พิมพ์หน้านี้ - unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: ichiichi ที่ 31-07-2018 16:54:19

หัวข้อ: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-07-2018 16:54:19
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม :o12:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) Intro
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-07-2018 16:55:51

หลังจากดำเนินเรื่องมาครึ่งทางแล้ว ก็ได้เวลาเฉลยนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของตัวละคร



อัคร

พระเอกแน่นอนจ้า (เน้นว่าพระเอก) เป็นเด็กหนุ่มผู้มีจินตนาการสูงส่ง มีความโรแมนติก ขี้อาย เขินเก่ง แต่มีความรับผิดชอบเป็นเยี่ยม รู้จักแยกแยะ รักเพื่อน เป็นตัวเอกแบบไม่ได้เข้มแข็งจนโอเวอร์ ดำเนินชีวิตแบบคนธรรมดาสามัญ ค่อนข้างเข้าใจอะไรง่าย ไม่ดื้อดึง ตัวเล็กแต่ใจใหญ่นะบอกเลย (ตอนนี้นางสูงแค่169 แต่ก็ยังตัวโตขึ้นได้อีก อิๆ)



พรีม 

เพื่อนเก่าของอัคร คนที่อัครเคยแอบชอบตั้งแต่ม.ต้น แต่...นางชอบคนอื่น อดทนมานาน พอได้เผยตัวตนก็จะลุยแบบดับเครื่องชน เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจอยู่นะ เห็นแก่ตัวก็ว่าได้ รักแรง รุกแรง บุคลิกกวนๆ คุณชายนิดๆ (ต้องบอกส่วนสูงด้วยมั้ย คนนี้ 178)



ซุป

เพื่อนของพรีม ที่แอบมาวอแวอัครอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ด้วยเหตุไม่คาดฝัน ก็เลยเลิกตามตื้ออัคร คนนี้มานิ่งๆ สุภาพบุรุษสุดๆ (เฉพาะกับอัคร) เป็นพวกเก็บอารมณ์เก่ง ไม่ค่อยแสดงออกมาก แต่อย่าให้ของขึ้น อะไรขึ้นก็แล้วแต่สถานการณ์ไป ฮ่าๆ (คนนี้ตัวโตสุด หุ่นนักกีฬาหน่อยๆ 181 ซม.)



เคน

อีกหนึ่งในแก๊งสามสหายของพรีมสมัยม.ปลาย เป็นเพื่อนสมัยเด็กของซุปด้วย นิสัยเหมือนเด็กๆ ชอบเรียกร้องความสนใจ เลยมักโดนเพื่อนรุมแกล้งเล่นประจำ ขี้โมโห ขี้งอน ขี้โวยวาย หลายขี้มากมาย (คนนี้พรีมบอกว่าเตี้ยกว่าพรีมสามเซน นับเอา)



แน็ก

เพื่อนของอัครที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย แอบชอบอัครมานานแล้ว แต่คิดว่าสับสนอยู่ เลยลองคบผู้หญิง แต่ไปไม่รอด อยากจะจีบอัคร แต่เส้นกั้นบางๆ ของความเป็นเพื่อนมันขวางไว้ ช่างน่ามสาร (ตัวพอๆ กะอัครแหละ น่ารักกะทัดรัด)



เชษ

อีกหนึ่งหนุ่มในแก๊งม.ปลายของอัคร เป็นคนที่รู้เรื่องของแน็กมากที่สุดแล้วก็ว่าได้ เพราะมาปรึกษาเรื่องอัครตั้งแต่ม.ปลายแล้ว คนนี้ก็ขี้นอย แต่นางมีแฟนแล้ว เป็นสาวน้อยน่ารักคนละคณะกัน



พอล

เพื่อนที่มาเจอพวกอัครตอนรับน้องปี 1 จู่ๆ ก็สนิทกันถึงขั้นรู้เรื่องของแน็กไปกับเชษด้วย เป็นแฟนของปูเป้



ปูเป้&ไดซ์

แฟนคุณพอลเขา และพ่วงเพื่อนสนิทอย่างไดซ์มาด้วยอีกคน 



ส่วนเรื่องราวก็ไม่ได้ดราม่าซับซ้อนอะไรมากมายหรอกน่า อิๆ จบHAPPY แน่นวล


Unfriend...แล้วมารักกัน (มั้ย?)

“กลับมาแล้ว”

ตึงตึงตึง

“อย่าวิ่งเสียงดังสิ อัคร”

อัครถอดรองเท้า เปิดประตูบ้านเข้าไปก็วิ่งพรวดพราดขึ้นบันได จนแม่ต้องร้องเตือน บ้านของเขาชั้นบนเป็นไม้ บันไดก็เป็นไม้ และมันก็ไม่ได้ใหม่ขนาดจะวิ่งกระแทกโครมๆ เกิดวันดีคืนดีหักพังขึ้นมาจะยุ่งเอา แต่อัครก็เคยชินกับการวิ่งขึ้นบันไดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว จนตอนนี้อายุ 19 แล้ว ก็ยังทำตัวเหมือนแต่ก่อน

“แม่ มีจดหมายส่งมามั้ย?” พอเข้าไปในห้องแล้วไม่เจอซองจดหมายที่มักจะส่งมาทุกอาทิตย์ เขาก็วิ่งออกมาชะโงกหน้าลอดผ่านราวบันไดถามแม่ หญิงวัยกลางคนอายุราว 40 ต้นๆ ยืนผัดกับข้าวอยู่หน้าเตาในครัวเล็กๆ หลังบ้าน ตะโกนบอกกลับไป

“ไม่มีนี่”

อัครหน้าจ๋อยลงถนัดตา เดินคอตกกลับเข้าห้องไปด้วยความผิดหวัง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อัครติดต่อกับเพื่อนสมัยมัธยมต้นทางจดหมายมาตลอด ทั้งที่ยุคนี้มีโทรศัพท์มือถือใช้กันให้เกลื่อน แต่อัครกลับไม่เคยนึกถามเบอร์โทร ไลน์หรือเฟซบุ๊คของเพื่อนคนนี้เลย เขารู้สึกชอบเวลาที่ได้อ่านจดหมายอาทิตย์ละครั้งมากกว่า

เพื่อนคนนี้ของอัครชื่อว่า “พรีม” ชื่อเหมือนผู้หญิง แต่เป็นผู้ชายทั้งแท่งจริงแท้แน่นอน สมัยม.ต้น พวกเขาไม่ได้สนิทกันมากมายนัก กลุ่มเพื่อนก็คนละกลุ่ม แค่เรียนห้องเดียวกันตอนอยู่ม.3 เท่านั้น มันเป็นเวลาเพียงแค่ปีเดียวที่อัครได้รู้จักกับพรีม เด็กผู้ชายตัวสูงโปร่ง หน้าตี๋ ใส่แว่นตาสีส้มสุดแนว ผู้ชอบยิ้มให้ทุกคนในโรงเรียน ถ้าจะเปรียบเทียบกัน อัครด้อยกว่าพรีมหลายเรื่อง ยกเว้นเรื่องเรียนที่สูสีกันมาตลอด
อัครเป็นเด็กเรียนที่วันๆ ชอบหมกตัวอยู่กับการวาดรูปการ์ตูน สร้างคาแร็คเตอร์ต่างๆ ตามจินตนาการ มีเพื่อนไม่เยอะ บางครั้งก็อยู่คนเดียวเงียบๆ มุมห้อง ส่วนพรีมเป็นเด็กเรียนสายกิจกรรม เล่นทั้งกีฬาและดนตรี เป็นนักวิ่งและนักบาสฯ โรงเรียน แถมยังอยู่วงดุริยางค์ด้วย เรียกว่าทั้งเรียนดีกิจกรรมเด่น มีสาวๆ รุ่นน้องตามติดเป็นพรวน เพื่อนผู้หญิงในห้องก็แอบชอบกันหลายคน แต่พรีมไม่ค่อยสนใจใคร ในกลุ่มของพรีมมีผู้หญิงด้วย และเป็นผู้หญิงแค่สองคนในห้องที่สนิทกับพรีม สนิทกันขนาดว่าเดินจับมือกันได้ และอัครไม่แน่ใจ ว่าพรีมชอบหนึ่งในสองคนนั้นบ้างหรือเปล่า

เรื่องที่พรีมมักจะเข้ามาชวนอัครคุยคือเรื่องการ์ตูน เพราะพวกเขาชอบอ่านหนังสือการ์ตูนและดูอนิเมเหมือนกัน สมัยนั้นมีร้านเช่าหนังสือเยอะมากแถวโรงเรียน และพวกเขาก็เลือกเช่าร้านเดียวกัน เลยเจอกันในร้านนั้นบ่อยๆ เวลาอยู่ที่โรงเรียน พรีมชอบมานั่งยองๆ เกาะขอบโต๊ะของอัคร คอยแหย่ให้ยิ้มแล้วก็ขอให้วาดรูปให้ ช่วงเวลาในตอนนั้นอัครรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญกับพรีมมากกว่าใคร เพราะพรีมจะรออยู่อย่างนั้นจนวาดเสร็จ โดยไม่สนใจว่าใครจะเรียกไปไหนเลย

ช่วงเวลาแค่หนึ่งปีนั้นมีค่าและความหมายกับอัครมากมาย แต่อัครไม่รู้หรอกว่าสำหรับพรีม เขามีค่าแค่ไหน อาจจะเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง ที่มีงานอดิเรกเหมือนๆ กัน คุยกันบ้างบางครั้ง

หรือเขาอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับพรีมก็ได้

หลังจากเรียนจบม.ต้น พวกเขาต่างแยกย้ายไปคนละโรงเรียน พรีมเรียนเก่งเลยสอบเข้าสาธิตดังๆ ได้ แต่อัครสอบไม่ติดที่เดียวกัน ทั้งที่ตั้งใจมากว่าจะเข้าไปเรียนด้วยกันอีก แต่อัครก็ต้องหอบเอาความผิดหวังกลับไปสมัครเรียนในเขตที่อยู่แทน และเมื่อแยกกันแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย

จนกระทั่งอัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม้จะต้องไปเรียนไกลบ้านหน่อย แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง พ่อกับแม่เลยอนุญาตให้อัครไปอยู่หอกับเพื่อนสมัยม.ปลายที่สอบติดที่เดียวกัน อัครจะกลับมาบ้านอาทิตย์ละครั้ง ยกเว้นช่วงสอบที่จะอยู่ติวกับเพื่อนที่หอ

ช่วงปี 1 กิจกรรมเยอะ เรียนหนักก็จริง แต่ไม่รู้ทำไม พอกลับมาบ้านหลังจากไปอยู่หออาทิตย์แรก อัครก็นึกถึงพรีมขึ้นมา เลยค้นสมุดเฟรนชิพสมัยม.ต้นที่นอนนิ่งในกล่องพลาสติกใสมานานหลายปี ไล่เปิดหาหน้าที่พรีมเซ็นไว้ให้ก่อนเรียนจบม.3 อยู่หน้ากลางสองหน้าคู่กันพอดี มีที่อยู่และเบอร์บ้านเขียนไว้ แต่อัครไม่กล้าโทรไป เลยใช้วิธีเขียนจดหมายส่งไปแทน และอาทิตย์ต่อมา พอกลับมาถึงบ้าน ก็มีจดหมายตอบกลับจากพรีม

อัครร้องไชโยด้วยความดีใจตอนที่เห็นซองจดหมายสีขาวเรียบๆ ที่มองเผินๆ คงนึกว่าซองผ้าป่า เขากระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียงจนแม่ต้องตะโกนดุเสียงดังให้เลิกกระโดด เพราะบ้านมันสะเทือน แต่อัครก็ยังดีใจไม่หาย แอบชกเตียงไปหลายทีกว่าจะแง้มเปิดซองจดหมายด้วยมือสั่นๆ

เนื้อหาในจดหมายฉบับแรก เป็นการทักทายสั้นๆ จากเด็กชายแว่นส้มที่กลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้ว พรีมบอกว่าสอบติดที่มหาวิทยาลัยรัฐที่ต่างจังหวัด เลยต้องไปอยู่หอที่นั่นตลอด 4 ปี ให้อัครเปลี่ยนที่อยู่ส่งจดหมายไปที่หอพักแทน แต่ไม่ได้ให้เบอร์โทรหรือช่องทางติดต่ออื่นไว้เลย อัครเองก็มัวแต่ดีใจกับจดหมายจนลืมเรื่องนั้นไปสนิท ตั้งแต่นั้นมาก็เลยใช้จดหมายติดต่อกันจนเรียนจบปี 1

ทว่า อาทิตย์ที่ 2 ของเทอมแรกในชั้นปีที่ 2 กลับไม่มีจดหมายตอบกลับจากพรีม

อัครนั่งซึมอยู่หน้าคอมฯ เสียงเฟซบุ๊คแจ้งเตือนเป็นระยะ ส่วนใหญ่เป็นแท็กจากเพื่อนที่เรียนด้วยกัน พวกที่ยังอยู่หอ ไม่ได้กลับบ้านก็พากันไปสังสรรค์แต่หัววัน บางคนมีแฟนก็ไปเที่ยวกับแฟนแล้วโพสอวดรัวๆ จนอัครนึกหมั่นไส้ กดอันฟอลโลวไปชั่วคราว ไว้อารมณ์ดี ค่อยปลดออก

เขาถอนหายใจทุกครั้งที่มองหน้าฟีดของเหล่าคู่รักกับกลุ่มเพื่อน ความรู้สึกโหวงๆ เกิดขึ้นในใจ บอกไม่ถูกว่ามันคือความเหงาหรือเปล่า

ไม่หรอก เหงาแน่นอนอยู่แล้ว

เพื่อนในกลุ่มของอัครตอนนี้มี 5 คน รวมเขาเป็น 6 มาจากม.ปลายเดียวกัน 3 คน และมีแฟนไปแล้ว 4 คน เหลือแค่อัครกับไดซ์ ที่เป็นสาวน้อยน่ารักของกลุ่ม ถัดจากปูเป้ที่เป็นแฟนของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันนี่แหละ ไดซ์เป็นเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับปูเป้ พอปูเป้กับพอล ซึ่งเป็นเพื่อนของอัคร คบกัน ปู้เป้กับไดซ์ก็เลยเข้ามาอยู่ในกลุ่มไปด้วย ทำให้ในกลุ่มมีผู้ชาย 4 หญิง 2

หลายครั้งที่เพื่อนๆ จับคู่เขากับไดซ์ แต่เขาไม่เล่นด้วย ได้แต่บอกให้ไดซ์อย่าไปสนใจ อย่าคิดมาก เขาให้เกียรติเธอเสมอ ไม่เคยแม้แต่จะแตะบ่าเลยด้วยซ้ำ

เพราะคนที่เขาสนใจและอยากเจอมากที่สุดคือ “พรีม”

“เฮ้อ~” อัครถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เขาเองก็ไม่ทันได้นับ มีข้อความจากไดซ์ส่งมาให้ แต่อัครยังไม่ได้เปิดอ่าน ทั้งที่ออนไลน์อยู่ เขาเปิดแท็บใหม่แล้วเข้าเว็บเกม เว็บการ์ตูน หาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อยอย่างเบื่อๆ เซ็งๆ จนเสียงเฟซบุ๊คแจ้งเตือนพร้อมข้อความที่เด้งขึ้นมาตรงขอบจอ อัครเลยลองกดเข้าไปดูสักครั้ง

Super-Supreme Mixed Lover
รับแอดด้วยครับ

อัครขมวดคิ้ว ที่หน้าชื่อภาษาอังกฤษยาวๆ ของกล่องข้อความมีไฟเขียวติดอยู่ แสดงว่าคนส่งข้อความนี้กำลังออนไลน์ แต่ไม่ใช่ชื่อของเพื่อนที่รู้จัก แถมบอกให้รับแอด แสดงว่ายังไม่ได้เป็นเพื่อนกัน และพอดูที่มุมขวาบนของเฟซบุ๊ค ก็เห็นสัญลักษณ์ส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามา อัครกดเข้าไปดู ก็เป็นชื่อเจ้าของข้อความนี้เอง

ปกติอัครจะไม่รับแอดจากคนแปลกหน้า รายชื่อเพื่อนของเขามีแค่พวกที่เรียนด้วยกันตั้งแต่ม.ปลายและมหาลัย กับพวกรุ่นพี่รุ่นน้องเท่าที่รู้จักตอนนี้เท่านั้น

ด้วยความลังเล อัครเลยลองส่งข้อความถามกลับไปก่อน

ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ

รอสักพัก เจ้าของกล่องข้อความที่กำลังพิมพ์อยู่ ก็ตอบกลับมาว่า

พรีม
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) Intro
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 07-08-2018 14:34:28
ต้อนรับเรื่องใหม่คร้าบบ :pig2:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-08-2018 12:16:11
แปะรวดเดียวเลย เรื่องนี้มันก็ออกจะแปลกๆ เหมือนเคย

1
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป อัครไม่ต้องส่งจดหมายไปหาพรีมแล้ว แต่พวกเขาคุยกันผ่านทางเฟซบุ๊คแทน รูปโปรไฟล์ของพรีมเป็นรูปหุ่นยนต์กันดั้ม อนิเมเรื่องโปรดของพรีม อัครเคยดูผ่านๆ ไม่ได้ชอบมากเป็นพิเศษ แต่ก็พอจะคุยกับพรีมรู้เรื่อง เขาลองเข้าไปดูในเฟซของพรีม ส่วนใหญ่ลงแต่รูปของกิน ไม่ก็สถานที่ ไม่ค่อยมีรูปเจ้าตัวเท่าไหร่ หรือมีก็เห็นแค่มือบ้าง ข้างหลังหรือไม่ก็ด้านข้างแบบไกลๆ มัวๆ

“จะติสไปไหนวะ” อัครมองรูปถ่ายของพรีมที่ยืนอยู่หน้ากระจกและใช้กล้องมือถือถ่ายตัวเอง แต่ปิดส่วนหน้าเอาไว้มิดชิด เห็นแค่ปากที่กำลังยกยิ้มกวนๆ พรีมอยู่ในชุดวอร์ม เหมือนจะไปวิ่งหรือออกกำลังกายที่ยิม รูปร่างของพรีมจากแค่ในรูปถ่ายบอกอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง แต่ที่แน่ๆ น่าจะสูงพอสมควร เพราะเวลามีคนอื่นอยู่ในเฟรมด้วย จะเห็นเลยว่าพรีมตัวสูง และทุกโพสต์ของพรีม จะตั้งให้เห็นเฉพาะเพื่อนเท่านั้น ตอนที่อัครเปิดเข้าไปดูครั้งแรก เลยไม่มีข้อมูลอะไร จนต้องถามว่าเป็นใครนั่นแหละ

“แต่คนติดตามแม่งโครตเยอะ หรือมันจะเป็นคนดังวะ?” หนึ่งในงานอดิเรกของอัครช่วงนี้คือการส่องเฟซของพรีมไปแล้ว จำนวนเพื่อนของพรีมมีแค่ 213 คน แต่คนกดติดตามหลักพัน ตามทั้งๆ ที่แทบไม่ได้เห็นแม้แต่ลูกตาของพรีม เอ๊ะ หรือว่าเห็น ถึงเห็นหน้าก็เห็นแค่บางส่วน ไม่ใช่ทั้งหน้า คิดแล้วอัครก็ละเหี่ยใจกับความติสแตกของเพื่อน

เขาถอดใจกับการหารูปหน้าของพรีมแบบชัดๆ เหมือนพรีมจะไม่ได้ใส่แว่นแล้ว ถ้าเจอกันอีกครั้ง อัครก็ไม่แน่ใจว่าจะจำหน้าได้หรือเปล่า พอคิดว่าพอแค่นี้ดีกว่า และกำลังจะกดปิดแท็บ สัญญาณไฟเขียวที่ชื่อของพรีมก็ติดขึ้นมา

มือของอัครชะงักค้าง รีบเลื่อนเม้าส์ออกจากเครื่องหมายกากบาทแทบไม่ทัน เขาอยากคุยกับพรีมแบบออนไลน์ ไม่อยากส่งข้อความไปดองไว้โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาอ่านหรือไม่

ในตอนที่อัครคิดว่าจะพิมพ์ทักทายว่าอะไรดี เพราะตั้งแต่รับแอดพรีมและได้คุยกันในวันนั้นไม่ถึง 15 นาที พรีมก็ทักมาเมื่อเห็นอัครออนไลน์อีกสองสามครั้ง ไม่เคยส่งข้อความมาทิ้งไว้เหมือนกัน แล้วจู่ๆ ข้อความจากพรีมก็เด้งขึ้นมาก่อน

ทำอะไรอยู่ครับ

อัครขมวดคิ้วนิดหน่อยกับความสุภาพของเพื่อน แม้จะไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แต่มันก็ไม่เห็นต้องพูดสุภาพกับเขาทุกครั้งขนาดนี้ ตอนเขียนในจดหมายก็ไม่เคยเป็น แต่พอมาคุยกันแบบออนไลน์ดันเรียบร้อยวาจาดีซะงั้น

ว่าจะดูอนิเม


อัครพิมพ์ตอบกลับไปแค่นั้น เห็นอีกฝ่ายขึ้นว่ากำลังพิมพ์ข้อความทันทีหลังจากที่เขาตอบไป อัครรอว่าพรีมจะคุยอะไรต่อ แต่เหมือนฝั่งนั้นจะพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่หลายครั้ง กว่าจะกดส่ง

เรื่องอะไร


แค่เนี้ย? มันต้องพิมพ์ๆ ลบๆ ตั้งนานสองนานมั้ยวะเนี่ย อัครอมยิ้มขำกับความเอ๋อเหรอของเพื่อน เขารัวแป้นพิมพ์กลับไป

Fate Apocrypha

ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับ อัครนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะคอมฯ รอให้พรีมส่งข้อความกลับมา แต่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีสัญญาณตอบกลับที่ต้องการ อัครถอนหายใจอย่างหน่ายๆ กดปิดเฟซบุ๊คแล้วเข้าเว็บอนิเม ดูเรื่องที่ดูค้างไว้ต่อ

ระหว่างที่ดูอนิเม แจ้งเตือนของวินโดว์ก็เด้งขึ้นมามุมล่างขวาของจอ บอกว่ามีข้อความจาก Super-Supreme Mixed Lover อัครหงุดหงิดนิดหน่อยที่พรีมอ่านแต่ไม่ตอบตั้งแต่ตอนแรก เขาเลยไม่ยอมกดเข้าไปดู รอจนอนิเมจบตอน แล้วค่อยเปิด

โทษที เพื่อนยกโขยงมาที่ห้อง เลยไม่ได้คุยต่อเลย

ข้อความมาพร้อมรูปแนบสภาพห้องที่ตอนนี้มีคนอยู่กันอย่างเบียดเสียดทั้งหญิงชาย คงเป็นธรรมดาของคืนวันเสาร์สินะ อัครคิด เลื่อนดูรูปอีกสองสามรูปที่พรีมแนบมาให้ เพื่อยืนยันว่ากำลังมีปาร์ตี้กับเพื่อนๆ

ไม่ไลฟ์สดลงเฟซเลยล่ะ 555


เขาแกล้งกระเซ้าไปแบบนั้น ลุ้นนิดๆ ว่าอีกฝ่ายจะยอมทำจริงมั้ย เพราะอยากเห็นหน้าพรีมแบบเต็มๆ ว่าโตขึ้นเป็นยังไงบ้าง แต่สุดท้ายพรีมก็ไม่ได้ไลฟ์สดให้ดู โดยอ้างว่ามีภาพไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน กลัวเฟซบุ๊คจะปลิว อัครเลยไม่ได้ว่าอะไรอีก พวกเขาพูดคุยกันสัพเพเหระ ถามเรื่องเรียนบ้างเรื่องเพื่อนบ้าง พรีมบ่นๆ ให้ฟังนิดหน่อยว่างานเยอะตั้งแต่ขึ้นปี 2 เลยไม่อยากส่งจดหมายคุย เพราะไม่มีเวลาส่งให้ทุกอาทิตย์ กลัวอัครจะรอ เลยเอาชื่อของอัครไปเซิสหาในเฟซบุ๊ค เช็คจนแน่ใจว่าใช่อัครแล้วก็แอดเฟรนมา ถ้าอัครไม่ได้ใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงในเฟซ ก็คงหากันไม่เจอแล้ว

แล้วทำไมใช้ชื่อเฟซซะยาวเลย มันมาจากอะไรเหรอ

พออัครถามไปแบบนั้น พรีมก็เหมือนจะคิดนานหลายนาทีกว่าจะตอบกลับมา

Supreme ก็ชื่อผมไง นอกนั้นใส่ไปมั่วๆ ตามอารมณ์

คำว่า “ผม” ทำให้อัครแปลกใจจนต้องเลิกคิ้วมองข้อความอีกที จำเป็นต้องสุภาพกับเพื่อนขนาดนี้มั้ย?

ไม่ต้องเรียบร้อยมากก็ได้ เราไม่ใช่อาจารย์สุกฤษนะ

อัครนึกถึงสมัยม.ต้นที่มีอาจารย์สอนภาษาไทยจอมเฮี้ยบชื่อสุกฤษ ด้วยความที่อาจารย์แกเป็นเกย์ ออกสาวมาก ก็เลยจะมีจริตจะก้านและจิกกัดด่าเก่ง ทำให้นักเรียนชอบเอามาล้อเลียนกันเป็นเรื่องสนุกขำๆ อัครยังจำได้ว่าพรีมเองยังเคยล้ออาจารย์ด้วยการทำท่าทางเลียนแบบ แถมจีบปากจีบคอพูดได้สมจริงมาก

จำตอนเตรียมงานกีฬาสีเทอมสุดท้ายได้มั้ย

พรีมไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลย แต่มันขึ้นว่าอ่านแล้วทั้งหมด อัครไม่แน่ใจว่าพรีมจำเรื่องสมัยนั้นได้มากน้อยแค่ไหน หรืออาจจะลืมไปหมดแล้วก็ได้ อย่างน้อย ขอแค่ไม่ลืมเรื่องของเขาก็พอ

เดี๋ยวผมต้องไปส่งเพื่อนกลับหอ พวกมันเมามาก

ทำไมพรีมถึงไม่ตอบเรื่องที่ชวนคุย อัครไม่เข้าใจ แต่ก็ขี้เกียจเซ้าซี้ให้มากเรื่อง เลยส่งสติ๊กเกอร์ไปว่า OK ก่อนจะนึกได้แล้วรีบพิมพ์ถามไป

แล้วพรีมเมารึเปล่า ไปส่งเพื่อนยังไง

ดูเหมือนพรีมจะกำลังยุ่งกับเพื่อนๆ ที่บอกว่าเมามาก อัครยังคงเฝ้ามองหน้าจอคอมฯ ตรงหน้าอย่างใจจดจ่อ เขาเป็นห่วง กลัวว่าพรีมจะดื่มเหล้าเยอะจนเมา แล้วยังต้องพาเพื่อนไปส่งหออีก ถ้าอยู่ใกล้ๆ กันก็ดี จะได้ไปช่วย

ผมมีรถครับ ดื่มไปนิดเดียว ไม่เมาเลย

เมื่อได้รับคำตอบ เขาก็โล่งอกจนถอนหายใจออกมา อัครแค่ส่งรูปหน้ายิ้มไปเพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว และบทสนทนาก็ยุติลงเพียงแค่นั้น เพราะพรีมคงต้องแบกเพื่อนไปที่รถและขับรถ

เช้าวันจันทร์ อัครเดินทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะต้องแวะเอาของไปเก็บที่หอก่อนไปเรียน เจอเพื่อนๆ ในหอก็ทักทายกันตามปกติ เก็บของในห้องเสร็จก็เตรียมตัวไปเรียนคาบเช้าตอน 10 โมงครึ่ง เขากะจะโทรเรียกเพื่อนในกลุ่มให้มารับ เพราะที่ห้องไม่มีใครอยู่แล้ว และอัครไม่มีรถทุกชนิด

เขากำลังครุ่นคิด ตอนนี้ก็ปี 2 แล้ว อายุก็ 19 แล้ว ถ้าจะขอพ่อทำใบขับขี่แล้วซื้อมอเตอร์ไซค์สักคันก็น่าจะดีเหมือนกัน

อัครนั่งรอแน็ก เพื่อนสมัยม.ปลายที่มาเรียนคณะเดียวกัน แต่ไม่ได้อยู่หอพัก ให้มารับที่หน้าหอ เพราะแน็กต้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาทางนี้อยู่แล้ว อัครไม่ได้สนิทกับแน็กมากที่สุด แต่ก็เป็นเพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ระหว่างนั่งรอ ก็มีข้อความจากคนที่หายเงียบไปตั้งแต่เมื่อคืนวาน

ไปเรียนรึยังครับ

ตอน 9.47 พรีมส่งข้อความแรกของวันมาเป็นประโยคนั้น และไม่รู้ทำไมอัครถึงต้องอมยิ้มกับแค่ข้อความธรรมดาๆ เขาพิมพ์ตอบกลับไปว่า “ยัง กำลังรอเพื่อนที่หน้าหอ” พอดีกับที่แน็กขี่มอเตอร์ไซค์มาถึง เลยไม่ได้คุยกับพรีมต่อ จนไปถึงหน้าตึกคณะศิลปศาสตร์ พอลงจากมอเตอร์ไซค์ของแน็ก อัครก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนออกมาดูทันที

แต่ไม่มีข้อความใหม่จากพรีม อัครคิดว่าพรีมคงเข้าเรียนแล้ว เลยเดินตามแน็กขึ้นไปสมทบกับเพื่อนๆ บนตึกคณะ จนถึงพักกลางวัน แจ้งเตือนจากเฟซบุ๊คก็ยังนิ่งสงบ อัครนั่งกินข้าวเม้าท์มอยกับเพื่อนๆ ตามปกติ คอยหยิบสมาร์ทโฟนออกมาดูเป็นระยะ

“มีไรวะอัคร เห็นมึงดูจังมือถือน่ะ” พอล แฟนของปูเป้เห็นอัครก้มดูมือถือเป็นระยะก็สงสัยขึ้นมา อัครเงยหน้ามองเพื่อนแล้วยิ้มแหยๆ

“เปล่าๆ ดูนาฬิกาว่ะ”

“ทำไมวะ มึงมีนัดเหรอ บ่ายมีเรียนนะ” แน็กว่าพลางหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาดูบ้าง ตอนนี้ก็แค่ 12.45 และพวกเขามีเรียนคาบบ่ายตอนสองโมงตรง เป็นคาบสามชั่วโมงยันห้าโมงเย็น “เมื่อเช้าก็เห็นมึงเล่นมือถือตลอดเลย แน่ะๆ แอบคุยกับสาวที่ไหนป่ะวะไอ้อัคร”

อัครรีบบ่ายเบี่ยงปฏิเสธเรื่องที่แน็กพูด ปูเป้หันไปมองไดซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กะจะแซวว่าแอบคุยกับอัครหรือเปล่า แต่พอเห็นเพื่อนทำหน้าเศร้าแล้วก็พูดไม่ออก เพื่อนๆ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าไดซ์ชอบอัคร ชอบมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว แต่อัครก็ไม่เคยสนใจ แถมยังมีหน้าไปบอกให้ไดซ์ไม่ต้องสนใจที่โดนเพื่อนแซวคู่กัน เพราะอัครไม่เคยคิดแบบนั้นอีก

“ไดซ์ โอเคป่ะวะ” ด้วยความที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ปูเป้เลยพอจะดูออกว่าไดซ์คงคิดมากเรื่องที่อัครแอบคุยกับใครสักคน อาการของอัครมันบ่งบอกว่าอย่างนั้นจริงๆ

“อือ โอเค” ไดซ์ฝืนยิ้มตอบปูเป้ไป ทั้งที่ใจยังกังวล กลัวว่าอัครอาจจะไปมีแฟนตอนช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา

พวกหนุ่มๆ มัวแต่แซวอัครกันสนุกปาก จนไม่ทันได้สังเกตเห็นสองสาวที่นั่งคุยกันท่าทางซีเรียส พวกแน็กจะแย่งสมาร์ทโฟนของอัครไปดูว่าคุยกับใคร ดีที่อัครไหวตัวทันรีบลุกหนีไปก่อน ถือเป็นโชคดีที่พรีมส่งข้อความมาในจังหวะนั้น ราวกับรู้ว่าอัครกำลังโดนเพื่อนรุม

กินข้าวรึยังครับ

เพิ่งกินเสร็จ พรีมล่ะ?

แล้วครับ กำลังจะไปเรียน

ตั้งใจเรียนนะ

ครับ

อัครรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ กับข้อความพวกนี้ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เวลาที่ได้คุยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับพรีม ปกติแล้วเขาไม่เคยคุยอะไรทำนองนี้กับเพื่อนฝูงเลย อาจเพราะอยู่กับเพื่อนแทบตลอดเวลาอยู่แล้ว เลยไม่รู้จะถามว่ากินข้าวรึยัง หรือจะไปเรียนแล้วรึยัง ไปเพื่ออะไร ในเมื่อก็นั่งอยู่ด้วยกัน ส่วนพรีม ที่คุยกันเรื่องสัพเพเหระพวกนี้ ก็เพราะอยู่ไกลกัน อัครพยายามจะคิดไปในทางนั้น แม้ใจจะพองโตทุกครั้งที่ได้คุยอะไรน่าจั๊กจี้หัวใจกับพรีม เขาไม่รู้ว่าพรีมคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไรกับคำถามตอบแนวนี้

พรีม โทรเข้าไปได้มั้ย

จู่ๆ อัครก็ส่งข้อความไปแบบนั้น เพราะอยากได้ยินเสียงของพรีมที่ไม่ได้ยินมานานมากแล้ว ในเฟซบุ๊คก็โทรคุยกันได้ แถมยังวิดีโอคอลได้ด้วย แต่อัครไม่เคยลองใช้กับพรีม เลยลองขอดูก่อน เผื่อพรีมจะไม่สะดวก

ถ้าไม่เปิดกล้องก็ได้ครับ

“ไอ้อัคร ทำเหี้ยไรวะ มาแอบคุยสาวอีกแล้วมึง” เชษ เพื่อนตั้งแต่สมัยม.ปลายอีกคนโผล่พรวดมากอดคออัคร เหนี่ยวเข้าหาตัวอย่างแรง จนอัครเสียหลักเกือบล้ม ดีที่เพื่อนตัวใหญ่เลยดึงไว้ไม่ให้ล้มหงายหลังไป

“ตกใจหมดไอ้สัสเชษ” อัครหันควับไปมองตาเขียว รีบกดปิดหน้าจอแทบไม่ทัน เขาเก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ใจก็เสียดาย เพราะพรีมอุตส่าห์บอกว่าโทรไปหาได้แล้วเชียว

อีกนิดเดียวจะได้ยินเสียงแล้ว ไอ้เชษแม่งโครตขัดลาภ

เขาเข่นเขี้ยวในใจ เชษที่ไม่รู้เรื่องด้วยได้แต่เลิกคิ้วทำหน้างงใส่ “อะไรมึง หงุดหงิด อดคุยสาว?”

“พ่องสิ มาไมเนี่ย กูอุตส่าห์หลบมุมแล้ว” อัครมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจ

“มาลากมึงกลับโต๊ะไง ไม่แกล้งๆ ไปนั่งด้วยกัน อย่าปลีกวิเวก” แล้วเชษก็ลากคอเพื่อนกลับโต๊ะ อัครเลยอดโทรหาพรีมจนได้...

หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-08-2018 12:17:00
2
หลังจากนั้น ทั้งอัครทั้งพรีมก็ไม่ได้ส่งข้อความหากันอีก จนอัครกลับหอพัก มีเชษกับพอลอยู่ในห้องด้วย จะโทรหาพรีมตอนเพื่อนอยู่ก็ไม่ได้ เพราะไม่อยากให้พวกมันแซว

ไม่โทรแล้วเหรอ

ข้อความจากพรีมถูกส่งมาในช่วงหัวค่ำ ซึ่งอัครกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ พอดี เขามีแปลบทความภาษาอังกฤษกับรายงานวิชาประวัติศาสตร์ตะวันออกกลางที่ต้องส่งก่อนสอบกลางภาค แต่ถ้าเทียบกับพรีมแล้ว เด็กถา’ปัด น่าจะงานยุ่งกว่ามาก อัครเปิดอ่านข้อความแล้วรีบพิมพ์ตอบไป ก่อนที่เพื่อนอีกสองคนจะเห็น

โทษที ลืมไปเลย

งั้นผมโทรไปได้มั้ย

เอ๊ะ? ตอนนี้?

ครับ ได้มั้ย?

อัครลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรีบล็อคเอ้าท์จากเฟซบุ๊คในคอมฯ แล้วเปลี่ยนมาเปิดในมือถือแทน ก่อนจะตอบกลับไป

อืม

“เหวอ” เสียงคอลในเฟซบุ๊คดังขึ้นทันทีที่อัครกดส่งข้อความนั้นไป ด้วยความไม่ทันตั้งตัว อัครกดรับอย่างลนลานจนเพื่อนอีกสองคนหันมามอง เขาเลยต้องรีบวิ่งหลบสายตาเพื่อนออกไปที่ระเบียงห้อง ปิดประตูกระจกมิดชิด กันเสียงคุยลอดออกไป

“ฮะ ฮัลโหล...” อัครเอ่ยทักเสียงสั่นนิดหน่อย คำทักทายก็ช่างเบสิคเพราะคิดอะไรไม่ทันในตอนนั้น

[ผมรบกวนรึเปล่า] น้ำเสียงของพรีมที่ไม่ได้ยินมานานมากแล้วทำให้อัครรู้สึกหัวใจพองโตแปลกๆ เสียงนั้นทั้งทุ้มและนุ่มน่าฟัง อัครคิดถึงเสียงของพรีมที่เคยได้ยินสมัยม.ต้น รู้สึกว่ามันจะต่างจากเดิมเล็กน้อย อาจเพราะวัยที่โตขึ้น ความสุขุมนุ่มลึกเลยมากขึ้นตาม

“ไม่ๆ เราจะได้พักสายตาพอดี เมื่อกี้ทำงานอยู่น่ะ” อัครรีบตอบเพราะไม่อยากให้พรีมเข้าใจผิด เขาอยากคุยกับพรีมมาก

[อยู่คนเดียวรึเปล่าครับ ตอนนี้]

“อยู่กับเพื่อนอีกสองคนน่ะ พวกมันก็ทำงานอยู่เหมือนกัน” ไม่รู้ทำไมอัครต้องยิ้มแล้วก็เกาหัวตัวเองแก้เก้อตอนที่คุยกับพรีม ทั้งที่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังจะเขินอีก

ก็พรีม เป็นคนที่อัครชอบ แม้ตอนนี้ก็ยังรู้สึกชอบและคิดถึงอยู่เสมอ

อัครชอบเวลาที่พรีมยิ้มให้ เวลาที่พรีมมานั่งเกาะขอบโต๊ะขอให้วาดรูป เวลาที่พรีมชวนคุยและทำให้เขาหัวเราะ พรีมเป็นคนร่าเริงมาก เฟรนลี่กับใครไปทั่ว อัครรู้ดีว่าไม่ได้เป็นคนเดียวที่พรีมให้ความสนิทสนมด้วย แต่มันก็รู้สึกดีไปแล้ว ชอบไปแล้ว ตอนที่ต้องแยกจากกัน ก็คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้เจออีก ความรู้สึกที่มีคงจะจางลงไปเอง เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชาย ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจดหมายที่เผลอส่งไปแบบไม่ตั้งใจจะได้รับการตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

หรือว่าพรีมก็คิดถึงเขาเหมือนกัน

พอคิดแบบนั้นอัครก็หุบยิ้มแทบไม่ลง อัครไม่เคยชอบใครมากเท่าพรีม ไม่เคยจีบใคร ไม่เคยสนใจมองใครเลย เพราะยังคิดถึงแต่พรีม

พรีมเป็นรักครั้งแรกที่อัครจะไม่มีวันลืม

“พรีมอยู่หอคนเดียวเหรอ”

[อยู่คนเดียวครับ] ทั้งคำพูดและน้ำเสียงช่างสุภาพนัก อัครรู้สึกตัวมันหวิวๆ เวลาที่ได้ยินพรีมพูดจาสุภาพ กับเพื่อนทั่วไปเขาคุยกันอย่างนี้เหรอ? อัครไม่ค่อยแน่ใจ แต่ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองให้มากเกินไป

“คือ ไม่ต้องพูดสุภาพกับเราขนาดนี้ก็ได้นะ มันแปลกๆ อ่ะ”

[ไม่ชอบเหรอครับ] น้ำเสียงของพรีมเหมือนแฝงความสงสัยนิดๆ

“ไม่ใช่งั้น แค่อยากคุยกันแบบเพื่อนตามปกติไง” อัครอธิบาย พรีมเงียบไปครู่หนึ่ง จนอัครกังวลว่าเผลอพูดอะไรผิดหรือเปล่า แต่ทวนดูในใจกี่รอบๆ ก็ไม่เห็นว่าพูดอะไรที่น่าจะฟังผิดหูได้เลย จนกระทั่งได้รับคำตอบที่ทำเอาอึ้งไปนานจากพรีม

[งั้นผมไม่ขอเป็นเพื่อนตามปกติได้มั้ยครับ]

******

ไอ้ที่ว่าไม่ขอเป็นเพื่อนตามปกตินั่นมันคืออะไร!?

เมื่อวานนี้พรีมโทรหาเขาแล้วก็บอกมาอย่างนั้น ก่อนจะขอตัวไปหาข้าวกิน ตัดบทกันดื้อๆ แบบไม่ให้ได้ถามหรือพูดอะไรต่อเลย อัครนั่งจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนที่อยู่ในหน้าเฟซบุ๊คของพรีม ไม่มีรูปใบหน้าของพรีมสักรูป แต่อัครกลับรู้สึกเขินจนหน้าแดงขึ้นมาเอง

“หรือเราจะหูฝาดป่ะวะ? หูฝาดแหงๆ ใช่ๆ หูฝาด”

“บ่นไรของมึงวะไอ้อัคร” เชษส่งเสียงถามมาจากมุมห้อง พอลกำลังอาบน้ำ ส่วนเชษนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ เห็นอัครพูดหงุงหงิงๆ กับตัวเองก็สงสัย

“ไม่มีไร กูบ่นเรื่องงานแปล แม่งเยอะ ยาก” อัครยิ้มเจื่อนๆ ตอบเพื่อน หันกลับไปทำงานตรงหน้าต่อ แต่ในหัวยังคิดถึงแต่เรื่องของพรีม เสียงของพรีมและคำพูดของพรีม อัครพยายามวาดภาพพรีมจากวันวาน แม้ไม่เคยเห็นตอนพรีมถอดแว่นตาสักครั้ง แต่มั่นใจว่าโตขึ้นต้องหล่อเหลาเอาการ

คิดแล้วก็อยากเจอ

แต่พรีมบอกว่าไม่ชอบเปิดกล้องเวลาคุย เพราะกลัวเห็นสภาพห้องรกๆ แล้วก็กลัวเพื่อนเข้ามาเจอ น่าแปลกที่พรีมดูขี้อายกว่าตอนม.ต้น อัครยังคงจำความเกรียนของพรีมได้ดี ดูแล้วไม่น่าจะกลายเป็นคนขี้อายเก็บตัวตรงไหนเลย แต่ก็ว่าไม่ได้ คนเรา เวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็เปลี่ยนตาม นิสัยของพรีมอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ได้

ติ้ง

เสียงเฟซบุ๊คเด้งปุ๊บ อัครรีบคว้าสมาร์ทโฟนมาเปิดดูทันที คนคุยของอัครมีแค่คนเดียวเท่านั้น เลยไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร พอเปิดกล่องข้อความจากรูปกันดั้มเล็กๆ กลมๆ บนขอบจอขึ้นมา กูเห็นรูปถ่ายที่พรีมแนบมาในนั้น

เป็นรูปที่เห็นแค่มือขาวๆ ถือโมเดลเล็กๆ ที่เหมือนจะเพิ่งทำเสร็จ พรีมสวมเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำ นั่นคือทั้งหมดในรูปที่อัครได้เห็น

ผมเพิ่งทำเสร็จ สวยมั้ยครับ

อัครอมยิ้ม กดตอบกลับไปเร็วรี่

สวยดี เก่งจัง

ถ้าได้เป็นสถาปนิก ผมจะออกแบบบ้านให้อัครคนแรกเลย

ฟรีป่าว

ผมคิดค่าจ้างถูกนะ

หูย คิดเงินด้วย

เปล่า คิดเป็นอย่างอื่น

คิดเป็นอะไร?

ขอแค่หัวใจสักเสี้ยวก็พอ

มุกเสี่ยวมาก 555


ผมอุตส่าห์ตั้งใจเล่นนะเนี่ย ไม่เขินหน่อยเหรอ

อัครยิ้มจนแก้มแทบปริ รู้สึกหน้าร้อนไปหมด ไม่คิดว่าคนอย่างพรีมจะมีมุมแบบนี้ มันเหมือนกับกำลังจีบกันอยู่เลย ไอ้เขินน่ะเขินแน่ แต่ไม่บอกหรอกว่าเขิน

ต้องเขินด้วยเหรอ

นิดนึงก็ยังดี


......
...
“ทำไรวะ?” เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่หอบข้าวของเข้ามา คนที่กำลังเพลินกับการส่งข้อความเลยหันไปมอง

“วันนี้ไม่นอนห้องไอ้เคนเหรอวะ”

“ไม่อ่ะ กูซื้อของกินมาฝากมึง งานเสร็จยังวะ”

“เพิ่งเสร็จ” เขาละจากสมาร์ทโฟนในมือแล้วเดินไปดูของที่เพื่อนซื้อมาฝาก มีอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งกับพวกขนมขบเคี้ยวและน้ำหวานหลายขวด “ของมึงเสร็จยัง”

“ยัง เดี๋ยวคืนนี้ลุยยาว มันจอดรถอยู่ เดี๋ยวก็ตามมาแล้ว”

“อืม” เขาพยักหน้ารับ หันหลังไปมองหน้าจอสมาร์ทโฟนในมืออีกที มีแค่สติ๊กเกอร์แลบลิ้นใส่ที่อีกคนส่งมาให้ แค่นั้นก็ทำเอาหลุดยิ้มแล้ว

“พรีม เอากุญแจห้องมาด้วยเปล่า?” เสียงเพื่อนอีกคนดังขึ้นจากหน้าประตู สองมือหอบกระดาษกับอุปกรณ์ทำโมเดลทั้งหลายที่ไม่ใช่ของตน เพราะเคนเรียนวิศวะ

“เอามา นี่ไง” เจ้าของชื่อ “พรีม” หันไปแกว่งกุญแจในมือให้ดู ก่อนจะหันไปหาอีกคนที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูมือถือ

“งานมึงเสร็จแล้วก็มาช่วยกูทำต่อเลย ไอ้ซุป”
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-08-2018 12:17:39
3
ผมต้องช่วยเพื่อนทำงาน คืนนี้คงไม่ได้นอน (สติ๊กเกอร์ร้องไห้)

อัครอมยิ้มเอ็นดูความงอแงเล็กๆ น้อยๆ ของพรีม ส่งข้อความไปให้กำลังใจพร้อมรูปเซลฟี่หน้ายิ้มหวานที่สุดไปให้ อัครคิดว่าพรีมน่าจะจำตนได้อยู่แล้ว แต่พรีมนี่สิ ทำไมไม่ยอมเปิดเผยหน้าตอนนี้ให้เห็นเสียทีก็ไม่รู้

พรีมเงียบหายไปจากกล่องแชท คงกำลังง่วนกับการช่วยงานเพื่อนที่ว่า อัครเลยอ่านหนังสือ ทำรายงาน แล้วก็เตรียมตัวเข้านอน ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ กำลังจะล้มตัวลงนอน เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น

นอนยังครับ?

ไม่รู้ทำไม พอเห็นข้อความจากพรีมทีไร อัครก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้เลย เขารีบพิมพ์ตอบกลับไปว่ายังไม่นอน เพราะอยากคุยกับพรีมก่อน ต่อให้ดึกแค่ไหน ก็อยากคุย และพรีมก็บอกว่าขอโทรหา อัครเลยลุกเดินออกไปนอกระเบียง เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนเพื่อนๆ ที่นอนอยู่

[นอนดึกนะ]

“พรีมนั่นแหละ งานเสร็จยัง? ที่บอกช่วยเพื่อนทำ”

[ยังเลยครับ แต่ผมขอพัก อยากคุยกับอัครก่อนนอน] คนในสายลดเสียงลงเล็กน้อย [คิดถึง]

อัครรู้สึกว่าแก้มร้อนวาบขึ้นมาทันที หัวใจเต้นรัวจนต้องยกมือขึ้นมากุมมันไว้ เพราะกลัวจะหลุดทะลุอกออกมา เขากลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี

[อัครคิดถึงผมมั้ย?] เสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ ของพรีมทำให้อัครเหมือนจะละลายลงไปกองที่พื้นแล้วตอนนี้ เขาพยายามรวบรวมสติ เพราะถ้าเงียบนานกว่านี้พรีมจะเข้าใจผิดได้

“พะ พูดอะไรของนาย” พูดไปก็ลูบแก้มร้อนๆ ของตัวเองไปด้วย

[ไม่คิดถึงผมเหรอ ไม่ได้คุยกันตั้งหลายชั่วโมงแล้ว] ปลายสายพูดกลั้วหัวเราะ ยิ่งทำให้อัครใจเต้นถี่

อัครไม่รู้ว่าจะตอบออกไปตามตรงดีหรือไม่ ใจเขาก็คิดถึงพรีมเหมือนกัน แต่มันก็แปลกๆ ที่จู่ๆ จะมาพูดอะไรแบบนั้นกัน แม้ว่าพรีมจะเป็นคนเริ่มก่อนก็เถอะ

[อัคร? ง่วงเหรอครับ]

อัครสะดุ้ง ทั้งที่ปลายสายไม่เห็นเสียหน่อย “ปะ เปล่าๆ ก็พรีมพูดอะไรไม่รู้ มันแปลกๆ นี่”

[เขินเหรอ] เสียงของพรีมเปลี่ยนไปนิดหน่อย ฟังดูกวนๆ เหมือนคนขี้แกล้ง

“ใครเขินกัน? ปกติคุยกับเพื่อนทุกคนแบบนี้รึไงล่ะ ถึงได้ชิน” อัครยู่ปาก ถ้าใช้วิดีโอคอลคงสนุกพิลึกที่ได้เห็นสีหน้าหลายๆ แบบ

[แค่กับอัครคนเดียว ที่ผมบอกว่าคิดถึง/ไอ้ซุปปปป ทำไรวะ]

เสียงที่แทรกเข้ามาทำให้อัครแปลกใจนิดหน่อย พอกำลังจะคุยต่อ พรีมก็ขอวางสายไปก่อนด้วยน้ำเสียงร้อนรน อัครมองดูหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ดับลงไปแล้วในมืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง

แต่ยังไม่นอนหลับในทันที อัครนั่งอยู่บนเตียง กดเข้าเฟซบุ๊คในสมาร์ทโฟน เข้าไปส่องหน้าฟีดของพรีมที่เคยดูแค่ผ่านๆ ตอนช่วงแรกๆ ที่แอดมา เพราะเห็นโพสใหม่ๆ เด้งขึ้นมาเป็นรูปที่ปิดหน้าตาตลอด อัครเลยไม่ค่อยได้เข้าไปส่องข้างในเท่าไหร่

Super-Supreme Mixed Lover

อัครทวนชื่อเฟซบุ๊คนั้นในใจ เลื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อดูรูปของพรีมที่มีอะไรมาบังหน้าทุกรูป แต่กลับมียอดไลค์จากคนที่ติดตามเป็นพัน อัครลองสุ่มอ่านคอมเม้นท์จากบางโพส แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

อย่าปิดหน้าสิคะพี่ซุปคนหล่ออออ


“พี่ซุป?” อัครกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อน ปลายนิ้วเลื่อนดูรูปและคอมเม้นท์ลงไปอีก จนเจอ IG ของเจ้าของเฟซบุ๊คที่แอบอยู่กับโพสเก่าๆ เมื่อ 2 ปีก่อน และชื่อ IG นั้นก็คือ SuperStar

แถมเจ้าของ IG ก็ไม่ได้หน้าตาเหมือนพรีมที่อัครเคยวาดไว้ตรงไหนเลย ต่อให้เปลี่ยนจากตอนเด็กๆ แค่ไหน มันก็ต้องมีเค้าความเป็นพรีมอยู่บ้าง แต่นี่ไม่เลยจริงๆ หน้าตาไปคนละทางเลยด้วยซ้ำ จะว่าศัลยกรรมก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนขนาดนี้ เพราะพรีมไม่ใช่คนหน้าแย่จนต้องยกเครื่องใหม่หมด อัครจำหน้าพรีมได้แม่นยำ หน้าตี๋ๆ ขาวๆ แต่คิ้วเข้มกับแว่นตาสีส้ม ถึงถอดแว่นออก ก็มั่นใจว่าจำได้

อัครยังไม่แน่ใจว่าคนที่แอดมาและหลอกว่าเป็นพรีมต้องการอะไร หรือเขาอาจจะคิดไปเอง เข้าใจผิดไปเองก็ได้ แค่มันติดใจเรื่องที่ได้ยินเสียงคนเรียกว่า “ซุป” เมื่อกี้นี้เท่านั้น

อัครแทบนอนไม่หลับแล้ว เขากดเข้าไปในรายชื่อเพื่อนของเฟซบุ๊คที่บอกว่าเป็นพรีม เลื่อนหาอย่างตั้งอกตั้งใจและในที่สุด ทุกอย่างก็กระจ่าง

Prema Porameth พรีม่า ปรเมฐ

คนนี้ต่างหากล่ะ คือพรีมตัวจริง!

******

เกือบตีห้ากว่าที่ซุปจะได้นอน เพราะงานของเพื่อนรักอย่างพรีมที่ทำให้เด็กคณะเดียวกันอย่างเขาต้องช่วยจนเสร็จ ต่างกับอีกคนที่มีหน้าที่แค่ตัดแบบ พอมันทำเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนหลับคร่อกๆ ปล่อยให้เพื่อนอีกสองชีวิตลุยกันต่อเองยาวๆ แถมเช้ามา ยังมีหน้าตื่นมาหาววอดๆ ร้องหิวๆ ใส่อีก

“พวกกูต้องเอางานไปส่งก่อน มึงไปรอที่โรงอาหารกลางได้เลย” ซุปตบหัวบอกเคนที่ขับรถมาส่งหน้าคณะ ถ้าไม่มีเคน ก็คงไม่มีสารถีและรถขนของ พวกเขาสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว โชคดีที่สอบติดที่เดียวกัน แม้เคนจะเลือกคณะอื่นก็ตาม

“เออ” เคนตอบพลางลูบหัวตัวเองแล้วเลี้ยวรถไปทางโรงอาหาร

พรีมเดินนำหน้าพร้อมโมเดลบ้านของตน มีซุปเดินตามหลังไปติดๆ ที่เดินช้ากว่า เพราะมัวแต่กดมือถือส่งข้อความหาคนที่ตามจีบแบบแอบๆ อยู่ช่วงนี้

ซุปเจอจดหมายที่พรีมเคยส่งคุยกับเพื่อนสมัยม.ต้นเมื่อปีที่แล้ว พรีมทิ้งไว้ที่หอ และซุปไม่ได้กลับบ้านช่วงปิดเทอม ก็เลยถือวิสาสะรื้อมาอ่านเล่นๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นจดหมายพูดคุยธรรมดาๆ คนส่งเหมือนจะชอบวาดรูปด้วย มีรูปการ์ตูนสวยๆ วาดส่งมาตลอด พอเปิดเทอม 2 ตอนปี 1 ก็ยังเห็นพรีมเขียนจดหมายส่งไปอาทิตย์แรกๆ แล้วก็หยุดส่ง พอถามก็บอกว่างานยุ่งเลยขี้เกียจแล้ว กะจะเลิกส่งไป อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องตอบกลับมาอีก

ไม่รู้ทำไม พอได้ยินพรีมพูดแบบนั้น ซุปก็รู้สึกเห็นใจคนรอขึ้นมา ทั้งวิธีเขียนและรูปวาดน่ารักๆ ที่ตั้งใจส่งให้ทุกอาทิตย์นั้น เหมือนไม่มีความสำคัญใดๆ กับพรีมเลย เพราะพรีมแค่ตอบกลับไปด้วยประโยคสั้นๆ ห้วนๆ อย่าง ขอบใจนะที่ส่งรูปมาให้ หรือไม่ก็คำถามกลับทั่วไปอย่าง เรียนเป็นไงมั่ง ทั้งที่ก็ตอบอยู่แค่นั้น แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเขียนเล่าเรื่องต่างๆ อย่างตั้งใจเสมอ

ซุปเลยตัดสินใจส่งจดหมายตอบกลับไปแทนพรีมตั้งแต่ช่วงนั้น จนกระทั่งขึ้นปี 2 เขาเลยลองเอาชื่อคนส่งมาหาในเฟซบุ๊ค โชคดีที่อัครใช้ชื่อและนามสกุลจริง เลยหาไม่ยาก เขาลองแอดไปและพอโดนถามกลับว่าเป็นใคร ก็ไม่กล้าบอก เลยโกหกว่าเป็นพรีม ทำให้ได้คุยกับอัคร ยิ่งคุยก็ยิ่งชอบ ชอบทั้งวิธีคิดและสิ่งที่อัครแสดงออกมาผ่านตัวอักษร ชอบเวลาที่เห็นอัครโพสรูปวาดน่ารักๆ ที่เต็มเปี่ยมด้วยความตั้งใจ และชอบตัวตนของอัครที่เห็นผ่านรูปเหล่านั้น

เอางานมาส่งแล้วครับ ได้นอนแค่สามชั่วโมงเอง (สติ๊กเกอร์ร้องไห้)

ซุปกดส่งข้อความเรียบร้อย ก่อนจะเงยหน้าเห็นพรีมยืนมองอยู่

“ช่วงนี้มึงดูอินเลิฟนะ จีบใครอยู่วะ กูรู้จักป่ะ”

“เฮ้ย คิดไปเองน่า กูแค่คุยกับเพื่อน” ซุปรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไปๆ ส่งงาน”

“มึงกับกูอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้วไอ้ซุป อย่ามาโกหกให้ยาก”

ก็ถ้าบอกว่าจีบเพื่อนเก่ามึงที่เคยส่งจดหมายมาให้ มันจะได้เหรอวะ

ซุปคิด ก่อนจะตอบ “ไม่มีจริงๆ มึงก็เห็น วันๆ กูอยู่แต่กับพวกมึง งานคณะก็เยอะ เอาเวลาที่ไหนไปจีบใคร”

ติ้ง

เสียงข้อความเด้งขึ้นมาในจังหวะเดียวกันพอดี ซุปสะดุ้งโหยงด้วยความร้อนตัว รีบหันหลับหลบสายตาของพรีมแล้วกดเปิดอ่านข้อความ

ทว่า

ข้อความจากอัครที่เปิดมาเจอนั้น กลับยิ่งทำให้ร้อนรนยิ่งกว่าเดิม

ซุปนี่ใครเหรอครับ?

tbc
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 22-08-2018 12:37:34
มาต่ออีกนะค๊ะ กำลังสนุกเลย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 22-08-2018 12:48:52
อุต๊ะะ เป็นไงต่อน้ออ มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-08-2018 09:44:17
มาต่ออีกนิด เรื่องเก่าก็ยังค้างอยู่เลยง่ะ เอาเรื่องนี้ก่อนละกัน ดราม่าน้อยหน่อย แต่ก็มีดราม่าอยู่ดี

ขอบคุณที่มาอ่านกันน้า

4
ซุปนี่ใครเหรอครับ?

อัครส่งข้อความไปแบบนั้นร่วมสิบนาทีแล้ว มันขึ้นว่าอ่านแล้วด้วย แต่คนอ่านไม่ยักตอบกลับมาเสียที อัครรู้ว่าคนคนนั้นคงกำลังคิดหนักว่าเขารู้เรื่องที่โดนหลอกแล้ว และคงกำลังคิดว่าจะแก้ตัวยังไงดี อัครไม่ได้โกรธที่หลอกกัน แค่อยากรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ที่ผ่านมาก็คุยกันดี หรือที่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครแต่แรก เพราะกลัวจะไม่รับแอด กลัวจะไม่ยอมคุยด้วย?

ถ้าไม่ตอบ ผมจะบล็อก

เดี๋ยวๆๆๆ ขอโทษครับ!!!
(สติ๊กเกอร์ร้องไห้รัวๆ)

อัครอมยิ้มอย่างพอใจเมื่ออีกฝ่ายรีบตอบกลับทันทีที่ขู่ อย่างน้อยอัครก็รู้ว่าคนคนนี้เป็นเพื่อนของพรีม จากเฟซบุ๊คที่บอกว่าเรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกัน เพราะอย่างนั้นอัครถึงได้ไม่สงสัยแต่แรก ทุกอย่างบ่งบอกว่าเป็นพรีมจริงๆ ยกเว้นก็แค่หน้าตาที่ไม่เคยเปิดเผย

คุณเป็นใคร?

