หลังจากดำเนินเรื่องมาครึ่งทางแล้ว ก็ได้เวลาเฉลยนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของตัวละคร
อัคร
พระเอกแน่นอนจ้า (เน้นว่าพระเอก) เป็นเด็กหนุ่มผู้มีจินตนาการสูงส่ง มีความโรแมนติก ขี้อาย เขินเก่ง แต่มีความรับผิดชอบเป็นเยี่ยม รู้จักแยกแยะ รักเพื่อน เป็นตัวเอกแบบไม่ได้เข้มแข็งจนโอเวอร์ ดำเนินชีวิตแบบคนธรรมดาสามัญ ค่อนข้างเข้าใจอะไรง่าย ไม่ดื้อดึง ตัวเล็กแต่ใจใหญ่นะบอกเลย (ตอนนี้นางสูงแค่169 แต่ก็ยังตัวโตขึ้นได้อีก อิๆ)
พรีม
เพื่อนเก่าของอัคร คนที่อัครเคยแอบชอบตั้งแต่ม.ต้น แต่...นางชอบคนอื่น อดทนมานาน พอได้เผยตัวตนก็จะลุยแบบดับเครื่องชน เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจอยู่นะ เห็นแก่ตัวก็ว่าได้ รักแรง รุกแรง บุคลิกกวนๆ คุณชายนิดๆ (ต้องบอกส่วนสูงด้วยมั้ย คนนี้ 178)
ซุป
เพื่อนของพรีม ที่แอบมาวอแวอัครอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ด้วยเหตุไม่คาดฝัน ก็เลยเลิกตามตื้ออัคร คนนี้มานิ่งๆ สุภาพบุรุษสุดๆ (เฉพาะกับอัคร) เป็นพวกเก็บอารมณ์เก่ง ไม่ค่อยแสดงออกมาก แต่อย่าให้ของขึ้น อะไรขึ้นก็แล้วแต่สถานการณ์ไป ฮ่าๆ (คนนี้ตัวโตสุด หุ่นนักกีฬาหน่อยๆ 181 ซม.)
เคน
อีกหนึ่งในแก๊งสามสหายของพรีมสมัยม.ปลาย เป็นเพื่อนสมัยเด็กของซุปด้วย นิสัยเหมือนเด็กๆ ชอบเรียกร้องความสนใจ เลยมักโดนเพื่อนรุมแกล้งเล่นประจำ ขี้โมโห ขี้งอน ขี้โวยวาย หลายขี้มากมาย (คนนี้พรีมบอกว่าเตี้ยกว่าพรีมสามเซน นับเอา)
แน็ก
เพื่อนของอัครที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย แอบชอบอัครมานานแล้ว แต่คิดว่าสับสนอยู่ เลยลองคบผู้หญิง แต่ไปไม่รอด อยากจะจีบอัคร แต่เส้นกั้นบางๆ ของความเป็นเพื่อนมันขวางไว้ ช่างน่ามสาร (ตัวพอๆ กะอัครแหละ น่ารักกะทัดรัด)
เชษ
อีกหนึ่งหนุ่มในแก๊งม.ปลายของอัคร เป็นคนที่รู้เรื่องของแน็กมากที่สุดแล้วก็ว่าได้ เพราะมาปรึกษาเรื่องอัครตั้งแต่ม.ปลายแล้ว คนนี้ก็ขี้นอย แต่นางมีแฟนแล้ว เป็นสาวน้อยน่ารักคนละคณะกัน
พอล
เพื่อนที่มาเจอพวกอัครตอนรับน้องปี 1 จู่ๆ ก็สนิทกันถึงขั้นรู้เรื่องของแน็กไปกับเชษด้วย เป็นแฟนของปูเป้
ปูเป้&ไดซ์
แฟนคุณพอลเขา และพ่วงเพื่อนสนิทอย่างไดซ์มาด้วยอีกคน
ส่วนเรื่องราวก็ไม่ได้ดราม่าซับซ้อนอะไรมากมายหรอกน่า อิๆ จบHAPPY แน่นวล
Unfriend...แล้วมารักกัน (มั้ย?)
