ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
THE CAT...คุณแมวของผม
เกิดอะไรขึ้นกับผม ?
ตั้งเเต่ที่รับสมาชิกใหม่เข้าบ้าน ก็เหมือนจะมีเเต่เรื่องเเปลกๆเกิดขึ้นกับผม
ทั้งเรื่องรุ่นพี่ที่มหาลัย' ที่เกลียดกันเเทบตาย กลับเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
เเล้วไหนจะรอยเเปลกๆตามตัวนี่อีก
มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันเเน่ ?!?
ปล. ขอฝากเรื่องสั้นเรื่องเเรกของเจลด้วยน๊าาาา ใกล้จบเเล้ว จะทยอยลงเรื่อยๆจ้า :mew1:
THE CAT คุณแมวของผม...
ตอนที่ 1 สมาชิกใหม่
“กลับดีๆมึง เจอกันพรุ่งนี้”
“เออๆ เจอกัน”
ผมลาเพื่อนที่ช่วยกันทำงานตั้งแต่ตอนเย็นจนตอนนี้เวลาล่วงมาเกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว เงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นเค้าเมฆมาแต่ไกล ให้เดาคืนนี้ฝนต้องตกหนักแน่ๆ แล้วเจ้าเหมียวนั่นจะอยู่ยังไงนะ ?
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางตึกด้านหลังคณะวิศวะกรรมศาสตร์ ผมเรียนวิศวะครับตอนนี้อยู่ปีสอง เมื่อกี้ก่อนแยกกับเพื่อนเราก็เพิ่งช่วยกันทำรายงานที่ต้องพรีเซ้นต์พรุ่งนี้ให้เสร็จ แล้วก็รีบบึ่งออกมาหาเจ้าแมวน้อยที่ผมแวะมาให้อาหารทุกเย็นก่อนกลับบ้านที่ตึกหลังคณะ
“แบล็ค! เมี๊ยวๆๆๆๆ” ผมตะโกนเรียกเจ้าเหมียวทันทีที่มาถึง ผมตั้งชื่อให้มันว่าแบล็คครับเพราะขนมันทั้งตัวเป็นสีดำสนิท ตาสีทอง มองไปมองมาเหมือนเสือดำมากว่าแมวบ้านเสียอีก
“แบล็ค อยู่ไหน ? ออกมาหามินหน่อย เมี๊ยวๆๆๆๆ” ผมเดินหาไปเรื่อยๆ ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้นจนต้นไม้ไหวเอนไปหมดดูน่ากลัว หรือมันจะไปหาที่หลบฝนที่อื่น
เปรี้ยง!!!
“เฮ้ย!!” ผมสะดุ้งทรุดตัวนั่งยองลงกับพื้นด้วยความตกใจ ผมไม่ค่อยชอบเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าแต่ก็ไม่ได้กลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร แค่เวลาได้ยินแล้วใจมันหวิวๆชอบกล
เมี๊ยวววว~~~~
“แบล็ค..” ผมเงยหน้าเอามือออกจากหูทั้งสองข้าง มองไปยังแมวขนฟูสีดำที่นั่งหมอบอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ ดวงตาสีทองจ้องฝ่าความมืดมองตรงมาทางผม
“ไปอยู่กับมินไหม ?” ผมถามเจ้าแมว วางมือลูบขนนิ่มๆนั่นเบาๆ เอาจริงผมก็คิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว เพราะทุกวันนี้ผมอยู่คอนโดนานๆครั้งถึงจะกลับบ้าน แล้วที่สำคัญคอนโดผมห้ามเลี้ยงสัตว์ เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมลังเลเรื่องนี้อยู่นาน บอกตามตรงระยะเวลาเกือบสองเดือนที่มาคลุกคลีกับเจ้าแบล็คนี่มันทำให้ผมรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก แล้วยิ่งวันนี้ฝนตกหนักแบบนี้จะให้ปล่อยมันหนาวอยู่ข้างนอกเหรอ ไม่มีทางอ่ะ
“ถ้าแบล็คอยากไปอยู่กับมิน ก็เข้ามาในนี้นะ” ผมวางถุงผ้าขนาดใหญ่สีดำลงกับพื้นเปิดปากถุงให้กว้าง นี่เป็นวิธีที่จะสามารถเอาเจ้าแมวเข้าไปอยู่กับผมได้อย่างแนบเนียนที่สุด ผมคิดว่างั้นนะ...
เมี๊ยวววว ~~
เจ้าเหมียวมีท่าทางลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนอุ้งเท้าท่าทางนุ่มนิ่มนั่นจะค่อยๆก้าวเข้ามาหาผม...
ไปอยู่ด้วยกันนะ... ^^
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ฮ๊า.. ถึงแล้ว ~~~” ผมค่อยๆวางถุงผ้าสีดำลงบนพื้น ให้เจ้าเหมียวสี่ขาค่อยๆก้าวออกมา แอบลุ้นเหมือนกันกลัวว่ามันจะส่งเสียงร้องออกมาไม่งั้นล่ะก็แย่แน่ๆ แต่เจ้าแบล็คพูดเข้าใจง่ายกว่าที่คิดเพราะมันไม่ส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่แอ่ะเดียว เพราะอย่างนี้ไงผมถึงตัดสินใจเอามันมาอยู่ด้วย
“เดี๋ยวมินจะอาบน้ำนะ แบล็คมาอาบกับมินเลยดีกว่าจะได้นอนกัน เนอะๆ” ผมอุ้มเจ้าแมวพาเข้าห้องน้ำไปในทันที ตัวหนักกว่าที่คิดนะถ้าขุนมากกว่านี้อีกหน่อยผมคงจะอุ้มไม่ไหวแล้วแน่ๆ
จัดการเปิดน้ำอุ่นลงอ่างพาตัวเองลงแช่สบายใจ แต่เหมือนเพื่อนใหม่ของผมจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะเอาแต่ซุกตัวเกาะผมแน่น หรือว่าจะไม่เคยอาบน้ำ อ่า...ก็แน่ล่ะ ปกติแมวไม่ค่อยอาบน้ำนี่นะ แบล็คคงจะกลัวน้ำล่ะมั้ง
“ไม่ต้องกลัวนะ อยู่บนตัวมิน นี่ไงๆ” ผมอุ้มแมวตัวดำขึ้นไว้บนอก กวักน้ำรดตัวมันทีล่ะน้อยๆค่อยๆให้ปรับตัว จนขนแนบลู่ไปกับตัว ฮ่าๆ น่ารักชะมัด
เมี๊ยว ~~~
“อ๊ะ! อย่าเลียนะ ทะลึ่งเหรอเรา” ผมดันหัวเจ้าตัวเล็กที่แลบลิ้นเลียจุกนมผมเล่น แผล่บๆ
“อ๊า ~~” ไม่นะ ผมไม่ได้คิดอกุศลกับแมวนะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลิ้นสากๆของเจ้าแบล็คมันทำให้ผมรู้สึกตื่นตัวแปลกๆ รู้สึกเหมือนจุกนมทั้งสองข้างมันแข็งตัวสู้ลิ้นสากๆนั่น อึก! แย่แล้ว...
เมี๊ยว ~~~
แบล็คหยุดการกระทำทั้งหมด เอียงคอมองหน้าผมเหมือนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมนอนพิงขอบอ่างทำหน้าแดงตัวแดงแบบนี้ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่เหมือนมันกำลังทำหน้าเยอะเย้ยผมอยู่อย่างไรอย่างนั้น หนอยยย เจ้าแมวเจ้าเล่ห์ !
หลังจากจัดการทั้งตัวเองและตัวแมวเสร็จก็พากันมานั่งเช็ดผมเช็ดขนอยู่บนเตียง ตอนนี้ห้องผมยังไม่มีอุปกรณ์หรือของใช้สำหรับแมวเลยสักอย่าง คืนนี้เลยต้องให้เจ้าแบล็คขึ้นมานอนกับผมก่อนพรุ่งนี้ค่อยซื้อของที่จำเป็นเข้ามา
“คืนนี้นอนกับมินไปก่อนนะ พรุ่งนี้จะซื้อที่นอนมาให้”
เมี๊ยว~~~~
“ฝันดีนะ จุ๊บ!” ผมก้มลงจุ๊บเหม่งแมวน้อย เห็นมันทำหน้าเหมือนตกใจ ฮ่าๆ น่าแกล้งชะมัด ห่มผ้าให้ทั้งตัวเองทั้งแมวเสร็จก็ล้มตัวลงนอน เพียงไม่นานโลกภายนอกก็ถูกตัดขาดไป...