อัครส่งคำถามสั้นๆ ไปอีกครั้ง อยากให้เปิดเผยตัวตนเสียที

คือ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ ผมแค่อยากรู้จักคุณ

แล้วทำไมไม่บอกแบบนี้แต่แรก


อัครสวนกลับจนอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนาน แล้วจู่ๆ ก็กดวิดีโอคอลมันดื้อๆ ซะอย่างนั้น อัครตกใจจนเกือบทำมือถือหล่น ดีที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องคนเดียว เพราะเพื่อนๆ ไปเรียนกันหมดแล้ว

ไม่เปิดกล้อง บอกมาก่อนว่าเป็นใคร

แม้จะเคยส่งรูปไปให้หลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อัครจะไม่ยอมเจอหน้าง่ายๆ เขากดตัดสายทิ้งแล้วส่งข้อความไปแทน

ผมชื่อซุป เป็นเพื่อนไอ้พรีม

เป็นชื่อของคนที่อัครคิดว่าใช่จริงๆ หนุ่มหล่อติดโผของมหาวิทยาลัยทางเหนือ มีรูปลงในเพจบางเพจที่อัครค้นเจอ แต่เห็นหน้าไกลๆ บ้าง ไม่ค่อยชัดบ้าง รูปชัดๆ ส่วนใหญ่อยู่ใน IG ของเจ้าตัว ก็หน้าตาดีระดับหนึ่ง แต่อัครก็ยังคิดว่าพรีมต้องหน้าตาดีกว่านี้แน่นอน

แล้วหลอกว่าเป็นพรีมทำไม

ผมขอโทษ ผมไม่ได้อยากโกหก ผมแค่กลัวคุณจะไม่ยอมคุยด้วย

ถ้าบอกว่าเป็นเพื่อนพรีม ผมก็คุย


ขอโทษจริงๆ ครับ

ไม่เป็นไร ผมไม่โกรธ แค่อยากรู้เหตุผล


อัครพิมพ์ตอบไปแค่นั้น ก่อนจะกดปิดหน้าจอแล้วเดินออกไปจากห้อง ที่จริงเขามีเรียนพร้อมเพื่อนๆ แต่อ้างว่าไม่ค่อยสบาย ขอไปสายหรืออาจจะไม่เข้าเลย กะจะเคลียร์เรื่องนี้กับคนคนนั้นให้เรียบร้อยก่อน พอดีกับที่ซุปส่งข้อความมา ก็เลยได้เคลียร์ทันที

แม้ใจหนึ่งจะโหวงๆ เมื่อได้รู้ว่าคนที่อุตส่าห์คุยด้วยมาตลอดไม่ใช่พรีม แต่อีกใจก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ ยังไงก็เป็นเพื่อนของพรีม อย่างน้อยก็อาจจะได้ติดต่อกับพรีมผ่านซุปได้ รู้จักกันไว้ก็ดีแล้ว

อัครยังไม่กล้าแอดเฟซบุ๊คของพรีม ที่พรีมหยุดส่งจดหมายหาก็ยังไม่รู้ว่าเพราะรำคาญหรือเปล่า ถ้าเป็นสาเหตุนั้น การแอดเฟซบุ๊คไป จะยิ่งทำให้พรีมยุ่งยากเปล่าๆ เขาเลยลังเลและยังไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรลงไป ทั้งที่อยากคุยกับพรีมมากๆ อยากได้ยินเสียงพรีมตัวจริง อยากเห็นหน้าพรีม เพราะแค่รูปถ่ายมันไม่พอ

ซุปใช่มั้ย? ผมถามอะไรหน่อยสิ

ถามเลยครับ


อัครส่งข้อความไปหลังจากมาถึงตึกเรียน แล้วคนตอบก็โครตไว ถามปุ๊บตอบปั๊บ เหมือนยังนั่งเฝ้าหน้าจออยู่ คงจะส่งงานเสร็จแล้ว

พรีมเคยเล่าเรื่องผมให้ฟังเหรอ

ก็นิดหน่อยนะ

เล่าว่าไงมั่ง

ก็บอกว่าเป็นเพื่อนสมัยม.ต้น ใจดี ขอให้วาดรูปให้ก็ทำ

เหรอ แล้วไงอีก

มันบอกว่าอัครน่ารัก


หัวใจดวงน้อยๆ ของอัครเหมือนพองฟูขึ้นมานิดหน่อย แม้จะไม่ใช่การบอกจากพรีมโดยตรงก็ตามที บางทีซุปอาจจะโกหกก็ได้ แต่เขาก็ดีใจไปแล้ว มีคนที่ชอบมาบอกว่าน่ารัก เป็นใครก็ดีใจทั้งนั้น ทว่า อัครกลับสะดุดกับข้อความต่อมาจนหน้าร้อนฉ่า

และผมก็คิดว่าคุณน่ารักมากจริงๆ

ถ้าอยู่ต่อหน้า อัครคงเขินจนอยากด่ากลบเกลื่อนความอายพร้อมเดินหนีไปแล้ว เขาพยายามคิดว่ามันก็แค่ตัวอักษรไม่กี่ตัว อย่าไปคิดเป็นจริงเป็นจัง แต่ยังไงก็เขินไม่หายอยู่ดี

เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย

ซุปยังส่งข้อความมาอีก แต่อัครไม่ได้ตอบกลับไป เพราะต้องเข้าเรียนพอดี ไปเรียนมันทั้งที่หน้าร้อนและใจเต้นแรงเนี่ยแหละ

******

“วันนี้มึงกลับเองนะอัคร พอดีกูนัดนิไว้” แน็ก สารถีประจำตัวของอัครตบบ่าบอกมาอย่างนั้นหลังจากเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ ปกติพอลต้องไปส่งปู้เป้ ส่วนเชษต้องไปรับแฟนที่อยู่คนละคณะทุกเย็น ไดซ์มีแม่มารับ ส่วนอัคร ได้แน็กแวะส่งที่หอ เพราะเป็นทางผ่านตลอด 

“เออ ไม่เป็นไร” อัครยิ้มตอบเพื่อน ในใจก็คิดว่าจะกลับรถสองแถวหรือมอเตอร์ไซค์วินดี

แต่คนที่ขับรถไปส่งประจำ แม้วันนี้จะมีธุระกับแฟนตัวเอง ก็ยังอดห่วงเพื่อนไม่ได้ “เอางี้ เดี๋ยวกูไปหานิแป้ปเดียว แล้ววนมารับมึงไปส่งหอก่อน”

“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้ มึงไปกับแฟนเหอะ ให้เขารอได้ไง” อัครรีบปฏิเสธ เพื่อนคนอื่นแยกย้ายกันกลับหมดแล้ว เหลือแค่อัครกับแน็ก ที่ยังตกลงกันไม่ได้

“รอแป้ปเดียวจริงๆ” แน็กว่าพลางวางมือลงบนศีรษะของอัครแล้วขยี้เบาๆ พร้อมรอยยิ้มยิงฟัน “นั่งนิ่งๆ รอกูตรงนี้ เดี๋ยวมา โอเค๊?”

“ไอ้แน็ก! อย่าเล่นหัวสิวะ ห่านี่” อัครดุทั้งเสียงหัวเราะ ก่อนจะยอมนั่งลงรอที่ม้านั่งหน้าตึกเรียนตามที่แน็กบอก เพราะขี้เกียจเถียงให้มากความ ในเมื่อแน็กบอกจะมาก็จะรอ ส่วนแน็กรีบวิ่งไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วขับไปที่คณะนิติศาสตร์

อัคร แน็กและเชษ เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ม.4 อยู่ห้องเดียวกันตลอด แต่ตอนแรกแน็กอยู่คนละกลุ่ม มารวมตัวกันสามคนจริงจังก็ตอนม.5 เทอม 2 ไปแล้ว เชษสนิทกับแน็กมากกว่าอัคร เขารู้สึกอย่างนั้น เพราะจะมีบางช่วงที่สองคนคุยกันส่วนตัว ไม่ให้อัครรับรู้ด้วย และอัครก็ไม่คิดจะถามเซ้าซี้ ถ้าเพื่อนไม่อยากเล่าก็ไม่อยากถาม แค่เวลาไปเที่ยวหรือทำงาน ได้อยู่ด้วยกันสามคนตามปกติก็โอเคแล้ว

พอใกล้เรียนจบม.6 แน็กก็คบกับเด็กผู้หญิงรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อ “นิ” เห็นว่าเธอเป็นฝ่ายมาบอกรักก่อน แน็กก็เลยคบด้วย ปีก่อนตอนที่แน็กเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เธอยังอยู่ม.6 แน็กเลยยังมารับมาส่งอัครได้ แต่ปีนี้นิสอบเข้ามหาลัยเดียวกันแล้ว แน็กคงต้องไปอยู่กับแฟนมากกว่า ซึ่งอัครก็เข้าใจดี และไม่คิดจะโกรธเคืองเพื่อนฝูง

รอไม่นานเท่าไหร่ แน็กก็วนรถกลับมาหาจริงๆ

“อัคร กลับๆ กูว่างละ”

“มึงส่งกูแค่หน้าปากซอยหอก็ได้นะเว้ย จะได้รีบไปหาน้องเขา” อัครอดเกรงใจเพื่อนไม่ได้ แต่แน็กก็ส่ายหน้า

“กูบอกไปแล้วว่าติดทำรายงานกับพวกมึง วันนี้ขอผ่าน ไว้พรุ่งนี้จะพาเขาไปเลี้ยงข้าวกลางวัน” แน็กว่าพลางกอดคอเพื่อนเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ด้วยกัน อัครมองหน้าแน็ก แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก สองคนไปที่หอของอัครด้วยกัน พอมาถึงหน้าหอ แน็กก็ถามขึ้น

“น่าจะยังไม่มีใครกลับป่ะวะ”

“มั้ง มีเดทกันหมดอ่ะมึง ทำไมวะ” อัครตอบก่อนจะถอดหมวกกันน็อคคืนให้

“มึงก็อยู่ห้องคนเดียวทุกเย็นงั้นดิ?” แน็กเลิกคิ้ว

“อือ กว่าพวกมันจะกลับก็สักทุ่มสองทุ่ม บางคืนก็สี่ห้าทุ่ม”

“เหงามั้ยวะ”

“ถามเหี้ยไรของมึง” อัครหัวเราะจนตาหยี “กูอยู่คนเดียวชินแล้ว”

แน็กนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองตาอัครตรงๆ จนอัครต้องเอียงคอด้วยความสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นประหลาดใจ เพราะสิ่งที่แน็กพูดออกมา

“ถ้ากูอยู่หอ มึงมาอยู่กับกูสองคนได้มั้ยวะ”

******

ตั้งแต่ส่งข้อความสุดท้ายไปเมื่อเช้าว่าขอเป็นเพื่อนต่อได้มั้ย อัครก็ไม่อ่านและไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกเลย ความสำคัญของเขาในตอนนี้ต่างจากตอนแรกที่แอบอ้างชื่อพรีมอย่างเห็นได้ชัด หากอัครยังเข้าใจว่าเขาเป็นพรีม จะรีบอ่านและรีบตอบกว่านี้ ไม่มีทางลืมเช็คข้อความแน่นอน แต่นี่รู้แล้วไงว่าเขาคือคนอื่น เป็นแค่ไอ้ซุปกะโหลกกะลาที่ไหนไม่รู้ที่บังอาจหลอกลวงมาตั้งเป็นเดือนๆ เขาไม่รู้หรอกว่าอัครไปสงสัยตอนไหน ถึงได้ค้นจนเจอว่าเขาไม่ใช่พรีม แต่ความแตกแล้วก็ช่วยไม่ได้ หลังจากนี้อาจจะหาทางคุยกับอัครยากกว่าเดิม แต่เขาจะพยายามต่อไป

เพราะสังเกตจากพรีมแล้ว รายนั้นดูไม่ได้ให้ความสนใจใส่ใจกับอัครมากกว่าแค่เพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่มหาลัยนู้น อัครมีคนมาจีบมาชอบเยอะหรือเปล่า สำหรับซุป อัครหน้าตาน่ารักในแบบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ดูมีเสน่ห์กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งเขาเชื่อว่าอัครต้องคิดเกินเพื่อนกับไอ้พรีม ซุปเลยอดมองพรีมเป็นศัตรูหัวใจในบางครั้งไม่ได้

“เป็นเหี้ยไรมึง ทำหน้าเหมือนปวดขี้” เคนมาถึงตึกสถาปัตย์ก็ตรงรี่มาตบหัวเพื่อนคืนจากเมื่อเช้าทันที ซุปเงยหน้ามองเคนแล้วแยกเขี้ยวใส่

“เดี๋ยวกูก็ขี้ใส่ปากมึงเลย”

“พรีมล่ะ?” เคนหันมองไปรอบๆ เวลานี้น่าจะเรียนเสร็จกันหมดแล้ว แต่เห็นแค่ซุปนั่งทำหน้าปั้นยากอยู่คนเดียว

“ไปหาเมียมันมั้ง”

“เฮ้ย! ไอ้พรีมมีเมียตอนไหนวะ เมื่อไหร่ คนไหน” เคนทำหน้าตาเหรอหราจนคนหลอกโล่งใจจากเรื่องเครียดๆ ได้หัวเราะหน้าตาตลกๆ ของเคนแล้วสบายใจขึ้นเยอะ

“มึงนี่เชื่อคนง่ายนะ ใสซื่อ ไร้เดียงสา” ยื่นมือไปบีบจมูกเพื่อนรักด้วยความหมั่นเขี้ยว เคนร้องอู้อี้ปัดมือเขาพัลวัน

“ไอ้เหี้ยนี่ กวนตีน”

“มึงโง่เองที่เชื่อกูตลอด” หลอกมากี่ครั้ง เคนก็เชื่อทุกครั้ง คนหลอกมันหน้าตายอย่างนี้ เป็นใครก็คงหลงเชื่อง่ายๆ ระหว่างที่กำลังสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งเคน ก็มีรุ่นน้องผู้หญิงสามคนเข้ามาหา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของซุป

“พี่ซุปคะ ขอถ่ายรูปได้มั้ย”

“แล้วมีอะไรมาแลกกับรูปพี่มั้ยครับ” ซุปยิ้มหวานถามกลับไป แขนข้างหนึ่งยังพาดที่คอเพื่อนข้างๆ

“นี่ค่ะ ขนมที่พี่ซุปชอบกิน มีบัตรกินฟรี 500 ของร้านกาแฟเจ้าโปรดให้ด้วยค่ะ นะคะพี่ซุป ขอถ่ายรูปทีเดียว ไม่ลงโซเชี่ยล แค่เก็บไว้ดูกันเองค่ะ ขอรูปคู่นะคะ” เด็กสาวอธิบายยาวเหยียดเพื่อขออนุญาต เพราะทุกคนต่างรู้กันดีว่าการจะขอถ่ายรูปกับนายซุปนั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่เจ้าตัวพึงพอใจ และกฎคือห้ามเอารูปไปแจกจ่าย หากพบเจอซุปจะจัดการแจ้งลบทั้งหมด ยกเว้นรูปที่เขาอนุญาตให้ลงได้

“รูปคู่?”

“ค่ะ ขอรูปคู่กับพี่พรีมหรือพี่คนนี้ก็ได้”

ซุปหันมองหน้าเคนที่กันมามองเช่นกัน สองคนสบตากันแล้วเหมือนจะหลุดขำ ก่อนซุปจะพยักหน้าให้พวกน้องๆ ถ่ายรูปเขากับเคนเป็นที่ระทึก เพราะพรีมไม่มาเสียที ก็เลยได้แต่รูปคู่กับเคนไป

จนสาวๆ ทั้งหลายพอใจและจากไปสักพัก พรีมก็มาพอดี

“ทำไรกันวะ กูหิว ไปหาไรแดกกัน”

“มาถึงก็หิวเชียวไอ้สัส มึงหายหัวไปไหนมา” เคนลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเป้ของพรีมมาถือให้ พรีมเลิกคิ้วนิดหน่อย แต่ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะหันไปมองหน้าซุป

“จารย์เดชบอกให้มึงไปหาพรุ่งนี้สิบโมงด้วย ห้ามลืมห้ามสาย”

“มีไรวะ”

“เรื่องงานละครเวทีคณะมั้ง” พรีมตอบแล้วกอดเอวเคนเข้าหาตัว “ไปแดกข้าวกัน เดี๋ยวกูขับเอง”

“อือ” เคนพยักหน้ารับ ปล่อยให้พรีมกอดเอวเดินไปทั้งอย่างนั้น ส่วนซุปก็มองเพื่อนสองคนอย่าง งงๆ ก่อนจะเดินตามไปบ้าง โดยที่ยังไม่ทันได้อ่านข้อความตอบกลับของอัครที่ส่งมาช่วงที่พวกเขากำลังคุยกัน

tbc
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 24-08-2018 07:14:39
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 24-08-2018 09:55:14
เค้าลางดราม่า กรุ่นๆ เมื้อไหร่เค้าจะเจอกัน หรือไม่เจอ อยากให้เจอล่ะ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 5-6 [24/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-08-2018 10:53:09
5
อัครมัวแต่คุยกับแน็กจนเกือบลืมไปว่าไม่ได้ตอบข้อความของซุปเมื่อเช้า ตอนนี้ซุปก็น่าจะเลิกเรียนแล้วเหมือนกัน พอส่งแน็กออกจากหอแล้ว อัครก็กลับเข้าห้อง เปิดอ่านข้อความและตอบรับเรื่องที่บอกว่ายังเป็นเพื่อนกันได้ พลันนึกถึงที่ซุปเคยบอกว่า ไม่อยากเป็นเพื่อนแบบปกติ

เขาไม่ได้ซื่อมากจนไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงหรอก ก็แค่ไม่อยากคิดไปเอง แต่ซุปก็เหมือนจะจีบ...ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันเนี่ยนะ? ยิ่งคิดอัครก็ยิ่งแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกดีนิดๆ กับคนที่ไม่แม้แต่จะเคยเจอกันอย่างซุป คุยกันมาก็เกือบครึ่งเทอมเข้าไปแล้ว ต่อให้รู้ว่าไม่ใช่พรีม ก็ยังรู้สึกดีที่จะได้คุยต่อ

อัครอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้ไม่มีงานต้องทำส่ง เพื่อนๆ ก็ยังไม่กลับมา เขาเลยนอนกลิ้งอย่างว่างๆ บนเตียง เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย จนมีข้อความเด้งมาจากซุป

ขอบคุณนะที่ไม่โกรธผม

อัครอมยิ้ม นอนหงายกดข้อความส่งกลับไป

ไม่ได้มาร้าย จะโกรธทำไมล่ะ

แค่อยากรู้จักกัน อยากเป็นเพื่อนด้วย เรื่องแค่นั้นอัครไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว และเข้าใจที่ซุปกังวล เป็นเขาก็คงกลัวเหมือนกันที่จะทักคนแปลกหน้าไปตรงๆ ว่าขอเป็นเพื่อนนะอะไรแบบนั้น ถือว่าซุปมีความกล้ามากแล้ว ตอนที่รู้ความจริงก็ยังกล้ายอมรับตามตรงด้วย แล้วแบบนี้อัครจะไปโกรธลงได้ยังไงกัน

แล้วถ้าผมพูดตรงๆ จะโอเคอยู่มั้ยครับ

ประโยคนี้ทำเอาอัครใจสั่นเล็กน้อย เขาผุดลุกขึ้นนั่ง หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาจดจ้องสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพิมพ์ต่อจากนี้ด้วยลุ้นระทึก

บ้าเอ๊ยยย จะลุ้นทำไมเนี่ย อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าซุปไม่ใช่เจ้าของ IG คนนั้น แต่เป็นแค่ผู้ชายบ้านๆ คนหนึ่งอัครจะยังรู้สึกดีอยู่มั้ย แต่คิดไปคิดมา อัครชอบวิธีการพูดคุยของอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ตัวมากกว่า แม้ไม่เห็นหน้าตา และต่อให้ซุปไม่ใช่คนหน้าตาดี เขาก็คิดว่ายังอยากคุยด้วยอยู่ดี

อัครรอจนซุปพิมพ์เสร็จ ข้อความเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จนอดยิ้มไม่ได้เลย

ผมขอจีบได้มั้ยครับ

******

“นั่งยิ้มอะไรของมึงวะไอ้ห่า กูขนลุกเนี่ย”

“เรื่องกู” ซุปเงยหน้าจากจอสมาร์ทโฟนในมือแกล้งกระแทกเสียงใส่เคนที่มาแซวตอนตนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับอัคร เคนเบะปากใส่ ตามด้วยยักไหล่

“ไอ้พรีมบอกว่ามึงอินเลิฟอยู่ จริงเหรอวะ”

“คงงั้นมั้ง” ซุปกระตุกมุมปากนิดๆ ก้มหน้าพิมพ์ข้อความต่อ

“ใครวะ พวกกูรู้จักป่ะ” เคนตาลุกวาว ทำท่าจะแย่งมือถือมาดู แต่ซุปหลบทัน แขนของเคนเลยไปชนโดนถ้วยน้ำจิ้มหกเลอะเต็มโต๊ะ ซุปรีบลุกขึ้น เรียกพนักงานมาขอผ้าเช็ดทำความสะอาด

“มึงนี่ซุ่มซ่าม”

“เออ ขอโทษน่า ก็มึงหลบอ่ะ ความผิดมึงด้วยป่ะวะ” เคนโวยกลับด้วยเสียงเบา ขยับปากด่ากันไปมาจนพรีมกลับมาที่โต๊ะ

“ทำเหี้ยไรกัน กัดกันอีกแล้วสิ” คนที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา มองหน้าสองคนที่เหมือนจะเถียงกันแบบไร้เสียงแปลกๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เคน

“ไอ้ซุปมันมีความลับกับเราอ่ะพรีม”

“มึงอย่าใช้คำว่าเรา แค่มึงคนเดียวรึเปล่า” พรีมเลิกคิ้วกวนๆ ใส่เคน จนเคนหน้างอหงิกยิ่งกว่าเดิม

“พวกมึงมีความลับกับกูเหรอ”

“ลับเหี้ยไร มึงก็เชื่อคนง่าย โดนพวกกูหลอกมากี่ทีแล้วไอ้เคน” ซุปส่ายหน้าอย่างระอาใจ เคนเป็นลูกไล่ให้พวกเขามาตลอดตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ด้วยความที่เป็นเด็กซื่อๆ ใสๆ แต่บางทีก็บ้าบอจนน่าถีบ

“กูโดนหลอกจนไม่รู้แล้วว่าพวกมึงเล่นหรือจริงไง” พูดกับซุป แต่สายตาของเคนเบนไปที่อีกคนข้างๆ น้ำเสียงนั้นเหมือนตัดพ้อเล็กๆ ทำเอาพรีมรีบตักเนื้อในหม้อชาบูมาเอาใจ

“แดกเข้า เนื้อติดมันที่มึงชอบไง กินให้อ้วนๆ เลย” พรีมยิ้มหวานขยิบตาให้ ซุปไม่ได้สนใจมองเพื่อนคุยกันหรือจะง้องอนกัน มันเป็นเรื่องปกติของสองคนนี้ที่เขาเห็นจนชินตาแล้ว เวลาโดนหลอกแล้วจับได้ เคนก็จะงอนแบบนี้ประจำ เขาน่ะไม่เคยง้อมันหรอก เพราะยิ่งเห็นมันหน้างอเหมือนจะร้องไห้ยิ่งสะใจแล้วก็ฮามากด้วย แต่พรีมไม่เหมือนกัน รายนั้นเห็นไอ้เคนเบะปากงอแงไม่ได้เลย

“อย่ามาช่วยไอ้ซุปเปลี่ยนเรื่องว่ะพรีม ตกลงมีอะไรกันแน่ ซุป มึงมีแฟนแล้วเหรอ” เคนเคี้ยวเนื้อที่พรีมให้มาตุ้ยๆ เต็มกระพุ้งแก้มพลางจ้องหน้าซุป แต่คำตอบก็คือการส่ายหน้าเหมือนเดิม

“ถ้ามันมีแฟนแล้วมึงจะยังไง?” พรีมขยับเข้าไปนั่งเบียดใกล้ๆ จ้องหน้าด้านข้างของเคนบ้าง

“ไม่ยังไง กูแค่อยากรู้บ้าง” เคนเคี้ยวกลืนจนหมดแล้วค่อยตอบ ก่อนจะมองเนื้อติดมันที่พรีมคีบมาใส่ถ้วยให้อีก

“ขี้เสือก”

“พรีม! มึงด่ากูเหรอ”

“ไม่ด่ามั้ง ทำไมขี้เสือก มันยังไม่เคยเสือกเรื่องของมึงเลย” พรีมว่ายิ้มๆ ซุปมองพวกเขาแล้วก้มหน้าพิมพ์ข้อความ ไม่ได้คิดจะสงสัยหรือซักถามให้มากความ มีบางเรื่องที่สงสัยบ้าง แต่ไม่รู้จะถามไปทำไมเหมือนกัน เลยเงียบไว้

“เพื่อนกันก็ต้องอยากรู้เรื่องเพื่อนๆ บ้างสิวะ” เคยยู่ปากอย่างไม่พอใจที่โดนพรีมว่า แต่หน้างอนๆ มันดูน่ารักเกินไป จนไม่มีใครคิดกลัว

“กูก็เล่าให้ฟังแล้วไง มันจีบใครสักคนอยู่ รู้แค่นั้นก็พอแล้ว ถ้าเพื่อนมึงอยากบอกมันจะบอกเอง” พรีมดึงแก้มเคนเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวแล้วหัวเราะที่ได้เห็นเคนโวยวาย

“พวกมึงอ่ะ ชอบมีความลับกับกู” เคนยังไม่เลิกงอน นั่งกอดอกเบือนหน้าหนีพรีมที่ขยันคีบเนื้อมาให้ ส่วนซุปก็กินไปจิ้มมือถือไป บางทีก็อมยิ้มกับตัวเอง เมื่ออัครตอบอะไรน่ารักๆ กลับมา พรีมเห็นเคนหันหน้าหนีก็คว้าคางดึงให้หันกลับมากินต่อ โดนงับนิ้วบ้างอะไรบ้าง แต่กลายเป็นเรื่องสนุกสนานเฮฮาไปเสียอย่างนั้น

หลังมื้ออาหารเย็นที่ลากยาวจนค่ำ เคนขับรถไปส่งซุปกับพรีมเสร็จก็กลับคอนโดตัวเอง นานๆ ทีพรีมจะกลับมานอนที่หอ ทั้งที่เช่าแบบหารครึ่งกัน เงินก็จ่ายครบทุกเดือน แถมช่วยออกค่าน้ำไฟ แต่ไม่ค่อยจะมานอนสักเท่าไหร่เลย

“จริงๆ มึงไปอยู่กับไอ้เคนเลยก็ได้นะ”

“ทำไมวะ มึงอยากอยู่คนเดียวเหรอ” พรีมมองตามหลังซุปที่กำลังหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมจะเข้าไปอาบน้ำ ส่วนพรีมนั่งอยู่บนเตียงของตัวเองที่แทบไม่ได้ใช้ ผ้าปูที่นอนปลอกหมอนไม่เคยได้เปลี่ยนตั้งแต่เริ่มเทอมใหม่ อยู่ยังไงก็อย่างนั้น ต่างจากเตียงของซุปที่มีเสื้อผ้ากับของใช้วางระเกะระกะ

“เปล่า ก็มึงแชร์ค่าห้องกับกูทั้งที่ไม่ได้อยู่ มันเสียเปรียบป่ะวะ กูไม่ชอบเอาเปรียบเพื่อน” ซุปว่าพลางกดสวิตช์เปิดไฟในห้องน้ำ แต่ยังไม่เดินเข้าไป เขาหันหน้าไปหาพรีม ยืนเอนหลังพิงขอบประตูไว้

“ถามจริงเหอะ มึงจริงจังมั้ยวะ”

“เรื่องเหี้ยไร” พรีมขมวดคิ้ว ทำเป็นเอื้อมมือหยิบหนังสือแถวหัวเตียงมาพลิกไปมา

“ไอ้เคน”

พรีมเงยหน้าเหลือบสายตามองเขาเล็กน้อย “มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง”

ซุปพยักหน้า “ก็รู้ไง ถึงได้ถาม ถ้ามึงแหย่มันเล่นๆ ก็เลิกเหอะ กูสงสารมัน”

เหมือนที่พรีมตอบจดหมายของอัครเล่นๆ พอเบื่อก็เลิกนั่นแหละ ซุปอยากจะว่าอย่างนั้น แต่คิดอีกที ไม่พูดน่าจะดีกว่า เขารู้จักพรีมดีกว่าใคร แม้ระยะเวลาที่คบกันจะเท่าๆ กับเคน แต่คนที่จะตามความคิดของพรีมทันก็มีแต่เขา

“มึงคิดว่ากูเล่นเหรอ” พรีมหน้าตึงขึ้นมา วางหนังสือลงบนตักแล้วสอดประสานมือรองศีรษะพิงหัวเตียง

ซุปไม่ได้ว่าอะไรอีก หากพรีมจะจริงจังกับใครสักคนเขาก็ยินดีด้วย และคนคนนั้นหากเป็นเคน เพื่อนสนิทของซุปที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาเองก็ดีใจกับพวกมัน แต่ในใจนั้นตั้งปณิธานไว้แล้วว่า หากวันไหนพรีมทำร้ายเคนไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ เขานี่แหละจะเป็นคนกระทืบมันให้จมตีนเอง

******

“ตกลงมึงจะมาอยู่หอ จะให้ไอ้อัครไปแชร์ด้วย?” ฟังที่แน็กพูดจบ พอลก็กลอกตาไปมามองเพื่อน ส่วนเชษไม่ได้พูดอะไร “คิดช้านะไอ้สัส”

“มึงก็รู้ว่ากู...” แน็กทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมาให้จบ เชษถอนหายใจ พอลได้แต่เบะปากเบาๆ

“เออ กูรู้” พอลว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งกอดอกกับเก้าอี้ไม้หน้าตึกศิลปะศาสตร์ วันนี้พวกเขาอยู่กันสามคน เพราะพอลให้ปูเป้กับไดซ์ลากอัครไปหอสมุด หลังเลิกเรียน เพื่อจะได้คุยกันตามประสาวงในกับแน็ก ที่จู่ๆ ก็จะมาขอให้อัครไปแชร์ห้องด้วยกัน ทั้งที่ตอนแรกเชษชวนแล้วไม่มา พอลถึงได้มาอยู่แทน

“แล้วไอ้อัครมันโอเคเหรอวะ ที่จะอยู่กับมึงสองคน” เชษถามด้วยความสงสัย เพราะรู้เรื่องที่แน็กเคยมาปรึกษาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว ตอนเห็นตอบตกลงคบรุ่นน้องที่ชื่อ “นิ” ก็คิดว่าคงหาตัวเองเจอแล้ว แล้วนี่จะกลับมาเป็นแบบเดิมอีก?

“มันบอกว่าถ้ากูอยากได้เมทก็โอเค”

“เพราะมันไม่รู้ไงว่ามึงคิดอะไร” พอลยักคิ้วใส่

“พวกมึงก็อย่าเพิ่งพูดแล้วกัน” แน็กมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างขอความเห็นใจ

พอลสบตากับเชษก่อนจะหันไปมองแน็กอีกที “แล้วแฟนมึงล่ะ?”

“มึงจะให้มันคาราคาซังแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย สงสารผู้หญิงเขา” เชษสมทบ

“กูตัดสินใจไปแล้วว่ะ ยังไงก็เลิกชอบไม่ได้ เป็นเกย์ก็ช่างหัวแม่งแล้ว” สีหน้าของแน็กดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อนๆ เองก็เข้าใจดี เลยได้แต่ตบบ่าปลอบใจกันไป

******

ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่อัครตอบตกลงว่าจะลองคุยกับซุป จริงๆ ก็คุยกันมาก่อนหน้านั้นเยอะแล้ว และซุปก็ค่อนข้างแสดงออกผ่านตัวอักษรว่าต้องการอะไร เพียงแค่อัครพยายามจะไม่ใส่ใจมัน พอโดนขอตรงๆ ก็ค่อนข้างโอเคที่จะตอบรับความรู้สึกนั้น แม้อีกใจจะยังอยากเจอพรีม คนที่เป็นรักครั้งแรกก็ตาม

แน่นอนว่าซุปเองก็คิดว่าอัครชอบพรีม ไม่อย่างนั้นคงไม่ตั้งใจเขียนจดหมายและวาดรูปมาให้ทุกอาทิตย์ พรีมบอกเองว่าไม่ได้สนิทกัน การที่เพื่อนไม่สนิท จู่ๆ ก็ส่งจดหมายมาคุยเป็นหน้ากระดาษแบบนั้น ทุกตัวอักษรและรูปภาพที่ส่งมามันแสดงออกถึงความรัก...

หรือจะว่าอัครแค่เหงา? มันก็ไม่แน่ แต่ให้เหงายังไง ซุปก็ไม่คิดจะสุ่มเขียนจดหมายหาเพื่อนเก่าที่ไม่สนิทกันหรอก

อัครตั้งใจจะสานสัมพันธ์กับพรีม แม้ไม่รู้ว่าพรีมจะยังต้องการมันหรือไม่

ซุปเรียนกับพรีมใช่มั้ย?

ครับ เรียนด้วยกันตั้งแต่ม.ปลาย

เรื่องที่อัครมักจะชวนเขาคุย ก็มักจะเป็นเรื่องของพรีม ซุปรู้ตัวดีว่ามันคงยากจะให้อัครเลิกชอบพรีม น่าจะชอบมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วด้วยซ้ำ ระยะเวลาต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างน้อยทำให้มีเรื่องคุยกันก็ดีแล้ว

ตอนม.ปลายเป็นยังไงกันมั่งเหรอ

ก็ธรรมดานะ เรียน เล่น ปกติ

ซุปมีคนชอบเยอะตั้งแต่ตอนนั้นมั้ย

ไม่หรอกครับ

แล้วพรีมล่ะ?


ซุปเผลอถอนหายใจเมื่อเห็นคำถามของอัคร วกเข้าเรื่องของพรีมได้ตลอด แต่จะทำไงได้ล่ะ ถ้าไม่ตอบก็คงไม่ได้คุยกันต่ออีก

มันป๊อปอยู่นะ มีแฟนมาหลายคนแล้ว

พรีมเจ้าชู้เหรอ? ดูไม่เห็นเป็นแบบนั้น

อัครยังรู้จักมันไม่ดีพอน่ะสิ

ใช่ อัครไม่รู้จักพรีมเลยด้วยซ้ำ พรีมที่อัครเคยเจอตอนม.ต้นน่ะมันคนละคนกับไอ้เพื่อนชั่วของเขาแบบคนละขั้วเลย เปรียบเทียบง่ายๆ ก็นรกกับสวรรค์เลยล่ะมั้ง ซุปอยากจะเล่าวีรกรรมของเพื่อนรักที่ทำแต่เรื่องให้ปั่นป่วน แต่คิดอีกทีไม่เล่าดีกว่า เพราะเหมือนเผาคนที่อัครชอบ ดูเป็นการจงใจดิสเครดิตกันเกินไป

และไม่รู้ทำไม อัครถึงได้เงียบไป ไม่ตอบอะไรกลับมาอีกเลย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 5-6 [24/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-08-2018 10:54:46
6
ช่วงนี้อัครยุ่งกับการย้ายห้องไปอยู่กับแน็กที่จู่ๆ ก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่หอเดียวกันเอาตอนเกือบจะหมดเทอมอยู่แล้ว ทั้งที่ตอนปี 1 ทั้งเขาทั้งเชษก็ชวนมาอยู่ด้วยกันสามคน แน็กก็ไม่ยอมมา จนได้พอลมาอยู่ด้วย เพราะรู้จักกันตอนรับน้องและคุยถูกคอดี ตอนนี้ก็กลายเป็นสนิทกันสุดๆ ไปแล้ว

“มันแค่อยากอยู่กับมึงสองคนไง” เหมือนได้ยินเสียงเชษแว่วมาตอนที่กำลังขนของย้ายห้อง อัครร้อนจนเหงื่อท่วมตัวไปหมด ไม่มีอารมณ์จะมัวฟังเพื่อนคุย

“มึงว่าไรนะเชษ”

“เปล๊า” เชษตอบก่อนจะยกลังหนังสือของอัครไปไว้ในห้องให้ “เรียนเหมือนกัน ทำไมของมึงเยอะกว่าพวกกูวะ”

“กูขยันหาหนังสืออ่านไง” อัครยิ้มตอบกวนๆ จนโดนเพื่อนศอกกลับมาดังอั่ก

“แล้วนี่อะไรวะ” เชษนั่งยองๆ ลงรื้อค้นหนังสือในลังมาเก็บบนชั้นให้ เพราะอัครชอบอ่านหนังสือ ไอ้เพื่อนสายเปย์ที่คิดจะจีบเพื่อนตัวเองแบบจริงจังมันเลยลงทุนซื้อตู้หนังสือมาไว้ในห้องอย่างอลังการ ตู้ใหญ่เท่าผนังทั้งแถบ

“อย่ายุ่ง!” อัครรีบคว้าสมุดเฟรนชิพตอนม.ต้นที่คั่นหน้าของพรีมไว้มาจากมือเชษ พอดีกับที่แน็กและพอลหอบกระเป๋าเดินทางเข้ามา

“จัดของกันเสร็จยัง” พอลเดินเข้ามาถามเชษที่นั่งยองๆ อยู่หน้าลังกระดาษลูกฟูกใบใหญ่ เงยหน้ามองอัครแบบงงๆ แล้วถึงได้หันไปมองหน้าพอล

“ยังอ่ะ” เชษตอบแล้วลุกขึ้นยืน “มึงช่วยมันจัดละกัน”

“เชษ...กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่มึง” อัครคว้าแขนเชษไว้ เชษแค่ยิ้มๆ

“เออ ไม่เป็นไร กูไปหาไรกินแป้ป เดี๋ยวมาช่วยใหม่ หิวน้ำว่ะ” ห้องอยู่ห่างกันแค่ชั้นเดียว เชษเลยจะเดินลงไปหาน้ำกินดับกระหายคลายร้อนทั้งในคอและในหัว

“ไม่โกรธใช่มั้ยวะ” อัครกลัวเพื่อนโกรธจนมือไม้สั่น แต่เชษก็โบกมือส่ายหน้าว่าไม่ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องใหม่ของอัครและแน็ก พอลกับแน็กมองตามหลังเชษแล้วหันมามองอัครที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ทะเลาะกัน?” พอลถามพลางลากกระเป๋าไปกองบนพื้น เตรียมจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ให้

“เปล่า กูเผลอตะคอกใส่มัน ไอ้เชษมันยิ่งขี้นอยอยู่อ่ะ กูกลัวมันโกรธ” อัครทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ จนแน็กต้องเอามือลูบหัวปลอบให้

“เดี๋ยวมันก็หายงอน ไอ้เชษมันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”

“อือ” อัครย่นคิ้วน้อยๆ อย่างกังวลใจ แต่พอลกับแน็กก็พูดให้สบายใจขึ้นแล้วเรียกไปช่วยจัดของต่อ สักพักเชษก็กลับมาพร้อมน้ำหวานเย็นๆ ให้เพื่อนๆ ทั้งสามคน บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ อัครเลยใจชื้นขึ้นหน่อย เพราะเชษไม่ได้โกรธจริงๆ แค่ตกใจมากกว่าที่อัครตะคอกเสียงดังอย่างที่ไม่ค่อยทำ แถมยังดึงสมุดออกจากมืออย่างแรงด้วย

“จัดเสร็จไปหาไรแดกกัน” พอลชวนเมื่อเห็นว่าใกล้จะจัดห้องเรียบร้อยแล้ว ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “เชษ เดี๋ยวมึงซ้อนกู ให้ไอ้อัครซ้อนไอ้แน็กไป”

“ไม่โทรเรียกสาวๆ เหรอวะ” เชษว่าพลางลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

“พวกนั้นไม่ได้อยู่แถวนี้มั้ยล่ะ จะชวนเพื่อ?” พอลขมวดคิ้ว

“แต่แฟนกูอยู่หอ กูไปรับเอง” เชษยักคิ้วใส่จนพอลนึกหมั่นไส้ เพราะปูเป้ แฟนของพอลไม่ได้อยู่หอ บ้านก็ไกลจากแถวมหาลัยด้วย พอคุยเรื่องแฟนของแต่ละคน อัครก็นึกขึ้นได้

“เออ แล้วน้องนิล่ะ แน็ก เห็นว่ามาอยู่หอป่ะ”

แน็กที่นั่งพับเสื้อใส่ตู้อยู่เงยหน้ามองอัครแล้วก้มหน้าพับเสื้อต่อ “เออ กูลืมบอกมึงว่ะ”

“ว่า?” อัครยืนกอดอกเอียงคอมองแน็กจากด้านหลัง พอลกับเชษทำทีเป็นคุยกันเรื่องอื่นเบาๆ ก่อนที่อัครจะนิ่งไปเพราะเรื่องที่แน็กบอก

“กูเลิกกับนิแล้ว”

******

ทางด้านซุป ก็ยุ่งกับเรื่องงานละครที่อาจารย์กึ่งบังคับให้เล่นก่อนสอบปลายภาค เป็นงานที่ทำแล้วได้คะแนน ซุปเลยปฏิเสธไม่ได้ ต้องยอมเล่นให้ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ซ้อมละครเสร็จก็กลับห้องไปนอน ไหนจะงานทำโมเดลส่งปลายภาคอีก ยุ่งจนตัวแทบพันกันเป็นเกลียว ได้คุยกับอัครแทบนับครั้งได้ เขาทั้งเหงาและคิดถึงอัครจนแทบคลั่ง ไม่คิดว่าจะเป็นได้มากขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ

และเมื่อซุปไม่ค่อยว่างมาเตร็ดเตร่กับเพื่อนๆ ก็ทำให้เคนกับพรีมอยู่ด้วยกันสองคนบ่อยขึ้น

“อันนี้ทำไง” แรกๆ เคนก็ช่วยได้แค่ตัดแบบ แต่พอไม่มีซุปมาช่วยด้วย ก็เลยต้องช่วยติดกาวประกอบโมเดลชิ้นใหญ่ๆ ไปด้วยในตัว จริงๆ คณะของเคนก็มีทำโครงงานส่ง แต่ไม่ได้มีรายละเอียดยิบย่อยขนาดโมเดลบ้านและสวนที่พวกพรีมต้องทำ

พรีมเขยิบเข้าไปนั่งชิดกับเคนแล้วโอบแขนผ่านด้านหลังอ้อมไปช่วยประกอบโมเดลตัวอย่างให้ดู “ทำแบบนี้ไง”

“แค่หยิบไปทำให้ดูก็ได้ ไม่ต้องเบียดขนาดนี้ แบบนี้ให้กูขึ้นไปนั่งบนตักมึงเลยดีกว่ามั้ย” เคนเหล่มองคนข้างๆ ที่หน้าอยู่ใกล้กันจนเกือบจะอุทานออกมาตอนหันไปมอง

“งั้นก็ขึ้นมานั่งดิ” มือที่ช่วยติดกาวให้ดูเมื่อครู่เลื่อนมากอดเอว ทำท่าจะยกสะโพกของเคนให้ขึ้นนั่งซ้อนบนตัก จนเคนต้องรีบเขยิบหนี แต่พรีมก็ตามไปคร่อมแขนล็อคตัวไว้ แถมยังแทรกตัวตรงหว่างขาของเคนที่นั่งชันเข่าสองข้างขึ้นและเอามือยันพื้นไว้ ด้วยรูปร่างส่วนสูงที่ไม่ได้ต่างกันมาก เคนย่อมผลักหรือถีบพรีมออกได้ แต่กลับไม่ทำแบบนั้น

“อย่าแกล้งกูได้ป่ะ” เคนจ้องหน้าตี๋ๆ ของพรีมที่ไม่ได้สวมแว่นตาเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวิบวับ แถมมีรอยยิ้มที่มุมปากอีก หน้าตาแบดบอยแบบนี้สาวๆ คงกรี้ดกันน่าดู...แต่ไม่ใช่แค่สาวๆ หรอกที่จะชอบไอ้หน้าตี๋นี่

“ขอได้มั้ยครับ”

“ขอเหี้ยไร” หน้าของเคนร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ปลายจมูกคมสันไซร้ลงมาที่ซอกคอแล้ว แต่เคนก็ยังไม่ผลักออก แขนข้างหนึ่งยังยันที่พื้น ส่วนอีกข้างยกขึ้นบีบไหล่ของพรีมไว้

“ไม่ได้ทำมาจะเดือนแล้ว” พรีมส่งเสียงอ้อนพลางงับเม้มที่คอขาวๆ

“ทีเวลาอย่างนี้ทำมาพูดเพราะกับกู” เคนขมวดคิ้วหน้าตึง ทุบไหล่พรีมแล้วดันออก “ทำงานให้เสร็จก่อน”

“แต่กูอยากแล้วว่ะ มึงจับดิ” พรีมคว้ามือของเคนให้จับที่เป้ากางเกง เคนสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อสัมผัสกับของแข็งใต้ร่มผ้านั้น พลันต้องหลับตาลงเมื่อพรีมประกบริมฝีปาก ทั้งกัดและดูดจนปากของเคนแทบจะหลุดติดไปด้วย และมันคงแดงเจ่อน่าดู ลิ้นร้อนๆ แทรกสู่โพรงปาก จะกี่ครั้งก็ชอบจูบของพรีมจนแทบทนไม่ไหว เคนโอบแขนคล้องคออีกฝ่ายอย่างเผลอไผล ลืมเรื่องงานที่ต้องช่วยกันทำไปเสียสนิท ทั้งที่เพิ่งพูดถึงไปหยกๆ

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มขึ้นเมื่อปีก่อน หลังจากที่พรีมเขียนจดหมายโต้ตอบกับอัครได้ไม่นาน และที่พรีมเลิกเขียนจดหมายก็เพราะยุ่งกับเจ้าตัวดีนี่จนไม่มีเวลาให้ใครอีก

เรื่องนี้แม้แต่ซุปเองก็ยังไม่รู้ แต่อาจระแคะระคายบ้างแล้ว และพรีมยังไม่คิดจะบอก เคนเองก็เช่นกัน ต่างก็มีความลับปิดบังกัน ดังนั้น พรีมเลยไม่อยากเซ้าซี้ถามเรื่องที่ซุปเหมือนจะจีบใครสักคนอยู่

“มึงรักกูมั้ยพรีม”

ทุกครั้งที่ถูกถาม พรีมจะทำแค่ยิ้มหวานแล้วกอดเคนไว้ จูบไปทั่วใบหน้าอย่างรักใคร่

แต่ไร้ซึ่ง “คำตอบ”

เคนกอดกลับด้วยความรักที่เปี่ยมล้นในหัวใจ ที่ยอมให้ขนาดนี้เพราะรักพรีมมาตลอด รักมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกในงานปฐมนิเทศตอนเข้าเรียนม.ปลายแล้ว แต่ตอนนั้นพรีมมีคนมาชอบเยอะ เป็นหนุ่มหล่อ ทั้งเรียนดีกีฬาเด่น แถมยังเล่นดนตรีได้อีก พรีมคบกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้ ทั้งรุ่นพี่รุ่นเดียวกัน พอขึ้นม.5 ม.6 ก็มีคบกับรุ่นน้องเพิ่มมาอีก ส่วนมากจะคบเล่นๆ บางคนแค่ไม่กี่วันก็เลิก และผู้หญิงพวกนั้นก็ยอมที่จะลองคบด้วย เพียงเพราะคิดว่าจะหยุดพรีมได้

แม้พรีมจะไม่ตอบคำถามที่เคนอยากได้ยิน แต่อย่างน้อย คนที่ได้นอนกอดพรีมอย่างนี้มาตลอดปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ก็มีแค่เคนเท่านั้น เคนซุกหน้าเข้ากับแผงอกหนาของคนที่รักมากที่สุด กอดพรีมให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

จะไม่ยอมเสียไป ไม่ยอมยกให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น

******

ซุปซ้อมละครต่อเนื่องมาเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะได้พัก เพราะอีกอาทิตย์เดียวก็ต้องขึ้นแสดงจริงแล้ว เขาส่งข้อความไปบอกอัคร แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่อัครจะมาดู เพราะที่นี่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก แม้จะมีแสดงเสาร์อาทิตย์วันละสองรอบก็ตามที

“พี่ซุปคะ น้ำค่ะ” รุ่นน้องปี 1 ที่มาช่วยดูแลนักแสดงยื่นขวดน้ำพลาสติกใสเย็นเจี๊ยบมาให้ ซุปยิ้มรับพร้อมคำขอบคุณแล้วเปิดขวดยกดื่มทีละอึก เวลาเหนื่อยหอบแบบนี้ กระดกทีเดียวจะจุกตายเอาได้ เหมือนนักกีฬานั่นแหละ

“วันนี้พี่ซุปเท่มากๆ เลยค่ะ” เด็กสาวคนเดิมยังไม่ไปไหน เธอยืนยิ้มน้อยๆ มองเขาดื่มน้ำ ก่อนจะยื่นผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นบิดหมาดๆ มาให้ “เช็ดเหงื่อค่ะ”

“อ่า ขอบคุณครับ ไปดูคนอื่นได้นะ พี่ไม่ค่อยเหนื่อยแล้วล่ะ”

“มีคนอื่นดูให้แล้วค่ะ หนูจะคอยบริการพี่ซุปเองนะ” เจ้าหล่อนยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด แต่ซุปแค่ยิ้มแหยๆ ให้ แล้วก้มลงหยิบสมาร์ทโฟนในกระเป๋าเป้ขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะส่งยิ้มหวานกลับไปให้เด็กสาวตรงหน้า

“งั้นพี่ขอตัวนะ ขอคุยกับแฟนแป้ป”

......
...
ซุปเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณหน้าเวทีที่ใช้ซ้อมการแสดง โดยไม่ได้สนใจว่าเด็กสาวคนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป โกหกมันไม่ดีก็จริง แต่ถ้าไม่พูดให้ชัดเจน มันจะเหมือนให้ความหวังอีกฝ่ายเปล่าๆ

เหมือนที่อัครกำลังทำอยู่ในตอนนี้

“ผมพอจะมีหวังบ้างมั้ย อัคร” ซุปพึมพำกับตัวเองพลางกดดูหน้าฟีดของอัคร เห็นว่าย้ายห้องไปอยู่กับเพื่อนที่เพิ่งได้มาอยู่หอพักตอนเกือบหมดเทอม ต่างคนก็ต่างยุ่งจนไม่ค่อยได้คุยกัน แต่สัญญาณไฟเขียวข้างชื่อของอัครสว่างอยู่

ซุปตัดสินใจลองคอลไปหา เพราะอยากได้ยินเสียง

[ครับ?]

เขาหลุดยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคนที่รับสาย “ไงครับ จัดห้องเสร็จยัง”

[เสร็จนานแล้ว เพิ่งกลับจากไปกินข้าวรอบบ่าย] อัครตอบเสียงสดใส ท่าทางอารมณ์ดีกว่าทุกที ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป อาจเพราะเขาโทรไปหารึเปล่านะ?

[ซุปกินข้าวยัง? ยังซ้อมละครอยู่เหรอ]

“ครับ เพิ่งพักเมื่อกี้ เหลือซ้อมอีกรอบก็เสร็จแล้ว”

[อยากไปดูจัง]

“ลำบากเปล่าๆ ครับ ไว้ผมส่งคลิปไปให้ ฝากเพื่อนถ่ายแล้ว” ซุปอมยิ้ม จริงๆ อยากวิดีโอคอล แต่กลัวว่าอัครจะอยู่กับเพื่อนๆ

[แล้วปิดเทอม กลับบ้านมั้ย]

“กลับครับ ปิดเทอมต้นเดือนหน้า ไว้ไปถึงแล้วผมจะบอกอีกที”

[โอเค]

“ผมกลับไปซ้อมก่อนนะครับ ไว้จะโทรหาใหม่” ต่างล่ำลากัน แล้วซุปก็กดวางสายไป หัวใจพองโตขึ้นหลายเท่าเมื่อได้คุยกับอัครด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาตั้งใจไว้ว่าปิดเทอมนี้กลับบ้านไป จะนัดเจออัครตัวจริงเสียที อยากเจอใจจะขาดแล้ว

ซุปอยู่ซ้อมละครเวทีจนเสร็จราวๆ 6 โมงครึ่ง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว วันนี้เคนกับพรีมไปทำงานด้วยกันที่ห้องของเคน พรีมคงไม่กลับอีกตามเคย ซุปเช็คข้อความในเฟซ เห็นอัครส่งสติ๊กเกอร์มาให้กำลังใจ น่ารักทั้งคนส่งทั้งสติ๊กเกอร์จนหุบยิ้มเกือบไม่ลง ถ้าได้คนนี้เป็นแฟน จะรักษาไว้สุดชีวิตเลย

เขาคิดพลางขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้หน้าตึกโรงละคร ส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนน่ารักๆ ไปขอบคุณอัครที่คอยให้กำลังใจ ก่อนจะสตาร์ทรถออกไป

******

อัครย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับแน็กได้เกือบอาทิตย์แล้ว ทั้งคู่เป็นคนมีระเบียบ เลยอยู่กันง่าย แน็กจัดข้าวของไว้ในมุมของตัวเองอย่างเรียบร้อย แถมยังชอบซื้อข้าวซื้อขนมมาไว้ในตู้เย็นให้อัครกินด้วย ชีวิตหอของพวกเขาดูจะแฮปปี้ดีมากๆ

“กูซื้อพุดดิ้งนมที่มึงชอบมาไว้ด้วย”

“เฮ้ย พอดีเลย กูก็ซื้อไอติมช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดของมึงมาไว้ให้”

แน็กกับอัครต่างมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ เพราะคบกันมานาน เรื่องของชอบไม่ชอบก็ต่างรู้กันดี อัครชอบกินพุดดิ้งนม ส่วนแน็กก็ชอบไอศกรีมช็อคโกแลต

“ตอนอยู่กับพวกไอ้เชษแม่งไม่มีแบบนี้เลย ดีจริงๆ ที่ได้มึงเป็นเมท” อัครว่าพลางกอดคอเพื่อนรัก แม้เมื่อก่อนไม่ได้สนิทกันมากมายอะไร แต่ตอนนี้อัครรู้สึกโครตจะรักเพื่อนคนนี้

“กูก็ดีใจที่ได้อยู่กับมึงนะอัคร” สายตาของแน็กที่มองอัครคล้ายพยายามส่งสัญญาณบอกถึงบางอย่างในใจ แต่อัครกลับเมินเฉยมัน หรือไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ

อัครผละจากแน็กไปเปิดตู้เย็นหยิบพุดดิ้งนมของโปรดมาแกะกิน ไม่ลืมที่จะหยิบไอศกรีมส่งให้แน็กด้วย แน็กรับมาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ฝืนยิ้มให้อัครทั้งที่ใจมันโหวงๆ อยู่กับอัคร มีความสุขก็จริง แต่เขาคงต้องฝืนอีกหลายๆ อย่าง และจะทนได้อีกนานแค่ไหนนั้น ไม่รู้เลย

สองคนกินขนมที่ต่างคนต่างซื้อมาให้กันจนหมด อัครนอนแผ่บนเตียงของตัวเอง ส่วนแน็กก็ไปอาบน้ำ ข้อความจากซุปวันนี้ บอกว่าซ้อมละครวันสุดท้ายแล้ว มะรืนนี้ต้องขึ้นแสดงจริงตั้งแต่ 9.30

อัครนึกอยากจะตีตั๋วเครื่องบินไปดูมากๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าไปแล้วจะติดต่อหาซุปยังไงดี ไม่ใช่ติดต่อยังไงสิ ไม่กล้าบอกว่าไปหาถึงที่นั่นมากกว่า

“แต่ก็อยากไปดูนี่นา...” อัครพึมพำกับตัวเองพลางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง วันศุกร์เลิกเรียนบ่ายโมง ถ้าบินไปก็แค่ไม่ถึงชั่วโมง คิดแล้วก็ลองหาตั๋วเครื่องบิน มีโปรพอดีด้วย ราคาไปกลับแค่ 600 กว่าบาทเอง

“เอาไงดีว้า”

“เอาอะไรของมึง” แน็กเดินออกมาจากห้องน้ำได้ยินเข้าพอดี อัครสะดุ้งโหยง

“เปล่าๆ คือกูอยากไปดูเพื่อนเล่นละครที่เชียงใหม่”

“ไกลฉิบหาย” แน็กว่าพลางนั่งลงข้างๆ อัครที่ยังนอนอยู่ “กูไปเป็นเพื่อนมั้ย”

“ไปจริงป่าว” อัครลุกพรวดขึ้นมองหน้าแน็กอย่างมีความหวัง อย่างน้อยถ้ามีเพื่อนไปด้วยสักคนก็คงไม่เคว้งเท่าไหร่ตอนไปถึง

“ไปพักโรงแรมคนรู้จักของพ่อกูก็ได้ วันไหนอ่ะ”

“เสาร์นี้อ่ะ”

“ไอ้สัส มะรืนดิ” แน็กถึงหับหน้าเหวอ ไม่คิดว่าจะกระชั้นชิดขนาดนี้ “เดี๋ยวกูโทรเช็คที่พักให้แล้วกัน ไม่ใช่ช่วงเทศกาลคงพอว่าง”

“งั้นกูกดจองตั๋วเลยนะบินเย็นวันศุกร์กัน” อัครตาวาวด้วยความดีใจ มีเพื่อนไปด้วย แถมยังไม่ต้องห่วงเรื่องที่พัก ไม่ต้องรบกวนพวกซุป และยังได้ทำเซอร์ไพรส์ด้วย

อัครรีบกดจองตั๋วราคาโปรที่ยังเหลืออยู่ทันที พอกดยืนยันเสร็จสิ้น ก็มีแจ้งเตือนในเฟซบุ๊คเด้งมาตัดหน้า อัครขมวดคิ้วนิดหน่อย ก่อนจะกดเข้าไปดู และต้องนิ่งอึ้งไปนานทั้งหน้ายิ้มๆ

เพราะมันคือแจ้งเตือนคำขอเป็นเพื่อนจาก...พรีม

tbc
อิพรีมมันมาและ ทิ้งไว้ให้ค้างคาาาา
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-08-2018 10:55:21
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
ขอบคุณเช่นกันค้าบ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-08-2018 10:55:59
เค้าลางดราม่า กรุ่นๆ เมื้อไหร่เค้าจะเจอกัน หรือไม่เจอ อยากให้เจอล่ะ
ดราม่าหลายคนเลยล่ะฮะ กรุ่นๆ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 5-6 [24/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 24-08-2018 21:44:51
อ้ากกกก นี่ฉีกซองมาม่ากันแล้วเหรออ ม่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 25-08-2018 15:56:09
เรื่องนี้เหมือนไม่มีอะไร แต่ก็มีอะไร...ไม่รู้จะใครคู่ใครแล้ว เยอะ

7
[จะถึงกี่โมง กูมีเรียนถึงบ่ายสอง]

พรีมเป็นคนแรกที่อัครบอกเรื่องจะไปเชียงใหม่ แต่ยังไม่ได้บอกว่ารู้จักกับซุป บอกแค่ว่ามีคนรู้จักจะขึ้นแสดงละครเวทีที่นั่น เลยจะไปให้กำลังใจ และพรีมก็ไม่ได้ถามอะไรมากความ

“น่าจะราวๆ หกโมงนะ ทำไม จะมารับเหรอ” อัครอมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ยินเสียงของคนที่คิดถึงมาตลอด 4 ปี ตอนที่พรีมแอดเฟซบุ๊คมาหาว่าดีใจมากแล้ว ตอนนี้ที่ได้กลับมาคุยกันเหมือนเมื่อก่อนยิ่งดีใจมากกว่าหลายเท่า และจะดีกว่านี้ถ้าได้เจอหน้าด้วย

[เพื่อนกูมีรถไง เดี๋ยวยืมมันไปรับ แล้วจะได้แนะนำกันด้วย ได้ที่พักแล้วยังวะ]

“ได้แล้ว กูไปกับเพื่อนอีกคนน่ะ มันหาที่พักให้”

[งั้นก็ดี เดี๋ยวพาไปกินข้าว เที่ยวถนนคนเดิน]

“อื้อ รบกวนด้วยนะพรีม” อัครยังคงยิ้มกับโทรศัพท์ทั้งที่อีกฝ่ายไม่เห็น นอกจากแอดเฟซมาแล้ว พรีมยังขอทั้งไลน์และเบอร์โทรด้วย

เมื่อคุยนัดแนะกันเสร็จสรรพ อัครก็เดินกลับเข้าไปในห้องพักที่แน็กกำลังเก็บข้าวของรออยู่ ส่วนอัครแพ็คกระเป๋าพร้อมแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางกันได้

เที่ยวบินที่อัครกับแน็กโดยสารไปถึงตรงเวลา และพรีมกับเคนก็มารอรับอยู่แล้ว พรีมแนะนำเคนให้รู้จักกับอัคร ส่วนอัครก็แนะนำแน็กให้รู้จักกันอีกที ทั้งหมดจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน รวมทั้งซุปที่รออยู่ที่หอด้วย ตอนที่พรีมบอกว่ามีเพื่อนมาจากกรุงเทพฯ วันนี้ ซุปไม่ได้คิดว่าเป็นอัคร เพราะเห็นพรีมเคยบอกว่าไม่สนิทกัน

ตอนที่ได้เจอหน้าอัครตัวจริง ซุปเลยอึ้งอยู่นาน ได้แต่มองตาค้างด้วยความตื่นตะลึง ไม่คิดว่าจู่ๆ จะได้เจอกันผ่านพรีม แต่สองคนทักทายเหมือนไม่เคยรู้จักมาก่อน ทำให้พรีมไม่สงสัยอะไร

ระหว่างที่ทุกคนยังทานอาหารพื้นเมืองในร้านดังกันอยู่ อัครก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เพราะรู้สึกว่ามองหน้าซุปไม่ค่อยติด ใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแปลกๆ เลยต้องมาสงบสติสักพัก

ซุปที่เห็นใน IG กับตัวจริงต่างกันมากจนอัครไม่กล้ามองตรงๆ รูปพวกนั้นมันเหมือนจะเป็นของเก่าเมื่อสองสามปีก่อน เพราะซุปตอนนี้ดูดีกว่าตอนนั้นจนเทียบไม่ติด ทั้งรูปร่างสูงสง่ามีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย ใบหน้าคมเข้มสมชายขึ้น จากเดิมที่ออกจะหล่อแบบหวานๆ ดูเผินๆ ยังนึกว่าทอม แต่ตอนนี้ที่เห็นตรงหน้ามันคนละคนกันชัดๆ เลย

“ไม่คิดว่าจะมาถึงนี่”

เสียงทุ้มๆ ที่คล้ายกับที่เสียงที่เคยได้ยินทำให้อัครสะดุ้งเล็กน้อย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นภาพสะท้อนของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังยิ้มให้จากด้านหลัง อัครรีบพลิกตัวหันไปหา หน้าร้อนขึ้นมาด้วยความเขินอาย

“กะ ก็ว่างพอดี”

“อยากเจอผมตัวเป็นๆ ล่ะสิ” คนขี้เล่นยิ้มกวนๆ ให้ สาวเท้าเดินเข้าไปหาอัครใกล้ๆ จนคนตัวเตี้ยกว่าต้องเบี่ยงตัวหลบด้วยความตกใจ

“แค่มาเที่ยวหรอก” อัครเถียงกลับ เงยหน้ามองแล้วก็ผงะ เพราะรอยยิ้มเท่ๆ ตรงหน้ามันทำเอาใจสั่น

“แต่น่าน้อยใจ ติดต่อไอ้พรีมไม่บอกกันเลย ทั้งที่ผมคุยของผมอยู่ก่อน” น้ำเสียงนั้นเหมือนจะน้อยใจจริง อัครเลยรู้สึกผิดนิดๆ ที่ไม่ได้บอกซุปก่อนว่าจะมา

“ก็แค่...อยากให้เซอร์ไพรส์ไง”

“นั่นคือคำแก้ตัวหรือใจจริงครับ?” ซุปยิ้มขำ ยื่นมือไปวางลงบนขอบอ่างล้างมือที่อัครยืนพิงอยู่

“ทำไมจะต้องแก้ตัวด้วยล่ะ” อัครทำหน้างงได้น่ารักเสียจนคนแกล้งงอนหลุดขำเบาๆ

“โอเคๆ ผมไม่ได้ว่าอะไร แค่ตกใจที่ได้เจอ อัครตัวจริงน่ารักกว่าในรูปกับในวิดีโอคอลเยอะเลย”

“หยอดเก่ง” อัครว่ากลั้วหัวเราะ ทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากัน แต่กลับสบายใจที่ได้คุย คงเพราะท่าทางสบายๆ ของซุปด้วย คนตัวสูงโน้มลงเล็กน้อยจนหน้าใกล้กัน อัครใจเต้นแรง สบตากับซุปนิดหน่อยแล้วเบนหลบด้วยความเขินอาย

“ไม่ใช่แค่หยอดนะ อ่อยก็เก่ง”

“ทำไรกันวะ”

สองคนผละจากกันแทบไม่ทัน ซุปหันหลังไปมองพรีมที่จู่ๆ ก็โผล่มา ส่วนอัครรีบหลบไปอีกทาง พรีมหรี่ตามองสองคนที่มีท่าทางพิรุธแปลกๆ อย่างสงสัย

“พวกมึงรู้จักกันมาก่อน?”