“กลับมาแล้ว”
ตึงตึงตึง
“อย่าวิ่งเสียงดังสิ อัคร”
อัครถอดรองเท้า เปิดประตูบ้านเข้าไปก็วิ่งพรวดพราดขึ้นบันได จนแม่ต้องร้องเตือน บ้านของเขาชั้นบนเป็นไม้ บันไดก็เป็นไม้ และมันก็ไม่ได้ใหม่ขนาดจะวิ่งกระแทกโครมๆ เกิดวันดีคืนดีหักพังขึ้นมาจะยุ่งเอา แต่อัครก็เคยชินกับการวิ่งขึ้นบันไดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว จนตอนนี้อายุ 19 แล้ว ก็ยังทำตัวเหมือนแต่ก่อน
“แม่ มีจดหมายส่งมามั้ย?” พอเข้าไปในห้องแล้วไม่เจอซองจดหมายที่มักจะส่งมาทุกอาทิตย์ เขาก็วิ่งออกมาชะโงกหน้าลอดผ่านราวบันไดถามแม่ หญิงวัยกลางคนอายุราว 40 ต้นๆ ยืนผัดกับข้าวอยู่หน้าเตาในครัวเล็กๆ หลังบ้าน ตะโกนบอกกลับไป
“ไม่มีนี่”
อัครหน้าจ๋อยลงถนัดตา เดินคอตกกลับเข้าห้องไปด้วยความผิดหวัง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อัครติดต่อกับเพื่อนสมัยมัธยมต้นทางจดหมายมาตลอด ทั้งที่ยุคนี้มีโทรศัพท์มือถือใช้กันให้เกลื่อน แต่อัครกลับไม่เคยนึกถามเบอร์โทร ไลน์หรือเฟซบุ๊คของเพื่อนคนนี้เลย เขารู้สึกชอบเวลาที่ได้อ่านจดหมายอาทิตย์ละครั้งมากกว่า
เพื่อนคนนี้ของอัครชื่อว่า “พรีม” ชื่อเหมือนผู้หญิง แต่เป็นผู้ชายทั้งแท่งจริงแท้แน่นอน สมัยม.ต้น พวกเขาไม่ได้สนิทกันมากมายนัก กลุ่มเพื่อนก็คนละกลุ่ม แค่เรียนห้องเดียวกันตอนอยู่ม.3 เท่านั้น มันเป็นเวลาเพียงแค่ปีเดียวที่อัครได้รู้จักกับพรีม เด็กผู้ชายตัวสูงโปร่ง หน้าตี๋ ใส่แว่นตาสีส้มสุดแนว ผู้ชอบยิ้มให้ทุกคนในโรงเรียน ถ้าจะเปรียบเทียบกัน อัครด้อยกว่าพรีมหลายเรื่อง ยกเว้นเรื่องเรียนที่สูสีกันมาตลอด
อัครเป็นเด็กเรียนที่วันๆ ชอบหมกตัวอยู่กับการวาดรูปการ์ตูน สร้างคาแร็คเตอร์ต่างๆ ตามจินตนาการ มีเพื่อนไม่เยอะ บางครั้งก็อยู่คนเดียวเงียบๆ มุมห้อง ส่วนพรีมเป็นเด็กเรียนสายกิจกรรม เล่นทั้งกีฬาและดนตรี เป็นนักวิ่งและนักบาสฯ โรงเรียน แถมยังอยู่วงดุริยางค์ด้วย เรียกว่าทั้งเรียนดีกิจกรรมเด่น มีสาวๆ รุ่นน้องตามติดเป็นพรวน เพื่อนผู้หญิงในห้องก็แอบชอบกันหลายคน แต่พรีมไม่ค่อยสนใจใคร ในกลุ่มของพรีมมีผู้หญิงด้วย และเป็นผู้หญิงแค่สองคนในห้องที่สนิทกับพรีม สนิทกันขนาดว่าเดินจับมือกันได้ และอัครไม่แน่ใจ ว่าพรีมชอบหนึ่งในสองคนนั้นบ้างหรือเปล่า
เรื่องที่พรีมมักจะเข้ามาชวนอัครคุยคือเรื่องการ์ตูน เพราะพวกเขาชอบอ่านหนังสือการ์ตูนและดูอนิเมเหมือนกัน สมัยนั้นมีร้านเช่าหนังสือเยอะมากแถวโรงเรียน และพวกเขาก็เลือกเช่าร้านเดียวกัน เลยเจอกันในร้านนั้นบ่อยๆ เวลาอยู่ที่โรงเรียน พรีมชอบมานั่งยองๆ เกาะขอบโต๊ะของอัคร คอยแหย่ให้ยิ้มแล้วก็ขอให้วาดรูปให้ ช่วงเวลาในตอนนั้นอัครรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญกับพรีมมากกว่าใคร เพราะพรีมจะรออยู่อย่างนั้นจนวาดเสร็จ โดยไม่สนใจว่าใครจะเรียกไปไหนเลย
ช่วงเวลาแค่หนึ่งปีนั้นมีค่าและความหมายกับอัครมากมาย แต่อัครไม่รู้หรอกว่าสำหรับพรีม เขามีค่าแค่ไหน อาจจะเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง ที่มีงานอดิเรกเหมือนๆ กัน คุยกันบ้างบางครั้ง
หรือเขาอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับพรีมก็ได้
หลังจากเรียนจบม.ต้น พวกเขาต่างแยกย้ายไปคนละโรงเรียน พรีมเรียนเก่งเลยสอบเข้าสาธิตดังๆ ได้ แต่อัครสอบไม่ติดที่เดียวกัน ทั้งที่ตั้งใจมากว่าจะเข้าไปเรียนด้วยกันอีก แต่อัครก็ต้องหอบเอาความผิดหวังกลับไปสมัครเรียนในเขตที่อยู่แทน และเมื่อแยกกันแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
จนกระทั่งอัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม้จะต้องไปเรียนไกลบ้านหน่อย แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง พ่อกับแม่เลยอนุญาตให้อัครไปอยู่หอกับเพื่อนสมัยม.ปลายที่สอบติดที่เดียวกัน อัครจะกลับมาบ้านอาทิตย์ละครั้ง ยกเว้นช่วงสอบที่จะอยู่ติวกับเพื่อนที่หอ
ช่วงปี 1 กิจกรรมเยอะ เรียนหนักก็จริง แต่ไม่รู้ทำไม พอกลับมาบ้านหลังจากไปอยู่หออาทิตย์แรก อัครก็นึกถึงพรีมขึ้นมา เลยค้นสมุดเฟรนชิพสมัยม.ต้นที่นอนนิ่งในกล่องพลาสติกใสมานานหลายปี ไล่เปิดหาหน้าที่พรีมเซ็นไว้ให้ก่อนเรียนจบม.3 อยู่หน้ากลางสองหน้าคู่กันพอดี มีที่อยู่และเบอร์บ้านเขียนไว้ แต่อัครไม่กล้าโทรไป เลยใช้วิธีเขียนจดหมายส่งไปแทน และอาทิตย์ต่อมา พอกลับมาถึงบ้าน ก็มีจดหมายตอบกลับจากพรีม
อัครร้องไชโยด้วยความดีใจตอนที่เห็นซองจดหมายสีขาวเรียบๆ ที่มองเผินๆ คงนึกว่าซองผ้าป่า เขากระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียงจนแม่ต้องตะโกนดุเสียงดังให้เลิกกระโดด เพราะบ้านมันสะเทือน แต่อัครก็ยังดีใจไม่หาย แอบชกเตียงไปหลายทีกว่าจะแง้มเปิดซองจดหมายด้วยมือสั่นๆ
เนื้อหาในจดหมายฉบับแรก เป็นการทักทายสั้นๆ จากเด็กชายแว่นส้มที่กลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้ว พรีมบอกว่าสอบติดที่มหาวิทยาลัยรัฐที่ต่างจังหวัด เลยต้องไปอยู่หอที่นั่นตลอด 4 ปี ให้อัครเปลี่ยนที่อยู่ส่งจดหมายไปที่หอพักแทน แต่ไม่ได้ให้เบอร์โทรหรือช่องทางติดต่ออื่นไว้เลย อัครเองก็มัวแต่ดีใจกับจดหมายจนลืมเรื่องนั้นไปสนิท ตั้งแต่นั้นมาก็เลยใช้จดหมายติดต่อกันจนเรียนจบปี 1