ในความฝันรู้สึกเหมือนมีอะไรยุกยิกอยู่รอบตัว สัมผัสเปียกชื้นไล้เลียผะแผ่วไปทั่วทั้งซอกคอหอม ไล่ลงมาจนถึงช่วงอก จุกนมเม็ดเล็กสองข้างถูกโลมเลียจนแข็งเป็นไตรับสัมผัสของลิ้นสากร้อน
“อื้อ ~~” เสียงทุ้มเล็กในลำคอ ครางออกมาแผ่วเบาเหมือนพอใจแต่ก็ติดรำคาญเล็กๆเมื่อถูกรบกวนเวลานอน
“อ๊ะ..อ๊า ~~” แกนกายเล็กถูกปรนเปรอด้วยฝ่ามือหยาบ รูดรั้งจนแข็งขืน ร่างหนาทะมึนทึนในความมืดโถมทับกายเล็กเอาไว้ ชักนำความต้องการทั้งของตนเองและคนใต้ร่างให้เข้าใกล้ความสุข
ริมฝีปากร้อนไล่ขบเม้มไปทั่วกายขาว ฝากร่องรอยแห่งความปรารถนาเอาไว้ทุกที่ที่ลากผ่าน อบอุ่นซาบซ่าน บางจังหวะร้อนเหมือนดั่งไฟเผาไหม้ ร่างเล็กเกร็งกระตุกทั้งร่างยามเมื่อเดินทางถึงจุดสูงสุดก่อนจะทิ้งตัวนอนสงบนิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนหวาน…
“ฝันดีครับ...”
TBC +++++++++++++++++++++++++
TALK...
ห๊าาาา ~~~ เอาตอนเเรกมาฝาก ขอฝากติชมด้วยน๊าาา คือเจลเองไม่เคยเขียนเรื่องสั้น อาจจะดูขัดๆหรือยืดยาว หรือกระชับเกินไปก็บอกได้เน้อออ ^^ :mew1:
ปล. ขอฝากน้องเเมวพี่เเมวเอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยจ้า :กอด1:
ตอนที่ 13
รอแป๊บ อาจารย์ขอเลท 15 นาที
อื้อ
ผมพิมพ์ข้อความในไลน์ตอบไอ้พี่นิลไป ใจจริงอยากจะบอกว่าอีก 30 นาทีก็ไม่เป็นไร เรียนๆไปเถอะทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้
“อีออย กูมีเวลา 15 นาที กูจะหนีไปไหนดีวะ ?” ผมถามอีออยที่มานั่งรอไอ้พี่นิลเป็นเพื่อนผมที่เก่าที่เดิมโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ วันนี้มีสองคนครับอีกสองหายต๋อม ความจริงอีออยมันมารอพี่ปืนครับถึงมันจะอ้างว่าไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียวก็เถอะ ผมรู้ครับ อุว่ะฮ่าๆๆๆๆ
“ประสาทแดกหรอมึง”
“กูไม่พร้อมอ่ะ ไม่พร้อมๆๆๆ”
“แค่ไปกินข้าวที่บ้านผัวจะอะไรนักหนา กูเห็นโวยวายมาตั้งแต่เช้าทำไมไม่บอกพี่มันไปล่ะว่าไม่พร้อม -..-” อีออยตอบเหวี่ยงๆ ใช่สิก็มึงเล่นเข้าออกบ้านพี่ปืนเหมือนเป็นบ้านตัวเองแล้วหนิ มึงก็รอดสิ ส่วนผมนี่ครั้งแรกเลยครับ
นับจากวันที่ไปหาน้องจัสมินแมวน้อยของผม (?) หลังจากวันนั้นมาก็อาทิตย์กว่าๆไอ้แมวเถื่อนของผมก็โดนที่บ้านเรียกตัวให้กลับบ้าน แล้วที่ต้องหนีบผมไปด้วยก็เพราะที่บ้านพี่มันอยากเจอผม แล้วความชั่วของไอ้พี่นิลก็คือ พี่มันเพิ่งบอกผมเมื่อเช้าครับ เมื่อเช้าก่อนจะเข้าเรียนคาบแรกแล้วเวลานัดคือเย็นวันนี้ ! พอผมถามว่าทำไมไม่ไปบอกตอนถึงหน้าบ้านเลยล่ะ พี่มันก็บอกให้ผมลืมไปซะแล้วจะไปบอกใหม่ตอนถึงหน้าบ้าน ดูมันๆๆๆ แล้วอย่างนี้ผมจะไปเตรียมตัวเตรียมใจทันได้ยังไง เลยต้องมางอแงใส่อีออยจนหวิดจะโดนด่าอยู่หลายครั้ง
“ก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงนี่ แล้วพ่อแม่พี่มันดุหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผมพูดเสียงอ่อย เริ่มไถลตัวไปกับโต๊ะอย่างคนหมดแรง
“ไม่ดุหรอกมั้งก็พวกเขาอยากเจอมึงหนิ หรือไม่บางทีนี่อาจจะเป็นแผนลวงไปฆ่า ข้อหาทำลูกชายเขาหมดอนาคต”
“อีออย !!”
“ฮ่าๆๆๆ มึงก็คิดมากไป ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีหรอกเรื่องแม่ผัวเขม่นลูกสะใภ้ เรื่องรับไม่ได้ลูกชายเป็นเกย์ อะไรแบบนั้นไม่มีหรอกๆ”
“มึงหยุดพูดก็ดีนะ -..-” ยิ่งฟังผมยิ่งจิตตก ถ้าแม่พี่มันไม่ชอบผมขึ้นมาแล้วกางเล็บข่วนผม ผมคงสู้ไม่ได้ TT หรือจะหากระพรวนสวยๆไปฝากดีนะ หรือของเล่นแมวดี ? ฮือออ คิดไม่ออกเลยยย
“แล้วมึงตอนไปบ้านพี่ปืนครั้งแรกเป็นไงบ้าง” ผมถามขอแนวทาง จะได้เตรียมตัวถูกอย่างน้อยก็แผนรับมือแม่ผัว
“ไม่เป็นไง บ้านพวกกูรู้จักกันอยู่แล้ว” มันตอบ ผมแอบเห็นนะว่ามันหน้าแดงนิดๆ
“น้องออยยยยย พี่ปืนเรียนเสร็จแล้วค้าบบบบบ” นั่นไงพูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ อีออยที่เหมือนจะกำลังอายเมื่อครู่หน้าตาตื่นแล้วเปลี่ยนหน้าเป็นเคร่งขรึมทันที อะไรมันจะขนาดนั้น
“หยุดแหกปากได้แล้ว !! อายคน”
“ถ้าน้องออยไม่ให้พี่แหกปาก งั้นกลับบ้านไปให้พี่แหกอย่างอื่นกันเถอะ ไปครับๆ”
“หือ ??” ผมหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่อีออยที่กำลังแผ่แม่เบี้ย
“ไอ้เชี่ยพี่ปืน”
“ไม่เอา ด่าผัวไม่เจริญนะครับ”
“ผัวววว ???” ผมลากเสียงยาวล้ออีออยที่อ้าพะงาบๆเหมือนคนหายใจไม่ออกรังสีทะมึนเริ่มเข้าครอบงำ รู้สึกเหมือนจะเห็นสายฟ้าฟาดเปรี๊ยะๆด้วย คาดว่าวันนี้พี่ปืนคงเจ็บหนัก ฮ่าๆแต่สนุกผมล่ะครับเพราะมันไม่เคยยอมรับหรือเล่าเรื่องพี่ปืนให้ฟังเลย พวกผมก็ไม่ถามครับเพราะรู้ๆกันอยู่ แล้วตอนนี้ก็รู้แจ้งเลยล่ะครับ คึคึ
“เอาแต่หัวเราะคนอื่นเขา เราก็ไปกันได้ละเดี๋ยวสาย” ผมแทบช็อคเลยครับ ไอ้พี่นิลมันมาตอนไหนไม่รู้เดินเข้ามาหยิบกระเป๋าผมที่วางอยู่บนโต๊ะเปิดออกแล้วยัดชีทเรียนกับปากกาอีกหนึ่งด้ามของตัวเองเข้ากระเป๋าผม ก่อนจะโยนกลับมาให้ผมถือ ผมก็รับไว้นิ่งๆ ปกติคงจะด่าจนกว่าพี่มันจะเอาไปถือแต่คราวนี้ด่าไม่ออกครับ เพราะเอาแต่ขำอีออยจนลืมเรื่องของตัวเองไปเลย
“ไม่ด่า ?” พี่มันเลิกคิ้วถาม
“....” ผมเงียบแล้วออกเดิน ไม่ได้โกรธหรืออะไรหรอก แค่กำลังรวบรวมสมาธิเตรียมรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่เพราะผมถือคติที่ว่าสติมาปัญญาเกิดครับ แต่ตอนนี้ทั้งสติและปัญญาของผมเหมือนจะจับมือกันไปเที่ยวพักร้อนหมดแล้วฮือ~~~~
พรึ่บ!
“อ๊ะ !” กระเป๋าของผมถูกแย่งไปถือโดยคนที่เดินขึ้นมาเคียงข้าง มือใหญ่วางแปะลงบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ เหมือนลูบหัวหมา (?) ปากก็ฮำเพลงงุงงิง
“ไอ้เตี้ยตื่นตูม ~~ ไอ้เตี้ยตื่นตูม ~~~~” นี่แหละครับเพลงพี่มัน ใส่ทำนองอะไรเข้าไปไม่รู้แถมยังโยกหัวผมไปมาให้เข้ากับจังหวะมันอีก
“เพลงแม่งเหมือนหน้าตามึงเลยว่ะ”
“?”
“เหี้ยไง”
โป๊ก !
“โอ๊ย ! เหี้ยมันเจ็บนะ” พี่มันเขกหัวผมครับแรงด้วย TT
“ที่บ้านกูไม่ชอบคนพูดคำหยาบ” เสียงทุ้มพูดจริงจัง
“จะ...จริงหรอ ?”