“เปล่าๆ พอดีเมื่อกี้เขาแสบตา สงสัยฝุ่นเข้าตา กูเลยดูให้” ซุปรีบตอบ “กูไปกินต่อนะ”

“เออ” พรีมหันมองตามร่างสูงโปร่งของเพื่อนที่เดินสวนออกไปจากห้องน้ำ แล้วจึงก้าวขาเข้าไปในห้องน้ำ คว้าแขนอัครที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่แถวอ่างล้างมือ

“ไหน ดูดิ ออกยัง?”

“อะไรออก?” อัครเงยหน้ามองพรีมอย่างงุนงง

“ไอ้ซุปบอกมีอะไรเข้าตามึงไง ออกยัง? ให้กูดูดิ” พรีมว่าพลางก้มมองอัครที่กำลังเงยหน้า “ไม่เห็นแล้วว่ะ อย่าขยี้ล่ะ เดี๋ยวตาแดง เอาน้ำล้างก่อน”

“อ่ะ อื้อ” อัครพยักหน้า ทำตามที่พรีมบอกอย่างว่าง่าย พรีมหันหลังทำธุระส่วนตัวที่อีกมุมหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับมาล้างมือ ส่วนอัครก็ล้างตาเสร็จพอดี

“ไม่เจอกันกี่ปีแล้ววะ สี่ห้าปีได้มั้ย?” คนที่กำลังสะบัดมือในอ่างหันไปมองอัครที่ลูบตาตัวเองเบาๆ ทั้งที่ไม่ได้มีฝุ่นผงอะไรเข้าตา แต่ต้องล้างน้ำไม่ให้พรีมสงสัย ซึ่งอัครก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมจะต้องกลบเกลื่อนเรื่องที่รู้จักกับซุปอยู่แล้ว

“ประมาณนั้นมั้ง” อัครตอบ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพรีมคว้ามือข้างที่กำลังลูบตาไปกุมไว้ มือของพรีมยังเย็นเพราะเพิ่งล้างมือมา

“อย่าขยี้ไง ไหนดูดิ” สองมือเย็นๆ ที่ยังชื้นๆ เพราะเปียกน้ำประคองแก้มของอัครให้เงยหน้าขึ้น เพื่อจะได้มองถนัดๆ ว่ายังมีเศษผงในดวงตาหรือไม่

ใบหน้าของพรีมที่ไม่ได้เห็นมานานหลายปีอยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ อัครยังรู้สึกกับพรีมเหมือนเดิม แม้จะใจเต้นกับซุปไปบ้าง แต่พอได้อยู่กับพรีมสองคนแบบนี้ มันเหมือนได้ย้อนสู่คืนวันเก่าๆ ที่เคยมีด้วยกันอีกครั้ง พรีมไม่ได้สวมแว่นตาแล้ว ตัวก็สูงขึ้น หน้าตาดีขึ้น แต่ท่าทางและนิสัยกวนๆ น่าจะยังเหมือนเดิม ดูจากรอยยิ้มขี้เล่นที่ไม่เปลี่ยนไปเลยจากเมื่อก่อน

อัครแน่ใจว่าความรู้สึกที่มีต่อพรีมยังไม่เปลี่ยนไป ทว่า...มันเหมือนบางอย่างที่คอยขวางกั้นไม่ให้รู้สึกมากไปกว่านี้

“ตาแดงนิดๆ นะ เจ็บมั้ย?” ยิ่งพรีมเป็นห่วงเป็นใย เอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยนแบบนี้ อัครยิ่งหวั่นไหว แต่มันก็แค่หวั่นไหว ใจของอัครเต้นแรงก็จริง แต่มันแตกต่างจากตอนอยู่กับซุป ไม่รู้ทำไม อัครถึงได้รู้สึก...กลัว

“มะ ไม่เจ็บ ขอบใจนะ” อัครพยายามจะแกะมือของพรีมที่ประคองใบหน้าออก แต่มือนั้นกลับจับแน่นกว่าเดิม พรีมคลี่ยิ้มบางๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน อัครคงใจละลายแน่

“มึงน่ารักขึ้นเยอะเลย”

เพราะไม่คิดว่าจะถูกชมซึ่งๆ หน้า อัครถึงกับไปไม่เป็น มือที่จับแขนของพรีมสั่นนิดๆ พลางกะพริบตาหนีแววตาพราวระยับที่จ้องมองอย่างมีเลศนัย ชั่วขณะที่ร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ อัครไม่กล้าขยับเขยื้อนหนีจากคนตรงหน้า และพรีมยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ พร้อมกับเคลื่อนริมฝีปากไปหา

แกร๊ก

โชคดีของอัครที่เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ทำให้พรีมละมือและทำทีว่าล้างมือเพิ่งเสร็จ เดินกลับออกไปโดยไม่พูดไม่จา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูกค้าเจ้าอื่นของทางร้านเดินเข้ามาในห้องน้ำกันสองสามคน และไม่ได้สนใจพวกเขา อัครถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินตามหลังพรีมออกไป

เมื่อกี้นี้ ถ้าไม่มีคนอื่นเข้าไปเสียก่อน อัครไม่อยากจะคิดว่าพรีมกำลังพยายามจะจูบเขา หรือมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ อัครอาจจะคิดมากเกินไป อย่างพรีมจะมาสนใจผู้ชายด้วยกันอย่างเขาไปทำไม

และพอกลับไปนั่งที่โต๊ะ พรีมก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอัครเป็นพิเศษ คุยเรื่องสถานที่ที่จะพาไปเที่ยววันพรุ่งนี้กับแน็กราวกับสนิทกันมานาน เพราะพรีมเป็นคนเฟรนลี่ เข้ากับคนง่าย อัครถึงได้ชอบมาตลอด

พรีมขับรถของเคนพาอัครกับแน็กไปส่งที่โรงแรม และพาซุปไปส่งหอ กว่าจะครบทุกคนก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน ถึงคอนโดของเคนก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว

“ขี้เกียจอาบน้ำว่ะ”

“ไม่ได้ สกปรก” เคนชันเข่าลงบนเตียง ดึงคนขี้เกียจให้ลุกขึ้น เพราะพรีมขับรถมาทั้งวัน ทั้งเหนื่อยและเมื่อยล้าไปหมด มาถึงห้องก็ดึกแล้ว อยากจะนอนเลย

“อาบให้หน่อยดิ” พรีมยอมลุกขึ้นนั่งตามแรงฉุดพลางขยิบตาให้

“ไม่เอา ไปอาบก่อนเลย เร็วๆ” เคนไม่ยอมลงให้ เรื่องความสะอาดปล่อยปละละเลยไม่ได้จริงๆ อยู่กันมาเป็นปีแล้ว พรีมซกมกแค่ไหนก็รับได้ แต่ไม่อาบน้ำไม่ได้เด็ดขาด เคนพยายามดึงแขนพรีมให้ลุกไปอาบน้ำอีกครั้ง แต่กลับถูกรั้งทั้งตัวลงไปนั่งคร่อมบนตักของพรีม ลำคอร้อนผ่าวเพราะถูกดูดอย่างแรง จะดิ้นหนีก็ไม่ทันแล้ว เมื่อมือว่องไวเป็นลิงซนดึงถกเสื้อเชิ้ตนักศึกษาตัวบางขึ้นจากขอบกางเกง เคนร้องห้ามพร้อมรัวกำปั้นบนไหล่ของร่างสูง เอียงคอหลบปากของพรีมไปมา

“พรีม! บอกให้ไปอาบน้ำก่อน”

“อาบด้วยกัน” พรีมว่าพลางขบกัดไปตามลำคอและไหปลาร้า เคนตัวอ่อนยวบอยู่ในอ้อมกอด ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มและโอนอ่อนไปตามการกระทำของอีกคน พรีมเก่งนักกับเรื่องพรรค์นี้ เคนนึกถึงวันที่เห็นพรีมมีอะไรกับรุ่นน้องผู้หญิงที่โรงเรียนเก่าในห้องดนตรี และนึกถึงครั้งแรกที่ถูกพรีมจูบ

......
...
เมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นพวกเขาอยู่ชั้นม.5 วันนั้นเป็นวันแข่งกีฬาสีวันสุดท้าย พรีมลงแข่งทั้งบาสฯ วอลเล่ย์ฯ และวิ่งผลัด ได้เหรียญทองทุกประเภท สาวๆ กรี้ดกร้าดล้อมหน้าล้อมหลังกันให้เพียบ ซุปก็ลงฟุตบอลกับบาสฯ แต่คนละสีกัน ส่วนเคนอยู่สีเดียวกับพรีม ต้องยืนรอพรีมรับของจากพวกสาวๆ จนหงุดหงิด

“ฝากๆ เดี๋ยวกูมา รอกลับบ้านพร้อมกันใช่ป่ะ” พรีมโยนข้าวของที่ได้รับจากพวกสาวๆ มาไว้ที่เคน งานกีฬาสีเลิกแล้ว และนักเรียนส่วนใหญ่ก็เริ่มทยอยกลับบ้าน แต่พรีมบอกว่ามีธุระกับชมรมดนตรีที่สังกัด ให้เคนนั่งรออยู่ที่ม้าหินใต้ตึก จนซุปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กำลังจะกลับบ้าน ก็มาเจอเคนนั่งอยู่คนเดียว

“รอไรวะ ไม่กลับ?”

“รอพรีม” เคนตอบหน้าตึงนิดๆ เพราะเบื่อกับการรอคอยและหงุดหงิดที่พรีมรับของจากผู้หญิงทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พวกที่เป็นตุ๊ดแต๋ว

“อ้อ งั้นกูไปก่อนนะ นี่กุญแจห้องดนตรี มึงขึ้นไปตามมันได้เลย” ซุปเองก็เป็นสมาชิกชมรมเช่นกัน เลยมีกุญแจสำรองของห้องดนตรี เขายัดมันใส่มือให้เคนแล้ววิ่งไปที่รถของพ่อที่มาจอดรอรับแล้ว ส่วนเคน ก้มมองกุญแจห้องดนตรีในมือสักพัก ก็ตัดสินใจขึ้นไปตามพรีม

ห้องดนตรีอยู่ชั้น 5 ของตึก เป็นห้องใหญ่ริมสุดของทางเดินฝั่งซ้าย เคนขึ้นบันไดจากฝั่งขวา พอถึงชั้น 5 ก็ต้องเดินต่อไปอีก เคนลองเงี่ยหูฟังดู ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากในนั้น เลยลองไขกุญแจเข้าไป ภายในนั้นค่อนข้างมืดสลัว เพราะเย็นมากแล้ว แสงแดดสีส้มแดงส่องลอดม่านหน้าต่างสีขาวเข้ามา สะท้อนลงบนพื้นเป็นประกาย

“อ่ะ อา...”

เคนสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงประหลาดจากหลังตู้เก็บอุปกรณ์ที่คั่นแบ่งห้องออกเป็นสองโซน พอฟังดีๆ เหมือนได้ยินเสียงบางอย่างกระทบกันดังปึกๆ กับเสียงครางเป็นระยะ เคนหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที พอจะเดาออกว่ามันคืออะไร เคนค่อยย่องไปใกล้ๆ ตู้อีกนิด เสียงนั้นชัดเจนขึ้นจนไม่ต้องเดาอีกต่อไป

“อ๊า พี่พรีมขา...อูยย”

“ร้องดังๆ เลย ไม่มีใครได้ยินหรอก”

ร่างกายชาวาบเมื่อได้ยินเสียงแหบต่ำนั้น เสียงของพรีมที่ต่างจากปกติเล็กน้อยทำให้เคนใจเต้นรัว เขาไม่ได้อยากแอบดู แต่มันอยากรู้ อยากเห็น...และเคนก็ลอบมองผ่านช่องเล็กๆ ระหว่างตู้สองใบ เห็นภาพเด็กสาวในท่ายืนโก่งโค้งหันหน้ามาทางตู้อุปกรณ์ สองแขนเกาะกับตู้ สีหน้าทั้งเจ็บปวดและสุขสม เสียงผิวเนื้อที่กระทบกันและเสียงครางนั้นดังก้อง และเคนก็ได้เห็นสีหน้าของพรีมที่กำลังกัดปากส่งเสียงซี้ดซ้าดเป็นระยะ

ใบหน้าขาวผ่องแบบผิวคนจีนของพรีมแดงก่ำ เหงื่อไหลหยดลงมาตามคาง ปากแดงๆ นั่นกัดเม้มกันแน่น ดวงตาเรียวเล็กหรี่ปรืออย่างเซ็กซี่ และเอวสอบที่กระแทกกระทั้นใส่ร่างเด็กสาวอย่างเมามัน

เคนยืนนิ่งจ้องมองพรีมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนร่างกายเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาเองทั้งที่ไม่ได้แตะต้อง จากที่เคยคิดว่าชอบตั้งแต่แรกเจอ มาตอนนี้ความชอบนั้นรุนแรงขึ้น จนเคนรู้ตัวแล้วว่าตนต้องการพรีมมากกว่านั้น

มือซ้ายไต่บนริมฝีปากตัวเองและอมมันเข้าไป ดูดจนชุ่มน้ำลาย ส่วนมือขวาก็ล้วงเข้าไปในกางเกงวอร์ม ขยับตามจังหวะกระแทกตัวของพรีมที่กำลังกระทำกับเด็กสาวคนนั้น

และนั่นคือครั้งแรกที่เคนสำเร็จความใคร่ด้วยการมองหน้าพรีม

หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 25-08-2018 15:57:35
8
ตั้งแต่วันนั้น เคนแทบมองหน้าพรีมไม่ติดอีกเลย

แต่พวกเขาสามคนก็ยังอยู่ด้วยกันตามปกติ ซุปเองก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งที่จริง จงใจให้กุญแจกับเคนไป เพื่อจะได้ไปเห็นชัดๆ กับตา ว่าไอ้พรีมเพื่อนรักเป็นคนยังไง โดยที่ซุปก็ไม่รู้หรอกว่าเคนจะคิดมากกว่านั้น

แม้จะผ่านไปอีกเกือบปี จนพวกเขาขึ้นม.6 จวนจะจบแล้ว เคนก็ยังประหม่าเวลาอยู่กับพรีมสองคน แต่ถ้ามีซุปอยู่ด้วย ก็จะกล้าพูดคุยเล่นหัวกันเหมือนก่อน พรีมเองไม่ได้สนใจว่าเพื่อนจะคิดยังไง ถือว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน เย็นนั้น พรีมรู้ว่ามีคนแอบดู แต่ตอนแรกไม่คิดว่าเป็นเคนเท่านั้นเอง พอมาเห็นอาการแปลกๆ ของเพื่อนเลยรู้ว่าคนที่แอบดูอยู่เป็นใคร

“กูว่าจะสอบเข้าม.xxว่ะ”

“ไกลสัส” พรีมเหลือบตามองซุป พวกเขากำลังตัดสินใจกันว่าจะไปเรียนต่อสาขาใดที่มหาวิทยาลัยไหนกันอยู่

“ทำไมจะไปไกลจังวะ” เคนขมวดคิ้ว ไม่อยากให้ซุปไปอยู่ห่างไกลกัน อีกใจก็อยากอยู่กับพรีม แต่ก็ไม่อยากให้ซุปไปเรียนที่อื่นคนเดียว

“อากาศดี” ซุปตอบหน้าตาย และคิดแบบนั้นแค่นั้นจริงๆ เลยโดนพรีมตบหัวเข้าให้

“เหตุผลมึงนี่นะ งั้นกูไปด้วย” พรีมคว้าคอเพื่อนทั้งสองคนมากอด “มึงก็ด้วยนะไอ้เตี้ย”

“เตี้ยบ้านพ่อง มึงสูงกว่ากูสักเท่าไหร่ไอ้สัส” เคนสบถ หยิกเอวพรีมไปที ส่วนซุปก็หัวเราะอารมณ์ดี

“ถึงจะแค่สามเซนก็เตี้ยกว่ากู” พรีมหันหน้าไปแสยะยิ้มใส่ ยิ่งทำให้เคนหัวเสียกระฟัดกระเฟียด แต่เพื่อนสองคนกลับขำไม่เลิกซะงั้น

ในที่สุดทั้งสามคนก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยตามที่ตกลงกันไว้ แม้เคนจะต้องเรียนวิศวะก็ตาม พ่อของเคนซื้อคอนโดให้อยู่ที่นั่น เพราะเวลาไปเที่ยวก็ใช้เป็นที่พักได้ด้วย ส่วนพรีมกับซุปเลือกเช่าห้องอยู่ด้วยกัน แต่เปิดเทอมไปได้ไม่ทันไร พรีมก็เริ่มไปนอนค้างกับเคนบ่อยขึ้น ซุปเองก็สงสัยนิดหน่อย แต่ไม่อยากถาม

แรกๆ พรีมก็แค่ชอบค้างที่ห้องของเคน เพราะมันกว้างและนอนสบายดีเท่านั้น แต่การต้องอยู่กันตามลำพัง ทำให้เคนเริ่มอึดอัด เพราะยังนึกถึงภาพวันนั้น ในห้องดนตรี แถมหลังจากนั้นมา เคนก็ใช้หน้าของพรีมเวลาช่วยตัวเองประจำ และไม่ใช่แค่ทางด้านหน้าด้วย

กลางเทอมแรกของการเป็นเฟรชชี่ปี 1 ผ่านพ้นไปด้วยดี พรีมเริ่มมีสาวๆ ทั้งในคณะและนอกคณะมาติดพัน รวมทั้งสาวๆ ที่เจอตามผับบาร์ในเมืองด้วย และคืนนั้น พรีมก็ออกไปเที่ยวบาร์กับเพื่อนๆ ในคณะ ส่วนเคนที่อยู่คนละคณะไม่ได้ไปด้วย ซุปก็ไม่ได้ไป เพราะขี้เกียจ พรีมเมานิดหน่อย แต่ก็กลับมาที่คอนโดของเคนได้โดยสวัสดิภาพ แต่เคนไม่รู้ว่าพรีมจะกลับมาที่ห้อง คิดว่าจะกลับไปนอนที่หอของซุป

ด้วยความที่พักหลัง พรีมชอบมานอนค้างด้วย ทำให้เคนไม่ได้ปลดปล่อยความต้องการที่อัดแน่น ทั้งยังต้องนอนร่วมเตียงกับคนที่ชอบ ต้องทนมองหน้าพรีมอย่างอึดอัดมานานเป็นเดือนๆ คืนนั้นเคนเลยขอจัดหนักให้ตัวเองสักครั้ง

แกร๊ก ปัง...

เสียงประตูเปิดและปิดลงอย่างเบามือ พรีมมีคีย์การ์ดสำรองที่เคนให้ไว้อยู่แล้ว จะมาตอนไหนก็ได้ ตอนแรกก็กะจะกลับหอ เพราะใกล้กว่า แต่ไปตอนนี้ ไอ้ซุปได้ลุกมาแดกหัวแน่ เขาถึงได้เบนเข็มมาที่คอนโดของเคนแทน เพราะต่อให้ทำเสียงดัง เคนที่น่าจะหลับอยู่ในห้องนอน ซึ่งมีกระจกกั้นไว้ก็ไม่น่าจะได้ยินเสียงเท่าไหร่ ต่างจากหอพักที่แค่เดินก็ได้ยินเสียงทั้งห้องแล้ว

“นอนยังวะเคน?” พรีมเปิดประตูกระจกเข้าไปในห้องนอน แต่บนเตียงนอนของเคนนั้นว่างเปล่า เขาได้ยินเสียงน้ำจากในห้องน้ำ ดึกดื่นอย่างนี้ เคนคงแค่ลุกไปฉี่ เขาคิดพลางทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง ถ้าเคนออกมาช้าก็จะนอนทั้งอย่างนี้แล้ว ไม่อาบน้ำมันแล้ว

ในระหว่างที่เคลิ้มจะหลับ พรีมได้ยินเสียงครางแผ่วๆ ดังลอดมาจากในห้องน้ำ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้ม เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่เคนเข้าห้องน้ำกลางดึกนานๆ พรีมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเงี่ยหูฟังเสียงครางหวานๆ นั้นด้วยความสนอกสนใจ

อะไรจะครางได้สยิวขนาดนั้นวะ ไอ้เคน

พรีมคิดพลางย่องเบาไปใกล้ๆ ประตูห้องน้ำอีกนิด เพื่อแอบฟังเสียงของเพื่อน ทีตอนเขายังปล่อยให้มันแอบดูตอนเอากับเด็กตัวเองได้เลย แค่แอบฟังเสียงมันช่วยตัวเองคงไม่เป็นไรหรอกน่า พรีมเลียปากตัวเอง รู้สึกสร่างเมาไปหน่อย เขาแนบหูกับประตูและเอามือจับลูกบิด ทว่า มันไม่ได้ล็อคเสียด้วย

“หึหึ” พรีมหัวเราะในคออย่างนึกสนุก กะจะเปิดเข้าไปแกล้งให้เคนตกใจเล่น เคนที่มัวแต่เล่นกับตัวเองในห้องน้ำ ไม่ทันได้ยินเสียงประตูเปิด

พรีมแง้มประตูเบาๆ พลางหัวเราะคิกกับตัวเอง พอเปิดประตูเข้าไปจนสุดก็กะจะร้องดังๆ ให้เคนตกใจ ทว่า ภาพตรงหน้ากลับทำให้เขาชะงักค้างอยู่อย่างนั้น

เพราะเคนไม่ได้ช่วยตัวเองแบบที่ผู้ชายทั่วไปเขาทำกัน คนตัวเล็กกว่าเขาเพียงสามเซนในชุดวันเกิด กำลังนั่งเขย่งขาอยู่บนพื้น หันหลังเกาะชักโครก มือขวาลอดจากด้านหน้าลงมาอยู่ใต้หว่างขา และนิ้วเล็กๆ นั่นคาอยู่ในตัวของเจ้าของมัน

“อื้อ...อ๊า...”

พรีมรู้แล้วว่าทำไม เคนถึงได้ครางเสียงหวานฉ่ำขนาดนี้

เขาแสยะยิ้ม เดินย่องไปใกล้ๆ คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกเห็นตอนน่าอายเข้าแล้ว เคนกำลังหลับตาพริ้ม เงยหน้าอ้าปากครางอย่างน่ารัก เหงื่อผุดพรายไปทั่วใบหน้าและบนแผ่นหลังขาวๆ นั่น จนพรีมถึงกับกลืนน้ำลายกับภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของเคน จนเขาหยุดยืนที่ด้านหลัง ไอร้อนจากร่างกายคนเมาและเงาทะมึน ทำให้เคนเพิ่งรู้สึกตัว จนต้องลืมตามอง...

“!!!” เคนตกใจจนร้องไม่ออก ดึงนิ้วออกจากร่องก้นแล้วถดตัวหนีเข้ามุมทันที “อ่ะ อ่ะ ไอ้! ไอ้เหี้ย! เข้ามาตอนไหน!?”

พรีมยิ้มหวาน นัยน์ตาเป็นประกาย ก้มลงมองหน้าเคนใกล้ๆ พลางเอ่ย “ไม่ทำต่อล่ะ กำลังดีเลย”

คนถูกจ้องหน้าร้อนฉ่า อายจนอยากมุดชักโครกหนี เคนไม่ตอบ รีบคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาจะสวมใส่ แต่พรีมดึงมันออกไปจากมือ แล้วนั่งชันเข่าลงตรงหน้าเคน

“ยังไม่เสร็จเลย ทำต่อสิ หรืออยากให้กูช่วย?” พรีมโยนเสื้อคลุมไปให้พ้นทางแล้วกดไหล่เคนแนบกับผนังห้องน้ำเย็นเฉียบ เคนเหงื่อแตกพลั่ก หน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นรัวแรงด้วยความตื่นกลัว รู้สึกตัวอีกทีตอนที่มือร้อนๆ ของพรีมเลื่อนลงไปด้านล่าง

“ให้กูช่วยข้างหน้ามั้ย?”

“มะ ไม่ ไม่! ปล่อย ไอ้พรีม ออกไปก่อน!” เคนทั้งผลักทั้งดันร่างของพรีม แต่เขาไม่ยอมไป

“ช่วยตัวเองต่อดิ ทำให้กูดูหน่อยว่ามึงฟินแค่ไหน” พรีมก้มหน้าลงแนบริมฝีปากกับซอกคอขาวๆ ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำ ร่างกายคล้ายถูกกระตุ้นมากขึ้นไปอีกจนเหมือนจะหยุดตัวเองไว้ไม่ได้แล้ว เคนตัวสั่นเกร็งไปหมด หลับตาปี๋ทั้งที่มือยังดันร่างของพรีมไว้ แต่แรงจะต่อต้านนั้นไม่มีเลย ในหัวมันตีกันจนยุ่งเหยิง อยากเสร็จก็อยาก แต่ก็อายพรีมอยู่ดี

“ไม่ต้องอาย ทำด้วยกัน” พรีมว่าพลางปลดเข็มขัดกางเกงตัวเองออก จับมือของเคนให้สัมผัสกับส่วนที่แข็งและร้อนผ่าวของตัวเองที่มีปฏิกิริยาเพราะเห็นเคนช่วยตัวเองที่ด้านหลัง น้ำเสียงของเขาแหบพร่าเหมือนเมื่อตอนนั้น และเคนก็เผลอไผลส่งมือไปจับรูดดึงมันด้วยความต้องการที่ล้นปรี่

อยากเห็นสีหน้าของพรีมเหมือนเมื่อตอนนั้นอีกครั้ง

พรีมลากปลายลิ้นเลียคอและใบหูของเคนอย่างกระหาย ปากขบเม้มดูดกัดไปเรื่อยจนถึงแผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย ด้วยความที่เคนไม่ค่อยออกกำลังกาย เลยตัวไม่หนา แต่ก็สมส่วนแบบเด็กหนุ่มทั่วไป ยอดอกสีชมพูเข้มน่างับจนพรีมทนไม่ไหว เขากัดมันและดูดแรงๆ จนเคนครางลั่น มือที่ผลักกลายเป็นขยุ้มหัวไหล่ของเขาอย่างเรียกร้องยิ่งขึ้น

“อา อ๊า...” มันดีกว่าที่จินตนาการไว้มาก เคนเงยหน้ากัดปากเป็นระยะตอนที่พรีมทั้งดูดและกัดเม็ดไตแข็งๆ บนหน้าอก สองขาที่เคยหนีบเข้าหากันค่อยๆ อ้าออก ให้พรีมแทรกตัวเข้าไปหาแนบชิด พรีมยกยิ้มมุมปาก ประกบจูบเบาๆ บนริมฝีปากสีอ่อนของเคน คนที่ไม่เคยกระทั่งจูบมาก่อนสะดุ้งนิดหน่อย เคนลืมตามอง สบสายตากับพรีมที่กำลังจ้องอยู่ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง โอบกอดร่างสูงและเผยอปากให้ส่งลิ้นเข้าไป

“อือ” เสียงครางหวานๆ ของเคนกระตุ้นให้พรีมแทบคลั่ง มันเป็นความหอมหวานที่แปลกใหม่ พรีมอยากจะตักตวงทุกสิ่งจากร่างกายของเพื่อนรักจนลืมเหตุและผลทั้งหมดทั้งมวลจนสิ้น ทำไปโดยไม่ทันคิดถึงผลที่จะตามมาใดๆ

มืออุ่นๆ ลูบไล้บีบคลึงไปทั่วร่างกายขาวผ่องจนเป็นรอยแดงช้ำ อีกทั้งยังจูบเม้มไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง เคนนอนครางอยู่ใต้ร่าง สองขากอดก่ายเอวร่างสูง ความอายหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ราคะที่สุมอก ใบหน้าของพรีมหล่อเหลาและน่าหลงใหลจนอยากไปต่อให้สุด เคนส่งปลายนิ้วขยายช่องทางตัวเองอีกครั้ง พรีมก้มลงจ้องมองด้วยใจระทึก ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ต่อหน้าเขาสักครั้ง

“อ๊ะ เดี๋ยว!” เหมือนพรีมจะไม่อยากรอนาน เขาโน้มหน้าลงตรงหว่างขาของเคน เกร็งลิ้นห่อไว้แล้วแหย่เข้าไปตามนิ้วของเคน “อ๊า! ไอ้เหี้ย...สะ เสียว กูเสียว พรีม!”

พรีมทั้งดูดทั้งเลียช่องทางที่เคนทำความสะอาดไว้แล้วอย่างหื่นกระหาย ใช้ลิ้นได้อย่างช่ำชองจนเคนบิดร่างเกร็งสะท้าน ปลดปล่อยออกมาเลอะเต็มหน้าท้อง โดยที่พรีมไม่ได้แตะต้องส่วนนั้นเลยสักนิด ร่างนั้นสั่นน้อยๆ ตอนที่พรีมถอนลิ้นออกมา เขาเลียรอบมุมปาก มองดูร่างแดงก่ำของเคนอย่างพึงพอใจ

“แม่ง น่ารักเหี้ยๆ” พรีมสบถข้างหู เลียในรูหูของเคนแล้วลากลิ้นมาตามลำคอ “ไม่มีถุงยางว่ะ”

“อือ...ไม่เอา” พอได้ยินอย่างนั้น เคนก็เสียดายนิดหน่อย แต่ให้ทำทั้งแบบนี้ไม่ได้แน่นอน สองมือสั่นๆ ผลักร่างสูงออก แต่พรีมยังกดตัวลงมาหา

“สดไม่ได้เหรอ กูไม่มีโรคหรอก มึงก็ยังซิง” พรีมเลียแก้มและคางของเคนไปมา มือดันต้นขาของเคนให้ยกสูงขึ้น แนบส่วนแข็งแกร่งของตนกับร่องก้นนั้น “นะ กูไม่ไหวแล้ว” เขากระซิบเสียงพร่าพร้อมถูมันกับร่องสะโพกบาง

“ไม่...อ๊า!” เคนเบิกตาโพลง กรีดร้องจนเสียงเหือดหาย เพราะจู่ๆ พรีมก็กระแทกส่วนหัวเข้ามาพลางค่อยๆ ขยับเข้าออก ปลายเท้าของเคนจิกเกร็งด้วยความเจ็บ

“โครตแน่น...อย่าเกร็งดิ เคน” พรีมกัดฟันกรอด พยายามจะดันตัวเข้าไปอีก แต่มันเป็นครั้งแรกของเคน เลยยากลำบากสักหน่อย

“ฮึก เจ็บ...ไม่เอา...” เคนปัดป่ายมือไม้สะเปะสะปะไปกับใบหน้าและลำตัวของร่างสูง แต่พรีมยังดึงดันที่จะเข้าไป

“หายใจเข้าลึกๆ อย่าเกร็ง นะครับ” เพราะน้ำเสียงไพเราะและคำพูดสุภาพแบบที่พรีมไม่เคยใช้มาก่อน ทำให้เคนเริ่มจะโอนอ่อน ร่างกายผ่อนคลายลง “อย่างนั้น เคน อุ อย่าขมิบสิ ให้พรีมเข้าไปนะครับ คนดี”

พรีมช่างหลอกล่อเก่งเหลือเกิน ทั้งจูบทั้งอ้อน จนสุดท้ายเคนก็ยอมให้ทั้งหมด ทั้งจิตใจและร่างกาย แม้น้ำตาจะไหลพรากอาบแก้มด้วยความเจ็บร้าว แต่พอพรีมค่อยๆ ขยับตัว มันก็ดีขึ้นทีละนิด จนกลายเป็นความสุขสมลึกๆ ในใจ

เคนกอดรัดร่างของพรีมไว้แน่นตลอดการกระทำของร่างสูง จะถูกทำรุนแรงแค่ไหนก็ยอมให้หมดแล้ว

ยอมหมดแล้วจริงๆ

......
...
“แล้วเพื่อนที่มึงว่ามาให้กำลังใจนี่คนไหนเหรอ” เช้าวันเสาร์ พรีมไปรับอัครกับแน็กที่โรงแรมในเมืองตามนัด แต่เคนที่เป็นเจ้าของรถไม่ได้มาด้วย พรีมบอกว่าเคนไม่ค่อยสบายนิดหน่อย จะไปรับมาตอนรอบบ่ายแทน

“มึงไม่รู้จักหรอกน่า” อัครกลบเกลื่อนไปเรื่อย และพรีมก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอีก “แล้วมึงกินข้าวมายัง?”

“ยังว่ะ พวกมึงอ่ะ” พรีมมองหน้าอัครกับแน็ก ทั้งคู่ก็ส่ายหน้าพร้อมกัน

“งั้นกินด้วยกันที่นี่เลย รอบเช้ากี่โมงนะ” อัครคว้าข้อมือของพรีมให้เดินตามไป ส่วนแน็กอึ้งนิดหน่อยที่เห็นอัครทำแบบนั้น แต่คิดอีกที ก็พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ต้น คงสนิทกันพอสมควร

“เห็นไอ้ซุปบอกเล่นตอนเก้าครึ่ง แต่คงเลทนิดๆ” พรีมตอบก่อนจะยกข้อมืออีกข้างขึ้นดูนาฬิกา “เวลาเหลือเฟือ”

“อืม” อัครพยักหน้ารับ และทั้งสามคนก็พากันไปทานอาหารในห้องอาหารของทางโรงแรม เนื่องจากไม่ได้ใช้บริการเหมาค่าอาหารเช้าด้วย ก็จ่ายเงินกันไปตามปกติ

******

ซุปออกจากหอพักแต่เช้าเช่นกัน แต่ต้องไปเตรียมตัวขึ้นแสดงและซ้อมบทก่อนแสดงจริงอีกรอบ ข่าวลือเรื่องที่เขาโกหกรุ่นน้องคนนั้นไปว่ามีแฟนแล้ว แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่มย่ามกับเขาเกินจำเป็น ซึ่งถือเป็นเรื่องดี

“ซุป พร้อมยังวะ” เพื่อนที่ขึ้นแสดงด้วยกันเดินเข้ามาถามไถ่อยู่เป็นระยะ เพราะเห็นซุปเอาแต่มองหน้าจอมือถือ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็น เลยคิดกันไปว่าเขาเป็นกังวล “แฟนมึงมาดูป่ะ”

“เขาบอกว่าจะมารอบเช้า” ซุปเงยหน้าตอบเพื่อน

“มาจากกรุงเทพฯ เลยดิ โครตรักมึงเลยนะเนี่ย” เพื่อนคนเดิมว่าพลางตบบ่าเขาเบาๆ แล้วขอตัวไปแต่งองค์ทรงเครื่องก่อน ซุปถอนหายใจกับตัวเอง

ถ้าได้เป็นแฟนจริงคงดี

ตั้งแต่เจออัครครั้งแรกเมื่อวานนี้ ก็ได้คุยกันแค่ในห้องน้ำที่ร้านอาหารนั่นแหละ แถมอัครก็มากับเพื่อน จะโทรไปก็ไม่กล้า ไอ้พรีมก็เหมือนคอยกันท่าบอกไม่ถูก ไหนมันบอกว่าไม่สนิท ไม่ได้คิดอะไรไงวะ ซุปคิดอย่างหัวเสีย เป็นเพื่อนกับพรีมมานาน และสนิทถึงขั้นรู้ไส้รู้พุงกันหลายๆ เรื่อง ซุปพอจะเดาท่าทีของเพื่อนออก ทั้งเรื่องเคน แล้วยังจะมายุ่งกับอัครอีก มันจะเอายังไงกันแน่วะ

“เฮ้อ~” ซุปถอนหายใจอย่างเซ็งๆ อีกรอบ แล้งจึงลุกตามเพื่อนไปแต่งตัวบ้าง

tbc

แต่ละนางแรงๆ ทั้งนั้นบอกเลย อิๆ
ขอบคุณที่ยังมีคนอ่านน้า กะจะโยกย้ายไปไว้ใน Readawrite อย่างเดียวล้าว
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-08-2018 13:47:54
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 26-08-2018 15:33:09
ซุปสู้ๆนะ จีบให้ชัดๆไปเลย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-08-2018 19:49:03
ไม่ชอบพรีม
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 26-08-2018 20:56:26
อัครลูก อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนะ โอยยย พอเดาเค้าลางว่าจะดราม่าแบบไหนได้เลยอ่ะ ไรท์อย่าดราม่ามากนะ ขอล่ะ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-08-2018 10:06:13
 :m15:

เกลียดพรีม
ทำไมเรารู้สึกเศร้า ฮื่อออ

 :เฮ้อ:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 27-08-2018 15:35:46
รอดราม่าฉากใหญ่ค่ะ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 28-08-2018 11:39:56
9
ซุปเวลาอยู่บนเวทีทั้งหล่อแล้วก็เท่มากกว่าตอนปกติอีกหลายสิบเท่า ทำเอาอัครนั่งจ้องตาแทบไม่กะพริบ มองดูการแสดงของซุปทุกฝีก้าว จนคนที่นั่งข้างๆ คนละฝั่งทั้งสองคนต่างก็รู้สึกถึงความสนใจที่อัครมีต่อซุป ทั้งที่บทของซุปก็ไม่ใช่บทพระเอก แต่เป็นบทตัวร้าย เพราะมาดแบดบอยของเจ้าตัว ทั้งสีหน้าและน้ำเสียง ร้ายแบบไม่ต้องปรุงแต่ง

การแสดงรอบแรกช่วงเช้าจบลงด้วยดี ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมล้นหลาม ซุปรีบลงจากเวที ตรงมาหาเพื่อนๆ หรือที่จริงคือตรงมาหาแค่อัครนั่นแหละ

“มึงแม่งโครตชั่วววว” พรีมแกล้งตะโกนใส่หน้าเพื่อนขำๆ ล้อเลียนบทบาทที่ซุปเล่น จนแน็กกับอัครหัวเราะตาม ส่วนซุปได้แต่ทำหน้าแหยๆ

“สัส หูกูไม่ได้หนวก”

“เดี๋ยวกูต้องไปปลุกไอ้เตี้ย ฝากเพื่อนกูไว้กับมึงจะปลอดภัยมั้ยวะ” พรีมมองหน้าซุปพลางยิ้มมีเลศนัย คนอย่างพรีมไม่โง่พอที่จะดูไม่ออกหรอก ซุปเองก็รู้

และพรีมก็รู้เรื่องของซุปกับอัครจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะแอดเฟซของอัครไปทำไมล่ะ

“คงไม่ต้องห่วงผมนะคิดว่า” แน็กแย่งซีนแทรกขึ้นก่อน ทำเอาซุปถึงกับหัวเราะ เกาะไหล่แน็กแล้วโบกมือไล่พรีม

“ไปเลยมึงอ่ะ กูจะดูแลน้องแน็กอย่างดี ไม่ต้องห่วง”

“พวกมึงแม่งกวนตีน” พรีมว่าขำๆ ก่อนจะรีบขอตัวไปรับเคนที่คอนโด ทิ้งอัครกับแน็กไว้ที่โรงละคร เพราะสองคนได้บัตรเพิ่มจากซุป เลยจะอยู่ดูรอบบ่ายด้วย

“ซุปเล่นดีมากๆ โครตร้ายเลย” อัครยิ้มหวานมองซุปที่ยังเกาะไหล่แน็กอยู่ ไม่รู้สนิทกันตอนไหน แต่ดูเหมือนจะเป็นพวกไม่ค่อยคิดอะไรทั้งคู่

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันสิ วันนี้แคนทีนน่าจะเปิดนะ คนมากันเยอะ ขอผมเปลี่ยนชุดแป้ป” ซุปมองทั้งคู่เป็นการชวน แน็กกับอัครเลยขอตามซุปไปที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยด้วย แต่ซุปมีแค่มอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่รถยนต์แบบของเคน เลยต้องซ้อนสาม โดยให้อัครนั่งตรงกลาง

ซุปแนะนำเมนูเด็ดประจำโรงอาหารมหาวิทยาลัยให้ทั้งสองคนอย่างร่าเริง แน็กคอยสังเกตอยู่ตลอด ว่าอัครดูสนิทสนมกับซุป ทั้งที่ตอนแรกทำเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกันเท่าไหร่ พลันนึกถึงที่อัครชอบคุยกับใครบางคนในมือถือบ่อยๆ

“เห็นอัครเคยบอกว่าชอบกินเป็ด กะเพราเป็ดร้านนี้อร่อยมากนะ”

สิ่งที่ซุปพูดแบบไม่รู้ตัว และอัครก็พยักหน้ารับ โยงกับเรื่องที่อัครบอกจะมาให้กำลังใจใครบางคน ซึ่งน่าจะหมายถึงคนที่ชอบคุยแบบลับๆ นั้น ทำให้แน็กสงสัยว่าคนที่อัครบอกจะเป็นซุป เพราะพรีมที่เป็นเพื่อนเก่า ไม่ได้ขึ้นแสดงเสียหน่อย

“เออ อัคร แล้วคนที่มึงบอกว่ามาหาเนี่ย ตกลงคนไหนวะ เจอกันยัง” จู่ๆ แน็กก็โพล่งถามขึ้น ระหว่างที่กำลังกินข้าวกลางวัน อัครชะงักทั้งมือและปากที่กำลังเคี้ยวข้าว ส่วนซุปก็กระแอมเบาๆ ในคอ ยกน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย

“อ่า รอบบ่ายนี่มึงจะดูด้วยป่ะ”

“เปลี่ยนเรื่องๆ ตกลงคนที่มาหาเนี่ย คนนี้ป่ะ?” แน็กชี้ไปที่ซุป คนโดนชี้ตัวถึงกับสะดุ้ง ส่วนอัครร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก “เอ้าๆ พวกมึงนี่ยังไงวะ จะทำไม่รู้จักกันทำบ้าไร”

“มึงรู้?” อัครรับแก้วน้ำจากมือของซุปมาดื่มบ้าง เพราะติดคอนิดหน่อย แน็กพยักหน้า

“ก็มึงไม่บอกสักทีว่ามาหาใคร แล้วคนที่มึงคุยด้วยเหมือนสนิท ทั้งที่เพิ่งเจอก็มีแค่ซุปป่ะวะ”

อัครหันไปมองหน้าซุปที่พยักหน้าให้บอกได้ จริงๆ ซุปไม่ได้จะปิดบังใคร นอกจากพรีม พอซุปอนุญาต อัครก็เลยเล่าให้แน็กฟัง และบอกให้ช่วยปิดพรีมไว้ก่อน ซึ่งแน็กก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ก็ยอมรับปาก หลังจากนั้นก็คุยกันทั่วไป จนกระทั่งพรีมกับเคนมาสมทบ

“ไม่ค่อยหิวว่ะ” พอมาถึง ทักทายกันเสร็จ เคนก็นั่งลงข้างๆ ซุป ตามด้วยพรีม เคนหันไปบอกพรีมว่าจะไม่กินข้าว แต่ซุปก็ได้ยิน เลยหันไปสวดทันที

“ข้าวเช้ามึงก็ยังไม่ได้กินป่ะ เป็นห่าไร ไม่กินเลยไม่ได้นะเว้ย จะเอาสมองที่ไหนเรียน คณะมึงเรียนหนักจะตายห่า”

“โอยยย ก็วันนี้ไม่มีเรียนนี่หว่า ไม่แดกวันเดียวไม่ตายหรอก พรีมขอน้ำหวานอ่ะ ขนมด้วยก็ได้ อยากกินของหวาน” เคนหันไปโวยวายใส่ซุปแล้วกลับไปกอดแขนอ้อนพรีมต่อ แน็กทำเป็นไม่มองทั้งสามคน ส่วนอัคร รู้สึกใจโหวงๆ ที่เห็นภาพของเคนอ้อนพรีม ทั้งที่พยายามจะไม่คิดอะไรกับพรีมแล้ว

แต่ยังไงพรีมก็เป็นรักครั้งแรก

“ให้มันกินข้าว มึงไม่ต้องตามใจเลยไอ้พรีม”

“มึงเป็นพ่อกูเหรอซุป” เคนหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสมัยเด็กที่ทำตัวจุ้นจ้านเหมือนพ่อเข้าไปทุกวัน ทั้งที่คนที่อยากให้เป็นห่วงและคอยดูแลคือพรีมมากกว่า

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เพราะพ่อมึงบอกให้กูดูมึงด้วย”

“เออๆ เลิกกัดกันเหอะน่า พวกมึงนี่ เดี๋ยวกูซื้อขนมปังให้มันแดกแทนแล้วกัน มีแป้งเหมือนกัน แล้วก็หวานด้วย โอเคนะ?” พรีมตัดสินใจยุติการทะเลาะวิวาทของเพื่อนทั้งสองด้วยข้อสรุปเรื่องอาหารของเคน ที่ตรงใจทั้งสองฝ่าย เคนเลยพยักหน้าหงึกๆ ส่วนซุปก็ยักไหล่ไม่ได้ว่าอะไรอีก

มองทั้งสามคนที่ตีกันไปเมื่อกี้ แน็กก็รู้สึกขำๆ ขึ้นมา เลยหันไปกระซิบกระซาบกับอัครที่นั่งเหม่ออยู่ “ดูแล้วเหมือนเล่นพ่อแม่ลูกเลยกูว่า”

อัครที่มัวแต่ใจลอยสะดุ้เล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียงกระซิบของแน็ก มันจั๊กจี้จนต้องเอียงคอหนีนิดหน่อย และได้แต่พยักหน้ายิ้มรับคำที่แน็กพูด แม้ดวงตาจะไม่ได้ยิ้มตามเลยก็ตาม ซุปกับเคนยังตบตีกันอีกสักพัก จนพรีมซื้อของเสร็จเดินกลับมานั่งที่เดิม

เคนส่งขนมปังสองห่อกับน้ำหวานเย็นๆ ให้เคนที่รับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เคนเป็นคนน่ารัก ร่าเริงสดใสและชอบยิ้ม ต่างจากเพื่อนอีกสองคนที่มักจะทำหน้าเก๊กใส่กันตลอด พรีมเป็นพวกหน้าตาเจ้าเล่ห์ ชอบอมยิ้มกรุ้มกริ่มและแกล้งแหย่เคนเล่น ส่วนซุปเป็นคนหน้านิ่ง แต่ชอบแกล้งเหมือนกัน

การแสดงรอบบ่ายจบลงด้วยดีเช่นเคย และช่วงเย็นได้เวลาที่พรีมบอกจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันให้เต็มอิ่ม ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพกันในวันพรุ่งนี้

“กลับกี่โมงวะพรุ่งนี้” ทั้ง 5 คนมาเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินวัวลาย ซึ่งเปิดเฉพาะวันเสาร์ และอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พวกอัครมาพักเท่าไหร่ แวะซื้อของเดินกินไปเรื่อยๆ เคนกับซุปพาแน็กแวะเกือบทุกร้าน ส่วนพรีมเดินอยู่ด้านหลังกับอัครสองคน

“ไฟลท์บ่ายสามอ่ะ แต่เราไปกันเองได้นะ ไม่อยากรบกวน” อัครเงยหน้ายิ้มตอบ พรีมตัวสูงกว่าสมัยม.ต้นมากพอสมควร ทั้งที่อัครยังตัวเท่าๆ เดิม คนตัวเล็กกว่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนิดๆ ที่ไม่พัฒนาอะไรเลย ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ ที่ทั้งเติบโตและก้าวหน้าไปไกล

“ไม่รบกวน แล้วก็อย่าเกรงใจ เพื่อนกันป่ะวะ” พรีมว่าพลางขยี้ผมของอัครเล่น แต่ประโยคต่อมาทำเอาอัครที่กำลังรู้สึกดีกับมืออุ่นๆ นั้นต้องชะงัก ก่อนจะร้อนๆ ที่แก้มขึ้นเรื่อยๆ

“หรือมึงไม่อยากเป็นเพื่อน”

“จะ จะบ้าเหรอ ก็เป็นเพื่อนนั่นแหละ ดีแล้ว...” อัครก้มหน้าก้มตาตอบ เสียงเบาลงๆ และไม่เห็นสีหน้าของพรีมที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

พรีมกระตุกยิ้มนิดๆ โอบบ่าอัครมากอดไว้ข้างตัว อัครเขินจนไม่กล้าเงยหน้าอีก และเหมือนได้ยินเสียงพรีมวนเวียนอยู่ข้างหู “งั้นพรุ่งนี้กูไปรับที่โรงแรมเอง กลับไปถึงแล้วมึงต้องส่งไลน์มาบอกกูนะ ไว้จะติดต่อไปบ่อยๆ”

“อื้อ”

“ร้อนเหรอวะ หน้ามึงแดงจัง” พรีมยิ้มมุมปากก้มมองแก้มแดงระเรื่อของอัคร แต่อัครส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ได้พูดอะไร พรีมเหลือบมองเพื่อนอีกสามคนที่เดินไปไกลแล้ว แน็กดูจะสนุกสนานกับการเลือกซื้อของฝากและช่วยซุปแกล้งเคน

พรีมลดใบหน้าลงอีกนิด มองอัครที่กำลังเขินจนหน้าแดงเหมือนเมื่อสมัยม.ต้นเวลาที่เขาชอบเข้าไปคุยด้วย

“มึงนี่เหมือนเดิมเลยเนอะ”

อัครได้สติกลับมาหลังจากเหม่อๆ อยู่นานเมื่อได้ยินเสียงพรีม และพอเงยหน้าขึ้นมอง ปลายจมูกของพรีมก็ชนกับแก้มแดงๆ ของอัครแผ่วผิว คราวนี้เลยแดงไปทั้งหน้า ลามไปยังใบหูและคอของอัคร และน่าจะเกือบทั่วตัวเลยด้วยซ้ำ

พรีมอมยิ้ม ดึงมืออัครมากุมไว้หลวมๆ ก่อนจะเอ่ยชวน ส่วนอัครได้แต่พยักหน้าแบบเก้ๆ กังๆ เขินจนทำตัวไม่ถูกไปหมด

“รีบเดิน เดี๋ยวตามพวกนั้นไม่ทัน”

“อ่ะ อื้อ”

......
...
“เห็นนะ เมื่อเย็น”

กลับมาถึงคอนโดของเคน พรีมถอดเสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูมาพันเอว เตรียมจะอาบน้ำ ส่วนเคนยืนกอดอกมองเขาอยู่ตรงหน้าประตูห้อง ยังไม่ยอมเดินเข้าไป

“เห็นอะไร?” พรีมเลิกคิ้ว เกาะขอบประตูห้องน้ำมองเคน

“มึงหอมแก้มอัครทำไม ชอบมันเหรอ” เคนหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ หรือจะเรียกว่าหึงก็ได้ แต่พรีมแค่ยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้าแล้วทำท่าจะเดินหนีเข้าห้องน้ำ เคนเลยรีบวิ่งไปคว้าแขนไว้

“อะไรอีก กูจะอาบน้ำ”

“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน มึงชอบอัครเหรอ”

เคนยื้อแขนของพรีมไว้สุดแรง หน้าตาจริงจัง แต่พรีมยังนิ่งเฉย ก่อนจะคว้าเอวของเคนมากอดไว้แล้วดึงเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน

“จะอาบด้วยใช่มั้ย? มาดิ”

“ไม่เอา พรีม! บอกก่อนว่าชอบอัครหรือแค่เล่นๆ กูไม่ชอบให้มึงทำแบบนั้นกับคนอื่น!” เคนโวยลั่น ดึงตัวออกจากแขนของพรีมแล้วผลักร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำแค่คนเดียว

พรีมเซเล็กน้อย ก่อนจะตั้งหลักได้ เขาจ้องหน้าเคนกลับคล้ายจะไม่พอใจขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

“มึงมีสิทธิห้ามกูเหรอ? เราไม่ได้เป็นอะไรกัน กูเคยบอกมึงแล้วไง”

เคนเงียบ เพราะที่พรีมพูดมาคือเรื่องจริง เป็นเขาเองที่ดึงดันจะอยู่กับพรีมในสถานะนี้ ยอมเป็นแค่คู่นอน แค่เซ็กส์เฟรน หรืออะไรก็ได้ที่พรีมต้องการ ยกเว้น...คนรัก

และสิ่งที่พรีมตอกย้ำ ก็ยิ่งทำให้เคนพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งจนได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง

“เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกัน เผื่อมึงจะลืมนะเคน” 

tbc

ใครรอดราม่า จัดไปปปปป ไม่หนักมากหรอก (มั้ง)
เป็นความสัมพันธ์ที่จะวนลูปอีกนานบอกเลย มันก็มีกันอยู่ไม่กี่คนเนี้ยยย

ขอบคุณกำลังใจและคอมเม้นท์นะค้าบ กด+ให้น้า
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-08-2018 11:50:48
 :เฮ้อ:

เกลียดภูมิ แต่นะคนหน้าด้าน เห็นแก่ได้ ก็มัักจะได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-08-2018 14:28:07
พรีมโคตรแย่
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 28-08-2018 21:58:50
มันยากนักก็ 4p-5p ไปเลย 55555 ///สายดาร์กกก
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-08-2018 22:27:10
โห...ไอ่พรีม!
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 10 [29/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-08-2018 18:44:45
10
อัครเงยหน้ามองคนที่ยื่นกระดาษ A4 แผ่นหนึ่งมาตรงหน้า ในขณะที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเรียนในช่วงบ่ายที่เป็นคาบว่าง เพราะอาจารย์ประจำวิชาไม่มาสอน

“อัคร วาดรูปให้กูหน่อยดิ”

รอยยิ้มกว้างและความสดใสราวกับดวงตะวันของพรีม ทำให้อัครรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

มันเป็นยามบ่ายแก่ๆ ของวันศุกร์ อากาศร้อนอบอ้าวตามปกติของฤดูฝน และคาดว่าตอนเย็นฝนน่าจะตกหนักจนกลับบ้านค่ำอีกตามเคย

อัครรับกระดาษจากมือของพรีม มือสัมผัสกันเล็กน้อยทั้งที่ผืนกระดาษก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้น เหมือนพรีมจงใจที่จะจับมือ แต่อัครไม่กล้าคิดไปเองแบบนั้นหรอก มันคงเป็นความบังเอิญมากกว่า

พรีมนั่งยองๆ ลงเกาะขอบโต๊ะไม้ของอัคร เอียงคอเอาแก้มแนบโต๊ะ มองดูอัครที่กำลังตั้งอกตั้งใจวาดรูปการ์ตูนที่ขอด้วยรอยยิ้ม เสียงจอแจของเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้เข้าหูของทั้งคู่เลย ราวกับว่าในโลกนี้มีแค่พวกเขาสองคน พออัครวาดเสร็จก็ส่งกระดาษคืนให้ด้วยท่าทางเขินอาย ยิ่งทำให้พรีมยิ้มกว้าง

“ขอบใจนะ มึงวาดสวยดี กูชอบ”

......
...
อัครกลับไปกรุงเทพแล้ว พรีมเป็นคนขับรถไปส่งอัครกับแน็กที่สนามบินเมื่อกลางวันนี้ ส่วนซุปยังมีแสดงละครเวทีอีกสองรอบในวันนี้ รายได้จากการแสดง เพื่อบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าและโรงเรียนตามถิ่นทุรกันดาร เป็นงานการกุศลที่ได้บุญกันถ้วนหน้าทั้งผู้จัดและผู้ชม

ซุปแสดงละครเสร็จก็เกือบเย็น และคิดว่าอัครน่าจะกลับไปถึงกรุงเทพแล้ว เขาจึงไลน์ไปหาแทนส่งข้อความในเฟซบุ๊ค ซุปขอไว้ครบทุกโซเชียลที่อัครมีเรียบร้อย รวมทั้งเบอร์โทรด้วย แต่อัครไม่ทันได้ตอบอะไรกลับมา ซุปก็ต้องไปฉลองความสำเร็จของงานละครครั้งนี้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ร่วมงานกัน โดยมีคณาจารย์ออกเงินเลี้ยงทั้งหมด

[ถึงห้องแล้ว แน็กนอนหลับปุ๋ยเลย สงสัยจะเหนื่อย] เสียงของอัครที่ร่าเริงสดใส ช่วยเยียวยาหัวใจและความเหนื่อยล้าจากการแสดงติดต่อกันทั้งสองวันของซุปได้เป็นอย่างดี เขาอมยิ้มทั้งที่อัครไม่ได้เห็น

“แล้วอัครไม่เหนื่อยเหรอ”

[ไม่เหนื่อยหรอก ซุปอยู่ไหนน่ะ เสียงดังจัง]

“อยู่ร้านเหล้าแถวมอ อาจารย์พามาเลี้ยงน่ะครับ เดี๋ยวผมเดินไปนอกร้านก่อน” ซุปว่าพลางหันไปบอกเพื่อนแถวๆ นั้นว่าจะขอออกไปคุยโทรศัพท์ เขาเดินไปหาที่นั่งแถวบันไดทางขึ้นร้านที่เป็นไม้สักอย่างดี หลบชิดมุมเว้นที่ไว้ให้คนเดิน

“คราวหน้าถ้าจะมาอีก บอกผมก่อนนะ ผมอยากเจออัครแบบสองต่อสองบ้าง”

อัครเงียบไปอึดใจ [ระ เราก็อยากเจอซุป]

“จริงเปล่า? ไม่ใช่ว่าอยากเจอไอ้พรีมด้วยเหรอ?”

[เกี่ยวอะไรกับพรีมล่ะ เราบอกเขาเพราะเขาติดต่อมาก่อนหรอก]

ซุปขมวดคิ้ว “มันติดต่อไปเหรอ? ทำไม...”