ทว่า อาทิตย์ที่ 2 ของเทอมแรกในชั้นปีที่ 2 กลับไม่มีจดหมายตอบกลับจากพรีม
อัครนั่งซึมอยู่หน้าคอมฯ เสียงเฟซบุ๊คแจ้งเตือนเป็นระยะ ส่วนใหญ่เป็นแท็กจากเพื่อนที่เรียนด้วยกัน พวกที่ยังอยู่หอ ไม่ได้กลับบ้านก็พากันไปสังสรรค์แต่หัววัน บางคนมีแฟนก็ไปเที่ยวกับแฟนแล้วโพสอวดรัวๆ จนอัครนึกหมั่นไส้ กดอันฟอลโลวไปชั่วคราว ไว้อารมณ์ดี ค่อยปลดออก
เขาถอนหายใจทุกครั้งที่มองหน้าฟีดของเหล่าคู่รักกับกลุ่มเพื่อน ความรู้สึกโหวงๆ เกิดขึ้นในใจ บอกไม่ถูกว่ามันคือความเหงาหรือเปล่า
ไม่หรอก เหงาแน่นอนอยู่แล้ว
เพื่อนในกลุ่มของอัครตอนนี้มี 5 คน รวมเขาเป็น 6 มาจากม.ปลายเดียวกัน 3 คน และมีแฟนไปแล้ว 4 คน เหลือแค่อัครกับไดซ์ ที่เป็นสาวน้อยน่ารักของกลุ่ม ถัดจากปูเป้ที่เป็นแฟนของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันนี่แหละ ไดซ์เป็นเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับปูเป้ พอปูเป้กับพอล ซึ่งเป็นเพื่อนของอัคร คบกัน ปู้เป้กับไดซ์ก็เลยเข้ามาอยู่ในกลุ่มไปด้วย ทำให้ในกลุ่มมีผู้ชาย 4 หญิง 2
หลายครั้งที่เพื่อนๆ จับคู่เขากับไดซ์ แต่เขาไม่เล่นด้วย ได้แต่บอกให้ไดซ์อย่าไปสนใจ อย่าคิดมาก เขาให้เกียรติเธอเสมอ ไม่เคยแม้แต่จะแตะบ่าเลยด้วยซ้ำ
เพราะคนที่เขาสนใจและอยากเจอมากที่สุดคือ “พรีม”
“เฮ้อ~” อัครถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เขาเองก็ไม่ทันได้นับ มีข้อความจากไดซ์ส่งมาให้ แต่อัครยังไม่ได้เปิดอ่าน ทั้งที่ออนไลน์อยู่ เขาเปิดแท็บใหม่แล้วเข้าเว็บเกม เว็บการ์ตูน หาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อยอย่างเบื่อๆ เซ็งๆ จนเสียงเฟซบุ๊คแจ้งเตือนพร้อมข้อความที่เด้งขึ้นมาตรงขอบจอ อัครเลยลองกดเข้าไปดูสักครั้ง
Super-Supreme Mixed Lover
รับแอดด้วยครับ
อัครขมวดคิ้ว ที่หน้าชื่อภาษาอังกฤษยาวๆ ของกล่องข้อความมีไฟเขียวติดอยู่ แสดงว่าคนส่งข้อความนี้กำลังออนไลน์ แต่ไม่ใช่ชื่อของเพื่อนที่รู้จัก แถมบอกให้รับแอด แสดงว่ายังไม่ได้เป็นเพื่อนกัน และพอดูที่มุมขวาบนของเฟซบุ๊ค ก็เห็นสัญลักษณ์ส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามา อัครกดเข้าไปดู ก็เป็นชื่อเจ้าของข้อความนี้เอง
ปกติอัครจะไม่รับแอดจากคนแปลกหน้า รายชื่อเพื่อนของเขามีแค่พวกที่เรียนด้วยกันตั้งแต่ม.ปลายและมหาลัย กับพวกรุ่นพี่รุ่นน้องเท่าที่รู้จักตอนนี้เท่านั้น
ด้วยความลังเล อัครเลยลองส่งข้อความถามกลับไปก่อน
ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ
รอสักพัก เจ้าของกล่องข้อความที่กำลังพิมพ์อยู่ ก็ตอบกลับมาว่า
พรีม