“เออ เพราะงั้นเก็บหมาในปากมึงให้หมด” พี่มันแยกไปขึ้นรถทางฝั่งคนขับ ผมก็ก้าวขึ้นไปอีกด้าน เรื่องพูดเพราะคงไม่เป็นปัญหาเพราะตั้งแต่คบกันผมก็ไม่ค่อยพูดคำหยาบกับพี่มันเท่าไหร่ ถ้าพี่มันไม่กวนตีนผมแบบเมื่อกี้อ่ะนะ
“แล้วไงอีก แม่มึงชอบคนแบบไหนอีก”
“ก็ชอบ...คนพูดเพราะ น่ารัก ทำกับข้าวเก่ง งานบ้านเนี้ยบ แล้วก็ไม่แรด” รู้สึกเหมือนโดนหลอกด่าเลยแฮะ
“อ่า...อื้อ” ผมเริ่มคิดหนัก น่ารักหรอ ? ผมคิดว่าผมก็ได้อยู่นะ ส่วนเรื่องงานบ้านก็พอถูไถถือว่าเอาตัวรอดได้ ทำอาหารก็กินได้ไม่ตาย ส่วนเรื่องแรด ผมไม่แรดอยู่แล้ว
“แล้ว...แล้วถ้าที่บ้านมึงไม่ชอบกูล่ะ” ผมถามเสียงอ่อย ถึงจะคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรแต่ผมก็อดกังวลไม่ได้
“จิตตกหรอมึง ?” พี่มันเอื้อมมือมายีหัวผม
“ก็แล้วถ้า...”
“กูลืมบอกไปอีกอย่าง” พี่มันขัดขึ้นมา
“อะไร ?”
“ถ้ากูรักใครที่บ้านกูก็รักคนนั้น ^^” น้ำเสียงจริงจังกับมือใหญ่ที่เอื้อมมากุมมือผมไว้หลวมๆ แล้วคลึงนิ้วผมเล่นไปมา มันช่วยทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจและสงบลงได้อย่างน่าประหลาด
“พี่มินนนน ^_^” เสียงจัสมินดังออกมาจากในบ้านพร้อมกับร่างเล็กๆที่มีหูแมวหางแมวสีขาวที่มีกระพรวนห้อยดังกรุ๊งกริ๊งเหมือนเดิม วิ่งออกมาหาผมที่หน้าบ้าน ยังโมเอะเหมือนเดิมเลยน๊า ~~
ผมเดินคุยเล่นกับจัสมินเข้าไปในบ้านโดนมีพี่นิลเดินตามหลังเข้ามาห่างๆ เห็นว่าความจริงวันนี้พี่แซมจะมาด้วยแต่ติดธุระเลยพลาดไป น้องเองก็ดูหงอยๆไปนิดแต่ไม่นานก็กลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิม บ้านของพี่นิลเป็นบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นแบบบ้านคนมีอันจะกินทั่วไป แต่ที่ใหญ่ว่าปกติหน่อยก็คงจะเป็นพื้นที่สวนหน้าบ้านกับความกว้างของบ้าน คิดว่าคงเอาไว้รับมือกับความซนของลูกแมวตอนเป็นเด็กๆ
“มาถึงกันแล้วหรอ?” ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มแหบติดโหดๆที่เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะก้มหน้าหงุด อ๊ากกก เมื่อกี้ก็คุยกับจัสมินเพลินจนลืมตัวอีกแล้ว (รู้สึกจะถูกล่อลวงง่าย)
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไว้ก้มหัวอย่างนอบน้อมที่สุด ไม่กล้าเงยหน้ามองเลยแฮะ
“เอ้า !! ก้มอยู่อย่างนั้นจะได้เห็นหน้ากันไหมเนี่ย บ้านฉันไม่มีกบให้จับหรอกนะ”
อะจึ๋ย !
ผมสะดุ้ง อย่าเสียงดังสิครับผมขี้ตกใจนะแล้วเสียงคุณพ่อจะโหดไปไหน TT ได้แต่พูดในใจครับ ไม่กล้าพูดหรอก แค่เสียงยังโหดขนาดนี้ หน้าตาก็คงโหดไม่แพ้กัน แล้วถ้ารู้ว่าผมมาทำไมท่านไม่เอามีดมาแทงผมเลยหรอ หรือจะจับขังกรงเป็นหนูน้อยไว้แทะเล่น แค่คิดก็สยอง ~~~
“พ่อก็ไปแกล้งมัน มันยิ่งเพ้อเจ้ออยู่” เสียงพี่นิลครับ ฮือ มึงหายไปไหนมา พ่อมึงจะกินตับกูอยู่แล้ว TT
“ฮ่าๆๆๆ เหมือนหนูอย่างที่มึงว่าเลยว่ะ เอ้าๆเงยหน้าเป็นแมวไม่ใช่ผีโว้ยยย”
“เอ๋ ?” เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้างงๆ พ่อไอ้พี่นิลไม่ได้แก่มากครับอยู่ในชุดเรียบร้อยปกติไม่มีหางแมวหูแมวโผล่ออกมาเหมือนจัสมิน และยังหนุ่มแน่นแถมยังอารมณ์ดีขนาดที่มีแรงมาแกล้งผม หน้าตาก็ไม่ต่างจากพี่นิลเท่าไหร่เรียกว่าอนาคตตอนไอ้พี่นิลแก่ก็คงเป็นแบบนี้แหละ ผมบู้หน้าด้วยความเคยตัวเวลาโดนแกล้ง จนพ่อมันขำก๊ากอีกรอบ
“เอาน่าๆ เห็นแล้วมันอดไม่ได้จริงๆ” คุณพ่อเอื้อมมือมาเหมือนจะยีหัวผมด้วยความเอ็นดู แต่ไม่ทันโดนตัวผมหรอกฮะ เพราะมีมือใหญ่ของคนข้างๆมาบังไว้ก่อน
“บ๊ะ กับกูยังหวง”
“งั้นผมกอดแม่”
“อยากโดนตอนก็ไป”
“(‘.’ )( ‘.’) (‘.’ )( ‘.’) ?” ผมเงยหน้ามองสองพ่อลูกที่ครางหึ่มๆใส่กันอย่างงงๆ เรื่องมันเปลี่ยนเร็วไปไหม? แล้วไหนจะสรรพนามที่เรียกกันนั่นอีก ไม่แปลกใจเลยว่าไอ้พี่นิลได้เชื้อเถื่อนมาจากใคร
“ไปหาแม่กันเถอะพี่มิน ปล่อยสองคนนี้ไป”
“แล้วจะไม่เป็นไรหรอ ?”
“ธรรมดาๆ ไปกัน”
“อื้อ” ผมเดินตามจัสมินเข้าไปทางห้องครัว มีผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังทำอาหารอย่างขะมักเขม้น คงเป็นคุณแม่สินะ ท่านยังดูสาวและยังดูสดใสแถมยังสวยมากๆด้วย ท่านอยู่ในชุดเรียบร้อยปกติไม่มีหูหางเหมือนกันกับคุณพ่อ ข้อสรุปคือบ้านนี้หน้าตาดีกันทั้งบ้าน
“แม่มินพาพี่มินมาหา”
“เอ๋ ? น้องมิน ~~~”
“สวัสดีครับ” ยกมือไหว้สวยงามอย่างไทย คุณแม่ในชุดผ้ากันเปื้อนวางมือจากงานตรงหน้าทิ้งให้จัสมินเข้าไปจัดการต่อ แล้วเดินปรี่เข้ามาหาผม
“น่ารักจังเลย คุณแม่คิดไว้แล้วว่าน้องมินต้องน่ารักมากแน่ๆ” คุณแม่เดินหมุนรอบตัวผม ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งให้สำรวจกันไป ถึงจะงงๆกับสถานการณ์แต่ก็นะ แต่ก็สบายใจได้เรื่องการซดเกาเหลากับแม่สามี๊ ~~~
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณแม่มีอะไรให้มินช่วยไหมครับ”
“น้องมินทำกับข้าวเป็นด้วยหรอลูก ?”
