พิมพ์หน้านี้ - ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: aiaea83 ที่ 22-12-2017 19:31:08

หัวข้อ: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-12-2017 19:31:08
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


รักนี้ แค่นาย




สารบัญ


บทนำ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3758294#msg3758294)    1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3758758#msg3758758)    2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3759560#msg3759560)
 3  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3761079#msg3761079)    4  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3762376#msg3762376)    5  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3762987#msg3762987)    6  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3763735#msg3763735)
 7  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3765767#msg3765767)    8  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3767590#msg3767590)    9  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3774250#msg3774250)    10  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3774771#msg3774771)
 11  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3777875#msg3777875)    12  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3780556#msg3780556)    13  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3787694#msg3787694)    14  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3794429#msg3794429)
 15  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3797873#msg3797873)    16  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3801654#msg3801654)    17  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3805955#msg3805955)    18  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3812634#msg3812634)
 19  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3816335#msg3816335)








ผลงานเรื่องที่ผ่านมา

 Just you and I เพราะนายคือของฉัน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54801.msg3425771#msg3425771) [จบแล้ว] (โช x กลอย)
 No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3448636#msg3448636) [จบแล้ว] (ฟลอยด์ x ต้อม)
 คำทำนาย...ทายว่าต้องรัก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55178.msg3445594#msg3445594) [จบแล้ว] (พี่ใหญ่ x น้องอัด)
 พี่ครับ...ไอเลิฟยู  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56100.msg3493194#msg3493194) [จบแล้ว] (เม่น x ม่าน)
 Hello Daring คนนั้น ที่รักของผม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61239.msg3676214#msg3676214) [จบแล้ว] (ป๋ากร x ปูน)






*** หมายเหตุ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากจิตนาการ ไม่มีบุคคลในชื่อหรือสถาบันใดๆ เกี่ยวข้องทั้งสิ้น***
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [บทนำ] // {22/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-12-2017 19:37:30

,,บทนำ,,




       “นะขมิ้น ช่วยแม่หน่อย พลีส” คำร้องขอมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ท่าทางน่าสงสารแบบนั้น จะทำให้ลูกสักกี่คนที่ใจแข็งอยู่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ผมแน่นอน “หากขมิ้นไม่ช่วย แม่ต้องแย่แน่ๆ”

   “แต่ผม...”

   “ขมิ้น”

   ผมเม้มริมฝีปากแน่น ใจหนึ่งก็อยากช่วย แต่อีกใจก็...

   “เรื่องของคนอื่นก็ให้จัดการกันเอง” เสียงแข็งแทรกเข้ามา ผมหันหน้าไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา มือข้างหนึ่งถือกระบอกซูมใส่แปลนบ้าน อีกมือถือกระเป๋าเอกสาร “อย่าคิดไปยุ่งเชียวนะ”

   “ฉันไม่ได้ขอให้นายช่วยสักหน่อย” เสียงแวดใส่คนมาใหม่จนผมสะดุ้ง “อีกอย่าง ขมิ้นก็ลูกฉัน แล้วขิงก็ลูกของนายเหมือนกันนะ”

   “ลูกที่ไม่เคยเห็นหัวพ่อมันเหรอ แบบนั้นก็เรียกว่าลูกเหรอ” พ่อผมกระแทกข้าวของที่ถือมาไว้บนโต๊ะ ขายาวๆ นั่นสาวเร็วมาจนถึงตัวผมและแม่ที่นั่งอยู่ “ตั้งแต่เลิกกันมา มันเคยมาหาบ้างไหม ก็ไม่ เจอกันมันทักไหม ก็ไม่ แล้วแบบนี้...”

   “ก็นายเล่นแต่งตัวมอมแมม ขิงจะไปทักได้ยังไง เขาเป็นถึงนายแบบชื่อดังนะ” แม่แทรกขึ้นทันทีแม้พ่อจะยังพูดไม่จบ

   “อ๋อ เป็นคนดังมีพ่อเป็นคนธรรมดาไม่ใช่อย่างงั้นสิ งั้นไอ้ขมิ้น มึงอย่าไปช่วยนะ มึงมันลูกคนธรรมดาแบบกู”

   “นี่”

   “ทำไม”

   ผมรีบลุกขึ้นแยกพ่อและแม่ออกจากกัน หน้าของทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่แล้ว แถมสายตาก็ฟาดฟันซะผมกลัวว่าผ้าม่านจะขาดลงเสียก่อน คมเหลือเกินสายตา

   “ทะเลาะกันแบบนี้ ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอ” ผมว่าออกมา สายตาเหลือบไปมองบุคคลแปลกหน้าที่นั่งยิ้มแห้งๆ อยู่ท้ายโซฟา “ทะเลาะกันเป็นเด็กตลอด” พูดจบก็ถูกฝ่ามือพ่อตบซะหน้าคว่ำ

   “กูพ่อมึงนะ”

        พ่อเดินปั้นปึงหยิบข้าวของตัวเองขึ้นชั้นสองไป เหลือแค่แม่ที่กระแทกตัวนั่งโซฟาอย่างหงุดหงิด

   “นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” แม่บ่น ก่อนจะยื่นมือมาดึงให้ผมนั่งข้างตามเดิม “ขมิ้น ช่วยแม่หน่อยนะลูก ช่วยพี่ขิงด้วย มีขมิ้นคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้” ระหว่างแม่พูด คนแปลกหน้าก็พยักหน้าตามตลอดจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร

   “ใครเหรอแม่” ถามเสร็จ คนแปลกหน้าก็รีบปรี่เข้ามานั่งข้างๆ แม่

   “คนนี้เขาชื่อพี่หมูหวาน เป็นผู้จัดการส่วนตัวของพี่ขิงเขาน่ะ” คำแนะนำของแม่ก็ยังทำให้ผมงงอยู่ดี “คือเขาเนี่ย เป็นผู้ช่วยของแม่ด้วย”

   “แล้วเขามาทำไม”

   “เขาก็อยากเจอขมิ้นไง แม่บอกเขาว่าขมิ้นหน้าเหมือนพี่ขิงอย่างกับโคลนนิ่งออกมา”

   นั่นแหละครับ เป็นเหตุผลที่แม่มาขอร้อง อ้อนวอนให้ผมช่วยเหลือพี่ชาย เพราะผมกับพี่ขิงเราเป็นฝาแฝดกัน ส่วนมากฝาแฝดมักจะมีหน้าตาคล้ายคลึงกันไม่มากก็น้อย บางคู่ก็มีบางจุดที่แตกต่างให้พอแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร แต่สำหรับผมกับพี่ชายนั้น คงเป็นพวกส่วนน้อย เพราะแม้แต่ไฝที่ต้นคอเราก็ยังมีเหมือนกัน เรียกได้ว่า ผมกับพี่ขิงเราเหมือนกันตั้งแต่เส้นผมจนไปถึงปลายเล็บราวกับโคลนนิ่งอย่างแม่บอก ขนาดที่ว่าตอนเด็กๆ พ่อกับแม่ก็มักจะจำพวกเราสลับกันแทบทุกครั้ง

   ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้นะครับ

   “หากคุณหญิงแม่ไม่บอก หมูหวานต้องคิดว่าคนที่นั่งตรงหน้า คือน้องขิงแน่นอนค่ะ” เสียงดัดให้เล็กของคนแปลกหน้าทำให้ผมเลิกคิ้วนิดๆ เป็นผู้ชายแต่ลงท้ายประโยคด้วยค่ะ

   “ใช่ไหมๆ ฉันบอกแล้วว่าเขาเหมือนกันมาก” แม่หันไปพูดกับคนของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันกลับมาหาผมด้วยใบหน้าเศร้าโศก

   เปลี่ยนอารมณ์เก่งเหลือเกินแม่ผม

   “แม่ก็รู้ ถึงผมจะหน้าเหมือนพี่ขิงมากแค่ไหน แต่นิสัยเราสองคนไม่เหมือนกันเลยสักนิด” แล้วคิดเหรอว่าคนจะจับไม่ได้น่ะ

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เชื่อใจพี่หมูหวานได้” แอบผงะเล็กน้อยเมื่อถูกขยิบตาส่งมาให้ ผมกัดปากล่างเมื่อต้องใช้ความคิด

   “นะขมิ้น แม่ไม่เคยขอร้องอะไรลูกเลยนะ ช่วยแม่หน่อยนะลูก”

   “ถ้าช่วยแล้ว แม่ต้องรีบตามหาพี่ขิงให้เจอไวๆ นะ”

   “ได้สิลูก ตอนนี้พ่อเขาก็ให้คนออกตามหาอยู่ รับรอง อีกไม่นานต้องเจอพี่เขาแน่ ตกลงขมิ้นจะช่วยแม่ใช่ไหมลูก ขอบใจนะ แม่ดีใจที่สุด ขมิ้นช่างมีน้ำใจ ไม่เหมือนคนบางคน” ตอนแรกๆ เหมือนจะดี แต่ประโยคหลังนี้คงประชดคนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสอง พ่อของผมกระแอมจนหลอดคอแทบจะพังเมื่อผมถูกแม่รัดไว้ทั้งตัว

   “มึงมันโง่ ไอ้ขมิ้น ถูกหลอกใช้ยังไม่รู้ตัวอีก”

   ผมรู้ ว่าแม่ทำแบบนี้เพราะอยากช่วยพี่ขิง จนลืมว่าผมก็ควรมีตัวตนเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนแม่บ้าง ถึงแม้จะเป็นการตอบแทนแบบแปลกๆ ไปสักหน่อยก็เถอะ หวังว่าแม่จะรีบตามหาพี่ขิงแล้วให้ผมกลับมาเป็นไอ้ขมิ้นตามเดิม เพราะเป็นตัวเองนี่แหละ ดีที่สุด


TBC


.......

เปิดเรื่องใหม่ค่าาาา เย้ๆ ไม่รู้วันดีหรือเปล่า แต่ก็เปิด ฮ่าๆๆ (22.12.60)
ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ผิดพลาดประการใด ติหรือชมบอกกันได้ค่า คุยกันได้ทุกอย่าง พร้อมรับฟังเสมอค่า

รักสมอ เอ๊ย เสมอ จุ๊บๆ >3< 
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [บทนำ] // {22/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-12-2017 20:21:54
 :L2: :pig4:

ติดตาม
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [บทนำ] // {22/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-12-2017 22:34:29
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-12-2017 14:21:09

-1-




       “หลับสบายไหมขมิ้น” คำถามของแม่เอ่ยขึ้นเมื่อผมเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง ตอนนี้ที่โต๊ะอาหารมีเจ้าของบ้านหน้านิ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะ “กินข้าวเช้ามาลูก”

   “ก็ดี” ผมตอบก่อนเลื่อนเก้าอี้นั่ง จานอาหารเช้ามีไข่ดาวสองฟองกับไส้กรอก แค่นี้มันไม่อิ่มหรอกนะเอาจริงๆ

   “ทำไม” คงเพราะผมขมวดคิ้วจ้องจานมื้อเช้านานไปหน่อย เจ้าของบ้านก็เลยเอ่ยถามออกมา “หรือไม่เคยกิน”

         เป็นคำดูถูกที่ผมต้องทนข่มอารมณ์โกรธ ที่จริงก็เป็นมาตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย แม่กับผู้จัดการพี่ขิงเจ้ากี้เจ้าการพาผมมาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ แล้วขัดแจงทุกอย่าง ไม่รู้ลืมขออนุญาตเจ้าของบ้านหรือเปล่า ถึงได้ตั้งแง่แขวะผมอยู่ตลอด 

   “เคยสิครับ แต่ผมกำลังคิดว่า คนรวยมีเงินตั้งเยอะ แต่กินข้าวเช้านิดเดียว”

   “มื้อเช้าเขาให้กินแต่พออิ่ม จะได้บำรุงสมอง ไม่โง่”

   “อ๋อ มิน่าล่ะ ผมถึงฉลาดมาก เพราะมื้อเช้าผมกินข้าวเยอะ เลยมีอาหารบำรุงสมองเยอะมาก”

   ไม่ยอมหรอกนะ มาดูถูกผมเนี่ย แม้ผมจะหน้าเหมือนพี่ขิง แต่ดูแล้ว เขาคงจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่

   “นายไม่ได้ครึ่งของลูกชายฉันเลย”

   “นั่นถือว่าเป็นโชคดีของผม”

   “แก”

   “อย่าทะเลาะกันสิคะ เดี๋ยวทานมื้อเช้าไม่อร่อยนะ แล้วก็ขมิ้น อย่าไปต่อปากต่อคำแบบนั้นสิ” แม่ขยิบตาถี่ๆ เป็นสัญญาณเตือนให้ผมหุบปาก “วันนี้ลูกต้องไปเรียนแทนพี่เขาใช่ไหม อย่าลืมที่แม่บอกนะ”

   “ครับ จดไว้หมดแล้ว” เบะปากนิดๆ ก่อนลงมือจัดการมื้อเช้าที่แสนน้อยนิด “แล้วถ้าเพื่อนพี่ขิงจับได้ล่ะครับ” ตอนถามเสร็จ เหมือนเจ้าของบ้านจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกแม่ส่งสายตาให้ เลยเงียบลง

   “ไม่หรอก เพราะปกติพี่ขิงก็ไม่สนิทกับใครอยู่แล้ว เรียนเสร็จก็ไปทำงาน ไม่ไปสังสรรค์กับเพื่อนคนไหนเลย” พอได้ยินแบบนี้แล้ว ก็แอบสงสารชีวิตพี่ชายฝาแฝดตัวเองเหมือนกัน คนอะไรไม่มีเพื่อนคบ

   “ก็ดี” ผมว่า

   “อ่อ นี่รถของพี่เขานะ” ผมมองกุญแจรถยนต์ของพี่ชายบนโต๊ะ “ปกติพี่ขิงเขาจะขับคันโปรดของเขา แต่เขาเอาไปด้วย ขมิ้นเลยต้องขับคันนี้แทน ลูกขับรถยนต์เป็นใช่ไหม”

   “ครับ” แน่ล่ะสิ ก็ผมทำงานอู่ซ่อมรถก็ต้องขับเป็นสิ “แต่ผมมีรถส่วนตัวแล้ว ไม่เอารถของแม่หรอก” พอบอกปุ๊บแม่ก็ทำตาโต

   “อย่าบอกว่ารถที่ลูกขี่ตามแม่มาเมื่อวานนะ”

   “อืม คันนั้นนั่นแหละ” เป็นรถที่ผมตั้งใจทำงานเก็บเงินซื้อมาเลยนะครับ ที่สำคัญ พ่อออกเงินดาวน์ให้ โคตรภูมิใจ “แม่เก็บรถของแม่ไว้เถอะ”

   “ไม่ได้หรอกนะขมิ้น ลูกจะเป็นพี่ขิง ขับแบบนั้นไม่ได้”

   “ทำไมล่ะครับ”

   “ก็พี่เขาเป็นลูกชายเศรษฐี แถมเป็นนายแบบดังด้วยนะ ขับมอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ แบบนั้นได้ยังไง” แม่หน้าบูดทันที

   “ไม่เห็นเป็นไร อยากขับคันไหนก็ปล่อยมันไป” เจ้าของบ้านพูดขัดออกมา แม่เลยส่งเสียงฮึดฮัดใส่ “แต่จำไว้ ลูกชายของฉันเป็นคนมีหน้า มีตาทางสังคม จะทำอะไรก็คิดให้มันดีๆ หน่อย อย่าทำให้ขิงต้องเสียชื่อ”

   “แล้วทำไมไม่รีบตามหาลูกชายของคุณล่ะ รีบๆ ตามหานะ ก่อนที่ผมจะทำให้ลูกชายของคุณแปดเปื้อน” พูดจบผมก็ลุกออกมาจากโต๊ะทันที โมโหมาก ไม่รู้เกลียดอะไรผม ไม่เคยเจอ ไม่เคยทำอะไรให้สักหน่อย

   ผมเดินหน้าบึ้งมาที่โรงจอดรถ รู้ว่าบ้านหลังนี้รวย รถก็เลยเยอะตามกำลังซื้อ แถมแต่ละคันก็นำเข้าทั้งนั้น ชีวิตหรูหราแบบนี้สินะ ที่ทำให้พี่ขิงติดสบายจนไม่ชายตาแลพ่อแท้ๆ ที่ขับมอเตอร์ไซค์คันไม่กี่หมื่น

   “น่าเบื่อโว๊ย” สบถออกมาจนลุงที่เพิ่งวิ่งเข้ามาหาตกใจ “ขอโทษครับ”

   “ไม่ต้องไหว้ขอโทษผมก็ได้ครับ” ผมไหว้ขอโทษเสร็จ ลุงแกตกใจยิ่งกว่าตอนผมตะโกนออกมาซะอีก “คือคุณหนูจะขับคันไหนไปครับ”

   “อย่าเรียกผมว่าคุณหนูเลยครับลุง ผมไม่ใช่พี่ขิง” ว่าอย่างเซ็งๆ

   “ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวถูกคุณหญิงดุเอา”

   “ไม่ดุหรอกครับ ผมน่ะ แค่มาอาศัยไม่นานก็ไปแล้ว” แวบหนึ่งเห็นสายตาของลุงมองมาที่ผมอย่างสงสาร คงเพราะประโยคที่ผมเพิ่งพูดไปสินะ “ลุงว่า ผมกับพี่ขิงเหมือนกันมากไหม” อยากถามเพิ่มความมั่นใจก่อนออกจากบ้าน

   “เหมือนมากครับ เมื่อวานผมยังตกใจนึกว่าคุณขิงกลับมาแล้ว” ลุงแกทำตาโตเล่าให้ฟัง “แต่หน้าตาล่ะครับที่เหมือน”

   “ลุงว่าอะไรนะครับ” เหมือนได้ยินคำพูดเบาๆ ที่ฟังไม่ถนัด แต่ลุงก็รีบส่ายหน้า “งั้นผมไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ”

   “โธ่ อย่าไหว้ลุงสิครับ” ผมขำเมื่อลุงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

   ผมขึ้นควบรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กที่แม่ดูไม่ค่อยชอบใจเพราะดูไม่สมฐานะ แต่ผมไม่สน KSR คันนี้กว่าจะผ่อนหมดก็กินเวลาชีวิตผมไปมากโข ใครไม่ชอบ ผมชอบเอง




   เส้นทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยของพี่ขิงก็ไม่ค่อยไกลกันมากสักเท่าไหร่ แต่รถติดบรรลัยมาก ดีที่เอามอเตอร์ไซค์มา ไม่งั้นคงติดแหง็กอยู่บนสะพานไม่ได้ลงมาหรอก KSR สีดำคันโปรดของผมลัดเลาะมาจนถึงหน้าที่เรียนของพี่ชาย รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะผมไม่เคยเรียนมหาลัยใหญ่โตแบบนี้ จบมอปลายมาได้ก็บุญหัวแล้ว คนเราเลือกเกิดไม่ได้นี่เนอะ

   ผมจำเส้นทางไปคณะของพี่ขิงตามที่แม่บอกได้เป๊ะ จนตอนนี้ผมมาจอดรถอยู่ลานมอเตอร์ไซค์หน้าตึก พอยิ่งมาอยู่ใกล้แบบนี้ก็ยิ่งตื่นเต้น ขาแทบก้าวลงจากรถไม่ได้เพราะมันสั่นไปหมด วันแรกของผมจะรอดไหมวะเนี่ย

   “นั่นขิงไม่ใช่เหรอ ทำไมขี่มอเตอร์ไซค์แบบนั้นมาล่ะ” เสียงแว่วเข้ามาจนผมต้องรีบหันไปมอง แต่คนพูดก็รีบหลบสายตาแล้วเดินหนี


   ทำไมต้องทำเหมือนผมเป็นตัวประหลาดวะ


   ลานจอดรถเมื่อกี้แปลกแล้วนะ พอเดินเข้ามาใต้ตึกยิ่งแปลกไปกันใหญ่ เสียงซุบซิบมากมายจะมีชื่อพี่ชายผมอยู่ในนั้นเสมอ คงเพราะพี่ขิงเป็นนายแบบไฮโซคนอาจจะพูดถึงกันเยอะก็ได้ คิดบวกเข้าไว้ พลังในตัวจะได้บวกไปด้วย

   “ไง มึง ทำไมวันนี้มาเช้าได้วะ” แรงตบที่หลังเบาๆ ทำให้รีบหันไปดู ชายแปลกหน้าส่งยิ้มกว้างมาให้อย่างเป็นมิตร

   “ก็กูตื่นเช้า” ผมตอบ จำหน้าคนนี้ได้ มันคือเพื่อนเพียงคนเดียวของพี่ขิง เป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม และยังเป็นคนที่ทำทุกอย่างแทน หรือเรียกง่ายๆ ว่าเบ๊นั่นเอง ไอ้นี่ตัวสูงพอๆ กับผมเลย

   “แปลกเหี้ย ปกติคุณหนูอย่างมึงไม่เคยตื่นเช้า ขนาดเรียนเที่ยงมึงยังไม่มาเลย” แทบอยากถามพี่ขิงเลยให้ตาย ว่าทำแบบนี้แล้วมาเรียนทำเพื่ออะไร “เออใช่ รายงานของมึงน่ะ กูทำเสร็จละนะ”

   “ขอบใจนะ” พูดจบ ไอ้คนตรงหน้าก็ตกใจตาแทบถลน “ทำไมวะ”

   “มึงพูดขอบใจกูเหรอ” คำถามนั้นทำเอาผมงง แต่ก็พยักหน้าตอบ “บุญหูกูจริงๆ ที่ได้ยิน”

   “แล้วปกติ พี่ เอ่อ กูต้องทำยังไง” เกือบหลุดชื่อพี่ขิงไปแล้ว

   “ปกติมึงก็จะปรายตามองแบบนี้” ผมขำออกมาเมื่อคนตรงหน้าสาธิตท่าทางให้ดู “เสร็จแล้วมึงก็จะใช้แบงค์สีเทาฟาดหน้ากู”

   “ขอโทษว่ะ พี่ เอ่อ กูไม่ได้ตั้งใจ” แค่ได้ยินผมก็รู้สึกไม่ดีแล้ว แต่คนโดนกลับขำออกมาซะงั้น

   “นี่ก็อีก พอเลยๆ ขนลุกสัด กูไปแดกข้าวนะ เจอกันบนห้อง”

   ผมมองหลังเพื่อนสนิทพี่ชายด้วยรอยยิ้ม อย่างที่แม่บอก มันเป็นคนดี พี่ขิงโชคดีที่มีเพื่อนแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองนิสัยโคตรไม่น่าคบเลยจากที่ได้ยินเมื่อกี้

   “ขอโทษแทนพี่ขิงนะโว๊ยเจมส์ แต่กูจะไม่ทำแบบนั้นกับมึงแน่นอน” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วรีบสาวเท้าไปกอดไหล่เพื่อนพี่ชาย มันทำตาโตมองหน้าผม

   “อะไรของมึง อย่าบอกว่าจะไปกับกู” คำถามที่ทำให้ผมพยักหน้ารับ “มึงไม่ชอบโรงอาหารมหาลัยนี่”

   “ก็อยากลองไปดูไง เผื่อชอบ”

   “ก็ตามใจ แต่อย่ามาบ่นนะเว้ย มึงอยากไปเอง”

   “เออน่า กูไม่บ่น ไม่ด่ามึงแน่นอน”

   “นี่มึงไม่ได้ถูกผีเข้ามาใช่ไหม”

   “แล้วมึงรู้จักหมอผีหรือเปล่าล่ะ กูรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนไม่เป็นตัวเอง”

   “ไอ้เหี้ยขิง อย่าทำให้กูกลัว” 

   ผมหัวเราะลั่นเมื่อเจมส์ทำหน้าตื่นกลัวแล้ววิ่งหนี ผมว่า ผมคงจะเป็นเพื่อนกับมันได้อย่างแน่นอน





 
   โรงอาหารที่เจมส์พาผมมาอยู่ห่างจากตึกเรียนไม่มาก แม้จะเช้าอยู่ แต่โรงอาหารที่นี่ก็คึกคักไปด้วยนักศึกษาหลากหลายชั้นปี เสียงพูดคุยมากมายแยกแทบไม่ออกว่าใครพูดอะไรหรือเสียงมาจากโต๊ะไหน แต่ผมชอบนะ บรรยากาศแบบนี้

   “มึงคงกินมาแล้ว งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อ...”

   “อะไรอร่อยบ้างวะ”

   รีบพูดขัดออกมา สายตาก็กวาดมองหาร้านอาหารที่มีมากมายอย่างเลือกไม่ถูก

   “มึงไม่ได้กินข้าวเช้ามาเหรอ” เจมส์จ้องหน้าผมอย่างสงสัย “ปกติคุณชายอย่างมึงต้องกินอาหารคลีนนี่”

   “เบื่อไง กูอยากเปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง ไม่ได้หรือไง” ส่งเสียงจิ๊จ๊ะจนเจมส์ขำออกมา “สรุป ร้านไหนอร่อยบ้างวะ ขอแบบเด็ดๆ นะ” ตอนนี้เสียงท้องเริ่มร้องแล้ว

   “แนะนำเลย ข้าวมันไก่ทอด น้ำจิ้มก็เด็ด ลูกสาวก็เด็ด”

   “จมูกบานเลยนะมึง”

   “ก็ต้องมีบ้าง”

   เมื่อได้ร้านเด็ด ผมก็แยกกับเจมส์ทันที ปกติข้าวเช้าผมต้องข้าวสองจานนะครับ ที่กินเมื่อเช้ายังไม่ได้ครึ่งท้องเลยให้ตาย แต่จังหวะที่ก้าวไปจนเกือบจะถึง ผมก็ถูกผู้ชายสามคนเดินเข้ามาขวาง

   “ไงคุณนายแบบไฮโซ” หนึ่งในนั้นเอ่ยทัก แต่น้ำเสียงดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ “วันนี้วันอะไรวะ ถึงได้เจอคุณนายแบบเข้ามาในนี้ได้”

   “กูว่า วันปล่อยผีว่ะ” ไอ้คนริมอีกฝั่งพูดออกมาพร้อมขำเยาะ

   “ปล่อยผีหรือกระแดะอยากมาอ่อยคนในนี้วะ” คนตรงกลางปิดท้าย ประโยคพวกนี้ทำเอาคิ้วผมกระตุกนิดๆ “กูขอเตือนนะ ถ้าไม่อยากถูกกระทืบ อย่ากวนตีนเพื่อนกูมากนัก”

   ผมมองนิ้วที่ชี้มาจนเกือบจะทิ่มตา พี่ชายผมคงมีวีรกรรมกับพวกนี้สินะ แต่ดูจากเสื้อที่ใส่กับตัวหนังสือที่บอกชื่อคณะ คงหนีไม่พ้นแน่นอน

   “พวกพี่ ผมขอล่ะ อย่าหาเรื่องเพื่อนผมเลย” เจมส์รีบปรี่เข้ามายืนขวาง มันยกมือไหว้พวกที่ยืนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน

   “กูก็ไม่อยากหาเรื่อง แต่เพื่อนมึงวอนหาเรื่องเอง” ไอ้คนตรงกลางส่งสายตาโหดมาที่ผม “สั่งสอนเพื่อนมึงด้วยนะไอ้เจมส์”

   “ครับๆ โห ใจร้อนแต่เช้าเลยเว้ยพวกพี่เนี่ย”

   ผมมองหลังเพื่อนพี่ชายที่ไหวเล็กๆ มันคงจะขำแห้งๆ นั่นแหละ พอสามคนนั้นไป เจมส์ก็รีบหันมามองหน้าผม มือมันจับตัวผมหมุนไปหมุนมาอย่างโอเวอร์

   “กูไม่ได้เป็นอะไร” ผมบอกพร้อมรอยยิ้ม

   “เชี่ยเอ๊ย เกือบแล้วไหมล่ะ” เจมส์ถอนหายใจออกมาอย่างแรงจนผมสงสัย แต่ก็ต้องเก็บคำถามไว้ก่อน เพราะตอนนี้ปากท้องสำคัญกว่า “ไอ้นี่แปลกไปจริงๆ”

   เมื่อไล่เจมส์ไปซื้อข้าวต่อ ผมก็เดินมาต่อคิวร้านที่ถูกแนะนำ ยืดคอมองไก่ที่ห้อยในตู้หน้าร้าน ดูน่ากินอย่างที่เจมส์ว่าจริงๆ พอหดคอกลับมาก็เจอสายตาจากสาวที่ต่อคิวอยู่ตรงหน้า เธอหันมายิ้มหวานให้ ผมก็ยิ้มตอบตามมารยาท แต่เพียงแค่นั้น ผู้หญิงตรงหน้าก็กรี๊ดเบาๆ แล้วตีหลังคนข้างหน้ารัวๆ ในเสียงกรี๊ดนั้นเท่าที่จับใจความได้ เธอบอกว่าขิงยิ้มให้ด้วย

   ...ปกติพี่ขิงไม่เคยยิ้มให้ใครเหรอวะ

   รอคิวอยู่นานกว่าจะได้กิน ข้าวมันไก่ทอดชิ้นใหญ่ น่าอร่อยสมกับคำโม้ของเจมส์ ผมเดินมาหยิบช้อนส้อม บังเอิญมือไปชนกับใครอีกคนที่ยื่นลงมาหยิบเช่นกัน

   “ขอโทษครับ” ผมเงยหน้าขอโทษ แต่คนที่ผมชน กลับเอาแต่จ้องหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นดูไม่สบอารมณ์จนผมรู้สึกได้ “ขอโทษนะครับ” บอกแล้วรีบเดินหนีมา คนอะไรวะ ขอโทษแล้วยังทำหน้าไม่พอใจ

   เดินห่างออกมาได้แป๊บเดียวแขนก็ถูกจับ เจ้าของมือนั้นออกแรงดึงผมไปด้านหลังจนจานข้าวมันไก่ทอดในมือร่วงลงพื้น พอจานข้าวกระทบกับพื้นซีเมนต์ เสียงพูดคุยก็ค่อยๆ เงียบลง ก่อนสายตาทุกคู่จะหันมาจ้องเป็นตาเดียวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

   “ขอโทษแค่นี้คิดว่ากูพอใจเหรอวะ” ไอ้บ้าที่ดึงผมกระชากเสียงจนผมตกใจ 

   “ผมก็ขอโทษแล้วไง จะอะไรอีก” แค่หยิบช้อนอันที่เขาจะหยิบแค่นั้นเอง ทำไมต้องทำโมโหเหมือนผมไปแย่งแฟนด้วย
 
   “แต่มึงเอาช้อนกูไป” นั่นไง คิดไว้แล้ว กะจะหาเรื่องกันนี่หว่า

   “ในนั้นมีช้อนเป็นสิบ แล้วอันที่ผมหยิบก็ไม่มีชื่อเขียนสักหน่อย”

   “มึงกวนตีนกูเหรอ”

   “ใครกันแน่ที่กวนตีน”

   “ไอ้เหี้ยขิง”

   ผมทำตาโตเมื่อถูกคว้าคอเสื้อ สายตาเหลือบไปเห็นกำปั้นที่เงื้อ ผมก็รีบยกแขนขึ้นบังหน้าตัวเองโดยอัตโนมัติ แต่ก็เกิดเหตุแบบไม่ได้ตั้งใจ เมื่อหมัด (แบบไม่ตั้งใจ) ของผมพุ่งเฉียดแก้มคนจับคอเสื้อ แล้วแววตาที่จ้องก็เพิ่มความแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว

   “ฉิบหายแล้ว” เผลอพูดออกมาเบา “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

   “มึงกล้าต่อยกูเหรอวะ มานี่เลยมึง”

   ยิ่งกว่าความฉิบหาย ผมถูกลากออกมาจากโรงอาหาร ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ไม่มีใครคิดจะเข้ามาห้าม หรือช่วย ไอ้ขมิ้นจะตายไหมเนี่ย แรงมันก็เยอะ ลากจนคอเสื้อผมจะขาดติดมือมันอยู่แล้ว

   “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มือมันไปโดนเอง” รีบอธิบาย แต่ไอ้คนลากมันก็หาสนใจไม่ จ้ำอ้าวอย่างกับจะไปตามควายหลุดคอก

   ห่างจากโรงอาหารมาไม่ไกลมันก็เหวี่ยงผมไปด้านหน้าจนผมล้มกลิ้งที่พื้น คิดว่าใหญ่นักเหรอถึงทำกับคนอื่นแบบนี้เนี่ย ผมตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ มือก็ยกขึ้นดูเพราะรู้สึกเจ็บจี๊ดตอนครูดไปกับพื้นดิน มีเลือดไหลด้วยอะ

   “มาจบเรื่องของมึงกับกูเลยดีกว่า”

   ผมละสายตาจากฝ่ามือตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองคนอยากจบเรื่องด้วยความงงงวย

   “จบเรื่องอะไร”

   “อย่ามาทำเป็นใสซื่อกับกู ขยะแขยง”

   “เฮ้ย ผมก็ถามดีๆ ทำไมต้องด่าด้วยวะ” ตะคอกกลับอย่างโมโห คำพูดคำจาไม่สมกับหน้าตาเลย “ผมไม่รู้ว่าระหว่างเรามีปัญหาอะไรกัน แต่ผมขอโทษทุกอย่าง”

   “ถุย อย่ามาทำตัวเป็นคนดี กูจะอ้วก”

   “ก็บอกว่าขอโทษ พูดจาดีๆ ไม่เป็นหรือไง หรือที่บ้านไม่สอนวะ”

   “ไอ้เชี่ยนี่กล้าด่าพ่อแม่กูเหรอวะ”

   แล้วคอเสื้อผมก็ถูกกระชากอีกรอบ ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงบ่งบอกอารมณ์ว่าโกรธจริงไม่ได้ล้อเล่น กรามก็เริ่มนูนคงกำลังข่มความโกรธเต็มอัตรา

   “ผมด่าตอนไหน”

   “ไอ้...”

   จังหวะที่หมัดใหญ่ๆ กำลังจะกระทบกับหน้า ผมเห็นคนวิ่งมาจากด้านหลังพุ่งล็อคตัว ล็อคแขนไอ้หน้าขาวให้ออกห่างจากผม พอดูดีๆ คนที่เข้ามาขวาง คือผู้ชายสามคนที่เจอตอนจะไปซื้อข้าวเมื่อกี้ ด้านหลังของผมก็มีเจมส์นั่งอยู่ มันทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ มือก็พยุงผมให้ลุกขึ้นจากพื้น แต่แล้วเสียงโวยวายตรงหน้าเรียกให้หันไปมอง คนหาเรื่องผมพยายามสะบัดตัวออกจากการถูกล็อค ดูจากแววตาที่จ้องมาแล้ว คงอยากพุ่งต่อยหน้าผมมากเลยล่ะ

   “ปล่อยกู ไอ้บิ๊ก กูจะกระทืบมัน”

   “ใจเย็นๆ สิวะไอ้ไฮท์ นี่กลางมอนะเว้ย” ผู้ชายผิวคล้ำใส่แว่นที่ด่าผมว่ากระแดะเมื่อครู่ พยายามบอกคนใจร้อนให้เย็นลง “เมื่อกี้มีคนถ่ายคลิปด้วย มึงอยากถูกเรียกเข้าห้องเหรอวะ”

   “นั่นดิ่ ใจเย็นๆ”

   แม้เพื่อนมันจะพูดให้ใจเย็น แต่คนที่จ้องหาเรื่อง ยังมองผมไม่วางตา
 
   “แค่เห็นหน้ามัน กูก็อยากกระทืบแล้วไอ้สัด” พูดไม่พอ ยังชี้นิ้วมาที่ผมด้วย “ระวังตัวมึงไว้ให้ดีไอ้ขิง กูกระทืบมึงแน่”

   พูดจบก็สะบัดออกจากการจับกุมของเพื่อนแล้วเดินหนีไป โดยที่อีกสามคนได้แต่ยักไหล่ทำท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่าไหร่

   “ขอบคุณพวกพี่มากนะครับ” เจมส์เอ่ยออกมา

   “เออ เพราะมึงขอร้องหรอก ถ้าเพราะเพื่อนมึง กูไม่มีทางสนใจไอ้เจมส์” ไอ้แว่นผิวคล้ำบอก มันโบกมือแล้วเดินตามไอ้หน้าขาวไป

   “โดนเพื่อนกูกระทืบแน่ ไอ้ขิง” ไอ้ตัวผอมดูทะเล้น พูดเสร็จก็ลากแขนเพื่อนอีกคนวิ่งตามคนอื่นไป

   นี่พี่ขิงไปก่อเรื่องอะไรไว้วะ ถึงจะถูกกระทืบแบบนี้เนี่ย ไหนแม่บอกพี่มันไม่สุงสิงหรือสนิทกับใครไงวะ

   “มึงช่วยเล่าให้กูฟังหน่อยได้ไหม ทั้งหมดเลย”

   ตอนนี้ผมไม่สนแล้ว ว่าจะถูกสงสัยหรือยังไง เพราะผมต้องรู้ ว่าพี่ขิงไปก่อเรื่องอะไรไว้และมันรุนแรงถึงขั้นไหน ผมจะได้หาวิธีหลบตีนได้ถูก อยู่ๆ ถูกกระทืบตายโดยไม่รู้ตัวขึ้นมาจะทำไง ไอ้ขมิ้นไม่อยากตายแทนแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุนะเว้ยเฮ้ย



..TBC

ฝากด้วยค่าา #ไฮท์ขมิ้น  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-12-2017 15:09:14
 :katai1: :katai1: :katai1:อย่าให้เรารอนานนะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-12-2017 18:30:50
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 23-12-2017 19:07:58
jขิงนี่วืรกรรมเยอะ สงสารขมิ้นเเล้ว มาวันเเรกก็โดนเขม่น  เราเดาว่าขิงต้องไปแย่งผู้หญิงพระเอกมาเเน่ๆ รึเปล่า 5555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 23-12-2017 19:22:54
 :hao7: เจอกันครั้งแรกก็จะตีกันตายแระ กว่าจะรักกันไม่รู้กี่แผล
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 24-12-2017 19:56:46

-2-





        “พี่ เอ่อ กูไปแย่งแฟนไอ้หน้าขาวเมื่อกี้เหรอวะ” กระพริบตาปริบๆ เมื่อไอ้เจมส์เริ่มเล่า ซึ่งมันก็พยักหน้าตอบกลับ “กูเนี่ยนะ”

   “เออ ก็มึงนั่นแหละ” คนเล่ากัดไอศกรีมแท่งดูน่าอร่อย ไม่สนใจว่าผมจะตกใจมากน้อยแค่ไหน “กูห้ามแล้วมึงก็ไม่ฟัง”

   “แล้วตอนนี้กูคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือเปล่า”

   “เอ๊าไอ้นี่ มึงคบไม่คบแล้วกูจะรู้ไหมล่ะ”

   “ก็มึงเป็นเพื่อนสนิทไง ต้องรู้สิ”

   ส่วนผมคนนอก ถ้ารู้เรื่องก็แฮรี่แล้ว

   “ดูเหมือนควงแค่อาทิตย์เดียวนะ แล้วกูก็ไม่เห็นอีกเลย” เจมส์ทำหน้าย่นเมื่อคิดย้อน “แต่มึงเคยหลุดปากบอกว่าลีลาดีแต่ไม่เด็ดอะไรนี่แหละ”

   “เชี่ย” ผมตะโกนออกมาจนถูกคนใต้ตึกมอง “ขิงพูดแบบนั้นเหรอวะ” สมควรแล้วที่มันอยากจะกระทืบให้จมดิน เล่นไปนอนกับแฟนคนอื่นขนาดนั้น เป็นผมคงกระทืบให้ตายตั้งแต่รู้แล้ว

   “ถ้าจำไม่ผิดนะ เพราะปกติมึงก็ไม่ค่อยเล่าอะไรให้กูฟังหรอก นอกจากจะหลุดปากออกมาเอง”

   “แล้วเขารู้ได้ยังไง กูหมายถึงรุ่นพี่คนเมื่อกี้”

   “พี่ไฮท์อะเหรอ ก็มึงเล่นควงแฟนเขาเปิดเผยซะขนาดนั้น ไม่รู้ก็แปลก”

   ฉิบหายกว่าเดิมอีก นี่ขิงเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย

   “กูเครียด” ผมเอาหน้าผากโขกกับโต๊ะสองสามทีแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจมส์ “กูจะโดนกระทืบไหมวะเนี่ย”

   “ช่วงหลังๆ มานี้ มึงบอกเองว่า จะให้ลูกน้องพ่อมึงมาคุ้มกัน”

   “ลูกน้อง?”

    “เออ กูเห็นวันสองวันนี่แหละ ชุดดำเหมือนในละครเลย ว่าแต่วันนี้ไม่มาเหรอ”

   “กูก็ไม่รู้”

   ตอนนี้ไม่อยากสนใจอย่างอื่น เพราะชีวิตตัวเองนี่แหละน่าสนใจสุด หรือเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ขิงต้องหนีหาย ไม่ยอมติดต่อกับใคร นี่ให้ผมมาถูกกระทืบแทนหรือเปล่าวะ ไอ้ขมิ้นเครียด

   “แต่ที่จริง พี่ไฮท์เป็นคนดีนะเว้ย ใจดีมาก กูก็เพิ่งเคยเห็นว่าพี่เขาโหดตอนมีเรื่องกับมึงนี่แหละ” ไอ้เจมส์เริ่มอมแล้วดูดไอศกรีมแท่งที่เริ่มละลาย “มึงทำตัวมึงให้ซวยเอง โทษใครไม่ได้”

   “พูดมาก รีบๆ กินให้หมด กูเห็นแล้วอยากอ้วก” แหวใส่ อารมณ์ผมตอนนี้เริ่มไม่ค่อยนิ่ง ความกลัวตายมันผุดขึ้นมา เพราะท่าทางกับสายตาที่เจอมันเป็นเครื่องยืนยันว่า ไอ้รุ่นพี่ที่ชื่อไฮท์อะไรนั่น มันเอาจริงแน่ พี่ขิงก็นะ จะไปอยากได้แฟนคนอื่นทำไม ผู้หญิงมีเป็นแสนเป็นล้าน “กูจะตายไหมวะเนี่ย”

   “ไม่หรอก อาจแค่นอนหยอดน้ำข้าวต้ม”

   “กูไม่ได้ถาม”

   “ก็กูได้ยิน”

   “ไอ้ขี้เสือก”

   “ขอบใจที่ชม”

   ผมส่ายหน้าให้กับเพื่อนพี่ชาย เอาวะ เมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว รอให้ถึงเวลานั้นค่อยหาทางออกก็ยังไม่สาย ชีวิตต้องมีพรุ่งนี้เสมอ หากรอดจากวันนี้ไปได้นะ



   เจมส์กินไอศกรีมหมดแท่งก็ถึงเวลาเรียนพอดี ผมไปนั่งอยู่ในห้องสโลบชั้นเกือบบนสุด เจมส์บอกพี่ขิงจะงีบหลับทุกครั้งเพราะความเบื่อ แต่ผมไม่ใช่ไง ความรู้ตรงหน้าทำให้ผมมีแต่คำถาม ว่าทำไม ต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้อยู่ตลอด คือผมไม่เคยเรียนมา ไม่มีพื้นฐานด้วยเลยฟังแบบงงๆ แต่ก็รู้สึกเพลินดี กว่าจะรู้ตัวก็หมดเวลา

   “เชี่ย นี่สองชั่วโมงแล้วเหรอ” ผมมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดฝาผนัง เจมส์อ้าปากหาววอดๆ มือก็เก็บสมุดที่จดรายละเอียดใส่เป้ตัวเอง

   “มึงโคตรแปลกอะวันนี้” อยู่ๆ เสียงเจมส์ก็ลอยเข้าหู “ตั้งแต่เช้าละ”

   “แปลกอะไร กูก็เป็นกูนี่ไง” เริ่มทำหน้าเลิกลัก หรือมันจับได้วะ

   “ช่างมัน กูคงเบลอๆ เมื่อวานทำรายงานให้มึงทั้งคืน” พูดจบมันก็หาวอีกรอบ “ง่วงสัด กลับหอไปนอนดีกว่า”

   “อ่าว แล้วอีกวิชาล่ะ” วิชาแรกกับอีกวิชาห่างกันหลายชั่วโมง

   “วันนี้มึงไม่ไปทำงานเหรอ”

   “ไม่อะ”

   “จริงดิ่ ปกติมึงมีงานตลอดไม่ใช่เหรอ”

   “ก็ตอนนี้กูไม่มีงาน ไม่มีที่ไปด้วย” ผมจ้องหน้าเพื่อนสนิทพี่ชายคล้ายขอความเห็น “กูต้องไปที่ไหนวะ”

   “อ่าวไอ้ขิง กูว่ามึงนั่นแหละที่เบลอ”

   “สงสัยจะใช่ งั้นกูไปรอที่หอมึงได้หรือเปล่าวะ”

   ทันทีที่ผมพูดจบ เจมส์ก็เบิกตาโตๆ ของมัน ก่อนจะยกมือตบแก้มตัวเองเบาๆ

   “มึงทำให้กูอยากนอนจริงๆ กูรู้สึกเบลอจนเพี้ยนไปแล้วเนี่ย”

   “หรือมึงไม่อยากให้กูไปอยู่หอด้วย รังเกียจกูเหรอ”

   “กูว่า กูต่างหากที่ควรพูด มึงไม่เคยชอบหอกู ไปทีไรแม่งบ่นตลอดว่าร้อน แคบ อึดอัด”

   “ช่วงนี้กูไม่บ่นแน่นอน” ผมยกมือชูสามนิ้วคล้ายลูกเสือ เจมส์ถึงกับเดินหนี ผมก็รีบเดินตาม “เจมส์ กูไปด้วย น้า”

   “ไอ้ขิง กูขนลุกสัด”

   “เจมส์ นี่ขิงไง เพื่อนเจมส์”

   “ไอ้เชี่ยขิง กูไม่ชิน อย่าพูดแบบนี้”

   ผมหัวเราะตามหลังไป เจมส์เป็นคนตลกดี ผมว่าพี่ขิงน่าจะดูแลรักษาเพื่อนแบบนี้นะ นี่ทำอย่างกับเขาเป็นทาสรับใช้



   เจมส์เดินแยกไปเอารถที่จอดไว้หลังตึก ส่วนรถผมจอดอยู่หน้าตึกแล้ว รอแค่มันมาหา จังหวะก้าวขาลงบันไดขั้นสุดท้ายก็เจอกำแพงมนุษย์อีกรอบ เดจาวูหรือเปล่าวะเนี่ย

   “เอ่อ” ยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยคำใดๆ หมัดเน้นๆ ก็พุ่งเข้าใส่หน้าจนเซล้มลงนั่ง “ต่อยกูทำเหี้ยอะไรเนี่ย” แม้ทั้งหน้าจะชาแต่ก็ยังพูดได้ ผมจับมุมปากตัวเองมีรอยเลือดติดมือมาด้วย

   “ปากดีนักนะมึง อีกสักรอบเป็นไง” ขายาวนั่นเกือบกระทบอกผมแล้ว หากไม่มีผู้ชายหน้านิ่งดึงไว้ “เอาไงต่อไอ้เกน”

   “กูคุยเอง”

   ผมถูกคนหน้านิ่งแววตาดุจ้องจนไม่กล้าขยับ สายตานั่นเหมือนมีคำสั่งให้ผมนั่งอยู่เฉยๆ หากไม่อยากตายลอยออกมา

   “มะ มีอะไรกับผม”

   “มีอะไรงั้นเหรอ” เสียงทุ้มแต่นิ่งจนขนลุก “มึงจำความผิดมึงไม่ได้งั้นเหรอ ไอ้วิศวะปีสอง” ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เพราะไม่รู้ว่าผมไปเหยียบเท้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ “งั้นกูจะทวนความจำให้นะ ว่ามึงขี่มอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเมียเพื่อนรักกู แล้วเอาเงินฟาดหน้าเพื่อจบปัญหา” หน้าผากผมกำลังถูกนิ้วจิ้มหลายจึ๊ก และจึ๊กสุดท้ายคือหงายหลังด้วยความแรง

   “ขี่รถเฉี่ยว? เอาเงินฟาดหน้า?” ผมอ้าปากหวอ นี่ผมไปเฉี่ยวชนใครตอนไหนวะ หรือว่า....

   “ดีแค่ไหนแล้วที่เพื่อนกูไม่มาเอง แบบนั้นมึงคงไม่ได้มานั่งทำหน้าจืดแบบนี้หรอก” ไอ้หน้านิ่งตบแก้มผมเบาๆ แต่เพราะความชาจากหมัดเมื่อครู่ทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่ตลอด

   “ผมขอโทษ” ยกมือไหว้ขอโทษเขาไป แต่เรื่องก็ดันไม่จบซะนี่ มือผมถูกปัดอย่างแรง

   “ขอโทษกูทำไม กูไม่รับ คนที่มึงต้องขอโทษคือเมียเพื่อนกูนู้น”

   พูดจบผู้ชายด้านหลังสองคนก็ปรี่เข้ามาหิ้วแขนผมคนละข้าง

   “จะพาผมไปไหน”

   “ไปขอโทษให้ถูกคนไง”

   “เดี๋ยวสิ เดี๋ยว”

   แหกปากร้องลั่นตึก ไอ้พี่ขิงมันก่อเรื่องไว้กี่เรื่องวะเนี่ย แค่วันแรกผมก็จะตายอยู่แล้ว

   “มีอะไร”

        เสียงคำถามนั่นทำให้ผมลืมตาจากการสวดมนต์ขอพรให้ตัวเองมีชีวิตรอด ตอนนี้มีกลุ่มคนที่จะกระทืบผมตอนเช้าเดินเข้ามาขวาง โดยคนที่ชื่อไฮท์ยืนอยู่หน้าสุด

        “ไอ้นี่เป็นของผม” คนชื่อไฮท์ชี้นิ้วมาที่ผม พร้อมๆ กับสายตาทุกคู่หันมามองกันหมด

   “แล้วไง”

   “พี่ไม่มีสิทธิ์หิ้วมันไปแบบนี้”

   “จะบอกว่ามึงทำได้คนเดียวงั้นสิ”

   “ใช่”

   ไอ้คนหน้านิ่งขำในลำคอ ผมโคตรลุ้นเลยว่าพวกเขาจะตกลงกันยังไง เพราะชีวิตผมแขวนอยู่บนเชือกฟาง ไม่ว่าไปกับใครก็ตายเหมือนกัน

   “ได้ งั้นมึงก็พามันไปขอโทษเมียเพื่อนกูด้วย ถ้ากูไม่เห็นหัวมันละก็...” ผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไอ้คนหน้านิ่งหันมามองหน้าผม แล้วยกมือขึ้นทำท่าปาดคอ “เจอกันไอ้นายแบบหน้าจืด”


   ตอนนี้ตัวผมถูกทิ้งขวางอย่างไม่ใยดี ทันทีที่แขนเป็นอิสระ ผมก็ทรุดตัวนั่งกับพื้น พยายามหายใจเข้าออกอยู่หลายรอบ ทำไมชีวิตผมต้องมาอยู่ท่ามกลางความโหดร้ายแบบนี้ ไม่สิ ทำไมชีวิตผมต้องมาอยู่ในดงคนเถื่อนพวกนี้แทนพี่ชายด้วย พี่ขิงอยู่ไหน รีบกลับมาสิวะ

   “มึงติดหนี้ชีวิตกู” ผมมองรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ยื่นมาสะกิดที่ขาตัวเอง พอเงยหน้าก็เจอกับดวงตาแววโรจน์ “จำใส่หัวมึงไว้”

   “ขอบคุณครับ” พยายามไม่สนใจคำพูด อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรอดจากการถูกหิ้วไปกระทืบมาได้

   “ศัตรูเยอะนะมึง ระวังจะไม่ตายดี” พอพี่แว่นพูดจบ เจมส์ก็วิ่งเข้ามาหาผม มันประคองผมให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก “เพื่อนมึงไม่ได้สาหัสขนาดนั้น” น้ำเสียงและแววตาที่ผมเห็นยามพี่แว่นจ้องเจมส์ มันดูนิ่งแต่แฝงความอ่อนโยน

   “มึงเจ็บมากไหมขิง กูขอโทษนะ กูรับปากกับแม่มึงไว้แล้วแท้ๆ” เจมส์ทำท่าเหมือนจะร้องไห้จนผมตกใจ ขนาดพี่แว่นยังขมวดคิ้วอะ

   “กูไม่ได้เจ็บมาก แต่ที่ยืนลำบากเพราะขาอ่อน” พูดพร้อมขำเผื่อเจมส์จะหัวเราะ และมันก็ขำออกมาจริงๆ แต่ขำพร้อมน้ำตาไหล “เอ้า มึงขี้แยเหรอวะ”

   “แม่มึงจะด่ากู” ผมลูบหัวเพื่อนพี่ชายอย่างเอ็นดู

   “กูไม่ให้แม่ด่ามึงหรอก ไม่ต้องร้อง เห็นป่ะ คนมอง”

   ผมพูดจบ ตัวเจมส์ก็ถูกพี่แว่นดึงให้หันหน้าไปหา และผมก็ต้องทำตาโตเมื่อไอ้พี่แว่นเช็ดน้ำตาให้เจมส์อย่างเบามือ โดยที่เพื่อนคนอื่นๆ ทำหน้าเบื่อหน่าย

   หรือว่าพวกเขา.....?

   “ทำไมมึงชอบร้องไห้วะ กูไม่ชอบ เคยบอกไปแล้วไง”

   “ขอโทษ ก็มันห้ามไม่ได้”

   “มึงนี่นะ”

   ประโยคธรรมดาแต่ทำไมดูหวานจนขนลุก ผมหลุดยิ้มออกมาตอนพี่แว่นทำท่าดุคนขี้แย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเมื่อคนช่วยชีวิตผมเดินมายืนตรงหน้า

   “ชีวิตมึงเป็นของกู” โดนพูดใส่หน้าแบบตรงๆ แล้วก็แปลกๆ รู้สึกเหมือนเป็นลูกไก่ ที่เขาจะบีบก็ตาย จะคลายก็ตายเลยว่ะ “เตรียมตัวตายได้เลยไอ้ขิง”

   ผมยืนนิ่งดั่งถูกสาบให้กลายเป็นหิน แม้กลุ่มคนที่ช่วยจะเดินขึ้นตึกไปแล้วก็ตาม แต่สายตากับน้ำเสียงเมื่อกี้ มันน่ากลัวจริงๆ นะ พรุ่งนี้ผมไม่มาแล้วได้ไหม แค่นี้ผมก็ไม่ไหวแล้ว ไม่รู้พี่ขิงไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกหรือเปล่า ผมน่าจะเชื่อฟังพ่อว่าอย่าเข้ามายุ่ง พ่อครับ ไอ้ขมิ้นยอมแล้ว อยากกลับบ้านของเราแล้วครับ

   “มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เสียงเจมส์เรียกให้ผมมอง

   “ไม่ว่ะ” ตอบเสียงเรียบๆ

   “ดีแล้วที่ไม่เป็นไร เมื่อกี้กูกลัวมึงถูกพี่บริหารกระทืบตาย กูจะพุ่งเข้ามาแต่พี่บิ๊กแม่งดึงกูไว้ มึงโอเคแน่นะ ขิง มึงได้ยินกูหรือเปล่า มึงไม่เป็นไรจริงๆ นะ”


   “ไม่ กูไม่ไหว ไอ้เหี้ย”


   ตะโกนดังลั่นตึกจนเจมส์ต้องเอามืออุดปาก


   ไอ้ขมิ้นอยากกลับบ้านแล้วครับ พ่อครับ มารับผมด้วย



...TBC


ขมิ้นจะมีชีวิตรอดหรือเปล่าในการเป็นขิง ช่างเป็นคนที่น่าสงสารเสียจริงค่า

#ไฮท์ขมิ้น  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 24-12-2017 20:25:26
ชอบเรื่องนี้มากกกก มาบ่อยๆน่ะตัวเองงงงง

งื๊อออ ตะไมตอนที่ไฮท์พูดว่า นายเป็ชีวิตฉัน แล้วมันแบจักจี้หัวใจอ่ะ เค้าเถือนใสรกัน เเต่่เรามองวาเค้ากำลังจีบกันนนนน

ฮี่ๆๆๆๆๆ  o13 o13
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-12-2017 20:31:01
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 24-12-2017 20:45:32
ซวยแท้ๆเลยขมิ้นเอ้ย :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2017 21:48:41
เลิกเป็นขิงเลยขมิ้น
ดูเหมือนขิง นิสัยเสีย มีเรื่องไปทั่ว
ทั้งที่ไม่ได้เก่งการต่อสู้เอาซะเลย

ขมิ้น เป็นขิงนี่ หวั่นๆถูกซ้อม
นี่แอบคิดนะว่า จะโดนมากกว่าซ้อมซะด้วย

พ่อขิง กับพ่อขมิ้น คนละคนกันสินะ
แล้วแม่ทำไมมาอยู่กับพ่อขิง  แปลกๆนะ

แล้วขิงกับขมิ้นหน้าเหมือนกัน
จะหนีพวกนั้นพ้นหรือ ถึงไม่ไเรียน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 27-12-2017 13:25:52

-3-





        หลังจากเจอเรื่องเลวร้ายในวันแรกที่มาเรียน ผมเริ่มใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทโดยการคาดมาร์กปิดปากไว้ ที่จริงมาร์กปิดปากนี่ก็เป็นอุปกรณ์เสริมตอนผมเป็นไอ้ขมิ้นอยู่แล้ว เพราะเบื่อคนเข้ามาทักว่าเป็นพี่ขิงนั่นแหละ ไม่คิดเลยว่าต้องเอามาใช้ตอนนี้ด้วย

   “มึงไม่อึดอัดเหรอวะ” เจมส์ถามผมแบบนี้หลายรอบมาก ตั้งแต่วันที่สอง จวบเข้าอาทิตย์ที่สองของการเป็นพี่ขิงในมหาลัยแห่งนี้ “กูเห็นแล้วร้อนแทนไอ้สัด”

   “แต่มันก็ทำให้กูไม่โดนกระทืบไง” ผมตอบกลับ “แล้วนี่ต้องไปไหนต่อวะ กูได้ยินคนอื่นคุยเรื่องประชุมอะไรสักอย่าง”

   “ก็เรื่องออกค่ายของคณะนั่นแหละ”

   “ออกค่ายเหรอวะ”

   ผมอยากเข้าค่ายมานานมาก เคยไปสมัยตอนมัธยมต้น ตอนนั้นโคตรสนุก ได้เดินป่า ก่อไฟผิง สนุกมาก

   “แต่มึงไม่เข้าก็ได้นะ เพราะปกติมึงก็ไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับคณะอยู่แล้ว”

   “สนสิวะ กูไปด้วย”

   พูดจบ คนที่เดินนำหน้าก็หยุดกึก ทำให้ผมที่เดินตามชนเข้าเต็มแรง

   “มึงทำให้กูแปลกใจอีกแล้วนะ” เจมส์ขมวดคิ้วจ้องผมอย่างคาดคั้น “เกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา มึงทำให้กูรู้สึกว่า เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”

   ก็จริง รู้จักกันก็แปลก

   “มึงพูดอะไรเนี่ย กูก็ขิงไง เพื่อนมึงนั่นแหละ”

   ผมรีบหลบสายตาแล้วตีเนียนกอดคอเจมส์ให้เดินต่อ รู้หรอกว่ามันกำลังมองผมอยู่ แต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจ เพราะเดี๋ยวมีพิรุธ





   ห้องประชุมที่เขานัดกันมา ก็เป็นห้องเรียนที่จุคนได้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งตอนนี้คนที่รออยู่ก่อนก็นั่งประจำที่กันหมด ผมเดินตัวลีบตามหลังเจมส์ไปเงียบๆ นั่นเพราะคนที่ยืนเด่นเป็นสง่าด้านหน้าคือเจ้าหนี้ชีวิตของผม ดูเหมือนเขาจะไม่เห็น  ช่างดีจริงๆ ที่คาดมาร์ก

   “นั่งหลังๆ นะ” ผมกระซิบบอกคนเดินนำ

   เมื่อได้ที่นั่ง เจมส์ก็หันไปทักทายคนอื่นๆ ส่วนผมก็ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียว ไม่ชินด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือไม่รู้จัก จะรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือรุ่นเพื่อนก็ไม่รู้จักสักคน

   “มากันครบหรือยัง ปีสองเลิกแล้วใช่ไหม” คำถามดังมาจากด้านหน้า มีเสียงตอบรับหลายเสียง แต่ผมก็ยังก้มหน้าก้มตา เพราะตอนนี้เริ่มมีคนหันมามองบ่อยขึ้น บางคนถึงกับสะกิดต่อกันเป็นทอดๆ ให้หันมามองผม 

   ผมรีบถอดเสื้อช็อปสีเลือดหมูออกแล้วเอาคลุมหัวป้องกันคนมอง เสียงพูดคุยถามความเห็นยังดังอยู่ต่อเนื่อง บ่อยครั้งเจมส์จะถูกไอ้พี่แว่นถามและตามมาด้วยเสียงโห่ ท่าทางเขินอายของเพื่อนสนิทคนใหม่ทำให้ผมยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้นานเมื่อเผลอไปสบตากับคนยืนเด่นกลางหน้าห้อง

   ต้องรู้การมาของผมแน่เลย มองมาแบบนั้น

   กว่าจะได้ข้อสรุปก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เมื่อประชุมเสร็จสิ้น ผมก็รีบดึงแขนเจมส์ให้ออกจากห้อง แต่ออกไปได้แค่ขาข้างซ้ายเท่านั้น เพราะทั้งตัวถูกรั้งเอาไว้จากการดึงเสื้อช็อปที่ผมคลุมหัว พอหันไปดูก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ คนที่ทำแบบนี้ต้องไม่ใช่ใครคนอื่น

   “คิดว่าแค่นี้กูจะจำมึงไม่ได้เหรอวะ” เสียงนิ่ง หน้าก็โหด เมื่อกี้ผมยังเห็นยิ้มให้คนอื่นๆ อยู่เลย “ค่ายครั้งนี้มึงต้องไป”

   “ผมต้องไปเหรอ”

   “กูบอกต้องไป แปลว่ามันคือคำสั่งที่มึงหลีกเลี่ยงไม่ได้”

   ถ้าเป็นพี่ขิง จะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้เนี่ย

   “ถ้ามันมีงานละพี่ไฮท์ มันก็คงไปไม่ได้” เหมือนสวรรค์ส่งเจมส์มาช่วย มันขัดขึ้นทันทีที่เห็นผมทำหน้าลำบากใจ แต่คำถามของมันจะลอยหายไปในอากาศเมื่อไม่รับคำตอบ

   “ถ้าผมไปได้นะครับ”

   “มึงต้องไป”

   “ต้องดูงานของผมก่อน...”

   “กูบอกว่าต้องไป ก็คือต้องไป”

   “เออๆ ไปก็ได้ อะไรนักหนาเนี่ย”

   “เดี๋ยวมึงจะโดนกระทืบไอ้ขิง”


   รุ่นพี่อะไรวะ เอะอะก็จะกระทืบท่าเดียว


   “ไม่มีอะไรแล้ว ผมไปได้แล้วใช่ป่ะ” ต้องรีบชิ่งครับ อยู่นานกว่านี้เห็นท่าจะไม่ดี ได้ยินเสียงซุบซิบชื่อของพี่ขิงมาจากสาวๆ ที่เดินผ่านอยู่ตลอด “ไปนะครับ เชี่ย” ถูกดึงเสื้อช็อปอีกรอบจนแทบหงายหลัง ที่สำคัญ เผลอถอยหลังไปเหยียบเท้าคนดึงด้วย สายตาท่านลอร์ดโวลเดอมอร์ก็พุ่งเข้าจู่โจมทันที

   “เหยียบตีนกูอีกไอ้นี่”

   แม้จะหัวเราะแห้งๆ ส่งไปก็ถูกด่าอยู่ ชีวิตพี่ขิงช่างน่าลำบาก

   “พี่ดึงผมไว้ทำไมเหรอครับ”

   “นี่มึงสมองเสื่อมหรือเป็นลาวะ ถึงได้ขี้ลืมแล้วก็โง่แบบนี้”

   โอ้โห คำด่าเจ็บแสบถึงทรวงโคตรๆ ขนาดพ่อผมที่ว่าปากจัดยังไม่ขนาดนี้ น่านับถือจริงๆ

   “ผมโง่ก็ได้ ยอมรับ พี่มีอะไร”

   พอได้ยินผมด่าตัวเอง ไอ้พี่ไฮท์ก็ขำในลำคอเบาๆ

   “มึงต้องไปกับกูก่อน”

   “ไปไหน” นี่ไม่ใช่เสียงผมครับ เป็นเจมส์ที่แทรกขึ้นมา ก่อนจะถูกมือคล้ำยื่นมาอุดปาก

   “พี่จะพาผมไปไหนเหรอ”

   “ก็ไปตามนัดที่มึงเคยถูกกระทืบหน้าตึกไง จำได้หรือยัง”

   “อ๋อ” ความทรงจำของแรงหมัดนั่นผุดเข้ามาทันที ผมกระพริบตาช้าๆ เมื่อจำได้ “ผมต้องไปวันนี้เหรอ” ถามอย่างงงๆ เพราะไม่ได้เตรียมใจ เตรียมหน้าเผื่อถูกกระทืบ

   “เพราะตอนนี้กูว่าง ต่อไปไม่ว่าง หรือมึงจะไปคนเดียว” ไอ้พี่ไฮท์ว่า

   “ไปวันนี้ก็ได้ครับ”

   “ท่าทางแบบนี้ มันใช่ไอ้ขิง นายแบบผู้หยิ่งยโสคนนั้นจริงๆ หรือเปล่าวะ” ประโยคนี้ทำให้ผมหันขวับไปมอง รุ่นพี่ท่าทางทะเล้นจ้องหน้าผมคล้ายกับแสกนร่าง “แต่ดูๆ มันก็ไอ้ขิงนี่หว่า”

   “พูดมาก พวกมึงไปรอกูที่ห้องก่อน เดี๋ยวกูมา ส่วนมึง ตามกูมานี่”

   สั่งเสร็จ ไอ้พี่ไฮท์ก็ดึงผมให้เดินตาม จะดึงแขน ดึงมือก็ไม่ได้ว่า แต่ดึงชายเสื้อช็อปเนี่ย มันแปลกๆ นะเว้ย และพอดึงช็อป หน้าผมก็โผล่สิ แม้จะมีมาร์กปิดไว้ก็เถอะ คนก็ยังมองอย่างสนใจอยู่ดี

   “นั่นขิงนี่”

   “ขิงไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นตั้งนาน”

   “ขิงมาเรียนด้วยเหรอ”

   “ทักคนอื่นด้วย ไม่น่าเชื่อ”

   และอีกมากมายที่ได้ยินเวลาเดินผ่าน ผมยกมือโบกทักทายให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตร แต่พอใครเห็นก็จะทำหน้าตื่นๆ กันหมด หรือผมไม่ได้รูดซิปวะ

   “รถมึงอยู่ไหน” คำถามดังขึ้นมาหลังจากถูกดึงมาถึงหน้าตึก พอผมชี้ ไอ้พี่ไฮท์ก็ขมวดคิ้วทันที “มอเตอร์ไซค์คันนั้น?”

   “ใช่ รถผมเอง” ยืดอกอวดอย่างภูมิใจ ก่อนจะห่อตัวลงเมื่อถูกตบหัวคว่ำ

   “ก็รีบไปสิ จะยืนรอให้แดดเลียตูดหรือไง”

   “พี่ทำไมชอบใช้กำลังวะ ครับๆ ไปครับ” ก่อนจะถูกฝ่ามือที่เงื้อขึ้นกระทบสักส่วนบนตัว ผมก็รีบวิ่งไปที่รถ เสื้อช็อปของพี่ขิงตอนนี้อยู่ในมือของไอ้พี่ไฮท์นู้น “พี่จะซ้อนผมไปเหรอ” ถามออกมาอย่างงๆ ก็อยู่ๆ ขึ้นมาควบนั่งเฉย

   “เออ มึงจะให้กูเดินไปหรือไง ถามเหมือนไม่ได้ใช้สมอง” โดนสายตาดุตวัดมองอีก หัวหดเลยไอ้ขมิ้น “รีบๆ ไป กูร้อน”

   “ขี้โมโหจังวะ” พึมพำเบาๆ แต่กลับมีคนหูดีได้ยินซะงั้น

   “อย่านินทากู”

   ผมเบ้ปากก่อนสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์แสนไพเราะดังตามคันเร่งที่บิด ทันทีที่ออกตัวคนซ้อนคงไม่ทันตั้งตัว แขนขาวๆ นั่นยื่นมารัดท้องผมซะแรงจนต้องรีบเหยียบเบรกจนหัวทิ่ม และมันก็ทำให้หน้าผากของไอ้พี่ไฮท์ชนกับหัวผมพอดี เจ็บโคตร จะโนหรือเปล่าวะ

   “มึงแกล้งกูเหรอวะ” คนด้านหลังกัดฟันพูด พลางยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ผมรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน
 
   “ก็พี่เล่นรัดเอวผมซะแน่น มันก็ตกใจสิ”

   “ใครให้มึงออกตัวไม่บอกล่ะ”

   “นี่ผมผิดเหรอเนี่ย”

   “เออ มึงผิดทุกอย่าง”

   เลิกต่อปากต่อคำ เพราะยังไงผมก็กลายเป็นคนผิดวันยังค่ำ

   “จะออกตัวละนะ”

   “เออ”

   เบ้ปากอีกรอบก่อนออกตัวช้าๆ ความเกร็งของคนซ้อนผมรับรู้ได้เพราะรถมันจะเซ เส้นทางในมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างซับซ้อน หรือเพราะผมไม่รู้ทางก็ไม่รู้ ที่รู้ๆ คือผมวนกลับมาหน้าตึกคณะอีกรอบ

   “มึงจะวนกลับมาทำเหี้ยอะไร”

   “ก็พี่ไม่บอกว่าต้องไปที่ไหนนี่” แถครับ เราต้องแถให้สุด “ผมไม่รู้เลยต้องกลับมาตั้งหลักใหม่”

   “ไอ้ขิง นี่มึงกวนตีนกูใช่ไหม”

   “ไม่ได้กวน” ผมรู้ว่าพวกที่มาหาเรื่องผมคือรุ่นพี่คณะบริหารเพราะเจมส์บอกแต่... “คณะนั้นไปทางไหน”

   “ไอ้ห่า มึงเรียนที่นี่มากี่ปีถึงไม่รู้”

   อยากตอบเหลือเกินมาเพิ่งมาแค่สองอาทิตย์

   “ก็...ก็ผมไม่ค่อยเข้าเรียนไง มาคณะแล้วก็กลับไม่เคยไปที่อื่น” พูดจบ ไอ้พี่ไฮท์ก็เงียบครับ มันคงจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด “พี่บอกทางให้ผมหน่อยสิ”

   “เออๆ ตรงไป เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา”

   “เชี่ย ค่อยๆ บอกสิวะ”

   “อย่าขึ้นวะกับกู”

   “ครับพี่ครับ”

   แม่ง ไหนเจมส์บอกเป็นคนใจดี ใจเย็น นี่มันคนใจเย็นประเภทไหนถึงตบหัวผมทุกนาทีวะ





   ถนนในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้วกวนอย่างที่คิด ผมขี่ตามทางที่คนข้างหลังบอก จนมอเตอร์ไซค์ KSR สีดำเข้าจอดที่ลานหน้าตึกสูง ด้านหน้าที่ผ่านเข้ามามีตัวอักษรขนาดใหญ่บอกชื่อคณะ ผมจำได้ว่าเคยหลงผ่านคณะนี้ครั้งหนึ่ง เพิ่งนึกออก ผมตั้งขาตั้งรถเมื่อคนซ้อนลงไปยืนทำเท่ให้สาวกรี๊ด คงคิดว่าตัวเองเท่ซะเต็มประดาล่ะสิ

   “เอาเสื้อมึงไป”

   เสื้อช็อปของพี่ขิงถูกปามาจนผมต้องรีบรับไว้ ส่วนคนปาก็เดินนิ่งๆ เข้าไปใต้ตึก ผมเลยต้องรีบเดิมตาม มือก็ขยับมาร์กปิดปากกันคนจำได้ ซึ่งมันก็ช่วยได้ไม่มาก

   “ขิงใช่ไหม” แรงดึงชายเสื้อยืดสีดำของผมทำให้ต้องหยุดเดินและหันไปมอง ผมกระพริบตาปริบๆ เพราะไม่รู้จักคนทัก “ขิงจริงด้วย ดิวโทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่เคยรับ”

   “หา?” อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงเดินมาทักผม ดวงตากลมโตจ้องหน้าผมอย่างตัดพ้อ “เรา รู้จักกันเหรอครับ”

   “ขิง!” เธอตวาดจนผมสะดุ้ง ขนาดคนเดินนำไปไกลยังหันกลับมามอง “อ๋อ เพราะขิงไปติดเด็กปีหนึ่งที่ชื่อกานนั่นใช่ไหม ขิงถึงไม่สนใจดิว ทำไมขิงทำกับดิวแบบนี้”

   “เดี๋ยวครับเดี๋ยว” ผมรีบยกมือห้ามประโยคยาวๆ ที่ฟังแทบไม่ทัน ตอนนี้สาวที่เกาะแขนผมเริ่มมีน้ำตาคลอแล้วด้วย ทำไงดีไอ้ขมิ้น “คือ ผมขอโทษจริงๆ นะ แต่ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ” นี่พี่ขิงคบผู้หญิงกี่คนวะ

   “ตอแหล!” เสียงแหวดังมาจากอีกทาง พร้อมแรงเหวี่ยงฟาดเข้าที่แก้มผมอย่างจังจนชา “ฉันเห็นเต็มสองตาว่าแกพาอีเด็กนั่นเข้าโรงแรม”

   “เข้าโรงแรม!” ฉิบหายแล้วครับ

   “เออ เข้าโรงแรม”

   “อาจไปกินข้าวก็ได้นะครับ”

   “กินอย่างอื่นน่ะสิ คิดว่าหล่อเลือกได้เลยมาหลอกเพื่อนฉันเหรอ”
 
   ไปกันใหญ่แล้ว แถมตอนนี้คนใต้ตึกก็พุ่งสายตามาที่ผมเป็นหนึ่งเดียว

   “ผมขอโทษนะครับ” ได้แต่ขอโทษไป ไม่รู้ว่าพี่ขิงทำแบบที่เขาพูดหรือเปล่า แต่ทางออกที่ดีที่สุดคือขอโทษ แม้แก้มจะชาอีกสองรอบก็ไม่เป็นไร ถือว่าไปถอนฟันมาก็แล้วกัน

   มาร์กปิดปากดูไม่มีประโยชน์ ผมดึงออก ก่อนนวดแก้มตัวเองไปมา ไม่รู้กรามขยับหรือเปล่า ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด

   “วีรกรรมเยอะนะมึง” เสียงทุ้มลอยมาแต่ไกล ผมไม่มีอารมณ์ตอบโต้เลยปล่อยให้แขวะไป

   ระหว่างการเดินผ่านกลุ่มคน เสียงพูดคุยซุบซิบนินทาจะลอยมาเข้าหูอยู่ตลอด ส่วนมากก็เรื่องที่เกิดเมื่อครู่ กับเรื่องที่ผมเป็นพี่ขิงเดินอยู่ใต้ตึกบริหารนี่แหละ ผมก็เพิ่งรู้ว่าพี่ขิงจะดังขนาดนี้ เห็นเป็นแค่นายแบบธรรมดาแค่นั้น

   ไอ้พี่ไฮท์เดินนำผมผ่านตึกแรก ทะลุเข้าไปยังลานสนามหญ้าด้านใน และขึ้นบันไดไปอีกตึก ซึ่งใต้ตึกนี้มีคนนั่งพอๆ ตึกแรก แต่คนที่ทำให้ขนแขนผมลุกก็ดูจะโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ไอ้พี่ตาดุนั่งยิ้มอ้าปากรอกินส้มที่คนข้างๆ ป้อน

   บรรยากาศสีบานเย็นแปลกๆ

   เสียงพูดคุยที่ได้ยินตอนแรกค่อยๆ เบาลง เมื่อหันมาเห็นคนแปลกหน้าสองคนที่สวมเสื้อช็อปเดินตรงเข้าไปหา และไม่รู้อะไรดลใจให้ผมขยับไปยืนซ้อนหลังไอ้พี่ไฮท์ทันทีที่มีคนลุกมาจากโต๊ะแล้วตรงเข้ามาหาผม

   “เก่งแต่มุดหัวเหรอมึง” เสียงเหวี่ยงพอๆ กับหน้าตา ผมขยับตัวออกห่างพี่ไฮท์นิดๆ แล้วยกมือไหว้ขอโทษ

   “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ไม่รู้ล่ะ ขอโทษไว้ก่อน พ่อสอนไว้

   “ขอโทษกูทำไม” เสียงเหวี่ยงจนผมต้องรีบหดหัว ก่อนเขาจะบุ้ยปากไปทางด้านหลัง “มึงต้องขอโทษคนรักกูนู้น” พอได้ยิน ผมก็เอียงคอไปมอง เห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง แขนมีผ้าพันแผลสีขาวพันไว้
 
   “พี่ฟลอย์ ไม่ต้องหรอก ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย” คนเจ็บเดินกระเผลกมายืนข้างๆ พร้อมกับยกยิ้มให้ผม “แม้ตอนแรกจะโมโหจนอยากต่อย แต่นายก็ขอโทษแล้ว ช่างมันเถอะ”

   “ได้ไง มันทำต้อมเจ็บนะ” คนที่ผมขอโทษตอนแรกโวยวาย แต่พอโดนสายตาดุตวัดมองก็เงียบลง

   “ที่จริงนายก็ขอโทษแล้ว แต่ตอนนั้นอารมณ์คนเจ็บอะเนอะ ก็เลยโวยวายไป”

   “ต้อม อย่าเป็นคนดี”

   “พี่นั่นแหละ อยากเลวหรือไง”

   แล้วเสียงหัวเราะก็ดังมาจากด้านหลัง ไอ้พี่หน้านิ่งระเบิดเสียงหัวเราะตัวเองออกมา แต่ก็ถูกคนข้างๆ ยัดส้มเข้าปากทั้งลูก

   “เงินที่นายให้ แม้ไม่พอซ่อมสุดหวง แต่ก็พอค่าทำแผล ช่างมันเถอะ” คนที่เจ็บเดินเข้ามาหาผม มือที่มีรอยถลอกยกขึ้นแตะบ่าผมเบาๆ “ไม่เป็นไร”

   “ขอบคุณนะ”

   “นี่รุ่นพี่นาย อายุเท่าฉัน”

   ผมพูดไม่ทันจบดี ไอ้พี่ไฮท์ก็รีบขัดขึ้นมา ผมตวัดสายตามองอย่างขุ่นๆ ก่อนจะพูดใหม่อีกรอบ คราวนี้ยกมือไหว้ด้วย จนคนถูกไหว้ตกใจ

   “ขอโทษครับ แล้วก็ขอบคุณที่ไม่เอาเรื่อง”

   “ไม่เป็นไร พวกนี้ก็หาเรื่องไปเรื่อย อีกอย่าง ได้ข่าวว่านายก็ถูกต่อย ถือว่าหายกันก็แล้วกันนะ”

   ผู้ชายคนนี้ มีออร่าสีขาวอยู่รอบตัวสินะ ผมยิ้มกว้างส่งให้ทันที แต่ไม่นานก็ถูกร่างใหญ่ๆ เดินมาขวาง พร้อมส่งสายตาขู่และส่งเสียงคำรามข่ม

   เมื่อเห็นท่าไม่ดี ผมก็ถูกพาออกมาจากที่นั่น ช่วงที่เดิน คนพามาไม่ยอมพูดยอมจา หรือเกิดเป็นใบ้หาเสียงไม่เจอชั่วขณะ

   “พี่จะให้ผมไปส่งที่หน้าคณะไหม” ถามเพื่อทดสอบการได้ยิน พอถูกสายตาดุมองก็เบาใจที่ประสาทกับรับรู้ยังดีอยู่ ไอ้พี่ไฮท์ขึ้นมาซ้อนด้านหลังผมตามเดิม “ผมจะออกรถแล้วนะ”

   บอกเสร็จก็ออกตัวอย่างช้าๆ เส้นทางที่เริ่มคุ้นเคย (เพราะการหลงทาง) ทำให้ผมมาถึงหน้าตึกคณะโดยไม่ต้องรอการบอกทางจากคนซ้อนที่นั่งเป็นหุ่นไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

   “ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ” บอกคนที่ก้าวขาลงจากรถไป ไอ้พี่ไฮท์จ้องหน้าผมนิ่งๆ “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ลาแบบเจมส์ทำ

   “มึง...เหมือนไม่ใช่ไอ้ขิงที่กูรู้จัก”

   “ครับ?”

   “ไม่มีอะไร ช่างเถอะ” 

   ผมตีหน้างงใส่คนที่หันหลังใส่ บทจะพูดก็พูด บทจะไปก็ไป อะไรของพี่เขาวะ แต่ที่แน่ๆ ปัญหาของพี่ขิง มันจะหมดแล้วจริงๆ เหรอวะ หรือยังมีปัญหาอื่นๆ อีก แค่คิดก็ปวดหัวแล้วโว้ย เมื่อไหร่แม่จะหาพี่ขิงเจอสักที ไอ้ขมิ้นอยากกลับบ้านแล้ว



...TBC

ขิงนี่ตัวดึงดูดปัญหาจริงๆ เลย ว่าแต่ ปัญหาจะหมดแล้วจริงๆ เหรอ.... >w<
#ไฮท์ขมิ้น
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2017 13:48:21
พ่อแม่ขิง เคยรู้วีรกรรมขิงบ้างไหมเนี่ย
แล้วให้ขมิ้นมาแทนขิง เท่ากับโยนขมิ้นเข้าดงมือดงตีนแท้ๆ
แล้วขมิ้นทำไมต้องยอม
ไม่เข้าใจ ถูกพ่อขิงดูถูก ทั้งที่มาช่วยลูกตัวเอง งงๆ

ที้แท้เกี่ยวข้องกับต้อม พี่ฟลอยด์ด้วย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แล้วจะมีกลอย พี่โช โผล่มามั้ยนะ คิดถึงงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 27-12-2017 13:51:14
ถถถ  น้องขมิ้นของพรี่ อดทนไว้น่ะลูก แต่คิดว่าหลังจากนี้คุณพี่ไฮท์จะคอยปกป้องหนูวแหละ

" มึงดูเหมือนไม่ใช่ไอ้ขิงเหมือนที่กูรู้จัก" พ่อจ๋า คนนี้ขมิ้นคะ ขมิ้นไง จะไปเหมือนขิงได้ไงล่ะล


หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-12-2017 14:41:33
มารอ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-12-2017 15:52:58
รักนี้ แค่นาย ไม่ใช่ว่าพอขิงกลับมาแล้วคิดว่าเป็นขมิ้นอีกนะแบบนี้ไม่เอ๊าไม่เอา :serius2: :serius2: :serius2:เราคิดไกลไปหรือเปล่าวะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-12-2017 18:03:19
เห็นใจขมิ้นเลย เหมือนสีดำกับสีขาว
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2017 19:29:05
พ่อแม่ของขิงเคยรู้ปัญหาของลูกตัวเองบ้างไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 28-12-2017 09:13:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 28-12-2017 10:03:25
ดีจริงๆที่ขมิ้นไปอยู่กับพ่อ ไม่รู้แม่กับพ่อฝั่งนี้เลี้ยงขิงมายังไงถึงกลายเป็นคนแบบนี้
แถมยังเอาปัญหามาโยนให้ขมิ้นอีก เป็นพ่อแม่ที่ดีจริงๆ(ประชด)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 28-12-2017 10:35:40
คุณชายขิง ดูท่าจะร้ายยยย  o22
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 29-12-2017 21:37:08

-4-




        วันนี้ตารางพี่ขิงไม่มีเรียน ผมกะจะนอนกินบ้านกินเมืองสักหน่อย นานๆ ทีจะได้นอนที่นอนนุ่มๆ แต่ความคิดนั้นไม่เป็นผล เสียงแปดหลอดมาพร้อมแรงดึงและทึ้งให้ผมลุกขึ้น โดยมีแม่คอยจัดแจงชุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า

   “จะให้ผมไปไหนครับ ผมไม่มีเรียน” งอแงระดับสิบ ความง่วงไม่เคยปราณีใครนะครับบอกเลย

   “นอนไม่ได้แล้วค่าคุณน้อง วันนี้มีงานถ่ายแบบหนังสือค่ะ” คนที่ผมเจอวันที่แม่ไปหาที่บ้าน ยิ้มแป้นแล้น แรงมหาศาลที่มาจากกล้ามแขนนั่นฉุดแป๊บเดียวผมก็แทบปลิวจากเตียง “ไปอาบน้ำค่ะ หรือจะให้พี่อาบให้อย่างน้องขิงคะ”

   “ผมอาบเองได้” ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็ตัวหอมฉุยออกมา

   “นี่อาบหรือวิ่งผ่านคะคุณน้อง” แล้วแขนของผมก็ถูกดึงไปดู “ขี้ไคลหมดไหมเนี่ย”

   “โอ๊ยพี่ครับ ผมอาบสะอาดน่า” รีบดึงแขนตัวเองออกจากการจับๆ ลูบๆ มันขนลุกแปลกๆ “แล้วผมต้องไปที่ไหนนะ” เพราะเมื่อกี้ตื่นไม่เต็มตาเลยฟังไม่ค่อยถนัด

   “ถ่ายแบบหนังสือจ้ะ”

   “อ๋อ ถ่ายแบบหนังสือ หา? ถ่ายแบบอะไรพี่ ไม่เอา ผมไม่ทำ”

   รีบกระโดดขึ้นไปอยู่กลางเตียงทันที บ้าเหรอ จะให้ไอ้ขมิ้นไปถ่ายแบบเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก เขินตายห่า แล้วหุ่นผมก็ไม่ได้ดีด้วย

   “ต้องทำนะขมิ้น งานของพี่ขิงเขา ลูกจะทำให้พี่เขาถูกด่าเหรอ ไม่สงสารพี่ขิงเหรอ” เสียงแม่ดังแทรกเข้ามา ในมือแม่ถือชุดที่ผมจะต้องใส่ “ใส่ชุดนี้นะ”

   “แม่ครับ ขมิ้นไม่อยากไป” ผมส่งสายตาอ้อนวอน แต่ดูไม่เป็นผล ตอนนี้ขาผมถูกดึงจากผู้ช่วยของแม่และพี่ขิง “ไม่เอา ไม่ไป”

   “คุณน้องจะมาดีๆ หรือให้พี่ดึงผ้าขนหนูหลุดคะ”

   พูดจบผมก็รีบกุมปมผ้าไว้แน่น

   “ต้องถ่ายเหรอ”

   “ต้องถ่ายค่ะ”

   “ไม่อยากถ่ายอะ”

   “ไม่อยากก็ต้องถ่ายค่ะ อ่านปากพี่หมูหวานนะคะ ต้องถ่ายค่ะ”

   “ถ้าทำไม่ได้ ห้ามด่ากันนะครับ”






   ผมนั่งรถออกมากับแม่และผู้ช่วยที่ชื่อหมูหวาน รถราคาแพง เบาะเลยนุ่มน่านอน แต่พอจะนอนก็ถูกดึงขึ้นมาเพื่อฟังแม่บอกรายละเอียดต่างๆ ของวันนี้ ซึ่งกว่าจะจบก็ถึงที่หมายพอดี ก่อนลงรถ แม่กำชับให้ผมวางตัวให้ดี อย่าหลุดเด็ดขาด เพราะคนที่นี่คอยจ้องแต่จะนินทาพี่ขิง

   ตึกระฟ้าสูงเด่นจนต้องหรี่ตามองปลายยอด ผมเดินตามหลังแม่กับพี่หมูหวานเข้าไปด้านใน คนที่เดินสวนไปมาต่างก็จ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว และนั่นทำให้ผมต้องยิ้มตอบกลับเพื่อแสดงความเป็นมิตรพร้อมโบกมือทักทาย แต่ไม่รู้ทำไม เสียงที่พูดตามหลังมาถึงบอกว่าผมตอแหล

   ยิ้มทักทายนี่เรียกตอแหลเหรอครับ หรือเป็นศัพท์ใหม่ของคนที่นี่กัน

   พี่หมูหวานเปิดประตูห้องที่มีชื่อของพี่ขิงติดไว้ ด้านในมีกระจกบานใหญ่ บนโต๊ะหน้ากระจกมีข้าวของมากมาย รวมทั้งเครื่องสำอางที่ผมเคยเห็นในทีวี

   “นั่งตรงนี้นะ เดี๋ยวช่างเขาจะมาแต่งหน้า ทำผมให้” บอกปุ๊บ แม่กับผู้ช่วยก็เดินออกไปทันที โดยที่ผมอ้าปากร้องทักไม่ทัน คิดเอาผมมาปล่อยไว้ที่นี่หรือเปล่าวะ

   เก้าอี้หน้ากระจกสามารถหมุนและขยับขึ้นลงได้ มันช่างเป็นของเล่นแก้เบื่อของผมได้ดีซะจริง ยืดๆ หดๆ สนุกดี พอหมุนซ้าย หมุนขวาได้ไม่นาน ประตูห้องก็เปิด มีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาสองคน แม้พวกเขาจะส่งยิ้มให้มา แต่ดูไม่ได้มาจากใจ เป็นรอยยิ้มที่ยกยิ้มไปส่งๆ แค่นั้น

   “คิวน้องขิงดั่งทองคำเลยนะคะ” ผมรู้ว่านี่คือคำประชด แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ “ว่าแต่ คุณแม่น้องได้บอกไหมคะ ว่าวันนี้เรานัดคิวน้องเตอร์มาถ่ายด้วย”

   “ครับ” ผมตอบสั้นๆ

   ตอนนี้หน้าของผมกำลังถูกละเลงโดยแปรงสารพัด ฝุ่นของแป้งที่เข้าจมูกทำให้จามอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่จามผมจะยกมือขอโทษ เห็นท่าทางตกใจของช่างแต่งหน้าอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจมากไปกว่าอาการคันจมูก นี่พี่ขิงทนได้ยังไง ไม่เป็นภูมิแพ้แย่เหรอ

   “เสร็จแล้วค่ะ”

        ช่างแต่งหน้าฉีดสเปร์ยน้ำอะไรสักอย่างใส่หน้าผมก่อนบอกว่าเสร็จ พอส่องกระจกดู มันก็เหมือนเดิม เพียงแต่หน้าผมมีแป้งหนาขึ้น สิวกับรอยแผลเล็กๆ ก็หายไปหมด

   “ขอบคุณครับ”

        หลังจากสำรวจหน้าตัวเองเสร็จก็ยกมือไหว้ขอบคุณตามมารยาท และผมก็ได้คำอุทานแสนตกใจจากช่างแต่งหน้าและผู้ช่วย
 
   “อุ๊ย มาแปลกนะคะ พี่ตั้งตัวไม่ถูกเลย” สีหน้าละล้าละลังจนผมต้องยิ้มแห้งให้ ผมผิดตรงไหนอีกวะ “ไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ”
 
   “ครับ”

   ทันทีที่ขาก้าวเดินไป เสียงที่ลอยตามหลังก็ยังเป็นเรื่องของผม ไม่สิ ของพี่ขิง ได้ยินแว่วๆ เรื่องผิวหน้าที่แห้งกร้านไม่เหมือนคนบำรุงน้ำนมเช่นเดิม ก็แหงล่ะสิ หน้าไอ้ขมิ้นเจอแต่ฝุ่น แต่ลม จะไปนุ่มนิ่มเหมือนก้นเด็กได้ยังไง

   “ถอดชุดเลยค่ะ”

   “ครับ?”

   “ถอดสิคะ ไม่งั้นจะเปลี่ยนได้ยังไง”

   “ถอดตรงนี้?”

   ตกใจประหนึ่งจะถูกลวงไปปู้ยี้ปู้ยำ ก็คนตรงหน้าเป็นหญิงสาวแท้ๆ ไม่ได้เป็นสาวนะยะอย่างช่างแต่งหน้า จะให้ผมแก้ผ้าให้ผู้หญิงดู มันก็ไม่ควรหรือเปล่าวะ

   “ก็ตรงนี้แหละค่ะ เร็วๆ เดี๋ยวจะถ่ายแล้ว”

   เอาวะ ผมกลั้นใจถอดเสื้อผ้ามันตรงนั้น บ็อกเซอร์ลายมิกกี้เม้าท์สร้างเสียงขำเล็กๆ จากคนตรงหน้าจนผมเขิน แต่ก็ไม่ถึงนาที ชุดที่ถูกเลือกก็สวมอยู่บนตัวของผม กางเกงหนังสีขาวมีซิบเยอะไปหมด พอๆ กับเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีขาวรูดซิบจากด้านล่างมาถึงลิ้นปี่

   “ไม่มีเสื้อด้านในเหรอครับ” ถามขณะถูกใส่เครื่องประดับบนตัว คำตอบคือการส่ายหน้าพร้อมแลตามอง “มันเย็นๆ”

   เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ ผมก็เดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงที่แต่งตัวให้ เธอเดินนำไปยังห้องใหญ่ที่ติดป้ายว่าสตูดิโอ ด้านในนี้มีอุปกรณ์สำหรับถ่ายหนังสือครบครัน ทั้งไฟ ทั้งฉาก รวมไปถึงกล้องที่ตั้งอยู่ด้านหน้า มันเหมือนฉากในละครที่ป้าในตลาดชอบดูเลย

   “อ่าวขิง มาแล้วเหรอลูก มานั่งตรงนี้”

   เสียงแหลมของแม่ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม บอกตรงๆ ผมโคตรไม่ชอบเลย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ถูกจับตามองแบบนี้ทุกครั้ง มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวประหลาดเดินได้ พี่หมูหวานเห็นผมไม่ยอมเดินเลยเป็นฝ่ายเดินมาหาพร้อมดึงแขนให้ไปนั่งเก้าอี้นวมสุดพิเศษ

   “นั่งตรงนี้นะคะ” คำกำชับของพี่หมูหวาน ก่อนเขาจะเดินปรี่ไปหาตากล้องที่กำลังดูความเรียบร้อยหน้าฉาก

   ช่วงที่อยู่รอ ผมลองสอดสายตามองไปทั่วบริเวณ จนไปสะดุดตาผู้ชายอีกคนที่นั่งตรงมุม เขาใส่ชุดหนังสีดำดูเท่ไปอีกแบบ ผมเผลอจ้องเขาอยู่นานกว่าจะถูกเรียกให้ไปยืนที่หน้าฉากเพื่อลองกล้องและไฟ

   แสงไฟหลายดวงสาดเข้าหน้าจนต้องหรี่ตาอยู่ตลอด ใบหน้าที่มีแป้งหนาๆ คงจะกันความร้อนจากหลอดไฟพวกนี้ไม่ค่อยได้สินะ รู้สึกแสบหน้ามากตอนนี้

   “เตอร์ ลองมายืนข้างๆ ขิงหน่อย” เสียงของตากล้องเรียกคนที่นั่งมุมให้เดินเข้ามา พอมายืนข้างกัน เราทั้งสองคนตัวสูงพอๆ กันเลย “โอเค ปรับไฟตรงเตอร์อีกหน่อยนะ”

   “เดี๋ยวนะคะคุณตากล้อง ถ้าจะเพิ่มต้องเพิ่มฝั่งน้องขิงสิคะ น้องจะได้เด่นกว่า” เสียงขัดของแม่ ทำเอาคิ้วผมขมวดเป็นปม “ตามนี้นะคะ”

   “ก็ได้ๆ” ผมเห็นตากล้องลอบถอนหายใจครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มสั่งงานต่อ

   เสียงสั่งให้ทำท่าทางตามที่นายทุนต้องการ คนข้างผมดูชำนาญอย่างมืออาชีพ แต่สำหรับคนไม่เคยอย่างผม มันช่างยากนัก
 
   “ขิง ทำไมทำหน้าแบบนั้น ดึงหน้าหน่อย” เสียงติดโมโหของตากล้องที่บอกผมรอบที่สิบ ก็ผมไม่เข้าใจ ว่าไอ้การดึงหน้ามันต้องทำยังไง เก็กหล่อก็ไม่เอา ทำหน้าเอ๋อๆ ก็ไม่ใช่อีก จะเอายังไงกับผมวะเนี่ย “ขิง ทำแบบเตอร์น่ะ เห็นป่ะ”

   “ทำไงวะ” พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนหันไปมอง คนข้างผมยกยิ้มมุมปากเล็ก หน้าก็ยกขึ้นทำมุม น่าแปลกที่มองจากผม เขาดูเท่มากจริงๆ 

   การถ่ายแบบวันนี้กว่าจะผ่านไปได้ก็ใช้เวลาทั้งวัน ทุกคนดูเบื่อหน่ายในความเก้ๆ กังๆ ของผม แต่ก็พยายามใจเย็นจนมันสำเร็จลุล่วง ผมเดินตามพี่หมูหวานไปที่ห้องแต่งตัว พอประตูปิดลง พี่เขาก็กรีดร้องจนผมปวดแก้วหูไปหมด ผีเข้าหรือเปล่าวะ

   “เอ่อ พี่เป็นอะไรครับ” ถามไป มือก็ยังยกปิดหูอยู่

   “ก็คุณน้องทำพี่ลุ้นมาทั้งวัน ฉี่จะแตกอยู่หลายรอบน่ะสิคะ โอ๊ย คุณพี่เห็นเส้นเลือดคุณหญิงแม่เต้นตุบๆ อยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ”

   “ขอโทษครับ” ผมยกมือไหว้ขอโทษสำหรับความไม่เป็นงานของตัวเอง

   “ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่เข้าใจว่ามันเป็นครั้งแรก”

   “พี่ขิงคงเก่งมากเลยนะครับ”

   อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงพี่ชายตัวเอง งานพวกนี้เป็นงานถนัดของเขา ไม่เก่งก็คงแปลกล่ะ

   “ถ้าเป็นน้องขิงละก็ งานวันนี้ไม่เสร็จแน่นอนจ้ะ” ผมยืนโป้เหลือแต่บ็อกเซอร์มองพี่หมูหวานที่ยังสาละวนกับชุดที่ผมถอดส่งคืน “น้องขิงน่ะนะ ถ้ามีอะไรผิดใจหรือไม่ชอบใจก็จะเดินหนีออกมาเลย อย่างเช่นถ่ายร่วมกับเตอร์”

   “เหรอครับ”

   “อุ๊ย พี่ปากพล่อยอีกละ อย่าไปบอกคุณหญิงแม่นะคะ ไม่งั้นพี่หมูหวานโดนด่าแน่” สีหน้าและท่าทางหวาดกลัวนั่นทำให้ผมพยักหน้ารับปาก

   เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ ผมเดินออกมาด้านนอกก่อนพี่ผู้ช่วย สายตากวาดมองทุกคนที่ยังคงวุ่นวายกับการทำงานของตัวเอง จนไปสะดุดตานายแบบที่ถ่ายงานกับผมเมื่อครู่

   “ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียเวลาทั้งวัน” รู้มาว่าเขาอายุเยอะกว่า ผมเลยยกมือไหว้ขอโทษเขาไป นายแบบรุ่นพี่ปรายตามองมาก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ กาแฟร้อนตรงหน้าของเขาส่งกลิ่นหอมจนผมชักอยากกินบ้าง “เอ่อ แล้วขอโทษแทนแม่ผมด้วยที่พูดไม่ดีกับพี่”

   “เลิกเสแสร้งได้แล้วนายน่ะ” อยู่ๆ เขาก็พูดออกมาหลังจิบกาแฟร้อน “ฉันไม่รู้หรอกนะ ทำไมนายถึงมาพูดกับฉัน แล้วไอ้ท่าทางใสซื่อแบบนี้ มันไม่เมคเซ็นซ์เลยว่ะ”

   “ผมไม่ได้...”

   “อย่ามายุ่งกับฉัน”

   “ขอโทษครับ” เมื่อเขาไม่อยากคุย ผมเลยเดินออกมา เป็นอะไรของเขาวะ หรือจะไม่ถูกขี้หน้ากับพี่ขิงอีกคน “โอ๊ะ ขอโทษครับ” เพราะผมมัวแต่เผลอจนลืมมองทาง ทำให้เดินชนกับทีมงานของที่นี่อย่างจังจนเขาลงไปนั่งกองที่พื้น พอเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นผม ก็รีบชักสีหน้าใส่ทันที “เจ็บไหมครับ ผมขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ดูทาง”

   คนล้มทำปากขมุบขมิบนั่น อาจกำลังด่าผมอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น ผมรีบเข้าไปประคองให้เขาค่อยๆ ลุกขึ้น แต่พี่เขากลับร้องโอดโอยแล้วชี้ไปที่ข้อเท้า

   “เจ็บๆ”

   “สงสัยขาจะเคล็ดนะครับ” ผมหันไปหันมามองหาคนช่วย แต่กลับไม่มีใครอยู่แถวนี้สักคน พอจับข้อเท้าพี่เขาดู ก็โวยวายดังลั่นว่าเจ็บ “งั้น ไปหาหมอกันครับ”

   “ที่นี่มีห้องพยาบาล” เสียงแหวตอบกลับมาทันที คงเพราะพี่เขาขาเจ็บเลยใส่อารมณ์ ผมเข้าใจเลยทำเป็นเมินสายตาขึงขังนั่น

   “งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง” พยายามประคองคนเจ็บให้ลุก แต่พี่เขาก็ร้องเจ็บขึ้นมาอีก เอาวะ ผมเป็นคนชน ผมก็ต้องรับผิดชอบ “พี่เดินไม่ได้ เดี๋ยวผมแบกพี่ไปเอง”

   “หา?”

   ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมขยับตัวหันหลังให้พี่เขาขึ้นมา คนเจ็บยังนั่งงงเลยเป็นผมที่ดึงแขนพี่เขาให้ขยับขึ้นมาบนหลังแทน แม้จะมีเสียงโอดโอยและความทุลักทุเลไปบ้างก็เถอะ

   “ห้องพยาบาลอยู่ที่ไหนเหรอครับ”

   ใช้เวลาตั้งตัวอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นยืนโดยมีพี่คนเจ็บเกาะหลังอยู่ พอนิ้วชี้บอกทางปุ๊บ ผมก็รีบก้าวขาอย่างไว ระหว่างทางมีคนหันมามอง มาสนใจก็มาก แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้ต้องพาคนเจ็บไปรักษาก่อน อีกอย่างคือหนักมาก หากหยุดเดินตอนนี้ ผมอาจจะทำพี่เขาหล่นได้ กว่าจะมาจนถึงห้องพยาบาลแขนผมก็แทบล้า ผมค่อยๆ วางพี่คนเจ็บไว้บนเตียง สายตาก็มองหาคุณหมอหรือคนเฝ้าห้องแต่ไม่มีใครอยู่สักคน

   “หมอไม่อยู่”

   “ไม่มีหมอหรอก”

   “อ่าว”

   “ทายาก็พอ เดี๋ยวมันก็หายเอง”

   ผมยืนมองหน้าคนเจ็บอย่างงงๆ เหมือนเขาไม่ชอบผมเลยอะ ที่จริงก็ทุกคนที่นี่นั่นแหละ ปฏิกิริยาจากทุกคนมันทำให้ผมคิดแบบนี้

   “งั้นรอแป๊บนะครับ”

   ไม่รอคำตอบใดๆ ผมจำได้ว่า ห้องที่ถ่ายแบบทั้งวันนั้นมีกระติกน้ำแข็งอยู่ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง มือก็หยิบผ้าเช็ดหน้าราคาแสนแพงของพี่ขิงออกจากกระเป๋าเสื้อ พอถึงห้องก็พุ่งไปเปิดฝากระติก หยิบน้ำแข็งที่ยังเป็นก้อนวางบนผ้าอย่างลวกๆ

   “ทำอะไรคะ” เสียงทักดังมาจากด้านหลัง เธอคือคนที่ช่วยผมแต่งตัวเมื่อตอนเช้า

   “พอดีผมชนพี่ทีมงานขาเจ็บ เลยมาเอาน้ำแข็งไปประคบ ขอตัวนะครับ”

   ทันทีที่ได้ก็รีบออกจากห้องไป คนถามเมื่อครู่ก็เดินเร็วตามหลังมาด้วย จนมาถึงห้อง พี่คนเจ็บยังนั่งนวดข้อเท้าตัวเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บร้าว

   “เอาน้ำแข็งประคบนะครับ เดี๋ยวค่อยทายา”

   “เดี๋ยวๆ ผ้านั่น...”

   ไม่ทันทักท้วงใดๆ ผมก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีน้ำแข็งก้อนประคบที่ข้อเท้า ทำไมผมถึงต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแบบนี้น่ะเหรอ ก็เพราะตลอดเวลาพ่อจะสอนผมเสมอ เราเป็นผู้ชาย เวลาทำผิดต้องรับผิดชอบ จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ตาม เห็นปากร้ายๆ แบบนั้น เป็นคนจิตใจดีมากนะครับ พ่อของผมเนี่ย

   ข้อเท้าคนเจ็บบวมนิดๆ แต่พอประคบเย็นก็เริ่มดีขึ้น ผมเลยขยับหนี เพื่อให้พี่ที่เดินตามหลังเข้ามาช่วยนวดยาให้แทน แต่ตลอดเวลา สายตาสองคู่ก็มักจะแอบมองผมอยู่เสมอ และผมก็จะยิ้มกลับทุกครั้ง

   “ขอบคุณนะน้องขิง” คำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มดูจริงใจกว่าช่วงที่ผ่านมา

   “ไม่เป็นไรเลยครับ ผมต่างหาก ที่ต้องขอโทษพี่ ขอโทษจริงๆ นะครับ พี่เจ็บตัวเพราะความซุ่มซ่ามของผมแท้ๆ” ยกมือไหว้อีกรอบ พี่คนเจ็บรีบโบกมือทันที

   “ก็น้องไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายจ้ะ”

   ผมรู้สึกว่าพี่เขาดูเป็นมิตรกว่าเมื่อกี้ ทั้งสีหน้า และแววตา

   “เอ่อใช่ แม่น้องขิงตามหาอยู่นะ รีบๆ ไปเถอะ ตรงนี้พี่ดูแลเอง”

   “ขอบคุณครับ”

   ยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินออกจากห้อง ไม่รู้อะไรดลใจให้ยืนแอบอยู่ข้างประตู เสียงพูดคุยดังเบาๆ มาจากในห้องเรื่องที่พี่ขิงเปลี่ยนไป จากปกติไม่เคยเห็นหัวใครเลย ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำทักทาย แต่วันนี้กลับยิ้มแย้ม แถมยกมือไหว้ขอโทษอีก ก็ผมไม่ใช่พี่ขิงไงครับถึงทำแบบนี้ได้

   “เมื่อกี้ น้องขิงเอาผ้าเช็ดหน้าราคาเป็นหมื่นมาแตะที่ขา ฉันแทบช็อก”

   ผมมองผ้าเช็ดหน้าในมือที่เปียกชุ่มจากน้ำแข็ง ผืนนี้ราคาเป็นหมื่นเหรอวะ ทำมาจากไหมทองคำหรือเปล่า

   “ตอนฉันช่วยเปลี่ยนชุดก็ยกมือไหว้ขอบคุณตลอด ตกใจมากเหมือนกัน”

   “ผีเข้าสิงหรือเปล่า ถึงเปลี่ยนจากฝ่าเท้าเป็นหน้ามือขนาดนี้”

   ช่างเป็นคำเปรียบเปรยที่...พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ ครับ




   เลิกสนใจคำพูดของคนอื่น ผมก้าวขายาวๆ เพื่อตามหาแม่ ก่อนจะเจอพี่หมูหวานยืนหันรีหันขวาง พอหันมาเจอหน้าผมปุ๊บ ก็รีบปรี่เข้ามา มือใหญ่จับที่แขนแล้วออกแรงลากให้ไปที่รถ

   “รีบอะไรขนาดนี้ครับเนี่ย” ผมว่า

   “คุณหญิงแม่มีงานต่อค่ำนี้ค่ะ เลยต้องรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัว”

   ผมพยักหน้าให้กับคำตอบ ตอนนี้เวลาเกือบจะทุ่มอยู่แล้ว ยังมีงานอะไรที่จัดดึกกว่านี้อีก เมื่อถึงรถ แม่ก็เริ่มบ่นที่ผมหายไป ลามไปจนถึงการถ่ายแบบที่เสร็จช้ากว่ากำหนดมาก นั่นก็เพราะผมอีกนั่นแหละครับ จะทำยังไงได้ ก็คนมันไม่เคยนี่หว่า

   รถราคาแพงแล่นเข้ามาจอดในรั้วบ้าน แม่ก็รีบวิ่งเข้าตัวบ้านทันทีโดยมีพี่หมูหวานหิ้วกระเป๋าวิ่งตาม เห็นภาพแบบนั้นแล้ว นึกอยากจะขำ แต่ก็ขำไม่ออก ความเบื่อหน่ายทำให้ผมเดินเอื่อยๆ มาที่สวนข้างบ้านแทน สนามหญ้ามีแสงไฟส่องสว่าง ความกว้างขวางนี้ทำให้นึกถึงสนามฟุตบอลสมัยเรียนมัธยม ผมชอบไปเตะบอลกับเพื่อนบ่อยๆ พอกลับบ้านดึกพ่อก็จะบ่นจนหูชา แต่ตอนนั้นเป็นอะไรที่สนุกมากจริงๆ

   หงิงๆ

   เหมือนได้ยินเสียงครางของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ไม่ไกล ผมสอดสายตามองหาจนเจอก้อนสีขาวนอนขดตัวอยู่ใต้พุ่มไม้ ยิ่งเข้าไปใกล้ เสียงร้องก็จะค่อยๆ ชัดขึ้น

   “ลูกหมา?”

   สิ่งมีชีวิตที่ขดตัวมีสีขาว ขนฟูฟ่องไม่เหมือนลูกสุนัขพันทางเลย ผมขยับเข้าไปใกล้ ก่อนยื่นมือเข้าไปแตะ ทันทีที่ขนฟูนั่นถูกมือ เจ้าลูกหมาก็ร้องลั่นทำเอาผมตกใจสะดุ้งหงายหลัง

   “ใจเย็นๆ นะ ฉันไม่ได้จะทำร้าย มานี่มา” ผมลองกวักมือเรียกดู ลูกหมาก็เริ่มเงยหน้าขึ้นมอง “หิวข้าวไหม ไปกินข้าวกัน ออกมาเร็ว”

   ลูกหมาขนสีขาวมองหน้าผมนิ่ง มันดูลังเลนิดๆ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินออกมา แต่เอ...ดูเหมือนไม่ใช่ลูกหมาแล้วล่ะผมว่า มันเหมือนหมาที่คนรวยชอบเลี้ยงกัน หมาพันธุ์เล็ก หน้าแหลม ขนฟู ร้องทีแสบแก้วหูไปเจ็ดวัน

   “อ่าว คุณหนู มาทำอะไรตรงนี้ครับ” เสียงร้องทักดังจากด้านหลัง ลุงคนขับรถนั่นเอง แกยืนทำหน้าสงสัยก่อนจะเห็นเจ้าขนฟูในอ้อมแขนของผม “นั่นมันปุยเมฆนี่ครับ นังแต้วกำลังตามหาอยู่เชียว”

   “ปุยเมฆ? ชื่อหมาเหรอลุง?” ชื่อเพราะซะด้วย “หมาของพี่แต้วเหรอครับ”
 
   “หมาของคุณขิงครับ”

   “อ่าว แล้วทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ผมชี้ไปที่ใต้พุ่มไม้ ลุงคนขับรถทำสีหน้าลำบากใจ ไม่กล้าตอบอะไรออกมามากนัก ท่าทางแบบนั้นผมก็พอจะเดาออก “คงเห็นตอนเด็กน่ารักเลยซื้อมาเลี้ยง พอเบื่อก็เลิกสนใจ ประมาณนี้สินะครับ” ได้ยินปุ๊บ คนน้ำท่วมปากก็รีบพยักหน้า

   “ตอนนี้คุณหญิงให้นังแต้วดูแล แต่เจ้าปุยเมฆก็ชอบวิ่งหนีมารอคุณขิงอยู่หน้าประตูทุกวัน จนต้องมาอุ้มกลับไปขังกรงน่ะครับ”

   “น่าสงสารแย่ อยู่แต่ในกรงแบบนั้น” หมาคนรวยทำไมน่าสงสารแบบนี้เนี่ย “แต่มันเหมือนจะเจ็บขาเลยนะครับ” เพราะเมื่อกี้ตอนมันเดินเข้ามาหา ผมเห็นมันเดินกะเผลกด้วย

   “อ๋อ นั่นก็เพราะถูกรถคุณท่านเฉี่ยวเมื่อเช้า”

   “ครับ?”

   “นังแต้วบอกผม แต่คุณหนูอย่าไปบอกใครว่าผมบอกนะครับ ผมแก่แล้วไม่อยากตกงาน”
 
   “โรงพยาบาลสัตว์ไกลไหมครับ”

   ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะด่าใคร จะว่าอะไรใคร สิ่งที่คิดอย่างเดียวตอนนี้คือ ต้องพาปุยเมฆไปหาหมอก่อน มันดูเจ็บขาจริงๆ เมื่อกี้ที่อุ้มไปตอนแรก มันร้องดังลั่นจนผมคิดว่าจะถูกกัดซะด้วยซ้ำ มือผมคงไปโดนขาข้างที่เจ็บ

   “มีคลินิกห่างจากที่นี่ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ แต่ไม่รู้ตอนนี้จะปิดหรือยัง”

   “ลุงบอกทางหน่อยได้ไหม เดี๋ยวผมพามันไปเอง”

   “ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวคุณหญิงว่า”

   “ไม่มีใครว่าลุงหรอก บอกผมมาเถอะ นะครับ ผมขอร้อง”

   เพื่อให้ลุงใจอ่อนโดยเร็ว ผมยกมือไหว้ข้างหนึ่ง อีกข้างขยับตัวปุยเมฆไปด้วยเป็นการกระตุ้น ลุงคนขับรถทำหน้าลำบากใจครู่หนึ่งก่อนบอกทางมาอย่างละเอียด แล้วลุงแกก็รีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าใส่สุนัขมาให้ด้วย โชคดีที่กระเป๋านี้มีสายสะพาย ผมคล้องสายกับลำตัว แล้วเดินไปควบมอเตอร์ไซค์คันโปรด

   “ไปหาหมอกันนะปุยเมฆ”

   คุยกับหมาเบาๆ ก่อนขี่ออกมาจากบ้านมุ่งหน้าสู่คลินิกรักษาสัตว์ เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็พอเดาได้ ตลอดทางผมภาวนาให้คลินิกนั่นยังไม่ปิด กลัวว่ารอพรุ่งนี้ปุยเมฆจะเจ็บหนักกว่านี้ คนเฉี่ยวก็ใจร้ายเกินไป ไม่คิดจะช่วยก็น่าจะให้คนงานพาไปหาหมอ ใจดำยิ่งกว่าถ่านซะอีก






   ป้ายนีออนมีชื่อคลินิกติดอยู่ ผมบิดเร่งเพิ่มความเร็วเพื่อให้ถึงจุดหมาย ทันทีที่จอดรถ ป้ายไฟก็ถูกดับลง ผมตาเหลือกรีบวิ่งไปที่ประตูกระจกที่ด้านในยังเปิดไฟสว่าง มีคนเดินไปมาอยู่สองสามคน

   “อย่าเพิ่งปิดครับ” แหกปากก่อนที่ตัวจะถึง “รักษาหมาผมหน่อย”

   “คลินิกปิดแล้วค่ะ” ผู้หญิงสวมชุดสีฟ้าบอกพร้อมรอยยิ้ม

   “แต่หมาผมถูกชนเฉี่ยวตั้งแต่เช้า มันเจ็บมากเลยนะครับ รอพรุ่งนี้ก็คงไม่ไหว” พยายามส่งสายตาอ้อนวอน แต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับยิ้มแห้งๆ “นะครับ”

   “มีอะไร” เสียงทุ้มที่ช่างคุ้นหูเหลือเกิน “ไอ้ขิง”

   นั่นไง ทำไมผมไม่ซื้อหวยแล้วถูกแจ็คพอตแบบนี้วะ

   “สวัสดีครับพี่ไฮท์” ยกมือไหว้ตามมารยาท

   “มึงมาทำไม” นี่พี่เขาถามกวนหรือว่าถามจริงวะ “แล้วนั่น...”