[มีอะไรเหรอซุป?] อัครเห็นซุปพึมพำๆ ใส่โทรศัพท์เลยสงสัย แต่ซุปก็บอกว่าไม่มีอะไร ก่อนจะคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย จนวางสายและซุปก็กลับเข้าไปฉลองต่อในร้าน

เช้าวันจันทร์ซุปไปมหาวิทยาลัยตามปกติ เจอพรีมและเคนที่มากินข้าวเช้าด้วยกันที่โรงอาหารกลางที่ประจำของพวกเขาสามคน ซุปซื้อข้าวมานั่งกินตรงข้ามกับทั้งสองคนที่โต๊ะเดียวกัน ทักทายกันแค่เล็กน้อย เคนมีเรียนเช้า พอกินเสร็จก็ขอไปเรียนก่อน ส่วนอีกสองหนุ่มที่เรียนคณะเดียวกันมีเรียนคาบแรกตอนสิบโมง ซึ่งยังไม่ถึงเวลา เลยนั่งชิวๆ อยู่ในโรงอาหารไปเรื่อยๆ

“วันนี้เงียบผิดปกตินะ”

พรีมละสายตาจากหนังสือการ์ตูนในมือขึ้นมองหน้าซุป ประสานสายตากันเพียงครู่เดียวก็ก้มหน้าลงอ่านการ์ตูนต่อ อีกมือคอยหยิบขนมในห่อมากิน เป็นขนมที่ซุปซื้อมา พรีมค่อยๆ เคี้ยวแล้วกลืน ก่อนจะตอบเสียงเนือยๆ

“อยากให้กูหัวเราะหรือร้องเพลงดีล่ะ”

“ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แค่ปกติมึงพูดมาก” ซุปว่าพลางหยิบขนมมากินบ้าง ตอนที่มือชนกัน ต่างคนต่างก็เงยหน้ามองกัน ซุปกำลังเล่มเกมในมือถือ อีกนิดเดียวจะผ่านด่านแล้ว แต่พอมือไปโดนมือของพรีมจนชะงัก ก็เลยแพ้เกมจนได้ เขาสบถเบาๆ อย่างหัวเสีย กดรีสตาร์ทใหม่อีกรอบ

พรีมยังคงมองหน้าซุปที่นั่งเล่มเกมด้วยคิ้วขมวด ท่าทางหัวเสียที่ต้องเริ่มเกมใหม่ พลันนึกถึงเรื่องเมื่อสมัยก่อน ที่มักจะนั่งแกร่วกันอยู่สองคน แย่งกันกินขนมและต่างคนก็ต่างทำกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ รอเคนที่ทำงานในสภานักเรียนจนเกือบค่ำแทบทุกวัน ทั้งที่ชมรมอื่นกลับบ้านกันหมดแล้ว อย่างชมรมดนตรีของพวกเขาเป็นต้น

ซุปกับเคนเป็นเพื่อนสมัยเด็ก เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม แต่ความชอบของทั้งคู่ต่างกัน ไม่รู้ว่าคบกันได้นานขนาดนี้เพราะอะไร ตอนแรกพรีมยังเผลอคิดว่าทั้งคู่ชอบกันด้วยซ้ำ แต่ดูแล้วทั้งซุปและเคนก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดา ชอบตีกัน แต่ก็ยิ่งสนิทกัน และมันเป็นสิ่งที่พรีมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ตอนที่ต้องอยู่ด้วยกันสามคน

“เย็นนี้กูว่าจะกลับไปนอนที่ห้อง”

“ก็แล้วแต่มึง” ซุปก้มหน้าตอบ ไม่ได้สนใจสายตาของพรีมที่จ้องมองเหมือนอยากจะพูดอะไรมากกว่านั้น

“มึงคุยกับอัครอยู่เหรอ”

ซุปชะงัก กดพอร์ชเกมไว้แล้วเงยหน้ามองกลับไป “ทำไม? ถ้ากูคุยแล้วจะทำไม”

“เปล่า ก็มันเป็นเพื่อนเก่ากู” พรีมกะพริบตาเล็กน้อย เพราะโดนซุปจ้องกลับ ยกมือขึ้นจับต้นคอตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ

“แล้วไง?” ซุปวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะพลางคว้าแก้วน้ำมาดูดดังซู้ดๆ วางแก้วลงแล้วเคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะ คล้ายกับรอเวลาอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายแล้วพรีมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนได้เวลาเข้าเรียน พรีมจึงลุกขึ้นก่อน เก็บกวาดจานชามแก้วน้ำไปไว้ที่วางของทางโรงอาหาร โดยมีซุปที่ทำแบบเดียวกัน เดินตามหลังมา แต่พอเก็บจานเสร็จ พรีมก็หยุดรอให้ซุปเดินขึ้นมาข้างกัน

“งานจารย์วิมลไปถึงไหนแล้ววะ”

“50%”

“เหี้ย เร็วไปป่ะ มึงต้องช่วยกูทำนะเว้ย” พรีมเอียงตัวเอาไหล่เบียดคนข้างๆ ซุปเอียงคอหลบนิดๆ พลางอมยิ้ม

“มึงมันขี้เกียจไง ถ้ารีบทำไว้แต่แรก ก็เสร็จทันปลายภาคแล้ว”

พรีมเบ้ปากทั้งที่ยิ้ม “มึงช่วยกูถึง 50% ก่อน แล้วค่อยทำพร้อมกัน” พร้อมเอาไหล่สะกิดอีกนิด

ซุปส่ายหน้าพลางถอนหายใจเบาๆ จริงๆ พรีมเป็นคนเก่ง หยิบจับอะไรก็ทำได้ดีไปเสียหมดจนน่าอิจฉา แถมยังหน้าตาดี ชอบยิ้มโปรยเสน่ห์ไปทั่ว จีบใครก็ติดตลอด

แต่ข้อเสียของพรีม กลับไม่มีใครเลยที่สังเกตเห็นมัน แม้แต่เคนที่อยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาก็ยังไม่รู้

มีแต่เขาที่รู้ตัวตนจริงๆ ของพรีม

และรู้มาตั้งนานแล้ว

หรือบางที...เขาอาจจะแค่คิดไปเองก็ได้

******

อัครกับเพื่อนๆ นั่งทำบอร์ดประจำรายวิชากันอยู่บนตึกเรียนหลังคาบสุดท้ายจบลง เอกที่อัครเลือกเรียนคือภาษาญี่ปุ่น มีการจัดบอร์ดนิทรรศการและงานประจำปีของเอกนี้ช่วงใกล้ปลายภาคตลอด เพราะปิดเทอมที่จะถึงนี้คือช่วงเดือนธันวา มีเทศกาลที่คุ้นเคยกันดีรอคอยอยู่

“สอบปลายภาคแม่งโหดแน่เลยอ่ะ กูยังไม่แม่นไวยากรณ์ใหม่เลยว่ะ”

“ให้อัครสอนดิ”

อัครหันมองเพื่อนๆ ที่กำลังคุยกันเรื่องสอบและพาดพิงชื่อตน ส่วนใหญ่เด็กที่เรียนคณะนี้มีแต่ผู้หญิง ผู้ชายก็มีกลุ่มของอัครเท่าที่เห็น กับอีกไม่ถึงยี่สิบคนประปรายไปในเอกอื่นๆ

“อัครอ่านหนังสือมั่งยัง ปลายภาคอ่ะ” ปูเป้ที่เรียนเอกเดียวกันหันมาถาม อัครส่ายหน้า

“โหย อย่างแกไม่อ่านก็สอบได้ป่ะ ท็อปตลอดเหอะ” เสียงสาวๆ กลุ่มข้างๆ ดังขึ้น หลายคนเห็นด้วย

“บ้าเหรอ ยังไงก็ต้องอ่านดิ” อัครตอบยิ้มๆ “แต่จะนัดติวกันก็ได้นะ เราได้หมด”

“ดีๆ เวลาเหลือไม่มากละ มีอัครติวให้ก็น่าจะรอด เออ แล้ววรรณกรรมของจารย์สุรางค์อ่ะ ให้เพื่อนอัครติวได้ป่ะ คนนั้นที่เก่งๆ”

“แน็กเหรอ?” อัครเอียงคอนิดๆ เท่าที่นึกออกก็มีแน็กกับเชษที่เก่งวิชาวิจารณ์วรรณกรรม

“เออๆ คนนั้นอ่ะ”

“ได้ดิ เดี๋ยวบอกให้” อัครยิ้มตอบ ถ้าเป็นแน็กค่อนข้างคุยง่าย เพราะเลิกกับแฟนแล้ว เวลาว่างน่าจะเยอะขึ้น และอัครก็อยากให้เพื่อนได้เจอคนใหม่ๆ บ้าง

“จริงๆ เพื่อนอัครคนนั้น แน็กอ่ะ น่ารักดีนะ ไดซ์ไม่ชอบเหรอ เห็นอยู่ด้วยกันบ่อยนี่” สาวๆ กลุ่มข้างหลังถามขึ้น ก่อนหน้านี้ทุกคนชอบจิ้นอัครกับไดซ์ แต่อัครไม่มีทีท่าจะเล่นด้วย ไดซ์เลยต้องถอยมาทำใจอยู่ระยะหนึ่ง กว่าจะคุยกันได้เหมือนเดิม

“ไม่อ่ะ เป็นเพื่อนดีแล้ว” ไดซ์ที่เพิ่งผิดหวังจากอัคร ส่ายหน้าตอบพลางแปะกระดาษตกแต่งบอร์ด อัครมองเธอแล้วยิ้มบางๆ ให้ เข้าใจความรู้สึกเวลาโดนเพื่อนยัดเยียดให้คบคนนั้นคนนี้ดีเลย

นั่งทำงานไปเม้าท์มอยกันไปจนงานเริ่มเป็นรูปเป็นร่างใกล้เสร็จ อัครก็ได้รับข้อความทางไลน์จากคนที่คุยกันบ่อยมาในช่วงนี้ แต่ยังไม่ทันพิมพ์ตอบ ก็มีไลน์จากพรีมเข้ามาอีก

Prema-P: ใกล้สอบแล้วยัง

อัครเลือกที่จะตอบพรีมก่อน และพอตอบไปว่า ใกล้แล้ว พรีมก็ส่งข้อความมาทันที เหมือนเฝ้าอยู่หน้าจอ

Prema-P: มึงปิดเทอมก่อนดิ
Akkarapol: น่าจะ
Prema-P: ปิดเทอมไปเที่ยวกัน
Akkarapol: ไปไหน
Prema-P: เดี๋ยวถึงกทม.แล้วกูจะบอกอีกที
Akkarapol: โอเค

บทสนทนาจบเพียงแค่นั้น และอัครก็มัวแต่อมยิ้มจนเพื่อนๆ แซว ว่าเป็นแฟนไลน์มาหรือเปล่า แต่อัครปฏิเสธว่าไม่ใช่ แค่เพื่อนเก่า ด้วยความที่มัวแต่ดีใจที่ได้กลับมาคุยกับพรีมอีกครั้ง แถมยังจะนัดเจอ ชวนไปเที่ยวด้วยกันอีก อัครเลยลืมตอบไลน์ของซุปไปเสียสนิท

ถ้าพรีมไม่ติดต่อมาก่อน อัครก็คงไม่กล้าติดต่อไป และคงไม่ได้คุยกันอย่างนี้ แม้ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พรีมถึงติดต่อมา แต่อัครก็มัวแต่ดีใจไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ไม่ส่งจดหมายมาให้ อัครเหมือนจะลืมแล้วด้วยซ้ำ

ช่วงเวลา 4 ปีกว่าๆ ที่ห่างหายกันไป อัครไม่รู้หรอกว่าพรีมจะเป็นยังไงหรือผ่านอะไรมาบ้าง เขารู้จักแค่พรีมตอนม.ต้น เด็กหน้าเนิร์ดอารมณ์ดีที่มีรอยยิ้มให้ทุกคน อยู่ใกล้ใครก็ทำให้รู้สึกสดชื่นสดใส เป็นเด็กหนุ่มแสนร่าเริงซึ่งเป็นที่รักทั้งของเพื่อนๆ และครูอาจารย์

และอัครไม่เคยคิดว่าพรีมจะเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนนั้น

tbc

เริ่มมาเรื่อยๆ ละ ความดราม่าและความสัมพันธ์อันซับซ้อน ถึงตรงนี้ จะมีคนเดาได้มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-08-2018 18:45:51
:เฮ้อ:

เกลียดภูมิ แต่นะคนหน้าด้าน เห็นแก่ได้ ก็มัักจะได้จริงๆ

เพราะมันแอ๊บเนียนไง ปากหวาน ตะล่อมเก่ง
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-08-2018 18:46:20
พรีมโคตรแย่

มันอาจจะแย่กว่านี้อีก...
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-08-2018 18:47:00
มันยากนักก็ 4p-5p ไปเลย 55555 ///สายดาร์กกก

เอิ่มมมมมมม ไม่อาววววว ไม่ถนัดหลายๆ พี ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-08-2018 18:47:27
โห...ไอ่พรีม!
ไม่รักพรีมเหรอออ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 10 [29/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 29-08-2018 19:53:56
อัครจัดการใจตัวเองซะที
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11 [30/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 30-08-2018 11:21:54
11
คาบเรียนสุดท้ายของพวกเขาจบลงตอนสี่โมงครึ่ง แต่เคนยังมีเรียนถึงทุ่มตรง และคงต้องอยู่ที่มหาวิทยาลัยจนกว่าจะเรียนเสร็จ ปกติพรีมจะอยู่รอ เพื่อกลับห้องพร้อมเคน แต่วันนี้ตั้งใจจะกลับห้องกับซุป

ห้องที่พรีมไม่ค่อยอยากกลับไป ทั้งที่เป็นคนเอ่ยปากชวนให้มาอยู่ด้วยกัน

“ง่วงว่ะ”

ซุปรู้สึกถึงไออุ่นที่ทาบลงมาบนหลัง ก่อนที่ไหล่จะหนักขึ้นเพราะคางของพรีมที่วางลงมา เขาชะลอความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่อยู่ลงเล็กน้อย ที่หางตาเหลือบเห็นว่าพรีมหลับตาอยู่ คล้ายจะหลับ

“เดี๋ยวก็ตกไปตายห่า ไอ้สัส มึงอย่าหลับ” ซุปตะโกนบอก พยายามเกร็งไหล่ข้างที่พรีมเอาคางเกย วันนี้ค่อนข้างแปลก เพราะปกติพรีมไม่ค่อยเข้าใกล้หรือแสดงท่าทีแบบนี้เวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่ อย่างมากก็แค่กอดคอโอบไหล่ตามประสาเพื่อน

“กูง่วง” พรีมครางบอกทั้งที่ยังหลับตา ก่อนจะเอื้อมมือไปโอบเอวของซุป จนคนถูกโอบสะดุ้งเบาๆ ด้วยความไม่คุ้นเคย “แบบนี้ไม่ตกแน่”

ซุปขมวดคิ้ว พึมพำกับตัวเอง แต่พรีมก็ยังได้ยิน และอดอมยิ้มไม่ได้

“แม่งเพี้ยนแน่ๆ”

......
...
วันปฐมนิเทศตอนม.4

ในขณะที่ซุปกำลังนั่งเคาะจังหวะกลองกับโต๊ะม้าหินระหว่างรอเคนมาโรงเรียน มีเด็กผู้ชายใส่แว่นตากรอบสีส้มสดใสคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาทักด้วยรอยยิ้มกว้าง ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง แสงแดดมันสะท้อนเข้าตาทำให้มองหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะมันสะท้อนกับแว่นจนเห็นเป็นเงาดำๆ

“หอประชุมไปทางไหน รู้ป่ะ?”

ซุปกะพริบตาเล็กน้อย เพื่อปรับสายตาให้มองหน้าอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น เขาไม่ได้ส่งยิ้มกลับไป และจำได้ว่าตัวเองตอบสั้นๆ ห้วนๆ ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แต่กระนั้น อีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มเกือบตลอดเวลา

“ไปยัง? ไม่ไปเลยเหรอ? เดี๋ยวสายนะ เข้าไปทีหลังแม่งโครตเด่นนะเว้ย”

ซุปมองมือที่ยื่นมาจับแขนแล้วเงยหน้ามองคนจับอีกที ในใจคิดว่า มึงจะเสือกอะไรกับกูเนี่ย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอย่างนั้นออกไป

“มึงไปก่อน กูรอเพื่อนอยู่”

“งั้นกูรอเป็นเพื่อนอีกคน” มันยักคิ้วกวนตีนอย่างมาก แต่ซุปก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้มันนั่งจ้อไปเรื่อยเปื่อย ยิ้มเรี่ยราดให้ทุกคนที่เดินผ่าน จนอดคิดไม่ได้ว่า มันเฟรนลี่หรือแค่หน้าม่อ

กว่าเคนจะมาถึงโรงเรียน ซุปได้รู้เรื่องของคนที่จู่ๆ ก็เข้ามานั่งด้วยหน้าตาเฉยมากมาย มันบอกว่าชื่อ “พรีม” สอบเข้าโรงเรียนนี้มาคนเดียว ไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักเลยสักคน พอเห็นเขานั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ เลยเข้ามาทัก แถมยังอยู่ห้องเดียวกันโดยบังเอิญอีก

“พรหมลิขิตชัดๆ มึงว่ามั้ย”

“พูดผิดรึเปล่า แค่โชคชะตาก็พอ” ซุปหันไปเถียง แต่พรีมก็ฉีกยิ้มแล้วหัวเราะอย่างร่าเริง

“แล้วแต่มึงจะคิด”

“เออ”

“ไอ้ซุป!!! สายยังวะ”

ไม่ทันที่จะได้คุยต่อ เคนก็วิ่งกระหืดกระหอบลงจากรถของพ่อมาพอดี ซุปแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันแค่ชื่อ แต่เหมือนเคนจะติดใจอะไรไอ้พรีมสักอย่าง เลยชวนกันคุยไม่หยุด แถมยิ้มมากกว่าปกติ เพราะทุกทีอยู่กับเขา เคนจะไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ มีแต่ทำหน้างอแล้วก็ตีกันไปมามากกว่า

ตั้งแต่นั้นมา พวกขาสามคนก็กลายเป็นเพื่อนรักกันอย่างทุกวันนี้

......
...
ซุปพาพรีมกลับมาถึงหอพักโดยสวัสดิภาพ แต่ก็ทุลักทุเลเล็กน้อย เพราะพรีมดันหลับจริง เลยต้องปลุกอยู่นานกว่าจะได้ลงจากรถ

“แม่ง น้ำลายยืดใส่กูด้วยเนี่ย เหี้ยจริงๆ” ซุปก่นด่าเบาๆ ตอนที่เดินกลับห้องด้วยกัน เสียงฝีเท้าของทั้งคู่ดังสะท้อนกับพื้นก้องไปทั่วบริเวณทางเดิน พรีมยังทำตัวอ่อน เอียงคอซบบ่าของซุปเป็นพักๆ

“ก็กูง่วงอ่ะ”

“กลางคืนมัวแต่ทำห่าไรล่ะ ไม่หลับไม่นอนให้มันเต็มที่”

พรีมยกยิ้มมุมปาก เอนตัวซบบนบ่าของซุปที่กำลังไขกุญแจห้อง “มึงอยากรู้เหรอ”

“ไม่อยาก ไม่ต้องบอก ขอบใจ” ซุปว่าก่อนจะผลักประตูเดินนำเข้าไปในห้อง พรีมเลยต้องรีบเด้งตัวขึ้นมายืนตามปกติ แล้วเดินตามหลังซุปเข้าไป

ซุปวางข้าวของลงบนโต๊ะของตัวเอง พร้อมทั้งข้าวกล่องที่แวะซื้อมาจากในมหาวิทยาลัยทั้งสองกล่อง นานแล้วที่พรีมไม่ได้กลับห้อง ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เมื่อปีก่อน พรีมนอนที่ห้องนี้แค่ราวๆ สามเดือน จากนั้นก็แทบทิ้งร้าง นานๆ แวะกลับมาที ส่วนใหญ่ก็จะมากับเคน และนอนรวมกันสามคน

เขาไม่เคยถามเหตุผลว่าทำไมพรีมถึงไม่ยอมกลับมาที่ห้อง ทั้งที่หารค่าเช่าและค่าน้ำค่าไฟให้ตลอด บอกว่าไม่ต้องก็ยังจะจ่ายให้ ซุปไม่ใช่คนชอบก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวคนอื่น รู้แค่พรีมอยากไปนอนกับเคนก็พอ

แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย

“อาบน้ำก่อนหรือจะแดกก่อน” ซุปหันไปถามพรีมที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของเขา ทั้งที่เตียงตัวเองก็โครตจะโล่ง น่านอนกว่ากันเป็นไหนๆ

“กินก่อนได้ป่ะ หิวว่ะ” พรีมส่งเสียงโอดครวญเบาๆ แต่กลับหงายหลังลงนอนบนเตียงแทนที่จะลุกมากินข้าวอย่างปากพูด จนซุปต้องถอนหายใจ เดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วชะโงกหน้าเรียก แต่พรีมแค่ยื่นแขนไปให้

“ก็ลุกมากินดิ”

“ไม่มีแรงว่ะ ฉุดหน่อย”

ซุปถอนหายใจแรง แต่ก็ยอมช่วยฉุดแขนของพรีมให้ลุกขึ้นตามที่ขอ รู้สึกแปลกมากจริงๆ ที่วันนี้พรีมเกาะติดตลอดเวลา แถมทำท่าทางอ้อน (ตีน) จนชักรำคาญ และทำให้เขาหาโอกาสส่งข้อความไปหาอัครไม่ได้เลย

“แกะให้ด้วยดิ”

เสียงไอ้เด็กขี้อ้อน (ตีน) ดังรบกวนจนซุปถึงกับกลอกตาไปมา แต่ก็ยอมแกะข้าวกล่องวางไว้ให้ เขารู้ว่าพรีมต้องราดน้ำปลาพริกบนกะเพรากุ้งของโปรด ก็เลยจัดการทำให้เสร็จสรรพ จะได้ไม่ต้องส่งเสียงมาขออีก

“แดกเลย เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน” ซุปคว้าสมาร์ทโฟนกับผ้าขนหนูเตรียมจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่พรีมดึงแขนไว้ เลยต้องหันไปมองหน้า

“กินด้วยกันสิวะ”

“ต้องให้กูป้อน?”

“ได้แบบนั้นก็ดี” พรีมคลี่ยิ้มจนตาหยี มือยังจับแขนของซุปไว้แน่น สุดท้ายเขาก็เลยยอมนั่งลงกินข้าวด้วยกันก่อน ทั้งที่กะจะเข้าไปส่งข้อความคุยกับอัครในห้องน้ำ เลยเปลี่ยนมาส่งไลน์ตอนกินข้าวแทน

ฟึ่บ!

“อย่าเอาแต่เล่นมือถือดิ”

ซุปขมวดคิ้วฉับมองตามสมาร์ทโฟนของตัวเองที่ถูกฉกชิงไปต่อหน้าต่อตา ทั้งที่กะจะคุยกับอัครให้หายคิดถึง พรีมแย่งมือถือไปแล้วเหลือบมองหน้าจอเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

“ปิดเทอมนี้ กูชวนอัครไปเที่ยวด้วยกันว่ะ มึงสนใจมั้ย”

ซุปยังไม่ตอบในทันที เขาเพียงแค่ย่นคิ้วเข้าหากัน จ้องหน้าพรีมอย่างไม่เข้าใจ

“ว่าไง? มึงอยากเจออัครอีกไม่ใช่เหรอ? จะจีบเพื่อนกูก็บอก ทำไมต้องทำหลบๆ ซ่อนๆ วะ” พรีมว่าพลางตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวจนมันละเอียดแล้วกลืนลงคอ ซุปก็ยังนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา และไม่กิน เหมือนจะรอให้พรีมกินเสร็จก่อน แล้วค่อยพูด

“มึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมึงที่กูไม่รู้”

ซุปนิ่งไปอีกรอบ มือที่กำช้อนไว้สั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ เรียวคิ้วขมวดมุ่นพาให้หน้าตาบูดบึ้ง แต่พรีมก็ยังคงยิ้ม

เป็นแบบนี้ทุกที

ซุปพยายามพ่นลมหายใจ เพื่อควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองที่กำลังคุกรุ่น เขาบีบช้อนที่กำไว้แล้วค่อยๆ คลายมันออก วางช้อนลงบนโต๊ะและลุกยืนหันหน้าออกไปนอกระเบียง ซึ่งมีบานประตูกระจกคั่นไว้ พรีมมองตามใบหน้าด้านข้างของซุป รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้านั้นแล้ว

“มึงไม่เห็นบอกกู ว่าชอบผู้ชายได้เหมือนกัน” พรีมเองก็วางช้อนลงเช่นกัน สายตายังคงจับจ้องเสี้ยวหน้าข้างหนึ่งของซุปไม่วางตา แต่สีหน้านั้นเดาอารมณ์ได้ยากยิ่ง

“แล้วทำไมกูต้องบอกวะ” ซุปกัดฟันกรอด

“มึงเอาจดหมายในลิ้นชักไปใช่มั้ย กูว่ามันหายไปซองนึง”

“เออ กูเอาไป” ซุปหันไปมองหน้าพรีมตรงๆ “กูเขียนจดหมายพวกนั้นตอบกลับไปแทนมึง กูคุยกับอัครลับหลังมึงมาตลอดเกือบปี พอใจยัง?”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” พรีมยักไหล่พลางคลี่ยิ้มตามเดิม แต่ซุปไม่รู้สึกสบายใจเลยกับท่าทางอย่างนั้นของพรีม เขากำหมัดแน่นจนมือสั่นกึกๆ บางสิ่งที่เก็บกดไว้มานานมันเริ่มปะทุออกมาทีละน้อย หลังจากที่อดทนมานาน

“ถ้าเป็นไปได้ คนนี้กูขอ”

“จริงจังขนาดนั้นเลย?” พรีมเลิกคิ้ว มุมปากแต้มด้วยรอยยิ้มยียวน

“เออ กูจริงจัง แล้วนั่นก็เพื่อนมึงทั้งคน หวังว่ามึงจะไม่ทำอะไรชั่วๆ เหมือนเมื่อก่อนอีก” ซุปเกร็งไปทั้งตัว เพราะฝืนเก็บความรู้สึกทั้งหมดที่ใกล้ระเบิดเอาไว้ ถ้าพูดไปตอนนี้ อาจจะถึงขั้นแตกหักกับเพื่อนได้ และเขาไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น

ไม่ว่าไอ้พรีมมันจะระยำแค่ไหนก็ตาม

“กูยอมให้มึงได้ทุกอย่างมาตลอด ทั้งเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของกู ทั้งคนที่กูแอบชอบ คนที่กูสนใจ ถ้ามึงอยากได้ กูยกให้หมด แต่ขอแค่คนนี้ ได้มั้ยวะพรีม”

“หืม? เดี๋ยวนี้กล้าพูดกับกูตามตรงแล้วเหรอวะ” พรีมยังคงยิ้มกวน ทั้งที่ซุปแทบจะคุกเข่าขอร้องอยู่แล้ว ใครเห็นคงคิดว่าพรีมกำลังสะใจที่เห็นซุปเป็นแบบนี้

พวกเขาเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่เหมือนเพื่อน

ทั้งซุปและพรีมต่างเรียนเก่งเหมือนกัน มีงานอดิเรกคล้ายๆ กัน มีผู้หญิงมาชอบพอๆ กัน พวกเขาดูน่าจะเป็นเพื่อนรักกันตามที่ใครๆ เห็น

แต่ความจริงแล้ว ซุปคิดมาตลอด ว่าพรีมอาจจะเกลียด

......
...
ซุปไม่ได้คิดแบบนั้นมาตั้งแต่แรก ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจใคร ไม่แคร์สายตาคนอื่น เรียกว่า ไม่สนโลกก็ว่าได้ ซุปอยู่กับเคนแค่สองคนมาตลอด เพื่อนคนอื่นก็พอคบได้ แต่ไม่สนิท และพอมีพรีมเข้ามาตีสนิท แรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร พรีมทำตัวกลมกลืนไปกับพวกเขาได้อย่างดี ทำให้ซุปไม่สะกิดใจใดๆ ทั้งสิ้น

“ซุป มึงจะเข้าชมรมดนตรีเหรอ”

“เออ”

“งั้นกูเข้าด้วย”

เพราะเคนชอบไม่เหมือนกัน ตอนนั้นที่มีพรีมเข้ามา แถมยังชอบเล่นดนตรีเหมือนกัน ทำให้ซุปดีใจนิดหน่อย พรีมเล่นกีต้าร์ได้ ส่วนซุปก็ตีกลอง เลยได้อยู่ในวงเดียวกัน และมีรุ่นพี่อีกสามคนในวง ทำให้ซุปกับพรีมเริ่มสนิทกันมากขึ้น พรีมขอให้ซุปช่วยสอนตีกลอง ซุปก็สอนให้ ไม่ว่าขอให้ช่วยทำอะไรก็ทำ เพราะคิดว่าพรีมเป็นเพื่อน แถมเคนก็ดูจะชอบพรีมไม่น้อย

“มึงให้กูเล่นกลองได้มั้ยวะ กูอยากเล่นอ่ะ มันเท่ดี”

แม้แต่ตอนที่พรีมมาขอสลับตำแหน่ง ซุปก็ไม่ได้ว่าอะไร เขายอมให้เพื่อนได้เป็นมือกลองในวงแทน และพรีมก็ทำออกมาได้ดีมาก มากกว่าตอนที่ซุปอยู่ในตำแหน่งนั้น เขาจึงยินดีที่จะให้พรีมครองตำแหน่งมือกลองของวง ส่วนซุปเปลี่ยนไปเล่นกีต้าร์พรีม

“กูว่ามึงเหมาะกับกีต้าร์มากกว่า จริงๆ นะเว้ย ไม่ได้ยอ” พรีมหัวเราะแล้วกอดคอไว้ ซุปเองก็แค่ยิ้มให้ มันอาจจะจจริงอย่างที่พรีมว่า เพราะพอเปลี่ยนไปเล่นกีต้าร์ ยอดไลค์ของวงก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า หรือมันอาจจะเพราะพรีมไปเล่นกลองก็ได้

“น้องคนนั้นมาแอบมองมึงบ่อยนะ แอบชอบมึงแหงๆ เลยว่ะซุป” รุ่นพี่ม.6 ในวงเดียวกันว่าอย่างนั้น ซุปชะเง้อมองก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนด้อมๆ มองๆ ข้างเสาหน้าห้องซ้อม เขาส่ายหน้า เพราะไม่ได้คิดอะไร

แต่พอวันถัดมา เขาก็เห็นพรีมอยู่กับเด็กผู้หญิงม.4 คนนั้น ท่าทางสนิทสนมกันมากด้วย และซุปก็คิดว่าดีแล้ว ถ้าพรีมจะมีแฟน

“มึงชอบคนนั้นเหรอซุป?”

ซุปเคยแอบชอบรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่กล้าเข้าไปทักหรือคุยด้วย และพอพรีมถาม ก็เลยเล่าให้ฟัง กับเคนยังไม่เคยคุยเรื่องพวกนี้กันเลย เพราะซุปมักจะมองเคนว่าเป็นเด็ก ไม่เหมาะกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เขาทำตัวเหมือนพี่ชายหรือพ่อของเคนเสมอ กับพรีมที่เท่าเทียมกันทุกอย่าง ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา การเรียน กีฬาหรือเรื่องงานอดิเรก ทำให้ซุปค่อยๆเปิดใจและคุยกับพรีมทุกเรื่อง

พรีมบอกว่าจะช่วย ซุปก็เลยเออออด้วย แต่สุดท้ายรุ่นพี่คนนั้นกลับหันไปชอบพรีม ซุปไม่คิดว่าเป็นความผิดของพรีมเลย เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ พรีมคอยช่วยส่งขนมส่งของขวัญให้ พี่เขาคงปลื้มมากกว่า แม้ของเหล่านั้นจะเป็นของที่ซุปซื้อก็ตาม

แต่หลังจากนั้น ไม่ว่าซุปจะชอบใคร หรือมีใครมาชอบ สุดท้าย ทุกคนก็เปลี่ยนใจไปหาพรีมหมด จนเขาเริ่มคิดมาก และไม่ค่อยพอใจ เคนก็ยังติดพรีมแจ เห็นว่าพรีมดีอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งทำให้ซุปไม่พอใจพรีมมากขึ้น จนในที่สุด เขาก็ตัดสินใจให้เคนได้รับรู้เรื่องชั่วๆ ของไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอกนั่น ด้วยการมอบกุญแจห้องชมรมให้ ทั้งที่รู้ว่าเย็นนั้นพรีมกำลังทำอะไรอยู่กับใคร

เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ม.4 เธอแอบชอบซุป และตามเขาไปที่ห้องชมรม เพราะอยากจะให้ขนมที่ทำเองกับมือ แต่ตอนนั้นพรีมอยู่ด้วย พวกเขากำลังทะเลาะกันในเรื่องไร้สาระ และพอเธอเข้ามาเพื่อจะส่งขนมให้ พรีมก็โพล่งออกไปว่า

“ไอ้ซุปมันไม่กินหรอกครับน้อง แต่ถ้าให้พี่ รับรองกินเรียบ”

ทั้งรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มนั่น ทำให้บางอย่างในตัวซุปขาดผึง เขาตวัดสายตามองพรีมอย่างไม่พอใจ จนเด็กผู้หญิงที่มาหายังตกใจ

“ถ้ามึงอยากได้ ก็เอาไปเลย กูยกให้ ไอ้สัส”

แล้วซุปก็เดินออกมาจากห้องนั้น ปิดประตูล็อคกลอนให้เสร็จสรรพ เขายืนพิงอยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงพรีมคุยกับเด็กคนนั้นไม่นานก็เหลือแต่เสียงครางจนอยากจะตัดหูตัวเองทิ้ง ซุปเลยเลือกเดินหนีไป และพอเจอเคนที่รอพรีมอยู่ เขาจึงตัดสินใจให้เคนไปรับรู้เรื่องนั้นด้วยตัวเอง

ไอ้สารเลวที่แม่งแย่งทุกอย่างไปจากกู

......
...
ถ้าถามว่า ในเมื่อคิดว่าพรีมเกลียด แถมยังไม่พอใจนิสัยชอบแย่งของพรีม แล้วทำไมเขาถึงยังทนคบกับพรีม

คำตอบก็ง่ายๆ เพราะ...เคนรักมัน ยังไงล่ะ

“ถ้ามึงไม่ได้ชอบอัคร ไม่ได้คิดจะจริงจัง กูขอ” ซุปยังคงยืนยันคำเดิม แม้อัครจะชอบพรีม แต่เขาจะทำให้เปลี่ยนใจเอง

พรีมจ้องตากับซุปอย่างเงียบงัน มีแค่รอยยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย

“แล้วถ้ากูบอกว่ากูจริงจังล่ะ”

ซุปบีบมือตัวเองจนรู้สึกเจ็บ ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างเผลอไผลพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในอกรุ่มร้อนคุกรุ่นด้วยความโกรธที่ไม่มีทางระบาย

“กูรู้จักอัครมาก่อนมึงตั้งหลายปี กูอาจจะแอบชอบมันตั้งแต่ม.ต้นแล้วก็ได้”

“ถ้ามึงชอบอัครจริง มึงจะไม่ทำแบบนั้น” ซุปขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ส่วนพรีมแค่เอียงคอมอง

“ทำแบบไหนวะ?”

“ที่มึง...จู่โจมถึงเนื้อถึงตัว แถมยัง...หอมแก้มเขาแบบนั้น”

พรีมถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดัง เพราะซุปช่างรู้ใจและรู้นิสัยของตนดีเหลือเกิน

“มึงแค่หวังอะไรบางอย่างจากอัคร เพราะงั้นกูถึงต้องพูดตรงๆ ว่ากูชอบเขาจริงๆ ขอให้มึงอย่ายุ่งกับเขา ได้มั้ยวะ” เสียงของซุปอ่อนลงมาก ทั้งนัยน์ตาก็แสดงความอ้อนวอนอย่างที่สุด ขอร้องในสิ่งที่ไม่เคยขอมาก่อนในชีวิต ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ต้องยอมก้มหัวขอร้องพรีม

พรีมยังคงหัวเราะอยู่สักพัก ก่อนจะสาวเท้าเพียงก้าวเดียวเข้าไปหาซุปที่ยืนหันหลังให้บานประตูกระจก สีหน้าของพรีมดูจริงจังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แววตาที่จ้องมองคล้ายกำลังต้องการบอกอะไรบางอย่าง

แต่พรีมกลับทำแค่ผลักไหล่ของซุปจนเซไปกระแทกกระจก ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ชวนให้ซุปมึนงง แล้วก็หันหลังเดินหนีไป

“มึงแม่ง ไม่เคยรู้เหี้ยอะไรเลย”

tbc

ตอนนี้ยาวหน่อย (มั้ง 55) ย้อนอดีตเป็นพักๆ เรื่องของพวกมันช่าง...
และนี่คือคู่หลักของเรื่องที่แท้จริง เอ้ย ม่ายช่ายยยยย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 10 [29/8/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 30-08-2018 11:23:12
อัครจัดการใจตัวเองซะที
น่าจะใช้เวลานานอยู่ แหะๆ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11 [30/8/18] ดราม่ามันซะอย่างนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 30-08-2018 11:52:56
หรือว่าพรีมชอบซุป?
แต่ไม่ชอบพฤติกรรมของพรีมเลยจริงๆ สงสารเคนด้วย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11 [30/8/18] ดราม่ามันซะอย่างนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 30-08-2018 12:59:35
พรีมชอบซุป เลยทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ใครมาแย่งซุปไป รักแบบแปลกๆ อย่าเอาอัครเข้าไปเกี่ยวเหอะ สงสารร
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11-12 [30/8/18] ดราม่าตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 30-08-2018 22:06:09
12
“ปิดเทอมแล้วไม่กลับบ้านเหรอวะ” แน็กถามขึ้นขณะเก็บข้าวของใส่กระเป๋า สอบเสร็จหมดแล้ว และได้เวลากลับไปอยู่บ้านช่วงปิดเทอม ส่วนอัครยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ ของก็ไม่ได้เก็บเตรียมไว้

“พรีมบอกว่าจะมารับวันที่ 6 อ่ะ กูเลยบอกที่บ้านไปแล้วว่าจะกลับหลังวันที่ 10” อัครนั่งมองแน็กพับเสื้อผ้าทีละชิ้นอยู่บนเตียง แน็กเป็นคนเจ้าระเบียบมากกว่าที่เคยคิด นอกจากจะเก็บของทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว แน็กยังคอยทำความสะอาดห้อง รวมทั้งรีดเสื้อผ้าให้อัครด้วย เวลากลับมาเสื้อกางเกงก็รีดเรียบกริบแขวนไว้หน้าตู้แล้ว บอกไม่ต้องทำ ก็ยังชอบทำให้ แน็กบอกว่าว่าง ไม่มีอะไรทำ แล้วก็ชอบที่จะทำ

“จะไปไหนกันวะ”

“ต่างจังหวัด แต่ไม่รู้ที่ไหนว่ะ ถามไปก็บอกว่าเดี๋ยวรู้” อัครตอบยิ้มๆ หน้าตาปลื้มปริ่มที่พรีมชวนไปเที่ยวสองคน แน็กหรุบตาลง พยักหน้าน้อยๆ ด้วยสีหน้าเศร้าหมองที่อัครไม่เคยสังเกต แล้วจัดของต่อจนเสร็จ

เช้าวันต่อมา แน็กเตรียมตัวกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว น่าเสียดายที่อัครไม่กลับพร้อมกัน เพราะแน็กตั้งใจจะไปส่งอัครที่บ้านก่อน

“มึงอยู่คนเดียวระวังตัวด้วยนะเว้ย คนกลับบ้านกันเยอะ หอไม่ค่อยมีใครแล้ว” แน็กบอกพลางสวมหมวกกันน็อค ขยี้ผมของอัครเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

อัครพยักหน้ารับ “เออ กูไม่ไปหาเรื่องใครหรอกน่า”

“กูก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นมั้ยล่ะ” แน็กพึมพำ จนอัครเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แต่แน็กก็ส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร “งั้นกูไปล่ะ”

“กลับดีๆ เว้ย” อัครโบกมือส่ง ยืนมองรถมอเตอร์ไซค์สีดำคันใหญ่แล่นออกไปจากหน้าหอพัก แล้วจึงเดินกลับเข้าไปในหอพัก พอดีกับเสียงไลน์แจ้งเตือน จึงก้มไปดูสมาร์ทโฟนในมือ

Prema-P: เตรียมตัวยัง

อัครหลุดยิ้มทันทีที่เห็นข้อความจากพรีม เขาพิมพ์ตอบไปอย่างเร็วรี่ ว่ากำลังจะเตรียมวันนี้แล้ว พรีมเลยส่งสติ๊กเกอร์ O.K. มาให้

ช่วงสอบปลายภาคทั้งพรีมและซุปต่างยุ่งๆ เลยไม่ค่อยได้ไลน์มาคุยกับอัครเท่าไหร่ อัครเองก็ขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือด้วย แต่ซุปมีส่งข้อความมาให้กำลังใจเรื่องสอบเกือบทุกวัน ส่วนพรีมแค่ติดต่อมาเรื่องที่จะไปเที่ยวด้วยกันแล้วก็เงียบหายไป จนถึงวันนี้ที่เพิ่งไลน์มา

อีกสองวันพรีมจะมารับไปเที่ยวแล้ว อัครเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ เป็นครั้งแรกที่จะได้ไปเที่ยวกับพรีม ตอนม.ต้นเจอกันก็แค่ที่โรงเรียน อ้อ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เพื่อนๆ นัดกันไปเที่ยวสยาม เป็นครั้งแรกที่อัครเห็นพรีมใส่ชุดอื่นนอกจากชุดนักเรียน ทำให้ยิ่งหลงหนักกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า อัครแทบไม่กล้ามองหรือคุยกับพรีมเลย เพราะมัวแต่เขิน

และครั้งนี้ก็จะเป็นอีกครั้งที่อัครคงต้องเขินพรีมจนตัวแทบระเบิดอีกแน่ๆ เพราะพรีมที่เจอครั้งก่อนทั้งสูงและเท่ หล่อกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่า แว่นตาก็ไม่ได้สวมแล้วด้วย ยิ่งมองเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นชัดมากขึ้นไปอีก จะได้อยู่ด้วยกันสามวันสองคืน แค่คิดก็ตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกแล้ว

และแล้วก็ถึงวันที่พรีมบอกว่าจะมารับ อัครตื่นแต่เช้าเพราะแทบนอนไม่หลับ พอพรีมไลน์มาเรียก ก็รีบหอบกระเป๋าวิ่งลงไปหาที่หน้าหอพัก

พลันต้องสะดุดเมื่อเห็นอีกคนในรถยนต์คันสีขาวของพรีม

“วะ หวัดดี” อัครยิ้มเจื่อนๆ ทักทายเมื่อเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง เพราะเบาะข้างคนขับมีคนนั่งอยู่แล้ว

ซุปหันไปยิ้มบางๆ ให้ “หวัดดี”

“มันไปด้วย มึงโอเคมั้ย?” เสียงพรีมสะกิดเรียกสติของอัครกลับมา หลังจากมึนงงอยู่นาน จนรถยนต์เคลื่อนตัวออกไปแล้ว

“โอ โอเคสิ แต่...เคนล่ะ?” เพราะน่าจะอยู่กันสามคนครบทีม มากกว่าจะชวนแค่ซุปมาแบบนี้

พรีมหัวเราะเบาๆ “มันไม่ว่างว่ะ กูก็ลืมบอกให้มึงชวนเพื่อนมาด้วยสักคน”

อัครเหมือนจะทำหน้าไม่ถูกกับเสียงหัวเราะของพรีมที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นกว่าปกติ มันก้องไปทั้งรถจนปวดหัวนิดๆ พรีมไม่ได้ชวนคุยอีก เสียงเพลงแนวฮาร์ดคอร์และร็อคดังต่อเนื่อง ดังจนกลบทุกเสียงภายในรถยนต์คันนี้ และอัครก็ได้แต่นั่งตัวลีบเหม่อมองไปนอกกระจกรถ วิวข้างทางค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่แถบชานเมืองและเริ่มมีต้นไม้มากขึ้นเมื่อเข้าต่างจังหวัด

“เราจะไปไหนกันเหรอ”

ในที่สุดอัครก็เอ่ยถาม เพราะเกือบสามชั่วโมงแล้วที่นั่งรถมาด้วยกัน โดยที่มีแต่เสียงเพลง ซุปนั่งท้าวศอกกับขอบกระจกรถ มองวิวข้างทางเช่นกัน ส่วนพรีมยังตั้งอกตั้งใจขับรถด้วยความเร็วค่อนข้างสูง

“หัวหิน”

คนที่ตอบคือซุป เพราะพรีมมัวแต่ร้องเพลง ปลายนิ้วเคาะจังหวะกับพวงมาลัยอยู่ตลอด ราวกับอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

“อืม” อัครพยักหน้าน้อยๆ พลางคิดถึงทะเลในหน้าหนาว คงเย็นจับขั้วหัวใจ ไม่ต่างจากความรู้สึกของเขาในตอนนี้เท่าไหร่ เลือกสถานที่ได้เหมาะเจาะจริงๆ

“ไอ้พรีมมีบ้านพักที่นั่น”

“เอ๊ะ จริงดิ? หรูไปเลย” อัครว่ายิ้มๆ เขยิบตัวไปนั่งเกาะด้านหลังเบาะของซุปไว้ แล้วชวนคุยอีก “ซุปเคยไปมาก่อนเหรอ”

“ใช่” ซุปตอบสั้นๆ ปกติเขาก็ไม่ใช่คนชอบคุยอยู่แล้ว จริงๆ อยากคุยกับอัคร เพราะคิดถึงมาตลอด แต่ติดที่พรีมมันอยู่ด้วย เลยไม่อยากแสดงออกมาก

“เป็นไงอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อย”

“เดี๋ยวก็เห็นเอง” ซุปอมยิ้มนิดๆ เอี้ยวตัวไปลูบหัวอัครเบาๆ พรีมเหล่มองแล้วหรี่เสียงเพลงลง จังหวะนั้นเองที่อัครรีบผละออกจากเบาะของซุป ส่วนซุปก็กลับไปนั่งเอนตัวพิงเบาะตามเดิม

“หยิบน้ำให้หน่อย กูคอแห้ง” พรีมส่งสายตาไปที่ขวดน้ำตรงช่องเกียร์ ความเร็วของรถชะลอลงเล็กน้อย และซุปก็หยิบขวดน้ำมาเปิดแล้วยื่นส่งไปให้ แต่พรีมไม่รับ “จับหลอดให้ด้วย มือไม่ว่างเห็นป่ะ”

“สัส เรื่องมาก” ซุปด่าก่อนจะจับหลอดยื่นไปจ่อที่ปากของพรีม อัครมองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ ก็รู้ว่าสองคนนี้สนิทกัน เป็นเพื่อนกันมานาน แต่ก่อนหน้านี้ยังเห็นพรีมสนิทกับเคนมากกว่าอยู่เลย

พรีมแกล้งเอาปากแตะที่นิ้วของซุปแล้วค่อยดูดน้ำจากหลอดหลายอึก ตอนที่เอาปากออก ก็ทำน้ำหยดลงบนมือของซุปไปด้วย

“เชี่ย กินดีๆ ดิวะ” ซุปโวยวายใส่ รีบเก็บขวดน้ำแล้วหาผ้ามาเช็ดมือเร็วๆ ก่อนจะผลักหัวพรีมด้วยความหงุดหงิด ส่วนพรีมก็เอาแต่หัวเราะอารมณ์ดี

อัครนิ่งเงียบกับการหยอกล้อเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสองคน มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของพรีมกับซุปก็ได้ เขาพยายามคิดในแง่นั้น

การมาเที่ยวครั้งนี้ ไม่น่าจะสนุกอย่างที่อัครวาดฝันไว้เสียแล้ว

......
...
พวกเขามาถึงบ้านพักตากอากาศของบ้านพรีมในช่วงบ่ายคล้อย ที่พักอยู่ไม่ไกลจากทะเล แถมยังมีสระว่ายน้ำเล็กๆ ในบ้านด้วย ตัวบ้านมีสองชั้นเป็นแบบโมเดิร์น ขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป และน่าจะมีคนคอยดูแลอย่างดี เพราะยังดูสะอาดเอี่ยม

“กูนอนห้องใหญ่กับมึง ให้อัครนอนห้องกลาง” เจ้าของบ้านประกาศเมื่อมาถึง และอัครก็ต้องยอมตามนั้น ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเก็บของและลงมาเจอกันที่ชั้นล่าง

“เดี๋ยวให้ลุงมั่นมาจัดเตาให้ ของสดมีแล้ว ทำบาร์บีคิวกินกันตามสบาย” พรีมว่าพลางเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นเช็คของที่สั่งให้คนดูแลบ้านซื้อมาไว้ตั้งแต่เช้า

“อัครอยากกินอย่างอื่นอีกมั้ยครับ” ซุปหันไปถามอัครที่นั่งรออยู่บนโซฟา

“ไม่ๆ แค่นั้นก็เยอะแล้ว” อัครรีบตอบ

“มึงแดกเหล้าได้ป่ะวะอัคร พวกกูอ่ะกินประจำนะ” พรีมกระตกยิ้ม ยกขวดเหล้าชูให้ดู “คืนนี้เต็มที่เว้ย”

“ถ้าอัครไม่กินก็บอกนะ ไม่บังคับ”

“ได้ไง ต้องแดกทุกคนดิ ไม่งั้นไม่สนุก” พรีมแย้งที่ซุปพูดทันที ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปหาอัคร ทิ้งตัวลงนั่งกอดคออัคร “ได้ใช่มั้ยว่ะ”

“อืม” อัครยิ้มตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก บรรยากาศแปลกๆ รอบตัวนี้ ไม่น่าจะคิดไปเองจริงๆ

“เด็กถาปัดแม่งขี้เหล้า มึงเคยได้ยินใช่มั้ยวะไอ้อัคร คณะมึงมีแต่ผู้หญิงอ่ะดิ เลยไม่ค่อยได้สังสรรค์ คืนนี้ต้องจัดเว้ย จริงๆ น่าพามึงไปจัดที่ผับ แต่ไว้ก่อน” พรีมยังกอดคออัคร มืออีกข้างถือขวดเหล้า “ไว้กลับกทม.แล้วกูพาไปเปิดหูเปิดตา”

“มะ ไม่เป็นไรมั้งพรีม” อัครเอนตัวหลบเวลาที่พรีมเอียงหน้ามา วันนี้พรีมดูไม่เหมือนเมื่อคราวก่อนที่เจอเลยสักนิด

หรือนี่คือตัวตนของพรีมที่ซุปเคยบอกไว้

พรีมคนที่อัครไม่รู้จักมาก่อน

ช่วงบ่าย พรีมพาเพื่อนทั้งสองไปเล่นน้ำทะเลและถ่ายรูปด้วยกัน พรีบเป็นคนชอบถ่ายรูป และพกกล้องมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ชายหาดแถวบ้านพัก ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ คงเพราะเป็นหน้าหนาวด้วย เลยไม่ค่อยมีใครมาเล่นน้ำ ลมพัดแรงมากจนเสื้อโบกสะบัด

“ฝาก ขอกูเช็คเลนส์แป้ป” พรีมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ริมหาด ยื่นกระเป๋ากล้องใบใหญ่ให้ซุปช่วยถือไว้ ส่วนอัครกำลังมองทัศนียภาพรอบๆ อยู่ใกล้ๆ กัน

“ช่วงนี้มึงใช้ตัวไหนวะ” ซุปนั่งลงข้างพรีมที่กำลังเตรียมจะเปลี่ยนเลนส์กล้องใหม่

“กูติดใจ Sigma 16mm อยู่ว่ะ ใช้บ่อยเลย แต่บางทีก็สลับๆ กับเลนส์ซูม”

“ไว้ซูมสาวตึกตรงข้ามงี้?” ซุปถามกลั้วหัวเราะ อัครหันไปมองทั้งสองคนนั่งคุยกันเป็นพักๆ

“พ่องเถอะ ไว้ซูมดูมึงตอนอาบน้ำต่างหาก” พรีมยกยิ้มมุมปากอย่างกวนๆ แต่ซุปไม่เล่นด้วย เอาขาเตะขาเพื่อนไปทีอย่างไม่ใส่ใจ “อัคร มึงวิ่งไปไกลๆ ดิ กูจะลองกล้อง”

“แบบนี้เหรอ?” อัครวิ่งออกไประยะหนึ่งแล้วตะโกนถาม พลางโบกไม้โบกมือ พรีมชูนิ้วทำท่าโอเค แล้วยกกล้องขึ้นส่องภาพของอัครที่ยืนรอให้ถ่าย

“มันน่ารักนะ มึงว่ามั้ย” พรีมเปรยเบาๆ พลางกดชัตเตอร์รัวๆ ซุปมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนนิ่งนาน “ตัวเล็กๆ น่ารัก เหมือนลูกหมาซนๆ ที่บ้านกูเลย”

ซุปหันมองไปทางอัครที่กำลังวิ่งเล่นและหันมายิ้มให้กล้องของพรีมเป็นระยะ สีหน้าท่าทางนั้นร่าเริงขึ้นกว่าตอนที่นั่งมาในรถพอสมควร

“คนที่จิตใจดี ร่าเริงสดใส น่ารักขนาดนั้น...” พรีมเว้นจังหวะกดชัตเตอร์ แล้วค่อยๆ ลดมือลง ก่อนจะหันไปยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยตรงหน้าซุป ที่เบนสายตากลับมามองตนอีกครั้ง

“ถ้าโดนบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี มึงว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ได้มั้ยวะ”

......
...
ซุปนั่งมองพรีมชงเหล้าส่งให้อัครอย่างเหม่อลอย ประโยคที่พรีมพูดเมื่อบ่ายยังดังวนอยู่ในหัว ทั้งที่ตัวเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้ แต่แค่จะเอ่ยปากห้ามออกไป หรือลุกไปกระชากคอไอ้พรีมแล้วต่อยหน้ามันให้สลบเหมือด ก็ยังไม่กล้า...

ระหว่างที่นั่งคิดเรื่อยเปื่อยจนเบลอ แถมยังมีฤทธิ์เหล้ากรึ่มๆ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซุปวางแก้วอย่างลนลาน แล้วรีบหยิบสมาร์ทโฟนบนโต๊ะมากดรับสายจากเคน ทำท่าขอตัวเดินออกไปไกลจากบริเวณสระน้ำที่พวกพรีมนั่งอยู่ เพื่อจะได้คุยถนัดๆ

[พวกมึงหายหัวไปไหนกัน] เสียงของเคนเหมือนหงุดหงิดไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“อยู่บ้านไอ้พรีมที่หัวหิน”

[ทำไมไปไม่ชวนกู โทรไปแม่งก็ไม่รับไอ้สัส มันอยู่ไหน อยู่กับมึงสองคนเหรอ?]

“เปล่า...” ซุปตอบอ้อมแอ้ม คราวก่อนที่เจออัคร เหมือนเคนจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เพราะพรีมดันก้อร่อก้อติกอัครจนออกนอกหน้า

[แล้วอยู่กับใคร บอกกูมา มันคงไม่ได้พาผู้หญิงที่ไหนไปกกที่นั่นใช่มั้ยวะ]

ถึงตรงนี้ ซุปยิ่งไม่อยากพูดออกไปว่ามากับใครอีกคน “ผู้ชายๆ ไม่ใช่ผู้หญิง”

[งั้นยิ่งไว้ใจไม่ได้เข้าไปใหญ่เลยไอ้ห่า มึงก็รู้ว่ากูชอบมัน อย่าให้มันได้กันนะ พรุ่งนี้กูจะตามไป]

“เออๆ กูดูให้” ซุปรับคำก่อนจะได้ยินเสียงเคนกดวางสาย เขาถึงกับพรูลมหายใจยาว ไม่รู้จะโล่งอกหรือยิ่งเครียดหนักกว่าเดิมดี พรุ่งนี้เคนจะตามมา เห็นลางว่าไม่ดีแน่ ช่วงนี้เคนยิ่งจริงจังเรื่องไอ้พรีมด้วย แน่ล่ะ เจอพวกเจ้าชู้ไก่แจ้แบบนี้ จะให้นิ่งเฉยก็คงตายด้านแล้ว

พรีมแม่งเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเท่าที่เคยเจอะเจอมา ทำไมถึงได้มั่วคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย ไม่จริงจังกับใครสักที ทั้งที่เคนก็รักมันขนาดนี้แล้ว ที่สำคัญ เสือกชอบมายุ่งกับคนที่กูชอบอีก

ซุปคิดพลางมองไปทางพรีมกับอัครที่นั่งห่างไปไกลพอสมควร ได้ยินเสียงดังมาไกลๆ ตรงที่ซุปยืนอยู่เป็นอีกฝั่งของสระว่ายน้ำ เขาอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว อยากคิดอะไรสักพัก เลยยังไม่เดินกลับไปนั่งที่เดิม สักพักก็เห็นพรีมกวักมือเรียก เลยเดินไปหา อัครที่ตอนแรกยังส่งเสียงดังเพราะเมา ตอนนี้หลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว

“พามันไปนอนบนห้องก่อน” พรีมดึงแขนข้างหนึ่งของอัครมาพาดบ่า แล้วให้ซุปช่วยพยุงอีกข้างขึ้น

“กูอุ้มไปเลยมั้ย ตัวแค่นี้ สบายๆ” ซุปเสนอ แต่พรีมตวัดตามามองเหมือนไม่ค่อยพอใจ

“ไม่ต้อง แค่ช่วยกูพอ” พรีมพูดแค่นั้นแล้วก้าวขาออกไปก่อน ซุปเลยต้องรีบตาม ช่วยกันพยุงร่างของอัครไปจนถึงห้องพักบนชั้นสองอย่างทุลักทุเล พอวางอัครลงบนเตียง พรีมก็นั่งลงข้างๆ คนที่หลับสนิท ยกมือลูบแก้มและปัดปอยผมที่ปรกหน้าให้ ส่วนซุปยืนนิ่งมองท่าทางของพรีมที่ดูแปลกไป

“จะกินต่อมั้ย หรือนอน?”

“มึงไปก่อน” พรีมโบกมือไล่ ปลายนิ้วแตะที่ริมฝีปากของอัคร คนเมาแต่ยังหลับไม่สนิทดี ครางงึมงำ เอามือปัดแขนของพรีม

“มึงไปกับกูดิ” ซุปกระชากแขนของพรีมให้ลุกขึ้น แต่พรีมสะบัดออก แล้วหันไปแสยะยิ้มให้

“ทำไม? หวงเหรอวะ นี่มึงจริงจังมากเลยเหรอ มันเป็นผู้ชายนะเว้ย”

ซุปกำมือแน่น แต่พยายามทำหน้านิ่งไว้ “มึงคงไม่เหี้ยถึงขนาดเอากับคนเมาป่ะวะ”

พรีมไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เงยหน้านิดๆ สบตากับซุปที่สูงกว่าเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“พรีม กูขอร้อง พรุ่งนี้ไอ้เคนก็จะมา ถ้ามันรู้เรื่องมึงกับอัคร มันต้องโมโหแน่” ซุปลองอ้อนวอนดูอีกที แต่พรีมยังไม่พูดอะไร ทุกก้าวที่พรีมขยับเข้าใกล้ ซุปก็จำต้องถอยไปหนึ่งก้าว ไม่อย่างนั้นคงชนกัน

“มึงห่วงใคร? อัคร ไอ้เคน หรือว่ากู?”

“กูก็ห่วงทุกคนไง อย่าทำอะไรอัครเลยว่ะ มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยห้ามมึงเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้กูขอจริงๆ อัครมันบริสุทธิ์เกินไป มึงอย่าทำร้ายมันเลย”

ซุปกลืนน้ำลายดังอึก เมื่อรู้สึกตัวว่าแผ่นหลังติดประตูแล้ว แต่พรีมยังเบียดตัวเข้ามา จนหน้าแทบจะแนบกัน พรีมหยุดตอนที่ปลายจมูกแตะกัน ซุปต้องเอียงคอหลบนิดหน่อย เพราะมันแปลกๆ

พรีมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ สองแขนล็อคไว้ข้างตัวของซุป พ่นลมหายใจใส่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาแผ่วเบา

“งั้นกูขอจูบมึง แลกกับตัวมันได้มั้ย”

“พะ พูดเหี้ยอะไรของมึงวะ!?” ซุปผลักพรีมออกอย่างแรง หมุนตัวคว้าลูกบิดประตูเพื่อจะเปิดออกไป อุตส่าห์ตั้งใจรอฟังว่าไอ้พรีมจะพูดอะไร แต่ดันเป็นเรื่องไร้สาระ

แกร็ก

เสียงประตูเปิดออก ตามด้วยเสียงหัวเราะของพรีม และคำพูดที่ทำให้ซุปไม่กล้าก้าวขาออกไป

“มึงแน่ใจว่าจะปล่อยมันไว้กับกูสองคน?”

“ไอ้สัสพรีม! มึงจะเอายังไง!” ซุปหันควับกลับไปกระชากคอเสื้อของพรีม เส้นเลือดที่ขมับปูดโปนด้วยความกราดเกรี้ยว เขาเหวี่ยงพรีมจนล้มลงไปบนพื้น แล้วกระชากคอเสื้อขึ้นมาอีก เขาตะคอกเสียงดังอย่างสุดจะทน อัครที่นอนอยู่บนเตียงเลยเหมือนจะได้สติตื่นขึ้นมา

“กูทนมามากแล้ว! มึงจะเอายังไงกับกู มึงบอกมา! คนอย่างมึง ไม่มีอะไรที่ต้องอิจฉากูเลยด้วยซ้ำ แต่มึงก็ยังแย่งทุกอย่างไปจากกู มึงต้องการเหี้ยอะไรวะ อยากให้กูลงไปดิ้น หรืออยากให้ฆ่าตัวตายต่อหน้ามึงไปเลยถึงจะยอมหยุด!”

พรีมแค่นยิ้ม ก่อนจะดึงแขนของซุปไว้ แล้วใช้มืออีกข้างคว้าคอของซุปกดลงเข้าหาตัว เสียงก่นด่าโวยวายนั้นเงียบหาย เหลือเพียงความเงียบงันในความมืดสลัว

แสงจันทร์ส่องลอดผ้าม่านที่หน้าต่าง และอัครที่พยายามลุกจากเตียงเพียงครึ่งท่อนบน ก็มองเห็นเงาร่างของผู้ชายสองคนนั้นรางๆ ก่อนที่มันจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะเริ่มหายมึนแล้ว และเมื่อมองอย่างเต็มตา ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นจนร้องไม่ออก

เพราะมันคือภาพที่พรีมกับซุป กำลังจูบกัน

tbc
มันก็ชักจะยังไงๆๆๆ มาแบบงงๆ อีคู่นี้ น้องอัครชั้นเป็นตัวประกอบเลย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11-12 [30/8/18] ดราม่าตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 30-08-2018 23:13:12
อ้าวยังไงล่ะนี่ เดาว่าพรีมคงแอบขอบซุปมานาน แต่ไม่กล้าบอกเพราะคิดว่าซุปไม่ได้ชอบผู้ชายงี้หรอ ตกลงใครคือพระเอกนายเอก หรือไม่มี???????
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11-12 [30/8/18] ดราม่าตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-08-2018 11:08:56
อ้าวยังไงล่ะนี่ เดาว่าพรีมคงแอบขอบซุปมานาน แต่ไม่กล้าบอกเพราะคิดว่าซุปไม่ได้ชอบผู้ชายงี้หรอ ตกลงใครคือพระเอกนายเอก หรือไม่มี???????

พระเอกมีหลายคนไปหน่อย อิๆ ยังไม่รู้นายเอกหวยจะตกที่ใคร เพราะทุกคนมีสิทธิเมะได้หมด ไม่เว้นแม้แต่อัคร
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11 [30/8/18] ดราม่ามันซะอย่างนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-08-2018 11:10:04
หรือว่าพรีมชอบซุป?
แต่ไม่ชอบพฤติกรรมของพรีมเลยจริงๆ สงสารเคนด้วย

เรื่องนี้พระเอกอาจจะเลวก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11 [30/8/18] ดราม่ามันซะอย่างนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-08-2018 11:10:49
พรีมชอบซุป เลยทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ใครมาแย่งซุปไป รักแบบแปลกๆ อย่าเอาอัครเข้าไปเกี่ยวเหอะ สงสารร

อัครไม่เกี่ยวไม่ได้อ่า แต่จะเกี่ยวยังไงก็...
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13 [31/8/18] ดราม่าค่อยๆ หายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-08-2018 12:11:30
13
อัครนั่งก้มหน้าก้มตาเขี่ยผักในจานไปมา แต่ไม่ยอมตักเข้าปากเสียที

เช้านี้บนโต๊ะอาหารในบ้านพักตากอากาศ มีลุงมั่นกับป้านงมาจัดเตรียมไว้ให้แต่เช้าตรู่ มีทั้งข้าวต้มทะเล ขนมปังทาเนย ไส้กรอก แฮม สลัดผัก น้ำส้มคั้นและนมสด ดูเผินๆ นึกว่าเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าในรีสอร์ท

ทั้งที่น่าจะสนุกสนาน พูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่พวกคุณๆ ของลุงป้ากลับนั่งกินกันเงียบกริบ ซุปกดมือถือ ไม่รู้ว่าคุยกับใครอยู่ ข้าวต้มในชามพร่องไปเพียงเล็กน้อย ส่วนพรีมดื่มแค่นมสดแก้วเดียว แถมยังต้องค่อยๆ จิบทีละนิด เพราะเจ็บปาก

ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

“มันน่าจะถึงตอนเที่ยงๆ” นั่นคือประโยคแรกของวันที่ออกจากปากของซุป ก่อนที่เขาจะวางช้อนลงในจานรองชามข้าวต้มแล้วลุกขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดกับใคร ป้านงชะโงกหน้าดูอาหารที่อุตส่าห์ตั้งใจทำพลันสีหน้าก็สลดลง

“คุณซุป อาหารป้าไม่อร่อยเหรอคะ”

“อ่ะ เปล่าครับ อร่อยมาก พอดีผมไม่ค่อยสบาย มันไม่หิว” ซุปยิ้มแหย

“อ้าว เป็นอะไรคะ? ทานยารึยัง ป้าไปเอาให้มั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” ซุปว่ายิ้มๆ ก่อนจะขอตัวเดินออกไปจากตัวบ้าน ไปที่สวนด้านหลังที่มีสระว่ายน้ำเล็กๆ

อัครเลิกกินสลัดในจานแล้วลุกขึ้นบ้าง มองหน้าพรีมที่ตอนนี้มีรอยฟกช้ำจากการถูกต่อยที่เบ้าตาและมุมปากอย่างนึกสงสาร

“ทายารึยัง”

“ยัง” พรีมตอบโดยไม่สบตา

อัครยืนเก้ๆ กังๆ อยู่พักหนึ่ง “ให้กูทาให้มั้ย เดี๋ยวมันจะยิ่งช้ำ”

พรีมไม่ตอบ แต่พยักหน้าแล้วลุกเดินตามอัครไปที่ห้องนั่งเล่น อาหารมื้อเช้าของป้านงเลยกลายเป็นหมันมันเสียอย่างนั้น ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะบรรยากาศของพวกคุณๆ ของคุณป้าดูจะไม่ชวนให้แสดงทีท่าน้อยใจ

อัครหยิบกล่องยาที่ถามจากลุงมั่นมาวางบนโต๊ะกระจกสีดำเล็กๆ หน้าโซฟา หยิบยาแบบเย็นมาทาบางๆ ให้ที่มุมปาก และรอบดวงตาที่ช้ำจนเริ่มบวมออกมาอย่างเบามือที่สุด แต่พรีมก็ยังเจ็บจนร้องซี้ดซ้าดเป็นระยะ

“เบาหน่อยดิวะ”

“นี่ก็เบาสุดแล้วป่ะ ทำตัวเองนี่” อัครนึกหมั่นไส้จนอยากจะกดนิ้วขยี้แผลให้ร้องเป็นหมาถูกเชือด แต่ก็ยั้งมือได้ทัน พรีมเบะปากใส่

“มึงอยากโดนกูต่อยมั่งมั้ยล่ะ ไอ้เหี้ยซุป มือหนักฉิบหาย”

“มึงทำอะไรมันล่ะ ถึงได้โดนต่อยหน้าแหกขนาดนี้” อัครว่าพลางค่อยๆ เกลี่ยยารอบรอยช้ำ

“มึงก็เห็นแล้วมั้ย ต้องให้กูย้ำ?” พรีมหัวเราะในคอ พลันร้องโอ๊ยๆ เมื่ออัครเล่นกดแผลจริง

“สมควรโดนว่ะ บอกตรงๆ เล่นเหี้ยอะไรไม่เข้าเรื่อง”

พรีมขมวดคิ้ว “เล่นเหี้ยอะไรล่ะ กูจริงจังที่สุดแล้วคนนี้อ่ะ กูชอบมัน และกูไม่ยกมันให้มึงหรอก โอ๊ยยยย”

“สมน้ำหน้าว่ะ” อัครตบแผลไปทีก่อนจะลุกไปเก็บกล่องยา ในใจก็คิดว่า ไม่น่าหลงชอบคนพรรค์นี้เล้ย

พรีมเขยิบตัวเข้าไปหาอัครที่เก็บกล่องยาเสร็จก็มานั่งลงที่เดิม

“กูพูดจริงๆ นะอัคร กูรักมันมาตั้งนานแล้ว แต่กูไม่กล้าพอที่จะเข้าหามันเกินกว่าเพื่อน เพราะกูไม่รู้ว่ามันชอบผู้ชายหรือเปล่า เห็นแม่งชอบแต่ผู้หญิงมาตลอด”

“เออ รู้แล้ว ไม่งั้นมึงคงไม่ดูดปากมันขนาดนั้นหรอก ดีที่จบแค่โดนต่อยสองที ถ้าโดนกระทืบด้วยกูก็คงห้ามไม่ทันนะ” อัครผลักไหล่พรีมเบาๆ เมื่อคืนนี้ตอนตื่นมาเจอพรีมจูบกับซุป ตกใจยังไม่ทันไร ก็ต้องรีบวิ่งพรวดไปห้ามไม่ให้ซุปกระทืบพรีมตายคาตีนแทบตาย แล้วซุปตัวใหญ่กว่าอัครตั้งเท่าไหร่ กว่าจะห้ามได้ก็เกือบโดนต่อยไปด้วย

“กูไม่รู้ว่าทำไมมันถึงสนใจมึง แล้วไปรู้จักกันได้ยังไง กูก็ไม่ได้อยากผิดใจกับเพื่อนนะเว้ย ถ้ามึงไม่ได้ชอบมัน ก็ช่วยถอยให้กูหน่อย” พรีมอ้อนวอนด้วยนัยน์ตาเศร้าๆ จนอัครเริ่มจะเห็นใจ

ความจริง อัครก็ยังชอบพรีมมากกว่าซุปอยู่ดี แต่เห็นพรีมเป็นแบบนี้ ก็อยากจะให้กำลังใจเพื่อน มากกว่ามาพูดเรื่องของตัวเอง ซุปเหมือนจะโกรธมาก จนแทบไม่มองหน้าพรีมเลยด้วยซ้ำ

“ถึงกูจะถอยให้ แต่ถ้ามันไม่ได้ชอบมึงก็เท่านั้นมั้ยล่ะ กูไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับพวกมึงมากกว่านี้อีก แต่เหมือนซุปจะโกรธมากเลยนะ มึงแน่ใจว่าจะไหว?” อัครเลิกคิ้วถาม ส่วนพรีมได้แต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนอมทุกข์

“ไม่รู้ว่ะ แต่พอรู้ว่ามันชอบผู้ชายได้ กูก็อยากจะรุกหนักๆ ไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลุดไป กูอยากได้มัน”

“โครตตรง อย่างซุปเหรอ...” อัครทำหน้านึก ว่าถ้าพรีมคบกับซุปมันจะเป็นยังไง ผู้ชายตัวโตสองคน คนหนึ่งก็หน้าตากวนตีนแต่หล่อ อีกคนก็หน้านิ่งเกิน เวลายิ้มถึงจะดูดีหน่อย มันก็ดู...ลงตัวแบบแปลกๆ

“ทำไมมึงต้องหน้าแดงด้วย” พรีมว่าพลางจิ้มแก้มของอัคร คนโดนจิ้มแก้มเลยยิ่งหน้าร้อนเข้าไปใหญ่ นี่มันไม่รู้เลยใช่มั้ยว่าเขาชอบมันแค่ไหน ถึงได้มาทำก้อร่อก้อติกใส่อยู่เรื่อย อัครคิดพลางถอนหายใจ

“ก็ร้อนไม่ได้เหรอ แค่เผลอนึกภาพพวกมึงอยู่ด้วยกันอ่ะ”

“แล้วไง? เหมาะกันดีมั้ยล่ะ ใครจะมองยังไงกูไม่สนบอกเลย กูรักของกูพอ มึงช่วยกูหน่อยดิ” พรีมจ้องหน้าอัครอย่างเว้าวอนขอความเห็นใจ แล้วมีหรือที่คนใจอ่อน แถมยังแอบชอบพรีมมาตลอดอย่างอัครจะทนเห็นคนที่ชอบทำหน้าแบบนั้นได้นาน

......
...
มันคือความแตกต่างของคนสองคน

อัครรักพรีมก็จริง แต่ความรักของอัครไม่ใช่การได้ครอบครอง อัครรักอย่างบริสุทธิ์ใจ และอยากให้พรีมมีความสุข แม้ตนจะต้องเสียใจก็ยอม ส่วนกับซุป อัครคิดว่ายังไม่ถึงขนาดรัก อาจจะชอบบ้าง เพราะรู้สึกดีที่ได้คุยกัน อาจจะเขินเวลาโดนหยอด เพราะไม่ได้รังเกียจ และยังไม่ประสาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่าไหร่ เมื่อมาเจอพรีมอีกครั้ง อัครถึงได้รู้ตัว ว่ายังไงก็ยังชอบพรีมอยู่ดี

ส่วนพรีมรักแบบต้องการครอบครองไว้เป็นของตัวเองคนเดียว ที่พยายามกันคนอื่นในชีวิตของซุปมาตลอดก็เพื่อการนี้ ทั้งเลือกเข้าชมรมเดียวกัน ทั้งพยายามแยกเคนให้ออกห่างซุป ทั้งกีดกันผู้หญิงทุกคนที่มาชอบหรือมาสนใจซุป ทั้งกำจัดคนที่ซุปชอบ เลือกเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน อยู่หอด้วยกัน ก็เพราะอยากอยู่กับซุป แต่พออยู่ด้วยกันจริง ก็อึดอัดจนต้องพยายามปลีกตัวออกมา ใครจะทนอยู่ร่วมห้องกับคนที่ชอบได้นานๆ กันล่ะ

เคนมาถึงบ้านพักตอนเที่ยงกว่าๆ อย่างที่ซุปว่า พอมาถึง เจอหน้าอัครที่ออกมาต้อนรับ ก็ทำหน้างงๆ นิดหน่อย

“คนที่มาด้วยคือมึงเองเหรอ” เคนเดินตามหลังอัครเข้าไปในตัวบ้าน “แล้วไอ้พวกนั้นอ่ะ?”

“ไปข้างนอก” อัครยิ้มหวานตอบ หาน้ำเย็นมาเสิร์ฟให้เคนที่เพิ่งมาถึง “นั่งก่อน เดี๋ยวก็มา”

“อะไรวะ รู้ว่ากูจะมา ยังเสือกออกไปกันอีก แล้วทิ้งมึงไว้เนี่ยนะ?” เคนขมวดคิ้ว เงยหน้ามองอัครที่ยื่นแก้วน้ำมาให้ สงสัยอยู่หรอกว่าทำไมเป็นอัคร รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเลย

“ก็ต้องไปซื้อของเตรียมไว้ทำคืนนี้ไง แต่ไปกันหมดก็กลัวเคนมาก่อนแล้วจะไม่เจอ เลยให้เราอยู่รอ” อัครว่าพลางนั่งลงข้างกัน แต่ห่างออกไปนิดหน่อย หยิบรีโมททีวีขึ้นมาเปิด “ดูอะไรมั้ย”

“ไม่อ่ะ มึงดูเลย” เคนว่าพลางหยิบสมาร์ทโฟนมาเล่นฆ่าเวลา

******

“เสร็จยังเนี่ย”

“เดี๋ยวสิวะ ปากกูเจ็บนะ แดกได้ก็บุญแค่ไหนแล้ว”

พรีมโอดครวญพลางเอานิ้วชี้จ่อที่มุมปากช้ำๆ ของตัวเอง เพราะอัครบอกว่าไม่ค่อยสบาย จะอยู่เฝ้าบ้านรอเคนให้ พวกเขาสองคนเลยต้องออกมาซื้อของกันเอง เพราะของสดทำกินไปเมื่อวานเกือบหมดแล้ว และอัครก็บอกว่าอยากได้น้ำหวานกับขนมเพิ่ม ไม่ชอบกินเหล้าเท่าไหร่ แต่การมาซื้อของตอนเกือบเที่ยงก็ทำให้ท้องมันร้อง เนื่องจากมื้อเช้ากินมาน้อยเกินไป สองหนุ่มเลยต้องแวะร้านอาหารแถวตลาด หาอะไรกินก่อนเดินต่อ

“น่าเอาให้เจ็บทั้งปาก จะได้แดกอะไรไม่ได้เลย” ซุปบ่นพึมพำพลางหยิบกระเป๋าสตางค์มาจ่ายเงินไว้ก่อน พอพรีมกินเสร็จจะได้ไปเลย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า “งั้นกูไปเดินซื้อของก่อน มึงแดกเสร็จค่อยโทรตาม”

“ไม่ๆๆ รอกูด้วยดิ มึงถือคนเดียวไม่ไหวหรอก นะ รอแป้ปเดียว” พรีมรีบคว้าแขนซุป ทำหน้าอ้อนสุดฤทธิ์ จนซุปสบถด่าคำโต แต่ก็ยอมนั่งลงตามเดิม

“เร็วๆ ด้วย”

“มึงเคี้ยวแล้วให้กูกลืนเลยมั้ยล่ะ” พรีมชักหงุดหงิด เพราะโดนเร่งยิกๆ “หมาตัวไหนแม่งต่อยกูปากแตกวะ”

“แล้วหมาตัวไหนมัน...” จะพูดเองก็ชะงักเอง พลันหน้ามันก็ร้อนพรึ่บพรั่บ “ไอ้สัส กินๆ ไป อย่าพูดมาก”

“เขินว่ะ แม่งเขิน โครตน่ารัก” พรีมว่ายิ้มๆ มองหน้าแดงๆ ของซุปแล้วอารมณ์ดีเลย

“พอเลยไอ้เหี้ย จะแดกข้าวหรือตีนกู ให้เลือก” ไม่พูดเปล่า เท้ายังสะกิดขาพรีมด้วย พรีมเบี่ยงขาหลบ แต่ยังยิ้มอยู่

“บอกแล้วไง จูบมึงแลกกับอัคร จากนี้ไป กูจะเลิกยุ่งกับอัคร แต่มึงต้องยอมให้กูจูบทุกวันด้วย”

“พ่อง ไอ้สัส” ซุปสบถด้วยเสียงเบา เพราะเกรงใจคนในร้าน “เลิกพูดเรื่องเหี้ยๆ นี่ได้มั้ยวะ”

“เรื่องเหี้ยที่ไหน แค่จูบกัน ไม่ได้จะเยมึงสักหน่อย”

“กวนส้นตีนนะไอ้เหี้ยพรีม” ซุปทุบโต๊ะดังปึงอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบก้มหัวขอโทษป้าเจ้าของร้านที่หันมามองด้วยความตกใจ พอหันกลับมามองหน้าพรีม ก็เห็นมันยิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้ พร้อมประโยคที่ทำเอาร้อนๆ หนาวๆ

“กูจริงจังกับมึงคนเดียวเลย ถึงได้ปล่อยมาขนาดนี้ แต่ตอนนี้กูไม่ยอมแล้ว กูจะรุกจนมึงตั้งตัวไม่ติด เตรียมตัวรอได้เลย”

“รอพ่องสิ ไม่รอเว้ย ไม่อะไรทั้งนั้น” ซุปเถียงหน้าดำหน้าแดง แค่ถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัวครั้งเดียว ถึงกับไปไม่เป็น ตอนเป็นฝ่ายจีบคนอื่นก็ไม่เห็นจะเขินอะไรขนาดนี้ พอโดนไอ้พรีมรุกบ้าง มันชักลนๆ แปลกๆ

พรีมไม่ได้ว่าอะไรอีก แค่แค่นยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะหึหึในคอ มองหน้าซุปไปกินไปจนหมดจาน

tbc
เอ๊ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ 

จริงๆ มันก็จะหลายๆ คู่หน่อยนึงนะ แต่รวบมาเล่าทีเดียว ไม่แยกตอนน่ะ งงกันมั้ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13 [31/8/18] ดราม่าค่อยๆ หายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 31-08-2018 12:54:13
อัคร เปิดใจลองมองแน็ค จบ ปล่อยอีสามตัวนี้อีรุงตุงนังกันไป แถมแต่ละคน คนนึงก็ขยันโวยวาย อีกคนก็ร้ายนิ่งๆ อีกคนก็เงียบเป็นเป่าสาก ชีวิตลำบาก ผมบอกเลย ถ้าจะมาช่วยพวกนี้แก้ปัญหาเนี่ย

ผมอ่านแล้วยังจะบ้าตาย รักไม่รู้กี่ทิศทาง เคนชอบพรีม พรีมชอบซุป ซุปชอบอัคร อัครชอบพรีม เอ๊ะยังไง 5555555
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13 [31/8/18] ดราม่าค่อยๆ หายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-08-2018 17:00:59
อัคร เปิดใจลองมองแน็ค จบ ปล่อยอีสามตัวนี้อีรุงตุงนังกันไป แถมแต่ละคน คนนึงก็ขยันโวยวาย อีกคนก็ร้ายนิ่งๆ อีกคนก็เงียบเป็นเป่าสาก ชีวิตลำบาก ผมบอกเลย ถ้าจะมาช่วยพวกนี้แก้ปัญหาเนี่ย

ผมอ่านแล้วยังจะบ้าตาย รักไม่รู้กี่ทิศทาง เคนชอบพรีม พรีมชอบซุป ซุปชอบอัคร อัครชอบพรีม เอ๊ะยังไง 5555555

คอมเม้นท์ช่างตรงใจเราที่สุดเลย เรื่องนิสัยของสามหน่อ ก็ประมาณนี้
เรื่องรักวนลูปสี่ห้าเส้าก็ตามนี้

แต่พระเอกน่ะเหรอ

ต่อคอมเม้นท์ล่าง...
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13 [31/8/18] พระเอกเรื่องนี้คือ...
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-08-2018 17:02:43
พระเอกก็มีมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วไงล่า อาจจะออกบ้างไม่ออกบ้าง เพราะตอนนี้เป็นเรื่องของคนอื่นไง
คือเราเขียนรวมๆ ทุกคู่ ไม่แยกพาร์ทแยกตอนแยกภาคใดๆ ทั้งสิ้น

มันเป็นเรื่องของหลายๆ คนที่บางทีชีวิตจริงก็ไม่มีตัวเอกหลักดำเนินเรื่องไปตลอดน่ะฮะ
มันก็ต้องมีสลับไปมาบ้าง

แต่คนที่เป็นพระเอกนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วว่าใคร เหลือก็แค่นายเอกของนางที่ยังไม่ออกมาแค่นั้นเอ๊งงงงง
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13-14 [31/8/18] พระเอกเรื่องนี้คือ..เพิ่มตอน 14
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-08-2018 17:12:52

14
อัครกับเคนไม่ได้คุยอะไรกันอีก อัครนั่งดูทีวีที่ไม่มีรายการอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีอย่างอื่นให้ทำ เคนก็เอาแต่เล่นมือถือ พรีมกับซุปยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา

“เบื่อว่ะ ออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ” จู่ๆ เคนก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์แล้วลุกพรวดขึ้น อัครรีบวางรีโมท หันไปมอง

“ไปไหนวะ เดี๋ยวพวกมันก็มา”

“แถวนี้แหละ กูมาบ่อยแล้ว ไม่ต้องกลัวหลงน่า” เคนว่าก่อนจะเปิดประตูออกไป อัครเลยปิดทีวีแล้ววิ่งตามออกไป พอเคนเห็นคนตัวเล็กตามหลังมาก็หันขมวดคิ้วใส่ “ตามมาไมเนี่ย”

“เบื่อเหมือนกัน ไปด้วยดิ” อัครหัวเราะแหะๆ เคนเลยไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เดินตามหลังมาเงียบๆ

เดินไปไม่ไกลก็ถึงชายหาดที่เมื่อวานพรีมพามาถ่ายรูป เสียดายที่เป็นหน้าหนาว เลยไมได้เล่นน้ำในทะเลกัน แต่อัครก็ชอบลงไปเดินให้น้ำทะเลตีขาเล่น

“เล่นน้ำกัน” อัครชวนพร้อมดึงแขนเคนให้เดินตามลงไปที่ชายฝั่ง คลื่นลมแรงพัดน้ำทะเลมาตีขาเป็นระลอก จนเปียกไปถึงชายกางเกงขาสั้นแค่เข่าที่อัครใส่อยู่ แต่เคนใส่กางเกงยีนส์ขายาว...

“ไอ้...” เพราะห้ามไม่ทัน เลยโดนลากลงทะเลไปทั้งกางเกงยีนส์ เคนถอนหายใจแรงมองหน้าอัครที่ยังยิ้มอารมณ์ดี เห็นหน้าซื่อๆ เลยด่าไม่ออก

“โอ๊ะ ลืมไปอ่ะ เคนพับขากางเกงขึ้นก่อน”

“สัส นึกช้าไปมั้ง” อดสบถไม่ได้จริงๆ แต่เปียกไปแล้ว ทำไงได้ เคนเลยเดินลุยน้ำมั้นทั้งอย่างนั้น “ช่างแม่ง เดี๋ยวค่อยเปลี่ยน”

“โทษที เราลืมสังเกต” อัครรู้สึกผิดจนหน้าหงอย หน้าตาเซื่องๆ เหมือนลูกหมาโดนดุ จนเคนต้องพยายามปั้นยิ้มบอกไม่เป็นไรจริงๆ

“ถ้าอยากว่ายน้ำ ก็ลงสระแทน ทะเลคลื่นโครตแรง” เคนมองคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเรื่อยๆ กระทบขาของพวกเขา มันแรงในแบบที่เกือบทำให้ล้มทั้งยืนได้เลย ขืนลงไปมีหวังจมหาย เหลือบมองคนข้างๆ แล้ว...ไม่น่ารอด

“เราว่ายน้ำเก่งนะ” อัครคลี่ยิ้มตาหยีอย่างน่ารักน่าชัง เคนเลยต้องยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ เพิ่งรู้จักกันและเจอกันครั้งนี้ครั้งที่สองเท่านั้น เคนไม่ค่อยชอบอัครในตอนแรก เพราะคิดว่าพรีมสนใจ แต่ก็ดูไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร

“งั้นกลับไปว่ายน้ำที่บ้านกัน” เคนเอ่ยชวนบ้าง ก่อนจะออกเดินนำหน้าไป มีอัครวิ่งตามมาข้างๆ ในทันที

******

พอกลับมาจากจ่ายตลาด ซุปกับพรีมก็ช่วยกันขนของลงจากรถ เอาไปใส่ตู้เย็นในบ้าน และได้ยินเสียงดังมาจากสวนด้านหลัง เลยเดินออกไปดู เห็นอัครกับเคนเล่นน้ำกันอยู่ในสระ ส่งเสียงดังสนุกสนานเหมือนเด็กๆ ทั้งคู่

“ขึ้นมาๆ เดี๋ยวจับไว้ให้ ไม่ตกหรอก” อัครร้องบอกเคนที่พยายามจะปีนขึ้นไปบนเป็ดยางสีเหลืองขนาดกลาง

“มันรับน้ำหนักกูได้แน่เหรอวะ”

“ได้ดิ เคนผอมจะตาย ไม่หนักขนาดนั้นมั้ง ฮ่าๆ ไม่ต้องกลัวๆ เราจับอยู่”

เคนค่อยๆ ปีนขึ้นไป โดยมีอัครคอยดันก้นให้ อีกมือก็ช่วยจับตัวเป็ดไว้ไม่ให้เอียงลงน้ำ จนเคนขึ้นไปนั่งขี่ได้ แต่เหมือนจะยังกลัวๆ เลยกอดคอเป็ดเสียแน่น อัครหัวเราะยกใหญ่ ดึงลากเป็ดเหลืองให้ลอยไปตามน้ำ

“เห็นป่าว เคนตัวเบากว่าเราอีกมั้ง”

“เป็ดกูโครตน่าสงสาร” พรีมที่ยืนดูอยู่โพล่งขึ้น จนอัครกับเคนที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนมาแอบมองต้องหันไป

“กลับมาเมื่อไหร่เนี่ย” อัครถามพลางกอดด้านหลังของเป็ดให้อยู่นิ่งๆ ส่วนเคนยังกอดคอเป็ดและเหลือบตามองพรีมกับซุป

“สักพักแล้ว เย็นนี้ปิ้งย่างเหมือนเดิม หรืออยากกินอย่างอื่น” ซุปเป็นคนตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ ส่วนพรีมยื่นเท้าไปเขี่ยเป็ดที่เคนขี่อยู่ให้มันลอยออกไป จนเคนร้องโวยวายลั่น แต่อัครก็ช่วยดึงกลับมาให้

“กูยังไม่ได้กินบาร์บีคิว!” เคนที่กลับเข้ามายังขอบสระได้แล้วร้องบอก ถลึงตาใส่พรีมไปที

“โอเค เดี๋ยวเตรียมไว้ให้ มึงมาปิ้งแดกเองนะ” ซุปว่าก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างสระ ยื่นมือไปช่วยพรีมผลักเป็ดของเคน กลายเป็นเคนโดนเพื่อนทั้งสองรุมแกล้ง อัครเลยได้แต่หัวเราะ ไม่รู้จะช่วยยังไง

เย็นนั้น ซุปช่วยป้านงเตรียมของสดไว้ปิ้งย่าง ส่วนเด็กทั้งสามเอาแต่เล่นแล้วก็นอนกลิ้งบนพื้นพรมในห้องนั่งเล่น

“เวลามาทีไร ไอ้ซุปก็จัดการทุกอย่างอ่ะ แม่บ้านแม่เรือนสุด” พรีมว่ายิ้มๆ แววตาเป็นประกายเหมือนกำลังเพ้อ เลยโดนเคนที่เป็นคนเดียวที่ได้นอนบนโซฟาเอาเท้าถีบ

“พ่อบ้านมั้ยไอ้สัส ก็เจ้าของบ้านอย่างมึงเสือกทำห่าไรไม่เป็นไง”

“ซุปเนี่ย ดูแลเก่งเนอะ” อัครอดชื่นชมไม่ได้ จะว่าไปก็นิสัยคล้ายๆ ใครบางคนที่อัครคุ้นๆ ในหัว แต่ยังนึกไม่ออกว่าใคร

“แล้วคืนนี้มึงนอนกับอัครได้ป่ะ ตัวเล็กๆ เหมือนกัน พอเบียดกันไหวมั้ย” พรีมเหลือบมองทั้งสองคน อัครเลยหันไปมองเคน ซึ่งเป็นคนตัวสูงแต่ผอม ไม่หุ่นหนาแบบนักกีฬาอย่างซุปหรือพรีม ตอนเล่นน้ำด้วยกัน อัครยังคิดว่าเคนโครตผอม อัครตัวเตี้ยกว่า แต่รูปร่างยังดูหนากว่าเลย ถ้านอนด้วยกันบนเตียงขนาดควีนไซส์ในห้องกลางก็น่าจะพอนอนได้อยู่

“เราโอเคนะ” อัครตอบยิ้มๆ มองไปทางเคนที่ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย

“กูนอนกับมึงไม่ได้เหรอวะ”

“กูอยากนอนกับซุป” เจ้าของบ้านตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด และคำว่า “อยาก” ของพรีมมันค่อนข้างทำให้เคนสะกิดใจแปลกๆ จนต้องขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ถามอะไรออกมา

จนเวลาผ่านไป ซุปกับป้านงเตรียมของเสร็จก็เรียกทั้งสามไปช่วยขนออกไปที่สวนด้านหลังริมสระน้ำ เคนกับอัครช่วยกันปิ้งย่างหน้าเตาอย่างเพลิน ส่วนซุปเตรียมพวกเครื่องดื่ม พรีมเอาแต่นอนบนเก้าอี้ผ้าใบ รอกินอย่างเดียว

“อันนี้สุกยังวะ” เคนชี้ไปที่ปลาหมึกบนเตา อัครหันไปดูให้พลางพยักหน้า

“สุกแล้วๆ กินได้เลย”

แล้วอัครก็คีบปลาหมึกชิ้นนั้นไปใส่จานในมือของเคน ก่อนจะปิ้งชิ้นอื่นต่อ มีทั้งกุ้ง ปลาและหอยหลากชนิด

“กูเดานะ ไอ้ซุปเลือกหมดนี่แหละ กุ้งตัวใหญ่ ปลาหมึกสดขนาดนี้” เคนกระซิบคุยกับอัครสองคนอยู่หน้าเตา จริงๆ ไม่ต้องกระซิบพวกซุปก็คงไม่ได้ยิน เพราะอยู่คนละมุมกัน

อัครยิ้มๆ คีบกุ้งใส่จานของเคนต่อ “ก็ว่างั้น พรีมนี่ดูเก่งทุกอย่าง แต่เรื่องงานบ้านกับอาหารคงไม่ได้เรื่องสินะ”

“เออสิ อย่าให้มันจับเครื่องครัวนะมึง บรรลัย” เคนว่าขำๆ อัครเลยหัวเราะตาม

“นินทาไรพวกกูป่ะเนี่ย อัคร ผมขอกุ้งหน่อยครับ” ซุปเดินมายื่นจานให้อัคร เคนเงยหน้ามองตาม

“ทำไมทีกับอัครต้องพูดผม พูดครับ สองมาตรฐานว่ะ”

“เรื่องของกู” ซุปเลิกคิ้วกวนๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้อัครอีกที อัครคีบกุ้งที่สุกแล้วสามสี่ตัวใส่จานให้ ซุปรับไปแล้วเอาน้ำจิ้มราด วางผักลงไปแล้วเดินถือกลับไปให้คุณชายเจ้าของบ้าน

“แดกซะ” จานกุ้งหอมๆ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดวางลงบนตักของพรีมที่นอนเอกเขนกบนเก้าอี้ผ้าใบริมสระอย่างสบายอารมณ์ พรีมเหลือบสายตาลงมองจานกุ้ง แล้วส่งยิ้มหวาน ยื่นมือไปจับมือของซุป

“แกะให้หน่อย”

“ง่อยแดกแล้วไง?” ซุปหรี่ตามอง สะบัดมือออกแล้วเดินหนีไปนั่งอีกทาง

พรีมยังยิ้มนิดๆ รอให้ซุปนั่งลงแล้วค่อยส่งจานกุ้งไปให้ ซุปมองหน้าแล้วถอนหายใจจนไหล่ตก สุดท้ายก็ยอมแกะกุ้งให้อยู่ดี

ก็ไม่รู้ทำไมถึงต้องยอมมันขนาดนี้ ยอมทุกเรื่อง ยอมมาตั้งนานแล้ว กระทั่งเรื่องของอัคร ก็ยังไม่รู้จะห้ามมันยังไง จนปัญญาขนาดที่ต้องยอมให้มันจูบ เพื่อจะได้กันมันไม่ให้ไปยุ่งกับอัครอีก

อัครปลอดภัย แต่ตัวเขาเนี่ยสิ ที่นับวันจะไม่ปลอดภัยจากไอ้พรีมเข้าทุกที ไหนจะเรื่องของเคนอีก ถ้าเคนรู้ว่าพรีมกับเขา...เรื่องนี้มันต้องจบไม่สวยแน่นอน

“มึงว่าพวกมันมีอะไรแปลกๆ มั้ยวะอัคร” เคนก้มลงไปกระซิบกับอัคร เมื่อเห็นซุปกำลังแกะกุ้งให้พรีม ปกติซุปก็ทำให้เพื่อนๆ ทุกคนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันแปลก ตรงที่พรีมอ้าปากรอให้ป้อนด้วย ทุกทีจะไม่ขนาดนี้ ต่อให้ขี้เกียจแค่ไหนก็ตาม เหมือนพรีมจะเว้นระยะกับซุปมาตลอด แล้วทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนไป?

อัครเหลือบมองไปทางสองคนที่นั่งกินอยู่ด้วยกัน พลันนึกถึงภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อคืน หน้าของอัครขึ้นสีนิดๆ ด้วยความเขินอาย จนเคนยิ่งสงสัย

“อะไรวะ? มึงร้อนเหรอ? หน้าแดงอ่ะ”

“ระ เราเป็นคนหน้าแดงง่ายน่ะ” อัครหัวเราะแหะๆ แล้วก้มหน้าก้มตาคีบของปิ้งย่างบนเตาใส่จานต่อ เคนเลยไม่ชวนคุยอีก ได้แต่บ่นงึมงำๆ กับตัวเองเรื่องของพรีมกับซุปไปเรื่อยเปื่อย

tbc

ไหนใครถามหาพระเอกนายเอก ถึงเวลาบอกแล้วก็ได้

อัครไง พระเอก ใครเชียร์นางเดี๋ยวได้เจอเต็มๆ รอก่อน
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13-14 [31/8/18] พระเอกเรื่องนี้คือ..เพิ่มตอน 14
เริ่มหัวข้อโดย: Fengfang ที่ 31-08-2018 21:34:08
ผิดคาดนึกว่าอัครจะเป็นนายเอก อู้ววว อัครเป็นพระเอกแล้วนายเอกใครอะ ขออย่าเป็นเคนนะ ไม่ค่อยชอบนายเอกที่เสียตัวก่อนงือๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13-14 [31/8/18] พระเอกเรื่องนี้คือ..เพิ่มตอน 14
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 01-09-2018 23:28:30
บทพลิกไรขนาดเน้โว้ยยยย อุตส่าเชียร์ซุป นี่ว่าซุปต้องเสร็จนังพรีมแน่อะ ฮือ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13-14 [31/8/18] พระเอกเรื่องนี้คือ..เพิ่มตอน 14
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-09-2018 23:47:47
555555555เป็นบทที่เดาไม่ถูกจริงๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai3:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13-14 [31/8/18] พระเอกเรื่องนี้คือ..เพิ่มตอน 14
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 03-09-2018 08:10:45
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 13-14 [31/8/18] พระเอกเรื่องนี้คือ..เพิ่มตอน 14
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 03-09-2018 22:06:08
 :o8: :o8: :o8: อ่าววววววว เดาไม่ถูก
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-09-2018 11:30:33
https://www.youtube.com/watch?v=uKqHwDfJavk (https://www.youtube.com/watch?v=uKqHwDfJavk)

15
อัครนั่งมองทั้งสามคนดื่มเหล้ากันจนหน้าแดงแจ๋ คนที่เมามากที่สุดคงเป็นซุป ไม่รู้ว่าอยากดื่มจัดหรือเครียดอะไรถึงได้ดื่มเอาๆ ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปห้าม แต่พรีมคอยดูแลอยู่ อัครก็เลยแค่นั่งมองห่างๆ อย่างห่วงๆ ส่วนเคนที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ดื่มอย่างสนุกสนาน พอเมาก็หัวเราะสลับกับร้องไห้เป็นระยะ ส่วนอัครไม่ได้ดื่มสักอึก เพราะเข็ดจากวันก่อนที่เมาแล้วตื่นมาปวดหัวแทบตาย

“มึงพอเหอะ แดกเป็นน้ำเลย ไปนอนไป” เสียงของพรีม ดึงอัครออกจากภวังค์ เขาเงยหน้ามองพรีมที่ยกแขนของซูปขึ้นพาดบ่าแล้วโอบเอว พยุงให้ลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในบ้าน มีเคนมองตามหลังไป

“ไหวมั้ยวะ ให้กูช่วยมั้ย” เคนตะโกนถาม แต่พรีมตะโกนกลับมาว่าไม่เป็นไร เคนเลยหันมาดื่มต่อ ก่อนจะสังเกตเห็นอัครที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เลยชูแก้วมาตรงหน้า

“เอามั่งมั้ยเรา ยังไม่เห็นกินสักแอะ”

“มะ ไม่ดีกว่าครับ เคนกินเถอะ” อัครดันแก้วเหล้าคืน

“อะไรวะ อ่อนชะมัด” เคนเบะปากใส่ คว้าคออัครไปกอดไว้แล้วพูดเสียงยานคาง “เออ มึงไม่ต้องพูดสุภาพก็ได้ เพื่อนๆ กัน กูมึงได้”

“อ่า อือ ได้ๆ แต่เคนเมามากแล้ว ไปนอนมั้ย” อัครถามพลางเอนตัวออกเล็กน้อยเพราะเหม็นกลิ่นเหล้า พอสบตาฉ่ำปรือของเคนก็ใจกระตุกนิดหน่อย ตอนเจอครั้งแรกก็คิดอยู่ว่าหน้าตาน่ารัก แถมยังขี้อ้อน แต่มาเห็นระยะใกล้แบบนี้ ยิ่งน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย คางรั้นๆ จมูกเชิด ขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากอมชมพูนิดๆ ไหนจะแก้มแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อีก

“เมาบ้าไร ไม่เมาเว้ย ไอ้เหี้ยพรีมไปนานฉิบหาย กูขึ้นไปดูดีกว่า”

“เดี๋ยวๆๆๆ”

ไม่รู้ทำไมอัครถึงต้องรีบร้อนคว้าเอวของเคนไว้ไม่ให้เดินเข้าไปในบ้าน เขาหน้าซีดนิดๆ เหงื่อไหลซึมไรผม เพราะพรีมเล่าเรื่องของเคนให้ฟังมาบ้างแล้ว แถมยังบอกให้ช่วยกันไว้ ไม่ให้มายุ่มย่ามตอนพรีมอยู่กับซุป ทั้งที่อัครก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ เพราะเห็นใจเคน

เคนหันไปมองหน้าอัครที่กอดเอวไว้ไม่ยอมปล่อย “อะไรของมึงเนี่ยไอ้อัคร”

“ผะ ผม เอ้ย กูไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ นั่งเป็นเพื่อนก่อนดิ นะเคน นะครับ” อัครไม่รู้จะทำยังไงเพื่อยื้อเคนไว้ เลยใช้เสียงอ้อนกับแววตาเว้าวอนเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ จริงๆ เคนไม่มีแรงจะหนีด้วยซ้ำ เพราะเมาจนจะยืนไม่อยู่แล้ว แค่อัครกอดไว้ก็แทบขยับไปไหนไม่ได้

“ขี้เหงาเหรอวะ” เคนพูดกลั้วหัวเราะ ทิ้งตัวลงนั่งทับบนตักของอัครแล้วกอดคอไว้ เสียงหัวเราะนั้นดังก้องอยู่ข้างหู จนอัครต้องเอียงคอหลบ “มึงแม่งตลกว่ะ ฮ่าๆ จะให้อยู่นี่ มึงต้องกินเป็นเพื่อนกูนะ”

เคนยื่นแก้วเหล้ามาจ่อที่ปากอีกครั้ง อัครกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนพลางสบสายตากับเคนที่กำลังยิ้มพราว ดูมีเสน่ห์เย้ายวนแปลกๆ ก่อนจะอ้าปากเล็กน้อย ให้เคนกรอกเหล้าเข้าไป

“พอก่อน...” เพราะถูกกรอกเหล้าเข้าปากมาเกือบสี่แก้วแล้ว อัครเลยต้องดันแก้วที่ห้าออก ตอนนี้เคนไม่ได้นั่งบนตักของเขา แต่กลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ชงเหล้าส่งมาให้เรื่อยๆ แบบไม่ยอมให้พัก

“อะไรว้า เอาอีกดิ อีกแก้วน้า อัครคร้าบ” คนแก้มแดงก่ำเขยิบตัวมาเบียดพร้อมส่งเสียงอ้อนหวานๆ จนอัครทำหน้าไม่ถูก ตอนโดนซุปจีบหรือตอนถูกพรีมแกล้งอ่อยก็ว่าเขินแล้ว แต่เจอลูกอ้อนของเคน ทำเอาตัวแข็งไปหมด อัครมีสีหน้ากระอักกระอ่วน พยายามจะปฏิเสธอย่างนิ่มนวลที่สุด แต่เคนก็ไม่ยอมท่าเดียว เมื่ออ้อนไม่ได้ผล ก็งอนมันซะเลย

“ไม่สนุกเลย! กูขึ้นไปดูไอ้พวกนั้นดีกว่า”

“เดี๋ยว! ดื่มครับดื่ม เอามาเลย”

สุดท้ายอัครก็ต้องยอมจนได้ เคนยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย บีบคางของอัครให้เงยหน้าแล้วกรอกเหล้าใส่ปาก อัครต้องเอามือคอยรั้งไว้ ไม่ให้กรอกเยอะไป เพราะจะสำลักเอาได้

“มึงนี่ก็คอแข็งใช้ได้เลย ไหนไอ้พรีมบอกว่ามึงคออ่อนไง” เคนมองตาเยิ้มอย่างคนเมามายพลางกระดกแก้วเหล้าที่ให้อัครดื่มเมื่อกี้เข้าปากบ้าง แบ่งกันดื่มคนละครึ่งแก้ว

ไม่ใช่ว่าไม่เมา อัครเองก็ชักมึนๆ กรึ่มๆ เมื่อคืนกินไปเยอะกว่านี้ ถึงได้เกือบหลับไม่ได้สติ แต่ก็ยังพอรู้สึกตัวอยู่บ้างนิดหน่อย และยิ่งมาสร่างสุดๆ ก็ตอนเห็นพรีมจูบกับซุปเนี่ยแหละ ส่วนคืนนี้ แค่เหล้าที่แบ่งกันกินกับเคน รวมๆ แล้วก็ยังไม่ถึง 5 แก้วเต็มด้วยซ้ำ เลยยังทำให้อัครเมาไม่ได้

“พรีมบอกว่ากูคออ่อนเหรอ?” อัครถามยิ้มๆ ถ้าบอกว่าเขาไม่รู้จักตัวจริงของพรีมในตอนนี้ดีพอ พรีมเองก็คงไม่รู้จักตัวเขาดีพอเช่นกัน

“อืมมม ก็มันบอกว่ามึงไม่ค่อยชอบกินเหล้า ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วนี่” เคนทำหน้านึก พรีมเคยเล่าเรื่องของอัครให้ฟังมาบ้างนิดหน่อย

อัครอมยิ้มที่พรีมยังจำเรื่องเมื่อก่อนได้ พรีมไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้เมื่อตอนม.ต้น แค่นั้นอัครก็หัวใจพองโตแล้ว

“ถามจริงๆ นะ มึงชอบพรีมเหรอวะ”

“เอ๊ะ?” อัครหันควับไปมองหน้าเคน คนเมาหน้าแดงก่ำมีสีหน้าจริงจังระดับสิบ เหมือนเคนจะสร่างเมาแล้ว เพราะมัวแต่สนุกกับการกรอกเหล้าเข้าปากอัครมากกว่าดื่มเอง

“สายตามึงที่มองมัน...” พอเคนอ้าปากจะพูดอย่างนั้น อัครก็รีบแทรก

“ชอบแบบเพื่อนไง”

“แน่ใจ?” เคนหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ แต่อัครก็ยังคงยิ้มบางๆ

“อือ แค่นั้นจริงๆ”

ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บจี๊ดๆ ในใจ อัครรู้ตัวว่าโกหกไม่ค่อยเก่ง แต่เขากำลังพยายามทำใจให้ชอบพรีมแบบเพื่อนให้ได้จริงๆ ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ในตอนนี้ที่ไปได้ดีในฐานะเพื่อนเก่า

เคนยังคงลอบมองสีหน้าของอัครอย่างไม่ค่อยไว้ใจ แต่ก็ไม่อาจค้นเจอความรู้สึกจริงๆ ในใจของอัครได้ จึงแค่ถอนหายใจแล้วดื่มเหล้าต่อ ก่อนที่ทั้งสองคนจะต้องสะดุ้งตกใจกับเสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากชั้นสอง

เคนเป็นคนแรกที่วิ่งพรวดพราดเข้าไปดู อัครห้ามไม่ทัน เลยวิ่งตามไปติดๆ พอมองขึ้นไปที่ระเบียงชั้นสองของบ้าน เห็นพรีมยืนหันหลังพิงราวบันได ส่วนซุปยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนใหญ่

“ออกไป! ไอ้เหี้ยพรีม!”

“เอะอะอะไรวะซุป?” เคนวิ่งขึ้นไปถามสีหน้างุนงง อัครเองก็ตามขึ้นไปด้วย เห็นซุปทำหน้าถมึงทึงจนตกใจ ส่วนพรีมไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ

“คืนนี้มึงมานอนกับกู” ซุปไม่ตอบคำถามหรืออธิบายใดๆ กลับคว้าข้อมือของเคนแล้วลากเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังปัง

เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด อัครก็เดินเข้าไปหาพรีม มุมปากของพรีมมีรอยเลือดจางๆ ทั้งที่มันยังช้ำเพราะถูกต่อยอยู่แท้ๆ

เขายื่นมือไปแตะแผลที่มุมปากนั้นเบาๆ

“ทำแผลก่อน”

“ไม่ต้อง”

พรีมปัดมือของอัครออกแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปเงียบๆ คนเดียว แผ่นหลังที่อัครเคยรู้สึกว่ามันช่างแข็งแกร่ง ตอนนี้ดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด มันมีแต่ความอ้างว้างและเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจนรู้สึกได้

อัครเดินตามพรีมลงไปที่ชั้นล่าง พรีมนั่งลงบนโซฟา เอนหลังเอาแขนก่ายหน้าผากอย่างอ่อนล้า อัครไม่ได้นั่งลงข้างๆ แต่เลือกที่จะยืนมองอยู่ห่างๆ

นานกว่าที่พรีมจะเอ่ยปาก

“มึงไปนอนเหอะ กูขออยู่ตรงนี้คนเดียว”

“ให้กูอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า”

“ไม่จำเป็น”

คำนั้นทำเอาอัครจุกไปหมด เขายกมือขึ้นกุมหน้าอก ถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้เสียงคงสั่นมากแน่ๆ และเขาไม่อยากให้พรีมรับรู้ความเจ็บปวดนี้ แค่ที่พรีมเป็นอยู่ ก็ทรมานมากพอแล้ว อัครรู้ดี

เขาเลือกที่จะถอยหลัง

เพื่อคงสถานะคำว่า “เพื่อน” เอาไว้ให้นานที่สุด

ไม่ว่าพรีมจะยังต้องการเพื่อนเก่าคนนี้หรือไม่ก็ตาม

......
...
เช้าวันต่อมา พรีมบอกว่าจะกลับวันนี้ แม้เคนจะเพิ่งมาถึงได้แค่วันเดียว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เรียกร้องจะอยู่ต่อ เพราะบรรยากาศมันไม่ชวนให้ทำอย่างนั้น

ซุปขอกลับรถของเคน และให้อัครนั่งไปกับพรีม

อัครไม่กล้าถามว่ามีเรื่องอะไรกันเมื่อคืน ได้แต่นั่งเงียบๆ ในรถที่มีเสียงเพลงร็อคหนักๆ ดังตลอดทางจนเข้ากรุงเทพฯ บนเส้นทางที่คุ้นเคยและรถรามากมายของวันธรรมดาที่การจราจรติดขัดได้ตลอด อัครเอนตัวแนบประตูรถ เหม่อมองไปนอกหน้าต่างเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงของพรีมเรียก จึงหันไปมอง

“แวะหน่อยมั้ย”

“หือ?” อัครหันมองข้างทางทั้งสองฝั่ง แล้วก็ถึงบางอ้อ “เอาสิ”

พรีมไม่พูดอะไรอีก แต่เลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อยู่บนทางผ่านกลับบ้านของอัคร โรงเรียนที่พวกเขาเคยเรียนด้วยกันจนถึงชั้นม.ต้น

พรีมจอดรถ อัครเดินลงไปนั่งที่ข้างสนามบอล ต้นหญ้ายังคงเขียวขจี เพราะช่วงนี้เด็กประถมและมัธยมยังไม่ปิดเทอม มีเด็กๆ วิ่งเล่นในสนามบางส่วน ได้ยินเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวกับรอยยิ้มของเด็กๆ แล้วอัครก็ยิ้มตาม

พรีมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขา “ไลน์บอกพวกมันแล้ว ว่าแวะโรงเรียนเก่ากับมึง”

“อืม”

“ไอ้เคนไปส่งซุปที่บ้าน มันบอกเดี๋ยวจะมาหากูอีก”

“อืม” อัครพยักหน้ารับ “เคนชอบพรีมมากเลยเนอะ”

พรีมไม่ตอบ ดวงตาเหม่อลอยไปยังเด็กๆ ที่เตะฟุตบอลกันอยู่ในสนาม

“นึกถึงสมัยก่อน กูนั่งมองมึงจากตรงนี้ตลอดเลย” อัครว่ายิ้มๆ รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆ ที่ลูบหัว แต่เขาไม่ได้หันมองกลับไป “ตอนนั้นมึงเล่นกีฬาเก่งทุกอย่างเลย ทั้งฟุตบอล บาสฯ ตะกร้อ วอลเล่ย์ฯ จนกูคิดว่า ไอ้ห่านี่แม่งจะเล่นคนเดียวเลยรึไงวะ”

พรีมหัวเราะ ขยี้ผมของอัครเบาๆ แล้วละมือออกมาท้าวคางบนโต๊ะหินอ่อน มุมปากยังมีรอยยิ้มนิดๆ

“พอตอนม.ต้น ได้อยู่ห้องเดียวกับมึง ถึงได้รู้ว่า ไอ้เหี้ยนี่แม่งไม่ได้เก่งแค่กีฬาอย่างเดียว มึงเรียนเก่ง แถมยังเล่นดนตรีได้อีก อย่างกับซูเปอร์ฮีโร่ โครตเท่”

“ชมจนกูตัวลอยแล้วเนี่ย” พรีมเอนไหล่ชนกับไหล่ของอัครแรงๆ ด้วยความเขิน

“แต่มึงกากเรื่องวาดรูป งานศิลปะมึงห่วยมาก” อัครยิ้มขำ “เพราะงั้นถึงได้ชอบมาให้กูช่วย”

“เป็นเรื่องเดียวที่ฝึกให้ตาย กูก็ยังกากอยู่ดี” พรีมพยักหน้าเออออไปด้วย แล้วรอให้อัครพูดต่อ

“กูไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าทำไมมึงกับซุปถึงทะเลาะกันเมื่อคืน ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวมึงในตอนนี้เลยสักอย่าง”

อัครสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมาช้าๆ ส่วนพรีมยังคงท้าวคางมองไปในสนามหญ้าอย่างเงียบๆ

เรื่องเมื่อคืนนี้ คำพูดนั้นของพรีมมันทำให้อัครรู้สึกเจ็บๆ จุกๆ ในอกไม่น้อย แต่วันนี้ สิ่งเหล่านั้นค่อยๆ เลือนหายไปเพราะช่วงเวลาเก่าๆ ที่หวนนึกถึง เมื่อยามที่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้

อัครรู้ว่าพรีมกำลังต้องการอะไร...

“แต่การที่มึงพากูกลับมาที่เดิม นั่นคือมึงต้องการกำลังใจจากกู”

พรีมคลี่ยิ้ม แม้ไม่ได้สนิทกันมากมายอะไร แต่ทุกครั้งที่เครียดและมีปัญหาอะไรสักอย่าง การได้นั่งมองอัครวาดรูปอยู่ใกล้ๆ คือกำลังใจอย่างหนึ่ง

ต่างคนต่างยกแขนขึ้นโอบบ่าของอีกคน และเป็นครั้งแรกที่อัครรู้สึกกับพรีมแค่คำว่า “เพื่อน” จริงๆ

เขาหลับตาลงทั้งรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของพรีมที่ดังอยู่ข้างหู

“มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู”

tbc

อัครดูแมนๆ ขึ้นนิดหน่อยมั้งนะ ฮ่าๆ
เอาจริงๆ นางก็แค่ผู้ชายขี้เขิน ต้องเจอนายเอกแร่ดๆ แรงๆ หน่อยจะได้สมกัน โฮะๆๆๆ

บวกเป็ดให้ทุกคอมเม้นท์น้าค้าบ ขอบคุณคนอ่านทุกคนด้วย

เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ฟินสุด ดราม่าก็เยอะ แถมประหลาดอีก ชีวิตพวกมันยังมีอะไรอีกเย้ออออบอกเลย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Fengfang ที่ 04-09-2018 12:20:08
อยากให้อัครคู่กะซุป ไม่รู้ทำไมนะ แต่ความรู้สึกคือซุปคือคนที่ตอบจดหมายอัคร มีความพยายามหาเฟสจนเจอ คอยให้กำลังใจมาตลอด แอบปลอมเปนพรีมเพื่อจีบคนที่ตัวเองชอบ ในขณะที่พรีมคือลืมเลือนกันไปไม่ได้ทำไรเลย อย่างว่าแหละแล้วแต่คนเขียน แต่ก็เปนเรื่องที่น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 04-09-2018 19:04:05
เท่าที่อ่านผ่าน ๆ มาถึงตอนนี้ แบบรวดเดียว
บอกตรง ๆ "มึน" ดูหลากหลายคนหลายคู่
วังวนแบบวนเวียน
ยิ่งคนเขียนบอกว่า มีดราม่าด้วยแล้ว ...
คนอ่านคนนี้น่าจะรับอาการปวดหัวจากความ "เรื่องค้าง" ไม่ไหว

งั้นค่อยเจอกันตอน END เลยนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 04-09-2018 22:55:58
หรือจะคู่เคนจริงๆอะ มันจะวนเป็นวงจนแปลกๆเลยนะ5555ถ้าเป็นพระเอกจริงๆขอนายเอกที่ไม่เกี่ยวกับสามหน่อนี้ก็พอแล้ว งื้ออออออ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 16-18 [4/9/18] PART2.1-2 ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-09-2018 08:36:33
16
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ผ่านมากี่ปีแล้วอัครก็ไม่ค่อยแน่ใจ

ตั้งแต่วันที่เห็นซุปทะเลาะกับพรีม และพรีมพาไปแวะนั่งคุยกันที่โรงเรียนเก่า อัครก็พยายามทำใจให้ชินกับการอกหักครั้งแรกในชีวิตของตัวเอง ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะอกหักมาตั้งแต่แรกแล้ว โดยที่ยังไม่ทันทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

เกิดเรื่องอะไรหลายๆ อย่างกว่าจะเป็นตัวเขาในวันนี้ได้

ตอนปี 4 อัครได้รู้ว่าพรีมคบกับซุปแล้ว เขาซึ่งทำใจรอมาเกือบสองปีเต็มเลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากเท่าที่คิด คนที่เจ็บที่สุดเห็นจะเป็นเคน รายนั้นถึงกับตัดขาดทั้งคู่ แบบที่ไม่เจอกันอีกเลยจนเรียนจบ ส่วนกับอัครก็ไม่ได้สนิทอยู่แล้ว เลยไม่เคยคุยกันอีก

อัครใช้ชีวิตเด็กหอกับแน็กอย่างปกติสุข จนวันสุดท้ายของการสอบ แน็กบอกว่าชอบเขา อัครไม่อยากให้เพื่อนเสียใจเหมือนที่ตัวเองเคยเป็น เลยตกลงลองคบกัน เพื่อนๆ ทุกคนต่างยินดี แม้ในใจของอัครจะยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็ตาม แต่ตัวเขายังไม่มีใคร มีคนมารักก็ดีกว่าเกลียด ตอนนั้นอัครคิดเพียงแค่นั้น และแน็กเองก็นิสัยดี น่ารัก

แรกๆ ที่ต้องเปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นแฟนแบบกะทันหัน ต่างคนต่างก็ทำตัวไม่ถูก ทั้งที่อายุก็เลยเลข 2 มาแล้ว วันรับปริญญาแน็กรวบรวมความกล้าหอมแก้มอัครต่อหน้าเพื่อนๆ ทำเอาสาวๆ กรี้ดกร้าดกันจนหูแทบดับ และยิ่งกรี้ดหนักมากเมื่ออัครจูบหน้าผากแน็กกลับ

และพวกเขาก็เรียนจบ ทำงานมาเกือบ 4 ปีแล้ว ช่วงนี้อัครกำลังเตรียมตัวเป็นสจ๊วตของสายการบินหนึ่ง หลังจากสอบผ่านและได้เข้ารับการฝึกมา 1 ปีเต็ม ส่วนแน็กทำงานในบริษัทหนังสือนิตยสารต่างชาติ ตำแหน่งไม่ใหญ่โต แต่เงินเดือนก็สูงพอสมควร เพราะเป็นนิตยสารหัวใหญ่ชื่อดัง

“ไม่เจอกันนานมากกกก ไอ้อัครแม่งได้เป็นสจ๊วตเฉย” เชษโผเข้ากอดคอเพื่อนรักที่เมื่อก่อนตัวเล็กกว่า แต่ตอนนี้อัครสูงขึ้นผิดหูผิดตา เพราะต้องไปสอบเป็นสจ๊วต เลยฟิตร่างกาย เพิ่มทั้งกล้ามเนื้อและส่วนสูง จนตอนนี้อัครสูง 179 ซม.แล้ว พุ่งพรวดมา 10 ซม.ภายในเวลา 5 ปี

“ตอนสอบก็กังวลว่าจะไม่ผ่านเหมือนกัน” อัครว่ายิ้มๆ ยังคงถ่อมตัวและขี้อายเหมือนเคย จนเชษนึกหมั่นไส้ต้องยีผมแรงๆ ไปที พอลกับปูเป้ก็ยังคบกันอยู่ และกำลังจะมีข่าวดี วันนี้ถึงได้นัดกันมาสังสรรค์ เพื่อประกาศเรื่องแต่งงาน

“คร้าบๆ พ่อคุณ ผัวมึงนี่โครตถล่มตัวอ่ะไอ้แน็ก”

“ผัวผ่อง” แน็กถลึงตาใส่เชษ พร้อมง้างมือจะต่อย ทำให้เพื่อนๆ หัวเราะกันเฮฮา ไดซ์เองก็มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ด้วย เธอยังคงยินดีกับแน็กและอัครเหมือนเดิม

“ไดซ์ก็มีแฟนแล้วนี่ เห็นว่าเป็นวิศวกรที่ทำงานด้วยกันป่ะ” ปูเป้หันไปมองเพื่อนสาวที่หน้าขึ้นสีระเรื่อทันทีที่พูดถึงเรื่องแฟน ไดซ์เอามือทุบไหล่ปูเป้เบาๆ แก้เขิน

“อะไรๆๆๆ ไดซ์ได้วิศวกรเป็นแฟนเลยเหรอ รุ่นพ่อป่ะเนี่ย”

“มึงนี่ปากเสียว่ะไอ้สัสเชษ” พอลตบกะโหลกเพื่อนตัวดีเข้าให้

“บ้าเหรอเชษ” ไดซ์หัวเราะไปตอบไป หน้าก็ยังแดงไม่หาย “รุ่นเดียวกันแหละ แต่เขาทำที่นี่มาก่อนเราประมาณสี่ห้าเดือนได้”

“หล่อมั้ยๆ” เชษอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที ตอนนี้เชษโสดสนิท แต่เพื่อนๆ มีแฟนกันหมด มันเลยเหงาๆ พิกล เข้าใจความรู้สึกเพื่อนๆ ตอนที่ตัวเองมีแฟนแล้วมัวแต่อยู่กับแฟนเลยทีเดียว

“นี่รูป เขาไม่ค่อยชอบถ่ายรูปหรอก แต่เราบังคับมา ได้มาแค่เนี้ย” ไดซ์กดหน้าจอสมาร์ทโฟนสักพักก็ยื่นมาให้เพื่อนๆ ดูรอบวง แน็กได้ดูก่อนหน้าอัคร และพอเห็นหน้าแฟนของไดซ์ก็นิ่งไป

“มีอะไรเหรอ” อัครเขยิบตัวไปเบียดแล้วก้มมองหน้าจอที่แน็กถืออยู่ ก่อนจะอึ้งไปอีกคนจนเพื่อนๆ งง

“คือ แน็กไม่แน่ใจ เพราะเคยเจอครั้งเดียว อัครว่าใช่มั้ย” แน็กส่งสมาร์ทโฟนของไดซ์ยัดใส่มือของอัคร อัครเพ่งมองอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้า

“เราว่าใช่ว่ะ”

“แต่...”

อัครสบตากับแน็กเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร ก่อนจะยิ้มแล้วส่งสมาร์ทโฟนคืนไดซ์ ไม่มีใครถามอะไร พวกเขาเลยสังสรรค์กันสนุกสนาน จนถึงช่วงเวลาสำคัญที่พอลประกาศเรื่องงานแต่งกับปูเป้ พร้อมแจกการ์ดเชิญเพื่อนๆ ทุกคนให้ไปร่วมงานในวันเสาร์แรกของต้นเดือนหน้า

“ไดซ์จะชวนแฟนมาด้วยก็ได้นะ” ปูเป้ว่า เธอรู้สึกยินดีมากกับความรักครั้งนี้ของเพื่อนสนิท

“เขาไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงนะ แต่จะลองชวนดู” ไดซ์ตอบยิ้มๆ เธอนึกถึงหน้าบอกบุญไม่รับของแฟนตัวดีแล้วอดขำไม่ได้ เวลาจะชวนไปเที่ยวทีไรต้องทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้ทุกที วันๆ เอาแต่นอน

“แล้ววันนี้แฟนไดซ์จะมารับมั้ย อยากเจอตัวจริงอ่ะ”

“ก็บอกจะมานะ แต่ไดซ์ไม่อยากให้มา เพราะมันไกล เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็ต้องเฝ้าเครื่องอีก” ไดซ์ทำหน้ากังวล อัครกับแน็กมองหน้ากันแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มๆ กับเรื่องที่ทั้งสองสาวคุยกัน

“เออ ไดซ์ไปเจอกับแฟนที่บริษัทใช่มั้ย ทำงานคนละส่วน เจอกันยังไงเหรอ” อัครตัดสินใจลองถามดู คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะให้ความสนใจไม่น้อย เพราะเพิ่งเคยเห็นสาวไดซ์มีความรักอย่างจริงจัง

“จริงๆ คนละที่เลยด้วยซ้ำ ฮ่าๆ” ไดซ์หัวเราะตอบ “เขาทำอยู่ระยอง เราอยู่กรุงเทพฯ แต่เวลาดิวงานกับโรงงาน ฝ่ายผลิตน่ะ เราต้องติดต่อผ่านเขาตลอด แรกๆ เขาโครตดุอ่ะ เรานี่ได้ยินแต่เสียง ก็นึกว่าอายุสัก 40-50”

ไดซ์จิบน้ำเล็กน้อยก่อนเล่าต่อ “แต่ทีนี้ เราต้องไประยองเดือนละสองครั้ง เพื่อเช็คไลน์ผลิตและศึกษางานในโรงงานด้วย เพื่อเอาไว้บอกลูกค้า ก็เลยได้เจอเขาที่โรงงานที่ระยอง ตอนนั้นคือ อึ้งมาก เพราะโครตหนุ่ม พอคุยไปคุยมา เลยรู้ว่าอายุเท่ากันอีก แล้วก็เลยขอเบอร์ขอไลน์ส่วนตัวไว้คุยกันเรื่องงานด้วย เรื่องทั่วไปด้วย...ก็คุยกันเรื่อยๆ จนเมื่อปีก่อน เราถามเขาว่า พวกเราเป็นอะไรกัน เขาก็บอกว่า...”

“โอ๊ยยย อย่าเว้นให้ลุ้นนาน” ปูเป้โพล่งออกมาอย่างลุ้นๆ เหมือนเด็กสาวแรกรุ่นที่ฟังเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เป็นครั้งแรกจนเพื่อนๆ หัวเราะ

“เขาบอกว่า “งั้นคบกับผมมั้ยครับ” แล้วเราก็เลยตกลงอ่ะ” พูดจบสาวน้อยก็หน้าระเบิดตูมไปเรียบร้อย เพราะดันไปนึกถึงเสียงนุ่มๆ หวานๆ ของแฟนหนุ่ม

อัครได้ฟังก็เงียบไปนาน เพื่อนๆ เฮฮากันต่อ ทั้งกินและดื่ม แต่อัครกลับไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควรจนแน็กเข้ามาจับมือไปกุมไว้

“คนเรามันก็เปลี่ยนกันได้น่า อย่าคิดมากเลย”

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ดี” อัครเงยหน้ามองแน็กที่นั่งลงข้างๆ แล้วเป็นฝ่ายดึงมือของแน็กมาวางบนตัก ลูบไปมาเบาๆ คลายความกังวลใจที่จู่ๆ ก็ก่อตัวขึ้น

“พวกมึงสองคนนนน อย่ามาสวีทกันแถวนี้ เกรงใจเพื่อนที่ยังโสดด้วยครับ! ไปร้องเพลงคู่กันเลย ไอ้สัส” เชษโผล่พรวดมาแทรกกลางแล้วคว้าแขนทั้งสองคนลากไปหน้าห้องอาหารที่มีคาราโอเกะ ทำให้อัครและแน็กต้องพักเรื่องที่กำลังขบคิดไว้ก่อน

อัครนึกถึงคนสองคน ซุปกับพรีม

ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงกันบ้าง ครั้งสุดท้ายที่เจอพรีมคือตอนปิดเทอมก่อนเรียนจบ ตอนนั้นพรีมคบกับซุปแล้ว ท่าทางดูรักกันดี ไม่รู้เหมือนกันว่าพรีมทำยังไงให้ซุปยอมคบด้วย คงใช้ความพยายามและความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างมากเลยทีเดียว ต่างจากตัวเขาที่ไม่คิดจะยื้อ ไม่คิดจะทำอะไรเลย ตอนที่ชอบพรีมก็ไม่ทำอะไร ตอนที่ซุปมาจีบ ก็ไม่ทำอะไร

ได้แต่ปล่อยให้เวลาไหลไป จนมันหมดลง

“อ๊ะ แฟนเรามารับแล้วอ่ะ ต้องกลับแล้ว” เกือบเที่ยงคืนครึ่ง เสียงโทรศัพท์ของไดซ์ก็ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะหันมาบอกเพื่อนๆ ที่ยังสนุกกันไม่หาย

“ว้ายๆๆ ขอไปส่งนะ อยากเห็นคุณวิศวกรสุดหล่อของไดซ์”

“น้อยๆ หน่อยครับแม่” พอลหันไปปรามแฟนสาวของตัวเอง จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ยังจะชมคนอื่นว่าหล่ออีก

“แหม นิดหน่อยน่า ก่อนสละโสด”

“งั้นกูไปด้วย” เชษสมทบทันที สรุปว่าทั้งหมดก็เลยเดินออกไปส่งไดซ์แบบเนียนๆ เพราะกลัวแฟนของเพื่อนจะตกใจ

เกือบ 5 ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน แต่คนที่อัครและแน็กคิดว่าใช่ ก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปมากมายจากครั้งสุดท้ายที่เจอ

ไดซ์หันมาส่งยิ้มพลางโบกมือบ๊ายบายให้เพื่อนๆ ที่ยืนหลบอยู่หลังเสาร้าน มีแค่ปูเป้ที่ออกไปส่งแบบเต็มตัว ด้วยหน้าชื่นตาบาน เพราะแฟนหนุ่มของไดซ์ที่ยืนพิงรถรออยู่นั้น หล่อขั้นเทพ

“แม่ง กูอายยย ออร่าแม่งอย่างกับดารา” เชษบ่นเบาๆ

แต่อัครกับแน็กจับมือกันแน่น ทันทีที่คนคนนั้นถอดแว่นตาสีชาที่สวมอยู่ออกพร้อมกับเสยผมและยิ้มให้ไดซ์ที่วิ่งไปหา
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 16-18 [4/9/18] PART2.1-2 ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-09-2018 08:37:04
17
ได้เจอคนคนนั้นอีกครั้งก็ตอนงานแต่งของพอลกับปูเป้

งานแต่งของพอลกับปูเป้จัดแบบเป็นทางการเฉพาะครอบครัวในช่วงเช้าและกลางวันไปแล้ว ส่วนช่วงค่ำเป็นงานฉลองแบบกันเองระหว่างเพื่อนๆ ของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เป็นงานเลี้ยงแบบค็อกเทล จัดที่โรงแรมหรูพอประมาณ เพราะเจ้าบ่าวเพิ่งทำงานมาได้ไม่กี่ปี มีเพื่อนทั้งสมัยมัธยมและมหาวิทยาลัยมาร่วมงานกันคับคั่ง บางคนก็พาครอบครัวมาด้วย บางคนก็พาแฟนมา

และแน่นอนว่าแฟนของไดซ์ ก็ต้องมาร่วมงานนี้

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ประโยคนั้นออกมาจากปากของเคนอย่างง่ายๆ สบายๆ จนทั้งแน็กและอัครถึงกับอึ้ง คนอื่นไม่เคยเจอและไม่รู้จักก็จับมือทักทายไป เคนชะงักนิดหน่อยตอนจับมือกับแน็ก เพราะคงจำได้ แต่เหมือนจะจำอัครไม่ได้แล้ว เพราะเปลี่ยนไปพอสมควร ทั้งรูปร่างส่วนสูง แม้หน้าตาจะยังคล้ายๆ เดิมก็ตามที

“ผม...อัครครับ” อัครเป็นคนสุดท้ายที่ยื่นมือไปจับกับมือของเคน และตอนที่แนะนำตัว เคนที่กำลังยื่นมือมาก็หยุดนิ่ง จ้องหน้าอัครแล้วหรุบตาลง ดึงมือกลับไปโดยไม่พูดอะไร คนอื่นๆ มัวแต่คุยกันไม่ได้สนใจทั้งคู่แล้ว ส่วนแน็ก ตกใจเล็กน้อยที่อัครเป็นฝ่ายคว้ามือของเคนมาจับ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะเคน”

......
...
พอลโชว์ทักษะการเล่นเปียโนที่อุตส่าห์ลงทุนไปเรียนมาเมื่อสองปีก่อนบนเวทีงานแต่ง เพื่อบอกรักภรรยาสุดที่รักต่อหน้าเพื่อนๆ ทั้งหมด เสียงเชียร์เสียงเฮดังกระหึ่มลั่นห้องจัดเลี้ยง ทำเอาปูเป้เขินจนตัวม้วน แต่ก็ยังโดนแซวไม่เลิก จนถึงช่วงโยนช่อดอกไม้ สาวๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานต่างออกมายืนออรอรับ รวมทั้งไดซ์ที่ตอนแรกไม่อยากออก แต่โดนเพื่อนๆ ลากไปยืนร่วมวง

“จะโยนแล้วน้า” ปูเป้หันหลังไปบอกเพื่อนๆ เสียงสดใส ก่อนจะหันกลับไปแล้วทำท่าจะโยนอยู่หลายรอบมาก เสียงเพื่อนๆ ช่วยกันนับถอยหลัง จนช่อดอกไม้ถูกโยนลงมา เสียงกรี้ดกร้าดดังลั่น เพราะพวกสาวๆ แย่งกันรับช่อดอกไม้ และในที่สุดช่อดอกไม้ช่อนั้นก็ปลิวไปตกลงในมือของ...

“ฮ่าๆๆๆๆ” เชษเป็นคนแรกที่ระเบิดหัวเราะก๊าก เพราะคนที่รับช่อดอกไม้ไว้ได้คือ...เคน

“บ้าบอ” เคนบ่นอุบอิบพลางส่ายหน้า ก่อนจะเดินถือช่อดอกไม้ช่อนั้นไปให้ไดซ์ ยิ่งเรียกเสียงกรี้ดจากรอบข้างจนพวกอัครหูแทบแตก

“โหยยยย ไดซ์ แกได้แต่งรายต่อไปแน่นอน ฟันธง”

“พี่เคนขาโครตเท่อ่ะพวกมึง ดูดิๆ แก้มแดงด้วย”

“พี่พ่อง เขาอายุเท่ามึงมั้ยล่ะ”

หลายคนส่งเสียงกระดี๊กระด๊ากันทั้งผู้หญิงและสาวสอง คงเพราะมาดนิ่งๆ เท่ๆ ของหนุ่มวิศวกรคนเก่ง ว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตของไดซ์

เคนเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนนั้นมาก แต่อัครไม่แปลกใจเลย ถ้าไม่เปลี่ยนไปเลยสิแปลก โดนเพื่อนรักสองคนทรยศหักหลังเสียขนาดนั้น อัครเสียใจเรื่องพรีมแค่ไหน เคนน่าจะยิ่งกว่านั้นอีกหลายเท่า และถ้าตอนนี้เคนจะเปลี่ยนใจมารักผู้หญิง อัครก็คงไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ

“เจอพวกมันมั่งมั้ย”

อัครหันไปตามเสียงเรียก ทีแรกไม่แน่ใจว่าใครเรียกหรือเปล่า แต่พอหันไปเจอหน้าเคนก็ต้องเลิกคิ้วแล้วชี้หน้าตัวเองด้วยความไม่แน่ใจ

“เออ คุยกับมึงนั่นแหละ”

“ฮะฮะ” อัครยิ้มแหย “ไม่เจอกันนานนะ หล่อขึ้นจนนึกว่าจำคนผิด”

“มึงก็เหมือนกัน กูเกือบจำไม่ได้ ตัวสูงขึ้นได้ไงวะ” เคนเหลือบตามองส่วนสูงของอัครที่เปลี่ยนไปเยอะมาก เท่าที่จำได้ อัครตัวเตี้ยกว่า ตัวเล็กๆ หน้าตาแบ๊วๆ แต่นี่ทั้งสูงสง่า หน้าตาก็คมเข้มขึ้น

“อยากลองเปลี่ยนตัวเองดูมั่งน่ะ” อัครตอบยิ้มๆ เขาเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และไม่อ่อนต่อโลกเหมือนตอนเด็กๆ ตั้งแต่อกหักจากพรีมครั้งนั้น จนมาตกลงคบกับแน็กก็ยิ่งอยากแสดงออกถึงความเป็นลูกผู้ชายมากขึ้น เพราะอยากปกป้องแน็ก

เคนสูดจมูกขยุกยุกยิกนิดหน่อยพลางยกแก้วไวน์ในมือขึ้นจิบ “แล้วว่าไงล่ะ ได้ติดต่อกับพวกนั้นมั่งมั้ย”

“ไม่ค่อยนะ แต่ตอนเทอมสุดท้ายก่อนเรียนจบ กูเจอพรีมกับซุปแถวบ้าน”

คำตอบของอัคร ทำให้เคนคนเดิมเหมือนจะกลับมา แต่แล้วภาพเด็กหนุ่มตาใสที่ตื่นเต้นกับอะไรง่ายๆ และมีความขี้อ้อนนิดๆ ก็หายไปจนเหลือเพียงเค้าโครงของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีอ่อนที่ทั้งมีมาดของคนวัยทำงานและความสุขุมนุ่มลึก

“พวกมันดูสบายดีนะ ทักกันนิดหน่อย เห็นพรีมบอกว่าเรียนจบแล้วต้องไปต่อโทที่อังกฤษ ป่านนี้คงจบแล้วมั้ง”

“เหรอ” เคนหรุบสายตาลงมองมือตัวเองที่กำลังเขย่าแก้วไวน์เบาๆ อัครสังเกตเห็นแววตาเศร้าหมองนั้น

เคนคงยังไม่ลืมเรื่องของพรีม รวมทั้งเพื่อนรักเพียงคนเดียวอย่างซุป

ต่อให้เจ็บปวดและเสียใจกับการถูกหักหลัง

ความเป็นเพื่อนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

“กูมีเบอร์พรีมนะ”

“ไม่เป็นไร กูไม่อยากเจอมัน” เคนยื่นมือไปห้ามตอนที่อัครทำท่าจะหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับส่ายหน้า

อัครเลยเก็บสมาร์ทโฟนลงกระเป๋าตามเดิมโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเคน พออยู่ต่อหน้าตรงนี้ ใบหน้าของเคนยังคงไม่ต่างจากครั้งที่อัครได้สำรวจมันใกล้ๆ ที่บ้านพักตากอากาศของพรีมในครั้งนั้น

“กับไดซ์ โอเคใช่มั้ย”

เคนขมวดคิ้วฉับ เงยหน้ามองอัครคล้ายจะไม่พอใจที่ถามแบบนั้น แต่แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

“ไดซ์เป็นคนดี ไม่ว่าจะเพศอะไร กูก็โอเคทั้งนั้น” เคนเหลือบสายตาไปทางไดซ์ หญิงสาวร่างเล็กที่ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะชอบเธอได้ ทั้งที่เธอไม่มีอะไรที่เหมือนกับพรีมเลยสักอย่าง มันไม่ใช่ความประทับใจแรกเห็นเหมือนตอนเจอพรีม ไม่ใช่ความหลงใหลจนเกือบโงหัวไม่ขึ้น ไม่ใช่ความรักที่เร่าร้อนรุนแรงอย่างที่เคยมีต่อพรีม

เคนเคยนึกรำคาญยัยผู้หญิงที่เอาแต่โทรถามเรื่องงานไม่ว่างเว้น จนเผลอหัวเสียสบถใส่ไปหลายครั้ง ทั้งที่ยังไม่เคยเจอหน้ากันสักครั้ง รำคาญที่งานแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ต้องคอยถามตลอดเวลา แต่พอไดซ์ผ่านโปรและเริ่มเดินงานคล่องขึ้น เคนถึงได้เห็นว่า เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจเต็มเปี่ยม ตอนเจอกันครั้งแรก หน้าเหวอๆ ของเธอก็ตลกมาก จนเคนอยากจะลองคุยดู และพบว่านิสัยเข้ากันได้หลายอย่าง และเคนอยากจะดูแลเธอมากกว่าการเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน

คำตอบของเคน ทำให้อัครมีรอยยิ้มเล็กๆ พวกเขายืนคุยกันตามประสาคนเคยรู้จักอีกสักพัก จนแน็กเข้ามาหา เคนเลยทักทายอย่างเป็นกันเองเหมือนที่เคยทำ แน็กเลยยิ้มออกบ้าง เพราะตอนแรกเกร็งกับมาดใหม่ของเคนจนเกือบไปไม่เป็น

“นี่พวกมึงเป็นแฟนกันจริงๆ ดิ? กูก็ว่าละ” เคนยักคิ้วใส่แน็ก ที่เหมือนจะเขินนิดๆ จนแก้มแดงระเรื่อ อัครคนขี้เขินคนเดิมก็เช่นกัน แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้ว อัครกระแอมเบาๆ ในคอ ก่อนจะสอดมือกุมมือของแน็ก ทำเอาคนตัวเล็กกว่ายิ่งเขินหนักจนไม่กล้ามองหน้าใครเลย

“ทำไมวะ? มึงดูออกว่าแน็กชอบกูเหรอ?” อัครถามยิ้มๆ เหลือบตาไปมองคนข้างๆ ที่ยังอายจนแก้มแดงปลั่งไปหมด

“ไม่ออกหรอก เจอแค่กี่ครั้ง กูแค่เห็นแน็กชอบมองมึงบ่อยๆ แต่ตอนนั้นก็ไม่แน่ใจหรอก แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของกูด้วย” เคนหัวเราะพลางมองแน็กที่ตอนนี้ตัวจะระเบิดอยู่แล้ว ตอนนั้นจำได้ว่ายังรวมหัวกับไอ้ซุปแกล้งกันอยู่เลย ทีอย่างนี้ทำเจี๋ยมเจี้ยมเป็นลูกแมวน้อย เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว ขอบีบแก้มสักนิดเถอะ

“โอ๊ยยย อัคร ไอ้เคนมันแกล้งแน็ก” แน็กโวยวายปัดมือเคนออกแล้วซุกหน้าหลบหลังแฟนตัวเอง

“เล่นอะไรกันพวกนาย”

“ฮ่าๆ แน็กมันน่าแกล้งดี” เคนหันไปหาหญิงสาวร่างเล็กที่เดินเข้ามาดึงแขนไปควง “โทษทีไม่ได้บอก พวกเราเคยเจอกันมาก่อนแล้วน่ะ”

“มิน่า เห็นยืนคุยกันท่าทางสนิทเชียว ตอนแรกทำเนียนไม่รู้จักกันนะ แบบนี้จะไว้ใจได้มั้ยเนี่ย” ไดซ์ถลึงตาขู่ใส่เคน ที่แกล้งกลัวตัวหงอนิดๆ แต่หน้านี่ยิ้มแฉ่ง

“ตอนแรกจำไม่ค่อยได้น่ะ ไม่เจอนานมากแล้ว”

“จริงๆ ไดซ์ เคยเจอกันตอนปี 2 แค่ครั้งเดียวมั้ง” ในเมื่ออัครออกปากเอง ความน่าเชื่อถือเลยเพิ่มขึ้น และไดซ์ก็พยักหน้าว่าเข้าใจแล้ว ก่อนทั้งสองคนจะขอตัวไปเจอเพื่อนๆ คนอื่นบ้าง ส่วนแน็กกับอัครก็ยังยืนจิบไวน์คุยกันมุมเดิม จนโดนเพื่อนคนอื่นมาลากตัวไปสังสรรค์ในงาน

จบงานแต่งของพอลกับปูเป้ แน็กและอัครก็ยังคงติดต่อกับเคนนานๆ ครั้ง เพราะยังไงก็เป็นแฟนของไดซ์ เคนไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท พอไม่มีซุปก็เหมือนไม่เหลือใครเลยที่พอจะคุยปรึกษาอะไรด้วยได้ การได้เจออัครและแน็กอีกครั้ง ทำให้สองคนกลายเป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาในหลายๆ เรื่อง เวลาเคนเข้ากรุงเทพฯ ก็นัดไปเจอกันบ้าง แถมมีเชษโผล่มาด้วยอีกคน พอลก็มาด้วยบ้าง เพราะมีครอบครัวแล้ว ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่

[เย็นนี้แน็กจะลองทำสเต็กเนื้อราดซอสเกรวี่ล่ะ] แม้ตอนแรกเริ่ม อัครจะไม่ได้รู้สึกกับแน็กมากเกินเพื่อน แต่พอลองคบไป แน็กก็น่ารักขึ้นทุกวัน ตั้งแต่เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองว่าแน็ก คอยทำงานบ้าน ดูแลทุกอย่างให้ อัครก็ค่อยๆ ชอบและรักแน็กมากขึ้น

ตอนที่เป็นเพื่อนกัน แน็กก็เป็นแบบนี้ เพียงแค่อัครไม่ได้สังเกตเห็นมันเท่านั้นเอง

“อยากกลับไปกินจังเลยครับ” อัครยิ้มใส่กล้อง วันนี้เขาเพิ่งได้กลับมาที่ไทย เพราะมีไฟลท์ต้องบินไปอังกฤษทั้งอาทิตย์ เขามองภาพแน็กในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังจะเตรียมทำอาหารเย็นรอเขากลับห้อง ผ้ากันเปื้อนลายหมีน้อยพื้นสีฟ้าอ่อนที่อัครซื้อไปให้ ตอนไปทำงานที่ญี่ปุ่นคราวก่อน น่ารักน่าชังเข้ากับแน็กสุดๆ

แน็กเบนกล้องไปถ่ายเนื้อสเต๊กที่เตรียมไว้ [น่ากินมากเลยใช่ม้า รีบกลับมานะ]

“ขอประชุมแป้ปเดียว แล้วเราจะรีบกลับคอนโดทันทีเลย” อัครว่า ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วกดปิดเครื่อง เพราะต้องเตรียมไปประชุมสรุปผลงานในครั้งนี้กับหัวหน้าทีมและลูกเรือคนอื่นๆ

อัครก้มเก็บสมาร์ทโฟนลงกระเป๋า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและเห็นคนคุ้นตาที่เดินสวนไป คนคนนั้นเองก็เหมือนจะสังเกตเห็นเขา เลยหยุดเดินแล้วหันกลับมาในจังหวะเดียวกัน อัครขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกัน

“พรีม?”

“ไอ้อัคร!”

ถึงจะไม่ได้เจอมานาน แต่พรีมก็จำเพื่อนเก่าคนนี้ได้เสมอ ต่อให้อัครจะโตขึ้นแค่ไหนก็ตาม ตอนแรกยังไม่แน่ใจหรอก แต่พออัครยิ้มก็เลยจำได้

“เรียนจบแล้วเหรอวะ” ต่างคนต่างโผเข้ากอดกันในฐานะเพื่อน ก่อนจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันต่อ

“เออ จบเมื่อต้นปี แต่เพิ่งได้กลับมา แล้วนี่มึง...เป็นนักบิน?” พรีมทำตาเป็นประกายมองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า

“บ้าดิ กูเป็นสจ๊วตเว้ย ไม่ได้จบการบินสักหน่อย” อัครหัวเราะ กอดคอเพื่อนเดินไปหาที่นั่งคุยกันแถวนั้น “แล้วมึงจะมาทำงานที่ไทยหรือไงวะ?”

“ไม่อ่ะ กูแค่แวะมาเยี่ยมที่บ้าน อีกสองเดือนก็กลับแล้ว”

“ทำไมล่ะ? แล้วซุปอ่ะ?” อัครกะพริบตามองหน้าพรีม พริบตาหนึ่งที่พรีมทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ แล้วบอกเล่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องช็อค

“กูเลิกกับมันแล้วว่ะ”
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 16-18 [6/9/18] PART2.1-2 ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-09-2018 08:40:19
https://www.youtube.com/watch?v=ALHKh-XxWEo (https://www.youtube.com/watch?v=ALHKh-XxWEo)
มีเพลงประกอบมาให้ฟังเพลินๆ

18
เรื่องราวของทั้งสองคนในระหว่างที่ไม่ได้เจอกัน อัครไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และพรีมก็ไม่ได้เล่าไปมากกว่านั้น เหมือนอยากจะเลี่ยงเรื่องของซุป และชวนคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย จนอัครโดนตามตัวไปเข้าประชุม

หลังจากทำงานหนักมาเกือบสามอาทิตย์เต็มๆ ทั้งบินไปอเมริกาและยุโรป อัครก็ได้วันหยุดพักยาวๆ อีกสองอาทิตย์ เพื่อจะได้อยู่กับคนรักที่ห้องพักสุดหรู บนคอนโดเกรดพรีเมี่ยมใกล้สถานีรถไฟฟ้า ที่อัครผ่อนไปได้เกินครึ่งทางแล้ว และให้แน็กย้ายมาอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน เพราะใกล้ที่ทำงาน โดยแน็กคอยดูแลทำความสะอาดห้องให้ระหว่างที่อัครต้องบินไปต่างประเทศบ่อยๆ

พอกลับมาถึงห้องแสนสงบสุข และเจอหน้าแน็ก อัครก็โผเข้ากอดคนที่อ้าแขนรอรับ ทิ้งตัวลงให้แน็กอุ้มเหมือนเด็กเล็กๆ บดบี้ใบหน้ากับจมูกบนไหล่เล็กด้วยความคิดถึง

แน็กหัวเราะคิกคัก จั๊กจี้บนหัวไหล่พลางเอามือดันหน้าอัครออก “พอแล้วๆ ไปอาบน้ำ จะได้กินสเต๊ก”

“กินไปอาบไปได้มั้ย” เขาหอมแก้มแฟนแรงๆ ไปทีแล้วจูบปากรัวๆ แรกๆ ที่คบกัน อัครไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย จนเมื่อแน่ใจในความรู้สึกแล้วจึงค่อยๆ พัฒนามาทีละขั้น ตั้งแต่จับมือ นอนกอดกัน จูบแบบดูดดื่ม และเพิ่งกล้าทำเรื่องลามกกับแน็กเมื่อปีที่แล้วนี่เอง หลังจากนั้น ก็ตามปกติของผู้ชาย ไม่เจอหน้ากันนานๆ พอมาเจอที ก็อยากจะฟัดนานๆ

“มันจะทำได้ยังไงล่ะวะ” แน็กว่าหน้างอนิดๆ แก้มย้อมสีชมพูเข้มจัดน่าหยิก อัครอมยิ้มกับความน่ารักน่าชังนั้น หอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่ แล้วอุ้มคนตัวเล็กเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันโดยไม่พูดไม่จา แน็กที่อึ้งตั้งแต่ถูกอุ้มพาดบ่า ได้สติอีกทีก็ตอนที่ถูกวางลงบนขอบอ่างล้างหน้า แต่พอจะอ้าปากท้วง ก็โดนประกบจูบเร่าร้อนจนหายใจหายคอไม่ทัน

แน็กยังจำจูบครั้งแรกของอัครได้ไม่มีวันลืม ตอนนั้นต่างคนก็ต่างไม่ประสีประสา แม้แน็กจะเคยจูบผู้หญิงมาบ้าง แต่ก็แค่ผิวเผิน ตอนที่อัครกล้าๆ กลัวๆ ลองสอดลิ้นเข้ามา แน็กสะดุ้ง ตัวเกร็งจนสั่น แล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลซึมตอนที่อัครเริ่มรู้ทาง เลียไล้ไปทั่วโพรงปาก แถมยังดูดเสียงดังเหมือนจะกลืนกินกันเข้าไปให้ได้

ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ อัครจูบคล่องขึ้นผิดหูผิดตาจากตอนนั้นลิบลับ แถมมีเทคนิคและชั้นเชิงมากขึ้นหลายเท่า ไม่รู้ไปจำมาจากไหน ทั้งที่ก็จูบกับแน็กแค่คนเดียว

เอ๊ะ? หรือไม่ใช่

“อื้อ” ร่างเล็กร้องอู้อี้ในคอพลางขืนตัวออกจากอ้อมกอด เอามือทาบอกของอัครแล้วผลักออก ทำให้อัครต้องยอมละริมฝีปากทั้งที่ยังไม่เต็มอิ่ม เขามองหน้าแน็กอย่างไม่เข้าใจ ปลายลิ้นยังติดที่ปลายคางของร่างเล็ก พอสบตากัน แน็กก็ใจสั่นขึ้นมา

“เป็นอะไร?”

“เปล่า...” แน็กก้มหน้างุด หงุดหงิดนิดหน่อย เพราะในหัวดันคิดไปว่าอัครอาจจะจูบกับคนอื่นมาเยอะ ก็เป็นสจ๊วตมาตั้งสองปีแล้ว เจอทั้งแอร์ฯ สวยๆ ไหนจะพวกสจีหล่อๆ อีกล่ะ แน็กรู้ว่าอาจจะคิดมากไปเอง แต่พอคิดแล้วมันก็หมดอารมณ์เอาดื้อๆ อัครไปทำงานทีเป็นเดือนแบบนี้ ถึงจะพยายามวิดีโอคอลหาเกือบทุกวันก็เถอะ

“อย่าทำหน้าแบบนี้สิ” อัครปล่อยมือพลางถอนหายใจ แน็กเหยียดเท้าลงมายืนที่พื้น เอาศอกดันร่างของอัครให้หลบแล้วเดินหนีออกจากห้องน้ำไป

เห็นท่าไม่ดีแบบนี้ อัครก็ไม่รู้จะทำยังไง ปล่อยไว้คงมีปัญหากันแน่ๆ เขาเลยเลือกที่จะเดินตามแน็กออกไป เห็นคนตัวเล็กยืนหันหลังให้อยู่ข้างโซฟา จึงเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังเพื่อเอาใจ

“เป็นอะไรครับ? โกรธอะไรเรารึเปล่า” เสียงหวานๆ ของอัครทำให้อารมณ์คุกรุ่น เพราะการคิดไปเองของแน็กค่อยๆ สงบลง แน็กเอี้ยวตัวไปมอง สีหน้าดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว ก่อนจะส่ายหน้ายิกๆ ให้อัครจับพลิกหันกลับไปแล้วก้มลงมาจูบเบาๆ คล้ายกับการคลึงริมฝีปาก

“ไปทำงานนานๆ อือ...อย่าเพิ่ง” แน็กกำลังจะพูดเรื่องที่ติดค้างในใจ แต่อัครดันจะดุนลิ้นเข้ามา เลยต้องผลักหน้าออกแล้วพูดต่อ “แอบมีกิ๊กรึเปล่าเนี่ย!? ทำไมถึงได้...”

อัครเลิกคิ้ว มองแก้มแดงระเรื่อของแน็ก “ได้? ได้อะไรครับ?” ถามไปก็เอาปลายจมูกถูไถกับแก้มแดงๆ ไป

“ก็...อัครดูเชี่ยวเรื่องพวกนี้มากกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนขี้อายจะตาย”

อ้อ อัครเลิกคิ้วอีกครั้งพร้อมเสียงหัวเราะในคอเบาๆ กอดรัดคนตัวเล็กจนจมอกด้วยความหมั่นเขี้ยว จนแน็กต้องร้องประท้วงเพราะอึดอัดหายใจไม่ออก

“ที่แท้ก็หึงเหรอ? คิดว่าเรามีคนอื่น ไปทำแบบนี้กับคนอื่นเหรอ?”

“ใครหึง มั่วแล้ว ปล่อยดิ อ๊า” จู่ๆ ก็โดนอุ้มตัวลอยอีกรอบ แน็กหวีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ อัครจับร่างเล็กวางลงบนโซฟาแล้วโถมตัวลงกดไว้ เมื่อก่อนตอนตัวเท่าๆ กัน ไม่เคยคิดว่าการที่อุ้มใครสักคนตัวลอย แล้วกอดรัดได้ทั้งตัวแบบนี้จะมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ลงได้เท่านี้เลยจริงๆ

ตอนตัวเล็ก มีแต่โดนพวกตัวโตๆ กว่าไล่ต้อนจนมุม อย่างตอนที่เจอซุปหรือพรีมเป็นต้น ความรู้สึกตอนนั้นมันกดดันแปลกๆ เขินก็จริง แต่อัครไม่ค่อยชอบเป็นฝ่ายโดนไล่ต้อนสักเท่าไหร่

“หื่นกับแฟน ไม่เห็นแปลกเลย เราแค่ศึกษามาเยอะ เพราะอยากให้แน็กมีความสุขไง ไม่ชอบเหรอ” อัครถามพลางไซร้จมูกที่ซอกคอหอมๆ แน็กคงเพิ่งอาบน้ำตอนก่อนเขาจะมาถึงห้องพอดี

“ศึกษาจากอะไร” แน็กว่าหน้างอ อัครเลยหัวเราะเบาๆ แล้วฟัดแก้มแรงๆ ไปหลายที จนแน็กโวยวายให้หยุด เพราะจั๊กจี้และเจ็บแก้มไปหมดแล้ว

“ก็หลายๆ อย่าง” อัครยิ้มกริ่มพลางเลียริมฝีปาก ทำเอาแน็กแทบไม่กล้าสบตา ทั้งที่เคยถูกอัครกอดมาหลายครั้งแล้ว แต่ทำยังไงก็ไม่ชินกับบุคลิกนี้ของอัครเสียที ยิ่งคิดถึงสีหน้าของอัครตอนทำอย่างว่ายิ่งเขินจนตัวจะแตก

“แน็กคงไม่อยากรู้หรอกเนอะ”

แน็กไม่ตอบ แต่ขมวดคิ้วมองหน้าอัคร ทำไมจะไม่รู้ว่าอัครหมายถึงอะไร แต่ไม่คิดว่าคนที่เคยขี้อาย แถมเรียบร้อยมาดสุภาพบุรุษอย่างอัครจะดูอะไรพวกนั้น

“ไม่เอา ไม่หน้างอครับ เรามีแค่แน็กคนเดียว ขอฟัดให้หายคิดถึงหน่อยได้มั้ย”

“ไม่อาบน้ำกินข้าวแล้วรึไง”

“งั้นไปอาบด้วยกัน” พูดจบก็ทำท่าจะอุ้มร่างเล็กขึ้น จนแน็กต้องร้องบอกว่าจะเดินเอง มีบ่นนิดหน่อยว่าเพิ่งอาบไป แต่ก็ยอมตามใจคนรักอยู่ดี อัครเลยยิ้มหน้าบานไปยาวๆ จนกระทั่งกินมื้อเย็นเสร็จ

******

“ครับ น่าจะถึงสักสองสามทุ่ม ถ้ารถไม่ติดมาก แต่เย็นวันศุกร์น่ะนะ คงยากหน่อย” เคนเอียงคอหนีบสมาร์ทโฟนไว้ข้างหนึ่ง สองมือกำลังง่วนกับงานหน้าคอมฯ เพราะต้องคีย์ข้อมูลให้เสร็จภายในวันนี้ โอทีลากยาวมาสามวันติดแล้ว และพรุ่งนี้วันศุกร์แห่งชาติ ซึ่งเขารับปากไดซ์ไว้ว่าจะกลับกรุงเทพฯ

[ไม่เป็นไรค่ะ ขับรถระวังๆ ด้วย ไม่ต้องรีบนะ วันเสาร์อาทิตย์ค่อยออกมาเจอกันก็ได้] เสียงหญิงสาวดังอยู่ข้างหู และเคนก็อมยิ้มมีความสุขกับการได้ฟังเสียงหวานๆ ของเธอเป็นกำลังใจในยามทำงานหนัก

“งั้นผมจะไลน์ไปบอกอีกทีนะครับ โอเคครับไดซ์” เคนละมือมากดวางสาย ก่อนจะสนใจงานตรงหน้าต่อ สักพักก็มีเสียงไลน์เด้งมา เป็นไลน์กลุ่มของพวกอัคร ที่เอาไว้ติดต่อไปเที่ยวกันเวลาที่เคนกลับกรุงเทพฯ

รู้ว่าเขาจะกลับทีไร เป็นต้องไลน์มาชวนกันไปดื่มทุกที ทั้งที่แต่ก่อนอัครไม่ค่อยชอบดื่ม เดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแค่ชอบไปนั่งชิวๆ กับเพื่อน จิบนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ แถมมีเมียไปคุมตลอด ก็จะใครอีกล่ะ แน็กนั่นแหละ ไปด้วยประจำ แถมดื่มเยอะกว่าอัครอีก ที่อัครต้องดื่มน้อย เพราะต้องคอยขับรถพาคนเมากลับห้องตลอด คิดแล้วเคนก็อดขำกับตัวเองไม่ได้ อัครเปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ ดูมีมาดขึ้นเยอะ แถมดูแลแฟนดี๊ดี

คิดถึงสมัยเรียนที่เจอกันตอนไปหัวหิน อัครเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเรียบร้อย สุภาพมากจนหงุดหงิด เลยต้องบอกให้คุยกันแบบกันเอง จริงๆ คงเพราะไม่สนิท อัครถึงได้วางตัวแบบนั้น แต่พอสนิทกัน ก็คุยกันได้สะดวกคอขึ้นเยอะ ยกเว้นเวลาได้ยินอัครคุยกับแน็ก มันจั๊กจี้ใจแปลกๆ เหมือนกัน ดูๆ ไปสองคนนั้นก็น่ารักดี

ถ้าเรากับพรีมเป็นแบบนั้นก็คงดี

พลันที่คิดอย่างนั้น เคนก็ต้องขมวดคิ้ว เรื่องพวกนั้นมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เจอทั้งพรีมและซุปเลย แล้วตอนนี้เขาก็กำลังมีความรักครั้งใหม่กับผู้หญิงน่ารักๆ ที่พ่อกับแม่ก็ชอบ

แล้วทำไม...ใจมันยังต้องวนเวียนคิดถึงไอ้คนทรยศนั่น

เคนเกลียดพรีมมาก เกลียดจนไม่อยากมองหน้า เกลียดที่พรีมเห็นเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง

แต่ที่เกลียดมากที่สุดก็คือตัวเอง

เกลียดที่ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี ก็ยังคิดถึงคนพรรค์นั้น

“บ้าเอ๊ย...” เคนสบถกับตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วพยายามเพ่งสมาธิที่งานตรงหน้าอีกครั้ง

******

เย็นวันศุกร์ อัครขับรถไปรับแน็กที่บริษัทตอนเลิกงาน เพื่อนร่วมงานของแน็กบางคนรู้เรื่องของพวกเขา เลยมีแซวกันบ้างนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ เพราะวันแรกที่อัครมารับแน็กที่นี่ เขามาทั้งชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าจนสาวกรี้ด แต่พอรู้ว่าเป็นแฟนของแน็ก ก็บ่นเสียดายกันเป็นแถว

“แหม มีสะมีมารับถึงหน้าตึกอีกแล้ว รอบนี้อยู่กี่วันล่ะยะคุณแน็กศรี”

“พี่ต้อยอ่ะ อย่าไปแซวน้องมันดิวะ อายหน้าแดงเป็นตูดลิงหมดแล้วน่ะ”

เสียงพี่ๆ ในแผนกแซวกันเบาๆ ในกลุ่มตอนออกจากตึกแล้วเห็นรถยนต์คันสีเงินคุ้นตาของอัครจอดรออยู่ แน็กโบกมือให้อัครที่รออยู่ในรถพลางหันไปตอบพวกพี่ๆ

“เห็นว่าหยุดสองอาทิตย์อ่ะพี่”

“แบบนี้ก็...ตรั่บๆ ฟินๆ กันไปยาวๆ เลยสิแก” พี่หัวหน้าแผนกที่เป็นสาวใหญ่มีลูกมีสามีแล้วแซวแรงจนเด็กหนุ่มหน้าใสอายหน้าม้าน ส่ายหน้ารัวๆ

“บ้าเหรอพี่ พูดอะไรเนี่ย”

“อย่ามาทอแรร์ให้ยาก เมื่อเช้าฉันเห็นนะยะ ขับรถมาส่งกัน แล้วต้องมีจุ๊บๆ ก่อนลงรถ แถมที่คอแกก็มีรอย ดูสิ!” หัวหน้าตัวดีวี้ดว้ายหันไปบอกพี่ๆ เพื่อนๆ คนอื่นๆ เลยทำให้แน็กยิ่งโดนแซวหนักขึ้นอีก เลยต้องรีบบอกลาแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถ

“โดนแซวอีกแล้วสิ แดงไปถึงคอเลย”

“ก็อัครนั่นแหละ มาทำรอยไว้ตอนไหน แล้วไม่บอกด้วยนะ พวกพี่ก็เห็นตั้งแต่เช้า ไม่มีใครบอกสักคน” แน็กร่ายยาวด้วยความหงุดหงิดบวกอาย มือก็มัวแต่ดึงคอเสื้อมาติดกระดุมเม็ดบนสุด จนอัครต้องโน้มตัวไปช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้พร้อมหอมแก้มเบาๆ เป็นการขอโทษ

“ไม่โมโหนะ เดี๋ยวเราพาไปกินของอร่อยๆ ก่อนไปเจอไอ้พวกนั้น” อัครขยิบตาให้ทีหนึ่ง ก่อนจะขับรถออกไปจากบริเวณนั้นด้วยรอยยิ้ม “แล้วจะแต่งตัวแบบนั้นเหรอ ติดกระดุมถึงคอขนาดนั้น เอาเสื้อเราไปใส่ก่อนมั้ย อยู่เบาะหลัง”

แน็กหันไปมองที่เบาะหลังตามที่บอก ก็เห็นเสื้อแจ็คเกตสีเทาเข้มแบบปิดคอวางพาดอยู่ เลยนิ่วหน้าหันกลับไปมองคนที่กำลังขับรถ นึกอยากจะทุบสักที แต่ก็กลัวรถจะเสียหลักเปล่าๆ ก่อนจะคว้าเสื้อแจ็คเกตตัวใหญ่มาใส่คลุมแล้วรูดซิปปิดคอไป มันน่าหงุดหงิดตรงที่รู้ทั้งรู้ ก็ยังปล่อยให้เปิดคอโชว์มาทั้งวันเนี่ยแหละ

“แล้ววันนี้เคนมาด้วยใช่มั้ย”

“อืม เห็นมันบอกน่าจะถึงสองสามทุ่ม คงไปเจอที่ร้านพี่โอ๊ตเลย” อัครตอบพลางเลี้ยวรถเข้าไปหาที่จอดในห้างฯ ก่อนจะพากันลงจากรถและแวะหาข้าวเย็นกินกันก่อนไปดื่ม “คืนนี้อย่าดื่มเยอะล่ะ เราไม่ชอบทำกับคนเมา”

“พูดมากว่ะ ใจคอจะทำแบบนั้นกันทุกคืนรึไง” แน็กว่าหน้ามุ่ย

อัครหัวเราะเบาๆ แล้วโอบบ่าคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ ตามด้วยประโยคที่ทำให้แน็กต้องกำมือไปทุบอกด้วยความหมั่นไส้ ส่วนคนพูดก็เอาแต่หัวเราะมีความสุขจนน่าทุบอีกหลายๆ ที

“นานๆ ได้อยู่ด้วยกันนี่ครับ ก็อยากกอดเยอะๆ ตุนไว้”

“ของแบบนี้มันตุนกันได้รึไงวะ”

tbc
ดูเปลี่ยนไปเยอะมากอ่ะน้องอัครของเรา เพิ่มความแมนและเลเวลความหลัวรัวๆ

ก็ผ่านมาตั้งหลายปี มันก็ต้องโตกันบ้างไรบ้างอ่ะน้า



เราเป็นพวกชอบแต่งแบบเรื่อยๆ ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่ชอบให้มันหยุดแค่อายุเท่านี้ รักกันไม่กี่วันจบเลยไรงี้

เรื่องมันก็เลยจะเรื่อยเปื่อยหน่อย ถ้าไม่เบื่อกันซะก่อนอ่ะน้า
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-09-2018 08:42:35
อยากให้อัครคู่กะซุป ไม่รู้ทำไมนะ แต่ความรู้สึกคือซุปคือคนที่ตอบจดหมายอัคร มีความพยายามหาเฟสจนเจอ คอยให้กำลังใจมาตลอด แอบปลอมเปนพรีมเพื่อจีบคนที่ตัวเองชอบ ในขณะที่พรีมคือลืมเลือนกันไปไม่ได้ทำไรเลย อย่างว่าแหละแล้วแต่คนเขียน แต่ก็เปนเรื่องที่น่าติดตาม
ซุปอ่ะชอบอัคร แต่เพราะอัครชอบพรีมก็เลยยอมถอย แถมเรียนคนละจังหวัดอีก สุดท้ายพรีมที่คบกับซุปมานานกว่าก็เลยได้ไป (นังพรีมมันรุกหนักมากกก) แต่ก็นะ...อะไรๆ ก็ไม่แน่นอนหรอก อิๆ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-09-2018 08:43:59
เท่าที่อ่านผ่าน ๆ มาถึงตอนนี้ แบบรวดเดียว
บอกตรง ๆ "มึน" ดูหลากหลายคนหลายคู่
วังวนแบบวนเวียน
ยิ่งคนเขียนบอกว่า มีดราม่าด้วยแล้ว ...
คนอ่านคนนี้น่าจะรับอาการปวดหัวจากความ "เรื่องค้าง" ไม่ไหว

งั้นค่อยเจอกันตอน END เลยนะคะ :bye2:
จริงๆ ไม่กะจะดราม่ามากมาย เป็นแค่ชีวิตทั่วๆไป แต่ก็นะ วนไปวนมาหลายคู่เลย จะให้มีคนมาเพิ่มกลัวจะงง
กว่าจะจบ อีกนานเบยยยย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-09-2018 08:44:37
หรือจะคู่เคนจริงๆอะ มันจะวนเป็นวงจนแปลกๆเลยนะ5555ถ้าเป็นพระเอกจริงๆขอนายเอกที่ไม่เกี่ยวกับสามหน่อนี้ก็พอแล้ว งื้ออออออ
เรื่องมันมาเป็นลูปไปแว้ววว
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 16-18 [4/9/18] PART2.1-2 ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Ampaiem33 ที่ 05-09-2018 13:02:59
ไม่รู้ว่าจะใช่แบบที่เราเดาไว้รึเปล่า ต้องลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 19-21 [4/9/18] PART2.4-6
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 06-09-2018 08:24:16
19
ที่ร้านเหล้าเจ้าประจำของพวกอัคร เป็นร้านแบบสองชั้นคล้ายผับ แต่มีเทอร์เรสด้านบนไว้รับลมกลางคืน ส่วนด้านในเป็นบาร์ ชั้นล่างเหมือนร้านอาหารทั่วไป ลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านเป็นวัยทำงาน จึงไม่ค่อยมีเรื่องวุ่นวาย นอกจากคนเมาตีกันเป็นพักๆ ซึ่งไม่ร้ายแรงมาก

“เอ้า มาได้สักทีไอ้อัคร ไอ้แน็ก นึกว่ามัวแต่แดกตับกันไม่ยอมมาแล้ว” เสียงเชษดังลั่นมาแต่ไกลเมื่อเห็นทั้งสองคนในร้าน ทำเอาแน็กอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยปิดปากเพื่อนตัวดีมันเดี๋ยวนั้น

“ไอ้สัสเชษ ปากหมานะมึง”

“อ๊ะๆ หยาบคายนะน้องแน็ก ทีกับพี่อัครล่ะ แน็กอย่างนั้นแน็กอย่างนี้ ถุ้ยยย”

“อยากโดนตีนใช่มั้ยมึง”

“เอาน่าแน็ก เชษมันก็แบบนี้ทุกที” อัครรีบดึงแขนเล็กเป็นการห้ามปราม ไม่อย่างนั้นคงมีวางมวยกันกลางร้านพี่โอ๊ต ลูกพี่ลูกน้องของพอล ทุกคนมากันครบแล้ว ยกเว้นเคนที่น่าจะถึงช้าสุด เพราะคงไปรถติดอยู่ชานเมือง

“ไอ้เคนบอกว่าอีกสิบห้านาทีถึงว่ะ” เชษก้มมองไลน์กลุ่มที่มีข้อความเข้ามาใหม่เมื่อกี้ วันนี้เป็นอันว่าขาดแค่พอลคนเดียวที่มาไม่ได้ เพราะติดธุระกับที่บ้าน “แล้วพวกมึงแดกไรมายัง แน่ะๆๆ อิ่มมาแล้วสิ”

“เออ แดกแล้ว” แน็กเป็นคนตอบ ก่อนจะดึงขวดเหล้าจากมือของเชษมารินใส่แก้วตัวเอง

พออัครเห็นเลยรีบเบรกก่อน “อย่าเพิ่งเยอะนะ เดี๋ยวก็เมาก่อนเคนมาพอดี”

“เออน่า” แน็กทำแก้มพองใส่ ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากไปก่อนหนึ่งแก้ว เนื่องจากมีเรื่องให้ต้องอับอายและหงุดหงิดมาตลอดทาง ตั้งแต่โดนแซวที่หน้าบริษัท เลยขอย้อมใจสักเล็กน้อย

“แล้วอะไรของมึงวะแน็ก แฟชั่นใหม่ แจ็คเกตกับกางเกงสแลคงี้?”

“มึงก็อย่าแซวมันสิวะ” อัครรีบห้าม เพราะแน็กหันมาถลึงตาใส่ ไม่ได้โกรธเชษ แต่จะมาพาลเขาแทนแล้ว

“อ่ะๆๆ ไม่แซวๆ รักกันเอากันก็มันดี”

“ไอ้เหี้ยเชษ” แล้วแน็กกับเชษก็ตีกันอีกรอบ อัครเลยได้แต่กุมขมับ รอจนเคนมาก็ครบทีม เคนโทรหาไดซ์เพื่อบอกว่ามาเจอพวกอัครแล้ว เข้าเมืองอย่างปลอดภัย จากนั้นก็ถึงเวลาสังสรรค์ของเพื่อนฝูง

เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง เชษเริ่มหาสาวๆ มานั่งคุย ส่วนแน็กเมาพับตัวอ่อนกองอยู่บนโซฟา อัครเลยชวนเคนคุยเรื่องที่ไปเจอพรีมมาเมื่อวันก่อน

“เออ เคน” 

“ว่า?” เคนเลิกคิ้วพลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ เพราะขับรถมาเลยไม่อยากดื่มเยอะ

“กูเจอไอ้พรีมว่ะ เมื่อสองวันก่อนตอนกลับจากอังกฤษ มันบินเที่ยวเดียวกับกูพอดี แต่มาเจอในสนามบินแล้ว”

“เหรอ”

อัครลอบมองแววตาของเคนที่บางครั้งจะฉายแววเศร้าสร้อยออกมา ดวงตาคู่สวยที่มักจะสะท้อนภาพของพรีมในวันวาน และเต็มไปด้วยความเงียบเหงา

อัครไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี ดันเริ่มเรื่องของพรีมไปแล้ว เขาเลยยื่นมือไปแตะมือของเคนคล้ายจะปลอบใจ เคนเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าเนือยๆ ไร้อารมณ์ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ

“กูไหว”

ทั้งที่ไม่ได้ถาม แต่เคนก็รู้ว่าอัครเป็นห่วง พอบอกไปอย่างนั้น อัครก็พยักหน้าเข้าใจ และปล่อยมือ

“มีอะไรก็บอกกูได้นะ” อาจจะเพราะอัครเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องของพรีมและเคน เขาจึงรู้สึกว่าไม่อยากปล่อยไว้ อย่างน้อยก็อยากให้เคนสบายใจกว่านี้ จนกว่าจะพร้อมเผชิญหน้ากับเพื่อนเก่าอย่างพรีม

“มันสบายดีใช่มั้ยวะ” ในที่สุดเคนก็เอ่ยปากถามด้วยเสียงที่สั่นนิดๆ

“สบายดีอยู่ ทางกายอ่ะนะ”

“ยังไง?” เคนขมวดคิ้วมองหน้าอัครที่มีทีท่ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย คล้ายกับเผลอพลั้งปากอะไรไป

“เอ่อ...ก็...”

ยิ่งอึกอัก เคนก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ อัครเลยสูดลมหายใจแล้วค่อยบอกออกมา

“คือ...มันเลิกกับซุปแล้วว่ะ”

......
...
เคนน่าจะดีใจและลิงโลดกับข่าวที่อัครบอก แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เคนนิ่งเงียบ เงียบไปนานมาก จนถึงเวลาที่ควรจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะร้านใกล้จะปิดแล้ว

“มึงโอเคมั้ยวะ” อัครแตะมือลงบนบ่าของเคน คนที่เหม่อลอยมาเป็นชั่วโมงถึงได้สะดุ้งน้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา “กลับด้วยกันมั้ย”

“ไม่เป็นไร” เคนส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืน “ไอ้เชษ?”

“ไปกับสาวที่ไหนแล้วไม่รู้ กูบอกมันแล้วล่ะว่าพวกเราจะกลับแล้ว” อัครว่าพลางพยุงแน็กที่ตื่นแล้ว แต่ยังมึนๆ เมาๆ

“คนที่จะไม่ไหวมันไอ้แน็กมากกว่ากูว่า” เคนหัวเราะก่อนจะช่วยอัครพยุงร่างเล็กอีกแรง พากันเดินออกไปที่ลานจอดรถหน้าร้าน อัครฝากแน็กไว้กับเคนและเปิดประตูรถให้ เคนจับแน็กให้นั่งดีๆ บนเบาะ คาดเข็มขัดให้เสร็จสรรพ คนตัวอ่อนก็เอ่ยขอบใจเสียงงัวเงียเหมือนเด็กน้อย เห็นแล้วก็เอ็นดู

“กูเข้าใจเลย ว่าทำไมมึงถึงได้หลงมันนัก”

อัครไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่ยิ้มให้แล้วเอ่ยขอบใจที่ช่วยพาแน็กมาส่งที่รถ ก่อนจะแยกย้ายกัน แน็กหลับสนิทหลังจากเปิดแอร์ให้สักพัก อัครมองคนข้างตัวยิ้มๆ แล้วขับรถต่อ

คงจริงอย่างที่เคนว่า เขาค่อนข้างหลงแน็กมากเลยล่ะ

นึกถึงสมัยเรียน ตอนม.ปลายที่ยังไม่สนิทกัน แน็กมักจะมองมาบ่อยๆ พออัครหันไปมองแล้วยิ้มให้ ก็จะรีบหลบตา ทำเหมือนไม่ได้มองอยู่แต่แรกแล้ว ตอนหลังมาเนียนอยู่ในกลุ่มด้วย อัครก็ไม่ได้ว่าอะไร ติดใจแค่เรื่องเดียว คือเวลาที่ถามอะไรแล้วชอบตอบกวนๆ กลับมา กว่าจะสนิทกันก็ใช้เวลาพอสมควร พอสนิท แน็กก็ถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น ชอบเอามือมาลูบหัวเกาคาง

สมัยมหาลัย แน็กก็ไปรับส่งที่หอตลอด ถึงจะบอกว่าเป็นทางผ่านก็เถอะ ทั้งที่มีแฟนแล้ว ก็ยังให้ความสำคัญกับเขาเสมอ จนแน็กเลิกกับแฟนและขอมาอยู่หอด้วย ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้ไกลจากมหาลัยเลย อยู่ด้วยกันทุกวัน อัครเลยรู้ว่าจริงๆ แล้วแน็กเป็นคนเรียบร้อยมาก ที่ทำตัวห้าวๆ มาตลอด เหมือนพยายามจะกลบเกลื่อนบางอย่างไว้ ซึ่งเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนวันที่แน็กมาบอกว่าชอบนั่นแหละ

เพราะว่าชอบ แน็กถึงได้พยายามเข้าหาเขา ทั้งปรึกษากับเชษ เพื่อนสนิทของเขา จนได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน พยายามทำทุกอย่างให้ แต่เขากลับไม่เคยมองเห็นมันเลย

เสื้อผ้าของเขาทุกตัว แน็กจะคอยรีดและแขวนชุดที่จะต้องใช้ในวันถัดไปให้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเสมอ ข้าวของที่เขาวางระเกะระกะก็จะคอยเก็บให้ ไม่เคยบ่นเลยสักคำเวลาที่เขาทำรก ทำความสะอาดห้องทุกอาทิตย์อย่างกับแม่บ้าน อาหารการกินก็คอยซื้อหามาเผื่อ จำได้ทุกอย่างที่เขาชอบและไม่ชอบ

ในวันที่แน็กมาสารภาพความในใจ ในสมองของอัครประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเคยมองข้ามมันไป และนั่นคือคำตอบของเขา

แม้แรกเริ่มไม่ได้รัก แต่ตอนนี้อัครมั่นใจมากว่ามันคือ “ความรัก”

จนกระทั่งวันที่ได้เจอกับพรีมอีกครั้ง...

อัครยังชอบพรีมอยู่ เขารู้ตัวดี แม้พยายามแล้วที่จะเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ลึกๆ แล้วในใจของเขาก็ยังมีความรู้สึกโหยหาและต้องการในตัวพรีม

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยและขับรถไปเรื่อยๆ จู่ๆ ที่ปลายหางตา ก็เหมือนเห็นใครบางคนที่ข้างทาง มีผู้ชายอีกสองสามคน ท่าทางกร่างๆ ยืนรุมล้อม เสียงเอะอะโวยวายดังจนอยู่ในรถก็ยังได้ยิน อัครรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าไปในซอยแถวนั้น แน็กก็ยังหลับอยู่ แต่เขาไม่อยากปลุกให้มาเจอเรื่อง เลยรีบวิ่งลงไปพร้อมกับล็อครถไว้

“มึงคิดว่าเป็นใครวะ ไอ้เหี้ย!”

“ก็แค่คนเมาน่า พอเหอะเชน”

“แม่งกวนตีนกูก่อนป่ะวะ”

เสียงคนพวกนั้นดังแว่วมา อัครเร่งฝีเท้าจนถึงที่หมาย ก่อนจะพุ่งไปขวางเด็กหนุ่มสามคนนั้น ตอนแรกนึกว่าพวกนักเลงหัวไม้ที่ไหน แต่ปรากฏว่าเป็นแค่เด็กมัธยมธรรมดา หนึ่งในนั้นยังหัวเกรียนอยู่เลยด้วยซ้ำ

“ดึกดื่นป่านนี้ กลับบ้านกันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไปโรงพัก” อัครใช้น้ำเสียงกึ่งขู่อย่างสุภาพ

“แล้วมึงเป็นใครอีกเนี่ย!?” เด็กหัวเกรียนตะคอกถาม แต่อัครไม่กลัวเด็กน้อยพวกนี้ เขาจ้องหน้าพวกมันด้วยหน้านิ่งๆ

“พี่ว่าพวกน้องคงไม่อยากโดนจับให้เสียประวัติ คนนี้เป็นเพื่อนพี่ เลิกแล้วต่อกันนะครับ”

“เฮอะ”

“เอาไงดีวะเชน”

“กลับสิวะไอ้เหี้ย!”

อัครถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเด็กทั้งสามยอมถอย เพราะตัวหัวเกรียนที่น่าจะเป็นหัวโจกยอมถอยแต่โดยดี พอเด็กพวกนั้นไปแล้ว อัครก็พยุงร่างของคนเมาที่เหมือนจะไม่ได้สติสักเท่าไหร่ขึ้นมา

“พรีม พรีม...ไหวมั้ยเนี่ย” กลิ่นเหล้าลอยหึ่งจนอัครถึงกับเบ้หน้า นอกจากเมาแอ๋แล้ว พรีมยังโดนต่อยจนแก้มบวม คงไม่มีแรงจะพูดแล้ว “ยืนดีๆ ไปกับกูนะพรีม”

“อือ” เสียงครางนั้นดังแผ่วๆ ในคอ อัครกระชับแขนที่พยุงร่างของเพื่อนรักแล้วพาไปที่รถ ให้พรีมนอนที่เบาะหลัง เขามองแน็กที่ยังหลับสนิท แล้วรีบขับรถกลับคอนโด
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 19-21 [6/9/18] PART2.4-6
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 06-09-2018 08:26:16
20
เมื่อสามปีก่อน หลังจากเรียนจบได้ประมาณครึ่งปี

“ตกลงมึงจะไปอังกฤษใช่มั้ย”

“ทำไมวะ?” พรีมเอียงหน้าน้อยๆ มองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ตรงหน้า ซุปขมวดคิ้ว จ้องตาเขานิ่งๆ

“ถ้าจะไป ก็เลิกกัน”

“งี่เง่า”

“เออ กูงี่เง่า จบป่ะ” พอพรีมสบถออกมาแบบนั้น ซุปก็ยิ่งเสียงดังใส่ พรีมลุกขึ้นจะคว้ามือ แต่ซุปสะบัดหนีแล้วถอยหลัง แต่พรีมก็ยังตามไปคว้าไว้จนได้

“อย่าอย่างนี้ดิวะ พูดกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่ไง”

“กูไม่ทน! ถ้ามึงไป มึงก็ต้องมีคนอื่น กูไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ สันดานมึงกูรู้ดี” ซุปโวยวายพลางสะบัดแขนออก

“แล้วปีกว่าที่คบกันมา กูเคยนอกใจสักครั้งมั้ย”

คำพูดของพรีมทำให้ซุปเงียบไป เขาจึงถือโอกาสที่อีกฝ่ายสงบลงแล้ว รั้งร่างสูงเข้ามากอดไว้แน่น จูบเบาๆ ที่แก้มซ้ายขวา

“รอกูกลับมา โอเคนะ?”

......
...
แต่ซุปก็ไม่รอเขา

“เลิกกันเถอะพรีม...กูไม่อยากรอมึงแล้ว”

มันคงเป็นเวรกรรม พรีมคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรื่องนั้น สิ่งที่เคยทำไว้กับเคน กับอัคร เหมือนย้อนเข้าหาตัวเขาจนแทบล้มทั้งยืน ไร้เรี่ยวแรงจะยึดเหนี่ยวสิ่งใด ทรุดตัวลงบนพื้นถนนกลางเมืองลอนดอน บนหิมะเย็นยะเยียบในบ่ายวันหนึ่งของเดือนธันวาคม เมื่อปีที่แล้ว

ทั้งที่ตั้งใจว่าปีใหม่จะกลับไปหา พร้อมของฝากมากมายและของขวัญชิ้นใหญ่ กะจะเซอร์ไพรส์ขอให้ไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ เพราะเขาได้งานทำที่นั่นแล้ว เป็นบริษัทออกแบบสิ่งก่อสร้างชื่อดังระดับโลก เงินเดือนคิดเป็นเงินไทยก็เกือบเจ็ดหลัก อยากจะให้ซุปเลิกทำงานแล้วไปเป็นพ่อบ้านเต็มตัว ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น รับเด็กมาเลี้ยงสักคนสองคน วาดฝันถึงวันที่จะได้นอนจับมือกันอยู่บนเก้าอี้โยกหน้าระเบียงบ้าน แก่เฒ่าไปด้วยกัน

พรีมรู้ว่าคนอย่างเขาฝันไกลเกินตัวมากไป เขาทำร้ายคนอื่นมามาก แต่กับซุป คนที่ตั้งใจรักจริง ความรักของเขามันแทบไม่มีความหมายอะไรเลย

“อัคร พรีมตื่นแล้ว” ทันทีที่ลืมตา ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของใครสักคน พรีมพยายามโฟกัสสายตามองตามหลังคนที่ยืนเกาะขอบประตูห้องอยู่ไม่ไกล ความนุ่มที่แผ่นหลัง ทำให้รู้ว่ากำลังนอนอยู่บนเตียง แต่สภาพห้องมันไม่คุ้นตาเอาเสียเลย กระทั่งได้ยินเสียงคุ้นหู

“เป็นไงมั่ง” คนแรกที่สะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตาก็คือ ใบหน้าของอัคร เพื่อนสมัยเด็กที่จะสนิทก็ไม่สนิท กับผู้ชายตัวเล็กๆ คุ้นๆ หน้า แต่จำไม่ได้ว่าใครที่ยืนอยู่ข้างๆ อัคร

อัครช่วยประคองพรีมให้ลุกขึ้นนั่ง เขาเลยกวาดสายตามองรอบห้อง และหยุดนิ่งที่กรอบรูปเล็กๆ บนโต๊ะข้างเตียง รูปถ่ายในชุดรับปริญญาของอัครกับอีกคนและครอบครัว

“อัคร...กู...”

“มึงเกือบโดนเด็กเกรียนพวกนั้นมันรุมยำตีนเอาแล้ว ดีที่กูไปเจอก่อน” อัครว่าพลางรับแก้วน้ำที่แน็กไปเอามา ยื่นให้พรีม “กินน้ำก่อน ถ้าปวดหัวหรือไม่สบายตัวตรงไหนบอกนะเว้ย เดี๋ยวกูพาไปหาหมอ”

พรีมดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วส่ายหน้า “แค่มึนๆ ว่ะ คงเมาค้างเฉยๆ”

“หน้าบวม” แน็กชี้ๆ ไปที่แก้มบวมช้ำของพรีม เขาเลยยกมือขึ้นแตะมัน

“เออว่ะ เจ็บอยู่”

“เดี๋ยวกูทายาให้แล้วกัน แน็กครับ ช่วยหยิบกล่องยาให้ที” อัครหันไปบอกแน็ก คนตัวเล็กก็ขานรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปหยิบกล่องยามาให้ แล้วขอไปทำอาหารเช้าต่อ

“มียาแก้แฮงค์นะ เอาหน่อยมั้ย” อัครหยิบซองยายื่นให้ พรีมก็รับมากินอย่างว่าง่าย ก่อนจะนั่งนิ่งๆ ให้อัครช่วยทายาที่แก้มให้

“นึกถึงตอนนั้นเลยว่ะ”

“ตอนไหนของมึง” อัครขยับตัวเล็กน้อย มือค่อยๆ นวดคลึงเนื้อยาให้ซึมลงบนผิวแดงช้ำเกือบม่วง

“ตอนที่ไปหัวหินกันไง อูยยย เบาดิวะ” พรีมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ เพราะอัครเผลอกดแรงมากไป เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน

“นานขนาดนั้น กูลืมหมดแล้ว” อัครว่ายิ้มๆ เก็บยาลงกล่องแล้วลุกขึ้นยืน ยักคิ้วให้พรีม “มึงเองก็ควรจะลืมให้หมดเหมือนกัน”

อัครเดินออกไปจากห้องแล้ว พรีมไถลตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง นอกจากรูปร่างส่วนสูงที่เปลี่ยนไปมากแล้ว นิสัยของอัครก็เหมือนจะเปลี่ยนไปรึเปล่า? เขาไม่ค่อยแน่ใจ แต่...มันดูเท่ขึ้นเยอะ

แน็กทำอาหารเสร็จ ก็เข้ามาเรียกไปกินด้วยกัน พรีมพอจะจำได้แล้วตอนที่อัครเรียกชื่อแน็ก เขาเดินออกไปนั่งรอข้าวต้มร้อนๆ จากคนตัวเล็ก แน็กใส่ชุดผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนลายหมีน้อย ดูเข้ากันดีจนประหลาดใจ

“ให้กูเดานะ ไอ้ผ้ากันเปื้อนนี่ มึงซื้อ?” พรีมยิ้มมุมปาก ชี้ปลายช้อนไปที่อัคร แน็กอึ้งนิดๆ ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง ส่วนอัครก็พยักหน้ารับ “โตขึ้นแค่ไหน รสนิยมมึงก็เหมือนเดิมจริงๆ”

“ไม่เหมือนนะ เปลี่ยนนิดหน่อย” อัครแทรกขึ้น ทำให้ทั้งพรีมและแน็กต่างหันไปมองหน้า และอัครก็คลี่ยิ้มนิดๆ ก่อนจะทำให้แน็กอายจนหน้าแดงก่ำ ส่วนพรีมระเบิดหัวเราะลั่น

“เปลี่ยนมาชอบคนตัวเล็กๆ”

......
...
เนื่องจากเป็นวันเสาร์ และอัครกับแน็กไม่ได้จะออกไปไหน ก็เลยชวนพรีมอยู่ด้วยกันทั้งวัน ให้อาการเมาค้างดีขึ้นแล้วค่อยกลับบ้าน แน็กนอกจากจะเป็นคนเจ้าระเบียบแล้ว ยังขยันมากด้วย วันหยุดก็ยังทำงานบ้านตลอด อย่างตอนนี้ก็กำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียงห้อง

“พรุ่งนี้จะพาแน็กไปครับ แม่จะเอาอะไรมั้ย โอเคครับ เจอกัน” อัครวางสายจากแม่ที่โทรมาชวนกลับบ้านยิกๆ เพราะรู้ว่าลูกชายได้หยุดงานสองอาทิตย์ ทั้งยังไม่ลืมบอกให้พาแฟนไปบ้านด้วย พอคุยเสร็จ อัครก็กลับมาวาดรูปต่อ งานอดิเรกของเขาคือการวาดการ์ตูนในคอมฯ รับงานเวลาว่างก็ได้เงินพิเศษเพิ่มมาบ้าง

“มึงยังวาดพวกนี้อยู่เหรอวะ โห เจ๋งอ่ะ วาดในคอมฯ ได้ขนาดนี้เลย” พรีมเกาะขอบเก้าอี้ยืนดูอัครทำงาน เพราะงานสจ๊วตไม่ต้องหอบมาทำที่บ้านเหมือนงานในบริษัทบางอย่าง ถึงเวลาก็แค่ไปบิน แล้วก็กลับมาพักที่บ้านสบายๆ ได้หลายวัน อัครเลยมีเวลาฝึกปรือฝีมือเรื่อยๆ

“ก็ทำเรื่อยๆ เป็นงานอดิเรกที่ได้เงินด้วย” อัครตอบท่าทางชิวๆ พลางขยับแว่นตาเล็กน้อยแล้วลากเม้าส์ปากกาบนแพดต่อ งานรอบบนี้เป็นการออกแบบตัวมาสคอตของสินค้าแบรนด์เนมเจ้าหนึ่ง เกี่ยวกับของเล่นเด็ก ใช้เวลาสองอาทิตย์ที่หยุดมาทำก็น่าจะเสร็จพอดี

พรีมก้มตัวลงจนคางเกยไหล่ของอัครแล้วจ้องหน้าจอด้วยแววตาเป็นประกายแสดงความสนอกสนใจ คอยถามนู่นถามนี่ข้างหู อัครมีสมาธิกับการทำงาน เลยไม่ได้คิดอะไร ปล่อยให้พรีมเกาะไหล่เกยคางอยู่อย่างนั้น

แน็กตากผ้าเสร็จ ตอนที่กำลังจะเลื่อนเปิดประตูกระจกเข้ามาในห้อง พลันต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นอัครที่กำลังยิ้มคุยกับพรีม และพรีมที่ทำท่าเหมือนอ้อนอัคร เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังลอดออกมาเป็นพักๆ แน็กสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยเปิดประตูเข้าไป ปั้นหน้ายิ้มแย้มตามปกติ

“กลางวันกินอะไรกันดี”

“อ้าว? ตากผ้าเสร็จแล้วเหรอ นั่งพักก่อนเถอะ” อัครเงยหน้า พร้อมกับพรีมที่ถอยไปยืนข้างๆ

แน็กพยักหน้า แล้วเดินไปหาอัครใกล้ๆ สองมือไพล่ไว้ที่ด้านหลัง บีบกันเบาๆ เพื่อรักษาระดับอารมณ์ให้คงที่ “ถามไว้ก่อน พรีมอยู่กินด้วยกันนะ เย็นๆ ค่อยกลับ”

“ครับ” พรีมเผลอตอบอย่างสุภาพ เพราะรอยยิ้มหวานของแน็ก แว้บหนึ่งที่รู้สึกเหมือนแน็กจ้องตาไม่กะพริบ แต่คงคิดไปเอง

มื้อกลางวัน อัครบอกว่าอยากกินข้าวผัดกุ้ง แต่ไม่มีกุ้งในตู้เย็น อัครก็ยังทำงานอยู่ พรีมเลยอาสาเป็นคนขับรถพาแน็กไปซื้อวัตถุดิบที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ คอนโด ไหนๆ ก็มารบกวนฝากท้องบ้านเขาแล้ว ต้องช่วยเหลืออะไรบ้าง แม้ตอนแรกแน็กจะบอกว่าไปคนเดียวได้ก็เถอะ

“เดี๋ยวผมเข็นรถให้” พรีมอาสาทันทีที่เห็นแน็กเตรียมจะคว้ารถเข็น เขารีบแย่งมาแล้วเข็นถอยลงตามหลังแน็ก ที่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี ก็เลยได้แต่ผงกหัวเป็นการขอบคุณเบาๆ

“พรีมชอบหรือไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ย” แน็กถามพลางกวาดสายตามองผักต่างๆ ในกะบะ อัครชอบกินมะเขือเทศกับมันฝรั่ง ก็เลยต้องซื้อเผื่อไว้เยอะหน่อย

“ผมกินได้ทุกอย่าง แต่ชอบมะเขือเทศสด”

“กินเหมือนอัครเลย” แน็กหัวเราะเบาๆ หยิบมะเขือเทศไปเพิ่มอีก “ชอบแบบผัดเละๆ ใช่มั้ย”

“ใช่เลย รู้ได้ไงเนี่ย” พรีมเลิกคิ้ว ทำท่าชูนิ้วใส่ จนแน็กยิ่งหัวเราะ

“อัครก็ชอบเหมือนกัน”

มาถึงตรงนี้ พรีมชักฉุกคิด อัครชอบอะไรเหมือนพรีมมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วรึเปล่า? เขานิ่งคิด เข็นรถตามแน็กไปเรื่อยๆ สมัยนั้นจำได้ว่าคุยกับอัครถูกคอเพราะชอบเหมือนกันหลายอย่างมาก

เรื่องของซุป...ก็เป็นหนึ่งในนั้น

อัครเองก็ชอบซุป เขาดูออก แต่เพราะเขาขอไว้ อัครถึงได้ยอมถอยให้ และอีกอย่างคือ อัครเหมือนจะชอบเขาด้วย

แล้วตอนนี้ อัครชอบอะไรบ้างนะ?

“...ม พรีม!”

“อ๊ะ ครับๆ?” พรีมสะดุ้งโหยง รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นคนตัวเล็กยื่นหน้ามาใกล้ๆ แล้ว พอเขาตอบรับ แน็กก็ผละออกไป เลือกซื้อของต่อ

“ถามตั้งนาน ว่าจะเอาขนมหรือน้ำอะไรมั้ย ที่ห้องไม่มีขนมเลย แต่มีเบียร์กับไวน์นะ อัครชอบซื้อมาไว้”

“เอ่อ อะไรก็ได้ ผมกินง่าย อยู่ง่าย” พรีมละล่ำละลักตอบ ดันเผลอคิดอะไรแปลกๆ ตอนมองแน็กจากข้างหลังเสียได้ นี่มันแฟนเพื่อนนะเว้ย แฟนเพื่อน เขาข่มใจและย้ำกับตัวเอง

“งั้นผมทำขนมด้วยดีกว่า พรีมไม่รีบไปไหนใช่มั้ยครับวันนี้” แน็กหันหลังไปมองเขาที่เหมือนคนพิลึกเข้าไปทุกที พรีมเอามือเกาหัวตัวเองแล้วพยักหน้ารับ

หลังจากเลือกซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรีมก็ช่วยเข็นรถไปให้เหมือนเดิม เขาช่วยแน็กยกของเก็บใส่ท้ายรถบางส่วน พวกผักผลไม้เอามาไว้ที่เบาะหลัง

“ซื้อเยอะจัง”

“อัครกินเก่งจะตาย แป้ปๆ ก็หมดเกลี้ยง เห็นบอกว่าเพิ่มน้ำหนักเพราะต้องเล่นเวท” แน็กว่าพลางคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนพรีมก็สตาร์ทรถ

“เมื่อก่อนมันตัวนิดเดียว”

“ตัวเท่าผมนี่แหละ แต่จู่ๆ ก็กินเอาๆ แล้วไปออกกำลัง ตัวก็เลยยืด ทั้งสูงและตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลย”

“แน็กชอบแบบล่ำๆ เหรอครับ”

“ห๊ะ?” เพราะคำถามแปลกๆ นั่น ทำให้แน็กหันไปมองหน้าของพรีม และเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าพลั้งปากอะไรออกไป เลยรีบกลบเกลื่อนไปว่า นึกว่าอัครทำเพื่อแน็ก อะไรแบบนั้น แน็กเลยหัวเราะแล้วบอกว่าไม่ใช่

“ผมชอบเขาตั้งแต่ตอนตัวเล็กๆ แล้ว อัครอ่ะนิสัยดี เป็นสุภาพบุรุษด้วย ทุกวันนี้ นิสัยก็ยังไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่...” ประโยคหลังแผ่วปลายเล็กน้อย เพราะดันนึกถึงหน้าเซ็กซี่ของอัครตอนมาอ้อนขอมีอะไรด้วย นี่คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อัครดูเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือมากที่สุด

“ไม่เท่าไหร่ แสดงว่าก็เปลี่ยนบ้างสินะ”

“ก็...บางเรื่องมั้ง” แน็กตอบอ้อมแอ้ม ก้มหน้าซ่อนความเขินอายที่มันแดงระเรื่อออกมาบนใบหน้า ส่วนพรีมก็อมยิ้มนิดๆ อย่างนึกเอ็นดู

ตลอดทั้งวันวันนั้น พรีมคอยสังเกตแน็กกับอัครเรื่อยๆ ไม่สิ ต้องบอกว่ามองแน็กมากกว่าอัครอีก ทุกอย่างที่แน็กทำให้อัครช่างน่ารักและแสนดี ดีจนเขาอยากจะมีคนแบบนี้ไว้ข้างตัวบ้าง อัครช่างโชคดีเหลือเกิน

น่าอิจฉา

“งั้นกูกลับล่ะ ไว้วันหลังมาเที่ยวใหม่” ราวๆ สองทุ่ม พรีมก็ขอตัวกลับ อัครออกไปส่งที่หน้าคอนโด ตอนแรกจะไปส่งที่บ้าน แต่พรีมบอกว่าเรียกแกร๊บได้ ขอกลับเองดีกว่า “วันนี้สนุกมาก ขอบใจนะที่มึงพากูมา”

“ก็เพื่อนกันป่ะวะ มึงอยากมาตอนไหนก็ได้นะ กูหยุดอีกสองอาทิตย์” อัครยิ้มกว้าง ต่างกอดกันเพื่อล่ำลาเมื่อรถที่เรียกไว้มาจอดรอ พรีมโบกมือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขึ้นรถไป

ระหว่างทางกลับบ้าน พรีมคิดหลายๆ เรื่อง ไม่คิดว่าโชคชะตาจะพาให้ต้องกลับมาพบกับอัครอีกครั้ง ราวกับสลัดกันไม่พ้น ไม่ว่าจะนานอีกกี่ปี หรือต่อให้ห่างหายกันอีกสักกี่ครั้ง สุดท้าย คนที่เขามักจะได้เจอเวลาที่กำลังมีเรื่องทุกข์ใจอะไรสักอย่าง ก็ไม่พ้นอัคร แต่ตอนนี้ชีวิตของอัครดีอยู่แล้ว และเขาไม่ควรจะเข้าไปทำลายมัน

พรีมหลับตาลง หูแว่วบทเพลงรักเศร้าๆ จากที่ไหนสักแห่ง จนนึกอยากหยิบกีต้าร์ตัวเก่าขึ้นมาดีดและร้องเพลงคลอไปกับมัน

******

แตร๊งงง แต่งงง

“เพี้ยนอีกแล้ว กูบอกให้มึงจำโน้ตก่อนไม่เชื่อ”

“โอ๊ย แม่งยากว่ะ ไม่ดีดแล้ว”

“กาก”

“สัส”

แล้วทั้งคู่ก็ต่างระเบิดเสียงหัวเราะใส่กันราวกับไม่เคยขำมาก่อนในชีวิต หัวเราะจนปวดท้อง ก็ยังไม่ยอมหยุด

“เรื่องวาดรูป มึงกากกว่ากูเยอะ”

“นอกจากวาดรูป มึงกากกว่ากูทุกเรื่องอ่ะ”

“ไอ้เหี้ย”

“เถียงไม่ได้ก็ด่าว่ะ กากสัส”

“ไอ้สัสพรีมมมม”

เสียงด่าทอโวยวายและเสียงหัวเราะของเด็กทั้งสองคนในวันวาน กำลังถูกกลบเกลื่อนด้วยความเป็นจริงในปัจจุบัน

อัครนั่งกอดเข่าเหม่อมองไปในความมืดสลัว เสียงลมจากเครื่องปรับอากาศดังจนรู้สึกว่าหนวกหู แต่อีกคนกลับนอนหลับสบายอยู่ข้างๆ

เขาก้มมองร่างเล็กในผืนผ้าห่มหนา ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิท ริมฝีปากเล็กอ้าเผยอนิดๆ ดูน่าจูบ

อัครค่อยๆ โน้มใบหน้าลง แตะริมฝีปากของตัวเองกับแก้มนุ่มและปากบางสีส้มอ่อนๆ แผ่วเบา ด้วยความรัก

เขาก้าวเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไปหาสิ่งเก่าๆ ในวันวาน

ภาพของพรีมต่างออกไปจากเมื่อตอนนั้นจนราวกับเป็นคนละคนไปแล้ว และมันจะไม่มีวันเหมือนเดิม

ต่อให้ตอนนี้อัครไม่มีใคร แต่กับพรีม มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย

เสียงกีต้าร์โปร่งของเด็กผู้ชายคนนั้น กับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่มีให้เวลาที่วาดรูปได้ถูกใจ

ไม่มีอีกแล้ว...

หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 19-21 [6/9/18] PART2.4-6
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 06-09-2018 08:27:27
21
“ซุปครับ พี่ขอไฟล์ของ NCU ทีได้มั้ย”

ซุปเงยหน้าจากคอมฯ ดวงตาคมใต้กรอบแว่นสีทองเหลือบขึ้นมองคนที่โผล่หน้ามาจากหลังแผ่นกั้นระหว่างโต๊ะ แอร์ เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานที่นี่มาก่อนเขา อายุมากกว่า 5 ปี จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันและสาขาเดียวกันด้วย

“ผมส่งไปในเมล์แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ” แอร์ยิ้มหวาน “แล้วเย็นนี้ มีนัดที่ไหนรึเปล่าครับ”

“ไม่มีครับ ว่าง” คนตอบกระตุกยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ตามองหน้าจอและนิ้วก็จิ้มแป้นคีย์บอร์ดรัวๆ ส่วนคนถามก็หัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจในคำตอบ

“งั้นไปกินข้าวกับพี่นะ อยากคุยเรื่องงานออกแบบอาคาร C”

“แหม อ้างเรื่องงาน อยากจะชวนน้องมันเดทก็บอกมาตรงๆ กากว่ะไอ้แอร์”

“เสือก!” หันไปด่าเพื่อนร่วมงานที่อายุเท่าๆ กันแล้วก็หันมายิ้มหวานให้ซุปต่อ “วันนี้วันศุกร์พอดี อยู่ดึกได้ใช่มั้ยครับ”

“ได้ครับ แต่ผมไม่ดื่มเหล้านะ พอดีคออ่อน”

“นี่ก็อ้อยเก่งไปอีก ที่บอกคออ่อนนี่กะให้ไอ้แอร์มันมอมล่ะซี้ ร้ายนะเรา”

“มึงนี่ขี้เสือกว่ะ ไอ้ป๋อม” แอร์หันไปถลึงตาใส่เพื่อนอีกที ตีกันเหมือนเด็กๆ ทั้งที่อายุก็ใช่น้อยๆ ซุปก็ได้แต่หัวเราะ เห็นพวกพี่เขาตีกันได้ทุกวัน เพราะทำงานด้วยกันมาหลายปีแล้ว เลยสนิทกันดี

นอกจากพรีม ซุปไม่เคยคบกับใครแบบแฟนมาก่อนเลย คนที่อยากจีบก็พอมีบ้าง สาวๆ ที่เข้าหาก่อนก็พอมี แต่มันก็ตั้งแต่สมัยม.ปลายนู่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายคนอื่นนอกจากพรีม มาตามจีบ แถมพี่แอร์ก็เป็นชายหนุ่มที่ดูภูมิฐานสมเป็นสถาปนิกหลักของแผนก ดิวงานเก่ง จนได้เป็นรองหัวหน้าแผนกตั้งแต่อายุแค่ 25 เท่าซุปตอนนี้เลย

ด้วยความที่แอร์เป็นผู้ใหญ่กว่ามาก อายุก็เข้าเลข 3 แล้ว จึงมีชั้นเชิงในการรุกจีบแบบผู้ใหญ่ ไม่ทำให้ซุปรู้สึกว่ามันรุนแรงและน่ากลัว ไม่กี่เดือนหลังจากแอร์บอกขอจีบ ซุปก็ค่อยๆ มีใจให้ทีละน้อย ซึ่งตอนนั้นยังคบกับพรีมอยู่ ซุปไม่แน่ใจว่าที่คบกับพรีมใช่ความรักจริงๆ รึเปล่าอยู่แล้ว จึงตัดสินใจบอกเลิกและมาลองคบกับแอร์ต่อทันที ซึ่งผ่านมาเกือบปีแล้วสำหรับการคบหากัน และเขาก็โอเคมากกับแอร์

ชายหนุ่มเทคแคร์ดูแลดีทุกอย่าง เวลาที่ต้องตัดสินใจก็เด็ดขาด มีความเป็นผู้นำ อยู่ด้วยกันสองคนก็มีอ้อนเขาบ้างพอประมาณ ไม่มากไม่น้อยจนรู้สึกเลี่ยนหรือน่ารำคาญ และซุปคิดว่าคนนี้แหละที่น่าจะอยู่ด้วยกันไปนานๆ

แต่เขาไม่เคยบอกพรีมเรื่องนี้หรอก

ไม่ใช่ว่าตอนคบกัน พรีมจะไม่เทคแคร์ แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน มีอะไรก็โพล่งกันตรงๆ จนบางครั้งตรงเกินไป กลายเป็นทำร้ายจิตใจกันเอง จริงๆ ซุปก็ไม่ชินกับการที่มีใครมาคอยดูแล แต่เพราะพรีม ทำให้เขาติดนิสัยเสียเหล่านี้ไปแล้ว

ซุปเคยนึกถึงอัครในบางครั้งที่เหงาๆ อยากจะโทรไป แต่ก็ไม่กล้า รู้ตัวอีกทีก็เรียนจบแล้ว พอได้งานทำ แถมมีเรื่องที่พรีมไปเรียนต่อกับพี่แอร์ที่เข้ามาจีบซึ่งหน้าอีก ก็เลยลืมๆ ไป

แต่ดูเหมือนว่า กงล้อแห่งชะตากรรมของพวกเขา จะยังไม่หยุดหมุนง่ายๆ

“ร้านนี้เขาว่าอร่อยมากนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นไปนั่งบาร์ชั้นบนได้ด้วย บรรยากาศดีมาก” แอร์ว่าพลางหั่นเนื้อสเต๊กเข้าปากเต็มคำ เคี้ยวๆ กลืนแล้วก็ชวนคุยต่อด้วยดวงตาเปล่งประกาย เลื่อนมือซ้ายไปทาบบนมือขวาของซุป “คืนนี้ค้างห้องพี่นะครับ”

แก้มของซุปขึ้นสีระเรื่อนิดๆ กับพรีมยังไม่เคยเขินเลยสักครั้ง ตอนเป็นฝ่ายจีบคนอื่นก็ไม่เคยเขินอายขนาดนี้ ยอมรับว่ารู้สึกดีมากจริงๆ กับผู้ชายตรงหน้าคนนี้

“วันนี้เราน่าจะมาเป็นคู่แรก”

“ก็จะมากินข้าวร้านนี้อยู่แล้วนี่ จริงๆ ก็น่าจะชวนไอ้เชษด้วย”

“แล้วถ้าชวนพรีม เคนจะว่าอะไรมั้ยอ่ะ”

เสียงพูดคุยนั้นไม่ได้เป็นที่น่าสนใจสำหรับซุปเท่าไหร่ หากแต่ชื่อสองชื่อนั้น มันทำให้เขาต้องหันไปมองคนพูด พลันต้องตกใจจนช้อนเกือบหลุดจากมือ แอร์ที่มองอยู่ก็ทำหน้างง

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีหรือเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน เขาก็มั่นใจว่าจำคนคนนี้ได้เสมอ

“อัคร...”

เสียงเรียกนั้นไม่ได้ดังมาก แต่ในร้านที่ไม่ค่อยมีคน และเงียบสงบ ทำให้อัครเหมือนได้ยินแว่วๆ เลยหันไปมองบ้าง แน็กเองก็เช่นกัน สองคนนิ่งไปเมื่อเห็นคนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แน็กจำซุปได้ เพราะเป็นคนที่ขึ้นแสดงบนเวทีตอนนั้น และเป็นคนที่อัครดั้นด้นไปหาถึงเชียงใหม่

“ซุป?” อัครเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้ม

วันเวลาไม่อาจย้อนคืน แต่โชคชะตายังคงไหลกลับ เวียนวนให้พวกเขาต้องพานพบ

ซุปลุกขึ้น เดินตรงเข้าไปหาอัคร มองหน้าอัครที่อยู่ระดับเดียวกับสายตาตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาอยากจะโอบกอด แต่ไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม

“คุณ...เปลี่ยนไปมาก”

“ซุปก็เหมือนกัน” อัครยังยิ้มให้ ในขณะที่ซุปได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองไป “นี่แฟนเรา ซุปก็เคยเจอที่เชียงใหม่ไง”

ซุปชะงัก นิ่วหน้านิดๆ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วยิ้มให้แน็ก “พอจะจำได้รางๆ”

“แต่ผมจำซุปได้นะ หวัดดีครับ” แน็กทักกลับ ก่อนหน้านี้ก็พรีม นี่ยังมีซุปอีก มีแต่คนที่อัครเคยชอบโผล่มาทั้งนั้น แน็กจะฝืนยิ้มก็ไม่ค่อยไหวแล้ว และเมื่อแน็กทักทายมา ซุปเลยต้องทักกลับไป

“หวัดดีครับ” เขายิ้มนิดๆ ก่อนจะเบนสายตาไปที่โต๊ะด้านหลัง “เอ่อ นั่นก็แฟนผม เป็นรุ่นพี่”

“อ้อ” อัครผงกหัวให้ผู้ชายแปลกหน้าที่โต๊ะ คนนั้นก็ยิ้มให้ “งั้นเราไม่กวนแล้ว เดทกับแฟนเถอะ ไว้เจอกันใหม่ครับ”

“อ่ะ เอ่อ...”

“เรายังใช้เบอร์เดิม โทรมาได้” อัครทำท่ายกหูโทรศัพท์ ก่อนจะถูกแน็กกระชากแขนให้เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง

******

แน็กดึงแขนอัครให้เดินตามไปแบบไม่รอให้คุยกับซุปจนจบ จะว่าหึงจนหน้ามืดแล้วก็ได้ ร่างเล็กกอดแขนของอัครแน่นราวกับกลัวว่าจะหายไป

“เป็นอะไร? ไม่กินข้าวก่อนเหรอ”

“สั่งมาข้างบนก็ได้” แน็กตอบเสียงห้วน ก่อนจะหามุมนั่งด้านนอก พอนั่งลงปุ๊บก็เปิดประเด็นปั๊บ “ทำไมต้องทำเหมือนหว่านเสน่ห์ใส่ซุปด้วย”

“หา? เราเนี่ยนะ?” อัครถึงกับเหวอ

“ก็ให้โทรมาอะไรเล่า เขาก็มีแฟนแล้วป่ะ อัครยังชอบเขาอีกเหรอ” คนตัวเล็กหน้างอแล้วงออีก จนอัครต้องยื่นมือไปนวดหว่างคิ้วให้

“ไม่เอาน่า คิดมาก เราแค่เห็นเขาเป็นเพื่อนเก่า ก็เหมือนพรีมเหมือนเคนไง”

“บอกตรงๆ นะ ถ้าเคนไม่ได้เป็นแฟนไดซ์ แน็กก็ไม่ไว้ใจเหมือนกันแหละ สามคนนั้นมันไม่น่ายุ่งด้วยเลยบอกตรงๆ แต่ตอนนี้แน็กยกเว้นเคนให้คนนึง เพราะหมอนั่นนิสัยดีสุด”

“แล้วพรีมกับซุปไม่ดียังไงล่ะ” อัครสงสัยจริงจัง แต่แน็กยังไม่ตอบ จนสั่งอาหารเสร็จ แน็กไม่เข้าใจว่าอัครแกล้งไม่รู้หรืออะไร แม้ตนจะไม่เคยพูดหรือถามเรื่องที่อัครชอบพรีมกับซุปมาก่อนก็ตาม แต่ในใจนั้นย่อมรู้ดี

“พรีมเลิกกับซุป ก็เท่ากับว่าตอนนี้โสดแล้ว ส่วนซุป ก็เคยจีบอัครมาก่อนไง”

“แค่นั้นน่ะ? พรีมไม่เคยคิดอะไรกับเราเลย ส่วนซุป เขาก็มีแฟนแล้วอย่างที่เห็นไง” อัครเลิกคิ้ว

“แต่แน็กไม่ไว้ใจนี่!” แน็กเผลอเสียงดังใส่ พอรู้ตัวก็ทำหน้าเจื่อนๆ อยู่กันมาตั้งหลายปี ไม่เคยทำตัวแบบนี้กับอัครเลยสักครั้ง

เสียงถอนหายใจของอัครทำให้แน็กถึงกับสะดุ้ง “ไม่ไว้ใจใคร? แน็กไม่ไว้ใจผมใช่มั้ย? ขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เชื่อกันเลยสักนิดใช่มั้ยครับ?”

“มะ ไม่ใช่อย่างนั้น” แน็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แค่อัครเสยผมขึ้นแล้วจ้องหน้าก็ตัวแข็งทื่อแล้ว ท่าทางแบบนี้เหมือนตอนที่อัครโกรธไอ้เชษจนเกือบต่อยกันเมื่อตอนปี 3 เลย อัครไม่เคยแสดงความโกรธออกมา ถ้าไม่สุดๆ แล้วจริงๆ และที่แทนตัวเองว่า “ผม” นั่น ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

คนนิ่งๆ เงียบๆ เวลาโกรธขึ้นมา มันน่ากลัวยิ่งกว่าพวกที่ชอบเห่าไปวันๆ เสียอีก

“โอเค แน็กไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ กินข้าวเสร็จแล้วกลับห้องเลย ผมหมดอารมณ์จะเจอหน้าใครแล้ว”

สิ้นประโยคนั้น อัครก็นั่งกินข้าวเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีกเลย

เขาไลน์ไปบอกในกลุ่มว่าไม่สบาย ขอกลับห้องก่อน พอลบ่นเสียดาย เพราะวันนี้อุตส่าห์มาได้ เหลือแค่สามหน่อ คือ เคน พอลและเชษ แน็กต้องกลับกับอัคร แม้อัครจะบอกว่า ถ้าอยากอยู่ต่อก็ไม่ว่าอะไร จะทิ้งรถไว้ให้ แต่แน็กขอตามอัครไปด้วยดีกว่า

ในรถนั้นเงียบกริบ อัครแค่ขับรถไปเรื่อยๆ ตาก็มองแต่ข้างหน้า เงียบจนแน็กตัวเกร็งไปหมด แต่จะไม่ให้คิดมากได้ยังไง เล่นมีคนที่เคยพัวพันกับอัครโผล่มาถี่ๆ แบบนี้ สายตาของอัครเวลามองเคนก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึก

รู้ว่างี่เง่า ไร้สาระมาก อัครก็มองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทุกคนแหละ แต่แน็กไม่ชอบใจ ไม่อยากให้อัครใช้สายตาแบบนั้นกับใคร มันหวง มันหึง ถ้าตอนที่ยังไม่คบกัน อัครจะมองใครก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เป็นของแน็กแล้ว ก็ห้ามมองคนอื่น

พอคิดแบบนั้น ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาอีก แน็กเลยพยายามกำๆ คลายๆ มือตัวเองอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ไม่อยากทะเลาะกัน คบกันมาสามปี เคยทะเลาะกันแรงๆ ก็แค่สองครั้งเท่านั้น แต่ไม่มีครั้งไหนที่อัครโกรธเหมือนครั้งนี้ หรือแน็กจะผิดที่คิดมากเกินไป? แต่เป็นแฟนกัน ก็ต้องมีสิทธิหวงสิ แน็กคิดอย่างไม่เข้าใจ

กลับถึงห้อง อัครถอดเสื้อยืดโยนใส่ตะกร้าหวายหน้าห้องน้ำแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ท่าทางยังไม่หายโกรธดี และแน็กก็ไม่เคยเป็นฝ่ายง้อเสียด้วย ร่างเล็กมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยน้ำตาคลอเบ้า นั่งรอบนโซฟาจนอัครเดินออกมาพร้อมกลิ่นสบู่หอมฟุ้ง ร่างสูงโปร่งที่ดูมีกล้ามเนื้อสมส่วนต่างจากเมื่อก่อนอย่างมากมีผ้าขนหนูผืนเดียวพันไว้ที่เอว

“ร้องไห้ทำไม”

แน็กสะดุ้งโหยงเมื่อร่างสูงทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้า ไม่ทันได้เช็ดน้ำตาออกจนหมด อัครเลยยื่นมือไปช่วยเกลี่ยออกให้อย่างเบามือ

“เราขอโทษที่หงุดหงิดใส่แน็ก เราผิดเองที่ทำให้กังวล” เสียงนุ่มๆ ของอัครคนเดิมกลับมาแล้ว น้ำตาที่ถูกเช็ดออกเลยเหมือนจะรื้นขึ้นมาอีกระลอก จนอัครต้องรีบหยิกแก้มนุ่มเพื่อหยอกล้อให้หายเศร้า “ไม่งอนนะครับ หน้างอไม่น่ารักแล้ว”

ก็เพราะอัครทำตัวน่ารักอย่างนี้ ง้อทีไร แน็กก็ใจอ่อนยวบทุกที

“ขอโทษที่เสียงดังใส่” แน็กก้มหน้าน้ำตาคลอ พอมันหยดลงบนหลังมือ อัครก็ช่วยเช็ดให้ แล้วยืดตัวขึ้นจูบเบาๆ ที่แก้มแดงๆ

“เอาเป็นว่า เราจะระวังไม่ทำตัวสนิทกับพวกนั้นมากเกินจนแน็กหึงอีก โอเคมั้ย?”

แน็กมองหน้าอัครอย่างเก้อเขิน “ใครบอกว่าหึงวะ”

“ไม่หึงก็ได้ แต่อย่าคิดมากอีกล่ะ” อัครคลี่ยิ้ม หยิกแก้มแดงๆ อีกทีแล้วช้อนร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักอย่างรวดเร็ว จนแน็กตั้งตัวไม่ทัน มือเย็นๆ ของคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จล้วงเข้าไปใต้ชายเสื้อ มันเย็นจัดจนถึงกับสะดุ้ง

“มือเย็นอ่ะ อ๊ะ...” แน็กกัดปากเมื่อปลายนิ้วซนๆ กำลังคลึงที่ยอดอกเบาๆ ก่อนจะเพิ่มแรงขยี้จนต้องร้องครางออกมาอย่างน่าอาย “นะ แน็กยัง...ไม่ได้อาบ...”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เลอะ อาบทีเดียวเลย”

แน็กเขินจนหน้าแดง ตัวแดงไปหมด เอามือฟาดแขนคนทะลึ่งไปที อัครส่งเสียงหัวเราะหึหึในคอ มือสองข้างบดขยี้ยอดอกใต้เสื้อโปโลที่แน็กใส่ไปทำงานวันนี้อย่างมันมือ ปลายจมูกก็ซุกไซร้แถวคอและกกหู ลิ้นสากค่อยๆ เลียตั้งแต่ใบหูเล็กลงมาที่ปลายคอ คนตัวเล็กสะดุ้งอีกรอบเมื่อสัมผัสกับความแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่ดุนดันสะโพกผ่านผ้าขนหนูผืนบาง ใบหน้าน่ารักแดงก่ำด้วยความเสียวซ่านเมื่ออัครค่อยๆ ขยับเอวและกดสะโพกเล็กลงให้ถูไถกับมัน ปลายนิ้วเลื่อนลงดึงเข็มขัดออกจากกางเกงสแลคสีกรม ก่อนจะค่อยๆ เกี่ยวขอบกางเกงทั้งนอกและใน รั้งมันให้พ้นจากเรียวขา โดยที่แน็กก็ให้ความร่วมมือเต็มที่

“อ่ะ อ๊ะ อัคร เข้ามา...”

อัครเลียริมฝีปาก ดูเหมือนคนตัวเล็กของเขาจะพร้อมมากแล้ว แน็กกำลังนั่งฉีกขาอ้ากว้างบนตัก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่จนลูกกระเดือนสั่นน้อยๆ ก่อนจะปัดผ้าขนหนูออกจากตัว และยกร่างเล็กขึ้น จัดท่าดีๆ ก่อนจะกดสะโพกนั้นลงรับตัวตนแข็งแกร่งที่เต้นตุ้บๆ รออยู่

“นุ่มมาก ช่วยตัวเองบ่อยเหรอ”

“อย่าถาม อ๊า” ไม่นานแก่นกายร้อนผะผ่าวนั้นก็สวนแทงเข้าไปจนมิดด้าม แน็กแทบกรีดร้อง สองมือบีบแขนของร่างสูงอย่างแรงด้วยความตกใจ อัครยังไม่ขยับตัว เขากอดรัดร่างเล็กไว้แนบอก จับคางให้หันหน้าไปประกบปากอย่างดูดดื่มจนน้ำลายไหลย้อยมาตามมุมปาก แล้วค่อยๆ เด้งเอวทีละนิด แน็กสะบัดหน้าหนีจูบของเขาเพราะทนแรงสะเทือนเบื้องล่างไม่ไหว เสียงครางดังคลอไปกับเสียงผิวเนื้อกระทบกระทั่งกันพั่บๆ อัครกดร่างเล็กให้อยู่ในท่านอนคว่ำหน้าบนโซฟา จับยกสะโพกขึ้นมาแล้วควงเอวคว้านลึกให้ถูกจุดเสียว พลันกระทั้นกายใส่จุดนั้นรัวๆ ก่อนจะโน้มตัวไปกอดไว้โดยที่ยังขยับต่อเนื่อง เสียงครางหวานๆ ของแน็กกระตุ้นให้เขาหยุดไม่ได้จนกว่าจะถึงฝั่ง แม้รู้ว่าไม่ควรรุนแรงเกินไป

“ชอบมั้ยครับ” เสียงทุ้มๆ ดังอยู่บนตัว แต่แน็กไม่มีแรงจะอ้าปากตอบแล้ว ในหัวมันขาวโพลนไปหมด เพราะเสร็จนำไปสองรอบ แต่อัครยังไม่ปลดปล่อยสักครั้ง

“อ่ะ อื้อ” แน็กครางในคอ ขณะถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยหวือ อัครกระชับวงแขนที่โอบรั้งบั้นท้ายนุ่มพลางขยับกระแทกตัวเข้าออกแรงๆ อีกหลายครั้งกว่าจะปล่อยอารมณ์ทั้งหมดทั้งมวลใส่ก้นเล็กๆ ที่ขมิบตอดรัดเป็นระยะ เขายังไม่ถอนมันออกในทันที แต่แช่ค้างไว้แล้วจูบซับเหงื่อที่ขมับของร่างในอ้อมกอดอย่างรักใคร่ แน็กรู้สึกอึดอัดเหนอะหนะ เลยขยับตัวและเผลอไปรัดมันเข้าอีก

“เดี๋ยวก็ตื่นอีกหรอก”

“กะ ก็เอาออก...สิ”

อัครหัวเราะในคอ แต่แน็กอยากจะทุบเขาให้ช้ำ ติดแค่ไม่มีแรงเหลือแล้ว สิ่งนั้นที่อยู่ภายในขยายใหญ่ขึ้นและแข็งตัวอีกครั้ง จนร่างเล็กสั่นสะท้าน เสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างหู ทำเอาอยากจะเป็นลมมันเสียเดี๋ยวนั้น

“ขออีกรอบ”

......
...
ซุปโทรมาตอนตี 3

อัครทั้งง่วงและมึน ตอนที่ต้องตื่นมารับโทรศัพท์เพราะดันลืมปิดเสียงไว้ ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีที่มัวแต่กินของหวานหลังอาหารจนลืมปิดเสียงมือถือ เขาขยี้ตาอยู่หลายทีกับชื่อคนโทรเข้า จนแน็กตื่นตาม เพราะหนวกหู

“อือออ”

“โทษทีครับ เดี๋ยวผมมานอนต่อ หลับไปก่อนนะ” อัครรีบก้มลงจูบหน้าผากร่างเล็กในขณะที่กดรับสาย เสียงของเขาดังเข้าไปในสาย แต่อัครไม่ได้สนใจว่าซุปจะได้ยินหรือไม่ เพราะกังวลว่าแน็กจะนอนไม่หลับมากกว่า

อัครกล่อมแน็กจนหลับไปอีกรอบ แล้วจึงเอาสมาร์ทโฟนแนบหู ลุกเดินออกไปนอกระเบียงพลางกรอกเสียงใส่โทรศัพท์

“ครับ?”

[ผมโทรไปกวนอัครรึเปล่า]

ถ้าเป็นเพื่อนในกลุ่ม เขาคงด่าไปแล้วว่า เรื่องแค่นี้ยังต้องถามเหรอวะ แต่อัครก็เก๊กหน้านิ่งทั้งที่อีกฝ่ายไม่เห็น ก่อนจะตอบไปว่า ไม่

[ผมอยากเจออัคร]

การเข้าประเด็นทันทีแบบนี้ เป็นนิสัยที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดของซุป อัครอมยิ้ม “อยากเจอผมด้วยเรื่องอะไรครับ”

[ไม่มีเรื่องอะไรเจอไม่ได้เหรอ]

“คุณมีแฟนแล้ว และผมก็มีแฟนแล้ว ถ้าไม่มีธุระ ก็ไม่ควรเจอกันสองต่อสองรึเปล่า”

[ห่างเหินมากกกก] ซุปลากเสียงยาว [ก็เป็นเพื่อนกันไง เจอกันไม่ได้เหรอ]

อัครแอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ให้ดังเข้าไปในสาย เรื่องเมื่อก่อนผุดเข้ามาในหัว นึกถึงที่ซุปปลอมเป็นพรีมมาเนียนจีบ ซุปมักจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงเสมอ แถมยังตรงไปตรงมาด้วย แต่ซุปคนนั้นอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้

“ได้ครับ ถ้าแฟนผมอนุญาต”

[ใจร้ายสุดๆ เลย อัครเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ งั้นมาเจอกันหลายๆ คนก็ได้ ผมแค่อยากเจอเฉยๆ คิดถึง]

อัครเกือบจะดีใจแล้ว แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่ต่างก็มีคนอื่นในใจ

และเรื่องระหว่างเรา มันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว

“โอเคครับ นัดมาเลย”

tbc
วันนี้น่าจะมาอีกตอนสองตอน ถ้าเป็นไปได้นะ

ตัวละครครบแล้ว มั้ง ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 19-21 [6/9/18] PART2.4-6
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 06-09-2018 10:59:22
บอกได้คำเดียว อิลุงตุงนัง
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 22 [7/9/18] PART2.7
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 07-09-2018 11:05:52
22
คนที่อัครพามาด้วย ไม่ใช่แน็ก

“ไม่เจอกันนานนะ” เคนเลิกคิ้ว มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์เหมือนไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนดี วันนี้เป็นยามบ่ายวันอาทิตย์ การนัดในห้างสรรพสินค้าเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เพราะคนเยอะ ร้านอาหารแน่นขนัดเกือบทุกร้าน ดีที่อัครโทรจองร้านประจำล่วงหน้าไว้ เป็นร้านอาหารอิสานแบบประยุกต์ ของขึ้นชื่อคือ ส้มตำทอด แน็กชอบร้านนี้มาก เพราะบรรยากาศดีและอาหารอร่อย

“คุณบอกจะชวนเพื่อนมา ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนนี้” ซุปว่ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปหาเคนที่กำลังเกาต้นคอตัวเองแก้เขิน “หายโกรธกูแล้วรึไง”

“กูก็ไม่ได้โกรธอะไรมึงนี่” เคนเลื่อนเก้าอี้แทบจะพร้อมกับซุป ต่างคนต่างนั่งลงประจำที่ อัครนั่งข้างๆ เคน

“สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ซุปมองสองคนสลับกัน

“เกินครึ่งปีแล้วป่ะวะ” เคนหันไปมองหน้าอัครที่พยักหน้าพลางรับเมนูจากเด็กเสิร์ฟมาแจกจ่ายให้ สั่งอาหารกันเสร็จก็คุยต่อตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันนาน

เรื่องที่คุยกันก็ทั่วๆ ไป ถามเรื่องสุขภาพ การงาน ชีวิตช่วงนี้ว่าเป็นยังไงกันบ้าง แต่เคนรู้สึกเลยว่าซุปมองอัครตลอดเวลา มองจนอัครก็เหมือนจะรู้ตัว แต่ทำเฉย

“ตอนเจออัครเมื่อวันศุกร์ ผมนี่โครตตกใจอ่ะ อัครตัวสูงขึ้นเยอะเลย จากคนน่ารัก กลายเป็นหนุ่มหล่อมาดเท่ไปแล้วเนอะ”

“อัครเป็นสจ๊วตด้วยเหรอครับ อยากเห็นตอนใส่ชุดทำงานจัง ต้องหล่อมากแน่ๆ ต้องหาโอกาสไปใช้บริการหน่อยแล้ว”

“อัครเล่นยิมด้วยเหรอ ที่ไหนอ่ะ ให้ผมไปด้วยคนสิ ผมยังออกกำลังประจำนะ”

บทสนทนาส่วนใหญ่จะเบนไปทางเรื่องของอัคร เคนคอยเหลือบมองอัครเป็นระยะว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรมากกว่านี้หรือไม่ แต่สุดท้ายอัครก็ยังคงยิ้มและตอบทุกคำถามของซุปอย่างใจเย็น

“กูว่ามึงเยอะไปละ อย่าทำให้มันอึดอัดสิวะ” เคนลากแขนซุปเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากกินข้าวกลางวันและเดินเล่นย่อยอาหาร เคนก็ขอตัวมาเข้าห้องน้ำกับซุป ให้อัครซื้อของไปก่อน

“เยอะอะไร? กูคิดถึงของกูอ่ะ ไม่เจอตั้งหลายปี” ซุปขมวดคิ้ว

เคนเบะปากนิดๆ “แล้วมึงไม่คิดถึงเพื่อนมึงคนนี้มั่งรึไงวะ คุยแต่กับไอ้อัคร มันไม่ว่าอะไร แต่เมียมันจะมาแดกหัวมึงเอา”

“อัครกลัวเมียเหรอ? ดูไม่เห็นเป็นงั้นเลย” ซุปยักไหล่อย่างโนสนโนแคร์ เอาจริงๆ ตอนนั้นถ้าไม่ติดที่พรีมคอยพันแข้งพันขา ก็คงได้รุกคืบอัครรัวๆ ป่านนี้อาจจะยังคบกันอยู่ก็ได้

ก็แค่จะทวงของที่น่าจะเป็นของตัวเองคืน ผิดตรงไหน?

“ไอ้พรีมมันทำให้มึงสันดานเสียใช่มั้ยเนี่ย เมื่อก่อนมึงไม่ได้แรดแบบนี้” เคนจ้องหน้าเพื่อน ระหว่างที่ไม่เจอกัน ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ซุปเปลี่ยนไปมากจริงๆ

“คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนกันบ้างว่ะ อัครยังแมนขึ้นได้เลย ถ้าตอนนั้นกูได้อัครเป็นแฟน ก็กะจะขุนให้โตอยู่เหมือนกัน เพราะกูชอบโดนกอด”

เคนถึงกับทำหน้าไม่ถูก กลอกตาไปมาอย่างระอาใจ “แต่อัครมีแฟนแล้ว มึงต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน”

ซุปเอียงคอ ยืนกอดอกพิงขอบอ่างล้างหน้า มีคนเข้ามาใช้บริการในห้องน้ำของห้างฯ แค่คนสองคน เลยไม่ได้สนใจ เขาว่า “ไม่อ่ะ กูไม่เข้าใจ” แล้วก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เคน

“กูเคยเป็นคนที่มีความอดทนมาก มากจนเสียแม่งทุกอย่าง ถ้าไอ้เหี้ยพรีมไม่ขู่กูเรื่องอัคร กูก็คงไม่ปล่อยให้หลุดมือแบบนี้ จนมีคนมาแทนที่กูอย่างที่มึงเห็น กูพยายามจะลืมแล้วเว้ย แต่มันทำไม่ได้ พอกูเจอเขา กูก็ลืมไม่ลง กูจะทำให้อัครเปลี่ยนใจมาหากู และคราวนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขวางทางกูไม่ได้แล้ว”

เคนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เพื่อนพล่ามออกมา ถ้าให้เลือกระหว่าง อดทนจนต้องเสียทุกอย่างกับแย่งชิงมันกลับมา......เคนก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน

แต่เคนก็เคยสูญเสียทั้งเพื่อนและคนที่รักไปพร้อมๆ กัน เพราะไม่คิดจะแย่ง

“เอาที่มึงสบายใจ กูไม่ยุ่งแล้วกัน” เคนว่าพลางตบบ่าเพื่อน แล้วเดินออกไปก่อน อัครซื้อของเสร็จพอดี เลยมายืนรออยู่แถวๆ นั้นแล้ว

“ซื้ออะไรเยอะแยะเลยครับ” ซุปมองถุงซูเปอร์ที่อัครถือในมือข้างหนึ่งอย่างสนอกสนใจ ดวงตาพราวระยับแสดงออกชัดเจนว่าต้องการอะไร แต่อัครก็ยังคงยิ้มแย้มกลับไปอย่างสงบนิ่ง

“พอดีแฟนผมฝากมาน่ะครับ เขาชอบทำอาหาร”

ซุปทำตาลุกวาว ยิ้มกว้างพลางเขยิบเข้าไปใกล้ๆ จนไหล่เบียดกัน ถ้าอัครยังตัวเท่าเดิม การจะเดินเคียงข้างกันแบบนี้คงยากอยู่ “ผมก็ทำอาหารเก่งนะ ลองกินมั้ย”

“ไว้...คราวหลังแล้วกันครับ”

“อย่าลืมชวนกูด้วยล่ะ เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ทั้งที กูไม่เคยกินอาหารฝีมือมึงเลยอ่ะซุป” เคนแทรกขึ้นทันทีพร้อมกับโผไปเกาะไหล่เพื่อนทั้งสองคนละข้าง สลับส่งยิ้มให้ทั้งคู่ไปมา อัครยิ้มตอบ แต่ซุปเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

......
...
ทั้งสามคนเดินเล่นกันไม่นาน อัครก็ซื้อของเรียบร้อยแล้ว เลยจะแยกกันกลับ เคนต้องขับรถกลับระยอง อยู่เย็นมากไม่ได้ และซุปไม่ได้เอารถมา อัครเลยอาสาไปส่งให้อย่างเสียไม่ได้

ต้องอยู่ด้วยกันสองคนจนได้

อัครคิดขณะเดินนำซุปไปที่รถ ปลดล็อคให้ซุปขึ้นไปนั่งรอก่อน ส่วนอัครเก็บของใส่ท้ายรถก่อนจะมานั่งประจำที่คนขับ

“รถคุณกลิ่นหอมจัง” ซุปสูดจมูกนิดๆ กับกลิ่นน้ำหอมในรถที่ไม่น่าจะใช่น้ำหอมปรับอากาศ กลิ่นหอมเย็นๆ ดมแล้วสดชื่นดี ก่อนที่ปลายจมูกจะเบนไปยังข้างแก้มของเจ้าของรถ

อัครสะดุ้งนิดๆ เอียงคอหลบน้อยๆ ไม่ให้ดูน่าเกลียดมาก ก่อนจะสตาร์ทรถ ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกเย็นๆ ตรงแก้มทำเอาอัครใจแกว่งไปหน่อย เขาตอบยิ้มๆ “คงเป็นกลิ่นน้ำหอมผมมากกว่า”

“จริงด้วยครับ หอมสดชื่นมาก” ซุปยกยิ้มมุมปาก ขยับตัวมานั่งพิงหลังกับเบาะสบายๆ แล้วค่อยคาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อตัวรถเคลื่อนพ้นลานจอดรถ

“ของ Bvlgari น่ะครับ พอดีแฟนผมชอบ ปกติเขาเป็นคนซื้อมาให้”

“อัครดูรักแน็กจังเลยนะครับ พูดถึงตลอด” ซุปเลิกคิ้วนิดๆ เสมองไปข้างทางคล้ายกับชวนคุยทั่วไปแบบไม่จริงจัง แต่ในใจค่อนข้างรุ่มร้อนพอสมควร

ถ้าเป็นตัวเราที่ได้อยู่ข้างๆ อัคร ตอนนี้จะเป็นยังไงนะ?

อัครจะรัก จะหลงเราขนาดนี้มั้ย

“น่าอิจฉา”

“หืม?” เพราะคำนั้นซุปแค่พูดเบาๆ เหมือนพึมพำกับตัวเอง อัครที่มัวตั้งอกตั้งใจขับรถเลยไม่ทันฟัง บ้านของซุปอยู่ไม่ไกลจากห้างฯ ที่นัดกัน ตามกูเกิ้ลแมพที่ซุปส่งพิกัดให้ “ใช่ซอยนี้มั้ยครับซุป”

“ครับ ตรงไป หลังที่สี่ หลังคาสีเทาๆ”

“โอเค” อัครหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาเข้าไปในซอย แค่ไม่ถึงห้านาที ก็มาถึงหน้าบ้านเดี่ยวขนาดกลาง หลังคาสีเทาอ่อน รูปทรงแบบโมเดิร์นสมเป็นบ้านของสถาปนิก “หลังนี้ใช่มั้ย”

“ครับ” ซุปพนักหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออก แต่ยังไม่ลงจากรถในทันที “แวะก่อนมั้ย ผมอยากขอบคุณที่มาส่ง”

“แต่...”

“นะครับ”

อัครสบตาเป็นประกายนั้น ก่อนเหลือบลงมองมือที่จับต้นแขนไว้ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เลยพยักหน้าตกลงและขับรถเข้าไปจอดในรั้ว และเดินตามซุปเข้าไปในตัวบ้าน

“เงียบจัง ไม่มีใครอยู่เหรอครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน พื้นหินอ่อนเย็นสบายเท้าดีมาก อัครมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีใครสักคน

“ผมอยู่คนเดียวน่ะ แยกมาตั้งแต่เรียนจบแล้ว พ่อช่วยดาวน์บ้านนี้ให้ แล้วก็อยู่กับครอบครัวของเขาไป” ซุปว่าพลางหาน้ำมาให้อัครดื่ม “เราไม่เคยคุยเรื่องพวกนี้กันเลยเนอะ พ่อผมหย่ากับแม่ตั้งแต่ตอนผมอยู่ม.ต้นแล้ว ต่างก็มีครอบครัวใหม่ ตอนแรกผมก็อยู่กับพ่อ แต่มันอึดอัด ตอนมหาลัยเลยเลือกเรียนไกลๆ จะได้ไปอยู่หอ เรื่องนี้พวกไอ้พรีมก็ไม่เคยรู้”

อัครพยักหน้าขอบคุณที่ซุปหาน้ำมาให้ เขานั่งลงบนโซฟาสีดำสนิทตัดกับความขาวของตัวบ้าน บ้านหลังนี้นอกจากหลังคาสีเทาแล้ว ก็มีแค่สีขาวเป็นธีมหลัก กับเฟอร์นิเจอร์สีดำเป็นส่วนใหญ่

ซุปทิ้งตัวลงข้างๆ อัคร ส่งยิ้มหวานเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน อัครกะพริบตาเล็กน้อยพลางเขยิบหนีแบบเนียนๆ เพราะซุปเข้ามาใกล้มากเกิน “ถ้าไม่ใช่เพราะพรีมคอยขวางไว้ ตอนนั้นผมคงได้คุยกับคุณอีกหลายๆ เรื่องเลย”

อัครไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี เลยเลือกที่จะเงียบ พลันต้องสะดุ้งเมื่อมืออุ่นๆ แตะลงบนหลังมือที่ถือแก้วน้ำอยู่ เขากลืนน้ำลายดังอึก เห็นแต่ริมฝีปากสีอ่อนกับปลายคางของอีกฝ่ายตรงหน้า ไม่รู้ทำไม หน้ามันร้อนๆ แปลกๆ ขึ้นมา

“อัครลืมผมแล้วจริงๆ เหรอครับ”

เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ของซุปก็เหมือนเดิมกับเมื่อตอนนั้น ท่าทีคุกคามแบบนี้ก็เหมือนเดิมเลย อัครรู้สึกว่าแผ่นหลังเปียกชื้น เขาเลื่อนมือออกจากมือของซุป เพื่อวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ทว่า ยังไม่ทันจะปล่อยแก้วใบนั้นลง ก็ถูกคว้าคางให้หันหน้ากลับไป แก้วน้ำหลุดมือตกลงกลิ้งอยู่บนโต๊ะสีดำ ดวงตาของอัครเบิกโพลงด้วยความตกใจ

อาจจะด้วยวัยและประสบการณ์หลายๆ อย่างที่สั่งสมมา ซุปถึงได้รุกรวดเร็วแบบไม่ให้ตั้งตัว ไม่มีรีรอหรือลังเลแม้แต่น้อย

ริมฝีปากสีอ่อนที่เพิ่งจ้องมองไปเมื่อครู่กำลังบดเบียดลงมาราวกับสัตว์ป่าที่กระหายเลือด ลิ้นร้อนๆ สอดแทรกชื้นแฉะ สองมือของซุปประคองใบหน้าของเขาแน่นหนาไม่ให้หลบหลีก ชันเข่าคร่อมหน้าตัก แล้วกดตัวนั่งทับลงตรงกลางกาย แอ่นตัวแนบหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อให้เสียดสีกันภายใต้เสื้อผ้า

เสียงลมหายใจไหลรวมกันปะปนมากับเสียงครางแผ่วๆ ซุปเอียงหน้าปรับองศาให้พอเหมาะ ตะโบมจูบเร่าร้อนเข้าใส่ อัครเลื่อนมือขึ้นขยำบั้นท้ายหนั่นแน่นอย่างเผลอไผล ไม่นานก็กลายเป็นคนคุมเกม รุกจูบอีกฝ่ายกลับอย่างรุนแรง ทั้งปากและลิ้นดูดเลียจนฉ่ำน้ำลาย ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...

......
...
“ทำไมกลับช้าวะ ไหนบอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อนแป้ปเดียวไง ของที่ฝากซื้อล่ะ ไม่เน่าหมดแล้วเหรอเนี่ย” ทันทีที่เปิดประตูห้อง เสียงบ่นของแน็กก็ดังลอยมา อัครถอดรองเท้าเก็บเข้าที่พลางถอนหายใจเบาๆ

“โทษที คุยกันเพลินไปหน่อย” เขายื่นถุงของที่ฝากซื้อไปให้ “ทำไรอยู่”

แน็กรับถุงไปพลางตอบ “รอทำกับข้าวเนี่ย กินมาแต่ข้าวกลางวันใช่มั้ย”

“ครับ”

“งั้นรอแป้ป แน็กจะรีบทำข้าวเย็นให้ ขอบคุณที่ซื้อของให้นะ” คนตัวเล็กเขย่งเท้าหอมแก้มเขาทีหนึ่งอย่างเอาใจแล้วรีบวิ่งเข้าครัว เตรียมทำอาหารเย็น

อัครมองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั้นไปด้วยดวงตาเหม่อลอย ก่อนจะหรุบตาลงอย่างรู้สึกผิด เดินไปหาที่นั่งพักสมองและสายตา

เราทำอะไรลงไป? อัครถามตัวเองซ้ำๆ มาตลอดทาง

รู้ว่าซุปอยากสานสัมพันธ์ที่ขาดหายไป แต่ตอนนี้ต่างก็มีคนอื่นในชีวิตแล้ว สิ่งที่กำลังทำอยู่มันไม่ถูกต้อง ไม่ควรให้มันเกิดขึ้น แม้จะแค่...จูบ...ก็ตามที

ครั้งนี้แค่จูบ ถ้าครั้งหน้าเจอกันอีกล่ะ? จะไม่แย่ยิ่งกว่านี้หรือ?

อัครพาดแขนก่ายหน้าผากอย่างเครียดๆ เขาต้องตัดให้ขาด ต้องเลิกยุ่งกับซุป ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ เขามั่นใจว่าห้ามตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็รุกเร็วปานสายฟ้า แถมยั่วกันขนาดนั้น

ยอมรับตรงนี้เลยว่า จูบของซุปทำเอาใจสั่น หวั่นไหวไปเกินครึ่งแล้ว ถ้าเขาไม่ตั้งสติแล้วรีบขอตัวกลับ คงได้...

อัครคิดพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สัมผัสของซุปยังคงติดตรึงอยู่บนริมฝีปากและแถวท้องน้อย ตอนที่มืออุ่นๆ กำลังไล้ต่ำลงไปใต้ขอบกางเกง เขาพยายามสะบัดหัวไล่ความรู้สึกวาบหวามพวกนั้นออกไปให้พ้นอย่างหงุดหงิด

“โธ่เว้ยยยย”

tbc
ตอนนี้แต่งเรื่องใหม่แบบไม่เน้นดราม่าอยู่ ถ้ามีคนอ่านก็จะเอามาลงเรื่อยๆ น้า
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 22 [7/9/18] PART2.7
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 08-09-2018 21:36:23
นี่คิดว่าพรีมต้องได้กับแน็ก มั้งนะ..
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 22 [19/10/18] PART2.8
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 19-10-2018 23:36:16
นึกขึ้นได้ว่าลืมอัพในนี้...ยังมีคนอ่านมั้ยนี่ ลืมกันไปหมดแล้วววววฮ่าๆ ติดธุระทางบ้านมากมาย ไม่ค่อยได้แต่งต่อเลย
มีแค่ฟิคที่ปิดไปเรื่องนึง เฮ้ออออ แต่งไม่ออก เครียดทั้งงานทั้งบ้าน เอาชีวิตตัวเองมาแต่งซะเลยดีมั้ยเนี่ย

ส่วนตอนนี้ก็...ยังไม่มีอะไรคืบหน้าตามเคย แต่ยืนพื้นที่คู่อัครแน็กแน่นวล



23
“เออ เดี๋ยวกูเข้าไปพรุ่งนี้แล้วกัน” พรีมเดินออกจากผับพลางคุยโทรศัพท์กับอัคร ที่โทรมาชวนไปกินข้าวเย็นที่ห้อง เพราะมีเรื่องจะคุยด้วยแบบส่วนตัว ไม่อยากคุยผ่านมือถือ น้ำเสียงของอัครดูร้อนรนแปลกๆ เหมือนคนมีเรื่องไม่สบายใจ เขาเลยไม่อยากปฏิเสธ ทั้งที่จริงก็อึดอัดนิดหน่อยกับสายตาของแน็ก

“เค เจอกัน ฝากความคิดถึงถึงน้องแน็กแฟนมึงด้วยนะ ฮ่าๆ ไอ้เหี้ย กูล้อเล่น ไอ้อัคร! เหวออออ”

เพราะมัวแต่ตกใจที่อัครตะโกนบอกคิดถึงแน็กให้จริงๆ เลยไม่ทันระวังทางข้างหน้า พรีมสะดุดเกือบล้มหน้าคะมำ โชคดีที่มีคนเดินอยู่ข้างหน้า เลยหัวกระแทกกับหัวคนข้างหน้าแทน เจ็บไม่มากเท่าล้มหน้ากระแทกพื้นแน่นอน

“ขอโทษ...ครับ?” พรีมตั้งใจจะขอโทษขอโพย แต่คนที่หันหน้ากลับมา พอเห็นหน้าเขาก็ถลึงตาใส่ ทำหน้าเหมือนจะฆ่าแกงกันด้วยเรื่องแค่นี้

“มึงอีกแล้วเหรอวะ!? เป็นเหี้ยไรนักหนา ถึงได้ชอบชนกูนัก”

“อะไรวะเชน?” เพื่อนของเด็กหัวเกรียนข้างหน้าพรีมหันมามองเขากันเป็นแถบ

1 2 3 4…ทั้งหมด 5 คน แม้จะเป็นเด็กหัวเกรียน หน้าตาเหมือนยังไม่หย่านมแม่ แต่ก็หลายตีนอยู่ พรีมเลยเลือกที่จะถอย แม้จะไม่รู้ว่าเด็กพวกนี้เคยรู้จักมักจี่กันตอนไหนก็ตาม

“เอ่อ พี่ไม่ได้ตั้งใจครับ ขอตัว...”

หมับ!

คอเสื้อถูกกระชากอย่างแรงจากเด็กคนที่โดนเขาชนเมื่อกี้ พรีมอ้าปากหวอด้วยความตกใจ คิ้วขมวดเข้าหากันทันที หูแว่วเสียงของอัครดังมาจากในมือถือ เหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่มีเวลาตอบ

“เรื่องคราวก่อนกูยังไม่ได้เอาเลือดหัวมึงออกเลยนะไอ้สัตว์”

“เดี๋ยวๆ เรื่องอะไร? พี่ไม่รู้เรื่อง...ปล่อยก่อน” พรีมพยายามร้องขอลนลาน ถึงจะเป็นเสือผู้หญิงสิงผู้ชาย แต่เรื่องต่อยตีไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อายุขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่เด็กกะโปกชอบหาเรื่องเสียด้วย เลยต้องงัดไม้อ่อนสุดๆ มาใช้
“ขอโทษจริงๆ ถ้าทำให้น้องไม่พอใจ เลิกแล้วต่อกันนะครับ”

“ไอ้เหี้ย!” แรงกระชากที่คอมาพร้อมคำสบถด่าดังลั่นจนหน้าชา พรีมกลืนน้ำลายดังอึก

“พี่จำไม่ได้ว่าเคยเจอกัน ถ้าเคยทำอะไรไว้ ขอขมากันตรงนี้เลยนะ ขอเถอะ พี่ไม่ชอบมีเรื่องกับเด็ก”

คำว่า “เด็ก” เหมือนทำให้เส้นสติของเด็กหนุ่มหัวเกรียนขาดผึง มือกำแน่นง้างขึ้นจะต่อยหน้าเขา แต่พรีมดึงตัวเองออกมาจากมือที่รั้งคอเสื้อได้แล้วรีบถอยหลบ ก่อนจะออกวิ่งสุดชีวิต

“มันหนีแล้ว มึงก็พอเหอะเชน”

เสียงเพื่อนๆ ไอ้เด็กนั่นช่วยชีวิตของพรีมไว้จริงๆ ทีแรกพรีมนึกว่าจะโดนรุมเละ แต่เหมือนเพื่อนของน้องเขาจะไม่เอาเรื่องด้วย พรีมวิ่งมาไกล เหลียวหลังไปไม่มีคนตามก็พรูลมหายใจแรงๆ ก่อนจะหาที่นั่งพักกับพื้นร้อนๆ ริมถนน อัครตัดสายไปแล้ว แต่สักพักก็โทรกลับมาใหม่

[เกิดไรขึ้นวะ! มึงมีเรื่องเหรอ เป็นอะไรรึเปล่า?]

ความห่วงใยจากเพื่อนเก่าเพียงคนเดียวของเขา ทำให้พรีมอมยิ้มกับตัวเอง

ทำไม...ตอนนั้นถึงไม่เคยเห็นความดีของเพื่อนคนนี้

ทำไมถึงได้คิดจะทำร้ายเพื่อนตัวเอง

ทำไมถึงหน้ามืดตามัวไปกับคนคนนั้นจนทำร้ายใครต่อใครตั้ง

ทั้งอัคร...ทั้งเคน...

พรีมหลับตาลงช้าๆ ถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบ “ไม่เป็นไร...กูวิ่งหนีมาได้แล้ว เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับบ้านก่อน”

[รีบกลับเลยมึง มาไทยก็เอาแต่เที่ยวที่แบบนั้น วันนี้ไม่เมาใช่มั้ยวะ] อัครทำเสียงเข้มใส่เหมือนพ่อดุลูกจนพรีมนึกขำ แล้วก็เผลอหัวเราะออกมาจริงๆ [ขำมากไอ้สัส กลับเดี๋ยวนี้เลย]

“เออๆ รู้แล้วครับพ่อ”

[เหี้ย กวนตีนนะมึง กูวางนะ กลับดีๆ]

“อือ” พรีมก้มมองหน้าจอที่ถูกตัดสายไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเงยหน้ามองฟ้ามืดๆ ไร้แสงดาวในเมืองใหญ่ เขาลุกขึ้นยืน ปัดเศษฝุ่นจากกางเกงแล้วมองหาแท็กซี่ที่จะเรียกกลับบ้านในคืนนี้

******

อัครวางสายจากพรีมเมื่อแน่ใจว่าเพื่อนกลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ก่อนจะกอดร่างเล็กที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ

“อ้อนเอาไรเนี่ย” แน็กหันไปมองหน้าอัครอย่างรู้ทัน อัครจูบแก้มนุ่มแรงๆ ทีหนึ่งแล้วซบหน้าลงบนบ่าของคนรัก

“พรุ่งนี้แน็กต้องไปทำงาน เราไม่ทำอะไรหรอก”

“วันๆ คิดอยู่เรื่องเดียวเลยนะเดี๋ยวนี้” แน็กทำเสียงประชด แต่แอบขำนิดๆ เมื่อเห็นอัครหน้ามุ่ยใส่

“อีกไม่กี่วันต้องไปทำงานแล้วนี่ เราก็อยากจะกอดจะหอมแฟนเราเยอะๆ สิ รอบนี้ไปนานเกือบเดือนเลยนะ”

“รู้หรอกน่า” แน็กวางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วหันไปกอดอัครบ้าง หอมแก้มแล้วก็จูบปากเบาๆ “นอนยัง? เริ่มง่วงแล้วอ่ะ”

อัครคลี่ยิ้ม “ครับผม”

......
...
เช้าวันต่อมา อัครไปส่งแน็กที่บริษัทเหมือนเคย ก่อนจะขับรถต่อไปซื้อของเข้าบ้าน เพราะวันนี้พรีมจะมากินข้าวเย็นด้วย ระหว่างที่เดินเลือกซื้อผักและของสดในซูเปอร์ ก็คิดไปด้วยว่าจะปรึกษาเรื่องของซุปกับพรีมยังไงดี เรื่องนี้เคนก็รู้แล้ว แต่จะเรียกมาทีเดียวสองคนคงไม่ดีแน่ เพราะเคนคงยังไม่อยากเจอหน้าพรีม

“อ้าว? อัคร”

“เอ๊ะ? ไดซ์?” อัครแปลกใจนิดหน่อยที่เจอไดซ์แถวนี้

“มาซื้อกับข้าวเหรอ เยอะเชียว” ไดซ์ชี้ไปที่รถเข็นของเขา อัครยิ้มเขินๆ แล้วพยักหน้ารับ

“ไว้ให้แน็กทำข้าวเย็นน่ะ ไดซ์มาทำไรแถวนี้”

“อ้อ วันนี้เคนมาประชุมที่สาขาใหญ่น่ะ เลยจะค้างด้วย เราเลยมาหาของทำกับข้าวเหมือนกัน” ไดซ์ว่าพลางหยิบของใส่ตะกร้า คุยกันเล็กน้อย แล้วอัครก็นึกอยากถามบางเรื่องขึ้นมา

“เอ่อ เราถามได้มั้ย เรื่องเคน”

“เรื่อง?” ไดซ์มองหน้าเขาแล้วยิ้มให้ คล้ายจะอนุญาตให้ถามได้ อัครจึงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยถาม

“...กับเคน ไปกันได้ดีมั้ย คือเราแค่อยากรู้”

เพราะอัครถามแล้วก็ทำท่าลำบากใจเอง ไดซ์เลยหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร ถามได้ๆ เคนเล่าให้ฟังแล้วล่ะ เรื่องเมื่อก่อน”

“เอ๊ะ? จริงดิ?” เขาไม่คิดว่าเคนจะกล้าเล่าเรื่องแบบนั้น อัครทำหน้าตระหนกตกใจจนไดซ์ขำหนักกว่าเดิม

“จริงๆ มันผ่านมานานแล้ว เราโอเคนะ ตอนแรกก็สับสน กลัวเหมือนกันว่าเคนจะชอบเราได้จริงๆ เหรอ แต่เขาก็บอกว่า ตอนนี้เขา เอ่อ รักเราแค่คนเดียวน่ะ” สีหน้าของเธอเอียงอายนิดๆ แก้มก็แดงปลั่ง

ไดซ์คงจะรักเคนมากจริงๆ

“อืม...งั้นก็ดีแล้วล่ะ” อัครพยักหน้ากับตัวเอง

ถ้าไดซ์กับเคนรักกันดี มีความสุข ในฐานะเพื่อน เขาก็ย่อมยินดี

ดังนั้น...ไม่จำเป็นจะต้องให้เคนมารับรู้เรื่องของซุปกับพรีมอีกแล้ว

อัครคิดว่าดีแล้วที่ยังไม่ได้เล่าอะไรให้เคนฟังมากกว่านี้ แต่กับพรีม คงต้องเล่า เพราะอย่างน้อย พรีมอาจจะช่วยดึงซุปออกไปจากตนได้

ทว่า

“กูไม่อยากเจอมันอีกแล้วว่ะ”

คำตอบของพรีมในวันนี้ ทำให้อัครเสียใจนิดหน่อยที่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้พรีมฟัง เขาไม่น่าทำให้พรีมต้องนึกถึงมัน ไม่น่าทำให้พรีมต้องรับรู้เรื่องของซุปเลย

“โทษทีว่ะ กูนึกว่ามึง...จะยัง...”

“กูยัง...ยังคิดถึงมัน แค่นั้น” พรีมว่าพลางจิบไวน์แดงในแก้ว หลังจากจบมื้ออาหารค่ำกันไปแล้ว แน็กเข้าไปอ่านหนังสือในห้อง ปล่อยให้พวกเขาสองคนได้คุยกันประสาเพื่อนเก่า

การที่อัครนัดพรีมมาคุยที่ห้อง แสดงว่าต้องการคำปรึกษาจริงจัง ไม่ได้คิดจะหวนรำลึกความหลังอะไรทั้งสิ้น และแน็กก็เข้าใจในจุดนั้น เลยไม่คิดมากอีกแล้ว อย่างน้อยอัครก็ไม่ไปนัดเจอพรีมข้างนอกสองคน และมันคือความจริงใจที่อัครมีให้

“กูคิดถึงมันทุกครั้งที่เห็นไม้กลองกับกีต้าร์เก่าๆ ในห้องนอน ตอนมองของขวัญชิ้นแรกที่มันให้กู”

“มึงโรแมนติกกว่าที่คิดนะเนี่ย” อัครแกล้วแซวติดตลก ทำพรีมเบ้ปากนิดๆ

“ไม่โรแมนติกหรอก กูไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับมันเลย ถึงคบกันก็ไม่ต่างจากตอนเป็นเพื่อน อย่างเดียวที่ได้เพิ่มมาคือ...เซ็กส์”

ถึงตรงนี้ อัครสูดลมหายใจเบาๆ ยืดหลังตรงเล็กน้อยแล้วฟังต่อเงียบๆ

“กูเคยรักมันมากนะอัคร รักจนต้องเสียเพื่อนคนนึงไป และตอนนี้กูก็เหลือแค่มึง” พรีมก้มหน้ามองแก้วไวน์ในมือที่เหลือน้ำสีแดงเข้มอยู่เล็กน้อย “ถ้าต้องเจอมันอีก กูคงใจไม่แข็งพอว่ะ ขอโทษที่ช่วยอะไรมึงไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไร กูเข้าใจ” อัครเอนหลังพิงเบาะ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบบ้าง ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อัครชอบดื่มไวน์ และบางครั้งก็ดื่มเหล้ารสเข้มที่ซื้อติดมือมาจากต่างประเทศเวลาไปทำงาน

เวลาที่ดื่มพวกมัน อัครรู้สึกเหมือนความทรงจำที่เคยมีมันจะค่อยๆ ถูกลบเลือนไปได้ ทีละน้อย

ทีละเล็กละน้อย

การปรึกษากับพรีมก็ไม่ได้แย่ เหมือนต่างคนต่างระบายเรื่องเก่าๆ ในใจออกมาจนหมดเปลือก ยิ่งดื่มกันจนเมามายด้วยแล้ว ยิ่งกล้าเปิดเผยความรู้สึกกันมากขึ้น

อัครไม่ได้ชอบพรีมแล้วจริงๆ เขามองพรีมเป็นแค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่งได้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทันรู้ตัวเหมือนกัน

ส่วนพรีมก็ไม่เคยคิดอะไรอยู่แล้ว

......
...
“เดี๋ยวผมกลับก่อนแล้วกัน” พรีมบอกแน็กที่ลุกมาช่วยพยุงอัครไปนอนต่อบนเตียง ปกติอัครไม่ได้คออ่อนหรือดื่มเยอะจนเมา แต่ช่วงนี้คงเครียดๆ บางอย่าง เลยดื่มจัด ทั้งเหล้า ไวน์ หมดไปหลายขวด

“ค้างก็ได้นะ มันดึกแล้ว แถมพรีมก็เมาอยู่ใช่มั้ย?” แน็กมองตามด้วยสายตาห่วงใยนิดๆ ยังไงพรีมก็เป็นเพื่อนของอัคร เพื่อนเก่าที่อัครรักมาก

“ไม่ดีกว่า ผมกลับแท็กซี่ได้” ในเมื่อพรีมว่าอย่างนั้น แน็กก็ไม่อยากตื้อ พาอัครไปนอนดีๆ แล้ว แน็กก็หาเสื้อคลุมมาใส่ วิ่งตามพรีมไป เพื่อจะไปส่งขึ้นรถที่หน้าคอนโด ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดี

“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ แค่นี้เอง” พรีมยิ้มบางๆ ให้แน็กที่ตามเข้ามาในลิฟท์ ทั้งที่ใส่ชุดนอนบางๆ สวมทับด้วยเสื้อคลุมที่ไม่ได้หนาไปกว่ากันนัก

แน็กตัวเล็กเท่าเดิมไม่เปลี่ยนไปจากครั้งนั้นที่เคยเจอเลยสักนิด ไหล่เล็กๆ บางๆ นั่น แค่แตะเบาๆ พรีมยังไม่กล้า

ก็ของรักของหวงของอัครนี่นะ

“เพื่อนของอัครก็เหมือนเพื่อนผม ต้องดูแลให้ดี” แน็กเองก็ยิ้มให้เช่นกัน ลิฟท์เลื่อนลงไปจนถึงชั้นล่างสุด รถที่พรีมเรียกไว้มาจอดรอหน้าตึกพอดี

พรีมเหมือนจะลังเลนิดหน่อยว่าจะบอกลาแฟนของเพื่อนยังไงดี เลยแค่ยกมือขึ้นข้างตัวในระดับใบหู โบกเบาๆ สองสามครั้ง แน็กก็โบกมือตอบ

“ผมไปก่อนนะครับแน็ก”

“ไว้เจอกันใหม่นะพรีม”

รอยยิ้มของแน็กงดงามและสดใส

พรีมเปิดประตู ก้าวขึ้นไปนั่งด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในใจ

“ผมกินได้ทุกอย่าง แต่ชอบมะเขือเทศสด”
 ...“ชอบแบบผัดเละๆ ใช่มั้ย”
“ใช่เลย รู้ได้ไงเนี่ย”


“อัครก็ชอบเหมือนกัน”

 
tbc
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 24 [20/10/18] PART2.9
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-10-2018 09:56:11
24
เวลาที่คิดอะไรเพลินๆ พรีมมักจะชอบใช้ปลายนิ้วชี้เขี่ยริมฝีปากตัวเองเล่น และตอนนี้เขาก็กำลังทำแบบนั้น

แน็กกำลังหันหลังทำอาหารอยู่ในครัว คนตัวเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งที่น่าจะเป็นเสื้อของอัครกับกางเกงยีนส์ขาสั้นแค่เข่า ทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนลายน้องหมีผืนเดิมที่อัครเป็นคนซื้ออีกเช่นกัน สะโพกและบั้นท้ายบางๆ ขยับเคลื่อนไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเจ้าตัว และมันก็ดูน่ามองเอามากๆ สำหรับพรีม

สมัยม.ปลาย พรีมก็เคยควงแต่สาวๆ รูปร่างคล้ายๆ แบบนี้ ถ้าแน็กมีหน้าอกสักหน่อยก็ใช่เลย ผู้ชายเพียงสองคนที่พรีมได้ลิ้มลองก็มีแค่เคนกับซูป ซึ่งไม่ได้มีความน่ารักบอบบางเลยสักนิด และชีวิตนี้ก็ไม่คิดว่าจะสนใจผู้ชายคนไหนอีกแล้ว โดยเฉพาะพวกที่ดูอ่อนแออ้อนแอ้น

แต่แน็กก็ไม่ได้ออกสาว ไม่ได้อ้อนแอ้นสะดีดสะดิ้งอะไร เป็นผู้ชายตัวเล็ก แต่ไม่ได้เหมือนผู้หญิงตรงไหน แน็กจัดว่าหน้าตาดีแบบผู้ชายทั่วไป ไม่ได้ออกสวยหวานจนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงได้

“พรีม!”

“ห๊ะ?” คนที่มัวแต่มองเพลินแถมยังแอบคิดไม่ดีกับแฟนเพื่อนถึงกับสะดุ้งโหยง เหมือนแน็กจะเรียกอยู่นานแล้ว คนตัวเล็กยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้า ในมือข้างหนึ่งมีที่ตักซุป

“เหม่ออะไรน่ะ มาช่วยชิมหน่อยสิ” แน็กพยักหน้าเรียก แล้วหันหลังกลับที่เดิม ก่อนจะตักซุปในหม้อใส่ช้อนคันเล็กส่งมาให้ชิม

พรีมรับช้อนมาอย่างขัดๆ เขินๆ เป่าให้หายร้อนแล้วลองแตะปลายลิ้นดู “อืม...” เขาครางในคอก่อนจะซดซุปเนื้อวัวเข้าปากจนหมดช้อน “อร่อยแล้วครับ”

“โอเค งั้นก็ตักข้าวได้เลย” พ่อบ้านคนเก่งบอกอย่างอารมณ์ดี ให้พรีมตักข้าวใส่จานมาวางบนโต๊ะ ส่วนตัวเองก็ตักซุปใส่ชาม ตามด้วยปลาทับทิมทอดกรอบราดน้ำซอสเผ็ดๆ อีกจานมาวางด้วยกัน

แน็กนั่งลงตรงข้ามกับพรีม ต่างคนเตรียมช้อนส้อมพร้อมลุย กับมื้ออาหารเย็นที่ช่วงนี้พรีมมาขอฝากท้องด้วย ปกติถ้าอัครไม่อยู่ แน็กไม่ค่อยทำอาหารกินเองเท่าไหร่ แต่เสาร์อาทิตย์ก็ทำบ้าง เพื่อจะได้ประหยัดเงิน แต่จะทำกินคนเดียวก็เหลือทิ้งหรือไม่ก็เน่าเสีย เลยนึกออกว่าควรจะชวนพรีมมากินด้วย ไหนๆ ช่วงนี้พรีมก็มาที่ห้องบ่อยๆ อยู่แล้ว พอบอกอัครไปแบบนั้น อัครก็เลยบอกพรีมให้อีกต่อ

“อัครกลับวันไหน”

“ศุกร์หน้าน่ะ” แน็กตอบพลางตักข้าวเข้าปาก แรกๆ ก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับพรีม แต่พอกินข้าวด้วยกันผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว ก็ค่อยๆ สนิทใจที่จะคุยมากขึ้น พรีมเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว เลยไม่ค่อยเกร็งใส่กัน

“งั้นอาทิตย์หน้า ผมก็อดกินข้าวกับแน็กแล้วสิ” พรีมถือช้อนตักซุปค้างไว้แล้วมองแน็กด้วยแววตาละห้อย ซึ่งแน็กที่คิดว่าพรีมแกล้งทำ ก็เหลือบมองแล้วหัวเราะ

“หน้าตลกอ่ะ”

“ผมจริงจังอยู่นะ” พรีมขดปลายคิ้วเข้าหากันจนมันเป็นปม ยิ่งดูตลกกว่าเดิม และแน็กก็ยิ่งขำหนัก

“อย่าทำคิ้วแบบนี้ดิ” คนตัวเล็กกว่าเอื้อมมือไปนวดหว่างคิ้วของพรีมให้คลายออก “ถึงอัครอยู่ก็มาได้ กับข้าวเยอะแยะ”

“ไหนบอกว่าทำกินเองจะได้ประหยัดไง ถ้าผมมาเพิ่ม ก็เปลืองอ่ะดิ นี่แค่มากินแทนไอ้อัครมัน”

“ก็บอกว่าอย่าขมวดคิ้ว ดูดิ หน้าผากย่นเป็นหมาปั๊กเลย” แน็กหัวเราะเสียงใส เพราะไม่ว่าจะทำยังไง พรีมก็ไม่ยอมเลิกขมวดคิ้ว

“เลี้ยงผมแทนหมาก็ได้นะ ผมเลี้ยงง่าย เชื่องมากด้วย” พรีมว่าพลางงอมือสองข้างตรงอก แลบลิ้นส่งเสียงแฮ่กๆ เหมือนหมาตัวโตๆ แน็กก็เลยยิ่งหัวเราะเข้าไปใหญ่

“พออัครกลับมา พรีมก็ต้องบินกลับอังกฤษไม่ใช่รึไง” แน็กนึกขึ้นได้ ว่าพรีมอยู่ไทยแค่สองเดือนเท่านั้น ซึ่งเลยกำหนดมาสักพักแล้ว เพราะเจ้าตัวบอกอยากอยู่เป็นเพื่อนแน็ก จนกว่าอัครจะกลับมา

“พอไอ้อัครมาปุ๊ป ก็จะไล่ผมกลับเลยเหรอ?” ทั้งแววตาและน้ำเสียงตัดพ้อเล็กๆ นั้น ทำให้แน็กไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าพรีมอีก

ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพรีมคิดอะไรอยู่ ระหว่างที่อัครไม่อยู่ พรีมมาหาที่ห้องทุกอาทิตย์ เย็นก็ไปรับที่ทำงาน จนเพื่อนๆ พี่ๆ บางคนเข้าใจผิดด้วยซ้ำว่าแน็กมีแฟนใหม่ พรีมไม่ได้แสดงท่าทีอย่างโจ่งแจ้งก็จริง แต่นัยน์ตาคู่นั้นมันบอกมากพอแล้ว

แน็กรู้เรื่องที่พรีมแย่งซุปไปจากอัครแบบหน้าตาเฉย แต่นั่นก็เพราะพรีมชอบซุปมาก่อนอัคร แล้วสองคนก็ยังไม่ได้เป็นแฟนหรือคบหากันแบบลึกซึ้ง และครั้งนี้พรีมไม่ได้คิดจะแย่ง แค่อยากอยู่ใกล้ๆ อยากเป็นตัวแทนของอัครในช่วงที่แน็กต้องอยู่คนเดียว แม้บางครั้งแน็กจะอึดอัดกับสายตาและคำพูดของพรีม แต่การมีพรีมอยู่ด้วยก็ทำให้หายเหงาจริงๆ

“ผมกะว่ากลับไปคราวนี้ จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว”

แน็กเงยหน้าทันที พรีมหันหน้ามองไปทางระเบียง ถอนหายใจเบาๆ คล้ายกับเหนื่อยเต็มที “จริงๆ ไม่อยากกลับมาเลยด้วยซ้ำ ที่ที่มีไอ้ซุปอยู่ ผมทำใจไม่ได้”

ใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างจากครั้งแรกที่เคยเจอกัน หันกลับมามองหน้าแน็กอีกครั้ง คนตัวเล็กสะดุ้งนิดหน่อย เพราะสีหน้าอ่อนโยนนั้น

“แต่ผมดีใจที่ได้กลับมาเจอแน็กกับอัครนะ”

ความเอาใจใส่ของอัครและความน่ารักสดใสของแน็ก ช่วยให้พรีมไม่รู้สึกเหงาและคิดถึงคนที่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด แน่นอนว่ามันเหมือนเป็นเวรกรรมที่เขาเคยทำไว้กับคนอื่น พรีมรู้ข้อนั้นดี และจะไม่ทำให้ใครต้องเจ็บอีกแล้ว

“จะไม่กลับมาอีกจริงๆ เหรอ”

คงเพราะแน็กถามแบบนั้นด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ พรีมเลยเงียบไปอึดใจ เขากำลังตัดสินใจ

แน็กเงยหน้ามองมือที่วางแปะลงบนหัวแล้วมองหน้าพรีมที่กำลังยิ้มกว้าง คำตอบที่ได้รับ ทำให้สีหน้าของคนตัวเล็กสดชื่นขึ้น

“มีเพื่อนดีๆ รออยู่ที่นี่ตั้งสองคน ไม่กลับไม่ได้หรอก เนอะ”

******

“ลงเครื่องแล้วครับ เดี๋ยวรีบกลับนะ ไปรอที่ห้องก่อนเลย” อัครคุยกับคนรักผ่านโทรศัพท์ทันทีที่ลงจากเครื่องบิน มือหนึ่งเข็นกระเป๋าเดินทาง อีกมือก็จับสมาร์ทโฟนไว้ มีเพื่อนๆ ที่ทำงานรอบเดียวกันเดินนำหน้าออกจากเกท

“อัคร เดี๋ยวเจอกันที่ห้องเดิมตอนสี่โมงเย็นนะคะ” เสียงหัวหน้าลูกเรือตะโกนบอก ก่อนจะพาคนอื่นๆ ทยอยไปห้องพักกันก่อน ส่วนอัครขอคุยกับแน็กให้เสร็จแล้วค่อยตามไป เขาพยักหน้าให้หัวหน้า คุยต่ออีกสักพักแล้ววางสาย

เพื่อนร่วมงานน่าจะกำลังพักผ่อนกันในเล้าจ์ของพนักงาน อัครมองนาฬิกาข้อมือ อีกสามสิบนาทีจะถึงเวลาประชุมสรุปไฟลท์นี้ มีเวลาพอให้พักดื่มน้ำและกินขนมรองท้อง ก่อนจะได้กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน เขาก้าวขาเดินต่อ อีกไม่กี่สิบเมตรจะถึงเล้าจ์พยักงานแล้ว

“อัคร!” เสียงตะโกนเรียกจากด้านหลัง ทำให้อัครชะงักขาไว้แล้วหันไปมอง เสียงนั้นมันคุ้นมากและเขาก็รู้สึกไม่อยากให้ลางสังหรณ์วันนี้เป็นจริงอย่างบอกไม่ถูก

“...ซุป?”

ซุปวิ่งเข้ามาหาหน้าตาท่าทางดีอกดีใจที่ได้เจอ ส่วนอัครนั้นได้แต่ยืนนิ่ง รอจนซุปเข้ามาใกล้ๆ เขาได้สติตอนที่แขนซ้ายซึ่งไม่ได้จับกระเป๋าถูกคว้าไปกอดไว้

“นึกว่าจะหาไม่เจอซะแล้ว ผมมารอตั้งแต่เที่ยงเลยนะ” ซุปว่าหน้างอนๆ นิดหน่อย ซึ่งมันทำให้อัครต้องขมวดคิ้ว เพราะไม่ได้นัดกันไว้

“รู้ได้ไงว่าผมกลับวันนี้?”

“เรื่องของอัครผมรู้ทั้งนั้นแหละ” ซุปคลี่ยิ้ม กอดแขนอัครแน่นขึ้นอีก “กลับบ้านเลยมั้ย หรือต้องทำงานต่อ?”

“ผมมีประชุมตอนสี่โมง แต่คงไม่นาน” อัครตอบ พยายามจะขยับแขนออกแบบเนียนๆ

“อัครแต่งตัวแบบนี้โครตหล่อเลยอ่ะ เท่สุดๆ เลยนะ”

“เมื่อก่อนคุณชอบชมว่าผมน่ารัก”

ซุปเอียงคอนิดๆ มองหน้าอัคร ที่พอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็เหมือนจะเขินนิดหน่อย อัครส่งเสียงกระแอมไอเบาๆ ในคอ เสมองไปอีกทาง พลันสายตาก็เหลือบเห็นอีกคน ซึ่งเป็นคนที่นัดไว้ให้มารับ ซุปมองตามปลายสายตาของอัครไป และหยุดชะงัก

“พรีม...”

“ไง ซุป”

......
...
ระหว่างที่รออัครประชุม พรีมกับซุปก็นั่งในร้านอาหารแถวๆ นั้น เป็นร้านที่ขายทั้งอาหารคาวหวานและเครื่องดื่ม อัครสั่งลาเต้เย็นเพิ่มวิปครีมไว้ให้พรีมอย่างรู้ใจ เพราะชอบกินแบบเดียวกัน ส่วนของซุปเป็นเค้กส้มกับเอสเพรสโซ่ปั่น

“...”

“......”

ต่างคนก็ต่างเงียบ ทั้งที่บรรยากาศในร้านค่อนข้างครึกครื้น เนื่องจากมีกลุ่มครอบครัวพาเด็กๆ ไปเที่ยวมานั่งกินขนมกันในร้านหลายกลุ่ม ส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวเพิ่มสีสันให้บรรยากาศ แต่มุมหนึ่งของร้านที่สองคนนี้นั่งอยู่กลับดูอึมครึมและเงียบงันจนแทบไม่มีใครกล้าเดินผ่าน

พรีมนั่งกอดอก มองแก้วลาเต้กับวิปครีมที่เริ่มละลายเป็นเนื้อเดียวกันบนโต๊ะตรงหน้า คิ้วของเขาขมวดปมเล็กน้อย เสียงถอนหายใจดังแล้วดังอีกอยู่ข้างในอก ส่วนซุปก็นั่งตักเค้กกินเงียบๆ มองไปนอกร้านที่มีผู้คนทั้งที่เตรียมตัวเดินทางและกลับมาเดินผ่านกันไปมาขวักไขว่ ซุปเอนหลังพิงเบาะ เลียครีมส้มที่ติดส้อมพลางมองไปเรื่อยเปื่อย

“นี่มึงจะไม่พูดอะไรเลยเหรอวะ”

“แล้วจะให้พูดอะไรล่ะ”

พรีมถามและซุปก็ตอบทันทีราวกับรอให้พรีมเป็นฝ่ายพูดก่อนแล้วจะรีบตอบกลับ พอคุยกันแค่สองประโยคนั้นก็เงียบอีก มันอึดอัดจนพรีมถอนหายใจออกมาจริงๆ แถมเสียงดังมากด้วย

“...มึงกลับมาเมื่อไหร่” คราวนี้ซุปถามบ้าง และพรีมก็คลายแขนที่กอดอกไว้ออก ก่อนจะตอบ

“เมื่อสองเดือนที่แล้ว อาทิตย์หน้าก็จะกลับไปแล้ว” พรีมเลือกที่จะไม่บอกว่าหลังเคลียร์งานกับทางนั้นแล้วจะกลับมาทำงานที่ไทย หรือจะอยู่ที่ไหนยังไง เพราะคิดว่าซุปคงไม่จำเป็นต้องรู้ แต่มีเรื่องที่พรีมติดใจสงสัยอยู่

“มึงมาหาอัครทำไม”

ซุปไม่ตอบ เพียงแค่อมยิ้มแล้วเงยหน้ามองเพดาน จนพรีมต้องถามย้ำอีกครั้ง

“อัครมันมีแฟนแล้ว กับมึงมันจบไปตั้งนานแล้วนะ”

ซุปกดคอลงมาที่เดิมทันทีแล้วจ้องหน้าพรีมอย่างขุ่นเคือง สีหน้าของซุปทำให้พรีมถึงกับสะอึก “คนที่ทำให้จบก็คือมึงไงไอ้พรีม”

ความเงียบเข้ามาเยือนอีกครั้ง และคราวนี้นานจนซุปอยากจะลุกไปจากตรงนี้ ทว่า...เสียงของพรีมได้ฉุดรั้งเอาไว้ก่อน

พรีมมองหน้าซุปอย่างจริงจัง ก่อนจะเอ่ยคำคำนั้นออกมา

คำที่ทำให้ซุปนึกอยากจะหัวเราะ แต่ดันขำไม่ออก

“กูขอโทษ”

“...ส สายไปป่ะวะ พอเหอะ เรื่องเก่าๆ กูไปหาอัครดีกว่า น่าจะใกล้เสร็จแล้ว”

หมับ!

พรีมคว้ามือของซุปไว้แน่น ก่อนที่จะลุกออกจากร้านไป ซุปก้มมองพรีมอย่างไม่เข้าใจ หรืออาจจะเข้าใจ

“กูขอล่ะ อย่ายุ่งกับพวกมันเลย นะซุป”

“มึงขอ? แล้วกูต้องให้เหรอวะ? พรีม มึงเปลี่ยนไปนะ ความใจกล้าหน้าด้านกับนิสัยชอบแย่งของมึงหายไปไหนหมดแล้วล่ะ! มึงน่าจะดีใจที่สอนให้กูเป็นอย่างมึงได้สิ”

“ซุป...”

“แฟนอัครกูเคยเจอแล้ว กูจำได้ด้วยว่ามันเคยไปเชียงใหม่กับอัครตอนนั้น อัครชอบมันจริงๆ รึเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะแค่ผิดหวังจากกูเลยเอาใครก็ได้ เพราะงั้น กูจะทวงของที่ต้องเป็นของของกูคืน ก็แค่นั้น”

ดูท่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ ซุปเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนคนที่เคยมีเหตุผลและมีความอดทนสูง รักในความถูกต้องอย่างเมื่อก่อน ไม่เหลือเค้าความเป็นซุปคนเดิมของพรีมอยู่เลย

แต่มันก็เพราะพรีมนั่นแหละ ที่ทำให้เป็นแบบนี้

พรีมยอมปล่อยมือ ด้วยจนปัญญาจะหาทางรั้งไว้ได้อีก ซุปสะบัดข้อมือเล็กน้อย ก่อนไปก็ทิ้งท้ายคำที่ทำให้พรีมแทบน้ำตาร่วง

“ส่วนกับมึง ขอลาขาดนะพรีม”

tbc

ซุปกลับมาเป็นตัวร้ายซะงั้นอ่ะ ฮ่าๆๆ
เรื่องนี้มันก็สไตล์เดิมๆ ของเราแหละ ไม่มีใครดีใครร้ายได้สุด ก็แค่คนธรรมดาๆ ที่มีหลายๆ ด้าน แต่อัครนี่ยังพ่อพระอยู่
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 24 [20/10/18] PART2.9
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-10-2018 08:13:57
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 24 [20/10/18] PART2.9
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 22-10-2018 23:07:38
อิรุงตุงนังไปหมด กลัวใจทุกคนเลย  :katai1:
พรีมทั้งรู้ว่าแฟนเพื่อนแต่ก็รุกทำคะแนนอยู่นั่น แน็กก็ดูไม่มั่นใจในตัวอัคร อัครก็เครื่องติดกับซุปง่ายๆ ซุปก็รุกแรงไม่สนอินทร์สนพรหม จะไปจบที่ไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 24 [20/10/18] PART2.9
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 28-10-2018 11:50:06
รุงรังมากกก สงสารแน็กอ่ะ หากซุปรุกแรงแล้วอัครใจไม่แข็งพอแล้วทิ้งแน็กไป คนที่น่าสงสารที่สุดคือแน็กอ่ะ แต่ดูจากพล็อตแล้วไม่น่ารอด อาจจะอัครซุป แล้วพรีมแน็กเหรอ ไม่เอาน้าาาาา
หัวข้อ: Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-10-2018 08:53:32
25
แก้วกาแฟลายนกเป็ดน้ำสองใบที่วางอยู่คู่กันมาตลอด ในวันนี้มีใบหนึ่งที่หายไป

“แก้วมึงหายไปไหนใบนึงวะซุป”

เขาหันไปตามเสียงเพื่อนร่วมงานที่ถามด้วยความสงสัย เพราะปกติจะต้องเห็นแก้วลายเดียวกันวางคู่กันบนโต๊ะของซุป เห็นแบบนั้นมาเป็นปีจนชินตากันแล้วด้วย พอหายไปก็เป็นที่สังเกตทันที

“หือ? ก็นี่ไง แก้วผม?” ซุปชี้ไปที่แก้วอย่างงุนงง เงยหน้ามองคนถามที่เป็นรุ่นพี่ เพื่อนของพี่แอร์

“อ้าว แล้วอีกแก้วล่ะ? ที่มันวางคู่กัน”

“แตกไปแล้วครับ”

คนถามกะพริบตาปริบๆ มองคนตอบที่พูดด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ไม่มีวี่แววของความเสียดายอาลัยอาวรณ์ทั้งในแววตาและน้ำเสียง ซุปหันกลับไปเล่นคอมฯ ต่อ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพักกลางวัน ส่วนเพื่อนรุ่นพี่ที่ได้คำตอบแล้วก็ยักไหล่เดินจากไป

ตั้งแต่เจออัคร ซุปก็หมายมั่นว่าจะต้องทำให้อัครชอบตนอีกครั้งให้ได้ ไม่ว่าคราวนี้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เพราะเคยยอมมามากพอแล้ว ถอยมาจนอายุขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่เจอก็คงลืมไปได้แล้วแท้ๆ

แต่ก็ยังกลับมาเจอกัน

ไม่ว่ามันจะเป็นความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม

แต่ครั้งนี้ ซุปจะไม่ปล่อยอัครไปอีกแล้ว

ส่วนกับแอร์ ที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน ซุปรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่ตอบตกลงกับแอร์ไปก่อนจะเจออัคร แล้วพอเจอคนที่เคยชอบ และแม้แต่ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ ก็ต้องบอกเลิกแบบกะทันหัน ทำเอาคนคนนั้นเสียศูนย์หายหน้าหายตาไปสองสามวัน วันนี้เหมือนจะกลับมาทำงานได้แล้ว แต่ก็ไม่แวะเวียนมาเฉียดแถวนี้เลย

แต่ก็ช่างมันเถอะ

******

อาทิตย์นี้อัครว่างยาว เพราะทำงานมาร่วมเดือนเศษๆ แล้ว พรีมกลับอังกฤษหลังเขากลับมาได้สองวัน ทั้งอัครและแน็กต่างไปส่งที่สนามบิน ตอนที่เห็นแน็กดูสนิทสนมกับพรีมมากกว่าช่วงแรก อัครก็นึกแปลกใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากความ เขาคิดว่าควรจะเชื่อใจแน็กและพรีม แม้ว่าแผลในใจที่พรีมเคยทำไว้จะยังตกสะเก็ดอยู่ข้างในยากที่จะลบเลือนหายไปก็ตาม

“เย็นนี้กินอะไรดี” พ่อบ้านคนเก่งของอัครเดินเข้ามากอดเอวเขาจากด้านหลัง อัครกำลังตากผ้าอยู่ที่ริมระเบียง ส่วนแน็กเหมือนจะเพิ่งทำความสะอาดห้องเสร็จ

“แล้วแต่แน็กเลย” อัครยิ้มตอบ สะบัดเสื้อเชิ้ตแล้วใส่ไม้แขวน ตากบนราวให้เรียบร้อย แน็กเห็นก็เลยอยากช่วย “ไม่เป็นไร เราทำได้ ใกล้เสร็จแล้วด้วย แน็กไปรอขางในก่อนก็ได้ ข้างนอกมันร้อนแดด”

แน็กอมยิ้ม เขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มคนรักฟอดหนึ่งแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในตามที่บอก อัครไม่เคยปล่อยให้แน็กต้องทำงานบ้านคนเดียว เพราะต่างคนต่างก็ทำงานข้างนอก แน็กรับหน้าที่ทำอาหารเป็นหลัก งานบ้านก็ทำอาทิตย์ละครั้ง ส่วนอัครถ้าว่างจากงานเสริมวาดการ์ตูนในคอมฯ ก็จะคอยช่วยตลอด เพราะแน็กต้องทำงานจันทร์-ศุกร์ อัครเลยอยากให้ได้พักผ่อนบ้าง

กลับเข้าไปในห้อง แน็กก็นั่งบนโซฟา เปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อย ใน Netflix มีซีรี่ส์ฝรั่งน่าสนใจหลายเรื่อง แน็กเลือกเรื่อง The Haunting of Hill House เรื่องผีที่มากับความดราม่าสุดอึมครึมของครอบครัวหนึ่งซึ่งคนในตระกูลทางฝั่งแม่มีพลังพิเศษหรือพลังจิต เป็นสัมผัสที่หกต่างๆ กันไป ดีที่เปิดดูตอนกลางวัน เลยไม่น่ากลัวมาก นั่งดูคนเดียวชิลๆ พอไหว แต่ฉากแรกๆ ที่มีจัมป์สแกร์ก็ทำเอาแน็กเกือบร้องกรี้ดเหมือนกัน

อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นตอนที่อยู่กับพรีม คงได้โดนแกล้งทำผีหลอกหรือเข้ามาทำให้ตกใจจากด้านหลังไปแล้ว

แต่เพราะเป็นอัคร เลยไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น

อัครมักจะให้เกียรติแน็กเสมอ ปฏิบัติราวกับเป็นเทวดาตัวน้อยๆ ที่ต้องถนุถนอม แม้บางอารมณ์อัครจะโมโหร้ายจนแน็กได้แต่ยืนตัวสั่น แต่ก็ถือเป็นส่วนน้อยมากที่เคยเกิดขึ้น อย่างคราวก่อนที่แน็กพูดเหมือนไม่เชื่อใจ แล้วทำให้อัครโกรธ นั่นคือเบาที่สุดเท่าที่อัครจะระงับความโกรธไว้ได้แล้ว อาจเพราะอยู่นอกบ้านด้วย เลยแสดงออกมากไม่ได้ กว่าจะกลับมาถึงห้อง อัครก็ใจเย็นลงมากแล้ว เลยไม่ทะเลาะกันใหญ่โต

แต่แน็กก็ไม่ชอบเวลาอัครโมโหอยู่ดี เลยพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้ทะเลาะกันมาตลอด ยกเว้นตอนที่ซุปโผล่มากะทันหัน ตอนนั้นแน็กใจคอไม่ดีเอามากๆ เพราะซุปเป็นคนที่เคยจีบอัครมาก่อน และอัครก็เหมือนจะชอบ ขนาดกับพรีมก็ยังไม่เห็นทำตาหวานใส่กันขนาดนั้น เป็นใครเห็นก็คงทนเฉยไม่ได้หรอก

พอคิดถึงเรื่องของซุปขึ้นมา แน็กก็เริ่มเครียดอีก ไม่อยากทำให้อัครไม่สบายใจไปด้วย แต่มันอดคิดไม่ได้จริงๆ อัครไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย ไม่พูดถึงซุปเวลาอยู่ด้วยกัน ใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่อัครเหมือนจะเห็นแก่แน็ก ถึงไม่เอ่ยชื่อนั้นออกมา แต่อีกใจก็ยังกังวล

กลัว...สายตาของซุปในวันนั้น

ซุปมองอัครด้วยสายตาบ่งบอกชัดเจนถึงความต้องการ และยังมองแน็กเหมือนเป็นศัตรู แม้เพียงชั่วครู่ แต่แน็กรู้สึกได้ มันไม่ใช่ลางสังหรณ์หรือการคิดไปเอง เพราะอย่างนั้นแน็กถึงได้หงุดหงิดแล้วพาลลงกับอัครวันนั้น

“คิดอะไรอยู่ครับ ไม่ดูหนังแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มๆ กับลมหายใจอุ่นๆ ที่ต้นคอทำให้แน็กสะดุ้งและได้สติกลับมา ร่างเล็กหันไปมองหน้าคนที่ก้มลงมากอดคอจากด้านหลังโซฟาพลางถอนหายใจ

“ดูอยู่ เสร็จแล้วเหรอ?”

“อือ เมื่อยแขนขาจังเลย ขอนอนพักที” จากเสียงทุ้มต่ำกลายเป็นเสียงออดอ้อนที่สูงขึ้นนิดหน่อย ก่อนร่างสูงจะปีนข้ามเบาะแล้วทิ้งตัวลงนอนหนุนตักคนรัก

แน็กเอามือลูบเส้นผมชื้นเหงื่อตรงหน้าผากของอัครด้วยความเอ็นดู บางครั้งอัครก็ทำตัวน่ารักเหมือนเด็กๆ น่ารักจนไม่คิดอยากปล่อยมือจากคนคนนี้เลย ต่อให้เจอคนที่ดีกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า แน็กก็ไม่คิดจะเลิกรักอัครแน่นอน

คนตัวเล็กยิ้มให้ตัวเองที่คิดได้แบบนั้น “เหนื่อยมากเลยเหรอครับ แน็กทำน้ำหวานเย็นๆ ให้ดื่มมั้ย”

“ไว้ก่อน อยากนอนตักมากกว่า ลูบหัวอีกสิ เราชอบ” บทจะอ้อนก็เต็มที่ แน็กไม่รู้ตัวเลยว่าหลงชอบคนขี้อ้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะคบกัน ก็เห็นอัครเป็นผู้ชายที่ซื่อตรงและมีน้ำใจกับเพื่อนๆ คนหนึ่งเท่านั้น

สายลมอ่อนๆ พัดผ่านมาในตอนสายของวัน เข้าหน้าหนาวแล้ว ลมเย็นขึ้นนิดหน่อย แต่ไอแดดก็ยังร้อนระอุอยู่ดี

******

การที่ต้องเจอกับคนที่เคยรัก ซึ่งมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ช่างแสนเจ็บปวด จะหลีกเลี่ยงยังไงก็ไม่ได้ เพราะต้องทำงานที่เดียวกัน แอร์พยายามมองหน้าซุปให้น้อยที่สุด แม้อีกฝ่ายจะยังยิ้มให้เวลาเดินสวนกันก็ตาม

ตอนแรกจีบเล่นๆ แต่พอเริ่มจะจริงจังและได้คบกัน ซุปกลับบอกว่าขอกลับมาเป็นพี่น้องเหมือนเดิม

ไอ้คำว่า “พี่น้อง” นั่นมันจะมีอยู่จริงเหรอ แอร์คิดแล้วคิดอีกในระหว่างที่ลางานพักใจ

คนที่เคยได้จับมือ ได้กอด ได้จูบกัน แม้ซุปจะยังไม่ยอมให้ถึงขั้นมีอะไรกัน แต่คนเคยรัก เคยได้สัมผัสในแบบคนรัก มันจะเปลี่ยนมายืนคุยกันด้วยรอยยิ้มปกติธรรมดา กอดคอกินข้าวด้วยกันเหมือนเดิมได้เหรอ

“อย่าคิดมากน่ามึง น้องมันก็คงแค่สับสน อยากคิดอะไรคนเดียวก่อน ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ มึงก็หาอะไรทำให้มันลืมๆ ไป”

เพื่อนๆ ต่างก็พูดแบบนั้น ใช่สิ ก็ไม่ได้เป็นคนโดนทิ้ง ไม่ได้ถูกบอกเลิกเองนี่

เขารู้ดีว่าเพื่อนหวังดี หวังดีมากๆ อยากให้ลืมเรื่องร้ายๆ อยากให้เริ่มต้นใหม่ อายุเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ทั้งที่อยากได้ใครสักคนที่จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าได้ เพื่อนน่ะมีอยู่แล้ว แต่อยากได้อะไรที่มากกว่านั้น คนที่อยู่ด้วยกัน กอดกัน รักกัน ทำให้โลกสีหม่นๆ ใบนี้มันสดใสน่าอยู่กว่าที่เป็น จะได้มีกำลังใจอยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ

โลกของเกย์ ของเพศที่สามอย่างพวกเขา มันไม่ได้ง่ายหรือสวยหรูอย่างที่ใครคิด ไม่ได้หารักแท้ได้ง่ายดายขนาดนั้น

แน่นอนว่ามันมีอยู่

แต่แอร์ไม่เคยพบเจอก็แค่นั้นเอง

“เย็นนี้ผมไปหาอีกได้มั้ย ไม่ต้องที่ห้องก็ได้ ออกมากินข้าวกัน นะครับ นะอัครนะ ผมอยากเจอ”

เสียงออดอ้อนของซุปที่ดังแว่วมาพาให้แอร์ใจสั่น ขาที่กำลังจะก้าวเดินผ่านขั้นบันไดทางหนีไฟหยุดชะงัก เขาทรุดตัวลงนั่งเกาะราวบันไดไว้แล้วเงี่ยหูฟัง ไม่ได้อยากรู้หรอกว่าซุปกำลังคุยกับใคร ยังไงก็ไม่รู้จักอยู่ดี แต่แค่ได้ยินเสียงมันก็เหมือนได้รับพลังกลับคืนมาบ้าง

“ห้างฯ แถวนั้นก็ได้ ให้อัครเลือกร้านนะครับ ไม่ดึก ไม่แอลกอฮอล์ แค่กินข้าวนะครับ อัครน่ารักที่สุดเลย ใจดีเหมือนเดิม เจอกันนะครับ”

พลันที่ซุปกดวางสาย สายตาก็เหลือบมองเห็นปลายเท้าของใครบางคนเข้าพอดี

รูปทรงของรองเท้าและยี่ห้อกับสีของมัน ทำไมจะไม่รู้ว่าใคร

“พี่แอร์ แอบฟังผมเหรอ”

“!” แอร์สะดุ้งเล็กน้อย แต่ยังไม่ส่งเสียงตอบในทันที เขาเพียงแค่ลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นที่กางเกง “โทษที พี่จะเดินลงไปเอาเอกสารที่ฝ่ายบัญชี แต่ก็มาทันแค่ประโยคหลังอ่ะนะ” เขาโกหกออกไป

“เรื่องงบของ TXX เหรอครับ เดี๋ยวผมไปเอาให้ก็ได้ พี่แอร์ขึ้นไปรอที่โต๊ะก่อนเลย”

“ไม่เป็นไร พี่จะไปคุยกับพี่ต้อมพอดี” แอร์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเดินผ่านซุปลงบันไดไป

ซุปไม่ได้พูดอะไร แค่มองตามแผ่นหลังของแอร์ไปแล้วก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปชั้นบน

บางครั้ง คนเราก็คงต้องใช้เวลามากกว่าที่คิด

******

[จะกลับมาทำงานที่นี่จริงดิ?]

น้ำเสียงปลายสายทั้งตกใจระคนดีใจและแปลกใจ หลากหลายอารมณ์ที่ส่งผ่านมานั้นทำให้พรีมอมยิ้ม

“นี่ดีใจใช่มั้ยที่กูจะกลับไป”

[ไม่ดีใจได้ไงวะ กูนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอมึงอีกแล้ว อุตส่าห์กลับมาเจอทั้งที มึงก็บอกอยากอยู่นู่นยาวๆ กูมีเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือมึงนะพรีม]

พรีมหัวเราะเบาๆ หน้าตาของอัครในสไกป์มันดูจริงจังจนตลกไปหมด “นี่ยกกูเข้าทำเนียบเพื่อนสนิทเลยเหรอวะ”

[ถึงตอนเด็กๆ จะไม่ได้สนิทมาก แต่ตอนนี้กูโครตรักมึงเลย]

การที่อัครกล้าพูดคำว่า “รัก” ในแบบเพื่อน ทำให้พรีมรู้ว่า อัครไม่ได้คิดอะไรกับตนอย่างตอนเด็กๆ อีกแล้ว คนที่อัครรักตอนนี้มีแค่แน็ก และเขา...ไม่ควรทำลายมัน

ทำไมกูกับมึงถึงต้องชอบคนคนเดียวกันตลอดเลยวะ มันเป็นเรื่องห่าเหวอะไร ที่มึงแอบชอบกูตอนม.ต้น แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ต้องผูกติดกันด้วยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบนี้ตลอด

พรีมพ่นลมหายใจอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้อัครได้ยิน ทั้งยังคงสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ได้วันแน่นอนแล้วจะบอกอีกที นอนรอกับน้องแน็กของมึงไปก่อนนะอัคร”

กูจะกลับไปหาพวกมึงแน่นอน ในฐานะ “เพื่อนสนิท” คนหนึ่ง

tbc

ยังมีความอึมครึมในความสัมพันธ์ของบางคู่อยู่ กว่าจะมีความสุขได้ อาจจะต้องผ่านอะไรหลายๆ อย่าง

และไอ้อะไรหลายๆ อย่างสำหรับเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องแย่ๆ เลวร้าย หรือแบบดราม่าจัด

ก็แค่ชีวิตของคนหลายๆ คนในอีกมุมหนึ่งแค่นั้นเอ๊งงงง

ขอบคุณที่ยังมีคนอ่านและเม้นท์นะคร้าบบบบ