“พอได้นิดหน่อยครับ แต่ถ้าคุณแม่จะกรุณา ช่วยสอนมินด้วยนะครับ ^^” ผมยิ้มอ้อนเลยครับ ก็พี่นิลบอกว่าแม่พี่มันชอบคนทำอาหารเก่งแต่ผมไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่ที่ทำได้ก็พอกินๆไปกันตาย เพราะงั้นนี่เป็นวิธีแก้สถานการณ์ที่ดีที่สุด
“อ๊ายยย น่ารักจริงๆ มาๆ คุณแม่จะสอนนะคะ.....บลาๆๆๆๆ” แล้วผมก็ได้สูตรอาหารใหม่ๆมามากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของชอบไอ้พี่นิลทั้งนั้น
หลังจากมื้อเย็นที่แสนจะคึกครื้นจบลง โดยมีคุณพ่อแข่งเอาใจคุณแม่กับพี่นิล จัสมมินบอกสองคนนี้ชอบเป็นแบบนี้ประจำ ผมว่าก็น่ารักดีนะครับ ทุกคนมานั่งทานผลไม้กันอยู่ในห้องนั่งเล่นที่มีทีวีจอใหญ่อยู่ด้วย ผมคุณแม่และจัส มินครองโซฟาตัวใหญ่ครับ โดยมีคุณแม่นั่งตรงกลางและมีจัสมินที่ปล่อยหูและหางออกแล้วนอนหนุนตักคุณแม่อยู่ ส่วนผมก็นั่งอยู่อีกด้าน คุณพ่อกับพี่นิลก็นั่งคุยอะไรกันอยู่ไม่รู้ ดูๆไปแล้วก็เป็นครอบครัวอบอุ่นที่น่ารักมากๆ รู้สึกอายจังแฮะที่เผลอกังวลไปตั้งมากมาย แต่ความผิดมันก็ของไอ้พี่นิลบ้านั่นแหละ ! แกล้งหลอกให้กลัวทำไมไม่รู้ ไหนจะเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้จากอีออยอีก ไม่น่าไปฟังเลยจริงๆ
“คิดอะไรอยู่ หน้ายุ่งเชียว” เสียงคุณแม่ทำให้ผมหลุดจากภวังค์
“เปล่าครับ”
“อยู่กับพี่นิล น้องมินอาจจะลำบากสักหน่อยนะคะ”
“ครับ?”
“ก็พี่นิลน่ะสิ เป็นตัวแสบชัดๆ ขี้แกล้งก็ที่หนึ่งไหนจะเรื่องเอาแต่ใจอีกเหมือนคุณพ่อของเขาไม่มีผิดเลย”
“ฮ่าๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ผมอดขำกับท่าทางเข่นเขี้ยวของคุณแม่ไม่ได้ ดูท่าว่าท่านคงจะโดนสองพ่อลูกนี้แกล้งบ่อยๆ
“ฮึ่ย ถ้าน้องมินโดนพี่นิลแกล้งมากๆบอกคุณแม่นะคะ แล้วหนีมานอนกับคุณแม่เลยนะ”
“ได้ครับ ^_^”
“ไอ้นิลมึงเอาเมียมึงออกไปห่างๆเมียกูหน่อย ถึงเป็นเมียแต่ก็ผู้ชายจะอ้อนเกินไปละ” เสียงคุณพ่อขู่เข้มๆ ก่อนจะฉุดมือคุณแม่ให้ลุกขึ้นจนจัสมินที่นอนหนุนอยู่หล่นปุบลงบนโซฟา ร้องโวยวายจนคุณแม่ต้องเข้าไปดู แล้วส่งสายตาชิ้งๆให้คุณพ่อ
“คุณแม่ฮะ คุณพ่อแกล้งมินอ่า..” จัสมินออเซาะ กับจัสมินดูเหมือนคุณพ่อจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรมาก ได้แต่ส่งสายตาหงุดหงิดไปให้เพราะว่าโดนคุณแม่เอ็ด น้องก็ยิ้มแผล่กลับมาไอ้พี่นิลก็หัวเราะ หึหึ เอ่อ...ทำไมผมรู้สึกว่าคนที่น่าสงสารที่สุดในบ้านตอนนี้จะเป็นคุณพ่อกันนะ
“พอๆ ไปนอนได้แล้วที่รัก ดึกแล้วนะ” เหมือนความอดทนของคุณพ่อจะถึงขีดสุดถึงได้เข้าไปรั้งเอวบางๆของคุณแม่ให้ออกมาจากจัสมินที่เหมือนจะเล่นไม่เลิก
“จะรีบนอนไปไหนคะ?”
“ผมหิวอีกแล้วล่ะ รีบไปนอนกันเถอะ”
“เอ๋ ? ก็เพิ่งทานไปเองนี่นา...”
“ผมอยากทานคุณพิมพ์ราดซอสขาวขุ่นหนิ หึหึ” ว่าแล้วก็ตวัดร่างคุณแม่ขึ้นอุ้มแล้วเดินขึ้นชั้นสองของบ้านไป ไม่สนใจเสียงโวยวายของคุณแม่เลยสักนิด อ่า...ผมไม่สงสัยอีกแล้วครับว่าความหื่นของไอ้พี่นิลนี้ได้แต่ใดมา
“ซอสขาวขุ่น ? อะไรอ่ะ ??” จัสมินทำหน้าเหรอหราหันมาถามผมที่นั่งหน้าแดงกับฉากหวานแววของคุณพ่อคุณแม่เมื่อครู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น >////<
“ไปถามไอ้แซมสิ หึหึ” ไอ้พี่นิลตอบน้อง แล้วเหมือนน้องจัสมินจะหน้าแดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แสดงว่าเข้าใจแล้วสินะ เด็กเอ๋ยเจ้าจงเติบใหญ่
“งั้น...เค้าไปนอนแล้วนะ” แล้วน้องจัสมินที่เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวมาเป็น ‘เค้า’ เพราะจะได้ไม่งงเวลามีผมอยู่ด้วย ก็วิ่งหนีขึ้นห้องไปเลยเหมือนกัน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเหลือแต่ผมกับไอ้พี่นิล สถานการณ์เหมือนไม่ค่อยปลอดภัยแล้วสิ ชิ่งดีกว่า
“งะ...งั้น กูก็ไปนอนแล้วนะ อ๊ะ !” ยังไม่ทันได้ลุกหนีผมก็โดนไอ้พี่นิลจับอุ้มพาดบ่าอีกแล้วครับ
“กูก็อยากกินนะ...”
“อะ...อะไร?”
“มินราดซอสขาวขุ่น หึหึ”
“ม๊ายยยยย ~~~~~~~”
.
.
ผับๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อึก ! อ๊ะ...อ๊าส์ เบาหน่อย...ละ...ลึกไปแล้ว...อื้อ ~~~”
“อ่า..ส์ อีกนิด”
“มะ...ไม่ไหวแล้ว อ๊า..ส์”
ผมร้องสุดเสียงก่อนจะปล่อยออกมาหมดแม๊กส์ ร่างสูงใหญ่ที่ซ้อนด้านหลังกระแทกเข้ามาอีกสองสามครั้งก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆผมที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ผมปรือตามองหน้าพี่นิล วันนี้ผมไม่ให้พี่มันอยู่ในร่างครึ่งคนครึ่งแมวครับ เพราะไม่งั้นพรุ่งนี้ผมคงลุกไม่ไหวแน่ แต่พอพี่มันอยู่ในร่างคนปกติแล้วไม่มีหูมีหางให้จับเล่น ไม่ชินเลยแฮะ
“อาบน้ำไหวไหม?” เสียงทุ้มถาม ยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมของผมให้ออกไปจากใบหน้า
“มินง่วงแล้ว...” ผมหลับตาใส่ ไม่ไหวจริงๆครับ ถึงจะร่างคนปกติแต่ก็หนักหนาเอาเรื่อง
“เดี๋ยวเช็ดตัวให้ นอนซะ”
“อื้อ...”
ผมปล่อยให้พี่นิลพลิกตัวผมไปมา จนทำอะไรเสร็จสรรพพี่มันก็สอดตัวเข้ามานอนข้างผม แขนแกร่งสอดเข้ามารองให้ผมนอนหนุนเหมือนทุกคืน ผมก็ซุกหน้าเข้าอกพี่มันเหมือนที่ชอบทำประจำ
“ครั้งหน้า ไปบ้านมินนะ...”
“ครับ”
“รัก”
ประโยคสุดท้ายพวกเราพูดพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะหลับตาลงไปพร้อมกับรอยยิ้ม วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมมีความสุข และผมคิดว่าผมจะมีความสุขในทุกๆวันที่มีพี่นิลอยู่ข้างๆ ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วครับแล้วก็กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำด้วยว่าผมรักคนที่กอดผมอยู่ตอนนี้ แต่ถ้าถามว่ารักแค่ไหน ผมเองก็คงไม่สามารถตอบได้เพราะผมรู้แค่ว่าผมรัก ^^
เรื่องราวของเรานับจากนี้อาจจะมีทั้งสุขและเศร้า แต่ผมก็มั่นใจว่าพวกเราจะสามารถผ่านมันไปได้และผมจะกลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก เพราะผมจะมีความสุขในทุกๆวัน และคนที่จะทำให้ผมมีความสุขคงเป็นใครไปไม่ได้
นอกจาก...คุณแมวของผม ^_^
++++++++++++++++++++++++THE END+++++++++++++++++++++++++++
TALK...