   “หมาไง มันโดนรถเฉี่ยวเมื่อเช้า” ผมวางกระเป๋าลง แล้วรูดซิปให้ปุยเมฆออกมา “ขามันเจ็บ”

   “โดนตั้งแต่เช้าแต่เพิ่งเอามาเนี่ยนะ” ไอ้พี่ไฮท์มองผมตาขุ่น แต่ก็อุ้มหมาไปวางบนเครื่องช่างขนาดใหญ่ “มึงให้มันกินข้าวหรือเปล่าเนี่ย ตัวโคตรผอม”

   อยากบอกเหลือเกิน ว่าผมก็เพิ่งเจอมันก่อนหน้าชั่วโมงกว่าๆ นี้เอง

   “มันจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าพี่” ถามพร้อมเดินตามพี่ไฮท์เข้าไปในห้องที่หน้าประตูมีรูปหมาหน้าย่นติดอยู่

   “กูไม่ใช่หมอ จะรู้ไหมเล่า”

   “ผมก็ลืมไป”

   “มึงกวนตีนกูเหรอ”

   “ตอนไหน”

   “ก็ตอนนี้นี่แหละ”

   แล้วผมก็ถูกขายาวๆ นั่นหวดมาที่ก้นทีหนึ่ง แม้ไม่เจ็บแต่ก็เคืองนะครับนั่น เพราะพี่ชุดฟ้าก็ยืนอยู่ด้วย จังหวะที่พูดกวนกันไปมา ประตูก็ถูกเลื่อนเปิดกว้างขึ้น ผู้ชายสวมชุดสีขาวเดินยิ้มแย้มเข้ามาหา ขนาดมีอายุแต่ก็ยังดูเท่อยู่เลย

   “เป็นอะไรมาล่ะ เรา”

   “รถชนครับ”

         ผมตอบแทนปุยเมฆเลยได้ยินเสียงขำให้ลำคอไอ้พี่ไฮท์พร้อมเสียงกระซิบชิดใบหู

   “มึงเป็นหมาเหรอ”

   “แล้วพี่คุยกับผมรู้เรื่องหรือเปล่า”

   “มึงด่ากูเป็นหมาเหรอ”

   “พี่พูดเอง ผมยังไม่ได้ว่าเลย”

   “ไอ้ขิง มึง...”

   ก่อนที่จะเกิดความรุนแรงในคลินิก เสียงของคุณหมอก็ดังขัดขึ้นมา ทำให้สงครามน้ำลายยุติลง

   “ขามันอักเสบน่ะ ไม่ได้หัก เดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้อักเสบให้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยพามาดูอีกทีนะ” เสียงทุ้มมาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ต้องยิ้มตาม “ไฮท์ พาน้องเขาไปกรอกประวัติสุนัขด้วย”

   “ทำไมต้องผม”

   “ก็รู้จักกันไม่ใช่เหรอ”

   “พ่อรู้ได้ไง...ก็ได้ ตามมาดิ่”

   ผมมองหน้าพี่ไฮท์สลับกับคุณหมอ นี่พ่อลูกกันหรือนี่ แต่มองดีๆ ก็คล้ายกันอยู่นะครับเนี่ย

   “พ่อพี่เป็นสัตวแพทย์ ทำไมพี่เรียนวิศวะล่ะ” ถามแบบอยากรู้จริงๆ แต่คนถูกถามคงคิดว่าผมกวนละมั้ง ถึงได้วางเอกสารบนโต๊ะซะเสียงดัง

   “ไม่ใช่เรื่องของมึง”

   “ตามนั้น” ยักไหล่ก่อนจะเริ่มเขียน “พี่ไฮท์”

   “อะไรอีก”

   “คือ ผมรู้แค่ชื่อกับเพศมันอะ นอกนั้นไม่รู้เลย” มองรายละเอียดบนหน้ากระดาษแล้วก็ต้องเครียด
 
   “มึงเลี้ยงหมายังไงถึงไม่รู้วะ”

   “ก็มันไม่ใช่หมาของผมนี่ เพิ่งเจอแล้วก็เอามารักษาเนี่ยแหละ”

   คราวนี้ไม่มีคำพูดหรือคำด่าหลุดออกมาอีก พี่ไฮท์จ้องหน้าคล้ายกับจะจับโกหก แต่พอผมส่งสายตาใสปิ๊งๆ คืนให้ พี่แกก็เบือนหน้าหนีไปเฉย

   “เขียนเท่าที่รู้นั่นแหละ”

   กรอกเสร็จก็พอดีพี่ชุดฟ้าอุ้มปุยเมฆออกมา ตอนแรกท่าทางมันดูหงอยๆ แต่พอเจอหน้าผม มันก็รีบกระดิกหางฟูแบบรัวๆ แถมทำหน้าบ๊องแบ๊วน่าเอ็นดูใส่ยามที่อยู่ในอ้อมกอดของผม

   “พรุ่งนี้ค่อยพามาดูอีกทีนะ” คุณหมอว่า

   “ครับ” ผมรับคำ แม้จะถูกปุยเมฆเลียหน้า เลียปากไม่หยุดก็ตาม

   “เมื่อกี้หงอยเชียว คงคิดว่าถูกทิ้งแหง” ได้ยินคุณหมอพูด ผมก็หน้าสลดลง มันคงคิดว่าผมเป็นพี่ขิงแน่ๆ เลย “ปุยเมฆดูเหมือนจะเป็นเรื้อนด้วยนะ”

   “เรื้อนเหรอครับ”

   “รักษาหายน่า ไม่ใช่โรคร้ายแรง” ไอ้นั่นผมก็พอรู้ แต่ค่ารักษานี่สิ ขนาดมาวันนี้ผมมีเงินติดตัวแค่สองพันเอง “รีบรักษาจะได้หายไวๆ”

   “อ่า ครับ แล้ววันนี้เท่าไหร่เหรอครับ” เตรียมเหงื่อตกแล้วไอ้ขมิ้น

   “เห็นเป็นเพื่อนของไฮท์ จะคิดราคาพิเศษก็แล้วกัน”

   เป็นคุณหมอที่โคตรใจดี ไม่เหมือนลูก...

   “มันเป็นรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อน และไม่ได้อยากรู้จัก”

   นั่นไง ไม่เหมือนพ่อจริงๆ

   “วันนี้หนึ่งร้อยก็พอ” พ่อพี่ไฮท์ส่ายหน้าระอาส่งให้ลูกชาย ก่อนจะหันมายิ้มแย้มให้ผม “ส่วนพรุ่งนี้ก็มาดูอาการ ท่าดีขึ้นก็ค่อยว่ากัน”

   “ขอบคุณครับ คุณหมอใจดีมาก...” ไม่อยากพูดต่อ เลยใช้สายตาเหล่มองแทน ดูพ่อพี่ไฮท์จะรู้เพราะหัวเราะเสียงดังออกมาเลย “ลานะครับ”

   “กลับบ้านดีๆ นะ”

   คำอวยพรจากคุณหมอเจ้าของคลินิกที่ออกมายืนส่งอยู่ด้านหน้า ผมยกมือไหว้ลาอีกรอบก่อนขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงเจอแต่คนขาเจ็บ ขนาดหมาก็ยังขาเจ็บ เริ่มมีความรู้สึกอยากเรียนหมอซะแล้วสิ แต่ไม่รู้คนสมองทึบๆ อย่างผมจะสอบติดหรือเปล่า แต่ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากลองสู้ดูสักตั้ง เพื่อพ่อและอนาคตของตัวเอง ไอ้ขมิ้นสู้อยู่แล้ว


...TBC

 :mew1: :mew1:

#ไฮท์ขมิ้น
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-12-2017 22:26:33
 อยากเหวี่ยงครอบครัวขิงให้หลุดจากวงโคจรของขมิ้น :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 30-12-2017 01:14:27
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 30-12-2017 07:49:34
น้องขมิ้นของเจ้เป็นคนน่ารัก สู้ๆน่ะลูก :katai2-1: :katai2-1:

แล้วก็หวังว่าในเร็ววันไอ้พี่ไฮท์มันจะรู็ความจริงน่ะว่านี่ไม่ใชขิง แต่คือ ขมิ้น :ling2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 30-12-2017 17:20:53
อห.สงสารหมา นึกถึงหมาตัวเองเลย มันน่ารัก ตอนเรากลับมาจากม.มันดีใจทุกวันเลยฮือออ สงสาร
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 5] // {30/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 30-12-2017 23:01:19

-5-




        เช้าวันใหม่ ผมพาปุยเมฆมาคลินิกอีกครั้ง คราวนี้มาแต่เช้าตรู่ แถมเป็นลูกค้ารายแรกซะด้วย พอคุณหมอเห็นหน้าผมก็ยิ้มแย้มต้อนรับทันที

   “ไม่มีเรียนหรือเรา”

        เป็นคำทักทายที่ดูเป็นกันเองกว่าเมื่อวานนี้ สงสัยพี่ไฮท์จะเล่าอะไรให้ฟังแหงๆ

   “มีครับ แล้วพี่ไฮท์...”

   “ขานั้นนอนหลับตูดโด่งอยู่บ้านนู้น มีเรียนบ่ายน่ะ” เผลอหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน จนต้องยกมือขอโทษที่เสียมารยาทและนึกภาพตาม “แล้วเมื่อคืนเป็นไงบ้าง หลับดีหรือเปล่า”

   “ครับ หลับสบายมาก แทบไม่อยากจะตื่น”

   “อาหมายถึงปุยเมฆน่ะ” ได้ยินเสียงหน้าผมแตกไหมครับ เก็บเศษแทบไม่ทัน คุณหมอก็หัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี “ล้อเล่นน่า เช้าๆ เราต้องทำจิตใจให้แจ่มใส เพราะจะทำให้รู้สึกดีไปทั้งวัน”
   
   “คุณหมอกับลูกชายต่างกันมากเลยนะครับ” หัวเราะแห้งๆ ตอนพูด แต่คุณหมอกลับหัวเราะดังกว่าเดิม...มันน่าขำตรงไหน

   “ใครๆ ก็บอกว่าเหมือน มีเรานี่แหละ บอกว่าต่าง” ผมไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มแกนๆ ส่งคืน “แล้วเรียกอาก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหมอหรอก หรือไม่ก็เรียกแบบเพื่อนไฮท์เรียกก็ได้”

   “เรียกกว่าอะไรเหรอครับ”

   “เพื่อนไฮท์ก็เรียกว่าพ่อ”

   “เอ่อ แล้วปุยเมฆจะหายเมื่อไหร่เหรอครับ”

   ผมไม่ได้สนิทกับพี่ไฮท์ขนาดนั้นเลยทำเมินประโยคของพ่อพี่เขา อีกอย่าง ผมก็อยู่ที่นี่ไม่นาน เจอพี่ขิงเมื่อไหร่ก็ต้องกลับไปเป็นไอ้ขมิ้นคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงข้างทางเหมือนเดิม ไม่มีโอกาสได้เจอใครหรอก

   “งั้นไปตรวจกันเลย”

   เดินตามคุณหมอมาที่ห้องเมื่อวาน ตอนนี้มีพี่ชุดฟ้ากำลังเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ ผมถอยห่างออกมาเพื่อให้คุณหมอทำงานสะดวกๆ ดูปุยเมฆจะเอาแต่มองมาทางผม เห็นแล้วก็สงสาร เมื่อคืนผมก็แอบเอามันขึ้นไปนอนด้วย ถ้าแม่หรือลุงเจ้าของบ้านรู้ ผมอาจถูกไล่ออกจากบ้านก็ได้

   จังหวะที่รอ ผมก็มองไปรอบๆ เห็นมีป้ายรับอาบน้ำ ตัดขนด้วย ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ตอนนอนกอดเมื่อคืนกลิ่นมันก็ตุๆ เอาการ แต่มันจะแพงหรือเปล่าวะ ยิ่งไม่มีเงินอยู่ด้วย

   “เอ่อ” ขัดขึ้นจนคุณหมอกับผู้ช่วยหันมามอง “อาบน้ำตัดขนแพงไหมครับ”

   “ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของสัตว์เลี้ยงค่ะ” พี่ผู้ช่วยตอบแทน

   “แล้วถ้าปุยเมฆนี่ แพงไหมครับ” คราวนี้พี่ผู้ช่วยหันไปมองหน้าคุณหมอคล้ายกับจะให้เจ้าของคลินิกตอบเอง ผมก็ลุ้นอยู่ กลัวว่าราคาจะสูงจนทำให้ผมไม่มีเงินกินข้าว

   “เดี๋ยวอาอาบน้ำตัดแต่งขนให้ฟรีแล้วกัน”

   “ครับ?” ตาแทบถลนเมื่อได้ยิน “ฟรีเหรอครับ”

   “ก็เป็นรุ่นน้องของไฮท์ อาให้เป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว”

        คุณหมอตอบพร้อมขยิบตาส่งมาให้ นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงละก็ คงหลงเสน่ห์ไปแล้ว ขนาดมีอายุยังดูดีขนาดนี้ ตอนเป็นหนุ่มคงมีสาวมาให้เลือกไว้เว้นแต่ละวัน

   “ผมเกรงใจ แต่ขอบคุณมากๆ ครับ”






   
   หลังจากฝากฝังปุยเมฆกับคุณหมอที่คลินิกแล้ว ผมก็รีบไปเรียน วันนี้มีทำควิซด้วย ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า คนไม่เคยเรียนแต่ต้องมาทำโจทย์ยากๆ แม้เจมส์จะนั่งติวมาตลอดก็เถอะ ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยแบบผมมันก็ช่างยากเกินคำบรรยาย มอเตอร์ไซค์คันโปรดจอดเรียงกับคันอื่นๆ อย่างเช่นทุกครั้ง ผมปลดล็อคหมวกกันน็อกออกก็เจอผู้หญิงสามคนรีบปรี่เข้ามาหา

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม แต่สาวทั้งสามกลับสะบัดหน้าใส่ แล้วเดินหนีไปซะงั้น อะไรของเขาวะ หรือสามคนนี้ก็เป็นโจทย์ของพี่ขิงอีก นี่พี่เขาสร้างคนเกลียดมากขนาดนี้ได้ยังไง พอเดินขึ้นตึกก็เจอเจมส์นั่งอ่านหนังสือจนหน้าแทบจะติดโต๊ะอยู่แล้ว “ไง”

   “อ่าว มาเร็วนี่หว่า” มันทักผมแบบนี้มาตลอดในการมาเรียนที่นี่ “แต่มาเร็วก็ดี กูจะได้ติวให้ นั่งๆ”

   “มึงกินข้าวมาหรือยังวะ” ผมถามขณะหย่อนก้นนั่งลงอีกฝั่ง

   “ยัง ก็รอมึงนั่นแหละ” เผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้ามุ่ยของคนรอ “ไปกินข้าวก่อนดีกว่าว่ะ กูหิว เดี๋ยวค่อยกลับมาอ่านต่อ”

   “ก็ดีนะ กูก็หิวมากเหมือนกัน กินมึงได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย”

   “มึงด่ากูว่าควายเลยดีกว่า”

   “ฉลาดว่ะ รู้ด้วยว่ากูด่า”

   “เพราะกูมีนี่”

   “ขมับเหรอ”

   “สมองเว้ย ไอ้ห่าขิง”

   ผมหัวเราะเอิ้กอ้ากรอเจมส์เก็บหนังสือ เก็บสมุดใส่เป้ แต่ก่อนที่มันจะลุกจากเก้าอี้ ก็มีคำถามที่ทำให้ผมต้องรีบหยุดหัวเราะแล้วทำหน้าเหลอหลาแทน

   “มึงเหมือนไม่ใช่ไอ้ขิงคนเดิมที่กูรู้จัก”

   “เหรอ ยังไงวะ”

   “ช่างเถอะ ไปแดกข้าวกัน กูหิว”

   ผมย่นคิ้วเมื่อเจมส์ทำเหมือนจะพูดแต่ก็เงียบ ผมดูออกว่ามันคงสงสัยในตัวผม ก็นะ มันคบกับพี่ขิงมาตั้งกี่ปี ทั้งนิสัย การพูด การใช้ชีวิตมันต่างกันขนาดนี้ ไม่สงสัยก็คงแปลกมาก ผมวาดแขนโอบไหล่เพื่อนสนิทพี่ชาย รู้ดีว่ามันรักพี่ผม ก็เพื่อนกันนี่เนอะ ไม่รักก็คงไม่คบกันหรอก ขนาดมีคนเกลียดพี่ขิงตั้งมากมาย แถมพี่ขิงก็ยังทำกับมันเหมือนทาสอีก แต่เจมส์กลับไม่มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกพี่ขิงมองแบบนั้น เป็นผมล่ะก็ เลิกคบไปนานละ 

   เจมส์มันเป็นคนดีจริงๆ ไอ้ขมิ้นนับถือ





   โรงอาหารที่คนยังคึกคักเหมือนเช่นทุกวัน ผมเดินตามหลังเจมส์ไปต่อคิวร้านข้าวราดแกงเจ้าอร่อย พูดคุยเล่นหัวกันปกติ หากไม่ถูกสะกิดเรียกยิกๆ จากด้านหลังจนต้องหันไปมอง

   “ครับ?”

   ในใจคิดว่าเป็นพวกพี่ไฮท์แน่ๆ แต่กลับกลายเป็นคนที่ผมไม่รู้จัก ไม่เคยเจอหน้าเลยด้วยซ้ำมายืนยิ้มให้

   “ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน น่ารักขึ้นนะเนี่ย”

   “เชี่ย ทำไรวะ” อยู่ๆ ไอ้คนที่สะกิดก็ยื่นมือมาดึงแก้ม ผมยกมือขึ้นปัดออกอย่างไวด้วยความตกใจ

   “อะไรกัน ทำเป็นเขิน ของเคยๆ น่า” ไอ้คนแปลกหน้าขยิบตา กัดริมฝีปากล่างมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไปรำลึกความหลังสักหน่อยไหม”

   “พี่นาว อย่ายุ่งกับไอ้ขิงอีก ผมขอร้องล่ะ” เจมส์พูดแทรกขึ้นมา ไอ้คนแปลกหน้าไม่แม้แต่จะชายหางตามอง เพราะเอาแต่จ้องหน้าผมอยู่ตลอด “ไอ้พี่นาว”

   “อะไรของมึง อยู่เงียบๆ ไปเลย ผัวเมียเขาจะคุยกัน”

   แทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยิน ผมมองคนที่อ้างว่าเป็นผัวของผม ไม่สิ ของพี่ขิงตาถลนจนจะออกจากเบ้า พอหันไปมองเจมส์ มันก็ทำหน้าเอือมๆ นี่เรื่องจริงเหรอวะ ที่พี่ขิงเป็นเมียของไอ้หน้าตี๋นี่

   “ผมก็ไม่อยากจะยุ่ง แต่พี่พาไอ้ขิงไปเสียคน”

   “เสียคนยังไง มึงพูดดีๆ นะไอ้เจมส์”

   “จะให้พูดตรงนี้ไหมล่ะ”

   ตอนนี้ท่าทางเจมส์มันดูเอาเรื่องจริงๆ สีหน้าที่เห็นเหมือนแมวกำลังขู่ฟ่อๆ ใส่ตัวเหี้ยอยู่

   “ระวังตัวมึงไว้ อย่าคิดว่าพวกไอ้บิ๊กถือหางไว้แล้วกูจะไม่กล้า” ไอ้หน้าตี๋ชี้หน้าคาดโทษเจมส์ ก่อนจะปรายตามามองผมที่ยังยืนงงๆ “ส่วนเมียจ๋า ถ้าอยากละก็ โทรมาได้ทุกเมื่อนะ”

   “โทรหาพ่องมึงสิ” ผมยกมือกำจูบที่ส่งมาในอากาศปาลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำๆ จนเจมส์หัวเราะ ไอ้คนส่งทำหน้าเสียนิดๆ แต่ก็เดินไปรวมกลุ่มกับพวกที่ยืนรอ “ขนลุก”

   “มึงนี่นะ”

        เจมส์ถอนหายใจแล้วกลับไปยืนรอคิวต่อ ปล่อยให้ผมมีคำถามมากมายอยู่บนหน้า ช็อคจริงๆ นะครับ พี่ขิงน่ะเหรอ มีผัว ไอ้ขมิ้นไมเกรนจะขึ้น แค่ทำตัวให้คนเกลียดก็จะบ้าตายอยู่แล้ว นี่มีผัว โอ้มายก็อด

   ผมเก็บความสงสัยและคำถามมากมายมาจนถึงห้องเรียน ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคนเข้ามา ผมเลยถือโอกาสนี้ถามเจมส์ทันที ช่วงกินข้าวก็พยายามคิดหาคำถามที่จะไม่ทำให้เจมส์สงสัยว่าผมไม่ใช่พี่ขิง

   “ไม่น่าเชื่อ ว่ากูจะเอาไอ้นั่นเป็นผัว” ลองเกริ่นไป เจมส์ก็หันหน้าตึงๆ มาหาผมทันที “ใช่ไหม”

   “มาก มึงอะ หลงคารมมัน”

   “คารมมันดีมากขนาดกูหลงผิดเลยเหรอวะ”

   “กูก็ไม่อยากจะพูด แต่กูเตือนมึงแล้ว มึงก็ไม่สนใจ แถมมันยังพามึงเล่นบอลอีก”

   “เล่นบอล? ก็ดีนะ เพื่อสุขภาพที่ดี”

   “มึงโง่หรือเปล่า กูหมายถึงเล่นพนันบอลอะ โต๊ะบอล”

   “หา? พี่ขิง เอ๊ย กูเนี่ยนะ เล่นพนันบอลด้วย”

   ฉิบหายละ วีรกรรมแต่ละเรื่องของพี่ขิง ทำให้ผมตกใจทุกครั้งที่ได้ยิน

   “เออสิ ยังเคยมายืมเงินกูเลย แต่กูจน มึงเลยด่ากู พอพูดแล้วกูยังเคืองอยู่เลยไอ้ห่า เห็นผัว เห็นบอลดีกว่ากู”

   เจมส์สะบัดหน้างอน ที่จริงเจมส์เป็นคนน่ารักนะครับ แม้ไม่ได้หวานหยดย้อย แต่ก็น่ามองเลยทีเดียว ผิวก็สองสีไม่ได้ขาวซีดเหมือนผม หรือคล้ำเหมือนไอ้พี่แว่น เอ ชื่อบิ๊กใช่ไหม ชื่อสมตัวจริงๆ

   “กูขอโทษ ตอนนั้นอาจหลงผิดไง ตอนนี้ตาสว่างโดยไม่ต้องพึ่งกาแฟเลยล่ะ” แกล้งพูดให้ขำ และเจมส์ก็ขำจริงๆ “กูยืมเงินมึงเท่าไหร่วะ”

   “นี่มึงจำไม่ได้เหรอ”

   “ก็...”

        ผมเริ่มกระพริบตาถี่ๆ อย่างมีพิรุธ ยิ่งถูกเจมส์จ้องหนักๆ ก็เริ่มลน

   “ห้าหมื่น”

   “หา?”

   “มึงมาขอยืมเงินกูห้าหมื่น” ทันทีที่รู้ผมก็แทบหงายหลังตกเก้าอี้ “แต่กูมีแค่ไม่กี่พัน มึงเลยด่ากูว่าจน” พอถึงตรงนี้ผมเริ่มเห็นใจเจมส์ที่ต้องมาทนคบเพื่อนแย่ๆ อย่างพี่ขิง

   “กู...ขอโทษนะเว้ย ที่ด่ามึงไป” ขนาดผมไม่ได้โดนด่ายังรู้สึกเสียใจเลย “แต่มึงก็น่าจะด่าคืนบ้างสิ ปล่อยให้โดนด่าฝ่ายเดียวได้ยังไง”

   “มึงก็รู้ว่าบ้านกูลำบาก เพราะแม่มึงจ้างกูดูแลมึง กูถึงมีเงินเรียนโดยไม่ต้องขอที่บ้าน”

   ผมมองใบหน้าที่เริ่มสลดลงของเจมส์ ชีวิตมันเศร้าเหมือนผมเลย แต่เราสองคนก็ยังทำตัวเป็นคนดี ไม่เหมือนไอ้พี่ขิงที่มีเงินแต่ทำตัวโคตรแย่ มีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นเขาแท้ๆ แต่ทำตัวได้สิ้นคิดจริงๆ   

        “ช่างมันๆ มาสนใจไอ้หน้าตี๋นั่นดีกว่า” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เจมส์ก็มีสีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่ง “มันพากูไปเล่นบอลจนมีหนี้ห้าหมื่น แล้วกูทำยังไงต่อ”

   “มึง...”

        อยู่ๆ เจมส์ก็หยุดค้นกระเป๋า มันหันหน้ามาจ้องผมตรงๆ แววตานิ่งของมันกำลังจ้องจับผิดผมอยู่

   “อะไร”

   พยายามฉีกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติ แถมทำตาโตค้างไว้กลัวหาว่าหลบตาเพราะกลัวความผิด

   “มึง ไม่ใช่ไอ้ขิงใช่ไหม”

   คำถามที่ทำให้ผมสำลักน้ำลายทันที สายตาเจมส์มันจริงจังจนผมต้องหลบ แม้อยากทำตัวให้เป็นปกติ แต่คนทำผิด มีเรื่องปกปิดก็ต้องเผยพิรุธกันบ้าง อย่างเช่นหันรีหันขวาง จับอะไรก็มือไม้อ่อนไปหมด

   “อะไร” ถามกลับเสียงสูง

   “มึงคิดว่าคนอย่างกูโง่เหรอ กูคบกับไอ้ขิงมาตั้งกี่ปี แล้วอยู่ๆ มันจะเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่ได้หรอก สันดานคน มันเปลี่ยนกันภายในวันเดียว หรือเดือนเดียวไม่ได้”

   อยากจะปรบมือให้กับความฉลาดของเจมส์มันนะ แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่เหมาะ ผมกำลังถูกคาดคั้นจากสายตานิ่งๆ พยายามหลบแล้วแต่ก็ไม่พ้น สุดท้ายเลยต้องจำใจ เอาวะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับคนดีๆ อย่างเจมส์

   “เออ”

   “มึงเป็นใครวะ ทำไมหน้าเหมือนไอ้ขิงขนาดนี้” เจมส์ยื่นมือมาจับคางผมบิดไปมา “หรือทำศัลยกรรม แม่ง ทำหมอไหนวะ เหมือนยันไฝที่คอ”

   “ไม่ได้ทำเว้ย แม่ให้มา” ผมปัดมือเจมส์ออกจากหน้าหลังจากยอมรับ

   “แม่ให้มา? แม่...หรือว่ามึงกับขิง”

   “กูเป็นน้องฝาแฝดของพี่ขิง”

   “เชี่ย อย่างกับละครช่องมากสี”

   “เออ กูก็คิดว่าเหมือน”

   ผมส่ายหน้าเอือมๆ ให้กับเพื่อนพี่ชาย ที่เริ่มคุยกับตัวเองอย่างคนบ้า หรือมันเพี้ยนไปแล้ววะ

   “มึงเป็นแฝดไอ้ขิงจริงๆ เหรอ ทำไมมันไม่เห็นบอกกูเลย”

   “คงอายละมั้ง ที่มีน้องจน”

   เจมส์ตีหน้างง ก่อนผมจะเล่าเรื่องราวชีวิตแบบย่อๆ ให้มันฟัง เริ่มจากพ่อกับแม่หย่ากันเพราะแม่ทนความลำบากไม่ไหว แม่จะพาผมกับพี่ขิงไปด้วย แต่พ่อดึงผมไว้ แม่เลยอุ้มพี่ขิงไปคนเดียว ตอนผมฟังพ่อเล่า ผมก็แอบโมโหพ่อนะ ถ้าพ่อปล่อยผมไป ผมอาจจะมีชีวิตที่สุขสบาย พอย้อนคิดถึงตอนนั้นก็แทบอยากตบหัวตัวเองที่คิดโคตรไร้สมอง

   แม่แยกกับพ่อปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่ปั๊บ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงแต่งงานเร็ว รู้แค่ว่า ช่วงนั้นพ่อเมาเหล้าทุกวัน ผมก็ยังเด็ก อายุแค่เจ็ดแปดขวบเอง กว่าพ่อจะฟื้นกลับมาเป็นคนปกติก็ใช้เวลานานเป็นปี ต้องขอบคุณคนบ้าที่จับผมไปขู่ ทำให้พ่อมีสติกลับมา

   ชีวิตผมโคตรดราม่า เอาไปสร้างหนัง สร้างละครได้เลยนะเนี่ย


   “แล้วตอนนี้ขิงอยู่ไหนวะ”

       เสียงเจมส์ดึงผมกลับมาจากอดีตที่น่าจดจำและน่าลืมเลือน

   “กูก็อยากรู้เหมือนกัน แม่ก็พยายามตามหา แต่ก็ไม่เจอ มึงพอจะรู้จักเพื่อนคนอื่นๆ ของพี่ขิงบ้างไหม”

   “กูตอบตามความจริงนะ ตั้งแต่เป็นเพื่อนไอ้ขิงมา กูนี่แหละ เพื่อนคนเดียวของมัน” ผมเม้มปากมองหน้าเพื่อนคนเดียวของพี่ขิง “หรือต้องไปถามไอ้พี่นาววะ”

   “ไอ้พี่นาว?”

   “ก็คนที่มึงเจอที่โรงอาหารไง”

   “ผัวพี่ขิง?” รู้สึกกระดากปากพิกล ที่ต้องเรียกไอ้หน้าตี๋นั่นว่าเป็นผัวของพี่ชายตัวเอง “เดี๋ยวเจมส์” เหมือนมีเรื่องบางอย่างผุดขึ้นมาจนเผลอเรียกชื่อคนที่กำลังเก็บของเตรียมออกห้อง

   “อะไร”

   “ก็ถ้าพี่ขิงมีผัว เอ่อ มีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วแฟนของไอ้พี่ไฮท์นั่นล่ะ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

   “ก็ต้องผู้หญิงสิวะ”

   “ผู้หญิง...พี่ขิงนอนกับแฟนไอ้พี่ไฮท์แล้ว แต่ก็ยังมีแฟนเป็นผู้ชายอีก โอ๊ย งงโว้ย นี่พี่ขิงเป็นคนยังไงเนี่ย” ทึ้งผมตัวเองจนยุ่งเหยิง แต่เจมส์มันก็ไม่สนใจในความสับสนของผม มันตั้งหน้าตั้งตาดึงผมออกจากห้องก่อนที่อาจารย์จะเข้า

   ...นี่พี่ขิงได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงหรือนี่ ช็อคสุดๆ

   “เดี๋ยวๆ” ผมร้องทักอีกรอบตอนจะก้าวขาออกห้อง

   “อะไรของมึงอีก เดี๋ยวอาจารย์เข้านะมึง”

   “แล้วควิซ?”

   “ขอสอบใหม่ได้เว้ย อาจารย์ซี้กู”





   พอออกมาจากห้อง เจมส์มันก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินจนผมตามแทบไม่ทัน แล้วจู่ๆ มันก็หยุดเดิน ทำให้คนที่ก้าวเท้ายาวเพื่อให้ทันอย่างผม ชนมันเข้าอย่างจัง จนเกือบล้มทั้งคู่

   “อะไรของมึงเนี่ย จะหยุดก็ไม่บอก”

   “ว่าแต่ มึงชื่ออะไรวะ”

   “ก็นึกว่าเรื่องอะไร กูชื่อขมิ้น”

   “ขมิ้น?”

   “เออ รู้จักป่ะ”

   “ถ้าหมายถึงที่ไว้ใส่แกงก็รู้จัก แต่ถ้าเป็นมึง กูไม่รู้จัก”

   “กูบอกชื่อไปเมื่อกี้ไง”

   “เออว่ะ แปลว่ารู้จัก” แล้วผมก็เผลอหลุดขำออกมา เจมส์ทำหน้าโคตรเอ๋อจนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “เชี่ย อย่าหัวเราะกู”

   “ขอโทษนะ ไม่ได้อยากโกหกหรอก” ผมว่า

   “แต่มึงโคตรเหมือนไอ้ขิงอะ กูพูดจริงๆ” แล้วมันก็เดินวนรอบตัวผมอยู่หลายรอบ “ไม่ว่าจะมุมไหน ก็ไอ้ขิงอะ”

   “สวรรค์ปั้นพวกกูมาดีไง”

   “ก็จริง แต่นิสัยไม่เหมือน”

   “แหงล่ะ ก็กูกับพี่ขิงถูกเลี้ยงมาคนละที่นี่หว่า”

   “ก็จริง ไอ้ขิงเป็นคุณหนู ส่วนมึงก็เป็นคนธรรมดา กูเข้าใจๆ” เจมส์มันตบบ่าผมเบาๆ คล้ายปลอบ “กูก็คนธรรมดา กูเข้าใจ”

   “ไอ้เจมส์”

   “ล้อเล่นน่า ว่าแต่ ทำไมไอ้ขิงถึงหายไป”

   “นั่นกูก็อยากรู้ว่ะ” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “แค่กูมาเป็นพี่ขิงวันแรก กูยังอยากหนีเลยไอ้ห่า คนอะไรเรื่องเยอะฉิบหาย”

   “ก็มึง ไม่ใช่สิ ไอ้ขิงก่อเองทั้งหมด เขาเรียกว่าอะไรนะ...”

   “แกว่งตีนหาเสี้ยนใช่ไหม”

   “เออนั่นแหละ หาเสี้ยนมาตำตีนเอง ช่วยไม่ได้”

   “เจมส์ มึงว่า...”

   “ว่าอะไร”

   “ตำตีนอร่อยป่ะ”

   “ลองกินดูไหมล่ะ ตีนกูเนี่ย”

   ผมยกแขนกอดคอเพื่อนของพี่ชาย ผมอยากสนิทกับมันแบบที่เป็นไอ้ขมิ้นคนนี้ ไม่ใช่ผ่านจากชื่อพี่ขิง ผมว่า เราคงเข้าขากันน่าดู นี่ถ้าไม่อายคนอื่น ผมหอมแก้มคนงอนไปแล้วนะเนี่ย

   “ช่วยกูหาพี่ขิงหน่อย”

   “เออ ไม่ขอกูก็จะช่วย เพื่อนกูนะ”

   “กูเป็นเพื่อนมึงด้วยได้หรือเปล่า”

   “ขอคิดดูก่อน”

   “คิดนานกูมีดอกเบี้ยนะเว้ย”

   “ไอ้สัด”

   ผมบอกแล้ว ว่าเราจะเข้ากันได้ดี อาจจะมากกว่าพี่ขิงที่คบมาหลายปีซะด้วยซ้ำ อย่างน้อยมันก็ตบมุกผมได้ ไม่ปล่อยให้แป้กอย่างเดียวดาย

   “กูชอบมึงนะ”

   “ไอ้เหี้ยขมิ้น กูขนลุก”



...TBC

เจมส์รู้แล้ว ขมิ้นจะได้มีคนช่วยสักทีค่าา สงสารเหลือเกิน โดนมือโดนเท้าคนอื่นมามากซะจริงๆ  :mew5:

..
วันที่ลงคือ วันที่ 30/12/60 ซึ่งพอพ้นคืนพรุ่งนี้ไปก็จะเป็นปีใหม่ พ.ศ.ใหม่ ขอให้เพื่อน พี่ น้องทุกท่านมีความสุขในปีจอนะคะ
ขอให้ปีหน้า เป็นปีที่ดี คิด หวังอะไรไว้ขอให้สมปรารถนา ร่ำรวยด้วยเงินทองและความสุข เรื่องไม่ดีให้ทิ้งไว้ในปีนี้ และไปเริ่มต้นปีหน้าด้วยรอยยิ้มและความสุข

ส่วนใครที่เดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด ก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ง่วง เมา ไม่ขับ ให้พักแล้วค่อยไปต่อนะคะ แล้วก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ อากาศทุกภาคแปรปรวนซะเหลือเกิน ....

รักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรักมากทุกวันค่ะ จุ๊บๆ  :mew1: :mew1:


 
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 5] // {30/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-12-2017 23:55:03
ขิงเลวว่ะ ด่าได้ป่าว555 เฮ่อ!!! :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:อย่างน้อยก็มีคนรู้ว่าขมิ้นมีตัวตนแล้วนะเราค่อยโล่งใจหน่อยทีนี้มาลุ้นพี่ไฮน์กันต่อนะจ๊ะ o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 5] // {30/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 31-12-2017 01:17:35
ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 5] // {30/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-12-2017 06:10:32
ก็สมควรสงสัยกัน เปลี่ยนไปขนาดนั้น
ขิงหนีหนี้หรอ หรือถูกจับไปขายแล้ว
หรือหนีไปใช้ชีวิตสบายล้านแปด

น่าสงสารขมิ้น เพราะคำว่าแม่กับพี่อะนะ พ่อค้านยังไง ก็ยังมา
แล้วเจอแต่ละเรื่อง ไม่ธรรมดามาก คือของทำตัวยังไงให้มีแต่เรื่อง
แถมพ่วงคนไม่ชอบ ถึงขั้นเกลียดมาอีกโขยง

เจมส์ตลกดี น่ารักด้วย คนอะไรขี้แยและรักเพื่อนมาก

ไฮท์ก็ยังสงสัย ชอบพ่อไฮท์ รู้ล่ะสิว่านี่ว่าที่สะใภ้ 55555

—————

สวัสดีปีใหม่นะคะ
ปล.รออ่านข้ามปีกันเลย

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 5] // {30/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-12-2017 08:13:54
สงสารน้องขมิ้น แต่ก็อยากให้มีคนดีๆ อย่างพี่ไฮท์ดูแลนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 5] // {30/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 31-12-2017 08:14:45
เจมส์รู้เเล้ว ต่อไปก็คงเป็นไอ้พี่ไฮท์ อิอิ หรือเปล่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 5] // {30/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 31-12-2017 11:57:09
อ้าวเปลี่ยนคู่เหรอค่ะ ได้นะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 6] // {01/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 01-01-2018 15:41:42

-6-





        หน้าตึกคณะนิติศาสตร์ ป้ายมันบอกว่าแบบนั้น เจมส์พาผมเดินเข้าไปใต้ตึก มีนักศึกษาหลากหลายกลุ่มนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย คณะนี้คงเครียดน่าดู เจมส์เดินตรงเข้าไปหานักศึกษาโต๊ะหนึ่งที่มีทั้งชายและหญิง ก่อนมันจะยื่นมือไปสะกิดไหล่ผู้ชายที่นั่งหันหลังให้ แต่นั่นก็ทำให้ทั้งโต๊ะเงยหน้าขึ้นมามองกันหมด

   “ไอ้พี่นาวไม่อยู่เหรอครับ”

   “ไอ้นาว?” คนที่ถูกสะกิดถามกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะปรายตามามองผมแล้วแสยะยิ้มออกมา “ไม่ถามเมียมันล่ะ มาถามพี่ทำไม”

   หน้าตึงเลยผม ถูกหาว่าเป็นเมียไอ้หน้าตี๋นั่นอีกแล้ว

   “ถ้าเพื่อนผมรู้ คงไม่ถ่อมาถึงนี่หรอก”

   ผมเห็นคนทั้งโต๊ะเริ่มจ้องหน้าเจมส์เขม็งก็อดหวั่นๆ ไม่ได้ กลัวพวกเขาลุกฮือมารุมเพราะคิดว่าผมกับเจมส์มาหาเรื่องถึงถิ่น อีกทั้งเสื้อช็อปบนตัวก็ดูเป็นที่น่าสนใจมากอยู่แล้ว ตั้งแต่เดินเข้ามาเมื่อกี้

   “แหม ไอ้บิ๊กเลี้ยงมาดีสินะ ถึงกร่างได้แบบนี้”

   “พี่บิ๊กไม่เกี่ยวด้วย”

   “เจมส์ใจเย็น” ยกมือแตะบ่าเจมส์เบาๆ เพื่อให้คุมอารมณ์ตัวเอง มันฮึดฮัดตอนแรกแต่ก็ยอมเงียบ ผมเลยเป็นฝ่ายถามซะเอง “เพื่อนพี่อยู่ที่ไหนเหรอครับ”

   “แหม เรียกพวกกูว่าพี่ซะด้วย น้ำจะท่วมโลกหรือเปล่าวะ” เสียงโห่ร้องดังทั้งโต๊ะ ผมถึงกับวางตัวทำหน้าไม่ถูกเมื่อถูกพูดแบบนั้น

   “หรือไม่ให้เรียกพี่ ให้เรียกมึงแทนเหรอครับ”

   “อ่าว ไอ้สัดขิง ปากดีนะมึง”

   “ปากดีก็ดีกว่าปากหมาไม่ใช่เหรอครับ”

   “มึง!”

   ตอนนี้กลายเป็นเจมส์ที่ต้องห้ามผมแทน ผมพยายามทำใจเย็นนับหนึ่งถึงสามแล้วเพื่อไม่ให้ก่อเรื่อง แต่คำพูดคำจาของคนตรงหน้าไม่ทำให้ผมใจเย็นลงเลย มิหนำซ้ำ ยังมีท่าทีที่พร้อมจะกระโจนเข้าหาผมอีก

   “พวกพี่ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ไว้ผมหาเองก็ได้” 

   “เดี๋ยวสิ ถ้ากูบอกว่าไอ้นาวอยู่ที่ไหน กูจะได้อะไร” จังหวะที่ผมกับเจมส์จะเดินหนี ไอ้รุ่นพี่ปากดีก็คว้าแขนผมเอาไว้ สายตาแวววับนั่นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลองทำให้กูติดใจลีลาของมึงแบบที่ไอ้นาวว่าสิ กูถึงจะบอก”

   “งั้นพี่ก็ไปลองกับพ่อพี่ดูก่อนสิครับ”

   “อ่าว ไอ้เหี้ยขิง”

   ไอ้รุ่นพี่ปากดีตั้งท่าจะกระโจนลุกออกจากโต๊ะมาหา เจมส์ก็รีบฉุดแขนผมให้วิ่งหนี ยังโชคดีที่ไม่มีใครวิ่งตามออกมา แต่ถ้ามีเรื่องจริง ผมก็พร้อมมากเลยนะ ไม่กลัวหรอกมือเท้าก็มี...แม้พวกเขาจะมีมากกว่า ตายเป็นตาย ไอ้ขมิ้นไม่ยอมอยู่แล้ว

   “เกือบไปเฝ้าท่านยมแล้วไหมล่ะ” เสียงคนลากผมหอบหนักอยู่ข้างๆ มันใช้มือสองข้างค้ำเข่าพยุงร่างไม่ให้ลงไปนั่งกองที่พื้น “มึงนี่ปากหาเรื่องจริงๆ”

   “ก็มันกวนตีนกูก่อน คณะนี้มีแต่คนกวนตีนหรือไง..”

   “พูดแบบนี้หน้าคณะคนอื่น ไม่ค่อยดีนะน้อง”

   ผมพูดไม่ทันจบดีก็มีเสียงอื่นแทรกเข้ามา ดูจากใจความประโยคคงจะเป็นคนเรียนคณะนี้เหมือนกัน ผมค่อยๆ หันหน้าไปดูคนพูดที่ยืนเท้าเอวอยู่ด้านหลัง หน้านิ่งๆ แต่ดูโดดเด่นออกมาจากกลุ่มคนใต้ตึกเมื่อกี้เลย

   “สวัสดีครับพี่โอบ” เจมส์มันยกมือไหว้ระหว่างที่ผมกับคนขัดกำลังเล่นเกมส์จ้องตาอยู่

   “เออ” แม้จะตอบรับ แต่ตาดุๆ นั่นยังจ้องมาที่ผม จนเจมส์ต้องเดินมาขวาง สายตานั่นถึงเปลี่ยนจุดโฟกัส “มึงมาหาเรื่องใครที่นี่”

   “ไม่ได้มาหาเรื่องสักหน่อย แค่มาหาไอ้พี่นาว พี่โอบเจอบ้างป่ะ”

   “เจอตอนเช้านะ” คนที่เจมส์รู้จักตอบ แต่มิวายเหล่ตามาจ้องหน้าผมอีกรอบ “เพื่อนมึงปากดีตลอดเลยนะ”

   “โห พี่โอบก็น่าจะรู้ ว่าไอ้ขิงมันเป็นคนยังไง”

   “ก็พอได้ยินชื่อเสียมาบ้าง”

   “ชื่อเสียงหรือเปล่าครับ” ผมขัดขึ้นมา ดูเหมือนพี่เขาจะออกเสียงไม่เต็ม

   “ชื่อเสียถูกแล้ว รีบพาเพื่อนมึงกลับคณะได้ละ กูขี้เกียจมีเรื่อง”

   ว่าจบก็ยกมือปัดๆ เหมือนรำคาญ ผมส่งเสียงฮึดฮัดแต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อนเลยหุบปากตัวเอง ว่าแต่ พี่ขิงนี่ศัตรูเยอะเกินนะ ไปที่ไหนก็มีคนเกลียดที่นั่น โคตรขัดกับสิ่งที่แม่เคยบอกว่าพี่ขิงเป็นที่รักของทุกคน พอเราสองคนเดินออกมาไกล ผมก็เริ่มถามถึงคนเมื่อกี้ ดูเจมส์จะสนิทพอสมควร

   “เมื่อกี้เหรอ ชื่อพี่โอบ เพื่อนห้องเดียวกับไอ้พี่นาวนั่นแหละ” ผมพยักหน้าเมื่อเจมส์อธิบาย “เห็นหล่อๆ แบบนั้นโคตรโหดนะมึง”

   “ยังไงวะ”

   “พี่เขาเคยไปยำคนมาทำร้ายเพื่อนอาการปางตายเลยนะเว้ย โคตรโหด”

   “หน้าตาพี่เขาก็เอาเรื่องอยู่นะ” พูดไปก็นึกถึงสายตายามจ้องผมเมื่อกี้ไป โหดพอๆ กับไอ้พี่ไฮท์เลย แต่คนเมื่อกี้ดูนิ่งกว่าเยอะ “แล้วนี่ เราจะไปตามหาไอ้หน้าตี๋นั่นจากที่ไหนต่อ”

   “ไม่รู้ว่ะ”

   พอถึงตรงนี้ เราสองคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

   “ถอยทัพก่อนไหมวะ หิวว่ะ” ท้องเริ่มประท้วงนิดๆ เจมส์มันก็เห็นด้วย เราเลยเปลี่ยนจากตามหาคน ไปตามหาร้านข้าวแทน
 




   เจมส์พาผมมาร้านเด็ดแถมห่างจากมหาลัยไม่มาก มันบอกร้านนี้ลาบอีสานอร่อยสุด แค่พูดชื่อน้ำลายก็สอ แต่พอมาถึงจริงแทบอยากขับรถกลับ ร้านมีตั้งมากมาย ทำไมต้องมาเจอคนไม่อยากเจอด้วยวะเนี่ย

   “มีเรียนไม่ใช่เหรอ” คำถามนี้ไม่ได้ถามผมครับ แต่ส่งมายังเจมส์ที่ยิ้มแห้งๆ “โดด?” คราวนี้ไอ้พี่แว่นเลื่อนตามามองผมแทบจะทันที

   “ผมไม่ได้ชวนมันโดดนะครับ” รีบโบกมือโบกไม้ปฏิเสธทันที

   “ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร” พี่แว่นว่า และผมก็คงจะไม่หน้ากระตุก หากไม่มีคนพูดประโยคถัดมา 

   “คนมันร้อนตัวก็งี้แหละ” ไอ้พี่ไฮท์ใช้ส้อมจิ้มข้าวเหนียวเข้าปากแล้วลอยหน้าลอยตาจนผมอยากจะถีบเก้าอี้ให้มันร่วงลงไปกองกับพื้น “ทำไม โกรธกูเหรอที่กูพูดถูก”

   “ไม่ได้โกรธสักนิดเลยครับพี่” กัดฟันตอบสุดๆ

   “ไปนั่งโต๊ะเถอะว่ะ” เจมส์มันคงเห็นผมยืนกัดกรามเลยคิดห้าม แต่การชวนของมันก็ไม่เป็นผลเมื่อพี่แว่นขยับเก้าอี้ตัวเปล่าข้างๆ ให้เจมส์นั่ง “เอ่อ”

   “นั่งนี่แหละ” พี่แว่นว่า

   “ทำไม นั่งกับพวกกูไม่ได้หรือไง ไอ้นายแบบดัง” เสียงกวนโมโหของไอ้พี่ไฮท์ทำให้ผมตัดสินใจลากเก้าอี้ตัวข้างเขาแล้วกระแทกนั่ง “โห รุนแรงซะด้วย”

   ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมกวักมือเรียกพนักงานของร้าน สั่งลาบ น้ำตก ไก่ย่าง หมูย่างมาจนล้นโต๊ะ นั่นเพราะพี่แว่นที่ชื่อบิ๊กออกปากจะเลี้ยง ผมรู้ว่าพี่เขาจะเลี้ยงเจมส์ แต่ผมก็มาด้วยไง ก็ต้องเลี้ยงผมด้วยสิ

   “มึงสั่งมาทำไมตั้งเยอะวะ” เจมส์ทำตาโตมองกับข้าว ผมก็ยักไหล่ มือจกข้าวเหนียวเข้าปาก

   “สั่งมาก็แดกให้หมดนะมึง ไม่หมดกูยัดปากมึงแน่” เสียงข่มขู่จากไอ้พี่ไฮท์ ผมหันไปมองแล้วยัดข้าวเหนียวเข้าปากยั่วโมโห แถมได้ผล มันเอาส้อมตีหน้าผากผมดังปั๊ก “กวนตีน”

   ผู้ชายตัวโตๆ สี่คนนึกเหรอครับว่าจะไม่หมด แม้รุ่นพี่สองคนจะกินมาก่อนหน้า แต่ผมก็เห็นพากันกินอย่างอร่อย โดยเฉพาะตับในลาบอีสาน

   “พี่ไฮท์ นี่ของผมนะเว้ย” ผมกำลังจะถูกแย่งตับชิ้นสุดท้ายในจานไป

   “มึงกินทุกอัน ให้กูกินบ้างไอ้ขิง” พี่ไฮท์ก็ไม่ยอม มันเอาส้อมจิ้มไว้ แถมแยกเขี้ยวใส่ผมอีก

   “พี่ก็กลับไปกินตับแฟนพี่ดิ่ ตับหมูนี่ของผม” พูดปุ๊บ ส้อมนั่นก็ถูกขว้างใส่จานจนผมสะดุ้ง จากคนที่แหย่กันไปมา ตอนนี้เริ่มกลับเข้าสู่โหมดโหดเหี้ยม “ผมพูดอะไรผิดเหรอ”

   “มึงยังกล้าพูดถึงแฟนกูอีกเหรอวะ”

   “ฉิบหาย”

   จริงด้วยว่ะ วันแรกของการมาเยือน ผมก็เกือบเจอหมัดของไอ้พี่ไฮท์ทักทายด้วยข้อหาเอาเมียพี่เขามากก สถานการณ์ตอนนี้เริ่มมาคุ พี่บิ๊กก็ทำนิ่ง ส่วนเจมส์ก็เอาแต่คาบส้อมมองหน้าผมกับพี่ไฮท์สลับไปมา

   “พี่ครับพี่” ผมยกมือเรียกพนักงานให้มาที่โต๊ะ คนร่วมโต๊ะก็พากันมองหน้า “ผมขอลาบอีสานอีกจาน แต่เปลี่ยนจากหมูเป็นตับทั้งจานแทนได้ไหมครับ”

   “คะ?”

   “ตับอีสาน”

   “อ่อ ได้...มั้งคะ”

   แล้วพี่พนักงานแกก็เดินกลับไปแบบงงๆ หวังว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมบอกนะครับ

   “ถ้ามันมีแต่ตับ มันจะเรียกลาบอีสานได้ยังไง” เสียงคนโกรธถามออกมาอย่างสงสัย พี่ไฮท์ขมวดคิ้วเป็นปม

   “ก็เรียกตับอีสานไง อยู่บ้าน พ่อผมชอบทำให้กิน เพราะผมชอบกินตับ” บอกพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงรสมือของพ่อ แต่ยิ้มไม่นานก็ต้องรีบหุบเมื่อถูกตาดุหรี่จ้องมอง

   “พ่อมึงทำให้กิน?”

   “หมายถึงพ่อบ้าน แม่บ้านอะไรแบบนี้ เนอะๆ เจมส์เนอะ” ต้องหาแนวร่วม และเพื่อนพี่ขิงก็เป็นลูกคู่ที่ดี เจมส์รีบเอาส้อมที่คาบชี้ยืนยัน

   “อ่อ” พี่ไฮท์กับพี่บิ๊กก็พยักหน้าเหมือนเชื่อ “แต่มึงสั่งมาทำไมอีกวะ แค่นี้ก็อิ่มถึงชาติหน้าแล้ว”

   “ก็...เออว่ะ”

   “ตับอันเดียวทำมึงโง่ได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ไม่สิ มึงมันโง่อยู่แล้ว”

   “พี่จะพูดกับผมดีๆ บ้างไม่ได้เลยหรือไง”

   “แค่กูคุยกับมึงปกติแบบนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

   “ขอบคุณที่ไม่กระทืบผมครับ”

   ยกมือไหว้ท้วมหัวจนโดนส้อมเคาะหน้าผากอีกรอบ และถึงแม้พี่ไฮท์จะบอกว่าอิ่ม พอจานตับอีสานวางลงตรงหน้า พี่แกก็แย่งผมกินอยู่ดี จะว่าก็ไม่ได้เพราะเจ้ามือคือเพื่อนของเขา เมื่อกับข้าวบนโต๊ะหมดเกลี้ยง สภาพแต่ละคนก็คล้ายพะยูนเกยตื้นทั้งนั้น ผมเอนหลังพิงพนัก มือก็ลูบท้องแน่นๆ ของตัวเอง

   “แล้วนี่ พวกพี่ไม่มีเรียนเหรอ” เจมส์มันถามหลังจากรอเงินทอน

   “ก็มี งั้น ไอ้ไฮท์ มึงให้ไอ้ขิงไปส่งที่มอก่อนนะ เดี๋ยวกูไปธุระกับไอ้เจมส์แป๊บ”

   “อ่าวอะไรวะ เฮ้ยไอ้บิ๊ก ไอ้เชี่ย ชิ่งกูเฉย” พี่ไฮท์โวยวายลั่นเมื่อเพื่อนเดินออกร้านไปก่อน ผมได้แต่เดินตัวลีบตามหลัง “แล้วมึงจะเดินหอยทากทำไม ไหนรถมึง”

   “โมโหแล้วพาลว่ะ”

   “เดี๋ยวกูถีบ” ไม่เดี๋ยวแล้วครับ ไอ้พี่ไฮท์ยกขาเตะก้นผมจริงๆ แม้ไม่แรงแต่คนไม่ได้ตั้งตัวก็ต้องมีเซกันบ้าง ผมตวัดสายตาส่งไป คนทำร้ายผมก็ไม่รู้สึกรู้สา “เร็วๆ”

   “ครับๆ” ผมควบมอเตอร์ไซค์ KSR ของตัวเอง กำลังจะสตาร์ท คนที่ยืนดูกลับไล่ให้ผมขยับแล้วคนไล่ก็สอดตัวมานั่งแทน “พี่ทำอะไรเนี่ย”

   “กูขี่เอง”

   “แต่นี่มันรถผมนะพี่”

   “กูไม่ไว้ใจมึง”

   เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย พี่ไฮท์ออกตัวนิ่มอยู่ ตอนแรกคิดว่าจะกระชากแกล้งให้ผมหล่นลงจากรถซะอีก ระยะทางขากลับก็ไม่ได้ต่างจากขามา แต่ที่ต่างคือบรรยากาศมากกว่า กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ลอยติดปลายจมูก พอมองจากด้านหลัง พี่เขาก็ดูไม่ได้นิสัยเสีย แต่พูดทีเหมือนวิญญาณตัวร้ายในละครสิงร่างเลย

   “....เอาหมามึงด้วย” เสียงพี่ไฮท์พูดโต้กับลมทำให้มันขาดๆ หายๆ

   “พี่ว่าอะไรนะ” ผมขยับหน้าไปชิดหลังแล้วถาม

   “กูบอกว่า มึง...หมามึงด้วย”

   “หา? ไม่ได้ยิน โอ๊ะ” จังหวะที่โน้มตัวไปชิดเพื่อจะฟังถนัดๆ รถที่ขี่ๆ มากลับเบรกกะทันหัน หน้าผมก็พุ่งไปชนกับหลังกว้างดังปึ๊ก “ขอโทษพี่”

   “มึงทำร้ายกูเหรอไอ้นี่”

   “พี่เบรกกะทันหันนี่หว่า ว่าแต่ เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะ”

   “กูบอกให้มึงไปเอาหมาด้วย”

   “อ๋อ เดี๋ยวผมแวะไปเอา ขอบคุณครับ”

   ไม่มีเสียงตอบกลับอะไรออกมาอีกจนถึงหน้าคณะ พี่ไฮท์ลงจากรถแล้วเดินเข้าตึกไป ส่วนผมได้แต่มองหลังคนหน้าบึ้งไม่มีแม้แต่คำขอบคุณหรือคำใดๆ อีก ผีเข้าผีออกนะรุ่นพี่คนนี้ ผมเลิกสนใจพี่ไฮท์ ก่อนขี่รถกลับไปรับปุยเมฆ ป่านนี้คงเฝ้ารอให้ผมไปรับอยู่แน่ๆ พอตัวสะอาดแล้วน่าจะสวยมาก เป็นหมาคนรวยแท้ๆ แต่กลับมีสภาพยิ่งกว่าไอ้ด่างข้างบ้านผมซะอีก





   หน้าคลินิกมีรถยนต์จอดเรียงราย คงจะเป็นลูกค้าของที่นี่ ผมผลักบานประตูเข้าไป เสียงหมาตัวใหญ่กำลังเห่าขู่แมวขนฟูในตะกร้าของคุณป้าแว่นดำก็ทำให้ต้องอุดหู ยิ่งเสียงเจ้าของตะโกนห้ามก็ยิ่งทรมาน

   “มารับปุยเมฆครับ” กว่าจะฝ่าด่านหมาแมวกับคุณป้าเจ้าของมาได้ ก็ต้องใช้ความพยายามมากเลยทีเดียว แค่ก้าวขา หมาตัวใหญ่ก็หันมอง กลัวมันงับก้นผมสุดๆ

   “อ๋อ รอสักครูค่ะ” แล้วพี่ชุดฟ้าก็หายไปด้านหลัง และออกมาพร้อมกระเป๋าใส่ปุยเมฆ “เหมือนน้องจะกลัวเสียงดังนะคะ” พี่เขาคงเห็นผมขมวดคิ้วตอนรับกระเป๋า ปุยเมฆขดตัวเป็นก้อนกลมๆ ไม่ยอมมองผมเลย

   “เท่าไหร่ครับ”

   “คุณหมอไม่คิดเงินนะคะ”

   “เอ่อ ขอบคุณครับ”

   ผมมองหาคุณหมอแต่ก็ไม่เห็น เลยได้แต่ฝากคำขอบคุณผ่านพี่ชุดฟ้า ผมยกกระเป๋าใส่ปุยเมฆขึ้นพาดคอแล้วรีบเดินหนีออกมาให้ไว เมื่อพ้นจากเสียงดัง เจ้าก้อนกลมๆ ก็ค่อยๆ ขยับ พร้อมส่งเสียงร้องอย่างดีใจ

   “ไง ปุยเมฆ คิดถึงพี่ขมิ้นไหม” เอานิ้วจิ้มกระเป๋าดู ปุยเมฆก็ร้องแล้วใช้จมูกดันนิ้วผมคืน “น่ารักจริงๆ คืนนี้พี่ขมิ้นมีขนมให้ด้วยนะ”

   เสียงปุยเมฆก็ร้องเบาๆ มาตลอดทาง พอถึงบ้านเสียงก็เงียบลงเหมือนจะรู้ว่าควรเงียบ ผมมองซ้ายมองขวาแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นสองของบ้าน ขืนช้ามีคนเห็น ไม่ผมก็ปุยเมฆนี่แหละจะซวย

   เข้าห้องมาแล้วผมก็รูดซิบเปิดกระเป๋าเอาปุยเมฆออกมาชื่นชม ขนที่มีคราบสีดำๆ ตอนนี้ใสสะอาด ขนก็นุ่มนิ่ม ตัวก็หอม ผมอุ้มปุยเมฆขึ้นมาบนเตียง วางเจ้าตัวเล็กไว้บนอก ปุยเมฆขยับคลานมาเลียตามหน้าตามคอผมจนขนลุกไปหมด

   “น้ำลายเยอะขนาดนี้ คิดถึงพี่ขมิ้นมากเลยใช่ป่ะ” จุ๊บปุยเมฆหลายๆ ทีด้วยความรัก ผมว่า ผมกำลังตกหลุมรักเจ้าหมาตัวนี้ซะแล้ว หากพี่ขิงกลับมา ผมจะขอไปเลี้ยงที่บ้าน “พี่ขมิ้นซื้ออาหารกับขนมมาให้เยอะเลยนะ”

   โฮ่ง

   “จะบอกว่า เจ๋งมาก ใช่ไหม แน่นอน พี่ขมิ้นซะอย่าง”

   โฮ่ง

   “น่ารักนะเนี่ย เป็นแฟนกับพี่ขมิ้นเถอะ” ผมยกตัวปุยเมฆขึ้นปุ๊บ สัญลักษณ์บางอย่างก็แทบทิ่มตา “มึงตัวผู้นี่หว่า เป็นพี่น้องกันดีกว่าเนอะๆ”

   โฮ่งๆ

   เสียงเคาะประตูทำให้ผมต้องรีบซ่อนปุยเมฆ ยังโชคดีคนมาเคาะเป็นป้าแม่บ้านที่บอกให้ลงไปกินข้าว แต่ทำไมวันนี้ถึงกินไว ปกติไม่ทุ่มก็สองทุ่มนู้น

   “พอดีคุณท่านกับคุณผู้หญิงไปงานเลี้ยงด้านนอกค่ะ เลยขึ้นมาถามว่าคุณขมิ้นจะทานข้าวกี่โมงดีคะ”

   “ตอนนี้ก็ได้ครับ” ผมหันไปมองปุยเมฆที่เดินไปนอนที่ผ้าห่มก่อนจะเดินออกห้องไป “วันนี้มีของอร่อยอีกแน่เลย ใช่ไหมครับ”

   “ไก่ย่างค่ะ คุณขมิ้นชอบไหมคะ”

   “สุดๆ ครับ”

   “ปกติแล้ว คุณขิงไม่ทานเลยนะคะ บอกว่าอ้วน”

   “แต่ผมชอบที่สุดครับ”

   ผมใช้เวลากินข้าวกับพวกพี่ๆ หลังบ้านอยู่นานเป็นชั่วโมง พอกลับขึ้นห้อง ปุยเมฆก็ยังนิ่ง เรียกไปก็ไม่ตอบอะไร คงจะหลับลึกแน่ๆ เลยละความสนใจแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำแทน กลับออกมาเจ้าก้อนกลมก็ยังนิ่ง

   “ปุยเมฆ กินขนมไหม เยอะนะ” ลองเอาขนมเป็นแท่งหลอกล่อ แต่ก็ยังเงียบ “ไม่กินเหรอ พี่ขมิ้นจะกินแทนละนะ” ผมลองกัดขนมหมาดู รสชาติโคตรจืด แม้กลิ่นจะเค็มก็เถอะ “อร่อยนะปุยเมฆ ไม่สนเหรอ”

   หงิงๆ เสียงตอบกลับเบาๆ พร้อมกับหัวเล็กยกขึ้นดู แต่แล้วก็กลับลงไปขดตัวใหม่ สงสัยจะไม่หิว ผมละความสนใจจากปุยเมฆก่อนกระโดดขึ้นเตียง แม้จะยังไม่ดึกมากแต่กลับง่วงซะงั้น สงสัยกินข้าวเหนียวมากไปหน่อย ตั้งแต่มื้อเที่ยง มามื้อเย็นอีก น่าแปลก ทำไมกินข้าวเหนียวแล้วถึงง่วงมากกว่าปกติ





   เผลอหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้ปิดไฟซะด้วยซ้ำ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมีเสียงกุกกักๆ ผมปรือตาขึ้นดูก็ไม่เห็นมีอะไร เลยหลับตาลงอีกรอบ แต่คราวนี้ เสียงนั้นดังกว่าเดิม เพิ่มเติมมาด้วยเสียงไอแรงๆ จนผมสะดุ้ง

   “ปุยเมฆไม่สบายเหรอ” ผมหรี่ตามองหาหมาที่ตอนนี้มันไม่อยู่ตรงผ้าที่ปูให้นอนแล้ว “ปุยเมฆอยู่ไหน” เสียงไอแรงๆ จนผมเริ่มเป็นห่วง สอดสายตามองหาทั่วห้องก็ไม่เจอ เลยลองก้มดูใต้เตียง เจอปุยเมฆกำลังอาเจียนออกมาเป็นฟอง “ปุยเมฆ เป็นอะไร”

   ผมลงมาจากเตียง พยายามยื่นมือไปดึงปุยเมฆให้ออกมา แต่มันก็ไม่ยอมเดินมาหา เอาแต่ไอตัวโยนแล้วก็อ้วกออกมาอีกหลายกองจนผมใจไม่ดี

   “ปุยเมฆ มาหาพี่ขมิ้นก่อน” พยายามกวักมือเรียกแต่ก็ไม่ได้ผล ผมเลยมุดตัวไปดึงหมาออกมา “ไปหาหมอกันนะ” แม้ตอนนี้จะใกล้เที่ยงคืนแล้วก็ตาม แต่ผมต้องพามันไปหาหมอก่อน “อย่าเป็นอะไรนะปุยเมฆ แกจะต้องไม่เป็นอะไร เดี๋ยวพี่ขมิ้นจะพาไปหาหมอ เดี๋ยวก็หาย”

   ร่างเล็กๆ ที่ผมอุ้มสั่นน้อยๆ คล้ายจะรับรู้ถึงความรักของผม เสียงครางหงิงๆ กับดวงตากลมใสแวววาวจ้องหน้าผมอยู่ตลอด...อย่าเป็นอะไรนะปุยเมฆ

   ผมเอาปุยเมฆใส่กระเป๋าแล้วคว้ากุญแจรถออกจากห้องทันที ในโรงจอดยังไม่มีรถของเจ้าของบ้าน แต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้สนแต่อาการของปุยเมฆ ตอนไปรับมามันยังร่าเริงอยู่เลย จู่ๆ ทำไมมันถึงอ้วกเยอะแยะแบบนั้นก็ไม่รู้ ตลอดทางที่มาคลินิก ปุยเมฆร้องครวญครางสลับกับไอแรงๆ และอ้วก ผมก็รีบเร่งความเร็วจนมาถึงหน้าคลินิก

   คลินิกปิดแล้ว ด้านในไม่มีคนอยู่ด้วย ผมเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจ ไม่รู้จะทำยังไง พอลองโทรไปที่เบอร์ที่ติดหน้าประตูก็ไม่มีคนรับ เบอร์นี้น่าจะเป็นเบอร์ติดต่อที่อยู่ในคลินิก เสียงไอแรงของปุยเมฆทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก สมองตื้อไปหมด ช่วงจังหวะที่น้ำตารื้นก็นึกถึงหน้าเจมส์ขึ้นมา ผมลองโทรไปหาเพื่อนใหม่ดู รออยู่นานกว่ามันจะรับ

   (ว่าไง)

   “เจมส์ มึง”

   (ขมิ้นเหรอ มีอะไรวะ โทรมาโคตรดึก)
 
   “คือมึง”

   ตอนนี้สมองผมไม่ทำงาน หาคำพูดที่จะพูดไม่ได้สักประโยค

   (อะไรของมึงวะ คือมึงอยู่นั่น เกิดอะไรขึ้น หรือเจอไอ้ขิงแล้ว)

   “ไม่ใช่ มึง...มีเบอร์พี่ไฮท์ไหม”

   (เบอร์พี่ไฮท์? มึงเอาไปทำไมวะ)

   “หมากู หมากูเป็นอะไรไม่รู้ ขอเบอร์พี่ไฮท์หน่อย เร็วๆ”

   (เออๆ รอแป๊บ...ศูนย์เก้าแปด......)

   “ขอบใจๆ”

   พอได้เบอร์ผมก็รีบโทรไปหาทันที สัญญาณโทรศัพท์ตัดไปสามสี่รอบถึงมีคนรับสาย

   (ใครวะ) เสียงเพลงดังทะลุออกมาจนแทบไม่ได้ยินเสียงเจ้าของเครื่อง (ฮัลโหล ใครวะ)

   “พี่ไฮท์ ผมเอง”

   (หา? ใครวะ กูไม่ได้ยิน) ปลายสายตะโกนกลับมา ผมเลยแหกปากตอบไป

   “ผมขิงเอง”

   (ไอ้ขิงเหรอ มึงมีอะไรถึงโทรหากูวะ)

   “หมาผมอ้วก คลินิกพ่อพี่ก็ปิดแล้ว”

   (ก็มันเที่ยงคืนแล้วไงไอ้ห่า แล้วนี่มึงอยู่หน้าคลินิกพ่อกูเหรอ)

   “ครับ...ปุยเมฆ” ผมตัดสายพี่ไฮท์ทิ้งทันทีเมื่อปุยเมฆเริ่มชักอยู่ในกระเป๋า ปากของมันมีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมาอยู่ตลอด แถมอึเหลวๆ ก็ไหลออกมาจนตัวมันมีแต่สีเหลือง “ปุยเมฆเป็นอะไร เชี่ยเอ๊ย” ตอนนี้น้ำตาของผมไหลไม่ขาดสาย ทำไมผมไม่สังเกตเลยว่ามันไม่สบายหนักขนาดนี้ ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาก็เพราะผมผิดเองที่ไม่ได้ดูแล

   ปุยเมฆ อย่าเพิ่งทิ้งพี่ขมิ้นไปนะ อยู่ด้วยกันก่อน ไหนสัญญาว่าจะไปอยู่กับพี่ที่บ้านเราไง ไม่ลืมใช่ไหม อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ



...TBC

สวัสดีวันปีใหม่ค่าาาาา ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดทั้งปีเลยนะคะ ร่ำรวยๆ เฮงๆ ถูกหวยรวยเบอร์ หุ้นขึ้นพรวดๆ มีเงินใช้ทั้งปีค่าา

(01.01.61)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 6] [P.2] // {01/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-01-2018 17:32:36
ขมิ้นเอ้ยยย ชีวิตยุ่งขิงจริงๆ
วุ่นวายไปหมด จะไปหาใคร ก็เหมือนไปหาเรื่อง

เจมส์น่ารักดี

ไฮท์คะ จะกวนประสาทอะไรขนาดนั้น
คิดว่าไฮท์ดูออก

ปุยเมฆเป็นอะไรล่ะ อยู่ดีๆ ก็เป็นหรอ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 6] [P.2] // {01/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 01-01-2018 18:32:07
มาให้กำลังใจคนเขียน นิยายสนุกมากค้าา รอน้าาา :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 6] [P.2] // {01/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-01-2018 18:47:47
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 6] [P.2] // {01/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 01-01-2018 21:22:10
ดราม่าซะงั้น อย่าเป็นอะไรนะลูก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 6] [P.2] // {01/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-01-2018 23:41:38
น้องงง อย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 6] [P.2] // {01/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 02-01-2018 14:17:40
โอ๊ยยยยย ใครทำน้องงงงง :serius2:
บ้านนั้นมีแต่คนใจร้ายอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 04-01-2018 22:01:13

-7-





(พาร์ท ไฮท์)




   ค่ำคืนแห่งความสนุก วันนี้พวกผมมากินเลี้ยงฉลองหลังจากสอบควิซผ่านกันยกกลุ่ม กินไป เต้นไป เหล่สาวไปตามประสาชายโสด แต่อยู่ๆ กระเป๋ากางเกงผมก็สั่น พอหยิบออกมาดูเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ผมปล่อยให้มันสั่นอยู่แบบนั้นหลายรอบจนรำคาญเลยกดรับ

   “ไอ้ขิงเหรอ? มึงโทรหากูทำไม”

   คนเหม็นขี้หน้าอันดับหนึ่งคือคนโทรมา มันคงจะบ้าหนักที่โทรหาผม แถมเบอร์ที่โทรเข้ามาก็ไม่ใช่เบอร์มันอย่างทุกที

   (หมาผมอ้วก คลินิกพ่อพี่ก็ปิดแล้ว) เสียงตอบกลับมาดูสั่นแปลกๆ

   “ก็มันเที่ยงคืนแล้วไงไอ้ห่า” ผมดูนาฬิกาข้อมือก่อนตะโกนว่ามัน “แล้วนี่ มึงอยู่หน้าคลินิกพ่อกูเหรอ” หรือหมามันจะป่วยหนักถึงขนาดมาหาหมอตอนเที่ยงคืนวะ

   (ครับ...ปุยเมฆ)

   แล้วปลายสายก็ตัดไป สบถคำหยาบออกมาอย่างโมโหที่อยู่ๆ มันก็วางไป นึกจะโทรก็โทร นึกจะวางก็วางไม่พูดไม่บอกอะไรเลย มารยาทมันไม่เคยดีขึ้นเลย แต่เมื่อกี้ผมได้ยินแว่วๆ เหมือนมันจะร้องไห้นะ ด้วยความสงสัยเลยโทรกลับไปหา แต่มันก็ไม่ยอมรับ ลองโทรย้ำอีกรอบคราวนี้มันรับ แต่น้ำเสียงสั่นสะอื้นดังออกมา

   “มึงร้องไห้เหรอ” แม้เพลงในนี้จะดังแต่ผมก็พอได้ยินเสียงสะอื้นของมัน “ไอ้ขิง มึงยังอยู่หน้าคลินิกพ่อกูใช่ไหม รอก่อน เดี๋ยวกูไป” ไม่ได้เป็นห่วงมันหรอกนะครับ แต่ห่วงหมามันมากกว่า

   “จะกลับแล้วเหรอไอ้ไฮท์” ไอ้แน่เพื่อนในกลุ่มตะโกนถาม

   “เออ กูกลับละ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย” บอกเพื่อนไปแบบนั้นก่อนจะรีบออกมาจากผับ จากการคำนวณระยะทางแล้ว น่าจะใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมงในการไปที่คลินิก ไม่รู้ไปจะได้เจอไอ้เด็กนิสัยเสียนั่นหรือเปล่า แต่ก็ลองเสี่ยงไปดู

   คืนนี้รถไม่ติดเลยทำให้ไปถึงเร็วกว่าที่คิด ผมเปิดประตูลงไป มองหารอบๆ หน้าคลินิกก็ไม่เจอ ทั้งที่รถคันที่เกือบทำให้ผมตกก็ยังจอดอยู่ แล้วเจ้าของรถมันหายหัวไปไหน

   “ไอ้ขิง อยู่ไหนวะ” ผมลองตะโกนเรียกดู ก่อนจะเห็นเงาดำๆ อยู่แถวต้นไม้ด้านข้าง “มึงทำอะไร...วะ”

   ค่อนข้างตกใจต้องบอกว่าแบบนี้ หน้าตาจืดๆ ของไอ้เด็กมารยาททรามเต็มไปด้วยคราบน้ำตา มันร้องไห้จริงๆ ด้วย มือมันถือกระเป๋าใส่หมาของมัน

   “พี่...” เสียงสะอื้นฟังแทบไม่รู้เรื่อง

   “พ่อกูรออยู่ที่บ้าน” ผมบอก ไม่รู้จะทำตัว ทำหน้ายังไงดี เอาจริงๆ คือไม่ชินกับการที่ต้องมาเห็นคนที่ไม่ชอบหน้าร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร แม้ผมจะเกลียดมันมาก แต่ก็ไม่ได้ใจดำขนาดนั้น “ขึ้นรถสิ”

   “ผม จะขี่ตาม”

   ขนาดนี้ยังห่วงรถของมัน ผมพยักหน้าแล้วกลับไปขึ้นรถ ดูจากอาการของคนแล้ว หมามันน่าจะอาการหนักพอสมควร กลิ่นที่ออกมาจากกระเป๋าแรงมาก ไม่รู้กลิ่นอะไรบ้าง

   ผมขับรถมาเรื่อยๆ ตาก็คอยมองกระจกมองหลัง กลัวมันขี่แบบไม่มีสติแล้วเผลอไปชนใครเข้า ก่อนจะมาที่นี่ ผมโทรไปหาพ่อและพ่อผมเป็นคนบอกให้พามันไปที่บ้าน ถ้าเป็นผมเหรอ ให้มันรอวันพรุ่งนี้นั่นแหละ พอมาถึงหน้าประตูบ้าน ประตูอัตโนมัติก็ทำงานของมัน ไอ้เด็กที่ขี่รถตามมาก็บึ่งเข้าไปจอดด้านใน

   “หลีกๆ ไอ้หมู” ผมใช้ขาเตะหมาพันธุ์โกลเด้นกับไซบีเรียนของพ่อให้ถอย เพราะตอนนี้มันวิ่งเข้ามามะรุมมะตุ้มจนผมกับไอ้ขิงเดินไม่ได้ “พ่อ”

   “เข้ามาๆ” พ่อกวักมือเรียกไอ้ขิงที่ยังมีรอยน้ำตาที่แก้ม “อาการเป็นไง”

   เดินตามสองคนนั้นเข้าไปในห้องทำงานฝั่งซ้ายของบ้าน ห้องนี้บ้างครั้งพ่อก็จะใช้เป็นที่รักษาอาการของหมาแถวๆ บ้านนี่แหละ ห้องนี้เลยมีอุปกรณ์ครบไม่ต่างจากที่คลินิกสักเท่าไหร่

   “มันอ้วก แล้วก็ขี้ไหลเยอะแยะด้วย” ไอ้ขิงพยายามกลั้นสะอื้นบอก มันรูดซิปเอาหมาตัวเองออกมา “มันจะตายไหมคุณหมอ” พอเห็นสภาพของหมาแล้ว ผมก็ย่นจมูกเพราะกลิ่นเหม็นคาวนั่น แต่ไอ้ขิงกลับร้องไห้ออกมา “คุณหมอครับ”

   “อืม...” พ่อผมกำลังตรวจ ไอ้เจ้าของหมาก็ร้องไห้

   “คุณหมอ”

   “เมื่อเช้าตอนตรวจก็มีซึมๆ แต่ก็ไม่ได้ตรวจละเอียดดีซะด้วยสิ”

   “มันเป็นอะไรเหรอครับ”

       “น่าจะเป็นไข้หัดสุนัขนะ”

   “ไข้หัดสุนัข เหมือนไข้หวัดไหมครับ”

   “ไม่เหมือน ไข้หัดจะอันตรายมากกว่า โดยปกติแล้วหากเป็นโรคนี้มันจะมีอาการซึม ไม่กินข้าว อาเจียนหรือถ่ายเหลวแล้วแต่เคส”

   “ตอนผมเจอปุยเมฆมันก็ซึม พี่คนที่เลี้ยงก็บอกมันไม่กินข้าวมาหลายวันแล้ว มันจะรักษาหายไหมครับ”
 
   ตอนนี้หน้าตาจืดๆ ขึ้นสีแดงชัดมาก ทั้งตา จมูกแล้วก็ปากมันแดงเข้มไปหมด

   “เราเคยทำวัคซีนหมาตัวนี้ไหม” พอพ่อผมถาม มันก็ส่ายหน้า “ไม่เคยเหรอ”

   “ไม่รู้ครับ มันไม่ใช่หมาของผม”

   “สงสัยจะไม่ได้ทำ” พ่อบอกก่อนถอนหายใจออกมา “มันไม่ไหวแล้วล่ะ”

   ตอนนี้ไอ้ขิงปากสั่นมาก ขนาดผมที่ไม่ชอบขี้หน้า เห็นมันเป็นแบบนั้นก็อดที่จะสงสารไม่ได้ 

   “มันจะตายแล้วเหรอครับ” แล้วไอ้ขิงก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อดกลั้น พ่อกับผมถึงกับเม้มปากแน่น “รักษามันไม่ได้เหรอครับ มันเพิ่งบอกรักผมเมื่อเย็นนี้เอง คุณหมอ” เสียงสะอื้นดังไปทั่วห้อง ใบหน้าบิดเบี้ยวของไอ้ขิงทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี

   “อาการปุยเมฆหนักมากแล้วล่ะ” พ่อพยายามปลอบคนร้องไห้อย่างหนัก “อาขอโทษนะ”

   “พ่อรักษาไม่ได้เหรอ” ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจตอนแรก แต่ตอนนี้เริ่มไม่ไหวเหมือนกัน ไอ้ขิงร้องไห้จนตัวแดงไปหมด มันกอดหมาที่ตัวมีแต่ขี้อย่างไม่รังเกียจ คงจะรักมากจริงๆ

   “อาการมันหนักแล้ว ไข้หัดปกติก็รักษาตามอาการ ให้ยา ให้น้ำเกลือ โอกาสรอดก็น้อยเหมือนกัน ยิ่งมาตอนอาการหนักขนาดนี้แล้ว รักษาลำบากแล้วล่ะ”

        พ่อผมพูดไม่นาน หมาของไอ้ขิงก็ดิ้นชักอย่างทุรนทุราย และสุดท้ายหมาตัวนั้นก็ค่อยๆ นิ่งสนิท ผมมองรุ่นน้องที่ไม่ชอบขี้หน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่มากหน่อยก็คงเป็นความสงสาร ตอนนี้มันร้องไห้จนสะอึก

   “มันตายแล้ว” ยื่นมือไปจับบ่าของคนร้องไห้ มันเงยหน้าทำตาแดงกล่ำมองผม “มันไม่ทรมานแล้ว ปล่อยมันเถอะ”

   “มัน ฮึก ตาย” เหมือนมันจะพูด แต่ผมกลับฟังไม่ออกสักคำ

   “เออๆ” รับคำไปงั้น ก่อนหันไปมองหน้าพ่อคล้ายจะถามว่าต้องทำยังไงต่อ พ่อผมเดินไปดึงไอ้คนร้องไห้ออกมา “ให้ผมฝังที่หลังบ้านไหม”

   “อืม ขุดลึกๆ นะ” พ่อบอกพลางดึงไอ้ขิงให้ออกห่าง แต่มันก็ไม่ยอมไป รั้งตัวเองให้ยืนอยู่ที่เดิม “อาต้องฝังนะ เพราะมันเป็นโรคไข้หัด เป็นโรคติดต่อรุนแรงที่แพร่เชื้อตัวอื่นได้”

   “ทำไมมันถึงเป็นล่ะครับ” ไอ้ขิงพยายามถามพ่อผม มันต้องใช้เวลาในการรวบรวมคำพูดเพื่อจะทำให้พ่อผมเข้าใจอยู่หลายรอบ

   “ปกติแล้ว หมาหรือแมวจะต้องทำวัคซีนรวมป้องกันโรคพวกนี้ตั้งแต่เด็ก แต่ตัวนี้ไม่ได้ทำก็เลยเสี่ยงติดโรคนี้มากกว่า ไม่แน่ แถวบ้านของขิง อาจจะมีหมาเป็นโรคนี้อยู่ก็ได้” พ่อผมอธิบายแบบย่อๆ ในระหว่างที่ผมออกมาหาที่ขุดฝังแถวหลังบ้าน

   “แล้วแบบนี้ หมาคุณหมอไม่ติดเหรอครับ”

   “หมาสองตัวนี้ อาทำวัคซีนทุกปี ต่อไปถ้าขิงจะเลี้ยง ก็ต้องทำวัคซีนตลอดนะ ถึงแม้จะเลี้ยงในบ้าน ไม่ได้ปล่อยออกมาข้างนอกก็เถอะ บางที เชื้อโรคพวกนี้อาจจะติดตัวเราเข้าไป พอเราสัมผัสสัตว์เลี้ยง มันก็จะติดโรคได้”

   “ครับ”

   เสียงพูดคุยดังอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะเงียบไป ผมจ้วงขุดดินอยู่พักหนึ่งก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเสียมอันเล็กปักลงมาใกล้ๆ

   “มึงทำอะไร” ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลมาข้างขมับ ขุดดินแค่นี้โคตรใช้พลังงานเยอะ เหล้าที่กินมาก็คงไหลมาเป็นเหงื่อหมด

   “ช่วยพี่ขุด จะได้เสร็จไวๆ” ไอ้ขิงตอบโดยไม่ได้มองหน้าผมสักนิด ช่วงที่มันขุด บ่อยครั้งจะยกแขนขึ้นเช็ดน้ำตา

   “ขุดไปร้องไห้ไป คงจะเสร็จไวหรอกไอ้ห่า” ผมว่า มันช้อนตาขึ้นมาค้อน ดวงตามันวาวระยิบเมื่อน้ำตาที่คลอเบ้าสะท้อนกับหลอดไฟหลังบ้าน “เออๆ รีบๆ ขุด” เห็นว่าร้องไห้หรอกนะ

   “ฝังไว้ที่นี่ได้เหรอ” อยู่ๆ มันก็ถามออกมา “บ้านพี่ฝังหมาผมได้เหรอ”

   “ถ้าไม่ได้กูคงไม่มาขุดหรอก” ตอบเหวี่ยงเพราะความเหนื่อย คนถามเลยเงียบไป “หลังบ้านกูเนี่ย ฝังหมาหลายตัวแล้ว” ไม่รู้ทำไมถึงต้องบอกมันแบบนี้ ไอ้ขิงได้ยินก็หยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม “เมื่อก่อนบ้านกูก็มีนะ หมาพันธุ์เล็กแบบมึงเนี่ย แต่มันก็ตายหมด”

   “เป็นโรคเหมือนปุยเมฆเหรอ”

   “มันแก่ตายสิวะ อายุสิบหกปีอะ”

   “ตอนมันตายพี่ร้องไห้ไหม”

   “ร้องสิวะ...” เชี่ยเอ๊ย หลุดปากทำไมเนี่ย “กูก็แค่น้ำตาคลอเท่านั้นแหละ” ตอบปุ๊บ ปากไอ้ขิงก็ยกยิ้มออกมา “พูดมาก รีบๆ ขุด จะได้ฝัง”

   “ขอโทษครับ”

   ผมยืนมองไอ้เด็กรุ่นน้องที่ตั้งหน้าตั้งตาใช้เสียมอันเล็กขุด สีหน้าและแววตามันวันนี้ดูไม่เหมือนเมื่อก่อน หลายอาทิตย์มานี้ ผมเฝ้าสังเกตท่าทีของมัน ดูๆ แล้วเหมือนไม่ใช่ไอ้ขิง แต่ถ้าไม่ใช่ไอ้ขิงจะเป็นใครได้ล่ะ คำถามนี้ สักวันผมต้องได้คำตอบ

   “ไปเอาหมามึงมาได้แล้ว” ไอ้ขิงไม่ตอบอะไร มันลุกไปเงียบๆ ก่อนจะกลับมาพร้อมร่างของหมามัน ไอ้หมาตัวเล็กสีขาวนอนนิ่งลิ้นห้อยออกจากปาก “เอามันนอนในหลุมสิ”

   “มันจะหนาวไหม” เสียงสั่นเครือถามผม

   “มันตายแล้วไม่รู้สึกหรอก” ดูเหมือนคำตอบผมคงจะชั่วเกินไป ไอ้ขิงตวัดสายตามองผมอย่างโมโห “ถ้ากลัวมันหนาว มึงก็ซื้อผ้าห่มไปทำบุญให้มันสิ”

   “พูดไปเรื่อย” ปากว่าแบบนั้น แต่มันกำลังด่าผมทางสายตาอยู่

        ผมจิ๊จ๊ะอย่างรำคาญเมื่อเห็นว่ามันชักช้า “มึงทำอะไรวะ” แล้วอยู่ๆ ไอ้ขิงมันก็ถอดเสื้อตัวเองเฉย

   “ผมจะเอาเสื้อคลุมให้ปุยเมฆ” พูดแล้วมันก็สอดหมาเข้าไปในเสื้อ ก่อนจะวางลงในหลุมที่ขุดไว้ “ขอโทษนะปุยเมฆ ที่พี่ขมิ้นดูแลไม่ดี ไว้เจอกันใหม่นะ”

   ผมมองไอ้ขิงล่ำลาหมาของตัวเองด้วยเสียงสะอื้นจนฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำตาหยดลงบนเสื้อที่ห่มร่างหมามันจนเปียกเป็นวงกว้าง มือขาวของมันพยายามปิดตาหมาที่ค้างเพื่อให้หลับตาสนิท

   “จะฝังแล้วนะ” บอกปุ๊บ ไอ้ขิงก็ค่อยๆ ขยับถอยห่าง ผมใช้จอบเกลี่ยดินที่ขุดออกให้กลับลงที่เดิม ดินสีดำค่อยๆ กลบร่างหมาจนมิด “เข้าบ้านเถอะ”

   “ผมขออยู่อีกแป๊บ”

   ผมยักไหล่แล้วเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้ไอ้ขิงมันนั่งอยู่หน้าหลุมฝังร่างของหมามันไป ส่วนพ่อผมก็เพิ่งเดินออกมาจากห้องตรวจเพราะต้องทำความสะอาดห้องด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

   “ไม่ชวนน้องเข้าบ้านมาล่ะ”

   “มันบอกขออยู่อีกแป๊บ”

   “ร้องไห้หนักน่าดู” ผมมองพ่อที่กำลังจ้องไปยังคนที่นั่งร้องไห้อยู่ด้านนอก “ก็ไม่ได้ร้ายอย่างที่ลูกว่านะ”

   “อาจจะเล่นละครอยู่ก็ได้” ตอบปุ๊บก็ถูกมือพ่อตีเข้าหัวปั๊บ “เจ็บนะเนี่ย”

   “คนเรามักจะมีสองด้านอยู่เสมอ ลูกอาจจะเห็นแค่ด้านเดียวของน้องเขาก็ได้”

   “ไม่ว่าจะด้านไหนของมันผมก็ไม่ชอบ”

   ก่อนจะถูกพ่อตบหัวอีกรอบ ไอ้ขิงก็เดินตาแดงเปลือยอกเข้ามา มันยกมือลาพ่อผมกับผม

   “ไม่ต้องกลับหรอก นอนที่นี่นั่นแหละ จะตีสองแล้วด้วย” พ่อผมยกยิ้มให้มัน “ไฮท์ ดูแลน้องด้วย เอาเสื้อผ้าให้น้องเปลี่ยน”

   “ทำไมต้องเป็นของผมล่ะ”

   “หรือจะให้ใส่ของพ่อ ไปๆ ขึ้นไปบนห้องได้แล้ว อาบน้ำกันซะใหม่ด้วยนะ”

   “ผมกลับบ้านได้ครับ เดี๋ยวพี่ไฮท์เขาจะ...”

   “พ่อกูบอกให้นอนก็ต้องนอน อย่าเถียง” ผมรีบดึงไอ้ขิงให้ตามขึ้นห้องเมื่อพ่อตั้งท่าจะตบหัว ชอบใช้กำลังกับลูกอยู่เรื่อย “มึงอาบน้ำก่อนกู”

   “ขอบคุณครับ”

   “อืม”

   เหมือนจะเริ่มชินที่ถูกไอ้ขิงไหว้ ผมยื่นผ้าเช็ดตัวกับเสื้อยืดกางเกงบอลให้มันเปลี่ยน เพราะตอนนี้ตัวมันเหม็นทั้งขี้และอ้วกหมา แค่เข้าห้องนอนผมมา กลิ่นก็ฟุ้งไปทั่วจนต้องรีบไปเปิดประตูระเบียงไล่กลิ่น นั่งผงกรออยู่ไม่นานไอ้ขิงก็เดินออกจากห้องน้ำมา กลิ่นสบู่ที่ออกมาจากตัวมันทำให้ผมขมวดคิ้ว ปกติอาบเองไม่เคยคิดว่ามันหอมขนาดนี้ 

   “พี่ให้ผมนอนตรงไหนเหรอครับ”

   “ก็บนเตียงนั่นแหละ”

   รีบชี้ไปที่เตียง แล้วเดินสะบัดหัวเข้าห้องน้ำ นี่ผมกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ เวลานี้ควรนึกถึงเตียงนุ่มๆ สิ พอนึกถึงแล้วก็อยากนอนใจจะขาด แต่ก็ต้องอาบน้ำก่อน ออกไปเที่ยวมา มีกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่ แถมยังต้องมาเหงื่อซกด้วยการขุดดินอีก ไม่อาบก็คงนอนไม่ได้หรอกสภาพแบบนั้น น้ำอุ่นๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดี ผมใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ออกมาไอ้เด็กต่างรุ่นยังคงนอนสะอื้นไห้อยู่

   “ทำไมยังไม่นอนอีก” ผมถามเบาๆ ก่อนเดินไปปิดไฟ “รีบๆ นอน พรุ่งนี้จะได้ไปเรียน”

   “ครับ”

   ผมสอดตัวลงนอนใต้ผ้าห่มเดียวกับไอ้ขิง แสงสว่างจากหลอดไฟนอกระเบียงสาดเข้ามาทำให้เห็นว่าร่างคนข้างๆ สั่นเทาเบาๆ และในความเงียบยังคงมีเสียงสะอื้นออกมาให้ได้ยิน แม้ผมจะพยายามข่มตาให้หลับ แต่สมองกลับทำงานอยู่ตลอด ก่อนสะดุ้งนิดๆ เมื่ออีกคนขยับพลิกตัว

   ไอ้ขิงนอนตะแคงหันหน้ามาหาผม ดวงตามันหลับไปแล้ว แต่น้ำใสๆ ยังคงออกมาจากหัวตา ไหลผ่านจมูกโด่งลงมาที่แก้มและหยดลงบนหมอนของผม เปลือกตาที่ซ่อนนัยน์ตาแข็งกระด้างยามมองคนอื่น ผมโคตรเกลียด ปากสีแดงที่คอยแต่จะเหยียดยิ้มยามดูถูกคนอื่นอีก ผมก็โคตรเกลียด สรุปคือ ผมเกลียดทุกอย่างที่เป็นมัน


   “กูโคตรเกลียดมึง ไอ้ขิง”


...TBC


พาร์ทของไฮท์ช่วงนี้ต่อมาจากตอนที่แล้วก่อนนะคะ แต่ถ้าเป็นพาร์ทจริงๆ ของไฮท์ก็ยังมีอยู่ค่ะ

ขอบคุณค่าา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-01-2018 22:19:42
แงะ ค้างหนักเลย ย ย ยย
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 04-01-2018 22:20:59
พี่ขมิ้น~ :sad4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-01-2018 23:05:28
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 05-01-2018 00:15:15
อุ้ยยย เกลียดให้ได้อย่างปากเถอะ

มีหลุดพูดชื่อตัวเองละเน้อ ขมิ้น
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 05-01-2018 03:18:15
พี่ไฮ์จะเริ่มใจอ่อนยังน๊าอย่าเกลียดขมิ้นเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 05-01-2018 11:23:10
น่าสงสารทั้งหมาทั้งคน :hao5:
ขิงก็น่าสงสารนะ โดนเลี้ยงมาแบบไหน ถึงได้เป็นคนแบบนั้น :o12:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 05-01-2018 13:18:12
 :hao4: ขมิ้นนี่เจอแต่เรื่องตลอด
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 05-01-2018 14:56:07
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-01-2018 19:11:05
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์ ไม่มีโรคภัย มีความสุขมากๆ

สงสารปุยฝ้าย สงสารขมิ้นด้วย  :mew2: :mew2: :mew2:
ขมิ้น หลุดปากชื่อตัวเองออกมา แต่ไฮท์จะได้ยินไหมนะ

ไฮท์ น่าจะสังเกตแววตา กิริยาของขมิ้นนะว่าไม่เหมือนขิงเลย
หรือตัวตนของขิง มันบดบัง ติดอยู่ในตาไฮท์
หรือในใจของคนที่เกลียดขิงทุกคน
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: bungg ที่ 06-01-2018 02:07:32
เข้มแข็งไว้นะขมิ้น ปุยเมฆไปสบายแล้วน้องจะไม่หนาวและไม่ต้องทรมานอีกแล้ว
สงสารขมิ้นจังจะไปไหนก็เจอแต่ปัญหาที่พี่ขิงก่อไว้ อยากรู้แล้วสิว่าพี่ขิงหายไปไหนกันแน่
ส่วนพี่ไฮท์ถึงจะปากร้ายกับขมิ้นในบทขิงไปหน่อย แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความใจดี อย่าใจร้ายกับน้องขมิ้นนักเลยค่ะพี่ไฮท์ น้องออกจะน่ารักก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 7] [P.2] // {04/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2018 02:14:06
นึกว่าพี่ไฮจะสังเกตุเห็นตอนขมิ้นลาน้องแล้วพูดชื่อตัวเองออกมา
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 8] [P.2] // {07/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 07-01-2018 21:20:26
-8-




       
        อาการปวดท้องน้อยทำให้ผมปรือตาขึ้นมา แม้จะรู้สึกหนักๆ ตาแต่ก็ต้องตื่น ไม่อยากฉี่รดที่นอนแบบตอนเด็ก ผมเดินมึนๆ เข้าห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จก็เดินออกมากะจะล้มตัวนอนต่อ แต่ก้อนใหญ่ๆ บนเตียงกับภาพห้องที่ไม่คุ้นเคยทำให้ต้องรีบขยี้ตาเพื่อให้มองชัด

   ฉิบหาย นี่มันห้องของไอ้พี่ไฮท์นี่หว่า

   กว่าสมองจะประมวลเรื่องราวเมื่อคืนได้หมด ผมก็รีบถอยหลังไปจนติดกับตู้เสื้อผ้า คงเพราะเมื่อวานรู้สึกมึนเบลอหลังจากปุยเมฆตายทำให้หลับไม่รู้เรื่อง หากเป็นแบบปกติ ผมคงไม่คิดไม่นอนที่นี่หรอกยิ่งบนเตียงเดียวกับคนที่เกลียดพี่ขิงอีก เกิดดีไม่ดีเจ้าของห้องลุกขึ้นมาฆ่าผมตอนดึกเพราะคิดว่าเป็นพี่ขิงจะทำยังไง ตายฟรีเลยไงไอ้ขมิ้นเนี่ย

   “เชี่ย”

   ผมสะดุ้งจนตาเหลือกเมื่ออยู่ๆ ไอ้พี่ไฮท์ก็ละเมอออกมาเสียงดัง เกือบหัวใจวายแล้วไหมล่ะ นาฬิกาดิจิตอลมีแสงสีๆ สลับไปมาบนโต๊ะข้างหัวเตียงบอกเวลาตีห้ากว่า ผมต้องกลับแล้วสินะ ขืนไปนอนต่อแล้วเจ้าของห้องตื่นมาเจออาจถูกกระทืบตายได้ ผมรู้ว่าคนที่พี่เขาเกลียดคือพี่ขิงไม่ใช่ผม แต่ตอนนี้ผมคือพี่ขิง ดังนั้น รักษาตัวเองก่อนเป็นยอดดี
 
   เดินย่องให้เบาที่สุด หยิบกุญแจรถตัวเองพร้อมหอบกางเกงเหม็นๆ ออกห้องมาด้วย เดินลงบันไดมาเห็นแสงไฟจากห้องๆ หนึ่ง ด้วยความอยากรู้ทำให้ผมเดินเข้าไปหา

   “อ่าว ตื่นเช้าจัง” ผมรีบยกมือไหว้คุณหมอทันทีที่ท่านหันมาเจอ “อยู่กินข้าวเช้ากันก่อนสิ อากำลังทำข้าวต้มหมู”

   “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ” ขืนอยู่กินด้วยคงกลืนไม่ลง เพราะจะถูกสายตาทิ่มแทงจนข้าวต้มหมู เปลี่ยนร่างเป็นข้าวต้มตะปูได้ “ทำไมคุณหมอตื่นเช้าจังครับ”

   “อาไปวิ่งมา แก่แล้วก็ต้องออกกำลังกายมากหน่อย แล้วก็เอาไอ้หมูสองตัวนั่นไปลดพลังด้วย” คุณหมอยิ้มหวานจนผมยิ้มตาม ส่วนไอ้หมูสองตัวของคุณหมอนอนหมดแรงลิ้นห้อยอยู่บนโซฟา “ที่จริง ลูกของอามันไม่ได้ร้ายอย่างที่เห็นหรอกนะ”

   “ไม่ร้ายน้อยสิครับ” พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนรีบยกมือไหว้ลา ขืนช้ากว่านี้กลัวพี่ไฮท์ตื่น “ขอบคุณนะครับ แล้วก็ขอโทษที่ผมมารบกวนคุณหมอเมื่อคืน”

   “ไม่เป็นไร มีอะไรก็ไปหาอาได้ที่คลินิก หรืออยากมาหาปุยเมฆที่บ้านนี้ ก็มาได้ตลอด”

   “ขอบคุณครับ”

   ผมยกมือไหว้ลาคุณหมอ พลางมองไปยังสวนหลังบ้านที่ตอนนี้ปุยเมฆนอนหลับใหลอยู่ใต้ผืนดินนั่น กลั้นใจอยู่นานกว่าผมจะก้าวขาออกมาจากบ้าน ช้ากว่านี้ผมต้องร้องไห้ออกมาอีกแน่ ภาพปุยเมฆดิ้นชักก่อนตายยังคงติดตาผมอยู่เลย พอเดินมาถึงประตูเห็นเงาสะท้อนหน้าตัวเองในกระจกแล้วก็อยากต่อยให้หน้าหงาย โมโหแทนปุยเมฆที่ถูกพี่ขิงเลี้ยงแบบทิ้งๆ ขว้างๆ หมามันไม่ได้ร้องไห้ขอมาอยู่ด้วยสักหน่อย ซื้อมาก็แพงแต่ไม่สนใจ 





   มอเตอร์ไซค์ KSR สีดำวิ่งกลับตามเส้นทางเดิมจนมาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ผมมองบ้านที่ไม่ใช่ที่ของผมด้วยความว่างเปล่า จากที่ดีใจที่จะมีเพื่อนรอให้กลับมาเล่นด้วย ตอนนี้กลับไม่มีแล้ว

   “คุณหนูไปไหนมาครับ” ทันทีที่ผมกดกริ่งเรียก ลุงคนขับรถที่ยืนเช็ดรถอยู่ก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้ แกดูตกใจที่เห็นผมนั่งควบมอเตอร์ไซค์ด้านนอก

        “ลุงครับ...” ผมมองหน้าคุณลุงที่ดูห่วงใยผมทั้งที่เราก็เพิ่งจะเจอกัน ก่อนจะเม้มปากซ่อนความอ่อนไหวยามจะพูดในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมทำหน้าเศร้า”

   “ปุยเมฆตายแล้วครับลุง” กลั้นใจบอกไป ลุงแกตกใจทำตาโต ผ้าในมือก็ร่วงลงพื้น “หมอบอกว่า มันเป็นไข้หัดสุนัขเพราะไม่ได้ฉีดวัคซีน”

   “โธ่ ไอ้ปุยเมฆ สงสัยมันจะติดจากพวกหมาจรจัดแถวนี้นะครับ เพราะพวกมันตายเกือบจะหมดแล้ว” ผมเห็นลุงยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองก็อดที่จะยื่นมือไปจับมือแกไม่ได้ ลุงกับพี่ๆ ในบ้านน่าจะสนิทกว่าผม “มันไปสบายแล้วครับคุณหนู”

   “ครับ มันไปสบาย ไม่ทรมานอีกแล้ว” ผมเดินแยกกับลุงจะเข้าบ้าน แต่เจอเจ้าของบ้านกำลังเดินออกมาพอดี “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ตามมารยาท ซึ่งก็ได้การพยักหน้าตอบกลับนิดๆ แต่พอจะเดินสวนเข้าไป กลับมีคำพูดที่ทำให้ต้องหยุดชะงัก

   “จะไปเที่ยวหรือทำอะไรมันก็เรื่องของเธอ แต่อย่าลืมว่า ตอนนี้เธอคือขิง คิดให้มาก หากจะทำให้ขิงเสียหาย” เป็นคำตำหนิที่ผมอยากจะหัวเราะจนกรามหัก ผมหันหลังกลับไป ก็เห็นว่าเขาก็มองผมอยู่เช่นกัน

        “ผมไม่ได้ทำให้พี่ขิงเสียหายแน่นอน” เพราะคนทำคือเจ้าตัวนู้น

   “ก็ดี”

   พูดจบเจ้าของบ้านก็เตรียมก้าวขาเดิน แต่ผมเลือกที่จะถามบางสิ่งที่มันติดอยู่ในใจ

   “ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ” ทำหน้าจริงจังจนคนถูกถามพยักหน้าลง “คุณรู้ไหม ว่านิสัยจริงๆ ของพี่ขิงเป็นคนยังไง”
 
   “ถามแปลก” เจ้าของบ้านเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ถึงแม้ขิงจะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของฉัน แต่ฉันก็เลี้ยงเขามาด้วยมือคู่นี้ ต้องรู้อยู่แล้วว่าเขานิสัยยังไง”

   “แล้วนิสัยพี่ขิงเป็นยังไง”

   “ลูกชายฉัน ภายนอกเขาอาจดูหยิ่ง แต่ที่จริงแล้ว เขาขี้อ้อนมาก พูดเก่ง แถมความคิดก็เป็นผู้ใหญ่ เขาวางแผนชีวิตเขาเสมอ นี่แหละที่ฉันภูมิใจ”

   ผมมองหน้าคนที่บรรยายความดีของพี่ขิงด้วยความชื่นชม แต่ทำไมผมถึงอยากหัวเราะออกมาเสียงดัง

   “แน่ใจเหรอครับ ว่าไม่ได้คิดไปเอง”

   ไม่มีคำตอบให้กับผม คุณเจ้าของบ้านปรายตามอง ก่อนจะก้าวขาอย่างไวไปขึ้นรถที่ลุงคนขับเปิดรออยู่ ผมละสายตาจากรถคันยาวเพื่อมองไปรอบๆ บ้าน แม้จะหลังใหญ่ แต่ก็ไม่น่าอยู่สำหรับผม
 
   ภายในบ้านตอนนี้ยังคงเงียบ เวลานี้แม่อาจจะยังไม่ตื่น ผมเดินขึ้นห้อง ทำใจอยู่นานกว่าจะผลักบานประตูห้องเข้าไป ห้องที่ปุยเมฆเคยวิ่งเล่น ต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม กลิ่นโคลนของปุยเมฆยังติดอยู่ที่ผ้าห่มทำให้น้ำตาผมรื้นขึ้นมาอีกรอบ

   คิดถึงมากจริงๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันช่างมีความสุข

   ผมพลิกตัวไปมาพยายามข่มตาหลับแต่ก็หลับไม่ลง เลยตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปเรียน เจมส์ส่งข้อความมาบอกว่าขอสอบควิซใหม่ได้เช้านี้ ผมต้องรีบทำสมองให้ว่าง ไม่อย่างนั้นพี่ขิงอาจสอบตกได้ พอแต่งตัวชุดนักศึกษาลงมาชั้นล่าง เจอกับแม่ที่นั่งเช็ดเครื่องประดับเต็มโต๊ะ ความวาวของเพชรกระแทกตาจนอยากจะได้แว่นกันแดดมาสวมเพราะกลัวตาบอด

   “อ่าวขมิ้น ทำไมตื่นเช้าจังลูก” แม่ทักทายแค่นั้นก่อนจะหันไปสนใจเครื่องเพชรตัวเองต่อ

   “แม่กินข้าวหรือยัง” ที่ถามเพราะแม่ยังสวมชุดนอนสายเดี่ยวลงมาด้านล่าง

   “ยังเลย พอดีคุณลุงเขาซื้อเครื่องเพชรชุดใหม่ให้แม่ เป็นไง สวยไหม แม่ว่าจะใส่ออกงานที่จะถึงนี้ ขมิ้นว่าไง” แม่ยกสร้อยคอประดับเพชรเม็ดใหญ่ขึ้นแนบตัว ดูแม่ช่างมีความสุขกับของพวกนี้ซะเหลือเกิน

   “แม่รีบๆ ตามหาพี่ขิงได้ไหมครับ ผมอยากกลับแล้ว” ใจจริงอยากกลับวันนี้ ตอนนี้เลยซะด้วยซ้ำ

   “คุณลุงเขาก็รีบอยู่” แม่ตอบแบบขอไปที ก่อนจะหันมาแหวผมเรื่องปุยเมฆ “แม่ไม่อนุญาตให้เอาหมาขึ้นไปนอนบนห้องนะ เกิดมันขี้เรี่ยราดจะทำยังไง เอามันไปขังกรงตามเดิมนั่นแหละ”

   “มันคงขึ้นไปนอนกับผมไม่ได้แล้ว” ผมเม้มริมฝีปากเน้นยามนึกถึงดวงตากลมๆ ของมันตอนดีใจที่เจอหน้าผม “มันตายแล้ว”
 
   “ตายแล้วก็ดี”

   “แม่!”

   “เอ..จะขึ้นเสียงทำไมน่ะ แม่ตกใจหมด”


   จะบาปไหมถ้าผมบอกว่าไม่ชอบแม่เลยตอนนี้ ผมพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้สงบนิ่ง กลัวระเบิดออกมาอีกเพราะถูกกระตุ้น


   “แม่ครับ”

   “อะไร”

   “แม่รู้ไหม ว่านิสัยจริงๆ ของพี่ขิงเป็นยังไง”

   “รู้สิ ก็แม่เลี้ยงพี่เขามา”

   “พี่ขิงนิสัยยังไงเหรอครับ”

   “พี่เราเขาจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา เขาเรียกมีโลกส่วนตัวสูงใช่ไหม” ผมย่นหน้าทันทีที่แม่ตอบ “แต่เขามีความรับผิดชอบสูงมาก อย่างแม่รับงานไว้สี่ห้างานต่อวัน พี่เขาก็จะจัดการได้ อ่อ พี่ขิงน่ะ ไปไหนก็มีแต่คนรักนะ”

   “มีแต่คนรักเหรอครับ” แทบอยากจะขำจนฟันหลุดออกจากปาก

   “ใช่สิ ไม่ว่าจะที่มหาลัยหรือที่ทำงาน ทุกคนก็รักพี่ขิงกันหมด ขมิ้นต้องเรียนรู้จากพี่เขามากๆ นะ”

   “งั้นแม่ก็รีบๆ หาพี่ขิงให้เจอนะครับ เพราะผมก็อยากเรียนรู้จากพี่เขาเหมือนกัน” ที่ว่า ทำยังไงให้คนเกลียดได้มากขนาดนี้

   ผมไม่รู้หรอก ระหว่างแม่กับลุงเจ้าของบ้านใครจะรู้นิสัยจริงๆ ของพี่ขิง แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่พวกเขาพูด ไม่เหมือนกัน อย่างเช่น บอกพี่ขิงพูดเก่ง แต่แม่กลับบอกไม่ค่อยพูด นี่สรุปเขาเลี้ยงคนๆ เดียวกันหรือเปล่า และใครกันแน่ ที่รู้นิสัยจริงๆ ตัวตนจริงๆ ของพี่ขิง






   อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ขนาดตอนเช้าแบบนี้ยังรู้สึกร้อน ผมจอดมอเตอร์ไซค์ที่ลานจอดตามปกติ ระหว่างเดินจะขึ้นบันได แขนผมถูกฉุดดึงให้เข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างๆ ก่อนคนดึงจะรีบปิดประตูแล้วล็อค

   “ใครวะ” ความตกใจทำให้ต้องยกการ์ดขึ้นปกป้องตัวเอง ประสบการณ์หลายอาทิตย์มันทำให้ผมตื่นตัวอยู่เสมอ

   “ขมิ้น พี่เอง” เสียงเรียกชื่อผมไม่น่าตกใจเท่าคนที่ยืนตรงหน้าดึงฮู้ดกับมาร์กปิดปากออก ตอนนี้คล้ายกับมีเงาสะท้อนร่างตัวเองจากกระจกบานใหญ่ ต่างก็ตรงแค่คนตรงหน้าสวมเสื้อฮู้ดสีดำ กับมีมาร์กสีเทาติดอยู่ที่ปลายคาง

   “พี่ขิง” ตาโตเรียกชื่อพี่ชายตัวเอง “พี่ขิงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

   “พี่มาสอบควิซน่ะสิ” พี่ชายฝาแฝดพูดพร้อมรอยยิ้ม “ขมิ้น พี่ขอโทษนะ ขมิ้นไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

   “ไม่เป็นน้อยน่ะสิ ผมจะถูกกระทืบวันไหนก็ยังไม่รู้ พี่ขิงจะกลับมาแล้วใช่ไหม ผมจะได้กลับ” แม้จะใจหายแต่ก็ต้องยอมรับความจริง

   “ขอโทษนะขมิ้น” พี่ขิงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทำให้ผมเม้มริมฝีปากแน่น “ไว้ทำควิซเสร็จ พี่จะเล่าทุกอย่างให้ฟัง นะขมิ้น”

   “เดี๋ยวผมรออยู่แถวนี้ พี่ขิงสอบเสร็จ เราจะได้คุยกัน ตกลงไหม”

   “ได้ๆ ขอบใจนะน้องรัก”

   ผมย่นคิ้วเมื่อถูกดึงเข้าไปกอด นี่คือครั้งแรกที่เรากอดกัน ขนาดตอนเด็กเล็ก เราสองคนยังไม่เคยกอดกันสักครั้ง ช่างเป็นฝาแฝดที่แปลกเสียจริง

   พี่ขิงเดินออกจากห้องน้ำแบบเปิดหน้าทุกอย่าง และผมก็ต้องปิดหน้าแทน ร่างผอมบางของพี่ชายเดินผ่านกลุ่มคนที่ผมเคยทักทายตลอด พวกเขาดูแปลกใจที่ไม่ถูกทักกลับ แต่นั่นไม่ทำให้รู้สึกเห็นใจเท่าเพื่อนคนใหม่ของผม เจมส์เดินมาจากลานจอดรถด้านหลังอย่างทุกที แขนยาวของมันยกพาดไหล่ของพี่ขิงอย่างที่ทำกับผม แต่พี่ขิงกลับสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย จนหน้าระรื่นของมันค่อยๆ สลดลง


   ขอโทษแทนพี่ขิงนะเจมส์


   มองตามพี่ชายจนหายขึ้นตึกไป ผมเลือกที่จะนั่งอยู่หลังพุ่มไม้เพื่อจะรอพี่ขิงมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมด และบอกถึงสาเหตุในการหายตัวไปครั้งนี้ ถามว่ารู้สึกดีใจไหมก็ใช่ เพราะผมไม่อยากเป็นพี่ขิงแล้ว อยากกลับไปเป็นไอ้ขมิ้นคนเดิมที่เดินดิน กินข้าวแกงโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกลัวคนจะมองไม่ดี หรือมีคนจ้องจะกระทืบ


   จากหนึ่งนาที ค่อยๆ เพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมง ผมนั่งชะเง้อมองหาพี่ขิงที่ตอนนี้น่าจะทำข้อสอบเสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นลงมาสักที หรือข้อสอบมันจะยากจนทำไม่ได้วะ

   “มึงเป็นอะไร” แรงแตะบ่ากับน้ำเสียงดูเป็นห่วงทำให้หันไปมอง ผมทำตาโตตกใจไม่คิดว่าจะมีคนจำได้ “ทำไมทำตัวแปลกๆ วะ เหมือนกำลังหลบใครอยู่”

   “มึงจำกูได้ด้วยเหรอ เจมส์” ถามเสียงเบาหวิว คือผมปิดปากแถมยังหลบมุมมานั่งตรงนี้ เจมส์มันยังเจอแถมจำได้อีก

   “อะไรของมึง นี่ไม่ใช่ละครที่ปิดปากแล้วหน้าจะเปลี่ยนนะเว้ย” เจมส์มันว่าขำๆ “แต่เมื่อกี้เหมือนไม่ใช่มึงเลย...”

   “ก็ไม่ใช่กูน่ะสิ”

   “หา? นี่มึงจะบอกว่า คนที่ขึ้นไปสอบกับกู คือไอ้ขิงเหรอวะ!”

