(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
ตอนที่ 6
วิน
ภาพถ่ายในมือผมนั้นเป็นภาพของผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งส่งยิ้มกว้างส่วนหนุ่มอีกคนยิ้มแค่มุมปาก แต่แววตาทั้งคู่ส่องประกายแห่งความสุขออกมาไม่ต่างกันทำให้คนที่นั่งมองภาพแบบผมต้องยิ้มออกมาและคิดย้อนถึงอดีตที่ผ่านมา
อดีตของผมที่เคยมีคนสำคัญในภาพเคียงข้างแต่ตอนนี้ข้างกายกับไร้ซึ่งผู้ใดเคียงกัน แม้คนที่ผมคิดว่าคล้ายกับหนุ่มตัวเล็กในภาพคนที่คิดว่าใช่จะใช้แทนกันได้แต่เปล่าเลย ผมกลับโดนหักหลังแต่ก็ไม่เชิงหักหลังสินะแต่มันเป็นกรรมตามสนองมากกว่า หลังจากได้เจอเพื่อนสนิทของคนๆนั้นโดยบังเอิญทำให้อดีตที่พยายามลืมย้อนกลับมา ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอดีตถึงกับหยิบรูปนี้ที่เก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงโดยมีกล่องกำมะหยี่ใบเล็กทับอยู่ออกมาดูจนได้ คิดถึงอดีตกับ ‘จูบ’ ครั้งแรกกับคนๆนั้น
สองปีก่อน
“กวางน้อยน่ารักโต๊ะนั้นถ้าจะไม่รอดว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
เสียงเพื่อนสนิทหน้าตี๋พูดพร้อมพยักพเยิดใบหน้าไปทางเป้าหมายที่มีสามหนุ่มสาวตัวเล็กขยับโยกตามจังหวะเพลง ซึ่งขณะนี้โดนจ้องจากเสือร้ายที่อยู่รอบข้างและเตรียมจะขย้ำกวางน้อยยามเผลอเหมือนที่เพื่อนหน้าตี๋ของผมเปรียบเปรยไว้เลย แต่ผมก็ไม่แปลกใจกับคำเปรียบนี้ของเพื่อนนักขนาดพวกผมนั่งไกลจากโต๊ะนั้นพอควร ผมยังเห็นถึงเสน่ห์ไร้สิ่งปรุงแต่งเป็นแรงดึงดูดให้เข้าหาจากกลุ่มนั้นเลยครับ
“ตอนนี้ไอ้ปรัชถึงไหนแล้ววะ” เสียงเข้มของไอ้ฟินดังขึ้นทำให้ผมละสายตาจากภาพกวางน้อยมาให้ความสนใจมันแทน
“เมื่อกี้มันส่งข้อความมาว่ามีอุบัติเหตุข้างทางคงมาช้าหน่อยแต่ใกล้ถึงแล้ว” คนที่ตอบเป็นสาวเท่ประจำกลุ่มที่ไอ้ปรัชมันคงส่งข้อความมาให้ก่อนหน้าแล้ว
“อ้าววว ตายยากจริงมันเดินมานู่นแล้ว เฮ้ยยยย มันรู้จักกับโต๊ะนั้นเหรอวะ” ไอ้ธีมันตะโกนแข่งกับเสียงเพลงเมื่อเห็นไอ้คนที่เพื่อนรอ แต่ท่าทางตกใจปนสงสัยของมันทำให้ทั้งกลุ่มเราหันไปมอง
ผมเห็นไอ้ปรัชหนุ่มมาดนิ่งประจำกลุ่มกำลังดึงรั้งลากสาวน้อยตัวเล็กหนึ่งในกวางน้อยที่พวกผมพูดถึงไปที่ทางออก และมีหนุ่มน้อยตัวเล็กสวมแว่นก้าวตามทิ้งไว้เพียงหนุ่มน้อยอีกคนที่โต๊ะ คนตัวเล็กหน้าหวานที่ละล้าละลังเก็บของอยู่ไม่ทันได้ก้าวตามเพื่อนทั้งสองไป
“ปรัชลากผู้หญิงออกไปแล้วว่ะ นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ตามไปดูกันหน่อยเร็ว” มนบ่นอย่างตกใจปนหัวเสียที่ไอ้ปรัชทำแบบนี้กับผู้หญิงเพราะปกติไอ้ปรัชเป็นคนที่นิ่งที่สุดในกลุ่มแล้ว ไม่เคยเห็นมันทำรุนแรงป่าเถื่อนกับผู้หญิงเลย เอาแค่เสียงดังด้วยยังไม่มีให้เห็น
ตอนนี้ในสายตาผมคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดกับเป็นหนุ่มตัวเล็กที่โดนทิ้งไว้ต่างหาก เพราะคนตัวเล็กนั่นกำลังโดน ‘ไอ้แมน’ นักเที่ยวขาประจำที่นี่กอดรัดอยู่ ผมตัดสินใจไม่ตามเพื่อนคนอื่นๆออกไปแต่กลับเดินแหวกผู้คนไปหากลุ่มคนมุงเบื้องหน้าแทน และทันได้ยินคนตัวเล็กขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครกล้าเข้าช่วยคงเพราะรู้ว่าไอ้แมนมันเป็นนักเที่ยวตัวแสบที่ทุกคนรู้จักดีกับความซ่าของมัน ไปถึงผมดึงคนที่ถูกไอ้แมนกอดไว้มาแนบอก สัมผัสแรกของคนตัวเล็กที่ผมรับรู้คือความนุ่มนิ่มเรียบตึงของผิวกาย ตามมาด้วยกลิ่นหอมอ่อนหวานที่โชยมาจากร่างนุ่มในอ้อมกอด และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมประทับใจเมื่อแรกเจอจากร่างนิ่มหอมกรุ่นในอ้อมแขน
ผมดันคนตัวเล็กที่สร้างความประทับใจให้ผมไปแอบด้านหลังตัวเอง ไอ้แมนมันโกรธที่ผมเข้ามายุ่งเรื่องของมันและมันยังกล้าอ้างว่าคนตัวเล็กเป็นแฟนมันด้วย ผมซึ่งเห็นเหตุการณ์แต่แรกก็ตอบโต้กลับไป คิดว่ามันจะแน่แต่ที่สุดมันก็ยอมรามือจากหนุ่มน้อยคนนี้ไป ซึ่งถ้าไอ้แมนกล้าจะลองดีผมจะจัดให้มันสักชุดใหญ่อยู่แล้วครับ ขาประจำแบบมันต้องรู้อยู่แล้วครับว่าที่นี่เป็นถิ่นของใครเพราะเจ้าของผับแห่งนี้เป็นญาติของไอ้ปรัช ใครคิดจะหาเรื่องอะไรก็ต้องดูดีๆก่อน เรื่องรูปร่างผมก็ได้เปรียบไอ้แมนอยู่มาก มันจึงยอมง่ายๆคงไม่ยากเจ็บตัวฟรีหรอกครับ
เมื่อหมดเรื่องผมก็ลากข้อมือคนตัวเล็กที่ผมได้ช่วยไว้ให้ตามออกมาเพื่อหาเพื่อนกลุ่มเราทั้งสองคน ระหว่างทางก็มีผู้หญิงเรียกชื่อผมมาตลอด บางคนใจกล้าหน่อยก็เข้ามาจับแขนผมด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ได้สนใจแค่ส่งยิ้มให้และเดินต่อเพราะใจผมนั้นเป็นห่วงหนุ่มน้อยคนที่เดิมตามหลังคนนี้มากกว่า ผมมารู้ตัวอีกทีเมื่อคนตัวเล็กที่ตามมาร้องทักด้วยเสียงเหนื่อยๆเหมือนหายใจไม่ทัน
“นี่ๆๆๆ คุณช้าๆหน่อยครับ ผมเดินไม่ทัน” เสียงหอบเหนื่อยของคนข้างหลังทำให้ผมหยุดเท้าที่ก้าวเดินทันที ตามมาด้วยแรงกระแทกเข้าใส่หลังจากร่างเล็กที่คงหยุดเท้าตัวเองไม่ทัน เสียงร้องตกใจแสดงความเจ็บปวดทำให้ผมหมุนตัวกลับไปมองทันที
ภาพกลุ่มผมดำสนิทตรงหน้าที่มีเจ้าของเป็นหนุ่มร่างเล็กตัวหอมกำลังเอามือคลำจมูกตัวเองป้อยๆ ที่หน้าคงกระแทกเต็มแรงเข้ากับแผ่นหลังผมนั่นเอง ทำให้ผมมองไม่เห็นใบหน้าเจ้าของผิวนุ่มนิ่มเพราะมือขาวนั้นบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากมั้ย”
ผมเอ่ยถามร่างบางอย่างเป็นห่วงทำให้คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองก่อนค่อยๆทิ้งแขนลงข้างตัว ผมจึงได้เห็นดวงตากลมโตมีน้ำตาซึมทางหางตา ปลายจมูกโด่งแดงช้ำ เครื่องหน้าจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อย แก้มแดง ผิวเนียน ใบหน้าคนน่ารักให้ความรู้สึกเหมือนทอมมากกว่าผู้ชาย ให้ผมมองเพลินกวาดสายตาไล่ไปทุกส่วนบนใบหน้าหวาน ตอนนี้ริมฝีปากบางของคนตัวเล็กตรงหน้าเผยอออกน้อยๆและมีดวงตาเคลิ้มฝัน ทำให้ผมอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าคนน่ารักคงหลงเสน่ห์ในความหล่อของผมเข้าแล้ว อดที่จะภูมิใจตัวเองไม่ได้จนต้องคลี่ยิ้มออกมาตามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะในคอให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูที่ได้เห็น
“มะ ไม่เป็นไรแล้วครับ ขอบคุณที่ช่วยผมไว้”
คนตัวเล็กตรงหน้าผมเค้าคงอายมากเพราะหน้าขึ้นสีระเรื่อทันตาลามไปถึงใบหู เมื่อผมเผลอทำตาล้อเลียนส่งไปให้ ‘น่ารักมาก และ อยากรู้จัก’ คิดได้ดังนั้นปากก็เร็วทันใจเอ่ยถามออกไปทันที
“ผมวินครับยินดีที่ได้รู้จัก” ผมคลี่ยิ้มหวานใส่ตาคนหน้าแดง ผลก็คือคนน่ารักทำตาโตกว่าเดิมและอ้าปากหวอ ‘คนอะไรน่าฟัดชะมัด’
“เอ่อ คือ ผมกัสครับ” กว่าคนน่ารักน่าฟัดจะเอ่ยชื่อออกมาได้ก็ใช้เวลาพักหนึ่ง แต่ก็สมกับที่รอคอยเพราะชื่อหลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้มน่าสัมผัสนั้น
“ชื่อน่ารักจังน้า ‘กัส’ เหรอเหมาะสมกับตัวดี” เหมือนผมจะละเมอพูดอะไรไปสักอย่างยามจ้องมองปากแดงระเรื่อตรงหน้า
‘อยากสัมผัส อยากใกล้ชิดกว่านี้ อยากรู้ว่าริมฝีปากนั้นจะนุ่มอย่างที่คิดมั้ย’ ระหว่างที่คิดเหมือนผมต้องมนต์สะกดจากเจ้าของปากแดงตาโตให้เคลื่อนหน้าเข้าหา
ผมรู้สึกดีมากยามที่ได้สัมผัสริมฝีปากนุ่นนิ่มที่มีกลิ่นหอมจางๆ ‘จูบ’ นี้มันเกิดขึ้นเร็วมากอย่างที่ผมก็ไม่ทันตั้งตัวแค่คิดว่าอยากสัมผัสริมฝีปากแดงของคนน่ารัก ร่างกายไปก่อนสมองสั่งการหลังได้รู้ว่าคนตัวเล็กชื่อ ‘กัส’ ผมรับรู้ได้ว่าร่างบางตรงหน้าสะดุ้งเตรียมผลักไสผมออกอย่างตกใจ แต่ผมยังรู้สึกไม่พอยังไม่เต็มอิ่มจากสัมผัสที่ได้รับจึงยกมือรั้งศีรษะทุยไว้ อีกมืออ้อมมากอดรอบตัวคนร่างบางให้แนบชิดขึ้นเพื่อลดการดิ้นรนของอีกฝ่าย ริมฝีปากก็ทำหน้าที่บดเบียดเคล้าคลึงรอบขอบปากเพื่อให้คนน่ารักเคลิบเคลิ้มยอมเปิดปากรับเรียวลิ้นของผมเข้าไปเพื่อจะได้ชิมรสหวานภายในได้ ผมรับรู้ได้ว่าคนที่โดนกอดเริ่มโอนอ่อนเคลิบเคลิ้มและยอมเปิดปากรับเรียวลิ้นของผมที่รอชิมความหวานอยู่ ผมสำรวจทั่วโพรงปากหวานดูดกลืนน้ำหวานรสชาติดีก่อนลัดเลาะไปตามแนวฟันเรียงสวยของคนตรงหน้า เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสไร้เดียงสาที่เริ่มตอบโต้กลับมา เผลอคางอย่างพอใจกับสิ่งที่ได้รับแต่สวรรค์ล่มเป็นยังไงผมพึ่งรู้ในตอนนี้ เพราะแรงที่มากระชากคนน่ารักให้หลุดจากอ้อมกอดของผมไปพร้อมเสียงดังโวยวายที่ตามมา
“นายเป็นใครเนี่ย หา มาทำแบบนี้กับเพื่อนเราทำไม”
ตามมาด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างของเจ้าของเสียงนั้นผลักเข้าที่อกผมอย่างแรง แต่ผมไม่ได้หันไปมองหรอกว่ามันเป็นใคร เพราะสายตาของผมตอนนี้มีเพียงคนน่ารักที่โดนแยกออกจากอ้อมกอดเท่านั้น กัสหนุ่มตัวเล็กตกอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวที่เป็นคนเดียวกับคนที่โดนไอ้ปรัชลากออกไปก่อนเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมานั่นเอง ผมได้ยินไอ้คนที่ผลักผมออกถามอะไรมากมายและหญิงสาวที่กอดกัสอยู่คงแนะนำว่าผมเป็นเพื่อนกับไอ้ปรัช แต่คงยังไม่เป็นที่พอใจของหนุ่มแว่นตัวเล็กตรงหน้าเพราะยังมองผมอย่างกับแค้นเคืองกันมานาน ผมเบนสายตากลับไปที่เดิมก็เห็นว่าตอนนี้หนุ่มน้อยที่เพิ่งโดนผมจูบไปหน้าแดงก่ำทำหน้าไม่ถูก กัสคงอายมากเพราะทั้งเพื่อนของผมและเพื่อนของกัสเองต่างอยู่กันครบและคงไม่พลาดช็อตเด็ดของเราเป็นแน่
“เอ่อ มิค มาย เรากลับกันเถอะนะ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาทำลายความเงียบขึ้นมา ทั้งๆที่เจ้าของยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากพื้นดินตรงหน้าเลย จนผมอยากจะเข้าไปเชยคางมนขึ้นเพื่อสบตาให้ได้เห็นตาคู่สวยนั้นอีกครั้ง
“แต่..... อืมก็ได้ ส่วนพวกนายอย่ามาให้พวกเราเห็นหน้าอีกนะ” หนุ่มแว่นขมวดคิ้วมุ่นเม้มปากแน่นจ้องมองกัสอย่างตัดสินใจก่อนยอมตามใจเพื่อน และหันมาสั่งพวกผมที่ยืนอยู่ด้วยเสียงแข็งๆ
ตอนนี้ผมคงต้องปล่อยให้กวางน้อยทั้งสามได้กลับไปก่อน เพราะขืนทำอะไรมากกว่านี้คงโดนเกลียดแทนรับรักแน่ ‘รับรัก’ เหรอ ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดกับผมมาก่อนไม่น่าเชื่อว่าผมจะเป็นเอามากขนาดนี้ แต่สัมผัสที่เพิ่งผ่านผมรู้เพียงว่ามันไม่พอ ‘อยากได้มากกว่านี้’ ใช่แล้วผมต้องการคนๆนี้มาเป็น ‘คนของผม’ ให้ได้ ผมตัดสินใจแล้วจึงเอ่ยประโยคหนึ่งตามหลังร่างเล็กทั้งสามไป
“ไม่รับปากหรอกนะว่าจะไม่ให้เห็นหน้าอีก ‘กัส’ เราต้องเจอกันอีกแน่ครับ” หลังคำพูดของผมก็ได้เห็นว่าทั้งสามคนที่เดินออกไปแล้วชะงักเท้า แต่กลับโดนร่างบางที่อยู่ตรงกลางดึงรั้งข้อมือให้เดินต่อ และผมมั่นใจว่ากัสต้องได้ยินสิ่งที่ผมพูด เพียงแต่ตอนนี้ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้ผมจะทำทุกวิถีทางให้ได้คนน่ารักที่ชื่อ ‘กัส’ มาเป็นคนของตัวเองให้ได้
“ไอ้วิน มึงไปจูบเค้าทำไมวะ หรืออัดอั้นมากไม่ได้เอาออกนานล่ะสิ” ผมหันไปมองเจ้าของเสียงดังข้างตัวในความหมายกวนๆทันทีที่ไอ้ธีพูดจบด้วยความหมั่นไส้ แต่ไม่ทันได้ตอบโต้มันก็โดนสำเร็จโทษโดยผมไม่ต้องเสียงแรงแม้แต่น้อย
“ป้าบบบ / โอ๊ย! มนอ่ะ ธีเจ็บนะ” ไอ้หนุ่มตี๋หน้ากวนโดนตบหลังจากสาวเดียวของกลุ่มเพื่อปรามไม่ไห้พูดเล่น ไอ้ธีทำหน้ามุ่ยส่งสายตาออดอ้อนใส่มนและลูบหลังตัวเองป้อยได้อย่างน่าหมั่นไส้ จนคนที่ได้เห็นอย่างผมอยากเข้าไปซ้ำอีกสักทีในความปากดีของมัน แต่ผมก็ต้องหันมาตามเสียงเรียบนิ่งที่ดังขึ้น
“คนนี้แค่เล่นๆเหมือนเคยรึเปล่า” ไอ้ปรัชทำหน้านิ่งจริงจังไม่แพ้น้ำเสียง สายตามันจับจ้องมาที่ผมเขม็งอย่างรอคอยคำตอบ ส่วนผมก็กำลังค้นหาความรู้สึกของมันในแววตาว่าไอ้ปรัชกำลังรู้สึกยังไงถึงถามผมมาแบบนี้ ในเมื่อตลอดมาพวกเราจะไม่ยุ่งเรื่องที่ว่าเพื่อนจะสนใจใครจะจีบใครมาก่อน เพราะต่างรู้กันดีว่าแต่ละคนสามารเอาตัวรอดได้
“เพราะถ้ามึงแค่เล่นๆ คนนี้กู ‘ขอ’ อย่ายุ่งกับเค้า” คำ ‘ขอ’ ของไอ้ปรัชครั้งนี้ทำผมฉุนขาด มันกล้าดียังไงมาขอคนที่ผมคิดว่าตัวเองกำลังสนใจแบบที่ไม่เคยสนใจใครได้เท่านี้มาก่อน
“มึงหมายความว่าไง มึง ‘ขอ’ เค้าจากกู มึงเป็นอะไรกับเค้า หา” ผมเข้ากระชากคอเสื้อและจ้องตาไอ้ปรัชอย่าเอาเรื่อง
“เฮ้ยยย พวกมึงอย่าทะเลาะกัน คุยกันดีๆ” เสียงสาวเดียวตะโกนขึ้นพร้อมเพื่อนที่เหลือจับแยกเราทั้งคู่ออกจากกัน ผมจ้องตากับไอ้ปรัชก็พบว่าแววตามันไม่ได้สื่อว่ามัน ‘ขอตัวกัส’ ในแบบที่ผมคิด มีแต่แววตาเข้าใจและไม่มีแววโกรธขึ้งที่โดนผมหาเรื่องเลยสักนิด ผมยกมือลูบหน้าลูบตาก่อนจ้องตาไอ้ปรัชอย่างแน่วแน่อีกครั้ง
“กูขอโทษ” ผมเอ่ยขอโทษไอ้ปรัชก่อนเพราะเพิ่งได้สติหลังความหึงบังตาไปชั่วขณะ ส่วนไอ้ปรัชก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ
“กัสเป็นแค่เพื่อนสนิทกับคนรู้จักของกู ไม่ได้เป็นอะไรกัน กูเพิ่งรู้จักกับเค้าวันนี้แต่ไม่อยากมีปัญหา ถ้ามึงคิดจะเล่นๆกับเค้า” ไอ้ปรัชทำหน้านิ่งสายตาจริงจังยืนยันคำพูดของมัน ซึ่งผมเข้าใจมันนะและอยากให้มันเข้าผมด้วย
“คนนี้กูจริงจังว่ะ กูจะเอากัสมาเป็นคนของกูให้ได้” หลังคำพูดของผมเกิดความเงียบขึ้นมาทันที เพราะพวกมันคงคิดไม่ถึงว่าคนที่ไม่คิดจริงจังกับใครทั้งหญิงและชายที่มาเกี่ยวข้องด้วยแบบผม จะคิดจริงจังกับหนุ่มหน้าหวานคนที่เพิ่งเจอได้ไม่ถึงสองชั่วโมง
“วันนี้หมดอารมณ์เที่ยวแล้ว กูจะกลับแล้วพวกมึงจะเอาไง” ไอ้ฟินหนุ่มร่างสูงผิวเข้มทำลายความเงียบขึ้นมาหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนพากันอึ้งกับคำพูดของผมที่อยากสละโสดกะทันหัน
“อืม กลับดิ ไอ้วินมึงน่าจะถามรายละเอียดของน้องกัสกับไอ้ปรัชนะ เพราะเป็นเพื่อนสนิทกับ ‘คนรู้จักของมัน’ แต่กูแปลกใจว่ะ ไอ้ปรัชมึงแค่คนรู้จักกับน้องมายเหรอ กูเห็นมึงลากเค้าออกมาน่ะมีไรที่พวกกูไม่รู้รึเปล่า” ถึงคราวที่ไอ้ธีหนุ่มตี๋อินเทรนด์จะมีสาระกับเค้า มันก็สามารถเรียกความสนใจของเพื่อนทั้งหมดได้เหมือนกัน ว่ามีอะไรระหว่างไอ้ปรัชหนุ่มที่เป็นกุนซือของกลุ่มกับสาวน้อยร่างอวบอิ่มที่โดนมันลากออกมาแต่กลับให้นิยามแค่ ‘คนรู้จัก’ เท่านั้น
“สามคนนั้นมึงไปเรียกเค้าว่าน้องไม่ได้” ไอ้ปรัชยังโยกโย้ไม่ตอบแต่กลับเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
“ทำไมเรียกไม่ได้ หรือเป็นรุ่นเดียวกันวะแต่ไม่น่านะ หน้าตาท่าทางเด็กออก” ไอ้ธีทำหน้างงใส่คิ้วขมวดมุ่นหลงกลไอ้ปรัชไปเต็มๆ
“เค้าอายุมากกว่าเรา 2 ปี”
“หา! / อะไรนะ! / เฮ้ย! / อืม”
หลากหลายคำอุทานที่เกิดจากเพื่อนที่ได้ฟังเรื่องอายุของกลุ่มคนที่จากไป ก็แปลกใจไปตามๆกันกับหน้าตาที่ไม่สมกับอายุเลย แต่สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่หนุ่มแว่นแสนฉลาดอยากให้เกิดเพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้ใครถามเรื่องที่ไม่อยากพูดถึงสาวน้อยคนนั้นอีก และหนุ่มตี๋อินเทรนด์ก็ยังไม่แน่พอในการเค้นความลับจากเพื่อนออกมาได้ และตอนนี้ทุกคนก็ลืมเรื่องของหนุ่มแว่นไป กลับมาสนใจกับหนุ่มสาวทั้งสามที่จากไปแทน
..................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
เมื่อวินตั้งใจจะลงมือจีบกัสแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
คนน่ารักอย่างหมอกัสจะเป็นยังไง ติดตามต่อตอนหน้าค่ะ
:pig4: ทุกการติดตามนะคะ
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
สนใจการรวมเล่มซีรีย์ "เสน่ห์รัก" ติดตามรายละเอียดหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.msg2026832#msg2026832
ตอนที่ 9
กัส
“น้องกัส น้องมิค เที่ยงนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ” เสียงหมอพจน์ดังมาจากข้างหลังขณะที่ผมกับมิคกำลังเดินมาคู่กัน จนเราต้องชะลอฝีเท้าลงเพื่อรอให้เจ้าของเสียงตามมาทัน
ใบหน้าประดับยิ้มกว้างแววตาสดใสของหมอพจน์ที่ไม่ว่าใครได้เห็นก็คงอดจะยิ้มตามหมอหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้ไม่ได้ แต่สำหรับผมกลับต้องเบือนหน้าหนีและอดรู้สึกเสียใจลึกๆไม่ได้เช่นกัน ผมหันมามองหน้ามิคก็พบว่ามิคกำลังส่งยิ้มให้หมอพจน์อยู่แถมชำเลืองสายตาเจ้าเล่ห์มาทางผมด้วย จนผมเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจเพื่อนจอมซนคนนี้ซะแล้ว ‘มิคคงไม่คิดจะตอบตกลงคำชวนหรอกนะ’
“ได้ครับ แต่พี่พจน์เลี้ยงน้า” นั่นไงว่าแล้วเชียวถ้าเป็นเรื่องกินทีไรมิคเป็นอันเห็นดีด้วยยิ่งมีคนเลี้ยงนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเพื่อนแสนซนของผมจะปฏิเสธ จนผมต้องปรามโดยการเรียกชื่อพ่อตัวดีสักหน่อย
“มิค!” เจ้าของชื่อทำปากยื่นใส่ผมทันทีจนผมต้องกลั้นขำเพราะต้องพยายามรักษามาดดุไว้ให้เพื่อนได้เกรงบ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะพอหมอพจน์เอ่ยว่ายินดีเป็นเจ้ามือเท่านั้น คนหน้ามุ่ยก็ฉีกยิ้มกว้างตาปิดอย่างถูกใจแจกจ่ายไปทั่วเลย
ผมได้แต่ส่ายหัวอมยิ้มขำเพื่อนตัวดีพอเบนสายตามาทางอีกคนก็เจอยิ้มละไมตาพราวจ้องอยู่แล้ว ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆกลับคืนให้หมอพจน์อย่างเกรงใจ ก่อนจะเอ่ยชวนและลากมิคให้เดินมาทางโรงอาหารของโรงพยาบาล มาถึงหมอมิคจอมซนก็ตรงดิ่งพาผมกับหมอพจน์มาเลือกอาหารและพากันมานั่งรอที่โต๊ะ ระหว่างรออาหารก็ไม่อึดอัดอย่างที่ผมนึกกลัวเพราะได้มิคคนช่างพูดชวนคุยไปเรื่อยจนกระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ
“วันนี้น้องกัสเหนื่อยมั้ยครับ คนไข้เยอะมั้ยเอ่ย” ยำทะเลที่มีหมึกชิ้นโตถูกตักมาวางให้ในจานข้าว ก่อนคนตักอาหารจะเอ่ยถามอย่างอาทรด้วยรอยยิ้มเอาใจ ทำผมชะงักมือที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มและมองสบตาหมอพจน์ก่อนตอบ
“นิดหน่อยครับ คนไข้ก็มาเรื่อยๆครับ” พยายามตอบให้สุภาพไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป แม้ใจผมนั้นออกจะเห็นใจคนตรงหน้ามากที่มีความจริงใจและความสม่ำเสมอให้กับผมมาตลอด แต่ไม่อยากให้ความหวังหมอพจน์เลย เพราะรู้แก่ใจว่าผมนั้นไม่สามารถลืมคนที่พยายามลืมมาตลอดได้ ไม่อยากลากคนดีๆให้มาเสียเวลากับคนที่ฝังใจในรักแรกเลยครับ
“เย็นนี้พี่ว่างไม่ได้อยู่เวรน้องกัสน้องมิคไปทานข้าวกับพี่มั้ยครับ” หลังคำถามของหมอพจน์ผมวางมือบนต้นขามิคที่นั่งข้างกันและออกแรงบิดเนื้อนิ่มๆนั้นเบาๆ เพราะรู้ว่าขืนผมไม่จัดการอะไรสักอย่างคนที่เห็นแกของฟรีคนนี้ต้องเอ่ยปากรับแน่ๆ
“โอ๊ย! กัสอ่ะ” มิคลูบขาตัวเองป้อยๆและส่งค้อนให้ผมอีกที ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อแบบงอนๆ ผมจึงหันไปหยิบเหยือกน้ำใกล้ตัวมารินใส่แก้วน้ำของมิคที่พร่องแล้วให้ เจ้าของแก้วแค่เหลือบตาก่อนหลบตาตามเดิม แต่ผมแอบเห็นว่ามิคอมยิ้มนิดๆแล้วจึงเบาใจได้ว่าเพื่อนสนิทไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง ผมจึงหันมาส่งยิ้มขอโทษให้หมอพจน์ที่จ้องหน้าผมรอคำตอบอยู่แล้วเพื่อเอ่ยปฏิเสธ
“ขอบคุณครับแต่วันนี้ผมไม่ว่าง ต้องทำรายงานนิดหน่อย” หมอพจน์หน้าเสียนิดหน่อยแต่ก็กลับมายิ้มกว้างได้ตามเดิมจนผมต้องลอบถอนใจ
“โฮ พี่เสียใจนะเนี่ยเมื่อไหร่น้องกัสจะยอมใจอ่อนไปทานข้าวกับพี่ซะที” คำพูดทีเล่นทีจริงแบบนี้ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก หันหน้ามองหาตัวช่วยที่นั่งข้างกันมิคระบายยิ้มให้ผมนิดหน่อยก่อนหันไปตอบโต้คนตรงข้าม
“แหมวันนี้พี่พจน์รุกหนักนะครับ” คำแซวของมิคดูเหมือนจะยิ่งเปิดช่องให้คนที่คิดจะรุกได้ยิงตรงเป้ามากขึ้น
“ก็เพื่อนน้องมิคไม่ยอมใจอ่อนกับพี่ซะทีนี่ครับ” ผมก้มหน้าหลบสายตาออดอ้อนเสตักข้าวเข้าปาก ทำเหมือนว่าไม่สนใจไม่อยากรับรู้ ดูเหมือนผมเป็นคนใจร้ายนะครับแต่ผมไม่อยากให้ความหวังและอยากตัดไฟเสียแต่ต้น เจ็บตอนนี้เดี๋ยวก็หายดีกว่าเป็นแผลเรื้อรังอย่างที่ผมเป็น
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบลงเมื่อผมไม่คิดจะรับไมตรีที่ถูกยื่นมาให้ จนกระทั่งเสียงใสของมิคดังทำลายความเงียบขึ้นมา
“กัสศุกร์นี้เราจะเอารถเข้าไปเองดีหรือนั่งรถโดยสารล่ะ” เรื่องที่มิคถามนั้นช่วยลดความอึดอัดที่กำลังแผ่ซ่านไปรอบตัวได้ จนผมต้องส่งยิ้มขอบคุณให้เพื่อนที่น่ารักคนนี้ ก่อนตอบคำถามของมิคที่ช่วยเบี่ยงเบนประเด็นร้อนออกจากตัว
“นั่งรถไปดีกว่ามิคขับทางไกลเหนื่อย แล้วไหนต้องกลับมาทำงานอีก” ก่อนหน้านี้เราได้คุยกันไว้ว่าวันหยุดยาวที่จะถึงนี้เข้ากรุงเทพเพื่อกลับบ้านกัน แต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะกลับโดยวิธีไหน และผมเห็นว่าระยะทางจากที่โรงพยาบาลถึงกรุงเทพค่อนข้างไกลเลือกเดินทางโดยรถโดยสารจะสะดวกกว่า
“จะไปไหนกันครับ” หลังคำถามของหมอพจน์ทำให้ผมกับมิคหันไปมองหน้าคนถาม จึงพบเข้ากับใบหน้าที่กำลังฝืนยิ้มแววตาเศร้าสร้อย จนผมต้องเผลอกัดปากและเบนสายตาหนีพยายามทำใจแข็งเข้าไว้
“กลับเข้ากรุงเทพครับ จะไปฉลองวันเกิดให้เพื่อนสนิทครับ” มิคตอบคำถามหมอพจน์พร้อมเอื้อมมือมากุมทับมือผมไว้ใต้โต๊ะและบีบให้กำลังใจ
“พอดีเลยอาทิตย์นี้ติดหยุดยาวด้วย พี่ว่าจะกลับศุกร์นี้เหมือนกัน แต่คงเข้ามาก่อนเพราะต้องขึ้นเวร น้องกัสน้องมิคไปกับพี่นะครับ เพราะรถโดยสารคนต้องแน่นแน่ๆ” น้ำเสียงอ่อนหวานพยายามหว่านล้อมถูกส่งมาจากคนตรงหน้า
ผมที่ตั้งท่าจะปฏิเสธก็ต้องชะงักเพราะแรงบีบมือจากมิคพร้อมสายตาขอร้องที่เจ้าตัวคงนึกสงสารหมอพจน์เพราะรู้ว่าผมต้องเอ่ยปฏิเสธ ‘วันนี้ผมคงใจร้ายมาเกินพอแล้ว’ ผมถอนใจยาวก่อนจะพยักหน้ารับคำชวนของหมอพจน์ การตอบรับครั้งนี้ทำให้สายตาเศร้าสร้อยปลิวหายเหลือแต่แววตาปรีดาเต็มหน่วยตา หวังว่าผมคงตัดสินใจไม่ผิดนะครับคงไม่ได้สร้างความหวังให้ใครใช่มั้ย
“ขอบคุณครับพี่พจน์ / ขอบคุณครับหมอพจน์” หลังจากรถยนต์ที่ผมกับมิคนั่งมาหลายชั่วโมงหยุดลงที่จุดหมาย เราจึงเอ่ยขอบคุณคนขับกิตติมศักดิ์ที่มาส่งอย่างปลอดภัย
หมอพจน์ฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดีมองมิคก่อนจะหันมาทางผมส่งสายตาเปิดเผยว่าเจ้าตัวคิดยังไงกับผมมาให้ ผมเบือนหน้าหนีและก้าวขาลงจากรถทันที ก่อนจะได้ยินเสียงมิคเปิดประตูตามมา มีเสียงคนวิ่งมาจากในบ้านทำให้ผมต้องหันไปมองและต้องฉีกยิ้มกว้างให้กับเจ้าของฝีเท้าคนสวยที่ยิ้มร่าโชว์เขี้ยวอย่างน่ารักมาให้ จนกระทั่งมายเดินมาใกล้ผมและคว้ามือผมไปจับก่อนจะทักทายออกมา
“กัส น้องมิค ดีใจจังคิดถึงมากเลย อุ๊ย! สวัสดีค่ะนี่เอ่อ หมอพจน์รึเปล่าคะ” มายทักทายเสียงใสและต้องอุทานเมื่อเห็นหมอพจน์ที่เดินถือกระเป๋ามาส่งให้ผมและมิค
“ยัยมายเดียร์ นี่หมอพี่พจน์ พี่พจน์ครับนี่มายครับเพื่อนสนิทของเรา” มิคทำหน้าที่แนะนำโดยมีผมยืนเฉยๆอยู่เคียงข้าง หนึ่งสาวกับอีกสองหนุ่มทักทายกันอย่างถูกคอ
จนกระทั่งมายเอ่ยชวนหมอพจน์เข้าบ้านแต่หมอพจน์ก็ปฏิเสธเพราะเห็นว่าดึกแล้ว มายจึงเอ่ยชวนมาร่วมงานฉลองวันเกิดในวันพรุ่งนี้แทนและเอ่ยล่ำลาก่อนแยกย้ายกัน แต่ก่อนที่หมอพจน์จะกลับยังหันมาเอ่ยลาผมโดยตรงพร้อมรอยยิ้มหวาน ผมจึงได้แต่รับคำและรีบหมุนตัวเดินนำเพื่อนเข้าบ้าน ที่ผมทำไปทั้งหมดไม่ใช่ว่าผมสบายใจหรืออยากทำนะครับแต่ผมต้องฝืนใจทำต่างหาก
“กัสกับมิคเตรียมของขวัญมาให้มายมั้ยจ๊ะ”
“แหม ไม่ค่อยงกเลยนะมายเดียร์”
ตอนนี้พวกเราเพื่อนสนิททั้งสามคนนอนเรียงกันบนเตียงคิงไซส์ภายในห้องของเพื่อนสาวคนสนิท โดยที่สองเพื่อนซี้ที่กลับมาเจอกันอีกครั้งอดจะต่อปากต่อคำด้วยความเคยชินไม่ได้ แต่ก็ด้วยความรักของเพื่อนช่วยบรรยากาศขณะนี้ให้ดีขึ้นมาก จนผมหลุดหัวเราะก็หลายครั้งพาลให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยที่เรายังอยู่ด้วยกัน แต่แล้วมิคก็หลุดพูดถึงเหตุการณ์เมื่อปีก่อนในช่วงวันเกิดของมายเข้าทำให้ผมเงียบกริบ และคิดไปถึงเหตุการณ์นั้นที่สร้างประสบการณ์เลวร้ายให้กับผม มันเปลี่ยนผมคนที่ร่าเริง เข้ากับคนง่าย เชื่อใจคนง่าย ให้เป็นคนเงียบขรึมและไม่ไว้ใจใครง่ายๆอีก เป็นสาเหตุของแผลเป็นในใจที่ไม่มีวันหาย เหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อนหลังผมกลับจากฝึกงานมาถึงกรุงเทพ
หนึ่งปีก่อน
“กัสไม่ได้บอกวินให้มารับเหรอ”
“เปล่ากะกลับไปเซอร์ไพรส์อ่ะ เนี่ยของฝากเต็มเลย” ผมที่กำลังหอบหิ้วข้าวของเต็มมือทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าและขนมของฝาก ยื่นโชว์เพื่อนสนิทที่ส่งคำถามมาให้
“แหม น่าอิจฉาคนมีแฟนแบบกัสจัง มายก็อยากมีมั่งอ่ะ” เสียงแซวของมายทำผมยิ้มเขินหลบสายตาเพื่อน และให้นึกถึงใบหน้าของคนที่มีสถานะเป็น ‘แฟน’ ของผมขึ้นมายิ่งคิดหน้าก็ยิ่งร้อนฉ่า
“ไม่ได้นะมายมีแฟนแล้วมิคอ่ะจะอยู่กับใคร แค่นี้ก็โดนคนมีแฟนทิ้งอยู่เรื่อยแล้ว” เสียงกระเง้ากระงอดบ่นน้อยใจจากมิคทำให้ผมต้องรีบเงยหน้าขึ้นมอง จึงได้รู้ว่าโดนเพื่อนแกล้งซะแล้วเพราะใบหน้าหวานที่กำลังโชว์ยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ได้เข้ากับน้ำเสียงและความหมายของประโยคเมื่อครู่เลย
“มิคนี่ อย่างอนน้าเดี๋ยวพรุ่งนี้กัสเลี้ยง กินให้เต็มที่เลยน้า” ผมแกล้งตบมุกกลับให้มิคอย่างเนียนๆส่งเสียงออดอ้อนและโปรยยิ้มหวานใส่ ทำให้ใบหน้าประดับยิ้มกว้างค่อยๆหุบลงคิ้วขมวดมุ่นปากยื่นนิดๆให้ได้รู้ว่ามิคจับไต๋ผมได้แล้ว
“พรุ่งนี้วันเกิดมายเดียร์นี่ หมายความว่าให้กินเต็มที่ในงานยัยมายเดียร์อ่ะเหรอ โฮ จะง้อเค้ายังงกอีก” มิคพูดจบก็ส่งค้อนทำแก้มป่องใส่ผมได้อย่างน่ามันเขี้ยว จนมายต้องเข้ามาหยิกแก้มแดงๆของมิค ก่อนเจ้าตัวแสบจะร้องโวยวายขึ้นมาเป็นที่น่าเอ็นดู จนผมต้องวางของในมือและเข้าไปโอบไหล่ลูบหลังบางเป็นการง้องอน
“ฮ่าๆๆๆ มิคอย่างอนน้าเดี๋ยวกัสชดเชยให้ทีหลัง แต่ตอนนี้ต้องไปล่ะ เดี๋ยวไม่ทันวินจะไปเรียนซะก่อน” เมื่อเพื่อนแสบซนของผมเลิกงอนแล้ว ผมจึงเอ่ยขอตัวเพราะต้องรีบไปเซอร์ไพรส์ตามแผนที่วางไว้ กลัวแต่ว่าคนที่ไม่รู้ตัวจะหนีไปเรียนซะก่อน
“กัสจ๊ะอย่าลืมพาวินมางานด้วยนะ” เสียงมายตะโกนตามหลังผมมา ผมจึงต้องหันกลับไปมองและโบกมือพร้อมตอบรับให้เพื่อนสนิท
“ครับๆ เจ้าหญิงน้อยตามบัญชา”
ตอนนี้ผมคบกับวินมาหกเดือนแล้วจากจูบแรกวันนั้น วินพยายามตีสนิทตามตื้อเอาใจใส่ผมทุกอย่าง จากแรกๆที่กลัวไปสารพัดในกิตติศัพท์เรื่องความเช้าชู้ของวิน แต่วินก็พิสูจน์ให้ผมเห็นถึงความจริงใจและความสม่ำเสมอ ทำเอาผมเริ่มใจอ่อนสุดท้ายผมก็ตอบรับรักและขยับฐานะให้เราเป็น 'แฟน' กัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีผู้ชายคนนี้มาเคียงข้างผมรับรู้ถึงความรักที่วินมีให้ผม แม้เราทะเลาะกันบ้างเหมือนคู่อื่นๆแต่ส่วนใหญ่มาจากนายวินนั่นแหละที่หึงไม่เข้าเรื่อง ผมจะคุยกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้เลยตามหึงหวงตลอด ทั้งๆที่วินกลับคุยกับสาวๆหนุ่มๆที่เข้าหาได้ และมาให้เหตุผลที่ไร้น้ำหนักกับผมว่า
‘วินรักกัสมากกว่าที่กัสรักวิน เพราะฉะนั้นวางใจได้ว่าวินจะไม่มีใครนอกจากกัส’
คิดดูสิครับไม่รู้ว่าวินคิดได้ยังไง ‘ความรัก’ ไม่มีมาตรวัดซะหน่อยจะรู้ได้ยังไงว่ารักของวินกับรักของผมใครมีมากกว่ากัน จริงๆผมก็แอบหึงหวงวินเหมือนกันนะเพียงแต่ไม่คิดจะโวยวายเหมือนวินเท่านั้นเอง ดังนั้นการทะเลาะเล็กๆของเราส่วนใหญ่มาจากวินนั่นแหละ แล้วคนที่ต้องง้อก็เป็นผมไอ้ตอนง้อเนี่ยเปลืองตัวจะแย่โดนทั้งกอดทั้งหอม วินบอกว่าเป็นบทลงโทษและเป็นการปลอบใจที่ผมทำให้วินใจหายผมล่ะหมั่นไส้ แต่ผมก็แอบภูมิใจในตัวเองนะว่าวินนั้นแสดงออกว่ารักผมมาก และผมก็รู้สึกดีทุกครั้งที่วินมาหอมมากอดผมด้วยความรักแบบนั้น ถึงจะคบกันมาหกเดือนนอกจากการกอดหอมแก้มและจูบแล้วเราก็ไม่มีอะไรเกินเลยกันกว่านี้ วินยังเคยแซวผมเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นนี่เสร็จวินไปตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว ผมจึงแกล้งยุให้วินกลับไปหาคนๆนั้นเลยและงอนวินอยู่เป็นอาทิตย์ หลังจากนั้นวินก็ไม่พูดถึงคนเก่าๆอีกเลยและบอกว่าไม่คิดจะเร่งรัดผมเรื่องที่เราต้องมีอะไรกันขอแค่วินยังมีผมอยู่อย่างนี้ก็พอแล้ว ได้ฟังแบบนี้เข้าทำเอาผมเป็นปลื้มมากๆ ผมจึงทั้งรักทั้งหลงวินขึ้นไปอีกอันนี้ยอมรับแค่กับเพื่อนสนิทที่เคยถามผมว่ารักวินแล้วใช่มั้ย เพราะเพื่อนผมทั้งคู่ก็แอบเป็นห่วงผมจากกิตติศัพท์ของวินที่ได้ฟังมาเหมือนกัน และคำตอบของผมคือ ‘ใช่ผมรักวิน’
“แกร๊ก / เอ๊ะทำไมถอดเสื้อผ้าทิ้งไม่เป็นที่เลย”
ผมมาถึงห้องพักของวินพร้อมใช้กุญแจที่วินให้มาไขเข้าไปวางของและกระเป๋าไว้ข้างประตู และให้นึกแปลกใจกับเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเรี่ยราดตามพื้นห้อง ซึ่งมันดูไม่ธรรมดาซะแล้วยิ่งสิ่งที่ผมเห็นมันมีเสื้อผ้าผู้หญิงรวมอยู่ด้วยนี่สิ ผมก้าวตามเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเป็นทางไปสู่หน้าห้องนอน
“วิน อยู่รึเปล่า วิน”
ผมเห็นแล้วเริ่มใจเสียคิดไปต่างๆนานาแล้วขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย เดินตรงไปที่ประตูห้องนอนที่แง้มอยู่ และภาวนาในใจว่าขอให้เป็นเรื่องที่ผมคิดมากไปเอง ผมสูดหายใจลึกเรียกกำลังใจก่อนจับลูกบิดประตูและออกแรงผลัก
“แอ๊ดดดด................. ตึก”
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำเอาผมชาวาบตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าจนไม่มีแรงจะยืน ผมทรุดนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงส่วนตายังมองภาพเบื้องหน้าไม่ละไปไหน บนเตียงกว้างที่ผมเคยนอนเล่นและเคยหลับไปกับอ้อมกอดอุ่นของวิน ตอนนี้มีคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของผมนอนเปลือยเปล่ากอดรัดร่างๆหนึ่งที่ผมยังไม่แน่ใจว่าหญิงหรือชาย เพราะโดนวินกอดตะแคงตัวบังอยู่ รอบเตียงมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายไม่รู้ของใครเป็นของใคร ภาพที่มองเริ่มพร่าเลือนจากม่านน้ำตาที่คลอเต็มหน่วยตา ส่วนของหัวเตียงและพื้นห้องมีซากถุงยางที่ใช้แล้ววางอยู่ จะว่าเป็นการเข้าใจผิดด้วยเมาแล้วถอดเสื้อผ้าและหลับไปก็ไม่ได้เพราะทั้งคนและของที่ใช้แล้วมันยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคนทั้งคู่มีอะไรกัน ‘วินนอกใจผมแล้ว’
“ฮึกๆ ฮือออออ”
คิดมาถึงตรงนี้น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลเป็นทางพร้อมเสียงสะอึกสะอื้นที่สะกดไว้ก็หลุดออกมา ผมพยายามใช้มือปิดกั้นแล้วแต่มันกลั้นไม่ไหวจริงๆ ไม่อยากมองภาพตรงหน้าไม่อยากเห็น แต่ผมไม่มีแรงจะลุกและออกวิ่งหนีภาพที่ทำให้ใจสลายอยู่ขณะนี้ สมองคิดอะไรไม่ออกนอกจากคำว่า ‘เสียใจ’ มันวนเวียนอยู่ในหัว ความเจ็บปวดใจตรงอกซ้ายมันล้นทะลักจนแผ่ซ่านไปทั้งกายมันเจ็บแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเสียงสะอื้นไห้ของผมคงดังมากไปจึงรบกวนคนบนเตียงให้เริ่มรู้สึกตัวขยับตัวหาที่มาของเสียง
“ฮึกๆๆๆ ฮือๆๆๆๆ”
“อืม ใคร กัส กัส! มาไงครับแล้วร้องไห้ทำไม เฮ้ยยย!!!”
.......................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
ตอนนี้น่าสงสารหมอกัสที่สุด หัวใจสลายเลย :monkeysad:
นายวินทำไมทำแบบนี้ :m16:
แต่ยังไงรอฟังความจริงจากวินก่อนนะคะ
เจอวินมาเล่าเหตุการณ์ได้ตอนหน้าพรุ่งนี้ค่ะ
+1 ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ :pig4: ทุกการติดตามค่ะ
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ฝากเรื่องรวมเล่ม ชุด "เสน่ห์รัก" ด้วยนะคะ รายละเอียดอยู่หน้า 1 ค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
ตอนที่ 11
กัส
“สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะมาย”
“มีความสุขมากๆนะน้องมายเดียร์ ฮิๆๆ”
“มิคอ่ะ ให้เรียกได้แค่มายเดียร์นะไม่เอาน้องนำหน้า วันนี้วันเกิดมายทั้งกัสและมิคต้องตามใจมายสิ ชิ”
เจ้าของวันเกิดรับของขวัญและคำอวยพรจากผมและมิคด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างน่ารัก ก่อนจะเริ่มงอนแก้มป่องส่งค้อนน้อยๆให้มิคที่แกล้งเรียกชื่อมายโดยมีคำนำหน้าที่เจ้าตัวไม่ชอบ มิคที่รู้ตัวว่าขืนปล่อยไว้ไม่รีบง้อเจ้าของวันเกิดคงจะได้เจอมายงอนจริงจังแน่ จึงเข้าไปกอดแขนและยิ้มออดอ้อนหวังให้มายใจอ่อน
“จ้ามายเดียร์มิคไม่แกล้งแล้วไม่งอนน้า อ่ะเพิ่มคำอวยพรให้อีกข้อ อืม อ่ะรู้ล่ะ ขอให้มายเดียร์มีแฟนเร็วๆนะครับ” ท่าทางง้องอนและคำพูดถูกใจของมิคทำให้มายค่อยๆคลี่ยิ้มหวานใส่พ่อคนขี้แกล้ง
“แหมมิคอ่ะ งั้นมายขอแกะเลยนะว่าอะไรอยู่ในกล่อง”
ผมที่นั่งอยู่ใกล้ๆคนทั้งคู่ไม่ได้ออกความเห็นอะไรหลังจากเอ่ยอวยพรแก่เพื่อนสาวไปแล้ว ได้แต่นั่งมองเพื่อนสนิทคุยกันด้วยรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เพราะอดีตของวันคล้ายวันเกิดเพื่อนสาวคนตรงหน้านี้มันมีความทรงจำเลวร้ายสำหรับผมอยู่ไม่น้อย ขณะที่ผมนั่งคิดหมกมุ่นอยู่คนเดียวนั้นผมไม่รู้ตัวหรอกว่ามีสายตาอีกสองคู่มองอย่างเป็นห่วง
“กัส กัส ดูนี่สิ นี่กล่องของขวัญใคร ใครให้มายเดียร์มาน้า ห่อซะสวยเชียว” เสียงมิคที่ดังขึ้นทำผมหลุดจากภวังค์และหันมามองกล่องของขวัญที่อยู่ในมือเพื่อน
กล่องของขวัญห่อด้วยกระดาษมันวาวสีเงินแซมดอกไม้เล็กๆสีชมพูกล่องนี้มันน่ารักมาก หลังผมพิจารณาเจ้ากล่องนี้แล้วทำให้ได้รู้ว่าเจ้าของมันคงพิถีพิถันเป็นพิเศษ และคงต้องรู้ใจเจ้าของวันเกิดมากด้วยที่เลือกลายและสีที่มายชอบ กล่องนี้ใครให้มายมานะเพราะเมื่อเช้าที่ผมตื่นนอนนั้นยังไม่มี ผมเหลือบมองเพื่อนสาวคนสนิทก็ได้เห็นว่ามายหน้าแดงท่าทางอึกอักอย่างมีพิรุธ
“เอ่อออ อืม ของเพื่อนข้างบ้านเอามาให้น่ะ” กว่ามายจะตอบมาได้เล่นเอาผมกับมิคลุ้นจนเหนื่อย ซึ่งคำตอบนั้นไม่สมกับที่ผมสองคนลุ้นเลย กับแค่ ‘เพื่อนข้างบ้าน’ ทำไมถึงทำให้มายมีท่าทางเขินอายได้ขนาดนี้กัน เพื่อนบ้านคนนี้คงไม่ธรรมดาอย่างที่คิดแล้วล่ะครับ
“ใคร แล้วมิคกับกัสรู้จักมั้ย แล้วทำไมมายเดียร์ต้องหน้าแดงด้วย น่าสงสัยจังน้า จริงมั้ยกัส” มิคทำเสียงเล็กเสียงน้อยส่งสายตาล้อเลียนใส่มาย ก่อนจะหันมาพยักพเยิดขอเสียงสนับสนุนจากผมด้วย
ผมพยักหน้ารัวๆแทนคำตอบก่อนส่งยิ้มใส่ตาคนหน้าแดง ดูสิหน้าเพื่อนสาวของผมแดงก่ำอย่างน่าเอ็นดูเชียวครับ และมิคคงคิดเหมือนผมเลยยิ่งซักมายใหญ่ว่าเพื่อนข้างบ้านของมายเป็นใครกันแน่
“เราไม่เคยมีความลับต่อกันนะมายเดียร์ หรือเราไม่ใช่เพื่อนสนิทกันแล้ว” มิคทำแก้มป่องสายตาคาดคั้นใส่มายทันทีที่พูดจบ เล่นเอาสาวมายถึงกับร้อนรนเข้าจับมือมิคเขย่าก่อนหันมาส่งสายตาเว้าวอนใส่ผมอย่างน่าสงสาร
“มิคจ้ะมายบอกก็ได้ อย่าทำเสียงแบบนี้สิ อืม ก็ เฮ้อ ปรัชจ้ะ ปรัชเอามาให้เมื่อเช้า” ผมที่กำลังแอบยิ้มกับท่าทางของสองเพื่อนสนิทมีอันต้องหุบยิ้มใจและหายวาบกับชื่อของคนที่มายเอ่ยมา
“ปรัชเพื่อนนายวินน่ะเหรอ แล้วไปสนิทกันตอนไหนเนี่ยมายเดียร์” มิคเสียงสูงใส่มายหน้าตาสงสัยอย่างมาก ส่วนผมก็นิ่งค้างไปเลยตั้งแต่ชื่อ ‘วิน’ หลุดมาจากปากมิค ความเจ็บเล็กๆเกิดขึ้นในใจทันทีเมื่อภาพใบหน้าของคนที่พยายามลืมชัดขึ้นในความทรงจำ
“ไม่มีอะไรซะหน่อย ไม่เอาแล้วมายไปดูสถานที่ข้างล่างก่อน”
“อ้าวหนีเลยดูสิ ต้องรู้ให้ได้ว่ามีอะไรแอบแฝง เดี๋ยวมิคมานะ”
ผมไม่ได้สนใจว่ามิคกับมายจะไล่จับกันได้มั้ยหรือมายจะมีคำตอบยังไงเรื่องปรัช เพราะใจของผมมันลอยกลับไปยังอดีตเมื่อหนึ่งปีก่อนที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่ทำเอาผมเสียศูนย์
หนึ่งปีก่อน
ภาพที่เห็นตรงหน้าผมนี้มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยขอให้เป็นแค่ฝันทีเถอะ น้ำตาที่ล้นทะลักไหลไม่ขาดทำให้ภาพเบื้องหน้าผมนั้นพร่าเลือนจนไม่เห็นในรายละเอียด ‘วินอยู่กับใคร ทำไมวินถึงทำกับผมแบบนี้ ไหนว่ารักกันไง รอให้ผมพร้อมก่อนไม่ได้เหรอ ผมไม่ดีตรงไหน’ คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวผมไม่ได้พูดออกไปได้แต่กำลังร้องไห้และพยายามกลั้นสะอื้นไว้ ผมเจ็บร้าวในอกจนแผ่กระจายไปทั้งร่าง ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะพยุงตัวพาตัวเองออกไปจากภาพบาดตาตรงหน้าและมันก็เริ่มชา ผมได้ยินเสียงผู้หญิงไม่รู้ว่าพูดอะไรกับวิน ใบหน้าเธอเลือนลางเห็นไม่ชัดหรอกว่าเธอจะหน้าตาเป็นยังไง และตอนนี้ผมอยากหายตัวไปจากที่นี่ไม่อยากรับรู้ความจริงนี้ ผมอยู่กับความคิดของตัวเองนานขนาดไหนไม่รู้จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกชื่อและมีแรงมาเขย่าตัว ผมค่อยๆหันหน้าไปมองและก็เจอกับผู้ชายที่บอกว่ารักผม ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคนที่ ‘เคยรัก’ผมมากกว่า
“กัส กัสครับ กัสเป็นอะไร มองมาที่วินสิครับ โธ่ อย่าเป็นแบบนี้ วินใจไม่ดีเลย ฟังวินอธิบายก่อนนะ”
เสียงของวินเรียกผมอย่างอ่อนโยนแกมห่วงใย ความจริงผมจะเป็นอะไรมากขนาดไหนวินก็ไม่สมควรมาทำหน้าเป็นห่วงขนาดนี้ ทั้งๆที่วินกล้าทำกับผมได้ขนาดนี้แท้ๆ วินออกแรงพยุงผมไปที่โซฟาข้างเตียงก่อนเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน และพูดอะไรอีกมากมายแต่ตอนนี้ผมไม่อยากฟังจึงปิดการรับรู้ทั้งหมด
“กัสครับ วินรักกัสนะ คุยกับวินก่อนนะ”
ผมรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดของร่างหนาตรงหน้า ปกติทุกครั้งที่กอดกับวินผมจะรู้สึกอบอุ่นเสมอ แต่ครั้งนี้กลับหนาวไปถึงใจเหมือนมีเข็มเป็นพันๆเล่มมาทิ่มแทงผิวที่โดนสัมผัส ‘ไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้วไม่เอาแล้ว’ ผมออกแรงผลักร่างหนาออกห่างตัวจนหลุดจากอ้อมกอดนั้นได้เพราะเจ้าของไม่ทันตั้งตัว
“ผมจะกลับ”
“กัส วินไม่ให้ไปจนกว่ากัสจะฟังวิน”
วินเอื้อมคว้ามือของผมไว้แต่พอได้สบตาว่างเปล่าของผมเข้าก็ยอมปล่อยแต่โดยดี แววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจปนเว้าวอนนั้นไม่ได้ทำให้ผมนึกเห็นใจ ผมมองเมินไปทางอื่นพยายามกลั้นสะอื้นและพยายามสงบใจให้มากที่สุดแม้จะทำได้ยากก็ตาม หลังจากนั้นวินยังไม่ให้ผมออกจากห้องพยายามต่อรองให้เพื่อนของผมมารับกลับแทนการกลับเอง ในระหว่างรอมิคมารับหลังจากที่ผมโทรศัพท์ตามแล้ว วินไม่ยอมห่างจากผมเลยทำให้เราต้องมานั่งบนโซฟาหนังหน้าโทรทัศน์ตัวเดียวกัน วินพยายามจะจับมือผมไปกุมแต่ผมไม่ยอมผมจึงสะบัดออกและกุมมือตัวเองไว้แน่น เราจึงนั่งกันเงียบๆโดยวินมองหน้าผมตลอดเวลา ส่วนผมได้แต่มองตรงไปที่โทรทัศน์ตรงหน้านิ่งๆไม่แม้แต่จะหันไปมอง จนได้ยินเสียงออดดังผมรู้ว่ามิคมาแล้วจึงลุกขึ้นเตรียมกลับทันที แต่กลับถูกรั้งไว้โดยเจ้าของห้องคนที่เป็นต้นเหตุให้ผมเจ็บเจียนตาย
“กัสครับ วินรักกัสคนเดียวนะ วินจะรอให้กัสใจเย็นก่อนแล้วเราค่อยคุยกันนะครับ”
ผมพยายามดึงมือกลับทันทีแต่สู้แรงไม่ไหวจึงได้แต่ปล่อยให้มือตัวเองตกอยู่กับมืออีกฝ่าย และยังคงมองเมินทำเป็นไม่สนใจ ผมรอฟังจนจบประโยคและเลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับไป ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกรู้แต่ว่าขอออกไปจากที่นี่ก่อน ไม่อยากเห็นหน้าคนตรงหน้าเลย การถูกทรยศหักหลังจากคนที่รักมันเจ็บ เจ็บจริงๆ หลังจากนั้นผมออกแรงดึงมือให้หลุดจากการจับกุมก่อนเดินไปเปิดประตู เจอเพื่อนสนิทที่มารับอยู่หน้าประตูและทันทีที่มิคเห็นหน้าผม มิคตกใจมากพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่โดนผมฉุดออกมาจากหน้าห้องซะก่อน และผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยแม้แต่ตอนที่เรามาอยู่ในรถด้วยกันแล้วก็ตาม
“สบายใจแล้วกัสค่อยเล่านะ อย่าเงียบแบบนี้ รู้ใช่มั้ยว่ามิคเป็นห่วง”
เมื่ออยู่ที่ห้องนอนของเพื่อนแล้ว มิคก็เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมาทำเอาผมเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่ยอมเล่าอะไรให้เพื่อนรับรู้ ทำให้เพื่อนเป็นห่วงผมมากมายขนาดนี้ น้ำตาที่แห้งไปแล้วตั้งแต่ออกมาจากห้องนั้นกลับไหลออกมาอีกครั้ง ก่อนผมจะโผไปกอดเพื่อนสนิทตรงหน้า จริงสินะผมยังมีเพื่อนอยู่และตั้งใจจะเล่าให้เพื่อนฟังหลังจากที่สามารถหยุดน้ำตาแห่งความเสียใจนี้ได้แล้ว
“มายเดียร์กำลังมานะ เป็นห่วงกัสใหญ่เลย เราเป็นเพื่อนสนิทกัน กัสเป็นแบบนี้มิคก็ทุกข์ไปด้วยนะ ฮือๆๆๆ” ผมเศร้าเสียใจคนเดียวไม่พอยังทำเอาเพื่อนเศร้าตามไปด้วยเหรอเนี่ยผมนี่แย่จริงๆ
“นายวินทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย มันน่าจับมาซ้อมจริงๆ โว้ยยยยย อยากฆ่าคนจัง”
“มิคจ้ะใจเย็นสิ กัสหน้าไม่ดีเลยเห็นมั้ย” หลังคำพูดของมายแล้วมิคก็ทำตาโตยกมือปิดปาก ก่อนเข้ามากอดแขนผมแน่นหน้าตาสำนึกผิดสุดๆ
“กัส มิคขอโทษ” เสียงอ่อนอ่อยที่ได้ยินจากมิคทำผมอารมณ์ดีขึ้นมา
“ฮึๆๆ มิคจะขอโทษทำไม กัสยังอยากทำแบบที่มิคว่าเลย”
“เฮ้อ เห็นแบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อยที่เริ่มหัวเราะได้ แต่มิคก็ไม่อยากเชื่อนะที่วินทำแบบนี้ เพราะนายนั่นดูรักกัสมาก” น้ำเสียงไม่แน่ใจจากมิคทำผมหุบยิ้ม เพราะคำถามนี้ผมก็ต้องการคำตอบเหมือนกัน
“เวลาผ่านไปใจเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน”
“มายว่าเรื่องนี้เราอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็นเลยจ๊ะ เพราะมายฟังแล้วแปลกๆ มายเชื่อว่าวินรักกัสนะ และตอนที่ไปฝึกงานก็ติดต่อกันตลอดแม้ไม่เจอใช่มั้ย วินไม่มีทีท่าจะนอกใจด้วย อย่างเมื่อคืนก็บอกนี่ว่าจะไปผับกับเพื่อนๆ ถ้าคิดจะนอกใจจริงคงไม่บอกหรอกจริงมั้ย”
“มายเดียร์อย่าลืมสิ วินไม่รู้นะว่ากัสจะเปลี่ยนเวลากลับมาเช้านี้ อาจจะตั้งใจพายัยผู้หญิงนั่นมานอนด้วย ซึ่งกัสคงจะไม่รู้แน่ๆ ถ้าไม่ได้กลับมาก่อนเวลาและไปเจอเข้าน่ะ”
บทสนทนาที่หารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทั้งมิคและมายก็มีเหตุผลมาถกกัน ผมไม่ได้ออกความเห็นอะไรได้แต่ฟังเพราะมันตื้อไปหมด ‘ฝุ่นเข้าตา’ เป็นยังไงผมเพิ่งรู้ซึ้ง มันต้องให้คนอื่นมาช่วยเขี่ยออกถึงจะหายเคือง ระหว่างที่เพื่อนๆผมถกกันนั้นอยู่ๆสายตาผมก็ชำเลืองเห็นไฟโทรศัพท์ขึ้นว่ามีสายเข้า ด้วยผมปิดเสียงไว้เพราะวินโทรมาตลอดแต่ผมไม่อยากคุยด้วย แต่พอเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา
“ใครโทรมา นายวินเหรอยังกล้าโทรมาอีก” เพื่อนหนุ่มคนสนิทเอ่ยถามอย่างประชดคนที่เป็นประเด็นตอนนี้ ผมจึงส่ายหน้าปฎิเสธก่อนจะกดรับสาย
“กัสๆ ใครโทรมาแล้วทำไมนิ่งไปแบบนี้ นายวินเหรอมันโทรมาทำไม กัสตอบมิคสิ” มิคทำหน้าเป็นกังวลมากแต่ผมยังคงพูดไม่ออกจึงได้แต่จ้องหน้ามิคนิ่งค้าง
“กัสจ๊ะเป็นอะไร” มายลูบแขนผมเรียกสติด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมพยายามตั้งสติก่อนมองหน้าเพื่อนทั้งคู่ไปมา
“ผู้หญิงที่นอนกับวินโทรมา.....” ตอนนี้ความรู้สึกของผมมันสับสน ใคร่รู้ และอึ้ง ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร และรู้เบอร์ผมได้ยังไง แล้วนัดผมไปเจอทำไม ผมที่ยังไม่ได้รับปากผู้หญิงคนนั้นเจอแต่ฝ่ายนั้นรวบรัดนัดเวลาสถานที่และตัดสายไป
แก้วกาแฟเบื้องหน้ามีหยดน้ำเกาะพราวจากความเย็นของน้ำแข็งในแก้วที่ละลายเกือบหมดแล้ว เก้าอี้ตรงข้ามไม่มีคู่สนทนานั่งอยู่มีแต่แก้วลักษณะเดียวกันวางอยู่ ผมนั่งตรงนี้มาตลอดหลังจากผู้หญิงคนนั้นจากไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นมาพูดกับผมก็คือเรื่องของวิน ผู้ชายที่คิดว่ารักผมแต่จริงๆแล้วสิ่งที่ทำมาทั้งหมดมันคือการหลอกลวง ความจริงที่ผู้หญิงคนนั้นเล่าคือได้คบเป็นแฟนวินก่อนที่วินจะมาจีบผม เธอไม่รู้ว่าวินแอบมาจีบผมลับหลังและมาโกหกผมว่าไม่มีแฟน ส่วนเธอได้ใช้ชีวิตกับวินเหมือนคู่รักมาตลอด ผมที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยโง่ที่ถูกนายวินนั่นหลอกทำดีด้วยทำให้คิดว่ารักกัน และเธอเล่าว่าวินเป็นแบบนี้แหละมีหลายรายแล้วที่เธอต้องมาจัดการให้คู่ขาของวินรับรู้ความจริง แต่ผมน่ะพิเศษหน่อยที่เธอเพิ่งมารู้หลังจากแอบคบกันลับหลังเธอนานถึงเกือบหกเดือน
ตอนแรกที่เธอเล่ามาทั้งหมดนั้นผมยังไม่เชื่อหรอกเพราะพูดใครก็พูดได้ เธอจึงหยิบหลักฐานคือรูปถ่ายระหว่างเธอกับวินในอิริยาบทต่างๆในสถานที่ต่างกันไป รูปส่วนใหญ่ทั้งคู่ไม่ได้มองกล้องแต่ก็รู้ว่าสนิทกันและใกล้ชิดกันมาก แม้บางรูปจะมีเพื่อนในกลุ่มวินอยู่ด้วยก็ตาม หลังจากเห็นภาพทั้งหมดผมใจเสียไปเกือบครึ่งแต่ก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย เพื่อนๆผมเตือนมาว่าอย่าเชื่อเธอคนนี้ง่ายๆอาจมาแอบอ้างก็ได้ ดังนั้นผมจึงยังไม่ยอมเชื่อเธอคนนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปคู่ของเธอกับวินมาให้พร้อมให้กดไปที่กล่องข้อความ เมื่อได้อ่านข้อความที่เป็นเบอร์ของวินที่มีแต่ข้อความเป็นห่วงเป็นใยแล้ว แม้ไม่เห็นคำรักหวานๆแบบที่วินส่งมาให้ผมก็ตาม แต่ข้อความพวกนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนักในเมื่อข้อความเหล่านี้เค้าใช้กับคนที่คิดพิเศษด้วยเท่านั้น ตอนนั้นผมใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอกกับหลักฐานที่เห็น ผมโกรธที่ถูกหลอกจากคนที่คิดว่ารักกัน และเหมือนเธอคนนั้นยังไม่พอใจที่เห็นผมเป็นแบบนี้ เธอส่งหลักฐานชิ้นสำคัญมาให้และมันเป็นดาบสุดท้ายที่ฟันลงมาให้สายสัมพันธ์ระหว่างผมกับวินให้ขาดสะบั้นลง มันคือต่างหูแบบห่วงที่มีลักษณะแค่ครึ่งวงไม่ได้วนครบรอบมีที่เสียบสำหรับใส่รูหูที่เจาะไว้ติดกับฐานด้านหลัง ซึ่งมีเพชรเม็ดเล็กฝังอยู่บนแผ่นทองคำขาวด้านล่างมีตัว ‘W’ นูนออกมามันมาจากชื่อของวินนั่นแหละ ซึ่งต่างหูข้างนี้เหมือนกับข้างที่ผมใส่อยู่เลย หมายความว่าวินทำต่างหูที่เหมือนกันนี้ให้ทั้งเธอคนนั้นและผมพร้อมกันสินะ หลังจากนั้นเธอได้พูดอะไรมาอีกรึเปล่าหรือทำอะไรต่อผมก็ไม่รับรู้แล้ว ได้สติอีกทีก็ไม่เห็นเธอแล้วแต่ผมก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมตรงนี้ แต่ใจผมนั้นไม่เหลืออะไรอีกแล้ว วินทำกับผมถึงขนาดนี้ได้ยังไงทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรให้เลยหรือเห็นผมเป็นของแปลกกัน มีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้วมันคงตื่นเต้นไม่พอสินะเลยมาหาประสบการณ์ในการคบกับผู้ชาย บังเอิญผู้ชายที่วินเลือกลองกลับเป็นผมคนนี้
“พอกันทีกับความรักที่หลอกลวง”
ผมวางเงินที่โต๊ะสำหรับค่ากาแฟและเดินจากไปพร้อมตัดสินใจว่าจะไม่ขอพบเจอกับผู้ชายหลอกลวงคนนั้นอีก
..................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
น่าสงสารคู่รักสุดสวีทคู่นี้จริงๆค่ะ ดูสิคนมันอยากได้ผู้ชายถึงขนาด
วางแผนมาอยากดิบดี จนหมอกัสที่น่าสงสารตกหลุมเลย :เฮ้อ:
ตอนหน้ามาดูกันเนอะว่านายวินจะจัดการยังไง ตามเอาใจช่วย
กัสวินด้วยนะคะ และขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ฝากการรวมเล่มครั้งนี้ด้วยนะคะ รายละเอียดหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
ตอนที่ 13
กัส
งานวันเกิดของเพื่อนสาวคนสนิทของผมนั้นจัดขึ้นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ถูกเนรมิตขึ้นโดยคุณหญิงแม่ของมายเองมีไฟประดับส่องแสงกระพริบตามต้นไม้และพุ่มไม้อย่างสว่างไสว สนามหญ้าจัดวางโต๊ะอาหารทั้งของคาวของหวานตั้งอยู่หลายตัว มีซุ้มเครื่องดื่มบริการส่วนใหญ่เน้นไปทางน้ำหวานและน้ำผลไม้ คนที่มายเชิญมางานนั้นก็มีบรรดาเพื่อนสมัยเรียนที่เจ้าตัวยังติดต่ออยู่ เพื่อนสนิทของครอบครัว ญาติๆ และที่ขาดไม่ได้คือเพื่อนสนิทที่สุดอย่างผมกับมิคนั่นเอง ที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างตัวเจ้าของงาน
“อืม บ้านมายเดียร์ทำอาหารอร่อยมาก อร่อยทุกอย่างเลย” มิคอมยิ้มแก้มตุ่ยตาพราวอย่างถูกใจมือยื่นคอกเทลกุ้งให้มายลองชิม แต่มายส่ายหน้ายิ้มสวยไปแทนก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผม ปล่อยให้คนช่างกินมีความสุขกับของในมือต่อไป
“แล้วกัสล่ะเงียบจัง บาร์บีคิวนี่อร่อยมั้ยจ๊ะ” มายชี้มาที่จานในมือผมและเอียงคอยิ้มน้อยๆให้ ผมจึงคลี่ยิ้มให้เพื่อนสาวคนสนิทและพยักหน้าให้ก่อนตอบ
“อร่อยครับมาย” หลังคำตอบผมแล้วมายยิ้มหวานให้พร้อมเข้ามาคล้องแขนด้วยท่าทางน่ารัก ส่วนมิคก็ชะเง้อคอมองบาร์บีคิวในจานผมก่อนเงยหน้าส่งสายตาออดอ้อนมาให้ ดูก็รู้แล้วว่าเพื่อนจอมซนของผมเค้าอยากชิมผมจึงยื่นให้ทั้งจาน มิคยิ้มกว้างอย่างถูกใจก่อนเอื้อมมือรับไป จนมายต้องเรียกเด็กรับใช้ไปเอามาเพิ่มให้และแกล้งหยอกคนช่างกินให้ได้งอน เรียกเสียงหัวเราะจากผมได้เมื่อได้เห็นใบหน้ามีความสุขของเพื่อนสนิททั้งสองคน
บรรยากาศรอบตัวกำลังดีมีลมพัดผ่านอาหารก็อร่อยเครื่องดื่มก็เยี่ยมดนตรีก็ไพเราะ แต่ใจผมนี่สิอดจะแอบกังวลไม่ได้หลังจากรู้มาว่าชายหนุ่มข้างบ้านหลังนี้จะมาร่วมงานด้วย ผม ‘กลัว’ กลัวว่าเขาคนนั้นจะตามมาด้วยแต่ผมอาจจะคิดมากไปเอง ก็คนมันเลิกกันไปนานแล้ววินคงเลิกสนใจผมไปแล้วล่ะ สั่งตัวเองให้เลิกคิดมากแล้วหันมาสนุกและร่วมฉลองงานวันเกิดให้เพื่อนคนสวยดีกว่า
“น้องมายจ๊ะ ใกล้ได้เวลาเป่าเค้กแล้วลูกไปเตรียมตัวกันค่ะ น้องกัสกับน้องมิคไปด้วยกันค่ะ เร็วเด็กๆ” เสียงของคุณหญิงแม่คนสวยที่ยังสวยไม่สร่างเรียกให้ลูกสาวไปเตรียมตัวเป่าเค้กวันเกิด พร้อมส่งรอยยิ้มสวยเผื่อแผ่มาที่ผมกับมิคด้วย
พวกเราจึงเดินตามคุณหญิงแม่ไปบริเวณที่จัดเตรียมเค้กก้อนใหญ่ตั้งไว้กลางงาน แขกในงานคนอื่นๆเมื่อเห็นเจ้าภาพของงานเดินไปที่โต๊ะกลางงานต่างก็ลุกขึ้นเดินมาร่วมเตรียมร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับเพื่อนสาวของผม ซึ่งมายเองก็ดูตื่นเต้นและมีอาการแปลกๆร่วมด้วยเพราะคอยชะเง้อมองไปที่หน้าประตูทางเข้าบ้านเป็นระยะ สงสัยมายจะรอเพื่อนข้างบ้านเจ้าของกล่องของขวัญใบสวยนั่นแน่ๆ ‘เฮ้อ! มายนะมายบอกไม่มีอะไรแต่ตอนนี้ล่ะหาเชียวเพราะนายนั่นยังไม่มานั่นเอง’
“น้องมายเป็นอะไรลูก รอใครอีกรึเปล่า” คุณหญิงแม่ของมายคงเห็นอาการแปลกๆของลูกตัวเองเข้าแล้ว ผมจ้องมายยิ้มๆเมื่อเห็นว่าใบหน้าสวยหวานขึ้นสีระเรื่อและหลบตาผมทันทีที่เห็นว่าผมจ้องอยู่
“เปล่าค่ะคุณแม่ไม่มีอะไร เราเริ่มกันเลยค่ะ” มายก้มหน้าปฏิเสธทันทีอย่างมีพิรุธ ก่อนจะเข้าไปเกาะแขนคุณแม่คนสวยอย่างออดอ้อนเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น
ผมหันไปมองมิคก็พบว่ากำลังแอบขำส่งแววตารู้ทันมาให้ ผมที่กำลังเม้มปากกลั้นขำอาการของมายอยู่นั้นก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังขึ้น เป็นเสียงชายหนุ่มที่นุ่มและกังวานใสดังออกจากลำโพงที่ติดตั้งไว้รอบงาน เสียงที่ได้ยินนี้มันคุ้นหูผมมากเหมือนเคยได้ยินมาก่อน ผมและคนทั้งงานต่างหันไปมองต้นเสียงที่ตอนนี้เดินถือไมโครโฟนตรงเข้ามายังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งตัวไม่หนานักและใส่แว่นไร้กรอบ ใบหน้าที่คุ้นเคยนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เพื่อนข้างบ้านของเจ้าของงาน ‘นายปรัช’ นั่นเองครับ เสียงร้องเพลงของปรัชไม่ได้เข้าหูผมเลยเพราะตอนนี้สายตาผมนั้นจดจ้องไปยังชายหนุ่มอีกคนที่เดินตามมาหลังสุดของกลุ่มเพื่อน หนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาคุ้นตาและคุ้นใจไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสองปีก่อนเลย ‘วิน’ ทำให้ผมใจสั่นระรัวเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เราได้เจอกัน ผมพยายามสั่งใจให้หยุดสั่นแต่ใจคนเรานี่มันบังคับไม่ได้จริงๆ ผมไม่รู้ว่าเผลอตัวจ้องตาคมสวยอยู่นานเท่าไหร่แต่มารู้สึกตัวก็ต่อเมื่อมิคจับมือของผมกุมกระชับ ผมจึงเบนสายตาออกมาจากสายตาคมวาวคู่นั้น ก่อนได้สบกับแววตาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างชัดเจนจากมิค เวลาต่อมามืออีกข้างของผมก็ถูกเกาะกุมจากเพื่อนสาวคนสวยซึ่งส่งสายตาห่วงใยมาให้ไม่ต่างจากมิค
“กัสเราไปนั่งทานเค้กกันนะจ๊ะ เนี่ยมายตัดมาชิ้นใหญ่เลยเรามาแบ่งกันกินดีกว่า” เสียงหวานๆของมายลอยมาเข้าหูพร้อมแรงจับจูงให้ออกเดินจากเพื่อนทั้งสอง ผมเดินใจลอยเท้าไม่ติดพื้นมายังห้องรับแขกที่อยู่ภายในตัวบ้านแทนการนั่งที่โต๊ะบริเวณสนามด้านนอก หลังจากนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราทั้งสามคน
“กัส ไม่เป็นไรนะ อย่าเงียบสิ พวกเราเป็นห่วงกัสนะ” มิคส่งเสียงแผ่วเศร้าจนผมรู้สึกตัวว่าทำให้เพื่อนไม่สบายใจอีกแล้ว จึงพยายามคลี่ยิ้มส่งให้มิคและมายเพื่อให้เพื่อนได้สบายใจขึ้น
แต่ใจของผมตอนนี้มันสับสนไปหมดและเกิดคำถามว่า ‘วิน’ มาที่นี่ทำไมมาให้ผมเห็นหน้าเพื่ออะไรกัน ในเมื่อเรื่องมันผ่านมาเป็นปีแล้ว ผมอยากหนีไปให้ไกลไม่อยากเจอหน้าไม่อยากเห็น ‘คนโกหกหลอกลวง’ อีก แต่อีกใจหนึ่งนั้นกลับอยากพูดคุยกันได้แบบเพื่อนก็ยังดี เพราะ ‘ความคิดถึง’ ผมคิดถึงวินเหลือเกินอยากรู้ว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้างตอนที่ไม่มีผมอยู่เคียงข้าง ‘วินจะยังเหงาและคิดถึงกันบ้างมั้ย’
“พวกนายพานายนั่นมาทำไม พากลับไปซะ” เสียงตะโกนของมิคทำให้ผมต้องหันไปมองทางต้นเหตุ
ใจผมกระตุกวาบเมื่อเจอเข้ากับสายตาที่จับจ้องของวิน แววตาคู่คมที่ผมได้สบมันแสดงออกหลากหลายความรู้สึก ทั้งความไม่มั่นใจ เสียใจ และคิดถึง มันทำผมใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง เราสบตากันนานและไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมาหลังประโยคของมิค เพราะเพื่อนๆคงคอยดูว่าเราทั้งสองคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อกันก่อนจะตัดสินใจทำอะไรต่อ และแล้วผมก็เห็นว่าวินขยับปากเตรียมพูดจนผมเผลอกลั้นใจรอประโยคแรกในรอบหนึ่งปีของวินที่ผมจะได้ฟังอีกครั้ง
“กัส กัสสบายดีมั้ยครับ” เสียงยังคงนุ่มและปนไปด้วยความห่วงใยเหมือนเดิม แต่สถานะของเรามันไม่เหมือนเดิมแล้ว
ผมไม่คิดจะตอบคำถามของวินยังคงใช้ความเงียบกดดันคนตรงหน้า หน้าตาของคนที่ผมมองอยู่สลดลงทันทีผมรีบเบือนหน้าหนีสายตาออดอ้อนคู่นั้น และได้รู้ว่าวินยังคงมีอิทธิพลต่อใจผมอยู่ เพราะเพียงแค่เห็นสีหน้าแววตานั้นก็ทำผมใจหวิวได้ ตลอดหนึ่งปีที่เราห่างกันผมคิดว่าสามารถลืมวินได้แล้ว และคอยใช้ความเจ็บกับเหตุการณ์นั้นมาเป็นเครื่องมือเพื่อให้ลืมก็ตาม แต่การพบกันครั้งนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า ‘ผมไม่เคยลืมวินได้เลย’
“เอ่อ ปรัชจ๊ะ มายขอบคุณมากสำหรับของขวัญและที่ปรัชมาอวยพรให้ แต่ตอนนี้มายว่าปรัชพาเพื่อนกลับก่อนดีกว่ามั้ยจ๊ะ ทุกคนคะอย่าว่ามายเสียมารยาทเลยค่ะ แต่พวกเรารู้กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร” เพื่อนสนิทคนสวยของผมคงนึกเห็นใจและเป็นห่วงผมมากถึงกับเอ่ยปากไล่ทางอ้อมกับกลุ่มเพื่อนของวิน ทั้งๆที่มายออกจะเป็นสาวขี้เกรงใจยามปกติคงไม่คิดจะทำ
“ผมสบายดีครับ” ผมตัดสินใจตอบคำถามที่ถูกทิ้งไว้นานเพราะไม่อยากให้มายลำบากใจไปมากกว่านี้ แต่ผมก็นึกอยากเรียกคำพูดคืนด้วยหมั่นไส้ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมองผมอยู่นั้นยิ้มจนแก้มปริตาพราวอย่างดีใจ และแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสินะที่ทุกคนจะได้สบายใจขึ้นไม่อึดอัดกับบรรยากาศกดดันจากตัวผมอีก
“เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมก้มหน้าเอ่ยขอตัวจากคนทั้งห้องไม่เจาะจงใคร พร้อมลุกขึ้นเตรียมเดินไปทางห้องน้ำแต่กลับถูกเพื่อนสนิททั้งสองคนจับแขนไว้
“มายไปด้วย / เดี๋ยวมิคไปเป็นเพื่อน” มิคและมายพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ผมนึกดีใจที่มีเพื่อนคอยเป็นห่วงและอยากจะขอบคุณทั้งสองที่ไม่เคยทิ้งกันนัก แต่ผมทำได้เพียงส่งยิ้มเล็กๆและส่ายหน้าปฏิเสธให้ทั้งคู่เท่านั้น
ตอนนี้ผมอยากขอเวลาอยู่คนเดียวสักพักด้วยทำตัวไม่ถูกจริงๆ ผมเดินออกมาหลังถูกปล่อยแขนเป็นอิสระขณะเดินไปทางห้องน้ำที่อยู่อีกส่วนของบ้านและต้องเดินผ่านวิน ผมจึงตั้งใจว่าจะเดินผ่านให้เร็วที่สุดและไม่คิดจะมองหน้า ใจคิดแต่ตากลับเงยขึ้นสบตาคมของวินขณะที่ตัวเองกำลังจะเดินผ่าน ก่อนผมจะตัดใจก้มหน้าหลบตาและเดินตรงไปทางห้องน้ำต่อทันที
จิตใจที่เริ่มสงบลงและใจที่หายสั่นรัวทำให้ใบหน้าที่มองตอบกลับมาจากกระจกของผมไม่มีรอยกังวลมากนักดีกว่าตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาในห้องน้ำแห่งนี้ใหม่ๆ และผมก็พร้อมแล้วที่จะออกไปข้างนอก แม้จะไม่แน่ใจตัวเองนักว่าถ้าได้สบตาคู่นั้นอีกครั้งจะมีอาการกลับมาอีกมั้ย แต่คนเราหนีไม่ได้ตลอด ‘ใช่แล้วครับ ผมหนีวินมาตลอด’ หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ซึ่งวันนี้คงถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากันจริงๆซะแล้ว ผมสูดหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเองพร้อมยื่นมือไปที่ลูกบิดเพื่อเปิดประตูออกเผชิญความจริง
“กัส คุยกับวินนะครับ วินให้เวลากัสมานานแล้ว”
ทันทีที่ผมเปิดประตูออกมาความจริงที่เตรียมใจเผชิญหน้าไว้แล้วกลับมายืนอยู่ตรงหน้า แม้จะทำใจแล้วแต่เมื่อมาเจอกันระยะประชิดขนาดนี้ทำเอาอึ้งและใจก็เต้นระรัวอีกจนได้ ผมหาคำพูดตอบกลับไม่เจอจึงได้แต่พยักหน้าตอบรับไป ก่อนเดินเบี่ยงตัวออกมาจากร่างหนาที่ขวางทางไว้ ผมเดินนำมาที่สวนหลังห้องครัวที่ตอนนี้เงียบสงบเพราะทุกคนต่างไปช่วยงานกันด้านนอกที่หน้างาน และรับรู้ถึงเสียงฝีเท้าที่ตามหลังผมมาไม่ห่างแต่ยังคงไม่มีเสียงพูดระหว่างกัน ตลอดทางเราต่างหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง ผมทรุดตัวนั่งด้านหนึ่งของม้านั่งตัวยาวที่มีพนักพิงหลัง อีกคนที่ตามมานั่งอีกข้างปล่อยให้มีพื้นที่ว่างระหว่างเรา ตรงกับความรู้สึกของผมในตอนนี้ที่รู้สึกมีช่องว่างในใจ เหมือนว่าเราไม่รู้จะเริ่มกันยังไงแม้มีสิ่งที่อยากพูดอยากถามมากมาย จนกระทั่งวินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“กัสครับ วินคิดถึงกัสนะครับ” ผมคิดไม่ถึงว่าประโยคนี้จะเป็นประโยคแรกที่วินจะพูด เคยคิดอยู่บ้างว่าถ้าผมได้กลับมาเจอวินสิ่งที่วินจะพูดกับผมน่าจะเป็นคำอธิบายเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อน ด้วยตอนนั้นผมไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวใดๆทั้งนั้นแม้อีกฝ่ายจะพยายามขนาดไหนก็ตาม ทำเอาผมอดหัวเราะในคอไม่ได้จนวินถึงกับจ้องมาเขม็งแววตาแปลกใจชัดเจน และน่าแปลกที่ความอึดอัดในใจผมปลิวหายไปอย่างน่าอัศจรรย์
“วินไม่อยากอธิบายเรื่องวันนั้นกับกัสแล้วเหรอ” ผมใช้น้ำเสียงสบายๆถามออกไปจนได้จนตัวเองยังนึกทึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองวินหรอกว่าจะมีสีหน้าแบบไหน
“อยากสิครับวินรอวันนี้มาตลอดวันที่กัสจะฟังวิน ถึงแม้จะรอมาเป็นปีก็ตาม” น้ำเสียงกระตือรือร้นที่ได้ยินจากวิน ทำผมอารมณ์ดีขึ้นมาได้จนถึงขั้นหัวเราะแผ่วเบาออกมา
“ฮึๆ ขนาดรอนะเนี่ยยังมีข่าวว่าวินอกหักเลยนะ” ผมแซวถึงข่าวล่าสุดที่ได้ยินมาและจ้องไปยังดวงไฟสีส้มนวลตาตรงหน้า ผมไม่เคยคิดว่าจะมีบรรยากาศสบายๆระหว่างผมกับวินขึ้นได้ เมื่อเรากลับมาเจอกันอีกครั้ง แม้มีเรื่องสำคัญที่เราต้องคุยกันคือสิ่งที่วินคงอยากอธิบายกับผมมาตลอดหนึ่งปี แต่มันกลับยังไม่ถูกหยิบยกมาพูด
“ข่าวไวจริงน้า สงสัยมีสายจากกลุ่มวินไปบอกล่ะมั้ง” น้ำเสียงล้อเลียนที่ได้ยินทำผมจินตนาการออกทันที แม้ไม่ต้องหันไปมองว่าวินจะมีสีหน้าแบบไหน
“อืม” ผมรับคำในลำคอและรอสิ่งที่วินจะพูดออกมาให้ผมได้รู้
“มันคงเป็นกรรมตามสนองวิน กรรมที่เคยทำให้คนที่รักเสียใจเพราะตัวเอง แม้ไม่ตั้งใจแต่มันก็เกิดขึ้นจริง แต่ที่ว่าอกหักคงไม่ใช่ก็แค่คนที่วินใช้แทนกัสเท่านั้น”
บรรยากาศเบาสบายเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นหนักขึ้นมา เมื่อประโยคที่วินต้องการสื่อว่าจะเริ่มเข้าเรื่องเพื่ออธิบายถึงความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ทำเอาผมต้องเรียกกำลังใจเหมือนเคยคือการสูดอากาศเข้าปอดก่อนหันไปสบตาชายหนุ่มที่ผมคิดถึงมาตลอดทั้งเรื่องดีและไม่ดีของคนๆนี้
“กัสพร้อมฟังวินแล้วมีอะไรก็พูดมาให้หมด”
.................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
ในที่สุดกัสก็พร้อมจะฟังวินแล้วนะคะ แม้จะผ่านมาเป็นปีก็ตาม
รักแท้คงต้องผ่านบททดสอบของอะไรสักอย่าง เพื่อให้เจ้าของ
สิ่งที่เรียกว่าความรักเห็นคุณค่าของมัน เมื่อเข้าใจกันแล้ว
ความหวานจะมาเยือนคู่นี้ไม่แพ้คู่อื่นๆค่ะ :impress2:
เจอกัสวินได้พรุ่งนี้นะคะ
+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ :pig4: ทุกการติดตามและแรงสนับสนุนค่ะ
ฝากการรวมเล่มชุด "เสน่ห์รัก" ด้วยนะคะ ติดตามหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 15
วิน
“......................กัสจะให้โอกาสวินอีกครั้งได้มั้ยครับ” ผมคว้ามือร่างบางตรงหน้ามากุมไว้พร้อมสบแววตาหวั่นไหวของกัส หวังให้คนที่ผมยังรักไม่เปลี่ยนแปลงตอบตกลงกลับมาคบกัน และหวังอยากจะกลับมารักกันโดยมีกัสคอยเคียงข้างเหมือนเคย แต่ยังไม่ทันที่กัสจะได้ตอบอะไรก็มีเสียงโวยวายดังขึ้น ทำเอาทั้งผมและกัสต้องหันไปมองอย่างตกใจ
“เย้ / ยินดีด้วยไอ้วิน / ดีใจด้วยที่กลับมาดีกันแล้ว” ผมไม่เคยคิดอยากจะตัดไอ้เพื่อนกลุ่มนี้มากเท่านี้มาก่อนเลย ดูสิพวกมันโผล่มาโวยวายตอนที่กัสกำลังจะเอ่ยปากตกลงกลับมาคบกับผมแล้วเชียว แถมตอนนี้ร่างตรงหน้าทำหน้าตกใจตาโตและดึงมือออกจากการเกาะกุมของผมด้วย ถ้าผมจะทำร้ายเพื่อนตัวเองตอนนี้คงไม่ผิดมากใช่มั้ยครับ ผมหันขวับไปมองเพื่อนตัวแสบส่งสายตาคาดโทษก่อนชี้นิ้วใส่หน้าพวกมันรายตัว
“อย่าอยู่เลยพวกมึง!” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เคยนั่งอยู่และไล่เตะเพื่อนสนิทตัวเอง แต่พวกมันก็ไม่ได้ยืนนิ่งให้ผมได้ทำร้ายง่ายๆ แถมยังไปแอบด้านหลังของคนที่ผมรักอีก ผมถลึงตาใส่พวกมันแต่ไม่มีใครนึกกลัวกลับหัวเราะลั่นแววตาเยาะเย้ยอย่างน่าเตะ
“ฮ่าๆๆๆ แน่จริงมึงเข้ามาสิ หมอกัสช่วยพวกเราด้วยน้า” ไอ้หนุ่มหน้าตี๋มันเอามือวางบนไหล่ของกัสพร้อมเอ่ยปากฉอเลาะได้อย่างน่าหมั่นไส้ ผมรีบเดินเข้าใกล้กัสก่อนโอบเอวบางเข้าหาตัว
“พวกมึงไปไกลๆเลย มึง ไอ้ตี๋แสบใครอนุญาตให้แตะต้องกัสวะ” ผมไล่พวกมันไปไกลๆจากคนของผม ยิ่งไอ้ธียิ่งไม่น่าไว้ใจไม่รู้มันคิดเกินเลยกับกัสของผมบ้างมั้ย แต่ด้วยสายตาและท่าทางโอบประคองของผม คงทำให้พวกมันหมั่นไส้ไม่น้อยวัดได้จากเสียงสรรเสริญที่ดังขึ้น
“ฮิ้ววววว ไอ้วินมึงหลอกแต๊ะอั๋งหมอกัสนี่” ไอ้ตี๋ปากมากมึงจะพูดทำไมดูสิกวางน้อยเริ่มรู้ตัวซะแล้วว่าโดนผมโอบเอวอยู่ ผมจึงกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นเพราะกัสทำท่าจะขืนตัวออก ก่อนหันไปโวยวายใส่บรรดาเพื่อนสนิทที่ยืนยิ้มหน้าบานอยู่รอบตัวเรา
“พูดมาก นี่คนของกู กูมีสิทธิ์โว้ย” ใบหน้าขาวใสของกัสขึ้นสีระเรื่อทันตา ‘น่าฟัดเป็นบ้า’ ผมได้แต่คิดแต่ยังไม่กล้าทำขนาดนั้นหรอกครับ ที่ทำคือส่งยิ้มออดอ้อนเอาใจคนน่ารักเท่านั้น
“นี่ กัสไม่ใช่คนของวินนะ กัสยังไม่ตกลงหรอก ชิ” เสียงหวานที่ดังขึ้นจากคนในอ้อมกอดทำผมเหวอไปเลย ‘กัสที่รักหมายความว่าไงเนี่ย’ ผมที่ยังเอ๋ออยู่ต้องตกใจกับเสียงที่ดังขึ้น และคว้าตัวกัสไว้ไม่ทันเมื่อมีแรงมากระชากร่างบางออกจากอ้อมแขน ‘เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆมั้ยครับ’
“ใช่ ปล่อยเลยนายวินนายยังไม่มีสิทธิ์มาตู่แบบนี้กับเพื่อนเรานะ” หมอมิคหนุ่มตัวเล็กที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนมาดึงคนของผมออกไป พร้อมประโยคกีดกันและแววตาเจ้าเล่ห์มาก นี่หมายความว่างานนี้ผมต้องเริ่มจีบคนที่ผมรักใหม่ใช่มั้ยเนี่ย
“วินห้ามมาถึงเนื้อถึงตัวกับกัสของมายแบบนี้อีกนะ จนกว่าจะจีบกัสติดและกัสยอมคบด้วยน่ะ” หมอมายสาวตัวเล็กเข้าโอบกอดคนของผมไว้ทั้งตัว แถมประโยคที่ทำเอาผมเหวอหนักกว่าเดิม
คนที่โดนเพื่อนปกป้องยิ้มแก้มปริมองตรงมาที่ผมหน้าแดงปลั่งอย่างน่ารัก ผมเห็นแบบนี้แล้วอยากกอดอยากหอมแก้มแดงระเรื่อและเอากัสกลับมาเป็นของตัวเองเร็วๆ งานนี้ผมไม่ถอยแน่เมื่อได้เคลียร์เหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องเลิกกันเพราะต่างฝ่ายต่างไม่ได้มาคุยปรับความเข้าใจกันทำให้เสียเวลาไปนานแล้ว ทั้งๆที่ถ้าช่วงเวลาที่เราห่างกันนั้นจะสามารถสร้างความทรงจำดีๆระหว่างกันมากมาย ต่อจากนี้ผมจะเริ่มเวลาของเราขึ้นมาใหม่และจะมีแต่ความทรงจำที่ดีๆระหว่างเราเท่านั้น ผมขอสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะไม่มีวันปล่อยมือกัสไปอีกแน่
“วิน มึงต้องจีบหมอกัสใหม่แล้วว่ะ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ฟินพูดไปตบบ่าผมไปแถมหัวเราะชอบใจอีกต่างหาก ไอ้นี่มันเป็นเพื่อนของผมจริงๆรึเปล่าเนี่ยแทนที่จะเห็นใจกันกับสะใจซะได้
“แน่นอนอยู่แล้ว และคราวนี้วินจะไม่ปล่อยกัสให้หนีไปจากชีวิตวินอีกแน่”
ประโยคแรกผมตอบเพื่อนตัวเองแต่ประโยคหลังจงใจพูดและส่งสายตาแน่วแน่ไปให้คนที่รักได้มั่นใจว่าผมเอาจริง ใบหน้าที่ผมจ้องอยู่พลันแดงกว่าเดิมก่อนกัสจะหลบตา แต่ผมก็ยังเห็นรอยยิ้มเขินอายบนหน้าคนหน้าหวาน พาให้ผมมีกำลังใจเดินหน้าจีบกัสอีกครั้งเพราะรู้ว่าผลลัพธ์นั้นแสนคุ้มค่าแค่ไหน ที่จะได้กัสกลับมาเคียงข้างตัวข้างใจกันอีกครั้ง แม้กัสจะยังไม่ได้ตกลงกลับมาคบกันแต่ก็เป็นโอกาสที่ผมเฝ้ารอจากกัสมาตลอด วันนี้เมื่อปีก่อนมีเหตุการณ์ที่เลวร้ายเกิดกับเราทั้งคู่ทำให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดและต้องห่างกัน แต่วันเดียวกันนี้ตอนนี้ความสุขกำลังคืนกลับมา และผมจะเป็นคนปัดเป่าสิ่งเลวร้ายที่ยังอยู่ในใจกัสให้หมดไป แม้ต้องใช้เวลาแต่ผมก็สามารถให้เวลาทั้งหมดที่ผมมีกับกัสได้
...............................
กัส
“แน่นอนอยู่แล้ว และคราวนี้วินจะไม่ปล่อยกัสให้หนีไปจากชีวิตวินอีกแน่” ประโยคนี้มีอิทธิพลกับผมเหลือเกินจนใจผมเต้นรัวเลือดสูบฉีดแรง และเชื่อว่าใบหน้าของผมคงเห่อแดงทั้งหน้าแน่ๆ ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนตอนที่ผมเจอวินครั้งแรกเลย เป็นอาการของคนตกหลุมรักอีกครั้งกับคนๆเดิม
จากเมื่อเช้าโลกของผมมันหม่นหมองมองไปทางไหนก็เป็นสีเทาไปหมด แต่ตอนนี้เวลานี้มันเปลี่ยนไปแล้วโลกกลายเป็นสีชมพูสดใสมองไปทางไหนก็มีความสุข ไม่น่าเชื่อว่าตลอดหนึ่งปีที่เราห่างกันมันเป็นเพราะผมเองที่ไม่ยอมฟังสิ่งที่วินอยากพูดอยากบอก แต่ตอนนั้นผมก็เจ็บจนไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ทำให้เราสองคนต้องเสียเวลาไปมากและผมตัดสินใจแล้วว่าจะให้โอกาสคนที่ผมไม่เคยลืมคนนี้ ‘วิน’ คนที่ยังอยู่ในใจของผม และที่สำคัญที่สุดคือผมให้โอกาสตัวเอง โอกาสที่จะให้ตัวเองกลับมามีความสุขอีกครั้งกับคนที่ไม่ลืมคนนี้
“มายว่าพวกเรากลับไปในงานดีกว่าค่ะ หายกันมานานแล้ว”
“ดีค่ะมาย คืนนี้พวกเราจะขอฉลองการคืนดีของวินกับกัส และฉลองวันเกิดมายพร้อมกันเลย”
สองสาวต่างสไตล์สนทนาเชิงชักชวนทุกคนกลับไปในงาน ผมโดนสาวมายจับจูงและอีกข้างถูกประกบด้วยมิคเพื่อนหนุ่มน่ารักพาเดินกลับไปยังส่วนบริเวณงานจัดเลี้ยง ผมรับรู้ได้ว่าวินเดินตามมาไม่ห่างรู้สึกถึงการจับจ้องที่ด้านหลังของตัวเอง ทำให้ผมนึกถึงประโยคที่วินพูดไว้ว่าจะไม่ปล่อยผมไปไหนอีก ผมสุขใจจนต้องแอบอมยิ้ม ‘ดีจังที่มีคนที่รักอยู่เคียงข้างแบบนี้’ ซึ่งผมก็สัญญากับตัวเองว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราที่เริ่มใหม่นี้ ผมจะรักษาและดูแลมันอย่างดีไม่ให้ใครมาทำลายได้ง่ายๆอีก จะค่อยเป็นค่อยไปสร้างรากฐานของความรักให้มั่นคงและสร้างความไว้ใจระหว่างกันให้มากๆ
“ผมนายธีขอเป็นตัวแทนอวยพรวันเกิด ขอให้หมอมายมีความสุขมากๆ และยินดีกับนายวินเพื่อนรักที่หมอกัสให้โอกาส ‘จีบ’ อีกครั้ง ฮ่าๆๆ”
“ขอบคุณค่ะ / เอ่อขอบใจว่ะครับคุณเพื่อนธี” มายและวินเอ่ยหลังได้รับคำอวยพรและคำยินดีจากหนุ่มตี๋อารมณ์ดี ผมที่ถูกดึงเข้าไปร่วมในคำอวยพรของธีก็อดจะกระดากอายไม่ได้ ยิ่งเจอสายตาพราวระยับของคนที่นั่งตรงข้ามยิ่งแล้วใหญ่ ให้ผมต้องหลบตาพัลวันหน้าแทบไหม้กับสายตาล้อเลียนของเพื่อนๆรอบตัว
พวกเรากลับมาที่งานและนั่งโต๊ะร่วมกัน แขกในงานกลับกันไปมากแล้วเหลือแต่ญาติสนิทของมายไม่กี่คน และที่นั่งกันอยู่นี้ก็เหลือแค่ไม่กี่โต๊ะแล้ว บนโต๊ะมีอาหารว่างเอาไว้ทานเล่นพร้อมเครื่องดื่มซึ่งแม้พวกเราจะกินเท่าไหร่ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะไร้แอลกอฮอล์ทั้งสิ้น
“นี่นายวินอย่าว่าเราทำให้เสียบรรยากาศเลยนะ แต่ขอถามหน่อยเถอะก่อนที่นายจะกลับมายุ่งกับกัสอีกน่ะ” อยู่ๆมิคที่นั่งข้างผมก็โพล่งออกมาและจากประโยคคำถามก็ทำผมสงสัยไม่ได้ว่ามิคจะถามอะไร วินเหลือบมองผมและส่งยิ้มให้กำลังใจมาให้ และเบือนหน้าไปทางคนถามก่อนเอ่ยปาก
“เรื่องอะไรครับมิคถามได้เลย”
“เรื่องยัยแนทผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นน่ะ ยัยนั่นวางแผนยังไงแล้วนายจัดการอะไรกับยัยนั่นบ้าง”
คำถามที่เพื่อนสนิทผมถามทำเอาบรรยากาศเฮฮาเมื่อครู่เงียบลง มันเป็นคำถามที่ผมก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน ผมจึงสบตากับวินเพื่อรอฟังคำตอบที่จะออกมาจากปากอย่างรอคอย เพราะถึงผมจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนของแนทแต่เหตุการณ์ตอนนั้นที่เกิดมันลงล็อคไปหมดทำเอาผมเชื่อสนิทใจและไม่คิดจะฟังคำจากคนรัก
“แนทเป็นคนวางยาในเหล้าตอนที่วินไปที่ผับในคืนนั้นอาศัยจังหวะที่วินกับฟินลุกออกจากโต๊ะ มีภาพจากกล้องวงจรปิดในผับยืนยันได้ และคืนนั้นแนทเป็นคนขับรถวินไปที่ห้อง วินมามีสติเต็มที่ตอนที่กัสมาเจอ” วินหยุดเล่าและจับจ้องมาทางผมอย่างสังเกตคงกลัวว่าผมจะคิดมาก
“ยัยแนทโทรมานัดกัสออกไปและเอารูปของนายกับยัยนั่นตอนสวีทกันมาโชว์ และมีต่างหูข้างนั้นที่เหมือนกับที่นายให้กัสด้วยมันมายังไง” มิคยังคงซักถึงสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“วินไม่เห็นรูปพวกนั้นที่กัสได้เห็นนะครับมิค แต่วินยืนยันว่าไม่เคยใกล้ชิดกับแนทเกินเพื่อนจริงๆ” แม้วินจะตอบมิคแต่สายตาจริงจังกลับถูกส่งมาให้ผมแทน
“อืม ประเด็นนี้พวกเรายืนยันได้ / ใช่ ไอ้วินไม่เคยกิ๊กกับแนทจริงๆ / รูปแอบถ่ายสร้างขึ้นได้ให้ดูเหมือนทั้ง 2 คนใกล้ชิดเกินเพื่อนได้นะ” คำถามที่มิคถามเป็นสิ่งที่ผมรู้จากวินแล้วและพอมีเพื่อนๆของวินยืนยันยิ่งทำให้ผมมั่นใจในตัววินมากขึ้น
“ส่วนเรื่องต่างหูแนทคงไปจ้างทำที่ร้านเดียวกับวิน เพราะร้านนั้นเป็นร้านที่แนทแนะนำให้ครับ” วินคลี่ยิ้มส่งให้ผมเมื่อเห็นว่าผมจ้องวินตาแป๋วอยู่ จนผมต้องเสหลบตามามองมิคที่นั่งข้างๆแทน
“ยัยนี้มันร้ายมากโดนไปแค่นั้นมันยังน้อยไป มันน่านักกูเตือนพวกมึงแล้ว เฮ้อ” มนพูดเสียงเครียดใส่หน้าวินและไล่สายตาไปที่เพื่อนสนิทรายคน ผมจึงได้รู้ว่ามนคงไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นมาแต่แรก และเคยเตือนเพื่อนตัวเองไว้แล้วด้วยแต่ไม่มีใครคิดระวังตัว
“แหม มนครับ แค่นั้นก็ไม่น้อยนะนั่น และต่อไปถ้ามนเตือนอะไร ธีเชื่อว่าคราวนี้ทุกคนเชื่อแน่ๆ”
“เออ ทำให้ได้ยังที่พูดนะพวกมึง”
“ฮ่าๆๆๆ / ฮิๆๆๆ” มิคคงพอใจในคำตอบของวินเพราะไม่ได้เอ่ยถามต่อ แถมยังหัวเราะคิกคักตามบทสนทนาหยอกล้อของเพื่อนๆวินอีกด้วย จึงทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
“ที่ว่าจัดการยัยแนทนั่นไปไม่น้อยคืออะไรล่ะ” มิคคงยังติดใจเรื่องผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นว่าโดนจัดการอะไรไปบ้างจึงเอ่ยถามออกมาและมันก็ตรงใจผมด้วย
“เรื่องนี้ให้คนจัดการเค้าเล่าเองดีกว่านะครับ เชิญครับมน” ฟินเอ่ยกระเซ้าเพื่อนสาวเท่จึงได้รับค้อนวงโตอันเป็นกิริยาที่ยากจะได้เห็นจากมน และผมก็อดจะอมยิ้มไม่ได้ก่อนเหลือบตาไปทางวินแบบไม่ตั้งใจ นายนี่ก็ขยันส่งตาหวานมาให้อยู่ได้ แล้วทำไมผมต้องเขินกับสายตาคู่นี้ทุกทีด้วยนะ
“มนไม่เคยถูกชะตากับแนทเลยตั้งแต่เจอครั้งแรกๆแล้ว เตือนไอ้พวกนี้ก็ไม่เคยเชื่อ แล้วเป็นไงก่อเรื่องจนได้ เฮ้อ ไอ้ที่ทำไปก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมายหรอก เพราะถ้าปล่อยไอ้วินไปจัดการเองในตอนนั้นยัยนั่นคงโดนหนักกว่านี้ คนอื่นก็จะว่ามันได้ว่ารังแกผู้หญิงเพราะงั้นมนจึงต้องลงมือเอง ก็แค่ไปขู่นิดหน่อยให้สารภาพทั้งหมดที่ไปมอมยาไอ้วินไว้ พร้อมถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน” มนกอดอกนั่งหลังพิงพนักด้วยท่วงท่าสบายๆและเล่าไปเรื่อยๆ ในสายตาของผมมนเป็นสาวเท่ที่มีเสน่ห์มากเลยครับ
“ที่ว่าขู่นี่มนคงไม่ได้ทำร้ายร่างกายแนทไปใช่มั้ยจ๊ะ” มายตาโตแววตาตกใจปิดไม่มิดคงเพราะจินตนาการไปไกลแล้วแน่ๆ
“ไม่หรอกค่ะหมอมาย ก็แค่เอาคลิปที่ยัยนั่นกำลังมีอะไรกับผู้ชายไปขู่ ถ้าไม่บอกมนก็จะเอาไปปล่อยน่ะ คลิปพวกนั้นได้มาจากคู่นอนยัยนั่นที่เป็นลูกของเพื่อนพ่อของมนเอง”
“โฮ้ สุดยอด” ได้ยินคำตอบของมนทำเอาผมและเพื่อนๆอึ้ง และแอบเกรงในความฉลาดของสาวเท่คนนี้ไม่ได้
“นายวินนายนี่โชคดีที่มีเพื่อนแบบนี้นะ” มิคเอ่ยชื่นชมวินที่มีเพื่อนๆคอยช่วยและหวังดีกับวินอยู่ข้างๆ
ผมก็คิดไม่ต่างกันจึงส่งยิ้มให้กับเพื่อนทุกคนของวิน ผมนับถือน้ำใจคนพวกนี้มากเลยที่ไม่ทิ้งเพื่อนยามเพื่อนเดือดร้อน จนผมได้สบตาหวานคู่เดิมที่ไม่เคยละไปจากใบหน้าผมเลย ก่อนจะส่งยิ้มน้อยๆให้เจ้าของได้ชื่นใจบ้าง ทันได้เห็นวินยิ้มค้างตาโตจ้องผมเขม็งจนต้องกลั้นขำกับท่าทางตลกๆของวิน หลังจากนั้นเราก็เลิกสนใจเรื่องของเหตุการณ์วันนั้น ส่วนผมเองก็ขอลืมอดีตที่ทำให้ผมและวินเจ็บปวดไปให้หมด ด้วยตอนนี้ผมเชื่อว่าวินพร้อมที่จะกลับมาอยู่เคียงข้างกันแล้ว และก่อนที่วินจะกลับบ้านได้ทิ้งประโยคหนึ่งไว้พร้อมความอุ่นวาบที่แก้มทำเอาผมนอนไม่หลับเหมือนกับคืนแรกที่ได้เจอวิน
“วินสัญญาว่าจะไม่ปล่อยกัสห่างสายตาวินอีกเลยครับ”
.........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
เอาล่ะสิงานนี้ในเมื่อนายวินมุ่งมั่นซะขนาดนั้น(มีสัญญาด้วย)
ไม่ให้กัสห่างสายตา เชื่อเถอะว่ามันจะเป็นไปตามนั้น :laugh:
ความหวานได้มาเยืยนคุณแล้วค่ะ
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์นะคะ :pig4: และ :กอด1: รวบทุกการสนับสนุนค่ะ
ปล.วันนี้เดินทางท่องเที่ยวไม่รู้พรุ่งนี้จะอัพได้มั้ย ถ้าเอื้ออำนวยไม่พลาดจะลงให้ค่ะ :3123:
ฝากการรวมเล่มชุด "เสน่ห์รัก" ด้วยนะคะ ติดตามหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 16
วิน
วันนี้อากาศแจ่มใสมากยิ่งใจของผมที่นั่งรอคนตัวเล็กอยู่บริเวณโซฟารับแขกตัวนุ่มนั้น หัวใจมันเบ่งบานอยากพบหน้าคนที่ตัวเองโหยหาเร็วๆ ผมได้แต่ชะเง้อคอว่าเมื่อไหร่กัสจะออกมา เมื่อคืนก็นอนไม่หลับอยากให้ถึงตอนเช้าเร็วๆเพื่อจะได้มานั่งรออยู่ตรงนี้
‘วินสัญญาว่าจะไม่ปล่อยกัสห่างสายตาวินอีกเลย’ ประโยคที่ผมพูดเมื่อคืนไม่ได้เกินจริงไปเลยมันมาจากใจล้วนๆ ซึ่งผมสัญญากับตัวเองไว้แบบนั้นจริงๆ
จุดที่สายตาผมจับจ้องอยู่นี้คือทางเข้าห้องรับแขก ผมเฝ้ารอว่าร่างเล็กคนของหัวใจผมจะออกมาเมื่อไหร่ พลันก็ปรากฏหนุ่มน้อยตัวเล็กผิวขาวแก้มอมชมพูในชุดเสื้อยืดคอปกสีฟ้ากับกางเกงสีขาวพอดีตัวกำลังเดินตรงมาทางผม เราสบตากันผิวแก้มคนน่ารักก็ขึ้นสีเข้มทันตา ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองส่งสายตาแบบไหนไปให้กัส รู้แค่อยากจะกักเก็บคนน่ารักตรงหน้านี้ไว้กับตัวไม่ให้ไปไหน ไกลตาด้วยไม่อยากให้ใครเห็นถึงความน่ารักที่กัสมีเหมือนที่ผมได้เห็น
“ทำไมวินมาเช้าจัง ไม่เกรงใจคนที่บ้านมายเลยนะ” กัสเดินเข้ามานั่งโซฟาตัวที่ใกล้กับของผม และแกล้งส่งเสียงดุแก้เขินทั้งๆที่แก้มยังแดงระเรื่อ
“วินคิดถึงกัสครับ เมื่อคืนนอนไม่หลับพอเช้าก็รีบมาหากัสเลย” ผมเริ่ม ‘จีบ’ คนน่ารักด้วยประโยคธรรมดาแต่กลับเรียกสีที่แก้มใสให้เข้มขึ้นอีก พร้อมด้วยอาการก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของกัส จนผมอยากจะจับคนน่ารักมาฟัดแก้มสักที ใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อยั่วตาค่อยๆชัดขึ้นๆสู่สายตาผม จนกระทั่งเห็นเส้นเลือดฝาดใต้ผิวใสและกลิ่นหอมอ่อนๆที่ผมไม่เคยลืม
“ฟอดดดด!” เฮ้ย! ผมทำอะไรไปเนี่ย แค่คิดว่าอยาก ‘ฟัดแก้ม’ คนน่ารัก ผมก็ขยับตัวไปหอมแก้มกัสแบบไม่รู้ตัว ทำเอาคนน่ารักทำหน้าเหวออ้าปากค้างยกมือกุมแก้มเลยทีเดียว และใบหน้ากัสก็แดงจัดลามไปยังหูและคอขาวๆนั่นทันตา แต่ไหนแต่ไรมาสำหรับกัสแล้วไม่รู้ผมเป็นอะไรมันเหมือนมีแรงดึงดูดให้ผมอยากเข้าใกล้มาตลอด แม้ก่อนเจอกัสผมเคยเจอคนที่หน้าตาดีกว่ากัสมามาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากเข้าใกล้อะไรก็แค่ชื่นชมในความหน้าตาดีเท่านั้น
“วินทานข้าวมารึยังคะ มาทานด้วยกันมั้ย” เสียงชักชวนของสาวตัวเล็กผู้เป็นเจ้าของบ้านดังขึ้น ทำให้ผมได้สติผละตัวออกจากใบหน้าหวานที่กลิ่นแก้มหอมยังติดจมูกอย่างเสียดาย ก่อนหันไปมองหน้าหมอมายและหมอมิคที่มายืนด้านหลังของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จึงส่งยิ้มเป็นทัพหน้าให้กับความหาญกล้าที่มาขโมยหอมแก้มเพื่อนรักของคนทั้งคู่เผื่อมายกับมิคจะเห็นใจผมบ้าง
“ขอบคุณครับมาย งั้นวินไม่เกรงใจนะครับขอร่วมโต๊ะด้วยคน” พูดจบผมลุกขึ้นจูงมือกัสที่ยังก้มหน้าพยายามซ่อนใบหน้าแดงๆให้พ้นจากสายตาผม กัสพยายามดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของผม แต่ใครจะไปยอมกันนี่ดีแค่ไหนแล้วที่ผมแค่จับมือใจจริงอยากโอบประคองซะด้วยซ้ำครับ ผมแอบมองไปที่เพื่อนทั้งสองคนของกัสที่ยืนนิ่งเหมือนอึ้งที่ผมกล้าถึงเนื้อถึงตัวกับกัส แต่ในเมื่อเราเข้าใจกันดีแล้วผมก็ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีก อยากจะใช้เวลาต่อจากนี้ชดเชยเวลาหนึ่งปีที่เสียไป
“วันนี้กัสไปเดินเที่ยวซื้อของที่ห้างใกล้ๆกับวินนะครับ” เมื่อพวกเรานั่งประจำที่โต๊ะอาหารแล้วผมก็เอ่ยปากชวนคนน่ารักออกเดทซะเลย กัสเหลือบตาจากจานข้าวขึ้นมองผมอมยิ้มนิดๆก่อนเหลือบไปมองหน้ามิคกับมาย ‘นี่คงหาตัวช่วยล่ะสิ’ แต่ผมไม่คิดจะปล่อยโอกาสที่จะอยู่กับกัสหรอกครับ ถึงแม้จะมีเพื่อนสนิทของกัสไปด้วยก็ตาม ‘ผมยอม’ ขอแค่มีกัสอยู่เคียงข้างก็พอ
“แหม ไม่คิดจะชวนมิคกับมายเดียร์เหรอนายวิน” มิคคิ้วขมวดมุ่นส่งเสียงประชดใส่ ผมต้องกลั้นขำให้กับความหวงเพื่อนของคนตัวเล็กตรงหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มเอาใจส่งให้มิคและมายเพื่อนสนิทของคนที่ผมรัก
“มิคกับมายไปด้วยกันนะครับ” ผมเอ่ยชวนอย่างจริงใจ เพราะถึงสองคนตัวเล็กจะไปด้วยก็ไม่ได้ทำให้ความสุขที่ผมมีระหว่างที่ได้ใกล้ชิดกัสลดลงเลย
“กัสยังไม่ได้ตอบว่าจะไปเลยนะวิน” เสียงค้านที่มาจากคนน่ารักของผมดังขึ้น ทำให้ผมต้องหันกลับมามองกัสที่แกล้งทำหน้าบึ้งใส่ผม แต่ปิดบังประกายตาพราวระยับไม่อยู่ เหมือนคนน่ารักเค้าถูกใจที่ได้แกล้งผมเล็กๆน้อยๆ
“ถึงกัสปฏิเสธวินก็จะลักพาตัวไปกับวินให้ได้ ฮึๆๆ” ผมหัวเราะให้กับคนน่ารักที่เรียกชื่อผมเสียงดังก่อนทำหน้าบึ้งอย่างขัดใจที่ถูกผมแกล้งกลับ
“มายกับมิคไม่ไปหรอกจ้ะไปกันสองคนเถอะ คนไม่มีแฟนเค้าก็ต้องอยู่ด้วยกันสิจริงมั้ยกัส แต่ต้องซื้อขนมมาฝากนะไม่งั้นไม่ยอมด้วย” มายหันไปหยอกเย้ากัสที่นั่งอยู่ข้างผมด้วยรอยยิ้มพราวสายตาล้อเลียน
“ฮิๆๆ มายอ่ะ ใครเป็นแฟนกันไม่ใช่ซะหน่อยยังไม่ได้เป็นจริงมั้ยวิน” ผมแค่ส่งยิ้มให้กับกัสที่เลิกงอนแล้วหลังโดนเพื่อนสนิทแซว แต่ผมไม่คิดจะรับคำด้วยไม่อยากขัดใจคนน่ารักอีก เดี๋ยวจะโดนกัสงอนยาวแล้วจะแย่ และแอบหมายมั่นว่าถึงตอนนี้ไม่ใช่แฟนแต่เร็วๆนี้ตำแหน่งแฟนกัสนั้นผมไม่พลาดแน่
.................................
การมีคนที่รักเคียงข้างมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง แม้ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองในวันหยุดคนจะเยอะเดินเข้าร้านไหนก็มีผู้คนพลุกพล่าน แต่มันก็ไม่ได้ทำผมหงุดหงิดใจไปได้ การได้กุมมือกัสไว้แล้วเดินเคียงข้างกันช่วยกันดูของเหมือนอดีตที่เราเคยทำร่วมกัน สามารถเรียกความสุขแบบเดิมๆกลับมาได้
“กัสครับดูเรื่องนี้มั้ยเป็นแนวที่กัสชอบเลย”
ผมชี้ชวนหนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่เข้าโรงอยู่ตอนนี้ ชักชวนให้กัสเลือกแนวโปรดของตัวเอง เมื่อกัสพยักหน้ารับผมจึงให้นั่งรอที่เก้าอี้ข้างจุดขายตั๋วไม่อยากให้ไปยืนต่อแถวคอยยิ่งวันหยุดคนยิ่งเยอะ ส่วนผมรีบเดินไปต่อแถวซื้อตั๋วด้วยตัวเอง ขณะที่ผมรอซื้อตั๋วอยู่ตาก็คอยหันไปมองกัสที่นั่งอยู่ คนของผมนั่งอ่านหนังสือที่เราเพิ่งไปซื้อมาด้วยกันไปพลางๆระหว่างรอ สายตาผมไม่อยากจะเคลื่อนไปจากคนน่ารักเลย และต้องแอบส่งสายตาพิฆาตไปให้ไอ้คนที่มานั่งเก้าอี้ข้างๆกัส เหมือนมันพยายามจะชวนกัสคุยด้วย ผมล่ะอยากจะเข้าไปดึงกัสออกมาแต่ถึงคิวพอดีจึงรีบหันไปเลือกที่นั่ง เมื่อได้ตั๋วหนังแล้วผมเดินปรี่เข้าหาคนทั้งคู่ทันที
“กัสครับวินได้ตั๋วแล้ว เราไปซื้อของทานเล่นก่อนเข้าโรงหนังกันครับ” ปากผมพูดกับกัสแต่ส่งสายตาพิฆาตส่งไปให้คนที่มานั่งข้างกัสแทน ก่อนเอื้อมมือไปโอบเอวบางเข้าหาตัว
ไอ้ผู้ชายใจกล้าไม่ดูตาม้าตาเรือริอาจเข้ามาจีบคนของผมมันเหลือบตาขึ้นมามอง ผมถลึงตาจ้องหน้ามันเขม็งอย่างให้รู้กันไปว่าคนนี้น่ะของใคร มันหน้าเจื่อนขึ้นทันตาพลางหลบสายตาผมพัลวัน ให้ซะรู้บ้างว่า ‘คนนี้ของกู’ ผมพากัสเดินออกมาก่อนกัสจะเงยหน้าขึ้นมองตาผมพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ คนน่ารักก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีคนจะเข้ามาจีบ เฮ้อ แบบนี้ยิ่งปล่อยให้ห่างสายตาไม่ได้ซะแล้ว
“กัสครับอย่าทำตัวน่ารักกว่านี้นะ วินหวง ดูสิไอ้นั่นจะจีบรู้ตัวรึเปล่า หืม” ผมหันหน้าเข้าหาร่างบางระหว่างยืนเข้าแถวรอซื้อของ และพูดประโยคนี้เพื่อให้คนตัวเล็กได้รู้ตัวพร้อมใช้หลังมือลูบแก้มเนียนแผ่วเบา
กัสได้ฟังแล้วทำหน้าเหวอตาโตเผยอปากน้อยๆแก้มแดงขึ้นทันตา ถ้าเราไม่อยู่ท่ามกลางผู้คนผมจับกัสฟัดแก้มไปแล้วนะเนี่ยข้อหาทำตัวน่ารักเกินเหตุ เมื่อกัสรู้สึกตัวว่าเราใกล้ชิดกันเกินไปจึงหันหนีไปอีกด้าน ซึ่งผมแอบเห็นใบหูเล็กๆตรงหน้าแดงระเรื่อไม่ต้องเดาก็รู้ว่าทำคนน่ารักให้ได้อายซะแล้ว แต่เรื่องอะไรจะให้คนอื่นมาเห็นใบหน้าน่ารักน่าใคร่ที่ผมแสนหวงนี้กันผมจะขอเก็บไว้ดูคนเดียว เพราะแค่กัสทำหน้านิ่งๆไม่ได้โชว์ยิ้มหวานยังมีคนมาสนใจกัสเลยนี่ครับ ผมจึงจับไหล่บางทั้งสองข้างไว้ก่อนหมุนร่างบางกลับมาและเอาหน้ากัสซุกเข้าหาอกตัวเอง
“อื้อ วินทำอะไร” กัสคงตกใจที่อยู่ๆผมก็ทำอะไรโจ่งแจ้ง เจ้าของใบหน้าหวานตกใจตาโตผิวแก้มขึ้นสีระเรื่ออย่างเขินอายก่อนเงยขึ้นมามองกัน ผมจึงก้มลงกระซิบข้างใบหูหอมเบาๆ
“ก็วินหวงไม่อยากให้ใครเห็นหน้ากัสตอนเขินนี่ครับ ถ้าอายซุกหน้าไว้กับอกวินนะ” ระหว่างที่ผมกระซิบก็แอบสูดกลิ่นหอมข้างแก้มใสแผ่วเบาไม่ให้เจ้าของเค้าจับได้ว่าผมขโมยหอมแก้มแบบเนียนๆ ‘ชื่นใจจัง’
ผมเงยหน้าขึ้นจากแก้มใสก็ได้สบตาเข้ากับคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลัง เป็นกลุ่มหญิงสาววัยรุ่นที่ยืนอึ้งอ้าปากค้างไปตามๆกัน สาวๆคงได้เห็นภาพสวีทเล็กๆของเราทั้งคู่เข้าผมจึงส่งยิ้มกว้างไปทักทาย ไม่ว่าใครจะคิดยังไงผมไม่แคร์อยู่แล้ว ขอแค่มีคนที่ซุกหน้าอยู่กับอกผมก็พอแล้วครับ เมื่อถึงคิวเข้าซื้อของเราก็ได้น้ำอัดลมสีแดงแก้วใหญ่และข้าวโพดคั่วรสหวานของโปรดกัสมาไว้ในมือ กัสเลิกสนใจสิ่งรอบตัวหันมาสนใจของกินในมือแทน หลังได้ของครบผมจึงกุมมือนุ่มไว้ก่อนหมุนตัวออก จึงได้สบตากับกลุ่มสาวๆที่ต่อแถวด้านหลัง พวกเธอต่างส่งยิ้มกว้างมาให้พร้อมยื่นลูกอมรูปหัวใจห่อใหญ่มาให้กัสด้วย กัสทำหน้าเหวอมองสาวๆตาไม่กระพริบด้วยคงสงสัยว่าไม่ได้รู้จักกันมาก่อน และไม่ได้รู้เลยว่าสาวๆกลุ่มนี้เค้าเห็นฉากสวีทเล็กๆของเราเข้าให้แล้ว
“หนูให้พวกพี่ค่ะ พี่น่ารักมาก พวกหนูเป็นกำลังใจให้นะคะ” กัสยื่นมือรับของมาอย่างงงๆแต่ก็ยังไม่ลืมขอบคุณ ส่วนผมก็ระบายยิ้มและก้มหัวให้สาวๆเค้านิดหน่อยแทนคำขอบคุณ ก่อนเราจะพากันเดินออกมารอบริเวณใกล้ประตูเข้าโรงหนัง
“วินรู้จักกับเด็กๆกลุ่มนั้นเหรอ” กัสที่ยังติดใจสาวๆกลุ่มนั้นอยู่จึงเอ่ยถามผมอย่างสงสัย และหันไปมองกลุ่มเด็กสาวที่เพิ่งจากมา โดยที่สาวๆพวกนั้นยังมองตรงมาที่คู่ของเราอยู่พร้อมโบกมือให้ด้วย
“ไม่รู้จักครับ” หลังคำตอบของผมกัสหน้าเหวอสะบัดหน้ามาจ้องผมอย่างสงสัยหนักกว่าเดิม ‘คนน่ารักนี่ ทำอะไรก็ยังดูน่ารักไม่เปลี่ยนจริงๆ’ ดูท่าผมคงเป็นเอามากนะครับ หลงคนน่ารักไม่ลืมหูลืมตาเลย
“อ้าว แล้วเค้าให้เราทำไมอ่ะ”
“คงเห็นคู่เรารักกันดีมั้งเลยอยากเป็นกำลังใจให้” ผมคลี่ยิ้มหวานใส่ตาคนน่ารักหลังตอบข้อสงสัยแล้ว
กัสเปลี่ยนจากงุนงงเป็นเขินอายแทนหลังมีสีหน้าครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผมพูด และไม่หันกลับไปที่กลุ่มเด็กสาวอีกเลย คนน่ารักคงอายที่มีคนรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราเข้า แต่จะมีใครไม่รู้บ้างล่ะครับผมแสดงออกมากขนาดนี้ เอาให้รู้กันไปเลยว่าคนนี้เป็นคนของผมใครอย่ามายุ่งเชียว ‘ผมจองแล้ว’ เมื่อได้เวลาเปิดประตูให้คนดูได้เข้าโรงหนัง ผมจึงจับจูงมือนุ่มข้างที่ว่างของกัสเดินเข้าโรงหนังอย่างไม่รีบร้อนนัก ให้คนอื่นได้เข้าไปก่อนไม่อยากให้ใครมาเบียดมาใกล้กัสเลย ‘ผมหวง’ เราเดินเข้ามานั่งตามที่นั่งที่ผมได้เลือกไว้เป็นที่นั่งสำหรับคู่รักที่อยู่ชั้นบนสุดด้วยเบาะนุ่มยาวไม่มีที่กั้นระหว่างกัน แบบนี้สิที่ผมต้องการได้นั่งใกล้ชิดอิงแอบเกาะกุมมือระหว่างดูหนังเป็นความสุขที่ผมหวังไว้ ใครจะว่าผมเจ้าเล่ห์ก็ว่าไปครับเพราะผมไม่เคยต้องทำแบบนี้กับใคร จะมีก็แต่คนน่ารักข้างๆนี่คนเดียวที่ผมจะเจ้าเล่ห์ใส่ด้วย
“วิน ทำแบบนี้อย่าคิดว่ากัสตามไม่ทันนะ” กัสหันมาหาก่อนพูดกับผมนิ่งๆเมื่อเรานั่งกันเรียบร้อยแล้ว และคงรู้ว่าผมคิดอะไรที่เลือกที่นั่งแบบนี้ ‘คนอะไรทั้งน่ารักทั้งฉลาดเหมาะแล้วกับคนรูปหล่อแบบผม’ ผมคว้ามือนุ่มมากุมไว้ก่อนยื่นหน้าไปพูดใกล้หู อย่าว่าผมฉวยโอกาสนะครับก็เราอยู่ในโรงหนังใครเค้าพูดเสียงดังกัน
“แล้ววินทำอะไรล่ะครับ” ผมแกล้งไม่เข้าใจสิ่งที่ร่างบางพูดและถามกลับดูสิว่ากัสจะตอบกลับยังไง
‘โอ๊ย! จะน่ารักไปไหนที่รัก’ แม้ตอนนี้ไฟในโรงหนังจะมืดลงแต่แสงจากจอฉายหนังที่กำลังฉายก็ส่งแสงมากระทบหน้าเนียน ทำให้รู้ว่าประโยคที่ผมถามไปได้เรียกสีเลือดที่แก้มจากคนน่ารักได้ การหยอกให้กัสเขินได้ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของผม เพราะแสดงให้รู้ว่าผมยังมีอิทธิพลต่อใจกัสอยู่
“ฟอดดด” อดใจไม่ไหวแล้วขอหอมอีกสักครั้งเถอะ นี่ถ้าอยู่กันสองคนผมจับกัสทำมากกว่านี้แล้วครับ
“โอ๊ยยย” แต่ผมก็ต้องร้องลั่นเพราะแรงบิดเต็มแรงที่หน้าขาจากคนน่ารักที่โดนผมฉวยโอกาสด้วย ทำเอาคนที่นั่งข้างๆหันมาให้ความสนใจทันที ผมได้แต่ยิ้มแหยยกมือและผงกหัวขอโทษให้ ก่อนหันกลับมามองกัสซึ่งเจ้าตัวแอบอมยิ้มสะใจที่เอาคืนผมกลับได้
ตอนนี้หนังเริ่มฉายแล้วผมจึงคว้ามือบางมากุมไว้ คราแรกเจ้าของมือจะดึงกลับแต่เรื่องอะไรผมจะยอมจึงยื้อไว้ จนกัสอ่อนใจปล่อยให้มือนุ่มตกเป็นเชลยของผม เรื่องราวของหนังเป็นยังไงไม่รู้เพราะผมไม่ได้สนใจ ตาผมจับจ้องเพียงเสียวหน้าด้านข้างของกัสที่เดี๋ยวก็ยิ้มกว้าง เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวหัวเราะตามเรื่องราวตรงหน้า ใบหน้าที่หลากหลายอารมณ์ของคนน่ารักทำให้ผมอยากจะเก็บมันไว้กับตัวไม่อยากให้ใครได้เห็น และผมก็รู้สึกเมื่อยหน้ามากไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่าผมคงยิ้มกว้างมานานแค่ไหนแล้ว คนที่ทำให้ผมยิ้มได้กว้างปากแทบฉีกได้ก็มีแค่คนตรงหน้านี้คนเดียวเท่านั้น ภาพใบหน้าของกัสมีน้ำตาไหลอาบแก้มทำผมสะดุ้ง แม้มันจะเกิดจากเรื่องราวบนจอภาพแต่ทำเอาผมใจหายวาบ ผมรีบควักผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำตาที่รินไหลออกมาทันที กัสสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมาทำหน้าตกใจใส่ แต่เมื่อเห็นว่าผมยิ้มปลอบใจให้กัสจึงคลี่ยิ้มหวานกลับคืน คนน่ารักคงรับรู้ได้ว่าผมกังวลกับน้ำตาที่อาบอยู่บนหน้าหวาน ก่อนที่มือขาวจะยื่นมากุมทับมือผมที่ถือผ้าเช็ดหน้าอยู่และบีบเบาๆอย่างรู้ใจ ผมขอสัญญากับตัวเองอีกข้อว่าต่อไปจากนี้ถ้ากัสจะมีน้ำตาต้องเกิดจากความดีใจ และคนที่จะทำให้กัสดีใจได้ก็ต้องเป็นผมคนเดียวเท่านั้น ผมกุมมือบางขึ้นจรดริมฝีปากเหมือนเป็นดั่งสัญญากับคนที่ผมรักแทนคำสัญญา ก่อนรอยยิ้มหวานตรงหน้าจะกว้างขึ้นเหมือนเจ้าของเค้ารับรู้ ทำให้ผมที่จับจ้องอยู่ใจเต้นรัวเหมือนผมได้ตกหลุมรักกัสอีกครั้งและมันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับผมเป็นแน่
.......................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
รับรู้ได้ถึงระดับความหวานที่เพิ่มขึ้นแล้วใช่ม้า :-[
และมันจะหวานไปอีกค่ะ
บวกเป็ดให้ทุกเม้นท์นะคะ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ปล.เขาค้อหนาวมาก :กอด1:
ฝากการรวมเล่มชุด "เสน่ห์รัก" ด้วยนะคะ หน้าแรกเลยค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.msg2026832#msg2026832
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 18
วิน
“ครับ วินนอนห้องนี้คนเดียวก็ได้ กัสใจร้ายอ่ะ”
หลังคำพูดผมคนน่ารักแต่ใจร้ายอมยิ้มแก้มตุ่ยเหลือบมองมาทางผมด้วยสายตาแวววาวเจ้าเล่ห์ เหมือนว่ากัสจะสะใจที่สามารถแกล้งผมได้โดยที่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย ผมน่ะอยากงอนมากกว่านี้อยากให้กัสมาง้องอนแต่ดูท่าแล้วจะยาก ดูสิครับกัสทำเป็นเก็บของทำหน้าไม่รู้ไม้ชี้แต่อมยิ้ม ‘อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ’ กัสมัวแต่เก็บของทำให้ผมแอบมองคนน่ารักได้ถนัดตา ทั้งผิวแก้มเนียนอมชมพู ปากแดงระเรื่อ ไหล่บาง เอวคอด หน้าท้องขาวเนียนที่โผล่มาให้เห็นวับๆแวมๆตอนเจ้าตัวเอื้อมมือเก็บของ ก้นกลมยั่วมือ ขาเรียวเล็ก ทั้งหมดที่รวมเป็นกัสทำเอาผมแทบคลั่ง ‘หมับ’
“อ๊ะ วินทำอะไร” กัสแหงนหน้ามามองผมอย่างตกใจด้วยตาโตๆปากแดงเผยอค้างเมื่อผมเข้าโอบกอดร่างบางจากข้างหลัง
ผมอดใจไม่ไหวแล้วอยากแสดงความรักกับร่างบางในอ้อมกอดมาตลอด หลังจากแอบตอดเล็กตอดน้อยมาตั้งแต่วันที่เราคืนดีกัน กัสแทบไม่ต้องทำอะไรก็ทำให้ผมแทบคลั่งทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ยิ่งเราห่างกันไปนานความรักความคิดถึงที่ผมมีต่อกัสยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ผมส่งสายตาออดอ้อนไปให้คนน่ารักที่พอได้สบตาผิวแก้มใสก็ขึ้นสีจัด อยู่ๆใจผมก็เต้นแรงขึ้นมาจึงเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มนุ่มทั้งสองข้างอย่างใจคิดก่อนใช้ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปมาอย่างเพลินมือ แก้มกัสยังนุ่มและเนียนมือไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยครับ ผมก้มหน้าจรดจมูกไปที่แก้มนุ่มกลิ่นหอมกรุ่นเป็นกลิ่นกายหอมที่ผมคุ้นเคย เลื่อนต่ำลงมาสัมผัสกลีบปากนุ่มแดงฉ่ำที่อยากครอบครองมาตลอด แตะเพียงแผ่วเบาผมก็รับรู้ถึงกายสั่นสะท้านจากร่างในอ้อมกอด ผมจึงกระชับร่างบางเข้าหาตัวโอบประคองลูบหลังบางแผ่วเบาปลอบใจให้กัสได้ผ่อนคลาย ก่อนเลาะเล็มกลีบปากบางให้เจ้าของยินยอมเปิดทางให้ผมได้เข้าไปชิมความหอมหวาน มือเริ่มไต่จากเอวบางเข้าไปลูบผะแผ่วกลางหลังร่างบาง จนกัสหายสั่นจากการตื่นกลัวและยินยอมเปิดปากรับเรียวลิ้นผมเข้าไป ผมส่งลิ้นไปทักทายลิ้นเล็กในโพรงปากจนเจ้าของมันสะดุ้งที่รับรู้สัมผัสจากลิ้นที่ส่งเข้าไป หยอกล้อเรียวลิ้นจนลิ้นเล็กเริ่มตอบสนองอย่างคุ้นเคย ลิ้นเราทั้งสองเกี่ยวพันกันและปรับมุมเปลี่ยนองศาให้จูบนั้นลึกซึ้งขึ้น
จากความอ่อนหวานเปลี่ยนเป็นร้อนแรงร่างบางเอื้อมมือมาโอบรอบคอผมเพื่อพยุงตัวและลูบปลายนิ้วเรียวไปกับต้นคอทำเอาผมขนลุกเกรียว ตอนนี้ผมแทบคลั่งจนอยากจะกดร่างบางลงกับพื้น ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปกว่านี้ผมจึงรีบผละออกจากปากแดงด้วยความเสียดาย ได้สบตาหยาดเยิ้มเชิญชวนตรงหน้าก่อนกดปากเข้าแตะปากเจ่อแดงแรงๆเพื่อหักห้ามใจ พร้อมเปิดยิ้มกว้างส่งให้กัสที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับจูบของเรา ผมย่อตัวช้อนขาโอบอุ้มร่างบางที่ยังอยู่ในอารมณ์อ่อนหวานที่ผมเป็นคนก่อก่อนเดินไปวางกัสแผ่วเบาบนเตียง แอบกวาดมองร่างบางที่นอนระทวยตาฉ่ำหวานผิวแก้มระเรื่ออย่างนึกเสียดายจับใจ จนกัสเริ่มรู้ตัวว่าโดนผมขโมยจูบซึ่งตัวกัสเองก็เคลิ้มไปกับผมด้วย ถ้าผมไม่คิดจะหยุดซะก่อนเราคงไปกันไกลกว่านี้แล้ว พลันใบหน้ากัสก็แดงก่ำขึ้นทันตาหลบตาผมให้วุ่นไม่พอยังพลิกตัวหันหลังให้ผมอีกด้วยทำเอาผมนึกมันเขี้ยวขึ้นมา
“ฮึๆๆๆ / ฟอด”
ผมหัวใจพองโตที่เห็นกิริยาเขินอายของคนที่ผมรักซึ่งเกิดจากการกระทำของตัวเอง จึงโน้มตัวหอมหน้าผากเนียนของร่างบางที่อายม้วนไปหนึ่งทีอย่างอดใจไม่อยู่ ก่อนผมจะเอนตัวลงนอนเข้าโอบกอดร่างบางจากด้านหลังและซบหน้าไปกับซอกคอหอมๆของกัส นาทีนี้มันสุขจนบรรยายไม่ถูกจริงๆครับ
“ขอวินอยู่แบบนี้ก่อนนะครับ” บอกร่างในอ้อมกอดเมื่อไม่ได้รับการปฏิเสธผมจึงถือว่าเจ้าตัวยินยอม ก่อนจะกระชับหลังบางให้แนบกับแผ่นอก จนเราเผลอหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน
“ก๊อกๆๆ” ทั้งผมและกัสหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเคาะประตูห้อง คนน่ารักในอ้อมกอดผมขยับตัวดิ้นน้อยๆและพยายามขืนตัวออกทั้งๆที่ถูกผมโอบกอดอยู่ ผมจึงแกล้งรัดร่างบางแน่นเข้าจนกัสทนไม่ไหวหันหน้ายุ่งๆมามองกัน
“ปล่อยเลยวิน มิคมาเคาะห้องเรียกแล้ว เร็ว” ผมส่ายหน้าส่งยิ้มกว้างไปยังคนที่อยู่ในอ้อมกอด แปลได้ว่าไม่ยินยอมปล่อยร่างนิ่มๆหอมๆไปง่ายๆและต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันก่อน จึงชี้มือมาที่แก้มตัวเองส่งสายตาออดอ้อนไปให้ กัสส่ายหน้าปฏิเสธเม้มปากแน่นตาดุทั้งๆที่ผมแอบเห็นแววสั่นไหวในดวงตา ผมกลั้นยิ้มอย่างได้ใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นต่อและแกล้งทำหน้างอส่ายหน้าประกอบเลียนแบบคนน่ารักบ้าง และได้ยินเสียงเรียกซ้ำจากอีกคนของฝั่งประตู
“กัสๆ ได้ยินมิคมั้ย”
“เดี๋ยวมิค แป๊บนึงนะ” ร่างบางหันกลับมาที่ผมและส่งค้อนมาให้ ก่อนผมจะรับรู้ถึงแรงสัมผัสที่มากระทบที่ผิวแก้มอย่างแรงเพราะกัสคงรู้สึกว่าโดนขัดใจจากผมนั่นเอง ผมได้ใจชี้นิ้วไปที่แก้มอีกข้างกัสมองอย่างหมั่นไส้แต่ก็ยอมยื่นหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่
“ปล่อยได้แล้ววิน ถ้าขออะไรอีกนะกัสจะโกรธจริงๆด้วย” กัสส่งสายตาจริงจังประกอบคำพูดจนผมต้องยอมทำตามด้วยรู้ว่าคนน่ารักเอาจริงแน่ ขืนผมยังดื้อไม่ยอมปล่อยอยู่แบบนี้ ผมจึงคลี่ยิ้มหวานเอาใจให้กัสก่อนค่อยๆคลายแรงกอดรัดลง
“ปล่อยแล้วครับ” ร่างบางที่ได้รับอิสระก้าวลงจากเตียงเพื่อไปเปิดประตูให้เพื่อนที่ยืนรออยู่
มิคมองเพื่อนที่มาเปิดประตูให้และเหล่กลับมามองผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ก่อนหันกลับไปอมยิ้มล้อเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้คงเขินจนทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว
“พี่หมอพจน์มาหาน่ะ ตอนนี้นั่งรออยู่ข้างล่าง” มิคมาส่งข่าวแล้วก็ขอตัวลงไปเพื่อดูแลแขกข้างล่างให้ก่อนเพราะปล่อยให้นั่งอยู่คนเดียวนานแล้ว กัสปิดประตูตามหลังมิคก่อนหมุนตัวเดินกลับมาที่เตียง
“เดี๋ยวกัสลงไปข้างล่างวินจะไปด้วยมั้ย” สีหน้าลำบากใจของกัสทำผมฉุกคิดว่าคนที่มาหากัสนั้นมันเป็นใคร จึงเอ่ยปากถามอย่างใจคิดกับคนน่ารักที่เสหลบตาอย่างมีพิรุธทันที
“กัสครับ หมอพจน์นี่เป็นใครครับ”หลังคำถามของผมแล้วกัสหันหน้ามามองเม้มปากแน่นแววตาไม่แน่ใจ ปฏิกิริยาของกัสที่ผมได้เห็นทำเอาสัญชาติญาณของคนมีแฟนน่ารักมันลุกโชน
ไอ้หมอพจน์ที่นั่งรออยู่ข้างล่างนี่มันเป็นใครกันถึงได้มาหาคนของผมถึงบ้าน และมันมีธุระอะไรนักหนาถึงต้องมาคุยกันในวันหยุดด้วย ขอลงไปดูหน้าหน่อยเถอะว่าหน้าตามันเป็นยังไง
..............................
“หมอพจน์ครับนี่วิน วินนี่หมอพจน์” หนุ่มน้อยร่างบางที่นั่งข้างกันเอ่ยแนะนำชายหนุ่มในเสื้อกาวน์หน้าตี๋ใส่แว่นที่นั่งโซฟาเดี่ยวข้างๆเรา
ผมผงกศีรษะพร้อมยิ้มน้อยๆแทนการทักทาย จากการสังเกตของผมไอ้หมอหน้าตี๋มันมองกัสไม่วางตาเลย แถมพยายามส่งสายตาออดอ้อนให้อีกด้วยอย่างนี้ผมปล่อยผ่านไม่ได้แล้ว ถ้าตอนที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้กัสกลัวว่ามันจะแอบมาทำคะแนนตีท้ายครัวผมน่ะสิ ผมจึงเอื้อมแขนไปโอบเอวบางก่อนก้มหน้าไปชิดใบหูของกัส เมื่อแรกคนน่ารักขืนตัวนิดหน่อยอย่างตกใจแต่ยังดีกัสไม่กล้าดิ้นมากเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น จึงเป็นโอกาสให้ผมกระซิบชิดใบหูหอมเพื่อหวานโชว์ไอ้หมอตาตี่ซะเลย
“กัสครับวินหิวแล้ว เราไปทานที่ไหนดีเอ่ย”
ผิวแก้มขาวเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อขึ้นทันตาและมีแรงหยิกมาที่มือผมที่โอบเอวบางอยู่ ทำเอาผมสะดุ้งกับเล็บคมๆที่กดลงมาบนหลังมือ แต่ผมไม่ยอมปล่อยก่อนจะดึงเอวบางเข้าหาตัวมากยิ่งขึ้น ไอ้หมอหน้าตี๋ตกตะลึงมองตาค้างไปแล้ว เอาให้รู้กันไปเลยว่าผมกับกัสเราเป็นอะไรกัน ผมจ้องตามันส่งสายตาท้าทายไปให้ ก่อนจะมีเสียงกระซิบลอดไรฟันออกมาจากร่างบางย้ำให้ผมปล่อยแถมส่งสายตาดุมาให้อีกด้วย
“กลัวแล้วคร้าบบบบที่รัก ปล่อยก็ได้” ผมแกล้งทำท่าทางเกรงกลัวใส่กัสและคลายอ้อมกอดลง พลางยิ้มยั่วใส่ตาคนน่ารักให้อย่างล้อเลียน ก่อนผมจะได้ค้อนวงโตเป็นรางวัล
“มิคอยากไปทานข้าวร้านไหนล่ะ นี่ก็ได้เวลาทานข้าวแล้ว” คนน่ารักหันไปหาเพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินเข้ามา หลังจากมิคขอตัวไปแจกของฝากพี่ๆข้างบ้าน
“อืม ร้านพี่หนิงละกันอร่อยบรรยากาศดี ต้อนรับนายวินด้วย” พูดถึงเรื่องกินขึ้นมาทีไรเพื่อนของกัสคนนี้จะกระตือรือร้นขึ้นทันทีแถมยังส่งยิ้มกว้างแจกจ่ายไปทั่ว
ก่อนกัสจะหันไปหาไอ้หมอตี๋ข้างๆชักชวนไปด้วยกันมันก็ยิ้มหน้าบานอย่างดีใจ ไม่รู้ที่รักจะชวนมันไปทำไมดูสิยิ้มจนตาปิดไปแล้ว ไอ้ที่ได้เห็นเมื่อกี้ยังไม่พอใช่มั้ย เดี๋ยวคอยดูนะจะหวานโชว์จนต้องวิ่งหางจุกตูดไปเลย ผมหันไปคว้ามือนุ่มมากุมไว้ทำให้ร่างบางพยายามกระตุกดึงมือออกแต่สู้แรงผมไม่ได้อยู่แล้ว
“กัสครับ งั้นไปกันเลยนะครับ วินหิวแล้ว ไปครับมิค” ผมพูดจบก็ออกแรงดึงฉุดร่างบางออกไปทางประตูเพื่อไปขึ้นรถหน้าบ้าน และไม่คิดจะหันไปมองข้างหลังว่าจะมีใครตามมาด้วยรึเปล่า
“เพี้ยะ / โอ๊ย” แรงตีที่ต้นแขนของผมเต็มแรงจากกัสที่โดนผมลากมา ทำเอาผมแกล้งร้องเสียงดังทำหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดมาก เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากคนที่ลงมือทำร้ายกันก่อนส่งสายตาออดอ้อนไปให้
“วินทำไมทำตัวแบบนี้นะ วินไม่อายแต่กัสอายนะ” ใบหน้าหวานบึ้งตึงแววตาโกรธขึ้งของกัสทำผมเริ่มใจไม่ดีกลัวคนน่ารักจะโกรธเข้า จึงเลิกเสแสร้งแกล้งเจ็บก่อนเอื้อมมือไปจับมือนุ่มไว้
“ก็วินหวงกัสนี่ วินรู้นะไอ้หมอตี๋นั่นมันมาชอบกัส” ผมก้มหน้าเข้าใกล้หน้าหวานพร้อมแกล้งทำหน้างอนและน้อยใจร่างบางที่ทำร้ายร่างกายกันได้ลงคอ
“ฮิๆ ไอ้เด็กโข่งเอ๊ย ไม่ต้องมางอนเลย ไม่ง้อนะ” ดูสิครับคนอะไรมาทำร้ายกันแล้วไม่คิดจะง้ออีก กัสยื่นนิ้วมาคีบจมูกผมไว้ก่อนออกแรงบีบส่ายไปมา ก่อนจะหัวเราะน้อยๆอย่างถูกใจที่เห็นผมเจ็บจนร้องออกมาได้
“เอ้า! สองคนนี่มาหวานอะไรกันหน้าบ้านล่ะ” มิคหนุ่มน้อยที่ตามมาเอ่ยปากแซวเราทั้งคู่แบบหมั่นไส้
ผมจึงส่งยิ้มกลับสายตาก็เหลือบมองไปทางด้านหลังมิค แอบสะใจว่าไอ้หมอตี๋คงได้เห็นฉากสวีทเล็กๆที่ผมต้องแลกมาด้วยการเจ็บตัวเข้าแล้ว ไอ้หมอพจน์ซึมไปเลยและมันก็จับตามาที่ร่างบางตรงหน้าผมนิ่งนานอย่างกับว่ามันกำลังน้อยใจ แต่กัสที่คุยกับเพื่อนอยู่จึงไม่ได้สังเกตเห็นเลย และกัสก็หันมาชวนพวกเราขึ้นรถเพื่อไปที่ร้านอาหารกัน
“กัสครับ พี่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานค้างเอาไว้โอกาสหน้านะ พี่ขอตัวก่อนนะครับ” หมอตี๋ผู้น่าสงสารเปลี่ยนใจไม่ไปด้วย มันคงคิดได้ว่าขืนดันทุรังไปคงได้มองภาพคนที่ตัวเองแอบชอบกับผู้ชายคนอื่นสวีทกันแน่ๆ ผมไม่นึกสงสารคนที่คิดจะมาแย่งคนน่ารักของผมไปหรอกครับ ได้แต่ถูกใจที่ไม่มีมันไปขวางหูขวางตา
“อ่ะ ครับ ตามสบายครับ” คนน่ารักที่อยู่ข้างตัวผมตอบกลับหลังหมอตี๋เอ่ยขอตัวแล้ว
ผมก้มหน้าแอบซ่อนยิ้มพอใจที่ไม่มีมารมาขัดขวางอีกให้รู้กันไปว่าผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคนน่ารักคนนี้เพราะกัสเป็นของผมคนเดียว
....................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
นายวินคงคอนเซ็ปหวงหื่น :laugh:
ตอนหน้าตามลุ้นกันว่ากัสจะใจอ่อน
ยอมนอนห้องเดียวกับหมาป่า(ที่รัก)มั้ย :z2:
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์แล้วนะคะ :pig4: ทุกการสนับสนุนค่ะ
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ฝากการรวมเล่มชุด "เสน่ห์รัก" ด้วยนะคะ หน้าแรกเลยค่ะhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.msg2026832#msg2026832
ตอนที่ 20
วิน
“กัสครับวินใกล้ถึงแล้วนะ ครับๆ เดี๋ยววินไปหาที่ห้องฟันเลยนะ ไม่ดื้อนะครับเดี๋ยววินไป” ผมกดวางสายแล้วนั่งยิ้มกริ่มหลังพวงมาลัยรถยนต์ หลังโทรไปรายงานแฟนหนุ่มน้อยน่ารักแล้วว่าผมกำลังจะถึงโรงพยาบาลที่กัสทำงานอยู่แล้ว
วันนี้เป็นวันศุกร์ผมรีบขับรถออกจากรุงเทพฯเพื่อมาหาคนรัก ซึ่งผมทำแบบนี้เกือบทุกสัปดาห์หรือไม่บางสัปดาห์กัสก็จะเป็นฝ่ายที่เข้าไปกรุงเทพฯถ้าผมไม่ว่างที่จะออกต่างจังหวัด แต่ผมไม่ได้ให้กัสเหนื่อยขับรถไปเองนะครับ ผมให้คนขับรถที่บ้านขับมารับกัสไปหาผมต่างหาก มันเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ไปแล้วที่ผมรอคอยจะเจอกัส หลังเราคืนดีกันมันก็ผ่านมาเกือบสามเดือนได้แล้ว
เมื่อครู่กัสที่อยู่ปลายสายไม่อยากให้ผมไปหาเจ้าตัวที่ห้องทำงานนัก เพราะทุกครั้งที่ผมมาถึงนั้นจะค่อนข้างมืดแล้ว จึงยังไม่เคยไปถึงห้องทำงานแต่วันนี้แหละผมจะไปหาคนน่ารักถึงห้องเลย จะได้ให้คนอื่นรู้กันไปซะทีว่าหมอกัสคนน่ารักน่ะมีแฟนแล้ว ด้วยผมรู้จากมิคที่แอบมาเล่าให้ฟังว่านอกจากไอ้หมอตี๋ที่มาคอยตามจีบกัสออกนอกหน้าแล้ว ยังมีคนอื่นอีกที่เป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงแอบตอดเล็กตอดน้อยคนของผมอยู่ แต่ยังดีที่กัสไม่ได้สนใจนักว่าใครจะเข้าหาหรือมาสนใจตัวเองและให้ความสนิทแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้ผมถึงต้องมาดูให้เห็นกับตาว่ามีไอ้หน้าไหนบ้างที่มาสนใจกัส และจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าอย่าได้มาหวังในตัวคนรักของผมอีก
“ขอโทษครับ ห้องทันตกรรมไปทางไหนครับ” ผมส่งคำถามพร้อมโปรยยิ้มไปให้สาวน้อยที่นั่งโต๊ะประชาสัมพันธ์ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มกว้างกับผิวแก้มระเรื่อส่งกลับมา
“เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะคะ จะมีป้ายบอกทางเหนือศีรษะค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณสาวน้อยตรงหน้าและเดินมาตามทางที่ได้รับการบอกมา
ระหว่างทางเจอผู้คนไม่มากนักเพราะใกล้เวลาเลิกงานแล้ว ผมเดินผ่านเจ้าหน้าที่หรือพยาบาลก็โปรยยิ้มผูกมิตรไว้ก่อน เดี๋ยวเราก็คงจะต้องรู้จักกันเพราะผมก็คงได้มาที่นี่บ่อยๆ จนต้องคุ้นทั้งคนและสถานที่แน่ๆ
“ขอพบหมอกัสหน่อยครับ” ผมเอ่ยบอกหญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ห้องทันตกรรม เธอเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มก่อนเอ่ยถามกลับมา
“ใครต้องการพบคะ”
“อืม คนพิเศษของหมอกัสครับ” ผมใช้วิธีบอกถึงสถานะของตัวเองไปแทนการบอกชื่อ ทำเอาสาวร่างบางตรงหน้าร้องตกใจตาโตขึ้นทันที
“หา!! คะ คนพิเศษของหมอกัสเหรอคะ” ผมต้องกลั้นขำกับอาการของสาวตรงหน้าและนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่ากัสคงไม่เคยเล่าให้ใครฟังสินะว่ามีแฟนแล้วและแฟนก็เป็นผู้ชายด้วย
“ใครมาครับจ๋า อ้าววินมาแล้วเหรอ กัสบอกว่าไม่ต้องมาให้ไปรอที่บ้านก็ไม่เชื่อ” พอผมเห็นว่าเจ้าของประโยคเป็นคนรักจึงเดินเข้ามาในห้องแบบไม่ต้องให้มีใครเชิญทันที เมื่อผมเดินมาถึงตัวคนพูดกัสก็พูดจบประโยคพอดี
“โธ่ ก็วินอยากมาเห็นที่ทำงานของหมอกัสนี่ครับ” ระหว่างที่ผมพูดออดอ้อนใส่คนน่ารัก เราก็เดินเข้ามาที่ห้องพักที่กั้นเป็นห้องแยกออกมาจากส่วนที่ให้บริการคนไข้ไปด้วย
ในห้องมีคนนั่งกันอยู่แล้วสี่คนและหนึ่งในนั้นก็มีมิคนั่งรวมอยู่ด้วย คนที่เหลือเป็นผู้หญิงและน้องผู้หญิงที่ชื่อจ๋าก็ตามเข้ามา ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ผมยิ้มๆและคงรอการแนะนำตัวจากหัวหน้าตัวเองอยู่ ก่อนสาวๆจะเบนสายตาไปที่กัสแทนพร้อมส่งสายตาเป็นคำถามไปให้
“ฮ่าๆๆ ทุกคนอยากรู้จักนายวินแล้วครับหมอกัส” มิคหัวเราะเสียงดังกับท่าทางของกัสที่มีใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนกัสจะหันไปส่งค้อนให้มิคที่ส่งคำถามล้อเลียนมาให้
“เอ่อ ทุกคนครับนี่วินนะครับเป็นเอ่อ......” เสียงหวานของคนรักหยุดชะงักลงเมื่อจะเอ่ยถึงสถานะของผม ส่วนผมได้แต่ยืนลุ้นให้กัสพูดออกมา เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของคนรักแล้วจึงตัดสินใจแนะนำตัวเองซะเลย
“ครับ ผมวินเป็นคนพิเศษของหมอกัสครับ” ผมรีบแสดงสถานะให้บรรดาลูกน้องของคนรักได้รู้พร้อมส่งยิ้มกว้างอย่างภูมิใจไปให้ทุกคน
สาวๆในห้องตาโตท่าทางตกใจกันน่าดูก่อนเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้างส่งสายตาล้อเลียนไปให้กัสแทน ผมหันกลับไปมองหน้าหนุ่มน้อยข้างกายจึงได้เห็นว่าใบหน้าขึ้นสีอมชมพูเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอย่างน่ากลัวก่อนลามไปที่ใบหู
“แฟนหมอกัสเหรอคะหล่อมาก / ทำไมหมอไปเคยพามาล่ะคะน่าจะพามาตั้งนานแล้ว / อิจฉาหมอกัสจัง / คุณวินนั่งก่อนค่ะ”
สารพัดคำถามที่ส่งมาพร้อมคำเชื้อเชิญแสดงว่าผมได้รับการยอมรับจากลูกน้องของกัสแล้วสินะ แต่ก็นะคนมันหน้าตาดีแถมมีแฟนน่ารักเนี่ยใครก็รักก็เอ็นดู ผมหันไปมองหน้ากัสที่ยังไม่หายแดงจึงเอื้อมจับข้อมือพร้อมฉุดให้นั่งลงข้างกันบนโซฟาตัวยาว นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคนอื่นนะผมให้กัสนั่งตักไปแล้วครับ ยิ่งเราห่างกันมาห้าวันผมยิ่งคิดถึงคนตัวเล็กมาก หลังจากนั้นผมก็ต้องตอบคำถามจากสาวๆในห้องที่ช่างสงสัยทั้งหลาย จนมิคต้องปรามออกมาให้ผมได้นั่งพักเพราะขับรถมานาน สาวๆจึงต่างแยกย้ายกันไปบ้างก็เดินไปข้างนอกบ้างก็นั่งทำงานเอกสารเล็กๆน้อยๆ จึงเหลือเพียงผมกัสและมิคนั่งที่โซฟาตัวเดิม
“กัสครับไม่โกรธวินนะที่มาแบบนี้ กัสไม่อายใช่มั้ยที่คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” กัสหันมามองหน้าผมนิ่งๆและสบตาด้วยอย่างจริงจัง
“แล้ววินจะโกรธมั้ย ถ้ากัสแนะนำวินกับคนอื่นว่าเป็นแฟนกัส กัสมีคำตอบให้วินเหมือนที่วินจะตอบกัส” ผมถึงกับยิ้มกว้างให้คนน่ารักที่พูดออกมาได้ถูกใจทำให้หัวใจของผมพองฟูคับอก
ผมไม่เคยอายที่จะบอกใครๆว่าผมนั้นมีคนน่ารักข้างๆคนนี้เป็นแฟน และกัสที่คิดเหมือนกันนั้นยิ่งทำให้ผมรักและภูมิใจในคนตัวเล็กของผมเข้าไปใหญ่ จนอยากเข้าไปกอดร่างหอมๆและฟัดแก้มนุ่มๆของกัส แต่สถานที่ไม่อำนวยให้ทำอย่างนั้นผมขอเก็บไว้ทบต้นทบดอกเมื่ออยู่กันสองคนก็แล้วกัน กัสที่ส่งยิ้มน้อยๆแววตาอ่อนหวานมาให้นั้นทำให้ผมต้องเพิ่มความอดทนไม่เข้าไปขย้ำกวางน้อยช่างยั่ว ‘อ๊ากกก คนอะไรน่ารักอย่างนี้’ ผมไม่เคยนึกเบื่อกัสเลยยิ่งนานวันยิ่งใกล้ชิดยิ่งรักมากกว่าเดิม
“นี่ทั้งสองคน ไม่อยากขัดคอนะแต่อยากเตือนว่ามดมันเดินมาแล้ว ระวังโดนกัดล่ะ อ้าว! กัสทำไมต้องตีมิคด้วยล่ะ มิคพูดเรื่องจริงนี่ ไปๆไม่เอาแล้วได้เวลากลับบ้านแล้ว” มิคคงทนความหวานของเราไม่ไหวจึงรีบเบรกด้วยการแซวและชวนกันกลับ
เราสามคนจึงบอกลาสาวๆในห้องและเดินออกมาพร้อมกัน ผ่านห้องตรวจที่ตอนนี้มีพยาบาลจับกลุ่มนั่งอยู่หน้าห้องหันมาทางกลุ่มของเราที่กำลังเดินผ่านพอดี
“หมอกัสคะ ใครเอ่ยหล่อมากไม่แนะนำให้พี่รู้จักเหรอคะ” พยาบาลที่สาวเหลือน้อยแล้วหันมาแซวคนรักของผม ท่าทางเธอคงรู้ล่วงหน้าแล้วว่าผมเป็นใครเพราะมีหนึ่งสาวจากห้องฟันรวมอยู่ในกลุ่มด้วย
กัสจึงพาผมเดินไปใกล้กลุ่มคนที่นั่งอยู่และแนะนำไปกลางๆไม่ได้บอกสถานะชัดเจนนัก เพราะกัสคงสังเกตจากคำพูดและสายตาที่ส่งมาทางเราทั้งคู่ก็รู้ว่าพยาบาลกลุ่มนี้คงรู้แล้วว่าเราเป็นอะไรกัน แค่กัสไม่ปฏิเสธที่เค้าแซวกันก็เท่ากับยอมรับแล้ว จะให้มาเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันหน้าห้องตรวจโรคก็ยังไงอยู่ ผมเข้าใจคนรักนะครับด้วยรู้ว่ากัสก็ยังมีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่ที่นี่
“กัส เอ่อ สวัสดีครับคุณวิน”
“ครับ / สวัสดีครับหมอพจน์”
เราสองคนหันไปทางต้นเสียงของหมอหนุ่มที่เข้ามาทักก่อนทักกลับไป ไอ้หมอหน้าตี๋มันส่งยิ้มเล็กน้อยมาให้ผมและส่งสายตาเศร้าๆไปทางกัส ส่วนกัสก็เสมองไปทางกลุ่มพยาบาลพลางเอ่ยปากขอตัว ก่อนก้มหัวและส่งยิ้มไปให้ไอ้หมอพจน์ที่ตอนนี้กลับมาทำหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์และเอ่ยขอตัวเดินจากไป แวบหนึ่งผมรู้สึกสงสารหมอพจน์เหมือนกันที่มาชอบกัส แต่ที่กัสทำแบบนี้ก็ดีแล้วหมอตี๋นั่นจะได้รีบตัดใจยิ่งนานจะยิ่งผูกพันและยิ่งเจ็บ และผมก็รู้สึกภูมิใจที่มีคนรักเป็นหนุ่มร่างเล็กน่ารักคนนี้ที่ไม่คิดให้ความหวังใคร
หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่บ้านพักหลังโรงพยาบาล มาถึงผมก็ขนของเข้าห้องของกัสที่ยอมให้ผมนอนร่วมห้องด้วยหลังจากคืนแรกที่เรานอนกอดกันจนหลับไป จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่มีอะไรกันนอกจากกอดจูบบ้างแต่ยังไม่มีอะไรลึกซึ้ง ผมยังอยากให้เวลากัสปรับตัวหลังจากเราห่างกันไปนาน อยากให้กัสไว้ใจและเชื่อใจผมมากๆก่อน ส่วนกัสก็หายเกร็งไปมากแล้วยามผมเข้าใกล้และแสดงความรักเล็กๆน้อยๆออกไป แต่อาการเขินอายยังมีอยู่ทุกครั้งที่ใกล้ชิดกัน เมื่อผมอาบน้ำเสร็จก็ลงมาตามหากัสข้างล่างที่ไม่รู้ว่าลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ช่วงที่ผมอยู่ในห้องน้ำ พ้นกรอบประตูหลังบ้านที่เป็นส่วนของห้องครัวเล็กๆที่เปิดโล่งมีเตาไฟฟ้าสำหรับประกอบอาหารง่ายๆ เครื่องปรุงต่างๆ ตู้เก็บของวางตั้งอยู่ ในส่วนนี้พอให้สองหมอหนุ่มเจ้าของบ้านได้ทำอะไรกินเล็กๆน้อยๆได้ แต่จากสภาพที่เห็นนั้นสะอาดเรียบร้อยเพราะคงไม่ได้ถูกใช้งานจากเจ้าของบ้านเลยด้วยทั้งคู่ทำอาหารไม่เป็น จะได้ใช้ก็ต่อเมื่อผมมาซึ่งผมก็ได้ตำแหน่งพ่อครัวเอกมาครอง
“อ้าววินอยู่นี่เอง กัสกับมิคไปซื้อของสดที่ตลาดมาให้น่ะ” กัสส่งยิ้มกว้างและยื่นถุงหิ้วมากมายมาให้
ผมจึงส่งยิ้มกลับและรับถุงมาวางไว้ ก่อนจัดการตามคำบัญชาของคนรักที่คิดเมนูที่ตัวเองอยากกินมาให้ผมทำ แค่นี้สบายมากสำหรับผมแค่เห็นกัสยิ้มขณะกินของที่ผมทำผมก็มีความสุขไปด้วยแล้ว หลังจากนั้นมิคอาสาเป็นคนเก็บล้างให้เพราะอ้างว่าไม่ได้ช่วยออกเงิน แถมมีคนทำให้อีกเลยอยากช่วยทำความสะอาดแทน ตอนแรกผมว่าจะไม่ยอมแต่มิคก็ดุกลับมาว่าไม่งั้นจะไม่ให้มาที่นี่อีกพร้อมจะไม่ส่งข่าวใดๆของกัสมาบอก ผมจึงยอมให้มิคได้ทำตามต้องการ ดังนั้นเราสองคนจึงกลับขึ้นมาบนห้องผลัดกันอาบน้ำ ซึ่งตอนนี้ผมสบายตัวแล้ว กำลังนั่งพิงหัวเตียงพร้อมหยิบนิยายฆาตกรรมเล่มโปรดของกัสมาอ่านฆ่าเวลารอคนรัก สักพักร่างเล็กก็เดินตัวหอมออกมาพร้อมใช้ผ้าเช็ดผมที่เพิ่งสระมาด้วย ผมเห็นจึงกวักมือกัสเรียกให้มานั่งบนเตียงก่อนลงมือเช็ดผมให้และก้มหน้าลงจรดจมูกที่ปลายผมหอม
“หอมจัง วินใช้ไม่เห็นหอมเหมือนกัสเลย ตรงนี้ก็หอม”
“คิกๆ วินอ่ะ จั๊กจี้น้า คิกๆ”
ผมก้มลงหอมแก้ม ซอกคอ ลาดไหล่ของคนตัวหอมเล่นจึงได้เสียงหัวเราะคิกคักตอบกลับมา และยิ่งอยากแกล้งกัสให้หัวเราะดังกว่านี้ ผมจึงระดมหอมทุกส่วนที่โผล่จากเสื้อผ้าของกัสจนเราล้มไปที่เตียงด้วยกัน ปากผมชนกับปลายจมูกของร่างบางเรานิ่งและสบตากัน ดวงตาสวยของกัสที่มีแววตาอ่อนโยนเปล่งแสงแห่งความสุขออกมา จนผมหลงใหลและไม่อาจละสายตาตัวเองไปไหนได้ ก้มลงจุมพิตเปลือกตาทั้งคู่ไล่มาที่แก้มนุ่มหอมกรุ่นและปิดท้ายที่ริมฝีปากบางสีสดที่คลี่ยิ้มอ่อนๆ ผมกลับมาสบตาคู่เดิมแต่ประกายต่างออกไป กัสจะรู้มั้ยนะว่าส่งสายตาแบบไหนมาให้ผมกันเพราะมันทั้งยั่วยวนและอ่อนหวาน พลันใจผมก็เต้นแรงอยากเก็บภาพแบบนี้ไว้คนเดียวไม่อยากให้ใครได้เห็นแบบที่ผมได้เห็นเลย
“อย่าส่งสายตาแบบนี้ให้ใครนะครับที่รัก วินหวง รักกัสนะ รักที่สุด”
ผมอดใจไม่ไหวกดจูบที่ปากสีสดที่กำลังยิ้มกว้างกับคำพูดของผม กัสที่ยังไม่ทันตั้งตัวโดนผมขบเม้มกลีบปางล่างอย่างหยอกเย้า จนกัสหัวเราะออกมาผมจึงได้โอกาสแทรกปลายลิ้นไปชิมความหวานภายในไล่ต้อนหาลิ้นนุ่มจนเจอ เราเกี่ยวพันดูดกลืนปลายลิ้นชื้นกันและกันอย่างเชื่องช้าเปลี่ยนมุมปรับองศาเพื่อให้จูบนั้นลึกซึ้งขึ้น เราดูดซับความอ่อนหวานของกันและกันจนเผลอครางออกมาด้วยความเคลิบเคลิ้ม
“อืม / อ๊า วิน”
ผมจูบนานจนกัสเริ่มหมดลมหายใจจึงผละออกมาให้กัสได้สูดอากาศ ส่วนผมไล่ชิมความหวานจากสองข้างแก้มที่สุกปลั่งหอมหวาน กัสยังคงหอบเอาอากาศเข้าปอดปากบางแดงเห่อช้ำจากการบดจูบเผยอหอบอย่างยั่วยวน ผมสอดมือผ่านชายเสื้อลูบไล้ผิวเรียบลื่นข้างเอวบางและสบตาว่ากัสจะมีปฎิกิริยาอย่างไร ก่อนส่งสายตาออดอ้อนไปให้เมื่อเห็นว่ากัสหลบตาหน้าแดงซ่าน ไม่มีทีท่าว่าจะปฏิเสธจึงก้มลงฟัดแก้มนุ่มอีกครั้งอย่างมันเขี้ยว
“ขอบคุณครับ วินรักกัสนะ”
ผมละมือออกมาเพื่อดึงชายเสื้อของกัสขึ้นให้พ้นศีรษะ จึงปรากฏภาพร่างขาวผ่องอมชมพูจากอาการเขินอายของเจ้าของ ยอดอกสีแดงหดชูชันอย่างน่าลิ้มลอง ผิวเรียบเนียน หน้าท้องแบนราบ ทำเอาอยากครอบครองร่างข้างใต้นัก ผมก้มไปที่ซอกคอหอมแลบเลียชิมผิวขาวก่อนเคลื่อนมาฝังจูบที่ลาดไหล่ขาวเนียน ไล่มาที่ยอดอกชูชันเลียด้วยปลายลิ้นดูดดุนหยอกล้อจนกัสแอ่นอกเข้าหาและได้ยินเสียงครางหวาน
“อ๊า วินๆ กัสเสียว”
ผมยิ่งได้ใจก้มลงดูดดึงลงลิ้นระรัวที่ยอดอกแดงฉ่ำ ส่วนอีกข้างได้รับการปรนเปรอลูบไล้ด้วยปลายนิ้วก่อนใช้เล็บสะกิดปลายยอด ทำเอากัสบิดตัวเร่าดิ้นหนีจนผมต้องกดตัวไว้ ผละลงต่ำไล่จูบดูดดึงผิวเนียนให้ขึ้นสีแดงเป็นจ้ำไปตลอดทางอยากประทับตราไว้ว่าร่างนี้มีผมเป็นเจ้าของ มือที่ลูบไล้ข้างลำตัวเลื่อนต่ำลงอยู่ที่ขอบกางเกงนอนเนื้อบางที่ไม่สามารถปกปิดความนูนเด่นกลางลำตัวของร่างบางใต้ร่างผมได้
“วินๆครับ อ๊ะ กัสไม่ไหว อ๊า”
ผมก้มลงจูบส่วนอ่อนไหวที่เหลือเพียงกางเกงในสีขาวตัวจิ๋วที่ปิดแทบไม่มิด เลียมันผ่านเนื้อผ้าตามความยาวและกัดเบาๆที่ปลายยอดทำเอาเจ้าของกรีดร้องออกมาและพยายามผลักหัวผมออก ผมจึงเอื้อมมือมารวบจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะมืออีกข้างก็ลูบไล้แผ่นอกบางพร้อมสะกิดที่ยอดอกชูชัน
“อ๊าๆๆ วิน เสียว อย่าแกล้ง อ๊ะ อา”
ร่างบางร้องอย่างเสียวซ่านพลางบิดตัวไปมาเพื่อลดทอนความเสียว ผมดึงขอบกางเกงในให้พ้นปลายเท้าส่วนที่ผมหยอกล้อเมื่อครู่ตั้งผงาดท้าทายอย่างรอคอย เหลือบมองตากัสที่ส่งสายตาเชิญชวนมาให้และนอนหอบจนอกกระเพื่อมขึ้นลง ผิวบางใสอมชมพูน่ากัดชิมไปซะหมด โดยเฉพาะกลางลำตัวของร่างบางที่ปลายยอดแดงก่ำเรียกร้องให้ผมเข้าไปทักทาย กัสรู้ใจผมมากอ้าขากว้างเปิดทางให้เข้าหา ผมว่ากัสคงทำไปตามสัญชาติญาณไม่ได้ตั้งใจยั่วยวนแต่อย่างใด ก้มหน้าแตะปลายลิ้นทักทายส่วนหัวแดงและจูบเบาๆ ก่อนออกแรงดูดเม้มปลายยอดที่เป็นจุดรวมเส้นประสาท จึงได้รับเสียงกรีดร้องจากร่างข้างใต้มือบางทั้งสองขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่นสะโพกยกลอยดันเข้าหาปาก ผมครอบปากลงตามความยาวจนสุดโคนในครั้งเดียว
“โอ้ววว วิน อ๊า”
ขยับหัวขึ้นลงรูดดูดตามความยาวและเม้มเมื่อถึงส่วนปลายยอด สะโพกมนขยับสวนขึ้นเข้าลึกตามแรงอารมณ์ มือบางขยุ้มหัวผมและกดลงพลางร้องเรียกชื่อผมไปด้วย ก่อนกัสจะดึงผมขึ้นมารับจูบที่เจ้าตัวคงอยากระบายความเสียวซ่านผ่านจูบนี้ ตามมาด้วยเสียงกระซิบแหบพร่าเร้าอารมณ์
“กัสไม่หวะ ไหวแล้ว อ๊ะ ครับที่รัก ฮึก อ๊า ช่วยกัสทีนะ นะครับ”
ปลายหางตาของร่างบางมีน้ำตาซึม ผมที่เห็นภาพนี้แล้วอยากแกล้งทรมานให้กัสเสียวซ่านนานกว่านี้อยากยืดเวลาสุขสมของกัสออกไปอีก แต่กัสที่ทนไม่ไหวถึงขนาดเอ่ยปากขอออกมาแล้วผมจะใจแข็งอยู่ได้ยังไง จึงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะถอดปราการด้านล่างของตัวเองออกจนหมด และก้มลงครอบปากที่ความต้องการของร่างบางขยับหัวขึ้นลงเร็วๆพร้อมดูดเม้มแรงก่อนเร่งจังหวะ กัสขยับสะโพกสวนเข้าหาปากผมอย่างลืมตัว ผมส่งฝ่ามือลูบไล้และดึงยอดอกบางเร่งอารมณ์ มืออีกข้างของผมก็ขยับช่วยปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาของตัวเองในจังหวะเดียวกัน
“วินๆ ซี้ดดด อ๊า เร็วๆกว่านี้ โอ้ว กัสไม่ไหวแล้วววว”
สายธารรักพวยพุ่งเข้ามาเต็มคอผมจึงรู้ว่ากัสถึงจุดแห่งความสุขแล้ว กัสกระตุกอีกสองครั้งและนิ่งไป ส่วนผมก็เก็บกลืนน้ำหวานจากร่างบางจนหมดดูดเม้มจนหยดสุดท้าย ก่อนเงยหน้ามองร่างเปลือยที่นอนหอบหายใจแรงตัวแดงเถือกตาปรือปรอยมองตอบผมอยู่ ผมยกตัวขึ้นและก้มหน้าลงเอาจมูกฟัดแก้มแดงอย่างมันเขี้ยว เตรียมผละเดินไปเข้าห้องน้ำเพราะอารมณ์ปรารถนาของผมยังค้างอยู่ วันนี้ที่ทำไปก็เพียงพอแล้วกัสยอมให้ผมได้ใกล้ชิดมากกว่าที่เคย ถ้าทำต่อกัสคงไม่ขัดขืนแต่เป็นผมเองที่ยังไม่อยากทำให้ถึงที่สุด แต่อยากทำ ‘ภารกิจบางอย่าง’ ก่อนเพื่อให้กัสรู้ว่าผมจริงจังกับกัสมากในเรื่องของเรา แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นเตียงก็สัมผัสถึงแรงฉุดรั้งที่ข้อมือ ผมจึงหันกลับไปมองหน้ากัส
“วินจะไปไหน ก็.....วินยังค้างอยู่เลย”
กัสคงข่มความอายอย่างมากขณะถามหน้าก็แดงจัด ส่วนตาก็เหลือบไปมองความปรารถนากลางลำตัวของผมและก้มหน้างุด ‘อย่าน่ารักไปกว่านี้ได้มั้ย แค่นี้วินก็หลงจะแย่แล้ว’ ไอ้ที่หักห้ามใจไว้มันจะทำไม่ได้เพราะเจ้าตัวนี่แหละ ผมยื่นมือไปลูบหัวทุยผมนุ่มลื่นตรงหน้าและก้มกระซิบบอกข้างหู
“เดี๋ยววินไปจัดการตัวเองในห้องน้ำนะครับ”
แอบจูบแก้มนุ่มอีกทีก่อนตัดใจเดินไปเอาไอ้ลูกชายที่ปวดตุ๊บๆลง จะได้มานอนกอดคนตัวหอมผู้น่ารักคนนี้ซะที ก่อนถึงห้องน้ำผมโดนรวบกอดจากข้างหลังพร้อมเสียงแผ่วเบาของเจ้าของอ้อมกอด ทำเอาตกใจและเปลี่ยนเป็นดีใจอย่างลิงโลด
“ให้กัสช่วยนะ” ผมหันกลับมาโอบกอดร่างนุ่ม ก่อนก้มหน้าไปหอมฟัดผมนิ่มอย่างยินดี
“แค่มือก็พอครับ กัสช่วยวินได้ใช่มั้ย”
หลังจากนั้นผมก็คว้ามือนุ่มมากำรอบแก่นกายกลางลำตัวที่แค่โดนมือนุ่มก็แข็งโป๊กชี้หน้าสู้เจ้าของมือ ทำเอากัสที่มองตาโตหน้าแดงจัดเงยหน้าขึ้นสบตา มือที่กุมทับมือกัสเริ่มช่วยอีกฝ่ายขยับขึ้นลงตามความยาวเล่นเอาเสียวปรี๊ดขึ้นหัว แค่นี้ที่กัสทำให้ก็สุขมากมายแล้วครับ
“โอ้ว ยังงั้นครับที่รัก อ๊า เร็วกว่านี้นะ”
ผมปล่อยมือที่กุมทับมือบางออกมาก่อนเอื้อมมาจับที่ไหล่บอบบางแทน และดูเหมือนกัสจะเริ่มมั่นใจในการให้ความสุขผมมากขึ้น แถมกล้าจ้องเขม็งไปที่น้องชายผมไม่วางตา มือนุ่มทั้งสองข้างขยับเร็วรับกับสะโพกที่ขยับสวนเข้าออกทำเอาผมใกล้ระเบิดเต็มทน กัสเงยหน้าสบตาหลังได้ยินเสียงครวญครางเร่งเร้าจากผม สายตาที่ส่งมามันยั่วยวนมากจนเผลอขยับสะโพกถี่ขึ้น จับใบหน้าคนน่ารักเงยรับจูบผมดูดดุนริมฝีปากบางอย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่ใกล้ถึงจุดหมายเต็มที
“อืมมมม อ๊าๆๆๆๆ กัสๆ”
ในที่สุดก็ถึงปลายทางแห่งความสุขสายน้ำขาวขุ่นฉีดพุ่งออกมาอย่างแรงกระเด็นเต็มหน้าอกขาวเนียน บางส่วนติดถึงปลายคางของร่างบางที่ตอนนี้ซบหน้ากับซอกคอผมอยู่ ผมก้มลงแลบเลียของตัวเองที่ปลายคางมนรสชาติฝาดเฝื่อน ก่อนวกกลับมาฉกจูบที่ปากแดงให้เจ้าของได้รู้รสชาติของตัวเองบ้าง และได้รับแรงทุบมาที่อกเบาๆเป็นการเอาคืน ผมผละหน้าออกมาเพื่อกระซิบชิดหูหอม
“ขอบคุณครับที่รัก แค่นี้วินก็สุขมากแล้ว” ส่งยิ้มกว้างแววตาล้อเลียนไปให้กัสที่ยืนหน้าแดงก้มมองมือตัวเองที่เพิ่งผละออกจากแท่งร้อนของผม ใบหน้ากัสตอนนี้มันทำเอาน้องชายผมที่เพิ่งปลดปล่อยไปเริ่มกรึ่มสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
“ไปล้างตัวกันในห้องน้ำนะครับ แล้วเราจะได้นอนกันนะ”
ผมจับจูงมือร่างบางเปลือยเปล่าที่ยังก้มหน้าก้มตาให้เดินตามมาที่ห้องน้ำ ขณะล้างตัวผมสังเกตเห็นว่าผิวขาวผ่องของกัสมีรอยรักสีแดงที่ผมเป็นคนทำกระจายไปทั่ว มันน่าภูมิใจชะมัดที่สามารถประทับรอยบนผิวขาวๆแสดงความเป็นเจ้าของกัสได้ แม้เราจะยังทำกันไม่ถึงที่สุดแต่ผมก็มีความสุขมากแล้วที่กัสยอมผมถึงขนาดนี้ เราสองคนออกมาจากห้องน้ำพร้อมกันก่อนผมจัดการแต่งตัวให้คนน่ารักที่ตอนนี้มีหน้าตาสดชื่นผิวแก้มอมชมพูยิ้มน้อยๆและแอบมองผมเป็นระยะ ก่อนผมจะพากัสมานอนที่เตียงและเดินไปปิดไฟความมืดเข้าครอบคลุมทั้งห้อง ต่างจากใจผมที่สว่างสดใสไปทั้งดวงอิ่มเอมกับความสุขที่ได้รับจากคนรัก
“ฝันดีครับที่รัก”
กระซิบชิดริมหูหอมกรุ่นและจูบแก้มเนียนก่อนโอบกอดรอบตัวคนรักให้มาซุกแนบอก เป็นท่านอนประจำเมื่อเราอยู่ด้วยกัน มันทำให้อบอุ่นทั้งกายและใจสามารถหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า ทั้งๆที่หลับตาแต่ใจกลับวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ถ้าสำเร็จผมจะพากัสไปฮันนีมูนให้ฉ่ำปอดเลยทีเดียว คิดแล้วก็มีแต่ความสุขขอแค่มีร่างบางในอ้อมกอดแบบนี้ตลอดไปก็พอแล้วครับ
..................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
แหะๆๆ พากัสวินมาปล่อยของแบบไม่รู้ตัว:z1:
ตามนั้นเลยขอคู่นี้เค้าร้อนแรงองศาเดือดบ้างไรบ้างเนอะ
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์แทนคำขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ฝากติดตามการรวมเล่มชุด "เสน่ห์รัก" ด้วยนะคะรายละเอียดหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
ตอนที่ 22
วิน
รถยนต์คันสวยจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ผมหันไปมองคนที่นั่งข้างกันที่ผมกำลังกอบกุมมือนุ่มอยู่ ก่อนบีบมือและส่งยิ้มให้กำลังใจไปให้กัส ที่เพียงแค่ยิ้มน้อยๆกลับคืนด้วยคนน่ารักคงเกร็งมาก ผมบอกกัสไปแล้วว่าไม่ต้องกลัวต้องเกร็งเลยครอบครัวของผมไม่น่ากลัวสักนิด การที่ผมเป็นแฟนกับใครจะหญิงหรือชายก่อนหน้าคบกับกัสนั้นที่บ้านไม่เคยว่า คุณพ่อคุณแม่แค่เตือนให้ดูแลตัวเองและรับผิดชอบเรื่องเรียนเรื่องงานให้ดี ส่วนเรื่องคู่นั้นแทบไม่มีมาก้าวก่ายเลย จะมีก็แต่ตอนที่ผมเสียศูนย์เรื่องที่เราเลิกกันตอนนั้นเกือบทำผมเรียนไม่จบ จึงถูกท่านทั้งสองเรียกพบและตักเตือนให้รู้ตัวในหน้าที่ของตัวเองก่อนที่จะมาสนใจเรื่องรักที่ผิดหวัง
เมื่อเร็วๆนี้ครอบครัวของผมมารู้ว่าผมกลับมาคบกับกัสคนที่เคยทำผมอกหักหมดรูปคราวนั้น จึงโดนตามตัวมาสอบถามซะละเอียดว่าเรื่องราวตั้งแต่ครั้งก่อนเป็นยังไงจนกลับมาคบกันอีก ทำให้ผมโดนคุณแม่เล่นงานซะแย่ว่า ‘ตัวเองเลี้ยงลูกชายมาไม่ดีทำไมถึงได้เจ้าชู้ขนาดนี้’ โดนงอนไปหลายวันกว่าท่านจะยอมมาพูดด้วยอีก และตั้งแต่นั้นมาท่านก็คะยั้นคะยอให้ผมพากัสมาเจอเร็วๆ ท่าทางคงนึกถูกใจกัสเข้าให้แล้วว่ามีดีอะไรผมถึงฝังจิตฝังใจกับกัสนัก ที่ผมเพิ่งพากัสมาก็เพราะหวงกัสนั่นแหละครับ ไม่ได้คิดหรอกว่าไม่กล้าเปิดเผยว่าตัวเองคบกับผู้ชายให้ทางบ้านรับรู้เหมือนที่กัสคิดกังวลในตอนแรก ผมแค่หวงเพราะใครได้เจอกัสต้องหลงรักง่ายๆแน่ ทีนี้ผมจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่กัสสองต่อสองน่ะสิ เพราะคนที่บ้านต้องให้ผมพามาหาบ่อยๆแน่นอน เวลาสองวันอันน้อยนิดที่มีต้องถูกแบ่งไปจากผมอีก แต่เมื่อผมต้องการให้กัสรู้ว่าจริงจังและให้มั่นใจในรักของผมจึงต้องพากัสมาพบครอบครัวของตัวเอง
“เลิกกังวลนะครับ เดี๋ยวเราเข้าบ้านวินกัน ทุกคนคงรอเจอกัสแล้วล่ะ”
กัสพยักหน้าและแอบสูดหายใจหนึ่งเฮือกก่อนส่งยิ้มบางมาให้ ผมลงจากรถและมาเปิดประตูให้กัสก่อนเอื้อมมือกุมมือบางไว้บีบกระชับพาเดินเข้าบ้าน ในบ้านตอนนี้เงียบกว่าที่เคยไม่เหมือนบรรยากาศที่ผมคิดไว้ ว่าคุณแม่ต้องดีใจที่จะได้เจอว่าที่ลูกสะใภ้จนออกมารับซะด้วยซ้ำ ‘แปลกแฮะ’ ผมพาร่างบางที่กุมมือไว้มั่นมายังส่วนห้องรับแขก ซึ่งบนโซฟามีคนในครอบครัวผมอยู่ครบ คุณพ่อและคุณแม่นั่งโซฟาตัวใหญ่ส่วนพี่จักรนั่งตัวเล็กข้างๆคุณพ่อ ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาที่กัสนิ่งใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทำให้ผมต้องหันไปส่งสายตาให้พี่ชายตัวเองแต่พี่จักรไม่ได้มองกลับมาแต่ยังคงจับจ้องอยู่ที่กัส ผมรีบหันกลับมามองกัสทันทีคนน่ารักต้องใจเสียแล้วแน่ๆ ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคนในครอบครัวผมกัน’ ผมคิดผิดที่ไหนกันกัสใบหน้าซีดเผือดเม้มปากแน่นก่อนก้มหน้าหลบทุกสายตา
“วินพาแฟนลูกมานั่งนี่สิ” คุณแม่ทำเสียงนิ่งเอ่ยชวนให้พาคนรักไปนั่งเก้าอี้ข้างท่าน ผมจึงกระชับมือนิ่มเพื่อส่งกำลังใจไปให้กัสและพามานั่งข้างๆกัน เมื่อเรานั่งเรียบร้อยแล้วผมจึงเอ่ยแนะนำกัสกับทุกคน
“ทุกคนครับนี่กัสคนรักผมครับ กัสครับนี่คุณพ่อคุณแม่และพี่จักรครอบครัวของวินครับ”
หลังการแนะนำของผมแล้วกัสยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม และได้รับการรับไหว้ตอบกลับจากคนในครอบครัวผม แต่ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนกระทั่งผมทนไม่ไหวต้องเอ่ยออกมาเพราะสงสารกัสมากที่เหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับคนในครอบครัวของผมกัน
“ทุกคนเป็นอะไรไปครับ อย่าทำแบบนี้เห็นมั้ยกัสกดดันจนจะร้องไห้อยู่แล้ว” ผมพูดไปก็โอบเอวร่างบางด้วยเพื่อปลอบใจ กัสคงใจเสียและคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมนั้นทั้งสงสารกัสและมึนงงกับคนในครอบครัวตัวเอง
“โธ่ กัสลูก อย่าร้องไห้นะครับมานี่มา นี่คุณคะฉันไม่เล่นละครบ้าๆนี่กับคุณกับตาจักรแล้วนะ เห็นมั้ยลูกจะร้องไห้แล้ว” คุณแม่ที่นั่งข้างๆเอื้อมมือมาฉุดกัสออกไปจากอ้อมกอดของผม เพื่อให้ไปนั่งข้างตัวท่านก่อนโอบประคองหลังบางลูบไหล่ลูบหัวปลอบโยนกัสที่กำลังร้องไห้ ผมได้ฟังประโยคนั้นของคุณแม่ก็ให้ถึงบางอ้อว่าที่ผ่านมาทุกคนเล่นละครกันแกล้งแฟนผมนี่เอง
“อ้าวลูกร้องไห้เลยเหรอ จริงๆพ่อไม่ได้คิดแกล้งกัสนะ พ่ออยากแกล้งไอ้ลูกชายตัวดีนี่ต่างหาก”
“ใช่ พี่หมั่นไส้ไอ้น้องชายพี่คนนี้ที่ท่ามาก ไม่ยอมพากัสมาพบพวกเราซะทีน่ะ แต่กลับทำน้องร้องไห้ได้ เฮ้ออออ”
“หยุดร้องนะครับกัส โอ๋ๆ คนดีของแม่ดูสิเดี๋ยวตาบวมแล้วจะหมดหล่อน้า”
คุณแม่ที่ปลอบกัสอยู่เอ่ยแซวหวังให้กัสหยุดร้องไห้และมันก็ได้ผล เมื่อร่างบางเปลี่ยนมาเป็นหน้าแดงเขินอายแต่ยังไม่กล้ามองหน้าใครอยู่ดี กัสคงทำตัวไม่ถูกที่เจอกันครั้งแรกก็เป่าปี่ไห้เห็นแล้ว ครอบครัวผมนี่ก็ยังไงจะแกล้งลูกแกล้งน้องตัวเองกลับมาทำให้อีกคนร้องไห้ซะได้ แต่กลายมาเป็นแบบนี้ผมค่อยสบายใจหน่อย ผมหันไปดูกัสที่เงยหน้ามาสบตากันด้วยรอยยิ้มหวานใบหน้าแดงระเรื่ออย่างน่ารัก ซึ่งกัสคงสบายใจแล้วผมจึงยิ้มกว้างตอบกลับไป
“นี่ตาวิน ไม่ต้องมาส่งตาหวานขนาดนั้นให้ลูกกัสของแม่มากนะ แม่หวง” อ้าวนั่นไงครับสิ่งที่ผมกังวลมาแล้ว คุณแม่เริ่มอยากครอบครองคนของผมซะแล้วและเหมาว่ากัสเป็นลูกตัวเองหน้าตาเฉย ผมเริ่มเห็นอนาคตตัวเองรำไรแล้วว่าคุณแม่ต้องแย่งเวลาของกัสไปจากผมแน่ๆ
“แม่ครับนั่นแฟนวินนะ ขอวินหวานกับแฟนบ้างเถอะครับ” เอาสิครับยิ่งคุณแม่เริ่มรักเริ่มหลงลูกชายคนใหม่ ผมก็ขอทวงสิทธิ์ความเป็นแฟนหน่อยเถอะแถมได้แหย่แม่ตัวเองด้วยยิ่งน่าสนุก
“ย่ะ ต่อไปให้เบาๆบ้างให้รู้บ้างว่านี่ลูกแม่ แม่หวง”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะประสานขึ้นมาอย่างขบขันในถ้อยคำของคุณแม่ที่คงหลงลูกชายคนใหม่น่าดู
ผมสบตากัสที่กำลังยิ้มกว้างแววตาระยับอยู่ในอ้อมกอดของคุณแม่ ก็รู้ว่ากัสกำลังมีความสุขซึ่งผมก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีพ่อแม่ที่รักและเข้าใจลูกเมื่อลูกรักใครท่านก็รักด้วย หลังจากนั้นคำถามต่างๆก็ถูกส่งจากคนในครอบครัวไปที่คนน่ารักที่โดนคุณแม่ยึดไปนั่งด้วยแล้ว กัสตอบทุกคำถามด้วยใบหน้าระบายยิ้มตลอดเวลา แต่มีคำถามหนึ่งที่ทำเอาผมสะดุ้งไปเหมือนกัน
“วินดีกับลูกใช่มั้ยครับ ถ้าเกิดวันไหนวินทำให้กัสเสียใจให้กัสมาบอกพ่อกับแม่นะ เดี๋ยวพ่อจัดการมันให้เองไม่ต้องถึงมือกัสหรอกลูก” คุณพ่อผมก็เป็นไปกับเค้าด้วยท่านคงหลงกัสเข้าแล้ว ทั้งๆที่ท่านไม่ค่อยได้ถามคำถามแต่พอเอ่ยออกมาทีทำเอาผมเสียววาบไปเลย
“โฮ พ่อครับผมไม่กล้าทำอะไรลูกรักของพ่อกับแม่หรอกครับ และไม่คิดจะทำให้กัสเสียใจแน่นอน”
ผมตอบคุณพ่อไปแล้วก็ขอหันไปหยอดแฟนตัวเองสักนิดส่งตาหวานสักหน่อย ทำให้ผมได้รับยิ้มน้อยๆตาหวานๆตอบกลับมา ‘เฮ้อ อยากจับคนน่ารักมาฟัดแก้มจัง’ แต่อยู่กับพ่อแม่ขี้หวงขืนผมทำอย่างที่คิดได้โดนแน่ๆ พวกเราคุยกันไปสักพักคุณแม่ก็ชวนทุกคนไปทานอาหารที่บอกว่าวันนี้ลงครัวทำให้กัสโดยเฉพาะและเป็นรายการโปรดของกัสทั้งนั้น เมื่อวานคุณแม่โทรมาถามอาหารจานโปรดของกัสเพื่อจะทำให้คนน่ารักได้ชิม และกัสก็ไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังเพราะทานได้มากกว่าทุกวันและชมไม่ขาดปาก ทำเอาคุณแม่ผมปลื้มยิ้มแก้มปริไปเลยที่ลูกชายคนใหม่ชอบอาหารที่ตัวเองทำ แต่มีเรื่องให้ผมขัดใจเล็กๆบนโต๊ะอาหาร
“กัสครับ นี่น่องไก่ทอดน้ำแดงอบซอสอร่อยมากพี่ชิมแล้ว / เติมข้าวอีกมั้ยเดี๋ยวพี่เรียกเด็กตักให้ / กัสน่ารักจังครับไม่น่าเป็นแฟนนายวินเลยเปลี่ยนใจยังทันนะมาเป็นแฟนพี่จักรดีกว่ามั้ย”
ประโยคเหล่านี้มาจากพี่จักรพรรดิพี่ชายของผมที่แอบจีบน้องสะใภ้ต่อหน้าต่อตากัน ‘พี่จักรแอบคิดจริงจังมั้ยครับเนี่ย’ ซึ่งผมก็ตามตักอาหารที่พี่จักรตักให้กัสมากินเองและตักเมนูเดิมด้วยตัวเองให้ใหม่ พร้อมส่งสายตาขึงขังไปให้พี่ชายที่ก็ไม่ได้สนใจกันเลย พอหันกลับมาทางกัสก็เห็นว่ากำลังยิ้มขำเราสองพี่น้อง แต่กัสกลับหันมาดุผมคนเดียวซะได้ว่าเล่นอะไรเป็นเด็กๆ และเพราะแบบนี้ผมจึงได้ฟังประโยคที่น่าโมโหประโยคสุดท้ายที่พี่จักรชวนกัสให้ไปเป็นแฟนตัวเองซะได้ ผมล่ะอยากเก็บกัสที่นั่งทานข้าวข้างๆกันไปเก็บในห้องตัวเองจริงๆเลย หลังมื้ออาหารเราสองคนจึงเดินไปนั่งให้อาหารย่อยที่ริมสระว่ายน้ำที่อากาศกำลังเย็นสบาย เมื่อได้อยู่กันสองคนหลังจากที่คุณแม่เอ่ยปากว่า
‘ปล่อยให้แฟนเค้าได้อยู่ด้วยกันบ้างเดี๋ยวลูกวินของแม่จะน้อยใจไปกว่านี้’ แถมหัวเราะถูกใจที่ได้แกล้งลูกชายตัวเองสำเร็จ
“กัสสบายใจรึยังครับ หืม”
“ครับ ครอบครัววินน่ารักมาก ทุกคนดีกับกัสจังเลย”
กัสส่งยิ้มกว้างกลับมาให้และดวงตานั้นก็เปล่งประกายแห่งความสุข เห็นแบบนี้แล้วผมก็มีความสุขตามไปด้วย ผมเอื้อมมือไปลูบใบหน้าหวานอย่างหลงใหลและสัญญากับตัวเองว่าผมจะรักษารอยยิ้มแบบนี้ของกัสไว้ให้อยู่ตลอดไป แก้มใสๆตาวาวๆทำให้ผมอดใจไม่อยู่จึงขยับตัวก้มหน้าลงหอมแก้มนุ่มแต่กัสก็เบี่ยงหน้าหนี ผมจึงชะงักไปก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาทันเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่นานๆจะได้เห็นสักครั้ง
“ห้ามหอม ห้ามจูบ ห้ามทุกอย่าง ยกเว้นจับมือได้เท่านั้น เป็นเวลาหนึ่งเดือน”
“กัส นี่มันอะไรครับ” หลังคำห้ามมากมายจากคนน่ารักทำผมงงเป็นไก่ตาแตก ว่าทำไมกัสถึงต้องห้ามไม่ให้ผมได้ชื่นใจเล็กๆน้อยๆด้วย ใบหน้าผมคงตลกมากคนใจร้ายถึงหัวเราะคิกคักตายิบหยี
“คิกๆ นี่เป็นบทลงโทษกับเรื่องของรัน” ผมชะงักไปเมื่อได้ยินคำตอบของกัส
หนึ่งเดือนคนอื่นอาจว่าแป๊บเดียวแต่สำหรับผมที่โดนห้ามแสดงความรักทุกรูปแบบกับคนรักจะไม่ขาดใจไปซะก่อนเหรอครับ แต่จะไม่ยอมก็ไม่ได้เพราะดีเท่าไหร่แล้วที่กัสลงโทษผมแค่นี้ คนที่มีแฟนจะรู้ดีว่ามันเหมือนตายทั้งเป็นที่มีคนรักอยู่ใกล้ๆแต่แสดงความรักผ่านร่างกายกับคนรักไม่ได้
“เฮ้อ ครับวินรับคำบัญชาที่ท่านชายกัสสั่งทุกอย่างเลย แต่ขอแค่หอมแก้มสักอย่างก็ไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่! ห้ามต่อรอง ไม่งั้นมือก็จะไม่ได้แตะนะ แถมจะห้ามเจอตลอดหนึ่งเดือนด้วยต่างคนต่างอยู่เลย” กัสส่งเสียงดุๆที่ขัดกับแววตาเจ้าเล่ห์มาให้ เมื่อสามารถหาบทลงโทษมาให้ผมทรมานได้ เอาน่ะ! แค่เดือนเดียวต้องอดทนเพื่อชดเชยในความผิดของตัวเอง ผมจับมือบางไว้และยกขึ้นจูบหลังมือนุ่มที่เจ้าของไม่ทันขัดขืน ผมจึงฝังปากและจมูกสูดกลิ่นจนพอใจ
“เอ๊ะ! วิน กัสบอกห้ามไง เดี๋ยวเถอะ” กัสส่งเสียงดุไม่แพ้ดวงตา ผมจึงรีบส่งสายตาออดอ้อนพร้อมคลึงหลังมือบางไปด้วยเพื่อหวังให้คนน่ารักคลายโกรธลง
“อื้อ ขอแค่นี้นะครับ ครั้งนี้ครั้งเดียวขอมาเป็นกำลังใจที่วินต้องรับโทษตั้งเดือนไงครับ” กัสถอนใจยาวตาอ่อนแสงลงและคลี่ยิ้มน้อยๆให้ผมได้เบาใจว่าคนน่ารักไม่คิดจะโกรธกันแล้ว ก่อนใบหน้าหวานที่ผมจับจ้องอยู่จะเบือนไปทางสระว่ายน้ำตรงหน้าเราแทน
“วินโชคดีนะที่มีครอบครัวที่อบอุ่น ทุกคนรักวินมากเลยเนอะ” ใบหน้าด้านข้างของกัสนั้นเศร้าจนผมนึกสงสารจับใจ ผมจึงกุมมือบางให้แน่นขึ้นเพื่อส่งกำลังใจไปให้ ใจจริงอยากจะโอบกอดร่างบางเข้าหาอกแต่ผมต้องรักษาสัญญาที่ให้กัสไว้
“โธ่ที่รักอย่าคิดมากนะ ต่อไปครอบครัววินก็เป็นครอบครัวกัสเหมือนกันนะครับ”
เรื่องครอบครัวของกัสผมได้รู้จากกัสเองตอนที่เรากลับมาคบกันอีกครั้ง ว่ากัสสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปตั้งแต่ช่วงที่เรียนชั้นมัธยมปลายเพราะอุบัติเหตุทางเครื่องบินตก เมื่อพ่อแม่เสียกัสจึงมาอยู่กับคุณยายที่ต่างจังหวัดและมีมรดกของพ่อแม่มาบ้างหลังจากนั้นยายก็มาเสียเมื่อสองปีก่อน กัสจึงต้องมาอาศัยกับป้าแทนได้อาศัยเงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้จนเรียนจบ จึงออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองโดยใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ นานๆครั้งถึงจะกลับไปเยี่ยมป้าบ้างไม่ใช่ว่าป้ากัสจะร้ายแต่ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาแต่แรกทำให้ไม่ค่อยผูกพันกันนัก แต่สายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่กัสเหลืออยู่ก็มีแค่ครอบครัวของป้าเท่านั้น ดังนั้นกัสจึงเหมือนอยู่ตัวคนเดียวยังดีที่มีเพื่อนสนิทอย่างมิคและมาย ที่รักและใส่ใจกัสอย่างจริงใจทำให้กัสไม่เหงาและมีความสุขได้ในช่วงที่เรียนอยู่
ใบหน้าเศร้าๆของกัสก็หันกลับมาและส่งยิ้มน้อยๆมาให้ผม ให้รู้ว่าเจ้าตัวเค้าไม่ได้เป็นอะไรเพื่อให้ผมได้สบายใจ ก่อนกัสจะเข้ามาโอบกอดตัวผมไว้ทำเอาผมสะดุ้ง ‘นี่ผมไม่ได้ผิดสัญญาใช่มั้ยครับ ในเมื่อคนน่ารักเข้ามากอดผมเอง’ ผมจึงโอบประคองคนตัวนิ่มที่หอมกรุ่นเข้าหาตัวและโยกตัวกัสเบาๆ เพื่อส่งกำลังใจไปให้และผมก็หวังว่ากัสจะรับรู้ถึงสิ่งที่ผมส่งไปให้ ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างให้ความรักความอบอุ่นแก่คนในอ้อมกอดคนนี้เอง ไม่ให้รู้สึกเหงาหรือว้าเหว่เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว
...................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
น่าสงสารหนูกัสนิดๆเนอะ ครอบครัวนี้ขี้แกล้งจัง :sad11:
แต่ไม่เป็นไรสุดท้ายทุกคนก็รับสะใภ้เล็กอย่างเต็มตัวเต็มใจ
ส่วนนายวินก็เนียนตลอดๆ :laugh:
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :กอด1:เจอกันพรุ่งนี้จ้า
ฝากติดตามการรวมเล่มชุด "เสน่ห์รัก" ด้วยนะคะรายละเอียดหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 24
วิน
‘พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันศุกร์แล้วสินะ’ ผมกำลังนั่งเอนหลังพิงโซฟาเบดตัวใหญ่ในห้องนอนคลึงแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายพลางนึกถึงใบหน้าคนรักไปด้วย ผมนั้นอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ ตั้งแต่วันที่ได้รับบทลงโทษจากกัสให้แค่จับมือก็ผ่านมาสามสัปดาห์แล้ว ผมที่ไปหากัสทุกสัปดาห์ก็ได้แค่นอนจับมือและมองหน้าหวานที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่จับต้องมากกว่านี้ไม่ได้ ผมอึดอัดใจมากที่ถ่ายทอดได้เพียงแค่คำพูดว่า ‘รัก’ มีบ้างที่ผมแอบขโมยหอมแก้มนุ่มเมื่อเจ้าของหลับสนิทให้พอเป็นแรงใจ แต่อย่าให้กัสได้รู้เชียวไม่งั้นผมคงได้รับโทษเพิ่มแน่ๆ กำลังคิดถึงคนรักเพลินๆก็ถูกขัดจังหวะจากสายเรียกเข้าทางโทรศัพท์มาจากเพื่อนหนุ่มผิวเข้ม ‘ฟิน’
“ไงมึงโทรมาซะดึกมีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีโทรมาไม่ได้เหรอไอ้วิน พอมีคู่หมั้นเนี่ยไม่สนใจเพื่อนฝูงเลยนะ”
“น้อยใจไปได้ไอ้นี่มีไรว่ามาเลย อย่าช้าเดี๋ยวต้องโทรหากัสอีก”
“เออๆ พรุ่งนี้มึงต้องไปหากัสใช่มั้ย ขอกูตามไปด้วยสิอยากไปสูดอากาศต่างจังหวัดบ้าง”
“อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย เออ อยากไปก็ได้แต่กูจะไปออกหน่วยเคลื่อนที่กับกัส พื้นที่มันลำบากหน่อยนะ มึงจะไปด้วยหรือจะรอในตัวจังหวัดล่ะ”
“กูไปด้วย ดีเหมือนกันเบื่อๆว่ะ”
“ตามใจพรุ่งนี้มาเจอกูที่บ้านสักบ่ายสามโมงละกัน”
คุยกันเสร็จผมก็วางหูไปนึกสงสัยเหมือนกันว่าไอ้ฟินมันเบื่ออะไรนักหนา แต่ก็ไม่แปลกใจมากนักเพราะไอ้ฟินเคยเอ่ยปากว่าจะขอตามไปเที่ยวเหมือนกัน แต่ที่ผ่านมามันยังไม่ว่างและมันคงเบื่อแสงสีกลางคืนแล้วมั้ง เพราะในกลุ่มผมนั้นไอ้ฟินใช้ชีวิตหนุ่มโสดได้คุ้มที่สุดแล้วมันเที่ยวได้ทุกคืนแต่งานมันก็ไม่เคยทิ้ง แต่เป็นแบบนี้ก็ดีผมจะได้มีเพื่อนร่วมเดินทางและช่วยขับรถด้วย อ้าว เลยเวลาโทรหาที่รักแล้วมัวแต่คุยกับไอ้ฟิน เดี๋ยวโดนคนน่ารักงอนผมจะแย่เอาและคงต้องบอกกัสเรื่องที่ไอ้ฟินจะตามไปด้วย แต่กัสคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะอย่างน้อยก็ได้ไอ้ฟินเป็นลูกมือเพิ่ม ส่วนผมก็จะได้มีเวลาสวีทเล็กๆกับกัสเพิ่มด้วย
...................................
ศาลาประชาคมประจำหมู่บ้านถูกใช้ประโยชน์ให้เป็นสถานที่รับบริการทางการแพทย์ชั่วคราว โดยมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลมาให้การตรวจรักษาโรคและให้บริการตรวจรักษาฟันให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านที่ห่างไกลแห่งนี้ กลุ่มคน
ทำงานเหล่านี้ยอมเสียสละตัวในช่วงวันหยุดมาออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และหนึ่งในนั้นก็มีคนที่ผมรักและคิดถึงมากรวมอยู่ด้วย เวลาล่วงเลยมาบ่ายมากแล้วอากาศค่อนข้างร้อนแต่กัสก็ยังตั้งใจให้บริการรักษาคนไข้อยู่ แม้ต้องทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้วส่วนผมและเพื่อนสนิทที่ติดมาด้วยก็มีหน้าที่เรียกคิวคนที่มานั่งรอให้เข้ารับการรักษาหรือช่วยหยิบจับของที่พอช่วยได้ ผมเห็นกัสทำงานไม่ได้หยุดเลยก็รู้สึกเหนื่อยแทนเพราะคนมารอรับบริการเยอะพอสมควร เมื่อผู้คนรู้ข่าวว่ามีหมอมารักษาถึงที่ต่างจูงลูกหลานมาตรวจรักษา แต่กัสก็ยังยิ้มให้คนไข้ทุกครั้งเมื่อรักษาคนนั้นๆเสร็จแล้ว
“กัสครับพักดื่มน้ำหน่อยนะ เหลือคนไม่มากแล้วเดี๋ยวหมอกัสเป็นลมไปคนไข้จะใจเสียเอาน้า”
กัสจึงถอดผ้าปิดจมูกและเสื้อคลุมตัวยาวออกก่อนส่งยิ้มหวานมาให้ ก่อนหันไปบอกเพื่อนสนิทตัวเล็ก ‘มิค’ ที่นั่งพักให้มาแทนที่ตน มิคหันมายกมือแตะเปลี่ยนตัวและยิ้มให้กับกัสอย่างล้อเลียน กัสรับน้ำจากผมและเดินมานั่งพักตรงส่วนนั่งพักที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ขณะกัสยกน้ำดื่มผมสังเกตเห็นเหงื่อซึมตามไรผมและจมูกเล็กๆนั่น ผมจึงเอื้อมมือใช้ผ้าเช็ดหน้าซับไปตามผิวชื้นเหงื่อ กัสคงร้อนและเหนื่อยมากแต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไร จนกัสดื่มน้ำหมดแก้วแล้วจึงหันมาส่งยิ้มให้ผม
“วินเบื่อมั้ยออกมาไกลแบบนี้”
“ไม่หรอกครับที่ไหนมีกัส วินก็ไม่เบื่อแล้ว กัสนั่นแหละเหนื่อยมั้ยทำงานแต่เช้าได้พักแค่ตอนเที่ยงนิดเดียวเอง”
“ก็เหนื่อยนิดหน่อยนะ แต่กัสอยากรีบทำให้ชาวบ้านน่ะมานั่งรอกันตั้งแต่เช้าแล้ว พวกเค้าอยู่ไกลจากโรงพยาบาลพอพวกเรามาเค้าคงดีใจที่มีหมอมารักษาถึงที่น่ะ”
“กัสเนี่ยน่ารักและยังใจดีอีกน้า แฟนใครเนี่ย แฟนกัสโชคดีจังที่ได้กัสเป็นแฟน”
“ฮิๆๆๆ พูดเข้าข้างตัวเองก็เป็น คนอะไรเนี่ย”
“แหมๆๆ ไอ้วินมึงเกรงใจคนอื่นมั่งเหอะเค้าทำงานกันอยู่กลับแอบมาสวีทกันสองคน”
หลังคำแซวของไอ้ฟินทำเอากัสตาโตมองไปรอบๆตัวซึ่งผมก็มองตามเห็นพี่พยาบาลที่วัดความดันอยู่ พี่เภสัชที่จ่ายยา และไอ้หมอตี๋พจน์ที่คนไข้เพิ่งลุกไปหันมามองทางเราส่งยิ้มแซวมาให้ แต่ไอ้คนสุดท้ายนี่กลับมองเฉยและหันกลับไปทันที มันคงเห็นภาพบาดตาล่ะสิ แต่ช่วยไม่ได้แอบมาหลงคนมีเจ้าของแล้วเองนี่หว่า ผมหันกลับมามองหน้ากัสที่ใบหน้าขึ้นสีเพราะคงอายเพื่อนร่วมงานคนอื่นนั่นเอง ผมเคยถามกัสเหมือนกันว่าอายมั้ยที่มีผมเป็นแฟน จำได้ติดตาว่าตอนนั้นกัสทำหน้ามุ่ยและตอบว่าไม่อาย แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศและถ้ามีใครถามก็จะบอกความจริงไป คนที่ทำงานกัสหลายคนก็รู้แล้วว่ากัสมีผมเป็นแฟนแต่ก็ไม่มีใครรังเกียจหรือตำหนิอะไร กลับเป็นว่าคนเหล่านั้นต่างอิจฉากัสที่มีแฟนหน้าตาดีหรือออกแนวแซวซะมากกว่า เมื่อแรกรู้ทำผมยิ้มปลื้มไม่หุบอยู่นานเลยล่ะ หลังจากเราเป็นที่จับตากัสลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูมิคที่ทำงานแทนคงอายสายตาพี่ๆที่ส่งมาล้อตัวเอง ผมนึกเอ็นดูคนขี้อายอยากหอมสักฟอดแต่คนเยอะแบบนี้ไม่กล้าหรอกก็ได้แค่คิด จึงหันกลับมาที่
เพื่อนตัวเองที่ตอนนี้นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ถึงความผิดที่ทำให้ผมอดสวีทกับแฟนตัวเอง
“มึงนี่นะมันน่าโดนเตะสักที แล้วไปไหนมาเนี่ยหายไปตั้งแต่บ่าย”
“แค่นี้ทำเป็นโกรธมึงก็สงสารกูมั่งเถอะไม่มีแฟนมาด้วยนี่หว่า ที่หายไปกูไปถ่ายรูปแถวๆนี้แหละ ธรรมชาติที่นี่ยังสมบูรณ์อยู่เลยไม่ได้เห็นแบบนี้นานแล้ว”
“ไอ้ฟินมึงไม่เบื่อแบบนี้ก็ดีแล้ว เดี๋ยวจะหาว่ากูพาเพื่อนมาลำบาก”
“กว่าจะเสร็จวันนี้เจ้าหน้าที่ที่มาเนี่ยคงเหนื่อยมากนะมึง แค่เห็นกูยังเหนื่อยแทนเลย นับถือพี่ๆแกว่ะเดินทางก็ไกลต้องมาตรวจรักษาให้คนที่รอตรวจ คนก็มาเยอะมาก”
“อืม ใช่ดีใจแทนชาวบ้านที่นี่ว่ะ ไอ้ฟินกูเพิ่งเคยเห็นกัสทำงานแบบนี้ครั้งแรกว่ะ กูภูมิใจในตัวกัสมาก”
“ใช่กูก็ภูมิใจ”
ผมหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทมันกำลังมองไปทางกลุ่มคนที่ทำงานตรงหน้าสายตามันจับจ้องไปที่คนๆหนึ่ง เฮ้ย! มันมองหมอมิคยิ้มๆแบบนี้หมายความว่าไงวะ
“ฟิน มึงมองหมอมิคแบบนี้หมายความว่าไง อย่าเชียวนะมึง”
“ไร กูก็มองคนอื่นด้วยไม่ใช่หมอมิคคนเดียวซะหน่อย คิดมากน่า”
“กูเพื่อนมึงนะ กูคิดมากดีกว่าคิดน้อยว่ะ แต่ขออย่างอย่ามาเล่นๆนะโว้ย คิดให้ดีคนนี้มึงเล่นๆไม่ได้”
รีบเตือนเพื่อนสนิทที่น่าจะคิดไม่ซื่อกับมิคแน่ๆผมเป็นเพื่อนไอ้ฟินมานาน มันสนใจใครทำไมจะไม่รู้แต่มันเริ่มสนใจมิคตอนไหนมากกว่า ไอ้ฟินสนใจได้แต่ต้องจริงจังแต่ไอ้คนโสดเจ้าชู้แบบมันจะจริงจังกับมิคจริงเหรอ ถ้ามันแค่เล่นๆผมต้องแย่แน่ๆเพราะต้องโดนกัสโกรธที่ปล่อยให้ไอ้ฟินไปทำเล่นๆกับมิคนั่นเอง ไอ้ฟินหันกลับมามองผมเราสบตากันเงียบๆ
“กูยอมรับว่าเริ่มสนใจ แต่มึงสบายใจได้ตอนนี้กูยังไม่แน่ใจแต่ถ้ายังรู้สึกแบบนี้ก็จะไม่เริ่มแน่ๆ กูจะรอจนแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองก่อนถึงจะเริ่ม” ผมส่งมือไปตบหลังเพื่อนอย่างเข้าใจในความรู้สึกของมัน ก็ไม่รู้ว่ามันสนใจมิคตอนไหนเพราะคู่นี้ก็รู้จักกันมาก่อนหน้านี้นานแล้วเท่าๆกับที่ผมรู้จักกับกัส
ไอ้ฟินลุกขึ้นไปเก็บภาพบรรยากาศการออกหน่วย ส่วนผมก็ลุกมาช่วยหยิบจับของและเรียกคิวคนที่นั่งรอที่เหลือไม่มากนัก จนเสร็จสิ้นการทำงานอันแสนเหนื่อยของวันเจ้าหน้าที่ต่างเก็บของขนขึ้นรถ หลังจากนั้นก็มีคนพาพวกเราไปยังสถานที่พักที่เป็นสถานีอนามัยของหมู่บ้าน เพราะคืนนี้เราต้องพักกันที่นี่เดินทางกลับโรงพยาบาลไม่ทัน ด้วยระยะทางไกลและหนทางที่ลำบากพอควร สถานที่พักเป็นอาคารสำหรับรักษาคนไข้มีห้องโถงว่างอยู่ ส่วนเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลคนอื่นต่างแบ่งไปพักที่บ้านพักของเจ้าหน้าที่อนามัยคนอื่นด้วย ดังนั้นคนที่พักที่นี่ก็จะมีผม กัส มิค ฟิน และไอ้หมอตี๋พจน์ พี่เจ้าหน้าที่นำฟูกนอนหมอนผ้าห่มเท่าจำนวนคนมาให้ และจัดอาหารเย็นไว้ให้ที่หน้าสถานีอนามัยกลางลานหญ้า โดยมีชาวบ้านนำอาหารมาเพิ่มให้บางส่วนแสดงถึงน้ำใจเพื่อตอบแทนที่หมอมารักษาถึงที่ พวกเราทั้งหมดที่มาต่างมารวมตัวกันเพื่อทานอาหารที่มีไม่มากแต่ก็มาจากน้ำใจของพี่เจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ซึ่งมีการพูดคุยกันบ้างระหว่างทานอาหาร
“หมอกัสนี่โชคดีจังน้ามีแฟนแบบนี้ ตามมาดูแลถึงที่เลย หาจากไหนเนี่ย ฮิๆๆๆ” พี่พยาบาลที่นั่งตรงข้ามกัสเอ่ยแซวขึ้นทำเอาคนน่ารักข้างๆผมนั่งหน้าแดงระเรื่อก้มหน้าก้มตาตักข้าวแต่ไม่ยอมตอบอะไร
“พี่บุษครับ ตรงนี้ยังมีอีกคนสนใจมั้ยครับ”
“แหมน้องฟินเนี่ยอย่ามาพูดเล่นนะพี่บุษเอาจริงนะคะ ยิ่งห่างสามีกับลูกมาแบบนี้ด้วย”
บทสนทนาระหว่างไอ้ฟินและพี่บุษพี่พยาบาลที่เป็นคนแซวกัสเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ ยกเว้นก็แต่ไอ้หมอตี๋คนเดียวที่นั่งเงียบและลุกขึ้นขอตัวไปพักผ่อนทันทีหลังกินเสร็จ กัสมองตามหลังมันที่เดินจากไปพร้อมถอนใจเฮือกใหญ่ออกมา หันกลับมาสบตาผมที่มองกัสอยู่ก่อนแล้วแววตาลำบากใจที่ฉายออกมาทำให้ผมเข้าใจว่ากัสคงลำบากใจทำตัวไม่ถูกเรื่องไอ้หมอพจน์อยู่ ผมเข้าใจนะเรื่องความรักนี่จะให้ตัดทันทีนี่ทำไม่ได้หรอกมันคงต้องใช้เวลา ผมก็ไม่ได้โกรธที่ไอ้หมอพจน์นั่นมาชอบกัสแค่หมั่นไส้นิดหน่อยแค่นั้น เรานั่งทานกันคุยกันไปซักพักกัสก็ขอตัวไปพักผ่อน ผมจึงเตรียมลุกตามแต่ถูกห้ามไว้ก่อนโดยกัสกระซิบบอกข้างหูว่า
“กัสขอเวลาคุยกับหมอพจน์หน่อยนะครับ” ฟังทีแรกก็ว่าจะไม่ยอมก็ใครล่ะอยากให้แฟนตัวเองไปอยู่กับผู้ชายอื่นสองต่อสอง แต่เมื่อนึกถึงหน้าไอ้หมอตี๋นั่นที่ทำหน้าหงอยๆเมื่อมองมาที่เราสองคนตอนใกล้ชิดกันก็นึกเห็นใจขึ้นมาจึงพยักหน้าตอบกลับไป
“วินให้เวลาไม่เกินยี่สิบนาที ถ้านานกว่านี้วินจะไปตามนะครับ” กัสส่งยิ้มน้อยๆอย่างขอบคุณมาให้และเดินไปทางที่พักที่ไอ้หมอพจน์เพิ่งเดินเข้าไป เมื่อลับร่างบางผมจึงหันกลับมาที่โต๊ะตอนนี้เหลือเพียงไอ้ฟินและมิค ส่วนคนอื่นขอตัวกลับที่พักแล้ว และเจอสายตาเป็นคำถามของไอ้ฟินที่ส่งมาให้ผมจึงส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีอะไร
“ก็ต้องสงสารอีกฝ่ายบ้างนะ คนเค้าแอบมองมานานและก็เป็นคนดีด้วย นายโชคดีมากรู้มั้ยที่กัสกลับมาคบด้วยทั้งๆที่มีคนที่ดีกว่าเข้ามาแท้ๆ” หลังคำพูดมิคผมก็ได้คิดว่าผมน่ะโชคดีมากที่กัสยังให้โอกาสเราได้คบกันอีกครั้ง ก่อนนี้ถ้ากัสจะเลือกหมอพจน์ผมก็ไม่มีสิทธิ์โวยวายอะไร ไอ้ฟินตบหลังให้กำลังใจมันคงเข้าใจหัวอกผมตอนนี้ล่ะครับก็เรามันเพื่อนสนิทกันนี่หน่า
“อาทิตย์หน้าหยุดหลายวันมิคมีโปรแกรมไปไหนมั้ย” ไอ้ฟินหันไปถามหมอตัวเล็กที่นั่งตรงข้ามกัน
“ว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่น่ะ แต่ยังไม่มีโปรแกรมเที่ยวนายมีอะไรล่ะ”
“ผมอยากชวนไปเที่ยวอัมพวาน่ะไปด้วยกันมั้ย เฮ้ย ไอ้วินมึงทำหน้าตกใจทำไมกูก็จะชวนเพื่อนๆไปกันหมดนั่นแหละ อยากหาที่เที่ยวว่ะช่วงนี้เบื่อๆ
กรุงเทพ”
ผมตกใจหมดไม่นึกว่าเพื่อนผมคนนี้จะรุกเร็วขนาดชวนหนุ่มน้อยออกเที่ยวซะแล้ว เมื่อช่วงบ่ายเพิ่งสังเกตว่ามันสนใจหนุ่มน้อยข้างๆนี่เองชวนมิคเที่ยวซะแล้วท่าทางมันจะเอาจริงแฮะ แต่ก็ดีเหมือนกันสัปดาห์หน้าก็ครบเดือนพอดีไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ถือว่าเป็นการซ้อมฮันนีมูนกับกัสละกันครับ
“ยังไม่เคยไปเหมือนกันคนที่เคยไปมาเค้าติดใจกันใหญ่มีทั้งร้านขายของเลียบริมน้ำ ยิ่งของกินที่ทั้งแปลกและก็อร่อย นายฟินนายจัดการเรื่องที่พักได้เลยนะเราไปด้วย อืม นับมายเดียร์ด้วยนะรายนั้นถ้าจะดีใจใหญ่บ่นอยากไปมานานแล้ว” หมอกัสยิ้มตาหยีเมื่อคิดถึงที่เที่ยวและของกิน ส่วนเพื่อนผมยิ้มน้อยๆจ้องมิคไม่กระพริบ เอาล่ะสิงานนี้ไอ้ฟินมันหวังทำคะแนนแน่ๆ
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” ไอ้ฟินยิ้มตอบแต่ท่าทางงานนี้มันได้เจองานหินแน่ เพราะท่าทางหมอมิคไม่ได้รับรู้เลยว่าตนได้รับความสนใจจากเพื่อนของผมแล้ว ผมว่าไอ้ฟินเป็นรองของกินซะแล้วครับ เพราะมิคเลิกสนใจมันและหันไปนั่งทานขนมหวานที่วางอยู่ตรงหน้าแทนยิ้มหวานๆที่ไอ้ฟินส่งไปให้
“คุยอะไรกันอยู่ได้ยินว่าจะไปเที่ยว ไปไหนกันเอ่ย” เสียงหวานที่นำมาก่อนร่างบางจะเดินมานั่งที่เดิมข้างผม
สีหน้าของกัสเป็นปกติมียิ้มน้อยๆประดับหน้าแต่ตามีแววเศร้าจางๆ ผมหวังว่าทุกอย่างที่กัสไปคุยคงเรียบร้อยด้วยดี แต่ผมคงไม่ถามกัสว่าคุยอะไรกับไอ้หมอพจน์บ้าง ด้วยเชื่อว่ากัสคงจัดการเรื่องหมอพจน์ได้อย่างดีที่สุดและมั่นใจในรักที่กัสมีให้ผม เพราะถ้ากัสจะชอบไอ้หมอพจน์ก็คงคบกันไปแล้วก่อนที่เราจะคืนดีกัน และเชื่อว่าถ้ามีปัญหาที่แก้ไม่ได้กัสจะต้องบอกผมแล้วเราจะหาทางออกด้วยกัน ผมกอบกุมมือบางมาบีบแน่นและส่งยิ้มให้กำลังใจคนน่ารัก ส่วนกัสกระชับมือตอบพร้อมส่งยิ้มให้ผมได้สบายใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
“เราคุยกันว่าจะไปอัมพวาอาทิตย์หน้าที่หยุดยาวกัสห้ามปฏิเสธนะ เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันนานแล้ว” มิคเอ่ยชวนและรวบรัดเพื่อนให้ตกลงไปเที่ยวด้วยกัน ทำเอากัสอดหัวเราะเพื่อนตัวเองไม่ได้
“ฮึๆๆ คร้าบ กัสไปด้วยอยู่แล้วชวนมายไปด้วยนะเห็นอยากไปมานานแล้ว”
“แน่นอน ถ้าไม่ชวนเราสองคนโดนบ่นหูชาแน่ๆ คิกๆๆ” เพื่อนกลุ่มนี้นี่เค้ารักและรู้ใจกันจริงๆไปไหนไปด้วยกันตลอด
บรรยากาศของเราสี่คนที่นั่งอยู่ชื่นมื่นขึ้นมาทันตาเมื่อคุยเรื่องไปเที่ยว ต่างวางแผนกันว่าจะไปที่ไหนบ้างแวะซื้อของฝากอะไร นี่ขนาดยังไม่ได้ไปนะสงสัยถ้าไปจริงๆคงวุ่นวายน่าดู ส่วนผมไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรแต่แอบวางแผนเรื่องซ้อมฮันนีมูนอยู่ในใจคนเดียว
“วินเป็นอะไร ยิ้มคนเดียวอยู่ได้กัสจะเข้าบ้านแล้วนะ”
อ้าว ที่รักทำไมเดินไปถึงนู่นแล้วล่ะทิ้งกันเฉยเลย แค่แอบคิดอะไรๆนิดเดียวเอง ผมรีบลุกและก้าวเข้าหาคนรักที่ยืนรอด้วยใบหน้าหน้าประดับยิ้มละไม ‘คนอะไรน่ารักได้ทุกอิริยาบถเลย’
.................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
ตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของมิคฟินนะคะใครคิดถึงยกมือขึ้น :laugh:
และชิวๆกันไป ติดตามกัสวินต่อวันพรุ่งนี้ค่ะ
บวกเป็ดให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ
ปล.เหลืออีก 1 สัปดาห์จะปิดโอนและจองแล้วใครสนใจรับหนุ่นๆไปกอดรีบหน่อยน้า
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 25
กัส
หลังกลับมาจากการออกหน่วยเคลื่อนที่ก็ผ่านมาครบหนึ่งสัปดาห์แล้ววินได้ กลับไปกรุงเทพฯในเย็นของวันต่อมา ชีวิตผมก็ดำเนินมาตามปกติในเรื่องของการทำงานก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากเดิม แต่ที่ต่างออกไปก็คือคนต่างหากหลังจากที่ผมได้คุยกับหมอพจน์ในวันที่เราไปออกหน่วยในหมู่บ้านด้วยกันแล้ว หมอพจน์ที่แต่ก่อนต้องมารับมาส่งหรือรอทานข้าวด้วยแม้จะน้อยลงกว่าก่อนที่จะรู้ว่าผมคบกับวินก็ตาม แต่มาตอนนี้หมอพจน์วางตัวกับผมเหมือนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ซึ่งทำให้ผมสบายใจเพราะนั่นหมายความว่าหมอพจน์ได้พยายามเลิกคิดกับผมเกินเพื่อนร่วมงานแล้ว และมันก็ดีกับตัวหมอพจน์เองที่จะได้เปิดโอกาสให้ได้พบคนที่ใช่ไม่ต้องมาหยุดที่ผม ซึ่งผมคงตอบรับไม่ได้เพราะมีวินอยู่แล้วทั้งคน และที่สำคัญผมแคร์ความรู้สึกของวินไม่อยากให้คิดมากกับเรื่องนี้
ส่วนวินเองก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วในเรื่องของความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตัวให้เห็นว่าวินจริงจังกับผมมากแค่ไหน นี่ก็ใกล้เวลาที่วินจะมารับแล้วสัปดาห์นี้พิเศษตรงที่เราจะไปเที่ยวอัมพวากับเพื่อนๆกันคนที่ตื่นเต้นมากๆก็ไม่พ้น ‘มิค’ ที่เตรียมคิดแผนท่องเที่ยวไว้ซะมากมายและต้องคอยรับโทรศัพท์จาก ‘ฟิน’ บ่อยๆก็สองคนนี้เค้าเป็นผู้จัดทริปร่วมกัน เห็นว่าทริปนี้เราจะเลยไปเที่ยวถึงหัวหินกันด้วยมิคให้เหตุผลว่าไหนๆก็ไปแล้ว ไปต่ออีกนิดก็ได้เที่ยวอีกหลายแห่งและนานๆได้ไปกันสักทีขอไปให้คุ้มหน่อย ผมและคนอื่นๆไม่มีใครขัดหรอกเพราะงานนี้ก็หวังเที่ยวให้เต็มที่อยู่แล้ว เสียงโทรศัพท์จากวินดังขึ้นว่ามาถึงแล้วผมจึงเดินไปเรียกมิคที่ห้องเพื่อลงไปที่รถกันเลย
“วินจะลงมาเข้าห้องน้ำก่อนมั้ย อ้าวฟินมาได้ไง ทำไมถึงมากับวินได้ล่ะ” ผมเปิดประตูรถมาเจอฟินก็ออกแปลกใจที่มีฟินมาพร้อมวินด้วยแบบนี้
“ไม่เข้าครับกัส ส่วนไอ้ฟินมันมาช่วยขับรถน่ะ”
“หวัดดีครับหมอกัส แล้วหมอมิคล่ะครับอยู่ไหน”
“เข้าห้องน้ำอยู่เดี๋ยวคงออกมา นั่นมาแล้ว”
ฟินเดินไปช่วยมิคขนกระเป๋าที่เจ้าตัวเตรียมสำหรับไปเที่ยว ส่วนของผมไม่เยอะเท่าเพื่อนเพราะเดี๋ยวไปจัดเพิ่มที่ห้องวินต่อได้ ผมก็ยังแปลกใจเรื่องฟินอยู่ไอ้ข้ออ้างที่มาช่วยขับรถเนี่ยก็ไม่หนักแน่นพอเพราะแต่ไหนแต่ไรวินก็ขับเองได้ และไอ้ท่าทีที่คอยดูแลมิคช่วยขนของและแววตาหวานๆที่มองเพื่อนผมอีกมันชักแปลกๆแล้วสิ จึงหันไปทางวินส่งสายตาเป็นคำถามไปให้เมื่อเราเข้ามานั่งตอนหน้าของรถด้วยกันแล้ว วินส่งยิ้มน้อยๆมาให้ก่อนเอ่ย
“เดี๋ยววินค่อยตอบสิ่งที่กัสอยากรู้ที่ห้องนะ” วินพยักพเยิดไปทางคนสองคนที่กำลังเปิดประตูรถเข้ามา หลังจากใส่ของหลังรถแล้วคงกลัวสองคนนี้ได้ยินว่าเราแอบพูดถึง
หมายความว่าฟินต้องคิดอะไรกับมิคเหมือนที่ผมคิดไว้สินะ ส่วนมิคนั้นคงไม่รู้ตัวหรอกเพราะความสนใจส่วนใหญ่นอกจากเรื่องงานเรื่องเพื่อนและครอบครัวแล้วก็มีแต่เรื่องของกินนั่นแหละ นายฟินนี่ตาถึงชะมัดเพราะเพื่อนสนิทคนนี้ของผมจริงๆเป็นคนน่ารักตัวเล็กใกล้เคียงกับผมเลย ส่วนผิวก็ขาวแต่เสียอย่างไม่ค่อยสนใจตัวเองเท่าไหร่ มิคเหมือนเด็กเส้นผมบนหัวมักจะฟูฟ่องแถมมีแว่นหนาบนใบหน้าบดบังหน้าตาน่ารักไปหมด ถ้าลองจับมิคมาแต่งตัวสักหน่อยนะคนคงมองกันเหลียวหลังและหลงในความน่ารักแน่ๆ นายฟินไปเห็นความน่ารักที่ซ่อนอยู่นี่ตอนไหนกันทั้งๆที่รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว
บรรยากาศบนรถในตอนแรกก็เฮฮาสนุกสนานดีเพราะได้มิคที่ช่างพูดชวนคุยตลอด และคนที่สนใจตอบคำซักถามมิคก็จะใครถ้าไม่ใช่นายฟิน แต่พลังขนมที่มิคทานไปคงหมดเพราะตอนนี้เงียบเสียงลงแล้ว ผมหันไปก็เห็นมิคหลับพิงไหล่ฟินอยู่แล้วจึงมองสบตาตรงๆกับฟินที่ตอนแรกไม่ได้มองผมเลยเพราะมัวแต่ก้มมองหน้ามิคที่ไหล่ตัวเอง สายตาของผมที่มองไปนิ่งๆก็ทำให้ฟินรู้ตัวและขยับให้มิคหนุนนอนที่ตักตัวเองแทนก่อนมองสบตาผมกลับอย่างแน่วแน่
“กัสครับผมยังไม่ค่อยแน่ใจแต่ก็รู้สึกพิเศษกับมิคมากกว่าใครที่เคยพบ ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์อีกนิดแล้วจะมีคำตอบให้แน่ๆครับ และระหว่างนี้ผมจะไม่ทำให้มิคลำบากใจเลย”
เมื่อได้ฟังพร้อมได้เห็นสายตาที่จริงใจของฟิน ผมก็ได้แต่ถอนใจออกมาคงต้องแล้วแต่พรหมลิขิตล่ะนะ ถึงผมจะห้ามหรือขัดขวางถ้าคนเค้าคู่กันทำไปก็ไม่มีประโยชน์เหมือนคู่ของผมกับวินนั่นแหละ แม้ผมจะรู้และออกจะขัดใจว่าฟินนั้นเจ้าชู้มีทั้งหญิงและชายมาติดพันมากมายก็ตามคงได้แต่คอยจับตาเท่านั้น ระหว่างทางเราก็แวะเข้าห้องน้ำตามปั๊มบ้างและอาศัยทานของว่างที่ซื้อมากันบนรถ ฟินผลัดไปขับรถแทนวินผมจึงมานั่งข้างหลังคู่กับมิคแทนและตอนนี้เจ้าเพื่อนสนิทผมคนนี้ก็ตื่นมานั่งจ้อข้างๆกันแล้ว
“พรุ่งนี้เราออกเดินทางกันสายหน่อยก็ได้สักสิบโมงเช้าดีมั้ย เพราะวินกับฟินจะได้พักก่อนวันนี้ก็ขับรถเดี๋ยวจะเหนื่อยไป” มิคหันมาขอความเห็นจากผมและสบตากับฟินทางกระจกส่องหลัง ฟินก็พยักหน้าตกลงตอนนี้ฟินก็คงไม่กล้าขัดมิคหรอกออกจะเต็มใจปฏิบัติตามอยู่แล้ว
“แล้วตกลงเราไปไหนกันบ้างล่ะมิค นอกจากอัมพวาน่ะ” ผมหันไปถามรายละเอียดการเดินทางจากมิค
“กว่าจะไปถึงแถวสมุทรสงครามก็คงใกล้เที่ยงเราจะยังไม่เข้าไปที่พัก แต่จะเลยไปให้ถึงดอนหอยหลอดแวะทานข้าวที่ร้านอาหารทะเลริมชายหาด มีอยู่ร้านหนึ่งนะกัสขายแฮมเบอร์เกอร์ปลาทูด้วยน่าอร่อยมิคอยากลองอ่ะ หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่พักที่จองไว้ใกล้ตลาดน้ำอัมพวาพักผ่อนตามอัธยาศัย ช่วงเย็นก็ว่าจะเหมาเรือนั่งไปตลาดน้ำช่วงเย็นกัน หาข้าวทานกันที่ตลาดเลยเค้าว่าของกินเพียบเนี่ยมิคก็เตรียมท้องรอแล้วนะ”
“ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยหรอครับหมอมิค งั้นเดี๋ยวผมจะไปสืบดูว่าร้านไหนเค้าชวนชิมบ้าง แต่อืมเหมือนมีไอศกรีมดอกไม้ขายด้วยนะ” นายฟินเอาของกินเข้าล่อมิคให้ติดกับตัวเองรึเปล่านะ ดูท่าจะได้ผลเพราะเพื่อนสนิทผมสนใจใหญ่ นั่นเอามือเกาะบ่านายฟินและถามอย่างตื่นเต้นด้วย
“แล้วไงต่ออ่ะมิค เราจะไปไหนหลังจากนั้นล่ะ” ผมจับมือเพื่อนออกจากบ่าของฟิน ผมขอหวงเพื่อนหน่อยเถอะครับ แม้มิคจะไม่ได้รู้เรื่องด้วยก็ตามและแอบได้ยินเสียงหัวเราะในคอจากวินด้วย คนนี้ก็รู้ทันผมไปซะทุกเรื่องเชียว ผมจึงส่งค้อนผ่านกระจกไปให้วินเจ้าตัวกลับยิ้มซะกว้างแถมขยิบตามาให้อีกแน่ะ ผมกลับมาสนใจเพื่อนตัวเองที่ร่ายโปรแกรมเที่ยวต่อดีกว่า
“ค่ำๆเราก็นั่งเรือไปดูหิ่งห้อยกัน เค้าว่ามีเพียบเลยนะกัสต้องสวยมากแน่ๆ มิคอยากไปเห็นเร็วๆจัง” มิคหันมาส่งยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นให้ผม หน้าตาเหมือนเด็กๆเลยเชียวล่ะแบบนี้สินะที่ทำเอานายฟินมาหลงได้ ผมแอบหันไปมองคนขับรถที่ไม่ได้มองมาทางเราสองคนหรอกครับ แต่ปากนายฟินนี่จะยิ้มกว้างไปไหนกันนะ
“วันต่อไปมิคว่าจะชวนไปเที่ยวต่อถึงหัวหินนอนริมทะเลอีกหนึ่งคืน อืมมีตลาดเพลินวานที่เค้าไปถ่ายรูปกันด้วยมิคเห็นจากรูปภาพสวยเชียวล่ะ และตอนเย็นค่อยไปหาของอร่อยที่ตลาดหัวหินกันของกินเพียบเหมือนเดิมหรือจะหาของทะเลมาทำเองหน้าบ้านพักก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเล่นน้ำทะเลตอนเย็นๆ ทริปนี้ได้ทั้งเที่ยวตลาดน้ำและทะเลควบกับไปเลย ฮิๆๆ โอเคมั้ยกัส” มิคหัวเราะปากกว้างแววตาระยิบอย่างถูกใจ ก่อนจะเหลือแค่คลี่ยิ้มหวานส่งคำถามมาให้ผม
“เท่าที่ฟังมากัสว่าโอเคเลยล่ะ น่าสนุกเพราะทั้งที่เที่ยวที่กินครบเลย กัสวางใจมิคอยู่แล้วเรื่องเที่ยวเนี่ย”
“โห เนี่ยกัสชมมิคใช่มั้ย แต่ถ้าเกิดไม่ชอบไม่ถูกใจให้ไปว่านายฟินนะ มิคไม่เกี่ยว”
“อ้าวทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับมิค ความดีเข้าตัวความชั่วมาให้ผมซะงั้น ฮึๆๆ”
“อ้าว ก็นายช่วยเราคิดนี่หน่าก็ต้องรับไปสิ”
“สิ่งดีๆให้มาชมผมแทนไม่ได้เหรอครับมิค” ฟินพูดพร้อมส่งสายตาหวานวิบวับให้มิคแต่มิคไม่รู้เรื่องด้วยเลย ผมล่ะอยากขำออกมาให้กับความน่าหมั่นไส้ของนายฟิน
“ไม่อ่ะนายรับคำติไปส่วนเราจะรับคำชมเท่านั้น”
หลังจากนั้นบทสนทนาในรถก็มีแต่เสียงของสองคนนี้ ส่วนผมและวินต่างนั่งเงียบคอยฟังมากกว่าและผมได้สบตาหวานๆที่ส่งมาจากวินบ้าง หันมาสนใจบทสนทนาจากฟินและมิคบ้างจนมาถึงกรุงเทพฯ พวกเรากลับมาที่คอนโดของวินซึ่งฟินจอดรถทิ้งไว้และมีทุ่มเถียงกันนิดหน่อยเรื่องไปส่งมิคที่บ้าน แต่ผมก็ต้องยอมแพ้ให้ฟินไปส่งเพื่อนตัวเล็ก ด้วยเหตุผลที่มิคบอกว่าไม่อยากให้ผมกับวินขับไปขับมาเสียเวลาพักผ่อน และพรุ่งนี้พวกเราก็ต้องไปเที่ยวกันด้วย หลังจากส่งมิคขึ้นรถฟินแล้วผมกับวินจึงขึ้นห้องเพื่อพักผ่อนบ้าง ตอนแรกคุณแม่ของวินชวนให้ผมไปค้างที่บ้านด้วยแต่วินปฏิเสธไปเพราะว่ากว่าจะถึงก็ดึกแล้วไม่อยากรบกวนเด็กรับใช้ให้มาคอยเปิดประตู พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปทานข้าวต้มฝีมือคุณแม่ที่ย้ำแล้วย้ำอีกให้ผมไปทานให้ได้ เพราะท่านอยากเจอผมก่อนไปเที่ยวและถึงยังไงเราต้องไปขึ้นรถที่บ้านวินกันอยู่แล้ว ขนของขึ้นมาถึงห้องได้วินก็หาซุปร้อนๆมาทานเพราะเจ้าตัวทานของในรถไม่มากนักและวินก็ทำเผื่อผมอีกด้วยเลยสบายท้องไป หลังจากทานเสร็จผมก็ไล่วินไปอาบน้ำทีแรกก็อิดออดเข้ามานัวเนียกอดรัด จนผมต้องขู่ไปวินถึงยอมเพราะวันนี้วินเหนื่อยมาทั้งวันแล้วอยากให้พักผ่อนพรุ่งนี้เราต้องไปเที่ยวกันอีก วินทำหน้างอนเข้าไปอาบน้ำส่วนผมรีบมาจัดของทั้งของผมและวินเพื่อใช้ตอนไปเที่ยวก่อนจัดเก็บไว้ในกระเป๋าใบเดียวกันจะได้สะดวกในการขนของด้วย อยู่ๆก็มีความเย็นชื้นมาสัมผัสที่แก้มของผมไม่บอกก็รู้ว่าโดนขโมยหอมแก้มจากวินซะแล้ว
“กัสรู้มั้ยกว่าจะครบเดือนวินแทบขาดใจ” ตามมาด้วยการระดมหอมทั้งแก้มทั้งคอจนผมทั้งขำและจั๊กจี้ไปหมดกับไรหนวดของวินที่เริ่มโผล่มามีแสบผิวนิดๆด้วยสิ
“พอแล้ววิน ฮ่าๆๆ หยุดนะกัสเจ็บแล้วอ่ะ ฮิๆๆ” วินจึงยอมปล่อยผมเราสบตากัน ก่อนวินจะโน้มหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากของเราเกือบชนกัน แต่ผมเบี่ยงหน้าหลบซะก่อน ริมฝีปากวินจึงชนกับแก้มผมแทน
“เดี๋ยวกัสไปอาบน้ำแล้ว วินก็แต่งตัวให้เรียบร้อยจะได้พักผ่อนนะครับ”
เอื้อมมือลูบใบหน้าวินและส่งยิ้มอ้อนๆไปให้ ก็ผมไม่อยากโดนจับกินตอนนี้นี่เพราะพรุ่งนี้เรามีโปรแกรมเที่ยวเพียบเลย ผมก็พอรู้ตัวหรอกตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นแกล้งยั่ววินไปมากเพราะแน่ใจว่าวินไม่กล้าทำอะไรผมแน่ วินต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้ มันก็สนุกดีหรอกตอนที่ได้แกล้งแต่ตอนนี้ขอเอาตัวรอดไปก่อนแม้จะไม่แน่ใจนักว่าจะรอดมั้ย สายตาวินตอนนี้มันเจ้าเล่ห์มากเหมือนจะจับผมกินให้ได้ซะงั้น
“ฮึๆ กัสไม่ต้องอ้อนวินเลยนะวินรู้หนึ่งเดือนที่ผ่านมากัสแกล้งยั่ววินไว้เยอะนะครับ รู้มั้ยวินอดทนแค่ไหน หืมคนดี” ผมส่งยิ้มหวานอ้อนๆไปให้ให้วินใจอ่อนแต่มันไม่ได้ผล
“ยิ่งทำหน้าแบบนี้ยิ่งหน้าฟัดมากรู้มั้ยครับ”
จบประโยควินโน้มหน้าเอาริมฝีปากมาสัมผัสริมฝีปากผมแผ่วเบาเป็นสัมผัสบางเบาไม่ได้บีบบังคับ วินคลอเคลียดูดเม้มที่ปากล่างหลายทีพรมจูบมาที่มุมปากแลบเลียขอบปากเพื่อชิมรสชาติความหวาน จนผมเผลอเปิดปากออกลิ้นร้อนอ่อนนุ่มฉกเข้ามาในโพรงปากกวาดต้อนหาลิ้นผมเพื่อดูดกลืนหยอกเย้า ขยับเปลี่ยนองศาของปากเพื่อจะได้ดูดกลืนกันและกันได้ลึกซึ้งขึ้น ผมเผลอตอบโต้ลิ้นที่รุกรานนี้กลับจนได้รับเสียงครางอย่างพอใจจากวิน
“อืมมม”
มือโอบรอบคอวินเพื่อพยุงตัวที่ตอนนี้ผมเริ่มยืนไม่อยู่โอนน้ำหนักไปที่วินทั้งตัวและได้รับการโอบประคองที่แผ่นหลังและต้นคอ วินผละจากจูบแสนหวานพาเอาผมขัดใจก็มันยังไม่พอยังเคลิบเคลิ้มกับรสจูบที่คุ้นเคยนี้ ปรือตามองอีกฝ่ายที่ละมาจูบคลอเคลียแก้มผ่านไปหลังหูดูดเม้มติ่งหูฝังจูบที่หลังใบหูเล่นเอาผมเข่าอ่อนหมดแรงยืน ได้วินพยุงร่างไปนั่งขอบเตียงเราสบตากันสายตาที่วิน ส่งมาให้นั้นหวานเยิ้มจนผมต้องหลบตา ก่อนผมจะยื่นหน้ากระซิบข้างหูวิน
“แค่ข้างนอกนะ พรุ่งนี้กัสยังอยากไปเที่ยว”
ผมซุกหน้าที่ซอกคอหอมๆของวินที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ได้ยินเสียงหัวเราะในคอวินด้วย ถ้าเป็นเวลาปกติคงต้องทำให้เจ็บตัวกันบ้างแต่เวลานี้แค่แรงจะยืนยังไม่มีเลย วินสูดความหอมที่ซอกคอและดูดเม้มแผ่วเบาลงมือปลดกระดุมเสื้อผมทั้งหมด ลูบมือผ่านผิวเนื้อข้างลำตัวขึ้นมาจนถึงหน้าอก สะกิดยอดอกจนผมสะดุ้งเพราะความเสียวแผ่ซ่านเผลอแอ่นอกรับฝ่ามือร้อนที่ลูบไล้ ลิ้นร้อนเลียชิมผิวเนื้อผมตั้งแต่ลาดไหล่ถึงตุ่มไตแข็งนูนก่อนดูดกลืนพร้อมขบกัดแผ่วเบา
“ซี้ดดดด วิน อ๊ะ”
ตะขอถูกปลดและซิบถูกรูดลงกางเกงถูกถอดออกจากตัว ฝ่ามือหนาสัมผัสผมผ่านกางเกงในเนื้อนุ่มที่ตอนนี้ตั้งรับฝ่ามือที่หยอกล้อลูบไล้ตามความยาว ริมฝีปากไล่จากยอดอกมาที่หน้าท้องเรียบแบนที่หดเกร็งเพราะความเสียวซ่าน ผมรู้สึกได้ว่าถูกดูดผิวอย่างแรงจนรู้สึกเสียววาบตั้งแต่หน้าท้องยันปลายเท้า
“อ๊า เจ็บ ซี้ดดด วินๆ”
จูบร้อนไล่ต่ำมาที่ขอบกางเกงในสีขาวจูบปลายยอดผ่านเนื้อผ้า วินเหลือบตามองขึ้นสบตาผมที่มองการกระทำที่เสียวซ่านนี้อยู่ สายตาวินยั่วยวนเจ้าเล่ห์มากแถมเลียมุมปากตัวเองอีกทำเอาผมทนไม่ไหวจับหน้าวินขึ้นมารับจูบดูดดื่มเพื่อบรรเทาอาการเสียวซ่านและกัดแรงๆไปที่ริมฝีปากล่างของคนช่างแกล้ง แทนที่วินจะร้องเจ็บกลับหัวเราะในคออย่างถูกใจ ผละจากจูบผมเห็นเจ้าของริมฝีปากที่บวมเจ่อส่งยิ้มกลับมาและจูบกลับเบาๆที่ปากผม มือวินก็ไม่ละไปจากส่วนล่างของผมที่ตอนนี้ไม่มีเจ้ากางเกงในตัวน้อยปิดแล้ว ร่างกายผมเหลือเพียงเสื้อที่ถูกปลดกระดุมเท่านั้นส่วนวินมีแค่ผ้าขนหนูพันกายและส่วนนูนกลางลำตัวก็ตั้งชันให้เห็นชัด ผมเลื่อนสายตากลับมามองวินที่ยิ้มล้อเลียนด้วยรู้ทันว่าผมแอบมองสำรวจตัววินอยู่
“อ๊ะ วิน อย่าแกล้งกัสสิ โอ๊ะ มันเร็วไปแล ว วว น้า ซี้ด”
วินขยับมือรูดรั้งให้ผมแรงและเร็วเหมือนแกล้งกัน ผมจึงเอื้อมมือปลดผ้าขนหนู ออกและคว้าหมับที่เจ้าหนูน้อยที่ตัวไม่น้อยของวินทันที
“โอ๊ะ ซี้ด กัสอย่าบีบครับ อ๊า”
วินขยับมือช้าลงเพราะแรงบีบจากผม เราสบตากันผมจึงส่งยิ้มยั่วยวนไปให้พร้อมรั้งร่างวินให้มานั่งด้วยกับบนเตียง เราหันหน้าเข้าหากันชันเข่าขึ้นทั้งสองข้างในมือต่างมีแท่งร้อนของกันจะกันต่างขยับรูดรั้งในจังหวะเดียวกัน ผมซบหน้าฝังรอยจูบที่ลาดไหล่ดูดเม้มอย่างแรงเพื่อระบายความเสียวซ่านจากการขยับมือของวินซึ่งผมก็ทำสิ่งเดียวกันตอบแทน
“อ๊าๆๆ กัส ครับ อืม / อื้ออ ซี้ดด วิน กัสจะไม่ไหวแล้ว”
เสียงของเราสองคนต่างส่งออกมาเพื่อปลดปล่อยบรรเทาความเสียวซ่านที่ต่างปรนเปรอให้กันในจังหวะรักจังหวะเดียวกัน จนกระทั่งถึงจุดหมายในเวลาต่อมา
“อ๊าๆๆๆๆ วินๆ / อื้มมม พร้อมกันครับ อ๊าๆๆ กัสสส”
เราต่างปลดปล่อยสายธารรักขาวขุ่นเปรอะเปื้อนเต็มฝ่ามือและหน้าท้องของกันและกัน ขยับมือเบาๆอีกไม่กี่ครั้งก็หมดสิ้นเรียวแรงต่างซบไปที่ซอกคอของกันและกันอย่างเหนื่อยอ่อน วินจูบซอกคอและขมับผมแรงๆก่อนเอ่ยคำรักกระซิบข้างหู
“ขอบคุณครับที่รัก วินรักกัสนะ”
ผมตอบรับคำรักกลับอย่างแผ่วเบาข้างหูว่า ‘รัก’ กลับเหมือนกัน หลังจากนั้นวินก็อุ้มผมไปส่งที่ห้องน้ำทีแรกจะอาบให้ผมด้วยซ้ำแต่ผมไม่ยอม วินจึงออกมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนที่เลอะเทอะจากฝีมือเราทั้งคู่ ผมรู้เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วและวินจึงกลับไปเข้าห้องน้ำอีกครั้งก่อนออกมานอนกอดกันบนเตียง ผมหลับไปพร้อมคำอวยพรและจูบอ่อนโยนที่ริมฝีปากก่อนนอนจากวิน
“ฝันดีครับที่รัก ฝันถึงวินด้วยนะ”
....................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
:-[ หนูกัสช่างน่ารักแสนดี และเอาใจขนาดนี้
วินไปไหนไม่รอดแล้ว
ตอนหน้าเราจะพาไปเที่ยวอัมพวา&หัวหินกันนะคะ
ใครอยากไปเตรียมตัวไว้ค่ะ
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ
ปล.อีกเพียงอาทิตย์เดียวก็หมดเวลาพาหนุ่มๆของเรา
ไปนอนกอดแล้วนะคะ ใครสนใจรีบจับจ้องเข้าน้า
ติดตามรายละเอียดการรวมเล่มได้ที่หน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 26
วิน
รถตู้จอดนิ่งสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่รอเพียงผู้โดยสารที่กำลังจับกลุ่มเตรียมขึ้นรถมีชายหนุ่มหกคนและหญิงสาวสองคนยืนอยู่เพื่อล่ำลากับหญิงวัยกลางคนที่ยังสวยพริ้ง
“เที่ยวให้สนุกนะลูกเที่ยวเผื่อแม่ด้วยนะจ๊ะ เนี่ยถ้าแม่ไม่ติดนัดกับคุณฉัตรแก้วนะแม่จะทิ้งพ่อไปเที่ยวกับลูกเลยเชียว”
“ถ้าคุณพ่อรู้ได้งอนแม่แน่ๆนะครับ แม่ครับเดี๋ยวผมเที่ยวเผื่อและจะซื้อของมาฝากนะครับ”
คุณแม่โอบกอดลูบหลังผมเบาๆและผละไปกอดลูกชายคนใหม่แถมหอมแก้มนุ่มอีกฟอดใหญ่ ก่อนสั่งความกับกัสเหมือนกับว่าพวกเราจะไปกันเป็นเดือนๆ ทำเอาบรรดาเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่รอบตัวคนน่ารักยิ้มกว้างบางคนถึงกับหัวเราะออกมาก็มี แต่ก็ไม่ดังนักเพราะกลัวคุณแม่หันมาเอ็ดเอา จริงๆเพื่อนทุกคนที่สนิทกับผมจะคุ้นชินกับภาพคุณแม่ที่แสดงความรักกับลูกชายและเพื่อนของลูกชายแบบนี้อยู่แล้ว แต่กับกัสนี่พิเศษหน่อยที่เป็นลูกรักคนพิเศษที่คุณแม่คงทั้งรักทั้งหลงมากกว่าลูกชายแท้ๆซะอีก ใครได้อยู่ใกล้กัสจะรู้ถึงเสน่ห์ที่เจ้าตัวไม่ได้ปรุงแต่งแต่เป็นตัวตนจริงๆที่แสดงออกมาถึงนิสัยที่น่ารักและอ่อนโยน ยิ่งกับผู้ใหญ่กัสจะยิ่งวางตัวอ่อนน้อมน่าเอ็นดูสังเกตได้จากทั้งคุณแม่ของผมและคุณแม่หมอมายยังรักเหมือนลูกตัวเองเลยพออยู่ใกล้แล้วแทบไม่ให้ห่างสายตาเลยด้วยซ้ำ
“กัสดูแลตัวเองดีๆนะลูก เตรียมร่มเตรียมหมวกไปแล้วใช่มั้ย แม่กลัวลูกไม่สบายช่วงนี้แดดแรงมากผิวหนูยิ่งบอบบางอยู่”
“แม่ครับแม่ไม่ต้องห่วงนะวินดูแลกัสอย่างดีแน่นอนครับ เราต้องไปแล้วครับเพราะเดี๋ยวถึงที่นู่นบ่ายเกินกัสจะหิวนะครับ”
แอบแซวแม่ตัวเองนี่คงไม่บาปมากนักใช่มั้ย แต่ที่ได้กลับมาคืออาการค้อนวงใหญ่จากคุณแม่ผมนั่นเอง จึงส่งยิ้มกว้างไปให้คุณแม่ยังสาวเอาใจซะหน่อย และการล่ำลาก็สิ้นสุดลงพวกเราต่างยกมือไหว้คุณแม่กันอีกครั้งก่อนเดินขึ้นรถตู้ของที่บ้านที่มีคนขับพร้อม ซึ่งได้รับอภินันทนาการมาจากคุณพ่อที่กลัวว่าลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้จะลำบากเพราะทีแรกพวกเราว่าจะขับกันไปเองแล้วเชียว ภายในรถนั้นที่นั่งหลังคนขับมีผมนั่งชิดกระจกด้านในถัดมาเป็นกัสและมิค แถวถัดไปเป็นมาย มน และไอ้ฟิน ส่วนแถวสุดท้ายเป็นไอ้ปรัชและไอ้ธี พวกเราพร้อมสำหรับการเดินทางแล้วจึงให้พี่ศรคนขับรถเคลื่อนรถสู่จุดหมายปลายทางที่ดอนหอยหลอด ระหว่างทางในรถนั้นครึกครื้นจากเสียงพูดคุยที่สอบถามถึงโปรแกรมจากมิคและไอ้ฟินที่เป็นคนจัดทริปนี้ขึ้น มิคก็ร่ายรายละเอียดเหมือนเมื่อวานที่เรานั่งรถมาให้เพื่อนๆฟังกันอีกรอบ คนข้างตัวผมที่ฟังมิคไปก็อมยิ้มตามไปด้วยแถมแอบส่งสายตาไปสังเกตไอ้ฟินที่นั่งถัดไปข้างหลังมิค กัสก็คงหวงเพื่อนเพราะตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่คนน่ารักเค้าจับได้ถึงความผิดปกติของไอ้ฟิน ไอ้ฟินนี่ก็เปิดเผยมากขอไปรับกัสกับมิคพร้อมผมทั้งๆที่ไม่เคยไปเลยแถมตามดูแลมิคตลอดจะไม่ให้กัสผิดสังเกตได้ยังไง ถ้าผมโดนกัสมองนิ่งๆแบบเมื่อวานเหมือนไอ้ฟินโดนผมคงหนาวเยือกไปทั้งตัวแล้ว แต่ไอ้ฟินมันก็ใจกล้าแสดงความจริงใจเข้าสู้เลยรอดมาได้ กัสก็ไม่ได้กันท่ามันจากมิคมากนักหรอกก็แค่เป็นห่วงเพื่อนเท่านั้น ส่วนไอ้ฟินก็ออกนอกหน้ามากแต่ดูท่าจะเป็นงานหนักของมันแล้ว เพราะมิคยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยว่าไอ้ฟินสนใจ ผมก็ได้แต่เอาใจช่วยจะช่วยออกหน้ามากก็ไม่ได้เดี๋ยวที่รักเขม่นเอา กลับมาสนใจที่รักที่นั่งข้างๆดีกว่าผมส่งห่อขนมมันฝรั่งทอดรสที่กัสชอบไปให้ กัสหันมารับไปพร้อมรอยยิ้มหวานๆแทนคำขอบคุณ อดใจไม่อยู่คว้ามือนุ่มมาจุ๊บเร็วๆอย่างมันเขี้ยวผมว่าไม่มีใครทันสังเกตแล้วนะแต่ก็ยังไม่วาย
“แหมๆ ไอ้วินจะหวานก็เกรงใจเพื่อนมั่งเหอะ” ไอ้ธีที่อยู่เบาะหลังสุดดันตาดีแซวขึ้นทำเอากัสเขินหน้าแดงแต่ยังไม่ชักมือกลับจากการเกาะกุมของผม
“มึงอย่ามาเป็นเด็กขี้อิจฉานะ ไม่มีก็หาซะ”
“โฮ่ๆๆๆ / ฮ่าๆๆๆ / ชิ” ตามมาด้วยเสียงแซวเสียงหัวเราะและเสียงหมั่นไส้จากเพื่อนตี๋หลังจากคำพูดของผม
หลังจากนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปแต่มือนุ่มที่ผมจับกุมก็ยังอยู่ในอุ้งมือ เมื่อผมเห็นว่ากัสไม่ถนัดหยิบขนมทานผมจึงหยิบและป้อนให้ถึงปาก ทีแรกกัสส่ายหน้าไม่ยอมคงเพราะยังเขินอยู่แต่ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ผมตื๊ออยากป้อนขนมที่รักนี่ครับ จึงจ่อขนมที่ปากเจ้าตัวอยู่อย่างนั้นจนกัสยอมรับขนมเข้าปากไปเคี้ยวทั้งๆที่แก้มแดงปลั่งแถมส่งค้อนมาให้กันอีกวง
“ฟิน นายไปนั่งข้างหลังไปเดี๋ยวเราจะนั่งแทน ตรงนี้มดมันกัดอ่ะ ฮิๆๆๆ” กัสโดนเพื่อนสนิทที่นั่งข้างกันแซวก่อนมิคจะลุกไปนั่งแทนที่ไอ้ฟินที่ลุกไปนั่งด้านหลังตามคำสั่งคนน่ารักของมัน ส่วนผมก็ต้องสะดุ้งและร้องออกมาลั่นรถ
“โอ๊ย!! เบาๆครับกัส วินเจ็บ” โดนกัสหยิกมาที่เอวก็คงเป็นข้อหาหวานเกินจนโดนเพื่อนแซวทั้งคันนั่นแหละครับ จะว่าไปผมก็ไม่ได้หวานมากอะไรนี่แค่แสดงสิ่งที่อยากทำให้กันก็เท่านั้น
กัสหันหน้าหนีแก้มป่องอย่างคนขี้งอนและหันไปเรียกมิคกลับมานั่งด้วยกัน แต่เพื่อนที่ย้ายไปแล้วก็ส่ายหัวจนผมยุ่งกว่าเดิมและส่งยิ้มล้อๆมาให้ว่าอยากนั่งนี่มากกว่าเพราะไม่อยากโดนมดกัดมากกว่านี้ ทีนี้ความซวยมาตกที่ผมแทนด้วยกัสเล่นตีลงมาอีกทีที่แขนและดึงมือออกจากการเกาะกุมของผมเพื่อทานขนมเอง เอาล่ะสิงานนี้ผมต้องง้อชุดใหญ่ซะแล้ว ผมเอื้อมมือหยิบน้ำเปิดขวดใส่หลอดคอยยื่นบริการกลัวแฟนคอแห้ง และหยิบไอพ็อดเปิดเพลงเสียบหูฟังให้เจ้าตัวอารมณ์ดีขึ้น กัสก็ยังทำไม่สนใจจนการเดินทางของเราผ่านมาครึ่งทางเสียงในรถเริ่มเงียบลง คนน่ารักเริ่มเอาหัวมาพิงไหล่ด้วยกัสคงหลับไปแล้ว ผมก้มหน้ามองคนขี้งอนที่ตอนนี้หลับตาพริ้มคงเพราะกัสต้องตื่นเช้าเพื่อมาพบคุณแม่ก่อนออกเดินทาง แถมเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกแล้วเพราะกิจกรรมรักที่เราทำร่วมกัน คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำเอาผมยิ้มแก้มปริดีใจที่กัสยอมลงให้ผมขนาดนั้นด้วยเดินทางกันมาก็เหนื่อยยังต้องมาตามใจผมอีก คิดถึงหน้าตาตอนนั้นของกัสใบหน้าที่แดงปลั่งปากเผยอบวมเจ่อจากการบดจูบตาปรือปรอยผิวเนื้อที่เรียบลื่นแดงก่ำ ยิ่งเมื่อถึงจุดแห่งความสุขชื่อผมที่ออกมาจากปากสีชมพูนั่นทำเอาผมแทบคลั่งตาย แค่จินตนาการถึงเรื่องเมื่อคืนไอ้ที่สงบอยู่กลับตื่นมาซะงั้น ผมต้องเลิกคิดหันไปสนใจวิวข้างทางแทนขอสงบใจก่อนดูท่าที่ตื่นจะไม่ยอมลงง่ายๆซะแล้ว
...............................
อาหารบนโต๊ะส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเลวางเรียงอยู่หลายเมนู วิวด้านนอกเป็นชายหาดที่มีน้ำทะเลสีฟ้าลมทะเลพัดมาต่อเนื่องยังบริเวณที่พวกเรานั่งอยู่
“อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยมิค นี่เบอร์เกอร์ปลาทูที่มิคบอกใช่มั้ยขอมายถ่ายรูปก่อนนะจะเอาไปอวดคุณแม่”
สาวสวยน่ารักนามว่า ‘มาย’ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างตื่นเต้นทำเอาใครบางคนที่มองอยู่อมยิ้มตาเป็นประกายใต้แว่นใส เพื่อนสนิทของผม ‘ไอ้ปรัช’ มันช่างแตกต่างจาก ‘ไอ้ฟิน’ มากนักไอ้ปรัชคงแอบชอบสาวน้อยคนนี้มานานมันไม่ทำอะไรนอกหน้า แต่กลับจริงจังทุกการกระทำและเพิ่งสารภาพกับเพื่อนในกลุ่มเมื่อไม่นานมานี้ว่าผูกพันกับมายมาแต่เด็กเริ่มตีตัวออกห่างช่วงมายเป็นวัยรุ่น เพราะเห็นว่าตัวเองเด็กกว่าและมีคนเข้ามาสนใจมายเยอะมันจึงคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับมาย ก็แค่มองห่างๆคอยดูแลเท่าที่ทำได้เปิดโอกาสให้มายได้เลือก แต่ถึงตอนนี้มายก็ยังไม่มีใครไอ้คนที่ตีตัวออกห่างก็เริ่มกลับมาเพราะคงถึงเวลาที่ว่าไอ้ปรัชเองตอนนี้มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร และพร้อมที่จะเป็นตัวเลือกให้กับผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบได้พิจารณา ซึ่งมันมีแววดีกว่าไอ้ฟินด้วยซ้ำเพราะดูท่ามายก็น่าจะมีใจให้เพื่อนของผมอยู่ การที่มายไม่มีใครนั่นอาจหมายความว่ามายอาจจะรอไอ้ปรัชพร้อมอยู่ก็ได้
หลังมหกรรมการถ่ายภาพผ่านไปเพราะการที่มายเริ่มถ่ายทำให้คนอื่นๆต่างควักโทรศัพท์กันให้วุ่นอ้างว่าเพื่ออัพสถานะในสื่ออินเตอร์เน็ต เราต่างเริ่มลงมือทานอาหารตรงหน้ากันผมเอื้อมมือตักปลาหมึกผัดไข่เค็มของชอบของกัสมาใส่ที่จาน และหยิบปูนึ่งตัวโตมานั่งแกะเอาเนื้อขาวๆออกมาให้ก่อนวางบนจานใบเดิมตักราดน้ำจิ้มพร้อมทาน จึงได้รับยิ้มหวานๆแทนคำขอบคุณส่งมาให้ ผมเหลือบตาไปที่ไอ้ตี๋ ‘ธี’ ที่กำลังอ้าปากเตรียมแซวด้วยรู้ทันไอ้คนขี้เสือกนี่ว่ามันต้องแซวแน่ๆ ผมจึงถลึงตาส่งไปให้ก่อนเพราะไม่อยากให้กัสได้อาย ผมแค่ต้องการบริการแฟนตัวเองมันจะแซวอะไรนักหนา ไอ้ธีหน้าบึ้งแยกเขี้ยวใส่เมื่อโดนผมห้ามผ่านทางสายตาแต่ก็ทำให้มันไม่พูดอะไรออกมาได้ เมื่อแกะปูเสร็จหันมาหยิบกุ้งเผาตัวโตมาแกะต่อแต่มีช้อนยื่นมาขัดจังหวะถึงปาก
“มัวแต่แกะอยู่นั่น วินไม่หิวเหรอ อ่ะ” กัสอมยิ้มนิดๆส่งมาให้ผมพร้อมมือที่จับช้อนเตรียมป้อนข้าวจ่อที่ปาก คราวนี้ผมห้ามเสียงแซวไม่ทันแล้วเพราะมัวแต่อ้าปากรับข้าวคำที่อร่อยที่สุดอยู่
“โอ๊ยยย อิจฉาจัง อยากมีคนป้อนมั่ง / ฮิๆๆ / หวานเกิน / กัสป้อนมายมั่งสิ”
เสียงแซวของใครบ้างไม่รู้เพราะตอนนี้ผมไม่ได้มอง มองแต่หน้าคนป้อนที่ขึ้นสีอย่างน่ารักและเสตักข้าวเข้าปากตัวเองอยู่ ส่วนหน้าผมตอนนี้ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่าหน้าบานขนาดไหน ผมไม่สนใจเสียงแซวจากเพื่อนๆกลับหันไปยิ้มกว้างส่งให้ทุกคนและกลับมายักคิ้วใส่ไอ้ธีที่นั่งตรงข้ามกันเหมือนเยาะเย้ยไปให้ว่ามันไม่มีใครป้อนแบบนี้ล่ะสิ เสียงหัวเราะและพูดคุยภายในโต๊ะยังดังต่อเนื่องและคงเป็นจุดสนใจภายในร้าน เพราะทั้งเสียงที่ดังและคนที่นั่งอยู่เรียกความสนใจจากรอบข้างไม่ยากนัก ส่วนผมก็นั่งแกะทั้งปูและกุ้งให้กับกัสอย่างต่อเนื่อง และมีหน้าที่แค่อ้าปากก็อิ่มได้แล้วมื้อนี้ผมมีความสุขชะมัด ผมกินไปก็ยิ้มไปเรียกสายตาล้อเลียนจากเพื่อนๆที่ส่งมาให้ กัสคงอายมากแต่ก็ยอมป้อนผมต่อคนๆนี้ช่างน่ารักซะจริง ผมแกะปูและกุ้งจนพอสำหรับเราสองคนแล้วจึงละมือมาเช็ดทำความสะอาดรอกัสป้อนข้าวต่อแต่กัสกลับส่งค้อนมาให้
“วินมือว่างแล้วก็ทานเองได้แล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะครับเนี่ยจะหมดแล้วกัสป้อนต่อไม่ได้เหรอครับ น้า”
“ไม่ ทานเองเลยนะ”
กัสขู่เบาๆพร้อมชี้นิ้วมาที่หน้าเพื่อปราม ผมรู้ว่าตัวเองคงเอาแต่ใจมากไปหน่อยและกลัวร่างบางงอนด้วย จึงยอมตักข้าวกินเองแต่ยังแกล้งงอนยื่นปากส่งให้กัสแบบเล่นๆทำเอากัสหัวเราะออกมา ก็แค่นี้แหละที่ผมอยากเห็นใบหน้าที่ประดับยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของกัส เราทานกันจนอิ่มและมิคก็สั่งเบอร์เกอร์ปลาทูมาครบจำนวนคนเพื่อเป็นของว่างเผื่อมีใครหิวซึ่งเจ้าตัวคงติดใจมากบอกว่าเมดอินไทยแลนด์คนไทยทำแต่รสชาติอินเตอร์ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคนส่งให้คนช่างกินได้ยิ้มอายๆ ยิ่งไอ้คนตัวสูงผิวเข้มถึงกลับเอื้อมมือมายีหัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งไปอีกเรียกเสียงโวยวายจากมิคได้แถมส่งค้อนให้อีกหนึ่งวง และคงเป็นที่ถูกใจไอ้ฟินมากมันถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมาเลย หลังจากนั้นเราจ่ายค่าอาหารและเตรียมออกเดินทาง ตอนแรกว่าจะเข้าพักที่ รีสอร์ทที่จองไว้เลยแต่มิคและมายขอเก็บรูปแถวหาดของดอนหอยหลอดก่อน ถึงแม้ชายหาดจะไม่ได้สวยมากนักแต่ลมทะเลเย็นๆและผู้คนที่มีแต่รอยยิ้มที่ได้ออกมาเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุดต่างทำให้พวกเราที่เห็นมีรอยยิ้มตามและถ่ายภาพแห่งความทรงจำร่วมกันกลับมามากมาย หลังจากนั้นก็แวะซื้อของแห้งกินเล่นที่ขายแถวนั้นและคนที่ซื้อเยอะที่สุดก็เป็นหนุ่มตัวเล็กใส่แว่นที่มีความสุขกับการช็อปปิ้งในทุกที่ ได้ของกินกันพอหอมปากหอมคอก็นั่งรถย้อนกลับมาที่รีสอร์ทแถวตลาดน้ำอัมพวา
สถานที่ตั้งของรีสอร์ทนั้นต้องขับรถเข้าไปจากถนนใหญ่ จึงพบว่ารีสอร์ทแห่งนี้อยู่ติดริมน้ำมีชานยื่นออกไปด้านนอกริมน้ำ ต้นไม้ใหญ่หลายต้นให้ร่มเหงามีหญ้าเขียวชอุ่ม บ้านพักปลูกซ่อนหลังต้นไม้เรียงห่างๆกัน อีกส่วนเป็นตึกสองชั้นห้องติดกันหลายห้องแต่ส่วนระเบียงถูกกั้นออกจากกันด้วยไม่ไผ่เรียงถี่กันสายตาที่สามารถเปิดออกหากันได้ ส่วนที่เราพักเป็นตึกหลังนี้เราพักกันชั้นล่างมิคให้เหตุผลว่าจองทั้งชั้นได้ความเป็นส่วนตัวดี เพราะมีสี่ห้องพอดีจำนวนคนสามารถเดินหากันได้ ถ้าบ้านเป็นหลังก็พักได้แค่สองคนไม่สะดวกในการติดต่อพูดคุยกัน ตอนแบ่งห้องทำเอาผมต้องหงุดหงิดเล็กๆเพราะผมไม่ได้นอนห้องเดียวกับกัสผมถูกจับแยกกับที่รัก พอหันไปท้วงกับไอ้ฟินมันก็พูดไม่ได้แต่พยักพเยิดไปทางหนุ่มแว่นตัวเล็กที่เป็นคนจัดห้อง มิคแบ่งห้องให้ผมนอนกับไอ้ฟิน กัสกับมิค มายกับมน และไอ้ธีกับไอ้ปรัชได้นอนคู่กัน
“ก็ลงตัวแล้วนี่นายวิน ถ้าไม่จับคู่แบบนี้นายจะให้เราไปนอนกับนายฟินน่ะเหรอ”
“ก็ดีนะมิค มิคมานอนกับฟินก็ได้ครับ” ไอ้ฟินส่งสายตาดีใจเปิดเผยออกมา แต่ไม่ได้รับความสนใจจากมิคเลย
“ไม่เอาหรอกเรายังไม่สนิทกันขนาดนั้นนะ กัสไม่ว่าอะไรใช่มั้ย” มิคปฏิเสธไอ้ฟินแล้วหันมาขอความเห็นจากกัสแทน ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนให้คนรักรอลุ้นว่ากัสจะตอบว่าอะไร
“ไม่ว่าหรอก กัสนอนกับมิคนั่นแหละ” หลังคำตอบกัสทำใจผมห่อเหี่ยวพยายามสบตาคนน่ารักแต่ใจร้าย แต่เหมือนกัสจะแกล้งผมไม่ยอมหันมามองกันแต่กลับเปิดยิ้มกว้างให้มิคแทน
“ฮ่าๆๆ อดไอ้วินอด ฮ่าๆๆๆ / ฮึๆๆๆ” เสียงหัวเราะเยาะที่ได้ยินจากเพื่อนตัวเองยิ่งทำเอาอยากโวยวาย แต่พอหันมาเห็นหน้าที่รักก็ได้แต่ทำหน้าหงอยๆส่งไปให้เผื่อว่ากัสจะเปลี่ยนใจ รอยยิ้มหวานที่ผมได้รับจากกัสทำเอาเริ่มมีกำลังใจขึ้น
“วันนี้กัสขอนอนห้องเดียวกับมิคนะครับ ยังไงห้องเราก็ติดกันเดินไปมาถึงกันได้อยู่แล้วนะ” จะทำยังไงได้ในเมื่อกัสพูดแบบนี้แถมยังมีมิครอฟังคำตอบอยู่อีกด้วย ผมจึงพยักหน้าอย่างจำยอมกัสจึงส่งยิ้มกว้างตาหยีมาให้เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจ
มิคหันไปรับกุญแจจากพนักงานที่ส่งมาให้และแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆ ส่วนผมคว้ามือบางมากุมและเดินตามเพื่อนๆไปทิ้งระยะห่างออกมาก่อนพากัสมาหลบมุมใต้ต้นไม้ ก้มหน้าส่งสายตาละห้อยอย่างน่าสงสารไปให้คนน่ารัก ก่อนกุมมือนุ่มทั้งสองขึ้นแนบอก
“กัสไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอครับ กัสไม่สงสารวินเลยเหรอครับ หืม” กัสส่ายหน้าอมยิ้มน้อยๆแทนคำตอบ
ผมยกมือที่แนบอกมาจูบนิ่งๆและเริ่มทำใจว่ายังไงคืนนี้ได้นอนมองหน้าเถื่อนๆไอ้ฟินแทนหน้าหวานๆของคนรักแน่แล้ว ก่อนที่ผิวแก้มผมจะได้รับสัมผัสที่ทำเอาหัวใจพองโต เมื่อมองไปที่ต้นเหตุที่ตอนนี้คนใจกล้าเค้าหน้าแดงส่งยิ้มอายๆให้และสบตาผมอยู่
“เป็นรางวัลสำหรับเด็กดีที่ยอมเชื่อฟังน้า” ประโยคที่ได้ยินทำเอาผมนึกมันเขี้ยวอยากกดจูบไปที่ปากช่างพูดนี้จริงๆ ผมโน้มหน้าเข้าหาปากแดงตามใจคิด แต่ยังไม่ได้ทำอย่างที่คิดก็มีเสียงมาขัดซะก่อน
“กัส กัส อยู่ไหน ก็เดินตามกันมาแท้ๆนี่หน่า กัส ฮู้ๆๆๆ”
มิคหนุ่มน้อยตัวแสบเพื่อนสนิทกัสนี่เองที่มาขัดจังหวะ ต่อจากนี้ผมต้องยุไอ้ฟินให้รีบรุกหนักๆได้แล้วจะได้ไม่มีเวลาตามเพื่อนสนิทแบบนี้อีก เฮ้อ! แผนซ้อมฮันนีมูนของผมล่มไม่เป็นท่าเลย
.......................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
โสมน้าน่า(สมน้ำหน้า)นายวินเนอะ โดนหนูมิคขัดจังหวะ :laugh:
เจอกัสวินพรุ่งนี้นะคะ
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ :pig4: จากใจที่ติดตามกัน^^
ปล.เหลือไม่ถึงอาทิตย์แล้วใครอยากได้หนุ่มๆไปนอนกอดรีบหน่อยน้าติดตามรายละเอียดหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 28
วิน
แสงแดดยามเช้าส่องกระทบผิวน้ำระยิบระยับเมื่อเรือหางยาวแล่นผ่านส่งให้เกิดเป็นระลอกคลื่นเคลื่อนกระทบริมฝั่งน้ำ กระดานไม้ปูเป็นลานยื่นเหนือผืนน้ำเพื่อรองรับผู้คนขึ้นลงเรือ ผมและกลุ่มเพื่อนนั่งมองจากเรือนไม้ไร้ซึ่งผนังกั้นเปิดโล่งทั้งสี่ด้านรับแสงแดดอ่อนและลมเย็นสดชื่นยามเช้า แต่ละคนมีแก้วกาแฟกลิ่นหอมกรุ่นวางเบื้องหน้า เว้นก็แต่ไอ้หนุ่มตี๋ขี้เล่นที่นั่งหลับตาพิงพนักให้รู้ได้ว่ายังไม่ตื่นเต็มตาแต่มันโดนเพื่อนร่วมห้องอย่างไอ้ปรัชลากออกมาเพื่อมารอตักบาตรในช่วงเช้า ส่วนคนอื่นๆที่แม้ไม่ชินในการตื่นเช้าแต่ก็ออกอาการสดชื่นเมื่อจะได้ทำบุญร่วมกัน
“อ่ะธี มึงมากินกาแฟก่อนจะได้ตื่นเต็มตาเดี๋ยวพระก็มาแล้ว” สาวเท่ของกลุ่มวางกาแฟลงตรงหน้าเพื่อนสนิท
“ขอบคุณคร้าบบบ” แม้ง่วงต่อมขี้เล่นของไอ้ธีก็ยังทำงานอยู่มันลืมตามายิ้มกว้างให้มนและจิบกาแฟตรงหน้า
“อาหารใส่บาตรทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้แล้ว ห้องละชุดนะครับ” พนักงานของรีสอร์ทเดินมาแจ้งที่กลุ่มของผมให้ทราบ
“กัสใส่คู่กับวินนะครับ วินอยากทำบุญคู่กับกัสนะ” ผมส่งสายตาออดอ้อนไปให้คนร่างบางข้างกายที่นั่งจิบกาแฟชมสายน้ำเบื้องหน้า กัสหันมามองผมและพยักหน้าให้ยิ้มๆ ‘อืม คนอะไรน่ารักจัง’ วันนี้ผมยังไม่ได้ชื่นใจคนน่ารักตรงหน้าเลย ขนาดรีบตื่นแต่เช้าและมาหากัสที่ห้องเพื่อชวนกันออกมารอใส่บาตรเช้าแต่ยังไม่มีโอกาสอยู่ตามลำพังเลย ขณะที่ผมมองหน้าใสเพลินก็มีเสียงดังขึ้นจนผมต้องหันมามองต้นเสียง
“อ้าวกัสใส่กับวินเหรอ งั้นมายเดียร์มาใส่คู่กับมิคนะ” มิคหน้ามุ่ยมองผมอย่างขัดใจก่อนหันไปชวนมายด้วยเสียงออดอ้อน ส่วนสาวที่โดนอ้อนก็อมยิ้มพยักหน้าน้อยๆอย่างยินดี
ผมเหลือบมองเพื่อนสนิททั้งสองคนไอ้ปรัชกับไอ้ฟินมองหน้ากันเองก่อนคิ้วขมวดฉับ ถ้าให้ผมเดามันสองคนก็คงอยากใส่บาตรทำบุญร่วมกับคนที่ตัวเองมีใจให้แน่ๆ ผมจึงเอาขาเขี่ยขาเพื่อนใต้โต๊ะพวกมันหันมามองหน้าผมทันที เราปรึกษากันทางสายตาอยู่พักไอ้ปรัชก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์หน้าตาแบบนี้แสดงว่ามันคงมีแผนสำหรับแก้ไขสถานการณ์นี้ได้แล้ว ผมหันกลับมามองที่โต๊ะยังไม่มีใครสนใจเราสามคนเพราะสามหมอตัวเล็กมัวแต่สนใจชี้ชวนกันถ่ายรูปเรือที่แล่นผ่านไปมา และเพื่อนอีกสองคนของผมก็มัวแต่เถียงกันเรื่องความขี้เซาของไอ้ตี๋ธี มนถึงขั้นลงไม้ลงมือเรียกสติไอ้ตี๋ให้ตื่นเต็มตาจนมันร้องโอดโอย เพื่อนผมสองคนนี้มักหยอกกันแรงๆแบบนี้เสมอกับเพื่อนคนอื่นในกลุ่มมนก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ด้วยอย่างมากก็แค่เสียงดังใส่เท่านั้น
“เรือของพระท่านมาใกล้แล้วครับ เชิญพวกคุณได้เลยครับ” พนักงานคนเดิมเดินมาตามพวกเราไปที่ชานไม้ที่ใช้ขึ้นลงเรือ
ไอ้ปรัชส่งสายตาและพยักหน้ามาให้ผมกับไอ้ฟินให้ลุกตามไป เราสามคนเดินไปที่พนักงานที่จัดเตรียมชุดอาหารไว้รอแล้ว ก่อนไอ้ปรัชจะหยิบชุดอาหารที่จัดวางบนกระจาดเล็กๆแยกเป็นชุดไว้แล้วส่งมาให้ผมและไอ้ฟินคนละชุด เมื่อไอ้ธีเดินมาก็ส่งอีกชุดให้ส่วนผมก็เดินเข้าหากัสยืนรออยู่ด้านหลัง
“ตั้งจิตอธิษฐานด้วยกันก่อนนะครับ” ผมจับมือบางมากุมช่วยกันประคองกระจาดบรรจุอาหารและนั่งลงยกกระจาดขึ้นจบระดับศีรษะตั้งจิตอธิษฐานร่วมกัน
“อ้าวแล้วของเรากับมายเดียร์ล่ะ นายฟินนายส่งมาให้ชุดหนึ่งสิ” เสียงมิคทวงของใส่บาตรจากไอ้ฟินที่ยืนยิ้มเจ้าเล่ห์และไม่ยอมส่งให้ตามที่คนน่ารักของมันร้องขอ
“นี่ของฟินครับ มิคอยากมาช้าเองถ้าจะใส่ต้องมาใส่กับฟินนะ” ไอ้ฟินฉวยข้อมือของมิคเดินออกมาตามมาด้วยเสียงโวยวายไม่ยอมจากมิค แต่ไอ้ฟินมันก็แน่จับแน่นไม่ปล่อยฉุดให้นั่งลงและตั้งจิตอธิษฐานร่วมกันจนได้
“อย่าทำหน้ามุ่ยสิครับมิค เดี๋ยวไม่ได้บุญนะมาอธิษฐานก่อนเร็วพระมาแล้ว” มิคหน้ามุ่ยจ้องไอ้ฟินอย่างเอาเรื่องแต่ก็จำใจยอมทำตาม ส่วนไอ้หนุ่มขี้บังคับมันยิ้มกว้างอย่างสมใจ เราสบตากันก่อนมันจะยักคิ้วให้อย่างกวนๆ และเราก็ต้องเหลือบตาไปทางไอ้ปรัชเมื่อได้ยินเสียงมันพูดกับสาวน้อยข้างกาย
“มายครับมาใส่กับปรัชนะเหลือที่ปรัชชุดสุดท้ายแล้วนะครับ” มายสบตาไอ้ปรัชที่ทำหน้านิ่งจริงจังไม่ยิ้มแต่มีแววตาอ่อนโยนให้ ทำเอาสาวน้อยต้องก้มหน้าแก้มแดงไม่เอ่ยรับหรือปฏิเสธ ไอ้ปรัชส่งกระจาดใบเล็กให้และจับข้อศอกมายส่งสัญญาณให้นั่งลงตั้งจิตอธิษฐานร่วมกัน
แผนการลุล่วงไปด้วยดีงานนี้ต้องยกความดีความชอบให้ไอ้กุนซือปรัชมันครับ พระสงฆ์นั่งบนเรือรอรับของใส่บาตรพวกเราต่างทยอยลงบันไดไปทีละคู่จนครบและนั่งพับเพียบพนมมือบนชานไม้เพื่อรอรับพรจากพระท่าน ‘อายุ วรรณะ สุขขัง พลัง’ พวกเรามองพระสงฆ์พายเรือออกไปจนลับสายตาจึงลุกขึ้น ผมหันกลับไปมองสีหน้าเพื่อนแต่ละคนนั้นอาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขเพราะวันนี้เราเริ่มด้วยการทำบุญมันทำให้เราอิ่มเอิบใจอะไรที่จะทำในวันนี้คงราบรื่นและเริ่มต้นอย่างมีความสุข พนักงานมาแจ้งให้เราไปทานอาหารเช้าในเรือนไม้ที่เรานั่งกันเมื่อเช้าได้เลยเพราะอาหารจัดเตรียมพร้อมแล้ว ผมจึงหันไปยิ้มให้กัสที่ยืนเคียงข้างก่อนจับจูงไปทางเรือนไม้เพื่อทานอาหารร่วมกันกับเพื่อนๆที่รออยู่ หลังจากนั้นพวกเราต่างแยกย้ายไปเก็บของเพื่อเดินทางต่อไปยังหาดหัวหิน
...........................
พวกเราเดินทางมาถึงที่พักยังหาดหัวหินเป็นบังกะโลหลังใหญ่ที่มีสี่ห้องนอนและห้องน้ำในตัว บริเวณส่วนหน้าของบังกะโลเป็นหาดส่วนตัวที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนักมีแต่ลูกค้าของที่นี่เท่านั้น ต่างคนต่างขนของเก็บยังห้องพักส่วนตัวซึ่งจับคู่กันนอนเหมือนเมื่อคืน ซึ่งผมก็ปลงแล้วเพราะถึงแย้งไปก็คงไม่ได้ผล แผนที่คิดไว้ดิบดีว่าจะได้นอนกอดคนตัวหอมมีอันชวด
“เป็นอะไร หืม หน้ามุ่ยเชียววิน” มือนุ่มบีบจมูกผมเบาๆอย่างหยอกเย้า คนน่ารักยังกล้ามาถามด้วยหน้ายิ้มๆแบบนี้อีกรู้ทั้งรู้ว่าผมเป็นอะไร มันน่าจับมาฟัดให้หายมันเขี้ยวนักเชียว
“วินก็นั่งปลงสิครับ ทริปนี้ไม่ได้นอนกอดกัสเลย กัสทริปหน้าเราไปกันสองคนนะครับ” โอบรอบเอวบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าและซบหน้าไปกับอกกัสเผื่อเจ้าของจะใจอ่อนกับผมบ้าง กัสหัวเราะในคอก่อนส่งมือมาลูบหัวผมให้อย่างอ่อนโยนจนผมต้องกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
“ไปกันได้แล้วครับ เดี๋ยวเที่ยวไม่คุ้มน้า” ไอ้ปรัชเรียกทุกคนให้มารวมตัวกันเพื่อไปเที่ยว ‘เพลินวาน’ กันต่อ
ผมกดจูบไปที่อกบางก่อนผละออกจากอ้อมกอดหอมๆจับจูงมือนุ่มไปขึ้นรถร่วมกับเพื่อนๆ เพลินวานเป็นสถานที่ที่เราต้องมาเมื่อถึงหัวหินซึ่งเปิดให้ชมมาไม่นานนัก เหมาะกับคนชอบถ่ายรูปเพราะมีมุมให้ถ่ายภาพมากมาย ทั้งร้านที่ตกแต่งเป็นร้านขายของเล่นสมัยก่อน ร้านถ่ายรูปเก่า โรงหนังที่มีโปสเตอร์ภาพยนตร์สมัยคุณแม่ยังสาว แม้แต่ห้องน้ำยังให้บรรยากาศเหมือนหลุดไปสมัยก่อนเลย คนมาเที่ยวค่อนข้างเยอะทำให้ยากต่อการถ่ายรูปแต่ไม่พ้นความสามารถของไอ้ฟินที่ตามจับภาพของเพื่อนทุกคนโดยเฉพาะหนุ่มน้อยน่ารักของมัน
“กัส มาย มิคอยากกินไอศกรีมกะทิร้านนั้นอ่ะ ท่าจะอร่อยคนต่อเยอะเชียว”
“อืม เอาแบบนี้นะเดี๋ยวฟินกับเพื่อนไปซื้อมาให้พวกมิคนั่งรอก่อน ไปพวกมึงเดี๋ยวซื้ออย่างอื่นมาด้วยเลย” ไอ้ฟินรีบเอาใจเสนอตัวไปซื้อของกินให้คนตัวเล็ก
ผมเห็นดีด้วยจึงพากัสมานั่งที่โต๊ะว่างและออกมาซื้อของไปบริการคนของตัวเอง ที่โต๊ะจึงเหลือกัส มิค มาย และมนรอการบริการจากหนุ่มๆ พวกผมที่ออกมาซื้อของกินต่างแยกย้ายไปหาของมาให้
“ไอ้วินมึงรีบกลับโต๊ะเร็ว โน่นมีไอ้หน้าปลวกที่ไหนไม่รู้มาคุยที่โต๊ะ” หลังคำพูดไอ้ฟินผมแทบจะทิ้งของในมือที่ซื้อมา เมื่อเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งดูท่ายังเรียนอยู่มาทำท่าจีบแฟนผมอยู่ เมื่อเดินมาถึงโต๊ะจึงใช้ไหล่กระแทกเปิดทางกลุ่มที่ยืนขวางอยู่ และวางของกินที่ซื้อมาอย่างแรงก่อนหันไปจ้องหน้าผู้ชายแปลกหน้ารายตัว
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ น้อง” ผมหันไปจ้องหน้าไอ้คนที่ทำท่าจีบกัสอย่างเอาเรื่อง มันมีสีหน้าสงสัยในคราวแรกก่อนเปลี่ยนเป็นตกใจตาโตเมื่อรับรู้ถึงรังสีพิฆาตจากผมเข้า
“เอ่อ ไม่มีครับพวกเราแค่เข้ามาทักทายพี่กัสกับเพื่อนๆ ว่าจะไปเที่ยวกันที่ไหนต่อ” ชายหนุ่มตรงหน้าตอบและส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ ผมจึงยิ่งถลึงตาเข้าใส่ก่อนวางมือบนไหล่บางของกัสที่นั่งอยู่
“พวกเราไม่ไปไหนต่อแล้วล่ะจะกลับที่พักกันเลย น้องมีอะไรจะถาม ‘แฟน’ พี่อีกมั้ย” ประกาศให้รู้กันไปว่าคนนี้น่ะของใคร ไอ้หน้าปลวกตรงหน้ายังไม่ทันตอบผมก็ต้องก้มหน้ามองคนที่กระตุกชายเสื้อผมแทน
“วิน ไม่เอาน่าน้องเค้าแค่เข้ามาคุยเฉยๆ” กัสเอ่ยปรามเบาๆส่งสายตาดุๆมาให้ผม ถ้าเราอยู่กันสองคนผมคงแกล้งงอนคนน่ารักไปแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู หัวใจจึงทำได้แค่คลี่ยิ้มให้กัสก่อนเงยหน้าส่งตาดุให้ไอ้เด็กตาไม่มีแววแทน
ไอ้หนุ่มตรงหน้ามันพยักหน้าและทำหน้าเซ็งๆก่อนเอ่ยขอตัวจากไปพร้อมเพื่อน ผมหันไปมองหน้ากัสที่กำลังทำหน้ายุ่งเริ่มไม่พอใจที่ผมทำตัวกันท่า แต่จะไม่ให้ผมกันท่าแสดงความเป็นเจ้าของกัสได้ยังไงกัน แค่เดินไปซื้อของแป๊บเดียวก็มีไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้มาจีบซะแล้ว ผมนั่งลงแตะหลังมือนุ่มและส่งสายตาขอโทษแทนการพูดเรามองตากันสักพักจนกัสเอ่ยออกมา
“อย่าทำแบบนี้อีกนะวิน ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะ” กัสพูดเสียงเข้มก่อนถอนใจออกมาทำให้ผมอดรู้สึกผิดไม่ได้จึงพยักหน้าอย่างยอมจำนน
“กัสอย่าโกรธไอ้วินมันเลย มันรักมากก็หวงมากน่ะ” มนพูดแทรกเพื่อช่วยผม ผมจึงพยักหน้ารัวๆก่อนยิ้มกว้างยืนยันสิ่งที่มนพูด
“อืม เรามาทานกันเถอะแล้วไหนไอศกรีมล่ะวิน กัสอยากชิมอ่ะ” กัสพูดอย่างอ่อนใจด้วยคงยกโทษให้ผมแล้ว ผมจึงรีบกลับไปซื้อไอศกรีมมาให้ทันทีก่อนกัสจะโมโหอีกรอบ
พวกเรานั่งทานกันจนเรียบร้อยจึงกลับมายังที่พักซึ่งแดดยังจัดอยู่มากและต่างแยกย้ายกันพักผ่อน ไอ้ฟินชวนมิคที่เหมือนยังมีแรงเหลือเฟือไปเดินถ่ายรูปกันสองคน ไอ้ธีกับมนนั่งฟังเพลงจากสเตอริโออยู่หน้าทีวีจอใหญ่ มายกับไอ้ปรัชนั่งดูภาพถ่ายจากโน้ตบุ๊คที่เอาภาพลงแล้ว ส่วนผมกับกัสน่ะเหรอเราออกมานอนรับลมทะเลใต้ต้นมะพร้าวหน้าบังกะโลที่มีเปลญวนผูกไว้กับต้นมะพร้าวสองต้น กัสนอนหนุนอกผมในมือถือหนังสืออ่านเล่นที่พกมา
“เย็นนี้กัสจะลงเล่นน้ำมั้ย” ปากพูดนิ้วก็เกลี่ยเส้นผมออกจากหน้าผากมนไปด้วย
“เล่นสิมาทะเลทั้งที และก็สัญญากับมิคไว้แล้วว่าจะสอนว่ายน้ำให้” กัสตอบผมโดยที่ตาไม่ได้ละไปจากหนังสือตรงหน้า
“งั้นรอวินกลับมาจากซื้อของสดก่อนนะแล้วค่อยลงพร้อมกัน” ผมต้องไปซื้อของสดเพื่อจะทำบาร์บีคิวคืนนี้
“อืม แต่มิคจะไม่ยอมน่ะสิ เพราะดูท่าอยากเล่นน้ำจะแย่แล้ว” ถูกของกัสเพราะเมื่อมาถึงบังกะโลในตอนสายมิคทำท่าจะลงทะเลเลยด้วยซ้ำ แต่โดนเพื่อนห้ามซะก่อนเพราะมีโปรแกรมไปเที่ยวต่อ ผมไม่อยากให้กัสและเพื่อนลงน้ำกันตามลำพังเลยเกิดมีอะไรขึ้นจะไม่มีใครช่วยได้ทันตัวก็แค่นี้ จะว่าผมเป็นห่วงจนเกินเหตุก็ได้ก็คนรักทั้งคนนี่ครับผมน่ะทั้งห่วงทั้งหวงเลย
“งั้นเดี๋ยววินไปชวนเพื่อนรีบออกไปซื้อเลยดีกว่าจะได้กลับมาอยู่กับกัส” กดจมูกที่หน้าผากคนในอ้อมกอดพร้อมส่งยิ้มให้และไม่รอคำตอบ อยากรีบไปรีบกลับจริงๆไม่อยากห่างนักแต่ที่ตลาดสดนั้นทั้งร้อนและแฉะไม่อยากให้กัสไปลำบาก
ผมออกตามหาไอ้ฟินและไอ้ปรัชให้ไปด้วยกันปล่อยไอ้ธีให้ดูแลคนที่เหลือ พวกเราใช้เวลาเดินซื้อของทะเลกันค่อนข้างนานเพราะต้องซื้อหลายอย่างและต้องเลือกของที่สดด้วย กลับมาถึงรีสอร์ทก็ให้ทางพนักงานดูแลบังกะโลไปจัดการเตรียมของให้เพื่อทำบาร์บีคิวซีฟู้ดเป็นอาหารเย็น พวกเรารีบกลับมาที่บังกะโลแต่ไม่เจอใครเลยคงหนีไปเล่นน้ำกันแล้วแน่ๆ
“สงสัยลงทะเลกันแล้วว่ะ” ไอ้ปรัชเอ่ยออกมาและชวนกันไปที่หาดหน้าบังกะโล กลุ่มคนในทะเลท่าทางสนุกกับการเล่นน้ำไม่ได้สนใจพวกผมสามคนที่ยืนบนหาดทรายเลย ไอ้ธีหันมาเห็นก็เดินเข้ามาหา
“กูบอกแล้วว่าให้รอพวกมึงแต่ไม่มีใครเชื่อกูอ่ะ โดยเฉพาะเด็กมึงไอ้ฟิน” ไอ้ธีหน้ามุ่ยรีบแก้ตัวก่อนมันคงกลัวโดนพวกผมเล่นงานที่อุตส่าห์ไว้ใจให้ดูแลแต่ก็ห้ามไม่ได้ มันจึงต้องเลยตามเลยและลงมาดูแลที่ทะเลแทน ก่อนมันจะโบ้ยไปให้หนุ่มน้อยที่เหมาให้เป็นของไอ้ฟินไปแล้ว ไอ้ฟินมันคงถูกใจคำพูดไอ้ตี๋ธีจึงยิ้มซะกว้างไม่คิดจะเล่นงานเพื่อนตัวเองเลย
ผมหันไปโบกมือตอบกัสที่เพิ่งเห็นผมก่อนรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นมีเชือกผูกที่เอวไม่ใส่เสื้อโชว์กล้ามอกและกล้ามท้องแน่นๆ ไอ้ฟินก็ไม่ต่างจากผมนักมันมีแค่กางเกงขาสั้น เรามีหุ่นใกล้เคียงกันแต่ไอ้ฟินมีผิวสีแทนส่วนผมจะผิวขาวกว่ามัน เมื่อออกมาเจอเข้ากับไอ้ปรัชที่มาด้วยเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงขาสั้น พวกเรามองหน้ากันยิ้มๆ
“มึงสองคนจะโชว์ไรหนักหนาวะ” ไอ้ปรัชแสยะยิ้มใส่ผมและไอ้ฟินก่อนเดินนำออกไปที่หน้าหาด
“ฮ่าๆ อิจฉาที่พวกกูมีกล้ามมากกว่ามึงดิ” ไอ้ปรัชที่หุ่นบางกว่าแต่ใช่ว่าจะไม่มี มันหันมาตบที่หัวผมและไอ้ฟินอย่างหมั่นไส้เรียกเสียงฮาจากเราทั้งคู่ เราสามคนออกมาที่หน้าหาดอีกครั้ง เรียกสายตาจากคนที่เล่นน้ำทะเลให้หันมามอง ผมสบตาสีดำสนิทคู่ที่เจ้าของลอยคออยู่ในทะเล ก่อนเดินเข้าหากัสและโอบเอวบางเข้าหาตัว
“หนีวินมาเล่นน้ำได้ไงครับ วินให้รอไงไม่รู้เหรอว่าเป็นห่วงน่ะ” กัสมองมาและเปิดยิ้มอ้อนๆมาให้ก่อนวางมือมาที่อกผมทั้งสองข้าง ผมก้มมองไปที่คนน่ารักที่ตั้งใจอ้อนและต้องใจหายวาบ ด้วยสิ่งที่เห็นตรงหน้าทำเอาความหวงของผมพุ่งสูง เพราะเสื้อยืดสีเหลืองอ่อนที่กัสสวมพอโดนน้ำมันก็แนบเนื้อตัวบอบบางของกัสแถมยอดอกสีสดก็ดันเสื้อออกมาให้เห็นรำไร
“กัสทำไมใส่เสื้อตัวนี้ครับ ดูสิโป๊หมด” กัสเลิกคิ้วทำตาโตยังงงกับสิ่งที่ผมพูดและก้มมองตามสายตาผมก่อนเงยสบกันอีกครั้ง
“ไม่เห็นโป๊เลยวินคิดมาก และกัสก็เป็นผู้ชายนะใครจะมาสนใจ” โฮ! ที่รักไม่รู้อะไรซะแล้ว ถึงกัสจะเป็นผู้ชายแต่ไอ้เสื้อผ้าที่โดนน้ำแนบร่างบางให้เห็นสรีระและผมที่เปียกน้ำลู่ลงกับศีรษะตาโตแก้มแดงเรื่อจากแดดอ่อนๆยามเย็นแบบนี้ มันทำเอาคนที่เห็นแบบผมแทบคลั่งคนอื่นไม่ต้องพูดถึง จนอยากจะหนีบกัสกลับไปขังที่ห้องไม่ให้ใครเห็นเลย
“ซ่าๆๆ / ฮิๆๆ คนคิดมาก มาวินมาเล่นน้ำกัน” กัสสาดน้ำใส่หน้าผมและสลัดตัวออกจากอ้อมกอดก่อนว่ายหนีห่างออกไป
“เล่นแบบนี้เหรอกัส อย่าให้จับตัวได้นะ มานี่อย่าหนี” ผมรีบว่ายน้ำตามจับร่างบางที่หนีไป เพื่อนคนอื่นๆก็สนุกกับการว่ายน้ำเล่นหยอกล้อกันไปมาเรียกเสียงหัวเราะก้องทะเล พวกเราเล่นน้ำกันจนหมดแสงแดดยามเย็นและท้องเริ่มหิวจึงชวนกันขึ้นจากน้ำ
“กัสรออยู่ในน้ำก่อน เดี๋ยววินไปเอาผ้ามาให้”
“ไม่ต้องหรอกขึ้นไปพร้อมกันนั่นแหละ”
“อย่าดื้อครับ นะรอก่อน” กัสหน้ามุ่ยที่โดนขัดใจแต่ก็พยักหน้าอย่างจำยอม
ผมจึงรีบกลับไปเอาผ้าเช็ดตัวที่ทางที่พักเตรียมไว้ให้มาหลายผืน ก่อนกลับมายื่นให้หญิงสาวและหนุ่มน้อยทั้งสามคน และหันไปคลุมผ้าให้คนของผมที่ยืนกอดอกรออยู่แล้ว กัสคงจะหนาวเพราะลมทะเลผมรีบห่อตัวให้และพากัสไปอาบน้ำที่ห้องผมส่วนห้องกัสให้มิคใช้แทน หลังอาบน้ำกันเรียบร้อยพวกเราก็มาย่างบาร์บีคิวซีฟู้ดที่ถูกจัดเตรียมไว้หน้าบ้านพัก บรรยากาศเป็นที่สนุกสนานและผ่อนคลายจากเสียงเพลงที่ไอ้ธีเป็นคนเล่นกีต้าร์โปร่งที่พกติดมาด้วย ทริปนี้แม้จะไม่หวานเหมือนที่คิดไว้แต่ก็สนุกเพราะมีเพื่อนและคนที่รักอยู่เคียงข้าง แต่ถ้าทริปหน้าผมตั้งใจจะพากัสไปกันแค่สองคนอยากสวีทหวานกับคนรักบ้าง ผมหันกลับไปมองคนข้างกันที่ไม่ได้รู้เรื่องถึงแผนการของผม กัสกำลังนั่งฟังเพลงอมยิ้มน้อยๆหันไปคุยกับเพื่อนสนิทข้างๆไม่ได้หันมาสนใจกันเลย ผมจึงเอื้อมมือกุมมือบางเรียกร้องความสนใจ เรียกสายตาพราวระยับอย่างคนมีความสุขให้หันมามองกันได้ ผมจึงยิ้มตอบเจ้าของตาสวยที่มองสบกันก่อนก้มลงกระซิบข้างหูหอม
“ทริปหน้าไปกับวินแค่สองคนนะครับ”
...........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
หวานกันไปเบาๆนะคะ :o8:
เจอกัสวินพรุ่งนี้ค่ะและมีเรื่องวุ่นๆนิดหน่อยด้วย
อย่าลืมมาให้กำลังทั้งคู่นะคะ
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ :pig4: ทุกการติดตามน้า
ปล.เหลืออีกสามวันแล้วใครอยากได้หนุ่มๆไปนอนกอดรีบหน่อยน้าติดตามรายละเอียดหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 31
วิน
ร้านอาหารห่างตัวจังหวัดที่มีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ถูกใช้เป็นสถานที่นัดพบ บรรยากาศเย็นสบายจากสายลมและอาหารรสเลิศที่วางอยู่เต็มโต๊ะไม่ได้ทำให้ความเคร่งเครียดของผู้ร่วมโต๊ะลดลงเลย ผมมองผ่านคู่ชายหญิงตรงหน้าไปจับจ้องยังสายน้ำที่ไหลผ่านเบื้องหลังอย่างเย็นใจ ส่งมือเข้ากอบกุมมือของคนรักที่นั่งข้างกันไว้และไล้หลังมือนุ่มแผ่วเบาให้ได้รู้ว่ากัสยังมีผมเคียงข้าง ภาวะกดดันที่ผมเป็นคนสร้างให้คู่กรณีอย่างผู้หญิงตรงหน้าได้รับรู้เริ่มได้ผล เมื่อใบหน้าสวยเริ่มเปลี่ยนคิ้วโก่งขมวดมุ่นมีแววตาหงุดหงิดฉายชัดก่อนส่งเสียงฮึดฮัดในคอออกมา
“ฮึ วินคะไหนบอกว่าอยากพบจีไง แล้วทำไมต้องพาสองคนนี้มาด้วย” จีที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมโพล่งออกมาเมื่อหมดความอดทนด้วยหน้าบึ้งตึงและใช้หางตา มองกัสอย่างเหยียดหยาม จนผมนึกอยากเข้าไปบีบคอขาวๆนั่นที่เจ้าของมันกล้าใช้สายตารังเกียจคนของผมต่อหน้า แต่ผมต้องอดทนไว้เพราะแรงบีบจากฝ่ามือนุ่มที่ส่งมาเตือนสติกัน
“ครับ ผมอยากพบคุณเพื่อคุยกันให้รู้เรื่องและสองคนที่คุณพูดถึงนี่ หนึ่งในนี้ก็คู่หมั้นผม นี่ ‘กัส’ ครับ” ผมเลื่อนมือโอบไหล่กัสตอนแนะนำให้จีรู้จักและให้ได้รู้ถึงสถานะของคนในอ้อมกอดผมด้วย จีสะบัดหน้าเบะปากและจ้องกัสตาเขม็งอย่างเอาเรื่อง จนผมต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นและเพิ่มความระวังตัว กลัวว่าคนรักจะโดนทำร้ายจากผู้หญิงตรงหน้า
“ฮึ คู่หมั้นที่เป็นผู้ชาย จะดีกว่าผู้หญิงได้ยังไงกัน วินคิดดีแล้วเหรอคะ จีชอบวินนะเลิกกับคนๆนี้ซะแล้วมาคบกับจีเถอะ”
“นี่คุณ / จี หยุดพูดอะไรบ้าๆแบบนี้นะ” ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ทำไมถึงกล้าคิดอะไรแบบนี้ได้ ทั้งๆที่ผมก็บอกอยู่ว่ากัสเป็นอะไรกับผม จะไม่ให้ผมตะคอกใส่ได้ยังไงกันครับ
ส่วนพลที่นั่งข้างจีก็เข้าไปกระชากแขนอย่างแรงจนเธอร้องโวยวายออกมา ซึ่งผมไม่คิดจะห้ามใจจริงอยากให้จับผู้หญิงไม่รู้จักคิดคนนี้โยนลงธารน้ำข้างๆนี่ด้วยซ้ำ ผมเหลือบตามองกัสก็ได้เห็นว่ากัสมองจีด้วยสายตานิ่งเรียบอย่างอ่านไม่ออก และไม่มีอาการเดือดร้อนในสิ่งที่จีต่อว่าเลย ผมกุมกระชับมือนุ่มกัสจึงหันหน้ามามองกัน ก่อนคลี่ยิ้มน้อยๆมาให้ผมจึงเบาใจได้ว่าคนน่ารักไม่ได้คิดมากอะไร
“นี่พลปล่อยนะมันเจ็บและไม่ต้องมาตะคอกเลยด้วย โอ๊ย!” พลยังไม่ยอมปล่อยแขนแต่กลับเพิ่มแรงบีบเข้าไปอีก ผมมองคนทั้งคู่นิ่งๆรอดูว่าจีจะแผลงฤทธิ์อะไรขึ้นมาอีก
“ไม่ปล่อยหรอก จะจับหักแขนซะเลยถ้าขืนยังจะพูดบ้าๆแบบเมื่อกี้อีก คิดได้ยังไงกันเนี่ย หา” พลตะคอกใส่จีหน้าตาหงุดหงิดด้วยทำอะไรเพื่อนไม่ได้มากไปกว่านี้
“คุณพลครับผมว่าปล่อยเธอเถอะครับ เรามาพูดกันดีๆ ดีกว่านะ” กัสที่นั่งข้างผมเอ่ยห้ามคงเพราะสงสารที่เห็นจีเจ็บจนน้ำตาคลอ ส่วนผมนั้นไม่นึกสงสารผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามกันนี้เลย เพราะจีก่อปัญหาให้ผมจนเกือบทำให้กัสเข้าใจผิดและไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกเลย ถ้าไม่มีกัสอยู่ด้วยตอนนี้ผมอาจจะเข้าไปทำร้ายจีแล้วก็ได้
“เชอะ ไม่ต้องมาทำเป็นคนดีหรอก แต่ไหนๆก็จะคุยดีๆแล้ว งั้นฉันขอได้มั้ยผู้ชายคนนี้” จีสะบัดหน้ามาทางกัสก่อนส่งสายตาท้าทายมาให้ ผมเห็นแบบนี้แล้วทำเอาควันออกหูจนอยากเข้าไปบีบปากที่กำลังยิ้มเยาะนั้นให้แตก สมมุติว่ากัสเอ่ยปากยกผมให้จีขึ้นมาแต่ผมก็ไม่เอาหรอกครับ ‘ผู้หญิงอะไรร้ายกาจ เห็นแก่ได้ที่สุด’ ผมถลึงตาคาดโทษใส่จีที่หันมาส่งสายตายั่วยวน
“จี โอ๊ย! กูจะทำยังไงกับมึงดีเนี่ย” พลคงโมโหเพื่อนตัวเองมากแต่ทำอะไรไม่ได้ถึงกับหลุดกูมึงออกมา และพลคงคิดว่าเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุที่เป็นคนแนะนำให้ผมกับจีรู้จักกันจนเกิดเรื่องขึ้น เมื่อโวยวายเสร็จพลนั่งกุมขมับก่อนลุกเดินออกไปจากโต๊ะด้วยคงหาที่สงบสติอารมณ์
ดังนั้นที่โต๊ะจึงเหลือพวกเราสามคนที่แสดงสีหน้าต่างกันไป จียิ้มยั่วยวนแววตาสะใจเหมือนว่าได้แกล้งให้คนอื่นว้าวุ่นใจได้ตัวเองมีก็ความสุขแล้ว กัสหน้าตาสงบนิ่งแววตาจ้องเขม็งไปที่จีแต่ผมอ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ส่วนผมนั้นโกรธจนพร้อมที่จะฆ่าคนได้ แต่ในความเป็นจริงกลับต้องนั่งนิ่งกัดฟันข่มอารมณ์อยู่ที่เดิม
“จี คุณเลิกคิดกับผมแบบนี้ได้เลยเพราะผมไม่มีทางสนใจคุณแน่ ตั้งแต่แรกที่เราเจอกันผมแน่ใจนะว่าไม่เคยให้ความหวังอะไรกับคุณเลย และที่สำคัญผมรักกัสคู่หมั้นผมคนนี้คนเดียว ส่วนเรื่องที่คุณทำไว้ช่วงที่ผมไม่สบายผมจะไม่ใส่ใจแล้วก็แล้วกันไป แม้มันเกือบทำให้กัสเข้าใจผิดผมก็เถอะ” หลังผมสงบอารมณ์ลงได้จึงฝืนพูดในสิ่งที่คิดไว้ แต่ดูท่าคำพูดดีๆจะใช้ไม่ได้กับผู้หญิงคนนี้
“เอ๊ะ แค่เกือบหรอ ไม่ใช่เข้าใจผิดไปแล้วหรอ ฮึๆๆ เสียดายจังน้า แต่วินคะคุณยังไม่เคยลองคบกับจีเลยนะจะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะไม่ชอบจี ไม่ลองดูหน่อยเหรอเพราะดูท่าคู่หมั้นคุณเนี่ยเค้าอ่อน คงไม่กล้าว่าเราหรอกถ้าคุณจะลองอ่ะนะ ฮิๆๆๆ” จียังยิ้มแย้มและหัวเราะได้กวนอารมณ์คนมองแบบผมให้ขุ่นมัวได้
“คุณนี่มันเป็นผู้หญิงที่ ที่ร้ายกาจมาก” ผมไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาเปรียบผู้หญิงแบบจีได้ ไอ้ที่จะว่ากันแรงๆก็ยังเกรงใจว่าเป็นเพื่อนของพลแถมยังเป็นเพศแม่ ถ้าเป็นผู้ชายเหมือนกันผมจะต่อยให้คว่ำก่อนกดน้ำซ้ำแล้วครับ
ตอนที่เจอกันครั้งแรกในสายตาผมนั้นจีเป็นผู้หญิงที่น่าคบคุยเก่งหน้าตาน่ารักแถมยังเป็นผู้หญิงทำงานเก่งอีกด้วย เพราะเธอเป็นเจ้าของคุมกิจการตลาดสดขนาดใหญ่ของครอบครัวตัวเอง แต่ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียวด้วยที่อยากได้อะไรนั้นต้องได้ไม่มีคำว่า ‘ไม่ได้’ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าครั้งแรกที่เห็นมันเป็นแค่เปลือกที่เจ้าของต้องการให้ผมรู้เห็นแต่สิ่งที่ดีที่อยู่ข้างนอกเท่านั้น เมื่อได้รู้ได้เห็นพฤติกรรมแบบนี้ผมก็ไม่อยากจะคุยด้วยอีก ถึงคุยไปก็คงไม่รู้เรื่องจึงอยากจะตัดปัญหาโดยเร็ว ที่สำคัญที่สุดผมเป็นห่วงแต่ความรู้สึกของกัสเท่านั้น เพราะคำพูดแต่ละคำที่จีเอ่ยมาผมยังทนไม่ได้เลยแล้วกัสล่ะจะรู้สึกยังไง ผมไม่อยากเป็นสาเหตุในการทำร้ายความรู้สึกของคนที่ผมรักอีกแล้ว
“ปัง / จีคุณหยุดพูดไปเลยดีกว่า ผมว่านะ..” ผมทุบโต๊ะระบายอารมณ์ที่ไม่สามารถลงกับต้นเหตุที่นั่งยิ้มกวนอารมณ์มาให้ได้ เตรียมพูดเพื่อตัดปัญหาทั้งหมดแต่ยังไม่จบประโยคก็โดนกัสจับมือไว้ หันไปสบสายตานิ่งเรียบของคนรักที่ผมอ่านมันไม่ออกว่ากัสรู้สึกยังไง กัสหันกลับไปมองทางจีแต่มือยังกุมทับมือผมอยู่
“คุณจีคุณหยุดพูดแบบนี้เถอะครับ เพราะยิ่งพูดคุณจะยิ่งดูแย่ในสายของวิน คนที่คุณบอกว่าชอบ ผมเชื่อนะที่คุณบอกว่าชอบ วินเพราะผมก็ใช้เวลาไม่นานเหมือนกันที่รู้ว่าผมชอบผู้ชายคนนี้ ถ้าเราสลับตัวกันแล้วผมรู้ว่าวินมีคนที่รักอยู่แล้ว ผมก็คงบอกชอบวินแต่ไม่คิดจะแย่งมาเป็นของตัวเองหรอก เพราะความรักของผมแค่เห็นคนที่เรารักมีความสุขก็พอแล้ว และถ้าเกิดแผนที่คุณวางไว้มันทำให้เราสองคนเข้าใจผิดถึงขั้นเลิกรา แต่ผมเชื่อนะว่าคุณจะไม่ได้เขาไปและถึงวินจะหลงผิดตกลงคบกันคุณ คุณก็จะได้ไปแต่ตัวแต่ใจเขายังเป็นของผม ‘ผมมั่นใจ’ และคุณไม่คิดต่อไปล่ะคุณจีเมื่อคุณยังแย่งวินมาได้จะไม่มีใครเชียวรึที่เก่งกล้ากว่าคุณมาแย่งไปอีกที ในเมื่อคุณผูกพันกับเขาแค่ร่างกายแต่ใจเขาไม่ได้ผูกไว้กับคุณ ฮึๆ ในสายตาคุณอาจจะมองว่าความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันมันฉาบฉวยไม่ยั่งยืน แต่คู่ผมกับวินนี่แหละจะพิสูจน์ให้เห็นว่ารักของเราไม่ได้ต่างไปจากรักของชายหญิงเลย และคุณเองก็เป็นผู้หญิงที่พร้อมทั้งหน้าตาและฐานะไม่เห็นต้องมาแคร์กับผู้ชายที่เขาไม่ได้สนใจตัวเองสักนิดเลย ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณมีดีพอผมว่าคุณหาผู้ชายคนอื่นที่ดีกว่า ‘ผู้ชายของผม’ ดีกว่ามั้ยครับ”
ประโยคยาวๆที่กัสพูดและสั่งสอนจีนั้นทำเอาผมอึ้งไปเลยไม่คิดว่าคนรักของผมจะพูดอะไรแบบนี้ มันรู้สึกทั้งตกใจและดีใจจนตัวลอยเปิดยิ้มกว้างแบบไม่รู้ตัว ไม่มีคำไหนที่กัสเอ่ยปากว่ารักผมแต่ประโยคเหล่านั้นมันแสดงว่ากัสเชื่อมั่นในรักของเรา และพร้อมที่จะพิสูจน์ความรักที่มั่นคงนี้ไปพร้อมกัน ดอกไม้แห่งความสุขมันเบ่งบานหอมอบอวลอัดแน่นอยู่ในใจ ผมกุมทับมือบางกระชับแน่นแสดงให้กัสรู้ว่าผมรับรู้สิ่งที่กัสพูดออกมา กัสยังจ้องนิ่งไปที่จีซึ่งอีกฝ่ายก็นิ่งเงียบไปไม่โต้ตอบกลับมาแม้ประโยคเดียว จีคงอึ้งหรือไม่ก็อาจจะคิดได้แล้วถึงสิ่งที่กัสพยายามบอกไป
“ฮึๆ ปกติคุณนี่พูดยาวๆแบบนี้บ่อยมั้ย รู้มั้ยคำพูดนี่ทำเอาชั้นเจ็บแสบไปหมดยิ่งกว่าโดนมีดกรีดอีกนะ” ในที่สุดจีก็หาเสียงตัวเองเจอ แต่ประโยคนี้ทำเอาเราสองคนอดแปลกใจไม่ได้เพราะสิ่งที่คาดไว้ไม่ใช่แบบนี้ จีน่าจะโวยวายกรีดร้องมากกว่าที่จะพูดประโยคนี้ออกมาพร้อมกับหัวเราะในคอแม้หน้าจะยังไม่มีรอยยิ้มก็ตาม เราสองคนคงทำหน้าตาตกใจได้ขัดใจในสายตาของจีเจ้าตัวถึงกับเอ่ยออกมา
“คุณสองคนหุบปากได้แล้วตกใจอะไรนักหนาเนี่ย” เธอหน้ายุ่งกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่มีเคล้าของความโกรธก็แค่ไม่พอใจเล็กๆเท่านั้น
“ไม่เคยมีใครพูดกับฉันตรงๆแบบนี้มาก่อน จงภูมิใจไว้ว่าคุณเป็นคนแรก” จีชี้นิ้วมาที่กัสและแสยะยิ้มมาให้ด้วยยังไม่สบอารมณ์นิดหน่อยเพราะเราสองคนยังคงอึ้งหาคำพูดโต้ตอบไม่เจอ
“ฉันยอมรับนะว่าถูกใจวินตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน แม้จะรู้ว่าวินมีคนรักอยู่แล้วแต่ก็ยังอยากลองดูว่าจะแย่งมาได้มั้ย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่สามารถจริงๆเพราะดูท่าคู่หมั้นจะหวงมาก ไอ้นิสัยที่อยากได้อะไรต้องได้เนี่ยมันติดตัวจนแก้ไม่ได้ไปแล้ว อยู่บ้านแค่เอ่ยปากว่าอยากได้อะไรมันก็มากองอยู่ตรงหน้าทุกอย่างไม่เคยผิดหวังเลย เฮ้อ แต่สิ่งของเหล่านั้นที่พ่อแม่หามาให้น่ะมันต้องแลกกับเวลาที่ท่านสองคนไม่มีให้ ฉันอาจดูเป็นเด็กมีปัญหาในสายตาพวกคุณ แต่ฉันก็รู้ว่าท่านทั้งสองรักฉันมากไอ้ตลาดที่สร้างมาก็เพื่อฉันและมันก็ได้เวลาที่ฉันเสียไปจากท่านทั้งสอง ตอนนี้จึงพยายามดูแลตลาดที่พ่อแม่ยอมที่จะทิ้งฉันไว้กับของที่ท่านประเคนมาให้เพื่อสร้างมันขึ้นมาเพื่อฉันอ่ะนะ เหนื่อยที่จะยืนคนเดียวพอเจอคนที่ใช่ก็อยากได้มาครอบครองจนลืมไปว่าเขาเป็นคนไม่ใช่สิ่งของที่ชั้นร้องอยากได้แล้วพ่อแม่ก็หามาประเคนให้เหมือนตอนเด็กๆ”
วันนี้คนใกล้ตัวจะทำเอาผมอึ้งกี่รอบกันนะเพราะเรื่องของจีที่เจ้าตัวพูดออกมามันทำให้ผมนึกสงสารไม่ได้ จีที่มีชีวิตวัยเด็กอยู่กับสิ่งของที่พ่อแม่คิดว่ามันจะทดแทนอ้อมกอดของพวกท่านได้ แม้จะรู้ว่าท่านรักแต่เด็กก็ต้องการความอบอุ่นมากกว่าสิ่งของที่ไม่มีชีวิต ผมจึงไม่แปลกใจที่จีจะทำตัวแบบนี้กับเรื่องของผมในครั้งนี้เธอก็แค่เด็กเอาแต่ใจ มาถึงตรงนี้ผมคิดว่าลึกๆแล้วจีไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร และสิ่งที่ผมเห็นจีในครั้งแรกก็คงเป็นตัวตนของจีจริงๆสินะ อีกอย่างจีเป็นเพื่อนสนิทของพลด้วย ถ้าจีนิสัยแย่จริงๆพลคงไม่คบด้วยมานานขนาดนี้หรอก และดูท่าพลเองก็ยังงงกับเพื่อนตัวเองว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น
“เรื่องวินฉันคงไม่มีหวังสินะ และก็ขอให้คุณรู้ไว้คุณเป็นคนแรกที่ปฏิเสธฉัน” จีชี้นิ้วมาที่ผมด้วยใบหน้าระบายยิ้มน้อยๆ
“ครับ ผมอยากให้คุณตัดใจจากผู้ชายหล่อๆแบบผมซะ เพราะคนที่อยู่ในใจผมมีแค่คนน่ารักนี้เท่านั้น” ผมคลี่ยิ้มกว้างใส่จีก่อนหันมาโอบกอดร่างบางที่นั่งฟังนิ่งๆไม่พูดจา แต่กัสก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าและแววตาสดใสกว่าตอนแรกมากนัก
“เชอะ คอยดูฉันจะหาผู้ชายที่ดีกว่าหล่อกว่าคุณให้ได้เลย แต่คุณกัสคุณเปลี่ยนใจยังทันนะ เอางี้เดี๋ยวฉันหาให้ใหม่ดีกว่าคุณ วินอีก เอามะ” จียิ้มกว้างมองหน้ากัสก่อนส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ผม นี่ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งปรับความเข้าใจกันได้ผมคงจับเธอโยนลงน้ำแล้วครับ
“เฮ้ๆๆๆ อย่าพูดแบบนี้สิคุณจี ผมไม่ยอมปล่อยกัสไปไหนแน่ และไอ้หน้าไหนคิดมายุ่งกับกัสนะผมไม่เอามันไว้หรอก” หันไปโวยวายอย่างไม่จริงจังกับจีเพราะรู้ว่าเธอล้อเล่น และถือโอกาสโอบรอบตัวกัสไว้แน่นแถมเอาปากเฉียดแก้มใสผ่านๆไม่ให้กัสรู้ตัวไปหนึ่งที แค่นี้ก็สุขใจแล้วและเรื่องราวที่น่าหนักใจก็กลับตาลปัดเปลี่ยนเป็นว่าเหมือนเราจะได้เพื่อนเพิ่มอีกคนแทน
“ฮึๆๆ วินปล่อยได้แล้วอย่านึกว่ากัสไม่รู้นะว่าเมื่อกี้แอบทำไรอ่ะ คุณจีเรียกชื่อเราแทนดีกว่าครับไม่ต้องมีคุณนำหน้าหรอก” กัสส่งสายตารู้ทันมาให้จนผมแอบสะดุ้ง ‘ก็ว่าเนียนแล้วเชียว’ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานที่ผมชอบให้เพื่อนใหม่
“ได้ค่ะ งั้นกัสกับวินเรียกจีว่าจีนะไม่ต้องมีคุณเหมือนกัน” จีส่งยิ้มจริงใจมาให้เราสองคน
“อ้าว เกิดอะไรขึ้นเนี่ยตอนเดินออกไปยังเป็นนางยักษ์อยู่เลย นี่อะไรเปลี่ยนมาเป็นนางฟ้าในพริบตา โอ๊ยยย ” พลเดินมาถึงโต๊ะทำหน้าแปลกใจก่อนหันไปแหย่จีที่กำลังยิ้มหน้าบาน และผลจากการแซวพลก็ต้องร้องออกมา เป็นผมก็คงไม่ต่างจากพลหรอกก็บรรยากาศเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้
“นี่โทษฐานที่ทำจีเจ็บ ดูสิยังเป็นรอยแดงอยู่เลย หยิกแค่นี้ยังน้อยไป” หลังลงแรงหยิกไปที่สีข้างพลเต็มแรงจีก็บ่นพร้อมยื่นแขนไปตรงหน้าเพื่อนให้เห็นหลักฐานรอยแดงรอบแขนขาว
“นี่แสดงว่าเคลียร์กันได้แล้วเหรอ เฮ้อโล่ง ตอนเดินกลับมานี่คิดไว้ว่าถ้ายังเห็นว่าจียังเป็นนางยักษ์อยู่นะ พลว่าจะจับโยนลงน้ำข้างๆไปเลยเผื่อจะได้เย็นลง โห อดออกแรงเลย” พลยังหันไปแซวเพื่อนสาวที่นั่งส่งค้อนวงใหญ่ไปให้หลังฟังจบประโยค
“ผมต้องขอโทษคุณวินและคุณกัสนะครับที่จีทำเรื่องลำบากใจให้ ผมรู้สึกผิดมากเพราะยังไงจีก็เป็นเพื่อนของผม” พลเปลี่ยนเป็นจริงจังและหันมาขอโทษเราสองคนเล่นเอาสาวหมวยหน้าเจื่อนลง
“พลไม่ต้องขอโทษหรอกครับ แบบนี้ก็ดีนะทำให้กัสได้เพื่อนเพิ่มอีกตั้งคนแน่ะ แล้วยังได้คนคอยเป็นหูเป็นตาแทนกัสตอนวินยังอยู่ที่นี่ด้วย” กัสส่งยิ้มกว้างไปให้สองคนที่นั่งตรงข้ามกันเพื่อให้สบายใจขึ้น และทำให้ได้รับรอยยิ้มจากทั้งคู่ตอบกลับมา
“ฮึๆๆ จีคงเหนื่อยเปล่านะครับเพราะวินไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากกัสคนเดียว และผมต้องขอบคุณคุณจีนะที่ทำให้รู้ว่ากัสรักและหวงผมมากขนาดไหน ฮ่าๆๆ หน้าแดงแล้วครับที่รักเขินหรอ หืม” กัสหน้าแดงปลั่งหลังผมพูดจบคงนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ก่อนหน้านี้ กัสน่ารักจนผมอยากฟัดแก้มแดงคู่นั้นเลย แต่ที่ผมทำได้คือการกระชับมือนุ่มและไล้มือไปที่ผิวแก้มแดงๆตรงหน้าแทน
“จีรู้แล้วว่าทำไมวินถึงหลงรักกัสมากขนาดนี้ ฮิๆๆ” จีส่งเสียงแซวมาให้เราสองคนยิ่งทำให้คนที่หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งแดงกว่าเดิมลามไปถึงหูและคอขาวก่อนเจ้าของจะก้มหน้าหลบสายตาล้อเลียน แตกต่างจากกัสคนที่พูดจริงจังก่อนหน้านี้ลิบลับเลย
“ผมว่าเราอย่าแกล้งคุณกัสเลย เดี๋ยวผมเรียกพนักงานมารับอาหารไปอุ่นใหม่ดีกว่าครับเพราะมันเย็นชืดหมดแล้ว” พลขัดขึ้นหลังปล่อยให้กัสโดนแซวอายม้วนอยู่นาน ผมเห็นด้วยจึงพยักหน้าให้เพราะไม่อยากให้ที่รักอายจนหน้าระเบิดไปซะก่อน
เหตุการณ์ครั้งนี้ผ่านไปอย่างสวยงามเราได้เรียนรู้ว่ารักครั้งนี้ของเรามั่นคงเพราะเราไว้ใจซึ่งกันและกัน การเผชิญปัญหาร่วมกันทำให้เรามีพลังแก้ไขปัญหาไปได้ และรู้ว่าไม่มีอะไรจะแยกเราจากกันได้ถ้าเรามีกันอยู่แบบนี้ ที่สำคัญมิตรภาพที่เกิดขึ้นใหม่กับผู้หญิงตรงหน้านี้ที่เราจะเรียกเธอว่า ‘เพื่อน’ ได้
................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
ปัญหามีไว้แก้อุปสรรคมีไว้ข้าม ความรักก็ต้องมีบทพิสูจน์ถึงความเชื่อใจ
และกัสวินก็ผ่านมาได้ด้วยดี o18
ตอนหน้าเป็นตอนที่ทุกคนรอคอย!? เตรียมตัวไว้ให้ดี :z1:
+เป็ดให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ :pig4:
ปล.ใครที่สนใจรับหนุ่มๆไปนอนกอดรีบหน่อยนะคะเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วค่ ติมตามหน้าแรกค่ะะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.msg2026832#msg2026832
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55
(http://i48.tinypic.com/2pz9zlw.jpg)
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท
ตอนที่ 38
วิน
หลังเหตุการณ์ที่ห้องทำงานในบริษัทวันนั้นที่ผมจัดเต็มถึงสองรอบใหญ่ให้กัสแล้ว ผมโดนที่รักงอนมาสามวันแล้วและกัสจะยอมพูดด้วยก็แค่ที่จำเป็นเท่านั้น ที่สำคัญกัสกลับไปนอนห้องตัวเองผมง้อเท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับมานอนด้วยกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มแม้แต่รอยยิ้มหวานๆผมก็ไม่ได้เห็น และถ้าผมเดินไปใกล้คนน่ารักก็จะหันมาทำตาเขียวใส่แล้วใครจะกล้าแตะกัน ผมรู้ตัวนะว่าตัวเองทำผิดที่เผลอใจกอดกัสในที่ทำงานถึงสองรอบแต่เป็นใครจะอดใจไหวกัน ทั้งผิวเนียนผ่องลื่นมือและกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้จากร่างบางเมื่อยามใกล้ชิด ผมมารู้ทีหลังว่าคุณแม่พากัสไปหาคุณป้าอรณิชและถือโอกาสให้ทำสปาทั้งตัว กัสถึงออกมาผิวผ่องมีกลิ่นหอมอบอวลขนาดนั้น ผมว่าจะลองติดต่อคุณป้าและขอจองคอร์สนวดตัวทำสปาให้กัสอีกสักคอร์สอยู่เหมือนกัน ส่วนคนที่ได้ประโยชน์ก็จะใครล่ะถ้าไม่ใช่ผม คิดแล้วอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงกัสหลังทำสปาคงจะเหมือนวันนั้นที่บริษัททำเอาผมคึกคักกว่าปกติ แต่ก่อนอื่นต้องหาทางคืนดีกับที่รักให้ได้ซะก่อน กัสคงอายมากที่เราร่วมรักกันในห้องทำงานเพราะพอสติกลับคืนมาเต็มที่กัสก็กังวลกลัวว่าคุณออยจะรู้ไม่กล้าออกไปเจอคุณออยเลยทั้งๆที่ผมก็บอกไปแล้วว่าห้องนั้นมันมิดชิดและเก็บเสียงได้ และไม่ใช่ว่าผมไม่ง้อที่รักนะครับ ผมจัดเต็มทั้งดอกไม้ทั้งเค้กของโปรดหรือแม้แต่การอ้อนวอนที่เคยได้ผลก็ใช้ไม่ได้ในครั้งนี้ ตอนนี้ผมจะขาดใจอยู่แล้วด้วยไม่ได้กอดกัสนอนมาสามคืนแล้ว ผมคงต้องหาตัวช่วยและคนที่ผมนึกถึงก็คือ ‘ไอ้ปรัช’ คิดได้ก็หยิบโทรศัพท์ต่อถึงเพื่อนสนิทคนนี้ทันที รอสายไม่นานปรัชก็กดรับ
“ไงวิน มีอะไรให้ช่วย” มันเหมือนนกรู้ว่าผมมีเรื่องขอความช่วยเหลือ
“อะไร กูก็แค่คิดถึงมึง” ขอผมปากแข็งไปก่อนเพราะต้องรักษาฟอร์มกันบ้าง
“อย่ามา อย่างคุณมึงเนี่ยไม่เดือดร้อนไม่โทรมาหรอก ยิ่งมีเมียอยู่ด้วยแบบนี้เรื่องเพื่อนลืมไปได้เลย” ไอ้นี่รู้จริงสมแล้วที่เป็นเพื่อนรักกันมานาน
“ไอ้ปรัช มึงนี่รู้ทันกูตลอดเลย เออ ยอมรับก็ได้ว่ะว่ามีเรื่องให้ช่วย” ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องทำเสียงอ่อยขนาดนั้นด้วย
“ก็แค่นั้น พูดมาอย่าให้เสียเวลา” มันจะรีบไปไหนกันนี่ก็ยังไม่เที่ยง ยังไม่ได้เวลาที่ต้องไปรับมายไปทานข้าวนี่หน่า คู่นี้เค้าพัฒนาแล้วครับทั้งไปรับไปส่งแถมกินข้าวด้วยกันเกือบทุกมื้อ ถึงยังไม่ใช่แฟนแต่ก็ใกล้เคียงแล้ว
ผมเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังว่ากัสโกรธไม่พูดด้วยให้ช่วยหาวิธีง้อให้หน่อย แต่ไม่บอกหรอกว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกลัวมันจะซ้ำเติมก่อนหาทางช่วย ไอ้ปรัชหยุดคิดไปเพียงครู่แล้วจึงบอกแผนการง้อแฟนมาให้ หลังฟังแผนการที่เพื่อนคิดแล้วผมจึงรีบขอวางสายจากไอ้ปรัช ก่อนวางยังโดนมันกัดว่าพอได้เรื่องแล้วรีบชิ่งทันที ผมได้ทีย้อนกลับว่ากลัวมันจะไปไม่ทันนัดกับหมอมาย เรียกเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ได้เพราะต่างก็รู้ใจกัน หลังวางสายผมก็เตรียมแผนการตามที่ไอ้ปรัชแนะนำมา ตามแผนวันนี้ผมคงต้องออกจากบริษัทก่อนเวลาซะแล้วครับ
.................................
“วินจะพากัสไปไหน” เสียงที่เคยหวานกลับแข็งจนกำลังใจเริ่มหดหาย แต่ผมต้องใจสู้ไว้ไม่งั้นได้นอนหนาวคนเดียวอีกนานแน่
“โธ่ ที่รักครับอย่าโกรธวินอีกเลย แค่นี้วินก็เสียใจมากแล้วน้า” ผมหันไปส่งสายตาอ้อนวอนและกระพริบตาปริบๆให้น่าเอ็นดู เผื่อว่าร่างบางจะหลุดขำกับท่าทางเหมือนสาวน้อยของผมบ้าง แต่กัสกลับหันไปทางกระจกรถแทนเล่นเอาใจเหี่ยวแฟบลงกลัวกัสจะไม่พูดด้วยอีก ผมแอบเห็นเงาสะท้อนจากกระจกรถว่าคนน่ารักเค้าแอบยิ้มทำเอาใจที่เหี่ยวพองฟูขึ้น กัสคงใจอ่อนลงกว่าวันแรกมากแล้ว ได้เห็นแบบนี้ผมก็มีกำลังใจง้อที่รักมากกว่าเดิม
“แล้วเราจะไปไหนกัน ขับรถมาไกลแล้วนะ เอ๊ะ! นี่มันทางออกนอกเมืองนี่” กัสทำตาโตน้ำเสียงร้อนรนหันมองข้างทางสลับกับใบหน้าผมไปมาได้อย่างน่าเอ็นดู
ผมจึงยิ้มโปรยเสน่ห์ที่สาวหรือหนุ่มอื่นเห็นคงละลายแต่กัสเคยบอกว่ามันดูไม่น่าไว้ใจมากกว่าน่าหลงไปให้ กัสหรี่ตาลงทำหน้าไม่ไว้ใจทันที แต่ผมก็ใช้ความเงียบสยบความเคลื่อนไหว เอื้อมมือเปิดเพลงรักคลอเบาๆจะเนียนจับมือนุ่มที่วางบนตักมากอบกุม แต่ที่รักดันรู้ทันดึงมือออกและกอดอกฉับปิดช่องทางให้ผมคว้ามือมากุมได้ กัสหันหน้าที่ขมวดคิ้วมุ่นให้รู้ว่าไม่พอใจมาทางผมก่อนผินหน้ามองทาง ผมไม่นึกกลัวแต่กลับนึกเอ็นดูคนน่ารักที่ทำอะไรก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด ผมแกล้งผิวปากตามเพลงทำไม่รู้ไม่เห็นบนรถจึงมีแต่เสียงเพลง ผ่านไปครู่ใหญ่ผมจึงละสมาธิจากการขับรถหันกลับมามองร่างบางที่นั่งข้างกัน ก็ได้เห็นว่าคนน่ารักหลับคอพับพิงกระจกรถไปแล้ว ผมจึงหาที่จอดข้างทางก่อนหยิบผ้าห่มผืนบางจากเบาะหลังมาและปรับเบาะเอนลงห่มผ้าให้ร่างบาง และแอบจูบแก้มขาวแผ่วเบาไม่ให้เจ้าของรู้ตัว เดี๋ยวจากที่จะง้อได้ดันโดนงอนยาวล่ะเป็นเรื่อง ผมหันกลับไปเตรียมออกรถแต่หางตาแอบเห็นกัสอมยิ้มจึงหันหน้าไปมองหน้าหวานอีกครั้งให้ชัดตา แต่ใบหน้าของกัสที่ผมเห็นก็ยังหลับตานิ่งไม่ขยับหรือผมจะตาฝาดไปกันแน่ ผมไม่เสียเวลาคิดต่อเพราะต้องรีบไปให้ถึงจุดหมายเดี๋ยวแผนจะคลาดเคลื่อนง้อที่รักไม่สำเร็จจะยุ่งเอา
.................................
รถจอดสนิทแต่คนที่นอนหลับอยู่ยังไม่รู้สึกตัว ตาพริ้มหลับ ปากบางสีแดงสดเผยอน้อยๆ แก้มกลมอมชมพู เป็นภาพที่น่ามองจนไม่อาจละสายตาได้ แต่ผมมีภารกิจง้อคนน่ารักอยู่จึงตัดใจจากภาพตรงหน้ากดส่งข้อความถึงผู้ช่วยในแผนนี้ให้เตรียมพร้อม ก่อนหันกลับมาเอื้อมหยิบผ้าสีดำเส้นยาวจากหลังรถ พยุงหัวคนรักขึ้นแผ่วเบาใช้ผ้ามัดปิดตาทำให้คนที่พิงอกเริ่มรู้สึกตัว
“อืม วินทำอะไร ตอนนี้ถึงไหนแล้ว” เสียงงัวเงียดังขึ้นก่อนกัสจะเงยหน้าจากอก มือขาวยกขึ้นจับผ้าสีหน้าพลันตกใจเตรียมดึงผ้าออก
“ชู่ๆๆ ไม่มีอะไรครับกัส เชื่อใจวินนะ นะครับ” ผมกอดร่างนุ่มและลูบหลังบางไปมาเพื่อปลอบกัสที่กำลังตกใจ จนกัสนั่งนิ่งและพยักหน้ากับอกของผม
“ก็ได้ แต่อย่าเล่นบ้าๆนะวิน ไม่งั้นกัสจะโกรธกว่าเดิมอีกนะ” ที่รักทำไมต้องขู่กันด้วยแค่นี้ผมก็กลัวมากแล้วคร้าบ
“ครับ ไม่เล่นบ้าๆแน่นอน” ผมเปิดประตูฝั่งคนขับและอ้อมไปเปิดประตูด้านที่กัสนั่งอยู่ ก่อนพยุงร่างบางออกมาข้างนอกรถ กัสชะงักเท้าและเงี่ยหูฟังเสียง
“เสียงคลื่น กลิ่นเค็มน้ำทะเล นี่วินพากัสมาทะเลทำไมล่ะ แล้วตาปะ....” ยังไม่ทันที่กัสจะพูดจบประโยคผมใช้นิ้วปิดปากบางไว้ก่อนที่กัสจะถามมากไปกว่านี้ เพราะต้องทำตามเวลาเดี๋ยวแผนล่มซะก่อน
“ครับทะเล แต่วินอยากให้กัสเดินตามวินมานะครับ วินอยากให้กัสดูอะไรบางอย่างน่ะ”
ผมพาร่างบางที่โอบประคองไว้เดินช้าๆเรียบไปตามชายหาด ก่อนก้มถอดรองเท้าให้กัสและของตัวเองมาถือไว้ น้ำทะเลที่ถูกคลื่นพัดกระทบฝั่งมาถูกเท้าของเราสองคนที่ย่ำผ่าน แสงแดดยามเย็นไม่ได้แผดเผาร้องแรงมากนักและรู้สึกถึงลมทะเลพัดผ่านใบหน้าตีผมให้พอยุ่ง บรรยากาศที่เป็นใจแบบนี้ผมหวังว่าแผนการทั้งหมดคงสำเร็จได้ด้วยดี ผมพาร่างบางหยุดยืนเมื่อถึงที่หมายและส่งสัญญาณให้ผู้ช่วยเดินเอาของมาให้ ผมหมุนตัวกัสหันหน้าออกทะเล
“วินจะเปิดผ้าให้นะครับ แต่กัสค่อยๆลืมตานะเดี๋ยวแสบตา” แอบสูดความหอมข้างใบหูที่กระซิบใกล้ แอบแตะผิวอ่อนแผ่วเบาด้วยริมฝีปาก
เมื่อปมผ้าที่ผูกไว้ถูกปลดผ้าสีดำก็ค่อยๆหลุดละไปตามใบหน้าหวาน ผมวางคางเกยไหล่เล็กของคนรักที่อยู่ด้านหน้าและโอบแขนรอบเอวบางเพื่อประสานมือที่หน้าท้องแบน ก่อนเอียงหน้าเข้าหาหน้าหวานเพื่อมองความเปลี่ยนแปลงของคนรัก กัสกระพริบตาปรับสายตาก่อนจับจ้องไปเบื้องหน้าอ้าปากตาโตดูท่าแล้วคงตกใจไม่น้อย แต่ความตกใจเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างสว่างไสวและหันหน้ามาสบตากัน แววหวานที่ส่งมาให้ผมคงด้วยกัสถูกใจกับภาพตรงหน้า ใบหน้าหวานหันกลับไปมองภาพพระอาทิตย์ดวงส้มกลมโตที่ขอบฟ้ากำลังแตะผิวน้ำสะท้อนภาพผิวน้ำให้เกิดพระอาทิตย์อีกดวงไม่ต่างกัน ฟ้าเปลี่ยนสีไล่เฉดจากสีแดงไปส้มและจางลง รอบๆหาดไม่มีผู้คนมีเพียงเสียงคลื่นและสายลม เราสองคนซึมซับกับความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ผมโอบกอดร่างนิ่มโยกตัวเบาๆก่อนคลายกอดและโอบประคองให้คนรักเดินไปข้างหน้า จนเรามาหยุดหน้าผืนทรายที่มีช่อดอกไม้เล็กๆปักล้อมกรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีถ้อยคำเป็นประโยคอยู่ภายใน
‘I AM SORRY DARLING
&
WILL YOU MARRY ME ?’
เมื่อกัสเห็นข้อความก็ตกใจตาโตอีกรอบ ผมจึงรวบมือบางทั้งสองข้างไว้และคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนผืนทรายอีกข้างชันขาขึ้นมองสบตาคู่สวยส่งสายตาเว้าวอนไปให้
“วินขอโทษกับเรื่องวันนั้นนะครับ กัสยกโทษให้วินนะ นะครับ” แก้มขาวขึ้นสีแดงเป็นริ้วกัสหลบตาหันไปทางอื่นและคงทนคำเว้าวอนอ่อนหวานไม่ไหวจึงพยักหน้ารับคำ
ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ภารกิจง้อสำเร็จไปหนึ่งเหลืออีกหนึ่งภารกิจสำคัญ ใจผมเต้นแรงมือเริ่มชื้นเหงื่อจับมือบางบีบแน่นจนสายตาคู่หวานหันกลับมาสบกันซึ่งความแดงของผิวหน้าก็ยังไม่จางลง ผมส่งยิ้มให้คนรักก่อนจะได้ยิ้มเอียงอายตอบกลับมาเรียกแรงใจให้ผมกล้าที่จะขอคำตอบจากกัส ผมหยิบกล่องกำมะหยี่แดงเปิดออกยื่นไปตรงหน้าคนรัก
“วินรักกัสครับ แต่งงานกับวินนะครับที่รัก” ใจเต้นระรัวรอคอยคำตอบชั่วอึดใจ กัสจึงพยักหน้ารับยิ้มหวานสบตากัน
ผมหยิบแหวนสวมทับซ้อนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายที่มีแหวนจากคุณแม่ที่ผมสวมให้ต่อหน้าผู้ใหญ่อยู่แล้ว ก่อนก้มจูบประทับที่แหวนบนนิ้วทั้งสองวงและเงยหน้าจ้องตาหวานระยับ
“หัวใจวินอยู่ในกำมือกัสแล้วนะครับ ช่วยดูแลมันแทนวินด้วยความรักของกัสด้วยนะ เพราะถ้ากัสทอดทิ้งมันวินต้องตายแน่ๆ” ประโยคนี้ของผมทำเอาคนรักหลุดหัวเราะออกมา
“คิกๆ รู้แล้วคร้าบบบ ฮิๆๆ วินอ่ะน้ำเน่ามาก มาลุกขึ้นได้แล้ว” มือบางออกแรงฉุดให้ผมลุกขึ้นเมื่อใบหน้าเราอยู่ระดับเดียวกันแล้วผมจึงฉกจูบแตะริมฝีปากบาง เราส่งยิ้มหวานให้กันเมื่อผละออก การที่ผมลงทุนเตรียมทุกอย่างถือว่าคุ้มสุดๆ แม้เวลาจะมีน้อยแต่ทุกอย่างก็ออกมาดี ‘ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว’ ทั้งง้อทั้งขอแต่งงาน ครั้งนี้คงต้องยกความดีให้ไอ้ปรัชด้วย
“แล้วกัสต้องใส่สองวงเลยมั้ยวิน” กัสยกมือข้างซ้ายขึ้นมาส่องตาระยับด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จางไปจากใบหน้า แหวนวงแรกเป็นทองคำขาวเกลี้ยงทั้งวงแบบเดียวกับที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม ส่วนวงที่ผมเพิ่งสวมให้กัสเป็นวงทองคำฝั่งเพชรเม็ดเล็กเสมอผิวเกลี้ยงของวงแหวน ซึ่งดูแล้วถ้าใส่ทั้งสองวงก็ไม่น่าเกลียดอะไรเหมือนแหวนที่ดีไซด์เป็นสองวงเชื่อมติดกันก็ดูดีไปอีกแบบหนึ่ง
“กัสรำคาญมั้ย วินว่าใส่สองวงก็สวยดีนะครับ วินแล้วแต่กัสครับ” ผมจ้องตาคู่หวานและจับมือบางมากุมแน่นก่อนใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ไปที่ตัวแหวน
“งั้นกัสใส่สองวงนี่แหละ” คนน่ารักยิ้มกว้างตาส่องประกายระยิบระยับ ก่อนกัสจะเขย่งปลายเท้ายืดตัวมาจูบที่แนวคางและโอบกอดรอบคอผมไว้ กิริยาแบบนี้ของคนรักมันทำให้ผมใจพองโตมีความสุขแบบสุดๆ
“ขอบคุณวินนะที่รักกัส และทำทุกอย่างเพื่อกัส กัสรักวินนะครับ” ผมตะลึงตัวแข็งเมื่อได้ยินกัสบอกรัก แม้จะเคยได้ยินมาแล้วแต่ครั้งนี้อารมณ์อ่อนหวานจากบรรยากาศการขอแต่งงาน มันยิ่งทำให้คำบอกรักนี้มีความหมายและดูขลังมากยิ่งขึ้น ผมโอบกอดร่างบางแน่นยกจนตัวลอยจากพื้นและหมุนร่างบางไปรอบๆอย่างดีใจ
“ครับ วินก็รักกัสนะครับ ฮ่าๆๆ”
“คิกๆ วินเบาๆ ฮ่าๆ ยังอีก กัสเริ่มเวียนหัวแล้วน้าๆๆ”
เสียงหัวเราะของเราสองคนก้องไปทั่วบริเวณกลบเสียงคลื่นลมทะเลจนแทบไม่ได้ยิน ผมวางร่างบางลงบนพื้นทรายจ้องตาคู่หวาน กอบกุมใบหน้าใสด้วยมือทั้งสองข้างและส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้ ก่อนโน้มใบหน้าลงให้ริมฝีปากเราแนบชิดกันและแตะจูบบางเบากระซิบถ้อยคำรักให้ตราตรึงเข้าไปในใจของคนรัก
“ผมรักคุณครับ กัสที่รักของผม”
หลังคำบอกรักอ่อนหวานริมฝีปากเราแนบชิดกันบดเบียดเคล้าคลึงเชื่องช้า ปากบางเผยอเปิดรับเรียวลิ้นร้อนอย่างเต็มใจให้ลิ้นที่รุกล้ำได้ควานหาดูดกลืนความหวานและมอบจูบอันอ่อนหวานและลึกซึ้งให้กัน สองร่างบนผืนทรายโอบกอดชิดใกล้มีแผ่นฟ้าเจือสีส้มจากแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์และท้องทะเลกว้างเป็นฉากหลัง เงาทอดยาวไกลเหมือนอนาคตของคนทั้งคู่ที่ต้องผ่านอะไรด้วยกันอีกมาก แต่ขอแค่ยังมีรักให้กันไม่ว่าอุปสรรคใดก็มิอาจพรากให้แยกจาก
............THE END..........
กัสวินขอจบแบบหวานๆนะคะ^^
ใครที่ต้องการอ่านตอนพิเศษที่พิเศษมากกก ติดตามที่ฉบับแรกเลยค่ะ
:pig4: ทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงบทสรุปของคู่นี้นะคะ บวกเป็ดปิดท้ายค่ะ
ปล.รอติดตามความรักของเฮียธัชได้เร็วๆนี้ใน "บ่วงรักพญามังกร"