จบเเล้วจ้าาาา :mc4: :mc4: ในที่สุดก็มาถึงตอนจบเเล้ว อาจจะหลายตอนไปนิดจนเริ่มไม่เเน่ใจว่าใช่เรื่องสั้นหรือเปล่า เเต่ก็จบลงด้วยดี เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องหลายตอนเรื่องเเรกที่เจลเขียนจนจบ ส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องมาถึงตอนนี้ได้ก็เป็นเพราะกำลังใจจากผู้อ่านทุกท่าน อาจจะมีติดขัดไปบ้าง เพราะเจลยังมือใหม่มากๆ เจลขอขอบคุณทุกรีพาย ทุกกำลังใจ เเละทุกการติดตามมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ :pig4:
ปล.ตอนพิเศษ เเละ side story ของพี่เเซมเเละจัสมินจะทยอยลงเรื่อยๆนะคะ :mew1: :mew1:
Side Story ( แซม X จัสมิน ) 5
ตั้งแต่ที่พี่นิลมาหาผมกับพี่แซมวันนั้นก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วที่ผมอยู่กับพี่แซม เมื่อเดือนก่อนผมมีโอกาสได้พบกับคุณพ่อคุณแม่ของพี่แซม ตอนแรกก็เกร็งๆไปๆมาๆพวกเราก็เข้ากันได้ดี อ้อ..พี่แซมมีน้องชายอีกหนึ่งคนนะครับเพิ่งอยู่มัธยมต้นเอง แต่ความสูงนี่เลยหัวผมไปเยอะเลย -..- แล้วหลังจากนั้นมาไม่นานผมก็มาทราบทีหลังว่าพี่แซมพาคุณพ่อคุณแม่ไปเจอกับครอบครัวผมมาแล้ว เห็นว่าอยากจะทำเรื่องขอให้ผมมาอยู่กับพี่แซมแบบเป็นเรื่องเป็นเรื่องราว จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนผมรู้ ผมงี้ยิ้มจนแก้มแทบแตก มันอิ่มๆยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก >_< ถึงตอนแรกจะแอบเคืองก็เถอะ เพราะพี่แซมไม่ยอมบอกอะไรผมเลย แต่ก็ช่างเถอะ ^_^
วันนี้ผมมาหาพี่แซมที่มหาวิทยาลัยล่ะเพราะวันนี้ผมเลิกเรียนเร็ว ก็เลยกะจะแวะมาหาแล้วจะได้กลับห้องพร้อมกัน ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับหนทางที่นี่ดี เพราะเคยมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งที่มาผมก็จะมารอพี่แซมที่โต๊ะหินอ่อนตรงหน้าคณะประจำ แต่คราวนี้ผมไม่ได้บอกพี่แซมก่อนว่าจะมาหาเพราะเหมือนพี่มันจะไม่ค่อยชอบให้ผมมาหา เวลาผมมาทีไรชอบทำหน้าหงิกทุกที ว่าแล้วก็นั่นไง...เดินทำหน้ายักษ์มาเลย
“ทำไมไม่บอกก่อน” ทำเป็นเข้ม
“ก็คิดว่าเรียนอยู่นี่...พี่แม็กพี่เจมส์หวัดดีฮะ ^_^” ประโยคหลังผมเอ่ยทักเพื่อนพี่แซมที่เดินมาด้วยอีกสองคน เป็นเพื่อนสนิทพี่แซมครับมาทีไรเจออยู่ด้วยกันตลอด ระดับความหล่อนี่ไม่ต้องพูดถึงกินกันไม่ลงจริงๆ จากสามคนนี้ทำให้ผมรู้ว่าคนหน้าตาดีมักจะคบกับคนหน้าตาดีด้วยกัน แต่ยังไงพี่แซมของผมก็หล่อที่สุด อิ้อิ้
“ไง ไม่เจอกันนานเลยนะ โดนไอ้แซมมันจับขังไว้ล่ะสิ” พี่เจมส์เดินมานั่งตรงที่ว่างข้างผม แถมยังยกมือผลักหัวผมอีก นิสัย -..-
“เดี๋ยวเถอะมึง หัวมันมีแค่นี้ เดี๋ยวก็ได้เอ๋อกว่าเดิม” พี่แซมเข้ามานั่งแทรกระหว่างผมกับพี่เจมส์ ส่วนพี่แม็กก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามยิ้มๆ เอ่อ...แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอกด่าเลยแฮะ
“มึงก็ว่าไป มันคงเอ๋อกว่านี้ไม่ได้ละ ฮ่าๆๆๆ” อ่าว ไอ้พี่เจมส์
“รุมว่ะ พี่แม็กช่วยมินด้วย” ผมลุกจากที่เดิมย้ายไปนั่งข้างพี่แม็กกอดแขนออเซาะเลยครับพี่แกก็ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ กับพี่แม็กผมกล้าเล่นแบบนี้เพราะพี่เขาไม่เหมือนพี่เจมส์ พี่แม็กให้อารมณ์เหมือนคุณแม่(?) อ่า...บอกไม่ถูกมันให้ความรู้สึกอุ่นๆนุ่มๆนิ่มๆไม่เป็นพิษภัยยังไงไม่รู้แต่ผมชอบที่จะเกาะแกะพี่แม็กแบบนี้
“ไปอยู่ด้วยกันเลยไหม?” พี่แซมถามเสียงเข้ม ตางี้จ้องผมเขม่งเลย ผมก็ไม่สนแลบลิ้นใส่อีก ฮ่าๆ
“กูเอาจริงนะ จะเลี้ยงอย่างดี” พี่แม็กก็ไปยั่ว
“หรือจะไปอยู่กับพี่ก็ได้นะ” พี่เจมส์ยื่นหน้าเข้ามาพูดน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“อยู่กับพี่เจมส์ อนาคตมินก็ดับวูบน่ะสิ”
“ฮ่าๆๆๆๆ พูดดีมาก” พี่แม็กหัวเราะไปก็เอามือไปปัดมือพี่เจมส์ที่จ้องจะผลักหัวผมอีกรอบ จนพี่เจมส์ทำหน้าหงิกหน้างอ ฮ่าๆ พวกเรานั่งคุยเล่นกันอีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันกลับแต่ยังไม่ทันได้ลุกจากโต๊ะก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินมาเสียก่อน
“พี่แซม เพิ่งเลิกเรียนเหรอครับ ?”
“อื้ม เต้ยก็เพิ่งเลิกเหรอ?” พี่แซมตอบกลับไป เต้ย...เหมือนเมื่อก่อนเคยได้ยินพี่แซมคุยโทรศัพท์กับคนชื่อนี้อยู่เหมือนกัน สมัยตอนที่ยังคบกับพี่กัสอยู่น่ะนะ คงเป็นหนึ่งในบรรดากิ๊กอีกล่ะสิ ผมยืนฟังบทสนทนาเรื่อยเปื่อยของทั้งสองคน ไม่รู้ว่าผมเผลอลงแรงจิกแขนพี่แม็กไปเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่แม็กลูบมือผมเบาๆ อีกข้างเป็นพี่เจมส์ที่เดินมายืนข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้วางมือลงบนหัวผมพร้อมกับลูบไปมา ผมไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกแต่มันก็ทำให้ผมสงบลงได้
“แล้วนั่นใครหรอครับ ? ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย” คนชื่อเต้ยชี้มือมาทางผม พี่แซมเหลือบตามามองผมก่อนจะหันกลับไป ผมเผลอกลั้นใจลุ้นไปกับคำตอบ ถึงเราจะอยู่ด้วยกันมานานใช้ชีวิตเหมือนคนรักกันแต่พี่แซมไม่เคยพูดหรือบอกอะไรทำนองนั้นเลย บางทีผมก็มีความคิดงี่เง่านะ ว่าผมคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า
“อ่อ...นั่น...”
“น้องชายเพื่อน...ผมเป็นน้องชายเพื่อนพี่แซม” ผมรับรู้ได้ว่าทั้งพี่แม็ก พี่เจมส์ โดยเฉพาะพี่แซมจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว ผมก็อยากจะตีตัวเองเหมือนกันไม่รู้อะไรดลใจให้ไปพูดขัดพี่แซมแบบนั้น แต่...ผมแค่เผลอคิดว่าถ้าพี่แซมจะพูดแบบนี้หรือบอกเป็นอย่างอื่น ผมเองก็ไม่อยากฟังเหมือนกัน เพราะงั้นผมขอตอบเองดีกว่า
“อืม...” พี่แซมพูดจบก็เดินหนีออกไป ไม่สนเสียงเรียกของคนที่ตัวเองคุยด้วย ผมเงยหน้ามองพี่เจมส์กับพี่แม็ก ทั้งคู่ก็เอาแต่ส่ายหัวไปมา ก่อนจะบอกให้ผมตามพี่แซมไป ผมเลยบอกลาพี่ๆทั้งสองคนก่อนจะตามพี่แซมที่เดินจ้ำอ้าวจนผมต้องวิ่งตาม
“พี่แซมรอเค้าก่อน”
พี่แซมไม่ฟังเสียงผมเดินเข้าไปนั่งในรถฟังคนขับ ผมยืนนิ่งหน้าเสียอยู่ข้างรถ ชะงักมือไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปถ้าหากพี่แซมไล่ผมลงจากรถ ผมคงทำอะไรไม่ถูก แค่พี่แซมไม่สนใจผมแบบนี้ผมก็รู้สึกตาร้อนๆเหมือนจะร้องไห้แล้ว…
ฮึก...ผมว่าไม่ทันแล้วล่ะ
ผมยืนก้มหน้านิ่ง กัดปากเก็บเสียงร้องปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ถ้าพี่แซมจะทิ้งผมจริงๆผมก็จะยืนส่งก่อน แล้วค่อยขึ้นรถกลับไปหาที่คอนโด แต่เวลาผ่านไปรถก็ยังจอดอยู่ที่เดิม
“จะไม่กลับใช่ไหม ?” ผมสะดุ้งเงยหน้ามองต้นเสียง เป็นพี่แซมที่เปิดกระจกฝั่งที่นั่งด้านข้างลงมา ผมรีบพยักหน้าเร็วๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแบบลวกๆก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่ง แอบเห็นพี่แซมส่ายหัวไปมา
“ทำไมขี้แยจังหืม? ไอ้ลูกแมว” มือใหญ่เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา นิ้วโป้งใหญ่ไล้เกลี่ยไปทั่วแก้มก่อนจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก ผมอดที่จะเอียงหน้าแนบไปกับฝ่ามือนั้นไม่ได้มันให้ความรู้สึกดี ผมเป็นแมว ผมชอบสัมผัส ผมไม่แน่ใจว่าที่ผมรู้สึกดีขนาดนี้มันเป็นเพราะผมเป็นแมวหรือเพราะคนที่สัมผัสผมเป็นพี่แซมกันแน่
ผมเผยอปากงับนิ้วโป้งที่เกลี่ยอยู่ที่ริมฝีปากผมเบาๆอย่างลืมตัว แอบเห็นประกายบางอย่างในตาพี่แซม รู้ตัวอีกทีนิ้วโป้งที่ผมเผลองับก็ถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากอุ่นๆของเจ้าของนิ้ว ริมฝีปากบดเบียดลงมาอย่างรุนแรงแต่มันไม่ถึงกับเจ็บ ไม่อ่อนหวานแต่กลับชวนเคลิ้ม เรียวลิ้นร้อนไล้เลียอยู่รอบๆริมฝีปากผมเพียงผมเผลอปากเล็กน้อยก็ถูกรุกล้ำเข้ามาอย่างง่ายดาย
ผมถูกยกให้มานั่งคร่อมตักพี่แซมเอาไว้ มือผมทั้งสองข้างยกขึ้นคล้องคอโดนอัตโนมัติ มือใหญ่ทั้งสองข้างลูบไล้แผ่นหลังผมอย่างหนักหน่วงก่อนจะสอดเข้ามาในเสื้อลูบไล้ช่วงเอวสลับกับบีบเคล้นไปมา จนร่างกายผมสั่นเทิ้ม มันรู้สึกแปลก ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกแปลกที่ผมรู้สึกดี…ดีมาก
“อ๊ะ” ผมสะดุ้งสั่น เมื่อมือที่เคยลูบเอวเมื่อครู่เปลี่ยนมานวดวนๆแถวช่วงอกก่อนจะโจมตีตุ่มไตทั้งสองข้างของผมอย่างหนักหน่วงพร้อมกับริมฝีปากร้อนที่ไล้เลียอยู่แถวต้นคอ มือของผมจิกลงบนต้นคอพี่แซมแน่น ซุกหน้าเข้ากับช่วงไหล่กว้าง
“พะ...พี่แซม อื้อ ยะ...อย่า....” ผมรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันเบลอไปหมด เมื่อมือใหญ่ลูบส่วนหางของผมเบาๆตั้งแต่โคนจรดปลาย ผมไม่รู้ว่ามันออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันทำให้ผมรู้สึกทรมาน รู้สึกปวดหน่วงตรงท้องน้อยไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม พลันเรื่องที่พี่นิลเคยบอกผมให้ระวังไม่ให้พี่แซมจับหางก็เข้ามาในหัว พี่นิลบอกว่ามันจะทรมานและไม่ดีต่อแมวอย่างเรา ผมไม่เคยเข้าใจแต่ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจแล้ว เพราะตอนนี้ผมกำลังทรมาน...
“พะ...พี่แซม...”
“นิ่งๆ” น้ำเสียงแหบพร่าตอบกลับมา พี่แซมกำลังหายใจแรงเหมือนคนหอบเหนื่อย ผมไม่รู้ว่าพี่แซมเป็นอะไรแต่เพราะผมก็อยู่ในอาการเดียวกันผมเลยยอมอยู่นิ่งๆ ซุกเข้าซอกคอพี่แซมอีกครั้ง พี่แซมหยุดการกระทำทุกอย่างก่อนจะกอดรัดผมเอาไว้แน่นจนเหมือนจะหายใจไม่ออก เรานั่งเงียบๆอยู่ท่านั้นสักพักจนทุกอย่างเริ่มสงบลง ทั้งพี่แซมและผมกลับมาหายใจในจังหวะปกติ
“มะลิ...ไปเที่ยวกัน”
“ฮ้า ~~~~~ คุณทะเล !!!!!!!”
หลังจากที่ผมตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา วันหยุดสุดสัปดาห์ผมและพี่แซมก็มาโผล่อยู่ที่ทะเล ก็แหม...สำหรับคนที่แทบไม่ได้ออกจากบ้านอย่างผม พอมีโอกาสก็ต้องรีบตะครุบเอาไว้ก่อนสิ ถึงจะไม่ใช่ทะเลทางใต้ก็เถอะ เพราะเวลาไม่เอื้อ แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับคนที่แทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณทะเล ว่าแล้วก็ขอสูดกลิ่นเกลือหน่อยเถอะ ฟืดดดดดดดดด
“ไอ้ลูกแมวเอาของไปเก็บก่อน” ตัวมารขัดความสุขจริงๆ ผมวิ่งกลับไปหาพี่แซมที่ขนของอยู่ที่ท้ายรถ เออนะ เมื่อกี้ก็มัวแต่ตื่นเต้นไม่ได้สนใจอะไรคนพามาเท่าไหร่
พี่แซมพาผมไปบ้านไม้สองชั้นสีขาวหลังกะทัดรัด ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะว่าทำไมเวลาเป็นบ้านที่ชายทะเล จะต้องเป็นบ้านไม้สีขาว -..- แต่เอาเถอะ เพราะบ้านหลังนี้น่ารักมาก มันดูอุ่นๆ พวกเครื่องเรือนก็ทำจากไม้สไตล์วินเทจซึ่งผมไม่ค่อยได้เห็นเลย ตื่นเต้นวิ่งเข้าออกห้องนั้นห้องนี้จนมีเสียงบ่นตามมาแล้วก็เงียบไปเพราะเมื่อยปาก ฮ่าๆ
ผมจัดการเก็บของไว้ในห้องที่พี่แซมบอกว่าเป็นห้องนอนเสร็จเรียบร้อยก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นสายทางสีน้ำเงินขาว มีหมวกเป็นพร๊อพเสริมอีกอัน คว้ากล้องถ่ายรูปมาคล้องคอ คีบรองเท้าแตะ เป็นอันเสร็จพิธี ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปด้านนอกเห็นพี่แซมนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟากลางบ้าน ดูจากท่าทางแล้วคงจะเหนื่อยพอดู ก็แน่ล่ะขับรถคนเดียวตลอดทางถึงจะไม่ไกลมากแต่ก็คงมีเพลียบ้างเหมือนกัน
ผมยืนละล้าละลังคิดไม่ตกว่าจะเอาไงดี เดินเข้าไปใกล้คนนอนหลับเงียบๆ ผมเคยบอกไปแล้วใช่ไหมครับว่าพี่แซมมันหล่อ แล้วตอนหลับพี่มันก็หล่อไม่ต่างจากตอนตื่นเลย ผมไล่สายตามองสำรวจใบหน้าคมไปเรื่อยก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากสีออกคล้ำนิดๆ พลันฉากจูบอันเร้าร้อนเมื่อวันก่อนก็ไหลกลับเข้ามาในหัวผมเหมือนน้ำหลาก จนผมเผลอเด้งตัวออกมา รู้สึกร้อนไปหมดทั้งหน้า >///<
ยืนบิดไปบิดมาอีกสักพักผมก็จัดการหากระดาษมาเขียนโน้ตสั้นๆบอกคนนอนเอาไว้ว่าผมจะออกไปเซฮัลโหลคุณทะเล เรียบร้อยผมก็เดินออกจากบ้านมา ไม่ลืมที่แอบจุ๊บมุมปากเบาๆส่งท้ายด้วย
ผมเดินๆวิ่งๆอยู่แถวๆชายทะเลเดินเอาเท้าจุ่มน้ำไปเรื่อย มันรู้สึกดีมากๆจนผมอยากจะเอาหูกับหางออกมารับลมทะเลบ้าง แต่ถ้าทำอย่างนั้นมีหวังคนแถวนี้คงได้แตกตื่นกันหมด แต่แค่นี้ก็ถือว่าดีมาก แฮปปี้สุดๆแล้ว
“อ๊ะ !” ผมหันหลังวิ่งไล่ตะครุบหมวกสานใบเล็กที่ถูกลมทะเลพัดออกจากหัว แต่ยังไปไม่ทันถึงไหนก็มีคนใจดีช่วยเก็บให้เสียก่อน เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติครับ พอเห็นอีกฝ่ายเก็บหมวกให้ผมเลยวิ่งทั่กๆเข้าไปยืนตรงหน้า พอมายืนใกล้ๆแบบนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแคระอย่างไรไม่รู้แฮะ ขนาดพี่แซมที่ว่าสูงแล้วแต่เหมือนคุณคนนี้จะสูงกว่าอีก ตาสีฟ้าๆ กับจมูกโด่งนั่น ถือว่าหน้าตาดีมากเลยล่ะครับ ทำให้ผมรู้สึกอยากบริโภคของนอกขึ้นมาตงิดๆ จุ๊ๆไว้นะ
“ขอบคุณมากนะครับ” ผมเอ่ยขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะรับหมวกมาสวมไว้เหมือนเดิม เหมือนได้ยินเสียงโห่แซวมาไม่ไกลคงเป็นเพื่อนๆของคนที่เก็บหมวกให้ผม ผมไม่เห็นคนตรงหน้าจะว่าอะไรนอกเสียยืนเกาท้ายทอยเหมือนคนกำลังเขิน ฮ่าๆ น่ารักดีครับ
“ด้วยความยินดีครับ มาเที่ยวหรอครับ?”