   “มึงจะแหกปากบอกคนอื่นเขาทำไมวะเนี่ย” ผมรีบยกมือปิดปากเจมส์แน่น มันคงตกใจเหมือนผมเจอพี่ขิงเมื่อเช้านั่นแหละ “แล้วพี่ขิงล่ะวะ ทำควิซยังไม่เสร็จเหรอ” ว่าแล้วก็ชะเง้อคอมอง

   “ลงมาก่อนหน้ากูเมื่อกี้ เชี่ยเอ๊ย มิน่าเมื่อเช้าถึงมองกูตาขวางขนาดนั้น กูก็เผลอนึกว่ามึงเสียใจเรื่องหมาตาย” เจมส์ทำหน้างอ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจมัน คนที่ควรสนใจคือพี่ขิงต่างหาก

   “มึงบอกว่าพี่กูลงมาแล้ว ทำไมกูไม่เห็นวะ ถ้าเพิ่งลงมา แสดงว่ายังไปได้ไม่ไกล” ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะรีบเดินหนีคนที่ยังบ่นเป็นหมีกินผึ้งเรื่องที่จำเพื่อนตัวจริงไม่ได้

   “อ่าว ไอ้ขมิ้นไปไหน รอกูด้วย”

   “มึงจะตะโกนชื่อกูเสียงดังทำไมเนี่ย”

   “กูลืมไป ซอรี่ๆ”

   ผมกับเจมส์เดินออกด้านข้างตึก เพราะเป็นลานจอดรถยนต์ของคณะ ขายาวๆ ก้าวเร็ว ดวงตาก็มองหาคนสวมเสื้อฮู้ดสีดำ ด้านหน้ามีรูปลิง

   “ไหนบอกให้กูรอ เชี่ยเอ้ย ให้กูรอแล้วได้อะไร” 

   ทะลุจากข้างตึกมาหลังตึก เจอรุ่นพี่ปีสามนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ ที่รู้เพราะมีคนโดดเด่นกว่าชาวบ้านนั่งเล่นกีต้าร์ใบหน้าบูดบึ้งไม่เข้ากับพวกที่กำลังสุมหัวหยอกเอินสาวๆ ที่เดินผ่าน

   “กูไม่เห็นรถของไอ้ขิงเลยว่ะ”

   เสียงของเจมส์ ทำให้ผมละสายตาจากกลุ่มรุ่นพี่ มาสนใจสิ่งที่ต้องตามหาต่อ

   “รถของพี่ขิงหน้าตายังไงวะ”

   ถึงแม้จะรู้ว่ารถพี่ขิงราคาแพงแค่ไหน แต่ไม่เคยเห็นก็ยากหน่อยที่จะตามหา

   “รถพอร์ชสีส้ม”

   “เด่นขนาดนั้นถ้าจอดอยู่ในลานพวกเราก็ต้องเห็นสิวะ” เท่าที่ผมมองดูลานกว้างอีกฝั่ง ไม่เห็นมีรถคันไหนสีส้มโดดเด่นออกมาเลย “หรือจะไปจอดที่อื่น”

   “ก็เป็นไปได้นะเว้ย”

   เมื่อลงความเห็นว่าจะไปตามหาที่อื่น ผมกับเจมส์ก็รีบหันหลังเตรียมวิ่ง แต่เสียงดีดกีต้าร์พร้อมตะโกนเรียกชื่อพี่ขิงดังลั่นทำให้ต้องชะงักขาที่ก้าวไปแล้วครึ่งก้าว และตอนนี้คนเรียก ก็เดินหน้าโหดมายืนอยู่ข้างผม

   “พี่เรียกผมเหรอ” ค่อยๆ หันไปมอง สายตาของพี่ไฮท์ดูเหมือนโมโหอะไรมาสักอย่าง หรือสาวที่เดินผ่านไม่สนใจ “พี่...”

   “เมื่อกี้มึงด่ากูว่าอะไร”

   “หา? ผมด่าพี่เหรอ เมื่อไหร่” งงสิ อยู่ๆ ถูกโยนความผิดว่าไปด่าเขาไว้ซะงั้น “ผมเพิ่งมาถึงเนี่ย”

   “มึงด่ากูเมื่อกี้นี้ แล้วมึงก็เดินหนีกูไป”

   “ด่าเมื่อกี้? ตรงนี้เหรอ?”

   “เออสิ จะให้ด่าที่ไหน พวกกูนั่งสุมหัวอยู่นี่มาตั้งแต่เช้า”

   ผมทำตาโตหันไปมองเจมส์ แปลว่าเมื่อกี้พี่ขิงผ่านมาทางนี้จริงๆ ด้วย

   “แล้วพี่เห็นพี่ เอ่อ เห็นผมเดินไปทางไหน”

   “มึงบ้าหรือเปล่า มาถามกูว่ามึงเดินไปทางไหน”

   “พี่รีบๆ ตอบสิ ผมเดินไปทางไหน”

   “นู้น”

   “ขอบคุณครับ”

   เมื่อพี่ไฮท์ชี้นิ้วบอก ผมกับเจมส์ก็ใส่เกียร์หมาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แม้มีเสียงโวยวายไล่ตามหลังมา แต่ก็ไม่ใช่เวลาสนใจ ผมกับเจมส์เริ่มแยกกันหา เพราะไปด้วยกันอาจคลาดกับพี่ขิงได้ ผมแยกไปทางซ้าย มองแทบทุกซอกทุกมุมแม้แต่ในถังขยะก็ไม่เห็น ทำไมไปไวราวกับหายตัวได้แบบนี้วะ

   “เจอไหม” เสียงถามพร้อมหอบหนักๆ ของเจมส์ ผมส่ายหน้าช้าๆ อย่างเสียดาย “เชี่ยเอ้ย ทั้งที่เจอตัวแล้วแท้ๆ”

   “นั่นสิ กูไม่น่าปล่อยให้พี่ขิงคลาดสายตาเลย” ผมทิ้งตัวนั่งริมฟุตบาทกับเจมส์ ตอนเฝ้าข้างบันได ผมก็มองอยู่ตลอดแต่ทำไมถึงไม่เห็น “หรือพี่ขิงจะหายตัวได้วะ”

   “ไอ้ขมิ้น พี่มึงไม่ใช่มัลฟรอยด์นะเว้ย”

   “ต้องเป็นแฮรี่ไม่ใช่เหรอวะ” เพราะแฮรี่มีผ้าคลุมล่องหน

   “ก็ไอ้ขิงไม่ใช่พระเอกไง”

   “ไอ้ประสาท”

   เจมส์ทำให้ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ลืมความเหนื่อยที่วิ่งตามหาพี่ขิงเมื่อกี้ไปซะหมด

   “แต่อย่างน้อย เราก็รู้ว่าไอ้ขิงปลอดภัยดี มีอวัยวะครบสามสิบสองอยู่” เจมส์ว่า มันก็คงห่วงพี่ขิงเหมือนกัน

   “อืม”

   ผมไม่ได้ออกความเห็นมากนัก ตอนนี้มีแต่คำว่าเสียดายลอยเต็มหัวไปหมด เสียดายที่พี่ขิงหนีไป เสียดายที่ผมพลาดโอกาสที่จะกลับมาเป็นขมิ้น

   “กูว่า อีกไม่นานเดี๋ยวมันก็มาอีก ตอนนั้นกูจะช่วยมึงเอง” ผมมองหน้าคนมุ่งมั่นจะช่วยก็อดขำออกมาไม่ได้ “ขำอะไรของมึง”

   “ก่อนจะช่วยกู ช่วยแยกกูกับพี่ขิงให้ออกก่อนเถอะ” เพราะเมื่อเช้าเห็นแววตาเสียใจของเจมส์ตอนถูกพี่ขิงปัดแขนออกจากไหล่

   “กูมั่นใจว่าต้องแยกออก”

   “มั่นใจยังไง”

   “กูจะกอดมึงไง ถ้ากอดได้แปลว่าเป็นมึง แต่ถ้าถูกด่า ก็แปลว่าเป็นไอ้ขิง เป็นไง กูฉลาดป่ะ”

   “อืม ฉลาดที่สุด” ผมยิ้มให้กับเพื่อนสนิทคนใหม่ มันเป็นคนมองโลกด้านบวกทุกอย่าง ขนาดว่าถ้าทำอย่างที่มันว่า มันอาจจะเสียใจก็ได้ หากถูกพี่ขิงด่าหรือทำเป็นไม่สนใจ “แต่มึงจะฉลาดกว่านี้ ถ้าเลี้ยงข้าวกู”

   “งั้นกูขอโง่ดีกว่า” เจมส์มันลุกจะหนี แต่อยู่ๆ มันก็นั่งลงเหมือนเดิมจนผมสงสัย “แต่ก่อนที่กูจะโง่ มึงจะซวยก่อน”

   “ทำไมวะ” ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงปฏิกิริยาจากใบหน้าเป็นคำตอบ เมื่อต้องหันไปมองด้านหลังของตัวเอง “ซวยมากจริงๆ ด้วย”

   ซวยจนอยากไปไหว้พระขอพรให้หลุดพ้นจากเจ้ากรรมนายเวรที่ชื่อไฮท์สักที

   “มึงว่ากูซวยเหรอ” เสียงเย็นจนต้องรีบส่ายหน้า “ก็กูได้ยิน”

   “ผมบอกว่าสวย โอ้ นั่นนกพิราบ สวยจริงๆ”

   “กวนตีน”

   “กวนตีนต้องเป็นญาติกับโอวัลตินแน่ๆ ใส่น้ำตาลหน่อยอร่อยแน่นอนครับ”

   “ไอ้!!”

   ผมยิ้มกว้างหลังจากกวนโมโหพี่ไฮท์ ไม่รู้หรอกว่า หลังจากนี้จะโดนเตะ ต่อย หรือกระทืบ แต่บางทีเราก็ต้องแสดงจุดยืนบ้าง ทำให้เขาเห็นว่า เราก็สู้คน...ผมคิดถูกใช่ไหม



...TBC

ผู้สร้างปัญหาเริ่มปรากฎตัวแล้วค่าาา แต่ก็ยังมิวายสร้างปัญหาให้ขมิ้นอีก แต่รอบนี้ พี่ไฮท์ดูซอฟลงนะคะเนี่ย แหมมมม

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่าาาา

และขอโทษที่ชอบหายไปนานๆ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ (ก้มกราบ)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 8] [P.2] // {07/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-01-2018 21:46:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 8] [P.2] // {07/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 07-01-2018 22:12:11
ไม่น่าช่วยเลยอะคนบ้านนี้
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 8] [P.2] // {07/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 07-01-2018 22:33:09
บ้านนี้แต่ล่ะคน มองบนค่ะ คุณพ่อคุณแม่คะ ตกลงขิงนี่นิสัยยังไงกันแน่คะ??
อยากรู้ขิงมีปมอะไร ขมิ้นพลอยซวยไปด้วย ขมิ้นสู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 8] [P.2] // {07/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-01-2018 22:35:20
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 8] [P.2] // {07/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-01-2018 00:01:00
ขิงสบายดี แต่ทำตัวให้เหมือนมีปัญหาหรือเปล่า
รีบจับตัวมาถามให้ได้นะ

ขมิ้นน่าสงสาร ไม่น่ารับปากมาช่วยเลย
ดูแต่ละคนสิ ไม่น่าไว้ใจ ขนาดแม่ยังไม่น่าไว้ใจ

ไฮท์คะ ได้ยินไหมที่น้องคุยกัน
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 8] [P.2] // {07/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: bungg ที่ 15-01-2018 15:48:30
พี่ขิงกลับมาอธิบายให้น้องขมิ้นฟังเถอะ อย่าปล่อยให้น้องต้องอยู่แก้ปัญหานี้คนเดียวเลย สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 8] [P.2] // {07/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-01-2018 20:52:33
แวะมารอ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 9] [P.3] // {19/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 19-01-2018 21:16:57

-9-




       “มึงเดินหนีกูสองรอบ” โดนสั่งให้ยืนก้มหน้าคางชิดอก แต่ทำไมถึงเป็นผมคนเดียวที่ต้องทำ เจมส์มันก็เดินหนีมาด้วยกันแท้ ไม่เห็นมันโดนด้วยเลย “จะเอาเรื่องไหนก่อน” เสียงถามเข้มๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย

   “เรื่องไหนคือยังไง” ถูกถลึงตาใส่เลยต้องรีบก้มหน้าลงอีกรอบ แม่งดุจังวะ ไม่รู้กินอาหารเม็ดหรืออาหารเปียก

   “ก็กูเรียกให้มึงไปหา แต่มึงกลับยกนิ้วกลางใส่กู แล้วยังด่าพ่อกูอีก กูอุตส่าห์พามึงเอาหมาไปให้พ่อกูรักษาถึงบ้าน ไม่ทำให้มึงสำนึกความดีกูเลยเหรอ”

   ผมช้อนตาดูหน้าคนกำลังลำเลิกบุญคุณเรื่องรักษาปุยเมฆ ผมว่าผมเริ่มเปลี่ยนมุมมอง เริ่มคิดว่าไอ้พี่ไฮท์ก็เป็นคนดี แต่ตอนนี้ขอกลับไปคิดแบบเดิมดีกว่า ว่ามันยังเหี้ยเหมือนเดิม

   “ผมว่า พี่ควรใจเย็นก่อนดีกว่า พี่อาจกำลังเข้าใจผิดอยู่ก็ได้” เจมส์รีบขัดขึ้น แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อถูกพี่บิ๊กดึงให้ออกห่าง “พี่บิ๊ก พวกพี่กำลังเข้าใจผิดนะ ที่ด่าพี่ไฮท์นั่นไม่ใช่ไอ้....”

   ตอนนี้ตาผมแทบถลนออกมาจากเบ้าเมื่อเจมส์จะเผยความลับของผม และดูเหมือนมันจะรู้ตัวก็เลยรีบงับปากตัวเอง แต่สิ่งที่มันหลุดออกมา ทำให้ไอ้พี่ไฮท์กับพี่บิ๊กจ้องหน้าอย่างคาดคั้น

   “เข้าใจผิดยังไง ที่ไม่ใช่ไอ้อะไร” พี่บิ๊กเริ่มรุกด้วยคำถามและการกระทำจนเจมส์มันเดินถอยหลัง มือก็ยกปิดปากตัวเองแน่นพลางส่ายหัวส่ายหน้าเป็นพัลวัน “เจมส์ มึงมีความลับกับกูเหรอ”

   “ไม่มี” เจมส์ตอบ แต่ก็ยกมือปิดปากเช่นเดิม มันปรายตามามองผมนิดๆ ก่อนที่ผมจะกรอกตาไปมาเป็นการส่งสัญญาณให้มันวิ่ง “โอเค”

   ตอบผมเสร็จมันก็โกยทันทีครับ พี่บิ๊กกับพี่ไฮท์ตกใจทั้งคู่จนผมอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องรักษาชีวิตตัวเองก่อนด้วยการสงบเงียบ พอเจมส์ไปแล้ว ผมก็เลยถูกรุมสอง แค่คนเดียวผมก็เกร็งจะแย่ นี่มาตั้งสอง

   “ผมขอโทษที่ด่าพี่ แต่ผมอาจไม่ได้ตั้งใจก็ได้” พูดแบ่งรับแบ่งสู้ ก็เพราะไม่รู้ว่าพี่ขิงด่าทำไม “ส่วนเรื่องสำนึกบุญคุณ ผมไม่เคยลืมหรอก” ว่าแล้วก็ทำหน้าสลดลง เมื่อหน้าปุยเมฆลอยเข้ามาในความคิด

   “อ่าวไอ้นี่...” พี่ไฮท์ดูจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอผมเงยหน้าขึ้นพี่แกก็หยุด คิ้วเข้มๆ นั่นขมวดเป็นปม “เออๆ ช่างมัน กูจะคิดซะว่า หมามันเห่า”

   “พี่...” จังหวะที่รุ่นพี่ทั้งสองคนจะเดินกลับไป ผมก็รีบรั้งด้วยคำเรียก และมีเพียงพี่ไฮท์ที่หันหน้ามามอง “ผมฝากขนมไปให้ปุยเมฆหน่อยได้ไหม เมื่อวานมันไม่ทันได้กิน...” ว่าแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล ผมตั้งใจเลือกมาอย่างดี ถามจนพี่พนักงานร้านขายอาหารด่าด้วยสายตา “ได้ไหม” พี่ไฮท์ทำท่าอึกอัก หันไปมองเพื่อนตัวเองนิดๆ “นะครับ”

   “เอาไปให้เองสิ หมามึงไม่ดีใจหรอกถ้ากูเอาให้”

   “ผมไปได้เหรอ”

   “ก็พ่อกูอนุญาตแล้วไม่ใช่เหรอ”

   ผมยิ้มออกมา รีบกระพริบตาไล่น้ำที่รื้นขึ้น จะว่าไป ผมยังไม่ได้ถ่ายรูปกับปุยเมฆสักรูปเลย เสียดายที่มาคิดได้ตอนสาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะจากกันเร็วขนาดนี้

   “ไปวันนี้เลยได้ป่ะ”

   “กูเลิกบ่าย”

   “พี่ให้ผมรอเหรอ”

   “แค่บอกเฉยๆ”

   พูดจบพี่ไฮท์ก็เดินไป สรุปเขาบอกให้ผมรอใช่ไหม หรือว่ายังไง


   “ไงมึง” แรงสะกิดทำให้สะดุ้งจนตัวโยน เจมส์ที่ไปแอบสักที่กลับมา มันทำหน้าตาเหลอหลาจนผมหัวเราะออกมา “ไม่ขำไอ้ขมิ้น กูเกือบโดนคั้นแล้ว”

   “กูว่า ถ้ามึงเป็นส้ม คงโดนพี่บิ๊กคั้นจนแห้ง จนไม่มีอะไรให้คั้นแล้วล่ะ”

   “ไม่เข้าใจ”

   เจมส์ทำหน้างงไม่รู้ความหมายของผม และผมก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้มันฟัง เพราะดูแล้ว มันเป็นคนไม่มีความลับกับใคร ยกเว้นเรื่องผมกับพี่ขิงนี่แหละ ไม่อย่างนั้น ตอนพี่บิ๊กถามเรื่องความลับ จะทำหน้าตกใจขนาดนั้นทำไม แปลว่าสองคนนี้ไม่เคยมีความลับต่อกัน

   ช่างเป็นความรักที่หายากซะจริง

   “มึงกลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวกูอยู่รอพี่ไฮท์ก่อน” บอกขณะเดินอ้อมกลับมาที่ตึก โต๊ะที่ครื้นเครงเมื่อกี้ก็ไม่มีพวกรุ่นพี่ปีสามแล้ว คงไปเรียนกันหมด

        “รอพี่ไฮท์? รอทำไมวะ หรือเมื่อกี้พี่เขาจะลงโทษมึง นั่นปะไร ไอ้ขิงมันทำให้มึงเดือดร้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า กูอยากจะตัดเพื่อนจริงๆ”

   “หัวร้อนจริงนะมึง กูแค่จะรอเอาขนมไปให้ปุยเมฆที่บ้านพี่เขาเฉยๆ” ผมบอกเหตุผลเมื่อเห็นเจมส์โมโหจนหน้าบูดบึ้ง

   “อ่าวเหรอ มึงก็ไม่รีบบอก ปล่อยให้กูโวยวาย งั้นเดี๋ยวกูรอเป็นเพื่อน” เจมส์หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะวาดแขนมากอดไหล่ผม “อยู่กับมึงนี่สบายใจดีนะ”

   “รักกูขึ้นมาแล้วล่ะสิ”

   “ไอ้เหี้ยขมิ้น กูขนลุก”







   
   ผมกับเจมส์นั่งรอรุ่นพี่ปีสามใต้ตึก จากหนึ่งชั่วโมงเป็นสองชั่วโมงกว่าจะเริ่มมีคนเดินลงมาจากตึก และดูเหมือนทุกคนจะหันมาสนใจผมที่นั่งชะเง้อคอมอง บ้างก็ชี้ๆ บ้างก็หันไปซุบซิบนินทา

   “เจมส์ๆ” สะกิดเรียกเมื่อเห็นหน้าพี่ไฮท์ คนฟุบโต๊ะหลับทำตาปรือ ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำลายออกจากมุมปาก “ลงมากันแล้ว”
 
   “เหรอ” ดูท่า มันยังตื่นไม่เต็มตา และพร้อมจะฟุบหน้าลงไปใหม่ หากไม่ถูกพี่ตัวผอมๆ ตบเข้าที่หัว “เชี่ย เจ็บ อ่าวพี่แน่ สวัสดีครับ” ผมดูเจมส์ยกมือไหว้รุ่นพี่ก็ได้แต่มองตาปริบๆ เพราะไม่รู้จัก

   “เจอหน้ากูก็ด่าเลยนะมึง ส่วน ไอ้ขิง มึงจะจ้องหน้ากูหาเลขหรือไง” ทันทีที่ถูกทัก ผมก็รีบก้มหน้า “อ่าวไอ้นี่ กวนตีนกูหรือเปล่า”

   “ก็มึงไม่ให้มันจ้อง มันก็ก้มสิ” เสียงทุ้มแบบนี้ผมจำได้ดี “มึงรอกูเหรอ”

   “อะไรๆ นี่มึงญาติดีกับไอ้นายแบบนี่แล้วเหรอ ทำไมกูตกข่าววะ”

   “เพราะมึงมัวแต่ติดเมียไง” เสียงพี่บิ๊กมาพร้อมฝ่ามือหนักๆ ตบเข้าหัวเพื่อนตัวเอง ถ้าให้เดาคงแก้แค้นแทนเพื่อนผมแน่ ดูจากรอยยิ้มที่ส่งมาให้เจมส์ก็พอเดาออก “กลับๆ กูอยากนอน”

   “เออดี กูมันส่วนเกินนี่ ไอ้พวกเลว”

   ผมอยากจะขำให้กับหน้าตาตอแหลของรุ่นพี่ที่ตัวผอม จำได้เลาๆ ว่าคนนี้เคยด่าผมตอนวันแรกที่มาที่นี่ จากนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอ สงสัยจะติดเมียอย่างที่พี่บิ๊กบอก

   “ไร้สาระ” พี่ไฮท์ชักสีหน้าใส่เพื่อนแล้วหันมาจ้องผม “จะไปไหม ถ้าไปก็ลุก”

   “ครับๆ”

   “ชักช้าอืดอาดยืดยาดเป็นหอยขม”

   “มันมีแต่หอยทากไม่ใช่เหรอพี่”

   “หอยขมเหมาะกับมึงที่สุดละ”

   ผมโบกมือลาเจมส์ แม้จะรู้สึกงงๆ ที่กลายเป็นหอยขมไปชั่วขณะ หอยขม...มันคืออะไรวะ




   รถเก๋งบีเอ็มสีดำป้ายทะเบียนสวยขับอยู่ตรงหน้า โดยที่ผมกำลังซิ่งคันโปรดตามหลัง เมื่อคืนตอนพี่ไฮท์บอกให้ขึ้นรถ หากปุยเมฆตัวไม่เหม็น ผมก็อาจขึ้นไปนั่งแล้วเพราะร้องไห้จนไม่เห็นทาง และเมื่อกี้ตอนนั่งรอ เจมส์มันก็บ่นให้ฟังว่า เมื่อคืนพี่บิ๊กถูกพี่ไฮท์ทิ้งไว้ที่ผับ เพราะรีบไปไหนไม่รู้ แล้วพี่บิ๊กก็ไม่ได้เอารถไป แถมแท็กซี่ก็ไม่ยอมจอดรับ เจมส์มันเลยต้องไปรับตอนเกือบจะตีสอง เล่าไปเล่ามาเจมส์มันก็หลับไปเฉย

   ผมต้องขอบคุณพี่เขาใช่ไหมที่รีบมาหา แต่เขาบอกเองว่าห่วงหมา ไม่ได้ห่วงผมสักหน่อย มัวแต่คิดเพลิน รถเก๋งนำหน้าก็เปิดไฟเลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้าจนผมเลี้ยวตามแทบไม่ทัน ผมกับพี่ไฮท์แยกกันไปหาที่จอด และไม่รู้หรอกว่าต้องไปเจอกันที่ไหน ผมเลยไปยืนรอหน้าประตูเข้าห้างซะเลย

   ยืนกอดอกรอคนหาที่จอดอยู่นาน มีสายตามากมายที่มองมา บ้างก็ยิ้มให้ บ้างก็แอบยกมือถือมาถ่ายรูป ลืมไปเลยว่าผมหน้าเหมือนพี่ขิง ยิ่งมีรูปโปสเตอร์คนหน้าเหมือนราวกับแกะยิ้มถือขวดน้ำหอมตั้งอยู่ที่เสาข้างๆ ด้วยยิ่งแล้วใหญ่

   “เลือกที่ยืนเก่งนักนะ” เสียงแขวะลอยมาทำให้ผมต้องละสายตาจากโปสเตอร์นั่น พี่ไฮท์เดินเข้าห้างโดยไม่รอผมเลยสักนิด

   “พี่มาที่นี่ทำไม” รีบก้าวขาจนไปเดินอยู่ข้างๆ “มาซื้อของเหรอ”

   “อืม” ตอบโคตรสั้น “หิวด้วย”

   “อ๋อครับ งั้นผมนั่งรอ...”

   “มึงไม่กินหรือไง”

   “พี่ชวนผมด้วยเหรอ”

   ทำหน้าตาระรื่นจนโดนผลักหัว แต่ก็ไม่มีคำด่าหลุดออกมานอกจากเดินตรงเข้าร้านอาหาร ผมก็รีบวิ่งตามเข้าไป มีพนักงานแอบหัวเราะด้วย คงเห็นท่าผมอุบาทล่ะสิ พอนั่งได้ พี่ไฮท์ก็สั่งเซ็ทอาหารญี่ปุ่นที่ดูน่ากิน ผมก็ลองเปิดเมนูดู ราคาก็ไม่เท่าไหร่ แค่ชุดละสองร้อยอัพ เงินในกระเป๋าถึงกับร้องระงมเลยครับ

   “ไม่สั่งล่ะ”

   “ผมว่า ผมยังไม่ค่อยหิว”

       พูดจบก็ยืนเมนูให้คุณพนักงานไปพร้อมรอยยิ้ม เงินก็พอมี แต่ก็ต้องประหยัด

   “เอาเมื่อกี้สองชุดครับ”

   “หา” ผมกระพริบตาปริบๆ มองพี่ไฮท์ยื่นเมนูคืน พอพี่แกหันมาสบตากับผมก็ถลึงตาใส่จนผมต้องยู่ปาก “พี่สั่งสองชุดจะกินหมดเหรอ”

   “กูสั่งให้มึงชุดหนึ่ง”

   “เฮ้ย แต่ผมไม่หิว”

   “กูเลี้ยง”

   “งั้นหิวก็ได้”

   ท่าทางดีใจออกนอกหน้าของผมคงไปกระตุ้นต่อมบ้า เลยถูกตะเกียบตีหน้าหน้าผากไปที ระหว่างนั่งรอ เราทั้งคู่ต่างก็เงียบใส่กัน ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร กลัวคุยในเรื่องที่พี่เขาไม่ชอบ ยิ่งเหม็นขี้หน้าผมอยู่

   ไม่นาน อาหารญี่ปุ่นสองชุดก็มาเสิร์ฟ มีทั้งหมูทอด น้ำซุป ไข่ตุ๋น แล้วก็ข้าวเปล่า ดูน่าอร่อยซะจริง จากที่บอกว่าไม่หิว ตอนนี้ต้องเรียกว่ายัดแทน ผมยัดหมู ยัดไข่ตุ๋นเข้าปากจนแก้มตุ่ย พี่ไฮท์คาบตะเกียบมองอย่างอึ้งๆ คงไม่เคยเห็นการกินข้าวขั้นสูง พ่อเคยบอกว่า ผมเป็นคนกินอะไรก็ดูน่าอร่อย แต่พอกินเองมันก็รสชาติงั้นๆ ผมว่าจะกินอะไรอร่อยมันอยู่ที่ใจ



   “กินซะกูตกใจนึกว่าปอบลง” และแล้วพี่ไฮท์ก็พูดออกมา ตอนนี้เราทั้งคู่อิ่มกันแล้ว ผมก็ลูบทั้งท้อง ทั้งกระเป๋าเงิน “ไหนไอ้เจมส์บอกมึงกินคลีนไม่ใช่เหรอ”

   “ก็กินละมั้ง แต่มันไม่อิ่ม”

   “ดูจากที่กินเมื่อกี้ คงจะใช่”

   พอได้เงินทอนผมก็แยกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนพี่ไฮท์ไปดูของรอ แต่พอกลับไปหา พี่แกทำหน้าบึ้งตึงนั่งอยู่ที่ม้านั่งซะงั้น ใครไปอะไรให้ไม่พอใจอีกแล้ว

   “พี่โกรธเหรอ ที่ผมขี้นาน” รู้สึกผิด แต่เพราะห้องน้ำมันมีคนรอคิวเยอะ ผมก็เลยช้าไปด้วย “พี่...”

   “ของมึงมีไหนหมด” อยู่ๆ พี่ไฮท์ก็โพล่งออกมา สายตาดุจ้องหน้าผมอย่างคาดคั้น

   “ของ? ของอะไร”

   “ก็เสื้อผ้าที่มึงซื้อเมื่อกี้ไง เต็มมือเลยนะ”

   “ซื้อเสื้อผ้าเต็มมือ?” ตีหน้างงจนคิ้วขมวด “ผมไปเข้าห้องน้ำมา ไม่เชื่อดมมือดู”

   “ไอ้เหี้ย” พี่ไฮท์ปัดมือผมที่ยื่นไปตรงหน้า “ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะใคร คู่แฝดมึงหรือไง”

   พอได้ยินคำว่าคู่แฝด เซลล์สมองก็เหมือนถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้าทำเอาตัวชา ผมรีบหันซ้ายหันขวามองหาคู่แฝดตัวเอง

   “พี่ว่าเมื่อกี้พี่เจอผมซื้อเสื้อเหรอ ตรงไหน ร้านไหน แล้วเดินไปทางไหน” พี่ขิงแน่นอน แอบหนีมาซื้อของ ปล่อยให้ผมนั่งรอเป็นพ่อสายบัวอยู่ที่มหาลัย “พี่ไฮท์ เจอตรงไหน”

   “ร้านเสื้อนั่น แล้วก็เดินลงบันไดไปเมื่อกี้” ผมมองตามนิ้วที่ชี้บอกก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดเลื่อนตาม ต้องจับพี่ขิงกลับบ้านให้ได้

   ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหาพี่ชายตัวเอง สายตาก็สอดส่องดูตามร้านขายของ เผื่อพี่ขิงจะแวะซื้อ ตามหาจนเหนื่อย ปวดตาด้วย จังหวะที่หยุดเดิน หางตาเหลือบไปเห็นคนสวมเสื้อฮู้ดสีดำที่คุ้นตา

   “พี่ขิง” ตะโกนดังลั่น เจ้าของชื่อหันมามองเพียงแวบเดียวก็รีบวิ่งหนีออกประตูไป “พี่ขิง หยุดก่อน ไหนบอกให้ผมรอแล้วหนีผมมาทำไม” แหกปากวิ่งตามหลังไป พี่ขิงรีบขึ้นไปนั่งในรถเก๋งญี่ปุ่นสีควันบุหรี่ ข้าวของในมือถูกโยนไปเบาะหลังอย่างลวกๆ “พี่ขิง” ทุบกระจกรถเพื่อให้พี่ชายเปิด แต่คนในรถกลับทำเฉย แถมยังขับรถออกไปเฉย “เชี่ยเอ้ย” สบถหลังจากวิ่งตามรถจนเหนื่อยหอบ

   เมื่อเช้าผมไม่น่าเชื่อพี่ขิงเลยให้ตาย

   หลังจากรถคันนั้นหายลับตา ผมก็เดินย้อนกลับเข้าไปในห้าง เจอพี่ไฮท์ยืนพิงกำแพงตรงประตูทางเข้าพอดี ผมกำลังจะอ้าปากพูด แต่พี่เขาก็เดินสวนออกมาพลางพูดสั้นๆ ว่า กลับ ผมเลยต้องเดินลงไปเอารถมอเตอร์ไซค์ที่จอดชั้นล่าง ช่วงที่เดินๆ เหมือนจะนึกขึ้นได้ เมื่อกี้ผมตะโกนเรียกชื่อพี่ขิงซะเต็มปากเต็มคำ แบบนี้พี่ไฮท์จะได้ยินหรือเปล่าวะ

   เรื่องที่เกิดเมื่อครู่ทำเอาผมแทบไม่มีสติขี่รถ เพราะมัวแต่คิดหาคำพูดที่จะใช้ถามพี่ไฮท์จนปวดหัวไปหมด กลัวความลับของพี่ขิงจะแตก กลัวแม่เดือดร้อน ที่สำคัญ กลัวตัวเองจะถูกจับเพราะหลอกลวง แต่พอถึงเวลาเจอหน้าจริงๆ ผมกลับพูดอะไรไม่ออก พี่ไฮท์แค่ปรายตามองแล้วก็เดินไปเปิดประตูบ้าน มีไอ้หมาอ้วนสองตัวเห่าวิ่งไปมาอยู่ด้านในตัวบ้าน

   “พี่เลี้ยงยังไงให้มันอ้วน” แกล้งชวนคุย และก็เหมือนเดิม มีเพียงหางตาที่มองมา “มันน่ารักเนอะ”

   “อืม” สั้นๆ ห้วนๆ ทำเอาไปต่อไม่ถูก “ไปหาหมามึงได้ใช่ไหม”

   “ครับ”

   “เฮ้ย ไอ้หอยขม” ผมหันรีหันขวางตอนกำลังจะเปิดประตูหลังบ้าน ก็เพราะชื่อที่พี่ไฮท์เรียก มันคือชื่อหมาเหรอ “มึงนั่นแหละ”

   “ผมเหรอ” ชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง

   “เออ มึงนั่นแหละ”

   “พี่มีอะไรเหรอ” แม้จะแปลกใจกับชื่อที่ถูกเรียก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ชื่อตลกดี หอยขม

   “ให้ขนมแต่ไม่ให้ข้าวหรือไง หมามึงอ่ะ”

        พูดไม่จบดีก็มีซองอาหารหมาพุ่งเข้ามาหา เกือบจะรับไม่ทัน พอถุงนั้นมาอยู่ในมือผมปุ๊บ สองอ้วนที่นั่งอยู่ก็รีบวิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังจนผมเกือบล้ม เจ้าของหมาไม่สนใจเพราะเดินขึ้นชั้นสองไปแล้ว ปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับสองอ้วนที่อุ้งเท้ามันโคตรใหญ่ ตะปบอกผมทีเกือบร่วง

   “เดี๋ยวก่อนๆ เดี๋ยวพี่ขมิ้นจะแบ่งขนมให้ หยุดกระโดดใส่กันก่อน” ยกแขนกันหมาสองตัวจนเหนื่อย และดูเหมือนจะฟังภาษาคนออก ตอนนี้สองอ้วนเลยนั่งทำลิ้นห้อยมองผมตาแป๋ว “ฟังรู้เรื่องด้วย อยากกินขนมใช่ไหม แปบนะ” ว่าแล้วก็เอาขนมออกมาจากเป้ “เนี่ย พี่ชิมแล้ว ไม่เค็ม” และไม่อร่อยสำหรับคน

   ยื่นขนมเป็นแท่งให้คนละอัน พอได้ของกินแล้ว สองอ้วนก็ยอมกลับไปนอนในเบาะของตัวเอง แสนรู้จริงๆ ผมยิ้มให้สองอ้วนก่อนจะเดินไปเปิดประตูหลังบ้าน เห็นกองดินที่ดูแปลกตาสำหรับสนามหญ้าสีเขียว ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาแล้วย่อตัวนั่งลง

   “หิวไหมปุยเมฆ” ผมยื่นมือไปลูบกองดินนั่น เหมือนได้ยินเสียงเห่าตอบของปุยเมฆลอยมาเข้าหู “หิวใช่ไหม พี่ขมิ้นเอาอาหารมาให้นะ มีขนมด้วย” ว่าแล้วก็วางกองอาหารกับขนมแท่งไว้ด้านหน้ากองดิน “นอนคนเดียวคงเหงาล่ะสิ ไว้พี่จะมาหาบ่อยๆ นะ แล้วก็ขอโทษที่ดูแลไม่ดี” ตอนนี้รู้สึกแสบจมูกไปหมด ผมไม่อยากร้องไห้ให้ปุยเมฆเห็น พยายามกลั้นจนปวดจมูก ปวดตาไปหมด “แล้วถ้าพี่เจอพี่ขิง จะบอกให้นะ ว่าปุยเมฆรักเขา แต่รอเจอเขาไม่ไหว” พอถึงตรงนี้น้ำตาผมก็ร่วงลงมา มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ

   ผมเบือนหน้าหนีก่อนยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ และดูเหมือนสองอ้วนจะเดินออกมานั่งอยู่ด้านหลังของผม พวกมันคงรู้ว่าผมรู้สึกเจ็บปวดเลยมานั่งเป็นเพื่อน

   “ปุยเมฆอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวนะ พี่สองอ้วนนี้เขาจะดูแลปุยเมฆเอง พวกเขาใจดีมาก” ลองกวักมือเรียกดู สองอ้วนก็เดินเข้ามาหาพลางหมอบตัวลงนอนขนาบซ้ายขวาของผม “เห็นป่ะ ว่าพวกเขาใจดี” ตอนนี้น้ำตาผมไหลยิ่งกว่าน้ำตกซะอีก สงสัยตาจะบวมเพิ่มอีกแน่

   นั่งร้องไห้หน้ากองดินหลุมศพของปุยเมฆอยู่นาน รอจนน้ำตาแห้งผมถึงบอกลา คล้ายกับหูแว่วอีกรอบที่ได้ยินเสียงปุยเมฆเห่าตอบ ผมว่ามันคงรับรู้ว่าผมรักมันเหมือนกัน พอเดินเข้ามาในบ้านมีสองอ้วนเดินตามก้นมาต้อยๆ ส่วนเจ้าของบ้านก็กำลังเดินลงบันไดมาพอดี

   “ขี้แยว่ะมึง” โดนแขวะไปทีหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ในเมื่อผมร้องไห้จริง ปวดตาไปหมด

   “พี่ไม่ออกไปเที่ยวเหรอ” ที่ถามเพราะพี่ไฮท์เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น แถมทำหัวเปียกอีก

   “ขี้เกียจ” ก็คงอย่างที่เจ้าตัวว่า ตอนนี้พี่ไฮท์เปิดทีวีแล้วนั่งบนโซฟา มีหมาอ้วนกระโดดขึ้นไปคลอเคลีย “ทำไมไม่นั่ง”

   นี่คือวิธีชวนแขกนั่งเหรอเนี่ย 

   “อ่าครับ” ทำตัวลีบนั่งลงที่โซฟาอีกตัว “หมาพี่ชื่ออะไรเหรอ” ผมเรียกสองอ้วนมาตั้งนาน

   “ไอ้นี่ชื่อแจ็ค” พี่ไฮท์ลูบหัวหมาโกลเด้นที่กระดิกหางฟาดโซฟาดังปับๆ “ส่วนไอ้นี่...”

   “โรสป่ะ แจ็คกับโรส”

   “อเล็กเว้ย มันเป็นตัวผู้” ถูกตวัดสายตาดุใส่จนต้องยิ้มแห้ง ก็คิดว่ามาจากชื่อหนังนี่นา วู้ “แล้วบ้านมึงมีหมาไหม นอกจากไอ้ตัวที่ตาย”

   “ไม่มี พ่อบอกถ้าไม่มีเวลาก็อย่าเอามันมาทรมาน”

   “ก็ถูก”

   ผมนั่งนิ่งเมื่อพี่ไฮท์เอาแต่ดูทีวี พอไม่มีอะไรทำเลยกวาดสายตามองไปรอบๆ บ้าน เมื่อคืนก็มาจนดึกแถมร้องไห้จนไม่ได้สังเกต เมื่อเช้าก็ตื่นเร็ว บ้านหลังนี้ แม้ไม่ได้หลังใหญ่โตเหมือนบ้านที่ผมอาศัย แต่ก็น่าอยู่กว่ามาก ด้านหลังมีเคาน์เตอร์กั้นโซนของครัวเปิด พอมองไปอีกด้านเป็นห้องน้ำและห้องที่ใช้รักษาสัตว์

   “เอ่อ” แล้วก็เกิดคำถามบางอย่าง คิดอยู่นานสุดท้ายก็ทนไม่ไหว “พี่กับพ่ออยู่กันแค่นี้เหรอ แล้วแม่พี่ล่ะ” แม้จะดูละลาบละล้วง แต่ก็อยากรู้ เพราะบ้านนี้ถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ต่างจากบ้านผมที่ข้าวของกระจัดกระจาย เก็บก็ไม่ได้เดี๋ยวพ่อหาของไม่เจอ

   “ไม่อยู่แล้ว” พี่ไฮท์ตอบสั้นๆ ผมพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังสงสัย “กูหมายถึงแม่กูตายแล้ว ไม่ได้ทิ้งกูกับพ่อ”

   “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

   “แต่หน้ามึงมันฟ้องว่าอยากจะเสือกเรื่องกูต่อ”

   ผมเบ้ปากใส่คนรู้ทัน ที่สำคัญ ไอ้อ้วนสองตัวมันเห่าเห็นด้วยกับเจ้านายมันซะงั้น แทบอยากเอาขนมที่ให้ไปคืน
 
   “บ้านพี่สะอาดดีเนอะ” เป็นคำถามที่ไร้สาระ แต่ก็ไม่อยากอยู่เงียบๆ ให้กดดัน “ไม่เหมือนบ้านผม โคตรรก ยังกลัวว่าสักวันงูจะเข้าบ้าน พ่อผมถึงกับต้องซื้อตาข่ายมากั้นประตูหน้าบ้านตอนหน้าฝน” ว่าแล้วก็ขำออกมา แต่พอหันไปมองคนข้างๆ พี่ไฮท์เอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง สายตาจับผิดทำให้ผมเริ่มนั่งไม่ติด

   “มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง แต่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนกับเรื่องที่มึงทำเป็นพอ”

   “พี่หมายถึงอะไรเหรอ”

   ผมกระพริบตาปริบๆ มองหน้าพี่ไฮท์อย่างไม่ค่อยเข้าใจในความหมาย หรือพี่เขาจะบอกเป็นนัยๆ ว่ารู้เรื่องผมไม่ใช่พี่ขิง ไม่หรอกมั้ง ก็ดูพี่เขายังเกลียดผมอยู่เลย จะว่าไป การเป็นพี่ขิงมันไม่ง่ายเลยสักนิด การต้องทำตัวให้นิ่ง เพื่อหลอกตบตาคนที่รู้จัก ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ตัวต้นเรื่องรีบมาแก้ไขปัญหาไวๆ พอนึกถึงตรงนี้ผมก็รีบดีดตัวลุกแล้วรีบกลับบ้าน ผมต้องไปถามแม่เรื่องพี่ขิง ผมว่า แม่ต้องรู้เรื่องพี่ขิงแน่ ถึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจที่จะออกตามหา มันต้องมีเงื่อนงำแน่นอน ไอ้ขมิ้นฟันธง


...TBC

ขอโทษที่หายไปนานค่าาา ไม่มีคำอื่นใดแก้ตัวนอกจากคำขอโทษ (ย่อตัวไหว้)

ปล. ตอนนี้ขมิ้นก็จะหลายอารมณ์หน่อยๆ เริ่มเป็นไบโพล่า >w<
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 9] [P.3] // {19/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-01-2018 21:42:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 9] [P.3] // {19/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-01-2018 22:24:16
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 9] [P.3] // {19/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 19-01-2018 22:40:46
สองแม่ลูกนี่ต้องการอะไร ซวยเลยขมิ้นเอ้ยย
อยากจะบอกว่าเกลียดครอบครัวแม่ขมิ้นมากกกก
คนเขียนหายไปนานเลยอ่ะ รออยู่นะคะ มาบ่อยๆหน่อยจิ อิอิ :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 9] [P.3] // {19/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-01-2018 22:49:37
ยังไม่หายคิดถึงเลย
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 9] [P.3] // {19/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 19-01-2018 23:00:42
แหมมม ชั้นพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย
สงสารปุยเมฆมากเลยค่ะ ตาบวม
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 9] [P.3] // {19/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-01-2018 23:49:04
มาต่อแล้ววว รอนานมากกก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 20-01-2018 20:25:30

-10-




       ผมนั่งรอแม่อยู่ที่โซฟาจนผล็อยหลับ รู้สึกตัวก็ตอนป้าแม่บ้านมาเรียกไปกินข้าว ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ จะมีแค่ข้าวเช้าเท่านั้นที่นั่งกินบนโต๊ะอาหารราคาแพง มื้อเที่ยงก็ไปกินที่มหาลัย ส่วนมื้อเย็นผมชอบไปกินกับพวกพี่ๆ ในครัวมากกว่า บ้างก็ปูเสื่อนั่งกินส้มตำ ไก่ย่าง ดูมีความสุขกว่าเยอะ

   “ปกติพี่ขิงก็กินข้าวกับพวกพี่เหรอครับ” ถามไป มือก็จกข้าวเหนียวไป

   “ไม่เลยค่ะ” ป้าแม่บ้านว่า

   “แค่คุยกับพวกเรายังแทบนัดคำได้ นอกจากจะสั่งนั่นนี่น่ะค่ะ” คนพูดคือพี่แต้วที่ดูแลปุยเมฆแทนพี่ขิง ตอนพี่เขารู้ว่าปุยเมฆตาย พี่แต้วแกร้องไห้จนไข้ขึ้น ขนาดไม่ใช่เจ้าของยังรักมากขนาดนี้ “ตอนแรกพวกเราก็กลัวคุณเป็นเหมือนคุณขิง”

   “แค่หน้าเหมือนก็พอมั้งครับ” พูดให้คนอื่นขำ แต่ผมกลับขำไม่ออก เพราะมันคือความในใจจริงๆ “แล้วนี่ แม่ผมจะกลับมากี่โมงละเนี่ย”

   “เห็นลุงแกบอกไม่เกินสี่ทุ่มนะคะ”




   หลังจากอิ่มหนำกับมื้ออร่อย ผมก็ขอตัวมารอแม่ในบ้านตามเดิม เงียบเหลือเกิน เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น น่าเบื่อด้วย ถ้าผมเป็นโรคติดโทรศัพท์ ติดเกมส์แบบเจมส์คงดี จะได้มีเรื่องแก้เบื่อ และพอคิดปุ๊บ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น คนโทรมาคือคนที่เพิ่งนึกถึงไปเมื่อกี้นั่นแหละครับ ตายยากจริงๆ

   “ว่าไง”

   (เป็นไงบ้างวะ)

   “เป็นอะไร”

   (ก็กูกลัวมึงโดนพี่ไฮท์ฆ่าหมกส้วมอะดิ่) แล้วปลายสายก็หัวเราะ ถ้าอยู่ใกล้ ผมถีบมันจริงๆ ด้วย (ล้อเล่นๆ กูเป็นห่วงไง)

   “ขอบใจ” กัดฟันตอบก่อนจะหัวเราะตามบ้าง “เออใช่ กูเจอพี่ขิงที่ห้างด้วย”

   (จริงดิ่ แล้วเป็นไง มันว่าไงบ้าง ทำไมถึงหนี...)

   “แค่เห็นหน้ากูก็วิ่งหางจุกตูดไอ้ห่า ไม่รู้เพราะอะไรถึงต้องทำแบบนั้น แต่รถที่กูเห็น ไม่ใช่รถพอร์ชสีส้มแบบที่มึงว่านะ พี่ขิงขับรถธรรมดาๆ นี่แหละ”

   (หายหัวไม่ติดต่อกับใคร แถมเป็นหนี้อีก มันอาจจะเอาไปขายก็ได้)

   ข้อสันนิษฐานของเจมส์มันก็น่าสน คนติดหรู ใช้เงินเป็นกระดาษน่าจะไม่ยอมใช้ชีวิตจนๆ หรอก

   “ตอนกูเจอ ของแบรนด์เนมเต็มมือเลยว่ะ” ผมว่า

   (นั่นไง กูว่ามันต้องขายรถใช้หนี้แล้วพอเหลือก็ฟุ่มเฟือยตามนิสัย)

   “แต่ที่กูไม่เข้าใจคือ จะวิ่งหนีกูทำไม กลับมาไม่ได้ก็น่าจะมาคุยกันถึงเหตุผล ถ้าช่วยได้กูก็ช่วยอยู่แล้ว” เพราะทุกวันนี้ก็รับความซวยให้อยู่ทุกวัน

   (เอาจริงๆ กูเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่ากูรู้จักไอ้ขิงจริงๆ หรือมันสร้างเปลือกขึ้นมาให้กูเข้าใจมัน)

   “มึงลองเล่านิสัยของพี่ขิงตั้งแต่รู้จักให้กูฟังหน่อยสิ”

   (เรื่องแบบนี้ต้องเจอหน้าเว้ย คุยไม่เห็นหน้ามันไม่สนุก มึงจะรับรู้แค่เสียง แต่ไม่เห็นท่าทางของกู)

   แค่นึกภาพตอนเจมส์มันคุยตอนนี้ ผมก็ขำจนปวดกรามแล้ว เราคุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้จนลืมเวลา ลืมความเบื่อ มารู้ตัวก็ตอนมีเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดในรั้วบ้าน ผมรีบวางสายเจมส์ก่อนออกไปรอรับแม่ และดูเหมือนความหวังที่จะถามเรื่องพี่ขิงต้องล้มเหลว เมื่อลุงเจ้าของบ้านประคองแม่ที่เดินเป๋ไปเป๋มา

   “แม่” ลองเรียกดู แม่หัวเราะแล้วยื่นมือมาตบแก้มผมเบาๆ “ผมมีเรื่องจะถาม”

   “ทำไมหน้าของขิงไม่นุ่มแล้วล่ะลูก หยาบมากเลย” แม่พูดเสียงอ้อแอ้ก่อนจะหัวเราะออกมาอีก “จะว่าไป แม่เพิ่งรับงานให้ขิง จุ๊ๆ อย่าไปบอกใครเชียว ว่าแม่ใส่ซองให้เขาน่ะ”

   “หยุดพูดได้แล้วคุณ ส่วนเธอมีอะไรไว้คุยพรุ่งนี้ ไม่เห็นเหรอว่าแม่เธอเมา”

   ลุงเจ้าของบ้านตัดบทแล้วประคองแม่ผมขึ้นชั้นสองไป นี่พวกเขาตั้งใจหาพี่ขิงกันจริงๆ หรือเปล่า ทำไมยังใช้ชีวิตเหมือนปกติได้แบบนี้ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิด ผมก็เดินกลับห้องตัวเองบ้าง ห้องที่ถึงแม้จะกว้างขวาง มีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน แต่ผมกลับไม่ชอบ ผมชอบห้องนอนเล็กๆ ของตัวเองมากกว่า พอนึกถึงวันก่อนๆ ผมก็หยิบโทรศัพท์เลื่อนหาชื่อพ่อตัวเอง กลั้นใจอยู่นานกว่าจะกล้ากดโทรออก รอสายไม่นานก็มีเสียงกดรับ แต่ปลายสายยังเงียบ

   “พ่อ” ลองเรียกไปเบาๆ

   (ไงมึง อยากกลับบ้านหรือยัง)

   ผมยิ้มออกมาเพราะรู้สึกผิดคาด ตอนแรกคิดว่าพ่อจะด่าออกมาซะอีก อุตส่าห์เตรียมอุดหูรอไว้

   “มากที่สุด” พูดไปหัวเราะไป “พ่อกินข้าวหรือยัง”

   (กินแล้วสิ ดึกขนาดนี้ กูไม่มีใครให้หิ้วท้องรอเหมือนเมื่อก่อน) ดูเป็นคำเหน็บแนมที่เจ็บแสบ แต่ผมก็ยังยิ้มได้ (มึงล่ะ กินข้าวหรือยัง อยู่บ้านนั้นกินดีอยู่ดีจนลืมน้ำพริกแล้วมั้ง)

   “โห ใครจะลืมน้ำพริกฝีมือพ่อได้” พ่อผมตำน้ำพริกอร่อยมาก มันอร่อยจนป้าข้างบ้านต้องมาจ้างให้ทำเพื่อเป็นของฝากให้ลูกชายตัวเอง “พ่อกวาดบ้าน ถูบ้าน บ้างหรือเปล่า” เหมือนไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร ปกติแล้วผมกับพ่อไม่ค่อยคุยแบบนี้กันหรอกครับ ส่วนมากจะกวนใส่กันมากกว่า แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมถึงอยากคุยดี

   (กวาดสิวะ แต่ถูบ้านรอมึงมาทำ) พูดจบ พ่อก็เงียบไป (พี่มึงยังไม่กลับมาอีกเหรอ)

   “พี่ผมก็ลูกพ่อนะ”

   (เหรอ กูเพิ่งรู้) แล้วเราสองคนก็เงียบใส่กัน เนิ่นนานกว่าพ่อจะถามออกมา เป็นคำถามที่ทำให้ผมน้ำตารื้น (ให้กูไปรับวันไหนก็โทรบอก)

   “ผมขี่รถมาเองเถอะ”

   (ไอ้ห่า แล้วของมึงล่ะ ไม่ต้องแบกกลับมาเหรอ)

   “มีกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบเอง พ่อคิดถึงผมล่ะสิ”

   (พอๆ กูไม่อยากคุยกับมึงละไอ้ขมิ้น จบ เลิก)

   “ดูนะ คนเรา คิดถึงลูกแต่ปากแข็งก็เป็นแบบนี้...ฮัลโหล พ่อ”

   วางไปแล้วครับ ทำไมพ่อผมโคตรน่ารัก อยู่ด้วยทุกวันเพิ่งรู้ก็วันนี้แหละ...







   เช้าวันใหม่ ผมแต่งตัวเตรียมไปเรียนอย่างทุกวัน เหนื่อยมากครับกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ทุกวันนี้เข้าห้องเรียนก็เหมือนเข้าห้องเย็น คือเข้าไปแล้วขนหัวลุกแทบตลอดเวลา ยิ่งบนบอร์ดหน้าห้องมีตัวหนังสือยึกยือเต็มแผ่นยิ่งขนลุก

   “ไฮ ขมิ้น” เสียงแม่ทักทายยามเช้าดูสดชื่น แต่ทำไมผมต้องขมวดคิ้วกับคำทักนั่น “มานั่งสิจ๊ะ”

   “แม่หายเมาแล้วเหรอ” หย่อนก้นนั่งปุ๊บ ชามข้าวต้มก็วางลงตรงหน้า

   “แม่ดื่มนิดหน่อยเอง ลูกรู้ไหม มีแต่คนชมเครื่องเพชรชุดใหม่ของแม่นะ ตอนแรกว่าจะใส่ไปอีกงาน แต่หมูหวานบอกคู่แข่งแม่มาด้วย เลยต้องจัดเต็มสักหน่อย” ว่าแล้วแม่ก็หัวเราะสะใจ “เออใช่ วันนี้ลูกไม่ต้องไปเรียนนะ แม่โทรบอกให้เจมส์ลาให้แล้ว”

   “ลา...ทำไมเหรอครับ”

   “ก็เมื่อวานแม่ไปเจอคุณกิตติ เขาเป็นเจ้าของนิตยสารเพชร เขาสนใจลูกไปเป็นนายแบบเครื่องเพชรของเขา” ผมมองแม่ขณะกำลังหั่นไส้กรอก แล้วคำพูดเมื่อวานก็ผุดขึ้นมา ที่ว่าแม่เอาเงินให้ เขาถึงจ้าง “อ่อ แล้วก็ยังมีงานพรีเซ็นเตอร์น้ำหอมด้วยนะ ตัวนี้พี่เขาถ่ายโปสเตอร์ไปแล้ว เหลือแค่งานเปิดตัว ขมิ้นก็เตรียมตัวด้วยนะลูก เดี๋ยวพี่หมูหวานจะพาไปขัดผิว”

   “ผมเจอพี่ขิง” พูดโพล่งออกมา แม่ถึงกับชะงักมือที่กำลังจะจิ้มไส้กรอก

   “ขมิ้นเจอพี่เขาเหรอ ที่ไหน”

   “ผมเจอพี่ขิงเมื่อวาน สองรอบ ที่มหาลัยแล้วก็ห้าง”

   “เหรอ”

   “เหรอ? แม่ดูไม่ตื่นเต้นเลยที่ผมเจอพี่ขิง หรือแม่รู้ว่าพี่ขิงอยู่ที่ไหน” ผมมองหน้าแม่ตัวเองอย่างคาดคั้น ดูแล้วท่าทางมีพิรุธจนเดาได้ไม่ยาก “ไหนแม่บอก ถ้าเจอจะให้พี่เขากลับมาเลยไง นี่แม่ก็ติดต่อพี่เขาได้แล้ว ทำไมไม่ให้กลับมา”

   “โธ่ ขมิ้น ตอนนี้พี่เขายังกลับมาไม่ได้” สุดท้ายแม่ก็ยอมรับออกมา “พี่เขามีปัญหานิดหน่อย”

   “ปัญหานิดหน่อยคืออะไร แล้วผมล่ะ ผมไม่มีปัญหาเหรอ” เริ่มโมโหแล้วนะ “ผมต้องทนรับปัญหาของพี่ขิง ไม่ว่าจะที่มหาลัยหรือที่ทำงาน ผมก็มีปัญหา มันเป็นปัญหาที่ไม่ใช่ของผม แต่ผมต้องมาเจอ มันไม่ใช่อะ”

   “ขมิ้น”

   ไม่สนที่แม่เรียก ผมตั้งใจจะเดินออกจากบ้าน แต่ต้องเจอกับผู้ชายตัวใหญ่กว่า สวมสูทสีดำสองคนเดินมาขวาง พอหลบให้ มันก็ไม่ยอมเดิน และพอผมจะเดิน มันก็หิ้วแขน ยกผมจนตัวลอย

   “เฮ้ย ทำอะไรวะ ปล่อย” ดิ้นยังไงก็ไม่ยอมหลุด “แม่ ช่วยด้วย”

   แม่ไม่ตอบรับ เพียงแค่ชายตามองนิดเดียวเท่านั้น แต่ผมกำลังถูกหิ้วกลับเข้าบ้าน และตอนนี้ถูกพาขึ้นมาบนห้อง ไอ้ยักษ์สองคนนี้โยนผมลงเตียงจนตัวเด้ง

   “กรุณาเปลี่ยนชุดด้วยครับ”

   “ไม่ใช่พ่อ อย่ามาสั่ง”

   “จะเปลี่ยนดีๆ หรือว่า...”

   ผมลอยหน้าลอยตาไปมา แต่พอได้ยินคำว่าหรือว่า แสงเงาวับจากวัตถุที่อยู่ด้านในของเสื้อสูทก็สะท้อนเข้าตาทันที ของนั่นทำให้ผมตาเหลือกรีบวิ่งลงจากเตียงทันที


   นี่มันบ้านคนหรือดงมาเฟียวะ ถึงพกปืนเดินไปเดินมาในบ้านได้


   พอสองคนนั่นออกไปแล้ว ผมก็รีบถอนหายใจ ลูบหน้าลูบอกตัวเอง กลัวตายเหมือนกันนะครับ ปากเก่งไปแบบนั้นเองแหละ เมื่อทำอะไรไม่ได้เลยต้องยอมเปลี่ยนชุด เสื้อผ้าของผมก็มีแต่แบบธรรมดาๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เลยไม่ต้องพิถีพิถันมากนัก

   “แต่งตัวไร้รสนิยมมาก” แม่ทักเสียงนิ่ง ผมยักไหล่ไม่สนใจ “ต่อไปถ้าขมิ้นจะออกไปไหนต้องแต่งตัวให้ดีกว่านี้นะ อย่าลืมว่าลูกกำลังเป็นพี่ขิง”

   “แม่ก็รีบเอาพี่ขิงตัวจริงกลับมาสิ”

   “เอะ ขมิ้นนี่ พูดไม่รู้ความ”

   “แล้วมาเฟียเมื่อกี้ไปไหนแล้วล่ะ” ตอนนี้ผมเข้ามาอยู่ในรถตู้กับแม่แล้ว พอถามไปก็ถูกตวัดมอง

   “สองคนนั้นเป็นบอดี้การ์ดของคุณลุงเขา ไม่ใช่มาเฟีย”

   “แล้วทำไมต้องพกปืนด้วย”

   “ขมิ้นนี่เข้าใจอะไรอยากจริง ก็ลุงเขาทำธุรกิจใหญ่โต มีคู่แข่งที่จ้องจะทำร้าย ลุงเขาก็เลยต้องป้องกันตัวไว้ก่อน”

   “ทำอย่างกับในละคร” ผมเบ้ปากก่อนเมินหน้าออกนอกกระจกรถ ธุรกิจอะไรที่จะมีคนคิดจะฆ่าตาย ถ้าไม่ใช่พวกธุรกิจมืด “ลุงเจ้าของบ้านไม่ได้เปิดบ่อน ค้ายาใช่ไหมแม่”

   “ขมิ้น!” เสียงหวีดเรียกของแม่มาพร้อมแรงบิดริ้วที่แขน “อย่าพูดแบบนี้ให้ได้ยินอีกนะ แม่ไม่ชอบ”

   “ก็แค่สงสัยเฉยๆ”

   จากนั้น ผมกับแม่ก็ต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง โลกของผมที่มองนกมองต้นไม้ ส่วนโลกของแม่คือการท่องโลกโซเชียลอย่างสนุกสนานกับสังคมตัวเอง พอถึงร้าน ผมเดินตามแม่เข้ามาในตัวร้าน ก่อนพนักงานจะเดินนำขึ้นบันไดไปชั้นสอง ด้านบนมีห้องกว้างที่ถูกเซ็ทให้เป็นฉากสำหรับการถ่ายแบบ และผมก็ถูกพี่หมูหวานดึงเข้าไปแต่งตัวอีกห้องหนึ่ง

   “พี่หมูหวานรู้เรื่องพี่ขิงไหมครับ” ถามระหว่างถูกโปะเครื่องสำอาง

   “น้องขิงเหรอคะ ก็พอรู้มาบ้าง”

   “อย่างเช่น...”

   “พี่พูดไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณหญิงแม่ว่า”

   “ผมไม่บอกหรอกว่าพี่พูด”

   “น้องขมิ้นรู้แล้วต้องเหยียบให้จมดินเลยนะคะ คือพี่แอบได้ยินคุณหญิงแม่กับน้องขิงคุยกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ”

   “อาทิตย์ที่แล้ว?” หมายความว่า แม่ติดต่อกับพี่ขิงได้นานแล้วแต่ก็ทำเฉย ปล่อยให้ผมรับกรรมจากลูกรักตัวเองงั้นเหรอ โคตรยุติธรรมอะ “แล้วพี่ขิงจะกลับมาเมื่อไหร่ พี่หมูหวานพอรู้ไหมครับ” เริ่มเครียดแล้วตอนนี้

   “ไม่แน่ใจนะคะ เพราะคุณหญิงแม่พูดเบามาก แต่ดูเหมือนน้องขิงกำลังทำอะไรสักอย่างที่เล่าให้คนอื่นฟังไม่ได้ พี่ก็ไม่รู้ว่าอะไร ปกติพี่ทำงานด้วยก็ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟังอยู่แล้ว”

   “แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ผมจะได้กลับไปเป็นตัวเองสักที” ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง พี่หมูหวานตบบ่าปลอบผมเบาๆ พี่เขาคงเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

   “สู้ๆ นะคะ อีกไม่นานน่าจะดีขึ้นเอง”

   “หวังให้เป็นเช่นนั้นครับ” เพราะผมเบื่อมากที่สุด

   การถ่ายแบบเครื่องเพชรก็ไม่มีอะไรมาก แค่สวมสูทแล้วยืนนิ่งๆ เพราะเพชรที่ถ่ายอยู่บนเข็มกลัดติดชุดและเนคไท มันดูสวยและหรูหรามากยามเพชรกระทบกับแสงไฟ ราคาก็คงสูงน่าดู เจ้าของเครื่องเพชรยืนคุมตลอดการถ่ายโดยที่แม่ไม่สนใจอะไรนอกจากโทรศัพท์ กว่าจะถ่ายเสร็จก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ผมยกมือไหว้ขอโทษที่ทำให้งานช้าในบางที แต่มือใหม่อย่างผม ได้แค่นี้ก็ดีถมเถไปแล้ว เกร็งมากเวลายืนหน้ากล้อง มันเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ก็แน่ล่ะ ผมถ่ายในนามพี่ขิงนี่นา

   ถ่ายแบบเสร็จผมก็ขอแยกตัวออกมา แม่ก็แค่พยักหน้าแค่นั้น ดีที่พี่หมูหวานยังสนใจถามไถ่ก่อนจะแยกกัน นี่แม่รักผมบ้างหรือเปล่าวะ พอคิดแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดจนต้องรีบโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านตัวเอง แต่ดันไม่มีคันไหนจอดรับซะนี่ แล้วแบบนี้จะขึ้นป้ายว่าว่างทำไม

   “ไงเรา”

   ระหว่างที่เตะฝุ่นอยู่บนฟุตบาท มีรถเก๋งสีขาววิ่งมาจอดเทียบตรงหน้า กระจกด้านข้างคนขับเลื่อนลงพร้อมกับคำทักทายที่ส่งมา พอก้มหน้าดู เจ้าของรถยิ้มแย้มโบกมือทักทาย

   “สวัสดีครับคุณหมอ” ยกมือไหว้แทบไม่ทัน

   “ไม่มีเรียนเหรอเราถึงมาเดินเที่ยวแถวนี้น่ะ”

   “มีครับ แต่ลาไปแล้ว” ตอบตามความจริง คุณหมอก็ทำหน้างงๆ “คุณหมอจะไปคลินิกเหรอครับ”

   “ใช่ วันนี้อาไปทำธุระมา เลยเข้าคลินิกสาย เราจะไปคลินิกกับอาไหม” เป็นคำชวนที่ทำให้ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้ารับ “ไปก็ขึ้นมา คันนี้ไม่มีมิตเตอร์นะไม่ต้องห่วง”

   “คุณหมอนี่เป็นคนตลกนะครับ” ไม่เหมือนลูก

   “จะให้หน้าบึ้งไปรักษาสัตว์ก็ไม่ได้ เดี๋ยวพวกเขาจะกลัว”

   “คนพามาเหรอครับ”

   “สัตว์สิ...อาพูดเล่น ก็หมายถึงคนพามานั่นแหละ”

   “อ่าครับ”

   แทบไปไม่ถูกเมื่อเจอมุกคนแก่ ตลอดทางมาคลินิก คุณหมอเล่าเรื่องสัตว์ที่รักษาให้ฟัง บางตัวก็ตลก บางตัวก็น่าสงสาร แต่บางตัวคนรักษาน่าสงสารกว่า

   “แล้วคุณหมอทำยังไงกับมันเหรอครับ” หลังจากหัวเราะจนปวดท้อง ก็อดที่จะถามไม่ได้ เมื่อคุณหมอเล่าให้ฟังว่า มีคนพาตัวเงินตัวทองมารักษา แล้วมันงับแขนเสื้อไม่ยอมปล่อย

   “ก็ต้องฉีดยาทั้งที่เสื้อถูกกัดนั่นแหละ ผู้ช่วยก็กลัว จะให้คนพามาฉีดก็ไม่ได้ ลำบากหน่อยแต่ก็ผ่านไปได้” ทำไมผมรู้สึกชอบฟังเรื่องแบบนี้จัง ชอบจนอยากทำแบบนี้บ้าง “ทำไมมองอาตาเยิ้มเชียว”

   “คุณหมอเป็นไอดอลของผมเลยครับ” บอกอย่างคนซื่อจนถูกขำ “ผมอยากเป็นหมอรักษาสัตว์”

   “แต่เราเรียนวิศวะไม่ใช่เหรอ หรือจะซิ่วล่ะ”

   พอถูกจี้จุดก็ทำให้อ้ำอึ้ง นั่นสิ ตอนนี้ผมเป็นพี่ขิงนี่หว่า พี่ขิงเรียนวิศวะ จะเป็นหมอรักษาสัตว์ได้ยังไง

   “ก็ความฝันไงครับ” แถออกมา

   “ก็ดีนะ คนเราก็ต้องมีความฝัน อาก็เคยฝันอยากเป็นนักบิน”

   “แล้วทำไมถึงมาเป็นหมอแทนล่ะครับ”

   “ก็อากลัวความสูง”

   แล้วเสียงหัวเราะที่ตามหลังประโยคนั่น ก็ทำให้รู้ว่า ผมกำลังถูกอำอีกรอบ ผมว่าถ้าพ่อพี่ไฮท์เบื่อการเป็นหมอแล้ว ไปเล่นตลกน่าจะรุ่ง ให้ลูกชายไปด้วย แสดงเป็นพวกหน้านิ่งโดนถาดตบหัว คงเรียกเสียงหัวเราะได้มากทีเดียว

   “วันนี้ผมอยู่ช่วยที่คลินิกได้ไหมครับ”

   “ได้สิ พอเลิกเดี๋ยวอาเลี้ยงหมูกระทะ น้ำจิ้มฝีมือไฮท์ อร่อยมากนะ”

   “พี่ไฮท์ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอครับ”

   “เปล่า ฝีมือมันเลือกซื้อน้ำจิ้ม ยี่ห้อนี้อร่อยมาก”

   ต่อไปผมจะไม่ตั้งใจฟังคุณหมอพูดอีกแล้ว พูดอะไรมาก็กลายเป็นผมที่โดนแกล้งทุกที แต่ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนเวลาอยู่กับพ่อ พี่ไฮท์โชคดีที่มีพ่อน่ารักแบบนี้ เหมือนผมที่มีพ่อที่น่ารัก แม้จะปากแข็งไปบ้างก็เถอะ

   “เราชื่ออะไรนะ ขิง ข่า ขมิ้น”

   พอได้ยินชื่อสุดท้ายถึงกับสะดุ้ง

   “ขะ ขิงครับ”

   “โอเค อาจะจำไว้ แก่แล้วก็ขี้ลืมแบบนี้แหละ”

   ผมปรายตามองคุณหมอจากด้านข้าง มุมนี้คุณหมอเหมือนพี่ไฮท์มาก จมูก ปาก ตา สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน หน้าตาดีเหมือนกัน โดยเฉพาะการยิ้มมุมปากอย่างตอนนี้ที่โคตรเหมือน

   “พี่ไฮท์นี่น่าอิจฉานะครับ”

   “ทำไม”

   “ก็หน้าตาหล่อเหมือนคุณหมอ”

   “พูดซะอาเขินเลย เดี๋ยวบอกไฮท์ให้ ว่าเราชม ว่ามันหล่อ”

   “ไม่ใช่ครับ ผมชมคุณหมอต่างหาก ไม่ใช่พี่ไฮท์”

   “ไม่เป็นไร อาเข้าใจ ไม่ต้องอายเวลาชมผู้ชายด้วยกันว่าหล่อหรอก”

   “ผมไม่ได้อาย แล้วก็ไม่ได้ชมพี่ไฮท์จริงๆ นะครับ”

   “อาเข้าใจๆ”

   “คุณหมอ”

   ต่อไปผมต้องระวังคำพูดของตัวเองมากกว่านี้ ไม่งั้นมันจะเข้าตัวได้

   แต่ผมไม่ได้ชมพี่ไฮท์จริงๆ นะครับ 



...TBC

หรือจะให้ขมิ้นคู่พ่อของพี่ไฮท์ดี (ปิดปากหัวเราะ)
 
ขอบคุณมากๆ ค่า
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 20-01-2018 20:59:07
โหวตให้เปลี่ยนคู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 20-01-2018 21:07:23
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-01-2018 21:16:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 21-01-2018 23:43:49
สงสารนู๋ขมิ้น แม่ใจร้ายทำร้ายนู๋ขมิ้นได้ลงคอ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-01-2018 01:04:06
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 22-01-2018 01:28:35
อย่าชงนะคะ เราพร้อมแล่นเรือ 555555
คู่พ่อxพ่อ ขอโมเม้นน่ารักๆค่ะ หึหึหึ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 22-01-2018 07:07:04
บอกความจริงไฮท์เถอะ เราอึดอัด  :katai1: ครอบครัวขิงรวมทั้งตัวขิงเป็นอะไรที่แย่มาก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 22-01-2018 08:13:23
เปลี่ยนเลยค่าาาา555
ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดครอบครัวขิง มีปัญหาอะไรล่ะมันเกี่ยวกะขมิ้นตรงไหนไม่ทราบ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 10] [P.3] // {20/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-01-2018 21:11:09
สงสารขมิ้น ทำไมแม่ใจร้ายแบบนี้นะ
ไม่ได้เลี้ยง แต่ก็คลอดมาเหมือนกันไหม

ขมิ้นเอ้ย หลุดไปหลายทีละนะ
ยังจะคิดว่าพี่ไม่รู้อีก

แต่เชื่อว่าไฮท์จะเข้าใจ
และรอให้ขมิ้นได้บอกเอง

ขิงร้ายเกินไปแล้วนะ

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 25-01-2018 19:34:48
-11-





        หลังจากขลุกตัวอยู่ที่คลินิกทั้งวัน ตอนค่ำผมก็ติดรถคุณหมอกลับบ้านด้วย ทั้งที่ปฏิเสธไป แต่คุณหมอบอกโทรสั่งให้พี่ไฮท์ซื้อของเข้าบ้านแล้ว ผมเลยต้องมาด้วย พอมาถึงก็ถูกสองอ้วนรุมล้อมจนเดินไม่ได้

   “ไงไอ้อ้วน ลดน้ำหนักบ้างนะพวกแกน่ะ” พอย่อตัวนั่งลง สองอ้วนก็แลบลิ้นเลียหน้าผมจนเปียกไปหมด “เจ้านายขี้เก๊กแกไปอยู่ไหนซะล่ะ”

   “ได้ยิน”

   พูดถึงไม่ทันขาดคำ เจ้าของฉายาขี้เก๊กก็เดินลงมาจากชั้นสอง ดวงตาดุตวัดมองมาแวบหนึ่งก่อนเดินเลยเข้าไปในครัวที่ตอนนี้คุณหมอกำลังเตรียมของ ผมรีบลุกเดินตามหลังพี่ไฮท์เข้าไป ขืนไม่ช่วยมีหวังถูกแขวะอีก

   “ไปดูหลุมฝังศพหมาเราหรือยัง เมื่อวานฝนเหมือนจะตก ไฮท์มันเลยไปทำหลังคาให้”

        พอคุณหมอพูดจบ ผมก็รีบหันหน้าไปมองคนทำหลังคากันฝนให้ปุยเมฆ พี่ไฮท์ทำท่าไม่สนใจ มือก็จัดแจงกระทะไฟฟ้าสำหรับย่างของ แต่คงรับรู้ถึงสายตาที่ผมกำลังจ้อง เลยเงยหน้าขึ้นมา ผมก็รีบยิ้มกว้างส่งให้

   “ยิ้มทำไม ไม่ช่วยก็อย่างถ่วง หลีกไปไป๊”

        จากที่ยิ้มกว้างเลยต้องหุบลง แต่มีเสียงขำเบาๆ ดังมาจากด้านหลังเราสองคน คนๆ นี้พี่ไฮท์ไม่กล้าด่าเลยทำเป็นนิ่งตามเดิม ผมที่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงอย่างที่เขาว่า เลยปลีกตัวไปหลังบ้าน อยากเห็นหลังคาที่พี่ไฮท์ทำให้ ไม่รู้จะออกมาหน้าตาเป็นไง

   กองดินที่ดูแปลกตา ตอนนี้มีหลังคาเป็นไม้แผ่นตอกต่อๆ กันเรียงเป็นบ้านเล็กๆ มีชื่อป้ายชื่อปุยเมฆติดอยู่ด้านหน้าด้วย เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ พี่ไฮท์ถึงทำให้ ก็ดีใจอยู่หรอก แต่มันก็สงสัย ถ้าไปถามจะโดนด่ากลับไหม ผมนั่งอยู่กับปุยเมฆอยู่นานจนพี่ไฮท์ตะโกนเรียก พอเข้ามาก็เห็นว่าของกินพร้อมแล้ว แถมหมูก็เริ่มสุกแล้วด้วย

   “เป็นไง สวยไหม ไฮท์มันทำเองเลยนะ อาไม่ได้สั่ง” คุณหมอพูดหลังจากคีบหมูเข้าปาก

   “ขอบคุณครับ” ยกมือไหว้คนที่นั่งข้างๆ

   “กูทำให้หมา ไม่ใช่ให้มึง” พี่ไฮท์ยังทำเป็นปิ้งหมู ปิ้งกุ้ง ไม่สนใจอะไร แต่พอถูกพ่อตัวเองว่าให้ว่าปากแข็งก็รีบถลึงตาใส่ “มากินบ้านคนอื่นยังให้เจ้าของบ้านปิ้งอีก ปิ้งเองเลยมึง”

   “แล้วพี่จะมาพาลผมทำไมเนี่ย”

   “กูไม่ได้พาลเว้ย”

   นี่ขนาดไม่ได้พาลยังเหวี่ยงใส่ผมขนาดนี้ ถ้าพาลคงเอาเก้าอี้ฟาดหัวผมละมั้งครับ

   มื้อค่ำที่มีแต่เสียงหัวเราะ แม้จะวุ่นวายไปบ้างแต่ก็มีความสุขดี ได้มองสองพ่อลูกเถียงกันไปมาแล้วก็พาลนึกถึงพ่อ ช่วงนี้ผมคิดถึงพ่อบ่อยมาก ชักอยากกลับบ้านแล้วล่ะสิ



   “พรุ่งนี้มึงอย่าลืมเอาใบตอบรับค่ายมาด้วยนะ” พี่ไฮท์บอกขณะผมกำลังคาดเข็มขัดนิรภัย

   “ใบตอบรับค่ายอะไร อ๋อ” เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมเอายัดใส่ในลิ้นชัก “แล้วถ้าผมไปไม่ได้ละ” กลัวว่าแม่จะไม่อนุญาต เพราะเจมส์เคยบอกว่า แม่ไม่ให้พี่ขิงเข้าร่วมกิจกรรมของมหาลัยเลย

   “แล้วแต่มึง” คำนี้ทำให้ผมเบิกตาโตมองด้วยความตกใจปนแปลกใจ เพราะผมเคยถูกชี้หน้าสั่งให้ไปอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงบอกแล้วแต่

   “ผมไม่ไปก็ได้เหรอ”

   “ก็กูบอกแล้วแต่ ถ้ามึงไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”

   “แต่ผมอยากไปนะ” พูดพร้อมหันไปมองหน้าพี่ไฮท์ “ผมจะไป”

   “ก็แล้วแต่มึง”

   ไม่รู้ตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นมุมปากนั้นยกนิดๆ

   พี่ไฮท์ขับรถมาส่งผมที่บ้าน เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอมาตลอดทาง จนมาถึงหน้าบ้านที่ตอนนี้ไฟเปิดสว่าง

   “ขอบคุณที่มาส่งครับ”

   “เออ” ช่วงที่ผมกำลังจะปิดประตู พี่ไฮท์ก็โพล่งออกมาอีกรอบ “อย่าลืมใบค่ายพรุ่งนี้” พูดจบก็หันไปทำหน้าตรง ดูตลกดีนะครับ นี่ผมต้องย้อนกลับไปคิดว่า คนๆ นี้ก็เป็นคนดีอีกรอบแล้วใช่ไหม

        พอรถคันสวยนั่นลับตาไป ผมก็เดินเข้าบ้าน ลุงคนขับรถบอกแม่รอผมอยู่เพราะโทรหาแล้วผมไม่รับ ที่จริงปิดเครื่องไว้ต่างหาก เดินเข้าบ้านก็เจอแม่ที่ปรี่เข้ามาหาพร้อมหยิกแขนริ้วจนต้องร้องโวยวาย

   “หายไปไหนมาฮะขมิ้น แม่โทรหาจนมือจะหงิกอยู่แล้ว”

   “แม่มีอะไรกับผมเหรอ”

   “ก็เป็นห่วงน่ะสิ หายไปทั้งวัน รถก็ไม่ได้เอาไป แล้วนี่กลับมายังไง”

   “รุ่นพี่มาส่ง แม่ครับ รอแปบนะ” พอหน้าพี่ไฮท์ลอยแวบมา ผมก็รีบวิ่งขึ้นชั้นสองไปค้นหาใบขออนุญาตของผู้ปกครองที่จะใช้สำหรับการไปค่ายของคณะ “แม่เซ็นให้หน่อย”

   “เซ็นอะไร”

   “ผมต้องเอาไปให้คณะ เขาจะไปออกค่ายอาทิตย์หน้า”

   “แม่ไม่ให้ไป”

   “ทำไมล่ะ ผมอยากไป”

   “ขมิ้นไม่รู้เหรอ ไปออกค่ายทีหนึ่งต้องเจอกับอะไรบ้าง ไหนจะอากาศร้อนๆ หนาวๆ ไหนจะแดดอีก หน้าเป็นฝาพอดี ไม่ต้องไป พี่ขิงยังไม่เคยไปเลย”
 
   “นั่นมันพี่ขิง แต่ผมอยากไป ถึงหน้าผมจะเป็นฝาหรือสิวจะขึ้นก็ไม่เห็นเป็นไร”

   “แต่อาทิตย์หน้า แม่นัดเขาถ่ายหนังสือแล้วนะ” ผมย่นคิ้วทันทีที่แม่ว่า แถมไม่ยอมรับกระดาษที่ผมยืนให้เลย “เรื่องค่ายมันไร้สาระ เงินก็ไม่ได้ แถมผิวเสียอีก เลิกคิดซะ”

   “แม่ไม่ให้ไป ผมก็จะไป ผมไม่ใช่พี่ขิงที่จะต้องรักษาผิวตัว ผิวหน้า แม่ก็รู้นี่ ว่าผมนิสัยเหมือนใคร”

   “ใช่สิ แกมันเหมือนพ่อแกนี่ ทั้งซื่อ ทั้งดื้อ ทั้งบ้า”

   สุดท้ายแม่ก็ยอมเซ็นเอกสารให้ แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม ที่ผมอยากไปไม่ใช่เพราะถูกพี่ไฮท์สั่ง แต่เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตผมก็อยากไปออกค่ายกับมหาลัย อยากใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาจริงๆ เขา อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในสิ่งที่หลังจากนี้ผมจะไม่ได้สัมผัสมัน ดังนั้น ผมต้องเก็บเกี่ยวทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำก่อนจาก







   “ค่ายของเรานะคะ จะมี บลาๆๆๆๆ” เสียงอธิบายของรุ่นพี่หน้าห้อง ผมนั่งสัปหงกอยู่ข้างเจมส์ ทั้งที่เมื่อคืนก็นอนแต่หัววันแล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังไงง่วงก็ไม่รู้ “แล้วก็ อย่าลืมส่งใบขออนุญาตจากผู้ปกครองด้วยนะคะ”

   เสียงพูดยังแว่วเข้ามาปลุกให้ผมรู้ตัวเป็นระยะ แต่ที่ทำให้ตื่นคงจะเป็นแรงจิ้มที่หัว มันเหมือนถูกปากนกกำลังจิกอยู่หลายรอบ ปัดออกก็ยังโดนอีก ในที่สุดก็ต้องลืมตาแล้วเงยหน้าขึ้นดู

   “ไหนใบของมึง” ผมมองมือที่ยื่นมาตรงหน้าด้วยความงง แต่พอสบตาดุนั่นก็แทบควักใบที่เตรียมมาให้ทันที ขนาดไม่พูดยังด่าด้วยสายตา คนอะไรกัน

   “พี่ไม่เก็บของผมเหรอ” เสียงเจมส์มันพูดขึ้น พี่ไฮท์ปรายตามองนิ่งๆ “อ่อ ลืมไป ของผมอยู่ที่พี่บิ๊ก” แล้วมันก็หดหัวเหมือนเต่าตอนพี่ไฮท์เดินผ่าน โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะแน่

   “ต้องเอาอะไรไปบ้างวะ กูไม่เคยไปเลย” ผมเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา เจมส์มันก็ขำๆ ก่อนจะยื่นกระดาษมาให้ “อะไร”

   “จดสิ กูจะบอก”

   “จริงจังไอ้เชี่ย”

   ถูกกวนใส่เฉย

   “ก็เอาแค่เสื้อผ้า ข้าวของที่จำเป็น และที่สำคัญที่สุดคือ ใจ” เจมส์ตบอกด้านซ้ายตัวเองปักๆ “ใจเนี่ย สำคัญที่สุด ถ้าไม่พกใจไป มึงก็จะตาย”

   “แล้วถ้ากูทำหล่นระหว่างทางล่ะวะ”

   “ใจมึงก็จะ..หายไปเลย หายไปในอากาศ”

   แล้วเราสองคนก็ขำมุกห้าบาทสิบบาทของกันและกัน ผมว่ามันต้องสนุกแน่ การไปค่ายครั้งนี้ แม้โครงการคือการไปสร้างห้องสมุดและห้องน้ำให้เด็กที่อยู่พื้นที่ทุรกันดารก็เถอะ แต่ดูน่าสนุกจริงๆ
 
   “ว่าแต่ ทำไมแม่มึงถึงให้ไปล่ะ”

   “ก็กูไม่ใช่พี่ขิง ไม่ต้องรักษาผิวหน้า ผิวตัวเพื่อถ่ายแบบนี่หว่า”

   “ก็จริงของมึง แล้วที่มึงบอกไอ้ขิงติดต่อกับแม่มึงตลอดนี่ยังไงวะ หรือมันกำลังจะกลับมาแล้ว”

   “กูก็ไม่รู้ พี่หมูหวานเล่าแค่นั้น”

   “มิน่า ถึงได้มาดักรอมึงถูกที่ เพราะแม่มึงบอกนี่เอง” แล้วเจมส์มันก็มีสีหน้าแปลกๆ ดูอ้ำอึ้งจนน่าสงสัย

   “อะไร ปวดขี้เหรอ”

   “เปล่า กูแค่คิดว่า แค่คิดนะเว้ย คือทำไมแม่มึงถึงดูรักไอ้ขิงมากกว่า ทั้งที่รู้ว่ามึงอยู่ในคราบไอ้ขิงต้องลำบากแค่ไหน แถมตอนนี้ก็ติดต่อมันได้แล้ว ก็น่าจะให้รีบกลับมา กูพูดแบบนี้มึงอย่าโกรธกูนะ”

   “กูไม่โกรธหรอก เพราะกูก็คิดแบบนั้นแหละ”

   “มึง...เสียใจปะว่ะ”

   “ก็นิดหน่อย จะไม่เสียใจเลยก็คงไม่ใช่ มันเจ็บนิดๆ ว่ะ”

   “เจ็บนิดๆ นะ เจ็บนิดๆ นะ เจ็บเหมือนมดกัดนิดเดียว”

   “แสบเล็กๆ นะ แสบเล็กๆ อีกสักแป๊บก็หายไป”

   “พวกมึงจะต่อเพลงกันอีกนานไหม ทำไมไม่ฟังเขาอธิบายเรื่องค่าย”

   แตกฮือสิครับ กำลังร้องเพลงเข้าขากันอยู่แท้ๆ เสียงโหดของพี่ไฮท์ก็ดังขัดจนต้องรีบหันหน้ายืดคอมองตรง แต่ก็อดขำไม่ได้ จากที่เศร้ากลายเป็นเรื่องตลก แล้วก็ถูกสั่งให้นิ่ง หลายอารมณ์ในคนๆ เดียว ไอ้ขมิ้นจะเริ่มบ้าแล้วครับ

   พอคุยเรื่องค่ายเสร็จ ผมก็ชวนเจมส์ไปหาอะไรกิน แม้ตอนเที่ยงเราจะกินแบบจัดเต็มมาแล้วก็ตาม เด็กวัยกำลังโตก็เป็นแบบนี้แหละครับ

   “ไปไหน” พอก้าวขาออกจากห้อง เสียงตะโกนถามดังมาจากหน้าห้อง ตอนนี้ไม่ใช่แค่ผมหรือเจมส์ที่ชะงัก แต่เป็นทุกคนที่กำลังจะออกห้องพากันหันไปมองคนถามด้วยความสงสัย

   “มึงเรียกใครก็ออกชื่อด้วยสิวะไอ้เชี่ยไฮท์ ทำทุกคนตกใจ รวมกูด้วยไอ้ห่า” พี่ตัวแห้งแหวเพื่อนตัวเอง

   แต่ผมว่า ไม่ต้องพูดชื่อก็พอรู้ ก็พี่ไฮท์เล่นจ้องมาที่ผมอยู่ตอนนี้ ขนาดเพื่อนด่ายังไม่ละสายตาไปมอง รู้สึกขนลุกชอบกล

   “พี่ถามผมเหรอ” แล้วก็ต้องเดินกลับไปหา พี่ไฮท์พยักหน้านิดๆ ก่อนก้มเก็บเอกสารของทุกคน “ผมจะไปกินข้าว พี่มีอะไรหรือเปล่า” ถามทั้งที่อีกคนก้มหน้าก้มตาเรียงเอกสาร

   “เปล่า กูถามเฉยๆ”

   ได้ยินปุ๊บ ผมถึงกับหันไปมองหน้าเจมส์ มันก็ตีหน้างงเหมือนกัน

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปนะครับ”

   “ก็ไปสิ กูไม่ได้ล่ามไว้”

   “อ่า ครับ”

   ทุกคนดูไม่เข้าใจ แม้แต่พวกเพื่อนพี่ไฮท์ที่ยืนอยู่ด้วยยังพากันตีหน้างง ผมเลยถือโอกาสยกมือไหว้ลาแล้วรีบเดินออกมากับเจมส์ พอพ้นจากห้องนั้น เจมส์มันก็รั้งตัวเองจนผมสงสัย

   “พี่ไฮท์แปลกไปหรือเปล่าวะ”

   “แปลกยังไง”

   “ก็พูดกับมึงดีขึ้นไง”

   “ใช้ตาตุ่มมองหรือเปล่า ตรงไหนที่พูดดีกับกู” พูดทีเหมือนจะกินหัวผมอยู่แล้ว

   “มึงไม่สังเกตเหรอ ช่วงก่อนพี่ไฮท์แทบจะฆ่ามึงด้วยซ้ำ มาตอนนี้กลับดูสนใจมึง กูเห็นพี่เขามองมึงตลอดเลย”

   “ไม่ต้องมาเสี้ยม กูไม่หลงหรอก”

   “จริงๆ หรือว่าพี่เขาจะสงสัยว่ามึงไม่ใช่ไอ้ขิง เลยทำตัวเปลี่ยนไป”

   พอเจมส์พูดขึ้นมา ทำให้ผมนึกถึงตอนที่พี่ไฮท์ว่าไว้ ว่าอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนในเรื่องที่ผมกำลังทำ

   “ไม่หรอกมั้ง เขาคงจับไม่ได้หรอก”

   “มึงว่าพี่ไฮท์เขาโง่เหรอ เชี่ย” ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ๆ ตัวของเจมส์ก็ปลิวไปด้านหน้า พอหันไปมองก็เจอสิ่งที่ทำให้เพื่อนของผมลงไปนั่งกองที่พื้น “พี่ไฮท์ถีบผมทำไมเนี่ย”

   “มึงด่ากูว่าโง่ กูได้ยินเต็มสองรูหู”

   “ผมไม่ได้ด่าสักหน่อย แต่เปรียบเปรยเฉยๆ”

   “เปรียบเรื่อง?”

   “ก็เรื่อง....”

   “จะถามมันทำไมให้มากความ ไปๆ กินข้าว กูหิว”

   เหมือนพ่อพระมาโปรด พี่บิ๊กเดินเข้ามาดึงเจมส์ให้ลุกขึ้นแล้วกอดคอพาเดินหนีไป ปล่อยให้เพื่อนตัวเองถลึงตาใส่ตามหลัง ก่อนตาดุๆ นั่นจะตวัดมามองผม

   “ไม่ไปหรือไง”

   “ก็ทำไมต้องตวาดด้วย”

   “กูตวาดตอนไหน”

   “ตอนนี้ เมื่อกี้เลย”

   “ปากดีนักนะ ไปค่ายอย่าลืมปากดีแบบนี้ด้วย”

   ทำไมรู้สึกว่าผมไม่ควรไปวะ จะโดนฆ่าหมกป่า หมกน้ำหรือเปล่า ยิ่งเดาใจยากอยู่

   “งั้นผมไม่ไปแล้วดีกว่า”

   “ลงชื่อแล้วเปลี่ยนใจไม่ได้เว้ย”

   “แต่หมายเหตุด้านล่างบอกถอนตัวได้ ผมเห็น”

   “แต่กูไม่เห็น”

   แล้วคนมองไม่เห็นหมายเหตุก็เดินผ่านหน้าผมไป ผมกำลังถูกตีรวนอยู่ใช่ไหมครับ ไปเข้าค่ายครั้งนี้ คงต้องพกยาไปเยอะๆ ลางสังหรณ์มันบอกผมไว้แบบนั้น ว่าต้องถูกจัดหนักจากคนที่เกลียดพี่ขิงเข้าไส้อย่างพี่ไฮท์แน่นอน ตายแน่ไอ้ขมิ้นเอ้ย

   หรือผมต้องพกพระไปด้วย จะได้กันพี่ไฮท์ได้ แต่พี่ไฮท์ไม่ใช่ผีนี่หว่า...แต่ก็เหมือนล่ะวะ ผลุบๆ โผล่ๆ พูดแล้วขนลุก



...TBC

พี่ไฮท์กับผี ใครจะน่ากลัวกว่ากันน้อ~~
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-01-2018 19:48:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 25-01-2018 20:21:33
เบื่อแม่กับขิง ต้องหาเรื่องอะไรให้ขมิ้นรับกรรมแทนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 25-01-2018 20:40:08
ขิงหายไปไหนนะ
ส่วนพี่ไฮ เริ่มหลุดแล้วนะพี่
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 25-01-2018 21:01:27
ยังไม่หายคิดถึงเลย ว่าแต่พี่ไฮท์คงจะรู้แล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 25-01-2018 21:04:27
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 25-01-2018 21:57:10
เตรียมแพคกะเป๋าไปออกค่ายกับพี่ไฮน์น้องขมิ้นล่ะคร่า... :-[ :impress2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 25-01-2018 22:20:22
เตรียมตัวไปค่ายกับขมิ้น    :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-01-2018 23:11:08
ค่ายสร้างรัก อิอิ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: bungg ที่ 26-01-2018 11:31:36
เก็บกระเป๋าแล้วเตรียมแอบขึ้นรถไปค่ายด้วยคนดีกว่า ค่ายนี้มันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 26-01-2018 13:06:00
พี่คงแอบได้ยินน้องพูดกับเจ้าปุยแน่
บอกชื่อขมิ้นๆ เต็มๆ แบบนี้
รู้ตัวซะที คนละคนกัน
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-01-2018 08:34:49
ไฮท์ก็ลมเพลมพัดมากนะคะ
ข่มน้องจัง กลัวไม่ได้คุมน้องล่ะสิ กะจะอยู่ใกล้ตลอดใช่ไหม

ขมิ้นน่าสงสารนะ เจอแม่เป็นแบบนี้
ถึงตอนอยู่กับพ่อจะมีน้อย แต่น้องก็มีความสุขดี

บ้านไฮท์คือชอบขมิ้นชัวร์ 5555 เหมือนมีหลายคนเนาะ

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 11] [P.3] // {25/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 27-01-2018 08:43:15
สงสารขมิ้นจังงง
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 30-01-2018 12:44:14

-12-

       



       วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว แป๊บๆ ผมก็เป็นพี่ขิงเกือบสองเดือนแล้ว แต่ละวันที่ผ่านไปนั้นช่างลำบากยากเข็ญเสียจริง หากไม่ได้เพื่อนรักอย่างเจมส์คอยช่วย ผมคงจบเห่ไปตั้งแต่วันแรกๆ

   “นี่มึงไปค่ายหรือไปต่างประเทศวะ” เจมส์ทักหลังจากเห็นผมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มากองรวมกับคนอื่นๆ ที่ข้างรถทัวร์

   “ก็แม่น่ะสิ เอาของยัดมาให้ มีแต่ครีมบำรุงผิว” ตีหน้าเซ็งมองกระเป๋าใบใหญ่ที่แม่ให้ยืมมา “รู้ทั้งรู้ว่ากูไม่ใช่พี่ขิง ไม่ต้องบำรุงผิวมากก็ได้”

   “ตราบใดที่ไอ้ขิงยังไม่กลับมา มึงก็ต้องใช้หน้าตาที่เหมือนนี่ทำงานไง หน้าด้านๆ ใครจะมาจ้าง”

   ผมเบือนหน้าหนีด้วยความเบื่อ ก่อนรุ่นพี่จะเรียกไปรวมเพื่อเช็คชื่อ วันนี้ดูทุกคนผ่อนคลายพูดคุยเฮฮากัน ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง คงจะมีแค่ผมที่แปลกแยก เพราะไม่มีใครกล้ามายืนข้างๆ นอกจากเจมส์ ผมว่าผมก็ไม่ได้หน้าตาน่ากลัวนะ

   “ใครเช็คชื่อแล้วขึ้นรถเลยนะคะ ขึ้นรถตามรายชื่อเลยนะคะ” รุ่นพี่ผู้หญิงพูดผ่านโทรโข่ง ผมกับเจมส์มองหน้ากันนิดๆ ก่อนจะเดินไปที่รถทัวร์คันถัดจากที่ยืนอยู่

   บนรถที่ผมขึ้นมาบรรยากาศก็คึกคักเหมือนคันอื่นๆ แต่ที่ดูต่างไปคงเพราะทั้งคันมีแต่ปีสาม มีผมกับเจมส์สองคนที่หลงมาอยู่คันนี้ ตอนนี้เลยโดนจ้องกันหนักจนอยากฝังร่างไปกับเบาะ

   “กูว่า พวกเราย้ายไปนั่งคันหน้าดีไหมวะ”

        เจมส์มันกระซิบกระซาบซึ่งผมก็เห็นด้วย พอดีจังหวะที่รุ่นพี่คนเช็คชื่อเดินขึ้นมาบนรถ ผมก็เลยรีบถาม

   “พี่ครับ ชื่อพวกเราอยู่ผิดคันหรือเปล่าครับ” ถามเสร็จพี่เขาก็รีบเอาใบรายชื่อออกมาดู

   “ชื่อน้องขิงกับน้องเจมส์อยู่คันนี้นะ นี่ไง” ผมยื่นหน้าไปดู มีชื่อผมกับเจมส์จริงๆ ด้วย “ตอนแรกพี่ก็แปลกใจทำไมน้องถึงมานั่งกับปีสาม”

   “งั้นถ้าพวกเราสองคนจะขอไปขึ้นคันอื่น...”

   “เอ พี่ไม่มีอำนาจตัดสินใจด้วยสิ อ๊ะ ไฮท์มาพอดี ลองถามไฮท์ดูนะ เขาเป็นรองประธานค่าย”

   รุ่นพี่พูดปุ๊บ ผมก็หันไปมอง พอดีกับพี่ไฮท์เงยหน้าขึ้นมาทำให้เราสบตากัน ดวงตาดุจ้องผมไม่กระพริบ เป็นผมเองที่หลบตาก่อน

   “มีอะไร” พี่ไฮท์เดินถือกระเป๋ากีต้าร์มาหยุดตรงที่ผมนั่งอยู่ “ทำไมเหรอกาน”

   “พอดีน้องขิงเขาถามกู ว่าทำไมน้องเขาถึงมานั่งรวมปีสาม และจะขอย้าย กูเลยบอกให้ถามมึง” เสียงหวานยามพูดกับผมเปลี่ยนเป็นห้าวจัดจนผมอึ้ง “มีอะไรก็ถามเพื่อนพี่เลยนะน้องขิงสุดหล่อ”

   “ขอบคุณครับ เอ่อ...”

   ผมยกมือไหว้ขอบคุณ แต่รุ่นพี่สาวกลับยื่นมือมาตบแก้มผมเบาๆ พร้อมขยิบตา ทำเอาตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ตกใจเท่าคนที่ถือกีต้าร์กำลังมองผมเหมือนตำหนิ

   อย่าบอกว่าพี่ไฮท์หึงพี่ผู้หญิงคนนี้ ฉิบหายแล้วไง

   “อ่อยเรี่ยราดนะมึง” พี่ไฮท์ว่าเบาๆ “กูเป็นคนเขียนชื่อมึงเอง ทำไม นั่งรวมกับพวกกูไม่ได้หรือไง”

   “นั่งได้ ผมแค่สงสัยเฉยๆ เอง ใช่ไหมมึง” พี่ไฮท์ปรายตามองเจมส์เมื่อผมหันไปขอแนวร่วม ก่อนเลื่อนสายตากลับมาจ้องผมตามเดิม “เปลี่ยนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมนั่งนี่ก็ได้”

   “เรื่องมาก มานั่งกับกูนี่”

   ยังไม่ทันได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ ผมก็ถูกดึงแขนให้ลุกขึ้นพร้อมกับดันให้เข้าไปนั่งเก้าอี้อีกแถวแทน เจมส์ดูตกใจคราแรก ก่อนจะกลับมายิ้มแย้มเพราะคนที่มานั่งแทนผมคือพี่บิ๊ก

        นี่เห็นความรักดีกว่ามิตรภาพงั้นเหรอ 

   “พี่ไม่อึดอัดเหรอ ที่นั่งกับคนที่พี่เกลียดขี้หน้า” ลองถามเผื่อพี่ไฮท์จะเปลี่ยนใจไปนั่งคู่พี่บิ๊กแทน

   “ก็ไม่นี่” เป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงว่าจะได้ยิน พี่ไฮท์ให้ผมนั่งติดหน้าต่าง ส่วนตัวเองนั่งด้านนอก กีต้าร์โปร่งที่ถือมาถูกวางไว้ช่องด้านบน “พ่อกูฝากมาให้” ผมมองกล่องข้าวเล็กๆ ที่อยู่ในมือพี่ไฮท์ด้วยความงงงวย “รับไปสิ หรือว่าไม่เอา”

   “ขอบคุณครับ” รีบรับมาก่อนพี่แกจะโวยวาย ผมลองแง้มดูด้านในมันคือข้าวผัดกับไข่ดาว กลิ่นหอมที่โชยออกมาเรียกเสียงโครกครากในท้องจนต้องรีบเปิดฝาแล้วตักข้าวเข้าปาก “พี่ไฮท์กินข้าวมาหรือยังครับ” รู้สึกเหมือนถูกจ้อง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอจริงๆ

   “ยัง” สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ

   “กินด้วยกันไหม” ยังไม่ได้ทันได้ยื่นกล่องข้าวให้ก็มีมือใหญ่โฉบมาแย่งช้อนจากมือผม พี่ไฮท์ตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ เสร็จแล้วก็ยื่นช้อนคืนผม “เอ่อ แบบนี้ก็ได้เหรอครับ”

   สรุปแล้ว ข้าวกล่องนั้นเราก็แบ่งกันกินจนหมด มันก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรหากไม่ถูกคนอื่นๆ แอบมอง ขนาดเจมส์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าผม มันยังโผล่ลูกตามามอง พวกเขาคงไม่คิดว่าบรรยากาศรอบตัวผมมันดูม่วงๆ ใช่ไหม ช่วงที่ลอบมองคนอื่น คนข้างๆ ผมกลับลุกขึ้นยืน

   “พี่ไปไหน” ไม่ได้อยากรู้หรอกนะครับ แต่สงสัยเฉยๆ

   “หิวน้ำ” พูดจบก็เดินไปด้านหลัง และกลับมาพร้อมน้ำขวดเล็ก ผมมองพี่ไฮท์ยกขวดน้ำนั่นดื่มแล้วก็รู้สึกกระหาย “อยากกิน?” ผมไม่ตอบ แต่พยักหน้าแทน “อะ” รับขวดน้ำปุ๊บก็ยกดื่มจนหมด ดีที่คนดื่มก่อนเหลือไว้ให้ตั้งครึ่งขวด

   “เชี่ยเอ้ย กูสั่งกาแฟหวานน้อย ร้านนี้แม่งใส่น้ำตาลผสมน้ำเชื่อมให้กูอีก หวานเลี่ยนจนอยากจะอ้วก”

        เสียงลอยมาจากเบาะด้านหลัง คนพูดคือรุ่นพี่ตัวผอมที่ชื่อแน่ ปากก็บ่นเรื่องกาแฟหวาน แต่แก้วในมือนั่นคือชาเขียวนะครับ ส่วนพี่ไฮท์ทำนิ่งไม่สนใจเสียงเพื่อนของตัวเอง ต่างจากผมที่นั่งสอดสายตามองไปทั่ว รู้สึกกังวลแปลกๆ

   “นั่งนิ่งๆ ไม่เป็นหรือไง หันไปมาอยู่ได้ กูเวียนหัว”






   
   บนรถทัวร์ปีสาม แรกๆ เหตุการณ์ก็จะเงียบๆ นิ่งๆ เพราะต่างคนต่างหลับ แต่พอตื่นกันปุ๊บ รถทั้งคันก็เหมือนตู้เพลงเคลื่อนที่ ทั้งเสียงกลอง เสียงร้องที่เข้าจังหวะบ้าง ไม่เข้าบ้างแล้วแต่คีย์เสียงของแต่ละคน ส่วนผมที่เผลองีบไปก็ตื่นเต็มตาเช่นกัน จะมีแค่คนที่นั่งข้างผมที่ยังไม่ตื่น แถมยังเอนศีรษะมาพิงไหล่ผม เอาซะไม่กล้าขยับเขยื้อน จะหัวเราะทีก็ต้องกลั้นไว้

   “ฮัลโหลๆ เทสๆ มือกีต้าร์สุดหล่อในสามโลกอยู่ไหน ปรากฏตัวด่วน โหลๆ” พี่แน่พูดออกไมค์ ทุกคนในรถก็เริ่มเหลียวซ้ายแลขวาหามือกีต้าร์ที่ว่า จนสายตาทุกคู่พุ่งมาที่ผม ไม่สิ คนข้างผมที่หลับไม่รู้เรื่อง “แหม ก็ว่าทำไมเงียบ ที่แท้ก็หลับนี่เอง คงจะฝันหวานจนไม่อยากตื่น” เสียงกลองรัวรับจนผมละอยากหายตัวจมไปในเบาะ

   “แบบนี้หรือเปล่าวะ ที่เขาว่า สุดแค้น แสนรัก” เสียงรุ่นพี่ในรถตะโกนมา เรียกเสียงโห่ได้รอบคัน

   “มึงอย่าไปแซวเขา เดี๋ยวเขาอาย เห็นไหมๆ นายแบบสุดฮอตเขาหน้าแดงแล้ว” พี่แน่พูดจบ เสียงโห่ดังกว่าเดิมอีกหลายเท่า

   “ตาดีนะมึงไอ้เชี่ยแน่ อยู่ท้ายรถแต่เสือกเห็น” พี่บิ๊กตะโกนว่าให้เพื่อนตัวเอง คนตาดีเลยถูกหัวเราะใส่

   “ก็กูเก่งสมกับฉายา กูแน่แช่แว๊บ” แล้วพี่แน่แกก็ร้องเพลงแช่แว๊บ มีเสียงกลองตีรับเป็นจังหวะด้วย น่าจะซ้อมกันมาก่อน หรือไม่ก็ สนิทจนรู้ใจ

   จากที่คอยหลบสายตาคนอื่น ตอนนี้ผมหัวเราะเสียงดังพอๆ กับรุ่นพี่ทั้งรถ และผมคงจะหัวเราะแรงไป พี่ไฮท์เลยขยับทำให้ผมรีบยืดตัวตรง คนหลับค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา

   “กูหลับ”

   “กรนดังด้วย”

   “ตอแหล”

   ตื่นมาก็ด่ากันเลยนะ รู้งี้ไม่ให้พิงไหล่ซะก็ดี

   พี่ไฮท์ตื่นแล้วแต่ก็ไม่ยอมไปเล่นกีต้าร์ให้ตามคำเรียก สัตว์มากมายเลยถูกพ่นออกมาจากปากพี่แน่ เรียกเสียงหัวเราะลั่นรถ แม้แต่ผมยังต้องแอบขำ ขืนออกเสียงถูกบีบคอพอดี รถทัวร์สามคันกับรถตู้วิ่งเข้าพักรถที่ปั้มน้ำมัน ดูทุกคนจะพร้อมใจวิ่งลงจากรถแล้วพุ่งไปห้องน้ำ รวมทั้งผมด้วย

   พอได้ปลดปล่อยก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายจนท้องเริ่มร้อง ภายในปั้มมีทั้งร้านสะดวกซื้อ ศูนย์อาหาร แต่ที่ผมสนใจคือร้านขายลูกชิ้นปิ้ง กลิ่นหอมที่โชยมาทำเอาท้องร้องดังกว่าเดิม พอชั่งใจว่าจะซื้อดีไหม รุ่นพี่ก็ตะโกนให้ขึ้นรถ เลยได้แต่มองตู้ลูกชิ้นตาละห้อย

   หิวว่ะ

   เดินขึ้นรถด้วยความเสียดาย ผมน่าจะตัดสินใจซื้อตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำ ไม่สิ ควรจะสั่งไว้ก่อนเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ
 
   “หือ” ครางออกมาเมื่อเจ้าของเบาะข้างๆ นั่งลงพร้อมยื่นถุงลูกชิ้นปิ้งมาให้ “พี่ให้ผมเหรอ”

   “เออ กูกินไม่หมด” แม้จะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่เห็นว่ามีไม้เปล่าสักอัน แถมลูกชิ้นยังร้อนๆ อยู่เลย

   “ขอบคุณครับ”

   พี่ไฮท์ไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าให้นิดๆ เมื่อรถเริ่มเคลื่อน ผมก็เริ่มกัดลูกชิ้น เวลาหิวนี่อะไรก็อร่อยหมดจริงๆ ครับ ขนาดแตงกวาที่เขาให้มายังอร่อย

   “มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เสียงคนข้างๆ ลอยถามมา ผมก็รีบพยักหน้า ปากยังเคี้ยวลูกชิ้นตุ้ยๆ “มันก็เหมือนร้านอื่นๆ นั่นแหละ”

   “พี่ลองกินสิ” ยื่นถุงลูกชิ้นให้ แต่พี่ไฮท์ไม่หยิบลูกชิ้นจากถุง มือใหญ่ยื่ยมาดึงข้อมือผมไป แล้วก้มกัดลูกชิ้นเสียบไม้ในมือผมแทน “พี่นี่...” พูดไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อเจอสายตาดุช้อนมอง

   “ก็งั้นๆ แหละ” คนเคี้ยวลูกชิ้นบอก แต่ก็แย่งกินไปหลายไม้ ใครวะที่บอกกินไม่หมดเลยเอาให้


        ตึกรามบ้านช่องเริ่มมีน้อยหลังเมื่อรถวิ่งใกล้ถึงจุดหมาย ค่ายของคณะเลือกไปซ่อมแซมห้องสมุดกับสร้างห้องน้ำใหม่ให้เด็กๆ ในจังหวัดหนึ่งของภาคตะวันตก ผมไม่เคยมาเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ เพราะชีวิตมีแค่งานกับบ้านแค่นั้น 

   “มึงจะขยับทำไมเนี่ย” เสียงขุ่นดังขึ้น เรียกให้หันไปหา พี่ไฮท์ย่นคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจคงเห็นผมยุกยิกอยู่ไม่เป็นสุขละมั้ง
 
   “ก็ผมตื่นเต้น” บอกตามความจริง ยิ่งใกล้ถึงยิ่งเหงื่อออก นี่ผมกำลังจะมีประสบการณ์เข้าค่ายกับมหาลัยครั้งแรกในชีวิต

   “แน่ล่ะสิ ก็มึงไม่เคยมาเข้าค่ายกับมหาลัยนี่” ที่พี่ไฮท์พูดก็ถูก พี่ขิงไม่เคยมาเข้าค่ายหรือทำกิจกรรมใดๆ ของคณะเลย “เตรียมตัวได้แล้ว จะถึงแล้ว”

   ผมย่นหน้าหลังจากถูกดุ ก่อนหันไปมองด้านนอกแทน สองข้างทางเริ่มมีบ้านคนที่ทำจากไม้หลังเล็กๆ เรียงรายอยู่เมื่อเริ่มเข้าเขตหมู่บ้าน 

   “พี่ๆ หมู” รีบสะกิดแขนพี่ไฮท์ยิกๆ เมื่อเห็นลูกหมูสีดำวิ่งตามถนนดินสีแดง “โคตรอ้วน” ไม่มีคำพูดตอบกลับ มีแค่เสียงขำในลำคอเบาๆ เท่านั้น



   ไม่นานรถทัวร์สามคันกับรถตู้ก็วิ่งเข้าจอดในลานกว้างใกล้โรงเรียน ลานนี้จะใช้สำหรับกางเต็นท์นอนในส่วนของผู้ชาย ส่วนของผู้หญิงแยกไปนอนในโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย ผมเดินนำหน้าพี่ไฮท์ลงมาจากรถ มือก็ถือกีต้าร์ให้เพราะเจ้าของต้องช่วยเพื่อนคนอื่นขนน้ำกับอาหารลงจากรถ

   “โคตรเมื่อย” เจมส์บิดขี้เกียจพลางบ่น ผมก็เป็นแค่ไม่บ่นออกมา

   “กูตื่นเต้นว่ะ” สอดสายตามองไปรอบๆ ตอนนี้ทุกคนทยอยลงจากรถหมดแล้ว แถมยังเริ่มเดินเข้าไปในตัวโรงเรียนที่อยู่ข้างๆ “แล้วพวกเรานอนกันยังไงวะ”

   “คณะมีเต็นท์ให้ยืม เดี๋ยวพอไปคุยกับพวกครูเสร็จก็ค่อยมากางเต็นท์” เจมส์บอกย่อๆ มันคงมาบ่อยดูไม่ตื่นเต้นเหมือนผมเลย “ไปเถอะ”

   แล้วทุกคนก็เดินไปรวมกันหน้าสนามหญ้าแห้งๆ ของโรงเรียน มีครูและนักเรียนตัวเล็กกำลังยืนยิ้มรอต้อนรับอยู่ เด็กหลายคนที่ยืนตรงหน้าเนื้อตัวดูมอมแมม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ดูเก่าและขาด แถมบางคนยังไม่มีรองเท้าอีก คงเพราะความห่างไกลจากตัวเมืองหลายร้อยกิโลเมตรทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีความเจริญมากนัก แต่ยังดีที่น้ำและไฟเข้าถึง

   “ทางโรงเรียนของเราขอต้อนรับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์นะครับ และขอขอบคุณที่ทุกคนตั้งใจมาซ่อมแซมห้องสมุดและสร้างห้องน้ำสะอาดๆ ให้กับนักเรียนและโรงเรียนของเรา วันนี้ทุกคนคงจะเหนื่อยกับการเดินทาง โรงเรียนของเราเลยทำอาหารไว้ต้อนรับ เป็นอาหารแบบบ้านๆ ไม่เหมือนโรงแรมในเมือง หวังว่าทุกคนคงจะพอทานได้นะครับ”

        ครูใหญ่ของโรงเรียนกล่าวต้อนรับ จากที่ผมมอง สายตาของท่านเวลามองพวกเราดูตื้นตัน มีน้ำใสๆ คลอที่หน่วยตาอยู่ตลอด โรงเรียนนี้ไม่ได้ใหญ่โต มีตึกหลังเล็กๆ เป็นห้องสำหรับการเรียนการสอน แยกออกมาเป็นโรงครัว พอมองมาอีกด้านก็เป็นห้องสมุดที่ดูเก่า สีรอบห้องหลุดลอกจนเห็นเนื้อปูน แถมประตูก็ไม่มี ทำให้มองเห็นด้านในที่มีหนังสืออยู่บนชั้นและวางเรียงรายกับพื้น

   หลังจากต้อนรับและพูดคุยกันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายไปพัก พวกผู้หญิงดีหน่อยที่หิ้วกระเป๋าเข้าตึกเรียน ส่วนพวกผู้ชายยังต้องไปกางเต็นท์ที่จะใช้ซุกหัวนอนตลอดสองคืน เต็นท์สีเขียวขนาดใหญ่สามารถนอนได้ห้าถึงหกคน ผมช่วยเจมส์กับเพื่อนร่วมรุ่นกางเต็นท์ แม้ผมจะถูกมองแปลกๆ ก็เถอะ

   “ใครกางเต็นท์เสร็จแล้วรู้สึกหิว ไปตักข้าวกินได้ อาจารย์ไปสำรวจมาแล้ว มีไก่ทอดแล้วก็ผัดผัก ซึ่งพอสำหรับทุกคนแน่นอน” ดูเหมือนอาจารย์ประจำภาควิชาและประจำค่ายจะพูดช้าไป แค่บอกไปกินข้าวได้ ทุกคนก็พร้อมใจเฮละโลไปโรงอาหารกันหมดเพราะกลัวของจะขาด “พวกเธอสองคนไม่ไปเหรอ”

   “ไปครับ แต่คนเต็มโรงอาหารเลย” เจมส์ตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนผมจะสะดุ้งเมื่อถูกจ้อง

   “เธอกินได้ไหม กับข้าวคนธรรมดาน่ะ” พอได้ยินอาจารย์พูดคิ้วผมก็ขมวดทันที “แปลกใจนะเนี่ย ที่เธอมาด้วย” แล้วอาจารย์ก็เดินไปโรงอาหาร ปล่อยให้ผมยืนงงด้วยความไม่เข้าใจ

   “อะไรของมึง” เจมส์เห็นผมยืนนิ่งคงสงสัย

   “ก็ที่อาจารย์เขาพูดเมื่อกี้ กูรู้สึกแปลกๆ ว่ะ เหมือนเขาไม่ชอบกู”

   “คิดมากน่า อาจารย์เขาไม่รู้นี่ว่ามึงไม่ใช่ไอ้ขิง นายแบบผู้เรื่องมาก ข้าวต้องเป็นข้าวกล้อง กับข้าวห้ามทอดด้วยน้ำมัน แกงก็ห้ามใส่กะทิ” เจมส์พูดไปเบ้ปากไปจนผมหัวเราะ “ขนาดน้ำเปล่ามันยังเรื่องมาก จะเอาน้ำที่สูงกว่าอุณหภูมิห้องนิดหน่อยแต่ต้องไม่เย็น กูละปวดหัว”

   “แต่มึงก็คบมาได้นานนี่หว่า”

   “ก็กูสงสารพี่มึง แค่นี้ก็ไม่มีใครอยากคบแล้ว”

   แม้มันจะพูดติดตลก แต่แววตามันไม่ใช่ เจมส์มันห่วงและรักพี่ขิงมากเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะรักได้ ไม่รู้ทำไมพี่ขิงถึงมองไม่เห็น ภาพใบหน้าวันที่มันถูกพี่ขิงสะบัดตัวออกนั่นยังติดตาผมอยู่เลย

   “ดีแล้ว เลิกๆ คบไปซะ คนนิสัยเสียแบบนั้น มึงต้องคบคนนิสัยดีแบบกูนี่”

   “ไปกินข้าวดีกว่า”

   ดูเจมส์มันกวนผมครับ พูดจบมันก็เดินไปโรงอาหาร ผมเลยต้องรีบวิ่งไปกอดคอมัน มิตรภาพของเพื่อนไม่ได้อยู่ที่เวลา แต่อยู่ที่หัวใจมากกว่า ไม่ว่าจะเจอกันกี่เดือน กี่ปี หรือแค่วินาทีเดียวก็ตาม โรงอาหารตอนนี้แออัดมากทีเดียว แม้บางส่วนจะออกไปนั่งกินข้าวข้างนอกก็เถอะ

   “เชี่ย ไก่ทอดหมด” ผมว่าออกมาเมื่อป้าแม่ครัวของโรงเรียนตักข้าวกับผัดผักให้ ส่วนถาดไก่ทอดเหลือเพียงเศษซากเล็กๆ แทบมองไม่ออกว่ามันเคยเป็นน่องไก่มาก่อน

   “นี่เรามาช้าไปใช่ไหมวะ” เจมส์มองเศษซากไก่ด้วยความเสียดาย

   “ช้ามากด้วย”

   แล้วเราสองคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กัน ก่อนจะเดินออกไปนั่งด้านนอก ข้าวกับผัดผักก็อิ่มท้องได้เหมือนกัน รู้แบบนี้เอาบะหมี่สำเร็จรูปมาด้วยก็ดี จังหวะที่เจมส์กำลังจะตักข้าวเข้าปาก ไก่ชิ้นเล็กๆ ก็ถูกวางบนช้อน ทั้งผมและเจมส์หันไปมองด้านหลังเจอพี่บิ๊กยิ้มส่งมาให้

   “ทำไมมาช้าวะ” คำถามนี้คงไม่ได้ถามผมแน่นอน

   “ก็เก็บของเลยมาช้า” เจมส์ทำหน้าสลด 

   “ไก่ก็หมดด้วย” อดที่จะพูดแทรกไม่ได้ ผัดผักรสชาติก็ไม่ได้แย่มาก แค่มันจืดไปหน่อย

   “พวกมึงมาช้ากันเอง ไม่มีใครเก็บไว้ให้หรอก” พี่บิ๊กพูดไป มือก็แกะน่องไก่ให้เจมส์ไป ผมละสายตาจากคู่ข้างๆ มองไปรอบๆ ตัว ในจานทุกคนมีไก่ ไม่ก็กระดูกหลายชิ้น คงโกยเอาเต็มที่สินะ เหลือแต่เศษซากขนาดนั้น

   “ตาละห้อยเลยนะมึง” เสียงดังมาจากอีกด้าน ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เจอพี่ไฮท์ยืนทำหน้านิ่งอยู่ “อยากกินไก่หรือไง”

   “ไม่ใช่สักหน่อย” ตอบไปงั้น ที่จริงผมกินง่าย แค่ผัดผักก็พอแล้ว แค่อยากมองเฉยๆ ไม่ได้อยากกินไก่แบบที่พี่ไฮท์ว่า ผมยัดข้าวเปล่าเข้าปากจนแก้มตุ่ย ดีที่ข้าวหอมและนุ่มทำให้กินเปล่าๆ ก็พอไหว แต่พอจะตักอีกคำ เนื้อไก่ชิ้นใหญ่ก็ถูกวางบนช้อน “อะไร”

   “ไก่ไง เห็นเป็นหมูเหรอ”

   “พี่ให้ผมเหรอ”

   “กูกินไม่หมด หมาแถวนี้ก็ไม่มีสักตัว เลยให้มึงดีกว่า”

   “ขอบคุณที่ยังนึกเก็บไว้ให้ผม”

        พูดประชดไปอย่างนั้น แต่พี่ไฮท์กลับเงียบไป ว่าแต่ ผัดผักจืดๆ ได้ไก่รสชาติเค็มมันช่างเข้ากัน

   เมื่อทุกคนอิ่มกับมื้อเย็นกันแล้วก็ต่างคนต่างกลับที่พัก ความเมื่อยล้าจากการเดินทางกำลังเล่นงานจนอยากนอนเต็มแก่ เต็นท์ของผมก็มีเพื่อนร่วมห้องอีกสามคน ก็คนที่มองผมแปลกๆ นั่นแหละ

   “กูทำให้เขาอึดอัดหรือเปล่าวะ” แอบกระซิบถามเจมส์ขณะที่มันกำลังค้นเสื้อผ้าเพื่อจะไปอาบน้ำ เจมส์หันมามองผมก่อนเอี้ยวตัวไปมองเพื่อนคนอื่น

   “คงจะใช่ ปกติไอ้ขิงไม่เคยอยู่ร่วมกับใคร แถมไม่เคยมาแบบนี้ด้วย พวกมันก็เลยแปลกใจกันละมั้ง”

   “เป็นคนไม่เข้าพวก”

   ผมกับเจมส์เดินหอบเสื้อผ้ามาที่ห้องน้ำ ตอนนี้คนรอคิวอาบเยอะมาก ชนิดที่ว่าสามทุ่มก็คงยังไม่ได้อาบ ห้องน้ำเก่าๆ มีทั้งหมดห้าห้อง แต่ละห้องก็มีคิวยาวเหลือเกิน แต่ทำไงได้ เพื่อความสะอาดและสบายใจของเพื่อนร่วมเต็นท์ ยังไงก็ต้องรอ

   ยังโชคดีที่ผู้หญิงไปอาบน้ำที่บ้านของชาวบ้าน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่านี้แน่นอน

   ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ดวงดาวแข่งกันกระพริบเรียกให้มอง และที่มีมากแข่งกับดาวคือยุง ผมนั่งเกาขาตัวเองจนมีเลือดติดเล็บ ยุงที่นี่ดุมากแถมมาเป็นหมู่คณะ สูบเลือดทีมาเต็มขา จะตบก็ไม่รู้จะเริ่มจากตัวไหนก่อน
 
   “เจมส์ อาบพร้อมกับกูเลยไหม” ผมถามเพื่อนที่นั่งตบยุงอยู่ข้างๆ เจมส์กับคนอื่นๆ หันมามองผมกันหมด “เร็วๆ ห้องกูจะออกมาแล้ว”

   “เออๆ”

   พอห้องน้ำที่ผมรอคิวเปิดออกมา ผมกับเจมส์ก็เดินสวนเข้าไป การอาบน้ำกับเพื่อนที่เป็นเพศเดียวกันไม่มีอะไรจะต้องอายนี่ครับ ของก็มีเหมือนกัน พวกเราใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เปิดประตูออกไป ทันทีที่ประตูเปิดออก คนด้านนอกต่างก็พากันหยุดคุยหยุดเล่น สายตาทุกคู่พุ่งมาที่ผมกับเจมส์ หากเป็นหนังสือการ์ตูนตาหวาน ทุกคนคงจะมีดาวสีเหลืองแปะหางตากันทุกคน

   ความคิดในหัวก็จะมีแต่เรื่องต่ำตมกันหมด

   “มองอะไรกัน” เจมส์ว่า ในขณะที่ผมกำลังเช็ดผมที่สระเพิ่งเสร็จ “ไม่อาบต่อหรือไง”

   “เขามองอะไรกันวะ” ผมถามขณะเราเดินกลับเต็นท์

   “คงไม่เคยเห็นคนอาบน้ำด้วยกัน”

   “อาบด้วยกันมันแปลกเหรอวะ กูว่าไวดีออก คนอื่นจะได้อาบ”

   “กูก็เห็นด้วย”





   ลานกว้างมีเต็นท์หลังใหญ่กางอยู่จนเต็ม แต่ก็จะมีเต็นท์เล็กๆ ประปรายอยู่ไม่ไกล เท่าที่สังเกต หนึ่งในส่วนเล็กๆ นั่นคือเต็นท์ของพี่ไฮท์ เมื่อตอนเย็นแอบเห็นพี่แกกางคนเดียวอย่างชำนาญ

   “ทำไมรุ่นพี่บางคนเอาเต็นท์มาเองวะ” ใช้ปากบุ้ยชี้ “หรือนอนร่วมกับคนอื่นไม่ได้ หรือว่ากรนดัง หรือว่าดิ้น หรือว่า....”

   “อยากรู้ขนาดนั้น?”

   เสียงที่ถามมาไม่ใช่เสียงเจมส์ เจ้าของเสียงยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้านิ่งๆ ทำเอาผมต้องรีบเดินหนี หากไม่ติดว่าถูกดึงผ้าเช็ดตัวไว้ทำให้ไปไหนไม่ได้

   “ผมแค่สงสัย ไม่ได้อยากรู้”

   “มึงก็เคยนอนกับกูแล้วนี่” 

   “ฮะ?”

   “โอ้”

   ตาแทบถลนเมื่อได้ยินพี่ไฮท์ว่า มันเป็นประโยคสองแง่สองง่าม หากใครได้ยินคงเอาไปตีความผิดๆ แน่ เหมือนเจมส์ตอนนี้ที่มันกำลังทำจมูกบาน
 
   “หรือมึงร้องไห้จนจำไม่ได้ อยากนอนกับกูอีก ก็ได้นะ”

   “ไม่ๆ ผมนอนกับเพื่อนได้”

   “ก็มึงจะได้หายสงสัยไง ไม่ดีเหรอ”

   “ไม่ดีเลย ไม่เลย”

   ผมปฏิเสธแทบจะทันที แต่ก็เท่านั้น พี่ไฮท์ไม่สน ไม่ฟังอะไร เอาแต่ดึงผ้าเช็ดตัวที่มันยังพันคอผมอยู่ให้เดินตามไปที่เต็นท์หลังเล็กสีส้ม แม้จะพยายามกวักมือเรียกเจมส์ยังไง มันก็ไม่ยอมมาช่วย ได้แต่โบกมือให้กำลังใจอยู่ห่างๆ

   “พี่ไฮท์ ผมไม่อยากรู้แล้ว” พูดขณะยืนอยู่หน้าเต็นท์

   “แต่สายตามึงยังบอกว่าอยากเสือกเรื่องกูอยู่”

   ผมรีบยกมือจับตาตัวเอง อยากได้กระจกซะจริง อยากรู้ว่า สายตาเสือกเป็นยังไง

   “ผมขอกลับไปนอนกับเจมส์ได้ป่ะ”

   “เพื่อนมึงเดี๋ยวก็ตามมา” พี่ไฮท์พูดไม่จบดี เจมส์มันก็เดินมาพร้อมกับพี่บิ๊ก “นั่นไง”

   เจมส์ส่งยิ้มให้ผมบางๆ ก่อนมันจะมุดเข้าเต็นท์สีเหลืองข้างๆ แทน นั่นเต็นท์ของพี่บิ๊กเหรอ

   “เจมส์นอนกับพี่บิ๊กเหรอ”

   “เออ”

   “ทำไมล่ะ”

   “หยุดเสือกเรื่องคนอื่นได้แล้ว เข้าเต็นท์สักที พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”

   “ขี้บ่น”

   “มึงก็หยุดทำตัวให้กูบ่นสิ เร็วๆ”

   “ครับๆ”

   ผมถอดรองเท้าไว้ด้านหน้าก่อนมุดเข้าเต็นท์โดยมีพี่ไฮท์ตามเข้ามาทีหลัง ด้านในมีถุงนอนสองที่ปูเอาไว้

   “เดี๋ยวๆ มึงจะนอนเลยเหรอ” ในขณะที่กำลังจะล้มตัวลงนอน พี่ไฮท์ก็ฉุดแขนให้ผมลุกขึ้นมานั่ง พอพยักหน้าแทนคำตอบก็ถูกนิ้วดีดหน้าผาก “ผมไม่แห้งมึงจะนอนได้ยังไง”

   “นอนๆ ไปเดี๋ยวมันก็แห้ง”

   “หัวมึงขึ้นราพอดี เช็ดให้แห้งก่อนสิวะ”

   อะไรของพี่เขาวะ บอกให้ผมรีบนอนเพราะต้องตื่นเช้า มาตอนนี้กลับบอกเช็ดผมให้แห้งแล้วค่อยนอน จะเอายังไงกันแน่ และพี่ไฮท์คงเห็นผมตีหน้ายุ่งเลยคว้าเอาผ้าเช็ดตัวผมมาคลุมหัวผมแล้วขยี้

   “โอ๊ย พี่ทำอะไรวะ เจ็บนะเว้ย”

   “ก็มึงชักช้า”

   “ทำดีๆ ก็ได้ นี่ทำซะแรง มันเจ็บนะเว้ย”

   “กูช่วยมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว อยู่นิ่งๆ สิวะ จะดิ้นทำไม กูทำไม่ถนัดไอ้ห่า”

   “ก็พี่ทำแรง มันเจ็บนี่”

   มัวแต่โต้เถียงเรื่องเช็ดผมจนลืมสังเกตว่ารอบๆ เต็นท์มีเงาคนยืนอออยู่ ผมสะกิดพี่ไฮท์ให้ดู พอเจ้าของเต็นท์เห็นก็รีบเปิดซิปแล้วชะโงกหน้าออกไปดู

   “อะไรของพวกมึง มายืนมุงเต็นท์กูทำไม”

   “ก็มึงทำอะไรอยู่ แล้วในนั้น...เชี่ย ไอ้ขิงเหรอวะ นี่มึงกับมัน ฟิชเชอริ่งกันแล้วเหรอ” พี่แน่ตะโกนจนดังลั่น ไม่สนพี่ไฮท์เอารองเท้าปาใส่อกดังปึ๊ก “เหมือนที่ไอ้เป้ว่าบนรถจริงๆ สุดแค้นแสนรัก แค้นมาก ก็รักหนักมาก มึงจะทำอะไรกันก็เบาๆ เสียงหน่อย สงสารคนไร้คู่แบบพวกกูบ้าง” แล้วกลุ่มที่มุงก็โห่เสียงดัง

   “ไอ้สัด” พี่ไฮท์ด่าส่งท้ายก่อนจะรูดซิปปิดตามเดิม ไม่สนใจเสียงโห่ เสียงล้อด้านนอก เป็นผมซะอีกที่ทำอะไรไม่ถูก “เป็นอะไรของมึง เช็ดผมไปสิ”

   “พี่ไม่ออกไปบอกเหรอ ว่าพี่แค่ช่วยเช็ดผมให้ผมอะ เราสองคนไม่ได้ เอ่อ...” กระดากปากฉิบหาย

   “พวกมันไม่ได้โง่”

   “แต่ที่พี่เขาพูดเมื่อกี้...”

   “มันแค่แกล้ง ไฟในเต็นท์ก็เปิด มึงเห็นเงาคนข้างนอก แล้วคิดเหรอ ว่าพวกมันจะไม่เห็นเงาของเรา”

   “ก็จริง” แทบอยากถอนหายใจออกมา “พี่จะนอนแล้วเหรอ” ที่ถามเพราะพี่ไฮท์ล้มตัวลงนอนบนถุงนอน ทั้งที่ปกติเราต้องเข้าไปอยู่ด้านในถุง แต่พี่ไฮท์กับนอนทับซะอย่างนั้น

   “เออสิ มึงก็รีบเช็ดผมให้แห้งแล้วก็นอน”

   “ผมนอนเลยก็ได้”

   “อย่าพูดไม่รู้ฟัง รีบๆ เช็ด”

   “พี่ก็พูดไม่รู้ฟัง เชี่ย”

   ด่าได้แค่นั้นละครับ เพราะอยู่ๆ ผมก็ถูกเท้าเกี่ยวอกให้ล้มตัวลงนอนบนถุงนอน

   “พูดมาก อยากนอนก็นอน”

   “พี่หัดทำตัวให้เป็นรุ่นพี่ที่ดีบ้าง” ยกมือลูบอกตัวเอง มันก็ไม่ได้เจ็บหรอกนะครับ แต่ก็จุกๆ

   “มึงเป็นรุ่นน้องกูหรือไง”

         ประโยคที่ผมฟังไม่เข้าใจเลยเอาแต่จ้องคนพูด ตอนนี้พี่ไฮท์นอนหันหลังให้ ผมเลยได้เห็นแค่ผมสีดำ ช่วงที่เผลอจ้อง อยู่ๆ พี่แกก็หันหน้ากลับมาทำให้ผมเบนสายตาแทบไม่ทัน

        “ฝันดีครับ” รีบหันหลังให้ เมื่อกี้มีช่วงแวบหนึ่งที่สบตาดุนั่นใกล้ๆ แค่นั้นก็ทำให้ผมใจสั่นแปลกๆ

        ฉิบหาย ทำไมรู้สึกตื่นเต้นวะ

   “มึง...” เสียงคนข้างหลัง ผมพยายามข่มตาหลับทำตัวให้นิ่งเหมือนหลับไปแล้ว ทั้งที่ใจยังเต้นระส่ำอยู่เลย อีกอย่าง คงไม่มีใครหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับปั๊บ “ฝันดี”

   เสียงพูดดังพร้อมเสียงขยับตัว ผมแอบหันหน้าไปดู พี่ไฮท์ขยับนอนหงายเหยียดยาว ดวงตาที่ชอบมองดุปิดลงแล้ว เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นใบหน้านี้ในระยะใกล้

   “ผมขอโทษที่โกหก” พูดกับตัวเองเบาๆ ยามจ้องหน้าคนหลับ ผมรู้สึกผิดที่หลอกพี่เขา รวมถึงทุกคนด้วย ผมไม่ได้มีความสุขสักนิด แต่อีกไม่นานหากทุกอย่างกลับมาเป็นแบบเดิม เราก็คงไม่ได้เจอกันอีก “ฝันดีครับ”



...TBC

เดินทางแล้ว...ค่ายนี้จะสนุกสนานสักเท่าไหร่กันหนอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-01-2018 14:10:11
พี่ไฮท์ต้องรู้แล้วแน่ๆเลยว่าไม่ใช่ขิง :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-01-2018 14:20:48
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-01-2018 14:36:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 31-01-2018 07:25:03
 :-[พี่ไฮท์แอบมุ้งมิ้งๆๆ..น่ารักอ่า
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nixnix ที่ 03-02-2018 23:13:12
 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 04-02-2018 07:57:32
ติดตามต่อไปค้าาาา  :mew2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 04-02-2018 13:14:55
เอ้า..ตื่นตื่น. นอนนานละ. มาต่อได้ละ สุดแค้นแสนรัก 555

 :katai5:  :katai5:  :katai5: :katai5:  :katai5:

...

.. :pig4:

...
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-02-2018 18:04:25
คิดถึงแล้ว คนเขียนหายป่วยยังน้า :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 10-02-2018 20:25:46
รอๆๆๆเข้ามาดูทุกวันเลย...เผื่อไรท์จะมาลงต่อ...ติดตามอยู่นะคะ... :impress2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 12] [P.4] // {30/01/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-02-2018 20:36:14
คิดถึงแล้ว :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 11-02-2018 11:44:39

-13-





        รุ่งสาง ผมขยับตัวเพราะความเมื่อยขบ มือก็ควานหาโทรศัพท์เพื่อจะดูเวลา ไม่รู้ตอนนี้กี่โมงแล้ว ไก่ก็ยังไม่ขันปลุก แต่ทำไมที่ข้างๆ ถึงไม่มีคนนอน พอปรือตาขึ้นดู ที่ของพี่ไฮท์ว่างเปล่า แต่ถุงนอนยังอุ่นอยู่คงเพิ่งจะลุกไม่นาน ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง ใช้เวลาเกือบนาทีกว่าจะตื่นเต็มตา

   “เพิ่งตีห้าเอง” บ่นเบาๆ แต่ก็ต้องตื่น มีเสียงคนคุยด้านนอกให้ได้ยินเป็นระยะ และพอผมมุดออกจากเต็นท์ก็เห็นคนตื่นก่อนนั่งจิบกาแฟอยู่กับเพื่อนสนิท ไม่รู้เจมส์จะตื่นหรือยัง

   ผมคลานออกมานอกเต็นท์ บังเอิญเงยหน้าไปเห็นพี่บิ๊กพยักพเยิดหน้าให้คนนั่งข้างหันมาดู พี่ไฮท์เห็นผมก็ตีหน้านิ่ง เป็นผมเองที่ต้องก้มหน้าไม่กล้าสบตาดุนั่น เพราะเรื่องใจเต้นเมื่อคืนแท้ๆ อยู่ๆ ก็รู้สึกมองหน้าไม่ติดซะงั้น แถมคนที่ผมใจเต้นดันเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก

   “ตื่นแล้วเหรอวะ” เสียงงัวเงียดังไม่ไกล หันไปดูก็เจอเจมส์โผล่หน้าออกมาจากเต็นท์ “โคตรง่วง”

   “กูก็ง่วง” ผมบอก แต่ถึงเราจะง่วงก็ต้องลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน เพราะวันนี้มีภารกิจใหญ่ในการซ่อมแซมห้องสมุดกับสร้างห้องน้ำเพิ่ม

   ยามเช้าที่ดูเหมือนจะไม่มีใครตื่น แต่ห้องน้ำกลับเต็มทุกห้อง แถมมีคนยืนรอคิวอยู่ก่อนตั้งหลายคน บางคนรอไปด้วยหลับไปด้วย ดีที่อากาศเช้านี้เย็นๆ ทำให้รู้สึกสบาย ตอนแรกคิดว่าจะอบอ้าวซะอีก

   “ทำวันเดียวมันจะเสร็จเหรอวะ” หันไปถามเจมส์ที่ยืนโงนเงนอยู่ข้างๆ ยังดีที่มันปรือตาขึ้นมาก่อนจะหัวทิ่มไปด้านหน้า

   “เสร็จสิวะ คนตั้งเยอะ แบ่งกันไปทำ ที่ไหนเสร็จก่อนก็ไปช่วยอีกที่”

   “มึงมาบ่อยไหม ค่ายแบบนี้”

   “ก็บ่อยนะ ตั้งแต่ปีหนึ่ง สนุกดี แม้จะเหนื่อยก็เถอะ” ผมมองเจมส์ที่ยกยิ้มออกมา “เดี๋ยวมึงก็จะรู้ ว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาดเป็นยังไง”

   “งานหนักกูไม่เคยกลัว”

   “ดีมาก”

   เจมส์ตบบ่าผมแปะๆ แล้วมันก็เอนตัวมาพิงไหล่ผมหลับไปเฉย หรือเมื่อกี้มันละเมอตอบวะ ระหว่างที่ขำเพื่อนคนใหม่ เสียงที่ดังจากด้านหลังทำให้ผมเอี้ยวคอไปมอง ผมคงจะไม่สนใจหากเขาไม่เรียกชื่อผม

   “ไอ้ขิง มึงจะทำไหวแน่เหรอวะ ปกติเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนี่หว่า” แล้วคนพูดก็หัวเราะเยาะพร้อมกับคนที่เดินมาด้วย เล่นเอาผมหน้าตึงเลยทีเดียว ไม่ใช่โกรธนะครับ แต่มันคือเรื่องจริงของพี่ขิง เพราะเขาเจาะจงว่าพี่ขิง ไม่ใช่ผมสักหน่อย

   “คุณชายนายแบบไฮโซจะมายกปูนแบกไม้ กูว่าไม่ไหวหรอก มึงไม่เห็นเหรอ ขามามันไปนั่งเชิดหน้ากับพวกปีสามนู้น” ไอ้คนข้างๆ มันว่า สีหน้าเย้ยหยันสุดๆ

   หรือพวกนี้ก็เป็นคู่ปรับของพี่ขิงอีกกลุ่ม นี่พี่ขิงจะสร้างศัตรูเยอะไปไหน

   “งั้นขากลับมึงเปลี่ยนที่นั่งกับกูไหม พวกมึงสองคนไปนั่งกับปีสามแทนกู จะได้สบายไง สนไหม” ผมดันหัวเจมส์ขึ้นเพื่อจะได้หันไปตอบกลับได้สะดวก “แล้วก็เรื่องแบกปืนเบิกปูนไปโบกตึกอะไรนั่นน่ะ พอถึงเวลาพวกมึงก็จะรู้เองนั่นแหละ”

   พอถูกย้อนปุ๊บ ไอ้รุ่นเดียวกัน (แต่คนละสาขา) ก็เลิกคิ้วแล้วหันไปมองหน้ากัน คงจะตกใจที่เห็นผมตอบไปแบบนั้น เพราะหากเป็นพี่ขิงคงจะด่ากราดมากกว่านี้ ตามที่เจมส์เคยเล่าวีรกรรมให้ฟังน่ะนะ

   “พวกกูจะคอยดู”

   “ดี แต่อย่าดูเฉยๆ ช่วยกูทำงานด้วย อย่าเป็นภาระ โอเค?”

   อยู่ๆ เจมส์มันก็หัวเราะออกมาเฉย เมื่อกี้เห็นยืนหลับอยู่แท้ๆ ตอนนี้ตาสว่างเชียว

   “พวกมึงหาเรื่องผิดคนแล้ว” ผมมองเจมส์เดินไปตบบ่าไอ้สองคนนั้น “แยกย้ายเถอะ ถ้าพวกมึงไม่อยากถูกด่า นู้น” คำว่านู้นของเจมส์ทำให้พวกเราหันไปมองด้านหลัง ที่ตอนนี้พี่ไฮท์กับพี่บิ๊กจ้องเขม็งเชียว

   ตัวใครตัวมันนะเว้ย







   
   เวลาหกโมงครึ่งเต็นท์เต็มลานถูกพับเก็บเพราะต้องใช้พื้นที่สำหรับลงวัสดุอุปกรณ์สำหรับการก่อสร้าง ผมยืนมองรถขนอิฐ ขนทรายถอยเข้ามาส่งของ มือก็คอยจดรายละเอียดตามที่ถูกสั่ง ส่วนคนสั่งก็กำลังแบกไม้ แบกกระสอบปูนไปที่โรงเรียน ที่จริงต้องบอกว่าทุกคนต่างหากที่ช่วยกัน พอของครบตามที่สั่ง ผมก็รีบเข้าไปช่วยทุกคนแบกกระสอบปูน ไอ้คนที่หาเรื่องผมตอนเช้ามืดทำตาโตเมื่อเห็นผมยกกระสอบปูนขึ้นบ่า

   “ช่วยกันขนสิ มองหน้ากูทำไม” กัดฟันพูดด้วยความหนัก ผมก้าวขายาวๆ เพื่อจะได้ถึงที่หมายไวๆ พอเกือบจะถึงกระสอบบนบ่าก็ถูกมือขาวๆ ยื่นมาฉก แต่เพราะความหนักเลยทำให้ยกออกไม่ได้ พี่ไฮท์เลยประคองไปจนถึง “ขอบคุณครับ”

   “เออ”

   ทันทีที่วางกองกับพื้นได้ ผมก็รีบเอ่ย พี่ไฮท์ทำแค่พยักหน้าแล้วเดินหนีไป อะไรของพี่แก ผมเดินย้อนไปที่เดิม คว้าถุงปูนกะจะยกขึ้นป่า แต่กลับถูกยัดถังกับอุปกรณ์ใส่มือจนหันไปมองคนทำแบบงงๆ

   “อะไรของพี่”

   “เอาไปตรงนู้น”

   “แต่ผม...”

   “เอาไป”

   โดนถลึงตาใส่เลยต้องเดินหิ้วถังดำกับเกรียงสำหรับปาดปูนสามสี่อันไปที่หน้าโรงเรียน ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังกินแรงเพื่อนพี่น้องอยู่ พอเดินมาถึงก็เจอเจมส์หอบแฮกด้วยความเหนื่อย กระสอบทรายก็หนักไม่แพ้ปูนแน่นอน

   “เหนื่อยสัด” เจมส์มันว่า ก่อนยิ้มกริ่มมองหน้าผม “งานสบายจริงๆ เพื่อนกู”

   “สัด” ด่าแบบสั้นๆ แต่มันกลับหัวเราะ

   ผมไม่ได้กินแรงเพื่อนนะ ก็ถูกใช้แบบนี้

   ขนของทุกอย่างเสร็จก็เกือบแปดโมงเช้า กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากโรงครัวทำให้ทุกคนลืมความเหนื่อยแล้วพุ่งไปหา ข้าวต้มหม้อใหญ่สองหม้อแทบไม่พอกับความหิวโหยของทุกคน สำหรับผมจัดไปสองถ้วยเน้นๆ ให้อิ่มตอนนี้ดีกว่าไปหิวตอนทำงาน นี่คติสำหรับมื้อเช้าของผม พอทุกคนอิ่ม ประธานค่ายก็เรียกไปประชุม พี่ไฮท์ยืนอยู่ข้างๆ สายตากวาดมองไปยังทุกคนก่อนจะหยุดมาที่ผม ไม่รู้ว่าอิ่มจนเบลอไหมที่เห็นพี่เขายิ้มให้


   พี่จะเขย่าหัวใจผมเต้นแรงกว่าปกติไม่ได้นะครับ


   “งานวันนี้อาจจะหนัก จะเหนื่อย แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจช่วยกันทำ งานก็จะต้องออกมาดีและเสร็จไวอย่างแน่นอน” ประธานค่ายพูดส่งท้ายหลังจากแบ่งงานเสร็จ จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมาย ส่วนผมมีหน้าที่ซ่อมแซมห้องสมุดกับเจมส์

   หลายคนอาจคิดว่า แค่ซ่อมแซมมันจะหนักจะเหนื่อยยังไง อยากให้ทุกคนได้รู้ว่า การซ่อมแซมนั้นไม่ใช่แค่การทาสีใหม่ หรือทำชั้นหนังสือ แต่มันคือการเปลี่ยนหลังคา เทพื้นในห้องใหม่ รวมทั้งทำบานประตูและหน้าต่างด้วย จะบอกว่า หนักไม่ต่างจากสร้างห้องน้ำหลังใหม่เลยทีเดียว

   ผมอาสาช่วยทุกคนยกนั่นแบกนี่เพราะไม่มีใครกล้าเรียกใช้ บ่อยครั้งจะเห็นพี่ไฮท์มาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านหลัง มาบ่อยจนพี่แน่ที่เป็นคนคุมการซ่อมห้องสมุดต้องด่าหาว่าอู้ คนโดนด่าทำแค่ยักไหล่แล้วเดินกลับไปที่งานของตัวเองที่กำลังก่อผนังห้องน้ำกันอยู่ และโชคดีที่มีช่างชาวบ้านมาร่วมด้วยช่วยกันสร้าง งานทุกอย่างเลยเร็วกว่าที่คิด

   ระหว่างรอพื้นห้องสมุดที่เทเสร็จแห้ง ผมก็เดินมานั่งข้างไอ้คนที่หาเรื่องเมื่อเช้า มือเปื้อนสีของมันยื่นน้ำแบบแก้วมาให้ แม้จะแปลกใจนิดๆ แต่ก็เอ่ยขอบใจมันไป

   “มึงนี่ดูเหมือนไม่ใช่ไอ้ขิง” คำพูดเล่นๆ ทำเอาน้ำที่เพิ่งดื่มพุ่งออกจากปากจนไอตัวโยนเพราะสำลัก “อ่าวไอ้นี่” แม้มันจะว่าแบบนั้น แต่มือเปื้อนเมื่อกี้ก็คอยลูบหลังผมอยู่

   “เชี่ย” เค้นเสียงด่าแม้ยังไม่หายสำลักดี

   “ด่ากูอีก กูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” ผมยังพูดไม่ได้เลยใช้สายตาด่ามันไปแทน “แต่เท่าที่กูเรียนกับมึงมาสองปี มีวันนี้นี่แหละที่กูคิดว่ามึงก็น่าจะคบได้”

   “แล้วปกติกูไม่น่าคบตรงไหน” พอเริ่มดีขึ้น เสียงก็เริ่มมา แม้จะแสบคอนิดๆ ก็เถอะ

   “ทุกตรงเลยไอ้ห่า ไม่น่าถามคำถามนี้เลยนะมึง” โดนด่าไม่ว่า ยังมาผลักหัวผมอีก

   “ไอ้สัด” ก็แปลก ด่ามันแท้ๆ กลับหัวเราะจนตาหยี หรือมันชอบโดนด่าวะ “ว่าแต่ มึง...ชื่ออะไรนะ” ถามจบก็ได้สายตาฉงนตอบกลับ ก็คือผมไม่รู้จักจริงๆ นี่น่า

   “ไม่รู้จริงหรือกวนตีนกู”

   “พอดีช่วงนี้กูทำงานหนักเลยเบลอๆ”

   ดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวที่เชื่อไม่ได้ แต่มันไม่มีเหตุผลอื่นแล้วจริงๆ

   “กูชื่ออิน”

   “อ๋ออิน”

   “จำได้แล้ว?”

   “ไม่อะ”

   “อ่าวไอ้นี่”

   แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมา พอดีกับเจมส์เดินตีคู่มาพร้อมพี่ไฮท์กับพี่บิ๊ก อินมันเลยเงียบลง

   “อู้เหรอพวกมึง” เจมส์ทักมาแต่ไกล มันรีบเดินมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นยืนแบบงงๆ ส่วนอินมันยังนั่งอยู่ เลยต้องเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ “ไอ้อิน อย่ามาหาเรื่องไอ้ขิงนะเว้ย” เจมส์ทำหน้าเหมือนแมวกำลังขู่ คงเพราะเรื่องตอนเช้ามืดนั่นละ

   “อย่าใส่ร้ายกูไอ้เจมส์” อินตอบพลางลุกขึ้นยืน มือมันปัดฝุ่นที่ก้นจนฟุ้งไปหมด “ห้องน้ำเสร็จแล้วเหรอพี่” พอแกล้งผมกับเจมส์ได้ มันก็หันไปคุยกับรุ่นพี่ที่ยืนหน้านิ่งแทน

   “ยัง” พี่บิ๊กตอบสั้นๆ ส่วนพี่ไฮท์เอาแต่นิ่งอย่างเดียว “ของมึงล่ะ ใกล้หรือยัง”

   “ก็ใกล้แล้วพี่ เหลือรอพื้นให้แห้ง แล้วก็ทาสีตู้กับประตู” อินมันว่า ก่อนจะพาดแขนยาวๆ ของมันมาที่ไหล่ผม “พี่รู้ป่ะ ว่าไอ้ขิงเนี่ย มันช่วยงานได้โคตรเยอะ เห็นเป็นคุณหนู แต่ไสไม้ ผสมปูนโคตรเก่ง”

   “พอๆ กูจะลอยแล้ว” ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ประกาศว่าเกลียดพี่ขิงจะชมผม ขนาดเจมส์ยังทำตาโตเหมือนตกใจเห็นเป็ดแปลงร่างเป็นควายเลย “พวกพี่...”

   ก่อนผมจะอ้าปากพูด พี่ไฮท์กลับหันหลังเดินหนีไปเฉย เล่นเอางงเป็นไก่ตาแตกกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พี่บิ๊กที่ยังย่นคิ้วเกาหัวแถมพึมพำว่าพี่ไฮท์เป็นอะไร

   สงสัยจะเหนื่อยจนขี้เกียจพูดละมั้ง

   “งานใกล้เสร็จแล้วก็ดี เพราะผู้ใหญ่บ้านเขามาชวนไปร่วมกิจกรรมของหมู่บ้านที่ร่วมกันจัดให้เรา” พี่บิ๊กพูดหลังจากเลิกสนใจเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้จ้วงทรายใส่ถังเป็นว่าเล่น

   ดูขยันมากจริงๆ รองประธานของค่าย

   “กิจกรรมของหมู่บ้าน? อะไรเหรอพี่” อดไม่ได้ที่จะถาม ถ้าให้งานเสร็จจริงคงเกือบบ่ายแก่ๆ

   “รอบกองไฟเหมือนลูกเสือเหรอพี่” อินมันยังสงสัย

   “เปล่าเว้ย พอดีชาวบ้านเขาเตรียมกิจกรรมสานสัมพันกับพวกเราอะ” เจมส์รีบอธิบายแทน มันปัดแขนอินออกจากไหล่ของผม ก่อนจะดึงผมไปอยู่อีกด้าน “แบบส่งตัวแทนไปร่วมเล่นเกมส์ที่เขาเตรียมอะไรแบบนี้”

   “แต่ถ้าเสร็จช้ามันจะเล่นได้เหรอวะ” ผมถามด้วยความสงสัย ถ้าเย็นมาก แสงก็หมด “หรือจะทำรอบกองไฟ?”

   “รอบกองไฟมีแน่ ไม่ต้องห่วง” พี่บิ๊กพูดส่งท้ายก่อนจะเดินย้อนกลับไปที่งานตัวเอง ก่อนไปมีบ่นว่าพี่ไฮท์คงทำคนเดียวเสร็จหมดแล้ว

   พอปีสามไม่อยู่ ผม เจมส์แล้วก็อินต่างก็มองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ นี่ผมได้เพื่อนเพิ่มอีกคนแล้วใช่ไหม ดีจัง จากศัตรูมาเป็นมิตร เขาว่าจะดีกว่ามิตรกลายเป็นศัตรูใช่ไหม

   “รีบทำงานเถอะว่ะ กูอยากร่วมกิจกรรมแล้ว” ชักจะตื่นเต้น อยากรู้ว่ามีอะไรรอให้เล่นอยู่ ว่าแล้วก็รีบพุ่งไปช่วยคนอื่นทาสี แม้หลายคนจะยังดูเกร็งเวลาผมเข้าไปช่วย แต่ก็ยังดีกว่าตอนเช้าๆ มาก เมื่อเช้าบางคนถึงกับตัวแข็งที่ผมเอ่ยปากจะช่วย และมันกลายเป็นผมเองที่ต้องถอย ไม่งั้นคงเป็นผมคนเดียวที่ทำ เพราะคนอื่นไม่ยอมขยับเลย

   คงกลัวโดนตวาด เพราะพี่ขิงทำแบบนั้นประจำ

   เวลาเดินเร็วกว่าปกติ หรือเพราะทำงานจนลืมดู แป๊บๆ ก็เที่ยง ทุกคนเฮละโลเข้าโรงอาหารทำให้พื้นที่เต็มไม่มีที่นั่ง ผมถือถาดข้าวมองหาที่ว่างด้านนอก จะยืนรอเจมส์ข้างในก็ไม่ไหว คนเบียดกันเกิน พอออกมาก็เห็นพี่ไฮท์นั่งคนเดียวอยู่ใต้ต้นไม้ มือตักกินข้าวอย่างช้าๆ สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณ

   “พี่” ผมเดินเข้าไปหาพลางเรียก พี่ไฮท์เงยหน้าขึ้นมองผม คิ้วเข้มขมวดเป็นปม “นั่งด้วยได้ป่ะ” พี่ไฮท์มองไปที่โรงอาหารก่อนจะเงยหน้ามองผมอีกรอบ สายตาโคตรเหมือนวันแรกที่คิดจะต่อยผม

   “เออ” น้ำเสียงกระด้างไม่เป็นมิตรสุดจนผมลังเลว่าจะนั่งดีไหม ถ้านั่งจะถูกกินหัวไหมวะ “ไม่นั่งหรือไง”

   “พี่เป็นอะไร” ที่ถามจะได้รู้ว่าผมทำผิดอะไร “หรือไม่ชอบที่ผมมาขอนั่งด้วย งั้นผมไปนั่งที่อื่นก็ได้”

   ลืมไปว่าพี่ไฮท์เกลียดพี่ขิง แล้วหน้าผมดันเหมือน ไม่แปลกที่จะเกลียดผมไปด้วย ผมยิ้มแห้งๆ ส่งท้ายก่อนหันหลังจะเดินหนี แต่แรงฉุดที่ข้อมือทำให้เดินไปข้างหน้าไม่ได้ พอหันกลับไปดู คนดึงแขนไม่ได้มองผม สายตาพี่ไฮท์มองไปทางห้องน้ำที่ใกล้จะเสร็จ เมื่อพี่เขาไม่ยอมพูด ผมก็ไม่อยากจะพูด

   “เอ่อ”

   ช่วงที่เงียบใส่กัน มีเสียงคล้ายลังเลดังแทรกให้ได้ยิน เจมส์กระพริบตาปริบๆ มองผมกับพี่ไฮท์ ส่วนพี่บิ๊กไม่ได้สนใจ เพราะพี่แกยืนตักข้าวเข้าปากเงียบๆ

   “ไปนั่งตรงนู้นกันเจมส์” บิดข้อมือที่ถูกยึดไว้ แต่ยิ่งขยับมือก็ยิ่งถูกบีบจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “พี่ไฮท์ อะไรของพี่วะเนี่ย” เริ่มโมโหแล้วนะเว้ย

   “นั่งนี่แหละ” เสียงพี่ไฮท์ดูอ่อนลง พร้อมๆ กับแรงที่บีบมือก็คลายลงด้วย ผมมองคนที่เปลี่ยนไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
   
   ผมไม่ยอมนั่งลง แม้จะมีแรงกระตุกข้อมือเบาๆ หลายครั้ง สุดท้ายแล้วเป็นพี่บิ๊กที่กดบ่าผมให้นั่งลงข้างๆ เพื่อนตัวเองแทน

   “เรื่องมาก จะนั่งก็นั่ง ชีวิตจะได้ไม่ซับซ้อน” พูดจบก็นั่งลงข้างพี่ไฮท์ “ส่วนเจมส์ มานั่งนี่”

   “ประสาท” คนถูกชวนตวาดใส่ แต่ก็แอบหูแดงเหมือนกันนะ เพราะนั่งนี่ของพี่บิ๊กคือตักครับ พี่แกตบตักตัวเองเรียกเจมส์ “ประสาทขึ้นทุกวัน”

   อยากจะขำแต่ก็ไม่กล้า เจมส์เลือกจะนั่งข้างผมแทน จากนั้นเราสี่คนก็เงียบใส่กัน ไม่ใช่ไม่มีเรื่องคุยนะครับ แค่ต้องรีบกินข้าวแล้วไปทำงานต่อ ไม่งั้นงานจะเสร็จช้า กิจกรรมที่ชาวบ้านเตรียมไว้ก็จะช้าไปด้วย





   พอตกบ่าย ข้าวที่ทุกคนกินเข้าไปก็เริ่มออกฤทธิ์ หลายคนอ้าปากหาวแทบนับรอบไม่ได้ ขนาดผมเองก็ยังง่วง ไม่น่ากินข้าวเยอะเลย

   “ไหวไหม” สะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงทัก หันไปดูคนถามคือคนที่มึนตึงใส่เมื่อช่วงที่ผ่านมา ผมละสายตาจากหน้าพี่ไฮท์เพื่อมองมือที่ยื่นมา แก้วกาแฟร้อนถูกยื่นมาให้ กลิ่นหอมจนต้องทำจมูกฟุดฟิด “สักหน่อยไหม”

   “มากเลยก็ได้” รีบรับกาแฟมาดื่ม ไม่ไหวจริงๆ พอคาเฟอีนลงกระเพาะก็เริ่มดีขึ้น “ขอบคุณครับ ที่จริงผมไปเอาเองก็ได้” อย่าคิดว่าผมจะได้คนเดียวนะครับ ทุกคนก็ได้กาแฟเหมือนกัน แค่ต้องเดินไปเอาเอง

   “นี่หาว่ากูยุ่งเหรอ” จากหน้าตาเปื้อนยิ้มนิดๆ กลับมาบึ้งอีกแล้ว
 
   “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” พูดไปพี่ไฮท์ก็ยังหน้าบึ้ง “จริงๆ ผมแค่เกรงใจพี่เฉยๆ” ยิ้มแป้นแล้นเท่าที่ปากจะอ้ากว้างได้ และก็คงได้ผลเมื่อพี่ไฮท์เผลอยิ้มตาม แม้จะเสี้ยววินาทีก็เถอะ

   “ไอ้ประสาท”

   “อ่าว ด่าแล้วเดินหนีเฉยคนเรา”

   หลุดขำตามหลังพี่ไฮท์ คงรู้สึกเสียหน้าที่มาดขรึมหลุด ก็นะ คนเราจะปั้นหน้ายักษ์ไปทำไม หรือกลัวยิ้มแล้วตีนกาขึ้น กลัวไม่หล่อว่างั้น

   เมื่อได้กาแฟแล้วเรี่ยวแรงก็กลับมา สาวๆ ตอนนี้ทาสีไม้กันเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่รอประกอบเข้ากับตัวตึก ซึ่งคงไม่ยากเท่าไหร่ เพราะมีช่างชาวบ้านคอยช่วย ต้องบอกว่าพวกพี่เขาเก่งมากครับ สมเป็นมืออาชีพมากแถมเนี๊ยบสุด พองานเริ่มน้อย ผมก็ว่างงาน ความง่วงก็เหมือนจะกลับมา เลยชวนเจมส์ไปช่วยสร้างห้องน้ำ ที่ตอนนี้ก็เสร็จเกือบหมดแล้ว

   “โคตรไว” เจมส์มันว่า หลังจากเราเดินมาถึง

   ห้องน้ำที่สร้างใหม่มีห้องเยอะและสะดวกกว่าเดิม จากหลังเก่าที่เด็กๆ ต้องผลัดเวรกันไปตักน้ำมาใส่ไว้ในอ่างสำหรับทำธุระส่วนตัว ตอนนี้พวกเราและช่างชาวบ้านทำการต่อก๊อกน้ำมาให้ พอลองเปิดก๊อกแล้วน้ำไหล เด็กๆ ที่เข้ามาดูด้วยร้องเฮกันใหญ่ รู้สึกดีจังครับ ตอนเห็นรอยยิ้มของทุกคน ความเหน็ดเหนื่อยที่มีมาก่อนหน้าก็จางหาย ไม่รู้จะอิจฉาหรือสมน้ำหน้าชีวิตพี่ขิงดี ที่มีเงินมากมายแต่ไม่เคยได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ทั้งที่มีโอกาส




   เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนบ่ายแก่ งานทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ ทุกคนต่างพากันมายืนอออยู่หน้าโรงเรียนเพื่อส่งมอบทุกอย่างผ่านครูใหญ่ นอกจากทำห้องน้ำใหม่กับซ่อมแซมห้องสมุดแล้ว ยังมีเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียนการกีฬา หนังสือเรียนรวมทั้งขนมมากมายที่เตรียมมาให้เด็กนักเรียนของที่นี่

   คำกล่าวขอบคุณของครูใหญ่ยังไม่ซึ้งใจเท่าเพลงที่เด็กช่วยกันร้องขอบคุณ ผมยืนจับมือเจมส์ไป ยิ้มไป โชคดีจังที่ตัดสินใจมา อย่างน้อยก็ได้ความทรงจำดีๆ กลับบ้าน ต่อให้กลับไปแล้วพี่ขิงกลับมา ผมก็ยอมกลายเป็นไอ้ขมิ้นคนเดิมด้วยความอิ่มใจ

   “กูชอบว่ะ” ผมกระซิบบอกเจมส์

   “ชอบอะไรวะ ชอบกูเหรอ” เหล่ตามองคนกวน “ล้อเล่นน่า”

   “ชอบอะไรแบบนี้ต่างหาก ถ้ากูไม่ได้มาเป็นพี่ขิง คงไม่ได้มาเจอแบบนี้” แม้ปกติแล้วผมไม่ชอบก็เถอะ

   “ถ้าไอ้ขิงกลับมาแล้ว มึงก็สอบเข้าที่นี่สิ มาเป็นรุ่นน้องกู”

   “คงจะได้หรอก ถ้ากลับไปเป็นไอ้ขมิ้น กูก็ต้องกลับไปทำงานตามเดิม ไม่มีเวลาอ่านหนังสือหรอก” ใจจริงผมอยากเป็นแบบพ่อพี่ไฮท์มากกว่านะ แต่วิศวะก็ไม่ได้แย่ มันแย่ตรงผมไม่มีเวลาอ่านหนังสือนั่นแหละ

   “เอาน่า อนาคตเราก็ไม่รู้ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า”

   “พูดดี”

   ส่งมอบของทุกอย่างเสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะไปร่วมกิจกรรมที่ทางชาวบ้านจัดให้ ไม่รู้หรอกว่าเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆ โคตรตื่นเต้น ผมเดินไปพร้อมกับทุกคน มีเจมส์กับอินขนาบซ้ายขวา ข้างๆ อินเป็นเพื่อนสนิทของมันที่เคยร่วมกันแขวะผม พอได้รู้จักแล้วมันก็ปากหมาแต่ก็คุยสนุกดี

   ครูใหญ่เดินนำขบวนคณะนักศึกษามาที่นาข้าวแต่ไม่มีข้าว เพราะชาวบ้านเก็บเกี่ยวกันไปหมดแล้ว นาข้าวเลยมีแต่ที่ว่างมีโคลนสีดำ

   “นั่นอะไรวะ” อินถามพร้อมชี้ไปที่ชาวบ้านที่กำลังยืนอยู่รอบคันนา

   “เขาดูอะไรกัน” เจมส์มันว่าเสริม ผมก็เลยยักไหล่เพราะไม่รู้ ไม่มีใครรู้ด้วย คนที่จะตอบได้คงมีแต่ครูใหญ่ที่เดินยิ้มนำไปหาชาวบ้านแล้ว

   เดินบนคันนาไปจนถึงแปลงที่ชาวบ้านยืนมุง ด้านล่างเป็นที่ว่างมีโคลนสีดำ แต่ที่ดูต่างจากแปลงอื่นคงเพราะมีตัวอะไรสักอย่างดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่

   “ปลาว่ะ” ผมสะกิดเจมส์ให้ดู

   ก่อนทุกคนจะสงสัยมากกว่านี้ ผู้ใหญ่บ้านก็รีบตะโกนบอกกิจกรรม แกบอกว่า กิจกรรมนี้ที่หมู่บ้านจะจัดปีละครั้งหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวหมด เพื่อสร้างความสามัคคี ความสุขและสนุกให้กับลูกบ้าน กิจกรรมที่ว่านั่นคือการแข่งขันจับปลาในบ่อ

   “ปกติแล้ว ผมจะให้ลูกบ้านแบ่งเป็นสองฝ่ายแล้วส่งตัวแทนมาจับปลาแข่งกัน แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแบ่งแล้ว” ผู้ใหญ่ว่า “ซึ่งตอนนี้ทางเรามีตัวแทนแล้ว เลยอยากได้ตัวแทนจากคณะนักศึกษามาเพื่อแข่งขัน”

   พอผู้ใหญ่บ้านพูดจบ ทุกคนก็หันซ้ายหันขวาพูดคุยกันเสียงดังเพื่อหาตัวแทน จนอาจารย์ประจำค่ายตะโกนสั่งให้เงียบ ทุกคนเลยหยุดคุย

   “มีใครสนใจที่จะลงแข่งบ้างไหม” คำถามที่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมว่าถ้าเล่นตอนเที่ยงๆ ก็คงน่าสนใจ แต่นี่เย็นแล้ว แถมเหนื่อยจากการทำงานด้วย เรี่ยวแรงหดหายไปหมด แค่เดินมาถึงนี่ขายังสั่นเลย “ไม่มีเลยเหรอ”

   “เชี่ย”

   ท่ามกลางความเงียบ ผมเผลอสบถออกมาเมื่อถูกผลักจากด้านหลัง จากนั้นสายตาทุกคู่ก็หันมามอง ความซวยมาเยือนแล้วไอ้ขมิ้น แถมอาจารย์ก็เดินยิ้มเข้ามาหาแล้วด้วย

   “เธอสนใจเหรอขิง ทำให้อาจารย์แปลกใจอีกแล้วนะ” ได้แต่ยิ้มแห้งให้กับประโยคนั้น “เอาล่ะ พวกเราชาววิศวะได้ตัวแทนแล้วครับ”

   “เดี๋ยวสิอาจารย์ ผมยังไม่ได้...” พูดไม่ทันจบดี สายตาทุกคนที่มองมามันมีความหวังในนั้นเลยทำให้ผมต้องเงียบลง

   “ไหวไหมวะไอ้ขมิ้น” เจมส์กระซิบเบาๆ ข้างหู ผมทำหน้ากล้ำกลืนจนมันขำเยาะ “สู้ๆ นะเว้ย”

   “ไม่ไหวก็ต้องไหวหรือเปล่าวะ” ตายเป็นตายเว้ย ผมมองไปรอบๆ บริเวณจนสบตากับพี่ไฮท์ที่จ้องมา ปากที่ชอบด่าผมขยับไร้เสียง แต่อ่านได้ว่าสู้ๆ ผมเลยขยับปากขอบคุณแบบไร้เสียงกลับไป


   เขย่าหัวใจได้หกริกเตอร์เลยนะครับแบบนั้น


   “ได้ตัวแทนแล้ว ทางเราขอบอกกฎกติกาก่อนนะครับ กฎก็ง่ายๆ แค่แข่งกันจับปลาในบ่อ ใครได้มากกว่าก็ชนะไป ส่วนปลาที่ได้ เราก็จะใช้ทำอาหารคืนนี้” ผู้ใหญ่บ้านอธิบาย มันก็ดูง่ายๆ แค่แข่งกันจับปลา เป็นพี่ขิงยากกว่าอีก “ตัวแทนสองฝ่ายลงบ่อเลยครับ ก่อนจะค่ำจนมองไม่เห็น”

   ผมมองพระอาทิตย์ที่ใกล้ตกเต็มแก่ ท้องฟ้าทั้งผืนเป็นสีส้มอ่อนดูสวยไปอีกแบบ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สนใจ เพราะตอนนี้ตัวแทนของหมู่บ้านถอดเสื้อโชว์กล้ามโตจนสาวๆ ทั้งสองฝ่ายกรี๊ดกันหมด ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอดเสื้อตัวเองบ้าง เสียงกรี๊ดเมื่อกี้เงียบกันหมดจนรู้สึกหมดความมั่นใจนิดๆ

   “มึงกินโอโม่เป็นอาหารหลักหรือเปล่าวะ” เสียงพี่แน่ตะโกนระหว่างผมลงบ่อ พอหันไปดูขาก็ก้าวพลาดล้มคว่ำจนเปื้อนโคลนทั้งตัว “ขาวเพราะพอกโคลนนี่เอง แล้วก็ไม่บอก” แค่นั้นเสียงหัวเราะก็ดังมาทั่วสารทิศ

   โคตรอายเลยให้ตาย

   ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ในบ่อ มองคู่แข่งที่ขยันเบ่งกล้ามข่ม เดี๋ยวเถอะ กลับไปผมจะไปฟิตกล้ามบ้าง แต่พอมีอะไรมาดิ้นๆ อยู่ที่ขาก็รีบหันกลับมาสนใจเกมส์ที่กำลังจะเริ่ม ผมต้องชนะเว้ย ไอ้ขมิ้นไม่มีทางแพ้ เมื่อเสียงตีไม้ไผ่บอกเริ่ม ผมก็รีบตะโกนเรียกพลังพร้อมพุ่งเข้าจับปลา

   “สู้โว้ย”

   ปลาช่อนตัวเขื่องเหมือนจะจับง่าย แต่พอจับจริงบอกได้คำเดียวว่า เหนื่อย ปลาทั้งดิ้นแถมมีโคลนทำให้ลื่นอีก จับทีก็หลุด จับอีกก็ดิ้น อย่าถามว่าตอนนี้ตัวผมเปื้อนโคลนแค่ไหน ต้องถามว่าตรงไหนของร่างกายที่ไม่เปื้อน แต่มันสนุกอันนี้ผมไม่เถียง ยิ่งไล่ยิ่งสนุก เสียงเชียร์ก็เรียกกำลังความฮึดได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ

   “ไอ้ขิง ตัวนั้นเว้ย” เสียงอินตะโกนพร้อมชี้

   “พี่ขิง ตัวนั้นตัวเล็กค่ะ”

   “ไอ้เชี่ยขิง นั่นๆ”

   แล้วก็มีคนเรียกพร้อมบอกที่อยู่ของปลาช่อนอีกสารพัด ผมหันไปมาจนหัวหมุนไปหมด ชี้ตรงไหนก็พุ่งไปตรงนั้น ได้บ้างชวดบ้างแต่ก็สนุกดี พอเสียงไม้ไผ่ตีหมดเวลาผมก็แทบหมดแรงล้มนอน ดีที่ยังคิดได้ทันว่าพื้นมีแต่โคลนเลยยืนโงนเงนแทน
 
   “เรามานับปลากันดีกว่า ว่าใครได้มากกว่ากัน”

   ผู้ใหญ่บ้านกวักมือเรียกให้ตัวแทนสองฝั่งนำข้องใส่ปลาไปให้ ตอนเล่นเกมส์โคตรสนุก พอหยุดขาก็ไม่มีแรงก้าวเลย ผมกัดฟันยกข้องหนักๆ จะเข้าฝั่งแต่ดันล้มหน้าคว่ำจมโคลน มีเสียงหัวเราะแทรกเข้ามาให้ได้ยิน แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าแขนถูกมือใครสักคนดึง

   “พี่ไฮท์” พูดแม้โคลนจะเต็มปาก ผิดคาดนะครับ ตอนแรกคิดว่าเป็นพี่กล้ามอีกฝั่งซะอีก พอจะพูดอีกพี่ไฮท์ก็ถลึงตาให้หยุด ก่อนเขาจะรั้งคอผมให้ก้มแล้วใช้ชายเสื้อตัวเองเช็ดโคลนที่หน้าผมออก ตอนนี้เสียงรอบข้างเงียบมาก ผมว่าทุกคนคงจะอึ้งเหมือนผมนี่แหละ “ขอบคุณครับ”

   “เออ” ตอบเบาๆ แต่ก็ทำให้ผมยิ้มออกมา


   อาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้รุนแรงมากกว่าเจ็ดริกเตอร์


   พี่ไฮท์ยกข้องใส่ปลาไปให้ผู้ใหญ่บ้านแทน ผมมองทุกๆ คนที่นิ่งเงียบไม่ปริปากโห่แซวหรืออะไรสักอย่าง มีแต่สายตาที่มองแปลกๆ แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ดึงความสนใจไปตอนนับปลา ผมนั่งบนคันนาห้อยขาลงไปในแปลง สภาพผมยิ่งกว่าควายในบ่อโคลนซะอีก

   “ไหวไหมมึง” เจมส์ย่อตัวลงมาถาม

   “เกือบตาย” คำตอบของผมทำให้เจมส์หัวเราะ

   “แต่มึงได้ใจทุกคนเลยนะเว้ย ทุกคนมองมึงเปลี่ยนไปเลย” ได้ยินปุ๊บ ผมก็ลอบมองทุกคน แต่ตอนนี้ทุกคนมัวแต่ลุ้นการนับปลากันอยู่ “มึงจะทำให้ขิงกลายเป็นคนดีในสายตาพวกเขา”

   “พี่ขิงต้องกราบตีนกู”

   “เห็นด้วย”

   แล้วเราสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน

   “สรุปแล้ว ตัวแทนของฝั่งชาวบ้านเป็นผู้ชนะ จับปลาได้สามสิบสองตัว” ตาเหลือกทันทีที่ได้ยินจำนวนปลาของพี่กล้าม ปลาของผมมีแค่สิบตัวก็กลืนน้ำลายเหนียวแล้ว นี่สามสิบกว่าตัว แทบอยากลงไปนอนกราบ “ปลาพวกนี้เราจะปิ้งฉลองคืนนี้ แต่ตอนนี้คนเปื้อนสามารถไปล้างตัวที่บ่อน้ำด้านโน้นได้นะครับ เป็นน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกท้ายหมู่บ้าน สะอาด ใส และเย็นมากครับ”

   ผมมองตามที่ผู้ใหญ่บ้านว่า บ่อน้ำนั่นมันไกลไหมวะ ขาแทบยกไม่ขึ้นแล้วเนี่ย

   “เดินไหวไหม” เสียงทุ้มถาม พี่ไฮท์ขมวดคิ้วจ้องมอง “ขามึงเดินไหวไหม”

   “ก็ พอไหวแหละพี่” อยากตอบว่าไม่ไหวแต่เดี๋ยวจะถูกหาว่าสำออย พอได้ยินคำตอบผม พี่ไฮท์ก็พยักหน้านิดๆ

   ถึงเวลาแยกย้าย ผมก็รีบลุกขึ้นยืน ขามันก็จะสั่นนิดๆ แต่ดีที่มีคนพยุง แถมใจดีพาผมไปที่บ่อน้ำเพื่อล้างตัวด้วย คงเพราะเขาก็เปื้อนด้วยละมั้ง

   บ่อน้ำกว้างดูน่ากลัวนิดๆ สำหรับยามใกล้ค่ำ ผมรีบย่อตัวเพื่อกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตัวจะได้รีบกลับ แต่อีกคนกลับยืนเท้าเอวมองเฉยๆ

   “พี่ไม่ล้างตัวเหรอ เดี๋ยวจะค่ำแล้วนะ”


        เงยหน้าขึ้นถาม แต่สิ่งที่ได้ กลับไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นคำถาม ที่ทำเอาผมเบิกตาโต




   “มึงจะบอกกูได้หรือยัง ว่ามึงชื่ออะไร” 



...TBC

ค่ายยังไม่หมดนะคะ ยังเหลือช่วงกลางคืนอีก แต่เพราะความที่มันจะยาวเกินเลยแบ่งเป็นตอนๆ เอา เผื่อจะงง (หมายถึงนังคนแต่งนี่แหละค่ะจะงงและก่งก๊ง T^T)

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 11-02-2018 12:19:25
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-02-2018 13:08:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-02-2018 13:46:41
อ้าววว จับได้ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 11-02-2018 14:09:52
แบบนี้แปลว่าพี่แกเริ่มเชื่อใจแล้วนะขมิ้น อย่าเริ่มต้นด้วยการโกหกเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 11-02-2018 16:24:43
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 11-02-2018 17:07:55
 บอกเลย :mew2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 11-02-2018 17:40:34
น่านนนน.  เปลี่ยนไปขนาดนี้มันก้อต้องสงสัยกันบ้างละ

พี่ไฮท์จับได้ แต่จะเอาขมิ้นอยู่ไหมนะ

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

...

.
.
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-02-2018 18:04:43
สุดแค้น แสนรัก ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พี่ไฮท์ คงสรุปแล้วว่า ขิง ไม่ใช่ขิงแน่ๆ
ขิง บอกความจริงไปเถอะ 
พี่ไฮท์ ขิง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 11-02-2018 18:30:27
โอ้ยย บอกเขาไปเถอะลูกก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 11-02-2018 19:09:12
บอกเลยๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 11-02-2018 19:52:48
บอกเลย! ก่อนที่ความรู้สึกมันเพิ่มพูนแล้วจะพูดยาก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-02-2018 20:38:14
อย่าใจร้ายกับเรามันไม่หายคิดถึง :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-02-2018 22:43:05
บอกๆพี่ไฮท์ไปเถอะขมิ้น  :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-02-2018 23:17:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 12-02-2018 22:05:40
ไอ้พี่ขิง..อย่าเสนอหน้ากลับมาอีกเลยนะ... :angry2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-02-2018 06:16:13
โอยยยย ทำไมไฮท์ทำแบบนี้ มาทำสะดุด
แย่แล้วขมิ้นคนดี จะตอบจริงหรือโกหกต่อไป

ไฮท์มีอาการนะคะ หึงล่ะสิ แต่ยังบอกไม่ได้

ขมิ้นตลกดี น่ารักด้วย น้องซื่อสัตย์กับตัวเองดี

เจมส์เอ้ยย จะเขินทำเพื่อ ยังไม่ชินหรอ
หรือบิ๊กรุกหนักขึ้น 55555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 13-02-2018 19:51:42
พี่ไฮท์น่าจะสงสัยมาตั้งนานแล้วน่ะนะ ก็ขมิ้นต่างกับขิงซะขนาดนี้ แถมหลุดให้พี่เขาได้ยินบ่อยๆอีก ว่าแต่ขมิ้นนี่เสน่ห์แรงจะเลยนาาา  :z1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-02-2018 02:44:34
คิดถึงแล้ว :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-02-2018 01:50:53
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-02-2018 22:59:18

-14-




        “มึงจะบอกกูได้หรือยัง ว่ามึงชื่ออะไร”

   ทันทีที่ถูกถาม ผมเกือบเซตกบ่อน้ำ พยายามก้มหน้าหลบสายตาที่จ้องจับผิด พี่ไฮท์ต้องรู้แล้วแน่ๆ ทำยังไงดี ไอ้ขมิ้นจะแถยังไงดีครับเนี่ย ผมปั้นสีหน้าแล้วช้อนตาขึ้นมอง ปากก็ฉีกยิ้มกว้าง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

   “พี่หมายถึงอะไร ผมชื่อขิงไง นี่ขิงเอง” ชี้เข้าตัวเอง ทำตัวให้ดูปกติที่สุด แม้จะลนลานไปบ้าง

   “อยากให้พี่เกลียดเราเหรอ อยากให้เกลียดเหมือนที่เกลียดไอ้ขิงเหรอ” เสียงทุ้มพูดออกมา สายตาที่จ้องผมตอนนี้ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเก่า ยิ่งคำเรียกแทนตัวเองที่เปลี่ยนไปนั้นผมถึงกับขมวดคิ้ว “พี่ไม่รู้หรอกนะ ว่าเราเป็นใคร แล้วมาเป็นไอ้ขิงทำไม แต่อยากให้รู้ไว้ พี่ไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออก”

   “พี่...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

   ยอมจำนนแต่โดยดีเลยครับ พอพี่ไฮท์ได้ยินผมว่าแบบนั้นก็เหยียดยิ้มออกมา

   “ก็สังเกตมาเรื่อยๆ”

   “นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่เกลียดพี่ขิงละก็ ผมคิดว่าพี่ชอบพี่ผมแล้วนะเนี่ย เชี่ย” ตะครุบปากแทบไม่ทันเมื่อหลุดชื่อพี่ขิงออกมา พี่ไฮท์หัวเราะออกมาเสียงดังจนผมต้องยิ้มตอบ “ผมขอโทษ”

   “ขอโทษทำไม”

   “ก็เรื่องที่ผมปลอมตัวมาเป็นพี่ขิง”

   “เป็นน้องไอ้ขิงเหรอ? แฝด?” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ พี่ไฮท์ถึงกับขมวดคิ้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “เป็นแฝดที่โคตรเหมือน”

   “ผมก็ว่างั้น พี่ไม่โกรธผมใช่ไหม”

   “ก็ทำไมต้องโกรธ หรืออยากให้โกรธล่ะ”

   “ไม่ๆ ไม่โกรธดีกว่า เนอะ”

   แล้วพี่ไฮท์ก็หัวเราะเสียงดังออกมาอีกรอบ ทำไมรู้สึกสบายใจที่ได้บอกความจริง ตอนแรกคิดว่าจะถูกกระโดดถีบตกบ่อน้ำซะอีก

   “รีบล้างตัวเถอะ เดี๋ยวมืด”

   “นี่ยังไม่มืดอีกเหรอ”

   ที่บอกแบบนั้นเพราะแทบมองไม่เห็นทางแล้ว ผมรีบลุกขึ้นยืน แต่เพราะตรงที่ผมอยู่มีน้ำจากการล้างตัวเมื่อครู่ ความลื่นทำให้ผมสไลด์ขาแยกออกจากกัน โชคดีที่พี่ไฮท์ยืนอยู่ตรงหน้าเลยคว้าตัวผมไว้ทันก่อนที่ขาจะฉีกเกินร้อยแปดสิบองศา
 
   “ทำไมไม่ระวัง”

   “ไม่ได้ตั้งใจ” ยิ้มแหยๆ ส่งให้คนดุ “ขอบคุณครับ”

   พี่ไฮท์ดึงตัวให้ผมยืนปกติ ฝ่ามือใหญ่จับข้อมือผมไว้จนต้องมอง

   “จับไว้ จะได้ไม่ลื่น”

   สิ่งที่พี่ไฮท์ให้ผมจับคือชายเสื้อด้านหลังของตัวเอง เจ้าของเสื้อขำน้อยๆ ก่อนจะเริ่มเดินโดยมีผมเดินตาม หลังกว้างที่ผมมองอยู่ให้ความรู้สึกเหมือนพ่อ







   ตอนนี้เส้นทางกลับโรงเรียนมืดสนิทจนดูน่ากลัว มีเพียงแสงไฟจากโทรศัพท์ของพี่ไฮท์ที่ทำให้เรามองเห็นทาง ไม่งั้นผมว่า เราทั้งคู่อาจตกร่องน้ำได้ เสียงแมลงร้องดังฟังดูหลอนพิกล ผมเริ่มสืบเท้าเดินชิดคนตรงหน้ามากขึ้น

   “พี่!!” ผมร้องดังลั่นเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างพุ่งมาชนที่ขา ความแรงของมันทำให้ผมสะดุ้งจนกระโดดตัวลอย

   “อะไร มีอะไร” เพราะผมเสียงดัง พี่ไฮท์เลยพลอยสะดุ้งไปด้วย

   “มีอะไรไม่รู้ชนขาผมอะ งูหรือเปล่า งูกัดผม” เมื่อกี้รู้สึกเจ็บด้วยนะครับ งูกัดผมแน่ ไอ้ขมิ้นจะตายแล้ว

   “งูกัด ตรงไหนวะ”

   “ตรงขาๆ”

   พี่ไฮท์ย่อตัวนั่งลง พร้อมกับส่องไฟจากโทรศัพท์มอง

   “ไม่เห็นมีรอยเขี้ยวงูเลย”

   “แต่มันเจ็บ”

   เจ็บไม่เจ็บไม่รู้ ตอนนี้สมองผมกำลังจินตนาการความทรมานและความตาย มือที่จับบ่าพี่ไฮท์นั้นขยำแน่นด้วยความกลัว

   “ไม่มี” พี่ไฮท์ยืนยันหนักแน่น “ไม่ใช่งูหรอก แต่นู้น”

   คำว่านู้นทำให้ผมหรี่ตามองข้างหนึ่ง แสงไฟที่สาดส่องไปมองเห็นรูปร่างของตัวที่ชนขาผม

   “เชี่ย” หมูสีดำตัวเล็กทำจมูกฟุดฟิดยืนมองหน้าผมอยู่ในระยะไม่ไกล พี่ไฮท์ขำพรืดออกมาเมื่อเห็นตัวต้นเหตุ พอเดินเข้าหา หมูตัวนั้นก็หวีดร้องแล้ววิ่งหนี “มันคงกลัวพี่ฆ่ามันอะ”

   “พี่น่ากลัวเหรอ?”

   “ไม่น่าถาม”

   รีบหรี่ตาเมื่อพี่ไฮท์ยกหมัด แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากหัวผมถูกเขกเบาๆ พี่ไฮท์พูดอะไรอีกนอกจากเดินนำหน้า ผมก็รีบวิ่งตามพร้อมยื่นมือดึงชายเสื้อตามเดิม กว่าจะมาถึง ทุกคนก็อาบน้ำกันหมดแล้ว เจมส์รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าเป็นห่วง

   “มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ระหว่างที่เจมส์ถาม ตามันก็เหล่มองพี่ไฮท์ คงกลัวว่าผมจะถูกหักคอ

   “กูปลอดภัยดี ตอนนี้อยากอาบน้ำสุดๆ”

   “เออๆ”

   แล้วเจมส์ก็รีบดึงแขนผมไป ไม่รู้มันจะกลัวอะไรนักหนา ผมเห็นมันกระสับกระส่ายเหลียวซ้ายและขวาอยู่ตลอด

   “มึงเป็นอะไรวะ หนีอะไร”

   “พี่บิ๊ก”

   “หนีพี่บิ๊ก? หนีทำไมวะ”

   “ก็เรื่องมึงนั่นแหละ” เจมส์แหวออกมา “ถูกกำลังถูกคาดคั้นเรื่องมึง กว่าจะหนีออกมาได้กูต้องหลอกล่อลำบากแค่ไหนมึงรู้ไหม”

   “พี่ไฮท์รู้แล้ว”

   พอผมพูดแทรกจบ เจมส์ก็หยุดเดินกึก หน้าซีดๆ นั่นยื่นมาจ้องผมในระยะประชิดจนต้องยกมือดันหน้ามันออก

   “มึงพูดจริงดิ่ พี่ไฮท์รู้แล้วจริงดิ่ โกรธมึงไหม จะฆ่ามึงหรือเปล่า แล้วกูจะทำยังไงดี กู...”

   “มึงหยุดโวยวายก่อน กูไม่เป็นอะไร” เลื่อนมือที่ดันหน้าผากลงมาปิดปากเจมส์ “กูสบายดี”

   “อื้อ อื่อ อื้อ”

   “กูฟังไม่รู้เรื่อง”

   “อือ อือ”

   “ขอโทษที”

        ผมรีบชักมือกลับเมื่อเจมส์ตีมือผม มันมองตาขวางนิดๆ แต่ผมก็ยิ้มส่งให้

   “มึงไม่เป็นอะไรแน่นะ พี่ไฮท์มันไม่ด่า ไม่ว่า ไม่กระทืบมึงจริงๆ เหรอ” แล้วเจมส์มันก็จับตัวผมหมุนไปหมุนมาจนเวียนหัว “โคตรแปลก หรือจะเป็นอย่างที่ไอ้อินว่า”

   “ไอ้อินว่า? ว่าอะไร”

   “มันบอกว่า พี่ไฮท์หึงมึงกับมัน”

   “หา? หึงกูกับไอ้อินเนี่ยนะ” แทบยกมือขยี้รูหูตัวเอง “อย่าบอกว่าพี่ไฮท์กับไอ้อิน เชี่ย เจ็บ” โวยวายเมื่อโดนฝ่ามือเจมส์ตบจนหน้าคว่ำ

   “กับมึงสิไอ้ห่า พี่ไฮท์จะเอาไอ้อินไปทำไม ตัวใหญ่เท่าควาย คิดละขนลุก” พอคิดภาพตามแล้วก็อดที่จะขนลุกตามไม่ได้ พี่ไฮท์กับไอ้อิน โอ้โหเลยครับ

   “แล้วมันบอกมึงตอนไหน”

       “มันกระซิบกูตอนมึงลงไปจับปลา ที่จริงมันว่า มันสัมผัสได้ถึงรังสีบางอย่าง ที่ออกจากสายตาพี่ไฮท์ ตั้งแต่ตอนเช้า”

   “สายตาพี่ไฮท์? กูว่าสายตามันนั่นแหละกำลังมีปัญหา” ส่ายหัวให้กับความคิดเพี้ยนๆ นั่น

   “แต่กูก็รู้สึกนะ”

   “รู้สึกอะไร”

   “ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พี่ไฮท์สนใจมึง”

   “เขาคิดว่ากูเป็นพี่ขิงไง เขาก็เลยสนใจที่จะหาเรื่องกู มึงก็เห็นนี่หว่า แทบจะต่อยกูตั้งหลายครั้ง”

   “นั่นมันช่วงแรกเว้ย มึงไม่สังเกตเหรอ พี่ไฮท์จะต่อยมึงแค่วันแรกๆ พอผ่านไปเขาก็แค่มองมึงนิ่งๆ..”

   “ด่ากูด้วย”

   “เออนั่นแหละ แต่ตอนไอ้ขิงอยู่ พี่เขามองมันเหมือนธาตุอากาศเลยนะ ขนาดเดินผ่านยังทำเหมือนไม่เห็น”

   “เหรอวะ” ผมเริ่มคิดตามแล้วเนี่ย “แล้วพี่ไฮท์จะมาหึงกูกับไอ้อินทำไม แปลก”

   “ไอ้โง่ ก็เพราะ...”

   ยังฟังเจมส์พูดไม่จบดีการมองเห็นของผมก็ถูกดับไป สาเหตุมาจากผ้าขนหนูที่ถูกโยนมาจากด้านหลังคลุมหัวผมพอดิบพอดี
 
   “ไม่อาบน้ำหรือไง” เสียงเรียบเอ่ยถามขณะที่ผมดึงผ้าออกจากหัว พี่ไฮท์เดินเข้ามาผลักหัวผมอีกรอบก่อนจะเดินผ่านไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล


   นี่เหรอคนที่กำลังหึงผมกับไอ้อิน มั่วสุดๆ


   “เจมส์มึง...”

   มีเรื่องจะถามเจมส์สักหน่อย แต่พอหันมา คนที่จะคุยก็ถูกลากไปแล้ว เลยได้แต่ยืนหันไปหันมา สุดท้ายก็เดินไปเข้าห้องน้ำ กลิ่นโคลนที่ติดตัวนี่เหม็นเอาเรื่องเลยนะครับ แต่พอนึกย้อนกลับไปแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน ผมไม่เคยลงบ่อจับปลาแบบนั้นเลย เป็นความทรงจำที่ดีอีกอย่างในการมาเป็นพี่ขิง

   เสียงน้ำกระเซ็นดังมาจากห้องท้ายสุด พี่ไฮท์คงกำลังอาบอยู่ ผมเลือกจะเข้าห้องข้างๆ ไม่อยากไปไกล ห้องน้ำที่เงียบแบบนี้ก็หลอนเอาการ หลังจากถอดเสื้อผ้าเสร็จก็ตักน้ำในโอ่งอาบ ความเย็นเหยียบจากขันแรกทำเอาขนลุกไปทั้งตัวจนต้องกระทืบเท้า

   สบู่?

   ลืมไปเลยว่าทั้งตัวมีแต่ผ้าขนหนูที่พี่ไฮท์โยนมาให้ เสื้อผ้าข้าวของอย่างอื่นไม่มีติดตัวมาเลย ฉิบหายแล้วไอ้ขมิ้น ผมเม้มปากขมวดคิ้วลังเลว่าจะร้องทักคนข้างห้องดีไหม แต่ถ้าไม่ ผมก็อาบไม่ได้

   “พี่ไฮท์” ลองเรียกดูเพราะไม่ได้ยินเสียงน้ำแล้ว “พี่ไฮท์ยังอยู่ไหม ตอบด้วย”

   “มีอะไร” กว่าจะตอบกลับผมก็กลั้นหายใจจนเกือบตาย กลัวพี่เขาออกไปแล้ว

   “ขอยืมสบู่หน่อยสิ ผมไม่ได้เอามา” ถ้าบอกว่าพี่ไฮท์ไม่เอามาให้เดี๋ยวจะถูกด่า “พี่อาบเสร็จหรือยัง”

   “จะเอายังไง”

        พี่เขาหาเรื่องผมหรือเปล่าวะ 

   “จะเอาสบู่ ไม่เอายังไง”

   “กวนตีนนะ”

   “ขอยืมสบู่หน่อยครับ”

   “มาเอาเอง”

   พอได้คำอนุญาตผมก็รีบเปิดประตูออกไปยืนรอหน้าห้องที่พี่ไฮท์อยู่ แป๊บเดียวคนอยู่ด้านในก็เปิดออกมา ผมยิ้มแฉ่งยื่นมือไปรอรับสบู่ แต่อีกคนกลับสะดุ้งแล้วรีบหันหน้าหนี

   “ไหนสบู่” พอถามหาปุ๊บ ก็มีสบู่ก้อนสีชมพูยื่นมาให้ “ขอบคุณครับ”

   “เออ แต่ต่อไปถ้าจะออกมา ช่วยปิดๆ บ้างก็ดี”

   “ครับ?”

   ไม่รู้ความหมายประโยคของพี่ไฮท์เท่าไหร่ แถมเจ้าตัวก็ผลุบเข้าห้องน้ำไปแล้ว อะไรของพี่เขาวะ ผมยักไหล่แล้วกลับเข้าห้องตัวเองบ้าง สบู่สีชมพูหอมๆ ทำให้กลิ่นโคลนหายไปหมด ชอบจริงๆ แถมน้ำเย็นก็ทำให้ตื่นเต็มตายิ่งกว่ากาแฟเข้มซะอีก

 
   “อ่าวพี่” อาบเสร็จก็เปิดประตูออกไป เจอพี่ไฮท์ยืนอยู่หน้ากระจก พอพี่เขาเห็นผมก็รีบเดินหนี แต่ครู่เดียวก็กลับมาใหม่ “พี่ทำอะไรวะ”

   “เอาไปใส่ จะโป๊กลับเต็นท์หรือไง” พี่ไฮท์ถอดกางเกงขาสั้นตัวเองแล้วยื่นให้ผม คงกลัวคนด้านนอกตกใจถ้าผมจะพันผ้าเช็ดตัวที่เอวเดินกลับเต็นท์

   “ก็พี่ไม่เอาเสื้อผ้ามาให้ผมด้วย”

   “กูผิดเหรอเนี่ย”

   “ไม่ผิดครับ”

   ผมปลดผ้าขนหนูออกเพื่อจะสวมกางเกง พี่ไฮท์ถึงกับร้องลั่นแล้ววิ่งออกไป ดีที่พี่เขาเอาผ้าขนหนูพันเอวตัวเองไว้ก่อนหน้า ไม่งั้นคนด้านนอกคงตกใจที่เห็นรองประธานค่ายใส่แค่กางเกงในวิ่ง คิดแล้วก็น่าขำ








   “หายไปเป็นชาติ คิดว่าไหลลงท่อไปซะแล้ว” ไปแต่งตัวในเต็นท์เสร็จก็ออกมานั่งข้างเจมส์ เหลือบตามองเห็นพี่ไฮท์นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนตัวเอง “กินป่ะ ปลาที่มึงจับ”

   “ขอบใจที่เหลือก้างให้กู” เจมส์หัวเราะร่วนก่อนจะยื่นปลาที่แกะเนื้อใส่จานมาให้

   งานรอบกองไฟแม้จะไร้แอลกอฮอล์แต่ทุกคนก็ดูสนุกสนาน บ้างก็เหมือนคนเมาน้ำเปล่า เสียงกีต้าร์ เสียงกลองดังอึกทึกคึกโครม ยังมีเสียงหม้อ เสียงฝาหม้อดังกระทบกันอีก ชาวบ้านที่มาร่วมวงด้วยต่างก็พากันขำความรั่วของพวกที่โชว์

   “ไอ้ขิง” แรงหนักๆ ที่พาดบ่าพร้อมกับเรียกชื่อของไอ้อิน ทำให้ผมหันมาสนใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังหัวเราะพี่แน่ดึงพี่ไฮท์ไปเล่นกีต้าร์ให้ “คืนนี้ขาพวกกูขาด มึงสนใจป่ะ”

   “ขาขาด?” แวบแรกผมนึกว่าขาจริงๆ ของมันขาด แต่ถ้าขาจริงขาดคงเดินมาหาผมไม่ได้หรอก “ไพ่เหรอวะ”

   “เงียบๆ สิวะ”

   “กินตังค์ไหม กูไม่มีตังค์”

   “รวยอย่างมึงเนี่ยนะ กูเห็นมึงพกเงินเป็นฟ่อนๆ”

   “นั่นมันตอนนั้นไง แต่ตอนนี้กูไม่มี”

   “อะไรวะ”

   “ถ้าไม่กินตังค์กูก็ไป”

   “ยืมกูก่อน แล้วมึงค่อยมาใช้”

   “เออๆ ก็ได้”

   รับปากเสร็จ อินมันก็ลุกไปหากลุ่มเพื่อนตัวเอง ส่วนผมก็เจอเจมส์มองด้วยสายตาประหลาดๆ

   “อย่าไปนะมึง”

   “ทำไมวะ” ตอนนี้เจมส์มันดูจริงจังจนผมแปลกใจ “หรือพวกมันจะโกง”

   “มึงก็รู้ว่าพี่ไฮท์จ้องมึงอยู่ ถ้ามึงไปเล่นด้วย พวกนั้นถูกจับได้แน่”

   “เหรอวะ” เจมส์มันพยักหน้าแทนคำตอบ “เออๆ”

   รับปากเสร็จผมก็หันไปสนใจดนตรีตรงหน้าต่อ ตอนนี้พี่ไฮท์เป็นคนดีดกีต้าร์ให้พี่แน่ร้อง สีหน้าและแววตาของพี่เขายามเล่นดูมีเสน่ห์กว่าเดิมซะอีก มากซะจนไม่สามารถหลบสายตาที่มองมาได้ พื้นที่ในหัวใจของผมกำลังสั่นไหวอีกแล้ว มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย แม้แต่กับผู้หญิงสวยหุ่นดีก็ไม่เคย แต่ทำไมถึงมีปฏิกิริยากับคนนี้คนเดียว หรือว่าผม...กำลังจะชอบพี่ไฮท์วะ แต่พี่เขาชอบผู้หญิงนะ ดังนั้นผมควรเลิกฟุ้งซ่าน


   งานรอบกองไฟจบลงแล้ว จบลงแบบอบอุ่นและซาบซึ้งจนผมแอบน้ำตาคลอเมื่ออาจารย์พูดขอบคุณทุกคน รวมถึงประธานและรองประธานค่าย ผมว่าค่ายนี้จะเกิดไม่ได้หากทุกคนไม่มาด้วยใจ ความลำบาก มันสาหัสจริงๆ ผู้หญิงทุกคนก็ด้วย ไม่กลัวความเหนื่อยเลยสักคน ค่ายนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการมาเป็นพี่ขิง ผมจะไม่มีวันลืมเลย

   “ไอ้ขิง เต็นท์กูนะ” อินเดินมากระซิบข้างหูโดยไม่รอฟังคำตอบ ผมกะว่าจะบอกปัดแต่มันไม่อยู่ฟัง เลยได้แต่ถอนหายใจ เอาไงดีวะ จะไปดีหรือไม่ไปดี จะกลับเต็นท์หรือไปเต็นท์มันดี แต่สรุปแล้ว ไปสักแป๊บนึงละค่อยกลับก็ได้

   เต็นท์ของอินห่างจากพวกปีสามพอสมควร มิน่าถึงเล่นได้ พอผมมุดเข้าไป เพื่อนมันก็นั่งล้อมวงรอกันอยู่แล้ว ทุกคนดูตกใจคราวแรก แต่พออินมันดึงผมไปนั่งข้าง ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ

   “กูไม่ได้เอาตังค์มา” กระซิบบอกอินไป มันก็แบ่งของมันมาให้ผม ไพ่ที่วางตรงหน้ามีแค่สองใบ “ป๊อกเด้งเหรอวะ” ถามปุ๊บ คนแจกไพ่ก็พยักหน้ารับ

   “กินไว กินเร็ว ทันใจดีมึง”

       เจ้ามือบอก ผมไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะกำลังลุ้นไพ่ใบมือ ใบแรกก็ลางไม่ค่อยดีแล้ว ได้ตัวเคสีดำ อย่าบอกว่าตาแรกผมก็จะถูกกินแล้ว

   “ใครเอาอีก มึงเอาไหมไอ้ขิง”

   “ไม่ว่ะ”

   ที่ผมไม่เอาเพราะใบในมือคือเลขเด็ด ผมต้องไม่นกในมือแรก และพอได้วางไพ่ ผมก็กินรอบวงอย่างไม่พลาด

   “ไอ้เหี้ยขิงตาแรกก็สองเด้งเลยนะมึง” เจ้ามือบ่น ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์ ก่อนคืนเงินที่ยืมอินไป มันก็ทำหน้าเอือมๆ เพราะเงินที่ผมคืนก็เงินมัน อัดยายซื้อขนมยายชัดๆ

   ผ่านไปสองรอบ สามรอบจนขึ้นรอบที่สี่ ไพ่ใบมือผมบอดสนิทศิษย์บุญก็ไม่ช่วยเลยทีเดียว เห็นหน้าเจ้ามือแล้วก็เหงื่อตก มันต้องเด็ดแน่นอน พอถูกสั่งให้วางมือก็เริ่มสั่น แต่จังหวะที่วางนั้น ผ้าเต็นท์ด้านหน้าก็ถูกดึงขึ้น กลุ่มไพ่ต่างก็สะดุ้งตกใจกันทุกคนจนไพ่ปลิวเต็มเต็นท์ไปหมด


   “พวกมึงทำอะไรกันฮะ! พรุ่งนี้ต้องกลับแต่เช้านะเว้ย” พี่ไฮท์พูดเสียงเข้มทำเอาทุกคนก้มหน้าก้มตาหนีความผิดกันหมด ก่อนสายตาดุนั่นจะกวาดมามองผม “กี่โมงแล้ว”

   “พี่ถามผมเหรอ”

   ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา นอกจากคนถามเดินจากไป ผมมองตามแผ่นหลังที่เห็นลางๆ อย่างงงๆ จนอินมันสะกิดให้ผมลุก

   “พี่เขามาเรียกมึงอะ ตามไปสิ”

   “ตามกูทำไม”

   “ก็มึงนอนกับพี่เขา”

   เออว่ะ ผมก็ลืมไปว่านอนเต็นท์เดียวกับพี่ไฮท์ ตอนแรกนัดแนะกับเจมส์เป็นอย่างดีว่าจะกลับเต็นท์เดิม แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเพื่อนถูกพี่บิ๊กลากเข้าเต็นท์ไปแล้ว ผมบอกลาเพื่อนใหม่รอบวงพร้อมรวบเงินที่ได้ไปด้วย แอบคิดว่าเป็นโชคเหมือนกันที่ไม่ต้องเสียเงิน เมื่อกี้ถ้าพี่ไฮท์ไม่มา ผมหมดตูดแน่ พอกลับมาที่เต็นท์ที่นอนเมื่อคืน กลิ่นเมนทอลตลบอบอวลไปทั่วจนต้องนิ่วหน้า

   “พี่ทายาเหรอ”

   “เหม็นเหรอ”

   “เปล่า แค่ถามเฉยๆ”

   “แบกปูนเลยปวดแขน”

   พี่ไฮท์พูดหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ ผมที่กำลังจะล้มตัวนอนก็เด้งลุกขึ้นมานั่งใหม่

   “ปวดแขนเหรอ ผมมีพาสเตอร์แก้ปวดด้วยนะ” ว่าแล้วก็รีบค้นกระเป๋า แม่ให้ผมมาในตอนแรก ไม่คิดว่าจะได้ใช้ “พี่ปวดตรงไหนเหรอ”

   “ตรงนี้”

   “ตรงนี้มันไหล่ไม่ใช่แขน”

   “พูดมาก” หลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นพี่ไฮท์ทำหน้าบึ้ง ก่อนจะเลิกชายเสื้อยืดคนปวดไหล่ขึ้นแต่เจ้าของกลับดึงลง “อะไรของมึง”

   “ก็จะติดพาสเตอร์ให้ไง พี่ถอดเสื้อสิ”

   “ไม่ต้อง กูทายาแล้ว”

   “แปะพาสเตอร์เพิ่มจะได้หายไวๆ ไง เนี่ย ผมแกะแล้ว”

   “ไม่ต้อง”

   “กลัวผมปล้ำหรือไง” เหมือนผมพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด พี่ไฮท์ถึงกับหันขวับมามอง “ขอโทษครับ” พี่ไฮท์ไม่ตอบแต่ยอมถอดเสื้อออก ไหล่ด้านขวามีรอยช้ำอย่างเด่นชัด “ช้ำขนาดนี้ พี่แบกปูนหรืออะไรเนี่ย”

   “ขี้บ่นจังวะ”

   ผมไม่รู้หรอกว่าพี่ไฮท์ทำหน้ายังไงตอนพูด เพราะสิ่งที่ผมสนใจตอนนี้คือ จะแปะพาสเตอร์ยังไงไม่ให้เบี้ยว เล็งอยู่นานจนหน้าแทบจะติดกับไหล่อยู่แล้ว

   “เสร็จแล้ว...”

   ช็อตจังหวะสบตาเหมือนในละครกำลังเกิดขึ้นกับผม นัยน์ตาสีน้ำตาลของพี่ไฮท์สั่นไหวเล็กๆ ยามที่ผมมองในระยะใกล้ ยิ่งกระทบกับแสงไฟดวงเล็กๆ จากตะเกียง ยิ่งทำให้เห็นนัยน์ตาพราวระยิบระยับเหมือนดวงดาวจนไม่อาจถอนสายตาได้

   “ชื่ออะไร”

   “หา?”

   เสียงถามคำถามฉุดสติให้กลับมา ผมรีบขยับออกห่างจนเกือบจะชิดกับผ้าเต็นท์อีกฝั่ง

   “ชื่อจริงๆ ชื่อว่าอะไร”

   “ชื่อจริงหรือชื่อเล่น อูย” กะจะเล่นมุกซะหน่อย เจอสายตาโหดซะงั้น “ชื่อขมิ้นครับ”

   “ขิง...ขมิ้น หึๆ” พี่ไฮท์ขำในลำคอก่อนจะรีบสวมเสื้อแล้วนอนลง “รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”

   “ครับ”

   “ฝันดีนะ ขมิ้น”

   ทำไมใจของผมต้องเต้นแรงยามที่พี่ไฮท์เรียกชื่อจริงๆ ด้วย ผมจะทำยังไงดี






   “ขึ้นรถตามเดิมเลยนะคะ พี่ไม่เช็คชื่อแล้วนะ”

       เสียงตะโกนของรุ่นพี่คนสวยบอกขณะผมกำลังเดินขึ้นรถทัวร์ มีเจมส์เดินตามทำสีหน้าเหมือนปวดขี้ทั้งๆ ที่ก็เข้าห้องน้ำโคตรนาน

   “เป็นอะไรวะ” ถามขณะนั่งลงที่เบาะว่าง

   “จะดีเหรอวะ” เจมส์ถาม ท่าทางมันดูกังวลจนผมต้องตบบ่าเพื่อนเบาๆ “มันจะดีแน่เหรอวะไอ้ขมิ้น”

   “ดีสิ ก็พี่เขาบอกแล้วว่าไม่เช็คชื่อ อีกอย่างกูถามมาแล้ว รถคันนี้มีเบาะว่าง” ตอบอย่างมั่นใจ พร้อมเอนหลังหลับตาเตรียมงีบ สารภาพเลยว่าเมื่อคืนตาปิดไม่สนิท มัวแต่ใจเต้นที่พี่ไฮท์เรียกชื่อตัวเอง “อย่ากังวลไปเลย กูว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เชื่อกู”

   “เหรอ”

   “ใช่”

   เสียงตอบทำไมดูทุ้มกว่าเจมส์วะ พอลืมตาก็เป็นไปตามที่คิดไว้ คนที่ทำให้ผมนอนไม่หลับจนต้องหนีมาขึ้นรถทัวร์อีกคันเพื่อจะพักเอาแรง พี่ไฮท์กำลังยืนเท้าเอวส่งสายตาดุมาให้ เจมส์ที่ว่าแน่ยังต้องทำตัวเหมือนไม่มีตัวตน

   “ชื่อมึงอยู่คันนี้เหรอ”

   เสียงดุไปอีก

   “ก็พี่เขาบอกไม่เช็คชื่อแล้ว ก็เลย...”

   “ก็เลยคิดว่าจะนั่งมั่วที่ไหนก็ได้อย่างงั้นสิ” พยักหน้าแทนคำตอบเลยถูกมือยาวๆ ยื่นมาตบหัว “ปัญญาอ่อน”

   “เอ๊า ด่าผมทำไมเนี่ย” ลูบหัวตัวเองป้อยๆ มันก็ไม่ได้เจ็บมากแต่ก็เจ็บเอาการ “ไอ้อินไง มันอยากไปนั่งคันนู้น” รีบชี้ไปที่คนกำลังขึ้นมาจากด้านนอก อินทำหน้าเลิกลั่กมองอย่างงงๆ

   “อย่ามาใส่ร้ายกูไอ้ขิง กูไม่เคยบอกว่าอยากไปนั่ง”

   “ก็วันแรกมึงบอกกูเองว่าอยากนั่งสบายๆ”

   “พี่ไฮท์อย่าไปเชื่อมัน มันมั่ว ลุกเลยมึงอะ นั่งที่กู”

   “มึงแหละที่มั่ว”

   เถียงไปก็เท่านั้น ตอนนี้ผมถูกอินมันดึงให้ลุกจากเบาะรถแล้ว ส่วนเจมส์มันไปยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างพี่ไฮท์ เพื่อนทำไมทิ้งเพื่อนวะ และสุดท้ายผมก็ต้องกลับมานั่งข้างพี่ไฮท์ตามเดิม ด้วยความง่วงจัดทำให้เผลอหลับไปนอนไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ก่อนสติหลุดคือหัวผมถูกดันให้เอนมาซบไหล่คนข้างๆ หวังว่าตื่นมาแล้วเสื้อพี่เขาจะไม่เปียกน้ำลายของผม ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้ามองหน้าไปอีกนาน




...TBC

แกหายไปไหนมาห๊าาาา << ด่าตัวเองแทนทุกคนแล้วค่า ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนาน ไม่มีคำใดๆ ที่จะแก้ตัวนอกจากคำกล่วขอโทษ สำนึกผิดแล้วค่าาา ได้โปรดให้อภัยด้วย (คุกเข่าอ้อนวอนด้วยน้ำตา)

...
พี่ไฮท์รู้ความจริงแล้ว ต่อไปขมิ้นจะใช้ชีวิตง่ายขึ้นแล้วนะคะ แล้วพบกันตอนหน้าค่า มีคนที่ตามไปทุกเรื่องโผล่มาแว๊บๆ ด้วย แล้วพบกันค่าาา
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-02-2018 00:11:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-02-2018 00:18:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-02-2018 00:29:28
มาต่อแล้ว เย้+
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-02-2018 00:47:29
รู้แล้วความจริง ใจก็สั่นไหวได้เต็มที่เลยค่ะคุณพี่
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 23-02-2018 05:55:31
  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 23-02-2018 08:28:47
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 23-02-2018 09:58:06
พี่ไฮท์ตลก หึง หวง เขินน้องขมิ้นตอนโป๊อีก 5555
พอขมิ้นยอมรับอะไรตรงๆแล้วก็ทำให้บรรยากาศดีขึ้นไปอีกแน่ๆ
พี่ไฮท์จะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ หุหุ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 23-02-2018 10:04:44
5555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 23-02-2018 11:23:45
พี่ได้ยินจากปากน้องซะที
"ขมิ้น" นะครับพี่ อย่าเรียกผิด
งุ้ยยยย มีเขินๆๆ ขาวเว่อร์เลยอ่ะดิ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-02-2018 12:42:40
ขมิ้นคงอึดอัดลดลงเยอะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-02-2018 19:06:10
เราจะได้เจอกลอยปะเกรียนเหรอ :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-02-2018 10:55:09
สักทีนะพี่นะ กว่าจะเอ่ยปาก นึกว่าจะเก็บงำไว้ก่อน
ไฮท์ชอบขมิ้นจริงจังนะ ขนาดคนอื่นยังดูออก

สงสารไฮท์ คือจะเขิน จะเคือง ก็ทำตัวไม่ถูก
แล้วมาเจอขมิ้นแก้ผ้าโชว์อีก หลับคืนนี้ฝันดีแน่พี่ไฮท์

ขมิ้นคนซื่อ ก็ไม่คิดมากอะนะ
ก็รอให้พี่ไฮท์ชัดเจนก่อนแล้วนั้นเนาะ
มีความเนียนนะ หนีวงมาเฉย 5555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 14] [P.5] // {22/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 27-02-2018 21:11:41
แวะมาปักจุดรอนะคะไรท์... :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 28-02-2018 23:12:11

-15-





       หลังกลับจากค่าย ตัวผมดำลงนิดหน่อย แค่นิดเดียวเท่านั้น แต่แม่กลับโวยวายหาว่าผมตัวดำเหมือนถ่าน จับผมไปขัดตัวนวดหน้าซะขี้ไคลหลุดหมด ไม่ได้เป็นห่วงว่าผมจะหมดหล่อหรอกนะครับ แต่เดี๋ยวจะรับงานไม่ได้เพราะผิวกร้าน ไอ้ขมิ้นคนนี้เลยได้แต่ทำใจ

   “เจอกันบนห้องนะเว้ย” ผมตะโกนบอกเจมส์หลังจากออกไปกินข้าวหน้ามหาลัยแล้วดันซวย มอเตอร์ไซค์สุดที่รักเหยียบตะปูล้อแบนจนต้องเข็นกลับเข้ามา และที่ซวยไปกว่านั้นคือร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่หลังมหาลัย ดังนั้นผมต้องจูงรถจากด้านหน้ามาด้านหลังเพื่อไปปะยาง แม้หนทางจะยาวไกลแต่ก็ต้องยอม ไม่งั้นผมกลับบ้านไม่ได้แน่

   ผมจูงรถมอเตอร์ไซค์ KSR สีดำคู่ใจผ่านตึกคณะศิลปกรรม เพิ่งรู้ว่าตึกนี้ดูขลังดี ปกติขี่รถผ่านก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ อาจเพราะสภาพตึกครึ่งเก่าครึ่งใหม่ด้วย นักศึกษาที่เดินแถวนั้นดูเป็นตัวของตัวเองสุดโต่ง ทั้งทรงผมและเสื้อผ้า เดินจูงรถผ่านตึกนั้นมาก็เจอสวนขนาดใหญ่ที่เป็นทางผ่านไปหลังมหาลัย ระหว่างผ่านไปครึ่งทาง ผมเห็นผู้ชายสวมชุดนักศึกษานั่งหันหลังกำลังทำอะไรสักอย่าง ด้วยความสงสัยเลยรีบจูงรถไปในระยะที่จะสามารถเห็นชัด

   “เหี้ย!” หลุดสบถออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ จนคนที่นั่งอยู่สะดุ้งแล้วหันมามอง “ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจ” พอเห็นสีหน้าคนตกใจแล้วก็รู้สึกผิด ถุงในมือของเขาร่วงทันทีที่ได้ยินเสียงผม

   “เออ ไม่เป็นไร ไม่ถือ” เสียงเล็กๆ ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่น่ามองจนลืมสนใจคำห้วนๆ นั่น
 
   “นั่นมันอะไรเหรอครับ” ผมชี้ไปที่ตัวที่นอนอยู่ข้างๆ เขา

   “เพื่อนสนิทผมเอง” คนว่ายิ้มแป้นจนตาหยี

   “เพื่อนสนิท?” เหมือนมีเครื่องหมายคำถามผุดเข้ามาในหัว “หมายถึง...ไอ้นั่น”

   “อยากรู้จักป่ะ มานี่สิ” คนที่ยืนอยู่ในสวนกวักมือเรียก ผมก็บ้าจี้เดินเข้าไปหา โดยจอดรถตัวเองไว้ชิดขอบฟุตบาท กันรถอื่นชน พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกได้ว่า ผู้ชายคนนี้น่ารักชะมัด ตัวเล็กกว่าผมน่าจะหลายเซ็นอยู่ ตัวขาวแก้มป่องเชียว “เซย์ไฮเขาสิ นี่” มัวแต่มองคนพูดจนถูกเรียกซ้ำสองรอบ กว่าจะก้มลงไปดูที่เขาชี้ ขาผมก็เกือบถูกงับ

   “ตัวเหี้ยเนี่ยนะ ที่บอกว่าเป็นเพื่อน” กระโดดหนีแทบไม่ทัน หัวใจก็เต้นแรงมากยามลิ้นมันตวัดออกมา คงเพราะผมยืนอยู่ข้างถุงไก่ปิ้ง

   “ตัวเงินตัวทองเว้ย เหี้ยอะไรไม่น่ารักเลย” อยากจะหัวเราะให้กับใบหน้ายู่ๆ แสนตลกนั่น แต่ก็ขำไม่ออก ตอนนี้ไอ้ตัวสี่ขากำลังเดินต้วมเตี้ยมๆ แลบลิ้นไปมาดูน่าขนลุก

   “ทองก็ทอง ว่าแต่มันไม่กัดจริงๆ เหรอ” หน้าตามันดูไม่น่าคบหาเลยให้ตาย

   “กัดสิ แต่เมื่อก่อนนะ กว่าจะสนิทใจก็เสียเงินโคตรเยอะ” คนตอบทำหน้ายู่อีกรอบจนผมสงสัยว่า มหาลัยพี่ขิงมีผู้ชายน่ารักแบบนี้สักกี่คน “แล้วจะจูงรถไปไหน ทำไมไม่ขี่ไปวะ”

        “ไปปะยางมอเตอร์ไซค์อะ” ชี้ไปที่รถที่จอดอยู่

   “หลังมอใช่ป่ะ”

   “ก็ใช่อยู่”

   “ฝากซื้อลูกชิ้นทอดกับไก่ย่างหน่อยสิ ขี้เกียจเดิน”


   นี่ผมกับเขาสนิทกันถึงขนาดฝากซื้อของได้แล้วเหรอครับเนี่ย ไอ้ขมิ้นงง


   “ก็คงได้มั้ง”

   พูดจบคนตรงหน้าก็ล้วงเงินจากกระเป๋ากางเกง จังหวะที่ผมยื่นมือออกไปหยิบแบงค์สีแดง เสียงแตรรถก็ดังขึ้นจนเราสองคนสะดุ้งเฮือก และเพื่อนต้วมเตี้ยมก็รีบหนีไป

   “บีบแตรหาเหี้ยหรือไงวะ แม่งตกใจ” คำอุทานช่างไม่เข้ากับใบหน้าซะจริง “แต่เหี้ยมันเพื่อนกูนี่หว่า หรือมันจะรู้จักวะ...ใครอะ” หลุดขำออกมาจนได้ เมื่อคนที่ยืนข้างผมพูดเองเออเอง ก่อนจะยื่นมือมาสะกิดถาม

   ผมหรี่ตาดูรถบีเอ็มสีดำที่คนขับกำลังลดกระจกลง เจ้าของรถชะโงกหน้ามาอีกฝั่งถึงได้เห็นชัดๆ ว่าเป็นใคร

   “ไปทำอะไรตรงนั้นวะ!” พี่ไฮท์ตะโกนถามมา

   “มึงถามกูเหรอ!” กำลังจะอ้าปากตอบ คนตัวเล็กที่ยืนด้านหลังดันตอบไปซะก่อน

   “กูไม่ได้ถามมึง” พี่ไฮท์ก็ตะโกนตอบกลับมาทันที 

   “ก็มึงไม่ระบุชื่อ ใครจะไปรู้ เขาเรียกมึงอะ นู้น”

   เผลอหลุดขำออกมาอีกรอบเมื่อเห็นใบหน้าง้ำงอนั่น ผมเดินไปหาพี่ไฮท์ที่จอดรถข้างกับรถของผม คนนั่งหลังพวงมาลัยเอาแต่ขมวดคิ้วมองคนที่ยังยืนอยู่ในสวน

   “รู้จักกันเหรอวะ” มาใกล้ปุ๊บก็ถูกถามปั๊บ ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่รู้จักแต่ไปยืนคุยกันเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า แล้วนี่จะไปไหน” ผมต้องตอบคำถามไหนก่อน

   “รถผมยางแบน จะเอาไปปะยางหลังมอ พี่ไฮท์จะไปไหนเหรอ”

   “กลับบ้าน งั้นรอแป๊บ เดี๋ยวมา”

   พูดเสร็จพี่ไฮท์ก็ขับรถไปทันที ไม่รู้ขับไปไหนแต่บอกให้ผมรอ ผมก็ต้องรอใช่ไหม คงใช่แหละเนอะ คิดแบบนั้นผมก็เลยเดินย้อนกลับไปหาคนที่ยังนั่งกวักมือเรียกตัวเงินตัวทอง แต่มันไม่ยอมเดินมาหา
 

   ว่าแต่ นั่นเรียกตัวเงินตัวทอง หรือเรียกหมูวะครับ เรียกอู๊ดๆ เนี่ย


   “มันอิ่มแล้วมั้ง” ผมย่อตัวนั่งลงข้างๆ รู้สึกตัวเองก็บ้าจี้ตามคนแปลกหน้า เขาทำอะไรผมก็ทำตามเฉย เมื่อกี้ก็เผลอยกมือกวักเรียกด้วย

   “สงสัยจะอิ่มจริงว่ะ กินไปตั้งหลายไม้” เหล่ตามองคนข้างๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเขาหันมา ทำให้เราสบตากันพอดี “หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”

   “ครับ?” ขมวดคิ้วยามถูกดวงตากลมโตมองสำรวจ ไม่แน่อาจเคยเจอพี่ขิงมาก่อน หรือไม่ก็เคยเห็นผ่านป้ายโฆษณา “รู้จักผมด้วยเหรอ”

   “ก็เหมือนเคยเห็น อ๋อ” พอเจอคำสร้อยสุดท้ายผมก็ทำตาโตไปด้วย พร้อมรอฟังในสิ่งที่เขาคิดออก

   “จำได้แล้วเหรอครับ”

   “ไม่อะ” แทบทรุดตัวนั่งกับพื้นหลังจากได้ยิน “ช่างมัน ไม่อยากคิด แค่ข้อสอบเมื่อกี้หัวก็จะระเบิดอยู่ละ เครียด อยากกินลูกชิ้นทอด!”

   เอ่อ ผมต้องปรับอารมณ์ตามเขาด้วยไหมเนี่ย อยู่ๆ ก็ตะโกนออกมาเฉย ผมกำลังจะอ้าปากถามชื่อ แต่พี่ไฮท์ดันตะโกนเรียกซะก่อน

   “ผมไปก่อนนะครับ” บอกลาคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก เขาก็ยิ้มหวานให้ส่งท้ายทำเอาซะผมสมองว่างเลยทีเดียว


   โคตรน่ารักเลยว่ะ



   “ไหนบอกว่าไม่รู้จักไง” เดินมาถึง พี่ไฮท์ก็เริ่มถาม ใบหน้าบูดบึ้งยามมองเลยไปหาคนด้านหลัง “คุยซะสนิทเลยนะมึง”

   “แล้วพี่จะอารมณ์เสียทำไมเนี่ย”

   “กูไม่ได้อารมณ์เสีย”

   “แต่หน้าพี่บึ้งอยู่ คิ้วขมวดจนจะรวมกันอยู่แล้ว”

   “แค่หงุดหงิด ไม่ได้อารมณ์เสีย”

   “มันต่างกันเหรอพี่”

   “ต่าง”

   “ก็ได้ ต่างก็ต่าง”

   ผมขำให้กับคนที่อารมณ์แปรปรวน หลังกลับจากค่ายมา พี่ไฮท์ดูใจดีกับผมมากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังเหวี่ยงหากเผลอเรียกชื่อผมเป็นพี่ขิง

   “ขี่ยังไงให้เหยียบตะปูได้วะ” พี่ไฮท์ปัดมือผมออกแล้วจูงมอเตอร์ไซค์ให้แทน

   “ถ้าตาผมอยู่ที่ล้อ คงไม่เหยียบหรอก”

   “กวนตีนนะมึง”

   แม้จะด่า แต่พี่ไฮท์ก็ยังยิ้ม หากเป็นเมื่อก่อนผมอาจถูกกระโดดถีบไปติดต้นไม้สักต้นในสวนแล้วก็ได้

   “พี่รู้จักคนที่ผมคุยเมื่อกี้ไหม”

   “ถามทำไม”

   “ก็แค่อยากรู้”

   “มันเรียนศิลปกรรม” ผมจ้องหน้าคนพูด จนพี่ไฮท์ต้องถอนหายใจในความอยากรู้ของผม “อยู่ปีเดียวกับกูนี่แหละ”

   “จริงเหรอ ผมนึกว่าอยู่ปีหนึ่งไม่ก็ปีสองซะอีก” เขาหน้าเด็กมากจริงๆ นะครับ ผิวก็ขาวกว่าผมนิดหน่อย “เขาชื่ออะไรเหรอ”

   “ไอ้กลอย”

   “กลอย? ชื่อน่ารักสมตัว” แล้วผมก็ถูกเขกหัวโดยไร้สาเหตุ

   “ถ้าไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเหมือนพี่มึง อย่าไปยุ่งกับมัน”

   “ทำไม? หรือเขานิสัยไม่ดี แต่ผมว่า เขาน่ารักดีนะ ดูใจดีด้วย”

   “มันเป็นเพื่อนของคนที่พี่มึงขี่รถชน”

   เหมือนมีดาวตรงหางตาเมื่อได้ยิน คนที่พี่ขิงขี่รถชนเหรอ หมายถึง คนที่ทำให้ผมถูกต่อยหน้าตึกคณะในวันแรกที่มาเรียนใช่ไหม

   “พี่นี่รู้จักเขาดีเนอะ” พูดตามความรู้สึก แต่พี่ไฮท์กลับหยุดเดินแล้วหันมาจ้องหน้าผม “อะไร”

   “กูไม่ได้สนใจเขา”

   “หา?”

   ใบหน้าตึงราวกับฉีดโบท็อกซ์ทำให้ผมงง พี่ไฮท์หมายถึงอะไร

   “ช่างมัน” พูดจบก็เดินต่อเฉย ผมเลยต้องรีบก้าวขาให้ยาวขึ้นจะได้เดินทัน “กินข้าวหรือยัง”

   “กินแล้วครับ” ตอนแรกว่าจะถามกลับ แต่เพราะแถวนี้มีแค่ผม ฉะนั้นพี่ไฮท์ก็ต้องถามผมแน่นอน “พี่กินหรือยัง”

   “อืม” สั้นๆ แต่ได้ใจความสุด “พ่อกูให้ชวนไปกินหมูจุ่มที่บ้าน”

   “วันนี้เหรอ” พี่ไฮท์ไม่ตอบ “วันนี้ไม่ได้ ตอนเย็นผมต้องไปคุยงานกับแม่”

   แม่ผมไปรับงานมาอีกแล้ว แถมไม่บอกผมเลย ที่จริงวันนี้ผมก็เกือบไม่ได้มาเรียนแล้ว เพราะแม่จะลากผมไปคุยงาน ไม่เข้าใจจริงๆ นะ แม่เจอพี่ขิงแล้ว ทำไมไม่ให้พี่ขิงไปถ่าย อยากรู้จริงๆ ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้พี่ขิงหายไป

   “นี่มึงต้องเป็นไอ้ขิงอีกนานแค่ไหน”

   “ผมก็อยากรู้เหมือนกัน”

   “มึงนี่นะ หัดเป็นตัวของตัวเองบ้าง อยากเป็นพี่มึงตลอดหรือไง”

   พี่ไฮท์ก็พูดถูก ถ้าผมยืนกรานจะเป็นตัวเองก็คงได้ แต่ก็ไม่ทำ

   “แม่บอกอีกไม่นานพี่ขิงก็จะกลับมา พอถึงตอนนั้น ผมก็คงกลับไปเป็นไอ้ขมิ้นเหมือนเก่า” ผมพูดจบ พี่ไฮท์ก็ไม่ถามอะไรต่อ แต่ปากบางๆ นั่นเหมือนพึมพำอะไรอยู่ “ถ้าพี่ขิงกลับมาแล้ว ผมก็คงต้องกลับบ้าน อยากให้ถึงวันนั้นจัง”

   “ไม่ดี”

   “พี่ว่าอะไรนะ”

   “เปล่า รีบๆ เดิน ร้อน”

   เมื่อกี้ผมเหมือนได้ยินพี่ไฮท์พูดอะไรบางอย่าง แต่ถ้าพี่เขาบอกเปล่าผมก็ต้องเชื่อ ไปคาดคั้นก็คงไม่ได้ เราสองคนจูงรถมาจนถึงร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ นั่งรอคิวเปลี่ยนยางแทบหลับ รู้แบบนี้ทิ้งรถไว้แล้วไปเล่นเกมส์ดีกว่า ร้านก็อยู่ไม่ไกลด้วย เห็นป้ายที่ติดหน้าซอยข้างๆ บอกมีแปลงของคณะเกษตร อยากเห็นจังว่าจะปลูกอะไรบ้าง

   “แล้วรถของพี่ล่ะ” นั่งเฉยๆ ก็ง่วง เลยลองชวนคนข้างๆ คุย พี่ไฮท์กวาดสายตามองรอบร้านอย่างสนใจ

   “เอาไปจอดที่ลานศิลปกรรม” ตอบผม แต่ตาก็ยังมองอะไหล่รถอยู่

   “ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

   “ก็มึงเป็นรุ่นน้องกู”

   “พี่บอกว่าผมไม่ใช่รุ่นน้องไม่ใช่เหรอ”

   “ความจำดีนะมึง”

   แล้วเราทั้งคู่ก็เผลอหัวเราะออกมา พอดีกับรถซ่อมเรียบร้อยแล้ว เราเลยเดินไปรับ พี่ไฮท์ควักแบงค์สีเทาออกมาจ่ายให้ แม้ผมจะปฏิเสธแต่ลุงเจ้าของกลับหยิบไปแล้ว

   “เงินผมก็มีนะพี่”

   “กูเต็มใจออกให้”

   “ขอบคุณครับรุ่นพี่”

   “กวนตีน”

   ผมขยิบตาให้ก่อนถูกพี่ไฮท์เขกหัว แล้วเราก็หัวเราะพร้อมกันอีกครั้ง

   พี่ทำผมใจเต้นอีกแล้ว





***


   บนรถตู้คันแพง ผมนั่งถอนหายใจรอบที่ร้อยและถูกบิดแขนจนช้ำรอบที่ล้าน หลังจากไปคุยงานเรื่องคอนเซ็ปการถ่ายโปรโมทกางเกงชั้นในมา นี่ผมต้องใส่กางเกงในถ่ายแบบเหรอวะ บ้าไปแล้ว

   “แม่ให้พี่ขิงมาถ่ายนะ ผมไม่ถ่าย” ยืนยันไปอย่างหนักแน่น แม่ก็รีบเงยหน้าจากจอมือถือทันที “ผมพูดจริง”

   “ขมิ้นนี่ยังไงนะ แม่ก็บอกแล้วว่าพี่ขิงมาไม่ได้”

   “ก็ทำไมถึงมาไม่ได้ล่ะ แม่ก็บอกมาสิ”

   “พี่เขา...”

   “หนีหนี้เหรอ แม่มีเงินตั้งเยอะก็ใช้ให้ไปสิ”

   “หุบปากเลยนะขมิ้น” คำสั่งมาพร้อมแรงที่ตีเข้าปากจนผมสะดุ้ง ความชายังคงแผ่ไปทั่วใบหน้า โดยเฉพาะริมฝีปาก “แม่สั่งให้ทำก็ต้องทำ”

   “ผมควรเชื่อพ่อ ว่าไม่ควรมาที่นี่” ความอดกลั้นมันก็ถึงจุดสูงสุด ผมโพล่งออกมาแม่ก็ยกมือเตรียมจะฟาดลงมาอีก แต่พอเห็นผมนั่งนิ่งไม่ขยับก็เลยลดมือลงไป “แม่รักผมบ้างป่ะ”

   “แกเป็นลูกฉันก็ต้องรักสิ”

   พอได้ยินผมก็ขำออกมา ไม่ได้ดีใจหรอกนะครับ แต่ขำเพราะสมเพชตัวเอง น้ำเสียง สีหน้าและแววตามันสวนทางกันอย่างชัดเจน

   “รีบๆ ให้พี่ขิงกลับมา ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว” พูดจบผมก็เงียบตลอดทาง อยากร้องไห้นะ แต่น้ำตามันไม่ไหล หัวใจผมตอนนี้เหมือนถูกเข็มจิ้มจนพรุน

   กว่าจะถึงบ้านก็เกือบสี่ทุ่ม ลงจากรถปุ๊บ ผมก็ตรงไปควบมอเตอร์ไซค์ทันที ไม่สนว่าแม่จะโวยวายอะไร ตอนนี้ผมต้องไปจากตรงนี้ซะก่อน ผมกำลังอ่อนแอ ผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง ผมร้องไห้และผมก็เจ็บเป็น

   มอเตอร์ไซค์คู่ใจทะยานด้วยความเร็วพอประมาณ ผมใช้ลมที่กระทบหน้าขับไล่น้ำตาให้เหือดหาย ความสับสนในหัวทำให้ผมกลับมาบ้านของตัวเอง ตอนนี้ในบ้านปิดเงียบ พ่อคงหลับไปแล้ว ถ้าเข้าไปพ่อจะตกใจเป็นห่วง ผมเลยถอยออกมา เสียงหมาเห่าบ้านข้างๆ ทำให้ผมนึกถึงปุยเมฆ และพาลนึกถึงที่ๆ ปุยเมฆอยู่ ถ้าผมไปที่นั่น จะได้ไหม
 
   ได้ไม่ได้ผมก็มาแล้ว จากบ้านผมมาที่บ้านพี่ไฮท์ใช้เวลาประมาณชั่วโมง พอมาถึงก็เกือบเที่ยงคืน แม้บ้านพี่ไฮท์จะยังเปิดไฟ แต่ผมก็ไม่กล้ายื่นมือไปกดเรียก ผมว่าผมควรกลับไปเผชิญความจริง

   จังหวะที่หันหลังจะกลับ เสียงหมาสองตัวเห่าแข่งกันจนเสียงดังลั่นพร้อมๆ กับตะกุยประตูกระจกจนแทบพัง ก่อนผ้าม่านชั้นบนจะถูกแหวกออก ทำให้เห็นหน้าลูกชายเจ้าของบ้าน พี่ไฮท์สวมเสื้อยืดสีขาวมองลงมาอย่างตกใจ

       “มึง...รอเดี๋ยวนะ” ผมยืนรอพี่ไฮท์ที่รีบวิ่งออกมาจากตัวบ้าน โดยมีสองอ้วนวิ่งพันแข้งพันขาติดออกมาด้วย “มาได้ไงเนี่ย” 

   “ผมนอนด้วยได้ป่ะ” พี่ไฮท์มองผมอย่างสงสัยก่อนจะพยักหน้าช้าๆ พอผมเดินตามเข้าบ้านก็ถูกสองอ้วนกระโจนใส่ ทำไมผมรู้สึกว่า พวกมันดีใจที่ผมมาเลยกอดให้หายคิดถึง “พ่อพี่ล่ะ”

   “หลับไปแล้ว มึงนั่นแหละ ไปไหนมาวะ” คงเพราะเห็นผมสวมสูทเต็มยศ “อ่อ ลืมไปว่ามึงไปคุยงานกับแม่ เป็นไงบ้างล่ะ”

   “ก็ดีมั้ง” ตอบแบบขอไปที “ถ่ายแบบกางเกงใน ผมไม่ชอบเลย”

   “ฮะ? กางเกงใน มึงจะถ่ายแบบกางเกงในเหรอ” หลังจากได้ยินผมพูด พี่ไฮท์แทบตกบันไดเพราะหันมามองผม โชคดีที่ผมดันร่างไว้ทัน ไม่งั้นอาจตกลงไปทั้งคู่ “งานไอ้ขิง ก็ให้มันมาถ่ายสิ”

   “ผมก็บอกแม่แล้ว ว่าไม่อยากถ่าย แต่แม่ไม่เข้าใจ”

   “ไม่อยากถ่ายก็ไม่ต้องถ่าย มึงไม่ใช่ไอ้ขิงสักหน่อย ตัวก็ผอม กล้ามก็ไม่มี ของก็เล็ก ถ่ายยังไงก็ไม่สวย” เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว หากไม่มีประโยคต่อๆ มาด้วย

   “มันเล็กเฉพาะตอนหลับเถอะ” มันใช่เรื่องที่ผมต้องเถียงไหมเนี่ย “ว่าแต่ พี่เห็นของผมตอนไหน แอบมองเหรอ” ยกมือปิดเป้ากางเกงตัวเองจนเกือบถูกถีบตกบันไดชั้นบนสุด โชคดีที่ขยับหนีทัน แม่งขาจะไวไปไหน

   “มึงแก้ผ้ามาให้กูเห็นเองเถอะไอ้ห่า” พอเห็นผมตีหน้างง คนเห็นของลับของผมก็รีบอธิบายเพิ่มจนผมต้องร้องอ๋อแล้วยิ้มเขิน “ตอนค่ายที่มึงยืมสบู่กู”

   “อ๋อ แบบนั้นนั่นเอง ผมไม่ถือ” หลบเท้าได้ แต่หลบมือไม่ได้ ฝ่ามือใหญ่ๆ เลยฟาดเข้าหัวผมดังป๊าบ “ขอยืมชุดหน่อยได้ไหมครับ”

   แม้จะมองตาขวาง พี่ไฮท์ก็ยังเดินไปค้นชุดในตู้มาให้ และมันเป็นชุดเดิมที่ผมใส่ตอนมานอนครั้งแรก ผมอาบน้ำใหม่อีกรอบเพราะตัวเหม็นเหงื่อ กลัวถูกเจ้าของห้องไล่กลับ จะว่าไป ผมควรไปนอนกับเจมส์มากกว่าหรือเปล่าวะ ทำไมถึงนึกถึงพี่ไฮท์คนแรก ไม่สิ ผมนึกถึงปุยเมฆต่างหาก มันทำให้ผมมาที่นี่

   ออกจากห้องน้ำมา เจ้าของห้องนั่งพิงหลังกับหัวเตียง บนตักมีจอแล็ปท็อป ข้างๆ ตัวก็มีหนังสือกับกระดาษวางอยู่เต็มไปหมด

   “พี่ทำการบ้านเหรอ”

   “เขาเรียกรายงาน”

   “แล้วมันไม่ใช่การบ้านเหรอ”

   “กวนตีน”

   หลุดขำออกมาก่อนจะคลานขึ้นเตียง มือหยิบกระดาษขึ้นมาดู มีแต่ตัวเลขเยอะแยะไปหมด

   “พี่เก่งว่ะ เป็นผมทำไม่ได้หรอก”

   “แล้วมึงมาเรียนแทนพี่มึงได้ยังไง”

   “ก็มีเจมส์ช่วย” ผมตอบพร้อมเม้มริมฝีปาก มันมีเรื่องที่อยากถาม ไม่รู้ถ้าถามไปพี่ไฮท์จะตอบหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ “ผมถามอะไรพี่หน่อยได้ป่ะ” พี่ไฮท์เงยหน้าขึ้นมามองก่อนพยักหน้าลง “ถ้าเกิดผมเป็นพี่ขิง พี่จะทำยังไง”

   “ถ้ามึงเป็นไอ้ขิงแล้วมาบ้านกูๆ ก็จะกระทืบแล้วไล่กลับ”

   โหดเหี้ยๆ

   “ทำไมพี่ถึงเกลียดพี่ขิง บอกได้ป่ะ ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใคร” มันอาจเป็นความลับเลยต้องบอกแบบนั้นไป พี่ไฮท์ยังทำไม่สนใจ นิ้วกดแป้นพิมพ์รัวๆ “พี่ไฮท์ ทำไมเกลียดพี่ขิง...”

   “พี่มึงไม่ใช่คนดี” นิ้วที่พิมพ์แป้นหยุดลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม “มึงรู้ใช่ไหม” ผมรีบพยักหน้ารัวๆ “แต่ที่กูเกลียดมัน ไม่ใช่เพราะมันเป็นคนไม่ดี ในเมื่อกูก็ไม่ใช่คนดี”

   “พี่เป็นคนดี ผมยืนยัน” แวบหนึ่งเห็นพี่ไฮท์ยิ้ม แต่แล้วก็ปั้นหน้านิ่งตามเดิม “แล้วทำไมถึงเกลียด”

   คราวนี้พี่ไฮท์วางแล็ปท็อปลงบนเตียง ตัวใหญ่ขยับนั่งหลังตรงเพื่อมองหน้าผม

   “มึงรู้เรื่องอะไรของพี่มึงบ้าง” ท่าทางจริงจังทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งด้วย จากที่นอนคว่ำมือค้ำคาง พอผมส่ายหน้าพี่ไฮท์ก็ถอนหายใจออกมา “รู้ไหมว่าพี่มึงมีผัวเป็นผู้ชาย” อันนี้ผมรีบพยักหน้าเพราะถูกเรียกเมียจ๋ามาแล้ว “แล้วรู้ไหมว่าพี่มึงมาแย่งแฟนกู”

   “รู้สิ ผมเคยเกือบถูกพี่กระทืบตอนวันแรกที่มาไง” ยังจำไม่เคยลืมเลือน คอยเตือนตัวเองเอาไว้เสมอ
 
   “ที่มันมาแย่งแฟนกู ก็เพราะ...”

   “เพราะ”

       ทำไมต้องทำให้ผมลุ้นขนาดนี้วะ

   “เพราะว่าพี่มึงมาอ่อยกู แล้วกูไม่เอา”

   “เชี่ย” สบถเสียงดังลั่นหลังจากได้ยิน “พี่พูดจริงเหรอ พี่ขิงชอบพี่เนี่ยนะ” รู้สึกสมองเบลอเลยไอ้ขมิ้น

   “จริง มันมาสารภาพกับกูเอง ว่าชอบกู แต่กูคิดกับมันแค่น้องในคณะ มันก็ยังยืนยันจะคบ ตามตื้อกูอย่างน่ารำคาญ แล้วอยู่ๆ กูก็รู้ข่าว ว่ามันควงคนของกูเข้าโรงแรม คงไม่ต้องบอกว่าเข้าไปทำไมใช่ไหม”

   เข้าโรงแรมไปกินข้าวแน่นอน ผัดตับ...ตับ ตับ ตับ ตับ

   “พี่ พูดจริงๆ เหรอ” ยิ่งกว่าสมองเบลอ นี่พี่ขิงทำขนาดนั้นเลยเหรอวะ

   “ถามไอ้บิ๊กสิ ไม่ก็เจมส์เพื่อนมันน่ะ”

   “เจมส์ก็รู้เหรอ” ทำไมมันไม่บอกผมวะ

   “มันคงไม่อยากให้มึงเกลียดพี่ตัวเอง” ไม่รู้ตอนนี้ผมทำหน้ายังไง เพราะเรื่องที่เพิ่งรู้กำลังตีกันในหัวจนมึนไปหมด “ไอ้ขิงคงคิดว่า ถ้ามันได้กับแฟนกูแล้วกูจะยอมคบมัน โคตรโง่”

   “โง่จริง” เผลอพูดออกมาโดยไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ “แล้วแฟนพี่เขา...ทำไมถึงยอมนอนกับพี่ขิงล่ะ”

   “คนมันดัง ออดอ้อนเป็น”

   “ตอแหลเก่งว่างั้น” ได้ยินพี่ไฮท์หลุดขำออกมา “แต่เป็นผมๆ ก็คงตามกระทืบพี่ขิงเหมือนกัน” พี่ขิงนี่ทำเรื่องให้ตัวเองโดนเกลียดเอง ทุกเรื่องเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นคนดัง น่าจะทำตัวดีให้คนชื่นชม นี่อะไร ทำตัวให้คนจ้องกระทืบอยู่ได้ “แล้วพี่เกลียดผมด้วยไหม”

   “ทำไมต้องเกลียดมึง?”

   “ก็ผมหน้าเหมือนพี่ขิง”

   “ตรรกะอะไรของมึง อยากให้กูเกลียดเหรอ”

   “ไม่เลย”

   “งั้นก็เลิกถาม เพราะถ้ากูจะเกลียดมึง กูเกลียดไปนานแล้ว ตั้งแต่รู้ว่ามึงไม่ใช่ไอ้ขิง”

   “แปลว่า พี่ก็ชอบผมอะสิ”

   ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า พี่ไฮท์ถึงหูแดงขึ้นมาแล้วก็หันไปสนใจงานในหน้าแล็ปท็อป แต่เท่าที่คิดย้อนไป มันก็ไม่มีอะไรผิดนะ

   “นอนไปเลยมึง จ้องหน้ากูทำงานไม่ได้”

   “พูดไม่เพราะเลยนะ คนเราเนี่ย”
 
   พูดไม่จบดีก็ถูกหมอนฟาดเข้าเต็มหน้า ผมถึงกับล้มตัวหงายหลัง โชคดีที่หัวไม่โขกกับหัวเตียง ผมแยกเขี้ยวส่งให้พี่ไฮท์ก่อนจะขยับหันหลังให้ ไหนบอกไม่เกลียด แต่ชอบทำร้ายร่างกายผมอยู่เรื่อย โดยเฉพาะทำให้หัวใจผมทำงานหนัก

   “ฝันดีนะพี่ไฮท์”

   “เออ ฝันดี” มันน่าจะจบแล้วหากไม่มีประโยคต่อท้าย “หันตูดมาอย่าตดนะมึง ไม่งั้นกูถีบตกเตียง”

   นี่นะหรือ คนที่บอกไม่ได้เกลียดผม เอะอะถีบ เอะอะตบ ใจร้ายโคตร แต่เพราะแบบนี้ทำให้ผมลืมความเสียใจที่เพิ่งเจอไปจนหมด อยากหันไปขอบคุณแต่ก็กลัวถูกด่าอีกว่าไปกวนเขา ผมเลยได้แต่ขอบคุณในใจพร้อมกับหลับตาลง คืนนี้ผมคงจะนอนฝันดีอย่างแน่นอน



...TBC

แท้แด้~~~~~~ สาเหตุที่แท้จริงที่พี่ไฮท์เกลียดขิงอย่างเข้าเส้นเลือดได้เปิดเผยแล้ว ช่วยขมิ้นเก็บเป็นความลับด้วยนะคะ (โดนตบหัว) ขอโทษที่มาช้าค่า คงจะเบื่อคำโทษแล้ว แต่ก็ยังจะพูด เป็นคนดื้อนั่นเอง ถถถ

ในตอนนี้มีกลอยประเกรียน (Just you and I เพราะนายคือของฉัน) มาทักทายนิดๆ หน่อยๆ ด้วยค่า หวังว่าจะยังไม่ลืมกันเน้ออ >w<

ขอบคุณมากๆ ค่า เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ   
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-02-2018 23:51:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 01-03-2018 01:32:55
อยู่ๆ มนุษย์หลุดโลกก็โผล่มาตกใจ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 01-03-2018 01:34:01
ขมิ้นควรกลับไปหาพ่อได้แล้ว  ปัญหาของขิงและแม่ก็ให้เขาจัดการเอง
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-03-2018 04:22:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 01-03-2018 06:22:21
เมื่อไหร่ขิงจะกลับมาอ่ะ สงสารน้องขมิ้น คุณแม่ใจร้ายกับน้องขมิ้นอีกแล้ววว.... :mew6:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-03-2018 08:16:21
เราไม่ลืมกลอยหรอกคิดถึงจะตาย  แต่อันที่จริงไฮท์น่าจะบอกขมิ้นนะว่าอย่ายุ่งกับกลอยเพราะมีปีศาจ(ผัว)คอยคุม o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-03-2018 08:24:43
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 01-03-2018 17:46:08
ขิงเหมือนคนที่ไปยุ่งกับคนมีอำนาจ เลยต้องเงียบหายไปอะ แต่แบบนี้ไม่ดีเลยวะ แนะนำให้ขมิ้นต่อต้านได้แล้ว งานพวกนี้มันไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับขมิ้นซักหน่อย ในเมื่อท้ายสุด ชื่อที่ขึ้นอยู่บนจอแก้วหรือโปสเตอร์ ก็คือชื่อขิง ขมิ้นเหมือนคนไม่มีตัวตนสำหรับคนพวกนั้นอะ และการที่แม่ทำแบบนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่เพื่อทนให้ตัวเองเจ็บปวดเลยอะ เอาตามตรงนะ กลับไปหาพ่อเถอะ ให้คนพวกนั้นเขาแก้สถานการณ์กันเองเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเรา แม่ก็แม่เหอะวะ ไม่ได้เลี้ยงดูมา ไม่เคยมาดูแล มีแต่กดขี่ด้วยความเป็นแม่ ทุเรศวะ #อินเนอร์มา
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 01-03-2018 21:30:29
โมเม้นน้องพี่นี่น่ารักจริง :o8: :-[ สงสารขมิ้นทำไมแม่ถึงทำแบบนี้อะไม่เข้าใจถึงคุณจะไม่ได้เลี้ยงขมิ้นมาแต่ขมิ้นก็เป็นลูกคุณอีกคนเหมือนกันนะ ตอนนี้ไม่ชอบแม่ขมิ้นเลย แต่อดีตของขิงนี่แรดจัง5555555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-03-2018 08:40:36
55555 นี่ชอบมากใช่ไหมไฮท์ เลยต้องรุนแรงกับน้องตลอด

สงสารขมิ้นนะ อยากให้หมดความอดทนสักที
คิดถึงปุยเมฆจริงหรอ ไม่ได้คิดถึงเจ้าของบ้านเนาะ

นานๆ ที จะมีคนชมกลอยให้ได้รู้ ว่าน่ารัก แก้มป่อง
ความเกรียนไม่เคยขาด ไม่แปลกใจทำไมคุยกับทองรู้เรื่อง 5555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-03-2018 16:01:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 15] [P.5] // {28/02/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-03-2018 00:12:06
คิดถึงแล้ว :mew2: :mew2: :mew2: ยังใงก็อย่าทิ้งขมิ้นกับพี่ไฮท์นะ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 08-03-2018 22:21:38

-16-




        ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์หน้าตึกกลางของคณะ ผมควบหมวกกันน็อคไว้ที่กระจกรถก่อนเดินขึ้นตึกเพื่อไปเรียน วันนี้ตารางเรียนมีเรียนสาย แต่ผมก็ต้องมาเช้าเพราะนัดเจมส์มันไว้ ทันทีที่ขาก้าวขึ้นบันได ข้อศอกด้านซ้ายก็ถูกดึงจนผมตกใจพร้อมเหวี่ยงหมัดไปแบบอัตโนมัติ ยังดีที่คนดึงหลบทัน ไม่งั้นคางเขียวไปแล้ว

   “เดี๋ยวนี้เล่นแรงนะเนี่ย” คนดึงพยายามซ่อนสีหน้าตกใจภายใต้รอยยิ้มกว้าง แต่แววตามันซ่อนไม่ได้ว่าขวัญเสีย

   “มีอะไร” ถามกลับเสียงห้วน แต่อีกฝ่ายยังยิ้มแย้ม ไม่รู้สึกรู้สา

   “คิดถึงเมียเลยอยากมาเห็นหน้า ดูสิ ไปเข้าค่ายผิวคล้ำขึ้นเยอะ”

   ผมรีบปัดมือที่ยื่นเข้ามาจะจับหน้า โคตรไม่ชอบสายตาคู่ตรงหน้าที่กำลังมองสำรวจตัวผมเลย ถ้าเป็นพี่ขิงคงไม่รู้สึก แต่ผมไม่ใช่พี่ขิงไงเลยรู้สึก

   “พี่มีอะไรกับผมอีกถึงมาหาที่นี่” ย้ำไปแบบเดิมจนแฟนเก่าพี่ขิงส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

   “ก็บอกว่าคิดถึง” พอได้ยินแบบนั้นผมก็ทำท่าจะหันหลังกลับ แต่ก็ถูกดึงแขนไว้ “ก็ได้ๆ นิสัยใจร้อน ขี้หงุดหงิดนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

   “พี่ต้องการอะไรถึงมาดักรอผม พูดเนื้อๆ นะ ผมมีเรียน” หลังจากดึงแขนตัวเองออกจากการจับกุมได้ ผมก็ขยับถอยหลังให้อยู่ในที่ไอ้พี่นาวไม่สามารถเอื้อมถึง

   “พี่ได้ข่าวมาว่า ขิงใช้หนี้บอลหมดแล้ว”

   “ใช้หนี้หมด? พี่ เอ่อ ผมใช้หนี้หมดแล้ว? ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

   “อ่าว ก็เสี่ยบอกขิงเอาเงินก้อนไปใช้หนี้หมดแล้วๆ มาย้อนถามพี่ ว่าตัวเองเอาไปใช้เมื่อไหร่ พี่จะรู้ได้ยังไงล่ะ”

   หลังจากได้ยิน คิ้วผมก็ขมวดทันที พี่ขิงใช้หนี้หมดแล้ว งั้นก็กลับมาได้แล้วสิ ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่อีกใจทำไมเจ็บจี๊ดๆ ถ้าพี่ขิงกลับมาจริงๆ ผมก็คงต้องจากที่นี่ไป ทั้งที่จำได้ทุกซอกทุกมุมได้แล้วเชียว

   “แค่นี้ใช่ไหม งั้นผมไป...อะไรอีก” แขนผมยังถูกคว้าไว้อีกรอบเมื่อคิดจะเดินขึ้นตึก คราวนี้สายตาคนจับดูไม่น่าไว้ใจ นัยน์ตาแวววับยามจ้องหน้า ยิ่งมุมปากยกยิ้มดูเจ้าเล่ห์นั่น ทำให้ผมอยากพุ่งหมัดเข้าหน้า ติดที่ทำไม่ได้

   “นานแล้วนะ ที่เราไม่ได้ไปสนุกกัน” ไม่ว่าเปล่า มือที่จับข้อมือผมลูบไล้อย่างมีนัยยะแอบแฝง “พี่ว่าเรา...”

   “ผมต้องไปเรียน ขอตัวก่อนนะครับ” บิดข้อมือออกจากการจับกุมอีกรอบ คราวนี้ผมรีบขึ้นบันไดเข้าใต้ตึกทันที เมื่อกี้รู้สึกขยะแขยงจนต้องถูมือถูกแขนกับกางเกงยีนส์ มันทนไม่ไหวจริงๆ กับคนอื่นไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย 


   เดินขึ้นตึกเพื่อจะไปเข้าห้องเรียน ช่วงที่เดินผ่านห้องน้ำของชั้นสาม แขนผมถูกฉุดอีกรอบ ตอนแรกว่าจะต่อย แต่พอเห็นว่าใครก็ต้องรีบเดินตาม หัวใจตอนนี้เต้นรัวราวกับกลองรบยามมองแผ่นหลังคนข้างหน้าที่พาผมเข้าห้องน้ำ 

   “พี่มาได้ยังไง” ผมเอ่ยถามคนฉุดที่หน้าเหมือนผมราวกับส่องกระจก พี่ขิงสวมชุดนักศึกษา มีผ้าปิดปากเอาไว้คงป้องกันคนรู้จัก “หรือพี่จะมาเปลี่ยนตัวกับผมแล้ว”

   “ยังขมิ้น พี่ยังกลับมาไม่ได้” พี่ขิงดึงผ้าปิดปากออกพร้อมตีหน้าเศร้า ก่อนใบหน้าขาวจะเงยขึ้นมายิ้มบางๆ ส่งให้ผม “พี่ขอเวลาอีกหน่อยนะ”

   “พี่ใช้หนี้หมดแล้วไม่ใช่เหรอ ก็น่าจะกลับมาได้แล้วสิ แล้วแม่จะให้ผมไปถ่ายแบบกางเกงใน ผมไม่ไปแน่นอน” งอแงเต็มที่จนพี่ขิงขำออกมา “ผมพูดจริงๆ นะ”

   “งั้นเดี๋ยวพี่ไปถ่ายเอง”

   “พูดจริงเหรอ พี่จะไปถ่ายเองจริงๆ เหรอ”

   “อืม ขมิ้นก็อยู่ที่บ้านก็แล้วกันนะ”

   พอพูดถึงบ้าน หน้าพี่ขิงก็กลับมาเศร้าอีกรอบ ผมมองเห็นน้ำใสๆ เอ่อคลอที่หน่วยตาทำให้อดไม่ได้ที่จะถาม

   “พี่เป็นอะไร คิดถึงบ้านเหรอ ถ้าคิดถึงก็กลับไปสิ แม่ก็รอพี่อยู่นะ”

   “คือ พี่ก็คิดถึงแม่นะ แต่พี่กลับไปไม่ได้” น้ำเสียงพี่ขิงเริ่มสั่น จมูกโด่งก็เริ่มแดงเพราะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล “พี่กลับไปไม่ได้”

   “ทำไมกลับไม่ได้ล่ะ หนี้ก็ไม่มีแล้ว”

   “ชีวิตพี่ ไม่ได้สบายอย่างที่ขมิ้นเข้าใจหรอกนะ” แล้วน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลอาบแก้มลงมา ผมเม้มริมฝีปากไม่กล้ายื่นมือไปเช็ด หรือส่งผ้าเช็ดหน้าราคาถูกๆ ให้ เจมส์เคยบอกว่า พี่ขิงหวงใบหน้าตัวเองมาก ของที่ใช้ต้องมีราคา อย่างผ้าเช็ดหน้าที่มีก็ผืนเป็นหมื่น

   “ไม่สบายตรงไหน พี่มีเงิน มีชื่อเสียง มันดีจะตาย”

   “แล้วขมิ้นสบายหรือเปล่าล่ะ อยู่ที่บ้านหลังนั้น” ผมรีบส่ายหน้าทันที ถ้ามีความสุขผมคงอยากกลับทุกวัน แต่นี่กว่าจะกลับไปก็ตอนดึกๆ “ใช่ไหม บ้านหลังใหญ่ก็จริง แต่มันไม่มีความสุขเลย ตั้งแต่พี่เข้าไปอยู่บ้านหลังนั้น มันเหมือนตกอยู่ในขุมนรก”

   “ขุมนรก ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “ขมิ้นรู้อะไรไหม ที่คุณพ่อ...เขาทำเป็นว่ารักพี่ หวงพี่ ก็เพราะ...”

   “เพราะ?”

   “เขา...ข่มขืนพี่” ผมเซถอยหลังจนไปชนกับกำแพงห้องน้ำ ตอนนี้เหมือนหูอื้อไปชั่วขณะ ส่วนพี่ขิงก็ร้องไห้จนตัวโยนอย่างน่าสงสาร “เขาใช้กำลังกับพี่ ตั้งแต่พี่อยู่มัธยม”

   “แล้วแม่ล่ะ แม่ทำอะไรอยู่ถึงให้เขาทำกับพี่ได้” 

   “แม่ไม่รู้ ขมิ้นอย่าบอกแม่นะ พี่ไม่อยากให้แม่เสียใจ”

   เผลอกำหมัดแน่นตอนไหนยังไม่รู้ตัว ตอนนี้รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก เขาที่พี่ขิงว่า คงจะเป็นลุงเจ้าของบ้านแน่ๆ มิน่าล่ะ ถึงดูทั้งรัก ทั้งหลงพี่ขิงขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเลวได้ขนาดนี้

   “พี่ควรบอกแม่นะ”

   “บอกไม่ได้ ขมิ้นก็รู้ ว่าแม่รักเขามากแค่ไหน ถ้าแม่รู้ แม่ต้องเสียใจ พี่ไม่อยากเห็นแม่เสียใจ” ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วย พี่ขิงขยับเดินเข้ามาหา พร้อมยื่นมือมาจับมือผมไว้ “สัญญานะขมิ้น สัญญากับพี่ ว่าขมิ้นจะไม่บอกเรื่องนี้กับแม่ สัญญาสิ” ถึงแม้ไม่อยากรับปาก แต่ก็ต้องพยักหน้าเพราะพี่ขิงร้องไห้จนตัวแดงไปหมด

   “พี่ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่ต้องปิดเรื่องเลวๆ พวกนี้” บอกตามความรู้สึก พี่ขิงยกยิ้มบางๆ หลังจากเช็ดน้ำตาตัวเองจนแห้งเหือด

   “ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ พี่ก็กลัวเขานะ แต่พอมาเรียนที่นี่ พี่รู้จักกับเพื่อน ได้ไปเที่ยวในแบบที่ไม่เคยได้สัมผัส ขมิ้นรู้ไหม ว่าเขาไม่เคยให้พี่ไปเที่ยวกลางคืน หรือแม้แต่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนเลย พี่ต้องยอมทำตามเขาทุกอย่าง จนวันหนึ่ง พี่รู้จักกับคนๆ หนึ่ง เขาดูแลพี่ คอยเอาใจใส่จนพี่อยากออกมาจากวังวนเลวๆ นั่น แต่พอเขารู้ เขาก็กักขังพี่ ข่มขืนพี่ จนพี่ทนไม่ได้...”

   “พี่เลยหนีเหรอ” ไม่ใช่เพราะหนีหนี้บอลเหรอวะ

   “มันก็หลายเรื่อง พี่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน แต่ที่พี่ทำตัวแย่ๆ แบบนี้ก็เพราะอยากประชดเขา ประชดตัวเอง ประชดทุกอย่างบนโลกที่ทำให้พี่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ แบบนั้น”

   “ประชดแล้วได้อะไรวะ”

   “นั่นสิ พี่ได้อะไร ที่พี่ทำตัวแย่จนไม่มีเพื่อน ก็เพราะกลัวเขาทำร้ายเพื่อนของพี่ เขามีซุ้มมือปืนด้วยนะ”

   “ผมรู้” เพราะเคยเกือบถูกมือปืนยิงเมื่อตอนนั้น

   “แต่พี่ก็ไม่ได้สบายหรอกนะที่ออกมาอยู่ข้างนอก ชีวิตมันลำบากมาก ดีที่แม่โอนเงินให้พี่ใช้ ไม่งั้นพี่คงฆ่าตัวตายไปแล้ว”

   คิ้วกระตุกนิดๆ เมื่อได้ยินประโยคนั้น แม่โอนเงินให้พี่ขิง แปลว่าแม่ก็ต้องรู้ว่าพี่ขิงอยู่ไหนตั้งแต่แรกสินะ ผมว่าเรื่องมันแปลกๆ แล้วว่ะ

   “แล้วพี่จะทำยังไงต่อ จะไปอยู่ที่ไหนถ้าไม่กลับบ้าน”

   “ตอนนี้พี่เช่าคอนโดอยู่กับเพื่อน ส่วนหนี้ก็อย่างที่ขมิ้นรู้ พี่ใช้หมดแล้ว” ผมพยักหน้าเมื่อได้ยิน ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อถูกถามบางเรื่อง “ขมิ้นสนิทกับพี่ไฮท์เหรอ”

   “ก็ไม่ได้สนิทนี่ พี่รู้ได้ยังไงว่าผมสนิทกับพี่ไฮท์” พอถูกถามกลับ แว๊บหนึ่งผมเห็นความไม่พอใจออกจากสายตาพี่ขิง “พี่ไฮท์เขาเกลียดพี่ขิง แล้วเขาจะมาสนิทกับผมได้ยังไง จริงไหม” ยิ่งผมพูดประโยคถัดมา ท่าทางยิ่งชัดเจน แต่พี่ขิงดูยังเก็บอาการได้ดี

   “ก็จริงอย่างที่ขมิ้นว่า พี่ไฮท์รวมทั้งทุกคนไม่ชอบพี่” พี่ขิงทำหน้าสลดลงจนผมต้องยื่นมือไปแตะบ่า “แล้วนี่ขมิ้นจะเข้าเรียนไหม เลยเวลาแล้วนะ”

   “ไม่ล่ะ ผมขี้เกียจ แล้วพี่ล่ะ”

   “พี่ก็ว่าจะกลับเหมือนกัน กลัวคนจับได้ ขอบใจนะขมิ้นที่เข้าใจพี่”

   “อืม แต่จะดีกว่านี้ ถ้าพี่รีบกลับมา แล้วก็อย่าลืมไปถ่ายแบบกางเกงในนะ เพราะผมไม่ไปถ่ายแน่”

   “รู้แล้วน่า พี่ไปนะ”

   ผมยืนมองพี่ขิงที่ออกจากห้องน้ำไปพร้อมถอนหายใจ ตลอดเวลาในการพูดคุยเรื่องเมื่อกี้ ผมแทบหาความจริงจากสายตาและคำพูดของพี่ขิงไม่ได้เลย ผมไม่ได้โง่ที่จะมองไม่ออกว่าพี่ขิงโกหก เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะผมเกือบถูกกระทืบอยู่ทุกวันตั้งแต่มาเหยียบที่นี่ในนามพี่ขิง นิสัยต่างๆ จากปากทุกคนมันทำให้ผมได้รู้ว่า พี่ขิงไม่ใช่คนดี แต่ผมก็ไม่ได้ว่าเขาเลวหรอกนะครับ

   แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัย...ลุงเจ้าของบ้านจะข่มขืนพี่ขิงจริงๆ เหรอ หากสังเกตจากพฤติกรรมแล้วก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก เพราะเขาเกลียดผมที่มาแทนพี่ขิง เขารักพี่ขิงมากซะจนผมยังนึกว่าพี่ขิงเป็นลูกแท้ๆ ของเขา   





   พี่ขิงออกไปนานพอสมควร ผมถึงออกไปบ้าง ด้านนอกยังมีนักศึกษาเดินกันให้วุ่น บ้างก็ยกมือไหว้ผม บ้างผมก็ต้องยกมือไหว้ จากวันแรกที่ผมมักถูกมองด้วยหางตา แต่ตอนนี้ทุกคนยิ้มแย้ม พูดจาเล่นหัวกับผมเป็นปกติ มันทำให้ผมมีความสุขเวลามาเรียน ไม่ใช่ต้องคอยระวังมือ ระวังตีนเหมือนเมื่อก่อน

   ความคิดในหัวของผมกำลังตีกันให้ยุ่งเหยิง ผมเลยเลือกที่จะไปปลดปล่อยความคิดกับการดูหนังในห้างมากกว่าเข้าเรียน เสียงหัวเราะของคนในโรงภาพยนตร์ไม่ทำให้ผมคล้อยตามได้เลย หนังไม่สนุกหรือ ก็เปล่า ผมว่ามันก็สนุกนะ แม้จะดูไม่ค่อยรู้เรื่องก็เถอะ

   สองชั่วโมงผ่านไปโดยประมาณภาพยนตร์ก็จบลง ผมเดินออกมาเจอบรรดาแฟนคลับพี่ขิงเข้ามาคุยด้วย ผมก็ตีเนียนไปเช่นทุกครั้ง คนดังมักจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ หากให้ผมเลือกละก็ ขอเป็นคนธรรมดาดีกว่า ผมออกจากห้างสรรพสินค้าตรงกลับบ้าน ระหว่างทางก็ชั่งใจว่าจะถามลุงเจ้าของบ้านดีไหม แต่ถ้าถามก็กลัวเขาจะบอกแม่ มันไม่มีอะไรดีเลย

   กลับถึงบ้านเจอแม่นั่งขัดสร้อยเพชรของตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นชุดใหม่ยกเซ็ทเพราะผมไม่เคยเห็น และมันก็จริงที่พอผมเข้าไปแม่ก็กวักมือเรียกแล้วยกขึ้นเทียบอกให้ดู

   “พี่ขิงจะไปถ่ายแบบกางเกงในเองนะแม่” บอกไปหลังจากทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา แม่ยังทำเหมือนไม่ได้ยินจนผมต้องย้ำอีกรอบถึงได้พยักหน้าตอบรับ
 
   “พี่เขาโทรบอกแม่แล้ว เห็นไหมว่าพี่เขามีความรับผิดชอบ” แทบอยากจะขำออกมาเป็นภาษาสเปน “ขมิ้นต้องดูพี่ขิงเป็นตัวอย่างนะลูก ทำงานเก่ง เรียนก็ดี เพื่อนก็รัก เพอร์เฟกที่สุด”

   “คนเกลียดทั้งมหาลัยน่ะสิไม่ว่า” พึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนหันซ้ายหันขวา “แล้วนี่ ลุงเขายังไม่กลับมาอีกเหรอ”

   “ยัง”

   แม่ยังพูดไม่จบดี เสียงรถยนต์ก็วิ่งเข้ามาจอด ไม่นานลุงเจ้าของบ้านก็เดินเข้ามา ใบหน้าบึ้งตึงราวกับกินรังแตนมาทั้งรัง ทันทีที่เขาเห็นหน้าผมกับแม่ก็รีบสาวเท้ายาวขึ้นชั้นสองไป เขาไม่แม้แต่จะหันมาทักทายแม่อย่างแต่ก่อน และแม่ก็ดูไม่สนใจอะไรนอกจากเครื่องเพชรชุดใหม่

   “ลุงเขาเป็นอะไรน่ะแม่ เหมือนโมโหใครมา”

   “ไม่รู้สิ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวาน แม่คุยด้วยก็ไม่คุย”

   “แล้วแม่ไม่ไปดูหน่อยเหรอ”

   “ขี้เกียจ ขมิ้นว่า เครื่องเพชรชุดนี้แม่จะใส่กับชุดไหนดี ขมิ้น”

   ไม่อยู่รอฟังคำถามจนจบ ผมเดินหนีขึ้นชั้นสองทันที แม่ไม่เคยเห็นใครดีกว่าเครื่องเพชรของตัวเอง ไม่สิ มีอยู่อย่างหนึ่งที่แม่สนใจ นั่นคือพี่ขิง เดินขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็เจอหน้าลุงเจ้าของบ้าน ที่กำลังออกจากห้องตัวเอง ดวงตาดุตวัดมองดูน่ากลัวมากกว่าทุกที

   ถามดีไหมวะ

   มัวแต่คิดเยอะ ลุงเจ้าของบ้านเดินผ่านลงไปด้านล่างแล้ว คงมาเปลี่ยนชุดไปงานอะไรสักอย่าง ผมยักไหล่ก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง มือก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดเครื่องหลังจากปิดไปตอนเข้าโรงหนัง ทันทีที่เปิด ข้อความก็เตือนขึ้นมาว่ามีคนโทรหาเกือบสิบสาย คนโทรเข้าคือพี่ไฮท์กับเจมส์ พวกเขามีอะไรกับผมหรือเปล่าวะ ผมตัดสินใจโทรหาเจมส์ รอสายไม่นานเจมส์ก็รับ น้ำเสียงที่ดังผ่านสายมาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

   “เป็นอะไรวะ” กรอกเสียงถามไป

   (มึง...เดี๋ยว) ต้องรีบดึงโทรศัพท์ออกจากหูหลังจากเจมส์โวยวายเสียงดัง พอเอากลับมาแนบอีกครั้ง ปลายสายกลับเป็นพี่บิ๊กที่ตวาดใส่ผมเป็นชุด (ถ้ามึงจะให้ไอ้ขิงมาเรียนแทน มึงก็ควรบอกไอ้เจมส์บ้าง ไม่ใช่ให้มันโดนด่าแบบนี้ มึงก็รู้ว่าไอ้ขิงเป็นคนยังไง แต่มึงก็ทำเป็นไม่สน เห็นไอ้เจมส์เป็นเพื่อนจริงหรือเปล่าวะฮะ!)

   “พี่บิ๊กว่าอะไรนะ พี่ขิงเข้าเรียนแทนผมเหรอ” ถ้าจำไม่ผิด พี่ขิงบอกจะกลับไม่ใช่เหรอวะ

   (เออสิ ออกลายจนไอ้เจมส์โดนอาจารย์ด่ามัน ทีหลังถ้ามึงจะให้พี่มึงมา ช่วยบอกมันหน่อย)

   “ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าพี่ขิงจะเข้าเรียน” ทำไมพี่ขิงถึงเป็นคนแบบนั้นวะ “เจมส์ กูขอโทษ กูไม่รู้จริงๆ” เสียงเรียกของเจมส์ทำให้ผมรีบพูด

   (ไม่เป็นไร กูก็โง่เองที่ไม่ทันสังเกต)

   “ขอโทษจริงๆ นะ”

   (กูบอกแล้วว่าไม่เป็นไรไง ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว)

   “เมื่อเช้าพี่ขิงมาดักรอกู เขามาคุยเรื่องที่หนี้หมด”

   (มันใช้หนี้หมดแล้วเหรอวะ)

   “อืม ไอ้พี่นาวนั่นก็บอกแบบนั้น แต่เจมส์ กูถามอะไรมึงหน่อยสิ”

   (ถามอะไรวะ)

   “มึงสนิทกับพ่อเลี้ยงพี่ขิงไหม รู้จักมากไหม”

   (พ่อเลี้ยงไอ้ขิงเหรอ ก็เคยเจอนะ เขาก็ปกตินะ ยิ้มแล้วก็คุยปกติ)

   “มีหวงพี่ขิงมากกว่าปกติหรือเปล่า”

   (หวงเหรอ? มึงต้องการถามอะไรกันแน่ มึงสงสัยอะไร ไอ้ขิงพูดอะไรให้มึงฟัง)

   “คือว่า...” ผมเม้มปาก ลังเลว่าจะถามดีไหม แต่ก็ไม่อยากเก็บไว้คนเดียวเลยตัดสินใจถามออกไป “พี่ขิงบอกกูว่า ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนตั้งแต่เด็ก”

   (พ่อเลี้ยงข่มขืน? เชี่ย เรื่องจริงเหรอวะ ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง เรื่องจริงเหรอวะ แม่ง...)

   “ใจเย็นๆ มึง กูแค่สงสัยว่าพี่ขิงพูดจริงไหม เพราะเรื่องอื่นแม่งไม่จริงสักเรื่อง”

   (ถ้าถามว่าถูกข่มขืนไหมกูไม่รู้ว่ะ แต่ถ้าถามว่าหวงมากไหม ก็มากเอาการ แต่ไอ้ขิงมันไม่ค่อยออกไปไหนกับเพื่อนอยู่แล้ว นอกจากไปทำงานกับแม่มึงน่ะ)

   “ตอนแรกกูคิดจะถามเขา แต่ก็กลัวแม่รู้ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง”

   (ทำไมไอ้ขิงถึงไม่เล่าให้กูฟังวะ คบกันมาตั้งนาน พูดแล้วน้ำตาจะไหลเลยไอ้ห่า)

   ก็อยากจะขำนะครับ แต่เสียงสะอื้นเฮือกหนึ่งที่ดังเข้ามา ทำให้รู้ว่ามันอยากร้องไห้จริงๆ แถมเสียงพี่บิ๊กที่แทรกเข้ามาสั่งห้ามร้องไห้อีก

   “คงไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่เรื่องนี้กูต้องรู้ให้ได้ ถ้าเป็นจริง กูก็อยากจะถามแม่ว่าปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง”

   (กูก็อยากจะช่วย แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเลยว่ะ)

   “ไม่เป็นไร เรื่องนี้กูจะตามเอง ถ้าได้เรื่องยังไงแล้วกูจะบอก”

   (มีอะไรที่กูช่วยได้ มึงรีบบอกเลยนะเว้ย)

   “ขอบใจนะเจมส์ แล้วก็ขอโทษจริงๆ ที่ปล่อยให้มึงโดนพี่ขิงว่าให้อีกแล้ว ทั้งที่กูสัญญาว่าจะไม่ให้พี่ขิงทำร้ายจิตใจมึงอีก”

   (ก็มึงไม่รู้นี่หว่า แต่ไอ้ขิงมันซูบผอมลงเยอะ เหมือนไม่ค่อยได้กินข้าว ผิวก็หยาบไม่ขาวใสเหมือนเมื่อก่อน)

   “กูไม่ได้สังเกต” อีกอย่าง เพราะผมไม่ได้เจอพี่ขิงทุกวัน เลยไม่รู้ว่าผิวเมื่อก่อนเป็นยังไง “มีอีกอย่างที่กูสงสัย...”

   (มึงสงสัยว่าไอ้ขิงเอาเงินจากไหนมาใช้หนี้ใช่ไหม ถ้าใช่ มึงคิดเหมือนกูเลยว่ะ)

   “หรือจะขายรถอย่างที่มึงบอกจริงๆ วะ”

   รถยนต์ราคาเป็นล้าน ขายใช้หนี้แถมมีเงินเหลืออีก

   (เป็นไปได้มากที่สุด)      

   “หมดหนี้แล้วทำไมยังไม่กลับมา กูโคตรไม่เข้าใจ”

   (กูก็ไม่เข้าใจ แต่กูก็ไม่อยากเข้าใจ)

   “ทำไม ชอบกูขึ้นมาละสิ”

   (ไอ้สัด) ไม่ใช่เสียงเจมส์นะครับ แต่เป็นเสียงคนข้างๆ ที่ตอนนี้คงตีหน้ายักษ์ หากผมพูดตอนเห็นหน้า อาจถูกกระทืบได้ (พรุ่งนี้มึงจะมาเรียนหรือว่าไอ้ขิงจะมา)

   “ก็ต้องกูสิวะ” เจมส์คงผวานิดๆ ไม่รู้โดนพี่ขิงว่าอะไรให้บ้าง “ไหนมึงบอกสังเกตเก่งไง ขี้โม้นี่หว่า”

   (ไม่ได้โม้ แค่ไม่ได้สังเกตเว้ย)

   “เหรอ” ผมพูดจบ เราสองคนก็หัวเราะออกมา ดูเจมส์ผ่อนคลายลงมาก น้ำเสียงก็ดีขึ้น “ถ้ากูเจอพี่ขิง กูจะแก้แค้นให้มึงเอง ไม่ต้องห่วง”

   (อยากเป็นพระเอกเหรอมึง อย่างมึงเป็นได้แค่ตัวร้าย)

   “ถึงกูจะร้าย กูก็รักไม่น้อยกว่าเขา แล้วเหตุใดเล่า จึงเป็นตัวเราที่แพ้เสมอ~” ชงมาให้ขนาดนี้แล้วผมเลยจัดให้เสียหน่อย เจมส์มันก็ขำเอิ๊กอ๊าก มีพี่บิ๊กถอนหายใจเสียงดังแทรกเข้ามาด้วย “แค่นี้นะ เจอกันพรุ่งนี้”

        วางสายปุ๊บ ผมก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ปัญหาทุกอย่างของพี่ขิงมันเริ่มมาจากตรงไหน เริ่มจากที่พ่อกับแม่เลิกกันแล้วแม่พาพี่ขิงมาอยู่ที่นี่เหรอ หรือว่าเริ่มจากตัวพี่ขิงเอง แต่ยังไงก็แล้วแต่ เรื่องที่พี่ขิงถูกข่มขืน ผมจะต้องถามให้รู้ความ ไม่อย่างนั้นคงจะรู้สึกเหมือนกินข้าวแล้วไม่ได้กินน้ำ


   แล้วผมต้องโทรไปหาพี่ไฮท์ต่อไหม...หรือไม่ดี


   ‘พี่อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ ไว้เจอกันครับ’

   วางมือถือลงข้างตัวหลังจากส่งข้อความเสร็จ รออยู่นาน ยกมือถือขึ้นมาดูก็แล้วแต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา หรือจะโกรธวะที่ผมไม่รับสาย แต่จะโกรธทำไม ไม่มีเหตุผลให้ต้องโกรธสักหน่อย ไม่แน่ ตอนนี้อาจกำลังกินข้าว ไม่ก็อาบน้ำ หรือถ่ายหนักอยู่ถึงไม่ตอบกลับ เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับ ผมเลยไปอาบน้ำแทน กว่าจะออกมาก็เห็นหนึ่งข้อความที่โชว์

   ‘เรื่องของมึง’

   พี่ไฮท์ตอบมาแบบนี้เล่นเอางง เรื่องของมึง? เรื่องของผมเหรอ เรื่องอะไรวะงงเลย ผมไม่ตอบกลับไปอีกเพราะไม่เข้าใจในความหมายจริงๆ กลัวตอบกลับไปแล้วไม่ถูกใจจะโดนด่า เอาเป็นว่า ถ้าเจอหน้าไว้ค่อยถามแล้วกัน คนๆ นี้ยิ่งเดาความรู้สึกยากอยู่ เดี๋ยวเหวี่ยง เดี๋ยวดี ไอ้ขมิ้นปวดหัว


...TBC

กราบขอโทษด้วยเจ้าค่ะ ที่มาช้าไปมากโข ได้โปรดให้อภัยข้าด้วยเจ้าค่ะ (ก้มกราบ)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-03-2018 23:16:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาแล้ว  พ้นสภาวะลงแดงสักที
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-03-2018 23:22:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 08-03-2018 23:40:38
 :pig4:
ปมเยอะจัดดด
ขิงพูดมามีไรจริงบ้างเนี่ย ไหนจะเรื่องที่ขิงมีท่าทีแปลกๆตอนพูดเรื่องพี่ไฮท์อีก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-03-2018 01:10:56
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-03-2018 02:15:03
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-03-2018 08:29:02
ขิงจะมาดีหรือร้าย ขมิ้นต้องฟังหูไว้หูนะ ตัดสินใจให้ดีๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 09-03-2018 08:39:32
ยังยืนยันคำเดิม ออกมาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-03-2018 08:43:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 10-03-2018 01:57:38
ขิงพูดอะรมาก็ดูน่าสงสัยไปซะหมดอะ555555 ให้กำลังใจขมิ้นสู้ๆ ชอบที่ไม่เชื่อไปตามที่พี่บอกซะหมด รู้จักรับมือดีมาก ว่าแต่พี่ไฮท์เป็นอะไรละนิ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 10-03-2018 12:11:30
ก็ยังไม่เชื่อที่ขิงพูด  ขมิ้นควรกลับไปอยู่พ่อนะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 16] [P.6] // {08/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-03-2018 05:47:49
เรื่องราวซับซ้อนนะคะ ขิงทำตัวขิงมากจริงๆ

สงสารเจมส์ ทำไมต้องมาเจอเพื่อนแบบนี้

ขมิ้นเอ้ย บางเรื่องก็ไม่ต้องอยากรู้มากก็ได้
เอาเวลาไปหาความสุขและกลับไปหาพ่อดีกว่า

พี่ไฮท์เคืองอะไรน้องคะ 5555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 18-03-2018 23:43:09

-17-





        “พี่โกรธผมเหรอ” ใช้นิ้วจิ้มๆ แขนเสื้อพี่ไฮท์ที่นั่งปรับสายกีต้าร์ไม่สนใจผม “พี่ไฮท์” แน่ะ สะบัดหนีอีก ผมว่าไม่ได้โกรธแล้วล่ะแบบนี้ “เดี๋ยวหัวล้านนะ”

   “กูไม่ได้น้อยใจ”

   “ไม่ได้น้อยใจแต่งอน?” เงียบครับ ไม่มีสัญญาณตอบกลับ “งอนอะไรผมวะ”

   “เมื่อวานมึงนัดกูกินข้าวเที่ยง”

   ได้ยินปุ๊บ ประโยคคำชวนที่ผ่านสัญญาณโทรศัพท์ไร้สายเมื่อวันก่อนก็แทรกเข้ามาในความทรงจำ ผมรีบยิ้มแห้งทันทีตอนโดนสายตาดุจ้อง

   “ผมไม่ได้ตั้งใจลืมนะ มันลืมเอง” พี่ไฮท์ขยับตัวหนีแต่ผมยังขยับตาม “ขอโทษ”

   “เมื่อวานมันไม่ได้กินข้าวเที่ยงเพราะรอมึงนั่นแหละ” พี่บิ๊กคงเห็นผมง้อไม่สำเร็จเลยรีบขยายความในความผิดของผมว่ามันร้ายแรงแค่ไหนถึงทำให้ถูกงอนได้ขนาดนี้

   “จริงเหรอ เมื่อวานพี่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงเพราะรอผมเหรอ” ถามแต่ไม่ตอบอีก “งั้นเดี๋ยวเที่ยงนี้ผมเลี้ยงข้าวพี่...”

   “กูมีเงิน”

   “รู้ว่าพี่รวย ผมมันจน...”

   “ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

   “หายงอนแล้วใช่ป่ะ” พอเห็นผมเสียงกระด้างพี่ไฮท์ก็อ่อนลงทันตา ผมเลยรีบไล่ต้อนถาม สรุปพี่แกก็ยิ้มออกมาพร้อมพยักหน้า “ก็แค่นี้ขี้งอนไปได้ ว่าแต่ เมื่อวานพี่ขิงสร้างวีรกรรมอะไรให้ผมถูกกระทืบบ้างไหม” รีบหันซ้าย หันขวาถาม เจมส์ที่ขำๆ อยู่ก็รีบเม้มริมฝีปาก พี่บิ๊กก็เสหน้ามองทางอื่น ส่วนพี่ไฮท์นั่งนิ่งไม่ยอมตอบ นี่ พี่ขิงสร้างเรื่องให้ผมอีกแล้วใช่ไหมวะ ผมต้องหลบมือหลบตีนอีกแล้วหรือนี่

   “มันไม่ได้กวนตีนใครเพิ่มหรอก จะมีแค่ไอ้เจมส์แล้วก็ไอ้ไฮท์แค่นั้นแหละ” พี่บิ๊กทำให้ผมคลายความกังวลได้มากโข แต่ก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี ที่พี่ชายผมเอาแต่สร้างเรื่อง “แล้วไอ้ขิงมันมาทำไม หรือจะมาเปลี่ยนตัวกับมึงแล้ว” พอพี่บิ๊กพูดจบ ทุกคนก็รีบหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง โดยมีสายตาคู่หนึ่งกดดันเลเวลสูงสุด นี่ถ้าสิงผมได้คงทำไปแล้ว เพราะหน้าพี่ไฮท์แทบจะชิดกับหน้าผม

   “คือแบบว่า...” ไม่รู้จะต้องเริ่มพูดจากตรงไหน บางเรื่องมันก็ดูไม่สมควรที่จะบอกกับคนอื่น “มันแบบ...”

   “คือแบบมาอีกทีกูถีบจริงๆ” คนอยากรู้รีบพูดออกมา และไม่ได้พูดเปล่าเมื่อพี่ไฮท์ยกเท้าขึ้นถีบจริงแต่ไม่แรงมากแต่คือผมยังไม่ได้พูดเลย เล่นถีบมาก่อนแบบนี้ได้ยังไงวะ “ไอ้ขิงมาพูดอะไรกับมึง รีบๆ พูด”

   “พี่ขิงเขา...” ผมต้องพูดจริงๆ เหรอวะ “เขามาบอกว่าใช้หนี้บอลหมดแล้ว”

   “แค่นี้?” รีบพยักหน้าเมื่อถูกพี่ไฮท์ถาม

   “ไอ้ขิงเล่นบอลจริงๆ เหรอวะ งั้นที่ไอ้แน่บอกก็เรื่องจริงน่ะสิ” ผมหันขวับมองพี่บิ๊กทันที แต่พี่แกหันไปจ้องตากับเพื่อนสนิทแทน

   “บอกเรื่องอะไรเหรอ” ผมกำลังจะอ้าปากถาม แต่คนอยากรู้มากกว่าผมก็ได้ถามแทนแล้ว เจมส์ยื่นหน้าไปด้วยความสอดรู้เลยโดนฝ่ามือเข้าหัวไปเน้นๆ หนึ่งที จนหน้าง้ำงอไปเลย

   “พี่แน่บอกอะไรพวกพี่เหรอครับ” พยายามกลั้นขำเพื่อนพร้อมเอ่ยถามพี่บิ๊ก

   “ไอ้แน่มันเล่าให้พวกกูฟังตั้งแต่ต้นปีแล้วล่ะ มันบอกว่า คนที่มันรู้จักที่เดินโพยโต๊ะบอล มาโม้ให้ฟัง ว่ามีนายแบบหน้าสวยเป็นหนี้โต๊ะบอลหลายแสน ตอนนั้นพวกกูก็ไม่ได้สนใจเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับพวกกู” ผมขมวดคิ้วอัตโนมัติช่วงที่พี่บิ๊กเล่าเรื่องราว “ช่วงหาเงินมาใช้ไม่ได้ นายแบบนั่นก็จะใช้ตัวเองจ่ายแทนดอกเบี้ย ไอ้เสี่ยเจ้าของโต๊ะก็ดูหลงหนักมาก”

   “ใช้ตัวเองจ่ายแทน? เดี๋ยวนะ พี่จะบอกว่า พี่ขิงนอนกับเจ้าของโต๊ะบอลเพื่อใช้ดอกเบี้ยเหรอ” ช็อคพอๆ กับเรื่องที่พี่ขิงบอกว่าโดนลุงเจ้าของบ้านข่มขืนเลย แต่นี่โหดร้ายมากกว่า “พี่พูดจริงๆ ใช่ไหมเรื่องนี้”

   “ไอ้แน่มันเล่าให้กูกับไอ้ไฮท์ฟังแบบนี้ จริงไม่จริงกูก็ไม่รู้ว่ะ” ผมหันหน้าไปมองพี่ไฮท์ทันทีเพื่อขอคำยืนยัน พอพี่ไฮท์พยักหน้ารับผมก็แทบเซตกเก้าอี้ “แต่ก็ดีแล้วนะ ที่ไอ้ขิงใช้หนี้หมด มึงจะได้ไม่ต้องมารับความซวยแทนไง”

   “นั่นสิ” เจมส์เสริม แต่สีหน้ามันดูเหมือนไม่ดีใจเท่าไหร่

   “ถึงจะใช้หนี้บอลหมด แต่พี่ขิงบอกผมว่ายังไม่กลับมานะ ไม่รู้มีเหตุผลอะไร” ผมพูดจบ เจมส์ก็มีสีหน้าดีขึ้น รวมทั้งคนที่นั่งเงียบก็เริ่มยกยิ้มมุมปากนิดๆ “เรื่องที่พี่ขิงติดหนี้บอล มีคนอื่นรู้อีกไหมครับ”

   ไม่มีคำตอบจากทุกคนผมเลยได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่า เรื่องที่พี่ขิงเล่นบอลจะมีใครรู้บ้าง ผมกลัวว่าถ้าเรื่องมันแพร่กระจายไปมาก ชีวิตของพี่ขิงก็อาจจะลำบาก ทั้งเรื่องเรียน อีกทั้งยังงานที่ทำอีก ล่มหมดแน่อนาคต

   “แล้วมึงถามพ่อเลี้ยงมึงหรือยัง ว่าข่มขืนไอ้ขิงจริงหรือเปล่า” ความอยากรู้ของเจมส์ทำให้คนอื่นตาโต รวมทั้งผมด้วย “ว่าไง”

   “ถามทำไมตอนนี้วะ” ผมรีบดึงแขนเจมส์ให้หยุดอยากรู้ แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน เพราะทั้งพี่บิ๊กกับพี่ไฮท์ได้ยินเต็มๆ แถมยังยื่นหน้ารอคำตอบจากผมเรียบร้อย “คือแบบว่า”

   “ไม่ไว้ใจกูเหรอ” ประโยคของพี่ไฮท์ทำเอาผมเม้มริมฝีปากแน่น “หรือเห็นกูเป็นคนนอก”

   “ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ ผมแค่ไม่รู้ว่าจะพูดดีไหม เพราะเรื่องจริงผมก็ยังไม่รู้”

   “ก็แล้วทำไมมึงไม่ถามล่ะ” เจมส์ถามแทรกเข้ามาก็คงตรงใจกับอีกสองคนที่พยักหน้าพร้อมกัน

   “ถ้ามันถามง่ายๆ กูก็ถามแล้วสิวะ”

   “ก็จริงของมึง”

   เมื่อไม่ได้ความอะไรต่อแล้ว ผมก็ชวนพี่ไฮท์ไปกินข้าวเที่ยงชดเชยที่เบี้ยวนัดไป แม้คนโดนชวนจะอิดออดทำบิดขี้เกียจยังไงแต่ก็ยอมเดินตาม พอเห็นท่าทางแบบนั้นแล้วผมก็หลุดขำออกมา พี่ไฮท์ดูต่างจากตอนแรกที่เจอกันลิบลับ คงจะจริงอย่างที่ใครๆ ว่า

   พี่ไฮท์ใจดีและน่ารักมาก

   ผมเดินนำในตอนแรกก่อนพี่ไฮท์จะรีบสาวเท้าเข้ามาเดินข้างๆ ไม่รู้หรอก ว่าพี่ไฮท์ทำหน้ายังไงเพราะไม่กล้าหันไปมอง รู้สึกเขินแปลกๆ หลายช่วงที่เดินผ่านจะมีสาวสวยหลายกลุ่มทักทาย บ้างก็โปรยยิ้มส่งมาให้ทั้งผมกับพี่ไฮท์ แต่ส่วนมากคงจะให้คนข้างผมนี่แหละ พี่แกดูสนิทกับทุกคนไปหมด กว่าจะถึงโรงอาหารเหงือกแห้งหมด

   “อยากกินอะไร” คำถามของพี่ไฮท์ไม่ค่อยเข้าหู เพราะผมกำลังสนใจกลุ่มของไอ้พี่นาวที่กำลังชี้มาทางผม “ขมิ้น อยากกินอะไร”

   “ครับ?” ยังดีที่พี่ไฮท์เรียกชื่อจริงๆ ของผมไม่ดังมาก “ข้าวมันไก่ก็ได้”

   “ไปหาที่นั่งเลย เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”

   “ครับ”

   รับคำแบบงงๆ หลังจากได้ยินคำว่าพี่ไปซื้อให้ แต่พอหาที่นั่งได้ฝั่งตรงข้ามผมก็มีคนมานั่งเฉย คนเข้ามานั่งตีหน้ายียวนดูแล้วชวนหาเรื่องมากกว่าอยากพูดคุย ไอ้พี่นาวมองหน้าผม สลับกับหันไปมองพี่ไฮท์ที่ยืนต่อแถวร้านข้าวมันไก่

   “เพิ่งรู้ว่าขิงญาติดีกับไอ้ไฮท์แล้ว ถึงขนาดควงกันมากินข้าวที่โรงอาหาร”

   “ผมจะมากินข้าวกับใครมันก็เรื่องผม พี่ยุ่งอะไรด้วย”

   “ที่ปฏิเสธพี่ เพราะไอ้ไฮท์ใช่ไหม ทำไม ลีลามันเด็ดกว่าพี่เหรอ”

   “ไอ้!!”

   ผมตบโต๊ะเสียงดังจนคนแถวนั้นสะดุ้งกันเป็นแถว แต่คนตรงหน้าดูไม่สะทกสะท้านเพราะยังยิ้มกวนโมโหอยู่
 
   “ไม่ต้องเขินหรอก เราก็รู้ๆ กันอยู่”

   “รู้อะไร”

   “ก็ลีลาของขิงไง เชี่ย!”

   ไอ้พี่นาวทำตาโตตกใจร้องจนสียงหลงเมื่อผมโผเข้ากระชากคอเสื้อนักศึกษา แม้จะมีโต๊ะคั้นกลางแต่ก็ไม่อาจขวางผมได้

   “หุบปากเน่าๆ ของพี่ซะ” ผมกัดฟันพยายามข่มความโมโหของตัวเองไม่ให้ระเบิดมากไปกว่านี้

   “ทำไม จะทำอะไรกู เมียจะทำอะไรผัวเหรอครับ” ไอ้พี่นาวทำลอยหน้าลอยตาจนผมกำหมัดแน่น “ความร่านของมึง เน่ากว่าปากกูซะอีก ไม่งั้นไอ้ไฮท์ที่เกลียดมึงเข้าไส้จะหลงมึงเหรอ”

   “มึง!”

   เสียงจานข้าวกระทบพื้นดังลั่นโรงอาหาร ยังไม่น่าตกใจเท่าร่างของไอ้พี่นาวปลิวลงพื้นเมื่อถูกต่อยเข้าเต็มหน้า คนต่อยเกือบจะเป็นผม หากพี่ไฮท์ไม่เข้ามากระชากร่างนั่นแล้วปล่อยหมัดใหญ่เข้าเต็มๆ โหนกแก้มจนทุกคนในโรงอาหารรีบลุกหนีเพราะกลัวถูกลูกหลง

   “ไอ้สัดไฮท์!!” เสียงกร้าวกระชากด่า เจ้าของชื่อกลับยังตีหน้านิ่ง แต่รังสีความน่ากลัวมันแผ่ออกมากดดัน ขนาดเพื่อนไอ้พี่นาวยังไม่กล้าเข้ามารุมเมื่อถูกพี่ไฮท์ตวัดตาขึ้นมอง “ต่อยกูทำเหี้ยอะไร”

   “กูเตือนมึงเมื่อวาน ว่าอย่ายุ่งกับคนของกู!” ผมทำตาโตมองพี่ไฮท์ชี้หน้าคนที่ยังนั่งกองที่พื้น

   “คนของมึงผ่านคนมาเป็นร้อย จะหวงอะไรนักหนาวะ”

   “ไอ้เหี้ยนาว!” ผมรีบคว้าเอวพี่ไฮท์ก่อนที่ฝ่าเท้าใหญ่ๆ จะพุ่งกระทบหน้าฝั่งตรงข้าม ตอนนี้คนที่ผมรวบเอวโกรธจนตัวสั่นไปหมด “ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งอีกละก็ กูเหยียบมึงจมดินแน่”

   “กูขอเถอะไฮท์ ไอ้นาวมันก็ปากหมาหาเรื่องอยู่แล้ว มึงอย่าถือมันเลยนะ กูขอล่ะนะ” คนตัวเล็กที่ยืนข้างไอ้พี่นาวรีบพูดขอ ตอนแรกพี่ไฮท์ทำท่าจะไม่ยอมจนผมต้องกระซิบเบาๆ ว่าให้พอพี่ไฮท์ถึงยอมหยุด

   “งั้นมึงช่วยดูแลเพื่อนมึงดีๆ ด้วยนะ อย่าให้มันเห่าไปเรื่อยถ้าไม่อยากถูกกูกระทืบ”

   “เออๆ กูจะดูแลมันเอง กูไปนะ”

        แล้วพี่นาวก็ถูกหิ้วออกจากโรงอาหารไป แม้เจ้าตัวจะดูหงุดหงิดแต่ก็ยอมเดินตามกลุ่มเพื่อนตัวเอง ผมค่อยๆ ผละออกห่างจากพี่ไฮท์ และทันทีก็ถูกดวงตาดุตวัดมองจนสะดุ้ง นี่ผมจะถูกลูกหลงหรือเปล่าวะ แต่สิ่งที่กลัวไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อพี่ไฮท์ถอนหายใจออกมา ก่อนย่อตัวนั่งเก็บเศษข้าวมันไก่ที่พื้นแทน ผมย่อตัวนั่งลงข้างๆ มือก็ช่วยเก็บเศษข้าวด้วย 

   “พี่ ผมขอโทษ”

   “มึงไม่ใช่คนผิด จะขอโทษทำไม”

   แม้จะพูดตอบ แต่น้ำเสียงโคตรแข็งกระด้าง ผมเม้มริมฝีปากก่อนจะยื่นมือแตะหลังมือพี่ไฮท์เบาๆ แค่นั้นคนตาดุก็เริ่มอ่อนลงพร้อมช้อนตาขึ้นมอง

   “พี่”

   “ไปกินข้าวที่อื่นเถอะ”

   ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่พอเราสองคนยืนขึ้นถึงได้รู้ความหมาย ทุกสายตาในโรงอาหารจ้องมาที่ผมกับคนข้างๆ เป็นตาเดียว หากไม่ได้สายตาโหดๆ ของพี่ไฮท์มองกราดไปยังทุกคน ป่านนี้คงมีเสียงกระซิบเล็ดลอดมาให้ได้ยิน ต้องขอบคุณดวงตาดั่งท่านลอร์ดของพี่เขา พี่ไฮท์เดินนำผมออกมาด้านนอก พวกเราตกลงกันว่าจะออกไปกินข้าวร้านอาหารอีสานที่เคยบังเอิญเจอกันคราวนั้นเลยต้องย้อนกลับมาเอารถของผม ขืนเอารถพี่ไฮท์ไปคงไม่ได้เรียนคาบบ่ายแน่ คงติดแหง็กอยู่บนถนนสักเส้น

   มอเตอร์ไซค์ KSR สีดำทะยานออกนอกรั้วมหาลัย พี่ไฮท์บิดเร่งความเร็วไม่พอ ยังปาดซ้ายปาดขวาจนผมต้องจับชายเสื้อไว้แน่น ไม่รู้จะรีบไปไหน หรือว่าหิวมากจนต้องเหาะขนาดนี้ 

   “พี่จะรีบไปไหนเนี่ย ควายหายหรือไง” ตะโกนโต้ลมถาม แต่ไม่ได้คำตอบใดๆ กลับมา

   อย่าบอกว่านี่คือการระบายอารมณ์โกรธเมื่อกี้ ไอ้ขมิ้นยังไม่อยากตายนะพี่ครับ

   กว่าจะถึงร้านหน้าผมก็แทบไร้ความรู้สึกคล้ายกับถูกฉีดยาชาไปทั้งหน้า คนขี่ยังทำหน้าเฉยจนอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ พี่ไฮท์เดินนำเข้าร้านไปแล้วผมเลยต้องวิ่งตาม ร้านที่เคยมานั่งยังคึกคักเหมือนเดิม ลูกค้าแน่นจนเกือบไม่มีโต๊ะ

   “พี่สั่งเลยนะ ผมกินอะไรก็ได้”

        บอกขณะหย่อนก้นนั่ง พี่ไฮท์เปิดดูเมนูครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาทำเอาพนักงานขำ

   “อะไรก็ได้ของมึงไม่มีในเมนู” ดูความกวนนี้ “สั่งใหม่” ว่าแล้วเมนูก็ถูกโยนมาตรงหน้า

   อารมณ์ที่ค้างมายังถูกระบายออกไม่หมดใช่ไหม

   ผมสั่งกับข้าวไปสองสามอย่าง ระหว่างรอก็อดที่จะมองหน้าคนตรงข้ามไม่ได้ มองจนถูกส้อมตีเข้าหน้าผากถึงเลิกมอง

   “พี่นี่ชอบใช้กำลังเนอะ”

   “ใช้เฉพาะตอนถูกกวนตีน”

   “แต่ที่โรงอาหารเมื่อกี้ พี่น่ากลัวจริงๆ ว่ะ” พูดตามความจริง สายตาดุดันนั่นยังติดตาผมอยู่เลย มันกร้าวมากกว่าตอนที่จะต่อยผมซะอีก “พี่ไม่ชอบไอ้พี่นาวเหรอ”

   “ไม่เชิง”

   “อ่าว” ไม่ได้ไม่ชอบแล้วไปต่อยเขาทำไมวะ “พี่ ไปเตือนอะไรเขาเหรอ”

   “เตือนอะไร”

   “ก็ผมได้ยินพี่บอกว่า พี่ไปเตือนของกูๆ อะไรสักอย่าง” ถ้าตอนนั้นผมไม่ตกใจคงจะรู้เรื่องมากกว่านี้ “เตือนเรื่องอะไรเหรอ”

   “ไม่ใช่เรื่องของมึง”

   “หาว่าผมเสือกอยู่ล่ะสิ ทำไมพี่ชอบพูดเรื่องจริงอยู่เรื่อย”

   “คิดว่าตัวเองเป็นคนตลกหรือไง”

         พูดจบก็ขำเอง แถมยังพาลให้ผมขำด้วย สรุปคือขำทั้งคู่โดยไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ไม่นานกับข้าวที่สั่งก็มา ความหิวทำให้เราหยุดพูดคุยกันไปพักหนึ่ง ก่อนหน้าผากผมจะถูกช้อนเคาะจนสะดุ้ง

   “ทำอะไรของพี่เนี่ย” ช้อนเปื้อนลาบอีสานด้วยนะนั่น

   “จะเขี่ยหมูย่างหาเลขเด็ดในจานหรือไง” ถูกทักปุ๊บ ผมก็รีบชักมือกลับ เพิ่งรู้ตัวว่าเขี่ยจนหมูกระเด็นออกจากถ้วยหลายชิ้น “มึงนี่มัน...”

   “มันกินได้ น้ำลายฆ่าเชื้อโรค” พี่ไฮท์ถลึงตาใส่ช่วงที่ผมหยิบหมูที่อยู่บนโต๊ะเข้าปาก “ผมแค่กำลังคิดเรื่องพี่ขิงอยู่”

   “อยู่กับกูจะคิดถึงเรื่องคนอื่นทำไม” ประโยคนี้ผมต้องเขินใช่ไหม...ใช่สิ แต่พี่ไฮท์ดูไม่ได้ใส่ใจประโยคที่ตัวเองพูดสักเท่าไหร่ เพราะมือยังหยิบไส้ย่างเข้าปาก “เรื่องบางเรื่อง คิดไปก็ปวดหัว”

   “มีผัวดีกว่างี้”

   “มึงว่าอะไรนะ”

   “เปล่าๆ” เกือบไปแล้ว อุตส่าห์พึมพำต่อประโยคแบบโคตรจะเบายังได้ยินอีก “พี่ว่า ถ้าผมถามลุงเจ้าของบ้านเรื่องพี่ขิง เขาจะบอกไหม ผมกลัวเขาไม่บอก”

   “ลุงเจ้าของบ้าน? พ่อเลี้ยงมึงน่ะเหรอ” รีบพยักหน้าเมื่อถูกถาม “แล้วได้ถามไปหรือยังถึงกลัวว่าเขาจะไม่ตอบ ถ้ายังก็อย่าเพิ่งคิดแทน”

   “เขาจะฆ่าผมหรือเปล่าวะ” นึกถึงตอนโดนปืนจี้คราวที่แล้วยังขนลุกไม่หาย

   “กฎหมายมีจะกลัวทำไม” ก็จริงอย่างที่พี่ไฮท์ว่า “แต่ถ้ากลัว เดี๋ยวกูไปนอนด้วย มึงจะได้มีคนเก็บศพ”

   นี่ผมต้องขอบคุณคนรอเก็บศพผมใช่ไหม

   “พี่จะไปนอนบ้านผมเหรอ”

   “ทำไม ทีมึงยังมานอนบ้านกูได้เลย หรือไม่อยากให้กูไป”

   “ไม่ใช่ ผมแค่กลัวพี่อึดอัด ถ้าเป็นบ้านของผมละก็ พี่จะไปนอนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นี่บ้านคนอื่น...” พี่ไฮท์ไม่ตอบอะไรทำแค่ยักไหล่ คงจะเข้าใจความหมายที่ผมบอก “ผมถามได้ใช่ไหม พี่ว่าไง”

   “อยากรู้ก็ถาม ไม่อยากรู้ ก็ไม่ต้องถาม”

   “ก็จริง”

   “แล้วก็รีบๆ กิน เดี๋ยวกูเข้าเรียนไม่ทัน”

   “ก็จริง”

   “ไอ้ขมิ้น”

   “ก็จริง”

   เผลอกวนตีนไปหน่อยเดียวถึงกับโดนข้าวเหนียวปาใส่หน้า แต่พอดีผมเก่งเลยอ้าปากรอรับได้ทัน เคี้ยวไปยักคิ้วไปยั่วโมโหคนปา มันเกือบจะดีอยู่แล้วหากข้าวไม่ติดคอจนหาน้ำกินแทบไม่ทัน คนตรงข้ามก็หัวเราะจนงอหงายไม่ยอมช่วยอะไร


   เกือบตายเพราะข้าวเหนียวแล้วไอ้ขมิ้น





***


   “ได้เรื่องยังไงแล้วโทรบอกกูด้วยนะ” เจมส์สั่งก่อนจะแยกไปที่รถของตัวเอง “อย่าลืมนะเว้ย”

   พยักหน้าส่งให้เพื่อนก่อนจะควบมอเตอร์ไซค์คันโปรดกลับบ้าน ระหว่างทางนั้น ผมลองทวนคำถามที่เจมส์แนะนำมา หวังว่าพอถึงเวลาผมจะกล้าถาม เพราะหากใช้คำถามจากพี่ไฮท์ละก็ ผมคงได้ลูกตะกั่วแทนคำตอบ

   บ้านหลังใหญ่ช่วงบ่ายแก่ๆ ปกติแล้วจะไม่มีใครอยู่ แต่วันนี้กลับแปลกที่มีรถตู้คันสีดำจอดในโรง เหมือนโชคชะตาเป็นใจให้ได้ถามเรื่องราวที่อยากรู้ ผมจอดรถในโรงจอดก่อนจะเดินเข้าบ้าน ชั้นล่างเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่ หรือจะอยู่ชั้นบนวะ พอผมก้าวขาจะขึ้นบันได คนที่ตามหาก็กำลังเดินลงมา

   “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ตามมารยาทแฝงความสะดุ้งน้อยๆ ลุงเจ้าของบ้านพยักหน้าให้นิดๆ แล้วเดินลงมา ร่างสูงใหญ่กำลังจะผ่านหน้าไปแล้ว ผมก็รีบรวบรวมความกล้าแล้วกลั้นใจเรียกให้หยุด “ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

   “คุยกับฉัน?” ลุงเจ้าของบ้านหยุดเดิน ดวงตาดุที่เคยมองผมตลอดวันนี้ดูอ่อนลง “ถ้าถามไม่มากก็พอได้”

   “ขอบคุณครับ”

   ผมเดินตามหลังลุงเจ้าของบ้านไปนั่งที่โซฟารับแขก ความเกร็งก็เกิดขึ้นทันทีที่เผชิญหน้า

   “มีอะไร”

   “คือผม...” อยู่ดีๆ คำถามทั้งหมดก็หายไปจากความทรงจำ “คือผมอยากจะถาม...”

   “อยากถาม? ถามเรื่องอะไร รีบๆ นะ ฉันมีงานต่อ”

   “ถ้าผมถาม ลุงจะไม่ยิงผมใช่ไหม” พยายามพูดให้ติดตลก แต่อีกฝ่ายกลับไม่ขำ ลุงเจ้าของบ้านขยับตัวนั่งตรงแล้วจ้องหน้าผมนิ่ง ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมเม้มริมฝีปากพร้อมตัดสินใจโพล่งเรื่องที่อยากรู้ออกไป “เรื่องพี่ขิง”

   “จะถามเรื่องอะไรของมัน” อยู่ๆ ลุงแกก็เหวี่ยงขึ้นมาเฉย ใบหน้าบูดบึ้งราวกับโมโห

   “พี่ขิงมาคุยกับผมเมื่อวาน” ก็อย่างที่พี่ไฮท์บอก อยากรู้ก็ต้องถาม ไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องถาม แต่เพราะผมอยากรู้ไง เลยต้องถาม “พี่ขิงบอกถูกลุงข่มขืน จริงหรือเปล่า”

   “ว่าอะไรนะ!”

   ผมสะดุ้งจนตัวลอยเมื่อลุงเจ้าของบ้านฟาดมือลงบนที่พักแขนโซฟาเสียงดังลั่นบ้าน ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูเกรี้ยวกราดจนผมอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ เขาจะฆ่าผมหรือเปล่าเนี่ย

   “มันบอกแกแบบนั้นเหรอ! มันกล้ากล่าวหาฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ!” 

   “ครับๆ”

   เสียงตะคอกทำให้ผมรับคำไปรัวๆ ยิ่งลูกน้องของลุงเจ้าของบ้านวิ่งเข้ามาด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งหวาด ยังจำปลายกระบอกปืนของพวกเขาได้

   “ฉันอุตส่าห์เลี้ยงมัน รักมันเหมือนลูก แต่มันกลับหาว่าฉันข่มขืน เลว!”

   “ลุงไม่ได้ข่มขืน เชี่ย!”

   สะดุ้งอีกรอบเมื่อลุงเจ้าของบ้านตบโซฟา ขวัญเอ๊ยขวัญมาไอ้ขมิ้น

   “ถึงฉันไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่เลวขนาดข่มขืนคนที่รักเหมือนลูกได้หรอก ขี้ เยี่ยวมันฉันก็เช็ดล้างให้อย่างดีตั้งแต่เด็ก โตมาก็ให้ใช้เงินไม่ขาดมือ อยากได้อะไรก็ให้ อยากเข้าวงการฉันก็เอาเงินยัดให้ แล้วนี่คือสิ่งที่มันตอบแทนบุญคุณฉันหรือ” อึ้งจนหาเสียงตัวเองไม่เจอ ก็พอรู้อยู่หรอก ว่าลุงเจ้าของบ้านรักพี่ขิงมาก แต่ไม่คิดว่าจะรักขนาดนี้ “ขโมยเงินฉันไปยังไม่พอ ยังกล้าโกหกว่าถูกฉันข่มขืนอีก มันน่ายิงทิ้งนัก”

   “ขโมยเงิน” ตาเหลือกตอนได้ยินว่าน่ายิงทิ้ง แต่ที่สะดุดหูอีกอย่างคือขโมยเงิน “ลุงว่าพี่ขิงขโมยเงินเหรอครับ”

   “เออสิ มันมาหาแม่มันแล้วแอบขึ้นไปขโมยเงินในเซฟฉัน”

   “เมื่อไหร่ครับ” พี่ขิงมาหาแม่ด้วย วันไหนวะ ทำไมแม่ไม่เห็นบอก

   “สองสามวันที่แล้ว คงโดนโต๊ะบอลทวงหนักเลยมาขโมย ไม่รู้ได้เชื้อเลวมาจากใคร”

   คำด่าฟาดงวงฟาดงาของลุงเจ้าของบ้านทำให้ผมเจ็บจี๊ดเหมือนกันนะครับ เพราะพี่ขิงก็สายเลือดเดียวกับผม เหมือนผมถูกด่าไปด้วย

   “ลุงรู้ได้ยังไงว่าพี่ขิงขโมย...” พูดไม่จบดี ลุงแกก็ยื่นโทรศัพท์เครื่องแพงมาให้ผม พอรับมาดูก็เห็นวีดีโอเคลื่อนไหว น่าจะเป็นกล้องวงจรปิดที่ติดในห้อง คนที่มีหน้าเหมือนผมราวกับส่องกระจกกำลังหันซ้าย หันขวาอยู่หน้าตู้เซฟ พอเปิดได้ก็รีบกวาดเงินกับกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าเป้ตัวเองก่อนปิดแล้วเดินออกจากห้องราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   พี่ขิงกล้าทำแบบนี้ได้ยังไงวะ

   “เป็นไง”

   “ลุง จะแจ้งตำรวจจับพี่ขิงไหม”

   หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ ทำไมผมต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ตลอดตั้งแต่ตบปากรับคำเข้ามาเป็นพี่ขิง คนที่ผมเคยคิดอิจฉามาตลอดหลายปี

   “ถ้าพี่แกโดนจับ คงติดคุกตลอดชีวิตเชียวล่ะ” ผมเงยหน้ามองลุงเจ้าของบ้านที่ขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สองมือกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่ ก่อนตาดุจะปรายมามองผม “รีบๆ กลับบ้านแกไปซะ ถ้าไม่อยากเดือดร้อนมากกว่านี้ พี่แกไม่ใช่คนที่จะอยู่ใกล้ได้”

   คำเตือนที่ดูน่ากลัวแต่ก็แสนงงงวย พี่ขิงน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ

   ผมไม่ได้สนใจว่าลุงเจ้าของบ้านจะออกไปไหน เพราะตอนนี้ในหัวคิดแต่เรื่องพี่ขิงเต็มไปหมด ไม่ได้โดนข่มขืนแต่ทำไมต้องกุเรื่องขึ้นมา ทำให้มันดูน่าสงสารเหรอ หรือยังไง แถมยังกล้าขโมยเงินอีก ที่จริงลุงเจ้าของบ้านก็รักขนาดนั้น ขอยืมเงินไม่กี่แสนก็น่าจะได้ ดูสิ ลุงแกยังรู้เลยว่าพี่ขิงติดหนี้บอล ขอเงินก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่

   สรุปแล้ว พี่ขิงเป็นคนยังไงกันแน่ ดีหรือเลววะ

   จังหวะที่ผมคิดจนสมองรวน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชื่อที่โชว์คือคนที่บอกจะมารอเก็บศพผม พี่ไฮท์โทรย้ำมาอีกหลายรอบหลังจากผมปล่อยให้สายมันดับไป ไม่ใช่ไม่อยากรับ แต่ไม่รู้จะพูดอะไรเป็นอย่างแรก เสียงริงโทนธรรมดาวนซ้ำอยู่อย่างนั้นจนสุดท้ายผมก็กดรับพร้อมกรอกเสียงลงไป


   “พี่ คืนนี้ผมไปนอนด้วยได้ไหม ผมเครียด”



...TBC


ขอบคุณทุกคนที่ชอบเรื่องนี้นะคะ หวังว่าเรื่องอึนๆ เอื่อยๆ จะไม่ทำให้ทุกคนรำคาญมาก ต้องขอประทานอภัยทั้งความล่าช้าและการบรรยาย จะรีบพัฒนาตัวเองให้มันดีกว่านี้ค่า พยายามทบทวนก่อนลงอยู่หลายรอบมากเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด (ก้มกราบ) 
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2018 01:02:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขิงเนี่ย  ได้นิสัย...มาจากแม่ใช่ป่ะ 
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-03-2018 02:08:14
ว่าจะพูดถึงขมิ้นกับไฮท์แต่มาเจอกับเรื่องที่ขิงทำไว้โหขอด่าหน่อยทำไมเลวได้คงเส้นคงวานักนะ
เพราะแม่หรือเปล่าขิงถึงได้เป็นขนาดนี้ :katai1: :katai1: :katai1: เฮ่อสงสารขมิ้น
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-03-2018 03:45:15
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 19-03-2018 04:12:37
อยากให้ "ขมิ้น" กลับไปอยู่บ้านกับพ่อแล้วค่ะ
ออกมาเป็นคนอื่นนานเกินไปแล้วนะคะขมิ้น
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 19-03-2018 07:02:30
ขมิ้นกลับบ้านได้แล้ว   เรื่องของขิงก็ปล่อยเถอะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-03-2018 07:22:11
กำลังพอดีค่ะ เราชอบ จะได้อ่านนานๆ 55555

โอยยยย ขิงร้ายขนาดไหนนะ รู้มาแต่ละเรื่อง
แล้วแม่ก็ช่วยปกปิดดีมาก เพื่อทำร้ายลูกอีกคน

ขมิ้นต้องลุกขึ้นสู้แล้วนะ
อย่ายอมให้แม่บังคับให้อยู่ต่อเลย

ไฮท์ช่วยน้องด้วย
ทุกคนดีกับขมิ้น แต่ดูแม่กับพี่สิ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-03-2018 08:07:17
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 22-03-2018 21:11:45
ไม่อึน ไม่เอื่อยนะไรท์ มั่นใจหน่อย เนื้อเรื่องสนุกเหมือนเรื่องที่ผ่านๆมาเลย น่าติดตาม เค้าเข้ามารออ่านแทบทุดกวันเลยนะ เป็นกำลังให้นะคะ....ทีมไรท์จ้า
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 27-03-2018 15:30:55
เรื่องชักไม่ชอบมาพากล ตกลงใครโกหกกันแน่  :a5:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-03-2018 23:55:19
ไม่อึน ไม่เอื่อยนะไรท์ มั่นใจหน่อย เนื้อเรื่องสนุกเหมือนเรื่องที่ผ่านๆมาเลย น่าติดตาม เค้าเข้ามารออ่านแทบทุดกวันเลยนะ เป็นกำลังให้นะคะ....ทีมไรท์จ้า

ใช่ค่ะสนุกนะเราชอบ รอทุกวันเหมือนกันแต่ก็เกรงใจไม่อยากกดดันหรือเร่งคนเขียน ยังใงก็อย่าทิ้งพี่ไฮท์กับขมิ้นนะเรารอได้
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 28-03-2018 22:18:50
อย่าทิ้งเงื่อนงำไว้นานแบบนี้สิไรท์...มาต่อๆเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 31-03-2018 10:35:37
เพิ่งได้มาอ่านสนุกมากค่ะ เอาใจช่วยขมิ้นนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nixnix ที่ 31-03-2018 10:49:29
มาต่อๆๆๆคร้า :3123:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-04-2018 01:48:20
หน่อววว
พี่ไฮท์ที่พึ่งทางใจ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 01-04-2018 03:31:29
ทำไมดูขมิ้นไม่ฉลาดเลยอ่ะ ขนาดนี้ขิงยังคิดไม่ได้ว่าถูกแม่กับขิงหลอกกลับไปอยู่กับพ่อจะดีกว่ามั้ยหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 01-04-2018 03:32:37
ทำไมดูขมิ้นไม่ฉลาดเลยอ่ะ ขนาดนี้ขิงยังคิดไม่ได้ว่าถูกแม่กับขิงหลอกกลับไปอยู่กับพ่อจะดีกว่ามั้ยหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 17] [P.6] // {18/03/61}
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 01-04-2018 16:40:06
ตกลงพี่ขิงเป็นคนยังไงกันแน่นะ ตอนนี้สับสนกับตัวละครมากว่าใครโกหก ลุ้นๆ แต่สงสารขมิ้นสุด เป็นเราคงหนีกลับบ้านไปหาพ่อแล้วอ่ะ เอาใจช่วยขมิ้นตามหาความจริงต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 02-04-2018 21:07:00

-18-





        ตอนนี้ผมกำลังถูกจับผิดอย่างหนักจนต้องก้มหน้า แต่นั่นก็ใช่จะหลบพ้น เพราะคนจับผิดยังก้มต่ำกว่าเพื่อมองหน้าผมอยู่ดี

   “ไม่ต้องตีเนียนเลยนะมึง” เจมส์คงปวดคอเลยขยับนั่งปกติแล้วใช้คำพูดแทน

   “เนียนอะไรของมึง กูก็บอกไปหมดแล้ว” ผมตอบเรียบๆ แต่คนจ้องกลับไม่เชื่อ “กูบอกหมดแล้ว”

   “ถ้าเรื่องไอ้ขิงก็ใช่ แต่เรื่องที่มึงมากับพี่ไฮท์...”

   “มันไม่มีอะไรไอ้ห่า”

   “ไม่มีแล้วหลบตากูทำไม กูเพื่อนมึงนะ” เจมส์จับหน้าผมไม่ให้ก้มอีก “จ้องตากู”

   “เดี๋ยวมึงจะท้องกับกูนะ”

   ผลของการพูดคือการถูกหน้าผากโหนกๆ ของเจมส์โขลกเข้ามาจนมึน

   “พูดหมาเหมือนหน้าเลยนะมึง” อือฮือ ดูคำด่าของมัน สนิทมากขึ้นเท่าไหร่ ปากมันยิ่งจัดนะครับเนี่ย “มึงไปนอนบ้านพี่ไฮท์ได้ไง”

   “ก็...”

   “กูเพื่อนมึงนะ ทำไมไม่มานอนกับกู”

   “ก็...”

   “หรือมึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อน”

   “ก็...”

   “อ๋อ ใช่สิ”

   “ไอ้เหี้ย ฟังกูก่อน” ผมยกมือปิดปากเจมส์ “พูดซะไม่เว้นช่องไฟให้กูพูดเลย ที่กูไปนอนกับพี่ไฮท์ก็เพราะ...เพราะ” เพราะอะไรดีวะครับ

   “เพราะมึงนึกถึงกูคนแรกไง”

   นี่ไม่ใช่เสียงผม และไม่ใช่เสียงเจมส์ คนพูดเดินมาจากด้านหลังพร้อมส่งมือผลักหัวผมซะหน้าเกือบทิ่มเจมส์ พี่ไฮท์ยิ้มกริ่มหย่อนก้นนั่งข้างผม ส่วนพี่บิ๊กเดินอ้อมไปนั่งข้างเจมส์

   “พี่พูดมั่วอีกละ” รีบบอกปัดเมื่อถูกสายตาล้อเลียนทั้งจากเพื่อนตัวเองและรุ่นพี่ “ไหนพี่บอกมีเรียนไง”

   “รู้ตารางเรียนกูเหรอ ใส่ใจจังนะ”

   “ก็พี่บอกเอง”

   ยกมือปัดมือใหญ่ที่ขยี้หัวออก ตอนนี้นอกจากสายตายังมีเสียงที่ส่งมาล้อผมจนต้องรีบก้มหน้า พี่ไฮท์ก็นะ เดี๋ยวนี้แม่งชอบทำให้ผมใจเต้น ดูก็รู้ว่ากำลังแกล้งผม

   “หยุดเลี่ยนกันก่อนเถอะ ตอนนี้กูอยากรู้เรื่องไอ้ขิงมากกว่า” พี่บิ๊กออกปากห้ามพร้อมบอกความอยากรู้ พี่ไฮท์คงจะเล่าให้ฟังแน่ เพราะเมื่อคืนที่ผมไปนอนด้วย ผมก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แม้จะเล่าสลับไปสลับมาด้วยความสับสนก็เถอะ “สรุป พ่อเลี้ยงมึงแจ้งความหรือเปล่าวะ”

   “น่าจะไม่ว่ะพี่ ถ้าจะแจ้งก็คงแจ้งตั้งแต่วันแรกแล้ว” บอกด้วยความหนักใจ ลุงเจ้าของบ้านก็ดูเดาใจยากพอๆ พี่ขิง แต่การที่เขามีคลิปที่เห็นหน้าชัดเจนแบบนั้น หากเอาเรื่องย่อมได้ “เหลือก็แต่พี่ขิง ผมโคตรอยากรู้เลยว่าทำไปทำไม”

   “คิดว่าคนอื่นโง่กว่าไง ใครจะรู้ ว่ามันโคตรโง่จนไร้คำบรรยาย”

   พี่ไฮท์ปากจัดเสมอต้นเสมอปลาย ผมละกลัวจะเป็นคู่อริซะจริง คงตายด้วยวาจาเชือดเฉือนแทนตีน

   “ดีนะ ที่ผมแค่หน้าเหมือน สันดานไม่เหมือน” พูดจบ ทุกสายตาก็มองมาทางผม ก่อนจะพากันหลุดขำออกมาจนผมสงสัย “หัวเราะอะไรกัน”

   “ก็ที่มึงพูด” เจมส์บอก แต่มันก็ยังไม่ทำให้ผมคลายความสงสัย “มึงพูดได้ตรงและเห็นภาพไง หน้าเหมือน สันดานต่าง”

   “อ่าว...” ไปไม่เป็นเลยผม อยากจะขำด้วย แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เลยปล่อยให้คนอื่นขำล่วงหน้าไปก่อน “ผมว่า ผมจะลองไปตามหาพี่ขิง” โพล่งออกมาเมื่อเสียงหัวเราะเงียบลง

   “ไม่ต้องไปตามหรอก” พี่ไฮท์ทำให้ผมหันไปมองอีกรอบ ดวงตาคมดูฉายแววไหวระริกอย่างมีนัยยะอะไรสักอย่างที่ดูแล้วช่างน่าสงสัย

   “พี่หมายความว่ายังไง ไม่ต้องไปตาม จะปล่อยให้เรื่องมันค้างคาแบบนี้เหรอ” ถ้าปล่อยไปแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้กลับไปเป็นตัวเองล่ะ

   “กูหมายถึง มึงไม่ต้องไปตาม เดี๋ยวมันก็มาหาถึงที่” พูดจบก็แสยะยิ้มออกมา เล่นเอาคนมองขนลุก “เชื่อกูสิ”

   “มึงมีแผนเหรอวะ” พี่บิ๊กลูบแขนตัวเองก่อนจะถามออกมา พอพี่ไฮท์พยักหน้าทุกคนในที่นี้ก็ทำตาโต “เหลามาเลยมึง กูอยากรู้เต็มแก่ละ”

   พี่ไฮท์มองกราดไปที่แต่ละคน ก่อนมาหยุดอยู่ที่หน้าผม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เริ่มกว้างขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจอย่างที่ทำให้ผมใจสั่นบ่อยๆ

   “เดี๋ยวก็รู้”






****


   “มึงว่า สิ่งที่พี่ไฮท์คิด จะสำเร็จไหมวะ” ผมถามเจมส์ที่เดินอยู่ข้างๆ แต่ดูคนถูกถามจะไม่ได้สนใจผมมากกว่าลูกชิ้นทอดในมือเลย “ไอ้เจมส์”

   “ถึงเวลานั้นก็คงรู้มั้ง มึงอย่าเพิ่งคิดมากสิวะ” ท่าทางผ่อนคลายของเจมส์ไม่ทำให้ผมหายเครียดได้เลย เพราะถ้าหากมันไม่เป็นแบบที่คุยกันล่ะ...

   “กูไม่คิดเรื่องพี่ขิงก็ได้” ว่าออกมาพลางสาวเท้ายาวขึ้น มือก็ดึงเจมส์ให้ก้าวยาวตาม “เพราะเรื่องที่น่าคิดมากกว่าคือพวกที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลัง”

   “หา?” เจมส์รีบหันไปดูแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันกลับมา “มึงคิดมากหรือเปล่าวะ”

   ผมส่ายหน้าทันทีเมื่อเจมส์พูดจบ ผมไม่ได้คิดไปเอง มอเตอร์ไซค์คันนี้ขี่ช้ามากกว่าคันอื่นๆ ผมสังเกตมาตั้งแต่เจมส์ยืนซื้อลูกชิ้นทอดหลังมหาลัยแล้ว

   “กูคงจะไม่คิดมาก ถ้าคนขี่กับคนซ้อนใส่ชุดนักศึกษา” พอได้ยินผมพูด เจมส์มันก็หันกลับไปอีกรอบ คราวนี้คนข้างผมเริ่มทำหน้าตื่น “ทีนี้คิดมากได้หรือยัง”

   “ได้แล้ว” ตอนนี้คนท่าทางสบายดูกังวลหนักกว่าผมมาก ขามันก้าวยาวจนเหมือนขี้ติดก้น ผมว่าจะไม่ขำมันก็อดไม่ได้จริงๆ จนตัวต้นเหตุหันมาตีหน้ายักษ์ใส่

   “มึงว่า ผู้ชายสองคนนั่นเป็นเจ้าหนี้พี่ขิงหรือเปล่าวะ”

   “พี่มึงใช้หนี้หมดแล้วไม่ใช่เหรอ กูว่าไม่น่าใช่”

   “ถ้าไม่ใช่ แล้วใครวะ”

   จังหวะที่เราสองคนเร่งฝีเท้า มอเตอร์ไซค์ที่ตามมาช้าๆ ก็เร่งเครื่องขึ้นมาพร้อมกับปาดหน้าจนเราหยุดเดินแทบไม่ทัน ความฉิบหายของจริงกำลังจะเกิดแล้วครับ ความกลัวยิ่งพุ่งสูงเมื่อคนขี่และคนซ้อนลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วก้าวมาหาผม

   รู้แบบนี้เอามอเตอร์ไซค์มาดีกว่า ไม่น่าเดินมาเลยให้ตาย

   “พวกคุณเป็นใคร” ถามออกไปด้วยความใจกล้า แม้ขาจะสั่นอยู่ก็เถอะ

   “งานดีจริง” นี่ไม่ใช่คำตอบจากคำถามของผม และมันทำให้ผมกับเจมส์หันมามองหน้ากันด้วยความงง “กูว่าผ่าน มึงว่าไง”

   “ผ่านสิวะ” ไอ้คนซ้อนสวมหมวกกันน็อคใบใหญ่พูดคล้อยตาม ก่อนทั้งคู่จะก้าวเข้ามาอีก ผมและเจมส์ก็ถอยหลังยาวเลยทีนี้ ด้านหลังคือสวนของมหาลัยที่ผมเคยมาเหยียบครั้งหนึ่ง “มึงรีบถ่ายสิวะ”

   ถ่าย? ถ่ายอะไร ผมขมวดคิ้วเป็นปม ไม่เข้าใจที่พวกนั้นคุยกัน

   “เดี๋ยวสิวะ กล้องอยู่ที่รถ”

   “รีบๆ ไปเอามาเลย”

   “ทำอะไรกัน!” เสียงที่สามที่ไม่ได้มาจากฝั่งผมและฝั่งมอเตอร์ไซค์ เจ้าของเสียงเดินหน้ายุ่งเข้ามา ในมือถือถุงไก่ปิ้งสองไม้ไว้ “ถ้าจะมีเรื่องกัน ไปมีที่อื่น”

   “อ่าว ไอ้เด็กนี่” คนขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนจะก้าวเข้าไปเอาเรื่อง แต่ผมเห็นเขาชะงักไปนิดๆ “หน้าตาใช้ได้นี่หว่า”

   “ได้ไม่ได้ก็ไม่ได้หนักหัวใคร รีบๆ ออกไปเลย ไม่รู้เหรอ ว่ามันรบกวนคนอื่น” เสียงใสยังคงเถียงไม่ขาดคำ ผมละอยากขำแต่ก็ขำไม่ออก นี่เขาไม่กลัวความโหดร้ายของคนตรงหน้าเลยหรือไง

   “รบกวนใคร”

   “พี่ทอง”

   “พี่ทองไหนวะ”

   ทุกคนในที่นี่ตีหน้างง คงจะมีผมแล้วก็คนพูดที่เข้าใจ ขนาดเจมส์มันยังหันไปมองหาพี่ทองที่ว่า

   “พี่ทอง!”

   สิ้นเสียงตะโกน ก็มีเสียงซวบซาบสักอย่างจากหนองน้ำที่อยู่ไม่ไกล นั่นไง พี่ทองตัวจริงเสียงจริงกำลังเดินต้วมเตี้ยมมาแล้ว
 
   “เหี้ย!” ไม่รู้ว่าเป็นคำสบถหรือคำเรียกพี่ทอง รู้แต่ว่า ไอ้คนซ้อนมอเตอร์ไซค์ชักปืนด้ามสีดำออกมาแล้วเล็งไปทางสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่นั่น “ตายเถอะมึง”

   พลั่ก นั่นว่าตกใจแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่น่าตกใจกว่าคือ รุ่นพี่น่ารักนั่นเอาถุงไก่ฟาดข้อมือคนถือปืนแล้วถีบเข้าที่ข้อพับน่องจนล้มทั้งยืน

   “ไอ้คนชั่วจะฆ่าเพื่อนกู” เสียงเล็กโวยวายแล้วกระหน่ำเท้าลงไป

   “ไอ้เด็กบ้า” เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองถูกทำร้าย คนขี่มอเตอร์ไซค์ก็รีบเข้าไปช่วย ผมกับเจมส์ก็รีบเข้าไปขวาง แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้น ตอนนี้รู้อย่างเดียวคือต้องกระทืบก่อนๆ ที่จะถูกกระทืบกลับ

   เมื่อชายชุดดำนอนนิ่ง ข้อมือผมก็ถูกคว้า คนจับคือรุ่นพี่ที่เคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง ใบหน้าขาวเต็มไปด้วยเหงื่อ

   “วิ่ง”

   คำบอกมาพร้อมแรงฉุด ด้วยความไวผมก็รีบคว้าแขนเจมส์อีกทอดหนึ่ง กลายเป็นว่า เราสามคนซอยเท้าวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ลัดเลาะไปตามตึกเรื่อยๆ จนขาก้าวไม่ไหวเลยพากันล้มนอนอยู่ใต้ตึกสักตึก

   “เหนื่อยเหี้ย” รุ่นพี่ที่ดึงผมนอนราบไปกับพื้น เสียงหอบเราสามคนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร “แม่งเอ๊ย” แล้วอยู่ๆ คนบ่นเหนื่อยก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง ดวงตากลมโตนั่นจ้องหน้าผมอย่างสงสัย “มึงขับรถชนเพื่อนกูใช่ไหม กูจำหน้ามึงได้” แล้วนิ้วขาวๆ ก็ชี้มาที่หน้าผม และก่อนที่ผมจะอ้าปากตอบ เสียงใสก็แทรกขึ้นมาก่อน “แต่ไอ้ต้อมไม่เอาเรื่องแล้วนี่หว่า ช่างมันๆ”

   พี่เขาพูดเอง ตอบเองเสร็จสรรพ คนแบบนี้ก็มี

   “ขอบคุณนะครับพี่กลอย” ผมยกมือไหว้ตามมารยาท พอได้ยิน ตากลมๆ นั่นก็เบิกโตกว่าเดิม “ทำไมเหรอครับ”

   “รู้จักชื่อกูด้วยเหรอ”

   “ก็รู้แค่ชื่อ”

   “งั้นเหรอ”

   “ครับ”

   “อืม”

   ผมว่า ผมปรับอารมณ์ตามพี่เขาไม่ถูกแล้วล่ะครับ สมแล้วที่พี่ไฮท์บอกพี่เขาค่อนข้างกวน...ตีน

   “พี่มาช่วยพวกผม ไม่กลัว...”

   “เชี่ย ไก่กูหาย”

   ถามไม่จบดี พี่กลอยก็โพล่งออกมาจนผมสะดุ้งเฮือก แล้วพี่แกก็หันซ้ายหันขวา ตบกระเป๋ากางเกงตัวเอง

   “ผมเห็นพี่เอาฟาดพวกคนเมื่อกี้แล้วมันก็ตกอยู่ที่นั่น” เจมส์พูดออกมาอย่างเกร็งๆ เมื่อถูกจ้องหน้า “แล้วตัวเหี้ยมันก็คงเขมือบแล้ว”

   “เอ่อใช่ ว่าแต่ นั่นชื่อพี่ทอง ไม่ได้ชื่อเหี้ย”

   “แต่มันเป็นตัวเหี้ย” เจมส์สวนทันควันด้วยความปากไว

   “ก็กูตั้งชื่อให้ว่าทอง ก็ต้องชื่อทอง ฉิบหายละ” อยู่ๆ พี่กลอยก็สบถ มือขาวล้วงโทรศัพท์เครื่องสวยออกมาแนบหู “พี่โชอยู่หน้าตึกเหรอ รอกลอยด้วย อื่อๆ อยากกินชาบูจุ่มชีส แล้วก็บลาๆ”

   ผมกับเจมส์มองตามร่างขาวๆ ที่วิ่งผ่านหน้าไป น้ำเสียงที่พูดกับคนปลายสายช่างดูออดอ้อน หรือจะเป็นแฟนวะ ก็นะ น่ารักขนาดนี้ก็ต้องมีแฟนอยู่แล้ว ใครจะปล่อยให้รอด

   “กูว่า พี่เขาเพี้ยนๆ”

        เจมส์พูดลอยๆ ซึ่งผมก็พยักหน้าตอบ

   “มากด้วย”





   จบเรื่อง ผมกับเจมส์ก็รีบวิ่งกลับคณะ เจอพี่ไฮท์นั่งรออยู่ใต้ตึก พอเห็นผมก็โบกมือเรียกทันที และผมก็ปรึกษากับเพื่อนก่อนถึงคณะแล้วว่า เราจะต้องเล่าทุกอย่างให้พวกพี่ๆ เขาฟัง ผมว่า ไอ้สองคนที่มาหาเรื่อง มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับพี่ขิงอย่างแน่นอน ลางสังหรณ์ผมบอกแบบนั้น

   และผลของการเล่าเรื่องระทึกหลังมหาลัย พี่ไฮท์ก็สั่งให้ผมย้ายข้างของเสื้อผ้าไปอยู่ที่บ้าน ซึ่งผมทำไม่ได้ ผมจะไปอยู่บ้านพี่เขาได้ยังไง ไหนจะแม่ ไหนจะพ่ออีก พ่อพี่ไฮท์ด้วย ไม่เอาหรอก อีกอย่าง ผมเป็นผู้ชาย มันคงไม่เอาผมไปขายหรอกจริงไหม

   “เห็นกวนๆ มึงนี่ก็ดื้อเหมือนกันนะ” เสียงบ่นของพี่ไฮท์ดังให้ได้ยินอยู่ตลอด ยิ่งพอรถติดสัญญาณไฟแดงก็ยิ่งสะดวกบ่น “ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอีกจะทำยังไง”

   “ผมก็มีมือนะ” ชูมือให้ดูพร้อมเลยถูกฟาดเข้าเต็มฝ่ามือ

   “ขนาดมีมือนะ เมื่อบ่ายก็เกือบไม่รอด ถ้าไม่ได้ไอ้กลอยมาช่วย” ตอนที่พี่ไฮท์ได้ยินชื่อคนมาช่วยครั้งแรก ตาคมๆ ก็เบิกกว้างอย่างน่าขำ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ

   “พี่ว่า พี่กลอยเขาจะซวยเพราะมาช่วยผมไหม ไอ้พวกนั้นต้องจำหน้าพี่เขาได้แน่เลย” ชักห่วงอีกแล้วสิ ได้ยินพวกมันบอกพี่กลอยหน้าตาใช้ได้ด้วย

   “ไอ้กลอยมันมีคนดูแลที่เอาเรื่องอยู่แล้ว มึงไม่ต้องห่วงมันหรอก” ผมมองหน้าพี่ไฮท์อย่างไม่เข้าใจ แต่พอภาพแรงหมัดที่ต่อยแก้มในวันแรกที่มาเรียน พร้อมๆ ใบหน้าโหดๆ ของรุ่นพี่ต่างคณะนั่นก็ทำให้ผมพยักหน้าเห็นด้วย “เอาตัวเองให้รอด ก่อนห่วงคนอื่นดีกว่านะ”

   “รู้แล้วน่า” ผมยิ้มแหยๆ ส่งให้คนดุ และถึงแม้ผมไม่ได้พูดออกไป แต่พี่ไฮท์ก็ต้องคิดแบบผม ว่าเรื่องนี้ ต้องมีเบื้องหลัง และมันต้องเกี่ยวข้องกับแฝดของผม “แผนของพี่ มันจะได้ผลใช่ไหม”

   “ก็ต้องลองดู”

   “แล้วถ้าลองแล้วมันไม่ได้ผลล่ะ”

   “ถึงเวลานั้นค่อยคิด”

   “อ่าว ไม่มีแผนสำรองเหรอ”

   “มีแต่แบตสำรอง เอาไหม”

   “กวนตีน”

   “หึๆ”

   พี่ไฮท์พยายามทำให้ผมคลายความกังวล ผมรู้ดี และมันก็ได้ผลครึ่งหนึ่ง จะให้ลดหมดเลยก็คงไม่ได้ จะว่าไป ตั้งแต่ผมก้าวเข้ามาเป็นพี่ขิง น้ำหนักผมลดลงไปตั้งหลายขีดแหน่ะ กินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ ชีวิตโคตรจะวุ่นวาย มันแทบไม่มีอะไรดีเลย แต่ในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีๆ นั่นคือการที่ผมได้เจอเพื่อน ได้เจอรุ่นพี่ ได้เจอรุ่นน้อง และได้เจอคนที่ทำให้ผมเป็นโรคใจสั่น

   “พี่ไฮท์ ผมอยากกินชาบูจุ่มชีส”

   อยู่ๆ ก็อยากลองพูดแบบพี่กลอยบ้าง และคนขับรถก็มีปฏิกิริยาหลายสเต็ป เริ่มจากเหล่ตามองด้วยหางตา คิ้วเข้มๆ ถูกกดลงจนเป็นปม คงงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม เพราะปกติไม่เคยเรียกร้องอะไร

   “ว่าอะไรนะ”

   “ไม่มีอะไร”

   ก็นั่นละ จะไปมีอะไรได้ไง พี่กลอยกับผมไม่เหมือนกัน อีกทั้งพี่ไฮท์กับคนปลายสายนั่นก็คนละคน

   “พูดอีกรอบสิ”

   “พูดอะไร”

   “แบบเมื่อกี้ น้ำเสียงเมื่อกี้เลย”

   “ยังไง”

   “ไอ้ขมิ้น อย่ากวน”

   “เอ้า” ผมตีหน้ายุ่งก่อนนึกว่าเมื่อกี้ใช้น้ำเสียงยังไง พอจำได้หน้ามันก็ร้อนๆ ก็ผมเผลอใช้น้ำเสียงเดียวกับพี่กลอยด้วย ฉิบหายละทีนี้ผม

   “เร็วๆ ใกล้ถึงห้างแล้วเนี่ย”

   “อยากกินชาบูจุ่มชีส”

   “คอหอยตีบเหรอ ไม่ได้ยิน”

   ดูความปากร้ายนี้...

   “อยากกินชาบูจุ่มชีส...พี่ไฮท์ ผมอยากกินชาบูจุ่มชีส” คราวนี้มาทั้งภาพ ทั้งเสียงจนคนต้องการได้ยินหัวเราะออกมา “พอใจหรือยัง”

   “อ้อนกูบ่อยๆ กูชอบ”

   อยากอ้าปากเถียงนะ แต่หน้าผมร้อนเกินไปจะเงยไปสู้ นี่สินะ ที่เขาว่า ชีวิตคนเรามีขม มีหวาน ปนๆ กันไป และชีวิตของผม มันปนกันมาในวันเดียวซะด้วย ขมตอนแรกแล้วก็มีหวานปิดท้าย เป็นอะไรที่โคตรจะลงตัว...ส่วนเรื่องเครียดๆ วางไว้ก่อน รอมันมาถึงค่อยคิดก็แล้วกัน



...TBC

(คุกเข่าร้องไห้) ได้โปรดอย่าฆ่าเรา T^T ช่วงที่ผ่านมาเจอแต่เรื่องยุ่งๆ เลยเงียบหายไปเลย ต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งจริงๆ ค่ะ ไม่เคยคิดทิ้งคู่แป้งเด็กแคร์เลย (ไฮท์ขมิ้น) << มุกแป้ก เรารู้ดี ต่อไปจะพยายามมาให้เร็วกว่านี้ค่าาา ได้โปรดให้อภัยเราด้วย (ก้มกราบ)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 02-04-2018 21:44:03
 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-04-2018 21:55:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

แรก ๆ อิมเมจขมิ้นที่เข้าใจคือ  ลุย ๆ เถื่อน ๆ

ไหงไป ๆ มา ๆ กลายเป็นสาวน้อยไปได้หว่า?
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-04-2018 22:25:11
หิวเลย ทำไมทำอย่างนี้ !!!!!
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-04-2018 22:25:52
มาพร้อมกับฝนกระหน่ำเลยนะวันนี้ แต่พี่ไฮท์กับขมิ้นโดนกลอยปะเกรียนเราแย่งซีนอะยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงกลอยอะเมื่อไรเล่มจะเสร็จน้อ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-04-2018 23:20:44
ขมิ้นควรกลับไปเป็นขมิ้นนะ เพราะเรื่องมันชักวุ่นวายเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 02-04-2018 23:37:16
 :hao7: พึ่งมาเห็นเรื่องนี้...อ่านทีเดียวถึงตอนปัจจุบันเลยค่ะ...  FYI :แอบคิดถึงน้องกลอยสุดเกรียน...  :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-04-2018 02:14:01
ไม่หายไปก็โอเค
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 03-04-2018 02:32:49
พี่ไฮท์ หนูก็อยากกินชาบูจุ่มชีส  เผื่อพี่แกจะชอบบ้าง 5555555555555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 04-04-2018 17:05:03
เขินพี่ไฮท์   :-[
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-04-2018 20:41:27
พี่ไฮท์ดีต่อใจจังเลยค่าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 04-04-2018 21:29:36
ไรท์ใจร้ายยยย.... :m15: :monkeysad: :sad4:
มาทิ้งเงื่อนงำชวนสงสัยไว้อีกแล้ววววว....รีบๆๆๆๆมาต่อเลยเชียวนะเจ้าคะ.... :katai1: :ling1: :serius2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 04-04-2018 23:26:08
กูชอบ กูชอบ.....
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 04-04-2018 23:39:32
ขิงนี่ก็ขยันสร้างเรื่องเนอะ แหมๆ พี่ไฮท์ ออกตัวแรงเชียวน้า
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: TweetTYii ที่ 05-04-2018 05:28:20
เขินนนน 5555 :-[
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: dyomonrain ที่ 05-04-2018 12:20:55
โอ้ยย สนุกมากค่ะ
มาต่อนะคะ เรารออ่านอยู่ TT^TT
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-04-2018 07:53:33
โอ๊ยยยย พี่ไฮท์ก็ทำได้
ขมิ้นอย่าลืมนะ อ้อนบ่อยๆ

แล้วอะไร มาให้คนตามจับไปหรอ
ทำไมต้องมาวุ่นวายกับขมิ้น

ฮากลอยมาก น้องทองเนาะ
ต่อยทุกคน แต่อ้อนคนเดียว

#อยากกินชาบูจุ่มชีสบ้าง
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 06-04-2018 11:53:03
ขมิ้น .. กลับไปหาไปอยู่กับพ่อเหอะ
ไม่ต้องไปยุ่งกับแม่ และขิงแล้ว
สองคนนั้นเค้าไม่รักขมิ้นเลยนะ

สนแค่พี่ไฮน์กับเพื่อนพี่ไฮน์ที่ดี ๆ ก็พอ
(ตีซี้กับนังกลอยเลยขมิ้น
แล้วให้นังกลอยอ้อนพี่โช ไปช่วยจัดการ "ขิง" ดิขมิ้น
รับรองเวิร์ค พี่โชขาโหดที่แท้ทรูนะขอบอก 555+)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-04-2018 14:33:21
พี่ไฮท์ หนูก็อยากกินชาบูจุ่มชีสน้า  :-[
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 18] [P.7] // {02/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-04-2018 20:26:28
ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดขิง อิเด็กเฬวววววววว
ให้น้องมารับกรรมแทน ตัวเองหลบไปอยู่สบายใจ -_-^^^^
รอติดตามตอนต่อๆไปจร้า
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 10-04-2018 21:09:03

-19-





        เช้าวันใหม่ ผมลงจากห้องมาช้ากว่าปกติ คนในบ้านเลยออกไปกันหมด ดีที่ป้าแม่บ้านเก็บข้าวเช้าไว้ให้ ทุกวันนี้ คนในบ้านที่ผมคุยด้วยมากที่สุดก็คงเป็นป้าแม่บ้านนี่แหละ

   “แม่ออกไปไหนเหรอครับ ป้ารู้ไหม”

   “คุณหญิงไปทำเล็บค่ะ แล้วคงไปสปาต่อ”

   ผมเบ้ปากหลังจากได้ยิน ทำไมแม่ใช้ชีวิตสุขสบายไร้เรื่องกังวลใจได้ขนาดนี้ ทั้งที่มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายแต่กลับไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเรื่องพวกนั้น

   “วันนี้ผมอาจกลับช้านะครับ” บอกหลังจากจัดการมื้อเช้าเสร็จ ป้าแม่บ้านก็ยิ้มรับ ก่อนจะร้องทักขณะผมลุกจากเก้าอี้      “ครับ?”

   “เมื่อวาน ป้าแอบเห็นคุณหญิงคุยกับคุณขิงที่รั้วข้างบ้านด้วยค่ะ แม้จะปิดหน้าปิดตา แต่ป้ามั่นใจว่าเป็นคุณขิง”

   “ป้าพูดจริงเหรอครับ พี่ขิงมาหาแม่เหรอ” ผมว่า ทั้งคู่ต้องมีเรื่องอะไรแน่ “ขอบคุณนะครับป้า”

   ผมยกมือไหว้ก่อนจะออกมาควบมอเตอร์ไซค์ตัวเอง ที่จริงวันนี้มีเรียนช่วงเช้า แต่ออกตอนนี้คือเข้าเรียนไม่ทันแน่นอน พอรถพ้นประตูรั้ว ความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น เหล่ตาดูกระจกมองหลังก็เห็นมอเตอร์ไซค์คันที่เคยคิดจะทำร้ายผมในมหาลัยขี่ตามหลังมาติดๆ นี่ถึงขั้นตามมาดักที่หน้าบ้านเลยเหรอวะ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว
 
   ผมบิดเร่งความเร็วเพื่อจะหลบ โชคดีที่มอเตอร์ไซค์ KSR สีดำของผมคันเล็ก เลยซิกแซกไปมาตามช่องว่างของรถได้ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี เมื่อยังเห็นหมวกดำๆ ขี่ตามมา ผมจำได้ว่า ซอยข้างหน้าจะมีทางแคบเล็กๆ ระหว่างตึกอยู่ คิดปุ๊บผมก็เลี้ยวปั๊บ ทางแคบที่ว่านั้นรถผมสามารถเข้าไปจอดได้พอดิบพอดี ดับเครื่องจอดรอดู ไม่นานมอเตอร์ไซค์คันที่ตามก็ผ่านผมไป นี่พวกมันคิดจะฆ่าผมหรือเปล่าวะ ถึงตามขนาดนี้ หรือต้องการอะไรจากผม โคตรสับสน เมื่อวานหากไม่มีเจมส์อยู่ด้วยผมก็คงลุยไปแล้ว แต่เพราะมีเพื่อนรักข้างๆ ผมไม่อยากให้มันต้องมาเจ็บตัวด้วย ที่สำคัญ ฝั่งนั้นมีปืน ขืนทำอะไรบุ่มบ่าม มีหวังลงหลุมอย่างเดียว

   จอดรออยู่นานให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่ย้อนกลับมาอีก ผมก็รีบสตาร์ทรถแล้วบิดไปมหาลัยทันที คนที่สามารถพกพาปืนมาในที่สาธารณะแบบนี้ได้ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่มือปืนก็พวกนักเลงที่มีคนใหญ่คนโตคุ้มครอง ผมไม่เคยมีเรื่องด้วยไม่ว่าจะพวกไหน แต่ทำไมต้องมาจ้องหาเรื่องผมด้วยวะ

   ตึกคณะที่เคยแปลกตาในวันแรก ตอนนี้ผมจำได้แม้แต่ซอกเล็กๆ ที่เดินลัดเลาะไปยังโต๊ะประจำ ซึ่งวันนี้โต๊ะประจำแปลกไปกว่าทุกครั้ง เมื่อผมเห็นตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะนั่น เดี๋ยวสิ ผมอยู่นี่ แล้วที่นั่งอยู่นั่น... ผมแอบเดินเข้าไปเงียบๆ เพื่อให้อยู่ใกล้กลุ่มนั้นที่สุด เพราะอยากได้ยินเสียงพวกเขาคุยกัน สุดท้ายก็ได้มุมถังขยะที่โชคดีไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวนจมูก

   “มึงให้กูกินขนาดนี้ เดี๋ยวกูเป็นเบาหวานพอดี” แม้เจมส์จะบ่น แต่ผมก็เห็นมันหยิบขนมใส่ปากอยู่ดี “ไม่กินเหรอวะขมิ้น” ขำค้างเมื่อได้ยิน นี่ผมหูเพี้ยนไปหรือเปล่า เมื่อกี้เจมส์มันเรียกคนข้างๆ มันว่าไงนะ ขมิ้นเหรอ อ่าว แล้วผมล่ะ ผมเป็นใคร

   “แค่กูเห็นมึงกิน กูก็อิ่มแล้วไอ้ห่า” คนตอบหัวเราะร่าอย่างไม่เคยเป็น น้ำเสียงก็ดูทุ้มกว่าเดิม “พี่ไฮท์ไม่กินเหรอ ขมิ้นไปต่อแถวซื้อมาเลยนะ ร้านดังด้วย”

   ชื่อคนที่ทำให้ผมใจเต้นหลุดออกมา โคตรลุ้นเลย อยากรู้พี่ไฮท์จะรู้ไหม ว่านั่นไม่ใช่ขมิ้นตัวจริง

   “ใส่ใจกูจริงนะ รู้ด้วยว่ากูชอบกินขนมหม้อแกง” ว่าแล้วพี่ไฮท์ก็ยิ้มออกมา หัวใจผมกระตุกทันที ไม่ได้โกรธหรอกนะครับ แค่เสียใจเล็กๆ

   “ก็อยากใส่ใจมากกว่านี้ด้วย” ตอนนี้ถังขยะตรงหน้าสั่นมาก ผมแทบอยากจับทุ่มใส่คนที่ปลอมตัวมาเป็นผม “ขนมพี่บิ๊กก็มีนะ หวานน้อยแต่อร่อย”

   “ขอบใจ” เสียงตอบแข็งกระด้างแต่ก็ไม่ทำให้คนชวนหุบยิ้ม “มึงนี่รู้เก่งจังนะ ว่ากูไม่ชอบกินหวาน”

   “ก็ต้องรู้สิ คนพิเศษของเพื่อนนี่น่า”

   “ทั้งที่กูไม่เคยบอกน่ะเหรอ”

   สิ้นเสียงพี่บิ๊ก คนที่ยิ้มร่าก็ค่อยๆ นิ่ง แต่ก็ยังพยายามยิ้มอยู่

   “แหม ก็เจมส์บอก”

   “มึงต้องการอะไรกันแน่”

   “พี่บิ๊กหมายความว่ายังไง ขมิ้นไม่เข้าใจ”

   “มึงไม่ใช่ไอ้ขมิ้น”

   อยู่ๆ พี่ไฮท์ก็โพล่งออกมา คนที่ฉีกยิ้มหวานเมื่อกี้ตอนนี้หน้าเฉยชาที่สุด

   “พี่ไฮท์ นี่ขมิ้น...”

   “เลิกหลอกลวงได้แล้วไอ้ขิง กูรู้จักกับมึงมากี่ปี ทำไมกูจะดูไม่ออกวะ” เจมส์พูดแทรก ก่อนมันขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วจ้องหน้าพี่ขิงนิ่ง

   “เจมส์ ทำไมมึงพูดแบบนั้นล่ะ กูขมิ้นไง” พี่ขิงยื่นมือไปจับข้อมือเจมส์ แต่ก็ถูกสะบัดออกแทบจะทันทีที่สัมผัส “เจมส์ กู”

   “ถึงกูจะเพิ่งรู้จักกับน้องมึง แต่ก็รู้ว่ามันไม่มีทางไปซื้อขนมแพงๆ แบบนี้มาให้ แล้วมันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทุกคนเลย ขนมหม้อแกงมันก็ไม่รู้ ว่าพี่ไฮท์ชอบ กูไม่เคยบอกอะไรมันสักอย่าง”

   จริงที่สุด ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าพี่ไฮท์ชอบกินขนมหม้อแกง

   “คือแบบว่า...”

   “มึงทำแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่ คิดจะมาก็มา ไม่อยากมาก็หายไปเลย ไหนจะเรื่องไอ้ขมิ้นน้องมึงอีก ไม่สงสารมันเหรอ ชีวิตมันหายไปช่วงหนึ่งเพราะมึงเลยนะ” แทบอยากจะเข้าไปกอดเจมส์แน่นๆ ผมโคตรรักมันว่ะ “อย่าทำให้กูผิดหวังกับมึงไปมากกว่านี้เลย”

   “มึงท่าจะเพี้ยน กูขมิ้นไง”

   “เลิกโกหกได้แล้วพี่”

   เมื่อพี่ขิงยังปากแข็งไม่เลิก ผมเลยเดินเข้าไปหา พอพี่ขิงหันมาเห็นผมก็ดูตกใจแต่ยังนิ่งเก็บอาการ ปากแดงคลี่ยิ้มบางๆ ส่งมาให้

   “อ่าว พี่ขิง หายไปไหนมา”

   “พี่คิดว่านี่มันคือละครเหรอ พวกเขาไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกว่าพี่กำลังโกหกเขาอยู่ เลิกทำตัวเหี้ยๆ แบบนี้ได้แล้ว ถามจริงๆ เถอะ พี่ไม่เหนื่อยเหรอวะ”

   คำพูดของผมอาจจะรุนแรงไป แต่เมื่อเทียบกับเรื่องที่ผมเจอ มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ พี่ขิงที่ได้ยินปุ๊บหน้าก็เปลี่ยนทันที รอยยิ้มที่มีก็หดหายหลงเหลือแค่เพียงใบหน้าเรียบเฉย

   “งั้นเหรอ พอดีพี่มีธุระต้องไปก่อน” พี่ขิงยักไหล่ไม่รู้สึกผิดพลางจะเดินหนี แต่ผมรีบคว้าแขนไว้ซะก่อน

   “พี่จะหนี จะทิ้งปัญหาพวกนี้ไปถึงเมื่อไหร่ แล้วที่พี่ไปขโมยเงินลุงเจ้าของบ้านนั่น พี่ทำได้ยังไง เขารักพี่จะตาย”

   “ขมิ้นรู้ได้ไง” พี่ขิงตกใจจนเบิกตาโต หน้าขาวซีดเผือด “ขมิ้นรู้ได้ยังไง ตอบพี่มาสิ!”

   “ผมเห็น”

   “เห็น? เห็นอะไร!”

   “ลุงเจ้าของบ้านเอาคลิปให้ดู เขาติดกล้องในห้องทำงาน”

   “เมื่อไหร่ พี่ถามว่าเขาติดตั้งแต่เมื่อไหร่” พี่ขิงตะคอกเสียงดังทำเอาคนแถวนั้นหันมามอง บ้างก็ตกใจเมื่อเห็นเราสองคนหน้าเหมือนกันราวกับอีกด้านเป็นกระจกเงา “ขมิ้น! พี่ถามว่าเขาติดกล้องนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่!”

   “ไม่รู้ ผมไม่รู้” พยายามดึงตัวเองให้ออกจากการเขย่าของพี่ขิง มือสองข้างที่จับแขนผมบีบรัดจนปวดไปหมด “พี่ขิงปล่อย!”

   “มันจะจับพี่ไหม มันบอกขมิ้นว่ายังไง แล้วคลิปนั่นมันได้ให้ตำรวจไปหรือยัง คลิปอยู่ที่ไหน ขมิ้นตอบมาสิ!”

   “ไม่รู้เว้ย!”

   “มึงไม่รู้ได้ยังไงวะ ก็มึงอยู่บ้านหลังนั้น แล้วทำไมแม่ไม่บอกกู หรือแม่จะไม่รู้ เชี่ยเอ๊ย”

   ตอนนี้พี่ขิงเหมือนคนบ้าที่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ผมพยายามพูดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง เลยต้องใช้หมัดเรียกสติ ผมชกเข้าโหนกแก้มพี่ชายไปเต็มแรงจนร่างผอมนั่นปลิวไปชนกับขอบโต๊ะทำให้ขนมตกเกลื่อนเต็มพื้น ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของคนในเหตุการณ์ พี่ขิงก็ปรี่เข้ามาหาผม หากไม่ได้พี่ไฮท์ที่คว้าตัวไว้ ผมอาจถูกต่อยคืนไปแล้ว

   “ปล่อยกูไอ้เหี้ยไฮท์!” พี่ขิงโวยวายพยายามดึงตัวเองออก แต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด

   “มึงเลิกบ้าได้แล้ว!” แม้จะถูกตะคอกข้างหู แต่ความบ้าของพี่ขิงก็ไม่ลดลงเลย ทั้งมือ ทั้งขาพยายามจะพุ่งมาหาผมซะให้ได้ “ไอ้เชี่ยขิง ถ้ามึงไม่หยุด กูกระทืบมึงตรงนี้แน่!”

   พูดจบ คนดิ้นก็ค่อยๆ สงบ พี่ขิงหันหน้าไปมองพี่ไฮท์พร้อมน้ำตาคลอเต็มเบ้าตา

   “ทำไม...ทำไมมึงไม่ปกป้องกูแบบไอ้นั่นบ้าง”

   “เพราะมึงไม่ใช่ขมิ้น และกูเกลียดมึง”

   เป็นคำพูดที่โคตรจะรุนแรงในความรู้สึก แต่มันตรงและดีที่สุดในการตัดปัญหา พี่ขิงมองหน้าพี่ไฮท์ด้วยแววตาตัดพ้อพร้อมปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอาบแก้ม

   “แล้วมึงจะเสียใจที่พูดออกมาแบบนี้”

   “กูไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่กูพูดและกูรู้สึก”

   พอพี่ไฮท์พูดจบ ดวงตาชุ่มน้ำก็ตวัดกลับมามองผมด้วยความวาวโรจน์ ก่อนที่ผมหรือใครจะพูดอะไรต่อ ก็มีวัตถุบางอย่างปลิวผ่านหน้าไปกระแทกเข้ากับกำแพง เสียงคล้ายกับแก้วแตกดังลั่นจนทุกคนพากันหาที่หลบ และผมก็ถูกพี่ไฮท์ที่พุ่งมาจับตัวตอนไหนไม่รู้ดึงให้ก้ม เพราะกลัวว่าจะมีอะไรถูกขว้างเข้ามาอีก

   “แล้วเจอกัน น้องรัก”

   ผมเงยหน้ามองพี่ชายตัวเองที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว สายตาพี่ขิงดูน่ากลัวจนผมต้องกระพริบตาถี่ ยิ่งรอยยิ้มมุมปากที่ยกให้ มันช่างดูไม่น่าไว้วางใจเลย หลังจากพูดจบ พี่ขิงก็เดินเข้าไปหารถมอเตอร์ไซค์ที่จอดรออยู่ ก่อนขึ้นซ้อนด้านหลัง รถนั่นที่ขี่ตามผมตอนออกจากบ้านนี่หว่า

   “ไอ้ขมิ้น รถคันนั้น” เจมส์สะกิดข้อศอกผมยิกๆ มันก็คงจำได้

   “อืม” ตอบโดยไม่มองหน้าเพื่อนตัวเอง

        เป็นแบบที่คิดไว้จริงๆ 





****



   “พี่จะจ้องหน้าผมทำไมเนี่ย” ถามไปหลายรอบ แต่พี่ไฮท์ก็ไม่มีคำตอบใดๆ แถมยังจ้องหนักกว่าเดิม และใกล้กว่าเดิม “พี่ไฮท์ จะสิงผมหรือไงเนี่ย” ยกมือดันหน้าที่แทบจะชิดกับหน้าตัวเองออก จนได้ยินเสียงฮึดฮัดพร้อมเจ้าตัวจะขยับไปนั่งตามเดิม

   “วันนี้ไปนอนบ้านกูไหม” คำชวนเรียบๆ แต่ก็ทำผมยิ้มออกมา

   “คิดไงถึงชวน” ทำตาล้อเลียนเลยถูกตีหน้าผากดังป๊าบ

   “กูเป็นห่วง”

   “ผมไม่เป็นอะไรหรอกน่า”

   “อย่าอวดเก่ง” ผมยิ้มประจบพี่ไฮท์ที่ดูเป็นห่วงผมจริงๆ ก็นะ เรื่องที่เกิดขึ้นกับผม มันเกิดติดๆ กัน ก็ต้องน่ากังวลเป็นธรรมดา “เอาไง”

   “ต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อน”

   “ปกติก็ใส่ของกู จะกลับไปเอาทำไม”

   “คนเราก็ต้องมีความเกรงใจเป็นธรรมดา”

   “มึงสะกดเป็นด้วยเหรอ คำว่าเกรงใจ”

   โอ้โห ความปากร้ายของพี่เขายังเสมอต้นเสมอปลาย แต่ถึงจะปากร้ายก็ใจดี แม้กับผม จะร้ายมากกว่าดีก็เถอะ กับคนอื่นพี่ไฮท์คือเทพบุตรสุดหล่อเชียวนะ ได้ยินคำชมนี้มากับหู

   หลังจากฟังคำด่า คำบ่นของพี่ไฮท์มาพอสมควร ก็ถึงเวลาขึ้นเรียน เจมส์ไปนอนอืดรออยู่ในห้องแล้ว นี่ก็โทรตามยิ่งกว่าเมียอีก แต่พอมาเรียนก็กลับไม่ได้เรียน ตาสองคู่ดูบอร์ดด้านหน้าก็จริง แต่หูได้ยินแต่คำบ่นของเจมส์อยู่ตลอด มันบ่นเรื่องของพี่ขิงตั้งแต่ผมโผล่หน้ามาให้เห็น สงสัยจะเก็บกดมาตั้งแต่เช้า เห็นว่าพี่ขิงพูดจาดีด้วยทั้งคาบ ฟังจนขนลุก ต้องออกไปขี้อยู่หลายรอบ พูดดีก็บ่น พูดร้ายก็ว่า อะไรของมัน เอาใจยากฉิบ

   “มึงจะเอาไงต่อ กูว่าพี่มึงไม่ธรรมดาแล้วว่ะ คบนักเลงด้วย”
 
   “ก็ต้องระวังตัวมากกว่าเดิม”

   “ในมหาลัยมันยังกล้ามาหาเรื่อง มึงต้องระวังตัวเองดีๆ นะเว้ย กูเป็นห่วง”

   “ขอบใจ มึงก็ด้วย”

   “มึงหนักกว่า กูเห็นไอ้ขิงมองมึงก่อนไปแล้วกลัวแทน โคตรเกรี้ยวกราด” เผลอหลุดขำออกมาหลังจากได้ยิน แต่คนพูดยังทำสีหน้าจริงจังจนผมต้องหยุดขำ “เรื่องนี้ไม่ตลกนะเว้ย กูซีเรียล”

   “ซีเรียสหรือเปล่าวะ ซีเรียลนั่นเอาไว้ใส่นมแล้วกินตอนเช้า”

   “ก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ”

   คราวนี้ผมหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินคำแถของเพื่อน อยากคิดว่าเป็นมุกนะ แต่สีหน้าจริงจังตอนพูด มันคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ก่อนเสียงกระแอมหน้าห้องจะดังเตือนว่าเรากำลังเรียนอยู่ ผมรีบยกมือขอโทษอาจารย์หน้าห้องแล้วหันกลับมาถลึงตาใส่เจมส์ มันยักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้ คนแบบนี้ก็มีครับ

   กว่าจะเลิกเรียนก็ค่ำ ผมรีบกลับบ้านเพื่อไปเก็บเสื้อผ้า ใส่ชุดของพี่ไฮท์มานานจนเจ้าของชุดบ่น เลยต้องมาเอาชุดนอนตัวเองบ้าง แต่พอมาถึง ทุกคนในบ้านต่างก็ดูกระวนกระวายแปลกๆ

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ลองถามป้าแม่บ้านที่เดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่เชิงบันได ป้าแกไม่ตอบเอาแต่ทำหน้าตาเป็นกังวล “ป้า...” ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลุงเจ้าของบ้านก็เดินลงมาจากด้านบนพร้อมกระเป๋าเดินทาง “ลุงจะไปไหนครับ”

   “ฉันมีธุระ จะไม่อยู่สักพักนะ” ลุงเจ้าของบ้านไม่ได้บอกผม เพราะสายตากำลังมองไปยังป้าแม่บ้าน แต่ก่อนจะเดินไป ลุงแกก็หันมามองผมพร้อมยื่นซองเอกสารมาให้สองซอง “เอกสารซองสีน้ำตาลเป็นสิ่งที่เธอสมควรรู้จะได้ระวังตัว ส่วนอีกซอง ฉันให้”
 
   “ครับ?”

   “กลับบ้านเธอไปซะ”

   พูดสั้นๆ แค่นั้นโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่ม ก่อนลุงเจ้าของบ้านจะรีบไปขึ้นรถ และไม่นานรถตู้ก็ออก ผมมองซองเอกสารสองซองในมือแบบงงๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากเพราะต้องรีบขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า ใช้เวลาไม่นานก็แบกเป้ลงมา ด้านล่างป้าแม่บ้านก็ยังคงอยู่

   “ป้ามีอะไรกับผมหรือเปล่า”

   “คุณก็จะออกไปไหนหรือคะ”

   “ผมแค่ไปนอนบ้านเพื่อน พอดีต้องทำรายงาน ป้ามีอะไรหรือเปล่า”

   ท่าทางของป้าดูแปลกๆ ไป เหมือนมีอะไรในใจ

   “ป้ามีอะไรจะให้ดูค่ะ”

   ผมเดินตามป้าแม่บ้านไปห้องครัว คนเดินนำหันซ้าย หันขวาก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมา ผมชะโงกหน้าไปดูตอนป้าบอก สิ่งที่เห็นคือรูปของพี่ขิงที่สวมชุดนักศึกษายืนคุยกับแม่หน้าบ้าน

        “นี่มัน”

   “พอดีป้าเห็นก็เลยแอบถ่ายไว้ค่ะ ท่าทางดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ พอคุยกันจบคุณหญิงก็ออกจากบ้าน แล้วคุณท่านก็กลับมาเก็บของ” 

   “แล้วป้าเอาให้ใครดูหรือยัง” พอป้าส่ายหน้าผมก็ถอนหายใจ ไม่ใช่อะไรนะครับ แค่เป็นห่วงป้ากลัวจะเป็นอันตรายหากมีคนรู้ “ป้าลบเลยก็ได้นะครับ มันดูไม่ปลอดภัย แล้วก็ ขอบคุณที่บอกผม”

   “ป้าแค่เป็นห่วงคุณ แล้วตอนนี้คุณท่านก็ไม่อยู่ด้วย”

   “ลุงเจ้าของบ้านไปไหนหรือครับ เกิดอะไรขึ้น”

   “ดูเหมือนจะถูกข่มขู่ค่ะ แต่ป้าก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก”

   ได้ยินปุ๊บ คิ้วผมก็ขมวดปั๊บ ลุงเจ้าของบ้านมีอำนาจ มีมือปืน แล้วใครมันกล้าข่มขู่วะ หรือจะมีใครใหญ่กว่านี้   

   “ป้าดูแลตัวเองดีๆ นะครับ บางเรื่องเห็นหรือรู้อะไรก็เงียบๆ ไว้ ผมว่า เรื่องนี้มันอันตราย”

   “ค่ะ คุณก็ต้องระวังตัวนะคะ”

   ผมยกมือไหว้ป้าแม่บ้านที่ดูจะรักผมมากกว่าแม่ซะอีก พอออกจากบ้านมาผมก็ตรงไปยังคลินิกพ่อพี่ไฮท์ ซึ่งตอนนี้อยู่ตรงหน้าไม่ถึงห้าสิบเมตร แต่จู่ๆ ก็มีรถกระบะยกสูงวิ่งเข้ามาปาดหน้าจนรถผมแทบเสียหลัก ดีที่ผมมีสติพอเลยเบรกไว้ได้ทัน ตอนแรกคิดว่าพวกขับรถกวนโมโห แต่พอคนนั่งข้างชะโงกหน้าออกมามองพร้อมรอยยิ้ม รู้ได้ทันทีว่าจงใจทำให้ผมรถล้ม คนโผล่หน้ามาจำได้ว่ามันคือคนที่ยกปืนเล็งตัวเงินตัวทองในสวนวันนั้น และก่อนที่รถจะขับออกไป มันโบกมือให้ผมส่งท้ายด้วย


   ผมไปฆ่าพ่อ ฆ่าแม่มันมาหรือเปล่าถึงตามกันขนาดนี้ ถ้าหนักกว่าผมคงต้องแจ้งความแล้วล่ะ


   วันนี้คลินิกปิดเร็ว พอผมมาถึงทุกคนก็กำลังช่วยกันปิดประตูด้านหน้าแล้ว พอหันมาเห็นผมต่างก็ส่งยิ้มมาให้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ตีหน้าบึ้งใส่ ถ้าให้ผมเดาคงจะโมโหที่ผมมาช้า และที่เดาแบบนี้ก็เพราะแรงสั่นรัวในกระเป๋ากางเกงเป็นมาตั้งแต่ออกจากหน้าบ้านไม่ถึงห้าสิบเมตรแล้ว ถ้าไม่เสียเวลาเรื่องที่บ้านนั่น ผมก็คงมาทันตอนคลินิกยังเปิดอยู่

   “กว่าจะมาถึงนะเรา” คุณหมอพ่อพี่ไฮท์ทักหลังจากลากป้ายคลินิกเก็บไว้ข้างร้าน “คนแถวนี้เป็นห่วงจนหมาแมวกลัวไปหมด” พูดจบก็มีเสียงหัวเราะจากพี่ๆ ผู้ช่วยพร้อมกับผม แต่คนถูกพาดพิงส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจ “ไปๆ กลับกัน”

   “อ่าว” ผมร้องออกมาเมื่อถูกแย่งกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ และคนแย่งก็เดินสะบัดตูดไปควบรถรอแล้ว “พี่ไฮท์เขาเป็นอะไรเหรอครับ หรือโกรธที่ผมมาช้า”

   “ไม่ได้โกรธหรอก แค่งอน”

   “งอน?”

   ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม คุณหมอเดินหัวเราะไปที่รถของตัวเอง ปล่อยให้ผมมองตามตาปริบๆ หากไม่ถูกคนงอนตะโกนเรียกก็คงยืนอยู่ตรงนั้นอีกหลายนาที

   ทันทีที่รถออกตัว ผมก็แทบหงายหลัง พี่ไฮท์แกล้งยกล้อหน้าจนผมต้องรีบคว้าเอวเขาไว้ แม่งแกล้งผมชัดๆ แถมยังมีหน้าหัวเราะอีก

   “พี่ทำอะไรของพี่วะ” ถามทั้งที่หน้ายังแนบหลังกว้าง

   “ยกล้อไง หรือมึงเห็นกูซักผ้า” เป็นคำตอบที่กวนอวัยวะเบื้องล่างมากที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวตก พี่ไฮท์บิดเร่งความเร็วปาดซ้ายปาดขวาจนผมต้องหลับตาอยู่ตลอด เพิ่งรู้ว่าขี่แบบนี้มันน่ากลัวสำหรับคนซ้อน ต่อไปผมจะไม่ขี่ปาดใครแล้ว “ทำไมมึงมาถึงช้า กูโทรไปก็ไม่รับ” เสียงที่โต้ลมเข้าหูทุกคำ แต่ผมไม่ได้ตอบไป “ไอ้ขมิ้น กูถาม”

   “จะให้ตอบยังไง ลมตีปากผมเนี่ย”

   ถ้าใครเคยดูคลิปที่ลมตีปากแล้วมันกระพือได้ ตอนนี้ปากของผมก็เป็นแบบนั้นเลย เห็นผ่านกระจกยังอดขำตัวเองไม่ได้ จนความเร็วของรถค่อยๆ ชะลอผมถึงขยับมานั่งตัวตรงหลังจากกอดเอวพี่ไฮท์แน่นมาตลอดทาง

   “หนาวว่ะ” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินพี่ไฮท์พูด มันหนาวตรงไหนวะ ร้อนจนเหงื่อไหลเป็นน้ำตกขนาดนี้

   “พี่ไม่สบายเหรอ” ยื่นหน้าผ่านไหล่ไปถาม

   “เปล่า”

   “ก็พี่บอกว่าหนาว”

   “ที่กูหนาวเพราะมึงปล่อยมือจากเอวกู”

   “พี่ว่าอะไรนะ”

        ไม่รู้เพราะลมมันตีปากพี่ไฮท์กระเพื่อมหรือเพราะหูผมฝาดถึงได้ยินประโยคแบบนั้น และคราวนี้ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากมือผมถูกดึงให้ไปกอดที่เอวตามเดิม

   “จบนะ”

   “อืม”

   เขาว่ากันว่า คำพูดไม่สำคัญเท่าการกระทำ ผมว่าจริง โดยเฉพาะกับพี่ไฮท์ด้วยแล้ว ปากเสียก็ที่หนึ่ง กวนโมโหก็ที่สอง แต่การกระทำทุกอย่างมันชัดเจน โดยเฉพาะสิ่งที่กำลังเต้นเร็วภายใต้ฝ่ามือของผม

   “รู้สึกไหม?”

   คำถามจากพี่ไฮท์ทำให้ผมเลิกสนใจกลิ่นน้ำหอมอ่อนที่ติดจมูก

   “รู้สึก”

   “รู้สึกว่า?”

   “นมพี่แน่นมาก”

   “ไอ้เหี้ยขมิ้น”

   “ล้อเล่น หัวใจของพี่เต้นโคตรแรง”

   “ถ้าไม่เต้น กูก็ตายสิวะ” ก็จริงของพี่ไฮท์ “แต่ที่มันเต้นแรงก็เพราะมึง”

   เจอประโยคแบบนี้ผมควรทำยังไงดีครับ ควรเขินไหม หรือทำเป็นไม่ได้ยินดี แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน หัวใจผมก็เต้นแรงเหมือนเดิมและดูจะมากขึ้นซะด้วยซ้ำ
   



****


   “อาว่า ขมิ้นกลับไปอยู่กับพ่อเถอะ จากที่ฟังมา เรื่องมันชักจะบานปลายจนน่ากลัวนะ” คุณหมอตีหน้าเครียดบอกผม หลังจากพี่ไฮท์ให้ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง คราแรกผมไม่อยากเอาเรื่องพวกนี้มารบกวน แต่ถูกคะยั้นคะยอแถมบอกว่ามีผู้ใหญ่รับรู้จะปลอดภัยและดีกว่า ผมก็เลยตกลง

   “ผมก็บอกมันแบบนั้นแหละ” พี่ไฮท์รีบเสริมขึ้นมา หลังจากเมื่อคืนบ่นเรื่องที่ผมถูกรถปาดหน้าจนไม่ได้หลับได้นอน ขนาดหลับแล้วยังละเมอบ่น โคตรนับถือ “มึงน่ะ อย่าเอาแต่ห่วงคนอื่น เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน”

   “ถูก”

   “หรือไม่ก็แจ้งความไปเลย”

   “ใช่”

   “พ่อ”

   “ว่าไง?”

   ผมมองพ่อลูกที่พูดสลับกันไปมาด้วยความขำ หน้าตาว่าคล้าย นิสัยยิ่งคล้าย ไม่เหมือนผมกับพ่อ มีแต่คนบอกไม่เหมือนกันสักนิด ทุกคนมักจะบอกผมหล่อกว่าพ่อตั้งเยอะ

   “แล้วนี่พ่อมึงรู้เรื่องชั่วๆ ของไอ้ขิงไหม”

   “ผมไม่ได้บอก กลัวพ่อโวยวายแล้วเรื่องมันจะใหญ่กว่านี้” พ่อผมเป็นพวกไม่ค่อยยอมคน กลัวใจหากรู้เรื่องจะเข้ามาเอาเรื่องทุกคน “อีกอย่าง ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้าน”

   “เมื่อไหร่” คำถามนี้แทรกเข้ามาแทบจะทันทีที่พูดจบ

   “ก็เร็วๆ นี้แหละ ส่วนเรื่องเรียนผมก็คงปล่อยเลยตามเลย พี่ขิงจะมาเรียนหรือไม่มาก็อนาคตของเขา”

   “แล้วอนาคตของมึงล่ะ จะเป็นไงต่อ”

   “ก็...”

   “กลัวไม่ได้เจอหน้าเขาก็พูดไปตรงๆ อ้อมไปอ้อมมาทำไมนะคนเรา”

   ผมยังไม่ทันได้พูด คุณหมอก็แทรกขึ้นมา ทำเอาลูกชายที่กำลังจะจิ้มไข่ต้ม จิ้มพลาดจนไข่กระเด็นตกข้างจาน หน้าพี่ไฮท์ตอนนี้โคตรเหวอ ไม่รู้ที่หูแดงเพราะเขินเรื่องที่พ่อตัวเองพูดหรือเพราะจิ้มไข่ต้มพลาดก็ไม่รู้

   “ผมต้องมาหาปุยเมฆอยู่แล้ว ไม่หายหน้าไปไหนหรอก”

   “งั้นมึงก็นั่งกินข้าวกับหมาเลยไป”

   “อ่าวไอ้นี่ ด่าพ่อมึงเป็นหมาเหรอ”

   แล้วผมกับพี่ไฮท์มองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนที่พวกเราหลุดหัวเราะออกมาเพราะเข้าใจความหมายของคุณหมอ ผมว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังใหญ่ หรืออาหารราคาแพงๆ แต่มันอยู่ที่คนข้างๆ มากกว่า ต่อให้มีเงินนับแสนล้านก็ซื้อความสุขที่แท้จริงไม่ได้


   พ่อ...รอไอ้ขมิ้นอีกหน่อย ผมกำลังจะกลับไปหาแล้วนะ



...TBC

ขิงจะร้ายได้มากกว่านี้อีกไหมมมม ทำไมนิสัยเสียแบบนี้ (ด่าแทนทุกคน) ตอนนี้อาจหลากหลายในอารมณ์ไปสักหน่อย (ที่จริงก็เป็นทุกตอน) ต้องกราบขออภัยด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกๆ คนที่สนใจและชอบทั้งพี่ไฮท์แล้วก็น้องขมิ้น ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ยังไงแล้วก็จะพยายามพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อให้มันดีมากขึ้น ขอบพระคุณค่ะ (กราบแทบอก)

ปล. อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วเด้อจ้าพี่ๆ จ๋าาา
ปลในปล. ความหวานของคู่แป้งเด็กมีแน่นอนค่า จะมีทั้งเสี่ยวและเลี่ยนแน่นอนค่ะ ฮิ้ววว

....
 
และวันนี้ก็ใกล้ปีใหม่ไทยแล้ว ขออวยพรล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ทุกคนมีความสุขกับปีใหม่ไทย ขอให้ร่ำรวยเงินทองและความสุขค่า ใครเดินทางต่างจังหวัดขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ง่วงไม่ขับนะคะ สวัสดีวันสงกรานค่าาา >w<
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-04-2018 22:09:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

อีขิง  เป็นเป็นนกน้อยในกรงทองของผู้มีอิทธิพลคนไหน?

แถมสงสัยผู้มีอิทธิพลคนนั้น คงคิดจะเอาขมิ้นไปใส่กรงทองด้วย

ป.ล.  มโน ล้วน ๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-04-2018 22:24:01
เรากังวลว่าจะมีใครไปทำอะไรคุณพ่อ ขนาดคุณอารวยๆขนาดนั้นยังโดนขู่  :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-04-2018 22:28:50
ความเลวของขิงได้แต่ใดมา  :katai1: ไม่ใช่ว่าจะฆ่าน้องแล้วไปสวมรอยแทนนะแต่คนเลวๆอย่างขิงแสร้งเป็นคนดีได้ไม่นานหรอก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 10-04-2018 22:55:26
โหไอ้ขิง เกินไปไหม คนอื่นต้องมารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แถมเขามาเป็นธุระให้ ยังจะมีหน้ามาทำร้าย มาแสดงกิริยาต้ำๆใส่อีก ไม่ว่าแกจะมีเหตุผลอะไรบอกไว้เลยว่าไม่สงสาร นังคุณแม่ด้วย ลากเข้าคุกให้หมด
อินมาก หัวร้อนนน
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-04-2018 01:31:53
ขิงนี่แบบ เลวอ่ะ กับน้องตัวเองยังทำขนาดนี้เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-04-2018 02:03:21
 :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-04-2018 02:38:20
ขมิ้นไม่ได้กลับไปหาพ่อแน่ เรื่องวุ่นกำลังเกิด
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 11-04-2018 10:19:04
แม่กับขิงนี่แปลกๆนะ  ยังไงขมิ้นก็ไม่ปลอดภัยน่าจะแจ้งความไว้หน่อย
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 11-04-2018 11:50:56
ขิงถึงขั้นปลอมเป็นน้อง ... เลวจริง ๆ
เอาน้ำร้อนราด สาดลงท่อน้ำเสีย กทม. เหอะ

ส่วนขมิ้น ... กลับไปอยู่กับพ่อ ดีแล้ว
ระหว่างนี้ อยู่ใกล้พี่ไฮน์เข้าไว้นะ (ฮียินดีแน่นอน เชื่อป้าเหอะ)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-04-2018 12:22:40
ขนาดพ่อเลี้ยงยังต้องหนี แล้วขมิ้นอยู่รออะไร

ทำไมขิงต้องทำน้องถึงขนาดนี้ แม่ก็ด้วย ไม่เข้าใจเลย
คือไม่รัก ไม่เลี้ยงดูไม่ว่า แต่ถ้าแม่เป็นใจก็ไม่ไหวนะ
ไฮท์คือดี ห่วงมาก รักมากแต่ไม่แสดงออก
ขมิ้นโชคดี อย่างน้อยก็ยังเจอคนดี มีคนห่วงใย

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-04-2018 13:01:52
เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้วเนี่ย
ขิงกับแม่ ทำอะไรไว้ ขมิ้นหนีด่วนเลยลูก ไม่ต้องรงต้องรอแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 19] [P.7] // {10/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 11-04-2018 13:56:45
ขิงเลวขนาดนี้ก็โอเคล่ะ จะได้จบๆ ถ้าเลวครึ่งดีครึ่งอาจจะยาก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 20-04-2018 21:32:57

-20-




       “มองซ้ายมองขวาดีๆ มีอะไรไม่ชอบมาพากลขี่กลับเข้ามาเลยเข้าใจไหม” พี่ไฮท์เท้าเอวทำหน้าเครียดบอก ในขณะที่ผมจะออกตัวอยู่หลายรอบ พี่แกก็พูดขึ้นมาอีก นับได้ก็หลายนาทีอยู่ แดดก็ร้อนด้วย หน้าตึกเนี่ย “มีอะไรก็โทรหากูเลยเข้าใจไหม”

   “เข้าใจครับ ผมไปได้หรือยัง”

   “กดเบอร์กูรอไว้เลยก็ดี เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้โทรออกได้เลย”

   “พี่ไฮท์เว้ย ผมแค่ไปซื้อของหน้ามหาลัยนี่เอง ไม่ได้ออกไปต่างจังหวัด” สั่งซะยืดยาว ทำอย่างผมจะไปออกรบ

   “ก็กูเป็น...”

   “เป็นอะไร เป็นห่วงล่ะสิ”

   “เออ เป็นห่วง”

   ผมยิ้มก่อนยื่นหมัดไปชกหน้าอกแน่นของพี่ไฮท์เบาๆ

   “จะรีบไปรีบกลับ ใครเข้าใกล้เดี๋ยวผมเตะคว่ำให้หมด พอใจหรือยัง”

   “ให้มันได้อย่างที่พูด”

   “พี่กลับเข้าไปทำงานเถอะ เดี๋ยวส่งไม่ทันเย็นนี้นะ”

   “เออ ดูแลตัวเองด้วย”

   “ครับๆ”

   ที่จริงวันนี้ผมมีเรียนเช้า แต่อาจารย์ยกเลิกคลาสไปซะนี่ แล้วเจมส์ก็ดันท้องเสีย เข้าออกห้องน้ำบ่อยจนพี่บิ๊กทนไม่ได้ต้องพาไปส่งห้องพยาบาล ส่วนผมอาสาออกไปซื้อเกลือแร่ให้ เมื่อคนอยู่ห้องพยาบาลโทรมาขอเพราะของหมด และกว่าผมจะขี่รถออกมาได้ ก็อย่างที่เห็นกัน นี่หากพี่ไฮท์ไม่รีบทำรายงานละก็ คงตามผมมาด้วยแล้ว

   จากตึกคณะมาหน้ามหาวิทยาลัยไม่ค่อยไกลมาก ผมจอดรถไว้หน้าร้านก่อนรีบเข้าไปซื้อเกลือแร่ในร้านขายยา เคยดูรายการสุขภาพอะไรสักอย่าง คุณหมอแนะนำว่าท้องเสียอย่าทานยาฆ่าเชื้อ ให้ทายเกลือแร่ ดังนั้นผมก็เหมาเกลือแร่มาอย่างเยอะจนพี่เภสัชกรขำ     

   ได้ของที่ต้องการเสร็จผมก็ควบมอเตอร์ไซค์ตัวเองก่อนพุ่งกลับคณะ มันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากหางตาผมไม่เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง

   “คนโดนรุมเหรอวะ?”

   กลุ่มคนประมาณสี่ถึงห้าคนกำลังรุมทำร้ายนักศึกษาอยู่ใต้ต้นไม้ในมุมลับตา ตอนแรกผมก็ไม่อยากยุ่ง แต่มือดันเลี้ยวรถไปตามทางนั่นแล้ว ใกล้ถึงผมก็บีบแตรลั่นจนพวกที่กำลังรุมกระทืบสะดุ้งตกใจแล้วรีบควบมอเตอร์ไซค์หนีไป จะว่าโชคดีก็ใช่ที่พวกนั้นไม่หันมามอง เกิดเห็นว่าผมว่าคนเดียว อาจโดนลูกหลงถูกกระทืบไปด้วยอีกคน เสียงไอโขลกๆ ของคนโดนกระทืบทำให้ผม รีบจอดมอเตอร์ไซค์แล้วลงไปดู ใบหน้าขาวมีรอยแดงเด่นชัด ที่จมูก ปากและหางคิ้วมีเลือดออก

   “เป็นอะไรมากไหมครับ” ผมประคองคนเจ็บให้ลุกขึ้นนั่ง

   “เจ็บสิถามได้” หากผมเป็นคนใจร้อน คงผลักคนเจ็บให้นอนตามเดิม เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น “มึง?”

   “ไปห้องพยาบาลเถอะพี่นาว” นั่นละครับคนที่ผมเจอ สภาพเละไม่เป็นท่าด้วย เมื่อกี้เห็นโดนเตะอัดเข้าท้องหลายที ไม่รู้เครื่องในพังไปหรือยัง

   “ช่วยกูทำไม ทั้งที่มึงสั่งพวกมันมา” พูดจบพี่นาวก็ไอแห้งออกมา ดูท่าจะเจ็บหนัก

   “ผมเนี่ยนะสั่ง จะบ้าเหรอ” รีบปฏิเสธ อยู่ๆ ก็ถูกใส่ร้ายเฉย “ไปห้องพยาบาล...”

   “อย่ามายุ่งกับกู” พี่นาวสะบัดแขนพร้อมพยายามจะลุกขึ้นเอง แต่ก็ล้มลงมานั่งอีก “แม่งเอ๊ย”

   “ขาพี่อาจจะหักนะ ไปห้องพยาบาลกัน” โดนสะบัดอีกรอบ คราวนี้ผมเริ่มทนไม่ไหวเลยลุกขึ้นยืนเท้าเอว “อย่าเรื่องมากได้ไหม เจ็บจะตายอยู่แล้วยังท่ามากอีก หรืออยากตายตรงนี้” ความเหลืออดของผมทำเอาคนเจ็บเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ “จะไปดีๆ หรือจะให้ลากไป ไม่ได้ใจดีเหมือนหน้าตานะ แล้วก็ไม่ได้ใจเย็นเหมือนพัดลมไอน้ำด้วย”

   “มึง...มึงไม่ใช่ไอ้ขิงที่กูรู้จัก” พี่นาวขมวดคิ้วจ้องหน้าผมเหมือนไม่เคยรู้จัก

   “เออ ไม่ใช่ พอใจหรือยัง” ความล้งความลับไม่ต้องมีแล้ว ผมจะไม่อยู่แล้ว ไม่แคร์แล้วด้วย “จะไปไหมห้องพยาบาลเนี่ย”

   “มึงไม่ใช่ไอ้ขิง แล้วมึงเป็นใคร” เจ็บจนอ้าปากพูดแทบไม่ได้ ยังอยากรู้เรื่องอีก “ฝาแฝด?”

   “เออ” ตอบแบบห้วนๆ

   “งั้นที่ผ่านมา มึงก็ไม่ใช่ไอ้ขิง?”

   “เออ เมียของพี่ ไม่ใช่ผม โอเคยัง รู้เรื่องนะ”

   พี่นาวพยักหน้าช้าๆ แต่ก็ยังดูมึน ผมเข้าประคองให้ลุกขึ้นยืน คราวนี้ไม่ได้ขัดขืนอะไรนอกจากยื่นหน้ามาซะแทบติดกับหน้าผม

   “โคตรเหมือน”

   “ใกล้กว่านี้พี่ก็สิงผมเลย” พูดจบคนเจ็บก็หัวเราะออกมา ก่อนจะซี๊ดปากเพราะความเจ็บ “แล้วนี่พี่ไปเหยียบตีนใครเข้าล่ะ เขาถึงส่งคนมากระทืบน่ะ” ระหว่างพาพี่นาวไปที่มอเตอร์ไซค์ก็อดที่จะถามไม่ได้

   “ไอ้ขิงส่งมา” คำตอบนั่นทำให้ผมแทบโยนพี่นาวลงพื้น แต่ยังดีที่พอมีสติเหลืออยู่ “ก็ไม่เชิงไอ้ขิงหรอก”

   “อ่าว สรุปพี่ขิงหรือไม่ใช่”

   “มันก็เกี่ยวกับไอ้ขิงนั่นแหละ” ตีหน้างงใส่ พี่นาวพิงเบาะรถผม ในขณะที่ผมเดินย้อนไปเก็บของคนโดนกระทืบที่กระจายอยู่บนพื้นหญ้า “เสี่ยส่งคนมาเพราะไอ้ขิงบอกว่ากูไปยุ่งกับมัน”

   “เสี่ย? เสี่ยไหนวะ แล้วพี่ไปยุ่งกับพี่ขิงอีกเหรอ” อยากรู้ก็อยากรู้ ของก็ต้องหา แม่งบอกให้หามือถือแต่ตกอยู่ไหนไม่รู้
 
   “กูไปเจอมันที่บ่อนก็เลยทักทาย ไม่คิดว่ามันจะไปบอกให้ผัวเสี่ยมันส่งคนมากระทืบ แม่ง เจ็บฉิบหาย” อยากตอบว่าสมควรแต่ก็ยั้งปากไว้ “ขอบใจที่ช่วยกู”

   “หมาผมยังช่วยเลย สบาย” ตอบแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ได้ยินพี่นาวขำในลำคอออกมา “ครบละ ไปห้องพยาบาลกัน” ผมขึ้นควบมอเตอร์ไซค์ตัวเองโดยมีคนเจ็บซ้อนด้านหลัง พยายามออกตัวช้าๆ จะไม่ได้กระทบกระเทือนคนเจ็บ “ผมไม่ได้ขี่ไว พี่ไม่ต้องรัดเอวผมก็ได้” รัดซะแน่น

   “กันเหนียวไว้ก่อน เผื่อมึงเทกู” พูดอย่างกับผมใจร้าย ในเมื่อแกะมือไม่ออกก็ปล่อยให้กอดไป

   “ผมถามอะไรหน่อย” ระหว่างทางก็เกิดคำถามในใจจนต้องถามออกมา “พี่พาพี่ขิงเข้าบ่อนทำไม ทำให้พี่ทำติดการพนันทำไม”

   “พาไปจริง แต่มันเล่นของมันเอง กูไม่รู้เรื่อง มารู้อีกทีก็ตอนมันติดหนี้บอล”

   “โกหกหรือเปล่า”

   “กูโกหกแล้วได้มึงเป็นเมียหรือเปล่าละ”

   “พี่ใช้หัวแม่ตีนคิดหรือเปล่า”

   “ปากมึงนี่ไม่ต่างจากพี่มึงเลยนะ” แล้วพี่นาวมันก็หัวเราะออกมา “ตอนมันอยู่กับกูโคตรน่ารักเลย อ้อนจะเอานั่นเอานี่ ใช้กูทุกอย่าง กางเกงในมันกูก็ซักให้ แต่ดูมันตอบแทนกู”

   “พี่รักพี่ขิงจริงๆ เหรอ หรือแค่ว่าอยากได้”

   “กูก็คนนะ หัวใจก็มี”

   “คมว่ะ”

   “หึ ไอ้ขิงมันชอบไอ้ไฮท์กูก็รู้” คำพูดพี่นาวทำเอาผมเหยียบเบรกกะทันหัน คนรู้เลยเอาคางพุ่งมาชนไหล่เสียงดังกึ๊ก กรามเบี้ยวไหมนั่น “มึงขี่ดีๆ สิวะ แม่ง”

   “โทษทีๆ ก็ผมตกใจ” รู้ด้วยว่าพี่ขิงชอบพี่ไฮท์ “รู้แล้วทำไมถึงคบล่ะ”

   “ก็มันน่ารัก อ้อนเก่ง ตอนแรกกูก็กะเอาเล่นๆ พออยู่กับมันไป ก็ชอบมันขึ้นมาจริงๆ” อยากจะหันไปมองหน้าคนพูดมาก อยากเห็นตอนพี่นาวเล่าถึงความรัก เพราะคงจะยิ้มมีความสุข “พอมันติดบอล นิสัยก็เปลี่ยน ก้าวร้าว ด่าแม้กระทั่งกูตด”

   “ถ้าเหม็นผมก็ด่าว่ะ”

   “มึงนี่นะ...พี่มึงมันติดหนี้บอลเยอะ แถมยอมเอาตัวเอาแลกเพื่อลดหนี้ กูโคตรช็อค”

   “พี่เลยมาหาเรื่องผมล่ะสิ”

   “ก็กูคิดว่ามึงเป็นไอ้ขิง กูก็แค้นบ้างอะไรบ้างสิวะ”

   “แล้วตอนนี้พี่จะเอายังไงต่อล่ะ”

   “ก็ไม่เอายังไง มันขู่ไม่ให้กูยุ่ง กูก็ไม่ยุ่ง หาเมียใหม่ก็จบ” พยักหน้าให้กับสิ่งที่ได้ยิน เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับที่คิดได้แบบนี้ “มึงอยากเป็นเมียกูหรือเปล่า กูรวยกว่าไอ้ไฮท์นะ” อันนี้ไม่ถูกต้องแล้วว่ะ

   “รวยหนี้เหรอ ไม่เอาหรอก” แกล้งพูดขำๆ ที่จริงอยากจะบอกว่า ถ้าไม่ใช่พี่ไฮท์ผมก็ไม่เอาใคร แต่ก็ดูไม่ค่อยดี “พี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ”

   “อ่าว แล้วเห็นกูเลวเหรอ”

   “พี่พูดเองนะ ผมไม่ได้พูด”

   รถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวผ่านโค้งตึก สายตาก็เห็นใครบางคนยืนกอดอกพิงเสาอยู่ พี่ไฮท์ชะเง้อคอมองมาเห็นผมก็ขยับยืนตรง แต่พอเห็นบางอย่างที่มันผิดปกติไปจากเดิม หน้าขาวๆ ก็ติดบึ้ง

   “พี่มารอนานแล้วเหรอ” ตอนอยู่ในร้านขายยา พี่ไฮท์ส่งข้อความมาบอก ว่าจะรออยู่หน้าตึกพยาบาลและก็เจอจริงๆ “พี่นาวลงสิ”

   “เออ” คนซ้อนหลังผมค่อยๆ ลงรถอย่างยากลำบาก ขาที่โดนเหยียบคงร้าวน่าดู

   “มันมาด้วยได้ยังไง” พี่ไฮท์ไม่มองหน้าพี่นาวเลย ขายาวปรี่เข้ามาคว้าแขนผมจนรถที่กำลังจะตั้งขาตั้งแทบล้ม “ขมิ้น!” ขึ้นเสียงด้วยว่ะ

   “ผมเจอพี่เขาถูกซ้อมที่หน้ามอ ก็เลยพามาห้องพยาบาล” คราวนี้พี่ไฮท์ยอมหันไปมองคนเจ็บ “พี่พาพี่นาวไปห้องพยาบาลหน่อยสิ”

   “ทำไมต้องกู”

   “งั้นเดี๋ยวผมพาไปก็ได้”

   “กูพาไปเอง” พอพูดจบก็เดินไปดึงแขนพี่นาวให้เดินตาม แต่คนเจ็บร้องโอดโอยพี่ไฮท์เลยผ่อนแรงจับลง “สำออยนะมึง”

   “มึงลองมาโดนดูไหมละ”

   ผมเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้คนเจ็บกับคนประคองเดินนำหน้าไป มีปากเสียงกันบ้างแต่ก็ดูสมน้ำสมเนื้อดี พอไปถึงห้อง ผมก็ปลีกตัวไปหาเจมส์ มันนอนหลับอยู่บนเตียง มีพี่บิ๊กนั่งเฝ้าไม่ห่าง

   “เป็นไงบ้างพี่” ยื่นเกลือแร่ไปให้ พี่บิ๊กมองผมครู่เดียวก่อนก้มไปมองเจมส์ “หนักเหรอ”

   “อืม ถ้าไม่ไหวคงต้องไปโรงพยาบาล”

   ไม่รู้ไปกินอะไรมา แต่ผมเห็นข่าวอยู่ว่าช่วงนี้คนอาหารเป็นพิษเยอะ บางคนหนักถึงขั้นช็อกก็มี ยืนมองเพื่อนได้ไม่นาน พี่ไฮท์ก็เดินเข้ามาหา ผมก็ชะเง้อคอมองหาอีกคนเลยถูกดีดหน้าผาก

   “มันทำแผลนู้น”

   “อ่อ”

   “ใจดีนักนะมึง”

   “ขนาดหมาผมยังช่วยเลย พี่ก็รู้”

   พี่ไฮท์พยักหน้ารับเอื่อยๆ แต่แอบเห็นหรอกว่ายิ้มน่ะ

   ผมกับพี่ไฮท์อยู่ห้องพยาบาลอีกไม่นานก็ออกมา เพราะรายงานพี่ไฮท์ยังทำไม่เสร็จ แต่ที่มารอผมที่นี่ก็เพราะเป็นห่วง โคตรซึ้งใจจริงๆ





   “พี่โกรธเหรอ” ถามขณะเดินขึ้นตึก พี่ไฮท์ขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีผมซ้อนท้ายมาจอดหน้าตึกคณะ ตอนแรกที่ขึ้นรถ พี่ไฮท์ถอดช็อปตัวเองมาเช็ดเบาะรถทั้งที่มันไม่ได้เปื้อนอะไรเลย “พี่ไฮท์”

   “ไม่ได้โกรธ” เสียงโคตรนิ่งแบบนี้ไม่ได้โกรธแน่เหรอวะ ก่อนจะหยุดเดินจนผมแทบชน “ต่อไปอย่าแกว่งตีนหาเสี้ยนอีก เกิดพวกที่กระทืบไอ้นาวมันลากมึงเข้าไปด้วยจะทำยังไง ใช้สมองคิดบ้าง”

   “ก็ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออก ผมขอโทษ ผมโง่เอง”

   “ยอมรับก็ดี”

   “ยิ้มหน่อยสิ”

   พี่ไฮท์ไม่ยอมมองหน้าผมสักนิด แม้ผมจะพยายามเรียงร้องความสนใจยังไงก็ไม่คิดจะมอง หางตาก็ไม่แล ผมเลยตัดสินใจเดินขึ้นหน้าแล้วหันหน้ามาประชัน

   “ทำอะไรของมึง” คงเพราะผมกำลังเดินถอยหลังอยู่

   “ก็พี่ไม่มองหน้าผม” ทำไมผมเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นวะ “พี่ไม่ได้โกรธแล้วทำไมไม่มองหน้าผมล่ะ”

   “เบื่อหน้ามึง”

   “จริงเหรอ เบื่อหน้าผมจริงดิ่”

        คนบอกว่าเบื่อหันหน้าไปทางอื่นพร้อมอมยิ้ม ก่อนจะปั้นหน้านิ่งหันกลับมาอีกรอบ 

   “เออ เบื่อโคตร เจอแม่งทุกวัน”

   “เหรอ” พี่ไฮท์ไม่ตอบ แต่กลับก้าวขายาวขึ้น ในขณะที่ผมต้องถอยหลังเร็วขึ้นเพื่อให้ทันจังหวะการเดิน “ตอนเห็นพี่นาวซ้อนผม พี่ไม่รู้สึกอะไรเหรอ” อยู่ๆ ก็อยากถาม พี่ไฮท์เลิกคิ้วมองไม่ได้ตอบอะไรออกมา “ไม่รู้สึกหวงเหมือนหวงของเล่นเหรอ”

   “ไม่”

        สั้นแต่ได้ใจความสุด

   “โห”

   “หวงมึงไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ทำไมผมรู้สึกใจแป้ววะ ขาที่เดินถอยหลังก็ชักก้าวไม่ค่อยออก “เพราะยังไงซะ มึงก็ไม่สนใจคนอื่นนอกจากกูอยู่แล้ว กูเลยไม่จำเป็นต้องหวง”

   “ผมต้องเขินใช่ป่ะ” พูดไปงั้น แต่เขินไปแล้ว หน้าร้อนมากตอนนี้

   “หรือกูพูดไม่จริง?”

   “ก็ตามนั้น”

   “อีกอย่าง ไอ้นาวก็ไม่ใช่คนที่จะทำให้มึงหวั่นไหว”

   “จะบอกว่า พี่ทำให้ผมหวั่นไหวได้คนเดียวงั้นสิ?”

   “ทำนองนั้น”

   “โคตรมั่นใจว่ะ”

   “แน่นอน”

   ผมขอเกลียดท่าทางมั่นใจของพี่ไฮท์ได้ไหม

   “แล้วถ้าเกิดมีคนทำให้ผมหวั่นไหวอีกล่ะ พี่จะทำไง”

   พี่ไฮท์ไม่ตอบ แต่สายตาที่ตวัดมองดูดุจนผมลอบกลืนน้ำลาย

   “มึง...”

   “หืม? โอ๊ย เจ็บ”

   เสียงหัวเราะของพี่ไฮท์ไม่ได้น่าสนใจเท่าสภาพหัวของผม มัวแต่เดินถอยหลังไม่ระวัง หัวเลยโขกเข้ากับเสาตึกอย่างแรงจนมึน เห็นดาวลูกไก่ด้วยนะเมื่อกี้ ผมย่อตัวนั่งลงกับพื้น มือยกกุมหัวด้านหลังตัวเองไว้แน่น ไม่รู้จะปูดหรือเปล่า

   “ไหนดูหน่อย” พี่ไฮท์พยายามจะยกมือผมออก แต่ผมก็ปัดมือนั่นทิ้ง มันปวดจนน้ำตาแทบไหล “อย่าดื้อ กูดูหน่อย หัวแตกหรือเปล่า”

   “พี่ทำไมไม่บอกว่าข้างหลังผมเป็นเสา” ช้อนตาขึ้นมองด้วยความขุ่นเคือง

   “จะเตือนแล้วแต่ไม่ทัน ไหนดูหน่อย” มือผมถูกดึงออกจนได้ พี่ไฮท์คลำบริเวณที่ชนเบาๆ ก่อนพึมพำว่าไม่ปูด ไม่แตก ถึงงั้นมันก็เจ็บ “เดินไม่เหมือนชาวบ้านเขาก็สมควรโดน”

   “ซ้ำเติมอีก ไม่ต้องยุ่งเลย” รีบปัดมือพี่ไฮท์ออก ผมลุกขึ้นจะเดินหนี แต่ข้อศอกถูกดึงเอาไว้ คนดึงขยับเข้ามาจนชิด “อะไร”

   “กูมั่นใจว่ามึงจะไม่หวั่นไหวกับคนอื่นอีก” ใช้หางตาเหล่มองคนพูดชิดใบหู “และมึงก็มั่นใจได้เลย ว่ากูก็จะไม่มีทางหวั่นไหวกับคนอื่น”

   “เชื่อได้เหรอ”

   “ก็ลองคบกับกูดู จะได้รู้ ว่าเชื่อได้หรือเปล่า”

        คบกันเหรอวะ? 

   “มัดมือชกผมเหรอ”

   “ไม่ได้บังคับ”

   “ผมอยากรู้”

   “ขี้เสือกเหรอมึง”

   “พี่ไฮท์!”

   “ล้อเล่นน่า มึงคบกับกูแล้วนะ”

   “เอาจริงดิ่”

   “เอา”

        โคตรสองแง่สองง่ามว่ะ

   “แต่ผมเป็นผู้ชายนะ พี่รับได้เหรอ”

   “แค่มึงคนเดียว”

   “เหตุผลล่ะ?”

   “ไม่มี รู้แค่ต้องเป็นมึง”

   “ผมเขินได้ป่ะ”

   “ได้ เพราะกูก็เขิน”

   ผมไม่รู้ว่าความรักนี้มันจะยั่งยืนหรือเปล่า เราจะรักกันได้นานไหม และต่อไปจะเป็นยังไง เพราะนั่นมันเป็นเรื่องของอนาคต สิ่งที่ผมสนคือ วันนี้ ชั่วโมงนี้ นาทีนี้ และที่ตรงนี้ มีคนที่ทำให้ผมใจเต้นแรง คนที่พร้อมปกป้องผม ดูแลผม คนที่เป็นห่วงเป็นใยเหมือนพ่ออีกคนของผม แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว เรื่องอื่นๆ ที่จะตามมาก็ปล่อยให้มันเกิดก่อนค่อยคิดแก้ไข

   “พี่ไม่รีบทำรายงานส่งเหรอ”

   “เออจริง กูลืม ไอ้บิ๊กก็ชิ่งงานเลยแม่ง”

   “ผมช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย ขอโทษนะ”

   “แค่มึงมานั่งให้กำลังใจข้างๆ แค่นั้นก็พอแล้ว”

   “เลี่ยนว่ะ”

   “กูชอบเห็นมึงเขินนะ” เกิดมาเพิ่งจะเคยยืนม้วนจนแขนแทบพันกัน “พร้อมเดินไปกับกูหรือยัง” ผมมองมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า ก่อนช้อนตาขึ้นมองเจ้าของฝ่ามือก็ยิ้มกว้างส่งมาให้
 
   “ครับ”

   ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมจะไม่จับมือนั้น ฝ่ามืออุ่นแม้จะชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ก็อบอุ่น ผมกับพี่ไฮท์เดินจับมือกันขึ้นตึก รู้สึกดีใจปนตื้นตันที่พี่ไฮท์ไม่อายใครที่จะจับมือผม ไม่สนคนอื่นที่มองด้วย อีกไม่นานมันต้องมีผลกระทบอะไรตามมาแน่ แต่ไม่ว่ายังไง ตราบใดที่มืออุ่นนี้ยังกุมมือผมอยู่ ผมก็ไม่กลัว

   “พี่รับได้แน่นะ ที่จะเป็นของผมน่ะ” ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจอีกรอบ
 
   “รับได้ในที่นี้หมายถึงความรู้สึก แต่เรื่องบนเตียงไม่มีใครรู้”

   ผมว่า บางทีเราก็ต้องมีเรื่องที่ข้ามๆ ไปบ้าง อย่างเช่นเรื่องบนเตียง...



...TBC

คบกันอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ คู่แป้งเด็กของเรา >w<
ทำไมรู้สึกหลงรักพี่ไฮท์ อยากขอพี่ไฮท์จากขมิ้นมาเป็นของเราซะจริงค่ะ 5555
ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบพี่ไฮท์กับน้องขมิ้นนะคะ (ก้มกราบ)
จะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้ หากมีตรงไหนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
แล้วพบกันตอนหน้าค่า ^^~
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 20-04-2018 22:34:31


น้องขมิ้นน่ารักดีออก เด็กดีมีน้ำใจ ใสๆซื่อๆกวนๆ

 เดี๋ยวพี่นาวจะมาหลงเสน่ห์น้องขมิ้นอีกคนไหมพี่ไฮท์

แต่ดูแล้วน้องขมิ้นยังต้องมีวิบากกรรมกับพี่ขิงอยู่อีกนะ

สู้ สู้ 



 :hao3:   :hao3:  :hao3:   :hao3:  :hao3:  :hao3:

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 20-04-2018 22:40:03
เราขอพี่ไฮท์ได้ป่าวขมิ้นอยากเก็บไว้เองแล้วอะ :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-04-2018 23:54:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

นิสัยของขิง มันเกิดจากสันดานหรือการอบรมหว่า?

ถ้าดูลึก ๆ แล้วน่าจะเป็นการอบรมสั่งสอน  เพราะขิงนิสัยโขกแม่มา  ส่วนขมิ้นก็นิสัยโขกพ่อมา



หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-04-2018 00:00:54
เค้าคบกับแล้ว เย่! คู่รักแป้งเด็กแคร์
 :-[ :-[

เท่าๆที่ดูนาวก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ คนที่เลวสุดก็คงนังขิง
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-04-2018 00:11:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 21-04-2018 05:50:53
โอ้ยย!!...ใจ ซีกนึงก็ร้าววว อิพี่ขิงมันร้ายกับน้องได้ขนาด DNA ในตัวมันไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความผูกพันพี่น้องเล้ยยยยย อีกซีกก็แทบจะระเบิดออกเพราะความหวานของพี่ไฮท์ คนแมน รักจริง ยอมจริง....ไรท์ เรื่องนี้ดีสุด น่าติดตามสุดๆ ในทุกๆเรื่องของไรท์แล้ว ต้องขอบคุณที่เขียนงานดีๆแบบนี้ออกมาให้พวกเราได้ชื่นชมนะคะ..ทีมไรท์จ้า..^^
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 21-04-2018 09:23:43
ขมิ้นกลับไปใช้ชีวิตตัวเองได้แล้ว  ส่วนขิงก็ปล่อยไปให้ขิงกับแม่จัดการกันเอง
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 21-04-2018 09:30:48
พี่นาวน่ารักเชียว ถึงขั้นซักกางเกงในให้นังขิงตอนคบกัน เฮ้อออ อย่างว่าหล่ะคนเลวๆอย่างนังขิงคงไม่คู่ควรกับความรักดีๆ  :ruready
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 21-04-2018 11:49:27
โอ้ยยยยยยดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆชอบบบบบบ :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 21-04-2018 16:39:34
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-04-2018 21:45:05
อยากรู้เรื่องขิงแล้วค่ะ ทำไมร้ายได้แบบนี้ล่ะ ระรานไปทั่วเลย

ไฮท์คะ นี่กะขอเป็นแฟนแบบเนียนๆเลยหรอ
ขมิ้นน่ารัก มีความซื่อและดื้อนิดๆ

วันนี้รอดไปอีกหนึ่งวัน ขิงจะส่งคนมาป่วนอีกตอนไหนนะ
บางทีก็อยากให้มาเจอกลอยอีกรอบ แล้วให้โชจัดการ 5555
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nixnix ที่ 21-04-2018 21:46:36
 :L1: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-04-2018 22:29:34
ชอบพี่นาว จริงๆก็ดูไม่เลวร้ายนะ มีหัวใจกะเขาด้วย แต่ชอบพี่ไฮท์มากกว่า  :hao7:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 22-04-2018 10:08:08
ขิงนี่นิสัยแย่กว่าที่คิดอีก รู้สึกห่วงขมิ้นเลย
รีบกลับบ้านไปหาพ่อดีกว่านะ ตามที่คุณลุงบอก

พี่นาวนี่น่าสนใจนะ มาชอบตอนหลังๆนี่แหละ
ตอนที่รู้ความจริง อิอิ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 20] [P.8] // {20/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 27-04-2018 21:02:39
อยากให้รู้ว่ายังมีคนรออยู่นะคะ..^__^
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 29-04-2018 20:07:29

-21-




         ตอนแรกคิดว่าจะตรงไปบ้านพี่ไฮท์เลย แต่เพราะเจมส์ทวงรายงานที่ผมยืมไป ผมเลยต้องวนกลับมาเอาที่บ้านหลังใหญ่ก่อน พอมาถึงก็รีบวิ่งขึ้นชั้นสอง แต่ประตูห้องทำงานของลุงเจ้าของบ้านเปิดอยู่มันทำให้ผมชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าห้อง

   หรือมีขโมยอีก?

   คิดได้แบบนั้นผมก็ค่อยๆ ย่องไปที่ประตู เผื่อเป็นขโมยจริงจะได้หาวิธีรับมือถูก ตอนนี้หัวใจเต้นแรงเพราะความกลัวผสมความตื่นเต้น เมื่อชะโงกหน้าเข้าไปดู ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลก็มลายหายสิ้น เพราะคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานคือเจ้าของห้องนั่นเอง

   “คุณลุงไปเมืองนอกไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไม...”

   “พวกมันไม่ให้ฉันออกน่ะสิ” เสียงทุ้มตอบกลับ ลุงเจ้าของบ้านขยับตัวขึ้นนั่งตัวตรง หลังจากเอนหลังหลับตาอยู่ “ไม่คิดเลยว่าจะเล่นกันขนาดนี้” เสียงพึมพำนั่นทำให้ผมก้าวเข้าไปหา

   “มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับ” ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะใบหน้าเคร่งเครียดของลุงเจ้าของบ้านนั้นทำให้ผมคิดไปในทางลบซะมากกว่า

   “พวกนั้นขู่ให้ฉันลบคลิปขโมยเงินของพี่เธอ แล้วนี่เธอยังไม่ได้เปิดซองที่ฉันให้ไปใช่ไหม” คำตอบที่ปิดท้ายด้วยคำถาม ผมพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนคุณลุงจะเอนหลังพิงพนักตามเดิม “เก็บไว้ให้ดี เผื่อฉันเป็นอะไรไป หลักฐานจะได้ไม่ถูกทำลาย”

   “ทำไมถึงพูดเป็นลางแบบนั้นล่ะครับ” รู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน “หรือมีคนคิดจะทำร้ายคุณลุงเหรอ” อย่างเช่นฆ่าทิ้งเหมือนในละคร

   “ตอนนี้ยัง แต่มันก็ไม่แน่ เพราะพวกมันเล่นงานธุรกิจฉันไม่ได้” ริมฝีปากที่ขยับพูดเหยียดยิ้มออกมานิดๆ ก่อนลุงเจ้าของบ้านจะมองหน้าผม “ธุรกิจมืดมักโหดร้ายเสมอ พวกนี้มองคนเหมือนผักปลา คิดจะฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้”

   “ธุรกิจมืด? คุณลุงก็ทำธุรกิจมืดเหรอครับ” ความหวาดกลัวมันผุดขึ้นมาจนต้องเม้มริมฝีปาก ผมไม่รู้หรอกว่าลุงแกเปิดบริษัทอะไร หรือทำธุรกิจอะไร เพราะไม่มีใครบอก อีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผม เพราะที่ผมมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะแม่ขอร้องให้มาเป็นพี่ขิง ดังนั้นเรื่องอื่นนอกจากนั้นก็ไม่รู้เลย 

   “กว่าบริษัทฉันจะใหญ่โตขนาดนี้มาได้ มันก็ต้องมีบ้าง” ลุงเจ้าของบ้านตอบพร้อมขำในลำคอ “เธอลองไปถามดูสิ ว่ามีบริษัทใหญ่โตในบ้านเมืองนี้ที่ไหน ที่ธุรกิจมีแต่สีขาวบ้าง คนพวกนี้ไม่เทาก็ดำ ขนาดองค์กรการกุศลยังไม่ขาวสะอาดเลย”
มันก็จริงอย่างที่ลุงแกว่า แต่มันก็น่าตกใจอยู่ดี เคยดูแต่ในละคร ไม่คิดว่าจะได้เจอในชีวิตจริง ถึงว่า ลูกน้องลุงแกแต่ละคนพกปืนติดตัวกัน ที่แท้ก็เพราะป้องกันตัวเองจากคนอื่นนี่เอง

   “หลักฐานที่ให้ผม ทำไมคุณลุงไม่เอาไปให้ตำรวจจัดการล่ะครับ เพราะให้ผมมามันก็ไม่มีประโยชน์”

   “ถ้าตำรวจจัดการได้ ฉันก็เอาไปให้แล้วสิ” ขมวดคิ้วหลังจากได้ยิน ก่อนคลายความสงสัยด้วยประโยคถัดมา “ไอ้เสี่ยเจ้าของบ่อนนั่นมีคนหนุนหลังที่ใหญ่กว่าคนของฉัน”

   “คนหนุนหลังนี่หมายถึงคนที่มียศสูงๆ เหรอครับ” ลุงเจ้าของบ้านพยักหน้ารับช้าๆ “ไม่น่าเชื่อ” อย่างกับละครหลังข่าวจริงๆ
 
   “ถึงบอกไง ธุรกิจพวกนี้ หากไม่มีพวกนี้คุ้มหัวก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่โดนจับก็โดนฆ่าหมด”

   “ที่เขาเรียกจ่ายแต๊ะเอียหรือเปล่าครับ”

   “แป๊ะเจี๊ยะต่างหาก แต๊ะเอียเขาให้วันตรุษจีน”

   หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยทีเดียว แต่ก็ยังดีที่มันทำให้ลุงเจ้าของบ้านคลี่ยิ้มออกมา

   “แล้วคุณลุงจะทำยังไงต่อไปละครับ”

   “ก็อยู่เฉยๆ อย่างที่พวกมันบอก”

   “ทำไมเราไม่หาคนยศใหญ่ๆ ให้เขาช่วย”

   “ถ้าหาได้ง่ายฉันก็เอาหลักฐานให้ไปแล้วสิ” แล้วคุณลุงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมรู้ว่าลุงเขาเครียด เป็นผมๆ ก็เครียด โดนตามขู่จะฆ่าแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะครับ “แล้วอีกซองที่ฉันให้ เธอเปิดดูหรือยัง”

   “อีกซอง? ยังครับ” ซองเอกสารที่ผมได้นั้น อยู่ในลิ้นชักห้องนอนของพี่ไฮท์หมด “มันมีอะไรเหรอครับ หรือหลักฐานเด็ด”

   “ไม่ใช่ มันเป็นของที่ฉันจะเอาให้พี่ชายเธอ แต่ตอนนี้ ฉันให้เธอน่าจะดีกว่า”

   “ของให้พี่ขิง? อะไรเหรอครับ”

   “ไปเปิดดูก็จะรู้เอง แต่มีบางอย่างที่ฉันตั้งใจให้เธอ ไม่ใช่ของๆ ขิง”

   ชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าของที่ตั้งใจให้ผมคืออะไร


   “ไหนคุณบอกไปเมืองนอกไง ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ!”

   ระหว่างที่ผมกำลังยืนมองคุณลุงเจ้าของบ้าน เสียงแหลมจากด้านหลังก็ดังขึ้น คนพูดปรี่เข้ามายืนข้างกับผม ใบหน้าแม่แน่นด้วยเครื่องสำอาง

   “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ” คำตอบกลับของลุงเจ้าของบ้านทำเอาแม่กระทืบกรี๊ดขึ้นมาจนผมสะดุ้ง “หนวกหู ออกไปได้แล้วไป ทั้งแม่ ทั้งลูก”

   “คุณกล้าไล่ฉันแบบนี้ได้ยังไงฮะ!”

   “ก็นี่มันห้องทำงานผม แล้วนี่ก็บ้านผม คุณลืมไปแล้วหรือไง”

   แม่ผมกรี๊ดออกมาอีกรอบจนตู้กระจกสั่น ผมยกมืออุดหูพร้อมหันหลังเดินออกมา ไม่ได้ดูว่าแม่เป็นยังไงหรือทำอะไรต่อ บางทีผมก็คิดว่าตัวเองเป็นลูกที่แย่เหมือนกัน ที่ไม่ได้ดูแลใส่ใจแม่เท่าที่ควร เดินออกมาจากห้อง ผมก็ตรงไปยังห้องนอนที่ตอนนี้แทบไม่ได้นอน แต่เพียงแค่จับลูกบิด เสียงแม่ก็หวีดเรียกชื่อผมจนสะดุ้ง

   “แม่จะตะโกนทำไม ผมไม่ได้อยู่นอกโลกนะ ถึงจะต้องใช้เสียงดังน่ะ” ในหูผมตอนนี้ได้ยินแต่เสียงวิ้งๆ เหมือนยุงบิน

   “นี่แกด่าแม่เหรอฮะ” แล้วแม่ก็ปรี่เข้ามาหยิกริ้วแขนจนผมต้องรีบดึงมือแม่ออก “อย่าทำนิสัยเหมือนพ่อแกนะ”

   “พ่อทำอะไรผิด แม่ถึงต้องพาลไปด่า”

   “ปกป้องพ่อแกทำไม คนนิสัยอันธพาลแบบนั้น”

   “อันธพาลตรงไหน แม่นั่นแหละที่พาล หาเรื่องลุงเขาไม่ได้เลยมาลงที่ผมกับพ่อล่ะสิ” แม่ชักสีหน้าทันทีที่ผมรู้ทัน ก่อนใบหน้าขาวจะสะบัดหันหนี “แม่เรียกผมทำไม ถ้าไม่มีอะไรผมจะไปเก็บของ”

   “แกไปนอนที่ไหน ทุกวันนี้ฉันไม่เคยเห็นหัวแกอยู่บ้านเลยสักวัน อย่าลืมว่าแกเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะของขิง ไม่ใช่ขมิ้น”
 
   จุก ความรู้สึกเดียวในตอนนี้ ผมเม้มปากมองแม่ที่ปั้นหน้านิ่งไม่สนใจความรู้สึกของผม

   “ผมรู้ ว่าผมมาที่นี่ทำไม และผมไม่ใช่พี่ขิง” รีบกระพริบตาไล่น้ำที่มันเริ่มบดบังการมองเห็น “แต่แม่รู้ไหม ว่าผมก็ไม่ได้อยากเป็นพี่ขิง ถ้าให้ย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ ผมจะไม่มาที่นี่แบบที่พ่อเคยเตือน พ่อบอกที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม และไม่เหมาะกับคนแบบผม ตอนนี้รู้แล้ว ว่าพ่อพูดโคตรจะจริง”

   “คำพูดพ่อแกเชื่อได้ด้วยเหรอ” แล้วแม่ก็ส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นจมูก “มะรืนฉันรับงานไว้...”

   “แม่ให้พี่ขิงไปก็แล้วกัน” รีบตัดประโยค “ผมรู้ว่าแม่ติดต่อกับพี่ขิงมาตลอด และพี่ขิงก็มาหาแม่บ่อยๆ”

   “ถึงจะอย่างนั้น แต่พี่แกก็ยังทำไม่ได้”

   “ทำไม พี่ขิงเป็นอะไร ทำไมถึงทำไม่ได้”

   “เขากำลังทำธุรกิจ แล้วงานก็ยุ่งมาก”

   “ธุรกิจ? พี่ขิงทำธุรกิจอะไร แม่บอกผมได้ไหม”

   “ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือพี่แกเอาเงินมาให้ฉันทีละหลายแสน ช่างเป็นลูกที่น่ารักจริงๆ”
 
   “แม่ได้ถามหรือเปล่า ว่าหลายแสนที่ให้มา ได้มาจากงานอะไร”

   “ถามทำไม ลูกให้เงินแม่ มันผิดเหรอ”

   ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ไม่คิดว่าแม่จะมีตรรกะความคิดแบบนี้ ถามว่าผิดหวังไหม ก็คงมี แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ในเมื่อแม่ยังชื่นชมพี่ขิงอยู่อย่างนี้

   “ผมว่า แม่ควรสนใจพี่ขิงให้มากกว่านี้” แม่ทำเพียงแค่ปรายตามองมา เพราะกำลังอวดแหวนเพชรเม็ดโตที่แสงส่องเข้าตาผมจนพร่าไปหมด “บางที แม่อาจจะรู้ว่า สิ่งที่แม่คิดว่ามันถูก มันดี แท้จริงอาจเป็นแค่สิ่งหลอกลวง”

   ต่อให้ผมพูดหรือแสดงออกมากกว่านี้แม่ก็ไม่สนใจอยู่ดี และที่เรียกผม ก็เพราะอยากอวดแหวนที่ซื้อใหม่จากเงินที่พี่ขิงเอามาให้ ผมรู้ ว่าแม่เคยคิดอยากจะเอาผมกับพี่ขิงออกตอนรู้ว่าท้องแรกๆ แต่ปู่กับย่าขอร้องทั้งน้ำตาเพื่อให้เก็บหลานของท่านไว้ เรื่องพวกนี้ผมไม่เคยโทษหรือโกรธแม่เลย แม้แต่เรื่องที่แม่เลือกพี่ขิงมาอยู่ด้วย เพียงเพราะว่าตอนเด็กผมขี้โรค ผมก็ไม่เคยโกรธ พ่อด่าผมเสมอว่าผมโง่ที่ไม่โกรธแม่ จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อผมไม่เคยได้รู้จัก ไม่เคยได้อยู่ใกล้ ผมคิดเสมอว่าถ้าได้อยู่ด้วย แม่ก็คงรักผม ตอนนี้รู้แล้วว่าพ่อพูดจริง ผมมันโง่ที่คิดไปแบบนั้น


   แม่ไม่ได้ไม่รักผม เพราะแม่ไม่เคยสนใจผมตั้งแต่แรกเลยต่างหาก ต่อไปผมจะไม่เถียงพ่ออีกแล้ว


   สะบัดศีรษะไล่ความคิดเรื่องเสียใจให้ออกจากสมอง ผมเดินเข้าห้องหยิบของที่ต้องใช้ พอดึงรายงานที่ซุกไว้ในตู้ ปลายเท้าก็มีสมุดโน้ตเล่มเล็กตกลงมาอยู่ใกล้ๆ ด้วยความอยากออกจากที่นี่ ผมก้มลงหยิบสมุดนั่นใส่กระเป๋าเป้มาด้วย แล้วจ้ำอ้าวออกจากห้อง ลงไปชั้นล่างโดยไม่สนใจแม่ที่ยังอวดความหรูหราของเครื่องประดับให้แม่บ้านฟัง

   “จะไปไหนอีก!”

   “ไปนอนบ้านเพื่อน” ก้าวขาไปได้สองก้าวผมก็หยุดนิ่ง “ผมจะกลับไปอยู่บ้านแล้วนะ แม่บอกพี่ขิงให้กลับมาได้แล้ว หรือถ้าไม่กลับก็แล้วแต่ ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก”

   ไม่อยู่รอคำถามหรือคำตอบของแม่ ผมรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปทันที ในเมื่อแม่ไม่ได้สนใจผมอยู่แล้ว ผมก็ขอเป็นลูกเนรคุณที่ไม่สนใจแม่เช่นกัน มันบาปผมรู้ แต่ผมขอกลับไปใช้ชีวิตเป็นไอ้ขมิ้นคนธรรมดากินปลากระป๋องครึ่งเดือน กินบะหมี่อีกครึ่งเดือนยังดีซะกว่า





***

   มาถึงบ้านพี่ไฮท์ก็เจอลูกชายเจ้าของบ้านนั่งรออยู่ที่โรงจอดรถ ที่เท้ามีหมาตัวใหญ่สองตัวฟุบหลับ คงจะรอนานสินะ ถึงนั่งหน้าบูดขนาดนั้น ทันทีที่หันมาเห็นผม พี่ไฮท์ก็ลุกขึ้นยืนก่อนบิดขี้เกียจ

   “มารอนานแล้วเหรอ” ถามขณะประตูเลื่อนเปิด

   “เออสิ หลับไปตั้งหลายรอบ” พี่ไฮท์ตอบหน้าบึ้ง แต่กลับทำให้ยิ้มออก หลังจากเจอเรื่องเครียดเมื่อกี้ “ทำไมมาช้าวะ”

   “มีเรื่องนิดหน่อย ไว้เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ผมบอกก่อนจะใช้เท้าไถรถเข้าบ้าน มีพี่ไฮท์ช่วยดันอยู่ด้านหลัง และหมาสองตัวที่สะดุ้งตื่นก็เห่าต้อนรับพร้อมกระดิกหางจนตัวอ้วนๆ บิดไปมา “แล้วเมื่อกี้พี่นั่งหลับเหรอ”

   “ไม่ได้หลับ พูดไปงั้นแหละ” อยากจะหัวเราะให้ หลักฐานคือตาแดง ยังบอกไม่ได้หลับอีก “กินข้าวมายัง”

   “ยัง หิวมาก กินหมาพี่ได้ทั้งสองตัวเลย”

   “ไอ้ฆาตกร”

   ถูกตราหน้าพร้อมชี้ ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด พี่ไฮท์เหมือนพ่อผมอยู่หลายอย่าง แต่ที่เหมือนมากคือทำปากร้ายไปงั้น แท้จริงแล้วใจดีจะตายไป บางทีแกล้งทำเหมือนไม่สนใจ แต่จริงๆ แล้วใส่ใจมากที่สุด

   “ขอบคุณที่ทำให้ผมหัวเราะ”

   “ก็กูไม่ชอบเห็นมึงทำหน้าเศร้า มันรู้สึกเหมือนกูเป็นแฟนที่แย่” ไปต่อไม่ถูกเลยเมื่อได้ยินคำว่าแฟนออกจากปากพี่ไฮท์ แม้พี่เขาดูแข็งกระด้างไปนิด “กูพูดเพราะกับผู้ชายไม่เป็น” พี่ไฮท์ยกมือถูจมูกไปมา คงจะเขินเหมือนผม แต่ผมเก็บอาการเก่งกว่า
 
   “ผมรู้ จะพูดยังไงก็ได้ เอาที่พี่สบายใจ” บอกตามความจริง พี่ไฮท์เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด อยู่ๆ ก็เปลี่ยนแนว มันก็ต้องปรับตัวมากเป็นธรรมดา “เพราะพี่ก็แฟนคนแรกของผมเหมือนกัน แถมแจ็คพอร์ตเป็นผู้ชายซะด้วย”

   “อ่าว แล้วมันดีหรือไม่ดี มึงพูดให้มันเคลียร์ๆ นะ” พี่ไฮท์ตาแทบถลนแล้วโวยวาย ผมรีบเกาะแขนแล้วดึงเข้าบ้าน อยู่ข้างนอกบ้านแถมพูดจาเสี่ยวๆ ใส่กัน คนข้างบ้านเขาจะแอบมองได้ “เนียนเลยนะมึง”

   “ไม่จับก็ได้” รีบผละออก แต่ก็โดนดึงเข้าไปใหม่ คราวนี้ไม่ใช่ผมที่กอดแขน แต่เป็นพี่ไฮท์ที่โอบไหล่ผมแทน

   “มึงไม่จับ งั้นกูจับเอง เพราะมึงบอกเมื่อกี้ว่าเอาตามที่กูสบายใจ” แล้วคนสบายใจก็ลอยหน้าลอยตาโอบไหล่ผมขึ้นชั้นสองของบ้าน

   ห้องนอนของพี่ไฮท์ก็ไม่ได้ตกแต่งมากมายสักเท่าไหร่ มีแค่เตียงที่วางอยู่กลางห้อง มีตู้เสื้อผ้าชิดผนัง มีโต๊ะและตู้หนังสือที่เต็มทุกชั้น เห็นห้องสะอาดๆ แบบนี้ไม่ใช่เจ้าของห้องทำความสะอาดเองหรอกนะครับ แต่เป็นคุณลุงหมอที่เก็บกวาดให้ งานคลินิกก็ยุ่งแล้ว ยังทำงานบ้านอีก ไอดอลผมเลยแบบนี้

   จะว่าไป พ่อผมก็ประมาณนี้เหมือนกันนะ หากตัดความขี้บ่นออกไปก็คงเป็นไอดอลผมได้

   “พี่เห็นซองสีน้ำตาลที่ผมเอาไว้ที่นี่ไหม” วางเป้ลงก็เริ่มมองหาซองเอกสาร พี่ไฮท์บุ้ยปากไปที่บนโต๊ะหนังสือตัวเอง “พี่อ่านแล้วเหรอ” เพราะมีแผ่นกระดาษปึกหนึ่งวางอยู่บนซอง

   “โกรธกูไหม ที่กูอ่านของมึง” ผมมองพี่ไฮท์ด้วยแววตาไร้ความรู้สึก มองจนคนถูกจ้องใจไม่ดี “ขอโทษจริงๆ ต่อไปพี่จะไม่ทำแล้ว ขมิ้นอย่าโกรธ...”

   “ไม่ได้โกรธสักหน่อย” หลุดยิ้มออกมาเมื่อพี่ไฮท์ง้อ เวลาได้เห็นคนแข็งๆ อ้อนนี่มันก็น่ารักดีนะครับ ทำตาเล็กตาน้อยด้วย
 
   “เฮอะ” คนถูกหลอกสะบัดหน้ากอดอก ก่อนจะหันมายิ้มให้ “ชอบให้กูง้อละสิ แผนสูงนักนะ”

   “ชอบทุกอย่างที่เป็นพี่นั่นแหละ”

   แล้วผมก็ถูกผลักจนหงายหลังลงเตียง

   “อย่าทำให้กูเขินบ่อย กูใจไม่ดี”

   ผมมองคนเขินจนใจไม่ดีเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะลุกมาที่โต๊ะหนังสือ หลักฐานที่คุณลุงเจ้าของบ้านว่า คือเอกสารรายการที่คนข่มขู่ทำผิด ทั้งเรื่องของผิดกฎหมาย ของหนีภาษี รวมทั้งบัญชีที่มีการนำไปฟอก เอาเป็นว่า ละเอียดจนผมทึ่งในการหาข้อมูลมาก แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ เอกสารสองแผ่นที่จั่วหัวว่า รายชื่อคนที่ใช้บริการและข้อมูลเกี่ยวกับการค้าประเวณีในและนอกประเทศ นี่มันอะไรกัน ทำไมเรื่องมันชักจะน่ากลัวขึ้นทุกที มีการค้ามนุษย์ด้วย ไล่ดูแล้ว มีทั้งผู้หญิง ผู้ชายที่ถูกนำมาค้า นี่คนนะ ไม่ใช่สัตว์ถึงได้มีการค้าขายแบบนี้

   “พี่...” เรียกคนที่เดินออกจากห้องน้ำมา ตอนแรกจะถามเรื่องเอกสารพวกนี้ แต่หน้าและผมพี่ไฮท์เปียกปอนก็ทำให้ต้องตกใจแทน “พี่อาบน้ำเหรอ ทำไมเปียกหมดทั้งตัววะ” น้ำที่ศีรษะไหลลงมาจนเสื้อเปียกไปหมด

   “กูร้อน เลยเอาน้ำราดหัว เย็นดี”

   “เหรอ” ก็ตามนั้น เอาที่พี่เขาสบายใจ

   “มีอะไร” พี่ไฮท์ขยับเข้ามาหา มือยกขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น โคตรเท่ “อ่านแล้วเหรอ”

   “อืม มิน่า ลุงเขาถึงโดนเล่นงาน หลักฐานมันแน่นขนาดนี้นี่เอง”

   “ต้องเอาไปให้ตำรวจ”

   “ผมก็บอกแล้ว แต่พวกเขาเส้นใหญ่” แล้วพี่ไฮท์ก็เงียบไป “พี่ว่า พี่ขิงจะทำส่วนไหน ระหว่างค้าของหนีภาษี กับค้ามนุษย์” พี่ไฮท์ไม่ได้ตอบ เพียงแต่ยักไหล่ไม่ออกความคิดเห็น ผมโคตรกลัวเลย กลัวว่าพี่ขิงจะทำเรื่องชั่วๆ แบบนี้ เมื่อย้อนนึกถึงที่แม่ว่า พี่ขิงเอาเงินมาให้ทีละเยอะๆ “ผมหวังว่า พี่ขิงจะไม่ทำทั้งสองอย่าง”

   ผมเก็บเอกสารใส่ซองตามเดิม ก่อนจะเปิดอีกซองที่ยังปิดสนิท

   “อันนี้ไม่ได้เปิดนะ”

   “ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ร้อนตัวนะเรา”

   “เออ ร้อนไปทั้งตัว”

   ไม่ได้สนใจคนพูดสักเท่าไหร่ ผมดึงแผ่นกระดาษจากซองออกมา หน้าตาโคตรจะคุ้นๆ
 
   “โฉนดที่ดิน” อ่านตามตัวหนังสือบนหัวกระดาษ “ที่ดินกับบ้านเลขที่คุ้นๆ พี่ดูสิ”

   “กูไม่เห็นคุ้นเลย” พี่ไฮท์พลิกโฉนดที่ดินอีกด้าน ไล่ดูแต่ละช่องจนไปหยุดที่ช่องสุดท้ายที่มีชื่อผมอยู่ “เจ้าของบ้านชื่อคุ้นๆ ว่ะ”

   “ชื่อจริงผมเอง แต่เดี๋ยว ทำไมมีชื่อผม” แย่งโฉนดมาดูใกล้ๆ ก่อนจะตาโตเมื่อจำได้ว่า เลขที่บ้านที่เห็นมันคือบ้านที่พ่อกับผมอาศัยอยู่ “พี่ บ้านผมอะ”

   “โฉนดบ้านมึง?”

   พยักหน้ารัวๆ ก่อนจะย้อนนึกถึงใบหน้ายิ้มนิดๆ ของลุงเจ้าของบ้านยามบอกว่ามีของที่ตั้งใจให้ผม นี่ลุงเขาไปซื้อบ้านแล้วโอนเป็นชื่อผมเหรอ ทำไมทำแบบนั้นได้ล่ะ

   “พี่ไฮท์...”

   “ไม่ดีใจเหรอ ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก”

   “ทำไมเขาโอนบ้านให้ผมล่ะ”

   “จะรู้ไหมล่ะ ถ้าเจอก็ลองถามดูสิ” รีบพยักหน้ารัวๆ มือที่ถือโฉนดบ้านสั่นไปหมด “นอกจากบ้านแล้ว เขาให้นี่ด้วยนะ” หันไปมองพี่ไฮท์ที่หยิบใบเล็กๆ ออกมาจากซอง “ฉิบหาย”

   “อะไรหายเหรอ”

   “เงิน”

   “เงินหาย ทำไงอะ ไปแจ้งความ”

   “หน่วย สิบ....ห้าสิบล้าน!”

   “เงินหายห้าสิบล้าน ชีวิตแล้ว”

   “ไม่ใช่ พ่อเลี้ยงมึงนอกจากให้บ้านแล้ว ยังให้เงินอีก ห้าสิบล้าน!”

   “พี่ล้อเล่นหรือเปล่า อย่างเขา...เชี่ย!”

   เช็กเงินสดห้าสิบล้านบาทจริงๆ ผมนับแล้วนับอีกก็ได้จำนวนที่พี่ไฮท์ว่า ก่อนที่เราทั้งคู่จะตกใจจนสติหลุด ในซองยังมีกระดาษโน้ตอีกหนึ่งแผ่น ข้อความคร่าวๆ ว่าคุณลุงเจ้าของบ้านได้ให้ทนายจัดการซื้อและโอนบ้านให้ผม เพราะผมจะได้ไม่ลำบากตอนไป ยังไงซะผมก็เหมือนลูกอีกคนของเขา แม้จะไม่ได้เลี้ยงมาก็ตาม ส่วนเงินนั้น ตอนแรกเป็นของพี่ขิงที่เขาฝากไว้ให้ แต่ตอนนี้เอาให้ผมแทน ให้ใช้เป็นค่าเล่าเรียนเท่าที่ผมอยากจะเรียน แม้ตอนแรกๆ จะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม เพราะผมทำหน้าบึ้งใส่ แต่พอได้เจอบ่อยๆ ถึงรู้ว่าผมเป็นเด็กดีและฉลาด

   “เด็กดีและฉลาด...ต่อไปก็ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ”

   “พี่ไฮท์ก็” จะรู้สึกดีใจแต่ก็ไม่สุด เพราะยังไงซะ ทุกอย่างที่ได้มามันก็มากเกินไป “ผมว่า มันเยอะเกินไป”

   “มันยังน้อยกว่าที่พี่มึงได้อีก” ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่ผมก็รู้สึกไม่ค่อยกล้าดีใจอยู่ดีนั่นแหละ “เอาน่า ไว้ค่อยกลับไปถามก็ได้ อย่าคิดมากสิ ดูซิ ทำหน้าบูดเป็นปลาบู่เลย” พี่ไฮท์ยื่นมือสองข้างมาบีบแก้มผมจนปากจู๋ แถมยังขยับไปมาอีก ก่อนจะชะงักแล้วรีบปล่อยมือออก

   “พี่หน้าแดง เขินผมเหรอ” ถามจี้ คนหน้าแดงขยับหนีไปอยู่อีกฝั่ง “ขี้เขินนะเรา”

   “กับมึงคนเดียวนั่นแหละ”

   การยอมรับของพี่ไฮท์มันทำให้ผมรู้ว่า ผมโคตรจะสำคัญ

   “ขอบคุณที่ให้ผมเป็นคนนั้น”

   “อย่าทำให้ห้องมันเป็นสีชมพู” พี่ไฮท์ขว้างหมอนใส่ผม

   “ห้องพี่เป็นสีขาวนะ ตาบอดสีเหรอ”

   “ไอ้ขมิ้น”

   แกล้งพูดไปงั้น แท้จริงกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง ผมดีใจที่ถูกรัก และผมก็รักคนไม่ผิด

   เขินกันไปมาจนเสียงไลน์ดังขัด เจมส์ถามหารายงานตัวเองผมก็เพิ่งนึกได้ รีบเอาการบ้านออกมาถ่ายรูปส่งไปให้ว่ามาเอาได้ ส่วนพี่ไฮท์กำลังหยิบสมุดโน้ตที่ผมหยิบติดมือมาไปเปิดดู

   “ของมึงเหรอ”

   “ไม่ใช่ คงจะของพี่ขิง” ตอบขณะส่งรูปส่งไปให้เจมส์ “มีอะไรเหรอ”

   “มีเรื่องของกู”

   “หา?”

   เหมือนโดนด่าแปลกๆ แต่พอฟังดีๆ คงจะไม่ใช่ ผมยื่นหน้าไปดู พร้อมๆ กับพี่ไฮท์ยื่นมาให้

   “เอาไปดูเอง”

   รับมาแบบงงๆ ก่อนเปิดอ่าน หน้าแรกก็ไม่มีอะไรแค่เขียนคำว่า เริ่มต้น คงจะหมายถึงเริ่มเรียนปีหนึ่งละมั้ง และหน้าต่อๆ ไปเริ่มมีรูปที่ถ่ายจากกล้องโพลารอยด์แปะ จากที่เป็นรูปดอกไม้ ก็เริ่มเป็นรูปบรรยากาศรอบมหาลัย ก่อนจะเป็นรูปพี่ไฮท์ที่มีทั้งยิ้ม และหน้าบึ้งยืนอยู่กับเพื่อนๆ

   “พี่เล่นบาสด้วยเหรอ” ถามพร้อมยื่นสมุดโน้ตให้ดู พี่ขิงถ่ายรูปพี่ไฮท์แล้วแปะติดไว้ในหน้ากระดาษ พร้อมข้อความสั้นๆ ว่า พี่ไฮท์ปีสอง...เท่มาก

   “ก็แค่เล่นๆ” คนในรูปถ่ายตอบพลางยักไหล่

   ผมละความสนใจพี่ไฮท์มาดูรูปต่อ จนมาสะดุดอยู่รูปหนึ่งที่พี่ไฮท์คล้ายจะนั่งเหม่อ ทั้งที่เพื่อนเล่นบาสในสนาม แต่ดวงตาเหม่อมองไปคนละทาง

   “อยากปลอบจัง” ผมอ่านข้อความที่พี่ขิงเขียน พี่ไฮท์รีบยื่นหน้าเข้ามาดู

   “ไปนั่งทำไมตรงนั้นวะ” แล้วผมจะรู้กับพี่ไหมล่ะ “จำไม่ได้แล้วว่ะ” มือกำลังจะพลิกหน้ากระดาษ อยู่ๆ คนจำไม่ได้ก็ร้องออกมา “อ๋อ น่าจะช่วงที่โรสมันตาย”

   “โรสตาย? ดอกกุหลาบเหรอ”

   “หมา”

   “โรส...อ๋า แจ็คกับโรสสินะ” นั่นปะไร ผมเคยพูดชื่อนี้ด้วย ตอนทายชื่อของอเล็ก “มันเป็นแฟนของแจ็คเหรอ”
 
   “เปล่า เป็นหมาตัวแรกที่เลี้ยง แม่ตั้งชื่อให้” ผมพยักหน้ารับรู้ “มันแก่ตาย”

   “ที่ข้างๆ ปุยเมฆใช่ไหม ที่พี่เคยบอก”

   “อืม”

   “นี่มัน...” รูปหน้าต่อไปเป็นอะไรที่พีคสุดๆ รูปหมาขนปุยสีขาวตัวเล็กเท่าฝ่ามือ “พี่ไฮท์ตั้งชื่อให้ว่า ปุยเมฆ น่ารักว่ะ” อ่านตามข้อความอีกรอบ ผมเบิกตาโตมองหน้าพี่ไฮท์ทันที “พี่เคยเห็นปุยเมฆด้วยเหรอ ทำไมไม่บอก”

   “ก็มึงไม่ได้ถาม” ก็จริง ผมไม่ได้ถามเอง แต่ใครมันจะไปรู้เองได้วะ “ที่จริง มันซื้อให้กู” อยู่ๆ พี่ไฮท์ก็พูดขึ้น พร้อมๆ กับผมพลิกหน้าสมุดไป ซึ่งก็เป็นแบบนั้น พี่ขิงเขียนระบุไว้ชัดเจนว่าซื้อให้พี่ไฮท์ เป็นหมาพันธุ์เดียวกับตัวที่ตายไปที่ชื่อโรส “แต่กูไม่เอา เพราะแม่ไม่อยากให้มันมาแทนที่หมาตัวที่ตายไป”

   “ผมว่า พี่ขิงไม่ได้คิดแบบนั้น เขาคิดว่าพี่รังเกียจ ดูสิ” ยื่นข้อความที่พี่ขิงตัดพ้อให้ดู เพราะแบบนี้หรือเปล่า ถึงทิ้งขว้างปุยเมฆ จากรูปที่เห็นก็ดูรักนะ พาขึ้นไปนอนด้วย ดูแลอย่างดี แต่ทำไมถึงยังทิ้งลง ผมโคตรไม่ชอบเลย คนที่ทำแบบนี้ สัตว์เลี้ยงมันไม่ได้ขอมาอยู่ด้วย เราต่างหากที่ไปพามันมา ดูแลไม่ได้ก็อย่าทำ

   พลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ จนหน้าสุดท้ายที่มีรูปและข้อความ นั่นคือรูปของพี่ไฮท์กับผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าทั้งสองคนยิ้มแย้มดูมีความสุข แต่ข้อความที่พี่ขิงเขียนมันต่างกันสุดขั้ว

   ในวันที่เห็นเขามีความสุข แต่เราเศร้า ทำไมถึงไม่เห็นกัน ทำไมไม่มองมาทางนี้บ้าง ทำไมไม่สนใจความรู้สึกที่มีให้ พี่ทำให้ผมรู้สึกว่าพี่หมือนสายลมที่พัดมาให้รู้สึก แต่กลับสัมผัสไม่ได้ ผมชอบพี่จริงๆ นะ พี่ไฮท์...

   พี่ขิงคงรักพี่ไฮท์จริงๆ แต่คนรักกัน ต้องทำร้ายกันเหรอวะ แค่เขาไม่รักตอบถึงขั้นไปทำลายความรักของคนอื่น โคตรโง่เลยว่ะ

   “ไม่อ่านแล้วเหรอ” พี่ไฮท์ถามเพราะผมล้มตัวนอนตะแคงข้างบนเตียง

   “มันหมดแล้ว” ตอบทั้งที่ยังหลับตา ผมไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือสงสารพี่ขิง แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือ ผมคิดถึงปุยเมฆ มันต้องมาทนกับเรื่องบ้าๆ ของคนโง่ที่ทำอะไรไปโดยไม่รู้จักคิด เอาชีวิตเล็กๆ มาแล้วทิ้งขว้างมัน พี่ขิงไม่คิดว่ามันจะเสียใจ ร้องไห้เป็นเหรอ หมามันก็มีความรู้สึกนะ

   “ร้องไห้เหรอ” พี่ไฮท์ขยับมานั่งชิดด้านหลัง แขนข้างหนึ่งยื่นมาคร่อมตัวผมไว้กับเตียง “ร้องไห้ทำไม”

   “สงสารปุยเมฆอะ” บอกพร้อมเสียงสะอื้น ผมจำแววตาของมันได้ ตอนที่เห็นหน้าผมครั้งแรก จากที่กลัวจนตัวสั่นก็ขยับออกมาหา คงคิดว่าเป็นพี่ขิง แค่นี้ก็รู้แล้ว ว่ามันรักพี่ขิงมากแค่ไหน

   “มันไปสบายแล้ว” ผมสะอื้นนิดๆ เมื่อถูกมือลูบศีรษะ “อย่าคิดมาก”

   “ห้ามคิดว่าหัวผม เป็นหัวไอ้อเล็กนะ”

   “จะเศร้าหรือจะฮา เลือกเอาสักอย่าง”

   “อยากจะเศร้าแต่ก็ไม่อยากเศร้า”

   “งง”

   ผมก็งงครับ ก่อนที่จะงงไปมากกว่านี้ มือพี่ไฮท์ก็ลูบมาที่หน้า ผมถูแก้มที่ฝ่ามือนั่น ทำให้พี่ไฮท์ชะงักไปนิดๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา

   “ขมิ้นยังมีพี่อยู่ข้างๆ นะ พี่ไม่ทิ้งไปไหน”

   คลี่ยิ้มให้กับประโยคที่ได้ยิน รู้สึกอบอุ่นที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก ผมขยับหน้าเพื่อจูบฝ่ามือร้อนที่แก้มเป็นคำขอบคุณแทน และพี่ไฮท์ก็ไม่ตอบอะไรกลับมา นอกจากโน้มหน้ามาจูบหน้าผากผมอย่างแผ่วเบา ผมลืมตาขึ้นก็เจอดวงตาคมคู่สวยที่กำลังจ้องมองผมอย่างอ่อนโยน ก่อนใบหน้าขาวจะค่อยๆ ชัดขึ้นเมื่อขยับเข้ามาใกล้...


   “ไอ้ไฮท์โว๊ย! มุดหัวอยู่ไหน กูอยู่หน้าบ้านมึงเนี่ย ไอ้ไฮท์!”

   เสียงตะโกนแหวกอากาศดังขึ้น ผมกับพี่ไฮท์สะดุ้งก่อนจะรีบผละออกจากกัน เกือบแล้ว เกือบจูบกันแล้ว ตอนนี้หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมาอยู่ข้างนอก

   “พี่บิ๊กมา” บอกเจ้าของบ้านเบาๆ พี่ไฮท์จิ๊ปากเสียงดัง พลางลุกออกไปที่ระเบียงห้องนอน

   “ตะโกนหาพ่อมึงเหรอ!”

   “พ่อกูไม่ได้อยู่บ้านนี้ไอ้สัด รีบๆ ลงมาเปิด กูรำคาญหมามึงเห่า”

   พี่ไฮท์ผลุบเข้ามาในห้อง ปรายตาคมมองผมที่ยังนั่งบนเตียง

   “กลัดกระดุมเสร็จค่อยลงไปนะ”

   “หา?”

   ตอนแรกก็งงๆ ว่ากลัดกระดุมอะไรวะ แต่พอก้มมองเสื้อตัวเอง ฉิบหาย พี่ไฮท์มือโคตรไว ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาผมออกตอนไหนวะ แถมปลดหมดแถวแล้วด้วยนะ

   คนๆ นี้ช่างน่ากลัวซะจริงๆ



...TBC

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่าาา ไม่ว่าจะเม้นท์หรือแค่กดเข้ามาอ่าน ทุกๆ อย่างก็ถือเป็นกำลังใจค่ะ จะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้ และจะไม่ช้ามากไปกว่านี้ (ก้มกราบ)

ขอบพระคุณมากๆ ค่า ที่ชอบพี่ไฮท์น้องขมิ้น ฝากคู่รักแป้งเด็กไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ >w<
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 29-04-2018 20:33:55
เรื่องราวมันซับซ้อน ขิงระวังตัวด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-04-2018 20:52:41
เรื่องราวใหญ่โตไปเลย ขนาดคุณลุงเจ้าของบ้านยังควบคุมไม่ได้  :mew2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 29-04-2018 20:59:07
ได้เงินเยอะมาก
ดีแล้วเอาไว้เรียนที่ตัวเองอยากเรียนนะขมิ้น

เหตุการณ์ยังไม่น่าไว้ใจ ตอนนี้สงบเกินไป
ยังไงก็ระวังด้วยนะขมิ้น
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-04-2018 21:13:56
อ่านครึ่งแรกอยากทำตัวเป็นผู้หวังดีแล้วกระโดดขาคู่ใส่แม่ของขมิ้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-04-2018 21:56:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นผู้หญิง เป็นภรรยา เป็นแม่  ที่เกินเยียวยาจริง ๆ

ไม่รู้ว่าพ่อของขมิ้นเอามาทำเมียได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-04-2018 22:13:24
เรื่องราวซับซ้อนมาก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: KawinCa ที่ 01-05-2018 15:56:16
กี๊สสสสสสสสสสส ขมิ้นรู๊กแม่เกือบไปแล้ว
พี่บิ๊กมาขัดจังหวะงะะะ โกดดดดดด
จุดนี้รอวันที่ขิงจะได้รับกรรม สงสารลุงเจ้าของบ้าน
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-05-2018 16:52:45
 :z13: ไว้ก่อน เดี๋ยวใกล้จบจะมาตามอ่านค่ะ

กลัวดราม่ามาก แง้ ป.ล. ตามมาจากคุณหมีรีวิว
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-05-2018 17:46:50
ขมิ้นต้องระวังตัวด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 01-05-2018 20:27:04
พฤติกรรมของขิงกับแม่ดูแปลกๆนะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 01-05-2018 23:38:46
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 02-05-2018 08:24:10
โห .. เอ่อ ... เฮ้อออออออ

ไม่หนักไปทาง "ดราม่า" หรอกเนอะ
รับไม่ได้อะ หัวใจบอบบาง สงสารน้องขมิ้น
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 21] [P.8] // {29/04/61}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-05-2018 11:55:33
 :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 05-05-2018 21:58:32
-22-




       ผ่านคืนที่ใจเต้นหนักมาแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะผมใช้หมอนข้างคั่นกลางเอาไว้ ถึงจะอย่างนั้น พี่ไฮท์ก็ชอบแอบตีเนียนหยิบมันปาทิ้งอยู่เรื่อย และก่อนจะหลับสนิท ผมก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูว่า รัก

   ผมกลับมาบ้านหลังใหญ่เพราะอยากคุยกับคุณลุงเจ้าของบ้าน แต่ดันพบว่า มีคนพาลุงแกออกต่างประเทศไปเมื่อเช้ามืด สรุปแล้วผมก็ต้องรับของพวกนั้นใช่ไหม ทำไมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย

   “มาแล้วเหรอ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เสียงแม่ดังมาจากด้านหลัง ผมที่กำลังจะก้าวขาขึ้นชั้นบนจำใจต้องเดินตามแม่ไปในสวนข้างบ้านแทน “ที่แกพูดหมายความว่ายังไง จะไม่เป็นพี่แกแล้ว”

   “ก็ตามที่พูด ผมจะกลับไปอยู่บ้าน จะกลับไปเป็นไอ้ขมิ้น”

   “ไม่ได้ ฉันไม่อนุญาต”

   “แม่ไม่มีสิทธิ์ที่จะกักขังผมไว้ ผมเป็นพี่ขิงตลอดไปไม่ได้ เพราะชีวิตของผมจะหายไป ชีวิตของขมิ้นจะหายไป แม่เข้าใจไหม ผมช่วยพี่ขิงมาเยอะแล้ว โดนด่า โดนตบ โดนต่อยแทนมามากพอ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”

   “นั่นพี่แกนะ แกไม่รักพี่แกเหรอ”

   “แล้วพี่ขิงรักผมไหม พ่อเคยบอกว่าอย่ารักคนที่ไม่รักเรา เพราะเราจะเจ็บเอง”

   “อย่าพูดถึงพ่อแกต่อหน้าฉัน”

   “พ่อผม พ่อผม พ่อผม”

   ตีรวนจนแม่ยกมือจะฟาด หากมีมือใหญ่คว้าเอาไว้ทัน ตอนนี้ใบหน้าพี่ไฮท์นิ่งมาก เรียกได้ว่าไร้ความรู้สึกใดๆ ต่างจากแม่ผมที่ยืนตัวสั่นด้วยความโมโห

   “แกเป็นใคร เข้ามาในบ้านนี้ได้ยังไง!”

   “ผมเป็นแฟนของขมิ้น”

   “แฟน...แฟนขมิ้น? นี่แกมีผัวเป็นผู้ชายเหรอฮะ ไอ้ลูกชั่ว” เจ็บมากกับคำๆ นี้ ผมกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกคาวในปาก “ฉันให้แกมาเป็นขิง ไม่ได้ให้มาหาผัว เป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบ” สายตาของแม่ตอนนี้ดูรังเกียจผมมาก ร่างผอมๆ ขยับออกห่าง

   “ขมิ้นไม่ได้หาหรอกครับ ผมยัดเหยียดให้เอง ขอโทษด้วยที่ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อไฮท์ รุ่นพี่ของขิง” พี่ไฮท์ตอบเสียงเย็นมาก มือใหญ่ดึงให้ผมมายืนด้านหลัง ผมรีบจับแขนเสื้อพี่ไฮท์แน่น “คุณน้าไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ เพราะไม่ว่าจะรักกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเกิดจากความรักจริงๆ มันก็มีความสุข อ้อ ฝากบอกขิงด้วยนะครับ ว่าไอ้นาว ผู้ชายของขิง มันตาสว่างแล้ว และจะไม่เข้าไปตอแยอีก มันคงเข็ดขยาดที่ถูกเสี่ยของขิงทำร้ายเอา ฝากด้วยนะครับ”

   ตอนนี้สติของผมแทบไม่เหลือ สมองมันว่างเปล่าไปหมด ผิดหวังมากที่แม่พูดแบบนั้น พี่ไฮท์ดึงผมขึ้นมาบนห้องและเป็นคนเก็บเสื้อผ้าผมยัดลงกระเป๋า ดีที่ข้าวของผมมีไม่มาก

   “อย่าลืมสิ ว่าขมิ้นมีพี่อยู่ข้างๆ” พี่ไฮท์จับหน้าผมด้วยมือทั้งสองข้าง ทั้งแววตาและรอยยิ้มที่ส่งให้ผม ทำให้รู้สึกดีขึ้นมา “ไปกันเถอะ”

   พี่ไฮท์จูงมือผมลงมาชั้นล่าง เจอแม่ยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ และพอเห็นผมก็รีบเดินมาขวาง

   “ที่แกพูดหมายความว่าไง ผู้ชายของขิงอะไร เสี่ยอะไร”

   “ผมขอไม่อธิบายก็แล้วกัน คุณน้าลองไปถามขิงดูนะครับ”

   ตอบแค่นั้นก่อนพี่ไฮท์จะรีบพาผมไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านนอก และไม่รอช้าที่จะออกตัวไป จบสิ้นสักที บ้านหลังนี้ ผมจะไม่มาเหยียบอีกเลย ลาก่อนการเป็นพี่ขิง ต่อไปนี้ ผมคือขมิ้น

   “ขอบคุณที่ปกป้องผม” บีบมือพี่ไฮท์ที่ยังจับมือผมไว้ไม่ปล่อย

   “แฟนคนเดียวปกป้องไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว”

   “ขอบคุณจริงๆ ครับ”

   แทบยกมือไหว้ หากติดอยู่ที่มือข้างหนึ่งถูกจับไว้แน่นเลยยกได้ข้างเดียว พี่ไฮท์ขำออกมาเสียงดังที่เห็นผมยกมือไหว้
 
   แม้ในวันที่เลวร้ายที่สุด ก็จะมีเรื่องดีที่สุดเช่นกัน

   ผมบอกทางกลับบ้านให้พี่ไฮท์ แต่ดูเหมือนสิ่งที่ผมบอกจะไม่เข้าหูคนขับรถเลย ตอนนี้รถคันนี้มุ่งหน้ากลับบ้านของตัวเองซะงั้น

   “ทางไปบ้านพี่ไม่ใช่เหรอ”

   “อืม”

   “อ่าว ทำไม...”

   “จะกลับทั้งที่สภาพเป็นแบบนี้เหรอ” ผมก้มมองเสื้อผ้าตัวเอง มันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาด จนพี่ไฮท์ถอนหายใจออกมา “หมายถึงสภาพจิตใจ อยากให้พ่อมึงเป็นกังวลเหรอ ที่เห็นลูกไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อนน่ะ”

   “ก็จริง” ผมเม้มริมฝีปากนึกภาพตามที่พี่ไฮท์ว่า สภาพผมตอนนี้คงจะแย่มาก ความรู้สึกภายในใจมันตีปนกันไปหมด “ขอบคุณที่พี่เตือนผม” ขืนกลับไปตอนนี้ ผมต้องโดนคั้นแน่ คงต้องรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน “แต่ผมอยู่บ้านพี่ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ เกรงใจ”

   “ยังต้องเกรงใจอะไรอีก ทุกวันนี้กูแทบจะเป็นฝ่ายเกรงใจมึงกับพ่อกูอยู่แล้ว ทำเอาซะกูเหมือนเป็นผู้อาศัยซะงั้น” รอยยิ้มของพี่ไฮท์มันทำให้ผมยิ้มตาม

   อยากขอบคุณนับพันครั้ง ที่ทำให้ผมยิ้มได้ในยามอ่อนแอ

   “พี่ตลกเหมือนกันนะเนี่ย”

   พี่ไฮท์หัวเราะออกมา ก่อนผมจะหัวเราะตาม ต้องขอบคุณความเลวของพี่ขิงที่มันทำให้ผมได้รู้จักพี่ไฮท์ หากพี่ชายฝาแฝดของผมไม่ทำเรื่องชั่วๆ กับเขา วันนี้ผมก็อาจได้แค่มองแล้วก็ผ่านเลยไป




***

   จากวันที่ออกจากบ้านหลังใหญ่นั้น ผมก็มาอาศัยอยู่กับพี่ไฮท์ คอยช่วยเหลือคุณหมอเรื่องงานบ้านแลกค่าอาหารกับที่พักแทน แม้คุณหมอจะบ่นว่าไม่อยากให้ผมคิดแบบนั้นก็เถอะ แต่จะให้ผมมานั่งๆ นอนๆ ใช้น้ำ ใช้ไฟฟรีๆ มันก็ไม่ดี อะไรที่พอช่วยได้ ผมก็อยากจะช่วย

   “วันนี้พี่กลับดึกนะ มีพรีเซ็นต์งาน ไม่รู้เลิกกี่โมง” พี่ไฮท์บอกก่อนจะออกรถไป ส่วนพ่อของพี่เขาก็กลับดึกทุกวันอยู่แล้ว

   “แล้วจะกลับมากินข้าวไหม หรือจะกินมาจากข้างนอก” ถามแบบนี้ทุกวัน จากเขินๆ ก็เริ่มชิน

   “เดี๋ยวพี่โทรบอกอีกที” พี่ไฮท์เตรียมจะออกรถ แต่มือก็กวักเรียกผมให้เข้าไปหา พอเข้าไปยืนใกล้ก็ทำมือให้ก้มลงเหมือนจะกระซิบบางอย่าง

   “พี่ไฮท์!” โวยวายเมื่อถูกฉกหอมแก้ม โคตรเจ้าเล่ห์ ไอ้เราก็คิดว่าจะมีเรื่องคุย ที่ไหนได้ “รีบๆ ไปเลย เดี๋ยวเข้าสาย”

   “ครับๆ” เสียงหัวเราะร่าทำให้นึกภาพวันแรกๆ ที่เจอแทบไม่ออก

   เมื่อท้ายรถลับตาไป เสียงข้อความมือถือในกางเกงก็ดังขัด ผมลูบหัวแจ็คที่มาอ้อนขอขนม อีกมือก็กดดูข้อความ ซึ่งผมได้ข้อความแบบนี้มาเกือบสิบ และผมก็ทำแบบเดิมคือไม่สนใจ ไม่รู้หรอกว่าพี่ขิงอยากเจอผมทำไม หากอยากจะคุยเรื่องให้ผมใช้ชีวิตแทนละก็ ผมไม่มีทางกลับไปแน่นอน

   ผมทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ทักทายปุยเมฆและนอนแผ่บนโซฟากับหมาอ้วนสองตัว กำลังจะเคลิ้มๆ เสียงข้อความก็ดังขึ้นมาอีก คราวนี้มาแบบรัวๆ จนต้องเปิดดู

   ‘ขมิ้น ได้โปรด พี่อยากเจอจริงๆ ก่อนที่พี่จะไม่อยู่ อยากปรับความเข้าใจกับขมิ้นจริงๆ นะ มาหาพี่หน่อย นี่เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ’

   ย่นคิ้วเมื่ออ่านข้อความจบลง พี่ขิงจะไปไหน นี่คือสิ่งที่สงสัย หรือจะไปต่างประเทศวะ อ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาอย่างลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจไปเปลี่ยนชุด เอาวะ อย่างน้อยถ้าพี่ขิงไปที่อื่นจริง นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอ

   ผมซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปตามโลเคชั่นที่พี่ขิงบอก ไม่รู้หรอกว่าปลายทางมันคือที่ไหน เพราะยิ่งขี่ไปก็ยิ่งไกลจากตัวเมืองเรื่อยๆ นี่ผมโง่หรือเปล่าวะที่ออกมา

   ตอนนี้สองข้างทางแทบไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ นอกจากต้นไม้และพงหญ้า ผมว่า ผมคงโง่จริงๆ ที่มาตามคำบอกนั่น มันต้องมีอะไรแน่ๆ และดูเหมือนผมจะคิดได้ช้าไป ทันทีที่ชะลอรถเพื่อจะเลี้ยวกลับ ก็มีมอเตอร์ไซค์ขี่ออกมาจากข้างทางแล้วประชิดรถของผม

   “จอด” คำสั่งที่ไม่ได้มาแค่ลมปาก ยังมีวัตถุสีดำด้ามมันปราบที่ตอนนี้ปลายกระบอกหันมาทางหัวของผม “เจอกันอีกแล้วนะ” คนถือปืนทักทาย ก่อนจะเดินลงมาจากมอเตอร์ไซค์อีกคัน เพื่อมาซ้อนด้านหลังของผม “ขี่ตามคันข้างหน้าไปดีๆ อย่าตุกติก ไม่งั้น...ตาย”

   สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความกล้าและสติ ตอนนี้ปืนจ่อท้ายทอยของผมอยู่ ผมรู้ว่ามันไม่ได้ขู่เฉยๆ ดูท่าว่าถ้าผมทำอะไรไม่คิด ลูกตะกั่วต้องฝั่งเข้ามาในร่างผมแน่
 
   มึงมันโคตรโง่เลยไอ้ขมิ้น ก่นด่าตัวเองแบบนี้ตลอดทางที่ขี่รถตามคันข้างหน้า ไม่นึกเลยว่าพี่ขิงจะทำกับผมแบบนี้ อุตส่าห์เชื่อใจ สุดท้าย กลายเป็นควายเฉย นี่แหละ ข้าวไม่ชอบกิน ชอบกินแต่หญ้า

   “จะไปไหนเนี่ย” ผมถามคนซ้อนด้านหลัง

   “อะไรนะ”

   “ถามว่าจะไปไหน” ผมเลื่อนเปิดหน้ากากหมวกกันน็อกแล้วถาม “ที่ไปเนี่ย จะไปไหน นี่มันออกนอกเมืองมาไกลแล้วนะ”

   “เดี๋ยวก็รู้เอง ตามๆ ไปเถอะ” ไอ้คนซ้อนมันตอบ

   “ทำไมถึงบอกไม่ได้ล่ะ มีกันอยู่แค่สองคนเนี่ย บอกหน่อยสิ” ตื้อโดยไม่สนใจสิ่งที่จ่อท้ายทอย จะกลัวอะไรกับความตายวะ “พี่ครับ บอกหน่อย”

   “โกดังเก่าของเสี่ย” สุดท้ายคงทนผมรบเร้าไม่ไหวเลยบอกออกมา

   “โกดังเก่า? มันอยู่ตรงไหน”

   “จะอยากรู้ทำไม เดี๋ยวก็ไปถึง รีบๆ ขี่ไปเดี๋ยวก็ยิงทิ้งหรอก”

   ผมเบ้ปากเมื่อถูกตัดบท และไม่นานคันที่ขับนำหน้าก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลูกรัง รอบๆ บริเวณมีแต่ทุ่งนา และปลายทางที่เห็นไกลๆ ก็คงเป็นโกดังอย่างที่ไอ้คนซ้อนผมว่า

   “เลี้ยวซ้ายตรงกิโลเมตรที่หกสิบสอง เข้าถนนลูกรัง” ผมว่าออกมาโดยที่ไอ้คนข้างหลังก็นั่งเฉยๆ ไม่สนใจ “เข้ามาแล้วจะเห็นหลังคาโกดังอยู่ลิบๆ”

   “บ่นอะไรของมึงวะ รีบๆ ตามไปสิ” โดนปืนขยับจี้

        “รู้แล้วๆ” ว่าออกมา ก่อนจะบิดตามทางไปเรื่อยๆ “ไม่มีคนเฝ้าประตูโกดัง เข้าไปได้เลยนะ”

   “เออ เข้าไปเลย” เสียงตอบจากด้านหลัง ผมก็ขี่ผ่านประตูเข้าไป

   โกดังที่ว่า เป็นโกดังร้างอยู่กลางทุ่งนา สภาพด้านนอกเก่าและทรุดโทรมมาก สนิมกินโครงเหล็กพุพัง จนคิดว่าไม่น่าใช้งานได้แล้วแน่ๆ ผมถูกปืนจี้ที่เอวบังคับให้เดินเข้าไปในโกดัง ไม่รู้เลยว่าด้านในจะมีอะไรบ้าง

   “พี่ขิงล่ะ พี่ขิงอยู่ไหน” ถามไอ้คนด้านหลัง มันไม่สนใจเอาแต่บังคับให้ผมเข้าโกดัง พอเข้ามาแล้วก็เจอลังไม้มากมายวางเรียงรายเต็มไปหมด “พี่ขิงล่ะ” ถามอีกคนที่เดินนำเข้ามาก่อน มันยักไหล่แล้วเดินไปนั่งบนลังไม้

   “ถ้าเห็นก็แปลว่าอยู่ แต่นี่ไม่เห็นแสดงว่าไม่อยู่” คำตอบตีรวนของไอ้คนที่นั่งลังไม้ทำเอาคิ้วผมกระตุก หากไม่มีปืนของคนด้านหลังจี้เอว ผมคงกระโดดถีบขาคู่ไปแล้ว “คิดเหรอ ว่าพี่มึงจะมาจริงๆ สมองน่ะ ใช้บ้าง”

   “อ่าว ไอ้นี่” เผลอสบถด่าออกมา ไอ้คนว่าผมก็ทำแค่ยักไหล่ “ถ้าพี่ขิงไม่อยู่ ผมก็จะกลับ”

   “คิดว่ามาแล้วจะกลับได้เหรอ ตลกน่าไอ้หนู”

   “ต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่ที่มหาลัยแล้ว จะเอายังไง”

   “พวกเราสองคนไม่ได้จะเอายังไง แต่คนที่เอา นู้น ไอ้ขิงนู้น”

   “หมายความว่ายังไง”

   ตอนนี้คนด้านหลังผมเดินไปยืนข้างกับเพื่อนมัน แต่มือก็ยังถือปืนเล็งมาทางผมอยู่

   “ลองคิดตามนะ ถ้าเกิดเราอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม แต่งานที่ทำอยู่มันทำให้กลับไปไม่ได้” ไอ้คนพูดค่อยๆ เดินวนรอบตัวผม สายตามันสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “มันจะดีไหม หากหาคนมาทำแทน ยิ่งไปกว่านั้น คนๆ นั้นหน้าเหมือนเราอย่างกับแกะ”

   “หมายความว่ายังไง” เพราะผมไม่อยากคิดไปเองเลยต้องถามย้ำ

   “ก็หมายความว่า” รีบหลับตาเมื่อปลายมีดอันแหลมคมช้อนคางให้ผมเงยหน้าขึ้น “ไอ้ขิงอยากให้น้องฝาแฝดมาทำงานแทน โดยที่มันจะกลับไปเป็นคนดังตามเดิมไง”

   “โกหก”

   “พูดความจริงก็หาว่าโกหกว่ะ” แล้วพวกมันสองคนก็หัวเราะ โดยที่ผมกัดฟันข่มความโกรธเอาไว้ “แล้วใครที่นัดมึงออกมาล่ะ”

   “ข่มขู่พี่ขิงให้ทำหรือเปล่า” เหมือนกับที่บังคับให้ผมมาที่นี่

   “คนอย่างไอ้ขิงน่ะเหรอที่จะขู่มันได้ ทุกวันนี้มันต่างหากที่ข่มขู่พวกเรา ใช้ความเป็นคนโปรดของเสี่ยสั่งนั่นสั่งนี่” ไอ้คนพูดส่ายหน้าไปมา “พี่มึงเลวกว่าที่คิดเยอะ”

   “เลวยังไง” ถามปุ๊บ พวกมันก็หัวเราะกันอีก “พี่ขิงทำงานอะไรให้เสี่ยเจ้าของบ่อนนั่น”

   “มึงบอกไปซิ ว่างานอะไรบ้าง” คนที่เอามีดจ่อผมพยักพเยิดไปที่อีกคน ก่อนมันจะเดินย้อนกลับไปนั่งบนลังไม้ที่เดิม “เล่าให้น้องมันฟังให้หมดล่ะ เพราะต่อไป มันจะต้องทำแทน”

   “งานของมันก็ง่ายๆ แค่หาเด็ก”

   “หาเด็ก? เด็กไหน”

   “อ่าวไอ้นี่ ก็หาเด็กส่งออกไง ลูกค้าสั่งมายังไงก็หาแบบนั้น เข้าใจยากตรงไหน” ผมเบิกตาโตตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เอกสารหลักฐานของลุงเจ้าของบ้านแวบเข้ามาในหัวทันที นี่พี่ขิงเป็นพ่อเล้าเหรอวะ “แต่พูดแล้วก็เสียดายไอ้นายแบบนั่น เกือบได้อยู่แล้วเชียว หากไม่ไหวตัวไปซะก่อน” ประโยคนั่นทำให้ผมหันขวับไปมอง

   “นั่นสิ สเปคนายหัวเขาล่ะ จ่ายไม่อั้นด้วย กูละเสียดายแทนไอ้ขิง”

   “นายแบบคนไหน” ขัดกลางปล้องจนถูกมองหน้า

   “ก็คนที่ถ่ายแบบกับพี่มึงบ่อยๆ นั่นไง สูงๆ หน้าคม” ตอนนี้ภาพในหัวผมมีหน้าคนๆ หนึ่งที่ลอยเด่นชัด เขาคือคนที่ผมไปยืนถ่ายแบบด้วยคราวนั้น ต้องใช่แน่ๆ เขาแสดงออกเลยว่าเกลียดพี่ขิง “แต่พลาดคนนั้นก็ได้คนอื่นแทน สมแล้วที่ทำงานแบบนั้น หาเด็กง่ายดี”

   “เลว” ด่าออกมาตรงๆ จนถูกมองอีกรอบ ผมมองคนที่พูดเรื่องการค้ามนุษย์เหมือนเป็นเรื่องตลกอย่างโมโห คนทั้งคนนะเว้ย “บ้านเมืองนี้มีกฎหมาย สักวัน พวกมึงต้องโดนจับ”

   “ใครหน้าไหนจะมาจับได้วะ ก็ในเมื่อ...” ไม่จบประโยคพวกมันก็หัวเราะ ผมรู้ว่าเพราะอะไรพวกมันถึงไม่กลัวถูกจับ “กูจะบอกให้นะ ตั้งกี่คนแล้วที่จะจับเสี่ย สุดท้ายก็เด้งหมด” ไอ้คนถือมีดพูดอย่างมั่นใจพร้อมแสยะยิ้ม “เอาล่ะ มาพูดเรื่องของเราดีกว่า”

   “พี่ขิงอยู่ไหน” ไม่อยากฟังเรื่องบ้าบอ อยากรู้ว่าตอนนี้คนที่นัดผมอยู่ที่ไหนมากกว่า

   “ก็มันไม่ได้อยู่ที่นี่ไง”

   “แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะ”

   “กูไม่รู้ มันอาจจะอยู่กับเสี่ย หรือไปทำงานให้เสี่ย ซึ่งกูไม่ได้เสือกมาให้มึง”

   “ในลังไม้พวกนั้นของหนีภาษีเหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่องแทบจะทันทีที่พวกมันชักสีหน้า “หรือยาเสพติด”

   “ก็ทั้งคู่” ไอ้คนถือปืนเปิดฝาลังที่มันนั่งให้ดู ในนั้นมีกระเป๋าแบรนด์เนมที่คงจะนำเข้าแบบผิดกฎหมาย “ของพวกนี้กำไรโคตรงามเลยนะ”

   “หยุดสาธยายเรื่องไร้สาระสักที มาเข้าเรื่องได้แล้ว” ไอ้คนถือมีดตวาด ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมอีกรอบ “มึงต้องมาทำงานแทนไอ้ขิง”

   “กูไม่ทำ” ตอบทั้งๆ ที่มันพูดไม่จบด้วยซ้ำ และไม่กลัวปลายคมของมีดที่จ่อแก้มด้วย ผมรู้ว่ามันไม่กรีดหรอก เพราะถ้าทำ หน้าผมเป็นรอย พวกมันต้องเดือดร้อนแน่ “เรียกพี่ขิงมาที่นี่ให้กู”

   “อย่าออกคำสั่งกับกู เพราะกูไม่ชอบ” ถูกตวาดข้างหูจนสะดุ้ง “แค่พี่มึงคนเดียวกูก็จะบ้าตายอยู่แล้ว”

   “กูจะไม่ตกลงอะไรถ้าพี่ขิงไม่อยู่ที่นี่” ยืนยันหนักแน่น ไม่กลัวการถูกข่มขู่ใดๆ ทั้งสิ้น “พาพี่ขิงมากูถึงจะยอมคุย”

   “มึงไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆ เพราะมึงต้องทำ และถึงแม้ไอ้ขิงจะมายืนต่อมึง มันก็จะพูดแบบที่พวกกูพูด ว่ามึงต้องทำงานพวกนี้แทนมัน ไอ้ขิงน่ะ ไม่เห็นมึงเป็นน้องหรอกนะกูจะบอกให้”

   “ที่พวกกูตามมึงก็เพราะมันสั่ง” เสียงไอ้คนถือปืนที่นั่งบนลังไม้พูดเสริม “ที่มหาลัย ที่บ้าน ทุกที่ พี่มึงสั่งทั้งนั้น มันเกลียดมึงจะตาย”

   “โกหก”

   “มันเกลียดที่มึงเอาคนที่มันชอบไป เกลียดที่มึงเอาสมบัติของมันไป เกลียดที่มึงเอาชีวิตของมันไป”

   “กูไม่ได้เอาอะไรของพี่ขิงไปสักอย่าง” พอผมเถียง พวกมันทั้งคู่ก็ยักไหล่ นี่พี่ขิงจะมาโยนความเลวมาให้ผมได้ยังไง ในเมื่อทุกอย่างพี่ขิงทำตัวเองทั้งนั้น

   “มึงต้องไปบอกมันเองหลังจากนี้ว่ะ เพราะกูไม่ใช่คนส่งสาร” ไอ้คนถือมีดยักไหล่ “มึงนี่เหมือนไอ้ขิงอย่างกับคนๆ เดียวกันจริงๆ ทั้งหน้า ทั้งผิว”

   “ตัวหอมด้วย เมื่อกี้กูซ้อนมันมาเกือบห้ามตัวเองไม่ได้ไอ้ห่า” รีบตวัดสายตาขุ่นมองคนพูด ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกหรอกนะครับตอนขี่รถมาเมื่อกี้ ไอ้คนซ้อนมันลูบเอวผมด้วย เกือบพามันนอนวัดกับพื้นถนนอยู่หลายรอบแล้ว “ถ้าเราลองก่อนส่งของให้เสี่ย จะได้ไหมวะ”

   “นั่นสิ กูไม่เคยนอนกับผู้ชายด้วย อยากรู้ว่ามันน่าติดใจอย่างที่เขาบอกไหม” เริ่มขยับหนีเมื่อถูกโลมเลียทางสายตา ขนแขนผมลุกชัน ไม่ได้กลัว แต่รู้สึกขยะแขยง “วันก่อนเห็นความร่านของไอ้ขิงตอนเอากับเสี่ยในห้องทำงาน กูก็ขึ้นเหมือนกันว่ะ อยากลองจริงๆ”

   “ไอ้สัด” ด่ากราดไปแต่พวกมันไม่สน ตอนนี้คางผมถูกบีบจนปวดกรามไปหมด “ปล่อยกู”

   “ปากมึงนี่น่าจูบกว่าผู้หญิงอีกนะ” หน้าเหี้ยๆ ของไอ้คนถือมีดโน้มเข้าใกล้ ผมใช้จังหวะที่มันเผลอกระทุ้งเข่าเข้าจุดกลางลำตัวมันเต็มแรงจนมันหวีดร้องแล้วทรุดลงไปกองกับพื้น

   “แต่กูไม่ใช่ผู้หญิงไงไอ้สัด” ด่าพร้อมกับเตะเสยเข้าคางมันไปอีกรอบ ผมผู้ชายนะครับ ไม่ได้อ่อนแอหวาดกลัว มือเท้ามีเหมือนกัน พอผมล้มไอ้คนถือมีดได้ ไอ้ถือปืนก็ปรี่เข้ามาหา กำลังจะพุ่งหมัดแต่มันดันยิงปืนถากไหล่ผมไป ความแรงของลูกตะกั่วทำให้ชาไปทั้งแขน

   “อยากตายเหรอมึง” รีบหลับตาเมื่อด้ามปืนถูกเงื้อจะฟาดเข้าหน้า แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมลืมตาขึ้นมาเห็นคนที่จะทำร้ายผมกระเด็นไปนอนอยู่ข้างลังไม้


   “พี่ไฮท์” ร้องออกมาอย่างดีใจ น้ำตาแทบไหล คนที่ผมเรียกชื่อเพิ่งวางเท้าลงเพราะกระโดดถีบไปเมื่อกี้ “กว่าจะมา”

   “เหาะมาได้กูก็เหาะมาแล้ว” พี่ไฮท์ว่าก่อนจะเข้าไปกระทืบไอ้คนยิงผม “ทำร้ายแฟนกูเหรอไอ้สัด” แทบนับจำนวนการถูกเตะไม่ได้ หากไม่ได้พี่บิ๊กที่เข้าห้าม ป่านนี้ไอ้คนที่นอนกองนั่นคงตายไปแล้ว

   “เป็นไงบ้างมึง” เจมส์ประคองให้ผมยืน ความห่วงใยผ่านน้ำเสียงและสีหน้าทำให้ผมยิ้มให้เพื่อน แม้จะรู้สึกเจ็บที่ไหล่ก็เถอะ

   “สบายมาก แค่เกือบตาย” พูดติดตลก แต่เจมส์ดันไม่ขำ มันปล่อยน้ำตาไหลออกมาเฉย “เอา ขี้แยอีก”

   “ก็มึงทำบ้าอะไรแบบนี้ กูหัวใจจะวายตาย”

   ผมขำเจมส์ที่มันโวยวายทั้งน้ำตา แต่แล้วเสียงบางอย่างก็ทำให้ผมหยุดนิ่ง และปรายตามองไปอีกด้าน เสียงร้องโอดโอยไม่ได้มาจากคนที่พี่ไฮท์กระทืบ เพราะตอนนี้พี่ไฮท์มายืนข้างผมแล้ว...แล้วนั่น

   ภาพหน้าโกดังที่เห็นคือ ไอ้คนที่ผมเตะกล่องดวงใจไปเมื่อกี้ มันกำลังถูกกระทืบ และคนที่กำลังกระทืบเป็นผู้ชายรูปร่างสูง สวมเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขน ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด รอบๆ ตัวของเขามีรังสีความโหดเหี้ยมแผ่ออกมาจนขนลุกไปหมดทั้งตัว ผู้ชายคนนั้นทั้งเตะ ทั้งกระทืบ จนคนที่นอนเลือดกองเต็มพื้นไปหมด


   โหดแบบไร้คำบรรยายใดๆ


   “มึงเคยพูดว่าอะไรนะ มึงบอกอยากลองนอนกับเมียกูเหรอ เฮอะ” พูดจบรองเท้าสแลคสีดำมันปราบก็ซัดเข้าที่ปลายคางจนเลือดกระเซ็นออกจากปาก ก่อนเขาจะยื่นมือขยุ้มกลุ่มผมจนไอ้คนเจ็บจนมันทำหน้าบิดเบี้ยว “กูจะบอกอะไรให้มึงฟัง ฟังและจำลงไปในรอยหยักของสมอง ว่าแม้แต่ขี้เล็บเมียกู มึงก็ไม่มีสิทธิ์ได้สัมผัส ไอ้สัด” ช่างเป็นภาพความโหดร้ายที่น่ากลัวมากที่สุดในชีวิต ที่ได้เห็นเองกับตาแบบนี้

   “พี่...เขา” แทบพูดไม่ออกเมื่อเจอภาพแบบนั้นในระยะใกล้ ผมดึงชายเสื้อพี่ไฮท์ยิกๆ เพราะอยากรู้ แต่พี่ไฮท์ไม่ทันได้ตอบ ก็มีคนเดินเข้ามาจากหน้าโกดัง ผู้ชายผอมสูงทำหน้าเบื่อหน่ายมองภาพการกระทืบเหมือนเรื่องธรรมดา ก่อนคนนั้นจะตะโกนเรียกใครสักคนให้เข้ามา

   “ไอ้เกรียน มาห้ามผัวมึงได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ฆ่าคนหรอกไอ้ห่า”

   “พี่จอมทำไมไม่ห้ามเล่า” แล้วคนที่ถูกเรียกก็ตามเข้ามา ตอนแรกผมก็งงๆ ใครวะไอ้เกรียน แต่พอเห็นหน้าตาปุ๊บผมก็แทบทรุด “พี่โช พอแล้ว เดี๋ยวมันตายนะ”

   “กูอยากกระทืบมันจมดินด้วยซ้ำ” คนถูกห้ามพูดจบ หน้าแข้งก็ฟาดเข้าท้องคนนอนอยู่อีกรอบจนร่างนั้นแน่นิ่งไร้การเคลื่อนไหว ว่าสภาพคนที่พี่ไฮท์กระทืบแย่แล้วนะ อีกคนนี่ต้องเรียกได้ว่าเละ!

   “เอาปีศาจออกร่างได้แล้ว เดี๋ยวเขาก็กลัวกันหมดหรอก” พี่กลอยทำหน้ายุ่งแล้วดึงคนที่กระทืบโหดเข้ามาหาพวกผม ทันทีที่ถูกดวงตาดุมอง ผมก็รีบขยับไปยืนซ้อนหลังพี่ไฮท์ทันที

   โคตรน่ากลัว

   “ขอบคุณครับที่มาช่วย” พี่ไฮท์พูดพร้อมยกมือไหว้ ผมมองภาพนี้ด้วยความงงปนสงสัย “แล้วเรื่องนั้น?”

   “เดี๋ยวก็คงได้เรื่อง” คนกระทืบโหดบอกเสียงนิ่ง “แล้ว...นั่นไม่เป็นไรใช่ไหม” สะดุ้งเมื่อถูกถาม หากไม่เห็นพี่เขากระทืบคนเมื่อกี้ ผมคงจะไม่รู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้

   “ครับ ขอบคุณครับ” รีบยกมือไหว้ แต่ความเจ็บแปลบที่หัวไหล่ทำให้ต้องนิ่วหน้าจนพี่ไฮท์ตกใจ

   “โดนอะไร หรือเสียงปืนเมื่อกี้ มันยิงมึงเหรอ ไอ้สัดเอ๊ย” พอพี่ไฮท์เห็นแผลก็แทบจะพุ่งเข้าไปหาคนที่ยิงผม แต่ได้พี่บิ๊กดึงไว้

   “แค่ถากไปนิดเดียวเอง มันขู่เฉยๆ” ผมว่า พยายามทำให้พี่ไฮท์ใจเย็น แต่สีหน้าและท่าทางไม่ได้เย็นลงเลย เพราะพร้อมที่จะพุ่งเข้าไปกระทืบได้ทุกนาทีหากพี่บิ๊กปล่อย “พี่ได้อัดเสียงที่ผมคุยกับมันไว้ใช่ไหม” เมื่อพี่ไฮท์มองไอ้คนยิงผมไม่วางตา เลยต้องหาเรื่องคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

   “เออ” ตอบโคตรห้วน “ต่อไปไม่ให้ทำแบบนี้แล้วนะ”

   “ไม่มีอีกแล้วแน่นอน”

   ผมยิ้มอ้อนเมื่อถูกดุ ก่อนเสียงคนเดินเข้ามาใกล้จะทำให้ผมยกแขนขึ้นตั้งการ์ด พอเกิดเรื่องแย่ๆ แบบนี้กับตัวเอง ประสาทสัมผัสทุกส่วนมักจะไวเป็นพิเศษ แต่พอเห็นว่าเป็นใคร ผมก็รีบยกมือไหว้ขอโทษที่ทำให้ทุกคนตกใจ 
   
       “ถ้าต่อยกูมา กูสวนนะมึง อ่ะ ไอ้แทมโทรมา” ผู้ชายร่างผอมที่เรียกพี่กลอยเข้ามาเมื่อกี้ทำหน้าโหด ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาตรงกลางวง ผมมองหน้าทุกคนอย่างมึนงงและสงสัย เพราะไม่รู้จักใคร ทั้งที่ยืนอยู่ด้วยกันและบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องแพง

   “ไงมึง ทางนั้นจัดการเรียบร้อยไหม” พี่โหดเอ่ยถามออกมา คนที่อยู่อีกฟากก็ยิ้มร่าทันที

   (เรียบร้อยสิวะ พวกลุงกูก็พยายามหาทางจับพวกนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีหลักฐานที่สาวไปถึงตัวใหญ่ๆ ต้องขอบใจคนที่เอาหลักฐานมาให้ นี่ถ้าออกใบอนุโมทนาบัตรได้ คงออกให้ไปแล้ว)

   “ใบอนุโมทนาบัตร? เอามาทำไมวะ”

   (มุกไอ้ห่า ว่าแต่มึงเถอะ ไม่ใช่ว่ากระทืบพวกนั้นจนมันตายหรอกนะ)

   “กูไม่ได้โหดขนาดนั้น” คำพูดพร้อมรอยยิ้มเท่นั่นผมคงจะเชื่อ หากไม่เห็นกับตา ว่าคนที่พี่เขากระทืบนอนเป็นผักไร้ความรู้สึกอยู่หน้าโกดัง

   “แล้วคนอื่นล่ะครับ” คราวนี้พี่ไฮท์ถามบ้าง คนปลายสายมองหน้าก่อนจะยิ้มออกมาอีก

   (สบายมากไอ้น้อง พ่อพี่สั่งลูกน้องกวาดเรียบหมดละ ทั้งบ่อน ทั้งซ่อง อ่อ เดี๋ยวโกดังที่นั่นด้วยนะ มีคนซัดทอดว่าของอยู่ที่นั่น รีบๆ ออกมาก่อจะซวย) พูดจบก็ตัดสายไปจนพี่โหดสบถเอาผมสะดุ้ง น่ากลัวไปไหนครับพี่

   “เอาล่ะ หมดเรื่องละ กลับเถอะ” พี่โหดว่า ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนจะเดินออกไป พี่กลอยก็เดินย้อนเข้ามาหาผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

   “ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วนะ ทำตัวแบบพี่เบิร์ดก็พอ”

   “แบบพี่เบิร์ดเหรอครับ?”

        “ก็แบบสบายๆ ยังไงล่ะ” แล้วพี่กลอยก็หัวเราะอยู่คนเดียว และผมก็คงจะสบายตาม หากพี่กลอยไม่ตบไหล่ข้างที่ผมถูกปืนถาก พอผมร้องโอยออกมาพี่เขาก็รีบชักมือกลับ “โทษที ไม่ได้ตั้งใจ”

   “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับที่มาช่วยผม หากไม่ได้พวกพี่ ผมคงแย่” ไม่รู้หรอก ว่าทำไมพี่กลอยกับพวกถึงมาช่วย แต่ยังไงแล้ว ก็ต้องขอบคุณอยู่ดี

   “อย่าคิดมาก ช่วยกันได้ก็ช่วยไป เราคนกันเอง” แทบอยากกราบพี่เขา หากไม่ได้ยินประโยคถัดมา “อย่าลืมเลี้ยงชาบูชุดใหญ่นะ จะล้างท้องรอ” แล้วพี่กลอยก็หัวเราะเสียงดังอีกรอบพลางกับเดินเข้าไปกอดแขนพี่โหด

   “พี่ไฮท์...”

   “กูถึงเตือนไง ว่าอย่าเข้าใกล้ไอ้กลอยมันมาก ไม่ใช่เพราะมันเพี้ยนหรอกนะ แต่เพราะแฟนมันโหด” เงยหน้ามองพี่ไฮท์เมื่อเข้าใจในความหมาย เพราะแม่งโหดจริง “กลับเถอะ เดี๋ยวไปแวะทำแผลที่คลินิก”

   “แล้วพี่ขิง” ผมชะงักแล้วถามหาคนที่นัดผมมาที่นี่ “พี่ขิงละ”

   “คงกำลังถูกตามจับ หรือไม่ก็ถูกจับแล้ว” เจมส์ตอบแทน มันยิ้มก่อนยื่นมือมาจับมือผม “มันไปไกลกว่าที่พวกเราคิดมาก”

   “ติดคุกยาวแน่พี่มึงน่ะ” พี่บิ๊กขัด ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วย “กลับเถอะ เดี๋ยวตำรวจมาพวกเราจะซวย”




.
.

(มีต่อด้านล่างค่า )
 
   
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 05-05-2018 22:04:39
(ต่อด้านบนอีกนิดค่า)
.
.


ผมย้ายมานั่งรถของพี่ไฮท์โดยให้พี่บิ๊กขี่มอเตอร์ไซค์ผมกลับแทน เพราะขืนให้ผมขี่เองคงลงข้างทางสักที่ ระว่างนั่งรถ ผมก็ซักถามเรื่องทั้งหมดทันที

   “พี่กลอยมาช่วยผมได้ยังไง” ถามด้วยความสงสัย แม้กับพี่ไฮท์ก็ยังไม่ใช่เพื่อนสนิทเลยด้วยซ้ำ อยู่ๆ จะมาช่วยขนาดนี้ มันก็ดูแปลกไปสักหน่อย

   “คืนวันก่อนพอดีไอ้แน่อยากกินเหล้าหลังมอ ก็เลยไปเจอกลุ่มของไอ้กลอย มันก็ถามหามึง กูก็เลยตัดสินบอกว่ามึงไม่ใช่ไอ้ขิง” ตกใจที่พี่ไฮท์บอกคนอื่นแบบนั้น ถึงแม้ผมจะเลิกเป็นพี่ขิงแล้วก็เถอะ “มันก็งงๆ ถามวนไปวนมา ไอ้บิ๊กเลยตัดสินใจเล่าเรื่องมึงให้ฟัง”

   “พี่เขาเชื่อเหรอ” เพราะเรื่องพวกนี้ จะว่าไปก็เหมือนละคร

   “เชื่อไม่เชื่อ มันก็ร้องหาหลักฐานที่เรามี มันบอกมีคนที่รู้จักที่น่าจะช่วยได้”

   “เอาให้ไปแบบนั้นมันโคตรเสี่ยงเลยว่ะ” ผมว่า “พี่นึกยังไงวะ”

   “ก็เราไม่มีทางเลือก อีกอย่าง กลุ่มเพื่อนไอ้กลอยก็ยืนยันเอง ว่าไว้ใจมันได้ กูก็เลยเอาสำเนาให้ไป” ผมพยักหน้าเข้าใจในเหตุผล ก็เราไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ เก็บไว้ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร “พอกูให้ตอนเช้าอีกวัน ตอนบ่ายมันก็มาที่คณะแล้วพากูไปเจอแฟนมัน”

   “พี่โหดเมื่อกี้น่ะนะ” ภาพตอนเท้าเสยหน้าปลายคางไอ้เลวจนเลือดพุ่งออกมายังติดตาผมอยู่เลย คิดแล้วก็สยอง

   “อืม เขาชื่อพี่โช พี่เขาเอาหลักฐานที่ได้ให้กับพ่อเพื่อนตัวเองไป แล้วก็เป็นอย่างที่ได้ยิน ว่าพ่อเขาจัดการเรียบร้อย”

   “แปลว่า พ่อเพื่อนพี่โชนี่ก็ต้องใหญ่พอสมควรสิ” เพราะขนาดคนของลุงเจ้าของบ้านยังสู้กลุ่มเสี่ยบ่อนนั่นไม่ได้ “ไอ้ที่ช่วยก็ส่วนหนึ่งนะ แต่ผมว่า พี่เขาเหมือนอยากมากระทืบคนซะมากกว่า แถมกระทืบถูกคนซะด้วย” แต่ที่ทำให้ผมนึกไม่ออก นั่นคือ ไอ้บ้านั่นมันพูดตอนไหน ว่าอยากจับพี่กลอยไปทำเมีย เหมือนได้ยินแค่ว่าหน้าตาใช้ได้เองนะ หรือผมจำผิดวะ

   “ก็คงส่วนหนึ่ง ไม่รู้ไอ้กลอยไปใส่ไฟอะไรบ้าง ตอนแรกที่ไปเจอก็ดูเฉยๆ แต่พอไอ้กลอยพูดเรื่องถูกลวนลามขึ้นมา พี่โชเขาก็แทบอยากมาซะตั้งแต่ตอนนั้น” ได้แต่หัวเราะแกนๆ เมื่อได้ยิน ความโหดนี้ผมจะจำไม่ลืมเลือนเลยทีเดียว และก็จะไม่ลืมบุญคุณของพวกเขาที่ช่วยผมด้วย แล้วก็ไม่ลืมชาบูด้วย...

        ที่จริงตอนผมลังเลว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี พี่ไฮท์ก็โทรเข้ามา บอกว่าวันนี้พวกตำรวจและทหารจะเข้าจับกุมเสี่ยเจ้าของบ่อนนั่น พอได้ยิน ผมเลยตัดสินใจบอกในสิ่งที่คิดไป ว่าผมอยากจะไปหาพี่ขิง แม้ตอนแรกพี่ไฮท์จะไม่เห็นด้วย แต่ผมก็อยากไปเจอพี่ชายตัวเองก่อน และเมื่อห้ามผมไม่ได้ ก็เลยสั่งให้ผมทำตาม นั่นคือระหว่างการเดินทาง ผมต้องบอกทุกอย่างที่เห็นรอบตัวและเปิดโทรศัพท์ระบบติดตามตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อสะดวกแก่การตามหา ผมคิดตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน พยายามหาเหตุผลในการชักจูงใจพี่ขิง เผื่อผมจะสามารถเกลี้ยกล่อมพี่ชายฝาแฝดให้ยอมมอบตัวได้ เพราะอย่างน้อย โทษก็น่าจะเบากว่า
แต่ที่ไหนได้ ผมกลับเป็นฝ่ายโดยล่อลวงซะเอง   

   “ขอบคุณที่พี่มาช่วยผม” บอกอย่างตื้นตัน พี่ไฮท์หันมายิ้มอ่อนโยนให้ผม มือใหญ่ยื่นมาลูบแก้มผมเบาๆ “ตอนถูกปืนจี้ ผมนึกถึงหน้าพ่อกับหน้าพี่ตลอดเลย กลัวไม่เห็นหน้าก่อนตาย”

   “มึงไม่มีทางตาย ถ้ากูไม่อนุญาต”

   “โอ๊ย มดเต็มรถแล้วครับ อย่าลืมว่าผมนั่งมาด้วย ไม่ใช่ตอไม้ รู้แบบนี้ไปซ้อนพี่บิ๊กซะก็ดี” เสียงเจมส์ขัดขึ้น ตอนนี้หน้ามันบูดบึ้งเหมือนเด็กทำให้ผมกับพี่ไฮท็ก็พากันขำ “แล้วนี่ เราต้องไปโรงพักกันไหม”

   “นั่นสิ” ผมมองหน้าพี่ไฮท์อย่างขอความเห็น ซึ่งก็ได้การพยักหน้าตอบกลับ ไม่รู้ป่านนี้พี่ขิงจะอยู่ไหน จะถูกตำรวจจับหรือเปล่า “ผมหวังว่าเรื่องมันจะจบจริงๆ”

   ไม่มีใครพูดอะไรต่อ มีเพียงมือใหญ่ที่ยื่นมือลูบศีรษะผมเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ หากเมื่อกี้ผมตายไป คงจะรู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้อีก

   โชคดีจริงๆ



...TBC

กว่าจะลงตอนนี้ได้ แก้แล้วแก้อีก แก้จนเกือบเผลอลบตอนไปด้วยความเบลอ T^T พยายามที่จะไม่ทำให้เรื่องมันงง เวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาในเรื่อง แบบอยากให้มาแล้วจบไป แต่ก็เข้าใจอยู่ (งงไหมคะ) คล้ายๆ กับว่า อยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ไม่เคยอ่านเรื่อง Just you and I เข้าใจด้วยแบบนี้นา เพราะวางเรื่องในพี่โชมาตอนเดียวจริงๆ หากใครที่อ่านแล้วมันงงๆ ก๊งๆ ช่วยบอกด้วยนะคะ จะได้รีบแก้ไข พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ ค่ะ

ได้โปรดเมตตาด้วยนะคะ (ไหว้ย่อ)

แล้วพบกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-05-2018 22:10:49
วันนี้เจอก่อนอัพทางเพจ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 05-05-2018 22:23:29
วันนี้เจอก่อนอัพทางเพจ  :z1: :z1: :z1:


ขอบคุณค่าาา

แต่กว่าจะอัพเล้าได้ ใช้เวลานานมากค่าา จะก็อบลิ้งไปวางที รอนานมากเลย  :m15: :m15:

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-05-2018 22:33:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีขบวนการตลบหลังด้วย

แถมมีหลอกเล็ก ๆ เรื่องกินหญ้าด้วยนะ  แหม่
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: KawinCa ที่ 05-05-2018 22:50:17
จะถึงจุดจบของขิงซักที ให้ขมิ้นได้เฉิดฉายบ้าง
พี่กลอยน่ารักและใจดีมาช่วยน้องด้วย งื่อออ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 05-05-2018 23:04:19
นังขิงติดคุกยาวๆไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 05-05-2018 23:25:19
ที่สุดก็ถึงมือ "พี่โช" ตามอย่างที่แนะนำอิกลอยไป
555+
แต่ไม่คิดว่ากลอยจะแหลได้ถ้วย นายแน่มากกลอย ...
ไม่มีอะไรจะทำให้พี่โชเดือดได้เท่านี้แล้ว อิอิ

ส่วนขมิ้น ก็ฉลาดเนอะ เก่งอะที่ปรึกษาแฟน
ยอดเยี่ยม ไม่โง่เป็นนางเอกละครไทย

เรื่องตัวละครเพิ่ม .. เราโอเคนะ เพราะเราอยู่ก๊วนอิกลอย
แต่มีคำผิดนะคะ

“ขมิ้นไม่ได้หาหรอกครับ ผมยัดเยียดให้เอง
ขอโทษด้วยที่ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อไฮท์ รุ่นพี่ของขิง”
..... ยัดเยียด

สุดท้าย
จะรอดู "ผลกรรม" ของขิง ... อย่าปล่อยให้ "คนชั่วมาก" ลอยนวลนะคะ
ไม่งั้นคนอ่านจะงอนคนเขียน
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-05-2018 00:06:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-05-2018 03:16:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-05-2018 13:43:44
จบเรื่องบ้าๆซะที คนที่ผิดก็รับกรรมกันไปนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-05-2018 15:15:49
ชอบบบบบบบบบบบบบ   :katai2-1:
พี่ไฮท์  ขมิ้น   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

แล้วพี่โช กลอย  พี่จอม ก็มา   :hao5: :sad4:
คิดถึงพี่โช กลอย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขิง เลวมาก ทำตัวเองทั้งนั้น
แล้วหาว่าขมิ้นมาแย่ง แย่มาก เลววววววววววววว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 22] [P.9] // {05/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 06-05-2018 20:30:21
หมดเรื่องแล้วเนอะ ดีนะพี่โชพี่จอมกับกลอยมาช่วย
ขอให้ขิงโดนจับให้ได้เถอะ

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 11-05-2018 20:13:58

-23-





        รถยนต์ของพี่ไฮท์เลี้ยวเข้ามาที่สถานีตำรวจ พวกเราก็ต่างมองหน้ากันอย่างตกใจ เมื่อลานจอดรถ มีรถของสำนักข่าวหลายช่อง และบรรดานักข่าวก็ยืนออเต็มหน้าโรงพักไปหมด ถ้าให้ผมเดา พวกเขาคงมารอทำข่าวของพี่ขิงแน่

   “เอาหมวกไหม” พี่ไฮท์ถามพร้อมยื่นหมวกแก็ปมาให้ “คงจะไม่ค่อยดีถ้าเขาเห็นหน้ามึง”

   “ก็จริงอย่างที่พี่ไฮท์ว่านะมึง เดี๋ยวเขาจะคิดว่ามึงเป็นไอ้ขิง” เจมส์พูดเสริมออกมาทำให้ผมพยักหน้าตกลง

        รับหมวกมาสวมพร้อมดึงให้ปิดหน้าไว้ ส่วนแผลที่ไหลก็ยังเจ็บอยู่บ้าง เพราะระหว่างทางแวะทำแผลมาแล้ว เราสามคนเดินเกือบจะถึงที่นักข่าวยืนอยู่ รถตำรวจก็วิ่งเข้ามาจอด มีตำรวจหลายคนวิ่งกรูมาจากด้านในเข้ามากั้นนักข่าวเอาไว้ เมื่อประตูรถเปิด แสงแฟลชมากมายก็สาดใส่คนที่ลงจากรถมา 

   “พี่ขิง” เผลอหลุดเรียกชื่อออกมาเบาๆ พี่ชายฝาแฝดของผมถูกจับใส่กุญแจมือ ใบหน้าขาวบูดบึ้งราวกับรำคาญ ด้านหลังพี่ขิงเป็นผู้ชายแก่อายุน่าจะเกินห้าสิบถูกใส่กุญแจมือเหมือนกัน ปากก็โวยวายว่าจะเอาเรื่องทุกคนให้ถึงที่สุด

   “จะติดคุกตลอดชีวิตละยังปากดีอีก” เจมส์แขวะ แต่ก็ถูกพี่บิ๊กที่เพิ่งถึงมาปรามไว้

   แสงแฟลชยังถูกสาดอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งคำถามมากมายที่ส่งไปถึงพี่ขิง แต่คนถูกถามกลับเงียบไม่ตอบพลางชักสีหน้าใส่จนเดินหายเข้าไปด้านใน นักข่าวที่ถูกกันไว้ด้านหน้าต่างพากันคุยอย่างเซ็งแส้เรื่องพี่ขิงถูกจับคาบ่อน แถมเป็นพ่อเล้าค้ามนุษย์อีก เรื่องพวกนี้ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าเรื่องที่ว่า พี่ขิงถูกรวบคาบ่อนเถื่อนนี่แหละ 

   พวกเราสี่คนเดินเบียดนักข่าวเพื่อจะตามพี่ขิงเข้าไป หมวกที่ผมสวมเกือบหลุดเมื่อถูกแขนนักข่าวชน ยังดีที่พี่ไฮท์คว้าทันก่อนจะจับไว้อย่างนั้นจนพ้นวงล้อมนั่น ใจหายแวบเลยทีเดียว พอเข้ามาด้านใน ผมก็เห็นพี่ชายตัวเองนั่งไขว่ห้างอยู่หน้าโต๊ะของร้อยเวร มีตาแก่เจ้าของบ่อนนั่งถัดอีกโต๊ะ

   “พี่ขิง” ร้องเรียกเบาๆ จนคนที่นั่งหันหน้ามามอง “พี่ขิงทำเรื่องพวกนี้จริงๆ เหรอ” ไม่มีเสียงตอบกลับ แถมยังเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจอีก

   “แม่งทนไม่ไหว กูขอถามหน่อยเถอะ มึงหลอกไอ้ขมิ้นไปให้พวกนั้นจับได้ยังไง มึงเป็นพี่มันนะเว้ย” เจมส์คงทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมา มันคว้าต้นแขนพี่ขิงเขย่าไปมาอย่างเหลืออด “นี่น้องมึงนะขิง”

   “กูมีน้องด้วยเหรอ” เสียงนิ่งที่ตอบกลับทำเอาเจมส์พูดไม่ออก พี่บิ๊กรีบดึงเจมส์ให้กลับมายืนที่เดิม ก่อนพี่ขิงจะปรายตามองพี่ไฮท์ “มึงปกป้องมันจริงๆ สินะ”

   “ก็กูบอกแล้ว ว่ากูจะปกป้องคนที่กูรัก” พี่ไฮท์ตอบอย่างไม่แคร์ “และถ้าน้องมึงไม่ขอกูไว้ ตอนนี้กูคงกระทืบมึงคาโรงพักนี้แล้ว” หลังจากพี่ไฮท์พูดจบ พี่ขิงก็เค้นเสียงขำในลำคอ ผมแตะแขนพี่ไฮท์เมื่ออยากคุยกับพี่ชายตัวเอง และทุกคนดูจะเข้าใจยอมถอยห่าง เพื่อให้ผมคุยกับพี่ขิงได้สะดวก

   “พี่ทำแบบนี้ไปทำไมวะ” ถามเสียงเครียดเมื่ออยู่กับพี่ขิงแค่สองคน แต่คนถูกถามดูไม่ได้สนใจสักนิด “พี่ทำเรื่อง พวกนี้ลงไป ไม่สงสารแม่เหรอ ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องการพนัน แล้วยังเป็นคนหาเด็กให้พวกบ้ากามอีก พี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ”

   “รู้สึกสิ รู้สึกว่ามันก็สนุก ท้าทายดีนะ มึงไม่ลองทำดูล่ะ”

   “กับผม พี่คงไม่รู้สึกผิดอะไรที่ทำแบบนี้ แต่กับแม่แล้วก็ลุงเจ้าของบ้าน โดยเฉพาะคุณลุง เขารักพี่มากนะ รักขนาดให้ทุกอย่างที่พี่อยากได้ แต่ทำไมพี่ยังคิดทำร้ายเขาได้ลงคอ นี่พี่ยังเป็นคนจิตใจปกติดีอยู่หรือเปล่า”

   “มันให้กูเองนี่ ทำไมกูจะต้องรู้สึกผิดอะไร” พี่ขิงตอบอย่างไม่ยี่หร่า “แล้วที่บอกว่ารักกู รักเหี้ยอะไรถึงแอบติดกล้องวงจรปิดในห้องเพื่อจับกู”

   “เขาติดไว้ป้องกันขโมย ก็พี่อยากเป็นขโมยทำไม เงินไม่กี่แสนแค่ขอเขาก็ให้แล้ว ขนาดรถราคาเป็นล้านเขายังให้พี่เลย”

   “ก็ถ้ากูบอกติดหนี้บอล มันจะให้กูไหม! สมองมึงมีหัดคิดซะบ้าง!” คิ้วผมกระตุกยิกๆ เมื่อถูกพี่ขิงตะคอก

   “อะไรทำให้พี่เป็นแบบนี้วะ คนที่มีเงิน มีหน้าตาทางสังคม มีงานที่ดี มีเพื่อนที่รัก แถมได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ชีวิตพี่โคตรดีทุกอย่าง แล้วอะไรทำให้พี่เลวแบบนี้ล่ะ”

   “เพราะทุกคนทำให้กูเลวไง”

   “ไม่ใช่” ผมพูดออกมาทันทีที่พี่ขิงพูดจบ “ทุกคนไม่ได้ทำ แต่เพราะพี่เลือกจะเป็นคนเลวเอง พี่เลือกเองทั้งหมด”

   “มึงไม่เป็นกูมึงไม่รู้หรอก ว่ากูพยายามแค่ไหนกว่าจะมาถึงวันนี้ กูพยายามอย่างหนักเพื่อจะเรียนให้ได้ที่หนึ่งอย่างที่พ่อหวัง กูพยายามตัวตัวให้เด่นที่สุดในงานอย่างที่แม่ชอบ และความรักที่กูพยายามทำให้เขามอง แต่เขากลับไม่ใส่ใจ” พี่ขิงปรายตามองไปยังพี่ไฮท์ที่นั่งอยู่ข้างพี่บิ๊ก “กูพยายามทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น แล้วกูล่ะ ทำไมไม่มีใครพยายามทำเพื่อกูบ้าง พอมึงเข้ามา ยิ่งทำให้กูรู้ว่า ความพยายามของกูโคตรไม่มีค่าอะไรเลย คนที่แม่งเกิดมาหน้าตาเหมือนกู แต่ด้อยกว่ากูทุกอย่าง กลับได้สิ่งที่กูอยากได้ มันใช่เหรอวะ มึงแม่งไม่น่าเกิดมาเลยว่ะ”

   “พี่โคตรปัญญาอ่อนว่ะ” ว่าเสร็จก็เค้นขำออกมา “สิ่งที่พี่พยายามทำเพื่อคนอื่นนั้น ผลสุดท้ายคนที่ได้ผลประโยชน์ก็คือตัวพี่เองไม่ใช่เหรอ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน มันทำให้พี่มีชีวิตที่ดีไม่ใช่เหรอ”

   “ชีวิตที่ดี? ดียังไง กูต้องสูญเสียอะไรไปบ้างกับชีวิตที่ดีอย่างที่มึงว่า”

   “ถ้าพี่หมายถึงเรื่องเรียนหรือเรื่องงานผมไม่รู้ ว่าพี่ต้องเสียอะไรไปบ้าง แต่ถ้าหมายถึงเรื่องความรักละก็ พี่ไม่ได้สูญเสียอะไรเลย เพราะคนที่สูญเสียก็คือพี่ไฮท์ เขาเสียคนที่รักไปเพราะความเห็นแก่ตัวของพี่ ซึ่งพี่เรียกมันว่าความรัก”

   “กูไม่ได้เห็นแก่ตัว เพราะอีนั่นมันไม่ใช่คนดี ถ้ามันดีจริงจะยอมมานอนกับกูเหรอ ถ้ามันรักไอ้ไฮท์จริง จะนอกใจเข้าโรงแรมกับคนอื่นเหรอ” พูดไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อได้ยิน ซึ่งมันก็เป็นความจริงอยู่ส่วนหนึ่งเหมือนกัน “กูแย่งอีนั่นออกมาจากมัน แล้วมึงก็มาแย่งมันไปจากกู”

   “ผมไม่เคยแย่งพี่ไฮท์”

   “ทำไมจะไม่แย่ง! มึงนั่นแหละ แย่งความรักของกูไป ถ้าไม่มีมึง อีกหน่อยเขาก็อาจสนใจกู ถ้ากูหลุดออกมาจากวงจรอุบาทนั่นได้ แต่พอมีมึงเข้ามา ทุกอย่างที่กูหวัง มันก็พังลง มึงควรตายตั้งแต่เป็นเด็กขี้โรคนั่น ไม่น่ารอดมาอยู่ร่วมโลกกูเลย”

   “พี่ขิง!” ผมแหวออกมาเมื่อทนฟังคำพูดแย่ๆ นั่นไม่ได้ “พี่เลิกโทษคนอื่นซะที แล้วก็เลิกโยนความผิดที่พี่ก่อให้กับคนอื่น เพราะคนที่พี่ต้องโทษ คือตัวพี่เอง พี่ทำเลวเอง”

   “มึงด่ากูเหรอ”

   “หรือพี่จะคิดว่าผมชมล่ะ จากตอนแรกที่รู้ว่าพี่ติดหนี้บอล ผมก็คิดอยากหาทางช่วย ตอนเจอไอ้พี่นาว ผมก็คิดแค้นเขา เพราะคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุ แต่ที่ไหนได้ พี่กลับเลือกทำเอง เลือกที่จะเอาชีวิตไปเกลือกกลั้วความเลวเอง อีกอย่างนะ ถึงไอ้พี่นาวมันจะไม่ใช่คนดีมาก แต่เขาก็รักพี่จริงๆ ผมรู้สึกได้”

   “รักเหรอ อย่างมันเนี่ยเหรอรักกู อยากใช้กูเป็นทางลัดหวังดังน่ะสิไม่ว่า”

   “แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่ารักล่ะ แบบที่พี่ทำกับพี่ไฮท์น่ะเหรอ” ว่าจะไม่พาดพิง แต่ก็ขอหน่อยเถอะ ตอนนี้พี่ขิงเอาแต่เหลือบตามองคนด้านหลังผมเป็นระยะ “พี่เรียกความเห็นแก่ตัวว่าความรักเหรอ อยากจะหัวเราะเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว”

   “ไอ้ขมิ้น!”

   “ถ้าพี่รู้จักความรักจริงๆ พี่จะไม่มีทางคิดทำลายความรักของเขา ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะดีหรือไม่ก็ตาม เพราะมันคือความรักของเขา”

   “ถ้ากูไม่ทำลายความรักของมันในตอนนั้น แล้วตอนนี้มึงจะได้รักกับมันไหม มึงต้องขอบใจกูด้วยซ้ำไอ้ขมิ้น ถ้าไม่มีกู ชีวิตของมึงคงไม่มาเจอเรื่องดีๆ แบบนี้” พี่ขิงเหยียดยิ้มออกมา ราวกับตัวเองดีเลิศ

   “ชีวิตเจอแต่เรื่องดีเหรอ งั้นผมคงต้องกราบขอบคุณพี่สินะ ขอบคุณพี่ที่ทำให้ผมเจอพี่ไฮท์ ขอบคุณที่พี่ทำเรื่องดีๆ เอาไว้ให้ผมต้องเจอในทุกๆ วัน เรียกได้ว่า ตั้งแต่วันแรกในการเหยียบมหาลัยด้วยซ้ำ ขอบคุณที่พี่มีเพื่อนพี่น้องทั่วมหาลัย ไม่ว่าผมจะไปทางไหน ก็มีคนอยากสัมผัสร่างกายผมด้วยมือและตีน ผมโคตรจะซาบซึ้งในความดีของพี่เลยว่ะ” ถ้านี่เรียกว่าประชดก็คงใช่ แต่มันสุดจะทนแล้วจริงๆ กับคนที่ทำเรื่องแย่ๆ แต่กลับไม่มีความสำนึกเลยสักนิด “ตั้งแต่เกิดมา พี่เคยคิดว่าตัวเองทำผิดบ้างไหม”

   “ในชีวิตกู ไม่เคยทำอะไรผิด”

   คนแบบนี้พูดไปก็เปลืองน้ำลายจริงๆ ผมเม้มริมฝีปากเพราะไม่อยากต่อความกันอีก ก่อนที่ตำรวจจะกันผมให้ออกไปรอด้านนอก ก็อดไม่ได้ที่จะบอกเรื่องสุดท้ายที่อยู่ภายในใจ

   “ปุยเมฆมันรอเจอพี่ไม่ไหว มันไปสบายแล้วนะ” พูดเสร็จผมก็เดินตามพี่ไฮท์ออกไปรอด้านนอก พี่ขิงไม่มีท่าทางตกใจอะไร ใบหน้าเหมือนผมนิ่งไร้ความรู้สึก ถึงพี่ขิงจะไม่ได้รัก แต่อย่างน้อยก็ควรได้รับรู้ ว่ามันไม่อยู่แล้ว




   ภายในห้องกระจกนั้น ผมไม่รู้เลยว่าตำรวจสอบสวนพี่ขิงกับเจ้าของบ่อนว่ายังไงบ้าง เห็นก็แต่ตาลุงเจ้าของบ่อนชี้มือชี้ไม้ตะโกนด่ากับพี่ขิงที่นั่งคอเชิดไม่สนใจ

   “เรื่องใหญ่จริงๆ ว่ะ” เสียงของพี่บิ๊กทำให้ผมละสายตาจากห้องกระจก ก่อนโทรศัพท์เครื่องแพงจะถูกยื่นมากลางวง “ข่าวไอ้ขิงลงเว็บเต็มไปหมด กูว่า อนาคตมันดับแน่ๆ”
 
   “ไม่ต้องเดาหรอก มันก็เห็นๆ กันอยู่” พี่ไฮท์ตอบ “แล้วนี่ ไม่โทรบอกแม่เหรอ”

   “เออใช่”

   พี่ไฮท์เตือนปุ๊บ ผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาเลื่อนๆ หาชื่อของแม่ กดโทรออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่มีใครรับสาย พอลองโทรเข้าที่บ้านหลังใหญ่ถึงได้รู้ว่า แม่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบใหญ่ออกจากบ้านไป แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน ผมพยายามโทรหาแม่ดูอีกรอบ เผื่อแม่จะสามารถมาประกันตัวพี่ขิงได้

   “ไม่รับเหรอ” พี่ไฮท์ถามเสียงเครียด ผมก็พยักหน้าทั้งที่โทรศัพท์ยังแนบหู “อาจจะยุ่งก็ได้”

   “รับแล้วๆ” ผมยิ้มกว้างออกมาเมื่อปลายสายมีการกดรับ “แม่อยู่ไหน มาช่วยพี่ขิง...”

   (ฉันอยู่สนามบิน กำลังจะบินไปอเมริกา) ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค แม่ก็พูดสวนกลับมา (แล้วแกก็ไม่ต้องโทรหาฉันอีก เพราะฉันจะปิดเครื่อง)

   “แม่จะไปเมืองนอกทั้งที่พี่ขิงกำลังเดือดร้อนเนี่ยนะ”

   (มันก่อเรื่องเอง ก็ให้รับโทษไปสิ แกรู้ไหมว่าฉันอายแค่ไหนที่มันทำเรื่องเลวแบบนั้น แล้วแบบนี้จะให้ฉันทนแบกหน้าอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันอาย)

   “ชื่อเสียงของแม่สำคัญกว่าลูกเหรอ”

   (ถ้ารู้ว่ามันชั่วแบบนี้ ฉันจะไม่พามันไปออกงานสังคมอย่างเด็ดขาด แกรู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องทนกับเสียงโทรศัพท์กี่ร้อย กี่พันสายเพราะข่าวของพี่แก ชื่อเสียงของฉัน หน้าตาของฉัน จะเอาไปไว้ที่ไหน ป่นปี้หมดแล้ว)

   “แม่มาประกันตัวพี่ขิงหน่อยสิ” พยายามทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่แม่พูด เพราะถ้าพี่ขิงได้ยินก็คงเสียใจ ขนาดผมยังรู้สึกเสียใจแทนเลย

   (แค่นี้นะ ฉันจะขึ้นเครื่องแล้ว)

   แล้วแม่ก็ตัดสายไป ทั้งที่ผมยังคุยไม่จบด้วยซ้ำ พอโทรกลับไปก็ไม่มีสัญญาณแล้ว นี่แม่ทิ้งพี่ขิงไปจริงๆ เหรอวะ ผมก็ไม่ได้อยากว่าแม่หรอกนะครับ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า แม่เห็นแก่ตัวจริงๆ ผมมองเหม่อผ่านกระจกใส เห็นพี่ชายตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปด้านใน

   “ตำรวจจะเอาพี่ขิงไปไหน” ถามทั้งที่สายตายังอยู่ในห้องสอบสวน

   “คงเอาไปขังก่อนละมั้ง” พี่ไฮท์ตอบพลางวางมือบนบ่าผมเบาๆ เพื่อปลอบ “แม่มึงไปเมืองนอกแล้วเหรอ” ผมไม่ได้ตอบไป ทำเพียงแค่พยักหน้า แค่นั้นน้ำหนักมือที่วางบนบ่าก็แรงขึ้น

   หมดหวังที่จะช่วยแล้วใช่ไหม พี่ขิงต้องรับกรรมที่ตัวเองก่อใช่ไหม


   “ไอ้ขมิ้น” ระหว่างที่กำลังน้ำตาคลอ เสียงเรียกแสนคุ้นหูก็ดังขึ้น ผมและคนอื่นๆ หันไปมอง แค่นั้นน้ำตาผมก็ไหลอาบแก้ม “พี่มึงล่ะ”

   “พ่อมาได้ยังไง”

   “ขับรถมาสิวะ”

   “ผมหมายถึง พ่อมาที่นี่ได้ยังไง แล้วรู้เรื่องพี่ขิง...”

   “ข่าวลงทีวีเกือบทุกช่อง ว่าจับนายแบบไฮโซคาบ่อน แล้วชื่อกับหน้ามันก็เต็มจอ กูไม่เห็นก็คงตาบอดแล้ว” พ่อตอบยาวเหยียดแต่สายตากำลังมองหาใครสักคน “พี่มึงล่ะ”

   “ตำรวจเอาเข้าห้องขังไปเมื่อกี้”

   พ่อเงียบเมื่อผมตอบ ก่อนจะหันมาทำตาดุใส่

   “มึงมีเรื่องขนาดนี้ ไม่คิดจะบอกพ่อมึงเหรอวะ หรือไม่เห็นกูเป็นพ่อ”

   “ไม่ใช่แบบนั้น ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้” ที่จริงไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง “พ่อจะเข้าไปหาพี่ขิงไหม”

   “ไปสิ นั่นลูกกูนะ”

   พูดจบพ่อก็ผลักบานประตูเข้าไป โดยมีผมเดินตามเข้าไปคนเดียว คุยกับตำรวจไม่นานก็ได้เข้าไปด้านในซึ่งมีห้องขังขนาดกลางที่มีพี่ขิงกับเจ้าของบ่อนนั่งอยู่คนละมุม

   “ขิง” พ่อเรียกเบาๆ เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองช้าๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “เป็นยังไงบ้างลูก”

   “ติดคุกแบบนี้คงสบายมั้ง” น้ำเสียงและท่าทางของพี่ขิงไม่ได้ทำให้พ่อโกรธ ต่างจากผมที่อยากจะต่อยหน้าขาวๆ นั่นเหลือเกิน “มาทำไม”

   “พ่อขอโทษที่ไม่ได้ดูแลขิง” เสียงพ่อเริ่มสั่น ผมรู้ว่าพ่อก็รักพี่ขิงไม่น้อยไปกว่าผม แต่ทุกครั้งที่พูดเหมือนไม่สนใจก็เพราะปากแข็ง “พ่อจะช่วยขิงเองนะ”

   “ขอบใจ แต่ไม่ต้อง เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”

        และท่าทางหยิ่งยโสนั่นทำให้ผมอดไม่ไหว..

   “ในเมื่อไม่สนิทก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน พี่ก็รับกรรมความชั่วของพี่ไป” แม้พ่อจะปรามผม แต่ผมก็ไม่ยอมหยุด “รับโทษแบบนี้ก็ดี พี่จะได้คิดทบทวนว่าในชีวิตของพี่ ทำอะไรผิดมาบ้าง”

   “ไอ้ขมิ้น พอได้แล้ว” พ่อตบหัวของผมเบาๆ เมื่อพูดห้ามไม่ได้ “แล้วขิงต้องการอะไรไหม เดี๋ยวพ่อ...”

   “ต้องการความสงบ อย่ามายุ่ง อย่ามาให้เห็น ไม่ชอบ เข้าใจไหม”

   “เข้าใจแล้ว พ่อกลับ”

   ผมดึงแขนพ่อให้ออกมาจากตรงนั้น แต่พ่อยังยื้อตัวเองเอาไว้

   “แล้วแม่ล่ะ แม่อยู่ไหน ขิงไม่ตามแม่มาช่วยล่ะ”

   “ป่านนี้หอบสมบัติหนีแล้วมั้ง” พี่ขิงตอบเหมือนตาเห็น เพราะแม่เป็นแบบนั้นจริงๆ “กลับไปในที่ของพวกคุณเถอะ เพราะผมไม่ต้องการ”

   “ขิง...ลูก”

   จากนั้นพี่ขิงก็ลุกหนีไปนั่งมุมห้องด้านใน ส่วนพ่อน้ำตาคลอมองตาม ผมเพิ่งเคยเห็นพ่อจะร้องไห้ก็คราวนี้ โคตรสงสารพ่อตัวเองเลยว่ะ



   เราสองคนเดินลอยๆ ออกมาจากห้องด้านใน พ่อปลีกตัวไปคุยกับตำรวจ ส่วนผมเดินออกมาหาพวกพี่ไฮท์ที่นั่งรอกันอยู่ พอทุกคนเห็นผมก็รีบเดินเข้ามาหา

   “ไหวไหม” พี่ไฮท์ถามพลางลูบศีรษะผมเบาๆ

   “ก็ต้องไหวแหละมั้ง” ตอบพลางสูดขี้มูก

   “ร้องไห้ออกมาเลยมึง จะได้ดีขึ้น” เจมส์จับมือผมเขย่าเบาๆ เพื่อปลอบ

   “ไม่เอา เดี๋ยวกูตาบวม” เพราะไม่อยากให้ทุกคนเครียดไปกับผม เลยต้องทำเป็นตลก “ไม่รู้พ่อจะคุยได้เรื่องไหม”

   “ถ้าเรื่องประกันตัวคงไม่ได้ว่ะ เพราะกูไปถามแล้ว” พี่บิ๊กบอกออกมา “เขาบอกเป็นคดีร้ายแรงกลัวหลบหนี”

   “อย่างนี้ไอ้ขิงก็ต้องติดคุกน่ะสิ” เจมส์พลั้งปากออกมาก่อนจะรีบตะครุบปากตัวเอง “ขอโทษที่ปากไวไปหน่อย” ผมยิ้มให้เจมส์บางๆ เพราะไม่ได้คิดมากอะไร

   รออยู่ไม่นานพ่อก็เดินคอตกออกมา ใบหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

   “เป็นไงบ้างพ่อ ตำรวจว่าไง”

   “เขาไม่ให้ประกันตัวว่ะ กลัวมันหนี” เป็นอย่างที่พี่บิ๊กบอกจริงๆ “เฮ้อ”

   “พ่ออย่าเครียดสิ เดี๋ยวความดันขึ้นนะ”

   “มึงยังมาทำตลกอีก”

   “ก็ไม่อยากให้พ่อเศร้า เห็นพ่อเป็นแบบนี้แล้วเหมือนไม่ใช่พ่อผมคนเดิม”

   “กูก็อยากหัวเราะ แต่มันยิ้มไม่ออก” พ่อบอกพลางถอนหายใจออกมาอีก “แล้วนี่ใคร”

   “นี่เจมส์เพื่อนพี่ขิง” ชี้ไปที่เจมส์ “นี่พี่บิ๊กรุ่นพี่ของพี่ขิง” ชี้ไปทางพี่บิ๊ก “และสุดท้าย” เอาวะ พ่อคงไม่กระทืบผมจนม้ามแตกหรอก “นี่พี่ไฮท์...”

   “รุ่นพี่ไอ้ขิง?”

   “แฟนผม”

   เงียบไร้เสียงตอบกลับ พ่อกระพริบตาปริบๆ มองผม พออ้าปากจะพูดก็งับลงไป ทำแบบนั้นอยู่หลายรอบก่อนจะตวัดสายตามองพี่ไฮท์

   “เรื่องนี้ไว้คุยกันอีกที แล้วนี่ มึงจะกลับบ้านพร้อมกูไหม หรือต้องกลับไปบ้านคนรวยนั่นอีก” แม้จะพูดกับผม แต่สายตาพ่อยังจ้องพี่ไฮท์ตาไม่กระพริบ

   “ผมออกมาจากบ้านนั้นแล้ว” พูดจบพ่อก็ตวัดสายตามามอง

   “แล้วมึงไปอยู่ไหน”

   “อยู่...”

   “ไปอยู่บ้านผมครับ” ตาผมถลนจนจะพุ่งออกจากเบ้าเมื่อถูกแย่งพูด พี่ไฮท์ยกมือไหว้พ่อช้าๆ พร้อมส่งรอยยิ้มสุดเท่ไปให้ “สวัสดีครับคุณพ่อ”

   “นะ นี่มึง กับลูกกู ได้กันแล้วเหรอ!” พ่อตะโกนโรงพักแทบแตก มือไม้ก็ชี้มั่วซั่วไปหมดจนผมต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

   “ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่”

   “มึงไปอยู่บ้านมัน แล้วมันกับมึงอยู่ด้วยกัน ไอ้ขมิ้น!”

   “ไม่ใช่พ่อ ฟังผมก่อน อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น”

   “ไอ้...โอ๊ย นี่กูต้องเครียดเรื่องไหนก่อนวะ เรื่องลูกติดคุกหรือลูกมีเมียเป็นผู้ชาย นี่กูจะเครียดสองเรื่องพร้อมกันไม่ได้ โอย ความดันขึ้น”

   “พ่อใจเย็นๆ พ่อ”

   แล้วพวกเราก็ต้องวิ่งวุ่นหายาดม ยาหอมมาให้พ่อของผม ไม่รู้ป่านนี้คิดเรื่องผมกับพี่ไฮท์ไปไกลแค่ไหน นี่คิดไกลกว่าผมอีก
 


   “พ่อมึงกำลังเข้าใจผิดนะ” พี่ไฮท์กระซิบข้างหูผม

   “นั่นสิ พ่อผมเข้าใจผิด คิดมาได้ว่าเรามีอะไรกันแล้ว”

   “นั่นก็ใช่ แต่ที่กูหมายถึงไม่ใช่เรื่องนี้”

   “แล้วพี่หมายถึงเรื่องอะไร”

   “เรื่องที่เข้าใจผิด คือเรื่องที่มึงมีเมียเป็นผู้ชายไง”

       ผมหันไปมองหน้าพี่ไฮท์อย่างงงๆ ไม่เข้าใจในความหมาย

   “คือยังไง”

   “ก็มึงไม่ได้มีเมีย แต่มึงจะเป็นเมียให้กูต่างหาก”

        พูดจบก็ขยิบตาให้ผมมาสองที จนผมต้องถลึงตาใส่

   “มันใช่เวลามาคิดทะลึ่งแบบนี้ไหมเนี่ย”

   “หน้าแดงด้วยว่ะ”

   “พี่ไฮท์!”

   ผมถลึงตาใส่พี่ไฮท์ที่หัวเราะความเขินของผม แต่ก่อนที่บรรยากาศสีชมพูจะกลืนกินทุกอย่าง เสียงของพ่อผมก็ดังขึ้น...

   “พวกมึงสองคนหยุดจีบกันแล้วสนใจกูบ้าง ความดันกูขึ้นเนี่ย โอย บ้านหมุนว่าแย่แล้ว นี่โรงพักหมุน กูจะตายไหมวะเนี่ย”

   ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าผมได้เลือดพ่อมาเต็มๆ

   จะตายก็ขอตลกไว้ก่อน...สักมุกก็ยังดี


..TBC

อีกประมาณ สองถึงสามตอนจะจบแล้วค่าาาาา เรามาเกือบสุดปลายทางแล้ววววววว

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่พาคู่รักแป้งเด็กมาไกลถึงขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ ค่าาา

ตอนที่เหลือเราจะมาหาความหวานกัน ไม่รู้จะเจอไหม คงต้องให้ความรักของพี่ไฮท์ทำนายแล้ว

แล้วพบกันค่าาา

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-05-2018 21:49:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

อีตัวแม่เนี่ย  เลวได้ไจ  ไม่แปลกที่ขิงซึ่งเป็นลูกที่ถูกเลี้ยงด้วยแม่จะนิสัยแบบนี้

ส่วนขมิ้นถูกเลี้ยงด้วยพ่อก็มีนิสัยอีกแบบ

ถึงแม้จะสายเลือดเดียวกัน แต่นิสัยสันดานมันเกิดจากการเลี้ยงดูจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-05-2018 22:52:08
โอ้โหกำลังโกรธขิงกับแม่อยู่ดีๆเจอพ่อเข้าไปอารมณ์เปลี่ยนเลย  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 11-05-2018 23:09:02
ขิงจะมีวันสำนึกไหมนี่  แม่ขิงควรได้รับความสุญเสียกว่านี้นะ

แต่พ่อมาตอนท้ายจากเครียดๆนี่ฮาได้เลย
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 11-05-2018 23:40:29
แม่ เลี้ยงขิง ขิงเลยเป็นแบบแม่
พ่อ เลี้ยงขมิ้น ขมิ้นเลยเป็นแบบพ่อ
นี่สินะที่เขาว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
... แต่ พ่อฮามากเลยค่ะ #ทีมพ่อ (พ่อไฮและพ่อขมิ้นเลยค่ะ)

ป.ล. มีคำสะกดผิดและคำใช้ผิดค่ะ ขออนุญาตช่วยแก้นะคะ
ส่วนแผลที่ไหล (ไหล่) ก็ยังเจ็บอยู่บ้าง
พากันคุยอย่างเซ็งแส้ (เซ็งแซ่)
พี่ขิงตอบอย่างไม่ยี่หร่า (คำนี้ต้องใช้ ยี่หระ ส่วน ยี่หร่า เป็นเครื่องเทศค่ะ)
ถ้ากูหลุดออกมาจากวงจรอุบาท (อุบาทว์)

แล้วจะรอความหวานของคู่แป้งเด็กนะคะ
เกือบลืมย้ำ อย่าปล่อยอินังขิงออกมาจากคุกนะคะ
คนเลวไปถึงสันขวานแบบนี้ ต้องโดนลงโทษค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-05-2018 23:46:58
ขิงเกินเยียวยาแล้วล่ะ คงต้องปล่อยให้ชดใช้กรรม จะสำนึกรึเปล่าก็ไม่รู้ คุณแม่นี่ก็เลว หอบผ้าหอบผ่อนหนีอีก

แอบซึ้งมากตอนคุณพ่อรีบมา และคุณพ่อก็ทำเราปรับอารมณ์ไม่ทัน ซึ้งๆน้ำตาซึม นี่ตลกมาเลย โอยยคุณพ่อน่ารัก ดูๆแล้วน่าจะเข้าขากะพ่อพี่ไฮท์นะเนี่ย

//จะใจบาปไปไหมถ้าจะแอบชิปคู่นี้
 :-[
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-05-2018 23:58:49
ดีแล้วคนแบบขิงให้ไปสำนึกผิดในคุก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 12-05-2018 09:08:20
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-05-2018 10:52:34
คนอย่างขิงนี่...มันสุดเกินไปแล้วอ่ะ
ไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่ก้ออย่างว่าโตมากับแม่แบบนั้น
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-05-2018 13:52:13
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ตอนเห็นชื่อเรื่องนึกว่าเกี่ยวกับเด็กซะอีก ฮ่าๆๆ ขิงนี่ดูไม่สำนึกเลยนะว่าทำอะไรไม่ดีไว้บ้าง ส่วนแม่ขิงนี่ก็เห็นแก่ตัวสุดๆเลยจริงๆ แถมเรื่องนี้มีพวกนังกลอยมาแจมด้วยอีก กลอยยังเกรียนเหมือนเดิมส่วนพี่โชก็ปีศาจอัพเวลชัดๆ ชอบๆ รอฉากหวานของคู่แป้งเด็กนะคะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-05-2018 20:33:51
นี่ถ้าพ่อแม่ ขิง ขมิ้น อยู้ด้วยกัน
ขิงคงเหมือนลูกจริง
แล้วขมิ้นเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง ทั้งที่หน้าเหมือนกัน
ดีแล้วที่เลิกกัน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 12-05-2018 21:27:38
 :-[ รอตอนต่อไป :ling3:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2018 21:54:00
พ่อตลกจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-05-2018 11:12:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 13-05-2018 11:15:49
มารอ :mew2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: KawinCa ที่ 14-05-2018 21:46:14
ขิงจักลับใจได้มั้ยไม่รู้ แต่ขิงร้ายมากอะ
สงสารพ่อ สงสารขมิ้น ฮือออ ปล่อยขิงไปก๊อนนน
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-05-2018 22:00:50
พี่ขิงทำตัวเองอ่ะ แล้วก็แม่ควรได้บทเรียนบ้างนะคะ นั่นลูกนะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-05-2018 08:32:17
ไฮท์ มันใช่เวลาไหม สลับตำแหน่งกันไปก่อนก็ได้ 5555
สงสารขมิ้นกับพ่อนะ เป็นคนอื่นไปทันที แล้วขิงก็ไม่แคร์ด้วย

ขิงร้ายได้ขนาดนี้และคิดแบบนี้ เพราะแม่เลยค่ะ ดูสิทิ้งลูกไปเฉยเลย
ขิงมีแผลใหญ่ และใจโบ๋ เพราะต้องเจอกับเรื่องบิดเบี้ยว ใจเลยเบี้ยวตาม

โชคดีนะที่กลอยถามหาขมิ้น แล้วไฮท์ตัดสินใจเล่า
ไม่งั้นขมิ้นอาจเหลือแค่ชื่อ เพราะขิงไม่ยอมปล่อยไว้หรอก

พี่โชมาโหดแบบไม่ให้เสียชื่อ แล้วกลอยไปใส่ไข่อะไรไว้ 55555

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 19-05-2018 11:11:13
 :m20: ขำพี่ไฮท์
 :เฮ้อ: เหนื่อยแทนน้องขมิ้น
:monkeysad: สงสารพ่อขมิ้น
 :m16: อยากแตะปากไอ้พี่ขิง
 :m31: โกรธสุดคืออิแม่ขิงนี่ล่ะ ใจร้ายที่สุดล่ะ

หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nixnix ที่ 19-05-2018 19:39:24
มารอค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 23] [P.9] // {11/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 20-05-2018 12:15:50
พ่อลูกสายฮาเหมือนกันเปี๊ยบบบ :m20:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-05-2018 20:53:24

-24-





        ความเย็นของพัดลมยังไม่หนาวเท่ารังสีโหดที่แผ่ออกมาจากตัวพ่อ สายตาดุบังคับผมไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน พ่อจ้องผมชนิดที่ว่าตาไม่กระพริบเลยทีเดียว

   “พ่อ”

   “เออ กูพ่อมึง เรียกย้ำซะเหมือนกูความจำเสื่อม”

   หน้าเครียดแต่ก็ยังจะตลก

        “ผมก็เล่าให้ฟังหมดทุกเรื่องแล้ว ขึ้นไปนอนได้หรือยัง”

   ที่โรงพักนั้นหลังจากพ่อดีขึ้น ผมก็ถูกลากให้กลับบ้าน โชคดีที่ตอนนั้นด้านนอกไม่มีนักข่าว ไม่งั้นหน้าหนึ่งอาจพาดหัวข่าวว่าพี่ขิงหนีจากการจับกุมก็เป็นได้

   “ถ้ามึงบอกเรื่องพวกนี้ตั้งแต่วันแรกๆ กูคงจะไปรับมึงกลับมาบ้านแล้ว ไม่ปล่อยให้พวกนั้นโขกสับแบบนี้หรอก” พ่อพูดน้ำเสียงจริงจัง “ส่วนมึงก็โง่ทนอยู่ได้ รู้ว่าโดนเขาหลอกแต่ก็ยังเต็มใจให้หลอก” นี่ถ้าไม่ติดว่าสีหน้าพ่อจริงจังละก็ ผมคงต่อประโยคด้วยเพลงไปแล้ว “โง่ได้ใครวะ”

   “ก็ผมลูกพ่อไง”

   “นี่กูด่าตัวเองเหรอเนี่ย”

   แล้วผมก็ขำออกมา ส่วนพ่อตอนแรกก็หลุดขำแต่ก็รีบดึงหน้าเก๊กขรึมใหม่

   “ผมแค่อยากรู้ ว่าพี่ขิงหายไปไหนก็แค่นั้น”

   “รู้แล้วเป็นยังไง พอรู้แล้ว มันช่วยอะไรมึงได้ไหม เกือบโดนจับไปแบบนั้นน่ะ มันคุ้มกับความอยากรู้ของมึงไหมไอ้ขมิ้น” พ่อใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมหลายจึ๊ก “ไอ้ขิงก็เหมือนกัน เป็นพี่ภาษาอะไรทำร้ายน้องตัวเอง สมองมันยังดีอยู่ใช่ไหม พอพูดเรื่องนี้แล้วความดันจะขึ้น”

   “คนแก่ก็เงี้ย ความดันขึ้นบ่อย อูย” โดนพ่อตวัดสายตาโหดใส่เพราะคิดเสียงดังไปหน่อย   

   ย้อนกลับไปตอนมาถึงบ้านใหม่ๆ พ่อดูซึมเศร้ามาก แถมน้ำตายังคลอที่หน่วยตาอยู่ตลอด โคตรรู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นแบบนั้น ก่อนผมจะถูกบังคับให้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบบ้านหลังนั้น พ่อก็ฟังบ้าง ด่าบ้าง เวลาได้ยินว่าแม่พาผมไปทำงานแทนที่จะไปเรียน ผมบอกพ่อทุกเรื่อง ไม่ว่าจะโดนต่อย โดนตีนกี่รอบก็บอก แต่ที่ทำให้พายุความเกรี้ยวกราดทะยานสูง คือเรื่องที่ผมถูกพี่ขิงหลอกให้ไปหา แต่ดันส่งคนมาจับเพื่อจะให้ผมทำงานแทน ส่วนตัวเองก็จะกลับมาใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดาตามเดิม ความเสียใจและรู้สึกผิดที่ติดตัวมาตั้งแต่อยู่บนโรงพักก็มลายหายสิ้นไปจนหมด

        “ผมว่าพ่อไปพักเถอะ เดี๋ยวป่วยขึ้นมาจะยุ่ง” 

   “ห่วงกูด้วยเหรอมึงน่ะ” มีความประชดทั้งสายตาและน้ำเสียง ผมขยับลุกขึ้นไปกอดพ่อพลางซบหน้าที่ไหล่ “กอดกูทำไมเนี่ย ขนลุก”

   “ผมขอโทษที่ทำอะไรไม่คิด ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

   ไม่รู้เป็นเพราะห่างพ่อไปนานหรือเปล่าถึงทำให้ผมคิดถึงพ่อมาก ถึงขนาดกล้าที่จะกอด หากเป็นเมื่อก่อน แค่จับมือ จับแขนก็ว่าเยอะพอแล้ว

   “ยังคิดจะมีครั้งต่อไปอีกเหรอ แม่มึงก็หนีไปแล้ว พี่มึงก็อยู่ในคุก”

   “พ่อละก็” ถึงกับพูดต่อไม่ได้ แต่ผมก็ยังกอดพ่อไม่ยอมปล่อย “เพิ่งรู้ว่าผมโคตรคิดถึงพ่อเลย ตอนอยู่บ้านนั้นไม่มีใครบ่นเช้าบ่นเย็นให้ฟัง ไม่มีใครทำบ้านรกให้ผมเก็บกวาด ไม่มีใคร...”

   “เหมือนจะดีนะ ไอ้ประโยคที่มึงพูดถึงกูเนี่ย” โดนพ่อใช้มือดันหน้าออกจากไหล่ “ไปนอนไป พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน มีเรื่องที่กูต้องถามจากมึงอีกเยอะ” ถึงกับหัวเราะแห้งเมื่อพ่อเน้นประโยคหลังพร้อมแสยะยิ้ม


   ตายเรื่องไหนดีวะ ไอ้ขมิ้น


   “เออใช่” อยู่ๆ ผมก็ร้องขึ้นจนพ่อสะดุ้ง “ผมมีอะไรจะให้พ่อดู”

   “ของอะไร พรุ่งนี้ค่อยดู” ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พ่อถามเพราะผมกำลังค้นหาของสำคัญ ซองสีน้ำตาลถูกเก็บอย่างดีในเป้ถูกเอาออกมาวางบนโต๊ะ “ซองอะไร หรือซองผ้าป่าวะ”

   “ผ้าป่าที่ไหนเขาใช้ซองเอกสารเล่า พ่อถามไม่คิด”

   “อ่าวไอ้นี่”

   “อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ดูนี่ก่อน” ว่าแล้วก็ดึงแผ่นกระดาษออกมาให้พ่อดู คนรับก็มองแบบผ่านๆ ไม่ได้สนใจอะไร “เป็นไง” ถามอย่างตื่นเต้น แต่พ่อกลับตีหน้านิ่ง “พ่อ เป็นไง”

   “ก็โฉนดที่ดิน แล้วมันจะเป็นยังไง”

   “อ่าว พ่อดูดีๆ สิ ตรงนี้ๆ” ชี้ตรงบ้านเลขที่ให้พ่อดู “เป็นไง”

   “เลขที่บ้านมันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” แล้วพ่อก็ทำหน้าคิดหนัก “หรือกูเคยออกแบบบ้านให้เขาวะ”เมื่อเห็นพ่อยังคิดไม่ได้ ผมเลยพลิกด้านหลังให้ดู ช่องตารางบอกรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อเจ้าของโฉนด “ชื่อสุดท้ายนี่เหมือนมึงเลยว่ะไอ้ขมิ้น”

   “ไม่ใช่แค่เหมือนนะ พ่อดูนามสกุลด้วยสิ นามสกุลก็เหมือน”

   “เออว่ะ ใครวะ ใช้ชื่อกับนามสกุลเหมือนมึง”

   อยากจะหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อพ่อทำหน้าสงสัย

   “จะใครที่ไหน ก็ผมนี่แหละ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ก็มีผมคนเดียว”

   “ชื่อมึง?” ยิ้มแฉ่งเมื่อพ่อสะบัดหน้ามามอง “ชื่อมึงมีบนโฉนด?”

   “พ่อนี่เข้าใจยากจริง ง่ายๆ เลยนะ ตอนนี้บ้านนี้เป็นของผม บ้านนี้เป็นของเราแล้วไง” บอกพร้อมรอยยิ้มที่กว้าง พ่อตีหน้างงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผุดรอยยิ้มออกมา แต่ก็กลับไปตีหน้างงใหม่

   “มึงเอามาได้ยังไง”

   “ลุงเจ้าของบ้านเขาให้มา คือผมหมายถึงพ่อเลี้ยงพี่ขิงเขาให้ผมมา เขาบอกยกบ้านนี้ให้ผม”

   “ยกให้ทำไม”

   “ผมก็ไม่รู้ อยากจะถาม แต่เขาไปเมืองนอกซะก่อน” ก็ไม่ได้ดีใจมากนักหรอกที่ได้ของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ “แต่ลุงเขาเขียนโน้ตทิ้งไว้ ว่าไม่อยากให้ผมลำบากเมื่อต้องกลับมาเป็นตัวเอง”

   “ไอ้คนรวยนั่นน่ะหรือวะ ไม่อยากจะเชื่อ”

   “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แล้วก็นี่อีก” ผมยื่นแผ่นกระดาษเล็กๆ ให้พ่อ “เขาให้ผมไว้เป็นค่าเรียน”

   “เช็คเงินสด ห้าสิบ...บาท”

   “ห้าสิบล้าน ห้าสิบบาทที่ไหน พ่อ!!!!!”

   ไปแล้วครับ พ่อผมเป็นลมไปแล้ว หมดสติไปพร้อมกับมือที่กำเช็คเงินสด ตอนที่ผมเห็นครั้งแรกก็เกือบเป็นลมเหมือนกัน ชีวิตคนธรรมดาแบบผม ตื่นเช้าไปทำงาน ตอนเย็นกลับบ้านนอน ใครเล่าจะคิด ว่าชาตินี้จะจับเงินเป็นล้านกับเขาด้วย ก็คงอย่างที่พี่ขิงว่า หากพี่ขิงไม่ติดหนี้บอล ไม่หนีออกจากบ้าน ชีวิตผมก็คงไม่ได้เจอสิ่งที่ดีแบบนี้ แต่กว่าจะเจอ ต้องผ่านมือผ่านตีนมาก่อน ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ นะครับเนี่ย





***


   หลังจากพี่ขิงถูกจับ อีกวันหน้าหนังสือพิมพ์ก็พาดหัวข่าวหราอย่างที่คิดไว้ พ่อผมขยำหนังสือพิมพ์ทิ้งลงพื้นอย่างหัวเสียก่อนเดินเหยียบออกจากบ้านไป คงเพราะข่าวที่เขียนมันดูเกินจริง อีกทั้งตอนนี้ผู้คนในโลกโซเชียลต่างก็ให้ความสนใจกันมาก โดยเฉพาะประวัติของพี่ขิง ซึ่งนั่น มันทำให้ทุกคนรู้ว่า ไอ้ขมิ้นมีตัวตน เป็นฝาแฝดที่หน้าเหมือนกันมาก และไม่รู้พวกเขาไปหารูปสมัยเด็กของผมกับพี่ขิงมาจากไหน ถึงขั้นเปรียบเทียบความต่างของหน้าตากันเลยทีเดียว

   มันต้องจริงจังขนาดนี้กันเลยเหรอครับ

   พอพ่อออกไปทำงานได้ไม่นาน หน้าบ้านของผมก็มีรถคุ้นตาวิ่งโฉบเข้ามาจอด ซึ่งข้อความที่คนในรถส่งมาก็คือให้ผมออกไปหาหน่อย คงกลัวพ่อผมละมั้ง คนไม่จริงนี่หว่า

   “พี่มาทำไม” ลากรองเท้าแตะออกไปหา พี่ไฮท์ยืนเท่พิงรถตัวเองอย่างกับพระเอกในซีรี่ย์ชอบทำ ซึ่งมันก็เท่จริงๆ นั่นแหละ

   “พ่อมึงล่ะ” พี่ไฮท์มองลอดผ่านเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งทำให้ผมขำออกมา “ไม่ตลก เมื่อวานพ่อมึงเกือบจะกินหัวกูอยู่แล้ว”

   “ก็ใครให้พี่พูดทะลึ่งตอนนั้นเล่า” นึกแล้วยังขำไม่หาย ตอนพ่อโวยวายลั่นโรงพัก “แล้วพี่มาทำไม วันนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ” สนิทกันถึงขั้นรู้ตารางเรียนแล้วนะครับ ผมเนี่ย

   “อยากเห็นหน้าแฟนก่อนไปเรียน”

   อื่อฮือ พูดแบบนี้กะฆ่าผมให้ตายด้วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะใช่ไหมครับ ผมพยายามกลั้นยิ้มเขินแต่ก็หลุดออกมาอยู่ดี ก็ใครใช้ให้คนที่ยืนตรงหน้าผมยิ้มหวานมาให้ล่ะ โธ่

   “พูดเลี่ยนแต่เช้าเลยนะคนเรา” ปากว่าไปงั้นแต่ก็ยิ้มจนปากจะฉีกแล้วผมน่ะ “กินข้าวมาหรือยัง”

   “ยัง รอกินพร้อมมึงนั่นแหละ”

   “เอาจริงๆ สิ อย่าหยอด”

   “พูดจริงๆ กินกับมึงมาตั้งนาน พอไม่เห็นหน้า มันกินไม่ลง”

   “พี่ไฮท์โว๊ย”

   หน้าไอ้ขมิ้นจะละลายเพราะความร้อนแล้วครับ มิน่าพ่อพี่ไฮท์ถึงว่า ลูกชายเขาก็คารมณ์ไม่ต่างกัน เพิ่งจะรู้ว่ามันคือเรื่องจริง
 
   “พ่อมึงล่ะ”

   “ไปทำงาน”

   ระหว่างที่คุยกับพี่ไฮท์ คนในหมู่บ้านที่ผ่านไปมาต่างก็หันมามองหน้าผมกันแทบทุกคน บางคนถึงกับหยุดรถเปิดกระจกเพื่อมองหน้าผม หรือมีอะไรติดหน้าผมวะ

   “เข้าบ้านเถอะ กูรำคาญ” พี่ไฮท์ชักสีหน้าใส่ทุกคนที่ดูผม ก่อนดึงแขนเดินนำผมเข้าบ้าน 

   “พวกเขามองหน้าผมทำไม หรือมีอะไรติดหน้าผม พี่ดูให้หน่อย”

   “ไม่มีอะไรติดหน้ามึงหรอก ที่เขาดูก็เพราะข่าวของไอ้ขิงนั่นแหละ” พูดจบก็ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาขนาดเล็กที่พ่อผมใช้เป็นพี่นอนเวลาเมา “มีคนขุดคุ้ยประวัติเลยรู้ว่ามันมีแฝด”

   “ผมก็เห็นเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจขนาดนี้” โดยเฉพาะคนในหมู่บ้านผมเนี่ย

   “อีกหน่อยคนก็เลิกสนใจเองนั่นแหละ อย่าสนเลย” พี่ไฮท์ว่าอย่างเซ็ง ก่อนมองไปรอบๆ ตัวบ้านอย่างสนใจ “บ้านมึงก็น่าอยู่ดีนะ ต้นไม้เยอะดี”

   “พ่อผมปลูกไว้ เวลาคิดงานไม่ได้ จะได้ออกไปนั่งคุย” พี่ไฮท์ตีหน้ายุ่งแต่ก็ดูเหมือนจะเข้าใจ พ่อผมเวลาคิดงานไม่ออกก็จะคุยกับสิ่งรอบตัวทุกอย่างเสมอ ดินสอ ปากกา ไม้บรรทัด แม้กระทั่งมดก็เป็นเพื่อนคุยเวลาเครียดได้ “พี่ไฮท์กินข้าวไข่เจียวไหม จะได้ไปเรียนทัน”

   “อืม กินอะไรก็ได้” คนกินอะไรก็ได้ตอนนี้ลุกเดินสำรวจบ้าน “นี่รูปมึงเหรอ”

   “น่ารักป่ะ” เป็นรูปที่ผมชูสองนิ้วตอนพ่อพาไปเที่ยวงานวันเด็ก และเป็นปีเดียวที่ผมได้ไปเที่ยวเพราะพ่อต้องทำงาน

   “น่ารักกว่าตอนนี้อีกว่ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะออกมา ทำซะผมอยากมือลั่นเขวี้ยงไข่ไก่ใส่หน้าเลย “รูปนี้ใครวะ” คำถามของพี่ไฮท์ทำให้ผมละความสนใจจากไข่แผ่นเหลืองในกระทะที่กำลังใกล้จะสุก “ทำไมต้องกอดมึงด้วย” คงจะเป็นรูปตอนผมไปกินเลี้ยงงานรับปริญญาคนรู้จักแน่ 

   “พี่ชายข้างบ้าน”

   “ข้างไหนของบ้าน”

   พูดไม่จบดีก็โดนแทรกเฉย แถมถามเสียงเขียว หน้าก็โหด หรือจะโมโหหิววะ

   “ข้างซ้าย แต่ตอนนี้เขามีลูกสองไปละ” รีบบอกเพราะพี่ไฮท์ทำท่าเหมือนจะออกจากบ้านไปหาเรื่องจริงๆ ไม่ได้อยากคิดไปเองว่าพี่เขาหึงผม แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ “พี่จะกินข้าวโปะไข่เจียว หรือไข่เจียวโปะข้าว”

   “มันต่างกันยังไงวะ”

   “ถ้าอย่างแรก ข้าวอยู่บนไข่ อย่างที่สอง ไข่วางอยู่บนข้าวไง”

   ตีสีหน้ายียวนใส่คนทำหน้างง ก่อนพี่ไฮท์จะทำหน้าตึงเมื่อเห็นผมยิ้ม
 
   “กวนตีนกูเหรอมึง เดี๋ยวจะโดนดี”

   คำว่าจะโดนดีไม่ได้มาแค่ปากเปล่า ขามาถึงก้นผมแล้วด้วย ชอบนักใช้กำลังนี่นะ พี่ไฮท์อยู่กินข้าวไข่เจียวจนหมดจานก่อนจะขับรถไปเรียน ผมยืนยิ้มให้กับความว่างเปล่าหลังท้ายรถหายไปจากสายตา ขับรถมาบ้านผมตั้งไกลเพื่อมากินข้าวไข่เจียวจานเดียว บ้าโคตร แต่แม่ง น่ารักฉิบหาย ผมหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน พอดีกับเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดัง ตอนแรกคิดว่าเป็นพี่ไฮท์โทรมา แต่กลายเป็นเจมส์

   “ว่าไงมึง”

   (ไอ้ขมิ้น พี่ไฮท์ยังอยู่บ้านมึงหรือเปล่า)

   เจมส์รู้ได้ไงวะ ว่าพี่ไฮท์มาบ้านผม

   “เพิ่งขับรถออกไปเมื่อกี้ มีอะไรวะ”

   (เชี่ยไม่ทัน) เจมส์สบถเสียงดังจนผมต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหู (กูกะจะให้มึงฝากหนังสือเรียนมากับพี่ไฮท์)

   “หนังสือเรียนอะไร...อ๋อ เล่มที่มึงให้กูยืมใช่ไหม”

   (เออนั่นแหละ วันนี้กูต้องใช้ ทำไงดีวะ)

   ผมเม้มริมฝีปากเมื่อสมองกำลังคิดหนัก ก่อนจะตัดสินใจบอกออกไป

   “เดี๋ยวกูเอาไปให้ มึงต้องใช้กี่โมง” เอาวะ ใส่หมวกปิดหน้าก็ได้ คงไม่มีใครสนใจหรอก “มึงรอกูใต้ตึกนะ เดี๋ยวกูเอาไปให้”

   (ขอบใจนะขมิ้น แต่มันจะไม่เป็นอะไรเหรอ)

   “คงไม่หรอกมั้ง ก็กูไม่ใช่คนโดนจับสักหน่อย สบายๆ” บอกไปงั้นแต่คิ้วผมย่นสุด “เดี๋ยวเจอกัน”

   ว่าแล้วผมก็รีบแต่งตัว มือหยิบหนังสือเรียนของเจมส์ใส่กระเป๋าและไม่ลืมหยิบหมวกแก๊ปไปด้วย ผมขี่มอเตอร์ไซค์ KSR สีดำคู่ใจไปมหาวิทยาลัยที่ทำให้ผมได้เจอโลกใหม่ที่ผมไม่รู้จัก มันทำให้ผมเจอเรื่องที่ดีและเลวร้ายซึ่งผมจะจำไว้ทั้งสองเรื่องนั่นล่ะ 




   ลานจอดรถหน้าตึกยังคงคลาคล่ำไปด้วยรถของนักศึกษา ผมถอดหมวกกันน็อคออกก็รีบหยิบหมวกแก๊ปขึ้นมาสวมเพื่อปิดบังใบหน้า ก่อนจะเดินขึ้นตึกไปหาคนที่นัดไว้ เจมส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะประจำ มันตีหน้ายุ่งเขียนอะไรสักอย่างที่คาดว่าคงเป็นรายงาน ภาพนี้ทำให้ผมยิ้มออกมา เจมส์คือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม และผมก็รักมันมาก

   “พี่ขิงหรือเปล่าคะ” อีกไม่กี่ก้าวจะถึงโต๊ะอยู่แล้ว อยู่ๆ ก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้าพร้อมกับสอบถาม แต่แล้วเธอก็ถูกเพื่อนข้างๆ ตีเข้าที่แขนเสียงดัง

   “อีโง่ พี่ขิงเขาโดนจับอยู่ นี่ต้องเป็นพี่ขมิ้น...ใช่ไหมคะ” คิ้วกระตุกเมื่อได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากน้องคณะของพี่ขิง เธอเอียงซ้ายขวาช้อนตามองผม ทั้งที่ผมพยายามหลบ “หนูเห็นตอนพี่ถอดหมวกกันน็อคที่ลานจอดรถเมื่อกี้” อุตส่าห์รีบแล้วนะ ยังมีคนเห็นอีก “พี่เหมือนพี่ขิงมากจริงๆ นะคะ”

   “ตอนนี้ทุกคนในคณะยังคุยกันอยู่เลย ว่าพี่หรือพี่ขิงกันแน่ ที่มาเรียนช่วงหลังๆ นี้”

   “แต่ให้หนูเดา ต้องเป็นพี่แน่เลย เพราะพี่นิสัยดี น่ารัก”

   แทบจะลอยอยู่แล้วครับ

   “ขอบคุณครับ” ยิ้มแห้งๆ ส่งคืนให้น้องเขาไป ก่อนจะได้ยิ้มหวานกลับมา “ขอตัวนะครับ” ต้องรีบชิ่งก่อน ตอนนี้เริ่มมีคนมองแล้ว ผมไม่อยากตอบคำถามเรื่องของพี่ขิงจากความอยากรู้ของทุกคน เดินมาถึงโต๊ะ เจมส์ก็เงยหน้าขึ้นมา ปากมันคาบปลายปากกาเอาไว้

   “อ่าวไอ้ขมิ้น มาถึงเมื่อไหร่”

   “เมื่อกี้” บอกเสร็จก็ส่งหนังสือเรียนคืน “กลับละนะ”

   “อ่าว” ผมพูดจบ เจมส์ก็ร้องออกมาแถมอ้าปากอีก ท่าทางตลกดีแต่ก็น่ารัก “ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อย”

   “กูกินมาแล้ว”

   “กูก็กินแล้ว แต่พอเครียดมากๆ ท้องก็ร้องเฉย”

   “คิดถึงกูล่ะสิ”

   “เมื่อวานก็เพิ่งเจอกัน เหม็นขี้หน้าจะตาย”

   พูดแบบนั้นแต่เจมส์มันก็ยิ้มกว้าง นี่ถ้าผมยื่นหน้าไปหอมแก้มมัน ผมจะโดนถีบไหมครับเนี่ย

   “อยู่นี่ๆ เอง” จังหวะที่ผมรอเจมส์เก็บของ เสียงทักก็ดังจากด้านหลัง พอหันไปก็เจอกับคนที่ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่ “ไม่คิดจะทักทายพี่หน่อยเหรอ”

   “ทักทาย” ตอบแบบกวนตีนไป แต่พี่นาวกลับขำซะงั้น “พี่มาทำไมที่นี่”

   “นี่ไม่ใช่มหาลัยมึงซะหน่อย กูจะเดินไปไหนมาไหนก็ได้” เอาแล้วไง โดนมันกวนตีนกลับแล้วไง “พอดีได้ยินว่ามีคนหน้าเหมือนไอ้ขิงมาที่ตึกนี้ กูก็เลยลองมาดูหน้าหน่อย”

   “พอดีผมไม่ได้ชื่อหน่อย ขอตัวนะ”

   “กวนตีนไม่เลิก” คราวนี้โดนจิ้มหัวหลายจึ๊ก “ไอ้ขิงโดนหนักสินะ” พี่นาวสอดตัวนั่งข้างผม มันตีหน้าเครียดเมื่อพูดถึงพี่ชายของผม

   “พี่ได้ไปหาพี่ขิงไหม”

   “ไปเมื่อเช้า แต่เขาเอามันไปฝากขังแล้ว” แววตาทะเล้นเมื่อกี้หม่นแสงลงจนผมสะอึกในใจ ถ้าพี่ขิงสนใจคนๆ นี้ บางทีชีวิตอาจมีความสุขก็ได้ “ถึงแม้มันจะทำกับกูไว้มาก แต่กูก็เกลียดมันไม่ลง”

   “พี่โคตรเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดเยอะ” เจมส์แทรกขึ้นมา ผมหลุดขำออกมาจนโดนถลึงตาใส่

   “กูไม่ใช่คนดีเว้ย แต่ก็ไม่ได้เลวแบบที่พวกมึงใส่ร้าย”

   “พวกเราไม่เคยใส่ร้ายสักหน่อย”

   “ใช่”

   “อ๋อ นี่พวกมึงจะว่ากูเลวงั้นสิ รุมกูเลยนะ”

   ผมมองครึ่งหน้าของคนที่ยิ้มข้างๆ ใบหน้าของพี่นาวยังคงหลงเหลือรอยช้ำอยู่จางๆ ก่อนสะดุ้งเมื่อคนที่ผมนั่งจ้องหันมองมาสบตาเข้าพอดี

   “อะไรพี่”

   “กูต้องถามมากกว่า ว่าจ้องหน้ากูทำไม หรือว่าหลงรักกู”


   “ตีนกูนี่”

   ไม่ใช่เสียงผม แต่มันช่างคุ้นหูซะเหลือเกิน ก่อนจะได้หันไปดู ตัวผมก็ลอยหวือขึ้นจนขาเกี่ยวกับโต๊ะเกือบล้ม ปากเตรียมจะด่าหากไม่ติดที่ใบหน้าพี่ไฮท์บูดบึ้งชนิดที่ว่า...

        หากพูดไม่เข้าหู เบ้าตาอาจมีสี 

   “อะไรของมึงไอ้ไฮท์” พี่นาวถามอย่างไม่เข้าใจพลางลุกขึ้นยืน “มึงไม่เห็นเหรอ ว่าไอ้นี่เกือบล้มน่ะ”

   “กูเห็น”

   “เห็นแล้วก็ยังเสือกทำ”

   เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องชกต่อยมากกว่าสาดคำด่าด้วยปาก ผมก็รีบก้มตัวลูบขาตัวเองราวกับเจ็บปวดมาก พี่ไฮท์รีบละสายตาดุจากคนตรงหน้ามาสนใจผมทันที พอเลิกขากางเกงขึ้น หน้าแข้งผมก็มีรอยช้ำจริงๆ ซึ่งรอดตัวอยากการโกหกไป

   “เจ็บป่ะ” พี่ไฮท์ถามอย่างห่วงใย ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงทำให้หัวใจผมทำงานหนักอีกแล้ว “พี่ขอโทษนะ ต่อไปพี่จะระวังมากกว่านี้”

   “เจ็บนิดหน่อย” ตอบแบบนั้น ก่อนเผลอจ้องตาคนห่วงใย “แต่จริงๆ ก็เจ็บมากนั่นแหละ”

   “สรุปมึงเจ็บมากหรือเจ็บน้อยวะ เลือกเอาสักอย่าง” จากน้ำเสียงห่วงใยเริ่มจะเกรี้ยวกราด จนสุดท้ายพี่บิ๊กคงทนไม่ไหวเปิดฉากหัวเราะออกมาคนแรก พลอยทำให้ทุกคนหัวเราะตาม ส่วนผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งไป “สำออยนะมึง”

   “พี่ไม่ไปเรียนเหรอ”

   “ตอนแรกก็รอเรียน แต่พวกที่เพิ่งขึ้นไปบอกเจอแฝดไอ้ขิงอยู่ใต้ตึก กูเลยลงมา” ว่าเสร็จก็ดันให้ผมนั่งลง และพี่ไฮท์ก็นั่งคั่นผมกับพี่นาว “มึงไม่ไปเรียนหรือไง” ตอบผมเสร็จก็หันไปหาเรื่องอีกฝั่ง

   “มี” สั้นๆ แต่ได้ใจความ “งั้นกูไปเรียนก่อน น้อง...ขมิ้นใช่ไหม แล้วเจอกัน...”

   “ถ้ากูไม่ให้เจอ มึงก็ไม่มีทางเจอไอ้นาว รีบๆ ไปห่างๆ ตีนกูได้แล้ว”

   “ไอ้เชี่ยไฮท์”

   “ทำไม”

   เอาอีกแล้วครับ ทะเลาะกันอีกแล้ว ดีที่พี่นาวลุกออกไปก่อน ไม่งั้นอาจมีมวยสดให้ดูจริงๆ

   “พี่จะไปว่าพี่นาวทำไม”

   “ก็มันทำตาเล็กตาน้อยใส่มึง ตาบอดเหรอ”

   นั่น โดนด่าอีกผม

   “ไม่ได้บอด แต่ไม่ได้สนใจ จบปะ”

   พูดจบก็เห็นมุมปากพี่ไฮท์ยกยิ้มนิดๆ

   “ปากดี”

   “นี่ถ้ากูรู้ว่าต้องลงมาเจออะไรแบบนี้ สู้นั่งง่วงอยู่ในห้องดีกว่า” พี่บิ๊กแทรกขึ้นมาพลางทำตาขวาง ก่อนที่เจมส์จะเอาขนมให้ถึงเลิกบ่น

        พูดได้คำเดียวว่า...แหม

   “ตอนกูออกจากบ้านมึงมา มึงไม่เห็นบอกว่าจะมาด้วย” เลิกสนใจโลกสีชมพูของคนตรงหน้า มาสนใจคนข้างตัวผมต่อ พี่ไฮท์ตีหน้ายุ่งทำจริงจัง “หรือแอบมาทำอะไรลับหลังกู”

   “เอาหนังสือมาคืนเจมส์ ตอนแรกมันจะให้ฝากพี่ แต่พี่ขับรถออกมาซะก่อน ผมเลยต้องเอามาให้มันเอง” อธิบายซะยาวเหยียด ดูเหมือนคนฟังจะเข้าใจเพราะพยักหน้าตาม “ว่าแต่ มันรู้ได้ยังไงว่าพี่ไปบ้านผม”

   “ไอ้บิ๊กคงบอกมั้ง” ก็พอเดาออกอยู่เหมือนกัน “แล้วจะกลับหรือยัง”

   “ทำไมเหรอ หรือไม่อยากให้อยู่”

   “ใช่” โคตรใจแป้วเลย หากไม่มีประโยคถัดมาละก็นะ “เพราะมึงอยู่ กูเรียนไม่รู้เรื่อง กลัวคนอื่นจะมายุ่งกับมึง” โดนจิ้มหน้าผากหลายจึ๊กแต่ผมก็ยังยิ้มออกมา “กลับยัง กูจะขึ้นไปเรียนแล้ว”

   “กลับก็กลับ ไล่จริง”

   “หึ”

   ยังไม่ทันได้เอ่ยคำลากับเจมส์ก็ถูกพี่ไฮท์ล็อกคอให้เดิน แล้วพี่แกไม่สนใจสายตาคนที่มองเลย แค่ผมคนเดียวก็มีคนสนใจมากอยู่แล้ว นี่ยังมีพี่ไฮท์อีก สายตาคนใต้ตึกแทบทุกคู่ก็ว่าได้ที่มอง

   “พี่ไฮท์เดินดีๆ” พยายามดึงแขนที่ล็อกคอออก แต่เจ้าของแขนกลับทำหูทวนลม “พี่ไฮท์คนมองเห็นป่ะ”

   “ก็ช่างหัวคนมอง” น้ำเสียงและท่าทางดูไม่สนใจอย่างที่พูด

   “แต่...”

   “คนอื่นจะได้รู้ ว่ากูมีสิทธิ์ทำแบบนี้แค่คนเดียว”

   ผมไม่ตอบโต้หรืออะไรอีกแล้ว เพียงแค่เจอรอยยิ้มสุดเท่ในระยะประชิดก็ทำให้หาเสียงไม่เจอ รู้สึกอิจฉาแฟนพี่ไฮท์จริงๆ ที่ได้คนเพอเฟกแบบนี้...

   นี่ผมไม่ได้อวดตัวเองเลยนะครับเนี่ย (เสียงสูง)   



...TBC

กราบสวีดัด สวัสดีค่าา มาช้าอีกแล้ว (-_-;;) ต้องกราบขอโทษจริงๆ นะคะที่มาล่าช้า เพราะอาการป่วยที่เป็น มันค่อยๆ ไต่ระดับทีละขั้น จนพีคขั้นสุดถึงขนาดนั่งแล้วโลกหมุน เลยเลทมาหลายวัน (กะจะลงช่วง ศ-อา) ต้องขอโทษทุกคนจริงๆ ที่ดูแลตัวเองไม่ดีทำให้งานล่าช้าไปมาก ขอโทษค่าา ต่อไปจะพยายามรักษาสุขภาพตัวเองให้ดีกว่านี้ค่ะ (ชูสามนิ้ว)

...

และเรื่องนี้อีกสองตอนก็จะจบแล้วค่ะ ตอนหลักจบ แต่ตอนของพี่ไฮท์กับขิงจะมีอย่างละตอนนะคะ แล้วก็ต่อด้วยตอนพิเศษของคู่รักแป้งเด็ก ซึ่งหากถามหาน้ำตาลในตอนหลักนั้นแทบไม่มี ต้องไปหาในตอนพิเศษค่ะ (นี่ไม่ได้สปอยนะคะเนี่ย)

...

แล้วพบกันค่าาา ช่วงนี้ต้องอัดยาเยอะ เลยมึนๆ เบลอๆ ไปบ้าง ตกหล่นตรงไหนขออภัยด้วยค่า เม้นท์ติได้เลยค่ะ จะได้รีบแก้ไข ขอบพระคุณค่า *กราบร่องอก -..-* (นี่ขนาดเบลอยานะ ถถถ)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 22-05-2018 21:32:46
เรื่องคลี่คลาย  พี่ไฮน์ชัดเจน   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 22-05-2018 22:08:45
หายไวไวนะไรท์คนเก่ง o13
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-05-2018 22:10:43
ได้มีความสุขจริงๆสักทีนะขมิ้นนน
ปล. รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-05-2018 22:12:53
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-05-2018 22:19:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-05-2018 22:46:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่ไฮท์เนี่ยเรียกว่าหลงน้องขมิ้นได้มะ

แหม่  หวงซะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2018 23:18:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-05-2018 23:31:17
ต้องแนะนำพ่อขมิ้นให้รู้จักกับกลอยปะเกรียนซะแล้ว  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-05-2018 10:51:39
พี่ไฮท์คนขี้หวง :hao3:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 23-05-2018 11:19:27
แรกๆ ก็สงสารในความซวยของขมิ้น แต่ตอนนี้หมั่นไส้ จบ คนอวดแฟน เกลียดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-05-2018 19:51:15
พี่ไฮท์  น่ารัก ขี้หวงแฟน
เลยกอดตอ อวดแฟนซะเลย
จะได้รู้กันไปเลยว่าขมิ้นน่ะแฟนใคร  ฮิ้ววววววว     :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 02-06-2018 20:34:01
แอบรอเธออยู่นะจ้ะ.... :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-06-2018 21:25:55
คิดถึงแล้ว  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 11-06-2018 09:04:49
ย่องมาเมียงมองหา "คู่รักแป้งเด็ก"

เฮ้อออออออออออ คิดถึง :mew2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-06-2018 16:58:56
 o13

 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 11-06-2018 21:50:24
-25-



       วันนี้เสียงนาฬิกาบ้านผมดังกว่าทุกที ไม่ใช่เพราะเปลี่ยนถ่านใหม่หรอกนะครับ แต่เพราะความเงียบภายในบ้านต่างหาก นี่ถ้ามดตดก็อาจได้ยินเสียงแน่ๆ

   “พ่อ” ผมเรียกท่ามกลางความเงียบและความตึงเครียด “เลิกทำหน้าเหมือนตัวร้ายในละครสักที” แล้วสิ่งที่ได้คือหน้าโหดๆ นั่นค่อยๆ หันมามองผม พร้อมกับปากที่อ้าพะงาบๆ แต่ได้ใจความว่าเสือก

   “พูดกันดีๆ ก็ได้” เสียงนุ่มพูดขัดจนพ่อต้องหันไปมองตาขวาง “ระวังนะคุณ ตามันจะไหลรวมกัน”

   “จมูกโด่งเป็นสันเขื่อนขนาดนี้ ไหลรวมก็บ้าแล้ว...ขำอะไร” 

   “เปล่า”

   ผมกำลังนั่งมองผู้ชายอายุใกล้ๆ กันแต่อยู่คนละโหมดอารมณ์ ซึ่งพ่อผมนั้น มาแนวตัวร้ายแน่นอน ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามเป็นดั่งเพื่อนพระเอกที่มีความเจ้าเล่ห์แฝงความปากร้ายนิดๆ เป็นคู่ที่ดูสมน้ำสมเนื้อกันมาก และมันก็มากซะจนผมกลัว

   “พี่ว่า พ่อเราจะต่อยกันไหม” ขยับไปถามพี่ไฮท์เบาๆ คนพาพ่อตัวเองมาส่ายหน้าพร้อมส่งยิ้มมาให้ “พี่ก็ไม่คิดจะบอกผมก่อน จะได้เตรียมตัวทัน”

   “พ่อกูเอาอยู่ เชื่อสิ” ความมั่นใจของพี่ไฮท์ไม่ทำให้ผมดีขึ้นเลย “อย่าห่วง”

   “ห่วงสิ โธ่”

   ก่อนเราทั้งคู่จะหยุดคุยกันเมื่อพ่อผมหันมาดุด้วยสายตา



   ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ผมเก็บกวาดบ้านรอจนพ่อกลับมาตอนเย็น และหลังจากพ่อเข้าบ้านมาได้ไม่นาน รถคันสวยก็โฉบมาจอดหน้าบ้าน ตอนแรกผมคิดว่าพี่ไฮท์จะมาคนเดียว ที่ไหนได้ ประตูข้างคนขับเปิดออกพร้อมบุคคลที่เป็นต้นแบบในการเรียนมหาวิทยาลัย คุณหมอสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขน ปลดกระดุมสองเม็ดกับกางเกงสแลค ใบหน้ามีรอยยิ้มดูท่าทางสบาย ต่างจากลูกชายที่แต่งตัวสบายๆ ด้วยการสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์แต่สีหน้ากลับเคร่งเครียด และนั่นก็ทำให้ผมเครียดตามไปด้วย หันรีหันขวางอยู่หน้าประตูอย่างคนทำตัวไม่ถูก เหงื่อที่แห้งไปแล้วจากการทำงานบ้านก็ผุดขึ้นมา
จะหัวแตกก็คราวนี้แหละวะไอ้ขมิ้น   

   “พ่อนิสัยยังไง ลูกก็คงเหมือนกัน” อยู่ๆ พ่อผมพูดออกมา ก่อนจะเหลือบตามองผมแล้วสบถเบาๆ “เหมือนกูด่าตัวเองเลยว่ะ” อยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก พ่อทำปั้นหน้าโหดมาก ขนาดพี่ไฮท์ยังนั่งนิ่ง

   “มื้อเย็นนี้ พ่ออยากกินอะไร เดี๋ยวผมออกไปซื้อมาให้ คุณหมอด้วยอยากกินข้าวกับอะไรครับ”  ผมไม่อยากให้บรรยากาศหม่นๆ แบบที่เป็นอยู่ เลยถามออกมา ไม่สนว่าพ่อจะกระแอมจนคอแทบพังยังไง “ทำหมูกระทะไหมง่ายดี”

   “ก็ดีนะ” พ่อพี่ไฮท์ตอบรับ

   “ไม่ดี” แต่พ่อผมขัดออกมา จากที่นั่งตัวตรงก็ค่อยเอนหลังพิงพนักพร้อมยกแขนขึ้นมากอดอก “มีธุระอะไรก็รีบๆ พูดดีกว่า ผมไม่อยากเสียเวลา”

   “นี่ผมกับลูกมารบกวนเวลาคุณหรือครับ”

   “ใช่” พ่อผมตอบเสียงสูง

   “งั้นพวกเราก็ไม่รบกวนเวลาของคุณดีกว่า” สีหน้าพ่อดูมีชัยชนะนิดๆ หลังจากคุณหมอพูดแบบนั้น แต่ประโยคถัดมาเล่นเอาคนเหนือกว่า สะบัดหน้าไปมองคอแทบเคล็ด “งั้นผมขอพาขมิ้นออกไปหาอะไรทานข้างนอกก็แล้วกัน”

   “ออกไปกินข้างนอกทำไม เปลืองเงิน ทำง่ายๆ กินอยู่บ้านนี่แหละ” พ่อพูดเสียงสะบัด ก็ยังดีที่ไม่ไล่ให้แขกกลับบ้าน

   “แต่ของในตู้เย็นมีแต่น้ำเปล่านะพ่อ”

   “งั้นก็กินน้ำเปล่า...มึงไม่คิดจะซื้ออะไรเข้าบ้านเหรอวะไอ้ขมิ้น” ยิ้มแห้งๆ ส่งให้ไป ที่จริงผมก็คิดจะออกไปหาซื้อของสดเหมือนกัน แต่พอดีพี่ไฮท์มาซะก่อน “งั้นก็ไปซื้ออะไรง่ายๆ หน้าหมู่บ้านก็พอ แล้วก็ซื้อเบียร์มาด้วย” ผมกำลังยื่นมือไปรอรับเงินจากพ่อ ก่อนคุณหมอจะพูดแทรกขึ้นมาทำให้ต้องหันไปมอง

   “เบียร์ไม่ต้องซื้อมานะ อาเอามาด้วย” ว่าแล้วคุณหมอก็สะกิดให้พี่ไฮท์ออกไปเอา คนออกไปตัวเปล่าตอนนี้หอบกล่องเบียร์เข้ามากล่องใหญ่ “ขมิ้นบอกว่าพ่อตัวเองชอบกินเบียร์ อาเลยเอามาฝาก”

   “ก็ดีที่มีของติดมือมา” พ่อพูดลอยๆ ทำเอาผมตาโต แต่คุณหมอกลับยักไหล่ไม่ได้สนใจคำพูดนั้น “มึงซื้อกับแกล้มมาด้วยนะ”

   “ปลาหมึกไหม”

   “เออ เอาที่มันกินได้นั่นแหละ ให้ย่างสุกๆ ด้วย”

   “ผมรู้น่า ว่าพ่อฟันไม่ค่อยดี”

   “ไอ้ลูกเวร ต่อหน้าคนอื่นเนี่ย หัดรักษาหน้าพ่อมึงบ้าง”

        พ่อพูดกัดฟันทำตาโต ทำเอาคนกลั้นขำหลุดออกมาเสียงดัง ซึ่งรวมทั้งผมด้วย พอได้เงินเสร็จ ผมก็เดินออกมานอกบ้านและไม่ลืมจูงมือพี่ไฮท์ออกมาด้วย ถามว่าพ่อนั่งมองเฉยๆ เหรอ...ก็ไม่ อ้าปากเตรียมโวยวาย แต่ดีที่คุณหมอถามเรื่องบ้านขึ้นมาซะก่อน พ่อเลยหันไปโม้เรื่องงานตัวเองแทน





   ผมขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจโดยมีพี่ไฮท์นั่งซ้อนท้าย ซึ่งตอนนี้เริ่มจะชินกับการถูกกอดจากด้านหลัง แต่ที่ไม่ชินคือการถูกคางแหลมๆ วางแถวบ่านี่แหละ ที่สำคัญ คนด้านหลังมันชอบแอบจุ๊บคอผมเนี่ย เล่นเอามือไม้อ่อนไปหมด ขนทั่วตัวลุกเป็นรอบที่พันแล้วมั้งครับ

   “พี่ไฮท์ มันจั๊กจี้เว้ย” ย่นคอหลบแต่ก็ไม่เคยพ้น จะให้พ้นได้ยังไงในเมื่อผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่

   “เหรอ” เสียงลากยาวที่ดังติดใบหูนี่ ไม่ได้เข้าใจจริงๆ แน่

   “พี่ไฮท์ เดี๋ยวรถชนนะเว้ย” ก็ไม่เข้าใจจริงๆ เพราะพี่แกก็ยังทำอยู่ “ไอ้พี่ไฮท์”

   “แทะเล็มนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้”

   “ไม่ได้ ผมขี่รถอยู่เห็นป่ะ”

   “งั้นตอนไม่ขี่รถก็ได้น่ะสิ ใช่ไหม”

   “นั่นก็ไม่ได้”

   “อะไรวะ”

   “ไม่วะแล้ว”

   กว่าจะถึงตลาดแถวหมู่บ้าน ผมถึงกับปากแห้งน้ำลายแทบหมด แรกๆ เหมือนจะยอมฟัง พอผ่านไปสักพัก พี่ไฮท์มันก็กลับมาแทะเล็มผมอีก แถมหนักกว่าเดิมคือการกัด ไม่รู้ชาติที่แล้วเกิดเป็นยุงหรือเปล่า ทั้งกัด ทั้งดูด ขนาดโดนผมทึ้งหัวก็ยังทำอยู่ คนธรรมดาเขาทำกันแบบนี้เหรอครับ

       ผมจอดรถไว้หน้าตลาด ก่อนเดินวนซื้อกับข้าว โดยปล่อยให้พี่ไฮท์ยืนรอปลาหมึกย่างที่ร้านหน้าตลาด พอซื้อเสร็จก็เดินย้อนกลับไปหา แต่ไม่เห็นพี่ไฮท์เลย ไม่ใช่เพราะหนีหาย แต่เพราะถูกสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเห็นแต่หัวกับหน้าเจื่อนๆ   

   เกิดอะไรขึ้นวะ?

   ผมรีบเดินเข้าไปหาเพราะกลัวพี่ไฮท์ไปหาเรื่องคนอื่น แต่พอเข้าไปใกล้ก็ได้ยินสาวๆ รุมถามชื่อกันเซ็งแซ่ เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงหมู่บ้านผมมีมากมายขนาดนี้ ก่อนเสียงดังโหวกเหวกจะเงียบลงเมื่อทุกคนหันมาเห็นผม

   “นี่มันคนในข่าวใช่ไหม”

        “ขิงหรือขมิ้นอะแก”

   “ก็ต้องคนน้องสิ คนพี่ติดคุกอยู่ไง”

   “ตัวจริงหล่อมากเลยอะ ทำไมฉันไม่เคยเห็น อยู่หมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ”

   “ฉันเคยเจอที่อู่ย่ะ เขาเติมลมรถให้ด้วย”

   “อีดอก ของกูเขาเปลี่ยนยางรถให้ กูยังไม่อวด”

   “นี่ไม่อวดเลยนะมึง”

   และอีกมากมายสารพัดประโยค ผมถอยหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ในเมื่อถูกรุมแทน ยังดีที่พี่ไฮท์เข้ามาดึงผมออกจากกลุ่มคน ไม่อย่างนั้นคงแบนเพราะถูกบีบแน่

   “หน้าซีดเลยนะ” โดนล้อเฉย พี่ไฮท์เปลี่ยนไปขี่แทนโดยดึงแขนผมให้กอดเอวตัวเอง “กอดดีๆ”

   ไม่ได้ตอบโต้นอกจากกอดตามที่บอก กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผมชอบ ลอยออกมาจากเสื้อของพี่ไฮท์ติดปลายจมูกจนต้องอมยิ้ม ตอนไปอาศัยบ้านพี่ไฮท์นั้น ผมเป็นคนดูแลทุกอย่าง งานครัว งานสวนหรือแม้แต่ดูแลหมาอ้วนสองตัว แม้คุณหมอจะห้ามแล้วห้ามอีก แต่เพราะผมไม่อยากอยู่ฟรีๆ มันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ช่วยแบ่งเบาภาระคุณหมอไปได้บ้าง จนรถขี่มาจอดหน้าบ้าน ความกังวลใจที่มีก็พุ่งสูง ไม่รู้ตอนนี้พ่อผมกับพ่อพี่ไฮท์จะตีกันหรือเปล่า ยิ่งอารมณ์ร้อนอยู่ด้วย พ่อผมน่ะ

   “เป็นอะไร” พี่ไฮท์หันมาถาม คงเพราะผมหยุดเดิน

   “กลัว”

   “เรื่อง?”

   กำลังจะอ้าปากตอบ เสียงด้านในก็ดังขัด ผมหันไปมองหน้าพี่ไฮท์ก่อนผมจะรีบวิ่งนำหน้าเข้าไปในบ้าน แล้วสิ่งที่เห็นอย่างแรกคือ พ่อผมกำลังอ้าปากหัวเราะจนเห็นลิ้นไก่ มือถือแก้วเบียร์ที่หมดไปครึ่งแก้ว แต่ดูที่พื้นแล้วคงผ่านไปหลายขวด

   “อ่าวไอ้ขมิ้น นึกว่าไปช่วยปลาหมึกเกิดลูกซะอีก โคตรนาน” พ่อหันมาทักผม ก่อนจะหันกลับไปคุยกับพ่อพี่ไฮท์ต่ออย่างออกรส

   ไปสนิทถึงขึ้นตบหัว ลูบไหล่กันตอนไหน

   พี่ไฮท์เดินไปนั่งข้างพ่อตัวเอง ส่วนผมเดินแยกไปหลังบ้านเพื่อจัดการของกินที่ซื้อมา ตอนแรกพี่ไฮท์ก็จะเดินตามมาด้วย แต่พอดีโดนพ่อตัวเองกวักมือเรียกไปซะก่อน กับข้าวง่ายๆ ราคาสบายกระเป๋าถูกเทลงจานสามสี่อย่าง และไม่ลืมกับแกล้มเบียร์ที่ตอนนี้คงไม่มีความหมายสักเท่าไหร่ เพราะคนสั่งดื่มล่วงหน้าไปแล้ว ทันทีที่ผมยกข้าวมาวาง พ่อก็ขยับถุงถั่วทอดที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหน

   “ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เดี๋ยวก็บ่นปวดท้องอีกหรอก”

   “ไอ้นี่ขี้บ่นอีกละ” ไม่ว่าเปล่า ยังเขกหัวผมเป็นของแถม “มึงจะทนฟังมันบ่นแปดเวลาได้เหรอวะ”

   “แปดเวลานี่คืออะไรเหรอครับ...”

   “ก็บ่นตั้งแต่ตื่นนอน ก่อนกินข้าวเช้า กลังกินข้าวเช้า ก่อนข้าวเที่ยง หลังข้าวเที่ยง ไหนจะสองเวลาหลังข้าวเย็นอีก ก่อนนอนก็ไม่เว้น บางทีตอนนอนมันก็บ่น ไม่รู้ไปเชื้อบ้าคุยกับตัวเองจากที่ไหนมา มึงจะไม่รำคาญเหรอวะ”

   ฮือหือ แกงจืดในมือแทบร่วงเมื่อโดนคำถามของพ่อพุ่งใส่หน้า ส่วนคนถามถึงกับหัวเราะเสียงดัง ผมว่าที่กล้าถามคงเพราะแก้วที่วางข้างๆ แน่ หายไปหลังบ้านแป๊บเดียวไม่รู้ยกไปกี่แก้ว แต่ที่ทำให้ปลาทอดในจานหล่นลงบนโต๊ะ คงจะเป็นคำตอบของพี่ไฮท์นั่นแหละ

   “ไม่หรอกครับ เพราะถ้าบ่นปุ๊บ ผมก็จูบเลย หยุดบ่นแน่นอน”

   “นี่ล่ะ ลูกผม”

   “ลูกมึงก็ห่ามเกิน แต่มันเหมือนกูตอนหนุ่มๆ กูชอบ”

   พ่อหัวเราะจนแทบตกเก้าอี้ คุณหมอตบบ่าลูกชายตัวเองด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูภูมิใจ ส่วนพี่ไฮท์มองตาเยิ้มส่งยิ้มหวานมาให้ผม นี่แหละนะ เขาว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย

   “พูดมากไปแล้ว กินข้าวๆ น้ำลายกระเด็นใส่แกงหมดแล้ว”

   ผมตัดบทด้วยการตักข้าวใส่จานให้ทุกคน วันนี้บ้านผมโคตรคึกคัก คงเพราะมีเพื่อนร่วมโต๊ะเพิ่มอีกสอง แถมยังมีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อีก ปกติแล้ว พ่อผมก็ดื่มคนเดียวอยู่บ่อยๆ เวลาคิดงานไม่ออกมีอยู่ไม่กี่อย่างที่จะทำ ไม่พูดกับดินสอ กระดาษ ก็กินเหล้า กินเบียร์ ส่วนเรื่องบุหรี่นั้น พ่อผมเลิกมานานแล้ว ตั้งแต่ผมสำลักควันสีขาวนั่นจนชัก เลยไม่รู้ว่า การที่ผมขี้โรคตอนเด็ก มันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่




   หลังจากจัดการมื้อค่ำเสร็จสรรพ บนโต๊ะก็มีขวดเบียร์วางทันที ผมยกจานเปล่ามาล้างหลังบ้านโดยมีลูกมืออย่างพี่ไฮท์คอยช่วย

   “พี่พาคุณหมอมาทำไม” ระหว่างล้างจานผมก็เริ่มถาม เพราะพี่ไฮท์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบตั้งแต่มาแรกๆ “พี่ไฮท์”

   “ก็แค่อยากพามารู้จักกับพ่อมึง”
 
   “แล้วอะไรอีก?”

   “แค่นั้นแหละ” ผมจ้องหน้าคนข้างๆ อย่างคาดคั้น พี่ไฮท์ยักไหล่ก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวผม “มันก็ดีไม่ใช่เหรอ ถ้าพวกเรารู้จักกันไว้ กูไม่อยากคบลูกเขาแบบหลบๆ ซ่อนๆ”

   “เป็นคนชอบเปิดเผยสินะ”

   “เปิดผ้าด้วย ตอนอยู่ด้วยกัน มึงก็เห็นมังกรกูแล้วนี่”

   “มังกรหรือมังกือ เอาดีๆ”

   พี่ไฮท์หน้าบึ้งทันทีที่ผมแกล้งแหย่ จะว่าไป ตอนอยู่บ้านพี่ไฮท์ ผมก็เห็นหมดจริงๆ นั่นแหละ แรกๆ ก็แอบตกใจอยู่เหมือนกันที่เห็น แต่พอเจ้าของห้องพูดขึ้นมาว่า ‘อยู่ห้องตัวเอง ใครเขาอาบน้ำแล้วนุ้งผ้าเช็ดตัวออกมาบ้าง มันก็ต้องเดินโทงๆ ออกมานั่นแหละ’ ก็เอาตามที่เจ้าของห้องสบายใจ

   “ถ้าเจอกูสักยกสองยก ขี้ค้านมึงจะติดใจ”

   “จะบอกว่าตัวเองลีลาเด็ดดวงว่างั้น”

   “แน่นอน ถ้ามึงอยากลอง กูพร้อมทุกเมื่อ”

   “ไอ้พี่ไฮท์โว๊ย”

   จะโวยวายเสียงดังก็ไม่ได้ เลยได้แต่กัดฟันด่าไป เมื่อกี้ก็เอามือที่เป็นฟองน้ำยาล้างจานขยี้หัวผมมาที คราวนี้ดึงมือผมไปจับเป้าตัวเองอีก อยากถีบให้ติดข้างฝาจริงๆ

   เสียงหัวเราะของพ่อผมกับพ่อพี่ไฮท์ดังลั่นบ้านอยู่ตลอด เรื่องที่คุยก็โคตรจะไร้สาระ อย่างเรื่องหมา เรื่องแมว เรื่องงานเครียดๆ ที่ต่างคนต่างเอามาเล่าให้กลายเป็นเรื่องตลก ผมรู้ว่าตอนที่เจอคงจะไม่ใช่เรื่องน่าขำสักเท่าไหร่ อย่างเช่นตอนนี้ ที่พ่อผมเล่าเรื่องของการแก้แบบบ้านที่โดนลูกค้าด่าแล้วด่าอีก ด่าตั้งแต่คนออกแบบยันไปถึงต้นตระกูล

   “พ่อทำไมไม่ต่อยไปสักหมัดวะ” ผมแทบอยากปาถั่วทอดในมือลงพื้นเมื่อได้ยิน อยากเจอหน้าลูกค้าประเภทนี้ พ่อจะกระทืบให้ลืมชื่อตัวเองเลย

   “เพราะลูกค้าคือพระเจ้า” เสียงทุ้มแทรกขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าคุณหมอที่ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ “ไม่ว่าจะงานไหนๆ เราก็จะต้องเจอคนประเภทที่ทำให้อารมณ์เสียอยู่ง่ายๆ ถ้าเราควบคุมตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างที่ทำมาก็จะพังไปหมด”

   “พูดถูกใจกู ชนๆ” แล้วทั้งคู่ก็ยกแก้วขึ้นดื่ม “ตอนกูหนุ่มๆ ก็ใจร้อนใช้อารมณ์แบบที่มึงว่านั่นแหละ แล้วเป็นไง โดนไล่ออก มึงก็เกือบตายเพราะบุหรี่นั่นไง” ใช่ครับ เพราะพ่อผมถูกไล่ออก งานไม่มี เงินก็ไม่มี เครียดหนักถึงขนาดสูบบุหรี่หมดเป็นซองๆ บ้านทั้งหลังมีแต่ควันสีขาวลอยคลุ้งเต็มไปหมด ไม่ให้ผมชักตาตั้งได้ยังไง

   “ตอนผมวัยรุ่นก็ใจร้อนเหมือนกัน ถึงขนาดดักฉุดแม่ของไฮท์มันเชียวนะ” คุณหมอว่าแล้วขำออกมา แต่ผมกับพ่อกลับตั้งใจฟังสุดๆ

   “ฉุดเหมือนในละครเหรอวะ โคตรได้ใจ” พ่อผมตาเป็นประกายเมื่อได้ยิน ส่วนผมมองหน้าคุณหมอกับพี่ไฮท์สลับไปมา


   เหมือนกันตั้งแต่หน้าตายันนิสัยจริงๆ 


   “แต่เพราะความดีแม่ของไฮท์ ทำให้ผมเปลี่ยนตัวเอง ผมอยากประสบความสำเร็จเพื่อเขาจะได้มีอนาคตที่สุขสบาย” คุณหมอยิ้มบางๆ ยามพูดถึงอดีต “ที่ผมเรียนสัตวแพทย์ก็เพราะแม่ไฮท์ชอบช่วยเหลือหมาแมว ผมอยากจบมาเปิดคลินิกให้เขาดูแล”

   “แล้วได้เปิดไหมวะ”

   “หลังจากเรียนจบหลายปีผมก็ได้เปิดคลินิกของตัวเอง มีแม่ของไฮท์ดูแลอย่างที่ผมตั้งใจ แต่ไม่นานเขาก็จากผมไป” คราวนี้พ่อผมเงียบมาก คงเพราะเรื่องเล่าที่ชวนเศร้าของคุณหมอ
 
   “อย่างน้อยก่อนจากไปเขาก็เห็นความสำเร็จของมึง” พ่อผมยื่นมือไปตบบ่าของคุณหมอเบาๆ เป็นการปลอบใจ ก่อนจะทำท่าทางฮึดฮัดเมื่อพูดถึงเรื่องของตัวเองบ้าง “ไม่เหมือนกู โดนทิ้งเพราะจน บัดซบจริงๆ ชนๆ” พ่อชนแก้วแล้วยกดื่มรวดเดียวหมด พี่ไฮท์ก็รีบกุลีกุจอรินให้จนเต็ม พ่อปรายตามองก่อนจะยกดื่มไปครึ่งแก้ว

   “ว่าแต่ คดีของลูกชายคุณเป็นยังไงบ้างครับ” คุณหมอถามทำเอาพ่อชะงัก แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้ายังไง

   “พอดีพ่อเลี้ยงของพี่ขิงเขาส่งทนายมาช่วยน่ะครับ” เป็นผมที่ตอบแทน ตอนแรกที่รู้ผมก็ค่อนข้างตกใจนะ เพราะลุงเจ้าของบ้านดูแค้นพี่ขิงมากที่ทำกับเขาแบบนั้น แต่สุดท้าย ลุงเขาก็ช่วย เพราะรักพี่ขิงเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง “ตอนนี้ก็รออย่างเดียว”

   “คดีใหญ่แบบนี้คงรอดยาก ติดคุกก็สมควรแล้ว” พ่อพูดแทรกขึ้นมาแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมด “ไอ้นั่นมันได้เชื้อแม่มัน รักตัวเองจนลืมคนอื่น ชีวิตที่ดีพังลงก็เพราะตัวมันเอง โทษใครไม่ได้ แต่ยังไงซะ มันก็ลูก เกลียดก็ไม่ได้ ทิ้งก็ไม่ได้อีก” แล้วพ่อก็ถอนหายใจออกมาจนผมต้องรีบเทเบียร์ให้ “อะไรของมึง”

   “เครียด กินเบียร์แล้วก็นอน” บอกพร้อมรอยยิ้ม แต่พ่อกลับเขกหัวผมซะแรง ทำเอาคุณหมอกับพี่ไฮท์ตกใจ “เมาทีไรมือหนักทุกที”


   แม้ผมจะเจ็บตัว แต่ทำให้พ่อยิ้มได้ ผมก็โอเค


   เบียร์ในลังใหญ่ค่อยๆ หมดลงทีขวดสองขวด จนตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว แต่สภาพทุกคนยังดีอยู่ ก็ถือว่าคอแข็งกันพอดู และตอนนี้พี่ไฮท์ก็เริ่มเลื้อย แขนยาวๆ พาดมาที่บ่าของผมโดยไม่เกรงกลัวพ่อผมอย่างแต่ก่อน ฉวยโอกาสสินะแบบนี้

   “แล้วเรื่องของขมิ้นล่ะคุณจะว่ายังไง”

   อยู่ๆ คุณหมอก็พูดโพล่งออกมา ทำเอาทุกคนมองอย่างสงสัย

   “เรื่องไอ้ขมิ้น? ถ้ามึงหมายถึงเรื่องเรียนล่ะก็ เอาที่มันอยากเรียนนั่นแหละ ได้เงินเป็นทุนแล้วนี่”

   “ผมหมายถึงเรื่องขมิ้นกับไฮท์ลูกผมต่างหาก” ไม่รู้เพราะคุณหมอเมาหรือเปล่าถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา พ่อผมได้ยินถึงกับหน้าตึงทำตาขวางจนพี่ไฮท์ต้องรีบเอาแขนลง “ผมรู้ว่ามันยากที่จะรับได้ แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ ควรจะยินดีหากลูกมีความสุขไม่ใช่เหรอ”

   “การที่ไอ้ขมิ้นจะมีแฟนก็ไม่ได้อะไรมาก แต่อย่างมึงเนี่ย...” พ่อชี้หน้าพี่ไฮท์พลางทำหน้าเครียด “หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ จะมาเป็นเมียไอ้ขมิ้น คิดภาพไม่ออกเลยว่ะ”

   พรวด เบียร์จากปากของคุณหมอกระจายเต็มโต๊ะทันทีที่ได้ยิน ซึ่งไม่ต่างจากพี่ไฮท์ที่เซเกือบตกเก้าอี้

   “ผมไม่ได้เป็นเมียขมิ้นครับ” พี่ไฮท์รีบแก้ต่างให้ตัวเองหน้าตาตื่น โคตรน่าขำ
 
   “อ่าว ก็ไอ้ขมิ้นไปนอนกับมึงแล้ว มึงก็เป็นเมียมันน่ะสิ” ดูพ่อผมพูดสิครับ ใช้อะไรคิดวะ

   “แค่ไปนอนเฉยๆ ยังไม่ได้กัน” ผมต้องช่วยพูดอีกแรง ไม่รู้พ่อจะคิดไปไกลแค่ไหน “แล้วพ่อก็อย่าเพิ่งมโนไปไกลด้วย”

   “กูไม่ได้มโน ไอ้เด็กแผนกเซลล์มันก็มีเมียเป็นผู้ชาย แถมมารับมาส่งทุกวัน เมียมันตัวใหญ่กว่าอีก กล้ามงี้นึกว่านักยกน้ำหนัก” พ่อพูดไปลูบแขนตัวเองไป

   “พ่อรับได้เหรอ ที่ผมจะคบกับพี่ไฮท์?”

   “ไม่ได้”

   “อ่าว”

   “แต่กูก็ไม่ได้ห้าม มันเรื่องส่วนตัวของมึง ชีวิตของมึง ดีชั่วก็อยู่ที่มึงทำ” โคตรซึ้งกับสิ่งที่พ่อพูด หากไม่มีประโยคถัดมาละก็นะ “พวกมึงเอากันท่าไหนวะ”

   “พ่อ!”

   “กูหมายถึงไปรักกันตอนไหน ไอ้นี่ก็ขี้โวยวายจัง”

   คราวนี้คุณหมอหัวเราะออกมาเสียงดังพลางทำให้พ่อผมหัวเราะไปด้วย ก็คำพูดกำกวมแบบนั้นใครมันจะคิดดีได้วะ ไม่มีหรอก

   “ผมแอบชอบขมิ้นก่อนครับ” พี่ไฮท์ตอบพ่อ แต่สายตากลับมองมาที่ผม ริมฝีปากแดงมีรอยยิ้มหวานส่งมาให้ “ตอนแรกก็เกลียดเพราะคิดว่าเป็นอีกคน แต่พอได้คุย ได้อยู่ใกล้ ผมถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ ความรู้สึกบางอย่างมันบอกผมว่า ลูกของพ่อคนนี้ต้องทำให้ผมคลั่งมากแน่ๆ”

   “พี่คลั่งยังไง” อดที่จะถามไม่ได้ แม้หน้าเริ่มร้อนเพราะความเขินก็เถอะ

   “ไม่มีมึงกูกินข้าวไม่ลง ไม่ได้ยินเสียงก็นอนไม่หลับ ไม่ได้กอดก็รู้สึกหายใจไม่ออก...”

   แม่งเอ๊ย ไอ้ขมิ้นจะตายแล้วครับ

   ก่อนพี่ไฮท์จะพูดมากไปกว่านี้ก็โดนพ่อผมขัดจนแทบล้มแม้จะนั่งอยู่ก็ตาม

   “กูให้คบได้ แต่ห้ามมีอะไรกัน”

   “หมายความว่ายังไงครับ”

   “ก็หมายความแบบที่พูด จะให้คบได้ แต่มึงห้ามทำอะไรไอ้ขมิ้น”

   “มีกำหนดไหมครับ”

   “จนกว่ามันจะเรียนจบมหาลัย”

   “พ่อเรียนกี่ปีนะ” พี่ไฮท์หันไปถามพ่อตัวเองที่ยกเบียร์ดื่มอยู่เงียบๆ

   “ถ้าเรียนธรรมดาๆ ก็หกปี แล้วเรียนต่ออีกสองปี นี่ก็คิดว่าจะต่อเอกอีก...”

   “พ่อ!”

   “เอ๊า ก็มึงถามว่าพ่อมึงเรียนกี่ปี”

   ผมนั่งขำพี่ไฮท์ที่ตีหน้างอเหมือนเด็กโดนพ่อขัดใจ เลยยื่นมือไปตบบ่าเพื่อปลอบ

   “เอาน่าพี่ อย่างน้อยเราก็ได้คบกัน”

   “มึงไม่เข้าใจกู” มีสะบัดหน้างอนผมด้วยว่ะ

   “พี่ทนไม่ได้เหรอ”

   “กูก็ทนได้ แต่บางทีที่มึงอยู่ใกล้ๆ กลิ่นของมึงจะทำให้กูทนไม่ไหว”

   บางทีพี่ไฮท์ก็พูดตรงเกินไป

   “พี่ไม่เคยดูข่าวเหรอ เขาให้นั่งสมาธิดับความหื่น”

   “นั่งสมาธิดับหื่นบ้าบออะไรกันไม่เห็นรู้”

   “ไม่รู้ก็รู้ไว้สิ”

   “กูไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น”

   “พวกมึงออกไปทะเลาะกันข้างนอกไป วงเหล้ากูเสียหมด” โดนพ่อไล่ไม่พอ ยังชนแก้วกับคุณหมออีก “ตามที่ตกลง ถ้าทำไมไม่ได้ มึงก็เลิกยุ่งกับไอ้ขมิ้นซะ”

   “แค่หกปีเอง ทำไมผมจะทำไม่ได้”

   “พี่พูดกัดฟันทำไม”

   “เสือก”

   สาดใส่หน้าผมเต็มๆ แต่มันกลับสร้างเสียงหัวเราะได้รอบวง พี่ไฮท์ยกเบียร์จากขวดดื่มพรวดๆ แทบไม่หยุดหายใจ ดูแล้วคงจะงอนอย่างที่คุณหมอว่าจริงๆ



   เวลาพี่ไฮท์งอนเนี่ย โคตรสาวน้อยเถอะ แต่ก็น่ารักดี ผมชอบ



...TBC

หายไปนานมาก ขออภัยด้วยค่าาา จะจบแล้วอยู่ยังหายไปนานอีก ใช้ไม่ได้เลย
นิยายเรื่อง รักนี้ แค่นาย เหลืออีกตอนเดียวก็จะจบแล้วค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงตอนเกือบสุดท้าย
หากผิดพลาดตรงไหน น้อมรับคำติและจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ

แล้วพบกันตอนสุดท้ายค่าาา >3< 
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 11-06-2018 22:25:05
……

สงสารพี่ไฮท์ ต้องกลายร่างเป็นท.ทหารอดทน รอออออออีก 6ปี



 :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:





.
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-06-2018 22:35:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-06-2018 22:45:01
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-06-2018 22:49:34
เป็นกำลังใจให้พี่ไฮท์ แค่6ปีเองจิ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-06-2018 23:06:30
และแล้วสองพ่อก็ได้มาเจอกัน  :z1: แต่เราสงสารพี่ไฮท์อะคงจะเฉาไปอีกนาน  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-06-2018 23:24:01
สงสารพี่ไฮท์  ทนไหวรึ   :z3: :z3: :z3: 
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-06-2018 23:33:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทางสะดวกโยธินแล้ว

แต่...อิพี่ไฮท์จะทนรอได้ไหมน้อ?  จนกว่าขมิ้นจะเรียนจบเนี่ย   หุหุ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 12-06-2018 02:04:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-06-2018 08:57:49
ฮ่าๆๆๆพี่ไฮท์เหมือนถูกว่าที่พ่อตาแอบแกล้งอะ สงสารเลยรอไปนะคะพี่หกปีแต่นี่เชื่อว่าพี่ก็หากำไรจากน้องได้เล็กๆน้อยๆอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 12-06-2018 09:54:40
เลี้ยงต้อยไปเรื่อยๆ แค่นี้ไม่นานหรอก จิ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 12-06-2018 12:50:17
สองพ่อ ... ฮามาก ๆ
ชอบเลยอะ อ่านแล้วมีแอบจิ้นคู่พ่อ 555+ :o8:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 13-06-2018 13:08:04
สนุกมากกก
ครบรส ดราม่าก็สุด หวานก็เลี่ยนสุด
ชอบ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-06-2018 13:46:32
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 25] [P.10] // {11/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 18-06-2018 22:43:56
แวะมาส่องค่าาาา  :katai5:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-06-2018 12:46:44

-26-




        “ติดไหม” น้ำเสียงตื่นเต้นเร่งเร้าอยู่ด้านหลังทำเอามือไม้ผมสั่นไปหมด “ว่าไง ติดไหมวะ”

   “เน็ตมหาลัยแม่งช้าว่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปตอบ คนรอลุ้นส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ “ขึ้นแล้วๆ”

   “ติดไหม” คำถามเดิมส่งผ่านมา แต่ดูจะเชื่องช้าไปเลยยื่นหน้ามาดูเอง “เชี้ย ติดว่ะ”

   “ไหนๆ ชื่อกูอยู่ไหน”

   “นี่ไงไอ้โง่ ลืมชื่อตัวเองเหรอวะ”

   ถูกตบหัวจนหน้าแทบทิ่มแป้นพิมพ์ ผมสะบัดหน้าส่งตาขวางให้เจมส์ที่ยิ้มเป็นบ้าอยู่ด้านหลัง มันเรียกผมมาดูผลสอบที่มหาลัยเพราะอยากลุ้นด้วย แล้วผมก็บ้าจี้มาหา แถมมาดูในห้องคอมของคณะวิศวะอีก ทั้งที่ผมไม่ได้สอบเข้าคณะนี้ แต่กลับรู้จักผู้คนแทบหมดคณะ

   “แล้วกูต้องทำยังไงต่อวะ”

   “ถามโง่ๆ อีกละ มึงก็ต้องเตรียมตัว เตรียมเอกสารสำหรับรายงานตัวไง” เจมส์ว่า ก่อนจะยื่นมือมาทำเอาผมงง “ยินดีด้วยนะมึง แม้ไม่ได้เป็นรุ่นน้องคณะ แต่ก็เป็นรุ่นน้องมหาลัย แม่ง กูดีใจอะ” แล้วมือที่ผมยื่นไปจับ ก็ถูกดึงเข้าหาตัว ตอนนี้เลยถูกเจมส์กอดไว้แน่นจนหน้าแทบจมไปกับท้องของมัน ขนาดมีพนักของเก้าอี้ขวางนะ

   “ขอบใจที่มึงช่วยติวให้กู” ผมตบก้นเพื่อนไปเบาๆ ช่วงอ่านหนังสือรอสอบผมแทบไม่คุยกับพี่ไฮท์เลย เพราะขานั้นชอบกวน ไม่ก็ชอบแทะเล็มทำให้ผมไม่มีสมาธิ ยังดีที่ได้เจมส์กับคุณหมอที่ช่วยเหลือ “เย็นนี้กูต้องไปขอบคุณคุณหมอที่ช่วย...”

   “มึงยังเรียกพ่อพี่ไฮท์ว่าคุณหมออีกเหรอ เดี๋ยวก็โดนตบกะโหลกอีกหรอก”

   ตั้งแต่พ่ออนุญาตให้คบกับพี่ไฮท์ คุณหมอกับพ่อผมก็ดูสนิทกันมากขึ้น บางทีหายไปด้วยกันทั้งวัน กลับมาหน้าระรื่นตัวหอมมาเชียว คงไม่ได้หลงไปอยู่ในแผนกแป้งหรือน้ำหอมในห้างแน่นอน แถมผมยังถูกคุณหมอบังคับให้เรียกว่าพ่ออีก ตอนนี้ผมเลยมีพ่อสามคนแล้วครับ พ่อที่ให้กำเนิด พ่อของพี่ไฮท์ และสุดท้าย พ่อเลี้ยงของพี่ขิง ซึ่งลุงเจ้าของบ้านกลับมาประเทศไทยหลังจากพี่ขิงถูกจับได้ไม่นาน และเข้าช่วยพี่ขิงทันที แต่เพราะคดีมันยุ่งยากซับซ้อน อีกทั้งมีคนมากมายที่เกี่ยวข้องเลยต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งผมก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรมากมาย ลุงเจ้าของบ้านบอกแค่ว่า พี่ขิงอาจติดคุกเพราะทำผิดจริง แต่ให้การรับสารภาพ โทษอาจจะลดลงเกือบครึ่ง ผมได้แต่หวังว่าเรื่องมันจะจบลงได้โดยไวที่สุด และหวังว่าพี่ขิงจะสำนึกผิดกับเรื่องนี้บ้างหากต้องรับโทษจากการกระทำของตัวเอง

        “เที่ยงนี้มึงกินอะไร กูเลี้ยงเอง”

   “จัดไปเพื่อนเลิฟ”

   เรื่องทุนของเจมส์ ก็ต้องขอบคุณลุงเจ้าของบ้าน เพราะลุงแกให้ทุนเจมส์จนเรียนจบแทนแม่ผม แต่ที่ต่างจากเดิมคือ เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อเดือนให้ด้วย หลักหมื่นเชียวนะครับ ผมดีใจที่แม่เจอคนที่ดี แต่ก็นั่นแหละ ป่านนี้ไม่รู้แม่ผมไปใช้เงินอยู่ที่ไหน ติดต่อก็ไม่ได้ ข่าวคราวก็ไม่มี ไม่ใช่ผมไม่ห่วงนะครับ แต่เพราะไม่รู้จะไปหาข่าวมาจากที่ไหน

   กลับมาที่ผมต่อ ผมสอบเข้าคณะสัตวแพทย์อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก ใช้เวลาไปเรียนปรับพื้นฐานใหม่ เข้าโรงเรียนกวดวิชา เข้าออกคลินิกพ่อพี่ไฮท์สำหรับวิชาที่มันยากเกินผมจะเข้าใจเพียงลำพัง ยังมีเจมส์ช่วยสอนอีกแรงสำหรับวิชาพื้นฐานของผมที่อ่อนด้อย เรียกได้ว่า การสอบเข้าของผมครั้งนี้ มาจากความช่วยของทุกคน ขนาดพ่อผมที่ดูไม่ค่อยสนใจยังแอบซื้อของบำรุงมาตุนในตู้เย็นให้ผม จะมีก็แต่คนที่พยายามโน้มน้าวให้ผมเป็นรุ่นน้องคณะให้ได้ เพียงเพราะมันเรียนแค่สี่ปี คนแบบนี้ก็มีอยู่ในสังคมนะครับ

   ที่โรงอาหารผมเลือกซื้อข้าวร้านประจำสมัยยังมาเรียนแทนพี่ขิง ป้าคนขายยังคุยจ้อกับผมเหมือนเดิมเพียงแค่เรียกชื่อจริงๆ ของผมแทน ป้าบอกว่าผมหล่อขึ้นกว่าแต่ก่อน ผมได้แต่เออออไป เอาจริงๆ ผมว่า หน้าตาผมก็เหมือนเดิมนะ

        “ไง” ผมหันไปยิ้มให้คนสะกิดเรียกจากด้านหลังที่มันโบกมือยิ้มโชว์ฟันครบสามสิบสองซี่ “มึงเตี้ยกว่าเดิมป่ะไอ้ขมิ้น”

   “กูว่าตามึงต่างหากที่ต่ำลง” กวนมาก็กวนกลับ ไอ้อินหัวเราะร่าคงถูกใจกับคำตอบของผม “มึงมากินข้าวเหรอ” พูดปุ๊บก็อยากตบปากตัวเอง ถามทั้งๆ ที่มือไอ้อินถือข้าวขาหมูอยู่ และมันคงจะรู้ว่าผมโชว์โง่ เลยหัวเราะดังกว่าเดิมจนคนหันมามอง

   ตอนนี้แทบจะไม่มีใครสนใจผม คงเพราะข่าวของพี่ขิงซาลงไปเกือบหมด เวลาผ่านไปคนก็มักจะลืมกัน มันคือเรื่องจริง ผมสามารถเดินเข้าออกมหาลัยนี้โดยที่ไม่มีคนสนใจอย่างก่อน รู้สึกดีกว่าเดิมขึ้นเยอะ

   “ได้ข่าวว่าติดสัตวแพทย์เหรอวะ ยินดีด้วยนะ ตอนแรกกูคิดว่ามึงจะเข้าวิศวะซะอีก”

   “พอดีกูเป็นคนอ่อนโยน รักสัตว์” สาดคำสุดท้ายใส่หน้าอินมันไปเต็มๆ

   “กวนตีนนะมึง” แม้จะด่า แต่ปากมันก็ยิ้มให้ผมอยู่ “กูไปนะ ว่างๆ ไปกินเหล้ากัน กูเลี้ยง”

   “จัดไปรุ่นพี่”

        กวนก่อนเดินจาก เลยถูกตบหัวส่งท้ายมาด้วย มิตรภาพมันสวยงามนะผมว่า เดินยิ้มมาจนถึงโต๊ะที่เจมส์นั่ง ซึ่งตอนนี้ที่โต๊ะมีคนที่น่าจะเรียนอยู่มานั่งด้วย แถมหน้าบึ้งเหมือนปวดขี้

   “กูโทรหาทำไมไม่รับ” เปิดด้วยคำถาม “หรือมัวแต่คุยกับไอ้อินจนไม่สนใจ” ปิดด้วยการประชด

   หน้าเหวอเลยผม อยู่ๆ ก็โดนด่า และพอผมจะถามกลับ พี่ไฮท์ดันลุกหนีไปเฉย “เพื่อนพี่เป็นอะไร ผีเข้าเหรอ”

   “ผีห่าอะไร มันหึงมึงนั่นแหละ ฟาดงวง ฟาดงาใหญ่ กูไปเรียนละ คนปวดขี้ลากออกมาจากห้อง” พี่บิ๊กว่าขำๆ พลางคลอนศีรษะเบาๆ ก่อนจะลุกตามเพื่อนตัวเองออกไป ทิ้งให้ผมนั่งมองเจมส์ที่ขำเยาะ


   ผมผิดตรงไหนวะครับ


   “หึงกูเรื่องอะไรวะ” ถามด้วยความสงสัย เจมส์พยักพเยิดหน้าไปอีกด้านผมถึงเห็นต้นเหตุ “หึงกูกับไอ้อินเนี่ยนะ บ้าป่ะ”

   “มึงคบกับพี่ไฮท์มากี่เดือนยังไม่ชินอีกเหรอวะ” แล้วเจมส์มันก็ขำออกมาก่อนตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดอะไรต่อ

   จะให้ชินยังไง ในเมื่อบางเรื่องผมยังไม่รู้เลย ว่าพี่ไฮท์หึงอะไร



   นั่งกินข้าวกันจนอิ่มก็ถึงเวลากลับ ผมเดินออกจากโรงอาหารพร้อมเจมส์ ก่อนจะพ้นประตูก็ปะทะหน้ากับพี่นาวพอดี มันแยกกับเพื่อนตัวเองเพื่อมาดักหน้าผม ที่รู้เพราะเห็นกับตา

   “ไม่คิดว่าจะเจอมึงที่นี่”

   “คนเจอหน้าเขาทักกันแบบนี้เหรอพี่”

   พี่นาวขำในลำคอพลางยักไหล่ “ยินดีด้วย เห็นว่ามึงสอบติดที่นี่”

   “ขอบคุณครับ” ทำไมคนรู้ว่าผมสอบติดเยอะจัง ทั้งๆ ที่ผมก็เพิ่งเปิดดูผลไปไม่ถึงชั่วโมง “แล้วก็ขอบคุณที่พี่ไปเยี่ยมพี่ขิงบ่อยๆ”

   “หึ” พี่นาวไม่ตอบไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะเดินผ่านผมเข้าไปในโรงอาหาร

   หลังจากพี่ขิงถูกขัง คนที่ไปเยี่ยมบ่อยกว่าคนในครอบครัวก็พี่นาวนี่แหละครับ ซื้อของใช้ ของกินไปฝากทุกครั้งจนพ่อผมแทบไม่ต้องซื้ออะไรเพราะพี่ขิงมีหมด และที่พี่เขาทำแบบนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะความรู้สึกผิด ผมเคยถามตอนเจอที่คุกหลังจากเยี่ยมพี่ขิงแล้ว พี่นาวบอกที่พี่ขิงเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเอง หากพี่นาวไม่พาพี่ขิงไปที่บ่อน พี่ขิงอาจไม่คิดเล่นการพนันและชีวิตก็คงไม่เป็นแบบนี้


        ผมว่าในความรู้สึกผิดก็มีความรักผสมอยู่มากเลยทีเดียว




   ออกจากมหาลัยผมก็ตรงไปที่คลินิกของพ่อพี่ไฮท์ อยู่ช่วยงานจนเลิกก็ไม่เห็นหน้าลูกชายเจ้าของ แม้คุณหมอจะถามหา ผมก็ตอบได้แค่คำว่าไม่รู้ ก็ผมไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ไฮท์ไปไหน ไลน์ไปก็ไม่อ่าน หรือจะงอนหนัก นี่ถ้าไม่รู้จักกันมาเกือบปี ผมคงนึกภาพหน้าตาพี่ไฮท์ตอนงอนไม่ออก แต่นี่อยู่ด้วยกันบ่อยจนเห็นมาทุกหน้า ทุกอารมณ์แล้ว

   วันนี้ที่จริงผมต้องไปนอนบ้านพี่ไฮท์ แต่ดูแล้วผมกลับบ้านดีกว่า ขืนไปเจ้าของห้องเขาไม่ให้เข้าห้อง จะรู้สึกแย่เอา ผมเลยขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน พอมาถึงก็เจอพ่อคุยกับกระดาษไม่สนใจลูกชายที่เดินผ่านขึ้นห้อง นี่ถ้าคนนอกมาเห็นโดยไม่รู้จัก อาจพาพ่อผมไปโรงพยาบาลบ้าแน่ คุยราวกับกระดาษมันโต้ตอบกลับมาได้ คุยเป็นเรื่องเป็นราวสุดอะพ่อผม

   อาบน้ำตัวหอมเดินออกมาทิ้งตัวนอนบนเตียง มือถือที่วางอยู่ยังเงียบสนิท ผมเลยหยิบมากดดู ปรากฏว่าเครื่องเปิดไม่ติด จากที่เคยโมโหคนขี้งอนที่เงียบหาย ตอนนี้รู้สึกอายตัวเองเหลือเกิน หลงโกรธอยู่ตั้งนานคิดว่าพี่ไฮท์ทำเกินไป ที่ไหนได้ แบตหมด ผมเสียบสายชาร์ตพร้อมเปิดเครื่อง ในใจลุ้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม ทันทีที่หน้าจอติด เสียงไลน์เด้งต่อเนื่องจนหูแทบอื้อ ยังมีข้อความและสายไม่ได้รับอีก การติดต่อทุกอย่างมาจากคนที่ผมเผลอกร่นด่ามาตลอดทั้งวัน

   อยากจะยกมือไหว้ขอโทษเลย

   ก่อนที่นิ้วจะได้พิมพ์ข้อความตอบกลับ เสียงริงโทนก็ดังขึ้นจนผมสะดุ้งมือถือแทบร่วง เดาน้ำเสียงกับสีหน้าของคนโทรเข้าได้เลยว่าจะประมาณไหน ข้างตัวไม่มีสำลีด้วย หูชาแน่ผม

   “พี่...”

   (ไอ้เหี้ย!) ตะโกนจนขี้หูผมแทบเต้น (ปิดเครื่องทำห่าอะไร กูโทรหาจนมือหงิกคิดว่ามึงเป็นอะไร ถามไอ้เจมส์ก็บอกไม่รู้ แม่งเอ๊ย!) โดนรัวมาเป็นชุดหาคำแทรกแทบไม่เจอ (ลงมา!)

   “ลงมาอะไร” ถามแบบมึนๆ

   (กูอยู่หน้าบ้าน) แล้วสายก็ตัดไป ตอนนี้พี่ไฮท์คงพร้อมเหวี่ยงเต็มที่ จากน้ำเสียงเมื่อกี้ คาดว่าความโมโหคงอยู่ระดับสูงมาก

   ผมต้องเตรียมอะไรไว้สำหรับป้องกันตัวไหมวะ เผื่อโดนหมัดเข้าหน้า

   เดินลงบันไดมาสายตาก็สอดส่องออกไปนอกบ้าน เห็นพี่ไฮท์ยืนเกาะประตูรั้ว ใบหน้านิ่งๆ แบบนั้นอันตรายกว่าหน้าดุเสียอีก พ่อปรายตามองผมขณะเดินสวนกันที่บันได พร้อมๆ กับยื่นมือมาวางบนบ่า

   “เคลียร์กันเอง กูไม่เกี่ยว” แล้วพ่อก็เดินขึ้นชั้นสองไป พร้อมกับคำสบถว่าโดนโทรจิกเหมือนไก่ ให้ผมเดา พี่ไฮท์คงโทรเข้าหาพ่อผมแน่ถึงรู้ว่าผมกลับมาบ้าน

   ความกล้าที่รวบรวมไว้ก่อนเดินมาหน้าบ้าน มลายหายไปหมดทันทีที่โดนกระชากแขน ตอนแรกคิดว่าโดนต่อยแน่ หมัดใหญ่ๆ นั่นต้องพุ่งเข้าเบ้าตาไม่ก็แก้ม แต่กลายเป็นว่า ผมถูกดึงเข้าไปกอดจนแทบจมกับอก พอได้แนบชิดแบบนี้ ผมถึงรู้ว่าตัวพี่ไฮท์สั่นมาก

   “พี่เป็นอะไร” ถามเสียงอู้อี้ชิดอก แรงรัดไม่มีคลายออกสักนิดจนผมต้องขยับดิ้น เพราะจะไม่มีลมหายใจแล้ว “พี่ไฮท์”

   “กูกลัว” น้ำเสียงสั่นเหมือนกับร่างกาย

   “พี่กลัวอะไร ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” พยายามลูบหลังเพื่อปลอบคนตัวสั่นเทา “พี่ต้องเลิกคิดมากนะ”

   “ก็กูติดต่อมึงไม่ได้ โทรหาพ่อมึงเป็นสิบกว่าจะยอมรับ กูก็ใจไม่ดี กลัวว่ามึงจะเป็นอะไรไป ต่อไปห้ามปิดเครื่องนะ”

   “ผมไม่ได้ปิด เครื่องมันดับเอง เพิ่งชาร์ตเมื่อกี้พี่ก็โทรเข้ามาพอดี” พูดจบก็โดนตบหัวจากด้านหลังไปที ขนาดกอดผมอยู่นะ “ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่งอนหนักถึงขั้นไม่อยากคุย แต่พอหยิบมือถือมาดูก็เลยเห็นว่าแบตหมด”

   “เดี๋ยวกูจะซื้อพาวเวอร์แบงค์ให้พกสักสิบอัน”

   “เว่อร์ไป”

   คราวนี้ได้ยินเสียงขำเบาๆ ชิดหู “ต่อไปกูจะไม่ขี้งอนอีก”

   “จริงอะ”

   “เออสิ” ตอบเสร็จก็ผลักผมออกจากอ้อมอก ทำให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาติดบึ้งนิดๆ “มึงก็ต้องเลิกอ่อยคนไปทั่วด้วย ไม่งั้นกูก็แก้นิสัยตัวเองไม่ได้”

   “แล้วผมไปขี้อ่อยตอนไหนวะ” ถามกลับแทบจะทันทีที่ถูกกล่าวหา “พี่ชอบคิดเองเออเอง”

   “มึงชอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้คนอื่น ซึ่งกูไม่ชอบ แถมยังให้พวกนั้นแตะตัวอีก ซึ่งกูก็ไม่ชอบอีกนั่นแหละ แล้วก็...”

   ผมรีบยกมือปิดปากพี่ไฮท์เพราะเรื่องนี้ ผมฟังมาตั้งแต่คบกันแรกๆ ฟังจนจำแทบทุกคำ ขนาดถึงขั้นเขียนติดหัวเตียงเลยด้วยซ้ำ

   “ผมเป็นผู้ชาย ถึงจะคบกับผู้ชายแต่ก็ใช่จะร่อนอ่อยไปทั่วสักหน่อย แล้วคนอื่นที่พี่ตั้งหน้าตั้งตาหึงน่ะ เขาก็ไม่ได้คิดเกินเลยอะไร ผมมีเซ้นส์นะ ทำไมจะดูไม่ออกว่าใครคิดอะไรยังไง”

   “ไอ้ขี้โม้” พี่ไฮท์ดึงมือผมออกได้ก็ด่าทันที “มึงดูกูออกเหรอตอนแรกน่ะ”

   “ดูออก” เสียงสูงจนโดนเขกหัว “หลังจากที่พี่รู้ว่าผมไม่ใช่พี่ขิง สายตาดุๆ นี่ก็เปลี่ยนไป คนโง่นั่นแหละที่ดูไม่ออก” โชว์เหนือไปอีก ที่จริงผมก็ไม่รู้หรอก “แล้วนี่เราจะยืนเถียงกันหน้าบ้านผมแบบนี้เหรอ ไอ้ด่างมันยืนมองน่ะเห็นป่ะ อายหมาบ้าง เชี่ย” คราวนี้โดนตบหน้าคว่ำเลยครับ มือหนัก ตีนหนัก ขนาดเป็นแฟนกันยังทำกันได้ลงคอ

   และแทนที่พี่ไฮท์จะเดินตามผมเข้าบ้าน กลายเป็นว่า ผมถูกดึงให้เข้าไปนั่งในรถแทน ด้วยความมึนปนเอ๋อเลยนั่งไป กว่าจะรู้ตัวรถก็เลี้ยวออกจากซอยหน้าหมู่บ้าน

   “พี่จะไปไหน บ้านผมอยู่ตรงนู้น”

   “วันนี้มึงต้องไปค้างบ้านกูไง ลืมเหรอ” แล้วคนบอกจะเลิกขี้งอนก็ทำปากยู่เหมือนเป็ด
 
   “ไม่ได้ลืม แต่ผมยังไม่ได้บอกพ่อ บ้านก็ไม่ได้ปิด”

   “กูบอกพ่อมึงแล้วว่าจะมารับ”

   “พ่อไม่เห็นบอกเลย”

   ตอนเดินสวนกันที่บันไดพ่อก็ไม่ได้บอกผมสักอย่าง นึกถึงตอนแรกที่ให้คบกัน พ่อผมแทบติดที่ดักฟังไว้กับมือถือของผม เวลาพี่ไฮท์โทรมาจะต้องบอกว่าคุยอะไรกันบ้าง อย่างเรื่องไปนอนที่บ้านอีก พ่อผมค้านหัวแทบชนเพดาน ดีที่คุณหมออ้างเรื่องการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าเลยอนุญาต แต่ก็เรื่องจริงนะครับ ผมไปนอนบ้านพี่ไฮท์ก็จะขลุกอยู่กับคุณหมอซะส่วนใหญ่ จะอยู่กับพี่ไฮท์ก็แค่ตอนกินข้าวแล้วก็เข้านอน มันเป็นช่วงเวลาที่เครียดมากในการศึกษาตำราที่ไม่เข้าใจ แต่พอผ่านมาได้ ถือว่าคุ้มกับความเครียดครับ

   “นี่ไม่ใช่ทางไปบ้านพี่นี่” ระหว่างนั่งคิดย้อนถึงเรื่องที่ผ่านมา ผมก็เพิ่งได้สังเกตบรรยากาศนอกตัวรถ ถนนเส้นนี้มันคนละทางกับบ้านของพี่ไฮท์ และดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปกลางใจเมืองมากกว่า “พี่จะไปไหน”

   “ไปคอนโด” พี่ไฮท์ยกยิ้มนิดๆ ก่อนหันไปสนใจถนนต่อ

   “คอนโด? ของใครเหรอ” ไม่มีคำตอบ มีเพียงสายตาที่หันมามองครู่หนึ่ง “อย่าบอกว่าของพี่นะ”

   “ใช่”

   “ไม่เห็นพี่บอกเลย”

   “กูไม่ชอบรถติด มึงก็เห็น เราอยู่แยกนี้มาเกือบชั่วโมงละ” ก็จริงอย่างที่พี่ไฮท์ว่า รถขยับทีละนิด แถมแสงสีแดงจากท้ายรถก็ทำให้ตาพร่าไปเหมือนกัน “แต่ตอนนี้กูอยากย้ายมาอยู่”

   “ทำไมถึงอยากย้าย...คนเรานี่นะ” พูดไม่ทันจบก็ต้องเบนสายตาออกนอกหน้าต่าง เพราะทนสบตาคนข้างๆ ไม่ไหว มันแสดงออกชัดเจนเกินไป แถมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นอีก “อยู่บ้านน่าจะสบายกว่านะ”

   “สบายใจแต่ไม่สบายกาย ให้กูเลือก กูเลือกสบายกายมากกว่า”

   “มันมีที่เล่นฟิตเนสใช่ไหมล่ะ”

   “มึงโง่จริงหรือแกล้ง”

   นั่น โดนด่าอีก แต่ผมก็ไม่ได้โง่จริงนั่นแหละ ความปรารถนาอันแรงกล้านั่นทำไมผมจะไม่รู้

   “พี่ต้องรอไปอีกหกปี จำที่บอกพ่อผมไม่ได้เหรอ”

   “ถ้ากูไม่พูด มึงไม่บอก ก็ไม่มีใครรู้”

   นี่คงเป็นสาเหตุหลักที่พี่ไฮท์อยากมาอยู่คอนโดสินะ ห่างไกลสายตาของพ่อ

        “ไม่ชั่วจริงคิดไม่ได้นะเนี่ย”

   “ชั่วแล้วได้เมีย กูก็ยอม”

   อือฮือ ยอมรับได้หน้าตายมากจริงๆ แทบอยากยกนิ้ว (กลาง) ให้



   กว่าจะฝ่าแต่ละแยกมาได้ทำเอาผมผล็อยหลับไป ลืมตามาอีกทีรถก็จอดนิ่งอยู่ใต้คอนโดแล้ว พี่ไฮท์ออกไปยืนพิงรถ มือยกโทรศัพท์แนบหูเหมือนคุยกับใครสักคน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อหันมาเห็นผมเอาแก้มแนบกระจกแอบฟัง

   “ตื่นแล้วเหรอ” พี่ไฮท์วางสายแล้วเปิดประตูรถ ผมรีบยิ้มแห้งๆ ส่งไปแก้เก้อ คิดว่าจะโดนด่าซะแล้ว “ขึ้นไปดูห้องกัน”

   “ใครโทรมาเหรอ” รู้ว่าไม่ควรถาม แต่ปากมันไปก่อน

   “พ่อน่ะ โทรมาถามว่าถึงไหนแล้วจะได้รอเปิดประตูบ้าน”

   “อ่าว แล้ว...”

   “กูบอกพ่อไปว่าจะนอนคอนโด”

   “แล้วพ่อพี่ว่าไงบ้าง”

   “ไม่ว่า แต่ด่า”

   อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หน้าพี่ไฮท์ติดบึ้งตึงเวลาคุยเรื่องที่ถูกด่า ก็สมแล้ว อยากดื้อรั้นพาผมมานัก โดนหักเงินรายเดือนเลย เราสองคนขึ้นลิฟต์จากชั้นจอดรถขึ้นมาด้านบน เลขหน้าจอดิจิตอลแสดงเลขชั้นสิบสอง พี่ไฮท์ยื่นมือมาจับมือผมแล้วพาเดินไปตามทางเดิน

   “ห้องของเรา”

         พี่ไฮท์ยิ้มก่อนแตะบัตรที่กล่องพร้อมกดรหัสหน้าประตูห้องหนึ่งสองศูนย์แปด พอได้เดินเข้าไป ห้องกว้างมีฟอร์นิเจอร์ครบครัน ห้องโถงใหญ่มีโซฟาสีน้ำตาลวางอยู่ มีทีวีจอขนาดกลางติดผนัง นอนไปดูไปก็คงเพลินไม่น้อย พอมองไปทางขวามือของผม มีประตูกระจกกั้นอยู่ ด้านในเป็นห้องครัว เลื่อนสายตามาอีกหน่อยเป็นห้องน้ำ พอหันไปมองซ้ายมือ มีประตูที่คาดว่าคงเป็นห้องนอน

   “พี่เคยมาอยู่ไหมเนี่ย” ที่ถามเพราะห้องสะอาดมาก ตั้งแต่ผมเดินเข้ามา ยกฝ่าเท้าดูก็ไม่ดำเลย “ห้องสวยอะ”

   “ถ้าเรามาอยู่จริงอาจมีปรับนั่นแต่งนี่อีกสักหน่อย ขมิ้นว่างั้นไหม” ดูเหมือนพี่ไฮท์จะไม่ได้สนใจห้องอย่างผมเท่าที่ควร ตั้งแต่ประตูห้องปิดลง ตัวผมก็มีปลิงเกาะติดหลังอยู่ตลอด “พี่น่ะ สั่งให้แม่บ้านมาทำความสะอาดตั้งแต่เช้า” สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว อีกทั้งมือก็เปลี่ยนจากที่เอว เลื้อยขึ้นมาที่อกจนผมต้องห่อตัว

   “ไอ้พี่ไฮท์” กัดฟันด่า แต่คนทำดูไม่สลดอะไร แถมมือสองข้างยังสลับกันลูบขึ้นๆ ลงๆ ลามไปใต้เข็มขัดด้วย “พี่ไฮท์ ไม่เล่นนะเว้ย” พยายามดึงมือปลาหมึกออก แต่ก็ยากนัก คนทำดูเหมือนจะสนุกที่ได้แกล้งผม บ่อยครั้งมือที่ลูบเฉียดไปโดนลูกรักจนผมต้องดิ้นหนี

   “มาฉลองห้องเรากันไหม” ไม่พูดเปล่า ยังส่งลิ้นร้อนแหย่เข้ามาในรูหูผมอีก

   ขนลุกทุกส่วนแล้วครับตอนนี้

   “พี่ไฮท์ เหนื่อยแล้วนะ”

   “เหนื่อยแล้วก็เลิกดิ้นสิ”

   “พี่ก็เลิกลูบสักที เดี๋ยวหนังผมก็หลุดติดมือไปหรอก”

   “แน่ใจเหรอว่าหนังติดมือ พี่ว่า มีอย่างอื่นมากกว่าที่ติดมือ”

   โอ๊ย ผมจะดิ้นหนีไปทางไหนดีเนี่ย หรือผมจะไม่รอด...

   ช่วงเวลาที่ผมกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ เสียงริงโทนของพี่ไฮท์ก็ดังขัด คนคร่อมตัวผมชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาถอดเสื้อผ้าผมต่อ จากรอบแรกดับไป รอบใหม่ก็ดังอีก คราวนี้เครื่องของผมก็ดังด้วย พี่ไฮท์สบถมาชุดใหญ่ก่อนลุกจากโซฟาไปรับ ผมรีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าตามเดิม ช่วงเวลาจากหน้าประตูมาโซฟามันแป๊บเดียวจริงๆ 

   “ใครโทรมาเหรอ” พี่ไฮท์ทิ้งตัวนั่งอย่างแรงบนโซฟา ก่อนตวัดสายตามองผม

   “พ่อกู” ตอบเสียงห้วน

   “พ่อพี่โทรมาตามเหรอ รีบกลับเถอะ ดึกแล้ว” ได้ทีก็รีบเก็บของเลยครับ พี่ไฮท์เหมือนจะฟัง แต่กลับดึงผมเข้าห้องนอนเฉย “พี่...” พูดได้แค่นั้นเพราะตอนนี้ปากผมถูกริมฝีปากอีกคนปิดเรียบร้อย เป็นจูบที่ไม่ได้นุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้รุนแรง

   การจูบของพี่ไฮท์สามารถปลุกอะไรต่อมิอะไรของผมให้ตื่น ยิ่งตอนนี้หลังผมแนบไปกับเตียงนุ่มแล้ว อีกทั้งความนึกคิดที่ต่อต้านค่อยๆ จางหายลงทุกที เอาวะ ไม่โดนวันนี้ วันหน้าก็ต้องโดน ผมหรี่ตาขึ้นดูคนที่กำลังจูบตามใบหน้าอย่างแผ่วเบา สายตาของพี่ไฮท์ตอนนี้ดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่ผมเคยเห็น

   “เราต้องกลับไม่ใช่เหรอ” ผมพูดจบก็โดนกดจูบ พอจะพูดก็โดนปิดอีก “พี่ไฮท์”

   “ชู่ว” พี่ไฮท์จุ๊ปากพลางขยิบตาให้ผม

   อยากบอกว่า ตอนนี้พี่ไฮท์โคตรเซ็กซี่ แผงอกมีกล้ามเนื้อชัด ร่องไหปลาร้าก็สวย ลำคอก็ขาว เห็นแล้วอยากกัดให้จมเขี้ยว คิดแล้วก็เหมือนสมองสั่งการให้ผมยื่นหน้าขึ้นไปงับอย่างเต็มปากเต็มคำจนเจ้าของคอร้องลั่น

   “มึงกัดคอกูทำไมเนี่ย” พี่ไฮท์ดีดตัวลุกขึ้นไปนั่งกุมคอตัวเองไว้ พอขยับมือออกเลยได้เห็นชัดว่ามีเลือดออกตามรอยฟันของผม “เอาซะกูหดหมด”

   ผมก็หด สะดุ้งจนอาการเคลิบเคลิ้มหดหายไปหมด พอเราสองคนเงยหน้าสบตากันก็หลุดหัวเราะออกมาชุดใหญ่ เมื่ออารมณ์ทุกอย่างสงบลงพี่ไฮท์ก็พาผมกลับบ้าน ซึ่งโดนคุณหมอบ่นชุดใหญ่ไฟกระพริบ ยิ่งเห็นรอยจูบที่ต้นคอของผมก็ยิ่งด่า แต่พอหันไปเห็นรอยที่คอพี่ไฮท์ คุณหมอก็รีบสะบัดคอมองหน้าผมอย่างแปลกใจ

   ‘เพิ่งรู้ว่าเราร้อนแรง’ นี่คือคำพูดของคุณหมอก่อนที่จะแยกย้ายกลับห้อง แต่มันก็ทำให้ผมกับพี่ไฮท์หัวเราะ เพราะถ้าหากคุณหมอรู้ว่า แผลร้อนแรงที่ว่า มันทำให้พายุอารมณ์จบลงจนต้องกลับบ้าน คงจะหัวเราะเหมือนกันอย่างแน่นอน








 
   “พี่ไฮท์” เรียกขณะเจ้าของชื่อกำลังเช็ดผมที่เปียกอยู่ปลายเตียง “ถ้าเกิดพี่ขิงออกมา แล้วแต่งตัวเหมือนผม พี่จะแยกเราออกไหม” ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องก่อนนอนหรอกนะครับ แค่สงสัยเลยถามเฉยๆ พี่ไฮท์หยุดเช็ดผมแล้วเงยหน้ามามองผมนิ่ง

   “กูจะแยกคนรักไม่ออกได้ยังไง” ผมทำสีหน้าไม่เข้าใจ พี่ไฮท์เลยขยับขึ้นมาบนเตียงแล้วดึงผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด “หัวใจของกูจะเต้นแรงเฉพาะอยู่ใกล้มึงเท่านั้น” ว่าแล้วผมก็ยกมือขึ้นไปแตะหน้าอก สิ่งที่อยู่ภายในมันเต้นแรงอย่างที่เจ้าของร่างว่า “ก็เพราะคนที่กูรัก คือมึงคนเดียว จำไว้ขมิ้น”

   “ผมก็รักพี่คนเดียวนั่นแหละ จำไว้พี่ไฮท์”

   “เลียนแบบกูเหรอ”

   “ใช่”

   “นี่ก็ยอมรับง่ายเกิน” ได้ยินเสียงขำกับร่างที่สั่นเบาๆ ของคนที่ผมกอดอยู่ “ถ้ามึงนิสัยเหมือนไอ้ขิง กูคงเกลียดมึงเหมือนกัน แต่นี่มึง...หลับง่ายเกินไปนะมึงเนี่ย รอให้กูหยอดหน่อยก็ไม่ได้”

   ห้วงความรู้สึกกำลังจะดับลง แต่ผมก็ยังรับรู้ถึงแรงสัมผัสนุ่มนวลที่ประทับลงบนหน้าผาก ความอบอุ่นของร่างกายของพี่ไฮท์ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ มันคล้ายกับยานอนหลับ ทุกครั้งที่ได้ใกล้ ก็มักจะทำให้สบายใจ จนเผลอหลับทุกครั้ง

   เพราะผมมั่นใจว่าจะปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้คนๆ นี้ และผมก็มั่นใจว่าผมรักพี่ไฮท์มากพอๆ กับที่พี่ไฮท์รักผม เพียงเท่านี้ ทุกๆ วันของผมก็จะเป็นวันที่ดีที่สุด

   “ผมรักพี่นะ”

   “ละเมอบอกรักกันอีก แบบนี้ไม่ให้รักมากได้ยังไง...พี่รักขมิ้นนะ”



...............


   *Special พาร์ทไฮท์*


   ไอ้ขมิ้นทำให้ผมดูเป็นคนหื่นในสายตาคนอื่น โคตรนิสัยไม่ดี ทั้งที่จริงผมออกจะรักษาสัญญาอย่างดีเถอะ แต่หากใครไม่มาเป็นผมก็คงไม่รู้ ว่าคืนๆ นึงผมต้องเจออะไรบ้าง ผมต้องสกัดกั้นอารมณ์ที่ลุกโชนของตัวเองมากแค่ไหน ผมต้องพยายามข่มตาเพื่อให้หลับทั้งที่คนรักนอนน้ำลายยืดในอ้อมกอด มันทรมานมาก ที่ไม่สามารถลูบคลำได้

   ทำไมผมต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย!

   ที่ผมเล่า อาจฟังดูเหมือนเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่สำหรับผมมันร้ายแรงมากกับความรู้สึก ยังมีอีก ในทุกๆ คืน ผมต้องทนนั่งมองไอ้ขมิ้นเดินโป้ร่อนไปมาในห้อง โดยที่มันไม่สวมใส่อะไรเลยหลังจากอาบน้ำเสร็จ เป็นคุณจะทนไหวสักแค่ไหน อย่างบางทีที่เรารีบ ก็มักจะเข้าอาบน้ำพร้อมกัน และการได้เห็นคนรักกำลังอาบน้ำ ฟอกสบู่ ถูตัวอยู่ตรงหน้าแต่ไม่สามารถแตะต้องมันได้ มันทรมานจนแทบคลั่งนะครับ ผมรู้ว่าไอ้ขมิ้นมันไม่ได้ตั้งใจจะยั่วผมหรอก แต่มันก็ควรรู้ตัวหน่อยว่าสิ่งที่มันทำ มันทำร้ายผมแค่ไหน ผมเป็นผู้ชาย อารมณ์เรื่องพรรค์นั้นมันก็สูง กว่าจะสงบลงได้ก็ต้องใช้เวลาอย่างมากในการดับอารมณ์ตัวเอง

   เพราะแบบนี้ ผมควรเป็นคนที่น่าสงสารไม่ใช่หรือไง

   หกปีที่สัญญาไปนั้น มันเป็นเพียงสัญญาจากลมปาก อาจจะฟังดูเลวไปสักหน่อยที่คิดแบบนี้ แต่มันก็มากเกินไปจริงๆ ผมให้มากสุดแค่ปีหรือสองปีเท่านั้น มากกว่านี้ผมอาจลงแดงตายได้ และเพราะแบบนี้ผมถึงคิดอยากจะพาขมิ้นไปอยู่คอนโดที่พ่อซื้อไว้ อย่างน้อยที่นั่นมันก็เป็นส่วนตัว ผมจะจับ จะขยำมันยังไงก็ได้ไม่มีใครเห็น คอยดูเถอะ ถ้าเวลานั้นมาถึง ผมจะจัดให้หนักทดแทนเวลาที่เสียไป ถ้าเป็นไปได้ ผมจะยัดไอ้ขมิ้นใส่ปากแล้วกลืนลงท้อง ไม่ให้คนอื่นได้ใกล้เลยคอยดู

   ก็อย่างที่ผมเคยบอกไป...ชั่วแล้วได้เมีย ผมยอม




THE END



************
Talk : สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่าาาา นิยายเรื่อง รักนี้ แค่นาย ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว
ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณทุกๆ คนมาก ที่สนใจ และรับพี่ไฮท์น้องขมิ้นไว้ในอ้อมอก รู้สึกตื้นตันอย่างมาก ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับความรัก กำลังใจ จนทำให้เรื่องมาจนถึงตอนสุดท้ายแบบนี้ กราบขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
และก็ต้องขอโทษ สำหรับความล่าช้าในช่วงหลังๆ นี้ ไม่ว่าจะด้วยปัญหาอะไร เราผิดเองทั้งนั้น ขอโทษอย่างมากเลยค่ะ
ต่อไปจะพยายามพัฒนาตัวเอง เพื่อให้งานออกมาสม่ำเสมอมากกว่านี้ ....
รักทุกคนค่ะ (กราบแนบอก) (-/l\-)~~~
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2018 13:02:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-06-2018 13:50:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า...จบแล้ว  จบแบบไม่มีฉากอัศจรรย์   ว้า...แย่จัง  อิอิ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-06-2018 13:50:55
  :mew1: :mew3:
วู้วววววว คู่รักแป้งเด็กถึงฝั่ง
แม้อิพี่จะยังไม่สมหวังดังตั้งใจ แต่เชื่อว่าไม่เกินปีเหอะ
ขอให้บรรลุเป้าหมายนะพี่เถื่อนถึก แล้วอย่าขี้หึงขี้งอนให้มากนักละ

สุดท้าย ...
ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องราวน่ารักนี้ให้อ่านกันจนจบ :bye2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-06-2018 15:55:27
                สงสารพี่ไฮท์  :z1: :z1: :z1:
     ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-06-2018 17:30:29
พี่ไฮท์ที่น่าสงสาร ฮึบไว้นะ 6 ปีมันแป๊บเดียวเอ๊งงงงง  :laugh: :laugh:
คุณพ่อทั้งสองเคมีเข้ากันมาก จะใจบาปไปไหมถ้าอยากให้คุณพ่อคู่กัน :-[
สุดท้ายขอบคุณคนเขียนนะคะ ที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 22-06-2018 23:55:01
แหม๊!!!กำลังรอฉากร้อนแรงอยู่เชียว  :katai3: จบซะละ  :m25:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: benceii ที่ 23-06-2018 00:34:42
สนุกมาก ๆ ค่ะ
จะติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 23-06-2018 02:55:05
จะมีตอนพิเศษที่ขมิ้นโดนจับกินไหมคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-06-2018 15:12:39
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-06-2018 17:52:07
เง้อออออออออออ.....จบแล้วววววว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
จบแบบไม่สมบูรณ์อ่ะ
รอตอนพิเศษนะ นะ นะ   :z3: :z3: :z3:

พี่ไฮท์  ขมิ้น   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์ มากกกกกก :mew1:     
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 24-06-2018 22:43:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 25-06-2018 12:00:57
สนุกดี :L2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-06-2018 13:43:41
ชอบมากกกกก รักเลย เป็น FC คุณ aiaea83 นะคะอ่านทุกเรื่อง แต่อาจจะไม่ได้ติดตามช่วงออนแอร์ เพราะเราเป็นปลาทอง 55555 อ่านทีละตอนๆอัพ แล้วจำไม่ค่อยได้ 5555

ชอบนิยายคุณ aiaea83 ที่ต่อให้เนื้อหามันหนักหน่วง เจ้มจ้นแค่ไหน? มันก็จะมีความขำซ่อนอยู่เป็นระยะๆ เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวเลย อ่านแล้วไม่อยากวางเลยต้องต่อรวดเดียวให้จบ  o13

ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้ ชอบมากค่ะ เยิฟๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 25-06-2018 16:52:02
THANK YOU :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 25-06-2018 16:57:27
ขมิ้นกวนตีนมากเวอร์ 5555 สงสารพี่ไฮท์ จะได้มีเวลาสวีทกันมั้ยเนี่ย ขมิ้นชอบทำให้ตลกอยู่เรื่อย
สงสารขิงเหมือนกันเนอะ ออกจากคุกแล้วจะกลับใจได้รึเปล่า ไม่ใช่ว่าเกินเยียวยาเหมือนแม่แล้วหรอ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
 :L1: :pig4: :o8:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-06-2018 23:16:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 27-06-2018 22:09:48
ถ้าทนถึงหกปีก็สงสารพี่ไฮท์แย่เลย ไม่รู้ทำไมแต่เราแอบสงสารขิงเหมือนกัน ขอบคุณนักเขียนนะครับ ที่เอานิยายสนุกๆมาแบ่งปันให้อ่าน ^_^
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 28-06-2018 07:49:38
 :hao7:  ทำชั่วให้ขึ้นนะคะ 55
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 28-06-2018 23:34:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 01-07-2018 22:57:30
6ปีเองพี่ไฮท์ รอไปก่อนนนน 555555
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 06-07-2018 10:52:51
ว้ายยยยยย สงสารพี่ไฮท์ ไม่ได้แอ้มน้องเลยยยย 55555  :hao7: :hao7: :hao7:
ขอให้ชั่วแล้วได้เมียเร็วนาจ้าาาา 5555 สนุกมากเลยค่ะ น่ารักๆไปอีก  o13 o13
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-07-2018 23:07:10
:pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 07-07-2018 11:55:42
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความรักก็เหมือนของหวาน เมื่อรักก็อยากจะหลืนกินเขา 5555
ขอบคุณนักเขียนมากๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 07-07-2018 18:58:02
ขมิ้นอาบน้ำเดินแก้ผ้าหรอ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 15-07-2018 08:17:35
สนุกมากๆ ลุ้นทั้งเรื่องจริงๆ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 18-07-2018 19:25:45
อ่านจบแล้วสนุกมากๆ เลยค่ะ ตามมาจากที่มีคนแนะนำในทวิต
ไม่คิดว่าสนุกขนาดนี้อ่ะ ตอนแรกคิดว่าชีวิตขมิ้นจะดราม่ายอมคน
จริงๆ ไม่ใช่เลย ตลกมาก 555555 เป็นคนคิดบวกเพราะพ่อก็คิดบวก
ชอบเวลาขมิ้นกับเจมส์เลยมุกต่อเพลงกัน เราขำเป็นบ้าเลย
ตอนปุยเมฆป่วยตายก็ร้องไห้ตาม เศร้าจริง
ส่วนขิงก็ไม่คิดว่านางจะผิดร้ายแรงขนาดนี้ คิดติดพรันอย่างเดียว
กลายเป็นหลงผิดหลงชั่วไปได้ น่าสงสารนะแม่เลี้ยงมาแบบผิดๆ
แอบเอาใจช่วยให้พี่นาวกับขิงได้กลับมารักกันนะ
อยากให้ขิงเห็นความรักความจริงใจที่พี่นาวยอมให้มาตลอด
ถ้ามีสเปก็ดีเลยค่ะ 55555555 แต่บางทีก็แอบสะใจผลกรรมของขิงแล้ว
ไม่รักน้องไม่รักพ่อเลย
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nitty23 ที่ 18-07-2018 21:26:55
 :hao3: ขมิ้นทำไมชอบยั่วพี่ไฮท์อย่างเน้นนนนน  :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 21-07-2018 22:15:45
ดีดีดี รวดเดียวจบเลย
พี่ไฮท์ดูจะดูออกตั้งแต่แรกๆนะ แค่ยังงงๆไม่มั่นใจ
แต่ดูจะหลงน้องเอาหนัก หึงเขาไปซะหมด ตีมึนเกรียวกราดใส่บ้าง ด่าบ้าง เอ็นดูขมิ้นเถอะ น่ารัก แสนดี มีมารยาทขนาดนั้น

พ่อๆนี่น่ารักทั้งสองคนเลย ส่วนพี่ขิงนี่ว่าเลวแล้วสู้แม่ไม่ได้นะ โคตรเห็นแก่ตัว ไม่รัก ไม่สนแม่กระทั่งลูก
เอาจริงๆเราว่าขิงก็น่าสงสารนะ ดูเหมือนเพรียบพร้อม แต่จริงอยู่กับความคาดหวังของผู้ใหญ่ อยากได้ความรัก ความสนใจเลยทำตังเองไปเรื่อยๆ แต่หลังๆนี้กู่ไม่กลับแล้วแหละ เพื่อนแบบเจมส์นี่ทั้งน่ารักน่าเอ็นดู

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ภาษาดี อ่านลื่นไหลเลย ลำดับเล่าเรื่องก็ดี
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 22-07-2018 17:56:19
ไฮท์ขมิ้นน่ารักมากๆๆ
จริงๆเรื่องมันเครียดแหละ แต่เป็นเพราะน้องขมิ้นอ่ะเลยขำซะงั้น
พี่ไฮท์ก็หล่อมาก ทั้งหน้าตาการกระทำ ชอบพี่มากนะคะ  :o8:

ประทับใจนาวเป็นพิเศษ ตั้งแต่ที่บอกเรื่องซักกกน.ให้ขิง นางรักของนางจริงจัง ทุ่มให้สุดตัวอ่ะขิงพลาดมากที่มองข้ามนาวไป หวังว่าเวลานาวไปเยี่ยมขิงจะคิดได้บ้าง

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ahpanpit ที่ 27-07-2018 17:17:59
สนุกมาก ๆ
ขิงกับแม่นี่ก็เห็นแก่ตัวซะจริงเชียว

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก ๆนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 26] [P.11] [END] // {22/06/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 28-07-2018 19:30:03

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12]// {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-09-2018 21:50:40
ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน





       เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ไม่มีคำใดๆ จำกัดความได้นอกจากคำว่า วุ่นวาย ผมคาบตะเกียบมองคนที่ไม่รู้จักนั่งเรียงรายอยู่เต็มห้องคอนโดของพี่ไฮท์ คงยังไม่ลืมกันใช่ครับ ว่าผมรอดจากพวกค้ากามมาได้เพราะใคร ก็นั่นแหละครับ ทุกคนที่ช่วยมารวมตัวกันอยู่ในห้องกันหมด

   สืบเนื่องจากที่ผมอยากจะตอบแทนน้ำใจของคนที่ช่วย นั่นคือพี่กลอย ที่ออกปากให้เลี้ยงหมูกระทะ ซึ่งตอนนี้ก็สมควรแก่เวลาที่ผมจะตอบแทนน้ำใจนั้น แถมพี่เขายังเป็นคนดีพากลุ่มคนที่ช่วยมาทั้งทีม จะให้ไปนั่งที่ร้านมันก็ร้อน พี่ไฮท์เลยเปิดคอนโดที่ตกแต่งใหม่เรียบร้อยเป็นสถานที่กินเลี้ยงแทน

   แต่หากย้อนกลับไปได้ ผมอยากไปนั่งที่ร้านมากกว่า

   “นึกว่ามึงลืมไปแล้วนะเนี่ย” พี่กลอยว่าก่อนจะคีบหมูเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

   “พอดีผมเตรียมตัวเข้ามหาลัย เลยไม่ได้ติดต่อพี่ไป” พูดไป ตาก็มองคนไม่รู้จักไป “เอ่อ พี่...”

   “ลืมแนะนำไปเลย” คงเห็นผมจ้องแล้วจ้องอีก พี่กลอยเลยวางตะเกียบแล้วชี้เป็นรายบุคคล ซึ่งคนแรกคือคนที่นั่งข้างๆ ที่กำลังกลับหมูบนเตาไปมา “นี่ชื่อพี่โช มึงเคยเจอแล้ววันนั้น” เจอและจำฝั่งใจมากด้วย สายตาโหดของพี่เขายังหลอกหลอนผมในบางคืน “ส่วนข้างๆ พี่โชนั่นชื่อพี่จอม ซึ่งมึงก็เคยเจอแล้วที่โกดังนั่น”

   “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ตามมารยาท พี่ที่ชื่อโชยิ้มมุมปากให้นิดๆ แต่แค่นั้นคือหล่อมาก ส่วนพี่อีกคนไม่ได้สนใจผมสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่สนคือหมูบนเตาที่กำลังใกล้สุก พอคนปิ้งทำท่าจะคีบ พี่จอมก็รีบคีบตัดหน้าทันที


   มันต้องจริงจังกับการกินหมูขนาดนั้นเลยเหรอครับ


   “ถัดจากพี่จอมชื่อพี่ซัน” ผมพยักหน้ารัวๆ เมื่อพี่กลอยใช้นิ้วชี้สองข้างถูไถกันไปมาคล้ายกับส่งซิกอะไรบางอย่าง ก่อนคนแนะนำจะอ้าปากรับหมูจากคนข้างตัว “คนพูดมากนั่นชื่อพี่แทม พ่อกับลุงเขาเป็นทหาร คนที่พาพวกไปจับไอ้เสี่ยนั่น่ะ” เคี้ยวไปพูดไปแต่ก็พอจับใจความได้

   “ขอบคุณนะครับพี่ ถ้าไม่ได้พี่ ผมก็อาจจะแย่” รีบเอ่ยกับพี่ที่ชื่อแทม ซึ่งพี่แกยกตะเกียบโบกไปมา

   “ไม่เป็นไรไอ้น้อง พ่อกับลุงกูก็ตามเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่หาหลักฐานจับตัวใหญ่ไม่ได้สักที ที่จริงต้องได้ใบประกาศแล้วนะที่ช่วยน่ะ”

   “แล้วทำไมน้องเขาไม่ได้วะ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร ผมก็โดนแย่งพูดจากพี่รูปร่างอวบที่นั่งข้างพี่แทม

   “กระดาษหมด แฮ่”


   นั่นมุกใช่ไหม ผมต้องขำหรือเปล่า


   “แดกไป ปากพวกมึงจะได้ไม่ว่าง” แล้วพี่แทมก็ถูกพี่จอมเขวี้ยงหมูใส่แล้วดันอ้าปากรับได้พอดี สร้างเสียงหัวเราะรอบวงอย่างหนัก ขนาดพี่ไฮท์ที่นั่งกินเงียบๆ ข้างผมยังหลุดขำออกมา “ห้องมึงสวยใช้ได้เลยนี่หว่า”

   “แต่เหมือนเพิ่งตกแต่งเสร็จใช่ไหม” คนข้างพี่จอมว่า สายตามองไปรอบๆ ห้องอย่างสนใจ

   “มึงรู้ได้ไงไอ้ซัน” พี่ร่างอวบถาม

   “ก็กูได้กลิ่นสี”

   “ไอ้จอม มึงมีผัวเป็นหมาเหรอวะ จมูกดีสัด”

   “พูดอะไรวะไอ้ติน กูฟังไม่ออก”

   “พี่จอมด่าพี่เป็นหมาเหมือนพี่ซัน”

   “กูรู้ไอ้ห่ากลอย”

   ผมไม่รู้หรอกว่าพวกพี่เขาเป็นคนยังไง แต่เท่าที่ผมเห็นเกือบๆ ชั่วโมง รู้สึกอยู่ด้วยแล้วสนุก บ้างก็เฮฮา บ้างก็ดูเหมือนมีสาระ เพิ่งรู้ว่าพวกพี่แต่ละคนเรียนจบกันหมดแล้ว

   “นี่ไอ้ข่า” สะบัดหน้าเหมือนพวกตลกสองสามรอบก่อนหันไปมองคนเรียก

   “ไอ้ห่าแทม น้องเขาชื่อมะกรูด”

   “พ่อมึงสิ ชื่อมะกรูด”

   “พ่อกูชื่อมะกรูดเหรอ กูเพิ่งรู้”

   “พวกมึงหยุดต่อมุกแป้กๆ กันได้ไหม เสียอรรถรสในการกินหมูกระทะกูหมด” คนห้ามปรามยัดหมูชิ้นใหญ่เข้าปาก “ไอ้ข่า น้ำจิ้มฝั่งกูหมดแล้ว”

   “ผมชื่อขมิ้น” บอกเสียงแผ่วๆ แอบกลัวสายตาดุนั่น ทั้งที่พี่ไฮท์ก็ดุ แต่เพราะคุ้นเคย ความกลัวเลยหายไปหมด “เดี๋ยวผมไปเอามาเติมให้ครับ” ดีที่พี่ไฮท์เหมาน้ำจิ้มมายกโหล ไม่งั้นต้องลงไปซื้อด้านล่างลำบากผมอีก

   จังหวะที่เดินเอาขวดน้ำจิ้มไปให้ เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น ผมมองพี่ไฮท์เพื่อถามความเห็น เมื่อเจ้าของห้องพยักหน้าก็เดินไปเปิด คนมาใหม่ยืนยิ้มโชว์ถุงหมู หมึก กุ้ง
 
   “มาหาใครครับ” ถามพลางกระพริบตาปริบๆ

   “ไอ้กลอยบอกให้มา” พอได้ยินชื่อคนชวนผมก็ร้องอ๋อแล้วขยับหลีกทางให้คนใหม่ที่ไม่รู้จักเดินเข้ามา “โห ตั้งวงไม่รอกันเลย”

   “ใครให้พวกมึงมาช้า” พี่กลอยปรี่เข้ามาดึงคนกลุ่มใหม่เข้าไปนั่งร่วมกลุ่ม “มานี่ๆ เดี๋ยวแนะนำเพิ่มเติม ไอ้หน้าตาหล่อนี่ชื่ออัธ ข้างมันชื่อม่าน แล้วไอ้ทูกับพี่เบล่ะ”

   “พี่ถามผมเหรอ” ชี้เข้าหน้าตัวเอง

   “แล้วมึงรู้จักไหมล่ะ”

   “ไม่ครับ”

   แม้พี่กลอยไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สีหน้านั้นแสดงออกชัดเจนว่าผมคงเป็นสายเผือกแน่ พี่ไฮท์ปลอบใจด้วยการคีบหมูที่สุกแล้วมาจ่อปาก พอผมงับก็ถูกสายตานับสิบคู่จ้องจนทำตัวไม่ถูก

   “มองอะไรเหรอครับ” ถามอย่างประหม่า ถึงกับไม่กล้าเคี้ยวหมูในปาก

   “ถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม” พี่กลอยถามตาเป็นประกาย ทำไมผมรู้สึกคิดผิดที่พยักหน้า “ฉลองห้องใหม่ไปกี่รอบแล้ววะ” พรวด ทั้งพี่ไฮท์ ทั้งแฟนพี่กลอยพ่นน้ำที่กำลังกิน ส่วนผมอ้าปากค้างทำให้หมูที่เคี้ยวร่วงลงจานตัวเอง “ถามตรงไปเหรอ”

   “ไม่” พี่แทมส่ายหน้าพลางตบบ่าคนถามที่ยิ้มกว้าง “ไม่น่าเสือกเรื่องคนอื่น ไอ้ห่ากลอย”

   “เขาไม่เรียกเสือก เขาเรียกอยากรู้อยากเห็น”

   คำแก้ต่างของพี่กลอยเรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งสองวง ยกเว้นผมกับพี่ไฮท์นี่แหละ ก็นะ เรามีประเด็นเรื่องนี้กันอยู่นี่นา และตอนนี้หมูหมักที่ซื้อมาเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ พี่กลอยเลยขอใช้ครัวเพื่อเอาหมูที่เพื่อนตัวเองซื้อมาไปหมัก ผมยืนดูอยู่ด้วยความทึ่ง ไม่คิดว่าคนกวนๆ จะทำอาหารเก่ง

   “พี่เรียนทำอาหารมาเหรอ” ที่ถามเพราะพี่กลอยทำกับแกล้มเพิ่ม เป็นกุ้งแช่น้ำปลา ผมลองชิมแล้วโคตรอร่อย

   “อยู่กับอาหารมาตั้งแต่เด็ก ไม่เป็นก็แย่ละ” ผมขำให้กับคนอวดตัวเอง ก่อนสะดุดเสียงตัวเองเมื่อถูกถามคำถามเดิม “ได้กันยัง”

   “พี่ถามอะไรเนี่ย” รีบเดินหนีแต่ถูกรั้งแขนเอาไว้ แอบเห็นพี่ไฮท์ชะเง้อมองเข้ามาหลายรอบ สงสัยจะเจอไม่ต่างจากผมแน่
 
   “ที่กูถามเนี่ย เพราะดูมึงเกร็งๆ เวลาอยู่ด้วยกัน” ตีหน้างงไม่เข้าใจ พี่กลอยถึงกับถอนหายใจออกมา “มึงกับไอ้ไฮท์รักกันไหมกูถามหน่อย”

   “จะตอบว่าไงดีล่ะ” อึกอักไม่กล้าพูด พอโดนจ้องมากๆ ก็เลยต้องพยักหน้าลง

   “มึงรักมัน มันก็รักมึง แค่นี้ก็จบ ไม่เห็นต้องไปแคร์ใครเลย” พี่กลอยว่า “มึงดูกูนี่ กูรักพี่โชก็แสดงออกมาเลย ไม่ต้องเก็บ ไม่ต้องอาย หรือกูจะหน้าด้านแล้ววะ” หลุดขำออกมาหลังจากท้ายประโยคเหมือนพี่กลอยด่าตัวเอง “เอาเป็นว่า พวกที่นั่งหัวโด่ในห้องเนี่ย ไม่มีใครจับผิดความรักของมึงหรอก ทำตัวตามสบาย”

   “ผมก็ไม่ได้เกร็งอะไร แค่ไม่ชิน”

   “อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน ไม่ก็พอเหล้าเข้าปาก เผลอนับเป็นพี่เป็นน้องท้องเดียวกันหมด เชื่อกู”
 
   “พี่นี่ดูเชี่ยวชาญความรักเนอะ”

   “แน่นอน กูกลอยประเกรียนเอง”

   หลุดขำออกมาจนได้ พี่กลอยยกจานหมูออกไป โดยมีผมเดินถือจานอื่น และปรากฏการครั้งยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้น เพียงแค่วางจานกุ้งแช่น้ำปลาบนพื้นปุ๊บ ไม่ถึงนาทีก็หมดเกลี้ยง ดีที่ผมชิมมาแล้วตัวหนึ่ง ไม่งั้นคงไม่ได้แตะ ส่วนพี่ไฮท์ได้แต่นั่งมอง โคตรน่าสงสาร

   “กูว่าพวกเรามาทำให้เจ้าของห้องลำบากหรือเปล่าวะ” อยู่ๆ พี่แทมก็พูดออกมา ทุกคนเลยหันมามองหน้าพี่ไฮท์กับผมหมด “กูเกรงใจจริงๆ”

   “ไม่เป็นไรครับพี่ เพราะถ้าไม่ได้พวกพี่ช่วย ขมิ้นก็ไม่รอด แค่นี้สบายอยู่แล้ว” ปกติพี่ไฮท์เป็นพวกเก๊กนิดๆ แต่วันนี้ดูกลายเป็นคนธรรมดาไปเลยเมื่อต้องเจอกับบรรดารุ่นพี่สายโหดทั้งหลาย “อยากได้อะไรก็บอกผมได้นะครับ”

   “แหม กูรอประโยคนี้มานานแล้ว” คนบอกเกรงใจทำหน้าระรื่นก่อนกวาดสายตาไปทั่วห้อง “ห้องมึงไม่มีคาราโอเกะเหรอ กลุ่มพวกกูขาดเสียงเพลงไม่ได้”

   “คาราโอเกะ? ไม่มีครับ ผมย้ายของยังไม่เสร็จ” พี่ไฮท์ตอบ

   “โธ่ ไม่สนุกเลย”

   “แต่มีแลปท็อปนะครับ” ไม่ใช่ผมหรือพี่ไฮท์ว่า แต่เป็นเพื่อนพี่กลอยที่ชื่อม่าน แถมยังชี้ไปที่ชั้นวางหนังสือที่มีแลปทอปของพี่ไฮท์วางอยู่

   “ดีมากไอ้ม่าน ไม่เสียแรงที่กินเด็ก”

   “มันเกี่ยวกันไหมล่ะพี่แทม”

   “ก็กินเด็กแล้วอายุลดลงไง สายตามึงก็เลยดี” พูดจบพี่แทมก็ถือวิสาสะไปหยิบแลปทอปมา “กูเปิดได้ใช่ไหม”

   “เดี๋ยวพี่เดี๋ยว” พี่ไฮท์พยายามวิ่งไปดึงมา แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน เมื่อพี่แทมเปิดหน้าจอแล้ว “ฉิบหาย” เสียงสบถเบาๆ ของเจ้าของเครื่องเมื่อความลับที่เก็บไว้นานหลุด

   “นี่มัน” ผมตาโตมองพี่ไฮท์ ก่อนจะพุ่งไปแย่งแลปทอปเครื่องนั้นมากอดไว้เอง ก่อนจะรีบเดินกลับเข้าห้องนอน

   ใครใช้ให้พี่ไฮท์ถ่ายรูปผมตอนหลับวะ แถมยังแอบขโมยจูบปากผมอีก รูปแบบนี้กล้าเอาตั้งเป็นหน้าเดรสทอปได้ไงเนี่ย ผมว่า มันต้องมีมากกว่านี้แน่ แต่พอจะเปิดของในมือก็ถูกแย่งไปโดยเจ้าเครื่อง พี่ไฮท์กระแอมเบาๆ พลางยิ้มให้ผม

   “มีรูปอื่นอีกไหม เอามาดูเลย” แบมือขอ แต่พี่ไฮท์กอดเครื่องไว้แน่น “พี่ไฮท์ เอามาดู” ไม่รู้มีรูปติดเรทกว่านั้นไหม ตอนผมไปนอนที่บ้าน ไม่รู้แอบถ่ายตอนผมโป๊หรือเปล่า

   “นิดหน่อยเอง” คนแอบถ่ายพูดไม่เต็มเสียง ผมจ้องเขม็งจนพี่ไฮท์ยอมส่งแลปทอปมาให้ “ขมิ้นก็ บางวันเราไม่ได้เจอกัน พี่ก็ต้องมีรูปไว้ดูให้หายคิดถึงสิ”

   “รูปดีๆ ก็มี” ปากว่า แต่มือกับสายตากำลังค้นหารูปตัวเอง แต่โฟลเดอร์มันเยอะจนไม่รู้อันไหนเป็นอันไหน เปิดแต่ละอันก็เจอแต่งานของพี่ไฮท์ทั้งนั้น “พี่ไฮท์ รูปอยู่ไหน” สั่งกลายๆ ให้เจ้าของมาเปิด พี่ไฮท์อิดออดเล็กน้อยก่อนจะยอมมานั่งบนเตียงแล้วเปิดรูปของผม

   “สัญญาก่อนว่าห้ามโกรธพี่” ก่อนจะคลิกเปิด มีการบังคับทางสายตา พอผมไม่ตอบก็จะยกเครื่องหนี ผมเลยต้องเกี่ยวก้อยสัญญาไป “ห้ามด่าพี่ด้วย ห้ามลบด้วย”

   ผมพยักหน้าไปอย่างส่งๆ ก่อนโฟลเดอร์จะถูกเปิด แล้วภาพที่ผมเห็นส่วนใหญ่คือภาพแอบถ่ายทั้งนั้น ซึ่งแน่นอนบางรูปก็เรียกได้ว่าอุบาทที่สุด อย่างตอนอ้าปากจะกินข้าว ตาก็เหลือกอีก กล้าถ่ายมาลงได้ยังไง พอเลื่อนๆ ลงไปเริ่มมีดีบ้างสลับปะปน แต่ที่ทำเอาผมอยากปาแลปทอปเครื่องนี้ทิ้ง คือตอนที่ผมอาบน้ำ แม้จะเห็นแค่ด้านหลัง แต่มันก็ไม่สมควรถ่าย แล้วดูสิ ก้นเต็มจอเลย

   “พี่เป็นโรคจิตหรือเปล่าเนี่ย แล้วจะซูมก้นผมทำไม” ตอนนี้เริ่มหน้าร้อน ไม่เคยเห็นด้านหลังตัวเองแบบชัดๆ ขนาดนี้มาก่อน ก็แน่ละ ผมหมุนหัวไปดูหลังตัวเองไม่ได้

   “ก็พี่ชอบ มันเหมือนซาลาเปาดี เด้งดึ๋งๆ” พี่ไฮท์ทำจมูกบานจนผมอยากเอานิ้วจิ้ม

   “ไม่ใช่ว่าถ่ายแล้วเอาเก็บไว้ช่วยตัวเองหรอกนะ” แล้วพี่ไฮท์ก็หัวเราะออกมา แต่ผมกลับรู้สึกกลัวจนต้องขยับหนี

   “แค่นี้ไม่ทำให้ของๆ พี่ขึ้นได้ง่ายๆ หรอก พี่ต้องได้จับ ได้ขย้ำของจริง มันถึงจะฟิตปั๋ง” เริ่มกลัวจนขยับไปท้ายเตียง

   “พ่อผมบอกให้รอหกปีไง จะขัดเหรอ”

   “พ่อขมิ้นห้ามพี่ แต่ไม่ได้ห้ามขมิ้นนี่” โคตรเจ้าเล่ห์ ผมว่าพี่ไฮท์ต้องคิดแบบนี้มาตลอดแน่ ถึงคะยั้นคะยอให้ย้ายมาอยู่คอนโด

   “ผมไม่มีทาง...”

   “แต่พี่มีทาง แล้วเรามาดูกัน ว่าทางของพี่กับทางของขมิ้น อันไหนจะถึงไวกว่ากัน”

   ผมไม่อยากย้ายมาแล้ว ทำยังไงดี

   ก่อนที่จะถูกลวนลามทางสายตามากไปกว่านี้ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ทำให้ผมกับพี่ไฮท์หลุดขำออกมาเมื่อลืมว่ายังมีคนด้านนอกรออยู่นับสิบ

   “กูก็ไม่ได้จะขัดอะไรหรอก แค่อยากบอกว่า ถ้าจะทำอะไรกันก็ให้เบาๆ เสียงด้วย พวกกูไม่อยากฟัง” ผมรีบเปิดประตูไปทั้งๆ ที่คนพูดยังพูดไม่จบดี “อ่าว ไม่ได้เอากันเหรอ” พี่แทมทำหน้าเหวอมองเข้ามาในห้องนอน

   “เอากันอะไรพี่ ไม่มีหรอก” ผมรีบเดินแทรกออกไป พี่แทมถึงกับมองตาม

   “นี่ยังไม่ได้กันเหรอ” พูดออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาผมเกือบสะดุดขาตัวเอง “เอาน่า โลกเรามีสามร้อยกว่าวัน มันต้องมีสักวันที่เป็นของเรา สู้ๆ ไอ้น้อง” ผมเหลือบมองพี่ไฮท์ที่ยิ้มเจื่อนๆ หลังถูกมือตบบ่าเพื่อปลอบ...หรือเปล่า “ใช้แลปทอปเสร็จหรือยัง พวกกูยังรอร้องคาราโอเกะอยู่”

   “ครับ”

   ไอ้เราก็นึกว่ามีสาระที่ไหนได้ โธ่ แต่เห็นแบบนี้ พอได้คุย ได้ทำความรู้จัก ก็เป็นแบบที่พี่กลอยว่า ทุกคนเป็นคนดี แม้จะไม่ค่อยเต็มกันสักเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงตัวพี่กลอยเองด้วย หลังจากนั้น ทั้งห้องก็ตกอยู่ในภวังค์ของน้ำเสียงอันเสนาะหู เพียงแค่ขึ้นต้นประโยคมา พี่แทมก็ถูกไล่ พวกเราจึงได้ฟังเพลงจากยูทูปเอา จะว่าสงสารก็สงสาร แต่ผมสงสารหูตัวเองมากกว่า กลัวมันจะพังเอา กว่างานจะเลิกก็ดึก ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ โดยที่ผมกับพี่ไฮท์โบกมือส่ง ก่อนจะหันกลับเข้ามามองสภาพห้องที่เละเทะยิ่งกว่าผ่านสมรภูมิรบ ทั้งเศษหมู ไก่ กุ้ง


   คืนนี้เก็บกวาดทั้งคืนแน่ รู้แบบนี้ ไปกินที่ร้านดีกว่า จะได้ไม่ต้องลำบาก แค่คิดจะเก็บก็เหนื่อยแล้ว   


...

มีกลอยประเกรียนที่ไหน วายวอดทุกที่ สงสารขมิ้นกับพี่ไฮท์เลยค่า แต่ในเมื่อรับปากไปแล้ว (ใครรับปาก?) ก็ต้องเลีี้ยงเนอะ

มาแบบสั้นๆ กระชับๆ เพราะกลัวกลอยแย่งซีน ซึ่งก็แย่งไปนิดๆ (หัวเราะทั้งน้ำตา)

เรื่องนี้เป็นคู่รักแป้งเด็กนะคะ ไม่ใช่เรื่องของเกรียน (มาแย่งซีนกันเห็นๆ) ยังไงแล้วก็ฝากด้วยน้าา อย่าเพิ่งลืมกันนน

จุบุ จุบุ ไว้เจอกันตอนพิเศษหน้าค่าาา ไม่แน่ ทางของพี่ไฮท์อาจกำลังมา โฮะๆๆ (หัวเราะแบบนางร้าย)
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-09-2018 22:37:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณสำหรับสเปฯ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-09-2018 03:57:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-09-2018 10:05:09
กลอยเอ้ย เอ็งจะไปป่วนเขาทุกเรื่องเลยใช่ไหม ฮ่ะ!!!
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-09-2018 18:24:26
อ่านๆไปชักอยากให้กลอยได้ไปเที่ยว Wonderland ของจักรพรรดิบ้างแล้วสิคงจะวายป่วงแน่  :laugh: :laugh: :laugh:
 
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-09-2018 19:21:49
สงสารพี่ไฮท์  :hao7:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 17-09-2018 13:03:28
น่ารักกก ขอบคุณนะคะ
พี่ขิงก็ร้ายเหลือเกิน
แม่โคตรไม่รักอ่ะ บางทีถ้าพี่ขิงโตมากับพ่อก็น่าจะดีเนาะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 17-09-2018 15:21:28
น่ารักมาก สนุกมาก ๆ ครับ พี่ไฮท์-ขมิ้น มีกลอยประเกรียนกับพี่โชแจมด้วย



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-09-2018 02:47:28
กลับมาอ่านอีกรอบ คิดถึงขมิ้นน้อย
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-09-2018 03:05:46
เนี่ยอ่านตอนนี้ละก็สงสารปุยเมฆ :sad11:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-09-2018 06:51:43
กรี๊ดดดด เพิ่งเห็นว่ามีตอนพิเศษด้วย กราบแทบอกค่ะ ฮือออ

ดีงามมาก ขอบคุณนะคะ ไม่เสียแรงที่มาอ่านอีกรอบ

รอตอนพิเศษของพี่ไฮท์นะคะ อิอิอิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 29-09-2018 01:25:19
เนื้อเรื่องเจ้มจ้นจริงๆ สนุกตั้งแต่ต้นจนจบเลย รักความมองโลกในแง่บวกของบ้านขมิ้นจริงๆ พ่อน่ารักมาก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 07-10-2018 12:07:14
ขมิ้นน่ารักกกกกกกก
อย่างน้อยขอดีของการปลอมมาเป็นขิงก็ทำให้เจอคนดีๆ เนอะ
ดีสุดก็คือได้มาเจอพี่ไฮท์55555 ผู้ซึ่งเราจะเอาใจช่วยให้ได้กินน้องเร็วๆ
สนุก อ่านรวดเดียวเลยยย ขอบคุณคนแต่งนะคะ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 07-10-2018 22:56:32
มารอตอนพิเศษทางของพี่ไฮท์  :laugh:
หกปีนานไปสงสารพี่เขานะคะ  :hao7: ขมิ้นยอมๆไปเถอะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 27-11-2018 08:12:11
ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 28-11-2018 10:42:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 07-02-2019 20:54:31
สงสารพี่ไฮท์เขานะคะ ยังไม่ได้กินน้องอีก :laugh:
แม่กับขิงคือแย่มากจนกู่ไม่กลับแล้ว
ดีที่ขมิ้นโตมากับพ่อ ชอบนิสัยขมิ้นมากเลย พี่ไฮท์ตอนไม่โหดคือน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 08-02-2019 22:40:05
สนุกมากๆ  ขมิ้นน่ารัก​ส่วนขิงก็ทำตัวเอง
น่าจะเป็นที่คนเลี้ยงด้วยล่ะ แม่นิสัยไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 09-02-2019 15:18:57
สนุกดีครับ อ่านเพลินๆ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 23-03-2019 11:17:20
 :z3: :z3: :z3: เมื่อไหร่ตอนพิเศษจะมาาาาาาาาา  :hao7: :ling1:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 16-10-2019 22:21:06
รออยู่น้าาาา...... :call: :mew2:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-10-2019 18:01:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 19-10-2019 00:51:35
เอ็นดูไฮน์
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 19-10-2019 13:33:10
ขมิ้นน่ารัดดี
มีรวมกลุ่มกับแก้งนังกลอยประเกรียนด้วย
เราชอบแก้งนี้มาก น่ารักทุกคน
ว่าแต่ขิงจะสำนึกได้บ้างรึยังนะ
ถ้านางได้อยู่กับพ่อแบบขมิ้นนางคงไม่เป็นแบบนี้
แต่เกลียดนังแม่มาก เป็นแม่ที่เหี้ยมาก ขอหยาบ
ยังไงก็ขอบคุณนิยายดีๆน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 21-02-2020 09:58:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ครูชอบมากเลยลูก
หัวข้อ: Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 13:59:39
 :pig4: