่นาน  พี่ธานเห็นสมุทรกำลังอุ้มผมจะขึ้นเรือ  พี่เขาก็กระโดดขึ้นเรือไปก่อนเพื่อช่วยรับตัวผมขึ้นไปได้สะดวก  เรือถูกดันออกจากฝั่งโดยไอ้เข้มและไอ้เด่นทันที  พอปลอดภัยพ้นตลิ่งแล้วพวกมันจึงกระโจนขึ้นมา  ขณะเดียวกันพายุก็เร่งเครื่องขับออกด้วยความเร็วที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง   

“ทุกคนปลอดภัยไหม” พี่ใหญ่ถาม  ผมเอนหลังพิงเบาะ  นั่งมองลูกน้องที่พยักหน้ายืนยันว่าตนปลอดภัย  Speed Boat ขับท้าลมด้วยความเร็วจนแทบบินเหนือน้ำทำให้พวกเราลำบากที่จะขยับทำอะไรได้ดั่งใจ  พี่ธานเปิดกล่องปฐมพยาบาลจัดการห้ามเลือดเบื้องต้นให้ผม  สมุทรนำผ้าขาวมาเช็ดทำความสะอาดเลือดที่เปื้อนหน้าผมออกอย่างเบามือ  มือเขาสั่น ไม่รู้ว่ารู้ตัวรึเปล่า  ผมมองลงไปยังเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดอย่างกับมีใครมาเปิดก๊อกน้ำที่ท้องเอาไว้  แผ่นหลังของน้องชายเริ่มพร่าเบลอ  หึ.. เสียแผนไปหมด

“พี่ทัพ” ผมหยิบโทรศัพท์มือถือของผมที่สั่นเตือนโยนให้กับพี่ธานรับหน้าที่แทน   

“ครับ พวกเราออกมาแล้ว” พี่ธานกดรับ  น้ำเสียงทุ้มต่ำกดลงในลำคอ  ฟังแล้วคล้ายปกติแต่กลับเห็นเส้นเลือดที่ต้นคอได้ชัดเจนว่าผู้พูดกำลังเดือดดาล

“เรารอแล้ว!” พี่ธานตะคอก  มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์อยู่ยังคงทำหน้าที่กดแผลของผมไว้ไม่ปล่อยคล้ายกับไม่อนุญาตให้ใครทำแทน 

“ใจเย็นน่า” ผมพูด

“ไม่มีทีมของคุณโผล่หัวมาตามเวลาสักคน! คุณเข้าใจคำว่าสักคนไหม บัดซบเอ๊ย!” สิ้นเสียงตวาด นิ้วโป้งก็กดวางสายอย่างรุนแรงจนหน้าจอแทบทะลุ

“เปลืองน้ำลายฉิบหาย เลาะลิ้นพวกแม่งออกมาให้หมามันยังไม่กินเลย อืดอาดยืดยาดแล้วมาโทษคนอื่น ระยำ!” พี่ธานกัดฟันบ่นไม่ได้ศัพท์  ลมหายใจแรงดังฟึดฟัดนานทีจะได้เห็นพี่เขาหลุดเผยอะไรเช่นนี้  พายุหันกลับมาสบตาผมเป็นระยะ  หน้ามันยังซื่อบื้อเหมือนเคย  ผมจึงเผยยิ้มให้

“เปลี่ยนแผน...” ผมจับข้อมือพี่ธานเพื่อให้พี่เขาหยุดมาฟังผมอย่างตั้งใจก่อนจะเงียบลำดับความคิดครู่หนึ่ง     

“พี่พาพายุกลับไปพร้อมไอ้หิน ให้ไอ้รุ่งขับคันของผมไปส่งพวกผมทิ้งไว้ที่สามแยกออกไปราชบุรี..ที่เดิม โทรบอกให้หงส์มารับผมที่นั่น” ผมสั่ง

“แต่ว่า..” พี่ธานอ้ำอึ้งด้วยสีหน้าจะไม่ยอมรับฟังให้ได้

“ผมไหว แค่เอาพายุกลับไปก่อน ห้ามให้ใครรู้ว่าผมอยู่กับหงส์” ผมพูด  นำโทรศัพท์ของไอ้เอกยัดใส่มือพี่ธานด้วย “นี่ของไอ้เอก ผมว่าทีมของพี่ทัพมีหนอน พี่จัดการแล้วกัน” ผมสั่งคำสุดท้าย  พี่ธานเป็นเพียงคนเดียวที่ผมไว้ใจว่าจะทำให้พายุปลอดภัยดีหากผมจะถูกจับผิดท้ายที่สุด 

“ครับ” สันกรามของพี่เขากัดแน่นพร้อมผงกหัวรับปากโดยดี

“ไอ้เหี้ยนี่ ทำหน้าอย่างกับกูตายแล้ว” ผมตบหัวไอ้เด่นด้วยรำคาญลูกตากับสีหน้าท่าทางของมัน

“นายครับ..” 

“เลือดไม่ยอมหยุดเลยพี่ใหญ่” มันหน้าเจื่อนหดลงหนักกว่าเดิม

“อยากเอาแบ่งไว้ทำเส้นเล็กน้ำตกบ้างไหมละ” ผมถาม  ไอ้เด่นบ่นอิดออด “นายครับ” ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น  จุดหมายปลายทางที่รถยนต์ของพวกเราจอดอยู่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเกือบสิบกิโล  แน่นอนว่าการถูกยิงเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในแผน  ระยะทางยาวเช่นนี้จึงยิ่งทำให้คนของผมร้อนใจได้ไม่น้อย

“พี่ธาน ผม..” สมุทรที่เงียบมานานอ้ำอึ้งทำท่าคล้ายจะเอ่ยบอกความจริง 

“ถึงแล้ว” ผมพูดเข้าแทรกเพื่อหยุดความคิดของเขาเพียงเท่านี้  สมุทรจ้องหน้าพี่ธานและริมฝีปากก็หยุดขยับไป

“เคลียร์เรือ!” พายุตะโกนสั่ง  ไอ้เด่นกระโดดขึ้นฝั่งพร้อมดึงเชือกเข้าหาฝั่งด้วยกำลังที่มี  ส่วนไอ้เข้มเป็นฝ่ายเคลียร์ข้าวของสำคัญบนเรือ   

“สมุทร ฟังนะ” มือที่เปื้อนเลือดของพี่ธานจับหน้าของสมุทรล็อกไปเพื่อให้มองพี่เขาตรง ๆ

“ผ้าสะอาดอยู่ในรถ รับน้ำหนักตัวให้คุณไฟนั่งแล้วกดแผลไว้ กดไว้ให้แน่น ถ้าผ้ารับไม่ไหวให้เปลี่ยนผืน เข้าใจไหม”

“ครับ” สมุทรพยักหน้า

“ฝากด้วยนะ” พี่ธานพูด

“ครับ พี่ไม่ต้องห่วง” สมุทรรับคำ  ทั้งคู่ช่วยให้ผมขึ้นฝั่งได้ง่ายขึ้น  ทางขึ้นลาดชันยิ่งกว่าก่อนหน้าจึงทำให้เป็นไปอย่างยากลำบากต่อทุกคน  รถถูกสตาร์ทเครื่องรอไว้ก่อนแล้ว  ไอ้รุ่งที่อยู่ประจำตำแหน่งคนขับรถต้องเปลี่ยนให้ไอ้เด่นที่เป็นคนเชี่ยวชำนาญทางลัดมากกว่ามาขับแทน  ไอ้เข้มนั่งด้านหน้าข้างคนขับ  ผม สมุทรและไอ้รุ่งนั่งเบาะหลังโดยผมต้องเอนตัวพิงสมุทรไว้ ไม่ใช่การนอนไปโดยราบ  ผมมองพายุที่ยืนมองผมอยู่อย่างไม่ยอมขึ้นรถจนคันของเราขับออกมาลับตา  ผมไม่คิดพูดใด ๆ กับมันสักคำเพราะไม่มีอะไรจะพูด  ผมคิดว่ามันเองก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน  แม้สถานการณ์เช่นนี้เราจะห่างหายกันมานานและคงเป็นที่น่าแปลกใจแม้กระทั่งกับน้องชายและพี่ธานที่ผมถูกยิงทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น  แต่ผมก็ไม่คิดที่จะลาตายวันนี้หรอกนะครับ

“ไปเส้นราชบุรี เราจะไปเจอคุณหงส์ที่นั่น เสร็จจากนั้นรุ่งขับรถกลับไปเลยนะ ตามแผนเดิม” ไอ้เข้มสั่งงานแทนพี่ใหญ่

“ครับ” ไอ้รุ่งผงกหัวรับทราบ  มันช้อนตามองมาที่ผมเป็นระยะอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  ปลายเท้าของผมเทินอยู่บนตักของมันโดยมันนำแขนทั้งสองข้างกอดขาผมไว้ทั้งสองมือ  พอมันสบตาผมมันก็หลบตาลงด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ 

“เย็นนี้เวรใครไปรับไอ้ดิน มึงตามไปด้วยนะ แล้วอย่าพูดอะไรล่ะ ฝากด้วย” ผมบอก

“ครับนาย” ไอ้รุ่งผงกหัว  แผ่นหลังที่แนบเข้ากับตัวสมุทรรับรู้ถึงความอุ่นจนแทบร้อน  เขาต้องอ้าขาออกเพื่อให้ผมนั่งได้สบาย  แขนข้างขวาโอบตัวผมไว้เพื่อทำหน้าที่กดแผลได้ถนัด  เขาจับจ้องมันตลอดเวลาคล้ายกับสังเกตการณ์

“ใจเต้นแรงเกินไปแล้ว” ผมแซวคนที่อยู่ด้านหลัง  มันสะเทือนถึงกันชัดเจนเลย  ไอ้รุ่งสบตาผมอย่างสงสัย  ผมส่งสายตาตกลงพื้นหนึ่งครั้งเพื่อบอกให้อีกฝ่ายทราบว่าให้ก้มหน้าก้มตาลงไปซะ  อีกฝ่ายทำตามคำสั่งทันที

“มองหน้าฉันสิ ไม่เป็นไร” ผมเบือนใบหน้ากลับไปหา  สมุทรละสายตาจากร่างกายผมกลับมามองหน้าผม  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและร้อนรนจนแปลกตา

“นายมองแบบนี้ฉันก็อยากจูบขึ้นมาน่ะสิ” ผมอมยิ้มมุมปาก  คิ้วของสมุทรขมวดเข้าหากันเหมือนกับจะเตือนว่าให้ผมเลิกยียวนอย่างทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความหมายนั้นซะทีเดียว  ผมวิเคราะห์ไม่ออกเหมือนกันว่ามันคือความหมายใดแน่

“.........” ความเงียบในรถถูกช่วยเหลือจากเสียงแอร์จาง ๆ  สมุทรเอาแต่มองหน้าผมและผมก็ทำเช่นกัน  มันลำบากนิดหน่อยจากท่านั่ง  ตาดำของเราเริ่มแกว่งกันไปมาเมื่อสถานการณ์และความต้องการกระตุกดึงทีละน้อย  ผมขยับมือขวาที่พอมีแรงขึ้นจับต้นคอของสมุทรอย่างเบามือ  ทันทีนั้นอีกฝ่ายก็ก้มลงจูบอย่างไม่มีการบอกกล่าวเมื่อผมตัดใจจะขยับใบหน้ากลับ  เสียงปากที่ถูกประกบอย่างกะทันหันคงสร้างความสงสัยต่อคนในรถไม่น้อย  ความเงียบคงทำให้ได้ยินชัดเจนอย่างไม่ผิดเพี้ยนว่าเสียงเช่นนี้นั้นเกิดจากอะไร  ไม่มีใครสักคนขยับตัว  การทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเป็นสิ่งที่พวกมันควรทำแล้ว  ผมสอดลิ้นเข้าหา  คิ้วขมวดกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย  คู่ขนานไปกับความต้องการที่ชนเข้ามา  สมองกำลังตายห่าไปเสียแล้ว  ทุกอย่างไม่ประกอบไปด้วยเหตุผล  สมุทรใช้มือซ้ายประคองใบหน้าผมเอาไว้  สอดลิ้นเข้ามาหาอย่างนุ่มนวล  ครั้งหนึ่งถูกย้ำหนักแน่นทำให้ต้องพ่นหายใจดังขึ้น  ริมฝีปากของอีกฝ่ายเกลี่ยขยับเข้าออกหาผมซ้ำ ๆ จนเกือบจะเป็นเสียงก่อกวนคนในรถเอาได้  ผมที่ไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้มากกว่านี้ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนนำทำอยู่อย่างนั้น

“เอาซะไม่อยากตายเลยแฮะ” ผมเผยยิ้มมุมปากกระซิบ  อ้า.. อยากมีเซ็กส์ฉิบหาย


เราใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทาง  ทางลัดปลอดรถที่ไอ้เด่นเชี่ยวชำนาญเป็นอย่างดี  เรามักใช้เส้นนี้กันบ่อยครั้ง  จุดนัดพบคือที่ประจำระหว่างผมกับคนที่กำลังจะมารับหน้าที่ต่อ  เปลรถพยาบาลถูกนำเตรียมไว้พร้อมสรรพเพื่อช่วยเคลื่อนย้ายทำให้เบาแรงลูกน้องของผมไปได้   

“ไง ? ไอ้หื่นกามเก้าชีวิต” น้ำเสียงใส ๆ ทักทายยียวนเหมือนเคย

“ว่าไง คุณหมอเถื่อน” ผมยิ้มทักมองเพื่อนสนิทสมัยเด็ก  แสงสว่างในเวลาเช้ามืดสะท้อนให้เห็นภาพคนตรงหน้าที่ไม่ได้เจอกันนานได้ชัดขึ้น  ผู้หญิงรวบผมตึง ท่าทางมั่นใจในตัวเอง  อีกทั้งยังสวยไม่สร่างแม้ไม่ได้แต่งหน้าคนนี้ “หงส์”  เธอแสยะยิ้มมุมปากทะเล้น  ผมกำมือชูขึ้นทักทาย  เธอจึงกำมือมาชนตอบ 

“อกมึงยังตึง หุ่นน่าอึ๊บไม่เปลี่ยนเลยนะ” ผมเหลือบมองไปยังหน้าอกนูนผ่านชุดกาวน์สีขาวของเธอ

“มึงก็ยังอัปปรีย์ไม่เปลี่ยนเหมือนกัน”

“เอาขึ้นรถเลย” หงส์สั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด  ชายรฉกรรจ์สองคนยกเปลขึ้นรถพยาบาลทำให้ผมได้พบกับพยาบาลตัวจริงนั่งประจำอยู่ด้านใน 

“พวกนายแยกไปสอง ๆ ประกบหลัง” ผมนอนมองมือของหงส์ปัดป่ายสั่งลูกน้อง  ความแมนนั่นแทบกลบใบหน้าสวยคมของเธอเสียมิด

“ส่วนพวกนาย ใครจะตามคุณท่านเขาไป ? ได้แค่คนเดียว” เธอเท้าเอวมองหน้าคนของผมเรียงตัว 

“ผมไปครับ” สมุทรตอบทำเอาหงส์ชะงัก  กวาดตามองสมุทรตั้งแต่หัวจรดเท้าถึงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบกันมาก่อน

“เด็กใหม่งั้นเหรอ ? ฉันหงส์” เธอพูดส่ง ๆ คล้ายไม่ต้องการคำตอบ

“สมุทรครับ” แต่สมุทรก็ตอบน่ะนะ

“เตือนไว้อย่าง ว่าถ้านายทำตารุ่มร่ามกับหน้าอกของฉันเหมือนกับเจ้านายของนายแม้แต่นิดเดียว ฉันจะควักตานายไปเป็นอาหารหวานให้ไอ้เข้บ้านฉัน เข้าใจไหม”

“เชิญ!” เธอเบ้ปากมาทางรถพยาบาลเชิงอนุญาต  สมุทรรีบขึ้นมานั่งสงบเสงี่ยม  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นแยกย้ายขึ้นรถของลูกน้องหงส์ไปคนละคัน  ส่วนไอ้รุ่งขับกลับไปนานแล้ว  คนขับรถพยาบาลยืนรอท้ายรถประจำหน้าที่  เมื่อหงส์ขึ้นมาประตูรถจึงถูกปิดลง
 
“กระสุนฝังลึกมากค่ะหมอ”

“ไหนดูหน่อยซิ” หงส์พูดคล้ายฮัมกับตัวเธอเอง  รถที่เคลื่อนตัวออกถนนค่อนข้างขรุขระทำให้พวกเราโคลงเคลงไปมา

“ฮ้า~ เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เธอบ่นทันทีเมื่อสำรวจแผลบนตัวผม  สีหน้าเคร่งเครียดปนไปด้วยความแปลกใจมากกว่าสงสัยว่าผมไปทำอะไรมาซะอีก  ผมไม่ตอบ 

“ฝีมือตกเหรอคะคุณ หึ” อีกฝ่ายเอ่ยปากยิ้มแซว  เบี่ยงประเด็นที่เห็นว่าผมจริงจังกับสิ่งที่เธอตั้งคำถาม

“ปกติมึงใช้ปากทำงานรึไง” ผมถอนหายใจ  สมองเริ่มพร่าเบลอลงเรื่อย ๆ จนคิดตามแต่ละอย่างไม่ทัน  มันเริ่มเชื่องช้าไม่ได้ดั่งใจ  เห็นเพียงสีหน้าของพยาบาลที่อมยิ้มน้อย ๆ  กับสมุทรที่เต็มไปด้วยความกังวล   

“โดนจัง ๆ แบบนี้รู้สึกเป็นไง ? เหมือนเสียซิงครั้งแรกปะ” หงส์ยิ้ม  มือไม่หยุดทำหน้างานไปด้วย
 
“เสียวใช้ได้” ผมตอบเสียงแหบในลำคอ  รับรู้ได้ถึงหน้าท้องที่กระเพื่อมแรง

“แต่ไหง กูไม่เห็นรู้สึกดีเหมือนตอนหลั่งสักนิด” ผมแสยะยิ้มกลับ  แม้แต่หัวเราะก็ยังไม่ไหว 

“ไอ้เวร” หงส์ต่อว่า

“ฮึก!” ลมหายใจติดขัดจนรู้สึกอึดอัดขึ้นอย่างกะทันหัน  สติจวนจะเลือนหาย  แทบรับรู้ความรู้สึกไม่ทันถึงร่างกายของตัวเองว่าส่วนไหนกันแน่ที่กำลังทรมานที่สุด  มันดันเจ็บปวดขึ้นเรื่อย ๆ กว่าก่อนหน้าเมื่อวางใจว่าถึงมือของคนที่ไว้ใจ  ฟันที่ขบกัดแน่นเต็มไปด้วยความอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  ตัวกระตุกขึ้นพยายามนอนนิ่งลงเพื่อให้เพื่อนทำงานได้ถนัด 
 
“ไฟ ครั้งนี้เจ็บหน่อยนะ” หงส์พูด  น้ำเสียงจริงจังเหมือนกับเป็นการบอกเตือนไว้ล่วงหน้าว่าให้ “ทำใจ” ไว้แต่เนิ่น ๆ

“อดทนไว้ หายใจไว้เพื่อน” เสียงของหงส์เริ่มเบาและจางลงทีละนิดจนผมได้ยินไม่ถนัด  รู้เพียงว่าสมองคิดถึงคำพูดสุดท้ายของเธอซ้ำ ๆ วนเวียนอยู่อย่างนั้นและแล้วเสียงก็สะท้อนจางหายไป.. หายใจไว้งั้นเหรอ  อีบ้านี่พูดมาได้  ใครไม่อยากหายใจกันเล่า



...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:
สำหรับตอนนี้ใช้เวลาทำงานสาหัสอีกตอน  ตอนต่อไปจึงยังไม่สามารถรับปากได้จริง ๆ ว่าเร็วที่สุดได้เมื่อไหร่ค่ะ :o12: เลยตัดจบตอนไว้ให้แบบคิดว่าไม่น่าจะทำให้รู้สึกค้างเท่าไหร่  แต่รับรองว่าเนื้อหาจะนุ่มลงสักระยะหนึ่งหลังจากที่ตึงเครียดกับเรื่องชีวิต/งานมายาว  ถ้าตอนนี้ทำให้รู้สึกไม่รื่นรมย์นักก็ขออภัยด้วยนะคะ( ขนาดเขียนเองก็เครียดไปหลายตลบ 555++ เหนื่อยมากมาย  :mew5: )

หมายเหตุ:  สำหรับคนที่จำไม่ได้ว่า "บูรณ์" คือใคร ?  แนะนำให้กลับไปอ่านตอนที่ 28 - 29 นะคะ น่าจะอยู่ประมาณนั้น  ตัวละครที่กล่าวขึ้นบ่อย ส่วนใหญ่จะมีที่มาที่ไปเชื่อมโยงกับตัวละครหลักในอนาคตค่ะ


ขอบคุณค่ะ ..เบบี้  :bye2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 09-03-2017 14:42:56

ขอบคุณสำหรับสารบัญค่ะ  :impress3:


และระหว่างที่รอคุณไฟ เอ้ยยยย คุณเบบี้  ..  :katai4: :katai4:


สารบัญ
The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก By เบบี้

ตอนที่ 1 ..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3191425#msg3191425)  *  ตอนที่ 2..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3194285#msg3194285)  *  ตอนที่ 3..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3197425#msg3197425)  *   ตอนที่ 4..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3200014#msg3200014)  * ตอนที่ 5..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3204759#msg3204759)  *  ตอนที่ 6..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3206218#msg3206218)
ตอนที่ 7..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3211719#msg3211719)  *   ตอนที่ 8..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3218126#msg3218126)  * ตอนที่ 9..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3229211#msg3229211)  *  ตอนที่ 10..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3236447#msg3236447)  *  ตอนที่ 11..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3244757#msg3244757)
ตอนที่ 12..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3256298#msg3256298) *  ตอนที่ 13..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3261844#msg3261844)  *   ตอนที่ 14..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3264162#msg3264162)  *  ตอนที่ 15..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3277305#msg3277305)

ตอนที่ 16..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3294175#msg3294175) * ตอนที่ 17..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3319188#msg3319188) * ตอนที่ 18..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3336942#msg3336942) * ตอนที่ 19..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3342804#msg3342804) * ตอนที่ 20..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3358294#msg3358294) *  ตอนที่ 21..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3384019#msg3384019)
ตอนที่ 22..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3430725#msg3430725) * ตอนที่ 23..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3441616#msg3441616) *  ตอนที่ 24..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3444783#msg3444783) * ตอนที่ 25..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3449053#msg3449053) * ตอนที่ 26..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3453317#msg3453317)
ตอนที่ 27..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3461643#msg3461643) *  ตอนที่ 28..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3465528#msg3465528) * ตอนที่ 29..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3483523#msg3483523) * ตอนที่ 30..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3490037#msg3490037)

ตอนที่ 31..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3511079#msg3511079) *  ตอนที่ 32..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3519194#msg3519194) * ตอนที่ 33..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3524390#msg3524390) *  ตอนที่ 34..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3532033#msg3532033) *  ตอนที่ 35..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3539209#msg3539209) *  ตอนที่ 36..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3542657#msg3542657)
ตอนที่ 37..ไฟ..  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3548292#msg3548292) * ตอนที่ 38..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3555881#msg3555881) *  ตอนที่ 39..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3568553#msg3568553) *  ตอนที่ 40..ไฟ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3580283#msg3580283)

:กอด1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 09-03-2017 16:10:52
ติดตามลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 09-03-2017 16:13:25
ต้องใช้สมาธิในการอ่านมากๆ
มันดีมากและสนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PWSR ที่ 09-03-2017 16:48:20
โอ้ยยยยยยยย คือตอนนี้มันสุดจริงๆค่ะ พี่ทัพกับพี่ผาเขาออกจะเครียดแกก็ยังจะมีอารมณ์ไปกวนเขาอีกนะไฟ แก่นจริงๆเลยเรา

ตอนที่ไฟพูดกับเต้นี่ทำเราแอบเสียวสันหลังแทนนะ ฮ่าๆ ไฟนางสุดเหวี่ยงโลกจริงๆลูก เต้หนูต้องเข้าใจ

สมุทนพูดออกมาแล้ววว ว่าไม่ได้ยอมเดทกับไฟเพราะพี่ธานเพียงเหตุผลเดียว ให้เราเดามันต้องมีส่วนของความรุ้สึกในจิตใจของสมุทรด้วย แต่ไฟก็ยังเคืองๆอยู่อะนะ ไม่เป็นไรว่างๆค่อยคุยกัน (บนเตียงดีไหม) ฮ่าๆๆ เหมือนสมุทรจะง้อไฟนะ มีอะไรอยากพูดด้วยหลายอย่างอต่ไม่ยอมพูดออกไป หนูต้องออกตัวนะลูก ความรักต้องออกเดิน! ถึงไฟจะบอกว่าสมุทรยังไม่คิดจะปลดกลอนในใจ แต่ในความรู้สึกเรา สมุทรยอมเปิดให้ไฟเข้าไปแล้วนะ แต่ไฟนอยไง งอแงไปได้ ฮ่าๆๆ

อารมณ์ตอนปฏิบัติงาน ถึงไม่ได้อยู่เห็นหน้ากันแต่ขอแค่ได้ยินเสียงก็พอ แหมคุณไฟ ไม่ค่อยเลยนะเราอะ ฉากแต่ละฉากแต่ละการต่อสู้บาดลึกถึงใจจริงๆค่ะ แอบกลั้ยหายใจอ่านตามเพราะความลุ้นสุดขีด

สมุทรเหมือนยอมทำเพื่อปกป้องไฟ แต่ไฟก็เหมือนอยากให้สมุทรบริสุทธิ์เหมือนเดิม คือมันโรแมนติกมากในดงปืน ที่ไฟวิ่งไปหาสมุทรล้มลง แล้วเอามือปิดตายิงลั่นไก โอ้ยชอบมาก อ้ากกกกกกก สมุทรพอเห็นไฟโดนยิงก็เหมือนจะช้อคน่าดู คือนี่คือการแสดงความรู้สึกเป็นห่วงของนางแบบสุดๆเลยอะ ถ้าไฟไม่เจ็บตัวอาจจะไม่รู้ว่าสมุทรเป็นห่วงไฟขนาดไหน คนอื่นๆก็เหมือนกัน โดยเฉพาะพี่ธาน ถึงกับขึ้นจนสบถคำหยาบออกมา เอกก็รับกรรมไปนะ เธอเลี้ยงไม่เชื่องเอง!
ฉากที่สมุทรจูบไฟก่อนมันเขินมากอะ ส่งความรู้สึกความเป็นห่วง ความอ่อนโยนของสมุทรทำให้เราอิจฉาไฟขึ้นมาเลย ไฟก็ยังจะเล่นอีกทั้งๆที่ตัวเองก็เจ็บอยู่

หงส์โหดมาก เป็นสาวมั่นที่เยี่ยมสุดๆ! ชอบ

สุดท้ายนี้ขอให้กำลังใจเบบี้ เบบี้แต่งเรื่องนี้ได้ลึกซึ้งและความรู้สึกกรีดลึกลงจริงๆ คสามตื้นลึกหนาบางของเรื่องทำให้เราเห็นสเน่ห์ของทุกตัวละคร ทุกบทบาท ไม่ว่าจะมาต่อช้าหรือเร็วก็ยังรออ่านเสมออย่างจดจ่อค่ะ สู้ๆนะเบบี้ ดูแลสุขภาพแล้วก็พักผ่อนด้วยน้าาา

 :katai2-1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: มะม่วงแรด ที่ 09-03-2017 16:48:51
ฮ่าาาาา  :a5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 09-03-2017 17:02:09
เครียดดดดด เป็นนิยายที่เครียดดี 5555 ใช้พลังและสมาธิในการอ่านสูงมากกกกก 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 09-03-2017 17:22:16
โอ๊ยยยยยย ฉันเกร็ง ฉันลุ้น ฉันปรับอารมณ์ตามไม่ทัน กำลังคิดว่าจะได้เห็นอิไฟงอนพี่ใหญ่กะสมุทร ทำหน้เบ้ ปากยื่น ค้อนขวับ อะไรยังงั้น 555555  #คิดตามนะคิดตาม  กลับมาตัดฉับ กระชากอารมณ์เข้าสู่โหมด CIA หูยยยยยยย มันส์ เวร่ออออ่ะ   :katai2-1:  จนถึงตอนไฟโดนยิง คนบร้าาา ทั้งพูดทั้งซักทั้งขู่เอก อยู่ได้ตั้งนานจนฉันลืมไปเลยว่าแกโดนยิงอิไฟฟฟฟ  จะถึกไปไหน 555555 ??

ครืออออออ ทั้งหมดทั้งปวง ฉันรู้สึกจากมโนอันแรงกล้า "สมุทรเริ่มหวั่นไหวและเก็บอาการไม่ค่อยมิด ใช่แล้ว มันใช่ ใช่ไหม??? "  แอร๊ยยยยย   :-[  มีจูบ มีมองแบบห่วงใย ลูกน้องเจ้านายเขาไม่จูบกันนะแกรรรร ถถถถถถถถ

#ทีมเจ้หงส์  ไฟชั่งได้เพื่อนแบบสปีชีส์เดียวกันจริงๆ 55555 รักเธอนะหงส์  :mew1:

ขอบคุณนะเบบี้ คุ้มค่าการรอคอยมากตอนนี้ สุดยอดดดดด  //  เด่วจะตามไปอัพเดตสารบัญให้นะจ๊ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 09-03-2017 17:48:53
อ่านจบ รู้สึกได้ถึงเสียงบานประตูของใครบางคนกำลังเปิดออก
แบบว่าดังแอ๊ดดดดดชัดเจนเลยทีเดียวอะ ฮ่าๆ
เห็นมั้ยล่ะ เห็นความดีความจริงจังจริงใจของไฟขาแล้วรึยัง
ไม่อยากจะบ่นมากหรอกนะ แต่ตอนนี้นายสมุทรทำดี๊ดีย์ >///<

บู๊สนั่นมันส์มากเลยค่ะเบบี้ ทั้งๆที่บู๊ขนาดนี้และไฟขายังโดนยิงอีก
แต่เรากลับฟิ๊นฟินบอกไม่ถูก >.< ดูท่าจากตอนนี้คงมีคนต้องยอมรับความจริงซักที
ไฟขาน่ะไม่เป็นไรหรอก ห่วงนะ เเต่เชื่อว่าปลอดภัยแน่นอนนนนน
รีบฟื้นขึ้นมานะคะ มันถึงเวลาเอาคืนใครบางคนที่ปั่นเราหัวหมุนแล้วค่ะ 555

ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ยิ่งอ่านยิ่งไม่พอ เสพย์ติดขั้นหนัก
แต่เราจะไม่กดดันเบบี้ค่ะ หมายถึงแค่ช่วงนี้นะคะ
2-3อาทิตย์ข้างหน้าขอไม่นับ ฮ่าาาา ล้อเล่นค่ะ
เอาตามที่เบบี้สะดวกค่ะ ว่างค่อยมา เราแค่อยากให้รู้ว่ารอเสมอ อิอิ
ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายค่ะเบบี้

ปล.อ่านตอนนี้อารมณ์ช่างต่างกับตอนก่อนหน้าลิบลับเลยค่ะ
ตอนก่อนแทบพ่นไฟ เคืองมากมาย มาตอนนี้อารมณ์เราดีมากเลยอะ ฟิน 555
หมั่นไส้สมุทรก็หมั่นไส้ ห่วงไฟก็ห่วง แต่คนมันฟินช่วยไม่ได้อะนะ
ขอซักตอนเถอะ กว่าจะรู้สึกฟินแบบนี้ได้จวนเจียนจะจบอยู่ล่ะ ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 09-03-2017 18:35:50
เหมือนดูซีรี่ม้นส์มันส์ตอนนึง สมุทรมีอุ้มด้วย กำลังใจไฟมาเพียบ ตายยาก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 09-03-2017 18:39:33
จูบกันต่อหน้าลูกน้องคนอื่น!! วิ๊ดดดดดดด  :hao7: แบบนี้สมุทรมีใจแล้วหละ ซะขนาดนี้ คงจะรู้ใจตัวเองชัดเจนขึ้น คิดว่าตอนหน้าคงจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นแน่ๆ อิอิ :katai5: เข้ม เด่น รุ่งต่างอึ้ง :laugh:

แต่ไฟก็ยังเป็นไฟ ขนาดใกล้ตายก็ยังจะกวนทีนนะ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 09-03-2017 18:49:29
โอยยยย จะเขินหรือจะสงสารพี่ไฟดีเนี่ย โดนยิงแต่ได้จูบ อร๊ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 09-03-2017 19:01:27
ไม่ว่าจะตึงเครียดขนาดไหน ไฟก็ยังกวนตีนได้ตลอดเวลา 5555555
โดนยิงคราวนี้แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้จูบจากสมุทร เขิลลลลลลลลลล :impress2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-03-2017 19:32:27
เป็นตอนที่ตั้งใจอ่านมากๆๆๆๆๆ ไม่อยากพลาดซักตัวเลย  :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 09-03-2017 19:41:16
ไฟคือพระเอกมากกก ไม่ยอมให้สมุทรมือเปื้อน กลอนน่าจะโดนสะเดาะแล้วนะ ดูจากฉากจูบบนรถ สงสัยสมุทรจะเริ่มสั่นไหวเพราะฉากพระเอกนั้นแน่ๆ  :hao7:  :m20:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 09-03-2017 19:44:36
ในที่สุดก้อมาต่อแล้ววว ดีใจจัง 
มาตอนนี้กว่าสมุทรจะยอมเปิดใจ คุณไฟขาของเราก้อต้องแลกมาด้วยกระสุนฝังในนะคะ
 ตอนอ่านบรรยายความโรคจิตของไฟก่อนฆ่าคนนี่ วิปริตดีนะคะ เหอๆ อ้อ ความกวนตีนก้อถือว่าเป็นปราชญ์เลยทีเดียว
ไม่อยากนอตอนต่อไปนานเลยยยย ขอให้งานน้อย สมองแล่นปรืดๆๆ เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 09-03-2017 21:06:32
คือเต้เป็นไรมากมั้ย มาขอให้เขาช่วยแล้วยังมากวนตีนเขาอีก น่าจะโดนสักดอก :z6:
แล้วคืออะไรตำรวจมาตอนจบเรื่อง แล้วมีหน้ามาโวยอีก คนอุตส่ามาช่วย :m31: เสี่ยงชีวิตก็เสี่ยง
ทัพรู้ว่ามีคนจับตาดูก็ต้องรัดกุมกว่านี้ป่ะ  :angry2: คร่าวหน้าไม่ต้องมาให้ไฟช่วยเลยนะ :z6:

ลุ้นมาก ไฟอย่าเป็นไรมากนะได้ยาดีจากสมุทรไปแล้วรีบๆฟื้น
อาจจะได้ของแถมจากสมุทรก็ได้  :กอด1: สมุทรรุกด้วยอ่าา :-[ :-[

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 09-03-2017 21:07:13
สนุกที่สุด สนุกมากๆ ทั้งฉากบู๊ ฉากสมุทรกับไฟ ทั้งมันส์ ทั้งฟิน ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ รอติดตามตอนต่อไปอยู่น้า
รักเรื่องนี้จริงๆ :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 09-03-2017 21:10:42
โอ๊ยยยยย สมุทรรรรรรร ตายๆๆๆๆๆ งืออออ อ่านไปใจเต้นตึกตักไป ไม่คิดว่าสมุทรจะจูบคุณไฟก่อน แถมต่อหน้าคนอื่นด้วย โฮวววววววว เป็นฉากที่เซ็กซี่แบบเลือดพล่านมากเลย ชอบฉากจูบนี้จริงๆ  :hao7:

สมุทรรักเค้าเข้าแล้วสิ!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-03-2017 21:18:44
ขอบคุณ คนเขียนค่า :mew4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 09-03-2017 23:00:27
ไฟ..ยังคงความจังไรไว้ไม่เคยเปลี่ยน!!!

ดีค่ะ..เป็นตัวเองทุกสถานการณ์..รู้สึกถึงความเอาแต่ใจแบบมหาศาล!!!

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-03-2017 23:05:59
สุดๆเลย ลุ้นสุดๆ
แต่ได้ทุกอารมณ์เลย
ไรท์ สุดยอด นั่งอ่านไปตัวเกร็งไป
ไฟ นี่ขนาดถูกยิง ยังไม่แตกตื่น ยังคุมอารมณ์
ทำอย่างที่ใจต้องการ ควบคุมสถานการณ์ได้ยอดเยี่ยม
ไฟ ปกป้องสมุทร รู้ว่าสมุทรไม่อยากใช้ปืน
เลยใช้ปืนซะเอง ปิดตาให้ไม่อยากให้สมุทรเห็นฉากโหดๆ
โอย......ไฟ น่ารัก อบอุ่น ขนาดอยู่ในนาทีวิกฤติ
แม้หลุดมาแล้ว ยังมีอารมณ์พูดคุย ผ่อนคลายลูกน้อง
ทั้งที่เลือดยังไหลไม่หยุด ยังล้อเล่นกับสมุทร
แล้วสมุทรจูบไฟก่อน  สมุทรจูบไฟ  อะจ๊ากกกกก :ling1: :ling1: :ling1:
โอย......สุดยอดดดด มันดีต่อใจจริงๆ  :z3: :z3: :z3:
สมุทร เหมือนยอมเปิดตัวตน เปิดใจกับไฟแล้ว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ในสถานการณ์คับขัน ความรู้สึกที่เก็บกักไว้ มันจะทะลักทะลายออกมา
ไฟ ถูกยิง เลือดไหลไม่หยุด เปรอะเสื้อผ้า
ถ้าสมุทรไม่มีใจกับไฟคงไม่ช็อก ขออุ้มไฟ ประกบไฟตลอด
ยอมไฟแล้ว จูบไฟ คนไม่รักกันเขาไม่จูบกันหรอกนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 09-03-2017 23:40:39
ช่วงแรกเหมือนจะหน่วงๆ
อ่านละอึดอัดหน่อยๆ
พอมาฉากบู๊นี่สิ
คุณไฟกลับไปถ่อยเหมือนเดิมเลยนะคะ 555555
น่าสงสารโดนยิง
แต่ก็แอบดีใจที่คุณไฟโดนยิงเพราะสมุทรออกอาการอ้ะ
โอ้ยมีจูบด้วยนะ เราปลื้มปริ่มมมม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 10-03-2017 00:40:54
คุณไฟฟฟโดนยิงงงงงงง
เพราะช่วยสมุทร
แต่ก้คุ้มน้าาา สมุทรจูบบบขนาดนั้น
จะได้รุ้ไว่้ ว่ายังตายไม่ได้ เย้ๆๆๆ
555

เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกตอนนน
ใครจะหักหลังใครบ้างเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-03-2017 01:56:13
เครียดดดดดดดด.  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 10-03-2017 02:19:40
อ่านไปลุ้นไป ใช้สมาธิในการอ่านสูงมาก :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 10-03-2017 09:25:08
สนุกมาก ที่สำคัญรู้สึกอิ่มใจกับไฟด้วย สมุทรเปิดใจแล้ววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 10-03-2017 09:37:14
กว่าจะอ่านจบหายใจไม่ทั่วท้องนี่ชีวิตไฟมันเสี่ยงไปหรือเปล่า

แต่อย่างน้อยในสถานะการณ์วันนี้ก็ทำให้สมุทรกล้าที่จะเปิดใจให้ไฟแบบคิดไม่ถึงเลยนะ


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-03-2017 10:52:41
อ่านจบหนึ่งรอบไม่พอจริงๆ  ย้ำว่าตั้งใจอ่านมากทุกตอน ทุกตัวอักษร มันเข้าถึงอารมณ์จริงๆนะ ยอดเยี่ยมอีกแล้วเบบี้ มันดุเดือด ใครเป็นหนอนบ่อนไส้กันนะ!? คนมียศใหญ่กว่าพี่ทัพหรือป่าว น่าสงสัยๆ

แอบขำตอนเด่นบอก "ได้ตัวนายแล้ว ถึงเรือภายในสามสิบวิ"มันเป็นคำพูดที่เราคิดว่าน่ารักอ่ะนะ ทั้งที่ความจริงมันอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังคับขัน ...มันดูห่วงนายมันมากกจริงๆ สมแล้วที่ไฟรักลูกน้องเหมือนคนในครอบครัว ใจซื้อใจเลยก็ว่าได้.

พี่ธานยังคงแม่นปืนตลอด สไนเปอร์ออกโรงอีกครั้งหลังจากไม่ได้ใช้มานาน เท่สุดๆพี่ใหญ่

พี่ไฟเวลามีเรื่องตึงเครียดแม่งชอบเล่นมุกตลกอยู่
เรื่อย ไม่ขำนะเว้ยพี่55555 

สมุทรเราว่านายคงเปลี่ยนไปเยอะแหละหลังเหตุการณ์นี้ นายจะไม่จับปืนจริงๆหรอ? เข้าใจนะเหตุผลว่าทำไม แต่เอาเถอะอยู่กับพี่ไฟแล้วนายจะปลอดภัย โมเมนต์ของการเอามือซ้ายปิดตาสมุทรแล้วตัวพี่ไฟเองเอามือลั่นไกยิงเพื่อปกป้องอีกฝ่าย แม่งงงงงงงงงง....ถ้าไม่รักพี่ไฟเราจะโกรธนายจริงๆนะสมุทร พี่ไฟโครตจะแคร์และห่วงนายตลอด ...นายพิเศษกว่าคนอื่นๆ เปิดใจให้พี่ไฟเข้าใกล้ได้แล้วววว

เราเขินมากเบบี้ เธอแต่งได้ยังไง ภาพพี่ไฟจูบสมุทรเอ๊ะ....ไม่ใช่สิ สมุทรต่างหาก ที่จูบก่อนภายในรถที่มีลูกน้องสนิท แกรรรรรรร!!!!! เราเขินแทนพี่ไฟมาก กริ๊ดดดดดจริงๆนะ ไอ้รุ่งเจ้ากรรมนางถึงกับโดนสั่งให้ก้มหน้า ไอ้เด่นสนใจในการขับรถต่อไป พี่เข้มเราก็ต้องทำเป็นไ่ม่รู้ไม่ชี้ .....แลดูฮากับลูกน้องพี่ไฟนิดๆ
และตลกในความคิดพี่ไฟทุกครั้งที่คิดแต่ในเรื่องใต้สะดือตลอด 5555 :mew4:

เจ้หงส์หมอเถื่อน นางสมเป็นเพื่อนพี่ไฟจริง "หายใจไว้เพื่อน" แล้วตัดภาพมาที่พี่ไฟกำลังจะสลบ อีบ้าาาาาใครจะไม่อยากหายใจกันเล่า 55555 ฮากับคำพูดพี่ไฟอีกแล้ววว

ปล.ขอบคุณเบบี้มากๆค่ะตอนนี้ยาวมากกกกเต็มอิ่มไม่ค้างและรอได้เสมอสำหรับตอนต่อไป
ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ :กอด1: :L1:

รักพี่ไฟเหมือนเดิม :) :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Lukaka ที่ 10-03-2017 10:57:05
ความสบถความน๊อตหลุดของ พี่ธาน มันกร๊าววใจเป็นที่สุดดด  รักพี่ธานนน

ไฟ คือ ไฟ ที่แท้จริง คึคึ......


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 10-03-2017 11:27:22
ตอนที่ไฟเอามือปิดตาสมุทร นึกออกได้ประโยคเดียว
#หลบหน่อยพระเอกมา  :z3:
แล้วคุณพี่ธานคะ สบถได้ถูกใจป้าจริงๆค่ะ #ป้าวายสายเถื่อน  :z1:
เป็นกำลังให้เบบี้สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 10-03-2017 14:31:28
ตอนนี้ลุ้นมากกก และดูไฟจะใส่ใจสมุทรมากกก
และที่สำคัยเหมือนสมุทรจะยอมแล้วววว :-[

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 10-03-2017 15:42:51
ไฟลูกจะขาดใจอยู่นั่นเพราะกระสุนหรือเพราะจูบคะตอบคะไฟขาของบ่าว

หัวใจไฟยากแท้หยั่งได้มาก เด็ดเดี่ยว กวนตีน ครบทุกรส แน่ใจว่าถ้าสมุทรกินแล้วท้องไม่เสีย 5555

ไฟไม่เป็นไรใช่มั๊ย จูบลืมตายขนาดนั้น ฟื้นมาจัดต่อจนจบแน่นอน 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-03-2017 20:28:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 10-03-2017 22:30:09
โฮก!!!!!!!!!!!!!!!อ่านวนฉากจูบไปหลายรอบ  :z3: :z3: :z3: คือดี คือฟิน คือ.........อยากมีเซ็กส์เว้ย!!!  :oo1: :oo1:55555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 10-03-2017 23:43:48
เลือดสาดจนตอนสุดท้าย ทีมไฟแข็งแกร่งมาก แถมยังช่วยสมุทรไว้อีก งานนี้ไม่รักก็ไม่รู้จะไปรักงานไหนแลัวนะคะ นาน ๆ มาที แต่หลายหน้าขนาดนี้ก็ไม่ซีเรียสค่ะ ยังคงรอติดตามได้ตลอด และจะอ่านตอนเดิมวนไปก่อน  :กอด1:  เพราะหลังๆ เริ่มมีฉากความละมุนละมัยเข้ามา เหมือนได้พักหายใจหายคอจากการนองเลือดบ้าง  :hao5:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-03-2017 22:40:33
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ

ไฟรักจริงนะนี่ ยอมโดนยิง เพื่อสมุทรเลย
ไฟไม่ทิ้งความโหดเลย อยู่แบบเคยชิน ไม่แปลกที่ธานกับพายุจะงง ทำไมถูกยิง

สมุทรอย่าพึ่งเป็นอะไรนะ อย่าพึ่งหนีไป แต่คิดว่าสมุทรไม่ไปไหนหรอก เพราะคนเราพลาดได้เนาะ

อยากกรี๊ดให้ลั่น แม้ในสถานการณ์ตึงเครียด สมุทรยอมจูบไฟก่อนแล้วววว

เพื่อนไฟแต่ละคน มีความแรง และมีความร้าย


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 14-03-2017 03:04:24
ชอบตอนที่ไฟมีโมเม้นกับสมุทรง่ะ ดูอบอุ่นอ่อนโยนเป็นสาวน้อยเลย  :hao3:

รอตอนต่อไปค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 14-03-2017 08:55:28
ดีใจที่มาต่อค่ะ นึกว่าจะต้องรอนานกว่านี้ซะอีก
ตอนแรกก็ยังเคืองสมุทรอยู่นะจากตอนที่แล้ว
อยากให้พี่ไฟเมินใส่ให้มากกว่านี้หน่อย หมั่นไส้สมุทรอ่ะ
แต่พอเจอซีนแอคชั่นดราม่าเข้าไป ใจอ่อนเลยอ่ะ
สมุทรเริ่มเห็นใจพี่ไฟแล้วใช่มั้ย เป็นห่วงขนาดนั้น
ไอ้ที่ก้มลงไปจูบพี่เค้าก่อนอีกกกกก โอ๊ยยยยยยย  :katai2-1: :katai2-1:
มันดีต่อใจเรามากจริงๆนะสมุทร ตอนหน้าหวังว่าจะซอฟท์ๆละมุนๆ
ให้พระนายเราบ้างนะคะเบบี้ เรารออยู่ เบบี้สู้ๆนะ ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ
นี่ขนาดแค่อ่านยังรู้สึกว่าใช้พลังไปเยอะเลย งื้อออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 14-03-2017 21:28:16
ชอบความจังไรแบบเสมอต้นเสมอปลายนี้ของไฟอ่ะ
จังหวะถามว่าหน้ากูเหมือนพ่อมึงเหรอ นี่แบบ
ทั้งลุ้นทุงขำ แล้วแม่งตอบเองด้วยนะ เออ แกหล่อ
สมุทรคงต้องช็อคเบาๆ โลกของไฟ คืออะไรแบบนี้
แต่เบื่อตำรวจ วดฟ. ชอบมาช้าทุกที ฮึ่มมม แล้วให้คนอื่นเขาไปเสี่ยงแทนนี่นะ
ฟฟฟฟฟฟ เกลียด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 15-03-2017 14:42:16
อยากทุ่มสมุทรสักป้าบ ให้สมองมันเอาส่วนไม่จำเป็นออกไปซะ เรื่องไหนตัดได้ก็ตัดนะคะโดยเฉพาะชะนีpublic ทั้งหลาย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 16-03-2017 08:46:48
 o22  อ่านรวดเดียวจบ  สนุกมาก  จนอยากเป็นเพื่อนกับคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 17-03-2017 19:22:52
ขอออกตัวก่อนเลยว่าทีมสมุทร แต่ให้ตายเถอะ อีตอนล่าสุดนี่มันกร๊าวใจจริงๆ คุณไฟตอนเอามือปิดตาให้สมุทรนี่แบบ กรี๊ดมาก ยกมือปิดปากแล้วเลิกอ่านเพื่อสงบสติอารมณื กร๊าวใจ จิตใจน้องไขว้เขวไปกับความมาดแมนของคุณไฟแล้วค่ะ ฮื่อออออ ทูนหัวของบ่าว  :m15:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 17-03-2017 21:47:52
 
สวัสดีค่ะ

เนื่องจากว่าช่วงนี้ร่างกายเบบี้ลุ่ม ๆ ดอน ๆ  มีส่วนที่เป็นผลกระทบจากงานเขียน The Real Me อย่าท้าให้บ้ารักอยู่บ้าง  ที่ผ่านมาค่อนข้างฝืนร่างกายเพื่อเขียน(แต่ละตอนที่ยาวเพื่อให้ครบถ้วน)  รวมถึงสิ่งอื่น ๆ ที่ทำอยู่ด้วย  หลายอาทิตย์มานี้มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ ตาพร่า ฯ ประท้วง  เลยเป็นจุดที่ตัดสินใจที่จะลดบางสิ่งที่ทำอยู่ไม่ให้หักโหมตัวเองเกินไป  เพื่อปรับสมดุลร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ  พูดตรง ๆ ว่านิยาย #อย่าท้าให้บ้ารัก ใช้พลังงานมากและรายละเอียดของงานแต่ละตอนทำให้มีความเครียดสะสม  รับรู้ว่าร่างกายไม่โอเคมาเสมอและมีขีดจำกัดจึงบอกผู้อ่านไว้ก่อนตลอดว่า...ไม่ทราบว่าจะมาต่อตอนต่อไปให้ได้เมื่อไหร่/อย่างไร  ซึ่งก่อนหน้านี้ร่างกายกำลังจะดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ  แต่พอดีมาเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยจากความประมาทของเบบี้เอง  ที่คงคิดว่าตัวเองยังเป็นวัยรุ่นใส ๆ 14 อีกครั้ง  ตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นอักเสบ  ทำให้นั่งนานไม่ได้ค่ะ  อยู่ระหว่างรักษา เอนกายเป็นผักเน่า 555+  เลยรู้สึกว่าตัวเองต้องการพักอย่างจริงจัง  โดยไม่อยากต้องกังวลว่าคนอ่านกำลังรออยู่  จึงจะมาแจ้งล่วงหน้าเพื่อบอกให้ทราบว่า...หากตอนต่อไปจะล่าช้า(มาก)เป็นเพราะสาเหตุนี้  แต่คงจะไม่ให้รอนานร่วมหลายเดือนหรอกค่ะ  ถ้าทุกอย่างเป็นปกติแล้วก็จะรีบจัดแจงให้ค่ะ



ขอบคุณค่ะ  ..เบบี้( เมียพี่คิวเองจะใครล่ะ #คนละเรื่อง :ruready )   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 17-03-2017 22:00:50
ขอให้หายดีไวๆนะคะเบบี้ ยังคงรอนิยายของบี้เสมอ รอได้ค้าบบบ ลุ้นจังเลอสมุทระยังไงน้าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 17-03-2017 22:22:15
 :pig4: ขอบคุณเบบี้ที่มาชี้แจ้งค่ะ คนอ่านก็ไม่อยากให้เบบี้กังวลว่าทุกคนรอหรือเร่งน้า
สุขภาพของเบบี้สำคัญที่สุดจ้า หายแล้วค่อยมาต่อ ระหว่างนี้เราก็อ่านตอนเก่าๆ ฉากสวีทๆฟินๆวนไป อิอิ
 :L2:  :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 17-03-2017 23:07:26
เบบี้คะ ขอให้หายไวๆนะคะ พักผ่อนเยอะๆ ดูแลตัวเองด้วยค่ะ
สุขภาพมันสำคัญมากจริงๆ เรื่องนิยายพักไว้ก่อนก็ได้ค่ะ
เรารอได้ ยังไงก็จะรอและเฝ้าติดตามเสมอแน่นอนค่ะ
ไม่ต้องกังวลนะคะ ยังไงสุขภาพก็สำคัญกว่า

ปล.อ่านพี่คิวในroyal swanจบนี่ รู้สึกอยากแย่งชิงในการเป็นเมียพี่คิวตงิดๆ555
แต่ดูท่า ที่ยากสุดก็คือการชนะใจคุณชายท่านนี่ล่ะหล่ะ ชอบมากกับคำพูดที่ว่า
But i love you เป็นคำพูดที่ตรงและชัดเจนในประเด็นแบบที่ทำคนฟังพูดไม่ออกเลยทีเดียว
บางทีก็สงสารเค้ก คนรอบข้างนี่รับมือยากกันทุกคนเลย โดยเฉพาะคนนอนร่วมเตียง ฮ่าๆ
ขอเสริมคอมเม้นท์ผิดเรื่องนิดนึงนะคะ เดี๋ยวจะไปหวีดร้องต่อในทวิต อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 18-03-2017 01:35:56
ถึงจะรู้ว่ายังไม่มาแต่ห้ามใจไม่ได้ เค้าเข้ามาส่องทุกวันเลยเบบี้
หายเร็วๆนะ สู้ๆ :a2: :a2:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 18-03-2017 02:55:54
ขอให้เบบี้หายเร็วๆนะคะ รอได้เสมอค่าาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-03-2017 05:20:47
ยังไงก็รอได้ อย่าฝืน ดูแลตัวเองด้วยนะ

พูดแล้วก็คิดถึงพี่คิว น้องเค้ก รักบัตเตอร์เชอร์เบท อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 18-03-2017 08:22:25
หายไวไวนะคะเมียพี่คิว 5555
ยังไงก็รอคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 18-03-2017 10:23:00
 :กอด1: รักษาสุขภาพนะคะ ขอให้หายไวไว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 20-03-2017 08:46:18
หายไวๆคะเบบี้ ยังไงก็รอเสมอคะ ไม่ต้องกังวลว่าเรา พักให้สบายเนื้อตัวคะค่อยว่ากันเน้อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 20-03-2017 15:40:04
หายไวๆ นะคะเบบี้ คนอ่านรอได้ สุขภาพสำคัญที่สุด รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หายไวๆ นะคะ เราจะรอพี่ไฟอยู่ที่ท่าน้ำเสมอ

จาก เมียทาสพี่คิว เอ๊ะ คนละเรื่อง 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 20-03-2017 21:00:08
รักษาสุขภาพก่อนนะคะ  :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-03-2017 21:21:19
ขอให้หายไวๆ และร่างกายแข็งแรงนะค่ะ  :3123: :3123: :3123: :3123:
พักผ่อนเยอะๆนะ เรารอได้  :กอด1: :กอด1:
สุขภาพสำคัญกว่าค่ะ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 20-03-2017 21:40:06
ดูแลตัวเองให้หายก่อนเนอะ นิยายค่อยมาต่อก็ได้ สุขภาพเราสำคัญที่สุด  :mew1: :mew1:

ยังไงก็หายไวๆนะเบบี๋อย่าหักโหม ถ้ารู้ว่าเครียดก็พักผ่อนก่อน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 20-03-2017 22:34:00
ขอให้หายจากอาการป่วยในเร็ววันนะคะ  ได้พักผ่อนทั้งกาย และสมองอย่างจริงจังคิดว่าสุขภาพน่าจะดีขึ้นตามลำดับ  สู้ ๆ ค่ะ ยังไงก็ต้องเอาตัวเองเป็นหลัก ไม่ควรฝืนมากไปนะคะ เพราะถ้าล้มป่วยหนักกว่านี้ขึ้นมาอาจจะต้องใช้เวลารักษาสุขภาพนานขึ้นกว่าจะกลับมาเป็นปกติ (วัยใส 14 อีกครั้ง  :laugh: ) 



เรื่องนิยาย รอได้แน่นอนค่ะเพราะรู้ว่ายังไงคนเขียนก็จะไม่ทิ้งไปแน่นอน เลยไม่ซีเรียสเรื่องระยะเวลาในการมาต่อตอนต่อไป อยากจะบอกว่า ย้อนอ่านสองตอนล่าสุดไปประมาณห้า หกรอบ  จนคิดว่าจะท่องได้แล้ว ชอบใจในความคืบหน้าด้านการแสดงความรู้สึกของสมุทร เล่นมาทำแบบนี้ตามอำเภอใจกับคุณไฟในช่วงที่อ่อนแอ และโต้ตอบไม่ได้  :z3: รอว่าถ้าคุณไฟดีขึ้นเมื่อไร คงไม่ปล่อยสมุทรได้มีโอกาสรอดมือไปได้  :oo1:



รอตอนต่อไปหลังจากอาการป่วยของคนเขียน (แฟนพี่คิว !?  :a5: #ทีมเค้กค่ะ# 555 ) ดีขึ้นนะคะ สู้ ๆ ค่ะ


 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 21-03-2017 00:24:40
สู้ๆนะคะ ขอให้หายป่วยไวๆ

กลับมาแข็งแรงปึ๋งปั๋งๆเลยนะค้าาาาา

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 21-03-2017 06:49:34
หายไวไวค่ะ ลองไปแช่ออนเซ็นไหมคะ เค้าว่าผ่อนคลายร่างกาย อาจช่วยคลายเส้นประสาทที่มันตึงเครียดได้ดี แล้วถือว่าไปพักผ่อนด้วยนะค่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 22-03-2017 21:19:21
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย ลุ้น เครียด เกร็ง เขิน มาครบ555  :heaven
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 22-03-2017 21:26:32
ขอให้ร่างกายแข็งแรงไวๆนะค้าา ยังน่ารักนึกถึงคนรออ่าน อิๆ รอได้จ้า รอให้ดีขึ้นก่อน นั่งนานๆได้ คาอยกลับมาเขียนจ้าา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 22-03-2017 21:58:33
หายเร็วๆนะค่ะเบบี้ ขอให้บุญรักษาค่ะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 23-03-2017 16:19:14
ก่อนอื่นขอให้หายป่วยในเร็ววันนี้นะคะคุณเบบี้ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ^^

เป็นการคอมเม้นครั้งแรกก็คงจะยาวไปสักนิดขอประทานโทษนะคะ

ขอแนะนำตัวว่าเป็นแฟนคลับใหม่ของนิยายคุณเบบี้ค่ะ และคิดว่าคงจะอยู่ยาวเป็นแฟนพันธ์แท้เลย^^

เราเพิ่งอ่านจบ(ทุกตอน)เมื่อสักครู่ อ่านชนิดที่ว่าวางแทบจะไม่ลงเลยทีเดียวเชียว
มันถูกจริตเสียจนอินไปกับตัวละครแทบจะทุกบรรทัด

คงต้องขอบคุณน้องสาวที่ทำงงานที่แนะนำมาให้อ่าน ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่ได้เข้ามาในเล้าเป็ดมาเกือบ5ปีแล้ว
ด้วยภาระการงานและอีกหลายๆอย่าง ส่วนใหญ่เวลาอ่านนิยายจึงไปเลือกซื้อจากร้านซะส่วนใหญ่

แต่พอเจอนิยายเรื่องนี้ของคุณเบบี้ มันแบบต้องอ่านรวดเดียวยาว
อาจจะดูอวยเกินเหตุไป แต่นี่คือความรู้สึกจริงๆเมื่ออ่านถึงตอนที่41

นิยายแนวนี้หาอ่านค่อนข้างยากพอสมควร เพราะตีมหลักเน้นเรื่องงานเสียมากกว่า (เป็นงานที่สุกมาก)
อาจจะด้วยวัยของเราขึ้นต้นด้วยเลข3 ตามหลังด้วยเลขหลักกลางสิบ เรียกได้ว่าเป็นสาววายวัยเดอะ จึงถูกจริตถูกจิตถูกใจคุณไฟและสมุทรเอาเสียมากๆ

ในพาร์ทของนิสัยตัวละคร คุณเบบี้เขียนได้ละเอียดจริงๆเหมือนเบบี้จำลองการเป็นตัวละครนั้นใน ณ ขณะนั้น
 ทำให้เราคิดตามและพยายามอ่านนิสัยทุกคนไปด้วย ชอบจุดนี้มากจริงๆค่ะ

รายละเอียดเล็กๆน้อยก็ถูกเติมมาในประโยคอย่างเป็นธรรมชาติ อ่านเพลิน นิสัยคุณไฟก็ชวนหลงไหลเหลือเกิน ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน
แปลกที บางคนก็ตีความว่าคุณไฟช่างดูยาก ฮ่าๆ
จริงๆแล้วคุณไฟดูเป็นคนที่ชอบศึกษานิสัยตัวเองมากกว่าจะทำความเข้าใจคนอื่นอีกนะคะ

เรื่องที่ผลัดกันรับและรุกนี่ ถ้าเบบี้สื่อออกมาในนิยายผ่านนิสัยตัวละคร ส่วนตัวเราถือว่าสำเร็จนะคะ เพราะเราอ่านแล้วคิดว่ายังไงซะสองคนนี้ยังไงก็ต้องผลัดกัน ><
 แล้วก็ชอบที่คุณเบบี้ บอกว่า จะไม่เปลี่ยนพล็อตนิยาย ไม่ได้คิดว่าไม่แคร์ผู้อ่านนะคะ
 แต่คิดว่าเบบี้นับถือผลงานนิยายของตัวเอง และให้เกียรติตัวละครที่เขียนออกมา

รู้สึกว่าจะออกความเห็นยาวไปแล้ว อย่างที่บอกค่ะมันชอบมากจริงๆ
ก็เหมือนคนชอบทานผัดกระเพรา แล้วบังเอิญเจอคนปรุงที่ทำ ผัดกระเพรา ได้รสดี รสเด็ดเสียจนติดใจนั้นแหละค่ะ

Ps.สมัครเป็นแฟนคลับเบบี้และไฟ-สมุทร จนตัวอักษรสุดท้ายยย ^__^

 :mew1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 28-03-2017 17:55:24
สู้ๆ ครับ ขอให้หายป่วยเร็วๆ

ปล. จะฟ้องเค้ก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 28-03-2017 20:15:47
ส่งกำลังใจให้ค่ะ ขอให้หายเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 29-03-2017 00:01:13
หายไวๆ. กลับมาแข็งแรง กว่าเดิม นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 29-03-2017 17:35:04
มารอพี่คิว  เฮ้ยยยย  มารอคุณไฟ >////<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 03-04-2017 12:26:21
มาอ่านตอนเก่าซ้ำ รอเบบี้เอาตอนใหม่ของไฟขามาลงนะคะ
คิดถึงจะแย่แล้วค่ะ ทั้งไฟทั้งเบบี้เลยยยบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 03-04-2017 21:56:52
มีเพื่อนรอแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-04-2017 22:18:08
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 03-04-2017 22:20:17
คิดถึงจังเลยค่ะ  อ่านอีกรอบ ฟินมากกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 09-04-2017 03:07:22
รอออ  :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 41 [ 13:50 น. - พฤ. 9 มี.ค 60 หน้า 53 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 10-04-2017 14:05:34
เจอกันวันสงกานต์ไหม :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-04-2017 14:21:20

ตอนที่ 42
..ไฟ..



7 ปีก่อน


โฮ่ง ๆ ๆ ๆ


“บานเย็น ..บานเย็น” เจ้าของสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์เอ่ยปากเรียกเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย  เธอหันรีหันขวางทั้งที่ไม่สามารถมองเห็นได้  ร่างไร้วิญญาณของบุคคลอันเป็นที่รักนอนอยู่ใกล้ปากประตู

“ชู่! หงส์ กูเอง”

“ไฟ...ลุงช้าง ลุงช้างอยู่ไหน อยู่ตรงนี้ไหม กูไม่ได้ยินเสียงลุงแกมาสักพักแล้ว” หงส์พูด  ดวงตาทั้งสองข้างถูกปิดไว้สนิท  แขนทั้งสองข้างของเธอไขว้มัดติดกับเสาที่ด้านหลัง  สีหน้าร้อนรนเพิ่งปรากฏเมื่อถามถึงคนชื่อนั้น  ผมไม่ตอบ  เดินย่องเบาเข้าไปหาเธออย่างระวัง  วางปืนลงกับพื้นบ้านที่ทำจากไม้ไผ่คล้ายพร้อมทำลายทิ้ง 

“ไฟ ตอบกู” น้ำเสียงของหงส์เริ่มสั่นเครือ  ผมยังคงเฉย  เสียบมีดพกพาตัดเชือกที่มัดแขนของหงส์ไว้แน่นจนเป็นแผลเหวอะ

“โชคดีที่กูเอาบานเย็นมาด้วย” ผมพูดคนละเรื่อง  เพราะสุนัขแสนรู้ของหงส์ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น

“อึก! ระ..ระยำ” หงส์เบะปาก  ตัวสั่นเทิ้ม  หัวห้อยหักลงอย่างหมดอาลัยในชีวิต

กลิ่นเลือดโชยเตะจมูกปะทะแรงจนไม่สามารถปกปิดความจริงไว้ได้อีก  ผมคิดว่าหงส์คงรู้ดีแต่เพียงแค่พยายามหลอกตัวเองก็เท่านั้น  หากผมเปิดผ้าปิดตาของเธอออก เธอจะต้องยอมรับความจริงตรงหน้า  น้ำตาไหลผ่านเนื้อผ้าจนย้อยลงมาเปื้อนปากที่แห้งผากของเธอ  เชือกที่แขนและที่เท้าถูกแก้ออกเป็นอิสระ  ผ้าสีดำที่ปิดตาอยู่ปลดลงจนมันร่วงหล่นลงพื้น  หงส์ยังคงก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น  ใบหน้าขยับเงยขึ้นอย่างเนิบช้ามองไปยังร่างของลุงช้างที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วหลายชั่วโมง 

“กะ...” หงส์พูดไม่ออก  ปากขยับแต่ไม่มีเสียงหลุดออกมา  มีเพียงน้ำตาที่พรั่งพรูเปื้อนเต็มใบหน้า  ผมหยิบปืนที่วางอยู่พร้อมลุกขึ้นยืน  คว้าศีรษะของเธอมากอดไว้

“กูมาช้า กูผิดเอง” ผมเอ่ยขอโทษ 

“ฮื้ออออ!” หงส์อร้องโฮกลั้นไม่อยู่ซุกหน้าลงที่ตัวผม  เสียงร้องไห้ที่ปล่อยทุกสิ่งอย่างอย่างกับไม่ใช่เสียงของผู้หญิง  ตัวของเธอสั่นขึ้นเรื่อย ๆ อยู่สักพักและก็หยุดเงียบไปเอง 

“คุณไฟ เราต้องไปแล้วครับ” พี่ธานโผล่หน้าเข้ามา

“ทางลาดตระเวนบอกให้พวกเรารีบกลับออกไปก่อนที่พวกมันที่เหลือจะตามมาอีก ทีมลาดตระเวนจะเตรียมเข้าบุกที่นี่ เราต้องรีบออก” พี่ธานพูด  ผมพยักหน้ารับทราบ  ส่งสัญญาณไปยังลุงช้างที่นอนอยู่  พี่ธานกวักมือเรียกลูกน้องในทีมของเราให้รีบนำญาติผู้ใหญ่กลับออกไปด้วยกัน

“ไปเถอะ” ผมกระซิบบอก  มือลูบแก้มหงส์เป็นการย้ำเรียกสติเธอ  อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็ผลักตัวผมออกอย่างแรง  ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่รีรอ  ผมได้เพียงแต่ออกปากห้าม  เสียงโหวกเหวกโวยวายของอีกฝ่ายหนึ่งในป่าที่กำลังกลับมาถึงทำให้ผมจำเป็นต้องลั่นไกปืนเพื่อยิงคุ้มกันหงส์ที่เดินดุ่ม ๆ อย่างแน่วแน่ออกไปอย่างไร้สิ่งกำบัง  ทันทีนั้นเองพวกมันถึงได้รู้ตัวว่าถูกพวกผมบุกเข้ามาทำลายรังของพวกมันไปเสียแล้ว 


ปัง !!!!!  ตู้มมมม !!!!!!

“หงส์!” ผมตะโกนลั่น  วิ่งตามหลังอีกฝ่ายที่ย่ำเท้าตรงเข้าหาศัตรูที่อยู่ในป่าอย่างมีเป้าหมาย  ไร้ความเกรงกลัว  คล้ายกับรู้ว่าใครเป็นใคร  เสียงของพี่ธานวิทยุย้ำเรียกทหารลาดตระเวนที่เราเพิ่งแยกกันมาก่อนหน้านี้  เพื่อหวังว่าจะตามคนของเราได้เร็วขึ้น  ปืนถล่มยิงซึ่งกันและกันระห่ำ  ผมจับจ้องเพียงหงส์เท่านั้นด้วยกลัวว่าจะคลาดสายตากันอีก  ชายคนหนึ่งที่ถูกหงส์พุ่งเข้าใส่มีสีหน้าแสยะเย้ยหยันและพร้อมต่อสู้กับเธออย่างไม่เกรงใจกัน  ผมได้เพียงแต่ปล่อยให้เพื่อนได้ทำตามใจและทำได้เพียงยิงสะกัดป้องกันตัวไปรอบด้านให้เธอเท่านั้น 

“อ้ากกกก!!!” หงส์ร้องคำราม  สีหน้าเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง  หมัดกระหน่ำซ้ำไปที่หน้าของผู้ชายที่ถูกเธอคร่อมทับเอาได้ในไม่กี่วินาที  ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือดจากการถูกชกซ้ำ ๆ  ปืนตกกระเด็นไปไกลเกินจะเอื้อมถึง  ดูท่าแล้วหงส์จะไม่เหนื่อยง่าย ๆ  บานเย็นเห่าเรียกเจ้านายด้วยความเป็นห่วง  ขาหน้าของมันเด้งขึ้นสูงจากการยื้อกับโซ่ที่ล่ามคอของมันไว้เพื่อฉุดห้ามไม่ให้เข้ามาตรงนี้

เสื้อแขนสั้นของเพื่อนผมที่สวมใส่เป็นตัวเดียวกันกับเมื่อเช้านี้  ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเสื้อกล้ามที่ขาดหลุดลุ่ยจนแทบปกปิดหน้าอกของเธอเอาไว้ไม่มิด  สกปรก  ดูก็รู้ว่าคงถูกใครบางคนทำให้มันฉีกขาดจนเสียสภาพ  กล้ามเนื้อแขนที่หงส์ฟูมฟักมาเป็นอย่างดีปูดนูนกว่าปกติ  เห็นชัดต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ได้ออกกำลังกาย

.. พี่ธานที่ซุ่มยิงอยู่ใกล้กับตัวกระท่อมส่งสัญญาณมือมาทางผมเพื่อบอกว่าเราไม่สามารถอยู่ได้นานเกินกว่านี้  ผมจึงเข้าไปกอดเอวของหงส์เพื่อจะช้อนตัวเธอขึ้นมา 

“เราต้องไปแล้ว” ผมกระซิบที่ข้างหู  หงส์หยุดนิ่ง  หลังมือเปื้อนไปด้วยขี้ดินและเลือดสีแดงสด  เธอทั้งร้องไห้  ทั้งหอบเหนื่อยขณะเดียวกัน  ผมกอดเอวของหงส์ไว้แน่น  เสียงยิงต่อสู้รอบตัวเรากระหน่ำดังขึ้นเรื่อย ๆ

“ยิงซะ” หงส์พูดด้วยน้ำเสียงที่ช่างเบาบาง

“ฮิ ๆ ๆ  อีเปรต!” ชายที่นอนอยู่พยายามแสยะหัวเราะให้เธอ  เลือดไหลออกจากปากเยิ้มเป็นทาง

“ยิงมันนน!!!” หงส์ตะโกนลั่น  ถ้าหากไม่มีเสียงปืนที่ยิงสู้กันอยู่ ณ ตอนนี้  เสียงของเธอคงสะท้อนก้องดังทั่วป่าเป็นแน่  ผมจ่อกระบอกปืนไปยังกลางหน้าผากของเป้าหมายเพื่อย้ำให้แน่ใจว่ามันจะตายในทันทีต่อหน้าเราทั้งคู่  ชายตรงหน้าเบิกตาโตเพิ่งรู้สำนึก... 


ปัง!

“ไฟ...มัน ฆ่าลุง อึก ฮื่อ!” หงส์เบะปากร้องโฮออกมาอีกครั้ง  ทั้งเหงื่อทั้งน้ำตาผสมปนเปจนแยกไม่ออก

“กูจะตามไปฆ่ามัน”

“หงส์...มันตายแล้ว”
ผมกระซิบเตือนให้เธอเย็นลง  กระสุนเจาะเข้ากลางหน้าผากและดวงตาที่ค้างเติ่ง  เป็นการจากไปที่ไม่ดี

“ไอ้เหี้ย..” หงส์พึมพำเสียงเครือ

“อึก ไอ้เหี้ย! ..เหี้ย! เหี้ย! อ้ากกกกก!! ขาของหงส์กระทืบไปที่ร่างไร้วิญญาญนั่นซ้ำ ๆ อย่างคับแค้น  ใบหน้าที่ถูกกระทืบซ้ำด้วยรองเท้าบูทเดินป่าบุบเบี้ยวไปมา  สติที่ไร้การควบคุมทำให้ผมจำเป็นต้องออกแรงอุ้มตัวเธอเพื่อบังคับให้ลุกขึ้น  หงส์ตัวลอยผละออกมาได้

“ฮื้ออออ ฮึก! ฮื่อ ๆ ๆ” เธอพยายามที่จะดิ้นตัวสู้แรงผมอย่างไม่ได้สติ  ขาที่ลอยสูงเหนือพื้นยังคงเตะปัดป่ายไปกลางอากาศซ้ำ ๆ  ลูกน้องที่มาด้วยกันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาคุ้มกันเราทั้งคู่

“ได้ตัวตัวประกันทั้งหมดแล้ว พวกเราขอออกพื้นที่ ย้ำ! ต้านไม่ไหว ขอออกพื้นที่ เปลี่ยน!”
เสียงของพี่ธานดังก้องไปทั่ว  มีแต่เสียงของพี่ธานเท่านั้นที่ผมได้ยิน



06:15 น.

“ฮ้า!” ผมสะดุ้งตื่นตัวโยน  รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตกเตียง 

“คุณไฟ!” นั่นเสียงของสมุทร  ผมลืมตาขึ้นช้า ๆ เพื่อปรับสภาพ

“นั่นมัน...เรื่องสั้น ของเพื่อนเก่า” ผมพึมพำ  ทิ้งถอนหายใจด้วยความโล่งอก  ขอบคุณที่เมื่อครู่นี้มันเป็นแค่ความฝันในอดีต  กลิ่นวันวานแย่เกินกว่าที่จะสานฝันต่อ 

“พูดว่าอะไรนะครับ ?” สมุทรขยับใบหน้าเข้ามาหาใกล้ ๆ

“ที่ไหน..?” ผมถาม  เสียงแทบเค้นไม่ออกมาจากลำคอได้อย่างเป็นธรรมชาติ  เราอยู่กันบนรถของโรงพยาบาลและกำลังเคลื่อนตัวไปที่ไหนสักแห่ง 

“วันใหม่แล้วครับ ผ่าตัดเอากระสุนออกเสร็จเรียบร้อย คุณหงส์ให้พาคุณกลับไปพักฟื้นที่บ้านของเธอน่ะครับ” สมุทรเรียบเรียงลำดับให้ผมเสียครบ  ใบหน้าของเขากำลังดีใจจนออกนอกหน้า  ไม่รู้ว่ารู้ตัวรึเปล่า  หรือไม่แน่  ผมอาจจะตาฝาดจากผลกระทบที่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่ก็ได้   

“คิดถึงฉันไหม ?” ผมยิงคำถามโต้ง ๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย  พยาบาลสองนางที่นั่งอยู่คนละฝั่งขนาบซ้ายขวาถึงกับปิดปากอมยิ้มออกมา  คนถูกถามถึงกับชะงัก  ทำสีหน้าไม่ถูก
 
“อึดอย่างที่คุณหมอบอกไว้จริง ๆ ด้วยนะคะ” พยาบาลที่นั่งอยู่ขวามือพูดแซว  ช่วยให้บรรยากาศปกติขึ้นหน่อย 

“ยัยนั่นมือหนักอย่างกับผู้ชาย” ผมบ่น  พูดถึงแล้วก็รู้สึกเจ็บที่แผลขึ้นมาเลย

“คุณหมอบอกด้วยค่ะว่าคุณเจ้าชู้ ให้พวกเราระวังตัว” เธอฟ้องยิ้ม ๆ

“เปล่าสักหน่อยครับ” ผมอมยิ้ม  จ้องมองเธอก่อนเหลือบไปยังสมุทร 

“แล้ว...หน้าท้องผมสวยไหมครับ ?” ผมกระซิบถาม

“ค่ะ เสียดายว่ามีแผลเป็นซะแล้ว” เธอแซวกลับ

“หึ นั่นสินะ แบบนี้ผมจะลืมลงเหรอครับนี่” ผมอมยิ้มมุมปาก  พูดลอย ๆ ไม่ได้มองหน้าใคร 

“คิก ๆ ๆ” พวกเธอปิดปากหัวเราะด้วยท่าทางเขินอาย  สมุทรเหล่สายตาพลางอมยิ้มออกมานิดหน่อย

ระยะทางจากโรงพยาบาลถึงบ้านของหงส์ค่อนข้างไกล  เพราะบ้านของหงส์ตั้งอยู่นอกตัวเมือง  คาดคะเนตามเวลาดูแล้วน่าจะเกือบสามสิบกิโลเมตรเห็นจะได้

.. บ้านไม้สักหลังใหญ่โอ่อ่าเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบ้านของบุคคลที่เป็นที่เคารพของคนในจังหวัด  บริเวณบ้านล้อมรอบไปด้วยป่าและต้นไม้ขนาดสูงใหญ่  บ้านพักสำหรับคนงานแยกตัวออกไปเป็นระเบียบเรียบร้อย  เป็นแบบที่หลานสาวของเจ้าของบ้านต้องการ  ส่วนบ้านรับรองแขกมีทั้งหมดสองหลังแยกออกทางปีกซ้ายและปีกขวาจากหลังหลัก  เพื่อสาเหตุที่ว่าจะได้ดูแลญาติที่มาพักได้ทั่วถึง  ทรงใต้ถุนสูงเมตรครึ่งเปิดโล่ง  คอกเลี้ยงม้า  บ้านของสุนัข  ลานจอดรถ  ลานกีฬา  ลานฝักสวนครัวขนาดกลางสำหรับหยิบใช้สอยได้ในทันทีที่ต้องการปรุงอาหาร  โรงครัวกลางสำหรับคนงานและแม่บ้านเป็นไปอย่างเรียบง่ายและอิงธรรมชาติ  ผิดจากรูปแบบของบ้านที่ออกแบบในแนวร่วมสมัย  หากมองจากคนภายนอกที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนคงจะคิดว่าบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยญาติพี่น้องที่อยู่อาศัยมากมายเป็นครอบครัวใหญ่  แต่เปล่าเลย  บ้านหลังนี้มีเพียงเพียงปู่กับหลานสาวเพียงคนเดียว  และหลานชายอีกคนที่มักมาอาศัยที่ประเทศไทยเป็นครั้งคราวเท่านั้น


“เคยมาแบบปกติบ้างไหม” น้ำเสียงแหบทุ้มน่าเกรงขามของชายสูงอายุเอ่ยคล้ายประชด  เลขจวนเข้าแปดสิบแล้วแต่กลับยังเดินคล่องปร๋อ  แถมโครงสร้างของรูปร่างก็ยังดีอยู่มากอีกด้วย  กล้ามเนื้อที่หย่อนยานไปบ้างตามอายุยังคงมีบางอย่างทิ้งไว้แสดงให้เห็นว่าสมัยหนุ่ม ๆ หุ่นสมบูรณ์แบบอย่างชายชาตรีมากเพียงไร

ผมนอนอยู่บนที่นอนที่วางราบกับพื้นในห้องนั่งเล่นติดกับระเบียงชานบ้าน  ลูกน้องของปู่เปิดประตูมุ้งลวดจีบออกเพื่อให้เจ้าของบ้านเข้ามาได้สะดวก  ผมอมยิ้ม  ยกมือไหว้ปู่ที่ไม่ได้พบหน้ามาพักใหญ่   

“แค่อยากทดลองว่าหงส์มันเก่งขึ้นแค่ไหนแล้วน่ะครับ” ผมพูด

“หึ ๆ ๆ” ปู่หาญหัวเราะชอบใจ  ลูกน้องของปู่เข้ามาเลื่อนเก้าอี้ให้แกนั่งที่ข้าง ๆ ผมและปลีกตัวออกไปจากตรงนี้โดยไม่ต้องออกปากไล่  ปู่เข้ามาจับมือผมตอบคล้ายบอกให้ผมลดมือลงได้แล้ว  เราต่างยิ้มมองกันและกัน  ไม้เท้าคุ้นตาเป็นอีกอันที่พายุเป็นคนเลือกซื้อให้  ปู่หาญชอบแบบเนื้อไม้เบาและคล่องมือ  รูปแบบไม่ต้องหรูหราผิดกับความชอบของป๋าจงลิบลับ  มือซ้ายของปู่หาญกุมอยู่บนหัวไม้เท้าและมือขวาวางทับมือซ้ายอีกทีหนึ่ง

“แล้วผมก็ชอบพักที่นี่ด้วย” ผมบอก  ปู่หัวเราะขึ้นจมูกอีกครั้ง

ปู่หาญ หรือที่เรียกกันติดปากชาวบ้านว่า “กำนันหาญ”  ทั้ง ๆ ที่ออกจากหน้าที่ของการเป็นกำนันมานานปีแล้วแต่ยังคงเป็นที่น่าเกรงขามและนับถือของคนหลายต่อหลายรุ่น  ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  ปู่หาญเป็นเพื่อนรุ่นน้องของปู่ผม  สมัยเป็นเด็กทั้งผมและหงส์ก็มักวิ่งเล่นสนุกกันแถว ๆ นี้  สมัยหนุ่ม ๆ ปู่หาญเคยเป็นข้าราชการตำรวจ  แต่มีเหตุทำให้ต้องลาออกหลังจากที่ภรรยาของตนเสียชีวิตในขณะที่ปู่ออกปฏิบัติหน้าที่  ใคร ๆ ต่างก็รู้สาเหตุการเสียชีวิตของเธอ  บ้านของปู่ถูกโจรขึ้นปล้นโดยญาติสนิทของผู้ร้ายที่ปู่เคยจับกุม

“มือตกงั้นรึ ?” ปู่อมยิ้มมีเล่ศนัย  คำถามแนวเดียวกับหลานสาวอย่างกับนัดกันมา

“แก่แล้วนี่ครับ” ผมพูด

“ของแบบนี้ ยิ่งแก่มันต้องยิ่งเก๋าสิวะ” ปู่ยิ้มแซวอย่างรู้ทัน  ผมแสยะยิ้มกว้างปฏิเสธไม่ออก  เล่นมุกปัดประเด็นกับคนรุ่นนี้นี่ไม่ง่ายจริง ๆ

“แล้ว...ปู่พาสาวขึ้นบ้านได้แล้วรึยังครับ” ผมเปลี่ยนเรื่อง 

ตั้งแต่ที่ภรรยาของปู่หาญเสียไป  ปู่ก็ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นบ้านนี้ได้อีกเลย  แม้จะมีสาวใหญ่สาวน้อยมากหน้าหลายตาพยายามเข้าหาให้ปู่เลือก  แต่ก็ไม่เคยผ่านด่านหลานสาวได้สักคน  แน่นอนละครับ ถึงแม้ปู่แกจะอายุมากแล้ว  แต่หากมองภาพรวมที่ฐานะ บริวารและการวางตัวของปู่แล้วละก็  สมัยรุ่น ๆ หกสิบน่ะแกยังเนื้อหอมอยู่เลย  ผมเคยเห็นสาวแตกเนื้อย่างยี่สิบจ้องจะงาบปู่ตาเป็นมัน  เรียกว่ามองข้ามหัวผมกับพี่ธานไปลับเลยละครับ

“ฉันเบื่อเรื่องผู้หญิงมานานแล้ว” ปู่ยิ้มตอบ

“ของแบบนี้มันเบื่อกันได้ด้วยเหรอปู่” ผมว่า

“หึ ๆ ๆ” อีกฝ่ายหลุดขำ

“มาก็ดีแล้ว พรุ่งนี้รุ่งเช้าปู่ต้องไปอยู่ดูไร่ของชาวบ้านสองวัน ฝากที่นี่ด้วยแล้วกันนะ”

“หลานปู่สิครับต้องดูแลผม” ผมพูดทีเล่นทีจริง

“ใครมาจีบมันก็พากันเผ่นหนีหางจุกตูดกันหมด เฮ้อ!” ปู่พูดความในใจคล้ายอัดอั้นมานาน

“คนงานที่ไร่กลัวมันมากกว่ากลัวฉันซะอีก ฉันก็เลยว่าจะรอแกให้มาขอมันไปเป็นเมีย” ปู่เขม่นตาแกมบังคับ

“หึ ๆ  ไม่ละครับ เกรงใจ”ผมตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฮ่า ๆ ๆ  ไอ้นี่” ปู่เงยหน้าหัวเราะลั่น

“เฮ้อ โต ๆ กันหมดแล้วสินะ” ปู่อมยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยนลง  สีหน้าแบบที่ทำให้ผมพูดไม่ออก

“เอาล่ะ...ตามสบายเถอะ มีอะไรเรียกใช้ได้เลย ฉันสั่งทุกคนไว้หมดแล้ว”

“ขอบคุณครับ ขอโทษด้วยที่มารบกวนอยู่เรื่อย” ผมขยับตัวพร้อมผงกหัวเล็กน้อย

“พูดอะไร เราก็รบกวนกันมาตลอดชีวิตอยู่แล้วนี่นะ” ปู่ว่า  ยันไม้เท้าลุกขึ้นยืน

“พายุสบายดีใช่ไหม ไม้เท้านี่มีประโยชน์จริง ๆ” ปู่ชมของที่อยู่ในมือ  ผมยิ้มกว้าง  ลูกน้องคนสนิทของปู่ที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างรีบเข้ามาเพื่อเปิดประตูทันทีที่เห็นว่าเจ้านายของตนลุกขึ้นยืน  เมื่อปู่หาญออกไป  ลูกน้องของปู่ทุกคนหันมาผงกหัวเป็นเชิงบอกลาผมก่อนจากด้วย 

“เด่น...” ผมเรียกหา  ไม่มีวี่แววของเสียงตอบรับ

“ไอ้เด่น!” ผมขึ้นเสียงนิดหน่อย

“ครับนาย!” อีกฝ่ายขานรับ  ฝีเท้าวิ่งฉับ ๆ มาอย่างรีบร้อน

“มึงอยากตายเหรอวะไอ้สัสเอ๊ย จะให้กูตะโกนเรียกจนท้องแตกก่อนรึไงวะ” ผมบ่น  รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาง่าย ๆ  เกลียดคนที่เรียกแล้วไม่ขานตอบ  มันน่าถีบให้กระเด็น

“ขอโทษครับนาย” มันผงกหัวปลก ๆ

“ต่อสายหาพี่ธานให้กูหน่อยซิ” ผมสั่ง  รับรู้ได้ว่าสภาพร่างกายของตัวเองจวนเจียนจะหลับอีกรอบ  จึงต้องการที่จะคุยธุระกับพี่ธานให้เสร็จเรียบร้อยหายคาใจ  รวมถึงอยากสั่งงานเกี่ยวกับพายุและไอ้ดินด้วย



- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-04-2017 14:21:59

15:30 น.

“นายหลับทั้งวันเลย” เสียงไอ้เด่นแว่วอยู่ไม่ไกล  น่าจะอยู่ที่ปลายเตียง  ตั้งแต่ถูกพาตัวออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ผมก็ยิงยาวเป็นระยะ ๆ ต้านทานไม่ไหว  ร่างกายอย่างกับถูกวางยาสลบ

“จะเป็นไรไหมนะ...” ไอ้เด่นกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล 

“นายดวงดียิ่งกว่ามึงรวมกันสิบตัวอีก เงียบ ๆ เหอะน่า เดี๋ยวนายก็ตื่นหรอก” ไอ้เข้มว่าปราม  แต่ผมรู้สึกว่าเสียงของมันจะดังกว่าน้องชายซะอีก

“ตั้งแต่เราอยู่กับนายมา นายไม่เคยพลาดจัง ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ มึงไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ” ไอ้เด่นพูด

“กูบอกให้เงียบไง” ไอ้เข้มดุ

“ดุกูอยู่ได้” ฝั่งน้องชายบ่นอุบคล้ายงอน

“เป็นไง เสื้อผ้าโอเคไหม” หงส์ถาม  เสียงฝีเท้าของเธอเดินเข้ามาทำให้รู้ว่าเธอเพิ่งมาถึง  ผมจึงจำเป็นต้องรีบทำเป็นเพิ่งแกล้งตื่น  หากไม่ทำผมคงได้ยินอะไรดี ๆ เพิ่มเติมขึ้นแน่  หงส์มันระดับปากดีตัวแม่เลยนะครับ   

“อ่าว ตื่นแล้วเหรอ” หงส์รีบเดินเข้าหา

“ดีขึ้นไหม” เธอถาม

“ก็ดี” ผมตอบ

“นี่มึงตั้งใจวางยาสลบกูใช่ไหม” ผมบ่น  หมดแรงจะขยับตัวแล้ว  อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด

“กินยาเพื่อให้พักก็ถือโอกาสพักไปสิ จะฝืนทำไม” หงส์ว่า

“แล้ว...สมุทรล่ะ” ผมถามถึง  ไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายตั้งแต่ที่ปู่หาญกลับออกไปแล้ว

“กำลังเตรียมทำกับข้าวอยู่ครับ” ไอ้เข้มตอบ  พวกมันสองคนนั่งพับเสื้อผ้ากันอยู่ที่ปลายเตียง  ไอ้เข้มที่นั่งหันข้างอยู่แอบชำเลืองมองหงส์เล็กน้อยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  พอมันรู้ตัวว่าผมมองอยู่  มันไม่แม้แต่จะหันมาสบตาผมด้วยซ้ำก็ก้มหน้าก้มตาหนีไป

“แล้วนั่นอะไร ?” ผมสงสัย

“เสื้อผ้าลูกน้องกูเอง ให้ใส่แก้ขัดกันไปก่อน พรุ่งนี้เช้ากูว่าง เดี๋ยวว่าจะพาไปซื้อในเมือง” หงส์ตอบ

“กูจะอาบน้ำได้เมื่อไหร่” ผมถาม  รู้สึกอึดอัดและขยะแขยงอะไรหลาย ๆ อย่าง

“ให้แผลมันติดกันสนิทก่อนเถอะพ่อคุณค่อยมาพูด” หงส์แทบตะคอก 

“มึงขึ้นเสียงทำเหี้ยไรเนี้ย” ผมว่า

“มึงพูดกับกูไพเราะมากเลยค่ะ กินเข้าไป!” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ยื่นแก้วน้ำเปล่ามาจ่อที่ปากแกมบังคับ  ผมเลยขยับหัวขึ้นดูดน้ำเปล่ามากิน 

“ออกไปก่อน” ผมปัดมือไล่พวกมัน 

“ครับ” ไอ้เข้มกับไอ้เด่นผงกหัว  วางมือจากกองผ้าก่อนออกไปและปิดประตูห้องนอนมิดชิด   

“ลูกน้องมึงบอกว่าจะขอจัดการเรื่องกับข้าวกันเอง”

“อือ ให้พวกกูทำกันเองดีกว่า มีคนพอทำเป็นอยู่น่ะ จะได้ไม่ลำบากคนของมึง” ผมพูด  แม่บ้านของหงส์ต้องรับผิดชอบคนในบ้านรวมไปถึงคนงานทั้งหมด  เรียกว่างานยักษ์ทีเดียวและผมไม่ต้องการเป็นภาระด้วย

“อยากได้อะไรเพิ่มไหม”

“ยืมลานฝึกให้พวกมันหน่อย” ผมขออนุญาตเพื่อขอใช้ลานกีฬาที่บ้านหงส์ที่โดยปกติมีไว้ให้ส่วนรวมที่นี่ได้ใช้  เป็นลานกีฬาง่าย ๆ ที่ปู่หาญให้คนงานช่วยกันสร้าง  อุปกรณ์เป็นของทั่วไปที่นำมาประยุกต์ใช้ได้นะครับ  บางอย่างที่ประยุกต์ได้จึงไม่จำเป็นต้องซื้อหาในราคาแพง 

“ตามสบาย” เธอยักไหล่

“มีล้อรถสิบล้อสักล้อสองล้อไหม หรือไม่ก็ยางรถยนต์ก็ได้ แต่ถ้ามีทั้งสองอย่างที่กูพูดนี่ก็เตรียมไว้ให้ด้วยก็แล้วกัน” ผมสั่ง 

“ได้” หงส์รับคำ

“ล้อรถยนต์ปกติกูเอาไว้ฝึกหมานะ ถือไหมละ” เธอย้อนถามตาใส

“ถือทำไมให้หนัก” ผมกวนกลับ  หงส์หัวเราะ

“นี่มึงกะไม่ให้พวกมันได้พักเลยเหรอ”

“มานอนอยู่บ้านมึงนี่ก็เหมือนได้พักตากอากาศแล้ว ไม่รู้ว่าต้องอยู่นานแค่ไหนด้วย” ผมพูด

“พวกมันไม่ได้ออกแรงสิจะครั่นเนื้อครั่นตัว” ผมอมยิ้ม

“แต่ราวไต่เชือกยังไม่ได้ซ่อมเลยนะ เสียมาเป็นเดือนละ ช่วงนี้คนงานเข้าไร่ ต้องลงผลผลิตเลยไม่มีใครว่างเลย”

“เดี๋ยวกูให้พวกมันซ่อมให้” ผมพูด

“โอเค” หงส์พยักหน้ายิ้ม ๆ

“มีข่าวอะไรไหม” ผมถามถึง

“ไม่นี่” หงส์ตอบ  เราต่างเงียบลงครู่หนึ่ง

“ทีวีไม่ออกข่าวอะไรเลย ?” ผมอมยิ้มสงสัย

“อืมฮึ” เธอยักไหล่ยืนยันคำเดิม

“เจ๋งนี่” ผมพ่นหัวเราะ 

“งานใหญ่เหรอ” หงส์อมยิ้ม 

“ก็ประมาณนั้น” ผมตอบ

“ไปทำยังไงให้ถูกยิงวะ ดวงมึงนี่ท่าจะเกิดมาเพื่อทำเรื่องพวกนี้ว่ะกูว่า ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เฮ้อ!”

“แต่รอบนี้แม่งทรมานฉิบหายเลยว่ะ” ผมอดออกปากบ่นไม่ได้   

“กระสุนฝังลึกซะขนาดนั้น รอดก็ดีนักหนาแล้ว ไหนกูต้องทำเรื่องมึงแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีก เสียประวัติหมอดีเด่นอย่างกูหมด” หงส์บ่น

“หมอดีเด่น ?” ผมเบะปาก  รู้สึกคันหูที่ได้ยิน 

“แล้วนั่น...เด็กใหม่น่ะ ลูกลุงยอดเหรอ” อยู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องคล้ายว่าเพิ่งนึกขึ้นได้  ผมพยักหน้าตอบ 

“ดูดีนี่ ท่าทางเป็นคนปกติ แต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ซะทีเดียวอะนะ หึ ๆ” เธอพูดปนหัวเราะ  ผมยิ้มรับฟัง  คิดไม่ต่างจากเธอนักจึงไม่อยากเอ่ยปากอะไร

“กูว่ามึงเลิกเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงได้แล้วไฟ” หงส์พูดพลางถอนหายใจ 

“ลูกน้องมึงอย่างกับโจรห้าร้อย มึงพูดได้ด้วยเหรอ วันหลังคัดหน้าตาบ้างสิวะ” ผมย้อนว่าไปถึงลูกน้องของเธอ  หงส์อมยิ้มเหมือนไม่รู้จะเอาอะไรมาปฏิเสธ

“มึงเป็นหมอที่ซื่อสัตย์ต่อคนไข้และทำไร่ แล้วงั้นกูกับพี่ธานกลายเป็นอะไรดีถ้าต้องวางมือจากวงการมวยที่มีแต่พวกเสี่ย ๆ ในคราบมาเฟีย ?” ผมจ้องมองเธอเชิงขอความคิดเห็น  หงส์ถึงกับนั่งนิ่ง

“ช่วงนี้กูตั้งใจว่าจะรับคนสวนเพิ่มอยู่นะ” อีกฝ่ายกวนตอบหน้าตาเฉย

“ส้นตีน!” ผมด่า  หงส์หัวเราะ

“หึ มึงเป็นเจ้าของฟาร์มออร์แกนิคที่มีปืนลูกซองซ่อนอยู่ใต้เตียง แล้วให้ร็อตไวเลอร์นอนเฝ้าหน้าห้องนอนทุกคืนเนี้ยนะ” ผมประชดถึงนิสัยของเธอที่ผมเดาได้เลยว่าปัจจุบันนี้ก็คงยังไม่เปลี่ยนไป

“ป้องกันตัว” หงส์แทรก

“กูก็เหมือนกัน” ผมสวนทันที  เราสบตากันและนิ่งลงได้  เหตุผลเราเหมือนกัน  เราไม่ต้องการให้คนมีอำนาจมารังแกกับอาชีพที่เรารัก  เราปกป้องงานของเรา  ปกป้องคนของเรา  เรามีกำลังที่จะปกป้องตัวเอง  เพราะที่ที่เราอยู่มันเป็นแบบนี้  เราถึงต้องเรียนรู้และปรับตัวพุ่งเข้าใส่  กระทั่งการทำไร่ทำสวนก็ยังต้องปะทะกับคนไม่เข้าท่าที่คิดแต่จะเอารัดเอาเปรียบคนอื่นที่ได้ดีกว่า 

“ตอนแรกกูก็คิด ๆ อยู่เหมือนกันนะว่าจะลองขายทาร์ตไข่ดูอะนะ” ผมพูดขึ้นติดตลกเพื่อเปลี่ยนหัวข้อไป

“เห็นพายุเคยไปเข้าคอร์สเรียนที่ฮ่องกงมา แต่เดี๋ยวนี้คนหันมาขายทาร์ตไข่กันทั่วบ้านทั่วเมือง กูเลยพับโครงการไปก่อน” ผมพูด 

“หึ” อีกฝ่ายพ่นหัวเราะ

“เฮ้อ! เอาเถอะ ตามใจมึง กูก็แค่เตือน” หงส์ตัดบท

“กูจะมาถามว่ามึงจะให้พยาบาลมาเฝ้าที่นี่ไหม มึงก็จะช่วยตัวเองลำบากแบบนี้ไปอีกหลายวัน อยู่นี่ต้องมีคนนอนเฝ้าด้วย แต่คนสวย ๆ มีผัวหมดแล้วนะ ที่นี่มีผัวกันเร็วมากจนกูงงไปหมด..เสียใจด้วยละกัน ส่วนผู้ชายแบบที่มึงชอบจับอ้าขาน่ะก็พอมีอยู่บ้าง แต่กูเองก็ไม่อยากเสียความเคารพ แล้วไม่รู้ว่ามึงต้องการเก็บเป็นความลับแค่ไหน เลยมาสอบถามก่อนน่ะค่ะ” หงส์ทำหน้าเอือมระอา  ผมยิ้มกว้างกับสีหน้าของเธอเพราะมันตลกดี

“ช่วยอะไรหน่อยสิ” ผมนึกขึ้นได้  เหล่ตามองสำรวจพื้นที่บนเตียงของตัวเองที่ช่างกว้างขวาง

“เมื่อคืนใครนอนเฝ้ากู” ผมถาม

“ลูกน้องมึงอยู่กันครบ!” หงส์กระแทกเสียง

“สภาพเหมือนหมาพันธุ์ใหญ่ที่พร้อมจะแดกทุกคน พวกมันไม่ไว้ใจใครเลย คนของกูเข้ามาใกล้มึงนิดเดียว พากันจ้องตาเขม็งแทบแดก” หงส์พูดคล้ายต่อว่า  เราต่างหัวเราะเพราะพอจะนึกภาพตามออก

“มึงช่วยสั่งให้สมุทรนอนเฝ้ากู บนเตียงนี่เลย พูดยังไงก็ได้ให้เป็นธรรมชาติ” ผมกระดิกนิ้วขวาลงบนเตียงประกอบให้เพื่อนรัก  คิดว่ามันทำตามให้ได้แน่  หงส์เงียบทันที  สายตาเหล่มองมาอย่างรู้ทันในความหมาย

“ไอ้สมภาร นี่มึงคิดจะกินลูกน้องตัวเองเหรอ”

“เออ ก็กูอยากกิน มึงจะให้กูกินมึงแทนรึไง” ผมว่า

“ชิ” หงส์แสยะปาก  รับไม่ได้หนักกว่าเก่า

“กูจริงจัง” ผมพูด  เบือนหน้ากลับมา 

“หมายความว่าไง” เธอซักด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

“หมายความว่า...ถ้ามึงคิดจะแดกคนนี้ลับหลังกู กูจะจับมึงทำเมียครับ ครีเอทไหมละ” ผมฉีกยิ้ม

“เอาจริงดิ” หงส์อ้าปากเหวอ  คงไม่ได้ตกใจกับคำพูดท้ายประโยคของผมแต่น่าจะตกใจที่ผมพูดอย่างจริงจังมากกว่าละมัง

“ชอบอีกฝ่ายตรงไหนวะ ?” หงส์ขมวดคิ้วสงสัย

“หัวนมสวยดี พูดถึงก็คันลิ้นเลยเนี่ย” ผมตอบปัดส่ง ๆ

“ไอ้สัส” เธอด่า  ผมหัวเราะเพราะตั้งใจอยากให้ถูกด่าอยู่แล้ว

“ส่วนมึง..ถ้าเหงา เดี๋ยวกูยกไอ้เข้มให้” ผมยักคิ้วพลางแสยะยิ้ม

“อย่าเสือกยิ้มแบบนี้นะ!” หงส์โวยวาย  เอื้อมมือมาทำท่าจะตีปากผมแต่คงได้สติว่าผมเป็นคนป่วยอยู่เธอถึงชักมือกลับไปอย่างหงุดหงิด

“ใครจะเอา!” เธอเชิดหน้า

“จ้า” ผมยิ้มกว้าง  จะหัวเราะก็อยากแต่ไม่สามารถทำได้  ไอ้เหี้ย.. ระบม

“นี่มึงยังไม่คบใครอีกเหรอวะ” ผมถาม  รู้สึกมีพวกพ้องอยู่ลึก ๆ ว่าตัวเองไม่ได้เพี้ยนอยู่คนเดียว

“ไม่มีอะ ใครจะมาชอบคนแบบกู” หงส์ตอบพร้อมยักไหล่  ผมเหล่ตากวาดมองเพื่อนสมัยเด็กที่ตัดพ้อตัวเองทั้งที่จัดว่าเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบ   

“ยิ้มอะไร ห่า” เธอว่าอย่างเก้อเขิน

“แล้วไอ้พวกที่คอยลากหางเทียวมาจีบมึงล่ะ”

“แบบนั้นกูไม่นับ” หงส์แสยะปากรับไม่ได้ 

“งั้นมึงก็ลด ๆ ไอ้นิสัยไม่แคร์ผู้ชายลงหน่อยสิ ผู้ชายมันไม่ค่อยชอบหรอก ..แต่กูชอบอะนะ” ผมพูด  ชักเริ่มสับสนในตัวเองว่ากำลังจะแนะนำให้เธอเปลี่ยนตัวเองหรือไม่ควรเปลี่ยนดี 
 
“ก็กูเป็นของกูอย่างนี้ ทำไมกูจะต้องแก้ไขตัวกูเองเพื่อใครด้วย กูมีความสุขของกูอยู่แล้ว ที่เป็นอยู่ไม่ได้เบียดเบียนใครสักหน่อย ไม่ใช่ว่าพอไม่มีคนรักแล้วกูจะเหี่ยวเฉาตายซะที่ไหนละ” หงส์ย้อนซะยาวเหมือนอัดอั้นในคำแนะนำจากผม

“เสียดายหุ่นน่า” ผมเหลือบมองหุ่นของเธออย่างสบายตา  หงส์จัดว่าเป็นผู้หญิงที่หุ่นดีและเป็นแบบที่ผมชอบ  เอวคอด  สะโพกผายกำลังสวย  ก้นงอนแน่นสุด ๆ  หน้าอกก็ได้รูปด้วย  เนื้อตัวเต่งตึงแน่นไปหมดทุกส่วน

“ไอ้ไฟ! มองอะไร!” เจ้าของร่างกายขึ้นเสียงปรามทำท่าจะเข้ามาตบผมอีกรอบ

“กูป่วย!” ผมยืนยันสถานะ

“อึ้ย! มึงนี่มันจริง ๆ เลย!” หงส์กัดฟันแน่น  มือค้างไว้กลางอากาศ

“มึงมองกูแบบเมื่อกี้นี้อีกกูจะฟ้องปู่”

“ก็ลองฟ้องดูสิ ปู่ยิ่งอยากให้กูมาขอมึงอยู่ด้วย มึงได้กูเป็นผัวสมใจแน่” ผมยิ้มตาวาวท้าทาย  หงส์เม้มปากสนิททันทีที่ได้ยิน  ทั้งที่นิสัยเราเข้ากันได้เป็นอย่างดี  เราชอบนิสัยของกันและกันมาก  อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ  ไว้ใจซึ่งกันและกัน  ไม่เคยมีสักครั้งที่เราหักหลังกัน  ร่างกายและหน้าตาก็จัดว่าถูกสเปก  แต่น่าแปลก ทำไมเราสองคนถึงไม่เคยรักกันฉันท์ชู้สาวได้เลยก็ไม่ทราบ  แม้จะหลงใหลในร่างกายอีกฝ่าย  แต่เคมีที่จะทำให้คิดอกุศลมันไม่ปรากฏขึ้นในทำนองนั้นเลย  เคมีสินะ ?  ในตัวของคนเรามันต้องมีเคมีสักอย่างที่บรรจุอยู่เพื่อมองหาสัญญาณของคนที่มีเคมีนั้นตรงกันแน่

“แต่มึงมาได้จังหวะพอดี ช่วงนี้ไอ้ลูกผู้ว่านั่นคอยตามก้นกูตลอดเลย โคตรน่ารำคาญ ทำอย่างกับกูเป็นง่อยงั้นอะ” หงส์ถอนหายใจแรง

“ปู่ก็ชอบเหรอ” ผมถาม  เพราะปกติหากไม่ถูกชะตาปู่หาญจะไม่ให้เข้าใกล้

“ไม่เชิง มันมือสะอาดแล้วก็ดูซื่อ ๆ น่ะ ปู่เสนอข้อดีให้กูว่ากูข่มมันได้แน่นอน เดี๋ยวนี้แกเปลี่ยนทัศนคติไปนิดหน่อย เพราะว่าอยากเห็นกูมีผัวก่อนแกตาย” หงส์ตอบเสียงแข็ง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะลั่นอย่างอดไม่ไหว

“มึงก็รู้ว่าไอ้เข้มมันแอบมองมึงมาตลอด” ผมพูดตรง  เป็นการเปิดประเด็นอย่างจริงจังกับเราเป็นครั้งแรก  หงส์เงียบสนิททันที  ผมคิดว่าหงส์รู้สึกได้  ผมเองก็รู้สึกได้  เราปิดปากเงียบไม่เคยพูดเรื่องนี้กันมาก่อน  ต่างทำเป็นแสร้งไม่รู้ไม่เห็น  และเป็นการแสดงให้ไอ้เข้มรับรู้อยู่ลึก ๆ ว่าผมไม่อนุญาตให้มันเข้ามาแตะต้องเธอได้อีกด้วย  ณ ตอนนี้ที่ผมกล้าเปิดปาก  เพราะว่าไอ้เข้มเลยจุดที่ผมไม่ไว้ใจมานานมากแล้ว  พฤติกรรมที่ไม่ต้องคอยจับตาดูและเป็นลูกน้องที่มีความประพฤติดีไม่ทำให้ผมต้องเป็นห่วง  ถ้าจะมองว่ามันไม่เหมาะสมกับหงส์ก็คงมีเรื่องของฐานะ  ครอบครัวและการเป็นลูกน้องผมเท่านั้น  หงส์เป็นผู้หญิงและมีการศึกษาที่ดี  เป็นนายหญิงใหญ่ของไร่นี้  ถ้าไอ้เข้มเป็นพี่ธานผมคงพูดง่ายกว่านี้มาก  และคงได้ออกปากกับปู่หาญอย่างแน่วแน่ว่าต้องการขอเธอให้กับพี่ธาน  แต่ในสถานะของไอ้เข้มค่อนข้างพูดยากอยู่นิดหน่อย

“มึงก็สนใจมันเหมือนกันใช่ไหมละ” ผมพูด  ดูออกมาตลอด  หงส์ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรหรอกนะครับแต่ผมก็แค่รับรู้ได้ในจุดที่แปลกกว่าปกติ

“มันก็ดีอะ แต่ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น” หงส์ยอมรับตรง ๆ 

“อีกอย่าง...มันไม่เห็นแสดงท่าทีอะไร แล้วทำไมกูต้องสนก่อนด้วยล่ะ”

“ก็มึงเป็นเพื่อนกู มันจะกล้าเข้าหาไหมละ แล้วรายนั้นน่ะนะ มันสนเรื่องผู้หญิงที่ไหน วัน ๆ ทำงานแล้วเก็บแต่เงิน” ผมพูดปนหัวเราะ

“นี่กูเป็นห่วงมือมันมากเลยนะมึงรู้ไหม มันต้องชักว่าวทุกคืนแน่ ๆ” ผมกะพริบตาปริบ ๆ

“ไอ้ไฟ มึงแม่ง” หงส์หลุดยิ้มกว้าง

“แต่...ผู้ชายขยันทำมาหากินนี่ดี๊ดีเนอะ” หงส์เล่นเสียงทำหน้าทะเล้นกลบเกลื่อน  ผมอมยิ้มและมองเธอเฉย ๆ โดยไม่คิดสมทบ 
“ก็กูรับไม่ได้นี่หว่า!” อยู่ดี ๆ หงส์ก็กลับลำ  ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“ถ้ามีแค่นิดเดียวที่อีกฝ่ายเอาเปรียบกูเมื่อไหร่ กูจะมีความรู้สึกรับไม่ได้ทันที มันคงเป็นสิ่งที่กูพกติดตัวมาตั้งแต่ชาติก่อน มันแก้ไม่หาย กูก็เลยไม่อยากเปิดรับคนที่กูชอบให้เข้ามาในชีวิต พอไอ้คนที่ไม่ชอบ ไม่เอาเปรียบกูเลย กูก็ดันรู้สึกเหมือนกูเป็นง่อย” หงส์บ่นเซ็ง ๆ

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ

“กูก็รู้อะนะว่าหุ่นกูดีมาก! ถึงไม่แต่งหน้ากูก็ยังสวยสุด ๆ  ตอนที่เห็นหมาน้ำลายย้อยก็สนุกไปอีกแบบ”

“มั่นใจตัวเองจนน่าถีบนะมึงน่ะ” ผมสบถ

“ก็ไม่ต่างจากมึงมั้ง!” หงส์กระแทกเสียงตาโต  เรายิ้มกับมุกปัญญาอ่อนของเราเอง

“ไอ้เข้มมันซื่อบื้อเรื่องนี้ ถ้ามึงไม่เป็นฝ่ายเข้าหามันก่อน มันก็ไม่กล้าหรอก” ผมบอก

“ถ้ามันปอดแหกขนาดนั้นก็เรื่องของมันสิ” หงส์ว่า

“ปอดแหกเกินมึงก็ไม่ชอบ แมน ๆ มามึงก็ไม่เอา บ่น..แมนเกิน! นี่มึงขอเทวดารึไง” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“เออ มีผัวเป็นเทวดาก็ท่าจะดีนะ ทำได้ไหมละ ?” หงส์เลิกตาโตกวนตอบ 

“อีควาย” ผมด่าซะเลย  หงส์หัวเราะชอบใจ

“แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่ากูเจอแล้ว..แบบนั้นที่มึงพูดน่ะ” ผมยักคิ้วแสยะยิ้มให้  หงส์เบะปากด้วยท่าทางหมันไส้  คิดไปคิดมาแล้วผมกับหงส์อาจชอบอะไรที่แตกต่างจากตัวเราก็ได้ 

“เขาเอามึงรึเปล่า ถุย!” หงส์สบถ

“มึงนี่มัน...” ผมกัดฟันด้วยนึกหมันไส้  เธอหัวเราะลั่น

“ทุกวันนี้มึงก็ยังซิงเหรอวะ” ผมถามตาใสด้วยความอยากรู้อยากเห็น  หาเรื่องจะเอาคืนอีกฝ่าย

“สาบานได้ว่าคราวหน้ากูจะไม่ลืมกรรไกรไว้ในท้องมึงสักอันสองอัน” หงส์หุบยิ้มทันที 

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมยิ้มกว้าง

“เฮ้อ!” อีกฝ่ายถอนหายใจ  เราจ้องตากันพร้อมเงียบลง

“ท่าจะไม่เจอกันนานไปมั้ง พูดมากกันฉิบหาย” เธอบ่น  ผมไม่ปฏิเสธเพราะก็รู้สึกเหมือนอย่างที่เธอว่า

“ช่วงนี้กินได้แต่ข้าวต้มนะ ผักต้มที่ย่อยง่าย ๆ สักอาทิตย์นึง ได้ใช่ไหม”

“ได้” ผมตอบ  คิดว่าไม่น่าจะใช่ปัญหา 

“กูจะขยับตัวได้ปกติเมื่อไหร่ แบบว่า..ทำโน่นทำนี่น่ะ แล้วนี่กูก็ต้องหยุดออกกำลังกายพักใหญ่เลยสินะ” ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ

“นอนนิ่ง ๆ ไปก่อนสักสามวัน บ่นมากจริง บางคนเขาอยากพักอยากนอนก็ทำไม่ได้ มึงรวยแล้วก็ลองนอนทำตัวเป็นผักเน่า ๆ ไปบ้างเถอะ!” เธอบ่นเสียงดัง

“มึงบ่นมากกว่ากูอีก” ผมว่า  อีกฝ่ายหัวเราะแล้วลุกขึ้นยืน

“ไปทำงานก่อนนะ พักผ่อนซะละ”

“อืม..ขอบใจ คุณงานสุตจริต” ผมแซว


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-04-2017 14:22:44

โทรทัศน์ทุกวันนี้ยังคงฉายข่าวการเมือง  ฆาตกรรม  ผัวเมียทะเลาะกัน  ฉายการกระทำของคนไร้น้ำใจ  ขาดจิตใต้สำนึกวนซ้ำ ๆ ไปมา  หรืออาจพบเห็นได้มากกว่าสมัยก่อน  ละครก็มีแต่เดิม ๆ ที่บอกสไตล์ถึงผู้ผลิตที่ยังคงย่ำอยู่กับที่  ในห้องนอนส่วนตัวที่แสนเงียบสงบ  ได้ยินเสียงร้องของนก  หมาเห่า  เสียงม้าร้องครางเป็นครั้งคราวและเสียงต้นไม้ที่พริ้วไหว  นี่มันคือความบริสุทธิ์ยิ่งกว่าของบริสุทธิ์ 

“พักแบบนี้สักเดือนก็ดี” ผมพึมพำกับตัวเอง 

งานใหม่ที่พี่ธานที่ต้องรับมือระหว่างที่ผมพักรักษาตัวอยู่นี้คือการติดตามหาไอ้บูรณ์  ผมต้องการทราบว่ามันมีเหตุผลอะไรนอกเหนือจากการเป็นลูกน้องเสี่ยปรีดาแล้วต้องไปที่เกิดเหตุในวันนั้น  พายุและไอ้ดินอยู่บ้านอย่างปลอดภัยโดยมีลูกน้องส่วนหนึ่งเฝ้า  ที่ทำงานในแต่ละแห่งจะต้องทราบตรงกันทั้งหมดว่าผมเดินทางมาพักผ่อนที่ต่างจังหวัด  มีเรื่องให้ติดต่อผ่านพี่ธานหรือพายุ  โทรศัพท์ของไอ้เอกถึงมือของพี่ทัพเรียบร้อยแล้ว  พี่ธานถึงกับออกปากว่าต้องการให้ผมเก็บตัวเงียบ ๆ สักระยะระหว่างที่ตอนนี้ตำรวจกำลังสอบปากคำเสี่ยปรีดา  ดูเหมือนพวกนักข่าวจะเบนความสนใจไปที่ทีมสืบสวนเป็นหลัก  การที่พี่ทัพเกือบถูกให้พักงานระยะหนึ่งก่อนหน้านี้นั้นดูเหมือนจะได้ความดีความชอบในครั้งนี้  แต่อย่างนั้นพี่ทัพก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นเพราะต้องช่วยปกปิดเรื่องของผมด้วย 

“พี่อยู่ต่างจังหวัด เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับ” เสียงของสมุทรพูดคุยแว่วอยู่ไม่ห่างจากประตูห้องนอน  ผมได้ยินเช่นนั้นจึงกดปิดเสียงโทรทัศน์ลงเพื่อตั้งใจฟัง

“ให้พี่สูงมานอนเป็นเพื่อนนะ พี่บอกพี่สูงไว้แล้ว ให้พี่เขานอนห้องพี่ อืม..ครับ ๆ”

สมุทรพูดคุยต่ออีกไม่กี่ประโยคเสียงของเขาก็ค่อย ๆ เบาลงไป  ขณะเดียวกันที่ไอ้เด่นตะโกนเรียก  ให้หลังเกือบสิบนาทีประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก  สมุทรเข้ามาพร้อมถาดอาหาร  กลิ่นข้าวโชยเตะจมูก  อีกฝ่ายนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง 

“ข้าวต้มครับ” สมุทรพูด  ถาดอาหารถูกวางลงบนโต๊ะข้าง ๆ เตียงที่เตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้าแล้ว 

“เป็นข้าวต้มผสมกับเนื้อปลานึ่งน่ะครับ ผมทำเป็นเละ ๆ  คุณหงส์สั่งมาว่าให้คุณกินแบบนี้สักพัก ไม่ค่อยมีรสชาติอะไรเลยผมก็เลยเติมเกลือไปนิดหน่อย” อีกฝ่ายอธิบาย  มือกำลังสาละวนไปกับการใช้ช้อนคนข้าวต้มเพื่อให้อุ่นลง

“เรื่องน่าเศร้าคืออะไรรู้ไหม ?” ผมชวนคุย  หันกลับมามองโทรทัศน์  มือกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อย

“คือ..การที่พวกเราเองต่างก็เคยกินอาหารแบบนี้สมัยเป็นเด็ก แต่เสือกดันอ้าปากท้วงแม่ไม่ได้ว่า แม่ครับ..รสชาติมันเหี้ยมากจริง ๆ  แม่ลองกินเป็นมื้อหลักแบบผมดูสิ” ผมหันกลับมามองหน้าสมุทร  เราทั้งคู่จ้องตากันนิ่งสนิทก่อนหลุดยิ้มออกมาดัง “พรืด!” 

“ผมป้อนนะครับ” สมุทรเอ่ยปากคล้ายขออนุญาต  ผมพยักหน้ารับทราบ  อีกฝ่ายเข้ามาช่วยพยุงเพื่อให้ผมขยับตัวนั่งได้มากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย  เสียงโทรทัศน์ที่กำลังฉายภาพยตร์จากต่างประเทศช่วยลดความกระอักกระอ่วนของพวกเราลงได้  สมุทรเป่าข้าวต้มซ้ำแล้วซ้ำอีกพอที่เขาจะแน่ใจว่ามันอุ่นแล้วจึงตักนำมาจ่อที่ปากผม  ผมอ้าปากรับมากิน  รสชาติห่วยแตกจริง ๆ นั่นละนะ

“เติมน้ำปลาสักหน่อยสิ นายจะฆ่าฉันเหรอ” ผมบ่นเมื่อกลืนอีกคำเข้าไป

“ไม่ได้ครับ” สมุทรตอบเสียงนุ่มแต่แววตากลับยืนยันหนักแน่น

การกินอาหารมื้อนี้คงเป็นมื้อที่รู้สึกแอบขยี้ใจอยู่นิด ๆ  ตามตรงแล้วก็พอใจนั่นละนะ  แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าคนที่กำลังป้อนอยู่นี้พอใจรึเปล่า  เราไม่ได้มีบรรยากาศแปลกแบบที่ว่าก่อนหน้านี้เรามีปากเสียงกันอยู่  ดูเหมือนเราทั้งคู่จะลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ  สมุทรยังคงเป็นเขา  ส่วนผมก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่า “อ้า กูดีใจจังเลยที่มึงอยู่ตรงนี้” อะไรเทือกนั้น


อาหารหมดชามต่อด้วยการกินยา  สมุทรวางมือจากทุกอย่างและรอรับแก้วน้ำจากผมไปเก็บ

“เดี๋ยวนายเขียนตารางฝึกเช้า เฉพาะช่วงเช้านะ..เอามาให้ฉันดูหน่อย เอาว่าตื่นตีห้าครึ่งแล้วกัน วอร์มร่างกาย หลัก ๆ ให้ใส่วิ่งเข้าไปด้วย วิ่งพร้อมถ่วงล้อ เดี๋ยวหงส์จะเอาล้อมาให้ ฝึกความเร็ว กล้ามขา นายเป็นคนคุม ดูด้วยล่ะอย่าให้บาดเจ็บ” ผมสั่ง

“ได้ครับ” สมุทรพยักหน้ารับทราบ

“แล้วก็ฝึกโหนบาร์ด้วย กล้ามแขน การทรงตัว อากาศดีแบบนี้..ฝึกลิงหน่อยท่าจะดี” ผมนึกสนุก  สมุทรฉีกยิ้มเล็กน้อย  นึกแล้วก็ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากลุกขึ้นไปโหนด้วยจริง ๆ

“เขียนมา ถ้าไม่ดีฉันจะวางตารางเอง” ผมบอก  ขู่รึเปล่าไม่ทราบ ให้เขาคิดเอาเอง

“แล้วก็ที่ไต่เชือกของหงส์เสีย พรุ่งนี้นายไปดูให้ด้วยแล้วกัน มีอะไรควรซ่อมตรงไหนก็ไปบอกหงส์ เธอจะได้เตรียมเครื่องมือไว้ให้ ซ่อมเองได้ใช่ไหม ช่วงนี้ไม่มีคนงานว่างเลย” ผมถาม

“เสาปูนเหรอครับ ?”

“อือ” ผมตอบในลำคอ

“ได้ครับ” อีกฝ่ายผงกหัวรับ

“แล้วตกลง...” ผมพ่นหายใจ  ได้โอกาสเหมาะสักทีที่จะสอบถามเรื่องก่อนหน้านี้อย่างเป็นงานเป็นการ

“นายไปที่ Blackfoot ทำไม อยากได้อะไรจากที่นั่น” ผมจับจ้อง  อีกฝ่ายสบตากลับมาก่อนใบหน้าจะเบือนลงนิดหน่อย

“ผมไปตามหาแก้มครับ” สมุทรบอก 

“ผู้หญิงที่นายเรียก ?” ผมพูดเชิงถาม

“ครับ เป็นญาติของญาติพี่สูงที่ย้ายมาอยู่แถวนั้น สนิทกับพวกผมกับดาวดี เป็นเหมือนน้องสาวของพวกเรา” ผมตั้งใจฟัง  โทรทัศน์ถูกหรี่เสียงให้เบาลงเพื่อฟังคน ๆ นี้ได้ถนัด
 
“เหมือนผมกับเธอจะเคยชอบกัน”

เขาพูดในเรื่องที่ตามจริงไม่ต้องบอกผมก็ได้  คำพูดกำกวมของสมุทรทำให้ผมฉงน  ผมยังคงจับจ้องภาพเคลื่อนไหวบนจอโทรทัศน์ตรงหน้าโดยไม่ได้หันไปมองเขา  คำว่า “เหมือน” กับ “จะเคย” ทำให้ไม่ค่อยเข้าใจว่าต้องการสื่ออะไรแน่  ผมนั่งเฉยไม่คิดซักถามหรือทักท้วง  รอให้เจ้าตัวเป็นคนเปิดปากเอง

“ผมรู้ว่าพี่สูงแอบชอบเธอ...”

“นายก็เลยหลีกทางให้” ผมแทรก  หันหน้ากลับไปมอง

“ก็ไม่เชิงครับ” อีกฝ่ายปฏิเสธกึ่งหนึ่ง

“ผมเคยคิดทบทวนดูแล้ว ความรู้สึกชอบของผมที่มีให้เธอไม่ได้ไปในเชิงชู้สาวในจุดหนึ่งได้ เราไม่ได้เคยพูดกันตรง ๆ หรอก แต่เหมือนจะอ่านกันออกมากกว่า ปรับตัวไปทีละนิด ผมปรึกษาเธอได้เกือบทุกเรื่อง พวกเราอยู่กันเหมือน...พึ่งพาทางด้านจิตใจของกันและกัน” สมุทรก้มหน้าลง  คล้ายกับกำลังเล่าเรื่องที่เขาเองก็ดูหนักใจ

“แก้มไม่ใช่เด็กเรื่องมาก เชิงมวยเธอสวยมากเลยถ้าคุณได้เห็น” สมุทรเงยหน้ายิ้มมุมปากนิด ๆ

“เธอเองก็ดูออกนะครับว่าพี่สูงแอบชอบ ถึงเราจะมีความหวังดีให้กันแต่มันกลับไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่คืบหน้า ต่างก็มีจุดที่เชื่อมไม่ถึงกันไม่ว่าจะทั้งพี่สูง ผม...หรือเธอ อยู่ ๆ วันหนึ่งเธอก็หายออกจากบ้านไป”

“ก่อนหน้านี้ที่ผมกับคุณยังไม่เจอกัน เราต้องหาเงินใช้หนี้ แก้มไม่ไปเรียน พวกผมไม่รู้เลยว่าเธอไม่ได้ไปมหาลัย เพราะเธอใส่ชุดนักศึกษาออกจากบ้านไปตลอด แยกกับดาวที่ป้ายรถเมล์ พ่อพี่สูงเป็นคนรับปากกับพ่อแม่ของแก้มว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่ก็ยังตามตัวเธอไม่ได้”

“ไม่รู้ว่าไปมายังไง เธอก็ไปรู้จักกับคนของผับ Blackfoot นั่น ผมกับพี่สูงตามสืบก็ตอนที่ได้เงินก้อนหนึ่งเข้าบัญชีเกือบห้าหมื่น เธอโทรมาแล้วบอกว่าเธอหามาได้ เธอทำงานเป็นพริตตี้ หึ..ผมไม่เชื่อเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” สมุทรหลุดหัวเราะเจื่อน ๆ 

“แก้มไม่เคยกลับมาบ้านเลยตั้งแต่ให้เงินก้อนนั้นมา แล้วก็แทบขาดการติดต่อ ตามจริงแล้ว เธอก็ไม่เหมาะกับชุมชนนั้นเท่าไหร่หรอกครับ เธอสวย...สวยมากแล้วก็เป็นเด็กที่มีความคิดที่ดีด้วย แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้เลือกทำแบบนั้นไป อาจจะมีอะไรที่ผมกับพี่สูงไม่รู้ พวกผมเพิ่งมารู้ว่าเธอทำงานให้กับผับ Blackfoot  เพื่อนสนิทของแก้มบอกว่าเธอไม่น่าจะได้ออกจากที่นั่นง่าย ๆ เพราะอะไรหลายอย่าง...” สมุทรทิ้งน้ำเสียงลงเหมือนกับจะขอจบการเล่าเพียงเท่านั้น

“ผมไม่รู้หรอกครับว่าที่นั่นเกี่ยวข้องตื้นลึกหนาบางยังไงกับคุณ แล้วต้องขอโทษด้วยที่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้” สมุทรก้มหน้าลงอีกครั้ง

“นายคิดว่ามันจะคืนน้องสาวให้นายง่าย ๆ งั้นเหรอ” ผมพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่แยแสความเจ็บปวดต่อเขา  สมุทรจ้องมองมาด้วยแววตาที่หมองลง

“มันจะใช้น้องสาวนายจนคุ้มเงินที่เธอเอาไป” ผมพูด  จ้องตาสมุทรไม่กะพริบเพื่อยืนยันว่าผมกำลังพูดความจริง
 
“มีสองอย่างที่มันจะทำหลังจากที่เธอหมดประโยชน์แล้ว หนึ่ง..ฆ่า สอง...ขายต่อ”

“ถ้านายคิดจะเอาเงินก้อน สักห้าแสนไปวางตรงหน้ามัน มันจะเอาเงินนายไป คืนตัวน้องนายมาสักอาทิตย์ แต่มันก็จะตามตัวเธอกลับไปจนได้อยู่ดี เพราะเธอยังคงทำเงินได้มากกว่านั้น เงินจะเข้ากระเป๋าพวกมันทีละห้าหมื่น หนึ่งแสน พวกนี้มันรายใหญ่ ส่งเด็กให้คนมีเงิน พวกวิปริตที่ชอบมีเซ็กส์แปลก ๆ แต่ให้สังคมรู้ไม่ได้”

“คุณไฟครับ” สมุทรเอ่ยปาก  น้ำเสียงเหมือนสุดจะฟัง

“ฉันพูดความจริง” ผมบอก

“........” เราต่างเงียบลงครู่หนึ่งคล้ายให้เวลากันและกันตั้งต้นใหม่

“พวกมันทำงานกันแบบแบ่งชนชั้น ถ้าสินค้าเกรดแย่ มันก็คงไม่น่าสนเท่าไหร่ แต่ถ้าเกรดดี...ก็ขึ้นหิ้ง มันสนแค่เงินที่เด็กจะหาให้มันได้ ถ้าน้องสาวของนายเข้าผับ Blackfoot ได้ก็คงไม่ธรรมดาละนะ”

“โลกก็เหี้ยอย่างนี้แหละ” ผมตัดบทเพื่อให้อีกฝ่ายทำใจเสียแต่เนิ่น ๆ  สายตาของสมุทรเหลงต่ำทีละนิด  เขาอยู่ในความเงียบกับตัวเองอยู่อย่างนั้น 

“อยากให้ฉันช่วยอะไร ?” ผมออกปาก  สมุทรเงยหน้าขึ้นแทบจะทันควัน

“บอกไว้ก่อน...ถ้าจะเอาน้องนายออกมาตรง ๆ ละก็ คงต้องใช้เงินหลายล้าน พวกมันไม่เสียเวลามาเจรจาเพราะเงินหลักแสนหรอก ยิ่งนายทำงานให้ฉันด้วยแล้วละนะ” ผมพูด

“แต่ว่า...พวกมันก็เอาจากแก้มไปมากแล้วนะครับ” สมุทรอ้ำอึ้ง  สีหน้าร้อนรนที่พยายามจะหาทางออกเสนอมาให้กลับนิ่งลงง่าย ๆ

“มันก็พอมีทางอยู่” ผมบอก

“ตำรวจกำลังตามจับคดีใหญ่ นายต้องใจเย็น ถ้าฉันบอกว่าอย่า..ก็แปลว่าไม่” ผมเตือน
 
“ฉันให้พวกมันรู้ไม่ได้ว่าฉันช่วยงานให้ตำรวจ” ผมบอก  บอกออกไปอย่างไม่มีการปิดบัง  ด้วยเพราะความเชื่อใจว่าเขาจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกแก่ใคร

“ถ้าเธอจะมีชีวิตที่ดีขึ้น มันก็ต้องมีวันนั้น คนเรามันก็ต้องอดทนเพื่อรอเวลานั้นกันทั้งนั้นล่ะ อย่าบอกเรื่องนี้แม้กระทั่งพี่สูงของนาย ความลับนี้มันต้องตายไปกับนายคนเดียว ถ้าไม่..แปลว่านายพร้อมที่จะทำลายพวกฉันเข้าใจที่ฉันพูดไหม” ผมย้ำ 

“ครับ” สมุทรผงกหัวลง

“ตามนั้นล่ะ” ผมตัดบทเพื่อขอจบเรื่องลง

“ผม.. ผมอยากบอกพี่ธานว่าทำไมคุณถึงถูกยิง” สมุทรอึกอักพูดออกมา

“ทำงั้นแล้วได้อะไร ?” ผมถามเสียงห้วน  ไม่ได้อยากฟังสักนิด

“ให้คนของฉันเกลียดนายไปพักนึงงั้นเหรอ ไอ้เด่นเกลียดคนนานซะด้วยสิ นายจะลำบากเอานะ..หึ” ผมอมยิ้ม

“แต่มันก็ยังดีกว่าที่ผมปกปิดทุกคนแบบนี้” สมุทรท้วง  ผมจ้องเขาและนิ่งลงไม่คิดที่จะพูดเรื่องเดิมต่ออีก
 
“พรุ่งนี้น่ะ ฉันจะให้ลูกน้องหงส์ขับรถไปส่งนายที่กรุงเทพ” 

“ทำไมละครับ !? ก็เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าให้ผมคุมเข้มกับเด่นด้วย” สมุทถามด้วยสีหน้าตกใจ
 
ผมคิดดูแล้ว  อย่างเพิ่งได้สติ  ผมควรที่จะส่งเขากลับบ้านอาจจะดีกว่า  พูดตามตรงอีกฝ่ายอาจจะยังไม่ชินกับหน้าที่แบบที่ไอ้เข้มกับไอ้เด่นเป็น  แม้เขาจะถูกไว้ใจจากพี่ธานในเรื่องเตรียมอาหารการกินให้ผม  แต่อีกฝ่ายก็มีครอบครัวที่ต้องกลับไปดูแลไม่เหมือนพวกเราอยู่ดี  ขนาดผมยังเป็นห่วงพายุกับดินถึงได้ส่งพี่ธานกับคนอื่น ๆ กลับบ้าน  ทางนั้นที่มีน้องสาวกับน้องที่ยังเล็กคงต้องเป็นห่วงมากขึ้นเป็นทวีคูณเช่นกัน

“ที่นี่ฉันมีไอ้เข้มกับไอ้เด่นอยู่แล้ว นายก็กลับไปทำหน้าที่ของนายซะ” ผมตอบ

“.........” สมุทรนิ่งก้มหน้าลง

“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกน่า” ผมพูด  การที่ผมถูกยิงมันเป็นเพราะผมจะถูกยิงอยู่แล้ว  สาเหตุอาจเป็นเพราะผมต้องการช่วยเขา  แต่ก็นั่นล่ะ คนมันจะซวยยังไงก็ซวยอยู่ดี  ไม่มีหลักการที่ซับซ้อนไปมากกว่านี้

“ฉันอยากให้นายกลับ” ผมสรุปอีกครั้ง  ครั้งนี้สมุทรไม่ขานรับ  อีกทั้งไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ  เพียงแต่เอ่ยปากขออนุญาตนำจานชามไปเก็บ 

การดูแลใกล้ชิดผมก่อนหน้าที่สมุทรจะเข้ามาทำงาน  ถ้าไม่มีพี่ธานอยู่คนรับมือผมหลัก ๆ จะเป็นไอ้เด่น ส่วนถ้าต้องไปอยู่ต่างจังหวัด  เรื่องอาหารการกินและงานบ้านคนที่รับหน้าที่ก็คือไอ้หิน  ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสมุทรและคล้ายกับว่าเบาแรงของไอ้เด่นไปได้บ้าง  มันดูไร้กังวลเมื่อมีสมุทรเข้ามาช่วย  คนเรามีทักษะที่ต่างกันนะครับ  ถึงไอ้เด่นจะทำอะไรเป็นหลาย ๆ อย่างแต่ก็ไม่สามารถจัดการงานบ้านได้อย่างสมุทรได้  ถ้าเรื่องอาหารละก็ไอ้เด่นไม่เคยทำได้ถูกปากผมเลย  น้ำปลาพริกที่มันปรุงมักจะขัดใจผมทุกครั้ง  เวลารีดผ้าน่ะห่วยแตกสุด ๆ  มีอย่างเดียวที่มันทำได้ดีคือมันรู้ใจผมซะหมด  ความจริงไอ้เด่นก็คงไม่อยากใกล้ชิดผมเท่าไหร่  ผมก็พอรู้อยู่หรอก  เพราะสิ่งที่มันทำแต่ละครั้งจะถูกใจผมหรือก็มีน้อยมาก  เวลาที่ผมเห็นอะไรขัดตาก็อดด่า อดติเตียนมันไม่ได้  นอกจากพี่ธานพวกมันก็เข้าหน้าผมไม่ค่อยติดนัก 


“ไปไหน” ผมถามเสียงห้วนจงใจแกล้งไอ้เด่นที่เข้ามาเก็บเสื้อผ้าในตะกร้าไป  นั่นเป็นเสื้อผ้าของผม

“เก็บผ้าครับ” มันชะงัก 

“เอามือถือให้หน่อย แล้วก็ออกไปได้แล้ว” ผมไล่ส่ง  ไอ้เด่นเข้ามาหยิบโทรศัพท์ให้ก่อนออกไป  สมุทรกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับกะละมังน้ำอุ่นเพื่อนำมาเช็ดตัวให้  ประตูห้องปิดลง  ขณะเดียวกันผมจึงกดโทรออกหาหงส์เพื่อที่จะวานให้คนของเธอไปส่งสมุทรในวันพรุ่งนี้เช้า

.

วันนี้ทั้งวันมีเพียงบางช่วงที่ได้รู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นมาก  ดีใจนิดหน่อยแต่ส่วนใหญ่ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่มาก  แม้กระทั่งหลังเช็ดตัวเสร็จหลังอาหารค่ำผมก็ดันง่วงขึ้นมาง่าย ๆ  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเอาแต่นอนซมอยู่บนเตียงทั้งวันหรือเปล่า  ร่างกายจึงปรับสภาพไปตามการใช้ชีวิต  พายุกับไอ้ดินส่งข้อความมาหาผมเรื่อย ๆ  ผมตอบกลับบ้างไม่ตอบกลับบ้างแต่พวกมันก็ยังระดมส่งเรื่องไร้สาระมาให้ทั้งวัน  สมุทรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาเรียบร้อยก่อนที่จะมานอนเฝ้าผม  เขาไม่ได้เอ่ยถามหรือพูดว่าหงส์สั่งให้เขามา  ผมเองก็ไม่ถามเขาด้วยเหมือนกัน 

การไม่เล่นหัวเล่นหางเขาอย่างทุกทีทำให้อีกฝ่ายสงบนิ่งในอีกมุมหนึ่ง  ที่ผมไม่อาจเห็นได้บ่อย  ผมอนุญาตให้เขาเปิดโทรทัศน์ดูแก้เหงาได้  สมุทรเปิดดูแต่ก็หรี่เสียงไว้เบามากจนเกือบเป็นเสียงแมลงหวี่  เขาถามผมอยู่ประโยคหนึ่งว่าผมอยากดูช่องไหน  เมื่อผมตอบว่าดูอะไรก็ได้เราก็ไม่ได้คุยกันอีก  สมุทรเลือกดูช่องสารคดีสุนัขน่ารัก  ทำให้นึกถึงกังฟูขึ้นมา  การเฝ้าผมเริ่มตั้งแต่หัวค่ำ  เวลาที่ถูกจำไว้ในหัวเป็นเวลาสุดท้ายคือสองทุ่มครึ่ง  ณ ตอนนั้นผมก็ง่วงเต็มแก่แล้ว  ได้ยินเสียงเพลงคันทรี่ดังมาจากใต้ถุนบ้านแว่ว ๆ  เปลือกตาลดระดับลงทีละนิด

บ้านไม้สองชั้นใต้ถุนสูงท่ามกลางป่าล้อมรอบขนาดใหญ่  ยิ่งตกดึกเท่าไหร่ความหนาวเย็นก็ยิ่งก่อกวนร่างกายขึ้นเท่านั้น  เสียงลมพัดแรงเป็นระลอก ๆ  มันค่อนข้างแรงจนได้ยินเสียงบานประตูหน้าต่างขยับกระทบไปกับผนังไม้  ที่ล็อกบานประตูดัง แกรก ๆ  เสียงจากโทรทัศน์เงียบสนิทไปแล้ว  แม้จะพยายามประท้วงเพื่อลืมตาขึ้นมองว่าโทรทัศน์ปิดไปแล้วหรืออย่างไรแต่ก็ไม่สามารถทำได้  ร่างกายที่อ่อนแรงส่งผลไปทั่วทุกอย่างหัวจรดเท้า  แอบนึกบ่นในใจกับตัวเองไม่ได้ว่าเพื่อนสนิทเอายาส้นตีนอะไรให้กิน  รู้สึกว่าความสว่างรอบตัวดับลง  ยิ่งทำให้ร่างกายบอกว่าผมควรหลับสนิทเสียที  ฝืนไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า..
 
ความทรมานจากความหนาวประท้วงจนทำให้ลืมตาตื่นขึ้น  หลังที่สู้ทนกับตัวเองในความฝันอยู่นาน  ไม่เชิงว่านอนไม่หลับ  ร่างกายต้องการหลับแต่ไปต่อไม่ไหว  ฝั่งหนึ่งบอกว่ามึงหลับต่อไม่ไหวหรอกเพราะแผลมึงปวดเกินไปและมึงก็หนาวมากด้วย  แต่สภาพตามจริงของร่างกายบังคับให้ควรหลับ  หนังตาหนักอึ้งอย่างกับมีใครเอาอะไรมาถ่วงไว้  ผมนอนนิ่ง  พยายามปรับสายตามองไปในความมืด  นาฬิกาบนเพดานเหนือโทรทัศน์ที่มีตัวเลขขนาดใหญ่จนเห็นชัด  บอกเวลาเกือบตีสี่แล้ว  รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยที่ตัวเองหลับไปได้ค่อนข้างนาน  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกอยากนอนต่ออยู่ดี 

ผมหันหน้าไปมองสมุทรที่นอนอยู่ข้าง ๆ  ดูท่าเขากำลังหลับลึกทีเดียว  ผ้าห่มของผมกับของเขาคนละผืนกัน  ที่จริงมันค่อนข้างหนาและใหญ่  เจ้าของบ้านคงรู้ดีว่าอากาศธรรมชาติของที่นี่นั้นไม่ธรรมดา  เมื่อเพ่งมองอยู่นาน  ความไม่สบายตัวทำให้นึกเห็นแก่ตัวจนอยากจะกระชากผ้าห่มของสมุทรมาห่มทับอีกผืน  ก็แค่คิดน่ะนะ.. ใครจะบ้าทำ!  สติที่พอมีพยายามมองหาผ้าห่มผืนอื่นรอบกาย  แต่แล้วความง่วงก็ก่อตัวขึ้นแทรกเข้ามา  รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่สามารถฝืนลุกขึ้นเดินได้จึงตัดใจหลับต่อมันทั้งอย่างนั้น  โอเค กูขอยอมแพ้

.

05:40 น.


จิ๊บ ๆ  ๆ ~
เสียงนกร้องจ้อกแจ้กจอแจอยู่ใกล้ประตูหน้าต่าง  อย่างกับว่ามีเรื่องให้สนทนากันอย่างไม่มีจบ  ผมลืมตาตื่น  กลิ่นอากาศหอมธรรมชาติทำให้สมองโปร่งเป็นที่น่าพอใจ

“........” ผมชะงักกับอุณหภูมิที่อบอุ่นกว่าปกติ  สัญชาตญาณบอกให้หันขวับมองไปยังคนที่อยู่ด้านข้าง  สมุทรไม่ได้นอนอยู่ในระยะห่างเดิมที่เขานอนเมื่อคืนนี้  ความกว้างแคบลง  หมอนใบของเขากับของผมแทบเกยกัน  มันประชิดติดสนิท  ผมกวาดตามองให้แน่ใจอีกครั้งและซ้ำอีกครั้ง  เจ้าตัวนอนตะแคงข้างหันหน้ามาทางผม  ความใกล้เพียงฝ่ามือ  น้ำหนักของผ้าห่มที่ทับอยู่บนตัวผมทำให้ต้องก้มมองดู  ผ้าห่มถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองผืนโดยอีกผืนหนึ่งมาจากของสมุทรที่ห่มทับอีกชั้น  ครึ่งหนึ่งของผ้าห่มได้ห่มตัวสมุทรไว้นั่นจึงทำให้เขาจำเป็นต้องขยับมาใกล้ผมแบบนี้  หน้าต่างข้างหัวเตียงถูกปิดสนิททั้งสองบานตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ  มีเพียงสองบานด้านหลังที่ยังคงเปิดรับลม  นี่ไม่ใช่หน้าหนาว  อีกทั้งพวกเราก็ไม่ได้อาศัยพัดลมด้วยซ้ำ 

ผมเหลือบดูนาฬิกาเพราะเห็นว่าด้านนอกยังไม่สว่างดี  ผมยังคงนอนต่อทั้งที่ไม่รู้สึกง่วงแล้ว  ร่างกายไม่สามารถขยับได้เลย  รวมไปถึงผ้าห่มที่ทับอยู่บนตัวก็ค่อนข้างเป็นอุปสรรคอีกด้วย  ทั้งผ้าห่ม  ทั้งผ้าขนหนูสีขาวที่ทับอยู่บนคอผม  ไม่รู้ว่าพวกมันมาได้ยังไง  นอกจากตอนนี้จะไม่หนาวแล้ว  กูอาจจะหายใจไม่ออกตายในไม่ช้านี้เป็นแน่ 

ผมแทบจะหลุดยิ้มออกมา  บรรยากาศที่ไม่ควรเก้อเขินก็เก้อเขินขึ้นในทันทีแบบไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว  เพราะอยู่ ๆ สมุทรที่หลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นเบิกกว้าง  เราสบตากันพอดีอย่างกับมีคนให้คิว  อีกฝ่ายอาจจะหาว่าผมตั้งใจก็ได้แต่เปล่า  ผมกำลังจะมองไปทางอื่นแล้ว  ไม่ใช่การจับจ้องเขาอะไรแบบนั้น  ในเมื่อมันไม่เป็นอย่างนั้นผมจึงจ้องเขาตอบ  อดไม่ได้ที่จะขอดูปฏิกิริยา  เราทั้งคู่ต่างนอนนิ่ง  ตาดำเขม็งมายังกันและกัน

“ตื่นนานแล้วเหรอครับ” สมุทรถาม 

“........” ผมไม่ตอบ  ดวงตาของเขาจึงเหตกลง 

“อุ่นมาก” ผมพูดพึมพำ

“ครับ ?” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันไม่ได้แย่งผ้าห่มนายหรอกใช่ไหม” ผมถาม  จำอะไรไม่ได้เลย  ไม่แน่ว่าจิตใต้สำนึกอาจทำให้ผมแย่งผ้าห่มเขาเพื่อความอยู่รอดก็ได้

“เปล่าครับ” สมุทรตอบ

“ขอบคุณสำหรับผ้าห่ม แต่ว่า..นายช่วยเอามันออกก่อนได้ไหม ฉันเหมือนจะหายใจไม่ออก” ผมบอกตรง ๆ
 
“ขอโทษครับ” สมุทรตกใจลุกขึ้นนั่งแล้วดึงผ้าห่มผืนของเขาออกจากตัวผม  ความเย็นกระทบแทรกผ่านเข้ามาทำให้รู้สึกดีขึ้นหน่อย  ผมแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่านอนท่าเดิมมาตั้งแต่เมื่อคืนยันตอนนี้  ขาเหยียดตรง แขนเหยียดตรงขนาบข้าง  อะไรจะเรียบร้อยปานนั้น 

“เอานี่ออกด้วยนะครับ” เขาพูดเองก็หยิบผ้าขนหนูที่ห่มอยู่บนหน้าอกผมออกให้  ตอนนี้จึงเหลือเพียงผ้าห่มผืนเดียวนั่นก็คือผืนของผม 

“เมื่อคืนอยู่ ๆ ฝนก็ลงเม็ดน่ะครับ คุณดูทรมาน ผมก็เลย...ต้องทำแบบนี้” สมุทรบอก

“ขอบใจ ฉันนึกว่าจะหนาวตายซะแล้ว” ผมถอนหายใจนึกถึงความทรมานเมื่อคืน

“ทำไมคุณไม่ปลุกผมละครับ”

“ปลุกคนหลับมันบาปนะ” ผมพูดติดตลกเพื่อปัดประเด็นไปที  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ
 
“ฉันหนาวง่ายน่ะ แปลกใช่ไหมละ ชื่อไฟ...แต่ดันขี้หนาว” ผมบ่น  งง..นี่กูพูดอะไร



...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-04-2017 14:23:09
 
สะดวกลงให้ได้ในคุณภาพเพียงเท่านี้ค่ะ  ---สวัสดีปีใหม่ไทยล่วงหน้าค่ะ  ใครเดินทางกลับบ้านขอให้เดินทางโดยปลอดภัยนะคะ  คริ ๆ   :L2: :bye2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 10-04-2017 15:05:36
ขอบคุณที่มาลงตอนใหม่ให้นะคะ.. :pig4:

สมุทรเปิดปากซักทีนะเรื่องที่ไฟค้างคาใจ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-04-2017 15:56:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-04-2017 16:28:38
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-04-2017 16:37:12
ช่วงเวลาดีๆของสมุทรไฟ  :-[
ขอบคุณค่ะ สมุทรไฟ สนุกมากๆ
สวัสดีปีใหม่ไทยล่วงหน้าเช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 10-04-2017 17:26:27
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 10-04-2017 18:25:26
ตอนท้ายๆมันช่างน่าจิกหมอนจริงๆเลยค่ะ!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 10-04-2017 18:29:48
แอบสวีทเล็กน้อย
สวัสดีปีใหม่ค่าา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 10-04-2017 18:47:04
ฉากบนเตียงกับสมุทรมีความละมุน หวานๆนะคะ คุณไฟมีแอบเขิน บรรยากาศสองคนนี้เหมือนคนแอบชอบกันแต่ไม่กล้ายังไงไม่รู้นะ คริคริ ทำไมไม่พูดถึงที่จุ๊บกันไปบนรถบ้างล่าคุณไฟ :impress2: คิดว่าเด่นกับเข้มก็คงตะหงิดๆในใจว่าสมุทรเป็นคนพิเศษ

สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-04-2017 19:22:59
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 10-04-2017 19:23:13
 :katai2-1: :katai2-1: เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นๆ น่ะ มีนอนเฝ้ากันด้วย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 10-04-2017 20:22:15
ตอนนี้มีความละมุนเล็กน้อย 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-04-2017 20:22:48
อบอุ่นยังไงบอกไม่ถูก ตอนนี้เรียบง่าย ลงตัว

หงส์กะพี่เข้มก็โอเคนะคะ อิอิ


ขอบคุณมากๆค่ะเบบี้

รักพี่ไฟเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 10-04-2017 20:55:16
ขอพูดเหมมือนที่เคยพูดไปแล้ว ว่าชอบความสัมพันธ์ของคนในเรื่องนี้จัง มันดำเนินไปแบบที่เต็มไปด้วยความเชื่อใจ ไว้ใจ และให้กันทั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นพี่ธาน เด่น เข้ม หิน พายุ และล่าสุด หงส์ คนรอบๆตัวของไฟพวกนี้ เงินก็ซื้อไม่ได้ ไฟได้มาเพราะไฟให้ใจไปแล้วไฟจึงได้ใจกลับมา ขุนพลนอกจากจะต้องมีอาวุธและสติปัญญาที่ดีแล้ว ยังต้องมีสหายและบริวารที่ดีด้วยจึงจะเกื้อหนุนค้ำชู  o13

ดีใจที่รู้ว่าแก้มเป็นแค่คนเกือบเป็นแฟน .. โล่งๆๆ #ตบอกปุปุ // นี่ก็ลุ้นว่าเขาลืมตามาจ้องตากันแล้วเขาจะจุ๊บกันไหม? แอร๊ยยยยยย #ยัง!!!  #ลุ้นเกิ๊นน 55555  #ลุ้นต่อไป เบบี้บอกให้รอฟิน #นี่รอจริงจัง 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-04-2017 21:06:38
ก่อนจะจากกัน
สมุทรทำให้ไฟประทับใจ ด้วยความใส่ใจ
ให้ไฟ เพิ่มทวีความชอบในตัวสมุทรนะ
แถมยังใกล้ชิดชนิดนอนเคึยงกัน
ห่มผ้าห่มผืนเดียวกัน ตื่นมาตาสบตากัน / ฟินนนนน
ไฟ ก็ได้รู้ความจริงที่ทำไมสมุทรถึงไปที่แบล็กฟุตแล้ว
อยากให้เข้มได้กินเนื้อหงส์  :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 10-04-2017 22:18:17
คุณไฟเก็บอาการไว้ นิ่งไว้เจ้าค่าาา
ส่งสมุทรกลับไปก็ดีนะ 
เผื่อเจ้าตัวจะคิดอะไรขึ้นได้บ้าง
ชอบก็ส่วนชอบ แต่อย่าไปยอมมาก 
เล่นหูเล่นตาเล่นหัวเล่นหางแล้วสรุปเป็นไง ที่ผ่านมาเจ็บมาเยอะ ! 55555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 10-04-2017 22:28:34
เฮ้ยตอนนี้คือดียยยยยย์
อ่านแล้วยิ้มแก้มปริ555
ตอนไฟคุยกับหงส์คือมันมาก
กับสมุทรก็ตะมุตะมิพอกรุบกริบๆ555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 10-04-2017 22:43:05
เชียร์ๆหงส์กับเข้ม ตอนนี้มีความละมุนนิดๆ แอร้ยยยย ขุ่นไฟของช้านน หลังจากที่เฉาๆ ตอนก่อนๆ ตอนนี้คือมันก้าวหน้าใช่มั้ยคะะ อิอิ  :mew1: :mew1: :mew1: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 10-04-2017 22:45:35
 :katai4: :katai4: :katai4:  ดูเหมือนว่าไฟกับหงส์จะเป็นเพื่อนรักที่ร่วมวีระกรรมอันโหดร้ายร่วมกันมา  จึงทำให้รักและสนิทสนมกันมาก  ไม่แปลกในเลยที่คุณปู่จะอยากฝากชีวิตหลานสาวคนเดียวให้ไฟดูแล  แต่ก็โชคดีที่ไฟรู้ใจตัวเอง  ว่าเคมีตรงกับคนแบบไหน   :m3:  ทำให้ไม่มีงานดราม่าเกิดขึ้น  แอบเชียร์พี่เข้มค่ะ จะได้เห็นมุมน่ารักมุ้งมิ้งของพี่แกบ้าง



อยากให้สมุทรอยู่ต่ออ้ะ  :man1:  แล้วแบบนี้คุณไฟจะอยู่ยังไงถ้าสมุทรกลับกรุงเทพ ฯ  ชอบความกลมกล่อมของคู่นี้  :oni2:  ขออ่านอีกสักสามรอบ  :katai5: 



แม้ว่าจะรอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ  แต่ก็อยากบอกคนเขียนว่า  รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  อากาศร้อนมาก  :m29:


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 10-04-2017 23:53:46
 :mew1: แปลกเนาะชื่อไฟแต่ขี้หนาว เฮ้วๆๆ คุณไฟเขิน  :katai2-1:

ขอบคุณเบบี้ค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 11-04-2017 00:33:00
แหมๆ คุณไฟเขินตะมุตะมิเนอะ  :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 11-04-2017 01:00:37
ฉากบนเตียงน่ารีกเฃียว
สมุทรดูแลดีแบบนี้คุณไฟให้อยู่ต่อมั้ยคะ
เผื่อจะหวานกว่านี้  :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 11-04-2017 07:21:41
สงกรานต์นี้มีความสดชื่น เที่ยวให้สนุก และปลอดภัย ทั้งคุณเบบี้และคนอ่าน
สมุทรจะหลุดเรื่องไฟไหมเนี่ย น่าห่วงจัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 11-04-2017 07:27:34
เย้ๆๆ มาต่อแล้ววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-04-2017 08:07:56
โหกว่าจะมีฉากแบบนี้ได้นิโหดเลือดกระจาย แต่แปบๆ พี่ไฟจะไล่กลับซะละ
เฮ้อ... สงสารเฮียแกจริงๆ รักเฮียไฟเสมอจร้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 11-04-2017 09:57:17
โอ้วววว ฉากสุดท้ายทั้งๆที่เค้าก็คุยกันเหมือนดิบๆ ห้าวๆ แต่ทำไมฟินนนน  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 11-04-2017 10:07:08
แอบลุ้นหงษ์ให้รุกเข้ม 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 11-04-2017 14:27:59
ตอนนี้มีแต่ความหวานๆ อบอุ่น นอนเตียงเดียวกันสองคน คงมึความสุขนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanunsak ที่ 12-04-2017 01:28:15
ตอนนี้ดีต่อใจอ่า....  ชอบที่สมุทรดูแลไฟ  และก็ชอบที่ไฟใส่ใจสมุทร  คือตอนนี้มันดีงามมากๆอ่ะ
.
.

เค้าแอบเชียร์เข้มนะ ... กล้าๆหน่อย สอยดอกฟ้ามาให้ได้  สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 13-04-2017 00:36:36
คิดถึงคุณไฟมากๆเลย โฮรววววววววววววว  :sad4: :sad4:

คิดถึงความกวนตีน ขี้โมโห ขี้หนาวด้วยอะ น่ารักกกกก

หงส์กับไฟคุยกันได้ฮาร์ดคอมาก ความเพื่อนสนิทนี้ ดูเข้ากันดีมากๆ ก็เอะใจว่าคุยกันถูกคอถูกใจไม่ชอบกันหรอ คุณไฟก็ตอบให้ว่าเคมีไม่เข้าทันที55555 เข้มหงส์จะมีลุ้นมั้ยคะนี่  :hao7:

ไฟกับสมุทรก็เหมือนใกล้กันขึ้นมาอีกนิดนึง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 13-04-2017 14:53:26
ชื่อไฟที่ขี้หนาว นะคะคุณไฟ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ และก็สวัสดีปีใหม่ไทยด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 13-04-2017 20:02:12
แอบเขินเบาเบา :-[ :-[

รอตอนต่อไปนะคะ :pig4: :pig4: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-04-2017 21:30:23
วุ่นวายไปหมด แล้วไฟก็ยังกวนไม่เลิก สมควรแล้วที่เป็นเพื่อนกัน หงส์ไฟ รู้ใจกันไปหมด

ในที่สุด ไฟก็ได้รู้ว่าทำไมสมุทรถึงไปที่นั่น

สมุทรคงอึดอัดมาก เหมือนรู้สึกผิด แต่บอกใครไม่ได้ แต่ยังไงไฟก็พูดถูก บอกไปแล้วมีไรดี
ไฟจะปล่อยสมุทรกลับไปจริงหรอ คิดถึงนะ

ขอบคุณมากนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 17-04-2017 07:48:50
เฮ้ยย พี่ไฟจะให้กลับไปจริงๆเหรออออ
เวลาแบบนี้หายากนะคะพี่ สมุทรออกจะอยาก
ดูแลพี่นะคะ ถถถถถถถถถ แค่นอนเตียงเดียวกัน
คืนเดียวคนอ่านยังไม่พอนะคะพี่ไฟ อยากได้อีกกกกกก
ตอนนี้ละมุนซอฟท์ๆ ตอนหน้าขออีกซักตอนได้มั้ยคะ

เบบี้พักผ่อนให้หายป่วยก่อนนะคะ สู้ๆน้า เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะค๊าาา :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 17-04-2017 11:25:13
อุ้ยเรื่องบนเตียง  :mew3:
ไฟเขินอะดิพูผิด ๆ ถูก ๆ  :impress2:

 :pig4: คะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 18-04-2017 09:47:19
 :serius2: งะจะให้กลับจริงๆเหรอไฟ นั่นมันโอกาสดี๊ดีนะ พี่สูงก็อยู่ปะ อย่าซื่อบื้อสิคะลูก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 21-04-2017 22:40:30
ความสัมพันธ์ของไฟกับสมุทรทำให้เราอึดอัด
มันให้ความรู้สึกสุขไม่สุดอ่ะ มันมีเส้นบางๆ แต่ให้ความรู้สึกหน่วงๆ กั้นอยู่ เป็นกำลังใจให้ทั้งไฟทั้งสมุทรนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-04-2017 07:51:05
เจอกันวันหยุดยาวไหมไฟ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-04-2017 09:26:59
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 28-04-2017 09:39:08
คิดถึงคุณไฟขา > <
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 42 [ 14:20 น. - จ. 10 เม.ย 60 หน้า 56 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 28-04-2017 10:46:25
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-05-2017 11:42:02

[ จันทร์ที่ 10 เม.ย 60 ]  ตอนที่ 42  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1650


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 43
..ไฟ..




08:00 น.

“คุณไฟอยากได้อะไรไหมครับ” คนของหงส์เข้ามาสอบถาม  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นออกไปกับหงส์แล้ว  เธอจึงส่งลูกน้องของเธอให้มาดูแลแทน

“ไม่ครับ ขอบคุณ ขอผมอยู่คนเดียว” ผมบอก  อีกฝ่ายผงกหัวน้อย ๆ ลงจากบ้านไป 

ผมไม่ทราบว่าสมุทรกลับไปแล้วหรือยัง  ผมยังไม่เห็นหน้าเขาเลยตั้งแต่ที่ตื่นนอนและเจ้าตัวขอตัวออกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  อย่างน้อยควรต้องมีการร่ำลากันบ้างแต่ผมก็ยังไม่พบ  ไอ้เด่นเป็นคนนำอาหารเช้ามาให้ผมกิน  มันไม่ได้พูดอะไร  แน่นอนครับว่าผมเองก็ไม่ได้ถามด้วย  หลังจากกินข้าวเสร็จไอ้เข้มกับไอ้เด่นก็มาขออนุญาตออกไปกับหงส์เพื่อไปซื้อของใช้จำเป็นในตัวเมือง 

ผมต้องการออกจากห้องนอนเพราะอยากสูดอากาศข้างนอก  แม้คนของหงส์จะไม่เห็นดีด้วยแต่อีกฝ่ายก็ไม่ขัดคำสั่ง  เขาเป็นคนช่วยพาผมออกมานั่งที่ริมระเบียงตรงชานหน้าบ้าน  จัดโต๊ะกับเก้าอี้นอนไว้ให้ผมเรียบร้อยโดยไม่ต้องออกปาก   

บ้านที่ผมใช้พักอาศัยหลังนี้เป็นหลังประจำของผม  บ้านไม้ใต้ถุนเปิดโล่ง  ครัวเป็นครัวแบบเปิดตั้งอยู่ที่หน้าบ้านในแนวเดียวกันกับระเบียง  ระเบียงด้านหน้าตามการคาดคะเนด้วยสายตาแล้วกว้างเกือบสามเมตร  ทอดยาวเกือบสิบเมตรเห็นจะได้  เรียกว่าเป็นระเบียงบ้านที่อิงความเป็นไทยสมัยก่อนอยู่มากทีเดียว  ชานด้านนอกเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน  ผ่อนคลายไปกับต้นไม้ที่ล้อมรอบ  สงบและเป็นส่วนตัว  หากคนงานคนไหนชอบโหวกเหวกส่งเสียงดังทำตัวไร้สกุลก็มักจะโดนหลานเจ้าของบ้านด่ายับยันโคตรเหง้า  ทุกคนจึงค่อนข้างระวังตัว  เป็นคนงานที่ค่อนข้างสุภาพ 

ลึกเข้าไปในตัวบ้านที่อาศัยปิดล้อมด้วยมุ้งลวด  ออกแบบให้ทันสมัย  หากจะนอนเล่นในบ้านก็ลมโกรกเป็นอย่างดี  ไม่ปิดทึบจนทำให้รู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก  ดูท่าลูกน้องของปู่จะชอบอะไร ๆ เหมือนเจ้านาย  เพลง Country ยุค 70s – 80s ผมได้ยินแว่วตั้งแต่เช้าแล้ว  เรียกว่าเปิดต้อนรับวันใหม่กันเลยทีเดียว  เห็นสมุทรบอกว่าเมื่อช่วงกลางดึกฝนลงเม็ด  เช้านี้ดินก็ดูชื้นอย่างที่เขาว่า  บางที่เป็นแอ่งน้ำขัง  กลิ่นต้นไม้ที่เปียกชื้นทำให้รู้สึกดีแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วหากอยู่ในกรุงเทพ  ถ้าที่นั่นฝนตกคงกลั่นเอาแต่ความร้อนที่เก็บสะสมไว้มาให้เราแน่  แค่นึกก็เซ็งแล้ว

.
ปู่หาญผันตัวมาทำเกษตรโดยไม่ใช้สารเร่งอย่างจริงจังหลังจากออกจากตำรวจ  แรก ๆ แกเคยใช้สารเร่งเพื่อที่จะให้ผลผลิตออกสู่ตลาดได้เร็ว  แต่ผักพวกนั้นก็เป็นผักจะที่นำมาทำอาหารให้ลูกหลานกินเหมือนกัน  แกเป็นห่วงคนใกล้ตัว  แกจึงเริ่มศึกษาการปลูกแบบไม่ใช้สารเร่งอย่างจริงจัง  หงส์ก็สนุกไปกับปู่ด้วย  ปู่หาญเคยเป็นกำนันหมู่บ้านอยู่สมัยหนึ่ง  เมื่อแกได้ทำตามหน้าที่ที่แกควรทำแล้วแกก็วางมือเพื่อให้โอกาสคนอื่นบ้าง  แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังเป็นที่นับหน้าถือตาในจังหวัดและแถบหมู่บ้านนี้เป็นอย่างดี  เรียกว่ากว้างขวางคงจะดีกว่า  คนละแวกนี้รู้กันดีว่าแกเป็นนักเลงเก่ามาก่อนที่จะรับข้าราชการตำรวจ  ไม่เชิงว่าเป็นคนไม่ดีหรอกนะครับ  แต่เป็นคนที่เถรตรงในความยุติธรรมเกินไป  ความตงฉินของแกทำให้ขัดขาผู้มีอิทธิพลหลายคน

ลูกหลานที่แกเลี้ยงมากับมืออย่างหงส์เป็นเด็กเรียนดีมาตั้งแต่เล็ก  แม้แต่ก่อนเธอจะห้าวไม่ยอมคน  เอนเอียงไปทางทอมบอยแต่เดี๋ยวนี้ก็เบาลงมากแล้ว  เราถูกฝึกศิลปะการต่อสู้กันที่นี่ในบางครั้งที่ปิดเทอม  ขี่ม้า  เลี้ยงสัตว์  อยู่กับดินกินกินทราย  เธอจัดว่าเป็นขาลุยประจำถิ่นนี้  วัยรุ่นไม่ว่าจะหญิงหรือชายที่นักเลงแค่ไหนก็ไม่กล้ายุ่งกับเธอ  แต่อย่างนั้นเธอก็ไม่เคยระรานใคร  ส่วนหลานชายอีกคนที่อายุมากกว่าผมและหงส์  เรียนจบทางด้านรัฐศาสตร์และมักหายตัวจากบ้านไปบ่อย ๆ เพื่อไปช่วยผู้ยากไร้ในต่างประเทศ
 
ลูกน้องของปู่หาญ  หากไม่นับคนงานในไร่  บางคนเป็นนักเลงเก่ามาก่อนทั้งนั้น  เคยนอนคุกมาบ้างและอยากกลับตัว  ปู่เสมอต้นเสมอปลายอ้าแขนต้อนรับ  แต่แน่นอนว่าแต่ละคนต้องยอมรับกฏของการอยู่ร่วมกันของที่นี่ให้ได้  ตั้งแต่ที่หงส์เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และศึกษางานที่ไร่ของปู่  เธอกลับเด็ดขาดยิ่งกว่าปู่ของเธอเสียอีก  บางอย่างที่ปู่ยังพอให้อภัยได้ในมุมมองแบบผู้ชาย  สำหรับหงส์กลับไม่ยอมลงให้ใครเลย  บางเรื่องที่ต้องรอการอนุมัติปู่กลับยังเอ่ยปากพูดว่า “ต้องถามหงส์ก่อน” ต่อหน้าคนงานหลายคน  ทุกคนเลยทราบกันเป็นนัยยะว่าสิทธิ์ขาดในตอนนี้คือหงส์ไม่ใช่ปู่หาญอย่างเคยอีก

ผมคิดว่าการที่ปู่หาญทำแบบนี้ทีละเล็กทีละน้อย  โดยไม่ใช่การเปลี่ยนการทำงานของไร่อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์  เป็นเพราะปู่อยากให้คนงานยอมรับหงส์ในฐานะเจ้าของไร่มากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ปู่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่า  เพราะถ้าหากปู่จากโลกนี้ไปเมื่อไหร่  หรือถ้าไร่ต้องเปลี่ยนมือคนบริหารกะทันหัน  คนงานอาจจะไม่ยอมรับหงส์ก็เป็นได้  ถึงแม้ว่าเธอจะเก่งแค่ไหนอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง  สมัยนี้คนงานหัวหมอยิ่งกว่าอะไรดี  โชคดีหน่อยที่หงส์เองก็เป็นเด็ดขาด  ในบางครั้งเธอมักส่งสัญญาณประมาณว่า “ถ้าใครไม่พอใจกฏของฉัน ก็ไสหัวออกจากไร่ไปซะ”   


“เฮ้ย! ไอ้เด็กใหม่!” ผมยืนมองคนงานมีอายุคนหนึ่งตะโกนเรียกเด็กวัยรุ่น  คงรุ่น ๆ เดียวกับพายุ  คนถูกเรียกกำลังขนฟืนอยู่ถึงกับชะงักงง

“ครับ” คนเด็กกว่าขานรับ  ลุงแกชี้มือไปทางด้านหลัง  มีฟืนตกอยู่เป็นกอง
 
“เปียกน้ำแล้ว เดี๋ยวนายหญิงมา” ลุงแกถลึงตาเตือน

“ขอโทษครับ” เด็กวัยรุ่นคนนั้นผงกหัว  วิ่งกลับหลังไปเก็บฟืนที่ตกอยู่กลับมาใส่รถลากอย่างร้อนรน   

“หึ” ผมหัวเราะ

“น้ำขิงร้อน ๆ ครับ” ผมชะงักที่ได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูอยู่ทางด้านหลัง  พอหันกลับไปมองก็พบสมุทรยืนถือถาดน้ำขิงอยู่ไม่ไกล  เขาควรจะออกไปกับลูกน้องของหงส์ตั้งแต่เช้าแล้ว 

“ขอโทษครับที่ผมขัดคำสั่ง ไม่ได้กลับไปตามที่คุณบอก” สมุทรเอ่ย 

“........” ผมนิ่ง  ตามองไปยังน้ำขิง  เรายืนนิ่งอย่างนั้นอยู่นานเกือบนาที  เสียงเพลงยอดฮิตสมัยรุ่นพ่อก็ดังขึ้น  ถ้าผมจำไม่ผิดมันคือเพลง How deep is your love ของศิลปินในตำนาน Bee Gees เพราะพ่อชอบร้องบ่อย ๆ  เวลาเมา(ค้าง)


- I know your eyes in the morning sun. I feel you touch me in the pouring rain -

“เพลงพ่อนี่ครับ..?” อีกฝ่ายพูดขึ้นทำลายความเงียบ  ผมจ้องหน้าเขาด้วยความแปลกใจ  ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้  อยู่ ๆ ฟันก็ขบกัดไว้แน่นไปโดยอัตโนมัติ

“หึ!” สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวแล้วพ่นหัวเราะออกมา  สมุทรเองก็หัวเราะเหมือนกัน   


- How deep is your love? -

“ผม...” เขาเอ่ย  รอยยิ้มเดิมกลายเป็นหุบลงทีละนิด  ผมเองก็เช่นกัน

“ไม่ได้อยู่ต่อเพราะรู้สึกผิดหรอกนะครับ”

“เพราะอากาศดีงั้นเหรอ” ผมพูดเชิงถามอย่างไม่ให้ตรงประเด็นเกินไปนัก

“ครับ ที่นี่อากาศดีมาก” สมุทรตอบ 

“หน้าที่งั้นสินะ ?” ผมถามตรง ๆ  มันจะกลายเป็นอีหรอบเดิมอย่างก่อนหน้านี้ก็ได้  หากผมไม่หลงตัวเอง  สามสิบเปอร์เซ็นต์สามารถเป็นไปได้ตามนั้น

“ถ้าให้พูดความจริง นั่นก็ส่วนหนึ่งครับ”   

“แล้วส่วนที่เหลือล่ะ...” ผมสวนทันควัน 

“.........” สมุทรไม่ตอบ  สายตาเหลงคล้ายหลบหลีก 

“น้ำขิงครับ ไม่ใส่น้ำตาล” เขาจงใจเปลี่ยนเรื่องพูดถึงสิ่งที่ผมชอบ  วางถาดน้ำขิงลงบนโต๊ะตรงระเบียงบ้าน  การบอกข้อมูลของน้ำขิงเพื่อให้ผมทราบก่อน  คล้ายกับเขารู้อยู่แล้วว่าผมจะต้องถามว่าใส่น้ำตาลหรือไม่  ผมไม่ชอบดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาล  เข้าขั้นเกลียดเลยล่ะ

“ถ้านายไม่ขยายความในคำถามของฉันแบบนี้ละก็ ฉันก็อาจจะคิดเข้าข้างตัวเองในมุมอื่นอีกนะ” ผมลอยหน้าลอยตาพูด  การที่เขาปัดประเด็นเช่นนี้มันอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง

ผมนั่งลงที่เก้าอี้นอน  สมุทรยกแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้ถึงมือ  กลิ่นจาง ๆ ของน้ำค้างทำให้น้ำขิงอุ่น ๆ ที่ไหลลงคออร่อยมากขึ้น 

“แล้วถ้าฉันจะโกรธขึ้นมาอีก นายจะชกฉันอีกไม่ได้นะ...” ผมแสยะยิ้มมุมปาก  เหล่ตามองไปทางสมุทร
 
“ไม่มีประกันรับรองซะด้วย” ผมเลิกคิ้วขึ้นก่อกวน  สมุทรก้มหน้าลง  ใบหน้าเปื้อนยิ้มนิดหน่อยหากสังเกตให้ดี 

“นายก็ดื่มด้วยสิ” ผมพูดถึงน้ำขิงในโถที่เขาเตรียมไว้สำหรับเติมให้ผม  สมุทรผงกหัว  ผลิยิ้มเล็กน้อย  เขากลับเข้าครัวและออกมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วชาของตน  ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นอน  น้ำหนักตัวทำให้พนักเก้าอี้เอนไปด้านหลังในองศาที่กำลังสบายตัว  สมุทรรินน้ำขิงใส่แก้วของตนก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ  เสียงเพลง Country ยังคงได้ยินแว่วไม่ขาดสาย  เราจิบน้ำขิงโดยไม่มีบทสนทนา  ไร้แม้กระทั่งเสียงรบกวนจากผู้คนรอบข้าง  ไม่มีคนงานเดินผ่านในพื้นที่ส่วนนี้แล้ว  ป่านนี้คงเข้าสวนกันหมด 

เราทั้งคู่ต่างหันหน้าไปในทางเดียวกัน  คือวิวจากลานหน้าระเบียงบ้านและต้นไม้หนาทึบ  ผมไม่ค่อยขยับตัวมากนัก  สังเกตด้วยความรู้สึกแล้วคนข้าง ๆ ก็เช่นกัน  แขนจะถูกยกขึ้นบ้างครั้งคราวเมื่อต้องการจิบน้ำขิง  เวลาผ่านไปนานจวนครึ่งชั่วโมงน้ำขิงก็เย็นลงเรื่อย ๆ  มันเย็นเร็วผิดปกติคงเพราะอากาศที่นี่ค่อนข้างหนาว  สมุทรถึงกับต้องนำผ้าห่มที่อยู่ในตู้เก็บที่นอนตรงห้องนั่งเล่นมาห่มให้  เขารบเร้าที่จะให้ผมกลับเข้าไปนอนพักในห้องนั่งเล่นแต่ผมปฏิเสธ  สมุทรนำโถน้ำขิงกลับเข้าครัวไปนานห้านาที  เขากลับออกมาอีกครั้ง  แก้วของผมถูกเติมน้ำขิงอีกครั้ง  ไอร้อนที่พุ่งขึ้นสูงทำให้ทราบว่าเขาเพิ่งเข้าไปอุ่นมันมา

“ร้อนนะครับ ระวังด้วย” เขาย้ำเตือนเสียงนุ่ม  ผมรับแก้วมาก่อนที่อีกฝ่ายจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม  ด้วยระยะของสายตาที่ใบหน้ายังคงตั้งตรง  ยังคงรับรู้ได้ว่าถูกอีกฝ่ายมองอยู่  ผมเป่าน้ำขิงให้พออุ่นก่อนจิบเพียงเล็กน้อย  มันร้อนเกินไปที่จะดื่มได้มาก 

“ขอบใจ” ผมพูด  เบือนหน้ามองไปยังคนที่นั่งอยู่ด้วย  สมุทรไม่ตอบ  อีกทั้งไม่พยักหน้ารับ  เขายังคงมองผมและผมเองก็เช่นกัน  เราไม่ได้ส่งยิ้มให้กัน --เราทั้งคู่ค่อนข้างเรียบสงบ  มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ต่างกำลังกวาดมองใบหน้าของฝั่งตรงข้าม  รอยยิ้มสุภาพที่ไม่ปรากฏให้เห็นอย่างทุกที  แต่อย่างนั้นผมกลับสัมผัสได้ถึงใจจริงที่แสนอ่อนโยนของเขา  สิ่งที่ผมพยายามที่จะอธิบายให้ตัวเองและสำรวจมองเขามาตลอด  เส้นแบ่งเบาบางที่ดูเจ้าเล่ห์เจ้ากลในบางครั้ง  เบื้องลึกที่ซ่อนอยู่ชั้นสุดท้ายในก้นบึ้งของเขานั้น  ผมกลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่ไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่เลย  สิ่งนั้นที่ทำให้ผมรู้สึกอยากครอบครองมันไว้คนเดียว
   
วันนั้น เขาจูบผมทำไมนะ ?


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-05-2017 11:42:36

11:20 น.

ตั้งแต่วันเกิดเหตุนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว  ผมไม่ได้ติดต่อใครเลยนอกจากพี่ธาน  ผมจะต้องอยู่ที่นี่ต่ออย่างไม่มีกำหนด  คงจะพักให้แผลหายสนิทแล้วค่อยว่ากันอีกที  ป่านนี้ไม่รู้ว่าพี่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง  โปรดกับภาคิณส่งข้อความมาหาอยู่เรื่อย ๆ  ผมสั่งห้ามทุกคนงดเล่นโซเชียลอย่างเด็ดขาด  และผมเองก็คงไม่ได้แตะโทรศัพท์มือถือบ่อย ๆ ด้วยเหมือนกัน

“กลับมาแล้วครับนาย!” ไอ้เด่นส่งเสียงรายงานการกลับมาของพวกมัน  ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมที่เก้าอี้ระเบียงหน้าบ้าน  กวาดตามองสำรวจของที่มันหิ้วมาเต็มไม้เต็มมือ  มันสองพี่น้องผงกหัวให้ผมน้อย ๆ  ขอตัวนำของเข้าไปเก็บในบ้าน  ส่วนหนึ่งเป็นอาหารสดซึ่งสมุทรรับหน้าที่นำไปจัดเก็บในครัวด้านในบ้าน  ตู้เย็นและตู้กับข้าวอยู่ในโซนนั้นทั้งหมด  การแยกครัวแบบนี้มีความลำบากนิดหน่อยก็ตรงที่หากต้องการทำอาหารจะต้องเตรียมเครื่องเคียงจากครัวในบ้านและนำออกมาทำอาหารที่ครัวตรงระเบียงหน้าบ้านอีกทีหนึ่ง  แต่ถึงอย่างนั้นครัวในลักษณะเปิดโล่งแบบนี้ก็มีประโยชน์อยู่มากไม่น้อย  หากทำอาหารไทยที่มีกลิ่นแรงมักจะไม่เหม็นอับในบ้าน  ไม่สกปรก  ประตูหน้าต่างรอบห้องครัวจะช่วยให้กลิ่นระบายได้รวดเร็วขึ้น

“กลางวันนี้ผมจะทำโจ๊กนะครับ จะลองใช้ข้าวไรซ์เบอรี่ทำดู..จะได้มีประโยชน์หน่อย แต่คงใส่ได้แค่ผักนะครับ” สมุทรเข้ามารายงานอาหารมื้อกลางวันเหมือนเกรงว่าผมจะไม่ชอบ

“อืม” ผมผงกหัวรับ  ไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย

“ในครัวมีผักอะไรบ้าง” ผมถามถึง

“ก็มีเยอะอยู่นะครับ ผักชี บรอกโคลี หัวหอม เห็ดออรินจิ เห็ดหอม ปวยเล้ง มะเขือเทศ คะน้ากับกะหล่ำปลีมีในสวนของคุณหงส์น่ะครับ ต้องไปเก็บ แต่ผมว่ามันย่อยยากคุณยังไม่ควรกิน เห็นว่าปลูกออร์แกนิคเหรอครับ ไว้ถ้าคุณหายดีกว่านี้ผมจะทำกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาให้นะครับ” อีกฝ่ายตอบซะยาว  ผมเท้าคาง  สายตาตกลงมองไปที่เท้าของสมุทรพลางใช้ความคิด

“เอาบรอกโคลีลวกพอสุกสักกำมือนึง” ผมพูด  สมุทรเงียบฟัง

“ปั่นกับผักชีสักหน่อย มีแอปเปิลรึเปล่า ?” ผมถาม

“มีครับ เด่นเพิ่งซื้อมา” สมุทรตอบ  เขามองหน้าผมงง ๆ  สงสัยว่าผมต้องการอะไร

“แอปเปิลปลอกเปลือกทั้งลูกเลย ปั่นสามอย่างนี้เข้าด้วยกัน ไม่ต้องใส่อะไรนะ แล้วกรองกากออก ฉันจะกิน” ผมสั่ง

“ไม่ใส่อะไรเลยนะครับ” สมุทรย้ำถามให้แน่ใจ

“ใช่” ผมพยักหน้า 

“ได้ครับ” เขาขานรับ 

ผมไม่ชอบเวลาที่ผมป่วยเท่าไหร่  และไม่ค่อยชอบเวลาที่พี่ธานกับพายุไม่อยู่ใกล้ ๆ เวลาที่ต้องออกนอกบ้านอีกด้วย  พอไม่มีคนรู้ใจ  มันมักจะทำให้ตารางอาหารที่ผมกินประจำนั้นเปลี่ยน  แม่บ้านจะรู้ว่าผมจะกินอะไรเวลาไหน  นอกจากตอนนี้จะไม่ได้ออกกำลังกายทั้งที่บรรยากาศดีขนาดนี้แล้ว  ผมก็ไม่อยากให้ร่างกายสูญเปล่าไปกับการกินแค่ข้าวต้มกับโจ๊กไปวัน ๆ  ซึ่งปกติน้ำพวกนี้ผมก็ดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว  หากร่างกายปกติกว่านี้ก็คงไม่กรองกากออกด้วยซ้ำน่ะนะ

“ทำก่อนเลย ฉันจะกินก่อนอาหาร” ผมพูด

“ได้ครับ” สมุทรผงกรับทราบ  ตรงกลับเข้าบ้านไป  เขาออกมาอีกครั้งพร้อมกับถาดยาก่อนอาหาร  ไอ้เด่นเข้ามาช่วยจับถือให้ผมถนัดมือเพราะสมุทรเข้าครัวไปแล้ว 

“ไอ้เข้มเป็นไงบ้าง” ผมกระซิบถาม  แก้วยาที่กินเสร็จเรียบร้อยถูกไอ้เด่นรับไปเก็บ

“มันจะไม่ปกติยังไงเหรอครับนาย” ไอ้เด่นถามตาใส 

“นี่มึงไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ สินะ” ผมจ้องมันอย่างเหนื่อยหน่าย  ทำเอาคนตรงหน้างงยิ่งกว่าควายหนักกว่าเดิม

“แล้วนี่ว่าง ?” ผมมองมันหัวจรดเท้า 

“แฮ่ ผมกำลังจะขออนุญาตนายเข้าไปในไร่หน่อยได้ไหมครับ คุณหงส์เธอจะไปตรวจผักท้ายไร่ ผมอยากไปด้วย” ไอ้เด่นยิ้มกว้าง  น้ำเสียงของมันตื่นเต้นมากไม่รู้ว่ามันรู้ตัวรึเปล่า  ขณะเดียวกันไอ้เข้มก็ออกมาจากครัวพอดี

“เดี๋ยวพี่สมุทรเขาจะซ่อมลานฝึกให้คุณหงส์ มึงมาอยู่ช่วยเลย” ไอ้เข้มพูดแทรกเข้ามา

“เอ๊ะ พี่สมุทรจะซ่อมเองเหรอครับ !?” ไอ้เด่นหน้าจ๋อย  สมุทรที่กำลังเตรียมของอยู่ตรงครัวโผล่หน้าลอดผ่านหน้าต่างมองมา

“เด่นไปเถอะ พี่ทำคนเดียวได้” สมุทรยิ้มตอบ

“พี่ไปให้ท้ายมันครับ” ไอ้เข้มท้วง  สมุทรอมยิ้ม  ไอ้เด่นทำปากขมุบขมิบแอบด่าพี่ชายของตนลับหลัง

“ก็ไปสิ” ผมพูดขึ้น  มันทั้งคู่ชะงักมองมาทำเอาไอ้เข้มถึงกับหน้าสลดลง

“ขอบคุณครับ” ไอ้เด่นยิ้มกว้างแทบกระโจน

“พี่สมุทร เด่นขอเข้าไปไร่กับคุณหงส์นะครับ ไว้จะมากินข้าวกลางวันครับ!”

“พี่ทำข้าวผัดน้ำพริกปลาทูนะ” สมุทรชะโงกบอก  ผมถึงกับถอนหายใจแรงเมื่อได้ยินชื่อเมนู 

“ครับ! ขอเผ็ด ๆ เลย!” ไอ้เด่นยิ้มกว้างกว่าเดิม  เมื่อมันขยับตัวมายืนใกล้ปลายเท้าผมพอดี  ผมจึงยกขาขึ้นและออกแรงถีบก้นมันไปทีหนึ่งด้วยนึกหมั่นไส้

“นายถีบผมทำไมครับ” ไอ้เด่นหันมาด้วยสีหน้าตกใจ

“จะไขว่ห้าง แต่ลืมไปว่าทำไม่ได้” ผมตอบตาใส  ขาชักกลับวางลงทีเดิม  ไอ้เด่นมองตามมาที่ขาผมงง ๆ

“ครับ” มันผงกหัวยอมความ

“จะไปก็รีบไป” ผมว่า

“ขอบคุณครับนาย” มันก้มหัวพร้อมโค้งเกือบเก้าสิบองศา  วิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็วอย่างกับมีใครไปปลดโซ่ที่คอ
 
“ไม่ไปกับมันล่ะ” ผมพยักพเยิดหน้าไปทางไอ้เด่นที่กำลังวิ่งไปยังโรงจอดรถ  เสียงเจี๊ยวจ๊าวของคนงานที่ต้อนรับขับสู้ไอ้เด่นเป็นอย่างดีดังแว่ว 

“เอ่อ...ผม ไปได้เหรอครับ” ไอ้เข้มหลบตา

“หน้ามึงถึงรถละไอ้ห่า” ผมแซว  ไอ้เข้มหลุดยิ้มอย่างเขินอาย

“เชิญตามสบายครับท่าน” ผมประชด  ไอ้เข้มผงกหัวแทนคำขอบคุณแต่กลับไม่ยอมจากไป  ผมเหล่หางตามองทำให้ใบหน้าของมันหุบยิ้มลงอย่างรักษาอาการ 

“มาใกล้ ๆ ซิ” ผมกวักนิ้วเข้าหาตัวเอง  ไอ้เข้มมองกะหลับกะเหลือก  ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมตามที่สั่ง  ผมเอื้อมมือคว้าคอมันกระชากเข้ามาใกล้ริมฝีปาก

“ขอเตือนไว้ก่อน” ผมฉีกยิ้ม

“ยัยนั่นมือหนักอย่างกับตีน ก็เป็นลูกศิษย์พี่ใหญ่นี่นะ ฮิ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ 

“.........” เราต่างเงียบลง 

“ผม...” อีกฝ่ายอ้ำอึ้งหลบสายตา

“ผมไม่กล้าหรอกครับนาย” มันบอก

“ไม่กล้าอะไร ?” ผมถาม  เลิกคิ้วขึ้นทั้งสองข้างรอคำตอบด้วยความตื่นเต้น
 
“กล้าอะไรงั้นเหรอ หือ” ผมกระซิบ

“เปล่าครับ” ไอ้เข้มก้มหน้าลงกว่าเดิม

“ผมขอตัวนะครับนาย” มันบอกเสียงเบาในลำคอ 

“เชิญครับ” ผมตอบ  ปล่อยมือออกจากต้นคออีกฝ่าย  ไอ้เข้มตะโกนบอกไอ้เด่นอย่างเร่งรีบคล้ายกลัวว่าคนของหงส์จะจากไปแบบไม่รอ

“ไอ้เด่น! รอกูด้วย!”  แล้วแทนที่มันจะวิ่งไปหาไอ้เด่นแต่มันกลับวิ่งตรงไปหาสมุทรที่ครัว  ปากขมุมขมิบกระซิบกระซาบ  ผมอ่านออกจับใจความได้ง่ายว่า “ฝากนายด้วยนะครับ”  พอสมุทรรับปากไอ้เข้มก็รีบวิ่ง  โค้งตัวผ่านผมไปอย่างรวดเร็ว 

“นี่กูปล่อยเชือกพวกมึงรึไง” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง  ตาเหลือบมองเห็นหงส์ยืนรออยู่กับคนงาน  เธอเท้าเอวขมวดคิ้วคล้ายจับผิด  ผมอมยิ้ม  ยกมือขึ้นโบกทักทายน้อย ๆ ให้เพื่อนรัก  อีกฝ่ายชูนิ้วกลางขึ้นกลางอากาศทำเอาผมพ่นหัวเราะ  กระทั่งลูกน้องของเธอที่สังเกตเห็นก็หัวเราะด้วยเช่นกัน 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-05-2017 11:42:52

คนในครัวกำลังกุลีกุจอเตรียมอาหาร  เขาเดินเข้าเดินออกระหว่างห้องครัวหน้าบ้านกับครัวในบ้านสลับไปมา  ไม่นานนักผมก็ได้น้ำผักที่สั่งไว้มาดื่ม  มันหมดแก้วภายในพริบตา  ห้องครัวริมระเบียงขนาดสี่คูณสี่  ประตูหน้าต่างบานพับรอบด้าน  ดูเหมือนจะได้รับการทำสีใหม่ไม่นานนี้  กลิ่นหอม ๆ ของข้าวที่กำลังหุงลอยโชยเตะจมูกเป็นครั้งคราว  คนทำอาหารดูตั้งอกตั้งใจอย่างไม่มีวอกแวก  ผมนั่งมองจากที่ระเบียง  เก้าอี้ตัวเดิม  องศาที่เก้าอี้ตั้งอยู่นั้นพอดีกับที่จะมองกวาดไปทั่วได้  ดูเหมือนสมุทรจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกมองจากตรงนี้  จังหวะที่พอจะเดาออกได้ว่าเขาพยายามที่จะตรวจสอบว่าเขาถูกมองอยู่หรือไม่  ผมจึงเหสายตามองไปอีกทางแทนอย่างไม่ให้ดูผิดเพี้ยนนัก  ซึ่งการทำแบบนี้มักเป็นการหลบหลีกที่ได้ผล  ตามตรงแล้วผมจะให้เขารู้ตรง ๆ ไปเลยก็ได้ว่าผมนั่งมองเขาทำอาหารอยู่  แต่ถ้าทำแบบนั้นก็คงไม่สนุกเท่าไหร่  และดูเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วยเพราะอีกฝ่ายเองก็พยายามที่จะทำเช่นเดิมเพื่อตรวจสอบอยู่ถึงหลายครั้ง 

อาหารของผมเสร็จก่อนอันดับแรก  สมุทรนำมาเสิร์ฟให้ถึงที่โดยนำโต๊ะกินข้าวสำหรับนั่งด้านนอกเลื่อนมาวางให้กินได้สะดวก  เสร็จแล้วเขาก็เข้าไปทำอาหารต่อ  จะบอกว่าเขาเป็นคนที่มีลักษณะแบบที่ผมชอบคงไม่ใช่เสียทีเดียว  ผมคิดว่าแต่ละคนมีจุดที่จะเชื่อมตรงถึงความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบอยู่  เหมือนกับเวลาที่เราพบหน้าใครแล้วไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรก  โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ให้มาก  ลักษณะเฉพาะตัวในแบบของสมุทร  คนที่ชอบชีวิตเรียบ ๆ ก็คงชอบผู้ชายแบบนี้ทั้งนั้น  ผมไม่ได้บอกว่าชีวิตผมราบเรียบเสียทีเดียว ผมแค่ต้องการความราบเรียบนั้นที่เขามี  ผมมักจะใช้ของมีคุณภาพและสามารถยอมรับในราคาที่สูงนั้นได้  อีกทางหนึ่งผมก็ไม่ชอบคนที่ฟู่ฟ่าเกินจำเป็น  ผมไม่ชอบให้เงินกับคนประเภทนั้น  แต่สมุทรกลับมีมุมนั้น ๆ ที่ผมถูกใจ  เขาเป็นคนแบบที่ไม่แตะโทรศัพท์มือถือแต่ก็ไม่เดือดร้อนเลย  ผมสังเกตเขาในมุมนี้อยู่หลายครั้ง  เขาดูไม่ร้อนใจเลยสักนิดเดียว  เหมือนกับว่าสั่งเสียน้องสาวเรียบร้อยแล้วทุกอย่างจึงสบายใจในหน้าที่ของตน

หลังมื้ออาหาร  สมุทรดูสบายใจที่เห็นผมกินยาได้ครบถ้วน  เขาลงไปเตรียมอุปกรณ์ซ่อมลานฝึก  ลูกน้องหงส์เข้ามาจัดแจงนำของที่ต้องใช้เตรียมไว้ให้และสักพักก็หายไป  เหลือเพียงคนงานคนเดียวที่คอยเป็นลูกมือให้สมุทรได้  ผมลากสังขารตัวเองลงไปนั่งดูใกล้ ๆ  สมุทรมีสีหน้ากังวลขึ้นมาในทันที  เขาออกปากว่า “ทำไมคุณไม่นอนพักละครับ!” ด้วยความตกใจ  ผมทำหูทวนลม  อีกฝ่ายจึงไม่พูดอีก

เสียงตอกตะปูเพื่อล็อกเป้าหมายก่อนทำการเจาะสว่าน  แดดสาดส่องเข้าเต็มตาเมื่อต้องเงยหน้าขึ้นมองสมุทรที่ปีนอยู่บนบันไดสูง  ผมจึงหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ไม่ไกลนัก  ดูท่างานคงจะไม่เสร็จง่าย ๆ

“ขอสว่านหน่อยครับ” สมุทรบอกคนที่อยู่ข้างล่างเพื่อคอยเป็นลูกมือให้  ลูกน้องของหงส์รับค้อนกับตะปูกลับไปก่อนจะยื่นสว่านไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้คนด้านบน  สมุทรหมุนดอกสว่านตรวจให้เรียบร้อยอีกครั้งก่อนเล็งไปที่เป้าหมายที่ได้ทำเครื่องหมายไว้ในทีแรก  เขาหันตัวกลับมามองผมที่นั่งมองอยู่ทางด้านหลัง 

“ระวังกระเด็นใส่นะครับ” อีกฝ่ายพูดบอกด้วยสีหน้ากังวลไม่เลิก

“ถ้ามันจะกระเด็นใส่ฉัน มันก็กระเด็นใส่หน้านายก่อนนั่นแหละ” ผมพูด  ดันมาห่วงอะไรไม่เข้าท่า  ลูกน้องหงส์หัวเราะอ่อน ๆ  สว่านทำหน้าที่เจาะลงเสาปูนจนเสียงสะท้อนดังลั่นน่าปวดหัว  แต่วิวตรงหน้ามันดีเกินกว่าที่ผมจะเดินหนีได้  ผมแสยะยิ้มมองกล้ามแขนของคนที่ถือสว่านอย่างมั่นคง  กล้ามเนื้อหลังที่เห็นผ่านเนื้อผ้าทะลุออกมาอย่างชัดเจนแบบนี้นี่มันให้ความรู้สึกซาบซ่านดีจริง ๆ 


- - - - - - - - - - - - - - -


6 วันผ่านไป : 07:00 น.

“ขอบคุณ” หงส์บอกลูกมือ  สมุทรผงกหัวพร้อมรอยยิ้ม  แผลถูกทำความสะอาดให้ครั้งใหญ่หลังจากที่ผมเพิ่งเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อย  กล่องเครื่องมือแพทย์ปิดสนิท  คุณหมอและผู้ดูแลของผมนั่งเงียบ  ผมอมยิ้มทำเฉยเมยต่อสถานการณ์ระหว่างพวกเรา

“ไม่ทราบว่าคุณท่านต้องการรับอะไรเพิ่มไหมคะ วันนี้ดิฉันต้องเข้าโรงพยาบาล จะกลับอีกทีก็ค่ำ ๆ โน่นล่ะค่ะ” หงส์ถามด้วยน้ำเสียงประดิษฐ์ประชดประชัน

“ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ” ผมตอบอย่างประดิษฐ์กลับเช่นกัน

“..........” เราสองคนเหล่มองกันและกันด้วยหางตา 

“ลูกตามึงนี่น่าหมั่นไส้จริง ๆ!” หงส์สบถ

“หน้ามึงทั้งหน้าอะ น่าหมั่นไส้!” เธอกระแทกเสียง  ทำมือโบ้ยไปมา

“หน้ามึงก็อุบาทว์ใช่หยอก” ผมย้อนนิ่ง ๆ  หงส์จิปากกลอกตาหนี

“นี่ชุดไปโรงบาลของมึงเหรอ” ผมกวาดตามองเสื้อสายเดี่ยวคอวีที่ไม่มีแม้แต่สายชุดชั้นใน  มันโชว์ทั้งอกและไหล่ที่แสนกระชับของเธอ  ถึงแม้มันจะดูสวยและเข้ารูปไปกับรูปร่างจนผมละสายตาไปไหนไม่ได้  ไหล่ที่มีแต่กล้ามเนื้อแข็งแรงกับหน้าอกที่ได้รูปแบบที่ผู้หญิงปกติทั่วไปไม่สามารถมีรูปร่างแบบนี้ได้ง่าย ๆ  ซึ่งถ้าให้พูดตามตรงแล้วมันเป็นเป้าหมายอย่างโจ่งแจ้งสำหรับบ้านนอกแบบนี้เลยนะครับ  นี่ไม่ใช่ต่างประเทศ  บ้านเรายังห่างไกลกับคำว่าทัศนคติอย่างสากลโดยสิ้นเชิง

“ทำไม” หงส์ทำเสียงห้วน  มองขวางไม่พอใจ

“ล่อไอ้เข้ขนาดนี้น่ะนะ” ผมจิปากว่า

“มึงไงหัวหน้าไอ้เข้!” หงส์วกกลับมาด่าผม

“ฮึ” ผมพ่นหัวเราะไม่ปฏิเสธ 

“เดี๋ยวกูใส่เสื้อทับ” เธอบอก  ผมกลอกตาพยักหน้ารับทราบยิ้ม ๆ  สมุทรนั่งเงียบ  สายตาตกลงมองพื้นมานานแล้ว  เขาเก็บอาการเก่งมากทีเดียวที่ไม่มองหุ่นของหงส์สักตา 

“ขออนุญาตครับ กระเป๋าของคุณหงส์ครับ” ไอ้เข้มเปิดประตูเข้ามา  มันคลานเข่าเข้ามาใกล้เพื่อที่จะนำกระเป๋าของหงส์มาวางให้ใกล้มือ  ผมจึงเอื้อมมือคว้าคอเสื้อไอ้เข้มแล้วกระชากเจ้ามาอย่างแรงจนไอ้เข้มหน้าเกือบทิ่ม  หงส์ตกใจ  เบี่ยงตัวหลบโดยสัญชาตญาณ 

“เอ๊ะ นายครับ” ไอ้เข้มอุทานหน้าเหวอ  ผมนำมืออีกข้างที่ว่างอยู่ล็อกหน้าของไอ้เข้มไว้แน่นก่อนออกแรงบังคับให้มันหันหน้ากลับไปทางร่างกายของหงส์  หน้าของมันอยู่ในระดับหน้าอกของหงส์พอดิบพอดี 

“ขนาดกำลังดีเลยใช่ไหมละ” ผมพูด  แสยะปากแลบลิ้นด้วยความพอใจ

“ไอ้สัสไฟ!” หงส์ร้องเสียงหลงด้วยความโมโห  ทันทีนั้นเธอก็ง้างมือขึ้นตบหน้าไอ้เข้มอย่างแรง


เพี้ยะ !!!!

เสียงดังลั่นไปทั่วห้อง  ผมอ้าปากยิ้มกว้างเพราะหงส์ตบมาเต็มแรงจนหน้าไอ้เข้มสะเทือนเลย

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมขำก๊าก  ไอ้เข้มหน้าหันแทบจะทิ่มลงมาบนที่นอนที่ผมนอนอยู่  ผมปล่อยมือออก  เมื่อลูกน้องผมเป็นอิสระมันก็คลานถอยหลังหนีหน้าตาตื่น

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้...” ไอ้เข้มก้มหัว  ตะกุกตะกักพูดด้วยสีหน้าร้อนรน 

“ไปตายซะ!” หงส์ตะคอกใส่  ไอ้เข้มผงกหัว  รีบลุกออกจากห้องไปในทันที

“เอ้า เดี๋ยวมันก็ไปตายจริง ๆ หรอก” ผมยังไม่เลิกกวน

“มึงนี่มัน....อ้าก!” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็กระแทกเสียงร้องคล้ายหงุดหงิดและอึดอัดใจ

“ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมก้มหน้างุด  ขำฉิบหาย

“........” หงส์นิ่งไปแล้ว  คราวนี้จับจ้องผมเขม็งดูท่าจะไม่ชอบจริง ๆ

“โอเค ๆ  กูขอโทษ” ผมผายมือยอมแพ้  พยายามควบคุมปากตัวเองไม่ให้ยิ้ม

“ขอโทษครับ” ผมยื่นมือเข้าไปจะจับแก้ม  อีกฝ่ายปัดมือผมออกงอน ๆ

“มึงนี่มันควรไปตายซะหลาย ๆ รอบเหมือนที่ไอ้โปรดว่าจริง ๆ” หงส์บ่นพึมพำพลางถอนหายใจยอมความ  สะบัดหน้าหนีแล้วก้มลงตรวจดูสัมภาระของเธอในกระเป๋าอีกครั้ง  ผมยิ้มมอง  ไม่ปฏิเสธ  นึกถึงไอ้โปรดขึ้นมาเพราะมันเคยด่าผมว่า “ไปตายห่าซะหลาย ๆ รอบ! ไปตายซะไอ้เหี้ย!”  จำได้ขึ้นใจเลยว่าตอนนั้นไอ้โปรดโกรธผมมากจนหน้าดำหน้าแดง  ดูเหมือนมันจะด่าผมออกมาจากใจจริงซะด้วย

“..........” ผมเม้มปาก  กะพริบตาปริบ ๆ

“อยู่กับไอ้บ้านี่ นายต้องระวังตัวไว้ให้มากล่ะ” หงส์เปลี่ยนประเด็น  หันไปหาพักหาพวกกับสมุทรที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอ

“ครับ” สมุทรผงกหัวขอบคุณซะงั้น 

“ฉันไม่ได้หมายถึงระวังตัวทั่ว ๆ ไปนะ ฉันหมายถึงระวังทุกเรื่อง นี่คิดยังไงถึงได้มาอยู่กับมันล่ะ” หงส์ขึ้นเสียง

“คิดน้อยมั้งครับ” สมุทรตอบทันทีอย่างกับเตรียมคำตอบไว้แล้วอย่างนั้น

“ฮึ!” หงส์ยิงฟัน  กลั้นหัวเราะด้วยความตกใจ  ดูเหมือนเธอจะพอใจในคำตอบเป็นอย่างมากทีเดียว

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ  กร๊าก!” หงส์ปล่อยหัวเราะลั่น  อ้าปากซะกว้าง  ตกลงอีนี่ใช่ผู้หญิงเหรอ ? 

“ชอบอะ! วันหลังว่าง ๆ มานั่งคุยกันนะ” หงส์ตบไหล่สมุทรพร้อมผงกหัวขึ้นลงอย่างกับตัวการ์ตูน

“นี่...”

“ฉันจะบอกวิธีไม่หลงกลคนประเภทนี้ให้เอาไหม” หงส์กุมมือสมุทรไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง  ทำอย่างกับว่าโลกจะแตก  สมุทรยิ้มอย่างสุภาพตั้งหน้าตั้งตารอฟัง  ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารอฟังอยู่ด้วย  แค่คิดว่าท่าทางของสมุทรในตอนนี้น่ามองดี

“มันก็เหมือนหมานั่นแหละ เมื่อไหร่ที่นายสบตาจ่าฝูง แสดงว่านายพร้อมสู้”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง กูไม่ยักรู้มาก่อน” ผมทำเสียงแทรกก่อกวน  หงส์เหล่ตาขวางมา

“หลีกเลี่ยงการสบตาไว้นะรู้ไหม” เธอย้ำ

“หน้ามันเจ้าเล่ห์ใช่ไหมละ กฏไม่สบตาน่ะ ฉันรู้มาจากคนที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวเรื่องบนเตียงกับมันมาแล้วทั้งนั้นเลยนะ”
 
“อีหงส์” ผมสบถ 

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ  โอ๊ย!” หงส์ขยับตัวหนีออกไปไกลมือไกลเท้าทันควัน  เธอยกมือขึ้นปรามผมคล้ายขอเวลานอกเพื่อหัวเราะให้เต็มที่

“ไฟ.. นี่กูไม่ได้หัวเราะขนาดนี้นานเท่าไหร่แล้ววะเนี่ย กูคิดถึงมึงจริง ๆ นะ” หงส์ปิดปากตัวเอง  คุณคิดว่าตอนนี้เธอขำหนักขนาดไหนละครับ  ขำขนาดที่น้ำตาเล็ดออกมาได้

“สมุทร” หงส์ขยับตัวไปอยู่ด้านหลังสมุทรเพื่อเป็นเกราะกำบัง 

“มันขึ้นอีกับฉันอะเมื่อกี้ นายได้ยินไหม” เธอฟ้องไปยิ้มไป  หางตายังเห็นน้ำตาเปื้อนอยู่เลย  สมุทรยิ้มกว้าง

“นาน ๆ ทีจะได้ยิน สะเทือนใจ” เธอบอกปนหัวเราะพร้อมนำมือแนบอก

“ขำพอรึยัง เก็บกดขนาดนี้มึงก็เข้ากรุงเทพสิ” ผมถอนหายใจ 

“ก็นะ เออ..ไปแล้ว มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” หงส์ตัดบททำท่าจะลุกขึ้น

“เดี๋ยวผมช่วยครับ” สมุทรรีบเข้าไปคว้ากล่องแพทย์ของหงส์ไว้  หงส์มองสมุทรกะหลับกะเหลือกและยังคงนั่งเฉย  ทำให้สมุทรนั่งลงตามเธอเหมือนเดิม

“มาทำงานกับฉันไหม” หงส์ยิ้มถาม  ใบหน้าปรับเปลี่ยนเป็นจริงจัง   

“ได้ข่าวว่าเคยทำสวนมาก่อน เคยอยู่ฟาร์มโคนมด้วยนี่ ผ่านงานใช้แรงมามากแล้วสินะ” เธอพูด

“ไปได้แล้ว” ผมพูดดักคอ

“เราทำสวนออร์แกนิคนะ มีฟาร์มโคนมด้วยอยู่ทางเหนือไร่โน่นแหละ นายมัวแต่เฝ้ามันก็เลยไม่ได้ไปเปิดหูเปิดตาแถวนี้เลยใช่ไหมละ” หงส์ส่งสายด่ากึ่งด่ามาทางผม

“หงส์..” ผมย้ำเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจังกลับเช่นกัน  เธอควรไปทำงานได้แล้ว

“คนงานที่นี่ได้กินอาหารออร์แกนิคกันหมดล่ะ มีอาหารให้สามมื้อ มีเงินออมให้ด้วย โบนัสก็มี สวัสดิการเจ๋งเป้งสุด ๆ  ฉันอยากได้คนที่มีความเป็นผู้นำ...แต่ก็โอบอ้อมอารี มีระเบียบวินัย อึดถึกควายด้วยจะดีมาก ทำงานกับคน ๆ นี้ได้ดูแล้วนายน่าจะอึดพอทน” หงส์มองสมุทรด้วยแววตาเป็นประกาย  ผมคิดว่าเธอไม่ได้แค่แกล้งกวนผมเท่านั้นแต่กำลังสนใจสมุทรในฐานะลูกน้องอย่างจริงจัง  สมุทรรับฟังยิ้ม ๆ ไม่ได้สบตาเธอ

“ฉันชอบ.. กำลังมองหาผู้จัดการไร่แถบที่ดินฝั่งนี้อยู่ ยังไม่ได้ใครถูกใจสักที มีที่พักให้สำหรับผู้จัดการไร่โดยเฉพาะด้วยนะ ไม่หรูหรอก เป็นบ้านไม้โง่ ๆ ขนาดสี่เหลี่ยมพอกระดิกตัวได้ไม่อึดอัด ไม่เหมือนคฤหาสน์ของท่านที่นอนป่วยอยู่นี่หรอก ถ้านายสนใจ ฉันจะสตาร์ทเงินเดือนให้เลยสองหมื่น สามเดือน...ถ้านายผ่านทดลองงานกับปู่ฉัน ฉันจะเพิ่มเงินให้อีก” หงส์สาธยายยาว  รายละเอียดมาเต็มเมื่อได้โอกาส  พูดตามตรงว่าผมกลัวใจคนฟังมากเลย

“น่าสนใจมากเลยนะครับ ถ้าผมอยู่ที่นี่ หกพันก็ไม่รู้ว่าจะใช้ถึงรึเปล่า” สมุทรยิ้มตอบ

“ใช่ไหมละ !?” หงส์กระแทกเสียงด้วยความตื่นเต้น

“คนงานที่นี่คนไหนที่ไม่มีหนี้ก็มีเงินเก็บกันหมดแหละ ถ้านายความประพฤติดีเยี่ยมถูกใจปู่ละก็ ขาดเหลืออะไรบอกได้เลย อยากจะขอกู้เงินก็ได้นะ ฉันคิดดอกเบี้ยไม่โหดเหมือนคนแถวนี้หรอก”

“กูบอกให้ไปได้แล้ว!” ผมขึ้นเสียง  เอื้อมแขนออกไปอย่างลืมตัว  มือคว้าผมของหงส์มาไว้ในมือจนเจ้าตัวกรีดร้องเสียงหลง  ผมของเธอยาวพอดีมือ  ความแรงที่ผมดึงทำให้อีกฝ่ายเกือบล้มจนสมุทรรีบเข้าไปคว้าตัวช่วยพยุงไว้  ผมจึงปล่อยมือออก

“ไอ้เหี้ยไฟ!” หงส์โวยวาย  ปากยิ้มกว้าง  ทรงผมยุ่งกระเซิงไม่เป็นทรง

“สมุทรดูสนใจมาก มึงดูตาเขาสิ” เธอพูดแทบตะโกน  ทำเอาไอ้เด่นถึงกับวิ่งกรูมาดูเหตุการณ์

“มึงนี่เป็นผู้หญิงที่น่าเอาส้นตีนยัดปากจริง ๆ”

“อ๋อ อีกอย่างนึงนะสมุทร ฉันไม่ได้อารมณ์ผีเข้าผีออกแบบมันด้วยนะ” หงส์ยังไม่หยุดเพิ่มข้อดีของตน

“ผมยังมาทำงานที่นี่ให้ไม่ได้หรอกครับ พอดีว่า ติดสัญญาบางอย่างกับคุณเขาอยู่น่ะ” สมุทรตอบ  อมยิ้มด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม

“เรื่องเงินเหรอ ? ให้ฉันช่วยไหมละ” หงส์ยิ้มกว้าง

“มึงจะลองดีกับกูใช่ไหม” ผมเลิกคิ้ว  หงส์เม้มปากยิ้ม ๆ  ขยับตัวหนีห่างออกไป

“นี่นามบัตรฉัน” หงส์กระซิบ  เธอหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้อีกฝ่าย 

“หงส์! อีสัสเอ๊ย!” ผมหลุดยิ้มและตวาดอย่างสุดทน  หยิบไม้เท้าของปู่หาญที่ให้ผมไว้ใช้ระหว่างที่อาศัยอยู่ที่นี่ขึ้น  ร่างกายเคลื่อนที่ไม่ได้มากจึงยื่นปลายไม้เท้าไปทางเพื่อนสนิท  หงส์หัวเราะลั่นกระโดดลุกขึ้นยืน
 
“จะไปแล้วนี่ไง เอากล่องเครื่องมือมาสิ” เธอว่า  ไม่ยอมเข้ามาหยิบกล่องเครื่องมือด้วยตัวเอง  สมุทรทำท่าจะยกกล่องเครื่องมือไปให้  ผมจึงดันปลายไม้เท้าเข้าที่คอของเขาในทันทีเพื่อสั่งห้าม

“ไอ้เด่น มาเอาไป!” ผมสั่ง  มือปัดกล่องจนมันกระเด็นไปไกล  เจ้าของกล่องยังคงหัวเราะชักดิ้นชักงอชอบใจอยู่ที่ไกล ๆ  หงส์หันกลับมาโบกมือบอกลาผมอีกครั้งก่อนลงจากบ้านไปพร้อมกับไอ้เด่น  ผมวางไม้เท้าลงที่เดิม  เหลือบตามองสมุทรที่ยังคงถือนามบัตรของหงส์ไว้ในมือ  ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง  ทันทีที่ผมจะเข้าไปคว้านามบัตรมาแต่อีกฝ่ายกลับรู้ทัน  นำนามบัตรชูขึ้นสูงเหนือหัว 

“ฉีกทิ้งเดี๋ยวนี้เลย” ผมว่า  ศอกข้างซ้ายตั้งเท้าไว้กับที่นอน

“ไม่ครับ เผื่อจำเป็น” สมุทรตอบด้วยทีท่านิ่งสงบ

“จำเป็นอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“จำเป็นสิครับ อีกอย่าง.. คุณหงส์ก็พูดถูก ผมชอบที่นี่น่ะครับ”

“........” ผมนิ่ง  ดูเหมือนเขาจะพูดออกมาจากใจจริง  ขวดน้ำใกล้มือถูกคว้าขึ้นยกดื่มตัดอารมณ์ที่ค่อนข้างเซ็งก่อนเอนหลังพิงพนักพิง  หันหน้ามองออกไปทางระเบียงบ้าน

“คุณเองก็ดูผ่อนคลายเวลาอยู่กับคุณหงส์ด้วย” อีกฝ่ายพูด  ทำเป็นรู้ดี  ผมเงียบฟังเมินไปที

“โกรธเหรอครับ”

“เปล่านี่” ผมตอบส่ง ๆ

“ถึงโกรธก็ไม่ทิ้งหรอกนะครับ”

“เลิกกวนตีนสักทีได้ไหม” ผมขมวดคิ้ว  หันกลับไปมองอีกฝ่าย  สมุทรอมยิ้มเล็กน้อย  เราทั้งคู่เงียบลง  พอได้โอกาสผมจึงคว้ามือเข้าไปเพื่อจะแย่งมันมาอีกครั้ง  ร่างกายที่ขยับไม่ถนัดทำให้อีกฝ่ายรู้ทันนำนามบัตรหลบหลีกไปได้ทั้งที่เขายังคงนั่งอยู่กับที่  ด้วยความหมั่นไส้และทั้งหงุดหงิดร่างกายตัวเองในตอนนี้  ผมจึงคว้าคอเสื้อของสมุทรมาอย่างแรง  การที่ออกแรงดึงมาอย่างแรงและอีกฝ่ายกับผมก็ตัวเท่า ๆ กันทำให้สู้แรงกันพอสมควร  สมุทรยอมเป็นฝ่ายตามแรงดึงของผมมา  คงเห็นว่าร่างกายผมยังไม่หายดีนัก  หลังผมเซพิงกลับไปทางด้านหลัง  สมุทรล้มตัวเข้ามาไม่ทันได้ตั้งหลัก  แขนทั้งของข้างของเขากางออกคร่อมตัวผมไว้โดยสัญชาตญาณ   

“จะมาที่นี่ก็ได้” ผมพูด  มือยังคงกำคอเสื้อสมุทรไว้แน่นไม่คิดปล่อย  อีกฝ่ายมองผมไม่วางตา  พอเขาขืนตัวเพื่อที่จะลุกขึ้นก็ยิ่งทำให้คอเสื้อยืดออกจนเกือบเสียทรง  สมุทรจึงไม่คิดขัดขืนอีก  ผมจ่อหน้าเข้าไปใกล้  ใบหน้าของเราจดจ่ออยู่ใกล้กันเพียงคืบเท่านั้น 

“แต่ต้องหลังจากที่ฉันอนุญาตให้นายออก” ผมกวาดตามอง  อีกฝ่ายหลบสายตาลง

“อ๋อ ไม่ดีกว่า” ผมจ่อปลายจมูกเข้าไปใกล้ปลายคางของเขา

“หลังจากที่ฉันอึ๊บนายแล้วดีกว่า เข้าใจคำว่าอึ๊บไหมละ” ผมเลิกคิ้วพลางแสยะยิ้ม 

“เปลี่ยนสีหน้าทำไม ? หรือว่านายอยากอึ๊บฉัน ? ก็ได้ ๆ  เอาเป็นว่าหลังจากที่เราอึ๊บกันก็แล้วกัน ถ้านายคิดจะมาอยู่ที่นี่ ฉันก็จะตามมาอึ๊บนายที่นี่ด้วย” ผมกระซิบกวนไม่หยุด  จมูกจดจ่อเกลี่ยแก้มอีกฝ่ายอย่างคลอเคลียแต่ก็ไม่คิดที่จะหอมอย่างตรงไปตรงมา 


โป๊ก!!! 

“โอ๊ย!” ผมร้อง  มือที่กำคอเสื้อสมุทรอยู่ปล่อยออกเปลี่ยนมาจับหน้าผากตัวเองในทันที 

“นี่นายใช้หัวโขกฉันอีกแล้วนะ เวรฉิบ!” ผมสบถประท้วง  มือขยี้หน้าผากตัวเองไปพลาง
 
“คุณนี่มันไม่เปลี่ยนจริง ๆ นะครับ” สมุทรบ่นเสียงเข้ม  เขาจะบ่นก็ไม่แปลก

“คึ!” ผมกุมหัว  เอนตัวซุกหน้าลงบนที่นอนและกลั้นหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย  ที่ผ่านมาตลอดเกือบหนึ่งอาทิตย์นี้  ผมไม่ได้ถึงเนื้อถึงตัวอีกฝ่ายเลย  ไม่ทำรุ่มร่าม  แม้จะมีเย้าหยอกเล่นอยู่บ้างแต่ทำแบบเพียงพอ  ผมแค่อยากให้อีกฝ่ายตายใจ  แผลผมยังไม่หายดีแม้ร่างกายจะได้ฟื้นฟูสภาพขึ้นมากแล้ว  ผมอยากให้ตัวเองหายดีกว่านี้ก่อนที่จะใช้โอกาสที่ได้อยู่กันลำพังนี้ทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ  ดังนั้นจึงมีการควบคุมอาการมาโดยตลอด 

“เจ็บ” ผมแกล้งร้องเสียงเบาอยู่ในลำคอ  เสริมไปด้วยการขดตัวเอาหน้าทิ่มซุกกับที่นอนไว้ด้วย  สมุทรนั่งนิ่งไร้ปฏิกิริยาตอบโต้เหมือนไม่เชื่อผมอีก  ผมเลยแกล้งเงียบแล้วค้างท่าไว้อยู่อย่างนั้น 

“ขอผมดูหน่อยสิครับ” อีกฝ่ายยอมเป็นฝ่ายก้มเข้ามาจับใบหน้าผมอย่างเบามือ  ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมฉีกยิ้มกว้าง  ล็อกมือของเขาไว้ที่ข้างแก้มพร้อมหอมลงที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายในทันที  จุ๊บ!

“.........” สมุทรนั่งเงียบ  ดวงตาถึงกับนิ่งไปเลย  สงสัยกำลังโกรธตัวเองอยู่ที่ดันเชื่อผมง่าย ๆ   

“อยากฝึกฉันให้เชื่องงั้นเหรอ เร็วไปพันปีมั้ง” ผมอมยิ้มมอง 

“แต่ก็นะ... อยากเชื่องจะแย่แล้ว” ผมพูดบอก  ริมฝีปากที่ยังคงยิ้มอยู่อย่างไม่สามารถหุบยิ้มลงได้  ผมบังคับมันไม่ได้เลย  ไม่รู้ว่าทำไม  สมุทรมองผมด้วยหางตา  ความหมายแรกของสายตาดูเอือมระอา  ผมนอนมองเขาตรง ๆ  ทำให้อีกฝ่ายหลบตาไปอีกทางหนึ่ง  มือซ้ายกุมมือของสมุทรไว้ใกล้ตัว  นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กรีดนิ้วชี้ของอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างเย้าหยอก  สมุทรหันกลับมามองผมอีกครั้งแต่กลับไม่ชักมือกลับทั้งที่เขาสามารถทำได้  ร่างกายของเราต่างไม่ขยับเลย  มีเพียงนิ้วมือของผมเท่านั้นที่กำลังขยับเล่นฝ่ามือของอีกฝ่ายอยู่  สงครามปัญญาอ่อนสงบลงแล้ว  แต่มือของผมยังคงโอบเกี่ยวนิ้วชี้ของสมุทรไว้ไม่ปล่อย 

“ถ้าใครมาบอกคุณว่าเจ้าชู้ แล้วเขาไม่ไว้ใจคุณ คุณก็ยอมรับทั้งหมดนั่นไปซะนะครับ” อีกฝ่ายพูดว่า

“ได้ครับ” ผมขานรับโดยง่าย



...............(ไฟ)..............

ไว้อาลัย 5 วิให้ ท่านเข้ม ---- :ling2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 05-05-2017 11:46:30
 รอคุณไฟขา อิอิ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-05-2017 11:57:51
เบบี้มาแล้ววว  ดีใจมากกกกกกกกกกกก    :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :pig4: :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 05-05-2017 13:00:47
สวีทกันแบบเถื่อนๆ
เรื่องนี้มีคนปรกติไหม555555
ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Cateuk133 ที่ 05-05-2017 14:13:45
ขอบคุณนะค้าาาา พึ่งเป็นสาววาย มาตามอ่านผลงานคุณเบบี้ค่าาา  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 05-05-2017 15:08:24
ตอนนี้มันก็จะหวานหน่อยๆ :o8:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 05-05-2017 15:16:16
มาน้อยแต่ได้ ฟินกันเบาเบา   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 05-05-2017 19:06:14
สวีทแบบเจ็บๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-05-2017 19:07:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 05-05-2017 19:57:27
สมุทรนี่เนื้อหอมมาก เจอใคร ก็มีแต่คนอยากได้ 5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 05-05-2017 20:48:11
ไฟขี้หวง และอ้อนได้น่าหมั่นไส้มาก  :mew1:

ขอบคุณเบบี้ค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Youch06 ที่ 05-05-2017 20:59:22
สงสารเข้มหน้าสั่น 555555555555555
อิคุณไฟก็คืออิคุณไฟนั่นแหละนะ เป็นสมุทรนี่คงจะถอนหายใจวันละร้อยรอบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 05-05-2017 21:46:19
ฮาได้อีกค่ะ เจ้หงส์กะเฮียไฟ จิกกัดกันตลอด ชอบอ่ะ

หวานกันนะคะเนี่ย อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย แลดูเป็นห่วงเป็นใยกัน สมุทรเหมือนกำลังตามใจพี่ไฟนะคะ


ปล.สงสารพี่เข้ม ทำไมพี่ไฟแกล้งเข้มคะ ไหนตอบมาสิ ? คะแนนการจีบคุณหงส์เหมือนจะติดลบแน่ๆ แต่ก็ยังเชียร์อยู่นะคะ

ขอบคุณเบบี้ คิดถึงๆคุ้มค่ากับการรอคอยเลย อ่านจุใจมากกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-05-2017 22:08:35
อะอะอะ สมุทร ยังอยู่...คืออะไร? ติดแท๊ก #มีใจแต่ทำยังไงไม่ให้เขารู้ ใช่มะๆๆๆๆ 55555 นี่ช่วยคิดเข้าข้างไฟ เลือกข้างได้ชัดมากบอกเลย 555555

พี่เข้ม!!! พี่ยังไม่นกนะคะ อย่าท้อค่ะ ผู้หญิงตบเขาว่าผู้หญิงรักค่ะพี่ พี่โดนซะหน้าหันขนาดนั้น แสดงว่าคุณหงส์เขารอพี่ดับเครื่องชนอยู่ค่ะ ไฟช่วยเปิดทางให้แล้ว(?) อย่าช้าค่ะเวลามีน้อยใช้สอยให้คุ้ม ทีมไฟของแท้ต้องใช้วิธีนี้ค่ะ ปล้ำก่อน เคลียร์ทีหลัง !! สกิลทุกอย่างที่ไฟสอนพี่เข้มมาศาสตร์ทุกแขนง  ถึงเวลางัดมันออกมาใช้แล้วค่ะพี่ #งานใหญ่ยิ่งกว่าทำงาน  55555

คิดถึงเบบี้นะ สบายใจเมื่อไหร่ก็ค่อยอัพ รอได้เสมอจ้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 05-05-2017 22:54:59
อ่านมานานและ ยังไม่รู้เลนใครรุกใครรับ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 05-05-2017 23:24:19
หมั่นไส้อิไฟ...ไว้อาลัยพี่เข้ม!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 05-05-2017 23:49:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 06-05-2017 00:13:03
โถ่ พี่เข้มที่น่าสงสาร 55555555555555
มีเจ้านายขี้แกล้งอย่างคุณไฟต้องทำใจนะเข้ม
อยู่ดีๆก็โดนหาเรื่องให้โดนตบหน้าหัน คนอ่านขำหนักมาก
พิสูจน์แล้ว หงส์มือหนักจริงๆด้วยใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
แต่เราชอบนะ มีคุณไฟช่วยละลายพฤติกรรมให้แบบนี้เข้มจะได้กล้าๆคุยกับหงส์ซะที
อย่างน้อยก็มีเรื่องนมให้ได้คุยละว้า เอ๊ะ มันใช่หรอออ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-05-2017 00:33:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 06-05-2017 08:39:50
ทำไมตอนท้ายๆคุณไฟมันหมั่นไส้แบบนี้
โอ้ยสงสารสมุทร 55555555
แต่โหมดแบบนี้ของคุณไฟก็น่ารักของเค้าแหล่ะ
ดีกว่าโหมดโหดๆเยอะเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-05-2017 10:07:31
ไฟยังกวนตีนเหมือนเดิม ไม่มีลด
สมุทรก็แข็งบ้างแล้ว สู้ได้

หงส์อย่างฮา แกล้งซะไฟปรี๊ด

สงสารเข้ม ผิดแบบไม่ได้ก่อ จะไปต่อยังไงล่ะ

เด่นปกติสุดละ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 06-05-2017 18:29:51
คุณไฟของเราเป็นพวกชอบถ้ำมอง ขี้หวง ปากว่ามือถึง หื่นกาม เจ้าเล่ห์ มีครบหมด สมุทรเอ๊ยไปไหนไม่รอดแระ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 06-05-2017 19:50:00
หงษ์นี่สมแล้วที่เป็นเพื่อนไฟ ทันกันดีจริงๆ  o13

แต่เรารู้สึกเขิน ความมุ้งมิ้งของไฟกะสมุทร มันตะมุตะมิ  :o8:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 06-05-2017 21:37:26
บ้านบรรยากาศดีมาก  เหมาะกับการบอกรักที่เร่าร้อนของสองคนนี้จริงๆ  :heaven  สงสารพี่เข้มจริง ๆ  :katai1:

รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 06-05-2017 22:03:12
สมุทรก็บอกไปซิว่าที่ไม่กลับ เพราะเป็นห่วงไฟมากม๊ากกกกกกกกกกกก
ไฟคงดีใจจนร่างกายฟื้นตัวเร็วเพราะได้กำลังใจดี  :laugh: :laugh:

   แต่ก็ชอบบรรยากาศแบบนี้ของทั้งสองนะไม่ได้หวานและก็ไม่ได้แข็งจนเกินไป....ชอบๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-05-2017 23:01:43
ฮาได้อีกค่ะ เจ้หงส์กะเฮียไฟ จิกกัดกันตลอด ชอบอ่ะ

หวานกันนะคะเนี่ย อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย แลดูเป็นห่วงเป็นใยกัน สมุทรเหมือนกำลังตามใจพี่ไฟนะคะ


ปล.สงสารพี่เข้ม ทำไมพี่ไฟแกล้งเข้มคะ ไหนตอบมาสิ ? คะแนนการจีบคุณหงส์เหมือนจะติดลบแน่ๆ แต่ก็ยังเชียร์อยู่นะคะ

ขอบคุณเบบี้ คิดถึงๆคุ้มค่ากับการรอคอยเลย อ่านจุใจมากกกกก

เหมือนใจคิด
สมุทร ไฟ  :กอด1: ไฟ สมุทร :กอด1:
ไฟ สุดยอด แหย่สมุทรสุดๆ ถึงลูกถึงคน เปิดเผยไม่มีกั๊ก
สมุทร ดูอ่อนโยนกับไฟ แต่ก็ไม่หงอไฟ ไฟเล่นแรง สมุทรก็แรงด้วย ถึงเนื้อถึงตัวกันได้ดีทีเดียว

อยากให้หงส์ ชอบเข้ม แม้มีความเป็นไปได้ยาก
เข้มนี่หน้าบานไปถึงรถอย่างไฟว่าจริงๆ เอาใจช่วยเข้ม  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-05-2017 15:51:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 08-05-2017 16:14:16
ไฟเนี่ย sadism แน่แล้วละ
แต่ตอนนี้ชักเริ่มคิดว่าสมุทรเป็น masochism ละ  :pigha2:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 08-05-2017 19:31:00
คุณไฟทำไมแกล้งเข้ม สงสาร ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 10-05-2017 15:58:47
แล้วคือติดการไม่แสดงออกทางสิหน้า เก็บอาการตามสมุทร เขาจีบกันอยู่อยากจะยิ้ม แต่ดันทำหน้าตึง ไม่เข้าใจตัวเอง 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 11-05-2017 22:30:50
น่ารักมากเลย ฮือ
ชอบความเล่นนิ้วไม่ปล่อย ชอบความได้ครับของไฟ
น่ารักมากกกกก 10 10 10!!
 :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 13-05-2017 11:24:57
 :katai2-1: +  o13  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 26-05-2017 00:15:37
คิดถึงพีไฟ :)


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 29-05-2017 12:36:24
คิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 30-05-2017 16:10:15
ว้ายยยยยย ตอนนี้มันก็จะหวานหน่อยๆนะคะ
สมุทรไม่กลับจริงๆด้วยอ่าาา งือออออ ดีงามมม
ขอหวานๆให้เรากระชุ่มกระชวยอีกซักหน่อยได้มั้ยคะ
อิพี่ไฟก็ชอบกวนเค้าไม่เปลี่ยนเลย ฮื้ออออ สมุทรทำใจนะ
มาต่อเร็วๆนะคะ รออ่านอยู่เน้ออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 30-05-2017 20:18:45
โง้ยยยย คิดถึงสมุทรจัง  :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-05-2017 20:37:45
คิดถึงแล้ววววววววววว   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 31-05-2017 21:49:56
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fenfen2537 ที่ 05-06-2017 20:07:43
คิดถึง คุณไฟ~~~
 :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 05-06-2017 20:16:29
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 09-06-2017 13:41:50
มารอไฟขา ที่เล้าทุกวันเลย คิดถึงสมุทร หงุดหงิดเพราะไม่เจอไฟ

เบบี้จ๋าาาาาาา เค้าคิดถึงไฟขา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PANGGii ที่ 19-06-2017 13:09:34
เดือนกว่ากับการรอไฟมาเต๊าะสมุทร :katai5:

มาเถอะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paper ที่ 19-06-2017 20:28:38
มารอไฟ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 19-06-2017 21:49:37
คิดถึงไฟ  :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 20-06-2017 20:10:07
นะ นะ นะ มานะ คิดถึงสมุทรจัง :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 20-06-2017 21:22:21
คิดถึงสมุทร  :m15:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-06-2017 21:06:21
พึ่งเคยได้อ่านงานของคุณ Baby เป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจวางไม่ลงจริง ๆ จ้ะ  :mew1: ให้รายละเอียดได้สมจริงมาก ๆ เนื้อหาเยอะมาก คืออ่านในมือถือแบบสารภาพว่าอ่านแบบสแกนเลยจ้า  :o8: คงต้องไปอ่านทวนอีกครั้งในเล่ม ชอบบุคลิกตัวละครที่ดูมีเอกลักษณ์มาก เรื่องออกไปแนวแมน ๆ เลย อ่านแล้วลุ้นดีว่าความรักของไฟจะไปลงตัวที่จุดใด ตอนนี้เราอ่านอยู่ที่ตอน 35 น่ะจ้ะ อ่านไปก้อรู้สึกลุ้นแทนไฟมาก ๆ ชอบพี่ธานกับพายุมาก ๆ ตอนแรกรู้สึกเหมือนว่าธานน่าจะคู่กับพายุ แต่อ่านบางช่วงกลับรู้สึกว่าน่าจะเป็นโปรดแทน 5555 และบางครั้งก้ออดหมั่นไส้สมุทรไม่ได้ แต่อ่านจนถึงตอนนี้ทางคนเขียนก้อยังไม่หลุดคาแรคเตอร์ตัวละครน่ะ  o13 ไปติดตามต่อ  :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 21-06-2017 21:26:12
คิดถึงพี่ธานจังเลยค่ะ เอ๊ยยย ไม่ใช่
คิดถึงไฟขา สมุทร และเบบี้จังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 22-06-2017 15:18:36
 :hao7: ตอนเห็นเลขหน้า 59 รู้มั๊ยยยว่า มันกรีดร้องงงงงงง
   :katai4:ไหร่เธอจะกลับมา เมื่อไหร่หนา ฉันจะได้เจอ :call:

 :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 23-06-2017 09:06:50
 
:serius2: ยังไม่มาใช่มั๊ย เค้าเข้าใจ เค้า...ไปอ่านต้าข้าว อีกรอบก็ได้  :o12:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-06-2017 19:24:43
ตั้งใจ สุขใจในการอ่าน หามรุ่งหามค่ำกันทีเดียว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-06-2017 20:05:56
ยังไงก็รอเสมอค่ะ

คิดถึงพี่ไฟ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 28-06-2017 19:44:07
คิดถึงไฟ   :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-06-2017 20:02:41
คิดถิงมากกกกกกกกกกกก   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 03-07-2017 19:35:40
คิดถึงคุณไฟกับสมุทร  :L2: รอ ๆ  :call:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 08-07-2017 02:56:47
 :o12:พี่ไฟขา น้องมารอพี่ไฟที่หน้าเล้าทุกวันเลย :katai5: รีบกลับมานะคะ น้องรออยู่  :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-07-2017 07:01:51
คิดถึงพี่ไฟนะคะ

รอเสมอค่ะ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PANGGii ที่ 10-07-2017 14:02:06
เข้ามาส่องดูทุกวัน คิดถึงสมุทรรรร

คิดถึงพี่ธานนนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 10-07-2017 15:41:11
แวะมาปัดกวาดเช็ดถูบ้าน รอท่านเจ้าคุณไฟเจ้าค่ะ #พับเพียบรอเงียบๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 12-07-2017 01:08:14
 :hao3: ยังคงเข้ามาเกือบทุกวันสิน่า ถ้าทุกคนตอบทุกวัน อิอิ ป่านนี้กี่หน้าไปแระ  :katai2-1:

รอไฟขาทุกวันเลย ทูนหัวของบ่าว  :call:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 12-07-2017 13:28:56
คิดถึงคุณไฟและสมุทรมากๆเลย :really2:
และแอบกังวลว่าคุณเบบี้จะป่วยไข้ไม่สบายหรือเปล่า
อย่างไรก็ขอให้คุณเบบี้สุขภาพแข็งแรงนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-07-2017 16:26:06

[ ศุกร์ที่ 5 พ.ค 60 ] ตอนที่ 43  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1680


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 44
..ไฟ..



ไฟ : สติกเกอร์ส่งจูบ

สมุทร : อ่านข้อความแล้ว  /ไม่มีการตอบกลับ

ไฟ : แกะปลาสลิดให้หน่อย

สมุทร : อ่านข้อความแล้ว  /ไม่มีการตอบกลับ

“........” ผมนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ไปพลาง  เคี้ยวอาหารไปพลาง  อีกทั้งกลั้นหัวเราะไปพลาง  ข้อความล่าสุดเป็นเหตุทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  เอื้อมมือหยิบปลาสลิดเพื่อแกะให้ผมตามที่ขอ 


ไฟ : ว่าง่ายจังนะ

หน้าจอโทรศัพท์ของสมุทรที่วางอยู่บนตักของเจ้าของสว่างขึ้นอีกครั้งเมื่อได้รับข้อความใหม่จากผม  ครั้งนี้เจ้าของโทรศัพท์เลือกที่จะไม่หยิบขึ้นดู  แต่เขาคงเห็นข้อความแล้วจึงทำเป็นแกะปลาสลิดต่อหน้าตาเฉย  ไอ้เข้มที่กำลังกินข้าวต้มอยู่แอบชำเลืองมองมาที่มือของสมุทรที่กำลังวางเนื้อปลาสลิดลงบนจานข้าวของผม  ส่วนไอ้เด่นจะรู้อะไร  มันเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินลูกเดียว 


ไฟ : เย็นชาจัง

“หึ !” ผมหัวเราะ  ข้อความเดิมนี้ถูกส่งไปซ้ำ ๆ ถึงหลายครั้งจนทำให้สมุทรถึงกับพ่นลมหายใจแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดอ่านอย่างตัดรำคาญ

“ขำอะไรเหรอครับนาย” ไอ้เด่นถามตาใส

“ขำหน้ามึงมั้ง” ผมตอบ  หยิบตะเกียบคีบปลาสลิดที่สมุทรแกะไว้ให้เข้าปาก 


สมุทร : หยุดเล่นได้แล้วครับ

อีกฝ่ายทนไม่ไหว  ถึงกับจุ่มมือลงในขันเพื่อล้างน้ำก่อนเช็ดมือทำความสะอาด  แล้วพิมพ์ข้อความส่งกลับมาให้ผมอย่างตั้งอกตั้งใจ  พอส่งข้อความเสร็จก็เอาแต่จ้องผมเขม็งคล้ายรอให้ผมทำตามที่เขาสั่งบ้าง

“อะไร” ผมเบิกตากว้าง ๆ  ทำเป็นตีหน้าซื่อต่อหน้าทุกคน  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นมองเราทั้งคู่งง ๆ
 
“เขาโกรธอะไรน่ะ ?” ผมหันไปถามไอ้เด่นพร้อมชี้มือไปทางสมุทรด้วย

“พี่สมุทรโกรธอะไรอยู่เหรอครับ” ไอ้เด่นถามต่อให้ผม

“หึ ๆ ๆ” ผมกัดฟันกลั้นหัวเราะ  มือที่กำลังจะหยิบช้อนเพื่อตักข้าวต้มเข้าปากกลับต้องหยุดชะงักเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่แผลขึ้นมา 

“เจ็บ.. แม่ง” ผมบ่น  พ่นลมหายใจออกทางปากเพื่อตั้งสติ

“เป็นอะไรไหมครับนาย” ไอ้เด่นตกใจ

“โรคกรรมมั้งครับนั่นน่ะ” สมุทรสวนทันที  ผมแสยะยิ้มกว้างกับให้กับมุกนี้
 
“พรืด ! หึ ๆ ๆ ๆ” ผมกัดฟันหัวเราะ  โดนเล่นเข้าให้แล้ว

เช้าวันนี้ อาหารเช้าของพวกเราตั้งโต๊ะกันที่ระเบียงหน้าบ้าน  โต๊ะไม้แบบนั่งพื้นขนาดหนึ่งเมตรคูณหนึ่งเมตรจึงพอดีสำหรับรองรับพวกเราได้สี่คน  ผมเป็นคนเอ่ยปากเองว่าให้ทุกคนตั้งโต๊ะกินข้าวด้วยกัน  อาหารของผมได้พัฒนาขึ้นจากเดิมแล้ว  ก่อนหน้านี้ที่เป็นเพียงข้าวต้มกับโจ๊กแสนธรรมดา  แถมต้องป่นจนเนื้อข้าวละเอียด  ตอนนี้ผมได้สัมผัสผักต้มกับเนื้อปลาด้วยลิ้นของตัวเอง  แน่นอนว่าแดกเองได้แล้วครับ

“ขอโทษครับคุณไฟ” ผมหันไปมอง  คนของหงส์เข้ามาหาอย่างอ่อนน้อม

“พอดีว่าพวกเรามีธุระจะเข้าไปในเมืองน่ะครับ ทางคุณไฟต้องการจะไปด้วยกันกับเราไหมครับ” อีกฝ่ายถาม  ตามองมาที่คนของผมที่นั่งอยู่ด้วย

“อยากไปไหมละ” ผมถามไอ้เด่น

“อยากไปครับ” มันตอบแทบไม่คิด

“มึงนี่มันระริกระรี้จริง ๆ” ผมพ่นถอนหายใจ  ทุกคนหัวเราะเบา ๆ

“รออีกสักเดี๋ยวได้ไหม กินข้าวใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ฉันขอฝากมันสองคนไปด้วยแล้วกัน” ผมบอก

“ได้ครับ” เขาผงกหัวยิ้มรับ

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปรอที่รถเลยนะ” แกมองไอ้เข้มกับไอ้เด่น

“ครับ” ทั้งคู่ขานรับ

“ไปเอากระเป๋าสตางค์มาให้ฉันหน่อย” ผมสั่งสมุทร  อีกฝ่ายผงกหัวและรีบลุกกลับเข้าไปในบ้านทันที  ให้หลังไม่เท่าไหร่กระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลเข้มของผมก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้า 

“คิดว่าทำอะไรดี” ผมตั้งคำถาม  ทั้งสามคนมองมาอย่างสงสัย

“ทำอาหารกลางวันสักอย่างให้คนงานที่นี่น่ะ ต้องหม้อใหญ่ใช่ไหม” ผมมองหน้าสมุทร  เขาคงรู้ดีกว่าผมและที่เหลืออีกสองตัวนี้ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องอาหารสำหรับคนหมู่มากเท่าไหร่นัก  ผมอยากทำอาหารขอบคุณทุกคนที่นี่ก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯ สักหน่อย

“ครับ” สมุทรผงกหัว

“เอาเมนูที่นายถนัดแล้วกัน เพราะนายเป็นคนทำ” ผมพูด

“งั้น...เอาเป็น” สมุทรพึมพำขณะใช้ความคิด

“พะโล้หมูสามชั้นไหมครับ ทำไม่ยากเท่าไหร่ แล้วก็กินง่ายด้วย ผมเห็นที่ไร่ปลูกผักชี ในโรงครัวของที่นี่ก็มีผักคะน้ากับผักชีเป็นกะละมังทุกมื้อเลย น่าจะกินเข้ากันดีกับพะโล้น่ะครับ” สมุทรเสนอ  สายตาของเขาดูตื่นเต้นนิดหน่อย

“พะโล้ก็ดีครับ อากาศก็เย็น อยากกิน” ไอ้เด่นยิ้มกว้าง

“แล้วก็..ชาเย็นด้วยดีไหมครับ” สมุทรพูด

“เอางั้นก็ได้ ต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ล่ะ เอาไปสองพันพอรึเปล่า” ผมถาม

“พอครับ” สมุทรตอบ

“งั้นสักสามพันแล้วกัน เผื่อขาด...นายก็เขียนให้พวกมันไปว่าซื้ออะไรบ้าง เอาให้ละเอียดล่ะ...ไอ้เด่นมันไม่ฉลาดเท่าไหร่หรอก” ผมว่า

“นายอะ” คนถูกว่ายิ้มเขิน

“เจอพุดดิ้งซื้อมาให้กูด้วย” ผมสั่ง  อยากกินอะไรหวาน ๆ มาหลายวันแล้ว

“ได้ครับ” ไอ้เด่นผงกหัวพร้อมรับเงินไป

“ดูด้วยนะ” ผมหันไปมองหน้าไอ้เข้มเพื่อให้มันดูแลน้องชายด้วย  ฝ่ายคนเป็นพี่พยักหน้ารับ  หลังมื้ออาหารที่จำเป็นต้องเร่งรีบกะทันหันเพราะเกรงใจว่าคนของหงส์จะรอนาน  สมุทรรีบจัดแจงเขียนวัตถุดิบที่ต้องการให้ไอ้เข้มกับไอ้เด่นรับผิดชอบไปซื้อมาให้  ใช้เวลาเขียนเพียงไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย 

ไอ้เข้มกับไอ้เด่นออกไปกับคนของหงส์ตอนประมาณแปดโมง  สมุทรจัดการเก็บโต๊ะและล้างจานชาม  เขาใช้เวลาอยู่ในครัวค่อนข้างนาน  ดูท่าจะทำความสะอาดครัวด้วย  วันนี้หงส์ยังไม่กลับมาเลยเห็นว่าเธอเข้าเวรตั้งแต่เมื่อวานคืน  ผมก็นั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ค่อยได้ขยับตัวมากนัก  รู้ตัวเองดีว่าร่างกายเป็นอย่างไรจึงพยายามที่จะรักษาตัวเอง  ปู่หาญแวะมาทักทายผมหลังจากกลับออกมาจากเข้าไร่ในตอนเช้า  เรานั่งคุยและจิบน้ำชาไปด้วย  ปู่ชวนสมุทรคุยบ้าง  ส่วนใหญ่ถามเรื่องทั่ว ๆ ไปและดูท่าจะถูกคอเรื่องไร่สวน  คงเพราะฤทธิ์ยาเลยทำให้ผมรู้สึกง่วงนอนอีกครั้งหนึ่ง  เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนงานมาตามให้ปู่กลับเข้าไร่อีกครั้งพอดี  ผมจึงได้เวลาพักผ่อน  เลือกนอนพักที่ห้องนั่งเล่นริมระเบียง  ลมเย็น ๆ ที่โกรกผ่านประตูและหน้าต่างมุ้งลวดเข้ามายิ่งทำให้รู้สึกสบายใจ  ทิวทัศน์ที่มองผ่านระเบียงบ้านเต็มไปด้วยร่มไม้เขียวขจี  ไม่นานนักสติผมก็ทิ้งดิ่งลง...


- - - - - - - - - - - - - - -


ตับ !  ตับ !!  ตับ !!!

เสียงรบกวนด้านนอกปลุกให้ตื่น  คล้ายกับเป็นเสียงทุบหรือผ่าไม้ขนาดใหญ่  ผมลืมตามองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียง  บอกเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว  เด็กเล็กวิ่งกันจอแจได้ยินแว่วไกล ๆ  เสียงของไอ้เด่นตะโกนมาจากหลังบ้านตรงทางเข้าไปในไร่ว่า “เดี๋ยวมานะครับ !” เท่านั้น  ผมได้แต่นึกสงสัยว่ามันกลับมาถึงเมื่อไหร่แล้วนั่นมันกำลังจะไปไหนของมันอีก  จากนั้นลูกน้องของผมก็หายไปพร้อมกับเสียงของเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง  ผมลุกขึ้นนั่ง  หยิบโทรศัพท์มือถือเปิดออก  มีสายไม่ได้รับจากพี่ธานหนึ่งสายเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหน้า  ผมจึงโทรกลับไป

“ครับ” ผมเอ่ยทัก  มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ลูบใบหน้าตัวเองเพื่อปลุกให้ตื่นเต็มตา

“ขอโทษครับ ผมโทรไปรบกวนรึเปล่า” ปลายสายถามอย่างเป็นกังวล

“ไม่หรอก ผมเพิ่งตื่นน่ะ” ผมตอบ

“อาการเป็นยังไงบ้างครับ” พี่ธานถาม

“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ มีอะไรสำคัญรึเปล่า” ผมถามกลับ   

“เปล่าหรอกครับ คุณทัพเขาเป็นห่วงเลยอยากทราบความคืบหน้า”

“เป็นห่วงหรือกลัวว่าผมจะถอนตัวไม่ทราบ” ผมพูดติดตลก  ทำให้พี่ธานหลุดหัวเราะได้นิดหน่อย

“พายุกับดินเป็นไงบ้าง”

“ดีครับ คุณดินดูตั้งอกตั้งใจกับการสอบรอบนี้มากเลย แปลกตาผมอยู่เหมือนกัน” พี่ธานรายงาน  ผมหัวเราะในลำคอ

“ได้ข่าวว่า...” ปลายสายเอ่ยคล้ายกับมีเรื่องที่ต้องการจะพูด

“คุณหงส์บอกว่าคุณไปได้ดีกับสมุทรงั้นเหรอครับ”

“ประเด็นที่โทรมาเพราะต้องการรู้เรื่องนี้รึไงครับพี่ใหญ่” ผมแซว

“หึ ๆ  ถ้าปฏิเสธก็จะกลายเป็นการโกหกใช่ไหมครับ” อีกฝ่ายตอบปัดติดตลก

“ไม่มีอะไรพิเศษนะ ปกติออกครับ” ผมพูดพลางพ่นลมหายใจ

“ก็แค่...ได้อยู่ด้วยกันส่วนตัวมากขึ้นล่ะมั้ง” ผมตอบ  จะว่าคืบหน้าหรือไม่  คงต้องถามสมุทรมากกว่าที่จะมาถามผม

“ไม่โกรธเขาเรื่องที่ครัววันนั้นแล้วใช่ไหมครับ” พี่ธานถาม

“ก็...ไม่ได้โกรธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลืมไปซะหมดหรอกนะ” ผมกวนกลับ

“คุณไฟครับ” พี่ธานทำเสียงอ่อนลงนิดหน่อย

“ถ้าคุณไม่เชื่อที่ผมพูด ถามอีกฝ่ายไปตรง ๆ เลยดีไหมครับ สมุทรก็เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่นะครับ”

“พูดได้ดีนี่ !” ผมกระแทกเสียงชมกึ่งประชด 

“โธ่ คุณไฟครับ ผมก็แค่อยากช่วย”

“........” ผมเงียบฟัง  ปลายสายจึงหยุดพูดไปดื้อ ๆ

“ผมไม่อยากให้คุณกังวลทางนี้ ถือซะว่านี่เป็นโอกาสดีที่ได้มีเวลาเรียนรู้กันไม่ดีกว่าเหรอครับ ผมคิดว่าสมุทรก็คงได้เห็นคุณไฟอีกด้านที่เขาไม่เคยเห็นก็ได้นะครับ” พี่ธานไม่เลิกตะล่อม

“อยากได้เหรอ ?” ผมสวนถามกลับคนละประเด็น  มุมปากหุบยิ้มลงสนิท

“ครับ ?” พี่ธานขานรับอย่างสงสัย

“ฟังดูเหมือนพี่อยากได้เขามาเป็นเจ้านายอีกคนน่ะ” ผมแซ็ว

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานหัวเราะเบา ๆ

“ผมที่ต้องนอนเตียงเดียวกับหมอนั่นทุกคืนโดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันแย่ยิ่งกว่าแผลที่เป็นอยู่ซะอีกนะ” ผมพึมพำบ่นให้ฟัง  ปลายสายยังคงหัวเราะคิกคักดูท่าจะชอบใจ

“ฝากดูแลทางนั้นด้วยแล้วกัน ผมดีขึ้นมากแล้ว อีกไม่เกินอาทิตย์คงได้กลับ” ผมบอก

“ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้นะครับ” พี่ธานรับปาก  เราไม่ได้ร่ำลาอะไรมากนักผมก็ตัดสายลงก่อน  ความหนาวเย็นทำให้ต้องหยิบผ้าห่มผืนเล็กนำขึ้นพาดบ่าติดตัวเดินออกมาที่ระเบียงบ้านด้วย 

ผมออกไปหยุดยืนอยู่ริมระเบียงตรงใกล้กับทางขึ้นลงบันได  เห็นสมุทรกำลังตักน้ำจากในโอ่งดินแล้วเทใส่ถังสแตนเลส  แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผมได้อย่างทันทีคือส่วนที่ปกปิดร่างกายของอีกฝ่ายอยู่  น้ำเต็มถังแล้ว  ผมแสยะยิ้มจ้องมองสมุทรที่นุ่งผ้าขาวม้าไว้ครึ่งท่อนโดยขมวดปมไว้ที่เอวอย่างลวก ๆ  พออีกฝ่ายยืนตัวตรงขึ้นคล้ายกับมองหาอะไรสักอย่าง  ผมจึงเบี่ยงตัวหลบเข้าที่ข้างเสาในทันที  เกรงว่าคนด้านล่างจะสังเกตเห็นเอาได้ 

“เข้ม ! พี่แขวนกางเกงไว้ที่ราว เห็นกางเกงพี่รึเปล่า” สมุทรตะโกนถาม  ตามองหาของของตนที่ราวตากผ้าไม้ใผ่ใกล้ ๆ

“เอ๊ะ พี่สมุทรยังจะใส่อยู่เหรอครับ ผมเอาไปลงเครื่องซักผ้าไปแล้ว” ไอ้เข้มตอบ

“อ่าว เหรอ” สมุทรยิ้มเจื่อน

“ขอโทษครับที่ไม่ถามก่อน นึกว่าพี่จะไม่ใส่แล้วน่ะครับ” ไอ้เข้มพูด  เสียงของมันดังมาจากใต้ถุนบ้าน

“ไม่เป็นไร พี่แค่กลัวกางเกงเปียกน่ะเลยเปลี่ยนไว้ แต่ตามจริงแล้วผ้าขาวม้าสบายกว่านะ” สมุทรตอบปนหัวเราะ

“ผมก็ว่างั้น นึกถึงสมัยเป็นเด็กเลยครับ” ไอ้เข้มพูดอย่างอารมณ์ดี

ดูเหมือนคนของผมกำลังจะเตรียมทำอาหารที่ลานหน้าบ้านและคงยุ่งอยู่กับงานบ้านอีกด้วย  เตาถ่านขนาดใหญ่ถูกวางเตรียมไว้ใกล้ ๆ กับแคร่ไม้  ข้าง ๆ กับแคร่ไม้มีโต๊ะไม้ความสูงเกือบเท่าเอวตั้งอยู่  บนนั้นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร  สมุทรวิ่งกลับเข้าไปใต้ถุนบ้านทำให้ผมมองไม่เห็น  ไม่แน่ใจว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่  เสียงพูดคุยค่อนข้างเบา  สมุทรวิ่งกลับออกมาอีกครั้งแล้วตรงไปที่ที่ลานผ่าฟืนที่อยู่ถัดจากโอ่งดินออกไป

“ฝากด้วยนะสมุทร !” เสียงชายวัยกลางคนตะโกนมาจากทางฝั่งของโรงครัว

“ครับ !” สมุทรขานรับอย่างยินดี

ผมยืนพิงเสา  กอดอกมองอย่างตั้งอกตั้งใจกับหุ่นของคนตรงหน้าที่กำลังจับโน่นทำนี่อย่างไม่ระวังตัว  เขาคงคิดว่าผมกำลังหลับอยู่  ถ้ารู้ว่าผมตื่นอยู่เขาคงไม่ปล่อยตัวเองให้นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวแบบนี้เป็นแน่  เสียงที่ก่อกวนให้ผมตื่นจากการนอนคงเป็นเสียงผ่าฟืนจากเขานั่นละ  แถมชำนาญใช่หยอก  สมุทรแทบไม่ต้องออกแรงเลยนอกจากเล็งขวานให้ตรงตามเนื้อไม้และปล่อยขวานไปอย่างไม่ลังเล  ตั้งแต่สังเกตสมุทรมา  ดูเหมือนว่าหมอนี่มันเป็นมนุษย์จิปาถะ  เพราะทำเป็นเกือบหมดทุกอย่างจนผมไม่กังขาในประวัติการทำงานที่ผ่านมาของเขา  แผ่นหลังกับโครงสร้างของหัวไหล่ที่ผมหลงใหลกำลังจับกันเป็นก้อน ๆ  ท่าจับขวานดูมั่นคง  กล้ามเนื้อถูกเกร็งขึ้นโดยธรรมชาติยิ่งทำให้เห็นรูปร่างของร่างกายได้ชัดเจนมากกว่าเดิม  ผิวที่ถูกแดดเผาจนสีผิวเปลี่ยนเป็นส่วน ๆ ยิ่งชวนมอง  ผ้าขาวม้าที่เจ้าตัวนุ่งอยู่ทำให้เห็นกล้ามเนื้อที่หน้าท้องเรียงตัวสวยงาม  แบบว่ามัน.. น่าเลียฉิบหายเลยโว้ย !  สวรรค์...หรือว่าตอนนี้กูยังไม่ตื่น

“เดี๋ยวผมทำเองครับ” ไอ้เข้มวิ่งออกมา  ทำท่าจะเข้าไปขอขวานเพื่อรับหน้าที่ด้วยตนเอง

“ไม่เป็นไร ทำกองนี้เสร็จก็เสร็จแล้ว” สมุทรบอก

“ผมทำเองดีกว่าครับ พี่เตรียมของตั้งหลายอย่างแล้ว ตั้งแต่เช้ามืดก็ยังไม่ได้หยุดเลยนี่ครับ” ไอ้เข้มยืนยันคำเดิมด้วยสีหน้าเกรงใจ

“เอางั้นเหรอ” สมุทรยิ้มน้อย ๆ  ไอ้เข้มพยักหน้า  รับขวานจากสมุทรไปรับหน้าที่ต่อ  พอสมุทรเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมถึงกับชะงัก  ผมยืนนิ่ง  คิ้วเลิกขึ้นกล่าวทักทายพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วร่างกายนั่น  ดวงตาของเขาดูเหมือนจะตกใจในทีแรก  แต่เจ้าตัวก็ยังรักษาอาการได้เก่งเหมือนเคย 

“เอ๊ะ นายตื่นแล้วเหรอครับ” ไอ้เข้มยิ้มทัก  ผมพยักหน้า  เดินลงบันไดไปหาพวกนั้น  อยากยืดเส้นยืดสายสักหน่อย

“ลงมาแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ” สมุทรถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ผ่าไปทำไมเยอะแยะ” ผมถามกลับคนละเรื่อง

“เอาไปเก็บในโรงครัวครับ บางส่วนเอาไปให้คนงานที่ท้ายไร่” สมุทรตอบ

“ใช้เตาแก๊สไม่ได้เหรอ” ผมถาม

“ไม่ได้หรอกครับ หม้อมันใหญ่เกินไป แล้วต้องใช้เวลาตุ๋นนานเพื่อให้เนื้อนุ่มด้วยน่ะครับ” สมุทรตอบ  ไอ้เข้มเริ่มลงมือผ่าฟืนต่อ  เสียงเริ่มรบกวนบทสนทนา  ผมจึงเดินหนีไปนั่งลงที่แคร่ไม้ไผ่  สมุทรหายกลับเข้าไปในครัว  เขาออกมาอีกครั้งพร้อมกับอาหารในมือ

“ตอนที่คุณหลับ เด่นโทรมาบอกว่าหาซื้อพุดดิ้งให้คุณไม่ได้น่ะครับ บางร้านดูท่าว่าจะหวานมาก เด่นเลยไม่กล้าซื้อมาให้ ผมเลยให้เขาซื้ออุปกรณ์มาทำเต้าฮวยฟรุตสลัดแทน นี่ครับ” สมุทรบอกอย่างใจเย็น  ในมือยังถือถาดที่มีเตาฮวยฟรุตสลัดวางอยู่บนนั้น   

“ไม่หวานเท่าไหร่นะครับ ผมกลัวว่าคุณจะกินไม่ได้”

“ขอบคุณ” ผมบอก  สมุทรก้มตัวเข้ามาใกล้พร้อมวางถาดลงใกล้มือของผม  ผมมองตามใบหน้าที่อยู่ไม่ไกลตัวเองนัก  ความรู้สึกในใจลึกลงไปสั่งงานให้ร่างกายเข้าประชิดอีกฝ่าย  สมุทรตกใจ  ทำท่าจะเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่ทันความไวจากผม  จุ๊บ !  เสียงจุ๊บแก้มดังพอให้เราทั้งคู่ได้ยินชัดเจน  สมุทรถลึงตาโตเป็นไข่ห่าน  มือยังไม่ละไปจากถาดอาหารที่ตนจับอยู่  ผมยิ้มกว้างให้กับสายตาไม่พอใจตรงหน้า  สายตาแบบที่ว่าคงลืมไปซะแล้วว่าผมเป็นเจ้านายเขาอยู่

“ตกใจอะไรกับแค่หอมแก้ม” ผมกะพริบตาปริบ ๆ

“ทั้งที่ตัวเองเคยเป็นฝ่ายล็อกคอคนอื่น แล้วสอดลิ้นเร่าร้อนเข้าปากเขามาแล้วแท้ ๆ” ผมเล่นเสียง  จงใจยียวนไม่หยุด  สมุทรเงียบไป  ไม่ยอมสบตา  มือผละออกจากถาดแล้วลุกขึ้นยืนดี ๆ  ผมกวาดตามองไม่กะพริบ  ใบหูของสมุทรเริ่มมีสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ  และท่าทีของเขาก็เหมือนกับกำลังเก้อเขินอยู่อย่างนั้น  ผมเองก็ไม่ใช่ว่าไม่แปลกตาหรอกที่ได้เห็นปฏิกิริยาไม่ได้คาดหวัง  แบบนี้ล่ะ ที่ผมบอกว่าเขามีเสน่ห์  ใบหน้าที่พยายามกลั้นรอยยิ้มของตนเองเอาไว้  มันแฝงไปด้วยความเก้อเขินจนทำให้อยากพุ่งเข้าใส่ให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ  น่ารัก

“........” ผมกับสมุทรหุบปากเงียบด้วยกันทั้งคู่  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ ๆ เราถึงนึกเรื่องที่จะคุยต่อไม่ออก  ต่างฝ่ายต่างสบตากันเป็นระยะ  ไม่ใช่สิ เราพยายามที่จะไม่มองตากันมากกว่า 

“พี่สมุทรครับ ! แค่นี้พอไหมครับ” ไอ้เข้มหันมาตะโกนถาม  สมุทรหันตัวกลับไปมอง

“เท่านั้นก่อนก็ได้ เข้มเอาส่วนนึงเข้าโรงครัวไปก่อนนะ ถ้าไม่พอเดี๋ยวพี่ผ่าเอง ขอบใจมาก” สมุทรตอบ

“ได้ครับ” ไอ้เข้มขานรับ  รีบจัดแจงนำฟืนใส่รถเข็น

“รีบไปเลย” ผมไล่  ไอ้เข้มหันมาผงกหัวให้ผมปลก ๆ แล้วรีบเข็นรถเข็นเข้าไปในโรงครัวในทันที

“อย่าก่อกวนละครับ” ลูกน้องคนใหม่เอ่ยปากปรามอย่างรู้ทัน  ผมยิ้มกว้าง  เท้าแขนไปด้านหลังทั้งสองข้าง  ตาจ้องมองหน้าท้องส่วนล่างที่มองเห็นเส้นเลือดนูนชัดเจนประปราย  สมุทรเดินหนีไปที่โต๊ะวางอาหาร  เขาจัดการทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน  นำของสดออกจากถุงผ้า  บางอย่างอยู่ในถุงพลาสติก  ผมเอนตัวนอนลงบนแคร่  หางตาของคนที่กำลังยืนจัดอาหารอยู่แอบเหลือบมาทางผมบ้างเป็นระยะ  ผมนอนตะแคงเท้าแขนขวาไว้ในท่าที่กำลังสบาย  ครู่หนึ่งสมุทรก็เดินกลับขึ้นบ้านไปโดยไม่ได้บอกกับผมว่าหายไปทำอะไร  กลับลงมาอีกครั้งพร้อมกับหมอนหนึ่งใบในมือ

“หมอนครับ เดี๋ยวจะเจ็บแผลนะครับ” สมุทรบอก  ผมรับหมอนมาแล้วทิ้งตัวหนุนหมอนแทน  นอนบนแคร่ไม้ไผ่ด้วยท่าที่ผมทำก่อนหน้านี้  ถ้านานไปมันก็ไม่ค่อยสบายนักหรอกครับ 

“อากาศดีเป็นบ้า” ผมพึมพำตามองไปบนท้องฟ้า

“ให้ช่วยไหม” ผมถาม  ผ้าห่มถูกคลี่ออกห่มตัวเองไว้อย่างลวก ๆ

“ไม่ครับ ขอบคุณ” อีกฝ่ายตอบชัดถ้อยชัดคำ

“ถามไปงั้น ไม่ได้คิดจะช่วยจริง ๆ อะนะ” ผมว่า  สมุทรไม่ได้หันมามองผม  ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มนิดหน่อยเท่านั้น

“เมื่อเช้าฝึกเป็นไง” ผมถามถึงไอ้เข้มกับไอ้เด่น

“ดีครับ คงเพราะอากาศดีอย่างที่คุณบอกด้วย ทุ่นแรงไปได้เยอะเลย” สมุทรหันหน้ากลับมา

“พวกมันปีนต้นไม้เก่งใช่ไหมละ” ผมพูดถึง

“ครับ เร็วอย่างกับลิง” สมุทรหน้าถอดสี  เขาดูตกใจมากจริง ๆ

“ก็มันเป็นลิง” ผมตอบปนหัวเราะโดยไม่ได้อธิบายว่าเพราะอะไรไอ้สองคนนั้นถึงได้ปีนต้นไม้เก่งอย่างนั้น  สมุทรเองก็หัวเราะด้วยเหมือนกัน 

เขาเริ่มทยอยนำฟืนที่ผ่าไว้มาวางใกล้ ๆ กับเตาถ่าน  นั่งยอง ๆ ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่สักพักหนึ่งไฟในเตาก็ติด  ควันคลุ้งโขมง  ทำให้เราทั้งคู่ประสานเสียงกันไอเนือง ๆ  สมุทรออกปากบอกให้ผมกลับขึ้นบนบ้าน  คงเพราะเป็นห่วงอาการของผม  แน่นอนว่าผมปฏิเสธ  ขึ้นไปแล้วก็ไม่มีอะไรทำนอกจากนั่ง ๆ นอน ๆ  ผมอยากดูอีกฝ่ายทำอาหารมากกว่า 

หม้อทำอาหารขนาดใหญ่ถูกตั้งลงบนเตาถ่านพร้อมกับเทน้ำเปล่าลงไปหลายลิตร  ไข่ไก่จำนวนยี่สิบกว่าลูกถูกนำใส่ลงไปในหม้อเพื่อต้มให้สุก  ไข่ไก่พวกนี้เป็นไข่จากในฟาร์มของที่นี่ซึ่งหงส์เป็นคนสั่งให้คนงานนำมาให้ตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว  ระหว่างที่รอให้ไข่ต้มสุกสมุทรก็จัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำพะโล้ต่อไป

ให้หลังเกือบยี่สิบนาที  ไข่ต้มสุกถูกนำวางไว้บนแคร่  สมุทรจำเป็นต้องตั้งน้ำเปล่าใหม่อีกครั้งเพื่อทำน้ำพะโล้  เขายังคงกระเตง ๆ ทำโน่นทำนี่โดยที่ยังนุ่งผ้าขาวม้าอยู่อย่างนั้น  ผมคิดว่าเขาชอบนุ่งผ้าขาวม้าเป็นนิสัยอยู่แล้วเพราะเขาไม่เขินและดูเป็นธรรมชาติ  พวกผมเองเวลาที่มาพักอยู่ที่บ้านของหงส์ก็มักจะนุ่งผ้าขาวม้าเป็นประจำ  มันสะดวกสบายมากกว่าใส่กางเกงบ๊อกเซอร์  แต่สมุทรคงจะไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาคิดว่ามันปกติธรรมดานั้นมันไม่ธรรมดาในสายตาผม  หรือไม่ อีกฝ่ายเองก็จงใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตนเองถูกมองอยู่ตลอด  ก็มีกันแค่สองคน  แถมยังเงียบด้วยกันทั้งคู่  มีอะไรให้มองก็มองไป

เครื่องปรุงกำลังถูกเทใส่ลงไปในหม้อทีละอย่างอย่างใจเย็น  สมุทรยืนหันหลังให้ผมที่นอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่  ผ้าขาวม้าบาง ๆ ตัวเดียวบนร่างกาย  แผ่นหลังของเขาทำให้ผมนึกแต่เรื่องนอกลู่นอกทางเต็มหัวไปหมด  กล้ามเนื้อระหว่างเอวมาจนถึงสะโพกแทบละสายตาไปทางอื่นเป็นไม่ได้  ขอบผ้าขาวม้าที่ถูกดึงจนตึงจากการมัดจากข้างหน้ายิ่งเน้นบั้นท้ายของเขาจนเผยให้เห็นกางเกงชั้นในได้นิดหน่อย  ความเงียบรอบตัวเกือบทำให้ผมได้ยินเสียงความคิดตัวเอง  ใบไม้กระเด็นไปไกลจากการถูกลมพัดอย่างแรง  ลิ้นที่เกลี่ยไปตามไรฟันอย่างเนิบช้าขยับพร้อม ๆ กับผมที่ลุกขึ้นนั่ง  อยากทำฉิบหาย  อยากสุด ๆ ไปเลย  มันคือความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวในตอนนี้  คิดแต่เรื่องอัปรีย์จนรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้า  หมูสามชั้นที่หั่นเตรียมไว้สวยสะอาดกำลังถูกเทลงไปในหม้อต้ม  สมุทรยืนจ้องหม้อต้มอยู่อย่างนั้น  ขณะเดียวกันผมก็เอื้อมแขนออกไปยังเป้าหมาย  นิ้วที่โค้งงอเกี่ยวขอบผ้าขาวม้าออกอย่างแรง  ตั้งใจให้มันหลุด

“คุณไฟ !” สมุทรตกใจหันตัวกลับมาร้องเสียงหลง  มือข้างขวาของเขาคว้าขอบผ้าขาวม้าเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะหลุดออกจากตัว  ผ้าขาวม้าหลุดออกอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น  ผมยิ้มกว้าง  สมุทรจิปากอย่างหงุดหงิด  รีบวางถาดใส่หมูสามชั้นที่ตนถืออยู่ลงบนแคร่ในทันที

“ก็...นายบอกให้ฉันดึง” ผมพูด

“ผมพูดตอนไหนไม่ทราบครับ !” สมุทรย้อนว่าเสียงดัง  ผมหัวเราะในลำคอ

“เล่นอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้าละครับ” เขาดุ  คิ้วขมวดเป็นโบแต่หน้ากลับแดงชัดเจน

“ถ้าพูดตรง ๆ จะโกรธไหม” ผมถามกลับหน้าตาย

“โกรธครับ” สมุทรแทบจะกระแทกเสียง 

“โอเค” ผมพยักหน้า  กะพริบตารับทราบพร้อมผายมือขึ้นทั้งสองข้างยอมความ

“........” สมุทรหุบปากเงียบ  มือข้างขวายังคงกำขอบผ้าขาวม้าไว้แน่น  ขณะเดียวกันผมเห็นว่าหงส์กำลังเดินมาพอดี  สมุทรเห็นอย่างนั้น  ความอายของเขาก็เพิ่มทวีคูณขึ้นอีก  หงส์มองไปที่สมุทรกะหลับกะเหลือกพลางปิดปากอมยิ้มกรุ้มกริ่มคล้ายอ่านสถานการณ์ออก  สมุทรผงกหัวให้หงส์เล็กน้อยแล้วรีบมัดผ้าขาวม้าให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 43 [ 11:41 น. - ศ. 5 พ.ค 60 หน้า 57 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-07-2017 16:26:44

“โดนมันแกล้งอะไรอีกล่ะ” หงส์ถาม 

“เปล่าครับ” สมุทรปฏิเสธ  ทำท่าจะเดินเข้าบ้านไป

“จะไปไหน” ผมรีบถาม

“ไปใส่กางเกงครับ” อีกฝ่ายหันมาตอบหน้าเข้มเสียงเข้ม  ดูท่าจะเคือง

“ไม่เอาน่า เปลืองเสื้อผ้าออก” ผมกะพริบตาปริบ ๆ ยียวนไม่เลิก

“จริง ๆ” ผมชูมือขึ้นทั้งสองข้างประกอบเพื่อปฏิญาณตน  ใช้น้ำเสียงอ่อนลงหวังว่าเขาจะเชื่อ  สุดท้ายสมุทรก็เลยยอมนุ่งผ้าขาวม้าเหมือนเดิม  หงส์ส่ายหัวยิ้มน้อย ๆ

“โฮ่ง ! โฮ่ง ! โฮ่ง !” เพื่อนรักของหงส์ส่งเสียงขู่คนรอบข้างมาแต่ไกล  ร็อตไวเลอร์สีดำสนิทวิ่งตรงเข้าหาเจ้าของ  สมุทรถึงกับชะงักงันอยู่กับที่  ตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว 

“ชู่” หงส์เป่าปากปราม  บานเย็นปฏิบัติตามคำสั่ง  หยุดยืนตรงขนาบข้างกับเธอ

“นี่บานเย็น” หงส์แนะนำให้สมุทรได้ทราบ  สมุทรนิ่งไปครู่คล้ายตกใจในชื่อแปลกหูของหมาที่เพิ่งได้ทำความรู้จัก

“ชื่อน่ารักปะละ” หงส์ชมหมาตัวเอง  สมุทรหลุดขำออกมาพร้อม ๆ กับหงส์เองก็ยิ้มเช่นกัน  ใครได้ยินชื่อหมาของเธอตัวนี้ก็งุนงงในทีแรกทั้งนั้นละครับ  จนถึงตอนนี้ผมเองก็ยังรับไม่ได้เลย

“มองหน้าทำไม” ผมช้อนตาถาม  คนถูกถามจ้องกลับเขม็ง

“จะกัดกูเหรอ ? ได้กลิ่นกูแล้วไม่ถูกจมูกงั้นซินะ” ผมพึมพำพลางยิ้มให้  ยิ่งจ้องตาท้าทายอีกฝ่ายมากเท่าไหร่เสียงคำรามในลำคอก็ครางดังขึ้นมากเท่านั้น

“ฮึ ! กูก็ไม่ชอบขี้หน้ามึงเหมือนกันแหละ”

“ครืออออ”

“เอาสิ กัดเลย มึงกัดกูเมื่อไหร่ กูจะจับนายหญิงของมึงทำเมีย ถ่ายทอดสดให้มึงนั่งดูข้างเตียงด้วยเลยดีไหม แค่คิดก็น่าสะพรึงกลัวแล้วใช่ไหมละ เกิดใหม่อีกสิบชาติ...มึงก็ยังจะฝันถึงเรื่องของกูทุกวันเลยล่ะ”

“ขนาดตัวกูเอง กูยังไม่รู้เลยว่าจะทำลงรึเปล่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมยกไหล่  หัวเราะลั่นให้กับมุกก่อกวนเพื่อนสนิท  เล่นเองกูก็ตลกเองได้


เพี้ยะ !

“หึ ๆ ๆ” ผมตัวเซ  หน้าหันไปตามแรงที่ถูกหงส์ตบเข้ามาเต็มที่

“โฮ่ง !” บานเย็นเห่าสมทบทันทีทันใด

“อัปรีย์เกินเยียวยาจริง ๆ” หงส์พูดเรียบ ๆ  สมุทรยิ้มกว้างดูท่าจะชอบปฏิกิริยาจากหงส์  เธอเดินไปยืนเท้าเอวมองหม้ออาหารที่สมุทรกำลังปรุงอยู่  น้ำเดือดได้ที่  ส่งกลิ่นหอมมากทั้งที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี

“หอมจังนะ” หงส์ชม  คนทำอมยิ้มเล็กน้อย

“วัน ๆ กินหมูบ้าง เลือดลมจะได้สูบฉีด” ผมพูดขึ้นลอย ๆ  หมายถึงเพื่อนสนิทที่ชอบกินแต่ผักหญ้าท่าเดียว

“...กระเส่าด้วย” ผมขยายความ  หงส์กลั้นอมยิ้ม  หางตาเหล่ปรามมาทางผมที่นอนอยู่

“อยากกินมะม่วง ไปสอยให้หน่อยสิ” เธอสั่ง  เดินมานั่งลงข้าง ๆ ผม

“เดี๋ยวผมสอยให้ครับ” สมุทรพูดขึ้น  ทำท่าจะวิ่งไปแทนแทบจะทันที

“ไม่ต้อง” หงส์ออกปากห้าม  อีกฝ่ายชะงัก

“นายมีหน้าที่อยู่แล้วนี่ ฉันใช้มัน” หงส์ชี้นิ้วเจาะจงที่ผม

“เรียกไอ้เข้มสิ” ผมถอนหายใจ  ขี้เกียจขยับตัว  ไม่อยากเอาตัวเองออกจากผ้าห่มด้วย

“ไม่เอา เร็ว ๆ สิไฟ สอยมะม่วงให้หน่อย” หงส์ทำเสียงยานคาง  หน้าหงิกงอจะเอาให้ได้ 

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจพร้อมลุกขึ้นนั่ง  เอี้ยวตัวใส่รองเท้าแตะอย่างช่วยไม่ได้  หงส์ยิ้มกว้างด้วยสีหน้าพอใจ  สมุทรทำท่าจะตามผมมา  ผมจึงปัดมือไล่เขาแล้วเดินไปหยิบที่สอยมะม่วงที่วางพาดอยู่ฝั่งเดียวกับราวตากผ้าก่อนเดินมองหาต้นมะม่วงแต่ละต้นว่าต้นไหนยังมีลูกสวย ๆ หลงเหลืออยู่ 

“ผู้หญิงนี่แม่งเรื่องเยอะฉิบเป๋ง” ผมบ่นกับต้นไม้ใบหญ้า  เงยหน้าขึ้นพร้อมเล็งที่สอยมะม่วงไปยังลูกที่ต้องการ

“เอ๊ะ นายทำอะไรครับ !” เสียงไอ้เข้มโวยวายมาแต่ไกล  ผมไม่ได้หันกลับไปมองเพราะลูกที่ต้องการอยู่ค่อนข้างสูง  จู่ ๆ ภาพน้ำปลาหวานก็ผุดเข้ามาในหัวซะงั้น  น้ำลายสอจนต้องรีบกลืนเก็บมันกลับเข้าที่เดิม

“ผมทำให้ครับนาย เดี๋ยวจะเจ็บแผลนะครับ” ไอ้เข้มเข้ามาละล้าละลังอยู่ข้าง ๆ

“ว่าที่เมียมึงจะให้กูสอย มึงหุบปากไปเลย” ผมพูดอย่างตัดรำคาญ  ไอ้เข้มหุบปากสนิท  ผมหันขวับกลับไปจ้องหน้ามัน  อีกฝ่ายก้มหน้าหนีทันที

“อ๋อ...นี่มึงกะเอาเพื่อนกูทำเมียจริง ๆ ว่างั้น” ผมเบิกตาถาม  ไม้สอยมะม่วงยังคงเล็งอยู่ในท่าเดิม

“เปล่าครับ” ไอ้เข้มเงยหน้าขึ้นปฏิเสธ 

“หึ” ผมแสยะมุมปาก

“ถ้าสมมติ พายุมันมีแฟนขึ้นมามึงคิดว่าไง” ผมเลิกคิ้ว
 
“เอ่อ...” ไอ้เข้มอ้ำอึ้ง

“ให้ไอ้ผู้ชายคนนั้น ขึ้นไปอยู่บนต้นมะม่วง แล้วเอาที่สอยมะม่วงสอยกระปู๋มันเล่นก็ท่าจะดี มึงอยากจะลองขึ้นไปแทนไอ้ห่านั่นก่อนไหมละ ?”

“........” ไอ้เข้มไม่ตอบ  มันยังไม่ยอมเงยหน้าด้วยซ้ำ

“หยอกเล่นน่า” ผมหัวเราะ  เสียงขั้วมะม่วงหลุดดัง เปราะ ! ได้ลูกที่ต้องการ  ไอ้เข้มเงยหน้าขึ้นมองตาม 

“เอ่อ ลูกนั้นดีไหมครับนาย” มันชี้ลูกที่อยู่ข้าง ๆ กัน

“มันสุกไป หงส์ไม่ชอบมะม่วงสุก” ผมพูด  เมื่อได้มะม่วงลูกที่ต้องการจากต้นมาสามลูก  ไอ้เข้มก็รีบเข้าไปหยิบมะม่วงออกจากตะกร้อแล้วเอาไปถือไว้เอง 

“กินไหม” ผมถามมัน

“ครับ” อีกฝ่ายผงกหัวอย่างเกรงใจ

“เอาแบบไหน” ผมถาม  เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่เคยได้สังเกตสักทีว่าไอ้เข้มกับไอ้เด่นชอบกินมะม่วงแบบไหน

“เอาพอสุกครับ” ไอ้เข้มตอบ  ผมเล็งลูกเดิมที่ไอ้เข้มชี้ก่อนหน้านี้และอีกลูกที่ค่อนข้างสุกแล้วมาพร้อมกันสองลูก  เสร็จแล้วมันก็รีบเข้ามารับไม้สอยมะม่วงจากผมไปถือไว้แทน 

“ไปล้างแล้วปลอกมาด้วย” ผมชี้นิ้วสั่ง  หมายถึงส่วนของหงส์

“ครับ”

“ผสมพริกเกลือมาด้วยล่ะ เอาเกลือนำนะ มันไม่ชอบกินหวาน” ผมสั่งทีเดียวเสร็จสรรพ  หงส์กับสมุทรหยุดบทสนทนาลงเมื่อเห็นว่าผมเดินกลับมา   

“ไม่ปลอกให้ด้วยเหรอ” เธอขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นว่าผมกลับมาตัวเปล่า 

“ใครปลอกก็เหมือนกันแหละน่า” ผมตอบห้วน ๆ  เป็นคนไม่ค่อยชอบเข้าไปในครัว

“ไม่เหมือนสักหน่อย บางคนชอบหั่นหนา กูไม่ชอบอะ” หงส์หน้างอ  ผมถอนหายใจซ้ำอีกรอบก่อนหย่อนก้นนั่งลงบนแคร่

“หั่นพอดีคำด้วย !” หงส์ตะโกนสั่งไอ้เข้มที่เพิ่งเก็บที่สอยมะม่วงเข้าที่และกำลังจะเดินตรงไปที่ครัว

“ครับ” ไอ้เข้มผงกหัวขานรับ

“หึ” ผมหลุดขำ  เสียงลูกน้องผมมันขานรับซะหวานเชียว

“ร้านผลไม้บางที่หั่นอย่างหนา โอ้โฮ ปากคนหรือปากฮิปโป เหงือกกูถลอกพอดี” หงส์บ่นไม่เลิก  สมุทรยิ้มกว้างที่ได้ยิน  ผมเอนตัวนอนลง  หนุนหัวลงบนตักของหงส์แทนที่จะนอนบนหมอนดี ๆ อย่างก่อนหน้า  บานเย็นที่นอนเอาหน้าแนบไปกับพื้นดินเหลือบมาเห็นพอดี  มันขยับใบหน้าขึ้นชะโงกคอจ้องมองผมยกใหญ่ 

“บานเย็นเป็นเด็กดีสิ ไอ้นี่มันเด็กไม่ดีน่ะ” หงส์พูดกับหมาตัวเอง  ผมอมยิ้ม  บานเย็นเอียงคอคล้ายงุนงงก่อนยอมนอนลงเหมือนเดิมอย่างเนิบช้า

“.........” ครู่หนึ่งไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้น  สมุทรก้มตัวหยิบทัพพี  ขณะเดียวกันเขาก็เหลือบมองมาทางผมที่นอนอยู่  เราสบตากันพอดีเพราะผมนอนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว 

“สมุทรทำอาหารเก่งจังนะ” หงส์ชม

“ไม่หรอกครับ” คนถูกชมอมยิ้ม

“แล้ว...มีแฟนรึยังล่ะ” หงส์ถามขึ้นโต้ง ๆ  แม้กระทั่งผมเองก็ชะงักกับคำถามนี้จากเธอ

“ไม่มีครับ” สมุทรหันกลับมามองหน้าหงส์  หงส์อือออในลำคอและพยักหน้าอย่างขอไปที

“แล้วทำไมไม่โกนหนวด” หงส์ก้มลงขมวดคิ้วมองหน้าผม

“ไม่มีใครทำให้” ผมตอบ  ตาเจาะจงไปยังสมุทรพลางแสยะยิ้ม  อีกฝ่ายเหล่มองผมด้วยหางตาก่อนเบือนหน้ามองไปที่หม้ออาหารต่อ

“มือมึงเป็นง่อยรึไง” เธอบ่น

“แล้วทีมึงใช้กูให้ไปสอยมะม่วงนี่มึงเป็นง่อยเหรอครับ” ผมย้อน  หงส์อมยิ้มเก้อเขิน

“สมุทรก็ ช่วยโกนให้มันหน่อยแล้วกันนะ” หงส์พูด  เธอแอบยักคิ้วให้ผมหนึ่งที  ผมยิ้มกว้างที่มันรู้ใจ

“...ครับ” สมุทรนิ่งไปครู่ก่อนขานรับอย่างเสียไม่ได้

“พรุ่งนี้กูอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม” ผมถาม

“อืม” หงส์ผงกหัว  ขณะเดียวกันผมแอบเหลือบเห็นว่าเพื่อนรักกำลังมองเข้าไปทางด้านหลังบ้าน

“เดี๋ยวก็มาน่า” ผมแซ็ว

“อะไร !” หงส์เสียงหลง  รีบปั้นหน้าตัวเองให้เป็นปกติ  ให้หลังไม่ถึงห้านาทีไอ้เข้มก็มาพร้อมกับจานมะม่วงและพริกเกลือ  มันวางเสิร์ฟให้ตรงหน้าหงส์  ส่วนมะม่วงอีกจานเป็นมะม่วงสุกซึ่งมันแบ่งเอาไปให้สมุทรกิน

“ขอบใจ” หงส์บอก  ไอ้เข้มผงกหัวน้อย ๆ  กลับเข้าหลังบ้านไปอีกครั้ง  หงส์ใช้นิ้วจิ้มพริกเกลือเพื่อตรวจสอบรสชาติก่อนเป็นอันดับแรก  ดูเหมือนจะได้รสแบบที่ชอบถึงได้ไม่เอ่ยปากบ่น

“วันนี้ที่ครัวรู้ว่าสมุทรจะทำพะโล้หมูสามชั้น ทางนั้นก็เลยทำผักต้มกับปลาร้าหลน ครบรสพอดี” หงส์ชวนคุย

“ครับ ไม่รู้ว่าจะถูกปากทุกคนรึเปล่านะครับ” สมุทรยิ้มกว้าง

“คนที่นี่กินได้หมดแหละ กินง่ายอยู่ง่าย” เธอบอก

“ตอนเย็นจะทำสลัดนะ มีสเต๊กด้วย เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” หงส์พูดกับผม

“มึงก็รู้ว่ากูยังกินไม่ได้” ผมพึมพำ

“เฉพาะของคุณ ดิฉันได้เตรียมปลาแซลมอนไว้ให้แล้วค่ะ” หงส์ย้อน  ผมอมยิ้ม  บทสนทนาจบลงห้วน ๆ พร้อมกับเสียงปิดฝาหม้อดัง แกรก  สมุทรเอ่ยปากขอตัว  เดินผ่านบานเย็นแล้วกลับขึ้นบ้านไป 

“ผ้าพันแผลแสนโอเว่อร์นี่น่ะ พรุ่งนี้ก็ถอดแล้วโยนทิ้งได้แล้วนะ” หงส์พูดเสียงแข็งเมื่อเราทั้งคู่ปลอดคน

“โอเว่อร์ห่าไร กูเจ็บจะตาย” ผมพูด

“หึ คนอื่นรู้ไหมว่ามึงชอบเขาน่ะ” หงส์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่ธานกับไอ้โปรดรู้ พายุก็ดูออกมั้ง กูก็ไม่ได้ปิดอะไร อยากทำอะไรกูก็ทำ” ผมตอบ  ขยับขาขวาขึ้นพาดไปบนขาซ้ายที่ตั้งฉากอยู่

“แล้วเจ้าตัวเขารู้รึเปล่า”

“รู้” ผมตอบ  พลิกตัวหันไปนอนตะแคง  สบตากับบานเย็นที่นอนอยู่พอดี

“เขาดู เข้าถึงยากอยู่นะ” หงส์พูดเสียงเบาลงคล้ายกับบ่นให้ฟังเท่านั้น

“........” ผมเงียบ

“ถ้ากูเป็นผู้หญิง กูไม่คิดชอบคนแบบนี้หรอก ถ้าเขาไม่รักกูจนโงหัวไม่ขึ้น อยู่ด้วยต้องร้องไห้ทุกวันแน่ ๆ  เหมือนกับที่ไม่คิดที่จะชอบคนอย่างมึงมั้ง ไม่รู้ทำไม...กูรู้สึกว่า กลิ่นฉุนเหมือนกันไม่มีผิด” หงส์รำพึงรำพัน

“หึ” ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“เอ๊ะ กูก็เป็นผู้หญิงนี่หว่า” เธอฉงนเสียเอง 

“มึงจำได้ไหมไฟ สมัยมัธยม...ตอนที่เราขึ้นไปบนเขากันน่ะ ตอนที่ เอ่อ...หนีน้ำป่า” หงส์พยายามจะอธิบายถึงเรื่องในอดีตให้ผมได้นึกย้อนดู  ผมอือออตอบในลำคอเท่านั้น  ตามจริงไม่ว่าเธอจะพูดเรื่องอะไรผมก็จำได้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเรานั่นล่ะ

“กูยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ มึงเคยพูดกลางวงเหล้าถึงสเปกของมึง” หงส์เล่ายิ้ม ๆ

“ใครสักคนที่ทำให้รู้สึกไม่เสียดายเวลาและคุณค่าที่ได้เสียสติไป คำพูดมึงน่ะ...กูนึกว่ามีโรงลิเกในป่าซะอีก ฮ่า ๆ ๆ” หงส์พูดปนหัวเราะ 

“แล้ว...ความหมายของมึงตอนนั้น มันตรงตัวแบบนี้เลยเหรอวะ” เธอเค้นขอคำตอบ   

“........” เราต่างเงียบลงหนึ่งอึดใจ  ผมยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ  แทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยพูดอย่างนั้นเอาไว้  ไม่คิดว่าหงส์จะจำเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ได้ด้วย 

“ก่อนที่มึงจะกลับกรุงเทพฯ กูอยากรู้ว่า...กับคนนี้ มึงจริงจังแค่ไหน ? ประโยคที่มึงเคยพูดบอกกับกูไว้น่ะ ใช้กับเขาได้ไหม” หงส์ถาม  ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยซ้ำ  แต่กลับทราบได้ด้วยโทนเสียงว่าประเด็นที่เรากำลังพูดกันอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องที่เราทั้งคู่จะล้อเล่นกันได้ 

“แผลที่มึงดูแลให้กูอย่างสวยงามนี่น่ะ...” ผมเอ่ยเสียงเบาอยู่ในลำคอ

“มันควรเป็นของหมอนั่นน่ะ แบบนี้เรียกจริงจังแล้วรึเปล่าวะ ?” ผมถามกลับ  เอี้ยวใบหน้าขึ้นมองเจ้าของตัก  รอขอคำตอบอย่างไม่มีการกวนตีนใด ๆ

“ไม่ใช่เล่น” หงส์ที่ก้มหน้ามองผมอยู่ก่อนแล้วตอบผมด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

“หึ !” เราต่างพ่นหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“แล้วอีกฝ่ายเขาชอบมึงรึเปล่า”

“มันเคยบอกว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชาย” ผมเล่าถึงเรื่องวันที่เกิดขึ้นที่พัทยา

“แต่...ไม่ได้รู้สึกไม่ดี อะไรประมาณนั้นมั้ง” ผมขยายความ

“เหรอ แต่เขาดูแลมึงดีมากเลยนะ แบบว่า...เหมือนไม่ได้ทำตามแค่หน้าที่ ไม่ได้คอยแต่กลัวมึงงก ๆ เหมือนเด่นอะไรแบบนั้น คนละอารมณ์กัน ดูใส่ใจในรายละเอียด...ในฐานะมากกว่าเพื่อนมนุษย์”

“ในฐานะมากกว่าเพื่อนมนุษย์ ? เปรียบได้ดีนี่” ผมเอ่ยชม

“ฮ่า ๆ ๆ” หงส์อ้าปากกว้าง

“แต่ถ้าคิดแบบนั้นก็จะหลงตัวเองนะครับ”

“มึงก็เป็นมาแต่เด็กแล้วไม่ใช่ไง” หงส์ประชดทันที

“ในโลกนี้ไม่มีใครให้กูหลงได้มากกว่าตัวกูเองนี่ อีกอย่าง...เจ้าโลกกูก็ทรงสวยระดับมาสเตอร์พีซ” ผมพูดยิ้ม ๆ

“เฮ้ออออ !” อีกฝ่ายได้ยินถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง

“แล้วจะปล่อยไปแบบนี้เหรอ” เธอถาม 

“อือ” ผมตอบ

“ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่คลุมเครือกันทั้งนั้น” ผมว่า

“แล้วถ้าเกิด อยู่มาวันนึงอีกฝ่ายปฏิเสธล่ะ” หงส์ถาม  ดูเหมือนเธอจะระแวงแทนผม

“ประสบการณ์ใหม่ของกูมั้ง” ผมตอบติดตลก

“เออ ช่ายยย” หงส์แสยะยิ้มทำหน้าสนุกขึ้นมาได้ในทันที

“มันจะเป็นการอกหักครั้งแรกของมึงนี่หว่า เอาเป็นว่ากูไม่เชียร์ละกันนะ เพราะกูอยากเห็น กร๊าก” 

“ปากดี” ผมกัดฟัน  ยกมือขึ้นตีหัวเธอเบา ๆ ด้วยนึกมันเขี้ยว  ครู่หนึ่งเราสองคนต่างก็หยุดหัวเราะลงดื้อ ๆ  ลมพัดโชยมาค่อนข้างแรงทำให้กิ่งไม้ที่อยู่บนพื้นกระเด็นออกไปไกล  บานเย็นชูคอขึ้นสูงและหลับตาพริ้ม  ทำท่าอิ่มเอิบไปกับอากาศอย่างกับมันเป็นมนุษย์อย่างนั้น

“สิ่งที่มึงถามน่ะ” ผมเอ่ย  ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง  ตาเหลือบมองไปบนบ้านพักและไม่พบใคร

“ไม่ว่าจะมึง กู พี่ธาน ไอ้โปรด รึไอ้โช ความหมายคือ...”

“เราต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าถ้าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจะไม่สมบูรณ์ คนที่เลือกให้เข้ามาในชีวิตจะต้องเป็นคนที่ทำให้ไม่รู้สึกเสียดายเวลาแม้แต่วินาทีเดียว พวกเราหวงแม้แต่วินาทีเดียวของเราไม่ใช่เหรอหงส์ ? ถ้าสุดท้ายมันจะป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ก็ขอเลือกอะไรที่มันเหมาะสม...ให้มายืนประชันหน้ากันแบบเพื่อนได้อยู่ล่ะมั้ง” ผมพึมพำ 

แม้ “วินาทีเดียว” กับความหลงใหลที่ผมจะมีให้กับใครสักคน  มันมีค่ามากเกินไป  ไม่ว่าผมหรือหงส์ต่างก็รู้จักกันและกันลึกลงไปเป็นอย่างดี  ถ้าคนภายนอกมองมาอาจเหมือนกับว่าพวกเราคงหลงตัวเองมากเกินไปหน่อย  แต่ผมหรือหงส์ต่างก็รู้ดีว่าเราใช้ชีวิตแบบที่ว่า  เราปลีกตัวออกจากทุกคนที่ทำให้เรารู้สึกเสียดายเวลา  แม้แค่บทสนทนาสั้น ๆ ก็รู้สึกไม่อยากที่จะพูดคุยด้วย  ไม่ต้องการทำความรู้จักหรือเรียนรู้กันให้ลึกซึ้ง  กระทั่งลูกน้อง.. เราก็เขี่ยคนที่ไม่ชอบพฤติกรรมออกไป  เขี่ยออกจนเหลือแต่พวกเราด้วยกันเอง  ถึงอย่างนั้นเรากลับไม่คิดที่จะเสน่หาพวกกันเองเสียอย่างนั้น  มันอาจเป็นเพราะว่า  โดยพื้นฐานพวกเรารู้สึกสมบูรณ์ในสิ่งที่มีอยู่กันอยู่แล้ว  และถ้าผมต้องเสียเสี้ยววินาทีที่สมบูรณ์แบบของผมให้กับใครสักคน  ผมก็ขอคนที่มีศีลสูงกว่าผมหน่อยละกันน่ะนะ   

สมุทรกำลังเดินลงมาจากบนบ้าน  เขาเปลี่ยนจากนุ่งผ้าขาวม้าเป็นใส่กางเกงบอลและเสื้อยืดสีขาวแทนแล้ว  ในมือของเขากำอะไรมาด้วยสักอย่าง  หงส์ไม่ชวนผมคุยอีก  เธอนั่งนิ่งไปสนิทจนสมุทรถึงกับกะหลับกะเหลือกมองผมกับเธออย่างสงสัย

“ลูกอมครับคุณไฟ” สมุทรแบบมือออกตรงหน้า

“หึ” ผมกับหงส์หลุดหัวเราะ  แม้แต่ลูกอมเราก็ยังคัดเลือกรสชาติที่ชอบเลย



...............(ไฟ)..............

ผู้เขียน :

สวัสดีค่ะ  หลังจากที่ห่างหายไปนาน  ที่ผ่านมาไม่สามารถปลีกเวลามาต่อให้ได้เลย  ติดหลาย ๆ อย่าง  สำหรับสองสามตอนมานี้จะค่อนข้างเบา ๆ สบาย ๆ นะคะ  (รวบรวมสมาธิสำหรับตอนหน้าไว้ล่วงหน้าก็ดีค่ะ ฮ่า ๆ ๆ  :hao6: ((อีโมนี้คือสิ่งใด))  แต่สำหรับตอนต่อไปอาจจะมาต่อได้ค่อนข้างช้า  ช่วงนี้ไม่ว่างพอที่จะโฟกัสเรื่องนี้ได้เลยค่ะ  ต้องขออภัยด้วย  อย่างไรก็ตาม ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ  :ruready

เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 14-07-2017 17:22:56
คิดถึงสมุทรกับคุณไฟมากเลย  มาแต่ละทีก็ไม่เคยจะเบานะคะ  โดยเฉพาะคุณไฟที่มีอารมณ์นำมาตลอด  จนคนอ่านเริ่มแยกไม่ออกละว่าตื่นอจริง ๆ หรือว่าฝันอยู่   :laugh:  เพราะเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะดีขึ้นมากเลย  ชอบตอนทั้งสองคนเขินกัน  ทำเอาอ่านไปก็เขินไปจริง ๆ   :heaven  ขอฉากฟิน ๆ แบบนี้อีกสักหกฉาก   :m3:  ชอบ

รอตอนต่อไปค่ะ  ปล.จะรวบรวมสมาธิ สติ ปัญญา ทุกอย่างเลยเพื่อตอนหน้า   :hao6:  (ชอบอีโม่นี้ 5555)


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: มะม่วงแรด ที่ 14-07-2017 17:49:27
ไฟที่รักกกกก สมุทรที่รักมากกว่าาาาา
ในที่สุดก็มา เรามาเฝ้ารอเธอที่ท่าน้ำทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 14-07-2017 18:03:27
กำลังจะเข้ามาบอกคิดถึง เจอพอดี มีความสุขขขขขขขขข  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-07-2017 18:23:57
 :mew1: :mew1: :mew1: ชอบตอนไฟกับสมุทรอยู่ด้วยกันสองคนมากกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 14-07-2017 19:41:36
สมุทรในสายตาไฟนี่คือ เซกซี่มาก มองแต่ละทีนี่ความคิดโคตรอิโรติก ฮ่าๆๆ
อ่านตอนนี้แล้วเข้าใจได้ว่าที่ผ่านมาไฟไม่จริงจังกับใครเพราะชีวิตฮีเพอรเฟ็คอยู่แล้ว มีทั้งเพื่อนทั้งน้องที่รักและใส่ใจจากใจจริงเลยไม่สนเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวสินะ แต่สมุทรนี่คือทำให้ไฟเห็นว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ตัวเองจะเสียความเพอร์เฟ็คของชีวิตตัวเองได้

ที่จริง คุณไฟของเราก็โรแมนติกเหมือนกันนะเนี้ยยยยยย กริ๊ดดด เขินแทนสมุทร :-[

อยากรู้ว่าสมุทรจะคิดเหมือนไฟบ้างไหม คุณไฟก็น่าจะคุ้มค่าพอให้สมุทรยอมรับรัก นะๆ
ชอบๆคุณไฟมีความใจเย็นรอให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่คนอ่านจะทนไม่ไหวแทน ควรจะจับกดไปเลยค่ะ โอกาสมาถึงแล้ว :hao6: :oo1:

รอนานแต่ก็หายคิดถึงไปได้บ้างอิอิ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 14-07-2017 19:53:12
คิดถึงไฟสมุทรมากๆ >o<
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-07-2017 20:37:09
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 14-07-2017 21:18:43
โอ๊ยยยยย ตายๆๆๆๆ ... คือคุณไฟคะ? อิฉันอยากบอกว่า... คุณเก่งมาก ที่แสดงอาการ "หื่น" ออกมา เพียงแค่เอาข้อนิ้วเกี่ยวขอบผ้าขาวม้าผู้ชายคนนั้นลง (แบบทีเล่นทีจริง)  บอกกันตรงๆเลยว่า ถ้าอิฉันได้ใช้แต้มบุญสุดท้าย เพื่อแปลงร่างเป็นคุณไฟแทนได้นั้น สมุทรแกไม่มีทางได้รับโมเม้นท์ยืนลอยชายอวดซิกแพ๊ควีเชฟท้าสายลมล่อเลือดกำเดาฉันอยู่แบบนี้แน่นอน ฉันสาบาน  :haun1: :haun1: :haun1:

เบบี้เตือนมา ตอนหน้าเตรียมตัวให้ดี ตายๆๆๆๆ ไม่อยากจะคิด งือออออออ :m10: :m10: :m10:  พร้อม!!  :give2: :give2: :วู้วว1:  เลิฟนะยูวววว   :man1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 14-07-2017 21:45:44
กอดเบบี้ก่อน กอดไฟ กอดสมุทร :กอด1: :กอด1: :กอด1:   มาให้หายคิดถึง
หงส์กับไฟเพื่อนรู้ใจเพื่อนจริงๆ  สมุทรยังกับแม่ศรีเรือนเลย ทำได้ทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 14-07-2017 21:54:26
แค่ไฟกับสมุทรอยู่ด้วยกันแค่นี้ก็รู้สึกมีความสุขสำหรับคนอ่านละ

คิดถึงเบบี้ที่สุด 555555555555  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 14-07-2017 22:07:07
ไปแบบเอื่อยๆ ปล่อยไปตามธรรมชาติจิมๆคู่นี้ 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 14-07-2017 22:31:14
มีฉากฟินๆให้จิ้นกันด้วย   :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 14-07-2017 23:57:50
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-07-2017 00:00:04
คิดถึงพี่ไฟมากๆเลยค่ะ มีหอมแก้มด้วย พี่ไฟร้ายอิอิ
 เจ้หงษ์กับพี่ไฟแม่งสุดๆอ่ะ ชอบเวลาสองคนนี้คุยกันมีความฮา จิกกัดตลอด และรักกันมาก
เข้มจ๊ะ...เดินหน้าจีบคุณหงษ์เร็วเข้า!!!! เชียร์อยู่นะ

ขอบคุณเบบี้ คิดถึงมากกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 15-07-2017 02:52:05
คิดถึงม้ากมาก เขาจุ๊บแก้มกันนน ว้าย เขิน :-[

หงส์เป็นตัวแทนคนอ่านเลยอ่ะ นางพูดทุกอย่างที่เราคิด อย่างตอนที่ไฟชมตัวเอง นี่ก็ เห้ออออออ ในใจไปด้วย5555555

เอ๊ะๆๆๆๆ ตอนหน้าจะมีอะไรหรอ ได้กลิ่นแหม่งๆ แฮะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 15-07-2017 05:30:27
ชอบเวลาคุณไฟแทะโลมเรือนร่างสมุทรมาก ทำให้รู้สึกว่าสมุทรเซ็กซี่สุดๆ แถมไฟยังคิดอะไรหื่นๆ ตรงๆ ตลอดเวลาอีก 5555

ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาไกลกัน  :hao7: เหมือนเค้ามีอะไรบ้างอย่าง ความรู้สึกที่มันมากขึ้น  o18 รอความชัดเจนต่อไป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 15-07-2017 08:34:25
 :hao6:อีโมนี้มันแบบ จึ๊กกะดึ๋ยมากเลยนะ มันต้องจึ๊กกะดึ๋ยแน่ๆ ... ตั้งใจรอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 15-07-2017 09:30:55
โอ้ยยยยยถ้าคุณไฟจะหื่นขนาดนี้
แบบอ่านละจินตนาการได้ถึงสายตาของคุณไฟที่มองสมุทร
สมุทรคงรู้สึกได้ถึงสายตาเลยอ่ะ 5555555
ละยังไปเกี่ยวผ้าเค้าอีก
น่าตีมือจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-07-2017 18:39:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 16-07-2017 00:11:57
คุณไฟมาแล้วววววว~ ยังคงขยันแกล้งและแทะโลมสมุทรเก่งเช่นเคย เป็นกำลังใจให้สมุทรรับมือคุณไฟเธอให้ไหวนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-07-2017 08:10:19
ชอบมาก ศีลสูงกว่าตัวเอง. ทุกคนมีความคิดที่สุดกู่ แต่อยู่ในศีลธรรมอันดีงามเนอะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PWSR ที่ 16-07-2017 09:35:45
 :hao5: กี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!! เบบี้มาแล้ววววววว คิดถึงมากรู้มั้ยคะ // ปาดน้ำตา // กอดไฟ กอดสมุทร กอดเบบี้
ทุกคนคะอิฉันจะกรี๊ดดด โมเม้นคุณไฟกับสมุทรช่างละมุนละม่อมเหลือเกินคณา อิคุณไฟขี้แกล้ง ก่อกวนเขาไม่หยุด น่าจับตีก้นจริงๆ  o13 ส่วนตัวนี่ชอบบรรยากาศที่บรรยายออกมา มันดูเป็นธรรมชาติแล้วก็สบายใจจริงๆ เริ่มไม่อยากให้ไฟกับสมุทรกลับกรุงเทพ (ฮา) มันดูแบบชีวิตบ้านๆแต่มีความสุขจริงๆ ไฟกับสมุทรก็ได้มีเวลาใกล้ชิดส่วนตัวกันมากขึ้น ชอบเวลาสมุทรเขินอะ อ่านแล้วนึกภาพตามคืออยากจับสมุทรกดแทนคุณไฟ อิพี่ทนไปได้ยังไงน้องเขาน่าแดกขนาดนี้ ลองจินตนาการสายตาไฟที่มองสมุทรคงจะแบบ กี๊ดด น่าจะแฝงไปด้วยความรักละมุนละม่อมและความหื่นกามเก้าชีวิตของนาง สมุทรดูเซ็กซี่มาก น่าเลียน่ากัดอะไรเบอร์นี้ //ปาดน้ำลาย แถมทำงานจิปาถะเป็นแทบทุกอย่าง อย่าให้หลุดมือเลยนะไฟผู้ชายแบบนี้หายาก! หื่นๆเลวๆอย่างอิพี่ต้องเจอสมุทรถึงจะสมกัน
เวลาไฟคุยกับหงส์คือชอบมากกกกก สนิทกันแบบว่าสนิทมากจริงๆ กวนตีนมากคุยกันได้ทุกเรื่อง อ่านไปคือขำไปอะจริงๆ คือที่คุยเราว่าไฟจริงจังกับสมุทรมากนะ ถึงกับขั้นยอมเจ็บตัวแทนอันนี้เราว่านางรักสมุทรแล้วจริงๆ แล้วสมุทรก็รักแบบไม่รู้ตัว ไม่งั้นไม่เขินหรอกใช่มะ ไม่กลับกรุงเทพแต่อยู่กับอิพี่นี่มันมีซัมติงวรอง! กลับมาที่หงส์ นางเป็นผู้หญิงที่ถูกจริตเรามาก เราชอบนาง เชียร์เข้มอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ เอาหน่า นายหญิงก็มีชายตาแลมองแกอยู่ สู้ฮึกเข้าไว้อย่าได้ถอย! ส่วนนี่เตรียมใจรอตอนหน้าแล้วค่ะ จะมีอะไรยังไงรอจะไม่ไหวล้าวววว  :z3: สู้ๆนะคะเบบี้ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 16-07-2017 12:35:51
ในที่สุดก็มา ดีใจเว่อร์ๆๆ  :impress2:

ชอบทั้งสองคู่แหะ ทั้งไฟสมุทร เข้มหงส์ มีความปากแข็งกันทั้งคู่ ว่าแต่เฮียไฟดูทำใจแล้วว่าไงก็ได้น้องเขย ชักอยากรู้จักพายุแบบโคลสลีซะแระ :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 16-07-2017 13:54:26
คุณไฟ กวนโอ๊ยมาก สมุทรอย่าไปยอมมากนัก ทุกคนกลัวและก็ตามใจคุณไฟหนักมาก แต่ชอบตอนที่สมุทรโดนเตาะน่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-07-2017 14:11:27
ดีใจที่มาต่อแล้ว ลุ้นว่าไฟกับสมุทรจะผสานเป็นหนึ่งเดียวเมิ่อไหร่เป็นอะไรต่างขั้วที่ลงตัว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-07-2017 19:34:20
ดีใจ คุณเบบี๋มาต่อ :mew1: :mew1: :mew1:

ชอบที่ไฟว่า  "ผมก็ขอคนที่มีศีลสูงกว่าผมหน่อยละกันน่ะนะ"  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ชอบตอนที่ไฟ หื่น แหย่ หยอกสมุทร มีเกี่ยวจะให้ผ้าขาวม้าหลุดด้วย

หงส์ ไฟ รู้ใจกันจริงๆ สมเป็นเพื่อนเก่าแก่
ชอบที่หงส์ พูดกับไฟ ว่าสมุทรดูจะยาก พอไฟยอมรับหงส์กลับเชียร์ให้ไฟอกหักซะนี่

ไฟ ก็ชง แหย่ทั้งหงส์ ทั้งเข้ม ดูท่าจะเป็นไปได้นะ
รออีโมนี้สุดๆ :hao6: แอร๊ยยยยย  :z1: :z3: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 16-07-2017 21:03:40
กรี้ดดดดด  :z3:
คิดถึงคุณไฟมากกกกกๆ
ชอบความใส่ใจของสมุทรจังเลย โอ้ย ดูแลมากกว่าเพื่อนมนุษย์แบบที่หงส์บอกจริงๆนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 17-07-2017 00:48:31
 :hao6:ขอบคุณสำหรับพะโล้หมูสามชั้น ณ เวลา 12.53น. :katai1: 555 อ่านไปก็หิวไปและรออีโมนี้ :hao6:อย่างใจจดใจจ่ออยู่นะคะ หุหุ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 17-07-2017 10:27:43
ขอบคุณที่ละเวลามาลงตอนใหม่ให้นะคะ

แอบเขินตอนไฟแอบจุ๊บสมุทรตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อยๆเดี๋ยวสมุทรก็ใจอ่อน555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 17-07-2017 15:02:29
คือลุ้นมากกกกกกก จะเป็นยังไงต่อกันนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 17-07-2017 15:11:05
ตอนไฟบอกสมุทรน่ารัก อู้ยยยย ขนลุกเลย 555+++
นี่ขนาดเราฟังยังขนลุก ถ้าสมุทรได้ยินคงขนหัวลุกกันเลย
สมุทรเรียกน่ารักได้เหรอคุณไฟ 555++

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 20-07-2017 12:11:37

ไฟขา สมุทรนี่ ไม่ใช่ลูกอม ไม่ใช่น้ำผักรวมนะคะ   :haun4:

เล่นอยากตลอดเวลาขนาดนั้น สงสารสมุทรนะคะ รึว่าสงสารตัวเองดีคะ  ตอนหน้าๆๆ  :hao6: อีโมแบบนี้ทำให้มความหวัง

จะได้กันในป่าในดงเหรอคะคู่นี้ แต่ที่แน่ๆถ้ามีฉากนั้น แกเตรียมใจเลยคะไฟขา เพราะสมุทรไม่ลงให้แกแน่ๆ  :z2:

ขอบคุณคะเบบี้  :mew1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: khunchoq ที่ 20-07-2017 18:02:39
รอคอยต่อไปปปปป อ่านรวดเดียวเลยตั้แต่ตอนแรก ชอบมากกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-07-2017 19:39:47
สุดยอดจริงๆ เรื่องนี้ ถ้าไปอ่านที่อื่น จะคิดว่าเป็นนิยายจากหนังสือบางกอกเสียอีก ออกแนวบู๊ ยิงกันเลือดสาด  :a5:

แต่คนแก่ก็ชอบนะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะคุณเบบี้  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-07-2017 21:29:31
ไม่ได้เข้าเล้ามาหลายเดือน


คุณไฟของบ่าวก็ยังไม่ได้อะจึ๊ยสมุทรอีิ๊กกกกก


แถมบาดเจ็บ บ่อยมากกกกก เป็นห่วงจริงๆพ่อคุณ


พี่ธาน ดูแลพายุดีๆนะ อย่าให้ใครมาหลอกไปได้


คุณไฟเจ็บครั้งนี้เพราะช่วยสมุทร


แล้วสมุทร ล่ะจะคิดอะไรๆกับคุณไฟ เพิ่มขึ้นบ้างใหม


คิดถึง เด็กมืดมน น้องเมฆ ของป้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 21-07-2017 21:48:43
คิดถึงมากกก
ทั้งคนเขียน คุณไฟ และสมุทรด้วย
ตอนหน้ามีอะไรรรร
555++รอเลยเบบี้
จะมารอทุกวันนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-07-2017 21:34:05
อีโม่นี้ คือ ไฟสมหวัง 55555

ไฟเอ้ยย รุกหนักมาก เปิดเผยมากไปอีก
สมุทรก็รู้ทันรู้ทางตลอด แต่ก็เสียทีคนเจ้าเล่ห์ไปหลายดอก

ไฟสมใจแล้วสินะ คนที่ศีลสูงกว่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: HPG ที่ 30-07-2017 00:13:57
คิดถึงคุณไฟแล้ววววววว 
:mew6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 06-08-2017 00:33:22
คิดถึงคุณไฟกับสมุทรจัง  :mew2:

อยากจะอ่านอีกสักรอบ แต่อ่านไปได้ตอนเดียว ขอไว้รอทีเดียวรวมเล่มดีกว่า ปวดตาเหลือเกิน  o22

รอตอนใหม่อยู่นะคะ :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 06-08-2017 00:48:10
ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมากระทันหัน  :a5:  เลยเข้ามาส่อง  ที่จริงก็ส่องทุกวัน  แต่อดไม่ได้ว่าจริง ๆ เลยมาบอกไว้  :laugh:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 07-08-2017 15:14:12
เหมือนเพิ่งจะได้อ่านไปวันนั้น เมื่อไม่นานมานี้ หึหึ มันไม่พอ...เอาอีก...

เค้ารอตัวอยู่นะไฟ... เค้าอยากให้ไฟขาโดนสมุทร..กิน....

รัก..เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 08-08-2017 14:55:24
โอ๊ยยย ให้เตรียมตัวเตรียมใจคืออะไรคะ
ขอเบาๆสบายๆอีกซัดตอนได้มั้ยยยย
ชอบเวลาพี่ไฟกับสมุทรเค้ามุ้งมิ้งกันจังเลยค่ะ  :-[ :-[
แต่ตอนหน้านี่ยังไงคะ เบบี้ขู่มาซะกลัวเลยอ่าา
รออ่านอยู่เสมอน้าาาาา :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 09-08-2017 08:33:11
คิดถึงคุณไฟจังเลยค่ะ ฮืออออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 17-08-2017 10:56:59
 :katai5: :katai5: :katai5:

คิดถึงจัง แวะมาบอก 

:call: เพี้ยง!!! พรุ่งนี้เข้ามา สมุทรได้กินไฟ  สาธุ  :call:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-08-2017 13:43:09
คิดถึงพี่ไฟนะคะ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-08-2017 19:22:14

ตอนที่ 45
..ไฟ..




ปั้ง !  ปั้ง !!  ปั้ง !!!

“แหม Hot แต่เช้าเลยนะ” ผมแสยะปากยิ้มแซวคุณหมอที่กำลังซ้อมยิงปืนอยู่ที่สนามยิงปืนส่วนตัวของเธอ  หงส์เหล่หางตามองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจที่มีผมเข้ามาร่วมชมการถ่ายทอดสดในครั้งนี้ด้วย  ซึ่งไม่ใช่การรับเชิญ

“ไปตายซะ” หงส์พูด

“พูดไปเรื่อย !” ผมแกล้งสบถหน้าเป็น

“ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็จะลำบากมึงอีก” ผมยิ้มกว้างให้เพื่อนรัก  อีกฝ่ายจิปากหงุดหงิด  ผมเดินเข้าหา  มือซ้ายแตะโอบเข้าที่เอวเล็กคอดของเธอพร้อมดึงเข้ามากอดจนเราทั้งคู่ประชิดกัน

“มากอดกูทำไมเล่า !” เจ้าของร่างกายหันหน้ามาโวยวาย  เสียงหัวเราะจากลูกน้องปู่หาญที่นั่งชมอยู่ไม่ไกลพากันหัวเราะชอบใจ  เหล่านั้นเป็นอดีตนักเลงเก่าทั้งนั้น

“เดี๋ยวปืนก็ลั่นไปโดนหมูโดนหมาหรอก” ผมยังคงแกล้งกะพริบตาปริบ ๆ  กระบอกปืนที่ถูกหันไปทางอื่นหยุดชะงักโดยทันที
 
“ไอ้เข้มแอบดูมึงอยู่บนบ้าน” ผมกระซิบที่ข้างหู

“อยากให้มันลงมาช่วยติวเข้มให้ไหมละ ? ศิษย์พี่ธานเชียวนะ” ผมอมยิ้มมุมปาก

“ระดับกูต้องพี่ธานคนเดียวเท่านั้น” หงส์ตอบอย่างเชิดหยิ่ง

“ฮิ !” ผมสบถหัวเราะ 

เมื่อครู่ ผมจับได้ว่าไอ้ลูกน้องตัวดีมันแอบอู้งานเพื่อมานั่งมองหญิงที่หมายตาได้พักใหญ่แล้ว  แถมแอบในมุมที่ฝ่ายที่ถูกเฝ้ามองจะไม่มีทางสังเกตเห็นอีกด้วย  วิถีการซ่อนตัวของมันช่างน่าประทับใจผมจริง ๆ 

หงส์จิปากบ่นพึมพำ “เบื่อพวกมึงจริง กลับกรุงเทพฯ ไปได้แล้วไป”  ผมได้แต่หัวเราะในลำคอพร้อมดันตัวหงส์ให้หันกลับไปยืนตรงดี ๆ  อีกฝ่ายนิ่งลง  ผมแตะมือลงที่ข้อศอกของเธอเพื่อให้ตั้งขึ้นในระดับพร้อมยิง  ปืนลูกซองน้ำหนักหลายกิโลถูกนำตั้งขึ้นอีกครั้งด้วยแรงของกล้ามแขนของเจ้าของปืน  ไม่ใช่จากผม  ผมแตะนิ้วลงที่หลังมือของหงส์เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าเราควรเล็งเป้าไหนก่อนเป็นอันดับแรก  ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย  รอบตัวเงียบสงัดลงอย่างเป็นใจ  เป้าล่อที่เหลืออยู่สี่เป้า  อยู่ห่างออกไปในระยะสิบเมตรโดยประมาณ  ทันทีที่เสียงนกบินผ่านเหนือหัว  เสียงลั่นไกก็ดังขึ้นสี่นัดติดอย่างไม่ลังเล  เป้ากระเด็นออกไปไกลไม่มีเหลือ 


แปะ ๆ ๆ ๆ

ผมกับหงส์หันไปมองเสียงปรบมือที่มาจากฝั่งของคนงาน  ปู่หาญยืนยิ้มชอบใจ  ทำให้ลูกน้องของปู่รีบปรบมือตามเพื่อเอาใจนายตัวเองด้วย 

“ปล่อยสิ” หงส์พยายามจะดันตัวเองออก  แต่ผมยังคงกอดเอวเธอไว้แน่น
 
“ปู่คะ ดูไอ้ไฟสิ !” หงส์หันไปฟ้องเสียงหลง 

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ  เออ ! กอดแน่น ๆ ไปเลยเว้ย” ปู่หาญหัวเราะดังลั่น  ท่าทางชอบอกชอบใจยกใหญ่  ผมยิ้มกว้าง

“ปู่ ! มันแตะอั๋งหนูอยู่นะ !” เธอโวยวายหน้าแดงที่เห็นว่าปู่ไม่เข้าข้าง

“แต่งงานกันเลยดีไหมละ” ปู่ตาวาว  ทีนี้ ลูกน้องพากันส่งเสียงเชียร์ยกใหญ่ 

“ใครจะไปเอามัน” หงส์หันกระบอกปืนลงพื้น  มือซ้ายที่ว่างอยู่ผลักผมออกอย่างแรง

“ดุอย่างหมา ไม่มีผัวหรอกครับ” ผมว่ากลับ  ยอมปล่อยแขนออกจากเอวอีกฝ่ายด้วย

“ฮ่า ๆ ๆ  ไอ้ไฟมันก็พูดถูก” ปู่เห็นด้วย  ขำดังกว่าเดิมเลยทีนี้

“แต่ก็อย่างว่าละครับปู่” ผมเดินเข้าหาปู่

“มันก็ยังมีคนประเภท ชอบเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้อยู่ละนะครับ” ผมยิ้มกว้าง

“ปากหมา” หงส์ว่าด้วยสีหน้าหวาดระแวง  ลูกน้องของปู่รีบเข้ามารับปืนจากหงส์เพื่อนำกลับไปเก็บให้

“อาการเป็นยังไงบ้างล่ะ” ปู่หาญถาม  จ้องมองมาที่ตัวผมที่ไม่ได้ใส่เสื้อท่อนบน  มีเพียงผ้าปิดแผลไว้ตรงหน้าท้องเท่านั้น

“ดีขึ้นมากจนปู่คาดไม่ถึงเลยล่ะ” หงส์ตอบแทนแกมประชด  ผมอมยิ้มน้อย ๆ ไม่ปฏิเสธ  ก็ดีขึ้นมากจริง ๆ นี่นะ

“ปู่มีเรื่องจะคุยด้วย” ปู่บอกผมพร้อมปัดมือไล่ลูกน้องของตนให้พ้นพื้นที่  บ้านไม้ไผ่ทรงเล็กขนาดกะทัดรัดที่สร้างไว้สำหรับนั่งเล่นนอนเล่นจึงว่างสำหรับเราสามคน

“เรารู้จักไอ้นี่รึเปล่า” ปู่หาญถามพร้อมยื่นรูปภาพมาให้  ผมรับมาดู  ใบหน้าคุ้นเคยปรากฏอยู่บนภาพ “ไอ้กริด” ขนาดเข้ามาอยู่ในป่า  บ้านนอกบ้านนาก็ยังจะตามมาหลอกหลอน

“..........” ผมเงียบ

“มันน่ะ มาขอซื้อที่ดินของเพื่อนปู่ที่ปราจีน แต่ปู่เห็นไม่ชอบมาพากลเลยบอกเพื่อนไว้ว่าอย่าเพิ่งปล่อยขาย” ปู่ขยายความ

“มันชื่อกริดน่ะ คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด” ผมพูด 

“เหมือนมึงน่ะเหรอ ?” หงส์เข้าขัดกลางคัน  ปู่ผลิยิ้มชอบใจ

“ครับ แต่แค่เกือบนะ...” ผมแสยะปากพลางยักคิ้วให้เธอ

“เพราะกูเลือกคาบแต่ช้อนทองติดปากมาด้วยน่ะ” ผมกวนให้  หงส์เบะปากทำท่าทางหมั่นไส้ที่ไม่สามารถเถียงผมกลับได้ 

“ที่ดินของมันที่ปราจีนติดกับที่ดินของเพื่อนปู่ เป็นที่ดินเปล่า แต่ไม่ได้ติดแม่น้ำ ที่ข้าง ๆ กันของเพื่อนปู่ใกล้แม่น้ำมากกว่า มันเลยจะขอซื้อ แต่...เห็นแว่วมาว่าประวัติครอบครัวมันไม่เบา” ปู่หาญถอนหายใจ

“ห่วงว่าจะเอาไปทำเรื่องดี ๆ” แกเอ่ยแกมประชด  ผมหัวเราะขึ้นจมูกทันทีที่ได้ยิน
   
“ชาวบ้านแถวนั้นเห็นพวกมันมาที่นั่นทุก ๆ วันเสาร์ที่สองของเดือน ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมาทำอะไร เพื่อนปู่มันก็อยากขายอยู่หรอก แถวนั้นไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ทำอะไรก็ยากไปหมด แต่ก็ไม่ได้รีบน่ะนะ ตามจริงไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไร”

“อย่าขายเลยครับ” ผมพูดแทรก  ปู่หาญนิ่งลง

“อย่างที่ปู่พูดนั่นแหละ ครอบครัวมันไม่เบา” ผมบอก   

“ผม...ขอแผนที่ที่ดินของมันกับของเพื่อนปู่ได้รึเปล่าครับ”

“ได้” ปู่หาญพยักหน้าตัดบทไปที

“เฮ้อ ! นี่ฉันคงไม่ได้เอาไม้ไปแหย่รังแตนเข้าหรอกใช่ไหม” ปู่พูดพร้อมเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้

“ขนาดต่อต่อย ต่อยังตายเลย แค่รังแตน...คงทำอะไรปู่ไม่ได้หรอกครับ” ผมแซ็วเล่นไปงั้น

“หึ ๆ ๆ ๆ” หงส์ก้มหน้ากลั้นหัวเราะยกใหญ่

“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แผลน่ะ แค่อย่าเอามาเพิ่มก็พอ เห็นแก่พ่อแกที่เสียไปแล้วบ้าง” ปู่เหลือบมองมาทางผมอย่างเจ้าเล่ห์  คำพูดที่ทำให้ยิ้มกว้างออกมาได้  และไม่ขอเอ่ยแม้คำปฏิเสธ 


- - - - - - - - - - - - - - -


20:15 น.

“คุณขี่ม้าเป็นด้วยเหรอครับ”

“อยากลองขี่ดูไหมละ ?” ผมเสนอกลับด้วยใบหน้ารื่นเริง  แน่นอนว่าความหมายของผมกับของอีกฝ่ายนั้นมันคนละประเด็นกันอยู่แล้ว  สมุทรถึงกับนิ่งไป  คงเข้าใจในนัยยะจากผม  ผมกลั้นอมยิ้ม  ถูกสมุทรใช้หางตามองมา 

“ก็พอได้ นานแล้ว” ผมตัดบท  ยอมกลับเข้าประเด็นปกติ

“หัดตอนไหนเหรอครับ” 

“สมัยม.ต้นมาพักอยู่ที่บ้านหงส์ คนของปู่สอนให้อีกที ก็ไม่มีอะไรให้เล่นนี่นะ” ผมนึกถึงความหลังสมัยเก่า

“ดีจังนะครับ” อีกฝ่ายอมยิ้ม

“อยากขี่เหรอ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปน้ำตกท้ายไร่ก็ขี่ไปสิ” ผมพูด

“ไม่ครับ เดินไปดีกว่า” สมุทรตอบ

“ไหงงั้นเล่า” ผมว่า 

“ผมชอบเดิน” อีกฝ่ายอมยิ้มด้วยใบหน้ามีเลศนัย 

“ฉันชอบนอน” ผมตอบกึ่งประชด  อีกฝ่ายหัวเราะขึ้นจมูกนิด ๆ 

ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้าของผมเปียกชื้นนิดหน่อย  หลังอาหารมื้อเย็นเมื่อตอนหกโมง  พวกเราสี่คนนั่งพูดคุยกันที่โต๊ะอาหารก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน  ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ  สมุทรเองก็เช่นกัน  เย็นวันนี้อากาศเย็นกว่าทุกทีเราจึงแยกย้ายกันอาบน้ำแต่หัวค่ำ  ความหนาวเย็นของบ้านนอกในช่วงหัวค่ำจะทำให้เราขี้เกียจผิดปกติ

“มีน้ำตกท้ายไร่ด้วยเหรอครับ เมื่อกลางวันผมเห็นเด็กในไร่ตัวเปียกกันมาทุกคน” สมุทรพูดถึง

“อืม” ผมตอบในลำคอ  เขาพูดเยอะเป็นพิเศษในช่วงหลัง ๆ  ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวหรือเปล่า

“โทรหาที่บ้านบ้างรึเปล่า” ผมถาม

“ครับ โทรทุกวัน” สมุทรหันกลับมาผงกหัวตอบ  ผมเอนหลังพิงหัวเตียง  วางผ้าขนหนูไว้ที่โต๊ะข้าง ๆ  สมุทรเข้ามาหยิบผ้าขนหนูของผมไปตากให้ก่อนเดินไปหยิบหนังสือวรรณกรรมของหงส์ที่วางทิ้งไว้ในห้องนี้มาถือไว้คล้ายเตรียมทำท่าจะอ่าน   

“ขอบคุณนะครับที่ให้คนคอยไปรับไปส่งน้องผม” สมุทรพูดขึ้นโต้ง ๆ  ผมเพียงพยักหน้ารับ  แสงไฟจากโคมไฟตรงโต๊ะใกล้กับชั้นวางโทรทัศน์ตรงหน้ากับแสงไฟจากโคมไฟฝั่งหัวเตียงของสมุทรให้ความสว่างรำไร  ผมไม่ได้บอกกับเขาหรอกว่าจะให้คนคอยไปรับไปส่งดาวกับเมฆและแวะไปดูยายของเขาให้ด้วย  พี่ธานคงบอกเขาล่ะมั้ง


ฟู !!!

“เหมือนฝนทำท่าจะตกเลยนะครับ” สมุทรพึมพำ  ชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

“........” ผมไม่ได้ขานรับ  เขายืนมองอยู่ตรงหน้าต่างและนิ่งเงียบไปเสียเฉย ๆ  ผมเหลือบมองแผ่นหลังอีกฝ่ายที่คล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่  เราต่างอยู่ในความสงบ  เสียงลมด้านนอกกลบเสียงโทรทัศน์ที่เปิดหรี่ไว้ซะสนิท  ลมพัดแรงมากจนทำให้บานหน้าต่างกระพือต้านไปตามแรงที่ถูกกระทบ  ไฟหรี่ที่หน้าห้องน้ำยังเปิดให้ความสว่างเพื่อให้สะดวกในการทำธุระในตอนกลางคืน  โดยปกติ เวลาเข้านอนของผมกับสมุทรอยู่ที่สี่ทุ่มโดยประมาณ  แต่ตั้งแต่มาพักที่บ้านของหงส์  สามทุ่มครึ่งหัวก็ถึงหมอนกันแล้ว

“ผมปิดหน้าตรงนี้ กับตรงหัวเตียงนะครับ” สมุทรหันกลับมาขออนุญาต  เขาชี้มือไปยังหน้าต่างที่อยู่เยื้องกับเตียงนอนและอีกบานบนหัวเตียง  ผมพยักหน้า  เพราะกำลังจะเอ่ยปากให้เขาปิดอยู่พอดี  ถ้าเรานอนกันโดยเปิดหน้าต่างตรงหัวเตียงไว้ทั้งที่อากาศเป็นแบบนี้  พรุ่งนี้เช้าไม่ใครก็ใครได้ไข้ขึ้นแน่  สมุทรวางหนังสือลงบนเตียงก่อนจัดการปิดหน้าต่าง  เปิดทิ้งไว้เฉพาะบานตรงด้านหลังห้องเท่านั้น  กระทั่งเปิดหน้าต่างไว้แค่บานเดียว  แต่กลับไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพัดลมเลยสักตัว 

“ผมชอบบ้านใต้ถุนสูงมากเลย” สมุทรพูดขึ้น  เดินกลับมานั่งลงที่เตียง 

“อืม” ผมอือออในลำคอประมาณว่า ฟังอยู่

อีกฝ่ายหยิบหนังสือขึ้นอ่าน  เอนหลังพิงหัวเตียง  ผมเลื่อยตัวจากกึ่งนั่งกึ่งนอนเป็นเกือบนอบราบไปกับเตียง  หยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดดูว่าตัวเองได้รับข้อความจากใครบ้าง  ส่วนใหญ่มาจากไอ้โปรด  ไอ้คิน  รวมถึงพลอยก็ด้วย  ผมได้รับข้อความจากเธอแทบทุกวัน  เปิดอ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับไป  แน่นอนว่าถูกอีกฝ่ายต่อว่ากลับมาอยู่เนือง ๆ ที่ทำเป็นไม่สนใจข้อความจากเธอแบบนี้  พลอยโทรติดต่อมาบ้างแต่ผมไม่ได้รับ  เพราะส่วนใหญ่ผมมักจะปิดเครื่อง  ถ้าพี่ธานมีธุระสำคัญจะติดต่อผ่านหงส์หรือปู่หาญอีกที 

ตอนนี้เพื่อนร่วมห้องกำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือ  ผมปิดโทรศัพท์มือถือแล้วนำวางกลับเข้าที่เดิม  เสียงโทรทัศน์และเสียงของลมพัดขับกล่อมไม่ให้บรรยากาศวังเวงชวนอึดอัดเกินไปนัก  ตามจริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด  แต่ไม่ทราบว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ กันนี้กำลังรู้สึกนึกคิดอย่างไร  ผ้าห่มสองผืนที่วางทับบนตัวผมนั้นถูกจัดให้เป็นพิเศษ  สมุทรได้ไปขอผ้าห่มเพิ่มมาจากแม่บ้านของที่นี่เตรียมไว้ให้ผมตั้งแต่มาพักแรก ๆ แล้ว  ตอนนี้เราก็เลยใช้ผ้าห่มแยกกัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-08-2017 19:23:23

“ชอบอ่านหนังสือ ?” ผมเริ่มก่อกวนด้วยคำถามห้วน ๆ  เท้าแขนข้างขวาเพื่อนอนตะแคงข้างมองเขา 

“ไม่เชิงครับ” สมุทรตอบ  ผมอมยิ้มในใจที่อีกฝ่ายดันเข้าใจในคำถามจากผมเสียด้วย   

“……..” ผมรักษาความเงียบ  ท่านอนตะแคงช่วยให้มองคนข้าง ๆ ได้ถนัด  สมุทรชันขาข้างขวาขึ้นเพื่อเป็นฐานในการวางหนังสือให้อ่านได้สะดวก  เสียงของนางร้ายในโทรทัศน์ทำให้ทราบว่าเธอกำลังคิดที่จะวางแผนทำร้ายนางเอก  ทำไมบทของนางร้ายในละครไทยส่วนใหญ่ถึงเสียงสูงขนาดนั้นนะ  ขนาดที่ว่า หรี่ลำโพงให้เบามากแล้วแต่กลับได้ยินคำพูดของเธอชัดเจนทีเดียว

เวลาผ่านไปค่อนข้างนาน  อาจจะเกือบยี่สิบนาทีที่ผมยังคงนอนอยู่ในท่าเดิมและสมุทรเองก็ไม่ขยับร่างกายเลยนอกจากมือที่ใช้พลิกกระดาษเท่านั้น  ถ้าเราโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน ผมจะยังชอบเขาอยู่รึเปล่านะ ?  รู้แต่ว่าเป็นการมองที่ไม่มีเบื่อเลย  การกระทำของตัวเองในตอนนี้ทำให้นึกย้อนไปถึงอดีตสมัยมหาลัย  เพื่อนผู้หญิงที่รู้จักในคณะ  ทุกครั้งที่เราทำกิจกรรมของสาขาร่วมกัน  เธอมักจะจับจ้องผมแบบนี้  ตอนนั้นผมเองก็คงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหมือนที่สมุทรปฏิบัติอยู่ตอนนี้ล่ะมั้ง  จำไม่ค่อยแน่ชัดเท่าไหร่  รู้แต่ว่าถูกจ้องอย่างเอาเป็นเอาตายทีเดียว  เคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเธอจ้องผมด้วยความรู้สึกแบบไหน  ต่างฝ่ายต่างไม่คิดเข้าหา  ไม่แน่ว่าความรู้สึกของผมในตอนนี้อาจเหมือนเธอในตอนนั้นก็ได้
 
“พูดตามตรง...” ปากของสมุทรเริ่มขยับเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งชั่วโมง  ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือตรงหน้า  นิ้วกลางและนิ้วชี้ที่มือขวาคั่นกลางระหว่างหน้าที่ยังอ่านไม่จบเอาไว้

“คุณทำแบบนี้ ผมอ่านไม่รู้เรื่องครับ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นตั้งตรงและนิ่งไป 

“ใจนายอยู่ที่ฉันงั้นเหรอ ?” ผมย้อนถาม  คำถามที่ทำให้สมุทรถึงกับหันหน้ากลับมา  ไม่รู้ว่าผมปิดรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของตัวเองได้มิดหรือไม่  ก็พยายามปกปิดอยู่น่ะนะ

“มันมีปัญหาตรงไหนไม่ทราบ ฉันยังไม่ได้ก่อกวนนายเลยสักนิด” ผมช้อนตาขึ้นมอง

“........” สมุทรไม่ตอบ  เขาจับจ้องผมแน่นิ่ง  แววตาเรียบ ๆ คล้ายพยายามที่จะบอกปรามกันอย่างนุ่มนวล  เขาพยายามสยบผมด้วยความอ่อนโยนที่มี  ซึ่งมันทำให้ผมอมยิ้มได้นิดหน่อย

“ฉันไม่เคยจ้องใครเกินสามนาทีหรอกนะบอกไว้ก่อน”

“จะให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติงั้นเหรอครับ” อีกฝ่ายปั้นยิ้มอย่างไม่แยแส  หันหน้ากลับไปอ่านหนังสืออีกครั้ง

“หนังสือเรื่องนี้ ตัวเอกเป็นคนไม่น่าเข้าใกล้เลยครับ” สมุทรเล่าให้ฟัง  ผมหัวเราะในลำคอเพราะรู้ว่าถูกอีกฝ่ายพูดประชดใส่อยู่

“นาย...” ผมเอ่ยก่อนทิ้งเสียงลง  ความเงียบทำให้สมุทรเองก็นิ่งเฉยไปเช่นกัน

“ออกไปกับฉันเพราะเกรงใจพี่ธานงั้นเหรอ ?” ผมถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  จู่ ๆ ก็นึกถึงสิ่งพี่ธานบอกไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาว่าให้ผมถามออกไปให้ชัดเจน  โทนเสียงนุ่มเบาในครั้งนี้เพื่อเป็นการบอกอีกฝ่ายว่านี่ไม่ใช่การเปิดศึก  เป็นเพียงคำถามที่ต้องการให้หายคาใจเท่านั้น

“........” สมุทรไม่ตอบโดยทันที  เขาไม่ได้หันมามองทางผมอีกด้วย  หนังสือเป็นสิ่งเดียวที่เขามองอยู่ในตอนนี้

“ผมไม่เข้าใจคุณเลย” สมุทรพูดคล้ายบ่นกับตัวเอง   

“อึดอัดไหมละครับที่คุณไม่เข้าใจผมน่ะ ?” สมุทรหันกลับมาจ้องมองผมเขม็ง  เราต่างเงียบลงหนึ่งอึดใจ 

“นายจะบอกฉันว่าเราเหมือนกันงั้นสิ” ผมสวนถาม

“ก็ถ้าคุณรู้จักผมในระดับหนึ่ง คุณจะรู้ว่าผมจะไม่ออกไปกับใคร เพราะไอ้เหตุผลงี่เง่าที่คุณบอกว่าไปเดตหรอกนะครับ คุณไม่คิดว่าผมจะคิดเองได้เหรอ ว่าควรออกไป...หรือไม่ควรออกไป” สมุทรพูด  ก่อนเบือนหน้ากลับไปอีกครั้งคล้ายกับกำลังตั้งสติ  โทนเสียงที่เราทั้งคู่ใช้เป็นโทนเสียงเรียบสงบกว่าปกติ  จนผมเองก็อดตกใจไม่ได้  ผมมักจะใช้โทนเสียงแบบนี้เวลาอยู่ส่วนตัวกับแม่  ปู่  บางครั้งกับพี่ธาน  ความเป็นตัวเราที่ไม่ต้องปกปิดหรือพยายามอะไร     
 

หนังสือถูกปิดลงแล้ว  แต่สมุทรยังคงถือมันไว้ในมือ   

“........” ผมเหมองไปทางอื่น  กำลังตั้งสติไม่ต่างจากอีกฝ่าย  คำพูดคล้ายประชดประชันแต่กลับทำให้ผมดีใจแปลกพิกล

“การที่ผมเชื่อในสิ่งที่คุณพูดนอกจากเรื่องงาน ผมว่ามันก็มากเกินไปกับการที่ใครสักคนต้องมาเชื่อคนที่เพิ่งรู้จัก แล้วลักษณะภายนอกเป็นคนแบบคุณนะครับ” สมุทรขยายความ  ผมอมยิ้มมุมปาก  ดูท่าฝนคงจะลงเม็ดห่าใหญ่อีกไม่นานนี้แน่  ลมพัดเข้ามาในห้องระลอกใหญ่จนเส้นผมของเราทั้งคู่สะบัดไปตามแรงลม  นึกอยู่ไม่ทันไร  ฝนก็ตกลงมาโดยทันที

“ต่อว่าฉันอยู่เหรอ” ผมพูด

“งั้นมั้งครับ” อีกฝ่ายย้อน

“ก็ถ้าคิดงั้นมันก็ดูหลงตัวเองนี่ นายก็ชอบว่าฉันอยู่” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงเพื่อปรับเปลี่ยนสถานการณ์ให้ดีขึ้น

“คุณก็ดูหลงตัวเองมากเป็นปกติอยู่แล้วนี่ครับ” สมุทรย้อนเข้าให้ 

“หึ” ผมหัวเราะ

“อีกคำถาม” ผมเอ่ย  ตั้งใจที่จะเหวี่ยงหัวข้อไปอีกประเด็นหนึ่งที่ค้างคาใจมานาน 

“กับยัยพลอยนั่นน่ะ...”

“ผมจะไม่ขอพูดเรื่องของคุณพลอย จนกว่าคุณพลอยจะอนุญาตครับ” สมุทรพูดแทรก  ไอ้รูปประโยคที่ฟังดูทะแม่ง ๆ นี้สร้างความกวนใจให้ผมได้ในทันที  ผมดีดตัวลุกขึ้น  ขยับตัวเข้าไปหา  แม้จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดแต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งไม่ไหวติง  ผมกางแขนออกคร่อมตัวสมุทรไว้  มือทั้งสองข้างตั้งฐานลงบนเตียง  คนที่กำลังจ้องมองหนังสืออยู่ช้อนใบหน้าขึ้นมองมาอย่างเนิบช้า  เราต่างเงียบมองกันและกันด้วยแววตาลองเชิงอยู่ครู่หนึ่ง 

“คุณนี่ก็มีเรื่องที่ไม่ฉลาดเหมือนกันนะครับ” สมุทรเย้ย  ใบหน้าอีกฝ่ายสะท้อนความกรุ้มกริ่มอยู่นิดหน่อย 

“แล้วไอ้ประโยคเมื่อกี้นี้มันอะไรไม่ทราบ” ผมย้อนถามอย่างใจเย็น

“ก็ตามที่พูดเลยครับ” สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงคงเดิม  สีหน้าของเขาปนเปไปด้วยความยียวนจนรู้สึกได้  เขาคงรู้แน่ว่าผมกำลังไม่ชอบใจถึงได้กล้าทำแบบนี้

“พูดมาเดี๋ยวนี้” ผมพูดเชิงออกคำสั่ง

“ช่วยลดระดับเสียงด้วยได้ไหมครับ” อีกฝ่ายจ้องกลับ

“นายนี่มัน.. กวนตีนจริง ๆ  ไม่ใช่คนดีหรอกทำหน้าแบบนี้ได้” ผมขมวดคิ้วว่าออกไป  เห็นแล้วรำคาญลูกตา

“หึ ๆ ๆ” สมุทรหลุดหัวเราะ

“ตกลงจะบอกไหม”

“ไม่ครับ” สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  ดวงตาแน่วแน่ว่าพูดคำไหนเป็นคำนั้น  ผมจิปาก  เบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อตัดใจที่จะไม่ซักถามต่อ

“ก็ได้ แค่อย่าคิดเอายัยนั่นลับหลังฉันก็พอ” ผมสรุป

“ผมไม่ทำเรื่องที่คุณชอบทำหรอก” สมุทรยิ้มมุมปากประชดกลับ

“หึ ก็ดี” ผมอมยิ้มตอบกลับให้เช่นกัน  เมื่อจังหวะการเข้าหาเป็นใจจึงแทรกตัวเข้าประชิดคนตรงหน้าให้มากขึ้น



โป๊ก !

จู่ ๆ สันหนังสือก็ถูกเคาะลงมากลางหน้าผากผมเต็มที่

“ทำไมนายถึงได้ชอบยุ่งกับหน้าผากของฉันนัก” ผมต่อว่า  แม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็ไม่มีทีท่าตกใจหรือหวาดระแวงใด ๆ แสดงออกมาให้เห็น

“งั้นคุณก็ช่วยเลิกคร่อมตัวคนอื่นแล้วกลับไปนอนได้แล้วครับ นี่มันพฤติกรรมของคนเจ็บรึไง” สมุทรตักเตือนเสียงแข็ง

“หึ พูดยาวจังนะ” ผมแซ็ว  เผยยิ้มที่มุมปากมากขึ้นอย่างหยุดไม่ได้  ดูเหมือนสมุทรเลือกที่จะไม่ต่อความยาวกับผมอีก  เขาเป็นฝ่ายยอมเงียบลงก่อน  อีกทั้งสายตาก็สู้กลับอย่างไม่ลดละอีกด้วย  ผมอมยิ้มมอง  เพราะดันเป็นปฏิกิริยาแบบที่ทำให้พึงพอใจ

“เข้านอนได้แล้วครับ” สมุทรพูดขึ้นเรียบ ๆ 

“แค่จูบก็พอ...” ผมเอ่ย  แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่คำขออนุญาต  กระทั่งเป็นคำโกหก  กฏหนึ่งข้อสำหรับการที่จะต้องวางหมากกับคนที่คุณอ่านใจไม่ออกเช่นนี้  คือห้ามขออนุญาต  คนแบบสมุทรไม่ใช่คนที่ควรขออนุญาตด้วยได้  แน่นอนว่าเขาจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน  ดังนั้น.. อย่าเสือกขอ    

“ไม่” อีกฝ่ายย้อนด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่  ไร้หางเสียงประกอบประโยคเช่นทุกที

“........” ผมไม่ตอบ  ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  ความเงียบสงบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง  ลึก ๆ แล้วความตื่นเต้นในร่างกายกลับตรงกันข้ามกับบรรยากาศโดยรอบ  คล้ายกับกองฟางที่พากันมากองทับถมทีละเล็กทีละน้อยจนกลายเป็นภูเขาที่ใกล้จะระเบิด  สมุทรจ้องมองผมอย่างเอาเป็นเอาตาย  นัยยะแฝงในดวงตานั้นคล้ายกับว่ากำลังบอกให้ผมหยุดการกระทำในอนาคต  ไม่แน่ว่าผมอาจจะโดนดีหากยังดื้อดึงต่อไป  ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน  ความต้องการจู่โจมแต่กลับไม่รู้ว่าควรเริ่มที่ตรงไหนก่อนดี
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 44 [ 16:26 น. - ศ. 14 ก.ค 60 หน้า 59 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-08-2017 19:24:04

ผมขยับตัวเข้าหาสมุทรอย่างเนิบช้า  รอดูปฏิกิริยาตอบสนองอย่างใจเย็น  ไม่โจ่งแจ้ง  ก่อนวางฝ่ามือข้างขวาปิดดวงตาของเขาไว้  สมุทรยังคงนั่งนิ่ง  ผมกวาดตามองใบหน้าของเขาที่ถูกปิดไว้จนเหลือให้เห็นเพียงจมูกและริมฝีปากเท่านั้น  ความใกล้ของร่างกายเราทั้งคู่เริ่มประชิดมากขึ้น  ทันทีนั้นชื่อของผมก็ถูกเรียกขึ้นในลำคอ... “...คุณไฟ”

“ว่าไง ?” ผมขานรับในลำคอเช่นกัน 


ซ่า !!!

ฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว  ต้นไม้ใหญ่ที่ด้านนอกเคลื่อนไหวไปตามแรงลมเสียงดังมากทีเดียว  อย่างน้อยก็ช่วยทำลายความเงียบระหว่างเราไปได้บ้าง  ปลายจมูกของผมแตะถูกปลายจมูกของสมุทรพลางเขี่ยอย่างแผ่วเบา  ไม่ใช่การถูกเนื้อต้องตัวอย่างทันทีโดยตรง  หยั่งเชิง เพื่อไล่ให้คืบคลานไปด้วยกัน...

ฝ่ามือของผมขยับเลื่อนออกจากดวงตาของสมุทรช้า ๆ  ก่อนประคองไว้ระหว่างหัวใกล้กับใบหู  สมุทรที่เหมองต่ำอยู่  ช้อนตาขึ้นมองมาที่ผมไม่กะพริบ  เมื่อผมขยับเข้าใกล้มากขึ้น  อีกฝ่ายเลือกที่จะเบือนหน้าหนีเพื่อหลบเลี่ยงการเอ่ยปากปฏิเสธซ้ำอีก  ผมหยุดนิ่ง  เว้นระยะการเข้าหาไว้ครู่  ลมแรงซัดกระหน่ำเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง  ทันทีนี้ผมจึงเข้าประชิดจนปลายจมูกเกลี่ยไปตามข้างแก้มของเขา  ในหัวไม่มีแม้แต่คำเตือนว่า “ควรหยุด”

ขณะที่คิดว่าถ้าครั้งหน้าจะไม่มีโอกาสอีก  นิ้วก็กดปิดสวิตซ์โคมไฟที่หัวเตียงฝั่งของสมุทรไปเสียแล้ว 


แป้ก !

อีกฝ่ายเหล่มองมาในทันที  และแล้ว.. ความยียวนต่อกันและกันเพื่อหยั่งเชิงก็เริ่มจางหายไปจากสายตาของเราทั้งคู่ในคราวนี้  จู่ ๆ สมุทรก็นำหนังสือที่ตนยังคงถืออยู่นำขึ้นมาปิดระหว่างดวงตาของผมไว้  ผมนิ่งเฉย  ได้เพียงแต่หลุดหัวเราะเล็กน้อยเท่านั้น

“เอาปิดไว้ทั้งหน้านั่นแหละครับ” อีกฝ่ายพูดคล้ายต่อว่า  พลิกหนังสือให้เป็นแนวตั้งเพื่อขนานไปกับใบหน้าของผม

“ทำไม ?” ผมตั้งคำถามและยังไม่คิดที่จะปัดหนังสือออก   

“...อย่าทำแบบนี้เลยครับ” สมุทรบอก  น้ำเสียงเรียบ ๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดเป็นพิเศษ  อีกทั้งไม่ใช่การตักเตือนหรือขู่อย่างเช่นก่อนหน้า  ผมชั่งใจคิดถึงมุมของอีกฝ่ายบ้างแต่กลับไม่สามารถทำตามคำขอได้จึงจับข้อมือของเขาที่ถือหนังสือออกห่าง  เราได้สบตากันอีกครั้ง

“ถ้ารังเกียจก็ผลักฉันออกได้เลย” ผมพูดแทบกระซิบ  แม้จะกังวลปฏิกิริยาตอบรับแต่เพราะไม่มีหนทางอื่นแล้ว  การหยิบความเห็นแก่ตัวในรูปแบบนี้มาใช้เป็นครั้งแรกในชีวิต  เสียงกระซิบแผ่วเบาทั้งพะวงและมีนัยยะขอร้องแฝงอยู่  กระทั่งอย่างนั้นก็ยังอดกังวลความนึกคิดของคนตรงหน้าไม่ได้  ถ้าเขาไม่ยอม  ผมจะหยุดรึเปล่านะ  จะถึงขั้นต่อสู้จนมองหน้ากันไม่ติดรึเปล่า  ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน 

ไม่ว่าคู่นอนคนไหนที่ผ่านมา  ถ้าไม่ใช่ความ(ต้องการ)ทรมานที่ถูกร้องขอเพื่อให้ร่วมเล่นบทพิสดารบนเตียง  หรือออกปากปฏิเสธเพื่อแสร้งทำให้ตัวเองดูมีค่าขึ้น  หากถูกปฏิเสธแม้เล็กน้อยจะหยุดทันที  ไม่มีเหตุผลเพื่อไปต่อ  ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองควรมีเหตุผลอื่นนอกจากความกระหายส่วนตัวเพื่อสานต่อเรื่องบนเตียงกับคน ๆ นั้น  ถือตัวตนของตัวเอง  เคารพความคิดของอีกฝ่าย  จึงไม่เคยคิดหยิบยกประโยคเด็ดที่ลึก ๆ แล้วมีความหมายของคนเห็นแก่ตัวฝังอยู่นี้ขึ้นมาใช้เพื่อบังคับให้ใครหลับนอนด้วยเพียงเพราะต้องการสบายตัวชั่วคราว


เมื่อไม่ถูกเจ้าของร่างกายเอ่ยปากห้ามอีก  หรือเขาอาจจะกำลังปฏิเสธผมอยู่ก็ได้  เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมมองหน้าผม  สมุทรเบือนหน้าหนีเหมือนทีแรกที่ทำ  ผมแตะปากลงที่แก้มเขาเบา ๆ อีกครั้ง  ทั้งปลายจมูกและริมฝีปากเกลี่ยหอมและสูดดมอยู่เช่นนั้นคล้ายหยอกเอิน  วนเวียนอยู่ที่เดิมซ้ำไปมาจนสมุทรยอมหันหน้ากลับมาทางผมอีกครั้งหนึ่ง  ผมจึงหยุด  สบตาเขาตรง ๆ  มือขวาที่กุมหัวของเขาอยู่เลื่อนต่ำลงมาที่ข้างแก้มและลำคอ  ครั้งนี้อีกฝ่ายหลบสายตามองต่ำ  เขาคงกำลังคิดอะไร  มือข้างที่เขาถือหนังสือเปลี่ยนมาจับข้อมือผมข้างที่จับใบหน้าของเขาอยู่  เสียงกระซิบพูดขอแผ่วเบาซ้ำอีกครั้งว่า “อย่าเลยครับ”

ไม่คิดยอมทำตามคำร้องขอนั้น  ผมเพียงหลบตา  ซบหน้าผากลงที่หน้าผากของอีกฝ่าย  ครู่หนึ่ง เมื่อแอบหรี่ตามอง  ฝ่ายตรงข้ามก็กำลังหลับตาอยู่เช่นกัน  การเคลื่อนไหวของเราทั้งคู่ต่างชะงักงัน  เราสบตามองกันอีกครั้งอยู่ในท่าเดิมพักใหญ่  นิ้วโป้งข้างขวาขยับเกลี่ยอยู่ที่ข้างแก้มของสมุทรไปพลาง  เรากำลังอ่านกันอยู่รึเปล่า  ถ้าเป็นอย่างนั้น  ทำไมสมองผมมันถึงได้ว่างเปล่าแบบนี้  สมุทรใจเย็นเป็นน้ำเลย 

ผมเอียงใบหน้าเล็กน้อย  ริมฝีปากเผยออกโดยอัตโนมัติก่อนแตะลงที่ปากของคนตรงหน้า  มันเบาบางขนาดที่ผมเองยังตกใจ  อย่างนั้น ดวงตาของเราทั้งคู่กลับไม่ละไปไหน  ผมขยับใบหน้าออกเพื่อเว้นช่วง  ขณะเดียวกันที่สมุทรเป็นฝ่ายหลบสายตาลง  ผมจึงช้อนจูบเข้าไปอีกครั้ง  และผ่อนแรงลงในตอนท้าย  ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาลองเครื่องยนต์ก่อนลงแข่งรถเลย  ไหงถึงนึกถึงเวลานั้นเสียได้..

.
การไม่ถูกผลักออกอย่างรังเกียจโดยทันทีเป็นปฏิกิริยาที่โชคดี  อุณหภูมิในร่างกายเร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว  น้ำหนักของริมฝีปากหนักแน่นมากขึ้นแต่ก็ไม่ลืมความนุ่มนวลที่ควร  บรรยากาศในตอนนี้เป็นใจเสียจริง  กลับกันก็รู้ดีอยู่ว่าไม่ควรเกินเลยมากนัก  เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือผมไม่ต้องการยัดเยียดความผิดแปลกนี้ให้กับความสัมพันธ์ที่ผมยังเป็นฝ่ายต้องการอยู่ฝ่ายเดียว

ครู่หนึ่ง.. เสียงจูบที่แว่วสวนเข้ามาในโสตประสาทไม่ใช่การเริ่มจากฝ่ายเดียว  ฝ่ามือของสมุทรข้างหนึ่งประคองมาที่ต้นคอผม  ผมหยุดทันทีที่ถูกแตะเนื้อตัวตอบในจุดสำคัญ  จับจ้องเขาไม่กะพริบ  อีกฝ่ายเองก็ทำอย่างเดียวกัน  กำลังถูกมองอย่างสำรวจตรวจสอบจนขณะหนึ่งสามารถทำให้คิดเข้าข้างตัวเองได้ไม่มากก็น้อย  ม่านตาของเรากะพริบไม่บ่อยนัก  ผมขยับใบหน้าเข้าหาฝ่ามือของสมุทรที่จับอยู่ระหว่างลำคอและใบหน้าของผม  สูดหอมและหลับตาลง  ริมฝีปากที่แตะลงตรงกลางฝ่ามือของสมุทรพอดีทำให้มือของเขากระตุกเล็กน้อย  ผมเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนยิ้มให้อย่างอดไม่ได้  ทันทีนั้นต้นคอก็ถูกดึงเข้าหาอย่างรวดเร็ว.. ลิ้นของผมสอดเข้าแทรกทันทีที่สมุทรเผยอปากออกเพียงเล็กน้อย  คล้ายกลัวว่าตนเองจะเสียโอกาสนี้ไป  รสจูบของเราเหมือนกับการจิบวิสกี้ไม่มีผิด  ละเลียดเล็กน้อยในทีแรกเพื่อเรียนรู้รสชาติก่อนยกดื่มจนหมดในทีเดียว  ปากบดจูบเนินนานจนเสียงหายใจเริ่มปะทะหนักขึ้นเนือง ๆ 

ที่ผ่านมาเคยจูบใครแบบนี้บ้างไหมนะ ?  รสจูบที่มีความต้องการอย่างเต็มเปี่ยมแต่ก็เป็นห่วง  ทั้งที่เคยถูกคนอื่นมองด้วยสายตาที่มีความหมายคล้ายกับสมุทร  บ้างเคยถูกมอบความรักมาให้อย่างตรงไปตรงมา  ทั้งที่เคยกังวลในความคิดของฝ่ายที่หลับนอนด้วย  ทั้งที่เคยกังวลความผิดของตัวเองที่ถูกร้องขอให้หลับนอนด้วยสักครั้ง  ทั้งที่รู้ว่าจะผิดไปหากมอบจูบเช่นนี้ไปให้  แต่ไม่ใช่กับคนตรงหน้าในตอนนี้  ไม่มีความสังเลหรือกังวลแบบนั้น  ตรงกันข้าม  ทั้งที่ถูกมองในลักษณะคล้ายกันแต่ผมกลับไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกนึกคิดแบบเดียวกันกับผม  คนที่เคยบอกรักผมคงเหมือนผมในตอนนี้สินะ  น่าขำซะจริง 

แต่ไม่หยุดหรอก ! จะหยุดให้ก็ต่อเมื่อ  ถ้าหากท่อนล่างของอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง  ผมถึงจะหยุด  เพราะนั่นมันคือหายนะทางจิตใจอย่างหนึ่ง  หากเป็นคนอื่นคงไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อผมและผมคงไม่มีความคิดแบบนี้ด้วย  แม้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เคยผ่านมือมามักจะมีการตอบสนองอย่างรุนแรงแต่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ตอบสนองในทันใดเลยก็มี  แต่นั่นก็ไม่เคยสร้างปัญหาต่อความมั่นใจเพราะเหตุผลในสถานการณ์นั้น ๆ มันประกอบไปด้วยปัจจัยหลากหลาย

“เดี๋ยวครับ” สมุทรเริ่มออกปากทักท้วงเมื่อผมรุกหนักมากขื้น  เขาคงได้สติบ้างแล้ว  ผมหยุด  ก้มลงมองรูปร่างที่กำลังคร่อมอยู่  ถึงแม้อยากที่จะลูบคลำเนื้อตัวอย่างถึงที่สุดแต่ก็ไม่แตะต้อง  ได้เพียงหักห้ามใจเอาไว้  ผมลังเลในตัวเขาและคิดว่าเขาเองก็คงมีความลังเลในตัวผมอยู่เช่นกัน  ความสัมพันธ์ที่ไม่แยบคายนี้ทำให้เราทั้งคู่ต่างจำเป็นต้องขีดเขตแดน 

ผมก้มหน้าเข้าหาสมุทรอีกครั้ง  เขาหันหน้าหนีทันที  ทำให้ผมที่ตั้งใจจะเข้าจูบเปลี่ยนเป็นหอมแก้มเขาแทน  อีกฝ่ายออกปากบ่นเบา ๆ ในลำคอว่า “ผมพูดอะไรคุณเคยฟังบ้างไหม”  น้ำเสียงพึมพำคล้ายกับไม่ต้องการคำตอบ  แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กระซิบตอบเขากลับไป “ขอโทษ”  สมุทรยอมหันกลับมามอง  ดวงตานิ่งเฉยไม่ได้เป็นไปในเชิงหงุดหงิด  ผมก้มลงจูบเขาอีกครั้ง  ครั้งนี้อีกฝ่ายยอมเผยปากออกมากขึ้น  ลิ้นของผมที่สอดเข้าไปถูกเกลี่ยตอบกลับมายิ่งทำให้ร่างกายขยับทุกส่วนไปพร้อมกันโดยธรรมชาติ  ฝนลงเม็ดหนักจนแทบไม่ได้ยินสติด้านดีพูดเตือน  ผมผละปากออก  ซุกไซ้ไปทั่วลำคอและใบหู  สมุทรพยายามขยับตัวเองให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างเดิม  เดาเอาว่าเขาคงต้องการปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกรุกหนักไปกว่านี้ 

.
ขณะที่กำลังจูบจนอีกฝ่ายเผลอ  มือควานหาลงไปยังเป้าหมายที่จุดสำคัญของร่างกายโดยไม่คิดแม้แต่จะลูบไปที่ร่างกายท่อนบนเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ทาง  ทันทีที่มือของผมแตะโดนของของสมุทร  ดวงตาของเขาก็เบิกโต  ใจผมเต้นแรงโครมคราม  จับจ้องสมุทรไม่วางตา  มือสัมผัสได้ถึงท่อนลำอุ่น ๆ ที่กำลังมีปฏิกิริยาอยู่เหมือนกัน  สมุทรผละมือข้างหนึ่งออกจากลำคอของผมก่อนคว้าเข้าไปจับข้อมือของผมแล้วล็อกไว้ในทันที  เขาพยายามที่จะดึงมือผมออกจากตรงนั้น  แต่ผมยังดึงดัน  ยิ่งเราสู้แรงกันมากเท่าไหร่  ฝ่ามือของผมก็ยิ่งแนบไปกับเนื้อกางเกงของเจ้าตัวมากขึ้น  สมุทรขมวดคิ้วเป็นปม  ตัวเกร็ง  สันกรามที่ปูดนูนทำให้เห็นว่าเขากำลังบดกัดฟันเอาไว้แน่น  ผมกำของของสมุทรหนักมากขึ้นพร้อมขยับมือไปด้วยจนอีกฝ่ายเล็ดลอดเสียงครางออกมาตามไรฟัน “อะ !”  ร่างกายผมร้อนวูบตั้งแต่หัวจรดเท้า  สิ่งที่ได้ยินมันกะทันหันเกินไป  สมุทรเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ  ครั้งนี้เขาออกแรงกระชากแขนผมออกอย่างไม่สนความเกรงใจ  ผมเกือบเสียหลักจึงรีบเท้ามือข้างที่ผละออกมาไว้บนเตียงในท่าเดิมก่อนจู่โจมเข้าจูบอีกครั้งไม่ให้เสียจังหวะ  ลำตัวทิ้งลงแนบขนานไปกับลำตัวของสมุทรโดยทันที  ลิ้นลากพรมซุกไซ้จากใบหูมาถึงปลายคาง  สมุทรหอบหายใจแรง  หลับตาพริ้ม  ใบหน้าหันข้างออกนิดหน่อย  ผมเองก็เหมือนคนเสียสติ  เห็นอย่างนั้นยิ่งได้ใจหนักกว่าเดิม

ท่อนล่างของเราทั้งคู่มีปฏิกิริยาขนาดที่ว่าไม่ต้องมีการสัมผัสด้วยมือของกันและกันก็ยังรับรู้ได้  เพียงกางเกงนอนขาสั้นบาง ๆ กั้นระหว่าง  จากที่จับดูเมื่อครู่นี้  ดูเหมือนอีกฝ่ายจะใส่กางเกงในด้วย  ส่วนผมใส่แค่กางเกงขาสั้น  ไม่แก้ผ้านอนให้ก็ดีนักหนาแล้ว  สมุทรเคยขอเอาไว้ 

ผมจับปลายคางสมุทรเพื่อให้เขาหันมามองกันตรง ๆ  อีกฝ่ายเหลือบมา  ความหมายของแววตานี้นั้นคมกริบ  แต่ไม่ใช่ความหมายที่ว่างเปล่าอย่างที่คิดระแวง  ขณะหนึ่งที่เรากวาดตามองดวงตาของกันและกัน  ผมถึงได้แน่ใจว่าผมติดกับดักของคน ๆ นี้เข้าให้แล้วจริง ๆ  ริมฝีปากของเราทั้งคู่เผยอออกพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายก่อนประกบจูบอีกครั้งอย่างหนักหน่วง  ผมทิ้งน้ำหนักตัวไว้ที่ท่อนล่างจนรู้สึกว่าร่างกายที่เคยได้รับบาดเจ็บเริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้าน  มันไม่รักดี  ดันจะมาประท้วงกันในเวลาแบบนี้  ผมจับขาข้างขวาของสมุทรแบะออกเล็กน้อยเพื่อให้ส่วนที่สำคัญที่สุดของเราทั้งคู่เสียดดีกันได้ตรง ๆ มากขึ้น  มันแทบจะระเบิดแล้ว  เสียงหอบรุนแรงกว่าเดิม  รอบบริเวณแผลที่เคยทำท่าว่าจะหายดีแล้วเริ่มร้อนขึ้นเหมือนต้องการส่งสัญญาณบอกกับผมว่า กูยังไม่หายดี !  เมื่อเห็นท่าไม่ดีผมจึงลดระดับการวางแขนลง  การทำแบบนี้ยิ่งทำให้ตัวผมกับสมุทรแนบสนิทมากกว่าเดิม 

.
ไม่มีคำพูดระหว่างเราหลุดออกมาเลยสักคำ  มีเพียงสายตาที่ทำหน้าที่พูดแทนได้  เสื้อยืดสีขาวบาง ๆ ของสมุทรย่นไม่ได้รูปเสียแล้ว  กล้ามเนื้อใต้ผ้านี้จะเป็นอย่างไร  ผมได้แต่นึกสงสัยในใจ  ทำได้แค่พรมจูบและสูดดมไปทั่วบริเวณไหล่ภายนอกเนื้อผ้า  มือไม้ลูบร่างกายไปทั่วโดยไม่ได้เจาะจงที่ใดในส่วนที่หลงใหลเป็นพิเศษ  เกรงว่าเจ้าของร่างกายจะตกใจ  ครู่หนึ่ง เหมือนจิตใต้สำนึกมันต้องการ  นิ้วเกี่ยวชายเสื้อขึ้นเล็กน้อยจนเห็นกล้ามหน้าท้องส่วนล่างของอีกฝ่าย  สมุทรรีบจับใบหน้าของผมช้อนขึ้นให้ไปมองเขาอย่างกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่  อีกทั้งยังส่งสายตาดุปรามมาให้  ผมจึงหยุดมือก่อนเข้าไปจูบอีกครั้ง  ในเมื่อไม่ให้รุกล้ำที่ตรงนั้นก็จะทำอย่างอื่นแทน  เอวเริ่มขยับโดยธรรมชาติ  ของแข็งเสียดสีกันผ่านเนื้อผ้าจนร้อน  เราต่างกดน้ำเสียงไว้ในลำคออย่างอดกลั้นอารมณ์ที่แท้จริง  ปฏิกิริยาตอบสนองทำให้การจูบเกิดเสียงแหบพร่า  ฝนตกหนักมากจริง ๆ  แต่น้ำเสียงที่ได้ยินชัดเจนกลับเป็นเสียงของคนตรงหน้านี้เท่านั้น

อุณหภูมิอุ่น ๆ จากอีกฝ่ายทำให้รู้สึกดีในอากาศเช่นนี้  ผมหยุดขยับ  ค้างตัวไว้ครู่หนึ่ง  เราต่างสบตากันนิ่ง ๆ  ไม่อยากให้จบเลย  แต่อวัยวะแข็งอุ่นใต้กางเกงของผมกำลังเต้นเร่า ๆ เรียกร้องความสนใจ  ลิ้นเกลี่ยไปตามไรฟันอย่างเคยชิน  เมื่อเล็งท่อนล่างได้ในระดับที่อยู่เสมอกับสมุทรแล้ว  ผมจึงเชิดปลายจมูกขึ้นเกลี่ยปลายคางของเขาอีกครั้งอย่างหยอกเอิน  และไม่ลืมที่จะขยับสะโพกไปพร้อมกัน  ความแนบแน่นที่กระทบถูกของของอีกฝ่ายมันพอดิบพอดีจนทำเอาสมองพร่าเบลอ  เสียงครางพร้อมใจกันหลุดออกมา

ฟันกรามที่ถูกผมกัดเอาไว้เกร็งไปหมด  ผมออกแรงขยับเอวอย่างไม่เว้นช่วงจนลืมความเจ็บปวดของแผลที่ยังไม่หายสนิท  สมุทรเองก็กัดฟันไว้แน่นเช่นกัน  จังหวะการหายใจและอารมณ์ของคนตรงหน้า  ไม่ใช่ผมที่หน้ามืดตามัวตั้งหน้าตาตาอยากมันอยู่ฝ่ายเดียว  ผมเท้าแขนขึ้นทั้งสองข้างอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ว่าเราใกล้จะไปเต็มแก่แล้ว  หน้าที่รับน้ำหนักอยู่ที่ลำตัวท่อนบนและกล้ามเนื้อแขน  สมุทรมองต่ำลงไปที่ท่อนล่างของเราทั้งคู่ก่อนไล่ระดับสายตาจ้องมาที่แผลของผมที่มีผ้าปิดแผลปิดไว้  ผมไม่ได้ใส่เสื้ออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว  เห็นความกังวลในแววตาอีกฝ่าย  ผมจึงรีบจับใบหน้าเขาช้อนขึ้นเพื่อให้เขาเลิกมองอยู่ที่ตรงนั้นพร้อมก้มลงจูบโดยทันที  ลิ้นแตะเข้าหากันจนเปียกชุ่ม  กางเกงเองก็คงเป็นเหมือนกัน 

“อ้า !” ผมร้อง  ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บแปล๊บที่แผลที่ได้รับอย่างกะทันหันแต่ก็รู้สึกดีในคราวเดียวกัน

“คุณไฟ พอ...” สมุทรออกปากปราม  ผมจับข้อมือข้างหนึ่งของเขาล็อกไว้เพราะอีกฝ่ายทำท่าจะขืน  เอวขยับทำหน้าที่ไม่หยุด  ครั้งนี้สมุทรยอมโอนอ่อนตามน้ำ  เราทั้งคู่หอบกันไม่ได้สติ  ปากสลับจูบเป็นครั้งคราว

“สมุทร.. เรียกอีกสิ” ผมกระซิบขอที่ข้างหู  อีกฝ่ายพ่นลมออกทางปาก  เขาไม่ได้เรียกชื่อผมอีก  มือข้างหนึ่งของเขาประกบอยู่ที่เอวของผม  เสียงของกางเกงเสียดสีกันไปมาดังถนัดหูขึ้นเรื่อย ๆ  เราจูบกันอีกครั้งก่อนผละริมฝีปากออก  พยายามตั้งใจฟังอารมณ์ของเราทั้งคู่  แต่หูมันอื้อไปหมดจนแทบไม่ได้ยินอะไรแล้ว  ครู่หนึ่งเสียงหอบครางก็หายไปเพราะต่างพากลั้นกันแม้กระทั่งการหอบที่ควรออกมาโดยธรรมชาติ  สะโพกของผมขยับเร็วมากกว่าเดิมก่อนกระตุกครั้งสุดท้ายพร้อมกับปล่อยน้ำอุ่น ๆ ออกมา  สมุทรเองก็เช่นกัน  ตัวของเราทั้งคู่เกร็งค้างหยุดอยู่กับที่อย่างกับมีใครมากดหยุดเอาไว้  ต่างครางในลำคอแล้วพ่นลมหายใจออกมาให้เป็นปกติ “อา !!!”  ขณะที่อีกฝ่ายกำลังเผลอหลับตา  ผมคว้ามือลงไปที่ของของเขาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาปล่อยออกมาเรียบร้อย  ทันทีที่มือแตะสัมผัสกางเกงที่แฉะเจ้าตัวก็สะดุ้งโหยง

“ฮะ ! คุณ...” สมุทรหลุดครางออกมาเสียงแหบพร่า  ขมวดคิ้วเป็นปมพร้อมดึงแขนผมกลับออกมาอย่างแรง  ผมยิ้มให้ถึงแม้อีกฝ่ายไม่ยอมให้แตะต้องแต่กลับเป็นปฏิกิริยาที่พอใจ  ก้มลงหอบไปทั่วแก้มและข้างหูของเขาอีกครั้ง  เอวขยับโดนตรงนั้นซ้ำอีกอย่างอดไม่ได้  ทำอยู่อย่างนั้นจนทุกอย่างเบาลง 


ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงหายใจของเราทั้งคู่เริ่มสม่ำเสมอ  ผมซบหน้าลงที่ไหล่อีกฝ่าย  ทุกอย่างสงบลงทำให้สติหวนกลับมา  ความเจ็บปวดที่เอวพุ่งเข้าแทรกอย่างไม่รีรอ

“ขอเวลานอก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  สมุทรนอนนิ่งไม่ขยับ 

“ผมจะไปตามคุณหงส์” อีกฝ่ายพูดอย่างรู้ทัน

“ไม่ต้อง” ผมแทบสบถ  ดันหงุดหงิดที่ร่างกายไม่ได้ดั่งใจ  สมุทรเงียบลง

“พักแป๊บเดียวก็หาย” ผมบอก 

มือของสมุทรทั้งสองข้างประคองอยู่ที่เอวของผมก่อนขยับเลื่อนอย่างแผ่วเบาไปที่ลำตัวคล้ายกับกำลังปลอบประโลมอยู่อย่างนั้น  มันทำให้แอบหลุดยิ้มได้เหมือนกัน  คำพูดต่าง ๆ มีเข้ามาในหัว  รวมไปถึงความรู้สึกกังวลต่อคนตรงหน้าก็ด้วย  ไอ้ความคิดก่อนหน้าที่ว่าขอเข้าข้างตัวเองหน่อยเถอะก็หดห่างออกไปทีละนิด  ไม่เชิงกลับไปยังจุด ๆ เดิม  อาจจะก้าวข้ามขั้นมาหน่อยแต่ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องการอยู่ดี  เรานอนกันอยู่ในท่าเดิมนี้จนผมเริ่มมีอาการง่วงเพราะฤทธิ์ยาที่เพิ่งกินไปหลังอาหาร  สมุทรคงมองออก  เขาเอ่ยปากให้ผมกลับไปนอนดี ๆ  ผมยอมทำตามเพราะคิดว่าเขาคงอยากใช้ห้องน้ำ 

สมุทรหายเข้าไปในห้องน้ำนานหลายนาที  ผมนอนฟังเสียงน้ำไหลอยู่บนเตียง  เขาคงกำลังทำความสะอาดร่างกาย  โทรทัศน์ยังคงฉายละครเรื่องเดิม  สมุทรเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับกางเกงนอนตัวใหม่  ผมนอนหายใจทิ้งโดยไม่คิดขยับตัว  จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เดินมานั่งลงข้าง ๆ เตียงพร้อมกับกล่องกระดาษทิชชู่  ผมเหลือบมองอย่างสงสัยที่เห็นเขาดึงกระดาษทิชชู่ออกแล้วทำท่าจะเข้ามาทำความสะอาดใต้กางเกงให้   เอาจริงดิ ?!  ผมแอบสบถในใจ  หมอนี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ

“ผมจะเช็ดให้ครับ” สมุทรบอกจุดประสงค์ 

“ฉันทำเอง” ผมปฏิเสธ  ไม่ได้อาย  แต่ไม่คิดว่าในใจของเขาต้องการจะทำตามหน้าที่ไปซะทุกอย่างเช่นกรณีนี้  สมุทรมองเก้ ๆ กัง ๆ  ผมรับกระดาษทิชชู่จากเขามาพร้อมดึงขอบกางเกงออกทำให้อีกฝ่ายรีบหันตัวกลับหลังหนีด้วยความรวดเร็ว

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ 

“นายก็ตั้งใจจะเช็ดให้ฉันอยู่แล้วนี่ จะหันหลังทำไม” ผมพูดยิ้ม ๆ  ไอ้ลูกชายไม่รักดียังคงมีปฏิกิริยาอยู่เลย  น้ำออกมาโคตรเยอะ  ไอ้ห่า ! นึกว่าเขื่อนแตก  จำไม่ได้แล้วว่าเอาออกไปครั้งล่าสุดเมื่อไหร่  อยู่ป่าจนเกือบลืมตัวตนที่แท้จริง

“ก็คุณจะเช็ดเองนี่ครับ จำเป็นอะไรที่ผมต้องนั่งดูคุณเช็ดตัวเองด้วยล่ะ” สมุทรตอบเรียบ ๆ  ผมยิ้มกว้าง  ไม่คิดตอบโต้อีก
 
“จะเข้าห้องน้ำ เตรียมกางเกงตัวใหม่ไว้ให้ด้วย” ผมลุกขึ้นนั่งเมื่อเช็ดเสร็จเรียบร้อย

“...นะครับ” ผมเข้าไปกระซิบบอกจากด้านหลัง  อีกฝ่ายไม่ยอมหันกลับมามองแม้แต่น้อย  ผมหยิบกระดาษทิชชู่ที่ทำความสะอาดตัวเองติดมือมาเพื่อนำไปทิ้งถังขยะในห้องน้ำ  จัดการล้างไม้ล้างมือ  สมุทรนำกางเกงตัวใหม่มาให้ผมที่หน้าห้องน้ำ  เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้วเดินออกมาก็พบว่าโทรทัศน์ถูกปิดลง  โคมไฟตรงโทรทัศน์ก็ด้วย 

สมุทรยืนรออยู่เพื่อให้ผมได้ขึ้นเตียงก่อน  มันเป็นมารยาทที่เขาทำอยู่ทุกคืน  ผมหยิบยาก่อนนอนที่อีกฝ่ายเตรียมวางไว้ให้ตรงหัวเตียงขึ้นกินก่อนล้มตัวลงนอน  สมุทรเอ่ยปากขออนุญาต  ล้มตัวลงนอนพร้อมปิดโคมไฟฝั่งของเขา  ตอนนี้จึงเหลือแสงสว่างจากไฟตรงหน้าห้องน้ำเท่านั้น 

เราต่างนอนหงายทั้งคู่  ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกขอบคุณฟ้าดินที่ทำให้ฝนตกหนักอย่างกับฟ้ารั่ว  มันช่วยพวกผมได้มากทีเดียว  มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มกำลังคืบคลานเข้าหาคนข้าง ๆ  ไม่ว่าจะเขาหรือผมก็พูดไม่ออก  หมดคำพูดเสียแล้ว  ไม่รู้แม้กระทั่งจะเอ่ยอะไรที่เหมาะควร  ผมแตะมือลงที่มือของสมุทรที่อยู่ใต้ผ้าห่มและกุมไว้หลวม ๆ  เจ้าตัวไม่ได้ชักหนีหรือทักท้วง  และผมก็หลับไปทั้งอย่างนั้น...


..............(ไฟ)............


ผู้เขียน:
ต้องขออภัยด้วยกับเรื่องบัดสีบัดเถ-ลิงเช่นนี้  ครั้งหน้าจะระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก :m15:  :m20: 55555++


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-08-2017 20:04:33
มาแล้ววววววว ดีต่อใจมากกกกกก       :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 20-08-2017 20:12:33
โธ่ สมุทร โดนล่อลวงซะแล้วววววว XD
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 20-08-2017 20:32:18
ค้างงงง  อ่านไปหยุดไปด้วยความลุ้นว่าไฟจะโดนถีบตอนไหน :haun4: :pighaun:  สมุทรมีความน่าร้าก กลัวมังกรของไฟเหรอลูก ฮ่าๆ ระวังนะ ไฟไม่หยุดแค่นี้แน่  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-08-2017 20:43:30
โอ้ยยยยยนี่ไม่ได้ขำพี่ไฟมานานเหลือเกินแล้ว 5555
ดีใจเหลือเกินพี่ไฟมาแล้วววว

ยอมใจพี่ไฟมาก นี่อ่านไปทั้งเขินทั้งขำลุ้นว่าสมุทรจะโกรธหรือห้ามพี่รึเปล่า
แต่ก็อย่างว่าแหละห้ามได้ที่ไหนยิ่งบรรยากาศเป็นใจแบบนี้ด้วย 

ขอบคุณเบบี้ สนุกมากกก เขินยิ้มแก้มจะแตก :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-08-2017 20:51:24
โอ้ยยยยยนี่ไม่ได้ขำพี่ไฟมานานเหลือเกินแล้ว 5555
ดีใจเหลือเกินพี่ไฟมาแล้วววว

ยอมใจพี่ไฟมาก นี่อ่านไปทั้งเขินทั้งขำลุ้นว่าสมุทรจะโกรธหรือห้ามพี่รึเปล่า
แต่ก็อย่างว่าแหละห้ามได้ที่ไหนยิ่งบรรยากาศเป็นใจแบบนี้ด้วย 

ขอบคุณเบบี้ สนุกมากกก เขินยิ้มแก้มจะแตก :กอด1:


ขอบคุณค่า อ่านซ้ำไปซ้ำมาเก็บไว้ช่วงโปรเถอะค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-08-2017 21:47:22
เย้ๆๆๆ    ดีใจคุณไฟ กับ สมุทรมาพอดี




คิดถึงมากกกกกกก :hao5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-08-2017 21:58:38
555555555555555555555555ไฟน่าสงสารอ่ะ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-08-2017 22:00:06
 :jul1: :jul1: เป็นอันสลบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 20-08-2017 22:11:54
 :impress2: ลุ้นยิ่งกว่าเชียร์มวยก็ตอนนี้แหละ กลัวสมุทรจะถีบไฟ

ขอบคุณเบบี้มากๆ :3123:

ปล.เราชอบความบัดสีของไฟที่สุด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 20-08-2017 22:17:35
เป็นการอ่านทุกตัวอักษรทุกบรรทัดแบบตาไม่กระพริบเลยค่ะ
ขอสารภาพตามตรงว่าเราลุ้นมากก ลุ้นไปกับไฟสุดๆเลยทีเดียว

รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมายังไงก็ไม่รู้นะคะ
ถึงสมุทรจะคาดเดาได้ยาก ไม่รู้ว่าคิดอะไร
แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ตอบได้ในหลายๆคำถาม
และไฟขา...ไม่น่าจะนกอีกต่อไป ฮ่าาาา
มีแรงใจในการเชียร์ให้ไฟขาได้กินหรือถูกกินก็ได้
เรายินดีไปหมดเลยค่ะ คืออะไรก็ได้  ณ ตอนนี้ 555

และที่แปลก อ่านตอนนี้จบ เรารู้สึกว่าสมุทรน่ารักมากๆ
อยู่ๆก็รู้สึกเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเพราะอะไรไฟถึงชอบ ถึงหลงใหล
เหมือนเป็นคนที่ระวังตัวไว้ก่อน หากขอจะปฏิเสธแน่นอน
เพราะรู้ว่าถ้าปล่อยให้ทำแล้วสุดท้ายตัวเขาเองก็จะยินยอม?
สมุทรไม่เริ่มอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าไม่ปล่อยให้ไฟเริ่ม ทุกอย่างก็สงบ
แต่หากถ้าไฟเริ่ม ขัดได้ต้องขัด เพราะท้ายที่สุด ถ้าขัดไม่ได้ ก็ต้องยอม
ที่ขัดนี่แรกๆขัดไฟนะ หลังๆต้องขัดตัวเอง แต่สุดท้ายคงทำไม่ได้
เพราะว่าใจเอนเอียงไปแล้ว ใช่มั้ยล่ะ ฮ่าาา

ปล่อยเราเดาไปค่ะเบบี้ อ่านตอนนี้แล้วมีความสุข
ใจเรารักไฟอยู่แล้ว มาตอนนี้นี่แหละที่รู้สึกว่าชอบสมุทร
การเฝ้าสงสัยและคาดเดาว่าสมุทรคิดอะไรอยู่
มันก็เป็นบ่วงแรกที่ดึงสายตาเราให้ติดอยู่กับเขา
เฝ้ามองและสังเกต จากนั้นก็จะตกหลุมรักไม่รู้ตัว
เรารู้สึกว่าเรากำลังเป็นแบบไฟ แบบที่ไฟกำลังรู้สึกกับสมุทร

ขอบคุณเบบี้มากๆนะคะสำหรับนิยาย
และขอบคุณมากๆอีกทีสำหรับตอนนี้






หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 20-08-2017 22:42:49
รู้สึกยินดีกับไฟ 555555555+
สมุทรหนูห้ามไม่สุดนะลูกกกกกกก เจอบรรยากาศเข้าไปอีก ไฟเลยยิ่งเอาใหญ่เลยยย โอ๊ย เขินนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-08-2017 23:14:11
อาาาาาาาา มันดีต่อใจเหลือเกินคุณเบบี้ขาาาา ฟินมากกกก   :-[ :-[  นี่ขนาดแค่ขั้นเบเบระดับมัธยมต้น ยังไม่ขึ้นสเตปแอดวานซ์เลย แต่ที่ทำเอาเราต้องอ่านไปกำมือแน่นไป คือลุ้นตามค่ะ กลัวสมุทรจะทำคุณไฟเธอจะนกกลางคัน  :laugh: :laugh: 

ฟินหนักเข้าไปอีก ตอนอ่านเจอบรรทัดสุดท้ายที่คุณไฟเสี่ยงตาย (อีกรอบ) ไปกุมมือแล้วสมุทรนิ่งไม่ชักออก ตายยยๆๆๆ  ไม่มีใจไม่ควรอ่อยให้ความหวังเยี่ยงนี้นะคะสมุทรรรรร งือออออออ //  นาทีทองของคุณไฟสวรรค์เกือบจะล่มเพราะสังขารไม่อำนวย ถถถถถถ  เอ็นดูพ่อคู้ณณณณ เอาจริง นาทีนั้นต่อให้แผลฉีกเลือดออกปุดๆ อิไฟของเราคงไม่มีทางยอมหยุดแน่นอน เรามั่นใจ 5555

อิกริดมาละ สโลว์ไลฟ์ได้ไม่กี่ตอน เดี๋ยวต้องลุยต่ออีกละ แต่กลับไปลุยรอบนี้แม้ร่างกายไม่เต็มร้อยแต่บอกเลย ใจคุณไฟมันคงฮึกเหิมมาก ฟินขนาดนี้  :man1: :man1:

ชอบเวลาสมุทรให้เกียรติไฟอ่ะ จะนอนก็ให้ไฟนอนก่อน จะขึ้นนอนก็ต้องขออนุญาต แต่เอ๊ะ! ทำไมตอนดึงคอไฟไปจูบไม่เห็นขออนุญาตก่อนเลยอ่ะ .... อ่อๆๆๆๆ เขาขอกันทางสายตาแล้ว ใช่มะๆๆๆๆ จูบกันไปสบตากันไป (ข้างล่างก็เบียดกันไป) แอร๊ยยยยยยย ฟินนนนนน  :o8:   ขอบคุณนะคะเบบี้   :กอด1:  หลับฝันดีละคืนนี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 20-08-2017 23:22:38
รอตอนนี้มานานมาก สมหวังซะทีในที่สุดสมุทรก็โดนล่อลวงจนได้อิอิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 20-08-2017 23:25:58
ทำเอาเลือดพุ่งกันเลยทีเดียว  คุณไฟยังคงมีจุดยืนที่ชัดเจนต่อความต้องการอันล้นปรี่ของตัวเองเสมอ   :m25:   แต่รู้สึกว่าสมุทรจะแอบร้ายนิด ๆ นะ เหมือนหลอกให้คุณไฟควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วเริ่มก่อน   :z1:  จนเกิดเรื่อง "บัดสี บัดเถ-ลิง" อย่างนี้


รอตอนต่อไปนะคะ  ปล.อยากให้ฝนตกหนัก ๆ อย่างนี้ทุกวันเลย  ชอบ  :laugh:


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pigment ที่ 20-08-2017 23:51:56
 :m25: บรรยากาศเป็นใจ ชอบความสัมพันธ์แบบนี้
สมุทรนี่คือคนในฝันชัดๆ  หาคนแบบนี้ได้จากไหนนะ  น้ำนิ่งไหลลึกที่แท้จริง
ไฟสู้นะคะ 5555555555555555555555555 ตะล่อมไปเดี๋ยวก็เคลิ้มเอง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-08-2017 08:53:34
 :mew3:ลุ้นคู่นี้มากๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 21-08-2017 10:23:56
โอ๊ยตายแล้ววววถือว่ามีความก้าวหน้าไปอีกขั้นละนะคุณไฟ5555

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 21-08-2017 11:59:40
รุกคืบไม่ใช่ มากกว่าคืบ ไฟอย่ารีบร้อน "....นะครับ"  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 21-08-2017 12:57:07
ไฟรุกมากๆ อย่าให้พลาดโดนสมุทรเสียบขึ้นมาจะฮาให้ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 21-08-2017 14:12:23
เป็นฉาก บัดสีบัดเถ-ลิง ที่ลุ่นมาก ๆ
ลุ้นว่าจะสำเร็จไหม  :haun4: :haun4: :haun4:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 21-08-2017 15:31:54
อุ๊ตะ อุ๊ต้า   :hao6: ขอบคุณฟ้างามๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Maewjunsu ที่ 21-08-2017 17:15:31
ขุ่นแม่ขาาาาาาาในที่สุดดดดเค้าก็ก้าวหน้ากันแล้ววววว :mc4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-08-2017 17:42:30
ในที่สุดก็......
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 21-08-2017 20:46:21
ตอนนี้พีคสุด สมุทรน่ารักมาก คุณไฟนี่ไม่เคยยั้งใจตัวเอง หื่นแตกตลอด แต่ตอนนี้ดีมากสมุทรไม่ขัดขืนเลย :katai4: ขอแบบนี้อีกค่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 21-08-2017 22:13:06
แบบนี้..เค้าเรียกอีโรติกมากค่ะไฟ.... :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 21-08-2017 23:22:20
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 22-08-2017 00:13:40
ว๊ายๆๆ

เขาทำไรกันในห้อง วันฝนตก


อ๊ายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-08-2017 00:53:34
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 22-08-2017 05:56:49
โอ้ยมันดีค่ะคุณณณณ
อ่านแล้วมันปลื้มปริ่มมากกกกกก
คุณไฟสำเร็จไปอีกขั้นละนะ
คราวหน้าก็ข้ามไปหลายๆขั้นเลยนะคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-08-2017 06:02:37
โอ.............คุณเบบี้สุดยอดดดดดดดด   :impress2:
ถถถถถถถ......ขอความกรุณาคุณเบบี้เลย
เรื่องจะไม่ให้มีเรื่องบัดสีบัดเถ-ลิงเช่นนี้ 
คนอ่านต้องเศร้า จนขาดใจตายแน่ๆ  :hao5: :hao5: :hao5:
ถ้าครั้งหน้าจะไม่ให้มีเรื่องบัดสีบัดเถ-ลิง เกิดขึ้นอีก  :z3: :z3: :z3:

อ่านไป เขินไปด้วยเหมือนเป็นสาวน้อยซะเอง  :o8: :-[
คุณเบบี้ เก่งมากกกกกกก เขียนได้สุดยอดดดดดด ชอบมากกกกก
ช่างเข้ากับบรรยากาศ ฝนฟ้าตก เย็นฉ่ำเป็นใจ
แต่ในห้อง เร่าร้อน ระทึก ค่อยเป็นค่อยไป
คุณไฟ อ่อนโยนสุดๆไปเลย แบบมีแต่สมุทรเท่านั้นที่ได้

พอใจกับความสัมพันธ์ที่ร่นระยะห่างลงของทั้งคู่
แม้ยังไปไปสุดทาง แต่ก้าวหน้าขนาดนี้ได้ก็ยอดและ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เพราะอย่างสมุทรที่เย็น ลึกเหมือนชื่อ ยอมลดกำแพงลงบ้าง
คุณไฟก็ระริกระรี้ในใจไปไม่น้อยแล้ว 
แต่อย่าหวังนะว่าสมุทร จะยอมเข้าหาเอง ลงสัยชาติหน้าก็ไม่ได้  :z3: :z3: :z3:

ไม่ได้หวังว่าสมุทรจะยอมจนถึงขั้นนี้
โอย......ดีใจไปกับคุณไฟ คงนอนหลับสนิททั้งคืน
พร้อมตื่นมาอย่างเบิกบาน กระชุ่มกระชวย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 22-08-2017 08:40:24
 :mew1:โอ้ยๆๆๆๆๆๆ ชอบอ่ะ ยิ่งมีคำว่า "นะครับ" เนี่ย ละมุนไปเลยยยบยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 22-08-2017 14:49:49
ชอบพัฒนาการของคู่นี้นะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป มันเหมือนค่อยๆ เรียนรู้นิสัยใจคอกันไป แต่คำว่า "นะครับ" เนี่ย แม่เอ้ยยย สมุทรยอมตามใจไฟแบบเต็มสตรีมเลยมั้ย โอ้ยย ใจละลายแทน ชอบมากกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 22-08-2017 17:57:09
ที่ดีใจกว่าตามอ่านทันแล้วคือ เค้า (คล้ายๆ) ได้กันแล้ววววว กรี๊ดดดดดดดด :hao7: :hao7: :hao7:
ชอบมากๆๆๆๆเลยค่ะะ ชอบการบรรยายของคุณเบบี้มากๆๆๆ แต่อีกประเด็นที่ยังแคลงใจคือ ใครจะถูกกดกันนะ :o8:
เป็นกำลังใจให้ในการเขียนต่อๆๆไปนะคะ รออ่านตอนต่อไปอยู่น้าาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 22-08-2017 23:07:34
ฟินมาก อ่านแล้วมีอารมณ์ร่วมสุดๆประดุจอยู่ในฉากนั้นกับทั้งคู่55+
เบบี้เขียนฉากได้ถึงมากๆ เห็นภาพเลยอ่ะ ชอบบบ
ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 22-08-2017 23:43:44
นี่ลุ้นมาก!! จิกตาอ่านทุกคำ

กลัวใจสมุทรถีบไฟกระเด็น  :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 23-08-2017 21:50:14
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 24-08-2017 13:09:16
 :o12:แม่จาอิพี่ไฟเขาทำน้องแตกแล้วค่ะแม่ :heaven นิพพานสเต็ป 1

ขอบคุณเบบี้มากนะะที่ให้สมุทรใจ"แตก"จนได้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 24-08-2017 13:33:09
สมุทรรรรรรร หวั่นไหวซินะ >//////<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-08-2017 13:51:17
ชอบเรื่องบัดสี แพ้ลูกอ้อนคุณไฟ ลูบไล้กันและกัน ในที่สุด สมุทรก็แฉะ บอกถึงเยื่อใยอันดี
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 25-08-2017 03:43:25
 :hao7: :hao7:
สกรีมมมมมมมมมม เป็นตอนที่คสพ.พัฒนาไปอีกขั้น แล้วพรุ่งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

สมุทรพูดเยอะขึ้นจริง เป็นสัญญาณบอกอะไรอีกหรือเปล่าน้าาา  :hao3:

มีครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งที่สองสามสี่ตามมาค่ะ หยุดๆม่ได้หรอกเรื่องแบบนี้ คึคึ :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-08-2017 21:54:38
ว้ากกกก อยากกระทืบจนพื้นพังค่ะ ดีดดิ้น กรีดร้อง โวยวาย

ไฟได้แต้มนำไปเลยค่ะ แบบสุดกู่มากด้วย
สมุทรมีเคลิ้ม และสมยอมน่ะ ถึงแม้จะขัดขืนบ้างก็เหอะ

อาการแบบนี้คือไฟมีหวัง แล้วสมุทรยอมให้เข้ามาใช่ไหม ดูเปิดทางกันแบบแปลกๆ

ลุ้นตอนเช้าค่ะ ว่าจะรอดไหม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-09-2017 08:10:41
เช้าเช้า... ขับรถผ่าน เห็นนักมวยวิ่งกันเป็นแถว เหลือบตามองพร้อมกับความคิด ... ชิ ไม่เห็นเซะซี่เหมือนนักมวยค่ายพี่ไฟเลยสักคน ถถถถถถถ   :laugh:

คิดถึงพี่ไฟกับสมุทรนะคะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 09-09-2017 19:06:21
มารอสมุทร :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 10-09-2017 13:38:09
คิดถึงไฟ เฟ้อหาสมุทร รักที่สุดก็เบบี้นะค๊า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 10-09-2017 19:04:08
ละมุนไปอีกแบบ สำหรับผู้เถื่อนๆสองคน  :z1: :z1: อ้ากกกกกกกกกกอยากให้ฝนตกทุกวันนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: goorooo123 ที่ 12-09-2017 19:00:50
 จะลงแดงแว้ววว :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 25-09-2017 15:07:41
เธอคือ ดวงตะวัน ไฟขา เค้าคิดถึง ตัวจะกลับเข้าเมืองแล้วยังนะรอบนี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 05-10-2017 20:54:54
คิดถึงคุณไฟ โหยหาคุณสมุทร
คะนึงถึงคุณเบบี้
ตอนนี้คุณไฟกำลังทำอะไรอยู่นะ แล้วสมุทรกำลังคิดอย่างไร
คุณเบบี้สบายดีใช่ไหม งานคงจะยุ่งมากเลยเชียว

ดูแลรักษาสุขภาพกันถ้วนหน้านะคะ ❤
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 08-10-2017 01:42:44
อ่านตอนเค้า(เหมือนจะ)ได้กันวนไปรอบที่เท่าไหร่ไม่นับ นับไม่ได้ ไม่ไหวจะมีแรงนับ  :hao6: นี่แค่(เหมือนจะ)ได้กันนะ ยังขนาดนี้  :-[ ถ้าได้รวมร่างกันสักทีจะขนาดไหน  :jul1: รอ!!!!!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 08-10-2017 01:51:12
คิดถึงคุณไฟ โหยหาคุณสมุทร
คะนึงถึงคุณเบบี้
ตอนนี้คุณไฟกำลังทำอะไรอยู่นะ แล้วสมุทรกำลังคิดอย่างไร
คุณเบบี้สบายดีใช่ไหม งานคงจะยุ่งมากเลยเชียว

ดูแลรักษาสุขภาพกันถ้วนหน้านะคะ ❤

อ่านตอนเค้า(เหมือนจะ)ได้กันวนไปรอบที่เท่าไหร่ไม่นับ นับไม่ได้ ไม่ไหวจะมีแรงนับ  :hao6: นี่แค่(เหมือนจะ)ได้กันนะ ยังขนาดนี้  :-[ ถ้าได้รวมร่างกันสักทีจะขนาดไหน  :jul1: รอ!!!!!!!



รบกวนรออีกอึดใจเดียว แฮ่   :katai4: :z10:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 08-10-2017 04:39:36
ปูเสื่อรอด้วยคนค่ะ  เบบี้สู้ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-10-2017 15:58:44
 :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-10-2017 15:59:35

ตอนที่ 46
..ไฟ..




07:25 น.

“วิ้ววี๊ด !”

“โฮ่ง ! โฮ่ง !”

“ไฟ ระวังหน่อยสิ ถ้าเจ็บตัวขึ้นมาไม่รักษาให้แล้วนะ !” หงส์ตะโกนต่อว่า  เธอกำลังออกกำลังกายอยู่ที่ลานออกกำลังกายหน้าบ้าน  ส่วนผมอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก  การถูกปรามไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นในตอนนี้ได้  ผมขว้างเชือกขนาดใหญ่พร้อมกวัดแกว่งไปมาเพื่อหลอกล่อหมาฝูงใหญ่  ความหนาของเชือกทำให้เลือดลมสูบฉีดทั้งผู้ล่อทั้งผู้ถูกล่อ  พวกมันต่างพากันเห่าระงมด้วยความตื่นตัว  วิ่งต้อนปลายเชือกอย่างบ้าคลั่ง  ขนาดบานเย็นที่มีอายุมากกว่าใครเพื่อนก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาทันใด

“เอาเลย” ผมแลบลิ้นให้บิงโก  หมาพันธุ์ Boxer เป็นเพียงตัวเดียวที่สามารถกัดเชือกไว้ได้ทัน  อีกฝ่ายสู้แรงจากผมพร้อมคำรามในลำคอ  ดวงตาของมันจดจ้องผมเขม็งคล้ายศัตรูที่พยายามจะเอาชนะให้ได้

“ดึงไปสิวะ !” ผมขึ้นเสียง  หงุดหงิดใจที่มันไม่สู้แรงผมไปให้หมดภายในครั้งเดียว  อีกทั้งรำคาญเสียงของหงส์เมื่อครู่นี้ก็ด้วย  ผมออกแรงดึงมากขึ้นจนเชือกเกือบสุดปลาย  ขาหลังของบิงโกพยายามที่จะยื้อไปด้านหลังสู้แรงผมไม่ยอมถอย  น้ำลายของมันหยดย้อยลงพื้น  กล้ามเนื้อปูดนูนขึ้นเป็นมัด

“อู้ ~~” ผมร้องครางชอบใจที่ตนเองถูกดึงไปได้

“ไอ้ตัวนี้มีแววแฮะ” ผมยิ้มมอง  ยอมเป็นฝ่ายปล่อยเชือกออกให้ก่อน  บิงโกรีบคาบเชือกไปเล่นกับเพื่อน ๆ ในฝูงด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจยกใหญ่ที่ตนชนะ  ผมยืนเท้าเอวมองหมาของหงส์ทุกตัวที่ถูกปล่อยให้ออกมาวิ่งเล่นในตอนเช้า  เห็นพวกมันที่กระปรี้กระเปร่าแล้วอดนึกถึงเรื่องบางเรื่องไม่ได้...
 
“คิดถึงน้องชายอยู่เหรอ ?” หงส์เอ่ยปากแซ็วขณะที่กำลังโหนบาร์โหนสี่เหลี่ยมมาจนสุดราว  เธอนำขาขึ้นพาดไว้บนบันไดขั้นสูงสุดด้วยความรวดเร็ว  ผมหัวเราะ  เดินไปหยุดอยู่ใกล้บาร์โหน  เอนหลังพิงบันไดพร้อมถอนหายใจออกมา

“แค่คิดว่ามีเรื่องที่ต้องกลับไปสะสางก็เบื่อขึ้นมาน่ะ” ผมพูดให้ฟัง

“นั่นสินะ บางที...กูละอยากลืมไปเลยว่ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบรออยู่” หงส์พูดติดตลก  เธอลอดตัวผ่านบาร์โหนเข้ามาโอบคอผมจากทางด้านหลังแล้วนั่งลงที่บันไดขั้นบนสุด  ความสูงที่เธอนั่งอยู่เสมอกับบ่าของผมพอดี

“กูจะออกกำลังกายได้อีกเมื่อไหร่”

“อีกสองสามวัน” หงส์ตอบ  เธอกอดผมจากด้านหลัง  นำคางเทินอยู่บนไหล่  ตามองต่ำลงไปที่แผลผมด้วย

“กล้ามมึงนี่ต้องแน่นเปรี๊ยะทุกครั้งที่กลับมาหากูแบบนี้ตลอดเลยเหรอวะ มารอบหน้ามันจะระเบิดปะ” หงส์พูดไปหัวเราะไป  ผมหลุดยิ้มที่จู่ ๆ เธอก็เอ่ยเรื่องไร้สาระไม่มีปี่มีขลุ่ย

“มึงดูเส้นเลือดสิ ห่า ! ปูดซะกูนึกว่าสายไฟ” หงส์ชี้นิ้วต่ำลงไปที่หน้าท้องล่างเหนือขอบผ้าขาวม้าที่ผมนุ่งอยู่

“จุดเสียวเลย” ผมแกล้งพร้อมปัดมือเธอออก

“ทุเรศ” หงส์ว่าเขิน ๆ

“ลูกน้องมึงก็พกสายไฟไว้ในตัวทุกคนอะ เห็นแขนพวกมันแล้วกูนึกว่าโรงงานไฟฟ้า” หงส์พูด  เธอพูดเองก็กลั้นหัวเราะให้กับความคิดทะลึ่งของตัวเอง ด้วย  ผมหัวเราะ  มองตามนกสองตัวที่ดูเหมือนกำลังจีบกันอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ต้นเล็กที่อยู่ตรงหน้า

“นกบ้านมึงนี่ไม่กลัวคนเลยนะ” ผมพูด 

“ก็ไม่มีใครไปทำร้ายมัน ต่างคนต่างอยู่” หงส์พึมพำอยู่ข้างหู  ขณะเดียวกันต้นไม้ก็ถูกพัดไปตามแรงลมที่เข้ามาเป็นละลอก  ใหญ่บ้างเล็กบ้าง  ทำให้นกสองตัวบินหนีไปพร้อมกัน

“...ไม่อยากกลับเลยว่ะ” ผมพูด  หงส์หัวเราะในลำคอ

“ถ้าอยู่ที่นี่ต่ออีกนิดนึง อาจจะได้ฝากมึงซื้อถุงยางก็ได้” ผมวิเคราะห์ติดตลก

“เลว” หงส์ว่าเสียงเข้ม

“ที่จริง มึงให้พายุกับดินมาพักที่นี่ก็ได้นี่ พอเรื่องเรียบร้อยเมื่อไหร่ค่อยกลับ เดี๋ยวกูดูแลให้เอง” หงส์พูดโต้ง ๆ

“อย่าเลย” ผมยังคงปฏิเสธคำเดิม  ผมไม่ต้องการให้ปู่หาญกับเธอมีปัญหากันทีหลัง  แค่คอยช่วยเหลือผมอยู่เบื้องหลังแบบนี้ก็เดือดร้อนกันมากพอแล้ว 

“ให้มันเดือดร้อนเท่าที่ควรก็พอ” ผมถอนหายใจ  ใจเขาใจเรา  ถึงผมไม่ถามหงส์ออกไปตรง ๆ  ลึก ๆ แล้วเธอก็คงลำบากใจและกลัวร่างแหอยู่เหมือนกัน

“เอ่อ ขอโทษนะครับ” สมุทรเข้ามาได้จังหวะพอดี  ผมกับหงส์หันไปมองอีกฝ่ายที่เพิ่งออกมาจากโรงครัวใหญ่ของไร่  เขายืนเก้ ๆ กัง ๆ มองมาที่หงส์กับผมคล้ายกับลังเลเรื่องอะไรอยู่  ในมือถือถาดเสิร์ฟอาหาร  บนนั้นมีข้าวโพดต้มส่งกลิ่นหอมฉุย  ควันร้อนปรากฏให้เห็น  ข้าง ๆ จานข้าวโพดเป็นขันน้ำเปล่าแถมโรยดอกมะลิอีกด้วย

“กำลังร้อน ๆ เลยครับ” สมุทรยิ้มบอก

“โอเค ! พาไปนั่งที่แคร่หน่อย” หงส์ออกปากสั่งพร้อมชี้นิ้วสั่งไปที่แคร่ไม้ไผ่ใกล้ ๆ  ผมใช้แขนเกี่ยวขาของเธอไว้ทั้งสองข้างแล้วพาเธอไปที่แคร่ไม้ไผ่โดยที่เจ้าตัวยังเกาะอยู่บนหลัง

“น้ำฝนครับ” สมุทรยกขันน้ำฝนยื่นให้หงส์ก่อนเป็นคนแรก

“ขอบใจนะ” หงส์ยิ้มกว้าง  เอื้อมมือจะไปรับขันมาจากสมุทร

“กูก่อน” ผมใช้มือผลักหน้าเธอออก  อีกมือก็แย่งขันน้ำมาจากสมุทรในทันที 

“ไอ้เหี้ยไฟ !” หงส์โวยวาย  หน้าแทบทิ่มลงไปบนแคร่  ทรงผมเสียทรงไปแล้ว

“มึงนี่ไม่แข็งแรงเลยนะ” ผมมองอย่างดูถูก

“ออกกำลังกายซะเปล่า มือตกเหรอ เวลากูผลักมึงต้องเด้งตัวกลับทันทีสิ” ผมยิ้มบอก  สมุทรถึงกับนั่งก้มหน้า  ดูเหมือนเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่  หงส์มองค้อนหน้ามุ่ย

“หยอกน่า” ผมยิ้ม  ยอมยื่นขันน้ำไปให้เธอ  หงส์รับไปงอน ๆ

“คุณหงส์ครับ ปู่หาญให้เอาโทรศัพท์ของคุณมาให้ครับ คุณพายุโทรมาครับนาย !” ไอ้เด่นส่งเสียง  แทบกระโดดโลดเต้นปรากฏตัวมาจากบ้านพักของหงส์  มันรีบนำโทรศัพท์มือถือมาให้เจ้าของ  หงส์รีบกดรับก่อนที่ปลายสายจะรอนานไปกว่านี้ 

“พายุ !” หงส์กดเปิดวิดีโอคอล  เธอชูโทรศัพท์ขึ้นสูงเพื่อให้ปลายสายสามารถเห็นผมเข้ากล้องด้วย  ผมนั่งเฉย  มองไปที่หน้าจอโทรศัพท์พบว่าน้องชายแปลกตากว่าก่อนหน้าที่จากกันมา

“หวัดดีครับ” พายุทัก  มันอมยิ้มเล็กน้อยเช่นทุกที 

“ไง ?” ผมทักตอบ

“ตื่นเช้าจังนะพายุ” หงส์พูด

“เอ่อ วันนี้ยุมีแข่งปิงปองรอบชิงตอนสาย ๆ นะครับ” พายุบอก

“จริงดิ !” หงส์อุทานด้วยสีหน้าตกใจ  เรื่องนี้ผมทราบมาจากพี่ธานแล้ว  สั่งพี่เขาเอาไว้แล้วว่าถึงสนามแข่งแล้วให้พี่เขาโทรหาผมด้วย  เป็นการออกคำสั่งไว้โดยไม่ได้บอกพายุ

“งั้นก็...ตบให้ลูกแตกไปเลยนะ” หงส์ยักคิ้วยิ้ม ๆ  สมุทรกับไอ้เด่นยิ้มกว้าง  ผมก้มหน้าลง  หัวเราะในลำคอเบา ๆ  นั่นเรียกว่าคำอวยพรไหมนะ

“เฮียใกล้จะกลับแล้วใช่ไหม ยุกับดินสอบเสร็จแล้ว พี่ธานซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ให้แล้วด้วย”

“อืม” ผมพยักหน้า  ช้อนตามองไปที่หน้าจออีกครั้ง

“แค่แข่งปิงปองรอบชิง มึงตัดผมไปอวดใครไม่ทราบ” ผมแซ็วที่ได้เห็นว่าน้องชายมีผมทรงใหม่

“Fashion” พายุทำลอยหน้าลอยตา

“หึ กวนตีน” ผมว่า  หงส์หัวเราะ

“อวดใครที่ไหนเล่า ก็แค่อยากตัด ร้อน” พายุตอบเขิน ๆ  กลอกตาลอกแลกแบบนี้  ค่าตัดผมคงถูกรูดบัตรเครดิตไปแล้วเป็นแน่

“ถ้าเกินห้าพัน กูจะซัดมึง” ผมพูดเรียบ ๆ  พายุจ้องหน้าจอเขม็ง

“ไม่กี่พันเอง” มันขมุบขมิบปาก

“ผมก็มีอยู่แค่นี้อะนะ ตัดอะไรเป็นพัน ๆ  วันหลังให้คนขับรถพามาหาพี่นะ เดี๋ยวพี่ตัดให้ คิดห้าสิบบาทพอ” หงส์รีบเอาตัวเองช่วยเหลือพายุเช่นทุกครั้ง  ทำเอาลูกน้องผมและทั้งพายุยิ้มกว้าง

“หล่อระเบิดขนาดนี้ ตัดทรงไหนก็ได้” หงส์ยิ้มชมด้วยใบหน้าอ่อนโยน  เธอรักพายุอย่างกับคลอดออกมาเองอย่างนั้น 

“แล้ว.. เฮียจะมาทันดูไอ้ดินมันแข่ง BMX รอบชิงรึเปล่า มันถามแต่ประโยคเดิมซ้ำ ๆ มาสามวันติดแล้ว ยุรำคาญ”

“…ทัน” ผมตอบ  เหสายตามองไปทางอื่นก่อนเหลือบขึ้นสบตากับคนปลายสายอีกครั้งหนึ่ง

“พรุ่งนี้เช้าก็กลับแล้ว” ผมบอก  เป็นการให้ข้อมูลที่ตัดสินใจเดี๋ยวนี้  ตามจริงผมมีกำหนดกลับวันมะรืนเช้า  รู้อยู่ว่าไอ้ดินมีแข่งพรุ่งนี้บ่ายแต่ก็ไม่ได้รับปากกับพี่ธานออกไปว่าจะกลับพรุ่งนี้อย่างแน่นอน  ลึก ๆ แล้วแค่ยังไม่พร้อมกลับ

“งั้นเหรอ ดีเลย” พายุยิ้มกว้าง  ผมจ้องมอง  อดนึกไม่ได้ว่ามันจะรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังทำหน้าบานอยู่  แต่แล้วจู่ ๆ ปลายสายก็นิ่งไป

“พายุสบายดีนะ” หงส์พูดแก้สถานการณ์

“ครับเจ้” พายุตอบ  หงส์เป็นผู้หญิงคนเดียวที่พายุเรียกว่า “เจ้”  เลยทำให้ไอ้ดินเรียกตาม  ไอ้ดินก็ทำตามพายุทุกอย่างแหละ

“ดูแลตัวเองด้วยนะ แล้วมาเที่ยวที่นี่บ้างล่ะ เจ้คิดถึง คิดถึงดินด้วย”

“ครับ” พายุยิ้มเขิน

“ทุกคนสบายดีก็ดีแล้ว งั้นยุขอวางสายก่อนนะ ต้องไปซ้อมแล้ว” พายุตัดบท

“ไปนะเฮีย” มันหันมาลาผมโดยตรง

“เออ” ผมขานรับ  หงส์จงใจหันกล้องมาทางผมโดยเฉพาะเพียงคนเดียว  อีนี่กวนตีน 

“ชนะอยู่แล้วนี่ จะห่วงอะไร” ผมปัดไปที  ปลายสายอมยิ้มหน้าทะเล้น  ผมยิ้มให้

“หวัดดีครับ” พายุโบกมือลา 

“บ๊ายบาย” หงส์โบกมือตอบเช่นกัน  เธอหันกล้องไปทางไอ้เด่นที่นั่งยอง ๆ เกาะอยู่ที่แคร่ข้าง ๆ กับผม  ไอ้เด่นนั่งชะเง้อคอมองปลายสายอย่างรักษามารยาทมาตั้งแต่แรกแล้ว  หงส์เลยสนองความต้องการของมันสักหน่อย

“โชคดีนะครับคุณพายุ” ไอ้เด่นรีบพูดคล้ายกลัวว่าพายุจะไม่เห็น  สมุทรก้มหัวทักทายปลายสายอย่างนอบน้อมก่อนที่หน้าจอจะดับสนิทไป 

“อยากดูคุณพายุแข่งจังครับ” ไอ้เด่นทำหน้าเศร้า

“ไฟ...มึงนี่นะ จะบอกคิดถึงน้องมันหน่อยก็ไม่ได้ มันอุตส่าห์โทรมา” หงส์เปลี่ยนอารมณ์โต้ง ๆ

“หน้าพายุเมื่อกี้ เหมือนตอนที่บานเย็นรอให้กูลูบหัวไม่มีผิด”

“หึ” ผมหลุดยิ้ม

“เฮ้อ ~ แต่มีน้องชายหล่อนี่ดีจังนะ หุ่นก็ดี เรียนก็เก่ง แข็งแรงปกป้องเราได้” หงส์เปลี่ยนอารมณ์อีกครั้ง  เธอกะพริบตาปริบ ๆ  เงยหน้ามองท้องฟ้าและทำหน้าเพ้อฝัน

“ก็น้องกูนี่นะ” ผมตัดฉับความฝันเพ้อเจ้อของเธอว่าไอ้ที่เพ้ออยู่นั่นมันน้องชายของผม

“ชิ !” หงส์งอน  สะบัดหน้าหนี  สมุทรกับไอ้เด่นยิ้มกว้าง

“ว่าแต่...หึ ๆ ตกกระเต็มแก้มพายุเลยอะ น่ารักดี” หงส์พูดปนหัวเราะ  ดูเหมือนสิ่งที่หงส์ชมจะเคยเป็นสิ่งที่น้องชายผมไม่ชอบมาก่อน  มันเพิ่งมาเข้าใจและสามารถยอมรับร่างกายตัวเองได้ก็ตอนโตนี่แหละ

“พูดจริงนะ หลายครั้งกูอดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อมึงแดกอะไรเข้าไปวะ ทั้งที่คนละแม่ แต่พวกมึงกลับหน้าตา หือ...ขนาดนี้ หมั่นไส้สุด ! ไม่เห็นจะเข้าใจเลย มึงดูพี่กูดิ เวลาไปไหนด้วยกัน มีแต่คนถาม...นี่พี่ชายแท้ ๆ เลยเหรอ ทั้งที่ปู่ออกจะหล่อ แล้วกูก็สวยออกขนาดนี้” หงส์บ่น  ทำท่ามั่นใจประกอบติดตลก  ผมหัวเราะลั่น  พอจะนึกถึงสถานการณ์ออก  พี่ชายของหงส์จัดว่าหน้าตาธรรมดามาก  ไม่หล่อแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด  ขณะเดียวกันก็ไม่มีอะไรบนใบหน้าที่โดดเด่นว่าจะเป็นหลานของปู่หาญหรือเป็นพี่ชายของหงส์ได้เลย  แม้จะหน่วยก้านดีแต่ถือว่าเป็นพี่ชายที่ไม่มีเค้าโครงจากหงส์ที่เป็นน้องสาวแท้ ๆ สักนิด

“การที่มึงไม่ชอบใจที่ถูกถาม มึงควรสงสารพี่มึงมากกว่าไหมที่ต้องมาทนฟังคนถามอะไรแบบนั้น” ผมพูด 

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” หงส์หัวเราะ  คิดดูเถอะ  การที่มีน้องสาวหน้าตาดีแล้วคนเป็นพี่ต้องมาทนคนแปลกหน้าถามว่า “นี่พี่ชายแท้ ๆ เลยเหรอ/นี่น้องสาวแท้ ๆ เลยเหรอ ?”  คนเป็นพี่ชายจะต้องรู้สึกแบบไหน  เจ้าตัวก็ต้องรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าหน้าตาไม่ดีน่ะนะ  ฟังดูน่าน้อยใจอยู่หรอก 

ผมกับพายุเองก็โดนบ่อย ๆ  แทบนับไม่ถ้วนเลย  ถึงแม้จะถูกทักกันคนละความหมายกับที่หงส์ถูกถาม  แต่ก็เป็นประโยคเหมือนกันเปี๊ยบ  หลายคนมักมีสีหน้าตกใจอย่างกับโลกจะแตกที่รู้ว่าเราเป็นพี่น้องกัน  แม้ใบหน้าจะมีเค้าโครงคล้ายกันอยู่บ้างแต่ลักษณะส่วนตัวให้อารมณ์คนละความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง  และทุกครั้งที่พายุกระอักกระอ่วน  นั่นก็เพราะคนแปลกหน้าที่ถามไม่ทราบว่าแม่ของมันเป็นภรรยาคนที่สองของพ่อผม 


“มีครั้งนึงมันกลับมาไทยแล้วพากูไปงานปีใหม่กับมัน พวกเพื่อนมันอะ ไม่รู้ว่ากูเป็นน้อง กูกับมันนั่งแยกโต๊ะกัน แต่กูแอบได้ยินเพื่อนมันถามว่า นั่นน้องสาวแท้ ๆ เลยเหรอวะ มันก็ตอบว่า...เออ ! แต่เพื่อนมันไม่เชื่อ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่กูได้ยินมันขึ้นเสียงอะไฟ เออ ! นั่นน้องกูแท้ ๆ  มึงจะดูบัตรประชาชนไหม พวกกูมาด้วยกันเนี้ย ปู่กูก็มา มึงไปถามปู่กูไป ! กูอะ เกือบเอาหน้ามุดโต๊ะแน่ะ ต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน โคตรอาย” หงส์เล่าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะท่าทางของเธอ

“ฟังดูเหมือนมันอยากให้กูเป็นน้องให้ได้” หงส์พึมพำด้วยประโยคประหลาด ๆ 

“เฮ้อ พูดแล้วก็คิดถึงมันอยู่ดีอะนะ” เธอถอนหายใจ  สมุทรกับไอ้เด่นกลับเข้าครัวไปด้วยกันเพราะสมุทรถูกลุงในโรงครัวเรียกให้เข้าไปชิมอาหาร  ทั้งคู่คงอยากให้หงส์กับผมอยู่กันเป็นส่วนตัวด้วย

“พวกมันสองคนอาจจะคิดแบบมึงอยู่ก็ได้มั้ง” ผมหมายถึงพายุและดิน

เหตุผลที่ว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ถูกต้องแล้วหรือไม่  ในฐานะคนเป็นพี่ที่ตัดสินใจแบบนี้  ถ้าพ่อยังอยู่ผมจะสบายใจกว่านี้ไหม  การที่พายุกับดินต้องเกิดมาเป็นน้องผม  มันจะภูมิใจได้เต็มภาคภูมิงั้นเหรอ  ผมไม่เคยกล้าถามมันด้วยซ้ำ  ถ้ายกเลิกการพูดถึงฐานะทางการเงินและให้อยู่กินอย่างสบาย  ต้องแลกมากับการที่พวกมันต้องอยู่อย่างระมัดระวังตัว  มีระเบียบวินัย  จำเป็นต้องเรียนศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่ยังเล็กและต้องเอาดีทางด้านนี้ให้ได้ในระดับที่พอใจได้ว่าพวกมันจะปกป้องตัวเองได้ 

โลกพัฒนาไปเร็วจนน่าเบื่อหน่าย  ขณะที่ผู้คนมีความคิดเพี้ยนลงเรื่อย ๆ  เราต้องปรับตัวให้ทันยุคสมัยแต่กลับจำเป็นต้องใช้ชีวิตเสมือนสมัยผมเป็นวัยรุ่น  ลืมเรื่อง Social Media ไปได้เลย  อนุญาตให้เล่นได้  แต่ทั้ง Facebook หรือ Instagram นอกจากมันจะต้องควบคุมทุกอย่างให้เป็นแบบส่วนตัวแล้ว   มันก็ต้องคิดทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่จะโพสต์ในแต่ละครั้ง  เพื่อนที่จะเข้ามาเป็นเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ของพวกมันได้  จะต้องเป็นเพื่อนสนิทที่รักมากที่สุดถึงได้อนุญาตให้เข้ามาในชีวิตส่วนตัว  อารมณ์ประมาณว่าถ้าหักหลังกันขึ้นมา  ก็จะสามารถลากหัวมาหาผมได้ง่าย ๆ  โดยไม่ต้องเปลืองพลังงานมากนัก

สิ่งที่โพสต์บนสื่อสังคมจะต้องไม่เป็นสิ่งที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน  และที่สำคัญ จะต้องไม่เป็นสิ่งที่มาทำให้ครอบครัวเดือดร้อนในภายหลัง  ห้าม Check-in สถานที่  ไม่ว่าจะไปที่หรูหราหรือที่กันดารแค่ไหนก็ตาม  ถ่ายรูปได้แต่ห้าม Check-in  และอีก ฯลฯ ที่ผมไม่ได้ออกปากสั่งห้ามเด็ดขาดออกไป  แต่ในฐานะที่เป็นคนในครอบครัวก็จำเป็นต้องมีตรรกะทางความคิดที่ควรคิดได้ด้วยตัวเองว่าอะไรควรทำหรือไม่  ถึงแม้เราจะไม่ได้ทำอาชีพสีดำสนิท  แต่ผมไม่ได้เป็นบุคคลที่อยู่อย่างขาวสะอาด  ไม่ว่าจะน้องชาย  เพื่อนรักหรือลูกน้องคนสนิท  ทุกคนต่างก็รู้ว่าพวกมันไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับผมเพียงแค่มีเจ้านายเป็นเจ้าของค่ายมวย, เล่นอสังหาริมทรัพย์  หรือเจ้าของตลาด ฯ  มันเป็นชีวิตที่เหนื่อยยากกว่านั้น

“ถ้าพายุคิดแบบกูละก็ น้องไม่ตัดสินใจปล่อยมือแม่ตัวเองเพื่ออยู่กับมึงหรอก” หงส์ถอนหายใจ  ผมไม่ได้มองเธอ  รู้เพียงว่าตัวเองถูกมองอยู่

“อยู่กับมึงอะนะ มีอะไรดีวะนอกจากอยู่กินสบาย ตื่นสายก็ไม่ได้ กินข้าวไม่ตรงเวลาก็ไม่ได้ มึงกินอะไรน้องก็ต้องกินตาม ออกไปไหนก็ต้องรายงานให้ฟัง จนป่านนี้ทั้งพายุทั้งดินยังไม่กล้าพาแฟนมาแนะนำให้มึงเลยนี่ ! ศัตรูของพี่ชายรอบตัวไปหมด แถมบางครั้งต้องมีคนคอยตามก้นต้อย ๆ อีก เรื่องเพื่อนก็ต้องระวัง แถมเงินก็จำกัดการใช้ทั้งที่อยู่กินแบบเศรษฐีบรูไนเลยก็ได้ เลี้ยงเด็กสมัยนี้นะมันเอาใจยากจะตาย เป็นคนอื่นมันไม่อยู่ให้โง่หรอก สามีใหม่ของแม่พายุก็ออกจะรวย” เธอบ่นยาวซะงั้น  ผมได้แต่อมยิ้ม  บางส่วนที่เธอพูดมาก็ถูกอยู่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-10-2017 16:00:22

“ไม่จำกัดการใช้เงินเหรอ...มึงลองเอาไปเลี้ยงดูหน่อยไหมล่ะ ?” ผมเลิกคิ้ว  ผมยอมรับทั้งหมดที่เธอต่อว่ามา  แต่มีประโยคเดียวที่ฟังแล้วมันขัดหูจนรู้สึกรำคาญใจ

“มึงรู้ไหม ว่าเสื้อผ้าของใช้ของพวกมัน ปี ๆ นึงกูต้องจ่ายไปกี่ล้าน” ผมบอกเสียงเรียบ 

“หึ ๆ ๆ” หงส์กัดฟันกลั้นหัวเราะ  ดูท่าเธอจะชอบใจที่เห็นผมทำหน้าเอือมระอาเต็มทนได้

“จักรยานของไอ้ดินแต่ละตัวคันละกี่แสน รองเท้ากลุ่มเพื่อนที่เล่น BMX เต้นฮิพฮอพ เล่นสเก็ตบอร์ดอะไรของพวกมันน่ะ คู่นึงไม่ต่ำกว่าห้าพันเลยสักคู่ ไอ้เด็กห่าพวกนี้แม่งใช้ชีวิตกันยังไงวะ กูโมโหทุกครั้งที่เห็นค่ารองเท้าที่มันอยากได้ สมัยกูอายุเท่ามัน คู่ละพันกูกับพี่ธานใส่วิ่งซ้อมมวยจนขาด แทนที่จะทิ้ง กูกับพี่แกต้องเอาไปให้ช่างเย็บแล้วเอามาใส่ใหม่เพราะพ่อแม่งทำเมินใส่กูตอนที่กูบอกว่า...พ่อ ! รองเท้าขาด !  แถมรองเท้าที่กูซื้อใหม่ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงจากที่ไปชกมวยชนะมาด้วย พ่อกูรวยแล้วไงวะ ? กูกับพี่ธานต้องแลกชีวิตวัยรุ่นมากับการตื่นตีสี่เพื่อฝึกศิลปะป้องกันตัวก่อนไปโรงเรียน หลังเลิกเรียนตรงกลับค่ายมาซ้อมมวย แลกมากับการขึ้นชกที่ช้ำไปทั้งตัวจนนั่งขี้ไม่ได้ไปเป็นอาทิตย์ กว่าจะได้มาแต่ละอย่าง” ผมกัดฟันแน่นเมื่อต้องนึกถึงอดีต

“มึง...เก็บกดเหรอไฟ” หงส์นำมือปิดปากขณะเผลอยิ้มกว้างออกมา  ผมถอนหายใจยาวพร้อมส่ายหัว  ไม่เข้าใจทั้งน้อง  ทั้งตัวกูและทั้งพ่อ

“นักมวยตัวเด่นที่ทำรายได้ให้กูต่อปีปีละหลายสิบล้าน รองเท้าที่พวกมันซื้อเองราคาแค่ไม่กี่พันเองมึงเชื่อไหม คู่แพง ๆ ที่พวกมันมีอยู่น่ะเป็นของที่สปอนเซอร์ให้มาทั้งนั้น แล้วกูจะบอกให้เลย พวกมันจบโรงเรียนวัดด้วยซ้ำ ที่มันน่าโมโหคือโรงเรียนของไอ้เหี้ยดิน ไม่ว่าจะจัดแข่งขันส้นตีนอะไรก็แล้วแต่ จดหมายขอให้เป็นสปอนเซอร์ต้องถึงมือกูตลอดทั้งที่กูไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วย กล้าให้กูเป็นสปอนเซอร์...ทั้งที่กูจ่ายให้โรงเรียนแต่ละปีไม่ใช่น้อย แม่งต้องหน้าด้านแค่ไหนวะ” ผมแทบควบคุมน้ำเสียงตัวเองไว้ไม่อยู่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้  ผมไม่เคยบ่นเรื่องทำนองนี้กับใครเลยเพราะมันเป็นเรื่องจุกจิกกวนใจ  ยิ่งถกขึ้นมาก็ยิ่งกวนใจ  ที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่ส่วนนี้ไปโดยไม่คิดบ่น  อาจมีประชดให้พี่ธานฟังบ้างแต่ก็นาน ๆ ที

“ไอ้พายุนี่ไม่ต้องพูดถึง หมามันน่ะ กินดีอยู่ดีอย่างกับราชา แดกข้าวญี่ปุ่นกับเบคอนสามมื้อต่ออาทิตย์ วันดีคืนดีไปซื้อเนื้อนำเข้ามานั่งย่างแดกกับหมาอยู่หลังบ้าน มึงดูมันทำ ไอ้ฉิบหาย กูพูดแล้วขึ้น” ผมถลึงตาใส่หงส์อย่างมีอารมณ์ 

“พรืด ! กร๊ากกกก” หงส์หัวเราะหน้าหงายไปแล้ว

“เอาน่า เงินมึงชาตินี้ก็ใช้ไม่หมดปะ” หงส์พูดปนหัวเราะ

“ก็ใช่ว่ามันเป็นเงินของกู แต่มันก็เป็นเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงคนของกูที่ทำงานอย่างหนักเหมือนกัน จะให้พวกมันเอาเงินกูไปถลุงเล่นเพราะใช้สิทธิ์ความเป็นน้องอย่างเดียวน่ะ มันไม่ง่ายไปเหรอวะ” ผมถอนหายใจ  บ่นไปอย่างนั้นเอง

“ก็มึงมันยิ่งกว่าพ่อของพ่อซะอีก” หงส์ว่า

“เฮ้อ แต่ก็...น้องนี่นะ !” เธอตัดบทยิ้ม ๆ  ลุกขึ้นยืนพร้อมบิดขี้เกียจ  อาจกำลังเปรียบตัวเธอเองกับพี่ชายของเธออยู่ก็ได้  เพราะเธอเองก็เอาแต่ใจเวลาที่อยู่กับพี่ชายเหมือนกัน 
 
“ก็ให้ทุกอย่างที่ให้ได้แหละ” ผมพูดประชดเธอ  หงส์ยักไหล่ยอมรับ  อมยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยสีหน้ามีความสุขเสียอย่างนั้น  ผมคว้าข้าวโพดต้มขึ้นมาหนึ่งฝัก  หงส์เดินตรงไปกลางลานหน้าบ้านพร้อมกับส่งเสียงเรียกหมาของเธอทำให้พวกมันพากันวิ่งกรูกลับมาหาเจ้านาย  ผมหักข้าวโพดต้มออกเป็นสองฝัก  วางครึ่งหนึ่งลงบนจานก่อนนำอีกครึ่งหนึ่งขึ้นสูดกลิ่นเข้าเต็มปอด

“ฟืดดดด ~ อ้า” ผมปล่อยลมหายใจออกอย่างแรง  หอมจริง ๆ ให้ตายเถอะ  สมุทรกลับออกมาจากโรงครัวอีกครั้ง  เขาหันมาเห็นผมกำลังนั่งกินข้าวโพดพอดี

“ผมต้มเองครับ เป็นยังไงบ้าง” สมุทรยิ้มถาม  ผมจ้องมองใบหน้าของเขาที่ดูมีความคาดหวังกับรสชาติอย่างออกนอกหน้า
   
“จับแดกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีไหมนะ” ผมพึมพำขณะเคี้ยวข้าวโพดไปด้วย   

“คุณจะกินอีกเท่าไหร่ก็ได้ครับ มีเหลือในหม้อนึ่งอีกเยอะเลย” สมุทรยิ้มตอบ  ผมชะงัก  ไม่คาดคิดว่าจะถูกอีกฝ่ายตีความหมายไปในแง่นั้น  ความซื่อบื้อของหมอนี่มันก็เกินพิกัดจนอดขำไม่ได้

“นายครับ ฟักทองนึ่งร้อน ๆ มาแล้วคร๊าบ” ไอ้เด่นวิ่งถือจานฟักทองออกมาจากโรงครัว  ผมเหลือบมองชิ้นฟักทองที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ  คนทำคงพิถีพิถันน่าดู  ควันร้อนยังปรากฏให้เห็นว่าเพิ่งถูกนำออกมาจากหม้อนึ่งจริง ๆ  ผมหยิบฟักทองขึ้นชิมหนึ่งคำ  ทั้งหวานและหอมมากทีเดียว

“เนื้อแน่นมากเลยนะครับ ผ่าแทบไม่ลง ไว้เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะทำน้ำฟักทองไว้เป็นอาหารเช้าสำหรับพรุ่งนี้นะครับ” สมุทรพูดให้ฟัง

“ยัยนั่นปลูกเอง” ผมบอก  ส่งสายตามองไปทางหงส์ที่กำลังเล่นอยู่กับหมา

“ทำก็ดีเลย ทำเผื่อไว้ให้หงส์พกไปกินที่โรงบาลด้วยแล้วกัน” ผมสั่ง

“ได้ครับ” สมุทรยิ้มรับ

“หงส์ !” ผมตะโกนเรียก  หยิบข้าวโพดที่ถูกแบ่งไว้ครึ่งฝักโยนขึ้นกลางอากาศโดยไม่บอกกล่าวผู้รับ  ด้วยสัญชาตญาณทำให้เพื่อนผมกระโดดขึ้นสูง  ฝูงหมาของเธอเงยหน้าขึ้นมองกลางอากาศเป็นตาเดียวกัน   

“เจ๋งเป้ง” ไอ้เด่นเอ่ยปากชมตาวาวที่เห็นว่าหงส์รับไว้ได้ทัน

“มันไม่เหมือนหมอใช่ไหมล่ะ” ผมแสยะยิ้ม  ไอ้เด่นยิ้มกว้างพยักหน้าเห็นด้วย  ผมจึงหยิบข้าวโพดอีกฝักให้ไอ้เด่นรับไปกิน  มันนั่งยองลงด้านข้างผมแทนที่จะขึ้นมานั่งเสมอบนแคร่  ส่วนสมุทรยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมนั่ง

“ตอนที่เรียนมหาลัย มันถูกอาจารย์ถามว่า เธออยู่คณะวิจิตรศิลป์ใช่ไหม กูกับไอ้โปรดเกือบเอาหน้ามุดดิน แม่ง ขำฉิบหาย” ผมเล่า  สมุทรกับไอ้เด่นพากันยิ้มกว้าง

“แล้วนี่พี่ชายมึงไปไหน” ผมถามถึง  ตั้งแต่หลังอาหารเช้าไอ้เข้มมาขออนุญาตผมเพื่อออกไปกับคนงานของหงส์  แล้วผมก็ไม่เห็นหัวมันอีกเลย

“มันออกไปรีดนมวัวครับนาย ปี๊ม ๆ” ไอ้เด่นตอบ  ทำหน้าทะลึ่ง ๆ ประกอบการขยับมือของตนด้วย  ทำท่าซะเห็นภาพ  ผมหัวเราะขึ้นจมูก  เข้าใจมุกตลกไร้สาระของมัน  แต่ดูเหมือนคนที่ยืนมองอยู่จะเอือมระอามากกว่าจะขบขันไปกับเราด้วย 

“ปี๊ม ๆ” ผมยักคิ้ว  เลียนเสียงของไอ้เด่นโดยมองไปที่สมุทร  อีกฝ่ายยืนนิ่ง  ไอ้เด่นหัวเราะชอบใจที่เห็นว่าสมุทรพยายามกลั้นอมยิ้มเอาไว้


บรื่น ~~

“ตายยากจริง” ไอ้เด่นเอ่ยปาก  เสียงสามล้อพ่วงกำลังขับมาถึง  ไอ้เข้มกลับมาพร้อมคนงานของหงส์อีกสองคน  มันแทบหน้าบานเมื่อเห็นว่าหงส์อยู่กับพวกเราด้วย  ตามันเยิ้มอย่างกับมีใครเอาน้ำเชื่อมไปราดอย่างนั้น 

“ไอ้เหี้ยนี่โดนสักทีดีมั้ง” ผมพูด 

“ขอโทษครับนาย” ไอ้เด่นรีบออกตัวแทนพี่ชาย

“พี่ชายมึงไม่เห็นหัวกูเลยนะ” ผมจ้องมองไอ้เด่น  มันยิ้มเจื่อน  ผงกหัวขออนุญาตแล้วลุกไปช่วยไอ้เข้มกับคนงานเพื่อย้ายถังนม  สมุทรรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือด้วยอีกแรง  ถังนมสเตนเลสขนาดค่อนข้างใหญ่ที่มีคนของผมเข้าไปช่วยจึงทำให้การเคลื่อนย้ายนมลงจากรถหมดภายในไม่กี่วินาที 

“วันนี้ได้เท่าไหร่” หงส์ตะโกนถามคนงานของเธอ

“เหลืออีกสิบตันครับ อันนี้ผมแบ่งมาก่อนตามที่คุณหงส์บอก” คนงานตอบ

“ขอบใจมาก” หงส์พยักหน้ารับทราบ

“เดี๋ยวกูจะให้คนงานเตรียมใส่ขวดแก้วไว้ให้ เอากลับบ้านไปด้วยนะ” หงส์บอกผม  คงหมายถึงนมที่เพิ่งได้มาสดใหม่  ผมพยักหน้า  อีกฝ่ายนั่งลงข้าง ๆ  พูดเสร็จก็กัดข้าวโพดกินต่อ  ส่วนผมชอบกัดเล็มทีละเม็ดเรียงไปเรื่อย ๆ ให้เป็นทางยาวในแนวตั้ง  เสร็จแล้วค่อยแทะไปตามแนวขวางเป็นคำ ๆ อีกทีหนึ่ง

“กินแบบนั้นเพื่ออะไร ?” หงส์ขมวดคิ้วมอง

“........” ผมมองตาเธอ  ไม่ได้ตอบออกไป
 
“คนของมึงนี่ ไม่ว่าจะคนใหม่คนเก่าก็เป็นงานดีนะ กูก็อยากได้แบบนี้บ้าง หาให้บ้างสิ” หงส์จ้องมองไปที่สมุทร  ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่กำลังขนสเตนเลสเปล่าจากโรงเก็บนมกลับมาขึ้นรถ  ผมถึงกับถอนหายใจอย่างหมดแรง  มันหาง่ายซะที่ไหนวะนั่นน่ะ

“สมัยนี้กว่าจะได้คนงานผู้ชายแข็งแรงหัวไวนี่มันยากจริง ๆ  บางคนโคตรขี้เกียจ แต่อยากรวย พอไล่ออกก็หาว่าใจร้าย อยู่กับคนแบบนี้กูโคตรปวดหัว” หงส์บ่นไปกินไป  ผมยิ้ม  นั่งรับฟังเธอระบายความในใจเงียบ ๆ  แน่นอนว่าผมไม่ได้โชคดีเรื่องลูกน้องร้อยเปอร์เซ็นต์แบบที่เธอเห็นนี่นะ  พูดไปก็จะเป็นเรื่องยาวซะเปล่า

“เออ ยังไม่ได้ถามถึงเลยว่าที่ค่ายเป็นยังไงบ้าง” หงส์พูด  บานเย็นเดินกลับมานั่งขนาบข้างขาแม่มันไม่ห่าง

“ก็เรื่อย ๆ  ถือว่าไม่แย่ ปีนี้นักมวยชกชนะเยอะกว่าปีก่อน แต่ก็มีนักมวยหน้าใหม่มาให้ดูแลเพิ่มด้วย ก็...ถัวเฉลี่ยกันไป” ผมตอบ

“กลับไปคราวนี้ก็ระวังตัวให้มากล่ะ” หงส์พูด 

“มีอะไรก็โทรมา กูพร้อมช่วยเสมอ” เธอหันมายักคิ้วให้  ผมเฉย  นั่งจ้องมองหน้าเธอเงียบ ๆ

“มองอะไร” หงส์ทำหน้าระแวง 

“มึงเป็นหมอก็ดีอยู่แล้ว” ผมยิ้มมุมปาก  ไม่คิดตอบรับความช่วยเหลือโดยตรง  รู้ว่าเธอกำลังหมายถึงเรื่องอะไร

“ตามจริงหมอก็ไม่ค่อยเหมาะกับมึงหรอก แต่มึงเย็บแผลสวยดี” ผมพูด  อีกฝ่ายหัวเราะ

“เดี๋ยวกูต้องส่งนักมวยกับเทรนเนอร์ไปเก็บตัวฝึกกับค่ายมวยที่ฮ่องกงอีก ลุงฮานเขาขอมาตั้งแต่ปีที่แล้ว กูยังไม่ว่างสักที” ผมถอนหายใจ   

“ทำไม” หงส์สงสัย 

“ก็ถ้าส่งไป กูก็ต้องไปด้วย อยู่เป็นเดือน ๆ” ผมตอบ 

“อะไรคะ นี่ดิฉันหูฝาดไปรึเปล่า คุณไฟผู้บ้างานพูดแบบนี้ก็เป็น มีอะไรทำให้ไม่อยากไปต่างประเทศหรือคะ หรือว่า...มีคนที่ทำให้รู้สึกว่ามีคุณค่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้แล้ว คิก ๆ” หงส์แซ็ว  ได้ทีทำหน้ากรุ้มกริ่มยกใหญ่

“ฮึ” ผมหัวเราะขึ้นจมูกและไม่คิดที่จะปฏิเสธเธอ

“อยากไปเที่ยวบ้างจังนะ คิดถึงติ่มซำร้านประจำพ่อมึงด้วย” เธอพึมพำ

“ไปสิ ไบที่นั่นแม่งแจ่มสัส” ผมแสยะยิ้ม  หงส์ถลึงตาโตด้วยสีหน้าสนอกสนใจขึ้นมา

“นี่อย่าบอกนะ ว่ามึงฟาดลูกชายเจ้าของร้านติ่มซำไปแล้ว !” หงส์หันขวับมาหน้าตาตื่น  ผมว่าที่เราเป็นเพื่อนรักกันได้เพราะเธอประสาทสัมผัสไวดีน่ะนะ

“........” ผมนั่งเฉย  เหลือบตามองไปทางบานเย็นที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่

“ไส้ฮะเก๋าแน่นมากเลย” ผมพึมพำ  กะพริบตาปริบ ๆ ให้เธอ

“มึงนี่เหลือเกินนน...” เธออ้าปากหวอ

“ว่าไป...ไม่มีใครคิดทำวิทยานิพนธ์เรื่องเสียงครางของแต่ละประเทศบ้างเหรอวะ” ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง 

“มึงไม่มีเซ็กส์นี่มึงจะตายไหม” หงส์กระแทกเสียงทั้งที่กำลังกลั้นรอยยิ้มตัวเองเอาไว้

“ไต้หวัน เกาหลีนี่ของดี...เอบวกเลย” ผมทำหูทวนลมไม่ฟังเสียงบ่นจากเธอ  หงส์ถอนหายใจอีกครั้ง

“หรือว่ามึงชอบงานช่ำชอง ? งั้นต้องไปนี่เลย แดนปลาดิบ my favorite ดินแดนแห่งการใส่ใจรายละเอียด” ผมยักคิ้วทีนึง  อยู่ดี ๆ หงส์ก็อมยิ้ม  เบือนหน้าหนีผมไปอีกทาง  ผมยิ้มกว้างมอง

“กูเป็นเพื่อนมึงได้ไงนะ” เธอบ่นออกมา 

“ไหนมึงบอกว่ามึงชอบสมุทรไง นี่มึงจะหยุดนิสัยแบบนี้ของมึงได้ไหมเนี้ย” หงส์ต่อว่า 

“เอามารวมกันทำไม หัวข้อมันก็แยกกันอยู่แต่แรก” ผมไม่สน

“โชคดี !” เธอสบถใส่

“ไปด้วยกันไหมล่ะ เดี๋ยวให้คนมารับ” ผมถามจริงจัง

“กูกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ยิ่งกว่ามึงซะอีก หมอไม่พอ ข้าวเที่ยงยังลืมเลยว่ากินไปแล้วรึยัง” เธอทำหน้าเซ็ง

“ตรวจไปแดกไปไม่ได้เหรอวะ ส่วนตัวกูไม่ถือนะ” ผมพูดติดตลก  อีกฝ่ายหัวเราะ

“หุ่นยนต์ยังต้องใส่ถ่านเลย แดกข้าวให้ตรงเวลาซะ” ผมสั่ง  หงส์ทำลอยหน้าลอยตาไม่ยอมรับปากผมโดยดี

“มึงคอยบอกให้คนอื่นรักษาสุขภาพ หัดบอกตัวเองซะบ้างเถอะ เวลาที่มึงสอนคนอื่นแต่มึงทำไม่ได้ มึงกล้าไปสอนเขาได้ไง” ผมส่ายหัวไม่เข้าใจ 

“ทีเรื่องนี้มึงนี่ขี้บ่นเป็นบ้า” หงส์หันกลับมาทำหน้ามุ่ยใส่ผมอีก

“เตือนก็หาว่าบ่น” ผมว่า

“เวลาที่มึงส่องกระจกแล้วมึงโทรมกว่าคนไข้ มึงไม่กลัวตัวเองเหรอวะ” ผมพูดปนหัวเราะ

“สัส !” หงส์ด่าเขิน ๆ

“ใจจริง...กูก็อยากลาออกอยู่หรอก” เธอถอนหายใจ  คอตกลงคล้ายคนหมดแรง

“แต่ก็คิดไม่ตก ดันรู้สึกเหมือน...เห็นแก่ตัว”

“กูอะนะ อยากเปิดคลินิกเล็ก ๆ ใกล้กับไร่ ชาวบ้านแถวนี้จะได้เดินทางไปมาสะดวก เล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้ไม่ต้องเข้าเมือง แล้วก็...จะได้มีเวลาดูแลไร่มากขึ้นด้วย แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบเยอะแยะ” หงส์อมยิ้มพูดให้ฟัง

“จะเสียเวลาเรียนหมอทำไมตั้งแต่แรกเล่า” ผมกวนเธอ

“ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าอยู่กับสวนกับไร่แล้วสบายใจกว่าอะ ! ทีมึงยังเรียนบริหารเลย” หงส์สวนผม

“ธุรกิจพ่อกูเยอะแยะ” ผมยักคิ้วกวนเธอไม่หยุด

“ชิ !” หงส์สะบัดหน้าหนีอีกครั้ง  ผมยิ้มมอง  วันนี้คอเธอจะหลุดออกมาไหมนะ  สะบัดบ่อยฉิบหาย

“แบบนั้นก็ดี” ผมเอ่ย  เห็นดีด้วยกับความคิดของเธอ  หงส์อมยิ้มได้นิดหน่อย

“...เห็นแก่ตัวเหรอ ?” ผมทิ้งเสียงลง  กัดข้าวโพดแถวสุดท้ายเข้าปาก  ครึ่งฝักแรกหมดลง  มันเกลี้ยงเกลายิ่งกว่าเอามีดปาดเสียอีก

“มึงช่วยเหลือทุกคนไม่ได้หรอก” ผมพูด

“จะมีสักกี่คนที่ยอมสละชีวิตทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อคนอื่น ชีวิตมึงไม่ได้เกิดมามีหน้าที่แบกรับความลำบากของทุกคน ถ้ามึงเฝ้าแต่คิดแบบนี้ พอถึงจุด ๆ หนึ่งที่ร่างกายมึงแย่ คนที่จะคอยประคองมึงคือครอบครัว จะมีกี่คนที่จะหันกลับมามองสิ่งที่มึงเคยทำไว้ สุดท้าย...มึงต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายหันกลับมาช่วยเหลือตัวเอง” ผมวางข้าวโพดลงบนถาดก่อนหยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

“ความจริงคือเรายังต้องเผชิญกับคนคิดเอาแต่ได้ ทำไมถึงไม่ทำแบบนี้ล่ะ ? พอไม่ถูกใจ เป็นฝ่ายเสียประโยชน์ขึ้นมา มึงแหละผิด กูสิถูก มึงมันเห็นแก่ตัว” ผมพึมพำไม่จริงจังอะไรนัก  คนฟังหัวเราะไม่ปฏิเสธ

“เอาคำพูดของคนที่ไม่ได้ห่วงเราจริง ๆ มาใส่ใจ คนพูดน่ะลืมไปแล้ว มีแต่มึงต่างหากที่ยังเจ็บปวด”

“มึงนี่ ละเอียดอ่อนจังนะ” หงส์อมยิ้มเจ้าเล่ห์

“กูใสซื่อสุด ๆ” ผมยักคิ้วตอบ  หงส์หัวเราะ

“มีคนอีกเยอะแยะที่ไม่เคยปรับตัวเองเพื่อทำประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ใครเลย ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าร้ายคนที่ไม่รู้จัก ทิ้งขยะในที่ ๆ ควรทิ้ง อยู่ยังไงไม่ให้ข้างบ้านเดือดร้อน ไม่ต่อราคาของจนแม่ค้าร้องไห้ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ที่จริงมันคือประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ  มึงอย่าไปมองให้เรื่องมันใหญ่สิ” ผมพูด

“นั่นสิ ทำไมกูถึงลืมคิดไปได้นะ” หงส์พึมพำตาลอย

“ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะเจ้าของไร่...หรือหมอ มึงก็ทำดีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ ดีที่สุดคือ...สุดที่กำลังของตัวเอง ไม่เกินไปกว่านั้น ชาวบ้านแถวนี้ได้มีงานทำ ไม่ต้องเดินทางเข้าเมือง มึงเลี้ยงดูพวกเขาอย่างดี สินค้าที่มึงส่งออกไปเป็นสินค้ามีคุณภาพ กูยังไม่เห็นว่ามึงทำเรื่องที่เรียกว่าเห็นแก่ตัว อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะคิดแทนคนอื่นหงส์ เพราะอีกฝ่ายเขาอาจไม่ได้คิดถึงมึงเลยก็ได้ ทำให้มันพอดี”

“งั้น...ที่มึงถูกยิงมานี่ยังไม่เกินกำลังมึงใช่ไหม” หงส์จ้องมองตาปริบ

“ไม่กวนตีนสิครับ” ผมทำสีหน้าแบบเดียวกันกวนเธอกลับ  หงส์หัวเราะ

“มึงเองก็เหมือนกันนะ กูเป็นห่วง” หงส์พูดลอย ๆ  เราเงียบลง

“เฮ้อ ! กูก็ว่าจะปรึกษาปู่เรื่องนี้อยู่แหละ” หงส์ฉีกยิ้ม

“ถ้าจะทำก็บอกแล้วกัน” ผมพูด 

“........” หงส์เงียบไป

“ค่าก่อสร้างกูจะออกให้เอง” ผมบอก  อีกฝ่ายหันกลับมาตาเบิกโต 

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-10-2017 16:01:00

“แต่มันคง.. หลายล้าน” หงส์พูดตะกุกตะกัก

“ค่าสินสอดจากไอ้เข้มน่ะ” ผมยักคิ้ว

“งั้นกูไม่เอา !” อีกฝ่ายตะคอกเสียงหลง

“ฮ่า ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  ดูท่าจะทำให้งอนอีกแล้ว

“กูจะจ่ายเอง...ทั้งหมดเลย แต่ทีมสถาปนิกต้องเป็นคนของกู” ผมพูด  ยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าไม่ได้พูดเล่นไปเรื่อย  หงส์เงียบลงครู่ใหญ่  อีกทั้งไม่ยอมหันหน้ากลับมา

“มึงไม่ต้องคิดว่าสิ่งที่กูกับปู่ทำมาตลอดมันเป็นบุญคุณหรอกนะ พวกเรามันเกินขีดนั้นกันมาแล้ว” หงส์พูดขึ้น 

“ไม่ได้คิด แค่เงินเหลือ” ผมตัดบทไม่ให้เธอคิดมาก  อีกฝ่ายเหล่ตามายิ้มด้วยใบหน้าดีใจ

“พูดจริงนะ” เธอย้ำ

“อืม” ผมขานตอบ

“ขอบคุณ” หงส์ยิ้มเขิน 

“เออ ! ลืมอัดเสียงมึงไว้เลย เดี๋ยวมึงเบี้ยวกูขึ้นมาทำไงล่ะ !” หงส์ทำหน้าตกใจตื่น  ท่าทางของเธอทำให้ผมหลุดหัวเราะอีกครั้ง

“ขอห้องพักคนไข้ด้วยได้ไหม สัก...สิบห้องเลย” หงส์วาดฝัน 

“อีควาย ตกลงจะทำคลินิกหรือสร้างแลนด์มาร์ค” ผมถอนหายใจ  แน่นอนว่ารู้ว่าถูกเธอกวนตีนอยู่

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” หงส์หัวเราะ

“อยากทำอะไรก็ทำ ถ้ารักษาไว้น่ะนะ” ผมว่า

“ว่าแต่ว่า...เตียงคนไข้นี่ใช้แบบหมุนแล้วมีไฟกะพริบได้ปะวะ กระจกบนเพดาน เก้าอี้หมอเป็นม้าหมุนอะไรแบบนั้น” ผมอมยิ้ม

“........” หงส์ไม่ตอบ  เพราะเธอกำลังมองผมด้วยสายตาหยามเหยียดอยู่ 

“น้ำแตงโมปั่นมาแล้วครับนาย” ไอ้เด่นกลับมาอีกครั้งหน้าตาเบิกบาน  สมุทรตามหลังมันมาด้วย  เขาถือถาดเสิร์ฟ  มีน้ำแตงโมปั่นอยู่บนนั้นหลายแก้ว

“ดีจังเลยนะครับ ที่ไร่มีแต่ของโปรดของนายทั้งนั้นเลยครับคุณหงส์” ไอ้เด่นยิ้มกว้าง

“ใช่มะ ฉันปลูกเอาใจมันไง จะได้มาหาฉันแบบร่างกายปกติ ๆ กับคนอื่นเขาบ้าง” เธอยักไหล่  ผมไม่คิดเถียงเธอ  รับน้ำแตงโมปั่นจากสมุทรมาชิม 

“แตงโมหวานอยู่แล้ว ของคุณไฟผมเลยใส่น้ำเชื่อมแค่ครึ่งช้อนโต๊ะเท่านั้นครับ” สมุทรบอก  เขาดูเป็นกังวลกับเรื่องรสชาติมากเพราะผมไม่ชอบกินเครื่องดื่มหวาน ๆ  ถ้าพี่ธานหรือพายุอยู่คงช่วยกำกับได้ว่าอาหารแบบไหนผมกินรสชาติแบบใด  ผมพยักหน้ารับทราบส่ง ๆ ไปที  ไม่คิดบอกเขาด้วยว่าน้ำแตงโมอร่อยถูกปากหรือไม่ 


หงส์กับไอ้เด่นมองมาที่ผมกับสมุทรด้วยสายตามีนัยยะ  แต่ผมก็ไม่คิดทักถาม

“สมุทรจะมาที่นี่อีกบ่อย ๆ ก็ได้นะ ฉันให้พักฟรี” หงส์ขยิบตาข้างหนึ่ง

“ขอบคุณครับ ไว้ผมจะมาแน่ ๆ  อาจจะขอรบกวนคุณ...” สมุทรตอบรับอย่างไม่รีรอ

“เฮ้ ๆ ๆ” ผมเผยอปากเอ่ยขัดปรามเขา  ฟังแล้วรับไม่ได้

“ชวนไอ้เข้มบ้างสิ” ผมแกล้งหยอกเพราะเห็นไอ้เข้มกำลังเดินมาทางพวกเราพอดี  หงส์เบะปากเล็กน้อย  กลอกตาซ้ายทีขวาทีกวนอารมณ์  ไอ้เข้มหยุดยืนอยู่ข้างสมุทรด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม  ผมชี้มือลงที่หน้าขาส่งสัญญาณให้ไอ้เด่นนวด  ไอ้เด่นรีบนั่งยอง ๆ ลงด้านข้างแล้วนวดขาให้ผม  จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบไป  ผมเท้ามือลงบนแคร่แล้วเอนตัวไปด้านหลัง  จ้องมองไอ้เข้มที่ยืนอยู่ตรงหน้า  แกล้งอะไรพวกมันดีนะ ???

“ชอบไหมล่ะแบบนี้ กูมาขอให้เอาเปล่า เงินเก็บมึงก็พอมีอยู่นี่” ผมเลิกคิ้วไปทางหงส์
 
“ไอ้ไฟ” หงส์ปราม  สีหน้าเลิ่กลั่กดูตลก

“ถึงมันจะมือหนักตีนหนักไปหน่อย แต่หุ่นมันน่าเจี๊ยะสุด ๆ เลยใช่ไหม มึงก็...ช่วยสงเคราะห์เป็นผัวให้มันหน่อยได้ไหม” ผมกวาดตามอง  ถ้าไอ้เข้มจะรู้จักผมดี  มันคงรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่  อีกฝ่ายจะว่ายิ้มออกมาก็ไม่เชิง  สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากกว่า

“ตกลงว่า สินสอดประมาณเท่าไหร่ดีที่รัก ว่ามาสิ คนของกูจะได้ทำตัวถูก” ผมสะกิดแขนหงส์  เจ้าตัวปัดมือผมออกอย่างแรง  หน้าแดงแปร๊ดเลย

“หุบปาก” หงส์ขึ้นเสียง  มือตะปบเข้าที่หน้าผมดัง เพียะ !

“ถ้ามึงไม่เอามัน มึงก็จะไม่มีผัวแล้วนะ” ผมแกล้งโวยวายด้วยสีหน้าหนักใจ

“มันเรื่องของกู ! มีคนมาชอบกูเยอะแยะ ลูกน้องมึงเป็นใครไม่ทราบ” หงส์ว่า  ไม่ยอมผมเช่นกัน

“เอ้า” ผมแกล้งสบถ  ขณะเดียวกันก็กวักมือเรียกให้ไอ้เข้มเข้ามาหาใกล้ ๆ มากขึ้น  อีกฝ่ายก้มตัวมายืนด้านซ้ายมือของผม   

“ถอดเสื้อซิ” ผมสั่งห้วน ๆ

“เอ๊ะ ครับ ?” ไอ้เข้มอุทานด้วยสีหน้ามึงงง

“กูบอกให้ถอดเสื้อ” ผมย้ำ  ไอ้เข้มผงกหัวรับทราบ  มันยอมถอดเสื้อยืดสีเทาที่สวมอยู่ออกด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยนอย่างกับสาวแรกแย้ม  พอถอดเสื้อออก  มือข้างหนึ่งกำเสื้อไว้  อีกข้างหนึ่งนำไปจับแขนข้างที่มันถือเสื้ออยู่  แขนของมันอยู่ในลักษณะไขว้กันคล้ายพยายามจะปกปิดร่างกายให้มิดชิด  หงส์มองไอ้เข้มกะหลับกะเหลือก  คนที่ควรจะหัวเราะควรเป็นผม  แต่กลายเป็นสมุทรกับไอ้เด่นกำลังมีท่าทางทรมานที่ต้องอดกลั้นการหัวเราะเอาไว้


ไอ้เข้มก้มหน้าอยู่นาน  ครู่หนึ่งมันก็ช้อนตาขึ้นมองหงส์เล็กน้อย 

“มองไร !” หงส์แยกเขี้ยวใส่ทันที

“ขอโทษครับ” ไอ้เข้มก้มหน้าลงเหมือนเดิม

“หงส์...กูจะบอกมึงให้นะ หุ่นแบบนี้นี่ไม่ได้ได้มาง่าย ๆ มึงก็รู้” ผมพูด  นำนิ้วเขี่ยหน้าอกไอ้เข้มประกอบ  ไอ้เข้มสะดุ้ง  ขยับตัวนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหนีมือผมไป

“คนที่มาจีบมึง กูวิเคราะห์ได้เลยว่าไม่เตี้ย ก็ลงพุง” ผมบอก  ทันทีที่หงส์ได้ยินเธอก็กัดฟันแน่น  ตาแทบจะถลนแต่กลับเถียงผมไม่ได้สักคำ

“แถมไอ้เข้มของกูน่ะ กระตุกหน้าอกเก่งนะเว้ย” ผมตะล่อม  ครั้งนี้ไอ้เด่นถึงกับหยุดขยับมือที่กำลังนวดขาผมอยู่  มันก้มหน้าลงบนแคร่ยิ้ม ๆ  สมุทรที่พยายามกลั้นอมยิ้มไว้นานถึงกับหันหลังให้พวกผมในทันที

“โชว์ซิ” ผมพยักหน้าสั่งไอ้เข้ม  อีกฝ่ายอมยิ้ม  ก้มหน้าลงเคอะเขิน

“ไม่ต้อง ! ไอ้บ้า ! ฉันเพื่อนเล่นนายเหรอ” หงส์มองไอ้เข้มตาขวาง

“ถ้ามึงไม่หยุดนะไฟ” เธอหันมาขู่เมื่อจนหนทาง   

“ชอบเพื่อนกูรึเปล่า ?” ผมตั้งคำถามขึ้นโต้ง ๆ  ทำให้ทุกคนเงียบปากสนิท  สมุทรหันกลับมามองหน้าไอ้เข้มด้วยท่าทางสนใจ  ไอ้เข้มไม่ตอบ

“กูถามว่าชอบเพื่อนกูรึเปล่า” ผมย้ำอีกครั้ง  เหลือบตามองไปเบื้องหน้า  หางตาสังเกตเห็นว่าไอ้เข้มมีท่าทีอึกอักและพยายามมองไปที่หงส์อยู่ตลอด  แต่คนที่ถูกมองกลับเบือนหน้าหนี 

“ไม่ตอบแปลว่าไม่ชอบใช่ไหม งั้นก็ดี...งั้นมึงชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะ หุ่นแบบไหน เพื่อนกูมันถึกไปล่ะสิ มีพริตตี้เนื้อนิ่ม ๆ แอบชอบมึงอยู่เยอะเหมือนกัน เดี๋ยวกลับไปก็ตามสบายเลย กูอนุญาต ถือว่าโบนัสปีนี้” ผมฉีกยิ้มให้

“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับนาย ผม...ผมไม่ได้ชอบ แบบนั้น ครับ” ไอ้เข้มเริ่มร้อนรน  มันพยายามจะปฏิเสธแต่กลับตะกุกตะกักไปหมด 

“ผู้ชายก็เป็นแบบนี้หมดแหละ” หงส์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ 

“แบบไหนไม่ทราบครับ” ผมย้อนถาม

“ก็แบบมึงไง ! ลูกน้องก็คงเหมือนกันไม่ผิดมั้ง เจ้าชู้ หื่นกาม ไม่เลือก !” หงส์กระแทกตอบใส่หน้าผม

“เจ้าชู้กับหื่นกามก็ไม่เถียงหรอกนะ แต่ไม่เลือกนี่ขอเถียงได้ไหมล่ะ เพราะถ้ากูไม่เลือก ก็คงเอามึงไปแล้ว” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  มองเธออย่างเย้ยหยัน



เพียะ !

โดนซัดอีกรอบก็ดี

“หึ ๆ ๆ” ผมกัดฟันหัวเราะ  ซบหน้าลงบนแคร่จากการถูกตบเข้าเต็มแรง  น่าขำจนหยุดหัวเราะไม่ได้ 

“มึงไม่ต้องมาที่นี่อีกเลยนะ” หงส์พึมพำ  ทำท่าจะเคืองจริง

“ไม่เอา กูคิดถึง” ผมขยิบตา  เกลี่ยเส้นผมออกจากบ่าเธอให้เบา ๆ  อีกฝ่ายหลุดอมยิ้มมุมปากนิดหน่อย

“สิบล้าน ให้ขาดตัวเลย” ผมเข้าไปกระซิบ

“หมายถึงมึงเอามาให้กูสิบล้าน แล้วมึงก็เอาตัวไอ้เข้มไปนะ” ผมขยายความ  หงส์ทำท่าจะหลุดยิ้มแต่ก็หันขวับมาถลึงตาใส่ผมทันที

“ถ้าตกลงซื้อขายกันตามนี้ เดี๋ยวกูจัดการให้พี่ธานส่งสินค้าให้ ส่งฟรี EMS  ถ้าสินค้าไม่อึด กูรับเคลมประกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“ไอ้ไฟ !” หงส์กระแทกเสียง  หน้าแดงลามไปถึงหู

“เฮอะ ! ผู้ชายหุ่นดีแล้วรวยมีอีกเป็นล้าน เดี๋ยวกูจะหาหุ่นแบบพวกมึงมาให้มึงดู !” หงส์กระแทกเสียงใส่หน้าผม  ครั้งนี้เธอลุกขึ้นเดินสับเท้าหนีไปเลย

“คนแบกข้างสารอะนะ !” ผมตะโกนไล่หลัง  หงส์หันกลับมาชูนิ้วกลางขึ้นกลางอากาศ
 
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  ไอ้เข้มมองตามหลังหงส์ตาละห้อย 

“ตามไปสิ” ผมพูดขึ้น  ทุกคนชะงัก  ผมช้อนตามอง  ไอ้เข้มหลบสายตาพร้อมก้มหัวลงทันที

“ถ้ามึงชอบ มึงก็แค่ตามไป แต่ถ้าในหัวของมึงไม่คิดอยากสานสัมพันธ์จริงจัง มึงก็ยืนอยู่ตรงนี้ แล้วหลังจากนี้...ไม่ต้องเสือกทำอะไรทั้งนั้น ถ้ากูเห็นว่ามึงแอบมองเพื่อนกูด้วยสายตาแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ กูจะควักตามึงให้หมามันแดกแล้วส่งมึงคืนสู่ป่า” ผมจริงจัง  ไม่มีแม้แต่การหยอกเอินเพียงเศษเสี้ยว  ลูกกระเดือกของไอ้เข้มขยับขึ้นลง  ลำคอคล้ายกับกลืนบางอย่างลงไป 

“ผมชอบคุณหงส์ครับนาย !” ไอ้เข้มพูดโผงออกมา  ลำตัวมันโค้งก้มลงมากกว่าเดิม

“........” ผมเงียบ 

“ผมชอบคุณหงส์มานานแล้วครับ ตั้งแต่...ตั้งแต่ที่เจอเธอครั้งแรก” ไอ้เข้มพูดโดยไม่มีการเงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อย

“สิ่งที่กูทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้แปลว่ากูให้ท้ายมึงอยู่” ผมเตือนสติ 

“กูจะให้มึงเลือกใหม่อีกรอบ....” ผมเสนอ 

“เมื่อไหร่ ที่เพื่อนกูเจ็บปวดมาเพราะความจังไรของมึง กูจะไม่ให้มึงอยู่อย่างมีความสุขบนโลกนี้ ทีนี้...มึงเลือกอีกครั้งซิว่า จะไป...รึไม่ไป ?”

“........” ไอ้เด่นนั่งจ้องมองไอ้เข้มที่นิ่งไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล 

“ผมขอไปครับนาย” ไอ้เข้มตอบฉะฉาน

“ผมไม่ได้ชอบคุณหงส์ฉาบฉวยครับ”

“งั้นก็รีบไปคุยให้รู้เรื่องก่อนที่จะมีหมามาคาบไปแดกระหว่างที่มึงไม่อยู่ ก็กระดากปากจะพูดอยู่หรอก แต่ก็มีคนมาชอบมันเยอะจริง ๆ นั่นแหละ ไม่แน่ว่าเมื่อกี้มันอาจจะพูดจริงเพื่อเอาชนะกูอยู่ก็ได้ ไปซะ...เป็นอย่างที่มึงเป็น” ผมพูด 

“ขอบคุณครับนาย” ไอ้เข้มขานรับ  มันไม่ได้ยิ้ม  แต่ไหงผมถึงเห็นว่ามันหน้าบาน

“อ้อ เตือนไว้อย่าง ถ้ามึงแตะต้องตัวมันแม้แต่นิดเดียว มันจะชกมึงทันที แต่ถ้ามึงหลบได้ จะยิ่งทำให้มันโมโห แต่ถ้ามึงไม่หลบ เป็นไปได้ว่ามึงอาจจะต้องพบหมอฟันเพราะเคยมีเคสนี้มาแล้ว แต่กูว่า เคสฟันหักนี่พี่ใหญ่ของพวกมึงน่าจะยอมจ่ายให้นะ อยากดูจัง” ผมกะพริบตาปริบ ๆ

“ผมจะระวังตัวครับ” ไอ้เข้มผงกหัวอีกครั้งก่อนใส่เกียร์หมาวิ่งออกไป

“ไอ้เข้ม ใส่เสื้อด้วย ไอ้ซื่อบื้อเอ๊ย !” ไอ้เด่นตะโกนด้วยท่าทางตกใจที่เห็นพี่ชายของมันวิ่งตามหงส์ไปทั้งที่ท่อนบนยังเปลือยเปล่า

“ตามมันไปซิ ถ่ายวิดีโอมาให้กูดูด้วย” ผมสั่ง  สะบัดขาออกจากมือไอ้เด่น

“ได้ครับนาย” ไอ้เด่นห่างแกว่งร่าเริง  มันรีบวิ่งตามหลังพี่ชายไปอีกคน 

“ไอ้นี่แม่งเห่ยเป็นบ้า” ผมพูดปนหัวเราะ  แต่กลับต้องหุบปากลงเพราะได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่อยู่ใกล้ ๆ  ผมตบมือลงบนแคร่ส่งสัญญาณให้เขานั่ง  อีกฝ่ายส่ายหัว  ยอมเดินมาแล้วนั่งลงบนแคร่โดยเว้นระยะห่างจากผมไปคืบหนึ่ง 

“ขอให้ได้แกล้งนะครับ สนุกมากรึไง”

“ไม่สนุกเหรอ ?” ผมตีหน้าซื่อ

“แล้วไหงเมื่อกี้ฉันใครบางคนกลั้นหัวเราะแทบตาย” ผมหยิบน้ำแตงโมขึ้นดื่ม  สมุทรอมยิ้มเขิน ๆ  ผมจึงขยับขาขึ้นเบี่ยงไปพาดลงบนตักของเขา  อีกฝ่ายนั่งนิ่ง     

“ยังไงคุณหงส์เธอก็เป็นผู้หญิง ไปแกล้งเธอต่อหน้าผู้ชายหลายคนแบบนี้ก็ไม่ดีครับ”

ผมกลอกตาวนไปมา  ฟังอีกฝ่ายบ่นแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

“หายดีแล้วนี่ครับ” สมุทรเปลี่ยนเรื่อง  เป็นการคุมโทนเสียงอย่างนุ่ม ๆ พร้อมวางมือลงบนหน้าแข้งผม

“ขอบคุณที่ชม” ผมตีหน้าตาย  รู้ว่ากำลังถูกกวน

“ดีเลยครับ ผมอยากออกมานอนที่ชานบ้านอยู่พอดี” สมุทรพูด  เป็นนัยยะว่าได้เวลาที่เขาจะเลิกนอนเฝ้าผมบนเตียงเดียวกันเสียที

“ดีเลย ฉันกำลังอยากออกไปนอนที่ชานบ้านพอดีเหมือนกัน” ผมบอก

“........” สมุทรเงียบ  จ้องมองผมด้วยหางตา  ผมยักไหล่ข้างหนึ่ง  เขาคิดจะทำยังไงผมก็จะทำตามอย่างนั้น  สมุทรเบือนหน้าหนีผมอย่างเนิบช้า  มือเริ่มขยับบีบนวดขาผมเบา ๆ  ผมอมยิ้มมุมปาก  ถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายลูบผ่านหน้าแข้งไปถึงปลายเท้า  แววตาของเขาคล้ายกับมีอะไรแอบแฝงอยู่  แต่ถึงรู้อย่างนั้นผมก็เลือกที่จะไม่ขยับขาหนี

“อย่าน่า เกิดมันหักขึ้นมาคนที่ต้องดูแลฉันต่อก็ไม่พ้นนายอยู่ดี” ผมพูดดักความคิดอีกฝ่าย  สมุทรอมยิ้มที่ถูกจับได้

“เดี๋ยวผมเอาขาบานเย็นมาต่อให้ก็น่าจะพอดีกันครับ” เขาหันมาประชด 

“ฉันมีอีกตั้งหลายอย่างที่อยากทำโน่นทำนี่ เป็นเรื่องปู้ยี่ปู้ยำน่ะ เกรงว่าถ้าฉันพูดออกมา นายอาจจะรับไม่ได้”

“งั้น...กรุณาเงียบปากไว้ด้วยครับ” คำขอของเขาทำให้ผมหัวเราะ

“อย่างนั้น รบกวนคุณสมุทรกลับมานอนที่ห้องอย่างเดิมด้วยนะครับ ชานบ้านมันโจ่งแจ้งไป” ผมพูดขอดี ๆ  แต่มีนัยยะแฝงอยู่มากมาย  สมุทรหันกลับมาจ้องเขม็ง  ดูไม่พอใจที่ผมแอบขู่  ผมกวาดตาพลางยิ้มมอง  นำปลายเท้าเขี่ยเข้าที่ต้นขา  ทำเอาสมุทรรีบจับข้อเท้าผมปรามไว้แน่นในทันที

“คุณไฟ” เขาเริ่มขึ้นเสียง  ส่งตาขวางมาทางผม

“ไม่เห็นเหรอว่าฉันอดทนอยู่น่ะ ?” ผมถาม   

“ใช้แว่นขยายก็ยังหาไม่เจอเลยครับ” สมุทรพ่นลมออกทางจมูกคล้ายเหน็บแนม  ผมยิ้ม  เกลี่ยลิ้นออกมาเล็กน้อย

“ถ้าเป็นปกติฉันโดนกินไปแล้วนะ นายจำศีลอยู่รึไง” ผมแกล้งทำตาใส

“........” สมุทรนั่งนิ่ง  ครั้งนี้เขาไม่ยอมหันมามองผมแม้แต่น้อย  ผมเกือบจะหลุดหัวเราะอยู่รอมร่อแล้ว

“ไม่หิวเหรอ ?” ผมไล่ถาม

“ไม่หิวบ่อยนักหรอก ผมชอบกินของอิ่มท้องน่ะครับ อยู่ท้องนานดี” สมุทรตอบ  หางตาที่มองมาเจ้าเล่ห์เต็มพิกัด

“อู้ ~” ผมเบิกตาวาว  ไอ้เหี้ย... ถูกใจใช่เลย


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 45 [ 19:22 น. - อา. 20 ส.ค 60 หน้า 61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-10-2017 16:01:47

09:45 น.

“มีคนสระผมให้มันรู้สึกดีกว่าจริง ๆ ละนะ” ผมพึมพำ  ตามองต้นไม้  มองเมฆบนท้องฟ้า 

ตอนนี้ผม  สมุทร  ไอ้เข้มและไอ้เด่นอยู่ที่น้ำตกท้ายไร่  ไหน ๆ ก็เป็นการพักผ่อนวันสุดท้ายแล้วเลยถือโอกาสมา  ผมยืมม้าของหงส์มาขี่  ถึงแม้ว่าสมุทรจะดูสนอกสนใจแต่พอผมออกปากชวนให้เขามาของขี่ดู  อีกฝ่ายกลับปฏิเสธด้วยท่าทางเกรงใจ  หงส์ไปทำธุระกับปู่หาญที่บ้านของคนงานเลยอนุญาตให้สมุทร  ไอ้เข้มและไอ้เด่นยืมรถพ่วงของคนงานในไร่ใช้เดินทางมาได้   

“สระเองน่าจะถนัดกว่านะครับ” คนด้านหลังพูด  ขณะที่มือของเขาก็ยังไม่หยุดทำงาน

“ไม่เต็มใจ ?” ผมถามห้วน ๆ

“เปล่าครับ แค่แสดงความคิดเห็น” สมุทรตอบ  เหล่ตามองต่ำลงมายังผมที่นอนหงายอยู่  คำพูดฟังดูกวนโอ๊ยพิกล  แต่กลับทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี้แปลก ๆ


เราสองคนมองตากันโดยไม่พูดอะไร  มือของสมุทรหยุดขยับไปแล้ว   

“จะว่ายไปไหนเข้ม ไม่ตามไปนะโว้ย !” เสียงไอ้เด่นตะโกนเรียกพี่ชาย

“ตามมาเร็ว ให้ห้าบาท !” ไอ้เข้มรบเร้าน้องชาย  เสียงไอ้เด่นด่ากลับเบา ๆ  ตามมาด้วยเสียงกระโดดลงน้ำตามพี่ชายไปอย่างช่วยไม่ได้  พวกมันหัวเราะคิกคัก  สมุทรเงยหน้าขึ้นมองไปที่ไอ้เข้มกับไอ้เด่นแล้วก็หลุดยิ้มออกมาเช่นกัน  ระหว่างที่สมุทรสระผมให้ผม  เขาไม่ได้ชวนคุยอีก  บรรยากาศเช่นนี้ผมเองก็อยากอยู่เงียบ ๆ มากกว่า  เขามือเบามากทีเดียว  ถ้าเปลี่ยนเป็นไอ้เข้มหรือไอ้เด่นละก็  ผมคงนอนนิ่ง ๆ แบบนี้ไม่ได้แน่  ฟองอาจจะเข้าตา  น้ำคงเข้าหูหรือไม่หนังหัวผมอาจจะหลุดออกมาแล้ว
“เจ็บไหมครับ” สมุทรถามระหว่างที่เกาหัวให้ผมซึ่งน่าจะเป็นการสระครีมนวดครั้งสุดท้ายแล้ว   

“ไม่” ผมตอบ  เขาจงใจใช้นิ้วขยี้หัวให้ผมมากกว่าใช้เล็บโดยตรง  ทำอย่างกับสระผมให้ทารก  ร้านทำผมบางร้านที่ผมเคยไปอุดหนุนมักจะใช้เล็บเกาในการสระสองครั้งแรก  เป็นการใช้เล็บที่ค่อนข้างรุนแรงจนหลายครั้งผมอดถามออกไปไม่ได้ว่า “มีหนังหัวผมหลุดติดเล็บไปไหมครับ”

ผมคิดว่าสมุทรคงเกร็ง  เขาจึงทำทุกอย่างอย่างระมัดระวัง  น้ำที่ใช้ตักทำความสะอาดคือน้ำจากน้ำตก  ความเย็นทำให้รู้สึกสดชื่นแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานาน  กระทั่งใบหูก็ถูกนิ้วมือลูบทำความสะอาดให้ด้วย  ผมแหงนหน้าขึ้นมองสมุทร  ใบหูถูกทำความสะอาดอย่างเบามือ  เป็นการกระทำจากเขาอีกครั้งที่ทำให้ผมแปลกใจ 

“นอนดี ๆ สิครับ” สมุทรพูด  คิ้วขมวดเข้าหากัน  ผมยิ้มกว้าง  ยกแขนขวาขึ้นเบี่ยงไปทางด้านหลังแต่อีกฝ่ายเอนตัวหลบได้ทัน

“เดี๋ยวน้ำก็เข้าหูหรอก คุณนี่...”

“เจ็บ ๆ ๆ” ผมประท้วง  ใบหูถูกบิดเป็นเลขแปดไปแล้ว

“เดี๋ยวผมจะให้เด่นมาทำแทน” 

“ชิ อย่างกับลิง” ผมเบ้ปาก  ยอมนอนนิ่งในที่สุด 

ครีมนวดผมกำลังถูกล้างออกเป็นไปอย่างเงียบ ๆ  ผีเสื้อบินวนไปมาอยู่ใกล้ ๆ พวกเรามาสักพักหนึ่งแล้ว  ผมนอนมองแน่นิ่ง  ตัวหนึ่งสีเหลืองปนสีดำบินมาเกาะลงที่นิ้วชี้ที่มือขวาของผม  ผมจึงขยับมือที่วางอยู่บนหน้าท้องขึ้นกลางอากาศ  แทนที่มันจะบินหนีแต่กลับเกาะนิ้วผมอยู่อย่างนั้น  ผมขยับแขนไปทางคนด้านหลังเพื่อให้สมุทรดู  เขาช้อนตาขึ้นมองมาที่ผีเสื้อที่อยู่บนนิ้วแล้วผลิยิ้มเล็กน้อย  ทั้งใบหน้าและแววตาที่อ่อนโยนนั่นมันเปิดเผยเกินไปจนผมละสายตาไม่ได้  ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอ

การขยับตัวที่มากเกินไปทำให้ผีเสื้อบินหนีไปซะแล้ว  ศีรษะผมก็ถูกทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน  สมุทรสบตาผมครู่เดียว  เขาเอื้อมหยิบผ้าขนหนูสีขาวสะอาดผืนใหม่แล้วนำมาปิดลงที่หน้าผมทั้งใบหน้าอย่างจงใจ 

“ไม่มีร้านสระผมที่ไหนเขาเอาผ้ามาปิดหน้าลูกค้าหรอกน่า” ผมยังคงนอนนิ่ง

“เพราะคุณยังไม่เคยเจอผมมั้งครับ” สมุทรประชดกลับ  ผมอมยิ้ม  หยิบผ้าขนหนูออกจากหน้า  นอนมองสมุทรที่ลุกขึ้นยืนแล้ว  ผมลุกขึ้นนั่ง  นำผ้าขนหนูเช็ดผมด้วยตัวเอง 

“เชิญตามสบาย” ผมแกล้งผายมือ  อนุญาตให้เขามีเวลาเป็นของตัวเอง 

“ขอบคุณ” สมุทรเหล่หางตาตอบเสียงเข้ม  ผมเท้าแขนไปทางด้านหลัง  ผ้าขนหนูยังวางอยู่บนหัว

“...ครับ” เขาต่อคำท้ายด้วยท่าทางกวน ๆ  มุมปากของผมผุดยิ้มขึ้นในทันที 

“อย่าลืมใส่เสื้อด้วยนะครับ” สมุทรหันกลับมาบอก  ผมเฉย  ไม่ขานรับ 

เขาเดินเบี่ยงออกไปที่ปลายแคร่เยื้องกับทางลงน้ำตก  สมุทรยืนหันหลังให้ผมก่อนถอดเสื้อยืดสีขาวที่สวมอยู่ออก  ผมนั่งมอง  อีกฝ่ายหยิบผ้าขาวม้าของตนที่เตรียมมาด้วยซึ่งพับวางอยู่ขึ้นพันรอบตัวก่อนถอดกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ออกแล้วเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นอีกตัวหนึ่ง  เมื่อเรียบร้อยแล้วเขาก็ก้มตัวพับเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดไว้ให้เป็นระเบียบ  ไม่มองมาที่ผมเลย  เดินตรงไปยังโขดหินใกล้กับบริเวณน้ำลึก  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นอยู่ตรงนั้น  สมุทรไม่รีรอ  พุ่งหลาวลงน้ำโดยทันที  สามคนพากันหัวเราะเจี๊ยวจ๊าวยังกับเด็กที่พ่อแม่ปล่อยให้มาเล่นน้ำอย่างนั้น


ให้หลังไม่นาน  ไอ้เด่นก็สลับขึ้นมาเพื่อเฝ้าผม  มันหย่อนก้นนั่งลงใกล้ ๆ ปลายเท้า  ผมเลยถีบมันไปทีนึงเบา ๆ

“ขึ้นมาทำไม จะมานวดขาให้กูรึไง” ผมพูดไปงั้น  รู้สาเหตุอยู่แล้วว่ามันขึ้นมาเพราะอะไร

“นายปวดขาเหรอครับ” ไอ้เด่นยิ้ม  มันขยับตัวให้นั่งได้ถนัดแล้วลงมือบีบนวดให้  ผมไม่ห้าม  ส่วนตัวก็ชอบจริง ๆ นั่นแหละ

“เดี๋ยวมึงสองคนกลับกันไปก่อนเลยนะ” ผมสั่ง

“ครับ” ไอ้เด่นขานรับเสียงอ่อน  ไม่ถามถึงเหตุผลที่สั่งให้กลับ 

“ให้อีกยี่สิบนาที” ผมพูด

“ครับ” มันพยักหน้ายิ้ม ๆ 

“เปลี่ยนเป็นสิบห้าพอ กูหมั่นไส้รอยยิ้มมึง” ผมเหลือบมอง  อีกฝ่ายยิ้มเขิน  ผมเอื้อมหยิบกล่องแซนวิชที่สมุทรทำเตรียมใส่ตะกร้าอาหารมาด้วย  เขาทำได้หน้าตาน่ากินและสะอาดมากทีเดียว 

“นายครับ” ไอ้เด่นเรียก  ผมหยิบแซนวิชขึ้นหนึ่งชิ้น  กัดชิมรสชาติพร้อมกับขนมปัง

“อะไร” ผมขานรับ  ตายังคงจับจ้องมองไปยังสมุทรที่ว่ายน้ำอยู่ในน้ำตก  เรื่องที่เขาเคยบอกว่าเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วยคงจริง  เจ้าตัวดูสนุกมากเลย

“เอ่อ...” ไอ้เด่นอ้ำอึ้ง  ทั้งท่าทางและน้ำเสียงผิดปกติ  ผมถามย้ำอีกครั้งว่า “อะไร ?!” ครั้งนี้ห้วนกว่าเดิม  แม้ตอนนี้ผมจะไม่ได้มองไอ้เด่นอยู่แต่ประสาทการรับรู้พร้อมฟังเป็นอย่างดี

“นาย กับพี่...สมุทร น่ะครับ”

คำพูดของไอ้เด่นทำให้ผมตวัดหางตามองไปยังมันเพื่อขอรับฟังคำขยายความเพิ่มเติม  มือดันแซนวิชที่เหลือยัดเข้าปากจนหมดภายในคำเดียว  ขณะเดียวกันก็เท้าแขนไปด้านหลังทั้งสองข้าง  จ้องมองไอ้เด่นตลอด  ด้วยที่ว่า แซนวิชที่กินเข้าไปคำเมื่อครู่ค่อนข้างโตจึงทำให้ไม่เหลือพื้นที่ในปากพูดได้สะดวก  แต่ก็อร่อยดี

“พูด !” ผมเร่ง  ขยับขาซ้ายขึ้นเล็กน้อย  ไอ้เด่นสะดุ้ง  เอนตัวออกตามสัญชาตญาณ  ขาซ้ายถูกตั้งขึ้นเพราะท่านี้สบายกว่า 

“คือ...ผมแค่ แค่ สงสัยน่ะครับ ว่าพี่สมุทร...กับนาย เอ่อ...” ไอ้เด่นพูดไม่ได้ประโยค  มันหยุดมือที่กำลังนวด  ใบหน้าร้อนรนเหมือนหมาที่รู้ตัวว่าเจ้านายรู้ความผิดที่ตนเองกระทำไว้  ผมก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่ามันกำลังคิดจะถามอะไร  ถึงได้อนุญาตให้ถาม 

“........” ไอ้เด่นเงียบไป  มันออกแรงบีบนวดต่อ  ก้มหน้างุด  ผมหยิบแซนวิชออกมาหนึ่งชิ้นแล้วนำไปจ่อที่ปากของมัน  อีกฝ่ายมองกะหลับกะเหลือกก่อนอ้าปากช้า ๆ  กัดแซนวิชเข้าปากไปคำเล็ก ๆ 

“กินให้หมด” ผมพูด  ไอ้เด่นที่ยังเคี้ยวอาหารในปากไม่ละเอียดดีรีบอ้าปากรับแซนวิชที่อยู่ในมือผมไปกินภายในคำเดียวจนแก้มของมันตุงทั้งสองข้างแก้ม  ผมก้มมองกล่องแซนวิช  เหลือแซนวิชอีกเยอะทีเดียว  จึงใช้นิ้วแหวกแผ่นขนมปังออกเบา ๆ ไม่ให้เสียรูปทรง  หยิบเฉพาะมะเขือเทศเข้าปาก  มีเพียงความเงียบระหว่างเราสอง  เสียงน้ำตกและเสียงพูดคุยระหว่างสมุทรกับไอ้เข้มดังแว่วไกล ๆ  ไม่ได้ศัพท์ว่าสนทนากันเรื่องใดอยู่

“คนที่นาย...ไปเดทด้วย คือ...คือ พี่เขา...เหรอครับ” ไอ้เด่นถามเสียงเบาลงมากกว่าเดิม

“กูสอนกี่ครั้งแล้วว่าเคี้ยวให้หมดก่อนแล้วค่อยพูด” ผมขมวดคิ้วมอง  ไอ้เด่นรีบขยับปากเร็วกว่าเดิม  ลูกกระเดือกเด่นชันว่ามันกลืนอาหารลงไปคำใหญ่ทีเดียว

“คนที่นายบอกว่าไปเดทด้วย คือ...พี่สมุทรเหรอครับ” มันถามซ้ำอีกครั้ง 

“ใช่” ผมตอบ  น้ำเสียงเน้นหนักแน่นเพื่อไม่ให้มันได้ยินผิดเพี้ยนไป

“มีปัญหาอะไร” ผมถาม

“เปล่าครับ !” มันตอบแทบตะโกน

“ผมแค่สงสัยนะครับ” ไอ้เด่นฉีกยิ้ม  รอยยิ้มที่ทั้งเจื่อนและปนเคอะเขิน  ผมยังไม่หยุดแหวกแซนวิชแล้วหยิบแต่มะเขือเทศกิน

“ชอบไหมล่ะ หมอนั่นน่ะ” ผมถามห้วน ๆ  คิ้วขยับไปทางสมุทรด้วย

“ก็...ครับ” ไอ้เด่นผงกหัวก่อนหลบตาผม 

“ถ้าเทียบกับคนที่กูนอนมาด้วยทั้งหมด...” ผมเอ่ย  ยังคงไม่ละสายตาไปจากสมุทรที่กำลังว่ายน้ำอยู่

“มึงถูกใจคนไหนเป็นพิเศษล่ะ เผื่อกูจะเปลี่ยนใจ” ผมตั้งใจรอฟังคำตอบ

“เอ่อ ผมชอบคุณยูครับ” ไอ้เด่นตอบแทบไม่ใช้เวลาคิด

“ตามจริงแล้วคุณยูใจดี คุณพายุกับคุณดินเองก็ชอบคุณยูด้วยครับ” มันอธิบาย

“รีบขอบคุณฟ้าดินซะสิ ที่เฮียกานต์ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้” ผมว่า

“แฮ่ ๆ” ไอ้เด่นยิ้มแห้ง ๆ

“ยูไม่ใช่แบบที่ชอบ” ผมพึมพำบอกตัวเอง

“สเปก...กับแบบที่ทำให้รู้สึกชอบ ไม่เหมือนกันหรอกนะ”

ไอ้เด่นทำหน้างุนงง 

“คนที่กูนอนด้วยทุกคนก็สเปกกูหมดนั่นแหละ ...แต่ไม่ใช่แบบที่อยากชอบ” ผมพูด  คำพูดที่จู่ ๆ ก็หลุดออกมาจากปากจนตัวเองยังอดแปลกใจไม่ได้

“ถ้าอีกฝ่ายคิดเหมือนกันก็ดี” ผมเดาะลิ้นตัดบทส่ง ๆ  หยิบแซนวิชชิ้นที่ยังมีมะเขือเทศขึ้นกินทั้งชิ้นพร้อมเอนหลังนอนลงบนแคร่

“เอ๊ะ ! อ่าว พี่สมุทร เขา...เขาก็ไม่ได้ชอบนายเหมือนกันหรอกเหรอครับ” ไอ้เด่นหน้าตาตื่น  แทบคลานเข้ามาหา

“จะไปรู้รึ” ผมตอบปัดไปที  ไอ้เด่นนิ่งไป  สีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง 

“แต่ผมว่า พี่เขาก็ดู เป็นห่วงนายมากเลยนะครับ” มันพูด  ผมเหลือบมองไอ้เด่น  แบบว่า...รู้สึกพิลึกนิดหน่อยที่มีคนมาพูดต่อหน้าแบบนี้

“เวลาที่หมอนั่นอยู่กับพวกมึงเป็นคนยังไง” ผมถามในสิ่งที่ผมไม่ได้เห็นสมุทรในอีกสถานะหนึ่ง  ซึ่งมันน่าสนใจ  บางทีเขาอาจมีมุมเหนือคาดที่ผมยังไม่ทราบก็ได้

“คนยังไงเหรอครับ....” ไอ้เด่นพึมพำ  กลอกตาขึ้นอย่างใช้ความคิด

“จริงจังมั้งครับ” มันพูด 

“ผมว่าก็มีส่วนคล้าย ๆ พี่ใหญ่อยู่ แต่แค่ไม่ดุตลอดเวลาเหมือนพี่ใหญ่แค่นั้น พี่สมุทรให้อารมณ์ประมาณว่า จะดุก็ต่อเมื่อกรณีนั้นเริ่มหมดความอดทนแล้ว” ไอ้เด่นยิ้มออกมา  มันคงนึกสถานการณ์ใดขึ้นได้ถึงได้ทำหน้าทะลึ่งทะเล้น

“พี่เขาสุภาพมากเลยครับ แต่ว่า...ผมว่าพี่สมุทรยังมีอีกหลายอย่างที่ปฏิบัติเฉพาะกับคนสนิทแน่ ๆ” ไอ้เด่นยิ้มเจื่อน

“แล้วก็ขยัน ! ไม่เชิงว่าใช้อะไรแล้วทำทุกอย่างนะครับ ขยันในส่วนที่ควรขยัน อย่างคราวก่อนผมลองแหย่พี่เขาดู ผมแกล้งพูดว่า พี่สมุทรดูเครื่องซักผ้าให้ผมด้วยนะครับ ผมไปสวนผักแป๊บนึง พี่เขาก็ยืนนิ่ง ๆ ไปเลย เหลือบตามองผมท่าเดียวไม่ยอมพูดอะไร หึ ๆ ๆ” ไอ้เด่นหัวเราะ 

“ปกติพี่สมุทรจะพูดว่า เดี๋ยวพี่ทำเองใช่ไหมครับนาย แต่ถ้ามันเกินหน้าที่ พี่เขาก็จะ...”

“มึงมันขี้เกียจต่างหาก” ผมกัดฟัน  ฟาดมือไปที่หัวมันหนึ่งที  ไอ้เด่นหัวเราะเขิน ๆ

“ไอ้เข้มเลยแซ็วว่า พี่สมุทรโกรธแล้วใช่ไหมครับ ไม่ต้องข่มไว้ก็ได้ครับพี่ ผมกับไอ้เข้มพยายามต้อนให้พี่เขาโกรธ แต่อีกฝ่ายก็แค่ยิ้มเขิน ๆ ออกมาที่พวกเราดันรู้ทันว่าพี่เขาเริ่มไม่พอใจ” ไอ้เด่นเล่าไปยิ้มไป

“แล้วก็...พี่เขาเป็นคนอ่อนโยนนะครับ ขนาดไอ้เข้มยังพูดเลยครับว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ผมสังเกตที่พี่เขาปฏิบัติกับผู้หญิง ไม่ว่าจะคนสาว คนแก่หรือกับคุณหงส์ สุภาพ เอาใจใส่ เหมือนกับว่าความสุภาพนั่นมันเป็นธรรมชาติของพี่เขา ไม่ได้เสแสร้ง ไม่ว่าใครพี่เขาก็ปฏิบัติเหมือนกัน แต่ที่แปลกคือ...ผมรู้สึกว่าช่องว่างชัดเจนมากเลย นายไม่รู้สึกเหรอครับ” ไอ้เด่นวิเคราะห์ด้วยสีหน้าสงสัย  ไอ้นี่มันซื่อบื้อแต่ที่น่าประหลาดคือมันความรู้สึกไว  ที่มันพูดสรุปได้ง่าย ๆ ว่า “ไม่มีใครพิเศษ” ยังไงล่ะครับ 

“มึงนี่...เลี้ยงไว้ก็ดีเหมือนกันนะ” ผมเอ่ยปาก

“นายครับ” ไอ้เด่นทำเสียงหงอย

“แต่พี่สมุทร กับนาย...ผมคิดว่า” มันกลับมาอ้ำอึ้งอีกครั้ง  ผมนิ่งมอง 

“อ้า ! ผมขอโทษครับ ผมคงคิดอะไรมากไปหน่อย” ไอ้เด่นสะบัดหัวแทบหลุด

“แดกยาบ้างนะ” ผมถอนหายใจ

“ประกันที่กูทำไว้ให้น่ะ ไปใช้สิทธิ์ซะ” ผมเอือม  พลิกตัวตะแคงข้างมาอีกด้านเพื่อใช้ความคิด  กล่องแซนวิชจึงขยับมาอยู่ตรงหน้า  ตอนนี้เปลี่ยนจากการกินมะเขือเทศเป็นการแหวกกินหัวหอมแทนแล้ว


ให้หลังสิบห้านาทีตามที่ผมสั่ง  ไอ้เด่นแอบตรงไปหาพี่ชายเพื่อเรียกให้กลับบ้าน  มันสองคนรู้งาน  เตรียมตัวกลับโดยไม่ทันให้สมุทรสังเกตเห็นและยังหาข้ออ้างกับสมุทรด้วยว่ามีธุระต้องกลับไปทำ  ทำให้สมุทรไม่เอ๊ะใจ  ถึงแม้หลาย ๆ เรื่องไอ้เด่นจะสมองช้าไปบ้างแต่มันรู้ใจผมไปซะหมด  สมกับที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน  ผมตีหน้ามึนนอนอยู่บนแคร่  สมุทรแช่ตัวอยู่ในน้ำ  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นไปได้ไม่นานเขาก็กลับขึ้นจากน้ำมา

“........” สมุทรกวาดตามองหาผ้าขนหนูของตัวเองที่เตรียมมาด้วย  ก่อนหน้านี้มันพับอยู่กองเดียวกับเสื้อผ้าของเขานั่นแหละ  แต่ตอนนี้ผมนำผ้าขนหนูผืนนั้นมาใช้แทนหมอนแล้ว  เจ้าของมองหาเงียบ ๆ  ถ้าเป็นคนทั่วไปคงสบถออกมาแล้วว่า “ผ้าขนหนูกูอยู่ไหน ?!”  แต่สำหรับเขาไม่ใช่  อันดับแรกเขามองหาอย่างรอบคอบก่อน  ดูทุกซอกทุกมุมอย่างใจเย็น  ผมแกล้งนอนกระดิกเท้าทำไม่รู้ไม่เห็น

“แล้วไส้มะเขือเทศหายไปไหนหมดละครับเนี้ย” สมุทรตกใจ  เขาใช้นิ้วเกี่ยวขอบตะกร้าไปดูด้วยความรวดเร็ว  เนื้อตัวที่ยังเปียกอยู่ทำให้น้ำบนร่างกายกระเด็นลงบนแคร่  เจ้าตัวคงลืมเรื่องผ้าขนหนูไปแล้ว

“ไอ้เด่นมันเลือกกินนะสิ” ผมโยนความผิดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย  สมุทรจ้องมองผมนิ่ง ๆ  ผมเบิกตาโตให้.. What the fuck?

“เด่นไม่ชอบกินผัก” สมุทรพูด

“งั้นก็แมวป่ามั้ง” ผมย้อน

“ครับ...แมวป่ากินพืชด้วย ดูท่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่” อีกฝ่ายตอบเสียงแข็ง 

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอที่อีกฝ่ายประชดประชันเพราะรู้ทันผม  เขามักฉลาดในเรื่องที่ไม่ควรฉลาดคล้ายกับพายุ

“กินผักหมดเลย เหลือแต่ขนมปังกับมายองเนส วันหลังผมจะได้ทำเป็นสลัดให้แทน” สมุทรบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง  เขาดูผิดหวังที่ผมไม่กินให้หมด

“เตรียมผักไว้ก็พอแล้ว น้ำสลัดไม่จำเป็นหรอก” ผมกวน  เราจ้องกันเขม็ง

“ก็ขนมปังมันแป้งทั้งนั้นไม่ใช่รึไง ขาวโบ๊ะซะขนาดนั้นนายตาบอดสีเหรอ แล้วนี่ฉันไม่ได้ออกกำลังกายมากี่อาทิตย์แล้ว น่าหงุดหงิดชะมัด” ผมเริ่มอารมณ์เสียจริง ๆ 

“เฮ้ออออ” สมุทรถอนหายใจ  สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายยิ้มออกมาก่อน

“หมอสั่งให้พักผ่อนก็พักผ่อนสิครับ คุณน่ะ...บ้าพลังเกินไปต่างหาก” สมุทรทำหน้าอ่อนใจ 

“กล้ามเนื้ออย่างคุณ ถึงไม่ออกกำลังกายอีกเป็นปีก็ยังไม่เปลี่ยนรูปเลยครับ” สมุทรพูดคล้ายให้กำลังใจ

“พูดอะไรนะ ???” ผมคันหูขึ้นมา

“ไม่ออกกำลังกายเป็นปี ! มันก็ไม่ต่างอะไรจากปลาในตลาดสดที่นอนรอความตายหรอกน่า” ผมขนลุกขนชันเมื่อต้องนึกถึงสภาพตัวเองไม่ได้เสียเหงื่อร่วมปี

“หึ ๆ ๆ  คุณนี่” สมุทรพยายามกลั้นใบหน้าไม่ให้หัวเราะ  เขาทิ้งเสียงลงอย่างเหนื่อยหน่าย 

“พูดไปก็เถียงกันเปล่า ๆ  รบกวนคุณช่วยยื่นผ้าขนหนูมาให้ผมด้วยครับ” สมุทรเปลี่ยนเรื่อง  เจ้าของพบผ้าขนหนูของตัวเองซะแล้ว  แต่ผมยังนอนเฉย 

“นอนอยู่ นายไม่ห่วงว่าฉันจะเจ็บหัวรึไง” ผมช้อนตาหาเรื่อง  อดไม่ได้ที่จะสำรวจมองร่างกายที่เปียกชุ่มของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า  กางเกงเปียกน้ำทำให้เห็นรูปทรงของของสำคัญที่อยู่ใต้เนื้อผ้านั่นได้ชัดเจน  และถ้าสมุทรไม่เช็ดตัวตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะหนาวแล้วจับไข้ก็ได้  ในป่าอากาศเย็นพอดูทีเดียว

สมุทรยืนนิ่ง  จ้องผมคล้ายจะเอาเรื่องอยู่พักหนึ่งก่อนเท้าเอวแล้วเบือนหน้าไปอีกทางอย่างยอมแพ้  เขาหยิบผ้าข้าวม้าขึ้นนุ่งก่อนถอดกางเกงที่เปียกออก  เสร็จแล้วจึงนั่งลงบนแคร่โดยหันหลังให้  ก้มหัวลงเพื่อสะบัดน้ำออกจากเส้นผมของตัวเองให้ได้มากที่สุด  ผมเห็นอย่างนั้นจึงหยิบผ้าขนหนูออกจากหัว  คลี่ผ้าออกก่อนสะบัดปลายผ้าขนหนูไปโดนที่เอวของเขาด้วยความรวดเร็วและแรง  เสียงดัง เพียะ !  อีกฝ่ายหันหน้ากลับมา  สัญชาตญาณของความเป็นเจ้าของรีบตะครุบปลายผ้าขนหูไว้อย่างไม่ยอมแพ้  ผมแสยะยิ้มมุมปาก  อีกฝ่ายเร็วดี  ปฏิกิริยาแบบนี้...ของชอบเลย

เราต่างยื้อผ้าขนหนูไว้ที่ปลายคนละด้าน  ต่างฝ่ายต่างยิ้มกริ่ม  ผมที่นอนอยู่ออกแรงกระชากอย่างแรงทำให้สมุทรตัวไถลหน้าทิ่มเข้ามาหา  เขาหุบยิ้มทันที  ปล่อยปลายผ้าแล้วตั้งฉากแขนทั้งสองข้างคร่อมผมไว้  เพราะถ้าเขาไม่ทำอย่างนี้  ตัวเขาทั้งตัวจะต้องล้มทับผมมาเต็มแรงเป็นแน่  หยดน้ำบนตัวของสมุทรกระเด็นใส่ผมเต็ม ๆ  ผ้าขาวม้าที่เขานุ่งอยู่ทำท่าจะหลุดออก  เจ้าตัวรีบใช้มือขวาคว้าปมผ้าขาวม้าเอาไว้แล้วทำท่าว่าจะลุกหนี  ผมรีบสะบัดปลายผ้าขนหนูอีกด้านหนึ่งขึ้นพันรอบเอวของสมุทรไว้ได้ทัน  ปลายผ้าขาวม้าทั้งสองข้างอยู่ในมือผมทั้งซ้ายและขวา  ทำให้ลำตัวเราทั้งคู่แนบเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้

“คุณไฟ” อีกฝ่ายเสียงเข้ม

“ตัวฉันก็เลยเปียกไปด้วย” ผมโยนความผิด 

“ผมบอกให้คุณใส่เสื้อด้วยไงครับ เดี๋ยวก็เป็นไข้หรอก” สมุทรไม่สบตา  เขาก้มลงมองไปที่ร่างกายของเราทั้งคู่คล้ายกับจะดูให้แน่ใจว่าเป็นต้นเหตุทำให้ผมเปียกจริง ๆ  ความเงียบระหว่างเราทำให้ได้ยินเสียงน้ำตกชัดเจน  สมุทรช้อนตามองผมเล็กน้อย  เขาเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นว่าผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ 

“คุณนี่มันซนจริง ๆ” อีกฝ่ายต่อว่า  เสียงเข้มอยู่ในลำคอ 

“ก็ปล่อยผ้าขาวม้าออกแล้วดันตัวออกไปสิ นายต้องเลือกสักอย่าง” ผมกระซิบเสนอไป 

“หรือตามจริงแล้วอยากอยู่อย่างนี้” ผมยิ้มกว้าง  เกลี่ยปลายจมูกเข้าที่ปลายคางของคนตรงหน้าก่อนหอมลงที่คางของเขาเบา ๆ  สมุทรมองมา  สายตาที่มองนั้นเรียบนิ่งไม่ต่างกันนัก  ใบหน้าห่างกันไม่ถึงเซ็นติเมตรด้วยซ้ำ 

“ผมไม่ชอบให้ท้ายเด็กที่ชอบเล่นอะไรไม่เข้าท่า” สมุทรพูด

“ใครวะไอ้เด็กคนนั้นน่ะ ?” ผมยังคงตีหน้าซื่อ

“ซนไปเรื่อย กับทุกคนสินะครับ”

“ก็จริง” ผมอมยิ้ม  ไม่คิดปฏิเสธ

“........” สมุทรจ้องตาไม่กะพริบ 

“แล้วนายไม่มีมาตรการปราบเด็กประเภทนี้เหรอ” ผมถาม

“แค่ไม่เข้าใกล้ก็พอมั้ง” สมุทรตอบ

“เดี๋ยวไอ้เด็กนั่นจะเสียใจเอานะ” ผมพูด  อีกฝ่ายหลบตา  มุมปากของเขาผลิยิ้มนิดหน่อย

“แต่มีคนบางประเภทชอบเลี้ยงเด็กประเภทนี้ซะด้วยสิ”

“ไม่ใช่ผมครับ เพราะเด็กแบบนี้อยู่ด้วยแล้วเหนื่อย” สมุทรย้อนทันที 

“โอเค” ผมเบะปากยิ้ม ๆ  ทันทีนั้นเขาก็เลือกปล่อยมือจากปมผ้าขาวม้าแล้วคว้ามือข้างหนึ่งของผมล็อกไว้  ผมไม่คิดยื้อแรง  ปล่อยให้เขาทำตามใจ  เมื่อสมุทรผละตัวออกจากผมได้  ผ้าขาวม้าที่นุ่งอยู่ก็หลุดออกจากตัวเขาทันที  เผยให้เห็นกางเกงในสีขาวที่เขานุ่งอยู่  ผมยิ้มมองภาพมุมกว้าง  ทุกอย่างเต็มตาไปหมด  อีกฝ่ายไม่สบตา  คว้าผ้าขาวม้าไปนิ่ง ๆ ก่อนหันหลังให้ผมแล้วพันผ้าขาวม้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง 

“........” สมุทรกลับมานั่งลงที่แคร่อย่างเดิมโดยการหันหลังให้  เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัว  ผมขยับตัวขึ้นนั่งแล้วออกห่างจากเขามาทีละนิดจนสามารถลุกขึ้นยืนได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต  สมุทรกำลังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดผมตัวเอง  ผมเดินห่างออกมาจากน้ำตกเรื่อย ๆ  เข้ามาในพื้นที่ป่าแล้วเลือกหลบหลังต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าใครเพื่อน  นับเวลาภายในใจ  ตัวเลขขยับไปถึงยี่สิบ  สมุทรนั่งนิ่งไปพักหนึ่ง  เขาก็หันตัวกลับมาโดยมองไปยังจุดที่ผมได้นอนอยู่ก่อนหน้านี้  เมื่อพบว่าผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น  สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป  หันรีหันขวางไปทั่วบริเวณ

“คุณไฟครับ” สมุทรลุกขึ้นยืน  มือที่ก่อนหน้านี้กำลังขยุ้มผ้าขนหนูนิ่งไปเสียแล้ว  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเล่นซ่อนแอบในพื้นที่อุดมสมบูรณ์แบบนี้  สมุทรวางผ้าขนหนูลงบนแคร่  เขารีบใส่รองเท้าแตะแล้วเดินไปรอบ ๆ แถว ๆ นั้นเพื่อมองหาให้แน่ใจ

“คุณไฟ !” สมุทรเกือบจะกระแทกเสียง  ระหว่างคิ้วของเขาย่นเข้าหากัน

“คุณไฟ...ผมไม่เล่นนะครับ ออกมาเดี๋ยวนี้เลย” อีกฝ่ายขึ้นเสียงแกมสั่ง  ผมมองใบหน้าที่ร้อนรนนั่นไม่วางตา  สมุทรเดินเข้ามาในบริเวณป่ามากขึ้น  หมุนตัวไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย

“คุณไฟ ฟฟฟ !!!” เสียงของสมุทรสะท้อนไปทั่ว 

“........” ผมยังคงยืนซ่อนอยู่ที่เดิม  ทิ้งให้เขาเดินหาต่อไม่กี่นาที

“คุณไฟ...ผมบอกให้คุณออกมาไงครับ” น้ำเสียงของเขาลดต่ำลงแล้ว  อีกทั้งหยุดเดินไปแล้วเช่นกัน  ผมย่องออกไป  เสียงน้ำตกกลบเสียงฝีเท้าจากผม  การที่สมุทรยืนนิ่ง  ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  เมื่อเข้าประชิดตัวจึงสอดแขนทั้งสองข้างสวมกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง  สมุทรหันใบหน้ากลับมาพร้อมพ่นถอนหายใจออกมาอย่างแรง

“ก็นายบอกอยู่ด้วยแล้วเหนื่อยนี่” ผมโยนความผิด  เทินคางไว้บนหัวไหล่อีกฝ่าย  สมุทรหลับตา  คอตกลงเล็กน้อย  เบือนใบหน้าไปทางขวาทีหนึ่งคล้ายอดกลั้นเรื่องที่กำลังอัดอั้นตันใจ

“ใครบอกให้คุณเล่นแบบนี้ในป่า” สมุทรพูด  น้ำเสียงของเขาเบามาก  อีกทั้งฟังดูไม่ชอบใจ  เขากำลังหงุดหงิดทีเดียว

“โทษที” ผมพูด 

“........” เราเงียบลง  ผมยังคงกอดเขาอยู่  ในเมื่อคนตรงหน้าเลือกที่จะเงียบ  ผมจึงไม่พูด  เสียงนกร้องเคล้าคลอไปกับเสียงน้ำตกที่ไหลลงไปตามลำธาร  สมุทรไม่ขยับตัวเลย  เป็นการยืนกลางป่าอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายยอมหันหน้ามา  ผมยิ้มให้นิดหน่อย  เขาผลิยิ้มเห็นฟันแต่ไม่ใช่การยิ้มกว้างอะไรนักก่อนจะเหลือบตามองลงพื้น  ผมขยับมือซ้ายขึ้นจับต้นคอของสมุทรประคองไว้  นิ้วโป้งเขี่ยที่ข้างแก้มโดยที่อีกฝ่ายยังหันใบหน้ามาทางผม  กลิ่นของธรรมชาติชัดเจนจนเกือบทำให้ลุ่มหลง  ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายหลับตาลง  หน้าผากซบลงที่ไหล่ของคนตรงหน้าแล้วแช่ไว้อย่างนั้น  เรื่องที่ว่า.. พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว คือความจริง   

 

...............(ไฟ)..............

ผู้เขียน:

ขอโทษที่มาช้านะคะ  แต่ไม่มีเวลาเลย  > . <  ความจริงตอนที่ 46  เขียนเสร็จนานแล้ว  แต่ใช้เวลาปรับ/แก้ไขอยู่หลายอาทิตย์  เสร็จจริงเมื่อวันก่อน  ตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อเช้านี้และเพิ่งเสร็จเรียบร้อยเมื่อกี้นี้  แล้วก็มาลงให้เลยค่ะ

พล็อต #หลัก ของเรื่องถูกวางไว้หมดแล้วเนอะคะ เช่นว่า ไฟกับสมุทร (สลับกัน) เราก็ยืนยันตรงนี้ไปแล้วหลายครั้ง  ใครที่ไม่ชอบแนวนี้อ่านจบแล้วจะได้ไม่เซ็งทีหลัง ฯ 

มีคนอ่านบางท่านเข้ามาบอกว่า.. ได้ติดตามเรื่องนี้มา 2 ปีแล้วตั้งแต่เริ่ม  คนเขียนน้ำตาจะไหล #หัวเราะ  ขอบคุณมากนะคะที่ยังติดตาม  เคยคิดที่จะหยุดเขียนเรื่องนี้หลายครั้ง  ยอมรับว่าเนื้อหายาวมากจริง ๆ  เดาว่าเฉพาะเนื้อหาของไฟสมุทรยาวกว่าคู่หลักของทุกเรื่องที่เบบี้เคยเขียนนิยายลงบนเว็บไวต์มา  ---2 ปีแล้วเหรอ กรี๊ดดดดดดดดดด !!! ...เอาคุณไฟไปเผาที

ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วย  ตั้งแต่เช้าไม่ได้หยุด...อาจมีเบลอบ้างเบา ๆ  ขอตัวไป ณ บัดนี้ :mew1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 14-10-2017 18:37:35
โอ้ยยยยยยนฝ ดีใจมากค่ะ ตอนเปิดเจอเห็นเลข 63
น้ำตาจะไหล  คิดถึงคุณไฟ สมุทร และคุณเบบี้มากๆ
ยังไม่ได้อ่านเลย ต้องอ่านก่อนใช่ไหมคะ 5555
ยาวมากกกเลย o13 :hao7: :mew1: :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sadistic_seme ที่ 14-10-2017 18:41:06
อยากหยุดเวลาไว้ให้สองคนอยู่ด้วยกันนานๆ
ปฏิกิริยาของสมุทรคือยอมจำนนให้คุณไฟแล้วใช่มะ :man1: :impress2:

“จับแดกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีไหมนะ” ผมพึมพำขณะเคี้ยวข้าวโพดไปด้วย   <---- ดีค่ะ!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-10-2017 19:10:18
มาแล้ว ดีใจมากกกก ยาวสมการรอคอย ขอบคุณน้าาาา   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-10-2017 19:40:15
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pamaipraewa ที่ 14-10-2017 19:50:27
รอติดตามค่าาา ชอบเรื่องนี้มากๆๆ ถ้าเป็นเล่มจะอุดหนุนแน่นอน

สลับกันดีแล้วค่ะ คงแซ่บน่าดู :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 14-10-2017 20:54:15
ขอบคุณมากค่ะ ยาววววมากอ่านเพลินเลยค่ะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ^_^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-10-2017 20:59:47
ดีใจ เบบี้มาลง คอยมองหาตลอด  :hao5: :hao5: :hao5:
แถมยาวววววว จุใจ ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ไฟ ก็ยังเป็นไฟ เผาไหม้ทุกสิ่ง เผาตัวเองด้วย
เอ่ออออ........เผาคนอ่านด้วยนะ

อ่านไปก็ลุ้นไปด้วย
เมื่อไหร่สมุทร จะใจอ่อนนะ เห็นใจไฟมากเลย
แต่ถ้าเทียบกับแรกๆแล้ว สมุทรก็อ่อนลงมากแล้ว

เข้ม เอาใจช่วยนะ  :mew1:
หงส์ นี่สวย เริด เชิด หงส์จริงๆ
เข้ม มองหน่อย ก็ดุใส่ซะละ "มองไร" อะจ๊ากกกก
ไฟ ก็แหย่หงส์ซ้าาาาา หงส์หน้าแดงไปเลย

น้องสองคน ดูไม่เท่าไร
ที่ไหนได้ พอไฟจาระนัยรายจ่ายของพายุ ของดินแล้ว
เอิ่มมมมม.......กินล้างกินผลาญชัดๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
นี่ถ้าไฟไม่รวยนะ  เฮ้อ.....หมดตัวแน่ๆ 
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 14-10-2017 21:07:15
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-10-2017 21:39:22
ปลื้มปริ่มมาก อ่านสะใจเลย

มีพิมพ์ผิดเล็กๆน้อยๆค่ะ
“ผมก็มีอยู่แค่นี้อะนะ ตัดอะไรเป็นพัน ๆ  วันหลังให้คนขับรถพามาหาพี่นะ เดี๋ยวพี่ตัดให้ คิดห้าสิบบาทพอ” << น่าจะแยกเป็น 2 ประโยค ของไฟกับหงส์ไหม


“บ๊ายบาย” หงส์โบกมือตอบเช่นกัน  เธอหันกล้องไปทางไอ้ดินที่นั่งยอง ๆ เกาะอยู่ที่แคร่ข้าง ๆ กับผม  ไอ้ดินนั่งชะเง้อคอมองปลายสายอย่างรักษามารยาทมาตั้งแต่แรกแล้ว  หงส์เลยสนองความต้องการของมันสักหน่อย

“โชคดีนะครับคุณพายุ” ไอ้ดินรีบพูดคล้ายกลัวว่าพายุจะไม่เห็น  สมุทรก้มหัวทักทายปลายสายอย่างนอบน้อมก่อนที่หน้าจอจะดับสนิทไป 

“อยากดูคุณพายุแข่งจังครับ” ไอ้ดินทำหน้าเศร้า  << ไอ้เด่น

ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่กำลังขนสเตนเลสเปล่าจากโรงเก็บนมกลับมาขึ้นรถ << ถังสเตนเลส
ทำให้สมุทรไม่เอ๊ะใจ  << เอะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: zheeiiz* ที่ 14-10-2017 21:47:22
จากที่ตามเบบี้มาตั้งแต่สมัยตาร์ข้าว .. . ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าฉากสระผมที่น้ำตก นี่มันสวีทที่สุดในทุกๆๆเรื่องของเบบี้เลยอะ อ่านละแบบโอยยย เขินน ชอบมาก 55555

รออ่านงานของเบบี้เสมอน้า สำหรับเราช่วงไหนที่รู้สึกเหนื่อยกับสิ่งต่างๆรอบตัว เราชอบที่จะหยิบนิยายเบบี้มาอ่านเสมอ บางช่วงก็คิดถึงสลิ่ม อยากรับรู้ความรู้สึกมีความสุขที่มีในเรื่อง ก็จะหยิบมาอ่านบางตอน หรือคิดถึงความอบอุ่นของตาร์ข้าว ก็จะขุดขึ้นมาอ่านอีก 55.. . ซึ่งมันเติมพลังให้เราจริงๆนะ เรารักโลกใบที่เบบี้สร้างขึ้นมามาก (:

เลยอยากบอกว่าเรารอได้เสมอค่ะ เรารู้สึกขอบคุณมากเลยที่เบบี้ยังไม่ถอดใจกับเรื่องนี้ เราจะรอติดตามเส้นทางจนถึงวันนั้นของไฟสมุทรนะคะ #ถึงวันนั้นจะอีกสิบปีก็จะรอนะ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-10-2017 21:59:22
มาต่อแล้ว หายไปนาน จนต้องไปอ่านตอนก่อนหน้าเพราะลืมไปแล้ว รอบนี้มีไปน้ำฝกด้วย ฟินซะะะะะะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 14-10-2017 22:19:16
สมกับที่รอคอย ไม่ผิดหวังจริงๆ อิ่มมากกกก #มือแตะอก ยิ้มปริ่ม  ตอนนี้ได้แอบเห็นมุมละมุนราคาแพงของไฟอีกแล้ว ชอบซีนสุดท้ายกอดคอและซบลงที่ไหล่สมุทร ภาษากายบอกได้ว่า...อาลัยอาวรณ์มากกก ไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไป งือออออออ

เราเริ่มสัมผัสได้ว่า สาเหตุที่สมุทรยังไม่ยอมลงเอยแบบจริงจังกับไฟสักที เพราะกลัวความเจ้าชู้และมักมากของไฟใช่ไหม? ถถถถถถ อะไรที่เป็นอดีตก็ลืมๆมันไปเถอะนะสมุทร ดูที่ความจริงใจของไฟสิ ซึ่งเอิ่มมม อาจจะเห็นยากสักนิด ก็แบบไฟเป็นคนขี้เล่นไงงง แต่แบบรักใครแล้วรักจริงนะ นี่เชียร์ไฟสุดๆเลย #ปาดเหงื่อ 555555

บอกแล้วววววว ของดีของค่ายมวยค่ายนี้ เขาคัดกันมาปั้นกันมาอย่างดีแล้วคุณขา แซ่บ! ทุกคน ตั้งกะหัวหน้าค่าย พี่ใหญ่ ลูกน้องคนสนิทซ้ายขวา หรือแม้แต่คนเข้าใหม่ก็ไม่ได้มีความเซะซี่น้อยไปกว่าคนเก่าแก่เลย งืออออออ งานนี้หงส์ได้แรงงานเกรดเอบวกไปช่วยดูแลไร่แน่ๆเลย พี่เข้มเอาจริงแน่ ขำไฟขายตรงมาก มีไรดีงัดมาอวยหมดแถมโปรแรงอีกต่างหาก ทุ่มสุดตัวเพื่อให้ลูกน้องได้เมีย 555555 ถ้าเราเป็นพี่เข้มนะ รักไฟตายเลยอ่ะ

นี่ก็แอบคิด เขาจะส่งท้ายกันในป่าก่อนกลับบ้านกันไหมน้าาา???? :-[   แบบว่าใสใส กอดกัน หอมหัวกันเบาๆ สไตล์ไฟ แบบนั้นกระมังเนอะ หึหึหึหึ   :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-10-2017 22:19:56
ปลื้มปริ่มมาก อ่านสะใจเลย

มีพิมพ์ผิดเล็กๆน้อยๆค่ะ
“ผมก็มีอยู่แค่นี้อะนะ ตัดอะไรเป็นพัน ๆ  วันหลังให้คนขับรถพามาหาพี่นะ เดี๋ยวพี่ตัดให้ คิดห้าสิบบาทพอ” << น่าจะแยกเป็น 2 ประโยค ของไฟกับหงส์ไหม


“บ๊ายบาย” หงส์โบกมือตอบเช่นกัน  เธอหันกล้องไปทางไอ้ดินที่นั่งยอง ๆ เกาะอยู่ที่แคร่ข้าง ๆ กับผม  ไอ้ดินนั่งชะเง้อคอมองปลายสายอย่างรักษามารยาทมาตั้งแต่แรกแล้ว  หงส์เลยสนองความต้องการของมันสักหน่อย

“โชคดีนะครับคุณพายุ” ไอ้ดินรีบพูดคล้ายกลัวว่าพายุจะไม่เห็น  สมุทรก้มหัวทักทายปลายสายอย่างนอบน้อมก่อนที่หน้าจอจะดับสนิทไป 

“อยากดูคุณพายุแข่งจังครับ” ไอ้ดินทำหน้าเศร้า  << ไอ้เด่น

ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่กำลังขนสเตนเลสเปล่าจากโรงเก็บนมกลับมาขึ้นรถ << ถังสเตนเลส
ทำให้สมุทรไม่เอ๊ะใจ  << เอะ

“ผมก็มีอยู่แค่นี้อะนะ ตัดอะไรเป็นพัน ๆ  วันหลังให้คนขับรถพามาหาพี่นะ เดี๋ยวพี่ตัดให้ คิดห้าสิบบาทพอ” << น่าจะแยกเป็น 2 ประโยค ของไฟกับหงส์ไหม
.
. ประโยคนี้หงส์พูดคนเดียวค่ะ


ส่วนประโยคอื่น ๆ ที่คนอ่านแนะนำมา  เบบี้แก้ไขแล้วนะคะ  ตรวจตั้งแต่เช้า + ปรับแก้ด้วยจนถึงเย็น  เลยเบลอมากจริง ๆ T 0 T
.
.
ส่วนคำอื่น ๆ ที่ผิดหรือเขียนตกหล่น  เบบี้ได้อ่านซ้ำคร่าว ๆ ก็พอเห็นบ้างแล้วค่ะ  แต่คงไม่แก้คำผิดบนเว็บไซต์แล้วนะคะ (ไม่ไหว 555++) จะไปแก้ที่ต้นฉบับแทน

อย่างไรต้องขอบคุณมากนะคะ
..เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-10-2017 22:25:32

จากที่ตามเบบี้มาตั้งแต่สมัยตาร์ข้าว .. . ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าฉากสระผมที่น้ำตก นี่มันสวีทที่สุดในทุกๆๆเรื่องของเบบี้เลยอะ อ่านละแบบโอยยย เขินน ชอบมาก 55555

รออ่านงานของเบบี้เสมอน้า สำหรับเราช่วงไหนที่รู้สึกเหนื่อยกับสิ่งต่างๆรอบตัว เราชอบที่จะหยิบนิยายเบบี้มาอ่านเสมอ บางช่วงก็คิดถึงสลิ่ม อยากรับรู้ความรู้สึกมีความสุขที่มีในเรื่อง ก็จะหยิบมาอ่านบางตอน หรือคิดถึงความอบอุ่นของตาร์ข้าว ก็จะขุดขึ้นมาอ่านอีก 55.. . ซึ่งมันเติมพลังให้เราจริงๆนะ เรารักโลกใบที่เบบี้สร้างขึ้นมามาก (:

เลยอยากบอกว่าเรารอได้เสมอค่ะ เรารู้สึกขอบคุณมากเลยที่เบบี้ยังไม่ถอดใจกับเรื่องนี้ เราจะรอติดตามเส้นทางจนถึงวันนั้นของไฟสมุทรนะคะ #ถึงวันนั้นจะอีกสิบปีก็จะรอนะ 55555


ขอบคุณจากใจเช่นกันค่ะ  ขอบคุณที่สนับสนุนและให้ความหมายกับงานเขียนมากขนาดนี้  :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-10-2017 22:33:30
สมกับที่รอคอย ไม่ผิดหวังจริงๆ อิ่มมากกกก #มือแตะอก ยิ้มปริ่ม  ตอนนี้ได้แอบเห็นมุมละมุนราคาแพงของไฟอีกแล้ว ชอบซีนสุดท้ายกอดคอและซบลงที่ไหล่สมุทร ภาษากายบอกได้ว่า...อาลัยอาวรณ์มากกก ไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไป งือออออออ

เราเริ่มสัมผัสได้ว่า สาเหตุที่สมุทรยังไม่ยอมลงเอยแบบจริงจังกับไฟสักที เพราะกลัวความเจ้าชู้และมักมากของไฟใช่ไหม? ถถถถถถ อะไรที่เป็นอดีตก็ลืมๆมันไปเถอะนะสมุทร ดูที่ความจริงใจของไฟสิ ซึ่งเอิ่มมม อาจจะเห็นยากสักนิด ก็แบบไฟเป็นคนขี้เล่นไงงง แต่แบบรักใครแล้วรักจริงนะ นี่เชียร์ไฟสุดๆเลย #ปาดเหงื่อ 555555

บอกแล้วววววว ของดีของค่ายมวยค่ายนี้ เขาคัดกันมาปั้นกันมาอย่างดีแล้วคุณขา แซ่บ! ทุกคน ตั้งกะหัวหน้าค่าย พี่ใหญ่ ลูกน้องคนสนิทซ้ายขวา หรือแม้แต่คนเข้าใหม่ก็ไม่ได้มีความเซะซี่น้อยไปกว่าคนเก่าแก่เลย งืออออออ งานนี้หงส์ได้แรงงานเกรดเอบวกไปช่วยดูแลไร่แน่ๆเลย พี่เข้มเอาจริงแน่ ขำไฟขายตรงมาก มีไรดีงัดมาอวยหมดแถมโปรแรงอีกต่างหาก ทุ่มสุดตัวเพื่อให้ลูกน้องได้เมีย 555555 ถ้าเราเป็นพี่เข้มนะ รักไฟตายเลยอ่ะ

นี่ก็แอบคิด เขาจะส่งท้ายกันในป่าก่อนกลับบ้านกันไหมน้าาา???? :-[   แบบว่าใสใส กอดกัน หอมหัวกันเบาๆ สไตล์ไฟ แบบนั้นกระมังเนอะ หึหึหึหึ   :z1:

ยังมีส่งท้ายอีกเหรอ O_o หวานพอแล้วม้างงง ตอนหน้ากลับเข้ากรุงฯได้แล้วววววม้างงงง (หรือไม่ควรกลับดีอะ น้ำนองขนาดนั้น) 555555++
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 14-10-2017 22:38:05
ม่ายยยยย  :sad4:  น้ำท่วมกรุงอยู่ ฝากบอกไฟ อยู่ต่อสักวีคค่อยกลับมากะด๊ายยย ไม่ต้องรีบๆ คึคึคึ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-10-2017 00:11:25
ชอบอ่ะ ชอบความไฟกับสมุทรล่ะโคตรลงตัว
อ่านจบตอนนี้ทำเอาน้ำตาซึมอ่ะ ไม่ดีเลยนะคุณไฟอย่าเล่นแบบนี้อีก ... และซึ้งตรงที่เอาหน้าผากซบไหล่แล้วหลับตา เฮ้ยยยย มันดีอ่ะแก ทำให้นึกถึงตอนก่อนนู้น นานละล่ะ ที่สองคนนี้ซบพิงไหล่กัน มันดีต่อใจอ่ะ

พี่ไฟแกล้งพี่เข้มหนูทำไมคะ โคตรขำอ่ะบอกให้เข้มถอดเสื้อต่อหน้าคุณหงส์อีก ทั้งสงสารทั้งขำ

เด่นแกตลกอีกแล้ว เอ็นดูอ่ะ กล้าถามนายตรงๆ พี่ไฟก็ตอบตรงๆ ชัดเจนอ่ะ

เจ้หงส์ตอบรับรักพี่เข้มเถอะนะคะ พี่เข้มรักจริงนะ อิอิ

ยังสนุกเหมือนเดิม สนุกมากขึ้นเรื่อยๆ
ขอบคุณเบบี้ที่มาต่อ ขอบคุณจริงๆ
รักความสัมพันธ์ของสองคนนี้เอามากๆ นี่ถึงกับขำตอนที่ไฟคิดในใจ ไอ้เหี้ย... ถูกใจใช่เลย อดขำไม่ได้สมุทรก็เจ้าเล่ห์ใช่ย่อย แกล้งกันไปมา คนอ่านนี่ยิ้มตามจริงๆนะ

ขอบคุณเบบี้อีกครั้ง คิดถึงค่ะ
คิดถึงคนเขียนและพี่ไฟกับสมุทรด้วย


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 15-10-2017 00:18:30
สมุทร ยอมตาไฟสุดๆเลยตอนนี้ หมั่นไส้ตาไฟ


ขอบคุณเบบี้มากๆค่ะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 15-10-2017 01:04:23
ของคุณมากจริงๆที่มาต่อ เป็นกำลังใจให้นะคะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 15-10-2017 02:25:59
คุณไฟขาาาาาาา

มาให้หายคิดภึงและก้อจากไปปป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 15-10-2017 03:08:58
ขอบคุณสำหรับความยาวววววว ไม่ง่ายเลยที่จะมีนิยายวายเรื่องไหนทำให้เราเก็บตังค์รอเล่มได้ ไฟ คือ 1 ใน 2 เล่มของนิยายวายรอเก็บเล่มจริงจัง , เขียนดีมากจริงๆค่ะ เรารักมาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 15-10-2017 19:25:35
สลับกันยิ่งชอบบบบ :hao6: ขอบคุณคร้าบบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 15-10-2017 21:12:18
เข้ามาอ่านอย่างมีความสุข และรอตอนต่อไป ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-10-2017 21:12:50
ยังไงล่ะ ยังไง คือสมุทรโอเคแล้วใช่ไหม หรือยังไง
ไฟสมหวังแล้วคราวนี้ 5555

ไฟสมชื่อ ชอบเล่นกับไฟ แล้วดูทำกับเข้ม หงส์ ตลก ไปแกล้งเค้า

สมุทรก็รู้ทันไปหมด ชอบ

เด่นแค่ซื่อ แต่ไม่บื้อนะ แต่ใจกล้าถามไฟ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 15-10-2017 22:07:06
คุณไฟกับสมุทรมาแล้วววว แถมยาวจุใจด้วย
คือมันดูจะเริ่มหวานขึ้นทีละนิดๆ ไม่รู้คิดไปเองมั้ยนะ
แต่มันดูแบบความสัมพันธ์พัฒนาเรื่อยๆ
ดีแล้ว สมุทรยอมๆคุณไฟสักทีนะ เราขี้เกียจลุ้นนาน 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 15-10-2017 23:20:39
ขอบคุณคุณเบบี้มากนะครับที่เขียนเรื่องนี้ เป็นอะไรที่อ่านแล้วคล้อยตามได้เป็นอย่างดี รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-10-2017 23:32:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-10-2017 00:05:43
ดีใจมากมายที่ได้อ่านเรื่องนี้  บรรยายเยอะ แต่อ่านสนุก มีแง่คิดทุกตัวอักษร คุณไฟพอแก่ตัวคงเป็น ตาแก่ขี้บ่นแน่นอน อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KAEHUB ที่ 16-10-2017 05:35:14
เพิ่งรู้ว่าสองปีแล้ว 555 บ่งบอกความยาวนานของวิวัฒนาการของตัวละครได้พอสมควรเลยค่ะ ปกติจะรอเดือนนึงเปิดมาทีนึงเพราะตอนนี้ตามอยู่แค่เรื่องนี้แบบจริงจังเรื่องเดียวเลย เลยไม่รู้เหมือนเลยค่ะว่านานขนาดนี้แล้ว ชอบภาษาของคุณเบบี้มากค่ะ ครั้งนี้ถือว่ารอนานกว่าปกติจริงๆ แต่ยาวจุใจมากค่ะ ความสัมพันพวกเค้าแบบ งื้อออออ น่ารักจริงจัง ถึงแม้จะบอกว่าเค้าสลับกันรุกรับ แต่นิสัยคุณไฟหนิก็น่าเจอสมุทรปราบพยศซะจริง 555 เป็นนิยายที่ทำให้ตัวละครดูมีชีวิตมากเลยค่ะ อ่านไปเราก็จิตนาการเห็นภาพตามตลอด แม้ว่าเนื้อเรื่องอาจจะดูเหมือนดำเนินแบบเรื่อยๆ แต่ด้วยภาษาของคุณเบบี้ มันทำให้อยากมองดูพวกเค้าไปเรื่อยๆโดยไม่เบื่อจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-10-2017 08:26:06
ไฟมาในมุมที่ค่อยๆละมุนก็ได้  แอบลุ้นนะว่าใครจะก่อน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 16-10-2017 09:34:48
ขอบคุณที่มาลงตอนใหม่ให้ค่ะ..ไฟอยู่กับหงส์เหมือนเพื่อนผู้ชายอยู่ด้วยกันเลยพูดกันดีๆน้อยกว่าด่ากันอีก555

สมุทรก็ดูแลไฟดีตลอดหวังว่าความสัมพันธ์จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ



หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-10-2017 10:14:54
นับถือความอดกลั้นและอดทนของสมุทรจริงๆ เฮียไฟชอบเล่นอะไรพิเรนตลอด 555555

ฉากสวีทท่ามกลางป่าเขามันละมุนซะจริง เห็นด้วยกับคอมเม้นก่อนๆที่ว่า ตอนนี้น้ำยังท่วมกรุงอยู่อย่าเพิ่งกลับเลย

ขอฟิทเจอริ่งในน้ำซักตอนนึงก่อนกลับละกัน  :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 16-10-2017 11:49:20
คุ้มค่ากับการรอคอยมากๆค่ะ...
..ไฟคือบุคคล..ที่ขี้อ่อยยยยย!!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 16-10-2017 17:54:16
 :L2: ให้เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapoi ที่ 16-10-2017 22:33:07
โอ้ยยยย  ทำไมสมุทรใจเย็นแบบนี้ คุณไฟจับกินไปเถอะ  คนอ่านจิกหมอนจนขาดแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 16-10-2017 23:21:32
โกรธไฟนิดหนึ่งตอนที่แกล้งไปแอบ หรือเพราะเราถือเรื่องแบบนี้เลยปี๊ดหน่อย  :laugh: :laugh:
แต่สมุทรก็จัดการอารมณ์ตัวเองได้  o13 ตอนต่อไปก็น่าจะกลับกันแล้วไม่รู้จะมีฉากหวานๆเหมือนตอนอยู่ไร่กันอีกมั้ย :z1:


ปล.กว่าจะจบคงอีกนาน แต่เราชอบรอนิยายของเบบี๋นะ สำหรับเรามันคุ้มค่าที่จะรอ อยู่เป็นเพื่อนกันไปอีกเรื่อยๆเนอะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 17-10-2017 05:37:42
ไฟกับสมุทร(สลับกัน) ถูกใจมากค่ะ เพราะความกวนโอ๊ยของไฟเลย ต้องโดนสมุทรจัดหนักแน่ แมนๆเหมาะกันดีค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 17-10-2017 13:02:20

หูยยยยยยยยยยยยย มันทำไมอ่านแล้วรู้สึกไม่พอ แลดูค่อยๆพัฒนาขึ้น แต่ยังกั๊กๆกันไว้ นิดๆ ลุ้นความรู้สึกของสมุทรทีละนิด :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 17-10-2017 15:15:54
พี่ไฟกับสมุทรนี่อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอจริงๆค่ะ
อยากได้อีกเรื่อยๆ ว้ากกกกกกกกกก
ไม่อยากให้กลับไปกทม.เลย เข้าใจพี่ไฟ
ไม่รู้จะเจอเรื่องอะไรอีก นานๆทีสมุทรจะอ่อนให้
พี่ไฟขนาดนี้ ฮือออออ
เป็นกำลังใจให้เบบี้นะคะ รออ่านเสมอค่าาา
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 18-10-2017 10:30:18
ตอนนี้มันดูละมุนดีนะ :mew3:
อ่านแล้วยิ้ม แค่เค้าแตะกันนิดยิ้มกันหน่อยคนอ่านก็นั่งยิ้มเป็นบ้านเป็นหลัง :impress3:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 18-10-2017 14:35:05
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรักเรื่องนี้
รักไฟ สมุทร
ละมุนขึ้นทุกที ชอบคุ่
ตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนแรก และสัญญาว่าจะตามต่อไปนะค่ะ
รอเบบี้เสมอ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 20-10-2017 10:19:31
    ชอบความเป็นไปของตัวละครในตอนนี้มากเลยค่ะ สำหรับเรา
เราว่ามันพัฒนามามากแล้ว
ชื่นชมที่คุณเบบี้ลงรายละเอียดย่อยๆที่ทำให้บริบทของนิยายสมบูรณ์ขึ้นมากมาย
   
   นอกจากชอบเวลาที่ไฟอยู่กับสมุทรแล้ว
เรารู้สึกว่าได้เห็นไฟในหลายมุมมองต่างไปเวลาอยู่กับหงส์,ปู่หาญ และลูกน้องด้วยเช่นกัน การบรรยายที่ลงรายละเอียดเยอะแบบนี้มันทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้หลายมิติเลยค่ะ
  อย่างสมุทรก็มีความเปลี่ยนแปลงเวลาอยู่กับไฟ มีการแสดงออกถึงลักษณะนิสัยบางอย่างที่เราไม่เห็นจากการที่สมุทรใกล้ชิดกับคนอื่น  :hao3:

  และที่ชื่นชมคุณเบบี้มากๆ คือส่วนความคิดของไฟ เราว่ามันตกผลึกและจับต้องได้ ในหลายๆส่วนของทัศนคติที่มองโลกของไฟ มันคือพื้นฐานมนุษย์ การมองโลกในแง่ความจริง ในโลกนี้มีคนประเภทแบบนี้อยู่ ไม่มีคนที่ขาวสุด หรือ ดำสุด
    ตรงคำพูดที่ว่า "เราไม่สามารถช่วยทุกคนบนโลกนี้ได้" มันอาจดูตลกร้าย หรือใจดำ แต่มันคือความจริง
 
   เราว่าในตอนนี้ มันจับความรู้สึกบางอย่างของสมุทรได้เยอะอยู่ และเราเขินกับทุกครั้งที่ ไฟ สมุทร อยู่ได้กัน ทั้งๆที่ตอนนั้นจะทุ่มเถียงกันก็เถอะ  :hao7:5555

ยาวเลยค่ะ ฮือ มันเพลิน ตอนนี้อ่านหลายรอบมากๆ
และยังยืนยันว่าถูกจริตกับการที่คุณเบบี้ วางบทบาทผลัดกันรุกผลัดกันรับของ ไฟ-สมุทร เช่นเดิม (2คนนี้ช่างเหมาะกับโพสิชั่นนี้มาก 5555)

 ปล. แอบใจกระตุกแทบหายวูบตอนอ่านถึงที่คุณเบบี้บอกว่า เคยคิดล้มเลิกการเขียนเรื่องนี้
ได้โปรด อย่าล้มเลิกเลยนะคะ เป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้คุณเบบี้และ ไฟ สมุทร อยากดำเนินชีวิตไปกับพวกเขาจนตัวอักษรสุดท้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 20-10-2017 20:27:23
    ชอบความเป็นไปของตัวละครในตอนนี้มากเลยค่ะ สำหรับเรา
เราว่ามันพัฒนามามากแล้ว
ชื่นชมที่คุณเบบี้ลงรายละเอียดย่อยๆที่ทำให้บริบทของนิยายสมบูรณ์ขึ้นมากมาย
   
   นอกจากชอบเวลาที่ไฟอยู่กับสมุทรแล้ว
เรารู้สึกว่าได้เห็นไฟในหลายมุมมองต่างไปเวลาอยู่กับหงส์,ปู่หาญ และลูกน้องด้วยเช่นกัน การบรรยายที่ลงรายละเอียดเยอะแบบนี้มันทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้หลายมิติเลยค่ะ
  อย่างสมุทรก็มีความเปลี่ยนแปลงเวลาอยู่กับไฟ มีการแสดงออกถึงลักษณะนิสัยบางอย่างที่เราไม่เห็นจากการที่สมุทรใกล้ชิดกับคนอื่น  :hao3:

  และที่ชื่นชมคุณเบบี้มากๆ คือส่วนความคิดของไฟ เราว่ามันตกผลึกและจับต้องได้ ในหลายๆส่วนของทัศนคติที่มองโลกของไฟ มันคือพื้นฐานมนุษย์ การมองโลกในแง่ความจริง ในโลกนี้มีคนประเภทแบบนี้อยู่ ไม่มีคนที่ขาวสุด หรือ ดำสุด
    ตรงคำพูดที่ว่า "เราไม่สามารถช่วยทุกคนบนโลกนี้ได้" มันอาจดูตลกร้าย หรือใจดำ แต่มันคือความจริง
 
   เราว่าในตอนนี้ มันจับความรู้สึกบางอย่างของสมุทรได้เยอะอยู่ และเราเขินกับทุกครั้งที่ ไฟ สมุทร อยู่ได้กัน ทั้งๆที่ตอนนั้นจะทุ่มเถียงกันก็เถอะ  :hao7:5555

ยาวเลยค่ะ ฮือ มันเพลิน ตอนนี้อ่านหลายรอบมากๆ
และยังยืนยันว่าถูกจริตกับการที่คุณเบบี้ วางบทบาทผลัดกันรุกผลัดกันรับของ ไฟ-สมุทร เช่นเดิม (2คนนี้ช่างเหมาะกับโพสิชั่นนี้มาก 5555)

 ปล. แอบใจกระตุกแทบหายวูบตอนอ่านถึงที่คุณเบบี้บอกว่า เคยคิดล้มเลิกการเขียนเรื่องนี้
ได้โปรด อย่าล้มเลิกเลยนะคะ เป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้คุณเบบี้และ ไฟ สมุทร อยากดำเนินชีวิตไปกับพวกเขาจนตัวอักษรสุดท้ายจริงๆ

ขอบคุณค่ะ   :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 22-10-2017 22:29:49
เพิ่งรู้เหมือนกันว่าถึงสองปีแล้ว   :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:  แต่ไม่ว่าจะกี่ปีก็คิดว่าจะยังคงติดตามต่อไปนะคะ


สมุทรไฟก็ไม่เลว  ชอบความอบอุ่นอ่อนโยนของสมุทร  ที่แสดงออกมาให้ไฟได้เห็นบ่อยที่สุด   :กอด1:


รอตอนต่อไปนะคะ



 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: playzzz1 ที่ 24-10-2017 16:41:42
ทำไมวันนี้อ่านสมุทรเสียงสอง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 30-10-2017 03:38:58
ฮืออออคิดถึงมากๆเลยยย :hao5:

4 รีพลายจุใจมากค่ะ เอาใจช่วยเข้ม คุณไฟก็น้าาา แกล้งกันรุนแรงเหลือเกิน แต่ถ้าไม่ได้คุณไฟคู่นั้นก็เริ่มไม่ได้สักที

คุณไฟกับสมุทรนี่อัลไล ออร่าชมพูม่วงๆนี่คืออัลไลลลลล สกรีมมม เขิล

ชอบความอบอุ่นเอาใจของสมุทรจัง  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jill_oo ที่ 03-11-2017 11:11:40

อ่านวนไป จนกว่าตอนใหม่จะมาค่ะ

คิดถึง ไฟ สมุทร พี่ธาน น้องพายุ

เป็นกำลังใจให้คุณเบบี้นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 06-11-2017 21:51:50
อ่านเริ่มตั้งแต่ต้นอีกรอบ รอคุณไฟ-สมุทร ค่ะ :katai2-1:
 แวะมาส่งความคิดถึงให้คุณเบบี้ด้วย  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-11-2017 19:42:27
บ่าวแวะมากวาดลานค่ายมวยให้คุณไฟนะค้าาาา   :m7:   คิดถึงนายท่านมากเลยยย  :m17:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 16-11-2017 23:26:34
คิดถึงจังค่ะ  พี่ไฟ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 17-11-2017 13:56:50
มารอรับไฟกลับบ้าน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-11-2017 19:00:07
ไฟเอ้ยยย เล่นกับไฟไฉนเลยจะรอด
สมุทรดูเข้าใจและพร้อมมากขึ้นนะ

สงสารหงส์ ไฟชอบแหย่แรง แล้วเข้มก็ต้องวิ่งตามไปอีก


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 25-11-2017 18:41:25
เกิดอะไรขึ้นในป่าคะ  อยากรู้แล้ว   :laugh: :laugh: :laugh:

รอสมุทรกับไฟอย่างใจเย็น   :heaven :heaven :heaven  คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 28-11-2017 14:12:11
คิดถึงจัง ไฟขา สมุทรของไฟ ไฟของเค้า

เบบี้ที่รีักจุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 28-11-2017 16:35:03
คิดถึงสมุทร   หายไปนานจังเลย กลับมาเอาใจใส่เราหน่อยจิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 03-12-2017 02:17:40
ติดตามมาตลอดตั้งแต่ตอนแรก สองปีแล้วอิอิ

จะรอต่อไป รักเสมอค่า
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-12-2017 18:45:08
 :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 11-12-2017 22:17:45
คิดถึงคุณไฟ แงงงงง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 11-12-2017 23:15:56
เหนื่อย อยากซบสมุทรเช่นกัน   ฮืออ  คิดถึง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-12-2017 12:41:31
แปะอีกรอบ !

[ ศุกร์ที่ 14 ก.ค 60 ] ตอนที่ 44 (บ้านหงส์)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1740

[ อาทิตย์ที่ 20 ส.ค 60 ] ตอนที่ 45 (ความสัมพันธ์คืบหน้าอีกหนึ่งระดับ)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1800

[ เสาร์ที่ 14 ต.ค 60 ] ตอนที่ 46 (น้ำตก + บ้านหงส์ตอนสุดท้าย)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1860


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ตอนที่ 47
..ไฟ..




ก่อนเข้านอนในคืนวันสุดท้ายที่บ้านหงส์  ผมถามคนข้าง ๆ ไปว่า “จะคิดถึงฉันไหม ?”  สมุทรไม่ได้ตอบ  รู้อยู่หรอกว่าจะไม่ได้รับคำตอบกลับมา  ส่วนตัวก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับน่ะนะ...

.
.
09:15 น. : บ้านเลิศประสงค์

“หน้าตาสดชื่นขึ้นเยอะเลยนะคะคุณ” ป้าอิ่มยิ้มกว้าง  ทักทายผมที่เพิ่งลงจากรถ
   
“ทางนั้นฝากความคิดถึงมาด้วยครับ แล้วก็...ผักสดเต็มหลังรถเลย” ผมบอก

“งั้นหรือคะ เดี๋ยวงั้นป้าคงก็มีงานยักษ์สำหรับเย็นนี้ซะแล้วสิ” เธอตื่นเต้น  ผมอมยิ้ม  ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเกือบหมดขณะกำลังเดินเข้าบ้าน   

“คุณไฟอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”

“ไม่ครับ ทำตามสบายเถอะ”

“ได้ค่ะ” ป้าอิ่มผงกหัวเล็กน้อยและทิ้งช่วงถอยหลังห่างจากผมออกไป 

“หมาแมวที่ให้อยู่เฝ้าบ้านหายหัวไปไหนกันหมดล่ะ” ผมถามถึง  กวาดตามองไปทั่วโถงบ้านที่เงียบผิดปกติ  ตั้งแต่ลงมาจากรถยังไม่เห็นหัวน้องชายเลยสักตัว  ทั้งที่ควรจะมายืนต้อนรับแท้ ๆ  ป้าอิ่มยิ้มกริ่ม  ไม่ตอบคำถามผม

“อาเฮียยย ! ยินดีต้อนรับกลับบ้านนน !!” เสียงไอ้ดินดังมาจากทางเดินฝั่งห้องครัว  ฝีเท้าวิ่งตามมาติด ๆ ด้วยความรวดเร็ว  ขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นหอมของขนมอบโชยเตะจมูกมาด้วย   

“ออกไปให้ห่าง” ผมพูด  ยันมือดันศีรษะของไอ้ดินห้ามเอาไว้  มือข้างหนึ่งของมันใส่ถุงมือกันความร้อน  ผ้ากันเปื้อนทำอาหารที่มันสวมอยู่สภาพเละเทะ  สะอาดซะที่ไหน  มีแต่แป้ง  พายุเดินตามออกมาด้วย  ใส่ผ้ากันเปื้อนเหมือนกัน  ไอ้รุ่งกับไอ้หินตามหลังพายุมา  มันสองคนโค้งทักทายผมก่อนปลีกตัวออกไปช่วยพวกไอ้เด่นขนของที่หน้าบ้าน   

“อะไรเล่า จะกอด !” ไอ้ดินโวยวายหน้ามุ่ย  มือไม้ปัดป่ายไปมากลางอากาศซึ่งความยาวของแขนมันนั้นไม่โดนตัวผมเลย  เป็นท่าทางที่เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน  ผมยอมปล่อยมือออกเพราะขี้เกียจเล่นด้วยแล้ว  พอไอ้ดินเป็นอิสระมันก็เข้ามาซุกกอดตัวผมไว้แน่น 

“เสื้อกูสีขาวมึงไม่เห็นรึไง” ผมถอนหายใจ  วางมือซ้ายลงที่หลังของอีกฝ่ายเพื่อกอดตอบรับอย่างช่วยไม่ได้

“เสื้อเชิ้ตสีขาวของเฮียมีเป็นล้านตัว” ไอ้ดินกระแทกเสียงงอน ๆ พูดเกินจริงไว้ก่อน  พายุอมยิ้ม  ตรงเข้ามากอดผมด้วยอีกคน  ผมตบหลังพวกมันสองสามทีเป็นสัญญาณบอกว่าพอได้แล้ว ไม่ต้องดราม่า  พายุผละตัวออกก่อน  เหลือแต่ไอ้ดินที่ยังเกาะผมแน่นเป็นลูกลิงเลย

“เล่นอะไรกันเลอะเทอะ” ผมถามกึ่งประชด

“อบพายอยู่ ดินนั่นแหละเล่นเลอะเทอะอยู่คนเดียว” พายุบ่น  ค้อนตาใส่ไอ้ดินด้วย

“ไล่ก็ไม่ไป” มันเสริม

“ดินก็ช่วยทำด้วยเหอะ” ไอ้ดินทำหน้าอวดอ้างใส่พายุ  ผมเลยนำมือกดหน้าไอ้ดินให้ซุกเข้าไปใต้รักแร้  รำคาญที่มันปากมาก  ไอ้ดินหัวเราะแต่ก็ไม่ต้านแรงสู้กลับมาอย่างที่ควร     

“จ่ายกูมาสองพัน” ผมแบมือ  อีกฝ่ายขมวดคิ้ว 

“ค่าอะไร” ไอ้ดินถามอย่างงงงวย

“ค่าดมรักแร้กูไง ออกจะหอมขนาดนี้” ผมตอบ  ไอ้ดินหัวเราะ 

“ยุทำพายไว้ จะเอาไปแจกให้เพื่อน ๆ ของดินมันน่ะ แล้ว...เฮียจะกินเลยไหม มีน้ำกระเจี๊ยบด้วย ไม่ได้ใส่น้ำตาลเลยนะ แล้วก็แก้วมังกร ปลอกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” พายุยิ้มบรรยายสิ่งต่าง ๆ 

“อือ” ผมพยักหน้าตอบ  มันพูดซะขนาดนี้  ก็ลองผมไม่กินดูสิครับ

“เออ...เฮีย ย่าเพิ่งกลับไปเมื่อเช้านี้เอง” ไอ้ดินบอก

“มาเหรอ” ผมถามผ่านไปที

“อืม มานอนค้างคืนนึง ฉลองที่ยุแข่งชนะ แต่ยุไม่ได้บอกเรื่องเฮียหรอกนะ ก็บ่นตามประสาเหมือนเดิมว่าเฮียไม่ค่อยจะอยู่บ้าน” พายุพูด

“ดีแล้ว ไม่ต้องบอกหรอก” ผมบอก
 
“แล้ว...นี่มึงมีแข่งไม่ใช่เหรอวะ ทำไมยังอยู่บ้านอีก” ผมก้มหน้าถามไอ้คนที่ยังเกาะตัวผมอยู่ 

“ก็รอเฮียนี่ไง” ไอ้ดินตอบหน้ามุ่ย  ทำหน้างอนที่ผมไม่รู้ใจมัน
 
“รอทำไม พวกมึงไปที่สนามเลย เดี๋ยวกูตามไป” ผมพูด

“อ้าว เฮียไม่ต้องไปก็ได้นะ” ไอ้ดินตกใจ  มันผละตัวผมออกด้วยสีหน้าจริงจัง

“แผลหายดีแล้วเหรอ” พายุถาม  ไอ้ดินจ้องผมเขม็ง

“ลองให้กูโยนมึงสองตัวออกจากบ้านไปพร้อมกันตอนนี้ดูไหมล่ะ” ผมถามหน้าตาย  ดูท่าจะดีไม่น้อย  พวกมันสองคนหัวเราะดังลั่น 

“ได้ข่าวว่าเป็นเด็กดีนี่” ผมลูบหัวไอ้ดิน  นำนิ้วโป้งแตะลงที่หน้าผากของมันแล้วค้างมือไว้อย่างนั้น

“กลั้นใจสุด ๆ” ไอ้ดินตอบ  มันกวนตีน

“อยากได้จูบเป็นรางวัลไหมล่ะ เดี๋ยวเฮียสอดลิ้นให้เลยครับ” ผมพูด  ล็อกคอไอ้ดินทันทีก่อนที่มันจะได้สติหลบหลีก   

“ไม่ ! เฮีย !” มันโวยวาย  ใบหน้าเงยขึ้นสูงพร้อมเอนออกไปทางด้านหลังให้มากที่สุดแล้วใช้แรงแขนที่มีดันตัวผมเอาไว้

“มึงกล้าปฏิเสธจูบจากกูเหรอ” ผมถลึงตา  ยิงฟันให้เห็นเกือบครบทุกซี่  แขนข้างหนึ่งล็อกเอวไอ้ดินไว้แนบแน่น   
 
“ม่ายยยยย !!!” ไอ้ดินโวยวายดังลั่นบ้าน  มือของมันจิกเสื้อผมที่ตรงหัวไหล่ขยุ้มจนเสื้อตึงไปหมด

“พี่ธาน ช่วยด้วย” มันร้องขอพี่ธานที่กำลังเดินมาพอดี

“เล่นอะไรกันครับ” พี่ธานหยุดยืนมองยิ้ม ๆ

“ชิ” ผมถุยลมออกทางไรฟัน  เขวี้ยงตัวไอ้ดินออกด้วยนึกหมั่นไส้  ไอ้ดินได้จังหวะหนีออกไปแล้วหลบหลังพี่ธานทันที

“กูอยากจูบมึงตายเลย ฟันก็แปรงวันละครั้ง ครั้งละห้าวิ” ผมสบถ

“ไม่จริง !” ไอ้ดินเถียงด้วยสีหน้าเหลอหลา  พี่ธานกับพายุหัวเราะ

“กูบอกมึงกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเป็นเด็กเป็นเล็กให้ไปตรวจฟันทุกปี” ผมไม่หยุดหยอก

“ดินโตแล้วโว้ย แล้วก็แปรงฟันทุกวันด้วย ไม่เห็นจำเป็นต้องไปตรวจฟันทุกปีเลย หมอก็แก่” มันเถียงจะเอาชนะให้ได้

“หมอสวย ๆ เยอะแยะ แต่ขอบปากมึงไม่สวยไง หมอเขาอาจจะกลัวปากมึงแดกมือเขาไปก็ได้” ผมว่า  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ  ไอ้ดินเถียงไม่ออกไปแล้ว

“ถามจริง.. หินปูนที่เกาะอยู่บนฟันมึงน่ะ เลี้ยงไว้เพาะเห็ดขายเหรอวะ ?” ผมเบิกตาพลางแสยะยิ้ม

“เฮีย !” ไอ้ดินกระแทกเสียง  ปากยิ้มกว้าง  หน้าแดงก่ำไปหมด

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พี่ธานหัวเราะหน้าคว่ำหน้าหงายไปแล้ว

“พอละ” ผมถอนหายใจ  นำมือเท้าเอว  พยักหน้ามองหน้ามันว่าผมพอใจในการกลับมาถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  นี่สิบ้าน

“ดินจูบเก่งกว่าที่เฮียคิดไว้เยอะเลย” ไอ้ดินพูดโผงขึ้นมาทำให้ผมหยุดเดิน  เบือนใบหน้ากลับไปมองน้องชายที่ยืนทำท่าอวดดีอยู่ด้านหลังพี่ใหญ่ 

“ใครถาม ?” ผมเลิกคิ้ว

“พูดให้ฟัง” ไอ้ดินยักไหล่ทั้งสองข้าง

“ตามหลักทฤษฏีของพวกขี้อวดคืออะไรรู้ไหม...” ผมอมยิ้มมุมปาก  ไอ้ดินมองผมด้วยสีหน้าหวาดระแวง

“เป็นพวกเรียกร้องความสนใจ ที่ยังไม่เคยเจอของจริง”

ไอ้ดินกัดฟันแน่น  ทำตาคว่ำที่เถียงผมไม่ออก

“กลิ่นผ้าอ้อมมึงน่ะ ยังไม่หายเหม็นฉี่เลยไอ้ดิน” ผมฉีกยิ้มให้ทั้งสองมุมปาก

“ขอ....” ไอ้ดินเอ่ยเบา ๆ

“ขอให้ของเฮีย.. สั้นลง !” มันสาปแช่งหนักแน่น  เดินกระทืบเท้ากลับเข้าครัวไปซะงั้น

“ไอ้เหี้ยนี่แช่งซะกูกลัว” ผมมองตาม  พี่ธานกับพายุหัวเราะ


- - - - - - - - - - - - - - -


ชานเมือง, กรุงเทพฯ

บ่ายสามโมงตรงของวันนี้จะถึงคิวการแข่งขัน BMX รอบชิงชนะเลิศทีมของไอ้ดินและเพื่อน  หลังจากที่ผมกินพาย  แก้วมังกรและน้ำกระเจี๊ยบที่พายุจัดเตรียมไว้ให้เสร็จเรียบร้อย  อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  พายุกับดินและลูกน้องคนสนิทของผมได้ออกเดินทางไปที่สนามแข่งก่อนเพราะต้องไปเตรียมพร้อมร่างกาย  วันนี้ผมให้สมุทรหยุดพักผ่อนหนึ่งวัน  เขาไม่ได้พบหน้าครอบครัวมาพักใหญ่  ผมจึงยกเว้นให้พิเศษ


ผมกับพี่ธานมีธุระที่ต้องการจัดการให้รู้แล้วรู้รอดภายในวันนี้  เป็นเรื่องที่ถ้าไม่เคลียร์ก่อนอาจเดินหน้าเรื่องอื่นได้ลำบาก  เราจึงจะตามไปที่สนามแข่งทีหลัง 

เสื้อสีขาวสะอาด  คอโปโล  เนื้อผ้าแบบบางสำหรับใส่เมืองร้อนจากแบรนด์ดังของนักออกแบบรุ่นใหม่ชาวไทยแท้แต่กำเนิด  กางเกงสีขาวทรงเข้ารูปยี่ห้อเดียวกัน  เมื่อเด็กสมัยนี้ผลิตงานดีและเข้ากับรสนิยมก็ต้องการอุดหนุนเป็นธรรมดา  นำเสื้อใส่ในกางเกงเพื่อต้องการโชว์เข็มขัดหนังสีน้ำตาลเข้ม  หัวเข็มขัดขนาดเล็กขอบทองรุ่นลิมิเต็ด  รองเท้าหนังแบรนด์ดังจากสหรัฐฯ ที่มีนักร้องชาวอเมริกันหลายคนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์  สร้อยทองแต่ละเส้นขนาดต่างกัน  ออกแบบจากร้านดังในนิวยอร์ก  หนึ่งในนั้นมีจี้ปืนทองคำแท้ฝังเพชรที่ป๋าจงซื้อมาให้จากดูไบ  นาฬิกาข้อมือตัวเรือนทองคำออกแบบเรียบโก้  แบรนด์จากฝรั่งเศสที่ติดหนึ่งในสิบอันดับแบรนด์หรูของโลกในปีนี้  บริษัทเก่าแก่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1850 ซึ่งเป็นแบรนด์ประจำของผม  โดยรวมแล้วค่อนข้างเรียบในมุมมองตัวเอง  ตั้งใจแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศที่ต้องไปดูการแข่งขันของน้องชาย  แต่เพียงแค่ตอนนี้แวะมาผิดที่ก่อนก็เท่านั้น

“ที่นี่แหละครับ” พี่ธานบอก  รถยนต์หยุดอยู่ที่หน้าห้องเช่าของตึกที่พักอาศัยค่อนข้างทรุดโทรม  ดูจะใกล้พังแหล่ไม่พังแหล่  บริเวณนี้จัดเรียกว่าเป็นชุมชนแออัดโดยสมบูรณ์แบบเลยคงไม่ใช่  เต็มไปด้วยบ้านเรือนของชนชั้นกลางถึงระดับล่างที่อยู่อาศัยมานานมากกว่า  ไล่ระดับลงไปจนถึงพวกเด็กช่าง  ทัศนวิสัยจึงไม่น่ารื่นรมย์นัก

ปลายไม้เท้าแตะพื้นถนนก่อนเพื่อยันตัวเองให้ลงจากรถได้สะดวกขึ้น  ผมกับพี่ธานหยุดยืนมองอยู่หน้าตึก  พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ที่ขายของอยู่ริมถนนมองมายังผมและพี่เขาเป็นตาเดียว  สายตาที่จับจ้องหลายสิบคู่ทำให้เป็นจุดสนใจจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา  ผมกระตุกยิ้มมุมปากให้ทุกคนเสี้ยววินาทีเพื่อทักทายตอบให้  ก่อนใช้ไม้เท้าขยับนำการก้าวเดิน 


ห้องพัก 169 คือที่หมายของการมาถึงในครั้งนี้... ตัวเลขทำให้นึกพิเรนทร์จนเสียงหัวเราะขึ้นจมูก 

“ตามจริง ผมไม่ค่อยชอบหกเก้าเท่าไหร่” ผมถอนหายใจ  พี่ธานอมยิ้ม  ไม้เท้ากระตุกขึ้นกลางอากาศสั่งให้อีกฝ่ายทำหน้าที่ของตน  พี่ธานจึงเคาะประตูห้องเป็นจำนวนสามครั้งด้วยน้ำหนักตามมารยาทพื้นฐานที่มนุษย์ควรมี

“ใครครับ” คนด้านในขานถามกลับมา  ความเงียบหลังการตั้งคำถามทำให้ทราบว่าเจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูต้อนรับแขกหน้าไหน ๆ ได้โดยง่าย  พี่ธานจึงเคาะซ้ำอีกครั้งหนึ่งอย่างใจเย็น


ก๊อก  ๆ ๆ

“กูถามว่าใคร” เจ้าของห้องเริ่มแสดงความไม่พอใจ 

“แหม พูดไม่เพราะเลยนะครับ” ผมแซ็ว  ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ประตู  พอมีสิ่งมากระตุ้นก็ทำให้ธุระกลายเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาได้ง่าย ๆ

“........” อีกฝั่งหนึ่งเงียบไปแล้ว

“ถึงจะชักว่าวอยู่ก็ไม่ถือหรอกน่า เปิดประตูให้หน่อยสิครับ ก่อนที่มันจะเอิกเกริกไปมากกว่านี้” ผมพูด  เสียงที่สะท้อนกลับมาทำให้เดาได้ว่าเจ้าของห้องอยู่ไม่ห่างจากประตูเท่าไหร่นักหรอก  มันเงียบอยู่หนึ่งอึดใจก่อนที่บานประตูจะเปิดออกอย่างระมัดระวัง  ผมยิ้มกว้างทักทายเจ้าของห้อง  ไอ้บูรณ์ยืนทำหน้าถมึงทึงมองไปทั่วด้วยความหวาดระแวง 

“ชักว่าวอยู่จริงดิ !?” ผมแกล้งสบถพร้อมเบิกตาโตด้วยสีหน้าตื่นเต้น  ไอ้บูรณ์มองตาขวาง  ผมยื่นไม้เท้าให้พี่ธาน  พี่เขารับไปพร้อมปิดประตูห้องให้ในทันทีที่ผมเดินผ่านเข้าประตูเข้ามา  อีกฝ่ายไม่รุกล้ำเข้ามาด้วย 

“มีอะไร พ่อมึงตายอีกรอบรึไง” ไอ้บูรณ์แทบสบถ  คำพูดของมันทำเอามุมปากผมหยุดยิ้มไม่ได้

“คึ ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ  ไอ้เหี้ยยย มึงแม่งฮาว่ะ” ผมยิงฟัน  ปรบมือชมมันยกใหญ่  ไอ้บูรณ์เงียบ  ยืนเว้นระยะห่างจากผมไปสองช่วงแขน  การที่เจ้าของบ้านยืนจังก้าและไม่พูดกล่าวต้อนรับขับสู้ให้แขกที่มานั่งลงก็บอกนัยยะได้หลายความหมายทีเดียว  ผมเลือกที่จะเพิกเฉยพฤติกรรมนั้นโดยการกวาดตาสำรวจมองห้องพักของมันไปทั่ว

คาดการณ์ด้วยสายตา  ขนาดห้องที่ไม่น่าเกินยี่สิบตารางเมตร  เฟอร์นิเจอร์ไร้ราคาที่ดูผ่านมาแล้วหลายมือซึ่งคงเป็นของหอพัก  บนเตียงมีเพียงหมอนกับผ้าห่มสำหรับหนึ่งคน  ไม่มีผ้าปูเตียงด้วยซ้ำ  โต๊ะเครื่องแป้งโล่ง ๆ  แทบหาของสำคัญไม่พบ  ที่เห็นจะสำคัญกับการใช้ชีวิตในเมืองร้อนแบบนี้ก็คงมีแต่ “พัดลม” นั่นแหละ  ที่ถ้าขาดไปอาจจะตายห่าคาห้องเป็นได้  ก็นั่นมันของประทังชีวิตในครัวเรือนของประเทศไทยเลยนี่นะ 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 46 [ 15:59 น. - ส. 14 ต.ค 60 หน้า 63 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-12-2017 12:43:54

“มึงรู้ที่อยู่กูได้ยังไง” ไอ้บูรณ์ถาม  น้ำเสียงคมเข้มแต่แฝงไปด้วยความระแวง

“เมื่อเช้ามึงกินอะไร” ผมถามกลับคนละเรื่อง  เห็นกล่องอาหารวางอยู่บนโต๊ะพับขนาดเล็กที่กลางห้องใกล้กับโทรทัศน์ขนาดสิบกว่านิ้ว  ประหนึ่งว่าให้ควักลูกตาแล้วเอาไปวางติดกับหน้าจอถึงจะมองเห็นภาพ

“........” ไอ้บูรณ์ไม่ตอบ  มันหลับตาเรียกสติตัวเองไปเกือบสิบวินาทีเห็นจะได้

“มึงมีอะไร” มันย้ำถามอีกครั้ง  ครั้งนี้น้ำเสียงเรียบลง  ดูเหมือนว่ามันไม่ต้องการคำตอบของคำถามแรกแล้ว  นิสัยที่ควรจะโกรธง่ายกลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิด  ดูท่าประสบการณ์จะสอนมันได้มาก  ไม่แน่ว่าคงจะไร้ความรู้สึกเร็ว ๆ นี้ล่ะมั้ง

“มึงก็ขึ้นชกเวทีใหญ่ ๆ ตั้งหลายครั้ง ไหงห้องถึงได้โกโรโกโสแบบนี้วะ เงินเก็บไปไหนหมด” ผมพูดอย่างที่คิด

“เงินเก็บก็เอาไว้ยัดห่าไง ฮึ ! ถามเหมือนไม่รู้ ก็ไม่ใช่เพราะไอ้พวกเจ้าของค่ายหัวค-วยที่วัน ๆ เอาเงินที่พวกกูหามาได้ไปทำเรื่องอัปรีย์ ๆ รึไง” อีกฝ่ายแสยะปากจงใจประชดผมเต็มที่  ผมกะพริบตาเนิบช้า  เบะปากเข้าใจในความหมาย

“ปากจัดจังนะ” ผมชม  ไอ้บูรณ์เงียบปากลงแต่การหายใจของมันกลับแรงขึ้น

“เพราะกูมันจนไง มึงพอใจรึยัง ถ้าไม่มีธุระสำคัญอะไรก็เชิญคนรวย ๆ อย่างมึงออกไปจากห้องโกโรโกโสของกูด้วย” มันไล่ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายคล้ายยอมแพ้ในที่สุด

“หึ ๆ  กูเพิ่งรู้ว่ามึงประชดเก่งขนาดนี้” ผมอมยิ้ม

“ไอ้ไฟ...”

“น้ำแก้วซิ” ผมสั่ง  อีกฝ่ายหันขวับทำตาขวาง

“ขอน้ำกูแก้วนึง” ผมพูดซ้ำ  มองหน้ามันตอบก่อนหย่อนก้นลงนั่งบนเตียง  ไอ้บูรณ์ถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่  ยอมเดินไปที่ถังน้ำที่วางอยู่บนพื้นห้อง  มันนั่งยองลงจนเห็นกล้ามที่ขาชัดเจน  หยิบแก้วเปล่าที่คว่ำอยู่ไปรองรับน้ำที่เทจากถัง  เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นนำน้ำแก้วนั้นยื่นมาให้ด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก

“ขอบใจ” ผมรับมาและยกดื่มจนหมดในครั้งเดียว  ยื่นแก้วกลับไปให้เจ้าของที่ยืนค้ำหัวตรงหน้า  มันเหล่มองมาที่ผมอยู่ตลอดไม่พูดไม่จา

“ได้ข่าวมาว่าพ่อมึงถูกคุมตัวอยู่ในคุกนี่ ไม่ให้ประกันด้วย น่าเศร้าฉิบเป๋ง” ผมเกริ่น  เสี่ยปรีดาถูกคัดค้านการประกันตัว  นอนเล่นอยู่ในคุกมาตั้งแต่วันที่ผมถูกยิงแล้ว  ตำรวจปิดเรื่องนี้เงียบเชียบขนาดที่ว่านักข่าวไม่สามารถระแคะระคายใด ๆ ได้เลย

“มันจะอยู่ในคุก รึอยู่นอกคุก ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกู” ไอ้บูรณ์แสยะปาก 

“เย็นชาจัง ว่าแต่...ขอน้ำอีกสักแก้วสิ” ผมเงยหน้าขึ้นมอง  เปลี่ยนเรื่องอีกครั้งทันทีทันใด 

“มึง” ไอ้บูรณ์ชักสีหน้า  กรามบดกันแน่น   

“น้ำ...เร็วเข้า” ผมย้ำเรียบ ๆ  ไอ้บูรณ์สบถไม่ได้ศัพท์  กลับไปเติมน้ำเปล่ามาให้อีกครั้ง  ผมยกกระดกดื่มหมดไม่เหลือสักหยดเหมือนเดิม  ก่อนอ้าปากพร้อมพ่นลมออกมายาว ๆ เมื่อดับกระหายได้

“ฮ้า ~ มีลูกอมไหม” ผมถาม

“จิ๊ มึงต้องการอะไรกันแน่วะ !” ไอ้บูรณ์ขึ้นเสียง  คิ้วขมวดคล้ายหมดความอดทน

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมกัดฟันขำหน้ามัน  ตลกดี

“ลูกอมที่ทำให้ลิ้นตรงกลางมีสีแดงน่ะ มีไหม” ผมแลบลิ้นประกอบ  คาดว่าลิ้นตัวเองน่าจะแดงตรงกลางอยู่เพราะเพิ่งกินลูกอมมาเม็ดนึงระหว่างทาง

“ไม่มีโว้ยยย สัส !” อีกฝ่ายกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด  ผมนำลิ้นกลับเข้าปากช้า ๆ พร้อมเบะปากเล็กน้อย

“ตอนเด็ก ๆ มึงไม่ค่อยได้กินสินะถึงได้อารมณ์แปรปรวนแบบนี้” ผมส่ายหัว  นึกแล้วอนาถ

“รำคาญฉิบหาย มีอะไรก็พูดมา” มันว่า  ผมยิ้มมอง  เว้นช่วงไว้พักหนึ่ง  ถ้าหน้ามันบูดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิดมากกว่านี้ผมคงจะหลุดขำแบบไร้มารยาทแน่ ๆ   

“ทำไมถึงไม่อยู่ค่ายที่พัทยาในเมื่อค่ายยังไม่ปิด” ครั้งนี้ผมตั้งคำถามดี ๆ  ไอ้บูรณ์ยืนเงียบ  เท้าเอวพลางเบือนหน้าไปอีกทาง  ดูเบื่อหน่ายและไม่อยากตอบ 

“ทำไมกูต้องตอบคำถามมึงด้วย ในเมื่อมึงยังไม่ตอบคำถามกู” เจ้าของห้องประชด 

“ขึ้นเตียงกันไหมล่ะ” ผมอมยิ้มตอบกลับคนละเรื่อง

“ไอ้ไฟ !” มันขึ้นเสียง

“........” ผมเงียบ  เหลือบมองไปทางกำแพงแทนที่จะให้คำตอบที่มันต้องการเกี่ยวกับการมาถึงของผม  จู่ ๆ ไอ้บูรณ์ก็เข้ามากระชากคอเสื้อผมไป  ผมนั่งเฉย  เงยมองสีหน้าของมันในตอนนี้ที่แทบไม่เป็นรูปหน้าคนแล้ว 

“โกรธกูแล้วจะทำไงต่อ” ผมเลิกคิ้ว  รู้สึกสนใจขึ้นมา 

“ดูสภาพมึงสิ คนอย่างมึงน่ะนะจะทำอะไรกูได้ ขนาดพ่อมึง...ที่อยากให้กูจากโลกนี้ไปใจจะขาด ก็ยังทำอะไรกูไม่ได้เลย” ผมฉีกยิ้ม  ไอ้บูรณ์จ้องตาผมเขม็งด้วยอารมณ์โกรธทั้งสิ้น 

“หายใจเข้าลึก ๆ  แล้วกรุณาปล่อยคอเสื้อผมด้วยครับ ตัวนี้น่ะแพงกว่าค่าเช่าห้องทั้งตึกนี้ซะอีก อีกอย่าง เดี๋ยวผมมีธุระต้องไปต่อ ขี้เกียจตอบคำถามน้องชาย ไอ้น้องชายคนกลางนี่ตาไวเป็นสัตว์ประหลาดเลย” ผมพูดยิ้ม ๆ  มันยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อโดยดีตามที่ขอ 


“นั่ง” ผมสั่งห้วน ๆ  เคาะนิ้วลงบนเตียงเป็นสัญญาณการสงบศึก 

ไอ้บูรณ์ไม่ได้นั่งลงในทันที  มันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็ยอมทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ ผม  ผมขยับตัวหยิบบุหรี่กับไฟแช็กที่วางอยู่บนโต๊ะพับ  เจ้าของมองตาม  บุหรี่หนึ่งมวนถูกหยิบออกจากซอง  ผมยื่นปลายบุหรี่จ่อไปที่ปากของไอ้บูรณ์  มันยอมอ้าปากรับด้วยใบหน้าเรียบเฉย  เสียงไฟแช็กดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างเรา  บุหรี่ถูกดูดเข้าเต็มปอดก่อนที่เจ้าของจะพ่นควันออกมาพร้อมกับคีบมวนบุหรี่ออกจากปากด้วย  ผมวางไฟแช็กลงที่เก่า  ดูเหมือนไอ้บูรณ์จะผ่อนคลายลงแล้ว  บุหรี่ถูกดูดเข้าอีกครั้ง  ผมจ้องมอง  ท่อนบนของมันเปลือยเปล่า  กล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบที่คงถูกใช้งานมาอย่างหนัก  กางเกงบอลสีขาวที่สวมอยู่ดูท่าว่ามันจะไม่ได้ใส่กางเกงใน  เพราะน้องชายเด่นเป็นรูปชัดเจนมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว  ละสายตาไปยังโต๊ะเครื่องแป้งที่เต็มไปด้วยฝุ่น  ที่โกนหนวดและกระดาษทิชชู่ที่ถูกใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง  สถานะเหมือนอยู่ซังกะตายไม่ผิด

“มึงนี่ โคตรจนเลยนะ” ผมชมจากใจจริง  จับปลายคางของไอ้บูรณ์เพื่อให้หันมาสบตากันตรง ๆ

“...ให้ห้าหมื่น” ผมกวาดตามองต่ำมีนัยยะแฝง  พูดตามตรงว่าไอ้ที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่เซ็กซี่ฉิบหาย

“ไม่ต้องล้างด้วย เดี๋ยวกูล้างให้” ผมพูด  คิ้วข้างหนึ่งกระดกขึ้นไปเองโดยอัตโนมัติ

“พ่อมึง ไอ้สัส !” ไอ้บูรณ์สติหลุดอีกครั้ง  มือที่คีบบุหรี่อยู่ทำท่าจะซัดมา  ผมเบี่ยงตัวหลบพลางหัวเราะ  ปฏิกิริยาเป็นไปตามที่คาดเอาไว้

“โอเค ๆ” ผมยิ้ม  ผายมือยอมความ  อีกฝ่ายสบถเบา ๆ  คิ้วขมวดเป็นโบ  เบือนหน้าหนีกลับไปตามเดิม

“คนแบบมึงนี่แม่ง...” มันกัดฟันบ่นก่อนยัดบุหรี่เข้าปากอีกครั้ง 


ครั้งนี้ผมยอมเงียบลงเพื่อให้อีกฝ่ายสงบก่อนที่จะเริ่มพูดเรื่องเป็นทางการ   

“น้องสาวมึงไปไหนล่ะ” ผมถาม  ไอ้บูรณ์ดีดตัวลุกขึ้นยืน  อารมณ์โมโหพุ่งทันที  มันเดินไปดับบุหรี่แล้วหันกลับมาเผชิญหน้าผมอย่างเอาเรื่อง 

“เธอรู้รึเปล่าว่าพี่ชายคนเก่งอยู่ที่นี่” ผมแสยะยิ้มมุมปาก

“ถ้ามึงพูดถึงน้องกูอีกคำเดียว...”

“ถ้าพ่อมึงไม่ได้ออกจากคุกขึ้นมา จะทำยังไงต่อ” ผมต้อนถาม  ไม่สนใจว่ากำลังจุดชนวนอะไรเข้าไปบ้าง

“คนอย่างมันก็สมควรตายห่าอยู่ในคุกนั่นแหละ” ไอ้บูรณ์แทบสบถ 

“หึ..ไปแค้นกันมาแต่ชาติปางไหนนะ” ผมหัวเราะ  ขยับตัวลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับมัน

“คงรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรไม่เบาสินะ” ผมเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ  สีหน้าของไอ้บูรณ์เปลี่ยนไปเป็นตื่นตระหนก

“แลกกับอะไร ?” ไอ้บูรณ์ย้อนด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์โดยทันที  ไม่แปลกที่มันอ่านเกมออกอย่างรวดเร็ว

“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าล่ะ” ผมย้อนถามด้วยแววตาไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก  ไอ้บูรณ์ชะงัก  ดวงตาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข

“มึงจะทำอะไร” มันถาม  ลดเสียงเบาลงจนเกือบแทบไม่ได้ยิน

“ก็...เรื่องที่เสี่ยส่งคนไปทำร้ายมึงที่ตลาด เรื่องที่มึงขึ้นชกแทนไอ้นพคราวนั้น มึงก็เล่นพวกมันกลับมาซะเกือบตาย กูนึกว่ามึงจบไปแล้วซะอีก” ไอ้บูรณ์ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าลังเลสงสัย 

“สำคัญด้วยเหรอว่ากูจะทำอะไร” ผมเลิกคิ้ว

“แหม่ ตกลงไอ้วันนั้นนี่เป็นคนของพ่อมึงจริง ๆ สินะ” ผมยิ้มประกอบ  ครั้งนี้ไอ้บูรณ์ถึงกับเงียบไปพักใหญ่

“ถ้ากูบอกทุกอย่างที่กูรู้กับมึงไปแล้ว...แล้วยังไงต่อ มึงจะช่วยอะไรกูได้ ขนาดตำรวจยังช่วยอะไรกูไม่ได้เลย” ไอ้บูรณ์เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสีหน้าประชดประชัน  ลึกลงไปดูเหมือนกำลังตัดพ้อต่อว่าชะตาชีวิตของตัวเองเสียมากกว่า

“นอกจากกูแล้ว มึงเหลือคนให้ช่วยไหมล่ะ” ผมจงใจเย้ยหยันอีกฝ่าย

“พอเถอะ กลับไปซะ” ครั้งนี้คำพูดที่ออกปากไล่กลับฟังดูไร้พลังจากผู้พูด  ผมเหตามองพื้นครู่หนึ่งก่อนมองขึ้นไปยังไอ้บูรณ์ที่กำลังก้มหน้าด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก

“กูอยากได้มึงมาเป็นนักมวยค่ายกูที่สมุทรปราการ” ผมพูด 

“...พูดอะไรออกมา” ไอ้บูรณ์ตกใจ  ดวงตาของมันเบิกกว้างอย่างกับกำลังได้ยินอะไรเหนือความคาดหมายอย่างนั้น

“กูต้องการนักมวยที่มีฝีมือไปช่วยที่นั่นอีกแรง เด็กมันจะได้มีกำลังใจซ้อม ดูแลนักมวยในค่าย สอนสิ่งที่มึงมี ไม่หัวหมอกับกู สร้างชื่อเสียงให้ค่ายที่สมุทรปราการให้ได้มากกว่าที่มึงเคยทำให้กับค่ายอื่น อยู่แบบเทา ๆ  ไม่ขาว ไม่ดำ” ผมขยายความ  นักมวยมีชื่อมารวมตัวอยู่ที่ค่ายหลักกันหมด  ใจจริงผมก็คิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว 

“กูรับรองว่าถ้ามึงทำตัวดี มึงจะมีอนาคตในฐานะของนักมวยมากกว่าที่อยู่กับเสี่ยปรีดา มีที่พักที่ดีกว่าบ้านรังหนูนี่ ได้กินอาหารห้าหมู่ครบสามมื้อ ประกัน เงิน ต้องการอะไรอีกล่ะ ถ้าอยากเกษียณตัวเองแล้วพฤติกรรมของมึงไม่แย่ถึงขนาดที่นักมวยคนอื่นส่ายหัว กูจะให้มึงเป็นครูมวยต่อ ถ้ามึงตกลง กูจะไปซื้อตัวมึงทันที...ที่กูพร้อม” ผมพูด  คำพูดสุดท้าย “ที่กูพร้อม” จงใจดักคอกวนไปอย่างนั้นเอง

“มึงทำแบบนี้ทำไม” ไอ้บูรณ์ขมวดคิ้วมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ

“นั่นสิ” ผมตอบปนหัวเราะ 

“........” ไอ้บูรณ์เงียบลงอีกครั้ง  มันถอยหลังไปก้าวหนึ่ง  ศีรษะส่ายไปทางซ้ายหนึ่งทีคล้ายหาทางออกให้ตนเอง

“มึงไม่ได้เกลียดกูเหรอ” มันถาม  ผมเกือบจะพ่นหัวเราะออกมาดัง ๆ  ได้แต่ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วจ้องมองหน้ามันยิ้ม ๆ 

“ชอบด้วยซ้ำ” ผมยักคิ้ว

“ตัดสินใจได้แล้วก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวจะให้คนติดต่อมา” ผมตัดบท 

“น้องสาวกูหายไป” ไอ้บูรณ์พูดขึ้นในที่สุด  เสียงของมันสั่นเล็กน้อย  ที่สั่นนั่นคงเพราะไม่แน่ใจว่าควรพูดออกมาดีหรือไม่  ลูกกระเดือกขยับชัดเจนทีเดียว

“กูกู้เงินเสี่ยปรีดาไปรักษาแม่ มันจับกูเซ็นสัญญา แต่กูอ่านหนังสือไม่แตก...” ไอ้บูรณ์ทิ้งเสียงลง  มันหลบตาผมคล้ายไม่อยากให้ผมมองสภาพมันในตอนนี้  ไม่จำเป็นที่ผมต้องซักถามให้ลึกลงไปกว่านี้  เดาเอาได้เลยว่าเรื่องอ่านหนังสือไม่แตกของมันคงเป็นเหตุทำให้มันมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ด้วย 

“ไอ้เหี้ยนั่น มันบอกกับกูว่าเมื่อไหร่ที่กูใช้หนี้ของมันหมด มันจะเอาน้องกูออกมาให้ กูจำได้ว่าหนี้หมดแล้ว” ปากของมันสั่น  แม้น้ำเสียงและท่าทางจะอึกอักเต็มกลืน  แต่ผมก็จับจ้องมันไม่กะพริบเพื่อเป็นการยืนยันว่าผมตั้งใจฟังปัญหาของมันอยู่

“มันบอกกับกูว่า มันส่งน้องกูไปทำงานให้ไอ้กาย แต่มันไม่ได้บอกว่าที่ไหน เปล่าหรอก...หึ ที่จริงน้องกูไม่ได้ทำงานอยู่กับไอ้กายแต่แรก ไอ้เสี่ยเหี้ยนี่มันเก็บน้องกูไว้เอง ส่งน้องกูให้กับพวกเพื่อนของมัน พอมันใช้จนหนำใจแล้วมันก็ตั้งใจจะขายเธอให้กับไอ้กายอีกที กูเหมือนคนโง่ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันโกหกตอแหล แต่กูก็ยังทำตามทุกอย่าง”

“กูต้องทนนั่งดูมันที่โกหกตอแหลซ้ำ ๆ ทุกวัน กูที่อุตส่าห์เสี่ยงตายคาบข่าวไปบอกตำรวจที่กูไว้ใจ แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ขนาดตำรวจยังมีสายของพวกไอ้กายยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ใช่...อย่างที่มึงบอกนั่นแหละว่ากูไม่เหลือใครแล้ว คนที่กูจะใช้เรียกว่าเพื่อนก็ไม่มี สำหรับกู ไม่มีอะไรเส็งเคร็งกว่านี้อีกแล้ว นี่ใช่ไหมที่มึงอยากได้ยิน” ไอ้บูรณ์แสยะหัวเราะ

“ถ้ากูไม่เห็นกับตาว่าน้องกูตายแล้ว คงไม่มานั่งตัดพ้อชีวิตแบบมึง” ผมเผยอปากยิ้มเย้ยหยันอย่างอดไม่ได้

“ตัดพ้อชีวิตเหรอ คนแบบมึงจะรู้อะไร !” ไอ้บูรณ์ขึ้นเสียง  ถลึงตาโตด้วยความโมโห

“ก็น้องนี่นะ” ผมหุบยิ้มลงทันที  ไม่ได้พูดเล่น  อีกฝ่ายชะงักก่อนจะค่อย ๆ นิ่งลง

“ถ้าทุกเรื่องตำรวจจัดการได้หมด ถ้าเราพึ่งพาคนอื่นได้ทุกอย่าง ถ้าบนโลกนี้ทุกคนได้รับความยุติธรรมเสมอกันได้จริง คนดีคงไม่จำเป็นต้องหนีจนสุดทางเพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง เปลี่ยนความคิดซะใหม่ด้วย” ผมพูด  ตาลอยมองด้วยความว่างเปล่า  สังคมมันก็เส็งเคร็งอย่างนี้แหละ 

“ให้ช่วยอะไรดีล่ะ....” ผมเข้าประเด็น  ครั้งนี้ไอ้บูรณ์จ้องมองผมเต็มตา  ดวงตาของมันแดงนิดหน่อยแต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่   

“กูไม่มีอะไรจะเสีย ถ้ามึงคิดจะหักหลังกูเหมือนกับที่ไอ้เหี้ยปรีดาทำกับกูละก็ มึงกับกูต้องตายกันไปข้างนึง” สันกรามของไอ้บูรณ์ถูกกัดบดไว้แน่น  คำพูดท้าทายชวนให้ขาของผมเดินตรงเข้าประชิด 

“นี่คือข้อตกลงงั้นเหรอ งั้นแล้วถ้ามึงหักหลังกูขึ้นมา กูควรปฏิบัติตัวกับมึงยังไงดี” ผมกระซิบถาม  ฉีกปากยิ้มกว้างออกกว่าเดิม

“ไม่ใช่ว่า...ใครบางคนแถวนี้คงช่วยให้เสี่ยปรีดาถูกจับสินะ” ผมนึกเดา  ไอ้บูรณ์ไม่ปฏิเสธ
 
“กูชอบข้อตกลงแบบนี้จริง ๆ  ฮิ ๆ ๆ” ผมชม  นำมือข้างขวาที่ไม่ได้ล้วงกระเป๋ากางเกงขึ้นจับต้นคออีกฝ่าย  ไอ้บูรณ์กำลังกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากชัดเจน

“ถือว่าตกลงตามนี้แล้วกัน” ผมตอบรับ  ขยับนิ้วโป้งลูบแก้มมันเบา ๆ  หน้าตามันดีจริง ๆ นั่นแหละ 

ดีในที่นี้หมายถึงโหงวเฮ้งไม่น่าเลวร้าย  ผมมีหมวดประเภทของบุคลิกหน้าตาแบบที่คบหาอยู่  ใบหน้าประเภทคบหาได้  ใบหน้าประเภทควรเรียนรู้แบบห่าง ๆ  กับใบหน้าประเภทคบหาไม่ได้อยู่  ซึ่งมักเป็นประเภทที่มีแต่กลิ่นของความตอแหลอบอวลไปหมด  โดยคัดจากประสบการณ์ส่วนตัวน่ะนะ  แบบไอ้บูรณ์นี่ถือว่าอยู่ในหมวดหน้าตาคบได้  ไม่แย่เท่าไหร่นัก

“ข้อมูลของเสี่ยปรีดาที่มึงมี กูต้องการรู้ทั้งหมด มึงไม่ต้องอยากรู้ว่ากูรู้ไปทำไม แค่บอกกูมาให้หมดแบบที่ลืมไปเลยว่าไอ้หน้าไหนบนโลกนี้เคยมีบุญคุณกับมึงไว้ มันจบตั้งแต่มึงมาอยู่ที่นี่แล้ว พอมึงพูดหมดแล้ว ทีนี้...มึงก็แค่หุบปากไว้ให้เงียบ ลืมไปเลยว่าลิ้นเคยขยับพูดเรื่องอะไรไว้บ้าง หน้าที่มึงจบแค่นั้น นี่คือการแลกเปลี่ยนกับการตามหาน้องมึง ส่วนเรื่องทำงานที่ค่ายกู...แยกกัน เข้าใจตรงกันนะ ?” ผมสรุปพร้อมเบิกตาถาม 

“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  มันเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น  แววตาได้ลดความแข็งกระด้างลงแล้วด้วย  ผมล้วงกระเป๋าสตางค์  แบงก์พันถูกนับออกมาสิบห้าใบ

“กูพอมีอยู่” ไอ้บูรณ์พูดดักคอก่อนที่ผมจะยื่นเงินไปให้

“รับไป” ผมสั่ง  ยื่นเงินให้ตรงหน้าแต่มันกลับเบือนหน้าหนี

“เงินนี่ไม่เกี่ยวกับที่กูอยากได้ตูดมึงหรอกน่า ระดับมึงนี่กูให้แพงกว่าหมื่นห้าอยู่แล้ว” ผมยิ้ม

“ไอ้ไฟ” ไอ้บูรณ์ขมุบขมิบปากทำท่าจะด่าผมให้ได้ 

“เอาไป พรุ่งนี้หาที่อยู่ใหม่ซะ แถวนี้คนเสือกโจ่งแจ้งเยอะเกิน กูไม่ชอบ” ผมตัดบท  ครั้งนี้อีกฝ่ายจึงยอมรับเงินไปอย่างไม่คิดเถียง  แต่ก็คงเสียศักดิ์ศรีอยู่ไม่น้อย

“ขอบคุณ” อีกฝ่ายพูดอยู่ในลำคอ

“ว่าง่ายเหมือนกันนี่” ผมพูด

“เดี๋ยวกูจะติดต่อไป แล้วก็...ระหว่างนี้หาข้าวแดกซะด้วยล่ะ จัดเต็มแบบที่ชอบสักมื้อก็ดี เผื่อพรุ่งนี้เสือกตายห่าขึ้นมาก่อนจะได้กินอะไรดี ๆ เงินกูจะได้ไม่เสียเปล่าด้วย” ผมพูด

“ต่อไปนี้ มึงคือคนของกูแล้ว กูไม่ใช่เสี่ยปรีดา แต่กู...ก็ไม่เหมือนพ่อกูเหมือนกัน ดังนั้น...กูพร้อมที่จะลากคอแล้วอัญเชิญมึงไปลงนรกนะครับ เรียนเพื่อทราบไว้ล่วงหน้าด้วย” ผมจ้องหน้าพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  ไอ้บูรณ์ไม่พูดมากอย่างเคยแล้ว

“ขู่อยู่มั้ง” ผมฉีกยิ้มพร้อมแลบลิ้นออกมากัดไว้บริเวณริมฝีปาก  เสียงหัวเราะถูกกลั้นไว้ในลำคอ  หลังมือแตะลงที่กลางหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างหยอกเอิน  ไอ้บูรณ์ยืนนิ่ง  ไม่ปัดมือผมออกอย่างที่ควร 

“ถ้ามึงเดือดร้อน กูก็จะเดือนร้อน จะรับผิดชอบให้เอง แบบนี้อุ่นใจขึ้นไหม ?” ผมช้อนตาถาม 

“อุ่นจนร้อนเลยมั้ง” ไอ้บูรณ์ประชดตอบเสียงห้วน

“ฮิ ๆ ๆ  ตลกบ่อย ๆ นะ กูชอบ” ผมยิงฟันให้  นำหลังมือตีเข้าที่กล้ามหน้าท้องมันอีกครั้งก่อนชักกลับมาล้วงกระเป๋ากางเกงตามเดิม

“ลืมบอกไปอย่าง...” ไอ้บูรณ์เอ่ยปากอย่างวางท่า

“กูหมดสัญญากับค่ายของไอ้เสี่ยอัปรีย์นั่นแล้ว พวกมันไล่ว่าถ้ากูไม่กลัวอดตายก็ให้กูไสหัวไป รู้ตัวอีกที...กูก็เสือกทิ้งมันไว้กับตำรวจ แล้วก็ไสหัวตัวเองออกมา” ไอ้บูรณ์เล่าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

“หึ...ก็ดีนี่ กูจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อนักมวยตัวเปล่าอย่างมึง เหลือก็แค่...กรอกใบสมัครงานแบบถูกต้อง” ผมพูด

“ตามจริง กูก็ชอบค่ายมึงอยู่หรอกนะ...” ไอ้บูรณ์พูดแทรก  คำพูดของมันกำลังทำให้ผมใจเต้น 

“เจ้าของค่ายคนก่อนมีศีลธรรมดี แต่กูเกลียดเจ้าของค่ายคนปัจจุบันว่ะ จังไรไปหน่อย” มันว่า  ปากแสยะประกอบนิด ๆ

“พรืด !” ผมขมวดคิ้วพ่นหัวเราะอีกครั้ง   

“มึงออกจะชอบกูด้วยซ้ำ ดูออกหรอกน่า” ผมพูดแทบกระซิบ  ไอ้บูรณ์มองตาขวางทันที  ผมขยับนาฬิกาข้อมือดู  ได้เวลาที่ควรออกจากที่นี่แล้ว 

“ขอบคุณสำหรับน้ำเปล่า ถึงกลิ่นมันจะแปร่ง ๆ ไปหน่อยก็เถอะ” ผมตัดบท

“ตู้กดมันเก่าแล้ว มีแดกก็พอปะ” มันย้อนเข้าให้  ผมหัวเราะ  ไอ้เหี้ยนี่ถูกใจจริง

“เป็นนักกีฬาน่ะ อย่างน้อย...ก็หัดรักร่างกายหน่อย ต่อไปดื่มน้ำที่มันสะอาดกว่านี้” ผมบอกด้วยสีหน้าจริงจัง 

“อ้อ ลืมอีกอย่าง” ผมชูนิ้วชี้ขึ้นกลางอากาศนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้  เว้นจังหวะหายใจครู่หนึ่งพลางก้มหน้าลงมองพื้น

“ทำงานกับกู ห้าม...” ผมชี้นิ้วไปยังซองบุหรี่ที่เห็นแล้วรำคาญลูกตาที่สุดในห้องนี้   

“บุหรี่ เหล้า ห้าม” ผมขยายความ  หันตัวเดินไปยังชั้นวางของใกล้ ๆ  บนนั้นมีเสื้อผ้าของไอ้บูรณ์พับวางไว้ อยู่

“ดื่มได้ แต่ต้องไม่ใช่ในเวลางาน ไม่ใช่ในพื้นที่บริเวณค่าย ไม่ใช่ในบริเวณที่พัก พูดง่าย ๆ คือมึงห้ามแดกเหล้าจวนเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ทำผิดกฎเกินสามครั้ง งดขึ้นเวทีใหญ่ ไม่ปรับปรุงตัว เตรียมเก็บเสื้อผ้าได้เลย ที่สำคัญ...ห้ามเล่นยา บอกไว้ก่อนน่ะนะ เผื่อจะได้ปรับตัวทัน อย่าทำให้กูได้กลิ่นไม่มีอนาคตของมึง”

“เลิกซะ” ผมสรุป  อีกทั้งมองย้ำเตือนอีกครั้งหนึ่งว่าไอ้มวนที่ผมประเคนใส่ปากให้เมื่อครู่นี้  ควรจะเป็นมวนสุดท้าย
 
“เจอกัน” ผมลา 

“แล้วมึงไม่เอาเบอร์ติดต่อกูเหรอ” ไอ้บูรณ์ร้อนรน

“มีแล้ว” ผมตอบ  อีกฝ่ายชะงัก  สายตาเริ่มหวาดระแวงอีกครั้ง 

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูจะปกป้องตูดมึงเอง” ผมไม่เลิกแหย่  เหล่ตามองไปยังกางเกงบอลที่มันสวมใส่อยู่

“มึงรีบ...ไสหัวของมึงออกไปซะ” ไอ้บูรณ์กัดฟันแน่น  น้ำเสียงกดย้ำจริงจังพร้อมที่จะโมโห  ชี้มือไล่ผมไปทางประตูห้อง
 
“จุ ๆ” ผมปรามเตือนว่ามันไม่ควรอารมณ์ขึ้นง่ายดายอย่างนี้  ไอ้บูรณ์นิ่งไป  สายตาที่จดจ้องผมยังคงขึงขัง  ผมยืนเฉย  กวาดตามองมันไม่วางตา  พอผมก้าวเท้าเข้าหา  อีกฝ่ายก็ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ  การระมัดระวังตัวของมันทำให้ผมหลุดยิ้มได้นิดหน่อย  ผมเดินกลับไปยังประตูห้องพร้อมเปิดออกในขณะที่เจ้าของห้องยังคงยืนมองผมอยู่จากที่เดิม

“มองกูขนาดนี้...นี่อย่าบอกนะว่าตกหลุมรักกูแล้วน่ะ ?” ผมแสร้งถลึงตาเบิกโตด้วยท่าทีตกใจ

“รักพ่อมึงสิ !” ไอ้บูรณ์ด่า  มันยืนเท้าเอว  ปฏิกิริยาคล้ายสุดทนของมันทำให้ผมหัวเราะลั่นอย่างช่วยไม่ได้  พอออกมาก็พบว่าพี่ธานคงได้ยินทุกอย่างแล้ว  ผมรับไม้เท้ากลับคืนมา  พี่ธานอมยิ้มพร้อมส่ายหัว  เดินตามหลังผมพลางบ่นอุบอิบถึงพ่อบังเกิดเกล้าที่จากไปแล้วของผม “สงสารคุณท่านจังครับ”  ให้ลูกชายที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างผมได้ยิน...
 


...............(ไฟ)..............

ผู้เขียน:

ตอนนี้ค่อนข้างสั้นหน่อยนะคะ  ขอโทษด้วย ---แต่เบบี้ก็ได้เคยแจ้งไปก่อนหน้านี้แล้วเนอะคะ  ว่าอาจมีบางตอนที่สั้นลงบ้าง  เพราะแต่ละตอนมีจุดสำคัญในตอนนั้น ๆ ที่สั้น/ยาวต่างกัน

ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าป่วยยยย > < พอคิดว่าตัวเองหายป่วยแล้วก็โหมทำหลายอย่างต่อทันที  พักผ่อนน้อยทำให้ร่างกายแย่ลงอีกรอบ (ดี๊ดี) 555++  พอแบ่งเวลาแล้วทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเหลือที่จะมาเขียนเรื่องนี้ได้เต็มที่เท่าไหร่  สำหรับตอนต่อไปจะพยายามมาให้เร็วกว่านี้ ( รึเปล่านะ ? ขอดูสภาพร่างกายอันเหี่ยวเฉานี้อีกทีค่าาา T0T )

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจ  :o12:

#ไฟขี้อ่อยแถมถ่อยไม่เลือก (ฉายาจากคนอ่านท่านหนึ่ง)
#ไฟใสๆ
#สมุทรค่าตัวแพง
#ตอนนี้เขาจึงหายไป
#จะคิดถึงฉันรึเปล่า ??????

ขอบคุณมากค่ะที่ติดตาม ~~~ จะปีใหม่แล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ร้องไห้หนักมาก ฮ่า ๆ ๆ ๆ

เบบี้...  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 12-12-2017 14:00:26
ถ้าไม่กวนตีนนี่คงไม่ใช่ไฟ #ไฟขี้อ่อยแถมถ่อยไม่เลือก ชอบๆๆๆๆๆ

ตอนนี้ไม่มีสมุทร คิดถึงจัง  :กอด1:

ขอให้เบบี้สุขภาพแข็งแรงนะคะ เรารอได้คะขอให้แข็งแรงก่อนแล้วค่อยมาต่อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 12-12-2017 14:10:30
#คิดถึงมากกกกกกกกก
#รอคนค่าตัวแพงอยู่น้าาาา
ขอบคุณค่ะ><
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 12-12-2017 14:37:32
นึกว่าตาฝาด คุณไฟมาแล้วว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-12-2017 15:24:53
นึกว่าจะได้อ่านดินแข่งขัน ตอนหน้าซินะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-12-2017 15:42:22
คิดถึงงงงงงงงงงงงงง
พี่ไฟแกล้งเจ้าดินอ่ะ โอ้ยยยยยขำ555

กวนตีนอ่ะ พี่ไฟไม่อ่อนโยนเลย55555
อ่านไปยิ้มไป คิดถึงพี่ไฟมากๆเลย เบบี้ด้วย

ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-12-2017 18:34:10
 :m3: :m3: :m3:  :m3:

อร๊ายยยยย มาอัพแล้ววววว

 :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 12-12-2017 18:53:57
แค่มาก็ดีใจแล้ว สั้นก็ไม่เป็นไรพอให้หายคิดถึง  :m4: :m4:
เวลาไฟคุยกับผู้ชายคนไหน ทำไมมันรู้สึกฟินๆอ่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-12-2017 19:39:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 12-12-2017 20:28:58
กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด ดีใจไฟกลับมากวนตีนเหมือนเดิมแล้ว  แอบคิดถึงสมุทรด้วย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 12-12-2017 20:33:45
ถึงคุณเบบี้จะบอกว่ามาสั้นๆ แต่คุณภาพคับเล้านะคะ  :3123: พกความกวนตีนของคุณไฟมาให้เจ้กระชุ่มกระชวยหัวใจอีกต่างหาก แอบคิดถึงสมุทรเบาๆด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 12-12-2017 20:56:57
ขอบคุณ คุณเบบี้นะคะที่มาต่อให้ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ไฟกะล่อนจริงๆ ขอให้สมุทรยากๆด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 12-12-2017 20:57:11
นี่ถ้าสมุทรมาได้ยินจะเสียใจไหมเนี่ย คุณไฟอ่อยไปทั่วววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 12-12-2017 22:16:01
อยากใฟ้สมุทรมายืนอยู่หน้าห้องแทนพี่ธาร  จะว่ายังไงบ้างนะ เล่นอยากได้คนอื่นออกนอกหน้าขนาดนี้   :katai5:    ชอบเวลาไฟหยอกกับน้อง ๆ แม้จะเถื่อน และอ่อยไปทั่ว  แต่กับครอบครัวนี่ใส่ใจมาก กลายเป็นไฟใส ๆ ได้เลย  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 12-12-2017 22:35:02
ฮืออออ ไฟมาแล้วว เสมอต้นเสมอปลายจริงๆความ... 

เรารอทุกวันนะคะ คนเขียนดูแลสุขภาพด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-12-2017 22:51:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 13-12-2017 00:43:06
ไฟขี้อ่อย...และถ่อยสุดๆค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 13-12-2017 00:54:57
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 13-12-2017 07:31:15
ค่าตัวสมุทรแพง เพราะออกไปหลายตอนแล้ว 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 13-12-2017 08:39:55
คนที่จะมาเป็นแฟนของไฟได้นี่ต้องอดทนได้ระดับ10+  :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 13-12-2017 08:51:17
เป็นตอนที่อ่านจบเร็วมากๆ ปกติจะใช้เวลานานค่ะ
กว่าจะละเลียดอ่านแต่ละตัว แต่คราวนี้สั้นจริง
แถมสมุทรไม่ออกอีกด้วย ถถถถถ ค่าตัวแพงจริงๆด้วยค่ะ
คิดอยู่แล้วว่าพี่ไฟต้องเอาพี่บูรณ์มาอยู่ด้วยแน่ๆ
แต่ก็ไม่คิดว่าพี่ไฟจะอ่อยแรงขนาดนี้ เกลียดดดดดดดด

มาต่อไวไวนะคะ เป็นกำลังใจให้เบบี้ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-12-2017 09:38:15
สมุทรได้หยุดงานล่ะ เป็นกรณีพิเศษ ยกความดีให้คุณไฟนร๊า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-12-2017 10:38:46
นึกอยู่เหมือนกันว่าคุณเบบี้ไม่สบายแน่ๆ  :mew2: :mew2: :mew2:
ถึงจะหายป่วยแล้ว ก็ต้องพักผ่อนมากๆ  กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายนะ

ชอบบบบ  ไฟขี้อ่อยแถมถ่อยไม่เลือก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
กับจะคิดถึงฉันรึเปล่า ??????

พายุ ดิน น่ารัก  :mew1:
ดิน  ดูรักไฟดี ถูกไฟแกล้งตลกดี
ยิ่งคำแช่งของดิน ขอให้สั้นลง คงเป็นไปตามปากดินได้หร้อก

ใครเป็นศัตรูกับไฟนี่ก่อนตายคงกระอักเลือดตาย แล้วคงไม่ได้ตายดี
ไฟทั้งกวนโมโห ทั้งแกล้งสุดๆ
สมุทรค่าตัวแพงจริงๆ แต่ไฟซื้อสมุทรไหวนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 13-12-2017 11:26:37
ขอบคุณที่มาต่อตอนใหม่ค่ะ...ไฟนี่เรื่องรักน้องเป็นที่หนึ่งเลยถึงคำพูดจะกวนๆ

แต่การแสดงออกนี่ชัดเจนละพี่น้องบ้านนี้เค้าน่ารักกันทุกคนด้วย

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 13-12-2017 11:35:38
สมุทรค่าตัวแพงจริงๆตอนนี้ไม่ออกเลย5555  :o12:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 13-12-2017 13:59:07
ไฟ กวน teen ขนาดนี้นึกสงสารสมุทรในอนาคตเลย  :laugh:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 13-12-2017 16:43:45
สมุทรนอนอยู่กับเค้าเนี่ยแหละ  เลยไม่ได้ไปออกซักฉาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-12-2017 19:26:32
ไม่มีคำจำกัดความใดจะกล่าว เท่ากับบอกว่า “ไฟกวนตีนและจังไร สมคำร่ำลือจริงๆ”  :laugh: :laugh: :laugh:

โอ๊ยยยย คิดถึงงงงงง  :กอด1:  / ไฟไม่ถามเรา เราบอกเอง   ดีใจที่ได้อ่านนะคะ เบบี้สู้ๆ  :ped149: :ped149: :ped149: :duck1: :duck1: :yeb:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 13-12-2017 21:39:58
สมุทรนอนอยู่กับเค้าเนี่ยแหละ  เลยไม่ได้ไปออกซักฉาก

แร๊งงงงงงงง !!!!! 5555++

 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-12-2017 00:15:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 14-12-2017 15:47:09
สมเป็นไฟ ร้ายยยย 55555 เบบี้ป่วยหายหรือยังคะ  รักษาสุขภาพด้วยจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2017 06:22:36
          ชื่อก็บอกว่าไฟร้อนที่สุด               แต่สมุทรเย็นฉ่ำนั้นดับได้
ไฟจะร้อนแผดเผาสักปานใด                    สมุทรไงผ่อนร้อนให้เป็นเย็น

                                                        :L1: :L1: :L1:
                                                  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 16-12-2017 08:04:51
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 16-12-2017 11:37:53
นอกจากเจ้าของค่ายคนปัจจุบันจะจังไรแล้วยังขี้อ่อยอีก
อ่อยเรี่ยราดละเกินนนน
หมั่นไส้จิงงงง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 16-12-2017 20:53:59
คุณไฟกวนตีนเสมอต้นเสมอปลาย55555555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 21-12-2017 21:19:42
ในที่สุดก็ตามอ่านทัน  เสียใจที่เจอเรื่องนี้ช้าไป ไม่รู้ว่าตัวเองไปหลบอยุ่มุมไหนของโลกมา  ขอบคุณมากๆนะคะ  :mew1:

ว่าแต่คุณไฟน่ารัก(?)จังเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 22-12-2017 17:29:54
ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B Beast ที่ 24-12-2017 18:29:45
รอค่าาา :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-12-2017 23:03:40
พี่เบเบี้หายไปไหน
รีบๆมาต่อเร็วๆเลย :m16:
คิดถึงแล้ววววว :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-12-2017 06:25:34
เพลียกับไฟ ไปไหนก็กวนประสาท
แถมชอบไปหัวเราะคิกคัก แสยะยิ้มแหย่เค้าไปอีก 55555

บูรณ์ถือว่าอดทนได้ดี โดนยั่วขนาดนี้

ไฟแกล้งน้องคืองานหลักเลยนะ
ดินถึงกับทนไม่ไหว 5555

อยากเห็นตอนไฟถูกสยบจริงๆ เลย
สมุทรรีบมาทำหน้าที่ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 13-01-2018 08:38:46
มาชวนไฟไปวันเด็ก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 15-01-2018 20:12:14
ขออนุญาติขำ ไฟขี้อ่อยถ่อยไม่เลือก 55555555

รอนะคะ รอวันที่สมุทรเป็นของไฟ //กร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-01-2018 21:27:42
แวะซื้อมะม่วงมันกับฝรั่งกิมจูของโปรดคุณไฟมาฝากไว้ให้ที่ค่ายมวยนะคะ  เผื่อคุณไฟจะพาสมุทรแวะมาแทะเล็มกันให้คนรอได้ชื่นนนนใจสักเล็กสักน้อย  :mew3:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 20-01-2018 18:25:39
ฮืออออ เบบี้ เค้าคิดถึงสมุทร   คิดถุงๆๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 20-01-2018 22:47:04
คิดถึงคุณไฟและสมุทรมากเหลือเกิน  :กอด1:

ในตอนนี้นั้น ดูคุณไฟจะถูกอกถูกใจบูรณ์เสียมากมาย (อันที่จริงก็แอบมันใส้อยู่เล็กน้อย) แต่ยังคงเชื่อว่าคนที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงต่อกรกับคุณไฟได้ชนิดมันส์หยดนั้นเห็นทีจะมีแต่สมุทรเขาล่ะค่ะ (แน่สิ ก็เรื่องนี้เขาคู่กันนี่หน่า ฮ่าๆๆๆ)
    ยังคงชื่นชมในการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของคุณเบบี้มาก  :katai2-1: อีกทั้งยังหาข้อมูลมาดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าเป็นมนต์เสน่ของนิยายเรื่องนี้จริงๆ .... ส่วนตัวนี่แอบนึกอยู่ตลอดว่าคุณเบบี้จะเหนื่อยมากไหม กับการเข็นนิยายเรื่องนี้ในแต่ละตอน เราว่ามันต้องเหนื่อยมากแน่ๆ .. เป็นกำลังใจให้มากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ

   พูดไปจิหาว่าเว่อ หลังจากตึงเครียดและหมดพลังชีวิตไปกับการปั่นงาน  :katai4: ก็ได้นิยายเรื่องนี้มาชาร์จพลังให้ เป็นอีกหนึ่งใน MY Energy ของเราเลย

ขอบคุณคุณไฟ-สมุทรและทุกๆตัวละครมา ณ ที่นี้ สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะคุณเบบี้ ขอให้เจอวันดีๆตลอดไป
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-01-2018 23:01:56

[ อังคารที่ 12 ธ.ค 60 ] ตอนที่ 47 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1920


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ตอนที่ 48
..ไฟ..




“อย่าดื้อกับพี่เขาล่ะ” ผมสั่งเสีย

“ครับ” ไอ้ดินพยักหน้า

“ดูแลตัวเองด้วย” ผมวางมือลงบนศีรษะของมันทั้งคู่ก่อนดึงเข้ามาหอมหน้าผากอีกครั้งเพื่อบอกลา 
.
.
.
พายุกับดินเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา  ผมไปส่งที่สนามบิน  โดยก่อนหน้านี้ได้ติดต่อกับเฮียกานต์กับยูไว้เรียบร้อยแล้วว่าฝากให้ดูแลด้วย  ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครต้องไปดูแลใครกันแน่  พายุมีส่วนที่เป็นผู้ใหญ่และมีส่วนที่เป็นเด็กอยู่ในตัวของมัน  แต่ไอ้ผู้ใหญ่สองคนที่รออยู่ที่เซี่ยงไฮ้ก็มีส่วนที่เป็นเด็กอยู่ไม่น้อย

ที่สนามแข่ง BMX ในวันนั้น ผมได้เจอทั้งไอ้กริดและน้องชายของมันที่ลงแข่งเหมือนกัน  แต่คนละทีมกับไอ้ดิน  มาแปลก ครั้งนี้ไอ้กริดเลือกที่จะไม่ปากหมาอย่างทุกที  เราต่างเพิกเฉยทำเป็นไม่รู้จักกัน  ผมรู้สึกขอบคุณอยู่มากที่ถูกมันปฏิบัติอย่างนั้นด้วย  ปกติแล้วผมก็เป็นฝ่ายหลีกเลี่ยงที่จะสนทนากับมันมาโดยตลอด  ไม่อยากสนทนาด้วย

ไอ้ดินและทีมชนะการแข่งขันตามที่ตั้งใจ  มันเอ่ยปากทวงของรางวัลจากผมเพิ่มในทันที  นั่นก็คือการให้ผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเย็นในวันนั้นกับเพื่อนในทีมของมันทั้งทีมเพื่อเป็นการบอกลาก่อนเดินทาง  ไอ้คำว่า “ทั้งทีม” น่ะ  หมายรวมไปถึงพวกรุ่นพี่ที่ฝึกมัน  ทีมปฐมพยาบาล  ทีมนักออกแบบ ฯลฯ  จำนวนชีวิตเลยครึ่งร้อย  ไอ้ดินอ้างว่าตนจะไม่ได้อยู่เล่นน้ำสงกรานต์ที่จะมาถึงในเร็ววันนี้  ถึงแม้ผมจะบ่นกับมันว่าไม่ได้ส่งให้ไปตายที่เซี่ยงไฮ้สักหน่อย  แต่สุดท้ายก็เต็มใจจ่ายน่ะนะ  สำหรับพวกกระเพาะควายอย่างเพื่อนไอ้ดิน  ผมจึงเลือกบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่มีอาหารญี่ปุ่นพร้อม  ถือว่าเป็นกรณีการเอาตัวรอดที่ปลอดภัยต่อกระเป๋าสตางค์ที่สุด

บ้านเงียบสงบผิดปกติหลังจากที่ไอ้สองตัวเดินทางไป  กลิ่นอายบางอย่างขาดหายไปด้วยเช่นกัน  บางอย่างที่ใครก็มาแทนที่กันไม่ได้  ได้เพียงแต่หวังว่าขอให้เรื่องจบลงเร็ววันเสียที 

“สวัสดีครับ”

ผมหลุดออกจากความคิดเมื่อได้ยินเสียงสุภาพเอ่ยทัก  สมุทรยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเมฆที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน  วันนี้วันศุกร์  เป็นวันที่โรงเรียนใหม่ของเมฆนัดผู้ปกครองให้มาชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ที่จริงเขาเปิดรับวันเสาร์และวันอาทิตย์ด้วย  แต่ผมต้องการจัดการให้เสร็จเร็วที่สุดจึงนัดสมุทรมาในวันนี้  เจ้าตัวออกปากว่าไม่ต้องการให้ผมไปรับที่บ้าน  คงเพราะเกรงใจ  ผมต้องเสียเวลาวนรถกลับไปมา  เราจึงนัดกันให้มาเจอที่โรงเรียนในเวลาแปดโมงเช้า 

“สวัสดีฮะ” เมฆยกมือไหว้

“หวัดดี” ผมทักตอบ  วางมือลงบนหัวอีกฝ่ายเบา ๆ
 
“มาถึงนานแล้วรึเปล่าครับ” สีหน้าของสมุทรเป็นกังวล

“สิบนาทีมั้ง” ผมตอบ  พลิกนาฬิกาข้อมือดู

“โทษทีครับ พอดีผมไปส่งดาวมาด้วย คิดว่าคำนวณเวลาไว้ดีแล้ว แต่ก็ช้าจนได้”

“ช่างเถอะ ไม่ได้ช้าขนาดนั้น” ผมปัด

“ไปเถอะ” ผมตัดบท 

การส่งเด็กเข้าโรงเรียน(ใหม่)ยังคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเหมือนเคย  หมดเวลาครึ่งค่อนวัน  พวกเราเข้าห้องประชุมที่จัดไว้สำหรับต้อนรับผู้ปกครองโดยเฉพาะ  ผมต้องการชำระทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้  ไม่ว่าจะค่าแรกเข้า  ค่าเทอม  ค่าปรับพื้นฐาน  ค่าอาหารกลางวัน  ค่าประกัน  ค่าชุดนักเรียนและค่าข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด ฯ  เพื่อไม่ให้ภาระไปตกอยู่กับสมุทรที่เป็นฝ่ายจำใจต้องย้ายโรงเรียนของน้องเพราะความต้องการของผม  เลี้ยงเด็กให้โตโดยปูพื้นฐานการใช้ชีวิตที่ดีไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะครับ  ถ้าได้สัมผัสและเลี้ยงด้วยตัวเองถึงจะรู้ว่าทั้งคำว่า “รับผิดชอบ” และคำว่า “ค่าใช้จ่าย” มันค่อนข้างหนักหนาสาหัส  ถึงเป็นครอบครัวชั้นกลางค่าใช้จ่ายก็ยังเยอะอยู่ดี  เพื่อให้ “ลูก” ใช้ชีวิตอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยจากทุกอย่าง  ในเมื่อไม่มีพ่อแม่แล้ว  คำว่ารับผิดชอบอย่างถึงที่สุดจึงตกลงมาอยู่ที่คนเป็นพี่แทน 

จำนวนเงินที่ผมจ่ายไปวันนี้เป็นตัวเลขหกหลักที่ทำให้คนที่มาด้วยกันมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด  ชัดขนาดที่ว่า  คนไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าอย่างเขา  ผมกลับมองเห็นปฏิกิริยาได้ชัดเจนกว่าทุกที  เขาเริ่มพูดน้อยลงทีละนิดตั้งแต่ที่ผมเซ็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดลงบนเช็ค  บางส่วนจำเป็นต้องหักบัตรเครดิตทันทีด้วย

เสร็จจากนั้นก็ร่ำลาคุณครูแล้วตรงกลับมาที่ลานจอดรถ 

“หิวรึเปล่า” ผมถาม  สมุทรวางของใช้ของเมฆหลายสิบถุงใส่ท้ายรถพร้อมปิดมันลง  เขายืนนิ่ง  ไม่ยอมให้คำตอบ  สีหน้าเกรงใจและคิดหนักปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“วันนี้นายหยุดนี่ มีธุระจะไปไหนต่อไหม” ผมถาม  ไม่สนใจสอบถามถึงความไม่สบายใจของเขาว่าเพราะอะไร  ก็รู้ ๆ คำตอบอยู่แล้วนี่ครับ

“ไม่ครับ” สมุทรตอบ

“งั้นไปกินข้าวกัน ฉันหิว” ผมสรุป  ตอนนี้เกือบเที่ยงครึ่งแล้ว  อาหารที่กินมาเมื่อเช้ามีแค่สลัดกับผลไม้เท่านั้น  หิวทั้งของคาวและอยากของหวานด้วย  ร้านอาหารไทยมีชื่อย่านบางรักจึงเป็นร้านที่ผมเลือกจะขับไป  ถึงแม้จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อสู้กับการจราจรที่ติดขัด 

“ยำส้มโอกุ้งสดร้านนี้อร่อยนะ” ผมพูดระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ  จัดการสั่งอาหารไปเรียบร้อยแล้ว

“คุณไฟครับ...” สมุทรเรียก  โทนเสียงฟังดูก็รู้แล้วว่าเขาเตรียมที่จะเปิดประเด็น  ผมจึงเงียบลง  จับจ้องแก้วน้ำเปล่าของตัวเองโดยไม่ขานรับ  รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร  ถ้าเป็นหวยละก็  รางวัลที่หนึ่งแน่นอน 

“ค่าใช้จ่ายของเมฆ ผมจะใช้คืนทั้งหมด”

“ไม่จำเป็น” ผมปัดทันควัน  ช้อนตาขึ้นมองสมุทรที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือ

“ฉันเป็นคนบอกให้นายเปลี่ยนโรงเรียนให้น้องนาย ดังนั้นฉันก็จะรับผิดชอบมันเอง”

“แต่ว่านี่มันมากเกินไปครับ แล้วผมก็ไม่สบายใจด้วย” น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกร้าว

“งั้นเอามาวางตรงนี้เลยสิ ทั้งหมดนั่นน่ะ” ผมอดหาเรื่องไม่ได้ 

“........” สมุทรนิ่งลง  เราจ้องกันไม่กะพริบตา  ก่อนที่จะดึงดันจนมีปากเสียงกันมากไปกว่านี้  ผมจึงเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีลงก่อน
 
“คิดว่าฉันให้ทุนการศึกษาก็แล้วกัน” ผมพูดขึ้น

“ส่วนนายมีหน้าที่หาเลี้ยงดูเขาก็ทำไป เมื่อไหร่ที่นายพร้อมจะส่งให้เรียนโรงเรียนที่มันดีกว่าโรงเรียนเก่าด้วยตัวของนายเอง นายก็มารับช่วงต่อไปซะ จะย้ายที่เรียนก็ไม่ว่า เลือกโรงเรียนที่มันเหมาะสมกับฐานะของนาย” ผมพูด

“แบบนี้ดีกว่าไหม ?” ผมย้ำ  ไม่ได้ขอความคิดเห็น  เพียงแต่ต้องการตัดบทและย้ำถึงสถานการณ์ในตอนนี้ว่ามันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการเรียนอยู่ที่เดิม     

“น้ำสตรอว์เบอร์รีโซดาค่ะ” พนักงานเสิร์ฟเข้ามาแทรกได้จังหวะ  ผมชี้นิ้วไปทางเมฆที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อบอกเธอว่าไอ้เด็กซึมกะทือนั่นเป็นเจ้าของเครื่องดื่มแก้วนี้  พนักงานผงกหัวยิ้มรับ  วางแก้วสตรอว์เบอร์รีโซดาให้กับเมฆ  เจ้าตัวผงกหัวน้อย ๆ
 เคอะเขินให้พนักงาน

“ขอบคุณครับ” สมุทรบอกพนักงานเสิร์ฟแทนน้องชาย  เธอยิ้มกว้าง  โค้งตัวเล็กน้อยก่อนเดินจากไป   

“อยากได้เบียร์สักแก้วเหมือนกันนะ” ผมถอนหายใจ  นำมือทั้งสองข้างประสานกุมไว้ที่หน้าท้อง  เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างรู้สึกเซ็งขึ้นมา  สัญชาตญาณกำลังรับรู้ได้ถึงเรื่องบางอย่าง

“พูดอะไรครับ ฟ้าสว่างขนาดนี้” สมุทรพูดปรามโดยไม่มองหน้าผม  ผมแอบยิ้มในใจ  หลายครั้งที่ปฏิกิริยาของเขาไม่เหมือนคนเป็นลูกน้องของผมสักนิด  ไม่มีใครกล้าพูดกับผมแบบนี้หรอกครับ  กระทั่งพี่ธานก็ยังต้องรู้จังหวะในการพูดปรามกับผมในบางครั้ง  ผมว่าหมอนี่คงไม่รู้ตัวว่าเขาทำตัวแบบไหนอยู่น่ะนะ

“ทฤษฎีของใครที่ว่าต้องดื่มตอนค่ำเท่านั้นน่ะ ฉันอยากจะรู้เหมือนกัน” ผมลอยหน้าลอยตา
 
“นายก็ดื่มด้วยสิ” ผมชักชวน  แค่อยากลองใจดูเท่านั้น

“ไม่ครับ ขอบคุณ” สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“พี่สมุทร.. ไม่ กินเหล้า” เมฆพึมพำ ๆ ขึ้นมากลางวง  แทนที่มันจะมองมาทางผมแต่กลับเอาแต่จ้องแก้วเครื่องดื่มของตนเขม็ง  ทำอย่างกับว่าหน้าผมอยู่บนแก้วสตรอว์เบอร์รีโซดาของมันอย่างนั้น

“งึมงำกับใครวะ ?” ผมถามเสียงห้วนจงใจกวน  แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าถูกอีกฝ่ายพูดด้วยอยู่ 

“นายเลี้ยงกุมารเหรอ ไม่ยักรู้” ผมเบิกตาถามสมุทร  อีกฝ่ายเกือบหลุดยิ้ม  เขาใช้สายตาเหล่ปรามผมที่ทำแบบนี้กับน้องชายของเขา

“พูดกับผู้ใหญ่น่ะ มองมาตรง ๆ สิวะ ไอ้เด็กนี่” ผมบ่น  เมฆกลอกตามองมากะหลับกะเหลือก  หน้าถอดสีหันไปทางพี่ชายคล้ายร้องขอความช่วยเหลือ

“ทำไม ไม่ชอบให้พี่ดื่ม ?” ผมถามดี ๆ  เมฆส่ายหัวแทนคำตอบ

“หึ” ผมพ่นหัวเราะครั้งหนึ่ง  ตามองไปยังแก้วน้ำของตัวเอง  จู่ ๆ ไอ้เด็กเวรนี่ก็ทำให้นึกถึงพายุขึ้นมา

เมฆยังคงแอบมองผมอยู่ตลอดเวลา  พอผมหันไปสบตาตรง ๆ  มันก็หลบสายตาหนีบ้าง  รีบหยิบหลอดยัดใส่ปากแล้วดูดน้ำสตรอว์เบอร์รีโซดาของมันอย่างเอาเป็นเอาตายบ้าง  ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นี่...พ่อมืดมน” ผมเรียก  เมฆละสายตาที่จดจ้องแก้วน้ำของตนขึ้นสบตาผม  ขณะเดียวกันก็ได้ยินสมุทรถอนหายใจเบา ๆ เฮือกหนึ่งที่น้องชายถูกเรียกอย่างนี้อีกแล้ว  เขาพยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ด้วย   

“หลังจากนี้ไปไหนต่อดี” ผมชวน  หาเรื่องยืดเวลาออกไปอีก  เมฆกะพริบตาเนิบช้าใช้ความคิด  ผมเท้าศอกลงบนโต๊ะ  เอียงใบหน้านำเทินไว้บนกำมือ  กำลังใช้ความคิดอยู่เช่นกัน

“ไปนอกโลกกันไหมล่ะ” ผมเสนอ

“หึ ๆ ๆ” สมุทรหัวเราะในลำคอ



ตืด  ๆ  ๆ

โทรศัพท์มือถือส่วนตัวที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นทำลายโลกแห่งความเพ้อฝันของผมกับเมฆลงทันตาเห็น  คิดว่าคงไม่น่าใช่เรื่องดีแน่  เพราะผมได้สั่งคนของผมไว้แล้วว่าถ้าวันนี้ไม่มีธุระคอขาดบาดตายไม่ต้องติดต่อมา 

สงสัยว่าคงมีใครตาย...

“ฮัลโหล” ผมพูด  ปลายสายจากพี่ทัพ 

“กูเองนะ มาเจอกันหน่อยได้ไหม”


- - - - - - - - - - - - - - -


16:35 น. : The Prim (Safe house)

เสี่ยปรีดาจากโลกนี้ไป  ทิ้งคำสุดท้ายไว้เป็นปริศนาก่อนสิ้นใจในคุก... “ดำริ”

ก็ยังดี  อย่างน้อย ๆ คนอย่างมันก็ยังทำประโยชน์ทิ้งไว้บนโลกนี้บ้าง


บรรยากาศในห้องพักมีอยู่สามชีวิต  ผม  พี่ธานและพี่ทัพต่างอยู่ในความเงียบมาพักใหญ่  แผนการทำงานถูกแปะติดไว้บนกำแพงห้องฝั่งโซนทำงาน  ความกว้างขนาดสองเมตรคูณห้าเมตรเต็มไปด้วยรูปภาพของเป้าหมายเต็มพื้นที่

“ตอนที่มันตาย มีใครอยู่บ้าง”

“กู ไอ้เต้ จ่าทิว แล้วก็ไอ้มาด แต่มีแค่กูคนเดียวที่ได้ยิน” 

“ส่วนนี่เป็นข้อมูลของโรงแรม T-smith ที่มึงอยากได้ มึงดูนี่สิ...” พี่ทัพกางเอกสารลงบนโต๊ะ   

“โรงแรมนี้ดำริซื้อต่อจากคุณสิริรักษ์ นักธุรกิจโรงแรม เธอขายตอนขาลง ขาดทุนติดต่อกันหลายปี ห้าปีก่อนดำริซื้อมาปรับปรุงใหม่ รวมถึงวางระบบการบริหารใหม่ด้วย มันจ้างคนมาบริหารแทนทั้งหมดเลยจนโรงแรมกลับมามีชื่อเสียงอีก สามปีต่อมาก็มีข่าวว่ากายซื้อต่อ แต่แว่วมาว่าไม่ได้ซื้อ ดำริโอนทุกอย่างให้เป็นชื่อของกาย”

“พี่ก็รู้หมดแล้วนี่...” ผมเบิกตา  คำพูดของผมทำเอาผู้ฟังชะงักงัน  ดูเหมือนคนตรงหน้าจะเข้าใจยากเสียจริง

“ลื้อกำลังจะบอกอั๊วว่านักการเมืองคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้เหรอวะ” พี่ทัพวิเคราะห์ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ  น้ำเสียงถูกลดระดับลงเรื่อย ๆ คล้ายเกรงว่าใครจะมาได้ยินเข้า  ผมนั่งเฉย  ไม่ยืนยันในคำตอบ  อีกทั้งไม่บอกข้อมูลที่ได้ทราบมาจากยูและไอ้บูรณ์ด้วย 

“ไม่คิดว่าตัวเองควรเลิกเป็นตำรวจดูเหรอ” ผมเสนอทางออกที่ดีกว่า  ตั้งใจกวนตีนอีกฝ่ายที่กำลังใจลอยไปไกล 

“เฮ้อ !” พี่ทัพถอนหายใจแรง  ดูก็รู้ว่าไม่พอใจที่ผมพูดอย่างนั้น

“พี่จะพูดกับผมเหรอ ว่าทุกกรมบนโลกนี้มันขาวน่ะ ?” ผมเปิดประเด็นด้วยใบหน้าเรียบเฉย  พี่ทัพไม่ตอบ  การไม่ตอบเป็นการยืนยันว่ายกคำพูดมาถกเถียงไม่ได้  น้ำเปล่าถูกผมยกดื่มจนหมดแก้ว  ทำให้พี่ธานต้องขยับตัวเข้ามาเพื่อรินน้ำเติมให้อีกครั้ง
 
“ถ้ามันขาวขนาดนั้นล่ะก็ พี่คงไม่ถูกหัวหน้าสั่งให้พอก่อนหรอก ผู้ใหญ่น่ะ มีแต่กลิ่นไหม้เหมือนเถ้าถ่านเต็มไปหมด” ผมบ่นปนหัวเราะ

“........” พี่ทัพนั่งก้มหน้า  กุมมือทั้งสองข้างเข้าหากันโดยไม่ขยับเขยื้อน

“ชีวิตพี่เกือบตายเหมือนหมาข้างถนนกับคดีเจ้าพ่อโคเคนเมื่อหลายปีก่อน พูดตามตรงนะ น่าเบื่อว่ะ” ผมเดาะลิ้น  ขมวดคิ้วเป็นปม  พออายุมากขึ้นผมก็เริ่มจะเบื่อโลกนี้ลงเรื่อย ๆ  ยิ่งคนในครอบครัวหายไปจากชีวิตทีละคนสองคน  ความเบื่อหน่ายก็ทวีคูณขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดความรู้สึกแบบนี้กับผม

“แก๊งมาเฟียใหญ่ระดับนั้น จะเข้ามาทำธุรกิจในประเทศได้ยังไง พี่ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนที่จะมาขอคำตอบจากผม” ผมมองอย่างไม่ไยดี

“และเวลาที่....” ผมเอ่ย  สีหน้าท่าทางของคนตรงหน้าทำให้จำเป็นต้องทิ้งเสียงลงเพื่อเว้นช่วงให้ตัวเองมีสติคิดไตร่ตรองให้รอบคอบว่าคำพูดที่กำลังจะพูดออกไปนี้  เป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังหรือไม่  และถ้าเป็นประโยชน์  ควรจะพูดอย่างไรเพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ฟังได้ไม่มากก็น้อย   

“มีคนบอกว่าในทีมพี่หมีหนอน พี่ต้องพร้อมจะรับฟังมากกว่านี้” 

พี่ทัพไม่ตอบใด ๆ กลับมา  เราทิ้งประเด็นนั้นไว้  ผมทิ้งช่วงให้พี่เขาได้คิด  แผนที่ที่ดินที่ปราจีนบุรีของไอ้กริดถูกส่งต่อ  ข้อมูลถูกแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน  ผมจะไม่เอ่ยปากห้ามคน ๆ นี้ว่าข้อมูลที่ได้จากผมต่อไปนี้จะถูกนำส่งต่อไปที่ไหน  ผมถือว่าหน้าที่ผมมันจบเป็นขั้นเป็นตอน  ส่วนสิ่งที่ผมให้พี่ทัพ  นั่นเป็นงานของพี่เขาที่เจ้าตัวต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจเองว่าต่อไปนี้อะไรควรทำหรือไม่ควร

“ตกลงว่าได้อะไรจากมือถือของไอ้เอกบ้าง” ผมถามถึง

“นอกจากเบอร์ป้ามัน นอกนั้นก็ปิดหนีไปหมด เอกสารเถื่อนทั้งหมดมาตั้งแต่เปิดเบอร์แล้ว” พี่ทัพแทบสบถ  ตามจริงก็ไม่แปลก

“นอกจากคุณผาแล้ว ทีมของคุณที่ตามสืบคดีนี้มีแต่คนเก่าที่เคยทำงานร่วมกันมาทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ” พี่ธานถาม

“ใช่” พี่ทัพผงกหัว

“คิดว่าใครน่าจะมีปัญหาที่สุดล่ะครับ” พี่ธานเสนอ  พี่ทัพนิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมถอนหายใจออกมา

“ไอ้ผาเป็นคนเงียบ ๆ นะ ค่อนข้างสมถะอยู่หรอก ประวัติที่ผ่านมาก็ดี แต่ก็เคยมีประวัติเสียอยู่ครั้งนึงเมื่อหลายปีก่อน มันเผลอซ้อมเด็กที่เป็นสายให้ ที่หัวหน้าเลือกมันมาทำคดีนี้ด้วยเพราะเป็นคนเถรตรง สงสารนั่นแหละ อยากให้พิสูจน์ตัวเอง เฮ้อ.. แต่ที่ซ้อมก็เพราะไอ้เด็กพวกนี้พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องละนะ มีแต่พวกกวนส้นตีนทั้งนั้น”

“ส่วนไอ้เต้ ก็หัวรุนแรงอย่างที่มึงเห็น มันดื้อ หัวสูงบางเรื่อง เสียก็ตรงรักอาชีพเกินไปเลยเลือดร้อนไปหน่อย ชอบใช้อารมณ์ ยึดมั่นมองตรง ๆ ท่าเดียว ปากมันน่ะ จะโดนคนเกลียดทั้งกรมอยู่แล้ว ไม่เหมาะจะเป็นตำรวจมากกว่ากูซะอีก” พี่ทัพได้ทีออกปากบ่น 

“หึ ๆ” ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“แต่มันเก่งนะ สอบเหี้ยอะไรก็แล้วแต่มันติดหนึ่งในสามตลอด” พี่ทัพอมยิ้มชมลูกน้องตน

“เก่งแค่ไหนก็ฉิบหายได้ คนแบบไอ้บางแก้วของพี่น่ะนะ จะไม่ได้ทำงานกับผม” ผมแสยะปากบ่น  พี่ทัพหลุดหัวเราะคล้ายรู้ว่าผมหมายถึงอะไร  ดูแล้วไอ้เต้มันเลือดร้อนทุกเรื่อง  ซึ่งผมไม่ชอบ  เพราะมันจะทำให้ทำงานลำบาก 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-01-2018 23:03:38

“ผมมีเรื่องให้ช่วยหน่อย” ผมพูดแทรก  กลัวว่าจะลืมเรื่องสำคัญ

“มีประวัติของผู้หญิงที่สมุทรสาครวันนั้นไหม ผมอยากดู”

“มี” พี่ทัพตอบ  ลุกขึ้นเดินไปเปิดลิ้นชักในตู้เก็บเอกสารที่ปิดใส่กุญแจไว้อย่างมิดชิด  แฟ้มเอกสารขนาดใหญ่ถูกนำมาวางลงตรงหน้า 

“เช็กให้ผมหน่อย” ผมสั่งพี่ธานพร้อมส่งรูปของ “บัว” น้องสาวของไอ้บูรณ์และ “แก้ม” คนรู้จักของสมุทรไปให้ 

“มีอะไรวะ” พี่ทัพถามด้วยสีหน้าสนใจ
 
“นั่นน้องสาวของลูกน้องเก่าไอ้เสี่ยปรีดา” ผมตอบ

“แล้วมึงไปรู้จักมันได้ไง” พี่ทัพสงสัยในตัวผม

“เรื่องของผมน่า” ผมปัด  ขี้เกียจจะเล่า

“แล้วอีกคนนึงล่ะ” พี่เขาซักต่อ  เหลือบมองไปยังรูปของแก้มที่พี่ธานวางไว้บนโต๊ะใกล้กับแฟ้มเอกสาร

“เป็นคนรู้จักของสมุทร เขาอยากให้ผมช่วยเอาเธอออกจากมาไอ้กาย”

จู่ ๆ พี่ทัพก็นิ่งไป  ผมเหลือบมองสีหน้าแปลกพิลึกที่ชวนให้น่าสงสัยนั่น 

“มีอะไร ?” ผมซักทันที  พี่ทัพหลบตา  คว้าแก้วเบียร์ของตนยกดื่ม

“ผมถามว่ามีอะไร” ผมย้ำ  ข่มน้ำเสียงลงต่ำเล็กน้อยเพื่อสะกัดที่ตนเริ่มไม่สบอารมณ์ 

“เธอส่งข่าวให้กู” พี่ทัพตอบโดยไม่สบตา  ผมเบือนหน้าหนีทันทีที่ได้ยิน  พี่ธานหยุดนิ่ง  ช้อนตาขึ้นมองหน้าพี่ทัพเช่นกัน  ฝ่ายที่ถูกจ้องผายมือออกทั้งสองข้างกลางอากาศพร้อมมองมายังเราทั้งคู่

“กูสืบมาว่าเธอประวัติดี ก็เลยขอให้เธอส่งข่าวให้กูถ้ามีโอกาส ไอ้กริดชอบเธอมาก” พี่ทัพขยายความ

“พี่ใช้ผู้หญิงประวัติดีส่งข่าว พี่ปัญญาอ่อนเหรอ” ผมพูด

“กูพยายามที่จะช่วยเธออยู่ แต่มึงก็เห็นว่าช่วงนี้อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ส่วนไอ้กายก็ไม่มีรูโหว่เลย แล้วมึงจะให้กูทำยังไง” พี่ทัพขึ้นเสียง  คาดคั้นมาทางผม

“ใครรู้เรื่องนี้บ้าง” ผมเหหน้าหนีพลางถอนหายใจ

“มีแค่กู.. กูบอกใครไม่ได้ กลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย กูเองก็จนปัญญาเหมือนกัน”

“นานแค่ไหน” ผมซักอีก

“สักห้าหกเดือนได้แล้ว เธอบอกกับกูว่าต้องมีร้านที่ร่วมธุรกิจอยู่ในกลุ่มของลูกค้าของไอ้กายมาซื้อต่อเท่านั้นเธอถึงจะหลุด”
 
“ส่งประวัติลูกค้าที่ไอ้กายติดต่อด้วยที่พี่มีมาให้ผม” ผมสั่ง  พี่ทัพถอนหายใจแรง  เบือนหน้าหนีเล็กน้อยคล้ายไม่ต้องการจะทำตาม  ผมจ้องเขม็งจนอีกฝ่ายยอมหันกลับมาสบตา  เสียงพลิกหน้ากระดาษตรงพี่ธานเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง

“ได้” อีกฝ่ายรับปากเสียงห้วน 

“........” บทสนทนาคล้ายว่าจะไม่จบลงด้วยดีถึงแม้จะเกิดความเงียบคั่นกลาง  ความเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้รับทราบทำให้อดไม่ได้ที่จะใช้สายตาไม่เข้าใจมองไปที่อีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง 

“กูพยายามอยู่ !” พี่ทัพกระแทกเสียงใส่คล้ายอึดอัดต่อการกระทำของผม

“พยายามเหรอ พี่ที่กระเตงลูกน้องมาที่บ้านผม ให้ลูกน้องเอาปืนมาจ่อหัวผมโดนที่มันไม่รู้ส้นตีนอะไรระหว่างเราเลย แล้วผมที่ต้องมานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งที่ไม่ใช่ธุระ ทำไม ? หรือพี่จะกอดคอผมแล้วพาเดินเข้าไปหาไอ้กายแล้วบอกว่า อั๊วถูกเมียทิ้งเลยอยากได้ผู้หญิงไปเป็นแม่บ้านสักคน แบบนั้นรึไง เออ แบบนั้นก็ท่าจะตลกดี” ผมถลึงตา  การพูดใส่อย่างไม่เกรงใจเป็นไปในโทนเสียงระดับเดียวกัน

“มึงเลิกดูถูกความพยายามของกูได้ไหมวะ” พี่ทัพขมวดคิ้วต่อว่า

“แล้วผมจะเอาหน้าที่ไหนไปบอกหมอนั่น อ้อ...เรียบร้อยแล้วล่ะ น้องสาวนายที่ทำงานให้ไอ้กายอยู่ได้เป็นสายให้ตำรวจไปในตัวด้วย แต่ไว้ใจเถอะ ตำรวจที่ว่านั่นมันเป็นไอ้รุ่นพี่เฮงซวยของฉันเอง” ผมประชด 

“ไหงมึงแคร์มันจังวะ” พี่ทัพอ้าปากหวอ  ผายมือออกด้วยท่าทางรับไม่ได้  ผมส่ายหัว  เลิกจะที่ตอบ  เอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมหงายศีรษะไปด้านหลัง  เหนื่อยหน่ายฉิบหาย

“นี่อย่าบอกกูนะ ว่าคนที่มึงถูกใจอยู่คือสมุทรอะไรนี่” น้ำเสียงของพี่ทัพเต็มไปด้วยความแปลกใจ

“ทำไม ? หรือจะให้ผมจีบไอ้คินงั้นรึไง ตูดมันทั้งแบนทั้งนิ่ม แถมไม่มีกลิ่นชวนอึ๊บสักนิด จะอ้วกว่ะ” ผมสบถ

“พรืดดด !” จู่ ๆ พี่ธานที่นั่งเงียบอยู่นานก็ก้มหน้ากลั้นหัวเราะซะโจ่งแจ้ง

“เฮ้อ เย-ดแม่ง” พี่ทัพส่ายหัว

“กูน่ะ เมื่อไหร่จะชินกับพวกมึงสักทีนะ” อีกฝ่ายพึมพำกับตัวเอง 

“เปิดอกเลยนะ...”

อยู่ดี ๆ ผมก็ถูกจ้องมาด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง

“มึงจริงจังแค่ไหนวะ ?” พี่ทัพถาม

“........” ผมไม่ตอบ  รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายคงแปลกใจและไม่เชื่อในอะไรหลายอย่าง  วันนี้ผมถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วไม่ทราบ  ทำไมถึงได้มีแต่คนชอบถามคำถามงี่เง่าทำนองนี้บ่อยนัก  การนิ่งเฉยของผมทำให้พี่ทัพเป็นฝ่ายขยับตัวก่อน  ยกเบียร์ซดซ้ำอีกครั้งคล้ายทนรอกับความเงียบจากผมไม่ไหว  อีกฝ่ายชี้นิ้วมา  นิ้วกระดิกอยู่ตรงหน้าผมกลางอากาศ 

“พ่อพี่ไม่เคยสอนเหรอ ว่าอย่าชี้นิ้วใส่หน้าคนอื่นน่ะ” ผมช้อนตาถาม  เห็นแล้วไม่สบอารมณ์

“เออ !” พี่ทัพกระแทกเสียง  ปากเบี้ยวไปซ้ายทีขวาทีก่อนเก็บนิ้วกลับไปเหมือนเดิม

“แล้วทำไมกูต้องทำตามคำสั่งมึงด้วยเนี่ย” เจ้าตัวบ่นหัวฟัดหัวเหวี่ยง  ปฏิกิริยาประหลาดจากพี่ทัพทำให้พี่ธานอมยิ้มมองไม่กะพริบตา

“โอเค เอาใหม่ กูจะวัดระดับความจริงจังของมึงด้วยตัวกูเองก็ได้ ดังนั้นกูจะถามใหม่” พี่ทัพเรียบเรียงสติ

“มึงเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนรึเปล่า” พี่ทัพจ้องเขม็ง

“........” ผมมองเฉย  ไอ้คำถามประหลาดนี้มีแต่ความเรียบเฉยในใจผม

“มึงอยากนอนกับลูกน้องมึงเกินสามครั้งใช่ไหม” น้ำหนักการใช้เสียงเริ่มกระแทกมากขึ้นเมื่อตนเองไม่ได้รับคำตอบในคำถามแรก  ผมเบือนใบหน้ากลับมาตั้งตรง ๆ นิ่ง ๆ  ไอ้ผู้ชายตรงหน้าคนนี้มันเป็นเจ้าคนนายคนแน่เหรอครับ  ขนาดคำถามยังปัญญาอ่อนขนาดนี้  เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเมียมันทิ้ง...

“มึงนึกในใจดังมาก นี่มึงกำลังด่ากูอยู่สินะ” พี่ทัพถลึงตา

“เออ นี่ใช่คำถามไหม น่าตอบว่ะ หึ ๆ ๆ” ผมยิ้มชม

“ว่าแต่ ครั้งนึงมันเสร็จได้กี่ครั้งล่ะ นับด้วยไหม” ผมหันไปคุยกับพี่ธานแทนที่จะจริงจังในคำถามของพี่ทัพ 

“มึงสองคนนี่มัน...” พี่ทัพกลอกตาขึ้นคุยกับเพดานห้องซะงั้น

“นี่มึงไปบ้านมันแล้วใช่ไหม” พี่ทัพถามคำถามรู้ใจ  คิ้วขมวดเป็นปมทีเดียว  พี่ธานถึงกับอมยิ้มกรุ้มกริ่ม  คนสนิทมักรู้ดีว่าผมไม่ค่อยชอบไปบ้านใคร   

“ช่วยปฏิเสธหน่อยได้ไหม ! ถ้าที่กูพูดมาทั้งหมดนี่มึงไม่ได้เป็น ปฏิเสธมาเลย” อีกฝ่ายตบโต๊ะ  สงสัยว่าไอ้พี่ชายผมคงทำคดีจนเพี้ยนไปซะแล้ว

“ปฏิเสธแล้วได้เหี้ยอะไร” ผมถามกลับ 

“แบบนี้ก็ลำบากสิวะ” พี่ทัพหลับตา  ถอนหายใจอย่างแรง

“อะไร ?” ผมสวนถาม  ฟังดูไม่เข้าหูสักอย่าง

“ก็มึงเล่นชอบลูกน้องตัวเองแบบนี้ !” พี่ทัพต่อว่าเสียงห้วน

“มึงไว้ใจมันได้ยังไง ถ้าเกิดมันหักหลังมึงขึ้นมา มึงจะเอาปืนจ่อหัวมันไหม”

“ถ้าผมต้องเอาตะกั่วจ่อหัวพี่ ผมก็จะจ่อหัวมันด้วย นี่ใช่คำตอบที่อยากได้รึเปล่า” ผมถามกลับด้วยนึกรำคาญขึ้นมา  แน่นอนว่ากำลังพูดถึงเรื่องงานกันอยู่  พี่ทัพนิ่งลงก่อนพ่นถอนหายใจออกมาคล้ายยอมความในที่สุด 

“อย่าเอามาปนกันได้ไหม ไม่งั้นพี่กับผมก็ไม่ได้ต่างกันหรอก” ผมเท้าแขนลงบนหน้าขา  หยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่มอีกครั้ง 

“ไม่ปนได้ไง ก็มึงหงุดหงิดอยู่เห็น ๆ” พี่ทัพบ่นงึมงำในลำคอ  คว้าเหยือกน้ำเปล่ามารินเติมให้ผมแทนพี่ธาน

“เลิกพูดเรื่องนี้สักที” ผมตัดบท 

“เฮ้อ แม่งเอ๊ย” พี่ทัพเหล่มองมาคล้ายยังไม่ยอมจบง่าย ๆ ในประเด็นเดิม

“คนอย่างมึงไม่น่าคบใครได้หรอก” อีกฝ่ายต่อว่า  ทำปากยื่นปากยาวใส่ผมด้วย

“คนอย่างหมอนั่นก็ไม่น่าคบใครได้เหมือนกัน พอคิดได้อย่างนั้น ก็ดันอยากได้ขึ้นมา” ผมเลิกคิ้ว  แสยะริมฝีปากล่างออก  พอนึกถึงแล้วร่างกายก็สูบฉีดขึ้นทันที 

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานหลุดหัวเราะอีกครั้ง 

“เตือนลูกพี่มึงบ้าง” พี่ทัพต่อว่าพี่ธาน  อีกฝ่ายไม่โต้ตอบ  เพียงแต่ยิ้มกว้างขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาหาข้อมูลในเอกสาร

“ตกลงว่ากูควรจะสงสารใครดี” พี่ทัพเงยหน้าขึ้นปรึกษากับเพดานห้องอีกครั้ง

“สงสารตัวมึงเองก่อนเถอะ” ผมตอบให้

“สัส” พี่ทัพสบถยิ้ม ๆ

“ไม่มีผู้หญิงที่ชื่อบัวเลยครับคุณไฟ แก้มก็ไม่มี...” พี่ธานพูดขึ้น  ปิดแฟ้มเอกสารลง  ผมถอนหายใจ  กางแขนออกทั้งสองข้างอย่างใช้ความคิด

“เรื่องผู้หญิงผมจะจัดการเอง อย่าเข้ามายุ่งล่ะ” ผมพูดกึ่งออกคำสั่ง

“จะทำอะไร” พี่ทัพถาม  สีหน้าหวาดระแวง 

“ช่างผมเถอะน่า”

“แต่ว่า ไฟ...” พี่ทัพอ้ำอึ้งคล้ายกับไม่อยากให้ผมทำเรื่องตามใจในตอนนี้

“พี่จะรอให้ปิดคดีก่อนแล้วค่อยเอาศพเธอออกมาเหรอ มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ” ผมอดว่าไม่ได้  พี่ทัพชะงัก  ถอนหายใจเบา ๆ  ไม่ปฏิเสธว่าตนไม่สามารถทำได้

“ผมมีวิธีของผม ไม่ต้องกลัวเดือดร้อนหรอกน่าคุณตำรวจ”


- - - - - - - - - - - - - - -


วันอาทิตย์ : บ้านเลิศประสงค์

“นี่เป็นรูปถ่ายของคนที่เข้าออกโรงแรม T-smith เมื่อวานกับวันนี้ครับ” สมุทรวางซองเอกสารลงบนโต๊ะ  เมื่อวานและวันนี้ทั้งวันเราไม่ได้พบหน้ากันจนเวลานี้  ผมสั่งให้สมุทรกับไอ้เข้มออกไปเฝ้าดูสถานการณ์ที่โรงแรม T-smith ตั้งแต่หลังฝึกมวยเสร็จในรอบเช้า  อีกอย่างหนึ่ง เขาจะได้รู้ด้วยว่าไอ้เข้มทำงานอย่างไรเมื่อไม่มีพวกผม   

พี่ธานนั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง  เป็นฝ่ายเปิดซองเอกสารออก  นำรูปถ่ายทั้งหมดยื่นมาให้  ผมรับรูปถ่ายปึกใหญ่มาดู  การเข้าออกของลูกค้าในโรงแรม T-smith ล้วนแล้วเป็นคนมีชื่อเสียงที่เราต่างรู้จักเป็นอย่างดี...

“กายเข้าออกทั้งหมดสามครั้ง มีผู้หญิงคนในรูปไปไหนมาไหนด้วยตลอดครับ” สมุทรพูด  ผมวางรูปของไอ้กายลงบนโต๊ะ  ไม่มีอะไรน่าแปลกใจกับสิ่งที่เห็น  เมื่อพบว่าผู้หญิงในรูปเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่พยายามจะยิงไอ้เต้ที่หน้าร้านของยูในวันนั้น
 
“เมียมันเหรอ” ผมถามห้วน ๆ  จ้องมองรูปเธอ

“ครับ เห็นว่าคบหากันอยู่” สมุทรตอบ

“มีอะไรเหรอครับ” พี่ธานถาม

“มือปืนที่ยิงยู” ผมตอบ

“ชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหน” ผมถาม

“เธอชื่อวีครับ ลูกครึ่งไทย-เวียนนาม ครอบครัวเคยค้าอาวุธสงคราม แต่ถูกมาเฟียที่ฟิลิปปินส์ฆ่าปิดปากเมื่อสามปีก่อน ระหว่างนั้นก็ไม่มีข้อมูลเลยครับ จนมาอยู่ที่ไทย” ไอ้เข้มตอบ

“แล้วก็... ผมเห็นชุนด้วยครับนาย” ไอ้เข้มพูดขึ้น  ขณะเดียวกันก็เจอรูปภาพของชุนตามที่บอก  ผมเหวี่ยงรูปทั้งหมดลงบนโต๊ะ  เอนหลังพิงพนักโซฟา  ขยับขาขวาขึ้นไขว่ห้าง

“ผมสังเกตว่า ลูกค้าทุกคนที่มาพบกาย มักใช้เวลาในการเข้าพบไม่เกินยี่สิบนาที ชุนเองก็เหมือนกันครับ เขากลับออกมาจากโรงแรมพร้อมกับกายหลังจากยี่สิบนาที ไม่เหมือนลูกค้าคนอื่นที่มาเจรจาเรื่องงานทั่วไป”

“มีอะไรอีกไหม” ผมรอรับฟัง

“ชุนกลับไปทำงานให้เจ๊ลิลลี่ครับ เขา…มีลูกน้องด้วยครับนาย” ไอ้เข้มก้มหัวลงเล็กน้อยหลังจากที่พูดประโยคนี้ ...


- - - - - - - - - - - - - - -


05:45 น. : ปทุมธานี

“สายจากสมุทรครับ” พี่ธานยื่นโทรศัพท์มือถือของผมที่ตนรับหน้าที่ดูแลมาให้ 

“ฮัลโหล” ผมกดรับ  น่าแปลกที่เป็นฝ่ายได้รับสายจากเขาก่อนโดยไม่มีเหตุนัดแนะเอาไว้  แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องงานเพราะเขาเลือกที่จะไม่โทรเข้าเบอร์ส่วนตัวของผม 

“สวัสดีครับ” ปลายสายทัก

“ฉันพูด มีอะไร”

“คือว่า วันนี้ผมอยากจะขอลาครึ่งวันได้รึเปล่าครับ พอดีเมื่อวานยายไม่ค่อยดี เมื่อเช้ามืดตื่นมาก็หน้ามืดอีก ผมเลยอยากจะพายายไปตรวจที่โรงพยาบาลน่ะครับ” สมุทรเข้าประเด็น 

“ได้” ผมตอบ

“........” ปลายสายเงียบสนิท  ผมรอฟัง  การเดินทางมาปทุมธานีในเช้าวันนี้มาโดยไม่ได้บอกอีกฝ่ายไว้ก่อน  เพราะคิดว่าน่าจะกลับถึงบ้านทันเวลาที่เขาจะเข้างาน

“ทำธุระให้เสร็จ แล้วกินข้าวให้เรียบร้อยก็เข้าซ้อมที่ค่ายเลยแล้วกัน ไม่ต้องมาที่บ้าน” ผมพูด

“ครับ ขอบคุณครับ” สมุทรขานรับ

“เท่านี้นะครับ”

“อืม” ผมขานรับ  ตัดสายลงแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือกลับคืนให้พี่ธาน 

“วันนี้หมอนั่นจะตรงไปซ้อมมวยเลยนะ เห็นว่าจะพายายไปโรงพยาบาล ถามเรื่องค่ารักษาแทนผมด้วยแล้วกัน” ผมสั่ง

“ได้ครับ” พี่ธานตอบ 

เวลานี้ควรเป็นเวลากินกล้วยสักลูกก่อนฝึกซ้อม  แต่ไม่ใช่  รถตู้ของผมจอดสนิทอยู่ที่ริมถนนเส้นหนึ่งแถวลำลูกกา  ไม่ใช่เขตชุมชน  เต็มไปด้วยป่ารก  ที่สำคัญอากาศด้านนอกค่อนข้างอบอ้าวทีเดียว  คนขับรถคือไอ้เด่น  คู่หูของมันในวันนี้คือพี่ชายมันเอง  ทั้งคู่ยืนอยู่นอกตัวรถ  มีเพียงพี่ธานและผมที่นั่งอยู่ด้านใน  ไม่บ่อยครั้งนักที่พวกเราเดินทางกันด้วยรถยนต์อเนกประสงค์หกที่นั่งแบบนี้

“คุณไฟครับ” พี่ธานที่นั่งขนาบข้างอยู่ด้านซ้ายมือเรียกด้วยน้ำเสียงที่บ่งชัดว่ามีเรื่องจะสอบถาม  ผมนั่งเฉย  ตามองไปยังประตูรั้วรกร้างของเขตบ้านใครสักคน

“คุณไฟ จะหยุดเมื่อไหร่เหรอครับ ขอโทษครับที่ถาม” พี่ธานพูดอย่างระมัดระวัง  ทั้งคำถามและคำกล่าวขอโทษมาพร้อมกันเสร็จสรรพ 

“ไอ้ยุให้ถามเหรอ” ผมอมยิ้ม  เบือนหน้าหันกลับไปมองอีกฝ่าย  พี่ธานหลบตาลง

“นั่นสิ...” ผมตอบ  ลืมถามตัวเองไปเหมือนกัน

“พี่ใหญ่คิดว่าเราควรหยุดเมื่อไหร่ดีล่ะ” ผมถามกลับ 

“แผลผมหายแล้ว แต่ผมยังถือไม้เท้าอยู่เลย แถมช่วงนี้...ลูกหนี้ก็จ่ายเงินตรงเวลาซะด้วย อะไรจะเป็นใจขนาดนั้น” ผมพูดแฝงนัยยะประชดประชันมากมายและหวังว่าคนสนิทจะวิเคราะห์ได้  พี่ธานอมยิ้มมุมปาก 

“เดี๋ยวก็คงหยุดได้ล่ะมั้ง” ผมสรุปโดยการปัดไปที  พี่ธานนั่งนิ่ง  แน่นอนว่าผมหมายรวมไปถึงการทำตามที่ได้รับปากสมุทรกับไอ้บูรณ์ไว้ด้วย

“ถ้าพวกนั้นรู้ว่าไอ้บูรณ์รู้รายชื่อลูกค้ากลุ่มนักการเมือง คุณจะแย่เอานะครับ”

ผมไม่ตอบพี่ธานอีก  รู้อยู่แล้ว มันมีความเสี่ยง 50/50 ที่ไอ้บูรณ์จะถูกปิดปาก  โชคดีที่มันออกจากค่ายมาก่อนถึงได้ไม่โดนเพ่งเล็งจากพวกไอ้กายเท่าไหร่  การถูกพี่ธานเตือนในเรื่องที่ทำลงไปแล้วมันก็เท่านั้นแหละ  มีแต่จะยิ่งทำให้ปวดหัวซะเปล่า

“ชุนออกมาแล้วครับนาย” ไอ้เด่นบอก  มันสองคนกลับมาขึ้นรถพร้อมเคลื่อนตัวรถไปยังเป้าหมายโดยทันที  รถยุโรปสีดำมีราคาขับผ่านพวกผมไป  ทันทีนั้นไอ้เด่นก็เร่งคันเร่งขึ้นแซง  พื้นที่ของถนนที่ค่อนข้างแคบเป็นอุปสรรคต่อการขับคู่ขนาน  อีกคันคงรู้ตัวแล้วแน่นอนว่านี่ไม่ใช่การขับแซงปกติ   


ปี๊มมม !
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-01-2018 23:04:03

เสียงแตรถูกบีบเตือนอย่างรุนแรงคล้ายไม่สบอารมณ์ที่รถของตนถูกเบียด  ไอ้เด่นไม่ได้บีบตอบกลับไป  แต่เร่งคันเร่งมากกว่าเดิมจนขึ้นนำอีกฝ่ายได้และไม่เปิดโอกาสให้แซงกลับ  คันของผมจอดตัดหน้าทันควัน  เสียงเบรกเสียดสีกับพื้นถนนดังไปทั่วพื้นที่  ถนนถูกปิดเรียบร้อย  ไอ้เข้มที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับลงจากรถคนแรก  พี่ธานหยิบปืนสั้นที่สอดอยู่ในที่เก็บปืนตรงหน้าก่อนลงจากรถไปพร้อมปิดประตูทันที   

ไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ จากด้านนอก  ผมได้ยินเพียงเสียงเคาะกระจกรถสองสามที  ให้หลังครู่หนึ่งประตูรถของอีกฝ่ายก็เปิดออกและปิดลง  ฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้  พี่ธานเป็นคนเปิดประตูออก  ผมจึงหันไปมอง  พบคนคุ้นตายืนปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเป็นที่เรียบร้อยดี

“คุณ...ไฟ” อีกฝ่ายชะงักงันทันทีที่สบตา

“ขึ้นไป” พี่ธานสั่ง  ชุนก้มหน้าลงเล็กน้อย  ยอมก้าวขาขึ้นมานั่งข้างผมโดยดี  ประตูรถจึงถูกปิดลงอีกครั้ง

“สวัสดีครับ” ชุนยกมือไหว้  ผมกวาดตามองคนที่ไม่ได้พบมานานและเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

“หล่อขึ้นนี่” ผมทัก  ชุนยังไม่ยอมสบตา  ความเงียบสงบในรถทำให้ได้ยินเสียงแอร์และเสียงเครื่องยนต์ที่ติดอยู่เบาบางอย่างชัดเจน  ตาเหลือบไปเห็นเหงื่อที่ซึมอยู่ตรงลำคอจึงเป็นฝ่ายเอื้อมมือปรับแอร์ให้เขา

.
คนที่นั่งตรงหน้าผมนี้อายุเท่ากับพายุ  เรียนวิศวกรรมเครื่องกล  มหาวิทยาลัยเดียวกันกับพายุ  พายุไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวก่อนหน้าหรอก  เรารู้จักกันโดยบังเอิญ  ชุนอยู่ทีมวอลเลย์บอลชายของมหาวิทยาลัย  ผมไปพบหมอนี่เข้าตอนที่กำลังมีเรื่องกับรุ่นพี่ร่วมสถาบันจากทีมฟุตบอล  ไม่ได้เข้าไปช่วย  แค่กำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ใต้ต้นไม้แล้วดันไปเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าพอดี  วัยรุ่นสมัยนี้นี่เตะต่อยกันบ่อยซะจริง  แถมไม่เป็นศิลปะการต่อสู้เลยสักนิด  พวกมันก็แค่เหวี่ยงทุกอย่างที่ร่างกายมีออกไปกลางอากาศ  พอส่วนที่แข็งแรงของร่างกายตนเองไปกระทบเข้ากับส่วนที่อ่อนแอบนร่างกายของคนอื่นจนทำให้เกิดบาดแผล  ก็เกิดความทะนงตัวโดยทันที  แต่นั่นแหละ ผมเองก็เพลิดเพลินดูมวยของพวกนักศึกษาตั้งแต่ต้นจนจบ  พี่ธานกับลูกน้องผมก็สนุกด้วยน่ะนะ

เราพากันขึ้นเตียงถัดไปสามวันหลังจากที่ได้รู้จักกันครั้งแรก  ความง่ายดายเกิดขึ้นเพราะเด็กวัยรุ่นคนนี้ที่เที่ยวขายด้านหน้าให้กับทั้งหญิงและชาย  เขาตรงเข้าหาผมด้วยข้อเสนอที่ว่า  จะให้ข้างหลังของตัวเองกับผมโดยแลกกับเงินก้อนหนึ่ง  มายืดอกบอกด้วยความภาคภูมิใจกับครั้งแรกของประตูหลังที่ตัวเองมี  ไอ้เรื่อง “ครั้งแรก” หรือครั้งที่สองห่าเหวอะไรนั่นไม่ใช่ประเด็นสำหรับผม  ประเด็นคือ ครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กผู้ชายคนนี้คือความเย็นชาในดวงตาและพร้อมประชดประชันชีวิตกับทุกอย่าง  ใบหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยากระทั่งกำลังเอาน้องชายของตัวเองยัดเข้ารูคนอื่น  แต่กลับมองมาทางผมที่นั่งดูกิจกรรมที่เขาทำและแสดงใบหน้าน่าสนใจ  แต่ก็นั่นล่ะ... ไม่ว่าเหตุผลอะไร  ไอ้ครั้งแรกที่เขาอวดอ้างฟังแล้วชวนรำคาญหู  ผมก็ทำลงไปแล้ว 

“งานที่ฉันแนะนำไว้ให้ ได้เงินน้อยไปงั้นเหรอ” ผมถาม  ชุนไม่ตอบ  เขากลืนน้ำลายลงคอจนเห็นลูกกระเดือกที่ขยับทำงานชัดเจน 

มนุษย์เรามีอยู่หลายประเภท  หนึ่งในประเภทที่ผมเกลียดคือประเภทที่ถูกมอบความหวังดีและหยิบยื่นโอกาสดี ๆ ให้แต่คอยที่จะกลับไปทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ  ตามจริงมันก็คงเป็นเรื่องที่แก้ไม่หาย  ถ้าหากเขาได้พกนิสัยเช่นนั้นติดตัวมาด้วยแต่กำเนิด   
“ผม...ผมถูกใช้ให้ทำน่ะครับ” ชุนขยับปากพูดเป็นครั้งแรกหลังจากที่นั่งเงียบมานาน

“รู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม” ผมถาม  พลิกรูปของแก้มที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์วางของด้านหน้าให้อีกฝ่ายดู  ชุนเหลือบมองก่อนพยักหน้าแทนคำตอบ 

“สบายดีรึเปล่า” ผมถาม   

“...ไม่เชิงครับ” ชุนสบตาด้วยแววตาสงสัย

“ฉันอยากได้” ผมเข้าเรื่อง

“คุณไฟ คือว่า..” ชุนอึกอัก

“ฉันอยากได้” ผมย้ำอีกครั้ง  คนตรงหน้าเงียบลง 

“ผม...” ชุนอ้ำอึ้ง  มือข้างขวาขยับกำแน่นและนิ่งไป 

“ผมแค่รับคำสั่งมาอีกทีนึงน่ะครับ ไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ” 

“เอาตัวเธอออกมาจากไอ้กายให้ได้ แบบการค้าน่ะ” ผมเอ่ยแทรก  ชุนหน้าเสีย 

“เจ๊เขาอยากเลิกครับคุณไฟ แต่...แต่เพราะรับคนจากคุณกายมานาน มันเลยลำบาก” เขาพยายามที่จะอธิบาย

“แล้วตอนนี้ก็มีคนมาถือหุ้นที่ร้านเพิ่มด้วย”

“ใคร” ผมถาม

“คุณเดี่ยวครับ ลูกชายเจ้าของบริษัท 99SEA” ชุนตอบ  คนในวงการรถยนต์คงไม่มีใครไม่รู้จักบริษัท 99SEA ตัวแทนผู้นำรถยนต์นำเข้าจากฝั่งยุโรปที่เพิ่งมามีอิทธิพลในตลาดรถเมื่อห้าปีที่ผ่านมา   

“เจ๊ก็แค่ดึงเวลารอที่จะขายร้านให้กับคุณเดี่ยวไปเลย แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้น่ะครับ กลัวว่าจะกระโตกกระตาก”

“ปกติรับคนเข้าร้านวันไหน” ผมเปลี่ยนคำถาม

“ดูสินค้าทุกสองอาทิตย์ของวันพุธครับ ส่วนจะรับเข้ามาเพิ่มไหมก็ขึ้นอยู่ที่เจ๊กับคุณเดี่ยว” ชุนตอบ

“นายเป็นคนเลือกใช่ไหม”

“ครับ” ชุนผงกหัว  ลดเสียงลงคล้ายเกรงว่าผมจะขออะไรมากกว่านี้

“เอาผู้หญิงคนนี้เข้าร้านเจ๊ให้ได้ หลังจากนั้นฉันจะจัดการเอง” ผมบอก

“แต่เธอ...เธอเป็นคนโปรดของ Blackfoot น่ะครับ ทำรายได้ให้ไม่น้อย ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้ เราไม่อยากมีปัญหากับทางฝั่ง Blackfoot ครับคุณไฟ” ชุนร้อนรน 

“ฉันอยากได้ชื่อของพวกไอ้กายที่นายติดต่อด้วย เฉพาะคนที่นายกับเจ๊ติดต่อด้วยน่ะ” ผมพูด  ไม่รับฟังสิ่งที่เขาพยายามบอก

“เร็วที่สุดเมื่อไหร่ดี ?” ผมตัดบท

“คุณไฟ...” ชุนลดเสียงลงอย่างตัดพ้อและเงียบไป  ทั้งหลับตาและก้มหน้าคล้ายหมดอาลัยตายอยาก  นิ้วมือสั่นระริกจนเห็นได้ชัดถึงความหวาดกลัวที่เขามี 

“ชุน” ผมเอ่ยขึ้นในรถที่เงียบกริบ 

“นายดึงตัวนายให้เข้ามาในวงการนี้เอง” ผมย้ำโทษ  อีกฝ่ายสะอึกในลำคอ  น้ำตาหยดลงเปื้อนกางเกงของเขา

“อยากเข้ามา จะมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้ รับปากฉันมาสิว่าจะเสนอเธอเข้าร้านของเจ๊ให้ได้” ผมพูด

“.........” อีกฝ่ายแน่นิ่งไร้ปฏิกิริยาตอบรับ  ท่าทางของเขาทำให้ความอดทนของผมกำลังจะหมดลง  ไม่ชอบเวลาที่ไม่ถูกขานตอบ  เสียงของไม้เท้าที่กุมอยู่ถูกเคลื่อนที่ไปด้านหน้า  เป็นเสียงของหนักที่ขูดสีไปกับพื้นรถ  ชุนเริ่มขยับตัวออกห่าง  ผมวางไม้เท้าพิงไว้กับที่พักด้านหน้า  มือทั้งสองข้างจึงว่างแล้ว 

“คุณไฟ” เสียงของเขาสั่นเครือในลำคอ 



ปึก !

ตัวชุนเหวี่ยงกระเด็น  หลังติดเข้ากับเบาะที่นั่งรุนแรง  ฝ่ามือที่ฟาดสับลงที่คอหอยทำให้เขาสำลักจนตาเหลือก  เจ้าตัวทำท่าจะหลบเลี่ยง  ผมจึงคว้าคอเสื้อกระชากให้เขาเข้ามาใกล้เพราะขี้เกียจที่จะขยับร่างกายตัวเองที่กำลังนั่งอยู่ในท่าที่สบาย  มือเลื่อนจากคอเสื้อขึ้นไปที่ลำคอเพื่อล็อกไว้

“แคะ” อีกฝ่ายหน้าแดงเหยเก  เขาฉลาดที่ไม่ดิ้นสู้ไปมากกว่านี้

“พี่.. ไฟ” ชุนร้องตะกุกตะกัก  น้ำตาไหลอาบแก้ม  มือทั้งสองข้างจับข้อมือผมไว้หลวม ๆ  บ่งบอกถึงความทรมาน

“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้ !” ผมตวาด  ออกแรงบีบคอเขาแน่นกว่าเดิม

“อึก...” เสียงฟันกระทบกัดกันแน่น  เขากำลังกัดฟันอดทนสู้กับตัวเองเพื่อยอมผม
   
“กลัวตายเหรอ กลัวตายแล้วทำทำไม” ผมถามเสียงเย็น  สะบัดมือปล่อยออก  ชุนตัวเซ  อารมณ์ที่ยังไม่คงที่ทำให้มือง้างออกกว้างและฟาดเข้าที่หน้าอีกฝ่ายเต็มที่อย่างไม่รีรอ


เพียะ !

“อึก ฮือออ แคก ๆ” ชุนก้มหน้าลงไม่ได้สติ  ตัวสั่น  ปาดเลือดที่จมูกออกลวก ๆ  เสียงฟันกระทบคล้ายกับพยายามอดกลั้นที่จะไม่ร้องออกมา

“มานี่” ผมกัดฟัน  กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นอีกครั้ง  ชุนเงยหน้าขึ้น  ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและเลือดตรงจมูกที่ยังไม่หยุดไหล  สภาพดูไม่ได้  ความขาวของผิวเนื้อทำให้แก้มเห็นรอยแดงชัดเจน 

“ขอโทษ ครับ อึก” ชุนพูดตะกุกตะกัก

“ผมรู้ที่รับส่งสินค้า กาย..มันจะฆ่าทุกคน ที่รู้เรื่องนี้ ผมเลิกไม่ได้” ชุนพูดบอกทั้งน้ำตา  สายตาที่มองตรงมายังผมไม่แม้แต่จะละไปด้วยความกลัวเช่นก่อนหน้า

“ผมทำไปแล้ว ผมเลือกเอง ผมรู้ อึก...” ชุนก้มหน้าร้องไห้  ผมปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายออก  หันกลับมานั่งเฉยปล่อยให้เขาได้ร้องอย่างที่อยากร้อง  พักหนึ่งเสียงร้องไห้ถึงได้เบาลง  ทั้งที่กล่องกระดาษทิชชู่วางอยู่ตรงหน้า  แต่เขาก็เลือกที่จะใช้แขนเสื้อเช็ดทุกอย่างที่เปื้อนหน้าอยู่   

“ทำเป็นปกติอย่างที่นายเคยทำ เอาผู้หญิงที่ชื่อแก้มมาที่ร้านให้ได้ภายในวันพุธนี้ นอกนั้นฉันจะจัดการเอง อย่าบอกใครว่าติดต่อกับฉันเป็นการส่วนตัว กับเจ๊ก็ห้ามบอก” ผมพูดขึ้น  อารมณ์ของเราทั้งคู่คงที่ลงมากแล้ว
 
“นายจะไม่เดือดร้อนฉันรับรอง” ผมตัดบท 

“รับรองเหรอ ทั้ง...” ชุนเอ่ยเสียงสั่นเครือก่อนทิ้งเสียงเว้นลงครู่หนึ่ง 

“ทั้ง ๆ ที่ ผมไม่มีเบอร์ติดต่อคุณด้วยซ้ำ” ชุนพูดกึ่งต่อว่าถึงเรื่องที่ผ่านมา

“...ทั้งที่ ผมได้แต่มองเห็นคุณ ผ่านพายุ หึ...แล้วจู่ ๆ คุณนึกจะมาก็มา” อีกฝ่ายแสยะยิ้มต่อว่า

“นั่นคือสิ่งที่เคืองฉันรึไง” ผมพูด

“ผมมีสิทธิ์เคืองคนอย่างคุณได้ด้วยเหรอครับ ผมเป็นแค่ไอ้โง่ที่นั่งรอคุณอยู่ที่สนามแบบไร้จุดหมาย” ชุนหันขวับมา  รอยยิ้มกว้าง ๆ เต็มไปด้วยความประชดประชัน

“ฉันไม่เคยบอกให้นายรออยู่แล้ว”

“........” ชุนเงียบสนิท  ความนิ่งเฉยระหว่างเราที่เกิดขึ้นชั่วพริบตายืนยันว่าต่างฝ่ายต่างพูดความจริง 

“รับปากมาซะ” ผมเอ่ยเรื่องเดิม 

“ครับ ผมจะจัดการให้” ครั้งนี้ชุนตอบรับหนักแน่น  คงต้องการให้หมดประเด็นนี้ลงเสียที 

“ไปซะ” ผมพูด  ชุนนั่งนิ่ง  ไม่ยอมขยับอยู่พักหนึ่ง  ผมไม่ว่าอะไร  เขาปาดน้ำตาออกจากแก้มลวก ๆ อีกครั้ง  คิดว่าคงได้สติแล้ว  แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ขยับตัวโน้มเข้ามาหาพร้อมช้อนใบหน้าขึ้น  แตะปากลงที่ริมฝีปากผมเบาบาง  ผมนั่งเฉย  มองตอบเขาที่สายตากำลังแสดงออกถึงความลังเลหลังจากที่เป็นฝ่ายจู่โจ่มเข้ามาหาผมด้วยตัวเองก่อน  ดวงตาที่จับจ้องมาเหมือนเด็กที่ว่างเปล่าในจุดหมายปลายทางของการใช้ชีวิตต่อไป...

“ฉันเคยพูดกับนายแล้วใช่ไหม ว่าฉันไม่ชอบคนไร้สาระ” ผมพูด 

“ผมรู้อยู่แล้วครับ” ชุนสวนทันที

“รู้อยู่แล้วว่าผมไม่เคยอยู่ในสายตาของคุณ รู้ตั้งแต่นั่งรออยู่ที่เดิมแต่คุณไม่เคยกลับมา” อีกฝ่ายหลบตา  ใบหน้าที่พยายามจะฉีกยิ้มและทำท่าจะหลีกออก  ผมคว้าคอเสื้อพร้อมดึงเข้าหา  ยังคงขี้เกียจที่จะขยับตัว  ลิ้นสอดเข้าปากของเขาทันทีอย่างไม่แยแสว่าคนตรงหน้าจะตั้งรับได้ทันหรือไม่  ปากถูกบดแน่น  ต่างค้างไว้ในท่านั้นนานพอควร  เสี้ยวนาทีที่เห็นว่าชุนหลับตาลงผมจึงผละปากออกช้า ๆ  ชุนลืมตาขึ้นมองก่อนหลบตาลงอีกครั้ง  ผมปล่อยคอเสื้อเขาออก  เปลี่ยนเป็นดึงต้นคอให้เข้าหาจนชุนประชิดตัวเข้ามา  อีกฝ่ายรีบเท้ามือข้างหนึ่งลงบนเบาะ  มืออีกข้างวางลงบนบ่าผมเพื่อประคองไม่ให้ตนเองล้มทับลงมาที่ผมทั้งตัว  ไม่มีเสียงทักท้วงเกิดขึ้น  รสจูบเป็นไปอย่างคุ้นเคย  ก็ไม่ใช่ไม่ประสีประสาที่จะมาทำเรื่องบริสุทธิ์นี่นะ  แต่ก็ไม่ได้ขาดความปราณีเสียทีเดียว  ในเมื่อนัยน์ตาที่ดื้อดึงของเขากำลังแฝงไปด้วยความต้องการความอ่อนโยน  ผมก็ตอบสนองอย่างนั้น

“ผมนอนกับคุณเดี่ยวด้วย แล้วคุณคิดว่าผมจะหักหลังเขาได้เหรอครับ” ชุนพูด  ใบหน้าที่ห่างกันไม่กี่เซนติเมตรทำให้สัมผัสได้ถึงการอยากลองดี

“งั้นนายคงต้องเลือกแล้วล่ะมั้ง ว่าถูกใจเซ็กส์ของฉัน...หรือของมันมากกว่ากัน” ผมจ้องตอบ 
 
“เดี๋ยวคนของฉันจะติดต่อไป” ผมตัดบท  ชุนลดสายตาลง  หลุดอมยิ้มมุมปากออกมานิดหน่อย   

“หึ คุณนี่ยังนิสัยแย่เหมือนเดิม” เขาบ่นพร้อมผละตัวออก

“ระวังตัวด้วยล่ะ” ผมพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะลงจากรถ  ชุนชะงัก  ทำท่าคล้ายจะหันกลับมาแต่ก็ไม่  เขาลงจากรถไปทั้งอย่างนั้น  พี่ธานที่ยืนประกบอยู่ตรงประตูรถมองหน้าชุนที่เดินจากไปก่อนหันมาทางผม 

“แปลกจังนะครับที่เขาร้องไห้” พี่ธานพูด  กลับขึ้นมานั่งที่เดิมก่อนที่ไอ้เด่นจะปิดประตูรถลง

บุคลิกที่แข็งกร้าวไม่สนโลกของชุนที่คงผ่านเรื่องร้ายมามาก  ทำให้เข้ากับเพื่อนที่คณะไม่ได้  กระทั่งกลิ่นอายที่ไม่แยแสโลกก็รุนแรงจนเพื่อนไม่กล้าที่จะมีปัญหากับเขาไปโดยปริยาย  คนเดียวที่ชุนยอมพูดด้วยดี ๆ ทั้งที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมคณะคือพายุ

.
ครั้งที่สองที่ผมเห็นชุน  สายตาที่ส่งมาให้ผมมันตรงไปตรงมายียวนว่า “มึงจะทำให้กูครางได้งั้นเหรอ เก่งขนาดนั้นเชียว”  เป็นความท้าทายอย่างถึงที่สุด  เส้นแบ่งเรื่องเพศของเด็กคนนี้ขาดหลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี  เขาไม่สนว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นใคร  ใครก็ได้  คล้ายกับชิงชังว่าสุดท้ายแล้วก็แค่ทำให้เสร็จ ๆ ไป ... สิ่งที่ผมตอบสนองกลับไปคือการเตือนความคิดโง่ ๆ ที่เขามีในตอนนั้น “ฉันไม่ทำกับท่อนไม้หรอก”  สิ่งที่ทำส่ง ๆ เพื่อให้เสร็จไปที  สำหรับผมนั่นไม่เรียกว่าเซ็กส์  ไม่ว่าจะกับใคร  ที่มีรสนิยมแบบไหน  ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความพึงพอใจอยู่ฝ่ายเดียว  นั่นคือเรื่องสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์  ผมก็แค่ทำให้เขาเห็นว่าความคิดที่เขามีก่อนหน้านั้น  มันใช้ไม่ได้กับผม...

“ไว้ใจได้แน่เหรอครับ” พี่ธานพูด 

“ไม่มีทางเลือกอื่นนี่ครับ” ผมตอบ   

“หรือว่า...” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็มองมาด้วยสายตาสงสัย

“อะไรครับ” ผมตวัดหางตาโต้ตอบ  สั่งเสียว่าให้หุบปากลงเสียที  อีกฝ่ายก้มหน้าลง  เอ่ยปากขอโทษก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออก  หลายวันมานี้มีแต่เรื่องไม่เข้าหูทั้งนั้น


- - - - - - - - - - - - - - -


THE 11 CONCEPTS, PATTAYA

“ไอ้บูรณ์ไม่รับโทรศัพท์เลยครับนาย” ไอ้เด่นรายงาน 

“คนของเรารายงานมาว่ามันไม่กลับที่พักมาสองวันแล้วครับ” พี่ธานพูด   

“........” ผมเงียบฟัง  มือยังคงล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง  ตามองไปยังวิวชายหาดจากระเบียงห้อง  มีกลิ่นผิดปกติอยู่  ไอ้บูรณ์ย้ายที่พักใหม่แล้ว  เมื่อวานนี้ผมได้ข้อมูลจากมันมามากพอให้ปะติดปะต่อเรื่องราวได้  แต่แล้วมันก็ขาดการติดต่อไปดื้อ ๆ

“ไม่ใช่ว่าไปหาเรื่องมาให้นายหรอกนะครับ” ไอ้เด่นบ่น 

“ปากมากจริง” พี่ธานปรามอย่างหัวเสีย

“ขอโทษครับ” ไอ้เด่นเสียงหงอย   

“เอาเรื่องที่นี่ให้จบก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ผมพูด  ทุกคนขานรับ

“แล้ว...คุณไฟจะให้ผมเอายังไงกับคุณตำรวจคนนั้นดีครับ” พี่ธานถามแฝงความประชดอยู่นิดหน่อย  ไอ้เต้แอบสะกดรอยตามพวกผมมาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ แล้ว

“มันอยากตามก็ให้มันตามไป” ผมตอบ

“ครับ” พี่ธานรับทราบ 

การเดินทางมาพัทยาในวันนี้เป็นไปอย่างเร่งด่วน  เหตุจากที่ชุนแจ้งมาว่าเดี่ยวจะกลับจากต่างประเทศและตรงมาที่ร้าน NO WALL ซึ่งเป็นผับของเจ๊ลิลลี่ที่พัทยาในวันนี้เพื่อตรวจดูสินค้าเข้าใหม่ที่ชุนเพิ่งรับมาส่ง  แน่นอนว่าในนั้นมีแก้มอยู่ด้วย  ข้อมูลตรงกับที่ไอ้บูรณ์ให้ไว้ว่าคนของไอ้กายจะนำสินค้ามากระจายให้ร้านที่เป็นสมาชิกของมันที่พัทยาภายในอาทิตย์นี้  โดยมักใช้ช่วงเทศกาลเป็นตัวเบิกทาง  ถ้าหากให้พี่ทัพจัดการและเกิดพลาดท่าขึ้นมาอีกอาจเป็นอันตรายกับฝ่ายผู้หญิงได้  หรือเรื่องอาจไปกันใหญ่ 

สมุทรเดินทางมาด้วยกัน  วันนี้ลูกน้องคนสนิทของผมเดินทางมาครบทุกคน  ทั้งไอ้รุ่งและไอ้หินก็ด้วย  มีเพียงสมุทรคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยือนพัทยาในครั้งนี้คืออะไร  เขาเองก็ไม่ได้ถาม  และผมเลือกที่จะไม่พูดก่อน  ยังไม่ไว้ใจในอารมณ์ของเขาในหลาย ๆ เรื่อง  การมาด้วยกันแบบนี้ให้คิดเสียว่าเป็นงานสำคัญเท่านั้นก็พอ..

“เดี๋ยวผมไปสั่งอาหารให้นะครับ” พี่ธานพูดขึ้นหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  ผมพยักหน้า  ทุกคนพากันทยอยออกจากบริเวณห้องนั่งเล่นจนห้องสงบลงในที่สุด 

“คุณไฟครับ” สมุทรเรียก  ผมหันกลับไป  เห็นเขาถือถาดเสิร์ฟยืนอยู่  บนนั้นมีโถกับแก้วชาขนาดเล็กลวดลายจีนวางอยู่ด้วย

“น้ำสมุนไพรน่ะครับ แม่บ้านฝากให้เอามาให้คุณทานที่นี่ด้วย” สมุทรยิ้มน้อย ๆ  วางถาดลงบนโต๊ะตรงกลาง  ผมจึงเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวยาว 

“นั่งสิ” ผมพูด  อีกฝ่ายยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนทำท่าจะเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัว  ผมคว้าข้อมือเขาไว้  ออกแรงดึงเพื่อบังคับให้เขานั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันกับของผม  สมุทรยอมนั่งลงโดยดี  เอื้อมตัวรินน้ำสมุนไพรใส่แก้วให้เงียบ ๆ  ผมยกขึ้นดื่มหมดแก้วภายในครั้งเดียว  คนข้าง ๆ นั่งจ้องผมอยู่แต่แรกแล้ว  แม้จะไม่หันไปมองแต่ก็รู้สึกได้

การเคลื่อนไหวอยู่ในความเงียบ  แก้วหนึ่งหมดลง  สมุทรจึงรินเติมให้อีก  ผมหันไปมอง  อีกฝ่ายเลยพูดขึ้นว่า “ดื่มอีกสิครับ” ด้วยโทนเสียงนุ่มทุ้มและสงบนิ่ง  ผมไม่ทำตาม  จดจ้องหน้าเขาอย่างนึกสงสัยในความรู้สึกของตนเองที่มีในตอนนี้  ผมจับแขนของสมุทรขึ้นข้างหนึ่งพร้อมเอนตัวลงนอนโดยทันที  พอเงยหน้าขึ้น  สมุทรก็ก้มลงมองผมที่นอนหนุนตักเขาอยู่ด้วยใบหน้านิ่งเฉย  ไร้ปฏิกิริยาของความตกใจ  ผมนำแขนของเขาวางลงบนอกตัวเอง  การที่เขาไม่เอ่ยปากใด ๆ ก็ดีเหมือนกัน  ตอนนี้ ผมก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากพูดเท่าไหร่นัก 

.
ตักของเขาไม่นุ่ม  ค่อนข้างแข็ง  แต่กลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องระมัดระวังตัว  เปลือกตาลดระดับลงเล็กน้อย  ทอดมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ด้านนอก  พักหนึ่ง แดดจ้าจนสายตาสู้ไม่ไหวและจำเป็นต้องหลับตาลงในที่สุด  ความสงบเงียบทำให้ได้ยินจังหวะการหายใจของตัวเองชัดเจน  สมุทรไม่ขยับตัวเลย  หมอนี่แอบนั่งสมาธิอยู่รึเปล่านะ  เขาเหมือนคนที่มีบุคลิกลักษณะอย่างนั้น  กระทั่งแขนของเขาที่วางอยู่บนตัวผมก็แน่นิ่ง  ความเมื่อยล้าทำให้ไม่อยากลุกหรือลืมตาในตอนนี้  เวลาผ่านไปพักใหญ่ที่ผมนอนหลับตาและหายใจสม่ำเสมออยู่อย่างนั้น  แขนของสมุทรก็เริ่มเคลื่อนไหว  การเคลื่อนไหวของเขาทำให้ผมเกิดความสงสัย  มันขยับเบา ๆ คล้ายกลัวว่าจะรบกวน  ผมแกล้งหลับตาอย่างนั้นต่อไป  ฝ่ามือที่หาความนุ่มไม่ได้ที่เจ้าตัวเคยออกปากบ่นถึงมือตัวเองให้ผมได้ฟังว่า “มือด้าน ๆ แบบนี้”  กำลังโอบอยู่ที่ปลายคางระหว่างข้างแก้มของผม  มันแช่อยู่อย่างนั้น  เป็นครั้งแรกที่กังวลว่าการแสร้งหลับในครั้งนี้จะถูกใครจับได้  สิ่งที่รับรู้ต่อมานอกจากการกระทำเกินคาดของอีกฝ่าย  คือหัวใจผมที่กำลังเต้นผิดจังหวะ  มันดังเหมือนจวนจะระเบิด  เมื่อสมุทรเกลี่ยนิ้วโป้งลงที่ข้างแก้มของผมอย่างเบาบาง ... 


...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ  :impress3:  แล้วก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังด้วยค่ะ  :mew3:

กุก ๆ กุก ๆ (เสียงใจเต้นแบบใหม่)  :laugh:


..เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-01-2018 23:05:14

สมเป็นไฟ ร้ายยยย 55555 เบบี้ป่วยหายหรือยังคะ  รักษาสุขภาพด้วยจ้าาาาา

ขอบคุณค่ะ  :o8:

.
.
          ชื่อก็บอกว่าไฟร้อนที่สุด               แต่สมุทรเย็นฉ่ำนั้นดับได้
ไฟจะร้อนแผดเผาสักปานใด                    สมุทรไงผ่อนร้อนให้เป็นเย็น

                                                        :L1: :L1: :L1:
                                                  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

มาเป็นกลอนกันเลยทีเดียว ...คุณทำให้โลกสดใสสส 5555++   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

.
.
พี่เบเบี้หายไปไหน
รีบๆมาต่อเร็วๆเลย :m16:
คิดถึงแล้ววววว :mew1:

ขอบคุณสำหรับชื่อใหม่ค่ะ กร๊ากกกก เบเบี้   :m20:

.
.
แวะซื้อมะม่วงมันกับฝรั่งกิมจูของโปรดคุณไฟมาฝากไว้ให้ที่ค่ายมวยนะคะ  เผื่อคุณไฟจะพาสมุทรแวะมาแทะเล็มกันให้คนรอได้ชื่นนนนใจสักเล็กสักน้อย  :mew3:   :กอด1:

ฝรั่งกิมจู ดี ~~~~  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 47 [ 12:42 น. - อ. 12 ธ.ค 60 หน้า 65 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-01-2018 23:06:33

ฮืออออ เบบี้ เค้าคิดถึงสมุทร   คิดถุงๆๆ  :katai1:

ใจเย็น อย่ากรีดหน้าตัวเองสิ  :laugh:

.
.
คิดถึงคุณไฟและสมุทรมากเหลือเกิน  :กอด1:

ในตอนนี้นั้น ดูคุณไฟจะถูกอกถูกใจบูรณ์เสียมากมาย (อันที่จริงก็แอบมันใส้อยู่เล็กน้อย) แต่ยังคงเชื่อว่าคนที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงต่อกรกับคุณไฟได้ชนิดมันส์หยดนั้นเห็นทีจะมีแต่สมุทรเขาล่ะค่ะ (แน่สิ ก็เรื่องนี้เขาคู่กันนี่หน่า ฮ่าๆๆๆ)
    ยังคงชื่นชมในการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของคุณเบบี้มาก  :katai2-1: อีกทั้งยังหาข้อมูลมาดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าเป็นมนต์เสน่ของนิยายเรื่องนี้จริงๆ .... ส่วนตัวนี่แอบนึกอยู่ตลอดว่าคุณเบบี้จะเหนื่อยมากไหม กับการเข็นนิยายเรื่องนี้ในแต่ละตอน เราว่ามันต้องเหนื่อยมากแน่ๆ .. เป็นกำลังใจให้มากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ

   พูดไปจิหาว่าเว่อ หลังจากตึงเครียดและหมดพลังชีวิตไปกับการปั่นงาน  :katai4: ก็ได้นิยายเรื่องนี้มาชาร์จพลังให้ เป็นอีกหนึ่งใน MY Energy ของเราเลย

ขอบคุณคุณไฟ-สมุทรและทุกๆตัวละครมา ณ ที่นี้ สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะคุณเบบี้ ขอให้เจอวันดีๆตลอดไป

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ยาว ๆ นะคะ ชอบอ่าน อ่านเพลินเลย แฮะ ๆ > < สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 25-01-2018 01:03:21
สวัสดีปีใหม่ครับคุณเบบี้   งื้อออออ ค้างงงง   สมุทรลักหลับเลยยนยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 25-01-2018 01:53:11
แค่ลูบแก้มกันเฉยๆ เราก็เขินหนักมากแล้วเด้อ
มาถึงตอนนี้ก็ยังชอบคุณไฟอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ชอบความร้ายๆ ชอบความสีเทา หลงรักกกกกก

//เป็นกำลังให้คุณเบบี้นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 25-01-2018 01:57:08
เขินเป็นที่สุดค่ะพี่ไฟ กริ๊ดดดดดดดด
อ่อนโยนเป็นบ้าเลยอ่ะสมุทร

น้องมืดมนลูกแม่ มีความพึมพำ "พี่สมุทรไม่ดื่มเหล้า" เอ็นดูนาง  พี่ไฟก็แกล้งหยอกน้องอีก ขำปนเอ็นดู อิอิ

ตอนนี้ดูเหมือนจะดูยุ่ง วุ่นวายไปหมด ไว้ใจใครไม่ได้เลย ระวังตัวด้วยนะคะพี่ไฟ

สวัสดีปีใหม่เบบี้ คิดถึง :)
สนุกมากกกกก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-01-2018 03:26:40
มาแบบซอฟ ๆ นอนหนุนตัก คงจะฟินน่าดูนิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 25-01-2018 09:53:36
ขอบคุณที่มาลงตอนใหม่ค่ะ..ขำไฟกับเมฆทำไมชอบแกล้งน้อง5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 25-01-2018 10:01:37
มันมาพีคเอาบรรทัดใกล้ๆจะจบเนี่ยแหละ อร๊ายยยยยยยยยยยย นิ้วเกลี่ยแก้มเบาๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 25-01-2018 10:21:36
คนอ่านใจเต้นแรงกว่า ลุ้นสมุทร ลุ้นอย่าเพิ่งจบนะ ลุ้นต่อจะยังไง  :impress2: :impress2: :mew1: :mew1:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 25-01-2018 10:36:11
เป็นนิยายที่ใช้เวลาอ่านนานมากกกกกก สนุกตื่นเต้นลุ้นไปกับทุกๆตอนจริงๆ
ไฟปากร้ายแต่ใจแอบดีนะ ขอบคุณค่ะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 25-01-2018 11:10:59
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ต้นตอนเครียดมากกกก
ตอนจบคืออออ
เหมือนจุดพลุฉลองงงง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-01-2018 12:13:18
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-01-2018 13:17:21
แอร๊ยยยยยยยย #ตีขาตัวเองรัวๆ สมุทรรรรรรร ลูกกกกก สัมผัสในบรรทัดสุดท้ายคืออัลไลลลลลลล นิ้วเกลี่ยแก้มเบาๆ ละมุนขนาดนั้น ไม่แฟนทำไม่ได้นะลูกกกกก กรุ กรุ กรุ  :hao6: บรรทัดเดียวสยบความอึมครึมของทั้งตอนได้เลยจริงๆ 55555

พลังแห่งกิมจูเรา ในที่สุดก็ไฟก็รับรู้ ดีใจจจจจจ  :man1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 25-01-2018 13:57:18
ทำไมเราเขิลลลลลล
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 25-01-2018 14:13:40
ขอบคุณมวกค่ะยาวสะใจเลย :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 25-01-2018 14:42:59
ตายอย่างสงบ  มามีความละมุน ในบรรทัดสุดท้ายยย 5555
อ่านวนไปคะ รอได้เสมอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-01-2018 18:52:32
ดีใจ  คุณเบบี้มา  :mew1: :mew1: :mew1:

เหมือนพี่ธาน คิดไรๆกับพี่ทัพนะ  :hao3:
พี่ทัพ สงสัยนัก ให้พี่ธาน ตอบด้วยภาษากายให้หายสงสัยดีมั้ย  :-[

ชุน น่าสงสาร ชอบไฟ เฝ้ารอฝ่ายเดียว
เหมือนบูรณ์ จะมีอันตรายนะ  :hao4:

อูยยยยยย.......ตอนนี้ไฟ ถึงเนื้อถึงตัวสมุทร  :z3: :z3: :z3:
สมุทรก็เฉยๆ แถมมีลูบแก้มไฟด้วย  :hao5: :sad4: :heaven
สมุทร มีใจให้ไฟแล้ว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 25-01-2018 19:18:50
ในขณะที่สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียดนั้น
คู่นี้เค้าแอบหวานกันค่ะคู๊ณณณณ
โอ้ยมีเกลี่ยแก้มด้วยอ้ะสมุทร
น่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 25-01-2018 22:32:43
เรื่องสืบครั้งที่แล้วของพี่ทัพทำไฟได้แผล  แต่เรื่องภารกิจใหม่ที่เข้ามาทำให้ถลำลึกขึ้นนี้คุณหนูไฟจะได้อะไรกลับมาอีกเนี่ย เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิมมาก  (อีกใจนึงก็คิดว่า เจอหนักขนาดนี้คงได้บ้างแหละ.......อย่างน้อยก็ได้สมุทรไง  :z6: )


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 25-01-2018 23:11:06
ทั้งลุ้น ทั้งอบอุ่น

ขอบคุณเบเบี้ค่ะ  :man1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 26-01-2018 09:56:11
แอบหวานเบาๆ เอร้ยยยย ดีต่อใจ >.<
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 26-01-2018 17:17:46
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-01-2018 20:42:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 27-01-2018 00:50:18
นั่นแน้!!!! สมุทรรรร เลาเห็นน้าาาาา  :hao7: :hao7:

จากเครียดๆ มาทั้งตอน มาชุ่มชื้นหัวใจเอาตอนท้าย  :katai2-1:

ขอบคุณมากค่า รอตอนต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 27-01-2018 12:49:59
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 28-01-2018 17:14:40
 :z3:  :z3:
กรี้ดดดด!!!!!
เขินเวอร์ๆ สมุทรคือเอานิ้วเกลี่ยแก้มคืออะไร๊!!!
คิดอะไรกับไฟป้ะเนี้ยยย ฮิ้วววว /ล้อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-01-2018 19:40:11
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-01-2018 20:36:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 29-01-2018 00:20:19
เจอช็อตนี้ไป...ไปไหนไม่รอดหรอกค่ะ..คุณไฟ!!
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 29-01-2018 10:41:00
คิดถึงเบบี้มากเลยค่าา ดีใจที่มาต่อ
มากรี๊ดตรงย่อหน้าสุดท้ายนี่ล่ะ
สมุทรอ่อนโยนจังเลย ละมุนมว้ากกกก
พออ่านความใจร้อนของพี่ไฟมา
เจอสมุทรลูบแก้มทีเดียวนี่รู้สึกเย็นชุ่มชื่นขึ้นมาเลยค่ะ
สมุทรอ่าาา แสดงออกเยอะๆกว่านี้หน่อยก็ได้
เราลุ้นนานมากแล้วนะ งือออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-01-2018 18:19:06
กำลังเครียดอยู่เลยค่ะ เจอแต่ละเรื่องไป

แต่ทำไมตอนท้าย สมุทรมาแบบละมุนล่ะ
ทำไมพี่ไฟได้ใจไปอีกนะ

เรื่องซับซ้อนและเล่นกลกันมาก
ขอให้ไฟอย่าหลงทางนะคะ
กลัวกลลวงมากเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 30-01-2018 15:49:01
ยาวมาก แถมตอนสุดท้ายนี่อ่านแล้วมีความละมุนด้วย  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 30-01-2018 21:34:51
วี๊ดเบอร์แรงงงงงงงงงงงงงงง

สมุทรหลงรักคุณไฟของเราแล้วซี่~~~~~~ :hao3: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 30-01-2018 21:43:11
ตอนท้ายคือแบบฟินเวอร์อ่ะ สมุทรเธอทำอาร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 02-02-2018 23:24:00
สั้นๆ สมุทรเอาอยู่  :mew4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 06-02-2018 14:51:14
สมุทรรรรรรร แตะอั๋งคุณไฟเหรอ  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-02-2018 19:26:36
ไฟได้รับความอ่อนโยนจากน้องหมุดแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 13-02-2018 13:52:23
กรี๊ดดดดดดดดดดด ชั้นตามทันแล้วค่าาา
ปรบมือ แปะๆๆๆ
แบบเป็นการอ่านที่ยาวนาน และจุใจสุดๆ ตัวละครเยอะมาก แล้วเมื่อไหร่ที่มีตัวละครเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นย่อมมีเรื่อง 5555555

เราชอบไฟมากเลย ชอบความพูดเพราะ ถึงจะเต็มไปด้วยความกวนตีนก็เถอะ แต่เราชอบความคิดของตัวละคะตัวนี้ แต่แอบจิตๆหน่อยนะในบางครั้ง 555555
ส่วนสมุทรเป็นตัวละครที่ยากจะเข้าถึงจริงๆค่ะ

แต่เราก็รอทุกครั้งที่ไฟกับสมุทรอยู่ด้วยกัน มันกร๊าวใจมากจริงๆเด้อออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 13-02-2018 14:30:33
อ่านแล้วๆ นี่เริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่ตอนแรกเลยยยยย เพราะคิดถึงจัด ยิ่งอ่านนะ ยิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงของสมุทร ถ้ามองในมุมคนอ่านแล้วคิดว่ามันเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เหมือนเขาเริ่มเปิดใจ ทีนี้ ก็คิดย้อนไปอีกว่า

ตอนที่สมุทรโดนรุกแรกๆ แล้วในใจกำลังคิดอะไรอยู่วะ ?
5555555555555555555555
คือนึกไปถึงเรื่องนั้นแล้วตลกอะ ... วันแต่วันตอนสมุทรอยู่คนเดียวนี่อาจจะโวยวายตะโกนบ่นเรื่องไฟเพื่อระบายก็ได้นะ? 555555555555555555555555555555555

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ้า ยังไงก็รอได้ แค่อย่าทิ้งกันไปก็พอเด้อ
ส่วนใครรุกใครรับ ไม่สน สนเนื้อเรื่องที่หลากหลายแบบนี้ละ
แต่หวัง.. หวังที่จะไม่เห็นความเจ็บปวดเชิง ไฟโดนยิงเจ็บหนัก จากไป หรือสมุทรเองก็ตาม ไม่อยากเห็นอะไรแบบนั้นเลยจริงๆ
รวมทั้งคนในครอบครัวด้วย คนเขียนอย่าทำร้ายกันเด้อออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 16-02-2018 14:06:34
ไม่ใช่ไฟคนเดียวที่ใจเต้นนะ
คนอ่านใจเต้นยังกับสมุทรเอานิ้วมาแตะตัวเองแนะ :o8:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 17-02-2018 22:48:30
กริ๊ดดดดดดด เจอช๊อตสุดท้ายเข้าไป ตายอย่างสงบศพสีชมพู  ก็อย่างว่าแหละเนาะ ไฟยังไงก็เป็นไฟ ไม่ยอมใครนอกจากสมุทร ฉากสุดท้ายสมุทรดูอ่อนโยนจนคนอ่านอ่อนระทวยไปด้วยแล้วหื้อออออออ

ปล.ขอบคุณคุณเบบี้มากนะคะที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 25-02-2018 12:24:37
คิดถึงแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 25-02-2018 23:21:06
คิดถึงพี่ไฟ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: zakker ที่ 13-03-2018 15:47:36
 :hao6: สมัครสมาชิกเพื่อมารอเลยครับ ชอบอ่านเเนวนี้มาก +1 กำลังใจ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 13-03-2018 20:36:32
สมุทรรรรร  คิดถุง  มาลูบเค้าต่อเลย  :z13:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KIDSPARN ที่ 13-03-2018 20:54:40
สิงอยู่กับนิยายของเบบี้มานานมากแล้วคับ
ตามอ่านมาหลายเรื่องแระ
นั่งกด F5 ทุกวัน วันละหลายๆครั้ง
ตอนนี้อยากรู้ว่าสมุทรกะไฟไปถึงไหนกันแระ
สมัครสมาชิกมาเพื่อสิ่งนี้
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-03-2018 00:04:52
คิดถึงพี่ไฟค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 14-03-2018 19:28:24
คิดถึงน้องมืดมน  กับพี่ไฟแล้วอ่ะค่ะ  มามะคนดี  :man1:


 :o11: :o11: :o11:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 17-03-2018 16:40:25
แงงงงงง คิดถึงน้องเมฆ :hao7: :hao7: :z10:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 17-03-2018 17:50:34
แว่บมาส่อง  :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 19-03-2018 10:49:04
หัวใจผมที่กำลังเต้นผิดจังหวะ  มันดังเหมือนจวนจะระเบิด  เมื่อสมุทรเกลี่ยนิ้วโป้งลงที่ข้างแก้มของผมอย่างเบาบาง ... 

กุก ๆ กุก ๆ

.............................

หัวใจผม   ช่างเต้นผิดจังหวะ   นานเหลือเกิน
เป็นกำลังใจให้เบบี้นะคะ    กุกๆกุกๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 25-03-2018 10:16:02
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Goldenfishja ที่ 27-03-2018 20:11:34
รอ ไฟ - สมุทร  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 31-03-2018 22:19:33
     เข้ามาอ่านช้าได้เหลือเกิน คิดถึงเป็นอย่างมาก :hao5: ด้วยเพราะงานมันสุมหัว(และคิดว่าคุณเบ้บี้ก็คงยุ่งมากๆเช่นกัน)
รีบปั่นตัวเองให้ว่างเพราะอยากมีสมาธิซึมซับกับคุณๆได้เต็มที่ แล้วก็ได้ดื่มด่ำสมใจหมายจริงๆค่ะ
เพราะตอนที่ผ่านมาช่างยาวจุใจ เนื้อหาละเอียดและกระชับเช่นเคย แถมมีตัวละครสำคัญมาให้ลุ้นเพิ่ม
เดาว่าตัวละครนี้จะต้องมีบทบาทในงานของไฟและความสัมพันธ์ของเขาและสมุทรแน่นอน
เหมือนเรื่องงานของคุณไฟกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเลยค่ะ ได้กลิ่นอันตรายอย่างไรก็ไม่รู้ แต่บอกตรงๆว่าเรายังคงเดาทางไม่ได้อยู่ดี ว่าต่อไปครอบครัวใหญ่ของคุณไฟจะต้องเผชิญอะไรอีก และนอกจากเดาทางเรื่องนี้ไม่ถูก จนตอนนี้ก็ยังเดาคู่รองไม่ได้เช่นกัน(เศร้า)  :sad4:
    ส่วนทางด้านความรัก? ไม่สิ เรื่องของหัวใจของคุณไฟและสมุทรดูเหมือนจะค่อยๆเปิดเผยขึ้นที่ละเล็กทีละน้อย รักในความสัมพันธ์ของใจคู่นี้จังเลยค่ะ ดูเผินๆนั้นเหมือนกับทั้งคู่ไม่ได้พัฒนาไปไหนเลย หากแต่ถ้าสังเกตุจากการแสดงออกเพียงเล็กน้อยที่แปรไป แล้วจากลักษณะนิสัยของทั้งคู่แล้วล่ะก็ เราสัมผัสได้ถึงความแน่นแฝ้นที่ก่อตัวเป็นมวล เจือจางแต่จะหนาแน่นมั่นคง
   มันไม่ได้เป็นความรักที่รีบร้อนรวดเร็ว แต่กลับทำให้เราเชื่อได้ว่าต่อไปคนสองคนนี้เขาจะรักกันมาก และรักกันชนิดตายแทนกันได้
ความเป็นสมุทรไม่ได้ทำให้ไฟกลัวหรือหงอ ไฟก็ยังคงเป็นไฟ แต่ความเป็นสมุทรกำลังทำให้ไฟซึมซับ เรียนรู้ในมุมที่ตัวไฟเองก็คงไม่คุ้นชินมาก่อน เรายังมองว่าสมุทรคือคนที่ไฟมีความเกรงใจให้เล็กๆ (เล๊กกกกก)
ส่วนสมุทรก็ค่อยๆเปิดรับไฟเข้ามาทีละนิดๆ ทั้งความเชื่อใจที่เรามองเห็นว่าสมุทรมีให้คุณไฟมากขึ้น ทั้งความนับถือ ทั้งความเข้าใจ คงเพราะเมื่อเจออะไรมาด้วยกันและนิสัยแท้จริงของไฟที่สมุทรได้เรียนรู้
   แม้กระทั่งความห่วงใยที่มีตอนนี้ มันก็ดูไม่ไคร่เหมือนแค่ห่วงเจ้านายนัก บางครั้งแค่การกระทำเล็กๆน้อยๆก็บอกอะไรได้อย่างเลยล่ะค่ะ ....

ฮือ ผ่านไปอึดใจเดียวก็เผลอเม้นท์ยาวไปจนได้  :ling3: เฮ้อ แต่จริงๆแล้วตอนเรากำลังอ่านนั้น เรามีความเห็นและอารมณ์หลากหลายอยากจะบอกคุณเบ้บี้เยอะแยะไปหมด แต่พอตอนพิมพ์มันก็ลืมไปเยอะซะแล้ว
   ท้ายสุดก็ยังอยากบอกคุณเบ้บี้เช่นเดิมว่า เรารักนิยายเรืองนี้จริงจริง พวกเขาคือมายเอเนอจี้ของเรา
และคุณเบ้บี้ก็คงเหนื่อยมากๆในการที่จะเขียนเรื่องราวที่ดีแบบนี้ออกมาในแต่ละตอน ขอบคุณค่ะ และ สู้ๆนะคะ :mew1: :katai2-1:

ฟิ้วววววว -เจอกันใหม่ เมื่อคุณไฟต้องการ- :z6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥แมวจอมซน♥ ที่ 04-04-2018 13:21:12
เข้ามาบอกว่ายังคิดถึงสมุทรกับไฟอยู่นะค่ะ
คนเขียนสู้ๆ ค่ะ เข้าใจว่าคงจะยุ่ง
รอได้เสนองับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-04-2018 23:36:41

ตอนที่ 49
..ไฟ..




ผมกดโทรศัพท์ติดต่อหาเฮียกานต์  เมื่อจู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา

“ว่าไง” ปลายสายทักอย่างกันเอง 

“อยู่ไหนครับ” ผมถาม

“Xintiandi.” เฮียกานต์ตอบ  น้ำเสียงฟังดูซังกะตาย

“พูดให้ลึกลงไปกว่านั้น อันที่จริง...กูกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ในคาเฟ่คนเดียว วิวทิวทัศน์ของกูคือการนั่งมองหนวดลูกน้องที่แม่งหาความเสน่หาไม่ได้ รอครอบครัวของมึงที่จูงมือกันไปชอปปิงด้วยบัตรเครดิตของกูอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งกูกำลังตั้งคำถามกับตัวเองอยู่พอดี ว่ากูมาที่นี่ทำไม” เฮียพรรณนาให้ฟัง  ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“ดีออกครับ” ผมชม

“อะไร ?” เฮียถามงง ๆ

“ผมหมายถึงหนวดน่ะ” ผมตอบ

“สัส” เฮียกานต์สบถขำ ๆ  เราต่างหยุดสนทนาลงครู่หนึ่ง

“แต่ก็...ดีแล้วที่มึงให้พายุกับดินมาที่นี่ รายนั้นยิ้มได้มากกว่าตอนที่อยู่กับกูน่ะนะ” เฮียพูดให้ฟัง 

“งั้นเฮียก็ต้องขอบคุณผมสิ” ผมแซว

“ก็นะ” ปลายสายถอนหายใจ

“ที่นั่นเป็นไงบ้างล่ะ ได้ข่าวแว่วมาว่าเครื่องกำลังอุ่นได้ที่เลยนี่”

“ก็นะ” ผมเลียนแบบคำพูดของเฮียกานต์ตอบเพื่อปัดประเด็นไปที 

“ที่นั่นขาดเหลืออะไรไหม เดี๋ยวผมส่งเงินไปให้” ผมพูดถึงค่าใช้จ่ายส่วนของน้องตัวเอง

“เลิกพูดเรื่องเงินกับกูสักทีเถอะน่า กูดูจนรึไง ?!” เฮียกานต์ต่อว่าอย่างรำคาญ  เฮียแกไม่ชอบให้ใครมาจุกจิกกวนใจเรื่องเงิน

“อีกอย่าง พายุดูแลยูดียิ่งกว่าแม่บ้านระดับเอคลาสซะอีก นี่น้องมึงโตมายังไงวะ” เฮียชมด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

“เออ กูได้ข่าวมาว่าไอ้เหี้ยปรีดาได้ไปพักผ่อนในนรกแล้วงั้นเหรอ” ปลายสายเปลี่ยนหัวข้อ

“ครับ” ผมตอบ

“น่าสงสาร” เฮียเล่นเสียงกึ่งประชด 

“คนอย่างพวกเราไม่ได้ขึ้นสวรรค์อยู่แล้ว ไม่น่ารีบตายเลย” เฮียพึมพำ  ผมได้แต่ยิ้มฟัง  ว่าไปแล้วเฮียกานต์ก็อยู่บนความเป็นจริงดี  จะมีสักกี่คนล่ะที่คิดว่าตัวเองจะได้ลงนรกน่ะ  ทุกคนก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าจะได้ขึ้นสวรรค์กันทั้งนั้น  ทั้ง ๆ ที่แต่ละวันก็ไม่ได้ทำเรื่องที่เป็นกุศลมากมายอะไร  ไม่คิดสนใจจะทำจนกระทั่งนาทีสุดท้าย  สำหรับผม สวรรค์มันก็เหมือนการสอบเข้าห้อง King สมัยมัธยมปลายอะไรเทือกนั้น  จำเป็นต้องอ่านหนังสือทุกวันให้พังกันไปข้าง  แน่วแน่  ไม่คิดวกกลับ  ถ้าผ่านเกณฑ์ก็ถูกคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ในห้องนั้น  แตกต่างอยู่อย่าง  การจะเรียนให้เก่งมันไม่ต้องอาศัยความดีอะไรมากมาย 

“มึงก็ด้วยล่ะ ไม่ต้องรีบ” เฮียวกมาที่ผม

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอ

“กลับมากันแล้ว” ปลายสายกระซิบเสียงลง  ผมได้ยินเสียงของไอ้ดินแว่วดังมาแต่ไกล 

“งั้นเท่านี้ก่อนดีกว่า สบายดีก็ดีแล้วครับ ผมฝากพวกมันด้วย” ผมตัดบท

“อืม ไม่ต้องห่วง ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็โทรมาแล้วกัน” เฮียกานต์ตอบ  เราต่างตัดสายลงโดยทันที  คล้ายกับว่าต่างฝ่ายต่างรู้ทันว่าไม่ต้องการให้คนที่เพิ่งมาถึงทราบว่าผมติดต่อมา 

ไม่ทันให้ผมได้วางโทรศัพท์มือถือลง  สายหนึ่งก็ติดต่อสวนเข้ามา..

“ว่า ?” ผมทัก

“นี่มึงอยู่ไหน” พี่ทัพถาม 

“ทำไมพี่ไม่ลองถามลูกหมาของพี่ดูล่ะ” ผมย้อน 

“เฮ้อออออ” พี่ทัพถอนหายใจทิ้งเต็มแรง

“ปล่อยให้มันตามมึงไปแล้วกัน รั้นดีนัก” อีกฝ่ายว่าปัดไปที

“กูอยู่พัทยาเหมือนกัน ช่วงนี้กูต้องตามน้ำไปก่อน หัวหน้าสั่งไม่ให้กระโตกกระตากพักใหญ่ ๆ”

“พักงานเหรอ” ผมว่า

“ไม่ใช่โว้ย” อีกฝั่งหนึ่งทำเสียงไม่พอใจที่ถูกผมพูดใส่อย่างนั้น

“ก็เหมือนกันแหละน่า” ผมถอนหายใจ

“มันรู้ไหมว่าผมกำลังจะไปร้านแบบไหน”

“รู้...กูห้ามมันแล้วนะ” พี่ทัพตอบ

“รู้ก็ดี ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่ปัญหาหรอก” ผมตอบ

“ฝากมันด้วยแล้วกัน” ปลายสายสั่งเสียด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลง 

“ครับ ...ท่าน” ผมตอบรับกึ่งประชด  ก่อนตัดสายวางลงก่อน  สมุทรเดินออกมาจากห้องนอนของผม 

“เตรียมชุดไว้เรียบร้อยแล้วครับ”


- - - - - - - - - - - - - - -


21:30 น. : WALL SECTION

“สมุทรกับรุ่งอยู่ที่รถ ห้ามไปไหนล่ะ” พี่ธานย้ำสั่งอีกครั้งหนึ่ง   

“ครับ” ทั้งคู่ขานรับ  ไอ้เด่นที่ขับรถตามมาอีกคัน  ตรงมาเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่งอยู่  เมื่อผมลงจากรถ  ประตูจึงถูกปิดในทันที  พี่ธานเดินตรงเข้ามาหา  เอี้ยวใบหน้ามาใกล้ที่ข้างหู

“ชุนโทรมาแล้วครับ บอกว่าเดี่ยวกับเจ๊ลิลลี่เข้าไปที่ร้านแล้ว แก้มกับผู้หญิงคนอื่นก็มาถึงแล้วด้วย”

ผมพยักหน้ารับทราบ  มองไปยังไอ้เข้มกับไอ้เด่นยืนรออยู่ด้านข้าง   

“อย่าบุ่มบ่ามล่ะ ถือซะว่า มันเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมงานพวกมึงก็แล้วกัน” ผมแซว  นำหลังมือสะกิดหน้าอกไอ้เด่นทีนึงอย่างหยอก ๆ  มันคงทราบว่าผมหมายถึงใคร 

ขาก้าวนำตรงไปโดยทันทีที่คำสั่งถูกวางเสร็จเรียบร้อย  Wall Section เป็น Nightclub ของเจ๊ลิลลี่  คนรู้จักในวงการสถานบริการกลางคืน  Nightclub แห่งนี้มีชื่อเสียงมากในแวดวงเหล่าคนมีเงิน  ไม่แปลก ถ้ามาที่นี่แล้วจะเจอแต่คนมีชื่อเสียง  เดิมทีเจ๊ลิลลี่ก็เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะ  เธอเป็นลูกชายคนโตของตระกูลดังในเมืองพัทยา  ก่อนจะเปิดตัวเองและเป็นสาวประเภทสองเต็มตัว  ได้ข่าวว่าเธอเพิ่งแปลงเพศแบบเต็มกำลังเมื่อสองสามปีก่อนนี่ล่ะมั้ง  ผมจำไม่ได้แน่ชัด  เพราะไม่ได้พบหน้าเธอมาพักใหญ่แล้ว

“ว๊าย ! คุณไฟฟฟฟ !”

ผมมองไปยังเจ้าของเสียงที่ร้องอุทานซะดังลั่น  เจ๊ลิลลี่ที่กำลังยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หันมาสบตากับผมเข้าพอดี  ทันทีนั้น เธอก็ผละออกจากลูกค้าและพุ่งมาหาผมด้วยสีหน้าดีใจ  ผมหยุดยืนมอง  เธอแปลกตา  เส้นผมยาวตรงสีดำสนิท  กางเกงขายาวรัดรูปสีน้ำเงินเข้ม  ตัดกับเสื้อสูทสีเดียวกันกับกางเกง  เสื้อสูทที่สวมใส่แหวกให้เห็นกลางอก  อวดของที่มีอย่างเต็มที่  ชุดเข้ารูปร่างสวยทีเดียว  การตัดเย็บและเนื้อผ้าที่ดูผ่าน ๆ ตาก็รู้ว่าได้รับการออกแบบมาเพื่อหุ่นของเธอโดยเฉพาะ  เธอยังสวยเหมือนเดิมทั้งที่อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว  แก่กว่าผมห้าหกปีได้ล่ะมั้ง

เจ๊ลิลลี่ตรงเข้ามาหอมแก้มผมซ้ายขวา  ก่อนจะวางตัวด้วยท่าทางเขินอายเมื่อทำเสร็จ  ผมยิ้ม  จ้องมองไปยังกลางอกอันอวบอิ่มของเธออย่างสงสัย

“มองอะไรคะ” เจ๊ลิลลี่ตีมือลงที่หน้าอกผมเบา ๆ

“นี่คือชุดเหรอ” ผมแซวเธอ  มองใกล้ ๆ ถึงได้แน่ใจว่าไม่มีชุดชั้นในหรืออะไรสวมทับภายใต้เสื้อสูทนั้น  ถูกใจจริง  ผู้หญิงใส่สูทแบบนี้น่ะ  เรียกว่าสูทได้ไหมนะ  คงไม่มีใครใส่ชุดแบบนี้ไปทำงานบริษัทได้จริง ๆ

“อันนี้แบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องโชว์หน่อยสิคะ เสียหายไปตั้งเยอะ หมอจะได้ภูมิใจด้วย” เธอยักไหล่อย่างเย่อหยิ่ง

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ 

“ชอบไหม” เจ๊ลิลลี่ขยิบตาหน้าทะเล้น  ผมอมยิ้ม  ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  ผมชอบหน้าอก  จะของผู้ชายหรือผู้หญิงผมก็ชอบ  ถ้ามันเป็นแบบที่ชอบ  ของที่เจ๊ลิลลี่มีอยู่ตอนนี้ก็ถูกใจอยู่  อวบอิ่มแต่ไม่มากเกินงาม  เธอเป็นคนมีรสนิยม  หน้าอกที่ทำมาก็ดูมีรสนิยม  ผมไม่สนหรอกว่าของปลอม  ก็ถ้ามันสวย  แล้วยังไงล่ะ... 

“ธานก็มาด้วย” เธอเหลือบมองไปทางพี่ธานที่ยืนอยู่ทางด้านขวามือของผม  พี่ธานผงกหัวน้อย ๆ ทักทาย 

“ลมอะไรเหาะมาคะ ไม่เจอหน้ากันจะเป็นปีได้มั้งเนี่ย”

“มาดูที่ดินแถวนี้น่ะครับ ก็เลยแวะมาหา ร้านยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ” ผมตอบ  ครึ่งหนึ่งคือเรื่องโกหก

“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวลิลจัดโต๊ะให้คุณไฟเป็นพิเศษเลยนะคะ มากี่ที่เหรอคะ” เธอเข้ามาควงแขนผม

“เท่าที่เห็นนี่แหละครับ” ผมตอบ

“หมายความว่า คืนนี้...ไม่ได้นัดใครไว้เหรอ” เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มกรุ้มกริ่มจนผมอดหัวเราะไม่ได้  สีหน้าของเธอออกโจ่งแจ้งมาก

“ว่างทั้งคู่แหละครับ” ผมยิ้ม  เจ๊ลิลลี่นำมือปิดปาก  กลอกตาวนไปมาทำหน้ามีเลศนัย

“แต่แค่พี่ชายผมคนเดียว เจ๊ก็แย่แล้วมั้ง นี่เครื่องผลิตไวอากร้าเลยนะ” ผมกระซิบ  ชี้นิ้วไปทางพี่ธานเพื่อจงใจแกล้งอีกฝ่าย

“บ้า ~~” เจ๊ลิลลี่นำมือตีปรามผมเขิน ๆ  ครู่หนึ่งเธอเม้มปาก  ทำตาโต  แอบชำเลืองมองไปยังพี่ธานที่ยืนนิ่งเฉย  ก่อนหันมาสบตาผมอีกครั้ง

“จริงเหรอ ?” เธอกระซิบถามย้ำ  เล่นตอบผมด้วย  ผมหัวเราะในลำคอ

“สวัสดีค่ะคุณไฟ”

ผมเหลือบมอง  ใครคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จักเข้ามาทักด้วยน้ำเสียงกันเอง  ถ้าสังเกตให้ดี  ดูเหมือนว่าเธอก็เป็นสาวประเภทสองเหมือนกัน 

“ออกไป ! นี่แขกของฉัน ฉันยังไม่ได้เรียกสักหน่อย เสนอหน้า” เจ๊ลิลลี่กระชับกอดแขนผมแน่นขึ้น  เธอจ้องคนของเธอเขม็ง  ผู้หญิงอีกสองคนเข้ามาประกบ

“เจ๊อะ แต่คุณ ๆ เขามากันตั้งหลายคน เจ๊จะกินคนเดียวเลยเหรอ” เธอโวย  กะพริบตาปริบ ๆ อ้อนมองมาทางผมกับพี่ธาน  รวมไปถึงไอ้เข้มกับไอ้เด่นที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง

“โอ๊ยยยย มันเรื่องของฉัน ฉันกินไหว !” เจ๊ตอบเสียงแข็ง  พี่ธานถึงกับหลุดยิ้มออกมาในประโยคนี้

“เจ๊อะ !” ทั้งสามคนประสานเสียงงอน ๆ

“แต่เจ๊แก่แล้วนะ ปกติมันเป็นหน้าที่ของพวกหนูอะ สี่ทุ่มครึ่งเจ๊ก็เข้านอนแล้วไม่ใช่เหรอ” ผู้หญิงหนึ่งในนั้นว่าด้วยสีหน้าตกตะลึง

“เอ๊ะ อี...” เจ๊ลิลลี่กัดฟัน  ทำท่าเหมือนจะด่าออกไปแต่ก็ไม่ด่าซะทีเดียว

“นี่ผัวเก่าฉัน ฉันต้องบอกหล่อนไหมว่าฉันต้อนรับเองได้” เจ๊นำมือทาบอก  ลดเสียงเย็นลงพร้อมถลึงตาใส่คู่ต่อสู้ 

“เชอะ !” สามคนทำงอนใส่เจ้านายอีกครั้ง   

“ฉันจะไม่พูดไม่เพราะต่อหน้าผู้ชาย ...เชิญ” เจ๊ย้ำเสียงพร้อมผายมือไล่ส่ง  ทั้งสามคนขยับขาไปยืนรวมตัวกอดกันเป็นกลุ่มเดียว  และพากันมองค้อนคนเป็นนายด้วยสายตาขุ่นเคือง 

“ผู้ชายเขากินฉันตั้งแต่ฉันยังมีสิ่งที่พ่อให้มาอีกจ้ะ แค่อยากบอกอะ เฮอะ ! สวยมากกก ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้กินทุกอย่างหรอกนะจ๊ะ คิก ๆ ๆ” เจ๊ลิลลี่แสยะปากใส่เด็ก ๆ ของเธอด้วยท่าทางประชดประชันในความสวยสาวที่พวกเธอมีมากกว่า  ก่อนที่จะพาผมเดินจากมา  อร๊ายยยยย ! เสียงกรีดร้องไล่หลังดังลั่นไปทั่วบริเวณ  ทำเอาเจ๊ลิลลี่หัวเราะคิกคักชอบใจที่ได้รับปฏิกิริยาตอบโต้อย่างนั้น 

.
ผมได้ที่นั่งด้านในและเป็นส่วนตัว  ถูกจัดให้พิเศษ  เจ้าของร้านรู้ดีว่าผมไม่ชอบพลุกพล่าน  พี่ธานจัดการสั่งเครื่องดื่ม  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นยืนประกบห่างจากโต๊ะไปพอประมาณ  พนักงานเสิร์ฟนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้  ในขณะที่เจ๊ลิลลี่ก็คอยดูแลต้อนรับขับสู้อย่างดี  เธอเป็นอย่างนี้มานานแล้ว  ชอบบริการไม่ว่ากับใคร  ดูมีความสุขที่ได้เอาใจลูกค้า  คนลักษณะอย่างเธอทำให้ผมเห็นว่า  บางคนก็เกิดมาเพื่อทำอาชีพอย่างนี้  มันไม่ใช่ว่าใครก็จะทำได้น่ะนะ     

เมื่อผมกับพี่ธานได้รับเครื่องดื่มเรียบร้อย  เจ๊ลิลลี่ก็ขอตัวออกไปต้อนรับแขกโต๊ะอื่น  ลูกค้าเริ่มหนาตา  ผมกวาดตามองทุกมุมร้าน  และสบตาเข้ากับชุนที่เพิ่งเดินออกมาจากทางประตูหลังร้านพอดี  อีกฝ่ายโค้งทักทายพอเป็นพิธีก่อนเดินผ่านผมไปหาเจ๊ลิลลี่  พูดคุยกันอยู่สองสามประโยค  เจ๊ลิลลี่ก็ตรงกลับมาหาผมอีกครั้ง

เธอหย่อนตัวนั่งลงด้านข้าง  วางมือข้างหนึ่งลงบนตักผมเบา ๆ 

“วันนี้มีน้อง ๆ มาใหม่น่ะค่ะ คุณไฟอยากให้มานั่งบริการไหมคะ หรือว่า...จะรับลิลที่เดียวดี” เธอขยิบตาทีเล่นทีจริง  ผมไม่ตอบ  เพียงมองหน้าเธอ 

“สายตาคุณมองเหมือนว่าลิลสวยมาก แบบนี้ ลิลจะคิดเข้าข้างตัวเองเอานะคะว่าตัวเองยังสดมากอยู่” เธอโน้มหน้าเข้ามาใกล้  ผมหัวเราะ  ไม่ปฏิเสธว่าเธอสวย

“ได้ข่าวว่ามีหนุ่มมาตามจีบกันเป็นฝูงเลยนี่ครับ ไม่รับไว้พิจารณาสักคนล่ะ” ผมพูด  คนที่มาตามจีบเจ๊ลิลลี่แต่ละคนประวัติไม่ธรรมดา  ทั้งหนุ่มเล็ก  หนุ่มใหญ่  นักธุรกิจ  นักกอล์ฟ  กระทั่งพวกระดับล่างที่จ้องจะงาบเธอตลอดเวลา  ก็เธอน่างาบออกครับ  คนระดับเธอใครที่มีรสนิยมมาทางนี้ก็อยากได้ทั้งนั้นล่ะ

“ก็ถ้าพฤติกรรมมันเปิดเผยแบบคุณไฟก็ว่าไปอย่าง” เธอเบะปากคล้ายไม่แยแส

“มีแต่พวกคิดว่าตัวเองมีดี เพราะภูมิใจที่มีไอ้ตรงนั้นน่ะค่ะ แหม ลิลก็อายุมากแล้วนะ เสียเงินทำทั้งข้างบนทั้งข้างล่างไปตั้งเยอะ ก็ต้องมีสติเลือกบ้างสิ” เธอยักไหล่ 

“คนที่เคยสูบวิญญาณผมไป พูดแบบนี้ได้ด้วยเหรอ” ผมแกล้งทำหน้าแปลกใจจงใจกวนเธอ

“คุณไฟอะ !” เจ๊ลิลลี่หันมาตีผม  ยิ้มเขินไปไม่เป็น  มาตรฐานเอวเธอน่ะ  ถ้าเป็นเครื่องเล่นในสวนสนุกก็เรียกว่าจัดอยู่ในหมวดหวาดเสียว A+ 

“ไหนละครับเด็กที่ว่าน่ะ” ผมถามถึง

“ตามจริง เป็นเด็กใหม่น่ะค่ะ ยังไม่ได้รับเข้าร้านหรอก เอามาดูงานก่อนเฉย ๆ  ถ้าพอใจร่วมงานด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็จะตกลงรับค่ะ” เจ๊ลิลลี่บอก 

“ธุรกิจไปได้ไม่สวยเหรอครับ” ผมแกล้งถาม

“เฮ้อ ก็เรื่อย ๆ แหละค่ะ งานประเภทนี้ จะหวังให้ราบรื่นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ได้ พูดก็พูดเถอะ เหมือนมันถึงจุดอิ่มตัวของเจ๊มั้ง เบื่อแล้วล่ะค่ะ เด็กมันก็ชอบทะเลาะกันแย่งแขก ไอ้พวกผู้ชายก็ตีกันเอง นักดนตรีเบี้ยวงานบ้าง สร้างปัญหาได้ทุกวัน น่าเบื่อสุด ๆ” เจ๊บ่นซะยาว

“แต่ช่วงนี้มีหุ้นส่วนมาช่วย ภาระเจ๊ก็ลดไปบ้าง”

“ก็ดีแล้วนี่ครับ” ผมพูด  ไม่คิดถามซอกแซกมากไปกว่านี้ 

“อยากแนะนำให้คุณไฟรู้จักอยู่หรอกค่ะ แต่ตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่ อีกอย่าง อารมณ์หุ้นส่วนเจ๊เขาเข้า ๆ ออก ๆ” เธอพูดปนหัวเราะ 

“ว่าแต่...คืนนี้คุณไฟ จะไปไหนต่อเหรอคะ” เธอกรีดนิ้วเกลี่ยลงที่กลางฝ่ามือของผมบางเบา 

“นอนครับ พรุ่งนี้ผมมีซ้อมเช้า” ผมตอบ

“คุณไฟอะ” เจ๊ลิลลี่เม้มปากหน้างอ  ผมใช้มือข้างที่ตั้งข้อศอกไว้กับโซฟาเกลี่ยเส้นผมของเธอเบา ๆ  อีกฝ่ายอมยิ้มน้อย ๆ 

“เอาพี่ชายผมไปแทนแล้วกัน” ผมพูด  เจ๊ลิลลี่เหลือบมองไปทางพี่ธานกะหลับกะเหลือก

“แต่ว่า ไอ้ที่เพิ่งไปทำมามันจะไหวเหรอ ของพี่ผมเขาเกือบเท่าขวดไวน์เลยนะ” ผมถลึงตาโตประกอบ 

“คุณไฟฟฟฟ !” เจ๊ลิลลี่อ้าปากยิ้มกว้าง  ซบหน้าลงบนบ่าผมทันที  ช่วงที่ผมนอนกับเธอก่อนหน้านี้  ไอ้ด้านล่างของเธอยังมีเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป  มีแต่ด้านบนที่นูนเป็นภูเขาเหมือนของผู้หญิง  เธอขัดเขินคล้ายกลัวว่าผมจะรับไม่ได้  สำหรับผม ผมไม่เห็นถึงปัญหาที่เห็นนมกับเห็นงวงช้างพร้อมกัน  และได้เคยบอกกับเธอไปว่าไม่ต้องแปลงหรอก  แต่ผมคิดว่า เธอก็คงมีเหตุผลส่วนตัวของเธอ  สำหรับผมเจ๊ลิลลี่ไม่ได้เปลี่ยนไป  เธอสวยขึ้นก็จริง  แต่สิ่งที่เธอเป็นภายใต้ร่างกายนี้ต่างหากที่เป็นตัวกระตุ้นว่าอยากให้หลับนอนด้วยรึเปล่า  ไอ้พวกฝูงหมาป่าที่จ้องจะงาบเธอก็คงคิดเหมือนกัน 

“เจ๊ครับ คนที่นัดไว้มาขอพบครับ” ผู้จัดการร้านตรงเข้ามาบอก

“อ้าว มาแล้วเหรอ” เจ๊ลิลลี่ดีดตัวลุกขึ้น

“งั้นเดี๋ยวขอตัวแป๊บนะคะ เดี๋ยวลิลลี่มา คุณไฟมีอะไรก็เรียกพนักงานได้เลยนะคะ” เธอหันมาบอกผมแล้วสับเท้าไปด้วยความรีบร้อน  ผมหยิบไวน์ขึ้นดื่มพลางเหลือบมองพี่ธานที่กำลังมองตามเจ๊ลิลลี่ไป 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-04-2018 23:37:22

“เธอสวยนะครับ” พี่ธานชม  ผมอมยิ้มมุมปาก  ไม่ตอบรับ

“คืนนี้พี่ไปกับเธอแล้วกัน” ผมพูดแกมสั่ง 

“แล้วคุณไฟล่ะครับ”

“ดูสถานการณ์ก่อน” ผมปัด 

“ครับ”

.
ดีเจเริ่มเปลี่ยนทำนองเพลงชวนเร้าอารมณ์ผู้ฟังมากขึ้น  เวลาเดินหน้าดึกขึ้นนาทีต่อนาที  ลูกค้าเริ่มหนาตา    ทุกโต๊ะหาที่ว่างไม่พบ  ทุกคนแต่งตัวดีหัวจรดเท้า  พนักงานชายที่สวมชุดพนักงานเสิร์ฟแต่ดูเหมือนจะทำหน้าที่อื่นอยู่ในคราบของพนักงานเสิร์ฟมากกว่า  บอดี้การ์ดเดินเข้าเดินออกทั่วบริเวณ  ไม่มีหยุด  บางสายตาชำเลืองมองมายังโต๊ะของผม  สาเหตุคงเพราะไอ้ผู้พิทักษ์สองตัวที่ยืนประกบอยู่   

“ขอโทษครับคุณไฟ” ชุนเดินมาหาผมที่โต๊ะพร้อมผงกหัวคล้ายขออนุญาต  ผมเหลือบมองผู้หญิงที่อีกฝ่ายพามาด้วย  เธอยืนอยู่ด้านหลัง   

“นี่แก้มครับ” ชุนแนะนำ  ผู้หญิงที่ชื่อแก้มยกมือไหว้  ไม่ยอมสบตา 

“นั่งสิ” ผมสั่ง  ยกแขนข้างหนึ่งวางพาดขึ้นบนพนักโซฟาเพื่อส่งสัญญาณให้เธอนั่งลงด้านข้าง 

“ค่ะ” แก้มผงกหัวน้อย ๆ  เดินมานั่งลงอย่างวางท่าที  ผมจ้องมองอย่างพิจารณา  เธอสวยอย่างที่สมุทรเคยพูดไว้นั่นแหละ  ธรรมชาติตั้งแต่หัวจรดเท้า  ไม่มีอะไรให้ต้องติ

“รับอะไรเพิ่มไหมครับ” ชุนถาม

“ดื่มรึเปล่า” ผมถามผู้หญิงตรงหน้า

“........” เธอไม่ตอบ 

“ขอน้ำส้มแล้วกัน” ผมบอกชุน

“ได้ครับ” ชุนผงกหัวรับทราบ  เดินจากไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานให้อีกทอดหนึ่ง  แก้มพยายามที่จะหันหน้ามามองผม  แต่พอเธอเห็นว่าผมมองอยู่  เธอก็เบือนหน้ากลับไป  ดวงตากลมโตชำเลืองมองผมกับพี่ธานด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ  ไม่นานนัก  น้ำส้มก็ถูกยกนำมาเสิร์ฟ  ชุนตรงกลับมาหาผมอีกครั้งหนึ่ง  เขายืนรอจนพนักงานเสิร์ฟเดินจากไป

“มีเวลาสิบนาทีนะครับ” ชุนบอกและทิ้งความเป็นส่วนตัวไว้ให้  แก้มเริ่มขยับร่างกายทำหน้าที่  เธอยกแก้วไวน์ของผมมาให้

“ดื่มของเธอเถอะ” ผมพูด 

“ขอโทษค่ะ” เธอรีบวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะและยกน้ำส้มของตัวเองขึ้นจิบ  ผมขยับแขนข้างที่พาดอยู่บนพนักโซฟาเกลี่ยเส้นผมสาวสลวยของเธอออก  มันถูกดัดเป็นลอนตรงปลาย  แก้มสะดุ้งด้วยความตกใจแต่ก็นิ่งไปโดยไม่พูดห้าม  ที่ท้ายทอยพบรอยแผลที่ยังไม่หายดี  ชุดเกาะอกที่ใส่อยู่เผยแผ่นหลังเนียนสะอาด  เหมือนกับว่ารอยแผลนั้นถูกจงใจทำในที่ที่จะสามารถปกปิดไว้ได้  ที่ข้างแก้มใกล้ใบหูพบรอยช้ำ  เจ้าตัวพยายามก้มหน้าลงหลบแสงไฟเพื่อปกปิดสิ่งดังกล่าว

ผมมองเฉย  จงใจเกลี่ยนิ้วโป้งลงที่แผลของเธอเพื่อยืนยันว่ามันเห็นชัด  ตาผมไม่ได้บอด...

“ปกติเขาจ่ายเท่าไหร่” ผมถาม  ถามเพราะแต่ละที่ตั้งราคาไว้ไม่เท่ากัน 

“อย่า...อย่าต่อว่าฉันเลยนะคะ ฉันขอร้อง” แก้มเอ่ยกลับคนละเรื่องด้วยสีหน้าร้อนรน  ครั้งนี้เธอยอมหันมามองผมตรง ๆ แล้ว 

“ฉันอยากทำงานที่นี่” เธอพูด 

“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ” ผมตอบ  อีกฝ่ายนิ่งไป  ผมใช้นิ้วดันปลายคางของเธอขึ้น  เพื่อให้มองหน้าเธอได้ถนัดเต็มตา  คนเดียวกันไม่ผิดแน่

“มีคนรักรึเปล่า” ผมถาม 

ดวงตาของแก้มเบิกกว้างและจ้องมองผมด้วยสีหน้าฉงนสงสัย  ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด  เธอไม่ได้ตอบ  ผมสอดแขนไปที่เอวของเธอแล้วดึงเข้าหาตัว  แก้มดูตกใจแต่ก็ไม่ได้ออกปากทักท้วง  เธอนั่งประชิด  ไม่มีท่าทียั่วยวนอย่างที่ควรปฏิบัติต่อลูกค้า  กลิ่นหอมของเส้นผมปะทะโสตประสาท  ผมจูบลงที่หัวไหล่ของเธอเบา ๆ  ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงของการมาถึงของเจ๊ลิลลี่อีกครั้ง

“ถูกใจคนนี้หรือคะ” เจ๊ลิลลี่ยิ้มกว้าง 

“กำลังคิดอยู่ว่าจะรับเข้ามาทำงานที่ร้านดีไหม แต่ถ้าขนาดคุณไฟยังชอบ ลิลจะเก็บเอาไปคิดดูนะคะ”

“เอ่อ ลิลจะขอรับตัวน้องเข้าไปก่อนน่ะค่ะ คือว่า น้องเธอมีธุระต้องไปทำต่อ ขอโทษนะคะ” เจ๊ลิลลี่ร้องขอด้วยท่าทางเกรงใจและรู้วิธีการพูดหลบหลีกในแบบฉบับของเธอ 

“เชิญ” ผมไม่รั้งไว้  แก้มหันมายกมือไหว้ผมอีกครั้งก่อนลุกไปโดยมีชุนเข้ามาประกบตัวไม่ห่าง 

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วยนะครับ ส่วนตัว” ผมเข้าประเด็น  เจ๊ลิลลี่นิ่งไปครู่  สีหน้าของเธอก็รู้งานเช่นกัน

“แหม ลิลก็ว่าอยู่ว่าคงไม่ใช่แค่การแวะมาเที่ยวหาเฉย ๆ” เธออมยิ้มมีเลศนัย 

“งั้นก็เชิญค่ะ” เจ๊ลิลลี่ผายมือ 

การลุกจากโต๊ะ  เดินไปตามทางด้านหลังร้านไม่ถูกเป็นที่สังเกตนอกจากบอดี้การ์ดที่จับตามองอยู่ห่าง ๆ  ประตูบานแรกผ่านไป  ด้านหน้าเขียนกำกับไว้ “ห้ามบุคคลภายนอกเข้า”  บอดี้การ์ดยืนประจำอยู่สองคน  เป็นชาวต่างชาติ  ประตูถูกปิดลงโดยทันทีที่พ้นหลังของไอ้เด่น  เสียงเพลงด้านนอกแทบไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาในนี้ได้  ตัดขาดอย่างกับคนละโลก  ทางเดินกว้างสองเมตร  ทั้งสองฝั่งข้างเป็นห้องทำงาน  ห้องประชุม  แต่ละห้องเป็นกระจกใสทั้งหมด  สามารถมองเห็นถึงกันได้  มีเพียงห้องที่อยู่ลึกสุดที่ถูกปิดเป็นส่วนตัว  เจ๊ลิลลี่เปิดประตูห้องดังกล่าวออก  เธอเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปก่อน  พี่ธานจัดการปิดประตูให้เมื่อผมเข้ามาในบริเวณห้องแล้ว

เจ้าของห้องจูงมือผมไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานของเธอ  ผมจึงนั่งลงพร้อมคว้าเอวเธอให้นั่งลงบนตักผมด้วย  อีกฝ่ายหัวเราะน้อย ๆ  นำแขนคล้องคอผมไว้  แตะปลายจมูกลงที่ปลายจมูกของผมอย่างเย้าหยอกก่อนยิ้มกว้างออกมา

“เข้าเรื่องเลยค่ะ จะได้รีบไปทำอย่างอื่น” เธอพูด

“หึ” ผมหัวเราะ 

“ผมอยากได้ผู้หญิงที่นั่งกับผมเมื่อกี้นี้” ผมเข้าเรื่องตามที่เธอขอ

“........” เจ๊ลิลลี่นิ่งไปโดยทันที  สีหน้าของเธอโจ่งแจ้งว่าตกใจ  เธอหลบตาลงและทำท่าจะลุกหนี  ผมกดมือลงที่สะโพกของเธอกึ่งบังคับว่าเธอยังไม่ได้รับอนุญาต 

“ทำไมต้องเป็นเธอ” เจ๊ลิลลี่ถาม  ครั้งนี้ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า  ทั้งจับผิดและไม่ไว้ใจ

“เป็นคนรักของลูกน้องผมน่ะ” ผมตอบ
 
“งั้นเหรอคะ” เจ๊พยักหน้าครั้งหนึ่ง 

“ทำไมครับ” ผมถาม

“ไม่ได้มีอย่างอื่นใช่ไหมคะ”

“........” ผมไม่ตอบ  เลือกที่จะจ้องมองเธอไม่วางตา

“คุณกำลังทำให้ลิลลี่ลำบากใจ ไม่ใช่ว่าลิลไม่อยากรับตัวเธอมาทำงานที่นี่หรอกนะคะ แต่ตอนนี้ลิลมีหุ้นส่วนแล้ว อย่างที่บอก ลิลตัดสินใจอะไรคนเดียวไม่ได้แล้วค่ะ” เธออธิบาย

“แล้วก็ ผู้หญิงคนที่นั่งกับคุณไฟ ก็ดูเหมือนจะเป็นเด็กโปรดของคุณกริดซะด้วย” เธอว่า

“ในเมื่อเป็นเด็กไอ้กริด แล้วทำไมทางนั้นเขาถึงเสนอมาล่ะ” ผมถาม

“ผู้หญิงเป็นของคุณกายค่ะ คุณกายเป็นคนตัดสินใจ” เจ๊ลิลลี่ตอบ

“ทางเด็กคนนี้ก็ดูเหมือนอยากมาทำงานที่นี่ด้วย แต่เจ๊ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ คุณก็รู้ฤทธิ์คุณกริดนี่คะ รายนี้พอเกิดยังติดใจอยู่ก็เป็นหมาหวงก้าง เจ๊ไม่อยากรับมือด้วยหรอกนะคะ” เจ๊ลิลลี่ขมวดคิ้วเป็นปม 

“เด็กคนนี้กำลังราคาตก หุ้นส่วนเจ๊เขาก็ไม่ค่อยถูกใจ อีกอย่าง ลิลไม่อยากเอามือเข้าไปแตะพื้นที่ที่พวกคุณอยู่ คุณไฟเข้าใจใช่ไหมคะ”

“ผมไม่ได้ให้เจ๊ทำอะไรเลยครับ ในเมื่อทางนั้นเขาเสนอผู้หญิงมาแล้ว ก็รับไว้หน่อยไม่ได้เหรอครับ”

“ถ้าหุ้นส่วนเจ๊ตกลง เจ๊ก็ไม่ว่าอะไรค่ะ” เจ๊ลิลลี่ตอบเสียงเบาลง

“โอเคครับ” ผมผลิยิ้มให้เล็กน้อย 

“แล้ว...เจ๊จะได้อะไรตอบแทนคะ” เจ๊ลิลลี่ประชิดตัวเข้าใกล้  ผมหลุดยิ้ม  โน้มตัวเข้าไปจูบลงที่ร่องอกเธอเบา ๆ  ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง  เจ๊ลิลลี่ก้มหน้าลง  มือทั้งสองข้างของเธอโอบใบหน้าผมไว้  ปลายจมูกถูกอีกฝ่ายประทับริมฝีปากลงมาเบาบาง 

“คุณไฟกับธานพร้อมกันเลยไม่ได้เหรอคะ” เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงออดอ้อน 

“หึ..” ผมหลุดหัวเราะในลำคอ  ครั้งนี้เกือบขำออกมาจริง ๆ

“เจ๊ไม่ได้รับปากผมนี่ว่าจะช่วยคุยกับหุ้นส่วนให้” ผมตอบ

“ก็.. รายนั้นเอาใจยากจะตายไปค่ะ” เธอเบะปากด้วยสีหน้ารำคาญใจ 


แกรก

“ลิล ! หน้าห้องนี่คนของใครน่ะ เข้ามาได้ยังไง !”

ประตูถูกผลักเข้ามาอย่างรีบร้อน  คนที่เพิ่งเดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์  ผมกับเจ๊ลิลลี่หันไปมอง  เดี่ยวยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน  หน้าตาลูกน้องมันเหมือนรองเท้าหนังสีดำโล้น ๆ  เก่า ๆ เมื่อสมัยยี่สิบปีก่อน  เดี่ยวหยุดชะงัก  จ้องผมเขม็ง  ก่อนเหสายตาไปทางอื่นคล้ายไม่ต้องการเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน  ผมกับอีกฝ่ายไม่เคยพบหน้ากันโดยตรง  นี่เป็นครั้งแรก  ทราบแต่ว่าประวัติมันในวงการธุรกิจกลางคืนก็ไม่ธรรมดา 

เจ๊ลิลลี่เองก็ดูไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ  เธอลุกขึ้นยืน  ดึงสูทของตัวเองให้เข้าที่พร้อมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดชัดเจน 

“คนของคุณไฟ นายนั่นแหละควรจะเคาะห้องก่อน นี่มันห้องส่วนตัวของฉันนะ” เจ๊ลิลลี่บ่น 

“เธอให้คนนอกเข้ามาได้ยังไง” เดี่ยวว่า

“คุณไฟเป็นแขกของฉัน” เจ๊ลิลลี่ตอบเสียงแข็ง  ผมกวาดตามองเดี่ยวโดยรวมก่อนลุกขึ้นยืน  ร่างของมันสูงใหญ่  รูปร่างที่บ่งบอกชัดเจนว่าได้รับการออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี  หน้าตาในรูปดูเหมือนจะดูดีกว่าตัวจริงในตอนนี้  นอกนั้นไม่มีอะไรเพิ่มเติม

“นี่คุณไฟ คุณไฟคะ นี่เดี่ยวค่ะ หุ้นส่วนที่เจ๊เล่าให้ฟัง” เจ๊ลิลลี่ที่ยืนระหว่างกลางเอ่ยปากแนะนำ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมเป็นฝ่ายผายมือออกไปก่อน

“สวัสดีครับ” อีกฝ่ายจับมือผมตอบ  มือถูกกระชับจับตอบเล็กน้อยก่อนปล่อยออก

“คุณไฟ ลูกชายคนโตของตระกูลเลิศประสงค์สินะครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” เดี่ยวอมยิ้ม  สายตาที่ถูกมองยังเป็นไปในความหมายที่เหนือกว่า 

“ครับ” ผมผลิยิ้ม 

“แล้ว...มีอะไรงั้นเหรอ” เดี่ยวหันไปถามเจ๊ลิลลี่พร้อมปัดมือไล่ลูกน้องของตนให้ออกจากห้องไป  คนของเดี่ยวผงกหัวรับทราบ  ประตูถูกปิดสนิทอีกครั้ง  ในห้องมีเพียงผม เจ๊ลิลลี่และเดี่ยว

“ผู้หญิงที่ชุนพามาวันนี้มีที่ถูกใจบ้างไหมล่ะ” เจ๊ลิลลี่ถาม

“คิดว่าจะรับไว้แค่ผู้หญิงที่ชื่อเบียร์ นอกนั้นมีตำหนิเต็มตัวไปหมด ไม่รู้ไอ้ชุนไปเอามาได้ยังไง ทำไม เธอมีปัญหาเหรอ” เดี่ยวตอบห้วน ๆ

“เปล่า” เจ๊ลิลลี่ตอบเสียงห้วนเช่นกัน 

“คุณไฟอยากได้เด็กที่ชื่อแก้มน่ะ” เจ๊ลิลลี่เข้าประเด็น  เดี่ยวเหลือบมองมาทางผมครู่หนึ่ง  ไม่มีความหมายที่จะตอบตกลงแม้เล็กน้อยในดวงตาของอีกฝ่าย 

“ชอบแบบนั้นเหรอครับ” อีกฝ่ายแสยะยิ้ม  เย้ยหยันมากกว่าจะสนใจ 

“........” ผมมองเฉย  ผลิยิ้มมุมปากตอบให้เล็กน้อย  อีกฝ่ายนิ่งไป  เบือนหน้าไปทางขวาคล้ายทราบว่าผมไม่ต้องการต่อบทสนทนา

“คงจะไม่ได้หรอกครับ ผมคิดว่าจะไม่รับเธอ คุณไปติดต่อคนอื่นเถอะ” เดี่ยวตอบส่ง ๆ  เดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น 

“เอ่อ ขอโทษนะคะ เขาเป็นคนอย่างนั้นแหละค่ะ” เจ๊ลิลลี่ยิ้มเจื่อน 

“แบบ...กวนตีนน่ะค่ะ” เจ๊ลิลลี่นินทาพลางยักไหล่  ผมอมยิ้ม  ท่าทางที่เธอทำนั้นทะเล้นดี  เจ๊ลิลลี่ยืนเงียบไป  เธอไม่ได้มองมาคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่

“ระดับคุณ ลิลคงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหมคะว่าประวัติเขาเป็นยังไง” เธอหันหน้ามามองผม 

“........” ผมจ้องมองเธอ  ไม่ตอบ  หรือคือการไม่ปฏิเสธ

“วันนี้มี Private party  คุณไฟอยากไปนั่งดื่มด้วยกันสักแก้วก่อนกลับไหมคะ”

“ยินดีครับ” ผมตอบ

“ว่าแต่ ลิลยังไม่ได้ถามเลยว่าคุณไฟพักที่ไหน”

“THE 11 CONCEPTS ครับ” ผมตอบ

“อ้าว บังเอิญจังค่ะ เจ้าของโรงแรมก็ไอ้คนที่กวนตีนเมื่อกี้นี้แหละ” เจ๊ลิลลี่ว่ายิ้ม ๆ  ผมไม่ปฏิเสธอีกครั้ง  ทั้งเรื่องบังเอิญหรือไม่บังเอิญและเรื่องที่เจ้าของโรงแรมดูกวนส้นตีนก็ด้วย

เจ๊ลิลลี่ตรงเข้ามาควงแขนผมออกมาจากห้อง  เธอพาเดินไปจนสุดทางเดิน  พบประตูบานหนึ่ง  มีคนเฝ้าอยู่หนึ่งคน  เลี้ยวไปทางขวามือ  เจอทางเดินความกว้างขนาดสองเมตร  และพบห้องทำงานอีกห้องหนึ่งซึ่งไม่ต่างจากห้องทำงานของเจ๊ลิลลี่นัก  บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูมองมายังผมและคนของผม 

“มึงสองคนออกไปรอข้างนอก” ผมสั่งไอ้เข้มกับไอ้เด่นที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ครับนาย” มันขานรับแล้วเดินจากไป  ประตูที่ถูกปิดอยู่จึงถูกเปิดออก  ห้องทำงานขนาดสามคูณหกเมตรโดยประมาณ  มองเผิน ๆ แล้วเป็นห้องทำงานปกติทั่วไป  ที่ไม่ปกติก็คงเป็นลูกน้องหน้าตาเหมือนรองเท้าหนังสีดำของไอ้เดี่ยวสองคนเมื่อครู่นี้กำลังนั่งเฝ้าอยู่ในห้อง  มันลุกแล้วเดินไปเปิดประตูด้านในออก...

แสงจากฝั่งของห้องทำงานและหลังประตูบานดังกล่าวแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  ประตูถูกปิดลงทันที  ทั่วบริเวณมืดสลัว  เสียงเพลงถูกเปิดคลอเป็นปาร์ตี้ขนาดย่อม  การตกแต่งห้องโดยส่วนใหญ่ไม่ผิดไปจากห้องทำงานและห้องประชุมมากนัก  ห้องค่อนข้างกว้างมากทีเดียว  ความมืดด้านในทำให้สายตาต้องใช้เวลาในการปรับการมองเห็น  ชุนเห็นผม  เขาเดินตรงมาหาโดยทันที

“เชิญทางนี้ครับ” ชุนผายมือ  นำผมและเจ๊ลิลลี่ไปยังโซฟาที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง  เดี่ยวที่กำลังนั่งดื่มลุกขึ้นยืนโดยทันทีแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป 

“ลิลขอตัวสักครู่นะคะ” เจ๊ลิลลี่กระซิบบอกผม  ผมพยักหน้าตอบ  เธอเดินตามเดี่ยวออกไปติด ๆ  ผมเลือกนั่งลงที่โซฟาฝั่งเดียวกับที่หันหน้าไปทางที่นั่งของเดี่ยว  เพื่อที่จะสังเกตโดยรอบให้ถนัด 

“คุณไฟจะดื่มอะไรดีครับ” ชุนถาม

“ฉันเตรียมเอง” พี่ธานสวนขึ้นแล้วตรงไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มอย่างไม่รีรอ  ผมขยับนิ้วมือที่วางอยู่บนโซฟาส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายนั่งลงข้าง ๆ  ชุนทำตามด้วยทีท่าสงบเสงี่ยมผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขาอย่างมาก  ตาเหยี่ยว  คิ้วบาง  ตัดสกินเฮด  ใครจะรู้ว่าแบบนี้มันโคตรดีตอนอยู่บนเตียง

โต๊ะประชุมขนาดใหญ่  น่าจะรองรับได้เกือบยี่สิบที่นั่งในตอนนี้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการมีเซ็กซ์และมั่วสุม  ด้านข้างเป็นมินิเคาน์เตอร์  ประดับไปด้วยเครื่องดื่มมีราคานา ๆ ชนิด  แม้กระทั่งพนักงานที่เคาน์เตอร์ก็สวมชุดแบบเต็มยศ  ให้บริการไม่ต่างจากด้านนอก  โต๊ะพูลอยู่ถัดมา  มุมโซฟาซึ่งดูเหมือนจะรองรับให้แขกพิเศษแบ่งออกเป็นสองฝั่ง  ฝั่งหนึ่งก็คือด้านที่เดี่ยวนั่งเมื่อครู่นี้และอีกด้านหนึ่งก็คือที่ผมนั่งอยู่  เป็นโซฟาหรูขนาดใหญ่ครึ่งวงกลม  ตั้งอยู่ถัดจากกันไม่มากนัก

“ผู้หญิงไปไหนแล้ว” ผมถามถึง

“ส่งกลับโรงแรมแล้วครับ แค่มาให้คุณเดี่ยวกับเจ๊ดูตัว พวกนั้นจำกัดเวลาอย่างกับไข่ในหิน เราต้องพาพวกเธอกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้ เพื่อตกลงเซ็นสัญญากันอีกที” ชุนตอบ 

“........” ผมนั่งมองหน้าเขา  อีกฝ่ายหันมาสบตาแล้วหันหน้ากลับไปตั้งคอตรงโดยไม่พูดอะไร  การที่เขาถูกมองเฉยยิ่งทำให้ตรงกลางระหว่างคิ้วตึงจนเห็นชัด  เจ้าตัวไม่ทักถามถึงเหตุผลที่ถูกมอง 

“รู้ไหมครับว่าคุณเป็นคนน่าโมโห” ชุนพูดเสียงเรียบ 

“งั้นมั้ง” ผมอมยิ้มมุมปาก  จะปฏิเสธได้ยังไง  ก็ในเมื่ออีกฝ่ายกำลังโมโหอะไรผมสักอย่างอยู่แบบที่ไม่รู้สาเหตุ 

.
พี่ธานเดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มขวดหรูที่ถูกออกแบบเฉพาะของยี่ห้อดังกล่าว  ผู้คนในห้องต่างมองไปยังพี่เขาเป็นจุดเดียว  บรั่นดีนำเข้ายี่ห้อดังจากฝรั่งเศสที่ผมมักดื่มเป็นประจำถูกถือมาอย่างรู้ใจ  น่าแปลก ที่บรั่นดีราคาแพงหูฉี่  หาพบได้ยากตามท้องตลาดในไทย  ที่นี่ก็มีด้วย  ชักสงสัยแล้วว่ามันไม่มีอะไรบ้าง  พนักงานเดินตามหลังพี่ธานมา  วางแก้วบรั่นดีให้สองแก้ว  โค้งตัวเล็กน้อยก่อนจากไป

พี่ธานเปิดขวดบรั่นดี  รินในปริมาณที่พอเหมาะ  แก้วหนึ่งถูกนำมาวางตรงหน้าผม  ผมคว้ามาดมก่อนยกดื่มเมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ถูกย้อมแมว  แก้วถูกวางลงที่เดิม  พี่ธานรินเติมให้อีกครั้งโดยทันที

“มีอะไร”

ผมหันไปมองชุน  อีกฝ่ายพูดขึ้นเสียงห้วน  ผู้หญิงแปลกหน้า  ผมสั้น  แต่งตัวฉูดฉาด  สวมใส่ชุดเกาะอกรัดรูปร่างอวดหุ่นอวบจนแน่นตึงไปทั่ว  ผมกวาดตามองโดยนิสัย  เป็นผู้หญิงเจ้าเนื้อที่มีหุ่นสมส่วนมากทีเดียว  เพื่อนของเธอที่มาด้วยกันยืนอยู่ด้านข้าง  น่าจะไม่ใช่คนไทยแท้

“ไม่เห็นต้องดุเลยค่ะพี่ชุน” เธอว่า

“คือ...เพื่อน ๆ ให้มาถามน่ะค่ะ ว่าอยากไปสนุกด้วยกันไหมคะ” เธอละสายตาจากชุนมาทางผม

“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” ผมมองเธอ  อีกฝ่ายอมยิ้มน้อย ๆ โดยไม่ละสายตาแม้แต่นิดเดียว 

“ไปได้แล้ว คุณเขาใช่คนที่เธอจะมาทำท่าแบบนี้ใส่รึไง” ชุนขึ้นเสียงว่าด้วยสีหน้าเหลอหลา  เธอสองคนเบะปากใส่ชุน  หันไปส่งจูบให้พี่ธานก่อนเดินจากไป  ไร้ปฏิกิริยาจากพี่ธาน   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-04-2018 23:37:50

Private party ที่นี่ก็เหมือนเป็นปาร์ตี้ย่อส่วนจากด้านนอก  เพิ่มเติมคือสามารถทำอะไรดั่งใจได้  แม้ห้องจะถูกตกแต่งเรียบ ๆ  แต่ข้าวของที่ใช้และเครื่องดื่ม  รวมไปถึงการให้บริการจากพนักงานในนี้ก็อยู่ในระดับมาตรฐาน  มันสามารถเสิร์ฟบรั่นดีนำเข้าของแท้ราคาแพงขนาดนี้ให้ผมได้  แสดงว่าไอ้ที่ทั้งกำลังนั่ง ๆ ยืน ๆ มั่วสุม  เมามาย  มีเซ็กซ์กันอยู่  ต้องเงินหนาไม่ธรรมดา  สังเกตดูดี ๆ แล้ว  ทั้งหน้าตาและผิวพรรณ  รวมไปถึงการแต่งกายก็ดูออกว่ามาจากครอบครัวที่มีฐานะดีโดยพื้นฐาน  ของแบบนี้มันดูออกไม่ยาก  อาจมีผิดพลาดบ้างนาน ๆ ครั้งแต่มักเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เกิดขึ้นต่ำ  เรื่องของบารมีทางฐานะมันจะมีกลิ่นจาง ๆ ติดตัวคน ๆ นั้นอยู่  กลิ่นของความแพงที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ภายนอกที่พ่อแม่ให้มา

ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง  เจ๊ลิลลี่กับเดี่ยวกลับมาถึง  ทั้งสองแยกกัน  เดี่ยวเดินผ่านโต๊ะของผมกลับไปยังโต๊ะของตน  ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นประมาณสิบคนซึ่งผลัดกันลุกออกจากโต๊ะไปบ้างครั้งคราว  ส่งเสียงต้อนรับการมาถึงของเขา  ผมพยักหน้าให้พี่ธาน  อีกฝ่ายลุกขึ้นอย่างรู้หน้าที่  ตรงเข้าไปผายมือให้เจ๊ลิลลี่นั่งลงข้าง ๆ ตน  เธอเผยความเขินอายออกมาอย่างโจ่งแจ้ง  ดูท่าว่าจะถูกใจคนของผมจริง ๆ

“ชุน ไปหาเขาเถอะ” เจ๊ลิลลี่พยักหน้าไปทางโต๊ะของเดี่ยว

“ครับ” ชุนผงกหัวรับทราบ 

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาลุกขึ้น  โค้งลาพวกผมก่อนเดินไปหาเดี่ยวที่โต๊ะ  เดี่ยวดึงแขนของชุนเข้าหาโดยทันที  ฝ่ายที่ถูกดึงด้วยความแรงหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ 

“คนโปรดค่ะ ก็เลยหวงเป็นพิเศษ” เจ๊ลิลลี่ขยิบตา  หมายถึงชุนกับเดี่ยว  เธอขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ ผม 

“ตกลงว่าได้เรื่องไหมครับ” ผมเข้าประเด็น

“ก็ได้อยู่หรอกค่ะ..”

“ก็อย่างที่ลิลลี่บอก ว่าลิลไม่มีปัญหาถ้าจะรับเธอ แต่เดี่ยวก็ไม่ได้ถูกใจแก้มเป็นพิเศษ ตามจริงแล้ว ทางคุณกายเขาเสนอให้เดี่ยวรับเธอไว้น่ะค่ะ แต่เดี่ยวไม่อยากรับเพราะติดที่คุณกริด อย่างที่ลิลเล่าให้คุณไฟฟังนั่นแหละค่ะ เขาเป็นประเภทกินฟรีซะด้วย” เจ๊ลิลลี่บ่นอุบอิบ

“ช่วงนี้ลิลไม่ได้เป็นคนรับงานจากทางนั้นด้วยตัวเองแล้ว คงมีอะไรเปลี่ยนไปเยอะมาก แล้วก็คงมีอะไรลับหลังลิล ลิลก็ไม่ได้ถามเจาะลึกเขาหรอกค่ะ ในเมื่อเขาไม่เล่าออกมาเอง ลิลก็จะไม่ถาม”

ขณะที่เธอพูดอยู่  พนักงานเสิร์ฟนำแก้วเปล่าสำหรับดื่มบรั่นดีมาวางเพิ่มให้อีกแก้วหนึ่ง

“ขอน้ำแข็งด้วย” เจ๊ลิลลี่พูดก่อนที่พนักงานจะเดินไป

“ครับ” พนักงานผงกหัวรับ

“อย่าว่าลิลนะ ลิลดื่มแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ คอไม่ถึง” เธอบ่นเขิน ๆ  พร้อมชี้มือไปที่แก้วของผม  ทำท่าอย่างกับเด็ก  พี่ธานหลุดอมยิ้มเล็กน้อย  เจ๊ลิลลี่เหลือบไปเห็นเข้าพอดี

“หลงรักลิลเหรอ” เธอหยอกแซว  นำนิ้วสะกิดแขนพี่ธานเบา ๆ  ฝ่ายที่ถูกสะกิดช้อนตามอง  รอยยิ้มหุบลงโดยทันที  เจ๊ลิลลี่ชะงัก  เบือนหน้ากลับมาหาผมอีกครั้ง  สีหน้าเลิ่กลั่กด้วยอาการเขินอายมากกว่าเดิม  ผมยิ้มกว้างกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า  เจ๊ลิลลี่ตีมือลงมาที่ตัวผมเบา ๆ  ปรามให้หยุดยิ้ม  ถูกพี่ใหญ่มองแบบนี้  คนของผมต่างหากที่กำลังเอาจริง 

พนักงานเสิร์ฟนำน้ำแข็งมาเสิร์ฟและถูกพี่ธานปัดมือไล่  พี่เขาลุกขึ้น  จัดการรินบรั่นดีให้เจ๊ลิลลี่ด้วยตัวเอง

“ทางนั้นเขาจะอยู่พัทยาอีกกี่วัน” ผมกลับเข้าเรื่อง

“เขาเพิ่งกลับจากต่างประเทศ คราวนี้คงอยู่ไทยนานแหละค่ะ ปกติเขาจะมาอยู่ประจำที่พัทยานะคะ แต่ตามตารางนัดหมายแล้ว เห็นว่าน่าจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ พรุ่งนี้เย็น” เจ๊ลิลลี่ตอบ

“พรุ่งนี้ เจ๊จะลองนัดเขาให้คุณไฟอีกทีที่โรงแรมดีไหมคะ รอให้อารมณ์ดีก่อน เหมือนวันนี้เขาจะหงุดหงิด อะไรก็เลยขัดหูขัดตาไปหมด” เจ๊ยื่นหน้าเข้ามาใกล้  ต้องการหลบมุมเพื่อบอกเรื่องนี้ให้ผมทราบเป็นการส่วนตัว

“ครับ” ผมตอบ 

“รายนั้นเขาชอบเห็นอะไรเป็นรูปธรรมน่ะค่ะ แล้วก็...หยิ่งใช้ได้เลย” เธอว่า  สายตาดูประชดประชันเมื่อพูดถึง

“เขาเป็นนักธุรกิจนี่นะ จะมองหาผลประโยชน์อย่างเดียวผมก็ไม่แปลกใจหรอก ผมว่า...เขาเหมาะกับธุรกิจแบบนี้ดี” ผมเหลือบมองไปยังเดี่ยว  เสียงเพลงเริ่มดังมากขึ้นจนรบกวนการสนทนา  ประกอบกับเสียงครวญครางของผู้คน  แสงไฟด้านในถูกเปลี่ยนสี  มันแดงสลัวชวนให้ไร้สติ

“แล้วแบบนี้ คุณไฟจะยกเลิกธานกับลิลลี่ไหมคะ” เธอยื่นหน้ามากระซิบถาม  ผมยิ้มมอง  สอดมือเข้าไปยังท้ายทอยของเธอ  อุ่นมือดี 

“เดี๋ยวส่งให้ถึงที่เลย” ผมตอบ  เจ๊ลิลลี่แสดงความพอใจออกทางสีหน้า  เธอหันกลับไปนั่งตัวตรง  ยกบรั่นดีขึ้นดื่ม  และไม่รู้ว่าเอาความกล้าจากไหนมาถึงได้กล้าเป็นฝ่ายเข้าหาพี่ธานก่อน 

ผมนั่งเฉย  ปล่อยให้พี่ธานรับหน้าที่ไป  สงครามทางเพศสัมพันธ์กำลังเริ่มขึ้น  โต๊ะของเดี่ยวกำลังสวาปามอย่างกับอดอยากมานาน  บางคนหน้าคุ้น  คล้ายคนในวงการบันเทิง  แต่นึกไม่ออกว่าใครเพราะปกติไม่ได้ใส่ใจในเรื่องทำนองนี้เท่าไหร่นัก  ดูเหมือนชุนจะรับหน้าที่หนักไม่เบา  เขาชำเลืองมองมาทางผมบ้างเป็นระยะ         


อะ ! อ้า ! อ้างงงง !

กลิ่นผิดแปลกในห้องเริ่มชัดมากขึ้น  สิ่งที่เป็นตัวบอกว่าที่กำลังรื่นเริงในตอนนี้ไม่ใช่จากเครื่องดื่มมึนเมาโดยอย่างเดียว  พนักงานเสิร์ฟสบตาเข้ากับผมพอดี  ผมกวักมือเข้าหา  อีกฝ่ายรีบสับเท้าเข้ามา  Blinder บุหรี่ยี่ห้อดั้งเดิมจากเวอร์จิเนีย  รสเข้ม  กลิ่นหอมที่จะช่วยเบาสิ่งที่ไม่ต้องการสูดดมลงไปได้ถูกสั่งออกไป  ไม่นานนักบุหรี่ซองหรูพร้อมไฟแช็กอย่างดีก็ถูกนำมาวางลงตรงหน้า 

.
พวกมันมีของนำเข้าที่ต้องการทุกอย่างอย่างกับเลานจ์ระดับห้าดาวก็ไม่ปาน  ไอ้เด็กเวรพวกนี้มันน่าจับไปถ่วงลงอ่าวเบงกอลจริง ๆ 

บุหรี่ที่ไม่ได้แตะต้องมานานถูกจุดสูบตามความเคยชินของร่างกาย  ผู้หญิงผมยาวประบ่า  รูปร่างสูงยาวเข่าดี  สวมใส่รองเท้าส้นสูงยิ่งเสริมความสูงที่มีเข้าไปอีก  ชุดชั้นในผ้าไหมปิดทับไว้เฉพาะยอดอกเล็ก ๆ  โชว์ความใหญ่โตของหน้าอกที่มีโดยธรรมชาติด้วยความมั่นใจ  สะโพกผาย  สวมใส่บิกินี่ทรงสามเหลี่ยมที่ปกปิดไว้เฉพาะส่วนสำคัญเล็ก ๆ  ทุกส่วนเรียบเนียนอย่างจงใจให้มันเป็น  ผมเหลือบมอง  พ่นควันออกเล็กน้อยทั้งที่ยังคาบบุหรี่อยู่  เธอก้มตัวลงมาหา  เท้ามือลงบนเบาะ

“คุณเดี่ยวให้มาเชิญไปนั่งด้วยกันค่ะ” เธอพูด  ผมจ้องมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะนำบุหรี่ออก

“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” ผมตอบ  ขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ถึงเศษเสี้ยวของตุ้มของความหงุดหงิดรำคาญใจที่กำลังทำท่าจะแตกออกเป็นประกายทีละเล็กทีน้อย  จู่ ๆ มันก็เกิดขึ้น  อาจเพราะลึกลงไปตัวตนกำลังแสดงความไม่พอใจที่ดันเอาอะไรที่ไม่ชอบเข้าปอด
 
อีกฝ่ายหลบตาลงด้วยสีหน้าแปลกใจก่อนจะลุกเดินกลับไปที่โต๊ะของเธอโดยดี  ดูเหมือนว่าคนที่สั่งให้เธอมาจะมองสถานการณ์อยู่ก่อนแล้ว  อีกฝ่ายแสยะยิ้มให้ผมพร้อมเบือนหน้าหนี  คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หัวเราะคิกคักคล้ายเย้ยหยันเช่นกัน 

เซ็กซ์ที่อยู่รอบตัวหลายคู่ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อระบบท่อนล่างเลยแม้แต่น้อย  กระทั่งไม่ได้ดึงความสนใจได้เท่ากับสิ่งที่พี่ธานกำลังปฏิบัติต่อเจ๊ลิลลี่ในตอนนี้  ผมนั่งมองจังหวะการพรมจูบที่พี่ใหญ่ของผมเป็นผู้นำอยู่อย่างน่าสนใจ  การหยอกเย้าด้วยการทำท่าว่าจะจูบอย่างครั้งคราวและหยุด  ทำให้เจ๊ลิลลี่เป็นผู้ตามอย่างชัดเจน  แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าเธอจะพอใจ  รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอตลอด 

ผมคว้าบรั่นดีขึ้นดื่มจนหมดแก้ว  พอใจที่เห็นว่าพี่ใหญ่ถูกใจอยู่  หูของพี่ธานที่ทำงานดีอย่างกับสัตว์  ส่งสัญญาณให้เจ้าตัวได้สติ  พี่เขาเหลือบมองมายังแก้วบรั่นดีของผมที่ว่างเปล่าและผละตัวออกจากเจ๊ลิลลี่โดยทันที  ลุกขึ้นมาคว้าแก้วของผมไปเพื่อเติมบรั่นดีให้

“ธาน !” เจ๊ลิลลี่ร้องอุทานด้วยน้ำเสียงงอน ๆ  พี่ธานหลุดยิ้มกว้าง  ไม่ได้มองหน้าเธอ  เอาแต่จับจ้องบรั่นดีที่ไหลออกจากขวดอย่างใจเย็น   

“นิสัยไม่ดีเลย” เจ๊ลิลลี่หันมาค้อนพาลว่าผมด้วย

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  คาบบุหรี่ไว้อย่างเดิม  สอดมือเข้าไปดึงเอวของเจ๊ลิลลี่พร้อมเป็นฝ่ายขยับตัวเข้าหาเธอด้วย  ตอนนี้เธอจึงนั่งอยู่ในตำแหน่งคั่นกลางระหว่างผมกับพี่ใหญ่  ความงอนลดระดับลงแล้ว

พี่ธานลดตัวนั่งมอง  เท้าแขนไว้บนหน้าขา  พลางใช้นิ้วชี้ดันหัวเข่าของเจ๊ลิลลี่ข้างที่อยู่ใกล้มือตนออก  กึ่งบังคับให้ขาข้างดังกล่าวฉีกอ้าออกไป  ความอวบอิ่มของร่องอกชวนให้อยากปลดกระดุมเสื้อสูท  แต่ผมไม่ทำ  เลือกที่จะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยยอดอกของเธอผ่านเนื้อผ้า  ครั้งสองครั้งอย่างเบาบาง  ร่างกายของเจ๊ลิลลี่ขยับตาม  ริมฝีปากสีแดงฉาดของเธอเผยอออกอย่างยั่วยวน 

ผมคีบบุหรี่ออก  ควันถูกพ่นออกมาพร้อมกัน  ปะทะเข้ากับร่างกายของคนตรงหน้า  มือข้างที่ถือบุหรี่อยู่จึงเกลี่ยลงไปที่กลางร่องอก  กรีดจากบนลงล่างก่อนดึงออก  ไม่ทันให้มือของผมพ้นร่างกายออกไปไกล  เจ้าของร่างกายก็คว้ามือผมไปขย้ำลงที่หน้าอกของเธออย่างแรง  ไม่กลัวถูกก้นบุหรี่จี้เอา  เธอร้องครางออกมาเบา ๆ ด้วยสีหน้าสุขสม  ผมอมยิ้ม  พึงพอใจกับปฏิกิริยาที่ไม่เคยผิดหวังของเธอคนนี้  ทันทีที่ผมตอบสนองความต้องการของเธอโดยการบีบหน้าอกของเธออีกครั้ง  ขาข้างที่พี่ธานบังคับให้อ้าออกก่อนหน้านี้ก็กระตุกอ้ามากขึ้นกว่าเดิม 

มือผละออกมาจากอกแล้ว  บุหรี่ใกล้หมดมวนเต็มที  จึงตั้งใจจะสูบให้หมด  พี่ธานรับหน้าที่จัดการต่อ  ผมดับก้นบุหรี่พร้อมยกบรั่นดีขึ้นดื่มอีกครั้งเพื่อดับกระหาย  รับรู้ได้ถึงสายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมา  ผมจึงช้อนตามองไปยังเดี่ยว  ไม่แปลกใจที่สบตาเข้าพอดี  มุมปากยกยิ้มให้โดยอัตโนมัติ  อีกฝ่ายนิ่งเฉย  ละสายตาไปทำกิจกรรมของตนต่อ  วัยรุ่นหลายคู่ที่อยู่ในบริเวณโต๊ะของเดี่ยว  มีเซ็กซ์ดุเดือดชนิดที่ว่าเสียพลังงานทางร่างกายอย่างมากจนน่าใจหาย  เป็นแบบที่ค--วยผมจะไม่ตั้ง...

ชุนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม  ข้าง ๆ เดี่ยว  เขาเป็นคนเดียวในโต๊ะนั้นที่ยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบหัวจรดเท้า  จู่ ๆ เสียงครวญครางคล้ายถูกขัดใจจากเจ๊ลิลลี่ก็ดังหนักขึ้น  ผมหันกลับไปมอง  พี่ธานผละริมฝีปากออกจากเธอกะทันหัน  น้ำลายยืดเป็นทาง  เจ๊ลิลลี่ทิ้งหลังพิงพนักโซฟาคล้ายหมดแรง  ดูเหมือนว่าคนของผมจงใจที่จะขัดใจเธออย่างนั้น  สายตาที่พี่ธานมองเจ๊ลิลลี่เปลี่ยนไปอีกความหมายหนึ่ง  มือปาดเช็ดปากก่อนยกบรั่นดีกระดกขึ้นดื่มจนหมดแก้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย  เสี้ยววินาทีนั้นที่ผมแอบสังเกตเห็นเจ๊ลิลลี่ชำเลืองมองไปยังโต๊ะของเดี่ยวและมุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา

“นิสัย” ผมเข้าไปล็อกปลายคางของเธอพร้อมกระซิบว่า

“........” เจ๊ลิลลี่กะพริบตาปริบ ๆ  ทำใสซื่อ 

“ไม่ชอบเขา ก็ขายหุ้นทิ้งไปซะสิ” ผมพูด  อีกฝ่ายอมยิ้มกรุ้มกริ่ม  ดูพอใจที่ผมรู้ทันและไม่เถียงกลับสักคำ  เธอเข้ามาคว้าท้ายทอยผมพร้อมประกบจูบตัดบทโดยทันที  ผมปล่อยให้เธอทำตามใจจนเธอเป็นฝ่ายผละปากออกก่อน  ลิ้นตวัดกลับเข้าไปอย่างยั่วยวน  สายตามองลงต่ำ  นิ้วกลางแตะลงที่กลีบกลางส่วนสำคัญของร่างกายผ่านเนื้อกางเกง  เจ๊ลิลลี่สะดุ้ง  แต่สะโพกกลับขยับสู้นิ้วของผมเสียอย่างนั้น  ผมอมยิ้มมอง  นิ้วทำหน้าที่แตะเกลี่ยเบา ๆ หยอกล้อเท่านั้น  ไม่ได้จริงจังอะไร  แต่ดูเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายรำคาญ  เธอจับข้อมือผมแล้วออกแรงกดเพื่อให้นิ้วของผมสัมผัสกับของของเธอมากขึ้น  เสียงครางหวาน ๆ หลุดลอดออกมาอีกครั้ง

ผมจึงกดนิ้วกลางย้ำลงไปด้วยนึกมันเขี้ยวขึ้นมา  ลิ้นเกลี่ยไปตามไรฟันด้านในพลางมองร่างของเจ๊ลิลลี่ที่กำลังสั่นเทิ้ม  ผมดึงมือออก  เธอมองตามตาปรือ 

“ปลดกระดุม” ผมสั่ง  เหลือบมองไปยังกางเกงของเธอ  ขณะเดียวกันมือก็จุ่มลงไปในถังน้ำแข็งและแช่ไว้  เจ๊ลิลลี่ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย  กระดุมกางเกงถูกปลดออกแล้ว  ทันทีที่ความเย็นปกคลุมไปทั่วนิ้วเป็นที่น่าพอใจ  จึงล้วงมือเข้าไปในกางเกงผ้าเนื้อดี  ความเย็นของนิ้วที่สัมผัสโดนส่วนสำคัญอย่างใกล้ชิดมากขึ้นทำให้เจ้าของร่างกายเกร็งตัว  อ้าปากกว้าง  หลับตาพริ้ม  นี่ยังไม่ใช่การล้วงเข้าไปโดยตรง  ผมแตะผ่านกางเกงชั้นในของเธออีกที  แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ต่างอะไรมากนัก  เพราะดูเหมือนว่าชั้นในที่เธอใส่จะเป็นบิกินี่ผ้าลูกไม้เนื้อบาง ๆ เท่านั้น 

ผมรอมอง  ไม่ขยับร่างกายแม้แต่น้อย  พอเห็นว่าเธอเริ่มได้สติแล้วจึงเริ่มขยับปลายนิ้ว 

“อะ อ้า ~~” เจ๊ลิลลี่ร้องครางออกมาดังลั่นอย่างไม่คิดอดกลั้น  สะโพกกดบิดไปกับเบาะโซฟา  ขาอ้าออกเองโดยอัตโนมัติ  ผมจึงหยุดขยับนิ้วลงดื้อ ๆ 

“อื้ออออ” เจ๊ลิลลี่ขมวดคิ้วเป็นปมที่ถูกขัดใจ  และเริ่มเป็นฝ่ายขยับสะโพกบดเบียดนิ้วของผมเสียเอง  ข้อมือของผมถูกเจ๊ลิลลี่กดล็อกเอาไว้ทั้งสองมือ  คล้ายระแวงว่าผมจะดึงออกไปทั้งอย่างนี้   

“เอาสิ เสร็จให้ดูหน่อย” ผมกระซิบที่ข้างหู  หอมลงที่เส้นผมของเธอเบา ๆ  สิ้นคำท้าทายจากผม  นิ้วก็ถูกบุกรุกอย่างไม่มีความเกรงใจอีก  เสียงร้องจากเจ๊ลิลลี่สะท้อนสู้กับเสียงเพลง  ท่าทางที่เชิญชวญของเธอทำให้อดไม่ได้ที่จะขยับนิ้วสะกิดตอบกลับไปบ้างบางครั้ง 

เซ็กซ์หลากหลายประเภทที่ผ่านมาในชีวิต  โดยภาพรวมแล้วความต้องการของแต่ละคนมีแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  สำหรับเจ๊ลิลลี่ในมุมที่ผมได้สัมผัส  ระดับความต้องการของเธอจัดอยู่ในหมวดเงี่-ยนขั้นสุดยอดมานานแล้ว  ไม่ได้แปลว่าไม่ดี  ผมว่าเธอเซ็กซี่มากกว่าผู้หญิงแท้ที่ผมเคยนอนด้วยบางคนเสียอีก 

“อะ ! แฮก ๆ”

เสียงร้องสุดท้ายจางหายไปแล้ว  ทันทีที่แน่ใจว่าเธอได้ถึงจุดหมายอย่างแน่นอน  ผมจึงดึงมือออก  ร่างกายของเจ๊ลิลลี่ยังกระตุกปะทะกับอากาศสองสามทีคล้ายติดลมบน  โทรศัพท์มือถือของผมสั่นเตือนอย่างกับรู้จังหวะ  พี่ธานนำกระดาษทิชชู่มาให้  ผมเช็ดทำความสะอาดมือก่อนกดรับสาย

“นายครับ ไอ้เต้ถูกคนของที่นี่ลากเข้าห้องน้ำไปเมื่อกี้นี้ครับ” ไอ้เด่นรายงานด้วยน้ำเสียงทุ้ม ๆ  ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน

“เหมือนจะแย่ครับ ให้ผมเอายังไงดีครับ”

“ปล่อยไว้งั้นแหละ เดี๋ยวกูออกไปแล้ว” ผมตอบ 

“ครับนาย” ไอ้เด่นขานรับ  คิดว่ามันก็คงไม่ได้อยากเข้าไปช่วยเหลือให้เสียพลังงานอยู่แล้วน่ะนะ

“เจอกันที่โรงแรมนะครับ” พี่ธานเป็นฝ่ายบอกลาเจ๊ลิลลี่ที่นั่งหมดแรงอยู่ในท่าเดิม  ผมอมยิ้มมอง  พี่ใหญ่ถึงขนาดออกปากเองอย่างนี้  คืนนี้เป้าหมายถูกโจมตีด้วยปืนกลแน่นอน

เราต่างลุกขึ้นยืน  ผมโยนกล่องบุหรี่ให้พี่ธานเป็นคนเก็บ  แล้วคว้าขวดบรั่นดีราคาหลายหมื่นที่ยังดื่มไม่ถึงครึ่งติดมือมาด้วย  เป้าหมายคือการเดินไปยังโต๊ะข้างเคียงเพื่อบอกลาตามมารยาท  ไม่ได้ตั้งใจมาเพราะจบเรื่องไว้แค่นี้อยู่แล้ว  ชุนเงยหน้ามองผมกะหลับกะเหลือก  เขาลุกขึ้นยืนและหลบออกมาเล็กน้อย  เดี่ยวสบตาผม  มือก็กดหัวผู้ชายที่กำลังอมของลับของตนคล้ายออกคำสั่งให้อมลงไปลึกมากกว่าเดิม

“นั่งก่อนไหมครับ” อีกฝ่ายพูด  แววตาเต็มไปด้วยความท้าทาย

“ไม่ล่ะครับ ผมจะกลับแล้ว” ผมตอบ 

“งั้นเหรอครับ” เดี่ยวเบะปาก  เล่นหน้าเล่นตาใส่  กลิ่นไม่พึงประสงค์ปะทะเข้ามากวนใจขึ้นฉับพลัน  มันรุนแรงมากกว่าตรงที่ที่ผมนั่งอยู่เมื่อครู่นี้   

“ผมจะขอคุยกับคุณต่อพรุ่งนี้ เรื่องข้อเสนอ” ผมพูด 

“ข้อเสนอ ?!” อีกฝ่ายสบถ  คิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้นจงใจยั่วโมโห

“ตามจริง ผมก็ไม่ได้มีของที่อยากได้หรอกนะครับ ผมดูเหมือนขาดอะไรงั้นเหรอ” เดี่ยวอมยิ้ม 

“........” ผมไม่ตอบ  จ้องมองจนอีกฝ่ายหุบยิ้มลงและสบตาผมกลับเขม็งไม่ลดละ  ขาเดินตรงเข้าหา  กระชากหัวผู้ชายที่อมค--วยอีกฝ่ายอยู่ขึ้นอย่างแรง  น้ำลายกระเด็นเป็นทาง   

“เหี้ยอะไรวะ ! โอ๊ยยยย !” มันร้องลั่น  เซ็กซ์ในบริเวณนี้หยุดเคลื่อนไหวลงชั่วขณะ 

“อย่ามาใช้กำลังที่นี่” เดี่ยวพูดเสียงเย็น  ศีรษะของชายแปลกหน้ายังถูกจิกอยู่ในมือและแรงมากขึ้นจนเจ้าของมันร้องประท้วง  ดิ้นพล่าน

“ทีแรก ผมตั้งใจมาเจรจาดี ๆ” ผมพูด

“แน่ใจเหรอว่าคุณไม่มีของที่อยากได้น่ะ ?” ผมย้อนถาม  โน้มตัวเข้าไปใกล้  จ้องมองลึกลงไปยังดวงตาคู่ตรงหน้า  เดี่ยวเบิกตาออกกว้าง

“...สายตามึงมันบอกทุกอย่าง” ผมกระซิบ

“ปล่อยกู !” ไอ้เหี้ยตัวที่ผมถือหัวอยู่ส่งเสียงน่ารำคาญ  ผมหันกลับไป  ออกแรงดึงหัวมันแล้วลากติดมือมาก่อนเหวี่ยงออกไปสุดแขน  ร่างกายของคนที่ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปอีกมุมหนึ่งจนวงแตกกระจาย  ผมจ้องมอง  มองดูว่ามันจะหมดฤทธิ์ไว้เท่านั้นหรือจะต่อ  อีกฝ่ายลดระดับสายตา  ทุกอย่างสงบลงท่ามกลางเสียงเพลงที่ยังดังกระหึ่ม 

.
ผมมองต่ำกลับไปยังค--วยของเดี่ยวที่ยังคงความแข็งอย่างไม่มีท่าว่าจะลดลง  เมื่อขยับตัวเข้าหา  ลูกกระเดือกของอีกฝ่ายก็ขยับขึ้นลงเห็นเด่นชัด 

“คู่หมั้นรู้รึเปล่าว่าดอกทองขนาดนี้” ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่ง  ทำหน้าฉงน

“เธอรู้รึเปล่าว่าที่จริงแล้วมึงชอบให้เลียตรงไหน ? หึ…ขนาดกูยังรู้เลย” ผมแสยะยิ้ม  กดก้นขวดบรั่นดีลงบนเป้าของเดี่ยว  หน้าของอีกฝ่ายเหยเก  ดวงตาเปลี่ยนความหมายไปจากก่อนหน้า  พยายามที่จะดันขวดบรั่นดีออก

“มึงอยากขี่อยู่บนตัวกู ...นั่นคือสิ่งที่กูเห็น” ผมกวาดตามอง

“ไว้เจอกันครับ” ผมตัดบท  ผลิยิ้มให้เล็กน้อยเพื่อสงบศึก

“เหม็นคาวน่ะ ..จะอ้วก

การบอกลาได้จบลงทิ้งไว้อย่างนั้น  ผมเดินจากมา  กลิ่นน่าหงุดหงิดฉิบหาย  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นที่ยืนรออยู่รีบพาผมตรงไปยังห้องน้ำชายด้านนอก  ใกล้กับโซน VIP  เสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านใน  ผู้ชายร่างสูงใหญ่สามคนที่ผมไม่รู้จักพากันหยุดชะงัก 

“คุณไฟ” พวกมันอุทานพร้อมเบี่ยงตัวออก  ทำให้ผมเห็นไอ้เต้ที่กำลังนอนด้วยสภาพที่ดูไม่ได้อยู่บนพื้นกลางห้องน้ำ  กางเกงยีนของมันถูกปลดลงจนเกือบครึ่งแก้มก้น  ไอ้เต้นอนตาลอยมองมาทางผมพร้อมร้องขอความช่วยเหลือ  ผมมองเฉย  เดินตรงไปยังอ่างล้างมือ  เปิดก๊อกน้ำออกเพื่อทำความสะอาดมืออีกครั้ง  ทุกอย่างเงียบสนิทจนผมทำธุระเสร็จ 

“มันบอกว่าเป็นคนของคุณไฟน่ะครับ แล้วจะเข้าไปในพื้นที่ของคุณลิลลี่ให้ได้” ผู้ชายหนึ่งในสามพูดขึ้น

“...ไม่เชิง” ผมตอบ  ใช้ปลายเท้าเขี่ยขาของไอ้เต้กางออก

“ไอ้สัส !” เจ้าตัวสบถด่าดังลั่น  พร้อมสะบัดขาหนี

“หึ ยังไม่หมดฤทธิ์นี่” ผมยิ้ม

“ฉันขอแล้วกัน” ผมบอกทั้งสามคน  พวกมันผงกหัวรับทราบและยอมจบเรื่อง

ผมปัดมือส่ง ๆ ไปทางพี่ธานเพื่อให้อีกฝ่ายจัดการให้เรียบร้อย  พวกเราออกมาจากร้าน  สมุทรดูตกใจที่เห็นไอ้เต้กลับออกมากับพวกเราด้วยสภาพที่มีไอ้เข้มกับไอ้เด่นพยุงอยู่  เราเคลื่อนตัวออกจากร้านทันที  ไอ้เต้กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ ผม  มันเกือบไม่ได้สติ  สงสัยว่าไอ้สามคนเมื่อครู่นี้คงให้มันกินอะไรเข้าไปแน่ 

น่าเสียดายที่คนโดนไม่ใช่สมุทร  แต่หมอนั่นจิตแข็ง  ไม่แน่ว่าสภาพอาจต่างจากไอ้เต้ก็ได้.. 

“ไงล่ะ ได้อะไรจากการตามก้นผมบ้าง” ผมพูด  รถยนต์จอดสนิทอยู่ที่ลานจอดรถของโรงแรมเรียบร้อย  สมุทรเปิดประตูรถฝั่งของไอ้เต้ออก

“หึ เกือบเสียสาวแล้วไหมล่ะ” ผมพ่นหัวเราะ

“ถุย !” ไอ้เต้สบถ   

“สัส !” ผมพุ่งเข้าหา  ล็อกปลายคางของมันช้อนขึ้นเต็มแรง  ศีรษะของไอ้เต้ดันติดไปกับเบาะรถจนสุด

“อย่าให้กูต้องหมดความอดทนกับมึงนะ หัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง” ผมกัดฟันแน่น  ความโมโหที่มียิ่งชวนให้หงุดหงิดไปใหญ่

“อุ้มมันไป !” ผมผลักหน้าไอ้เต้ไปทางสมุทรเต็มแรง 

“ครับ” สมุทรขานรับ  รีบโผเข้ามารับตัวไอ้เต้ไว้ก่อนที่มันจะตกจากที่นั่ง  ไอ้เข้มเปิดประตูรถฝั่งของผมออก 

“พนักงานถามก็บอกว่ามันเมา” ผมตัดรำคาญ  สับเท้าเดินนำออกมา  หงุดหงิดฉิบหาย  มีแต่เรื่องน่ารำคาญเต็มไปหมด  สมุทรอุ้มตัวไอ้เต้พาดบ่าเดินตามมา  พนักงานโรงแรมออกมาต้อนรับขับสู้อย่างดี  พี่ธานจัดการกั้นพวกเธอออกไป  อีกไม่นาน  เดี๋ยวลูกพี่มันก็คงได้มาเห็นสภาพลูกน้องกับตาตัวเอง



...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน :

ขออภัยที่มาต่อล่าช้านะคะ

ขอบคุณสำหรับทุก ๆ คอมเมนต์  เหนื่อยล้ายิ่งนักก็จะเข้ามาอ่าน  ช่วยได้มากเลย <3
สุดท้ายนี้.. สุขสันต์วันปีใหม่ไทยนะคะ ขอให้มีความสุขทุกคนค่าาา ^ . ^

#สมุทรค่าตัวแพงไปไหนนนน ???
   


ขอบคุณค่ะ
เบบี้


 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 48 [ 23:01 น. - พ. 24 ม.ค 61 หน้า 66 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-04-2018 00:20:54
มาแล้ว คิดถึงมากกกกก  :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 13-04-2018 00:50:06
คุณไฟโหดดีจริง ๆ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 13-04-2018 01:20:14
ตอนนี้พี่ไฟแบบว่า อือออออออ อยากได้คนนี้อะ จริงๆแล้วเต้สมควรโดนสักทีอะ ขอบคุณเบบี้สำหรับนิยายคุณภาพแบบนี้นะคะ
สวั สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-04-2018 02:12:04
อยากรู้จังว่าถ้าเป็นเรื่องจริงไฟจะมีเงินกี่ล้าน แล้วจะรอดไปได้ตลอดไหม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-04-2018 02:51:06
เต้โดนอย่างนี้จำหรือยัง เข็ดหรือยัง  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-04-2018 06:13:08
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 13-04-2018 07:15:33
อ้ากกกก ไม่ได้ตาฝาดดดดด มาแล้วๆ นี่ช็อคนะ นึกว่าเดี่ยวจะแบบรุกอะ... 555555555555555 ตอนนี้สมุทรมาน้อยมาก แต่ไม่เป็นไร สลับกันไปได้ เต้นี่ควรโดนไฟหรอยตูดซักทีอะ... จะได้เข็ด 55555 เข้าใจว่าคุณคนแต่งไม่ว่าง และขอบคุณมากๆที่ยังไม่ทอดทิ้งดัน รักษาสุขภาพด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KIDSPARN ที่ 13-04-2018 09:25:46
มาแล้วๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 13-04-2018 10:41:14
ตอนนี้สมุทรค่าตัวแพง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 13-04-2018 12:28:36
แพงจริง..แพงจัง...แพงหลายตังค์จนประมาณค่าไม่ได้ก็สมุทรนี่ล่ะค่ะ

ไฟคนขี้หงุดหงิด..จะคอยดูว่าจะอารมณ์ดีขึ้นยังไง

รอติดตาม...ตามติดชีวิตไฟ....อย่างใกล้ชิดค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 13-04-2018 14:08:07
สุขสันต์วันสงกรานต์ ทุกคน ไฟบันเทิงคนเดียวจนจบตอน  o13 o13   เปิดตัวเดี่ยวได้ดีชอบชอบ
คุณเบบี้สู้ๆ รอรอน้า :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-04-2018 14:42:52
กรี๊ดดดดดด ดีใจที่ได้เจอ คุณไฟมาาาาา~~~ คิดถึงจริมๆ / พี่ไฟของเดี๊ยน ยังคงเส้นคงวาความปาก...จัด ไม่มีตกหล่น ไม่ผิดหวังค่ะพี่ไฟฟฟ  :m12:  5555 แต่ๆๆๆๆ ในความแซ่บ! ของพี่ธานนั้น ไยเป็นเจ๊ลิลลี่คะที่ได้ไปรับทาน ทำมายยยยย   :dont2:  ทำไมไม่ใช่เรา #ผิด เราจิ้นพี่ธานกับพายุอยู่น้าาาา #เดี๋ยว ถามไฟยัง?

และในความแพงของสมุทรนั้น ยังแพงคงเส้นคงวาเหลือเกิน จากที่คาดหวังและรอความหวานความฟิน สมุทร&ไฟ พบว่าตอนนี้พบบทสนทนาระหว่างคู่นี้ 3 ประโยคถ้วนค่ะ! #ยิ้นอ่อน #ยังคงรอต่อไป  คิดถึงเบบี้นะคะ รอมาตลอดแต่ไม่อยากเข้ามาทวงบ่อยกลัวคุณเบบี้เครียด ให้กำลังใจน้าาาา นานก็รอค่าาาา #กอด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 13-04-2018 15:46:23
ยังไม่ได้อ่านบทนี้ แต่ดีใจเบบี้มา  ขอเม้นท์ไว้ก่อน สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 13-04-2018 17:55:38
นานแค่ไหนก็รอ แค่มาต่อก็ขอบคุณมากๆแล้วค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 13-04-2018 20:12:28
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jj ที่ 13-04-2018 21:13:09
มาต่อแล้ววววว
ขอบคุณ คุณเบบี้ค่า

ไฟนี่ ร้ายจริงๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 13-04-2018 21:16:31
คุณไฟช่างร้อนแรงยิ่งนัก   :m25:  มิน่าเจ๊ถึงติดอกติดใจแรง  และนางแลดูสะใจนิด ๆ ที่ได้อยู่ใกล้คุณไฟ  แถมยังได้ทำอะไร ๆ เหนือกว่าเดี่ยว  เซอไพรซ์ที่สุดก็คงเป็นสายตาอันแหลมคมของไฟที่มองเห็นถึงความต้องการของเดี่ยวได้อย่างทะละปรุโปร่ง   o13  ยังไงก็ฝากคำอวยพรถึงเดี่ยวนะจ๊ะ ว่า....ขอให้ได้  ขอให้โดน  :laugh:


เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ  ทั้งเรื่องงานหลักหลัก  และงานรอง  ไม่ว่าอะไรก็สำคัญกับชีวิตทั้งนั้น  แต่อย่าลืมดูแลสุขภาพกาย  และสุขภาพจิตด้วยนะคะ  ไม่อยากให้เครียดมากเกินไป  เนอะ  :L2:


รอตอนต่อไปนะคะ  ตอนนี้ลุ้นระทึกมาก ไม่รู้ว่าลุ้นอะไร  แต่รู้สึกว่าระทึกอยู่ตลอดเวลา 


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 13-04-2018 23:21:33
เป็นไฟมันน่าเหนื่อยจริงๆ มีแต่เรื่องเร่งรีบ สารพัดเรื่องอยากให้มีควสมสุขสงบบ้าง ขอบคุณระคะที่มาต่อให้ จะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-04-2018 23:35:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 14-04-2018 18:48:37
ยะยะยะอยากเห็นลีลาพี่ใหญ่ปืนโตบ้างจังเลยค่ะเบบี้  :haun4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 14-04-2018 19:53:19
ช้าไม่เป็นไรเลยค่ะเข้าใจว่ากว่าจะเขียนได้ละเอียดขนาดนี้ต้องใช้พลังงานมากแน่ๆ
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 14-04-2018 21:41:00
พี่ธาน!! ร้อนแรงขนาดนี้เลยหรอ
เห็นมาดนิ่งๆ อ้ายยยยยยยยแบบเขิน ยังกับโดนเอง :hao6: :hao6:

ปล.รอเบบี๋ได้เสมอ ในเล้าเราอ่านไม่กี่เรื่องเอง น้อยๆแต่ขอคุณภาพเนอะ และอีกอย่างเราชอบความรู้สึกคิดถึง :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 15-04-2018 07:06:47
สวัสดีปีใหม่ไทยค่าเบบี้
ขอบคุณสำหรับตอนล่าสุดนะคะ
ตอนนี้อ่านแล้วเหมือนดูหนังอีโรติก ๕5555
ว่าแต่ค่าตัวแพงจริงๆนะสมุทร
โผล่มากี่ฉากเองเนี่ยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 15-04-2018 10:08:54
กี๊ดดดด คุณไฟขาทำพี่ธานของน้องแปดเปื้อน ร้องไห้กระซิกๆ ไปซบอกสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-04-2018 13:43:29
ดีใจมากกกกกกกก รอเบบี้ตลอดค่ะ
พี่ธานคะ....ใจน้อง :haun4:
ความอิพี่ไฟแม่งมันกวนได้ตลอด เจ้าเล่ห์เป็นที่สุด ชอบอ่ะ อยากเป็นเมีย5555+
สมุทร นายสบายดีนะ ค่าตัวแพงเหลือเกินพ่อ

ยาวแบบจุใจเช่นเดิมคิดถึงเบบี้ :)
ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 15-04-2018 14:21:18
คุณไฟช่างร้อนแรงสมชื่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 15-04-2018 15:26:13
ค่าตัวสมุทรแพงสุดแล้วค่ะเรื่องนี้555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 16-04-2018 08:39:32
นี่ช็อคตอนพี่เดี่ยวอยากขี่พี่ไฟ โอ๊ยยยยย
สมุทรค่าตัวแพงจริงๆค่ะ
ยิ่งออกอิเวนท์คู่กับพี่ไฟก็จะยิ่งอัพค่าตัวแหงๆ
ขอฉากพี่ไฟกับสมุทรด้วยค่าาา ๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: หญิงฉกรรจ์ ที่ 18-04-2018 22:22:40
พี่ธานนนนน โว้ยยยยยยฟฟฟฟฟฟฟหกด่าสวกวงพสมเวหงพสพ เห็นนิ่งๆแล้วพี่แซ่บโคตรเลยข่า!!! คุณไฟก็ยังคงร้อนแรงสมชื่อไม่เปลี่ยนเลย ฮืออ คิดถึงเบบี้มากๆ ถึงมาช้าแค่ไหนเราก็ยังรอเหมือนเดิมนะคะ เรารู้ว่าเบบี้ก็มีชีวิตส่วนตัวและตัวดีลกับอะไรต่างๆ ยังไงก็ขอบคุณเบบี้จริงๆน้าาา
ส่วนตัวเราชอบเรื่องนี้มากๆ จริงๆเป็นคนที่ค่อนข้างเรื่องมากในการอ่านนิยาย แต่กับคุณไฟไม่พลาดเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว คนอย่างคุณไฟควรจะได้แฟนแบบสมุทรจริงๆนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคงจะหยุดไม่อยู่จริงๆ 555555 ไม่รู้ใครคิดเหมือนเรามั้ย แต่เราว่าไฟเป็นคนดุนะ 5555 ออกจิตๆด้วยแต่ก็ยังเป็นคนดุอยู่ดี บวกกับความขี้ใจร้อนของนางด้วย แต่ก็เป็นคนที่ทัศนคติดีมากๆจนน่าทึ่งไปเลย สมุทรก็เป็นคนที่ตบะสูงมากๆจนน่าใจหาย หมายถึงใจเย็นโคตร 55555 สำหรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่เราว่ามันมาไกลมากแล้วจริงๆ ใครว่าน้อยไม่รู้แต่เมื่อเทียบกะบตอนแรก ตอนนี้เหมือนทั้งสองคนต่างมีอีกฝ่ายเป็นความสุขเล็กๆของตัวเอง แต่ด้วยหน้าที่การงานและสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะกดดันตึงเครียดในช่วงนี้ ถึงตอนนี้สมุทรจะค่าตัวแพงมากๆ แต่ตอนก่อนๆหน้าคือก็ไม่ได้เป็นน้ำแข็งเหมือนแต่ก่อนแล้ว อีกอย่างๆ เราแอบจิ้นพี่ธานกับพี่ทัพด้วยนะ 5555 รู้สึกเคมีเข้าได้แบบแปลกๆเป็นความรู้สึกส่วนตัว // ตัวละครคนอื่นๆที่เราประทับใจมากก็คือลูกน้องคุณไฟ อย่าง เด่น งี้ เราว่านางซื่อมากๆ คืออ่านมาหลายๆตอนวิเคราะห์แล้วเด่นรักไฟมากจริงๆนะ ลูกน้องคนอื่นก็ไม่แพ้เลย ถือเป็นบรรยากาศดีๆและความรู้สึกดีๆเวลาที่เราอ่านเรื่องนี้ เอาจริงๆ เรามากด refresh. ทุกวันเลย ว่าคุณไฟมาหรือยัง ยังไงเบบี้ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อย่าหักโหมมาก อากาศบางพื้นที่ค่อนข้างจะแปรปรวน ยังไงก็ฝากความเป็นห่วงไปถึงคุณเบบี้และตัวละครทุกคนเลยนะคะ รัก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 18-04-2018 22:33:01
พี่ธานนนนน โว้ยยยยยยฟฟฟฟฟฟฟหกด่าสวกวงพสมเวหงพสพ เห็นนิ่งๆแล้วพี่แซ่บโคตรเลยข่า!!! คุณไฟก็ยังคงร้อนแรงสมชื่อไม่เปลี่ยนเลย ฮืออ คิดถึงเบบี้มากๆ ถึงมาช้าแค่ไหนเราก็ยังรอเหมือนเดิมนะคะ เรารู้ว่าเบบี้ก็มีชีวิตส่วนตัวและตัวดีลกับอะไรต่างๆ ยังไงก็ขอบคุณเบบี้จริงๆน้าาา
ส่วนตัวเราชอบเรื่องนี้มากๆ จริงๆเป็นคนที่ค่อนข้างเรื่องมากในการอ่านนิยาย แต่กับคุณไฟไม่พลาดเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว คนอย่างคุณไฟควรจะได้แฟนแบบสมุทรจริงๆนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคงจะหยุดไม่อยู่จริงๆ 555555 ไม่รู้ใครคิดเหมือนเรามั้ย แต่เราว่าไฟเป็นคนดุนะ 5555 ออกจิตๆด้วยแต่ก็ยังเป็นคนดุอยู่ดี บวกกับความขี้ใจร้อนของนางด้วย แต่ก็เป็นคนที่ทัศนคติดีมากๆจนน่าทึ่งไปเลย สมุทรก็เป็นคนที่ตบะสูงมากๆจนน่าใจหาย หมายถึงใจเย็นโคตร 55555 สำหรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่เราว่ามันมาไกลมากแล้วจริงๆ ใครว่าน้อยไม่รู้แต่เมื่อเทียบกะบตอนแรก ตอนนี้เหมือนทั้งสองคนต่างมีอีกฝ่ายเป็นความสุขเล็กๆของตัวเอง แต่ด้วยหน้าที่การงานและสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะกดดันตึงเครียดในช่วงนี้ ถึงตอนนี้สมุทรจะค่าตัวแพงมากๆ แต่ตอนก่อนๆหน้าคือก็ไม่ได้เป็นน้ำแข็งเหมือนแต่ก่อนแล้ว อีกอย่างๆ เราแอบจิ้นพี่ธานกับพี่ทัพด้วยนะ 5555 รู้สึกเคมีเข้าได้แบบแปลกๆเป็นความรู้สึกส่วนตัว // ตัวละครคนอื่นๆที่เราประทับใจมากก็คือลูกน้องคุณไฟ อย่าง เด่น งี้ เราว่านางซื่อมากๆ คืออ่านมาหลายๆตอนวิเคราะห์แล้วเด่นรักไฟมากจริงๆนะ ลูกน้องคนอื่นก็ไม่แพ้เลย ถือเป็นบรรยากาศดีๆและความรู้สึกดีๆเวลาที่เราอ่านเรื่องนี้ เอาจริงๆ เรามากด refresh. ทุกวันเลย ว่าคุณไฟมาหรือยัง ยังไงเบบี้ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อย่าหักโหมมาก อากาศบางพื้นที่ค่อนข้างจะแปรปรวน ยังไงก็ฝากความเป็นห่วงไปถึงคุณเบบี้และตัวละครทุกคนเลยนะคะ รัก

ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ > < อ่านคอมเมนต์ทุกตัวอักษรเหมือนกันค่ะ ได้มุมมองจากคนอ่านมากด้วย

ดูแลสุขภาพเช่นกันนะคะ
ขอบคุณค่าาา


 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 19-04-2018 11:25:52
ร้อนแรงเป็นไฟสมชื่อจริง ๆ เลยนะเนี่ย คุณไฟขาาา..
ส่วนพี่ธาม เห็นนางเงียบ ๆ ฟาดเรียบนะคะ  :hao3:

แต่สมุทรยังค่าตัวแพงริ้วอยู่เลยนะเนี่ยถ้าตอนหน้ายังไม่มาจะรวบรวมเงินจาก "ทีมสมุทร"มาจ่ายค่าตัวให้ละนะ (เริ่มตั้งตู้รับเงินเลยดีไหม)

สุขสันวันปีใหม่ไทยย้อนหลังนะคะเบบี้  :กอด1:

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-04-2018 13:37:40
 :L2: :L1:

สู้ๆเบบี้ รักษาสุขภาพจ้าจะรออ่านเสมอ(สุขสันต์วันปีใหม่ไทยย้อนหลัง)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 19-04-2018 14:10:16
อ่านตอนนี้แล้วแบบ พี่ธานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน   :z1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 20-04-2018 02:52:03
คุณไฟโมโหหนักให้สมุทรช่วยดับไฟหน่อยจ้าาา  :katai2-1:

สมุทรค่าตัวแพงจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-04-2018 05:19:06
เรื่องอัพแล้ว แต่ตาฝาด โมโหตัวเอง ทำไมมองวันที่พลาดไปได้  :z3:

คิดถึงคุณเบบี้    :mew1: :mew1: :mew1:
เข้าใจเรื่องความล่าช้า แต่รอได้
เรื่องเข้มข้นตลอด   :katai2-1:

เดี่ยว ทำเข้ม แต่โดนไฟอ่านออกสบายๆว่าต้องการอะไร
คุณเบบี้เขียนได้เยี่ยมมาก  อ่านแล้วเห็นภาพเลย
เหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในนั้นด้วย

เจ๊ลิลลี่ ก็สวยเซ็กซี่
คราวนี้พี่ธาน ออกโรงแล้ว   :z3: :z3: :z3:
เต้  คนกร่าง โดนซะละ
สมุทรค่าตัวแพงจริงๆด้วย
สมุทร ไฟ  <-----> ไฟ สมุทร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-04-2018 11:45:14
จะรอเรื่อยๆ เรื่องนี้สะท้อนด้านมืดของคนรวย คนดัง คนมีอิทธพล ได้คมชัดลึก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: HPG ที่ 28-04-2018 19:50:11
เป็นเรื่องที่ดีมากกกก และยาวนานมากเช่นกัน 5555+ นู๋สมุทรของเราไม่ใจอ่อนซะทีเลยค่ะประชาชนทำไงดี หรือควรให้นู๋เต้มาเป็นมือที่สามกันดีคะ 5555 คุณเบบี้ดูแลตัวเองดีๆนะคะ มาต่อช้ายังไงก็ได้แต่อย่าทิ้งพี่ไฟขาก็พอค่ะ   ปล ชีวิตไม่ได้มีแค่เขียนหนังสือค่ะอันนี้เข้าใจมากๆเลย ยังไงก็ขอให้อีกหลายๆส่วนในชีวิตราบรื่นนะคะ รัก xoxo
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iMarchs ที่ 03-05-2018 16:50:51
ยังคงเข้ามารอคุณเบบี้อยู่เรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 07-05-2018 01:12:57
จะเข้ามาให้กำลังใจนักเขียน ไม่มี+เป็ดแล้วเหรอ 5555 นี่ไม่ได้เข้าเล้ามานานมาก เป็นกำลังใจให้คุณเบบี้นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-05-2018 06:45:01
คิดถึงแล้วน้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-05-2018 05:58:41
เข้ามารอ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 27-05-2018 00:31:43
คิดถึง ใจจะขาดแล้วเอยเบบี้คร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 27-05-2018 00:43:56
เคยอ่านนิยายของเบบี้มาตั้งแต่ น้องข้าวกับพี่ตาร์ พอมาอ่านสมุทรกับคุณไฟอีกนี่ สไตล์การเขียน บุคลิกตัวละครนี่เป็น signature จริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 27-05-2018 11:15:30
 เช้าๆเห็นนักมวยแถวบ้านออกมาวิ่ง นี่มโนเห็นเป็นค่ายมวยคุณไฟเลย เสียอย่างเดียว หน้าไม่ฟินหุ่นไม่เฟริ์ม  ไม่ได้ครึ่งค่ายคุณไฟสักนิ๊ดดดดด  :m26:  :m20:

คิดถึงคุณไฟนะคะ  :dont2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 30-05-2018 22:48:34
สมุทรค่าตัวแพงไปไหน???  55555555แต่ต่อให้แพงแค่ไหนคุณไฟก็จะซื้อใช่ไหมมมม กร้ากกกกก 

รอคุณไฟโดนสมุทรลวนลามอยุ่นะคะ(?)เอ๊ะ :z2: :z2:
ขอบคุณคุณเบบี้มากนะคะ คิดถึงสุด :-[
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 31-05-2018 19:52:50
แวะมาบอกว่าคิดถึง อ่านรอบที่ล้าน 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-06-2018 02:27:51
อีโรติคไปอีกค่ะ  :o8:
ไฟใช้ชีวิตได้น่ากลัวมากเลย
แล้วดูพี่ธานสิ เป็นไปกับเค้าด้วย

สมุทรได้ออกโรงแบกเต้นะ ไฟก็อย่าของขึ้นอีกล่ะ

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Purewing ที่ 05-06-2018 16:49:05
อยากอ่านผลงานเก่าของคุณเบบี้ เรื่อง เพราะว่ารัก...แน่รึเปล่า
มีใครพอแนะนำช่องทางได้บ้างคะ
 :mew2:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 10-06-2018 06:26:47
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iMarchs ที่ 10-06-2018 19:25:47
กลับมาได้หรือเปล่า ปั๊ป ปา ดั๊ป ปา  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 10-06-2018 21:44:47
คิดถึงน้องเมฆ มืดมน  :impress2: :z10:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 01-07-2018 16:57:17
คิดถึงสมุทรกับคุณไฟมากเลยค่ะ  ที่สำคัญอยากรู้ว่าพี่ธารจะถูกใจเจ้มากขนาดไหน   :mew1: :mew1: :mew1:



รออยู่น๊าาาาา   : 222222: : 222222: : 222222:


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-07-2018 13:06:04
.
.

สวัสดีค่ะ

เบบี้จะมาแจ้งว่า  เดือนกรกฏาคมนี้ยังไม่สามารถมาต่อตอนต่อไปให้ได้นะคะ  ต้องขอโทษด้วยค่ะ  ตอนต่อไปเขียนเสร็จแล้ว  แต่ไม่สามารถลงให้ได้  เพราะส่วนตัวยังไม่ชอบ ( - . - ) ยังจำเป็นต้องมีการหาข้อมูลเพิ่มและคิดว่าคงต้องปรับแก้อีกหลายส่วน  คาดเดาว่า.. คงต้องใช้เวลาในการทำงานของตอนที่ 50 ประมาณหนึ่งอาทิตย์ถึงจะโอเค (การปรับแก้ต้องคำนึงถึงเนื้อหาในตอนต่อ ๆ ไปด้วย)  ซึ่งตรงส่วนนี้(สำหรับเดือนนี้ทั้งเดือน)เบบี้ไม่มีเวลาว่างพอที่จะสามารถทำได้

---และสืบเนื่องจาก ครั้งนี้.. เบบี้ไม่สามารถมาต่อตอนต่อไปได้ล่าช้ากว่าทุก ๆ ตอนที่ผ่านมา  จึงได้แจ้งกับทางโมฯ เพื่อขอว่าอย่าเพิ่งลบนิยายเรื่องนี้ออก  และมาแจ้งให้คนอ่านทราบบนนี้อีกทางหนึ่ง


ป.ล. ยังไม่สามารถรับปากได้อย่างแน่นอนว่าจะมาต่อตอนต่อไปได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่  เพราะชีวิตไม่ได้เป็นไปตามแผนที่อยากให้เป็นอยู่บ่อยครั้ง  อย่างไรก็ตาม  ถ้าเดือนหน้าพอจะจัดสรรเวลาให้ทางนี้ได้  จะพยายามมาต่อให้นะคะ


ขอบคุณค่ะ : >)
เบบี้

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 05-07-2018 13:15:45

เช้าๆเห็นนักมวยแถวบ้านออกมาวิ่ง นี่มโนเห็นเป็นค่ายมวยคุณไฟเลย เสียอย่างเดียว หน้าไม่ฟินหุ่นไม่เฟริ์ม  ไม่ได้ครึ่งค่ายคุณไฟสักนิ๊ดดดดด  :m26:  :m20:

คิดถึงคุณไฟนะคะ  :dont2:

 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-07-2018 16:13:18
รับทราบคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 05-07-2018 16:56:51
รอได้ค่าา :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 05-07-2018 17:40:50
รอได้ค่ะ ขอบคุณที่มาแจ้งนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-07-2018 18:48:25
คุณทำได้ เอาใจช่วยให้ตอนใหม่คลอดได้ไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 05-07-2018 18:56:06
รอเสมอนะเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B Beast ที่ 05-07-2018 20:05:57
รอค่าา :hao7: :mew3: :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 05-07-2018 21:20:33
มาให้กำลังใจ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 05-07-2018 23:33:26
รอได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 05-07-2018 23:37:24
ยังไงก็จะรอนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณเบบี้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-07-2018 04:10:31
คงไม่มีนักมวยค่ายไหนหุ่นดี หน้าตาดี  แมน เท่าค่ายคุณไฟแน่ๆ ชัวร์  :m20:
หล่อสุดก็เจ้าของค่ายแหละ  o18

รอได้ค่ะ คิดถึงมาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 06-07-2018 06:49:13
ไม่เป็นไรค่ะ ยังรอเสมอ อิอิ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 06-07-2018 07:46:46
 :กอด1: :กอด1: รอนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 06-07-2018 09:29:24
รอได้ค่า ว่างเมื่อไหร่ก็ค่อยมาต่อละกันนะคะ ตอนนี้ก็นั่งดูค่ายมวยคนอื่นไปก่อน ค่ายมวยคุณไฟยังไม่ว่าง 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 06-07-2018 12:35:42
แค่เบบี้ส่งข่าวมาก็ใจชื้น ตื่นเต้นเดือนหน้าจะได้อ่านคุณไฟต่อแล้ว เย้ๆๆๆๆๆ

ขอบคุณนะคะ มีกำลังใจรอละ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 06-07-2018 14:18:07
รอค่ะ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Goldenfishja ที่ 06-07-2018 17:36:56
ยินดีที่จะรอ ขอแค่ไมหายไปก็พอ เน๊อะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jj ที่ 07-07-2018 15:57:16
ไม่เป็นไรค่ะ รอได้

ขอบคุณที่มาส่งข่าวนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 07-07-2018 17:09:05
.
.

สวัสดีค่ะ

เบบี้จะมาแจ้งว่า  เดือนกรกฏาคมนี้ยังไม่สามารถมาต่อตอนต่อไปให้ได้นะคะ  ต้องขอโทษด้วยค่ะ  ตอนต่อไปเขียนเสร็จแล้ว  แต่ไม่สามารถลงให้ได้  เพราะส่วนตัวยังไม่ชอบ ( - . - ) ยังจำเป็นต้องมีการหาข้อมูลเพิ่มและคิดว่าคงต้องปรับแก้อีกหลายส่วน  คาดเดาว่า.. คงต้องใช้เวลาในการทำงานของตอนที่ 50 ประมาณหนึ่งอาทิตย์ถึงจะโอเค (การปรับแก้ต้องคำนึงถึงเนื้อหาในตอนต่อ ๆ ไปด้วย)  ซึ่งตรงส่วนนี้(สำหรับเดือนนี้ทั้งเดือน)เบบี้ไม่มีเวลาว่างพอที่จะสามารถทำได้

---และสืบเนื่องจาก ครั้งนี้.. เบบี้ไม่สามารถมาต่อตอนต่อไปได้ล่าช้ากว่าทุก ๆ ตอนที่ผ่านมา  จึงได้แจ้งกับทางโมฯ เพื่อขอว่าอย่าเพิ่งลบนิยายเรื่องนี้ออก  และมาแจ้งให้คนอ่านทราบบนนี้อีกทางหนึ่ง


ป.ล. ยังไม่สามารถรับปากได้อย่างแน่นอนว่าจะมาต่อตอนต่อไปได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่  เพราะชีวิตไม่ได้เป็นไปตามแผนที่อยากให้เป็นอยู่บ่อยครั้ง  อย่างไรก็ตาม  ถ้าเดือนหน้าพอจะจัดสรรเวลาให้ทางนี้ได้  จะพยายามมาต่อให้นะคะ


ขอบคุณค่ะ : >)
เบบี้



รอจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ 23:36 น. - พฤ. 12 เม.ย 61 หน้า 68 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 07-07-2018 18:20:06
.
.

สวัสดีค่ะ

เบบี้จะมาแจ้งว่า  เดือนกรกฏาคมนี้ยังไม่สามารถมาต่อตอนต่อไปให้ได้นะคะ  ต้องขอโทษด้วยค่ะ  ตอนต่อไปเขียนเสร็จแล้ว  แต่ไม่สามารถลงให้ได้  เพราะส่วนตัวยังไม่ชอบ ( - . - ) ยังจำเป็นต้องมีการหาข้อมูลเพิ่มและคิดว่าคงต้องปรับแก้อีกหลายส่วน  คาดเดาว่า.. คงต้องใช้เวลาในการทำงานของตอนที่ 50 ประมาณหนึ่งอาทิตย์ถึงจะโอเค (การปรับแก้ต้องคำนึงถึงเนื้อหาในตอนต่อ ๆ ไปด้วย)  ซึ่งตรงส่วนนี้(สำหรับเดือนนี้ทั้งเดือน)เบบี้ไม่มีเวลาว่างพอที่จะสามารถทำได้

---และสืบเนื่องจาก ครั้งนี้.. เบบี้ไม่สามารถมาต่อตอนต่อไปได้ล่าช้ากว่าทุก ๆ ตอนที่ผ่านมา  จึงได้แจ้งกับทางโมฯ เพื่อขอว่าอย่าเพิ่งลบนิยายเรื่องนี้ออก  และมาแจ้งให้คนอ่านทราบบนนี้อีกทางหนึ่ง


ป.ล. ยังไม่สามารถรับปากได้อย่างแน่นอนว่าจะมาต่อตอนต่อไปได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่  เพราะชีวิตไม่ได้เป็นไปตามแผนที่อยากให้เป็นอยู่บ่อยครั้ง  อย่างไรก็ตาม  ถ้าเดือนหน้าพอจะจัดสรรเวลาให้ทางนี้ได้  จะพยายามมาต่อให้นะคะ


ขอบคุณค่ะ : >)
เบบี้


ยินดีรอมากๆจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 09-07-2018 14:18:43
รอได้ค่า ขอบคุณมาก ๆที่มาแจ้งข่าวให้รับทราบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 09-07-2018 23:10:55
 o4 o4 o4 :sleep2: :sleep2: :sleep2:


รอจ้า  ขอบคุณที่เข้ามาแจ้งข่าวนะคะ


  :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 10-07-2018 09:27:31
เข้าใจเบบี้นะคะ
รอติดตามอ่านอยู่ เป็นกำลังใจให้ค่าาา
สู้ๆนะคะ จะรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-07-2018 14:21:48
รอคุณไฟ. เมื่อเบบี้พร้อม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 11-07-2018 20:13:59
รอได้ค่ะ เบบี้สู้ๆนะคะ ^______^ 
รอได้เสมอ 
 :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 12-07-2018 22:41:14
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดได้อ่านแล้วววววว  สมุทรคือค่าตัวแพงมากๆ บทน้อย แต่มีเมียเป็นร้อยเลยค่ะ ฮื้อออออออ(ไม่เกี่ยวกับไฟ อิ :hao3:)   

*ยังไงก็รอได้เสมอนะคะ  เป็นกำลังใจให้เบบี้น๊า  ค่อยเป้นค่อยๆไปยังไงก็รอได้เสมอ ดีใจที่กลับมา :hao5: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 28-07-2018 13:05:36
เรารอเก่งนะ^^ เบบี้รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอให้ทุกอย่างราบรื่นไวๆ ค่า คิดถึงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-07-2018 18:35:13
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 04-08-2018 09:13:16
คิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-08-2018 02:41:08
รับแซ่บจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Goldenfishja ที่ 07-08-2018 22:49:03
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: หญิงฉกรรจ์ ที่ 11-08-2018 22:41:46
ยังรออยู่น้าเบบี้จ๋า คิดถึงจังเลยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 12-08-2018 00:04:30
 :o12: น้องมารอพี่ไฟในเล้าทุกวันเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-08-2018 13:29:51

ตอนที่ 50
..ไฟ..




23:25 น. : THE 11 CONCEPTS, HOTEL

“น้ำครับ”

น้ำเปล่าถูกไอ้หินยกนำมาเสิร์ฟให้  เสร็จแล้วก็ขอตัวกลับเข้าห้องพักของตนไป  พวกไอ้เด่นแยกย้ายกันไปอาบน้ำหลังจากที่จัดการนำไอ้เต้เข้าไปนอนพักในห้อง  พี่ธานก็ขอตัวไปอาบน้ำด้วยเช่นกัน 

ผมถอดเสื้อเชิ้ตออก  นำวางพาดไว้บนโซฟา  สมุทรเดินออกมาจากครัวและเห็นเข้าพอดี  เขาเข้ามาหยิบเสื้อของผมไปพาดไว้ที่แขนซ้ายของตนและยืนนิ่งคล้ายรอคำสั่ง 

“ฉันจะอาบน้ำ นายไปจัดการตัวเองเถอะ” ผมปัดมือ  สมุทรผงกหัวเล็กน้อย  ตรงกลับเข้าห้องนอนของเขาไป 

ห้องพักนี้เป็นห้องพักที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม  มีห้องพักแบ่งย่อยออกเป็นทั้งหมดสามห้องนอน  หนึ่งห้องนอนสำหรับพวกไอ้เข้ม  ไอ้เด่น  ไอ้รุ่งและไอ้หิน  ห้องหนึ่งสำหรับพี่ธานและสมุทร  ส่วนห้องที่ไอ้เต้นอนอยู่นั่นเป็นห้องของผม

ผมตรงไปที่เคาน์เตอร์  หยิบขวดบรั่นดีที่นำกลับมาจากร้านเจ๊ลิลลี่เปิดออก  แก้วของโรงแรมที่วางไว้ตรงเคานเตอร์เครื่องดื่มเป็นแก้วสำหรับดื่มบรั่นดีโดยเฉพาะ  ขณะเดียวกันพี่ธานก็ปรากฏตัวออกมาจากห้อง  แต่งชุดใหม่พร้อมออกจากที่นี่อีกครั้ง  ผมจึงรินให้อีกฝ่ายด้วย  หยิบแก้วของตัวเองกับขวดบรั่นดีติดมือกลับมานั่งที่โซฟา  พี่ธานกล่าวขอบคุณ  เข้าไปยกแก้วบรั่นดีของตนแล้วตามผมมานั่งที่โซฟาเช่นกัน  อีกฝ่ายไม่พูดจา  ยกบรั่นดีขึ้นจิบก่อนวางลงและนำผ้าขนหนูเช็ดผมที่ยังไม่แห้งดี 

“วันนี้.. คุณดื่มมากไปแล้วนะครับ” พี่ธานพูด 

“........” ผมไม่ตอบ  ถ้าเมื่อกี้คนพูดไม่ใช่พี่ธาน  อาจรำคาญหูกว่านี้ก็ได้

“คืนนี้พี่ไม่ต้องกลับมาก็ได้ พรุ่งนี้ฝึกตีห้าครึ่ง บอกพวกนั้นด้วย” ผมพูด 

“ครับ” พี่ธานผงกหัวรับทราบและลุกขึ้น  ไม่ทิ้งคำสั่งไว้นาน  เดินตรงไปยังห้องพักของพวกไอ้เด่นทันที 

ผมยกบรั่นดีขึ้นดื่มหมดแก้ว  ก่อนกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง  ไอ้เต้นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง  ใบหน้าแดงก่ำด้วยท่าทางทรมาน  มันยังพอมีสติ  ใช้หางตาเหลือบมองมาทางประตูห้อง  เป็นท่าทางที่ระมัดระวัง  ผมตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า  หยิบกางเกงขายาวสำหรับใส่นอนที่สมุทรจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยออกมา  ก่อนตรงเข้าห้องน้ำ  ของใช้ทุกอย่างถูกเตรียมไว้ในห้องน้ำพร้อมแล้ว  การอาบน้ำเป็นไปอย่างลวก ๆ  เปลี่ยนใส่กางเกงนอนตัวเดียว  แล้วตรงไปหาไอ้เต้ที่นอนอยู่บนเตียง...

“ออกไปให้ห่างจากกู” คนบนเตียงออกคำสั่งเสียงแข็ง 

“........” ผมหยุดยืน  คำเตือนนั้นทำให้หลุดอมยิ้มไม่ได้

“นี่มันเตียงกู” ผมบอก  เดินตรงเข้าหาพร้อมนั่งลงข้าง ๆ  ไอ้เต้ทำท่าจะขยับตัวหนี  ผมจับแขนมันแล้วดึงเข้าหา  ตัวมันจึงไถลตามแรงมา 

“จะทำอะไร” มันบดฟันแน่น  เงยหน้าขึ้นมองตาขวาง

“แล้วมึงกลัวอะไร” ผมเลิกคิ้ว 

“........” อีกฝ่ายเงียบไป  มันพยายามที่จะดึงแขนออกด้วยแรงที่มี  แต่มันก็ไม่ได้มีแรงมากมายอะไรขนาดนั้นอยู่แล้วนี่นะ

“ได้ข่าวว่าเก่งนักนี่” ผมถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย 

“อย่ามาจับกู !” ไอ้เต้หน้าแดงก่ำ  ผมมองเฉย  แขนข้างหนึ่งยังจับแขนมันไว้แน่น  ส่วนอีกมือก็ปลดกระดุมเสื้อของมันออก  แผงอกแดงเถือก  คนละสีกับสีผิวที่แท้จริง 

“มันให้มึงกินอะไร”

“กูจะรู้ไหม” มันขึ้นเสียงคลายรำคาญ

“หึ” ผมพ่นหัวเราะ 

“ไปหาหมอไหม” ผมถามไปงั้น  ไม่ได้จะพาไปจริง ๆ

“กูบอกว่าอย่ามายุ่งกับกู” ไอ้เต้บดฟันแน่น

“หึ.. ทำไม อายเหรอ” ผมยิ้ม

“มึงเลิกปลดกระดุมเสื้อกูได้ไหมวะ !” มันโวยวาย  หน้าตาตื่นกว่าเดิม  รีบปัดมือของผมออกด้วย

“จิ !” ผมสบถ  เสียงดังน่ารำคาญฉิบหาย  กระดุ้มส้นตีนนี่ก็เม็ดเล็กจนน่าหงุดหงิด 


แควกกกกก !

เสียงกระดุมเสื้อหลุดออกจากกันทั้งแผงทันทีที่ผมกระชากออก  เสื้อแหวกออกจากกัน  กระดุมบางเม็ดหลุดกระเด็นไปคนละทาง 

“ไอ้เหี้ย ทำอะไรวะ !” ไอ้เต้ร้องลั่น  มันฮึดขึ้นทำท่าจะสู้สุดกำลัง
 
“ช่วยตัวเองซะ” ผมบอก

“ปล่อย” ไอ้เต้กดเสียงต่ำลง  ผมใช้หัวเข่ากดข้อมือขวาของมันไว้จนมันไม่สามารถขยับร่างกายได้  มือซ้ายที่ว่างอยู่เหวี่ยงขึ้นกลางอากาศอย่างไม่ยอมแพ้  ผมจับห้ามไว้ได้ทัน 

“โอ๊ยยย !” มันร้องเสียงหลง  ผมบิดนิ้วมือข้างซ้ายของไอ้เต้พลิกกลับไปอีกด้านหนึ่ง  ซึ่งฝืนธรรมชาติ  อีกฝ่ายนอนหน้าตาบิดเบี้ยว  แผงอกและลำคอเป็นสีแดงหนักกว่าเดิม   

“รึอยากให้กูช่วย”

“วิปริต สัส !” ผมตวาดดังลั่น  คงจะโมโหเต็มที่เลยทีเดียว

“หึ ๆ ๆ” ผมกัดหันหัวเราะ 

“ทำไม ไม่ชอบอะไรกูนักหนา” ผมล็อกข้อมือของไอ้เต้ขึ้นพร้อมคร่อมตัวเข้าหา  อีกฝ่ายหยุดต่อต้านแรงลง 

“ว่ากูวิปริต ..คิดว่าคนอย่างกูจะพิศวาสมึงงั้นเหรอ” ผมอมยิ้มมุมปากพลางกวาดตามองด้วยสายตาตั้งคำถาม  ไม่มีเสียงต่อว่าตอบกลับมา  ใบหน้าก้มเข้าประชิด  ปลายจมูกจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูกของอีกฝ่าย  สันกรามของไอ้เต้ปูดนูนเด่นชัด  ผมไล่ปลายจมูกสูดดมที่ข้างแก้ม  ไอ้เต้เบี่ยงหน้าหนี  ทีท่าสงบลง...


จุ๊บ ~

“ไอ้..” ไอ้เต้ทำท่าจะสบถอีกครั้ง  ผมหัวเราะในลำคอพร้อมเลิกตาให้  อีกฝ่ายหุบปากลงทันที  ผมปล่อยมือข้างซ้ายของมันออกก่อนเปลี่ยนไปปลดเข็มขัด  ไอ้เต้เริ่มร้อนรนอีกครั้ง  เสียงซิปกางเกงถูดรูดลงดังชัดเจน   

“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้” มันถลึงตาขู่

“ก็มึงพูดไม่เพราะ” ผมมอง

“จำไม่ได้เหรอว่าหัวหน้าสั่งอะไรไว้...” ผมนำหน้าเข้าประชิด 

“เรียกพี่สิ” ผมฉีกยิ้ม

“........” ไอ้เต้เงียบ  ไม่ยอมกะพริบตา  ดูท่าว่าครั้งนี้ผมจะทำให้โกรธจริง ๆ ซะแล้ว

“เรียก” ผมย้ำเสียงเย็นพร้อมหุบยิ้มลง  รำคาญ  เมื่ออีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา  จึงเริ่มไม่สบอารมณ์
 
“........” อีกฝ่ายเงียบอยู่พักใหญ่  พอผมเริ่มขยับตัว  มันก็สะดุ้งทันที 

“พี่.. พี่ไฟ

ปฏิกิริยาที่น่าสนใจของมันทำให้อดหอมลงที่ปลายคางอย่างหยอกเอินไม่ได้  ครั้งนี้ไม่ถูกเถียงสู้กลับมาด้วยเช่นกัน 

“ต่อไปนี้ ก็เรียกให้ชินปากซะด้วย” ผมจ้องมอง   


แกรก !

ผมกับไอ้เต้หันไปมอง  พี่ทัพเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับสมุทรและพี่ธานที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ทำอะไรของลื้อ” พี่ทัพขมวดคิ้วมองมา  ผมเหลือบมองไปยังสมุทรที่ถือถาดเครื่องดื่มมาด้วย  เขาจ้องมาที่ผมคล้ายเก็บรายละเอียด  แต่นั่นไม่ได้น่าสนใจเท่ากับพี่ทัพที่แปลงร่างเป็นชายแก่ได้อย่างแยบยล 

“ตัวเหี้ยอะไร” ผมขมวดคิ้วถาม  มองพี่ทัพหัวจรดเท้า

“งาน” มันว่า

“พี่ทัพ เอามันออกไป” ไอ้เต้ร้องบอก  ผมยังเฉย  หันกลับไปยิ้มให้ไอ้เต้อีกครั้งที่มันหาตัวช่วยไว้ได้

“เมื่อกี้ยังเป็นเด็กดีอยู่แท้ ๆ” ผมแซว  ไอ้เต้ปากสั่น  ทำท่าว่าจะด่าออกมา  ผมเบิกตารอให้มันด่า  แต่มันกลับไม่ทำ  อดกลั้นและนอนนิ่งไปได้  ผมปล่อยมันออกแล้วลุกขึ้น  หมดอารมณ์เล่น  สมุทรนำเครื่องดื่มไปจัดวางไว้ให้ที่หัวเตียง
 
ผมเหลือบมองของที่วางอยู่บนถาดเสร็จแล้วก็เดินออกมา  พี่ธานตามหลังมาติด ๆ  ผมนั่งลงที่โซฟาตัวเดิม  หยิบขวดบรั่นดีขึ้นรินใส่แก้ว  สมุทรออกมาจากห้องนอนของผม  เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

“ผมขอตัวนะครับพี่ธาน” อีกฝ่ายพูด  ผมช้อนตามอง  เพราะประโยคนั้นเขาควรจะขอผม  คงลืมไปแล้วว่าใครเป็นเจ้านาย

“ตามสบายเถอะ” พี่ธานพยักหน้าอนุญาต  สมุทรผงกหัวน้อย ๆ  ก่อนเดินผ่านหน้าผมแล้วตรงกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป 

“เขาเห็นผมไหมน่ะ ? หรือผมตายแล้ว ?” ผมแสยะยิ้มพร้อมเบิกตากว้าง 

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานหลุดหัวเราะ  ยกบรั่นดีขึ้นจิบ 

“เดี๋ยวอีกฝ่ายก็เข้าใจผิดหรอกครับ” พี่ธานพูดยิ้ม ๆ
   
“แล้วไง” ผมถามกลับ

“........” พี่ธานนิ่งไป  ลดระดับสายตาที่มองผมลง

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เข้าใจผิดรึเปล่า ..ถึงไม่เข้าใจผิด หมอนั่นก็เข้าใจยากเหมือนกัน” ผมเบะปาก  สรุปง่าย ๆ คือ ผมกับสมุทรไม่ได้ตกลงคบหากันอย่างเป็นทางการ  ถึงแม้ว่าการกระทำของผมมันจะตรงไปตรงมาว่าสนใจเขา  แต่นั่นมันเป็นเรื่องของมุมเดียว

“ชอบเขาจริง ๆ รึเปล่าครับ” จู่ ๆ พี่ธานก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“.......” ผมไม่ตอบ  เหลือบมองแก้วบรั่นดีก่อนช้อนตาขึ้นมองแจกันดอกไม้ของทางโรงแรม  ไม่ทันให้ถูกซักถามมากไปกว่านี้  พี่ใหญ่ก็ถูกรบกวนจากสายที่โทรเข้ามา

“ครับ ๆ  ห้อง 3301 นะครับ ครับ เดี๋ยวผมไป” พี่ธานตอบพร้อมตัดสายลง

“เธอมาถึงแล้วครับ”

“ตามสบาย” ผมปัดมือไล่ส่ง  อนุญาตให้รีบ ๆ ไปซะ  พี่ธานอมยิ้มพร้อมลุกขึ้น 

“อารมณ์ดีออกนอกหน้าเชียวนะพี่ใหญ่” ผมอดแซวไม่ได้  อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ  หยิบโทรศัพท์มือถือ  ปืนพก  กล่องถุงยางที่วางอยู่ติดตัวไปด้วย   

“อ้าว ไปไหนวะ” พี่ทัพเดินออกมา  มันแปลงร่างกลับมาเป็นปกติแล้ว
 
“ธุระครับ” พี่ธานตอบแล้วเดินจากไปเลย

“กูละอิจฉาความหล่อของมึงจริง ๆ” พี่ทัพบ่นอุบอิบ  มองตามหลังพี่ธานจนลับตา  ผมหลุดยิ้ม  อีกฝ่ายเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวที่พี่ธานนั่งก่อนหน้านี้  ผมจึงรินบรั่นดีให้  ด้วยการใช้แก้วเดิมของพี่ธานนั่นล่ะ

“แก้วใคร” พี่ทัพถาม

“แดก ๆ ไปเถอะ เมียยังใช้ร่วมกันได้เลย” ผมตอบ

“สัส นั่นมันมึงกับไอ้ธาน !” พี่ทัพว่า  ผมหรี่ตาใส่  ทำไมต้องเสียงดัง

“เดี๋ยว.. นี่ไม่ใช่ว่าเคยแอบเอาเมียกูคนไหนลับหลังหรอกนะ” พี่ทัพทำตาขวางคล้ายนึกระแวงอดีต

“ผมไม่จำเป็นต้องจำนี่” ผมตอบ  อีกฝ่ายตัดบทยอมความด้วยการถอนหายใจทิ้งแรง

“โฮ ของแพงนี่หว่า” พี่ทัพเปลี่ยนเรื่อง  หยิบขวดบรั่นดีขึ้นไปสำรวจตาวาว  ทำอย่างกับว่าน้องชายมันไม่ได้เปิดร้านเหล้าอย่างนั้น

“คืนนี้พี่นอนห้องนั้นไปแล้วกัน” ผมบอก

“แล้วมึงจะนอนไหน” พี่ทัพตกใจ

“แถวนี้” ผมปัดไปที  พี่ทัพหัวเราะขึ้นจมูก  วางขวดบรั่นดีลงแล้วยกแก้วของตนขึ้นดื่ม  มันส่งเสียง “อ้า ~~” ลากยาวอย่างกับดื่มยาดอง  ผมรินเติมให้  อีกฝ่ายนั่งจ้องหน้าผมเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง  โดยที่ผมก็ไม่คิดทักถามว่าเพราะอะไร

“ผมได้ผู้หญิงสองคนแล้วผมจะหยุด”

“อะไร” พี่ทัพถามกลับเสียงเย็น

“ตามที่พูด” ผมตัดบท

เราต่างเงียบลง  เงียบขนาดที่ว่าเสียงหายใจก็แทบไม่ได้ยิน  ผมทราบดีว่าพี่ทัพต้องการอะไร  แต่นี่มันจะเกินเลย  และเพราะ.. ผมเคยรับปากกับคนสำคัญไว้แล้วว่าจะไม่เกินเลย 

“ผมอยากอยู่เงียบ ๆ” ผมมีเหตุผลเท่านี้  ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ
   
“อืม กูเข้าใจ” พี่ทัพพยักหน้า 

“มีทางเดียวที่จบได้เร็วสุด..” ผมพูด  พี่ทัพเงยหน้าขึ้นมอง 

“แต่นั่นเป็นวิธีในแบบของผม” ผมยิ้มให้ 

เราสองคนไม่เหมือนกันมาแต่แรกแล้ว  มันแปลกประหลาดที่เราได้มารู้จักกัน...

หากคุณหยิบเด็กดีหนึ่งคน  ให้เข้าไปในกลุ่มของเด็กนิสัยไม่ดีสิบคน  มันจะเกิดปัญหา  ปัญหาแรกคือ.. เด็กดีจะถูกลดประสิทธิภาพของตัวเองลงไปโดยปริยาย  หากคุณยืนอยู่กลางอำนาจที่ไม่ขาวสะอาด  มันก็เหมือนคุณยืนอยู่ในเขาวงกต  เส้นทางคดเคี้ยว  ไม่ว่าคุณจะหยิบกำลังมาเพื่อต่อสู้กับความโปร่งใสมากแค่ไหน  สุดท้ายมันจะเปล่าประโยชน์  หันไปทางไหนก็เจอแต่กำแพงสูงชัน  ผมกำลังพูดว่า.. เป็นพี่ทัพน่ะมันยากกว่าเป็นผมซะอีก 

เพราะมนุษย์ทุกคนไม่สามารถอยู่บนศีลธรรมโดยเสมอภาคกันได้  ความเห็นแก่ตัวทำกันต่อทอดยืดยาวออกไป  จึงมีการตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อเป็นฐานในการตัดสินว่าอะไรถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง  แม้แต่ไอ้ความถูกต้องหรือไม่นั้น  ในบางครั้งก็ไม่ยุติธรรมเสมอไปอีกนั่นล่ะ  ถ้าผมมีความเคารพในบรรทัดฐานนี้ได้มากเท่าพี่ทัพ  ผมก็คงเป็นแบบพี่เขาไปแล้ว  แต่ผมไม่ได้เคารพมันมากขนาดนั้น  ผมจึงมีบรรทัดฐานในแบบของผม  ตัดสินใจทำมันในแบบของผม..

“ขอโทษด้วยแล้วกัน” ผมตัดบท  ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดหยดสุดท้ายก่อนลุกเดินจากมา 

.
.

ห้องนอนของพี่ธานมืดสนิท  เพื่อนร่วมห้องเข้านอนก่อนแล้ว  เตียงขนาดใหญ่สามารถรองรับผู้ชายหุ่นปกติทั่วไปได้สักสามคนล่ะมั้ง  แต่ถ้าหุ่นอย่างพี่ธานและยังอยากนอนอย่างสบาย ๆ  สองคนก็ถือว่าเป็นการรองรับอย่างเต็มที่แล้ว  สมุทรนอนหันหน้าไปทางระเบียงห้อง  ผมเดินไปขึ้นเตียงจากทางด้านหลัง  ผ้าห่มผืนเดียวกันถูกยกขึ้นช้า ๆ 

“ผมจะนอนครับ” คนถูกกอดพูดขึ้นเสียงแข็ง  รู้ทันทีว่าไอ้ตัวที่อยู่ด้านหลังนี้ไม่ใช่พี่ธานแน่

“ก็นอนไปสิ” ผมตอบ  ในเมื่อเขารู้แล้วจึงกระชับแขนกอดมากขึ้น  แสงจันทร์สาดส่องผ่านกระจกตรงระเบียงซึ่งไม่ได้ปิดผ้าม่านทึบแสงไว้   

“ไปนอนห้องตัวเองสิครับ” สมุทรพูด

“ไอ้เต้นอนอยู่ ตัวมันเหม็นบุหรี่จะตาย”

“ตัวคุณตอนนี้ก็ไม่ได้หอมเท่าไหร่หรอกครับ” สมุทรสวนกลับทันควัน  ผมแสยะยิ้ม  ก็จริงของหมอนี่  กลิ่นบุหรี่ยังติดตัวผมอยู่มาก   

“........” สมุทรเงียบไปแล้ว  ผมแอบมอง  เห็นว่าเขาลืมตาตื่นอยู่  ตั้งแต่กลับจากบ้านหงส์มา  ตามตรงแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน  ความสัมพันธ์ที่เคยมีร่วมกันก่อนหน้านี้มันไม่ได้จางหายไปสำหรับผม  แต่สำหรับเขาผมไม่ทราบ..

ผมขยับใบหน้าลง  พลางสูดดมเส้นผมของอีกฝ่าย 

“คุณไฟ..” สมุทรเรียก  น้ำเสียงคมเข้มกว่าเก่า  ประมาณว่า หยุดสักทีได้ไหมครับ

ฝ่ามือที่กอดเอวสมุทรอยู่ลูบไล้ไม่ฟังเสียงห้าม  ริมฝีปากหอมไปตามลำคอครั้งคราว  เป้าหมายคือการล้วงต่ำลงไปมากขึ้น  สมุทรคว้าหมับเข้าที่ลำแขนของผมอย่างแรง  มือของผมจึงหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงของเขาเท่านั้น 

“คุณนี่ไม่มีมือสักข้างก็ท่าจะดีนะครับ” อีกฝ่ายพูด  ออกแรงบีบลำแขนผมด้วยน้ำหนักที่ไม่ปรานี 

“เจ็บนะ” ผมกระซิบบอกดี ๆ  สมุทรหันใบหน้ามามองตาขวาง  สายตาอย่างนั้นที่อดอมยิ้มยียวนกลับไม่ได้  น้ำหนักที่นิ้วโป้งของสมุทรกดแรงขึ้นกว่าเดิม   

“บอกว่าเจ็บไง” ผมว่า  แต่ก็ยังไม่หยุดยิ้ม 
 
“งั้นก็ช่วยเลิกคร่อมผมด้วยครับ”

“ครับ ๆ” ผมตัดบทยอมความ  ทันทีที่นิ้วกำลังจะถูกจัดการเป็นรายต่อไป  ผมจึงรีบปล่อยแขนที่กอดสมุทรออก

“ใจร้ายจังน้า เคยนอนด้วยกันอยู่แท้ ๆ” ผมแกล้งบ่นอุบอิบ  นอนหงายลงข้างหลังอีกฝ่าย 

“........” สมุทรนอนนิ่ง  ไม่มีการตอบรับกลับมา

“ไม่พอใจอะไรฉันรึไง” ผมพูด  จำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องให้โกรธกันด้วย

“........” คนข้าง ๆ ยังนอนอยู่ในความนิ่งสงบ  สายตาเริ่มปรับได้กับความมืดในห้องแล้ว  แต่จู่ ๆ  ก็มีแสงไฟกะพริบมาจากหัวเตียง  มันกระทบเข้ากับเพดานห้อง  ผมขยับตัวลุกขึ้นมอง  เห็นโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงของสมุทรกำลังสั่นเตือนว่ามีสายโทรเข้ามา  ด้วยความที่ผมเร็วกว่า  จึงคว้าโทรศัพท์มือถือของเขามาได้ก่อน  สมุทรตกใจลุกขึ้นนั่งทันที  หน้าจอโทรศัพท์โชว์เบอร์ที่โทรเข้ามา “หยา”

“เอามาครับ” สมุทรพูด
 
“ถ้าฉันรับแล้วมันจะเป็นยังไง” ผมมองเฉยและไม่คิดคืน

“คุณไฟ” อีกฝ่ายย้ำเสียง  ขยับตัวทำท่าจะเข้ามาคว้าไป  ผมเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือลงพื้น  มันกระเด็นออกไปไกล  สมุทรชะงัก  เราหยุดนิ่งลง  ผมพ่นหัวเราะ  โทรศัพท์ยังคงสั่นอยู่ไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าปลายสายจะยอมตัดใจไปง่าย ๆ  ผมกับสมุทรอยู่ในความเงียบจนเสียงโทรศัพท์เงียบไป  แต่ไม่กี่วินาทีให้หลัง  มันก็สั่นเตือนขึ้นอีกครั้ง  เจ้าของดูลังเลที่จะลุกไปหยิบของ ๆ เขา 

“รับซะสิ รำคาญลูกตา” ผมว่า  ลุกจากเตียงแล้วเดินออกมา  เสียงประตูห้องทำให้พี่ทัพที่ยังคงนั่งดื่มอยู่คนเดียวเงยหน้าขึ้นมอง 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-08-2018 13:32:15

“อ้าว กูนึกว่าเข้าไปนอน”

“........” ผมไม่ตอบ  ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม  ยกบรั่นดีขึ้นดื่ม  คนข้าง ๆ จ้องมองมาคล้ายมีเรื่องที่อยากจะพูด
   
“ห้องแม่งหรูฉิบหาย คืนละกี่แสนวะเนี่ย” อีกฝ่ายพึมพำ  หวังเปลี่ยนบรรยากาศ

“.........” ผมเงียบ  รินบรั่นดีเติมให้ทั้งแก้วของผมและแก้วของพี่เขา

“หงุดหงิดอะไร” อีกฝ่ายถาม

“เปล่า” ผมปัด

“เขาไม่ให้มึงเอาเหรอ”

“........” ผมหยุดนิ่ง  ช้อนตามองที่ถูกตั้งคำถามไม่เข้าท่า  พี่ทัพชะงัก  ผายมือขึ้นกลางอากาศ

“คืนละสองแสน มึงจะช่วยจ่ายไหมล่ะ” ผมย้อนถามกลับไป  ไม่สบอารมณ์สักอย่าง

“โทษที” อีกฝ่ายปัด  เราต่างเบือนหน้าลง

“งั้นกูขอตัวไปนอนนะ เหนื่อยว่ะ” พี่ทัพตัดบทด้วยน้ำเสียงนุ่มลง  หยิบแก้วเหล้าของตนติดมือไปด้วย

“ดื่มให้หมดครับ มันเปลือง” ผมดักคอ  เตือนให้มันดื่มบรั่นดีที่ผมเพิ่งเติมไว้ในแก้วของมันให้หมด  ก่อนที่จะนำไปเก็บ  อีกฝ่ายถอนหายใจ  ยอมยกดื่มหมดแก้ว 

“ตกลงว่าจะนอนไหน” อีกฝ่ายหันมาถามอย่างลังเล

“ที่นี่” ผมตอบ

“เข้าไปนอนในห้องไป เดี๋ยวกูนอนโซฟาเอง” พี่ทัพพูด

“ไม่ เหม็นกลิ่นตัวลูกหมาพี่” ผมปัด

“หึ ๆ” พี่ทัพส่ายหัว  ตรงเข้าห้องนอนของผมไป  ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับผ้าห่มหนึ่งผืนและหมอนใบใหญ่
 
“พรุ่งนี้เช้า ลูกน้องมึงก็จะเพิ่มระดับการเกลียดพวกกูเข้าไปอีก” พี่ทัพวิเคราะห์สถานการณ์ล่วงหน้า  ผมหลุดหัวเราะขึ้นจมูก 

“ปิดไฟให้ด้วย ขอบคุณ” ผมสั่ง

“คร๊าบ” อีกฝ่ายประชด  ไฟดวงหลักถูกปิดลงทั้งหมด  ผมยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวเดิม  ขวดบรั่นดีที่ผมเป็นคนเปิดเหลือไม่เท่าไหร่  ดูท่าทุกคนคงเข้านอนกันหมดแล้ว  ไม่ได้ยินเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาจากห้องของพวกไอ้เด่นก็ด้วย  ผมเอนตัวนอนลงบนโซฟาช้า ๆ  สะบัดผ้าห่มไว้ที่หว่างขาพร้อมพาดแขนทั้งสองข้างไว้เหนือหัว

.
.
.

“เบา ๆ สิวะ เดี๋ยวนายตื่น”

“ทำไมนายมานอนตรงนี้ เพราะไอ้ตำรวจเวรนั่นแน่เลย มันควรต้องมานอนพื้นด้วยซ้ำ”

“บอกให้เบา ๆ ไง แล้วคนอื่นพร้อมรึยัง”

“ผมเกลียดมัน พี่ใหญ่”

“เด่น...”


เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบสั่งให้ร่างกายตื่นอย่างช่วยไม่ได้
 
“คุณไฟ ตื่นแล้วเหรอครับ” พี่ธานที่ยืนอยู่ที่ปลายเท้ารีบขยับตัวเข้ามาใกล้  ผมปรับสายตาขึ้นมองรอบ ๆ 

“น้ำครับ” ไอ้เด่นคุกเข่าลงตรงหน้าพร้อมรินน้ำเปล่าให้ด้วย   

“ไปเตรียมตัว” พี่ธานไล่

“ครับ” ไอ้เด่นผงกหัว  คลานเข่าแทบวิ่งกลับห้องไป  ผมลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าน้ำมาดื่มทีเดียวจนหมด  พี่ธานเป็นฝ่ายเปลี่ยนมาคุกเข่าแทนที่ของไอ้เด่นก่อนหน้านี้  ผมเหลือบมองว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรแน่

“ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะครับ ผมนึกว่าคุณจะนอนที่ห้องกับสมุทรซะอีก” พี่ธานกระซิบถาม  สีหน้าหนักใจแสดงออกโจ่งแจ้ง  ผมกลอกตาขึ้นมองเพดานและไม่ได้ให้คำตอบกลับไป  ขณะเดียวกันที่สมุทรเดินออกมาจากฝั่งของห้องครัว  เขาตรงเข้ามาวางจานผลไม้ให้เงียบ ๆ  มีกล้วยน้ำว้าสองลูก  ปลอกและหั่นไว้ให้พอดีคำ  พร้อมโยเกิร์ตหนึ่งถ้วย

“สมุทรไปเตรียมเสื้อผ้าให้คุณไฟหน่อยสิ” พี่ธานสั่ง

“ครับ” สมุทรผงกหัวก่อนจากไป 

“ทะเลาะกันเหรอครับ” พี่ธานถามอีก

“เปล่า” ผมตอบ  อีกฝ่ายรีบรินน้ำเปล่าเติมให้ในทันที  รู้ว่าน้ำแก้วเดียวนั้นไม่พอสำหรับผมหลังตื่นนอน 

“กี่โมงแล้ว” ผมถาม

“ตีห้ายี่สิบแล้วครับ” พี่ธานตอบ  ผมลูบหน้าตัวเอง  เกาหูเกาหัวอะไรไปเรื่อยขณะฟัง  ง่วงฉิบหาย

“พี่กลับมาตอนไหน” ผมถาม

“ก่อนหน้านี้ยี่สิบนาทีครับ กลับมาเจอสมุทรเขาตื่นพอดี” พี่ธานตอบ 

“พอผมถามว่าทำไมคุณไฟมานอนตรงนี้ อีกฝ่ายก็ดูตกใจที่เห็นคุณนอนอยู่ตรงนี้เหมือนกัน”

“ก็นะ” ผมปัดส่ง ๆ  หยิบอาหารรองท้องเข้าปากขณะรับฟัง  พี่ธานนั่งอยู่ที่เดิมและไม่ได้ความกระจ่างจากผม  จนสมุทรกลับออกมา  บอกว่าเตรียมของให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว  ผมเข้าไปอาบน้ำ  เตรียมตัวสำหรับการลงวิ่งและฝึกในช่วงเช้า  พี่ทัพกับไอ้เต้นอนหลับไม่ได้สติเลยก็ว่าได้  ขนาดผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องไม่ได้เกรงใจที่จะไม่ทำเสียงรบกวน  แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น  นี่ถ้าไฟไหม้โรงแรมแม่งก็คงตายห่าอยู่ในนี้ทั้งคู่นั่นแหละ 

ผมหยิบนาฬิกาสำหรับใส่ออกกำลังกายมาสวม  กางเกงออกกำลังกายขาสั้นซึ่งค่อนข้างสั้นมากเพราะรำคาญหากเคลื่อนไหวไม่สะดวก  เสื้อยืดสีขาวเป็นเนื้อผ้าพิเศษแบบที่นำไว้ใส่ออกกำลังกาย  เนื้อผ้าเบาและบาง  แห้งง่าย  ปกติแล้วผมไม่นิยมใส่เสื้อออกกำลังกาย  แต่ถ้าออกไปวิ่งนอกสถานที่มันก็จำเป็น 

ไม่มีการใส่หูฟังให้เสียสมาธิระหว่างทำกิจกรรม  เช้าตรู่ขนาดที่ทางโรงแรมเองก็ยังมีพนักงานมาทำงานไม่มากนัก  สงบดี  พนักงานส่วนที่ต้อนรับกะดึกเห็นพวกเราจึงรีบออกมาต้อนรับและทักทายอย่างกันเอง  อีกทั้งได้กำชับถึงเวลาอาหารเช้า  เส้นทางการวิ่งเป็นไปอย่างเรื่อย ๆ  อากาศค่อนข้างดีแม้จะอบอ้าวอยู่บ้าง  ระหว่างวิ่งผมกับสมุทรไม่มีโอกาสได้พูดคุย  ส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ชอบพูดคุยระหว่างออกกำลังกาย  ต้องการฟังร่างกายตัวเองมากกว่า  และปกติแล้วคนที่มักจะวิ่งอยู่เคียงข้างผมเสมอคือพี่ธาน  ดังนั้น ถึงมีโอกาสก็คงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอยู่ดีน่ะนะ 

.
.

08.45 น.

“คุณไฟครับ” พี่ธานเรียก 

ตอนนี้เราอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม  ซึ่งอยู่ติดกับสวนใกล้ ๆ กับห้องรับประทานอาหารเช้า  เพิ่ง Cool down และ Stretch ร่างกายเสร็จ  ว่าจะนั่งพักต่ออีกสักครึ่งชั่วโมงถึงจะไปกินอาหารเช้า 

ผมหันไปมองในระยะสายตาเดียวกันกับที่พี่ธานมองไป  เห็นเจ๊ลิลลี่กับเดี่ยวเดินออกมาจากฝั่งของล็อบบี้  ทั้งคู่มองเห็นพวกเราผ่านกระจกฝั่งด้านใน  พี่ธานลุกขึ้น 

“แหม เป็นหน้าที่คนอื่นไปซะแล้ว” ผมแซวพี่ใหญ่  ดูเหมือนผมจะตกกระป๋อง  พี่ธานอมยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ปฏิเสธ  ผมนั่งคร่อมอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งริมสระว่ายน้ำ  ในขณะที่พี่ธานตรงเข้าไปต้อนรับขับสู้เจ๊ลิลลี่ที่ด้านใน  พวกไอ้เด่นอยู่ที่ริมหาด  รวมถึงสมุทรก็อยู่ตรงนั้นด้วย  ร่างกายแห้งจากเหงื่อแล้ว  แต่ก็ยังไม่อยากสวมเสื้อใส่กลับไปอยู่ดี  ค่อนข้างอึดอัดและขยะแขยงเสื้อที่เปียกเหงื่อไปแล้ว  ถึงเป็นเหงื่อตัวเองก็เถอะ 

ผมนั่งมองพี่ธานพลางดื่มน้ำเปล่าไปด้วย  หางตาสังเกตเห็นว่ากำลังจะมีแขกเข้ามาทักทาย...

“สวัสดีครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นมอง  เดี่ยวยืนอยู่ตรงหน้า  ใส่สูทลำลองเข้ารูปสีเทา  ดูดีหัวจรดเท้า

“ครับ ?” ผมเลิกคิ้ว  การขานตอบจงใจยียวนกลับ

“ผม.. เอ่อ อยากจะมาขอโทษคุณที่เมื่อคืนนี้ผมเสียมารยาทน่ะ” เดี่ยวพูด  ผมนิ่งเฉย  เบือนหน้ากลับมามองไปข้างหน้าตรง ๆ

“ผมเมาไปหน่อย” เดี่ยวบอก  ผมพ่นหัวเราะทิ้งไปที
 
“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ”
 
“เชิญ” ผมตอบ

เก้าอี้ตัวเดียวกันตรงหน้าผมนี้มีที่ว่างเหลืออยู่ด้านหน้า  เดี่ยวนั่งลงเงียบ ๆ  เหมือนว่าเขาจะกระอักกระอ่วนแต่ไม่เชิงในทำนองนั้น  ถึงไม่กางประวัติของมันที่ผมได้มา  ลึกลงไปแล้วผมคิดว่าทั้งผมและมันต่างก็ทราบดีว่าต่างฝ่ายต่างต้องการอะไรแน่  มันไม่โง่หรอก  ดูจากหน้าตาแล้วก็ไม่ใช่หมาเลี้ยง  กล้าที่จะควงชุนไปไหนมาไหนพร้อม ๆ กับคู่หมั้นของตัวเองได้

“คืนนี้ผมจะเข้ากรุงเทพฯ เรื่องผู้หญิงนั่นไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเรื่องสัญญาให้เรียบร้อย” เดี่ยวพูดขึ้น  เขานั่งหันข้างจึงจำเป็นต้องหันหน้ามาทางผมขณะที่พูดอยู่  เสี้ยววินาทีหนึ่งที่สายตามองตกลงต่ำมายังจุดหนึ่งบนร่างกายผม  และก็รีบเปลี่ยนการมองขึ้นมาที่หน้าผมทันทีคล้ายกลัวเสียมารยาท 

“.........” ผมไม่ตอบรับ  เราจึงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
   
“ผมเป็นนักธุรกิจนะครับคุณไฟ..” คนตรงหน้าพูดขึ้น  ต้องการจะเปิดประเด็น 

“ผมไม่สนหรอก ว่าคนที่ร่วมธุรกิจกับผมอยู่ จะขาว.. รึดำ แต่ผมต้องได้กำไร”

“ผมยินดีจ่าย เมื่อคืนผมไม่ได้พูดคำนี้สินะ” ผมตอบ  อีกฝ่ายนิ่งไปก่อนจะผลิยิ้มออกมา

“ผมแปลกใจ ว่าคุณยอมเสียเงินมากขนาดนี้เพื่อผู้หญิงแบบนี้น่ะเหรอครับ ไม่เหมาะกับคุณเลยนะ” เดี่ยวอมยิ้มมุมปาก  แววตาดูสนใจในประเด็นนี้

“เป็นเรื่องที่ผมต้องตอบคุณงั้นเหรอ” ผมย้อนถาม  อีกฝ่ายชะงัก  เบือนหน้ากลับไปอีกครั้ง 
 
ผมกวาดตามองร่างกายของเดี่ยวผ่านชุดสูทอย่างเก็บรายละเอียดให้เต็มตากว่าเมื่อคืน  ความใกล้และแสงสว่างในยามเช้าทำให้เห็นสัดส่วนเต็มที่  ร่างกายคงได้รับการดูแลอย่างดี  หุ่นค่อนข้างหนา  เป็นลักษณะของรูปร่างที่ถ้าไม่ได้เอาการออกกำลังกายช่วยเอาไว้ต้องแย่แน่  เพราะเป็นคนท้วมง่าย  สัดส่วนของกล้ามที่มีดูออกว่ายังประกอบด้วยเปอร์เซ็นต์ของไขมันอยู่มาก  แต่แบบนี้ล่ะ.. เต็มที่ดี

“จะเอาไหม” ผมยิงคำถาม  เดี่ยวหันกลับมา  มองตาผมไม่กะพริบ  ผมจ้องมอง  ไม่ได้รับคำตอบอยู่หลายวินาทีทีเดียว
 
“คุณไฟ !”

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-08-2018 13:33:29

ผมหันไปตามเสียงเรียกที่ค่อนข้างดัง  เป็นการเรียกที่สนิทสนมและดูตื่นเต้นดีใจ  พอหันไปก็พบคุณตุลกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงมาหา  ผมจึงลุกขึ้นยืน  เดี่ยวลุกตามเช่นกัน

“คุณไฟจริง ๆ ด้วย” ตุลยิ้มกว้าง 

“มาเที่ยวเหรอครับ ไม่นึกว่าจะได้เจอกันที่นี่” ตุลถาม  มองหน้าผมสลับกับเดี่ยว
 
“ครับ” ผมยิ้มตอบ 

“รู้จักกันด้วยเหรอครับ” ตุลถาม 

“ไม่เชิงมั้งครับ” ผมยิ้มตอบ  เหลือบหางตามองไปยังเดี่ยวที่มีสีหน้างุนงง

“นี่เดี่ยวเพื่อนตุลเองครับ แบบว่า.. เพื่อนในวงการธุรกิจเฉย ๆ นะครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” ตุลพูดทีเล่นทีจริง

“ทางนี้ก็ไม่ได้อยากมีเหมือนกันแหละน่า” เดี่ยวทำน้ำเสียงไม่พอใจ  ตุลหัวเราะคิกคัก  การแซวกันเช่นนี้คาดเดาได้ว่าทั้งคู่รู้ตื้นลึกหนาบางของชีวิตกันและกันพอสมควร

“เมียนายมาน่ะ” ตุลยักคิ้ว  ส่งสัญญาณไปทางล็อบบี้ด้านใน  เดี่ยวหันไปมองผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมเคยเห็นเธอผ่านรูปถ่าย  นั่นเป็นคู่หมั้นของเขา

“งั้นผมขอตัวสักครู่นะครับ” เดี่ยวหันมาบอกผมก่อนรีบวิ่งกลับเข้าไปในโรงแรม  ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง

“ดีใจจังที่ได้เจอกันอีก ตุลนึกว่าเจอกับคุณไฟแบบนี้แล้วจะโดนหลบหน้าซะแล้ว” ตุลนั่งลงตรงหน้าทั้งที่ไม่ได้ถูกเชิญ

“มาเร็วขนาดนี้ หลบทันซะที่ไหน” ผมอมยิ้ม  ตุลเม้มปากหน้ามุ่ย  ผมหัวเราะน้อย ๆ  อีกฝ่ายเงียบไปดื้อ ๆ

“คืนนี้ว่างไหมครับ” ตุลถาม

“มีธุระน่ะครับ” ผมตอบ  โกหก  อีกฝ่ายเบะปากด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนิดหน่อย 

“มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ” ผมเป็นฝ่ายถามบ้าง

“มาติดต่อเรื่องงานที่นี่ครับ แล้วก็.. เดี๋ยวต้องรอรับรองลูกค้าด้วย”

“คนนั้นเป็นลูกน้องคุณไฟสินะครับ” ตุลมองไปทางพี่ธานที่กำลังยืนคุยอยู่กับเจ๊ลิลลี่

“ใช่รึเปล่านะ” ผมเองก็ลังเล

“ดูดีจังนะครับ” ตุลออกปากชมเขิน ๆ 

“..ก้นแซ่บสุดยอดเลย ~~” เขาขยายความเสียงกระเส่า  จ้องมองท่อนล่างของพี่ธานที่มีเพียงกางเกงกระชับกล้ามเนื้อขายาวสำหรับใส่วิ่ง  ทำให้เห็นรูปก้นชัดเจน

“พรืดดด !” ผมกัดฟันแน่น  ก้มหน้าลง  เกือบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

“อารมณ์ดีนี่” ผมเงยหน้ายิ้มแซว

“ก็นะ” ตุลยิ้มเขิน 

“มือไปโดนอะไรมา” ผมถามถึง  เห็นมือของเขาปิดผ้าพันแผลขนาดใหญ่เอาไว้  ซึ่งมันสะดุดตาจนอดทักถามไม่ได้

“หัดทำกับข้าวแล้วน้ำร้อนลวกครับ เจ็บมากเลย ตรงนี้...” ตุลขยับเข้ามาใกล้ด้วยน้ำเสียงออดอ้อน  ผมยิ้มมองเพราะเขาทำเสียงแบบที่ฟังแล้วตลกดี  ผมจับมือของตุลมาดูโดยไม่พูดอะไร  ก็ไม่รู้จะพูดอะไรน่ะนะ

“แต่หายแล้ว” ตุลบอก  ผมเงยหน้าขึ้น
 
“หายเมื่อกี้นี้เลย” เขากะพริบตาใส่ปริบ ๆ  กรีดนิ้วชี้ลงที่ฝ่ามือผมเบา ๆ  ผมหลุดหัวเราะอีกครั้ง  เข้าใจในความหมาย
 
“เลิกบุหรี่รึยัง” ผมถามถึง 

“ยังหรอกครับ มันเลิกยากพอ ๆ กับผู้ชายเลยอะ” ตุลตอบด้วยสีหน้าหนักใจ  ผมยิ้ม  เขาน่ารักดี

“คุณนี่...” ผมฉุกนึก  สิ่งที่เขาเป็นในตอนนี้ต่างจากที่ผมเคยพบเมื่อครั้งก่อนที่เคยหลับนอนด้วยกัน 

“มีความรักอยู่งั้นเหรอ” ผมถาม

“เอ๊ะ” ตุลอุทานตาโต

“ก็คุณดูเปลี่ยนไปจากตอนที่เราเคยเจอกัน” ผมพูด  ตุลไม่ตอบ  แต่ใบหน้ากลับแดงเห็นได้ชัดเจน  ท่าทางอึกอักดูท่าว่าเรื่องที่ผมพูดทักนี้น่าจะเป็นความจริง

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ นี่ผมออกอาการขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย” ตุลอุทานด้วยสีหน้าตกใจ

“เปล่า.. คุณดูมีความสุขน่ะ” ผมตอบ

“ดีแล้วนี่ครับ ความสุขคนละความหมายจากที่ผมเคยเห็น” ผมยังคงจับมืออีกฝ่ายไว้หลวม ๆ  นิ้วโป้งลูบบนหลังมือของเขาเบา ๆ  ตุลเงียบไปแล้ว 

“คุณตุลคะ ลูกค้าจะเดินทางมาถึงในอีกห้านาทีค่ะ” ผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  เธอมองมาที่มือของตุลที่ถูกผมจับอยู่  แต่ตุลก็ไม่มีทีท่าที่จะชักมือกลับไป  การที่เขาชอบผู้ชายคงไม่ได้ถูกเก็บเป็นความลับต่อหน้าเธอล่ะมั้ง   

“เพื่อนตุลเอง หล่อไหม” ตุลแนะนำพร้อมยิ้มกว้าง

“ค่ะ” เธอผงกหัวยิ้มรับ  หันมาโค้งทักทายผมอย่างเป็นทางการ

“ไปก่อนเลยครับเดี๋ยวผมตามไป” ตุลบอก  เธอโค้งให้พวกเราอีกครั้งก่อนกลับเข้าไปในตัวโรงแรม   
 
“มีชาวต่างชาติหัวสีน้ำตาล จ้องผมเอาเป็นเอาตายมาจากด้านในโรงแรมตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว ความรักนี่ น่ากลัวจังนะ” ผมมองหน้าตุล  อีกฝ่ายชะงัก  ไม่ได้หันกลับไปมองทางฝั่งของโรงแรม  แต่กลับจ้องผมเขม็งพร้อมจะดึงมือของตนออก  แต่ถูกผมกระชับจับไว้แน่น

“ขี้แกล้ง” ตุลว่าหน้ามุ่ย

“ฮึ” ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“ทั้ง ๆ ที่คุณเป็นคนบอกว่าคืนนี้ไม่ว่างแท้ ๆ” ตุลบ่น 

“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณไฟ ต้องไปรับลูกค้า” อีกฝ่ายตัดบทพร้อมลุกขึ้นยืน  ผมลุกตาม  ปล่อยมือเขาออก

“ใช่สิ...” ตุลหันกลับมามอง  แววตาเจ้าเล่ห์เปลี่ยนไปจากเดิม
 
“ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้กำลังตกลงธุรกิจอะไรกันอยู่หรอกนะครับ รายนั้น.. อึดเอาเรื่องอยู่นะ” ตุลอมยิ้มมุมปาก  การเปิดประเด็นของเขาถึงบุคคลที่สามเป็นการยืนยันข้อมูลที่ผมวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้

“เคยลองงั้นเหรอ” ผมถาม

“เปล่า ..หึ เราไม่กินกันเองน่ะ ไม่สิ ถึงหมอนั่นจะได้ทั้งหน้าทั้งหลังและเก่งสุด ๆ  แต่ตรรกะเพี้ยนไปหน่อยครับ ผมไม่ยินดีกับการอ้าขาให้คนแบบนั้นน่ะ ยังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง” ตุลเบะปากพร้อมยักไหล่ครั้งหนึ่ง

“ขอบเขตทางธุรกิจน่ะ ฮ่า ๆ ๆ” ตุลหัวเราะ 

“บอกผมทำไมล่ะ” ผมยิ้ม

“ก็.. ดูจากทรงแล้ว คุณไฟไม่น่ารอดนี่ครับ เขาคงรู้แล้วแหละว่าผมกับคุณรู้จักกันในฐานะไหน แล้วคงยิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวคุณเข้าไปอีก” ตุลหุบยิ้มลงทีละนิด

“แต่หมอนั่น ไม่ได้นิสัยน่ารักเหมือนตุลหรอกนะบอกไว้ก่อน” ตุลขยิบตาหน้าทะเล้น   

“เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะติดต่อกับเขาเรื่องอะไร ก็ขอให้โชคดีนะครับ” ตุลบอกลา

“คุณก็เหมือนกัน” ผมบอก  ตุลวางมือแนบลงมาที่หน้าท้องของผมทันที  เขาหัวเราะคิกคักโจ่งแจ้งก่อนเดินจากไป  ผมนั่งลงที่เดิม  หยิบน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง  ความบังเอิญไม่มีบนโลกหรอก  ทุกอย่างมันเชื่อมโยงถึงกันหมด  บุคคลที่กำลังเวียนอยู่ตรงหน้านี่ก็ด้วย


พี่ธานบอกลาเจ๊ลิลลี่เป็นที่เรียบร้อย  ยาวนานอย่างกับจะลาไปตายอย่างนั้น  เดี่ยวกับคู่หมั้นของเขาไม่ได้อยู่ตรงหน้าล็อบบี้แล้ว  เจ๊ลิลลี่หันมาโบกมือลาให้ผมจากที่ไกล ๆ  ขณะที่พี่ธานเดินกลับมา

“เธอสุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ ขนาดโดนของพี่เข้าไป แต่ยังเดินไหวได้อยู่” ผมเริ่มเปิดประเด็นหาเรื่องกวนใจพี่ใหญ่ 

“........” พี่ธานไม่ตอบ  ยืนกุมมือทำสุภาพสยบทุกอย่าง

“อิจฉาพี่ใหญ่จังน้า ~” ผมแกล้งทำเสียงยานคาง  เท้าแขนเอนตัวไปทางด้านหลัง 

“รายนั้นพากันเข้าไปในห้องน้ำฝั่งโซนซาวน่าของผู้ชายน่ะครับ” พี่ธานเปลี่ยนเรื่อง  คงหมายถึงเดี่ยวกับคู่หมั้นของมัน   

“ไอ้เหี้ยนั่น เป็นแบบที่น่ารำคาญ” ผมพูด  หยิบเสื้อตัวเดิมขึ้นสวมใส่อีกครั้ง  พี่ธานลดรอยยิ้มลง 

“เจ๊ลิลลี่บอกว่าเดี่ยวมักทำงานที่นี่เป็นหลักครับ ห้องของเขาคงมีทุกอย่าง”

“เอาเถอะ ผมก็ไม่ได้มีเซ็กซ์กับใครหุ่นเต็มไม้เต็มมือมาสักพักแล้ว” ผมรวบรัด  อย่างน้อยก็มีประโยชน์อยู่บ้าง

“ถึงผม จะอยากได้แบบพี่มากกว่าก็เถอะ” ผมยิ้ม  เหล่มองหุ่นของพี่ธานที่เป็นแบบที่ชอบ   

“คุณไฟครับ ผมขอเถอะครับ เลิกเปรียบเทียบกับผมสักที นึกถึงหัวอกของคุณท่านบ้างสิครับ” พี่ธานถอนหายใจ  ผมพ่นหัวเราะ  ลุกขึ้นยืนพร้อมหยิบขวดน้ำติดมือเดินมา  อีกฝ่ายตามหลังมาไม่ห่าง  ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องกลุ้มใจทำนองนี้ของพี่ใหญ่อยู่ดี 

พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ตรงล็อบบี้ชำเลืองมองคล้ายสังเกตการณ์ลูกค้าว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่  ผมตรงไปทางห้องน้ำโซนห้องซาวน่า  นั่นคือจุดหมายปลายทาง  ไม่มีแขกเข้ามาใช้บริการในเวลานี้  ขนาดสระว่ายน้ำก็เงียบสงบกลายเป็นสถานที่ส่วนตัว 

ประตูห้องน้ำแยกเป็นห้อง ๆ  บรรยากาศด้านในเงียบสนิท  มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงที่ทางโรงแรมเปิดคลอไว้  ขาก้าวเดินตรงไปตลอดทางเดิน  ห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุดเป็นห้องเดียวที่ถูกล็อกจากด้านใน  หากตั้งใจฟังให้ดีจะได้ยินเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบมาจากในนั้น

“เดี่ยว.. อย่าเพิ่งสิ”

“นิดเดียวน่า” เสียงฝ่ายชายกระซิบ  น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรีบร้อน 

“เดี๋ยวคุณมีประชุมไม่ใช่เหรอคะ” ฝ่ายหญิงปราม 

“อืมมม..” อีกฝ่ายหนึ่งขานรับอย่างปัดไปที  การเคลื่อนไหวของร่างกายเริ่มดังชัดขึ้น  เสียงถกเถียงเงียบลงแล้ว  แต่มีบางอย่างที่กำลังคืบหน้า   

“อย่าใส่เข้ามานะ รอบก่อนฉันเกือบแย่” เธอห้ามเสียงหลง  ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงเครื่องมือที่เคยคุ้นหูเป็นอย่างดี  ตามตรงก็ไม่แปลกใจนักที่มันถูกนำมาใช้  แต่ในสถานที่แบบนี้ก็อดทำให้นึกยิ้มในใจไม่ได้

“เดี่ยว อะ ! โทรศัพท์ดังค่ะ” เธอร้องบอก  ทันทีนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดับไปคล้ายถูกกดรับ
 
“ค่ะ กำลังจะไปแล้วค่ะ ค่ะ แป๊งนึงนะคะ”

ผมเดินกลับไปยังโซนอ่างล้างมือ  พี่ธานยืนกุมมือจังก้าอยู่กลางห้องน้ำ  เสียงประตูห้องน้ำถูกผลักออกอย่างแรง  นิ้วชี้กดเปิดก๊อกน้ำทำลายความเงียบ  ซ่า ~ มาพร้อมกับเสียงสับเท้าอย่างเร่งรีบของรองเท้าส้นสูง  คู่หมั้นของเดี่ยวชะงักงันเมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ร่วมในนี้ด้วย  เราสบตากันผ่านกระจกตรงหน้าผม  อีกฝ่ายหน้าถอดสี  รีบหลบหน้าแล้วเดินออกจากห้องน้ำไปทันที 

“อีเวรเอ๊ย !”

เสียงสบถด้วยความหงุดหงิดดังมาจากท้ายห้อง  ก๊อกน้ำถูกปิดลง  ฝ่ายชายไม่มีท่าทีว่าจะออกมาจากห้องน้ำเร็ว ๆ นี้  อาจมีปัญหา  พี่ธานยังคงยืนอยู่ที่เดิม  ผมเดินตรงไป  หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำห้องสุดท้าย  ครั้งนี้บานประตูไม่ได้ถูกปิดไว้อย่างก่อนหน้าจึงเห็นทุกอย่าง  เข็มขัดของอีกฝ่ายถูกปลดออกอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ  คนในนั้นหันมา  ตาเบิกกว้างที่เห็นว่ามีคนอยู่ที่นี่ด้วย 


ครู่หนึ่ง... มันก็เผยรอยยิ้มให้เห็น
 
ห้องน้ำโรงแรมหรูมีขนาดกว้างพอในการรองรับผู้ชายมากกว่าสามคน  ประตูถูกเดี่ยวปิดลงอีกครั้ง  เสียงลงกลอนดังชัดเจน  ผมกวาดตามองใบหน้าของเดี่ยวที่ยืนประจันหน้าอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์  อีกฝ่ายพุ่งเข้าหาอย่างไม่รีรอ  ปลายจมูกแตะลงที่ริมฝีปากผมเบา ๆ  ก่อนที่จะถูกลิ้นอีกฝ่ายเกลี่ยริมฝีปากล่างคล้ายหยอกล้อ  ผมยืนเฉย  เดี่ยวเลื่อนหน้าลงไปที่กลางอก  เสียงสูดดมรุนแรงจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่กระทบผ่านเนื้อผ้า  ผมแตะมือลงที่ข้างแก้ม  เดี่ยวหลับตาลงพลางถูใบหน้าสู้ตอบฝ่ามือ  นิ้วถูกกดน้ำหนักลงอย่างเท่าเทียม  ไล้ผ่านใบหูและท้ายทอยอย่างเนิบช้า  อีกฝ่ายชะงัก  เสียงครางหลุดลอดออกมา


ผลัวะ !

ฝ่ามือฟาดลงที่ศีรษะของอีกฝ่ายอย่างแรงด้วยความรำคาญ  เดี่ยวตัวเซล้มลง  หลังกระแทกเข้ากับประตูห้อง  มันเงยหน้าขึ้นมองผมตาขวางเมื่อได้สติ  ครู่เดียวอีกฝ่ายก็ขยับตัวพุ่งเข้าหาอีกครั้ง  มือทั้งสองข้างจับเข้ามาที่ต้นขาของผมทั้งสองข้างเพื่อเป็นหลักให้ตน  หน้าซุกเข้ามาที่ง่ามขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

“อะ !” อีกฝ่ายร้องครางหนักกว่าเดิม  ผมกระชากศีระของมันออก  เดี่ยวร้องด้วยความเจ็บปวด  หน้าหงายขึ้นสบตาผม  ดวงตาจ้องมองมาไม่ละความพยายามที่กระทำอยู่  อีกทั้งไม่มีความเกรงกันแม้น้อยนิด 

“อัปรีย์จังนะ” ผมพูด

“หึ ๆ ๆ ๆ” เดี่ยวแสยะยิ้ม

“้ถุ้ย !”

“........” อีกฝ่ายสะดุ้ง  หลับตาหลบหลีก  ไฟหรี่ที่ประดับอยู่ทำให้เห็นเศษน้ำลายกระจายอยู่บนใบหน้า  ก่อนที่เจ้าตัวจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เส้นผมที่อยู่ในมือกระชับแน่นขึ้นจนอีกฝ่ายทำสีหน้าเหยเก

“ยืน” ผมสั่งพร้อมคลายมือออก  เดี่ยวลุกขึ้นยืนทุลักทุเล  ท่อนล่างของมันแข็งจนปูดนูนดันกางเกงในออกมาชัดเจน  เราประจันหน้ากันอีกครั้ง  ผมนิ่งมอง  ลูกกระเดือกของอีกฝ่ายขยับลงทันทีที่มันกลืนน้ำลายลง  ครั้งนี้อีกฝ่ายลังเลที่จะเข้าหา  เดี่ยวซุกหน้าลงที่ซอกคอผมและเริ่มซุกไซ้อีกครั้ง  เหงื่อไคลจากการออกกำลังกายที่แห้งหายไปไม่ได้หมายความว่าความสกปรกได้หายไปด้วย 

นิ้วโป้งและนิ้วชี้จิกเข้าที่ลำคอส่วนที่จะทำให้อีกฝ่ายหายใจลำบาก  การจะบอกให้อีกฝ่ายหยุดในอารมณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะควบคุมได้ง่าย 

“อึก” เดี่ยวผงะ  หน้าแหงนขึ้นตามแรงที่ถูกกด  มือดันศีรษะของมันไปติดกับผนังห้องน้ำอีกฝั่งเพื่อตักเตือนความตะกละตะกลามของมัน  เสียงหัวกระแทกดัง ตึง ! เดี่ยวหลับตาต่อสู้กับความเจ็บที่ได้รับ  ลำตัวของผมแนบเข้าประชิด  ทำให้เดี่ยวกระแทกก้นสู้กลับอย่างไม่รีรอ  น่าหัวเราะ  สะโพกของผมกระแทกกลับไปอย่างแรง  อีกฝ่ายครางไม่ได้ศัพท์  ปลายจมูกกดลงที่หัวไหล่ของมันก่อนปล่อยตัวออก  เดี่ยวทรุดตัวคุกเข่ากับพื้นห้องน้ำอีกครั้ง  ผมปิดฝาชักโครกก่อนหย่อนตัวนั่งลง  ตั้งศอกข้างหนึ่งเท้าลงบนที่หน้าขา 

เดี่ยวจูบปากลงที่หัวเข่าผมเบา ๆ  ก่อนแลบลิ้นเลียออกมาอย่างระมัดระวัง

“ผม.. อึก มีประชุม” อีกฝ่ายร้องขอ

“เชิญ” ผมบอก  ไม่ได้คิดจะรั้งตัวไว้อยู่แล้ว  เดี่ยวชะงัก  สบตาผมครู่หนึ่งก่อนหลบตาลง  มืออีกฝ่ายของมันถือไวทเบรตอยู่แต่แรก  ไวทเบรตส่งมาตรงหน้าผมอย่างเก้ ๆ กัง ๆ  ปลายนิ้วสั่นชัดเจน

“........” ผมนั่งเงียบ 

“ช่วย ใส่นี่ ให้ผม หน่อย” เดี่ยวพูด  เสียงเบาจนแทบหายขาดไปเป็นบางช่วง

“เป็นหมารึไง” ผมยิ้ม  ถามถึงอาการที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ของมัน  เดี่ยวสบตาเขม็ง  ไม่เลิกอ้อนวอน

“ใส่เองสิ” ผมพูด

เดี่ยวปลดกางเกงออก  เผยให้เห็นท่อนลำที่อยู่ใต้กางเกงในที่เด้งออกมา  น้ำเยิ้มไหลเป็นทาง  อีกฝ่ายอ้าขาออกอีกเล็กน้อย  ไวทเบรตถูกสอดผ่านไปจากด้านหน้าอย่างทุลุกลุเล  ครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็เริ่มแสดงสีหน้าเหยเก  แก้มแดงเถือก  ใบหน้ากระตุกเบา ๆ

“อะ”

ลำตัวของมันสั่นสะท้าน  แม้ภายใต้ดวงตาคู่นี้จะซ่อนกลิ่นน่าอัปรีย์เอาไว้ไม่มิด  แต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยความยั่วยวน  เสียงของเดี่ยวขาดหายไป  อีกฝ่ายอ้าปากออกจนเห็นลิ้นในช่องปากที่เกร็งชัด  มืออีกข้างที่ว่างอยู่แตะลงที่ด้านหน้าพร้อมชักอย่างรีบร้อน

“อะ.. อ้า !!!!!” เดี่ยวหลุดครางดังลั่นอย่างไม่คิดอดกลั้นความต้องการ  น้ำของมันพุ่งขึ้น  กระเด็นโดนหน้าผมเต็ม ๆ  ผมหลับตาก่อนช้อนขึ้นมองขวาง  กลิ่นคาวคลุ้ง  เสียงครางเบาลงไปแล้ว  เดี่ยวตัวสั่นไม่ได้สติ  มันหรี่ตา  พยายามที่จะมองผมไม่ให้คลาดสายตา

“ไปหาผมที่ห้อง ..ได้ไหม” เดี่ยวพูดขึ้นเสียงแหบพร่า

“........” ผมมองเฉย 

“หึ.. กูจะทำยังไงกับผู้หญิงที่มึงอยากได้ก็ได้” เดี่ยวเหล่ตาขึ้นมองพร้อมแสยะยิ้ม

“ดี.. กูชอบ” ผมตอบรับ  ตบลงที่แก้มมันเบา ๆ  พร้อมผลักหัวมันออก  อีกฝ่ายเซไปเกือบล้ม

“ส่วนกฎของกูคือ.. กูจะเอามึงยังไงก็ได้” ผมยื่นหน้าลงไปกระซิบก่อนลุกขึ้นยืน

“คุณก็รู้ห้องพักผมอยู่แล้วนี่ ให้คนมาตามแล้วกัน” ผมมองต่ำลงไปที่มัน  เลือกที่จะตัดบทข้อตกลงด้วยคำสุภาพ  เดินออกจากห้องมาพร้อมปาดน้ำของมันที่เปื้อนหน้าอยู่ออก  พี่ธานตรงไปหยิบกระดาษทิชชู่มายืนรอขณะที่ผมกำลังล้างมือ  เดี่ยวเดินทุลักทุเลออกจากห้องน้ำไปพร้อมกับชุดสูทที่มีรอยยับเพิ่มขึ้น 

“บอกให้ไอ้หินเตรียมตัว ผมจะให้มันเข้าไป” ผมสั่ง

“ครับ” พี่ธานขานรับ

“เตรียมตัดสัญญาณกล้องวงจรปิดด้วย”

“ครับ” พี่ธานผงกหัวรับทราบ 

.
.

16:40 น.

“จะไปแล้วเหรอ” เดี่ยวสะดุ้งตื่น  ลุกขึ้นนั่งมองผมที่กำลังแต่งตัวอยู่  ผมพยักหน้าตอบพร้อมรูดซิปกางเกง  ความเงียบภายในห้องก่อตัวขึ้น  ผมช้อนตาขึ้นมองไปยังคนบนเตียง  เดี่ยวนั่งนิ่ง  ตาดำเป็นส่วนเดียวที่กำลังขยับคล้ายว่ามีเรื่องจะพูด

“เอ่อ ให้ผมสั่งอาหารขึ้นมาไหม” อีกฝ่ายถาม

“ไม่ล่ะ ผมมีธุระน่ะ” ผมตอบ  มองไปทางไหนก็มีแต่ซากถุงยางที่ทิ้งเกลื่อนพื้น  ทั้งแบบเสร็จ  ทั้งแบบไม่เสร็จแต่มีเหตุจำเป็นต้องทิ้ง  ความต้องการที่รุนแรงมากของคนบนเตียง  เป็นฝ่ายติดต่อมาหาผมทั้งที่เจ้าตัวประชุมยังไม่จบ  ถุงยางถูกแกะใช้หลายกล่องเพราะความพิสดารและพลังความใคร่ที่มีมากเกินมนุษย์ปกติทั่วไป 

“........” เดี่ยวเงียบไป

“ขอบคุณ” ผมขอบคุณที่อีกฝ่ายชวนกินข้าว  มันเงียบอีกครั้ง  ผมเหล่มองดูอาการ 

“ค่าตัวผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่ แล้วเธอต้องจ่ายค่าเสียเวลาคุณเพิ่มอีกเท่าไหร่ ก็คิดมาแล้วกัน” ผมบอก

“ที่ผมพูดก่อนหน้านี้น่ะ...” เดี่ยวเอ่ย 

“ไม่เป็นไรหรอก” มันว่า  เป็นการพูดด้วยความหมายกำกวมแต่ก็พอจะเดาความหมายได้

“ไม่จำเป็น” ผมย้อน

“งั้นคุณก็ต้องจ่ายส่วนของผู้หญิงคนอื่นทั้งหมดที่ผมต้องซื้อภายในลอตนี้ด้วย” เดี่ยวแสดงน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ขึ้นทันที  ผมหยุดเคลื่อนไหว  หันกลับไปจ้องมองแววตาที่ขึงขังของมัน

“ผมจะจ่ายแค่ส่วนของผู้หญิงที่ผมต้องการเท่านั้น” ผมพูดชัดเจน  กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกติดจนครบ  เดี่ยวไม่พูดอะไรอีก  ผมเดินกลับไปที่เตียงพร้อมก้มตัวเข้าไปหา  หอมลงที่ข้างแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ

“คุณอยากได้อะไรผมก็ให้ ดังนั้น.. อย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวาย ผมไม่ชอบ” ผมกระซิบบอก  สบตาและจูบลาลงที่หน้าผากของเดี่ยวอีกครั้งก่อนผละตัวออก  ปืนที่วางอยู่บนหัวเตียงถูกนำเก็บเข้าที่ด้านหลังพร้อมเดินกลับพื้นที่ของตัวเองโดยไม่มีการร่ำลาอีก 

ที่ห้องพักพร้อมไปด้วยคนของผมที่รออยู่ครบ..
       
“มีอะไร” ผมถาม  ได้กลิ่นไม่ปกติ

“คนของเราเจอไอ้บูรณ์แล้วครับ มันกำลังตามพวกไอ้กายไป แต่มีอุบัติเหตุเลยทำให้คลาดกัน” พี่ธานลุกขึ้นจากโซฟาทันที
 
“พี่ทัพล่ะ” ผมถาม

“เห็นว่าจะไม่กลับมาแล้ว เกรงว่าเราจะเดือดร้อน” พี่ธานตอบ 


-- ข่าวด่วน –

“บุกเข้าตรวจค้นผับชื่อดังในพัทยา ตรวจพบยาเสพติดภายในร้าน”

“ดูซิว่ามีข้อมูลที่ตรงกับของไอ้เดี่ยวรึเปล่า” ผมสั่ง  หันตัวจะเดินกลับจะเข้าห้องเพื่ออาบน้ำ

“คุณไฟครับ ! สายจากบูรณ์” พี่ธานพูดขึ้น  ผมเอื้อมมือออกไปรับโทรศัพท์มือถือมา
 
“กูไม่ได้บอกมึงเหรอว่าให้ทำตัวดี ๆ” ผมพูด

“ไฟ.. ช่วย ช่วยด้วย”
 



...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 49 [ พฤ. 5 ก.ค 61 แจ้งหน้า 70 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-08-2018 13:34:00

เพิ่มเติม:

1. "ตุล" ตัวละครจากตอนที่ 16 - 17

2. "สมุทร" มาแล้ว :ruready


ขอบคุณทุกคอมเมนต์เพคะ ^ - ^
.
เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-08-2018 15:18:35
มาถึงจุดที่พี่ไฟเจ้าของห้องนอนโซฟาห้องรับแขกแล้วว เอ็นดูพี่ค่ะ รักเขามากยอมทุกอย่างจริงๆ เวลาที่อยู่ด้วยกัน มันก็ทำให้เขินหน่อยๆ ด้วยความที่ขี้แกล้งของพี่ไฟนี่แหละ แต่ว่า หยาคะเธอมีแฟนแล้วไม่ใช่หรอ ยังติดต่อสมุทรอีกทำไม?


ดูเหมือนเรื่องมันจะวุ่นวายทีเดียว แถมเจอศัตรูเก่าอีก กลัวพี้ไฟจะเป็นอันตราย
คุณตุลเนี่ย เราว่านางน่ารัก อิอิ

ขอบคุณเบบี้ สนุกสมกับที่รอคอยมาก
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ :)

สมุทรนายนี่ใจแข็งจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-08-2018 15:26:46
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 12-08-2018 16:03:32
สมุทร่าัวน้อยอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 12-08-2018 16:55:32
สมุทรก็ยังคงมีแต่ผู้หญิงวนเวียนเป็นสัมภเวสีเช่นเคย เห้อ

ชอบไฟก็ตรงความใจเด็ดเลือดร้อนนี่แหล่ะ ไม่พอก็เดินออกมา นอนโซฟาแล้วไง เนอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 12-08-2018 17:00:51
คุณไฟถึงขนาดต้องนอนโซฟา สมุทรก็ไม่มาง้อว่าที่แฟนเลย  :ling1: :ling1:
ไม่งั้นก็จะมีบทเยอะกว่านี้แหละ พ่อคนค่าตัวแพง  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 12-08-2018 18:06:00
 :laugh: เหมือนสมุทรจะไม่พอใจ แต่เราสะใจ

ขอบคุณเบบี้ค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 12-08-2018 18:50:36
มันก็ยังไม่เคลียร์ทั้งคู่อ้ะ
แต่คุณไฟดูจะชัดเจนกว่า
สมุทรนี่เหมือนยังไม่ยอมรับความจริง
แต่แอบหึงคุณไฟใช่ม้าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 12-08-2018 19:46:34
55555 เอ็นดูเบบี้ ต้องมี notice บอกกำกับด้วยว่าตุลมาจากตอนไหน? และสมุทรผู้ค่าตัวแพง (อย่างต่อเนื่อง) ได้เดินผ่านหน้ากล้องแล้วในตอนนี้ /  แซวนิยายตัวเองก็ได้ด้วย 5555   :pigha2:

อุตส่าห์ลืมความอิจฉาตาร้อนเจ๊ลิลลี่ที่ได้งาบพี่ธานไปแซ่บแล้ว ตอนนี้ยังกลับมาขยี้อีก งือออออ ฉันไม่ทน ฉันอิจฉาาาา พี่ใหญ่ของฉานนนน  :sad4:

ไม่พูดถึงไม่ได้ คนแพงค่าตัวสูงอย่างคุณสมุทร .... คือออ อันนี้ งอน ป่ะ? หรือ หึง? ไม่รักไม่ต้องมามึนตึงแบบนี้ดิ พี่ไฟยัง(แกล้ง)ไม่เก็ทเลย ชัดเจนหน่อย ใจๆ แมนๆ หน่อยสมุทรรรร  # หลอกล่อสมุทรช่วยพี่ไฟ  เนี่ย มันก็เป็นแบบเนี้ย กำลังจะได้สวีทกันอยู่แล้ววว งานเข้าตลอด เฮ้ออออ เมื่อไหร่จะได้วี๊ดวิ้วกันน้อออคู่นี้ 

ดีใจที่ได้อ่านต่อนะคะเบบี้ ขอบคุณมากค่ะ จุ๊บๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-08-2018 20:13:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-08-2018 20:51:25
ืสมุทรคือไม่พอใจเขาที่เขาไปเข้าใกล้คนอื่นเหรอแล้วของตัวเองเคลียร์หมดยัง
ตอนนี้เหมือนจะจุใจแต่ก็ไม่จุใจ  เอ๊ะ!ยังไงงงตังเอง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 12-08-2018 21:00:36
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2018 21:25:55
เบบี้มาแล้ว มาแบบจัดเต็มจุใจ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

สมุทร  เหมือนงอนไฟ ที่อยู่กับเต้  :hao3:
แต่ไฟ ก็ทำตัวปกติกับสมุทรนะ
แล้วไฟก็ทำให้รู้นะ เมื่อสมุทรมีทีท่าไม่อยากให้ไฟถูกเนื้อต้องตัว
แต่สมุทรยังติดต่อกับหยา
ไฟเลยมานอนข้างนอกที่ีโซฟาซะเลย 
บางทีก็  สมุทรเวิ่นเว้อนะ แต่นางก็เป็นอย่างนี้แหละ   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อยากให้สองคนชัดเจนกันซักที  :z3: :z3: :z3:

พี่ทัพ ชอบพูดไม่เข้าหูนะ เหมือนทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับไฟ   :hao3:

เดี่ยว ตรงกับข้อมูลที่ตุลให้ไว้เลย o22 o22 o22
แรงชัดจัดเต็มเมื่อมีอารมณ์    :pighaun: :haun4: :jul1:

พี่ธาน เจ๋งสุดทุกเรื่องจริงๆ แต่เหนียมเวลาไฟล้อเลียน  :mew3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 12-08-2018 21:59:11
ถ้าไม่รักก็อย่างอน
ถ้างอน  แสดงว่ารัก  ก็น่าจะสนใจกันให้มากกว่านี้   สมุทรปากหนักมาก   
อ่านมาหลายบทแล้วรู้สึกว่าที่จริงไฟใกล้จะอยู่ในโหมดซึมเศร้า (ดูปลง ไม่กลัวตาย) พี่น้องต้องแยกไปคนละทาง มีความรักก็ออกแนวอึมครึม  สงสัยต้องให้ไฟบาดเจ็บใหญ่ๆอีกรอบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 12-08-2018 22:47:17
แบบนี้คือสมุทรงอนใช่มะ เมื่อไหร่จะพูดจากันให้เข้าใจ ลุ้นระทึกตลอด  :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 13-08-2018 00:29:16
ทุกอย่างที่ไฟทำก็เพื่อคำขอของสมุทร
 ไหนจะค่าตัวผญที่ต้องเสีย ชีวิตที่ต้องเสี่ยง
สมุทรยังเย็นชาใส่คุณไฟอีก น่าสงสารคุณไฟ นอนโซฟา  ฮื่ออออ 
หึงรึเปล่า หึงบ้างยัง หึงสักนิดเถอะนะ 
คุณไฟเหี่ยวหมดแล้ว กราบบ
 
#เวลคัมแบคเบบี้ค่ะ  ดีใจที่กลับมาน้า เย้ๆๆ
เป็นกำลังใจให้เสมอ เราชอบเรื่องนี้มาก มาต่อไวๆน้า สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 13-08-2018 01:23:16
อ่อ เมื่อคืนเรานอนกับสมุทรเองแหละ  อิไฟมันนอกใจสมุทรเอง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 13-08-2018 04:49:37
ขอบคุณที่มาต่อให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 13-08-2018 07:29:15
คุณไฟกวนตรีนสุดๆ ชอบเขาแหละ ความกวนทำให้ต้องไปนอนโซฟาคนเดียวเลย ชอบทำให้สมุทรเห็นเอาไม่เลือกตลอด คาดว่าจะโดนงอนใส่ คาดว่าต่อไปภายหน้าจะกลัวเมีย สู้ต่อไปนะคะคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 13-08-2018 08:41:59
มีงอน มีงาน มีลุ้นงานจะเข้าไหม ชอบชอบชอบ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 14-08-2018 15:48:07
ทิ้งท้ายได้ค้างงงงงมากกกกกกกกกกก
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B Beast ที่ 14-08-2018 17:35:12
มาแล้วว :katai2-1:  สมุทรเคลียร์กับหยาให้มันจบๆไปซะที คุณไฟอย่าไปยั่วสมุทรมากสิคะ :mew3: :hao7:
รอตอนต่อไปค่า :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 14-08-2018 18:31:02
มาแล้ว  :mc4:  มายาวมากคุ้มค่ากับการรอคอยจริง ๆ  ทั้งพี่ธารและคุณไฟได้อิ่มเปรมกันถ้วนหน้า เหมือนชีวิตต้องติดอยู่กับสิ่งเหล่านี้จนเป็นเรื่องปกติ  ไม่ได้ตื่นเต้นหรือตระหนกอะไรเลย ประสบการณ์ด้านมืดของของพี่แกสูงมาก  ถึงแม้ว่าสมุทรจะออกมาแค่นิดหน่อยแบบเหมือนจะงอนคุณไฟ  แต่เชื่อว่า อาจจะมีเหตุการณ์ให้ได้คืนดีกันอีกแน่   :call:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 15-08-2018 18:05:13
สมุทรรรร ใจร้ายเหลือเกินนนนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 16-08-2018 10:03:37
สมุทรคงแบบประมาณเหมือนตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปหึงไปหวงไฟ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ดูอึดอัด ไฟก็แสดงออกชัดเจนนะว่าชอบ แต่สมุทรเหมือนยังไม่แน่ใจ เหมือนยังมีเส้นบางๆ กั้นกันอยู่
ขอบคุณเบบี้นะคะ รักษาสุขภาพด้วยน้าาา คิดถึงค่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-08-2018 16:34:16
ไฟยอมสมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 17-08-2018 17:12:12
พี่บูรณ์จะเป็นไรมั้ย
ส่วนสมุทรนั้น..เธอจะงอนพี่ไฟทำไม
เธอต้องชินนะ ถถถถถถถถ
ถ้าเธอไม่ใจอ่อนกับพี่ไฟซักที เราก็จะเข้าข้างพี่ไฟอยู่นี่แหละ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-08-2018 22:57:56
เหนื่อยใจกับสมุทรจริงๆ   :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 22-08-2018 01:00:19
หยา เป็นใคร  o22

ไฟกะสมุทร งอนกันไปกันมา น่ารัก ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 23-08-2018 00:41:13
ขอบคุณค่า~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 24-08-2018 10:12:39
คิดถึงคุณไฟที่สุดดด ฮื้ออออ
นี่ถ้าคิดแบบเข้าข้างคุณไฟคือสมุทรไม่พอใจที่เห็นคุณไฟกับเต้ป้ะะะะ
ละคือนางคงคิดว่าไฟออกจากห้องไปคงกลับไปนอนกับเต้งี้ ขี้หึงจริงๆเลยคนบ้าาๆๆๆ
 :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-08-2018 15:42:54
สมุทร เหมือนจะปั้นปึง

หึงใช่ใหม หืม

หึงแน่ๆ

คุณไฟถึงพริกถึงขิง ทั่วถึงไปหมด

ถึงจะใส่ถุงยางป้องกัน

แต่ความมั่วก็ เป็นข้อด้อยที่ไม่น่ารักเลย

สมุทรไม่เห็นจะหื่นกาม

แต่พี่ใหญ่กะคุณไฟนี่ บ้ากามจัดอ่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 28-08-2018 16:34:21
เรื่องความสัมพันธ์ของคู่นี้มันต้องยิ่งกว่าใช้คำว่าอดทนอีกนะนี่  :ling2: ว่าแต่ลุ้นตอนต่อไปมากมายยยจะมีใครเป็นอะไรอีกไม๊นี่  :ling3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-09-2018 17:41:13
เป็นกำลังใจให้เบบี้นะคะ

โอ๊ยยย อยากจะพ่นไฟ ทำไมทำกันแบบนี้ล่ะไฟ
สมุทรควรซาบซึ้งไหม หรือไงดี

พี่ธานคนร้ายกาจ สมใจเลยล่ะสิ  :mew6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 13-09-2018 11:50:39
ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้ เผื่อวันไหนเธอผ่านมา ~ คิอถึงค้าบบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 15-09-2018 19:57:26
คิดถึงคุณไฟกับสมุทร ตอนนี้ก็อ่านตอนเดิมวนไปก่อน  :hao5:



รออยู่นะค๊า



 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 15-09-2018 20:59:35
คิดถึงเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 22-09-2018 21:28:27
สมุทรได้เดินผ่านกล้องอย่างน้อยนิสสส  รู้สึกว่าพี่ใหญ่กับคุณไฟ ...So hot เหลือเกิน :fire: :fire:

ขอบคุณนะคะ ดุแลสุภาพด้วยนะคะคุณเบบี้ :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanaDa ที่ 23-09-2018 00:20:52
คิดถึงคุณไฟแล้วนะฮาฟหห :mew6: :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 23-09-2018 17:11:18
แวะมาบอก ว่าคิดถึงพี่ไฟ คิดถึงพี่ธาร คิดถึงสมุทร และเหล่าชาวค่ายมวยทุกคนนะคะ (ทำไมสมุทรอยู่ท้ายพี่ธาร?)  :mew1:

นานก็รอ เบบี้ยังไม่คลอดก็รอ #ปูเสื่อนั่งพับเพียบคอยใจเย็นๆ ก็รักไปแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 24-09-2018 17:22:09
คิดถึง :)

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 09-10-2018 10:31:03
รอสมุทรอยู่นะจ๊ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 11-10-2018 17:09:00
คิดถึงคุณไฟ สมุทรและทุกคนเลยค่ะ คุณเบบี้คงจะยุ่งมากแน่ๆ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 20-10-2018 00:55:05
เบบี้จ๋าาาาา   ใจจะขาดรอนๆ  คิดถุงพี่สมุทร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 21-10-2018 13:54:38
คิดถึงใจจะขาด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 22-10-2018 16:23:02
รู้จักสมุทรมาสามปีแล้ว  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 10-11-2018 19:03:11
เข้ามารออีกหนึ่งเสียงค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-11-2018 01:07:28
รอต่อนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: beamWM42 ที่ 16-11-2018 10:14:02
ยังรออยู่ตลอดน้าา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 22-11-2018 00:44:59
 :katai5: คิดถึง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 22-11-2018 08:02:13
คิดถึงมากมากแล้วน้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rosekiller ที่ 22-11-2018 21:21:44
รอบนี้สมุทรกับคุณไฟหายไปนานเลย คิดถึงมากๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 04-12-2018 00:09:35
 :monkeysad:คิดถึง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 10-12-2018 21:18:51
อยู่ๆ ก็หาย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 11-12-2018 12:49:47
้เบบี้สบายดีไหมคะ คิดถึงค่า ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 13-12-2018 15:42:48
 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 13-12-2018 21:34:29
คิดถึงน้องมืดมนของคุณไฟ :impress2: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 16-12-2018 17:42:03
เพิ่งมาอ่านค่ะ ติดงอมแงมมมากกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-12-2018 17:44:01
พี่ไฟสบายดีใช่ไหมคะ

คิดถึงค่ะ ยังรอเสมอ

คิดถึงเบบี้ด้วยค่ะ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 17-12-2018 17:59:10
คิดถึงสมุทร คิดถึงคุณเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 01-01-2019 09:14:40
สวัสดีปีใหม่คุณเบบี้ คิดถึงจ้า :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 01-01-2019 09:26:54
สวัสดีปีใหม่นะคะเบบี้ ขอให้เบบี้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆ ประสบความสำเร็จ มีกัลยามิตรที่ดี สุขสันต์วันปีใหม่ค่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 05-01-2019 07:38:04
แวะมาสวัสดีปีใหม่ค่ะ มีความสุขมากๆนะเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Goldenfishja ที่ 05-01-2019 09:38:30
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-01-2019 14:51:34
คิดถึงคุณเบบี้ ........... คิดถึงจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
ยื่งเวลาฟังเพลงของ Rob Thomas  ........ ยิ่งคิดถึง :hao5:
เรื่อง สุดท้ายกรูก็รักมึงจนได้....ไอ้โรคจิต  ลอยมาเลย
ขอให้คุณเบบี้สุขกาย สบายใจ ไม่มีโรคภัยนะคะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-01-2019 14:27:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jj ที่ 11-01-2019 17:19:19
คิดถึงสมุทร คนดี
คิดถึงไฟ คนเกือบดี (รึเปล่า) 555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DK99 ที่ 30-01-2019 04:37:17
 :sad11:นิยายดีมาก เสียดายจังที่ไม่มาต่อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 30-01-2019 10:52:46
ยังรออยู่จ้า  :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 31-01-2019 14:17:04
Happy วาเลนไทน์ เดย์  เฮ้ยๆๆๆๆ

ใช่ที่ไหน สบายดีมั๊ย เบบี้ คิดถึงนะคะ ขอให้สบายดี มีแรงกายแรงใจ พอสมุทรกับไฟไปกันต่อนะคะ

คิดถึงเหลือเกินคะ วาเลนไทน์จะแวะมาน๊าา

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 04-02-2019 01:19:55
คิดถึงค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 13-02-2019 21:33:18
คิดถึง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: meikukio ที่ 14-02-2019 05:57:44
ชอบเรื่องนี้มาก ได้โปรด พี่เบบี้มาต่อเถอะค่ะ คิดถึงคุณไฟคิดถึงสมุทร อย่าทิ้งเรื่องนี้เลยยยย :sad4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 21-02-2019 02:48:02
น้องมารอพี่ไฟที่ safari ทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 23-02-2019 11:51:23
ไม่เจอกันหกเดือนแล้ว คิดถึงนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 03-03-2019 21:08:04
คิดถึงคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 13-03-2019 10:52:58
 :o12: คิดถึงพี่ไฟใจจิขาดแล้ว  :z13:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-03-2019 12:28:44
คิดถึงคุณเบบี้มากกกกกกกกกกก  :mew1:
ฟังเพลงของร็อบ โทมาส ยิ่งคิดถึงตัวละครของคุณเบบี้เลย  :z3: :z3: :z3:
เหมือนทุกตัวละคร มีชีวิตจิตใจเป็นคนจริงๆ  :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-03-2019 12:36:44
มาชะเง้อคอรอเธอด้วยอีกคนค่ะ คิดถึงคุณไฟจัง พาคุณสมุทรไปแกล้งถึงไหนกันแล้วน้อออ ???

รักไปแล้ว ยังไงก็รอนะคะ คุณเบบี้สู้ๆๆๆ ฮีบๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 13-03-2019 23:56:02
ไม่รู้ตัวเลยว่ารอมาตั้งแต่สิงหาคม เหมือนเห็นชื่อนิยายอยู่หน้าแรกตลอดเวลา  นับนิ้วแล้วก็เพิ่งครบ8เดือนเมื่อวันก่อน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-04-2019 11:31:10
สมุทรจ๋ามาเถ๊อะ :call:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 01-04-2019 15:40:25
รอเบบี้เสมอค่ะ รักเรื่องนี้มากกก 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 09-04-2019 14:16:37
ยังคงรอเบบี้นะ คิดถึงคุณไฟ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-04-2019 09:51:54
รอ

รอ

และ

รอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 13-04-2019 02:12:45
 :katai5: รอๆๆๆๆๆ คิดถึงนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 19-04-2019 02:20:02
 :z13:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 16-05-2019 02:39:23
 :pig2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 16-05-2019 18:20:46
คิดถึงคุณไฟ  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 21-05-2019 18:32:42
คิดถึงจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PWSR ที่ 21-05-2019 23:20:26
คงไม่มาต่อแล้ว ขอบคุณเบบี้ที่ครั้งหนึ่งได้แต่งนิยายดีๆและมหัศจรรย์แบบนี้ให้อ่านนะคะ เป็นนิยายที่เราชอบมากที่สุดเลย จากนี้จะคิดถึงคุณไฟและวีรกรรมแสบๆของคุณเขาไปเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณเบบี้อีกรอบค่ะ ยังไงก็รักเบบี้เสมอ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 25-05-2019 08:05:05
เสียดาย... แต่ถึงเสียดายแค่ไหนก็เข้าใจ คุณเบบี้อาจจะไม่มีเวลาจริงๆ แต่บอกตรงๆว่า นิยายเรื่องนี้คือหนึ่งเรื่องที่เรารู้สึกว่าดีที่สุด ขอบคุณมากๆที่ทำให้ได้รู้จักกับสมุทรและไฟจ้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 12-06-2019 18:25:21
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 19-07-2019 02:59:42
 :m15:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 25-07-2019 10:18:05
ยังคงรอเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 29-07-2019 09:12:48
ยังรอคุณไฟ​  อยู่น้า​ ไม่เคยลืมเลย
 
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 10-08-2019 01:15:43
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 12-08-2019 07:26:18
ไม่เจอไฟมา1ปี คิดถึงจัง  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 31-08-2019 02:05:59
 :katai5:คิดถึงเบบี้นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥แมวจอมซน♥ ที่ 21-09-2019 13:39:41
คิดถึงพี่ไฟจัง คิดถึงพี่บี้ด้วย แงงง :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-03-2020 09:46:05
.
.
แนะนำให้ท่านกลับไปอ่านตอนเดิม ๆ เพื่อฟื้นฟูความทรงจำ และเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านตอนที่ 51 ก่อนได้ที่...
ตอนที่ 49 : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.2010
ตอนที่ 50 : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.2100
.
.

ตอนที่ 51
..ไฟ..




“เอาไอ้บูรณ์ออกมา แล้วเราจะกลับ แค่นั้น” ผมบอกจุดประสงค์ของการบุกเข้าไปในครั้งนี้ 
 
“ครับนาย” ทุกคนพยักหน้ารับ

“ห้ามทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง” ผมพูด  ไม่มองหน้าใครโดยเฉพาะเจาะจง แต่ผู้ฟังทั้งหมดคงทราบดีว่า ผมกำลังพูดบอกกับใคร

.
.
ใจกลางป่ากลับมีโกดังปิดทึบทุกด้านตั้งอยู่  สภาพภายนอกเหมือนลวงว่าที่แห่งนี้รกร้างไร้ผู้คน  ด้านหน้าประตูโกดังมีรถยนต์จอดอยู่สามคัน พร้อมกับคนเฝ้าสี่คน  พวกเฝ้าระวังล้อมรอบพื้นที่อีกหลายสิบชีวิต  อาวุธครบมือ  การจะบุกเข้าไปกลางวันแสก ๆ เช่นนี้จำเป็นต้องระมัดระวังตัวพอสมควร  ไอ้เข้มและไอ้รุ่งจะให้สัญญาณเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว  ความสงบเงียบทำให้ได้ยินเสียงจากด้านในโกดังแว่วเป็นครั้งคราว  เสียงคล้ายเลื่อยไฟฟ้า เป็นเสียงเดียวที่ฟังได้ชัดที่สุด ณ ขณะนี้ 

ไร้การติดต่อจากไอ้บูรณ์หลังจากที่ผมได้รับสายของมันที่โรงแรม  เราไม่สามารถติดต่อกลับไปได้อีก  สัญญาณตรวจจับจากมือถือของมันมีจุดหมายปลายทางที่สุดท้ายคือละแวกนี้...

“คันสุดท้ายยย !” ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น ส่งสัญญาณมือไปทางคนเฝ้าประตูโกดัง 

“เตรียมเปิดประตู !”

รถบรรทุกเคลื่อนเข้าไปด้านใน ส่งเสียงหนวกหู  ล้อขนาดใหญ่บดไปกับพื้นดินและใบไม้ที่ตกอยู่ เป็นรอยไปตามทาง  ผู้คนเริ่มเคลื่อนไหว ปฏิบัติหน้าที่ของตนอีกครั้ง   

“ประตูทิศตะวันตก เคลียร์”

ผมมองตาสมุทรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  เราทั้งคู่ปกปิดใบหน้ามิดชิด  เขาไม่มีอาวุธสักชิ้น นั่นเป็นความประสงค์ของเจ้าตัว  กระทั่งการเสนอตัวเข้าไปด้วย นั่นก็เป็นความประสงค์ของเขาอีกเช่นกัน  ช่างเป็นความกล้าหาญที่มีความโง่เขลาผสมอยู่นิดหน่อย  แต่ผมก็ยอมรับ อนุญาตให้เขาเข้าไปด้วยกัน  การที่สมุทรถนัดไม่ใช้อาวุธก็ถือเป็นข้อดี  เพราะเมื่อเขาจนตรอก เขาจะพยายามหาทางออกให้ตัวเองมีชีวิตรอดแบบไม่เอิกเกริก  ซึ่งถ้าไม่จำเป็น ผมเองก็ไม่อยากลงไม้ลงมือใช้อาวุธเหมือนกัน  ดังนั้น ให้เขาเข้าไปด้วยกันน่ะ เหมาะแล้ว

พี่ธานที่เข้าไปในโกดังก่อนเป็นคนแรกได้ส่งสัญญาณกลับมา  ผมมีสมุทรอยู่ด้วย การจะตัดสินใจทำอะไรจึงไม่สะดวกเหมือนทำงานคนเดียว หรือรู้งานกันเหมือนลูกน้องคนสนิทคนอื่น ๆ 

ผมกับสมุทรเข้ามาในตัวโกดังได้อย่างปลอดภัย  อีกฝ่ายแยกตัวออกไปตรวจพื้นที่ฝั่งทิศใต้ตามคำสั่ง  เนื่องจากเป็นการบุกเข้ามาแบบฉุกละหุก จึงจำเป็นต้องแยกกันเพื่อเร่งค้นหาและออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด  โกดังถูกออกแบบไม่ซับซ้อน เป็นลักษณะรูปตัวยู  สิ่งที่พบแต่ละห้อง ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยกล่องพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ มีฝาปิดมิดชิด  น่าแปลกที่ทุกกล่องเป็นกล่องเปล่า  นอกนั้นเป็นกล่องเก็บความเย็นอย่างดี เรียงรายอยู่อีกนับร้อย 

“อีกหนึ่งชั่วโมง รถลอตแรกจะออกโว้ย ! เร่งมือกันหน่อย !” เสียงหนึ่งตะโกนมาจากด้านบน  ผมเดินออกมาจากห้องสุดท้ายที่เพิ่งตรวจดู ขณะเดียวกันสมุทรก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาถึงพอดี

“ไม่มีอะไรเลยครับ มีแต่กล่องเปล่าเต็มไปหมด” สมุทรพูดเสียงเบา

“ม่ายยย ~ ฮืออออออออ ~~”

“หุบปากซะ อีเวรเอ๊ยยยย ! ต้องให้กูออกแรง !”

เสียงร้องนั้นดังมาจากชั้นบน  พี่ธานที่กำลังจัดการตัดสายเบรกและเจาะยางรถบรรทุกทุกคันที่จอดอยู่ในโกดัง เงยหน้าขึ้นสบตากับพวกผมที่ยืนหลบอยู่  ผมจึงส่งสัญญาณมือบอกว่าจะนำขึ้นไปก่อน  อีกฝ่ายผงกหัวรับทราบและเร่งมือทำหน้าที่ต่อ 

ที่ชั้นสองของโกดังมีคนคุมอยู่ทางทิศเหนือ  แต่คุมก็เหมือนไม่คุม เพราะพวกมันเอาแต่ก้มหน้าเล่นไพ่อย่างเอาเป็นเอาตาย  ประตูห้องของชั้นสองเกือบทุกห้องถูกปิดสนิท และพบว่าประตูถูกล็อกเอาไว้...

“ไปจัดการซะ” ผมสั่ง 

“ครับ” สมุทรผงกหัว  ไม่มีความลังเลที่จะพุ่งเข้าไปจัดการกับคนคุมที่นั่งเล่นไพ่และไร้การป้องกันตัว  ความคล่องแคล่วที่เขามีมีประโยชน์มากในเวลานี้  บวกกับความประมาทของพวกนั้น จึงทำให้จัดการได้ไม่ยุ่งยาก  กลอนประตูถูกผมสะเดาะออก  ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องครางอย่างทรมานมาจากด้านใน

“ฮือ ฮือออออ”

“ชู่ ~” ผมส่งสัญญาณบอกให้พวกเธอรักษาความสงบเอาไว้

ดวงตาของแต่ละคนเบิกกว้าง มองมาที่ผมหน้าถอดสี  มีผู้หญิงมากกว่าสามสิบชีวิตถูกขังอยู่ในนี้  แขนของพวกเธอถูกมัดไขว้ติดกันไว้ที่ด้านหลัง ปากถูกปิดสนิท  ทันทีที่สมุทรตามเข้ามา เขาก็รีบปิดประตูห้องลง

“เงียบ ๆ ล่ะ” ผมกระซิบสั่ง ก่อนนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าผู้หญิงหนึ่งในนั้น พร้อมแกะแลคซีนที่ปิดปากของเธอออกอย่างช้า ๆ
 
“คุณ.. คุณเป็นตำรวจเหรอ” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แววตามีความหวัง

“........” ผมไม่ตอบ  ทันทีนั้นดวงตาของเธอก็เปลี่ยนความหมายไป   

“รถยนต์ที่มาจากกรุงเทพฯ วันนี้ มาถึงรึยัง” ผมถาม 

“ถึง...ถึงแล้ว พวกมันเอาพวกเราแยกกันคนละห้อง ฝั่งใต้ อึก ~ ช่วย ช่วยด้วย อึก...” เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“ขอบคุณ” ผมตัดบทและปิดแลคซีนลงที่เดิม  การกระทำจากผมทำให้เธอแทบปล่อยโฮ  เสียงของการทำงานของเลื่อยไฟฟ้ายังดังอยู่เนือง ๆ ที่ชั้นบน  ผมกวาดตามองทั่วบริเวณและสังเกตเห็นว่าสมุทรเองก็เช่นกัน  เขาคงกำลังมองหาคนของเขา  ก็ดี.. ให้ข้างในร้อนจนเป็นบ้าไปเลยก็ดี

“พวกไอ้เสื่อไปไหนวะ กูใช้ให้มันเฝ้าตรงนี้แล้วพวกมันไปไหนกัน !” เสียงหนึ่งโวยด้วยความไม่พอใจดังมาจากฝั่งของกลุ่มคนที่สมุทรเพิ่งไปจัดการ  ในขณะนั้นผมกับสมุทรจึงออกมาจากห้องดังกล่าว ปิดประตูไว้ให้เหมือนเดิม  ก่อนจะสำรวจดูห้องถัดไป
 
“ไปตามมันมาซิ เดี๋ยวส่งของไม่ตรงเวลา พวกมึงได้โดนนายใหญ่เล่นแน่ไอ้สัส !”

   ..

เป้าหมายถัดมาคือห้องฝั่งที่ผู้หญิงคนนั้นบอก  แต่เพราะพบว่ามีเจ้าถิ่นป้วนเปี้ยนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องดังกล่าว จึงทำให้ต้องเปลี่ยนเป้ามาที่ห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน  แปลก.. ห้องนี้ไม่ถูกล็อกประตูไว้

ทันทีที่ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านกับกลิ่นรุนแรงจากภายในห้อง ก็พบกับศพผู้หญิงหลายศพอยู่ในนั้น  กลางห้องมีเตียงนอนขนาดใหญ่อยู่หนึ่งเตียง  บนเตียงพบศพของผู้หญิงสองคน สวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น  เสียงการเดินของสมุทรที่ชักเท้าอย่างกะทันหัน บ่งบอกถึงความตกใจของเจ้าตัว  ผมหยุดมองชายร่างคุ้นตาที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่ปลายเตียง  มือทั้งสองข้างกำโซ่ที่ล่ามข้อเท้าหนึ่งในผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงไว้ในมือ  เนื้อตัวของมันสั่นเทา

ผมเดินเข้าไปใกล้ จำได้ดีว่าใคร  ไอ้บูรณ์เงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา  แววตาที่มองมายังผมเต็มไปด้วยความตัดพ้อต่อชะตาชีวิต...

“นายครับ มีคนกำลังลอบเข้าไปในตัวโกดัง ไม่ใช่คนของเราครับ” ไอ้หินพูดบอก

“........” ผมไม่ได้ขานรับกลับไป  กำลังจ้องมองไอ้บูรณ์ที่นั่งแนบนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับว่ามันกำลังจะบอกผมว่า กูจะเฝ้าอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน

“สายของเราบอกว่าตำรวจกำลังจะมาที่นี่ครับนาย” ปลายสายย้ำ คล้ายส่งสัญญาณให้ผมรีบตัดสินใจ
 
“เข้าใจแล้ว” ผมตอบรับ  ยืนจดจ้องไอ้บูรณ์อยู่ครู่หนึ่ง

“เจอตัวมันแล้ว ชั้นสอง ห้องสี่ ทิศใต้ เตรียมออกได้” ผมพูดบอก  อีกฝั่งหนึ่งขานรับในทันที

“ไฟ น้องกู หึ ๆ ๆ อึก ~ นี่ไง น้องสาวกู” ไอ้บูรณ์เผยรอยยิ้มอย่างยากลำบาก

“อย่า..” ผมปรามการกระทำของสมุทร ที่ทำท่าจะเอื้อมมือออกไปปิดตาให้กับน้องสาวของไอ้บูรณ์  มือของเขาสั่นขนาดที่ว่า แม้อยู่ในความมืดนี้ก็ยังเห็นได้ชัดเจน

สมุทรชักมือกลับหน้าสลด  ผมเดินเข้าไปใกล้เตียงเพื่อจะดูให้แน่ใจ  เหม็นฉิบหาย.. ทั้งกลิ่นยา กลิ่นคาว กลิ่นศพ  ผู้หญิงที่นอนอยู่มีหน้าตาละม้ายคล้ายน้องสาวของไอ้บูรณ์ แต่สภาพของเธอในตอนนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนในรูปอย่างนั้น  แต่คนเป็นพี่ชายคงจำน้องสาวตัวเองได้ไม่ลืมแน่  ไม่อย่างนั้นมันคงไม่นั่งหมดสภาพแบบนี้ 

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยจากการถูกทำร้าย  คราบเลือดที่จมูก ลามไปถึงหมอนที่เธอใช้หนุน  เสื้อผ้าหลุดลุ่ย  หน้าอกถูกเปิดออกข้างหนึ่ง  ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย  เลือดที่ข้อเท้าทั้งสองข้างที่ถูกโซ่ล่ามไว้นั้นแห้งกรังจนส่งกลิ่นโชยไปทั่ว  ผมหยิบถุงมือมาใส่เพื่อตรวจดูชั้นวางของที่อยู่ข้างเตียง  พบเพียงร่องรอยของการใช้สารเสพติด  ข้อมือที่แขนของเธอบ่งบอกว่าได้ถูกใช้งานมาอย่างหนัก  ตัวพี่ชายคงเดาได้แล้วว่าน้องสาวต้องเจอกับอะไรมาบ้าง

ผมปิดตาให้เธอ ก่อนจะถอดถุงมือออก...

“เราเอาเธอไปไม่ได้” ผมพูด ยืนยันหนักแน่น  ไอ้บูรณ์เงยหน้าขึ้นทันที

“เอาตัวมันไป” ผมสั่งสมุทรพร้อมชี้นิ้วส่ง ๆ ไปทางไอ้บูรณ์  สมุทรผงกหัวรับทราบ สีหน้าของเขาก็กล้ำกลืนไม่ต่างจากไอ้บูรณ์นัก

“ไปเถอะ” สมุทรนั่งลง กระซิบพูดอย่างใจเย็น  ไอ้บูรณ์ไม่ไหวติง  มันเอาแต่ก้มหน้าและไม่ยอมปล่อยมือจากโซ่เลย

“บูรณ์ เราต้องไปกันแล้ว” สมุทรย้ำเรียก  จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา ปากกระบอกปืนจากผมจ่อไปโดยสัญชาตญาณ 
 
“ผมเองครับ” พี่ธานผายมือขึ้นเล็กน้อย

“คุณไฟครับ ผมว่าพวกมันรู้แล้วครับว่ามีคนเข้ามา รีบไปกันเถอะครับ” พี่ธานบอก  ผมผงกหัวรับทราบ หันไปมองไอ้บูรณ์อีกครั้ง
พอสมุทรดึงดันที่จะควบคุมร่างกายของไอ้บูรณ์ให้ไปกับตัวเองให้ได้  อยู่ดี ๆ คนถูกล็อกก็แหกปากร้องขึ้นดังลั่น พร้อมกับกระโจนเข้าหาผมแล้วทำท่าจะแย่งปืนไป  สมุทรพุ่งมาตะครุบตัวมันไว้ได้  ความแรงที่เขาพุ่งเข้าหาทำให้ทั้งคู่เสียหลักจนหลังของสมุทรกระแทกกับพื้น  ผมกับพี่ธานยืนมองนิ่ง ๆ  ไอ้บูรณ์พยายามดิ้นสู้แรงของสมุทรอย่างบ้าคลั่ง ไร้สติ  สมุทรเองก็ไม่ยอมแพ้ รัดตัวไอ้บูรณ์ไว้แน่น ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยโดยง่าย 

ครู่หนึ่ง.. คนที่ขืนแรงสู้ก็หมดฤทธิ์ลงทั้งน้ำตา 

“อึก ฮือออ ~”

“เสียงอะไรวะ พวกมึงไปดูทางนั้น !” คนด้านนอกตะโกนสั่ง  พี่ธานตรงไปเตรียมป้องกันที่ปากประตูในทันที  ผมจึงเดินไปหาไอ้บูรณ์ นั่งยองลงตรงหน้ามัน

“กูไม่ได้มาที่นี่ เพื่อมาผดุงความยุติธรรมหรอกนะ..” ผมจ้องมอง  สมุทรไม่ยอมปล่อยมือที่ปิดปากของไอ้บูรณ์เลย
 
“อยากตายอยู่นี่ก็เชิญ” ผมพูด  ให้มันเลือกทางเดินของมัน  ผมมาที่นี่เพราะต้องการรักษาคำพูดที่เคยบอกไว้ว่าจะดูแลมัน  แต่ทุก ๆ สัญญาก็มีเงื่อนไขด้วยกันทั้งนั้น

“บูรณ์” สมุทรเรียกสติ  เขาลุกขึ้นพร้อมใช้แรงคว้าตัวไอ้บูรณ์ให้ลุกยืนด้วยกัน


ปัง !!!

“มันไปทางนั้น !”

ผมหันกลับไปมองพี่ธานที่ยังคงประจำอยู่ที่เดิม  ใครสักคนถูกพบเข้าแล้ว  ใครที่ไม่ใช่คนของผมและมาทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย... 

“เกิดอะไรขึ้นครับนาย” เสียงของไอ้หินถามแทรกเข้ามา

“ประกบมันไว้” ผมสั่งสมุทร  อีกฝ่ายผงกหัวรับทราบ

“ค้นทุกห้อง !”

“นายครับ คาดว่าตำรวจน่าจะถึงภายในสามนาที” ไอ้หินพูดบอก   

“สมุทรกับบูรณ์พร้อมจะออกแล้ว คุ้มกันด้วย” ผมสั่ง

“ครับ”

ด้านนอกเกิดการยิงต่อสู้กัน และนั่นไม่ใช่คนของผมแน่  ทันทีนั้นพี่ธานก็เปิดประตูออกไป เป็นฝ่ายนำให้สมุทรกับไอ้บูรณ์ได้อยู่ตรงกลาง มีผมระวังจากด้านหลัง  จากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้การ์ดในโกดังตื่นตัว  ลักษณะของโกดังแต่ละชั้นที่เป็นแบบระเบียงเปิดโล่ง จึงทำให้พวกเราสี่คนเป็นที่สังเกตได้ง่าย

“เฮ้ย ! ไอ้เหี้ยพวกนั้นใครวะ !”


ปัง !  ปัง ๆ ๆ !!

“ระยำเอ๊ยยย ! เก็บมันให้หมด !”

“ไป ! ไป ๆ ๆ  ไปปปป !” ผมไล่  ดันหลังสมุทรกับไอ้บูรณ์ให้รีบไปก่อน 

“ฮืออออ ~ อึก..”

สมุทรคุมตัวไอ้บูรณ์ที่สติแตกไปอย่างทุลักทุเล ไม่ช่วยแบ่งภาระให้สมุทรจนมันสะดุดเข้ากับท่อเหล็กที่วางอยู่บนพื้นตรงทางเดิน  ท่อเหล็กกระจาย กลิ้งลงจากระเบียง ทำให้สมุทรเซล้มลงไปด้วย  พวกมันยิงสวนขึ้นมาจากด้านล่าง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  แต่คงไม่สามารถทำให้ไอ้บูรณ์กลัวต่อความตายได้แล้ว  มันนอนนิ่งอยู่บนพื้นคล้ายยอมแพ้ ใบหน้าเลื่อนลอยกับการจากไปของคนที่รัก 

“หมอบต่ำไว้” ผมพูดบอกสมุทรที่มีสติครบถ้วนดี พร้อมส่งสัญญาณมือให้พี่ธานรีบเคลียร์ทางออก

ทันทีที่พี่ธานยิงสวนกลับเพื่อเคลียร์ทางให้  สมุทรไม่เรียกสติไอ้บูรณ์อีก เขาใช้แขนทั้งสองข้างสอดเข้าไปใต้ลำตัวของไอ้บูรณ์และออกแรงยก ลากตัวไปแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนในท่านั้น  เป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนยิงสวนขึ้นมา เฉียดศีรษะของไอ้บูรณ์ไปเพียงเสี้ยววินาที 

ผมยิงกันให้จนเห็นว่าทั้งสามคนออกจากตัวโกดังได้อย่างปลอดภัย  และหลบหลีกออกมาอยู่ในมุมสงบ  คนของพวกมันหายไปพอสมควร  สถานการณ์เบาลงครู่หนึ่ง แต่ยังคงได้ยินเสียงเครื่องมือทำงานอยู่จากชั้นบนสุด...

“ไอ้ฉิบหาย จับไม่ได้สักตัว ! มึงอยากโดนนายฆ่ารึไง !”

“นายบอกว่าตำรวจกำลังมา รีบเคลียร์ของเถอะครับ”

“แล้วคนของเราที่ตายล่ะพี่..”

“กระจายคนไป หาพวกมันให้เจอ ที่เหลือเคลื่อนย้ายอีพวกนี้ออกเลย เร็ว !

ที่ฝั่งเหนือของโกดังเต็มไปด้วยกองไม้ขนาดใหญ่ เรียงสูงเหนือหัว  ด้านหนึ่งมีตู้คอนเทนเนอร์ขนาดประมาณยี่สิบเมตรเรียงเป็นทางยาว  สีของตู้ วางคล้ายแบ่งส่วนสำคัญไว้ชัดเจน

“คุณไฟครับ ออกมาเถอะครับ” พี่ธานพูด

“........” ผมไม่ขานรับ  ใครสักคนที่เข้ามาในนี้.. มันเป็นใคร   

.
.
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-03-2020 09:47:21
.

รถยนต์ของเราขับลึกเข้าไปในทางเปลี่ยว  จุดหมายคือที่ปลอดคน  เพื่อจัดการเคลียร์สิ่งที่อยู่ในรถให้เรียบร้อยก่อนกลับเข้าเมือง

“เคลียร์ของ !” เสียงของพี่ธานสั่งการ  ไอ้เด่นลงจากรถ เปิดประตูให้ผมก่อนที่พวกมันจะกระจายกันไปทำหน้าที่

ผมมองไอ้บูรณ์ที่นั่งนิ่งอยู่บนรถด้วยสภาพซังกะตาย  ไม่มีคำที่ต้องการจะปลอบ  ของแบบนี้ไม่มีคำพูดเหมาะควร ใครก็ทราบดี...
ผมเหลือบมองสมุทรที่ปลีกตัวเองออกไปในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นอยู่  ทางนั้นเองก็คงต้องการเวลาอยู่คนเดียว  เจ้าตัวเดินตรงเข้าไปในป่าหญ้า ออกห่างจากตัวรถไกลพอสมควร  ก่อนจะหยุดยืนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง  พี่ธานยืนมองสมุทรโดยไม่ซักถาม  อีกฝ่ายเลือกหันหลังให้พวกเราและแช่นิ่งท่านั้นอยู่ร่วมนาที  ครู่หนึ่ง เขาก็วางมือซ้ายลงบนต้นไม้ ลำตัวเริ่มโค้งงอ พร้อมกับใบหน้าที่ก้มลงพื้น 

เสียงอ้วกจากสมุทรดังก้องไปทั่ว ทำให้ลูกน้องผมหันไปมองเป็นตาเดียว...

พี่ธานเห็นอย่างนั้นจึงตรงเข้าไปในรถ ก่อนจะเดินไปหาสมุทรพร้อมกับน้ำเปล่าและกระดาษทิชชู  ทั้งคู่พูดคุยกันไม่กี่ประโยค  พอพี่เขาเห็นว่าสมุทรตั้งสติได้บ้างแล้วจึงเดินกลับมา 


อีกฝ่ายยืนเอนหลังพิงต้นไม้ มือข้างหนึ่งถือขวดน้ำไว้  ผมเดินเข้าไปหา  เราประจันหน้ากันในความเงียบ  สายตาที่เขามองมายังผมเรียบเฉย  แต่ในความเรียบเฉยนั้น มีความสิ้นหวังแฝงให้เห็น  ผู้หญิงที่เขาอยากจะช่วย สำคัญจนทำให้หมดแรงได้เลยงั้นเหรอ  น่าขำ...

“ขอโทษครับ” สมุทรพูด  ปลายเสียงแหบหายเข้าไปในลำคอ  ผมไม่ตอบ  ไม่ถามว่าขอโทษเพราะอะไร  การมายืนอ้วกในสถานการณ์เช่นนี้ก็สมควรขอโทษอยู่น่ะนะ

“เหมือน กลิ่นมัน.. ยังติดอยู่ที่จมูกเลยครับ” สมุทรพึมพำตะกุกตะกัก  ท่าทางที่เรียบสงบต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเห็นจนคุ้นตา ในตอนนี้กลับดูอ่อนแรง  ผมขยับตัวเข้าหาก่อนที่สติจะยับยั้งถึงเหตุผลว่าสิ่งใดสมควรหรือไม่  มือข้างหนึ่งเท้าลงบนต้นไม้ เหนือหัวของสมุทร  ใบหน้ายื่นเข้าหา ทันทีนั้นคนตรงหน้าก็ขยับมือขึ้นปิดปากปรามผมได้ก่อนที่จะเกินเลย  การห้ามปรามของฝ่ามือนี้เป็นการปรามแต่พอดี ไม่ได้ออกแรงแต่อย่างใด...

“อย่าครับ” สมุทรกระซิบเตือน สีหน้าอิดโรยไม่เปลี่ยนไป

“........” ผมจ้องมอง  ขยับหน้าเข้าใกล้โดยไม่ดึงดันที่จะดึงมือของเขาออก

“คิดถึงแค่ฉันคนเดียวก็พอ” ผมพูด ก่อนเดินจากมา

สิ่งของถูกเคลียร์ให้อยู่ในที่ ๆ ควรแล้ว  พวกมันยืนเรียงหน้ากระดานเป็นระเบียบคล้ายรอคำสั่งจากผม  เมื่อเห็นว่าผมเดินกลับมา ทุกคนต่างก็ลดระดับของการมองลงในทันที

“มันได้สติบ้างรึยัง” ผมถามถึงไอ้บูรณ์ที่ยังคงนั่งอยู่ในรถ

“ไม่ยอมพูดเลยครับ” พี่ธานตอบ 

“ยังไงเราก็มาช่วยเธอไม่ทันหรอกครับ เธอเสียมานานมากกว่าสามวันแน่ ๆ  อีกอย่าง.. ถึงรอด เธอก็จะเป็นคนที่ทรมานที่สุด”

“........” ผมเพียงพยักหน้าตอบรับพี่ธานไปครั้งหนึ่งเพื่อตัดบทสนทนา  ประตูฝั่งที่ไอ้บูรณ์นั่งอยู่เปิดอ้าอยู่ก่อนแล้ว  อีกฝ่ายที่นั่งเหม่อหันหน้ามาทางผม ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง  ปากของมันขยับแต่กลับไม่มีเสียง  ผมยืนรอ ไม่ทักถามก่อน  รอให้อีกฝ่ายเป็นคนเปิดประเด็นเอง

“กูรู้อยู่แล้วว่ายังไงน้องกูต้องตาย” ไอ้บูรณ์พูด

“กูมันโง่”

“ใช่ มึงโง่” ผมเห็นด้วย  อีกฝ่ายนิ่งไป

“ระหว่างนี้ กูจะให้คนของกูพามึงไปอยู่ต่างจังหวัด เรื่องเงียบแล้วมึงค่อยกลับมา” ผมบอก

“ฆ่ากูสิ” ไอ้บูรณ์พูดสวนด้วยความหนักแน่น  ผมจ้องหน้ามัน วิเคราะห์ได้ว่าเป็นการร้องขอออกมาจากใจจริง

“ตายเองสิ กูไม่ฆ่าคนที่ไม่สมควรตายหรอก” ผมตอบกลับด้วยความหนักแน่นเช่นกัน  ไอ้บูรณ์เบือนหน้าหนีน้ำตาคลอ 
มันจะตายหรือไม่ ไม่ใช่ธุระอะไรของผม.. เราต่างก็อยู่กับความเจ็บปวดที่โลกใบนี้มอบให้กันทั้งนั้น  การสูญเสียคนที่รักมักเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน  คนที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ ต่างก็ต้องกัดฟันอดทนสู้อยู่กับความเจ็บปวดให้ได้ก็เท่านั้น 



- - - - - - - - - - - - - - -



กว่าจะถึงที่พักก็ตกค่ำแล้ว  โทรทัศน์เกือบทุกช่องออกข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโกดังดังกล่าวอย่างครึกโครม  คดีถูกโยงจากเรื่องค้ามนุษย์ ค้าอวัยวะ ไปจนถึงค้ายาเสพติด  แน่นอนว่าไม่สามารถโยงไปถึงตัวสั่งการได้  นอกเหนือจากนั้นข้อมูลได้ถูกปิดไว้

“สองคนนั้น อาการแย่น่าดูเลยนะครับ” พี่ธานเปิดปากหลังจากที่ผมกดปิดเสียงทีวี 

“........” ผมไม่ตอบอะไรกลับไป  รู้ว่าพี่เขาหมายถึงสมุทรกับไอ้บูรณ์

เราสองคนนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น  ไวน์ถูกเปิดแล้วหนึ่งขวด  คนอื่นแยกเข้าห้องของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องส่วนตัว  ผมได้ยกห้องของผมให้ไอ้บูรณ์อยู่คนเดียว  มันจะได้มีเวลาทบทวนตัวเอง

“ขอโทษครับนาย” ไอ้รุ่งเดินมา  ผมช้อนตาขึ้นมอง

“ทางค่ายโทรมาเมื่อเย็นนี้ครับ บอกว่ามีธุระสำคัญต้องการคุยกับนาย อยากทราบว่านายจะกลับเข้าค่ายได้เมื่อไหร่ครับ”

“เดี๋ยวก็กลับแล้ว” ผมตอบเสียงเบา   

“ครับ” ไอ้รุ่งผงกหัวครั้งหนึ่ง  ไม่ซักต่อว่า “เดี๋ยว” ที่ว่าคือเมื่อไหร่ ก่อนจะตรงกลับเข้าห้องของตัวเองไป

“ติดต่อพี่ทัพ จัดการเรื่องศพน้องมันให้เรียบร้อยด้วย” ผมสั่ง

“ได้ครับ” พี่ธานตอบรับ 

“คิดอะไรอยู่เหรอครับ” อีกฝ่ายถาม

“เปล่านี่ครับ” ผมปัดพร้อมผลิยิ้มให้เล็กน้อย  ขยับตัวไปคว้าขวดไวน์มารินเติมใส่แก้วตัวเองและแก้วของพี่เขาด้วย 

“ขอบคุณครับ” เจ้าของแก้วพูดนุ่ม ๆ

“คืนนี้ผมขอห้องพี่ได้ไหมล่ะ” ผมเลิกคิ้ว  ห้องของพี่ธานที่มีเพื่อนร่วมห้องเป็นสมุทร

“หึ ๆ  ตามสบายเถอะครับ” พี่ธานตอบ  ผมยิ้มกว้างที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า

“จะไม่โทรหาคุณพายุหน่อยเหรอครับ” พี่ธานทัก  ผมช้อนตามองเสี้ยวหนึ่ง ก่อนลดระดับลง

“ไม่เอาอะ ขี้เกียจเอาใจ” ผมปัด  ป่านนี้มันคง (แอบ) งอนผมหน้างอเป็นกระบวยเพราะไม่ได้รับการติดต่อไปเลยแน่ ๆ

“เฮ้ออออ ~ เข้าห้องดีกว่า” ผมจิบไวน์รอบสุดท้ายหมดแก้วแล้วลุกขึ้นยืน

“อย่าไปแหย่เขาล่ะครับ” พี่ธานส่งสายตากำชับด้วย  ผมจึงยิงฟันยิ้มตอบพี่ใหญ่ไปแล้วเดินจากมา  พี่ธานคงจะนั่งดื่มต่อและคงต้องนอนตรงนั้นหากพวกลูกน้องไม่มาเห็นเข้าเสียก่อน 

   ..

เพื่อนร่วมห้องของพี่ธานเข้าไปขลุกตัวอยู่แต่ในห้องนอนคนเดียว ตั้งแต่ที่จบมื้อเย็นและผมได้ออกปากอนุญาตให้ทุกคนได้พักผ่อนแล้ว  เขาไม่โผล่หน้าออกมาจากห้องเลย  อาหารเย็นที่กินเข้าไปก็กินเพียงนิดเดียวเท่านั้น  ไม่ได้กินเหมือนวันพรุ่งนี้จะต้องตายจากโลกนี้ไปเหมือนลูกน้องคนอื่น ๆ ของผม...

ไฟดวงหลักในห้องถูกปิด  มีแต่แสงสว่างจากไฟหน้าห้องน้ำที่เปิดไว้  สมุทรนอนอยู่ฝั่งของตน ด้านเดียวกับคืนก่อน  ผมไม่แน่ใจว่าเขาหลับอยู่หรือเปล่า แต่ไม่ขยับตัวเลยแม้จะได้ยินเสียงประตูห้องเปิดเข้ามา  ผมคลานขึ้นไปบนเตียง  เคลื่อนไหวอย่างเบาที่สุด ก่อนจะสวมกอดเขาจากด้านหลัง  อีกฝ่ายตกใจ ขยับตัวหันกลับมามองในทันที

“เตียงฉันถูกแย่งอีกแล้ว” ผมกระซิบบอกด้วยการหลับตาไว้ บ่ายเบี่ยงการปฏิเสธจากเขา 

“........” สมุทรไม่ตอบ  เขาเบือนหน้ากลับ  ผมจึงขยับตัวขึ้นคร่อม  คนที่นอนหงายอยู่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ  ไร้การห้ามปรามอย่างที่นึกไว้  ทั้งยังจ้องผมทุกการเคลื่อนไหวอีกด้วย

“คุณน่ะ เฮ้อ ~” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็พึมพำบ่น 

“ขึ้นคร่อมผู้ชาย มันสนุกนักรึไงครับ” สมุทรพูดเสียงเรียบ

“ลองดูไหมล่ะ” ผมยิ้มกว้าง  ไม่ปล่อยให้ข้อเสนอนี้จบลงโดยง่าย  ความสงสัยควรได้รับคำตอบ  ผมสอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปใต้หัวไหล่ของอีกฝ่ายแล้วออกแรงยกตัวสมุทรขึ้น  ในขณะที่ผมเองก็ทิ้งหลังลงบนเตียง  ร่างกายของเขาเสียการทรงตัว เปลี่ยนมาคร่อมผมแทนในที่สุด 

“........” บรรยากาศรอบตัวสงบลงครู่หนึ่ง  ผมจ้องมองสายตาของสมุทรที่มองผมไม่วางตา

“สนุกไหม” ผมเลิกคิ้วถาม

“คุณนี่มัน...” อีกฝ่ายทำท่าจะบ่น แต่กลับทิ้งคำบ่นนั้นไปดื้อ ๆ  ขณะเดียวกันคนด้านบนก็ทำท่าจะขยับตัวออก  ขาของผมจึงขยับขึ้นและเกี่ยวตัวสมุทรล็อกไว้โดยอัตโนมัติ  ชื่อของผมที่ถูกเขาปรามเบาบางจนเกือบไม่ได้ยิน  สมุทรเบือนหน้าหลบอย่างรักษามารยาทเมื่อผมยื่นหน้าเข้าหา  ยังมีท่าทีที่ระมัดระวังต่อการกระทำของตนอยู่บ้าง


และไม่ว่าผมจะขยับหน้าเข้าหาเขาในทางไหน ใบหน้าของเขาก็หลบเลี่ยงอย่างพอควรเท่านั้น...

“ฉันถามว่าสนุกรึเปล่า” ผมกระซิบ  ไม่หยุดกวนใจเขาด้วยการคลอเคลียใกล้ ๆ 

“คุณเมาแล้วนะครับ” สมุทรพูดเสียงเข้ม 

“หึ” ผมหลุดหัวเราะในลำคอ  ถ้าการที่เขาอ้างอย่างนั้นมันจะดีต่อเราทั้งคู่ก็ช่างเขา 

ผมตั้งศอกข้างหนึ่งเพื่อพยุงตัวให้เข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น  สมุทรยอมนิ่งลงแล้ว  เหมือนปล่อยให้ผมทำตามใจ แต่กลับไม่ยอมสบตากันอีก  ทีท่าไม่เต็มใจคล้ายพยายามที่จะปฏิเสธโดยนัยแฝงว่า “ช่างเถอะ เบื่อจะห้ามแล้ว”  ซึ่งเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรก็ช่างเถอะครับ  เพราะทางเดียวที่จะปฏิเสธผมได้ในตอนนี้ นั่นก็คือการลุกขึ้นมาใช้กำลังกับผมอย่างจริงจังก็แค่นั้น

“แค่หอมไม่ได้เหรอ หืมม ~” ผมถาม ไม่ได้ต้องการคำตอบ  ปลายจมูกเฉียดเข้าที่ข้างแก้มของสมุทรเสี้ยวหนึ่ง

“คุณควรจะมีขอบเขตหน่อยนะครับ” อีกฝ่ายยอมหันกลับมาสบตา  ครั้งนี้ทั้งสายตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง

“ฉันถามว่าฉันหอมนายไม่ได้เหรอ” ผมกระซิบใกล้ ๆ  พลางไล่ริมฝีปากผ่านริมฝีปากของเขา ก่อนจะหยุดจ่ออยู่ที่ข้างแก้ม  สมุทรก้มหน้าลง ไม่ยอมสบตา และไม่ปฏิเสธ 

ครู่หนึ่งให้หลัง คนตรงหน้าก็ยอมหันกลับมา  เราประจันหน้ากัน ปลายจมูกแตะกันไม่ห่าง...

“คิดถึง” ผมบอก

“หยอกกก..” ผมยิ้มแก้

“หึ !” สมุทรหลุดหัวเราะ  รอยยิ้มที่เผยให้เห็นทำให้อดไม่ได้ที่จะจูบลงที่ปากอีกฝ่ายโดยทันที  เขาหุบยิ้มลงทีละนิด บรรยากาศจึงเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า 

“รู้จักคำว่าขอบเขตไหมครับ” สมุทรพูดแทบกระซิบ  ทั้งน้ำเสียงและสายตาทำให้รู้สึกอยากเข้าไปค้นหาเสียเดี๋ยวนี้

“คือ ?” ผมเลิกคิ้วถามกลับ  จดจ้องริมฝีปากของเขาใกล้ ๆ ไม่วางตา  ถ้าบังคับให้จูบมากกว่าก่อนหน้า จะเป็นยังไงกันนะ  ผมเปิดปากออกเล็กน้อย ก่อนแตะปากจูบลงที่ริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายอย่างจงใจ  สมุทรนิ่งไปและดูตกใจที่ผมทำอย่างนี้  เราไม่ได้กำลังมองกันด้วยความหื่นกระหาย แต่ก็ไม่มีความสั่นไหวหรือลังเลผสมอยู่  จู่ ๆ ความคิดที่ว่าอยากให้คนตรงหน้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนผุดขึ้นมา  พอนึกได้อย่างนั้น ในใจมันก็กระปรี้กระเปร่าแปลก ๆ

“คุณไฟครับ”

“หึ..” ผมยิ้มให้ แล้วยอมปล่อยขาที่ล็อกตัวเขาไว้ออกในที่สุด

“ถ้าไม่เลิกคร่อม ฉันจะต่อนะ” ผมบอก  สมุทรลดระดับสายตาลง  ความหมายในดวงตาของเขาดูสั่นคลอนกับพฤติกรรมของตัวเอง  ก่อนจะรีบขยับตัวออกจากผมแล้วนอนลงด้านข้างอย่างเดิม

“เลิกยิ้มได้แล้วครับ” สมุทรพูดขึ้นโต้ง ๆ

“หึ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ

“นอนเถอะครับ ถ้าเข้านอนช้ากว่านี้มันจะทำให้ผมหิวน้ำ”

“อะไรของนาย” ผมพูดปนหัวเราะ 

“........” สมุทรไม่ว่าอะไร  เขาลุกขึ้นอีกครั้ง ผมมองตามงง ๆ  อีกฝ่ายคลี่ผ้าห่มออกแล้วนำมาห่มให้ผมอย่างรีบ ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนในที่ของตน 

“ใจเต้นเลยแฮะ” ผมแสยะยิ้มมุมปาก  ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นหนุนหัว
 
“เป็นโรคหัวใจมั้งครับ” อีกฝ่ายย้อน ประชดผมกลับ

“แน่ใจว่านอนหลับ ?” ผมพูดเชิงถาม  ป่านนี้ลูกน้องผมคงพากันหลับเป็นตายไปแล้ว  ภูมิต้านทานของเขากับไอ้พวกนั้นมันต่างกัน

“........” สมุทรไม่ตอบ

“มีอาหารที่ไม่ชอบไหม ตอนเด็กน่ะ” ผมตั้งคำถาม ต้องการชวนคุย  สมุทรเงียบเสียงอยู่พักใหญ่ แต่เขายังไม่ได้หลับตาลง
 
“ขิงครับ” เขาตอบเบา ๆ

“ตอนเด็กผมไม่ชอบกินขิง แต่ตอนนี้ชอบแล้ว”

“ส่วนฉันเกลียดการกินกล้วยสุด ๆ ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน” ผมบอก  เพราะถึงไม่ชอบแค่ไหน แต่มันก็ยังจำเป็นต้องกินอยู่ดี

“หึ ๆ” สมุทรหัวเราะ

“แต่ผมชอบกินนะครับ” เขาบอก

“ตอนเด็ก ๆ ผมกินกล้วยน้ำว้าทุกวันเลยครับ เหมือนว่า.. ไม่มีตัวเลือกอื่นน่ะ” สมุทรพึมพำ 

“แล้วของที่ชอบล่ะ” ผมถามต่อ

“ตอนเด็ก ฉันคิดว่าข้าวเม่าทอดอร่อยสุด ๆ  แต่คนที่เคยทำอร่อยตายไปแล้วอะนะ” ผมขยายความ  สมุทรเงียบไปอึดใจหนึ่ง ผมจึงหันไปมอง 

“ชาเย็นมั้งครับ” อีกฝ่ายตอบ ตาลอยมองเพดานห้อง  หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็เงียบลงพร้อมกัน  สมุทรหันกลับมา มองผมด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเล็กน้อย 

“นอนเถอะครับ” เขาบอบ  สายตาที่ต่างฝ่ายต่างมองนั้นเก้ ๆ กัง ๆ ขึ้น ราวกับว่าเพิ่งเคยมองตากันตรง ๆ เช่นนี้เป็นครั้งแรกอย่างนั้น  พอเห็นแบบนี้ก็ทำให้อยากกวนใจขึ้นมาอีก  ผมยื่นหน้าเข้าหา ทันทีนั้นสมุทรก็เบือนหน้าหนีเสียก่อน 

“เฮ้ออออ ~” ผมแกล้งถอนหายใจทิ้ง

“ฝันดีครับ” คนด้านข้างพึมพำก่อนจะพลิกตัว นอนตะแคงข้างหันหลังให้ผม  ครั้งนี้ผมไม่ก่อกวนอีก  จบบทสนทนา เพราะอยากให้เขาได้พักผ่อน 

.
.

ตกกลางดึก ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นเพราะคนข้าง ๆ พลิกตัวบ่อย  รับรู้ได้ว่าสมุทรนอนไม่หลับ  แต่ผมก็ไม่ได้ทักถามออกไป  นอนนิ่งเฉยทั้งที่ตื่นเต็มตา  อีกฝ่ายดูกระสับกระส่ายเหมือนคนนอนหลับไม่สนิท  ทางนั้นเองก็ไม่ทันสังเกตเห็นว่าผมเองก็ไม่ได้หลับอยู่เช่นกัน 

สักพักหนึ่งสมุทรก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งและค่อย ๆ นำตัวเองออกจากผ้าห่ม  ขาหย่อนลงพื้น หันหลังให้กับผม  ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท  แผ่นหลังที่เรียบสงบกลับได้ยินเสียงถอนหายใจเบาบาง  ผมปากหนักจนไม่กล้าถามออกไปว่ามีอะไรในใจเขา  เคยไหมครับ เคยกังวลกับการออกปากถามใครสักคนที่ลุกขึ้นมานั่งในเวลานี้  คล้ายกับว่าทางนั้นมีเรื่องให้คิดหนักอยู่
 
สมุทรนั่งอยู่อย่างนั้นอยู่นานพักใหญ่  ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง  ทางนั้นหันกลับมามองในทันที..

“ขอโทษครับ ผมทำให้ตื่น” สมุทรรีบพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ

“ไม่เป็นไร นาย..มีอะไรรึเปล่า” ผมถาม 

“........” เขาชะงัก ลดระดับสายตาลง

“ไม่รู้สิครับ ผมฝันไม่ดีเลยนอนต่อไม่ได้น่ะครับ ขอโทษด้วย” อีกฝ่ายพูดเสียงเบา 



ตืด  ๆ  ๆ

หลังจากที่สมุทรพูดจบประโยคเพียงไม่ถึงนาที เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่บนหัวเตียงก็ดังขึ้น  เราต่างหันไปมอง  สายที่โทรเข้ามากลางดึกเช่นนี้หรือจะใช่เรื่องดี  ขอเอาชีวิตเป็นประกันได้เลยว่านั่นจะไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน...



- - - - - - - - - - - - - - -



“พี่ ยาย เสียแล้ว ฮึก ~”

น้ำเสียงของดาวสั่นเครือ  ใบหน้าที่พยายามอดกลั้นไม่ให้เสียงร้องดังออกมาซึ่งอาจทำให้น้องชายตื่น เต็มไปด้วยความทรมาน  เมฆนอนหลับอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน 

ยายของพวกเขาที่มักจะลุกขึ้นมาเตรียมทำขนมเพื่อนำไว้ขายเช่นทุกเช้า  เช้านี้ก็เช่นกัน...

สายที่โทรเข้ามากลางดึกนั้นเป็นสายจากดาว  ยายของสมุทรล้มในห้องน้ำ  กว่าดาวจะเข้าไปพบก็สักพักใหญ่แล้ว  เธอเรียกรถพยาบาลและหลังจากนั้นจึงโทรบอกผมกับสมุทร  ผมสั่งให้ทุกคน Check-out ออกจากโรงแรมในทันที และติดต่อหาคนที่ค่ายมวยเพื่อให้ตรงมาดูดาวกับเมฆที่โรงพยาบาลก่อนที่พวกผมจะเดินทางมาถึง

สมุทรไม่พูดอีกเลยหลังจากรับสายจากน้องสาว  ตลอดการเดินทางเต็มไปด้วยความเงียบสงบ  จากประสบการณ์ที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวมามาก  มีบางสิ่งที่ผมสามารถสัมผัสได้  นั่นก็คือความรู้สึกรักที่ถูกพรากออกไปแล้ว  ต่อให้ไม่ได้รับการติดต่อก็สามารถรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ  ทั้งที่เราพยายามสั่งตัวเองไม่ให้เชื่อบางสิ่งบางอย่างที่จับต้องไม่ได้เป็นรูปธรรมนั้น แต่สัญชาตญาณก็ยังแทรกเข้ามาในหัวใจอยู่ดี 

ผมเดินแยกตัวออกมาจากพวกเขา  ให้สมุทรและดาวได้มีเวลาส่วนตัว  ทั้งคู่ยืนกอดกันด้วยบรรยากาศที่ผมไม่สามารถเข้าไปแทรกได้...

“ติดต่อลุงลอยซิ” ผมสั่งไอ้เด่นที่ยืนอยู่ด้านข้าง  มันผงกหัวรับทราบและติดต่อลุงลอยทันที  ผมลางานให้สมุทร และบอกให้ลุงลอยช่วยจัดเตรียมคนในค่ายสำหรับจะไปช่วยเหลือที่งานศพด้วย

“คุณไฟครับ สมุทรเขายืนยันว่าจะจัดงานศพที่วัดแถวบ้านน่ะครับ จะสวดศพสามวัน” พี่ธานเดินตรงเข้ามาบอก 

“ตามใจเขา” ผมตอบ

“ได้ครับ” อีกฝ่ายผงกหัว  ผมสั่งให้พี่ธานเป็นคนดูแลรับผิดชอบในงานนี้

“มึงสองคนคอยผลัดกันไปช่วยที่วัดแล้วกัน กูโทรบอกลุงลอยแล้ว เดี๋ยวลุงจะจัดคนไปช่วยแต่ละวันด้วย แล้วแต่งตัวให้มันพอดี ๆ ล่ะ” ผมลุกขึ้นยืน  ชี้หน้าไอ้รุ่งกับไอ้หิน ตักเตือนว่าอย่าให้การแต่งกายของพวกมันเป็นจุดสนใจสำหรับชาวบ้านมากนัก

“ครับนาย” มันสองคนขานรับ

“จัดการเรื่องอาหารแต่ละวันให้เรียบร้อยนะครับ รายงานค่าใช้จ่ายแต่ละวันมาด้วย” ผมสั่งพี่ธาน

“เอาตามที่เจ้าตัวเขาอยากได้แล้วกัน...” ผมกำชับ ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงพลางนึกเรื่องอื่น 

“คืนนี้ฉันกับพี่ธานจะไปธุระ คงไม่ไปที่งาน ดูแลให้เรียบร้อยล่ะ” ผมมองหน้าไอ้รุ่งกับไอ้หิน  ทั้งคู่ผงกหัวพร้อมขานรับอย่างขึงขัง ก่อนที่ผมจะเดินจากมา  ผมตรงไปหาสมุทรที่ตอนนี้นั่งซึมอยู่ที่เก้าอี้ยาวหน้าห้องฉุกเฉิน  ดาวหายไปไหนไม่ทราบ

“จากวันนี้ฉันจะให้นายหยุดงานจนกว่าจะจัดการเรื่องงานศพเสร็จ” ผมเอ่ยปาก  หยุดยืนตรงหน้า  สมุทรตาลอย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผม 

“เดี๋ยวคนที่ค่ายจะไปคอยช่วยที่งาน วันนี้ฉันคงไปฟังสวดไม่ได้ ถ้ามีอะไรนายก็บอกไอ้รุ่งกับไอ้หินแล้วกัน” ผมพูด  การพูดเป็นการพ่นออกไปฝ่ายเดียวและไม่ต้องการการขานรับ 


ไร้คำพูดดี ๆ ที่จะปลอบประโลม  ผมเงียบเว้นช่วงไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือออกไปแตะลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย  ไร้ปฏิกิริยาใด ๆ จากเขา  สมุทรเพียงก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงน้ำตาของตัวเอง

“สมุทร !”

“........” ผมหันไปมองตามเสียงร้องเรียกนั้น  ผู้หญิงที่ชื่อหยากึ่งวิ่งกึ่งเดินมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี  เธอชะงักในทันทีที่เราสบตากัน  ผมจ้องมอง จงใจไม่ผละมือออกจากแก้มที่จับอยู่  สายตาของเธอกวาดมองการกระทำจากผม และสิ้นสุดลงด้วยการจับจ้องมาที่มือผมด้วยความไม่พอใจ  ผมเผยรอยยิ้มให้น้อย ๆ เพื่อตอบรับความไม่พอใจนั้น  นิ้วโป้งเกลี่ยย้ำลงที่ข้างแก้มของสมุทรอีกครั้ง ก่อนเดินจากมา...




...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน :

ขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะที่ห่างหายไปเลย ไม่สามารถมาต่อให้ได้จริง ๆ
และขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ยังคอยเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจอยู่เสมอ หวังว่าตอนนี้จะเติมเต็มได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ~

รักษาสุขภาพด้วย..

ขอบคุณค่ะ
เบบี้


 :ruready :ruready :ruready




หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-03-2020 10:24:31

ชอบเรื่องนี้มาก ได้โปรด พี่เบบี้มาต่อเถอะค่ะ คิดถึงคุณไฟคิดถึงสมุทร อย่าทิ้งเรื่องนี้เลยยยย :sad4:

เบบี้ก็คิดถึงตัวละครอยู่เสมอเลยค่ะ > . <
ไม่เคยคิดทิ้งเลย ใจมันต่อ แต่ร่างมันไม่ไหวค่า ฮืออ ๆ ๆ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-03-2020 10:36:00

ไม่เจอกันหกเดือนแล้ว คิดถึงนะ

 :mew6: :mew2: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-03-2020 10:38:51
รอเบบี้เสมอค่ะ รักเรื่องนี้มากกก

ขอบคุณค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 50 [ 13:29 น. - อา. 12 ส.ค 61 หน้า 71 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-03-2020 10:40:02
คงไม่มาต่อแล้ว ขอบคุณเบบี้ที่ครั้งหนึ่งได้แต่งนิยายดีๆและมหัศจรรย์แบบนี้ให้อ่านนะคะ เป็นนิยายที่เราชอบมากที่สุดเลย จากนี้จะคิดถึงคุณไฟและวีรกรรมแสบๆของคุณเขาไปเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณเบบี้อีกรอบค่ะ ยังไงก็รักเบบี้เสมอ

ขอบคุณค่ะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-03-2020 11:11:43
คุณไฟ...ทูนหัวของบ่าว พาสมุทรกลับมาแล้ว งือออออ

คุณเบบี้ เชื่อไหม? เราสามารถอ่านตอนนี้ต่อได้เลย โดยไม่ต้องย้อนอ่านตอนเก่า ทุกโมเม้นท์ของพี่ไฟ ทุกสิ่งที่พี่ธานทำ ทุกท่าที่กึ่งๆจะอ่อนลงเพราะเหนื่อยใจของสมุทร เราจำได้ เราย้อนอ่านอยู่เรื่อยๆเพื่อรอคุณเบบี้ ไม่คิดจริงๆ มาจะตื่นมาเจอตอนอัพในเช้าวันนี้ เป็นวัน lock down day ที่ดีจริงๆค่ะ

สมุทร ลูกกกก เป็นปีแล้ว ยอมๆให้พี่เขาอีกสักนิดเถอะ ให้พี่เขาได้ชื่นใจอีกสักนิด เอ็นดูพี่ไฟ เสือมาจากไหนก็กลายมาเป็นแมวกับคนนี้ 5555 สู้ๆๆๆพี่ไฟ

ขอบคุณคุณเบบี้นะคะ ขอบคุณที่กลับมา เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ รักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจ นะคะ เลิฟยูค่าาาา  :man1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-03-2020 11:36:11
คุณไฟ...ทูนหัวของบ่าว พาสมุทรกลับมาแล้ว งือออออ

คุณเบบี้ เชื่อไหม? เราสามารถอ่านตอนนี้ต่อได้เลย โดยไม่ต้องย้อนอ่านตอนเก่า ทุกโมเม้นท์ของพี่ไฟ ทุกสิ่งที่พี่ธานทำ ทุกท่าที่กึ่งๆจะอ่อนลงเพราะเหนื่อยใจของสมุทร เราจำได้ เราย้อนอ่านอยู่เรื่อยๆเพื่อรอคุณเบบี้ ไม่คิดจริงๆ มาจะตื่นมาเจอตอนอัพในเช้าวันนี้ เป็นวัน lock down day ที่ดีจริงๆค่ะ

สมุทร ลูกกกก เป็นปีแล้ว ยอมๆให้พี่เขาอีกสักนิดเถอะ ให้พี่เขาได้ชื่นใจอีกสักนิด เอ็นดูพี่ไฟ เสือมาจากไหนก็กลายมาเป็นแมวกับคนนี้ 5555 สู้ๆๆๆพี่ไฟ

ขอบคุณคุณเบบี้นะคะ ขอบคุณที่กลับมา เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ รักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจ นะคะ เลิฟยูค่าาาา  :man1:

ขอบคุณเช่นกันค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงแล้วแวะกลับมาอ่านเรื่อย ๆ นะคะ ~
แมวเหมียว ๆ #พี่ไฟไม่ได้ร้องเอง  :mew5:  5555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 22-03-2020 12:27:34
เบบี้กลับมาแล้ววววว
ตกใจมากตอนเห็นว่าอัพ
โอ้ยคิดถึงมากๆเลยค่า ทั้งเบบี้ ทั้งคุณไฟ สมุทรและทุกคนนน

สมุทรเจอหนักเลยตอนนี้
สู้ๆนะ คุณไฟจะเยียวยาสมุทรเอง

ส่วนตอนต่อไปไม่รู้จะมาเมื่อไหร่แต่รอได้เสมอนะคะ
สู้ๆค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 22-03-2020 13:33:42
ขอบคุณเบบี้  :-[
ตอนนี้คุณไฟหล่อ แอบเศร้ากับสมุทรอ่ะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-03-2020 18:59:13
คุณไฟของป้า


มากับโค-วิด19

กลับมาอย่างโหด


โถ เมฆน้อย ยายตายแล้วลูก

คิดถึง เบบี้

คิดถึง คุณไฟ

คิดถึง สมุทร

คิดถึง น้องเมฆ

คิดถึง ทุกตัวระคร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 22-03-2020 20:13:45
 :katai2-1: :katai2-1: ในที่สุดก็มาแล้ว
คิดถึงนะ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-03-2020 19:34:47
คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มากกกกกกกกก ยินดีต้อนรับการกลับมา ของน้องหมุด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2020 23:38:21
หายไปนานนนนนนนมากกกกกกกกก พอตอนใหม่มาให้อ่าน เล่นเอาน้ำตาแตกต่อการจากไปของคนอันเป็นที่รักของใครบางคน  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 24-03-2020 12:29:20
รอเบบี้ทุกวันเลยค่ะ  ยังสนุกเหมือนเดิม เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 24-03-2020 15:11:36
สมุทรมาแล้วววว  :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 25-03-2020 02:08:31
พี่ไฟชนะเลิศ กริ๊ดดดดดดดด
กร้าวใจเป็นที่สุด คิดถึงมากๆเลยค่ะ T^T
ดีใจที่มาต่อ เนื้อหาก็เข้มข้นมากขึ้น ตัวการที่สำคัญอาจจะเป็นฝั่งพี่ทัพรึป่าว ไม่น่าไว้ใจ

ปล.เขาจะหวานกันเยอะมากนะชอบๆยิ้มเขิน ~~ หวั่นไหวเพราะยิ้มของสมุทรใช่ไหมคะพี่ไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 25-03-2020 02:42:51
ขอบคุณนะคะ คิดถึงเรื่องนี้จริงๆ รออ่านตอนต่อไปจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-03-2020 20:20:46
มาก็ดีใจ อ่านไปก็ใจหาย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-03-2020 09:38:34
ดีใจมากมายค่ะ ตอนเห็นคือแบบ จริงหรอ มีตอนใหม่หรอ
ก่อนอื่น ต้องบอกขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ส่งแรงใจให้รัวๆๆ จ้า

ว้าววว ไฟมีพัฒนานะ และสมุทรก็ดูมีอะไร

เฮ้อ พีคมากเลยค่ะ เซนส์ดีมากเลยสมุทร
ในสถานการณ์ยุ่งขิงแบบนี้ จะเจออะไรกันอีกนะ
สงสารสมุทร บางทีคนเราก็มีขีดจำกัดของความเข้มแข็ง


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 30-03-2020 21:54:34
เป็นเหตุการณ์​ที่น่าสลดมาก​ แอบขนลุกเลย​ สงสารบูรณ์​ที่ต้องมาเจอสภาพคนที่​รักตายแบบน่าใจหาย​ และสงสารสมุทรที่เสียคุณยายไป​ ฮืออ​  :sad4:
แต่ในตอนนี้ก็ยังมีเรื่องดีๆอเหมือนกัน​ สมุทรดูเหมือนจะใจอ่อน​(อ่อนใจ?)​กับคุณไฟแล้ว​ ชอบความพยายามแสดงความเป็นเจ้าของกับสมุทรต่อหน้าแฟนเก่า​ 5555​ เหมือนมองเห็นคุณไฟแสยะยิ้มใส่เลยอ่ะ


 รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-03-2020 21:50:30
ดีใจ คุณเบบี้มาต่อ   :katai2-1:
ขอให้สุขภาพคุณเบบี้ แข็งแรง ดีวัน ดีคืนนะคะ   :mew1: :mew1: :mew1:

อ่านตอนคุณไฟอ่อย สมุทร คนอ่านก็เขินแทนซะแล้ว  :-[ :o8: :impress2:
อ่านไป ยิ้มไป นี่แค่จีบนะ  :เฮ้อ:
ถ้าตอนเข้าด้าย เข้าเข็มจะขนาดไหนน้อ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 10 [ 13:45 น. - 22 พ.ย 58 หน้า 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 02-04-2020 16:10:31
แปะสารบัญ

The Real Me ♨ ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3191425#msg3191425)

The Real Me ♨ ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3194285#msg3194285)

The Real Me ♨ ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3197425#msg3197425)

The Real Me ♨ ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3200014#msg3200014)

The Real Me ♨ ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3204759#msg3204759)

The Real Me ♨ ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3206218#msg3206218)

The Real Me ♨ ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3211719#msg3211719)

The Real Me ♨ ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3218126#msg3218126)

The Real Me ♨ ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3229211#msg3229211)

The Real Me ♨ ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3236447#msg3236447)

The Real Me ♨ ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3244757#msg3244757)

The Real Me ♨ ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3256298#msg3256298)

The Real Me ♨ ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3261844#msg3261844)

The Real Me ♨ ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3264162#msg3264162)

The Real Me ♨ ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3277305#msg3277305)

The Real Me ♨ ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3294175#msg3294175)

The Real Me ♨ ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3319188#msg3319188)

The Real Me ♨ ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3336942#msg3336942)

The Real Me ♨ ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3342804#msg3342804)

The Real Me ♨ ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.msg3358294#msg3358294)

ขอบคุณมากค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 02-04-2020 21:39:16
มาแล้ว คิดถึงเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 02-04-2020 23:29:28
คุณไฟกลับมาแล้ว คิดถึงสมุทร สงสาร แต่ชอบนะที่คุณไฟแสดงออกว่าหวงสมุทร ให้เขารู้ไปเลย คนนี้ของเรา พยายามต่อไปค่ะคุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 09-04-2020 12:53:07
ไม่ได้เข้ามาหลายวันเพิ่งมาเจอ จุ๊บๆ กอดๆ (ห่างกัน2เมตร) คิดถึงมากมาย ดูแลสุขภาพด้วย ตามต่อนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 16-04-2020 02:01:18
ดีใจที่กลับมานะคะ รอคอยคุณไฟกับสมุทรมาตลอดเลย กลับมาคราวนี้สมุทรเจอเรื่องหนักหนาน่าดู เป็นกำลังใจให้สมุทรนะคะ

ส่งกำลังใจให้คุณเบบี้ด้วย ขอบคุณที่มาต่อนะคะ❤️
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: B Beast ที่ 18-04-2020 23:21:29
มาต่อแล้ววว แง้ ขอบคุณที่กลับมาน้าาา เราคอยอยู่ตลอดคิดถึงไฟกับสมุทรตลอดด  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 01-05-2020 09:09:40
การรอคอยของเราาาาา ฮืออออ คุณไฟของบ่าววววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 05-05-2020 15:13:19
ส่งกำลังใจให้ไฟกับสมุทร
 
และส่งกำลังใจให้เบบี้รักษาสุขภาพด้วยนะคะ คิดถึง :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 16-05-2020 22:56:01
คิดถึงคุณไฟฟฟฟ

สงสารก็แต่เจ้าสมุทร หนักหนาจริงๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-05-2020 16:28:55
 :3123: :L1: :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 23-05-2020 20:40:30
เย้ จะได้อ่าน ต่อแล้ว คิดถึงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 27-05-2020 19:09:13
ขอบคุณเบบี้ที่มาต่อนะค้าบ..แต่ เจ็บปวดอ่า คุณยายสมุทร ฮืออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-06-2020 22:41:47

ตอนที่ 52
..ไฟ..




บ้านเลิศประสงค์

“หิน ไอ้หิน” ผมเรียก เดินออกไปหยุดยืนอยู่ระหว่างระเบียงทางเดินหน้าห้องนอน

“ครับ !” เจ้าของชื่อที่อยู่ด้านล่าง กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาก่อนหยุดยืน เงยหน้าขึ้นมองมายังผม

“สบู่อาบน้ำหมด” ผมพูด คิ้วขมวดชนกันด้วยความไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายปล่อยปละละเลยสิ่งที่ผมควรจะใช้เป็นประจำ

“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะรีบเตรียมให้นะครับนาย” มันบอก  ผมไม่ขานรับ เสร็จธุระแล้วจึงจะตรงกลับเข้าห้อง

“เอ่อ นายครับ !” ไอ้หินเรียกผมไว้ ครั้งนี้มันรีบวิ่งขึ้นบันไดมาคล้ายกลัวว่าจะไม่ทันผม

“........” ผมหันกลับไปมอง

“แม่บ้านบอกว่าสบู่ยี่ห้อนี้หมดแล้วนะครับ ปกติคุณพายุจะเป็นคนซื้อไว้ให้นาย เอ่อ คือ..” อีกฝ่ายอ้ำอึ้ง

“อะไรก็เอามาเถอะ กูจะอาบน้ำ” ผมปัดอย่างรำคาญ

“ครับ” ไอ้หินผงกหัว  ผมเดินกลับเข้าห้องมา และก็เข้าใจดีว่าไอ้หินพยายามสื่อถึงอะไร  สบู่ที่พายุจัดเตรียมไว้ผมใช้หมดไปตั้งแต่เมื่อคืน  ทู่ซี้บีบจนหยดสุดท้ายเพราะขี้เกียจเรียกให้คนมาเปลี่ยน  คนดูแลเรื่องของใช้ส่วนตัวของผมได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องคือพายุ  ส่วนใหญ่แม่บ้านจึงไม่ได้รับหน้าที่ดูแลงานส่วนนี้เมื่อพายุอยู่  มันรู้ว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร กระทั่งกลิ่นสบู่ก็รู้ดีว่ายี่ห้อที่ผมชอบใช้คือแบบไหน กลิ่นอะไรด้วย


   ..

“เฮ้อ ~” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ให้หลังพนักงานที่มาจากค่ายมวย ตลาดและห้างฯ หอบเอกสารที่เสร็จแล้วนำกลับไป  พี่ธานขยับเข้ามาและเอื้อมมือหยิบเหยือกน้ำเปล่ารินเติมใส่แก้วให้  ผมนั่งมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่มีสายโทรเข้า หน้าจอโชว์ชื่อที่เห็นแล้วว่าจากใคร

“รับไหมครับ” พี่ธานถามพร้อมวางเหยือกลงที่เดิม

“อืม” ผมขานรับในลำคอ  อีกฝ่ายจึงหยิบโทรศัพท์และกดรับให้ก่อนจะยื่นมันมา

“ว่า...” ผมทัก

“กลับมาแล้วเหรอครับไอ้เหี้ย” ปลายสายส่งคำด่าย้อนมาในทันที  การทักทายอย่างกันเองที่ทำให้จู่ ๆ ผมก็หลุดยิ้ม  และรู้ได้เลยว่าคงมีเรื่องที่ทำให้คนที่โทรมาไม่สบอารมณ์อยู่แน่

“คิดถึงปะล่ะ” ผมทักตอบ  พี่ธานที่ก้มหน้าจัดเอกสารที่อยู่บนโต๊ะอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ

“ฮึ !” ไอ้โปรดหัวเราะขึ้นจมูกประชดกลับ

“อีหงส์นมโตมันบอกว่ามึงหายดีแล้ว กูถึงได้โทรมา” ไอ้โปรดแทบสบถ

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะอย่างยั้งไม่อยู่

“หายดีแล้วเหรอ” ปลายสายลดระดับเสียงลงเป็นจริงจัง

“ดีแล้ว” ผมตอบ

“งั้นก็ดี...” ไอ้โปรดตัดบท  ผมเงียบลง รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญกำลังจะพูด

“ก็รู้หรอกนะว่ามึงคงอยากจะพักและนี่คงไม่ใช่เวลา แต่.. ที่สนามแข่งมีเรื่องนิดหน่อย”

“จัดการเองไม่ได้เหรอ” ผมสวนถามตามจริงว่ามันควรจะรับมือได้

“แต่มึงควรต้องมาตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าจะให้กูสามารถจัดการเองได้ไหม” ไอ้โปรดย้อนเรียบ ๆ 

“........” ผมเงียบ ได้กลิ่นผิดปกติแล้ว

“เหมือนว่าสนามเราจะถูกใช้เป็นที่เดินเงิน” ปลายสายพูดก่อนทิ้งเสียงลงหนึ่งอึดใจ

“ที่จริงเป็นมาสักพักแล้ว พี่สนแกแอบดูพฤติกรรม ไม่กล้าบอกเราแต่แรก แต่วันนี้การ์ดมาฟ้องกูเพราะวันก่อนพวกมันมีปากเสียงกับการ์ด เกือบจะลงไม้ลงมือกัน” ไอ้โปรดเล่า

“เข้าใจแล้ว” ผมตอบรับ

“กูจะอยู่สนามถึงค่ำ เห็นการ์ดบอกว่าปกติพวกมันจะเอารถมาเปลี่ยนตอนค่ำ ๆ อะนะ ถ้ามึงไม่ว่าอะไร กูก็อยากรีบทำให้มันจบ ๆ” ไอ้โปรดรวบรัด

“ได้ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” ผมอนุญาต  ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง

“เจอกันตอนเย็น” ผมตัดบท

“ขอบพระคุณ” ไอ้โปรดตอบรับด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ ก่อนตัดสายไป

“ไอ้โปรดพูดว่าขอบพระคุณ” ผมยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้พี่ธาน  ปกติไอ้โปรดก็ไม่ใช่คนที่ชอบมีปัญหาเรื่องทำนองนี้อยู่แล้วน่ะนะ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ” พี่ธานถาม

“เห็นมันว่ามีคนใช้สนามเดินเงิน” ผมตอบ

“........” พี่ธานเงียบ

“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ผมสบตาอีกฝ่าย แต่แท้จริงแล้วกำลังประชดบอกตัวเอง

“ยินดีต้อนรับกลับครับ” พี่ธานอมยิ้ม ตอบรับผมคล้ายเข้าใจในความหมาย...


- - - - - - - - - - - - - - -


19:05 น. : สนามแข่งรถ

การได้มีโอกาสออกมาเดินย่อยอาหารนอกบ้านหลังมื้อค่ำ ถือเป็นเรื่องที่ดี.. มั้งนะ

“พวกมันมาแล้วครับ” ไอ้เด่นที่ออกไปดูต้นทาง เดินกลับเข้ามารายงานให้ทราบ

ผมเดินทางมาถึงสนามได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว  บริเวณโรงรถฝั่งของทีมพวกผมยังคงเปิดไฟส่องสว่าง  ไอ้โปรดและพวกช่างเครื่องของทีมพวกผมอยู่ในนั้นพร้อมหน้า  สนามปิดห้าโมงเย็น  ดังนั้นจึงเงียบสงบ  ไม่มีใครในที่นี้ทราบว่าผมมา  รวมทั้งยังไม่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็นด้วย

“นั่นไอ้ดอยครับ ส่วนข้าง ๆ นั่นไอ้นัด” ไอ้เข้มแนะนำ มือข้างหนึ่งชี้ไปที่เจ้าของชื่อ  ชายรูปร่างท้วมและสูงใหญ่  กับชายรูปร่างสันทัด  ไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากเครื่องแต่งกายที่สวมใส่  แบรนด์เนมหัวจรดเท้า

“..น่าสงสาร” ผมพึมพำผ่านกระจกหน้าต่างที่อยู่ตรงหน้า

“อะไรเหรอครับ” พี่ธานถามอย่างสงสัย

“ใช้ของแพงแต่ดันดูไม่แพงน่ะ” ผมตอบ

“ไอ้ดอยเหรอ จำไม่เห็นได้..” ผมพึมพำ

“คุณไฟเคยเจอมันแล้วนะครับ” พี่ธานพูด

“อ้อ งั้นเหรอ ก็มัน.. ไม่น่าจำ” ผมผลิยิ้มให้พี่ใหญ่  อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ 


แกรบ ~

เสียงแกะถุงเยลลีจากผมทำลายความเงียบสงบระหว่างเรา  ทุกคนจับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว  เยลลีรสนี้คือรสที่ชอบที่สุด “รสโคล่า” เป็นขนมนำเข้าจากต่างประเทศ  หนึ่งห่อราคา 20 บาท มีเยลลีชิ้นเล็กเท่าขี้เล็บอยู่เพียง 8 ชิ้นเท่านั้น 

“เมื่อตอนบ่ายคุณก็กินไปแล้วถุงนึงนี่ครับ เอาถุงนี้มาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับเนี่ย” พี่ธานออกปากบ่น
 
“ถุงเล็กนิดเดียว” ผมกระซิบพร้อมถลึงตาประกอบว่า มันนิดเดียวจริง ๆ 

“หึ..” พี่เขาส่ายหัวยิ้มอ่อน ๆ  ผมจึงหยิบเยลลีใส่ปากพี่ธานไปหนึ่งชิ้น  อีกฝ่ายรับไปกินอย่างเสียไม่ได้  ส่วนไอ้เข้มกับไอ้เด่นก็ได้รับไปกินอีกคนละชิ้นเล่นกัน

“แบ่งไปแล้วสาม เหลือห้า” ผมพูดเสร็จก็ยกถุงเยลลีกรอกปากทีเดียวหมดห้าชิ้น  ความเปรี้ยวที่ผสมไปกับรสโคล่าพุ่งขึ้น  เสียวมาตั้งแต่กระพุ้งแก้มยันหางตาทั้งสองข้าง “ซี๊ดดดดดด ~”

“โอ้ววว สุดยอด” ผมชม  ได้ลิ้มรสมาก็หลายยี่ห้อแล้ว ยี่ห้อนี้สุดจริง ๆ

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานยิ้มกว้าง

ขนมที่อยู่ในปากถูกอมเลี้ยงเอาไว้เพราะยังไม่อยากกลืน  ขณะที่ขาก้าวเดินออกไปยังสถานที่ที่จะสามารถทำให้เห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ถนัด  นั่นห้องพักที่จำกัดบุคคลหลักเข้าออกได้เพียงไม่กี่คน  ความมืดในห้องถูกรักษาเอาไว้ เพราะไม่ต้องการให้ใครทราบว่าพวกผมมาถึงแล้ว  มีเพียงแสงไฟจากอาคารฝั่งของโรงรถสาดลอดหน้าต่างเข้ามา
 
“อะไหล่ตัวนี้เพิ่งสั่งเข้ามาใหม่เหรอ”

“ครับ เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้เองครับ”

ผมฟังเสียงของไอ้โปรดที่พูดคุยอยู่กับทีมช่าง ไม่ไกลจากมุมห้องที่ผมนั่งอยู่มากนัก  จากนั้นจึงเลื่อนเก้าอี้นั่งลง  หันหน้าเข้าโรงรถ พลางเงยหน้ามองพี่ธานที่ยืนอยู่ตรงหน้า เยื้องกับประตูหน้าต่าง  อีกฝ่ายยืนล้วงกระเป๋ามองออกไปยังโรงรถ  หน้าต่างซึ่งเป็นกระจกแบบที่คนนอกไม่สามารถมองเข้ามาด้านในตัวห้องที่เราอยู่ได้  เยลลีที่อยู่ในปากถูกเคี้ยวจนหมดลง  ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ

“คุณโปรดครับ มีคนมาขอพบครับ” เสียงของไอ้น้ำ  ลูกน้องคนสนิทของไอ้โปรดพูดขึ้น  ผมหลุดยิ้ม เมื่อเห็นว่าไอ้โปรดได้ยินสิ่งที่ไอ้น้ำพูดแล้ว แต่มันกลับยังมุดเข้าไปในตัวรถทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ใด ๆ 

“พ่อมันก็เป็นแบบนี้” ผมพูด  พี่ธานอมยิ้มเล็กน้อย 

ทีมงานของผมมองไปยังแขกที่มาถึงปะหลับปะเหลือก  ไอ้ดอยกับไอ้นัดยืนมองไอ้โปรดด้วยท่าทางไม่พอใจ 

“อีตุ๊ดเอ๊ย” ไอ้นัดพูดขึ้น 

“สนามนี้แม่งมีแต่พวกชอบของประหลาดรึไงวะ หึ” ไอ้นัดหันไปพูดกับไอ้ดอยที่มาด้วยกัน  ช่างเครื่องที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดชะงัก  ไอ้โปรดขยับตัวออกจากตัวรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย  มันเท้าเอวและเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่สูงขึ้นไปหลายสิบเมตร  หลับตา ก่อนจะถอนหายใจออกมา  เป็นปฏิกิริยาที่ทำเอาพี่ธานที่ยืนอยู่แสยะยิ้มมุมปากคล้ายชอบใจ

“ไหงยิ้มอย่างนั้นล่ะครับพี่ใหญ่ นั่นเพื่อนผมนะ” ผมแซว

“คนอย่างเขา โดนซะบ้างก็ดีครับ” พี่ธานตอบ

“ใจร้ายจัง” ผมลดเสียงลง  กวาดตามองพี่ใหญ่

“มองผมแบบนั้นทำไมครับ” พี่ธานถามเสียงนุ่ม

“อย่าให้รู้ว่าแอบไปกินกันที่ไหนนะครับ” ผมกระดกคิ้วข้างหนึ่ง 

“พูดอะไรครับ” พี่ธานว่า

“ก็นะ ถ้าได้กันขึ้นมา บ้านอาจจะพังก็ได้นะครับ” ผมวิเคราะห์ด้วยความหนักใจ  พลังม้าด้วยกันทั้งคู่

“พรืดดด !” เสียงของไอ้เด่นที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหลังผมพยายามอดกลั้นเสียงหัวเราะไว้

“เดี๋ยวจะโดน” พี่ธานช้อนตาขึ้นมองไอ้เด่นตาขวางทำเอาอีกฝ่ายเงียบปากไปสนิท  ผมอมยิ้ม ยอมตัดบทจบไว้เท่านี้

“สองคนนี้เขามาขอพบคุณโปรดน่ะครับ” ไอ้น้ำบอก

“มีอะไรคะคุณพี่” ไอ้โปรดดัดเสียง ทำจีบปากจีบคอประชดกลับ

“ฮึ ! เหมือนมันจะยอมรับด้วยว่ะว่ามันเป็นตุ๊ด !” ไอ้ดอยถลึงตา หัวเราะชอบใจยกใหญ่ 

“ค่ะ ว่าแต่.. ในโลกของพวกคุณพี่นี่คงคิดว่าผู้ชายชอบกันนี่เรียกว่าตุ๊ดหมดเลยสินะคะ ฮะ ๆ งงมากเลอะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เข้าจายยย ~” ไอ้โปรดกะพริบตาพร้อมนำมือทาบอก  ผมกัดฟัน กลั้นหัวเราะไว้จนเริ่มรู้สึกอึดอัดท้อง


ครู่หนึ่ง โรงรถขนาดใหญ่ก็เงียบเสียงลงชั่วอึดใจ  ไอ้โปรดถอดถุงมือออกแล้วโยนลงตะกร้าสำหรับเก็บถุงมือใช้แล้วใกล้ ๆ

“ผมจะถือว่า พวกคุณกำลังชมรสนิยมอันสวยงามของผมก็แล้วกัน” เพื่อนรักกลับมาใช้โทนเสียงปกติ  ใบหน้าที่เรียบเฉยบ่งบอกว่าลึก ๆ แล้วไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก 


ไอ้โปรดสบตากับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ประตูพร้อมผงกหัวครั้งหนึ่ง  พวกมันพากันเลื่อนปิดประตูโรงรถลง ทำเอาแขกที่มาถึงมีปฏิกิริยาเลิ่กลั่กให้เห็น...

“ตกลงว่ามีอะไรให้ช่วยไหมครับ เพราะนี่ไม่ใช่เวลารับแขก” ไอ้โปรดถาม

“ใครเปลี่ยนกุญแจโรงรถกู” ไอ้ดอยถาม

“ผมเอง” ไอ้โปรดตอบ

“เสือกอะไร เอากุญแจมา”

“คงไม่ได้หรอกครับ” ไอ้โปรดผลิยิ้มเล็กน้อย

“พี่สนไม่ได้สั่งสอนพวกมึงเหรอ ว่าอย่ามายุ่งกับโรงรถทีมของพวกกู” ไอ้นัดว่า  ไอ้โปรดยืนนิ่ง  ดวงตาเหม่อลอยมองไปยังผู้พูด
 
“คุณควรมาใหม่ในเวลางานครับ” ไอ้โปรดพูดบอก 

“โฮะ !” ไอ้ดอยแสยะหัวเราะ  เดินตรงเข้าหาไอ้โปรด

“เอากุญแจมา” อีกฝ่ายกระซิบพูด

“มาใหม่เวลางาน” ไอ้โปรดตอบ จับจ้องมองคนตรงหน้าที่สูงเสมอกันไม่กะพริบตา 

“การ์ดมึงยังทำอะไรกูไม่ได้เลย ตุ๊ดอย่างมึง ก็ไปอยู่ในที่ ๆ มึงควรอยู่ซะไป เอากุญแจมา...” ไอ้ดอยบดฟันกรามแน่น  ลูกน้องของไอ้โปรดพากันขยับตัวในทันทีที่เห็นว่าไอ้โปรดถูกว่าอย่างนั้น 

“ผมชื่อโปรด ถ้าพวกคุณพี่ยังไม่รู้ กรุณาเรียกชื่อด้วยครับ” ไอ้โปรดยิ้ม

“ฮึ ! ฮ่า ๆ ๆ อีตุ๊ดนี่มันจะให้กูเรียกชื่อมันว่ะ !” ไอ้ดอยหันหลังกลับไปหัวเราะให้ไอ้นัด
 
“........” ไอ้โปรดนิ่งไปพลางเหสายตาลงเล็กน้อย

“เอากุญแจมา” ไอ้โปรดพูด สบตาไปทางคนคุมความเรียบร้อยของสนามพร้อมแบมือออก  พนักงานวางกุญแจลงบนมือของมัน  ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นปะทะสายตากับไอ้ดอยอีกครั้ง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่ 

“อยากได้ก็มาเอา” ไอ้โปรดไม่พูดเปล่า  มันยัดพวงกุญแจเข้าไปในเป้ากางเกงโดยทันที  ทำเอาช่างเครื่องพากันหัวเราะคิกคักชอบใจ 

“มาเอาสิคะคุณพี่ แต่ระวังงูฉกนะ ฉก ๆ ฉก ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ไอ้โปรดท้าทาย  กระดกเอวขึ้นลงสู้อากาศ

“เฮ้อออ..” เสียงพี่ธานถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ไอ้สัส !” ไอ้ดอยสบถและเดินเข้าหาไอ้โปรดหน้าดำหน้าแดง  ไอ้น้ำเคลื่อนตัวเข้าไปขวางไว้

“อย่าเสือก !” ไอ้ดอยผลักไอ้น้ำออก  ด้วยความที่เป็นคนรูปร่างสันทัดจึงเซไปตามแรง

“โกรธจนลมออกจมูกเลย ตายแล้ววววว ~~” ไอ้โปรดถลึงตา ยิ้มกว้าง

“มึง” ไอ้ดอยบดฟัน คว้าคอเสื้อไอ้โปรดขึ้นทันที

“ปล่อยคอเสื้อกูไอ้อ้วน หึ.. มึงนี่น่าจะเป็นผู้ชายคนแรกเลยที่กูเหม็นกลิ่นเหงื่อจากตัวมึงจนจะอ้วกอยู่แล้ว”

“กูไม่ปล่อย หึ.. ไม ? มึงนึกว่ากูกลัวพวกมึงเหรอ” ไอ้ดอยแสยะยิ้ม กวาดตามองไปยังการ์ดที่ยืนอยู่ไม่ไกล 

“ปล่อยคอเสื้อกู” ไอ้โปรดย้ำ 

“ฮึ.. ตุ๊ดอย่างมึงน่...”


ผลัวะ !!!

ไม่ทันให้ไอ้ดอยได้พูดจบประโยค ไอ้โปรดก็กระแทกหัวเข้าใส่จมูกของไอ้ดอยเต็มแรง  ไอ้นัดส่งเสียงโวยวายในทันทีที่เพื่อนของตนถูกจู่โจม 
 
“กูบอกให้เรียกชื่อกูไง ไอ้สัสสสสสส !!!” เพื่อนผมตวาด  เสียงของมันลั่นโรงรถจนก้องเข้ามาในห้องที่ผมอยู่ชัดเจน  หูของมันแดงด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้  มันหยิบประแจอันใหญ่ที่วางอยู่บนกล่องเครื่องมือ  ปรี่เข้าไปฟาดไอ้ดอยเต็มแรง 

แต่ด้วยความที่ไอ้ดอยเป็นคนร่างใหญ่  สภาพมันยังมีแรงพอที่จะถีบไอ้โปรดจนล้มลงไม่เป็นท่า..

“คุณไฟครับ” พี่ธานเตือน

“ปล่อยมัน” ผมบอก

“ฮ่า ๆ ๆ เอาเลยไอ้ดอย !” ไอ้นัดส่งเสียงเชียร์  ไอ้โปรดดันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนที่ไอ้ดอยจะพุ่งเข้าใส่  มันแทงประแจที่ถืออยู่ในมือเข้าไปที่คอหอยของไอ้ดอยทันที

“อ้ากกกกกก !”

“ไอ้ดอยยยย !!!”

ทั้งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากการต่อสู้  ทั้งเสียงตะโกนโหวกเหวกจากคนดูก้องไปทั่วบริเวณโรงรถ  ประแจที่อยู่ในมือของไอ้โปรดเต็มไปด้วยคราบเลือดจากใบหน้าของไอ้ดอย

“หยุดได้แล้ว !” ไอ้นัดตะคอก 

“........” ไอ้โปรดชะงัก  มองปากกระบอกปืนจากไอ้นัดที่จ่อมายังตน

“กูไม่สนุกแล้ว เสียเวลาฉิบหาย เอากุญแจมา” ไอ้นัดข่มเสียงลง  ปากสั่นด้วยความโมโห

“หึ..” ไอ้โปรดผลิยิ้ม  ขยับตัวลุกขึ้นในขณะที่ไม่ละสายตาไปจากไอ้นัด 

“พวกมึงรู้ไหม โลกนี้มีสิ่งที่กูกลัวอยู่สองอย่าง” ไอ้โปรดหันไปพูดกับพวกพนักงานทุกคนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง

“กลัวตาย กับกลัวไม่ได้เย็x ไอ้เชี่ยยย นี่กูแม่งไม่รู้เลยว่ากูกลัวอันไหนมากกว่ากัน กร๊ากกก” เพื่อนรักยืนเท้าเอว อ้าปากหัวเราะลั่นอยู่คนเดียว

“แต่บางที...ก็คิดว่ากลัวไม่ได้เย็xมากกว่า” ไอ้โปรดเดินเข้าหาด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้า  ประแจได้ทำหน้าที่อีกครั้ง  มันฟาดเข้าที่ข้อมือของไอ้นัดไม่ทันตั้งตัว  ปืนกระเด็นหลุดมือเจ้าของออกไปไกล  ในขณะที่ไอ้นัดเอาแต่ร้องด้วยความเจ็บปวด

“มึง.. มึงรู้ไหมว่ามึงกำลังเล่นอยู่กับใคร !?” เสียงของไอ้นัดสะท้อนไปทั่ว  ทันทีนั้นความเงียบก็เข้ามาแทนที่  ผมลุกขึ้น เดินออกจากห้อง  ได้ยินเสียงคนที่โรงรถยังคงบอกสรรพคุณของลูกพี่ตน 

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 51 [ 09:46 น. - อา. 22 มี.ค 63 หน้า 74 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 14-06-2020 22:45:19
ไอ้เข้มที่นำหน้าอยู่เปิดประตูออก  สายตาทุกคู่หันมาสนใจ  ผมตวัดปลายไม้เท้าขึ้นเพื่อดันตัวไอ้โปรดให้ออกห่าง...

“พวกนี้ใคร ?” ผมถาม  ก้มหน้าลงสบตากับไอ้ดอยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้น

“เพื่อนมึงเหรอ” ผมหันไปมองไอ้โปรด

“กูไม่มีเพื่อนโหงวเฮ้งเฮงซวยแบบนี้หรอก ที่บ้านกูถือ” ไอ้โปรดแทบกระแทกเสียงใส่หน้าผม

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ ไอ้เหี้ยนี่ตลก..

“หึ สนามนี้แม่งแปลกฉิบหาย ได้ข่าวว่ามึงเองก็ชอบแดกตูดเหมือนกันนี่” ไอ้นัดแสยะยิ้ม

“ครับ เรียกว่าหมกมุ่นเลยดีกว่า” ผมผงกหัวน้อย ๆ  ขยับปลายไม้เท้าทิ่มลงที่คอหอยของไอ้ดอยในทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะลุกขึ้น

“แต่ไม่ยักรู้ ว่าเรื่องที่ผมชอบกินตูดเป็นอาหารจานหลักจะโด่งดังมากขนาดนี้” ผมยิ้มกว้าง  ถูกใจฉิบหาย “ชอบแดกตูด” พูดมาได้ไอ้เหี้ย กูเกือบลั่น

“ไอ้ ฟะ...อึก !” ไอ้ดอยเริ่มดิ้น  น้ำหนักของไม้เท้าที่ถูกกดลงทำให้หน้าผากของไอ้ดอยแดงก่ำ  เส้นเลือดปูดขึ้นชัดเจน 

“อยากช่วยไหมละ” ผมเสนอ

“ช่วยคิดหน่อยสิว่าเราควรจัดการยังไงต่อดี ให้คนของฉันปล่อยให้นายวิ่งไปหยิบไอ้โลหะโง่ ๆ นั่นขึ้นมา แล้วยิงพวกฉันเรียงตัวดีไหมนะ”

“แต่ถ้าตายเยอะขนาดนั้น ลูกพี่นายจะเหนื่อยเอานะ” ผมยิ้มให้
 
“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร” ริมฝีปากของผมยังมีรสโคล่าจากเยลลีอยู่  ตอนนี้มันค่อนข้างแห้งจนรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมา

“แล้วมึงไม่สงสัยเหรอว่าพวกเรากำลังเล่นอยู่กับใคร” ผมหันไปมองหน้าไอ้โปรดอย่างสงสัย

“เล่นอยู่กับพ่อออมันมั้ง !” ไอ้โปรดสบถด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่ยังไม่หายไป

“หึ.. กร๊ากกกก” ผมเงยหน้าขึ้นหัวเราะลั่น 

“ฮือออออ ฮึ ! อึกกก !” เสียงร้องด้วยความทรมานดังขึ้นแทรกเสียงหัวเราะจากผม  คนที่ถูกกดคอหอยอยู่น้ำตาไหลเป็นทาง  มือของมันจับไม้เท้าของผมไว้แน่นทั้งสองข้าง

“ปล่อยเพื่อนกู” ไอ้นัดสั่งด้วยสายตาเลิ่กลั่ก

“ไม่ทำอะไรหรอกครับ มาดีขนาดนี้” ผมบอก พร้อมขยับไม้เท้าออกโดยทันที

“จริง ๆ แล้ว ที่นี่เราค่อนข้างมีมารยาทน่ะ..” ผมพูดให้ฟัง  เหล่หางตามองไปยังทีมงานทุกคนที่ยืนเรียงหัวอยู่นับครึ่งร้อย
 
“สุภาพ แล้วก็ไปมาลาไหว้ ไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างนั้นหรอก เป็นวัฒนธรรมในองค์กรผมครับ” ผมยิ้มบอกพลางถอนหายใจ  ปลายไม้เท้าเปลี่ยนเป้าหมาย ขยับขึ้นแตะไปยังไหล่ของไอ้นัดที่ยืนอยู่...

“ลูกพี่ของพวกคุณคงใหญ่ขนาดที่ผมต้องเกรงใจเลยสินะ ถึงได้ทำอะไรไม่เกรงใจกันแบบนี้” ผมพูด  ลดน้ำเสียงลงเพื่อให้การสนทนาเป็นไปโดยปกติ   

“ใหญ่ขนาดที่จะขี้เยี่ยวที่ใครก็ได้งั้นใช่ไหม” ผมตวัดไม้เท้าลง พร้อมนั่งยองในระดับเดียวกันกับไอ้ดอย

“เปิดโรงรถให้กู” อีกฝ่ายพูด แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“ลองพูดเพราะ ๆ ดูสิ” ผมขอ

“เปิดโรงรถให้กู ไอ้เหี้ย !” ไอ้ดอยตะคอก  ผมนิ่งมองครู่หนึ่ง  จู่ ๆ ก็เห็นเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาในความรู้สึก เม็ดเล็ก ๆ นั่นที่เป็นเหมือนความหงุดหงิดรำคาญใจและไม่อยากจะเข้าไปแตะต้อง

“นี่...”

“คืนนี้พวกผมจะดูแลของของพวกคุณเอง” ผมยิ้มพูด

“รับรองว่าจะดูแลให้อย่างดี ฝากไปบอกนายของพวกคุณด้วย ให้รีบมาเซ็นยินยอมยกเลิกสัญญาใช้สนามซะ แล้วขยับรถของพวกคุณออกไปให้หมด อย่ามาเหยียบที่นี่อีก ผมจะใจดี ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าพวกคุณคิดที่จะบุกเข้ามาเอาของเองละก็ ทีนี้...ทุกที่ที่มีกลิ่นของพวกคุณ ผมจะตามไปเองครับ จะตามไปขี้เยี่ยวบนที่ของพวกคุณบ้าง เอาให้ส้วมเต็มไปเลย แบบนี้ดีไหม”

“........” ไอ้ดอยไม่ตอบ เอาแต่จดจ้องผมเขม็งอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ว่าไง คุณดอย” ผมยิ้มถาม 

“ใช่ มึงทำตามหน้าที่ กูก็ทำตามหน้าที่.. ที่นี่กูคุม” ผมกลืนน้ำลายลงคอ  ขยับใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายจนได้กลิ่นคาวไม่พึงประสงค์

“ถ้ามึงทำแบบนี้ในที่ของกูอีก กูจะฆ่ามึง” ผมวางมือลงพร้อมช่วยจัดคอเสื้ออีกฝ่ายให้เรียบร้อย

“เจ้านายมึงจะช่วยอะไรมึงไม่ได้ เพราะต่อให้มึงฆ่ากูให้ตาย คนของกู.. ก็จะลากหัวมึงมาฆ่าอยู่ดี” ผมฉีกยิ้ม

“ไม่ใช่ที่นี่หรอก ไม่ใช่คนพวกนี้..” ผมกระซิบใกล้ ๆ

“ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ฮืม อยากเปิดศึกกับกูนักไม่ใช่เหรอ หึ ๆ” ผมตกใจที่อีกฝ่ายเงียบปากอย่างกับเป็นใบ้  กวาดตามองใบหน้าของมันเต็มตาอยู่หลายนาที

“รู้ไหม พวกมึงมันเกิดมาเปล่าประโยชน์ บนตัวมึงมีแต่กลิ่นสาบเปล่าประโยชน์เต็มไปหมด และต่อไปนี้.. นี่คือผลของการไม่เคารพสถานที่ของคนอื่น” ผมยิ้มพร้อมตบหลังมือลงบนหน้าอกของอีกฝ่ายสองสามทีก่อนจากกัน

“ส่งแขกด้วยครับ” ผมลุกขึ้นสั่งเสียงเรียบ  ประตูโรงรถถูกเปิดออกโดยทันที  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นทำตามคำสั่ง  ไล่ต้อนไอ้ดอยและไอ้นัดออกจากพื้นที่ไป ประตูโรงรถจะเลื่อนปิดลง

“ตามมันไป คอยรายงานสถานที่ด้วย” ผมสั่งไอ้เข้ม

“ครับนาย” มันผงกหัวรับทราบ  ผมหันไปมอง สอดมือลูบไปที่ต้นคอของอีกฝ่ายอย่างเบามือ  ไอ้เข้มหลบตา ก้มหน้าลงเล็กน้อย

“อย่าให้พลาดล่ะ”

“ครับนาย” ไอ้เข้มขานรับก่อนจากไป  เสียงการทำงานเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง  ผมยืนนิ่ง จ้องมองอยู่ที่ประตูโรงรถ
 
“หิวน้ำ” ผมพึมพำ  ไอ้เด่นกุลีกุจอนำน้ำเปล่ามาให้  ผมรับมาดื่มจนอารมณ์กลับมาเป็นปกติ

“บอกคนของเราให้เตรียมตัวให้พร้อม” ผมบอก  ดูเหมือนก้นกระทะร้อนเต็มแก่แล้ว
 
“ได้ครับ” พี่ธานผงกหัวรับทราบ

“น่าเบื่อจริง” ผมก้มหน้าลง  ยื่นขวดน้ำคืนให้ไอ้เด่น

“Comfort zone ของกูหายไปไหนนะ” ผมรำพึงรำพัน 

“ถุ้ย ! Comfort zone พูดมาได้ มึงเคยมีกับเขาเหรอ !” เสียงไอ้โปรดประชดแทรกเข้างมา  ผมเท้าเอว ลืมไปแล้วว่ามาที่นี่ก็เพราะมัน  สีหน้าของเพื่อนสนิทเข้าขั้นหงุดหงิดสุด ๆ

“กลิ่นมันเป็นยังไงวะไอ้ Comfort zone ของมึงน่ะ เหมือนน้ำยาปรับผ้านุ่มไหม !” มันจงใจกวนตีน

“โกรธอะไร” ผมผลิยิ้มมุมปาก

“สักวันกูจะหนีไปอยู่ป่ากับอีหงส์” มันย้อนให้

“หึ คนอย่างมึงเนี่ยนะ” ผมแสยะปากรับไม่ได้  มันรักแสงสีในเมืองจะตายไปครับ

“มาเมื่อไหร่” ไอ้โปรดลดเสียงลง แต่ความห้วนยังมีอยู่ 

“........” ผมไม่ตอบ รู้ว่ากำลังถูกจับผิด

“กูไม่น่าเป็นเพื่อนกับคนอย่างมึงเลย” มันขมุบขมิบปาก

“หึ โกรธอะไรนักหนา ไหนดูหน่อยซิว่าเยี่ยวรดกางเกงรึเปล่า” ผมยิ้มกว้าง ตรงเข้าหาไอ้โปรดพร้อมล็อกเอวมันเข้ามา  เจ้าของร่างกายประท้วงหนี แต่มืออีกข้างของผมทำหน้าที่ล้วงเข้าไปในกางเกงของมันได้

“ไอ้ไฟ ไอ้ระยำ ! มึงล้วงเข้ามาทำไมวะ !” ไอ้โปรดโวยวายหน้าแดง ผละตัวหนีจากผมได้ก่อนที่ผมจะล้วงลึกไปมากกว่านี้  ทุกคนพากันหัวเราะ

“เอากุญแจมา” ผมพูด 

“เฮ้อ !” อีกฝ่ายถอนหายใจ  ล้วงมือเข้าไปในกางเกงของตน  ไม่ถึงวินาทีกุญแจเจ้าปัญหาก็ออกมาสู่โลกภายนอกอีกครั้ง  พี่ธานยืนจ้องไอ้โปรดเขม็ง  สายตาเรียบนิ่งแต่แฝงคำประณามหยามเหยียดไว้มากมาย

“อะไรรรร” ไอ้โปรดมองพี่ธานกลับปะหลับปะเหลือก  พี่เขาไม่ตอบ ยอมเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปเอง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ

“เอาไปล้างสิ” ไอ้โปรดสั่ง  ขยับกุญแจขึ้นตรงหน้าพี่ธานสองสามทีอย่างเจาะจง

“........” พี่ธานหันกลับมา เหล่หางตาใส่ไอ้โปรด

“หน้าที่พี่ไม่ใช่เรอะ” มันยักคิ้วหน้าซื่อ

“จิ๊ !” เสียงจิ๊ปากจากพี่ธานที่นานทีปีหนผมถึงจะได้ยิน ทำเอาผมหลุดหัวเราะอีกครั้ง  ปากของพี่เขาเผยอออกน้อย ๆ เหมือนเวลาที่หงุดหงิดลูกน้องและพร้อมจะด่า  แต่กลับไม่ด่าออกมา

“เดี๋ยวผมเอาไปทำความสะอาดให้เองครับ” ไอ้น้ำพูดแทรกเบา ๆ

“กูใช้พี่ธาน !” ไอ้โปรดขึ้นเสียง 

“จริง ๆ แล้วของกูก็ไม่ได้สกปรกสักหน่อย ไม่เห็นต้องเอาไปล้างเลยปะวะ” ไอ้โปรดต่อว่า  สุดท้ายพี่ธานก็จำยอม ใช้เฉพาะนิ้วชี้กับนิ้วโป้งหยิบกุญแจจากไอ้โปรดไปด้วยท่าทางไม่เต็มใจ

“แอลกอฮอล์อยู่ไหน” พี่ธานโพล่งขึ้นลอย ๆ กวนไอ้โปรดกลับ

“อ้อ ~” ไอ้โปรดถลึงตา มองตามหลังพี่ธานอย่างเหลือเชื่อ

“หึ ๆ ไอ้เชี่ย” ผมบ่น

“ตกลง เงินมากแค่ไหน” ผมถาม 

“ไปดูเอาเองเหอะ” มันปัดส่ง ๆ

“เอาไงต่อ” ไอ้โปรดถาม แววตามีความกังวลอยู่นิดหน่อย

“เดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมตอบ

“เฮ้อ นี่มันเรื่องห่าอะไรอีกวะเนี่ย” อีกฝ่ายบ่นเซ็ง ๆ

“.........” ผมเงียบมอง 

“เดี๋ยวกูให้คนของกูมาเฝ้าเพิ่ม มึงติดต่อให้คนมาจัดการเรื่องสัญญาของพวกมันให้เรียบร้อยแล้วกัน”

“ครับนาย” ไอ้โปรดประชดตอบ

“หึ..” ผมยิ้ม

“มึงเองก็ระวังตัวด้วย อยากโดนลงแขกรึไง ไปท้าทายมันแบบนั้น” ผมบ่น

“ลงแขก ?” ไอ้โปรดเบิกตาโต ทำดื้อตาใส

“เชื่อกูไหมว่า กูออกแรงขมิบนิดเดียว ของไอ้ดอยกับไอ้นัดต้องกระจัดกระจายภายในห้าวินาทีแน่ ๆ มึงไม่รู้เหรอว่าขอบตูดกูแข็งแรงยิ่งกว่ายางรถยนต์ซะอีก” ไอ้โปรดผายมือประกอบด้วยท่าทางมั่นใจ

“น่าสงสารจังนะครับ” พี่ธานเดินกลับมา พร้อมยื่นกุญแจที่สะอาดเอี่ยมมาให้  ไอ้โปรดหุบปากทันที

“คนที่มั่นใจอะไรผิด ๆ น่ะ” พี่เขาขยายความ โดยเอาแต่มองหน้าผม

“ชิ..” ไอ้โปรดแสยะปาก

“ก็เพราะไอ้ช่องนี้ที่มันทนกับการเสียดสีเข้า ๆ ออก ๆ จนทำให้เสร็จสมอารมณ์หมายไม่ใช่รึไง ถ้าไม่ให้เรียกว่าแข็งแรงจะให้เรียกว่าอะไร ฮะ ?! พูดอย่างกับ ตัวเองนี่เป็น..คนดี” ไอ้โปรดเบ้มุมปาก  ใส่อารมณ์ประชดตรงคำว่า “คนดี” ทำเอาพี่ธานถึงกับเถียงไม่ออก

“ไอ้ใหญ่ ๆ ของพี่คงไม่ได้เอาแต่หลับหูหลับตากระแทกอย่างเดียวหรอกใช่ไหม ระวังนะครับ คู่นอนบางคนเขาก็แค่แกล้งครางไปงั้นอะนะ” ไอ้โปรดพูดพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ขอบคุณที่ชม ดูเหมือนว่าคุณกำลังยอมรับแล้วว่าของผมใหญ่” พี่ธานยียวน มองไอ้โปรดด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“........” ไอ้โปรดนิ่งไปครู่หนึ่ง

“โว้ยยยยย ! เมื่อไหร่ไอ้พวกที่ชอบหลงกระเจี๊ยวตัวเองมันจะหมดไปจากโลกนี้สักทีวะ !” อยู่ดี ๆ ไอ้โปรดก็เงยหน้าขึ้นแหกปากพูดดังลั่น  ประเด็นกระเจี๊ยวทำเอาพนักงานหันขวับมาที่ไอ้โปรดเป็นตาเดียว

“ใหญ่อย่างเดียวไม่ใช่ความเสียวหรอกนะโว้ยยยยยย !” มันเดินหันไปพูดกับพนักงาน พร้อมผายมือออกกว้าง คล้ายต้องการชี้แจงให้โลกเข้าใจในเรื่องนี้ตรงกัน  แต่ละคนที่ได้ยินพากันหัวเราะร่วน  คงคิดว่าไอ้โปรดพูดเล่นพูดหัวไปอย่างนั้น  ไม่ได้สื่อถึงใครเป็นพิเศษ


ผมชำเลืองมองพี่ธานที่เอาแต่จ้องไอ้โปรดอยู่ไม่ลดละ... 

“โกรธเหรอ” ผมถามลอย ๆ

“ผมไม่โกรธให้เปลืองพลังงานหรอกครับ” พี่ธานตอบเสียงเรียบ  ผมยิ้ม ก็ไม่โกรธหรอก แต่คงไม่เชิงว่าชอบ

“มันก็พูดถูกของมันนะ..” ผมเอ่ย

“ถ้าไม่มีอย่างที่ไอ้โปรดว่า พวกเราก็ลำบาก” ผมย่นจมูก ยอมรับในทัศนคติของเพื่อนที่เป็นเรื่องถูกใจผม
 
“คุณไฟนี่ก็” พี่ธานขมวดคิ้วบ่น  คิ้วย่นเห็นชัดจนดูตลก   


- - - - - - - - - - - - - - -


00.15 น. : Safe House

“อาบน้ำก่อนนะ” ไอ้โปรดพูด เดินไปยังห้องนอนห้องหนึ่งที่ไม่ได้ถูกใช้งาน  มันกลับออกจากสนามแข่งมาด้วยกันกับผม

“ยังอยู่ในห้องเหรอ” ผมถามถึงผู้หญิงที่พาออกมาได้ตามเป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของวันนี้  และวันนี้ทั้งวันที่ไม่ได้โผล่หน้าไปที่งานศพเลย

“ครับ เธอไม่ยอมออกมาเลย” ไอ้หินตอบ  ผมพยักหน้ารับส่ง ๆ

“คุณไฟอยากกินอะไรไหมครับ” พี่ธานถาม

“ไม่ครับ ขอบคุณ” ผมตอบ

“นี่.. ไม่มีของใช้เลย พวกลูกน้องของคุณเพื่อน” ไอ้โปรดโผล่หน้าออกมาพร้อมกับคำพูดกวนส้นตีนที่ทำให้ผมหลุดยิ้ม 

“เดี๋ยวผมเตรียมให้ครับคุณโปรด” ไอ้หินได้ยินรีบตอบรับทันควัน

“ขอบคุณนะ คืนนี้มานอนด้วยกันไหม” ไอ้โปรดยักคิ้วชวน  ไอ้หินไม่ตอบ เพียงยิ้มเขินน้อย ๆ ก่อนรีบหายตัวไปเตรียมของใช้จำเป็นให้  จริง ๆ แล้วคนของผมชอบไอ้โปรดกันอย่างกับอะไรดี

“คุณไฟน่าจะให้เพื่อนคุณกลับบ้านนะครับ” พี่ธานบ่น

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ ไม่คิดสานความต่อ 

ผมเดินตรงไปยังห้องนอนที่ให้แก้มอยู่ตั้งแต่เอาตัวเธอมากับเงินที่จ่ายไปแล้ว  ประตูห้องถูกเปิดเข้าไป  ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเตียงลุกขึ้นยืนอย่างระแวดระวัง...

“อาบน้ำแล้วเหรอ” ผมถาม

“ค่ะ” เธอผงกหัว  ผมปิดประตูห้องลง  จ้องมองใบหน้าของเธอโดยไม่พูด  แก้มขยับตัว  ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวออกช้า ๆ  เผยให้เห็นชุดชั้นในท่อนบนและท่อนล่างลายลูกไม้ที่เข้ากับรูปร่างของเธอเป็นอย่างดี

“........” ผมนิ่งมอง  อีกฝ่ายหลบตา มีท่าทีอึดอัดที่ผมไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับ

“ใส่ซะ” ผมพูด  แก้มหน้าถอดสี  รีบคว้าเสื้อคลุมกลับขึ้นใส่เหมือนเดิมอย่างลุกลี้ลุกลน

“คุณ..” เธอช้อนตาขึ้น สบตาผมครู่หนึ่งแล้วรีบหลบตาลงอีก

“คุณ ซื้อฉันมาทำไมคะ”

“........” ผมไม่ตอบ

“ฉัน..ฉัน อึก จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ อย่า..อย่าเอาฉันไปขาย” เธอร้องขอด้วยแววตาหวาดกลัว  ปรี่ตรงเข้ามาหาผมและคลานเข่าลงตรงหน้า

“นอนซะ พรุ่งนี้เธอก็รู้เอง” ผมพูด  สภาพของเธอเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ที่บ่งบอกว่าผ่านอะไรมามาก ไม่ได้ทำให้ผมอยากอธิบายอะไรมากนัก  วันนี้มีแต่เรื่องน่าเบื่อมาทั้งวันแล้ว 

“ถ้าไม่อยากตายก็ช่วยทำให้สภาพมันน่ามองกว่านี้ด้วย” ผมตัดบทส่ง ๆ ก่อนเดินจากมา  ไม่รู้ว่าคนที่กำลังจะพาไปเจอจะรับสภาพนี้ได้แค่นี้

“เป็นยังไงบ้างครับ” พี่ธานถามถึงคนในห้อง

“คอยดูไว้แล้วกัน”




...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:

มีส่วนไหนผิดพลาดหรือตกหล่นต้องขอโทษด้วยนะคะ ไม่ค่อยมีเวลาเขียนและตรวจเท่าไหร่เลย  ขอบคุณทุก ๆ คอมเมนต์และกำลังใจค่ะ


เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-06-2020 18:06:34
ตอนนี้ ยาวมาก เท่าๆ กับ ทุกตอน แต่ความรู้สึก ไม่อยากให้จบตอน อยากเห็นน้องหมุด จำน้องโปรด ไม่ได้ ต้องย้อนไปอ่าน ตอนเก่า แล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 16-06-2020 12:43:49
โปรดกับพี่ธานนี่มวยถูกคู่แล้ววว 5555
ฉันล่ะชอบความมีอำนาจบารมีของพี่ไฟจริงๆ ความน่าเกรงขามนี้ !!!

ขอบคุณเบบี้ค่ะ :) หายคิดถึงคุณไฟได้บ้าง อิอิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-06-2020 23:22:19
คิดถึงสมุทรด้วย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 16-06-2020 23:22:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-06-2020 22:26:16
จำใครบางคนไม่ได้แล้วอ่ะ ไม่เป็นไรอ่านไว้ก่อน จดชื่อแล้วตามไปอ่านย้อนหลังแล้วกัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: prympws ที่ 18-06-2020 05:22:38
 :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 18-06-2020 12:34:30
พี่สมุทร ค่าตัวแพง ตอนหน้าต้องให้พี่ไฟลวนลามชดเชยให้คนอ่านด้วยนะคะ 55555

ดีใจที่คุณเบบี๋กลับมาต่อนะคะ ยังรอติดตามอยู่เหมือนเดิมน้า จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 24-06-2020 11:06:02
 ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นี้ค่ะ /รออ่านเสมอ/  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 24-06-2020 16:26:02
มันรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่อ่าน เหมือนกำลังอยู่ในดงมาเฟีย 55
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 25-06-2020 02:48:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-06-2020 21:58:28
สงสารสมุทร จะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 10-07-2020 13:26:50
กลับมาก็มีเรื่องให้คุณไฟต้องฟาดฟัน รอคอยเสมอนะคะเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-07-2020 18:05:29

สวัสดีก่อนอ่าน ^ - ^
...
ข้อมูลเพิ่มเติม: จากตอนที่ 52 ก่อนหน้านี้ "โปรด" โปรดเป็นเพื่อนสนิทของไฟค่ะ  ออกหลายตอนอยู่นะคะ เช่น
- ตอนที่ 1
- ตอนที่ 39
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1440#gsc.tab=0
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1470#gsc.tab=0
- ตอนที่ 40
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1500#gsc.tab=0

ประมาณนี้ และมีตอนอื่น ๆ อีกนะคะ

...
ข้อมูลเพิ่มเติม: ในตอนที่ 53 นี้  ตัวละคร "พลอย" เป็นตัวละครเดิมนะคะ  เหตุการณ์หลัก ๆ ที่ทำให้ไฟกับสมุทรที่มีปากเสียงเรื่องพลอย เป็นก่อนที่ไฟจะถูกยิงและไปพักอยู่บ้านหงส์ คือตอนที่ 40 ค่ะ (และบางตอนก่อนหน้านั้น) 
- ตอนที่ 40
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1500#gsc.tab=0

อย่างไรลองย้อนกลับไปอ่านดูเพื่อเพิ่มอรรถรสได้นะคะ ~ 555++

...


ตอนที่ 53
..ไฟ..




08.30 น.

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” ไอ้เด่นรายงาน  ไอ้บูรณ์ถึงมือคนของผมที่เพชรบูรณ์เรียบร้อยแล้ว  ที่นั่นปลอดภัย และอาจช่วยให้มันสงบจิตสงบใจลงได้บ้าง

“พวกมึงตื่นเช้ากันเกินไปไหมวะ” ไอ้โปรดบ่นหน้านิ่วคิ้วขมวด  เดินออกมาพร้อมขยี้ผ้าขนหนูที่เช็ดผมตัวเองยังไม่เสร็จดี  พวกผมและลูกน้องออกกำลังกาย อาบน้ำแต่งตัว จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ 07.40 น. แล้ว 

“สายจนเลยเวลาอาหารกูแล้ว” ผมบ่นกลับ

“เฮ้อ ~” ไอ้โปรดถอนหายใจ เดินตามมาที่โต๊ะอาหาร  ผมอนุญาตให้คนอื่นกินอาหารเช้ากันก่อนแล้ว  น้อยครั้งที่พวกเราจะกินอาหารผิดเวลา  จึงเหลือแต่ผมที่ต้องรอกินพร้อมไอ้เพื่อนตัวดีที่ตื่นสายกว่าใครเพื่อน

“น้ำส้มจริง น้ำส้มปลอม ?” ไอ้โปรดขมวดคิ้วมองเหยือกน้ำส้มที่วางอยู่ขวามือของตน

“น้ำส้มปลอมครับ” ไอ้หินตอบ

“เกลียดฉิบหาย เอาไปไกล ๆ” มันบ่นพร้อมปัดมือไล่  ไอ้หินจึงรีบยกเหยือกน้ำส้มออกไปวางอีกมุมหนึ่งของโต๊ะ 

“ประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยผลไม้ แต่เสิร์ฟน้ำส้มปลอมให้กูนี่นะ” ไอ้โปรดต่อว่า

“ขอโทษครับ” ไอ้หินหลบตา  ผมหัวเราะน้อย ๆ

“ไอ้เถื่อนไปไหนอะ” ไอ้โปรดถามถึงพี่ธาน และเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้อง

“อยู่ในห้อง” ผมตอบ พยักหน้าไปทางห้องของผู้หญิงคนนั้น 

“จัดแต่เช้าเลยเหรอ” มันถลึงตาโต ทำทะลึ่งทะเล้น

“กูให้เข้าไปเฝ้า” ผมส่ายหัวตอบอย่างเหนื่อยหน่าย  แค่ต้องการแน่ใจว่าคนในห้องกินอาหารเช้าเรียบร้อย ไม่กลั้นใจปิดชีวิตตัวเองเพราะความเครียดไปเสียก่อน

“นี่...” ไอ้โปรดเอ่ย  ผมเมินที่จะมอง  หยิบขนมปังโฮลวีตยัดใส่ปาก  ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าคงมีเรื่องสำคัญอยากจะพูด 

“กูว่าจะลาออกว่ะ”

“ทำไม” ผมถาม เอื้อมมือหยิบแอปเปิลแล้วกินตาม

“เบื่อ” อีกฝ่ายตอบขณะเหยาะซอสใส่ลงในแก้วไข่ลวกของตน 

“........” ผมเงียบ เคี้ยวแอปเปิลและขนมปังที่อยู่ในปากจนหมดก่อนหันไปมอง

“แล้วจะทำอะไรต่อ ขายตูด ?” ผมเลิกคิ้ว 

“ไม่อะ ชอบให้ฟรีมากกว่า” ไอ้โปรดยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ไอ้สัส” ผมด่า หลุดยิ้มที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ ต่อการกวนจากผม

“ดีไหมนะ..” จู่ ๆ มันก็พึมพำคล้ายลังเลขึ้นมา

“เหนื่อยก็ออก” ผมแสดงความคิดเห็นส่ง ๆ  คาดว่าอีกฝ่ายน่าจะเหนื่อยมากกว่าเบื่อ 


ไอ้โปรดหยุดเคี้ยวและนั่งเหม่อ  ไม่ยอมขยับร่างกายอยู่หลายวินาที  ผมเท้าศอกข้างซ้ายลงบนโต๊ะ  มือขวาหยิบพริกไทยเทใส่ถ้วยข้าวต้มปลาของตัวเอง  มันไม่ยอมพูด ใบหน้าที่ตั้งตรงทำเพียงแค่เหล่ตาดำมาทางผมอีกครั้ง...

“หึ อะไร” ผมยิ้มถาม

“มึงนี่สมเป็นเพื่อนกูจริง ๆ” ไอ้โปรดพูดพลางยัดมะเขือเทศเข้าปาก

“เหม็น !” มันหันไปตวาดใส่คนเตรียมมื้อเช้าที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ

“ขอโทษครับ” ไอ้เด่นกับไอ้หินน้อมรับ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของพวกมัน

“ไปว่าคนปลูกสิ มาโทษคนของกูทำไม” ผมบ่นบ้าง

“มะเขือเทศต้องเหม็นขนาดนี้ปะ กูถาม” อีกฝ่ายหันมาถลึงตาใส่ด้วยความขัดเคือง  ผมหัวเราะในลำคอ  รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบกินมะเขือเทศเท่าไหร่ แต่ที่กลั้นใจกินก็เพราะต้องการรักษาสุขภาพตัวเอง

“เฮ้อ กูว่าแล้วว่ามึงต้องไม่ห้าม” มันวกกลับมาประเด็นก่อนหน้า

“........” ผมเงียบ ฟังเสียงเคี้ยวจากปากมัน 

“เคี้ยวเบา ๆ” ผมเตือน  รำคาญที่ได้ยินเสียง แจบ ๆ ดังเกินไป  ไอ้โปรดหัวเราะแล้วปิดปากลง  ทำให้เสียง แจบ ๆ หายไป แต่ก็ยังได้ยินเสียงสะท้อนจากการบดกัดมะเขือเทศในปากของมันอยู่ดี

“มึง...”

“อะไรของมึงอีก” ครั้งนี้ผมหันไปมองอย่างจริงจัง

“มีผู้ชายมาขอให้กูไปอยู่อังกฤษด้วยกัน ขอกูคบจริงจัง” ไอ้โปรดเล่า สีหน้าและอารมณ์เป็นไปอย่างค่อนข้างไม่แยแส

“เขาอยากให้กูไป settle down เป็นแม่บ้านแบ๊ว ๆ อยู่กับเขาที่อังกฤษ”

“พรืดดดด !” ผมกลั้นหัวเราะ แทบพ่นข้าวต้มที่เพิ่งกินเข้าไป 

“หึ.. กร๊ากกกกก !” ก็ว่าจะไม่ขำแล้วน่ะนะ แต่ภาพจินตนาการที่ปรากฏในหัว ทำให้อดไม่ได้จริง ๆ

“มึงไม่เรียกคนมาขำกูทั้งหมู่บ้านเลยล่ะ” ไอ้โปรดประชด ทำหน้าเอือมระอาใส่ผม

“นี่คือปรึกษา ?” ผมเบิกตา มุมปากหุบยิ้มไม่ลง

“แค่บ่นให้ฟังครับ” มันตอบ

“มึงก็เลยจะลาออกไปเป็นแม่บ้านแบ๊ว ๆ ดิ” ผมแซว

“พูดเหมือนไม่รู้จักกู” อีกฝ่ายสบถยิ้ม ๆ เห็นเป็นเรื่องตลกเช่นกัน  ผมชี้นิ้วไปที่ไอ้เด่นกับไอ้หินที่ยืนกุมมือสุภาพอยู่  ไอ้โปรดเหล่หางตาใส่ทั้งคู่  ดูก็รู้ว่าพวกมันกำลังกลั้นขำกันสุดชีวิต  ใครที่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเพื่อนผมคนนี้ ก็อยากขำกันทั้งนั้นแหละครับ
 
“มันเป็นใคร” ผมถามถึงไอ้ผู้ชายที่ว่า

“เป็นนักธุรกิจ ลูกครึ่งอังกฤษฮ่องกง โคตรรวย แถมหุ่นแซ่บสุด ๆ” เพื่อนสนิทเล่าพลางถอนหายใจคล้ายเสียดาย

“........” ผมเงียบ ก้มหน้าก้มตากินต่อ  เชื่อสรรพคุณที่มันเล่าอยู่หรอกครับ  ไอ้โปรดมันตาถึง และก็แปลกด้วยที่มันมักจะได้ผู้ชายโพรไฟล์ดีเข้ามาจีบเสมอ  แต่ที่อดตัวเองไว้ไม่ให้แสดงความคิดเห็นก็เพราะนึกภาพแม่บ้านแบ๊ว ๆ ไม่ออกจริง ๆ  มันทำเหี้ยอะไรเป็นที่ไหนล่ะ...

“กูว่ามึงน่าจะด่ากูออกมาเลยดีกว่านะ” ไอ้โปรดประชดเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะเบา ๆ เพราะข้าวต้มคำใหม่ยังอยู่ในปาก

“ได้แล้ว ?” ผมพูดเชิงถาม

“อือ” อีกฝ่ายเบะปาก พยักหน้าตอบ 

“นอนกันแค่ครั้งเดียว แต่ออกไปกินข้าวกันสองสามครั้ง ยังไม่ทันรู้จักกูตัวจริงเลย มาขอให้กูไปอยู่ด้วยเฉย กูก็งงเหมือนกัน” มันบ่นอย่างเหนื่อยหน่าย น้ำเสียงขึ้น ๆ ลง ๆ  ถึงแม้สิ่งที่พูดนี้จะเป็นความจริง แต่ดูเหมือนเพื่อนผมเองก็ตัดไม่ขาด

“ไปอยู่กับมันสักอาทิตย์นึง กูว่ามันคงไล่กูกลับไทยแทบไม่ทัน” ไอ้โปรดวิเคราะห์นิสัยตัวเอง

“พรืดดดดดด !” ผมก้มหน้า พยายามกลั้นหัวเราะอีกรอบ

“มึงคิดว่ากูจะเผยธาตุแท้ให้มันเห็นไหมล่ะ แค่สองสามครั้งอะ” มันบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง

“แล้วปรึกษาที่บ้านรึยังว่าจะลาออก” ผมถามเพราะเป็นห่วง ที่บ้านของมันไม่ได้อิสระเท่าชีวิตผม

“ไม่ปรึกอะ ออกแล้วค่อยบอก”

“อยากทำอะไรก็บอกแล้วกัน” ผมตัดบท 

“หึ..” อีกฝ่ายแสยะยิ้มน้อย ๆ และไม่สานหัวข้อนี้ต่อ  เสียงประตูห้องของแก้มเปิดออก  พี่ธานเดินออกมาพร้อมกับถาดอาหาร
 
“กินเรียบร้อยแล้วครับ” พี่เขาพูด  ผมพยักหน้ารับทราบก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งถาดให้ไอ้เด่นนำเข้าไปเก็บในห้องครัว

“มึงต้องพาเธอไปส่งเหรอ” ไอ้โปรดถามไปกินไป

“อืม เดี๋ยวกูให้ไอ้หินไปส่งมึงละกัน” ผมบอก


   ..
ชาวบ้านละแวกนี้ที่มาในงานต่างสวมใส่ชุดสีดำมาร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของยายสมุทร  แก้มที่นั่งอยู่เบาะด้านข้างจ้องมองเข้าไปในศาลาอยู่นานโดยไม่ปริปาก... 

“หลังจากนี้เธอเป็นอิสระ” ผมพูด

“........” อีกฝ่ายหันมาสบตาด้วยสีหน้าแปลกใจ

“แต่ฉันไม่ได้จะให้เธอเป็นอิสระฟรี ๆ หรอกนะ..”

“ขนาดคนที่เธอไว้ใจว่าจะช่วยเธอได้ก็ยังทำให้เธอมานั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ดังนั้น อย่าทำเรื่องให้ใครในนี้ต้องเดือดร้อนเพราะเธออีก ถ้าทำ.. ฉันจะส่งเธอคืนให้พวกมันด้วยตัวของฉันเอง” ผมพูด เสียงที่เย็นลงยังคงชัดเจน  ในรถเงียบสนิท ได้ยินกระทั่งเสียงจากเครื่องปรับอากาศ 

“อึก” เสียงสะอึกสะอื้นจากเธอดังขึ้นเบา ๆ  ผมไม่ได้หันไปมอง รู้เพียงแต่ร่างกายของคนข้าง ๆ สั่นเทาและพยายามที่จะกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องออกมาร่วมหลายนาที
 
“ไปได้” ผมเอ่ย

“ขะ ขอบคุณค่ะ” แก้มยกมือขึ้นพนม  ขณะเดียวกันก็เหลือบไปเห็นสมุทรที่สังเกตเห็นรถตู้ของผม  เขารีบละมือจากงานที่กำลังจัดเตรียมอยู่ เดินตรงมาทางนี้ 

ประตูสไลด์ทั้งสองฝั่งเปิดออก  ผมกับแก้มลงจากรถ  ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่สมุทรละสายตาจากที่มองผมไปเห็นเธอพอดี  ทั้งคู่ต่างชะงักงัน...

“พี่สมุทร ~” เสียงเรียกเครือเบาบาง  เธอวิ่งตรงหาสมุทรทั้งน้ำตา  อีกฝ่ายสวมกอดตอบรับ  สีหน้าซีดเผือดคล้ายเหลือเชื่อว่าสิ่งที่เห็นนี้ใช่ความจริงหรือไม่  ผมเดินผ่านทั้งคู่ ได้ยินเสียงขอโทษจากผู้หญิงคนนั้นดังซ้ำ ๆ


ฝีเท้าของผมหยุดอยู่ที่บันไดหน้าประตูทางเข้าศาลา  เพราะเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอที่งานนี้นั่งอยู่ด้วย  พลอยหันมา  เธอผุดลุกขึ้นยืนในทันทีที่เห็นผม...

“มาทำไม” ผมถาม มองพลอยที่สวมชุดดำเรียบร้อยหัวจรดเท้า

“มาไหว้ศพสิ ถามแปลก” อีกฝ่ายยียวนตอบ

“........” ผมจ้องเขม็ง ไม่คิดว่านี่เป็นเหตุผลที่มากพอให้คนระดับเธอยอมมาด้วยตัวเอง  อีกอย่างเธอทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร
 
“ก็ฉันติดต่อคุณไม่ได้” พลอยพูดพร้อมเหสายตาหนีเล็กน้อย  ผมถอดรองเท้าออก เดินเข้าไปในศาลา  ดาวกุลีกุจอตรงเข้ามาต้อนรับในทันที

“สวัสดีค่ะพี่ไฟ” เธอยกมือไหว้  นำผมไปที่หน้าโลงศพและอำนวจความสะดวกต่าง ๆ ให้  การกราบศพเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย  พอผมกับพี่ธานกราบศพเป็นที่เรียบร้อยแล้วลูกน้องคนอื่นก็พากันทยอยเข้าไปกราบต่อ  ดาวจึงพาผมไปนั่งที่โซฟาตัวยาวแถวหน้าสุด ก่อนที่เธอจะนั่งแยกลงที่โซฟาอีกตัวข้าง ๆ กัน

“มีอะไรขาดเหลือรึเปล่า” ผมถามเธอพลางมองแก้วน้ำที่เพิ่งถูกเสิร์ฟให้
 
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ให้คนมาช่วยตลอดเลย” ดาวตอบเสียงเบา และพยายามที่จะยิ้มให้อย่างรักษามารยาท 

“ต่อจากนี้จะเอายังไงครับ” ผมถาม  ก็คล้ายว่าเป็นการหลอกถาม  การสูญเสียผู้ใหญ่อย่างกะทันหันในบ้านที่มีแค่เด็กกับผู้หญิงเป็นอะไรที่ค่อนข้างลำบาก  ไม่ปลอดภัยต่อการใช้ชีวิตในชุมชนแห่งนี้

“เอ่อ ก็.. ยังไม่รู้เลยค่ะ คงต้องรอพี่สมุทรอีกที” ดาวตอบตะกุกตะกัก

“มีอะไรก็บอกแล้วกัน” ผมพูด  เธอผงกหัวน้อย ๆ ด้วยท่าทางเกรงใจ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากให้เธอไปทำหน้าที่ต่อได้ ไม่ต้องมาคอยดูแลพวกผม 

ผมยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม  กลิ่นน้ำหอมที่เตะจมูกทำให้ทราบว่าพี่ธานไม่ได้นั่งอยู่ด้านข้างผมอีก  ผมเหลือบมองพลอยที่ทิ้งตัวนั่งลงไขว่ห้างเบี่ยงมาทางผม...

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน” อีกฝ่ายถาม ด้วยทีท่าที่วางฟอร์ม

“........” ผมไม่ตอบ

“จะเหวี่ยงฉันทางอ้อมด้วยการไม่รับสายก็หลงตัวเองไปหน่อยไหมคะ บางทีฉันอาจจะอยากโทรหาคุณเรื่องอื่นก็ได้”

“เรื่องอะไรล่ะ” ผมย้อนถาม แต่เธอกลับเงียบ

“ทำไม.. คุณโกรธฉันเรื่องที่คอนโดนั่นเหรอ” พลอยหันมา

“หึ กำลังจะบอกผมว่า คุณหลงตัวเองอยู่นะ” ผมแสยะยิ้ม กวนเธอกลับ 

“ชิ ~ นิสัย” พลอยขมุบขมิบปากเก้อเขิน  ผมยกน้ำเปล่าที่เหลืออีกครึ่งแก้วดื่มจนหมดด้วยนึกเสียดาย แต่คนข้าง ๆ คงสังเกตเห็นและเดาออกว่าผมกำลังจะทำอะไร

“จะกลับแล้วเหรอ” พลอยถามทันที  ผมหันไปจ้องเธอพร้อมวางแก้วลง  และเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม

“น่าเบื่อจริง” อีกฝ่ายกัดฟัน จ้องผมกลับด้วยสายตาขัดเคือง 

“หึ” ผมหลุดยิ้ม

“ฉันก็กลับด้วยดีกว่า” พลอยลุกตาม

“คุณไม่ควรอยู่นี่ด้วยซ้ำ เสนอหน้า” ผมว่าให้

“ไฟ !”

“แล้วคืนนี้คุณจะมาฟังสวดไหมคะ” อีกฝ่ายเดินตามหลังมา  ผมไม่ตอบ  คนของผมพากันลุกจากเก้าอี้ในทันทีที่เห็นผมจะเดินออกจากศาลา  รองเท้าที่ผมถอดไว้ที่ตีนบันไดถูกวางหันกลับมาให้สำหรับพร้อมใส่ได้สะดวก  หางตาสังเกตเห็นพลอยเก้ ๆ กัง ๆ พยายามที่จะสวมใส่รองเท้าส้นสูงของตน  ทั้งกระโปรงรัดรูปและขั้นบันไดที่เป็นอุปสรรค  แต่อีกฝ่ายก็พยายามสวมใส่มันด้วยตัวเอง ไม่ยอมเอ่ยปากขอให้ผมช่วย 

พี่ธานเห็นว่าพลอยลำบาก และคงกลัวว่าเธอจะล้มไป  จึงเข้ามายืนขนาบข้างพร้อมผายแขนให้เธอได้เกาะ...

“ขอบคุณค่ะ” พลอยพูดยิ้ม ๆ วางมือลงที่แขนพี่ธาน

“ลำบากแล้วจะใส่มาทำไม” ผมว่า

“ไม่เป็นสุภาพบุรุษแล้วยังมาว่าคนอื่นอีก” พลอยบ่นอุบอิบ  ผมแสยะยิ้ม  ยอมรับว่าหลายครั้งก็ถูกใจที่พลอยมีนิสัยแบบนี้  ประมาณว่าจะไม่มีทางยอมง้อขอความช่วยเหลือจากคนอย่างผมอย่างเด็ดขาด

“อยากให้ช่วยก็บอกสิ” ผมบดฟันด้วยนึกหมั่นไส้ขึ้นมา  จับต้นแขนเธอกระชากจนหลุดออกจากพี่ธาน  อีกฝ่ายร้องเสียงหลง หน้าถอดสีที่ผมทำอย่างกะทันหัน

“พี่ธานคะ ฝากบอกเจ้านายสุดที่รักของพี่ด้วยว่าที่นี่มันเขตอภัยทานค่ะ” เธอแทบกระแทกเสียง ตาจ้องผมเขม็ง

“หึ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอ

“ใส่เร็ว ๆ” ผมสั่งเสียงห้วน  พลอยได้สติ รีบก้มลงใส่รองเท้าอย่างรีบร้อน  ทันทีที่เธอสวมใส่เสร็จผมก็ปล่อยแขนเธอออกแล้วเดินจากมา

“ไฟ.. แล้วตกลงคืนนี้คุณจะมาไหม” เสียงพลอยถามไล่หลัง  ผมหยุดเดิน หันกลับไปพยักหน้าแทนคำตอบ

“อยากรู้แค่นี้แหละ” อีกฝ่ายเบะปากส่ง ๆ  ทำท่าเหมือนผู้ชนะแล้วสับฝีเท้าเดินเชิดจากไป

“ดูเหมือน...” พี่ธานเอ่ย แต่จู่ ๆ ก็ทิ้งเสียงลง

“อะไรครับ” ผมมองหน้าพี่แก

“เปล่าครับ” อีกฝ่ายปัด


ขณะเดียวกันก็เหลือบไปเห็นเมฆนั่งเล่นของเล่นอยู่ที่โต๊ะใต้เต็นท์ผ้าใบอยู่คนเดียว  ผมตรงไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นผมก็หลบสายตา  แต่ยังดีที่ไม่ลืมยกมือขึ้นพนมไหว้น่ะนะ...

“ไม่เจอกันนานนะ” ผมทัก

“ชอบโรงเรียนใหม่รึเปล่า” ผมถาม

“........” เมฆไม่ตอบ สายตาที่กลอกไปมาแสดงถึงการใช้ความคิดอย่างหนัก

“ถ้าไม่ชอบก็บอก” ผมพูด  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นก่อนจะพยักหน้ารับทีหนึ่ง

“ไปละ ดูแลพี่ ๆ เขาด้วยล่ะ” ผมตัดบท วางมือลงที่ศีรษะอีกฝ่ายก่อนจากมา


- - - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-07-2020 18:06:57

ตกเย็น พลอยขับรถมาหาผมถึงบ้านโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า  ซึ่งดูเหมือนว่าเธอได้คาดคะเนเวลาเผื่อไว้สำหรับผมที่ต้องออกจากบ้านด้วย...     

ผมล้วงกระเป๋า หยุดยืนมองพลอยจากประตูบ้าน  ชุดที่เธอใส่เป็นคนละชุดกับเมื่อตอนกลางวัน แต่ก็สวยดี...

“ไปด้วยคนสิ” เธอพูดแกมสั่ง 

“........” ผมนิ่งเฉย มองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า

“อะไร” พลอยเบิกตา

“ต้องการอะไร” ผมถาม

“ก็แค่เบื่อ” เธอตอบพลางยักไหล่เล็ก ๆ  ไอ้เด่นขับรถมาจอดเทียบที่ตีนบันไดหน้าประตูบ้าน  ผมเดินไปยังประตูฝั่งที่พี่ธานเปิดออก  พอเข้ามานั่งแล้วก็ดึงประตูปิดลงทันที 

“ไอ้บ้า !” พลอยชะงัก  เสียงต่อว่าแทรกเข้ามาในรถ

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  พี่ธานจึงรีบตรงไปเปิดประตูอีกด้านหนึ่งเพื่อให้พลอยขึ้นจากฝั่งนั้น

“กินอะไรมารึยัง” ผมถาม  เอนตัวพิงเบาะ เงยหน้าขึ้นพลางหลับตาลง

“ยัง” คนข้าง ๆ ตอบ  ผมเงียบฟัง  คำถามจบอยู่แค่นั้น เพราะอยากพักจึงไม่ชวนเธอคุยอีก
   
   ..
พิธีสวดศพเป็นไปอย่างเรียบง่าย แม้จะมีเรื่องเยิ่นเย้ออยู่บ้างตามประเพณี  คนที่มาฟังสวดส่วนใหญ่เป็นคนในชุมชน  บางคนดูเหมือนไม่ได้มาเพื่อฟังสวด แต่มาพูดคุย กินอาหารฟรีและหิ้วอาหารติดมือกลับบ้านไปด้วย 

คนในค่ายมวย รวมถึงคนสนิทของผมเป็นเป้าสายตาอย่างมาก  ถึงแม้ว่าเราจะแต่งตัวสุภาพและคงไว้ด้วยความเรียบง่ายไปตามกาลเทศะ  แต่สายตาที่ถูกมองมาปะหลับปะเหลือกคล้ายไม่ไว้ใจ กับมุมปากที่ซุบซิบนินทาได้เป็นมาอย่างต่อเนื่องจนจบพิธีค่ำวันนี้...

สมุทรจัดที่นั่งให้ผมนั่งที่เก้าอี้ยาวด้านหน้าสุด  ซ้ายมือเป็นพวกครูมวยที่ค่ายมวยของผม  ส่วนขวามือคือเหล่าเจ้าของค่ายมวยเก่าของเขา  การพบปะกันของสองค่ายเล็กและใหญ่ ผมคิดว่าฝั่งเจ้าของค่ายมวยเดิมของสมุทรก็คงมีคำถามอยู่ไม่น้อย

“ผมลาละครับ” ผมยกมือไหว้เจ้าของค่ายมวยค่ายเดิมของสมุทร  แขกเหรื่อทยอยกลับออกไปจนเกือบบางตา ในขณะที่ทั้งสมุทรและดาวคอยต้อนรับขับสู้อย่างดี 

“เชิญครับ” อีกฝ่ายยกมือรับไหว้  สายตาที่จดจ้องมาไม่ได้เป็นไปในเชิงเสียมารยาท  ถึงแม้จะเป็นเจ้าของค่ายมวยที่ตกต่ำลงไร้ชื่อเสียง แต่ยังคงมีมาดนักมวยเก่าที่มีบุคลิกน่าชื่นชมอยู่

“สมุทรเป็นคนมีฝีมือนะ” ลุงเสือพูดขึ้น   

“ครับ” ผมตอบ

“แต่เขามีเหตุผลที่ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ทำอย่างจริงจังในวงการนี้อยู่ ดูเหมือน.. คุณเองก็คงมีเหตุผลนั้นเหมือนกันใช่ไหม” เขาผลิยิ้มเล็ก ๆ

“........” ผมไม่ตอบ

“ผมแก่มากแล้ว แต่ก็ยังอยากเห็นเขามีโอกาสขึ้นชกเวทีใหญ่ ๆ สักครั้ง แต่เขาดื้อน่ะ”

“อันนี้ผมทราบ” ผมพูด

“หึ ๆ” อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจในลำคอ

“ฝากด้วยแล้วกันนะ ยินดีที่ได้เจอ” ลุงแกตัดบท  ผมไม่ได้ตอบรับใด ๆ กลับไป ส่งคนแปลกหน้าไว้เท่านี้  สมุทรละสายตาจากแขกที่ตนกำลังพูดคุยอยู่เมื่อเห็นว่าผมกับลูกน้องทำท่าจะลงจากศาลา  เขาก็ปรี่เข้ามาเพื่อจะส่งในทันที

“กลับก่อนนะ” พลอยที่เดินตามหลังผมพูดกับสมุทร

“ครับ ขอบคุณที่สละเวลามานะครับ” สมุทรตอบกลับอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไร” พลอยพูด  ผมสวมใส่รองเท้าและเงยหน้าขึ้น สบตากับสมุทรพอดี

“ขอบคุณนะครับ” อีกฝ่ายพูดบอกผม  ผมเดินจากมาโดยไม่ได้ตอบรับ  ได้ยินเสียงพลอยเรียกไล่หลังเบา ๆ “ไฟรอด้วย” เท่านั้น

“ผู้หญิงคนนั้นใคร คุณรู้จักไหม” พลอยถามถึงหยา แฟนเก่าของสมุทรที่คืนนี้ก็มานั่งฟังสวดศพด้วย

“เมียเก็บหมอนั่น คุณไม่รู้เรอะ” ผมกวนตอบ

“เมียเก็บ !” พลอยกระแทกเสียง

“สมุทรมีแฟนด้วยเหรอ” เธอลดเสียงลงคล้ายแปลกใจและไม่ซักถามอะไรต่อ


รถยนต์ของพวกเราจอดอยู่ที่ลานจอดรถด้านหน้าวัด  ห่างจากที่ตั้งศาลามาไกลพอสมควร  ไม่ค่อยมีใครมาจอดรถในบริเวณนี้ เนื่องจากค่อนข้างมืด  บริเวณด้านหน้าศาลามีพื้นที่ถนนค่อนข้างขับแคบ  ผมจึงสั่งให้จอดตรงนี้และเดินเข้าไปแทน  ไม่อยากให้ใครเอิกเกริกด้วย แค่นี้ก็ถูกมองไม่วางตาแล้ว   

ที่วัดแห่งนี้เปิดไฟให้ความสว่างเป็นช่วง ๆ แม้จะมีพิธีในวัด  หากไม่ได้จัดพิธีกรรมใด ๆ เลย คิดว่าทางวัดคงแทบไม่เปิดไฟในจุดต่าง ๆ นี้อย่างแน่นอน  เส้นทางที่เดินเท้ามืดลงเรื่อย ๆ  แสงสว่างแทบไม่พอให้มองรอบตัวได้สะดวก  ความเงียบในบริเวณวัดทำให้ได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกผมทุกคนชัดเจน  ได้ยินกระทั่งเสียงรองเท้าส้นสูงของพลอยที่พยายามเร่งให้ทันพวกผม ...
 
“เดินช้า ๆ ไม่ได้เหรอ” พลอยบ่นอุบอิบ

“ขาสั้นก็งี้” ผมตอบ แอบอมยิ้มในความมืด  นอกจากส่วนสูงที่ต่างกันแล้ว ส่วนตัวผมไม่ใช่คนเดินช้า  การก้าวเดิน ณ ตอนนี้ถือเป็นความเร็วคงที่ปกติ  ไม่ใช่การเร่งเพื่อให้เร็วแต่อย่างใด
 


ปังงงงง !

เสียงปืนดังขึ้นในความเงียบ พวกผมหมอบลงด้วยความเร็วของสัญชาตญาณ  พลอยกรีดร้องด้วยความตกใจ  ผมหันกลับไปมองเธอที่ล้มตัวหมอบลงกับพื้นถนน  เสียงปืนดังขึ้นจากจุดเดิมอีกนัด  ทำให้แน่ใจว่าไม่ใช่การยิงอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า มีเป้าประสงค์เพื่อข่มขู่พวกผมอย่างแน่นอน  เมื่อได้จังหวะผมจึงรีบขยับตัวเข้าไปใกล้พลอยมากขึ้น... 


ปัง ! ปังงงงง !!

“อย่า..” ผมออกปากห้ามไอ้เด่นและทุกคนที่ชักปืนทำท่าจะสวนกลับ  นี่เป็นเขตชุมชน  เสียงมอเตอร์ไซค์เร่งเครื่องดังขึ้นจากหน้าประตูวัดคล้ายเยาะเย้ย  พบมือปืนสองคนอยู่ตรงนั้น  ไอ้หินวิ่งไปยังมอเตอร์ไซค์ของตน และขับตามมือปืนปริศนานั้นไปพร้อมกับไอ้รุ่งโดยทันที

“เป็นอะไรรึเปล่า” ผมถาม  พลอยหน้าถอดสี  มือข้างหนึ่งเท้าลงบนพื้นถนนเพื่อดันตัวเองขึ้นอย่างทุลักทุเล  กระโปรงที่ค่อนข้างรัดรูปทำให้เธอขยับตัวไม่ถนัด  เข่าถลอก เห็นเลือดซึมออกมา 

“เกิดอะไรขึ้นครับ !” สมุทรวิ่งมาหน้าตื่น  คนที่ค่ายมวยของผมที่อยู่ช่วยงานก็วิ่งกรูตามออกมาด้วย 

“รีบจัดแจงที่นี่ให้เสร็จ แล้วบอกให้ทุกคนกลับบ้าน” ผมสั่งสมุทร

“ได้ครับ” เขาขานรับ


ผมก้มลงจับแขนพลอยข้างหนึ่งแล้วออกแรงดึงตัวเธอเพื่อให้ลุกขึ้นยืน  เจ้าตัวร้องประท้วงในทันทีที่ผมทำอย่างนั้น...

“ฉันเจ็บนะ !” พลอยต่อว่า  ขาข้างหนึ่งของเธอดูเหมือนว่าส้นสูงได้ทำพิษเสียแล้ว  เธอเอียงตัวมาทางผมแบบเสียไม่ได้ เพราะไม่สามารถทิ้งน้ำหนักให้ยืนตรง ๆ ได้ทั้งสองข้าง

“อุ้มไปที่รถ” ผมสั่งสมุทรพร้อมปล่อยมือออก  อีกฝ่ายขานรับ ผงกหัวน้อย ๆ รับทราบและอุ้มพลอยตามมาที่รถ  เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางออกจากบริเวณวัด...

“ส่งคนมาเฝ้าด้วย” ผมพูด

“ครับ” พี่ธานขานรับ  ขณะเดียวกันก็เหลือบมองพลอยที่ก้มตัวลง พยายามที่จะถอดรองเท้าส้นสูงออกทั้งสองข้าง 

“โอ๊ย ! ไฟ ฉันเจ็บ !” อีกฝ่ายร้องเสียงหลงเมื่อถูกผมคว้าข้อเท้าข้างหนึ่งขึ้นอย่างกะทันหัน  ผมวางขาพลอยเทินไว้บนตัก มือสำรวจดูอาการว่าเธอบาดเจ็บแค่ไหน

“ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ก็เพราะคุณใส่ส้นสูงนั่นแหละ” ผมว่า

“เหอะ ! ฉันจะเจ็บมากก็ตอนที่คุณกระชากนี่แหละค่ะ” พลอยเถียงกลับเสียงขุ่น

“หึ..” ผมยิ้ม ปัดขาเธอลงทันที

“นิสัยไม่ดีเลย” เธอบ่นอุบอิบ หันตัวกลับไปนั่งดี ๆ

“กระดาษทิชชูเปียกครับคุณพลอย เช็ดแผลที่หัวเข่าก่อนนะครับ” พี่ธานที่นั่งอยู่เบาะหน้าด้านข้างคนขับ หันมายื่นกระดาษทิชชูเปียกให้เธอ 

“ขอบคุณค่ะ”   


บรรยากาศในรถเงียบลง  พลอยเช็ดแผลที่หัวเข่าเรียบร้อยแล้ว  ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงถอนหายใจหลุดมาจากเธอเบาบาง...

“เหมือนมีคนตามฉันมาตั้งแต่ออกจากคอนโดแล้ว” เธอพูดขึ้น 

“........” ผมเงียบฟัง

“พวกมัน...” พลอยเอ่ย

“ไม่ได้ตามคุณหรอก” ผมแทรก  อีกฝ่ายนิ่งไป  ก่อนหน้านี้ก็คิดอยู่ว่าคนอย่างพลอยไม่ใช่คนที่จะยอมถ่อศักดิ์ศรีไปหาผมถึงที่บ้าน   

“ใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ไหวมั้ง”


การตัดบทจบเป็นเพียงประโยคคล้ายต่อว่าประโยคนั้น  เราไม่มีบทสนทนาอีกเลยจนถึงบ้านของผม...

“คืนนี้คุณนอนนี่แล้วกัน” ผมหยุดยืนอยู่ระหว่างโถงทางเดิน  พลอยเหลือบมองรอบ ๆ ตัวคล้ายลังเลใจ แม่บ้านสองคนเดินออกมาต้อนรับ  พวกเธอต่างชะงักเมื่อเห็นว่าผมพาผู้หญิงมานอนบ้านด้วย ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยาก 

“จัดห้องนอนกับของใช้ให้เธอด้วย” ผมสั่ง

“ได้ค่ะ” แม่บ้านทั้งสองผงกหัวรับ 

“เชิญเลยค่ะ” หนึ่งในแม่บ้านผลิยิ้มให้พลอยพร้อมผายมือออก  พลอยหันมาสบตาผมเล็กน้อยก่อนเดินตามไป  ผมยืนมองอยู่กับที่จนพวกเธอพ้นสายตา 

“ให้แม่บ้านเตรียมที่ประคบเย็นแล้วก็ทำแผลให้เธอด้วยแล้วกัน” ผมพูดกับพี่ธานที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

“ครับ”

   ..
หลังจากที่ผมอาบน้ำจัดการตัวเองเสร็จแล้ว จึงเดินมาที่ห้องพักสำหรับรับรองแขกที่พลอยพักอยู่  กลิ่นแรกที่เตะจมูกเมื่อประตูเปิดเข้าไป คือกลิ่นของสบู่อาบน้ำ

“ว้ายยย !”

“ตกใจหมดเลย คุณควรเคาะห้องก่อนสิ” เธอบ่น กอดผ้าขนหนูที่อกไว้แน่น

“ก็เปิดรอผมไม่ใช่เหรอ ถ้ากลัวก็ควรล็อกไหมล่ะ” ผมว่าให้ 

“ฉันนึกว่าเป็นลูกน้องคุณนี่คะ”

“ลูกน้องผมไม่ทำเรื่องเสียมารยาทแบบนี้หรอกน่า” ผมบ่นกลับ เดินไปนั่งลงที่โซฟาปลายเตียง

“หึ ว่าตัวเองก็ได้ด้วย” พลอยเหน็บแนมปนหัวเราะ

“ผมมีสิทธิ์เด็ดขาดในบ้านหลังนี้ เสียมารยาทตรงไหนไม่ทราบ” ผมย้อนให้  อีกฝ่ายเหล่หางตาใส่นิดหน่อยแต่เถียงต่อไม่ได้  เธอหยิบชุดนอนที่วางอยู่เดินกลับเข้าห้องน้ำไป 

พลอยออกมาอีกครั้งพร้อมกับใส่เสื้อนอนแขนยาวสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นไซซ์ผู้ชาย  ชายเสื้อปิดเลยส่วนที่สงวนไว้โดยไม่สวมกางเกงนอน  เส้นผมของเธอถูกเป่าไปบ้างแล้ว  ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางแต่โครงหน้าเด่นชัดว่ายังสวยอยู่...

“นี่คืออะไร ?” พลอยถามตาใส  ชูกางเกงนอนขายาวที่เป็นกางเกงคู่กับเสื้อนอนที่อยู่บนตัวเธอให้ผมดู

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม

“อย่างกับคุณลุงแน่ะ” เธอบ่นอย่างรับไม่ได้ พับกางเกงวางลงที่เดิม 

“นอกจากแม่บ้านก็ผู้ชายหมด” ผมพูดเป็นนัยว่า บ้านนี้ไม่มีชุดนอนสำหรับผู้หญิงหรอก

“ฉันควรดีใจดีไหมน้า ~” พลอยอมยิ้มแซวตัวเอง

“เปิดเพลงไหม” เธอหันมาถาม

“รำคาญ” ผมปฏิเสธ   

“ชิ” อีกฝ่ายเบะปาก 

“ประคบเท้ารึยัง” ผมถามถึง เห็นที่ประคบเย็นวางอยู่บนโต๊ะ

“ประคบแล้ว” พลอยตอบ

“งั้นคุณก็พักเถอะ” ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้นยืน
 
“อ้าว นี่คุณจะปล่อยให้ฉันที่เพิ่งหลบกระสุนมาต้องนอนคนเดียวเหรอ !” เธอถลึงตา ทำเสียงจงใจกวนผม 

“........” ผมนิ่งมองครู่หนึ่ง  อีกฝ่ายเองก็จ้องเขม็งกลับไม่ต่างกัน  สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ย้อนกลับไป ว่าผมต้องเชื่อคำพูดของผู้หญิงที่ควบคุมตัวเองได้ค่อนข้างดีในสถานการณ์เช่นนั้นอย่างเธอด้วยอย่างนั้นหรือ  ผมเดินไปที่เตียง เลือกล้มตัวลงนอนด้านที่ตัวเองต้องการ  พลอยยิ้มกริ่ม  ตรงไปปิดไฟทุกส่วน  เหลือแต่โคมไฟหัวเตียงฝั่งของเธอ


ความเงียบก่อตัวขึ้นพักใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็ทราบดีว่ายังไม่มีใครหลับ...

“นี่คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยจริง ๆ เหรอ”

“........” ผมไม่ตอบ  จู่ ๆ คนข้าง ๆ ก็ขยับตัวขึ้น กระโดดมานั่งคร่อมอยู่บนตัวผม 

“อยากรึไง” ผมนอนมอง

“ก็ดี งั้นทำกันไหมล่ะ” เธอย้อนอย่างต้องการเอาชนะ

“จริง ๆ ก็.. ไม่ได้หลงเสน่ห์ในตัวคุณเท่าไหร่แล้วอะนะ” ผมอมยิ้มตอบเสียงเรียบ  อีกฝ่ายฟาดมือลงมาที่กลางอกผมด้วยใบหน้าบึ้งตึง

เพียะ !

“หึ..” ผมยิ้มให้  วางมือข้างหนึ่งลงบนสะโพกของเธอ ก่อนที่เราสองคนจะนิ่งลงในความเงียบ

“ผมว่าช่วงนี้คุณดูเพี้ยนไปนะ” ผมวิเคราะห์  รู้สึกได้ว่าพลอยค่อนข้างล้ำเส้นพิกล  ถ้าเป็นคนอื่นผมคงตรงไปตรงมามากกว่านี้ แต่สำหรับพลอยอาจมีส่วนที่ยอมยกเว้นให้ได้บ้าง 

“ปกติออกค่ะ” เธอปฏิเสธ  ผมไม่ซักต่อ จับปลายเสื้อของเธอดึงลงต่ำ  จงใจให้เสื้อตึงแนบไปกับรูปร่างและหน้าอกที่ไร้ชุดชั้นใน  เจ้าของร่างกายขวยเขินอยู่บ้างแต่ก็ไม่ดึงดันห้าม  ปลายชายเสื้อถูกปล่อยออกก่อนที่ผมจะลูบมือขึ้นจับเอวของเธอไว้ทั้งสองมือ  มืออีกข้างลูบแผ่นหลังให้เจ้าของร่างกายโน้มตัวลงมา 

“Goodnight” ผมกระซิบบอก แตะริมฝีปากลงที่ข้างแก้มพลอยเบา ๆ

“ชิ !” เธอค้อนใส่อย่างไม่สบอารมณ์ และยอมกระโดดลงจากตัวผมกลับไปนอนที่เดิม 

“นี่...” พลอยเรียกพร้อมขยับหมอนของเธอเข้ามาใกล้

“คุณเคยคิดไหมว่าใช้ชีวิตแบบนี้แล้วใครจะทนคุณได้” คำพูดเชิงถามเป็นไปด้วยโทนเสียงที่เรียบสงบเหมือนกำลังชวนคุยมากกว่า 

ผมไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำพูดนี้จากเธอ  ส่วนตัวก็ไม่เคยขอร้องหรืออยากให้ใครมาอดทนอยู่แล้ว  และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีคนคนนั้นที่รู้สึกว่าอยากบังคับให้อดทนไปด้วยกันด้วย...   

“ฉันหมายถึง ถ้าคนนั้นดันเป็นคนที่คุณชอบขึ้นมาจริง ๆ” เธอขยายความ

“ผมจะทำให้เขาทนได้เอง” ผมตอบ 

“หึ เจอเข้าสักวันจะรู้สึก” เธอประชดอย่างหมั่นไส้  ผมเพียงแต่ยิ้ม  เราเงียบลงอีกอึดใจหนึ่ง

“ไฟ คุณน่ะ...”

“เป็นใครกันแน่”

น้ำเสียงที่ถามนั้น ลึก ๆ คล้ายกับว่าไม่ได้ต้องการคำตอบจากผม 

.
.
.
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 52 [ 22:41 น. - อา. 14 มิ.ย 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-07-2020 18:08:28

07.30 น.


“ปล่อยให้ฉันกินข้าวคนเดียวได้ยังไงกัน”

ผมช้อนตาขึ้นมองพลอยที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ตรงเครื่องออกกำลังกาย  ใครสักคนหรี่ความดังของเพลงให้เบาลงในทันที  พวกผมตื่นขึ้นมายืดเส้นยืดสายกันตั้งแต่ตีห้าครึ่งแล้ว  กลับมาจากวิ่งรอบเช้าและกำลังซ้อมอย่างต่อเนื่อง...

“กินแล้วเหรอ” ผมย้อนถาม  เห็นเธอแต่งตัว ถือกระเป๋าเตรียมพร้อมกลับบ้าน   

“ค่ะ คนของคุณดูแลฉันอย่างดี ขอบคุณนะคะ” พลอยตอบ  ก่อนหน้าที่จะออกไปวิ่งผมได้สั่งแม่บ้านไว้ว่าให้ดูแลทั้งเรื่องเสื้อผ้าที่นำไปซักแห้งและเรื่องอาหารเช้าของเธอด้วย

“ฉัน...จะกลับแล้ว” พลอยพูด  ผมลุกขึ้นนั่ง หยิบผ้าขนหนูขึ้นซับเหงื่อ สบตากับเธอที่เอาแต่จ้องมองผม

“มีอะไรจะพูดรึไง” ผมทัก เพราะทีท่าเธอดูเป็นแบบนั้น 

“........” พลอยไม่ตอบ ช้อนตามองไปทางอื่นและยังคงวางมาดแบบหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ  คนของผมทยอยทิ้งห่างออกไปเพื่อให้เราได้อยู่เป็นส่วนตัว 

“ให้คนของผมขับไปส่งไหม” ผมถาม คิดว่าเธอคงกังวลเรื่องของความปลอดภัยอยู่

“ไม่ต้องหรอก” พลอยปัด


แต่แล้วอยู่ดี ๆ บทสนทนาก็หยุดลงโดยที่คนตรงหน้าผมยังมีสีหน้าเหมือนอยากที่จะพูดมากกว่านี้...

“เป็นอะไรของคุณ เก้ ๆ กัง ๆ อย่างกับจะสารภาพรัก” ผมเลิกคิ้วบ่น

“........” พลอยชะงักงัน ดวงตาของเธอเปลี่ยนไปฉับพลัน 

“จะบ้าเหรอ ! ฉันแค่จะบอกว่าจะไม่อยู่ไทยสักพักใหญ่นะ จะกลับอเมริกาสักสองสามเดือน เบื่อไทยจะแย่แล้ว ไปล่ะ !” เธอตัดบทจบห้วน ๆ แล้วสับรองเท้าส้นสูงหนีทันที

“เอาจริงดิ ?” ผมลุกขึ้นยืน  ท้วงถามยิ้ม ๆ อย่างแทบไม่เชื่อสายตา  คำพูดปฏิเสธนั้นขัดกับความขัดเขินที่แสดงออกให้เห็นเป็นรูปธรรมโจ่งแจ้งเกินไป


อีกฝ่ายหยุดเดิน แต่ยังไม่ยอมหันมามองทางผมอยู่ดี.. มากกว่าความตกใจคือความแปลกใจ  นึกไม่ออกว่ามีการกระทำส่วนไหนของตัวเองที่จะทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้นได้  เราหลับนอนกันและมันก็แค่นั้น  แม้กระทั่งเรื่องระหว่างเธอกับสมุทรที่เคยมีปากเสียงกัน ผมก็ไม่คิดที่จะซักถามจากมุมของเธอ  เมื่อครู่ก็แค่มีอะไรดลใจให้ทักออกไปตามที่ตาเห็นเท่านั้นเอง

“หึ คุณนี่มันโง่จริง ๆ” ผมพ่นหัวเราะ

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะน่า ! หลงชอบคนแบบคุณก็มีแต่ต้องโง่ทั้งนั้นแหละ !” พลอยหันกลับค้อนตาใส่  เหมือนเธอจะหงุดหงิดตัวเองมากกว่าจะหงุดหงิดผม  เธอหลบสายตาลงอีกครั้ง  ผมเงียบ มองอีกฝ่ายที่ยืนแช่นิ่งหยุดกับที่อย่างกับรูปปั้นอยู่พักหนึ่ง

“ตามตรงก็ไม่ถูกใครมาสารภาพรักนานแล้วแฮะ” ผมแสยะยิ้มรำลึกถึงความหลังในช่วงวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยสีสันทำนองนี้ 

“........” พลอยแก้มแดง  ความแดงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเห็นชัดจนเกือบกลบเครื่องสำอางบนหน้าเธอ

“วันนั้นลากหมอนั่นขึ้นคอนโดเพราะเรื่องแค่นี้ ?” ผมสวนถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  พลอยไม่ตอบ  เธอรักษาความเงียบไว้อึดใจหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาผมตรง ๆ

“การได้เห็นคุณมุมนั้นบ้างก็สนุกดีไม่ใช่เหรอ” พลอยยักไหล่เล็กน้อย   

“ก็แค่เอาคืนนิด ๆ หน่อย ๆ” เธอเสริม 

“........” ผมไม่ซักต่อว่าเอาคืนเรื่องอะไร  หรืออาจเป็นทุก ๆ เรื่องที่ผมปฏิบัติต่อเธอก็เป็นได้ 

“ตามตรงก็..” คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ด้วยการจงใจเลียนแบบคำพูดจากผมก่อนหน้านี้   

“คุณไม่ต้องหลงตัวเองล่ะ ฉันไม่ได้อยากจะสร้างสัมพันธ์รักกับคุณอะไรทำนองนั้นหรอกนะคะ ก็แค่.. รู้สึก พิเศษนิดหน่อย แค่นั้น ไม่มากกว่านี้” อีกฝ่ายขยายความตะกุกตะกัก วางฟอร์มด้วยโทนเสียงที่หนักแน่น

“เฮ้อออ ! น่าหงุดหงิดชะมัด” พลอยหลับตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนสุดจะทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง 

“โทษทีนะที่ฉันเป็นคนฉลาดมาก ไม่มีทางที่จะให้ความรู้สึกกับคุณมากไปกว่านี้แน่” เธอยืนยันหนักแน่น 

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ

“ผมก็ไม่ได้เกลียดคุณนี่” ผมเลิกคิ้ว อดยียวนเธอไม่ได้ 

“........” พลอยชะงัก แววตาทำทีไม่ไว้ใจผม

“ทำไม คุณต้องการเห็นผมหลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้นงั้นรึไง ถึงจะยอมสานสัมพันธ์ที่ว่าน่ะ”

“ก็นะ” เธอขานรับห้วน ๆ

“คืนนั้น คุณก็แอบมีอาการโงหัวไม่ขึ้นนิด ๆ เหมือนกัน” พลอยยิ้มมุมปากเย้ยหยัน

“หึ..” ผมแสยะยิ้มพร้อมเดินเข้าหา  ใบหน้าของเธอที่มีความสูงอยู่ระหว่างอกผมทำให้อีกฝ่ายเลือกที่จะไม่เงยขึ้นมา 

“อยากจูบลาดูไหมล่ะ” ผมชวน 

“ไม่” คนตรงหน้าตอบแทบจะทันที

“หน่อยน่า ~” ผมบดฟันกรามด้วยนึกมันเขี้ยว รวบแก้มของเธอขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง

“ไฟ ! ตัวคุณมีแต่เหงื่อ !” พลอยโวยวายตีปรามผมยกใหญ่  แรงดิ้นจากเธอไม่สะทกสะท้านต่อแรงผม  เสียงกดจูบอย่างรุนแรงที่ผมตั้งใจ ทำให้เกิดเสียงสะท้อนขึ้นหลังจากเผยปากออก

“หึ ๆ ๆ” ผมยิ้มมองลิปสติกสีชมพูอ่อนที่เลอะไปตามขอบปาก ไม่สวยคงรูปปากอย่างเดิม

“ไอ้บ้า !!!” เธอขมวดคิ้ว ต่อว่าดังลั่น  ทันทีนั้นผมก็ก้มตัวลง แขนขวาช้อนตัวพลอยยกขึ้นพาดบ่า  ศีรษะของเธอทิ่มลงพื้น  ครั้งนี้เสียงร้องจากพลอยเลยดังกว่าเดิม

“ว้ายยย ! ไฟฟฟ ! ผมฉันเสียทรงหมดแล้ว ปล่อยฉันลงนะ !”

ผมพ่นหัวเราะ ยอมปล่อยตัวพลอยลงเมื่อถึงรถของเธอ  อีกฝ่ายเซตัวเอนไปมาเพราะไม่ทันได้ทรงตัวดี  อีกทั้งยังพยายามปัดตัวเองให้ออกห่างจากผมด้วย 

“ฉันคิดถูกแล้วแหละ !” พลอยเบิกตา เงยหน้าขึ้นคาดโทษ

“เรื่อง ? เรื่องที่ยอมรับว่าชอบผมอะนะ ?” ผมเลิกคิ้ว แสยะยิ้มตาใส  ดึงเอวเธอเข้ามากอดอีกครั้ง  เจ้าของร่างกายเอนตัวออกห่างโดยอัตโนมัติ

“ฉันจะนั่งสาปแช่งคุณทุกเช้าเลยคอยดู”

“หึ..” ผมยิ้ม ชอบใจที่ได้ยินอย่างนั้น

“ไม่ลองพูดออกมาตรง ๆ ดูล่ะ ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้กันแล้ว อุตส่าห์จะลงทุนเดินทางไปรักษาแผลใจถึงเมืองนอกเมืองนา” ผมกวน  จู่ ๆ ก็อยากได้ยินคำพูดแบบชัดเจนขึ้นมา  ขาก้าวเดินไปด้านหน้าเพื่อต้อน จนหลังของเธอชนเข้ากับตัวรถ 

“ฉันไปทำธุรกิจค่ะ เข้าใจซะใหม่ด้วย” พลอยย้อนยิ้ม ๆ

“เรอะ ! พูดก็พูดเถอะ ทำไมผมดันรู้สึกเหมือนกับว่า ผมน่าจะเป็นผู้ชายคนแรกที่คุณเคยสารภาพรักน่ะ” ผมกระซิบ  บรรยากาศรอบตัวทำให้สัมผัสได้อย่างนั้น 

“........” พลอยนิ่งไป  ปากของเธอเผยอออกเล็กน้อยคล้ายจะโต้ตอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ

“ไฟ...” เธอปราม  มือทั้งสองข้างดันหัวไหล่ผมสู้แรงที่ผมพยายามแทรกตัวเข้าหาอยู่ตลอด 

“เดี๋ยวกระโปรงก็ขาดหรอก” ผมเตือน  เพราะถึงขืนไป นอกจากเสื้อผ้าเธอจะเสี่ยงแล้วก็คงเสียแรงเปล่าอยู่ดี 

พลอยยืนแช่นิ่งและไม่ห้ามผมอีก  เธอเหสายตาลง ยอมเผยริมฝีปากรับจูบจากผมอีกครั้งอย่างแผ่วเบา  เพียงไม่กี่วินาที  เราต่างก็พร้อมใจกันหยุดร่างกาย ไม่จูบต่อมากกว่านี้...

“ขอโทษนะ” ผมพูด  พูดบอกในหลาย ๆ ความหมาย  บางทีความรู้สึกรักใคร่มันก็เกิดขึ้นแบบทันท่วงที  สำหรับผมแล้วเธอไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าคนที่เคยหลับนอนกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดีในเชิงคนรู้จัก  และก็ต้องยอมรับว่าผมมักเพิกเฉยต่อความรู้สึกของคนอื่นเสมอ  พลอยก็เช่นกัน  ผมไม่สนใจที่จะรับรู้ความรู้สึกที่เธอมีต่อผมตั้งแต่แรกแล้ว   

“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษสักหน่อย” เธอย้อนอย่างไม่จริงจังนัก

“ขอโทษสิ เพราะในชีวิตนี้คุณจะไม่ได้เจอผู้ชายที่น่ารักมากแบบผมอีกแล้วนะ เพียบพร้อมอะไรเบอร์นี้ ~” ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ

“อายคำพูดตัวเองบ้างเถอะ !” อีกฝ่ายต่อว่าเสียงหลง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ

“โชคดีนะครับ มีอะไรก็ติดต่อมาแล้วกัน” ผมตัดบท ลูบหัวเธอก่อนผละตัวออก

“อืม” พลอยพยักหน้ายิ้มตอบ 

“แล้วก็ ชอบเขาทำไมไม่จีบเขาดี ๆ ล่ะ คุณเจ้านาย” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เปิดประเด็นขึ้นโต้ง ๆ

“ใคร ?” ผมเบิกตา ตีหน้าซื่อ

“........” พลอยกลอกตาใส่ผม ทำประชดโดยไม่ยอมขยายความ

“คนที่เพิ่งอกหักนี่แนะนำคนอื่นได้ด้วยเหรอ” ผมย้อนถาม

“คนอุตส่าห์หวังดี !” เธอขึ้นเสียงอีกรอบ

“คุณอยากรู้ไหมว่าผมจีบเขายังไง” ผมแสยะยิ้ม จ้องมองพลอยไม่วางตา  คนตรงหน้าแก้มแดง ปัดคำถามจากผมด้วยการหันตัวกลับไปปลดล็อกรถแล้วเปิดประตูออก 

“ฉันจะแช่งคุณทุกวันนะ ยังไงก็ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ” พลอยพูดลอย ๆ ไม่มองหน้า  ประโยคสุดท้ายที่บอกมามีใบหน้าที่แสดงความหวังดีแฝงอยู่ก่อนที่รถของเธอจะเคลื่อนจากไป 


ขณะเดียวกันหางตาก็สังเกตเห็นแขกอื่นยืนอยู่ด้านหน้าโรงฝึก  สมุทรอยู่ตรงนั้นเมื่อไหร่ไม่ทราบ  และไม่รู้ล่วงหน้าด้วยว่าเขามีธุระอะไรต้องมาที่นี่  พี่ธานที่ยืนอยู่ใกล้หันมาสบตากับผมพอดี  ผมจึงตรงกลับไปที่บริเวณโรงฝึกหลังจากที่เห็นว่าประตูรั้วบ้านกำลังปิดลง  สมุทรโค้งตัวทักทาย...

“มีธุระเหรอ” ผมถามเขา

“ครับ ลืมของไว้ในล็อกเกอร์น่ะครับ” สมุทรตอบ  ผมพยักหน้าอนุญาตก่อนที่เขาจะขอตัวเดินเข้าไปในห้องเก็บของใช้ส่วนตัวสำหรับทุกคน 

“ครึ่งหลังก็เห็นหมดเลยครับ” พี่ธานพูดขึ้นให้หลังสมุทร

“.........” ผมผลิยิ้มมองพี่ใหญ่ที่อีกฝ่ายรู้ใจโดยที่ผมไม่ต้องถาม

“คุณไฟครับ..” อีกฝ่ายลดเสียงลง

“คร๊าบ” ผมขานรับ

“คนรอบคอบอย่างสมุทร ผมไม่คิดว่าเขาจะลืมของสำคัญไว้ที่ล็อกเกอร์บ้านคนอื่น ถึงขนาดต้องเดินทางมาเอาในวันที่ยายตัวเองเสียหรอกครับ เขาคงเป็นห่วงคุณเรื่องเมื่อคืน”

“ผมไม่ได้รู้สักหน่อยว่าเขาจะมา” ผมยืนยันความถูกต้องในมุมตัวเอง

“แล้วจะไปหยอกคุณพลอยเธอทำไมล่ะครับ” พี่ธานขมวดคิ้ว

“หึ ก็ยัยนั่นน่ารักดี..” ผมตอบอย่างไม่คิดอะไร  ครั้งนี้พี่ใหญ่ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกและยอมกดลมหายใจนั้นไว้ ไม่ปล่อยออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายให้เสียมารยาทต่อกัน   

“เดี๋ยวมันจะยิ่งไปกันใหญ่นะครับ ทางนั้นก็เป็นคนประเภทจะรับมือคุณในแบบของเขาน่ะ” พี่ธานพูดแกมบ่น  ประโยคนี้ทำเอามุมปากของผมแสยะขึ้น  ใจเต้นแปลก ๆ ขึ้นมา

“แล้วพี่ใหญ่อยากให้มันเป็นยังไงล่ะ” ผมย้อนถาม ผลิยิ้มมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ

พี่ธานไม่ตอบ  ดูเหมือนจะตอบไม่ได้มากกว่า...




...............(ไฟ)..............


 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 12-07-2020 21:24:18
เมื่อไหร่นะที่เค้าจะคบกันสักที คุณไฟนะคุณไฟ  :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 12-07-2020 23:03:44
 o13 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-07-2020 23:29:25
เอ็นดูหนูโปรด  ขายออกแล้วเนอะ ส่งนอกด้วย  o18
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-07-2020 07:12:34
สนุกมากกกกกกกกกกกก อ่านย้อนกลับไปตอนที่ไปตามสมุทรที่คอนโดคุณพลอย
ก็นะหึง หวง แบบมาทำไมทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเขา แต่ก็มาเพราะใจมันร่ำร้อง นี่ก็เคืองสมุทรอยู่หน่อยๆแหละตอนนั้นน่ะทำพี่ไฟเรามีอารมณ์555 
พลอยคือนางน่ารักสาวมั่น พี่ไฟก็แกล้งซะ มีแต่คนหลงรักพี่ไฟแต่ใครจะได้ใจพี่เท่าสมุทรไม่มีอีกแล้ว
สารภาพว่า พี่ไฟในตอนนี้ ทำเอาเขินมากและอยากถูกพี่ไฟรัก5555
มีเสน่ห์เหลือเกินนะคะ  มาครบทุกคนไม่เว้นแม้แต่น้องเมฆเอ็นดูเหลือเกิน
ขอบคุณเบบี้ / ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
ยังรออ่านเสมอค่ะ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 14-07-2020 22:08:57
งอนแล้ว  ไปง้อเลยยยยยคุณไฟอะ  แทบไม่ได้คุยกันเลย

/คิดถึงนิยายเบบี้มากกกก  ชอบรสชาติของเบบี้ที่สุด นิยายเก่าๆ ก็ยังอ่านอยู่เลย  คิดถึงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-07-2020 23:48:03
โอ้ย กวนขนาดนี้ มีสาวมาหลงรักถึงที่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-07-2020 15:56:11
กวนคนอื่น เรื่องเข้าตัวเอง 555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 19-07-2020 23:08:25
ไม่ได้เข้าเล้านาน นึกว่าตาฝาดเหอะ กลับมาแล้ววววววววววววววววววว :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 24-07-2020 13:58:22
บางทีทุกอย่างที่หมุนรอบตัวคุณพี่ไฟมากไปก็แอบเคือง  :serius2: สมุทรหนีไปลูกหนีป๊ายยยยยยย


ขอบคุณค่ะรอคอยตอนต่อไปค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-07-2020 18:01:16
คุณไฟนะคุณไฟ แกล้งน้องหมุด อีกล๊าวววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 25-07-2020 20:06:24
เรื่องนี้เบบี้ ใช้เวลาลง
เกือบ5ปีแล้วปีเล่า
นานที่สุดของเบบี้เลย


             :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: saranya ที่ 05-08-2020 16:57:07
เป็นนิยายที่แต่ละตอนยาวมากกกกกกกก  และเป็นนิยายที่แต่งนานมากกกกกกกก
เป็นกำลังใจให้นะคะ เราเป็นอีกหนึ่งคน...ที่อยากเห็นตอนจบของเรื่องนี้ อยากเห็นเขาสองคนรักกัน><  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: 

ไรท์สู้ๆนะคะ อยากให้ไรท์มาแต่งต่อให้จบเลยค่ะ  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-08-2020 21:16:01
โอ๊ยยย เหนื่อยกับไฟมากเหอะ เล่นกับใจคนไม่สนุกนะไฟ

สมุทรหายไปเพราะงานยาย เอาใจช่วยสุทรนะคะ
หวังว่าหลังจากนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ นะ

เอ็นดูพลอย รักคนรักใครไม่เป็นนี่ยากมากนะ
พี่ธานก็รู้ใจไปหมด มือขวาที่แท้จริง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 11-08-2020 06:01:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lilchubby ที่ 10-09-2020 17:49:47
ติดตามค่าาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 23-09-2020 11:35:30
แน้ แอบไม่พอใจแน่ๆ สมุทรเอ๋ยยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 27-09-2020 20:42:15
คิดถึงคุณไฟจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 28-09-2020 21:08:07
รอคุณไฟกับสมุทรร
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-12-2020 21:09:10

คำแนะนำ:

เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน  รบกวนคนอ่าน (ย้อนไประลึกความหลัง) อ่านตอนที่ 51 (หน้า 74) กับตอนที่ 52 และ 53 (หน้า 76) ได้นะคะ  เดี๋ยวไม่อิน 5555++

.......


ตอนที่ 54
..ไฟ..



ค่ายมวย

เสียงอึกทึกและเสียงคำรามในช่วงเช้ายังคงเป็นกลิ่นอายเดิม ๆ ที่ผมเคยชินมาตั้งแต่เด็ก  รู้สึกสมบูรณ์ว่าได้กลับมาในที่ของตัวเอง...

“สวัสดีครับ” นักมวยที่กำลังซ้อมอย่างขยันขันแข็งพากันหยุดซ้อม หันมายกมือไหว้  ผมทักทายด้วยการพยักหน้ารับ  กวาดตามองไปทั่วบริเวณก่อนปัดมือกลางอากาศ  ส่งสัญญาณให้ทุกคนทำหน้าที่ต่อได้ตามสบาย

“สวัสดีครับคุณไฟ” นพยิ้มกว้าง  วิ่งมาพร้อมกับมือที่พนมไหว้

“โอ้ ดูสบายดีมาก” ผมชื่นชม  วางมือลงบนหัวมันทั้งสองมือและออกแรงบีบลงไปด้วย

“........” คนถูกกดหัวสีหน้าเหยเกแต่ก็ไม่ยอมส่งเสียงร้องหรือแสดงความเจ็บปวดออกมา  ผมแสยะหัวเราะ  บีบจนพอใจแล้วจึงปล่อยมือออก

“น้ำหนักเป็นไง” ผมถามถึงนักมวยรุ่นเล็กที่ซ้อมอยู่  พวกมันต้องขึ้นชกสุดสัปดาห์นี้

“ลงแล้วครับ” นพยิ้มตอบ

“ดี” ผมพยักหน้ารับ  ตบบ่านพสองสามทีก่อนตรงเข้าห้องประชุม  พนักงานตำแหน่งสำคัญอยู่กันพร้อมหน้า  ทุกคนลุกขึ้นยืนในทันทีที่เห็นว่าผมมาถึงแล้ว

“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”

“นั่งเถอะ” ผมทักตอบ  พี่ธานเลื่อนเก้าอี้หัวโต๊ะออก  ผมนั่งลงพลางเหลือบมองหน้าทุกคนที่ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง

“เป็นไง สบายดี ?” ผมเลิกคิ้ว  ทุกคนอมยิ้มน้อย ๆ หลบสายตาและไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
 
“เอาเรื่องสำคัญก่อนแล้วกัน” ผมเปิดประเด็น

“ค่ะ” พี่นีผงกหัวรับเสียงค่อย  เธอลุกขึ้น ตรงมานำแฟ้มสีดำวางลงตรงหน้าผม 

บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปโดยทันที  ทุกคนจ้องมองมาที่ผมเป็นตาเดียวคล้ายรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าผมนี้เป็นเอกสารอะไร  ในห้องเงียบสนิท  ผมเปิดแฟ้มออกก่อนกวาดตาอ่านทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ 

“จากเสี่ยเจียนค่ะ ส่งมาได้หลายวันแล้ว เรารอแจ้งคุณไฟเลยยังไม่ได้ติดต่อกลับไป ทางนั้นเพิ่งเร่งมาว่าขอคำตอบภายในสองวันนี้น่ะค่ะ” พี่นีอธิบาย

“เร่งทำไม ถึงตอบช้ายังไงก็รออยู่ดี” ผมพูด  มีความไม่พอใจผสมอยู่นิดหน่อย

“........” ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นกลับมา  ผมเงยหน้าขึ้นมองทุกคนพลางใช้ความคิด

“รุ่นอนาคอนดาก็ส่งพี่ใหญ่ผมไปดีไหมล่ะ” ผมเสนอ  การตัดบทติดตลกจากผมไม่ได้เรียกเสียงหัวเราะได้มากนัก  คงเพราะรู้ว่าผมเองก็ไม่ได้อยากให้ขำ  แฟ้มถูกปิดลง  ในนี้เป็นจดหมายเชิญเข้าร่วมส่งนักมวยขึ้นชกเวทีใหญ่  ซึ่งเป็นรายการการแข่งขันรูปแบบใหม่ที่ได้ถูกวางแผนมาเป็นปีแล้ว  ผมทราบเรื่องอยู่บ้างแต่ที่ผ่านมาไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ   

“ทางนั้นคงเห็นว่าเราเงียบมาตลอดครับ” พี่เอิร์ธพูดขึ้น 

“เอ่อ ส่วนตรงนี้เป็นรายชื่อนักมวยจากค่ายอื่นที่ส่งชื่อแล้วค่ะ” พี่นีวางกระดาษอีกแผ่นให้ผมดู 

“ส่วนนี่ เป็นรายชื่อของนักมวยค่ายเราที่สะดวกสำหรับลงแข่ง” เธอแจง  รายชื่อนักมวยทั้งไทยและต่างชาติที่สร้างรายได้ให้ค่าย ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับแนวหน้าถูกวางลงด้วย

รูปของโจเซฟ นักมวยจากค่ายของคนไทยที่ประเทศสเปนถูกวางอยู่ในรายชื่อนักมวยเช่นกัน  มันเป็นนักมวยต่างชาติที่คนในวงการยอมรับว่ามีฝีมือทางด้านแม่ไม้มวยไทยเป็นอย่างดี  ชนะมาหลายเวที  นักมวยชาวไทยที่ขึ้นชกกับมันแพ้ราบคาบมาแล้วหลายคน  ฝีมือของโจเซฟช่ำชองในระดับที่พวกผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือของจริง 

และนี่ไม่ใช่รายการมวยปาหี่  รางวัลค่าตัวนักมวยที่แพงหูฉี่  อีกทั้งคัดเฉพาะนักมวยรุ่นใหญ่จากค่ายดังทั้งไทยและเทศ  จะเป็นการจัดการแข่งขันที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเรื่องของศักดิ์ศรีเข้ามาร่วมด้วย...

“มีเงื่อนไขอื่นไหม” ผมถาม

“ไม่มีค่ะ” พี่นีตอบ

“งั้นผมจะส่งสมุทร”ผมพูดขึ้น  ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายการนี้

“........” ทุกคนชะงักงัน  เหลือบมองมาทางผมด้วยสายตาตกใจ  มีทั้งแบบที่ไม่เห็นด้วยและแสดงความลังเลที่จะออกความคิดเห็นออกมา

“เอ่อ คือ...” พี่เอิร์ธอ้ำอึ้ง  ทำท่าจะทักท้วง

“ตอบรับไปครับ เราจะส่งสมุทร” ผมยืนยันด้วยโทนเสียงเรียบง่ายเพื่อเป็นการตัดบทความคิดเห็นของทุกคน ว่าวันนี้ผมไม่มีอารมณ์มาเถียงด้วย

“ค...ค่ะ” พี่นีขานรับ

“ขออนุญาตครับคุณไฟ ผมกังวลว่า สมุทรจะเตรียมตัวทันเหรอครับ” พี่ธานพูดแทรก

“ก็ทำให้มันทันสิครับ” ผมตอบ

“แต่ว่าเขาเพิ่งเสียยายไป ผมเองก็ไม่คิดว่าจิตใจเขาจะพร้อมนะครับ นี่มันเวทีใหญ่มาก” พี่เอิร์ธสมทบทันที 

“ผมตั้งใจจะเปิดตัวเขา” ผมพูด  ละเว้นคำพูดต่อไปที่ว่า.. ไม่สนแม้จะถูกดูถูกดูแคลนต่อจากนี้ เพราะหมอนั่นต้องรับให้ได้

“รีบจัดทีมคนดูแลสมุทรมาให้ผมดู พร้อมแล้วให้นัดประชุม” ผมสั่ง

“........” ทุกคนปิดปากสนิท  สีหน้าที่ไม่พอใจพยายามเก็บซ่อนเอาไว้ แต่ก็ยังได้กลิ่นว่านั่นปิดไม่มิด

“ผมลงทุนกับหมอนี่ไปเยอะแล้ว ผมอยากได้คืน” ผมตัดบทด้วยโทนเสียงที่ปกติมักไม่ใช้

“แล้วก็นะ..” ผมเอ่ย  ช้อนตากวาดมองทุกคนตรงหน้า

“ช่วยทำหน้าที่ของตัวเองไปก็พอ” ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้นยืน ก่อนเดินจากมา


- - - - - - - - - - - - - -


ช่วงนี้มีแต่ข่าวจับกุมการลักลอบค้ายาเสพติด เป็นข่าวครึกโครมไม่เว้นแต่ละวัน  ตามสูตรเดิม จบที่การจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ไม่ได้...

สูทสีดำหัวจรดเท้าของผมกับลูกน้องสะดุดตาเกินไปในงานพิธีศพเล็ก ๆ เช่นนี้  ผมเข้าห้องพระแต่เช้า  มีเรื่องต้องการใช้พื้นที่สงบใจ  รูปของพ่อและแม่ รวมถึงคนสนิทที่จากไปตั้งเรียงอยู่บนหิ้ง  อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมตนเองที่ควรน่าจะตายก่อนใครกลับยังมีชีวิตอยู่

วันนี้อากาศร้อนเป็นปกติของประเทศไทย  แต่ยิ่งดูร้อนเข้าไปอีกเมื่อหันไปทางไหนก็เจอแต่คนใส่ชุดสีดำ  ผมไม่ค่อยถูกโรคกับเสื้อสีดำเท่าไหร่นัก  เห็นแล้วอึดอัดบอกไม่ถูก

เนื่องจากกำลังรอพิธีเผาในช่วงบ่าย  ด้านในค่อนข้างวุ่น  ผมจึงเลือกมานั่งที่ศาลานั่งเล่นแทน  สมุทรจัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างสะอาด  กลายเป็นมุมส่วนตัวของผมและลูกน้องไปโดยปริยาย  ดูเหมือนเหล่าหลาน ๆ ของยายที่จากไปยังไม่ได้หยุดมือเลยตั้งแต่เช้า  ทำนู่นทำนี่เดินไปทั่วศาลา  ผู้หญิงที่ชื่อแก้มมีสีหน้าดูดีขึ้นกว่าวันแรกที่ผมพามาส่ง  มีรอยยิ้มให้เห็นอยู่บ้างและช่วยงานขยันขันแข็งดี 

“พี่ทัพโดนพักงานครับ” พี่ธานเดินมาบอก  นั่งลงขวามือของผม 

“เรื่อง ?” ผมเลิกคิ้ว

“เห็นว่าบุกเข้าไปในพื้นที่ของไอ้กริดเลยโดนอีกฝ่ายเล่นงานกลับไปทางหัวหน้าน่ะครับ”

“เหรอ” ผมขานรับไปที 

“ไม่โทรหาหน่อยเหรอครับ” พี่ธานถาม

“ร้อน” ผมปัด

“หึ ๆ” อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ

“ผมอึดอัดเหมือนจะระเบิดเลย” ผมถอนหายใจ  คว้าแก้วน้ำกระเจี๊ยบขึ้นดื่มจนหมด  ขนาดพัดลมจ่อมาตรง ๆ ก็แทบต้านเหงื่อเอาไว้ไม่ได้

“หรือว่าแขนเรามันใหญ่ไปครับ” พี่ธานวิเคราะห์  ผมหลุดหัวเราะให้กับการวิเคราะห์ที่นิ่งสงบแต่ดูวิตกกังวลในประเด็นนี้
 
“ผมคุยกับเขาแล้วนะครับ” จู่ ๆ คนตรงหน้าก็เปิดประเด็นให้ทราบ

“อืม” ผมขานรับในลำคอ

“........” เราสองเงียบลงในขณะที่สายตาไม่ได้ละไปจากกัน  ผมหยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่มด้วยความกระหายก่อนจะเริ่มพูดในสิ่งที่คิด

“หมอนั่นว่าง่ายในหน้าที่นะว่าไหม”

“ครับ” พี่ธานตอบ

“หายากนะคนว่าง่ายในหน้าที่เนี่ย” ผมพึมพำไปงั้น

“ครับ เพราะเวลาที่คุณไฟไม่อยากชก คุณมักจะไล่ให้คุณท่านไปชกเอง” อีกฝ่ายตอบกลับนิ่ม ๆ ทำเอาผมหลุดยิ้ม 

“ถึงหมอนั่นแพ้ ยังไงก็จะดังอยู่ดี” ผมพูด

“แต่ผมว่าเขาไม่น่าชอบ..”

“อะไรดัง ๆ น่ะครับ” พี่ธานขยายความซะเอง

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ

“กดดันเขาให้น้อยกว่านี้น่าจะดีกว่านะครับ อีกฝ่ายไม่เหมาะที่จะยืนอยู่ตรงนี้หรอกครับ”

“ไม่เหมาะกับไม่อยากเหมาะมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่นะ” ผมว่า

“........” พี่ธานเงียบ

“ขอโทษครับนาย ป๋าจงมาถึงแล้วครับ” ไอ้เด่นเดินมาขัดจังหวะ  ผมเงยหน้าขึ้นก็พบว่าป๋าจงกำลังเดินมา  ทั้งผมและพี่ธานต่างลุกขึ้นยืนเพื่อทักทาย

“ไง..” ป๋าเอ่ยทักพร้อมผายมือข้างหนึ่งมาโอบหลังผม

“นั่งก่อนสิครับ” ผมบอก  ผายมือไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ก่อนที่เราทั้งสองคนจะนั่งลงพร้อมกัน 

“พักหลังมานี้เดินสายแต่งานศพ” ป๋าเกริ่นพร้อมยิ้มอ่อน ๆ

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม

“ลื้อถึงขนาดให้อั้วมาเอง ?” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว

“ก็ผู้ใหญ่ที่เคารพตายหนีกันไปเกือบหมดแล้วนี่ครับ” ผมกวนตอบเสียเลย

“หึ ๆ ๆ” ป๋าหัวเราะชอบใจ

“อยากให้มีผู้ใหญ่หน่อยน่ะครับ” ผมพูดบอกเป็นงานเป็นการ  ป๋าจงนิ่งลงคล้ายเข้าใจในความหมายก่อนจะขานรับนุ่ม ๆ ในลำคอ
บทสนทนาจบลง  ลมพัดมาระลอกหนึ่ง  ผมเหลือบมองไปยังเมรุที่อยู่กลางลานตรงหน้าที่รับแสงจากพระอาทิตย์เต็ม ๆ  เมรุเก่า สภาพทรุดโทรมไม่ต่างจากสภาพวัดนัก  ถึงแม้จะแวดล้อมไปด้วยชาวบ้านละแวกนี้  แต่สำหรับผมมันช่างเป็นงานที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยไปมา  ไม่มีคนใหญ่คนโตเลยแม้แต่คนเดียว

แต่ก่อนผมเคยสงสัยว่าทำไมงานศพของเหล่าคนที่พ่อผมไปร่วมพิธีถึงดูใหญ่โตและวุ่นวายนัก  ความสงสัยนั้นหมดไปเมื่อตัวเองต้องมายืนอยู่หน้างานศพของพ่อตัวเอง  และผันตัวมาอยู่ในฐานะ “เจ้านาย” อย่างเต็มตัว  พ่อทิ้งทุกอย่างไว้มากมาย  ช่วยชีวิตทั้งคนเลวและคนดีไว้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง  แขกที่มาด้วยความรักและเคารพ  หรืออาจจะทั้งรักทั้งเกลียด  ผมจำได้ว่าทุกวันของการฟังสวดศพ ไม่มีวันไหนที่แขกไม่ล้นศาลา  ทุกครั้งที่อยู่ในพิธีแบบนี้ก็อดนึกถึงอดีตไม่ได้ 

“หยุดช่วยคนอื่นสักทีได้ไหม โลกมันไม่เปลี่ยนเพราะพ่อคนเดียวหรอก !” คำพูดที่ต่อว่าพ่อตัวเองหวนกลับมาในความคิดของผมเกือบทุกครั้งที่อยู่ในพิธีศพของใครสักคน  ผมเคยเกลียดที่พ่อเป็นคนนิสัยแบบนั้น  ทั้งที่เกลียด แต่ก็เคารพทุกการตัดสินใจ...
 
“พ่อชอบพูดว่า เดี๋ยวก็ตายจากกันแล้ว” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“หึ..” ป๋าจงพ่นหัวเราะนิด ๆ คล้ายเข้าใจ

“ไม่ค่อยว่างเลยนะ เพราะมัวแต่ช่วยคนอื่น” ป๋าจงแซวคนที่จากไปยิ้ม ๆ

“ไม่เข้าใจว่าจะรีบตายไปไหน” ผมพึมพำเห็นด้วย  อยากบ่นด่าแค่ไหน ถ้ามีชีวิตอยู่ต่อก็พร้อมที่จะรับฟังแท้ ๆ   


ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเอาคนคนนี้ของผมไป...


การเคลื่อนศพเวียนรอบเมรุเต็มไปด้วยความเงียบสงบ  พี่คนโตถือรูปของคนเป็นยายด้วยใบหน้านิ่งขรึม  ไม่มีน้ำตา  หนวดเคราไม่ได้ถูกดูแลให้เรียบร้อยอย่างทุกครั้ง  ดวงตาที่มองลงต่ำเต็มไปด้วยความไม่ยินดียินร้ายต่อโลกใบนี้  เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เขาสวมใส่เรียบร้อยหัวจรดเท้า  สันกรามของเขาบดแน่นบ้างครั้งคราว  เป็นภาพที่ผมเห็นชัดเจน 

แม้จะลำบากกายมากแค่ไหน  แต่การมีชีวิตอยู่มองญาติผู้ใหญ่ที่จากไปคือความเจ็บปวดที่ขาดที่พึ่งทางใจอย่างแท้จริง  เป็นความรู้สึกแบบที่ต้องเจอกับตัวเองเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นได้

ประชุมเพลิง


- - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 53 [ 18.50 น. - อา. 12 ก.ค 63 หน้า 76 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 24-12-2020 21:12:35

เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า  ในวงการสีเทา คนใหญ่คนโต  มีเงิน  มีอำนาจในบางกลุ่มอาจมีงานอดิเรกที่พิสดารต่างไปอย่างที่คนธรรมดามักคิดไม่ถึง  เหมือนกับว่าพวกมันไม่รู้ว่าควรเอาเงินไปลงทางไหนดีถึงจะหายตื่นเต้น

เสียงโทรทัศน์ถูกพี่ธานกดเร่งให้ดังขึ้นเมื่อพบว่าข่าวที่กำลังครึกโครมอยู่ตอนนี้  คือข่าวของการบุกเข้าตรวจค้นกิจการของครอบครัวไอ้กริด 


การตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฏหมาย...

“ตัวมันไงครับ สิ่งผิดกฏหมาย” พี่ธานพูดขึ้นด้วยโทนเสียงที่แสดงความไม่พอใจ

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ

“ปกติพวกมันประมูลสินค้ากันวันนี้ไม่ใช่เหรอ” ผมถาม  ปัดมือส่งสัญญาณให้พี่ธานปิดโทรทัศน์  อีกฝ่ายขานรับพร้อมกดปิดตามที่สั่ง

“คุณไฟจะเอายังไงต่อครับ เรื่องที่วัดวันนั้น พวกมันคงไม่จบแค่นี้” พี่เขาเอ่ย  ผมนิ่งมอง  นั่นไม่ใช่แค่ว่าการถูกข่มขู่ในคราวนี้เกิดจากการยียวนจากผม  แต่มันคือการที่ผมดันเข้าไปทราบความลับในสิ่งที่พวกมันไม่ต้องการให้ทราบ

“ขออนุญาตครับ”

ผมเหลือบมองไอ้เข้มที่เพิ่งกลับเข้ามา  มาพร้อมกับซองเอกสารสีน้ำตาลในมือ...

“ข้อมูลผู้จัดการการชกในครั้งนี้ครับ” อีกฝ่ายนำซองมาวางลงตรงหน้า  รายละเอียดรายชื่อผู้จัดที่ทีมงานที่ค่ายมวยของผมนำมาให้ก่อนหน้านี้ยังไม่ใช่ตัวจริง  ในซองนี้ต่างหากที่เป็นของจริง

“แล้วเรื่องที่นายให้ไปจัดการ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”

“อืม..” ผมพยักหน้ารับ

“ไปพักเถอะ” ผมอนุญาต

“ครับนาย” ไอ้เข้มโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจากไป

“วันนี้เป็นไงบ้าง” ผมถามถึง  สมุทรเริ่มกลับมาทำหน้าที่อีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นงานศพยายของเขา รวมถึงวันที่ผมให้เขาได้พัก  เราไม่ได้พบหน้ากันเลย  จะบอกว่าไม่พร้อมก็คงใช่ 

“ผมให้เขารู้รายละเอียดการซ้อมเบื้องต้นก่อนน่ะครับ ยังไม่ได้อัดหนัก ๆ ให้” พี่ธานตอบ 

“........” ผมเงียบฟัง  กวาดตามองเอกสารที่ไอ้เข้มเพิ่งนำมาให้

“อีกฝ่ายยังดูเครียดอยู่ครับ คิดว่าอีกสักสี่ห้าวันคงดีขึ้นแล้วค่อยเรียกมาคุยเรื่องโปรแกรมการซ้อมใหม่ รอทีมงานจัดตารางซ้อมพร้อมกับนักมวยคนอื่นด้วยครับ”

“แล้วก็ เราตกลงกันแล้วว่าจะให้ไปเก็บตัวที่ประจวบฯ คุณไฟคิดว่ายังไงครับ ผมจะได้คอนเฟิร์มกับทุกคนไป” พี่ธานถาม

“อืม” ผมขานรับอนุญาต

“ถามรึเปล่าว่าหลังจากนี้จะเอายังไง” ผมพูดถึงเรื่องส่วนตัว

“ครับ” พี่ธานตอบ

“เห็นว่าทำประกันให้ยายไว้สองตัว จะได้เงินประกันประมาณสามแสนห้า”

“รวมแล้วสามแสนห้า ?” ผมละสายตาจากเอกสารขึ้นเหลือบมองว่าทำไมมันถึงได้น้อยนัก

“ครับ” พี่เขาพยักหน้าตอบ

“ยังดีนะครับ เห็นว่าทำให้ทุกคนในบ้าน ถึงแม้จะทำแบบถูกก็เถอะ เขาคงกังวลว่าจะดูแลคนในบ้านไม่ไหวหากเป็นอะไรมั้งครับ” พี่ธานวิเคราะห์ 

“ก็ยังดีที่ยังรู้จักทำ” ผมพูด  ถึงแม้จะตกใจในจำนวนเงินที่ได้รับ แต่ก็ยังเห็นข้อดีที่เขาทำไว้บ้างละนะ 

“ผมถามถึงเรื่องบ้านเขาด้วยครับ..”

“........” ผมเงียบ  วางเอกสารลงก่อนเอนหลังพิงพนักโซฟา

“เห็นสมุทรคิดอยากจะขายบ้านที่อยู่ตอนนี้น่ะครับ เขากังวลเวลาที่ไม่อยู่บ้านแล้วดาวกับเมฆไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย แต่คิดว่าน่าจะขายได้ราคาไม่ดี ถ้าต้องรวมเงินที่คุณไฟให้ เงินซองที่งาน แล้วก็เงินประกัน สมุทรกังวลว่าขายไปแล้วอาจทำให้น้องลำบาก ถ้าต้องไปซื้อที่อื่นแล้วสุดท้ายผ่อนต่อไม่ไหวอะไรแบบนั้น เพราะเขารู้สึกว่าตอนนี้ เอ่อ.. งานที่ค่ายเรา ยังไม่มั่นคงสำหรับเขาน่ะครับ” พี่ธานค่อย ๆ ลดระดับเสียงลงในประโยคหลัง

นอกจากเงินช่วยเหลือพิธีศพที่ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดแล้ว  เงินจากค่ายจำนวนหนึ่งซึ่งมักจะให้พนักงานทุกคนตามเกณฑ์มาตรฐาน  ส่วนผมได้มอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง  ซึ่งเงินส่วนนี้ปกติก็จะให้นักมวยทุกคนขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผมไปตามลำดับความสำคัญ  ไม่ได้ให้ในนามค่ายมวยเพราะไม่ต้องการให้การบริหารส่วนนี้มีปัญหาจุกจิกตามมา  ส่วนถ้าพวกคนที่ค่ายจะมอบซองให้ต่างหากรึเปล่านั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะสะดวก   

“น่าจะขายได้สักเท่าไหร่” ผมถามส่ง ๆ

“ห้าแสนก็หรูมากแล้วครับ” พี่ธานตอบ  ผมช้อนตาขึ้นมอง   

“ให้ไอ้โปรดซื้อดีไหมล่ะ” ผมอมยิ้ม

“คนคนนั้นเนี่ยนะครับ คงบ่นยาวไปถึงชาติหน้าพอดีครับ” พี่ธานตอบหน้านิ่ง  รู้นิสัยของไอ้โปรดดีที่ไม่ชอบทำอะไรที่เห็นแล้วว่าน่าจะขาดทุน

“หึ ๆ ๆ งั้น...” ผมยิ้ม  เหล่หางตามองพี่ธาน

“ครับ ?” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว

“พี่ก็ซื้อไปสิครับ” ผมว่า  มองไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหา

“ซื้อแล้วก็ขายขาดทุนไปซะ”

“ทางนั้นก็รู้พอดีครับ ขายได้เร็วขนาดนั้น” พี่ธานตอบ

“หมอนั่นซื่อบื้อน้อยเมื่อไหร่” ผมย้อนให้

“หึ ๆ ๆ” คนตรงหน้าหัวเราะ 

“เอ่อ งั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับคุณไฟ ผมคิดว่าให้สมุทรลองไปอยู่คอนโดสักห้องนึงของคุณก็ดีนะครับ ที่ใกล้กับมหา’ลัยของดาว ระหว่างนี้เขาจะได้ไม่ต้องรีบใช้เงินเก็บที่มีอยู่ แล้วก็ได้เก็บเงินตั้งตัวด้วย ดีไหมครับ”

“ไม่ได้” ผมปัดทันที

“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับหมอนั่น” ผมขยายความพลางพ่นหัวเราะ  ถึงแม้ผมจะสนใจเขา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะต้องประเคนทุกอย่างให้ง่าย ๆ

“แต่ห้องที่ไม่มีคนอยู่มันจะเก่าเอานะครับ” พี่ธานสู้กลับ

“เพิ่งสึกมาเหรอ” ผมย้อนถามในความใจดีของพี่ใหญ่  ทำเอาอีกฝ่ายหลุดยิ้ม

“งั้น...เก็บค่าเช่าเป็นไงครับ” พี่เขายังไม่หยุดเสนอ

“เท่าไหร่ล่ะ” ผมเลิกคิ้ว  คอนโดส่วนใหญ่ของผมมีราคาค่อนข้างสูง  อย่างแรกคือสมุทรจ่ายไม่ได้แน่นอน  จึงอยากรู้ว่าตัวเองควรได้ค่าเช่าเท่าไหร่  และโดยปกติแล้ว การปล่อยห้องเหล่านี้ให้ชาวต่างชาติหรือนักธุรกิจก็ได้เงินดีและเป็นรายได้ที่แน่นอนกว่า

“........” พี่ธานเงียบไปและจ้องมองผมไม่วางตา  คงรู้แล้วว่าผมไม่ยอม

“พี่ก็พาไปห้องพี่สิ” ผมย้อน  คอนโดของพี่เขามีถมเถ  เหมาะสมกว่าที่จะให้มาอยู่ในที่ของผมเป็นไหน ๆ

“นั่นสิครับ ผมก็ลืมไป” พี่ใหญ่อมยิ้มเจ้าเล่ห์

“หรือไม่ก็...ถ้าใจดีนักก็ไล่เด็กของพี่ที่ให้อยู่ตอนนี้ออกไปแล้วก็ขายให้หมอนั่น” ผมเสนอแนะ

“คุณนี่...” พี่ธานอมยิ้มมุมปาก  ทำทีท่าว่าเหนื่อยอ่อนต่อการต่อปากต่อคำกับผม 
 
“เอาใจผมหน่อยไม่ได้รึไงเล่า” ผมพูดแทรกนิ่ม ๆ ก่อนที่คนตรงหน้าจะได้จบประโยค
 
“นั่นมันหน้าที่ผมอยู่แล้วนี่ครับ” พี่ใหญ่ไม่ปฏิเสธ

“งั้นผมขอตัวไปค่ายก่อนนะครับ”

“เชิญครับ” ผมอนุญาต  อีกฝ่ายลุกขึ้นพลางถอนหายใจเบาบางให้ได้ยิน

พ่อ ! ได้ยินไหม เมื่อกี้พี่ธานถอนหายใจล่ะ” ผมสบถขึ้นโต้ง ๆ จงใจกวน  เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอะไรทำนองนี้จากคนคนนี้  และก็ไม่ได้ยินเสียงเช่นนี้มาพักใหญ่แล้ว

“........” ผมอมยิ้มมุมปาก เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ยืนนิ่ง  ดูเก้อเขินเล็กน้อยที่ถูกผมแซว   

“นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะครับ จะไม่ไปหาเขาหน่อยเหรอครับ” พี่ธานพูด

“ไม่ยักรู้ว่าพี่ใหญ่ถอนหายใจด้วยเรื่องแค่นี้”

“คุณไฟครับ...”

“ก็นะ” ผมปัด 

“สมุทรเขาไม่มีใครแล้วนะครับ”

“ถึงไม่มีใครก็ไม่ได้แปลว่าหมอนั่นจะอยากเจอผมนี่” ผมตอบ 

“........” ทั้งผมและพี่ธานพร้อมใจกันเงียบอึดใจหนึ่ง  การที่ผมยังไม่ไปพบหน้าไม่ได้แปลว่าไม่ต้องการ  ตอนนี้ผมกำลังดันให้เขาทำหน้าที่ที่เขาควรต้องทำ  มากไปกว่านั้น ก็ตามที่พูด.. มันไม่ได้แปลว่าการไปของผมจะเป็นสิ่งที่ทางนั้นต้องการ  ซึ่งผมก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเอาใจอีกฝ่ายได้เกินเหตุด้วย 

“พี่ไม่คิดเหมือนผมเหรอ ว่าบางทีเราอาจไม่เหมาะที่จะเดินหน้าเรื่องพวกนี้น่ะ” ผมละสายตาจากหน้าของพี่ใหญ่  หลังจากที่ได้ถอยออกมาและมองเห็นอะไรต่อมิอะไรภายในของตัวเอง 

“คิดครับ..” พี่ธานตอบ

“แต่ผมก็แค่อยากเห็นคุณมีความสุข”


- - - - - - - - - - - - - -


23.10 น. : ย่านมารัต

“สิ่งที่กูทำอยู่นี่คืออิหยั่งวะ ?” เสียงของเพื่อนสนิทพึมพำติดตลกกับตัวเอง


ผมหยุดยืนอยู่หน้าปากซอยทางเข้าไปยังบ้านของสมุทร  รถยนต์ของไอ้โปรดจอดเทียบริมถนน  การที่ผมยังไม่เดินไปยังจุดหมายที่ต้องการเสียทีเพราะรถยนต์คันคุ้นตาที่จอดอยู่ใกล้ ๆ กันนี้  มันเป็นรถของผู้หญิงคนนั้น

กลิ่นบุหรี่จากคนที่มาด้วยกันลอยเตะจมูก  หงุดหงิด...

“กูว่าจะเลิกสูบแล้วอะนะ” มันพูดขึ้นคล้ายเกรงว่าการถูกเหล่จากผมจะถูกบ่นเรื่องเดิม ๆ

“แล้วนี่ มึงจะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานไหม” ไอ้โปรดเบิกตา 

“เดี๋ยวมา” ผมตัดบท

“ครับ” อีกฝ่ายผงกหัวรับทราบส่ง ๆ ปนประชด 

ทุกการก้าวเดินเข้าไปในซอมมีสัญชาตญาณรับรู้ได้ถึงความผิดแปลก  รองเท้าผู้หญิงถูกถอดไว้ที่หน้าบ้านตรงปากประตูยืนยันว่าเจ้าของรถเป็นใคร  ประตูบ้านไม่ได้ล็อก  ปิดไว้เพียงประตูมุ้งลวด  ความเงียบสนิทภายในประกอบกับความมืด  มีเพียงไฟดวงเล็กที่เปิดไว้ตรงตีนบันไดเท่านั้นที่ให้ความสว่าง  ไร้เสียงของสิ่งมีชีวิต  เงียบสนิทขนาดที่ว่าแทบได้ยินเสียงก้าวเดินของตัวเองชัดเจน...


ฝีเท้าหยุดยืนอยู่ที่ตีนบันได  การชั่งใจไม่ให้ก้าวขาขึ้นไปเป็นการตักเตือนตัวเอง  รู้อยู่แล้วว่าข้างบนมีบางอย่างอยู่แน่นอน  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถยื้อความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ได้  เป็นประเภทชอบปะทะความจริง 

แม้กระทั่งทางเดินขึ้นบันไดก็ไร้แสงไฟ  ความมืดภายในตัวบ้านและบรรยากาศของการสูญเสียคล้ายว่ายังสดร้อนอยู่  แสงสว่างที่ลอดผ่านขอบประตูห้องห้องหนึ่งที่เปิดแง้มไว้บ่งบอกชัดว่ามีใครสักคนอยู่ในนั้น   


นี่เป็นครั้งแรกที่ขึ้นมายังพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต...

เสียงของการเคลื่อนไหวร่างกายจากคนภายในห้องวิเคราะห์ได้อย่างง่ายดายว่าเกิดอะไรขึ้น  ชีวิตที่ผ่านเรื่องราวมามากกว่าคนปกติธรรมดาในวัยเดียวกันหรือมากกว่า  จังหวะของการหายใจที่ได้ยินเป็นระยะและความพยายามกับการกลั้นเสียงไว้  ไม่จำเป็นต้องดูให้เห็นกับตาก็ทราบดีว่าใครกำลังทำอะไร 

ไม่มีเสียงของฝ่ายชายหลุดให้ได้ยิน  ประตูบ้านที่ไม่ถูกล็อกกับประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้บ่งบอกได้ถึงความเร่งรีบหรืออาจไม่ได้ตั้งใจ...

ปลายนิ้วแตะลงที่บานประตู  แม้จะเป็นการแตะที่เบาบางแต่ก็พอให้บานประตูเปิดออกกว้างมากขึ้นและมองเห็นภายในได้สะดวก  ชายหญิงกอดกันนัวอยู่บนโต๊ะทำงาน  ไม่ได้เป็นภาพที่ทำให้เห็นแล้วตกใจในวัยเท่านี้  หยานั่งอยู่บนโต๊ะ เดรสสั้นที่สวมอยู่ถูกถลกขึ้นเหนือสะโพกจากคนที่คร่อมอยู่  สมุทรปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนออกอย่างรีบร้อนในขณะที่ฝ่ายหญิงเองก็ช่วยด้วย  มือข้างหนึ่งประคองอยู่ที่ข้างแก้มขณะจูบอย่างรีบร้อน  การกระทำที่ปัดป่ายเข้าหากันชัดเจนว่าเห็นพ้องต้องกันทั้งสองฝ่าย  ชั้นในของเธอถูกปลดออก  ผมยืนมองอยู่ครู่ ก่อนเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ยาวที่อยู่ถัดจากห้องนี้ใกล้กับประตูหน้าต่าง  คล้ายเป็นที่นั่งพักระหว่างชั้น


ไม่ห้าม ไม่แสดงตัว เพราะไม่ได้มีสิทธิ์ในการทำอย่างนั้นอยู่แล้ว...

ถึงโกรธเคืองไปก็ไม่มีสิทธิ์ด้วยเช่นกัน  สิ่งเหล่านี้คือความจริงแท้ของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคนในห้องนั้น

“อะ ~ สมุทร”

เสียงครางดังให้ได้ยินเป็นระยะกับความเงียบที่เกิดขึ้นบ้างครั้งคราว  แต่อย่างนั้นก็ยังคงรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายจากทั้งสองคน  นาฬิกาข้อมือที่สวมอยู่บอกว่าดำเนินไปได้เกือบสิบนาทีหลังจากมาถึง  ครู่หนึ่งด้านในก็เงียบไปแบบฉับพลัน  คล้ายว่าทุกอย่างได้หยุดเคลื่อนไหวลงดื้อ ๆ

“...ขอโทษ...”

เสียงของฝ่ายชายพูดขึ้น  ท่ามกลางความเงียบสงบภายในบ้านหลังนี้จึงทำให้ได้ยินคำพูดนี้ค่อนข้างชัดเจน

“ทำไม...” ฝ่ายหญิงถาม 

“ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้”

“........” ไร้เสียงตอบจากฝ่ายชาย  ประตูห้องถูกเปิดออก  ผมช้อนตาขึ้นมองเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมา  อีกฝ่ายมองมายังซ้ายมือของตนในทันทีที่เดินออกจากห้อง  นั่นเป็นการกระทำที่ผิดวิสัย  เขาควรจะมองไปทางลงบันไดมากกว่าจะมองมาทางนี้  เหมือนกับรับรู้ได้ว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ในบ้านด้วย

“........” ไฟในบริเวณนี้ไม่ได้ถูกเปิดไว้จึงค่อนข้างลำบากที่จะเห็นหน้ากันอย่างชัดเจน  อีกฝ่ายใส่กางเกงยีน ท่อนบนไร้เสื้อผ้า
 
“มีอะไรเหรอคะ” เสียงของหยาดังมาจากในห้อง  สมุทรไม่ตอบ  เขาจ้องมองผมด้วยใบหน้าที่เรียบสงบ  ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงเก็บของอย่างรีบร้อนจากผู้หญิงในห้อง

“พี่ชายทำตัวไม่เหมือนว่าที่นี่เพิ่งมีคนตายเลยนะ” ผมผลิยิ้ม  คำพูดเย้ยหยันจากการต้องการปะทะที่หักห้ามใจไว้ไม่ได้  กระทั่งตัวเองก็ยังแปลกใจ  สติก่อนหน้าที่คิดว่านี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา  จู่ ๆ ก็หายวับไปเสียอย่างนั้น

“คุณ...” หยาเดินออกมา  เธอตกใจหน้าถอดสี  แต่แล้วเสี้ยววินาทีหนึ่งสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป  สายตาที่มองมายังผมเต็มไปด้วยความแน่วแน่และมั่นใจในสถานะที่ตนยืนอยู่  กำลังแสดงตนให้ผมเห็นว่าเธอไม่ได้ทำเรื่องผิดต่อโลกนี้

“น่าทึ่ง” ผมเอ่ยปากชมสีหน้าของเธอพลางตั้งศอกข้างหนึ่งลงบนที่วางแขน  ผู้หญิงคนนี้ฉลาดดีจัง

“แน่ใจนะครับว่าไม่ได้ลืมใส่กางเกงในแล้วนะครับคุณหมอ” ผมยิ้มถาม 

“หึ มันก็เรื่องของฉันค่ะ แล้วคุณล่ะ ไม่คิดว่าตัวเองเสียมารยาทเหรอคะที่นั่งอยู่ตรงนี้” เธอย้อนพลางแสยะยิ้ม

“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมคิดว่าผมมีสำนึกกว่าผู้หญิงที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วแต่กลับมาอ้าขามีอะไรในบ้านของผู้ชายเก่าที่เพิ่งมีญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตน่ะ” ผมพูด  มุมปากเผยรอยยิ้มตอบให้เธอ

“คุณ !” อีกฝ่ายขึ้นเสียง  แสดงความไม่สบอารมณ์กลับทันที

“เดี๋ยวผมไปส่ง” สมุทรตัดบทบอกหยา  ใบหน้าของเขายังคงเดิม  ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ

“เลิกยุ่งกับสมุทรได้แล้ว เขาติดเงินคุณอยู่เท่าไหร่ ฉันจะรับผิดชอบเองทั้งหมด !”

“หยา” สมุทรปรามแทรกเสียงเข้ม

“หยาจ่ายได้ค่ะ” เธอตวัดหางตาใส่ฝ่ายชาย

“หึ ฟังแล้วปลื้มใจจังครับ” ผมพ่นหัวเราะ  ทำเอาเธอหันขวับมาทางผมทันที

“คุณผู้หญิงครับ ผมจะบอกอะไรให้ทราบ...”

“บางที มันก็ไม่ได้อยู่ที่ใครจ่ายไหวรึเปล่า.. แต่มันอยู่ที่ว่าใครจ่าย” ผมเลิกคิ้วพลางยิ้มกว้างที่ได้ยินอะไรแบบนั้น

“เพราะต่อให้คุณมีจ่ายให้ผมเป็นสิบล้าน ผมก็ยังจะเอาเงินจากกระเป๋าหมอนี่อยู่ดี ถ้าผมอยากจะเอา

“........” ความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างเรา  ผู้หญิงตรงหน้ามองมาและอยู่ ๆ ก็หยุดขยับไปเสียอย่างนั้น

“คุณเองก็เป็นผู้หญิง ในบ้านที่มีเด็กกับผู้หญิงอยู่ คุณไม่คิดว่าควรอดทนกับความอยากของตัวเองด้วยการปิดประตูให้มันมิดชิดสักหน่อยเหรอครับ คุณหมอ”

“หยุดเรียกฉันแบบนี้นะ” เธอแทบขึ้นเสียง

“หึ..” ผมพ่นหัวเราะพลางขยับตัวลุกขึ้นยืน 

“คุณไฟ” สมุทรพูด  โทนเสียงเป็นไปในเชิงห้ามปราม

“ทำไม ก็ไม่ใช่สัตว์สักหน่อย” ผมยิ้มกว้างมองหน้าสมุทร

“คุณ !!!” หยาฮึดฮัด  ทำท่าจะจ้ำเข้าหาผมด้วยความโมโหแต่ถูกสมุทรดึงแขนห้ามไว้ก่อน

“คุณเป็นเจ้านาย ฉันทราบ...” หยาพูด  พยายามข่มน้ำเสียงแข็งกร้าวของตนไว้

“แต่คุณกำลังล้ำเส้น” เธอสะบัดแขนออกจากสมุทรอย่างแรง 

“เรื่องอะไรล่ะ ?” ผมเลิกคิ้ว

“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  ดวงตาสะท้อนความลังเลที่อยู่ภายในกับการที่จะตอบคำถามนี้ 

“อยากรู้ไหมว่าผมล้ำเส้นไปถึงไหนแล้ว หึ ๆ ผมล้ำได้มากกว่าที่คุณคิดอีกครับ” ผมพูดพลางกวาดตามองหน้าของเธอ  สีหน้าที่กำลังซีดเผือดและจดจ้องผมไม่กะพริบตา 

“หยากลับเองได้” เธอตัดบทโต้ง ๆ  เดินจากไปด้วยการไม่หันกลับมามองสมุทรอีก  ส่วนตัวฝ่ายชายเองก็ไม่ได้มีท่าทีดื้อดึงที่จะตามไปเช่นกัน  เสียงฝีเท้าจากการเดินลงส้นของเธอค่อย ๆ ไกลออกไป  ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง  หงุดหงิด.. เกลียดคนเดินลงส้นฉิบหาย 

“คุณมีอะไรครับ” สมุทรถามทันทีที่เสียงประตูมุ้งลวดด้านล่างถูกปิดลงอย่างแรง  ถึงแม้จะมี “ครับ” ให้ได้ยิน  แต่โทนเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น  มากไปกว่านั้นก็เหมือนขาดความยำเกรงกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้องด้วย   

“ค่อนข้างเร็วอยู่นะ..” ผมตอบกลับคนละเรื่อง ทำเอาอีกฝ่ายจ้องไม่กะพริบตา

“ดูจากนาฬิกาน่ะ หึ” ผมยิ้มกว้าง

“หรือตามจริงแล้วไม่เสร็จ ? ฉันก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนสมาธินายไม่ใช่เหรอ”

“ผมถามว่าคุณมีธุระอะไร” สมุทรกดเสียงลง  เขาเริ่มที่จะพยายามควบคุมทั้งสายตาและน้ำเสียงให้เป็นปกติ  แต่ไม่ใช่อย่างก่อนหน้า  เพราะครั้งนี้ไม่สงบแบบนั้น 

“ไม่เสร็จสินะ” ผมพูด  มองออกได้จากสิ่งที่ปรากฏ

“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  แต่แววตาเริ่มแสดงความไม่พอใจ

“แบบนั้นผู้หญิงเขาจะเสียความมั่นใจเอานะ อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะทำให้อีกฝ่ายเสร็จซะก่อนสิ”

“คุณไฟ !”   

“คนแบบคุณไม่มีสิทธิ์มายืนสอนคนอื่นหรอกครับ” สมุทรข่มโทนเสียงลง  ดวงตาถลึงโตแบบที่ไม่ได้เห็นในเวลาปกติ  ผมนิ่งเฉย  ไม่ได้ตกใจ  และเพราะสิ่งที่ได้ยินก็ถือว่าเป็นการย้อนที่น่ายอมรับได้อยู่ไม่น้อย

“โกรธอะไรล่ะ” ผมเดินเข้าหา

“สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้ ที่บ้านคุณไม่ได้สอนเหรอครับ” อีกฝ่ายแสยะยิ้มด้วยท่าทางเย้ยหยัน

“อย่าแตะต้องที่บ้านฉัน” ผมลดเสียงลง

“หึ !” สมุทรเงยหน้าขึ้นพร้อมพ่นหัวเราะออกมา

“คุณถือวิสาสะเข้าบ้านผม...”

“ดีออกนี่ ดีกว่าให้พวกน้อง ๆ ที่รักของนายมาเจอเป็นไหน ๆ” ทันทีที่ผมพูดจบ เราก็จับจ้องกันไม่กะพริบ  จู่ ๆ ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นก็ทำให้ประเด็นเรื่องครอบครัวจบไปโดยง่าย 

“ช่างเถอะ ช่วยจัดการตัวเองให้เรียบร้อยสำหรับพร้อมเก็บตัวด้วยแล้วกัน” ผมตัดบทก่อนจะก้าวขาเดินจากมา

“ถึงผมไม่เสร็จมันก็ไม่ใช่ปัญหาของคุณไม่ใช่เหรอครับ” สมุทรพูดขึ้น  ผมหยุดเดิน  โทนเสียงของเขากลับมาเป็นปกติในประโยคนี้

“หรือว่าคุณมีปัญหา คุณต่างหากไม่พอใจอะไรครับ”

“อยากได้ยินว่าไงล่ะ” ผมหันกลับไป

“คาดหวังที่จะได้ยินอะไรจากฉัน” ผมต้อนถาม 

“หึ..” อีกฝ่ายพ่นหัวเราะ

“คิดว่าผมคาดหวังในตัวคุณเหรอครับ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”

“นายคิดไหมว่าเธอจะตาโตแค่ไหนถ้าได้รู้ว่านายเสร็จเพราะฉันภายในไม่กี่นาที ทั้งที่ยังใส่กางเกงในไว้ แถมมือก็ไม่ได้ใช้” ผมเบิกตา  ผลิยิ้มในประเด็นที่น่าสนุกนี้

“หุบปากเดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายย้อนเสียงเย็น

“ทำไม ไม่พอใจอะไรล่ะ..” ผมยียวน  ตรงเข้าไปประชิดจนทำให้ใบหน้าของเราห่างกันเพียงแค่ฝ่ามือ

“ระวังปากหน่อย รู้สถานะตัวเองด้วย” ผมเตือน

“ก็ดีครับ” สมุทรย้อน 

“งั้นคุณเองก็ช่วยเคารพเรื่องส่วนตัวของผมด้วยแล้วกัน เพราะการที่ผมจะเอาของของผมไปมีอะไรกับใคร มันก็เรื่องของผมครับ เสร็จหรือไม่เสร็จ มันก็เรื่องของผม แล้วก็..อย่ายุ่งกับเธออีก

“อีกอย่าง บางที ผมอาจเสร็จเพราะมันจำเป็นต้องเสร็จก็ได้”

“หึ ๆ ก็จริง” ผมหลุดหัวเราะในประเด็นนี้  ลืมไปว่าเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้น่ะนะ

“งั้นต่อไปนี้ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้วสินะ ในเมื่อคู่นอนอุตส่าห์เสร็จเพื่อฉันซะขนาดนี้” ผมยิ้มกว้าง  ยื่นหน้าเข้าไปใกล้  อีกฝ่ายฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ  ผลักผมออกเต็มแรง  ความหงุดหงิดผุดขึ้นโดยทันที

“ฉันจะทำอะไรกับนายก็ได้สมุทร...”

“เคารพเหรอ หึ..ถ้าไม่เคารพ ฉันทำได้มากกว่านี้อีก จะทำให้นายจำใจต้องเสร็จเพราะฉันอีกกี่ครั้งก็ยังได้” ผมหุบยิ้มลง  สายตาของคนตรงหน้าแสดงความดุดันมากกว่าเดิม  ขาที่ย่างเข้าหาทำให้สมุทรยกแขนขึ้นปกป้องตนเองตามสัญชาตญาณ  ผมปัดออก  ใช้หลังแขนกระแทกเข้าที่คอหอยอีกฝ่ายอย่างแรงจนเจ้าตัวเซถอยไปติดกำแพง 

“จะเอานายตรงนี้ก็ยังได้เลยถ้าฉันอยากจะเอา” ผมกวาดตามอง

“ออกไปจากบ้านผม”

“อย่าทำให้ผมต้องหมดความเคารพในตัวคุณไปมากกว่านี้เลยครับ”

“เมฆ พี่สมุทรนอนรึยัง !

เสียงดาวตะโกนถามดังมาจากชั้นล่างของบ้าน พร้อมกับเสียงเลื่อนบานประตูเบา ๆ  ผมกับสมุทรชะงัก  หันไปมองทางบันไดขณะที่ได้ยินเสียงวิ่งขึ้นมาทางนี้  เมฆชะงักทันทีที่เห็นผม  ตาจ้องมายังแขนของผมที่ดันอยู่ตรงคอพี่ชายของตน

“อย่าทำอะไรพี่สมุทรนะ !” อีกฝ่ายร้อง  รีบวิ่งตรงเข้ามากอดขาพี่ชาย 

“เมฆ มีอะไรเหรอ” ดาวถามหา  ผมผละตัวออก  สมุทรละสายตาจากผมแล้วก้มตัวลงอุ้มเมฆขึ้น

“พี่ไฟ...” ดาวทัก  หยุดยืนอยู่ตรงบันไดด้วยสีหน้างุนงง

“อย่ามาที่นี่อีกครับ” สมุทรพูดขึ้น  จ้องมองผมไม่กะพริบ

“อย่ามา...”



...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:

ต้องขอโทษด้วยที่หายไปนาน  ที่ผ่านมาไม่มีเวลาที่จะสะดวกมาต่อได้จริง ๆ ค่ะ  จะปีใหม่แล้ว  ขอให้ทุกคนมีความสุข  สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้านะคะ  รักษาสุขภาพด้วย  ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยค่ะ ^ - ^

ปล. ขออภัยที่ตอนนี้ช่างไม่น่ารัก 5555+  :mew2: :mew2: :mew2:

เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 24-12-2020 22:22:03
 :fire: :pig4: :m16:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-12-2020 10:17:10
คุณเบบี้ใจร้ายยยยย  :ling3: นานๆ มาที ก็ไม่ให้เขาสวีทกันเลยยย  / แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ พี่สมุทรไม่ได้เสร็จกับใครก็ได้นะจ๊ะ งือออออ

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่าาาา Merry Christmas & Happy New Year 2021 นะคะ สุขภาพแข็งแรงค่าา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 25-12-2020 12:28:58
 :L1:
Merry Christmas

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 26-12-2020 17:55:17
เมื่อไหร่ไฟกับสมุทรจะได้รักกันแบบหวานๆมั้งน้าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jj ที่ 26-12-2020 22:09:25
ยังมองไม่เห็นทางแห่งความสุขเลย
แต่ก็จะติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 26-12-2020 22:58:28
ค้างมาก ฮืออออ เค้าหึงกันรึเปล่า หึงกันใช่มั้ยนยยยย


สวัสดีปีใหม่ค่ะเบบี้
ขอบคุณที่ยังกลับมาน้า ติดตามอยู่เสมอเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-12-2020 23:04:50
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 27-12-2020 08:28:52
ฉันเป็นพี่ไฟต้องรู้สึกยังไง
แกจะร้อง นี่ว่าพี่ไฟน้อยใจบ้างล่ะวะ ชอบเขามากแต่เขาไม่สนใจ ที่มาหาก็เพราะเป็นห่วงกลับเจอแบบนี้

หยาเธอควรเลิกยุ่งกับสมุทรได้แล้ววววว

ปล.อยากเห็นพี่ไฟมีความสุขแบบที่พี่ธานเคยบอกค่ะ / รักพี่ไฟ :)

สวัสดีปีใหม่เบบี้ ขอบคุณมากที่มาต่อยังรออ่านอยู่เสมอค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-12-2020 18:27:43
กดดันไปอีก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 30-12-2020 10:32:45
ตามมาทันแล้วแล้ว หลังจากย้อนกลับไปอ่านมาหลายตอน
 มาถึงตอนนี้ ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี เพราะลีลาท่าเยอะกันทั้งคู่
รอลุ้นตอนต่อไปนะคะว่าเค้าจะชัดเจนกันยังไง ดูๆแล้วคงสายประชดประชันกันเก่ง
สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้านะคะทุกคน

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 01-01-2021 21:24:05
 :sad4: ไม่เข้าใจทั้งสองคนเลย
ไฟก็ดูไม่ชัดเจนว่าจะยังไงกับเค้า เด็กมันก็เลยไม่กล้าแสดงอาการเยอะก็เป็นเจ้านายอ่ะเนอะ :katai1:


สุดท้ายก็สวัสดีปีใหม่นะคะคุณเบบี้ ขอให้สุขภาพแข็งแรง ปีนี้ก็ขอให้เป็นปีที่ดีค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 03-01-2021 07:52:51
รอๆๆๆๆๆจ้า มันค้างงงงงงคา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 03-01-2021 11:36:44
กรีดร้อง  สมุทรกลับมาแล้ววววววววว ตอนกระทู้หายใจคือใจคอไม่ดีเลย   ขอบคุณเบบี้มากกก ที่ไม่ทิ้งกัน  ถึงขั้นลืมรหัสผ่าน  ตามล็อกอินมาให้กำลังใจเบบี้นะ  อิพี่ไฟเอาไปทิ้ง   น่าตีจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-01-2021 12:58:02
หนทางช่างมีขวากหนาม
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: oakman ที่ 03-01-2021 23:50:28
สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 12-01-2021 15:30:07
กลับมาแล้วววววววววววววววววววววววว
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 13-01-2021 16:46:03
อุ้ยยย พึ่งเห็นว่าเรื่องนี้กลับมา  ดีใจนะคะที่คุณเบบี้กลับมา :hao5:  :hao5:

ยังคงลุ้นกับพี่ไฟกับน้องสมุทรว่าจะเป็นยังไงกันต่อ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥แมวจอมซน♥ ที่ 17-01-2021 21:16:53
ดีใจที่พี่บี้มาต่อแล้วนะ แต่แบบว่า...
ค้างมากอ่าาาา แงงงงง อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 26-01-2021 23:24:10
ทำไมเป็นอย่างนี้ไปละ... ทำม้ายย โน้วววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-02-2021 16:27:57

ตอนที่ 55
..ไฟ..




“พวกมึงนี่มันเป็นยังไง กูบอกว่าอย่าเอาของมาวางตรงนี้” ผมบ่น

“ขอโทษครับ” พวกมันปรี่เข้ามาหยิบขวดน้ำดื่มของตัวเองออกไปจากชั้นวางของ  ผมเท้าเอว จ้องมองเรียงตัวเพราะไม่ชอบใจที่พอลับตาทีไรก็มักเป็นแบบนี้  และนี่ก็ไม่ใช่การขอโทษครั้งแรก   

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำเรื่องนี้” ผมตัดบท 

“ครับ” พวกมันขานรับ 

“คุณไฟครับ รุ่งพร้อมออกเดินทางแล้วครับ” พี่ธานเดินมาบอกพร้อมกับไอ้รุ่งที่เดินตามหลังมาด้วย

“เออ ฝากด้วยนะ” ผมมองหน้าไอ้รุ่ง

วันนี้เป็นวันที่ไอ้รุ่งต้องเดินทางไปรับสมุทรเพื่อไปเก็บตัวที่ประจวบฯ  ผมสั่งให้มันไปช่วยดูแลอีกแรงหนึ่งในฐานะคนติดตามส่วนตัว  ไอ้รุ่งจะต้องรายงานความคืบหน้าของการเก็บตัวให้ผมทราบเป็นการส่วนตัวด้วย  เป็นคนละส่วนนอกเหนือจากที่ผมต้องฟังจากทีมงานในค่ายมวย  นั่นคนละหน้าที่กัน... 

“น้าพรมาพอดีครับ” พี่ธานพูดถึงคนขับรถที่ติดต่อไว้ซึ่งขับเข้ามาได้จังหวะพอดี 

“สวัสดีครับคุณไฟ” น้าพรกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงมาหาผมทันทีที่เห็นว่าผมยืนมองอยู่  อีกฝ่ายเป็นคนขับรถนอกเวลา  ที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัว  แต่งานหลักที่ปฏิเสธไม่ได้คือการถูกเรียกใช้จากผม  เป็นคนขับรถที่ไม่ได้มีความสามารถเพียงแค่ขับรถ 

“สวัสดีครับ” ผมพยักหน้าทักตอบ

“ทำการบ้านมาเรียบร้อยนะ ?” ผมถามถึง 

“ครับ” น้าพรพยักหน้า  ยืนกุมมือตรงหน้า

“ฝากด้วยแล้วกัน อย่าให้คลาดสายตาล่ะ” ผมสั่ง

“ครับ” น้าพรตอบรับอย่างหนักแน่น  พี่ธานยื่นกระเป๋ามาให้ผม  เงินปึกหนึ่งจากผมยื่นให้ไอ้รุ่งก่อนจะส่งอีกปึกหนึ่งให้กับน้าพร
 
“ขอบคุณครับ” ทั้งคู่พนมมือไหว้หลังจากรับเงินไปถือไว้แต่ยังคงรอคำสั่งถัดไปจากผมอยู่  ผมยืนนิ่ง  ใช้ความคิดอยู่ครู่โดยไม่พูดอะไร  นึกไม่ออกว่ามีเรื่องให้ต้องสั่งเสียอีกหรือไม่

“ไปเถอะ” ผมอนุญาต   

“ครับนาย” ทั้งคู่โค้งตัวลาก่อนที่น้าพรจะเข้ามารับกุญแจรถจากพี่ธานแล้วออกเดินทางไปพร้อมกับไอ้รุ่ง  รถยนต์ของน้าพรถูกจอดทิ้งไว้  คันของผมถูกขับออกไปใช้แทน 

“แล้วเรื่องคุณทัพ คุณไฟจะไปเมื่อไหร่ดีครับ” พี่ธานถามขึ้น

“คืนนี้..” ผมตอบ


- - - - - - - - - - - - - -


21.25 น.

“ซ่อนแบบให้กูหาตัวเจอได้นี่มันยังไง” ผมแซวเจ้าของที่พัก   

“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนิด ๆ ด้วยสีหน้าอิดโรย  ผมกวาดตามอบรอบตัวห้องที่เต็มไปด้วยเอกสารและรูปถ่ายมากมาย  ดูเหมือนคนตรงหน้าจะทำงานหนักพอดู

“เอาติ่มซำร้านโปรดมาฝาก” ผมบอก  ไอ้เข้มวางกล่องติ่มซำที่เพิ่งซื้อมาลงบนโต๊ะ

“มาแค่นี้ ?” พี่ทัพเลิกคิ้วประชดกลับ

“เออ” ผมตอบ

“ไสหัวไป” อีกฝ่ายชักสีหน้าทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมาได้ 

“ปล่อยให้ลูกหมาพี่ทำงานกันเองแบบนี้ วางแผนอะไร” ผมอมยิ้ม

“........” พี่ทัพนิ่งลง  เงยหน้าขึ้นมองผมครู่หนึ่งก่อนเบือนหน้าไปอีกทาง  ผมพยักหน้า ส่งสัญญาณให้พี่ธานนำสิ่งที่เราตั้งใจนำมาให้คุณตำรวจที่เพิ่งถูกพักงานคนนี้ มากกว่าติ่มซำที่วางอยู่

“อะไร” อีกฝ่ายถาม  มองมายังแหวนหนึ่งวงที่อยู่ในถุงซิปล็อก

“ให้” ผมพูด  ขยับเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ กับโต๊ะทำงานมาก่อนอ้าขาคร่อมลง  นั่งหันหน้าเข้าหาพนักพิง  เสียงถุงซิปล็อกถูกเปิดออกท่ามกลางความเงียบในห้อง

“นี่มัน...” พี่ทัพชะงัก  มองแหวนในมือหน้าถอดสี

“มึงเอามาได้ยังไง”   

“.........” ผมเงียบไว้ครู่ก่อนตอบออกไป “..บังเอิญ” เพราะก็เป็นอย่างที่พูด  ไม่ได้โกหก


   ..

ปัง !!!!


เสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งหนึ่งของโกดัง  ให้หลังที่พี่ธาน  สมุทรและไอ้บูรณ์ได้ออกจากพื้นที่ไปแล้ว  ฝีเท้าของผมรีบวิ่งตรงไปยังเสียงดังกล่าว  ปืนสั้นกระบอกหนึ่งกระเด็นอยู่บนพื้นผ่านหน้าไปเพียงเสี้ยววินาที  ทันทีนั้น กลิ่นของความเงียบที่ผิดแปลกก็ก่อตัวขึ้นทันใด  ผมหยุดอยู่กับที่  ทราบโดยสัญชาตญาณว่าตนไม่ได้อยู่ในบริเวณนี้เพียงคนเดียว..   

“ไอ้  ไอ้บิน” น้ำเสียงของผู้พูดสั่นเครือ 

“ใช่ กูเอง” เจ้าของชื่อขานรับ

ไอ้เต้ยืนอยู่ตรงข้ามกับจุดที่ผมยืนอยู่  มันถูกปากกระบอกปืนจ่ออยู่ไม่ไกลนัก  ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ผมพบมันที่นี่ 

“มึงเนี่ย...เมื่อไหร่ถึงจะเลิกแส่เรื่องคนอื่นสักทีวะ” เจ้าของปืนพึมพำ  ใบหน้าแสยะยิ้มเย้ยหยันให้เห็น

“ที่นี่ฝีมือมึงเหรอ” ไอ้เต้พูดเชิงถาม  ดวงตาที่เบิกโตแสดงถึงความตกตะลึง

“คิดว่าไงล่ะ เจ๋งไหม” ไอ้บินยิ้มตอบ

“หึ แต่ก็น่าเสียดายที่ผู้ผดุงความดีอย่างมึงจะมาตายห่าที่นี่อะนะ อ้อ ~ แต่มึงก็มีประโยชน์อยู่อย่าง เพราะนายกูคงไม่ให้มึงตายเปล่าหรอก”

“หึ กูล่ะไม่แปลกใจเลยที่เห็นคนอย่างมึงมาเอาดีทางด้านนี้” ไอ้เต้หลุดยิ้มพลางเบือนหน้าไปอีกทาง  ท่าทีเปลี่ยนเป็นเย้ยหยันอีกฝ่ายกลับทันทีทำเอาผู้ฟังถึงกับชะงัก หน้าถอดสี

“เพราะอะไร มึงก็น่าจะรู้ตัวดี” ไอ้เต้ลดเสียงลง  ช้อนตาขึ้นมอง

“มึงอย่ามาปากดีที่นี่ไอ้เต้ !!!” คนถูกเย้ยตะคอกกลับด้วยความโมโห

“งั้นมึงจะให้กูสรรเสริญมึงรึไง ไอ้สัส !!!” ไอ้เต้โผงกลับ  ความโกรธถูกยับยั้งไว้ไม่อยู่เช่นกัน

“........” ทั้งคู่เงียบลง  ขณะที่บรรยากาศคุกรุ่นไม่ได้ลดลงเลย  ต่างฝ่ายต่างจดจ้องกันไม่กะพริบ

“ไปซะ” ไอ้บินพูดขึ้น  โทนเสียงกดต่ำเอาไว้จนแทบไม่ได้ยิน 

“รีบไสหัวมึงไป..”

“หึ..” ไอ้เต้เบือนหน้าพลางหัวเราะ 

“มึงจะให้กูเอาหน้าที่ไหนไปบอกพี่ทัพ มึงรู้ไหมว่าพี่แกเป็นห่วงมึงแค่ไหนที่มึงหายหัวมาแบบนี้” ไอ้เต้ว่า

“ให้กูกลับไปแบบนี้เหรอ ถุย ! มึงไม่ต้องมาแสดงน้ำใจกับกูตอนนี้หรอก”

“……..” ไอ้บินนิ่งไป

“มึงก็พูดได้สิ มึงมันตัวคนเดียว” ไอ้บินพูด  จ้องหน้าไอ้เต้ไม่กะพริบตา

“ให้ซื่อสัตย์ในหน้าที่เหรอ สุดท้ายมันก็พวกเราไม่ใช่รึไงวะที่เอาชีวิตเข้าแลกแต่เสือกไม่มีจะกิน !”

คำพูดของไอ้บินทำเอาไอ้เต้ถึงกับนิ่งไป...

“มึงทำไมไม่บอกพี่ทัพ ยังไงพี่ทัพก็ช่วยมึงอยู่แล้ว” น้ำเสียงของไอ้เต้ค่อย ๆ ลดระดับลง

“ช่วยแค่ไหนวะ กูก็มีศักดิ์ศรีของกู”

“ศักดิ์ศรีเหรอ แล้วแบบนี้เขาเรียกว่าศักดิ์ศรีเหรอไอ้เหี้ย !” ไอ้เต้ตะคอก  ดวงตาที่มองคนตรงหน้าคล้ายกับมันเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน  ความเงียบระหว่างมันทั้งคู่เกิดขึ้นอยู่พักหนึ่ง 

“มึงทำแบบนี้กับพี่ทัพได้ยังไง”

“ก็บ้านลูกพี่มึงมันรวย จะมาเข้าใจเหี้ยอะไร” ไอ้บินพ่นหัวเราะ

“งั้นมึงก็ลาออกไปสิ ทำไมมึงไม่ลาออกไปซะแล้วจะไปทำระยำที่ไหนก็เชิญ !” ไอ้เต้ย้อนว่า

“กูจะบอกอะไรให้มึงหายโง่ไอ้เต้ ! ไม่มีเหี้ยอะไรบนโลกนี้ง่ายแบบนั้นหรอก !” ไอ้บินสวนกลับทันควัน

“ถึงมึงขืนสู้ สุดท้ายมึงก็จะตายห่าอยู่ดี ลูกพี่มึงก็ด้วย พวกเราจะตายเหมือนหมาข้างถนน มึงคิดว่าคดีที่มึงสู้ทำมาหลายปีจะชนะเหรอ หึ..ตลกฉิบหาย มึงไม่รู้เหี้ยอะไรเลย ไอ้ควายยย !!!” ไอ้บินผลิยิ้มอย่างเอือมระอาในคำพูดสุดท้าย  ไอ้เต้ผงะ  ดวงตาเบิกค้างคล้ายว่ามันเองก็คิดตามไม่ทัน

“เต้ นี่มึงคงนึกว่าตัวเองเล่นตำรวจจับผู้ร้ายเหมือนตอนเป็นเด็กอยู่สินะ ฮ่า ๆ ๆ”

“ไอ้สัสบิน ! ใครช่วยมึง ใครช่วยมึงงงง !!!” ไอ้เต้ฟิวส์ขาด  ทำท่าจะพุ่งเข้าหาแต่กลับต้องชะงักกับปืนที่จ่อใกล้หน้าผากของตัวเองมากขึ้น  มือของไอ้บินที่ถือปืนอยู่ค่อนข้างสั่น  แสดงให้เห็นถึงความลังเลจากเจ้าของปืนอยู่ไม่น้อย

“คิดเองสิวะ ! ใช่...ที่พี่ทัพพลาดทุกครั้งก็ฝีมือพวกกู มึงมันโง่ไง พวกมึงมันโง่ !!!”

“ไอ้บิน...” ไอ้เต้เสียงสั่น

“ไหน ๆ มึงก็ต้องตายอยู่ดี งั้นกูจะบอกอะไรให้ ขนาดกู.. กูยังไม่รู้เลยว่าใครในทีมของเราเป็นคนของที่นี่ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” 

“ไอ้บินนนนนน !!!” ความโกรธของไอ้เต้ทำให้มันหน้าแดงก่ำ  ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น 

“เราแพ้แล้วเต้” ไอ้บินพูดแทรก

“ถึงให้กูเรียกศักดิ์ศรีของกูกลับคืนมาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว” มันยิ้มเจื่อนน้ำตาคลอ

“แพ้เหรอ อึก เอาเลย งั้นมึงก็ยิงกูสิ ยิงกูเลยยย ! ฮึก !” ไอ้เต้ตะคอก  น้ำตาไหลอาบแก้ม

“เต้ !”

เสียงของพี่ทัพดังขึ้น  ตามมาด้วยฝีเท้าจากใครอีกหลายคน  ไอ้บินหันไปมองพี่ทัพด้วยความตกใจ  ทันทีนั้นปืนที่จ่อหัวไอ้เต้อยู่อย่างลังเลก็ดูแน่วแน่ขึ้นทันที...
 
“บิน ใจเย็น วางปืนลงก่อน” พี่ทัพตะโกนห้าม  แววตาแดงก่ำของไอ้บินแสดงความหวาดกลัวปรากฏให้เห็น  ขณะนั้นพี่ทัพก็ได้ปัดมือ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่มาด้วยกันลดปืนลง  ทุกคนทำตามคำสั่งแม้จะดูลังเลในทีแรกก็ตาม

“ใจเย็นบิน มีอะไรบอกพี่..” พี่ทัพตะล่อม

“หึ พี่นี่...ชอบอยู่ผิดที่ผิดทางเหมือนไอ้เต้ตลอดเลยนะครับ” ไอ้บินผลิยิ้ม

“บิน เชื่อใจพี่” พี่ทัพผายมือออก  ปืนในมือของพี่แกถูกลดระดับลง  ปืนถูกวางลงบนพื้นก่อนที่เจ้าตัวทำท่าจะเดินเข้าหา 

“อึก พี่อย่าเข้ามา !” อีกฝ่ายขึ้นเสียง  จ่อปืนเล็งไปที่ไอ้เต้อย่างขึงขังอีกครั้ง  พี่ทัพและทุกคนชะงักในทันที

“สารวัตร ผมน่ะ เพิ่งรู้ตัวว่าไม่เหมาะกับอาชีพนี้ก็ตอนที่เห็นคุณ นับถือ..ในสิ่งที่คุณยึดมั่นมาเสมอ อึก ~ ขอ ขอโทษครับ”

“เดี๋ยวบิน อย่า.. บิน คุยกันก่อน” พี่ทัพเสียงสั่น

“ฝากลูกผมด้วย”

“บิน อย่าาาาา !!!” พี่ทัพร้องปรามเสียงลั่นไปทั่วบริเวณ  เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัดกลับไม่ได้มาจากคนที่เพิ่งสั่งเสีย  ไอ้บินตกใจ  หันกระบอกปืนกลับไปทางดังกล่าวแทนในทันที...


ปัง ! ปัง !! ปังงงงง !!!

“ไอ้บินนนนนน !!!!” เสียงร้องสุดท้ายไม่ใช่จากใคร  มีเพียงไอ้เต้เท่านั้นที่ดูเหมือนจะเสียสติ


   ..

ปัจจุบัน

“แหม่ ~ เกือบร้องไห้เลยนะเนี่ย” ผมยิ้มกว้างเมื่อเสร็จจากการรำลึกถึงความหลังที่เพิ่งเกิดขึ้นสดร้อน  คนที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้าเอาแต่นิ่งสงบมาพักใหญ่แล้ว  ไม่พูดแทรกสักคำ

“อยู่ห่างผมไว้” ผมสั่ง  ไม่ต้องการให้ย่า พายุและดินต้องเดือดร้อน

“ไฟ...” พี่ทัพเงยหน้าขึ้น

“ไอ้กริดก็แค่หมากตัวนึงของพวกมัน” ผมพูดแทรก

“กูรู้” พี่ทัพตอบเสียงเย็น

“……..” เราเงียบลง  ผมถูกจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่โทนเสียงทุ้มต่ำจะพูดออกมาอย่างเรียบขรึม “กูจะลากหัวนายไอ้กริดออกมาให้ได้” เป็นความแน่วแน่ที่ไม่ได้เห็นจากคนคนนี้มาพักใหญ่แล้ว

“เร็ว ๆ นี้จะมีการแข่งขันชกมวยที่พวกมันอยู่เบื้องหลัง ใกล้เลือกตั้งแล้วใช่ไหม งั้นพี่ก็เร่งมือหน่อยแล้วกัน” ผมบอกเป็นนัย  รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องมีเรื่องในใจอยู่มากและก็คงรู้อะไรมากเกินกว่าที่จะจัดลำดับได้

“.........” คนตรงหน้านิ่งเงียบ  ไม่มีคำพูดขอร้องใด ๆ หลุดออกมา  แต่สีหน้านั้นเป็นความอย่างจริงจังและตรงไปตรงมาผิดกับที่เคยมีก่อนหน้า  เพราะครั้งนี้แฝงความสิ้นหวังไว้ให้เห็น

“เอาน่า มีทางออกเสมอ” ผมฉีกยิ้ม

“ช่วงนี้ ผมเองก็กำลังเบื่อ ๆ อยู่เหมือนกัน” ผมขยายความส่ง ๆ พลางลุกขึ้นยืน  มือเลื่อนเก้าอี้สอดมันกลับเข้าที่เดิมในองศาที่เป็นระเบียบกว่าก่อนหน้า  ขาก้าวไปยังกระดานที่เต็มไปด้วยรูปภาพ  แผนที่และข้อมูลสำคัญที่ดูเหมือนจะถูกเจ้าของห้องวางแผนไว้ด้วยตนเองมาพักใหญ่แล้ว

“ไอ้ลูกหมาพี่มันหาพี่ให้ควั่กเลย” ผมพูดถึงไอ้เต้

“ฝากมันด้วย” พี่ทัพบอก

“หึ..” ผมหัวเราะ  ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกง  ถูกตำรวจพูดว่าฝากลูกน้องของตนด้วยมันก็ตลกอยู่นะครับ

“ขอบใจ” อีกฝ่ายรวบรัด  ผมจ้องมองรูปของนักการเมืองที่ถูกแปะไว้อีกมุมหนึ่งของกระดาน  ก่อนจะหันไปมองเจ้าของห้อง
 
“กลับล่ะ” ผมตัดบท

“อืม” พี่ทัพลุกขึ้นยืน  ผมเหลือบมองร่างกายที่ดูซูบผอมลง  ผมสีขาวก็ปรากฏชัดกว่าทุกครั้ง

“ให้พี่ใหญ่ผมส่งเด็กมาแก้เครียดสักคนไหม” ผมเลิกคิ้ว  ชักเริ่มเป็นห่วงมันขึ้นมา

“เฮ้อ กูคงจะแข็งหรอกช่วงนี้” พี่ทัพแทบสบถ

“อีกอย่าง ให้กูเอาเด็กต่อจากไอ้ธานเนี่ยนะ กูนอนชักว่าวเล่นดีกว่า” พี่เขาแสยะปากรับไม่ได้ที่เหมือนตนถูกหมิ่นศักดิ์ศรี  บุคคลที่ถูกกล่าวถึงอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ

“กินให้หมดล่ะ มันแพง” ผมพูดถึงติ่มซำที่นำมาฝาก

“เออออ..” พี่ทัพขานรับอย่างรำคาญ

“หึ..” ผมหัวเราะ

“ฝากบอกไอ้คินกับที่บ้านกูด้วยว่าไม่ต้องห่วง”
 
“ครับ” ผมตอบรับก่อนจากมา 

“คุณไฟจะไปไหนต่อครับ” พี่ธานถาม  ขณะเดียวกันประตูรถก็ถูกเปิดออกจากไอ้เด่น

“โรงแรมไอ้คิน” ผมตอบ

“แล้วก็ เดี๋ยวต่อสายโทรหาพายุให้ผมด้วย” ผมสั่ง  ไม่ได้คุยกับพวกมันมาหลายวันแล้วและคิดว่าหลังจากนี้คงยุ่งมากจนไม่มีเวลาติดต่อไปหาอีก...

“ได้ครับ”


- - - - - - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-02-2021 16:28:45

The Rest Bar, Ratio Hotel


“มึงเป็นใครครับ เศรษฐีใหม่เหรอ ไม่เคยเห็นหน้า” ไอ้คินทักประชดประชัน  มองผมหัวจรดเท้าด้วยสายตาเย็นชาเพราะพักนี้ผมแทบไม่ได้เจอมันเลย

“หึ ๆ” ผมยิ้ม 

“อุตส่าห์เอาเงินมาให้ เดี๋ยวกูก็กลับซะหรอก” ผมว่า

“คร๊าบ ~ ท่านไฟ” อีกฝ่ายไม่เลิกประชด พร้อมผงกหัวนอบน้อมโดยทันที

“นั่งโต๊ะนั้นไหม” เจ้าของร้านชี้มือไปยังโต๊ะแบบโซฟาที่อยู่ในมุมส่วนตัวและดูเหมือนจะเป็นโต๊ะสุดท้ายที่ว่างอยู่  ผมพยักหน้าตอบ  พี่ธานจัดการสั่งเครื่องดื่มและอาหารมาให้  ในขณะที่เพื่อนตัวดีหายหัวไปพักหนึ่งโดยไม่ได้บอกว่าหายไปทำอะไร...

“ไปสั่งงานเด็กมา” มันกลับมาแล้วหย่อนตัวนั่งลงด้านซ้ายมือของผม

“เป็นไงบ้าง” ไอ้คินถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“พี่มึงสบายดี” ผมตอบ

“กูหมายถึงมึง” มันขมวดคิ้ว

“สบายดี” ผมยิ้มตอบ

“........” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เหสายตามองไปยังแก้วเครื่องดื่มของตัวเอง

“รอบนี้มันจะโดนเก็บไหม” ไอ้คินพึมพำพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ไม่ตายง่าย ๆ หรอก” ผมพูดก่อนพ่นลมหายใจลากยาวออกทางจมูก  คนอย่างพี่ทัพเหมือนคนโง่  แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่  และถ้าจะตายก็คงตายไปนานแล้ว

“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ มึงก็รู้” ไอ้คินหันมาสบตาอย่างหนักใจ  ผมไม่พูดอะไร  ยกเหล้าขึ้นจิบอึกหนึ่งก่อนเหลือบมองไปยังพนักงานที่ล้วนแล้วแต่เป็นหน้าเดิม ๆ
 
“มันไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า” ผมย้ำพูดคำเดิม  ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรให้มันสบายใจนอกจากประโยคที่ไร้น้ำหนักเช่นนี้  ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกได้ว่าพี่ทัพก็มีบุญบารมีแบบที่อธิบายออกมาเป็นรูปธรรมไม่ได้  หลายครั้งที่เสี่ยงจนสมควรตาย แต่ก็รอดหวุดหวิดและยังหายใจมาจนถึงทุกวันนี้น่ะนะ

“มึงจะพูดประโยคเดิมอีกกี่ครั้งไอ้ฉิบหาย แล้วคุยกับกูก็ช่วยมองหน้ากูด้วย !” ไอ้คินสบถ

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมกับพี่ธานหลุดหัวเราะที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ดันรำคาญขึ้นมาซะเองเสียอย่างนั้น

“ยังอยู่อีกเรอะ” ผมเลิกคิ้ว  มองไปยังบาร์เทนเดอร์คนที่เคยหมายตาไว้

“เออ” ไอ้คินมองตามสายตาผมก่อนตอบรับ

“มันเรียนรู้งานเร็วดี นี่กูเพิ่งให้เป็นบาร์เทนเดอร์เต็มตัวเพราะไปชนะการแข่งขันมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน” ไอ้คินขยายความ  ผมนั่งฟังเงียบ ๆ พลางยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่ม 

“ให้เรียกไหมล่ะ” เจ้าของร้านออกปาก  ระดับเสียงที่ใช้ก็แปลกหู

“........” ผมเลิกคิ้ว ช้อนตาขึ้นมองโดยทันที  ก่อนหน้านี้มันกันท่าผมจะตาย  ไม่ค่อยให้ผมแตะต้องเด็กในร้านของมันหรอก 

“ทำไม” ผมอมยิ้มมุมปาก  มองเพื่อนสนิทอย่างสนใจ

“เรียกได้แล้ว” ไอ้คินตอบแบบวางฟอร์ม

“หึ..” ผมพ่นหัวเราะ  หยิบฝรั่งที่เป็นอาหารประดับจานเข้าปาก  ไอ้คินมองตามทุกการกระทำของผมก่อนที่คิ้วของมันจะขมวดเป็นโบ

“พวกมึงนี่มาร้านกูทั้งทีแต่สั่งอาหารโคตรจายกเลยเนอะ สั่งให้มันแพง ๆ สมฐานะหน่อยไม่ได้รึไง จะเก็บเงินไปใช้ตอนตายเหรอ !” มันบ่น

“ก็ไม่ได้อยากกิน” ผมพึมพำยิ้ม ๆ ก่อนใช้ส้อมจิ้มสับปะรดเข้าปาก
 
“ดู.. ดูมันแดก” เจ้าของร้านไม่เลิกพึมพำ 

“เตรียมห้องให้กูด้วย” ผมสั่ง  เอนหลังพิงพนักโซฟาในขณะที่ปากยังคงเคี้ยวสับปะรดอยู่   

“คุณไฟจะนอนนี่เหรอครับ” พี่ธานถามทันที 

“........” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ

“ไปเรียกมาสิ” ผมพูด  เลิกคิ้วไปยังพนักงานของมันซึ่งคาดว่าเพื่อนคนนี้ก็คงรู้ดีว่าหมายถึงใคร

“เฮ้อออ เอาจนได้” ไอ้คินสบถบ่นเซ็ง ๆ 

“ถ้าจะบ่นแล้วจะเสนอทำไม” ผมว่ากลับ

“คร๊าบ ~” อีกฝ่ายขานรับส่ง ๆ  ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนลุกจากไป  ให้หลังไม่นานนักไอ้คินก็กลับมาที่โต๊ะอีกครั้งพร้อมกับพนักงานของตน  มันสั่งให้อีกฝ่ายนั่งลงที่นั่งของมันก่อนหน้านี้  บาร์เทนเดอร์หนุ่มโค้งตัวอย่างสุภาพพร้อมออกปากขออนุญาตผมก่อนนั่งลง   

“ชื่อ ?” ผมถาม

“เทนครับ” อีกฝ่ายตอบ  ผมเงียบ  กวาดตามองเก็บรายละเอียดจากระยะใกล้ที่ทำให้เห็นสัดส่วนชัดเจนมากขึ้น

“ผมเติมเครื่องดื่มให้นะครับ” เทนเหลือบมาเห็นแก้วเหล้าของผมที่พร่อง 

“........” ผมไม่ตอบ  เพียงพยักหน้าตอบส่ง ๆ เท่านั้น  เสียงของน้ำแข็งกระทบกับก้นแก้ว  เครื่องดื่มถูกเทเติมเพิ่มหลังจากนั้น

“โดนมันบังคับเหรอ” ผมพูด  เอียงหน้าไปยังผู้ถูกถามเพื่อให้มองได้ถนัด 

“เปล่าครับ” เทนตอบพร้อมผลิยิ้มเล็กน้อย

“หึ..” ผมพ่นหัวเราะ  หยิบแก้วที่เพิ่งถูกเติมให้ขึ้นดื่มจนหมด  ทำให้อีกฝ่ายต้องรีบรินเติมให้อีกครั้ง

“ว่างไหม คืนนี้” ผมเข้าประเด็น 

“........” เทนไม่ตอบ  เขาหลบตาก่อนจะพยักหน้าให้ผมน้อย ๆ

“แต่ว่าคุณคินมีกฏอยู่น่ะครับ” อีกฝ่ายพูดเสียงเบาคล้ายกลัวความผิด  เพราะไอ้คินที่อยู่กับแขกโต๊ะใกล้เคียงเหลือบมองมาเป็นระยะ  ผมเพียงหัวเราะในลำคอและไม่อธิบายใด ๆ  เทนปิดปากเงียบ  บนโต๊ะไร้บทสนทนาร่วมสิบนาที  ผมไม่พูด พี่ธานเองก็เช่นกัน  เครื่องดื่มถูกยกขึ้นดื่มอย่างต่อเนื่องจนเหล้าในขวดพร่องลงเหลือเพียงครึ่งขวดเท่านั้น  แสงสียามค่ำคืนไม่น่าตื่นเต้นสำหรับผมในคืนนี้  ไม่แน่ใจว่าเพราะไม่มีอารมณ์ร่วมหรือเปล่า...

“ถ้าขึ้นไปกับฉัน รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร” ผมย้ำถามเพื่อให้อีกฝ่ายคิดทบทวนอีกครั้ง  ขณะเดียวกันเห็นว่าเพื่อนกำลังเดินกลับมาที่นี่

“...ครับ” เทนตอบ  ไม่เงยหน้าขึ้นสบตา

“เท่าไหร่” ผมถามทันทีที่ไอ้คินมาถึง  มันหย่อนตัวนั่งลงด้านข้างพี่ธาน

“อะไร” ไอ้คินเลิกคิ้ว

“........” ผมชี้นิ้วลงที่โต๊ะแทนคำตอบ

“กูเลี้ยง” อีกฝ่ายยิ้มนิด ๆ

“หึ ก็ดี” ผมหลุดยิ้มและเบะปากตอบรับน้ำใจจากเพื่อนสนิท

“สัส ไม่ยื้อเลย !” ไอ้คินสบถ  ผมไม่ตอบโต้ เพราะทั้งเครื่องดื่มและอาหารที่สั่งมานั้นแสนธรรมดาจนไม่รู้สึกผิด

“........” บนโต๊ะสงบลงอีกครั้ง  ไอ้คินชำเลืองมองมายังพนักงานของตนที่นั่งอยู่ข้างผม  ผมยื่นบัตรเครดิตให้เพื่อตัดบททุกคำถามที่มีอยู่ในหัวมัน  เจ้าของโรงแรมรับบัตรเครดิตก่อนจะลุกจากโต๊ะไปโดยไม่พูดอะไร  มันหายไปเกือบสิบห้านาที  กลับมาอีกครั้งพร้อมกับยื่นสมุดเดินบิลหุ่มหนังสีน้ำเงินมาให้  ผมรับมาเปิดดูก่อนช้อนตามองอีกฝ่ายที่ยืนอมยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ตรงหน้า

“ลดให้แล้วน่า” มันว่า     

“จำไม่ได้ว่ากูบอกจะอยู่นี่สามคืน” ผมพูดกึ่งประชดพร้อมเซ็นลายเซ็นลงบนบิลที่ถูกตัดยอดบัตรเครดิตไปหมื่นต้น ๆ

“หึ ๆ เลือกห้องให้อย่างดี เตรียมเครื่องดื่มกับอาหารไว้ให้ด้วย รวมหมดแล้ว” ไอ้คินบอก  รับสมุดเดินบิลกลับคืนไป

“นี่คีย์การ์ดครับ” ไอ้คินยื่นคีย์การ์ดให้กับพี่ธาน 

“เดี๋ยวไปบอกผู้จัดการว่าฉันอนุญาตให้เลิกงานก่อนเวลาเพราะว่านายมีธุระด่วน” ไอ้คินพูด  โทนเสียงเปลี่ยนไปในเชิงพูดสั่งกับลูกน้อง 

“เดี๋ยวกูขึ้นไปด้วย พนักงานคนอื่นมันจะได้ไม่เข้าใจไว้กูให้ท้ายใครแหกกฎ” มันหันมาพูดกับผมอีกโทนเสียงหนึ่ง
 
“ก็แหกอยู่” ผมตอบ

“สัส” มันสบถ  ผมยิ้ม  ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะลุกขึ้นยืน

“อ่าว ไปเลยเหรอ” ไอ้คินที่กำลังจะหย่อนตัวนั่งลงเงยหน้าขึ้นมองตามผมงง ๆ

“เออ” ผมตอบ

“เสร็จธุระแล้วก็ตามขึ้นไป” ผมพูดกับเทนที่มองผมอยู่

“ครับ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“เจอกันนะแม่เลี้ยง” ผมบอก จับปลายคางไอ้คินอย่างหยอก ๆ

“หึ ๆ ไอ้เหี้ย” อีกฝ่ายปัดมือผมออกพร้อมยิ้มเก้อเขิน  ผมคว้าขวดเหล้าที่กินเหลืออยู่ติดมือมาด้วย  เสียงเจ้าของโรงแรมบ่นไล่หลังเซ็ง ๆ “กูบอกว่าสั่งเครื่องดื่มไว้ให้แล้วมันก็ยังเอาไปอีก”   

“คุณไฟครับ..” พี่ธานที่เดินตามหลังเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหมาย  ผมไม่ได้ขานตอบ 

“คืนนี้จะไม่กลับบ้านเหรอครับ”

“ครับ” ผมตอบ  หยุดยืนที่หน้าลิฟต์พลางมองอีกฝ่ายที่กำลังตรงไปกดลิฟต์ให้  ประตูลิฟต์เปิดออกทันที   

“ถามทำไม” ผมยิงคำถามบ้างและยังคงไม่ขยับขาไปไหน  เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็ถามคำถามทำนองนี้แล้ว

“เปล่าครับ” พี่ธานตอบ  ผมยิ้ม  รู้ว่าแท้จริงแล้วพี่เขาไม่ได้ต้องการทราบในประเด็นนี้


ติ๊ด ~

ประตูถูกปลดล็อก  คีย์การ์ดอนุญาตให้พวกเราเข้าไปยังห้องพักได้  ห้องพัก Executive suite ขนาดใหญ่ไม่ใช่ห้องพักที่ดีที่สุดของโรงแรมนี้  ถือว่าโชคดีสำหรับผมที่เพื่อนไม่ถือวิสาสะเลือกห้องพักเกินความจำเป็นโดยไม่ถามผมก่อน  กลิ่นหอมภายในห้องเตะจมูกทันทีที่เปิดประตูเข้ามา  ผ้าม่านตรงห้องนั่งเล่นถูกเปิดกว้างไว้เพื่ออวดวิวเมืองในกรุงเทพฯ  ผมเดินไปนั่งลงที่โซฟา  มองหน้าจอทีวีขนาดใหญ่สีดำสนิท  เสียงพี่ธานปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องทันทีที่มาถึง เพราะรู้ว่าการตรวจดูอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศมักเป็นสิ่งแรกที่ผมทำเมื่อเข้าพักในโรงแรมใดก็ตาม 

เสียงเคาะประตูดังขึ้นให้หลังเรามาถึงห้องพักเกือบสิบนาที  พนักงานนำเครื่องดื่มที่ไอ้คินสั่งไว้มาเสิร์ฟ  พี่ธานสั่งให้จัดเครื่องดื่มเหล้านั่นไว้ตรงมินิบาร์  ผมลุกเดินไปที่โต๊ะเมื่อพนักงานรับทิปจากพี่ธานและจากไปแล้ว  ขวดไวน์สองขวดกับบรั่นดีหนึ่งขวดเป็นยี่ห้อที่ผมมักดื่มเป็นประจำถูกเตรียมไว้ให้คล้ายรู้ใจ

“คุณอยากดื่มขวดเดิมก่อนหรือเปิดขวดใหม่ดีครับ” พี่ธานถาม

“เปิดไวน์” ผมตอบ  อีกฝ่ายอมยิ้มน้อย ๆ และจัดแจงเครื่องดื่มให้ทันที  ผมยกขึ้นจิบก่อนหยิบแก้วไวน์อีกใบหนึ่งวางตรงหน้าแล้วรินไวน์ให้พี่ธานที่ตั้งใจเตรียมเครื่องดื่มให้ผมเพียงคนเดียว

“นอนนี่แหละ” ผมเอ่ยปากอนุญาต  บอกเป็นนัยให้อีกฝ่ายลดการทำตัวในหน้าที่แล้วทำตัวตามสบาย
 
“ขอบคุณครับ” พี่เขารับแก้วไวน์ของตนเองไปดื่มแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“อาบน้ำกันไหม” ผมชวน  หมายถึงอาบด้วยกัน

“หึ” พี่ธานหัวเราะในลำคอ  รอยยิ้มบนใบหน้าเป็นแบบที่ผมเห็นแล้วสบายใจ 

“แล้ว.. ไปหาสมุทรมาเป็นยังไงบ้างครับ” จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ถามไม่มีปี่มีขลุ่ย

“โรงแรมมันก็หรูดีนะ แต่หมอนไร้รสนิยมไปหน่อย” ผมเหลือบมองไปที่หมอนอิงที่วางอยู่บนโซฟาตรงห้องนั่งเล่น

“มีอะไรรึเปล่าครับ” พี่ธานยังคงซักกลับประเด็นเดิม

“........” ผมเงียบ  ช้อนตาขึ้นมองหน้าพี่เขาก่อนเหสายตามายังแก้วไวน์ของตัวเอง 

“มีมั้ง” ผมตอบให้ 

“ทะเลาะกันเหรอครับ”

“อืมมมม ทะเลาะรึเปล่านะ” ผมผลิยิ้มมุมปาก  เงยหน้าขึ้นมองเพดานพลางนึกถึงความรู้สึก ณ ตอนนั้น  พี่ธานนั่งเงียบ  อมยิ้มน้อย ๆ และลดระดับสายตามองลงต่ำ  ไม่คาดคั้นเอาความมากกว่านี้อีก...


ก๊อก  ๆ ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายบรรยากาศ  พี่ธานลุกขึ้นไปเปิดประตู  ไอ้คินเดินเข้ามาพร้อมกับพนักงานที่นำอาหารมาเสิร์ฟด้วย
 
“ห้องถูกใจไหมมึง” เจ้าของโรงแรมยิ้มถาม

“ก็เดิม ๆ” ผมตอบห้วน ๆ  ไม่เข้าใจว่าจะถามทำไมเพราะก็เคยมาพักแล้ว

“ไอ้เวร” มันบ่น 

“วางนี่เลย” ไอ้คินชี้นิ้วสั่ง

“ครับ” พนักงานผงกหัว  กุลีกุจอจัดวางอาหารลงบนโต๊ะ  ผมมองอาหารห้าจานที่วางอยู่  สิ่งที่เตะตาผมเป็นพิเศษคือจานผลไม้ขนาดใหญ่ที่จัดจานด้วยผลไม้นานาชนิดอย่างสวยงาม 

“มึงนี่ได้กำไรจากกูเยอะนะ” ผมพูดถึงอาหารง่าย ๆ ที่อยู่ตรงหน้า  โดยเฉพาะผลไม้ที่เพื่อนสนิทสั่งเอาใจผม 

“ตรงไหน” ไอ้คินแทบสบถ  พนักงานโค้งตัวน้อย ๆ ก่อนจากไปเมื่อทำภารกิจเสร็จ

“ก็มึงเสือกกินง่ายเองทำไม” มันว่ายิ้ม ๆ 

“เดี๋ยวผมลงไปเอาของให้นะครับ” พี่ธานพูดบอก  ผมพยักหน้า  อีกฝ่ายหยิบกุญแจรถก่อนออกจากห้องไป

“ของอะไรวะ” ไอ้คินขมวดคิ้ว  หยิบแก้วเปล่ารินเหล้าจากขวดที่ผมดื่มเหลือที่บาร์ใส่แก้วของตน

“........” ผมไม่ตอบ  มันหันมามองงง ๆ ก่อนเดาคำตอบได้จากความหมายบนใบหน้าของผมว่าของที่ว่าคืออุปกรณ์การหลับนอนสำหรับคืนนี้

“มึงก็ เบามือหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้มันต้องทำงาน” ไอ้คินเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง  ผมหยิบเชอร์รีเข้าปากพลางรับฟังเงียบ ๆ
 
“กูต้องอยู่นี่สักครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวพนักงานมันจะหาว่ากูพาเด็กมาส่งเป็นการส่วนตัว” มันเลื่อนเก้าอี้ตัวที่พี่ธานนั่งก่อนหน้านี้นั่งลง

“ก็ทำจริง มึงนี่โกหกตัวเองบ่อยไปนะ” ผมพูด

“ไอ้เหี้ย หึ ๆ ก็เพราะมึงไหม” ไอ้คินบ่นปนหัวเราะ

“มึงก็นั่งกินกับพี่ธานสิ พี่ใหญ่กูขี้เหงา” ผมแซวคนที่เพิ่งออกไป  ไอ้คินหัวเราะชอบใจรู้ว่าผมพูดไปอย่างนั้นเอง  เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง  ครั้งนี้การเคาะค่อนข้างเบาคล้ายผู้เคาะเกรงใจคนในห้อง  ไอ้คินลุกไปเปิดประตู พบเทนยืนอยู่ตรงหน้า  เจ้าของโรงแรมออกปากให้ทางนั้นเข้ามาด้านใน  เทนผงกหัวน้อย ๆ เดินเข้ามาและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมห่างไปเกือบสองเมตร


บรรยากาศในห้องเงียบสนิท  รู้ว่าไอ้คินก็คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในสถานการณ์นี้  เทนยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่จุดเดิม  อีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองผมเล็กน้อย  ผมผายมือออกส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้ามาหา  เทนเหลือบอ่านสีหน้าของเจ้านายก่อนจะเดินตรงมา  ผมขยับตัว  ตั้งศอกลงบนโต๊ะพลางเท้าใบหน้าด้านข้างด้วยมือข้างหนึ่ง  มืออีกข้างที่ว่างอยู่สอดเข้าไปด้านในต้นขาขวาของคนตรงหน้า  เทนสะดุ้งเล็กน้อย  ผมเหลือบมอง ผละมือออกและวางลงที่หน้าตัก  อีกฝ่ายเข้าใจที่ผมสื่อจึงนั่งลงช้า ๆ บนขาซ้ายของผม  เขาตัวเกร็งจนรู้สึกได้  มือของผมวางลงที่ต้นขาของเขาพลางสำรวจมองร่างกายใกล้ ๆ  เครื่องแบบบาร์เทนเดอร์ถูกถอดออกแล้ว  เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแล็คเท่านั้น  ผมช้อนตาขึ้นมอง  อดไม่ได้ที่จะสอดนิ้วผ่านระหว่างช่องของกระดุมเสื้อตรงหน้าท้อง  นิ้วสัมผัสถูกผิวเนื้อด้านใน  ปฏิกิริยาที่ได้รับตอบกลับน่าสนใจขึ้นอีก...

“เข้าไปในห้อง เดี๋ยวฉันไป” ผมพูด

“........” เทนพยักหน้ารับเงียบ ๆ ไม่ยอมสบตา

“ตามสบาย” ผมบอก 

“ขอบคุณครับ” เทนตอบ  ลุกขึ้นยืนก่อนหันมาก้มหัวให้ไอ้คินครั้งหนึ่งแล้วเดินเข้าห้องนอนไป  เสียงประตูปิดลงเบา ๆ 

“กลัวมึง แต่ก็อยากได้มึง คืออะไร” ไอ้คินพึมพำหน้านิ่ง

“คืออะไร” ผมทวนคำพูดของมัน  ยกไวน์ขึ้นดื่มจนหมดก่อนเลื่อนแก้วไปด้านในโต๊ะเพราะไม่ต้องการดื่มต่อแล้ว

“ขอน้ำเปล่าหน่อย” ผมพูดพร้อมหยิบชีสเข้าปาก  ไอ้คินหยิบขวดน้ำเปล่าที่อยู่ใกล้มือรินใส่แก้วให้  ผมรับมาดื่มจนหมดก่อนเปิดบรั่นดีขวดใหม่รินใส่แก้ว 

“อยากได้อะไรเพิ่มไหม” ไอ้คินถาม

“........” ผมส่ายหัว  ยกบรั่นดีขึ้นดื่มหมดอีกแก้วก่อนที่เจ้าของโรงแรมจะเติมให้อีก

“เป็นเกียรติจริง ๆ” ผมยิ้มแซว

“เฮ้อ” ไอ้คินถอนหายใจ

“ไม่มีอะไรให้ช่วยใช่ไหม” อีกฝ่ายถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“เรื่อง ?” ผมแกล้งซื่อ

“จะไปรู้เรอะ” มันขึ้นเสียงนิด ๆ

“น่า ~” ผมปัดไปที  รู้ว่ามันกำลังเป็นห่วงพี่ชายตัวเอง

“น่าห่าอะไร” มันเลียนเสียงผมในทีแรกก่อนบ่นให้ 

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ

“ทำไมอยู่ ๆ ก็ได้ จ่ายส่วยกูเหรอ” ผมพยักหน้าถามถึงคนที่อยู่ในห้อง 

“กูไม่ระยำขนาดนั้นหรอก” มันว่าให้  ผมยิ้มกว้าง

“แต่ตามจริงก็.. เอาใจมึงมั้ง ไอ้เทนมันก็ดูสนใจมึง” ไอ้คินเบือนหน้าหนี 

“คิน” ผมเรียก

“หืม” อีกฝ่ายขานรับ

“........” ผมจ้องหน้ามัน  แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร  เสียงเพื่อนสนิทถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่เห็นว่าคงจะไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากผม  ครู่หนึ่งพี่ธานก็กลับมาพร้อมกับของใช้จำเป็นและนำของเหล่านั้นไปเก็บในห้อง


ผมลุกขึ้นยืน  เดินออกจากโต๊ะพร้อมกับคว้าขวดเหล้าขวดเดิมที่ดื่มเหลือจากที่บาร์มาด้วย  ทิ้งเครื่องดื่มที่เปิดใหม่ไว้ให้คนที่นั่งดื่มต่อที่นี่  พี่ธานเปิดประตูห้องนอนและปิดลงให้  คนที่อยู่ในห้องน้ำเดินออกมาพอดี  อีกฝ่ายชะงัก  ผมวางขวดเหล้าลงบนหัวเตียง  เสียงก้นขวดกระทบกับโต๊ะเบา ๆ  เทนหยุดยืนอยู่กลางห้อง  สายตาเอาแต่มองลงพื้น  กลิ่นสบู่ที่เขาเพิ่งอาบน้ำมาฟุ้งไปทั่ว  ไฟดวงหลักถูกปรับให้ความสว่างในห้องหรี่ลง...


- - - - - - - - - - - - - -


1 อาทิตย์ผ่านไป

“มึงเก็บมันเหรอวะ”

“ใคร” ผมถามกลับไอ้โปรดที่นอนสบายอยู่บนโซฟาทำอย่างกับเป็นบ้านของตัวเอง

“ไอ้หมูตุ๊ต๊ะที่มีเรื่องกับกูที่สนามแข่งวันนั้น” มันตอบ

“........” ผมไม่ตอบ  กดเปลี่ยนช่องจากช่องข่าวไปดูการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสม

“เฮ้อ กูแม่งเบื่อมึงฉิบหาย” ไอ้โปรดบ่นเซ็ง ๆ  ฟังจากโทนเสียงแล้วไม่พอใจอย่างจริงจังอยู่พอสมควร

“หาแต่เรื่อง !” มันว่า

“ว่าตัวเองทำไมครับ” พี่ธานที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี  อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองไอ้โปรดด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์

“หึ..” ผมหัวเราะ  ตลกที่พี่เขาเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ได้จังหวะเหน็บแนมเพื่อนสนิทผม

“กวนตีน” ไอ้โปรดย้อนนิ่ง ๆ  คนถูกด่าอมยิ้ม  ตรงมานั่งลงที่โซฟาอีกตัว

“ได้ข่าวว่ารถไฟชนกันเหรอครับ” พี่ธานยิ้มมองไอ้โปรด 

“อะไร” เพื่อนผมหันมามอง  คิ้วขมวดเป็นโบ

“ก็หัวที่ช้ำนั่นน่ะ” พี่ใหญ่ขยายความ  ผมยิ้มมุมปากเพราะก่อนหน้านี้ไอ้โปรดให้เหตุผลกับผมว่า  หน้าผากที่ช้ำเกิดจากอุบัติเหตุ  หัวไปกระแทกกับขอบประตู

“หัวกระแทกขอบโต๊ะมั่งเหอะ !” ไอ้โปรดแสยะปาก

“ขอบประตู” ผมพูดแทรก

“........” ทุกคนเงียบลง 

“รถไฟชนกันที่ร้านคุณเพียง ได้ข่าวว่าตีกันจนเพื่อนคุณเสียไปเกือบแสน” พี่ธานหันมาพูดบอกผม  ไอ้โปรดได้ยินดังนั้นถึงกับหลับตา  พยายามกักเก็บอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่

“พี่นี่เป็นคนปากมากเหมือนกันนะ” ไอ้โปรดกวาดตามองพี่ธานอย่างดูถูก 

“แล้วจะโกหกทำไม” ผมยิ้ม ส่ายหัวบ่นอย่างไม่เข้าใจ

“แม่ง อีกคนก็เมีย อีกคนก็ผัว ปวดหัวฉิบหาย กูไม่อยากพูดถึงไง” ไอ้โปรดสบถใส่  มันลุกขึ้นนั่งพร้อมหยิบหมอนอิงไปกอด

“กูเสียเกือบแสน ประเด็นคือมันทะเลาะกันทั้งที่กูเลิกยุ่งกับมันสองคนไปแล้วด้วย ไอ้เชี่ย” เพื่อนผมบ่น 

“ไอ้ไฟ มึงช่วยสั่งให้ลูกน้องมึงหยุดยิ้มแปลก ๆ แบบนั้นสักทีได้ไหม” มันเหล่ตาใส่พี่ธาน

“ตลกกว่าดูตลกอีกครับ” พี่ธานตอบตาใส

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะลั่น

“แล้วพี่มีอะไรครับ” ผมถามพี่ธานเพราเห็นว่าอีกฝ่ายมีเอกสารอยู่ในมือด้วย

“รายงานการฝึกซ้อมของทางประจวบฯ กับที่ฝรั่งเศสครับ” พี่ธานตอบพร้อมยื่นเอกสารมาให้  ผมรับมาเปิดดู

“ดาวกับเมฆเป็นยังไง” ผมถามถึง  ก่อนที่สมุทรจะเดินทางไปเก็บตัวที่ประจวบฯ ผมให้พี่ธานเตรียมคอนโดที่ปลอดภัยไว้เพื่อให้ดาวกับเมฆไปอยู่ที่นั่นสักพักระหว่างที่สมุทรไม่อยู่บ้าน  เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความสบายใจของคนเป็นพี่ชายด้วย   
 
“ดีครับ ผมว่าจะแวะไปหาวันนี้” พี่ธานตอบ

“วันเสาร์นี้เตรียมตัวด้วย ผมจะเข้าประจวบฯ บอกแค่แม่บ้าน ไม่ต้องบอกทางค่าย” ผมสั่ง

“ได้ครับ จะไปกี่วันดีครับ” พี่ธานถาม

“นอนคืนเดียว” ผมตอบ

“ครับ”

“ก่อนออกเดินทางตอนเช้าผมจะแวะไปหาดาวก่อน ไม่ต้องบอกเธอหรอก ผมจะบอกเองก่อนไปหา” ผมพูด  ถ้าบอกล่วงหน้าหลายวันเธอเองก็จะเกร็งเปล่า ๆ  ผมรู้ว่าเธอก็ไม่ได้สบายใจนักที่ต้องพบหน้าผมเป็นการส่วนตัวโดยไม่มีพี่ชายอยู่ข้าง ๆ
 
“ได้ครับ” พี่ธานขานรับอีกครั้ง  ในห้องเงียบลงขณะที่ผมอ่านรายละเอียด  มีแต่เสียงทีวีที่ถูกไอ้โปรดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ
 
“ขอบคุณครับ” ผมสอดเอกสารกลับเข้าซองเหมือนเดิม


ต่อไปเป็นข่าวการเมือง  นายดำริ ผู้สมัครลงเลือกตั้งพรรคการเมือง ooo ลงพื้นที่หาเสียงทางภาคเหนือ 


“ผมได้กลิ่นความฉิบหายบนตัวผู้ชายคนนี้คลุ้งไปหมดเลยครับ” พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“นั่นสิ พี่ทัพมันจะไหวไหมน่ะ..” ไอ้โปรดพึมพำ



...............(ไฟ)..............
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 54 [ 21:09 น. - พฤ. 24 ธ.ค 63 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 12-02-2021 16:42:47

เนื่องจากเชื้อสายของน้องพายุ (ของเฮียไฟ) เลยมาลงตอนนี้เพื่อฉลองตรุษจีน #มันใช่เหรอ 55555++

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ~  :mc4: :mc4: :mc4:

แล้วเจอกันใหม่พี่น้อง :mew3: :mew3: :mew3:


ขอบคุณค่ะ | เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 12-02-2021 18:49:00
เฮียไฟขาาาาา...ตอนหน้าจะไปประจวบบบบ..จะเจอกันท่าไหนน้ออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 12-02-2021 20:13:46
เฮียไฟจะไปประจวบแล้ว จะคุยกันดีๆ กี่นาทีนะนี่

ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้ค่าเบบี้ ^^
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 12-02-2021 21:12:54
เมื่อไรจะคุยกันนะไฟกับสมุทร รู้สึกอึมครึมมากเลย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 12-02-2021 21:45:18
ขอหวานๆ ที่ประจวบซักแมทนะเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 12-02-2021 23:33:18
 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 13-02-2021 00:47:25
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วววว
สมุทรค่าตัวแพงมากแบบมาก น้องจะเป็นยังไงบ้างน้อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 13-02-2021 12:19:34
ชอบๆๆๆ พูดได้แค่นี้จริง :L2:
ขอบคุณคุณเบบี้มากๆค่ะ

 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: meikukio ที่ 14-02-2021 10:25:41
ตอนหน้าไปประจวบจะเจอกันแล้ววววว
จะคุยกันอีกทีไหนน้า บรรยากาศอึนครึมจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-02-2021 12:39:45
แอบช็อค!!!! หนอนบ่อนไส้  แอบห่วงพี่ทัพ
จะพูดยังไงดี ความเป็นพี่ไฟอ่ะเฮ่อ...ทุกอย่างรอบตัวดูอันตรายหมดเลย

คือความจริงฉันหวงพี่ไฟ ไม่อยากให้ยุ่งกับใครนอกจากสมุทร แต่สมุทรก็แบบ โว้ยยยยยยยยยยย   
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-02-2021 02:04:19
ไฟ สมุทร เป็นเส้นขนาน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 15-02-2021 12:21:38
เขาจะคืนดีกันไหมนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 16-02-2021 04:31:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-02-2021 15:35:34
อั่งเปาให้คุณเบบี้ค่ะ :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: กัณฐ์ตังค์ ที่ 16-02-2021 22:19:36
อ่านมาทั้งเรื่องพยายามไล่กวาดหาเเต่คำว่า "สมุทร"
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 23-02-2021 16:14:41

 :katai2-1: ชอบความมีเสน่ห์ของเรื่องนี้คือลุคของไฟที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่ที่เน้นพวกใช้สมองแบบนั้น
(ไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไง :mew2: ) ที่จะว่าไปกํ็คือมาเฟียแต่คือมันให้ความรู้สึกว่ามาเฟียแบบมีกึ๋นอะ

รอว่าเมื่อไหร่เค้าจะเข้าใจกัน  :mew1:

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sarocha45377 ที่ 17-03-2021 22:51:27
 :mew2: รออยู่นะคะ รอคุณไฟกับคุณสมุทรอยู่นะคะ พี่เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 24-03-2021 12:14:11
คิดถึงพี่ไฟ :)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-03-2021 22:11:58
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 08-04-2021 16:14:59
กลับมาอ่านอีกรอบตั้งแต่ต้น ไม่รู้ว่าไฟกับสมุทรจะกลับมาเจอกันละหยอกกันได้อีกทีตอนไหน ฮือ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: กัณฐ์ตังค์ ที่ 14-04-2021 22:51:35
6ปีเเล้ว ยังไม่จบเลย 55555555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 15-04-2021 23:15:06
6ปีเเล้ว ยังไม่จบเลย 55555555

ขุ่นพระ 5555  :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 15-04-2021 23:15:26
แจ้งข่าว : 10 พฤษภาคม 2564 - แจ้งข่าวไฟสมุทร (https://baby.thai-forum.net/t546-topic)

ขอบคุณค่ะ | เบบี้


.

ตอนที่ 56
..ไฟ..




ประจวบฯ

สถานที่ฝึกซ้อมที่ประจวบฯ คือหนึ่งในบ้านพักตากอากาศของผมที่เปิดไว้ให้นักมวยเพื่อมาเก็บตัว  ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเก็บตัวช่วงก่อนขึ้นชกหรือนำไว้ต้อนรับแขกทางธุรกิจ เช่น นักมวยกับโค้ชจากค่ายที่รวมงานกันที่ต่างประเทศ  ที่นี่มีอุปกรณ์ทุกอย่างที่นักกีฬาต้องการแบบครบครัน หรืออาจเพียบพร้อมกว่าโรงฝึกบางแห่งด้วยซ้ำ  เป็นบ้านพักที่ไม่ได้อยู่ในการดูแลของส่วนบริหารของค่าย  เนื่องจากเป็นของส่วนตัวของผม  ดังนี้ ใครจะมาพักจะต้องได้รับอนุญาตผ่านผมหรือพี่ธานก่อน   

เรามีแม่บ้านและคนสวนดูแลอยู่ประจำ  เพราะเอาเข้าจริงก็เป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่นัก  มีแขกเหรื่อให้ต้อนรับขับสู้อยู่เกือบทุกเดือน...   

“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะคุณไฟ” แม่บ้านกับคนสวนที่ยืนรอต้อนรับโค้งตัวทักทาย   

“สวัสดีครับ” ผมทักตอบ  หันไปมองสวนที่กว้างออกไปสุดลูกตาที่ดูเหมือนว่าจะได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี 

“สวยดีนะ” ผมชม

“ขอบคุณครับ” คนสวนผงกหัวพร้อมยิ้มรับคล้ายดีใจ  ผมเดินนำเข้าไปในตัวบ้านซึ่งเป็นบ้านหลังส่วนตัวของผม  อนุญาตให้เปิดใช้บ้านหลังนี้ได้เฉพาะผม  คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทที่ผมเห็นสมควรเท่านั้น 

เครื่องดื่มถูกวางเสิร์ฟในทันทีที่ก้นแตะถึงโซฟาที่ห้องนั่งเล่น  ไม่ได้มานานแล้วเหมือนกัน  บรรยากาศที่ต่างจากกรุงเทพฯ ทำให้ใจสงบได้นิดหน่อย... 

“เย็นนี้เป็นอาหารทะเลดีไหมครับ” พี่ธานยิ้มถามขณะวางกระเป๋าพกพาของผมลงข้าง ๆ มือ

“ครับ” ผมตอบพลางยิ้มนิดหน่อย

“ฝรั่งค่ะ” แม่บ้านวางจานฝรั่งหั่นเป็นชิ้นจัดจานสวยงามลงบนโต๊ะ  มีพริกเกลือด้วย

“ขอบคุณครับ” ผมบอก 

“เย็นนี้จัดอาหารที่ริมสระว่ายน้ำดีไหมคะ” แม่บ้านยิ้มถาม

“ก็ได้ครับ สัก..ทุ่มนึงแล้วกัน” ผมตอบ

“ได้ค่ะ คุณไฟอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ”

“ไม่รู้สิครับ” ผมปัด  ไม่ได้นึกอยากอะไร  หันมาเปิดประเป๋าสตางค์  หยิบเงินหนึ่งหมื่นบาทยื่นให้เธอ 

“จัดเผื่อคนที่ค่ายด้วยแล้วกัน” ผมสั่ง

“ได้ค่ะ” เธอผงกหัวพลางรับเงินไปถือไว้

“ผม..อืม น่าจะอยากกินเนื้อวัว” ผมพูด  นึกขึ้นได้จึงหยิบเงินเพิ่มให้อีกห้าพันเพราะกลัวว่าจะไม่พอ

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวป้าเตรียมให้นะคะ แล้วเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมให้เด่นไปซื้อต่างหาก ป้าเตรียมแค่พวกน้ำอัดลมก็พอ เอาแบบพอดี ไม่ต้องเตรียมเผื่อขาด ไม่พอก็หยุดกิน” ผมสั่ง  เพราะไม่ได้สนับสนุนให้ดื่มน้ำพวกนี้ในช่วงนี้เท่าไหร่

“ซื้อผลไม้ให้ผมด้วย” ผมบอก

“ค่ะ” แม่บ้านผงกหัวรับทราบ

“ให้ผมไปกับป้าเลยไหมครับ” ไอ้เด่นเสนอ  แม่บ้านที่นี่มีอยู่ประจำสามคน  คนสวนที่บวกพ่วงกับงานทั่วไปอีกสองคน  นอกนั้นจะถูกว่าจ้างแบบชั่วคราว

“อืม” ผมอนุญาต

“ว่าแต่.. เลี้ยงเหล้ากูหน่อยซิ” ผมใช้หลังมือตบลงที่หน้าท้องไอ้เด่นอย่างหยอกเอินสองสามที 

“เอ่อ ครับ นาย” อีกฝ่ายขานรับตะกุกตะกักอย่างเสียไม่ได้  ทำเอาพี่ธานหลุดหัวเราะ

“ไปได้แล้ว เดี๋ยวตลาดวาย” ผมไล่

“ตลาดเย็นไม่วายเร็วหรอกครับ” มันย้อน

“อ๋อจ้า พ่อเจ้าของตลาด” ผมประชดซะเลย 

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ  คนถูกแซวเม้มปากเขิน ๆ

“คือ ผมแค่อยากไปหาพี่สมุทรก่อนน่ะครับ ได้ไหมครับนาย” ไอ้เด่นยิ้มถาม

“........” ผมเฉย  ละสายตากลับมาและไม่ได้ตอบออกไป

“เอ่อ งั้น...ผมไปตลาดเลยดีกว่าครับ ขอตัวนะครับ” มันโค้งตัวแล้วสับฝีเท้าออกไปอย่างเร่งรีบ  แม่บ้านก็ทยอยออกจากห้องไปด้วย  นาฬิกาที่ติดอยู่ตรงผนังห้องนั่งเล่นบอกเวลาที่พอจะคาดเดาได้ว่า ณ ตอนนี้คนที่ค่ายกำลังซ้อมกันอยู่แน่   

“เรียกเหงื่อกันหน่อยดีไหมครับ” ผมเลิกคิ้วชวนพี่ใหญ่

“เอาสิครับ” พี่ธานไม่ปฏิเสธ  ผมกับพี่ธานแยกย้ายกันไปห้องใครห้องมัน  เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวไปลงซ้อมกับคนที่ค่าย
ทางเดินจากตัวบ้านไปถึงโรงฝึกประดับด้วยสวนหญ้า  ผมเดินทอดน่องกับพี่ธาน  ได้ยินเสียงของการฝึกซ้อมดังแว่วมาแต่ไกล  พนักงานบางคนคล้ายว่ากำลังพักอยู่หันมาสังเกตเห็นพอดี  สีหน้าดูตกใจที่เห็นผมปรากฏตัวแบบไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า  ทันทีนั้นก็ทำท่าจะกลับเข้าไปในตัวโรงฝึก  ผมกวักมือส่งสัญญาณเรียกเอาไว้ได้ก่อนที่ทางนั้นจะได้ทำตามที่ต้องการ...

“จะไปไหน” ผมทักส่ง ๆ  วางมือลงบนต้นคอของอีกฝ่าย  รู้ว่ามันคงตั้งใจจะเข้าไปส่งข่าวบอกให้คนในโรงฝึกได้รู้ตัวว่าผมมา
 
“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  ก้มหัวน้อย ๆ และหลบสายตา  ผมจับคอมันให้ติดมือเดินเข้าโรงฝึกมาด้วยกัน  สถานที่ฝึกซ้อมที่นี่มีทั้งแบบเปิดและแบบปิด  ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน  อุปกรณ์ที่มีราคาสูงจะถูกวางอยู่ในห้องแบบปิด  เวทีมวยจำเป็นต้องตั้งอยู่ในที่เปิดโล่ง  การมีโรงฝึกซ้อมที่นี่ก็เพื่อมากินบรรยากาศละนะครับ

“คุณไฟ” พนักงานในโรงฝึกหันมาเห็นต่างกุลีกุจอเข้ามาทักทาย  ผมหยุดยืน  ปล่อยมือออกจากคอคนที่มาด้วยกันพลางมองเข้าไปด้านใน  เห็นสมุทร ครูมวยและทีมฝึกซ้อมอยู่ในนั้น

“สวัสดีครับนาย” ไอ้รุ่งตรงเข้ามาโค้งตัวทักทาย  ในมือมีสมุดเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง

“ว่ามา..” ผมบอก

“ครับ” มันผงกหัวรับทราบก่อนจะรายงาน  ห้านาทีหลังจากที่ไอ้รุ่งรายงานความเป็นไปของที่นี่เสร็จเรียบร้อย  ครูมวยก็สั่งให้หยุดซ้อมและตรงเข้ามาหาผม  สมุทรโค้งตัวทักทายและยืนห่างออกไประยะหนึ่ง

“เป็นไงบ้างครับ” ผมทัก

“ดีครับ เรียนรู้เร็วดี ฟอร์มดี อึดด้วย” ครูมวยยิ้มตอบ

“อืม” ผมพยักหน้ารับทราบ  ปกติแล้วผมไม่ค่อยถามอะไรนัก  หากไม่ใช่เรื่องจำเป็นจริง ๆ ก็จะปล่อยให้จัดการกันเองตามหน้าที่ 

“เดี๋ยวให้ซ้อมกับรุ่งนะครับ” ผมสั่ง

“ได้ครับ” ครูมวยตอบรับ  ผมเดินนั่งลงที่เก้าอี้ที่วางอยู่ด้านข้างเวที  ไอ้รุ่งกับสมุทรถูกครูมวยเรียกไปคุยอีกมุมหนึ่ง 

บรรยากาศในโรงฝึกเปลี่ยนไป  ความตึงเครียดเข้าปกคลุม  นักมวยและทีมที่ดูแลหยุดทุกอย่างเพื่อมาดูสมุทรขึ้นชกกับไอ้รุ่ง  การชกเริ่มขึ้นหลังจากนั้นโดยมีครูมวยคอยกำกับอยู่ข้างเวที  เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาที  ครูมวยเดินเข้ามาหาผมในทันทีที่เห็นผมยืนขึ้น  คนบนเวทีไม่หันมาสบตาผมเลยตั้งแต่อยู่บนนั้น...

“ล้อผมเล่นเหรอครับ” ผมพูดพลางก้มหน้าลง  หลังจากเห็นผลแล้วก็เหนื่อยหน่ายที่จะพูดมันออกมา  ผมไม่เห็นความกระหายในตัวหมอนี่เลย

“ครับ ?” ครูมวยหน้าถอดสี

“แบบนี้เหรอครับที่เรียกว่าดี” ผมพูดเชิงถาม  น้ำเสียงที่ใช้เป็นไปอย่างเรียบ ๆ เพื่อรักษาหน้าอีกฝ่ายที่อย่างน้อยก็เป็นครูมวยที่ผมนับถือ 

“........” ทั้งครูมวยและทีมฝึกที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ หลบสายตาและไม่มีใครตอบกลับ

“งัดของเขาออกมาครับ” ผมสั่ง  อีกฝ่ายพยักหน้ารับทราบเงียบ ๆ 

“แล้วก็..เย็นนี้ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารไว้ให้ที่ริมสระว่ายน้ำ สำหรับทุกคน วันนี้เย็นไม่ต้องซ้อม” ผมอนุญาต 

“ขอบคุณครับ” ครูมวยยิ้มตอบ  ผมเดินจากมาพร้อมกับพี่ธาน  เราเดินเอ้อระเหยไปตามทางเดินริมชายหาดเพื่ออบอุ่นร่างกายก่อนออกวิ่ง 

“ขอโทษนะครับคุณไฟ”

“ครับ” ผมขานรับ

“ทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอครับ”

“........” ผมเงียบ  หันไปมองหน้าพี่ธานก่อนยิ้มให้

“ก็ ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ” ผมบอก 

“มีปากเสียงกันนิดหน่อย หมอนั่นเลยบอกไม่ให้ผมโผล่ไปที่บ้านเขาอีก”

“ไปทำอะไรให้ทางนั้นโกรธครับ” พี่เขาเบิกตา

“หึ..” ผมหลุดยิ้มมุมปาก 

“งั้นใครโกรธใครครับ” อีกฝ่ายซักต่อ  ผมนิ่งไปครู่  เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางนึกคำตอบ

“ผมไม่โกรธหรอก..” ผมเบะปากและหันกลับไปหาคู่สนทนาอีกครั้ง 

“.......” พี่ธานจ้องมองผมเงียบ ๆ

“คนไม่โกรธ มีเหตุผลอะไรที่ไม่คุยกันไหมครับ” อีกฝ่ายยิ้มพูดอย่างอ่อนใจ

“เออ นั่นสิ” ผมปัดประเด็นด้วยการเห็นด้วย  เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อตัดบทสนทนา


..

อาหารค่ำริมสระว่ายน้ำถูกจัดเตรียมไว้พร้อม  ผมเพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จได้ไม่นาน หลังจากที่ออกกำลังกายจบไปไม่กี่ชั่วโมงก่อน  โต๊ะอาหารถูกตั้งไว้แยกกัน  ผมกับพี่ธานและครูมวยบางคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน  พนักงานและคนในค่ายแยกไปอีกโต๊ะหนึ่ง  บรรยากาศสังสรรค์ไม่เชิงว่ารื่นเริงนัก  ค่อนข้างสงบเลยก็ว่าได้  ผมไม่ทราบว่าโต๊ะที่พนักงานนั่งอยู่นั้นคุยเรื่องอะไรกันแต่ก็ดูเฮฮาดี  ไอ้เด่นกับไอ้รุ่งก็ขอไปนั่งรวมอยู่กับทางนั้นด้วย  ส่วนโต๊ะของผม ส่วนใหญ่จะพูดคุยเรื่องงานและเป้าหมายที่ต้องการให้เป็นไป  รวมถึงเรื่องนักมวยที่ต้องขึ้นชกเร็ว ๆ นี้ 


ประมาณ 21.00 น. อาหารค่ำเลิกก่อนเวลา  นักมวยที่ต้องฝึกพรุ่งนี้เช้าขอตัวกลับไปพักผ่อน  สมุทรด้วยเช่นกัน  เขาเข้ามาลาผมกับพี่ธานพร้อม ๆ กับนักมวยคนอื่น ๆ คล้ายกับว่าหลีกเลี่ยงการที่จะต้องมาบอกเป็นการส่วนตัว  การโค้งตัวลาจากทางนั้นไม่มีการสบตาเลยแม้วินาที  แต่ก็นะ.. มันก็น่าจะเป็นประมาณนี้อยู่แล้วล่ะมั้ง

ริมสระว่ายน้ำสงบลงเมื่อทุกคนแยกย้ายกลับที่พักไป  เหลือเพียงผมกับพี่ธานและไอ้เด่นกับไอ้รุ่งที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง...


ตืด  ๆ ๆ

สายเข้า - พี่ทัพ -

“ฮัลโหล” ผมทักปลายสาย

“ไฟ รบกวนหน่อย”

“อืม..” ผมขานรับและรับฟังเงียบ ๆ

“จัดคนให้กูหน่อยสักสี่ห้าคน ขอแบบเดนสังคม เพิ่งออกจากคุกเลยก็ดี”

“เอาไปทำไม” ผมถาม

“กูตามสืบเรื่องคนในทีมอยู่ ตอนนี้เลยพอได้ไหม” อีกฝ่ายถาม

“ได้ ส่งที่อยู่มา” ผมตอบรับ

“เออ ขอบใจ” ปลายสายพูดบอกก่อนตัดสายไป  ผมจึงกดโทรออกในทันทีที่วางสายแรก 

“ครับนาย” ไอ้เข้มรับสาย

“เดี๋ยวมึงโทรหาคนของเราให้จัดคนไปหน่อย พี่ทัพแกอยากได้คน..” ผมบอก

“แบบไหนครับ” อีกฝ่ายถาม

“ต่ำสุด สักห้าคน เอาแบบร้อนเงินแล้วกัน เดี๋ยวนี้นะ” ผมสั่ง

“ได้ครับ” ไอ้เข้มขานรับ  ผมตัดสายลง  เหลือบมองหน้าพี่ธาน

“คุณจะบอกข้อมูลที่เรามีอยู่ให้พี่ทัพตอนไหนครับ” พี่ธานถาม

“หึ ตอนที่ถูกถามมั้ง” ผมตอบ

“หึ ก็จริงครับ” พี่ใหญ่อมยิ้มมีเลศนัย 

“พี่เองก็ไม่ได้อยากให้ผมบอกอยู่แล้ว จะมาถามลองใจทำไมครับ” ผมบ่น  ยกเหล้าขึ้นจิบ 

“แค่อยากลองถามดูครับ” อีกฝ่ายกวนตอบ

“หึ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ  เราสบตากันยิ้ม ๆ ก่อนที่พี่เขาจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้  มือทั้งสองข้างสอดเข้าหากันและเทินอยู่บนหน้าท้อง 

“บอกรักผมหน่อยสิ”

“ครับ ?” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นพร้อมเลิกคิ้วอย่างงงงวย

“ฮา ~ เร็วสิ ช่วงนี้ใจผมมันว้าเหว่ยังไงไม่รู้” ผมพ่นถอนหายใจ  แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่อยู่เหนือหัว  ขนาดที่นี่ก็ยังเห็นดาวไม่ค่อยชัด 

“หึ..” พี่ธานหัวเราะเสียงเบาในลำคอ

“รักนะครับ” อีกฝ่ายพูดบอก  ผมเงียบฟัง  ขณะที่ยังเงยหน้ามองอยู่ที่เดิม มุมปากก็เผยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้  ครู่หนึ่งจึงเบือนหน้ากลับมาและสบตากับคนตรงหน้าพอดี 

“จูบหน่อยเร็ว !” ผมลุกขึ้นเข้าไปจะคว้าหน้าพี่ธานมา  ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนที่มองผมอยู่ก่อนทำให้อดไม่ได้ 

“คุณไฟ ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ” อีกฝ่ายเอนตัวหนีพร้อมหัวเราะลั่น 


- - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 15-04-2021 23:20:04

เช้าวันรุ่งขึ้น  ผมและทุกคนตื่นเวลาตี 5 เป็นเวลาที่ผมนัดหมายคนในค่ายไว้ตั้งแต่เมื่อค่ำแล้วว่าจะออกไปวิ่งและกลับมาฝึกต่อพร้อมกับทุกคน  วันนี้ผมต้องเดินทางกลับ  ตั้งใจว่าช่วงบ่ายหลังอาหารกลางวันคงได้ออกเดินทาง

หนึ่งในโปรแกรมที่กระตุ้นสารเอ็นโดรฟินของผมในวันนี้คือการวิ่งบนชายหาดพร้อมถ่วงล้อยางรถยนต์  แรงต้านจากทรายที่ทำให้ร่างกายได้ใช้พลังงานมากกว่าปกติ  พร้อม ๆ กับบรรยากาศและเสียงคลื่นทะเลทำให้รู้สึกยิ่งออกแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกดีเท่านั้น...


“สมุทรรีบอัดเข้าไปเซ่ ! เว้นช่วงรอทำไม !” ครูมวยตะโกนต่อว่าคนตรงหน้าที่เป็นคู่ชกของผม  การชกของสมุทรที่ไม่ตอบโต้กลับมาถึงแม้ผมจะลองเชิงด้วยการปล่อยให้เป็นจังหวะของเขาได้ทำ  น้ำหนักของหมัดเริ่มหนักขึ้นเมื่อครู่มวยแสดงความไม่พอใจ  เมื่อผมเห็นว่าเขาได้สติว่าการที่ผมมาไม่ใช่ต้องการมาเป็นคู่ซ้อมให้กับเขา  แต่ผมมาเพื่อดูว่าผมจะได้อะไรหลังจากนี้ต่างหาก   

“เออ !” เสียงครูมวยและทีมดูแลเริ่มร้องเชียร์เมื่อเราปล่อยหมัดใส่กันรวดเร็วและรุนแรงขึ้น  ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เราได้สบตากันตรง ๆ หลังจากหลายอาทิตย์ผ่านมา


ตั๊บ !!

ผลัวะ !!!


ลูกเตะกับหมัดสุดท้ายที่ชกเข้าใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้เขาเซไปชนกับขอบเวที  ผมถอดนวมออก  เดินตรงเข้าไปหาเนิบช้าขณะที่ถูกคนตรงหน้ามองมาด้วยสายตาเรียบขรึม...

“คิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่” ผมเบิกตาอย่างไม่สบอารมณ์  บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบลงสนิทขณะที่ผมกับสมุทรเผชิญหน้ากัน
 
“ฉันไม่ได้ให้นายมาพักผ่อนที่นี่ รู้ไว้ซะด้วย” ผมพูด  ตบแก้มอีกฝ่ายอย่างตักเตือนสองสามทีก่อนเดินลงจากเวที

“เอาให้หนักกว่านี้ครับ” ผมสั่งครูมวย  ยื่นนวมคืนให้พนักงานที่ปรี่เข้ามารับ

“ผมไม่ชอบวิธีการคิดของเขา” ผมพูด  เพราะมันแทบเผยออกมาทางการชกของเขาหมดเลย

“........” ครูมวยไม่ตอบ  ก้มหัวรับทราบน้อย ๆ  ผมเดินจากมาพร้อมกับพี่ธาน  ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามหลังมาไว ๆ

“นายครับ” ไอ้เด่นตะโกนเรียก 

“อะไร” ผมหันกลับไปมองอย่างหงุดหงิด

“น้าปึกโทรมาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับนายครับ เดี๋ยวนี้เลยครับ” ไอ้เด่นตอบ  น้าปึกคือพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ที่บ้านของย่าผม  ซึ่งแปลก ผมมักจะไม่ได้รับการติดต่อจากแกหากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย


..

15.30 น. | กรุงเทพฯ

“แหม่ ~ โผล่หัวมาได้” โทนเสียงกระแนะกระแหนเอ่ยทักในทันทีที่ผมลงจากรถ  ผมยกมือไหว้  ตรงเข้าไปกอดเจ้าของเสียง  อีกฝ่ายกอดตอบแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

“สวัสดีครับคุณย่า” พี่ธานยกมือไหว้เช่นกัน

“สวัสดี นี่ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าฉันมีหลานชายกับเขาด้วยนะเนี่ย” ย่าเหล่หางตามาทางผม

“หึ..” ผมอมยิ้ม

“มาทำไมยะ” เธอกวาดตามอง

“แข็งแรงขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นให้ลูกหลานต้องมาหาหรอกครับ” ผมเหน็บกลับ  มองเธอหัวจรดเท้า

“แน่นอนย่ะ !” ย่าตอบกลับหน้าเชิดอย่างวางมาด  ผมสบตาพี่ธาน  พยักหน้าส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายไปทำธุระสำคัญของการเดินทางมาที่นี่ 

“มีอะไรกัน” ย่าถามทันที

“เปล่าครับ” ผมปัดพร้อมโอบเอวเธอให้เดินเข้าบ้านมาด้วยกัน

“แล้วจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันไหม” เธอถาม  ลดเสียงลงในระดับปกติ

“ไม่สะดวกครับ ยังไม่หิวด้วย” ผมตอบ
 
“งั้นแล้วมาทำไม” ย่าเปลี่ยนเสียงอีกรอบ

“เพิ่งกลับมาจากบ้านที่ประจวบฯ ซื้ออาหารทะเลมาด้วยเลยแวะเอามาให้ก่อน” ผมตอบ

“แค่เนี้ย ! ฉันมีปัญญาซื้อกินเองได้” ย่าบ่น  จ้ำเท้าเร็วขึ้นทำให้แม่บ้านคนสนิทต้องเร่งฝีเท้าตามเธอไปด้วย

“ย่า.. บอกว่าอย่าเดินเร็วไงครับ เดี๋ยวก็ล้มหรอก” ผมบ่นพร้อมถอนหายใจ

“ฉันแข็งแรงดี” ย่าย้อน

“ตอนเด็กก็คลานไปแล้ว อยากคลานตอนแก่อีกรอบรึไง”

“ไอ้ไฟ !” อีกฝ่ายหันกลับมาถลึงตาใส่   

“ก็คิดถึง มาหาไม่ได้เหรอครับ” ผมยิ้ม 

“เฮ้อ ~~~” อีกฝ่ายหยุดยืน  ถอนหายใจเต็มแรง 
 
“ย่าทำของว่างไว้เมื่อเช้า ไปกินก่อนค่อยกลับ” เธอพูด

“ครับ” ผมตอบรับ  เดินตามย่าตรงไปที่ห้องอาหาร

“เราน่าจะมาเร็วกว่านี้หน่อยนะ หนูริศาเพิ่งกลับไปไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง ไม่เห็นมาตั้งพักนึงแล้ว จู่ ๆ ก็เอาของฝากจากต่างประเทศมาให้ ย่าก็ไม่รู้ว่าแกจะมา ไม่อย่างนั้นจะได้โทรถามก่อนแล้วบอกให้หนูริศาเขาอยู่รอ” ย่าพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย  ผมไม่พูดอะไร  ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าริศามาที่นี่ 

“แล้วเมื่อไหร่จะให้น้องมันกลับไทย ทำไมส่งไปอยู่นานขนาดนั้น ไม่ได้มีอะไรใช่ไหม” ย่าหันกลับมามองหน้าผมเป็นระยะ

“อยู่นั่นแหละครับ อยู่นี่ไฟปวดหัว” ผมตอบส่ง ๆ ไปที  เธอหัวเราะและไม่ซักไซ้ต่อ

“คุณไฟอยากดื่มอะไรดีคะ” แม่บ้านยิ้มถาม

“กาแฟก็ได้ครับ” ผมตอบ  เลื่อนเก้าอี้ให้ย่าก่อนที่จะนั่งลงด้านขวามือของเธอ ซึ่งเป็นที่ประจำของผม

“อ่าว ธานไปไหน ไปตามมากินด้วยกันสิ” ย่าทัก

“ได้ค่ะ” แม่บ้านตอบ

“เดี๋ยวก็มาครับ” ผมพูดแทรก  เหลือบมองแม่บ้านเพื่อส่งสัญญาณบอกให้เธอไม่ต้องไปตาม

“แล้วเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าจะมีการแข่งขันใหญ่เร็ว ๆ นี้เหรอ”

“ครับ ก็เพิ่งกลับจากไปดูการซ้อมมาเนี่ยแหละครับ” ผมตอบ  เหลือบมองน้ำเปล่าที่แม่บ้านนำมาเสิร์ฟให้ก่อน 

“พายุโทรหาไหมครับ”

“ก็โทรเกือบทุกวันแหละ” ย่าตอบยิ้ม ๆ 

“ดีกว่าแกเยอะ แกอยู่ไทยฉันก็เหมือนมีหลานอยู่ต่างประเทศ” ย่าหันมาประชดทันควัน  หัวหน้าแม่บ้านที่ยืนประกบย่าอยู่ไม่ห่างถึงกับยิ้มตามไปด้วย

“ก็ส่งข้อความบอกรักมาออกบ่อย ยังไม่พออีกเหรอ ย่าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไฟส่งหาเลยนะ” ผมยิ้มกวนตอบเธอ  สบตากับหัวหน้าแม่บ้านเพื่อบอกให้เธอฟังด้วย

“ชิ !” อีกฝ่ายแสยะปากรับไม่ได้

“ขออนุญาตครับ” พี่ธานเดินมา  หยุดยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะอาหาร

“ธาน มานั่งด้วยกันสิ” ย่าพูด

“ขอบคุณครับ” พี่ธานผงกหัวตอบรับ  ตรงเข้ามาเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมแล้วนั่งลง

“คุณธานรับอะไรดีคะ” แม่บ้านยิ้มถาม

“กาแฟครับ ขอบคุณครับ”

“หึ ฉันเห็นแกสองคนแล้วก็อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก” จู่ ๆ ย่าก็พึมพำบ่น

“มันก็จะหมดปากอยู่แล้วนะครับ ปล่อยให้มันหักไปตามธรรมชาติเถอะ” ผมพูดบอก

“แกนี่มัน..” อีกฝ่ายบดฟันแน่น

“บัวลอยไข่หวานค่ะ” แม่บ้านอีกคนมาถึงพร้อมกับเสิร์ฟบัวลอยไข่หวานลงตรงหน้าผมกับพี่ธาน  ถ้วยลายไทยขนาดกำลังสวย  มีไข่หวานวางเด่นชัด  ควันลอยเบาบางแสดงให้เห็นว่าเพิ่งอุ่นมาให้สดใหม่

“ย่าเพิ่งทำเมื่อเช้า” ย่าพูด

“........” ผมตักบัวลอยขึ้นกิน  สบตากับพี่ธานครู่หนึ่ง  อีกฝ่ายรอให้ผมได้กินก่อนถึงลงมือกินตาม  แม่บ้านค่อย ๆ ทยอยนำผลไม้ออกมาวางเรียงบนโต๊ะ  มีทั้งฝรั่ง  มะม่วงสุกและน้อยหน่า 

“น้อยหน่านี่เจ้าของสวนที่ปากช่องเขาเพิ่งส่งมาให้ไม่กี่วันนี้เอง” ย่าบอก

“ครับ” ผมขานรับและไม่ใยดีมันนัก  ไม่ใช่ว่าไม่ชอบกิน  แต่ต้องมีอารมณ์อยากกินจริง ๆ ถึงจะกินได้  เบื่อที่จะต้องระวังเมล็ด

“รสชาติไม่ดีรึ” เจ้าของบ้านถามเสียงห้วนนิดหน่อย แต่ก็ฟังดูมีความหวัง

“ก็เหมือนเดิม” ผมตอบ  ยังคงเป็นรสชาติเดิมที่ย่ามักทำให้กินตอนเป็นเด็ก  แต่ผมไม่ค่อยออกปากชม  เวลาที่กินอะไรอร่อยถูกปากก็ไม่ค่อยแสดงอาการ  หลายครั้งเลยทำให้ย่าวิเคราะห์ไปเองต่าง ๆ นานา  พายุก็ด้วย

“ผมเคยกินเหลือรึไงครับ” ผมพูด  เหล่มองอีกฝ่ายที่ดูไม่พอใจในคำตอบแรก

“หึ..” อีกฝ่ายอมยิ้มอย่างพอใจ

“ย่า” ผมเอ่ย

“หืม ~” เธอขานรับพลางหันมามอง

“หลังจากนี้ไฟจะทำให้ริศาเลิกยุ่งกับย่านะครับ” ผมพูด 

“........” ย่านิ่งไป  เธอกวาดตามองผมครู่หนึ่งก่อนละสายตามองไปยังจานผลไม้ที่อยู่กลางโต๊ะ

“มีอะไร” เธอถามด้วยโทนเสียงที่นุ่มลง

“เธอจะทำให้ย่าเดือดร้อน.. เพราะไฟ” ผมบอก

“ก็แกไม่สนใจเธอ เธอถึงได้เรียกร้องความสนใจแกล่ะสิ” อีกฝ่ายทำเสียงไม่สบอารมณ์

“ย่า..” ผมเรียกสติว่านั่นไม่ใช่ประเด็น  ย่าชะงัก  ตัวตั้งตรง คอตรงคล้ายได้สติขึ้นมา  เสียงช้อนในมือผมที่กำลังกวาดเฉพาะลูกบัวลอยสีเหลืองกระทบกับถ้วยเซรามิก  มันดังพอที่จะทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

“เธอไม่ดียังไง ไหนแกว่ามาซิ ฐานะทางครอบครัวก็ดี นิสัยก็น่ารัก สวยด้วย แกชอบคนสวยไม่ใช่เรอะ !” ย่าประชด

“ไฟไม่ได้ชอบคนสวย” ผมสวนทันที 

“........” ย่าเงียบ

“นิสัยไม่มีเสน่ห์ สำหรับไฟก็คือไม่สวยแหละครับ” ผมอธิบายให้ย่าเข้าใจโดยง่าย   

“ย่ากำลังหาคนมาเป็นเมียเจ้าของบ้านให้ลูกน้องไฟ คิดว่าเธอรับมือไหวไหมครับ” ผมเสนอคำถามให้ย่าได้ฉุกคิด  ถ้าทำให้ลูกน้องผมเคารพไม่ได้  ก็ทำให้พวกมันก้มได้แค่หัวเท่านั้นแหละครับ  ใจไม่ได้โน้มเอียงไปด้วย  ถ้าผมตายห่าไปเมื่อไหร่  ทุกอย่างก็เป็นอันจบด้วยความสัมพันธ์แค่นั้น

“........” ย่าไม่ตอบ  เราต่างฝ่ายต่างเงียบกันอยู่นานหลังจากนั้น
 
“ใช่ครับ ครอบครัวเธอมันเทา ๆ ย่าก็เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับหลานย่าสินะ หึ.. ถ้าย่าอยากได้แบบนั้น ไฟหาให้ย่าได้ร้ายกว่าริศาอีก”

“หึ นิสัยน่ารักเหรอ ย่ารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอไม่ได้น่ารัก” ผมผลิยิ้ม แซวเธอที่ทำเป็นพูดเข้าข้าง

“หึ แล้วแกต้องอะไรล่ะ คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่เอา” ย่าหันมาบ่น

“แล้วการที่ไฟไม่มีใครมันเป็นปัญหาตรงไหนครับ เราควรต้องมาเถียงกันเรื่องนี้ไหมครับย่า ?” ผมเกือบหลุดหัวเราะ  และนี่อาจเป็นนาน ๆ ครั้งที่ผมเลือกเปิดประเด็นถกเถียงเธออย่างจริงจัง  ที่ผ่านมาย่าอยากทำอะไร  ผมก็มักปล่อยเลยตามเลย  ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะอยากให้เธอสบายใจกับสิ่งที่ได้ทำ   

“ที่ผ่านมาย่าเห็นไฟเที่ยวรักใครไปเรื่อยเหรอ ไฟแค่มีเซ็กซ์ เพราะไฟชอบ” ผมพูด  ตักไข่หวานเข้าปาก  เสียงย่าพยายามข่มอารมณ์ตัวเองด้วยการถอนหายใจเบา ๆ

“ไฟก็เอาหมด ย่าก็เห็นนี่ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอเพื่อเตือนให้เธอมองผมตามความเป็นจริง  ไม่หลอกตัวเอง  ผมหลับนอนกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  ถึงผมจะไม่พูดออกมา  ทั้งย่าและคนในครอบครัวที่ไม่เคยเอ่ยปากหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดต่างก็ทราบดีกันหมด 

“ไฟ..” ย่าหันมาขมวดคิ้วใส่  ผมจ้องเธอตอบ  ในขณะที่พี่ธานจำเป็นต้องวางช้อนที่อยู่ในมือลง  และทอดสายตาในระดับต่ำ

“ที่ทำเพราะอยากให้ไฟเลิกเอาผู้ชาย หรือเพราะอยากให้แต่งงานครับ ย่าลองเลือกมาสิ เดี๋ยวไฟจะตอบให้” ผมพูดเชิงถาม 

“ฉันแค่อยากให้แกมีลูก” ย่าสูดหายใจเข้าครู่หนึ่งก่อนตอบออกมาโดยเมินการมองหน้าผม

“อย่าให้เด็กต้องมารับภาระเพราะแค่ความอยากของย่าเลยครับ” ผมตอบ

“แกกำลังบอกว่าความคิดฉันมันผิดเหรอ” ย่าหันมาจ้องเขม็ง

“ครับ”

“ย่าครับ..” ผมเอ่ยพลางทิ้งจังหวะลงเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณบอกว่าสิ่งที่กำลังจะพูดนี้จริงจังและลำบากใจ

“ที่ผ่านมาไฟรู้ว่าย่าไม่อยากได้ยิน แต่สิ่งที่ย่ารู้อยู่มันคือความจริงครับ หลานย่าน่ะ.. ชอบนอนกับผู้ชายมากกว่ากับผู้หญิง” ผมพูดบอกพร้อมจ้องตาเธอเขม็ง  ย่าถึงกับนิ่งไป  สายตาดูผิดหวังปรากฏอยู่ลึก ๆ  เพราะรู้จักผมดีถึงได้ไม่เคยห้ามออกมาตรง ๆ  จะหญิงหรือชายถ้าทำให้หลงรักได้มันก็จบเรื่อง  แต่เพียงแค่ ณ ตอนนี้สิ่งที่พูดบอกเธอได้ก็คือเรื่องเซ็กซ์ที่มีความพึงพอใจในผู้ชายมากกว่าก็แค่นั้น


ในห้องเงียบสนิท  บัวลอยในถ้วยของผมหมดลงพอดี  ผมละสายตาจากย่าเพื่อให้เธอได้สติเอง  ก่อนจะยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มและเช็ดปาก  แม่บ้านเข้ามารับถ้วยบัวลอยไปเพื่อให้ผมได้มีพื้นที่กินอย่างอื่นต่อ...

“หึ เสียใจเหรอครับ เราน่าจะเลยจุดนั้นมาแล้วนะ” ผมยิ้ม  วางมือลงบนมือขวาของเธอพร้อมบีบเบา ๆ

“อย่าโกรธเลยครับ พายุไม่อยู่ ไฟไม่มีตัวช่วย” ผมแซว  ไม่มีพายุก็ไร้คนที่จะอ้อนง้อเธออย่างที่หลานควรจะทำ

“ชิ !” ย่าตัดบท  ชักมือกลับไปอย่างไม่จริงจังนัก  พี่ธานยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าบรรยากาศดีขึ้น

“ขนมต้มร้อน ๆ มาแล้วค่ะ” แม่บ้านเดินเข้ามาพร้อมกับจานขนมต้มจานใหญ่

“ขอบคุณครับ” ผมพูด

“ไปถูกใจอะไรริศานักหนาครับ ย่าอยากได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นคนในครอบครัวจริง ๆ เหรอ สมมติว่าย่าเกิดนอนติดเตียงขึ้นมา ย่านึกว่าคนอย่างเธอจะชายตามองไหมครับ ถ้าย่าไม่มีแม่บ้าน เดาได้ว่าย่าคงจะนอนเป็นผักเน่าแน่” ผมแสยะยิ้มมุมปาก  ใช้ส้อมจิ้มขนมต้มแล้วยื่นไปให้พี่ธานที่อยู่ห่างจากจานขนมต้มออกไป  พี่ธานลุกขึ้น  โน้มตัวเข้ามารับส้อมจากผมไปอย่างรักษามายาทที่มีต่อหน้าย่า 

“ไอ้ไฟ !” ย่าสบถลั่น  ตีมือเข้ามาที่หน้าผากผมอย่างแรง

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ  หยิบส้อมอีกอันจิ้มขนมต้มเข้าปากตัวเอง  พี่ธานอมยิ้ม ก้มหน้าก้มตาเคี้ยวขนมต้มที่เพิ่งรับจากผม

“งั้นบอกข้อดีมาสักห้าข้อก็ได้ครับ เผื่อจะเอากลับไปคิดดู” ผมกวนติดตลกไปงั้น

“เฮอะ ! แล้วคนอย่างแกมันดีนักเรอะ !!!?” ย่าเชิดหน้าใส่

“ใครก็เอาแกไม่อยู่หรอก ดังนั้นจะใครหน้าไหน สำหรับฉันมันก็เหมือนกันนั่นแหละ” เธอประชดให้

“ไม่ดีหรอกครับ” ผมสวนพร้อมผลิยิ้ม

“........” ย่าเงียบไป  แม่บ้านที่ยืนล้อมอยู่สามคนเพื่อรอรับใช้ก็เงียบกริบเช่นกัน 

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 55 [ 16:27 น. - ศ. 12 ก.พ 64 หน้า 77 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 15-04-2021 23:25:18

“การที่หลานย่าไม่ใช่คนดีก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องได้คนไม่ดีนี่ครับ ถ้าไฟอยากได้คนแบบไหนก็ได้มาเป็นเจ้านายพี่ธาน ไฟพามาไหว้ย่านานแล้ว ย่าคิดว่าจะรับไหว้ไหวไหมล่ะครับ” ผมย้อนถามนิ่ง ๆ 

“ไฟไม่ได้จริงจัง และการที่ไม่พาใครที่ไม่จริงจังเข้าบ้านก็เพราะไฟให้เกียรติคนในบ้าน ไฟนึกว่าย่ารู้อยู่แล้ว” ผมพูด  ถ้าทำเช่นนั้น คนที่เหนื่อยหน่ายจะรับไหว้ก็คงไม่พ้นคนในบ้าน  และก็คงพ่นถอนหายใจลับหลังผมว่าครั้งหน้าจะพาใครเข้าบ้านอีก  สำหรับผม บ้านคือสถานที่ส่วนตัวของคนในครอบครัว  ไม่ใช่ที่ที่จะควงใครหน้าไหนมาเพื่อมีเซ็กซ์ก็ได้  คนในบ้านก็ไม่ควรต้องมาตั้งหน้าตั้งตารับไหว้คนแปลกหน้าด้วย   

“แกนี่มัน ฉันเหนื่อยจะพูดกับแกเรื่องนี้แล้ว !” ย่าบ่น  จู่ ๆ ก็หันตัวไปฟาดมือลงที่แขนพี่ธานเต็มแรง

“คุณย่าครับ” พี่ธานตกใจแต่ก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหนี

“ย่าไปตีพี่ธานทำไม” ผมมองอย่างสงสัย

“ตีแกไป คนหนังด้านอย่างแกมันก็ไม่เจ็บหรอก ตีพี่สุดที่รักของแกนี่ เพราะมันถึงทำให้แกเป็นเป็นคนแบบนี้ !” ย่าโวยวาย  มือไม่หยุดทุบตีพี่ธาน 

“หึ ก็จริง” ผมยิ้ม เห็นด้วยกับเธอ

“คุณไฟครับ” พี่ธานยิ้มน้อย ๆ คล้ายปฏิเสธไม่ลง

“พวกแก.. แล้วก็แก !” ย่าขึ้นเสียง  หันมาชี้หน้าผมก่อนหันไปชี้คาดโทษพี่ใหญ่  ผมหัวเราะน้อย ๆ เพราะเห็นว่าบัวลอยของพี่ธานยังไม่ถูกตักกินสักคำ 

“ทำให้ตระกูลเราต้องจบแบบนี้ เสียแรงที่ปู่ย่าตายายออกแรงเตรียมมาให้ แกจะไม่สืบสกุลกันเลยรึไง” เธอต่อว่า 

“........” ผมเงียบ  พอเจอประโยคนี้ก็ทำเอาแอบรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย 

“เจ้าธาน ไหนเมียแก !” ย่าขึ้นเสียง  พี่ธานหน้าสลดทันที

“พรืด ~” ผมก้มหน้า  เกือบกลั้นขำไว้ไม่อยู่ 

“ผมยัง ไม่มีครับ” พี่เขาตอบตะกุกตะกัก

“นี่ถ้าฉันไม่เห็นแก่พ่อแก ฉันจะจับแกแต่งงานกับคนที่ฉันหาให้รู้ไว้ซะ ฉันบังคับนายแกไม่ได้ ฉันจะบังคับแกนี่แหละ” ย่าคว้ามือขึ้นบีบหูพี่ธานแล้วดึงเข้าหาตัวเอง  ดวงตาของเธอถลึงโตกว่าเดิม  ร่างกายใหญ่ ๆ กำลังถูกดึงหูไปหน้าเหยเก  ตัวเอนไปตามแรงดึงจากย่าอย่างปฏิเสธไม่ได้  แทบกลายเป็นตัวเล็กไปเลย

“ความคิดย่าก็ดีอยู่นะ” ผมพยักหน้า แกล้งสมทบ 

“คุณไฟครับ..” พี่ธานยิ้มกว้างคล้ายเห็นเป็นการหยอกล้อที่ไม่ติดใจอะไร

“หืยยยย ~” ย่าสบถ  ยอมปล่อยมือออกจากหูของพี่ธาน

“กลับแล้วนะครับ ดูแลตัวเองด้วย ช่วงนี้ไฟยุ่ง คงไม่ได้มาหาบ่อย ๆ” ผมพูด 

“........” ย่าสงบลงและไม่ยอมหันมามอง

“ฮึ ! ถึงไม่ยุ่งฉันก็ไม่ค่อยเห็นหน้าแกสักเท่าไหร่หรอก” ย่าพูดเสียงเรียบ  ผมยิ้ม  ลุกขึ้นพร้อมโน้มตัวเข้าไปหา

“รักนะครับ” ผมหอมแก้มเธอเบา ๆ  พี่ธานลุกตามทันที 

“ลาครับคุณย่า” พี่เขาโค้งตัว

“ไฟ...” ย่าเรียกผมที่กำลังเดินจากมา  ผมหันกลับไปมอง

“ย่าไม่รู้หรอกนะว่ามีอะไร แต่อย่าไปทำเรื่องที่มันเสี่ยงนักล่ะ เราเหลือกันแค่นี้ มันไม่เหมือนเมื่อก่อน อย่างน้อย.. ย่าก็ไม่อยากมานั่งดูรูปงานศพลูกหลานตัวเองก่อนตายหรอกนะ” ย่าพูด  ทั้งโทนเสียงและการแทนตัวเองที่เปลี่ยนไปบอกความหมายตรงไปตรงมาว่าเป็นห่วง

“ครับ ไฟไม่ปล่อยให้ย่าอยู่คนเดียวหรอก” ผมยิ้มตอบ

“พูดมาได้ ตอนนี้ฉันก็อยู่คนเดียวย่ะ !” เธอค้อนใส่  เปลี่ยนอารมณ์ทันควัน

“คิก ๆ ๆ” แม่บ้านที่ยืนอยู่พากันปิดปากหัวเราะคิกคัก

“นี่ !” ย่าปราม

“รีบไปเตรียมบัวลอยกับขนมต้มใส่กล่องให้ตาธานเอากลับไปกินด้วย สาระแนจริง ๆ นังพวกนี้”

“ค่าคุณท่าน ~” แม่บ้านสองคนขานรับ  กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากห้องอาหารไป

“เหงาเหรอครับ หาแฟนใหม่สิ ให้ไฟหาให้เอาไหม ปู่ไม่โกรธหรอก” ผมแซว

เฮอะ ! พูดมาได้.. ปู่แกมันนิสัยเหมือนแกอย่างกับมาเกิดใหม่ มีเรอะที่มันจะไม่โกรธ !” ย่าแสยะปากใส่อย่างรับไม่ได้ในทันที

“ว่าไปว่ามา แกไม่มีเมียก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมีใครมารับกรรมเหมือนฉัน” เธอบ่นให้

“หึ..” ผมกับพี่ธานหัวเราะพร้อมกัน  เราลาย่าอีกครั้งก่อนเดินจากมา

“ยิ้มอะไรครับ” พี่ธานที่เดินขนาบข้างอยู่ถามขึ้น

“แค่คิดถึงขึ้นมาน่ะครับ” ผมตอบ

“คุณปู่เหรอครับ” อีกฝ่ายพูด  ผมไม่ตอบ

“เดี๋ยวส่งคนของเรามาอยู่ที่นี่สองคนนะ” ผมสั่ง

“ได้ครับ ผมเตรียมไว้แล้ว” พี่ธานตอบ


- - - - - - - - - - - - - -


23.34 น.

“ไฟ อึก ไฟฟังริศาก่อนนะคะ”

เสียงร้องขอดังสวนออกมาในทันทีที่รถยนต์คันของไอ้เข้มเปิดออก  รองเท้าส้นสูงของริศาสับตรงมาหาผมอย่างรวดเร็ว  ผมยืนเฉย มองหน้าเธอ  ขณะเดียวกันพี่ธานก็หยิบกระเป๋าใบที่พบที่บ้านของย่าผมออกมาวางลงบนท้ายรถ ซึ่งอยู่ใกล้กับตรงที่ผมยืนมากที่สุด

“เปิดดูสิ” ผมบอก  พยักหน้าไปทางกระเป๋าใบดังกล่าว 

“........” ริศาหน้าถอดสี  มองไปทางกระเป๋าและทำทีไม่รู้ต่อสิ่งใด

“ของคุณไม่ใช่เหรอ” ผมพูด 

“มะ ไม่ใช่นะคะ ริ.. ริศาแค่ไปเยี่ยมคุณย่าคุณที่บ้าน” เธอพูด

“หึ ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเจอที่ไหน” ผมยิ้ม  อีกฝ่ายชะงัก
 
“ไฟคะ คือ...”

“........” ผมเหลือบลงต่ำ  มองร่างกายเธอที่ประชิดตรงหน้า
 
“เอามือออก” ผมสั่ง  ริศาค่อย ๆ ขยับมือที่จับแขนผมอยู่ออก  ขาก้าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย  ผมเดินไปที่รถ มองกระเป๋าหนังสีดำสนิทขนาดเท่าสองฝ่ามือที่อยู่ในถุงซิปล็อกอีกชั้นหนึ่ง

“พ่อคุณนี่ ย่าผมช่วยอะไรไว้บ้างนะ” มือข้างซ้ายของผมล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง  มือขวากุมขมับพลางใช้ความคิด

“จำไม่ค่อยได้ ดูท่าจะเยอะ” ผมผลิยิ้ม  ริศาจ้องผมไม่วางตา  ลำคอของเธอขยับคล้ายกลืนบางอย่างลงไป
 
“ทำแบบนี้ทำไม” ผมหุบยิ้มลง

“อะไรคะ” ริศายิ้มหน้าซื่อ  ความมืดภายในตัวโกดังที่มีแสงไฟดวงเล็ก ๆ ให้ความสว่างเพียงไม่กี่ดวง  ยังสามารถเผยให้เห็นลิปสติกสีแดงฉาดที่ปากของผู้หญิงคนนี้

“อย่าเข้ามานะ ! คุณจะทำแบบนี้กับริศาไม่ได้ ริศาจะฟ้องคุณพ่อ !” ริศาร้องลั่น  ผมไม่หยุดเดินเข้าหา  หลังของเธอกระแทกเข้ากับไอ้เข้มที่ยืนอยู่ด้านหลัง  ลูกน้องอีกหลายคนที่ยืนเรียงใกล้ ๆ กันนั้นทำให้เธอไม่ดึงดันที่จะหลบหลีกอีก  ผมถอนหายใจ  สอดมือเข้าไปที่ลำคอของเธอก่อนที่ปลายนิ้วจะค่อย ๆ ไล่ขึ้นไปกำเส้นผมของเธอจากหลังศีรษะแล้วกระชากเข้ามา 

“อึก” เจ้าตัวกัดฟันแน่น  ดวงตาเริ่มสั่นคลอนไม่เหมือนอย่างทีแรก

“ริศา...” ผมเรียกสติ

“คุณฟังผมให้ดี ต่อให้ผมตัดลิ้นคุณตอนนี้ พ่อคุณก็จะไม่เอาเรื่องผม” ผมก้มลงกระซิบที่ข้างหู

“หึ ก่อนจะพูดอะไร แน่ใจซะก่อนว่าโคตรพ่อคุณมันเป็นคนดี” ผมจ้องมอง  ปลายนิ้วที่กุมเส้นผมของเธอออกแรงกระชับหนักขึ้นจนเจ้าของร่างกายร้องไห้ออกมา 

“คุณเอง อึก.. การที่ย่าคุณต้องเดือดร้อน คุณเองก็ควรจะโทษตัวเองด้วยที่ดันไม่หลับหูหลับตา ไปขัดขาใครไว้บ้างล่ะ !” เธอตะโกนลั่น


เพียะ !!!

เสียงสะท้อนจากการลงไม้ลงมือค่อย ๆ หายไป  ผมยืนมองผู้หญิงที่ทรุดลง  หน้าซบกับพื้นดินที่กำลังพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง   

“เพราะคุณคนเดียว...” ริศาพึมพำ

“ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ !!!” เธอร้องลั่นทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น  ผมก้มลง  คว้ามือดึงหัวเธอขึ้นมาอีกครั้ง  ความเจ็บปวดทำให้เจ้าของร่างกายกรีดร้อง 

“ถ้าคุณจะบอกว่าสิ่งที่ผมโดนอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะผม คุณเองก็ควรจะโทษตัวเองก่อน” ผมเบิกตามอง  คว้าปืนที่อยู่ที่เอวของพี่ธานขึ้นพร้อมจ่อไปที่หน้าผากของเธอ

“อือ ฟะ ไฟ ~”

“ใครสั่ง” ผมถาม

“ริ...ริศา ไม่ได้ตั้งใจ” เธอส่ายหัวทั้งน้ำตา

“ริศา..” ผมมองตาเธอพลางกดน้ำหนักลงที่ปากกระบอกปืนมากกว่าเดิม

“สิ่งเดียวในความโชคดีที่คุณมีอยู่ตอนนี้คือความเป็นผู้หญิงของคุณ ดังนั้น คุณควรจะตอบเวลาที่ผมถามคุณดี ๆ”

“........” ริศาส่ายหัว  ริมฝีปากที่เปื้อนน้ำตาสั่นไม่หยุด  ผมจ้องมองไม่กะพริบตา ให้เวลากับเธอ

“ก..กริด อึก กริดบังคับให้ริศาทำ”

“ริศาไม่ได้อยากทำ กริดจะแบล็กเมลริศา ไฟ.. คุณเข้าใจใช่ไหมคะ”

“........” ผมมองเฉย  ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นทำให้ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของพี่ธานที่เตือนว่ามีสายโทรเข้า  ผู้รับพูดสายอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนจะวางลง

“ตำรวจเข้าตรวจบ้านคุณย่าแล้วครับ” พี่ธานบอก

“ฟะ ไฟ..” ผู้หญิงตรงหน้าร้อนรนในทันที  ผมเหวี่ยงศีรษะของเธอออกจนร่างกระเด็นไปอีกด้าน 

“เอาขึ้นรถไป” ผมสั่ง

“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัว  หันไปชี้นิ้วสั่งลูกน้องของตนที่ยืนอยู่  ทันทีที่ริศาถูกคว้าตัวขึ้นเธอก็แหกปากร้อง

“ไม่ ! จะพาริศาไปไหน !”

“ปล่อยนะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน !!!” เธอตวาดพร้อมดิ้นตัวออกจากลูกน้องของผมอย่างแรง  ทำให้ไอ้เข้มต้องเดินเข้าไปกระชากตัวเธอมาก่อนจะผลักเธอจนล้มลงเพื่อเรียกสติ  สายตาของไอ้เข้มที่มองริศาด้วยความว่างเปล่าทำให้เธอสงบลง  หน้าซีดเผือด 


ผมเดินเข้าไปหา นั่งยองลงใกล้ ๆ เธอ...

“ปกติคนของผมไม่ค่อยใจร้ายกับผู้หญิงหรอก นาน ๆ ทีน่ะ..” ผมยิ้มบอก  เกลี่ยเส้นผมยุ่งเหยิงที่ปิดอยู่บนใบหน้าของเธอออกไปที่ข้างแก้ม 

“แต่ไม่ใช่กับไอ้นี่ มันความอดทนต่ำกับผู้หญิงที่ไม่ได้ชอบ คุณก็อย่าดื้อแล้วกัน”

“ไฟคะ ริศา.. ริศาขอโทษ” คนตรงหน้าเบะปากร้องไห้

“คุณมีปัญหากับกริดทำไมริศาต้อง...”

“หึ ผมมีปัญหากับกริดเหรอ” ผมพูดแทรกพลางเลิกคิ้วมอง  อีกฝ่ายชะงัก

“เมื่อไหร่คุณจะเลิกตอแหลสักที คุณนึกว่าไอ้กริดมันไม่รู้เหรอว่าคุณเข้าหามันทำไม” 

“อึก ไฟ..” ริศาก้มหน้าลงตัวสั่น

“ริศาครับ ผมจะลากหัวพ่อคุณมาดูด้วย เหมือนกับที่คุณมาแตะครอบครัวผม..” ผมจ้องมองใบหูของเธอที่เพิ่งเกลี่ยเส้นผมทัดให้

“อึก ฮือออ ~”

“ผมต้องยอมรับผลของการกระทำของผม คุณเองก็เหมือนกัน” ผมกระซิบตัดบทก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมปัดมือไล่ส่ง  คนของผมเข้ามาลากตัวริศากลับขึ้นรถไปในทันที  เสียงกรีดร้องดังลั่นทั่วบริเวณ 

“เธอรู้อะไรเค้นออกมาให้หมด” ผมพูด

“ครับนาย” ไอ้เข้มขานรับ  โค้งตัวก่อนกลับขึ้นรถไป  เสียงรถยนต์ที่เคลื่อนตัวจากไปค่อย ๆ ทำให้พื้นที่ที่ผมยืนอยู่สงบลง 

“คุณอยากไปหาคุณย่าก่อนไหมครับ” พี่ธานถามขึ้น

“ไม่ครับ” ผมตอบ  จนป่านนี้แล้วย่ายังไม่ติดต่อมาเอง  และโดยนิสัยแล้วก็คงจะไม่โทรมากับเรื่องแค่นี้  เธอคนนั้นคงกำลังรับมือในแบบของตัวเองอยู่  เรื่องแค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับสิ่งที่ย่าต้องเผชิญในฐานะภรรยาของปู่เมื่อสามียังมีชีวิต

“ผมมีที่ที่อยากไปน่ะ” ผมบอก  พี่ธานเปิดประตูรถยนต์ให้ในทันทีโดยไม่ซักถามใด ๆ  วันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนานจริง ๆ ...



...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:

ขออภัยด้วยค่ะที่มาต่อล่าช้า > . < ไม่ว่างเลยจ้าาาา อะหือ ~
 
ปล. ริศา เป็นตัวละครเดิมเด้ออออ ~

ปล (อีก). สำหรับตอนนี้ สมุทรกับไฟเขาก็คุยกันแล้วเห็นไหมล้าา #ตรงไหน

ปล (อีกนิด). เอาน่า ~ ในการไม่คุยกัน มันอาจมีเส้นบาง ๆ ซ่อนอยู่ #หราาาาาา

ปล (อีกเหรอ). สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ  ขอให้มีความสุขทุกคนจ้า (คนอ่านน่าจะสุขกว่านี้ถ้าไฟสมุทรมันพูดกันเกิน 5 ประโยค กร๊ากกก)

 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำแข็งใส ที่ 16-04-2021 01:27:44
 :serius2: อินมากลุ้นด้วย  :ling2:

ขอบคุณเบบี้มากค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-04-2021 01:34:52

:serius2: อินมากลุ้นด้วย  :ling2:

ขอบคุณเบบี้มากค่ะ
 :L2:

ขอบคุณค่าาาา   :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 16-04-2021 02:17:38
บางทีการที่เขาไม่คุยกัน อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้ใจตัวเองมากขึ้นมั้ยนะ55555555
 /คิดแบบคนมองบวกไว้ก่อนค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 16-04-2021 08:23:44
โอ๊ยย ต่างคนต่างงอน ไอ้ต้าวพวกนี้. แต่ดันชอบอ่ะ กร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 16-04-2021 11:53:06
โอ๊ยย ต่างคนต่างงอน ไอ้ต้าวพวกนี้. แต่ดันชอบอ่ะ กร๊ากกกก

'ไอ้ต้าว' โอ้ยย ตลก 55555  :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 16-04-2021 12:02:31
พี่ธานว่าผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยทำไมคุณย่าทำกับผมแบบนี้ค้าบ 555
สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่ะเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 17-04-2021 11:44:02
มีความสุขนะคะ ดูแลสุขภาพเยอะๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-04-2021 16:35:07
พี่ไฟฉันน้อยใจก็เป็นว่ะ เอ็นดูพี่55555

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 19-04-2021 20:00:01
 ต้องเคลียร์ใจกันแล้ว  เดี๋ยวสมุทรไม่มีสมาธิ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 20-04-2021 14:26:54
ขอบคุณนะคะ ช้าก็รอได้ค่ะ เรารอเก่ง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 20-04-2021 21:15:25
กลับมาแล้วแบบงง ๆ  แต่ยังไปต่อได้อยู่  และจะไปด้วยกันอีกแน่นอน  ขอแค่มาทำให้คุณไฟกับสมุทรเค้าได้คุยกันแบบดี ๆ สักที  o18  คุยกันแบบปกติได้ไม่ถึงไหนมีเรื่องให้โกรธกันอีกละ  :ling3:  พวกเธอจะหวานกันบ้างไม่ได้เหรอ


รอตอนต่อไปนะคะ


 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 21-04-2021 23:33:25
สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ

ตอนนี้อย่างน้อยไฟก็คุยกับสมุทรแล้ว ถือว่าพัฒนา :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 23-04-2021 11:31:07
ได้เห็นหน้ากันแค่นิดหน่อยก็ดีแล้วววว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sarocha45377 ที่ 03-05-2021 11:44:30
 :mew2: รออยู่นะคะพี่เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-05-2021 15:00:51
จะติดตามจนกว่าลมหายใจสุดท้ายของชีวิต &ไฟและสมุทรไม่ได้กล่าวไว้ (อายุย่างหลักสี่แล้ว เราจะต้องอ่านเรื่องนี้ให้จบ)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 08-05-2021 22:30:23
ฮือ คิดถึงมาก ขอบคุณที่มาต่อ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 10-05-2021 13:52:10

แจ้งข่าว : 10 พฤษภาคม 2564 - แจ้งข่าวไฟสมุทร (https://baby.thai-forum.net/t546-topic)



ขอบคุณค่ะ | เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: conanji ที่ 14-05-2021 02:22:56
ลุ้นมากว่าจะคุยกันกี่ประโยค  ฮ่าๆ  :call:
เหมือนต่างคนต่างน้อยใจ ใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน

จะรอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 14-05-2021 09:34:41
จะตามไปอ่านทีี Read นะคร้าบ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 20-05-2021 23:30:43
 รับทราบ เราจะตามไปสนับสนุนอย่างแน่นอน  ตามๆๆๆๆ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-05-2021 14:37:09

แจ้งข่าว : 10 พฤษภาคม 2564 - แจ้งข่าวไฟสมุทร (https://baby.thai-forum.net/t546-topic)

.
.

ตอนที่ 57
..ไฟ..




“การแข่งขันเวที z-k super fight ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก....”

“คุณมีความมั่นใจแค่ไหนกับการขึ้นชกของนักมวยในครั้งนี้ครับ”


ทันทีที่ประตูห้องพักปิดลง  เสียงประกาศของพิธีกรที่อยู่ด้านนอกก็เงียบไปด้วย  แทนมาด้วยเสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดอยู่  ในห้องอยู่ระหว่างเตรียมตัวของนักมวยของค่ายผม  ทั้งทีมงานและครูมวยไม่ได้หยุดมือกันเลยตั้งแต่มาถึง  นักมวยอยู่ระหว่างอบอุ่นร่างกายและทบทวนฝีไม้ลายมือของนักชกคู่ต่อสู้  ผมนั่งมองจากโซฟาที่อยู่มุมหนึ่งของห้องพัก  กวาดมองรอบโดยภาพรวม  ไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายหลังจากที่แน่ใจว่าตนเองได้สั่งทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว 

“คุณไฟคะ มีนักข่าวจะรบกวนขอสัมภาษณ์น่ะค่ะ สะดวกไหมคะ” พี่นีเดินมาด้วยท่าทางรีบร้อน  ดูเหมือนเธอก็งานยุ่งไม่แพ้กัน

“ใคร” ผมถามกลับ

“จากช่อง xxx ค่ะ” เธอตอบ

“........” ผมนิ่งเฉย  มองไปยังสมุทรที่กำลังคุยอยู่กับครูมวยอยู่ที่กลางห้อง

“ให้พวกลุงสัมภาษณ์แทนแล้วกัน” ผมตอบปัด  หมายถึงครูมวยที่รับผิดชอบหน้าที่อยู่

“เอ่อ ลุงให้สัมภาษณ์แล้วค่ะ เขาอยากสัมภาษณ์เจ้าของค่ายน่ะค่ะ” พี่นีลดเสียงลง

“ไม่สะดวกครับ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ 

“ได้ค่ะ” พี่นียิ้มรับ  ผงกหัวครั้งหนึ่งก่อนเดินจากไปอย่างไม่คิดที่จะขัดใจผม  ผมมองตามเธอที่เข้าใจอะไรง่าย ๆ และไม่ดึงดันว่าที่ผมไม่สะดวกก็เพราะแค่ไม่มีอารมณ์ 

“พี่นีนี่.. มีแฟนไหมนะ” ผมสงสัยขึ้นมา  ชอบการเดินที่กระฉับกระเฉงของเธอ  ดูแล้วมั่นคงดี 
 
“เคยมีนะครับ” พี่ธานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตอบด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ

“ผมจำได้แค่ว่า แฟนคนก่อนถูกเธอเตะก้านคอตอนทะเลาะกันก็เลยเลิกน่ะครับ หมอนั่นพาคนมาจะแก้แค้นแต่ดันมาตอนที่เธออยู่กับนักมวยของเราพอดี ทางนั้นก็เลยกลับไป หลังจากนั้นมีคนใหม่แล้วรึยังก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ รู้แต่ว่านักมวยในค่ายพากันแซวเธอเรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้น” พี่ธานเล่า

“พรืดดด !” ผมหลุดหัวเราะ  อีกฝ่ายเองก็หลุดยิ้มเช่นกัน

“จะไม่เข้าไปคุยหน่อยเหรอครับ”

“........” ผมเหล่มองผู้ถามด้วยหางตา  แปลกหูกับคำถามที่ถูกถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เจ้าของค่ายไม่พูดแบบนี้ นักมวยจะขวัญเสียเอานะครับ” พี่ธานบอก

“พูดไปแล้ว” ผมตัดบท  พูดไปแล้วเมื่อครู่นี้ตอนที่สั่งเสียกันพร้อมหน้า  ทั้งครูมวย ทั้งพี่เลี้ยงและนักมวยทุกคน


ก๊อก  ๆ ๆ

“ขออนุญาตครับ !” ผมเหลือบมองไปยังประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามากะทันหัน  พบเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานดูแลรักษาความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานเดินเข้ามา  พี่ธานลุกขึ้นยืนโดยทันที

“ขออนุญาตครับคุณไฟ” ทางนั้นผงกหัวน้อย ๆ อย่างเกรงใจ  ทำให้ทุกคนในห้องมองไปเป็นจุดเดียว

“เอ่อ พอดีว่า...” อีกฝ่ายอ้ำอึ้งหน้าถอดสี

“เข้ามาเลย !” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นสู้กับเสียงประกาศรายละเอียดของงานจากด้านนอก  ผมมองชายกลุ่มหนึ่งมากกว่า 6 คนเดินเข้ามา  มีทั้งตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ  หนึ่งในคนที่เดินนำขบวนมาเผยรอยยิ้มแสยะทักทายมาทางผม

“เอ๊ะ ผมบอกให้พวกคุณรอก่อนไงครับ ผมต้องแจ้งคุณไฟก่อน” เจ้าหน้าที่สนามขึ้นเสียงด้วยสีหน้าไม่พอใจและผสมไปด้วยความร้อนรน 

“ทำไมต้องรอ” ไอ้เต้ย้อนอย่างไม่แยแส

“ไม่เป็นไร” ผมปัดมืออนุญาต  ชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่ดูแล้วอายุน่าจะไป ๆ กับพี่ธานเดินตรงมาทางผมโดยเฉพาะ  ก่อนจะเท้ามือลงบนโซฟาตัวตรงข้ามและยิ้มให้

“สวัสดีครับคุณไฟ แหม่ ได้เจอตัวจริงเสียงจริงสักทีนะครับ ผมไม่ค่อยเห็นคุณออกสื่อ เจอตัวยากจังครับ” 

“ผมดมครับ หัวหน้าทีมปราบปรามยาเสพติดคนใหม่ที่เพิ่งตามคดีของคุณย่าคุณน่ะครับ” คนตรงหน้าแนะนำตัวเอง

“มีอะไรให้ช่วยครับ” ผมถาม 

“เฮ้อ ~” อีกฝ่ายถอนหายใจยิ้ม ๆ เดินผ่านหน้าพี่ธานแล้วหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟาตัวตรงข้าม

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เห็นว่าการแข่งชกครั้งนี้ไม่น่าจะแค่เวทีมวยก็เลยมาตรวจตามหน้าที่น่ะครับ ได้รับอนุญาตจากผู้จัดแล้วนะครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอก” ดมอมยิ้มมุมปาก 

“งั้นเหรอครับ” ผมผลิยิ้มเช่นกัน

“........” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็หุบยิ้มลง
 
“คุณไฟ มีอะไรจะบอกผมไหมครับ” ดมเอียงคอ พูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงพลางจับใบหูตัวเองไปพลาง

“รู้ไหมว่าค่าตัวนักมวยผมเท่าไหร่ เยอะกว่าเงินเดือนของคุณตำรวจตั้งหลายปี เร็วหน่อยก็ดีครับ คนของผมต้องการเวลาส่วนตัว” ผมยิ้มตอบ  เท้าแขนลงที่หน้าขาตัวเอง 

“ฮึ !” อีกฝ่ายพ่นหัวเราะ

“ผมเกลียดคนอย่างพวกคุณจริง ๆ เลยรู้ไหม มันทำให้ผมงานเยอะขึ้นน่ะ” ดมขมวดคิ้วบ่นส่ง ๆ พูดด้วยโทนเสียงสุภาพแต่ไม่น่าฟัง

“........” ผมไม่ตอบอะไร  เราเงียบพร้อมกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะตะโกนสั่งลูกน้องของตน

“เฮ้ย ! ตรวจให้ทั่ว คุณเขาอนุญาตแล้ว !” ดมพยักหน้าพร้อมยิ้มกว้าง  ตำรวจทุกนายที่หยุดยืนเคลื่อนไหวตามคำสั่ง  ให้หลังไม่กี่นาทีคนเป็นหัวหน้าก็ลุกขึ้นยืน  เดินล้วงกระเป๋าพลางมองไปรอบ ๆ ห้องก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสมุทร

“นายนี่ ได้ข่าวว่าเป็นนักมวยใหม่ใช่ไหม หึ.. ได้ขึ้นเวทีใหญ่ขนาดนี้ เส้นใหญ่ไม่เบานะ” ดมแซวยิ้ม ๆ

“ชื่ออะไรนะ” อีกฝ่ายขมวดคิ้วคล้ายนึกไม่ออก 

“สมุทรครับ” สมุทรตอบอย่างใจเย็น

“มีญาติมาดูไหม เพื่อนล่ะมีไหม” ดมเลิกคิ้ว  กวาดตามองสมุทรหัวจรดเท้า

“.........” ครั้งนี้สมุทรไม่ตอบ

“ถามก็ตอบสิวะ” ไอ้เต้พูดขึ้นเรียบ ๆ

“ไม่ได้มาครับ” สมุทรตอบ  เลือกที่จะลดสายตาลงอย่างไม่ต้องการปะทะ แต่สีหน้าไม่ได้แสดงออกไปในทางเดียวกันอย่างนั้น  เขาเองก็กำลังไม่พอใจ   

“หึ..” ดมแสยะหัวเราะ  เจอรี่ นักมวยชาวออสเตรเลียที่อยู่กับค่ายผมมานาน  ชกรุ่นใหญ่กว่าสมุทรเดินเข้าไปประชิดพร้อมมองดมกลับด้วยสายตาไม่พอใจนัก

“มีอะไรไม่ทราบ” ดมมองเจอรี่

“คุณเป็นตำรวจ แต่มองแบบนี้มันเสียมารยาท” เจอรี่พูด

“ฮ่า ๆ ๆ พูดไทยชัดดีว่ะ !” ดมหัวเราะลั่น 

“มึงลืมไปแล้วเหรอว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านมึง” ดมพูด  เจอรี่เอียงคออย่างไม่สบอารมณ์พร้อมเดินเข้าหาทันที

“เจอรี่” ครูมวยออกปากห้าม  เจอรี่ชะงัก

“เจ้าของค่ายที่นี่แต่ละคน เส้นมันใหญ่ดีว่ะ กูชอบ” ดมแสยะยิ้มมุมปากพูดขึ้นลอย ๆ  ทำเอาลูกน้องที่มาด้วยหัวเราะชอบใจ
 
“พอดีว่าผมมาตรวจยาเสพติดน่ะครับ หวังว่าใครในที่นี้จะไม่ใช้ของอะไรแบบนั้นนะ ~” ดมเงยหน้าขึ้นพูดเสียงดังลั่น

“What the hell did you just say? Say that again.” เจอรี่เสียงขุ่น  ดวงตาแข็งกร้าวเอาความ  สมุทรเห็นท่าไม่ดีจึงจับแขนอีกฝ่ายห้ามไว้

“เฮ้ย !” ไอ้เต้ปรี่เข้าแทรกทันควัน  ผมถอนหายใจเบา ๆ คนเดียวก่อนจะลุกขึ้นยืน  การลุกของผมทำให้ทุกคนหันมา  ผมเดินตรงไปยังจุดที่ดมยืนอยู่ช้า ๆ และหยุดยืนตรงข้ามอีกฝ่าย

“ขอโทษ..” ผมพูด 

“........” ดมที่ยืนหันข้างอยู่หันตัวมาทางผมพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

“ขอโทษคนของผมซะ” ผมขยายความ  รอยยิ้มของดมค่อย ๆ ลดลงเปลี่ยนเป็นแววตาท้าทายกลับ  อีกฝ่ายก้าวขาเข้าหาผมหนึ่งก้าว  หยุดยืนตรงหน้าผมซึ่งอยู่ตรงหน้ากับสมุทรพอดี

“หึ ขอโทษคร๊าบบบบ ~” อีกฝ่ายทำประชดด้วยการยียวนกลับ


ปึก !

“เฮ้ย !!!” ไอ้เต้สบถทันทีที่ผมคว้าคอเสื้อของเพื่อนร่วมงานมันกระชากมา 

“คนของกูไม่ใช่เพื่อนเล่น” ผมพูด

“พวกกูเพื่อนเล่นมึงเหรอ..” ผมจ้องมอง  ดวงตาของอีกฝ่ายจ้องกลับไม่ลดระดับความขุ่นเคืองเช่นกัน

“ดม พี่ขอ” พี่ผาเดินเข้ามา  คนตรงหน้าแสยะปากคล้ายรับไม่ได้  แต่ก็ลดระดับสายตาลงและหันไปทางสมุทรตรง ๆ

“ขอโทษ” มันพูด ก่อนจะปัดมือผมออกจากคอเสื้อตัวเองอย่างมีอารมณ์

“ผมขอตรวจหน่อยนะครับ ทุกส่วนของที่นี่ต้องโดนหมด” พี่ผาพูด  ตำรวจเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อได้รับสัญญาณมือจากพี่เขา

“ระวังตัวไว้แล้วกัน” ดมพูด

“........” ผมไม่ตอบ  มุมปากด้านซ้ายค่อย ๆ ขยับยิ้มให้ก่อนจะผายมือออกไป จัดปกเสื้อที่เพิ่งกระชากนั้นให้กลับมาเป็นระเบียบเช่นเดิมด้วยการรีดมือไปตามแนวไหล่ของร่างกาย 

“เหนื่อยหน่อยนะครับ” ผมพูด  เป็นการตอบเป็นนัยถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่มันพูดทิ้งไว้  สันกรามของผู้ฟังปูดนูนและผละตัวออกจากผมทันที  แน่นอนว่าการตรวจค้นไม่เจอสิ่งผิดกฏหมายใด ๆ และห้องพักก็ได้กลับมาสงบอีกครั้ง

“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ” พี่ผาตรงมาบอกพร้อมผงกหัวให้น้อย ๆ  ไอ้เต้ที่กำลังจะเดินตามทุกคนไปหยุดชะงัก  หันกลับมาหาผมอีกครั้ง

“มีอะไรให้ช่วยครับ” ผมยิ้มถาม

“พี่ทัพอยู่ไหน กูรู้ว่ามึงรู้” ไอ้เต้ถามเสียงเบาคล้ายต้องการให้ได้ยินแค่มันกับผมสองคน

“แหมคุณตำรวจ ทำไมผมต้องไปรู้ในเรื่องที่คุณควรต้องรู้อยู่แล้วด้วยล่ะครับ” ผมย้อนกลับยียวน  ไอ้เต้จ้องเขม็ง  แสดงความไม่พอใจด้วยการพ่นถอนหายใจทิ้งไว้แล้วจากไป 

“........” ผมยืนเงียบอยู่ที่เดิม  มองบานประตูที่ปิดสนิทก่อนหันไปยังสมุทรที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก  อีกฝ่ายหันมาสบตากับผมเข้าพอดี

“ผมขออยู่คนเดียวสักสิบห้านาทีได้ไหมครับ” อีกฝ่ายถาม 

“อืม” ผมพยักหน้าอนุญาต  ชี้มือไปที่ห้องพักห้องเล็กอีกห้องหนึ่งที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ

“ขอบคุณครับ” 


- - - - - - - - - -


3 วันผ่านไป

“เก็บตัวรอบหน้า เอาพี่ศรไป จัดคนของเราไปให้พี่แกด้วย ผมจะส่งหมอนั่นไปอยู่กับไอ้บูรณ์สองอาทิตย์แล้วค่อยให้ไปประจวบฯ” ผมสั่ง

“........” พี่ธานเงียบ  ผมเงยหน้าขึ้นมอง

“มีอะไร” ผมถาม

“เปล่าครับ ได้ครับ” พี่เขาขานรับ 

“เดี๋ยวผมคุยกับไอ้บูรณ์เอง ปิดเรื่องนี้ให้สนิทด้วย”

“ครับ” พี่ธานตอบ


บันทึกการแข่งขันของสมุทรที่ผมกับพี่ธานนั่งดูซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเป็นชั่วโมง  ถึงแม้ว่าการชกครั้งแรกนักมวยในค่ายของผมจะชนะทุกคน  แต่มีเพียงแค่การชกของสมุทรเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แปลกออกไป  มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล...

“คุณไฟครับ”

“อืม..” ผมขานรับ  ยังคงสนใจหน้าจอที่ฉายซ้ำการชกของสมุทร

“ขอตัวสักครู่นะครับ” อีกฝ่ายบอก  ผมพยักหน้าอนุญาตก่อนที่พี่ธานจะลุกเดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของตน  ผมเหลือบมองด้วยหางตา  รู้ว่าคนที่เพิ่งลุกออกไปนั้นน่าจะได้รับข้อความสักอย่างที่ไม่ต้องการให้ผมรับทราบด้วย


ติ๊ด ~

เสียงแจ้งเตือนสั้นกระชับเป็นการตั้งเตือนไว้ในระดับที่เบาที่สุด  ซึ่งเป็นเสียงที่ทำให้ทราบว่าสิ่งที่ได้รับนั้นคือรายการอะไร

เงินเข้า 50,000,000 บาท จาก KXXX

ผมเหลือบมองโดยไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นดูจนหน้าจอดับสนิทไป..


- - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-05-2021 14:39:39

11.00 น. | Safe House

“ตะวันเตะก้นแล้วยังไม่ตื่นอีกเรอะ” ผมทักคนที่นอนซมอยู่บนโซฟา  สภาพไม่เหมือนตำรวจที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย  เหมือนยาจกมากกว่า

“มาแล้วเหรอ” พี่ทัพทักเสียงเครือในลำคอ  ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น 

“กูนอนเกือบตีห้า..” อีกฝ่ายพึมพำ  ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก  ผมนั่งลงที่โซฟาอีกตัว  พี่ทัพขยับตัวและเอื้อมมือออกมา ดันแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะตรงกลางโซฟามาทางผมอย่างลวก ๆ ก่อนกลับไปนอนต่อในท่าเดิม  ผมหยิบเอกสารดังกล่าวขึ้น  เดาว่าอีกฝ่ายคงอยากให้เปิดดู 

“น้ำครับ” พี่ธานพูดบอก  วางน้ำเปล่าเสิร์ฟให้ผมกับพี่ทัพคนละแก้ว

“หึ..” ผมยิ้ม  วางศอกซ้ายเท้าลงบนพนักโซฟาพลางอ่านข้อมูล  อีกฝ่ายชำเลืองมอง  ลุกขึ้นนั่งแล้วยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

“ไอ้พวกเหี้ยนี่อะนะ อ้า.. กูอยากจะบ้า กูกับพ่อเคยยกมือไหว้พวกมันด้วย” พี่ทัพหลับตาพึมพำคล้ายบ่นกับตัวเอง  น้ำเสียงของอีกฝ่ายเหมือนอ่อนล้าเต็มทีแล้ว

“ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วครับนาย” ไอ้เข้มเดินมาบอก  กลิ่นอาหารที่พวกผมซื้อมาลอยเตะจมูก  ต้นเลือดหมูเจ้านี้น้ำซุปหอมสุด ๆ

“อ่าว ซื้ออะไรมา” พี่ทัพหยุดพูดแล้วมองหน้าผมอย่างสงสัย

“ต้มเลือด” ผมตอบพร้อมปิดแฟ้มลง  ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอาหารในทันที 

“คือกูต้องลุกตามมึงใช่ไหม” เจ้าของห้องบ่นแต่ก็ลุกเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร  ต้มเลือดหมู  ไก่สับจานใหญ่พร้อมแยกข้าวมัน  ของโปรดผมคือตับไก่กับเซี่ยงจี๊ลวกที่สั่งเพิ่มพิเศษ  แยกมากับน้ำซุปที่ชามหนึ่ง

“ไอ้ไฟ นี่มึงขับไปซื้อมาเหรอ” พี่ทัพตาโต  เห็นหน้าตาอาหารก็คงทราบแล้วว่าเป็นร้านประจำของพวกเรา

“อืม ซึ้งปะละ” ผมยักคิ้ว

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานกับพี่ทัพหัวเราะ  เราเลื่อนเก้าอี้นั่งลง  ไอ้เข้มวางถ้วยข้าวมันให้ผม  พี่ทัพที่นั่งอยู่ขวามือและพี่ธานที่นั่งอยู่ซ้ายมือคนละถ้วย 

“หอมฉิบหาย ซูดดดด ~” พี่ทัพหลับตาดมด้วยสีหน้ามีความสุข

“เดี๋ยว มึงยังไม่ได้แปรงฟันเลย” ผมนึกขึ้นได้ว่าพวกเรามาปลุกมัน

“ใครเขาแปรงก่อนกินข้าว” พี่ทัพอมยิ้มมุมปาก

“หนึ่งในสาเหตุที่เมียคุณหนีครับ” พี่ธานพูดหน้านิ่ง

“ฮ่า ๆ ๆ” ผมหัวเราะขณะตักพริกป่นใส่ในชามต้มเลือดหมูของตัวเอง  คนถูกแซวเพียงแต่อมยิ้มน้อย ๆ ไม่ปฏิเสธ

“อย่าเพิ่งกิน” ผมปรามเสียงเข้ม  ใช้ตะเกียบตีช้อนของพี่ทัพที่ทำท่าจะตักน้ำซุปคำแรกเข้าปาก

“มึงนี่นะ ก็รู้ว่ากูไม่ชอบแทนที่จะสั่งไม่ใส่จิงจูฉ่ายให้กู แล้วมึงก็สั่งใส่พิเศษไปสิ” อีกฝ่ายบ่นด้วยสีหน้าจริงจังและหยุดมือ  ยอมให้ผมตักจิงจูฉ่ายที่ตนไม่ได้ชอบกินไปจากชามตัวเอง

“ต้มเลือดมันต้องมีกลิ่นจิงจูฉ่ายสิวะ ไปเรื่องมากเดี๋ยวแม่ค้าก็สาดน้ำซุปใส่กูพอดี” ผมบ่นกลับ  พี่ทัพหัวเราะ

“กูว่ากูมาถูกทางแล้วนะ” พี่เขาชมตัวเอง  ผมรับฟังเงียบ ๆ ขณะคนทุกอย่างให้เข้ากันก่อนจะคีบจิงจูฉ่ายขึ้นกิน

“แต่ที่กูสงสัยมากที่สุดก็คือ...” พี่ทัพทิ้งเสียงลง  มือข้างหนึ่งเกาหัว  อีกข้างจับตะเกียบค้างไว้   

“ทำไม ไอ้กริดมันต้องฆ่าคนที่มารับส่วยจากมันด้วย ทั้ง ๆ ที่เงินนั่นเป็นเงินของไอ้กาย” อีกฝ่ายขมวดคิ้ว  ผมเงียบ  คีบเนื้อไก่จิ้มน้ำจิ้มก่อนนำเข้าปากอีกคำ  พี่ทัพบ่นอิดออดเรื่องเดิมก่อนจะตักเนื้อหมูซึ่งเป็นของโปรดของเจ้าตัวเข้าปาก
 
“แล้วย่าเป็นไงบ้าง” พี่ทัพเปลี่ยนเรื่อง

“ก็ดี” ผมตอบส่ง ๆ

“โทษทีนะ ย่าเลยมาซวยไปด้วย” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“หึ..” ผมอมยิ้ม

“มึงว่า การแข่งมวยรอบนี้มันไม่ชอบมาพากลไปหน่อยเหรอวะ ไอ้กายมันคุมให้ธุรกิจมันเงียบขนาดนี้เพราะอะไร” พี่ทัพขมวดคิ้ว
 
“.........” ผมไม่ตอบ เพราะกำลังตักน้ำซุปเข้าปาก  พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นอีกฝ่ายจ้องมาเหมือนต้องการคำตอบ
 
“มันอาจจะอยากเป็นคนดีรึเปล่า” ผมบอก 

“กูจริงจัง” พี่ทัพปัดเอือม ๆ

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะเมื่อถูกรู้ทันว่าตั้งใจกวนพี่แก

“กีฬากับพนันมันเป็นของคู่กัน จะประเทศไหน ๆ ก็เหมือนกัน”

“........” พี่ทัพนิ่งไปก่อนพ่นถอนหายใจออกมา

“ต่อให้ถูกกฎหมายก็พนันอยู่ดี มันก็แค่.. หนึ่งในวิธีหาเงินของผม” ผมขยายความยิ้ม ๆ

“มึงจะพูดถึงธุรกิจบิดเบี้ยวของมึงก็นึกถึงใจกูบ้าง” อีกฝ่ายสบถอย่างรับไม่ได้  ผมหัวเราะในลำคอ  บทสนทนาเงียบลงครู่หนึ่ง  เสียงแตงในปากที่เพิ่งคีบกินพร้อม ๆ กับเนื้อไก่ดังสะท้อนอยู่ในหู

“แล้วนี่มึงไม่คิดจะถามหน่อยเหรอว่ากูจะทำยังไงกับของที่มีอยู่” พี่ทัพยียวน  หมายถึงหลักฐานที่สามารถเอาผิดคดีใหญ่ระดับประเทศที่เจ้าของที่พักมีอยู่ได้

“........” ผมไม่ตอบ เท้าศอกลงบนโต๊ะ  มืออีกข้างคีบเนื้อไก่จิ้มน้ำจิ้มแล้ววางลงบนถ้วยข้าวมันของพี่ธานก่อนจะหยุดมือ  ความเงียบถูกทิ้งไว้นานพอให้แน่ใจว่าคนถามก็ไม่ได้มีใจอยากบอกเช่นกัน 


พี่ธานใช้ช้อนตักข้าวมันพร้อมกับไก่ที่ผมคีบให้ขึ้นกินเงียบ ๆ ก่อนพูดออกมา “ไก่ ต้มไม่เป็นมันจะคาวนะครับ” 

“หึ” ผมแสยะยิ้ม

“ซื้อกินถึงได้สะดวกกว่าไงครับ” พี่เขาขยายความทำให้พี่ทัพช้อนตาขึ้นมอง  อีกฝ่ายถูกผมกับพี่ธานจ้องอย่างนี้ขณะที่เราทั้งสามเงียบอยู่หลายวินาที

"แนะนำกูแต่อย่าง กูเป็นตำรวจนะไอ้ไฟ" พี่ทัพขมวดคิ้วบ่นอย่างหนักใจ

“พวกพี่มันเป็นยังไงรู้ไหม เป็นพวกที่บอกว่าตัวเองอยู่ในระบบทั้ง ๆ ที่ทำตัวนอกระบบ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ  ชอบกินของคาวแต่ปากบอกไม่ชอบ” ผมพูด

“ผม.. แค่แปลสิ่งที่อยู่ในหัวพี่ธานให้ฟังน่ะ” ผมยิ้มขยายความ  พี่ธานลดระดับสายตาลง  ใบหน้าเปื้อนยิ้มนิดหน่อยอย่างพอใจ

“ไอ้สัส..” พี่ทัพพึมพำ 

“หึ อยากกินของคาวก็ต้องใช้คนคาว ๆ”

“แบบมึงเรอะ ?!” อีกฝ่ายประชดกลับ มองผมตาขวาง

“ก็คาวใช้ได้อยู่นะ” ผมเบิกตากว้าง พยักหน้ายอมรับปนหัวเราะ

“........” พี่ทัพวางตะเกียบลง  เอนหลังพิงพนักพิงแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง

“ถ้าอยากจบเรื่องนี้ชาตินี้ ก็ให้พวกมันล้มกันเอง” ผมพูดเรียบ ๆ อย่างไม่แยแส  คำตัดบทจากผมทำให้อีกฝ่ายเหลือบหางตามองมา

“นายครับ” ไอ้เข้มเดินเข้ามาแทรกกลางวง  ในมือถือโทรศัพท์มือถือของตนอยู่  อีกฝ่ายสบตาผมครู่หนึ่งคล้ายขออนุญาตว่าสิ่งที่กำลังจะบอกนี้อาจเป็นความลับที่ไม่ควรให้พี่ทัพทราบ

“ไม่เป็นไร” ผมอนุญาต

“กริดไม่ได้ถือหุ้นโต๊ะพนันร่วมกับกายครับ มันร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลในฮ่องกง...”

“........” ผมหันไปมองหน้าไอ้เข้มในทันที

“เห็นสายบอกว่า เป็นเฮียชาครับ” อีกฝ่ายขยายความพร้อมหลบสายตาผมลง
 
“เห็นว่าพวกมันมีปากเสียงกันก่อนที่จะถอนหุ้นของกริดออกครับ”

“ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่หมากซะละมั้ง” ผมถอนหายใจ  ตัดบทบทสนทนาของทุกคน


- - - - - - - - - -


10.30 น. | เพชรบูรณ์

“อากาศดีอะไรเช่นนี้ ~” เสียงของเพื่อนสนิทพอใจกับบรรยากาศของที่พักบนเนินเขาท่ามกลางธรรมชาติของรีสอร์ตสไตล์โมเดิร์นแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว  ตั้งอยู่ห่างจากสถานที่เก็บตัวของนักมวยค่ายผมเกือบสิบห้ากิโล  ไม่มีใครในที่นั้นทราบว่าผมอยู่ที่นี่เพราะถูกสั่งไว้ไม่ให้บอกว่าผมจะตามมาดู 

“มึงพักนะ กูจะไปที่ค่ายหน่อย” ผมพูด  ลุกขึ้นพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง

“อืม กลับเข้ามาก็ซื้ออะไรมากินเลยนะ” ไอ้โปรดตอบพร้อมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา

“คุณโปรดจะไม่ออกไปไหนหน่อยเหรอครับ” ไอ้เด่นผู้ชอบเที่ยวถึงกับเสียงหลง

“ก็ออกมาถึงเขาค้อแล้วมึงยังจะต้องให้กูออกไปไหนอีก ?! กูอุตส่าห์ตื่นตั้งแต่ไก่ไม่โห่ แล้วนี่แวะปั๊มมากี่รอบแล้ว ไม่เหนื่อยบ้างเรอะ” ไอ้โปรดสบถบ่น

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  ขำตรงไก่ไม่โห่ของมัน

“มึงอยู่นี่” ผมสั่งไอ้เด่น

“ผมขับให้ครับนาย” ไอ้เด่นยิ้มแฉ่ง

“กูไปกับพี่ธาน มึงอยู่กับโปรดนี่แหละ” ผมปัด  อีกฝ่ายหน้าหงอยลงทันที

“อยู่เป็นเพื่อนเล่นหนูนี่แหละ ~” ไอ้โปรดได้ทีแกล้ง ทำเสียงออดอ้อนกวนใจไอ้เด่น
 
“พร้อมแล้วครับคุณไฟ” พี่ธานเดินมาบอก

“ไปนะ” ผมบอกไอ้โปรด  อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนที่ผมจะเดินออกมาพร้อมกับเสียงโอดครวญของไอ้เด่นที่อยากตามมาด้วย 
บรรยากาศช่วงสายที่แดดยังไม่ถือว่าจัดมากนักทำให้ผมเลือกที่จะกดเปิดกระจกและปิดเครื่องปรับอากาศในรถยนต์  ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใด  เวลาการเดินทางก็สั้นนิดเดียว  พี่ธานจอดรถยนต์ห่างออกจากสถานที่ฝึกไกลพอสมควร  เราเดินเท้ากันต่อเพื่อไปยังจุดลับตาคนเพราะไม่ต้องการให้คนในทีมรู้ว่าผมมาที่นี่... 

“จะไม่เข้าไปคุยกับครูมวยหน่อยเหรอครับ” พี่ธานถามหลังจากที่เรายืนมองการฝึกซ้อมได้พักหนึ่ง 

“ไม่ครับ” ผมตอบ  มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนเอนตัวพิงผนังกำแพงมองเข้าไปยังด้านในขณะที่นักมวยกำลังซ้อมกันอย่างขยันขันแข็ง  ร่างกายของสมุทรผอมลงนิดหน่อย  ดูเหมือนไขมันบางส่วนได้กลายเป็นกล้ามเนื้อที่กระชับขึ้น   

“น้ำหนักหมอนั่นลงไหม” ผมถาม

“ลงสองโลครับ” พี่ธานตอบ

“.......” ผมเงียบ  จู่ ๆ ก็แปลกตาที่เห็นรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนที่กำลังพูดถึง  อีกฝ่ายคุยอยู่กับนักมวยคนอื่น  เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนผมจะไม่ได้เห็นมาพักใหญ่แล้ว

“น่าจะพอทำใจได้แล้วนะครับ เรื่องยาย” พี่ธานพูด  คงเห็นเหมือนกัน  ผมไม่ตอบอะไร  จดจ้องการชกที่แน่วแน่และมีความมั่นใจขึ้นต่างจากการซ้อมที่ประจวบฯ ก่อนหน้า 

“กลับเถอะ” ผมบอก

“ครับ”


   ...

“คุณยุทคะ ขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ ไม่ทราบว่ามีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับคลิปหลุดของลูกชายคุณคะ”

“แหล่งข่าวบอกว่าลูกชายของคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล.. คุณยุทคะ เดี๋ยวค่ะ รบกวนตอบคำถามด้วยค่ะ”

“จากคดีคลิปหลุดว่ามีการค้าบริการของลูกชายคุณยุธ ยุธทกร xxx ว่ามีการเชื่อมโยงกับธุรกิจสีเทาทำให้หุ้นของบริษัท yuttakit ดิ่งลงในเช้าวันนี้”



ผมกลับถึงที่พัก  หยุดยืนมองหน้าจอโทรทัศน์ที่ไอ้โปรดเปิดทิ้งไว้  ข่าวครึกโครมหลายวันมานี้เป็นข่าวของคนใหญ่คนโต  ทั้งนักการเมืองและคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการกลางคืน  ซึ่งหากมองให้ดี ทั้งหมดนั้นมีส่วนเชื่อมโยงกัน...

“กลับมาแล้วเรอะ กลับเร็วจังวะ” ไอ้โปรดที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยทัก  สวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่สบาย ๆ เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ  ผมตรงไปนั่งลงที่โซฟาและกดรีโมทเปลี่ยนช่องเพื่อหาข่าวช่องอื่น  แต่ 80% ก็ยังคงเป็นข่าวที่คล้าย ๆ กัน

“ไอ้เด่นไปไหน” ผมถาม

“ไปซื้อกาแฟให้กู” ไอ้โปรดตอบ 

“หุ้นตกระเนระนาดเลย ดีนะพ่อกูชิงขายก่อน อย่างกับมีตาทิพย์” ไอ้โปรดบ่น

“รึว่ามีวะ ?” มันยืนเท้าเอว  ขมวดคิ้วพึมพำสงสัยถึงพ่อตัวเอง  ผมอมยิ้ม  บางทีก็อดสงสัยตามที่ไอ้โปรดพูดไม่ได้เหมือนกัน
 
“ใครเป็นคนปล่อยข่าววะ แล้วเพื่ออะไร หลายเดือนมานี้มีแต่ข่าวแนวนี้โผล่ขึ้นมาจากน้ำแบบแปลก ๆ เหมือนมีใครตั้งใจทำให้โผล่” มันบ่นกับตัวเองคล้ายไม่ต้องการคำตอบ  ดูไม่ติดใจกับข่าวครึกโครมนี้นัก  แน่นอนว่าผมเองก็ไม่ได้ตอบถึงเหตุผลของการกระทำเหล่านั้นเช่นกัน   

“เออ อาทิตย์หน้าใช่ไหมที่นักมวยมึงจะขึ้นชกอีก” อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่อง

“มึงนี่สมาธิสั้นนะ” ผมทัก

“หึ ๆ ๆ” ไอ้โปรดหัวเราะเก้อเขิน

“สมาธิกูยาวอยู่เรื่องเดียวแหละ” อีกฝ่ายทำหน้าขึงขังเป็นงานเป็นการ

“หึ ๆ ๆ” ผมก้มหน้าเพราะอดขำไม่ได้  รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

“กูลงข้างสมุทรห้าล้านแล้วกัน ฝากบอกเจ้ามือล่องหนของมึงด้วย” ไอ้โปรดยักคิ้วด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์

“.........” ผมจ้องมันกลับโดยไม่พูดอะไรอยู่หลายวินาที

“หาเงินใช้ ช่วงนี้ไม่ค่อยบิน” มันบอก  ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาด้วยการเมินสายตาจากผม

“กาแฟมาแล้วคร๊าบ” ไอ้เด่นกลับมาได้จังหวะพอดี 

“นายกลับมาแล้วเหรอครับ ผมซื้อกาแฟมาเผื่อพอดีเลยครับ” มันยิ้มแป้น  กุลีกุจอเข้ามาเสิร์ฟอเมริกาโนเย็นที่ซื้อมาให้ผมกับพี่ธานคนละแก้ว  พร้อมกับวางลาเต้เย็นซึ่งเป็นของไอ้โปรดด้วย


ติ๊ง ~

“โอนไปแล้วนะ” ไอ้โปรดที่นอนกระดิกเท้าอยู่พูดบอก  ผมไม่ตอบ  หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นดูก็พบว่าได้รับเงินโอนเข้าเป็นจำนวน 5 ล้านบาทจริง ๆ 

“เอาอะไรมามั่นใจ” ผมพูดถึงสมุทร

“ไม่แน่ว่าคงพนันอีกข้างกับใครไว้สิบล้านมั้งครับ” พี่ธานพูดแทรกขึ้นมา 

“ฮึ้ยยย ~ บ้าบอ เอาเงินจากไหนมาเยอะแยะ” ไอ้โปรดแสยะยิ้มตอบปัดทีเล่นทีจริง  ดูเหมือนจะชอบใจที่ถูกพี่ธานรู้ทัน

“........” ผมเงียบ  ยังคงนั่งมองเพื่อนสนิทไม่วางตา

“มึงเองก็คงไม่พนันข้างคนอื่นหรอกใช่ไหมล่ะ ถึงบางครั้งมึงจะระยำไปบ้าง แต่มึงมันเป็นพวกรักศักดิ์ศรีอะไรทำนองนี้” อีกฝ่ายทำทีวิเคราะห์   

“ได้” ผมยอมรับปากเรื่องลงพนัน

“ขอบคุณครับ” ไอ้โปรดผงกหัวยิ้มรับ 

“คุณไฟครับ เย็นนี้คุณไฟอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” พี่ธานถามพร้อมหยิบสมุดเมนูของห้องอาหารโรงแรมมาเปิดดู

“ไม่หรอกครับ แล้วแต่ไอ้โปรดเถอะ” ผมตอบ

“ครับ แล้วกลางวันล่ะครับ” อีกฝ่ายถามต่ออีก

“ผมไม่หิวครับ” ผมปัดก่อนลุกเดินออกมาพร้อมกับแก้วกาแฟที่ไอ้เด่นซื้อมาให้  ได้ยินเสียงไอ้โปรดพูดกับพี่ธานว่า “ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย ขับไปซื้อมาให้กินหน่อยสิ” แว่ว ๆ พร้อมกับพี่ธานที่ตอบกลับด้วยการถอนหายใจใส่  ทำเอาหลุดยิ้มได้นิดหน่อย 


วันนี้ทั้งวันผมก็นั่ง ๆ นอน ๆ  ถือเป็นการมาพักผ่อนไปในตัว  ส่วนไอ้โปรดพากันออกไปข้างนอกกับไอ้เด่น  เห็นว่าจะออกไปหามื้อกลางวันกินกัน  ผมก็อนุญาตให้ไปเพราะดูออกว่าคนของตัวเองระริกระรี้อยากออกไปข้างนอกจะแย่แล้ว 

ตกเย็นวันนั้น พี่ธานเตรียมอาหารเย็นด้วยการสั่งจากห้องอาหารของโรงแรมมากินที่ห้องพัก  บรรยากาศยามเย็นของที่พักบนภูเขาถือว่าไม่แย่นัก  จะว่าเย็นมากก็ไม่เชิง  เรียกว่าอากาศกำลังดีมากกว่า  เราตั้งโต๊ะและนั่งกินดื่มอย่างเรียบง่ายก่อนแยกย้ายกันไปเมื่อตกดึก  ที่ยอมแยกย้ายกันโดยง่ายเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องออกเดินทางแต่เช้า  เนื่องจากไอ้โปรดมีความตั้งใจว่าอยากจะไปไหว้พระธาตุ  อาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อที่คนอย่างมันมีความประสงค์จะเข้าวัด  แต่ผมก็ไม่ขัดศรัทธาน่ะนะ   


- - - - - - - - - -


เวลาตี 4.30 น. ผมตื่นขึ้นก่อนใคร  อาบน้ำแต่งตัว  หยิบกุญแจรถยนต์ของไอ้โปรดที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นก่อนเดินทางออกมาคนเดียว

บรรยากาศช่วงฟ้าสางในต่างจังหวัดเป็นเวลาที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกกว่าตอนที่อยู่ในเมืองเสมอ  ระหว่างที่ขับรถไปตามเส้นทางมีรถยนต์ขับสวนไปแทบนับคันได้  เป็นเวลาที่พระออกเดินบิณฑบาตพร้อมกับเด็กวัดที่เดินตามหลังลัดเลาะไปตามถนนใหญ่เพื่อเข้าไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ  รถยนต์เคลื่อนตรงไปยังถนนเส้นหนึ่งที่คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเป็นเส้นเดียวที่คนในค่ายจะต้องวิ่งผ่านสำหรับการฝึกเช้านี้

ผมจอดรถยนต์อยู่ที่ข้างอู๋ซ่อมรถแห่งหนึ่งที่ยังไม่เปิดทำการ  ออกมาหยุดยืนอยู่ข้างตัวรถ  ห่างออกจากถนนใหญ่หลายร้อยเมตร  พุ่มไม้ใบหญ้าโดยรอบรกร้างไม่ได้รับการดูแลทำให้ผมไม่เป็นที่สังเกต  ลมพัดผ่านทำให้ได้กลิ่นหญ้า  อากาศบริสุทธิ์ตอนเช้ามักมีกลิ่นพิเศษทำให้แตกต่างจากช่วงเวลาอื่น  ผมเอนหลังพิงท้ายรถไว้  นาฬิกาข้อมือบอกเวลา 05.00 น. ขณะก้มลงมองมือตัวเองที่ถือกล่องบุหรี่สีดำของเจ้าของรถ  นำติดมือออกมาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ  ฝาบุหรี่ถูกดันออกด้วยนิ้วโป้งก่อนจะปิดลง  เสียงของการเปิดปิดนั้นเบาบางท่ามกลางเสียงต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกลมพัดผ่านไป


แกรก.. แกรก... แกรก....

ครั้งสุดท้าย ฝาถูกเปิดทิ้งไว้อย่างนั้นครู่ใหญ่...

“........” ผมนิ่งมองบุหรี่ที่อัดแน่นอยู่ข้างใน  มีเพียงช่องว่างหนึ่งช่อง  มันถูกใช้งานไปแล้วหนึ่งมวน  ความลังเลยังคงอยู่ แต่ปากดันคาบสิ่งที่ทำให้ลังเลนั้นขึ้นมา  ไฟแช็กทำหน้าที่ในทันที  ไม่นานนักก็ได้กลิ่นกลิ่นเดียวกับเพื่อนสนิท

เสียงของพี่เลี้ยงนักมวยเร่งคนของตัวเองแว่วมาแต่ไกล  ขณะนั้นเองก็เห็นนักมวยและคนในค่ายค่อย ๆ ทยอยวิ่งออกมาเรียงแถวอยู่บนถนนใหญ่  ทั้งนักมวยรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ทั้งไทยและต่างชาติ  ทั้งที่เป็นนักชกอาชีพและพวกที่ยังถือว่าเป็นเพียงมือสมัครเล่น  แต่ละคนค่อย ๆ วิ่งผ่านหน้าไปพร้อมกับสุนัขของครูมวยในค่ายอีกหนึ่งตัวโดยไม่ทันสังเกตเห็นผม

ทั้งที่เต็มไปด้วยคนที่มีรูปร่างสมบูรณ์แข็งแรงในแบบโครงสร้างของแต่ละคน  แต่หมอนั่นกลับสะดุดตาผมกว่าใคร  ไม่ใช่เพราะหน้าตา  แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร  ทำไมถึงดูดีในสายตาผม  โทรศัพท์มือถือที่อยู่กระเป๋าหลังกางเกงถูกหยิบออกมาโดยอัตโนมัติ  นิ้วที่กำลังกดไปยังกล้องถ่ายรูปละล้าละลังเล็กน้อย  ทันทีที่ควันบุหรี่ค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมา จู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจ  สุดท้ายจึงหยุดมือไว้แค่นั้น.. 


ผมเงยหน้าขึ้นมองสมุทรอีกครั้งหนึ่ง  คิ้วขมวดกับการกระทำของตัวเองอย่างอดไม่ได้  โทรศัพท์มือถือถูกกดปิดลงและสอดเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงไว้เช่นเดิมโดยไม่ถูกทำหน้าที่แต่อย่างใด  ผมก้มหน้าลง  มองรองเท้าหนังสีน้ำตาลคู่โปรดที่ใส่มาแล้วไม่รู้ต่อกี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนหนังเกิดรอยเต็มไปหมด  นิ้วมือคีบบุหรี่ออกพลางใช้มือเดียวกันนั้นลูบหัวตัวเองอย่าง --ไม่เข้าใจ
 

ชอบอะไรนะ ?

ขี้อาย.. รอยยิ้มที่ดูใสซื่อมักจะปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งในบุคลิกที่เอาจริงเอาจังและนิ่งขรึม  แววตาใสซื่อนั่นก็ด้วย  ซื่อ แต่บางครั้งกลับแสดงความซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง  เหมือนต้องการแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่มีว่าจะทำร้ายเขาไม่ได้ถ้าหากเจ้าตัวเอาจริง  ความขัดแย้งนั้นเข้ากันได้ดีจนน่าแปลก  เป็นรอยยิ้มและแววตาที่ถูกใจจนไม่อยากที่จะละสายตาไปไหน  ความหมายของแววตาที่มักตรงไปตรงมาจนไม่กล้าทักออกไปว่าอีกฝ่ายเป็นเช่นนั้น  เวลาที่ถูกหลอกให้เชื่อ  สายตาของเขามักจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่ตนเองถูกหลอกและก็เท่านั้น  มันว่างเปล่าคล้ายกับว่าไม่มีความแคลงใจใด ๆ อยู่ในนั้นเลย  ถูกหลอกเหรอ ไม่จริงหรอกมั้ง อะไรทำนองนั้น  เสร็จแล้วก็มักจะยิ้มอย่างเก้อเขินโดยไม่มีนัยแฝงใด ๆ 


ชอบความไม่ซับซ้อนบนใบหน้านั้น

แต่ลึก ๆ กลับมีบางอย่างซ่อนไว้ภายใต้ความใจดี  ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับสิ่งที่คนอื่นทำกับตัวเอง  แต่กลับปิดไม่มิดว่ากังวลการกระทำของตัวเองต่อคนอื่น  เหมือนจะดี แต่เป็นนิสัยแบบที่น่าหงุดหงิด...

ก็จริงของหมอนั่น  ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่  ผมไล่ต้อนหมอนั่นหรือผมกำลังไล่ตามตัวเอง  ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่เล่นกับความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยการหยิบเอาความเป็นคนเอาจริงเอาจังของเขามาใช้ประโยชน์ก็คือผม  เพราะชอบและมันก็สนุกดี  และก็รู้ด้วยว่าถ้าอีกฝ่ายตัดสินใจเด็ดขาดขึ้นมา  ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาก็จะส่งผลต่อผมทั้งนั้น  แต่กลับหยุดไม่ได้  หยุดทำให้อีกฝ่ายร้อนรนไม่ได้  อยากทำให้ลุกลี้ลุกลนจนคิดเรื่องอื่นไม่ออกทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีจุดหมายอะไรให้  ต่อให้ไปนอนกับใครก็อยากทำให้ประสาทเสีย  อยากทำให้เกิดแต่ความสงสัยในทุกการกระทำของผม


อยู่ดี ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นมา  ว่าถ้าทำให้เป็นของตัวเองได้แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป...

“หึ รักดีไหมนะ” ผมพึมพำพลางแสยะยิ้มให้กับคำถามไร้สาระ  แล้วถ้าอย่างนั้น มีวิธีที่ทำให้เจ็บปวดจนไปไหนไม่รอดไหม

“ยิ้มชั่วจนน่าขนลุก”

“........” ผมหันขวับไปมองแขกไม่ได้รับเชิญ  ไอ้บูรณ์หยุดยืนตรงหน้าด้วยชุดที่พร้อมสำหรับวิ่งยามเช้า  เห็นเหงื่อมันซึมตามตัว  คงวิ่งมาสักระยะแล้ว   

“ไง” ผมยิ้มทัก

“กูพยายามคิดว่ามึงก็เป็นคนโอเคนะ แต่หลายครั้งกูปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตามึงนี่มันเกิดมาเพื่อกวนตีนคนอื่นจริง ๆ” มันบ่นคล้ายหนักใจ

“ชั่วจนสงสารคนถูกมอง” ไอ้บูรณ์พึมพำและกวาดตามองไปยังกลุ่มคนที่กำลังวิ่งอยู่  คิ้วขมวดคล้ายสงสัยว่าผมมองใครในนั้น  แต่มันก็ไม่ถามออกมา

“หึ ๆ พรสวรรค์มั้ง” ผมหัวเราะปัดไปงั้น

“ไม่เห็นรู้ว่ามา” อีกฝ่ายพูด

“งั้นก็ช่วยทำเหมือนผมไม่มาได้ไหมละครับ” ผมตอบ

“ก็ได้อยู่” มันตอบรับอย่างยินดี  ผมหัวเราะในลำคอ  ชอบที่อีกฝ่ายหัวไว 

“ไม่ชอบให้คนอื่นสูบ แต่ตัวเองสูบเองเนี่ยนะ” ไอ้บูรณ์แสยะปากประชด  คงฝังใจเรื่องคราวก่อน

“จะทักทำไมเล่า ไม่กลัวกูอายบ้างรึไง” ผมบ่นกลับ

“อาย ? หึ..” อีกฝ่ายเบ้หน้าอย่างรับไม่ได้  ผมยิ้ม ยื่นบุหรี่ไปตรงหน้ามัน

“เลิกแล้ว” ไอ้บูรณ์ปฏิเสธหนักแน่น  คำพูดนี้ทำเอาผมยิ้มกว้าง   

“ก็ว่า ดูสุขภาพดี” ผมแซว  สำรวจมองหัวจรดเท้า  เห็นว่าสีหน้าก็ดีขึ้นด้วย

“ก็มีบางคนมันไม่ให้กูตาย” อีกฝ่ายประชดกลับ

“ฮิ ๆ ๆ” ผมยิงฟันหัวเราะชอบใจ  สิ้นเสียงหัวเราะจากผมบรรยากาศรอบตัวก็สงบลง  นักมวยวิ่งหายไปหมดแล้ว  ถนนใหญ่ว่างเปล่าอีกครั้ง   

“มาก็ดีแล้ว กูก็ว่าจะโทรไปคุยอยู่เลย ชกรอบถัดไป นักมวยคู่ชกของสมุทรมันโหดเอาเรื่องอยู่นะ ถึงสมุทรจะฝีมือดีแต่เวทีใหญ่แบบนี้กูกลัวว่า...”

“ฝากด้วยแล้วกัน” ผมตัดบทก่อนที่จะอนุญาตให้ไอ้บูรณ์ได้พูดจบประโยค  มันชะงัก  มองผมไม่กะพริบตา 

“เพราะมึงเคยชนะทางนั้นกูถึงได้พามา” ผมพูด  หยิบกุญแจรถที่วางอยู่ท้ายรถมาถือเตรียมไว้

“หน้าที่กลัวเป็นหน้าที่ของสมุทร ไม่ใช่หน้าที่มึง”

“อืม งั้นก็ได้” ไอ้บูรณ์พยักหน้ารับทราบด้วยสีหน้าหนักแน่นในทันที  ราวกับว่ามันตัดสินใจได้ด้วยตนเองว่าหลังจากนี้จะต้องทำอย่างไรต่อไป

“เต็มที่เลย มีอะไรก็โทรมา” ผมตัดบทบอกก่อนจะก้าวเดิน

“ไฟ...” อีกฝ่ายเรียกไว้  ผมหันกลับไปมอง 

“กูอยากบวช” มันพูด  ผมชะงัก  ไม่คิดว่าจะถูกบอกโต้ง ๆ เช่นนี้ด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้น

“บอกไว้ก่อน เผื่อมึงให้ตารางวันหยุดยาวกูได้เมื่อไหร่ ช่วยบอกกูด้วย”

“จะแต่งเมียเรอะ ?” ผมขมวดคิ้ว

“ใครบอกมึง” ไอ้บูรณ์ขมวดคิ้วงงงวยด้วยเช่นกัน

“โบราณ” ผมตอบ

“เฮ้อ กูละเหนื่อยใจ” อีกฝ่ายบ่น

“หึ ๆ เออ จบการแข่งเวทีนี้กูจะให้วันหยุดแล้วกัน” ผมบอก  ไอ้บูรณ์พยักหน้ารับทราบแล้วจู่ ๆ มันก็หยุดนิ่ง  เอาแต่จ้องผมอยู่ครู่หนึ่งคล้ายลังเลที่จะพูดบางอย่างออกมา

“ขอบคุณ” อีกฝ่ายบอกพลางเบือนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“หึ กูว่ากูอยู่ประเทศไทยนะ ที่บ้านมึงไม่ได้สอนเหรอว่าเวลาขอบคุณเจ้านายให้ยกมือไหว้ด้วย” ผมแกล้งบ่นไปอย่างนั้นเอง

“เฮอะ !” ไอ้บูรณ์พ่นเสียงประชดประมาณว่า ชาตินี้กูก็จะไม่ทำกับมึง 

“งั้นกูต้องไม่รีบตายสิ เดี๋ยวไม่ได้เป็นเจ้าภาพ” ผมอมยิ้มพึมพำบอก  ได้ยินคนที่ยืนอยู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่  ประตูรถถูกเปิดออกและหยุดนิ่งไว้  ผมหันไปมองไอ้บูรณ์อีกครั้ง  เราสบตากัน  อีกฝ่ายพยักหน้าลาน้อย ๆ และสุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไรจนผมเดินทางกลับออกมา



...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:

ตอนนี้เป็นการบรรยายความรู้สึกของไฟที่มีต่อสมุทรจริง ๆ ซึ่งความจริงแล้วไฟไม่เคยได้ทบทวนมันเลย  จนวันที่เกิดปากเสียงกันที่บ้านของสมุทรก็เหมือนเป็นจุดที่ทำให้ไฟได้ทบทวนตัวเองค่ะ


ติดตามการอัปเดตนิยาย The Real Me อย่าท้าให้บ้ารักได้ที่ - https://twitter.com/lightanocean


ขอบคุณค่ะ | เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-05-2021 18:12:29
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 22-05-2021 20:06:16
มาแล้ววววว มาพร้อมทวิต
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-05-2021 23:04:44
คำบรรยายเยอะ ยังรู้สึกว่าไม่อิ่ม ดำดิ่งกับความละเอียดของไฟ ขอรักสมุทร และพี่ธาน อบอุ่นดี ส่วนไฟร้อนแรงเกินต้านทาน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mmp mmp ที่ 22-05-2021 23:32:48
 :mew1: :mew1: เขายังไม่คุยกัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mmp mmp ที่ 22-05-2021 23:34:33
ยังไม่คุยกัน :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 22-05-2021 23:47:49
ยังไม่คุยกัน :ling1:

คุยแล้วไง

“ผมขออยู่คนเดียวสักสิบห้านาทีได้ไหมครับ” อีกฝ่ายถาม
“อืม” ผมพยักหน้าอนุญาต  ชี้มือไปที่ห้องพักห้องเล็กอีกห้องหนึ่งที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ
“ขอบคุณครับ”


กร๊ากกกกกก #หนีคนอ่านแป๊บ  :laugh:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-05-2021 00:14:33
หลงเขาจะแย่อยู่แล้ว แต่กวนตีนเป็นนิสัย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapoi ที่ 23-05-2021 00:37:58
เป็นการคุยกันที่ทรมานใจกเชียร์มาก ความอึมครึมเริ่มคลี่คลายไป 1%
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: eiei ที่ 23-05-2021 07:42:52
ติดตามตลอดเลยจ้าาาา
โตมาด้วยกัน Lol
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-05-2021 10:42:56
ไม่มีครั้งไหนที่จะอ่านแล้วไม่ลุ้น คือคุยกันแล้วเนอะ 5555++   

พี่ไฟก็แบบคลั่งรักเขาไปดิ เอาไงจะให้เขาเป็นของตัวเองรีบหน่อยก็ดีนะหนูว่า คริคริ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 23-05-2021 22:15:07
ขอบคุณนะคะ รอสมุทร ทุกวัน ติดตามทวิตเตอร์ แล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 56 [ 23.15 น. - พฤ. 15 เมษา 64 หน้า 78 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 24-05-2021 14:13:45

มีวิธีที่ทำให้เจ็บปวดจนไปไหนไม่รอดไหม

^
^
เอาจริงรึพ่อ
ว่าแต่ เม็ดเงินช่างมหาศาล
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sarocha45377 ที่ 25-05-2021 08:23:29
ตอนนี้พี่สมุทรจะมีความรู้สึกยังไงต่อพี่ไฟบ้างเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 25-05-2021 21:31:04
มารอว่าสมุทรคิดยังไง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 26-05-2021 01:49:24
คุณไฟฟฟฟ คุณน่ะเข้าข่ายคลั่งรักเขาได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 26-05-2021 09:17:57
ชอบโมเม้นตึงๆกันนี้แหละค๊าบ ทบทวนตัวเองทั้งคู่ พอตอนรักกันผมไม่อยากจะคีสสสสสสสส :haun4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: กัณฐ์ตังค์ ที่ 26-05-2021 23:06:24
อย่าน้อยใจไปเลยค่ะว่าไม่มีคนมาcomment ฉันจะมาเมนต์ให้ทุกวันเลย ถ้าอัพทุกวันนะคะ อิอิ ร สมุทรที่ท่าน้ำทุกวันเลยยย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 29-05-2021 20:51:31
เห็นคุณไฟจริงยังเรื่อง​ความรู้สึก​ที่มีต่อสมุทร​ ก็เบาใจ​ขึ้นบ้างแล้ว​ เพราะสมุทรก็มีท่าทีที่ชัดเจนมาก​พอสมควร​ ขอให้ชกชนะนะจ๊ะ​ เผื่อบอสไฟจะตบรางวัล​ให้อย่างงาม​
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-06-2021 09:30:44
รวดเดียวจบเป็นอะไรที่ยังไงก้อต้องติดตามอ่าเนาะ

อยากรู้ต่อแล้วว่าเป็นไงต่ออออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 06-06-2021 11:50:20
" รักดีไหมนะ " ของไฟเนี่ยรู้สึกขนลุกแปลกๆ 5555
ไม่ใช่ว่ารักเค้าไปหรอ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sarocha45377 ที่ 09-06-2021 10:59:11
รอฉันรอเธออยู่แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาๆเมื่อไหร่  :monkeysad: คิดถึงแล้วนะ :z3:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: jj ที่ 10-06-2021 14:10:46
อยากรู้ความรู้สึกจริงๆของไฟ ที่มีต่อสมุทรมานานแล้ว
และก็ได้รู้สักที

ขอบคุณเบบี้ ที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 13-06-2021 11:17:24
อย่างน้อยตอนนี้ไฟก็เริ่มมั่นใจในความรู้สึกตัวเองชึ้นมาแล้วว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-06-2021 13:45:54
อีกนานมั้ยกว่าเขาจะคุยกันดีๆ  :mew2:

ปล.ไม่ได้อ่านมานานมากคิดว่าไม่มาต่อเกือบลืมไม่เลยต้องมานั่งไล่อ่านใหม่กว่าจะต่อติด
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-06-2021 23:36:41
เมื่อไหร่จะมาน้าาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 29-06-2021 23:17:07
เอาไปเอามา…พอได้ทบทวนตัวเอง..ก็..เอ็นดูเฮียไฟเค้านะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 30-06-2021 22:10:27
ตามเขาไม่ห่างเลยนะพ่อ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 09-07-2021 21:24:16
รักเรื่องนี้มาก ยังรอเบบี้เสมอเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-07-2021 00:00:37
รออยู่น้าาาา
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-07-2021 13:30:23

ตอนที่ 58
..ไฟ..




“ตำรวจรู้ได้ยังไงว่าเราจะส่งของวันนี้”

“ผม ผมไม่ทราบครับ”

“มึงไม่รู้เหรอ ! งั้นใครควรรู้ มึงยังมีหน้ามาบอกกูว่าไม่รู้เหรอ ฮะ ?!”

“คุณกริด ผมทำตามคำสั่งคุณทุกอย่าง !”

“มึงหุบปาก !!!”



เสียงของการทุ่มเถียงค่อย ๆ ไกลออกไปเมื่อผมเดินจากมา..

“มันเล่นละครเก่งนะว่าไหม” ผมชม

“หึ..” ผู้ฟังหัวเราะขึ้นจมูกเบา ๆ ตอบเท่านั้น


- - - - - - - - - -


สนามมวย

“นี่น้ำครับ” ไอ้เด่นยื่นขวดน้ำขวดใหม่ให้กับสมุทรในทันทีที่เห็นว่าสมุทรทำท่าจะยกขวดน้ำขวดเก่าของเขาขึ้นดื่ม

“........” สมุทรชะงัก  มองขวดในมือของตนเสี้ยววินาทีหนึ่งก่อนจะยอมรับขวดใหม่ไปเปิดโดยไม่ทักท้วงถามใด ๆ

“พี่ธานไปไหน” ผมถาม  ไม่เห็นหน้ามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“เห็นว่าออกไปดูความเรียบร้อยข้างนอกครับ” ไอ้เข้มตอบ

“นายเข้าไปอยู่ในห้องก่อน” ผมสั่งสมุทร

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ  ถึงแม้สายตาของเขาจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ยอมตรงเข้าห้องพักดังกล่าวไปอย่างว่าง่าย  ผมพยักหน้า ส่งสัญญาณให้ไอ้เด่นกับไอ้รุ่งเฝ้าคนในห้องไว้ไม่ให้ห่าง 

“เฮียกานต์ยังไม่ติดต่อมาเหรอ” ผมถามพลางล้วงกระเป๋ากางเกง

“ยังเลยครับ” ไอ้เข้มตอบ

ผิดปกติ.. เวลานี้ควรเป็นเวลาที่โต๊ะที่ต่างประเทศใกล้จะปิดรับผลเต็มทีแล้ว  โดยปกติก็มักจะได้รับสายจากเจ้าพ่อนักเสี่ยงโชคในเวลาประมาณนี้  แต่อีกฝ่ายกลับไม่ติดต่อมา  ขณะที่ผมกำลังสงสัยอยู่นั้นพี่ธานก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

“โทรหาเฮียกานต์ซิ” ผมสั่งพี่เขา

“ครับ ?” พี่ธานชะงัก  ขานรับด้วยโทนเสียงประหลาดใจ

“........” ผมเงียบ  จ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง 

“พี่ไปไหนมา” ผมเปลี่ยนคำถาม

“ไปดูความเรียบร้อยทั่วไปครับ” อีกฝ่ายตอบฉะฉาน 

“มีอะไรรึเปล่า” ผมถาม

“เปล่าครับ” พี่ธานตอบ  ความเงียบก่อตัวขึ้นในขณะที่ผมไม่ซักถามต่อ 

“นายครับ สายจากฟิลิปปินส์ครับ” ไอ้หินตรงเข้ามากระซิบบอกด้วยทีท่าเกรงใจว่าตนจะขัดการสนทนาระหว่างผมกับพี่ธาน 
ผมแบมือออก  โทรศัพท์มือถือถูกวางลงบนมือ  ขณะที่รับมาก็ยังจ้องหน้าพี่ธานไม่ละสายตา...

“I’m speaking.” ผมทัก

“Hello Mr Fai ~ I’ve been waiting for your call.” ปลายสายพูดตอบ  โทนเสียงหยอกเอินเต็มไปด้วยพลังและไม่ได้ล้อเล่นตามที่ปากพูดอย่างนั้น

“Sorry, I’m busy.” ผมพูด

“ไม่เป็นไร แล้ว.. ธุรกิจของเราล่ะ ?”

“ผมลงยี่สิบห้าล้าน เดี๋ยวจะจัดการให้ภายในสิบนาที” ผมตอบ

“ได้เลย ไม่มีปัญหา ~ ขอให้โชคดี” อีกฝั่งหนึ่งขานรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะตัดสายไปไม่ให้เสียเวลาต่อกัน 

“ยี่สิบห้าล้าน” ผมพูดแกมสั่งคนตรงหน้า  โดยละการซักถามประเด็นก่อนหน้าที่ผมเองก็ไม่ได้เชื่อในคำตอบนั้นอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาความในตอนนี้  และคิดว่าอีกฝ่ายก็คงทราบดีว่าผมเพียงแค่ปล่อยผ่านเพราะเห็นว่าเป็นพี่ใหญ่ก็เท่านั้น...

“ครับ” พี่ธานก้มหัวรับทราบก่อนจะแยกย้ายไปทำตามหน้าที่


   ...
สมุทรจะขึ้นชกในรอบที่สองของรายการ  ผมและคนสนิทเดินออกมานั่งอยู่ที่โซนรับรองสำหรับแขกวีไอพีซึ่งมีไว้สำหรับเจ้าของค่ายแต่ละค่ายเท่านั้น  เป็นที่นั่งส่วนตัวโดยไม่ต้องลงไปคลุกคลีด้านล่าง  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วีไอพีเท่ากับห้องระดับ VVIP ที่อยู่เหนือชั้นขึ้นไป  ดูเหมือนตอนนี้จะมีใครสักคนอยู่ในนั้น  คนใหญ่คนโตที่ไม่เปิดเผยตัวตน  อีกทั้งคนภายนอกก็ไม่สามารถมองผ่านกระจกนั้นเข้าไปได้ด้วย

“นักมวยค่ายคุณนี่ฝีมือไม่เบากันสักคนเลยนะ คนใหม่นั่นก็ด้วย”

“........” ผมเหลียวหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ 

“สวัสดีครับ” กายยิ้มทัก  เมื่อเห็นว่ามีแขกผมจึงลุกขึ้นยืน 

“สวัสดีครับ” ผมตอบพร้อมตรงเข้าไปจับมืออีกฝ่ายทักทายกลับ  ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาผมอยู่แล้ว  ใส่สูทหรูเนี้ยบหัวจรดเท้า  ประกบด้วยลูกน้องสองคนและอีกหนึ่งสาวซึ่งเป็นผู้หญิงของเจ้าตัว

“เอาซะผมอิจฉาเลย” กายขยายความแซวอย่างไม่จริงจังนัก 

“หึ..” ผมผลิยิ้ม

“ขอโทษนะครับที่เข้ามาโดยพลการ อยากถือโอกาสมาทักทายแล้วก็ขอโทษคุณไฟสักหน่อยน่ะครับ เห็นว่า.. คนของผมเคยไปทำความเดือดร้อนให้คนของคุณไฟ” กายเอ่ย

“อย่าถือโทษเลยนะครับ” เขาพูด  มุมปากเบะยิ้มเล็กน้อยคล้ายไม่จริงจังต่อคำพูดขอโทษนั้นของตน

“เป็นเรื่องเข้าใจผิดนี่ครับ ผมไม่ถือเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก” ผมตอบ  เหลือบมองไปยังผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายกายพร้อมยิ้มทักทายให้เธอ  ผู้ถูกมองช้อนตาขึ้นอย่างไม่เป็นมิตร  เธอคือมือปืนที่ยิงยู

“หึ ๆ คุณนี่ใจกว้างเหมือนที่ผมได้ยินคนเขาร่ำลือกันมาเลยนะ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากเชิญคุณไปทานอาหารร่วมกันสักมื้อครับ”
 
“ยินดีครับ” ผมผงกหัวตอบรับน้อย ๆ

“นี่ครับ นามบัตรผม” อีกฝ่ายรับนามบัตรจากลูกน้องของตนแล้วยื่นมาทางผม  ผมรับมา เหลือบมองเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไรกลับไป

“งั้นผมขอตัวนะครับ ตามสบาย”

“ครับ” ผมตอบ  กายและลูกน้องของมันเดินจากไป  ท่าทีที่เหมือนว่าเป็นมิตรนั่นเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยในวงการนี้

“ดูปกตินะครับ” ไอ้เข้มพูดขึ้น  สายตามองตรงไปทางแขกที่เพิ่งลากลับไปด้วยใบหน้าเรียบขรึม   

“........” ผมไม่ตอบ  เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม  เสียงเชียร์จากผู้ชมที่โห่ร้องทำให้ทราบว่าการแข่งขันดุเดือดขึ้นภายในไม่กี่นาที


“เอออออ ! เอออออออ !”
“สับศอกขวา แทงเข้าไป !”
“สมุทรไหวไหม ไหวไหมมม ! หมัดขวา ! อูยยย หมัดนี้เสียวไส้ไปเลยพี่น้องงง !!!”
“ค่ายมวยชัยโรจน์นี่ของเขาขึ้นชื่อเรื่องมวยหมัดจริง ๆ นะครับคุณป้อง”
“ใช่ครับ ไม่แน่ใจว่าสมุทรนี่จะเป็นม้ามืดรึเปล่า ชนะรอบแรกมานี่ฟลุคไหม หรือจะกลายเป็นม้ามืดแบบร่วงไปเลยนี่ก็เป็นได้ ฮ่า ๆ ๆ”
“อาจเป็นไปได้ อะไรก็เป็นไปได้นะครับ แดนนี่เขาเหมือนกระทิงดุ ไม่รู้ว่าสมุทรจะถูกแดนนี่เล่นงานเมื่อไหร่”



การพากย์ของนักพากย์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมและมีการเสียดสีที่จงใจกระตุ้นให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมนั้น  ก็เป็นหนึ่งในเสน่ห์ของการพากย์มวยไทยไปแล้ว... 

ผมตั้งศอกลงบนพนักวางแขนเก้าอี้  ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นร่วมไปด้วยเท่าไหร่นัก  ฝั่งของเราไม่เชิงว่าได้เปรียบ  ถึงแม้จะวิเคราะห์แล้วว่าคะแนนอาจสูสีแต่จะประมาทไม่ได้  เพราะ 3 ยกที่ผ่านมาสมุทรโดนหนักไม่น้อย  ใจหนึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะไหวมาถึงยกนี้ เพราะแดนนี่มันดุเอาเรื่องอย่างที่นักพากย์ว่าจริง ๆ  และตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรับมือไหวได้อีกแค่ไหน  เพราะฝั่งของคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นระดับแชมป์จากหลายเวที  มันเป็นประเภทที่ชอบรอจังหวะดี ๆ เพื่อที่จะได้น็อกนักมวยคู่ชก  โดยเฉพาะนักมวยไร้ชื่ออย่างสมุทรด้วยแล้วก็เหมือนขนมหวาน

“........” ขณะที่ชมการแข่งขัน ผมเหลือบมองโทรศัพท์มือถือเครื่องส่วนตัวที่เงียบผิดปกติ  กระทั่งเวลาผ่านมาสักพักก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา  ขณะเดียวกันก็มองไปยังพี่ธานที่อยู่ด้านล่างร่วมกับคนในค่ายข้าง ๆ เวที  ถึงแม้จะมีบางอย่างน่าแปลกใจ แต่ผมก็ไม่เอ่ยถามไอ้เข้มกับไอ้หินที่นั่งประกบอยู่ด้านหลัง  คิดว่าตัวเองอาจคิดมากไปเอง


“โอ้ยยยย !!!!”

“เอ้าเฮ้ย ! มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับเนี่ยคุณป้อง !! กระทิงดุล้มไปแล้ว !!! แดนนี่ล้มไปแล้วพี่น้องงง !!!!”

“เฮ้ ~~~~~”




เป้ง !!!!

เสียงเก้าอี้จากคนข้าง ๆ ผมขยับ คล้ายว่าพวกมันไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ลุ้นไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีได้  ไอ้เข้มกับไอ้หินชะโงกหน้าไม่เก็บรักษาท่าทีอย่างเคย...

หมัดขวาของสมุทรเสยเข้าที่ปลายคางของแดนนี่ในจังหวะที่ชุลมุน  เป็นเหตุทำให้แดนนี่ล้มลงทันที  สิ้นสัญญาณการนับตัดสินชี้ขาดการชนะน็อกของสมุทรจากกรรมการบนเวที  ทำให้ไอ้เข้มกับไอ้หินนั่งไม่ติดเก้าอี้  มันร้องเฮไปตามเสียงเชียร์จากผู้ชมที่อยู่ฝั่งของเรา  ผมนั่งเฉย ไม่ได้ออกปากห้ามอะไร  ฝ่ายที่ชนะเดินเซไปอีกทางคล้ายเรียกสติของตนอยู่เช่นกัน  ผมมองส่วนบนของสมุทรที่กระเพื่อมอยู่ตลอดเวลาแสดงถึงความเหนื่อยล้าของเจ้าตัว  ครูมวยและคนในค่ายทุกคนต่างนั่งไม่ติดเก้าอี้  ทันทีที่กรรมการเข้ามายกแขนของสมุทรขึ้น  เสียงร้องลั่นจากคนของค่ายผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง 

“หึ..” ผมแสยะยิ้มมุมปาก  มองใบหน้าของผู้ชนะที่ไม่ได้แสดงสีหน้าเท่าไหร่นัก  มันค่อนข้างเรียบเฉยเผยให้เห็นว่าลึกลงไปแล้วอีกฝ่ายกำลังโล่งอกกับผลการชกในครั้งนี้

การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป  ผมนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อดูการชกของนักมวยคู่อื่นต่อ  เมื่อการแข่งขันจบลง พี่ธานก็เดินมาหาผมเพื่อแจ้งให้ทราบว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งโดยปกติแล้วผมมักจะเข้าไปร่ำลาคนในค่ายและเดินทางกลับในเวลานี้...

“โคตรเจ๋ง นักมวยเราชนะหมดทุกคนเลย”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

“เย็นนี้กินอะไรดี”

“คุณไฟมาแล้ว”

เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานและตื่นเต้นดีใจดังเจี๊ยวจ้าวไปทั่วห้องพักของเรา  ผมเดินเข้าไปด้านในและกวาดตามองไปรอบ ๆ

“สมุทรไปไหน” ผมถามถึง  เห็นแต่นักมวยคนอื่นที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่

“เออ นั่นสิ สมุทรไปไหน” ครูมวยได้ยินผมถาม  แกอุทานอย่างสงสัยพร้อมกวาดตามองหาเช่นกัน

“เห็นบอกว่าออกไปข้างนอกแป๊บนึงครับ พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวมาครับ” พนักงานในค่ายหันมาพูดกับผม

“ไปกับใคร” ผมถาม

“........” ทุกคนเงียบลง

“เอ่อ ไม่.. ไม่ทราบครับ” อีกฝ่ายหน้าเสีย

“ไปกับพี่เด่นรึเปล่าครับ พี่เด่นก็ไม่อยู่นี่เหมือนกันครับ” เด็กในค่ายอีกคนพูดขึ้น

“มีอะไรรึเปล่าไฟ” ครูมวยตรงเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“เปล่าครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับกันได้เลย วันนี้ขอบคุณมากครับ” ผมบอก

“ได้ครับ” ครูขานรับ

“Good job.” ผมตบบ่าเจอร์รี่

“Thank you.” อีกฝ่ายผงกหัวยิ้มรับเก้อเขิน  ผมหันกลับไปสบตากับไอ้เข้มและไอ้หิน  ส่งสัญญาณให้พวกมันออกตามหาสมุทรโดยไม่กระโตกกระตาก  พวกเราเดินออกจากห้องมา ขณะที่ผู้คนในสนามมวยเริ่มทยอยออก  การมองหาจึงเป็นไปอย่างไม่สะดวกนัก

“นายครับ !” ไอ้เด่นเรียก  กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาพอดี

“สมุทรอยู่ไหน” ผมถามทันที

“เอ่อ คือ.. ผมไม่ทราบครับ ผมก็หาพี่เขาอยู่เหมือนกันครับ” อีกฝ่ายหลบสายตา

“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้คลาดสายตา” ผมตรงเข้าไปบีบปลายคางมันขึ้นมา

“ขอโทษครับ” มันตอบ

“แล้วไอ้รุ่งไปไหน” ผมถามพร้อมปล่อยมือออก

“มันเจอเพื่อนนักมวยอีกค่ายเรียกไว้ตอนที่ผมให้มันเฝ้าพี่สมุทรแล้วผมไปเข้าห้องน้ำน่ะครับ”

“ขอโทษครับ” ไอ้เด่นขอโทษอีกครั้งก่อนก้มหน้าลง 

“........” ผมไม่ซักต่อ  ก้าวขาเดินนำออกมาเพื่อออกตามหาในทันที 

“พวกมึงไปทางนั้น” ผมสั่งพร้อมชี้ไปทางซ้ายมือ

“ครับ” ไอ้เข้มกับไอ้หินขานรับ  เส้นทางออกจากตัวอาคารหลักนี้มีทั้งหมดสี่เส้นทาง  ทางที่ใกล้ห้องพักของเรามากที่สุดคือทางออกทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้ประตูทางออกของแขก VIP

ผมหยุดยืนอยู่สุดทางแยกที่สามารถแยกออกไปได้สองเส้นทาง  เส้นทางหนึ่งด้านขวามือไว้สำหรับผู้ชมทั่วไปที่มักจะใช้เส้นทางนี้สำหรับเดินทางออกนอกตัวอาคาร  อีกเส้นทางหนึ่งซ้ายมือสำหรับแขก VIP ที่จะเชื่อมไปสู่ลานจอดรถซึ่งเป็นโซนที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถใช้ได้  ความรู้สึกทำให้ผมเลือกเดินไปทางซ้าย  เสียงก้าวเดินของผมกับไอ้เด่นที่ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่  ความเงียบของทางเดินก็ยิ่งทำให้ได้ยินเสียงฝีเท้าของเราสองคนชัดเจนขึ้นเท่านั้น


โครม ~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-07-2021 13:32:02

“เชี่ย..”

ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นในทันทีเมื่อได้ยินเสียงสบถและเสียงเคลื่อนไหวคล้ายการต่อสู้แว่วมาจากสุดทางเดิน  แต่ยังไม่ทันถึงที่หมาย  จู่ ๆ ก็มีร่างของชายแปลกหน้ากระโจนออกมาจากมุมตึกผ่านหน้าผมไปอย่างรวดเร็ว  ผมหยุดยืน  มองดวงตาที่เบิกกว้างเมื่อทางนั้นหันมาเห็น  มันขยับตัวได้ก็ลุกขึ้นทำท่าจะวิ่งหนีไป  ไอ้เด่นสับฝีเท้าวิ่งตามไปทันควัน 

เสียงฮึดฮัดบ่งบอกว่ายังมีใครอีกคนอยู่ในมุมนั้นของอาคารซึ่งมองไม่เห็นจากจุดที่ผมยืนอยู่  เมื่อเดินไปถึงก็พบสมุทรกำลังต่อสู้อยู่กับชายร่างสูงใหญ่เท่า ๆ กัน  ปลายมีดจ่ออยู่ที่หน้าท้องของเขาเพียงไม่กี่เซนฯ  ทั้งคู่หันมามองผมเพียงเสี้ยววินาที  การมาถึงของผมทำให้เจ้าของมีดตกใจ  จังหวะนี้สมุทรจึงได้โอกาสถีบอีกฝ่ายจนล้มไปอีกทาง  มีดหลุดจากมือกระเด็นออกไปหลายเมตร  มันลนลานจะหลบหนีแทนที่จะสู้ต่อ


ผมเตะมีดออก  เดินตรงเข้าหา  ฝ่าเท้ากระแทกลงที่กลางอกก่อนกระชากศีรษะของมันขึ้นมา  มือควานหาเครื่องทุ่นแรง  และก็พบโทรศัพท์มือถือของมันที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง

“........” เจ้าของโทรศัพท์มองมายังผม  แววตาคล้ายสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไร 


ปึก !!!

ผลัวะ !! ผลัวะ !! ผลัวะ !!!!


“อะ ! อั๊ก !!”

เลือดกระเด็นออกจากปากของฝ่ายที่ถูกคร่อมอยู่จนเลอะรองเท้าคู่โปรดของผมที่มักไม่ค่อยนำมาใส่บ่อยนักหากไม่ได้มาดูการชก  โชคดีที่อย่างน้อยมันก็เป็นสีน้ำตาลเข้มจึงมองไม่เห็นคราบเลือดหากไม่สังเกต  ก้นโทรศัพท์มือถือที่ฟาดลงบนใบหน้าของเจ้าของเครื่องทำให้เคสที่สวมตัวเครื่องเพื่อไว้กันกระแทกนั้นแตกและเกิดรอยร้าว

“แคก ๆ ๆ” อีกฝ่ายก้มหน้าลงขณะพยายามที่จะพยุงตัวเองไม่ให้ทรุดลงกองกับพื้นทั้งอย่างนั้น  ผมวางโทรศัพท์มือถือลงตรงหน้าเจ้าของมัน  ก่อนนั่งยอง ๆ ลงด้านข้าง  มือขวาคว้าเส้นผมของมันขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

“อึก ! ปะ ปล่อย” ใบหน้าของอีกฝ่ายที่เชิดขึ้นตามแรงดึงพยายามพูดบอก

“อย่าขืน ไม่งั้นกูจะใช้อย่างอื่น” ผมพูดบอกเรียบ ๆ พลางออกแรงดึงศีรษะให้ย้อนขึ้นมากกว่าเดิมจนร่างกายที่ขืนธรรมชาตินั้นดิ้นด้วยความทรมาน

“ฮือออ ! ฮือออออ !”

“ชะ ช่วยด้วย.. ช่วยด้วยยยยย !!!”

“........” ผมเงียบมองร่างกายสกปรกตรงหน้าที่มีการกระทำไม่ใช่อย่างที่ผมต้องการ

“คุณไฟครับ” สมุทรเอ่ยเตือน  น้ำเสียงของเขาฟังดูร้อนใจ   

“อยากเห็นมันตายไหม ?” ผมถาม  ช้อนตาขึ้นมองกึ่งบอกเป็นนัยให้อีกฝ่ายหุบปากและไปให้ห่าง   

“........” สมุทรชะงักและหยุดยืนอยู่กับที่ในทันที  ผมจ้องมอง  สำรวจใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำซึ่งได้รับจากการต่อสู้บนเวที  แน่นอนว่าเป็นคนละส่วนกับบาดแผลที่เพิ่งได้รับใหม่สดร้อนเมื่อครู่นี้  เพราะส่วนนั้นได้รับการรักษาไปบ้างแล้ว 

“ใครสั่ง” ผมกระซิบถาม

“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  และไม่มีทีท่าว่าจะให้คำตอบ


ผลัวะ !!!

ใบหน้าที่ถูกจับกระแทกเข้ากับพื้นทางเดินอย่างแรงทำให้เลือดสีแดงฉาดเพิ่มขึ้น  เจ้าของร่างกายไม่สามารถอ้าปากร้องออกมาได้อีก  มันหลับตาสนิท เพราะไม่สามารถลืมตามองได้ถนัดเนื่องจากเลือดกบเกือบทั่วไปหน้า 

ผมกดปุ่มหน้าจอโทรศัพท์มือถือและพบว่าเจ้าของเครื่องได้ล็อกรหัสผ่านไว้...

“ปลดล็อก” ผมสั่ง

“........” อีกฝ่ายนิ่งเฉย  ผมเงียบมองโดยไม่พูดอะไรเพื่อให้เวลามันได้ตัดสินใจอยู่เกือบสามสิบวินาที  แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการปฏิบัติตามที่สั่งโดยง่าย  มือที่จับหัวของมันอยู่นั้นจับกระแทกลงพื้นอีกครั้งอย่างไม่รีรอ 


ปึกกกก !!!

“อะ ฮือออ”

“มึงมาตอนที่กูอารมณ์ดีพอดีเลย” ผมพูดบอก  ฟันกรามบดแน่นด้วยความอึดอัดรำคาญใจ  เพราะนัยหนึ่งนั้นคือประชดให้ฟัง

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดยังคงครางอยู่เนือง ๆ จนผมปล่อยมือออก  ก่อนปาดมือที่เปื้อนคราบเลือดลงบนหลังเสื้อของร่างกายที่นอนอยู่เพื่อทำความสะอาดเลือดที่ติดอยู่บนหลังมือ  เสร็จแล้วจึงลุกขึ้นยืน  ตรงไปหยิบมีดที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา

“คุณไฟ พอเถอะครับ” สมุทรเข้ามาขวางทันที

“........” ผมจ้องมอง  ใช้มืออีกข้างที่สะอาดกว่าบีบเข้าที่ปลายคางของคนตรงหน้าก่อนสะบัดออกจนสมุทรเซถอยออกไป 

ผมนั่งยองลงอีกครั้งอยู่ในระดับที่ถนัด  ร่างกายที่นอนจมกองเลือดอยู่พยายามขยับหนีคล้ายรู้อนาคตของตน  ผมสำรวจดูมีดที่มันนำมา  เป็นมีดพกพาที่มีใบมีดแข็งแรงทนทาน  เป็นแบบที่มืออาชีพมักใช้ได้สารพัดเมื่อนำเข้าป่า  บ่งบอกได้ว่ามันได้วางแผนมาก่อนที่จะลงมือทำสิ่งนี้

“คะ อะ.. ผม”

“........” ผมเงียบมอง  วางปลายมีดลงที่ข้างขมับของคนที่นอนอยู่  เสียงฝีเท้าจากใครบางคนใกล้เข้ามา  แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับหยุดยืนและเงียบเสียงไว้ไม่ทักทาย  จึงทำให้วิเคราะห์ได้ว่านั่นอาจเป็นคนของผม 

“กูไม่ได้ให้มึงพูดตอนนี้” ผมบอก  ปลายมีดที่กดลงจากการออกน้ำหนักเพียงเล็กน้อยทำให้เลือดที่อยู่ในร่างกายค่อย ๆ ซึมผ่านออกมา

“ไอ้เน ! อึก ยะ อย่าทำมันครับ !” เสียงหนึ่งตะโกนจากด้านหลัง  ผมเหลียวหน้ากลับไปมอง พบชายที่เพิ่งวิ่งหนีไปถูกไอ้เด่นลากคอกลับมาได้ด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากคนที่นอนอยู่นัก  แต่ก็ถือว่าดีกว่ามากเพราะยังสามารถยืนและพูดได้อยู่

“ผะ ผมขอ พวกผมไม่รู้จริง ๆ” มันยกมือไหว้พร้อมคุกเข่าลง

“........” ผมเงียบ ด้วยเพราะเห็นอารมณ์ของตนเองในตอนนี้ที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่ถูกใจ  ปลายมีดที่กรีดค่อย ๆ ลากยาวไปตามแนวของใบหน้าทั้งที่รับฟังอยู่

“ฮือออ ผมขอ ผมขอโทษครับ !” อีกฝ่ายร้องลั่น  มือที่ยกไหว้สั่นเทาก่อนรีบคลานตรงเข้ามา  มือข้างหนึ่งจับเท้าของผมไว้

“คุณไฟ ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ อึก พวกผมไม่ได้อยากทำ มีคนสั่งมา ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร พวกผมต้องใช้เงิน ฮือออ”

“เพื่อนนายไม่ยอมพูดตอนที่ฉันถามดี ๆ” ผมบอกให้ฟังถึงสาเหตุที่ต้องทำแบบนี้

“อึก ขอโทษครับ ปะ.. ปล่อยพวกผมไปเถอะครับ” มันชะงัก  ชักมือของตนออกจากเท้าผมไป 

“ปล่อยเหรอ..” ผมเบิกตาขึ้นมองทันทีที่ได้ยินประโยคไม่ถูกหู  ก่อนใช้ปลายมีดเขี่ยโทรศัพท์มือถือไปตรงหน้าของคนที่มีสติอยู่

“อยากได้เงินเท่าไหร่” ผมถาม

“ค.. ครับ ?” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ  แต่แล้วก็ไม่ตอบผมอยู่หลายนาที

“มันจ้างมึงมาเท่าไหร่”

“ค ..คะ คือ สะ สองหมื่น คนละ สองหมื่น ครับ” มันตอบเสียงสั่น

“พวกมึงเอาเงินสี่หมื่นมาแลกกับนักมวยกูเหรอ กูควรทำยังไงกับมึงดี ระยำเอ๊ย” ผมกัดฟันแน่น 

ผลัวะ ! ผลัวะ !! ผลัวะ !!!  ฝ่ามือฟาดลงที่ใบหน้าอีกฝ่ายหลายทีก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง 

“แคก ๆ ๆ”

“มองหน้ากู..” ผมตะปบหัวมันขึ้นมา

“มึงต้องใช้หนี้กู เท่าค่าแผลที่มึงทำกับมันไว้”

“คะคุณ คุณไฟ ผม ฮือออ ~”

“ยังไงมึงก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่ เก็บไว้สิ เผื่อได้ใช้” ผมยื่นมีดกลับคืนให้  มันมองอย่างลังเลก่อนจะยื่นมือที่สั่นเทาออกมารับมีดไปถือ  ผมลุกขึ้นยืน  พี่ธานที่ยืนมองอยู่รีบตรงเข้ามาพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชูให้ผมได้เช็ดทำความสะอาดมือ

“เอามันไป”

“ให้ทำยังไงดีครับ” พี่ธานถาม

“เก็บไว้ก่อน อย่าให้ไอ้เหี้ยนี่ตายล่ะ ผมมีงานให้มันทำ” ผมพูดพลางใช้เท้าเขี่ยใบหน้าเจาะจงไปที่คนที่นอนไม่ได้สติ  ลูกน้องสองคนเข้ามาลากมันขึ้นจากพื้น  ส่วนอีกคนพาตัวเพื่อนของมันไป  ผมยื่นกระดาษทิชชูคืนให้พี่ธานก่อนเดินกลับมาเส้นทางเดิม  ขณะฟังเสียงฝีเท้าจากทุกคนที่เดินตามหลัง  ในหัวยังนึกสงสัยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  เมื่อลดระดับอารมณ์ของตัวเองได้แล้วจึงหยุดเดิน  แต่ยังคงไม่หันกลับไปมองใครที่อยู่ด้านหลัง...

“ทำไมออกมาคนเดียว” ผมถามขึ้น

“........” ทุกคนเงียบกริบสนิท 

“มีคนของโปรโมเตอร์มวยมาตามบอกว่าครูมวยจากค่ายเด่นณรงค์อยากคุยด้วยน่ะครับ” สมุทรตอบ

“ทำไมออกมาคนเดียว” ผมย้ำถามคำเดิมพร้อมหันตัวกลับไป  ต่างฝ่ายต่างไม่กะพริบตา 

“คนที่มาตามบอกว่าอยากคุยเป็นส่วนตัว ขอโทษด้วยครับที่ไม่คิดให้รอบคอบ” สมุทรขยายความก่อนก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างยอมรับผิด  ทุกอย่างอยู่ในความนิ่งสงบอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง

“อย่าทำเหมือนไม่รู้ว่าวงการนี้มันเป็นยังไง” ผมเตือน 

“ครับ” อีกฝ่ายตอบพร้อมก้มหัวรับทราบอีกครั้ง

“กลับ” ผมสั่ง

“คุณไฟครับ” สมุทรเรียกไว้  ผมเบี่ยงตัวกลับไปมอง

“แล้วคุณพายุละครับ” เขาถาม

“พายุ ? พายุทำไม” ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ

“ก็คุณพายุมาที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ” สมุทรพูด  ดวงตาของเขาเบิกออกอย่างซื่อตรง

“พูดอะไรของนาย” ผมหันตัวกลับไปเผชิญหน้า

“........” สมุทรเงียบไป 

“พายุอยู่เซี่ยงไฮ้ นายพูดอะไร” ผมลดเสียงลง
 
“คือผม.. ผมเหมือนเห็นคุณพายุ” อีกฝ่ายตอบ  โทนเสียงเริ่มแสดงความไม่แน่ใจต่อสิ่งที่ตนเล่าออกมา

“ตอนที่ผมเดินออกมาพร้อมกับคนที่มาตาม ผมเหมือนเห็นคุณพายุก็เลยจะตามออกไปครับ หันมาอีกที คนที่มาตามก็หายไปแล้ว พอจะตามคุณพายุไปก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกันครับ” สมุทรอธิบายขณะที่ถูกผมจ้องมองไม่วางตา

“ถ้าคุณพายุอยู่เซี่ยงไฮ้ งั้นผมคงตาฝาดไปมั้งครับ” อีกฝ่ายอธิบายคล้ายต้องการตัดบทให้กลายเป็นความผิดตัวเอง

“โทรหาเฮียกานต์..”

“โทรหาเฮียกานต์ !” ผมหันไปสั่งไอ้เข้มที่เป็นคนดูแลเรื่องนี้ในวันนี้

“ครับนาย” อีกฝ่ายขานรับ


ตืด  ๆ ๆ


“นายครับ ไม่ทราบว่าใครครับ เบอร์แปลก” ไอ้เข้มพูดขึ้นสลับกับมองหน้าจอโทรศัพท์ที่จู่ ๆ ก็มีสายโทรเข้ามา  ผมคว้ามาแล้วกดรับทันที

“ฮัลโหล” ผมพูด

“ฮัลโหล ~ สวัสดีครับคุณไฟ” ปลายสายทักทาย  โทนเสียงเย้าหยอกอย่างกันเอง  ผมเงียบ ฟังเสียงที่ถูกดัดแปลงด้วยเครื่องแปลงเสียงนั้น

“คงกำลังยุ่งเลยสินะครับ” อีกฝั่งหนึ่งพูด

“คนของผมเงียบไปเลย ให้เดา นักมวยคุณคงยังหายใจอยู่สินะ”

“มีอะไร” ผมสวนถาม

“ลองเดินมาที่ประตู A ดูสิ แล้วเดี๋ยวผมจะติดต่อไปใหม่” มันพูดจบ  สายก็ถูกตัดลงทันที  ขาของผมก้าวเดินออกไปทางประตู A  กับสัญชาตญาณที่รับรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่สมุทรพูดกับสายแปลกที่ได้รับนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน...

น้ำหนักของฝีเท้าที่จ้ำอย่างรวดเร็วเกือบกลายเป็นการวิ่ง  เหล่าคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็ด้วย  ทางออกประตู A ซึ่งเป็นทางออกไว้สำหรับบริการแขกระดับ VIP และ VVIP ได้ใช้อย่างสะดวกสบาย  ดังนี้ ความเป็นส่วนตัวจึงมีมากตามไปด้วย  ยิ่งเดินออกมาตามเส้นทางมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งปลอดตาผู้คนภายนอกมากเท่านั้น  ทันทีที่ก้าวพ้นประตูใหญ่ออกมาถึงด้านนอก  สายตาก็ปะทะกับรถยนต์สีดำสนิทสองคันที่จอดอยู่ริมทางเท้าไกลออกไปหลายสิบเมตร  ผมหยุดยืนมอง  ลูกน้องทุกคนต่างชะงักงันเช่นกัน

หน้าต่างรถยนต์คันหน้าสุดถูกปิดด้วยฟิล์มดำสนิทจนไม่สามารถมองทะลุเข้าไปด้านในตัวรถได้ค่อย ๆ ถูกลดระดับลง  ความมืดภายในตัวรถและความไกลระยะเท่านี้จึงทำให้มองไม่เห็นว่าใครอยู่ในนั้นบ้าง  แต่เพียงไม่กี่วินาทีคนคุ้นตาก็โผล่หน้าออกมาจากการถูกบังคับ

“คุณพายุ..” เสียงของลูกน้องต่างอุทานเบา ๆ  มีแต่ผมที่แทบเรียกชื่อนั้นไม่ออก
 
ทันทีที่ขาเริ่มขยับ  ล้อรถยนต์คันดังกล่าวก็เตรียมที่จะเคลื่อนที่ออกทันทีเช่นกัน  เห็นอย่างนั้นผมจึงหยุดฝีเท้าลง  ศีรษะของพายุถูกมือหนึ่งดันให้ใบหน้าโผล่ออกมาจากหน้าต่างรถเพื่อให้พวกเราได้เห็นชัดเจนว่านั่นคือคนของเราไม่ผิดตัว  ก่อนที่มันจะดึงร่างกายนั้นกลับไป  เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังลั่นมาจากในนั้นขณะที่ประตูหน้าต่างค่อย ๆ ปิดกลับขึ้นตามเดิม
 
รถยนต์คันของพายุเริ่มเคลื่อนตัวออกคันแรก  ผมก้าวขาตามทันทีและไม่รีรอที่จะยั้งความเร็วไว้อีก  แต่เมื่อยิ่งเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเท่าไหร่ เครื่องยนต์ก็ถูกขับเคลื่อนออกไปเร็วขึ้นกว่าที่แรงมนุษย์จะสามารถติดตามได้  ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถตามได้ทัน  แต่จะให้หันหลังกลับไปทั้งอย่างนี้ก็ไม่สามารถตัดใจทำได้เช่นเดียวกัน.. 


บรื้นนนนนน ~


“พายุ !”
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 57 [ 14:37 น. - ส. 22 พ.ค 64 หน้า 79 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-07-2021 13:33:36

“ไอ้สัสสสส !!!” ผมสบถลั่น  ความเงียบก่อตัวขึ้นเมื่อฝีเท้าของเราทุกคนชะลอลง  รถยนต์ทั้งสองคันขับออกไปไกลจนหายลับไปต่อหน้า

“........” ผมหยุดยืนกับที่อยู่ครู่หนึ่ง  เมื่อสมองเรียงลำดับความน่าจะเป็นขึ้นได้จึงหันกลับไปเผชิญหน้าทุกคน  ทั้งพี่ธาน สมุทร ไอ้เข้ม ไอ้เด่น ไอ้รุ่งและไอ้หินที่ยืนอยู่  แต่ละคนอยู่ในจุดที่กระจายตัวแต่ไม่ห่างกันนัก  ทั้งหมดหลบสายตาลงในทันที --ยกเว้นพี่ธาน

“ขอโทษครับ” พี่เขาพูดขึ้น 

“........” ผมจ้องอีกฝ่ายเขม็ง  ใบหน้าของคนกล่าวคำขอโทษค่อย ๆ ลดระดับลงเล็กน้อยหลังพูดจบ  ผมก้าวเท้าเข้าไป  มันใกล้พอให้อีกฝ่ายได้มองเห็นสายตาของผมชัด ๆ

“หวังว่าพี่จะตอบผมไม่ได้ว่าพายุอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผมพูด

“........” ไม่มีเสียงแก้ตัวใด ๆ จากคนตรงหน้า

“งั้นบอกผมมาว่าพายุอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผมถาม  ความเยือกเย็นที่เกิดขึ้นในน้ำเสียงที่แม้แต่ตัวเองก็ทราบว่ามันมักไม่เกิดขึ้นกับคนคนนี้

“คุณพายุเป็นห่วงคุณเลยกลับมาโดยไม่ขออนุญาตเฮียกานต์กับคุณยูครับ” พี่ธานตอบ

“ผมเพิ่งมาทราบทีหลังตอนที่เฮียกานต์โทรมาแจ้ง”

“ผมถามพี่แล้วใช่ไหม ผมถามว่ามีอะไร” ผมเอ่ย  กวาดตามองคนตรงหน้าพลางวางมือลงที่ข้างแก้ม  อีกฝ่ายสงบนิ่ง  ใบหน้าที่ก้มลงอีกเล็กน้อยคล้ายน้อมรับอย่างยินดีว่าเป็นความผิดตน  นิ้วโป้งของผมเกลี่ยอยู่ที่ข้างแก้มอีกฝ่ายพลางทบทวนความรู้สึกนึกคิดภายใน... 


เพียะ !!!!!


“พี่ใหญ่”

ฝ่ามือที่ฟาดลงบนใบหน้าเป็นกำลังที่ไม่ถูกยั้งแรง  มันหนักพอที่คนตัวสูงใหญ่อย่างพี่เขาเกือบทรงตัวไว้ไม่อยู่  ฝีเท้าของคนที่ยืนอยู่ขยับเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่ของตนถูกทำร้าย  ผมช้อนตาขึ้นมอง  พวกมันหยุดความคิดที่จะตรงเข้ามาในทันที 

พี่ธานค่อย ๆ ขยับใบหน้ากลับมาทั้งที่ยังคงระดับการก้มนั้นไว้ก่อนที่ผมจะวางมือลงที่ข้างแก้มอีกฝ่ายอีกครั้ง... 

“ทำไมถึงมีแต่คนพูดไม่รู้เรื่องนะ” ผมพึมพำไม่มองหน้าใคร  นิ้วโป้งยังคงเกลี่ยที่แก้มของพี่ธานเบา ๆ เพื่อบอกว่าผมจะซ้ำที่จุดเดิม   


เพียะ !!!!

เพียะ !!!!!!!!!



“นายครับ !” ไอ้เข้มร้อง  ตรงเข้ามาคุกเข่าลงคั่นกลางระหว่างผมเมื่อเห็นว่าครั้งนี้พี่ธานที่ไม่ขืนแรงสู้ไว้เซลงกับพื้น
 
“มึงห้ามกูเหรอไอ้เข้มมม !!!” ผมตวาด  ทันทีนั้นก็เหมือนนอตในใจได้ถูกปลดจนกระเด็นออกไป

ผลัวะ !!!!

หมัดเหวี่ยงทันทีด้วยการใช้หลังมือสวนเข้าที่ใบหน้า  ไอ้เข้มหน้าหันไปตามแรง  ทุกอย่างสงบลง.. เลือดจากจมูกของคนที่ถูกชกหยดลงบนพื้น  แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมลุกขึ้นยืน 

“ไปตามทะเบียนมา แล้วเอากล้องวงจรปิดของสนามมาให้หมด” ผมสั่ง

“ครับ” พวกมันขานรับ

“เอากุญแจรถมา”

“นาย.. นายจะไปไหนครับ เดียวผม..” ไอ้เด่นพูดตะกุกตะกัก  ทำท่าว่าจะไม่ให้

“........” ผมหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์

“ครับ” ไอ้เด่นหลบตาลง  ผงกหัวน้อย ๆ ก่อนยื่นกุญแจรถมาให้  ทันทีที่ผมก้าวขาจะเดินจากมา  พี่ธานที่นั่งคุกเข่าอยู่ก็คว้าขาผมไว้คล้ายออกปากห้ามอีกคน...

“........” ผมยืนนิ่ง  ไม่ได้ก้มลงมองไปยังอีกฝ่ายที่อยู่ต่ำกว่า 

“ปล่อย” ผมสั่ง  ครู่หนึ่ง มือที่จับขาผมอยู่นั้นก็ค่อย ๆ ขยับออก  ผมไม่ได้มองหน้าใครเพราะรู้ว่าอารมณ์ของตัวเองมันเกิดความขุ่นเคืองมากเกินกว่าจะเย็นลงได้  มากไปกว่านั้น ความโกรธที่ถูกกดไว้ทำให้รู้ด้วยว่าตัวเองยังไม่สามารถมองหน้าพี่ธานตรง ๆ ในตอนนี้ได้


ผมเดินจากมาพร้อมกับกุญแจรถในมือ  ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนตามหลังมา  จากสัญชาตญาณรู้ได้ในทันทีว่านั่นไม่ใช่ไอ้เด่น  วิเคราะห์ได้จากน้ำหนักของการลงฝีเท้า  ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ผิดไปจากเสียงคุ้นเคยที่มักได้ยิน 


ผมเลือกหยุดเดิน  คนด้านหลังก็หยุดตามเช่นกัน...

“คุณจะไปไหนครับ” สมุทรถามพร้อมเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง

“........” ผมหันกลับไปมอง  จ้องใบหน้าของอีกฝ่ายโดยที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรต่อเขา  ทราบแน่ชัดแต่ว่าไม่ได้ยินดียินร้ายกับการตามมานี้  เมื่อขาของผมก้าวออกอีกครั้ง  สมุทรก็ตรงเข้ามาจับข้อมือผมไว้กึ่งห้าม  ผมช้อนตาขึ้นมอง  ความหงุดหงิดและอึดอัดใจที่มีอยู่ได้ควบคุมไว้อย่างสุดกำลัง  ไม่สนหรอกว่าหมอนี่หรือใคร  เพราะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเดินตามความต้องการของใครได้ในอารมณ์เช่นนี้  และการที่ผมไม่ระบายอารมณ์กับคนใกล้ตัวมากไปกว่านี้  นี่คือสิ่งที่ผมได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว 

สมุทรยอมหลบสายตาลงหลังจากที่สบตาผมอยู่ครู่ใหญ่  คิดว่าอีกฝ่ายก็คงทราบดีว่าการมองตอบจากผมนี้มันหมายความว่าอย่างไร  แม้ว่าจะเป็นเขาก็ไม่ได้แปลว่าต้องการให้ตามมา  ไม่มีอารมณ์จะพูดด้วยสักประโยคเดียว...   


- - - - - - - - - -


20.30 น.

“ฟังนะ พอดีกูต้องการคนที่จะไม่เล่นตุกติกกับกู ถ้ามึงอยากได้น้องมึงคืนครบสามสิบสอง วันนี้เที่ยงคืน มึงไปที่โกดัง xxx แล้วขับรถยนต์คันนั้นไปพัทยา เดี๋ยวกูจะส่งที่อยู่ไปให้ ไปคนเดียวล่ะ” 

“ให้กูคุยกับพายุ”

“หึ คนของกูได้รับของเมื่อไหร่ เดี๋ยวมึงก็ได้คุย”



ผ่านไปเป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว หลังจากที่ผมได้รับการติดต่ออีกครั้งจากคนที่เอาตัวพายุไป...


ตืด  ๆ ๆ ๆ

“........” ผมเหลือบมองสายที่พยายามโทรเข้ามาซึ่งมักเป็นสายเดิม ๆ จากคนใกล้ตัวที่ผมยังไม่กดรับเลยแม้แต่สายเดียว


ต๊อกแต๊ก.. ต๊อกแต๊ก.. ต๊อกแต๊ก..

ต๊อก.. แต๊ก !!!   

ปุ่มปากกาที่ถูกกดอยู่ในมือเป็นเสียงเดียวท่ามกลางความสงบหลังจากที่โทรศัพท์สายตัดไป  ไม่รู้ทำไมนิ้วโป้งถึงควบคุมให้หยุดกดไม่ได้  คล้ายว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้สมองขับเคลื่อนในตอนนี้  ประตูหน้าต่างขุ่น ๆ ในห้องพักเก่าของอาคารสูง 4 ชั้นตั้งอยู่ในย่านค้าขายของชุมชนแห่งหนึ่ง  เสียงของผู้คนหาเช้ากินค่ำสงบลงหลังทำงานเสร็จและทยอยปิดร้านไปในช่วงค่ำ 


ตืด  ๆ  ๆ  ๆ


สายเข้า  ---“พี่พัท”

“ว่า ?” ผมกดรับ

“ได้เรื่องแล้ว” ปลายสายตอบ

“........” ผมเงียบฟัง

“สายกูบอกว่าวันนี้จะมีจับลักลอบขนยาไปเส้นที่มึงบอก” พี่ทัพพูด

“ไฟ กูคิดว่า.. ทางนั้นมันรู้อยู่แล้วว่าตำรวจเตรียมจับมันอยู่” อีกฝ่ายขยายความด้วยน้ำเสียงหนักใจ  ผมตั้งใจฟังโดยไม่ตอบกลับไปเพราะกำลังใช้ความคิด

“พวกมันตั้งใจให้มึงถูกจับ”

“มันไม่มีทางยอมเสียสินค้าเป็นสิบล้านด้วยเรื่องแค่นี้หรอก” ผมพูดกลับเรียบ ๆ
 
“อืม กูก็คิดเหมือนกัน” อีกฝ่ายพูด

“แต่ถ้ามึงทำตามที่มันสั่ง มึงจะเข้าไปอยู่ในเกมของมัน รู้ใช่ไหม”

“แล้วใครบอกผมจะเข้า ?” ผมย้อน

“........” ปลายสายเงียบลงทันที

“มึงรู้อะไร บอกกูมาไฟ..” พี่ทัพเสียงขุ่นลง  ผมไม่ตอบ  อีกฝ่ายเองก็เงียบไปเช่นกัน  การเงียบจากผมเป็นกึ่งบอกปฏิเสธว่าผมไม่สนว่าแผนของอีกฝ่ายที่วางไว้อยู่ก่อนหน้าจะเป็นอย่างไร

“ก็ได้ มึงจะให้กูทำยังไงก็ว่ามา” ปลายสายตัดบท

“เปิดทางให้ผมดี ๆ”ผมพูด 

นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำเตือน...



...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:

เขาคุยกันแล้ว #หราาา ตอนหน้าอาจจะคุยเยอะขึ้น (อะป่าว) ใจเย็นน้าาา 5555++  :hao3:  :hao3:


ขอบคุณค่ะ | เบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 11-07-2021 14:30:11
พายุของพี่ ทำไมดื้อ ๆ ตีตูดเปี๊ยะๆๆๆๆ  พ่อไฟก็โกรธเอาไม่ลงเลย ฮือออ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-07-2021 18:35:08
ค้างมากแม่!!!!!!!!!
ใคร แกเป็นใครกล้ามาแตะพายุของฉัน  :m31: :angry2:
พี่ไฟแบบอารมณ์มาเต็มมากกกก อ่านไปลุ้นไป จะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ ยังคงห่วงว่าพี่ไฟจะปลอดภัยช่วยพายุออกมาได้

พี่ใหญ่ครั้งนี้พี่ผิดจริงนะตัดสินใจผิดพลาดมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพี่ไฟตบหน้าพี่ใหญ่ สงสารก็สงสารพายุคงขอร้องมาอีกต่อนึงแหละ T^Tเราเข้าใจ

แล้วตอนหน้าต้องบู้เลือดสาดแน่ๆ /ฉันรอไม่ไหวแล้วววววว กริ๊ดดดดดด :katai4: :katai4:

ขอบคุณเบบี้ สนุกมากๆค่ะ   :pig4: :L2: o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 11-07-2021 20:10:06
โอ้ยลุ้นๆ ไฟโกรธแล้วววววววววว :z3:
แต่ก็น่าโกรธแหละทั้งพี่โหญ่ทั้งพายุ
ในสถานการณ์แบบนี้มีอะไรก็ต้องบอกกันนะพี่โหญ่ พลาดนิดเดียวถึงตายเลยน่า  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 11-07-2021 21:43:58
ฉันอยากจะลักพาตัวสมุทรมาเองแล้ว  พยายามนับประโยคที่เค้าจีบกันอยู่
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 11-07-2021 23:38:18
เรื่องประดังประเดใส่ไฟมาก ไม่เอานะ ฮือ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 12-07-2021 11:39:03
พี่ธานก็สมควรโดนตบนะ เรื่องแบบนี้น่าจะบอกไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-07-2021 15:33:41
 :serius2: อะไรกันอี๊กพวกหาเรื่องนิให้พี่ไฟกับสมุทรเขามีเวลาจีบกันหน่อย (คุยกันได้หลายประโยคมากแม่)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-07-2021 18:41:28
 :pig4:
ลุ้น ไฟไม่ทน
 o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-07-2021 20:00:37
เฮ้อ กลุ้มแทนไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mmp mmp ที่ 13-07-2021 21:25:59
ในที่สุดก็มา ลุ้นนนนนนไปอีก วันนี้เขาคุยกันเยอะขึ้น รอวันเขาจีบกันอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-07-2021 23:54:35
จะเอาอีกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-07-2021 01:26:46
คุณไฟ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 18-07-2021 12:53:08
เข้าใจอารมณ์คุณไฟเลย  เห็นใจมากด้วย  มันคงอึดอัดอัดอั้นไปหมดเมื่อไม่ได้ดั่งใจลูกน้องไม่ปริปากบอกสักคน  แต่ทุกคนคงรู้สึกผิดแหละ ทำให้คุณไฟทั้งเดือดทั้งร้อนขนาดนี้ แถมต้องเสี่ยงชีวิตแล้วยังอาจจะกลายไปเป็นหมากตัวนึงให้ศัตรูอีก  แต่ดูทรงแล้วคงจะมีแผนตลบหลังอยู่แล้วแน่เลย  ลุ้นให้หนูพายุปลอดภัยเฮียค่อยทำโทษถึงยังไงโดนพี่ชายตีดีกว่าโดนคนอื่นตีล่ะนะ  :katai1:  ความรู้สึกคุณไฟที่มีต่อสมุทรชัดเจนมากเลยนะ แม้จะดับอารมณ์ที่เสียๆอยู่ไม่ได้ แต่ก็ยังยอมรับอีกว่ารู้สึกกับสมุทรมากกว่าคนอื่น  แค่นี้ก็ดีใจแร้วววว  :z2:  คุณไฟสู้ ๆ จ้า
ปล. ดีใจม้ามืดสมุทรชนะน๊อกได้ สุดยอดสมกับเป็นพระเอกนักมวยจริง ๆ ในเรื่องเครียดๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆอยู่  o13


รอตอนต่อไปนะคะ 

 :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 + ประกาศสอบถาม [อา.11 ก.ค 64 หน้า 80]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 18-07-2021 17:27:29
ค้างมาก เป็นห่วงพายุมากกว่า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-08-2021 20:54:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 11-08-2021 10:18:49

อยากจับพายุมาตีตูดสักป๊าบจังลูกเอ้ยยย  :ling3:  :ling3:  :ling3:

ว่าแต่รอบนี้มีโมเม้นสมุทรรุกวุ้ยย กล้าไปจับมืออ๋ออออ คุคิคุคิ

ขอบคุณสำหรับตอนนี้จ้าาา  :L2:  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 21-08-2021 00:50:08
พายุ~~ลูกกกก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 23-08-2021 23:07:53
เข้ามารอทุกวัน ส่งกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nick2xiah2 ที่ 25-08-2021 14:03:18

เข้ามารอลุ้นคุณไฟขากับสมุทรมะไหร่จะ happy ending 55555 :serius2:

ในรอบ 4 ปี เพิ่งได้กลับเข้าเล้าเป็ด ด้วยความคิดถึงเบบี้ล้วนๆ :กอด1:

ขอโทษที่เพิ่งได้มาคอมเม้นนะคะ แอบอ่านอยู่เงียบๆไม่ได้ลืมกันไปไหน :monkeysad:

...นิยายของคุณเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในช่วงชีวิตเราไปแล้ว เหมือนเพื่อนเก่าเมื่อคิดถึงก็กลับมาหากันได้เสมอ

เป็นกำลังใจในการแต่งนิยายต่อๆไปของเบบี้นะคะ   :L2:







หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dos_Diosas ที่ 27-08-2021 20:54:59
 :serius2: :ling1: โอ๊ยย ทำไมเป็นแบบนี้ เครียดแทนน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 03-09-2021 22:11:25
คุณไฟขาอย่ายอมเป็นแพะนะคะ
บ่าวศรัทธาในความจระเข้น้อยของคุณไฟ :impress: :laugh3:
งานเข้าจังเบอร์ แล้วเมื่อไหร่เค้า2คนจะได้เคลียร์กัน แง :hao5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2021 16:43:32
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2021 16:46:22
เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างยาวและมีโพสต์ประกาศคั่นอยู่ จึงจะโพสต์เนื้อหานิยายที่โพสต์ถัดไปต่อ ๆ กันแทนนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2021 16:48:40
Note: รบกวนอ่านประกาศแจ้งทางด้านล่างหลังจบเรื่องด้วยนะคะ .. ขอบคุณค่ะ

.
.
ตอนที่ 59
..ไฟ..



ฟิ้วววววววว !!!

ปัง !!!

ปัง  ๆ  ๆ  ๆ !!!


การกระหน่ำยิงที่เกิดขึ้นด้านหลังห่างไปหลายกิโลเมตรไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องสนใจในเวลานี้  เส้นทางที่ขับมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับคำสั่งมาจะต้องใช้เวลาอีกร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย  จะวอกแวกไม่ได้...

รถยนต์จอดสนิทอยู่ที่โกดังร้างแห่งหนึ่งไม่ไกลจากชายหาดเท่าไหร่  ความเงียบยามค่ำคืนทำให้ได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่ง  เมื่อถึงที่หมายก็พบว่ามีคนมารออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับรถยนต์สามคัน  ทันทีที่ผมลงจากรถ  ชายร่างสูงใหญ่ก็เดินตรงเข้ามาหา  เค้าโครงของใบหน้ามีลักษณะคล้ายชาวต่างชาติมากกว่าจะเป็นไทยแท้โดยสมบูรณ์ 

“ตรงเวลา” อีกฝ่ายเอ่ยชม 

“........” ผมไม่ตอบ  เดินตรงไปเปิดท้ายรถแล้วยกกระเป๋าสีดำใบใหญ่จำนวนสามใบออกมาแล้วโยนลงบนพื้น  ส่วนอีกใบหนึ่งที่อยู่ตรงที่นั่งเบาะหลังก็นำมาวางเรียงด้วยเช่นกัน

“สี่ใบ เช็กซะ” ผมพูดแกมสั่ง  อีกฝ่ายมองผมหัวจรดเท้าสลับกับมองกระเป๋าที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ 

“ไม่เคยเห็นหน้า มาใหม่เหรอ” มันถาม  มือขยับขึ้นเท้าเอว เผยให้เห็นปืนที่เหน็บอยู่ข้างกาย

“ใช่” ผมตอบ

“........” มันพยักพเยิดหน้า ส่งสัญญาณสั่งลูกน้องของตนที่ยืนประกบเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ด้วยอาวุธครบมือ  การแต่งตัวของพวกมันสะอาดสะอ้านเกินกว่าจะเป็นเด็กรับยาทั่วไป  เสื้อผ้าที่สวมใส่ค่อนข้างเป็นทางการ  อีกทั้งยังมีบุคลิกที่นิ่งขรึม 


เสียงซิปกระเป๋าถูกเปิดออกครบทุกใบ  สินค้าที่ผมนำมาถูกตรวจสอบอย่างละเอียด  ในขณะเดียวกันผมเองก็ถูกจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวเช่นกัน.. 

“เรียบร้อยครับ” หนึ่งในลูกน้องพูดบอก

“ดี” คนเป็นใหญ่ขานรับ

“เงินอีกครึ่งหนึ่งจะโอนเข้าเหมือนทุกที” มันหันมาพูดกับผม  ผมรับฟังโดยไม่พูดตอบและไม่แสดงทีท่าใด ๆ กลับไป

“ลูกพี่ มีคนของเรารายงานว่าตำรวจถูกลอบยิง เส้นทางเดียวกับที่มาโกดังเราครับ รีบไปกันเถอะครับ” 

“อืม” อีกฝ่ายขานรับ  กระเป๋าถูกเคลื่อนย้ายขึ้นรถจนหมด  ขณะเดียวกันลูกพี่ของพวกมันก็หันกลับมา
 
“ว่าแต่..” อีกฝ่ายกวาดตามองผมหัวจรดเท้า

“ชื่ออะไร” มันถาม 

ผมเพียงสบตา และไม่ตอบกลับไป...


   ..
03.00 น.

“เอาอะไรดีจ๊ะหนุ่ม ~” เสียงเอ่ยทักอย่างอ่อนหวานจากแม่ค้าร้านขายโจ๊ก ที่มีทั้งก๋วยจั๊บและต้มเลือดให้เลือก  ตั้งแผงอยู่ริมถนนใกล้วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
 
“โจ๊กหมูที่นึงครับ ไข่ลวกสองฟอง” ผมสั่ง

“ได้เลยจ้า ใส่ขิงไหมลูก” เธอถาม

“ครับ ขอเพิ่มด้วยได้ไหม” ผมถามกลับ 

“ได้เลย กินนี่เนอะ” เธอเงยหน้าขึ้นสบตา  ผมพยักหน้าตอบ

“นั่งเลยลูก ตักน้ำได้เลยนะ”

ผมเดินไปและเลือกนั่งลงที่เก้าอี้หัวโล้นพลาสติก  ที่ร้านมีโต๊ะตั้งไว้บริการลูกค้าเป็นจำนวนสี่โต๊ะ  ถูกใช้ไปแล้วสอง  รวมที่ผมนั่งอยู่ด้วย  ลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่เลือกที่จะยืนรอเพราะขับมอเตอร์ไซค์แวะมาซื้อแล้วก็กลับไป 


ตืด  ๆ ๆ ๆ

ผมเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ  สายเข้า --- “โปรด”

“อืม” ผมกดรับ

“เฮ้อ ! รับสักที” ปลายสายถอนหายใจใส่ทันควัน   

“เมื่อไหร่มึงจะรับโทรศัพท์พี่ธาน แม่งมานั่งจ้องกูเป็นหมาบ้าเลยเนี่ย กว่าจะยอมกลับไปได้” มันสบถบ่น

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม 

“........” จู่ ๆ อีกฝั่งหนึ่งก็เงียบไป

“อยู่ไหน” มันถาม  ครั้งนี้โทนเสียงจากที่หงุดหงิดนั้นได้ลดระดับลง

“ร้านโจ๊ก” ผมตอบ

“เออ แล้วมันที่ไหนล่ะ” ไอ้โปรดเกือบจะสบถอีกรอบ

“ชลบุรี”

“เสร็จแล้วจะกลับบ้านเลยไหม”

“ไม่ มีที่อื่นต้องไป” ผมตอบ

“ไฟ..”

“โจ๊กร้อน ๆ ได้แล้วจ้า” แม่ค้านำโจ๊กมาเสิร์ฟพร้อมกับถ้วยเล็ก ๆ ที่นำขิงเพิ่มมาให้ด้วย 

“จะกินข้าว แค่นี้นะ” ผมพูดแทรกแล้วตัดสายโทรศัพท์ทันทีไม่ร่ำลา 

“ขิงไม่พอเติมได้นะลูก” เธอบอก

“ขอบคุณครับ”


   ..
10.35 น. | นนทบุรี

สองชั่วโมงให้หลังหลังจากที่วางสายจากไอ้โปรดไปก็ได้รับสายจากพี่ธานเพื่อแจ้งความคืบหน้า  ครั้งนี้ผมรับ เพราะสัญชาตญาณเตือนว่ามีบางอย่างที่ต้องรับทราบจากสายนั้น  ร่างกายไม่ได้หลับนอนเลยตั้งแต่เมื่อวานจนถึงสายของวันนี้  ทันทีที่วางสายจากพี่ธาน  ผมก็เดินทางมาหามือดี คนที่ต้องรับภารกิจนี้จากผม...

“รับอะไรดีคะ นั่งด้านในได้เลยนะค้า ~” คนขายเอ่ยทักอัตโนมัติโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง 

“คะน้าน้ำมันหอยกับเป็ดย่าง จานกลางอย่างละที่ น้ำเปล่าด้วย” ผมสั่ง

“........” เธอหยุดมือ  เงยหน้าขึ้นสบตาก่อนนิ่งไป

“ได้ค่ะ” อีกฝ่ายยิ้มตอบพร้อมก้มหัวทักทายเล็กน้อย

“พี่นิ่ง !” เธอตะโกนเรียกคนที่อยู่ด้านหลังบ้านขณะที่ผมเดินเข้าไปในร้าน  มีลูกค้านั่งอยู่สี่โต๊ะโดยที่ผมเลือกโต๊ะด้านในสุดซึ่งอยู่ในมุมอับ  เจ้าของชื่อเดินผ่านผ้าม่านกั้นระหว่างหลังร้านออกมาและขานรับส่ง ๆ “เออ !”  ก่อนที่ฝีเท้าจะหยุดชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นผม 

“คะน้าน้ำมันหอยกับเป็ดย่างจานกลางอย่างละที่ น้ำเปล่าด้วย” เธอสั่งคนเป็นสามี  ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งลง

“ได้ !” นิ่งขานรับอีกครั้ง  รีบตรงไปหยิบน้ำเปล่าจากในตู้เย็นนำมาเสิร์ฟให้ผมก่อนจะตรงไปเสิร์ฟอาหารที่อยู่บนถาดที่ตนถืออยู่ให้กับลูกค้าโต๊ะอื่น 


ผมยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม  รออาหารทยอยนำมาเสิร์ฟ  เสร็จแล้วเจ้าของร้านก็เลื่อนเก้าอี้ไม้หัวโล้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่งลงเงียบ ๆ  ผมหยิบตะเกียบที่อยู่ในกล่องออกมาคู่หนึ่งและลงมือกินอาหารฝีมือของเจ้าของร้านที่ไม่ได้กินมาพักใหญ่แล้ว   

“คุณธานไม่มาด้วยเหรอครับ” นิ่งเอ่ยถามอย่างสุภาพ 

“ไม่ว่าง” ผมตอบ  รสของหนังเป็ดย่างชุ่มฉ่ำด้วยน้ำซอส

“รสชาติเป็นไงบ้างครับ” นิ่งถามด้วยสีหน้าคาดหวัง 

“เหมือนเดิม” ผมตอบ  หมายถึง “อร่อย”  คะน้าน้ำมันหอยของร้านในอาคารพาณิชย์เก่า ๆ ในชุมชนค้าขายแห่งหนึ่ง  เป็นหนึ่งในร้านที่ทำรสชาติได้ดีจนแทบเทียบกับภัตตาคารดัง ๆ ได้  ไม่แปลกที่มีลูกค้าไม่ขาดสาย 

“ฉันมีงานให้ทำ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่ชิมทั้งคะน้าน้ำมันหอยกับเป็ดย่างไปอย่างละคำ

“........” คนตรงหน้าชะงักไปเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงนิ่งสงบ 

“ครับ” นิ่งผงกหัวรับทราบอย่างไม่ลังเล

“อาจยากหน่อยนะ อยู่ในเมือง” ผมบอก

“........” นิ่งนั่งเงียบไป   

“พ่อ หนูกลับมาแล้ว ~”

ผมเหลือบมองเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนมัธยมต้นเดินมาพร้อมยกมือไหว้นิ่ง  เมื่อเธอหันมาเห็นว่าพ่อของเธอมีแขกก็รีบยกมือไหว้ผมทันที

“โดดเรียนเหรอ” นิ่งเหล่มองลูกสาว

“โดดที่ไหนเล่า หนูก็บอกแล้วว่าวันนี้เลิกเร็ว พ่อฟังหนูบ้างไหมเนี่ย” เธอขมวดคิ้วบ่นพ่อของเธอกลับ

“อ้อ โทษ ๆ” คนเป็นพ่ออมยิ้ม 

“หนูขึ้นไปเก็บของก่อนนะ เดี๋ยวลงมาช่วย” เธอยิ้มพร้อมยักคิ้วให้

“ไปทำการบ้านให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเลย” นิ่งตอบแกมบ่น

“เสร็จแล้วเหอะ !” เธอเบะปากใส่พ่ออย่างผู้ชนะ

“หึ..” นิ่งอมยิ้มก่อนที่ลูกสาวจะวิ่งเข้าหลังบ้านไป 

“เงินก็พอมีแล้วทำไมไม่ไปอยู่ที่มันดีกว่านี้” ผมอดถามไม่ได้  กี่ปี ๆ ก็ยังอยู่ที่เดิม

“ตอนแรกว่าจะย้ายครับ แต่พอมาคิด ๆ ดู อีกแป๊บ ๆ ลูกก็คงต้องเตรียมสอบเข้ามหาลัยแล้ว ถ้ามันเลือกไปอยู่หอ ผมกับเมียก็อยู่กันสองคน อยู่นี่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรครับ ลูกค้าส่วนใหญ่ติดสถานที่ไปแล้วด้วย จะย้ายก็กลัวเขาลำบาก” นิ่งตอบอย่างใจเย็น

“........” ผมเงียบฟัง  คีบผักคะน้าเข้าปากอยู่หลายคำในขณะที่นิ่งก็เงียบไปด้วย

“ฉันให้ที่ละแสน อุปกรณ์กับคนเดี๋ยวเตรียมไว้ให้ งานเริ่มอย่างต่ำสองที่ หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยากขึ้นฉันจะเพิ่มให้อีกที่ละแสน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบาขณะเท้าแขนกินอาหารตรงหน้า

“ครับ” นิ่งขานรับ 

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้นายเดือดร้อนหรอก”

“ผมไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ” อีกฝ่ายตอบทันที

“คราวนี้ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ...” คนตรงหน้าถามอย่างต้องการรู้ถึงเหตุผล

“แค่จะไปรับน้องคืน” ผมตอบ 


- - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2021 16:51:21

วันหนึ่งหมดไป  หน้าที่ในตอนนี้เพียงแค่รอเวลา...

เวลา 18.20 น. ผมเดินทางมาถึงที่พักใหม่ที่จะใช้หลับนอนในคืนนี้  ถึงแม้ร่างกายได้ถูกใช้งานไปทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก  แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังไม่รู้สึกอ่อนล้าอย่างที่ควร


กริ๊ง ~

“กลับมาแล้วเหรอคะที่รัก ~” เสียงหวานเอ่ยทักอย่างสดใส  เป็นการทักทายที่ฟังดูก็รู้ว่าผู้พูดได้ตั้งใจคิดประโยคนี้เตรียมไว้ล่วงหน้า

“........” ผมไม่เล่นมุกตอบ  เดินตรงไปที่โต๊ะอาหารแบบกลมที่ตั้งอยู่กลางบ้าน  เป็นส่วนหนึ่งของห้องนั่งเล่นและติดอยู่กับห้องครัว  เป็นการตกแต่งแบบไทยจีนในอาคารพาณิชย์สูงสามชั้นที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชนแห่งหนึ่ง

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยสี่คนเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน  หนึ่งในนั้นคือมือดีของผมที่มีอายุมากที่สุดในบรรดาพวกเธอ

“ซื้อเป็ดย่างมาฝาก” ผมบอก  วางถุงเป็ดย่างที่ซื้อมาจากร้านของนิ่ง  ก่อนถอดแจ็กเก็ตและเสื้อยืดออกด้วยรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว 

“ขอบคุณค่า ~” พวกเธอขานรับ 

“โอ้โฮ เย็นซะขนาดนี้ ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานเหรอคะ” พี่ใหญ่สุดเอ่ยปากแซว  เชอร์รีคือชื่อของเธอที่ถูกทุกคนเรียกอย่างคุ้นเคย  แต่นั่นกลับไม่ใช่ชื่อเล่นที่แท้จริง

“เราไม่ได้เกิดยุคสงครามโลกนะ เธอไม่รู้เหรอ” ผมตอบปัดไปที  เตือนว่าบนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า “ไมโครเวฟ” อยู่

“คิก ๆ ๆ” พวกเธอหัวเราะคิกคัก

“ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” เชอร์รีเปลี่ยนเรื่อง

“รอฉันเหรอ” ผมหันกลับไปมองพร้อมเลิกคิ้ว

“ค่ะ ก็คุณบอกจะมานี่คะ” เชอร์รีตอบฉะฉาน  ในน้ำเสียงนั้นกึ่งหนึ่งกำลังบอกผมเป็นนัยว่า ผมมีส่วนทำให้เธอคิดอย่างนั้น  ไม่ใช่ความผิดของเธอ

ผมไม่พูดอะไร  มองตามเชอร์รีที่เพิ่งเดินกลับเข้าครัวไป...

“เจ๊แกแค่อยากกินข้าวกับคุณไฟน่ะค่ะ” ชะเอมยิ้มกริ่ม เอ่ยแซวคนที่เปรียบเสมือนพี่สาว

“หึ ปกติฉันไม่กินข้าวกับคนที่นอนด้วยแค่ครั้งเดียวหรอกนะ” ผมยักคิ้ว

“อร๊ายยย ~ ไหนเจ๊บอกไม่เคยนอนกับคุณไฟไงงง ~” กองเชียร์กรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

“ฉันไปนอนกับคุณเมื่อไหร่ไม่ทราบคะ !” เชอร์รีออกมาขึ้นเสียง ทำตาขวางใส่  ผมหลุดยิ้ม  เดินตรงไปล้างหน้าล้างมือในห้องน้ำที่ชั้นล่าง  ขณะเดียวกันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เพิ่งได้ยิ้มจากใจจริงเป็นครั้งแรกของวัน


อาหารถูกทยอยนำออกมาจัดเรียงบนโต๊ะอาหารทรงกลม  มีแป้นตรงกลางสำหรับหมุนได้  หน้าตาอาหารดูดีคล้ายว่าผู้ทำได้เตรียมไว้อย่างสุดฝีมือ  ผมนั่งลงก่อน  น้ำเปล่าถูกวางลงตรงหน้าแก้วหนึ่ง

“พาสปอร์ตเรียบร้อยแล้วค่า ~” หนึ่งกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมาจากชั้นบน  เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมมาถึงแล้ว ก่อนจะโค้งตัวทักทาย

“คุณไฟมาคนเดียวเหรอคะ แฟนหนูไม่มาด้วยเหรอ” หนึ่งยิ้มถาม  กวาดตามองหาใครสักคน

“ใคร” ผมถามกลับ

“คุณไฟอะ ก็เข้มไงคะ” เธอยิ้มตอบเขิน ๆ

“หึ..” ผมหลุดหัวเราะ

“เข้มมันมีเจ้าของแล้ว เอาคนอื่นสิ” ผมพูดส่ง ๆ  หยิบตะเกียบคีบผัดกะหล่ำปลีขึ้นชิมก่อนเป็นอันดับแรก  ยังไม่มีใครนั่งลงที่โต๊ะเลย  พวกเธอแค่รอให้พี่ใหญ่ของเธอเตรียมอาหารเรียบร้อยเสียก่อน 

“ไม่เอาอะค่ะ หนูชอบแบบเข้ม” หนึ่งเบะปาก ทำหน้าหงอยลงทีเล่นทีจริง

“ไอ้เข้มน่าเบื่อจะตาย เอาไอ้เด่นสิ” ผมเสนอลูกน้องให้ขายออก

“ไม่เอาค่ะ อันนั้นมีสีสันไป” หนึ่งตอบหน้าเอือม

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอ

“ว่าแต่ ใครเหรอคะแฟนเข้ม” ชะเอมถาม

“ยุ่ง” เชอร์รีที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวบ่นใส่  เป็นการตัดบทช่วยผมได้จังหวะดี 

กุ้งผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์คืออาหารจานสุดท้ายที่ถูกเสิร์ฟลง  เชอร์รีถอดผ้ากันเปื้อนออก  หนึ่งจึงรับไปเก็บให้ก่อนที่เชอร์รีจะนั่งลงเป็นคนแรก  คนอื่น ๆ ถึงค่อย ๆ นั่งลงตาม

“หนูแค่อยากรู้เองอะเจ๊อะ” หนึ่งบ่นคนที่เปรียบเสมือนพี่สาวของเธองอน ๆ

“ผู้ชายเขาไม่ได้เลือกเธอ เขาจะมีใครมันก็เรื่องของเขา เธอจะไปอยากรู้ทำไมล่ะ” เชอร์รีบ่นกลับด้วยโทนเสียงเรียบขรึม

“แหม ก็หนูไม่ได้แข็งแกร่งแบบเจ๊นี่คะ” หนึ่งประชดพร้อมยิ้มกริ่ม  เชอร์รีถอนหายใจ  ทำเมินด้วยการตักเม็ดมะม่วงหิมพานต์วางลงบนจานให้ผม

“ช่ายยย ~ แบบว่าเจ๊อยากรู้เรื่องพี่ธานจะตาย แต่ทำเป็นไม่อยากรู้อะ” ชะเอมแซว

“หึ.. ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมก้มหน้ายิ้มกว้าง  กลั้นเสียงหัวเราะนี้ไว้ไม่อยู่

“คุณไฟคะ” เชอร์รีหยุดมือ  หันมามองหน้าผมคล้ายขอให้หยุดหัวเราะ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการเข้าข้างคนของเธอ  ผมจึงหยุดตามที่เธอขอ

“เป็นไงคะ” เชอร์รีถาม  แววตาดูตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นว่าผมเพิ่งชิมกุ้งอบวุ้นเส้นฝีมือเธอเข้าไป  เป็นหนึ่งในเมนูเด็ดที่เธอภูมิใจนักหนา 

“เหมือนเดิม” ผมตอบ  หมายถึงรสชาติยังอร่อยเหมือนเคย 

“ขอบคุณค่ะ” คนทำอมยิ้มอย่างพอใจ 

“หนูเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ” นิดาพูดบอกผม

“ขอบใจ” ผมตอบ

“เตรียมตัวให้เรียบร้อยล่ะ” ผมพูดแกมสั่ง  ทุกคนในวงอาหารก้มหัวรับทราบเงียบ ๆ  มื้อเย็นเป็นไปอย่างเรียบง่าย  ผมเพียงแต่ฟังพวกเธอพูดคุยกันเพราะไม่ได้พบกันมาพักใหญ่แล้ว  ส่วนตัวก็กินไม่ได้มากเพราะไม่ได้หิวอะไร  เพียงแค่ต้องการกินเพื่อรักษาน้ำใจคนที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น  เสร็จจากมื้ออาหารแล้วจึงขึ้นห้องพักมาเพื่ออาบน้ำ  หลังจากนี้มีหน้าที่ที่ต้องทำอีก

   ..

“นี่คุณ !!!”


โครมมมม !!!

ผลัวะ !!!


“ชะเอม !!!!”

เสียงโหวกเหวกคล้ายการต่อสู้ดังมาจากชั้นล่างของอาคาร  ผมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและยังไม่ทันได้จัดการตัวเองให้เรียบร้อยจำเป็นต้องหยิบปืนสั้นที่วางอยู่ติดมือลงมาด้วย   

“ถ้าไม่อยากตายละก็...” เชอร์รีเอ่ย  โทนเสียงแข็งกร้าวคล้ายหมดความอดทน

“เชอร์รี” ผมเรียกสติ  ปืนที่ถูกเธอจ่ออยู่เล็งไปที่หน้าผากของสมุทรเพียงไม่กี่เซ็นฯ  ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวในทันที  ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านกระจัดกระจายยืนยันว่าเกิดการต่อสู้จริง
   
“มีอะไร” ผมมองหน้าสมุทร  เชอร์รีหันมาทางผมโดยที่ยังไม่ยอมลดปืนลง
 
“........” สมุทรไม่ตอบ  สายตาจดจ้องมาที่ผมคล้ายตกใจที่เห็นผมที่นี่

“อ๋อ หนูนึกออกแล้ว !” หญิงเอ่ยขึ้นเสียงสูง

“นักมวยหน้าใหม่ค่ายคุณไฟที่เพิ่งขึ้นชกไปไงคะ ชนะด้วย !” หญิงยิ้มบอกอย่างตื่นเต้น

“ตัวจริงดูดีกว่าในจออีกนะเนี่ย” เธอตาวาว  ตรงเข้าไปมองหน้าสมุทรใกล้ ๆ  คนถูกมองถอยออกเล็กน้อยด้วยสีหน้าตกใจปนงุนงง 

“เขามายืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ข้างหน้าค่ะ” เชอร์รีบอกถึงสาเหตุของการกระทำของเธอ  สายตามองขวางอย่างไม่พอใจ

“ขอโทษครับ แต่ผมบอกแล้วว่าผมมาพบคุณไฟ” สมุทรตอบอย่างใจเย็น

“ฉันบอกว่าคุณมันน่าสงสัย” เชอร์รีถลึงตากว้างกว่าเดิม  น้ำเสียงที่ถูกกดลงบอกได้แน่ชัดว่าเธอกำลังหงุดหงิดกับคำอธิบายของสมุทร 

“เจ๊คะ พอเถอะค่ะ คุณไฟ..” ชะเอมกระซิบเตือนด้วยสีหน้าไม่สู้ดี 
 
“โทษทีค่ะ แต่ฉันไม่รู้จักเขา” เชอร์รีหันมาบอกผมก่อนจะยอมลดปืนลง  ในขณะที่สมุทรไม่ตอบโต้ใด ๆ 
 
“ชะเอม ไปทำแผลไป” ผมพูดถึงแผลที่มุมปากของเธอ

“ค่ะ” ชะเอมพยักหน้า

“ขอโทษครับ” สมุทรรีบหันไปบอกชะเอมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรค่ะ” ชะเอมปัดอย่างอารมณ์ดี

“แล้วตกลงมีอะไร” ผมถามสมุทรอีกครั้ง  อีกฝ่ายหันมาสบตาด้วยสีหน้าลังเล  เหลือบมองพวกของเชอร์รีที่ยืนอยู่อย่างระมัดระวัง  ก่อนจะนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งและสุดท้ายก็ไม่ได้ให้คำตอบกลับมา

“เอ่อ งั้นหนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” นิดดาพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ  เธอโค้งตัวน้อย ๆ เดินตรงเข้าห้องพักของเธอไป

“เดี๋ยว นิดา ! มาช่วยกันเก็บของก่อนสิ !” ชะเอมโวยวาย 

“เดี๋ยวผมเก็บเองครับ” สมุทรเสนอ

“เอ่อ..” ชะเอมชะงักด้วยสีหน้างุนงง  ผมถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินกลับขึ้นห้องมา  และถึงไม่ได้คำตอบก็พอจะทราบได้ว่าอีกฝ่ายมาเพราะอะไร

ปืนถูกเก็บเข้าที่เดิม  ตรงไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมต่อ  ขณะเดียวกันก็เหลือบมองไปยังฝาผนังที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่ตระเตรียมไว้ 

ผมหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ทรงโบราณ  เป็นเก้าอี้ที่ถูกวางทิ้งไว้ที่บ้านหลังนี้ตอนที่ซื้อต่อและเจ้าของบ้านคนเก่าไม่ได้นำไปด้วย ไม่รู้เพราะเหตุใด  ทั้ง ๆ ที่ก็นั่งสบายดี

ให้หลังไม่นานนักเชอร์รีก็ตามขึ้นมา  เธอได้ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าเรามีเรื่องที่ต้องเตรียมการกัน  เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงการพูดคุยก็จบลง  ข้อมูลที่วางไว้จึงถูกเชอร์รีค่อย ๆ เก็บใส่กระเป๋า  ความเงียบในห้องพักทำให้ได้ยินเสียงทุกการเคลื่อนไหวของเธอชัดเจน 

“ฉันต้องอยู่ในนี้อีกนานไหมคะ” เชอร์รีถามขณะเก็บของ

“ทำไม” ผมถามกลับ  เธอหยุดมือ  หันหน้ามาสบตา

“ก็ดูเหมือนว่าฉันกำลังถูกเอาเป็นไม้กันหมา” เธอว่า

“หึ พูดถึงใคร” ผมแสยะยิ้มก่อนเบือนหน้ากลับมาจ้องกำแพงอย่างเดิม  ร่างกายถูกปล่อยลงพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย  จู่ ๆ ก็ดันมีความรู้สึกสบายใจขึ้นมาเมื่อถูกทักอย่างรู้ใจ

“ผู้ชายคนนั้น..” เชอร์รีตอบแล้วเก็บของต่อ

“........” ผมเงียบ

“หมาที่ไหนเล่า ซ้อเธอไง” ผมพูด  ขยับขาที่ยืดออกตรง ๆ ขึ้นไขว้กัน

“........” เชอร์รีหันขวับกลับมา  ดวงตากลมโตกว่าเดิม  ผมจึงผลิยิ้มพร้อมยักคิ้วให้  อีกฝ่ายเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง  ทีท่าไม่ต่างจากคนที่เจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจแบบกระทันหัน  แต่ไม่กี่วินาทีเธอก็หันกลับมาจ้องมองผมอีกครั้ง  สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน...

“อะไร ?” ผมเลิกคิ้ว

“นี่คงเป็นเรื่องช็อกในรอบสิบปีของฉันเลยค่ะ” เชอร์รีตอบแกมประชด

“หึ ๆ ๆ ไม่ดีใจเรอะ” ผมไม่หยุดกวน  เธอส่ายหัวเล็กน้อยและแอบถอนหายใจให้ได้ยิน


ก๊อก  ๆ  ๆ

“ใคร” เชอร์รีเอ่ยถามคนที่อยู่ด้านนอก  แต่กลับไม่มีเสียงใครตอบกลับมา 


ก๊อก  ๆ  ๆ  ๆ

“........” ผมนั่งเฉย  รอให้เชอร์รีเป็นคนจัดการเพราะพอจะเดาอะไรออก 
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 58 [ 13.30 น. - อา. 11 ก.ค 64 หน้า 80 ]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 01-10-2021 17:00:00

“ฉันถามว่าใคร !” ครั้งนี้โทนเสียงของเชอร์รีแสดงความไม่ชอบใจขึ้นกว่าเดิม 

“เอ่อ ฝน.. ฝนตก อากาศหนาวเลยเอาชามาให้ค่ะ !” เสียงของชะเอมขานตอบคล้ายร้อนรน  ผมเหลือบมองไปที่หน้าต่างห้องใกล้ ๆ  แต่ไม่เห็นว่ามีฝนอย่างที่เธอว่าจึงลุกขึ้นไปแล้วเปิดประตูหน้าต่างเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ  และดันพบว่าฝนตกจริง  แต่เป็นแค่ฝนปรอย ๆ เท่านั้น  ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงฟ้าร้อง 

ส่วนอากาศก็ต้องหนาวอยู่แล้ว  ก็เปิดแอร์อยู่นี่นะ...

“ยัยนี่..” ผมพึมพำบ่น

“หึ ๆ ๆ” เชอร์รีเผยยิ้ม

“ว่าแต่ ฉันเคยได้ยินเสียงเธอครางรึเปล่านะ ไม่ลองดูหน่อยล่ะ” ผมหยุดยืนตรงหน้าเธอ

“ถ้าเสร็จธุระแล้วฉันขอตัวนะคะ” อีกฝ่ายตัดบทเสียงแข็ง  ซิปกระเป๋าถูกรูดปิดอย่างโมโห

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม


แกรก ~

ผมตรงไปเปิดประตูห้อง  คนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับไม่ใช่ชะเอม  สมุทรยืนอยู่และยังไม่ถือว่าโกหกทั้งหมดเพราะมีถาดน้ำชามาด้วย  เขาสบตาผมเล็กน้อยก่อนหลบสายตาลง  เชอร์รีแบกกระเป๋าใบใหญ่ออกจากห้องไปพร้อม ๆ กับสมุทรที่หลีกทางให้

ผมมองเขาที่เดินผ่านผมเข้าไปในห้องโดยไม่ขออนุญาตอย่างเช่นนิสัยที่เขาควรจะทำ  นั่นทำให้ผมอดถอนหายใจออกมาไม่ได้  ประตูห้องถูกเชอร์รีปิดลง 

“........” ทั้งผมและเขาไม่มีใครเอ่ยปากพูดก่อน  อีกฝ่ายดูระมัดระวังการกระทำของตัวเอง  ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ปลายเตียงแล้ววางถาดชาลง

“นายไม่รู้สินะว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ” ผมพูดขึ้นก่อน  สมุทรเงยหน้าขึ้นมองผมในทันที 

“ขอโทษครับ” เขาพูดหลังจากทิ้งช่วงเงียบอยู่พักหนึ่ง 

“อย่าไปว่าพี่ธานเลยนะครับ ผมเป็นคนขอที่อยู่คุณมาเอง”

“จะไม่ว่าได้ยังไงในเมื่อเวลานี้มันควรเป็นเวลาที่นายควรต้องฟื้นฟูร่างกายและโฟกัสการฝึกซ้อมของตัวเอง ซึ่งทางนั้นก็ควรจะรู้ดี” ผมเท้าเอว จ้องมอง

“........” สมุทรนิ่งไป  ผมถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง  ตัดบทด้วยการเดินผ่านเขาไปเพื่อเข้าห้องน้ำ  รู้สึกอยากล้างมือมาตั้งแต่เมื่อครู่หลังจากที่เสร็จจากงานที่คุยกับเชอร์รีแล้ว

พอกลับออกมาอีกครั้งก็ยังพบว่าเขายังยืนอยู่ที่จุดเดิม  อีกทั้งยังไม่มีท่าทีที่จะกลับไป...

“ธุระของนายล่ะ” ผมถาม  ฝ่ายหนึ่งไม่ตอบโดยทันที  เขายืนนิ่งเงียบและหลบสายตา

“คุณกับทุกคนกำลังจะทำอะไรกันเหรอครับ” สมุทรถาม

“มันไม่ใช่เรื่องของนาย มีหน้าที่อะไรก็ทำไปเถอะ”

“แต่ยังไงผมก็เป็นลูกน้องคุณคนนึงเหมือนกันนะครับ” อีกฝ่ายย้อนตอบด้วยโทนเสียงที่แข็งขึ้น

“หึ..” ผมอมยิ้ม  แทบไม่เชื่อหูว่านั่นหลุดออกมาจากปากเขา  ผมหันกลับไป  แววตาของคนตรงหน้าที่แสดงออก ปรากฏความผิดหวังที่ถูกผมหัวเราะกลับแบบนั้น  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความจริงเปลี่ยนไปอยู่ดี

“งั้นก็เข้าใจซะใหม่ด้วย” ผมพูดพร้อมก้าวขาตรงเข้าไปใกล้ 

“ฉันไม่ได้อยากให้นายมาเป็นลูกน้องฉันแต่แรกอยู่แล้ว ก็แค่.. ใช้นายหาเงินในฐานะนักมวย” ผมพูดบอก  สมุทรที่ยืนอยู่ห่างเพียงคืบจ้องผมไม่กะพริบตา  และดูเหมือนคำพูดตรงไปตรงมานี้ไม่ได้ทำให้ผู้ฟังตกใจกับสิ่งที่ตนได้ยินมากนัก

“คนแบบคุณ ผมก็พอรู้อยู่แล้วครับ” เขาปัดพลางผลิยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“เข้าใจก็ดีแล้ว งั้นก็ช่วยกลับไปทำหน้าที่ของนายด้วย”

“........” สมุทรนิ่งไป  ครั้งนี้ ดวงตาที่จ้องมองผมแข็งกร้าวกว่าเดิม

“หลังจบเวทีนี้ เงินค่าตัวนายมีเหลือเฟือพอให้ฉันหักส่วนที่ฉันควรจะหัก เงินส่วนที่เหลือเป็นของนาย หลังจากนั้นเป็นอิสระ จะอยู่ค่ายฉันต่อก็ได้หรือไปอยู่ค่ายอื่นก็ได้ แล้วแต่นาย”

“แต่จากที่ฉันจำได้นายก็ไม่ได้เต็มใจมาอยู่ค่ายฉันแต่แรกอยู่แล้วนี่” ผมแสยะยิ้ม  ตัดบทด้วยการเดินตรงไปปิดไฟดวงใหญ่ของห้อง เตรียมตัวพักผ่อน

“คุณมันก็เป็นแบบนี้...” อีกฝ่ายพูดขึ้น  ผมหยุดเดิน แต่ยังคงไม่หันกลับไปมอง 

“นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด” สมุทรขยายความ

“ไม่ดีเหรอ ฉันอุตส่าห์ทำให้นายจ่ายเงินคืนฉันด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องแบกหน้าให้ผู้หญิงคนนั้นมาพูดว่าจะจ่ายให้” ผมย้อน

“ต่อให้ต้องขึ้นชกอีกกี่เวทีเพื่อนำเงินมาคืนคุณ ผมก็จะหาเงินมาจ่ายคืนเองครับ” อีกฝ่ายถลึงตา  ไม่พอใจที่ผมเอ่ยถึงบุคคลที่สาม

“อา เข้าใจแล้วครับ แมนจริง ๆ” ผมพยักหน้ารับทราบ  ปัดมือส่ง ๆ เพราะอยากจบประเด็น

“รู้ไหมครับว่าผมไม่เสียใจเลยที่พูดกับคุณวันนั้น” สมุทรสวน

“........” ผมเงียบ 

“แต่กลับคิดว่าคุณน่าจะเสียใจกับคำพูดของคุณบ้าง ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้...”

“นี่คือธุระของนายงั้นเหรอ” ผมหันกลับไปถาม  ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาพูดเรื่องนี้ 

“ครับ” อีกฝ่ายตอบกลับ  ความหนักแน่นในดวงตาที่แทบไม่กะพริบบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังข่มอารมณ์ของตนเองอยู่เช่นกัน

“คุณถามผมว่าผมคาดหวังที่จะได้ยินอะไรจากคุณใช่ไหม หึ.. ครับ วันนั้นผมโกหก” สมุทรแสยะยิ้มคล้ายเย้ยหยัน

“ถ้าจะเอาคำขอโทษละก็ ไม่มีให้หรอก ถึงคำพูดฉันมันจะไม่ดี แต่ดันรู้สึกว่าตัวเองพูดเรื่องจริงน่ะ” ผมตอบเสียงเรียบพร้อมผลิยิ้มให้เล็กน้อย 


คำพูดของผมครั้งนี้ทำเอาคนตรงหน้าเงียบไปอึดใจ...

“ผมไม่น่ามาเลย” 

“งั้นก็กลับไปซะสิ” ผมตัดบท  บทสนทนาถูกหยุดไว้แค่นั้น 

ผมเดินตรงไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนโดยคนที่อยู่ร่วมห้องในตอนนี้ก็ไม่ได้ออกไปอย่างที่ควร  แสงจากโคมไฟตรงโต๊ะทำงานซึ่งมีถาดชาวางอยู่นั้นเป็นจุดเดียวที่มีแสงสว่างจากไฟสลัว  สมุทรยังคงยืนอยู่ที่เดิม  ดูแล้วคงจะไม่กลับไปง่าย ๆ  เพราะคำถามแรกที่หมอนั่นต้องการจากผม  เขายังไม่ได้คำตอบ

ครู่หนึ่งผมก็ได้ยินเสียงเลื่อนเก้าอี้ออก  ถึงแม้มันจะเบามากแต่เพราะความเงียบสงบภายในห้องจึงทำให้ได้ยินเสียงนั้นชัดเจน  การบังคับให้ตัวเองเข้านอนทั้งที่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกค้างคาในใจเป็นความจำเป็น  อาจไม่หลับในทีแรก  แต่เพราะร่างกายที่สะสมความเหนื่อยล้ามาตลอดหลายวัน สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป  พอตกกลางดึกก็รู้ตัวอยู่บ้างว่าตัวเองหลับ ๆ ตื่น ๆ  อาจเพราะกังวลหลาย ๆ เรื่องอยู่ลึก ๆ  และอีกใจหนึ่งยังสงสัยอยู่ว่าสมุทรยังอยู่ในห้องด้วยหรือไม่ 

ทุกครั้งที่ตื่น ดวงตาที่หรี่ขึ้นก็ยังพบว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่เดิมอย่างนั้นไม่ไปไหน  เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งเก้าอี้ที่อยู่ปลายเตียงว่างเปล่า  สติของผมถูกดึงกลับมาในทันที  แต่เมื่อหันไปมองด้านข้างกลับพบว่าสมุทรไม่ได้จากไปแต่นั่งหันหลังอยู่บนเตียงใกล้ ๆ นี่เอง

“........” ผมนอนเฉย  ไม่ได้แสดงออกไปว่าตื่นแล้ว  แปลกใจเหมือนกันที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ใกล้แค่นี้กลับไม่รู้สึกตัว  ทั้งที่ปกติความระแวดระวังที่มีในสัญชาตญาณมักจะรับรู้ได้ไวมาก

“โอเค ฉันขอโทษ” ผมเอ่ยพูด

“........” สมุทรหันหน้ากลับมาสบตาผมครู่หนึ่งก่อนหันกลับไป  เมื่อตื่นเต็มตาแล้วจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง  หยิบหมอนอีกใบหนึ่งวางซ้อนกันก่อนเอนหลังพิงหัวเตียง  เราต่างเงียบอย่างนั้นอยู่พักใหญ่  ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังมีเรื่องให้คิด

“ช่วยกลับไปได้ไหม”

“ไม่ครับ” สมุทรตอบโดยไม่เว้นช่วงคิด

“สมุทร นายอยากเห็นฉันเป็นบ้ารึไง แค่พายุคนเดียวก็มากเกินพอแล้ว” ผมเกือบกดน้ำเสียงไว้ไม่อยู่  ขณะเดียวกันหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผมที่วางอยู่บนหัวเตียงก็สว่างขึ้นก่อนที่ระบบสั่นจะทำงาน


ตืด  ๆ ๆ

ทั้งผมและสมุทรจ้องไปที่หน้าจอซึ่งไม่ปรากฏเบอร์ผู้ที่ติดต่อเข้ามา...

“ฮัลโหล” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ

“ไง..” ปลายสายทัก  เป็นคนละโทนเสียงกับที่เคยได้รับสายก่อนหน้านี้

“พวกกูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าให้ทำตามที่กูสั่ง”

“หึ นายกำลังพูดกับฉันเหรอ” ผมพ่นหัวเราะ 

“ฉันอุตส่าห์ช่วยให้พวกนายหลุดจากตำรวจพวกนั้นได้ นายควรจะต้องขอบคุณฉันมากกว่านะ” ผมพูด

“ไอ้ไฟ มึงจะลองดีกับกูเหรอ” อีกฝั่งหนึ่งข่มเสียงลงคล้ายหงุดหงิด 


เพียะ !!

ผลัวะ !!!!


เสียงของการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงหัวเราะด้วยความสะใจจากปลายสาย

“มึงอยากเห็นสภาพน้องมึงไหม” มันเย้ย

“ไอ้ไฟ มึงต้องจำใส่หัวมึงไว้ให้ดีว่าสิ่งที่มึงทำมันจะส่งผลต่อสภาพน้องมึง”

“........” ผมเงียบฟัง  มองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าที่มองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง  เอาแต่จับจ้องผมไม่กะพริบ  ในสมองกำลังลำดับความสำคัญด้วยสติที่ควรมี

“กูยังไม่ได้ทำตามสัญญาเลย มึงอยากคุยกับน้องมึงไม่ใช่เหรอ เฮ้ย ! ลากมันขึ้นมา !!”

เสียงลากถูคล้ายการเคลื่อนไหวของร่างกายไปกับพื้นได้ยินชัดเจน  ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงหายใจที่หอบแรงอยู่ใกล้ ๆ  ผมตั้งใจฟังโดยไม่พูดอะไร  ปลายสายเองก็เช่นกัน...

“ให้มันคุยกับพี่มัน !” เสียงเดิมที่คุยกับผมก่อนหน้านี้ตะโกนขึ้น  ครั้งนี้เสียงนั้นแว่วไกลออกไป

“พูดสิวะ !” ใครคนหนึ่งสั่ง  มันสบถลั่น  เสียงลอดออกมาจนสามารถทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมได้ยินชัดเจน

“Tāmen bù huì shuō zhōngwén” พายุพูดภาษาจีนขึ้นโต้ง ๆ ด้วยโทนเสียงกระซิบและรวดเร็ว

“โรงเรียนร้าง ห้าส่วนสี่ พรุ่งนี้จะเริ่มส่งของไปชายแดน”

“อืม พี่รู้แล้ว” ผมขานตอบในลำคอสั้น ๆ ถึงความหมายของคำที่รู้กันเพียงพวกเรา

“ยุจะไป..”

“ไอ้สัส ! มึงพูดเหี้ยอะไรวะ !” เสียงหนึ่งสบถขัดขึ้นก่อนที่พายุจะได้พูดจบประโยค

“ลูกพี่ เมื่อกี้ผมได้ยินมันพูดอะไรไม่รู้ครับ !” พวกมันตะโกนฟ้องอย่างร้อนใจ

“ระยำเอ๊ย” อีกเสียงที่คุ้นหูสบถบ่น


ผลัวะ !!!

“หึ ๆ ๆ ๆ” พายุหัวเราะ

“ไอ้เชี่ยนี่ เมื่อกี้มึงพูดอะไร” ลูกพี่มันคาดคั้นด้วยความหงุดหงิด

“I said.. I don’t know anyone as stupid as you guys in my life hahaha !!!” พายุตะโกนลั่น  เปลี่ยนภาษากลบเกลื่อนประเด็นก่อนหน้า

“ไอ้สัสสส !!!”


ผลัวะ !!!!

“ไอ้ไฟ...” ปลายสายเรียก  ครั้งนี้โทนเสียงเกือบควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่ได้

“หึ อย่าเพิ่งโกรธเลย เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาโกรธจริง ๆ ของมึงหรอก” ผมยิ้มบอก  อีกฝั่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง

“ได้ข่าวว่าน้องมึงเป็นเกย์นี่...”

“........” ผมเงียบ 

“ก็ประหลาดเหมือนมึง ฮ่า ๆ ๆ” ปลายสายหัวเราะ

“ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมก้มหน้าลง  นำมือข้างที่ว่างอยู่ลูบหน้าผากตัวเองขณะหลุดหัวเราะเช่นกัน

“ก็ดี งั้นกูมีอะไรดี ๆ มาเสนอ มึงจะรับหรือไม่รับก็ได้ แต่กูคิดว่ามึงควรจะรับนะ” มันพูดด้วยโทนเสียงที่เป็นไปอย่างตื่นเต้น

“อะไรล่ะ..” ผมสวนถาม

“จะใช้ให้ไอ้ประหลาดอย่างกู สั่งล้มมวยครั้งหน้างั้นเหรอ” ผมแสยะยิ้ม

“........” ปลายสายเงียบไปในทันที

“หึ อุตส่าห์ทำให้ไอ้กล้าล้มมวยได้ทั้งที ครั้งหน้าก็คงไม่เกินความพยายามของมึงหรอกมั้ง” ผมพูดขณะช้อนตาขึ้น  เหลือบมองสมุทรที่นั่งอยู่และชะงักไปด้วยความตกใจจากสิ่งที่ได้ยินอย่างเห็นได้ชัด  เขาจะตกใจก็คงไม่แปลก  เพราะนั่นคือนักมวยคู่ชกคู่แรกที่ขึ้นชกกับเขา   

“อย่างแรกตอนนี้ มึงควรเลิกทำตัวเป็นหมาหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่หลังกำแพงได้แล้ว” ผมเตือน

“กริด...มึงไม่ควรเอาน้องกูไปแต่แรก” ผมลดเสียงเย็นลง  ปลายสายเงียบสนิทราวกับว่าสายถูกตัดไปแล้วอย่างนั้น 

“ตกใจเหรอที่กูรู้ว่าเป็นมึง หึ.. เดี๋ยวกูมีเรื่องที่จะทำให้มึงตกใจได้เยอะกว่านี้อีก ระหว่างนี้ บอกให้คนของมึงดูแลน้องกูดี ๆ ล่ะ” ผมเป็นฝ่ายตัดบทสนทนาแล้วตัดสายลงในทันที  เบอร์ต่อไปที่ถูกกดโทรออกคือเบอร์ของคนที่เตรียมตัวรอรับคำสั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ครับคุณไฟ” นิ่งรับสาย

“ลงมือเลย” ผมสั่ง

“ได้ครับ” ปลายสายตอบ  น้ำเสียงฉะฉานหนักแน่น  เสร็จจากนั้นผมก็กดเบอร์เพื่อจะติดต่อหาอีกคน

“โทรหาใครครับ” สมุทรถามคล้ายรู้ทัน  ผมไม่ตอบ  เบอร์ของพี่ธานยังถูกกดไม่ครบดี โทรศัพท์มือถือของผมก็ถูกอีกฝ่ายแย่งไป  ผมมองนิ่ง ๆ  ไม่ได้โมโหอะไร  และก็ไม่คิดที่จะออกแรงแย่งคืนมาด้วย 

“บางเรื่องนายก็หัวไวดีนะ” ผมชม  เอนหลังพิงหัวเตียงตามเดิม  สมุทรวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะตรงหัวเตียง

“กลับไปดี ๆ เถอะ ต่อให้ฉันไม่โทรตามให้ใครมารับ นายคิดว่าพวกที่อยู่ข้างล่างนั่นไม่มีวิธีลากนายไปเหรอ” ผมกล่าวถึงพวกของเชอร์รีที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญไม่ต่างจากผู้ชาย

“ให้ผมกลับไปแล้วยังไงครับ ไปเตรียมขึ้นชกเวทีพรรค์นั้นเหรอ หึ..” สมุทรพ่นหัวเราะ  ผมเงียบ มองอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทิ้งช่วงให้เขาได้ตั้งสติกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้มา

“ที่นายเพิ่งชนะ ไม่มีใครล้มมวยหรอกสมุทร” ผมหมายถึงผลการชกล่าสุดนี้ที่มาจากฝีมือของเขาเอง 

“........” คนตรงหน้าเงียบไปและค่อย ๆ ก้มหน้าลง  นำฝ่ามือลูบผ่านศีรษะของตนไปถึงท้ายทอยขณะถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์เคร่งเครียด  เรารักษาความเงียบหลังจากนั้นอยู่พักใหญ่  เมื่อเขาผ่อนคลายลงแล้วจึงหันกลับมาทางผมอีกครั้ง

“บอกผมมาเถอะครับว่าคุณจะทำอะไร” สมุทรพูด  คำพูดแกมสั่งกับน้ำเสียงนุ่ม ๆ นั่นทำให้ผมหลุดยิ้มมุมปากได้นิดหน่อย

“คุณไฟ ผมเหรอครับที่จะทำให้คุณเป็นบ้า คุณต่างหากที่กำลังทำ” เขาต่อว่า

“หายโกรธแล้วเหรอ” ผมสวนถามเบา ๆ  อีกฝ่ายชะงัก  ดวงตาเขม็งมองมาไม่วางตา

“สมุทร.. ฉันไม่แน่ใจ ว่าจริง ๆ แล้วเราโกรธกันรึเปล่านะ ?” ผมพูดเชิงถาม  เขายังคงนั่งนิ่ง  ริมฝีปากก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเพื่อให้คำตอบด้วย 


ผมขยับตัวเข้าไปใกล้  ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุม  มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร  แต่กลับมองเห็นดวงตาคู่ตรงหน้าในความหมายได้ชัดเจน

“ฉันโกรธได้ไหม..” ผมกระซิบถาม  แท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการคำตอบ  ปลายจมูกเกลี่ยเข้าใกล้ปลายคางอีกฝ่ายก่อนวางริมฝีปากลงที่ปากของเขาเบา ๆ

“คุณกับพี่ธานวางแผนจะทำอะไรกันครับ” สมุทรย้ำถามอีกครั้ง  ครั้งนี้ดวงตากวาดมองคล้ายอ้อนวอน 

“........” ผมไม่ตอบ  ทำเพียงแต่เก็บรายละเอียดใบหน้านี้ใกล้ ๆ เท่านั้น

“ยอมนอนกับฉันดูสิ”

“คุณไม่ได้คิดจะทำแต่แรกอยู่แล้ว จะพูดทำไมครับ” อีกฝ่ายตำหนิอย่างไม่ยอมความ  คำพูดที่คล้ายไม่แยแสหากผมจะทำจริงและคาดเดาราวกับรู้จักผมเป็นอย่างดีทำให้ผมหลุดหัวเราะในลำคอ 

หน้าผากของผมแตะวางลงที่หน้าผากของอีกฝ่าย  เปลือกตาของเขาค่อย ๆ หรี่ลงคล้ายจงใจหลบสายตา  เมื่อผมหยุดการเคลื่อนไหวจึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจเบาบางที่กระทบกัน  หากเป็นปกติคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับรู้อะไรเช่นนี้ 

“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นอีก” อีกฝ่ายพูดขณะหลับตาลง  โทนเสียงแหบพร่าแทบกระซิบ  มือขวาของสมุทรขยับขึ้น  วางฝ่ามือนั้นลงที่ข้างแก้มผม

“........” ผมมองสีหน้าของเขาที่ขอร้องออกมาอย่างจริงจังโดยไม่พูดอะไร  ทั้งที่ไม่เข้าใจว่า “แบบนั้น” ที่ว่าคือแบบไหน  เมื่อไหร่  แต่ที่ไม่ขยายความถามออกไปก็เพราะอ่านออกได้เองว่าคงไม่ใช่สิ่งที่ดี


ดูเหมือนว่าเสียงจากเครื่องปรับอากาศจะเป็นสิ่งเดียวที่ดังที่สุดในตอนนี้...

สมุทรช้อนตาขึ้นมองผมอีกครั้งในขณะที่ใบหน้าขยับเข้าหาพร้อมริมฝีปากที่ประทับลงมา  เป็นการสัมผัสเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะผละออก  ผมจ้องมองการกระทำนั้นโดยไม่พูดอะไร  ที่ข้างแก้มยังถูกฝ่ามือนี้โอบอยู่เพราะผมกำลังถูกอีกฝ่ายมองคล้ายพยายามค้นหาบางอย่าง   

“อะไร” ผมกระซิบถามไปอย่างนั้นเอง  ขยับมือข้างที่เท้าเตียงอยู่นำขึ้นวางลงบนหน้าขาของสมุทร  ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปจนถึงลำตัว  เจ้าของร่างกายไม่เอ่ยปากทัดทาน  ทั้งกลับยังเกลี่ยจมูกลงมาที่ปลายจมูกของผมและหอมลงที่ข้างแก้มเบา ๆ  ผมสอดมือผ่านชายเสื้อเข้าไป  ปลายนิ้วแตะเข้าที่ผิวเนื้อบริเวณหน้าท้อง  อีกฝ่ายก็ประกบจูบมาในทันที 

น้ำหนักของรสจูบมากพอให้เกิดเสียงแทรกภายในห้องที่เงียบสงบนี้  ผมลูบไล้ไปจนถึงข้างลำตัว  กล้ามเนื้อตรงส่วนนั้นทำให้อดออกแรงบีบไม่ได้  ลมหายใจของเราทั้งคู่เริ่มดังขึ้น  ปลายนิ้วที่เกือบจะรุกล้ำขึ้นไปยังลำตัวส่วนบนถูกหยุดเอาไว้ที่ใต้หน้าอกได้ก่อน  ปฏิกิริยาทางร่างกายของคนตรงหน้าทำให้ต้องใช้ความหักห้ามใจอย่างมากเพื่อหยุดความคิดเลยเถิด  เพราะรู้สันดานของตัวเองดีจึงไม่ควรคิดไปยุ่งกับส่วนนั้น...

ผมผละปากออก  หอมลงที่หัวไหล่ของเขาแล้วซบหน้าอยู่อย่างนั้น ในขณะที่มือก็ทำหน้าที่ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของสมุทรออก  กระทั่งเสียงของซิปที่ถูกรูดลงก็ยังทำให้ใจเต้นผิดจังหวะ  อดคิดไม่ได้ว่าภายใต้กางเกงนั้นกำลังเป็นอย่างไร  เสียงลมหายใจที่แหบพร่าถูกปล่อยออกพร้อม ๆ กับร่างกายที่ขยับเล็กน้อยเมื่อผมล้วงมือเข้าไป  สมุทรซบหน้าลงที่ไหล่ของผมเช่นกัน  มือซ้ายของเขาเก้ ๆ กัง ๆ จับลำแขนของผมไว้หลวม ๆ คล้ายไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับสิ่งที่ผมทำอยู่ 

ถึงแม้จะไม่ได้สัมผัสถูกเนื้อหนังส่วนนั้นโดยตรง  แต่เนื้อผ้าของกางเกงชั้นในก็ไม่สามารถปกปิดความตื่นตัวที่อยู่ภายใต้นั้นได้  ปฏิกิริยานั้นทำให้ผมเองก็รู้สึกร่วม  ส่วนหนึ่งแอบโล่งใจที่เห็นว่าร่างกายของเขามีปฏิกิริยา  ทั้งยังเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่นาที...

ผมขยับตัวออกเล็กน้อย  กวาดตามองใบหน้าด้านข้างของคนตรงหน้าก่อนหอมแก้มเขา  ในขณะที่มือก็เริ่มขยับไปตามแนวของสิ่งที่สัมผัสอยู่  สมุทรหันหน้ามา  ริมฝีปากของเขาเผยอออก  ผมประกบปากเข้าจูบในทันที  น้ำหนักของการจูบรุนแรงขึ้นกว่าก่อนหน้า  ปลายลิ้นถูกสัมผัส  เสียงลมหายใจของเจ้าของร่างกายเริ่มทักท้วงต่อการกระทำของผมที่ขยับแรงขึ้นพร้อมกับน้ำหนักของฝ่ามือ  เมื่อสังเกตเห็นว่าร่างกายเกร็งผิดปกติ  ผมจึงชักมือออกโดยทันที

“.........” ผมเงียบมองสมุทรที่นั่งหอบหายใจแรง 

“ฉันลืมไป กลัวว่านายจะต้องมาจำใจเสร็จเพราะฉันอีกน่ะ” ผมอมยิ้มมุมปากพูดอย่างเย้ยหยัน  พลางปั้นหน้าเสียดายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

ทันทีที่บอกสาเหตุของการกระทำที่หยุดลงดื้อ ๆ นั้น สมุทรก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่รีรอ  มือของผมที่เพิ่งผละจากเขาถูกรวบไปจับไว้  ร่างกายถูกดันให้นอนลง  หลังแตะเข้ากับเตียงและหมอนที่อยู่ด้านหลัง  เสียงของลมหายใจขณะที่จูบไม่สามารถควบคุมไว้ได้อีก

“ฮะ ~”

สมุทรขยับตัวขึ้นมาบนเตียง  แขนอีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมอยู่คร่อมไว้กับเตียง  จู่ ๆ การเคลื่อนไหวที่เร็วไวก็ถูกหยุดลงจากเราทั้งคู่  คล้ายเรียกสติกันเอง  บรรยากาศในห้องจึงเหลือเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศอีกครั้งหนึ่ง 

ผมมองโดยไม่พูดอะไรในขณะที่สมุทรค่อย ๆ ก้มลงมาและแนบแก้มของตนลงที่ข้างแก้มผม... 

“คุณไฟ”

น้ำเสียงของเขานุ่มเบา  ลมหายใจที่กระทบอยู่ระหว่างต้นคอค่อย ๆ ไล่ขึ้นมาจนถึงข้างแก้ม  ริมฝีปาก  ก่อนจะจูบลงมาอีกครั้ง  น้ำหนักของการจูบเน้นหนักขึ้นจนกลายเป็นเสียงแหบพร่าที่หลุดลอดออกมา  ผมขยับขาออกข้างหนึ่ง  มือขวาจับขอบกางเกงยีนส์ของสมุทรดึงเข้าหาเพื่อให้ร่างกายส่วนล่างของเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น 

แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก  อีกทั้งไม่คิดที่จะปลดเสื้อผ้าของคนที่คร่อมอยู่เช่นกัน  ที่หมอนี่พูดก็ถูก.. ผมไม่ได้คิดที่จะทำแต่แรกอยู่แล้ว  แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องการ  สิ่งสำคัญในตอนนี้คืออีกฝ่ายจะต้องมีร่างกายที่พร้อมเตรียมตัวขึ้นชกในรอบถัดไปอีกในไม่ช้า  และถึงแม้จะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของความต้องการ  ส่วนตัวกลับไม่อยากให้สิ่งที่อยากได้มากที่สุดเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ 

การควบคุมตัวเองเป็นสิ่งหนึ่งที่สัตว์ทำไม่ได้  นี่อาจเป็นข้อตักเตือนให้ตัวเองว่าอย่างน้อยก็ควรระวังการกระทำไว้

“ลองเอาเข้าดูไหม” ผมกระซิบถามขณะที่อีกฝ่ายกำลังหันตัวไปเพื่อขยับกางเกงของตนออก

“........” สมุทรชะงัก  หันกลับมามองผมในทันที  สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะหลบสายตา

“ไม่ครับ” เขากระซิบตอบ  โทนเสียงของการปฏิเสธเต็มไปด้วยความสุภาพและหนักแน่น  ฝ่ามือที่โอบแก้มผมอย่างอ่อนโยน  เหมือนเจ้าตัวพยายามสื่ออยู่ว่าการปฏิเสธนี้ไม่ใช่ไม่ต้องการเช่นกัน 

“หึ...” ผมหลุดอมยิ้มมุมปาก  ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจรู้ว่าผมลองใจอยู่ก็ได้  หรือไม่.. เขาก็อาจมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ต่างจากผม  แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลข้อไหน  บอกปัดไม่ได้ว่านั่นทำให้ผมถูกใจน่ะนะ

กางเกงยีนส์ที่ถูกปลดออกเพียงครึ่งเดียว  ไม่ได้หลุดออกจากร่างกายไปทั้งหมด  ทำให้เห็นร่างกายที่เกิดปฏิกิริยาจนส่วนปลายนั้นเลยขอบกางเกงในออกมาชัดเจน  เจ้าของแสดงอาการเล็กน้อยเมื่อถูกปลายนิ้วของผมสัมผัสที่ส่วนนั้นเบา ๆ  การที่ผมไม่ถูกปลดกางเกงชั้นในออกก็เหมือนว่าเขาจงใจให้มันเป็นแบบนี้เช่นกัน  มีบางอย่างที่อดคิดไม่ได้ว่าเราทั้งคู่กำลังเกิดคำถามคล้ายคลึงกันอยู่ 

เสียงลมหายใจ  เสียงจูบ  เสียงของการเคลื่อนไหวร่างกายของเนื้อที่แนบชิด  รับรู้ได้ถึงความร้อนจากภายในที่เครื่องปรับอากาศไม่สามารถช่วยบรรเทาได้  ความร้อนของส่วนล่างที่ถูกเสียดสีจากคนที่คร่อมอยู่ทำให้สติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  มือของผมที่ล้วงเข้าไปยังส่วนนั้นอีกครั้งถูกจับล็อกออกในทันทีที่ขยับไปได้เพียงไม่กี่ครั้ง  จังหวะหนึ่งร่างกายก็ถูกบดเข้ามาในจุดที่ทำให้รู้สึกมากกว่าเดิม  ผมเงยหน้าขึ้นทั้งที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่  ริมฝีปากเผยอออกเพื่อปล่อยลมหายใจ  สมุทรจูบลงมา  ทันทีนั้นแรงเสียดสีก็รุนแรงขึ้นจึงส่งเสียงออกไปเพื่อบอกเป็นนัยว่ากำลังไม่ไหวเช่นกัน  สมุทรรวบมือซ้ายของผมที่จับอยู่ที่ลำแขนของเขาไปกุมไว้  ต่างฝ่ายต่างกดเสียงลงพร้อมกันในจังหวะนั้น  ร่างกายแนบอีกไม่กี่ครั้งก่อนที่มันจะกระตุกขึ้นพร้อมกัน

ทุกอย่างสงบลง...

แขนข้างหนึ่งวางลงบนแผ่นหลังของคนที่เพิ่งทิ้งตัวลงมา  รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาและเปื้อนอยู่บนร่างกายตัวเอง  สติกลับสู่ปกติ  ดูท่าจะงานเข้าแล้ว  ทั้งผม ทั้งหมอนี่.. ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองเสร็จได้ด้วยอะไรแบบนี้เป็นครั้งที่สองกับคนเดิม 



...............(ไฟ)..............

ผู้เขียน:

ส่วนตัวคิดอยู่นานว่าบทสุดท้ายของตอนที่ 59 มันควรเป็นแบบนี้จริง ๆ ไหม  เราได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาอยู่หลายครั้ง  หลายเดือนที่ผ่านมาแก้พล็อตส่วนของตอนจบเยอะมาก ๆ และก็ทิ้งไอเดียของพล็อตช่วงตอนท้าย ๆ ไปเยอะเช่นกัน  แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะคงไว้ที่ไอเดียแรกที่เคยผุดขึ้นมาในหัว  ลองเปลี่ยนไปเขียนเป็นมุมอื่นแล้วแต่รู้สึกว่าไม่ใช่  คิดว่าให้จุดนี้เป็นจุดที่ตัวละครยอมหักเหไปในทางเดียวกันค่ะ (จะว่าตัวละครทิ้งอีโก้ตัวเองแล้วแอบทดสอบความต้องการก็น่าจะมีส่วน)  ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าคนอ่านจะคิดอย่างไร  ฝ่ายคนเขียนขอพูดถึงตอนนี้ไว้เท่านี้ แฮะ ๆ > _ <

ปล. ไม่ได้เขียน nc นานแล้ว ต้องขออภัยหากไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร 555++

.
.

ประกาศแจ้ง: ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 64 - 31 ธันวาคม 64
เบบี้ได้เปิดแบบสอบถามเพื่อขอข้อมูลจากคนอ่านเกี่ยวกับนิยาย The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
สำหรับท่านที่สนใจรวมเล่มนิยายเรื่องนี้...
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โพสต์ลำดับที่ 16 ของวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ทางลิงก์นี้ แบบสอบถามความสนใจ (https://baby.thai-forum.net/t546-topic)
และ/หรือ รบกวนตอบแบบสอบถามด้วยนะคะ


ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะที่ติดตามมาอย่างยาวนาน ใกล้จบแล้วค่า ~
เบบี้

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 [ 16.48 น. - ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-10-2021 19:18:25
พอเบบี้บอกใกล้จบแล้วรู้สึกใจหายเฝ้าติดตามอ่านมาหลายปี มันดีมากๆ ผูกพันไปกับตัวละครแน่ล่ะว่าพี่ไฟคืออันดับหนึ่ง

แอบนึกอยู่นานเขาโกรธอะไรกันนะพอพี่ไฟขอโทษเท่านั้นล่ะ นี่น้ำตาซึมจะบ้าตายเขาก็แคร์กันอยู่นะเว้ย ถึงได้ตามมาที่นี่

สนุกเต็มอิ่มใจฟูมาก ขอบคุณเบบี้เสมอมาค่ะ

เราว่าครั้งนี้สมุทรดูอ่อนโยนกว่าครั้งแรกนะ
เขินมาากกกกก ลุ้นแหละค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 [ 16.48 น. - ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 01-10-2021 21:26:42
แกรรรร ฟีลเหมือนเมียคลอดลูก  มันตื้นตัน เค้าโดนตัวกันแล้ว  เค้าซัมติงอีกแล้ว  ส่วนตัวผมชอบฟีลนี้นะครับ  มันเริ่มแบบนี้ดีแล้วเบบี้  งื้อออ ใจฟูมาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 [ 16.48 น. - ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 01-10-2021 22:38:44
ความจริงแล้วก็ดูแคร์กันมากมายอยู่นะคะ แต่ลีลาท่าเยอะทั้งคู่
สมุทรก็ดื้อเงียบจนได้คำขอโทษ
ต่อไปคงรับบทคนคลั่งรักทั้งคู่รึเปล่าคะ

ยังรอคอยและติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ ทั้งผู้เขียนและตัวละคร
รอติดตามจนถึงตอนจบว่าพี่ไฟกับสมุทรจะเป็นยังไงนะ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 [ 16.48 น. - ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81 ]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-10-2021 00:11:27
แค่เห็นวันนี้เปลี่ยนก้อคือแทบเต้นแล้ว

แล้วเค้าจะได้เสียกันเมื่อไหร่นะ

แล้วอีกนานมั้ยน้าจะได้อ่านอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 ประกาศแจ้ง [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 02-10-2021 11:18:13
ตื้นตันมากที่ได้เห็นเขาคุยกันหลายประโยค
แถมยังมีมากกว่าคุยอีก เป็นเขินมากเลยค่ะ

/ตอนนี้คุณไฟนิ่งมาก ขอให้ได้ตัวน้องพายุกลับมาไวๆน้า
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 ประกาศแจ้ง [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 02-10-2021 19:36:39
จะบอกว่ารักเรื่องนี้มากค่ะ
ใกล้จบแล้วก็แอบใจหาย
จะบอกว่าชอบncของเบบี้มากๆอ่านแล้วเห็นภ่พ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 ประกาศแจ้ง [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-10-2021 21:55:18
ชอบฉากนี้ ลึกซึ้ง กินใจ ค่อยๆ ซึมซับ ความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย คุณไฟน่ารักมากจ๊ะ ยอมสมุทรทุกอย่างแหละ ก็เค้ารักอะเนอะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 ประกาศแจ้ง [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 02-10-2021 23:07:02
อ่านเรื่องนี้มาถึงตอนนี้  เหมือนปลดล็อกจริงๆค่ะ
เป็นอีกเรื่องที่อยากให้มาต่อ เข้าเล้าทุกวันด้วยความหวัง
แต่ก็ไม่อยากให้จบ เป็นกำลังใจให้เบบี้นะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 03-10-2021 17:51:05
ตอนนี้ได้เคลียร์ใจกันบ้างแล้วหลังจากปากหนักกันทั้งคู่  :กอด1:
อบอุ่นใจแต่ก็หวาดผวากับเรื่องที่รออยู่ข้างหน้า
แต่ใดๆคือจะจบแล้วหรอ :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 03-10-2021 23:22:04
ฮือออออออ ในที่สุดดดดดด
กว่าจะเข้าใจกันนน ประชดกันก็เก่ง
ตอนนี้ดีงามมากเลยค่ะคุณเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapoi ที่ 05-10-2021 03:51:49
พอเค้าดีกันนี่ใจฟูมากกก กว่าจะใจอ่อนแล้วคุยกันได้ แม่ยกดมยาดมไป 3 หลอดแล้วว หากไม่เป็นการรบกวน ขอสักตอนเถอะนะคะ แบบให้เค้าสองคนได้พูดกันแบบไม่หนักปากบ้าง อยากเห็นมุมเค้างุ้งงิ้งกุ๊งกิ๊งสองคนอีกค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 05-10-2021 15:03:42


โหยยย ปาหัวใจให้คุณเบบี้ เลย ยาวมากกกกกก ตอนนี้จุใจที่สุด

ส่วนที่ถามเร่ื่องของพล๊อต เอาจริงๆมันเป็นสิทธิ์ของคนเขียนเลยค่ะ มันต่อเนื่องมาทุกตอนอ่านแล้วเพลินไปกับพวกตัวละครในเรื่องไม่ติดอะไร


ขอบคุณมากมายค่ะที่ยอมสละเวลามาเขียนนิยายดีๆให้เราได้อ่าน


 :L1: :pig4: :L1: :pig4:





หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: กัณฐ์ตังค์ ที่ 11-10-2021 10:57:40
คนเขียนคุณเขียนดีมาก เราชอบนิยายของคุณทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 01-11-2021 19:46:19
ติดตามทั้งสองที่ไปเลยจ้า   :z10: 

ในที่สุดสมุทรก็ยอมรับคุณไฟสักที  กว่าจะดีกันได้   :katai2-1: ลุ้นจนตัวโก่งกลัวเคลียกันไม่ได้

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ในเล้าน่าจะคืบหน้าเร็วกว่า   :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 19-11-2021 12:48:46
จะรอจนกว่าเธอจะเข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: Sarocha45377 ที่ 19-11-2021 19:35:59
คิดถึง  :impress3: รอพี่เบบี้มาต่ออยู่นะคะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 20-11-2021 17:20:19
 :กอด1: ให้กำลังใจเบบี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 22-11-2021 09:46:33
คืออ่านแล้วหยุด อ่านแล้วหยุด 3 รอบ มันเหมือนเป็นฉากเซอร์วิสที่ทำให้ใจคนอ่านเต้นแรงมาก ฮือ เขินตัวบิด ขอบคุณมากค่ะ รอคอยตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-11-2021 15:52:36

ตอนที่ 60
..ไฟ..




06.30 น.

กระสุน อาวุธ อุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์อื่นสำหรับต่อสู้และหลบหนีถูกจัดเตรียมโดยทีมของเชอร์รี  พวกเธอทำงานหนัก  ตื่นตั้งแต่รุ่งสางจนเวลานี้  เสียงปืนกระบอกสุดท้ายถูกตรวจความเรียบร้อยก่อนเก็บเข้าที่ของมัน

“อืม เรียบร้อยดี เตรียมย้ายของได้เลย” ผมสั่ง

“ค่ะ” ทุกคนขานรับ 

“เราจะออกสิบโมง” ผมยืนยันเวลาเดิมที่พวกเราได้วางแผนไว้

“รับทราบค่ะ”


“คุณผู้ชมครับ ข่าวดังที่เรายังคงเกาะติดกันในเช้าวันนี้ คือเหตุระเบิดสองจุดเมื่อค่ำวานนี้นะครับ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่สองราย แต่ที่น่าตกอกตกใจมากก็คือ ที่เกิดเหตุพบยาเสพติดและเงินสดเป็นจำนวนมาก เดี๋ยวทางเราจะต่อสายตรงไปยังนักข่าวภาคสนามของเราที่ไปประจำอยู่ที่เกิดเหตุตั้งแต่เมื่อคืนนี้นะครับ”

ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหว  ตามองไปยังหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งหลายช่องต่างก็ฉายข่าวเดิม ๆ เหมือนกันหมดมาหลายชั่วโมงติดแล้ว...

“ทางตำรวจได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ที่นี่อาจเป็นที่กระจายสินค้าของผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศไทยเลยนะครับคุณขจร”

“อา ฟังมันอ่านข่าวแล้วอยากได้บุหรี่สักมวน” ผมพึมพำบ่น  เดินตรงไปหยิบน้ำเปล่าแก้วของตัวเองที่วางอยู่ตรงโต๊ะอาหารขื้นดื่ม  เชอร์รีหัวเราะในลำคอเบา ๆ  สังคมมนุษย์นี่มันก็แปลกดี  คนบางกลุ่มมักคิดว่าตนเองเป็นคนคุมเกมเพราะสิ่งที่รับรู้มา  ทั้ง ๆ ที่เบื้องหลังที่มองไม่เห็นมันเน่าเฟะจนแทบจับมือใครดมไม่ได้   

“คุณไฟคะ พี่ศรแจ้งมาว่าอีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงค่ะ” นิดาเดินมาบอก

“งั้นเดี๋ยวฉันเตรียมตั้งโต๊ะเลยนะคะ” เชอร์รีเอ่ย

“อืม” ผมพยักหน้าตอบแล้วเดินจากมา

เมื่อกลับขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าคนบนเตียงยังคงหลับอยู่  บานประตูที่ถูกเลื่อนปิดเบา ๆ เกิดเสียงขึ้นเล็กน้อย  แต่ก็สามารถทำให้ฝ่ายที่นอนอยู่สะดุ้งตื่นได้ 

“ขอโทษครับ” สมุทรพูด  ขยับตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังสะลึมสะลืออยู่  ผมไม่ขานตอบ  เดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะที่ตั้งอยู่ปลายเตียง  ตัวเดียวกับที่อีกฝ่ายใช้นั่งพักเมื่อค่ำวาน  ขาข้างหนึ่งขยับขึ้นไขว่ห้างก่อนตั้งศอกขวาลงบนโต๊ะ  กำมือนั้นเท้าใบหน้าด้านข้างของตัวเองและมองไปยังคนที่นั่งอยู่บนเตียง

“........” สมุทรนั่งเงียบสนิท  สายตาของเขาเหลือบมองไปยังกางเกงยีนส์ของตัวเองที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืน  ซึ่งผมได้พับวางเตรียมไว้ให้ที่ปลายเตียงหลังจากตื่นนอน  ความเงียบปกคลุมเราทั้งคู่  เป็นอย่างนี้ร่วมห้านาทีเห็นจะได้  ทราบดีว่าการที่ไม่พูด ไม่ใช่เพราะไม่มีเรื่องให้พูด  แต่คาดว่าคนตรงหน้ากำลังระวังสิ่งที่ตนจะพูดอยู่มากกว่า


จิ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ

เสียงนกร้องต้อนรับเช้าวันใหม่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเลือกที่จะหลับตาลง  ฝีเท้า และเสียงของการพูดคุยจากผู้คนด้านนอกที่ออกไปใช้ชีวิตดังแว่วไกล ๆ  เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง  เมื่อลืมตาขึ้นมองก็พบสายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว...

“คุณจะไปไหนครับ” สมุทรถาม 

“........” ผมไม่ตอบ  ยังคงเท้าใบหน้าตัวเองอยู่ในท่าเดิม

“แต่งตัวสิ อยากอาบน้ำก่อนไหม จะได้ลงไปกินข้าว” ผมพูด

“........” ครั้งนี้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายไม่ตอบกลับบ้าง  เขาลุกขึ้นจากเตียง  หยิบเสื้อกับกางเกงยีนส์ของตัวเองพร้อมผ้าขนหนูผืนใหม่ที่วางอยู่หน้าห้องน้ำแล้วตรงเข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไร  ผมนั่งรออยู่ที่เดิมจนเวลาผ่านไปเกือบ ๆ สิบนาที  ฝ่ายที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินออกมา  นำผ้าขนหนูผืนที่ตนเพิ่งใช้ไปแขวนไว้ที่ราวแขวนเสื้อผ้าใกล้ ๆ 

เมื่อเจ้าตัวจัดการธุระของตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เขาจึงเดินมาที่ปลายเตียงแล้วนั่งลง  เผชิญหน้ากับผม  ขาที่ไขว่ห้างอยู่ขยับออกก่อนค่อย ๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วจ้องมองตอบ...

“รู้ไหมว่าเวทีมวยเฮงซวยนี่เงินหมุนเท่าไหร่” ผมเปิดประเด็น  รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไร 

“........” สมุทรเงียบ  แววตาดูหวั่นเกรงในคำตอบอยู่ลึก ๆ

“ร้อยล้านเหรอ ? หึ..” ผมพ่นหัวเราะให้กับกรอบความคิดเดิม ๆ ของเขา  ความคิดนั้นก็ไม่ถือว่าผิดหรอกมั้งครับ  แต่นี่มันยุคใหม่แล้ว  ยุคที่มีการถ่ายทอดสดทั่วโลกไม่ใช่เรื่องลำบาก  ยุคแห่งการหยิบจับธุรกิจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเสี่ยงโชค  ซึ่งก็ไม่แปลกที่เวทีนี้จะเป็นหนึ่งในการทำเงินของหมาล่าเนื้อและงานอดิเรกของคนรวยที่ไม่รู้ว่าควรเอาเงินไปโปรยเล่นที่ไหน

“ขึ้นชกรอบถัดไป ฉันรับรองได้ว่าไม่มีใครเล่นตุกติกแน่นอน” ผมพูด  ขณะกำมือประสานเข้าหากันและวางไว้ที่หน้าขา  สมุทรเบือนหน้าไปอีกทาง  ลมหายใจถูกเขากลั้นไว้เสี้ยววินาทีก่อนปล่อยออกมาด้วยใบหน้าหนักใจ

“แล้วมันวิธีไหนล่ะครับที่คุณจะทำให้อีกฝ่ายไม่เล่นตุกติก” สมุทรพูดเชิงถาม  โทนเสียงของเราทั้งคู่ไม่มีการกระแทกกระทั้นใส่อารมณ์แต่อย่างใด  เป็นการพูดเรียบ ๆ ที่ได้ยินถนัดกันแค่สองคนเท่านั้น 

“ผมไม่อยากเดาเลยครับ..” คนตรงหน้ามองมาด้วยสายตาเป็นห่วง

“........” ผมเงียบ  ค่อย ๆ เหสายตาลงมองพื้น

“ถ้าคุณเป็นผมคุณจะทำยังไงครับ ต้องยอมไปโดยที่ไม่สงสัยว่าทำยังไงให้ไอ้เวทีเน่า ๆ นี่มันสะอาดงั้นเหรอ”

“หึ..” ผมหลุดยิ้มกับความซื่อตรงของเขา  แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาอีกครั้งหนึ่ง

“ฉันไม่เคยถามหาความสะอาดบนโลกบิดเบี้ยวนี้หรอก.. แบบนั้นมันเหนื่อยไม่ใช่เหรอ” ผมเลิกคิ้ว 

“คุณไฟครับ อย่าทำแบบนี้”

“........” ผมไม่ตอบกลับไป  ไม่ว่าสมุทรจะแพ้หรือชนะก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อผมมากนัก  แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่เขาต้องถอนตัวออกจากการชกกะทันหัน  แน่นอนว่าจะส่งผลต่อค่ายอย่างมาก  ผมเพียงต้องการให้เขาโฟกัสถูกจุด  ไม่ใช่ไขว้เขวเพราะเหตุผลส่วนตัวใด ๆ ที่มีอยู่ในใจตอนนี้

ความเงียบซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบกลับนั้นบอกเป็นนัยว่าคนตรงหน้ายังเต็มไปด้วยความดื้อดึง  เพียงแต่ไม่เถียงสู้กลับมาเป็นคำพูดก็แค่นั้น...

“ไม่ว่าจะอยู่ข้างฉันในฐานะไหน ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเองไม่ใช่เหรอสมุทร” ผมพูด  ทิ้งไว้ให้เขาได้คิดก่อนจะตัดบทด้วยการเอ่ยถึงมื้ออาหารเช้า

กลิ่นของอาหารเช้าหอมโชยไปทั่วชั้นล่างของบ้าน  สาว ๆ ที่นั่งเล่นอยู่ที่โซฟาลุกขึ้นยืนโดยทันทีเมื่อเห็นผม  เชอร์รีเดินออกมาจากครัวพร้อมกับถาดอาหาร  เธอเหลือบมองสมุทรเล็กน้อยก่อนวางถาดนั้นลงบนโต๊ะ 
 
“ผมช่วยครับ” สมุทรบอก

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” เชอร์รีปฏิเสธแล้วกลับเข้าครัวไป 

“อย่าไปยุ่งกับเจ๊เวลาเจ๊ใส่ผ้ากันเปื้อนค่ะ” ชะเอมตรงเข้ามากระซิบกระซาบบอกสมุทร

“เอ่อ ครับ” สมุทรขานรับด้วยสีหน้างงงวย  แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่ชะเอมสื่อแต่เขาก็ปฏิบัติตาม  ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งลง  ไม่อธิบายออกไปให้กระจ่างว่าเชอร์รีไม่ชอบให้ใครที่เธอไม่คุ้นเคยมาช่วยหยิบจับเวลาที่เธอทำอาหาร  สำหรับเธอมันคือเรื่องน่ารำคาญ  แม้กระทั่งคนของเชอร์รีเองก็ต้องเป็นคนที่เธอเรียกหาเท่านั้น  ส่วนใหญ่ก็เลยได้นั่งเล่นกันตามสบาย


เมนูเช้าวันนี้คือ ข้าวต้มกุ๊ยพร้อมกับเครื่องเคียงนานาชนิด..

“นั่งสิ” ผมเอ่ย  อนุญาตให้ทั้งสมุทรและสาว ๆ ที่ยืนคอยอยู่นั่งลง  สมุทรเก้ ๆ กัง ๆ อ่านสถานการณ์ว่าตนควรนั่งตรงไหน  ผมเลยชี้ไปที่เก้าอี้ขวามือข้าง ๆ ซึ่งเป็นที่นั่งเดียวที่ข้าวต้มเปล่ายังไม่ถูกนำมาเสิร์ฟ 

“ขอบคุณครับ” สมุทรบอกเชอร์รีที่เพิ่งเดินออกมาและวางถ้วยข้าวต้มลงตรงหน้าเขาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว 

“ตามสบาย” ผมบอกก่อนหยิบช้อนกลางตักไชโป๊วผัดไข่ชิมก่อนเป็นอันดับแรก 

“เค็มไปไหมคะ” เชอร์รีถาม  นั่งลงที่เก้าอี้ซ้ายมือข้างผม

“อร่อยดี” ผมตอบ  ตักไชโป๊วผัดไข่ใส่ลงบนถ้วยข้าวต้มของสมุทรด้วย

“ชื่อสมุทรเหรอคะ” ชะเอมถามขึ้นกลางโต๊ะ  สมุทรที่เพิ่งตักข้าวต้มเข้าปากพร้อมกับไชโป๊วผัดไข่ที่ผมเพิ่งตักให้ ผงกหัวตอบน้อย ๆ เพราะยังเคี้ยวอาหารในปากไม่หมดดี

“งั้น.. สมุทรคิดว่าที่นั่งอยู่เนี่ย ใครสวยที่สุดเหรอ” เธอยิ้มถามหน้าทะเล้น  ผมแอบอมยิ้มมุมปากขณะคีบผัดผักบุ้งเข้าปากอยู่หลายคำ  ถือเป็นประโยคธรรมดาเมื่อเริ่มทำความรู้จัก  เพราะไม่ว่าลูกน้องผู้ชายคนไหนของผมที่ได้เจอพวกเธอก็มักจะโดนยิงคำถามแบบนี้ทั้งนั้น 

“เอ่อ..” สมุทรอ้ำอึ้ง  กวาดตามองทุกคนบนโต๊ะด้วยสีหน้าระมัดระวังและดูลำบากใจ 

“ก็ สวยทุกคนเลยนะครับ” เขาตอบ  หลบเลี่ยงด้วยการตักยำผักกาดดองไข่เค็มใส่ถ้วยข้าวต้มของตัวเอง

“ชิ !” เชอร์รีสบถขึ้นทันทีพร้อมช้อนตาใส่สมุทรอย่างรับไม่ได้  ผมทำหูทวนลมไม่ห้ามใคร

“เกลียดชะมัด คำตอบของพวกชอบแบ่งรับแบ่งสู้เพื่อเอาตัวรอด” เชอร์รีต่อว่า

“........” สมุทรเงยหน้าขึ้นมองหน้าเชอร์รี  มือที่กำลังจะตักกับข้าวถึงกับชะงัก

“ก็ไม่มีใครไม่สวยนี่ครับ” สมุทรขยายความอย่างสุภาพ  เหมือนว่าเจ้าตัวเองก็ไม่คิดว่าคำตอบของตนผิดเช่นกัน

“ไม่ได้ต้องการรู้เรื่องนั้น ต้องการรู้ว่าใครสวยที่สุด” เชอร์รีย้อนเสียงห้วนแล้วตักอาหารเข้าปากอีกคำ 

“ผมไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินว่าใครไม่สวยหรอกครับ” สมุทรตอบหน้านิ่งเช่นเดิม 

“โวววว ~” คนของเชอร์รีประสานเสียงแซวในขณะที่เชอร์รีนิ่งไปแล้ว

“ก็ถูกของเขา คำถามอาจไม่ชัดเจนอะนะ งั้นนน เอาเป็น.. บนโต๊ะนี้ใครสเปกที่สุด ?!” หนึ่งยิ้มกว้างพร้อมชูนิ้วชี้ขึ้นประกอบด้วย

“........” ครั้งนี้สมุทรเงียบไป  แต่ดูไม่กดดันและอ้ำอึ้งเหมือนก่อนหน้า  เขากวาดตามองทุกคนอีกครั้งอย่างเก็บรายละเอียด  ผมช้อนตาขึ้นมอง  คีบผัดผักบุ้งวางลงบนถ้วยข้าวต้มอีกคำ  อยากรู้คำตอบอยู่เหมือนกันว่านอกจากยัยหมอบ้านั่น  หมอนี่ชอบผู้หญิงแบบไหน

“ไม่มีครับ ขอโทษครับ” สมุทรตอบ

“หึ อันนี้ตอบดีแฮะ” เชอร์รีชอบใจใหญ่

“ไม่เห็นดีเลยอะเจ๊ ตอบอะไรเนี่ย สู้คุณไฟก็ไม่ได้” นิดาพึมพำบ่นหน้างอ 

“คุณไฟเนี่ยนะตอบดี สเปกวันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส ! ยัยบ้า !” เชอร์รีขึ้นเสียงบ่นด้วยความหงุดหงิด

“ก็ยังดีไงคะ แสดงว่ามันต้องมีสักวันที่หนูสวยในสายตาคุณไฟคนเดียว” นิดาปัดอย่างไม่แยแส

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม  ต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอยเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผมชอบ  มันจึงถูกตักวางลงบนจานเปล่าแยกส่วนไว้ต่างหากเพราะต้องการรับรู้รสชาติแบบไม่มีข้าวต้มผสม

“อ่อนดีนะ” ผมบอก  คีบส่วนหนึ่งวางลงบนถ้วยข้าวต้มให้คนทำ

“ขอบคุณค่ะ” เชอร์รีบอก  ผมเหลือบมองสมุทร  สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมักจะกินหัวไชโป๊วผัดไข่กับผัดถั่วงอกมากเป็นพิเศษ  พอเห็นว่าถ้วยข้าวต้มของเขาว่างจากเครื่องเคียงจึงคีบต้นอ่อนทานตะวันวางลงให้  เจ้าของถ้วยข้าวต้มผงกหัวน้อย ๆ คล้ายขอบคุณ  อาหารถูกตักเข้าปากไปอีกหลายคำก่อนที่เขาจะยกน้ำขึ้นดื่มเกือบหมดแก้ว 

“เป็นอะไร” ผมถาม  วางตะเกียบลงบนถ้วยข้าวต้มของตัวเองแล้วมองสมุทรที่ขยับศีรษะไปมาเนิบช้า

“ไม่ทราบครับ” อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าสับสน 

“........” ทุกคนบนโต๊ะเงียบลง  ผมหยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่มและนั่งมองสมุทรโดยไม่พูดอะไร  ไม่กี่นาทีให้หลังร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ เซคล้ายว่าเจ้าตัวไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ 

“คุณ ไฟ...” อีกฝ่ายพึมพำเรียก  ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง  ผมเอื้อมมือออกไป  วางแขนให้อยู่ในระดับเดียวกับลำคอของเขาเพื่อรับแรงต้านไม่ให้ร่างกายนี้กระแทกลงกับโต๊ะ 

“หืม ? ว่าไง” ผมขานรับแล้วลุกขึ้นยืน  ก้มลงมองคนที่อยู่ต่ำกว่าด้วยการช้อนใบหน้าของเขาให้เงยขึ้น  ร่างกายที่ไร้การควบคุมทำให้น้ำหนักที่ผมต้องรับมีมากกว่าปกติ 

“........” สมุทรพยายามจดจ้องผมไม่วางตาทั้งที่แทบไม่สามารถฝืนความจริงไว้ได้  เสียงของเขาพึมพำออกมาเบา ๆ “อย่า...”
ไม่รอให้สติผู้พูดได้หายไปเสียก่อน  ผมจึงก้มลงจูบ  พอผละริมฝีปากออกก็พบว่าร่างกายที่ประคองอยู่นั้นได้หมดสติไปแล้ว...
 
“เจ๊ใส่แรงไปไหมคะ” ชะเอมบ่นเสียงเบา

“ขอโทษค่ะ ใส่ไปในข้าวต้มกับน้ำเปล่า ใครจะรู้ว่าเขาจะดื่มน้ำเยอะขนาดนั้นล่ะคะ” เชอร์รีพูดหน้าเจื่อน  ผมไม่ต่อว่าอะไร  จะมากหรือน้อยผลก็เหมือนกันอยู่ดี  จึงค่อย ๆ ลดแขนลงช้า ๆ  ใบหน้าของสมุทรแนบลงกับโต๊ะ 

“น่าสงสารจัง ~ ยังกินข้าวไม่อิ่มเลย” นิดาพึมพำ

“สวัสดี เพื่อนโปรดมาแล้ววว ~”

ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้โปรดที่เปิดประตูบ้านเข้ามาได้จังหวะ..

“คุณโปรด” สาว ๆ เรียกด้วยความดีใจ

“Hello ladiessss ~” ไอ้โปรดโบกมือทัก

“กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าเอามือปืนไปรับกู” อีกฝ่ายบ่น  เปลี่ยนเสียงเป็นขึงขังแล้วเดินเข้ามา

“โอ้โฮ สลบพร้อมเสิร์ฟ” มันมองมาที่สมุทร 

“ฝากด้วย” ผมสั่ง 

“คร๊าบ”

   ..
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-11-2021 15:54:19

11.30 น.

“รถพร้อมแล้วครับนาย”

เสียงของรองเท้าส้นสูงเดินมาถึง  ทั้งเบาและเป็นจังหวะที่มั่นคง  ผมลุกขึ้นยืน  เงยหน้ามองพวกของเชอร์รีที่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ 

“พร้อมแล้วค่ะ” เชอร์รีพูดบอก

“เห็นท่าไม่ดีถอยได้เลย ไม่ต้องรอคำสั่งฉัน” ผมพูด  มองหน้าเชอร์รีเพียงคนเดียว

“ฉันให้สิทธิ์เด็ดขาดเชอร์รีเป็นคนตัดสินใจ” ผมบอกให้ทุกคนได้ยิน 

“ครับ/ค่ะ”

“ระวังตัวด้วย” ผมบอก

“ค่ะ” อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับคนของเธอ  ขณะเดียวกันไอ้รุ่งก็เดินสวนเข้ามา 

“ขออนุญาตครับนาย”

“อือ” ผมขานรับ  หยิบลูกอมรสมะนาวออกจากกระเป๋ากางเกงมาเม็ดหนึ่ง 

“โกดังที่ท่าเรือของไอ้กริดโดนคนของไอ้กายเล่นงานหมดเลยครับ” มันรายงาน 

“........” ผมรับฟังเงียบ ๆ  หยิบลูกอมเข้าปากก่อนเก็บเปลือกลงในกระเป๋ากางเกง  ลิ้นเกลี่ยลูกอมในปากไปมา  เสียงการแตกของลูกอมที่ถูกกัดดังพอให้ทุกคนได้ยิน 

“แล้วก็ นี่ครับนาย...” อีกฝ่ายยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถืออยู่มาให้  ผมรับมาเปิดดู  ของทั้งหมดที่อยู่ในซองนั้นคือรูปถ่ายที่เพิ่งสั่งให้พวกมันไปตามเก็บมา  รูปภาพที่ยืนยันความสัมพันธ์ฉันท์คู่รัก

“นายรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”
 
“นั่นสิ..” ผมพึมพำ  ไล่ดูทีละรูป เสร็จแล้วจึงเก็บเข้าซองเหมือนเดิม 

“เอาไว้ส่งทีหลัง เผื่อมันไม่ตาย เก็บไว้ล่ะ” ผมพูด

“ครับนาย” ไอ้รุ่งรับซองคืนไป

“แต่นายครับ...” อีกฝ่ายเปิดปากด้วยน้ำเสียงลังเลทำให้ผมช้อนตาขึ้นมอง 

“เราจะเชื่อคำพูดมันได้เหรอครับ”

“หึ กูไม่เคยให้เกียรติมันขนาดนั้นอยู่แล้ว” ผมแสยะปาก  มองหน้าไอ้รุ่งที่ดูเป็นกังวล 
 
“กูเชื่อพายุ”

   ..
เวลาดำเนินไปพร้อมกับการเคลื่อนย้ายตามแผนที่กำหนดไว้  สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงทำให้ยากที่จะได้รับการติดต่อจากแต่ละฝ่ายเพื่อรายงานความคืบหน้า  สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ

จุดหมายปลายทางที่ถูกนัดหมายไว้ตอนนี้ขับมาได้ครึ่งทางแล้ว  ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงราชบุรีไม่ใช่ระยะทางที่ไกล  แต่ก็นานพอให้สมองได้คิดทบทวนเรื่องราวมากมายในอดีต  ปฏิเสธไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วมีความกังวลผุดขึ้นมา...

เส้นทางที่ถูกเรียกให้ใช้เป็นเส้นทางออกนอกเมือง  กำชับว่าห้ามใช้เส้นหลัก  พระอาทิตย์ตกลง  ทำให้ที่บังแดดด้านหน้าไม่จำเป็นอีกต่อไป  ความเร็วของรถค่อย ๆ ชะลอเมื่อเห็นตัวเลขบอกเวลา  อีก 20 กิโลเมตรจะถึงที่หมาย  แต่นั่นไม่ใช่เวลาที่ผมต้องการ  พวงมาลัยรถถูกเลี้ยวซ้ายหักเข้าไปยังถนนเล็ก ๆ เส้นหนึ่ง  ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าที่นั่นคือที่ไหน  เมื่อหาที่จอดได้ปลอดภัยจากถนนใหญ่แล้วจึงดับเครื่องลง

“ครับ” ปลายสายกดรับ

“รถของเชอร์รีมาถึงรึยัง” ผมถาม

“ยังเลยครับ คนของเราบอกว่าน่าจะอีกประมาณไม่เกินสิบห้านาที” พี่ธานตอบ 

“แต่เมื่อสิบนาทีก่อนหน้าที่คุณจะโทรมา มีรถยนต์ขับเข้าไปครับ ผมไม่แน่ใจว่ารถอะไร ไม่ได้อยู่ในข้อมูลที่เรามี สัญญาณที่เฮียชาให้มาก็ไม่ได้ไปในจุดที่คุณพายุบอกด้วยครับ” พี่ธานพูด ก่อนที่เราต่างฝ่ายต่างก็เงียบลง

“เปลี่ยนแผนไหมครับ” อีกฝ่ายถามด้วยโทนเสียงหนักแน่น  คล้ายบอกเป็นนัยว่าไม่ว่าทางไหนก็จะทำตามคำสั่ง  ผมเงียบลงครู่ใหญ่ในขณะที่ปลายสายเองก็ไม่เร่งเอาความ 

“ไม่ครับ” ผมตอบออกไป 

“ครับ” พี่ธานขานรับ  โทรศัพท์ตัดสายไปก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง  ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกและปลดปล่อยออกมาขณะก้มใบหน้า  เป็นเสียงเดียวที่ได้ยินภายในรถคันนี้  บรรยากาศรอบตัวรถมืดสนิท  ภายในรถก็ด้วย   

สายสุดท้ายที่ได้รับการติดต่อจากเชอร์รีคือก่อนที่เธอและพวกจะแฝงตัวเข้าไปในสถานที่ของไอ้กริด  ซึ่งเป็นจุดที่มันจะใช้เคลื่อนย้ายสินค้าจากในเมือง  หนึ่งในนั้นคือผู้หญิง  สิ่งเดียวที่ได้รับการบอกกล่าวเพื่อให้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าคือ “ฉันไม่คิดว่าจะติดต่อคุณได้อีก” 

ไม่มีสายใดติดต่อกลับมาอีกเลยหลังจากนั้น  ซึ่งทางเราเองก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปเช่นกัน  ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่มีการติดต่อไปจากพวกผม  เพื่อความปลอดภัยของพวกเธอ...

รถยนต์ออกเดินทางอีกครั้งหลังจากที่ได้รับสายยืนยันแล้วว่าขบวนสินค้าซึ่งน่าจะเป็นคันที่เชอร์รีแฝงตัวอยู่ได้ขับเข้าไปยังสถานที่ถ่ายเท  ระยะทางและเวลาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว  เส้นทางเปลี่ยว  ไร้ซึ่งหมู่บ้านและผู้คน  ถนนเส้นเล็กตัดจากถนนใหญ่ถูกเลี้ยวขับเข้ามาไกลเกินกว่าสิบกิโลเมตร  ยิ่งขับเข้าไปลึกมากเท่าไหร่  ความสว่างก็ริบหรี่ลงมากเท่านั้น  มีแต่เพียงแสงไฟจากไฟหน้ารถที่ช่วยให้ความสว่างในระยะใกล้ได้ 
 

จุดหมายที่ถูกนัดพบ  เป็นคนละจุดกับที่เชอร์รีกำลังไปถึง...

เครื่องยนต์ถูกดับสนิท  ไฟหน้ารถหรี่ระดับลง  ผู้คนด้านนอกที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วตื่นตัวในทันทีที่เห็นผมมาถึง  แสงไฟจากตัวรถของทั้งสองฝั่งสาดส่อง  ไอ้กริดดับมวนบุหรี่ที่ตนสูบอยู่  หันตัวมาเผชิญหน้าพลางล้วงกระเป๋ากางเกงมองมายังผมที่นั่งอยู่ภายใน   

ขณะที่เปิดประตูรถออก  อาศัยจังหวะนี้และประโยชน์ของความมืดทิ้งเครื่องมือเดียวที่มี  สิ่งที่นำไว้ติดต่อสื่อสารถูกทิ้งลงพื้น  ไม่ทันให้ใครได้สังเกตเห็น  รถยนต์ของทางฝั่งไอ้กริดมีทั้งหมดสี่คัน  คนของมันเดินตรงมายังผมในทันทีที่ผมเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว  ร่างกายถูกตรวจอาวุธหัวจรดเท้า 

“ทำไม กลัวเหรอ” ผมยิ้มถาม  มองหน้าคนเป็นนาย


เพียะ !!!

“หึ..” ฝ่ายที่เพิ่งปล่อยฝ่ามือฟาดลงมาที่ใบหน้าผมเต็มแรงแสยะหัวเราะในลำคออย่างพอใจ  ผมขยับกรามเล็กน้อย  ไม่ตอบโต้ใด ๆ กลับไป

“ค้นรถมัน” ไอ้กริดสั่งเสียงเรียบ
 
“ครับ” พวกของมันขานรับ  รถยนต์ที่ขับมาถูกค้นจนทั่วภายในเวลาไม่ถึงนาที

“คุณกริดครับ ไม่มีอะไรเลยครับ !”

“มึงกวนตีนกูเหรอไอ้ไฟ ของกูอยู่ไหน ?!” อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นก็ปรี่เข้ามาคว้าคอเสื้อผมไปด้วยความโมโห

“พายุอยู่ไหน” ผมถาม

“หึ..” ไอ้กริดพ่นหัวเราะ 

“น้องมึงปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วง”

“รู้ไหมก่อนกูมานี่ คนของกูบอกกูว่ายังไง..” ผมเลิกคิ้ว  อีกฝ่ายนิ่งมองไม่กะพริบตา

“คนอัปรีย์อย่างมึง คำพูดเชื่อถือไม่ได้” ผมยิ้มบอกพร้อมแปลความหมายที่แท้จริงของไอ้รุ่งให้เรียบร้อย

“ไอ้เหี้ยไฟ..” คนตรงหน้าบดฟันแน่น  คอเสื้อถูกรั้งไปหนักขึ้นกว่าเดิม

“เอาของกูมาดี ๆ เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันด้วย” 

“........” ดวงตาของไอ้กริดเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ผมเมินเฉย  รอยยิ้มของมันที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป  ความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างเราสองคน

“มึงทำธุรกิจกูเสียหายเป็นร้อยล้าน มึงคิดว่ามึงจะได้ออกไปง่าย ๆ เหรอไอ้ระยำเอ๊ย หึ ๆ ๆ” โทนเสียงเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นนั้นพ่นหัวเราะ  ร่างกายของผมขยับเข้าใกล้  ไอ้กริดยืนนิ่ง  มองผมที่ยื่นใบหน้าเข้าไปจนแก้มของเราประชิดกัน...

“มึงนี่มันโง่จริง ๆ ด้วย” ผมกระซิบบอกก่อนจะขยับใบหน้าออกมาเผชิญตรง ๆ 

ผลัวะ !!!

หมัดชกสวนเข้ามาทันที ทำเอาผมหน้าหันไปตามแรง  แต่อย่างนั้นร่างกายยังมั่นคงอยู่  เมื่อคนตรงหน้าเห็นว่าผมไม่เป็นไปดั่งใจจึงตรงเข้ามาซ้ำอีกหลายหมัดไม่เว้นช่วง  ครั้งนี้ร่างกายเซล้มลง   

“มึงนี่มันวอนจริง ๆ” คนที่ยืนอยู่พึมพำบ่นพลางเหยียบเท้าลงมาที่กลางอกของผมที่นอนอยู่   

“ของกูอยู่ไหนไอ้เหี้ยไฟฟฟฟ !!!” ไอ้กริดตะคอก  ฝ่าเท้ากดน้ำหนักแรงขึ้นกว่าเดิมจนร่างกายรู้สึกอึดอัด

“ไอ้เชี่ยนี่ มึงคิดว่ามึงมารับน้องหลังเลิกเรียนรึไง ฮะ ?! ไอ้สัส ! ถ้ากูไม่ได้ของของกูคืน มึงก็อย่าหวังจะได้เห็นน้องมึงอีก” สิ้นเสียงนั้น  หน้าแข้งที่ง้างขึ้นทำให้สายตาปะทะกับแสงไฟจากหน้ารถยนต์จนสายตาไม่สามารถปรับการมองเห็นได้ทัน  ลำตัวถูกกระหน่ำเตะเข้ามาไม่ยั้งคล้ายใช้เป็นเครื่องระบายอารมณ์ 

“หึ..” ผมพ่นหัวเราะ  ใบหน้าซุกเข้ากับพื้นหญ้า  รับรู้ได้ถึงความจุกแน่นที่อยู่ภายใน 

“แคก ๆ ๆ”

“ไอ้ไฟ กูจะบอกอะไรมึงให้..” ไอ้กริดก้มมากระซิบ  ใช้เท้าถีบลำตัวผมให้พลิกมานอนหงายเพื่อเผชิญหน้ากับมันที่ยืนอยู่

“บอกให้ลูกน้องที่แสนดีของมึงเอาของมาคืนให้กูเดี๋ยวนี้ เพราะน้องมึงน่ะ ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่แล้ว” คนตรงหน้าค่อย ๆ ก้มตัวเข้ามาใกล้  ใบหน้าที่มีแต่ความน่าขยะแขยงนั้นแม้แต่ในความมืดนี้ก็มองเห็นได้ชัดเจน  ถึงแม้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะกินเวลาไม่มาก  แต่ทุกนาทีกลับผ่านไปเนินช้าในความรู้สึก  ช้าจนอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ผู้พูดพูดอยู่ตรงหน้านี้อาจเป็นความจริงไปแล้ว... 

“หึ แต่มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ลูกค้าร้านกูมีแต่หมาล่าเนื้อกระเป๋าหนัก น้องมึงน่าล่อขนาดนั้น ขายได้ราคาดีแน่นอน !” ไอ้กริดแสยะยิ้ม

“แต่กูเปลี่ยนใจได้ตลอดแหละ ไง ไอ้พี่ชาย.. มึงควรจะทำอะไรสักอย่างก่อนที่น้องมึงจะมีผัวไปทั่วเมืองดีไหม”   

“ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะที่ได้ยิน  ลืมตาขึ้นมองเพื่อตั้งใจเก็บใบหน้าของอีกฝ่ายให้เต็มตา 

“นั่นคือสิ่งที่กูอยากได้ยินล่ะ” ผมพูดตอบ

“........” ไอ้กริดชะงักไป  จ้องมองผมไม่กะพริบตาด้วยความงงงวย 


ปัง !!!!


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-11-2021 15:56:06

“เหี้ยอะไรวะ ?!” คนของไอ้กริดต่างสบถ  พากันเงยหน้าขึ้นมองไปตามเสียง  ซึ่งนั่นดังขึ้นจากทางทิศตะวันตก  จุดซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าของไอ้กริด

“คุณกริดครับ” ลูกน้องของไอ้กริดตะโกนเรียก  ผมค่อย ๆ กวาดตามองอย่างระมัดระวัง  เก็บรายละเอียดรอบตัวทั้งหมดในความมืดสลัวนี้

“คนของเราโทรมาบอกว่าผู้หญิงหลุดออกไปครับ แล้วก็.. เอ่อ..” มันรายงานหน้าถอดสี 

“แล้วเหี้ยอะไรเล่า !” ไอ้กริดตวาด

“ลูกค้าโทรมาบอกว่า ลอตที่สองยังไม่ถึงเลยครับ”

“หมายความว่ายังไง..” คนเป็นนายเสียงสั่น  ไม่ทันให้พวกมันได้ตั้งสติต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  ผมใช้จังหวะนี้ดีดร่างกายตัวเองขึ้นด้วยความรวดเร็วพร้อมพุ่งเข้าชาร์จไอ้กริดที่อยู่ใกล้ที่สุด  คนของมันที่มีอาวุธครบมือยกอาวุธขึ้น  แต่แล้วกลับต้องชะงักไปเมื่อผมเลือกที่จะล็อกร่างกายของไอ้กริดไว้เป็นเกราะกำบัง

ผมค่อย ๆ ก้าวขาถอยหลังกลับมาที่รถโดยมีไอ้กริดพ่วงมาด้วย  ประตูฝั่งคนขับเปิดออก  เมื่อเปิดประตูจนแน่ใจแล้วว่าตนเองจะอยู่ในมุมที่ค่อนข้างปลอดภัยจึงผลักตัวไอ้กริดไปแล้วก้มลงเก็บของที่ทิ้งไว้ก่อนหน้านี้พร้อมกระโจนขึ้นรถในทันที  รถยนต์เคลื่อนถอยหลังด้วยความเร็วสูง  เสียงกระจกกันกระสุนรอบตัวรถถูกกระทบด้วยกระสุนปืนที่กระหน่ำยิงเข้ามาไม่เว้นช่วง   

“พี่ธาน เกิดอะไรขึ้น” ผมเสียบหูฟังกลับ

“คุณไฟครับ นั่นไม่ใช่เชอร์รี” พี่ธานรายงานกลับทันที  ผมพอทราบอยู่แล้วว่านั่นไม่ใช่

“ดูเหมือนจะไม่ใช่คนของไอ้กริดด้วยครับ”

“ผมจะเข้าไปเลย” ผมพูด

“คุณไฟครับ ผมอยากให้รอเชอร์..”

“ผมจะเข้าไป !” ผมตะคอก

“........” ปลายสายเงียบลงไม่ตอบโต้กลับ  พอตั้งสติได้จึงเลือกที่จะระงับอารมณ์ตัวเองด้วยการไม่พูดต่ออยู่เสี้ยววินาที  ขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นฟ้า

ฟิ้วววววว !!!!

นั่นคือ สัญญาณจากเชอร์รี..

“ระวังตัวด้วยนะครับ” พี่ธานพูดบอกด้วยโทนเสียงทุ้มต่ำลง
สิ่งที่เกิดขึ้น  ถึงแม้จะอยู่ในกรณีที่คาดเดาไว้ว่าแย่ที่สุด  ถึงแม้จะเผื่อใจและวางแผนไว้แล้ว  แต่ใจหนึ่งต่างก็หวังลึก ๆ ว่าไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย  และถึงแม้ว่าสิ่งที่ไอ้กริดพูดจะมีเปอร์เซ็นต์ที่เป็นไปได้สูง  แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะเลือกเดินตามความเชื่อใจที่มี


รถยนต์ถูกไล่บี้ตามมาติด ๆ  เส้นทางเป็นไปอย่างทุลักทุเลท่ามกลางความเปลี่ยวที่ลึกเข้าไป  ไร้แสงสว่างรอบบริเวณ  สิ่งเดียวที่ช่วยได้คงมีแต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอด  ความเร็วของเครื่องยนต์ทำให้ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็พบกับแสงสว่าง  ประตูทางเข้าไปยังจุดหมายปลายทางนั้นถูกกั้นด้วยไม้กระดกเก่า ๆ  คนคุ้มกันที่ประจำอยู่หน้าประตูรั้วกระจายตัวออกคนละทิศทางเมื่อเห็นว่ามีรถยนต์หลายคันขับมาด้วยความเร็วสูง  และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลง 


โครมมมม !!!!

ไม้กระดกถูกรถคันของผมพุ่งชนจนชิ้นส่วนแตกกระจาย  พื้นที่แห่งนี้คือโรงเรียนร้าง  แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตภายใน  ทั้งยังถูกถางหญ้าจนกว้างพอให้รถบรรทุกและรถกระบะจอดเรียงรายอยู่นับสิบคัน 

เสียงกรีดร้องของผู้คนและเกิดการยิงต่อสู้ดังมาจากอาคารฝั่งหนึ่งของโรงเรียน  ขณะเดียวกันพี่ธานก็สวนแทรกเข้ามาเพื่อบอกพิกัดที่คาดว่าเป็นจุดเดียวกับที่ได้รับสัญญาณจากเชอร์รี  รถยนต์ขับสวนเข้าและออกจนดูวุ่นวายผิดปกติ  รถตู้หลายคันที่กำลังจะเคลื่อนที่ออกจากบริเวณนี้หยุดจอดกลางทาง  ผู้หญิงวิ่งลงจากรถตู้แตกฮือไปคนละทิศ  เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด  คนขับทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิต

“ของหลุด !!!”

“สินค้าหลุด !!!!!”


ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังชายคนหนึ่งที่ตะโกนลงมาจากอาคารเรียนชั้น 3  รถยนต์ของผมพุ่งเข้าไปในบริเวณลานกว้างหน้าอาคาร  ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปตัวยู  ก่อนจะกลับรถ  นำส่วนท้ายพุ่งไปยังมุมสุดของอาคารเรียน  จอดเทียบกับทางขึ้นบันไดพอดี  สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันช่วยให้เราเคลื่อนไหวได้อย่างไม่เป็นจุดสนใจมากนัก  หรืออาจเป็นกรณีที่แย่กว่าเดิม  แต่อย่างน้อยก็ทำให้ไอ้กริดและคนของมันที่ติดตามมาคลาดจากผมไปได้ระยะหนึ่ง

“ผมจะออก”

“ครับ” ปลายสายขานรับ  เตรียมพร้อมเพื่อคุ้มกันผมที่ไม่มีอาวุธติดตัวจากระยะไกล  บริเวณโดยรอบถูกสังเกตอย่างระมัดระวังอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถออกแล้ววิ่งเข้าไปยังจุดที่จะทำให้ไปในตัวอาคารได้อย่างรวดเร็วที่สุด 

เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดไล่หลัง.. อาคารเรียนซึ่งเป็นลักษณะรูปตัวยู  สูงสี่ชั้น  มีบันไดทางขึ้นลงทั้งหมดสี่จุด  ตามข้อมูลแล้วไม่มีทางหนีไฟ  ความใหญ่ของตัวอาคารยืนยันข้อมูลที่ทราบมาได้ว่าเคยเป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อในละแวกนี้

“ใครปล่อยสินค้าวะไอ้เหี้ยยยย !!!”

ใครสักคนตะโกนลั่นด้วยความโมโห  เมื่อหันไปมองก็พบว่ามันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ลานจอดรถด้านล่าง  แต่น่าแปลกที่อีกฝั่งหนึ่งยังคงขนย้ายลังคล้ายบรรจุของบางอย่างขึ้นรถสิบล้ออย่างต่อเนื่อง  เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทันทีนั้น ฝ่ายที่เพิ่งตะโกนอยู่ริมระเบียงก็ถูกยิงสวนขึ้นมาจนร่างร่วงลงพื้น  เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งใหญ่  ผมหันกลับไป  เห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันออกมาจากชั้นเดียวกันทางฝั่งขวามือ


ปัง !!!!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด !!!”

“หมอบลง ! ใครหนีกูฆ่าทิ้งเหมือนอีนี่ !!!” ทันทีที่ชายคนหนึ่งออกคำสั่งพร้อมกับการเชือดไก่ให้ลิงดู  ผู้หญิงทั้งหมดก็พากันหมอบลงด้วยความหวาดกลัวอย่างว่าง่าย  ทำให้ชายเจ้าของคำสั่งที่ยืนจังก้าอยู่นั้นเผชิญหน้ากับผมที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของระเบียง  เราสบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรก่อนที่กระบอกปืนในมือค่อย ๆ เหเป้าหมายมาทางผมซึ่งไม่คิดที่จะขยับร่างกาย

“มึงเป็น..”     


ฟิ้วววววววว !!!!

ไม่ทันให้อีกฝ่ายได้พูดจบ  กระสุนจากสไนเปอร์ก็เจาะเข้าที่ขมับทำเอาร่างนั้นกระเด็นล้มลงโดยทันที  พวกผู้หญิงที่นั่งคุดคู้อยู่ร้องโฮออกมา  เมื่อพวกเธอหันไปเห็นว่าชายคนดังกล่าวได้กลายเป็นศพไปแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองมาทางผม  ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา 

“ออกไปด้านหลัง” ผมพูดบอก
 
“อึก...” พวกเธอเงียบเสียงลง มองผมด้วยสายตาสับสน

“ไป” ผมย้ำพูดเสียงเรียบ  ทั้งหมดพากันลุกขึ้น  วิ่งหนีเอาชีวิตรอดอีกครั้ง  กลุ่มผู้หญิงวิ่งกรูผ่านผมที่เดินสวนตรงไปยังร่างกายที่ไร้ลมหายใจ  ก่อนก้มลงหยิบกระบอกปืนของมันขึ้นมา  ทันทีนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้นหลายนัดติดต่อกัน  เกิดการยิงปะทะอย่างดุเดือดอีกครั้งที่ลานสินค้าด้านล่าง  ในขณะที่รถยนต์หลายคันขับพุ่งเข้ามา  นั่นเป็นคนของผม

“กรี๊ดดดดดดดดดด !!!”

ผมหันขวับไปตามเสียงกรีดร้องนั้นที่ดังมาจากห้องเรียนฝั่งด้านซ้ายมือในชั้นเดียวกัน  ถึงแม้ในความโกลาหลที่เกิดขึ้นนี้จะมีแต่เสียงที่จับใจความไม่ได้  แต่การกรีดร้องนั้นฟังดูผิดแปลกไปจากเสียงร้องด้วยความตกใจทั่วไป  ขาของผมเร็วกว่าความคิด  ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้นอกจากไปยังจุดที่เสี่ยงที่สุด  แต่ยังไม่ทันถึงห้องดังกล่าว  ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา  กระบอกปืนเล็งมายังผู้หญิงหลายคนที่เพิ่งวิ่งกรูออกจากห้องนั้น  ร่างที่ถูกยิงจากด้านหลังทำให้พวกเธอหน้าคว่ำล้มลงในทันที 


ปัง ! ปัง !!

ฝ่ายที่เพิ่งสังเกตเห็นผมถูกยิงสวนร่างล้มลงคาที่ตามผู้หญิงเหล่านั้นไปเช่นกัน  เสียงกรีดร้องดังอย่างต่อเนื่อง  ทันทีที่เดินเข้าไปถึงจุดที่ต้องการ  สิ่งแรกที่เห็นทำให้ฝีเท้าชะงักเล็กน้อย  ชะเอมเงยหน้าขึ้น  ในมือกำมีดซึ่งปักอยู่ที่ต้นคอของชายซึ่งคร่อมตัวเชอร์รีที่นอนอยู่ 

“คุณไฟ...” รูปปากของชะเอมพึมพำ  ดวงตาว่างเปล่า  ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล  เธอผละมือออกจากมีดนั้นคล้ายหมดแรง  ร่างกายของชายที่ถูกฆ่าค่อย ๆ เซล้มลง

“เจ๊..” ชะเอมเรียกด้วยสีหน้าซีดเผือด  ผมตรงเข้าไป นั่งลงเสมอเธอ

“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  พยายามตั้งสติลืมตาขึ้นมองมา

“ฉัน.. ไม่เป็นไร” เชอร์รีเอ่ยพูดเสียงเบา

“บอกทางให้พวกเธอออกไป ไอ้เด่นมาแล้ว” ผมมองหน้าชะเอมพร้อมยื่นกระบอกปืนไปให้  เธอพยักหน้ารับ  รับปืนแล้วลุกไปในทันที 

“คุณ.. พายุ” เชอร์รีพึมพำ  มือที่วางอย่างไร้เรี่ยวแรงบนพื้นชี้ไปอีกทาง  ผมหันหลังกลับไปตามสายตาของเธอ  ร่างคุ้นตาที่นอนอยู่ทำให้แทบจะกระโจนเข้าหา  ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่เฝ้าอยู่ใกล้ ๆ พากันผละตัวออกจากมันโดยทันที  สีหน้าหวาดกลัวต่อการมาของผม

“พวกเราไม่ได้ทำนะ” หนึ่งในนั้นพูดบอกอย่างร้อนรน

“หนีไปซะ” ผมพูดเสียงเรียบ  สายตาไม่ละไปจากพายุที่ไม่ได้สติ  พวกเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพากันวิ่งออกจากห้องไปจนหมด 

“พายุ” ผมเรียก  นั่งลงข้าง ๆ พลางกวาดตามองร่างกายอย่างเก็บรายละเอียด  เปลือกตาของมันขยับขึ้นเล็กน้อย  แต่เป็นอาการสะลึมสะลือคล้ายยังไม่ได้สติ

“พายุ...” ผมย้ำเรียกอย่างใจเย็นอีกครั้ง  เขย่าตัวมันเบา ๆ เพื่อให้ได้สติ  ครั้งนี้เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้นมอง

“คุณไฟฟฟฟ !!!” เสียงเชอร์รีตะโกนลั่น  ทันทีที่ผมจะหันกลับไปมองเธอที่อยู่ด้านหลังก็พบกับไอ้กริดที่จ่อปืนมาจากทางประตู 


ปัง !!!!

ร่างกายหลบหลีกด้วยความเร็วของสัญชาตญาณ  เร็วพอให้กระสุนที่ควรจะโดนเข้าร่างกายจัง ๆ ถากต้นแขนไป 

“ทำไม น้องมึง...” ไอ้กริดตาเหลือกโต  มองมาที่พายุด้วยสีหน้าตกใจ  สมองไม่ทันต้องลำดับอะไร  รู้เพียงว่าหากไม่เอาตัวเองที่ไร้อาวุธนี้เข้าแลก  คนที่นอนไร้แรงป้องกันตัวเองอยู่นี้อาจเป็นเป้าได้

ทันทีที่พุ่งตัวเข้าล็อกแขนไอ้กริดขึ้นได้  กระบอกปืนในมือของมันถูกชูขึ้นเหนือหัว  นิ้วมือของเจ้าของปืนลั่นไกหลายนัดขึ้นเพดาน  ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น  ขาก้าวดันตัวของไอ้กริดจนแผ่นหลังกระแทกติดเข้ากับผนังห้องเรียน  ร่างกายที่เคลื่อนไหวรับรู้ได้ถึงกำลังของตัวเองที่เหนือกว่า  เพราะความโกรธจะทำให้ผมสูญเสียพลังงาน

ครู่เดียว.. ปืนที่อยู่ในมือก็กระเด็นหลุดออกจากเจ้าของไป

ผลัวะ ! ผลัวะ !! ผลัวะ !!!

ไอ้กริดเซล้มลงจากหมัดสุดท้าย  มันฉลาด  ตะเกียกตะกายไปทางปืนที่ตกอยู่บนพื้นทั้งอย่างนั้น  ผมตรงเข้าไปตะครุบตัวมันขึ้นมา  ไอ้กริดคำรามลั่น  ดีดตัวฮึดขึ้นสู้เมื่อได้โอกาสจนผมเซเสียหลัก  ใบหน้าถูกชกสวนทันทีที่ล้มลง  แต่อย่างนั้น ร่างกายที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไม่ได้ทำให้ส่งผลต่อผมเท่าไหร่นัก  หมัดสวนปล่อยกลับไป เน้นไปยังจุดที่จะทำให้ทรุดได้..


ผลัวะ !!!

ไอ้กริดฟุบลงตามที่คาด...

“ของ.. กู.. อยู่ไหน” ไอ้กริดที่พลิกตัวกลับมาพึมพำ  มองมาตาขวาง
 
“ของกูอยู่ไหนนนนนน !!!!”

“หึ.. หึ ๆ ๆ ๆ” ผมแสยะหัวเราะกับภาพตรงหน้า  เสียงหัวเราะจากผมทำให้อีกฝ่ายค่อย ๆ ได้สติขึ้นมา  ดวงตาข้างหนึ่งที่ไม่ถูกอาบด้วยเลือดเหมือนอีกข้างกำลังจ้องผมเอาเป็นเอาตาย

“กริด.. กูน่ะนะ.. ไม่ได้เอาไปแต่แรกแล้ว” ผมยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ  กวาดตามองทุกอย่างบนใบหน้านั้นอย่างเหลือเชื่อ  อีกฝ่ายแน่นิ่ง  ดวงตาเบิกกว้างคล้ายไม่เข้าใจต่อสิ่งที่ได้ยิน

“ทำไมกูต้องเอาไปด้วย กูไม่มีที่เก็บของแบบนี้อย่างพวกมึงหรอก” ผมขยายความพลางเลิกคิ้ว  หย่อนเหยื่อให้ได้คิด
 
“เวลาที่กูบอกว่าไม่ได้เอาไป มันไม่ซับซ้อนหรอก”

“ต๊อก ~ ต๊อก ~ ต๊อก ~” ผมเดาะลิ้นเบา ๆ ก่อนเผยยิ้มฉีกกว้าง  คนตรงหน้าแน่นิ่งไปแล้ว   

“มึงทำเหี้ยอะไร..” เสียงของมันแผ่วเบาลง  ริมฝีปากสั่นไร้การควบคุม

“ทั้งคนของมึง ทั้งยาที่มึงให้ริศาเอามา กูมีวิธีส่งกลับเหมือนกัน พอดี.. คนที่บ้านไม่รู้วิธีใช้น่ะ” ผมขยายความด้วยสีหน้าหนักใจ

“หึ ! กูสมเพชจนทำอะไรมึงไม่ลงเลยว่ะ” ผมพ่นหัวเราะ  ลุกขึ้นซ้ำมันอีกครั้งก่อนตรงไปหยิบกระบอกปืนขึ้นมา  จ่อไปยังร่างของเจ้าของ  เจ้าตัวหน้าถอดสี  ร่างกายที่สะบักสะบอมนั้นพยายามเคลื่อนไหวหลีกหนีเอาชีวิตรอด 
 
“ยะ.. อย่า”

“ไอ้ไฟ !” เสียงคุ้นหูเอ่ยขึ้นด้วยความหนักแน่นคล้ายออกคำสั่ง

“........” ผมนิ่งเฉย  ไม่หันกลับไปมองตามเสียงนั้นจากคนที่เพิ่งมาถึง

“หยุดความคิดมึงเดี๋ยวนี้” พี่ทัพสั่ง  ค่อย ๆ ตรงไปยืนคั่นกลาง  นำตัวเองเป็นเกราะป้องกัน  ปากกระบอกปืนเหขึ้นตามความสูงของคนตรงหน้า

“กูจะลากมันเข้าคุก” อีกฝ่ายพูด

“ฮึ !!!” ผมพ่นหัวเราะ  พูดอะไรเป็นลิเก 

“เอาปืนออกจากหัวกู” พี่ทัพสั่งด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง  ผมเงียบ ไม่ลดปืนลง  เสียงจากภายนอกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแต่สัญชาตญาณรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เพิ่งมาเยือน...


ปังงง !

ปัง ! ปัง !! ปัง !!!

“อ๊ากกกกกกกก !!!”

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 59 + แจ้งข่าว [ศ. 1 ต.ค 64 หน้า 81]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 25-11-2021 16:02:22

เสี้ยววินาทีที่หางตาสังเกตเห็นคนลั่นไกเพื่อหมายเอาชีวิตใครสักคนในห้อง  ปืนที่จ่ออยู่ที่พี่ทัพซึ่งรอจังหวะอยู่ก่อนแล้วหันไปยังเป้าหมายโดยทันที  การยิงสวนจากผมทำให้กระสุนนั้นพลาดเป้า  จากที่ควรอยู่ในจุดสำคัญบนตัวไอ้กริด เปลี่ยนไปโดนต้นขาของมันแทน  เลือดไหลมากพอให้มันเสียสติ   

“ไอ้เหี้ยนี่ศัตรูเยอะฉิบหาย” ผมสบถบ่น  เมื่อแน่ใจว่าฝ่ายที่ลงมือเสียชีวิตคาที่จึงหันปืนกลับมาเล็งเข้าที่แขนไอ้กริด ไม่รีรอที่จะยิงซ้ำ 

“ไอ้ไฟฟฟฟฟ !!!” พี่ทัพหันมาตวาดพร้อมผลักผมออกด้วยความโมโห 

“มึงลากมันมา อย่าให้มันตายนะ” ผมถลึงตาพูดบอก  ผลักอกพี่ทัพกลับ  เสียงของไอ้กริดร้องลั่นด้วยความทรมาน

“อ๊ากกก ! ไอ้เหี้ยยยย ! ฮืออออ !!”

“พวกผมจะออก อยากตายอยู่นี่ก็เชิญ” ผมตัดบท  อารมณ์ขุ่นเคืองที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกลับไม่คงที่ลงโดยง่าย  ขณะเดียวกันก็เหลือบไปเห็นเชอร์รีวิ่งตรงไปหยิบปืนจากชายที่เพิ่งเสียชีวิตนั้นก่อนจะสบตามองมาทางผม  ผมพยักหน้า ส่งสัญญาณให้เธอ

ตัวพายุถูกยกขึ้น  มันเริ่มได้สติบ้างแล้วแต่เหมือนจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  ด้านนอกยังคงต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง  ระเบียงอาคารเรียนซึ่งทำด้วยไม้เต็มไปด้วยช่องว่าง  ยากต่อการเคลื่อนที่และเป็นเป้าที่เสี่ยงเกินไปหากยืนขึ้น  ผมเกี่ยวลำตัวพายุขึ้นจากท่อนบนแล้วลากมันออกมาขณะที่คนของผมกระจายไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อช่วยป้องกัน   

ความเร็วในการเคลื่อนที่ถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังทั้งหมดที่มี  หวังเพียงให้ร่างของคนที่อยู่ภายในอ้อมแขนนี้ไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยอย่างเร็วที่สุด  กระสุนนัดหนึ่งสวนผ่านหน้าทะลุเข้ากำแพงอย่างโชคดี  แต่โชคไม่ดีนั้นกลับตกอยู่ที่เชอร์รีจนล้มลง  เพราะกระสุนนัดดังกล่าวเฉี่ยวลำขาของเธอก่อนที่จะผ่านหน้าผม  อีกฝ่ายไม่สนความเจ็บปวดนั้นที่ได้รับ  ยิงต่อสู้กลับทั้งท่านั่งอย่างนั้น  เสียงฝีเท้าวิ่งมาจากทางด้านหลัง  ถึงแม้จะปกปิดร่างกายแต่ก็ทราบดีว่านั่นเป็นพวกของเรา  ทันทีที่ได้รับการกำบังด้วยร่างใหญ่จากหลายคนจึงใช้จังหวะนี้ลุกขึ้นยืนแล้วลากพายุมายังมุมปลอดภัยด้วยความรวดเร็ว

“คุณพายุเป็นอะไรครับ” ไอ้รุ่งถาม  ผมไม่ตอบ  มองอาการของพายุที่พยายามลืมตาขึ้นมองมาทางพวกเรา 

“คุณพายุครับ” ไอ้หินเรียก     

“ยุ..” ผมเรียก  ตีแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ เรียกสติ

“อือ มาเร็วจัง” อีกฝ่ายพึมพำเสียงเบา  ดวงตาเบิกกว้างได้มากขึ้นกว่าเดิม

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม  สบตาคนตรงหน้าที่จ้องมองผมก่อนขยับใบหน้ามองไปรอบ ๆ คล้ายรวบรวมสติที่มี  ผมไม่เปิดปากพูดแทรกกลับไป  นี่น่ะนะเร็ว ?

“ตำรวจคนนั้นล่ะ เขาช่วยยุไว้..”

“ใคร” ผมถามกลับ

“คนที่ ปากหมา ๆ” พายุตอบเสียงเครือ  ผมไม่ตอบ  สำรวจมองร่างกายของมันหัวจรดเท้าอย่างระมัดระวัง  หลังมือทั้งสองข้างถลอกและฟกช้ำอย่างหนักคล้ายการถูกทำร้าย 

“เฮีย เจ็บขา ยุ.. เจ็บขา” คนตรงหน้าเอ่ยบอกเสียงเบาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ข้างไหน” ผมถาม

“ซ้าย” มันตอบ  นอนแน่นิ่งไม่ขยับร่างกายเลยแม้แต่ส่วนเดียว 

“พวกมึงอยู่กับกู ให้พวกเชอร์รีออกก่อน รถพายุออกแล้วมึงค่อยตามไป” ผมสั่ง

“ครับ” พวกมันผงกหัวขานรับ

“เชอร์รี !” ผมหันกลับไปตะโกนเรียก  เจ้าของชื่อรีบวิ่งตรงมา  ย่อตัวลงนั่งเสมอผม  ทันทีที่พวกของเชอร์รีลดระดับหน้าที่ลงก็ถูกแทนด้วยพวกของไอ้เด่นที่เข้าประจำที่

“เฮีย..” พายุเรียก  มันไม่ยอมขยับตัวตามคนของผมที่เข้ามาเพื่อจะยกตัวมันไป  ซึ่งนั่นผิดปกติ  ความเงียบและสีหน้าลังเลปรากฎขึ้นจนทราบได้โดยทันทีว่ายังมีเรื่องที่บอกไม่หมด

“มีอะไร” ผมถามเสียงเรียบอย่างใจเย็น 

“ยุ.. ยุได้ของพวกมันมา” อีกฝ่ายเปิดปากพูดเสียงเบา

“ยุซ่อนไว้ที่ชั้นสี่ ห้องหกทับสี่ ผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงผมหน้าม้า อยู่ในรองเท้า”

“.......” ผมเงียบ  จ้องมองอีกฝ่ายไม่กะพริบ 

“พวกมันตามหากันให้ควั่กเลย เห็นว่าเป็นของสำคัญล่ะ” พายุขยายความ 

“อือ เดี๋ยวเฮียไปเอาเอง” ผมตัดบทด้วยการรับปากไป

“ไม่เอา” มันส่ายหัว

“แล้วมึงจะบอกทำไม” ผมดุกลับ

“ก็เวลาเฮียแทนตัวเองแบบนี้ แปลว่าเฮียโกรธยุอยู่..” มันตอบ  ใบหน้าปรากฎความสำนึกผิด

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม  ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้คนเอาตัวพายุไปได้  ไอ้รุ่งยื่นอาวุธมาให้ผมเผื่อไว้  เสียงของมันรายงานความเคลื่อนไหวจากฝั่งของเราผ่านเครื่องมือสื่อสาร  ทุกฝ่ายตรงเข้าประจำที่  เมื่อฝั่งตรงข้ามเห็นว่ามีการเคลื่อนไหว  รถยนต์ของพวกผมก็ถูกเป็นเป้าถล่มยิงทันที  พวกของเชอร์รีประกบพายุที่ถูกคนของผมอุ้มฝ่าความโกลาหลจนพาพายุขึ้นรถไปได้โดยปลอดภัย  รถยนต์ซึ่งมีไอ้เข้มอยู่ในนั้นถูกขับออกจากที่นี่โดยทันที  ไอ้เด่นจึงรีบวิ่งตรงมาเมื่อถึงเวลาที่ทีมของมันจะได้ออก

“รีบตามรถพายุไป กูมีของต้องไปเอา” ผมสั่งพร้อมยื่นกุญแจรถของตัวเองไปให้  หากยังรวมตัวกันแบบนี้  อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง  อีกทั้ง.. พี่ทัพก็ยังอยู่

“ผมจะออกไปพร้อมนาย” ไอ้เด่นพูด

“รีบตามพายุไป” ผมย้ำ  จ้องมองออกคำสั่งอีกครั้ง  ต้องการแน่ใจว่ารถคันของพายุจะออกจากบริเวณนี้และถึงที่หมายโดยปลอดภัย 

“........” ไอ้เด่นไม่ตอบ  มันแน่นิ่งไปคล้ายลังเลที่จะปฏิบัติตาม 

“ทำตามที่สั่งจะตายรึไง ไป !!!” ผมตะคอก 

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับเสียงเบา  ยอมวิ่งออกไปกับพวกในที่สุด  ทันทีที่พวกของไอ้เด่นขับรถพ้นไปจากจุดนี้ผมจึงรีบวิ่งตรงไปยังที่พายุบอก 


ชั้น 4 ห้อง 6/4 ..

สิ่งแรกที่ปะทะเข้าใบหน้าเมื่อเปิดประตูเข้าไป  คือกลิ่นเหม็นเน่าที่รับรู้ได้โดนสัญชาตญาณว่าสิ่งนั้นมาจากซากศพ  และภาพที่เห็นตรงหน้าคือร่างเสียชีวิตของผู้หญิงนับสิบคน  แปลกตรงที่ร่างของเธอเหล่านั้นอยู่ในชุดที่ดูดีทีเดียว 

ผมกวาดตามองหาลักษณะของผู้หญิงที่พายุบอกไว้  รองเท้าส้นสูงสีแดง  ผมหน้าม้ามีเพียงคนเดียวในนั้น  ผมเดินตรงไปยังศพของผู้หญิงคนดังกล่าว  ไม่รีรอที่จะถอดรองเท้าที่อัดแน่นด้วยเนื้อเท้าที่บวมคับจากร่างกายที่น่าจะเสียชีวิตมาได้พักหนึ่งแล้ว  ทันทีที่รองเท้าหลุดออกจากร่างกายนั้น  สิ่งของที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็หล่นลงมาด้วยเช่นกัน 

“คิดอยู่แล้วว่าของของผมหายไปไหน พวกคุณนี่ใช้ได้นะ น่ามาเอาดีทางนี้”

“........” ผมชะงัก  หันไปตามเสียงที่อยู่หน้าประตูห้อง  ชายที่ปรากฏตัวสวมผ้าปิดหน้า  แต่งตัวมิดชิดหัวจรดเท้า  ถึงแม้จะเห็นเพียงแค่ดวงตาแต่กลับทราบได้โดยทันทีว่านั่นเป็นใคร 

“หึ รออยู่เลย” ผมแสยะยิ้มอย่างพอใจ  ค่อย ๆ วางกระบอกปืนที่อยู่ในมือลงพื้น  การกระทำของผมถูกจดจ้องไม่กะพริบ  ภายใต้ผ้าปิดหน้านั้นกำลังเผยรอยยิ้มเย้ยหยันอยู่  สังเกตเห็นได้จากดวงตาของมันที่ขยับ 


ไอ้ตัวเหี้ย.. คิดว่าคราวนี้จะไม่ได้เจอแล้วซะอีก

“หึ..” สิ้นเสียงหัวเราะในลำคอของคนตรงหน้า  ร่างกายของเราก็ปะทะเข้าหากันอย่างไม่รีรอ  ปืนไม่ถูกหยิบนำมาใช้แก้ไขปัญหา  ต่างฝ่ายต่างจงใจให้เป็นอย่างนั้น  ตายเร็วเกินไป  แบบนั้นจะเป็นการตายที่ง่ายเกินไป

มีดสั้นถูกอีกฝ่ายหยิบออกมาเป็นเครื่องมือแทนที่  ก่อนถูกฟันเข้ามาแต่ไม่ได้รู้ถึงความเจ็บปวดในวินาทีนี้  ร่างกายเคลื่อนไหวชกตามจุดต่าง ๆ ของมันกลับ  เป็นการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนความรู้สึกภายในพุ่งพล่านอย่างไม่เคยเป็นมานานแล้ว 


เคล้งงง !!!!

หมัดล่าสุดที่เสยเข้าปลายคางทำเอาอีกฝ่ายลงไปนอนกองกับพื้น  มีดที่อยู่ในมือหลุดออกไกลไปหลายเมตร..

“หึ ๆ ๆ ๆ” มันพ่นหัวเราะก่อนค่อย ๆ พลิกตัวขึ้นนอนหงาย  ส่งสายตาขึ้นมองมาจ้องผมไม่กะพริบ

“อา ~ คนใช้กล้ามเนื้อทุกวัน ร่างกายต่างกันจริง ๆ ด้วยสินะ” อีกฝ่ายพึมพำคล้ายคุยกับตัวเอง  บรรยากาศที่สงบลงนั้นเหมือนมันเองก็ไม่แยแสต่อความเป็นความตายที่อยู่ตรงหน้า 

“นี่ คุณไฟ.. คุณเลี้ยงน้องดีนะ”

“รู้ไหมคนของผมซ้อมน้องคุณยังไง หว่าาา ~ แต่แม่งโคตรอึดเลย ไม่ร้องสักคำ หึ ๆ ๆ” โทนเสียงของมันเอ่ยเล่าอย่างตื่นเต้น  ผมเงียบฟัง  ขาก้าวเดินตรงไปยังมีดของผู้พูดที่ตกอยู่บนพื้น

“น่าเสียดาย ตอนที่ของหาย ไอ้กริดกลัวจนเสียสติเลย หึ ๆ แทบเอาน้องคุณขึ้นหิ้งแน่ะ อา.. ไม่น่ามองการณ์ไกลเลย รู้งี้ฆ่าให้ตายซะก็ดี


ฉึกกกกก !!!!

“อึก ! ค.. คะ..”

“........” ผมจ้องมองดวงตาที่เหลือกโตคู่ตรงหน้า

“นั่นสิครับ น่าจะคิดอะไรให้รอบคอบกว่านี้นะครับ คุณตำรวจ” ผมพูดตอบ

“........” อีกฝ่ายตาเหลือกโตด้วยความตกใจ  ทันทีนั้น เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดจากมีดที่ถอนออก  ปลายมีดฟันไปตามจุดต่าง ๆ บนร่างกายไม่เว้นช่วง  ทุกจุดที่เป็นจุดเดียวกับร่างกายที่ได้เห็นจากพายุ  ต้องการให้เจ็บปวดระยะยาว  ต้องการให้เป็นความตายที่ทรมาน 

“อ๊ากกกกกกกกกก !!!! ฮะ.. คะ”

“คนอย่างมึง...” ผมบดฟันแน่น  ความอึดอัดภายในอกที่เกิดขึ้นรู้สึกร้อนเหมือนร่างกายจวนระเบิด  มีดถูกดึงออกก่อนวางลง  คว้าผ้าคลุมหน้าที่ปกปิดใบหน้านั้นออกทันที  หมัดซัดลงไปไม่กั้นอารมณ์ไว้อีก 

“คนอย่างมึง.. ไอ้.. เชี่ย...”


ผลัวะ ! ผลัวะ !! ผลัวะ ๆ ๆ ๆ !!!

“อะ อึก.. ฮือ ! แคก !!!” ร่างกายของมันแน่นิ่งไปครู่  สำลักเลือดนองเต็มพื้น  ผมมอง  นำมือขึ้นลูบศีรษะเพื่อควบคุมอารมณ์ที่ลมหายใจเริ่มรุนแรงผิดปกติ  ก่อนที่จะตั้งสติไม่ได้จึงคว้าคอเสื้อของมันขึ้นมา


บึ้มมมมม !!!!

เสียงคล้ายระเบิดดังก้องขึ้น  อาคารรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน  ผมหันขวับไปมองที่ด้านนอก  เห็นเปลวไฟก่อตัวขึ้นจากจุดหนึ่งตรงข้าม

“คุณไฟครับ ออกมาเดี๋ยวนี้ครับ” ปลายสายพูดสั่งด้วยโทนเสียงที่เริ่มเปลี่ยนไป

“ระเบิดดดดด !!!!” เสียงใครสักคนตะโกนลั่นจากด้านนอก

“ฮืออออ ! อ๊ากกกกกกก !!” คนที่อยู่เบื้องล่างตรงหน้า  จู่ ๆ ก็ร้องคำราม ตรงเข้ามาล็อกขาผมทั้งสองข้างแล้วพุ่งเข้าใส่  มันใช้จังหวะนี้หยิบปืนที่ตกอยู่  กึ่งเดินกึ่งวิ่งโซซัดโซเซออกไปในทันที  เลือดตามตัวหยดกระเซ็นไปตามทาง

“คุณไฟครับ ช่วยออกมาอยู่ในจุดที่ผมเห็นคุณได้เดี๋ยวนี้ครับ ไม่งั้นผมจะเข้าไป” พี่ธานพูด  โทนเสียงนั้นฟังดูก็รู้ว่าถูกกดลงเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่  สถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็เป็นไปได้ที่จะทำให้ปลายสายต้องโกรธอย่างนั้น

“ฆ่ามันซะ” ผมพูด


ปังงงง !!!

เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดใกล้ ๆ  ผมที่กำลังก้มลงเก็บมีดขึ้นมาชะงัก  สัญชาตญาณรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นด้านนอก  เมื่อเดินออกไปก็พบไอ้เต้หยุดยืนอยู่ทางเดินที่ระเบียงฝั่งเดียวกัน  ระยะใกล้กับห้องเรียนที่ผมเพิ่งเดินออกมา  ส่วนฝ่ายที่เผชิญหน้าอยู่นั้นคือไอ้เวรที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปก่อนหน้าเมื่อครู่นี้  ร่างของมันที่เกือบเอาตัวเองไม่รอดกับใบหน้าเละเทะเต็มไปด้วยเลือด  กลับมีแรงกอดไอ้กริดเอาไว้เป็นหลักป้องกันตัว

“วางปืนลงครับ อึก..” ไอ้เต้พูด  แผ่นหลังของมันที่ผมเห็นสั่นเทา  ความโกรธแค้นนั้นปกปิดไม่ได้ว่ามีความหวาดกลัวผสมอยู่  เพราะมือที่ถือปืนอยู่นั้นสั่นจนสังเกตเห็นได้

“ทำไมล่ะ หึ อยากยิงก็ยิงเลยซี่ ~” อีกฝ่ายหนึ่งเอ่ยตอบยิ้ม ๆ

“ผมบอกให้พี่วางปืนลง !!!” ไอ้เต้ตะคอก  แต่กลับไม่เกิดปฏิกิริยาหวาดกลัวใด ๆ ต่อคนตรงหน้า  มันสงบนิ่งทีเดียว

“มึงไม่กล้ายิงกูหรอกไอ้เต้ หึ ๆ ๆ กูช่วยมึงมาก็เยอะ มึงจำไม่ได้เหรอ ครั้งนี้มึงก็แค่หลับหูหลับตา..”

“พี่ผา..” ไอ้เต้สวนเรียก  เสียงที่ถูกกดให้เย็นลงทำให้ฝ่ายที่พูดอยู่ปิดปาก

“มันจบแล้วพี่ วางปืนลงเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมยิง” ไอ้เต้ยื่นคำขาด  กล้ามเนื้อที่แข็งเกร็งแน่นขึ้นชัดเจน

“........” อีกฝ่ายมองตอบนิ่ง ๆ  เสี้ยววินาทีหนึ่งที่มันเผยปากผลิยิ้มน้อย ๆ  กระบอกปืนที่จ่อหัวไอ้กริดอยู่นั้นเปลี่ยนทิศทางมาที่ไอ้เต้โดยทันที 


ปัง !!!!

ปัง ๆ !!!!


กระสุนที่ยิงขึ้นนัดแรกซ้อนทับกันด้วยความเร็วกับกระสุนอีกนัดหนึ่ง  นัดแรกเกิดขึ้นแม่นพอ เจาะเข้าที่ขมับของตำรวจที่ชื่อผา  สองนัดติดที่สวนกลับมานั้นเร็วพอให้ร่างของไอ้เต้ได้รับบาดเจ็บจนล้มลง

“พี่ธานนนน !!!” ผมร้องลั่นทันทีที่เห็นไอ้กริดตรงเข้าไปเพื่อจะคว้าปืนที่หลุดออกจากตำรวจคนนั้นขึ้นมา  ด้วยวิถีกระสุนที่เจาะเข้าที่ตำรวจนายนั้นทำให้ทราบทันทีว่าไม่ได้ถูกยิงจากไอ้เต้  มีใครสักคนอยู่ในห้องเรียนซึ่งตรงกับตำแหน่งของไอ้กริด


ฟิ้ววววว !!!!

บึ้มมมมมม !!!!




...............(ไฟ)..............


ผู้เขียนกับตอนที่ 60:

ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เขียนมาถึงตอนนี้ 555++ 

หลายปีก่อนได้พยายามมองภาพของตอนประมาณ 55 เป็นต้นมาจนถึงตอนจบ  คิดไว้หลากหลายแบบ  การที่เขียนมาจนถึงตอนที่ 60 ได้  รู้สึกโล่งใจขึ้นหน่อย 555++ เพราะตอนนี้เป็นตอนที่ยากมากสำหรับผู้เขียน  เนื่องจากไม่เคยเขียนบู๊เท่าเรื่องนี้มาก่อน  มันบู๊จนเหนื่อย (ใจ)  และไอ้บู๊ ๆ นี้เองที่คิดอยู่ตลอดเลยว่าปรับตรงไหนที่จะทำให้คนอ่านเห็นภาพมากที่สุด  เคยคิดกังวลไปต่าง ๆ นานาว่ามันจะดีไหมนะ โอเครึยัง  เส้นเรื่องที่วางไว้ถูกตั้งคำถามมากมายจนไม่กล้าเขียนอยู่พักหนึ่ง  แต่ก็ตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องจบเรื่องนี้ให้ได้  ตอนที่เขียนตอนนี้เสร็จครั้งแรกก็เริ่มมีกำลังใจขึ้นมา  แต่ก็ไม่พอใจซะทีเดียว เลยเขียนใหม่อยู่หลายครั้งและเสร็จตามที่ได้อ่านกันไป (อยากเสร็จภายในปีนี้ 555) อย่างไรก็หวังว่าคนอ่านจะชอบกันนะคะ :)
 
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วค่ะ .. หลังจากลงตอนจบเสร็จจะขอย้ายไปที่ห้องนิยายจบแล้ว  ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามมาอย่างยาวนาน  ส่วนข้อมูลข้างล่างเป็นการประกาศซ้ำเผื่อสำหรับคนอ่านที่ยังไม่ทราบอีกครั้งนะคะ

.
.

ประกาศเรื่องเดิม

1. วันที่ 10 พ.ค 64: โพสต์ของตอนที่ 56 หน้า 78  ได้แปะลิงก์สำหรับการตอบคำถามและแจ้งข้อมูลที่ผู้เขียนเคยได้รับเกี่ยวกับนิยายเรื่อง The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก  คนอ่านท่านใดมีข้อสงสัยอะไร  รบกวนอ่านที่โพสต์แจ้งดังกล่าวก่อนได้  เผื่อว่าข้อมูลที่คุณสงสัยนั้นอาจมีตรงตามที่ทางเราได้ตอบให้แล้วนะคะ

2. วันที่ 1 ต.ค 64: โพสต์ของตอนที่ 59  หน้า 81  ได้แปะลิงก์แบบสอบถามเพื่อขอข้อมูลจากคนอ่านเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้  ซึ่งเดิมทีจะปิดรับวันที่ 31 ธันวาคม 64  แต่อาจต้องเลื่อนวันปิดรับเร็วขึ้น  ดังนี้ ถ้าได้ลงตอนจบ (ตอนที่ 61) ก่อนปีใหม่จะทำการแจ้งวันปิดรับอีกทีหนึ่งนะคะ

ขอบคุณค่ะ
| เบบี้

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 25-11-2021 22:27:44
ลุ้นตัวโก่งเลยคณาบบบบ

รักพี่บี้

พูดเลยว่าหลังสมุทรตื่นคือออออออออออ :fire:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 25-11-2021 23:34:18
ตอนนี้เห็นภาพค่ะ
จะจบแล้วเหรอคะ ทำไมรู้สึกเคว้ง เบาๆ หวิวๆ กับคำว่าตอนจบมากเลย... รักเรื่องนี้ค่ะ รักไฟมาก
รักเบี้มากกว่า รอและติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 26-11-2021 08:26:01
ดุเดือนเลือดสาดของจริง ว่าแล้วคนเบื้องหลังไม่ใช่ใครตำรวจนี่เองสินะ
ทั้งๆที่รู้มาตลอด คนชื่อผาสินะ ไม่รอดหรอกคนผิดต้องได้รับโทษ
ใครยิงตำรวจคนนั้นถ้ามใช่คนที่พี่ไฟเจอมา พี่ทัพรึป่าว? 
หวังว่าไม่มีใครเป็นอะไร อยากให้ทุกคนปลอดภัย ช่วยคนของเราออกมาให้หมดแล้วเผาพวกมันให้สิ้นซากไปค่ะพี่ไฟ
ปล.สมุทรไม่งอนนะฉากบู๊ไม่มีเธอ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำสมุทรต้องเข้าใจพี่ไฟด้วย
แค่เขาอยู่ด้วยกันนี่ก็ชอบมากไม่จำเป็นต้องพูดเลย เพราะเขาแสดงออกทางสายตาแหละ อิอิอิ
อ่านเท่าไรก็ไม่เคยพอจริงนะ ผูกพันธ์กันมานาน จะจบแล้วใจหายนะเอาจริง
ขอบคุณเบบี้นะคะ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 26-11-2021 11:38:13
ต้องอ่านทุกคำนะ เหมือนได้สิงในตัวไฟ อารมณ์มันไ้ด้เลย
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-11-2021 01:46:58
มึนไปหมด แต่ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 27-11-2021 11:23:21
ยิงกันเลือดสาดมากตอนนี้  ขอบคุณที่พายุไม่เป็นอะไร   :กอด1:  ต้องรอลุ้นอะไรอีกมั้ยรู้สึกเหมือนอยู่ในสมรภูมิรบตลอดเวลา  :katai1:


รอตอนต่อไปค่ะ  ขอตอนพิเศษเยอะแยะ ๆ  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Sarocha45377 ที่ 27-11-2021 19:55:48
 :hao5: จะจบแล้วหรอเร็วจัง ขอให้เค้าได้กันก่อนจะจบด้วยนะคะพี่เบบี้ ลุ้นรอ NC ของทั้ง2คนนี้อยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะพี่เบบี้สู้ๆ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 27-11-2021 21:18:51

“ไม่ว่าจะอยู่ข้างฉันในฐานะไหน ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเองไม่ใช่เหรอสมุทร”

อ่านตอนนี้รอบ 2 ทำให้ต้องหาเวลา
ย้อนอ่านทั้หมดอีกรอบ
ด้วยความสงสัยที่ว่า
คุณไฟขา เรียกชื่อสมุทร กี่ครั้งในเรื่องนี้
 :a5:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 29-11-2021 14:42:16
อ่านย้อนตั้งแต่แรกเพื่อลำดับเรื่องราวทั้งหมด ผ่านมานานเหมือนกันแต่อ่านเท่าไรก็ไม่เคยพอจริงๆค่ะ
ฉากต่อยมวย หรือแม้แต่บู้เลือดสาดเบบี้แต่งได้ดีมาก เห็นภาพมีความรู้สึกร่วมด้วยเสมอ
 บทบาทความสัมพันธ์พัฒนาแบบไม่ได้รีบเร่งนักแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ทุกตอนที่อยู่ด้วยกัน หรือแค่นั่งเงียบๆจ้องตากันไปมาทำไมถึงรู้สึกดีแบบนี้ ชอบอ่ะ
มันเขินจนอยากจะกริ๊ด
คำว่า " รักดีไหมนะ "  แล้วทำหน้ายิ้มกริ่มนี่มันจริงๆนะ
เกือบลืมไปเลยว่าเข้มมีคุณหงษ์แล้ว นึกได้ตอนพี่ไฟบอก 555+
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นอีก  เออแล้วมองตอนไหนนะ หรือว่าตอนที่พูดกับหยาที่บ้านแน่ๆ สายตานั่นคงทำให้สมุทรอดคิดมากไม่ได้
ฉาก NC ไม่ได้หวือหวาแต่่ประทับใจ
ฉันหลงรักคุณไฟตั้งแต่เริ่มต้นและตลอดไป
ถึงตอนจบคงต้องกลับมาอ่านซ่้ำๆเพราะความคิดถึง
รักนิยายเรื่องนี้มากค่ะขอบคุณเบบี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-12-2021 15:46:44

 :sad4:  :sad4: เค้าหวานกันไม๊ หวานแหล่ะ มีจุ๊บก่อนออกไปด้วย ...............

ว่าแต่พายุลูกเอ้ยยย ห้าวมากกกก  :o12:

ขอบคุณค่ะสำหรับตอนใหม่นี้ รอต่อนต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 03-12-2021 22:11:29
อุ๊ยๆ! ตอนที่ 59 เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากจ้า :-[  บอกตรงๆเลยจ้าเหมือนจะจำตัวละครที่ไม่ใช่ฝ่ายของไฟไม่เคยได้ขนาดนังเต้ยังเกือบลืม555 เชอร์รี่กับคนขายเป็ดย่างเพิ่งมาใช่ม่ะ :confuse:
จะจบแล้วเหรอจะมีฉากหวานกว่าตอนที่ 59 ไหมอ่าอยากอ่าน :impress:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 05-12-2021 16:36:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-12-2021 01:39:15
บรรยายเห็นภาพ ทุกฉาก เหมือนนั่งดูหนัง เฮียปกป้องน้องหมุด (เฮียรักอะเนอะ วางยาสลบซะเลย) ยังไม่ชัดเจน ฝั่งเต้ (เข้าใจว่าเต้แค้นเฮียที่จับเฮียไม่ได้ เอาความโกรธไปลงที่พายุ)
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: prympws ที่ 10-12-2021 12:35:26
จะจบแล้วววว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2021 16:08:35
 :mew2:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2021 16:10:59

Note: ในส่วนท้ายของตอนจบมีประกาศชี้แจงด้วยนะคะ

.
.
ตอนที่ 61
..ไฟ..




แกรก.. แกรก...

“คุณ คุณไฟ.. ได้ยินผมไหมครับ”

“รีบหาสัญญาณสิวะ !”

ผมนอนนิ่ง  ร่างกายที่หนักอึ้งไม่สามารถเคลื่อนไหวได้  สติได้ยินเสียงที่ฟังดูเกรี้ยวกราดนั้นจากพี่ธานแต่ก็ไม่สามารถตอบกลับไปได้โดยทันที  รู้แต่ว่า ดูเหมือนอีกฝ่ายจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ไปเสียแล้ว
 
“คุณ.. ไฟ แกรก ~ ซ่า.. ได้ยินแล้ว ตอบผมด้วยครับ”

เสียงปลายสายขาดหายเป็นช่วง ๆ  ร่างกายที่ปรับให้กลับมาเป็นปกติไม่ได้นั้นรับรู้ได้ว่าเมื่อครู่ตนเองได้หมดสติไป  ผมพยายามรวบรวมสติที่มีเพื่อเปิดตาขึ้นมอง  กวาดตามองไปรอบ ๆ บริเวณที่เต็มไปด้วยป่ารก 

“..อือ....” ผมขานรับเสียงเครืออยู่ภายใน  ขณะเดียวกันก็สังเกตได้ถึงเสียงของการต่อสู้ด้านหลังที่ค่อย ๆ ลดระดับลง

“ครับ คุณไฟ” พี่ธานตอบรับ

“อา เหี้ยเอ๊ย...” ผมครวญครางพึมพำกับตัวเอง  อึดอัด  อึดอัดจนต้องเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าที่บดบังด้วยต้นไม้สูง  ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึก  เหตุเพราะถูกทับอยู่จากอีกร่างหนึ่งที่ไม่ได้สติ  แถมน้ำหนักของร่างนั้นก็ทิ้งมาแบบเต็มที่อีกด้วย

“ด้านหลัง” ผมกลั้นใจพูดออกไป

“มาเร็วเข้าพี่ใหญ่ ไอ้ภาระนี่ตัวหนักฉิบหาย..”


- - - - - - - - - -


06.30 น. | สิงคโปร์

“ใคร?” เสียงของเจ้าของบ้านทักขึ้นด้วยโทนเสียงสุขุม  น่าเกรงขาม  ผมหยุดฝีเท้า  บรรยากาศที่สงบลงในทันทีนั้นแทนที่ด้วยเสียงของการพลิกหน้าหนังสือพิมพ์จากคนที่นั่งทอดอารมณ์อยู่

“โลกไปไหนต่อไหนแล้วครับ ไม่มีใครมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์หรอก” ผมทัก  ยังคงหยุดยืนอยู่ที่เดิมพลางล้วงกระเป๋ากางเกง  กวาดตามองสวนส่วนตัวด้านหลังบ้าน  ซึ่งเป็นจุดพิเศษเฉพาะของคนคนนี้เท่านั้น

“หึ..” เจ้าของบ้านพ่นหัวเราะขึ้นจมูก

“ฉันไม่ชอบโฆษณาวิบ ๆ วับ ๆ บนเว็บน่ะ เห็นแล้วอกจะแตกทุกที” อีกฝ่ายตอบนุ่ม ๆ

“........” ผมเหลือบมองแผ่นหลังนั้น  ในขณะที่เราต่างเงียบลง

“การมาของนายมันทำให้ฉันต้องไล่ลูกน้องออกนะ ชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนรึไง”

“แต่ก็.. เข้ามายากอยู่นะครับ” ผมไม่เห็นด้วยว่าต้องเปลี่ยน  ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้เข้ามาอย่างถูกต้องก็เถอะ
 
“มีอะไรให้ช่วยก็ว่ามา” คนตรงหน้าเข้าประเด็น  ผมก้าวขา เดินตรงเข้าไปใกล้เขามากขึ้น  บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยกองหนังสือพิมพ์จากหลากหลายภาษา

“เห็นข่าวไหมครับ” ผมถามกลับ  อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจหนึ่ง  ละสายตาจากหนังสือพิมพ์พลางเงยหน้าขึ้นคล้ายใช้ความคิด

“ข่าวที่เดือด ๆ อยู่ช่วงนี้น่ะเรอะ? ถึงไม่อยากรับรู้ก็เห็นอยู่ดีละนะ” เขาพึมพำคุยกับตัวเอง

“ครับ” ผมตอบ

“นายตำรวจตงฉินเพื่อนนายคนนั้นคงเหนื่อยแย่ เห็นว่าเป็นคนเปิดโปงคดีนี้นี่”

“แต่กำลังจะถูกเปลี่ยนมือเร็ว ๆ นี้น่ะครับ” ผมพูดแทรก  ทำเอาอีกฝ่ายชะงักไปและค่อย ๆ เหล่หางตามาทางผม

“หึ.. ก็นะ” คนตรงหน้าแสยะปากพ่นหัวเราะอย่างไม่แปลกใจที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ในวงการนี้

“คุณช่วยเตรียมคนที่จะรับมือกับเรื่องนี้ไว้ให้หน่อยได้ไหมครับ” ผมเอ่ยปาก

“........” เขาเงียบไปโดยทันที  สายตาเหกลับไปมองแจกันดอกไม้ที่อยู่บนโต๊ะ

“ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องยุ่งยาก นายก็รู้ คนของฉันไม่ค่อยถูกกับกระบวนการของคนในเครื่องแบบ” อีกฝ่ายเบะปาก

“ไม่ยุ่งยากหรอกครับ” ผมสวนพูดด้วยความหนักแน่นกลับ  ทำให้เขามองกลับมาด้วยแววตาสนใจ

“ผมรับรองว่า คนของคุณจะสนุกกับเรื่องนี้แน่นอน” ผมโค้งตัว ก้มหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ พร้อมฉีกยิ้มให้
 
“ฮิ ๆ ๆ ๆ ๆ ~” เขาแสยะหัวเราะ  ดวงตาและใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ได้ยิน 

“ขนจมูกคุณเป็นสีขาวแล้วนะ” ผมทัก  เพ่งมองสิ่งที่สะดุดตาอย่างแปลกใจ

“อยากตายเหรอวะ” อีกฝ่ายหุบยิ้มลงทันควัน 

“กลับแล้วนะครับ ขอโทษด้วยที่รบกวน” ผมยิ้ม  ตัดบทพร้อมโค้งตัวลงเคารพก่อนจะเดินกลับไปยังเส้นทางที่ใช้เดินทางมา

“วันหลังมาแบบไม่มีเรื่องให้ช่วยบ้างนะ” เจ้าของบ้านเอ่ยบอกคล้ายประชด 

“หึ มันแปลว่าคุณมีบารมีไม่ใช่เหรอ” ผมย้อนตอบ 


- - - - - - - - - -


2 วันต่อมา | ประเทศไทย

“ทำไมไม่ได้ครับ ท่าน.. พูดว่าอะไรนะครับ...”

โทนเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสนปนขุ่นเคืองนั้นลอดออกมาจากห้องทำงานของลูกชายเจ้าของบ้าน  ซึ่งอีกฝ่ายไม่ทันสังเกตว่ามีแขกมาถึง

“หึ รักษาหน้าองค์กรเหรอครับ แต่คนของเราเป็นคนทำเรื่องนี้! ท่านจะให้ผมปล่อยมือไปง่าย ๆ เพราะเหตุผลแบบนี้เหรอครับ”
 
“........” ผมและคนที่มาด้วยกันหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู  คนที่คุยโทรศัพท์อยู่นั้นข้างหนึ่งถูกพยุงด้วยไม้เท้าค้ำยัน

“ท่านนนน!!!” พี่ทัพตะคอก  เสียงของมันตวาดลั่นจนแม่บ้านของมันที่นำน้ำมาเสิร์ฟแต่ไม่กล้าเข้าไปและหยุดอยู่ข้าง ๆ ผมสะดุ้งโหยง  ไอ้คินเข้ามารับถาดน้ำมาถือแทนแล้วปัดมือไล่ให้เธอไป

“ท่านควรจะหยุดพูดก่อนที่ผมจะหมดความเคารพในตัวท่านนะครับ ผมต้องเสียลูกน้องดี ๆ ไปกี่คนกับคดีนี้ ครอบครัวของพวกเขาที่พ่อต้องมาตายเพราะหาความยุติธรรมแต่ท่านมาพูดแบบนี้เหรอครับ! ให้เรื่องมันจบ ๆ ไปงั้นเหรอครับ!!!”

“ยังมีอยู่ใช่ไหมครับ ใครสั่งท่านมา?” ครั้งนี้อีกฝ่ายลดระดับเสียงลง  ผมแสยะยิ้มมุมปากที่ได้ยินว่าโทนเสียงนั้นบ่งบอกได้ว่าผู้พูดจะหมดความอดทนไม่ว่ากับใครหน้าไหน  พี่ทัพถือสายอยู่อย่างนั้นและเงียบอยู่พักใหญ่  แขนข้างที่ถูกไม้เท้าค้ำยันค้ำอยู่นั้นค่อย ๆ ขยับมือขึ้นลูบศีรษะตนเอง  แม้แต่แผ่นหลังก็เห็นได้ถึงความสิ้นหวังที่มี

“งั้นท่านฟังผมให้ดี…” จู่ ๆ คนตรงหน้าก็เอ่ยขึ้น

“ผมไม่สนหรอกครับ ผมมาถึงขนาดนี้แล้ว ท่านคิดว่าผมสนหัวท่านเหรอ”

“รบกวนฝากไปบอกคนคนนั้นด้วยนะครับ ไม่ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังแล้วคิดจะปิดคดีนี้แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจะลากหัวออกมาให้หมด ทางเดียวที่พวกมันจะหยุดผมได้.. ก็มาเอาชีวิตผมไปครับ” ความขุ่งเคืองนั้นถูกจบลงพร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่วางสายไป

“ว้าว ~ ร้อนแรงเป็นบ้า” ผมแสยะยิ้ม เอ่ยชมขึ้นในทันที  พี่ทัพหันขวับกลับมา  เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเป็นพวกผมก็ถึงกับถอนหายใจทิ้งแรง

“เมื่อกี้กูเกือบขอพี่มึงแต่งงานเลยนะ” ผมกะพริบตาปริบ ๆ คุยกับเพื่อนสนิท

“หึ ๆ ๆ” ไอ้คินหัวเราะชอบใจ

“เฮ้อ ไอ้เราก็เห็นว่าอุตส่าห์เปิดโปงคดีใหญ่ได้ นึกว่าจะถูกเรียกไปประดับดาวบนบ่าซะอีก” ผมพึมพำแซว  เดินตรงไปที่โซฟาแล้วนั่งลง

“โลกมันง่ายขนาดนั้นเรอะ!” พี่ทัพสบถลั่น  นำเอาอารมณ์ขุ่นเคืองนายของตนเมื่อครู่มาลงที่ผมเสียอย่างนั้น  ผมกับพี่ธานฉีกยิ้ม  ไอ้คินวางแก้วน้ำลงให้ตรงหน้าก่อนเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัว

“กูเห็นไอ้เหี้ยกายกับไอ้ดำริอยู่ตรงหน้า แต่กูดันขยับทำอะไรไม่ได้ สุดยอดไปเลยไอ้โลกฉิบหาย”

“........” พวกผมได้แต่เงียบมองพี่ทัพที่พึมพำใส่อารมณ์กับตัวเอง

“หัวหน้าทีมกู โดนนายกดดัน ผมร่วงจนหมดหัวแล้ว” มันเงยหน้าขึ้นเล่ากึ่งประชดประชันชีวิต  เดินกลับมาที่โซฟา  ค่อย ๆ วางไม้ค้ำแล้วหย่อนตัวนั่งลง 

“ฮ่า ๆ ๆ” พวกผมหลุดหัวเราะ

“สงสารก็แต่ลูกเมียทางนั้น” อีกฝ่ายบ่น

“ทำไม” ผมถาม  พี่แกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเล่าต่อ

“ก็เบื้องบนเล่นกดดันมาที่ลูกเมียโดยตรง กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตนี้จะมีเรื่องเฮงซวยซะยิ่งกว่าสิ่งที่เคยเจอมาในอดีต”

“กูว่ากูก็เจอคนเหี้ยคนระยำมาเยอะนะ แต่นี่แม่ง ฟู่ ~ อึดอัดจนอกกูจะระเบิดอยู่แล้ว” พี่ทัพพ่นลมออกทางปากพร้อมหลับตาเงยหน้าขึ้น

"โทษทีนะ.." อีกฝ่ายเอ่ยโต้ง ๆ ทั้งที่ยังค้างอยู่ในท่าเดิม

“เอาน่า วันนี้ผมกับพี่ธานเลยมีของมาปลอบใจให้ไง” ผมปัดประเด็นยิ้มบอก

“อะไร” พี่ทัพขมวดคิ้ว  มองมาที่ผมและพี่ธานอย่างหวาดระแวง

“ยืน ๆ ๆ” ผมขยับมือขึ้นบอก  แต่มันกลับไม่ทำตาม  มองผมเลิ่กลั่ก

“ยืนขึ้น มันจะได้สมศักดิ์ศรีหน่อย” ผมย้ำพูด 

“เฮ้อ” อีกฝ่ายถอนหายใจ  แต่ก็ยอมคว้าไม้ค้ำยันแล้วพยุงตัวขึ้นยืนตามที่สั่ง  พี่ธานอมยิ้ม  เปิดถุงกระดาษที่ถือมาด้วยออกให้ผมหยิบของที่อยู่ในนั้น  ทันทีที่ผมหยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงก็ทำเอาไอ้คินหลุดขำหงายหลังไปเลย

“ไอ้เหี้ยไฟ! ไอ้สัส!!!” พี่ทัพสบถลั่นพร้อมยิ้มกว้าง  มือข้างที่ว่างอยู่ผลักผมที่เพิ่งหยิบโฟมรูปดาวขึ้น  ความใหญ่ของมันเท่า ๆ กับกระดาษ A4

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  ไม่หยุดที่จะพยายามแปะมันลงบนบ่าของเสื้อยืดเน่า ๆ ที่คุณตำรวจใส่อยู่บ้านในตอนนี้

“ไอ้เหี้ย พวกมึงนี่นะ ระยำจริง ๆ” มันบ่นยกใหญ่  หยิบโฟมออกจากบ่าตัวเองแล้วเพ่งมอง  บนตัวดาวมีที่แปะสำหรับยึดกับเนื้อผ้าด้วย

“มึงพยายามเนอะ!” พี่ทัพถลึงตาต่อว่า  เขวี้ยงโฟมรูปดาวลงบนโต๊ะ  ไอ้คินปรบไม้ปรมมือขำไม่หยุด  คนถูกประดับดาวปลอมลงบนบ่ายืนทำหน้าเอือมระอา  แต่ก็มีรอยยิ้มเก้อเขินนิด ๆ ให้เห็น

“ถ้ากูไม่รู้จักพี่มึงมาก่อน เมื่อกี้กูนึกว่าคนบ้านะ พูดอะไรเพ้อเจ้อฉิบหาย” ผมแซวถึงบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อครู่นี้

“เฮ้อ!” จู่ ๆ พี่ทัพก็ถอนหายใจสวนขึ้นมาเฮือกใหญ่  สีหน้าหนักใจปรากฎขึ้นทันทีก่อนหย่อนตัวนั่งลง  บรรยากาศกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง

“เดี๋ยวอยู่กินข้าวด้วยกันดิ” ไอ้คินชวน

“ไม่ล่ะ กินมาแล้ว” ผมปัด 

“คุณไฟครับ ได้เวลาแล้วครับ” พี่ธานกระซิบบอกหลังละสายตาจากนาฬิกาข้อมือของตน 

“ไปแล้วนะ” ผมตัดบท

“มึงมาเพื่อกวนตีนกูแค่เนี้ย?” พี่ทัพเลิกคิ้ว

“เปล่า แวะเอาของมาให้” ผมยักคิ้วพร้อมผลิยิ้มตอบ  หยิบของที่เตรียมไว้ในถุงซิปล็อกเล็ก ๆ ยื่นไปตรงหน้าคุณตำรวจ
 
“อะไร” อีกฝ่ายขมวดคิ้วมอง  ลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วตรงมารับของจากมือผมไป

“Gift card มั้ง” ผมกระซิบ

“........” ทุกคนเงียบลง  มองไปยังแฟลชไดร์ฟในถุงซิปล็อกนั้นอย่างไม่ละสายตา

“พายุฝากมาให้” ผมขยายความ

“เดี๋ยวจะมีคนติดต่อมานะ รีบไปอาบน้ำตัดผม แต่งตัวหล่อ ๆ รอรับสายด้วยล่ะ” ผมพูด

“ใคร” พี่ทัพถามทันที

“อำนาจบอกรหัส Gift card ช่วยให้มึงทำงานสบาย ๆ ไง” ผมตอบ  จ้องมองพี่ทัพไม่กะพริบ  อีกฝ่ายไม่พูดอะไร  ตาดำเคลื่อนไหวอย่างสับสน 

“เอาน่า คนดีแน่นอนไม่ต้องห่วง สะอาดเหมือนผ้าอ้อมเด็กเลย หึ ๆ” ผมขยายความ  แต่ไม่ได้เอ่ยออกไปทั้งหมดว่าเป็นผ้าอ้อมเด็กที่เอาไว้เช็ดน้ำลายผู้ใหญ่น่ะนะ

“ขออนุญาตค่ะคุณทัพ” แม่บ้านที่ยืนอยู่หน้าห้องเอ่ยขึ้น  พวกผมหันไปมอง  เห็นนายตำรวจที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดียืนอยู่
 
“อ่าว มาแล้วเหรอ เข้ามาสิ” พี่ทัพพูด  นายตำรวจที่ชื่อดมก้มหัวเล็กน้อยคล้ายขออนุญาตก่อนเดินเข้ามาด้วยทีท่าสุภาพนอบน้อม  แม่บ้านจึงปลีกตัวออกไป

“ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันจริงจังเลยใช่ไหม ไฟ นี่ดม.. ดม นั่นไฟแล้วก็ธาน” พี่เขาแนะนำ
 
“สวัสดีครับ” ดมเอ่ยทักอย่างเป็นมิตร

“อา ~ นี่เด็กพี่เหรอ เล่นผมซะเปื่อยเลยนะ” ผมจ้องมองขณะเอ่ยชม  ขาก้าวตรงเข้าไปหา 

“ขอโทษครับ พอดี ตอนเด็กเคยอยากเป็นนักแสดงน่ะครับ” คนตรงหน้ายิ้มบอกนิด ๆ

“อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ” ผมปัดเสียงเรียบ  ก้มลงมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า  เห็นอยู่ในเครื่องแบบแล้วแปลกตาดี

“มีแฟนรึยังครับ” ผมถาม

“มีแล้ว มีแล้ววว!” พี่ทัพตอบแทรก 

“มึงหวงกูเรอะ?” ผมหันไปมองกวนตอบ  ไอ้คินหัวเราะชอบใจที่ผมไม่รู้สึกอะไรกับการถูกอีกฝ่ายทำตัวเป็นไม้กันหมาแบบนั้น

“ไอ้ดมมันเป็นคนดี มึงอยู่ห่าง ๆ ไปเลย แล้วเป็นอะไรชอบมาลวนลามพวกกูน่ะฮะ!” พี่ทัพบ่น

“กูไม่ลวนลามมึงคนเดียวนี่มึงน่าจะพิจารณาตัวเองนะ” ผมตอบ

“กร๊ากกก” ไอ้คินชอบใจ

“ไอ้คิน!” พี่ทัพตวาดน้องชาย

“ไม่เป็นไรครับ” ดมพูดบอกนุ่ม ๆ

“เอ่อ ถ้ามีโอกาสผมอยากจะไปขอโทษย่าของคุณเป็นการส่วนตัวนะครับ” คนตรงหน้าพูดคล้ายขออนุญาต

“ได้สิ ไว้ผมจะถามให้แล้วกัน” ผมรับปาก 

“ไปแล้วนะ” ผมหันไปลาไอ้คิน  อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“แล้วนั่นจะไปไหน” พี่ทัพถามขึ้น

“พักผ่อน” ผมตอบ

“อ้อ ช่วยจัดการหลังจบคู่นักมวยของผมล่ะ” ผมหันตัวกลับไปกำชับ 

“ครับท่าน!” พี่ทัพโค้งตัว  ขานรับอย่างประชดประชัน

“ผมขออนุญาตเดินไปส่งนะครับ” ดมพูดแล้วเดินตามพวกผมออกมา  ระยะทางจากห้องทำงานของพี่ทัพจนถึงลานจอดรถไกลพอ  แต่กลับไม่เกิดบทสนทนาใด ๆ ระหว่างผมกับคุณตำรวจนายนี้  พี่ธานเปิดประตูรถออก  ผมหยุดยืน  หันไปมองคนที่เดินมาส่ง

“เป็นตำรวจที่ดีนะครับ” ดมพูดขึ้น 

“ดีจนไม่น่ามาอยู่ที่แบบนี้”

“หึ..” ผมพ่นหัวเราะ  ปฏิเสธไม่ได้ว่าเห็นด้วยกับเขา

“แม่สบายดีนะ” ผมสวนถาม

“ครับ สบายดี” อีกฝ่ายผงกหัวยิ้มตอบ

“มีแฟนแล้วเหรอ” ผมถามเรื่องคาใจเมื่อครู่  เพราะจากนิสัยของคนตรงหน้าไม่คิดว่าตัวเองจะมองอะไรผิดเพี้ยนไป

“หึ ไม่มีหรอกครับ ทางนั้นก็แค่กันท่าคุณน่ะ” ดมผลิยิ้ม

“คุณทัพเขาบอกให้พวกผมระวัง ๆ เวลาอยู่กับคุณน่ะครับ”
 
“หึ..” ผมหัวเราะในลำคอ

“ขอบคุณนะ” ผมตัดบท

“ผมต่างหากครับ” อีกฝ่ายตอบและฉีกยิ้มให้อย่างยินดี


- - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2021 16:18:46

ฮ่องกง


“เออ! แทง! แทงงงง!!!”
 
“เชี่ย เจ็บ ๆ ๆ”

เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังลั่นบ้านด้วยความเมามันนั้น  เป็นเสียงจากคนของผมที่กำลังเชียร์การแข่งขันชกมวยที่ถ่ายทอดสดมาจากประเทศไทย  ซึ่งนั่นเป็นคู่สุดท้ายของค่ายเราด้วย 


เป้งงงง!

“........” ทุกคนเงียบกริบลงสนิทในทันทีเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ  มองด้วยตาก็ทราบแล้วว่าใครจะชนะ  ปฏิกิริยานั้นเป็นที่เข้าใจกันได้โดยไม่ต้องพูดต่อ  ว่านักมวยของเรามีความเป็นไปได้ที่จะแพ้คะแนน

“พี่สมุทรไม่น่าเจอไอ้แผนเลย” ไอ้เด่นบ่นอุบถึงนักมวยคู่ชกของสมุทร  ซึ่งเป็นนักมวยมากฝีมือที่ตอนนี้โด่งดังทั้งในและต่างประเทศ 

“แต่ยุเพิ่งเคยเห็นไอ้แผนคิ้วแตกเวทีนี้” พายุพึมพำ  เพ่งมองอย่างสนใจ

“แต่เตะมันแต่ละที อย่างกับเตะตึกเลยนะครับ” ไอ้หินทำเสียงตกใจ  ผมหลุดยิ้มมุมปากเพราะก็จริงตามนั้น  ขณะนั้นเองที่กรรมการบนเวทีได้ยกแขนของไอ้แผนขึ้นเพื่อชี้ขาดชนะคะแนน  บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“เฮ้อออออ ~” ทั้งไอ้เด่น ไอ้เข้มและไอ้หินพร้อมใจกันถอนหายใจ

“รำคาญจริง” ผมบ่น 

“ขอโทษคร๊าบ”


ตืด ~

โปรด: ดีนะกูไม่แทง
ผมเหลือบมองข้อความที่ได้รับทันทีทันใดที่จบการชก  ไม่หยิบขึ้นมากดดูเพราะเห็นจากหน้าจอแล้ว  และก็ขี้เกียจด้วย

โปรด: มึงรู้สินะว่าจะแพ้
ข้อความนั้นถูกหยุดส่งไว้แค่นั้นก่อนที่หน้าจอจะดับลง...

“ก็นะ” ผมพึมพำคนเดียว

“หอมจังครับ” เสียงไอ้เข้มเอ่ยทัก  พวกมันละสายตาจากโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่น  พากันปรี่ตรงไปที่ห้องครัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั่วถึงจากมุมนี้ 

“ลองชิมสิ” พายุอนุญาต  เห็นว่ามันกำลังอบคุกกี้  ระหว่างที่มานั่งดูมวยเมื่อครู่นี้คือรอเวลาที่คุกกี้ทำการอบอยู่ในเตา  ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว เพราะกลิ่นหอมโชยไปทั่วเลย   

“หิน เปลี่ยนเป็นช่องข่าวที่ไทยให้ฉันหน่อยซิ” ผมเรียก

“ครับ” ไอ้หินขานรับ  รีบเดินมาทำตามที่สั่ง  ขณะเดียวกันผมก็ได้ข้อความจากพี่ธานถูกส่งมา “กำลังพาสมุทรกับคนในค่ายออกแล้วครับ” 

“เติมกาแฟให้ด้วย” ผมสั่งลอย ๆ  ไอ้เด่นจึงรีบตรงมาหยิบแก้วกาแฟของผมไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น  โทรทัศน์ถูกกดเปลี่ยนเพื่อหาช่องที่ปกติผมมักดูเป็นประจำ 

“เฮีย คุกกี้ได้แล้ว ร้อน ๆ เลย” พายุเดินมา  วางจานขนาดเล็กพร้อมคุกกี้หน้าตาน่ากินวางอยู่สองชิ้น
 
“อือ” ผมขานรับ  แต่มันกลับนั่งจ้องผมนิ่ง ๆ ไม่ขยับไปไหน

“เดี๋ยวกิน” ผมพูดบอกเสียงยานคาง 

“มันคือซอฟคุกกี้ช็อกชิพ ต้องกินตอนร้อน ๆ ถึงจะอร่อย” มันบรรยายสรรพคุณ 

“เออ.. เออ!” ผมหันไปกระแทกเสียงขานรับทราบอย่างรำคาญ  สุดท้ายก็ต้องหยิบคุกกี้ขึ้นชิมทั้งที่ยังไม่อยาก

“อืม อร่อยดี” ผมชม  ตามองหน้าจอโทรทัศน์

“ยังไม่ทันเคี้ยวเลย!” คนทำขึ้นเสียง

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ  เคี้ยวคุกกี้แล้วกลืนลงคอ  เนื้อซอพคุกกี้เต็มไปด้วยช็อกโกแลตแบบเต็มปากเต็มคำ  การกินของผมทำให้คนทำพอใจ  ยอมนั่งสบาย ๆ ผ่อนคลายลงในที่สุด

“เมื่อไหร่ขายุจะหายสักที” มันบ่น  ชูขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นดูเซ็ง ๆ

“คุณพายุครับ ขอกินอีกได้ไหมครับ” ไอ้เด่นเอ่ยขอ 

“บนถาดนั่นกินได้หมดเลย” พายุตอบ

“ขอบคุณคร๊าบ” มันขานตอบ  ขณะเดียวกันไอ้เด่นก็นำกาแฟแก้วใหม่มาเสิร์ฟให้  เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที  เสียงอินโทรเวลาที่มีข่าวด่วนก็ดังขึ้น 

ข่าวด่วน! ตำรวจบุกเข้าจับกุมนายกาย xxxx และพวกพร้อมหมายจับ ที่สนามการแข่งขันชกมวยเวที z-k super fight ทันทีหลังการแข่งขันจบลงเมื่อเวลา 14.00 น. แต่ได้เกิดการยิงต่อสู้กัน เบื้องต้นทางตำรวจได้ให้ข้อมูลว่านายกายซึ่งเป็นเจ้าของ Tsmith นั้นเป็นนอมินีให้กับนายดำริ xxxx นักการเมืองชื่อดังจากพรรค xxx  เบื้องต้นตำรวจได้มีหลักฐานแจ้งจับหลายข้อหา ทั้งค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ซึ่งได้มีการจัดหาทั้งหญิงและชายให้กับคนมีชื่อเสียง หลายคนถูกแบลกเมลด้วยคลิปแอบถ่ายเพื่อขู่บังคับให้รับงานต่อ รวมถึงลักลอบค้าอาวุธและนำเข้ารถหรูแบบผิดกฎหมาย ทั้งนี้ นายกายและนายดำริอาจมีเหตุเชื่อมโยงกับคดีใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ...

“น้อยไปไหม” พายุพึมพำบ่นขึ้นขณะที่นักข่าวยังคงอ่านข่าวไปอย่างต่อเนื่อง


ปิ๊บ!

ปิ๊บ!


เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือของพวกเราที่เกิดขึ้นในจังหวะไล่เลี่ยกัน  ทำให้คนของผมพากันกดเปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองดูโดยทันที

“เชี่ยอะไรวะเนี่ย..” เสียงของไอ้หินพึมพำตาโต  คำอุทานอย่างไม่สุภาพนั้นที่มักจะหลุดออกมานาน ๆ ครั้งจากมันฟังเอาแปลกหู  ผมนั่งเฉย  มองพวกมันที่พากันก้มหน้าก้มตามองหน้าจอด้วยความตกใจ  เพราะคงเป็นเรื่องใหญ่พอที่ทำให้คนของผมมีสีหน้าเช่นนั้นได้  แต่ก็ถือว่าคุ้มที่อุตส่าห์เสียเวลา  ดูเหมือนว่าครั้งนี้พี่ทัพจะโมโหน่าดู  เล่นลากไส้ออกมาตามที่พูดเลย

“ไม่น่าจะน้อยแล้วแหละ เป็นของสำคัญจริง ๆ ด้วย” พายุพูดกับตัวเองแล้วกดปิดหน้าจอมือถือ  เอ่ยไปถึงแฟลชไดร์ฟนั้นอย่างพอใจ

“เฮีย ยุเจ็บเอวด้วย” มันหันมาขมวดคิ้วฟ้อง

“ก็ไปยืนทำเหี้ยไรเล่า!” ผมขึ้นเสียงอย่างรำคาญ  ก็เล่นไปยืนทำคุกกี้เป็นชั่วโมง ๆ  ไม่เจ็บสิแปลก

“ก็ยุทำให้เฮียกินไง!” มันขึ้นเสียงกลับ  ผมเงียบปาก  ไม่ใช่ว่าเถียงไม่ออก  แต่ขี้เกียจจะเถียงเลยได้แต่ถอนหายใจตัดความไปอย่างนั้น 


ก๊อก  ๆ ๆ

ลูกน้องของผมที่ทำงานประจำอยู่ที่ฮ่องกงเปิดประตูเข้ามา  ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว 

“ขออนุญาตครับ เฮียชามาขอพบครับ”


- - - - - - - - - -


ผ่านมา 3 วันแล้วหลังจากการแข่งขันชกมวยได้จบลง.. ข่าวใหญ่ที่สุดในตอนนี้ นอกจากจะเป็นข่าวที่ตำรวจบุกเข้าจับไอ้กายกลางสนามหลังจบการแข่งขันแล้ว  ยังเป็นข่าวของรายชื่อนักการเมือง คนใหญ่คนโตในไทยและต่างประเทศมีส่วนในการทำเรื่องผิดกฎหมาย  ประกอบไปด้วยหลักฐานที่ดิ้นไม่หลุด  ยังเหมารวมไปถึงเก้าอี้เล็กเก้าอี้น้อยที่สั่นสะเทือนไปทั่ว  ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายตำรวจที่ชื่อผาคนนั้นพูดแบบนั้นในวันเกิดเหตุ  นั่นเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะใช้เป็นของที่พวกมันนำมาขัดขากันเอง
 
พี่ผาเป็นมือขวาให้กับไอ้กายมาตลอด  น่าประหลาดใจก็ตรงที่  นายตำรวจชั้นผู้น้อยที่เข้าร่วมเป็นคนของไอ้กายส่วนใหญ่ไม่มีใครทราบเลยว่านายตำรวจที่ชื่อผาคนนี้เป็นหนอนให้กับองค์กร  ดังนั้น หากพี่ทัพจะปวดหัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ
 
“ผู้หญิงคนนั้นถูกวิสามัญน่ะครับ..” ไอ้เข้มเดินมาบอกด้วยโทนเสียงเรียบขรึม

“เมื่อเช้านี้” มันขยายความ

“อืม” ผมพยักหน้ารับทราบ

“ผิดแผนกูอยู่นะ กูนึกว่าไอ้กายจะฆ่าเธอซะอีก” ผมพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจ  ผิดแผนจริง ๆ

“........” ไอ้เข้มไม่พูดอะไร  มันผงกหัวรับเล็กน้อย 

“คงจะรักกันมากนะครับ” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้น

“ใคร?” ผมถาม

“ผู้หญิงของไอ้กายกับตำรวจที่ชื่อผาน่ะครับ” ไอ้เข้มตอบ  ผู้หญิงของไอ้กายคือมือปืนที่เคยยิงยู  ซึ่งแอบคบหากับนายตำรวจคนนั้นมานานแล้ว

“มึงว่าจะดูออกไหม ถ้าคนของเราไปสนใจคนอื่น” ผมช้อนตาขึ้นมอง

“........” ไอ้เข้มก้มหัวลงด้วยสีหน้าคล้ายใช้ความคิด 

“ต่อให้ทำหน้าตึงใส่กันก็ดูออก.. นั่นคือความน่ากลัวของการมีเจ้าของล่ะ” ผมพึมพำพลางเบือนหน้ากลับมา

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ

“เฮีย ยุไปหาหมอนะ” พายุเดินออกมาได้จังหวะจบบทสนทนา  ไอ้เข้มผงกหัวน้อย ๆ ขอตัวจากไป 

“เอาใครไป” ผมถาม

“ไปกับหิน เดี๋ยวตงมารับ” มันตอบ

“เข้มมึงไปด้วย เอารถกับคนขับของเราไป” ผมสั่ง

“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัว  ปลีกตัวออกไปเตรียมพร้อมในทันที

“มันก็เต็มรถสิ ยุ ตง คนขับรถ แล้วก็หินเข้ม ตั้งห้าคน ~” มันบ่นเป็นจริงเป็นจัง  ผสมภาษาไทยกับจีนกลางมั่วไปหมด

“มึงก็เอารถตู้ไปสิ” ผมบ่น

“เอาไปทำไมเยอะแยะเล่า” พายุลดเสียงลงหน้ามุ่ย

“จะไปไหมล่ะ” ผมย้อนถาม

“........” อีกฝ่ายปิดปาก  ยอมทำตามในที่สุด 

“เฮียยย ~” จู่ ๆ มันก็เปลี่ยนเสียง  ไม้ค้ำยันที่ใช้รับน้ำหนักตัวเดินมาไวซะยิ่งกว่าขาจริงเสียอีก  พายุทิ้งตัวนั่งลงมาข้าง ๆ ผมที่เหลือบมองอยู่ตลอด

“ขอเงินหน่อย ~” ผมเอ่ยปากอ่านความคิดของมันก่อน

“แฮะ ๆ” อีกฝ่ายหัวเราะเก้อเขินที่ถูกรู้ทัน

“ไปเอากระเป๋ามาซิ” ผมสั่งไอ้เด่น

“ครับนาย”

“ตงอยากได้อะไรก็ซื้อไปแล้วกัน” ผมพูดบอก  ตงคือญาติของคนสนิทซึ่งมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจต่อกันที่ประเทศนี้

“ตงมันไม่เอาหรอกถ้าเฮียไม่ไปซื้อให้เอง” พายุสวนทันควัน  ผมเงียบ  ไม่เถียง  นั่งรอจนไอ้เด่นนำกระเป๋าสตางค์มาให้ก่อนจะหยิบเงินสดให้พายุไปปึกหนึ่งพร้อมกับบัตรเครดิต  แต่พอได้เห็นหน้าระรื่นของมันแล้วมันเขี้ยว  อดไม่ได้  เลยนำสันบัตรเครดิตรูดหน้าผากมันไปทีนึงเป็นบทลงโทษ

“โอ้ยยย!!!” พายุร้อง  นำมือปิดหน้าผากตัวเองมองค้อนใส่ผม

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ

“จะซื้ออะไรเกินสองหมื่นต้องโทรขอกูก่อน” ผมชี้หน้าปรามอนาคต  มันกลอกตา  เม้มปากทำไม่รู้ไม่ชี้

“คุณตงมาแล้วครับคุณพายุ” ไอ้หินเดินมาบอก

“รถเข็นล่ะ” ผมถามถึง

“เอาขึ้นรถแล้วครับ” ไอ้หินตอบ 

“ให้ตงรอข้างนอกนั่นแหละ ยุไปเลย” พายุพูดบอก  รีบคว้าไม้ค้ำยันแล้วดีดตัวลุกขึ้นโดยทันที

“มึงจะไม่ให้มันมาไหว้พี่มึงหน่อยรึไง” ผมบ่นไอ้เด็กพวกนี้ 

“ตัวเองไม่ได้ชอบเขาแท้ ๆ ไปยุ่งอยู่ได้! ยุสงสารตง!” อีกฝ่ายหันมาขึ้นเสียง 

“ยุ่งตรงไหน กูยุ่งจริงมันเป็นเมียกูไปนานแล้ว” ผมว่ากลับ

“อย่ายุ่งกับตง!!!” พายุตะโกนลั่น  ไม้ค้ำยันของมันเร่งความเร็วออกไป

“กูว่าแม่งไม่ต้องไปหาหรอกหมออะ ทุกอย่างมึงแข็งแรงหมด ยกเว้นตีนที่เดินไม่ได้” ผมพึมพำบ่น  ไอ้เด่นที่เห็นภาพตามถึงกับหัวเราะคล้ายเห็นด้วย  ขนาดหมอที่รับเคสรักษาต่อยังบอกเลยว่าร่างกายน้องชายผมเหมือนของประหลาด  คือฟื้นตัวเร็วมากจนน่าตกใจ

“มันหวงอาตงเหมือนหมาแม่ลูกอ่อน” ผมพูดบ่นกับไอ้เด่นที่ยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ  ขณะเดียวกันไอ้เข้มที่เพิ่งเดินออกมาหลังจากเตรียมตัวเสร็จก็โค้งตัวลา  รีบเร่งตามพายุออกไปอีกคน 

“........” ผมเหลือบมองไอ้เด่นที่เอาแต่นั่งเงียบจ้องหน้าผมด้วยสายตาแปลก ๆ  เห็นดังนั้นจึงใช้ฝ่ามือผลักหน้าผากมันไปเต็มแรงจนเจ้าตัวหงายหลังลงพื้น

“ผมเคยได้ยินคุณตงพูดกับคุณพายุน่ะครับ” อีกฝ่ายลุกขึ้นมากระซิบ  ผมเหล่มอง  ไม่เข้าใจว่ามันจะกระซิบทำไมเพราะตอนนี้ในบ้านเหลือแค่มันกับผมสองคน

“คุณตงบอกว่า ดีจังนะ.."

“เรื่อง?” ผมถาม

“เอ่อ ตอนที่คุณตงรู้ว่านายนอนกับคุณยูด้วยน่ะครับ” มันตอบ

“ต่อไปนี้มึงห้ามพูดกับคนอื่นว่ากูนอนกับยูอีก ไม่งั้นกูจะให้เฮียกานต์เอามึงไปเป็นนางบำเรอ”

“ถ้าอย่างนั้นเอาผมไปปล่อยฟาร์มจระเข้แทนเถอะครับ” มันกวนตอบ  พูดเสร็จก็หลุดยิ้มออกมาเอง

“มึงนี่มัน..” ผมบดฟันยิ้ม ๆ  คว้าหูมันมาบิดทีนึงอย่างหมั่นไส้ 

“ก็คุณตงหลงรักนายนี่ครับ ผมโง่ผมยังดูออกเลยครับนาย” มันว่า

“อีกอย่าง นายดูใจดีกับคุณตงมากกว่าใจดีกับคุณพายุคุณดินอีกครับ” มันไม่หยุดพูด

“น่าประหลาดใจจริง ๆ” ผมทักในสิ่งที่เพิ่งได้ยินกับหู  ไอ้เด่นชะงักไปด้วยสีหน้างงงวย

“ในที่สุดมึงก็ยอมรับแล้วสินะว่ามึงโง่” ผมตาลุกวาว

“นายครับ!” อีกฝ่ายประท้วงกลับในประเด็นนี้

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ


ก๊อก  ๆ ๆ

“คร๊าบ ~” ไอ้เด่นขานรับ  ผมเอนหลังพิงพนักโซฟา  เหลือบมองไปที่ประตูบ้านอย่างสงสัยว่าใครมาถึงเพราะวันนี้ไม่มีนัดพิเศษ  ขณะที่ไอ้เด่นเปิดประตูออก  คนที่โผล่หน้ามาคนแรกทำให้ผมหลุดยิ้ม  เพราะเป็นการมาถึงก่อนวันที่เจ้าตัวแจ้งไว้หนึ่งวัน
 
“พี่ธาน!” ไอ้เด่นร้องลั่นดีใจยกใหญ่

“ไง” พี่ธานทัก  ลูบหัวไอ้เด่นน้อย ๆ ก่อนเดินเข้ามา 

“สวัสดีครับ” พี่เขาผงกหัวทักทายผม  ทันทีที่อีกฝ่ายเดินพ้นประตูเข้ามาในบริเวณบ้าน  คนที่เดินตามหลังมาติด ๆ เป็นคนที่ทำให้ผมแปลกใจกับการมานั้น   

“พี่สมุทรก็มาด้วย! ไอ้รุ่งงง!” ไอ้เด่นเรียกไอ้รุ่งที่ติดสอยห้อยตามมาอีกคน

“ฮ่องกง ฮ่องกง ~ สาวฮ่องกง สาวฮ่องกง~” ไอ้รุ่งกับไอ้เด่นพร้อมใจกันจับมือ กระโดดโลดเต้นที่ได้เจอหน้าอีกครั้ง  ทำอย่างกับจากกันมาแรมปีและเพิ่งเคยมาฮ่องกงครั้งแรกอย่างนั้น  ทั้ง ๆ ที่มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

“ผมพาสมุทรมาด้วยน่ะครับ” พี่ธานพูดบอก  เหลือบมองผมเล็กน้อยคล้ายเกรงว่าตนจะถูกต่อว่า  เพราะเป็นการนำอีกฝ่ายมาด้วยโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า

“สวัสดีครับนาย” ไอ้รุ่งตรงมาโค้งทักทาย

“ไปไหนกันหมดเหรอครับ” พี่ธานถาม

“พาพายุไปหาหมอครับพี่ใหญ่” ไอ้เด่นตอบ  ความตื่นเต้นของมันยังไม่ลดลง 

“........” ผมเงียบ  เบือนหน้ากลับมามองหน้าจอโทรทัศน์   

“เด่น พาสมุทรไปที่ห้องหน่อยสิ” พี่ธานสั่งพร้อมถอดแจ็กเก็ตนอกของตนออก 

“ห้องพอไหมนะ งั้นพักห้องเดียวกับพี่ก็ได้” พี่เขาพูด  ที่บ้านหลังนี้ ห้องนอนที่ถูกจำกัดการใช้งานว่าเป็นพื้นที่ของเจ้าของห้องเท่านั้นคือห้องของผม  พายุ ดินและพี่ธาน  ส่วนนอกนั้นจะยืดหยุ่นปรับไปตามความสะดวก 

“ครับ” สมุทรพยักหน้าน้อย ๆ

“ไปครับพี่สมุทร” ไอ้เด่นยิ้มกว้าง  เข้ามายกกระเป๋าของพี่ธานกับสมุทรก่อนที่ทั้งสามคนจะพากันตรงเข้าไปด้านใน  เสียงเจี๊ยวจ๊าวนั้นค่อย ๆ เบาลง  ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้งในขณะที่เจ้าตัวค่อย ๆ หย่อนตัวทำท่าจะนั่งลง

“ใครให้นั่งครับ” ผมทัก  พี่ธานดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที

“ไม่ดีเหรอครับ” อีกฝ่ายพูด  มุมปากยิ้มกรุ้มกริ่ม

“........” ผมไม่ตอบ  เราสบตากันในความเงียบครู่หนึ่ง

“เขาถามน่ะครับว่าคุณอยู่ไหน ผมเลยบอกไปว่าจบการแข่งแล้วจะตามคุณมา” พี่ธานพูด   
 
“อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนอยากขอตามมาด้วย ผมก็เลย ลองชวนดูน่ะครับ”

“อะนะ” ผมขานรับส่ง ๆ เบือนหน้ากลับมา  ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงพี่ใหญ่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

“แปลกคนนะครับ โดนมอมให้หลับไปแบบนั้นแต่ก็ไม่ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสักคำ แถมยังต้องตื่นมาอยู่กับคนเพี้ยน ๆ อย่างเพื่อนคุณด้วย” พี่ธานบอก

“........” ผมเงียบ  ไม่รู้ไม่ชี้  ไม่ได้เป็นคนมอม

“ดีกันแล้วนี่ครับ”

“ผมเคยพูดเหรอว่าโกรธ?” ผมเลิกคิ้ว  หันไปมองหน้าพี่แก

“…….” พี่ธานนิ่งไป

“พี่ใหญ่ พี่ควรจะให้หมอนั่นได้รอนะ” ผมบอก  ทักในเรื่องที่เดี๋ยวนี้อีกฝ่ายตัดสินใจทำในสิ่งที่ผมไม่ได้สั่ง  พี่ธานลดระดับสายตาลง  แต่ใบหน้ายังคงเปื้อนด้วยรอยยิ้ม

“ชีวิตมันสั้นนี่ครับ โดยเฉพาะกับพวกเรา”

“หึ..” ผมพ่นหัวเราะ

“อารมณ์ดีนะ” ผมทัก  อ่านได้จากบรรยากาศรอบตัวของพี่เขาที่มันโจ่งแจ้งตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ครับ” พี่เขาตอบ 

“สุด ๆ เลย” อีกฝ่ายขยายความอย่างไม่ปิดบัง

“เดี๋ยวผมขอตัวไปดูห้องก่อนนะครับ” พี่ธานโค้งตัวก่อนเดินจากไป 
 
“หึ อารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น” ผมพึมพำบ่นกับตัวเอง  ขนาดเห็นแผ่นหลังที่เพิ่งจากไปก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศดี ๆ ที่เจ้าตัวมี
ห้องนั่งเล่นเงียบลง  ภายในรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ต่างจากก่อนหน้านี้ก่อนที่พี่ธานจะมาถึง  มันเปลี่ยนไปเล็กน้อย  สายตาเหลือบมองไปที่สระว่ายน้ำด้านนอกที่อยู่ติดพื้นที่ห้องนั่งเล่น  อา.. มีความรู้สึกประหลาดผุดขึ้นมาที่กลางอก


   ..
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2021 16:19:59

บรรยากาศอาหารเย็นในค่ำวันนี้คึกคักกว่าวันก่อน ๆ  เสียงการพูดคุยก็มากขึ้น  อาจเพราะมีสมาชิกเพิ่มเข้ามา  แต่ผมกับเขายังไม่ได้พูดกันสักคำตั้งแต่ทางนั้นมาถึง  ไม่มีช่องว่างให้ได้พูด  เพราะแทบไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย 

“คิดถึงอาหารไทยแล้ว!”

“คิดถึงส้มตำ!”

ไอ้เด่นกับไอ้รุ่งโวยวาย  วันนี้เราตั้งโต๊ะกันที่ด้านนอก  ตรงสวนหลังบ้านริมสระว่ายน้ำ...

“มึงเพิ่งมาเองไม่ใช่เรอะ” ไอ้เข้มบ่นไอ้รุ่ง

“แฮะ ๆ” คนถูกบ่นยิ้มเขิน

“เอาตำผลไม้แทนได้ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ทำให้” สมุทรที่กำลังช่วยพายุจัดโต๊ะอยู่เสนอ

“ได้ครับ” พวกมันขานรับทันควัน

“คุณไฟจะดื่มอะไรก่อนดีครับ” พี่ธานถามผมที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ  อีกฝ่ายเพิ่งจัดแจงโต๊ะเครื่องดื่มที่แยกไปอีกโต๊ะหนึ่งเสร็จพอดี  เมื่อที่นี่ไม่มีแม่บ้านอยู่ประจำก็เลยจำเป็นต้องหยิบจับกันเอง

“........” ผมนิ่งมอง  ใช้ความคิดอยู่ครู่

“มะนาวโซดามีไหม” ผมย้อนถามกวนไปอย่างนั้น  นึกอยากกิน  แต่ก็เห็นว่าบนโต๊ะเครื่องดื่มนั้นไม่มีสิ่งที่ผมต้องการด้วย 

“ได้ครับ” อีกฝ่ายยิ้มรับไม่ปฏิเสธ 

“สมุทร พี่วานทำน้ำมะนาวโซดาใฟ้คุณไฟหน่อยสิ” พี่ธานส่งไม้ต่อ

“ครับ” สมุทรหันมาผงกหัวรับน้อย ๆ ก่อนเดินกลับเข้าบ้านไป

“รับปากแล้วก็ทำเองสิ” ผมว่า

“คิดว่าอีกฝ่ายทำน่าจะถูกใจกว่าน่ะครับ” อีกฝ่ายตอบ

“........” ผมเงียบ  ช้อนตาขึ้นมองหน้าพี่ใหญ่ที่ยังคงยิ้มอย่างใจเย็น

“พี่ยังไม่รู้สินะ ว่าตัวเองจะถูกหักปันผลห้าเปอร์เซ็นต์ของปีนี้” ผมแสยะมุมปากเล็กน้อย

“ครับ?!” พี่ธานอุทานงง ๆ

“โบนัสไอ้พวกนี้ปีนี้พี่มีหน้าที่จ่าย สมเหตุสมผลไหมครับ” ผมย้อนถามถึงบทลงโทษที่อีกฝ่ายควรได้รับ  คนตรงหน้านิ่งไปครู่หนึ่ง

“ครับ แล้วแต่คุณเลย” อีกฝ่ายผลิยิ้ม

“อา ไม่สนุกเลย” ผมเบือนหน้าบ่นเซ็ง ๆ ที่คนตรงหน้ายอมรับง่ายเกินไป

“หึ ๆ แล้วคุณดินโทรมารึยังครับวันนี้”

“โทรแล้ว น่ารำคาญจะตาย ให้มันอยู่นั่นแหละ” ผมบ่นพลางถอนหายใจ  ไอ้ดินยังอยู่เซี่ยงไฮ้กับยูและเฮียกานต์  ซึ่งยังไม่มีแผนที่จะไปรับกลับมา 


มุมย่างบาร์บีคิวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะที่ผมนั่งอยู่วุ่นวายไปด้วยพวกไอ้เด่น  โต๊ะของผมกับพี่ธานแยกห่างออกมาเล็กน้อยเพื่อความเป็นส่วนตัวของพวกมันและเพื่อไม่ให้บทสนทนาระหว่างผมกับพี่ธานต้องถูกรบกวนด้วย  บาร์บีคิวที่ถูกปรุงสุกเรียบร้อยแล้วค่อย ๆ ทยอยนำมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ  ไม่นานนักน้ำมะนาวโซดาก็นำมาวางให้ตรงหน้าเช่นกัน

“ขอบใจ” ผมบอก  อีกฝ่ายผงกหัวตอบน้อย ๆ แล้วปลีกตัวกลับไปยืนประจำที่เตาเช่นเดิม 

“ใครปิดประตูไม่สนิทเนี่ยฮะ?!” พายุโวยวายลั่น  หมายถึงบานประตูตรงห้องนั่งเล่นซึ่งสามารถทำให้กลิ่นปิ้งบาร์บีคิวผ่านเข้าไปในตัวบ้านได้  ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบ

“พี่สมุทรครับ” ไอ้เด่นชี้นิ้ว

“เอ๊ะ..” สมุทรชะงัก  หันไปมองหน้าพายุครู่หนึ่งอย่างงง ๆ 

“ขอโทษครับ” เขาผงกหัวยอมรับผิด

เพียะ!

“มึงออกหลังพี่สมุทร กูเห็น” ไอ้เข้มพูดพร้อมตบหัวน้องชายไปหนึ่งที

“หึ ๆ ๆ ขอโทษครับ” ไอ้เด่นลูบหัวปรอย ๆ ยอมรับผิด 

“นิสัยไม่ดีเลย ให้พี่เขาขอโทษก่อนได้ยังไง” พายุบ่น  เดินมาต่อว่าด้วยสีหน้าจริงจัง

“ขอโทษครับ” ไอ้เด่นยิ้มเจื่อน  ก้มหัวขอโทษพายุกับสมุทรอีกครั้ง

“หึ ๆ” พี่ธานหัวเราะ

น้ำมะนาวโซดาถูกหยิบขึ้นจิบ  รสชาติไม่เลวนัก  แก้วเครื่องดื่มของผมหมดลงอย่างรวดเร็ว  เดือดร้อนให้พี่ธานต้องชงเหล้าให้  อาหารที่โต๊ะผมพร่องลงช้ากว่าอีกโต๊ะหนึ่ง  ส่วนใหญ่จะเป็นการกินอย่างละเลียดระหว่างพูดคุยซะมาก  เพราะมีเรื่องให้คุยกันเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ  อาหารค่ำจบลงดึกกว่าวันก่อน ๆ ที่มาถึงฮ่องกง  ผมไม่ได้ออกปากห้ามอะไร  ปล่อยให้สนุกสนานกันตามสบาย  เพราะพวกมันก็ทุ่มเทกับหน้าที่ของตัวเองมาพักใหญ่แล้ว 

ผมปลีกตัวกลับเข้าบ้านก่อน  ตั้งใจอาบน้ำแล้วพักผ่อน  เกือบ ๆ เที่ยงคืนมื้อเย็นของพวกมันก็ถูกหยุดลง  พากันเก็บกวาดทำความสะอาด  ปิดบ้าน ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเอง  ห้องนอนของผมเงียบสงบ  เป็นห้องซึ่งอยู่ที่ชั้นสองและอยู่ในมุมที่ดีที่สุดของบ้านหลังนี้  ระเบียงด้านข้างตำแหน่งเตียงสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำและชายหาดที่ไกลออกไปได้  ผมนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง  โคมไฟหัวเตียงเป็นจุดเดียวที่ให้ความสว่างในห้อง  ยังไม่รู้สึกง่วงขนาดที่ว่าหากเอนตัวลงนอนในตอนนี้แล้วจะหลับลงได้โดยทันที 


แกรก ~

“อะไรของกู..” ผมพึมพำบ่นกับตัวเองทันทีเมื่อได้สติ  ดันมายืนอยู่ที่ประตูห้องนอนซะอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่ความคิดยังคงวนเวียนเรื่องต่อเรื่องอยู่ในหัว  ประตูห้องเปิดออกแล้ว  เลยตัดสินใจเดินออกมาเพื่อจะหยิบน้ำเปล่าที่ครัว  รู้สึกคอแห้งอยู่เหมือนกัน 

“........” ทันทีที่เดินลงมากลับต้องชะงักเพราะเห็นว่ามีคนยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ตรงห้องนั่งเล่น  แสงไฟอัตโนมัติที่ให้ความสว่างตามจุดต่าง ๆ ระหว่างทางเดินเมื่อเดินผ่าน  ทำให้คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี  ผมหยุดยืน  ห่างจากสมุทรคืบหนึ่ง  อดไม่ได้ที่จะสำรวจมองเขาหัวจรดเท้า  สงสัยว่ามายืนทำอะไรที่นี่ในยามวิกาลแบบนี้

“คุณอยากได้อะไรเหรอครับ” สมุทรถามขึ้นก่อน

“หิวน้ำน่ะ” ผมตอบ

“เดี๋ยวผมไปเอาให้ครับ” อีกฝ่ายตัดบทแล้วรีบตรงไปยังครัวเปิด  ซึ่งส่วนนั้นเป็นที่สำหรับจัดเตรียมอาหารและเก็บเครื่องดื่มที่แยกออกจากครัวหลัก  ผมรอยืนอยู่ที่เดิมจนน้ำเปล่าแก้วหนึ่งถูกนำมายื่นให้

“แล้วนายมาเอาอะไร” ผมถามถึง  ยังไม่ยื่นมือออกไปรับแก้วน้ำมาจากเขา

“........” สมุทรไม่ตอบ  จ้องมองผมอยู่ครู่ก่อนค่อย ๆ เหสายตาลงเล็กน้อย  ต่างฝ่ายต่างเงียบอย่างนั้นอยู่สักพัก

“คุณไม่ชอบที่ผมมาเหรอครับ” เขาถามขึ้น  ผมไม่ตอบ  เพียงผลิยิ้มเล็กน้อยขณะจ้องมอง  ก่อนเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะรับแก้วน้ำมา  แต่ทันทีนั้นกลับถูกมืออีกข้างหนึ่งของสมุทรจับลงมาที่ข้อมือของผม  ทำให้มือของเราที่อยู่ระหว่างแก้วกระทบกันจนแก้วที่ถืออยู่ขยับ  น้ำที่ปริ่มแก้วนั้นหกลงพื้น  ส่วนหนึ่งเปื้อนมือผมด้วย

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายตกใจ  รีบตรงไปหยิบกระดาษทิชชูที่วางอยู่ตรงเคาน์เตอร์ห้องครัว  ผมยืนมอง  ในมือถือแก้วค้างไว้อย่างนั้นจนเขานำกระดาษทิชชูมาเช็ดให้  แล้วรีบนั่งยอง ๆ ลงเพื่อเช็ดที่พื้นต่อท่ามกลางความมืดสลัวอย่างนั้น  ผมเหลือบมองตามก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงเสมอเขา

จุ๊บ ~

“........” สมุทรชะงัก  ไม่หันมามองผมที่เพิ่งหอมแก้มเขา  ผมกวาดตามองด้านข้างใบหน้านั้น  คิดหาคำตอบให้ผู้ที่ถามคำถามก่อนหน้านี้

“แล้วนายล่ะ มาทำไม” ผมตั้งคำถามกระซิบกลับไป  ใบหน้านั้นค่อย ๆ หันกลับมาและจ้องมองผมไม่วางตาเช่นกัน
 
“คิดว่าฉันควรตอบนายว่ายังไงดี” ผมยิ้มพูด  ต้อนคำถามทิ้งไว้ให้เขาได้คิดก่อนลุกขึ้นยืน 

“ฝันดีนะ” ผมตัดบทก่อนเดินจากมา   

อา ~ ใจเต้นแรงเป็นบ้า  น่าจะเพี้ยนแล้วล่ะ  ตอนเห็นระเบิดยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลย...


   ..

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น  ทุกคนพากันไปออกกำลังกายตามตาราง  มีเพียงผมกับพายุที่อยู่บ้าน  เสร็จจากมื้ออาหารเช้าหลังออกกำลังกายต่างก็แยกกันไป  สมุทรออกไปซื้ออาหารที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกับพายุ  ส่วนพวกที่เหลือขออนุญาตออกไปเที่ยว  ซึ่งผมก็อนุญาต เพราะถึงอยู่ติดบ้านไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมานอกจากเสียงดัง  พี่ธานถูกบังคับลากไปกับเขาด้วยเพราะต้องไปเป็นตู้ ATM สำหรับจ่ายค่าอาหาร 

“ลืมซื้อหัวหอมนี่” พายุบ่นขึ้นหลังถุงอาหารที่ถือมาถูกจัดวางลงบนโต๊ะ  ผมที่นั่งอยู่ที่โซฟาตรงห้องนั่งเล่นเหลือบมอง  แต่ไม่เข้าไปร่วมบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ที่เพิ่งกลับมาจากการจ่ายตลาด

“ลืมนมอัลมอนด์ของเฮียด้วย”

“เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้ครับ” สมุทรพูดขึ้น 

“จะดีเหรอครับ” น้องชายผมพึมพำ  มองหน้าสมุทรด้วยความลังเล 

“ไม่น่าจะมีอะไรนะครับ ผมจำทางได้ครับ” สมุทรยิ้มตอบ

“งั้นก็ได้ครับ เหมือนฝนจะตกเลย พี่เอาร่มไปด้วยนะ” พายุบอก

“ครับ”

“ซื้อหัวหอม เอ่อ.. งั้นยุฝากซื้อชีสเพิ่มด้วยดีกว่า แล้วก็นมอัลมอนด์ เอายี่ห้อนี้เท่านั้นนะครับ” มันพูดพลางยื่นหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้สมุทรดูภาพประกอบ  หลังจากนั้นฝ่ายที่ต้องออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้งก็ตระเตรียมของที่จะเอาไป  กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าผ้าสำหรับใส่ของ ร่มและพาสปอร์ต  ก่อนออกเดินทางก็ถูกพายุกำชับอีกครั้งว่าหากมีอะไรให้ติดต่อมาทันที 

บรรยากาศในบ้านเงียบลงอีกครั้ง  ผมลุกขึ้นตรงไปที่ห้องนอน  หยิบกางเกงยีนส์มาเปลี่ยนใส่  สวมแจ็กเก็ตลวก ๆ ก่อนหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือติดมือมา

“เฮียจะไปไหน” พายุที่นั่งจัดของอยู่ทักทันที

“เดินเล่น” ผมตอบ

“เดินเล่นที่ไหน ไม่มีใครตามไปเลย”

“กูไม่ได้เป็นง่อยนี่” ผมตอบ

“ไม่ได้ เดี๋ยวพี่ธานดุ เอาคนข้างล่างไปด้วย” มันพูดเสียงแข็ง  หมายถึงคนติดตามที่เฝ้าอยู่ที่ชั้นล่าง
 
“ครับ” ผมขานรับปัดไปที

“ครับ แปลว่าโกหก” พายุสวนทันควัน

“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ  เสือกรู้ทันอีกไอ้เหี้ยนี่

“จะไปซื้อกาแฟ ไปนะ” ผมตัดบท

“เฮียอย่าไปไกลนะ!” อีกฝ่ายตะโกนไล่หลังผมที่เดินตรงไปใส่รองเท้า

“จ้า ~” ผมขานรับกึ่งประชดก่อนจากมา 

การออกเดินทางของผมเพียงคนเดียวทำให้ลูกน้องที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่ทำท่าจะติดตามมาด้วย  แต่ถูกออกปากห้ามไว้ก่อน  และเพราะวิเคราะห์ได้ว่าคนที่ต้องกลับไปซูเปอร์มาร์เก็ตจะไปทางไหน  จึงเลือกเดินไปทางนั้น  เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเดียวที่อยู่ใกล้บ้านมากที่สุด  เดินเท้าประมาณสองกิโลฯ

การเร่งฝีเท้าทำให้ตามสมุทรได้ทันภายในเวลาไม่กี่นาที  อีกฝ่ายไม่ทราบว่าผมตามหลังมาด้วย  เขาตรงเข้าไปที่ซูเปอร์  เลือกซื้อของตามที่พายุสั่งไว้  ภารกิจเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ  เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี  สมุทรใช้เส้นทางเดิมที่เดินทางมากลับได้ถูกต้อง  ผมจึงแยกตัวออกมาอีกทางหนึ่งเพื่อตรงไปยังร้านประจำ 


ครืนนนน ~

“เอ้าไอ้เหี้ย ลืมเอาร่มมา” ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางบ่นกับตัวเอง  แต่ไม่ทันให้ฝนได้ลงเม็ดก็ถึงร้านกาแฟก่อนแล้ว

ร้านกาแฟรีโนเวทใหม่ขนาดกลาง  เป็นร้านที่เปิดมานานแล้วในย่านนี้  ตั้งอยู่ชั้น 2 ของตึก  ชั้นล่างขายอาหารซึ่งมีเจ้าของเดียวกัน  ทางเข้าคาเฟ่ที่ชั้น 2 ดูลึกลับและไม่ค่อยเรียกแขกเท่าไหร่นัก  คือถ้าไม่ใช่ขาประจำในย่านนี้ก็สามารถเดินผ่านไปได้เลยเพราะไม่สะดุดตา  เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สไตล์วินเทจกับกลิ่นอายของร้านที่ผสมความเป็นโมเดิร์นและฮ่องกงอย่างลงตัว  ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานวัยกลางคนและชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาเป็นขาประจำ  ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเมื่อไหร่ที่มาพักที่บ้านหลังนี้ 

กาแฟเย็นถูกสั่งมาหนึ่งแก้วเพราะไม่นึกอยากกาแฟร้อน  เนื่องจากดื่มแบบร้อนไปแล้วแก้วหนึ่งเมื่อเช้า  บรรยากาศสลัว ๆ กับการจัดวางโต๊ะแต่ละโต๊ะให้อยู่ห่างกันระยะหนึ่งเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าเป็นเสน่ห์หลักของร้าน  ประมาณว่า ไม่หวงพื้นที่เพื่อให้ลูกค้าอัดแน่นเป็นปลากระป๋องเพื่อเอายอดขาย

“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะคะ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเสียงทักใส ๆ กับคนที่เพิ่งเสิร์ฟกาแฟให้ตรงหน้า..

“อ่าว สวัสดีครับ” ผมผงกหัวยิ้มทัก  เธอเป็นผู้จัดการร้านนี้  ภาษาอังกฤษดีมาก  น่ากลัวนิด ๆ ก็ตรงที่ ทั้ง ๆ ที่ลูกค้าเยอะมากแต่เธอกลับจำลูกค้าประจำได้ทุกคน  ผมถูกเธอจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา  เพราะทันทีที่ผมเหยียบร้านนี้เป็นครั้งที่สองก็ถูกเธอทักขึ้นว่า “คุณเพิ่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ใช่ไหมคะ”  ได้ยินแล้วขนลุกไปหมด  แต่เพราะติดใจบรรยากาศและพนักงานที่นี่  ถึงแม้จะมีคาเฟ่เปิดใหม่มากมาย  แต่สุดท้ายก็มักจะมาตายรังที่นี่เสมอ

“นั่นน่ะสิครับ” ผมตอบทีเล่นทีจริง

“มาวันดีพอดีเลยค่ะ อันนี้เป็นขนมปังของทางร้าน เพิ่งลองทำให้ลูกค้าชิมวันนี้เองค่ะ เอากลับไปชิมดูนะคะ” เธอยื่นถุงกระดาษซึ่งมีขนมปังอยู่ด้านในมาให้

“ขอบคุณครับ” ผมรับมา

“ตามสบายนะคะ” อีกฝ่ายผลิยิ้มอย่างกันเอง  ให้หลังผู้จัดการร้านจากไปเพียงสิบนาที  ฝนด้านนอกก็เทลงมาอย่างกับใครให้คิว
กาแฟค่อย ๆ พร่องลงจนเหลือครึ่งแก้ว  ผ่านไปครู่หนึ่ง ฝนที่ตกหนักเมื่อครู่ก็ค่อย ๆ ซาลง  เสียงกริ่งที่ติดอยู่ตรงประตูร้านดังขึ้น  ความอยากรู้จึงเหลือบมองไปโดยธรรมชาติ  ลูกค้าที่เพิ่งมาถึงไม่ใช่ใครที่ไหน.. สมุทร

เราสบตากัน  อีกฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงปากประตูหุบร่มลงแล้วนำเสียบไว้ตรงที่เก็บร่มที่ทางร้านมีให้บริการ  พนักงานเอ่ยทักตามมารยาท  สมุทรเดินผ่านเคาน์เตอร์ตรงมาหาผมที่โต๊ะ  ผมเบือนหน้ากลับมา  ถึงอย่างนั้นก็สังเกตเห็นความเก้ ๆ กัง ๆ ของคนที่มาถึง  เจ้าตัวค่อย ๆ เลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออกแล้วนั่งลงโดยไม่พูดอะไร 

“อยากกินกาแฟทำไมไม่บอกละครับ ผมมาซื้อให้ก็ได้”

“.......” ผมไม่ตอบ  ตั้งศอกลงที่พักแขนเก้าอี้พลางเท้าคางทอดสายตาไปที่วิวด้านนอก  ถุงที่เขาเพิ่งไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้ถูกนำมาด้วย  เดาว่าคงกลับถึงบ้านไปรอบหนึ่งแล้ว  ไม่อย่างนั้นคงมาถึงร้านนี้ไม่ได้หากพายุไม่บอก 

“ร้านเงียบดีไม่ใช่เรอะ” ผมพูด  หมายถึง เมื่อซื้อกาแฟก็ต้องนั่ง เพราะสถานที่มันน่านั่ง

“ครับ” อีกฝ่ายเห็นด้วย  บทสนทนาจบลง  สมุทรกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้านก่อนหันมามองความว่างเปล่าตรงหน้าตน  ครู่หนึ่งเจ้าตัวก็ลุกขึ้นตรงไปที่เคาน์เตอร์รับออร์เดอร์  ให้หลังห้านาทีเจ้าตัวก็กลับมาพร้อมกับกาแฟร้อนของตน  กับกล่องเค้กของทางร้านที่มีเค้กชิ้นเล็ก ๆ หลากหลายรสชาติบรรจุอยู่ภายใน  และจานเค้กชิ้นหนึ่งที่วางลงข้าง ๆ แก้วกาแฟของผม

“ฉันไม่ชอบเค้กวานิลลาร้านนี้ มันเลี่ยน” ผมเหสายตากลับมามองวิวและยังคงนั่งเฉยอยู่ท่าเดิม

“........” สมุทรไม่ตอบ  อีกทั้งไม่ถาม  เขายืนอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วก็ตรงไปที่เคาน์เตอร์และกลับมาอีกครั้งพร้อมกับขนมหวานจานใหม่  มันคือ ทีรามิสุ

ผมเหลือบมอง  ครั้งนี้ไม่ได้ติอะไรกลับไป  อีกฝ่ายจึงนั่งลง...

เสียงเพลงที่ทางร้านเปิดคลอเบาจนได้ยินเสียงฝนด้านนอกที่ลงเม็ดหนักอีกครั้ง  ต่างฝ่ายต่างเงียบอย่างนั้นพักใหญ่  ไม่มีบทสนทนาเลย  แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอึดอัดอะไร 

“โกรธที่ผมแพ้รึเปล่าครับ” จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ถามขึ้นด้วยคำถามที่ผมเองก็ไม่คาดว่าจะถูกถาม

“หึ ไม่มีใครโกรธนักมวยคนไหนที่ชกกับไอ้แผนแพ้หรอก” ผมยิ้มมุมปาก  จ้องมองแผ่นกระจกที่ปกคลุมไปด้วยเม็ดฝน  ปีนี้เป็นช่วงขาขึ้นของไอ้แผนในวงการมวยไทย  จัดเป็นนักมวยแนวหน้าที่ค่าตัวอยู่ในระดับ A++

“........” สมุทรเงียบไป  ผมเหลือบมองเขาที่ลดระดับสายตาลงมองแก้วกาแฟของตัวเองก่อนจะยกขึ้นดื่มช้า ๆ

“รึถึงไม่ใช่ไอ้แผน ฉันก็ไม่เคยโกรธนักมวยคนไหนที่พยายามแล้วแต่แพ้หรอก” ผมขยายความ  พอมานึก ๆ ดูแล้ว  คำถามนี้จากสมุทรทำให้ผมนึกย้อนกลับไปถึงอดีต  นึกไม่ออกว่าเคยโกรธไหมหรือตอนไหน 

“พยายามรึเปล่าล่ะ นายน่ะ ?” ผมย้อนถาม

“ครับ” สมุทรตอบ

“หึ..” ผมหัวเราะเบา ๆ

“เดี๋ยวจะจัดการเรื่องเงินให้ ไม่ต้องห่วงหรอก” ผมพูด

“ครูมวย ทั้งพี่ธานแล้วก็พนักงานที่ค่ายบอกผมหมดแล้วครับ อีกอย่าง.. ผมไม่ได้มาเพราะเรื่องเงิน” สมุทรย้อน  เสียงนั้นแข็งขึ้นเล็กน้อยแสดงจุดยืน  แม้กระทั่งไม่หันไปมองตรง ๆ ก็รับรู้ได้ถึงรังสีที่ไม่พอใจ

“คุณกำลังดูถูกผมนะครับ” อีกฝ่ายขยายความ

“ก็เมื่อคืนฉันถามแล้วไม่ใช่เรอะว่ามาทำไม” ผมย้อนตอบ

“........” คนตรงหน้าเงียบลง  ผมหันกลับไปมองก่อนค่อย ๆ ขยับร่างกายมานั่งตัวตรงตามเดิม  มือที่เท้าคางอยู่เลื่อนวางไปกับที่พักแขนด้วย  เราจ้องมองกันในความเงียบอยู่ครู่ใหญ่  เหมือนว่าจะไม่มีใครยอมแพ้ใครในประเด็นนี้

“ฉันเป็นพวกชอบพูดเรื่องเงินให้มันกระจ่างน่ะ ไม่ได้มีใครกินลมแทนข้าวได้สักหน่อย..” ผมต่อประเด็นอย่างจงใจ

“ทั้งก่อนเริ่มงานทั้งหลังจบงาน เราต่างก็ยอมขึ้นไปเจ็บตัวเพราะเรื่องนั้นนี่ คิดว่าคนที่ลงแรงก็คงอยากรู้ด้วยเหมือนกัน ไม่ดีเรอะ ? ที่ฉันไม่ใช่เจ้านายประเภทที่ว่า เงินเดือนตามความสามารถ” ผมเลิกคิ้วกวน  กล่าวถึงวิถีการทำงานของผมที่มีฐานการวัดงานที่มีมาตรฐานชัดเจน  ส่วนความสามารถรายบุคคลค่อยว่ากันไปตามความสามารถนั้นอีกทีหนึ่ง

“หึ..” อีกฝ่ายหลุดยิ้ม  เหลือบตามองไปอีกทางคล้ายปฏิเสธไม่ได้

“ฉันอยากมีเซ็กซ์กับนาย” ผมพูดสวนทันทีที่เห็นรอยยิ้มนั้น 

“........” สมุทรชะงักไป  หันกลับมาจ้องมองผมไม่วางตาขณะที่รอยยิ้มค่อย ๆ หุบลง 

“เหมือนที่นายทำกับแฟนนาย อยากรู้ว่าเสียงนายเป็นแบบไหนเวลาที่ของฉันอยู่ในตัวนาย สมุทร.. ฉันอยากทำให้นายเป็นบ้าไปเลย” ผมพูด  ไม่ละสายตาไปจากคนตรงหน้าเลยแม้เสี้ยววินาที

“รึต่อให้นายอยากจะทำฉันเหมือนที่นายทำกับผู้หญิง นั่นฉันก็ไม่สนเหมือนกัน ไอ้ประเด็นหลังนี่น่ะนะ มันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า อา.. ฉันมาถึงจุดนี้ได้ยังไงนะ” ผมพึมพำพูดบอก  โทนเสียงที่ไม่ถูกกดไว้ด้วยความเกรงใจกับภาษาไทยที่ใช้ได้อย่างอิสระในที่โจ่งแจ้งนี้  ไม่คิดว่าใครในละแวกนี้ฟังออก  หรือถ้าฟังออก  นั่นก็ไม่สนด้วยเช่นกัน 

“........” ผมเงียบลง  สายตาของสมุทรเริ่มเคลื่อนไหวในขณะที่ร่างกายของเขายังคงนิ่งไม่ขยับ

“..แฟนเก่าครับ” อีกฝ่ายขยายความ แก้ไขคำพูดของผมเมื่อครู่นี้ทั้งที่ผมไม่ได้ติดใจอะไร

“สำคัญเรอะ?” ผมย้อน  หมายถึงการแก้คำพูดเล็กน้อยนั้นของเขา

“สำคัญครับ ผมเองก็ชอบพูดให้กระจ่างเหมือนกัน” อีกฝ่ายตอบอย่างหนักแน่น

“หึ..” ผมพ่นหัวเราะที่ตนถูกประชดกลับบ้าง

“การมาของนายมันเหมือนต้องการบอกฉันว่า คืนนั้นมันโอเค” ผมพูด  กวาดตามองทุกปฏิกิริยาบนใบหน้านั้น  ต้องการเก็บทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้น  เสียงฝนค่อย ๆ เบาลง  ทำให้บทสนทนาที่เป็นปกติได้ยินชัดเจนขึ้นกว่าก่อนหน้า

“แค่มีอะไรกันเหรอครับ” คำพูดเชิงถามนั้นถูกเอ่ยขึ้นอย่างนุ่ม ๆ   

“แค่เซ็กซ์รึเปล่านะที่คุณต้องการ นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งคำถาม..” เขาขยายความ  ผมปิดปากสนิท  จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าไม่มีประโยคไหนที่ควรพูดแทรกออกไปได้ 

“คุณไฟ...” สมุทรผลิยิ้ม

“รู้ไหมครับว่าสำหรับผมมันยากแค่ไหนที่จะต้องยอมรับความรู้สึกที่ผมมีให้คุณ” อีกฝ่ายพูดขณะมองแก้วกาแฟของตัวเอง

“เหตุผลเพราะคุณเป็นผู้ชายเหรอ หึ.. ไม่ใช่หรอกครับ มียากกว่านั้นอีก เพราะมันเป็นคุณต่างหาก” เขาเงยหน้าขึ้นพลางผลิยิ้ม
 
“ผมตั้งทางเลือกให้ตัวเอง.. ว่าควรไปต่อแบบนี้ข้าง ๆ คุณโดยไม่อนุญาตให้อะไรเกิดขึ้น หรือว่าควรคว้าความรู้สึกนี้ไว้”

“แต่ในใจมันมีคำตอบของมันอยู่แล้วครับ ชัดเจนซะจนผมเองก็รู้สึกว่ามันน่ากลัว” สมุทรพูด  ดวงตาที่จ้องมองผมพาดำดิ่งลึกลงไปในความหมายนั้น  ก่อนจะทิ้งช่วงประโยคแล้วเงียบไป 

“ผมเป็นคนใช้ความจำเป็นเป็นเหตุผลให้ตัวเองก่อนตัดสินใจไม่ว่าจะซื้ออะไรหรือทำอะไร แม้แต่เรื่องทำนองนี้ก็เคยคิดว่ามันจำเป็นไหม มันช่วยไม่ได้เพราะสิ่งแวดล้อมบังคับให้โตมาแบบนี้”

“........” ผมเพียงเงียบฟัง  ไม่คิดที่จะพูดแทรกแม้แต่ประโยคเดียว  ต้องการรับรู้ทุกความนึกคิดที่ถูกเปิดเผยนั้นออกมาอย่างใจเย็น  บทสนทนาของเราเป็นไปโดยเรียบง่าย  ไม่มีโทนเสียงกระแทกกระทั้นเลยเช่นกัน   

“แต่ครั้งนี้ ผมแทบไม่สนเรื่องจำเป็นไม่จำเป็นนั้นเลยครับ มีอีกกี่พันเรื่องกันนะที่ผมยังไม่รู้จากคุณ คุณที่ผมยังไม่เคยเห็นเป็นแบบไหน อดีตคุณเป็นยังไง ทำไมคุณมีบ้านที่นี่ล่ะ นี่ฮ่องกงนะ ลูกน้องพวกนั้นด้วย มีอะไรอีกที่ผมควรรู้แต่ไม่ควรถาม แล้วถ้าผมอยากรู้ผมควรทำยังไง หรือมีเรื่องไหนอีกไหมที่ผมควรปิดหูปิดตาไปซะ หึ.. คุณไฟ ผมจะยืนอยู่ข้างคุณได้ยังไงครับ ผมนึกไม่ออกเลย แต่ถึงอย่างนั้น ตัวผมเองก็ดันเถียงเหตุผลที่จำเป็นนั้นกับตัวเองอีก หึ.. ไม่เคยรู้เลยว่าการตัดสินใจไม่คว้าไว้มันยากขนาดนี้มาก่อน

“คุณคิดว่าเราควรจัดการมันยังไงดีล่ะครับ” อีกฝ่ายพูดเชิงถาม  ทุกอย่างถูกตัดบทจบทันทีคล้ายกับผู้พูดเองก็ได้ตัดสินใจแน่นอนแล้ว

“ฉันรักนาย” ผมพูด  การยอมเปิดปากพูดก่อนเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่แน่ชัดในตอนนี้  ยอมที่จะไม่เอ่ยกล่าวออกไปในมุมตัวเอง  ว่าแม้แต่ผมเองการที่จะยอมรับความรู้สึกนี้ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายเหมือนกัน
 
“........” สมุทรมองผมไม่กะพริบตา  ผมเองก็เช่นกัน 

“นายจะจัดการมันยังไงล่ะ” ผมต้อนถาม  อีกฝ่ายชะงักไปครู่หนึ่ง  ดวงตาของเขาที่มองผมอยู่ค่อย ๆ เปลี่ยนความหมายไปจากก่อนหน้า   

“ผมตอบรับคุณได้เหรอครับ..”

“ลองตอบดูสิ”




...............(ไฟ)..............

ผู้เขียน:

1. นิยายเรื่องนี้จะย้ายไปที่ห้องนิยายจบแล้ว และไม่มีการต่อตอนพิเศษที่นี่ 
2. ประกาศฉบับวันที่ 11 ธันวาคม 64  เกี่ยวกับเนื้อหาตอนจบ  ความเป็นไปของนิยายเรื่องนี้ในอนาคต  และกรณีปิดรับแบบสอบถามความสนใจ  สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โพสต์ลำดับที่ 20 ลิงก์นี้นะคะ ประกาศแจ้ง 11 Dec 2021 (https://baby.thai-forum.net/t546-topic#8549)
3. อธิบายเนื้อหาที่โพสต์ถัดไป


ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้
ขอบคุณทุกคอมเมนต์และกำลังใจ
ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ^ - ^

หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 60 [15.52 น. - พฤ. 25 พ.ย 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: เบบี้ ที่ 11-12-2021 16:24:38

เพิ่มเติม

1. “ดม” ตัวละครในตอนจบ เป็นตัวละครเก่า เคยปรากฏแล้วในตอนที่ 57 ตำรวจที่สนามแข่ง

2. ตัวละครอื่น ๆ ที่โผล่ขึ้นมาใหม่มีบ้างที่กล่าวถึงอดีตสั้น ๆ  บางอันก็อธิบายแค่หน้าที่เท่านั้น  บางฉากจึงมีตัวละครใหม่ ๆ เข้ามาแล้วออกไป  เพราะพื้นฐานเดิมคืออดีตของไฟและชีวิตที่ใช้มาก็พบเจอคนมามาก  ซึ่งไม่สามารถกล่าวถึงได้หมดโดยละเอียด  ตามพล็อตแล้วไฟมีเส้นสายที่เจ้าตัวเองก็เปิดเผยกับแค่บางคนเท่านั้นอะไรแบบนี้น่ะค่ะ  บางตัวละครและบางมุมจึงตั้งใจวางไว้เป็นปริศนา 555 ตามที่สมุทรพูดถึงความกังวลว่าเขาเองว่ามีสิ่งที่ไม่รู้เกี่ยวกับไฟอีกมาก  ซึ่งเขารับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบตัวไฟที่ไฟเองก็ไม่บอกทุกอย่างกับเขาทั้งหมด

3. อธิบายคอมเมนต์ที่ได้รับจากคนอ่านในตอนที่ 60

.
.

ดุเดือนเลือดสาดของจริง ว่าแล้วคนเบื้องหลังไม่ใช่ใครตำรวจนี่เองสินะ
ทั้งๆที่รู้มาตลอด คนชื่อผาสินะ ไม่รอดหรอกคนผิดต้องได้รับโทษ
ใครยิงตำรวจคนนั้นถ้ามใช่คนที่พี่ไฟเจอมา พี่ทัพรึป่าว? 
หวังว่าไม่มีใครเป็นอะไร อยากให้ทุกคนปลอดภัย ช่วยคนของเราออกมาให้หมดแล้วเผาพวกมันให้สิ้นซากไปค่ะพี่ไฟ
ปล.สมุทรไม่งอนนะฉากบู๊ไม่มีเธอ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำสมุทรต้องเข้าใจพี่ไฟด้วย
แค่เขาอยู่ด้วยกันนี่ก็ชอบมากไม่จำเป็นต้องพูดเลย เพราะเขาแสดงออกทางสายตาแหละ อิอิอิ
อ่านเท่าไรก็ไม่เคยพอจริงนะ ผูกพันธ์กันมานาน จะจบแล้วใจหายนะเอาจริง
ขอบคุณเบบี้นะคะ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ

ตอบ: ผา เป็นตำรวจที่อยู่ในทีมของทัพ ซึ่งได้เคยกล่าวถึงและมีบทบาทแล้ว แต่ทางนี้ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าอยู่ตอนที่เท่าไหร่ 555++



“ไม่ว่าจะอยู่ข้างฉันในฐานะไหน ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเองไม่ใช่เหรอสมุทร”

อ่านตอนนี้รอบ 2 ทำให้ต้องหาเวลา
ย้อนอ่านทั้หมดอีกรอบ
ด้วยความสงสัยที่ว่า
คุณไฟขา เรียกชื่อสมุทร กี่ครั้งในเรื่องนี้
 :a5:

ตอบ: อืมมมม.. น่าคิดค่ะ


อ่านย้อนตั้งแต่แรกเพื่อลำดับเรื่องราวทั้งหมด ผ่านมานานเหมือนกันแต่อ่านเท่าไรก็ไม่เคยพอจริงๆค่ะ
ฉากต่อยมวย หรือแม้แต่บู้เลือดสาดเบบี้แต่งได้ดีมาก เห็นภาพมีความรู้สึกร่วมด้วยเสมอ
 บทบาทความสัมพันธ์พัฒนาแบบไม่ได้รีบเร่งนักแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ทุกตอนที่อยู่ด้วยกัน หรือแค่นั่งเงียบๆจ้องตากันไปมาทำไมถึงรู้สึกดีแบบนี้ ชอบอ่ะ
มันเขินจนอยากจะกริ๊ด
คำว่า " รักดีไหมนะ "  แล้วทำหน้ายิ้มกริ่มนี่มันจริงๆนะ
เกือบลืมไปเลยว่าเข้มมีคุณหงษ์แล้ว นึกได้ตอนพี่ไฟบอก 555+
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นอีก  เออแล้วมองตอนไหนนะ หรือว่าตอนที่พูดกับหยาที่บ้านแน่ๆ สายตานั่นคงทำให้สมุทรอดคิดมากไม่ได้
ฉาก NC ไม่ได้หวือหวาแต่่ประทับใจ
ฉันหลงรักคุณไฟตั้งแต่เริ่มต้นและตลอดไป
ถึงตอนจบคงต้องกลับมาอ่านซ่้ำๆเพราะความคิดถึง
รักนิยายเรื่องนี้มากค่ะขอบคุณเบบี้ :mew1:

ตอบ: หมายถึงสายตาตอนที่มองในตอนที่พายุถูกพาตัวไปหลังจบการแข่งขัน  และไฟต้องการปลีกตัวออกไปคนเดียวน่ะค่ะ  ในตอนนั้นได้บรรยายบรรยากาศประมาณว่า  แม้แต่สมุทรเองไฟก็ไม่สนค่ะ  :mew6:


อุ๊ยๆ! ตอนที่ 59 เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากจ้า :-[  บอกตรงๆเลยจ้าเหมือนจะจำตัวละครที่ไม่ใช่ฝ่ายของไฟไม่เคยได้ขนาดนังเต้ยังเกือบลืม555 เชอร์รี่กับคนขายเป็ดย่างเพิ่งมาใช่ม่ะ :confuse:
จะจบแล้วเหรอจะมีฉากหวานกว่าตอนที่ 59 ไหมอ่าอยากอ่าน :impress:

ตอบ: ใช่ค่ะ เพราะในมุมของเรื่องนี้ ผู้เขียนตั้งใจว่าไฟมีลูกน้องอยู่มากที่มีบุญคุณต่อกันและไม่เปิดเผยตัวตน  เพราะอดีตของไฟไม่ได้เกริ่นทั้งหมด จะสอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตบ้าง  โดยให้มีตัวละครที่ว่าจ้างเพิ่มเข้ามาตามความถนัดนั้น ๆ  โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยว่าพวกนั้นมีที่มาอย่างไร  ดังนั้น จึงไม่สามารถเล่ารายละเอียดได้หมดถึงที่มา  เพื่อตัดความยืดเยื้อนั้นไป (ซึ่งอาจไม่สำคัญต่อบริบท) จึงเป็นการเล่ารวบรัดถึงหน้าที่งานที่ลูกน้องต้องไปทำเท่านั้นค่ะ


บรรยายเห็นภาพ ทุกฉาก เหมือนนั่งดูหนัง เฮียปกป้องน้องหมุด (เฮียรักอะเนอะ วางยาสลบซะเลย) ยังไม่ชัดเจน ฝั่งเต้ (เข้าใจว่าเต้แค้นเฮียที่จับเฮียไม่ได้ เอาความโกรธไปลงที่พายุ)

ตอบ: เต้เป็นตำรวจทีมเดียวกับทัพค่ะ เป็นลูกน้องของทัพ
ส่วนกริดแค้นไฟ แต่จริง ๆ แล้วไม่เชิงว่าเอาความโกรธไปลงที่พายุค่ะ
การที่พายุถูกจับตัวไปเป็นความบังเอิญ (มีเบื้องหลังของสาเหตุแต่ไม่ได้เขียน เพราะนั่นเกิดขึ้นจากมุมของพายุ)
คร่าว ๆ คือ ตอนที่ 59 ที่เล่าไปในตอนก่อนที่เรื่องบนเตียงของไฟกับสมุทร ซึ่งกริดมีส่วนในการล้มมวย จริง ๆ แล้วกริดแค้นกายค่ะ และบังเอิญว่าการได้ตัวพายุไปก็เป็นโอกาสที่จะได้ใช้เป็นเครื่องมือเท่านั้น แต่บังเอิญว่าพี่ไฟแกรู้เส้นสายงานดำ ๆ ของกริดอยู่แล้ว ก็เลยมาใช้จัดการ (ช่วยทัพด้วย) และบังเอิญพายุมันเก่งไปหน่อย เหตุการณ์เลยพลิกผันค่ะ 555++ :katai5: :katai5:


ขออนุญาตตอบเท่านี้ ขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ ~
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 11-12-2021 18:35:07


“รู้ไหมครับว่าสำหรับผมมันยากแค่ไหนที่จะต้องยอมรับความรู้สึกที่ผมมีให้คุณ”

“เหตุผลเพราะคุณเป็นผู้ชายเหรอ หึ.. ไม่ใช่หรอกครับ มียากกว่านั้นอีก เพราะมันเป็นคุณต่างหาก”

โอย~~~~ ทำไมเค้าเขินกับสองประโยคนี้
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 11-12-2021 23:07:58
มุแงงงง เค้าอยากได้ตอนสวีททท หวี วี มุแง :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattapoi ที่ 12-12-2021 01:01:08
โอ้ยยยย ลูกชายฉันมีบทยาวๆกับเค้าบ้างแล้วว อิแม่ปริ่มม อยากอ่านเวลาเค้ารักกันจังเลยค่ะ อยากเห็นมุมสวีทอีก พลีสส
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-12-2021 13:27:31
ลืมตัวละครชื่อดมไปเลย แอบอึ้งอยู่นะ ทุกอย่างดูเคลียร์หมดแล้ว บทสุดท้ายทำเอาซึ้งใจ หรือนี่อินเกินไป55555
ไม่อยากให้จบอยากอ่านต่อ คงต้องกลับมาวนอ่านเพราะคิดถึงตัวละคร เรื่องจริง "อย่าท้าให้บ้ารัก" จบแล้วนะ
แต่ทำไมความรู้สึกนี่ยังเหมือนว่ามันยงไม่จบนะ5555555 ชอบเวลาที่เขาอยู่ด้วยกันเวลาส่วนตัวเป็นโลกของเขา คำพูด หรือแค่นั่งเงียบมันสร้างความผูกพันได้ถึงขนาดนี้ได้ไงกัน อยากเห็นเขาสวีทมากกว่านี้
 ยิ่งตอนสุดท้ายสมุทรจากที่เคยเอาแต่เงียบ พอได้พูดยิ่งรู้ว่าเขายากที่จะตัดสินใจ เพราะ มันคือ "คุณไฟ" ไม่ใช่คนธรรมดาที่ไหน
คำตอบแบบไหนแล้วแต่สมุทรเลยค่ะ เพราะแค่อ่านก็รู้แค่ว่าสมุทรก็รักคุณไฟนี่เขินจะแย่แล้ว กริ๊ดดดดดดดดดด

*ขอบคุณเบบี้
เราผูกพันกับตัวละครมากมาย ขอบคุณที่สร้างพวกเขามาให้รู้จัก รักพี่ไฟมากๆเลยค่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ติดตามนิยายของเบบี้เสมอนะคะ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ    :กอด1: :L2:


หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 12-12-2021 21:40:41
จบได้ใจบางมากค่ะ หนักแน่น มั่นคงตามสไตล์ ไฟสมุทร ... คนอ่านแบบเราก็เขิลตัวบิดไป 
.
รออุดหนุนตอนพิเศษค่ะ
รอผลงานใหม่ด้วยค่ะ
ขอบคุณเบบี้มากนะคะ...♥️✌️
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 13-12-2021 12:18:00
ขอบคุณที่มาเขียนมาจนจบ
ขอบคุณที่ทำให้อ่านสนุกจนไม่อยากให้จบ
ขอให้มีความสุขกับการเขียน
ขอให้มีเรื่องต่อๆไป
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: ืnudeend ที่ 13-12-2021 13:58:02
พึ่งเคยได้มาอ่าน สนุกมากเลย ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-12-2021 00:13:31
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 17-12-2021 12:24:52
ดุเดือดเลือดพล่านมาก
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥แมวจอมซน♥ ที่ 18-12-2021 15:49:45
ขอตอนพิเศษหวานๆ หลายตอนนะคะพี่เบบี้
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 18-12-2021 17:49:09
สมุทรถ้าจำไม่ผิดคือเก็บคำพูดเอาไว้มาพูดตอนจบใช่ม่ะพูดทียาวมาก กว่าจะเคลียร์ใจกันได้เล่นซะตอบจบเลย o4
    ไม่มีตอนพิเศษในนี้จริงเหรอคะคุณเบบี้ :o11: :m17:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Goldenfishja ที่ 18-12-2021 22:08:24
ตามอ่านและรอตอนจบเรื่องนี้มานานมากกกก ดีใจที่มาต่อจนจบ ขอบคุณนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 19-12-2021 10:11:59
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
คุณไฟแมนมาก สารภาพรักก่อนอีก สมุทรคือไปไม่เป็นแล้ว   :mew3:  เขิน ๆ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-12-2021 01:19:38
มีความสุข เฮียรักหมุด หมุดรักเฮีย เพราะใช้หัวใจ นำทางรัก ขอบคุณเรื่องราวที่ยาวนาน น่าจดจำครับ
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 02-01-2022 04:01:02
สนุกมากๆค่ะ อยากอ่านต่ออีกจังเลยค่ะ pls.  :ling1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 15-01-2022 15:00:35
 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

ในที่สุดคำว่ารัก ก็ได้บอกกันแล้วเนอะ  :mew1:

จะบอกว่าใจหายกับการที่บอกว่าจบ แต่มันก็เต็มอิ่มนะคะกับการลุ้นมาจนจบ

ได้แต่ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากมายจริงๆ

 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 08-02-2022 00:28:27
อ่านซ้ำๆวนไปหลายรอบด้วยความประทับใจ ขอบคุณนะคะ อยากมีตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-03-2022 14:07:28
ขอบคุณค่ะ สนุกมากกกกกกก ตามอ่านแบบรวดเดียวจบ วางไม่ลงเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2022 14:24:54
จบได้อย่างถูกใจมากๆค่ะคุณเบบี๋   :mew1: :mew1: :mew1:
ก่อนนี้อ่านไปก็เฮ้อ ....... สมุทร เย็นชา สมุทรคิดยังไงกับคุณไฟ  :z3: :z3: :z3:

รู้ไหมครับว่าสำหรับผมมันยากแค่ไหนที่จะต้องยอมรับความรู้สึกที่ผมมีให้คุณ”

“เหตุผลเพราะคุณเป็นผู้ชายเหรอ หึ.. ไม่ใช่หรอกครับ มียากกว่านั้นอีก เพราะมันเป็นคุณต่างหาก”
 
“แต่ในใจมันมีคำตอบของมันอยู่แล้วครับ ชัดเจนซะจนผมเองก็รู้สึกว่ามันน่ากลัว”

“แต่ครั้งนี้ ผมแทบไม่สนเรื่องจำเป็นไม่จำเป็นนั้นเลยครับ มีอีกกี่พันเรื่องกันนะที่ผมยังไม่รู้จากคุณ คุณที่ผมยังไม่เคยเห็นเป็นแบบไหน อดีตคุณเป็นยังไง ทำไมคุณมีบ้านที่นี่ล่ะ นี่ฮ่องกงนะ ลูกน้องพวกนั้นด้วย มีอะไรอีกที่ผมควรรู้แต่ไม่ควรถาม แล้วถ้าผมอยากรู้ผมควรทำยังไง หรือมีเรื่องไหนอีกไหมที่ผมควรปิดหูปิดตาไปซะ หึ.. คุณไฟ ผมจะยืนอยู่ข้างคุณได้ยังไงครับ ผมนึกไม่ออกเลย แต่ถึงอย่างนั้น ตัวผมเองก็ดันเถียงเหตุผลที่จำเป็นนั้นกับตัวเองอีก หึ.. ไม่เคยรู้เลยว่าการตัดสินใจไม่คว้าไว้มันยากขนาดนี้มาก่อน”

“คุณคิดว่าเราควรจัดการมันยังไงดีล่ะครับ” อีกฝ่ายพูดเชิงถาม  ทุกอย่างถูกตัดบทจบทันทีคล้ายกับผู้พูดเองก็ได้ตัดสินใจแน่นอนแล้ว

 “นายจะจัดการมันยังไงล่ะ”

“ผมตอบรับคุณได้เหรอครับ..”   

“ลองตอบดูสิ”
โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆ มันดีต่อใจ  :o8: :-[
ขอบคุณ คุณเบบี๋มากกกกกกก ค่ะ 
          :pig4: :pig4: :pig4:
       :L1::L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: lilchubby ที่ 16-10-2022 22:21:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 11-10-2023 22:47:23
คิดถึงเลยแวะมาอ่านอีกรอบ เป็นนิยายที่อ่านได้ไม่รู้เบื่อ และใช้เวลาอ่านนานมากกกกก
เพราะคิดตามและอยากซึมซับกับทุกประโยคของแต่ละตัวละคร คนเขียนเก่ง o13