“ครับ ทะเลที่นี่สวยมากๆ” ผมยิ้มตาหยีพร้อมกับหันหน้าเข้าทะเลกางแขนรับลมที่กำลังโชยมา
“ฮ่าๆ ครับๆ ผมเชื่อแล้ว ว่าแต่คุณมาคนเดียว?”
“อ๋อ เปล่าครับมีอีกคนแต่ตอนนี้นอนหลับอุตุอยู่” นึกแล้วก็ยู่หน้า หรือว่าผมจะเข้าไปลากพี่แซมมาเดินเล่นด้วยกันดีหว่า
“ผมแฟร็งค์นะครับ ^^”
“ผมจัสมินครับ ^_^”
“เอ่อ...ถ้าไม่รังเกียจไปเดินเล่นด้วยกันไหมครับ?” ผมหันมามองคนชวน ถ้าพี่แซมรู้เข้าจะโกรธผมไหมนะ แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหนิแค่เดินเล่น แล้วอีกอย่างคุณแฟร็งค์เองก็ดูไม่มีพิษภัยอะไร ถ้าไม่ไปไกลนักคงไม่เป็นไร ดีกว่าเดินเล่นคนเดียวแหละ
“งั้น....อ๊ะ !” ยังพูดไม่ทันจบผมก็โดนมือปริศนารวบเอวเอาไว้พร้อมกับดึงปีกหมวกลงปิดหน้าผมเสียสนิท ถ้าไม่ใช่เพราะผมคุ้นเสียงและจำกลิ่นได้มีหวังผมตกใจจนหูหางโผล่แน่ๆ
“คงไม่รบกวนหรอกครับ คนของผมผมดูแลเองได้”
“อ่า...ครับ”
“เอ๊ะ ! เดี๋ยว !” ผมยังไม่ทันได้เอ่ยลาคุณแฟร็งค์ไม่แม้แต่จะเห็นว่าคุณแฟร็งค์ทำยังไง ผมก็โดนลากตัวออกมาเสียก่อน เมื่อสงครามการลากจบลงผมก็เงยหน้าเปิดหมวกขึ้นมองบรรยากาศรอบๆพบว่าอยู่ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่นัก แถมพี่แซมยังทำหน้าเหมือนโกรธเคืองใครมาสักสิบชาติได้
“อย่าทำแบบนี้อีก” ว่าเสียงเข้ม
“แต่เค้าเขียนโน้ตติดไว้แล้วนะ” ผมตอบเสียงอ่อมแอ้ม ไม่ชอบเลยอ่ะเวลาที่พี่แซมดุแบบนี้
“ไม่ใช่เรื่องนั้น พี่หมายถึงอย่าไปคุยกับคนแปลกหน้าง่ายๆแบบนั้นอีก เข้าใจไหม?” เสียงเหมือนพยายามข่มอารมณ์เต็มที่
“แต่คุณแฟร็งค์เขาไม่ได้มีท่าทางไม่ดีนะ”
“แล้วยังไง เป็นคนไม่ดีต้องแสดงออกว่าไม่ดีงั้นสิ” พี่แซมว่าอย่างใส่อารมณ์
“....”
“เคยออกจากบ้านมาเจอคนแบบนี้แล้วเหรอ ถึงได้ไปเชื่อเขาน่ะ”
“...” ผมนิ่งเงียบ ใช่สิ ผมมันไม่ค่อยได้ออกจากบ้านไม่ค่อยมีเพื่อนเลยไม่รู้อะไรไปหมดแหละ แต่ผมก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะแล้วก็ไม่ได้คิดจะไปไหนอะไรเกินเลยด้วย ทำไมจะต้องมาว่าผมขนาดนี้ แถมยังมาถอนหายใจใส่ผมอีก ฮึก...
“โอเค ไม่ว่าแล้วครับไม่ว่าแล้ว” ผมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสบเข้าอย่างจังกับพี่แซมที่ก้มตัวลงมาจนใบหน้าเราอยู่ระดับเดียวกัน นิ้วโป้งใหญ่ไล่เช็ดคราบน้ำตาให้ผม แววตาสำนึกผิดกับคำสบถเบาๆที่เหมือนโทษตัวเองของพี่แซมทำให้ผมโกรธไม่ลง จึงเข้าไปกอดร่างสูงเอาไว้แน่น ซุกหน้าเข้ากับอกส่ายไปมา พร้อมกับสั่งขี้มูกใส่ ฟืดดดดดดดดด
“มะลิ” เสียงเข้มกลับมาแล้วครับ แต่ผมยังเช็ดๆต่อไป ก่อนจะฝากไว้อีก ฟืดดดดดดดดดดดดด
“แบร่ !”
“เจอไอ้หนุบหนับแน่ มะลิ!”
“จ๊ากกกกกก” ผมวิ่งหนีพี่แซมที่ล้วงอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วรีบวิ่งไล่ตามผม ต้องเป็นไอ้หนุบหนับแน่ๆ นิสัยไม่ดีๆๆๆๆๆๆ
กลายเป็นว่าเราวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่ริมทะเลนั้นแหละครับสาดน้ำใส่กันไปมา ผมแอบกระโดดขี่หลังพี่แซมไปหลายครั้ง ครั้งแรกนี่เกือบหน้าทิ่มน้ำกันทั้งคู่เพราะพี่มันตั้งตัวไม่ทันแต่ครั้งต่อๆไปไม่มีปัญหาครับ แถมยังมีหน้ามาลองขี่หลังผมด้วย ไม่เช็คภาพร่างผมเลย
“ไอ้พี่แซม !!” ผมอยากจะกรีดร้อง ไอ้พี่แซมมันขโมยกุ้งผม!! นี่มันตัวที่สามแล้วนะ แล้วกว่าผมจะแกะได้แต่ละตัวมันไม่ใช่ง่ายๆ แต่อีตาพี่แซมนี่สิปกติแค่พี่มันแกะกินเองผมก็กินไม่ทันแล้ว นี่ยังมาขโมยของผมอีก ฮึ่ย !
ไม่ต้องสงสัยครับหลังจากที่พวกเราเล่นน้ำกันจนเหนื่อยก็พากันไปอาบน้ำแล้วก็ลากกระเพาะอันหิวโซของตัวเองมาจบที่ร้านอาหารทะเลไม่เล็กไม่ใหญ่ริมทาง แต่รสชาตินี่อย่างเด็ด เสียอย่างเดียวมันกินยากไปหน่อย ยากไปหมดทุกอย่าง กุ้งเอย หอยเอย ปูเอย มีแค่ตัวที่ไม่ต้องแกะเปลือกเท่านั้นแหละที่ผมกินได้ คิดแล้วก็หมั่นไส้อีกคนที่กินเอาๆ
“อิ่มแอ้วอ่อ ?” แปลเป็นภาษาคนได้ว่า อิ่มแล้วหรอ ? แน่สิจะไปพูดชัดได้ยังไงในเมื่อกุ้งเต็มปากขนาดนั้น ผมไม่ตอบแต่เลือกที่หันหน้าออกไปมองบรรยากาศรอบๆแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบแทน
ผมผงะไปเล็กน้อยเมื่อหันกลับมาเจอกุ้งตัวโตจ่อรออยู่ตรงหน้า ตรงหน้าจริงๆครับ จะจิ้มหน้ากันอยู่รอมร่อ ผมทำหน้างงใส่พี่แซมแต่ปากนี่อ้างับตัวกุ้งไปแล้วครับ ไม่จับเองด้วยปล่อยให้พี่มันจับหางกุ้งแล้วดึงออกไปให้ อ้า ~~~~ กุ้งตัวโตๆเนื้อแน่นๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสแซ่บ มันสุดยอดจริงๆ
“อ่ะ” คราวนี้เป็นก้ามปูใหญ่ๆ จิ้มน้ำจิ้มมาพร้อมเหมือนเดิม ผมก็อ้าปากงับเหมือนเดิม อร่อยอ่ะ >_<
“แล้วพี่แซมไม่กินแล้วเหรอ?”
“เห็นแมวหน้าบูดแล้วสงสาร หึ” จากนั้นก็มาเต็มครับ กุ้ง หอย ปู ปลา ไม่ต้องแกะเองแล้วด้วย อิ้อิ้
หลังจากหาอะไรยัดกระเพาะจนเต็มแล้วพี่แซมก็พาผมออกมาเดินเล่นตามชายหาด ลมเย็นๆกับบรรยากาศยามค่ำคืนทำให้ทะเลดูแตกต่างจากตอนกลางวันที่ผมเห็น มันดูเงียบสงบ แต่ถ้าผมอยู่คนเดียวผมอาจจะรู้สึกว่ามันน่ากลัวมากกว่าสงบก็ได้ ผมเหลือบตามองคนที่เดินอยู่เคียงข้างกันรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจออกจากบ้านในตอนนั้น ขอบคุณป้ายรถเมล์ ขอบคุณสายฝน ขอบคุณทุกๆอย่างที่ทำให้ผมได้มาเจอกับพี่แซม
“พี่แซม”
“หืม...?”
“รักเค้าไหม?” ผมหยุดเดินแล้วจ้องหน้าถามอีกฝ่ายตรงๆ จากเรื่องเมื่อวันก่อนที่เราเกือบจะทะเลาะกันเพราะความงี่เง่าของผมในเรื่องสถานะของเรา เพราะงั้นคราวนี้ผมจะจัดการทุกอย่างให้มันชัดเจน ในเมื่อความตั้งใจของผมคือจะทำให้พี่แซมรักและผมก็คิดว่าผมควรจะรู้ผลของการกระทำตัวเองเสียที
“ถามทำไม ?” คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้น สีหน้าประหลาดใจ ทำเอาผมใจแป้วไปนิดหน่อย
“ก็จีบมาตั้งนานแล้ว...รักเค้าบ้างหรือยัง?” ก้มหน้าตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“ก็อยากรู้เหมือนกัน จีบมาตั้งนานแล้ว...รักพี่บ้างหรือยัง?” ผมเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ย่อลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกัน แววตาอบอุ่นปนเอ็นดูที่จ้องมองมาทำเอาผมใจเต้นแรงจนเจ็บอก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ร้องไห้ออกมาง่ายๆเมื่อเจอเรื่องดีใจ
“ฮึก...รัก...เค้ารัก อึก รักมาตั้งนานแล้ว ฮือ”ทั้งรอยยิ้ม น้ำเสียง และสัมผัสอ่อนโยนที่ช่วยเช็ดน้ำตาทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม
“พี่ก็รัก...งั้นเราเป็นแฟนกันไหม?”
“ฮึก ฮือๆๆๆๆๆ” ผมทั้งพยักหน้าและร้องไห้กับอกอุ่นๆที่พุ่งเข้าใส่ตั้งแต่จบประโยค ผมดีใจ ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก มันไม่เหมือนความดีใจที่ได้ของขวัญ หรือความสุขที่ได้รับจากครอบครัว มันเหมือนบางสิ่งบางอย่างที่เข้ามาเติมเต็มผม ผมอยากจะตีตัวเองหลายๆทีเพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่สัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากก็ช่วยย้ำเตือนให้ผมโดยที่ผมไม่ต้องตีตัวเองอย่างที่คิด
“อื้อ”เรียวลิ้นร้อนที่รุกไล่เข้ามาเกี่ยวกระหวัดเข้ากับลิ้นเล็กของผมทำให้ผมรู้สึกมึนเบลอไปชั่วขณะ เรี่ยวแรงหดหายจนต้องยึดปกเสื้อของพี่แซมเอาไว้เพื่อรั้งตัวเอง
ไม่รู้ว่าเรายืนจูบกันอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่...
ไม่รู้ว่าผมถูกช่วงชิงลมหายใจไปมากแค่ไหน...
ผมไม่รู้แม้กระทั่งว่าบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนจากทะเลยามค่ำคืนมาเป็นบ้านหลังเล็กสีขาว จนเมื่อแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความอุ่นนุ่มของเตียงนอน
“อ๊ะ...” ความรู้สึกแปลกประหลาดในรถวันนั้นกลับมาอีกครั้งเมื่อริมฝีปากร้อนไล้เล็มไปทั่วลำคอ ความร้อนจากฝ่ามือใหญ่ที่ลูบไล้ไปทั่วร่างที่ไร้เสื้อผ้าปกปิด คลึงเคล้าที่ตุ่มไตทั้งสองข้างอย่างเร้าร้อน ทำให้ผมปล่อยหางและหูของตัวเองออกมาอย่างไม่รู้ตัว และเหมือนคนด้านบนจะชอบมากเสียด้วย
“อื้อ หาง ..มะ...ไม่เอา” ผมบอกตะกุกตะกักเมื่อพี่แซมเริ่มบุกเข้าลูบไล้หางผม แต่นอกจากจะไม่หยุดลูบแล้วปลายหางของผมยังถูกไล่งับเบาๆชวนให้รู้สึกหวิวแบบแปลกๆ มันปวดหน่วงตรงนั้นไปหมดจนเหมือนน้ำตาจะไหล ยิ่งสัมผัสอุ่นชื่นแตะเล็มไล้ที่จุกเล็กบนอกสลับข้างไปมาทั้งสองข้าง ยิ่งทำให้ผมรู้สึกทรมานมากขึ้นไปอีก รู้สึกร้อนจนเหมือนจะระเบิด
“น่ารัก”เสียงทุ้มกระพริบพร่าที่ข้างหูก่อนจะผละออกจ้องมองผมตาพราวด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันให้ความรู้สึกเซ็กซี่และเร้าร้อน เหมือนจะเพิ่มอุณภูมิให้ร่างกายของผมสูงมากขึ้นไปอีก
“อ๊ะ” ผมถูกจับให้อยู่ในท่าคลานเข่า โดยมีพี่แซมซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ปลายหางของผมจ่ออยู่ที่ปากของตัวเอง พร้อมกับสัมผัสรุ่มร้อนที่ลูบไล้ตรงจุดอ่อนไหว หลังคอและลาดไหล่ถูกไล่ขบเม้มจนผมคิดว่ามันคงไม่เหลือที่ว่างตรงไหนที่ริมฝีปากร้อนปล่อยผ่าน
“อ้าปากสิ” เสียงทุ้มกระเส่ามาพร้อมกับแรงขยับมือที่มากขึ้น ทำให้ผมเผยอปากออกเม้มปลายหางตัวเองแน่นเพื่อลดความรู้สึกเสียวปลาบที่เกิดขึ้น แต่เหมือนจะไม่ช่วยเท่าไหร่นัก เมื่อพี่แซมไม่ให้ความร่วมมือมีแต่จะรังแกกันหนักขึ้น
“อ๊ะ อื้อ ไม่ไหว” ผมจิกผ้าปูที่นอนแน่น รู้สึกอึดอัดไปหมด ทุกส่วนของพี่แซมยังทำหน้าที่ปรนเปรอผมไม่หยุด ก่อนจะเน้นหนักมากขึ้นเมื่อรับรู้อาการของผม
“อ๊ะ อ๊า...ส์” จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาจนหมด ความสุขที่ได้รับทำให้ผมรู้สึกล่องลอยอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้สึกอะไรแบบนี้และมันค่อนข้างจะมากเกินไป อ่า ~~
ผลัก
อั่ก !
“มะลิ”
เสียงเข้มลอดไรฟันที่ได้ยินทำให้ผมรีบตั้งสติแล้วก็พบว่าตอนนี้ตัวเองกลับมาเป็นแมวแล้ว แย่แล้ว งั้นเสียงเมื่อกี้ก็คงไม่พี่แซมที่โดนลูกหลงไปด้วยอีกแน่ๆ ผมรีบวิ่งไปที่ขอบเตียงแล้วก็ต้องรีบหันกลับอย่างรวดเร็วเมื่อเจอร่างกำยำนอนเปลือยแผ่อยู่บนพื้น และที่สำคัญแซมน้อยยังคงตั้งโด่เด่แบบไม่อายฟ้าดิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของจะหงุดหงิดแค่ไหนที่ต้องเก็บเอาไว้
“ชิ่งหนีกันอีกแล้วนะ ฮึ่ม!”
เมี๊ยววววววววว
ผมตอบรับน้ำเสียงคาดโทษนั้นโดยการมุดเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม ถึงจะรู้สึกผิดอยู่เล็กๆที่แอบเอาเปรียบ แต่จะให้ผมกลับไปเป็นคนตอนนี้แล้วเริ่มเรื่องแบบนั้นใหม่ ผมคงทำไม่ได้ตอนนี้แน่ๆ แค่นี้ก็อายจนไม่รู้จะอายยังไงดีแล้ว ทางที่ดีต่อไปผมจะต้องฝึกควบคุมตัวให้หนักกว่านี้ซะแล้ว
ขอโทษนะครับ
เมี๊ยวววววววววว
++++++++++++++++++++++ The end side story +++++++++++++++++++++++++
TALK...
กลับมาเเล้วจ้าหลังจากที่หนีไปปฎิบัติหน้าที่นานมาก กลับมาพร้อมกับตอนจบของพี่เเซมเเละน้องมะลิ อิ้อิ้ ต่อไปจะทยอยเอาตอนพิเศษมาเสิร์ฟสักเล็กน้อยให้หายคิดถึง ขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ ถือว่าเกิดคาดไปมากๆเลยๆ ปลื้มมมมมม
:bye2: :bye2: :bye2:
❤️ HAPPY NEW YEAR 2017 ❤️
สวัสดีปีไหม่ ๒๕๖๐
ขอให้ไรท์ มีความสุข มากกกกกกก
。◕‿◕。
พี่นิล มิน :กอด1: :กอด1: :กอด1:
พี่แซม มะลิ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เง้อออ.......หายไปไหนกันหมด :ling1: :ling1: :ling1:
หายไปตั้งนานแล้ว
รอไรท์ นะ
คิดถึงๆๆๆๆๆ :mew1: :mew1: :mew1:
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: