พิมพ์หน้านี้ - ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: azaki ที่ 13-08-2017 20:51:09

หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 13-08-2017 20:51:09
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************************************************************************

สวัสดีครับ ผม AZAKI หลังจากแต่งๆหายๆไปจากเรื่องแรก(ที่ยังไม่จบและกำลังเขียน) ตอนนี้มีแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องใหม่ มันเกิดจากความฝันของผมเอง ฝันแล้วประทับใจในตัวละครที่เกิดขึ้นในฝัน  แล้วจึงนำมาเขียนเป็นนิยาย(เพ้อมาก 555) ผมเป็นนักเขีียนมือใหม่หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ฝากเพจด้วยนะครับมีอะไรพูดคุยกันได้น้า
https://web.facebook.com/kanokthornwriter/
**********************************************************************************

สารบัญ
ตอนที่  1  จุดเริ่มต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61480.msg3688259#msg3688259)
ตอนที่    2  ทางเดียวกันไปด้วยกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61480.msg3688263#msg3688263)
ตอนที่    3  สะกดรอยตาม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61480.msg3688827#msg3688827)
ตอนที่    4  แอบหอมแก้ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61480.msg3689566#msg3689566)
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 1 (13-08-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 13-08-2017 20:54:26
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
 

   "โอ๊ย!!"  นั่นไม่ใช่เสียงใครครับ  เสียงผมเอง  ก็เดินอยู่ดีๆมีคนเดินมาชนเอาซะผมล้มก้นกระแทกพื้นอย่างจังเจ็บโคตรๆ

   "ขอโทษครับ  เป็นอะ..."มันเอ่ยพร้อมกับยื่นมือมาให้  ผมเอื้อมมือไปจับมือมันหวังว่าจะให้มันช่วยพยุงขึ้น(เอาน่า...อย่างน้อยมันก็ยังพอมีน้ำใจ)  ยังไม่ได้มองหน้ามันด้วยซ้ำเพราะมัวแต่มองที่ก้นตัวเองและเอามืออีกข้างลูบก้นปอยๆพร้อมกับทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ  เมื่อผมเงยหน้าขึ้นอยู่ดีๆมันก็หยุดพูดกะทันหันแล้วก็ปล่อยมือผม ทุกคนมอเห็นภาพที่มันปล่อยมือผม  ทำให้ผมที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งยืนต้องดิ่งตัวลงที่พื้นอีกครั้ง 

   "โอ๊ย!! ไอ้บ้า  ทำไมมึงทำอย่างนี้ว่ะ"ผมตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออดเพราะโมโหมันมากแถมก้นก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว  ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันอีกครั้งแล้วมองชัดๆ  ก็พอเดาออกว่าทำไมมันถึงปล่อยมือผม  "ไอ้สกาย"ผมอุทานกับตัวเองเบาๆ  เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังทีหลังว่ามันเป็นใครแต่ตอนนี้ผมขอจัดการกับมันก่อน

   "กูก็นึกว่าใครที่แท้ก็ไอ้ตุ๊ดที่สารภาพรักกูเมื่อปีที่แล้วนี่เอง  ถ้ารู้ว่าเป็นมึงตั้งแต่แรกกูไม่ปล่อยให้มึงจับมือกูให้เสียเวลาหรอก"มันพล่ามออกมาอย่างไม่ไว้หน้าผมเลย(ดีนะที่ไม่มีคนอยู่แถวนั้นเลยไม่งั้นคงอายแย่)  ตอนนี้สีหน้าผมจากหน้าขาวๆกลายเป็นสีมะเขือเทศไปซะแล้วมันทั้งโกรธและอายในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว

   "ละ แล้วไง  เป็นกูแล้วไง มึงก็ไม่มีสิทธิ์ทำอย่างงี้ปะว่ะ...แม่งใจร้ายโคตรๆ"ผมพูดแล้วทำหน้างอใส่มัน

   "ทำไม...กูจะไม่มีสิทธิ์ว่ะ  มึงมันก็เป็นแค่คนที่คลั่งกูปะว่ะ  กูจะทำมากกว่านี้ก็ยังได้ ฮ่าๆๆ"พูดจาดูถูกผมพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง  ผมตั้งท่าได้ก็ค่อยๆพยายามลุกขึ้นอีกครั้งแม้จะยังเจ็บก้นอยู่ก็ตาม  ผมมองหน้ามันแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ

   "แล้วมึงจะเสียใจที่ทำกับกูวันนี้...จำไว้"ผมจ้องตามันด้วยสายตาดุดัน(ทำเป็นดุแต่ในใจผมโคตรสั่นเลยได้อยู่ใกล้ๆมัน)

   "คงไม่มีวันนั้นว่ะ..."มันพูดแล้วก็ยักคิ้วให้ผม  แล้วมันก็เดินจากไป  ผมได้แต่มองตามมันตาละห้อย

   ก็จริงที่ผมแอบชอบมันตั้งแต่แรกที่เจอกับมันตอน ม.4  และสารภาพรักมันตอน ม.5  เมื่อตอนกีฬาสีจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่ผมเจ็บใจมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ที่มันตอกหน้าผมกลับแบบเจ็บปวดที่สุด ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงตอนนี้ที่อยู่ ม.6 กันแล้วมันก็คอยตั้งแง่กับผมตลอด  มันมองผมเหมือนพวกเห็บหมัดที่ตามติดชีวิตมัน  มันคงเกลียดผมมาก  แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ละความพยายามหรอก คุณๆเองก็คงเคยได้ยินคำนี้ "เมื่อมีรัก ย่อมมีหวัง"  ถึงยังไง....."ผมก็ต้องทำให้มันรักผมให้ได้"


   "เฮ้อ!!  เซ็งวะ"ผมเอ่ยออกมาอย่างเซ็งๆแล้วฟุบหน้าลงที่โต๊ะต่อหน้าเพื่อนผมในตอนเช้าที่โรงเรียน

   "อีปอม...มึงเป็นไรวะ  ทำเป็นเบื่อชีวิตแต่เช้าเลย"เอิ้นเพื่อนสาวหนึ่งเดียวของผม(มันเป็นผู้หญิงแท้ๆนะครับแต่มันเป็นสาววายตัวยงเลยล่ะ)  เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางซึมเศร้าของผม

   "ก็ไอ้สกาย..."ผมพูดชื่อของไอ้สกายแล้วก็  เงียบไป

   "ไอ้สกายทำไม....อย่าบอกนะว่าไปมีเรื่องกับมัน  ถึงได้ทำท่าเหมือนหมาหงอยอย่างนี้"เอิ้นมันเอ่ยพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมอย่างจับผิด

   "อื้ม  เมื่อวานกูเดินชนมันเลยมีเรื่องนิดหน่อย"ผมพูดขณะที่ยังคงฟุบอยู่ที่โต๊ะ

   "โอ๊ยยย!! อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะ  ทางมีตั้งเอยะตั้งแยะยังเดินชนกันได้  สงสัยพวกแกคงเป็นเนื้อคู่กันจริงๆแหล่ะ  ถึงแม้ว่าตอนนี้ไอ้สกายมันจะยังไม่ชอบแกแต่ต่อไปก็ไม่แน่นะ"เอิ้นมันพูดแบบนั้นแล้วเหล่ตามาทางผมและอมยิ้มน้อยๆ  ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองหน้ามันแล้วก็คิดตาม เออ  ใช่สินะจริงๆผมกับไอ้สกายอาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้(เข้าข้างตัวเองสุดๆ) ยังคงพอมีความหวังต่อไป

   "มึงพูดแบบนี้แล้วช่วยดึงพลังงานทั้งหมดในตัวกูกลับมาหมดเลยว่ะ  ขอบใจมึงจริงๆอีเพื่อนร้ากก"ผมพูดกับมันแล้วทำหน้าตากระปี้กระเป่าขึ้นมาทันที  มันเห็นผมดูมีสติขึ้นมามันก็ยิ้มกว้างเลยทีเดียว  เอิ้นเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมสนิทมากที่สุดมันจะคอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมตลอด  เรื่องผมกับไอ้สกายมันก็รู้ทุกเรื่องเพราะผมคุยกับมันตลอดไม่เคยปิดบัง  จนบางทีผมก็นึกว่ามันเป็นเลขาส่วนตัวผมไปแล้วซะอีก

   "กูรู้ว่ามึงต้องสู้  นี่ก็อยู่มอหกแล้ว เหลือเวลาอีกไม่นานมึงต้องสู้ๆนะเว้ยย"ขอบคุณอีกครั้งอีเพื่อนรัก  ขอบคุณจริงๆ  ผมยิ้มออกแล้วมีเพื่อนดีๆคอยให้กำลังใจมันดีแบบนี้นี่เอง

   "เอางี้พรุ่งนี้ตอนเย็นไอ้สกายมันซ้อมบอลที่สนามกูว่าเราไปนั่งด้อมๆมองๆแถวนั้นไหมวะ ก็แอบทำเนียนไปติวหนังสือกัน โอเคป่ะ"นางเป็นเพื่อนที่ดีมาก คิดแผนให้เสร็จสับเลย

   "โอเคดิว่ะ  มึงนี้เพื่อนตายกูจริงๆเลยย"ผมพูดแล้วทำปากจู๋ทำท่าส่งจูบให้มัน

   "อี๋  กูไม่เบี้ยนนะเมิงง"นางทำท่ารังเกียจรังงอนผมทันที 

   "เออ  บางทีกูก็สงสัยเรื่องนึงนะแต่ไม่เคยถามมึง"เอิ้นเอ่ย

   "เรื่อง?"

   "มึงก็หน้าตาดี  น่ารักจะตาย  มีผู้ชายมารุมจีบเยอะแยะแย่งกันจะเป็นจะตาย  แต่ทำไมมึงไม่ชอบใครบ้างเลยหรอว่ะ  ทำไมมึงต้องเจาะจงเฉพาะไอ้สกายด้วย"เอิ้นถาม  จริงๆเรื่องนี้มันไม่เคยจะถามผมเลยซักครั้งมีแต่มันช่วยสนับสนุนผมอย่างเดียวแค่นั้นเอง

   "ก็...ไม่รู้ดิกูชอบมันตั้งแต่แรกเจอและอีกอย่างเมื่อตอนที่มันปฏิเสธกูครั้งนั้น  กูก็บอกกับตัวเองว่ากูต้องทำให้มันรักกูให้ได้"ผมพูดกับเอิ้นแบบจริงจัง

   "อืม  ถ้างั้นสู้ๆว่ะเพื่อน ป่ะเข้าเรียนกันเถอะ"เอิ้นมันพูดด้วยน้ำเสียงเข้าใจผมอย่างดี  แล้วเราก็เดินไปห้องเรียนกัน



ณ สนามฟุตบอลโรงเรียน....ตอนเย็นๆหลังเลิกเรียน

   ตอนนี้พวกเราก็มานั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นจามจุรี ข้างสนามฟุตบอลที่ไอ้สกายมันกำลังเล่นอยู่ในสนาม  ผมมองมันแบบไม่คลาดสายตาเลยทีเดียว  มันเป็นหนุ่มที่ฮอตมากในโรงเรียนสาวๆที่ตามกรี๊ดมันนึกว่าดาราเกาหลีซะอีก  และขณะที่ผมกำลังมองมันอยู่ตอนนี้ก็มีสาวๆกลุ่มนึงนั่งเชียร์อยู่ข้างสนามประมาณ 5-6 คน  จำได้ว่าหนึ่งในนั้น คือ แป้ง เป็นผู้หญิงที่ตามกรี๊ดมันอยู่เหมือนกันและนางนี่แหล่ะที่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของผมคนนึงเลยล่ะ  แป้งเป็นผู้หญิงที่สวยและฮอตมากในโรงเรียนเช่นกัน  ใครๆก็บอกว่าเค้าทั้งคู่เหมาะกัน  แต่ก็ไม่ยักจะเห็นไอ้สกายมันมีทีท่าว่าสนใจหรืออะไรกับแป้ง  แต่ก็ไม่แน่นะมันอาจจะชอบแป้งไปแล้วก็เป็นได้เพราะหลังๆมานี้มีข่าวแว่วว่าทั้งสองคนชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ  หรือว่าผมจะตกข่าวไปแล้วนะ

   "สกายๆๆทางนี้"  ผมหันไปมองมันทีที่ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อไอ้สกาย  เป็นแป้งนั่นเองที่โบกไม้โบกมือให้ไอ้กายมัน  แหมๆๆ ดูท่าทางมันสิ ยิ้มแก้มปริเลยแถมยังโบกไม้โบกมือกลับไปหากลุ่มของแป้งด้วย  ในใจผมตอนนี้แบบว่ามันเต้นเร็วเกิน
ปกติไปแล้ว  มือก็กำหมัดโดยไม่รู้ตัว  รู้ตัวอีกทีก็มีมือเอิ้นนี่แหละมาสัมผัสที่หมัดผม  ผมเลยรู้สึกตัวแล้วหันหน้าไปหาเอิ้นมัน

   "มึงใจเย็นๆ  ช่างมันเหอะก็แค่ชะนีคลั่งผู้ชายอย่าไปใส่ใจ"เอิ้นมันพูดปลอบใจผม

   "อืม แม่งดูสิมันน่าหมั่นไส้นักทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  ไม่ไว้หน้ากูเลย"  ผมเอ่ยออกมา เออลืมไปผมนี่ก็สำคัญตัวเองผิดไปนะ ทำไมพวกมันต้องไว้หน้าผมด้วยล่ะ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันนี่นา ฮ่าๆ

   "มึงนี่สำคัญกับมันเนาะ  ถึงจะได้แคร์มึงขนาดนั้น"เอิ้นมันแซวผม

   "มึงนี่ก็นะ กูลืมตัวไป" ผมก็พูดยิ้มๆให้มัน

   ระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่  จู่ๆก็มีลูกบอลกลิ้งมาแตะที่เท้าผม ผมก้มมองที่เท้าแล้วหยิบลูกบอลขึ้นมาและทันใดนั้นก็มองไปที่สนาม  มีหนุ่มนิรนามกำลังวิ่งตรงมาที่เราเพื่อที่จะมาเก็บลูกบอล  พอมาถึงหนุ่มคนนั้นก็ยิ้มๆแล้วก็มองมาที่ผม

   "เอ่อ  ผมขอลูกบอลคืนด้วยครับ"  เฮ้ยยยทำไมยิ้มแล้วหล่ออย่างนี้นะหรือจะเปลี่ยนเป้าหมายดี  ผมมองตามันแล้วก็คิดแผนออกทันที  ไอ้คนนี้มันเป็นเพื่อนของไอ้สกายถ้าผมได้รู้จักไอ้นี่มากขึ้นผมก็อาจจะได้ใกล้ชิดไอ้สกายแน่ๆ  ลองอ่อยดูซักนิดเผื่อมันจะติดใจผม

   "ได้สิ  แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะไม่งั้นไม่ให้คืน" ผมยืนขึ้นพร้อมกับลูกบอลแล้วเดินไปหามันใกล้ๆ 

   "ว่ามาสิ"มันยิ้มๆ ผมมองมันแล้วแบบจะละลาย ทำไมเพื่อนกลุ่มไอ้สกายมัยถึงได้หล่อ ดูดี  ขนาดนี้กันเกือบทุกคนเลยนะ  มันตัดผมสกินเฮด ตัวสูง หุ่นแน่นลีนๆ และจัดฟันอีกด้วย น่าร้ากกก

   "เอาเบอร์นายมา แล้วเราจะคืนลูกบอลให้ โอเคป่ะ"  ผมพูดแล้วยักคิ้วให้มัน  ดูหน้ามันจะเหวอนิดหน่อย  มันทำท่าคิดแล้วก็ยื่นมือมาให้ผมเหมือนขออะไรซักอย่าง  ผมคิดว่ามันจะไม่โอเคแล้วขอลูกบอลคืนแน่ๆ

   "นาย...ไม่โอเคสินะอ่ะถ้างั้น"ผมแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างแรง  แล้วก็ส่งลูกบอลคืนให้มัน 

   "ไม่ใช่ลูกบอล  ที่เราขอคือโทรศัพท์นายไง  ขอเบอร์เราไม่ใช่หรอ" มันพูดแล้วยิ้ม ตาตี๋ๆ

   "อ้าวก็ไม่บอก...อ่ะ"ผมใช้มือข้างนึงถือลูกบอลไว้แล้วใช้อีกข้างหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้มัน  มันรับไปแล้วกดๆ แล้วโทรออกซักพักมันก็คืนโทรศัพท์มาให้ผม  ผมเองก็ยื่นลูกบอลให้มันเหมือนกัน

   "ขอเบอร์เราแล้วโทรหาด้วยล่ะ จะรอ"มันพูดแล้วยิ้มให้ผม  ผมก็ยิ้มตอบมัน  หลังจากนั้นมันก็เดินหันหลังกลับไปไป

   "นาย!...."ผมลืมถามชื่อมันไปได้อย่างไร  จึงตะโกนตามหลังมันไป  มันได้ยินก็หันกลับมาหาผมแล้วเลิกคิ้วเชิงเป็นคำถามว่ามีอะไร

   "นายชื่ออะไรอ่ะ....เราชื่อปอมนะ"ผมตะโกนอีกครั้ง

   "ตี๋.....เราชื่อตี๋"  มันพูดแล้วยิ้มตาตี๋สมชื่อมันจริงๆ  ผมยกมือส่งสัญญาณโอเคให้มันแล้วมันก็วิ่งกลับเข้าไปในสนามทันที 
   ผมมองตามหลังมันเห็นมันกำลังคุยอะไรกับไอ้สกายอยู่กลางสนามแล้วทั้งสองก็หันมามองทางผม  มันกำลังคุยเรื่องเราอยู่แน่ๆ ผมคิดในใจ  ผมเองได้แต่ยิ้มๆแล้วโบกไม้โบกมือให้ไอ้ตี๋มันก็โบกมือกลับมา  แต่ไอ้สกายนี่ดิมันทำหน้าทำตายังกะโมโหใครมาสิบชาตินี่ล่ะ  ช่างมันเหอะผมมีของเล่นชื้นใหม่แล้วนิ  แล้วไอ้สกายจะได้รู้จักผมมากขึ้นแน่นอน

   "ตกลงยังไงมึง จะเอาไอ้สกายหรือจะเอาเพื่อนมันกันแน่"เอิ้นมันถามอย่างงงๆ  เพราะเมื่อสักครู่มันทำหน้าสงสัยตลอดเวลาที่ผมคุยกับไอ้ตี๋

   "กูจะเอาทั้งสอง"  ผมพูดแล้วยิ้มให้มันพร้อมกับทำท่าภูมิใจกับแผนการของตัวเอง  แน่นอนแผนของผมครั้งนี้แซ่บแน่นอนรับรอง

   "อิบ้า...แรดนะมึง  เมื่อเช้ายังเพ้อเรื่องไอ้สกายอยู่เลย  ตอนนี้กลับทำตัวเป็นนางวันทองซะอย่างนั้น"  เอิ้นมันแซวผม

   "เปล่าหรอกกูแค่มีแผน"  ผมเอ่ยแล้วมองไปยังกลางสนาม

   "แผน...แผนอะไรว่ะ"  เอิ้นมองหน้าผมอย่างสนใจ

   "กูจะใช้ไอ้ตี๋เป็นสะพานไปหาไอ้สกายไงล่ะ"  ผมพูดอย่างภูมิใจ

   "จะดีหรอมึง  ถ้าหากไอ้ตี๋คนนั้นมันชอบมึงจริงๆขึ้นมา กูว่ามันน่าสงสารนะเว้ย"

   "ไม่เป็นไรหรอกน่า  มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกกูก็แค่ให้มันสนิทกับกูแล้วพากูไปเจอไอ้สกายบ่อยๆแค่นั้นเอง  คงไม่มีอะไรหรอก"  ผมพูด

   "เออๆๆ เรื่องของมึง  ถ้าเกิดอะไรขึ้นมามึงนั่นแหล่ะจะเสียใจเอง"  เอิ้นมันเตือน

   "เป็นไรหรอกน่า"ผมพูดแล้วจับที่บ่ามันแล้วทำท่าอ้อนๆให้มันเออออตามผมมากขึ้น

   "เออๆๆ มีอะไรให้กูช่วยก็บอกล่ะกัน"  เอิ้นมันพูดแล้วมองผม  ผมนี่ยิ้มเลยครับมีแนวร่วมอย่างเป็นทางการแล้ว  มึงนี่รู้ใจกูทุกเรื่องเลยนะเพื่อน 

   "เฮ้ยยย มีโทรศัพท์มา"ผมมองที่โทรศัพท์ตัวเอง  เบอร์นี่คุ้นๆ ผมมองหน้าจอแล้วก็คิดตาม   อ๋อ  เบอร์ไอ้ตี๋นี่เองได้ผลเร็วนี่หว่าผมคิดในใจ จนเผลอยิ้มออกมา

   "ใครโทรมายะ ยิ้มเชียว"เอิ้นมันมองผมแบบหมั่นไส้

   "ไอ้ตี๋ว่ะ  เป็นไงล่ะเสน่ห์กู"ผมยิ้ม

   "เออๆๆ รีบรับเหอะกูจะอ่านหนังสือต่อล่ะ"เอิ้นบอกผมพร้อมปัดมือไล่ผมปอยๆ  รับรองคราวนี้มีเรื่องสนุกๆแน่นอนครับ



 To be continued...




หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 2 (13-08-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 13-08-2017 20:57:05
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 2  ทางเดียวกันไปด้วยกัน

 

   "ฮัลโล ครับ"ผมรับสายพร้อมกับนั่งลงบนม้านั่งตรงข้ามกับเอิ้น

   "วันนี้ปอมกลับกี่โมงครับ"ไอ้ตี๋มันถามมา

   "อีกแปบนึงก็จะกลับแล้วล่ะ  แล้วตี๋ล่ะกลับกี่โมง"ผมถามกลับ

   "อ๋ออีกแปบนึงเหมือนกัน แล้วกลับยังไงกันอ่ะ"

   "เรากับเอิ้นจะนั่งรถเมล์กลับกันอ่ะ  กลับพร้อมกันไหมล่ะ"ผมลองชวนมันดู  ขอให้เซเยสทีเถ๊อะ

   "เราขับรถมาอ่ะเอางี้ไหมปอมกับเพื่อนกลับพร้อมเราไหมล่ะ"กลายเป็นมันที่คนชวนผมซะงั้น

   "จะดีเหรอเราเพิ่งรู้จักกันเองนะ  พอดีแม่เราไม่ให้ไปกับคนแปลกหน้าอ่ะ ฮ่าๆๆ"ผมพูดติดตลก

   "ดีสิ  เราไม่ใช่คนแปลกหน้าซะหน่อยเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ"แหมๆๆ มึงนะ เพิ่งเป็นเพื่อนกับกูเมื่อกี้นี่เอง

   "ก็ได้ถ้างั้น แล้วให้เราไปเจอนายที่ไหนล่ะ"

   "ปอมกับเพื่อนรอเราหน้าโรงเรียนนะ  เดี๋ยวเราไปรับ"

   "โอเค  ถ้างั้นเราจะรอแค่นี้ล่ะ บาย"ผมวางสายแล้วหันไปมองหน้าเอิ้นก็ต้องตกใจ  มันจ้องหน้าผมเหมือนผมไปทำอะไรผิดมาซะอย่างนั้นล่ะ

   "มึงถามกูยัง  ว่ากูจะไปด้วยไหมอีปอม"เอิ้นถามผมพร้อมกับจิกตามาสุดฤทธิ์  ผมก็ยิ้มแหยๆ ให้มัน

   "ดีออก มีคนไปส่งไม่ต้องนั่งรถเมย์คนแน่นๆร้อนๆ"ผมพูดให้ข้อดีให้มันคล้อยตาม ที่จริงแล้วบ้านผมกับบ้านมันห่างกันแค่ไม่กี่หลังเราถึงได้กลับบ้านพร้อมกันทุกวันและสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว

   "เออๆ ไปก็ไปวะ มึงนี่นะเพิ่งรู้จักกับมันแท้ๆไว้ใจเร็วโคตรๆ  คอยดูถ้ามึงโดนมันหลอกไปปล้ำกูจะไม่ช่วยมึง"มันพูดแล้วชี้หน้าผม

   "ถ้ามันจะปล้ำกู  มึงไม่ต้องมาช่วยหลอกกูยอมมมม"ผมพูดแล้วยื่นหน้าทะเล้นไปหามัน  มันเลยสับมะเงกใส่หัวผมทีนึง  เจ็บสิครับงานนี้ผมนี่รีบลูบหัวตัวเองปอยๆ

   "อ๊ะนั่น!!มาแล้วๆๆ"ผมเอ่ยเสียงรัวๆออกมาหลังจากเห็นตี๋จอดรถอยู่ไม่ไกลพร้อมโบกไม้โบกมือมาทางพวกผม  ผมเลยโบกมือกลับ

   "ป่ะ ไปกันเถอะตี๋มาแล้ว"พูดจบผมและเอิ้นก็เดินไปที่รถทันที

   เดินมาถึงรถผมก็ด้อมๆมองๆเพราะมีคนมากับไอ้ตี๋ด้วย  ผมชะโงกหน้าเข้าไปมองในรถก็แอบอึ้งนิดหน่อยเพราะคนที่นั่งมาด้วยคือไอ้สายครับพี่น้องงงง  กรี๊ดดดดด(ในใจ) ทำไมโชคถึงเข้าข้างผมอย่างนี้ได้นั่งรถคันเดียวกันด้วย มึงไม่มีทางหนีกูพ้นหรอกไอ้สกายเอ้ยยย

   "อ้าวมีเพื่อนมาด้วยหรอ"ผมแกล้งถามแล้วหันไปมองหน้าไอ้สกาย ที่กำลังนั่งนิ่งไม่แม้แต่จะมองมาทางผม

   "ใช่ๆ พอดีวันนี้รถมันเสียเลยต้องรับภาระเอามันกลับบ้านด้วย"ตี๋เอ่ยขำๆ

   "มึงจะไปได้ยังว่ะ  กูรีบนะเว้ย"ไอ้สกายมันเริ่มจะวีนใส่ตี๋แต่ดูท่าทางมันคงจะวีนมาทางผมด้วยแน่นอนดูจากหางตา

   "ปอมกับเพื่อนขึ้นรถเลย ไอ้คุณชายมันบ่นแล้ว"ตี๋หันมาพูดกับผมและเอิ้น 

   พอขึ้นรถไอ้ตี๋มันก็แนะนำเพื่อนมันให้ผมและเอิ้นรู้จัก(แต่หารู้ไม่ว่าพวกผมรู้จักมันเป็นอย่างดีแล้ว)

   "ปอม เอิ้น นี่เพื่อนตี๋ชื่อสกาย"ตี๋เอ่ยพร้อมกับมองมาทางพวกผมผ่านกระจกมองหลัง

   "อ๋อ  ตี๋ไม่ต้องแนะนำหรอกใครไม่รู้จักสกายนี่ไม่ใช่เด็กโรงเรียนนี้แน่ๆ เพราะสกายออกจะฮอตในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะเป็นสาวแท้และสาวเทียม รวมทั้งสาวแก่แม่หม้ายด้วย ฮ่าๆๆ"  ผมตอบตี๋พร้อมกับสาธยายไปเรื่อยๆเพราะต้องการกวนตีนไอ้สกายด้วยล่ะ  มีความสุขจริงๆได้แกล้งมัน

   "มึงเวอร์ไปแล้วอีตุ๊ด  อย่างกูเอาเฉพาะสาวๆก็พอส่วนพวกอื่นๆ กูไม่ชอบพวกวิปริต"มันตอกกลับซะผมอึ้งเลย จนผมและเอิ้นมองหน้ากันรวมทั้งไอ้ตี๋ที่หันไปมองไอ้สกายด้วย  คือแบบมันคงไม่เชื่อหูตัวเองว่าเพื่อนมันจะปากร้ายได้ขนาดนี้มั้ง งานนี้ผมคงต้องใช้ความอดทนสูงมากๆไม่ยอมแพ้มันหรอก

   "ไอ้สกาย มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย  มึงไปว่าปอมทำไม"ตี๋เอ็ดไอ้สกาย

   "กูปกติแต่มันนี่สิไม่ปกติ  ถ้ากูรู้ว่ามันจะขึ้นรถมาด้วยกูคงไม่มากับมึงตั้งแต่แรกหรอก  มึงก็รู้ว่ากูเกลียดตุ๊ด"ไอ้สกายมันเอ่ยออกมา ผมนี่หน้าแดงเลยครับโมโหมันมาก หน้าผมมันตุ๊ดขนาดนั้นเลยหรอก็แค่ผิวขาวใส หน้าหวานนิดหน่อยแค่นั้นเองนะ(^^)

   "ทำไมกูมาด้วยแล้วจะทำไมในเมื่อนี่มันรถตี๋  ตี๋ชวนกูมาถ้ามึงมีปัญหานักก็ลงซะตรงนี้เลยสิ"ผมตอบกลับมันเสียงดัง แล้วทำหน้าตาทะเล้นใส่มัน

   "ถ้ากูลงกูก็แพ้มึงสิวะ  ถามึงรับไม่ได้ก็ลงไปเองสิว่ะ นี่รถเพื่อนกู"มันย้อนผมแล้วก็ทำหน้าตาทะเล้นมาใส่ผมบ้าง  ฮึ่มมๆๆๆๆ เย็นไว้ๆๆ เอิ้นมันคงเห็นผมโกรธจนหน้าแดงมันเลยตบบ่าผมทีนึงแล้วส่งสายตามาให้ผมเชิงว่าให้ผมยอมและเงียบก่อน

   "พอๆๆ ทั้งสองคนเลย จะไม่มีใครลงทั้งนั้น  ไอ้สกายกูขอสั่งให้มึงเงียบไปตลอดทางเลยนะไม่ต้องพูดจะได้ไม่ต้องมีเรื่องกัน"ไอ้ตี๋ปรามพวกผมทั้งสองคนแล้วบอกไอ้สกายให้เงียบๆเข้าไว้  ดีมากตี๋นายแมนมากแมนกว่าไอ้สกายร้อยเท่าพันเท่าเลย ถ้าไม่ติดว่าผมชอบไอ้สกายไปแล้วและอยากจะเอาชนะมันผมคงปันใจให้ตี๋ไปแล้วแน่ๆ

   หลังจากสงครามผ่านไปสถานการณ์ก็กลับสู่ภาวะปกติโดยที่ตลอดทางไม่มีเสียงไอ้สกายเล็ดลอดออกมาแม้แต่คำเดียวจริงๆ ผมก็ชวนตี๋คุยไปเรื่อยส่วนมากจะเป็นเรื่องที่โรงเรียนว่าทำอะไรมั่ง  อยู่ชมรมอะไร ซ้อมกีฬาวันไหน เวลาไหนบ้าง  วันหยุดชอบไปเที่ยวไหน สรุปว่าผมนี่หาข้อมูลสุดๆเพราะไอ้สองคนนี้มันจะตัวติดกันตลอดถ้าเห็นไอ้ตี๋ที่ไหนเป็นต้องเห็นไอ้สกาย  มึงไม่พ้นเนื้อมมือกูไอ้สกายเอ๋ย

   ในที่สุดก็ถึงบ้านผมคือตอนนี้เหลือผมคนเดียวส่วนเอิ้นมันลงก่อนแล้วเพราะบ้านมันถึงก่อนบ้านผม

   "ขอบใจนะตี๋  เดี๋ยวคราวหน้าจะชวนเข้าบ้านด้วยแต่ตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร"ผมพูดขณะเตรียมสะพายกระเป๋าอยู่หลังรถ ตี๋มันหันหน้ากลับมายิ้มให้ผม

   "โอเค  อย่าลืมนะวันหลังเดี๋ยวตี๋จะมาขอฝากท้องด้วยซักมื้อ"ไอ้ตี๋พูดยิ้มๆพร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ผมและผมก็ดูออกว่ามันต้องการอะไร  เสียดายนะถ้าคนที่ส่งสายตาแบบนี้ให้ผมเป็นมันคงจะดี

   "ได้ๆ วันไหนบอกได้เราจะรอ  ชวนสกายมาด้วยก็ได้นะจะได้มีเพื่อนคุย"ผมพูดพร้อมกับเหล่ตาไปมองมันเห็นแค่ข้างๆก็ยังดีวะ  มันเงียบสงสัยจะหลับรึเปล่านะแต่ช่างมันเถอะเห็นหน้าวันละนิดจิตแจ่มใสแล้ว

   "เดี๋ยวเราเข้าบ้านก่อนนะ บาย"ผมพูดพร้อมโบกมือลา เมื่อลงจากรถแล้วผมก็ไปยืนริมฟุตบาตโบกมือลามันอีกทีหลังจากรถมันออกไปแล้วผมถึงได้กลับเข้าในบ้าน
   
   ที่ไม่สะดวกชวนตี๋กับไอ้สกายเข้าบ้านเพราะวันนี้น้าผมที่มาจากต่างจังหวัดจะพาลูกชายเค้าย้ายมาอยู่ที่บ้านผมและย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับผมด้วย  ตอนนี้ก็คงมึงแล้วมั้งพอผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าทุกคนนั่งอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย  แม่  เจ้ปื่น(พี่สาวแท้ๆผมเองสวยด้วย)  น้าเปีย  และปังปอนด์  ซึ่งปังปอนด์นั้นเพิ่งจะเข้ามอสี่เป็นน้องผมสองปี  ส่วนพี่ปิ่นเรียนปีสามแล้ว ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแถวนี้ล่ะ  ส่วนพ่อผมนั้นเสียตั้งแต่ผมอายุได้สองขวบล่ะครับจำความได้ก็ไม่มีพอกับเค้าแล้วแต่แม่ก็เลี้ยงพวกเราได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียวจนพวกเรารู้สึกว่าไม่มีพ่อก็ไม่ได้ขาดอะไรเลย

   "สวัสดีครับแม่ น้าเปีย"ผมยกมือไหว้แล้วหันไปยิ้มให้ปังปอนด์ด้วย ปังปอนด์เองก็ยกมือไหว้ผมเช่นกัน

   "อ้าวมาพอดีเลยปอม  น้าเปียมาถึงช่วงบ่ายๆแล้วบ่นคิดถึงลูกอยากเจอเร็วๆ"แม่เอ่ยขึ้นแล้วหันหน้าไปทางน้าเปีย  จะบอกว่าผมสนิทกับน้าเปียมากๆเพราะแต่ก่อนน้าจะอยู่ที่บ้านผมนี่ล่ะก่อนจะมีสามีแล้วย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างจังหวัดเพราะสามีน้าเป็นนายอำเภอจึงต้องย้ายตามไปด้วย  แต่ก็ไปๆมาๆอยู่เรื่อยๆ

   "ว่าไงพ่อกะปอมน้อยของน้า  น้าคิดถึงเรามากเลยมาให้น้ากอดทีดิ๊"น้าเปียพูดแล้วอ้าแขนรอกอดผม  ผมรีบเดินเข้าไปกอด
   "ว่าไงไอ้ตัวเล็ก  คิดถึงพี่บ้างป่าวเนี่ย"พอผละจากน้าเปียผมรีบหันไปคุยกับปังปอนด์ที่นั่งยิ้มดูพวกผมอยู่  น้องเป็นคนที่น่ารักมาก ตัวเล็ก ผิวขาวและนิสัยเรียบร้อยแถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก  จริงๆปังปอนด์ต้องเข้ามาเรียนตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแต่ยังเคลียร์กับทางโรงเรียนเดิมยังไม่เสร็จเลยมาช้าไป  แต่ต่อไปนี้ทุกวันผมกับปังปอนด์ต้องไปโรงเรียนด้วยกัน  และผมต้องเป็นเกราะป้องกันน้องอย่างเสียมิได้เพราะเด็กน่ารักอย่างนี้ถ้าไปโรงเรียนคงโดนพวกเด็กเก่ากร่างใส่แน่ๆ

   "คิดถึงสิครับพี่ปอมแต่ต่อไปก็ไม่ต้องคิดถึงแล้วผมมานี่แล้วสักพักคงจะเบื่อขี้หน้ากันแน่ๆ"ปังปอนด์พูดแล้วยิ้ม  ผมเอามือไปจับหัวปังปอนด์ขยี้ผมเล่นเบาๆด้วยความเอ็นดู

   "นี่ไม่มีใครคิดถึงปิ่นบ้างรึไงเนี่ยงอนแล้ววว"จู่ๆเจ้ปิ่นก็เอ่ยขึ้นมา นางคงจะงอนที่ตอนนี้ไม่มีใครคุยกับนาง  ฮ่าๆๆๆ 

   "ไม่มีใครคิดถึงหรอก ก็เจ้แก่แล้วไงไม่ใช่เด็กๆแล้ว"ผมพูดแหย่พี่สาวผมเล่น เพราะปกติผมกับเจ้ปิ่นเล่นกันอย่างนี้ประจำ ถ้าคนข้างนอกมาเห็นคงคิดว่าทะเลาะกันจะฆ่ากันตาย  แต่ที่ไหนได้พวกผมชอบเล่นกันอย่างนี้ประจำ

   "ไอ้ปอมแกว่าชั้นหรออ แกตายยย"เจ้ปิ่นทำท่าจะเดินมาบีบคอผม เห็นท่าไม่ดีผมก็รีบวิ่งไปหลบหลังแม่บ้าง น้าเปียบ้าง วนไปวนมาทุกคนต่างยิ้มหัวเราะกันอย่างมีความสุขนี่ล่ะครอบครัวอันแสนอบอุ่นของผม

   ......

   ชีวิตผมก็ประมาณนี้ล่ะครับ  ไปโรงเรียนก็สู้รบปรบมือกับไอ้สกาย กลับบ้านมาสู้รบปรบมือกับพี่สาว  แต่สู้กับไอ้สกายนี้เหนื่อยกว่าแต่มีความสุขมากๆเลยล่ะ  หลังจากนี้ผมกับมันได้สนุกกันแน่ ฮึๆ


TBC....

คืนนี้อัพ 2 ตอนก่อนนะครับผม
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 3 (14-08-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 14-08-2017 19:36:16
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 3 สะกดรอยตาม


   หลังจากวันที่ไอ้ตี๋มาส่งผมที่บ้านวันนั้นเราก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลยเพราะช่วงนี้ต่างคนก็ต่างยุ่งกับการเรียนและกิจกรรมส่วนผมก็ยังหาเวลาว่างแอบวนเวียนไปเจอ ไปส่องไอ้สกายอยู่เรื่อยๆ เห็นผ่านๆก็ยังดีอ่ะนะ ฮ่าๆๆ ก็คนมันรักเนาะ

   วันนี้หลังจากเลิกเรียนแล้วผมกับเอิ้นก็มาทานไอศครีมกันที่ห้างแถวๆโรงเรียน  ปกติพวกผมก็มากันเป็นประจำอยู่แล้ว  วันไหนที่เรียนหนักๆก็มาคลายเครียดกันตลอดเพราะบรรยากาศที่นี่ดีมาก ถึงแม้จะอยู่ในห้างแต่ก็ตกแต่งได้เหมือนธรรมชาติมากๆ  มีดอกไม้ ต้นไม้เหมือนนั่งกินอยู่ในสวนสวยๆเลยทีเดียว  ภายในร้านมีเพียงกระจกกั้นทำให้ลูกค้าสามารถเห็นคนภายนอกที่เดินผ่านไปมาได้อย่างถนัดตา

   "ปอมๆ แกดูนั่นสิใครมา"เอิ้นมันเอ่ยกับผมขณะที่ตามันยังคงมองไปหาใครบางคนที่อยู่ฝั่งข้างหลังผมเพราะเรานั่งตรงข้ามกันหันหน้าเข้าหากัน

   "ไรวะ กูกำลังกินเนี่ย"ผมเอ่ยพร้อมกับกำลังตักไอศครีมคำใหญ่เข้าไปในปาก

   "ไอ้สกาย!!"เอิ้นมันเอ่ยชื่อไอ้สกายขึ้นมา ผมนี่ถึงเกือบกับสำลักไอศครีมออกมาเลยทีเดียวแล้วรีบหันหลังกลับไปดู  เฮ้ยยย!!  ไอ้สกายมันมากับแป้งด้วยอ่ะสองต่อสอง อ๊าก!!!  ผมนี่โกรธ(เพราะอารมณ์หึงหวง)หน้าแดงเลยทีเดียวครับ

   "มึงหันกลับมาเดี๋ยวนี้  เดี๋ยวมันก็รู้ตัวหรอก"เอิ้นมันเตือนสติผม เพราะมันเห็นผมจ้องสองคนนั้นตาเขม็ง

   “มึงเอาไงดีวะ”ผมถามเอิ้น

   “เราตามไปดูมะว่าสองคนนั้นไปทำอะไรกัน”เอิ้นมันเอ่ยขึ้น เอาไงดีเนี่ยยยย  จะแอบตามมันไปอย่างนี้เดี๋ยวมันจับได้ผมนี่หน้าแหกเลยนะ  ติ๊ก ต่อกๆๆๆ ปิ๊ง!!.....

   “โอเค ไปก็ไปวะ  ถ้าจะทำแล้วต้องทำให้มันสุดๆไปเลย”ผมเผลอตัวยืนขึ้นปุ๊บปั๊บท่ามกลางลูกค้าคนอื่นๆซึ่งกำลังนั่งกันเยอะมากๆ ได้สติผมก็มองไปรอบๆแล้วค่อยๆนั่งลง

   “ป่ะไปตอนนี้เลยเดี๋ยวไม่ทัน”เอิ้นรีบเร่งผมสุดๆ ดูแล้วมันนี่เยอะกว่าผมซะอีกกูโชคดีแล้วที่มีมึงเป็นเพื่อนอีสาววายตัวยง

   พวกผมรีบเช็คบิลแล้วรีบตามไอ้สกายและแป้งไป  พวกผมค่อยๆเดินตามทั้งสองคนไปอย่างห่างๆ  ตามๆไปก็เพิ่งจะรู้ว่าจริงๆแล้วพวกมันไม่ได้มากันแค่สองคนแต่ไอ้ตี๋ก็มาด้วย พร้อมทั้งเพื่อนๆของแป้ง ฝน ก้อย และเชอร์รี่(คือพวกนางทั้งสี่คนตั้งแก๊งที่เรียกตัวเองว่าแก๊งนางฟ้าคือมั่นมากจริงๆ)ผมแอบหมั่นไส้มานานแล้ว  ทั้งหกคนเดินไปเป็นกลุ่มแต่ข้างๆไอ้สกายมีแป้งเดินเคียงข้างตลอดทางบางครั้งก็แอบควงแขนกันด้วยเห็นแล้วหมั่นไส้ซะจริงๆ

   “มึงๆๆ พวกมันเข้าไปร้าน B2S กันแล้ว”เอิ้นมันรีบเอ่ยทันทีที่เห็นทั้งหกคนเดินเข้าไปในร้าน B2S พวกผมก็แอบย่องๆตามพวกมันไป บางทีคนที่เห็นพวกผมคงจะขำๆปนประหลาดใจที่ทำท่าทางยังกับนักสืบซะอย่างนั้น ฮ่าๆๆ พูดแล้วก็ขำตัวเองจริงๆ

   ตอนนี้ทั้งหกคนอยู่ที่ชั้นหนังสือกันแล้วต่างคนต่างแยกย้ายดูของกัน ก้อยกับฝนก็แยกกันไปดูทางฝั่งเครื่องเขียน ส่วนไอ้ตี๋กับเชอร์รี่ก็แยกกันไปที่โซนขายซีดีเพลง แหมๆๆไอ้ตี๋มึงนี่มันโคตรจะโคตรเจ้าชู้เลยนะคือมันดี๊ด๊ามากที่มีสาวสวยอย่างเชอร์รี่คอยเดินข้างๆ ดีแล้วที่ผมไม่เข้าไปหลงเสน่ห์มัน  ส่วนไอ้สกายและแป้งก็อยู่ที่ชั้นขายหนังสือ  ผมกับเอิ้นก็แอบๆไปที่ชั้นหนังสือเหมือนกันแต่อยู่คนละฝั่ง  พวกผมแกล้งเอาหนังสือมาอ่านบังหน้าคอยแอบฟังทั้งสองคนคุยกัน

   “สกายนี่ชอบถ่ายรูปหรอมากเลยหรอค่ะ”เสียงแป้งเอ่ยถามขึ้น  เมื่อเห็นไอ้สกายกำลังตั้งใจดูหนังสือที่หยิบขึ้นมาอ่านซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพ

   “อื้ม พอดีผมชอบถ่ายภาพน่ะ ว่าจะซื้อไปอ่านซะหน่อย”ไอ้สกายเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปมองแป้ง(บางทีมันก็แอบมีมาดคุณชาย)

   “ดีจัง ไว้วันไหนว่างๆให้แป้งเป็นนางแบบซักวันนะค่ะ  พอดีแป้งก็ชอบเป็นนางแบบเหมือนกัน”แป้งเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับจ้องหน้าไอ้สกาย  แหมๆๆ เธอนี่เสนอตัวจังเลยนะแป้ง คือนางเป็นผู้หญิงที่ไม่เข้าตาผมมากๆเลย(ส่วนนึงก็มาจากการเป็นศัตรูหัวใจ ฮ่าๆๆ)

   “ได้ๆไว้วันไหนแป้งว่างบอกเราได้เสมอเลยนะ”ไอ้สกายมันนี่ก็ให้ท่าแป้งสุดๆ ทำยังไงได้เนาะก็เค้าเป็นผู้หญิงนี่นา  ถ้าเป็นเรานี่มันคงจะต่อยคว่ำไปแล้ว

   “สกายนี่ใจดีจังเนาะ ถ้าใครได้เป็นแฟนนี่คงโชคดีสุดๆเลย เราอยากมีแฟนแบบสกายนี่ล่ะ”แป้งหยอดอีกครั้งคือมึงจะรุกหนักเกินไปแล้วนะแป้ง  กูยอมมึงจริงๆ  ผมได้ยินนี่ชูกำปั้นขึ้นแล้วทำท่าจะต่อยแป้งโดยทันที(ตอนนี้อยู่คนละฝั่งมีชั้นหนังสือกันพวกเราไว้)เอิ้นมันก็เอานิ้วชี้มาจุ๊ที่ปากให้ผมสงบเสงี่ยมไว้

   “ผมไม่ได้เพอร์เฟคขนาดนั้นหรอกแป้งก็ยอเกินไป  ใครได้เป็นแฟนแป้งก็คงโชคดีเหมือนกันนั่นล่ะทั้งสวยทั้งน่ารัก”มันพูดแล้วยิ้มให้แป้งด้วย  ผมนี่อึ้งเลยมันกล้าพูดขนาดนี้แสดงว่ามันคงมีใจให้แป้งแน่ๆเลย  แน่จริงพวกมึงก็ขอกันเป็นแฟนเลยดิวะ ผมนี่โมโหสุดๆ แหมๆๆกูนี่ตามแล้วตามอีก ตื๊อแล้วตื๊ออีกมึงนี่ไล่กูจังแต่กับแป้งนี่หวานสุดๆนะครับไอ้คุณสกาย

   “แล้วทำไมเราไม่เป็นแฟนกันละค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วแป้งขอบอกเลยละกันนะค่ะ  แป้งชอบสกายมานานแล้ว แป้งรู้ว่าสกายก็รู้แต่สกายก็ยังคงรักษาสภาพความเป็นเพื่อนมาตลอด  ถามจริงๆสกายมีคนที่ชอบอยู่แล้วหรอค่ะ”พูดไม่ทันขาดคำแป้งก็เอ่ยสิ่งที่ผมคิดออกมาทันที  ผมนี่ทำตาโตแล้วมองหน้ากับเอิ้นโดยทันที  เหมือนนางสามารถอ่านความคิดของผมออกเลยอ่ะ  ผมนี่อึ้งเลย ตอนนี้หัวใจเต้นตุบๆ เลยทีเดียว

   แต่ตอนนี้มีแต่ความเงียบ

   “เอ่ออ คือตอนนี้ผมก็ไม่มีใครหรอกครับ  อาจจะเป็นเพราะผมยังติดชีวิตโสดอยู่มันสบายใจดี”สกายมันตอบกลับแบบรักษาน้ำใจสุดๆ ผมนี่สมน้ำหน้าแป้งมากๆ ฮ่าๆๆ โดนปฏิเสธแบบผู้ดี้ผู้ดี  ผมสังเกตหน้าแป้งนี่แบบว่าดูไม่จืดเลยทีเดียวนางคงอึ้งและเสียหน้ามากๆ

   “แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบแป้งนะ  แป้งน่ารักดีถ้าผมจะมีแฟนนี่จะนึกถึงแป้งเป็นคนแรกนะครับ”ผมนี่อึ้งเลยครับสรุปมึงนี่ยังไงไอ้สกายจะชอบหรือไม่ชอบกันแน่  งงหนักกับมันมาก  คือตอนนี้หน้าแป้งนี่แบบราวกับได้เงินล้านเลยทีเดียวครับ  ยิ้มจนหูจะฉีกเลยนางคงดีใจมากเพราะที่ไอ้สกายพูดออกมาตีความได้ว่าก็ยังมีใจให้แป้งแต่แค่ยังติดชีวิตโสดแค่นั้น  ผมนี่อึ้งไม่รู้กี่รอบแล้วไม่น่าตามพวกมันมาเล้ยยย มาได้ยินอะไรบ้าบอแบบนี้เดี๋ยวตอนเย็นนี้ก็เก็บเอาไปคิดอีกล่ะ

   “ขอบคุณนะ  ที่พอให้แป้งมีความหวังอยู่บ้างยังไงแป้งก็จะรอสกายนะ”นางพูดยิ้มๆแล้วเอามือไปจับที่แขนของไอ้สกาย  ได้ทีนี่จับไม้จับมือเลยทีเดียวบอกผมทีว่านางเป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่กระเทยปลอมตัวมานางแรงมากจริงๆ

   “กูว่าเรากลับดีกว่าว่ะ  ขี้เกียจฟังแล้วเจ็บว่ะ”ผมพูดเบาๆกับเอิ้น เอิ้นมันพยักหน้าแล้วก็วางหนังสือที่ถือไว้วางเก็บไว้ที่ชั้นตามเดิมพอพวกผมหันหน้ามาก็เจอแจ๊ดพอตทันที

   “เฮ้ยย ปอม เอิ้น มาได้ไงเนี่ย”ไอ้เหี้ยยยตี๋มาเจอพวกเราพอดีครับท่านผู้ชม อะไรจะบังเอิญขนาดนี้นะ  ผมนี่หน้าเหวอเลยทีเดียว  ผมมองหน้าเอิ้นแล้วพวกเราก็ยิ้มแหยะๆให้กัน

   “เอ่อ คือ  พวกเรามาซื้อหนังสือน่ะ  กำลังจะกลับแล้ว”ผมตอบกลับไอ้ตี๋แบบรีบๆเพราะกำลังเตรียมตัวจะชิ่งแล้ว เดี๋ยวพวกไอ้สกายกับแป้งจะหาว่าเรามาแอบฟังเค้าคุยกันอีกล่ะ(แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆนี่นา)

   “อ๋อๆ แล้วทำไมกลับเร็วจังไปหาไรกินกันก่อนมั้ยล่ะ นี่พวกเรากำลังจะไปกันพอดีเลย”ไอ้ตี๋มันชวนต่อ  โอ๊ยยตี๋ชั่วโมงนี้กูต้องการจะไปด่วนๆมึงนี่ชอบชวนจังว่ะ

   “ไม่ๆล่ะ คือแบบเรารีบจริงๆ ใช่มั้ยเอิ้น”ผมพูดแล้วหันหน้าไปหาเอิ้น ไอ้เอิ้นก็งงสิครับท่านอยู่ๆก็โยนไปให้มันซะงั้น  แต่ไม่ทันที่เอิ้นมันจะตอบกลับแต่ก็มีเสียงคนคุ้นเคยตอบกลับมาแทน

   “จะรีบไปไหนกันล่ะ เมื่อกี้ยังแอบฟังอยู่เลยไม่เห็นจะรีบ”เป็นไอ้สกายที่มันเดินมาพร้อมกับแป้งและยิ้มเยาะผม แล้วก็มีแป้งอีกคนที่ทำหน้าตาแบบเหมือนจะยิ้มเยาะอีกคน(สรุปคือพวกมึงสมกันจริงๆเนาะ)

   “ใช่ค่ะ  ไม่ยักกะรู้ว่าปอมกับเอิ้นอยู่ตรงนี้ด้วย เมื่อกี้พวกเราคุยกันคงได้ยินหมดแล้วใช่ไหม?”แป้งมันก็คอยเสริมทัพอีกทีนึงคือจะบอกก่อนว่าแป้งมันรู้ว่าผมน่ะชอบไอ้สกายครับ  แก๊งนางฟ้าพวกนี่ไม่มีอะไรพี่พวกมันไม่รู้เพราะชอบสอดเรื่องชาวบ้านเค้าไปทั่ว

   “แล้วไง? พวกนายจะคุยอะไรกันทำไมเราต้องไปแอบฟังด้วยล่ะ ในเมื่อนี่มันที่สาธารณะใครจะอยู่ตรงไหนก็ได้ใครจะพูดอะไรก็ได้ ถ้าคิดว่าการที่พวกเธอสองคนคุยกันแล้วคนอื่นได้ยินเป็นการแอบฟัง ก็ไปคุยกันในห้องน้ำสองคนโน่นไป”ผมเหลืออดครับที่เห็นพวกมันพูดจาถากถางและยิ้มเยาะผม  โดยเฉพาะไอ้สกายที่มันพูดว่ามันสนใจในตัวแป้งแล้วผมได้ยินมันคงสมน้ำหน้าผมสินะ

   “มึงนี้ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆเลยนะ  แต่ก็ช่างเหอะยังไงก็ได้ยินหมดแล้วนี่  ดีแล้วกูไม่อยากจะพูดอะไรซ้ำซากจะพูดอีกกี่ทีกูก็ยังชอบผู้หญิงว่ะ แล้วแป้งก็คือคนที่ก็รู้สึกดีๆด้วยมึงเลิกมาตามตื๊อกูได้แล้ว”ไอ้สกายมันพูดแบบนี้เหมือนตบหน้าผมกลางสี่แยกเลยครับ ผมนี่หน้าชาเลยทันที นี่มันกล้าพูดต่อหน้าคนเยอะๆขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ใจร้ายสุดๆเลย

   ไอ้เอิ้นมันคงรู้ว่าผมกำลังเสียใจสุดๆมันเอามือมาจับที่แขมผมไว้  ตอนนี้น้ำใสๆเริ่มเคลื่อนตัวออกมาที่เบ้าตาผมอย่างช้าๆ ผมหันไปมองหน้าไอ้ตี๋ที่ตอนนี้กำลังทำหน้างงๆ(คือมันไม่รู้ว่าผมแอบชอบไอ้สกายมาก่อน)แต่ก็ดูเหมือนจะเห็นใจผม ส่วน แป้ง ฝน ก้อยและเชอร์รี่ พวกนางยิ้มเยาะผมกันทุกคนแก๊งนี้มันร้ายนักถ้ามีเวลาผมจะเอาคืนพวกมันให้สาสม ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุนี่มันก็ทำหน้าตาไม่ต่างจากพวกแก๊งนางฟ้าเลยทีเดียว ฮึกๆๆ น้ำตาผมจะไหลแล้วครับท่านผู้ชม

   “มึงพูดแบบนี้ก็ดี้”  ผมพูดเสียงสูง  “ทุกคนจะได้รู้รับรู้โดยทั่วกันว่ากูชอบมึงและกูจะตามมึงจนกว่ามึงจะรักกู”ผมพูดไปก็หลังมือเช็ดน้ำตาไป ผมพูดอะไรบ้าๆออกไปแบบนั้นมันไม่ได้คิดครับ คือมันสุดๆแล้วเอาไงเอากันต้องให้มันสุดๆ

   “ต๊ายย!! ผู้ชายเค้าไม่ชอบยังจะตามตื๊ออีกนะ”เสียงของก้อยเอ่ยขึ้นมาเสียงไม่ดังมากแต่ทุกคนได้ยินถนัดเลยทีเดียว  ผมนี่กรอกตาไปมองก้อยด้วยอารมณ์โมโหสุดๆ มันปรี๊ดมาก นางก็รีบหันหน้าไปทางอื่นทันที

   “ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าไม่เอาปากมาด้วยหรอกนะ เรื่องของคนอื่นนะชอบเสือกจัง”เป็นเอิ้นที่มันว่าก้อยแทนผม  มันคงอดไม่ได้เพราะมันเงียบมานานแล้ว

   “แกว่าฉันหรอเอิ้น”ก้อยรีบตอบกลับเอิ้นทันที

   “เปล๊า ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อใคร ทำไมต้องร้อนตัวด้วย”เอิ้นมันทำหน้ามึนๆใส่

   “ปอมเรากลับกันเถอะ  แถวนี้มันบรรยากาศเน่าๆยังไงไม่รู้”เอิ้นมันว่าพลางดึงแขนผมไป

   “เดี๋ยวให้เราไปส่งนะ”ไอ้ตี๋เอ่ยขึ้น มันป็นคนเดียวที่เห็นใจผมที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว

   “ไม่เป็นไรพวกเรากลับเองได้  ป่ะเอิ้น”ผมพูดแล้วเดินนำออกไปจากกลุ่มพวกมัน  ก่อนออกมาผมก็แอบหันไปมองหน้าไอ้สกายอีกครั้ง มันยังทำหน้ามึนๆ ไม่รู้ไม่ชี้

   คราวนี้ผมเจ็บหนักน่าดูแต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับท่านผู้ชม ยังไงก็ต้องทำให้ถึงที่สุดผมให้ลิมิตตัวเองแค่จบมอหกเท่านั้น  ถ้าทำให้มันรักผมไม่ได้ผมจะเลิกตามตื๊อมันทันที

   “มึงโอเคไหมวะ”เอิ้นมันถามผมแล้วลูบหลังผมปอยๆ

   “จะบอกว่าโอเคก็ไม่ใช่ว่ะ กูเจ็บสุดๆ แต่กูก็จะสู้ต่อไป”ผมตอบมัน

   “กูว่า......”เอิ้นมันพูดค้างไว้  แต่ผมพอจะเดาออกว่ามันจะพูดอะไร

   “มึงจะให้กูเลิกไม่มีทางว่ะ  มันมาถึงจุดๆนี้แล้วกูจะทำให้ถึงที่สุด และอีกอย่างมึงไม่เห็นสายตาของพวกแก๊งนางฟ้านั่นหรอว่ะ แม่งมันสมน้ำหน้ากูสุดๆกูไม่มีทางยอมพวกมันหรอก  ให้มันรู้ไปสิว่าคนหน้าตาดีอย่างกู มันจะไม่มีทางเอาชนะอีฝนและไอ้สกายได้  คอยดู”ผมนี่ทำหน้าตาโหดสุดๆ ยังกะพวกนางอิจฉาในทีวีเลยทีเดียว เอิ้นมันมองผมแบบกลัวๆ ฮ่าๆๆ มึงนี่ก็นะเอิ้น

   “กูเริ่มกลัวๆมึงแล้วว่ะ  เอาไงเอากันว่ะ สาววายอย่างกูทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ผู้ชายรักกัน ฮ่าๆๆ”ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนรักกู ฮ่าๆๆ  ผมนี่ยิ้มออกเลยครับเพื่อนผมบางทีมันก็แบ๊ว บางทีมันก็บ๊อง บทจะโหดก็โหด พวกผมถึงอยู่ด้วยกันได้ไงล่ะครับ




ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
TBC….

หัวข้อ: Re: ตื๊อรักนายใจหิน ตอนที่ 3 (14-08-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 15-08-2017 10:14:24
ปอมจัดสกายเลย เอาให้คนเกลียดตุ๊ดเปลี่ยนเป็นหลงตุ๊ดให้ได้
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ตื๊อรักนายใจหิน ตอนที่ 3 (14-08-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-08-2017 11:05:30
ปอมชอบสกาย สกายด่าว่าปอมใส่หน้า ต่อหน้าเพื่อนๆ
แล้วปอมยังพูดว่าชอบสกาย จะตามตื๊อให้สกายรักให้ได้
มันให้ความรู้สึกว่าปอมยอมสกายเกินไปมั้ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 4 (15-08-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 15-08-2017 21:52:23
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 4  แอบหอมแก้ม


   หลังจากวันนั้นมาผมก็ค่อนข้างซึมเศร้าหงอยเหงาจนเอิ้นมันก็เงียบๆไปกับผมด้วย  จริงที่ผมเงียบก็ไม่มีอะไรมากครับ  ไม่ใช่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอกครับเป็นเพราะผมรอตั้งหลักใหม่อีกรอบ คราวนี้ต้องรุกให้หนักกว่าเดิมวันนี้มีการเตะบอลนัดพิเศษระหว่างทีมห้อง มอ 6/7 กับห้อง มอ 6/1 ซึ้งทั้งสองห้องนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหวเพราะห้อง 6/1 นี้เป็นห้องคิงมีแต่เด็กเรียนหัวกะทิของโรงเรียนคือเก่งๆกันทุกด้านเลยทีเดียว  ส่วนห้อง 6/7 นี่ห้องเกือบๆปลายแถวนั่นก็คือห้องของไอ้สกายนั่นล่ะครับ  พวกมันเป็นหัวโจกของห้องแต่ต้องยอมห้องนี้เรื่องกีฬาและความหล่อคือรวมเดือนของโรงเรียนไว้ห้องนี้เลยล่ะครับ(ผมนี่ตาถึงเลยล่ะฮ่าๆ)  ตอนนี้ผมกับเอิ้นกำลังเดินไปที่สนามกีฬากลางของโรงเรียนซึ่งอยู่ฝั่งข้างหน้าโรงเรียนติดกับถนนใหญ่  ผมส่องสายตาชะเง้อหาไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมมาอยู่ที่สนามกีฬาแห่งนี้ นั่นไงมัน!


   “มึงๆๆ ไอ้สกายยย!!!”ผมชี้ไปที่สนามที่ตอนนี้ไอ้สกายมันกำลังวอร์มร่างกายก่อนลงแข่งอยู่กับเพื่อน รวมถึงไอ้ตี๋ด้วย  อ้อลืมเอ่ยถึงไอ้ตี๋ไปเลยวันนั้นที่เกิดเหตุมันโทรมาถามผมใหญ่เลยว่าไปชอบไอ้สกายตั้งแต่ตอนไหน ทำไมมันไม่รู้ มันบอกมันนี่อกหักดังป๊อเลยที่ผมไม่ได้ชอบมัน แล้วอีกหลายอย่าง บลาๆๆ ผมนี่ตอบมันแทบไม่ทัน  ผมไม่ได้ซีเรียสกับมันเลยแทบจะขำมันด้วยซ้ำไอ้นี่มันเจ้าเล่ห์ เจ้าชู้สุดๆ ฟังก็รู้ว่ามันตอแหล ฮ่าๆๆ


   “มึงจะดี๊ด๊าเกินไปป่ะว่ะ กูตามอารมณ์มึงไม่ทันจริงๆช่วงเช้าๆยังกับหมาหงอยแต่ตอนนี้ยังกะปลากระดี่ได้น้ำ”เอิ้นมันพูดให้ผมพร้อมกับทำหน้าทำตาเอือมระอากับผมซะเต็มประดา


   “มึงก็รู้ว่ากูเศร้าได้ไม่นานหรอก  เศร้าไปทำไมว่ะในเมื่อไอ้ตัวต้นเหตุยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรกูก็ไม่ยอมเป็นแบบนั้นให้พวกมันหัวเราะเยาะกูหรอก”ผมยักคิ้วให้มัน


   “เออๆ ไอ้คนเก่งหัวใจแกร่งวันไหนที่มึงร้องไห้ขี้มูกโป่งมากูนี่ล่ะจะหัวเราะเยาะมึงให้ฟันร่วงไปเลย ชิส์”เอิ้นมันพูดแล้วสะบัดบ๊อบใส่ผม ฮ่าๆๆ


   “เฮ้ย มึงดูพวกแก๊งนางมารพวกนั้นสิ”เอิ้นมันชี้ให้ผมดูพวกแก๊งนางฟ้าที่ตอนนี้พวกผมเรียกพวกแก๊งนางมารไปแล้ว ทั้งสี่คนยืนอยู่ข้างๆสนามส่งเสียงเจื้อยแจ้วร้องหาผัว เอ๊ย!! ส่งเสียงเชียร์นักกีฬาในสนาม


   “แหมๆๆ มากันครบแก๊งเลยทีเดียว เอาไงดีวะถ้าเราจะเชียร์นักกีฬาใกล้ๆต้องไปยืนแถวๆนั้นด้วยสิ มึงโอเคไหมถ้าจะไป”เอิ้นมันถามผม  เอาสิผมไม่ได้กลัวพวกมันซะหน่อย  ไปป๊ะกันซักยกใครจะอยู่ใครจะไปก็คอยดู


   “เอาสิไปก็ไป  จะเป็นไรไป”ผมพูดเสร็จก็เดินนำหน้าเอิ้นไปทันที  เมื่อเดินไปถึงที่ซึ่งอยู่ข้างๆพวกแก๊งนางมาร  ผมก็ยืนเอามือไขว้หลังแล้วแหล่ตามองพวกมัน  เมื่อพวกมันเห็นผมก็ซุบซิบอะไรกันแล้วหัวเราะเสียงดังคิกๆ


   “เอิ้นมึงได้ยินเสียงอะไรป่ะว่ะ”ผมแกล้งถามเอิ้นเสียงตอแหล๊ ตอแหล ฮ่าๆๆ


   “เสียงอะไรว้า”เอิ้นมันก็เล่นตามผม


   “ก็เสียงนก เสียงกาไง นกพวกนี้เป็นนกตัวเมียที่ชอบจิก(เน้นๆ) ผู้ชายคนนั้นคนนี้มากินตลอด อุ๊ยย! ไม่ใช่สิ เป็นนกก็ต้องเรียกตัวผู้สิถึงจะใช่”ผมแกล้งพูดเสียงดังให้พวกมันได้ยิน แล้วก็หัวเราะเสียงดังกับเอิ้น


   “นี่!! พวกแกว่าใครยะ”แป้งมันส่งเสียงมาจากกลุ่มพวกมัน


   “อ้าว แป้งเป็นนกหรือกาล่ะทำไมถึงร้อนตัวจัง”ผมพูดแกมหัวเราะ


   “นี่แกจะมากไปแล้วนะ”แป้งพูดแล้วทำท่าจะเดินมาหาพวกผมแต่เพื่อนมันจับตัวเอาไว้ก่อน  นางได้แต่ถลึงตาใส่พวกผมแค่นั้น  ผมกับเอิ้นก็ทำหน้าตาเฉยๆแล้วหันไปทางสนามต่อ  วันนี้ทำให้พวกมันบ้าคลั่งได้ก็ถือว่าสำเร็จอีกหนึ่งภารกิจแระ


   “นี่พวกแกกกกก  วันนี้สกายเค้าบอกให้ชั้นมาเชียร์และคอยส่งน้ำเย็นๆให้เค้าด้วยแหละ  นี่จะบอกว่าที่มาเนี่ยเพราะมีคนที่อยากให้เรามาเชียร์ แต่บางคนเค้าไม่อยากให้มาก็เสือกมาเนาะ น่าอ้าย น่าอาย”แป้งมันพูดดัดจริตบิดไปบิดมาเชิดหน้าใส่ผม  หึๆ คิดว่าผมจะสะท้านงั้นหรอเปล่าเลยผมทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่ได้ยินมัน มันก็แค่แกล้งพูดให้ผมเจ็บใจเล่นๆผมไม่ตามเกมส์มันหรอก


   ตอนนี้เกมส์ได้เริ่มขึ้นแล้วผมมองเข้าไปยังสนามบอลที่มีหนุ่มๆเล่นเต็มสนามแต่รู้สึกเหมือนว่าสายตาผมเห็นแค่ไอ้สกาย  ไม่ว่ามันจะเดิน จะวิ่ง จะเลี้ยงลูกบอล  ลูกตาผมก็จะกรอกไปมาตามมันไป  รู้สึกตัวเองอีกทีก็เผลอยิ้มตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเหงือกนี้แห้งเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ


   “สกายๆๆๆ ทางนี้”เป็นเสียงของแป้งที่โบกมือหยอยๆ กระโดดโลดเต้นยังกะชะนีเรียกผัว  ตอนนี้พักครึ่งแรกแล้วหลังจากที่ไอ้สกายเดินไปยังหน่วยสวัสดิการของทีมที่อยู่อีกฝั่งแล้วก็วิ่งมาฝั่งของพวกผม อาจจะเป็นเพราะมันคงเห็นแป้งโบกมือให้มันตลอดทั้งเกมส์ ผมเองก็โบกมือให้มันเหมือนกันนะหลายรอบด้วยแต่มันคงไม่เห็นผมอยู่ในสายตา


   “เหนื่อยไหมค่ะสกาย  อ่ะนี่น้ำแร่เย็นๆ”แป้งเอ่ยแล้วรีบยื่นขวดน้ำแร่ที่นางเตรียมไว้ให้มันตั้งแต่แรก  พร้อมทั้งนางก็เอาผ้าเย็นไปซับหน้าให้ไอ้สกาย แหมๆๆดูหน้ามึงนี่มีความสุขจังเลยนะ


   “หายเหนื่อยตั้งแต่ได้ดื่มน้ำเย็นๆแล้วครับ”มันพูดหลังจากยกขวดน้ำดื่มหลายอึกแล้วเช็ดริมฝีปากปากด้วยหลังมือของมัน  ผมจ้องมองมันอย่างไม่คลาดสายตา(ก็มันหล่ออ่ะ) แวบนึงที่มันหันหน้ามาทางผมแล้วเราก็สบตากันแล้วมันก็หันหน้าหนีไปทางแป้ง 


   “เดี๋ยวผมไปก่อนนะแป้ง  ขอบใจนะที่มาเชียร์”มันพูดกับแป้งแล้วยิ้มหวานให้


   “ไม่เป็นไรค่ะสกาย  ถ้าแป้งไม่เชียร์สกายแล้วแป้งจะเชียร์ใครค่ะ  สู้ๆนะคะ”มันพูดแล้วยิ้มหวานพร้อมส่งสายตาเยิ้มๆไปให้ไอ้สกาย(อีตอแหลลลล ล ลิงล้านตัว)  โอ๊ยผมไม่เคยเห็นใครจะตอแหลเท่ามันเลยนะ


   “สกาย สู้ๆนะ”ผมตะโกนไปให้มันได้ยิน(คือจะว่าหน้าด้านก็ยอมครับ ฮ่าๆๆ)  มันเสือกไม่หันหน้ามาแม้แต่น้อย  มีแต่พวกแก๊งนางมารที่มันหันมาพร้อมกันทุกคนพร้อมกับมองผมด้วยสายตาแบบสมเพช เวทนามากๆ(มียิ้มเยาะมุมปากด้วยนะเออ) ตอนนี้หน้าผมเจื่อนๆยังไงไม่รู้มันชาๆ เพราะไอ้สกายบ้านั่นล่ะ มันได้ยินแต่ไม่หันมาบ้างเลย


   “ผมไปละนะ”ไอ้สกายมันเอ่ยแล้วโบกมือให้แป้งและเพื่อนมัน  โดยที่มันไม่ได้สนใจผมเลย  ผมได้แต่มองตามหลังมันที่กำลังวิ่งลงไปในสนาม


   “โอ๊ยยยย แกรรรร  ได้กลิ่นอะไรไหม”แป้งมันเอ่ยเสียงดังแล้วทำท่าดมๆๆ ไปทั่ว(ผมกำลังยืนมองอยู่ว่ามันจะว่าอะไรผมอีก)


   “กลิ่นอะไรแก ฉันไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย”เพื่อนมันเอ่ย


   “ก็กลิ่น....หมาหัวเน่าไงล่ะ อร้ายยย ฮ่าๆๆๆ”มันพูดเบี่ยงหน้ามาทางผมแล้วหัวเราะเสียงดังกันทั้งแก๊ง


   “จะมากไปแล้วนะ”ผมพูดแล้วจะเดินเข้าไปหาเรื่องพวกมัน แต่เอิ้นมันรั้งมือผมไว้ 


   “ทำไมๆๆ แกจะทำอะไรฉัน เอาซี้คนเยอะแยะเข้ามาเลย เค้าจะได้รู้กันว่าตุ๊ดอย่างแกชอบทำร้ายผู้หญิงสวยๆอย่างฉัน”แป้งมันท้าทายผมแล้วก็กอดอกทำหน้าตาน่าตบสุดๆ


   “ก็ชะนีอย่างพวกแกนี่ละมันน่าตบนัก ตอแหล จิกผู้ชายไปวันๆ จริงๆพวกแกไม่ควรมาเรียนให้เปลืองเงินพ่อแม่หรอกนะ ควรไปเป็นกะรี่ปั๊บ น่าจะเหมาะกว่านะฮ่าๆๆๆ”ผมพูดเย้ยมันแล้วก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับเอิ้น  ดูหน้าพวกมันแล้วสะใจจริง จริ๊งงงง(เสียงสูง)


   “อีตุ๊ดด แกกล้าว่าพวกฉัน บลาๆๆๆ”สงสัยมันจะโมโหมากๆเลยด่าผมซะเป็นชุดเลย ฮ่าๆๆ  ระหว่างที่พวกเราทะเลาะกันอยู่นั้นจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากกลางสนามที่กำลังแข่งบอลกันอยู่


   “เฮ้ยย!! ดูไอ้สกายหน่อยว่ะ”เสียงเพื่อนนักบอลทีมไอ้สกายตะโกนเสียงดัง ที่ผมเห็นตอนนี้คือไอ้สกายมันนอนอยู่กลางสนามเอามือกุมหัวแล้วดิ้นไปดิ้นมา ท่าทางจะเจ็บน่าดูสงสัยโดนตีนทีมตรงข้ามแน่นอนเพราะไอ้นี่มันชอบเล่นแรงและเข้าถึงตัวของฝ่ายตรงข้ามตลอด


   “เฮ้ย! สกายจะเป็นอะไรมั้ยแก ดูสิมีเลือดออกด้วย”แป้งมันพูดกับเพื่อนมัน  ตอนนี้ไอ้ตี๋พาไอ้สกายออกไปนอกสนามแล้ว ส่วนเกมส์ยังคงดำเนินต่อไปโดยมีตัวสำรองมาเล่นแทน 


   “แกก็ไปหาสกายสิ  ช่วงเวลานี้เค้าต้องการคนดูแลนะ”ผมได้ยินเสียงฝนเอ่ยกับแป้ง


   “ไม่เอาอ่ะแก ฉันกล้วเลือดถ้าไปฉันต้องเป็นลมแน่ๆเลยอ่ะ รอเค้าทำแผลเสร็จแล้วค่อยไปก็ได้มั้ง”แป้งมันพูด แหมๆๆ มึงนี่ห่วงไอ้สกายจังนะ พอตอนนี้ทำเป็นกลัวเลือดตอแหล


   “แกๆๆ ไปป่ะ”เอิ้นมันสะกิดผมแล้วพูดเบาๆ ผมมองหน้าเอิ้นแล้วพยักหน้า  แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ ผมกับเอิ้นรีบตรงดิ่งไปยังห้องพยาบาลทันที เมื่อมาถึงก็เห็นอาจารย์ลดาวัลย์กำลังทำแผลให้ไอ้สกายโดยมีไอ้ตี๋ยืนดูอยู่ข้างๆ


   “แกๆ รอดูอยู่ตรงนี้ก่อนรอให้อาจารย์ออกไปก่อนแกค่อยเข้าไป”เอิ้นมันพูดกับผมขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้องพยาบาล


   “ทำไมวะ”ผมถามมันอย่างสงสัย


   “ถ้าไอ้สกายมันวีนใส่แกต่อหน้าอาจารย์แกไม่อายหรอวะ แกก็รู้ว่ามันเป็นคนแบบไหน”ผมฟังเอิ้นแล้วก็เห็นด้วยกับมันรอให้อาจารย์ออกไปก่อน ส่วนไอ้ตี๋ยังไงก็เคลียร์กับมันได้


   “แกๆๆ อาจารย์ออกมาแล้วหลบๆ”พวกผมหลบอยู่หลังประตูส่วนอาจารย์ทำแผลให้ไอ้สกายเสร็จแล้วก็กลับไปที่ห้องทำงานต่อ  พออาจารย์ลดาวัลย์เดินไปไกลแล้วพวกผมก็เดินออกมาจากหลังประตู  ผมชะโงกหน้าเข้าไปในห้องเห็นไอ้สกายมันนอนอยู่บนเตียง ส่วนไอ้ตี๋ก็นั่งอยู่ข้างๆ ผมยืนรออยู่หน้าประตูแล้วเคาะเสียงเบาๆ ครั้งนึงเพื่อให้ไอ้ตี๋มันหันหน้ามาเพื่อที่จะได้เรียกตัวมันออกมาคุยด้วย  เหมือนมีเวทย์มนต์สั่งมันหันหน้ามามองแล้วผมก็กวักมือเรียกมันมา  มันมองไปที่ไอ้สกายที่กำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงสงสัยจะเจ็บหนัก


   “ว่าไงปอม  มีอะไรรึเปล่า”มันเดินมาถึงแล้วถามผม


   “คือเราอยากจะเข้าไปเยี่ยมสกายหน่อยน่ะ  ขอเราเข้าไปหน่อยนะส่วนนายก็รอข้างนอกได้มั้ย”


   “โอเค๊ เข้าไปสิ เดี๋ยวเรารออยู่แถวนี้”มันคงรู้แหล่ะว่าผมอยากใกล้ชิดกับไอ้สกาย  ตอนนี้ผมกับมันก็กลายเป็นเพื่อนกันไปซะแล้วส่วนเรื่องชู้สาวน่ะหรอ หมดสิทธิ์เพราะมันก็รู้ว่าผมชอบไอ้สกาย ส่วนมันก็หม้อไปเรื่อยเท่านั้นเอง


   “ฝากดูแลมันด้วยล่ะกัน”ไอ้ตี๋ทิ้งท้ายก่อน


   “เคๆ เข้าไปล่ะ”ผมพูดกับตี๋แล้วกำลังจะเดินเข้าไป


   “เฮ้ย ลืมไปเลย เอิ้นแกกลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวอีกสักพักฉันถึงจะกลับ”ผมหันกลับมาคุยกับเอิ้น ห่วงแต่ผู้ชายเลยลืมเพื่อนไปเลยผมนี่เป็นเพื่อนที่แย่สุดๆฮ่าๆๆ


   “จ่ะ ลืมกูเลยนะมึง ดีนะที่ยังนึกได้ เออๆๆ เดี๋ยวกูกลับเลยล่ะกัน ดูแลตัวเองดีๆล่ะ ระวังไอ้สกายมันจะต่อยเอา”เอิ้นมันประชดผม ฮ่าๆๆ


   “เออๆๆ แล้วเจอกัน”ผมพูดจบก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาลส่วนทั้งเอิ้นและไอ้ตี๋ก็พากันไปหมดแล้ว


   ผมเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ เห็นมันนอนหลับตาอยู่แต่ไม่รู้ว่าหลับจริงๆ หรือเปล่า สภาพมันตอนนี้มีผ้ากลอสปิดตรงหน้าผากด้านซ้ายสงสัยจะหัวแตกแน่ๆ


   “ตี๋กูขอน้ำหน่อยดิว่ะ”จู่ๆมันก็เอ่ยออกมาจนผมตกใจนึกว่ามันหลับจริงเสียอีก  ผมได้ยินก็มองหาน้ำดื่มเห็นตู้เย็นจึงเดินไปหยิบขวดน้ำออกมาหนึ่งขวดพร้อมทั้งเทใส่แก้วไปให้มัน


   ผมยื่นแก้วน้ำให้มัน ขณะที่มันตอนนี้กำลังจะกระเถิบตัวเอาหลังไปพิงที่หัวเตียงอย่างช้าๆเพราะมันอาจจะกำลังเจ็บอยู่  มันยังไม่รู้ว่าเป็นผมเพราะยังไม่หันมาข้างๆ  ผมจึงยื่นแก้วน้ำเข้าไปที่ปากมันอย่างช้า(คือจะป้อนมัน ฮ่าๆๆ) มันจับแล้วน้ำแล้วหันหน้ามาทางผม


   “มึง!  มาได้ไงวะ แล้วไอ้ตี๋ล่ะ”มันพูดด้วยท่าทางตกใจที่จู่ๆเป็นผมไม่ใช่ไอ้ตี๋อย่างที่มันคิด


   “กินน้ำก่อนดิ แล้วค่อยพูดหิวไม่ใช่หรอ ไอ้ตี๋กลับไปแล้ว”ผมเอ่ยแล้วมองหน้ามัน


   “กูไม่กิน  มึงใส่ยาเสน่ห์รึเปล่าก็ไม่รู้”มันพูดแล้ววางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะ


   ผมเห็นอย่างนั้นแล้วก็ถอนหายใจเสียงดัง  มันรังเกียจผมขนาดนี้เลยหรือนี่แต่ก็ช่างมันเถอะผมหน้าด้านนี่ ฮ่าๆ ผมอดรนทนไม่ได้จึงหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วจะเอาไปป้อนมันอีก  มันเบี่ยงหน้าหนีแล้วบอกให้ผมออกไป


   “กูไม่กิ๊นน(เสียงสูง) มึงออกไปเลย ไป๊”มันไล่ผม แต่ผมไม่ยอม จับที่ไหล่มันแล้วพยายามจะป้อนน้ำมันให้ได้  ด้วยที่มันเจ็บที่หัวอยู่แล้วผมจึงเป็นต่อมันยอมกินแต่โดยดี


   “ก็แค่นี้ล่ะ  มึงนี่ก็ประหลาดเนาะคิดไปได้กูจะใส่ยาเสน่ห์ ถึงกูจะชอบมึงแต่กูคงไม่คิดทำอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอกว่ะ”ผมพล่ามให้มันฟัง  มันก็เงียบๆแล้วขยับตัวลงนอนแล้วก็หลับตาเหมือนไม่สนใจฟังผมเลย


   “ถึงมึงจะไม่สนใจกูแต่กูก็จะสนใจมึงต่อไป ถึงมึงจะทำร้ายกู กูก็จะทำดีกับมึงต่อไป ถึงมึงจะด่าจะว่ากู กูก็จะ..”ผมพูดยังไม่จบมันก็ขัดจังหวะผมก่อน


   “หยุด!! กูจะนอน กลับไปซะ”มันพูดขณะที่ยังนอนหลับตาอยู่ มันคงรำคาญผมมาก


   “กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึง กูไม่ไป”ผมยังตื๊อต่อ


   “กูบอกให้ไปไง ไม่งั้นมึงโดนกูแน่”มันยังไล่ผมไป


   “เอาสิ จะทำอะไรกูก็ทำเลย แต่ตอนนี้มึงดูสภาพมึงก่อนนะ”


   “มึงนี้มันหน้าด้าน หน้าทนจริงๆเลย”


   “ใช่ กูมันหน้าด้านไง ไม่งั้นกูไม่ตามมึงยังงี้หรอก”ผมพูดแล้วทำหน้ากวนตีนใส่มัน  มันลืมตาขึ้นมาแล้วเหมือนมองหาอะไรซักอย่างข้างๆเตียง


   “เฮ้ยย มึงจะทำอะไรของมึงเนี่ย”ผมเอ่ยออกมาเสียงดังเพราะไอ้สกายมันโยนกล่องทิชชู่ใส่ผม


   “ก็ไล่แล้วไม่ไป จะไปได้ยัง?” มันพูดแล้วหันหน้ามาทางผม


   “หัวนาย”ผมไม่ได้สนใจเสียงมันไล่เลยตอนนี้ เพราะกำลังสนใจเลือดที่กำลังไหลออกมาจากแผลมันมากกว่า  มันเอามือแตะเลือดที่กำลังไหลลงมาจากหน้าผากมันมาดู  ผมมองซ้ายมองขวาหากล่องปฐมพยาบาลแล้วก็หยิบมาเพื่อทำแผลให้มัน


   “จะทำอะไร?” มันถามผมแล้วก็จับข้อมือผมไว้ขณะที่ผมกำลังจะเอาผ้าไปซับเลือดให้มันแล้วก็จะจัดการทำแผลให้มันใหม่


   “ก็จะทำแผลให้ไง เห็นไหมเลือดไหลเยอะแล้ว”ผมยังดื้อแกะมือมันออก แต่มันยังไม่ปล่อย


   “ไม่ต้อง กูทำเองได้”


   “ถ้าจะรังเกียจกูขนาดนั้น ขอได้ไหมขอแค่กูทำแผลให้มึงเสร็จก่อนเดี๋ยวกูจะไปทันที  อย่าพูดมากเดี๋ยวเลือดก็ไหลออกตายกันพอดี”ผมพูดแบบนี้แล้วดูมันเหมือนยอมอ่อนลงปล่อยข้อมือผมแล้วยอมให้ผมจัดการกับแผลมันทันที


   “ดูสิเลือดไหลเยอะเลย”ผมพูดแล้วรีบห้ามเลือดให้ มันยังคงนอนหลับตาเหมือนเดิม มึงคงไม่อยากมองหน้ากูสินะไอ้สกาย แต่ผมนี่สิทำไปมองหน้ามันไปมันช่างมีความสุขที่ได้เห็นมันใกล้ๆขนาดนี้ อิอิ


   “อ่ะ  เสร็จแล้ว”ผมเอ่ยกับมันหลังจากปิดผ้ากลอสด้วยเทปทำแผลแผ่นสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย 


   “เสร็จแล้วก็กลับไปซะ”มันเอ่ยออกมาโดยที่ยังนอนหลับตาอยู่ คือมึงจะไม่ยอมลืมตาเลยรึไงเนี่ย


   “ไม่มีน้ำใจว่ะ  ทำแผลให้ขอบใจซักคำยังไม่มีเลย”ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ


   “…..”มันเงียบ


   “ถ้างั้นเดี๋ยวกูกลับก็ได้”


   “ฟอดดด”ผมแอบหอมแก้มมัน ขอหอมแก้มแทนคำขอบใจล่ะกัน ฮ่าๆๆ :-[


   “มึงงงง!!!” :angry2:มันเอามือทาบที่แก้มมันแล้วมองมายังผมด้วยสีหน้าแดงก่ำ(มโนว่ามันเขิน แต่จริงๆแล้วมันคงโกรธ)


   “แทนคำขอบใจล่ะกัน  บายยยย” :mew1:ผมพูดแล้วโบกมือบ๊ายบายมัน  ผมรีบเดินออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมฝันไปรึเปล่าผมได้หอมแก้มมัน ถึงแม้ว่ามันจะเกิดจากการที่ผมฉวยโอกาสแต่ผมก็มีความสุขนะ



ฝากติดตามด้วยนะครับ หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะครับ :bye2:

TBC...
   
หัวข้อ: Re: ตื๊อรักนายใจหิน ตอนที่ 4 (15/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 18-08-2017 21:36:19
วางยา จับมัดแล้วปลุกปล้ำ

อ่านแล้วพาให้หมั่นเขี้ยวสกายตามไปด้วยคน

เรามาวางแผนเปิดจิ้นไอ่สกายกันดีกว่า เนอะ
ตกลงไหม..ปอม
อิอิ
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 5 (26/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 26-08-2017 21:11:26
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 5  แลกเบอร์


“เสร็จรึยังปอนด์” ผมตะโกนเรียกปอนด์จากชั้นล่างของบ้าน พร้อมสะพายกระเป๋านักเรียนเตรียมพร้อมออกจากบ้าน

“เสร็จแล้วครับ”ปังปอนด์ตะโกนพร้อมกับรีบวิ่งลงมาจากบันได

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นเดี๋ยวได้ตกบันไดกันพอดี”

 “อ้าวป้าไปร้านแล้วหรอครับ”ปังปอนด์มองซ้ายมองขวาแล้วถามเมื่อเห็นว่าไม่มีใครนอกจากผม  จริงๆแล้วบ้านผมมีกิจการเล็กๆ เปิดร้านขายขนมไทย ส่วนลูกค้าก็เยอะพอสมควรเพราะฝีมือแม่อร่อยสุดๆลูกค้าติดใจกันยกใหญ่ เวลาว่างๆผมกับพี่สาวก็จะไปช่วยแม่กันประจำครับ

“ใช่แล้ว ป่ะไปกันเถอะเดี๋ยวสาย”   ผมว่าพลางเดินนำหน้าพาน้องออกจากบ้าน  พวกเรานั่งรถเมล์ที่ซอยหน้าบ้านถ้ารถไม่ติดก็ประมาณ 15 นาทีก็ถึงโรงเรียนแล้ว

“เดี๋ยววันนี้พี่จะพาไปหาอาจารย์ที่ปรึกษานะแล้วตอนเที่ยงปอนด์กินข้าวเสร็จค่อยโทรมาหาพี่ละกัน”ผมพูดขณะที่เราทั้งสองนั่งอยู่บนรถเมล์กันแล้วตอนนี้ก็ใกล้จะถึงโรงเรียนแล้ว

“ครับ เดี๋ยวถ้ายังไงปอนด์จะโทรหาพี่ปอมอีกที”น้องผมจะโดนใครรังแกไหมเนี่ยยิ่งตัวเล็กๆ  บอบบางๆอยู่ด้วย
“ถ้ามีใครมารังแกบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่จัดการมันเอง”น้องข้าใครอย่าแตะเว้ยยย (เก่งจริงๆทั้งที่ตัวเองก็สูงกว่าน้องแค่นิดเดียว ฮ่าๆ)




--@ห้องพักครู--

“สวัสดีครับอาจารย์ พอดีผมพานักเรียนใหม่มารายงานตัวครับ”เมื่อมาถึงห้องพักครูผมก็พาน้องมาไหว้อาจารย์ที่ปรึกษา   แกชื่ออาจารย์เพ็ญพร แกใจดีมากๆ ตอนผมอยู่ ม.4  ผมก็อยู่ในปกครองของแกนี่ล่ะที่คอยชี้แนะทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องส่วนตัว  แกจึงเป็นที่รักของเด็กนักเรียนทุกรุ่นเลยทีเดียว

“สวัสดีจ๊ะ  อ้าวนี่เป็นญาติเธอเองหรอกวิน”อาจารย์ถามผม

“ครับ หน้าตาดีเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับอาจารย์”ไม่คอยจะอวยตัวเองเลย ฮ่าๆๆ

“จ้าดีก็ดี แต่ดูท่าทางน้องเธอจะบอบบางไม่น้อยเลยนะเนี่ย”  อาจารย์จับแว่นแล้วเพ่งมาที่ปังปอนด์

“นี่ไงผมถึงมาฝากน้องไว้กับอาจารย์เพราะผมรู้ว่าอาจารย์จะช่วยปกป้องน้องผมได้ครับ ฮ่าๆ”

“จ้าๆๆ เดี๋ยวครูดูแลให้ละกัน”อาจารย์เพ็ญพรยิ้มให้ผมอย่างใจดีเหมือนที่เคยยิ้มมาตลอด ผมรักอาจารย์ที่สุดเลยครับ!

“สวสัดีครับผมชื่อนายพูลพิพฒน์ ปรีดาพนม ชื่อเล่นปังปอนด์ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” น้องผมที่เป็นงานสุดๆเสียงนี่อ้อนอาจารย์ซะ  อาจารย์ยิ้มให้อย่างเอ็นดูปังปอนด์  คุยกันซักพักพสกผมสองคนก็มายืนรออาจารย์ที่หน้าห้องเพื่อที่จะพาปังปอนด์ไปแนะนำที่ห้องเรียน

“เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ มีอะไรสงสัยถามอาจารย์ได้ อาจารย์ใจดี๊ใจดีมาก”ผมแนะนำน้อง

“ครับ เดี๋ยวตอนเที่ยงปอนด์จะโทรหานะครับ”ปอนด์ว่าแล้วก็ไหว้ผม ฮืมมม มารยาทงามอย่างนี้เป็นน้องกูจริงป่ะวะ(พี่มันมารยาททรามมากก)





--@ห้องมัธยมศึกษาปีที่ 6/1--

“เอิ้นนน เพื่อนรัก”ผมทักทายเอิ้นเสียงดังท่วมห้องขณะที่มันกำลังง่วนอยู่กับการนั่งเล่นเฟชบุ๊คอยู่ในห้อง

“ว่าไงมึง วันนั้นมีไรเล่าให้กูฟังมั้ย”มันได้ยินเสียงผมเดิน  มันก็รู้แล้วว่าเป็นผม(สนิทกันจนจำเสียงเดินได้เจ๋งป่ะละ) มันเอ่ยพูดกับผมแต่ไม่ยักหันหน้าขึ้นมามอง

“เด็ดมากขอบอก....แต่กูไม่เล่า”

“บอกมากูอยากรู้ๆๆๆ”มันวางมือถือลงแล้วรีบมาเขย่าแขนผมรัวๆ ต้องใช้มุขนี้มันถึงจะสนใจผม ฮ่าๆ(มันเป็นพวกสายสอดหรือเรียกง่ายๆว่าชอบสอดรู้สอดเห็นโดยเฉพาะเรื่องวายๆนี่ชอบนัก)

“วันนั้นกู.....ได้หอมแก้มันด้วยว่ะ”ผมยิ้มกว้างมากที่สุดเท่าที่จำได้

“แล้วทำไมมึงไม่มีรอยฟกช้ำหรือแผลเลยว่ะ”มันสำรวจหน้าผมอย่างตั้งใจ

“แล้วทำไมต้องมีล่ะ”

“อ้าวคนอย่างไอ้สกายมันจะให้มึงหอมฟรีๆได้ไงว่ะ”มันทำท่าสงสัย

“กูซะอย่าง ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลสิว่ะ ฮ่าๆๆ กูขโมยหอมแก้มมันอ่ะดิ”ผมพูดแบบอายๆ นึกถึงแล้วชื่นใจไม่หายคงจำไปตลอดชีวิตแน่ๆ

“สมใจมึงแล้วสิ”มันยักคิ้วให้ผม

“เออ สุดๆ”

คุยกันไม่นานอาจารย์ก็เข้ามาสอนแล้วพวกผมก็ต้องเข้าสู่โหมดมีสาระให้สมกับเป็นห้องที่เรียนเก่งที่สุดในโรงเรียน  ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่จะต้องเรียนอยู่ที่นี่และต้องตั้งใจเรียนให้มากๆเพื่อที่จะเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตัวเองชอบให้ได้  ผมอยากเรียนด้านภาษาเพราะผมชอบเรียนภาษาอังกฤษ อยากเข้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ส่วนเอิ้นมันก็ชอบเหมือนผมเลยตั้งใจกันว่าจะสอบเข้าที่นั่นให้ได้  และนอกจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วสิ่งที่ผมจะต้องทำให้ได้ก่อนจบ ม.6 คือการพิชิตใจไอ้คนใจหินอย่างไอ้สกาย ให้ได้  ถ้าไม่สมหวังผมก็คงจบความรักครั้งนี้ไว้ที่โรงเรียนแห่งนี้ให้มันเป็นความทรงจำดีๆของที่นี่ก็แล้วกัน




--@โรงอาหาร--

“อ้าวตี๋ หวัดดี”ผมบังเอิญเจอไอ้ตี๋ที่โรงอาหารตอนเที่ยงผมโบกมือทักทายมันแล้วมองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรซักอย่างจนไอ้ตี๋มันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น

“ไอ้สกายมันนั่งอยู่โน่น เรามาซื้อข้าวให้มัน”ไอ้ตี๋มันชี้ไปโต๊ะอีกฝั่งของโรงอาหาร เห็นมันนั่งเล่นมือถืออยู่กับเพื่อนอีก 2 คน
“เอ่อ มันเป็นไงบ้างดีขึ้นยัง”

“ก็ดีแล้วแล้วล่ะแต่ก็ยังเจ็บๆแผลนิดๆหน่อยๆ ไม่ต้องห่วงหรอกมันหนังเหนียวจะตาย”ตี๋มันรักเพื่อนมันมากก

“ดีแล้วจะได้ไม่ต้องห่วงมาก”ผมนี่พูดยังกะเป็นอะไรกับมันเลยเนาะ

“เดี๋ยวเราฝากโน้ตนี้ให้ไอ้สกายหน่อยดิ”ผมหยิบปากกาและกระดาษโน้ตในกระเป๋านักเรียนออกมา โชคดีที่เรียนคาบสุดท้ายก่อนมากินข้าวยังไม่ได้เก็บเข้าในกระเป๋านักเรียน

“หายไวๆนะ เป็นห่วง”

เป็นข้อความที่ผมเขียนลงกระดาษโน้ตฝากส่งให้มัน หวานป่ะละ ผมรู้ว่าจุดจบของกระดาษแผ่นนี้จะเป็นอย่างไรแต่ถึงยังไงก็อยากเขียนไปอยู่ดี  ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียบร้อยพร้อมจานข้าวที่อยู่ตรงหน้าแต่ยังไม่ได้แตะแม้แต่คำเดียว  มัวแต่กำลังมองดูว่ามันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าได้อ่านโน๊ตที่ผมส่งไป ไอ้ตี๋ยื่นให้มันแล้วชี้ทางผม  มันอ่านแล้วหันมามองหน้าผมแล้วอีกมือมันก็ขยำกระดาษทิ้งลงบนพื้น มันยิ้มเยาะที่มุมปากนิดหน่อย  แต่ผมก็ใจดีสู้เสือยิ้มตอบมันแบบไม่ได้รู้สึกว่าเสียใจอะไรมันก็หันหน้ากลับไปคุยกับเพื่อนมันต่อ

“มึงกินข้าวดิ๊ เย็นหมดแล้ว”เอิ้นมันเอ็ดผม

“กินๆๆ เห็นหน้ามันวันละนิดก็กินข้าวอร่อยแล้วว”ผมว่าพลางหยิบช้อนส้อมขึ้นมาตักข้าวกิน อย่างเอร็ดอร่อย

“มึงนี่มันบ้าผู้ชายจริงๆ”

“แหมๆกูก็บ้าแต่มันนี่ล่ะว้า  นอกนั้นกูก็ทุ่มเทเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบไง”

“อย่าลืมล่ะถึงเวลาแล้วถ้ามันไม่ได้ก็หยุด แล้วไปเริ่มต้นอะไรใหม่ๆที่มหาลัยกัน”

“มึงว่าไงกูก็ว่างั้นล่ะวะ กูสัญญาว่าแค่ ม.6 จริงๆแล้วก็จะหยุดทุกอย่าง” พูดแล้วก็ใจหายเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะจบ ม.6 แล้ว เอาไงเอากัน แต่ก่อนอื่นต้องสอบเข้ามหาสิทยาลัยให้ได้ก่อนล่ะกัน



Rzzzzz

 เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋านักเรียนผมดังขึ้น

“ว่าไงปอนด์อยู่ไหน”ผมรับสายพลางมองหาน้องชายไปด้วย

“อยู่ข้างหลังพี่ไงครับ”ปอนด์พูดจบก็ตัดสาย ผมรู้สึกเหมือนมีมือใครบางคนมาเกาะที่บ่าผม  จะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้น้องชายที่สุดแสนจะบอบบางของผม

“เป็นไงบ้างวันแรก มีใครแกล้งไหม”

“ไม่มีเลยครับเพื่อนๆน่ารักทุกคนเลย วันนี้ปอนด์ได้เพื่อนใหม่คนนึงมาด้วย” ปอนด์มันหันหน้าไปทางเพื่อนผู้หญิงน่ารักๆคนนึงที่มาด้วย  แล้วน้องก็ยกมือไหว้ผม ทำไมหน้าคุ้นๆจังว่ะเหมือนใครซักคนนึง คิดๆๆๆ

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อตองนะค่ะ”น้องมันน่ารักหน้าใสๆจัดฟันด้วย  แต่หน้าคล้ายใครน้า!!!!

“สวัสดีครับ พี่ว่าน้องนี่หน้าคล้ายใครซักคนนึงที่พี่รู้จักแต่นึกชื่อไม่ออก”ผมว่าแล้วทำท่าคิดไปด้วย

“พี่ตี๋รึเปล่าค่ะ”


ปิ๊ง!!!

“โป๊ะเชะ ใช่เลยครับ เอ..อย่าบอกนะว่าเป็นน้องไอ้ตี๋มัน”ผมถาม

“ใช่แล้วค่ะ น้องสาวแท้ๆเลยล่ะ คริคริ”น้องมันพูดแล้วตาหยีๆน่ารักมาก ต่างจากพี่ชายมันรายนั้นกวนตีนฉิบหายยยย

“พี่ไม่ยักรู้ว่าตี๋มีน้องสาวที่น่ารักเรียนอยู่ที่นี่ด้วย”ผมยิ้มให้น้องตอง

“อ้าวนั่นไงมาแล้ว อายุยืนเชียวตี๋”พูดยังไม่ทันขาดคำไอ้ตี๋มันก็เดินมาหาพวกเรา

“นินทาอะไรเราเปล่า  พี่ไม่ยักรู้ว่าตองรู้จักกับพี่ปอมเค้าด้วย”ตี๋มันมองไปที่น้องสาวแล้วทำหน้าสงสัย

“ก็เพิ่งรู้จักนี่ล่ะ ก็พี่ปอมเป็นพี่ชายปังปอนด์เพื่อนใหม่ของตองเอง”ตองตอบพี่ชาย ผมมองหน้าสองพี่น้องสลับไปมา  พี่น้องคู่นี้มันน่ารักทั้งคู่จริงๆ

“ปังปอนด์?”ไอ้ตี๋มันทำหน้าสงสัยว่าปังปอนด์เป็นใคร  อ๋อที่มันงงเพราะปังปอนด์ยืนอยู่หลังผมนี่เองมันเลยยังไม่ได้สังเกตเห็น
“อ๋อ ลืมแนะนำเลยนี่ปังปอนด์น้องชายเราเองแหละ”

“แล้วก็เป็นเพื่อนเค้าด้วยนะไอ้พี่ตี๋”เสียงตองเสริมต่อจากผม  ปังปอนด์มันยกมือไหว้ไอ้ตี๋แล้วก็ยิ้มให้ แต่แม่งไอ้ตี๋มันเอาแต่ยิ้มให้ปังปอนด์ นี่มันคิดจะหม้อน้องชายผมอีกคนรึไงเนี่ย

“หยุดยิ้มเลยตี๋นี่น้องชายเรา ไปไกลๆ”ผมโบกมือไล่ไอ้ตี๋พลางเอาน้องชายผมมายืนข้างหลัง 

“อะไรเล่า ปอม เราก็แค่ยิ้มให้น้องเค้าเฉยๆ ไม่ได้ไง? เห็นน้องมันน่ารักดี”อ้าวๆ ยังไม่หยุดอีก

“แล้วเพื่อนไปไหนแล้วล่ะ ไม่เห็นมาด้วยกัน”ผมถามมัน จริงๆก็อยากรู้เรื่องไอ้คนนั้นนั่นล่ะคร้าบบ

“อ๋อ ไอ้สกายสุดที่รักของ......”ผมชี้หน้าไอ้ตี๋ผมรู้ว่ามันจะพูดอะไร ต่อหน้าน้องๆผมอายไม่อยากให้รู้นะสิ

“ของแป้ง”ไอ้ตี๋มันว่าต่อ แล้วหัวเราะเสียงดัง

“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยตี๋ กวนตีนดีนัก”ผมผลักอกมันเล่นๆ เกลียดชื่อนี้จังพวกแก๊งนางมาร

“ตัวเองวันไหนว่างๆพาน้องปังปอนด์ไปเล่นที่บ้านสิ”ไอ้ตี๋มันจะเอาน้องผมให้ได้เลยอ่ะนะ ไอ้นี่! ผมมองน้องผมเองมันก็หน้าแดงๆ หลังจากที่ไอ้ตี๋เอาแต่จ้องหน้ามัน เฮ้อ สรุปผมกลายเป็น กขค ซะงั้น

“ไม่ต้องเลยทำไมต้องไปที่บ้านด้วย ห้างเหิ้งเยอะแยะไปที่นั่นก็ได้”ผมเบรกความคิดร้ายๆของไอ้ตี๋

“ทำไม? กลัวเราจะปล้ำน้องปอนด์รึไง ฮ่าๆๆ ไม่ไปก็ไม่ไปครับ แต่วันอาทิตย์นี้เค้าว่าจะพาพี่สกายไปเล่นเกมส์ที่บ้านด้วยอ่ะ” ไอ้ตี๋มันบอกกับน้องมัน แต่เหมือนมันจงใจพูดให้ผมได้ยินอย่างงั้นล่ะ

“เย้ๆ พี่สกายจะมาที่บ้าน”ตองเหมือนดีใจที่สกายจะไปบ้าน สงสัยจะเป็นที่ติดใจของเด็กๆสาวๆทุกคน

“ใช่แล้ว”

“แล้วยังงี้ปอมจะยังให้ปังปอนด์ไปบ้านเราด้วยไหมล่ะ หรือว่าปอมจะไปกับน้องด้วยก็ได้นะจะได้สบายใจ”ไอ้ตี๋มันเสนอ

“ไปนะคะๆ พี่ปอม ตองอยากให้ปังปอนด์ไปเล่นที่บ้านด้วย มีขนมเยอะมากๆ”ตองมันอ้อนผม  จะไปดีหรือว่าไม่ไปดีว่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไอ้สกายไปเราก็ต้องไปสิ อย่างน้อยก็ไปดูแลปังปอนด์กลัวไอ้เสือตี๋มันจะงาบน้องผมซะก่อนจะเรียนจบ

“โอเคครับไปก็ไป เดี๋ยวเอิ้นมึงไปกะกูด้วย ห้ามปฏิเสธ”ผมรีบพูดตัดหน้าเอิ้น ก่อนที่มันจะอ้าปากพูด

“เออๆๆ ไปก็ไปว่ะ”

“เย้ๆๆ แล้วเจอกันวันอาทิตย์นะค่ะ”

“แล้วเจอกัน ไปล่ะ” พูดจบไอ้ตี๋ก็เดินกลับไปหากลุ่มมัน  ส่วนพวกผมก็แยกย้ายกันกลับไปเข้าเรียน 




--@คฤหาสถ์ศิริโรจน์ไพศาล--

และแล้ววันอาทิตย์ที่รอคอยก็มาถึง  วันนี้ผมแต่งตัวให้ดูดีกว่าทุกวันเพราะจะต้องเจอไอ้คนนั้น

“พี่ปอมมาแล้วว”ตองรีบวิ่งออกจากประตูหน้าบ้านมาเกาะที่แขนผมด้วยท่าทีดีใจ  หลังจากที่เราทั้ง 3 คน ผม ปังปอนด์และเอิ้น  เดินเข้ามาในคฤหาสน์ ใช่เลยครับมันไม่ใช่บ้านธรรมดาบ้านไอ้ตี๋โคตรรวยเลยล่ะ

“มาช้าจังเลยอ่ะม๊าทำขนมรอเยอะแยะเลย”

“โทษทีนะน้องตอง รถติดมากเลยอ่ะ”นี่ขนาดพวกผมรีบนั่งแท็กซี่มาแล้วนะ

“แล้วตอนนี้ตี๋อยู่ไหนอ่ะน้องตอง”ผมกรอกตาไปมามองหาไอ้เจ้าของบ้านและเพื่อนของมัน

“พี่ตี๋เล่นเกมส์กับพี่สกายอยู่ในห้องพี่ตี๋ค่ะ เดี๋ยวตองไปตามมาให้นะค่ะ รอที่ห้องรับแขกก่อนน้า”ตองพูดจบนางก็ไม่รีรอที่จะวิ่งขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสถ์หรู 

ผมนั่งรอที่ห้องรับแขกบ้านไอ้ตี๋ เฮ้ย! ทำไมแม่งสวยอย่างนี้บ้านมันตกแต่งสไตล์โมเดิร์นมากๆ เฟอร์นอเจอร์แต่ละชั้นคงแพงมากๆเลยล่ะ ห้องรับแขกนี่ใหญ่กว่าห้องรับแขกบวกกับห้องนอนทั้งบ้านของผมเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

“บ้านเค้าสวยจังเลยนะครับพี่ปอม”ปังปอนด์ก็คิดไม่ต่างจากผมเลย

“ช่ายๆสวยมาก ฉันว่าแกควรโฟกัสที่ไอ้ตี๋มากกว่าบ้านรวยโคตรๆ”เอิ้นมันบอกผม แต่ก็เหอะผมไม่ได้เห็นแก่เงินหรอกนะ(ถ้าไม่มากพอ ฮ่าๆๆ)

“มาแล้ววว”ตองรีบเดินกึ่งวิ่งลงมาจากชั้นบน ผมรีบมองไปหมายว่าจะมองไอ้สกายให้มันชื่นใจสมกับที่มาซะหน่อย  แต่ก็นะผู้ชายอะไรจะหน้านิ่งได้ตลอดเวลา ชิส์!

“โทษทีนะเรากำลังมัวเล่นเกมส์กับไอ้สกายอยู่”

“ไม่เป็นไรเราก็เพิ่งจะมาเอง”

“วันนี้น้องปังปอนด์แต่งตัวน่ารักจังเลยครับ”ไอ้ตี๋มันมองน้องผมปานจะกลืนกิน ไอ้สัสตี๋น้องกูนะ

“ขอบคุณครับ”ไอ้น้องผมนี่ก็นะ เป็นใจกะมันหน้าแดงยังกะลูกตำลึง

“ตี๋ชมแต่น้องเราแล้วเราไม่น่ารักบ้างอ่อ”

“น่ารักๆ จริงมั้ยวะไอ้สกาย”มันถามความเห็นเพื่อนมัน  ที่ตอนนี้มันเหมือนเห็นพวกผมเป็นลมเป็นอากาศ เฮ้อ!

“มึงจะถามกูทำไมวะ โทษทีกูไม่ได้มอง”มันทำหน้ามองผ่านผมไป เดี๋ยวๆๆ วันนี้กูจะปล้ำมึงให้ได้ไอ้สกาย ฮ่าๆๆ ผมหื่นป่ะละ

“เดี๋ยวถ้าไม่มีอะไรกูขึ้นไปข้างบนก่อนนะ”

“เดี๋ยวๆๆ อยู่ด้วยกันก่อนดิวะ เนี่ยแขกเยอะแยะเลยมึงนี่เสียมารยาท”

“อ้าวนี่แขกมึงนิ กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงชวนใครมาด้วย ไม่งั้นกูไม่มาหรอก”

“พี่สกายอยู่ด้วยกันก่อนนะคะวันนี้ม๊าทำขนมเยอะแยะเลยเดี๋ยวตองไปยกขนมมาให้ทุกคนดีกว่า”จริงๆคนรับใช้ที่บ้านมีนะครับแต่น้องตองอาสาทำเอง

“เดี๋ยวพวกพี่ไปช่วยยกนะ”ผมอาสา

“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวตองไปกับปังปอนด์ก็ได้”  พอตองเดินไปกับปังปอนด์เอิ้นมันก็ส่งซิกว่ามันจะไปช่วยให้ผมอยู่นี่ มันคงเห็นไอ้สกายนั่งเล่นอยู่บนโซฟาไม่สนโลกมั้ง  ส่วนไอ้ตี๋นะหรอมันเห็นปังปอนด์ไปมันก็เดินตามก้นต้อยๆ สงสัยผมจะได้น้องเขยก็คราวนี้ล่ะ คือผมยืนงงอยู่ว่าขนมมันเยอะขนาดนั้นเลยหรอวะทำไมต้องยกโขยงกันไปขนาดนั้น  แต่ก็ดีผมได้ทีอยู่กับไอ้สกายสองต่อสอง

“เล่นไรอยู่อ่ะ”ผมถามไอ้สกาย  แล้วก็แอบส่องๆที่มือถือมัน

“เฮ้ยยุ่งๆไรด้วยวะแม่งเสียมารยาท”มันว่าผมแล้วรีบเก็บมือถือแนบเข้ากับอกมัน

“ก็ไม่ได้ตั้งใจอ่ะแค่อยากรู้”

“มึงจะรู้ไปเพื่อ แต่ถ้ามึงอยากรู้กูบอกก็ได้ กูกำลังคุยกับแป้งอยู่ พอใจยัง”

“ก็...แล้วแต่ เออ..วันนั้นขอโทษนะที่ขโมยหอมแก้มอ่ะ”ผมพูดกะมันก็แอบเขินๆหน่อยๆ ผมเห็นมันทำหน้าเหรอหราเหมือนทำอะไรผิด

“กูลืมมันแล้ว!  ถือซะว่ามีลูกหมาลูกแมวมาดมๆละกัน”มันพูดแบบหน้านิ่งมากๆ คือมึงรู้จักด่ากูทางอ้อมนะไอ้สกาย ดีนะที่มีลูกแมวด้วยผมขอเป็นลูกแมวละกัน ฮ่าๆๆ

“แล้วมาบ้านไอ้ตี๋บ่อยไหมอ่ะ”ผมถามมัน  คือก็ไม่รู้จะถามอะไรอ่ะแค่มองหน้ามันก็เขินๆแระ

“ก็ไม่บ่อย ทำไม?”มันถามย้อน

“ก็.. ปล๊าววว”ผมขึ้นเสียงสูงจนมันหันมามองจับผิด  ที่ถามก็จะได้เลือกมาถูกวันล่ะครับท่านผู้ชม แผนผม อิอิ

“แล้วสกายจะเรียนต่อที่ไหนอ่ะ คณะอะไรหรอ”

“มึงนี่จะนั่งหายใจเฉยๆไม่ได้ไงว่ะ กูรำคาญ”มันทำท่าหงุดหงิด

“ชิส์ ถามแค่นี้ก็ไม่ได้พูดแล้วดอกพิกุลจะร่วงรึไงห๊า”แหมๆๆ ทำเป็นหงุดหงิดเรา ผมนี่ขึ้นเลยครับ
 
“ก็มันปากกู”มันไม่พูดเปล่ายังชี้ที่ปากมันเองด้วย

“ปากน่าจูบอ่ะ”ผมนี่รุกเต็มที่เลยครับ แหมๆกูเห็นนะมึงนี่หน้าแดงด้วยเขินกูอ่ะดิ มโนล้วนๆ

“ฝัน!”มันพูดคำเดียวจบแล้วหันไปสนใจมือถือมันต่อ

เออกูฝัน  แต่ในฝันกูก็มีแต่มึงนะไอ้คนไม่รู้อะไรบ้างเลยยย

“มาแล้วจ้า!!!”เสียงตองดังมาแต่ไกล  ทำไมมาเร็วกันจริ้งงงง  ยังไม่ถึงไหนเลย

“หูววว์!น่ากินจังเลย”ผมมองขนมไทยหลากหลายเมนูที่ม๊าของตี๋ทำมาให้กิน ไม่น่าเชื่อว่าบ้านรวยขนาดนี้จะลงมือทำเองและนิยมทำขนมไทยแบบนี้  เห็นแล้วก็อดคิดถึงขนมของแม่ผมไม่ได้รายนั้นอร่อยที่สุดในโลกเลยล่ะ

“กินเยอะๆนะคะ ม๊าตั้งใจทำเลยนะเนี่ย”

“ว่าแต่ม๊าไปไหนอ่ะยังไม่ได้กราบสวัสดีเลย”ผมถามแล้วมองซ้ายมองขวาหาคนที่ปรุงแต่งขนมที่อยู่ข้างหน้านี้

“อ๋อทำเสร็จแล้วม๊าก็ไปทำงานต่อแล้วค่ะ  เวลาทำงานแล้วคือนางจะไม่ให้ใครไปยุ่มย่ามเลยแม้แต่ลูกอย่างเราเนาะพี่ตี๋”ตองกะตี๋พยักหน้าเหมือนรู้กัน

“ลุยเลยมั้ย!”ตี๋บอกแล้วพวกผมก็ลงแขกกันอย่างเอร็ดอร่อย  แต่มีไอ้คนขวางโลกอยู่คนเดียวที่ไม่กินกับเพื่อน  ผมเห็นอย่างนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มขนมกะจะไปป้อนให้ไอ้สกาย

“อ่ะลองชิมดู อร่อยนะ”ผมยื่นให้มัน  แต่มันส่ายหน้า  เบือนหน้าหนี

“กูไม่ใช่เด็กๆนะโว้ย จะมาป้อนเพื่อ”

“ถ้าไม่อยากให้ป้อนก็มากินเองดิ”ผมว่าแล้วก็หม่ำขนมที่ส้อมของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย ผมเห็นมันแอบกลืนน้ำลายตัวเองอยู่แต่แม่งปากแข็ง

“พี่สกายทำไมไม่กินละค่ะ อร่อยมากๆเลย ปกตินี่แย่งกับพี่ตี๋กินตลอด”ตองถามพลางเคี้ยวตุ้ยๆๆ แก้มพองเชียว ฮ่าๆๆ เด็กอะไรจะน่ารักน่าชังขนาดนี้

“วันนี้พี่ไม่ค่อยหิวอ่ะน้องตอง ” มันว่าพลางส่งสายตาแข็งๆมาที่ผม

“อร่อยมั้ยครับปังปอนด์”ไอ้ตี๋มันถามปังปอนด์ แต่แม่งไม่ถามอย่างเดียวมีการเอามือไปเช็ดเศษขนมที่ติดขอบริมฝีปากของน้องผมอย่างถือวิสาสะ  หรือผมควรจะเชียร์มันกับปังปอนด์ดีนะแม่งเหมาะกันจริงๆคนนึ่งหล่อขาวตี๋สมชื่อมัน ส่วนอีกคนตัวเล็กกะทัดรัดน่ารักน่าทะนุถนอม

“ตี๋ๆๆเยอะไปแระ น้องเราหน้าแดงไปหมดแล้วนั่น”ผมแซวมัน ตองกะเอิ้นนี่ยิ้มใหญ่เลยสงสัยฟิน(ทีมสาววาย)หนักมากเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

“ก็เราเห็นขนมติดที่ปากน้องเลยอาสาเช็ดออกให้”มันยิ้ม

“ช่างเป็นคนใจดีแท้ๆ เพื่อนกู” เออน่ะมันแซวเพื่อนมันก็เป็นนี่นา เห็นมันยิ้มที่มุมปากด้วยคืออะไร  มันบอกเกลียดตุ๊ดแต่แม่งเหมือนไม่ได้รู้สึกรังเกียจปังปอนด์เลย ผมรู้สึกได้หรือเพราะว่าผมชอบมัน มันเลยไม่ชอบผมแค่นั้นหรอ?

“แน่นอนว่ะ”ไอ้ตี๋ยักคิ้วให้ไอ้สกาย 

หลังจากกินขนมกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกผมก็ย้ายจากในห้องรับแขกไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้านมัน  โห! ผมนึกว่ายกอุทยานแห่งชาติมาไว้เลยครับธรรมชาติสมบูรณ์มากๆมีต้นไม้ใหญ่ลำธารที่สร้างเลียนแบบได้เหมือนจากธรรมชาติจริงๆ น้ำใสๆไหลผ่านสวยสดชื่นสุดๆ

“นี่ถ้าไม่บอกว่าอยู่กรุงเทพนึกว่าอยู่ในป่าจริงๆแล้วนะเนี่ย”ผมพูดกับทุกคน  ตอนนี้พวกผมนั่งอยู่บนแคร่ข้างๆลำธารน้ำไหลที่กำลังไหลเรื่อยๆ ขาทั้งสองข้างจุ่มลงไปรู้สึกเย็นสดชื่นมากๆ

“ป๊ากับม๊าสร้างที่นีไว้ให้พวกเราสองคนค่ะ เพราะตองกับพี่ตี๋เวลาไปเที่ยวเชียงใหม่ตอนเด็กๆคือร้องไห้งอแงไม่อยากกลับมาเพราะชอบวิ่งเล่นในลำธาร  ป๊ากับม๊าเลยสัญญาว่าจะสร้างไว้ที่บ้านให้พวกเราเลยยอม  และหลังจากนั้นก็สร้างมาเรื่อยๆจนอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ค่ะ ว่างๆมากันได้ตลอดเลยน้าตองจะได้มีเพื่อนเล่น”ตองอธิบายที่ไปที่มาอย่างละเอียด คืออะไรจะรวยขนาดนี้เนี่ย

“แล้วสกายมาที่นี่บ่อยไหมน้องตอง”ที่ผมกล้าถามเพราะไอ้สองคนนั่นมันนั่งดีดกีตาร์อยู่อีกฝั่ง ผมแอบมองมันดีดกีตาร์เพลินตามากๆ

“บ่อยมากๆเลยล่ะค่ะ บางทีก็มาค้างที่นี่ด้วยเพราะพี่สกายเค้าอยู่คอนโดคนเดียวค่ะเลยมาบ่อยๆได้ ”

“แล้วตองรู้ไหมอ่ะว่าทำไมสกายมันถึงอยู่คนเดียว แล้วครอบครัวมันล่ะ หรือบ้านมันอยู่ต่างจังหวัด” ผมถามต่อ  ดูท่าทางตองจะแอบสงสัยในตัวผมว่าทำไมต้องถามเยอะขนาดนี้ แต่น้องก็ตอบต่อ

“พี่สกายเป็นคนกรุงงเทพนี่ล่ะค่ะ  คือจริงๆแล้วตองไม่ควรพูดหรอกนะคะแต่นี่คนกันเองแล้วอย่าไปเล่าต่อนะคะ กลัวพี่สกายจะโกรธเอา คือว่าพ่อแม่พี่เค้าเลิกกันตอน ม.3 ค่ะ แม่มีสามีใหม่เป็นชาวอังกฤษ ส่วนพ่อมีเมียและลูกใหม่อยู่ที่บ้านพี่เค้านั่นล่ะค่ะ  พี่สกายเลยขอมาอยู่คอนโดคนเดียวพ่อแกเลยซื้อคอนโดไว้ให้ใกล้กับโรงเรียน  ตองสงสารพี่เค้ามากสังเกตเวลามาบ้านแล้วเห็นพวกเราอยู่กันครับพ่อ  แม่  ลูก  พี่สกายแกดูหงอยๆยังไงไม่รู้” ตองเล่าให้พวกเราฟังอย่างละเอียด แม่งชีวิตมันน่าสงสารมากๆ เหมือนในละครเย็นช่องเจ็ดจริงๆ

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ผมเปรยกับตอบ  สาเหตุที่มันดูแข็งกระด้างและเย็นชา

“ว่าแต่ทำไมพี่ปอมแลดูอยากรู้เรื่องพี่สกายจังค่ะ มีซัมติงอะไรรึเปล่าน้า”ตองแซวผมเหมือนน้องรู้แหละว่าผมสนใจ รวมไปถึงปังปอนด์ด้วย ดีเหมือนกันจะได้รู้ๆกันไปทุกอย่างจะได้ง่าย

“ก็..ไม่มีอะไรจริงๆ  พี่แค่อยากรู้เฉยๆครับ มันฮอตสุดในๆโรงเรียนน้องตองก็รู้  ใครๆก็อยากรู้เรื่องของมัน ”ผมตอบไป
“รวมถึงพี่ปอมด้วยใช่ไหมค่ะ”น้องตองแอบอมยิ้ม  ผมก็พยักหน้าและยิ้มตอบกลับน้องมัน

หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งพูดคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยๆจวนจะถึงเวลากลับบ้านกันแล้ว
“เดี๋ยวอีกสักพักพวกพี่จะกลับกันแล้วนะ”ผมบอกน้องตอง  ตองพยักหน้าทำหน้าเหมือนเสียดาย  แล้วมองที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง

และแล้วก็ถึงเวลากลับ  ตอนนี้พวกผมยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของตี๋ โดยมีตองและตี๋มาส่งเพื่อรอรถขึ้นแท็กซี่  จริงๆแล้วตี๋มันอาสาไปส่งพวกเราแต่ผมปฏิเสธเพราะขับรถไปมาไม่อยากรบกวนมัน  นั่งแท็กซี่สะดวกกว่าเยอะ

“ตี๋ เราขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”ผมเอ่ยกับไอ้ตี๋ระหว่างยืนรอแท็กซี่  ผมกับตี๋เลยเดินแยกออกมาจากกลุ่มน้องๆ เอ้อลืมบอกไปไอ้สกายมันได้กลับไปก่อนหน้านี้แล้วครับ  เพราะพ่อมันโทรมาให้กลับบ้านด่วนเหมือนมันจะมีปากมีเสียงนิดหน่อยกับพ่อมัน(ผมแอบสังเกต  จริงๆไม่ได้ยินอะไรเลย ฮ่าๆๆ)

“ว่าไงปอม  จะร่ำลาเรารึไง?”มันยักคิ้วยิ้มหวานให้ผม ไอ้ตี๋ก็คือไอ้ตี๋หม้อไปเรื่อยของมัน  จนลืมเกรงใจว่าที่หวานใจของมันที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“เราว่า....จะขอเบอร์โทรไอ้สกายหน่อยอ่ะ”ผมตัดสินใจพูดออกไป  คือมันก็จะอายๆหน่อยเนอะขอเบอร์ผู้ชายฮ่าๆๆ

“เอาไปทำไมอ่ะถ้าไอ้สกายมันรู้มันเล่นงานเราหนักแน่”ไอ้ตี๋ทำท่าทางคิดหนัก

“ไม่เป็นไรหรอกเราไม่บอกว่าได้มาจากตี๋หรอกน่า”ผมยังดื้อ

“รู้ดิก็ปอมรู้จักคนที่มีเบอร์มันแค่เราไง โด่ววว”

“นะนะนะ เราอยากได้จริงๆ”ผมอ้อนมัน มึงรีบให้กูดิว่ะเดี๋ยวรถก็มาก่อนพอดี

“เอางี้ เราให้ก็ได้แต่ต้องมีของมาแลก” หา? ไม่นะหรือว่ามันจะเอาตัวผมแลกกับเบอร์ไอ้สกาย มโนไปขำๆ ผมทำหน้าตากลัวแล้วก็เอามือมาปิดที่คอเสื้อตัวเอง  ไอ้ตี๋มันเห็นก็ขำยกใหญ่

“เฮ้ยยๆๆๆ ไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่เราต้องการก็คือเบอร์น้องปังปอนด์ต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆ”ไอ้ตี๋มันขำผม ขำมากนะมึงเดี๋ยวไม่ให้ซะเลย นี่มันคิดจะจริงจังกับน้องผมแล้วหรือ?

“เราไม่ให้”

“โด่ววว นะๆๆๆ  ปอมคนดี้ คนดี”มันเปลี่ยนมาอ้อนผมบ้าง  ใครเป็นใครให้มันรู้ซะบ้าง

“พอๆๆ ไม่เล่นแล้ว  บอกมาเลยเบอร์ไอ้สกายเดี๋ยวเราเอาเบอร์ปังปอนด์ให้ บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าจะจีบน้องเราอย่าทำให้น้องเราเสียใจ  ไม่งั้นเราไม่เอาตี๋ไว้แน่”ผมขู่มัน

“ครับผมๆ”มันยิ้มกว้างทันทีที่ได้เบอร์ปังปอนด์ไป ส่วนผมก็เช่นกันคร้าบบบ ยิ้มกว้างกว่ามันหลายเท่า


-----  แผนแรกผมได้สำเร็จแล้วครับคือได้เบอร์ไอ้สกาย  ส่วนแผนต่อไปรับรองว่าเด็ดแน่นอนครับ รอดู!   ------




หัวข้อ: Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 5 (26/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 28-08-2017 01:41:15
สกายใจร้ายอ่ะะ :hao5:

ติดตามนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 5 (26/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 28-08-2017 12:58:48
เชียร์ปังปอนด์กับตี๋ อิอิ
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 6 แผนลวงใจ (03/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 03-09-2017 18:53:28
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 6  แผนลวงใจ


 “ฮัลโล” หัวใจผมเต้นตึกๆๆ เมื่อได้ยินเสียงเจ้าของเบอร์โทรที่ผมได้มาเมื่ออาทิตย์ก่อน ต้องใช้เวลาทำใจและสร้างเรื่องเพื่อที่จะคุยกับมันให้เป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้

“ใครอ่ะ ถ้าไม่พูดจะวางสายแล้วนะ” ฟังจากน้ำเสียงแล้วท่าทางมันจะหงุดหงิดน่าดู  ผมจึงจำเป็นต้องเอ่ยออกไป

“หวัดดี” ผมเอ่ยออกไปเสียงไม่ดังมากนักเพราะมันยังกล้าๆกลัวๆอยู่

“ใครอ่ะ แล้วโทรมาทำไมไม่พูดห๊ะ”

“กูเอง ปอม มึงอย่าเพิ่งวางสายนะเว้ย” ผมพูดดักไว้ก่อนเพราะรู้ว่ามันไม่ชอบขี้หน้าผมซักเท่าไหร่ 

“มึงเอาเบอร์กูมาจากไหน เมื่อไหร่มึงจะเลิกตามตื๊อกูสักที่ว่ะ แม่ง!” นี่มันหายใจรึเปล่าแม่งจัดผมซะชุดใหญ่เลย

“มึงอย่าไปว่าไอ้ตี๋นะ กูขอจากมันมา”ผมเอ่ยแล้วรอฟังเสียงมันตอบกลับ

“ไอ้ตี๋แม่งเป็นเพื่อนกูรึเปล่าว่ะ รู้ทั้งรู้ว่ากูไม่ชอบแม่งยังจะให้เบอร์มันอีก” เหมือนมันกำลังว่าไอ้ตี๋อยู่ แต่เสียงมันเล็กลอดผ่านสายมา

“มึงคงรู้ตัวใช่ไหมว่าคงโทรหากูได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว  เพราะหลังจากนั้นกูคงไม่รับสายมึงอีกอย่างแน่นอน” มันบอกผม

“เออ กูรู้ดีตัว  แต่มึงก็รู้ดีเหมือนกันว่ากูชอบมึงมากถึงยังไงกูก็จะคอยตามมึง ถึงมึงไม่รับสายกูกูก็จะไปตามมึงที่โรงเรียนเหมือนเดิม ทั้งๆที่กูรู้ว่ามึงไม่เคยชอบกูเลย มึงรำคาญกู  ใช่สินะ....ใครๆก็ไม่รักกู ใครๆก็จากกูไป แม้กระทั่งพ่อกับแม่ที่จากกูไปตั้งแต่เด็กๆแล้ว เด็กกำพร้าอย่างกูหวังแค่ว่าจะมีคนที่รักบ้างแต่ไม่เลย  มึงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ”  ผมสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาหวังเพื่อให้มันเห็นใจผม  ในฐานะที่เป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่เหมือนกัน


มันเงียบไปซักพัก ซึ่งผมก็รู้จุดอ่อนของมันเรื่องครอบครัว  หวังว่ามันคงจะได้ผล


“คือยังไงมึงกูจะคอยตามกูว่างั้น?  เอาตรงๆกูถาม ทำยังไงมึงถึงจะเลิกตามกูสักทีวะ อย่าบอกนะว่าจนกว่ากูจะชอบมึง ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้กูขอบอกไว้ก่อนเลย”  เอาแล้วไง เริ่มเข้าทางผมแล้วครับ

“กูรู้ว่ามึงคงไม่มีทางชอบกูอย่างแน่นอน ที่กูโทรมาวันนี้กูมีข้อเสนอซึ่งจะทำให้เราวินวินกันทั้งสองฝ่าย” ผมรีบยื่นข้อเสนอให้มัน

“แล้วมึงคิดหรอว่ากูจะรับข้อเสนอมึง ซึ่งกูไม่จำเป็นต้องมีข้อตกลงกับมึงก็ได้”มันโต้กลับมา

“กูยากให้มึงฟังกูก่อน  แล้วค่อยตัดสินใจอีกที  นะๆๆ”

“มึงว่ามาสิ ข้อเสนอที่มึงบอก”

“คือกูขอเวลาแค่หนึ่งเดือนที่ได้ใกล้ชิดกับมึงโดยกูจะยอมเป็นเบ๊ให้มึง  ไม่ว่าที่โรงเรียน หรือที่คอนโดมึงจะให้กูทำงานบ้าน หรือการบ้าน ห่าเหวอะไรก็ได้  ถ้าครบหนึ่งเดือนเมื่อไรกูจะยอมออกไปจากชีวิตมึงตลอดไป  มึงจะไม่มีทางได้เห็นหน้ากูอีกอย่างแน่นอน กูสัญญา”  ผมยื่นข้อเสนอออกไป

“ตั้งหนึ่งเดือนเลยรึ? มึงคิดว่ากูจะตกลงรึไง”มันเอ่ยน้ำเสียงนิ่งๆ

ตอนนี้หัวใจผมเต้นตึกๆ คือถ้ามันตกลงอย่างน้อยผมก็จะได้ใช้ชีวิต ม.ปลายอย่างคุ้มค่าที่สุด แต่ถ้าไม่มันก็คงแย่มากที่จะไม่ได้มีโอกาสที่สุดแสนจะพิเศษอย่างนี้


“กูทำใจไว้แล้วว่าผลจะเป็นยังไงกูก็จะยอมรับมัน ฮึกๆ”ผมแกล้งทำเป็นสะอื้นไห้  ให้มันได้ยิน  เพื่อเรียกคะแนนสงสาร(ซึ่งไม้รู้จะได้ผลไหม)

“ถ้ามึงทนทำตามที่กูสั่งได้ กูก็โอเค ไม่แน่หลังจากครบหนึ่งเดือนแล้วมึงอาจจะเกลียดกูก็ได้  แล้วมึงไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั่งไอ้ตี๋ ไม่งั้นเรื่องนี้จะเป็นโมฆะ”มันตอบตกลงแล้วก็ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมมา โอ๊ยยยยย!!! ตอนนี้ผมนี่กระโดดบนที่นอนยังกะลิงเลยครับ ดีใจสุดๆ   อย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนจบ ม.หกผมคงได้ใกล้ชิดกับมันตามที่ใจผมต้องการมาตลอด  แต่ก็ต้องใจหายนะเมื่อครบหนึ่งเดือนผมก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับมัน  แต่ก็ไม่เป็นไรการเข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยคงมีเรื่องราวอะไรที่จะทำให้ผมลืมมันได้อย่างแน่นอน ผมคิดอย่างนั้น

“ได้เลยครับเจ้านาย  กูจะทำตามสัญญา”  ผมไม่รู้ว่ามันคิดยังไงถึงตอบตกลง อาจจะสงสาร หรืออาจจะต้องการแกล้งผม หรือไม่ก็คงจะรำคาญผมมากจนต้องสละเวลาหนึ่งเดือนในการเจอผมบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ได้เจอกับผมอีกตลอดชีวิต
“วันจันทร์หลังเลิกเรียนมึงมาหากูที่คอนโด เดี๋ยวกูส่งแผนที่ไปให้ กูจะบอกสิ่งที่มึงจะต้องทำในเวลาหนึ่งเดือนนี้ ถ้าไม่มาก็ไม่ต้องมาอีกเลย เข้าใจนะ แค่นี้ล่ะ” มันว่าแล้วก็วางสายไปดื้อๆเลยล่ะครับ

หลังจากวางสายมันแล้วผมนี่สั่นไปหมดเลยครับว่าจะโทรไปบอกข่าวดีไอ้เอิ้นซะหน่อย  แต่ก่อนอื่นต้องทักไลน์ไอ้สกายไปก่อนเป็นการสื่อว่าผมพร้อมแล้วที่จะรับคำสั่งมันครับ ผมส่งสติ๊กเกอร์รูปทหารน้อยตะเบ๊ะไปให้มัน  มันก็อ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบ ซักพักมันก็ส่งโลเคชั่นคอนโดของมันมาให้ผมเท่านั้น  ไม่ได้ส่งอะไรมาอีก  จริงๆแล้วมันไม่จำเป็นต้องส่งมาหรอกครับผมไปสืบมาหมดแล้วว่าคอนโดมันอยู่ที่ไหน ผมยิ้มให้ข้อความที่มันส่งมาแล้วก็กดโทรหาไอ้เอิ้น


ตี๊ดดดดดด 

ผมรอให้เอิ้นรับสาย ในใจก็แบบ รีบรับสิๆๆ กูไม่ไหวแล้ววอยากบอก

“ฮัลโล ว่าไงมึงกูกำลังรีดผ้าอยู่”มันรับสายแล้วบอกผม

“มึงหยุดทุกกิจกรรมเลยเดี๋ยวนี้กูมีข่าวดีจะบอก”

“โอเค แป๊บ”  มันคงเก็บเตารีดและผ้ามันก่อนเพื่อที่จะมาคุยกับผม  “เสร็จแล้ว ข่าวดีอะไรของมึง ว่ามาดิ ถ้าไม่มีสาระนี่มึงโดนแน่ไอ้ปอม”เอิ้นมันขู่ผม

“ดีมากที่สุดในชีวิตกูเลยล่ะ มึงรู้ไหมว่าไอ้สกายมันตกลงข้อเสนอกูแล้วววเว้ยยย”ผมลากเสียงยาวบ่งบอกว่าดีใจมากๆ
“เฮ้ยยย ดีจริงๆว่ะ มึงทำได้ไงวะ”

“กูแค่แกล้งสร้างเรื่องเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตาย แล้วก็บีบน้ำตานิดๆ มันคงจะสงสารก็อยู่นิดนึงมั้งเพราะมันก็มีปัญหาเรื่องครอบครัวเหมือนกันมันคงเห็นใจกู”ผมคาดเดา

“มึงนี่เลวว่ะแช่งแม่ตัวเอง”เอิ้นมันว่าพลางหัวเราะ

“กูไม่รู้จะทำยังไงว่ะ กูต้องไปกราบขอโทษแม่กูก่อน ฮ่าๆๆ อยู่ดีๆก็ไปแช่งท่านซะงั้น”ผมรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“เออๆๆ กูดีใจด้วยว่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโรงเรียนเล่าให้กูฟังอย่างละเอียดด้วย แต่ตอนนี้กูขอรีดผ้าต่อก่อน เดี๋ยวม๊าบ่นให้กูอีก”

“เออๆๆ แค่นี้ล่ะ”ผมวางสายเอิ้นแล้วก็รีบไปจัดการเตรียมหนังสือเรียนพรุ่งนี้เหมือนกัน

คืนนี้คงเป็นคืนที่ผมฝันดีสุดเลยทีเดียว.........


-------------------------------------------------------------------------


PANGPOND PART.

สวัสดีครับผมปังปอนด์นะครับ ทุกคนคงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมาพอประมาณแล้วนะครับ  หลังจากกลับจากบ้านตองวันนั้น  ผมก็รู้สึกแปลกๆกับพี่ตี๋  เวลาที่พี่เค้ามาแซวหรือมาใกล้ผมมักจะมีอาการหัวใจเต้นแรงผิดปกติ  หรือผมจะหลงเสน่ห์พี่เค้าแล้ว ไม่นะ!

Rzzzzzzz 

เสียงริงโทนมือถือผมดังขึ้นจนผมต้องผละจากการทำการบ้าน มาหยิบมือถือไปรับสาย  แต่มองแล้วเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเลย   ใครกันนะโทรมาดึกๆดื่นๆขนาดนี้

“ฮัลโล สวัสดีครับ”ผมรับสายแล้วรอฟังเสียงจากปลายสาย

“ทำอะไรอยู่ครับน้องปังปอนด์”ปลายสายเอ่ยออกมา ผมนี่งงเลยครับ ใครกันนะโทรมาแทนที่จะแสดงตัวตนแต่กลับมาถามแบบนี้เหมือนตั้งใจจะกวน

“แล้วคุณเป็นใคร เอาเบอร์ผมมาจากไหน”ผมถามเสียงดุ มันน่าโมโหไหมล่ะที่จู่ๆก็จะโทรมากวนกันแบบนี้

“ทำเป็นเสียงดุไม่เหมาะกับหน้าหวานๆเลยนะครับ  จำเสียงพี่ไม่ได้หรอครับ”แน่ะๆ ยังจะมาย้อนถามอีก ใครจะไปจำได้ล่ะครับ คนที่ผมรู้จักก็ไม่น้อยเลย แต่เอ! แทนตัวเองว่าพี่ต้องเป็นรุ่นพี่ซึ่งผมรู้จักไม่กี่คน ก็มีพี่ตี๋กับพี่สกายที่พอจะเจอบ่อยๆหน่อย  หรือว่าจะเป็น…..พี่ตี๋

“พี่ตี๋รึเปล่า?”ผมถามออกไป แต่ก็แน่ใจว่าน่าจะใช่แล้วล่ะเพราะนึกถึงหน้าพี่ตี๋เสียงก็ตามมาเลย

“เย้ๆ น้องปังปอนด์จำเสียงพี่ได้ด้วยดีใจฝุดๆ”เสียงพี่เค้าดูจะดีใจมากๆ  ผมนี่พอรู้กิตติศัพท์ของพี่ตี๋บ้าง  จากพี่ปอมแกบอกให้ผมระวังพี่ตี๋ไว้อย่าได้หลวมตัวปล่อยใจให้เด็ดขาด แกนี่เพลย์บอยตัวพ่อเลยล่ะ

“พี่ตี๋มีอะไรรึเปล่าครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมขึ้นเสียงใส่ แล้วเอาเบอร์ผมมาจากไหนอ่ะ”ผมเอ่ยขอโทษพี่เค้า  จริงๆผมก็ไม่ได้เป็นคนชอบสียงดัง  เพียงแต่เวลาใครมากวนแบบนี้มักจะขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“พี่ก็ต้องขอโทษน้องปังปอนด์ด้วยนะครับพี่โทรมากวนตีน ฮ่าๆ  พี่ขอเบอร์เรามาจากปอมเองล่ะ”

“ออ...แล้วพี่ตี๋มีอะไรรึเปล่าครับผมกำลังทำการบ้านอยู่”ผมบอกไปเพราะนี่มันก็ใกล้จะถึงเวลานอนแล้ว  เดี๋ยวทำการบ้านส่งไม่ทันพรุ่งนี้

“พี่ไม่มีอะไรมากก็แค่คิดถึงเด็กน้อยแถวนี้ มากก”หืมม ทำไมพูดตรงแบบนี้รู้ไหมผมเขิน ฮ่าๆๆ ผมเข้าใจที่พี่ปอมบอกแล้วว่าแกเป็นคนมีเสน่ห์สาวๆนี่ติดตรึม ผมคงเป็นหนึ่งในนั้นที่หลงไหลกับคารมณ์ของพี่เค้า 

“ออ ครับ”ผมพูดเขินๆ

“แล้วน้องปังปอนด์ไม่คิดถึงพี่บ้างหรือครับ คนอุตส่าห์คิดถึง”พี่เค้ายังอ้อนมาอีก

“แล้วทำไมผมต้องคิดถึงพี่ตี๋ด้วยล่ะครับ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”ผมแหย่พี่เค้าไป หน้าหม้อดีนักคิดหรอว่าผมจะง่าย

“ก็พี่กำลังจะทำให้เราเป็นอะไรกันอยู่นี่ไงครับ”

“หมายความว่ายังไงครับ”ผมถามกลับ เพิ่งจะคุยกันได้ไม่นานนี่จะรุกหนักเกินไปแล้วนะครับ ผมไม่ง่ายนะบอกไวก่อนครับพี่ตี๋จอมเจ้าชู้

“ก็พี่กำลังจะจีบน้องไงล่ะครับ ถ้าเป็นไปได้นี่จะจับกินไปทั้งตัวเลยซะตอนนี้ คนอะไรจะน่ารักน่ากอดซะขนาดนี้” ยอมแล้วครับมีความเป็นมืออาชีพจริงๆ คงจะพูดกับสาวๆบ่อยจนเป็นประโยคที่อยู่ในสมองโดยอัตโนมัติไปแล้ว แต่ผมก็อมยิ้มนะ เอ๊ะเรานี่ยังไงกันแน่ ฮ่าๆๆ

“ขอบคุณนะครับที่ชมแต่ผมว่าตอนนี้มันเร็วไป เราค่อยๆทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ก่อนดีไหมครับ โดยเฉพาะพี่ตี๋นี่ผมได้ยินข่าวว่าฮอตมาก ไม่แน่ใจว่าหลังจากวางสายผมไปแล้วยังจะโทรหาใครแบบนี้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้”ผมพูดตามสิ่งที่ผมคิดออกไป

“โอ๊ย เสียใจน้องปังปอนด์มองพี่ในแง่ร้าย อย่าไปฟังข่าวลือเสียๆหายๆจากคนอื่นเลยนะครับ โดยเฉพาะปอมเนี่ยยิ่งเชื่อไม่ได้เลย คอยดูนะถ้าเจอกันนี่จะจับหอมแก้มซะให้เข็ดข้อหาเชื่อคนอื่นมากกว่าพี่”นี่ขนาดคุยกันผ่านเสียงนะครับ ถ้าเจอกันตัวเป็นๆผมนี่คงได้แหลกคามือพี่เค้าแน่

“จะไม่ให้เชื่อได้ยังไงละครับ ก็หื่นซะขนาดนี้ ฮ่าๆๆ”ผมว่าแล้วก็ขำ

“โหห พี่ก็แค่แกล้งหยอกน้องไปงั้นล่ะครับ จริงๆแล้วพี่นี่สุภาพบุรุษสุดๆเลยนะครับ  ไม่เชื่อนี่ต้องนัดกินข้าวกันซักวันแล้วน้องจะรู้นิสัยจริงๆของพี่ตี๋นะครับน้องปังปอนด์” พี่เค้ายังบรรยายสรรพคุณของตัวเองให้ผมฟังซะจนผมเลี่ยนเอามากๆ คนอะไรจะขี้ยอตัวเองชะมัด

“พี่ตี๋ครับ ค่อยคุยกันวันหลังนะครับ มันดึกแล้วผมต้องทำการบ้านต่อ” ผมรีบตัดบทก่อนที่มันจะดึกมากไปกว่านี้

“ครับผม ฝันดีนะครับน้องปังปอนด์ของพี่ตี๋ แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะครับ”พี่เค้าพูดเสียงหล่อใส่ผม

“ครับ ฝันดีเช่นกันครับ บาย”ผมกดวางสายแล้วมองดูมือถือด้วยรอยยิ้มที่มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ นี่ผมคงจะหลงเขาคนนั้นเหมือนกับที่หลายๆคนหลงมานักต่อนักแล้วสินะ  แต่ผมจะพยายามเตือนตัวเองเอาไว้ว่า พี่ตี๋น่ะเพลย์บอยตัวยงจะได้ไม่เผลอใจให้เขาไปมากกว่านี้......


ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  มีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 6 แผนลวงใจ---อัพเดต(03/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 12-09-2017 21:16:25
เขินพี่ตี๋จีบน้อง :-[
หัวข้อ: Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 6 แผนลวงใจ---อัพเดต(03/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 14-09-2017 23:27:02
สกายถ้าตกหลุมแล้วอย่ามาโหยหาปอมละกัน  o18
พี่ตี๋น้องปอนมดขึ้นแล้วค่ะ!  :hao7:
ชะนีวายสองนางหล่อนทำดีมาก  :hao6:
ส่วนนัง 4 ตัวร้อยนี่ขอตบเรียงตัวได้ไหมนี่  :beat:
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 7 แผนลวงใจ---อัพเดต(03/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 15-09-2017 21:40:38
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 7 เข้าถ้ำเสือ



“ก๊อกๆๆ”


ตอนนี้ผมยืนรออยู่หน้าห้องไอ้สกายแล้วครับหลังจากที่มันส่งไลน์สั่งให้ผมมาหาที่คอนโดของมัน  หลังจากเลิกเรียน  เมื่อเสียงออดดังขึ้นในคาบสุดท้ายของวันผมไม่รอช้ารีบตรงดิ่งมาที่คอนโคมันโดยทันที  ตอนนี้ผมยืนสำรวจร่างกายตัวเอง  ว่าดูดีพอรึยังสำหรับที่จะเจอกับมันในครั้งนี้


“แอ๊ดดด”


เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ผมต้องหยุดการกระทำแล้วหันหน้าไปมองที่ประตู ผมนี่ตะลึงยืนตาค้างเลยครับ  เลือดกำเดาแทบไหลเลยทีเดียว ก็ไอ้สกายมันมาในสภาพใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวยืนโชว์ซิกแพค แถมมีหยดน้ำน้อยๆพรมไปทั่วตัวมัน มันมีกล้ามนิดๆครับ  แบบเนื้อแน่นๆ น่าสัมผัส (แอบหื่นมาก ฮ่าๆๆ)

“มึงจะยืนอ่านกินกูอีกนานไหม?”  เสียงของมันทำให้ผมหลุดจากภวังค์แล้วก็ตั้งสติเสียใหม่

“ใคร!  ใครอ่านกินมึง ก็กูแค่ตกใจที่จู่ๆมึงออกมาในสภาพแบบนี้” ผมพูดตะกุกตะกัก

“มึงเสียใจล่ะสิที่กูไม่ได้แก้ผ้าออกมา เสียใจด้วยมึงก็ได้แค่มองนี้ล่ะ จะยืนบื้ออยู่ทำไมเข้ามาสิวะ”  มันตะวาดผม  ผมจะยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะครับรีบเดินเข้ามาโดยทันที




ผมยืนสำรวจห้องมัน อะไรกันนี่แม่เจ้าห้องหรือกองขะยะว่ะเนี่ย  นึกภาพออกไหมครับเด็กวัยรุ่นอยู่ห้องคนเดียว  จะทิ้ง จะวางอะไรก็ไม่เป็นที่เป็นทางเห็นแล้วก็แอบคิดแม่งไม่เข้ากับหน้าตาหล่อสัดๆของมันเลย
 
“มึงอยู่เข้าไปได้ยังไงว่ะเนี่ย แม่งนึกว่ากองขยะ” ผมมองหน้ามันที่กำลังยืนทำหน้าไร้อารมณ์อยู่

“นี่ล่ะงานแรกของมึง” มันมองผมแบบเย้ยๆ

“ห๊ะ” ผมอุทานเสียงดัง ก็แบบต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะทำเสร็จ  มองแล้วก็ต้องทำใจครับในเมื่อเลือกขึ้นขี่หลังเสือแล้วเราก็ต้องขี่ต่อไป

“ทำไม่ได้ก็กลับไปซะ  เสียเวลากูจริงๆ”มันว่าแล้วก็โบกมือไล่ผมออกไป

“เดี๋ยวๆๆ กูทำได้แต่ต้องใช้เวลาหน่อยนะ” ผมต่อรอง

“กูให้เวลามึงแค่....ช่วงเวลากูอาบน้ำ  ถ้ากูออกมาแล้วพบว่ายังไม่เสร็จถือว่าสัญญาระหว่างเราเป็นอันสิ้นสุด โอเคตามนี้” มันว่าแล้วก็เดินเข้าในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำต่อ

“ไอ้....”ผมพูดยังไม่จบมันก็หายวับเข้าไปในห้องน้ำเสียก่อน ไม่มีอะไรมากผมก็แค่จะบอกมันว่า  “ไอ้เหี้ย” ก็เท่านั้น ฮ่าๆๆ


ผมรีบใช้สมองอันน้อยนิดของผมวางแผนคิดว่าจะเริ่มอะไรก่อนดี  เอาว่ะเริ่มแรกก็ต้องกำจัดขยะ ผมเดินหาถุงขยะในห้องมันบังเอิญเจอถุงขยะสีดำขนาดใหญ่พอดี เลยรีบเดินเร็วเก็บขยะที่มีอยู่ทั่วห้องของมัน ห่อขนมเอย เศษกระดาษเอย ขวดเหล้าขวดเบียร์เอย สงสัยมันจะพาเพื่อนมากินเหล้าบ่อยแน่ๆ เก็บขยะเสร็จผมนี่ปาดเหงื่อเลยครับท่าน  แต่ที่น่าโมโหก็คือเสียงไอเหี้ยสกายมันผิวปาก  อาบน้ำอย่างอารมณ์ดี  ถัดจากขยะก็เก็บเสื้อผ้าที่มันทิ้งๆ ขว้างๆ ยังกะจะไม่ได้ใส่อีกงั้นล่ะ  เสื้อนักเรียน กางเกงนักเรียน เสื้อยืดเอย กางเกงยีนส์เอย แต่ที่น่ารังเกียจที่สุดคือกางเกงในมันครับแม่งถอดม้วนไว้เป็นเลขแปดแถมยังมีคราบเหลืองๆอยู่ที่ขอบอีก เอาว่ะเก็บก็เก็บ ผมมองดูเวลาแล้วตอนนี้ก็ใช้เวลาไปห้านาทีกว่าๆแล้ว เสียงฝักบัวในห้องน้ำก็เงียบไปแล้วมันน่าจะใกล้ออกมาแล้วล่ะ  ผมจึงรีบแจ้นไปเอาไม้กวาดมา  รีบกวาดๆ เช็ดๆ ถูๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


“เย้!”


ในที่สุดมันก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ผมยืนปาดเหงื่อรอบที่สอง พร้อมกันนั้นมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี  มันเดินออกมาพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กๆเช็ดที่หัวกรียนๆของมัน  แล้วก็หันมามองผมที่กำลังยืนหอบอยู่ด้วยความเหนื่อย มันหันไปสำรวจรอบๆห้องด้วยใบหน้านิ่งๆ แม่งเย็นชาจริงๆ

“ไม่เลวนี่ ทันเวลาพอดี สงสัยกลัวไม่ได้เจอกูอีกล่ะสิ” มันว่าพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบบ็อกเซอร์มาใส่แล้วโยนผ้าขนใส่ใส่ตะกร้าแต่มันไม่เข้าตะกร้าหรอกครับ ตกอยู่แถวๆนั้นล่ะ ตามสไตล์มันไม่แปลกใจเลยที่ห้องมันรกแบบนี้

“กูเก่งล่ะสิ เอ้อ! แล้วมึงกินเข้ายัง”ผมถามมัน นี่ว่าถ้ามันยังไม่กินจะโชว์เสน่ห์ปลายจวักซะหน่อย

“ทำไมมึง?  จะทำให้กูกินรึไง”มันถามย้อน แล้วเดินไปนั่งที่โซฟา  เปิดทีวีนั่งดูอย่างสบายใจ ผมสงสัยว่าไอ้นี่ต้องเป็นพวกชอบโชว์แน่ๆ เลยครับ  มันออกมาจากห้องน้ำใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว ล่อนจ้อนอยู่ในห้องทั้งๆที่ผมอยู่ที่นี่ด้วยและมันก็รู้ว่าผมคิดกับมันยังไง  มันยังใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นหรือมันคิดจะยั่วผม?(แต่คือปกติผู้ชายที่อยู่ในห้องของตัวเอง  มันก็จะใส่สบายๆอย่างนี้ล่ะครับ มีแต่ผมนี่ล่ะที่ไม่เหมือน ฮ่าๆๆ)

“ก็ถ้ามึงยังไม่กิน  กูจะทำให้มึงกินก็ได้ ยังพอมีเวลานิดหน่อย”ผมมองที่นาฬิกาข้อมือไปด้วยพลางพูดกับมันไปด้วย

“กูไม่ค่อยได้ซื้อของมาไว้ที่ห้องซักเท่าไร  มึงไปดูละกันว่ามีอะไรบ้าง คราวก่อนพวกไอ้ตี๋มันมากินเหล้าที่ห้อง  คงซื้ออะไรมาไว้บ้างอยู่มั้ง”มันว่าพลางนั่งดูบอลไปด้วย

“ถ้างั้นกูไปดูก่อน  ถ้าเสร็จแล้วกูจะเอามาให้ที่นี่ล่ะกัน”ผมรีบแจ้นเข้าไปที่ครัวของมัน เปิดในตู้เย็นก็มีแต่ไข่ แล้วก็ไข่  เอาว่ะมื้อนี้ก็คงไม่พ้นข้าวใข่เจียวหรอกนะ  ผมรีบหุงข้าวแล้วก็เตรียมอุปกรณ์ไปด้วย สังเกตห้องครัวที่คอนโดมันแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจจะชอบทำกับข้าวบ้างอยู่มั้งเพราะ เครื่องครัวก็มีเกือบครบทุกอย่าง ถ้าปกติแล้ววัยรุ่นผู้ชายอยู่คนเดียวคงไม่ค่อยมีแบบนี้หรอกมั้งถ้าไม่ชอบทำอาหาร ผมคิดเดาเอา


“มาแล้วครับเจ้านาย”ผมถือถาดข้าวไข่เจียวมาเสริฟพร้อมกับถ้วยพริกน้ำปลา แถมกับน้ำซุปร้อนๆถ้วยเล็กๆด้วย

“ถ้ารู้ว่ามึงทำข้าวไข่เจียวมา  กูคงโทรไปสั่งยังจะดีกว่า แม่งเมนูตื้นๆ” มันบ่นแต่ก็ยังเลื่อนถาดข้าวไปตรงหน้าตัวเองแล้วรีบหยิบช้อนส้อมมาตักข้าวกิน สงสัยจะหิวน่าดูเพราะบ่นแต่ก็รีบกินเหลือเกิน

“อร่อยป่ะข้าวไข่เจียวฝีมือกู”ผมถาม

“งั้นๆล่ะ ที่กูกินก็แค่ขี้เกียจโทรไปสั่งก็แค่นั้น”

“เออๆๆ กินไปเหอะกูแค่ถามเฉยๆ  กูรู้ว่ายังไงมึงก็ไม่บอกว่าอร่อยหรอก  ไม่ชอบหน้ากูซะขนาดนั้น” ผมว่า

“เสร็จงานแล้วมึงกลับไปได้เลยนะเดี๋ยววันหลังก็จะสั่งงานใหม่”มันว่าพลางกินข้าวแล้วก็ดูบอลไปด้วย  แหมๆมึงพูดแล้วก็มองหน้ากูไม่ได้ไงว่ะไอ้สกาย

“อีกแป๊บก็ได้อยากอยู่นานๆอ่ะ เออ! แล้วเสื้อผ้ามึงส่งซักหรือซักเองอ่ะ”ผมถามเพราะที่เก็บเสื้อผ้าเมื่อสักครู่เห็นเต็มตะกร้าเลยจะอาสาซักให้มันซักหน่อย

“ก็โทรสั่งให้เค้ามาเอา อย่างกูหรอจะซักเองงานผู้หญิงชัดๆ”

“เอางี้ต่อไปมึงไม่ต้องเสียเงินเดี๋ยวกูมาซักให้เอง รับรองว่าสะอาดกว่าส่งร้านแน่นอน  แถมถนอมเนื้อผ้าด้วย”

“มึงแน่ใจนะ เสื้อผ้ากูสกปรกนะ แถมมีถุงเท้า กางเกงในด้วยนะ”มันบอก สงสัยคิดว่าผมจะเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเหมือนมัน

“ทำไมจะทำไม่ได้ว่ะ แค่นี้จิ๊บๆ มึงสบายใจได้กูทำได้ยิ่งกว่าแจ๋วซะอีก”ผมยอตัวเองตรงหน้ามัน  มันมองผมแล้วก็วางช้อนส้อมลงในจานเสียงดังแก๊รกแล้วเลื่อนถามมาทางผม

“อ่ะ อิ่มแล้วเอาไปเก็บด้วย”มันว่าแล้วดื่มน้ำ แล้วนั่งเอนหลังไขว่ห้าง สบายใจเฉิบเลยทีเดียว

“เดี๋ยวกูล้างถ้วยแล้วก็เอาผ้าไปส่งซักให้  แล้วกูถึงจะกลับนะ”

“อืม ก็แล้วแต่มึงล่ะกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ที่โรงเรียนไปหากูที่ห้องสภาตอนเที่ยงด้วยนะกูมีเรื่องให้ทำ”

อ้อลืมบอกไปครับมันเป็นคณะกรรมการสภานักเรียนปีนี้ด้วย สงสัยใกล้จะจบแล้วงานเยอะแน่ๆ คงจะให้ผมช่วยทำล่ะสิ ใช้กูคุ้มจริงๆนะมึง  แต่ก็อย่างว่าล่ะมันเป็นความสมัครใจของผมเองถือว่าวินวินกันทั้งสองฝ่ายล่ะกัน



ผมนำผ้าไปส่งซักร้านที่มันส่งประจำ ส่วนวันหลังผมคงจะต้องซักให้มันตามที่บอกไว้  ขึ้นมาที่ห้องก็มาล้างจานและทำความสะอาดครัวให้เรียบร้อย   ตอนที่ลงไปข้างล่างผมแอบไปซื้อนมมาแพคนึงแล้วก็จัดใส่ตู้เย็นให้มัน  หลังจากนั้นก็เขียนโพสอิทแปะติดที่หน้าตู้เย็นไว้เผื่อมันมาเจอแล้วอ่านมันจะได้รับรู้ถึงความห่วงใยจากผม  ผมว่าจุดนี้ล่ะที่จะทำให้มันใจอ่อนได้เพราะเด็กที่ไม่เคยได้ความรักจากครอบครัวมีคนทำให้แบบนี้มันก็ต้องใจอ่อนลงบ้างล่ะว่ะ ฮ่าๆๆ


“เสร็จเรียบร้อยแล้ว....กูไปก่อนนะ”ผมถือกระเป๋าไปยืนตรงข้างๆมัน  มันก็นั่งเอนหลังบนโซฟา  ยังคงนั่งขาไขว่ห้างเหมือนเดิม
 
“อืม! ไปเหอะแล้วอย่าลืมล็อคห้องให้กูด้วยล่ะ”มันหันหน้ามามองผมแวบนึง  ก่อนที่จะหันไปดูบอลของมันต่อ

“เอ้อ!! มีอะไรอยู่ที่ตู้เย็นอย่าลืมไปดูล่ะ”ผมว่าแล้วก็โบกมือลามันเดินออกมาจากห้องอย่างอารมณ์ดี

ระหว่างที่ผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านก็นั่งไปยิ้มไปคนเดียว บางทีก็แอบเขินๆมันน่ะอยู่ในห้องใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว  สาวๆในโรงเรียนจะอิจฉาผมไหมนะ  ที่ได้เห็นหุ่นแน่นๆของมัน พอใกล้จะถึงบ้านก็มีเสียงจากข้อความในไลน์ดังขึ้นมา


“ติ๊ง”

ผมรีบเปิดเข้าไปอ่านแล้วก็พบว่าเป็นข้อความจากไอ้สกายเจ้านายชั่วคราวของผมนั่นเองครับ


“กูกินไปแล้วกล่องนึง วันหลังไม่ต้องซื้อมานะ กูไม่ชอบกินของจากคนแปลกหน้า แต่ครั้งนี้กูจะกินละกันเสียดายของ” 


หลังจากอ่านข้อความของมัน  ก็มีภาพตามมาไม่นานหลังจากนั้นเป็นรูปกล่องนมที่กินหมดเรียบร้อยแล้ว  รู้สึกปลื้มปริ่มอย่างบอกไม่ถูกมันดื่มนมที่ผมซื้อไปให้ด้วย  แถมยังมีหน้าถ่ายรูปส่งมาให้ด้วย  เหมือนรายงานตัวว่ากูกินหมดแล้วนะประมาณนั้น


ข้อความที่ผมเขียนไว้ในโพสอิทที่ติดไว้ที่ตู้เย็น ผมเขียนไว้ว่า

“เห็นตู้เย็นว่างๆ เลยซื้อนมมาไว้ให้
อย่าลืมดื่มนมก่อนนอนด้วยนะ
 เป็นห่วงเห็นนั่งดูบอล คงนอนดึกน่าดู
เห็นห่วงนะครับ  ไอ้หน้านิ่ง”

ไม่รู้จะหวานหรือเสนอหน้าเป็นห่วงมันมากเกินไปไหม ผมรู้แค่ว่าเขียนไปยิ้มไปครับ


To be continued.


ขอโทษที่ลงช้านะครับ จะอัพเรื่อยๆแน่นอนครับ อย่าลิมติดตามกันเรื่อยๆนะครับ
ด้วยรัก.....AZAKI

 
หัวข้อ: Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 7 เข้าถ้ำเสือ---อัพเดต(15/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 15-09-2017 22:55:47
สู้ๆนะปอม! เจ๊เชียร์แกนะค่ะ  :katai2-1:
แล้วเรื่องนี้จะมีดราม่าไหมค่ะแบบพลิกล็อค  :hao4:
หัวข้อ: Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 7 เข้าถ้ำเสือ---อัพเดต(15/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 16-09-2017 08:28:59
นายเอกรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง ไม่ลองเปิดใจหรือมองคนอื่นบ้าง มัวแต่วิ่งตามเขาอยู่ได้
หัวข้อ: กลรักเสน่หาลวงใจ ตอนที่ 8 อ้อนจนได้(ตี๋+ปังปอนด์)---อัพเดต(18/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 18-09-2017 20:58:13
กลรักเสน่หาลวงใจ  ตอนที่ 8 อ้อนจนได้ (ตี๋+ปังปอนด์)


PANGPOND PART.



“น้องปอนด์!”


ผมหันซ้ายหันขวาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง  ขณะที่กำลังหาหนังสือบนชั้นในห้องสมุดของโรงเรียนช่วงเวลาพักเที่ยง    ผมยังไม่เจอใครเลย เอ๊ะ! หรือว่าหูฝาดไปเอง  ผมเลิกสนใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาหาหนังสือต่อ  นั่นไง! เจอแล้วคู่มือเคมีเล่มที่ผมต้องการ

“แบร่!”

“เฮ้ยยยย!”


ผมนี่สะดุ้งแล้วก็ร้องเสียงดังจนต้องรีบเอามือปิดที่ปากตัวเองเอาไว้ทันที  ก็ตอนที่ผมหยิบหนังสือออกมาแล้วดันมีใบหน้าปริศนาโผล่หน้ามาแทนที่ฝั่งตรงข้าม  แถมยังส่งเสียงแกล้งผมให้ตกใจอีก  พอตั้งสติได้ก็เพ่งมองไปยังไอ้คนที่มันมาทำให้ผมตกใจ  เห็นมันยืนยิ้มแฉ่งทำหน้าหล่อๆ กวนตีนผมอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน “ไอ้พี่ตี๋” นั่นเองครับ


“พี่ตี๋!”

ผมทำเสียงดุใส่  พี่เค้าก็อ้อมมาฝั่งที่ผมยืนอยู่ทันที

“โอ๋ๆๆ พี่ขอโทษ ไม่นึกว่าเราจะขวัญอ่อนขนาดนี้” ไม่พูดเปล่ายังใช้มือหนาๆมาจับมือผมอีก  ผมจึงรีบสะบัดมือออกทันที

“ถ้าปอนด์หัวใจวายตายไปจะทำไงอ่ะ”ผมว่า

“พี่ขอโทษ จะให้เค้าทำยังไงถึงจะหายโกรธอ่ะคร้าบบบ”ทำไมต้องมาทำเสียงออดอ้อนด้วยนะ รู้ไหมผมเป็นคนขี้ใจอ่อนนะจะบอกให้

“ครั้งนี้ถือว่าครั้งแรก อภัยให้ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ ถ้าทำอีกปอนด์จะไม่คุยด้วยเลย”ผมบอกแล้วชี้หน้าคาดโทษ

“ครับผม!  น้องปังปอนด์ของพี่ตี๋”  พี่ตี๋มันยิ้มตาตี่ให้ผม คนอะไรชื่อตี๋สมกับหน้าตาจริงๆแถมยังหล่ออีกด้วย

“แล้วพี่ตี๋มาทำอะไรที่นี่อ่ะครับ”

“อ้าว แล้วน้องปอนด์มาทำอะไรที่นี่ล่ะ”

“ก็มาอ่านหนังสือ”ผมตอบออกไป 

“นั่นไงล่ะ  พี่ก็มาอ่านหนังสือเหมือนกันครับ  แล้วน้องปอนด์นั่งโต๊ะไหนครับเดี๋ยวพี่ไปนั่งด้วย” ชิส์ ใครจะให้ไปนั่งด้วยไม่มีสมาธิอ่านหนังสือกันพอดี ก็พี่มันทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะตลอดเลย

“พี่ตี๋ไปนั่งกับเพื่อนเถอะครับ  พอดีผมไม่สะดวกอ่ะ” จริงๆผมก็มากับไอ้ตองน้องสาวพี่เค้านั่นล่ะครับ  ไม่ได้อะไรนะก็แค่กลัวพี่เค้ามาจีบผมต่อหน้าไอ้ต้องมันจะอายๆหน่อยอ่ะ ฮ่าๆๆ

“พี่มาคนเดียว ไม่มีเพื่อนนั่งอ่ะ นะครับบบ” ทำไมต้องอ้อนอีกแล้ววววววว

“ก็ได้ๆ” ผมว่าแล้วเดินนำหน้า  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้พี่ตี๋มันยิ้มกว้างหน้าบานขนาดไหน เห็นแล้วก็หมั่นไส้ซะจริงๆ

“เจอมั้ยปอนด์”  ตองมันถามเมื่อผมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามมัน  แต่มันไม่ยักกะแปลกใจที่มีแขกที่คุ้นเคยมาด้วย

“พี่ตี๋นั่งข้างๆปอนด์นั่นล่ะ  เก้าอี้ตัวนี้ตองวางหนังสืออ่ะ”  ตองมันชี้ไปยังเก้าอีกข้างๆผมซึ่งมันก็ว่างนั่นล่ะครับ  แต่ก็งงที่มันบอกว่าเก้าอี้ข้างๆมันไม่ว่าง  ก็เห็นๆอยู่ว่ามันว่างแต่มันเพิ่งจะเอาหนังสือกองโตที่มันไปค้นมาวางลงไปเมื่อตะกี้นี่เอง 

“ขอบใจมากนะน้องรัก” ผมสังเกตเห็นสองพี่น้องนี่มันยักคิ้วให้กัน  มีลับลมคมในอะไรรึเปล่านะ

“เออแล้วนี่อ่านวิชาอะไรกันน่ะ” พี่ตี๋ถามแต่หันหน้ามามองผม  คำถามไม่เจาะจงผู้ตอบแต่มองมาที่ผม คือผมต้องตอบใช่ไหมครับ?

“ก็ เคมีอ่ะครับ อาจารย์ให้มาทำรายงานส่งเลยหาข้อมูลกัน” ผมตอบพลางเปิดหนังสือไปเรื่อยๆ  ผมรู้สึกได้ว่าพี่ตี๋จะแกมองมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา  ผมเลยหันหน้าไปมองแกบ้างจะได้รู้ว่าเรารู้ตัวนะ  แต่ไม่เป็นผลครับพี่มันยังมีหน้ามายิ้มให้ผมอีก

“ไหนล่ะครับหนังสือพี่ บอกว่าจะมาอ่านหนังสือแต่ไม่ยักเห็นหนังสือติดมือมาซักเล่ม ?” ผมมองหน้าแกแบบสงสัย

“เอ่อ..พอดีพี่จะให้ตองไปหาให้อ่ะ พี่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ตองไปหาหนังสือการวาดเส้นมาให้พี่ทีดิ”ว่าแล้วแกก็ขยิบตาให้ไอ้ตอง  ส่วนไอ้ตองก็ชี้เข้ามาที่ตัวเองเชิงคำถามว่า กูต้องหาให้มึงเหรออะไรประมาณนั้น ฮ่าๆๆ
 
“อ่า ทำไมไม่ไปเองอ่ะ ได้คืบจะเอาศอก  อุตส่าห์ไลน์ไปแจ้งพิกัดแล้วยังจะมาใช้กันอีก”ตองมันบ่นๆ เอ! เดี๋ยวนะไลน์บอกพิกัด  แสดงว่านี่เป็นแผนของสองพี่น้องหรอกหรือเนี่ย ไอ้ตองนะไอ้ต้อง  ผมมองหน้าไอ้ตองอย่างคาดโทษ  ว่าจะด่ามันซะหน่อย  แต่แล้วมันก็ชิ่งหนีก่อน

“ได้ๆๆ เดี๋ยวตองไปหาให้ รอแป๊บนะพี่ตี๋” มันรีบลุกขึ้นเดินไปเพราะรู้ว่าผมกำลังจะด่ามันชุดใหญ่ไฟกระพริบแน่ๆ

“ตอนนี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้ว  ว่าไงครับที่พี่บอกว่าจะชวนไปกินข้าวซักมื้อ” พี่มันถามผมแล้วจ้องมองผมปานจะกลืนกิน  เฮ้ยยย! พี่ตี๋นี่มันห้องสมุดนะครับไม่ใช่ม่านรูดไม่ต้องทำหน้าหื่นขนาดนั้น

“ชวนตอนไหนครับผมจำไม่ได้อ่ะ” ผมแกล้งทำเป็นจำไม่ได้  แต่จริงๆแล้วผมจำได้ทุกประโยคที่คุยกันวันนั้น  ถ้าจะไปง่ายๆมันก็กระไรอยู่นะ

“อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้เลยครับ  พี่รู้ว่าสมองระดับน้องปอนด์ไม่มีทางลืมครั้งแรกของเราได้แน่นอน” นั่นแหนะ ยังมีการพูดจาสองแง่สองง่ามกับผมอีก  ถ้าผมตอบรับไปจะเสร็จพี่เค้ามั้ยอ่ะครับ

“อะไรครั้งแรกครับพี่ตี๋ พูดให้เคลียร์นะ” คนอะไรจะหื่นได้ตลอดเวลาเลย

“อย่าคิดลึกสิครับก็ครั้งแรกที่เราคุยกันทางโทรศัพท์ไง  ถ้าไม่ไปพี่งอนจริงๆด้วยนะ” พี่ตี๋ทำหน้างอนผม  โอ๊ยอยากจะขำช่างไม่เข้ากับตัวเองเอาซะเลย

“ปอนด์กินจุนะครับ เลี้ยงไหวหรอ” ผมแหย่ไป

“ไม่มีปัญหาครับผม ให้เลี้ยงทั้งชีวิตยังไหวเลย ตัวเล็กแค่เนี๊ยะจะกินได้มากขนาดไหนกันเชียว” พี่ตี๋ว่าแล้วก็เอามือมาลูบที่หลังผมแล้วค่อยๆเลื่อนมาเกี่ยวที่เอว ผมรีบขยับตัวหนีทันทีแต่ไม่ทันมือพี่เค้าเหนียวยังกับตีนตุ๊กแก กลับกลายเป็นว่าพี่เค้ากำลังโอบเอวผมซะงั้น

“พี่ทำอะไรเนี่ย ปล่อยดิ๊นี่ในห้องสมุดนะครับ” ผมงอแงแล้วมองไปรอบๆว่ามีใครมองมาไหม  ยังดีที่ไม่มีใครมองมาที่พวกเรา  เพราะต่างคนต่างนั่งอ่านหนังสือกัน(ไม่เหมือนพี่ตี๋ที่มันตั้งใจมากวนผม)

“พี่ก็จะพิสูจน์ไงว่าตัวน้องปอนด์เล็กแค่ไหน” ทำไมต้องพูดใกล้ขนาดนี้เนี่ย ผมนี่ขนลุกซู่เลยครับ  ก็ไอ้พี่ตี๋มันชะโงกหน้ามากระซิบเสียงเบาๆ ใกล้ๆใบหูของผม สัมผัสได้ถึงลมหายใจจนขนลุกเลยทีเดียว

“ถ้าไม่ปล่อยปอนด์โกรธจริงๆนะครับ”ผมมองหน้าเอาเรื่อง  พี่แกคงเห็นสายตาที่แฝงไปด้วยความอำมหิตของผมเลยคลายมือออก

“อย่าโกรธพี่เลยนะครับ แค่ล้อเล่นเองนะ”

“คราวหลังอย่าทำแบบนี้ในที่สาธารณะแบบนี้อีกนะครับ มันดูไม่ดี”

“แสดงว่าถ้าในที่ลับๆก็ได้อ่ะดิ”  พี่ตี๋มันยิ้ม

“ที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นล่ะครับ ถ้าปอนด์ไม่เต็มใจ” ผมบอกแล้วก็ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือต่อ  ชิส์! ขี้เกียจสนใจแล้วอ่ะ

“น้องปอนด์ชอบกินอะไรอ่ะครับ”

“................” ผมเงียบแล้วตั้งใจอ่านหนังสือต่อ

“เอ่ออ น้องปอนด์ว่างกี่โมงอ่ะพี่จะได้โทรหาได้ถูกเวลา” พี่มันยังถามไม่เลิก

“...............” ผมนับ 1-10 ในใจ ยุบหนอพองหนอ พี่มันไม่คิดเลยรึยังไงว่าผมก็รำคาญเป็นนะ

“น้องปอนด์ครับ หันหน้าอันน่ารักมาคุยกับพี่หน่อยดิครับ นะนะ”  พี่มันเอาแก้มอันหยาบด้านไปแนบกับโต๊ะแล้วเงยมาจ้องที่หน้าผม แลดูมีความพยายามดี ฮ่าๆๆ


“ตุ๊บ!”

ผมหุบหนังสือที่กำลังอ่านแล้วฟาดลงกับโต๊ะ  ตอนนี้ความอดทนอดกลั้นของผมได้ขาดสะบั้นลงแล้วครับ  ทุกคนในห้องสมุดมองมาที่ผมเกือบทุกคน ผมมองไปรอบๆแล้วยิ้มให้แบบเจื่อนๆ  เพราะไอ้พี่ตี๋คนเดียว  มันกวนผมไม่ยอมหยุด ไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือเลยครับท่าน  ผมมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง  แหมๆๆทำหน้าทำตาสำนึกผิดให้เราเห็นใจ ทำให้ตัวเองดูน่าสงสารซะงั้น  คนที่น่าเห็นใจต้องเป็นผมไหม? โดนกวนซะขนาดนี้  เอารางวัลลูกโลกทองคำไปเลยมั้ยครับพี่


“หยุดทำตัวน่าสงสารได้แล้ว แล้วก็ลุกออกจากโต๊ะนี้ครับ เพราะถ้าไม่ไปผมจะไปเอง” ผมเอ่ยอย่างคาดโทษ คนอะไรจะกวนตีนกันได้ขนาดนี้เนี่ย  ผมดูไม่ออกเลยว่าพี่เค้าจะมาจีบหรือจะมากวนตีนผมกันแน่ ฮ่าๆๆ

“พี่ขอโทษ พี่แค่อยากให้น้องปอนด์รับปากว่าจะไปทานข้าวด้วยกันซักมื้อจะได้ไหมครับ นะๆๆ”

เอาไงดีเนี่ยจะไปตอนนี้หรือจะตบปากรับคำไปซะให้จบๆ ผมคิดไปคิดมาก็เออ ยอมๆให้มันจบๆไป ยังไงพี่แกก็คงมาตื๊อให้ผมยอมจนได้ล่ะ


“ถ้าผมโอเคพี่ก็จะไปใช่ไหมครับ ถ้างั้นโอเคแล้วก็ไปได้เลยครับ ผมจะอ่านหนังสือต่อแล้ว”

“น่ารักที่สุดเลยครับ เอาไว้พี่จะโทรนัดวันอีกทีนะครับ แต่ก็เร็วๆนี้ล่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดี หึๆ” ผมไม่ชอบเสียงหัวเราะตอนท้ายๆเลยมันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้แต่ก็ช่างเถอะ

“ถ้างั้นพี่ฝากบอกตองด้วยนะว่าให้เอาหนังสือไปเก็บไว้ที่เดิม พี่ไปล่ะครับ” พี่มันส่งจูบมาให้ผมก่อนเดินไป เอ๋! ว่าแต่ทำไมผมต้องอมยิ้มกับท่าทีกวนของพี่เค้าด้วยอ่ะ  ผมคงไม่หลงเสน่ห์พี่เค้าเหมือนสาวๆหลายคนในโรงเรียนหรอกนะ  ก็พี่เค้าออกจะหล่อ รวย เท่ห์ ตี๋ ขาว ซะขนาดนั้น ใครไม่หลงก็บ้าแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่ได้ง่ายนะครับจะบอกให้


“อ้าวพี่ตี๋ไปแล้วหรอปอนด์” ตองมันเพิ่งจะเดินมาถึง  พร้อมกับถือหนังสือมาด้วย คือผมมั่นใจว่าไอ้ตองมันคงแอบไปนั่งดูผมกับพี่ตี๋ที่มุมใดมุมนึงแน่นอน  โรคสาววายเรื้องรังของมันกำลังจะกำเริบอีกแล้วล่ะครับ  ไม่งั้นมันคงไม่มาหลังจากที่พี่มันกลับไปพอดี๊ พอดี  ขนาดนี้

“ทำไมแกไปเอาหนังสือนานจังวะตอง รู้มั้ยพี่ชายแกนี่กวนเราจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย” ผมบ่นไปแต่รู้สึกเหมือนไอ้ตองมันจะยิ้มๆ

“แกยิ้มอะไรตอง มีลับลมคมในนะ เรารู้ว่าแกร่วมมือกับพี่ตี๋ใช่ไหม”ผมว่าแล้วชี้หน้ามัน มันเองก็ยังยิ้มแล้วตอบผมว่า

“เปล่านะ เราไม่ได้ร่วมมือแต่เราเต็มใจทำเองต่างหาก ก็เห็นแกกับพี่ตี๋คุยกันทีไรเราฟินอ่ะแกกกก”มันลากเสียงยาว

“แกนี่นะ ชักจะเยอะขึ้นไปทุกวัน”ผมส่ายหัวไปมา กับความเป็นสาววายเกินร้อยของเพื่อนผม

“และอีกอย่างเราไม่ชอบขี้หน้ายัยพี่เชอร์รี่อะไรนั่นเลย ชอบมาป้วนเปี้ยนพี่ชายเรา เราอยากให้พี่ตี๋ลงเอยกับปอนด์มากกว่า”

“พี่เชอร์รี่เป็นใคร ใช่แฟนพี่ตี๋รึเปล่า?” ผมถามแบบลุ้นคำตอบมาก ตึกๆๆๆ เสียงหัวใจผมเต้น

“ไม่ใช่ พี่ตี๋โสดย่ะ ยังไม่มีแฟน ส่วนยัยเชอร์รี่ก็เป็นแค่คนที่ปลื้มที่ชายเรา  แล้วก็อยากเป็นแฟนจนตัวสั่นเลยล่ะ ถึงขนาดหน้าด้านไปถึงที่บ้านเราเลยนะ  แต่พี่ตี๋แกบอกให้เราไปรับหน้าแล้วบอกว่าไม่อยู่บ้าน” หน้าตาตองมันดูจริงจังมาก

“อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง” ทำไมผมถึงโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่พี่ตี๋แกยังโสด

“แต่พี่ตี๋แกเจ้าชู้ขนาดนี้ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน  สาวๆที่เป็นแฟนคลับแกคงเยอะมากแน่ๆเลยใช่ป่ะ” ผมคิดแล้วก็ขนลุก  แฟนคลับพี่ตี๋นี่คงไม่ใช่น้อยๆ เดินไปเจอทุกสามก้าวเลยทีเดียว(อันนี้เวอร์ไปนะ ฮ่าๆๆ)

“ก็พอประมาณอ่ะ  ส่วนมากก็แค่ปลื้มๆนะแหละมีแต่ยัยเชอร์รี่คนเดียวนะที่เห็นแบบชัดเจนเวอร์  ว่าคลั่งมากจนนึกว่าเป็นเงาตามตัว พูดแล้วก็ขนลุก” ตองมันทำท่าขนลุกซะจนผมหลุดขำออกมา

“เค้าแรงขนาดนั้นเลยหรอ น่ากลัวอ่ะหวังว่าคงไม่มาหึงหวงกับเรานะ” ผมก็หวั่นๆอยู่ด้วยเพราะไอ้พี่ตี๋มันทำอะไรไม่ค่อยคิด อยากทำก็ทำไม่อายคนแม้แต่น้อย  ไม่ช้าผมว่าผมคงได้ปะทะกับพี่เชอร์รี่อย่างแน่นอน

“แกไม่ต้องห่วง  ถ้าเค้าทำร้ายแกฉันจะจัดการมันเอง” ไม่รู้จักพิษสงของสาววายซะแล้ว เพื่อนผมเองจะใครล่ะ ฮ่าๆๆ

“โอเคๆ ขอบใจแกมากๆ  ถ้าถึงวันนั้นอย่าวิ่งหนีก่อนเราล่ะ ฮ่าๆๆ”  ผมขำแต่ในใจก็กลัวๆอยู่นะ ว่าในอนาคตถ้าผมกับพี่ตี๋ลงเอยกันจริงๆมันจะมีอุปสรรคอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆเรื่องพี่เชอร์รี่นี่ก็มาแล้วหนึ่งอุปสรรค เฮ้อ!



To be continued.

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  ขอบอกว่าคู่หลักมีความพีคได้อีก ส่วนคู่นี้ก็จะมีอุปสรรคแน่นอนแต่จะมากจะน้อยรอติดตามกันเรื่อยๆนะครับ 




หัวข้อ: Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 8 อ้อนจนได้(ตี๋+ปังปอนด์)---UPDATE!!! (18/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 18-09-2017 23:32:19
น้องตองค่ะ! ปลุกความซาตานของน้องจัดการพวกชะนีผีเลยค่ะ  :z1: :hao7: :fire:
หัวข้อ: Re: กลรักเสน่หาลวงใจ ตอนที่ 8 อ้อนจนได้(ตี๋+ปังปอนด์)---UPDATE!!! (18/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 21-09-2017 22:08:02
เรียน ทุกท่าน

ผมขออนุญาตเปลี่ยนชื่อเรื่องนะครับ  เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องในตอนต่อๆไป

ต้องขออภัยด้วยนะครับ
หัวข้อ: ลรักเสน่หาลวงใจ ตอนที่ 9 เมื่อผมเสียตัวให้มัน (NC) ---UPDATE!!! (24/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 25-09-2017 00:06:44
กลรักเสน่หาลวงใจ
ตอนที่ 9  เมื่อผมเสียตัวให้มัน


@ห้องสภานักเรียน

“มันอยู่ไหนว่ะเนี่ย” ผมเดินไปชะโงกส่องที่หน้าต่างห้องสภานักเรียนในตอนเที่ยงตามที่ไอ้สกายมันนัดผมไว้  แต่ไม่ยักเห็นแมวหรือหมาเพ่นพ่านแม้แต่ตัวเดียว  สงสัยคงไปกินข้าวยังไม่กลับแน่เลย

“ห้องรกฉิบหาย  เป็นถึงสภานักนักเรียนสกปรกเหี้ยๆ!”  ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนที่จะสะดุดตากับกองเอกสารกองโตและขยะที่อยู่เกลื่อนห้อง   

“นั่นแหละงานของมึงวันนี้”

มันเดินมาจากไหนไม่รู้จนผมนี่ตกใจเลย 

“มึงอยู่ที่นี่นานแล้วหรอ” 

“ก็อยู่จนได้ยินมึงว่าพวกกูนั่นล่ะ”  มันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนที่จะนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าอย่างสบายอุรา

“ทำยังไงก็ได้ให้เอกสารพวกนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนบ่าย” 


หือ! เอกสารแม่งกองโตมากแถมยังไม่รู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน  ผมจะทำทันไหมนั่น

“โห!! เยอะขนาดนี้จะทันไหมเนี่ย  ถ้าไม่ทันทำช่วงหลังเลิกเรียนต่อได้ป่ะ” ผมทำท่าอิดออด  มันยังทำหน้าตาเฉยไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม

“ต้องทันเท่านั้น เข้าใจ๊”  มันว่าแล้วก็นั่งเล่นมือถือมันต่อ ผมนี่รีบเลยครับ

ผมเริ่มต้นด้วยการมองหาตู้ใส่เอกสารที่มันว่างๆ แล้วก็จัดรวบรวมเอกสารที่มันกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปมารวบรวมกันเป็นปึกเดียว  ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเหงื่อไหลเลยทีเดียว  ขนาดอยู่ในห้องแอร์นะนี่ เฮ้อ!ชีวิตกู  ตอนนี้ในห้องเงียบมากจนผมคิดได้ว่าควรจะทำตามแผนขั้นต่อไป


“มึงรู้ไหมว่าแต่ก่อนกูอ่ะ ต้องนอนร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อกับแม่ตลอดเลย มึงเคยเป็นบ้างไหม?” จู่ๆผมก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา  แล้วก็แอบปรายตามองหน้ามัน  เหมือนมันจะสะดุดกับการเล่นมือถือของมันแป๊บนึง  แล้วก็หันหน้ามามองผม 

“............”  มันเงียบ  ผมสังเกตได้ถึงใบหน้าที่ดูเหงาๆของมัน  แล้วมันก็หันหน้าไปจ้องมือถือมันต่อ

“กูเหงามาตลอด  จนมาเจอมึงกูชอบมึงตั้งแต่แรกเจอมันเป็นความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตกูมาก่อน  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกูยังไม่เลิกรักมึงทั้งๆที่มึงเองก็เกลียดกูมาก”  ผมก้มหน้าพูดไปน้ำตาไหลไปแต่มือนี่ก็ยังจับเอกสารเรียงอยู่ไม่ขาดสาย 

“มึงเลิกทำได้แล้ว  แล้วก็กลับห้องไปซะ!  เย็นนี้ไปหากูที่คอนโดด้วย”  ผมมองหน้ามัน  สังเกตสีหน้ามันไม่สู้ดีนักผมตาฝาดไปรึเปล่าตามันแดงๆ เหมือนจะร้องไห้เลย มันซึ้งเรื่องที่ผมแต่งขึ้นมาขนาดนั้นเลยหรือนี่?

“แต่มันยังไม่เสร็จนะ”  ผมบอกมัน  แล้วก็เอามืดปาดน้ำตาที่แก้มออกเบาๆ ผมนี่รับรางวัลตุ๊กตาทองได้ไหมครับ ฮ่าๆ

“กูบอกให้ไปก็ไปสิวะ!”  มันตะโกนแล้วชี้ไปที่ประตูเชิงเป็นคำสั่งให้ผมออกไป

“กะ ก็ได้ เดี๋ยวตอนเย็นกูไปหาล่ะกัน”  ผมว่าแล้วก็ถือเอกสารปึกใหญ่ที่อยู่ในมือไปวางไว้ในตู้ก่อนที่จะเดินออกไป  ผมก็หันหน้ากลับไปมองมันอีกรอบ  มันยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น


ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างไอ้สกายมันก็มีปมด้อยเหมือนกันนะ  ผมอาจจะใช้ช่วงเวลานี้ค่อยๆเข้าไปปลอบขวัญและให้กำลังใจมัน  มันเป็นทางเดียวในตอนนี้ที่ผมจะสามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจมันได้  ผมมั่นใจว่ามั่นต้องเป็นแบบนั้น




@คอนโดของไอ้สกาย

ก๊อกๆๆ

เสียงผมเคาะประตูห้องมันเมื่อเดินมาถึงที่หน้าประตู  รอสักครู่ไม่มีคนมาเปิดผมก็ถือวิสาสะจับลูกบิด  บิดดูเพื่อดูว่ามันล็อกไหม  สรุปว่ามันไม่ได้ล็อกห้องคงรู้ว่าผมจะมาหาล่ะมั้ง

ผมเดินเข้าไปข้างในก็พบว่ามันนั่งอยู่ที่โซฟาตัวโปรดหน้าทีวี  มันกำลังถือแก้วเหล้าพร้อมกับนั่งดูทีวีไปด้วย  แต่สภาพบริเวณแถวที่มันนั่งเต็มไปด้วยซองขนมและเศษขนมที่ตกเกลื่อนไปทั่ว  ผมว่ามันเมา!

“มาแล้วหรอ!  มานั่งนี่สิ”  มันตบปุลงที่ว่างข้างๆมัน  ผมไม่รอช้าเดินเข้าไปนั่งตามที่มันสั่งอย่างว่าง่าย  มันเมาครับสงสัยหนักด้วย

“มึงเคยเหงาไหม?”  มันถามขึ้นหลังจากที่ผมนั่งลงข้างๆมันอย่างเกร็งๆ

“ก็บ่อย  ตอนที่กูคิดถึงพ่อแม่นี่แบบนอนร้องไห้ทุกคืน”  ผมว่าแล้วก็ทำหน้าเศร้าๆให้มันเห็น

“แล้วมึงล่ะ?...”  ผมถามแล้วมองหน้ามัน

“ตั้งแต่กูจำความได้  แม่งไม่เคยมีวันไหนไม่เหงาซักวัน  ชีวิตกูไม่มีใครต้องการ แม่งเหี้ยสัดๆ”  มันว่าแล้วก็กระดกแก้วน้ำสีอำพันเข้าปากราวกับดื่มน้ำ  ผมเอื้อมมือไปจับที่แก้วเหล้าเพื่อห้ามไว้  ก่อนที่มันจะตายเพราะเหล้าซะก่อน  ผมเห็นมันแล้วก็สงสารมันมาก  มันคงเหงามากสินะ พ่อไปทางแม่ไปทาง

 “กูจะกินเหล้า มึงอย่าห้ามกูดิว่ะ”  มันพูดเสียงงัวเงียฟังแทบไม่รู้เรื่อง  มันดึงแก้วเหล้าจากมือผมคืนจนทำให้หกรดบนเสื้อของมัน  ผมเห็นท่าไม่ดีก็รีบเอาแก้วไปวางไว้ไกลๆ

“เอาเหล้ากูมา ไอ้เหี้ยปอม”  มันนอนครวญครางอยู่บนโซฟาแต่ไม่มีแรงเดินตามผมมา

ผมเอาเหล้าไปวางไว้ในครัวแล้วก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำพอหมาดๆ  เพื่อไปเช็ดเหล้าที่หกรดออกจากตัวให้มัน  ผมเดินมาที่โซฟาแล้วก็นั่งลงข้างๆ  หลังจากนั้นก็ค่อยๆลงมือปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของมันออกทีละเม็ด  แต่มีหรือมันจะให้ผมปลดกระดุมได้ง่ายๆ มันเอามืออันอ่อนแรงมาปัดมือผมออกแต่ด้วยความเมาทำให้ผมปฏิบัติภารกิจได้อย่างสบายๆ 

“เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้นะ  อยู่นิ่งๆดิว่ะ”  ผมว่าแล้วก็เอาผ้าไปเช็ดที่บริเวณอกมันเบาๆ  มันเป็นคนที่หล่อและมีเสน่ห์มากเหลือเกินจนผมอดที่จะเคลิ้มมองหน้ามันไม่ได้

“มึงชอบกูมากมั้ย”  อยู่ๆมันก็มองหน้าแล้วถามผมด้วยน้ำเสียงกระเส่า

“มาก”  ผมตอบสั้นๆคำเดียว  แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่น มันมองมาที่ผมด้วยสายตาเยิ้มๆ

“ถ้างั้นคืนนี้ให้กูเอา”  มันเอ่ยอย่างไม่อายปากแม้แต่น้อย  จนผมรู้สึกว่าเลือดลมมันไหลเวียนมาสูบฉีดที่ใบหน้าผมมากเหลือเกิน

“มึง....เมาอยู่นะ  ไหนมึงบอกเกลียดกูมากไง  แล้วทำไมอยากเอากูล่ะ”  ผมถามมัน

“ไม่มีเหตุผล”  มันว่าแล้วก็ดึงมือผมเข้าไปจนล้มทับที่ตัวของมัน  ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของมันที่หายใจออกมาเพราะใบหน้าของเราห่างกันแค่นิดเดียว  มันใช้มือหนาของมันมาจับที่ท้ายทอยของผมแล้วโน้มใบหน้าผมเข้าหาใบหน้าที่หล่อเหลาของมัน


อือออ!!!!

เสียงผมครางออกมานี่ผมฝันไปหรือเปล่า  มันจูบผมครับช่วงวินาทีนี้มีหรือที่ผมจะไม่ตอบสนองสิ่งที่มันต้องการ  ผมรู้สึกได้ถึงความดุเดือดและร้อนแรงจากที่มันส่งมาทางริมฝีปาก  รสจูบที่มันให้กับผมช่างเร่าร้อนเหลือเกิน  ผมเปลี่ยนอิริยาบถไปนั่งคร่อมตัวมันแล้วใช้มือทั้งสองข้างโอบรัดที่ต้นคอของมันอย่างหลวมๆ

เราจ้องตากัน  ผมรู้สึกได้ถึงไฟราคะที่มีอยู่ในตัวมันที่รอการประทุออกมา  เราจูบกันอีกครั้งมันส่งลิ้นอันซุกซนของมัน  มาตวัดไปมาในปากของผมเนิ่นนาน แล้วจู่ๆมันก็พลิกตัวผมให้นอนลงบนโซฟาแล้วก็คร่อมตัวผมไว้  มันยังคงจ้องตาผมอยู่ตลอดเวลาเหมือนมันต้องการผมมากในตอนนี้

“คืนนี้ลูกชายกูต้องการมึง”  มันว่าแล้วก็จับมือผมไปจับที่น้องชายของมันที่กำลังแข็งได้ที่  ผมรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและขนาดที่ใหญ่กว่าของผมมากเหลือเกิน

“ทำไมมันใหญ่อย่างนี้  กูกลัวเจ็บ”  ผมพูดออกไปตามความจริงที่ผมรู้สึก  ถึงแม้ว่าผมจะต้องการมันมากแค่ไหนแต่นี่คือครั้งแรกของผมและเป็นครั้งแรกที่เจออะไรที่มหึมาขนาดนี้

“ไม่ต้องกลัว  มึงได้เจ็บแน่นอน”  มันว่าแล้วก็โน้มตัวลงมาทับตัวผมไว้แล้วก็บดจูบที่ริมฝีปากผมอย่างรุนแรงและ  มันก็ใช้ลิ้นของมันชอนไชเข้ามาตวัดไปมาทักทายกับลิ้นของผมจนแทบจะหายใจไม่ทัน  โดยที่มือนึงของมันก็ปลดกางเกงนักเรียนของมันออกจนเหลือแต่บ๊อกเซอร์ลายสก๊อตของมัน  ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของผมที่ล้วงเข้าไปขยำแก่นกายขนาดมหึมาของมันจนมันสะดุ้งจนรู้สึกได้

มันร่นบ๊อกเซอร์ของมันลงไปกองที่ปลายเท้าแล้วก็สะลัดมันออก  ส่วนผมก็ไม่รอช้าเปลื้องผ้าของตัวเองออกเช่นกัน  มันเป็นความสุขที่ผมอยากมีมานานแล้วในวันนี้ผมจะทำให้มันพอใจมากที่สุด

“ซี๊ดดดดดด”  เสียงครางของมันดังขึ้นขณะที่ผมกำลังใช้ปากให้มัน  ผมค่อยๆใช้ปากครอบครองความเป็นชายของมันจนสุดลำ  มันเสียวจนต้องใช้มือมาจับที่ศีรษะของผมแล้วโยกขึ้นลงตามจังหวะ

“แม่งเสียวสัด!”  มันว่าพร้อมกับเงยหน้าด้วยความเสียว  ผมเห็นมันมีความสุขผมก็พอใจแล้ว

“ชอบมั้ย?”  ผมถามหลังจากเสร็จภารกิจด้วยปากกับน้องชายของมัน  แล้วก็นอนเอนหลังลงบนโซฟาตัวเดิม  มันไม่ตอบแต่เดินไปในห้องนอนแล้วก็หยิบขวดโลชั่นออกมา  มันยกขาทั้งสองข้างของผมขึ้นพาดบนไหล่ของมัน

“พร้อมจะเป็นของกูรึยัง”  มันว่าพลางบีบโลชั่นลงที่มือของมันแล้วบรรจงทาที่ช่องรักของผม  ในใจตอนนี้ผมก็รู้สึกกลัวๆนิดหน่อยเพราะนี่คือครั้งแรก  ผมหายใจเข้าลึกๆเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป

“อื้ม”  ผมตอบด้วยเสียงสั่นเครือ  บ่งบอกถึงความประหม่าที่มีอยู่ในตัว

 พรวดดดด!!!

มันไม่พูดพร่ำทำเพลงก็กดท่อนลำของมันเข้าไปในตัวผม  น้ำตาแทบไหลมันไม่ได้ให้ผมเตรียมใจไว้เลยเหมือนต้องการแกล้งกันซะนี่  มันกดแช่แก่นกายของมันค้างไว้ในตัวผมก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงมาลิ้มลองความหอมหวานที่ริมฝีปากผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  มือทั้งสองของผมจิกเข้าไปที่หลังของมันเพื่อระบายความเจ็ดปวด  ผมเจ็บมากเหลือเกินจนคิดว่าร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้วจนน้ำตามันไหลออกมา

“ผ่อนคลายแล้วทุกอย่างจะดีเอง”  มากระซิบที่ข้างหูผม  แล้วเม้มที่ติ่งหูจนผมรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว

“อื้ม”  ผมได้แต่ตอบไปอย่างนั้นเพราะมันพูดอะไรไม่ออกแล้ว

“ของมึงตอดดีเหลือเกิน”  มันกระซิบที่ข้างหูผมอีกครั้งก่อนที่

“อ๊ะ!”  มันเริ่มขยับช่วงล่างของมันช้าๆ  จนผมรู้สึกได้ถึงความเสียวซ่านที่เริ่มแผ่เข้ามาในตัวผม  มันเปลี่ยนจากความเจ็บเป็นความเสียวและสุขไปพร้อมๆกัน  เมื่อผมเริ่มคลายความเจ็บปวดลงก็เปลี่ยนจากการจิกที่หลังของมันเป็นโอบที่คอของมันแทน  มันเริ่มเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆจนตัวผมเริ่มอยู่ไม่นิ่ง  เคลื่อนไปตามจังหวะรักที่มันแสดงให้ผม

“ซี้ดดดดด”

“อ่าห์”

“อ๊ะๆๆๆๆ”

เสียงครวญครางของมันและผมดังระงมไปทั่งทั้งห้องจนนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้  มันเริ่มเร่งจัวหวะส่วนผมก็ช่วยตัวเองไปพร้อมกัน

“กู...กะ...ใกล้จะออกแล้ว”  ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงกระเส่าและตะกุกตะกักเนื่องจากความเสียวที่มันทำให้ผม    มันไม่ตอบแต่กลับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นๆและเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกเหมือนมีน้ำอุ่นๆฉีดเข้ามาที่ช่องรักของผมในขณะที่น้ำรักของผมก็พุ่งกระฉุดออกเช่นเดียวกัน

“อาห์”

มันนอนทับที่ตัวผมอยู่อย่างนั้นขณะที่น้องชายมันยังแช่อยู่ในช่องของผม  มันคงเหนื่อยมากผมรู้สึกได้ถึงเสียงเหนื่อยหอบของมันที่ดังอยู่ข้างๆหูผม ผมปล่อยให้มันนอนอยู่อย่างนั้นไม่ได้ว่าอะไรจนอีกสักพักมันก็ลุกขึ้นไปนั่งเอนหลังที่โซฟา  ส่วนผมก็รีบจะลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า  แต่ไม่ทันจะได้ลุกก็รู้สึกเจ็บเหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆที่ช่วงล่างของผม

“โอ๊ย!” 

ผมร้องเสียงดังแล้วก็รีบนั่งลงอย่างช้าๆและเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้

“เจ็บมากรึไง”  เสียงมันถามผม  ขณะที่กำลังพ่นควันสีขาวลอยคลุ้งอย่างสบายตัว

“เจ็บดิ  ถามได้”  ผมตอบมันด้วยสีหน้าเหวี่ยงๆนิดหน่อย  ครั้งแรกของกูนะเนี่ยแล้วยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือไง

“ลืมไปว่าของกูใหญ่  ใครๆก็เจ็บ”  หืมมม ใครๆก็เจ็บมันว่าอย่างนี้แสดงว่าเคยมีอะไรกับคนอื่นๆหลายคนแล้วสินะ  ผมไม่ใช่คน
แรกของมัน  แต่มันเป็นคนแรกของผม  มันไม่แฟร์เลยใช่ไหมครับ

“มึงเคยพาใครมานอนที่นี่บ่อยหรอ”  ผมถามออกไป

“ก็ไม่”  มันว่าแล้วก็ดูดมวนบุหรี่ที่มือของมันแล้วพ่นควันสีขาวออกมา 

“ถ้างั้นแสดงว่ากูเป็นคนแรกที่มีอะไรกับมึงที่นี่ใช่ไหม”  ผมว่าแล้วก็ยิ้มๆ  รู้สึกดีไม่น้อยถ้ามันเป็นแบบนั้น

“ก็ไม่”  ผมหุบยิ้มทันทีที่ได้ยิน  อ้าวแล้วยังไงว่ะเนี่ย  แต่ก็ช่างเหอะตอนนี้ผมต้องการที่จะไปล้างตัวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว

“ไม่เป็นไร  กูไม่อยากรู้แล้ว  กูจะไปล้างตัวแล้วก็กลับบ้านนะ”  ผมว่าแล้วก็พยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง  แต่มันก็เจ็บมากเหลือเกิน  เป็นเพราะมันคนเดียวใหญ่โคตรๆ

“วันนี้มึงไม่ต้องกลับนอนที่นี่ล่ะ”  อ้าวแล้วกูจะบอกแม่กูว่ายังไงล่ะครับไอ้สกาย  แต่เอ๊ะ!ผมบอกมันว่าเป็นเด็กกำพร้านี่นา  มันคงคิดว่าผมคงค้างคืนที่นี่กับมันได้

“ไม่ได้ๆ!  กูไม่ได้บอกพี่สาวกูไว้  ให้กูกลับเถอะนะ”

“มึงจะกลับในสภาพนี้นี่นะ  เดี๋ยวพี่มึงคงคิดว่ามึงโดนข่มขืนมาแน่ๆ  หรือมึงจะเอาแบบนั้น”  มันว่า นี่มันเป็นห่วงผมใช่ไหม? 

“เออก็จริง”  ผมพูดกับตัวเอง

“เฮ้ย!” 

ผมตกใจเสียงดัง  ก็อยู่ๆมันก็ลุกขึ้นมาอุ้มผมขึ้นโดยที่เราทั้งสองคนไม่มีเสื้อผ้าติดตัวกันสักชิ้น


“กูรำคาญ”

  มันว่าแล้วก็เดินอุ้มผมไปที่ห้องน้ำแล้วก็ช่วยพยุงผมขณะที่กำลังล้างตัวอยู่ในห้องน้ำ  ส่วนมันก็ได้โอกาสล้างตัวเช่นเดียวกัน  ถึงแม้ว่าจะผ่านบทรักกับมันมาหมาดๆแต่ก็ยังรู้สึกอายๆ  ผมหลบตามันบ่อยๆ

“อายทำไม? กูเห็นหมดแล้วนี่”  มันว่าพลางมองมาที่ผมที่ตอนนี้เปลือยไม่ต่างจากมัน 

“กูไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้นนะเว้ย”  ผมว่า

“เหรอ! ที่ตามกูต้อยๆนี่ไม่ได้หน้าด้านเลยใช่ป่ะ”  มันตอกย้ำความหน้าด้านของผมแบบเจ็บแสบที่สุด แต่ผมถือคติด้านได้อายอดครับ

“ไม่ได้หน้าด้านเว้ย เค้าเรียกว่าชอบ”  ผมแก้ตัวแล้วก็รีบเช็ดตัวเพื่อที่จะได้ออกมาจากห้องน้ำซะที


มันเช็ดตัวทีหลังผมแล้วก็อุ้มผมมาที่ห้องนอนของมัน  แล้วก็วางผมบนเตียงนุ่ม  หลังจากนั้นก็หาเสื้อผ้ามาให้ผมใส่  ผมไม่รู้ว่ามันสร่างเมาตั้งแต่ตอนไหน  แต่ตอนนี้มันทำเหมือนคนปกติยังกะไม่ได้มีอาการเมามายก่อนหน้านี้เลย

“เดี๋ยวคืนนี้นอนบนเตียงกับกูนี่ล่ะ  แต่มึงอย่าดีใจไปล่ะว่ากูจะชอบมึง กูก็แค่สงสารแม่งเสียบริสุทธิ์ให้กูก็แค่นั้น”  ว่าแล้วมันก็เดินออกจากห้องนอนไป  ปล่อยให้ผมนั่งเอ๋ออยู่

“ถ้ามึงไม่เมามึงจะกล้ามีอะไรกับกูแบบนี้ไหมว่ะ”  ผมพูดกับตัวเองเบาๆ  ผมก็คิดนะว่าถ้ามันไม่เมาผมคงไม่มีโอกาสแบบนี้แน่ๆ แต่ถ้ามันจะเป็นแค่ครั้งแรกและครั้งเดียวผมก็ดีใจมากแล้ว  เพราะถือว่าผมมาไกลมากแล้วกับความสัมพันธ์กับผู้ชายที่เฉยชาคนนี้

ช่วยคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
 
หัวข้อ: Re: กลรักเสน่หาลวงใจ ตอนที่ 9 เมื่อผมเสียตัวให้มัน (NC) ---UPDATE!!! (24/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-09-2017 01:19:21
หวังว่าความจะไม่แตกก่อน 1 เดือนนะ  :o11: :o11:
หัวข้อ: Re: กลรักเสน่หาลวงใจ ตอนที่ 9 เมื่อผมเสียตัวให้มัน (NC) ---UPDATE!!! (24/09/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 25-09-2017 10:23:47
จริงๆเลยนะปอมเอ๊ย
ขอให้ภารกิจนี้สำเร็จละกัน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: กลรักเสน่หาลวงใจ ตอนที่ 10 ครึ่งทาง ---UPDATE!!! (02/10/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 02-10-2017 19:43:17
กลรักเสน่หาลวงใจ

ตอนที่ 10  ครึ่งทาง


          ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วหลังจากวันที่เรามีอะไรกัน  ตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งทางแล้วสำหรับข้อตกลงที่ผมกับมันได้ทำกันไว้  ผมยอมรับว่าช่วงนี้ผมเข้าออกคอนโดมันได้ง่ายกว่าเดิมมาก  ผมรู้สึกได้ถึงความไว้ใจที่มันให้ผมเพิ่มมากขึ้น วันนี้ผมมาที่ห้องมันอีกเช่นเคยเพราะได้รับข้อความจากไลน์  มันบอกว่ามันไม่สบายผมจึงรีบวิ่งแจ้นจากบ้านมาโดยเร็วพร้อมกับถุงยาง เอ๊ย!! ไม่ใช่ ถุงยาที่ซื้อมาจากร้านยาแถวบ้านผม

            “ทำไมมึงมาช้าจังวะ”  มันว่าให้ผมหลังจากที่มาช้าแค่ 5 นาทีเองน่ะ

            “กูรีบสุดๆแล้วนะเนี่ย”  ผมว่างพลางเดินเข้าไปหามันที่กำลังนอนซมบนโซฟาตัวโปรดของมัน

            “เออ”  มันว่าแค่นั้นก็หลับตาลงอย่างเพลียๆ  ผมเดินเข้าไปใช้หลังมือแตะลงบนหน้าผากอุ่นๆของมัน

            “มึงไหวไหมว่ะ ไปหาหมอไหม”  ผมถามแต่มือยังคงแตะที่หน้าผากมัน  ทำไมมันร้อนอย่างนี้

            “ระดับกูแล้วไหวดิว่ะ  ไหนยามึง?”  มันถามหายาที่มันสั่งให้ผมซื้อมาให้

            “นี่อ่ะ เดี๋ยวกูไปเอาน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้มึงด้วยล่ะกัน รอแป๊บ”  ผมรีบเดินไปเอาชามน้ำอุ่นและผ้าขาวเตรียมมาเช็ดตัวให้มัน

            หลังจากที่มันกินยาแล้วผมก็ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นแล้วบิดหมาดๆ เช็ดตรงบริเวณใบหน้ามัน แล้วตามมาด้วยซอกคอตามมาด้วยบริเวณหน้าอกและกล้ามท้องของมันตามลำดับ  ไอ้คนที่มันเป็นไข้ก็ยังคงนอนหลับตาพริ้ม  ให้ผมเช็ดตัวให้แต่โดยดี

            “เสร็จแค่นั้นหรอว่ะ”  มันเอ่ยถามผม

            “อืม...เสร็จแล้ว”

            “กูว่ายังเหลืออีกที่นึง  มึงยังไม่ได้เช็ดให้กู”  มันว่าแล้วก็จับมือผมที่กำลังถือผ้าอยู่ไปจ่อตรงบริเวณน้องชายมัน  เป็นไข้จะตายห่าอยู่แล้วยังมีเวลามาเล่นอะไรหื่นๆอีกนะไอ้สกาย

            “ไอ้เหี้ยสกายมึงอย่ามาหื่นเวลานี้ มึงควรนอนพักผ่อนเว้ย”  ผมสลัดมือออกแล้วก็เอาชามน้ำไปเก็บ  จากนั้นก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิมข้างๆมัน

            “เวลากูเป็นไข้แม่กูก็เช็ดตัวให้แบบมึงนี่ล่ะ”  มันเอ่ยออกมาด้วยนำเสียงฟังดูเหงายังไงไม่รู้  มันคงจะคิดถึงแม่มันมาก  เด็กๆเวลาไม่สบายส่วนมากก็จะเป็นแม่นี่ล่ะที่เช็ดตัวให้  มันก็คงเป็นหนึ่งในนั้น

            “ให้กูเป็นแม่มึงแทนก็ได้นะ”  ผมพูดติดตลกออกไปไม่ให้มันเครียด

            “มีงน่ะเป็นเมียกูก็พอ”  มันพูดเสียงเบาแล้วก็เงียบไปสงสัยเพราะพิษไข้ทำให้มันเพลียจนหลับไป

            ผมนั่งจ้องมันอยู่นานพอควรจนคิดว่ามันน่าจะหลับสนิทไปแล้ว  ก็เอาผ้ามาห่มให้ให้มัน  เอาแผ่นเจลลดไข้ไปแปะที่หน้าผากมัน  ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะแอบจุ๊บที่แก้มมันครั้งนึง

            “ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย”    ผมว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไป  ผมสังเกตเห็นร้อยยิ้มน้อยๆของมัน  คิดว่ามันคงกำลังฝันดีอยู่แน่ๆ

*-*-*-*-*-*



           เช้านี้ที่โรงเรียนผมบังเอิญเจอไอ้ตี๋ตรงทางเดินระหว่างไปเข้าห้องน้ำที่อาคารเรียน

            “อ้าวตี๋”  ผมทักมัน

            “ไงปอม  ช่วงนี้เงียบๆไปนะ”  มันว่าผมเงียบ ก็ใช่นะสิผมใช้เวลาไปอยู่กับเพื่อนมันโดยที่มันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฮ่าๆ

            “อืม  ช่วงนี้เรามีเรื่องที่ต้องทำอ่ะ เลยไม่ค่อยว่าง”

            “ช่วงนี้ตี๋ก็ไม่ค่อยว่าง  ยุ่งๆกับการจีบเด็กน้อยอยู่”  มันพูดยิ้มๆ  ก็เด็กที่มันพูดถึงจะเป็นใครไปได้ล่ะครับนอกจากน้องชายผม  เห็นมันชอบโทรมาหาบ่อยๆอย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ฮ่าๆๆ

            “เหรอ! ขอให้จีบติดเร็วๆละกันนะ” ผมอวยพรมันกึ่งประชดประชัน

            “แล้วเป็นไงบ้างกับไอ้สกาย”  มันถามผมสงสัยจะติดตามผลตั้งแต่ให้เบอร์โทรมา

            “ก็ดี”  ผมตอบสั้นๆให้มันจินตนาการไปเองว่าดียังไง

            “ขอให้ได้ให้โดนละกันนะ ฮ่าๆๆ”  มันพูดแล้วก็หัวเราะ

            “อาจจะโดนแล้วก็ได้นะ ฮ่าๆ” ผมพูดติดตลกแล้วก็โบกมือลามัน คือคุยนานไปจนลืมว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ฮ่าๆ

            “ฝากมันด้วยนะ”  ไอ้ตี๋มันตะโกนตามหลังมา  ผมก็งงว่าทำไมมันพูดประโยคนี้ออกมาราวกับรู้ว่าผมกับไอ้สกายเริ่มจะญาติดีกันแล้ว

            “อื้ม”  ผมตอบกลับมันไปสั้นๆ  ว่าแล้วก็คิดถึงมันเหมือนกันนะอีกไม่นานก็จะครบเดือนแล้ว  มันจะเอายังไงกับผมต่อนะ เริ่มอยากรู้ขึ้นมาแล้วสิ

*-*-*-*-*-*



Pangpond Part.

            หลังจากเลิกเรียนแล้วผมก็มายืนรอได้พี่ตี๋ที่หน้าโรงเรียน  ก็วันนี้เป็นวันที่เค้านัดผมไปกินข้าว  ยืนรอไม่นานรถเบ็นซ์หรูสีดำ  ก็มาจอดเทียบที่ริมฟุตบาตตรงที่ผมยืนอยู่  พี่เค้าเปิดประตูออกมาแล้วก็เดินมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูรถให้ผม  หืม! ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นนางเอกมากๆ ฮ่าๆ

            “เชิญครับ”  พี่ตี๋เปิดประตูรถให้ผม  ผมก็เดินเข้าไปอย่างว่าง่าย

            “ขอบคุณครับ”

เมื่อขึ้นมาบนรถแล้วผมก็เริ่มคุยกับพี่ตี๋เรื่องที่เราจะไปกันวันนี้

            “วันนี้พี่จะพาผมไปที่ไหนอ่ะครับ”

            “น้องปอนด์อยากไปที่ไหนล่ะพี่ตามใจ”  พี่ตี๋ขับรถไปคุยไป

            “แล้วแต่พี่เลยครับ  ผมยังไงก็ได้”  ผมตอบ

            “ถ้าพี่พาไปโรงแรมม่านรูดล่ะจะไปไหม”  เริ่มแระอาการหื่นของพี่ตี๋มัน  ผมจะไว้ใจเค้าได้ซักวินาทีไหมนะ

            “ถ้าพี่พาผมไปก็คงเป็นครั้งสุดท้ายล่ะครับ  ผมคงไม่ไปกับพี่อีกตลอดชีวิต”  ผมตอบกลับอย่างคาดโทษ

            “โด่ววว พี่แค่ล้อเล่นเองครับ  ถ้าให้พี่เลือกเราไปร้านประจำของพี่ละกัน  รับรองน้องปอนด์ต้องชอบแน่ๆ”  พี่ตี๋ว่าแล้วก็หันไปสนใจกับการขับรถต่อ

            เมื่อมาถึงร้านอาหารประจำของพี่เค้า  เราก็ลงจากรถเดินเข้าไปในร้าน  ร้านนี้ดูไม่หรูมากซึ่งผิดกับความคิดของผมที่คิดว่าคนรวยๆอย่างพี่ตี๋  ร้านประจำน่าจะหรูหราสมกับฐานะ  ร้านไม่ใหญ่มากแต่คนกลับแน่นร้าน  ถึงขนาดมีการนั่งรอคิวกันด้วย  พวกผมเพิ่งมาถึงแต่กลับถูกเชื้อเชิญยังกับลูกค้าวีไอพียังไงยังงั้น

            “เชิญครับคุณตี๋”  พนักงานร้านเปิดประตูร้านให้พร้อมกับผายมือเชิญเข้าไปในร้าน  พนักงานเดินนำหน้าพวกผมขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของร้านซึ่งบรรยากาศดีมากๆ  เหมาะแก่การนั่งชิลกับคนรักอะไรเทือกนั้น

            “น้องปอนด์สั่งอาหารเลยครับ”  เมื่อนั่งลงที่โต๊ะแล้วพี่ตี๋ก็ยื่นเมนูที่วางอยู่ให้ผม

            “พี่ตี๋สั่งเลยก็ได้ครับ  ผมกินอะไรก็ได้”  ผมว่าแล้วก็ยื่นเมนูคืนให้พี่เค้าไป

            “ถ้างั้นพี่จะสั่งแบบที่เคยสั่งละกัน  คิดว่าน้องปอนด์คงชอบ”  ว่าแล้วพี่เค้าก็สั่งเมนูอาการกับบริกรหนุ่มหล่อ

            “เอาหอยเชลล์อบซอสฝรั่งเศส,  ผักโขมอบชีส, สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า, ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง, ข้าวผัดอเมริกัน แล้วก็ตำไทยครับ”  กินแค่สองคนทำไมสั่งเยอะจังหว่า  ว่าแต่เมนูที่พี่เค้าสั่งผมก็ไม่ค่อยจะได้กินซักเท่าไรหรอกครับแต่มีเมนูหนึ่งอย่างที่ผมชอบมากๆนั่นคือตำไทยทำไมรู้ใจผมจัง  ฮ่าๆ

            “ส่วนเครื่องดื่มน้องปอนด์เอาอะไรดีครับ”

            “เอาน้ำเปล่าก็พอครับ”  ผมตอบ

            “ถ้างั้นเอาน้ำเปล่ามาสองที่  ตามนี้ครับ”  พี่เค้าพูดกับบริการหลังจากนั้นเค้าก็เดินกลับไป

            “ถ้าน้องปอนด์อยากทานอะไรเพิ่มสั่งได้เลยนะครับ”  พี่เค้าบอกก่อนที่จะจ้องตาผม

            “แค่นี้ก็พอแล้วครับ  ว่าแต่เมนูสุดท้ายนี่ไม่เข้าพวกเลยอ่ะ  ฮ่าๆ”   ผมแย็บๆถามไปเผื่อว่าพี่เค้าจะชอบเหมือนผม

            “พี่รู้มาว่าน้องปอนด์ชอบกินตำไทยก็เลยสั่งเอาใจซะหน่อย  เผื่อว่าพี่จะได้คะแนนจิตพิสัยเพิ่มขึ้น”  พี่มันว่าแล้วยิ้มให้ผม

            “รู้จากไอ้ตองแน่เลย”  ผมเอ่ยออกไป ลืมไปว่าเพื่อนสนิทผมคือน้องสาวเค้านี่นา ฮ่าๆ ไอ้ตองมันก็นะรู้เห็นเป็นใจกับพี่ชายมันเหลือเกินสงสัยอยากได้ผมเป็นพี่สะใภ้มากๆ

            “ถูกต้องแล้วครับ”  พี่มันยิ้มหวานให้ผม  ทำไมนะหัวใจผมมันต้องเต้นแรงไม่เป็นจังหวะด้วยอ่ะ  คิดดูสิครับคนหล่อๆมายิ้มให้อยู่ตรงหน้า

            สักพักอาหารที่สั่งก็มาผมกับพี่ตี๋เริ่มจัดการกับอาหารที่วางเรียงกันอยู่ตรงหน้า  กินไปคุยกันไปก็สนุกดีนะครับ  พี่เค้าหยอดคำหวานให้ผมเป็นช่วงๆ จนแทบไม่เป็นอันกินกันเลยทีเดียว  จะบอกว่าผมชอบพี่เค้าได้ไหมตอนนี้ต้องตอบเลยว่าใช่ครับ  ผมเริ่มชอบพี่เค้าแล้วแต่แค่ไม่แสดงออกมาให้พี่มันเหลิงก็แค่นั้นครับ

            “อร่อยไหมครับน้องปอนด์”

            “ครับ อร่อยดี”  ผมตอบขณะที่กำลังตักอาหารกินอยู่ไม่ขาดมือ

            “เดี๋ยววันหลังพี่พามาทานอีกนะครับ”  พี่มันว่าแล้วจ้องมาที่ผม  เหมือนรอคำตอบ

            “ไม่รับปากนะครับ”  ผมพูดหน้าตาเฉยไม่ให้แกได้ใจเกินไป

            “ดูสิกินเลอะยังกับเด็กประถม”  พี่ตี๋มันหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะแล้วมาเช็ดซอสที่เลอะติดอยู่ขอบปากให้ผม  ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก  จนผมได้แต่นั่งนิ่งๆแล้วให้พี่เค้าเช็ดออกให้  มันก็จะเขินๆหน่อย

            “อ้าวตี๋!”  ผมกับพี่ตี๋หันไปมองยังต้นเสียงที่ดังมาจากโต๊ะข้างๆ  เป็นเด็กนักเรียนหญิงน่ารักใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับพวกผม  น่าจะเป็นเพื่อนพี่ตี๋มั้ง

            “เชอร์รี่!”  พี่ตี๋เอ่ยเบาๆสังเกตสีหน้าแกดูไม่ค่อยจะดีใจซักเท่าไรที่ได้เจอผู้หญิงคนนั้น

            ใช่แน่ๆน่าจะเป็นพี่เชอร์รี่ที่ตองมันพูดให้ฟังแน่

            “มากินข้าวที่นี่ทำไมไม่ชวนเชอร์รี่เลยค่ะ”  พี่แกดูดัดจริตยังไงไม่รู้แถมยังมองผมแปลกๆอีกต่างหาก

            “อ๋อ พอดีตี๋มีนัดกับน้องอ่ะเลยไม่ได้ชวน”

            “แล้วน้องคนนี้เป็นใครกัน  ทำไมได้มากินข้าวกันแค่สองคน”  พี่เชอร์รี่ถามพี่ตี๋แต่มองหน้าผมแบบสงสัย

            “อ๋อรุ่นน้องที่โรงเรียนเราเองล่ะและก็เป็นเพื่อนสนิทตองด้วย”  พี่ตี๋บอก

            “เอ้อ  แล้วเชอร์รี่มากับใครอ่ะ”  พี่ตี๋ถามแล้วชะเง้อไปมองที่โต๊ะ

            “เชอร์รี่นัดกับเพื่อนๆไว้แต่พวกมันยังไม่มาอ่ะ”

            “อ๋อ  ถ้ายังไงตี๋กับน้องขอตัวกลับก่อนล่ะกัน  กินอิ่มกันนานแล้ว”  พี่ตี๋มองหน้าผมสื่อว่าถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว  แต่ผมเพิ่งจะอิ่มเองยังไม่ได้นั่งชมวิวสวยๆเลยอ่ะ  แต่ดูท่าแล้วพี่ตี๋ก็คงจะขยาดยัยพี่เชอร์รี่เหมือนที่ตองมันเล่าให้ฟังนั่นล่ะครับ

            “ไม่เอาอ่ะ ตี๋อยู่กับเชอร์รี่ก่อนไม่ได้หรอค่ะให้น้องมันกลับเองก็ได้อ่ะ”  เธอว่าแล้วก็เดินไปควงแขนพี่ตี๋ท่าทีออดอ้อน  ดีที่แกเป็นผู้หญิงที่น่ารักไม่งั้นมันจะดูตลกไปเลย ฮ่าๆๆ

            “ไม่ได้หรอก  ตี๋พาน้องมาก็ต้องไปส่งน้อง”  พี่ตี๋พยายามแกะมือพี่เชอร์รี่ออกแต่ไม่เป็นผล ดูแล้วขำฉิบหายจนผมหลุดขำออกมา

            “ขำอะไรยะไอ้เด็กบ้า  แกอย่าหวังมาแย่งตี๋ไปจากฉันนะ ฉันรู้แกคงชอบตี๋มากจนตัวสั่นไม่งั้นไม่มากินข้าวกันสองต่อสองหรอก”  ผมกระพริบตาปริบๆอย่างงงๆ  อะไรกันเนี่ยแค่ผมขำนิดเดียวใส่ผมเป็นชุดเลยหรือ? จะมากไปแล้วนะยัยพี่เชอร์รี่

            “มันจะมากไปแล้วนะพี่  ผมยังไม่ได้ว่าอะไรพี่เลย  อยู่ๆก็มาด่าฉอดๆๆ ใครกันแน่ที่ชอบพี่ตี๋จนตัวสั่น  ดูสิผู้ชายเค้าขยะแขยงจะตายแล้วยังมีหน้าไปกอดแขนเค้าอีก  ดูตัวเองก่อนค่อยมาว่าคนอื่นนะครับจะบอกให้”  ผมตอบกลับเป็นชุดแบบไม่ยั้งจนพี่ตี๋มันตาค้างไปเลย  คงตกใจที่คนเรียบๆอย่างผมแพลงฤทธิ์ใส่แบบนั้น  ก็จริงใครๆก็มองว่าผมค่อนข้างจะเรียบร้อยแต่ถ้าใครทำให้ผมโมโหก็ยอมไม่ได้เช่นกัน ไม่รู้จักปังปอนด์ศิษย์กะปอมน้อยซะแล้ว

            “อร้ายยย! ไอ้เด็กเมื่อวานซืนแกกล้าว่าฉันหรอ”  พี่เชอร์รี่แกร้องเสียงดังยังกับโดนน้ำร้อนลวก แล้วก็ชี้หน้าผม  มีหรือผมจะแคร์รีบเดินเข้าไปดึงแขนพี่ตี๋ให้มากับผมแล้วกอดแขนพี่เค้าไว้

            “ไปกันเถอะพี่ตี๋ปอนด์อยากกลับบ้านแล้ว”  ผมพูดกับพี่ตี๋เสียงหวานแต่คนข้างๆที่ยังอึ้งกิมกี่ไม่หาย แล้วก็ค่อยๆยิ้มๆออกมา

            “เดี๋ยวตี๋กลับก่อนนะเชอร์รี่ บาย”  พี่ตี๋โบกมือลาแล้วก็เดินมาพร้อมผม  โดยที่ผมยังคงควงแขนพี่เค้าเดินผ่านฝูงชนมา   

            “น้องปอนด์นี่แรงใช่ยอยเลยนะเนี่ย  พี่ชอบอ่ะ”  พี่ตี๋แกพูดกับผมขณะที่กำลังเดินไปที่รถ

            “ก็ใครจะให้คนอื่นมาว่าฟรีๆล่ะครับ”  ผมพูดออกไปด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นอยู่

            “แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”  พี่ตี๋แกพูดยิ้มๆแล้วมองหน้าผม  ผมมองหน้าแกกลับอย่างงๆ  แบบนี้นี่แบบไหน เฮ้ย! ผมมองไปที่ต้นแขนของพี่เค้าที่มีมือของผมเกาะอยู่  นี่ผมเดินควงแขนพี่เค้ามาตั้งแต่ในร้านแล้วหรือนี่  ลืมตัวไปเลย ก็มัวแต่โมโหยัยพี่เชอร์รี่นั่นล่ะครับ  เมื่อได้สติผมก็รีบปล่อยแขนออกอย่างเคอะเขิน

            “ปล่อยทำไมอ่ะ  พี่ให้ยืมควง  ชอบอ่ะ”  พี่มันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม  แต่ผมนี่แลบลิ้นใส่ แบร่!

            “บ้าแระ แค่ลืมตัวเฉยๆหรอกครับ  จริงๆไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย”

            “จะตั้งใจหรือไม่พี่ก็โอเคทั้งนั้นล่ะถ้าเป็นน้องปอนด์”  พี่มันยังยิ้มหวานให้ผม

            “ไม่เอาไม่เดี๋ยวพี่เชอร์รี่ก็มาเล่นงานผมอีกหรอกไม่ชอบมีเรื่อง”

            “พี่ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับเชอร์รี่เลยนะ  เชื่อพี่ดิ”  พี่ตี๋มันพูดแล้วหยุดเดินตอนนี้พวกผมเดินมาถึงรถกันแล้ว

            “มันก็เรื่องของพี่อ่ะ ไม่เกี่ยวกับผม”  ผมว่าแล้วกอดอกไม่มองหน้าพี่เค้า

            “เกี่ยวสิครับ ก็คนที่พี่ชอบคือน้องปอนด์คนเดียวยังไงล่ะครับ”  พี่มันมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผมให้จ้องหน้ากับพี่เค้าแล้วก็ใช้มือมาเชยคางผมให้จ้องตา  เหมือนพี่ตี๋มีเวทย์มนตร์สะกดผมให้ทำตามอย่างว่าง่าย

            “พี่รักน้องปอนด์นะครับ”  พี่ตี๋ว่าแล้วก็โน้มใบหน้าหล่อๆของแกลงมาประกบจูบที่ริมฝีปากผม  แล้วค่อยๆบดมันอย่างดูดดื่ม ผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง  ร่างกายอ่อนแรงอย่างบอกไม่ถูก

            “อื้อ! จ๊วบ!  อืม!”   เสียงครางอยู่ในลำคอมันเล็ดลอดออกมาจากทั้งผมและพี่เค้า

            เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เราทั้งสองจูบกัน  ผมตั้งสติได้แล้วก็ผลักพี่เค้าออก

            “พะ พอแล้ว”  ผมพูดเสียงกระเส่าและตะกุกตะกัก  พร้อมกับใช้มือจับที่ริมฝีปากของตัวเองด้วยความเขิน

            “พี่ขอโทษครับ”  พี่มันพูดแล้วก็เอื้อมมาจะมาจับที่มือผม  แต่ผมรีบสะบัดมือออก

            “เรากลับบ้านกันเถอะครับ”  ผมว่าแล้วก็เดินนำไปเปิดประตูรถแล้วก็เข้าไปนั่งรอทันที

            ไม่นานพี่เค้าก็ตามเข้ามาที่ฝั่งของคนขับ  เขามองหน้าผมที่กำลังนั่งทำหน้านิ่งๆ  จริงๆผมไม่ได้โกรธพี่เค้าเลยครับ  แต่มันเขินๆยังไงไม่รู้อ่ะ  และอีกอย่างถ้าพี่มันรู้ว่าผมพอใจกับสิ่งที่เค้าทำเมื่อสักครู่เค้าอาจจะได้ใจและหาโอกาสแต๊ะอั๋งผมอีกเรื่อยๆ ผมไม่อยากเป็นเหมือนของเล่นของพี่ตี๋หรอกนะครับ

            “หายโกรธพี่ยังอ่ะ”  พี่ตี๋ว่าพลางคาดเข็มขัดนิรภัย  แล้วก็โน้มตัวมาคาดให้ผมเช่นกัน  ตอนนี้หน้าเราห่างกันแค่เพียงแผ่นกระดาษกั้นก็ว่าได้ ลมหายใจที่คุ้นเคยเมื่อสักครู่มันรดผ่านบริเวณแก้มของผมจนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

            “ผมไม่ได้โกรธแค่ไม่พอใจที่พี่ฉวยโอกาสแบบนี้”

            “พี่ขอโทษๆๆ แต่พี่รักน้องปอนด์จริงๆนะครับ จะให้พี่ทำยังไงถึงจะเชื่ออ่ะ”  พี่มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็น  เพราะตั้งแต่พูดคุยกันมาแกชอบทำหน้าทะเล้นอยู่ตลอดเวลา

            “ถ้างั้นพี่ก็ต้องพิสูจน์ว่ารักผมจริง”  ผมบอกออกไป

            “จะให้พี่ทำยังไงก็ได้  พี่ยอมหมดทุดอย่าง”  พี่แกพูดอย่างมีความหวัง

            “จะทำยังไงก็มันก็เรื่องของพี่แต่ทำให้ผมเห็นว่าพี่รักผมจริงๆก็พอ”

            “ได้ครับรับรองพี่ทำได้แน่!”  พี่มันพูดหนักแน่น

            “ทำให้พูดอย่างที่พูดละกันครับ  ผมจะรอดู”

            “ครับผม  น้องปอนด์ของพี่ตี๋”  พี่มันว่ายิ้มๆแล้วก็ออกรถไป

            ผมจะรอดูว่าพี่มันจะทำยังไงให้ผมเห็นว่าพี่มันรักผมจริง..........ไอ้พี่ตี๋ของผม


--------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากเพจไว้ด้วยนะครับ ทักทายกันได้ครับผม
https://web.facebook.com/kanokthornwriter/

หัวข้อ: Re: กลรักเสน่หาลวงใจ ตอนที่ 10 ครึ่งทาง ---UPDATE!!! (02/10/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-10-2017 21:34:21
ปอนด์นี่แซ่บจริง ๆ เอาตี๋ให้อยู่มือเลยนะลูก  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: กลรักเสน่หาลวงใจ ตอนที่ 10 ครึ่งทาง ---UPDATE!!! (02/10/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 03-10-2017 07:36:44
ปอมปอมน่ารัก
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 11 ผิดสัญญา UPDATE!!! (08/10/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 08-10-2017 22:45:52
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 11  ผิดสัญญา

ช่วงบ่ายวันนี้ทางโรงเรียนให้นักเรียนทั้งหมดทำความสะอาดครั้งใหญ่ทั่วทั้งโรงเรียน  เพราะในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโรงเรียนจะเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมงานวิชาการ  หลายๆผู้คนจากหลายๆโรงเรียนก็จะหลั่งไหลเข้ามาที่โรงเรียนของผม  ขอบอกเลยครับว่ามันเหนื่อยมากจริงๆช่วงนี้  เพราะต้องทำอะไรหลายๆอย่างให้มันออกมาดูดีที่สุด  อาจารย์ใช้พวกผมทำโน่นนี่นั่นอย่างไม่ขาดสายเลย ฮ่าๆ

ตอนนี้พวกผมกำลังช่วยกันทำความสะอาดและตกแต่งหอประชุมใหม่  โดยอาจารย์ให้เป็นความรับผิดชอบของนักเรียนชั้นมอหก  แน่นอนครับผมกับมันต้องเจอกัน  แต่ต่างคนต่างทำหน้าที่ใครมันเลยไม่ได้สนใจกันซักเท่าไร

“ว่าไงปอม  มีอะไรให้ช่วยไหม”  โป้งเพื่อนร่วมห้องของผมเอ่ยถาม  ผมไม่เคยเอ่ยถึงโป้งให้ทุกคนได้ฟังกันจริงๆแล้วโป้งเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในห้องครับ  เป็นเด็กเรียนดี นิสัยดี หน้าตี๋ๆใส่แว่น  แต่ก็นั่นล่ะครับมันเป็นเด็กเรียนจนไม่มีเวลามีแฟน หลายครั้งผมกับไอ้เอิ้นก็ได้มันนี่ล่ะครับช่วยติวก่อนสอบจนคะแนนดีขึ้นมาหลายวิชา

“อ้อ!พอดีเลย เดี๋ยวมึงช่วยจับผ้านี่หน่อยดิ ไอ้เอิ้นมันไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ไม่มีคนช่วยจับ”  ผมกับเอิ้นกำลังช่วยกันจับผ้าหน้าเวทีของหอประชุม  พอดีว่าไอ้โป้งเดินมาเจอผมอยู่คนเดียวเลยอาสาช่วย  ว่าแล้วผมก็ยื่นผ้าให้มันถือไว้   ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็ช่วยกันจัดเก้าอี้บ้าง ทำความสะอาดพื้นและเตรียมโต๊ะวางเอกสารต่างๆ หลายอย่างเลยทีเดียว

“กูช่วยได้แค่ช่วยจับอย่างเดียวนะ ส่วนทำให้เป็นริ้วสวยๆแบบนี้กูทำไม่เป็น”  โป้งมันบอกก่อนจะยิ้มให้ผม

“จ้า ช่วยกูจับอย่างเดียวก็พออย่างอื่นเดี๋ยวจัดการเอง”  ผมยิ้มให้มันแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจับผ้าตกแต่งรอบๆหน้าเวที  ผมรู้สึกได้ว่าไอ้โป้งมันจะจ้องมาที่ผมแทนที่จะมองไปที่ผ้าที่ผมกำลังจับตกแต่ง  หรือผมคิดมากไปเอง  ผมทำไปถอยหลังไปเรื่อยๆกองผ้าก็เกลื่อนอยู่แถวๆนั้นจนผมสะดุดล้ม

 “เฮ้ย!”

ผมตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจแล้วตัวผมก็หงายหลังลง  ในมือผมที่จับผ้าอยู่ก็ดึงให้โป้งมันล้มลงด้วย  ดีนะตรงที่ผมล้มลงมันเป็นกองผ้าขนาดใหญ่ทำให้ผมไม่เจ็บตัวมาก  แต่ที่เจ็บนิดหน่อยก็เพราะไอ้โป้งมันล้มทับตัวผมน่ะสิครับ

“โป้ง”  ผมลืมตาขึ้นก็พบว่าไอ้โป้งมันกำลังจ้องผมอยู่ส่วนมือมันก็ค้ำที่กองผ้าไว้คงกำลังจะลุกขึ้น   เราจ้องตากันแป๊บนึงก่อนที่ผมจะเสตาไปทางอื่น ก็เพราะว่ามันจะเขินๆหน่อย ฮ่าๆ ช่วงนี้มองหน้าผู้ชายไม่ค่อยได้มันจะนึกถึงแต่หน้าไอ้สกายตลอด

“ปอมมึงโอเคมั้ย”  โป้งมันถามแล้วก็ค่อยๆพยุงตัวผมขึ้นมาจนยืนได้ปกติ  ผมถอนหายใจเสียงดังอย่างโล่งอก

“กูโอเค  ขอบใจมากนะมึง”  ผมมองหน้ามันแล้วยิ้มให้

“เป็นอะไรมากไหมปอม  เรากับไอ้สกายเห็นก็รีบวิ่งมาเลย”  ไอ้ตี๋กับไอ้สกายที่กำลังจัดเก้าอี้อยู่รีบวิ่งมาดูพวกเรา

“ไม่เป็นไรหรอกดีนะที่ล้มลงบนกองผ้าเลยไม่ค่อยเจ็บตัว”  ผมตอบไปแล้วก็มองหน้าไอ้ตี๋  ส่วนไอ้สกายน่ะหรอผมมองมันตั้งแต่ที่มันมายืนทำหน้าหล่อตั้งแต่แรกแล้ว  ทำไมมันทำหน้าบึ้งใส่ผมอย่างนั้นนะผมทำอะไรผิดหรือนี่?

“ดีแล้ว  ไอ้สกายมันเป็นห่วง”  ไอ้ตี๋มันชี้ไปที่ไอ้สกายที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ใครห่วงไอ้ห่าตี๋  กูไปเข้าห้องน้ำแล้วเสียเวลา”  มันว่าแล้วก็เดินไป

“เดี๋ยวเราไปทำงานต่อก่อนนะ  ค่อยคุยกันใหม่”  ว่าแล้วมันก็เดินไปหาเพื่อนๆมันที่กำลังขมักเขม้นในการจัดเก้าอี้ให้เป็นแถวทั่วทั้งหอประชุม

“มาโป้ง  ทำต่อกัน”  ผมยิ้มให้โป้งแล้วเริ่มจับผ้าต่อ  แต่เพิ่งเริ่มก็รู้สึกว่าจะมีงานเข้าแล้วเพราะมือถือในกางเกงนักเรียนผมมันสั่น  มีคนโทรเข้ามา

ไอ้สกาย!

ผมคิดในใจว่ามันต้องมีอะไรกับผมแน่ๆ  ตั้งแต่มันหน้าบูดหน้าบึ้งใส่ผมเมื่อครู่  ทั้งๆที่หลายวันมานี้ผมไม่เคยทำให้มันโกรธหรือโมโหเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“โป้งเดี๋ยวกูไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ  โน่นไอ้เอิ้นกำลังมาพอดีเลยให้มันมาทำต่อ”  ผมชี้ไปที่ไอ้เอิ้นที่กำลังเดินมา  แล้วผมก็เดินเลี่ยงไปที่ไม่มีคน

 “ว่าไงมึงไม่เห็นหรอว่ากูกำลังทำงานอยู่”  ผมว่าให้มัน  โทรมาไม่รู้เวล่ำเวลาจริงๆ

 “มึงไม่ต้องอ้างงานมาหากูที่ห้องน้ำเดี๋ยวนี้มีเรื่องต้องเคลียร์”  ว่าแล้วมันก็ตัดสายไป  ผมว่าแล้วมันต้องมีอะไร  ผมรีบเดินไปที่ห้องน้ำข้างๆหอประชุม  ผมมองที่ประตูก็พบว่ามีป้ายกำลังทำความสะอาดแขวนอยู่ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ

 “มานี่สิ”  ผมเปิดประตู้เข้าไปก็พบว่ามันกำลังยืนดูดบุหรี่อยู่  ปวดหัวกับมันจริงๆ  ผมยิ่งไม่ค่อยชอบบุหรี่อยู่ด้วยได้กลิ่นแล้วมันจะไอตลอดเลย

 “มึงทิ้งบุหรี่ก่อนดิ  กูไม่ค่อยชอบ”  ผมว่า

“ถ้ากูไม่ทั้งล่ะ”  มันต่อรองผมแล้วทำหน้านิ่งๆสายตาที่มันมองผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อซะให้ได้

“กูก็จะออกไปเดี๋ยวนี้” ผมว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป

“มึงลองออกไปสิ  เจ็บตัวแน่”  มันว่าให้ผมแล้วก็ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนที่จะเดินมาคว้าตัวผมไปพิงที่ผนังก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างคร่อมตัวผมไว้

 “แค่กๆ”  เสียงผมกระแอมไปสองสามทีเพราะกลิ่นบุหรี่ที่มันเพิ่งจะดูดไปยังไม่จาง

 “ทำเป็นอ่อนแอนะมึง”

  “มึงเป็นอะไรของมึง”  ผมถามมันมันคงรู้แหละว่าผมหมายถึงอะไร

  “กูเปล่า”  มันจ้องตาผม  จนผมต้องหลบตาเพราะมันจ้องแบบไม่ละสายตาเลย

  “แล้วมึงมีอะไรนัดกูมาที่นี่  งานกูยังไม่สเร็จไม่มีเวลามาเล่นกับมึงหรอกนะ”  ผมว่ามัน

 “ใช่สิ  มึงคงอยากไปหาไอ้นั่นจนตัวสั่น  เมื่อครู่ก็เห็นมันกอดมึงซะแน่นเลยตอนล้ม”  ว่าแล้วมันต้องเป็นเรื่องนี้  มันหึงหวงผมหรือเนี่ย  ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเองให้มากที่สุด

  “มึงแม่งคิดมากไปเองกูกับโป้งเป็นเพื่อนกัน  กูไม่ได้คิดอะไรกับโป้ง”  ผมบอกมัน

 “มึงอย่าลืมว่าตอนนี้มึงเป็นของกูแล้วกูไม่อยากให้ใครมาตีท้ายครัวกู จำไว้”

“ก็แค่เดือนนึงแล้วตอนนี้มันก็จวนจะถึงเวลาแล้ว  อีกไม่นานกูกับมึงก็ต้องไปทางใครทางมันแล้วมึงอย่าลืมสิสกาย”  ผมเตือนสติมันแล้วสังเกตสีหน้ามันว่าจะมีอาการอะไรบ้าง  ผมอยากให้มันรั้งตัวผมไว้ถึงแม้ว่าจะครบเวลาหนึ่งเดือนแล้วก็ตาม  นั่นหมายความว่าแผนของผมครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  แต่ก็นั่นล่ะครับมันขึ้นอยู่กับคนที่อยู่ตรงหน้าผมเท่านั้นว่ามันจะลเอกแบบไหน

 “กูไม่ลืมแต่ในช่วงเวลานี้มึงต้องฟังคำสั่งกูเท่านั้นและก็จำไว้ว่ามึงต้องเป็นของกูเท่านั้น  และมึงอย่าไปดูแล ไปเอาใจ ไปนอน ไปห้องใครก็ตามที่ไม่ใช่กู”  มันพูดจบก็เคลื่อนใบหน้าหล่อๆของมันมาประกบจูบผมอย่างรวดเร็ว  มันบดจูบจนผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว  เรี่ยวแรงที่มีมันหายไปไหนหมด  จนผมต้องเอามือไปคล้องไว้ที่คอของมันเพราะขาของผมมันอ่อนแรงกลัวว่าผมจะล้มลงไปซะก่อน  มันผละจากปากผมแล้วก็คลอเลียตามใบหน้าของผม  เสียงลมหายใจกระเส่าของมันและน้องชายของมันที่กำลังดันตรงเป้าให้ตุงมันแนบกับหน้าขาของผมจนรู้สึกได้  บ่งบอกว่ามันกำลังมีอารมณ์แล้ว  แต่ที่นี่มันห้องน้ำโรงเรียนมันไม่ควรเกิดขึ้นถึงแม้ตัวผมเองก็ต้องการมันเช่นกัน

 “พะ พอก่อนไม่ใช่ที่นี่”  ผมห้ามมันหลังจากที่มันจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อผมออกได้เม็ดนึงแล้ว  ผมจับที่คอเสื้อตัวเองเพื่อห้ามมัน

  “มึงห้ามกูไม่ได้ถ้ากูต้องการ”  มันพยายามเริ่มอีกครั้งแต่ผมก็ยังขัดขืนไว้

  “กูขอเถอะที่นี่มันโรงเรียนถ้าใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง  มึงต้องการให้คนอื่นรู้ยังงั้นหรอ  เดี๋ยวคืนนี้กูจะไปหามึงที่คอนโดโอเคป่ะ”  ผมบอกมัน  ดูสีหน้ามันจะอารมณ์เสียเอามากๆ  แต่มันก็ยอมปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ

  “อยาลืมคำที่มึงพูดไว้ด้วยล่ะ  ที่สำคัญมึงต้องอยู่ห่างๆไอ้โป้งเข้าไว้กูไม่ไว้ใจมัน”  มันว่าแล้วก็เดินออกไปจากห้องน้ำทิ้งผมให้สงบสติอารมณ์อยู่คนเดียว

  “เกือบไปแล้วไอ้ปอม”  ผมพูดกับตัวเองเบาๆ  ดีนะที่ผมห้ามอารมณ์ของตัวเองได้ก่อนที่มันจะเลยเถิดไป  ผมไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนี้ในโรงเรียนเด็ดขาด  เรื่องของเรื่องมันไม่สะใจครับต้องในห้องนอนเท่านั้น ฮ่าๆๆ

      ผมเดินออกจากห้องน้ำตามหลังไอ้สกายไม่ถึงนาที  ก็เห็นไอ้สกายมันยืนคุยกับแป้งแล้ว  ผมไม่ใส่ใจแล้วก็รีบเดินเลี่ยงๆไป  แต่ก็อดแอบเหล่ตามองมันทั้งสองคนไม่ได้  ถึงแม้ว่าผมจะมีโอกาสได้เข้าใกล้กับไอ้สกายมากเพียงใด  แต่ผมก็ไม่ลืมว่ามันยังคงรักผู้หญิงวันดีคืนดีมันอาจจะคบกับแป้งก็เป็นได้ใครจะรู้ล่ะครับ  ผมต้องเผื่อใจเอาไว้บ้าง

  “สกายได้กลิ่นอะไรเหม็นๆไหมค่ะ”  แป้งมันว่าแล้วก็ทำท่าสูดกลิ่นรอบๆตัวมัน  ส่วนไอ้สกายก็เช่นกัน

  “อ้อ  รู้ล่ะกลิ่นหมาหัวเน่านี่เอง ฮ่าๆๆ”  มันหัวเราะชอบใจแล้วก็มองผมด้วยหางตาพร้อมเบะปากใส่

   อีนี่มันร้าย!
  มันร้ายแบบเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ  แต่ผมร้ายกว่ามันเยอะมันคงคาดไม่ถึงว่าผมได้กินไอ้สกายก่อนมันอีก ฮ่าๆๆ

  “แป้ง!  เราว่าหมาหัวเน่ามันยังไม่เหม็นเท่าหมาเน่าๆในปากของเธอนะ ฮ่าๆๆ”  ผมว่าแล้วก็หัวเราะเสียงดังกว่าที่มันหัวเราะ  นี่แหล่ะครับที่เค้าบอกว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า

 “อร้ายยย อีบ้าแกว่าฉันปากหมาหรอ”  มันว่าแล้วก็ชึ้นหน้าผม  ไอ้สกายมันก็แอบอมยิ้มนิดนึง  มันคงกลั้นหัวเราะเอาไว้  ไม่บ่อยที่จะเห็นมันยิ้มแบบนี้

  ผมไม่ตอบกลับแต่แลบลิ้นใส่มันแทนแล้วก็เดินไปที่หน้าเวทีต่อ  ผมเดินไปถึงหน้าเวทีก็พบว่าเอิ้นกับโป้งจับผ้าใกล้จะเสร็จแล้วพวกมันรวดเร็วดีจริงๆ  ส่วนผมก็ได้ไปช่วยนิดๆหน่อยแล้วก็เสร็จ  แต่ไอ้สกายกับแป้งน่ะสิยังยืนคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่เลย  แทนที่จะมาช่วยเพื่อนๆทำงานอ่ะนะแย่จริงๆ  หรือจริงๆผมแอบหึงหวงมันสองคนอยู่กันแน่ ฮ่าๆ

  “เสร็จแล้ว!”  เอิ้นว่าแล้วก็ยืนชมผลงานที่มีมาตรฐานระดับมืออาชีพมากๆ

  “ป่ะกลับห้องกันเถอะเตรียมตัวกลับบ้าน”  ผมว่ากับทั้งสองคนแล้วก็เดินไปคุยกันไป

 “ปอมเอิ้นเย็นนี้กูว่าจะชวนไปกินข้าวอ่ะว่างไหม  พอดีว่าวันนี้วันเกิดกูอ่ะ”  อยู่ดีๆโป้งก็เอ่ยออกมาระหว่างทาง

 “กูไปได้นะว่างอยู่ มึงล่ะปอม  น่าจะว่างนะมึงไม่ได้ไปไหนนิตอนเย็นก็กลับบ้าน”  เอิ้นมันพูดตัดหน้าผมไปแล้ว  จริงๆก็ตามที่มันพูดนั่นล่ะครับ  ตอนเย็นผมไม่ได้ไปไหนหรอกแต่คืนนี้ผมต้องไปหามันน่ะสิ  ถ้าไม่ไปมันจะโกรธผมมากไหมอ่ะไม่อยากจะคิด  แต่ไม่เป็นไรกินข้าวแป๊บเดียวค่อยไปหามันต่อก็ได้

“อื้มกูว่าง ไปได้  ว่าแต่ไปที่ไหนอ่ะ”  ผมบอก

“อ๋อ  ร้านของที่บ้านกูเองแหละแถวๆห้าง XXX ”  เฮ๊ยนั่นมันไปคนละทางกับคอนโดไอ้สกายเลยนะ สงสัยไปหามันไม่ได้แล้วอ่ะ  แต่ช่างแม่งเถอะให้มันอยู่คนเดียวบ้างก็ได้ผมไปหามันเกือบทุกวันแระ

“ถ้างั้นเดี๋ยวกูโทรบอกที่บ้านก่อนนะ  มึงด้วยนะเอิ้น”  ผมว่าแล้วก็กดสายไปหาแม่ทันที

 “แม่ครับวันนี้ผมจะไปงานวันเกิดเพื่อนจะกลับดึกหน่อยนะครับ”

 “ครับผมจะพยายามกลับไม่ให้ดึกมาก”

“อ๋อ เอิ้นมันก็ไปครับไม่ต้องห่วง แค่นี้นะครับ”

ผมพูดจบก็วางสายไปแม่ผมเป็นคนที่สบายๆไม่เคยกดดันลูกเลย  ให้ทำอะไรตามใจที่ตัวเองต้องการแต่ขอแค่ให้อยู่ในกรอบและความพอดีเท่านั้นพอ  จะมีแม่ซักกี่คนที่เลี้ยงลูกได้แบบนี้แม่ผมคือที่สุดในโลกเลยครับ อิอิ

“เออใช่!  อาทิตย์หน้าก็วันเกิดมึงแล้วนิปอม”  อยู่ๆเอิ้นมันก็พูดออกมา เออใช่  ลืมไปเลยว่าวันเกิดผมอีกแค่หนึ่งอาทิตย์แถมยังเป็นวันเดียวกับที่สัญญาของผมกับไอ้สกายจะครบหนึ่งเดือนพอดี

“เออว่ะ  อย่างนี้ต้องฉลอง”

“ชวนไว้ก่อนเลยนะ  โป้งอาทิตย์หน้าวันเกิดกูไปกินเลี้ยงที่บ้านกูนะ”  ผมบอกโป้งไปส่วนเอิ้นไม่ต้องเอ่ยปากชวนมันก็ไปยู่แล้วครับ

“โอเคกูไปอยู่แล้ว”  มันยิ้มให้ผม  เป็นยิ้มที่มันแฝงไปด้วยคำถามในใจผม  มันแปลกกับสายตาที่มันมองผม  หรือว่ามันจะคิดกับผมแบบที่ไอ้สกายมันเข้าใจ  แต่ก็ช่างเถอะความรักมันห้ามกันไม่ได้  ถ้ารักก็คือรักส่วนเค้าจะรักตอบหรือไม่ก็อีกเรื่องนึงอย่างที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ไงครับ

ว่าแล้วพวกผมก็เดินไปที่ห้องเรียนเอากระเป๋าแล้วก็มุ่งหน้าสู่ร้านอาหารของไอ้โป้งกัน

ตอนนี้ผมยังคิดอยู่ว่าจะหาเหตุผลอะไรไปบอกไอ้สกายให้มันเข้าใจว่าที่ไม่ไปหามันวันนี้เพราะอะไร....หวังว่ามันจะเข้าใจผมนะ.....

หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 11 ผิดสัญญา UPDATE!!! (08/10/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-10-2017 17:05:12
บอกก็ไม่ให้ไปชัวร์ :hao4:
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 12 ความสุขส่งท้าย UPDATE!!! (17/10/2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 17-10-2017 23:24:03
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 12  ความสุขส่งท้าย


@งานวันเกิดโป้ง

เมื่อพวกเรามาถึงร้านอาหารของที่บ้านไอ้โป้ง พ่อกับแม่มันก็เตรียมกับข้าวและอาหารวางเรียงรายไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว  ร้านอาหารของที่บ้านมันเป็นร้านขนาดกลางๆซึ่งวันนี้แบ่งโซนไว้สำหรับจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ไอ้โป้งโดยเฉพาะ  แต่ในงานไม่ได้มีแค่พวกผมครับยังมีเพื่อนๆทั้งในโรงเรียนต่างโรงเรียนของมันอีกสิบกว่าคน

หลังจากที่เป่าเค้กและอวยพรวันเกิดมันไปแล้ว  พวกเราก็เริ่มทานข้าวกันทันที  หลายคนก็จัดหนักกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มันแอบพ่อแม่มันมา  แต่ผมไม่ได้ดื่มกับพวกมันหรอกเพราะไม่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

                “มาถ่ายรูปกันหน่อยเร้ววว”  เสียงไอ้โป้งมันตะโกนบอกเพื่อนๆทุกคนในงาน

                “ปอมมึงมาถ่ายเซลฟี่คู่กับกูหน่อยดิ” ว่าแล้วมันก็เดินมานั่งข้างๆผมเอาหน้าหล่อๆของมันมาชิดที่แก้มผม

                แชะ!!!

                ผมรีบผละใบหน้าออกจากมันด้วยเพราะมันรู้สึกร้อนๆที่หน้ายังไงก็ไม่รู้สงสัยจะอายมัน  นอกจากไอ้สกายแล้วผมไม่เคยเอาหน้าไปแนบชิดใกล้ๆแบบนี้กับใครอีกเลย

                “เป็นไงอาหารอร่อยถูกปากไหม?”  มันถามหลังจากถ่ายเซลฟี่เสร็จเรียบร้อย

                “ไม่เสียชื่อร้านอาหารเลยแต่ละอย่างนี่อร่อยมากๆเลย”  ผมยกนิ้วให้  มันก็จริงนี่เริ่มจะจุกท้องแล้วครับ

                “จัดเต็มเลยนะปอม”  มันยิ้มให้ผม

                “แน่นอนอยู่แล้ว  เอ้อ!...เดี๋ยวของขวัญเราให้ย้อนหลังนะมันกระชั้นชิดเกินไป”  ผมว่าเพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียดจนเกินไป

                “ไม่ต้องหรอกแค่ปอมมาก็ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดให้เราแล้ว”  มันยิ้มให้ผมครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้  แต่ที่รู้มันเป็นยิ้มที่มีอะไรไซ่อนไว้ข้างในจนน่าขนลุก  ผมรู้สึกอย่างนั้น

                “ก็ว่าไป ฮ่าๆๆ”  ผมแกล้งหัวเราะเสียงดังกลบเกลื่อนมันรู้สึกอายๆยังไงไม่รู้

                “เดี๋ยวเราไปในร้านแป๊บนะทุกคน ตามสบายเลย”  มันว่าแล้วเดินเข้าไปด้านในร้านสงสัยไปช่วยดูความเรียบร้อยของฝั่งโน้นที่ลูกค้าค่อนข้างจะหนาตา

                “เอิ้นวันนี้เราจะกลับกี่โมงกันวะ”  ผมว่าด้วยความที่ยังกังวลเรื่องไอ้สกาย  มันยังไม่โทรหรือส่งข้อความมาไม่แน่ใจว่ามันจะรอผมอยู่หรือเปล่า

                “ทำไมมึงรีบหรอ”  มันว่าขณะที่กำลังจะยัดไก่ทอดชิ้นใหญ่เข้าไปในปาก

                “จริงๆก็ไม่เชิง  กูนัดกับไอ้สกายเอาไว้ว่ะแต่กูว่าจะไม่ไปหามันหรอก”  ผมทำหน้ายุ่งหัวคิ้วแทบจะชนกัน

                “อ้าว!  แล้วทำไมมึงไม่ปฏิเสธไอ้โป้งไปล่ะว่ามีธุระ  อีกไม่กี่วันก็จะครบหนึ่งเดือนแล้วนะเว้ย”  อ้าวทำไมมึงพูดแบบนี้วะเพื่อนรักแล้วใครที่ไหนมัดมือชกกูมาที่นี่ อิเพื่อนเลว ฮ่าๆ

                “ก็มึงนั่นล่ะกูเลยปฏิเสธมันไม่ได้”  ผมทำหน้ายุ่งใส่มัน

                “ช่างเถอะมึง กินๆไปเดี๋ยวก็กลับกันแล้ว  ปล่อยมันไว้คนเดียวซักวันมันคงไม่ตายหรอกว่ะ”  เมื่อผมเอ่ยโทษมันมันกลับเฉไฉไปอีก  ก็มันมาแล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะครับก็ต้องกินวนไปครับอย่างน้อยมันก็อิ่มท้อง ฮ่าๆ

                “เออๆ กินไปมึง”  ผมว่าแล้วก็ตักโน่นตักนี่มากินจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องมันให้ไม่สบายใจ

                ผมนั่งกินไปแล้วก็เล่นอินสตาแกรมไปด้วยเลื่อนไปเลื่อนมาก็มาเจอภาพที่ผมกับไอ้โป้งถ่ายด้วยกันเมื่อซักครู่  ทำไมมันลงเร็วอย่างนี้นะ  แถมแคปชั่นก็น่าปวดหัวไปอีก  “ของขวัญวันเกิดปีนี้”  แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องปวดหัวหนักเข้าไปอีกคือคนที่กดถูกใจภาพนี้มีไอ้ตี๋กับไอ้สกายด้วย(ผมฟอลมันทุกคน)

                “เหี้ยแล้ว!”  ผมสบถออกมาเสียงดังจนไอ้เอิ้นที่กำลังดื่มน้ำอยู่แทบสำลักออกมา

                “อะไรของมองเนี่ย!”  ไอ้เอิ้นมันดุผม

                “มึงไอ้สกายมันรู้แล้วแน่ๆเลยว่ากูมางานวันเกิดไอ้โป้ง”  ผมยื่นมือถือให้มันดู

                “เวรแล้วไง  มึงบอกมันว่าไงก่อนจะมาที่นี่”  มันถามผม

                “กูลืมบอกมัน  กูไม่ไปหามันเอาดื้อๆนี่ล่ะ”  เอาไงดีๆๆ  ผมคิดในใจ

                Rzzzz

                เสียงมือถือดังขึ้นฉุดให้ผมหลุดจากภวังค์  เมื่อมองที่หน้าจอก็พบว่าเป็นไอ้ตี๋โทรมา

                “ว่าไงตี๋”  ผมพูดผ่านสายแต่สายตายังมองที่ไอ้เอิ้นมันก็รอฟังผมเหมือนกัน

                “ปอมมาหาไอ้สกายด่วนเลย  มันกินเหล้าเมาแล้วเรียกหาแต่ปอมอ่ะ”  ไอ้ตี๋พูดผ่านสายแต่ไม่ใช่แค่เสียงมันแต่มีเสียงไอ้สกายตะโกนโหวกเหวกเสียงดังเล็ดลอดออกมาด้วย  เฮ้ออะไรกันเนี่ยทำไมต้องเรียกหาผมหรือว่ามันโมโหที่ผมผิดนัดมัน

                “ได้ๆเดี๋ยวเราไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”  ผมบอกมันไปก่อนที่จะวางสาย

                “ไปบอกโป้งก่อนไหมค่อยกลับ”  เอิ้นมันบอกผม

                “อื้ม! ป่ะไปกันเถอะ”  ว่าแล้วผมกับเอิ้นก็ขอตัวเพื่อนๆคนอื่นๆเดินออกจากงานไปก่อน  เดินออกมาก็เจอโป้งพอดี

                “อ้าว! จะกลับกันแล้วหรอ”  โป้งมันถามเมื่อเห็นพวกผมกำลังเดินออกมา

                “พอดีที่บ้านโทรมาตามอ่ะ  พวกกูกลับก่อนนะเว้ย”

                “อ๋อ  ถ้างั้นให้กูไปส่งไหมล่ะ”  ดูเหมือนมันจริงจังกับคำพูดของมันมาก

                “มะ...ไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกกูกลับแท็กซี่เองดีกว่า  มึงอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆเถอะ  ไปล่ะ”  ผมว่าแล้วก็โบกมือลามัน

                “เดี๋ยวให้รถไปส่งมึงที่บ้านก่อน เดี๋ยวกูจะให้รถวนไปคอนโดไอ้สกายต่อ”  ผมบอกไอ้เอิ้น  จริงๆแล้วบ้านไอ้เอิ้นมันจะไกลกว่าคอนโดไอ้สกายอีก

                “ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปคนละคันก็ได้มึงจะได้ถึงเร็วๆ”

                “เอางั้นก็ได้  ถ้ายังไงมึงถึงแล้วโทรมาบอกกูด้วยล่ะ”  ไอ้เอิ้นมันเป็นผู้หญิงผมก็ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่นะครับ

                “โอเคไอ้คุณเพื่อนสุดที่รัก”

                “นั่นรถมาพอดี  มึงไปก่อนเลยเดี๋ยวกูไปคันหลัง”  ผมบอกมันขณะที่มือกำลังโบกแท็กซี่อยู่

                รถมาแล้วผมก็ส่งไอ้เอิ้นขึ้นรถ  หลังจากนั้นไม่นานผมก็เรียกอีกคันตรงไปที่คอนโดไอ้สกายทันที

*-*-*-*-*

                ก๊อกๆๆ

                ผมเคาะประตูห้องรอไอ้ตี๋มาเปิดให้  แต่รอหลายนาทีก็ยังไม่มีวี่แววจึงลองเปิดประตูดูปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อคห้อง  ทำไมไอ้ตี๋มันไม่มาเปิดห้องให้ผม  ส่วนไอ้คนนั้นผมคิดว่ามันคงจะหลับไปแล้วมั้ง  ดูท่าทางเมาซะขนาดนั้น

                “ตี๋  อยู่รึเปล่า”  ผมเดินเข้ามาในห้องก็พบว่ามันเงียบผิดปกติ  เลยเรียกไอ้ตี๋เผื่อมันหลับอยู่  ไร้เงาไอ้สองคนนั้นครับหรือว่ามันจะออกไปกินเหล้ากันอีกรอบรึเปล่า  เริ่มงงกับพวกมันแล้วล่ะเนี่ย

                แอ๊ด!!!!

                “ผมเปิดประตูห้องนอนไอ้สกายเข้าไป  ก็พบว่าเตียงมันว่างเปล่า  นั่นไงไอ้ตี๋มันเล่นตลกกับผมซะแล้ว  มาเสียเที่ยวจนได้

                “เฮ้ย!!!!!”

                ผมร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ  เพราะจู่ๆก็มีคนเข้ามากอดผมจากด้านหลังแถมยังเอาคางมาเกยบนบ่าของผมอีกต่างหาก

                “เล่นไรเนี่ย  ตกใจหมด”  ผมว่าคนที่กำลังกอดผม  มันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้สกาย  ผมจำกลิ่นมันได้แม่น   

                “มึงโกหกกูว่าจะมาหาแล้วมึงเสือกไปกับไอ้นั่น”  มันว่าผมกลิ่นเหล้ายังหึ่งจนผมหยีหน้า

                “กู....ขอโทษ”  ในใจรู้สึกผิดมาก

                “กูไม่ยกโทษให้  มึงก็เหมือนแม่กูขี้โกหก  โกหกว่าจะมาหากูตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยมา มึงแม่งเหมือนแม่กู”  มันร้องไห้ครับผมนี่ตกใจมาก  ไอ้สกายคนที่เคยแข็งแกร่งเย็นชาคนนั้นมันหายไปไหน  ตอนนี้ผมมองไม่เห็นมันคนนั้นเลย  เห็นแต่ไอ้สกายคนที่อ่อนแอและขี้เหงา

                “กูขอโทษมึงจริงๆ...กูมันไม่ดีเอง...มึงอย่าร้องดิวะ”  ผมบอกมันแล้วเอามือไปกุมที่มือของมัน

                “ต่อไปนี้กูจะไม่โกหกมึงอีก กูสัญญา”  ผมบอกมันแต่ในใจตอนนี้คือผมมาไกลแล้ว  ผมโกหกมันตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้แล้วผมคิดว่าจะสารภาพมันในวันสุดท้ายที่จะครบรอบหนึ่งเดือน  ส่วนมันจะรับได้หรือไม่ได้ผมต้องยอมรับชะตากรรมนั้นเอง

                “มึงสัญญานะ” มันพูดเสียงอ้อแอ้ด้วยอาการเมา  ผมยืนคุยกับมันจนลืมไปว่าไอ้ตี๋มันอยู่ไหนทำไมไม่เห็นมันเลย

                “แล้วไอ้ตี๋ไปไหนแล้ว”

                “กูบอกมันกลับไปก่อนเพราะกูอยากอยู่กับมึงสองต่อสอง”  มันว่าแล้วเปลี่ยนมากุมมือผมแทนแล้วคลายอ้อมกอดผมเปลี่ยนให้หันหน้ามาจ้องตากับมันแทน

                “กูว่ามึงไปอาบน้ำก่อนไหม มึงเมามากแล้ว”  ผมบอกมันดูจากสภาพมันแล้วคงจะเมาหนักมากก่อนที่ผมจะมา

                “กูไม่มาววว”  มันพูดเสียงยาน  ขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เมาอีกหรือไอ้สกาย

                “เออไม่เมาก็ไม่เมา  ไปอาบน้ำซะแล้วจะได้นอนมึงท่าจะไม่ไหวแล้ว”  เหมือนผมพูดกับเด็กยังไงยังงั้น  หน้ามันแดงก่ำ  ตามันก็เยิ้มๆ  แต่ดูท่ามันน่าจะยังพอมีสติอยู่นิดนึง

                “อาบก็อาบ แต่มึงต้องไปอาบกับกูด้วย”  เออเอาเข้าไปมึงมันร้ายไอ้สกาย

                “เออๆ”  ผมทำท่าจะพามันเข้าไปในห้องน้ำ

                “ถอดเสื้อผ้าให้กูด้วย”  มันพูดเสียงอ้อน  จะทำยังไงได้ล่ะครับผมก็ทำตามมันแต่โดยดี

                มันยืนจ้องตาผมอยู่อย่างนั้นแล้วก็กางแขนออก  ผมไม่สามารถที่จะจ้องตากับมันได้ครับเพราะว่ามันจะทำให้ผมละลายจนไปนั่งกองกับพื้นได้  ก็มันจ้องผมซะจนจะกินผมให้ได้ซะอย่างนั้น

                ผมค่อยๆปลดกระดุมมันออกทีละเม็ดๆ  จนหมดแล้วก็ถอดเสื้อมันออกหลังจากนั้นก็ปลดเข็มขัดแล้วก็ปลดตะขอก่อนที่จะค่อยๆรูดซิบลงเรื่อยๆจนสุด  มือที่มันกางไว้ตอนนี้มาจับที่บ่าของผมเอาไว้  สิ่งที่ทำให้ผมอายมากกว่าที่มันจ้องผมก็คือตอนนี้ผมกำลังค่อยๆดึงกางเกงนักเรียนมันลงจนเหลือแค่บ็อกเซอร์และเหลือมันไว้แค่นั้น

                “ถอดบ็อกเซอร์ให้กูด้วยดิ”  มันสั่งผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆข้างๆหูผม

                “มะ...มึงถอดเองดิกู....”  ผมว่าแล้วก็หยุดจะให้ถอดได้ยังไงละครับก็ตอนนี้น้องชายมันกำลังตื่นจนตุงบ็อกเซอร์ไปหมดแล้ว

                มันยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรแต่มือมันกลับมาจับมือผมให้ไปจับที่น้องชายมันแล้วค่อยๆดึงบ็อกเซอร์ร่นลงมาอยู่ที่ขาอ่อนแล้วมันก็ใช้เท้ามันข้างนึงดึงลงจนสุด  ตอนนี้มันเปลือยต่อหน้าผม

                “มาให้กูถอดให้มึงบ้าง”  มันว่าแล้วจะปลดกระดุมผม

                “ไม่เอากูไม่อาบกับมึง  ไปๆรีบอาบกูจะได้กลับบ้าน”  ผมโวยวาย

                “มึงต้องอาบกับกู มานี่!”  มันพูดจบก็ดึงผมเข้าไปชิดตัวมันแล้วเริ่มปลดกระดุมผมออกอย่างรวดเร็ว  แล้วก็ตามด้วยกางเกงผมจนหมด  จะทำยังไงได้ล่ะครับก็สมยอมตามท้องเรื่อง

                “ป่ะไปอาบน้ำกัน”  มันว่าแล้วก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาว  ผมตกใจเลยเอามือไปคล้องที่คอมันไว้

                “อุ้มทำไมเนี่ยอยู่ใกล้ๆเอง”  ผมทุบอกมันทีนึง

                “กูอยากอุ้มจะทำไม”  ว่าแล้วมันก็เดินพาผมเข้าไปในห้องน้ำ

                มันวางผมลงบนอ่างแล้วก็เปิดน้ำทันที  มันลงไปนั่งในอ่างฝั่งตรงข้ามแล้วหันหน้ามาที่ผม

                “มานี่”  มันเรียกผมก่อนที่จะดึงตัวผมเข้าไปนอนบนแผงอกแกร่งของมันแล้วก็กอดผมไว้อย่างนั้นจนน้ำเริ่มจะพอดีตัวเรามันก็ปิดน้ำไว้

                “อีกกี่วันนะจะครบหนึ่งเดือน”  อยู่ๆมันก็ถามผมขึ้นมา

                “อาทิตย์นึงพอดี”  ผมบอกมัน  พูดแล้วก็ใจหายเหมือนกันนี่ผมอยู่กับมันจนจะครับเดือนนึงแล้วหรือเนี่ย  เวลาที่มันมีความสุขทำไมมันเร็วอย่างนี้

                “ภายในเจ็ดวันนี้มึงมาหากูทุกวันได้ไหม”  มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                “อะ...อื้ม”  ผมตอบรับไปอย่างว่าง่าย  ผมอยากจะถามมันเหลือเกินว่าเมื่อถึงเวลาแล้วมันจะเอายังไงกับผมต่อ  ตอนนี้ผมครอบครองใจมันได้หรือยังหรือแค่แก้เหงาเท่านั้นผมอยากรู้เหลือเกิน

                “มึงสัญญาว่าจะไม่โกหกกู”  มันทำไมพูดคำนี้บ่อยจัง  ผมรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้เหมือนมันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำนี้เอามากๆเลย

                “สัญญา”  ผมบอกออกไปทั้งๆที่มันไม่เคยมีตั้งแต่แรกแล้ว  ผมผิดเอง

                “อ๊ะ!!”

                ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆมันก็พลิกตัวผมให้นอนอยู่ข้างล่างตัวมันโดยที่ศีรษะผมยังอยู่ที่ขอบอ่าง

                “กูสัญญาว่ากูจะเอามึงทุกวันเหมือนกัน”  มันพูดจบก็โน้มใบหน้าลงมาจุมพิตที่หน้าผากผมก่อนที่จะเลื่อนลงมาคลอเคลียที่พวงแก้มก่อนที่จะลงท้ายด้วยริมฝีปากของผม  มันดูดอยู่อย่างนั้นและใช้ลิ้นอันซุกซนของมันสอดเข้ามาซุกซนหยอกล้อกับลิ้นของผม  มืออีกข้างมันก็มาเขี่ยที่ยอดอกผมอย่างช่ำชอง

                “อืม!!!!”  เสียงมันครางในลำคออย่างพอใจ  มันแยกขาทั้งสองข้างของผมด้วยท่อนขาแก่งทั้งสองข้างของมันจนขาทั้งสองข้างของผมมันโผล่พ้นเหนือน้ำมาพาดที่ขอบอ่างแทน

                “ไหนบอกจะอาบน้ำไง”  ผมผละใบหน้าออกมาพูดกับมัน

                “ก็เอาก่อนอาบไง”  มาว่าแล้วก็ก้มลงมาจูบผมอย่างหนักหน่วงราวกับว่าอดอยากมานานแสนนาน  มันเอามือทั้งสองข้างมาสอดไปที่หลังผมแล้วก็กอดเอาไว้  ส่วนแก่นกลางลำตัวของมันก็ถูไถที่ช่องทางของผม  มันหยอกล้ออยู่อย่างนั้นจนได้ที่แล้วไอ้สกายก็ค่อยๆพามันเข้าไปสัมผัสกับข้างในผมทีละนิดๆ

                “อ๊ะ!!..เบาๆเจ็บ”  ผมบอกมันเสียงเบาขณะที่มือทั้งสองข้างของผมจับที่ขอบอ่างไว้แน่น

                “อีกนิดเดียวนะที่รัก”  ผมรู้สึกสะดุดเล็กน้อยกับคำที่มันพูดเมื่อซักครู่มันรู้สึกดีมากๆ  ไม่นึกเลยว่าผมจะได้ยินมัน  ความเจ็บทั้งหลายมันหายไปในพริบตาเลยทีเดียว

                “อ๊ะ..สะ....สกาย...ซี๊ดส์!!!”  ผมรู้สึกเหมือนตัวผมเต็มไปด้วยความสุขสมที่สุดเท่าที่เคยมีอะไรกับมันมา  และนี่เป็นครั้งแรกที่เรามีอะไรกันในอ่างอาบน้ำซึ่งมันก็รู้แปลกดีเหมือนกัน

                “ชอบไหม...ฮึ”  มันพูดเสียงกระเส่าข้างๆหูผม  มันขยับช่วงล่างของมันรัวไม่เป็นจังหวะจนน้ำในอ่างเริ่มกระเพื่อมและกระเด็นไปทั่ว  เป็นการอบาน้ำที่แปลกไปอีก

                “ชะ...ชอบ”  ผมบอกมันเสียงกระเส่า  เราจ้องตากันด้วยความรู้สึกที่มันอธิบายไม่ถูกมันรู้สึกดีจนไม่อาจจะละสายตาไปจากกันได้

                “ซี๊ดส์!!!!”  มันส่งเสียงครางออกมาทุกครั้งที่ร่างกายผมตอดรัดมันแน่นกว่าปกติ  บ่งบอกได้ว่ามันคงมีความสุขกับร่างกายผมเหลือเกิน   เหมือนฝันที่ผมได้มีอะไรกับมันและเป็นฝันดีที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

                “ระ...เร็วกว่านี้อีก...อ๊ะๆๆ”  ผมร้องออกมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะปลดปล่อยมันออกมาแล้ว

                “กะ...ใกล้ออกแล้วววว”  มันร้องเสียงดังพร้อมกับเงยหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่าน  ส่วนเอวมันก็ขยับรัวจนไม่เป็นจังหวะ

                “อ๊ะ...อ้าส์!!!!”  เราร้องพร้อมกันเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้องอาบน้ำ  ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆในช่องทางของผมมันวนเวียนในนั้นเพราะไอ้คนที่นอนทับตัวผมมันยังไม่ถอนตัวออก

                เสียงหายใจหอบของมันข้างๆหูผม  รู้สึกได้ว่ามันเหนื่อยพอสมควรก็ใช่น่ะสิมีแรงเท่าไรก็ใส่มาหมดจนตัวผมแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆเสียให้ได้

                “ลุก”  ผมบอกพร้อมกับผลักไปที่อกแกร่งของมันแต่คนอย่างผมหรือจะมีแรงไปผลักมันออกได้  มันยิ่งกอดผมแน่นขึ้นแล้วยกตัวผมขึ้นจากที่นอนอยู่เป็นนั่งบนตักมันในอ่างอาบน้ำ

                “ดีไหม”  มันถามผม

                “อื้ม”  ผมได้แต่ตอบรับสั้นๆไปพูดมากไม่ได้ก็มันอายอ่ะครับ

                “กูมีความสุขจัง  กูขอโทษนะที่เคยเกลียดมึง  เกลียดตัวตนของมึง”  มันพูดขณะที่เราทั้งสองกอดกันแน่น  มันพูดอย่างนี้แสดงว่าตอนนี้มันไม่ได้เกลียดผมแล้วใช่ไหมครับ เย้! ในที่สุดผมก็ทำได้แล้ว

                “กูก็มีความสุข  แค่มึงมีความสุขก็พอแล้วอย่างอื่นลืมมันไปซะ”  ผมบอกมัน

                “อีกเจ็ดวันกูมีอะไรจะบอก”  มันจะบอกอะไรผมกันแน่เริ่มอยากรู้เหมือนกัน  ไม่เป็นไรเอาเป็นว่าอีกเจ็ดวันผมก็จะบอกความจริงกับมันเหมือนกันผมตัดสินใจแล้ว

                “อีกเจ็ดวันกูก็มีอะไรจะบอกเหมือนกัน”  ผมบอกมันบ้าง

                “กูจะรอ”  มันว่า

                “กูก็จะรอเหมือนกัน”   ผมพูดแล้วก็ผละจากอ้อมกอดของมันแล้ววิดน้ำในอ่างไปที่ตัวมัน

                “จะเล่นใช่มั้ยยย ฮึ”  มันว่าแล้วก็วิดน้ำใส่ผมบ้างจนหัวเปียกไปหมด

                “ไอ้สกายบ้า นี่แหนะ”  ผมเอาคืนบ้างเราเล่นกันไปมาจนน้ำกระเด็นไปทั่วห้อง

                หลังจากเล่นกันไปมาความเป็นชายของไอ้สกายมันก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง  จนผมต้องสนองมันไปอีกจนกว่ามันจะพอใจ  หวังว่าคืนนี้มันจะปล่อยให้ผมได้มีเวลาพักผ่อนเอาแรงบ้างนะครับ

หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 12 ความสุขส่งท้าย UPDATE!!! (17/10/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-10-2017 23:32:04
เลยอีก 7 วัน ต่อจากนั้นจะเป็นไงต่อนะ  :m28:
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 13 วันเกิดที่แสนเจ็บปวด UPDATE!!! (22/10/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 22-10-2017 22:55:13


กลรักลวงใจ

ตอนที่ 13  วันเกิดที่แสนเจ็บปวด

-Pangpond Part-

ตอนเช้าที่ห้องเรียน

                เช้านี้ผมเดินเข้ามาที่ห้องเรียนก็พบว่ามีสิ่งผิดปกติวางอยู่บนโต๊ะ  มันคือดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่ถูกจัดเป็นช่ออย่างสวยงาม  ผมวางกระเป๋านักเรียนไว้ที่เก้าอี้  แล้วหันไปถามเพื่อนๆที่อยู่ในห้องก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามา

                “เมย์! รู้ไหมใครเอาช่อดอกกุหลาบมาวางไว้ที่โต๊ะเรา”

“ไม่รู้อ่ะเราเข้ามาก็เห็นมันวางอยู่แล้ว”

 เมย์ส่ายหน้าตอบกลับมา  ผมยืนคิดซักพักก็เริ่มมั่นใจว่าคนที่นำมาวางไว้น่าจะเป็นไอ้พี่ตี๋อย่างแน่นอน  ว่าแต่ไอ้ตองวันนี้ทำไมมาช้าจังเนี่ย  ผมมองหามันแล้วพลางกดโทรไปหาพี่ตี๋ไปด้วย

                “ฮัลลลโหลลลล ว่าไงครับน้องปอนด์ของพี่ตี๋”  เค้าตอบกลับมาเสียงยานจนน่าหมั่นไส้

                “พี่ตี๋อยู่ไหนเนี่ย”

                “อยู่ในใจน้องปอนด์ไงครับไม่รู้สึกเลยรึไงคร้าบบบ”  แน่ะยังจะมาเล่นอีก  คนจะถามเป็นการเป็นงาน

                “พอเลยๆจะอ๊วก  พี่ตี๋เอาช่อกุหลาบมาวางไว้บนโต๊ะผมใช่ไหม?”

                “เฮ้ย! ป่าวนะครับ  พี่ยังไม่ถึงโรงเรียนเลยเนี่ย”

                หืม!! แล้วใครกันเนี่ยเอามาวางไว้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองฮอตแล้วล่ะสิ  ถ้าไม่ใช่พี่ตี๋ก็แสดงว่ามีอีกคนที่เค้าสนใจในตัวผมอีกงั้นหรอ  ใครกัน? คิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยแต่ก็ช่างเถอะถือว่าเป็นเรื่องดีๆก็แล้วกัน  ผมมองช่อดอกกุหลาบอีกครั้งก็พบว่ามีการ์ดใบเล็กๆติดมาด้วย

                ‘ดอกไม้สวยๆสำหรับคนน่ารักครับ’

                ผมมองการ์ดแล้วทำหน้าคิดคิ้วขมวดจนลืมไปว่ากำลังคุยสายกับพี่ตี๋อยู่

                “น้องปอนด์คร้าบบบบบ อยู่ไหม”  เสียงเข้มตะโกนดังผ่านสายทำให้ผมหลุดจากภวังค์

                “จะตะโกนทำไมพี่ตี๋”

                “ก็น้องปอนด์เงียบไปพี่ใจคอไม่ดี  กลัวว่าจะคิดถึงไอ้เจ้าของดอกไม้ช่อนั้น มันเป็นใคร?”

                “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  กำลังคิดอยู่ว่าเป็นใคร”

                “จะใครก็ช่างเอาช่อดอกไม้นั่นทิ้งไปซะ”

                “จะบ้าหรอพี่คนให้เค้าจะเสียใจนะ  มันสวยออกผมชอบ”

                “ถ้าน้องปอนด์ชอบพี่จะซื้อให้ทุกวันเลย  แต่เอาของไอ้นั่นทิ้งไปซะพี่ไม่ชอบ”

                พี่เป็นใครบังอาจมาสั่งผม ฮ่าๆ ไม่มีทางครับดอกไม้ออกจะสวยขนาดนี้ผมจะเก็บมันไว้เอาไปใส่แจกันที่บ้าน

                “ไม่เอาผมจะเก็บไว้แค่นี้นะครับ”  ผมกดวางสายแล้วก็เอาช่อดอกกุหลาบไปวางไว้ที่โต๊ะหลังห้อง  หลังจากนั้นก็นั่งจัดหนังสือเรียนเพื่อเตรียมสำหรับคาบแรกของวัน

                “ไหนช่อดอกไม้นั่น”  ไม่ใช่เสียงใครครับเป็นเสียงของพี่ตี๋ที่กำลังเดินดุ่มๆเข้ามาในห้องพร้อมกับไอ้ตอง

                “ทำไมอ่ะ”

                “พี่จะเอามันไปทิ้ง”

                “จะบ้าหรอพี่ตี๋  ปอนด์จะเอากลับบ้าน”

                “จะเอากลับทำไมของใครก็ไม่รู้อ่ะ”  พี่ตี๋มองไปรอบๆห้องแล้วก็หยุดตรงที่ช่อดอกไม้  แล้วก็เดินตรงไปทันที  เค้าหยิบมันมาแล้วเอาไปทิ้งที่ถังขยะหลังห้องแล้วเดินกลับมาหาผม

                “เดี๋ยวตอนเย็นพี่ซื้อให้ใหม่  เอาช่อใหญ่กว่านี้อีก”

                “ไม่ต้องซื้อมา ผมไม่เอาเชิญพี่ตี๋ซื้อให้พี่เชอร์รี่เถอะครับ  แล้วก็ออกไปจากห้องนี้ซะ...ตอนนี้เลย”  ผมชี้ไปที่ประตูห้องด้วยอารมณ์โมโห  ก็ผมบอกว่าจะเก็บไว้แล้วยังเอาไปทิ้งอีกเรื่องแค่นี้ก็ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

                “ทำไมล่ะไม่ชอบดอกไม้พี่หรอครับ”

                “แค่นี้พี่ก็ไม่เข้าใจผม  ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการแล้วต่อไปเราจะเข้าใจกันได้ยังไง”

                “พี่...ขอโทษ”

                “ช่างมันเถอะพี่กลับไปตอนนี้เลยครับ”

                เห็นพี่มันทำหน้าหงอยคงจะเสียใจที่ผมไล่ออกไปจากห้อง  แค่นี้พี่แกยังไม่ฟังผมเลยต่อไปถ้าเป็นแฟนกันจะไม่ยิ่งกว่านี้อีกหรอ  แค่ดอกไม้ที่ยังไม่รู้ว่าใครด้วยซ้ำเอามาให้ยังหวงก้างขนาดนี้  ต่อไปสงสัยผมคงกระดุกกระดิกตัวไม่ได้อย่างแน่นอน

                “ก็ได้ครับ...เดี๋ยวพี่จะมาใหม่”  ว่าแล้วพี่ตี๋ก็เดินคอตกออกจากห้องมีเพียงตองที่ตบไหล่พี่ชายเชิงปลอบใจ

                “แกกำราบพี่ชายฉันซะอยู่หมัดเลย”

                “สมน้ำหน้าไม่มีเหตุผลดีนัก”

                “แกอย่าโกรธพี่ตี๋เลยนะเค้าก็แค่หวงแกอ่ะ  ไม่อยากให้ใครมาจีบแกไง”

                ผมพอเข้าใจครับว่าทำไมแกถึงเป็นแบบนั้น  แต่ก็ฟังเหตุผลกันบ้างผมบอกว่าผมจะเก็บไว้ก็คือเก็บมันไว้อย่างน้อยคนที่เป็นเจ้าของดอกไม้จะได้ไม่เสียใจ  ถึงแม้ไม่รู้ว่าเค้าจะเป็นใครผมบอกคำไหนก็ต้องคำนั้นครับถ้าคิดจะจีบผม เผด็จการไหมล่ะครับ ฮ่าๆ

                “ไม่โกรธหรอกแต่ต้องกำราบกันบ้าง”

                “อย่างนี้ล่ะฉันถึงเชียร์แกต้องอย่างนี้สิพี่สะใภ้ฉัน”

                ตองมันยิ้มอย่างพอใจแล้วก็เดินไปเก็บของที่โต๊ะซึ่งอยู่ข้างๆผม

                “เอ้อ! ตองพรุ่งนี้ไปงานวันเกิดพี่ปอมไหม  ที่บ้านจะจัดงานวันเกิดให้พี่ปอมอ่ะ”

                “ไปๆ  เราอยากไปบ้านปอนด์อ่ะ  เดี๋ยวเย็นนี้เราไปซื้อของขวัญให้พี่ปอมกัน”

                “อื้ม”  ผมตอบรับมัน

                “ว่าแต่แกชวนใครบ้างอ่ะ  พี่ตี๋  พี่สกายล่ะ ชวนยัง?”

                “ว่าจะชวนอยู่แต่เกิดเรื่องเมื่อครู่ซะก่อนแกเป็นคนไปชวนละกัน”

                “โอเคจ้าเดี๋ยวฉันชวนเอง”

                ว่าแล้วไอ้ตองมันก็โทรหาพี่ตี๋ทันที

*-*-*-*-*



-Pom part-

@คอนโดสกาย

                “พรุ่งนี้กูมาได้ค่ำๆนะ”  ผมบอกไอ้สกายที่ตอนนี้มันกำลังนั่งดูบอลอย่างตั้งใจ

                “ทำไมมาค่ำอ่ะ”

                “กูมีธุระ  ก็ดีกว่าไม่มาไม่ใช่หรอพรุ่งนี้วันสุดท้ายยังไงกูก็ต้องมา”

                “อืม  มานั่งนี่ดิ๊”

                ไอ้สกายมันว่าแล้วก็ตบที่หน้าขาของตัวเองเชิงเป็นคำสั่งให้ผมไปนั่งที่ตักของมัน

                “ไม่อ่ะที่นั่งมีออกเยอะแยะ”

                “จะมาดีๆไหม”  มันมองหน้าผมแบบจริงจัง

                ผมเห็นสายตามันก็ต้องยอมใจอ่อนเดินไปนั่งลงเบาๆที่ตักของมัน  ดีตรงที่ผมตัวเล็กกว่ามันพอสมควรทำให้ผมนั่งได้อย่างสบายตัวไม่ดูเทอะทะจนเกินไป

                “มึงนี่เบาจังนะวันหลังหัดแดกข้าวเยอะๆมั่ง”  มันว่าแล้วเอามือมาสอดที่ข้างเอวผมทั้งสองข้างแล้วกอดผมจนแน่น  ผมก็เอนหลังบนอกหนาแล้วก็เอนหัวไปที่บ่าข้างซ้ายของมัน

                “พรุ่งนี้แล้วสินะวันสุดท้าย  คืนนี้มึงนอนที่นี่ไม่ได้หรอ”

                “กูก็อยากจะนอนนะแต่กูต้องกลับบ้าน”

                “ไหนบอกว่าพี่สาวมึงนานๆจะกลับ  ไม่มีใครอยู่ไม่ใช่หรือ”  มันยังจำได้อีกเนาะ

                “แต่วันนี้พี่กูมาอ่ะ กูอยู่ไม่ได้จริงๆ”

                “เออ ช่างมึงกูอยู่คนเดียวได้”  มันว่าด้วยน้ำเสียงงอนๆ  เอาแต่ใจจริงๆไอ้นี่

                “พรุ่งนี้มันจะเป็นยังไงวะ....เรื่องของเรา”

                “แล้วมึงว่าจะเป็นยังไง”  มันถามผมกลับ

                ผมเงยหน้าไปมองหน้ามัน   เราจ้องตากันซักพักมันก็โน้มใบหน้าหล่อๆของมันมาประกบจูบผมอย่างเบาๆ  ผมเคลิ้มไปกับรสจูบที่มันหวานซะจนผมไม่อยากจะหยุดมันเลย  มันสอดลิ้นเข้ามาวนเวียนในโพรงปากของผม  ลิ้นของเราหยอกล้อเล่นกันจนพอใจแล้วมันก็ผละออก

                “พรุ่งนี้เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าจะเป็นยังไง”

                “กูจะรอฟัง”

                “กูหิวข้าวอ่ะ”  มันว่าหลังจากที่เราคุยกันได้ซักพัก

                “อื้ม เดี๋ยวกูทำให้กิน”

                “แล้วมึงอยากกินอะไรอ่ะ”

                “เอาข้าวไข่เจียวพอ”

                “รอแป๊บ”

                ว่าแล้วผมก็รีบเดินไปที่ครัวทำการหุงข้าวเป็นอันดับแรก  แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นนำไข่สองใบมาตีใส่ถ้วยแล้วก็ปรุงรส  ตั้งกระทะจนน้ำมันเดือดก็เอากระเทียมที่สับไว้ลงตามด้วยไข่ลงไปจนเกิดเสียงดังพร้อมกับกลิ่นที่หอมจากกระเทียมเจียวคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง

                “มาแล้ว! ข้าวไข่เจียวสูตรเชฟปอม”  ผมวางจานข้าวไข่เจียวที่เพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆลงบนโต๊ะ  มันมองมาที่ผมแล้วก็ยิ้มให้

                “เร็วดีจังว่ะ”  มันละสายตาจากหน้าจอทีวีแล้วก็หันมาสนใจจานข้าวไข่เจียวแทน

                “กินสิกำลังร้อนๆเลย”

                “ป้อนกูหน่อยดิ”  หืม! จะบ้าไปแล้วหรือไอ้สกายมึงทำไมอ้อนกูแบบนี้  ท่าทางมันยังกะเด็กเลยครับ

                “ไม่อาวว  มึงมีมือมีตีนก็กินเองดิวะ”  ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

                “แค่นี้มึงทำให้กูไม่ได้หรอ  กูให้โอกาสมึงแล้วนะป้อนกูหน่อย อ้า”  มันว่าแล้วก็อ้าปากรอผมป้อนมัน  ถ้าไม่ป้อนก็จะใจร้ายไปหน่อยไหมครับเด็กอุตส่าห์อ้อนซะขนาดนั้น ฮ่าๆ

                “เคๆ ป้อนก็ป้อน”  ผมว่าแล้วก็ใช้ช้อนส้อมตักข้าวพร้อมกับไข่พอดีคำ  เนื่องจากไข่เขียวที่มันร้อนๆอยู่ผมจึงเป่ามันให้หายร้อนก่อนที่จะป้อนมัน

                “อะ...อ้ามมม”  ผมป้อนมันพร้อมกับทำเสียงเหมือนกำลังป้อนข้าวเด็กซะอย่างนั้นมันก็กินแล้วเคี้ยวอย่างอร่อย

                “มึงดูแลกูได้เหมือนที่แม่กูทำให้ตั้งแต่เด็กเลยรู้ไหม  ตอนเด็กๆแม่กูก็ป้อนข้าวไข่เจียวแล้วก็เป่าให้อย่างนี้ล่ะ  ขอบใจนะที่มาเติมเต็มสิ่งที่แม่กูเคยให้  ทำให้กูรู้สึกว่ามันไม่ได้ขาดอะไรเลยแค่มีมึง”  สงสัยผมจะวางยาเสน่ห์ใส่ข้าวไว้มั้งทำให้มันพูดซะยาวและซึ้งขนาดนี้  ผมรู้สึกได้ว่ามันจะรักแม่ของมันมากๆเลย

                “กูทำให้มึงได้ทุกอย่างที่มึงต้องการ  ขอแค่มึงไม่เกลียดกูก็พอใจแล้ว”  ผมบอกมันแล้วก็ป้อนข้าวมันไปเรื่อยๆ  มันก็นั่งรอกินอย่างใจจดใจจ่อ  พออิ่มแล้วผมก็เอาจานไปเก็บแล้วมานั่งหน้าสลอนมองมันต่อ

                “กูกลับก่อนนะ” ผมว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วสะพายกระเป๋าที่วางไว้บนโซฟา  มันไม่ว่าอะไรก็แค่พยักหน้าเชิงรับรู้แล้วก็นั่งดูบอลต่อ  ผมจะเดินมาถึงหน้าประตูอยู่แล้วแต่มันกลับเรียกผมซะงั้น

“ปอม”

                “ว่าไง”  ผมหัวหน้ากลับไปเพื่อรอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ

                “กู....ไม่ได้เกลียดมึงแล้วนะ”

เรายิ้มให้กันแล้วผมก็เดินออกมาด้วยหัวใจที่มันพองโต เลือดมันไหลเวียนดีแท้นี่สินะเขาเรียกว่าคนมันกำลังมีความรักมันดีอย่างนี้นี่เอง

*-*-*-*-*-*



                และแล้วก็ถึงวันนี้ครับ  ‘วันเกิดผม’  ผมตื่นตั้งแต่เช้ามาใส่บาตรพร้อมกับครอบครัวโชคดีที่วันนี้ตรงกับวันหยุดทำให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวในวันพิเศษอย่างนี้  วันนี้ทั้งวันผมก็ขลุกอยู่ที่ร้านขายขนมช่วยแม่  ไม่รู้ทำไมวันนี้ลูกค้าเข้าร้านเยอะมากเลยทำให้กลับบ้านค่ำกว่าปกติ ส่วนคนอื่นๆก็ช่วยจัดเตรียมงานอยู่ที่บ้าน

                “แม่ครับทำไมบ้านเรามันมืดอย่างนี้”  ผมถือของพะรุงพะรังเข้ามาในบ้าน  เมื่อเห็นว่าในบ้านปิดไฟมืดไม่รู้ว่าทั้งเจ้ปิ่นและปังปอนด์ไปไหนกัน

                “อ้าว!  แล้วเตรียมงานกันเสร็จแล้วรึยังละเนี่ย”

                “หรือว่านอนกันแล้ว  ลืมไปแล้วหรอว่าวันนี้ต้องเตรียมงานวันเกิดผม”  ผมวางของลงแล้วก็เปิดประตูเข้าไป

                Happy Birth Day To You…..

                เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกันนั้นเจ้ปิ่นก็ถือเค้กก้อนโตเดินออกมา  แสงเทียนบนเค้กพอจะทำให้รู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ตรงนั้น  ผมเดินเข้าไปหาเจปิ่นแล้วก็ยืนยิ้มอยู่อย่างนั้น

                “สุขสันต์วันเกิดน้องรัก”

                ผมหลับตาอธิษฐานแล้วก็เป่าเค้กทันที

                แปะๆๆ ปังๆๆ!!

                เสียงทุกคนปรบมือพร้อมกับเสียงพลุดึงดังขึ้น  พร้อมกันนั้นไฟก็ถูกเปิดขึ้นมาจนสว่าง มองไปก็เห็นหน้าคนคุ้นเคยยืนยิ้มให้ผมกันทุกคนไม่ว่าจะเป็น  เจ้ปิ่น  ปังปอนด์ ไอ้เอิ้น โป้ง และแม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ  ที่แปลกตาก็คือมีตองและไอ้ตี๋อีกด้วย  แต่เอ๊ะผมไม่ได้ชวนสองคนนั้นนี่นา  หลังจากนั้นทุกคนก็อวยพรวันเกิดให้ผม

                เจ้ปิ่น  :  มีความสุขมากๆนะน้องรัก สอบติดคณะที่ตัวเองชอบนะ

                ปังปอนด์  :  ขอให้พี่ปอมมีความสุขมากๆนะครับ รักมากก

                ตอง  :  พี่ปอมมีความสุขมากๆนะค่ะ  สุขภาพแข็งแรง

                โป้ง  :  สุขสันต์วันเกิดนะปอม มีความสุขมากๆนะ

                เอิ้น  :  ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากรักแกมากก ไอ้ปอม

                ตี๋  :  มีความสุขมากๆนะปอม

                แม่ :  สุขสันต์วันเกิดนะลูกขอให้มีความสุขมากๆ เป็นเด็กดีของแม่นะจ๊ะลูกรัก

                ผมยืนรับคำอวยพรจากทุกคนพร้อมกับของขวัญที่ได้รับจนเต็มโต๊ะ  หลังจากนั้นก็ตัดเค้กกินกันพร้อมกับอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้จนเต็มโต๊ะ

                “โทษทีนะตี๋ที่เราไม่ได้ชวนด้วยตัวเองอ่ะ”  ผมบอกไอ้ตี๋เมื่อเริ่มงานปาร์ตี้กันแล้ว

                “ไม่เป็นไรเมื่อวานตองมันบอกว่าวันนี้จะมาเซอไพรซ์งานวันเกิดปอมเลยชวนไอ้สกายมาด้วย”  นี่ล่ะครับสาเหตุที่ผมไม่ได้ชวนไอ้ตี๋เพราะรู้ว่ามันต้องชวนไอ้สกายมาแน่ๆและความลับของผมจะต้องแตกอย่างแน่นอน

                “ละ...แล้วไอ้สกายล่ะ มันมาไหม?”  ผมถามมันด้วยหัวใจตุ้มๆต่อมๆ  กลัวว่ามันจะมาน่ะสิครับ

                “มันจะตามมามันบอกว่าจะไปเอาของขวัญวันเกิดให้ปอมอ่ะ  เราเลยแชร์โลเคชันที่อยู่บ้านปอมให้มันแล้ว”  ไอ้ตี๋มันบอกผมเริ่มใจคอไม่ดีเลยครับ  มันเงียบเลยทั้งวันไม่โทรไม่ส่งไลน์มาหาผมเลย

                “นั่นไง มาแล้ว!”  ไอ้ตี๋ชี้ไปที่ไอ้สกายที่กำลังเดินถือตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มา

                “สะ..สกาย”  ผมเอ่ยชื่อมันออกมาอย่างสั่นๆ วันนี้ผมสัญญาว่าจะไปหามันโดยที่ไม่ได้บอกมันว่าเป็นวันเกิดผมโกหกมันอีกแล้ว  มันเดินเข้ามาใกล้ๆผมแล้วก็ยื่นตุ๊กตาหมีให้

                “สุขสันต์วันเกิดนะ”  มันว่าแล้วยิ้มให้

                “ขอบใจนะ”  ผมยิ้มเจื่อนๆแล้วมองมันที่กำลังยิ้มมาให้ผม  มันไม่โกรธผมหรือนี่ที่โกหกมันเรื่องวันนี้

                “อ้าว! นี่เพื่อนลูกหรือปอม”  แม่ผมเดินมาหาแล้วยิ้มให้ไอ้สกาย

                “แม่.....”  ไอ้สกายมันเปล่งเสียงเบาๆออกมาแล้วยกมือไหว้  พร้อมกันนั้นใบหน้ามันตรึงเครียดขึ้นผิดจากเมื่อสักครู่ ผมรู้สึกได้ว่าความซวยจะมาเยือนผมแล้วล่ะสิครับ

                “ใช่จ้า...แม่ที่คลอดปอมออกมาจากท้องเลยนี่ล่ะจ้า”  แม่ผมทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผมก่อนที่จะเดินออกไปจากวงสนทนาของพวกเรา

                “คือกูอะ.....”  ผมพยายามจะพูดกับไอ้สกายแต่มันก็พูดขัดผมทันที

                “ไม่ต้องพูดแล้ว  มึงโกหกกูตั้งแต่แรกไอ้เหี้ย”  มันว่าแล้วก็รีบเดินออกไปข้างนอกทันที

                ผมฝากตุ๊กตาหมีให้ไอ้ตี๋มันกอดไว้แทนแล้วรีบวิ่งออกมาหาไอ้สกายเพื่ออธิบายให้มันได้เข้าใจ

                “สกายฟังกูก่อน”  ผมตะโกนตามหลังมันแล้วรีบวิ่งตามไป  มันยังเงียบผมกอดมันจากด้านหลังแล้วกอดมันไว้อย่างนั้น

                “ปล่อย!...กูขยะแขยงมึงเต็มทนแล้ว”  มันพยายามแกะมือผมออก

                “สกายกูขอโทษมึงฟังกูอธิบายก่อนนะ ฮึก!”  ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย

                “กูจะไม่ฟังคำพูดโกหกของมึงอีกแล้ว”

                “นี่ไงสิ่งที่กูจะสารภาพกับมึงวันนี้  กูยอมรับว่าตั้งใจมาหลอกมึงแต่ทุกอย่างที่กูทำให้มึง  กูทำด้วยใจไม่ได้เป็นเรื่องโกหกเลย”

                “มึงเอาปมเรื่องครอบครัวมาหลอกกูให้กูสงสาร  กูสงสารแม่มึงว่ะถูกลูกตัวเองแช่งว่าตายแล้วทั้งๆที่อยู่ด้วยกันทุกวัน”  มันว่าให้ผมอย่างเจ็บแสบแต่ก็นั่นล่ะครับผมสมควรโดนมันว่า  ผมยอมรับผิด

                “กูไม่ได้ตั้งใจนะ ฮึก ฮือๆ  กูรักมึงได้ยินไหมว่ากูรักมึง ฮือๆๆ”  ผมกอดมันแล้วพูดอยู่อย่างนั้น

                “แต่กูเกลียดมึง!”  มันสลัดตัวผมออกจนผมล้มลงกับพื้น  มันไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองผมก่อนที่จะขับรถออกไป

                “สกาย กูรักมึง ฮือๆๆ” ผมนั่งร้องไห้คนเดียวอยู่อย่างนั้น  ทำไมวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของผมมันช่างเป็นวันที่รู้สึกเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต


TBC......
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 13 วันเกิดที่แสนเจ็บปวด UPDATE!!! (22/10/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-10-2017 23:33:47
พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ทำบุญด่วน หลานปอม
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 14 ปิดประตูหัวใจ UPDATE!!! (05/11/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 05-11-2017 21:54:58
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 14  ปิดประตูหัวใจ



@ร้านกาแฟนมสดแห่งหนึ่ง

          “ปอมมึงโอเคไหม”  เอิ้นมันเอ่ยกับผมขณะที่เราทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟนมสดละแวกบ้าน

          “กูโคตรเสียใจเลยว่ะ  มันจบแล้ว”  ผมว่าพลางใช้หลอดกวนนมสดปั่นในแก้วเล่นอย่างไร้อารมณ์

          “มึงอย่าคิดมากสิวะลองไปง้อมันดูอีกที  มันอาจจะใจอ่อนลงก็ได้นะ”

          “มึงคิดว่ามันจะยอมยกโทษให้กูเหรอวะ”

          “ไม่ลองก็ไม่รู้ปะวะ  เพื่อนกูทำได้อยู่แล้ว”  ผมได้แต่พยักหน้ารับคำแนะนำของมัน  และในใจตอนนี้ก็คิดว่าจะลองทำตามที่มันบอกดูเผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น

          “เดี๋ยววันจันทร์กูจะลองไปคุยกับมันดูอีกที”

          “กูเอาใจช่วย”  เอิ้นมันว่าแล้วก็มาตบบ่าผมเบาๆเชิงปลอบใจ

          “ขอบใจมึงมากนะ  ถ้าไม่มีมึงอยู่เป็นเพื่อน  กูคงไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี”

          “กูเต็มใจ  บอกแล้วไงว่าสาววายอย่างกูยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ผู้ชายได้กัน”

          “เออ เราต้องสอบเข้าคณะอักษรให้ได้ด้วยกันนะเว้ย  เราจะได้ไปเรียนด้วยกันอีก”  ผมบอกมัน

          “เออ กูจะพยายาม”

          พอได้คุยกับไอ้เอิ้นมันก็ทำให้ผมคลายเครียดลงไปเยอะเลย พวกเรานั่งอยู่ในร้านกันเกือบสองชั่วโมงแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

@บ้านของปอม

          เมื่อผมมาถึงบ้านก็ลองส่งไลน์ไปหาไอ้สกาย  เพราะอยากจะลองดูว่าพอจะยังมีโอกาสได้คุยกับมันอีกครั้งไหม

          ‘สกายกูขอโทษนะ  กูอยากคุยกับมึงให้กูไปหามึงได้ไหม’

          มันอ่านข้อความผมแต่ไม่ตอบ  ผมเลยส่งมันไปอีกครั้ง

          ‘ถ้ามึงไม่ตอบกูก็จะไม่ไป  กูเข้าใจ”

          มันไม่ตอบกลับมาจริงๆ ผมได้แต่ทำใจแล้วก็ปิดไฟนอนเอามือก่ายหน้าผากและคิดในใจว่าพรุ่งนี้ผมต้องหาทางคุยกับมันให้ได้  พรุ่งนี้ถ้าผมไม่มีโอกาสได้คุยกับมันอีกผมจะไปตามทางของผม  เรื่องของเรามันจะได้จบสักที

@โรงเรียน

          “ปอม! ทางนี้”  ตี๋มันยืนทักผมอยู่ไม่ไกลนักผมจึงเดินไปหามัน

          “ว่าไงตี๋มีอะไรรึเปล่า”  ผมตอบมันด้วยท่าทีหมดเรี่ยวแรงเพราะนอนไม่หลับทั้งคืน  มัวคิดแต่เรื่องของมัน

          “ปอมโอเคไหม  ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย”

          “ก็ไม่ค่อยโอเคซักเท่าไรว่าแต่...ไอ้สกายเป็นไงบ้าง” ผมถามหาไอ้สกายเพราะคิดว่ามันคงจะไม่ต่างจากผมซักเท่าไร  มันคงผิดหวังในตัวผมมาก

          “ไอ้สกายน่ะเหรอมันก็...โอเคนะ”  ตี๋มันตอบด้วยท่าทีมีพิรุธ  เหมือนมีอะไรปิดบังผมอยู่

          “ตี๋มีอะไรปิดบังเราอยู่รึเปล่า”  ผมถามมัน

          “ปะ...เปล่า”  มันรีบปฏิเสธจนน่าสงสัย

          “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว  เราขอตัวก่อน”  ผมบอกมันแล้วก็เดินไปทันที

          “เดี๋ยว!”

          ผมหันกลับไปมองยังต้นเสียงมันคือเสียงของแป้งที่กำลังเดินมาพร้อมกับไอ้สกาย  ในที่สุดผมก็เจอมันไอ้สกายแต่ที่มันทำให้ผมงงก็คือแป้งกำลังเดินควงแขนมันมา  ผมเห็นแล้วก็รู้สึกใจคอไม่ดีเลย

          “มีอะไร”  ผมตอบกลับแป้งด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตร  แน่นอนว่าไม่มีทางที่ผมกับแป้งจะพูดจากันดีๆได้แม้กระทั่งตอนนี้  ผมปรายตามองหน้าไอ้สกายที่ตอนนี้มันทำหน้าเฉยๆยืนให้แป้งควงแขนอย่างสบายอารมณ์

          “ฉันเปล่าย่ะ...แต่คนที่มีอะไรน่ะคือสกาย”  แป้งมันพูดกับผมด้วยจริตที่น่าตบมากเหลือเกิน

          ผมมองหน้าไอ้สกายที่ตอนนี้มันมองผมด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด  ต่างจากผมที่มองมันด้วยสายตาที่รู้สึกสำนึกผิด  หัวใจผมมันเต้นตึกๆ รู้สึกใจคอไม่ดีเลยกับสิ่งที่มันจะพูดกับผม

          “มึงมีอะไรจะพูดกับกู...สกาย”  ผมถามมันแล้วยืนรอ

          “จริงๆ แล้วกูก็ไม่ค่อยอยากจะพูดกับมึงซักเท่าไหร่  แต่ถ้ากูไม่พูดวันนี้แฟนกูคงไม่สบายใจ”

          แฟนอย่างนั้นเหรออย่าบอกนะว่า...

          “ต่อไปนี้มึงอย่ามายุ่งวุ่นวายกับกูอีก  เพราะตอนนี้กูกับแป้งเป็นแฟนกันแล้วแฟนกูไม่ชอบขี้หน้ามึง”

          เหมือนทุกอย่างบนโลกใบนี้มันหยุดเคลื่อนไหวมีแต่มันกับผมที่ยืนมองหน้ากันแล้วมันก็เอาปืนมายิงเข้าที่กลางใจผม  มันได้ฆ่าผมแล้วจากคำพูดของมันเมื่อสักครู่

          “ฟะ...แฟน  มึงไปเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนไหน  กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”  ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมาแล้วถามมันออกไป

          “ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่องด้วยล่ะ  มึงมันก็แค่ของเล่นที่กูเล่นจนเบื่อแล้ว  ต่อไปมึงไม่ต้องมาคอยตามกูอีก”  มันบอกผม

          “กู...ขอโทษกับทุกๆเรื่อง  กูเข้าใจแล้วต่อไปนี้กูจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก  กูผิดเองช่วงเวลาที่กูได้รู้จักมึงมันมีค่ากับกูมาก  แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของมึงกูก็จะทำตาม  จะไม่มีคนชื่อสกายในความทรงจำของกูอีกต่อไป”  ผมพูดแล้วก็หันหน้าหนีทันทีเพราะน้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้มันค่อยๆไหลออกจากเบ้าตาของผมเป็นสาย

          ผมเดินออกจากตรงนั้นด้วยขาที่มันอ่อนแรงจนผมเซล้ม

          “ปอม! ไหวไหม”  เป็นไอ้ตี๋ที่มันรีบเดินเข้ามาพยุงผมให้ยืนขึ้น

          “ขอบใจ เราไหวตี๋”  ผมว่าแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที  ผมไม่อายที่จะวิ่งไปร้องให้ไป  ภาพความทรงจำของผมช่วงที่มีความสุขกับมันฉายวนในหัวผมซ้ำๆ มันยิ่งทำให้น้ำตามันไหลไม่ยอมหยุดซักที

          “ปอม!  แกเป็นอะไร”  ผมเดินมาเจอเอิ้น ตองและปังปอนด์พอดี

          “ฮือๆ มึงกูเจ็บ”  ผมว่าแล้วก็โผเข้าไปกอดไอ้เอิ้นทันที

          “ใครทำอะไรมึง?”

          “ฮึก ไอ้สกายมันคบกับแป้งแล้ว”  ผมว่าพลางเช็ดน้ำตาไปด้วยเหมือนกับเด็กที่โดนแกล้งมาซะอย่างนั้น

          “ทำไมมันถึงได้คบกันปุปปับซะอย่างนั้น  แต่ก็ช่างมันเถอะถือว่ามันเลือกแล้วเรื่องของมึงกับมันจะได้จบลงซะที”  เอิ้นมันเตือนสติผม  มันก็จริงอย่างที่ไอ้เอิ้นพูดเรื่องของผมกับไอ้สกายมันคงจบแล้วจริงๆ

          “กูทำใจ้ไว้บ้างแล้วล่ะ  แต่ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้ ฮึก”

          “พี่ปอมใจเย็นๆนะคะ  เดี๋ยวตองจะให้พี่ตี๋ลองคุยกับพี่สกายอีกทีนะคะ”

          “ไม่ต้องหรอกน้องตองพี่โอเคแล้ว  ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว”

          “ตองไม่รู้ว่าพวกพี่มีปัญหาอะไรกัน  แต่ตอนนี้มันก็ใกล้จะจบมอหกแล้วถ้าไม่เคลียร์กันมันก็จะค้างคาไปแบบนี้นะคะ”

          “พี่โอเคแล้วจริงๆน้องตอง  ยิ่งใกล้จบมอหกแล้วพี่ยิ่งจะต้องเลิกคิดถึงเรื่องมัน  เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัยให้ได้ก่อน”

          “ถ้างั้นก็ตามใจพี่นะคะ  ตองเป็นกำลังใจให้เสมอ”

          “ขอบใจน้องตองมากนะ”  ผมบอกน้องตองแล้วน้องมันก็ยิ้มให้ผม

          “เดี๋ยววันนี้เราไปร้องคาราโอเกะกันไหมค่ะ คลายเครียดกัน”  ตองชวน

          “ดีเหมือนกันมึงจะได้รู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้”  เอิ้นมันว่าพร้อมกับมองหน้าผม

          “ไปเถอะนะพี่ปอม”  ปังปอนด์ร่วมด้วยอีกเสียง

          ผมมองหน้าทุกคนที่กำลังลุ้นรอคำตอบ

          “โอเค ไปก็ไป ดีเหมือนกันจะได้ไปปลดปล่อยก่อนที่จะเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัย”

          “เย้!”  ทุกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

          หลังจากนั้นเราทั้งหมดก็ไปร้านคาราโอเกะร้านประจำแถวๆโรงเรียน

@ร้านคาราโอเกะ

          “ในฐานะที่มึงเพิ่งเจอเหตุการณ์ร้ายๆมาวันนี้กูจะให้มึงร้องเปิดงานเป็นคนแรกเลย”  เอิ้นมันบอกหลังจากที่เราทั้งสี่คนอยู่ในห้องคาราโอเกะแล้ว

          “เอางั้นเหรอวะ”

          “เออสิวะ อ่ะ!”  เอิ้นมันยื่นไมโครโฟนให้ผม

          ผมนั่งนึกสักพักว่าจะร้องเพลงอะไรดี  ช่วงเวลานี้ควรจะร้องเพลงอะไรดีนะ  หน้าไอ้สกายลอยมาแทนที่จะเป็นชื่อเพลง  ผมไม่มีทางลืมไอ้สกายได้อย่างแน่นอนเพราะมันฝังลึกลงในใจผมแต่ผมจะเก็บภาพมันไว้ในความทรงภาพที่ดีๆและจะเก็บมันไว้อย่างนั้นแม้ว่าเรื่องของผมกับมันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

          “กดเพลงนี้ให้กูหน่อย”  ผมชูหน้าจอมือถือให้ไอ้เอิ้นดูมันเป็นเพลงที่ผมชอบมากอีกเพลงนึง

          “โอเคกูจัดให้”

....เสียงดนตรีดังขึ้น

          “ใครคนหนึ่งคนนั้น ในวันหนึ่งวันนั้น เคยผูกผันกันซะมากมาย เพราะวันที่ห่างเหิน มันก็เริ่มห่างหาย เพียงแค่เพราะเราไม่เจอะกัน ไม่เรียกร้องให้กลับมาหรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้นเก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้นรู้ว่ามันไม่ไปไหนแม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้นในภาพทรงจำสีจางจางเหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนรางบางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป ไม่เรียกร้องให้กลับมาหรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น เก็บเอาไว้ในส่วนลึกซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหนแม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง”

          ผมร้องเพลงจบพร้อมกับน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้ม  นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะร้องไห้ให้กับมัน

          “ทำไมพี่ปอมร้องเพลงได้เศร้ามากเลยอ่ะ ฮึก”  ตองมันร้องไห้สะอึ้นเสียงดัง จนผมที่กำลังร้องไห้เหมือนกันกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่กับความโก๊ะของตอง

          “ตกลงใครกำลังเสียใจกันแน่ ฮ่าๆ”  ผมขำออกมาพร้อมกับน้ำตา

          “ก็มันเศร้าอ่ะ ฮือๆๆ”

          “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ คนอะไรจะขี้แยอย่างนี้”  แทนที่ทุกคนจะมาปลอบผมแต่กลับกลายเป็นว่าผมมาปลอบใจน้องตองแทน ฮ่าๆ สาววายตัวยงคงจะสะทือนใจมาก

          “สวัสดีทุกคน”  เป็นเสียงตี๋ที่ดังมาจากประตูห้อง

          “อ้าวตี๋มาได้ไงเนี่ย”  ผมถามแล้วมองหน้าตี๋  ตี๋มันมองมาที่ตองผมก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าตองคงเป็นคนบอก

          “ไม่เห็นมีคนชวนเลยอ่ะ”  ตี๋มันว่าพลางนั่งลงที่ว่างข้างๆตองโดยไม่ลืมที่จะปรายตามองปังปอนด์ที่นั่งอยู่ข้างๆน้องสาวของมัน

          “ก็นึกว่าตี๋จะไปกับพวกแก๊งนางมารกับไอ้สกายซะอีก”  ผมบอกมัน

          “เปล่าไอ้สกายมันกลับแล้วล่ะ  เราเลยมานี่”

          “ช่างเถอะเราไม่ใส่ใจเรื่องของไอ้สกายแล้ว”  ผมบอกตี๋

          “จริงดิ!  อะไรจะลืมง่ายดายขนาดนั้น  เราไปคุยกันข้างนอกไหมเราอยากรู้ความจริงทุกเรื่องจากปากปอมเอง”

          “โอเค ” ผมพูดแล้วเดินออกไปนอกห้องพร้อมกับไอ้ตี๋ทันที  ปล่อยให้ทั้งสามคนร้องเพลงกันต่อไป

          “เรื่องมันเป็นมายังไงระหว่างปอมกับกับไอ้สกาย”  ตี๋มันถามหลังจากที่เรามานั่งที่ม้านั่งข้างนอก

          “จำได้ไหมว่าเราเคยขอเบอร์ไอ้สกายจากตี๋  เราเป็นคนเริ่มมันเองตั้งแต่วันนั้น...........”  ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้ตี๋ฟังแบบไม่มีปกปิดซักเรื่องเลย

          “มันคงทำประชดปอมล่ะเราว่า  ไอ้นี่มันเป็นคนไม่ชอบคนโกหกเป็นชีวิตจิตใจ  เพราะแม่มันเคยผิดสัญญาจนทำให้ครอบครัวของมันต้องแตกแยก  มันฝังใจตั้งแต่ตอนนั้น”

          “เราทำใจมาบ้างแล้วล่ะก่อนหน้านี้”

          “แสดงว่าตอนนี้เรื่องระหว่างปอมกับไอ้สกายคงเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม?”  ตี๋มันถาม

          “คงประมาณนั้น  เราผิดเองที่ไปโกหกมันจนทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้  แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็ยังจะทำแบบนี้อีกเพราะช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับมัน  มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากที่สุดที่เราจะไม่มีวันลืมเลย”

          “ถ้ามันได้ยินมันคงจะดีใจที่มีคนรักมันมากขนาดนี้”

          “คงไม่หรอกมันเกลียดเราจะตาย  และตอนนี้มันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วเราก็ได้แต่ดีใจ  และเราคิดว่าต่อไปนี้เราจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับมันอีกถือว่าทุกอย่างมันจบแล้วจริงๆ”  ผมบอกมัน

          “ถึงยังไงเราก็ยังอยากให้ปอมกับไอ้สกายคุยกันดีๆอีกสักครั้ง  แต่ถ้าปอมยืนยันแบบนี้เราก็เคารพการตัดสินใจของปอมละกัน”  ตี๋มันว่าพลางตบไหล่ผมเบาๆ

          “ฝากตี๋ดูแลมันด้วยละกัน อ้อ! ลืมไปว่าเค้ามีแฟนแล้วคงดูแลกันได้  ป่ะเข้าไปข้างในกันเถอะเรารู้นะว่าอยากจะไปเจอน้องชายเราเต็มทนแล้ว”  ผมว่าแล้วก็ยกยิ้มให้มัน

          “แน่ะ รู้ทันเราอีก ฮ่าๆ”  ตี๋มันว่าแล้วเกาท้ายทอยแก้เขินไปด้วย

          “เราไม่ว่าหรอกนะถ้าตี๋จะจีบหรือคบกับปังปอนด์  แต่เราขอว่าอย่าทำให้น้องเราเสียใจเป็นพอเพราะปอนด์มันเป็นเด็กดีไม่อยากให้เจอเรื่องที่แย่ๆแบบเรา”  ผมบอกมัน

          “เราสัญญาถ้าเราได้คบกับน้องปอนด์เราจะดูแลอย่างดี  ไม่ทำให้น้องเสียใจแน่นอน”  ตี๋มันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

          “จำคำพูดไว้ด้วย ป่ะ”  ผมเดินนำหน้ามันเข้าไปข้างใน

          “พี่ตี๋มานั่งนี่เลย”  ตองกวักมือเรียกพี่ชายเข้าไปนั่งด้วย  ซึ่งผมรู้จุดประสงค์ของตองนั่นเพราะอยากให้ตี๋ไปนั่งใกล้ๆปังปอนด์นั่นเอง  ไอ้ตี๋มันเองก็ทำตามคำเรียกร้องของน้องสาวอย่างว่าง่าย

          “น้องปอนด์พี่ขอนั่งด้วยคนนะ”  ตี๋มันว่าพลางแทรกตัวนั่งระหว่างตองและปังปอนด์

          “ทำไมต้องมาเบียดกันด้วยเนี่ย!”  ปังปอนด์โวยวายแต่ก็ขยับตัวให้ที่นั่ง

          “อยากฟังเพลงไหมเดี๋ยวพี่ร้องให้ฟัง”

          “ไม่เอาอ่ะกลัวเส้นประสาทหูจะพัง”  ปังปอนด์มันทำหน้าหยีใส่ตี๋

          “เร็วๆใครจะร้องก็รีบร้องจะหมดเวลาแล้วเนี่ย”  เอิ้นเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ

          “ได้ๆ เดี๋ยวเราร้องเอง”

          ตี๋มันรีบเดินไปเลือกเพลงแล้วก็ยืนถือไมโครโฟนอยู่ข้างๆจอเตรียมร้อง  พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาหวานเยิ้มให้น้องชายผม

          “น้องปอนด์ฟังเพลงนี้ดีๆนะครับ”  มันส่งยิ้มไปให้ปังปอนด์ราวกับว่ามีมันกับปังปอนด์แค่สองคนในห้องนี้ ฮ่าๆ ยอมใจมันจริงๆ ไอ้ตี๋

          “

.....ดนตรีขึ้น

          “บอกฉันซักคำว่าเธอทำได้อย่างไร  เพราะฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่กับเธอ  ที่จริงนับตั้งแต่  ที่เรานั้นแรกเจอ  ไม่คิดว่าจะรักได้มากมาย  เธอรู้วิธีดูแลคนที่ห่วงใย  จนฉันแปลกใจความรู้สึกที่ฉันมี  เคยรักมากเท่าไหร่  ก็ยังรักได้อีก  ไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไร..............”  มันร้องเพลงยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอของดาเอ็นโดรฟินไปจนจบ  ระหว่างที่ร้องเพลงมันจ้องน้องชายผมตลอดเวลาราวกับว่าโลกใบนี้มีกันแค่สองคน

          “โห! หวานซะ”  ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่มันร้องเพลงจบแล้ว  ผมมองไปที่ปังปอนด์มันนั่งนิ่งๆแต่ตากลับมองไปยังไอ้ตี๋แทบไม่กระพริบแถมยังยิ้มตลอดเวลาอีก  ผมก็สงสัยอยู่ว่าทั้งสองคนใจตรงกันขนาดนี้แต่ไอ้ตี๋กลับยังไม่สามารถพิชิตใจปังปอนด์ได้อีกหรือนี่

          “พี่ตี๋ร้องเพลงจนมดไต่เพื่อนตองแล้วเนี่ย”  ตองแซวเพื่อนของตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆ  ปังปอนด์ได้แต่มองหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่องแก้เขิน

          “ไม่ต้องแซวเลยตอง”  ปังปอนด์ดุเพื่อน

          “เฮ้ย! พวกเราจะหมดเวลาที่จองไว้แล้วนะเนี่ย เตรียมตัวกลับกันเถอะ”  เอิ้นมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วเอ่ยขึ้น

          “เดี๋ยวเราไปส่งเอง”  ตี๋อาสา  ถึงมันไม่อาสาแต่ผมก็จะบอกให้มันไปส่งอยู่แล้วล่ะครับ หุหุ

          “ได้ๆจะได้กลับถึงบ้านเร็วๆ”  ผมบอก

@บ้านของปอม

          เมื่อรถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้าน  หลังจากที่ไปส่งเอิ้นมาแล้ว

“ขอบใจมากนะตี๋”  ผมที่นั่งอยู่ข้างหน้ากับไอ้ตี๋เอ่ยขอบใจมันแล้วก็ลงจากรถ  ส่วนปังปอนด์เองที่นั่งอยู่ด้านหลังกับตองก็เตรียมตัวจะลงตามมาเช่นกัน

ตอนนี้ผมกับปังปอนด์ยืนอยู่ที่ข้างๆรถซึ่งอยู่ใกล้กับรั้วหน้าบ้าน ส่วนตองก็เปลี่ยนมานั่งข้างหน้ากับพี่ชาย   ไอ้ตี๋มันลดกระจกลงมาแล้วเอ่ยกับผม

“ปอมเข้มแข็งเข้าไว้นะเราเอาใจช่วย”  มันบอกแล้วยิ้มให้ผม

“ขอบใจมากเราโอเคแล้วล่ะ”

“น้องปอนด์พี่ตี๋กลับก่อนนะครับ”  ตี๋มันส่งยิ้มให้ปังปอนด์

“ขับรถกลับดีๆละกันครับ”

“ดีใจจังน้องปอนด์เป็นห่วงพี่ตี๋ด้วย”  ตี๋มันได้ยินก็ยิ้มกว้างทันที

“ก็แค่ตามมารยาททำเป็นดีใจไปได้”  ผมรู้ว่าน้องชายผมมันพูดแก้เขินไปยังงั้นล่ะครับ  ดูท่าทางแล้วก็เขินอยู่ไม่น้อย

“ไม่เป็นไรยังไงพี่ก็ดีใจอยู่ดี  เรากลับก่อนนะปอม บาย”  มันว่าแล้วก็โบกมือลาผม  ส่วนกับปังปอนด์มันกลับส่งจูบให้แทน

“พี่ปอมตองกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ  ปอนด์เรากลับก่อนนะ”

ตองเองก็โบกมือลาเช่นกัน  แล้วไอ้ตี๋มันก็ปิดกระจกแล้วขับรถออกไปทันที

“ปอนด์พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”  ผมเอ่ยกับน้องชายขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน

“พี่ปอมมีอะไรเหรอครับ”

“พี่ขอถามเราบางอย่างสิ”

“อื้ม ได้เลยครับ”  ปังปอนด์มันมองหน้าผมเหมือนอยากรู้มากว่าผมจะถามอะไร

“เราชอบไอ้ตี๋มันไหมอ่ะ  ตอบพี่ตามความจริง”

“ก็...ชอบอ่ะครับ”  ปังปอนด์พูดไปด้วยความเขินอาย  จนหน้านี่แดงก่ำเลยครับ ผมแกล้งน้องชายมากเกินไปไหมเนี่ย

“ในเมื่อใจตรงกันแล้วทำไมปังปอนด์ยังคงดูเหมือนไม่มีวี่แววที่จะคบกับมันเลยอ่ะ  พี่แค่สงสัย”

“ผมว่าตอนนี้มันยังเร็วไปอ่ะครับ  และอีกอย่างพี่ตี๋เค้าก็เจ้าชู้น่าดู  ปอนด์ก็เลยขอดูพฤติกรรมไปก่อนทั้งๆที่ในใจปอนด์เองก็ชอบพี่เค้ามากเหมือนกันครับ”  ปังปอนด์บอกเหตุผลทั้งหมดให้ผมฟัง  น้องผมมันมีความคิดที่มีเหตุผลมาก

“ถ้าปอนด์คิดดีแล้วพี่ก็ไม่ว่าอะไรค่อยๆดูกันไป  แต่ว่าช่วงเวลาที่เรามีความสุขเราควรจะรีบตักตวงมันไว้  เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีช่วงเวลานั้นได้นานเท่าไร  พี่ไม่อยากให้ปอนด์เป็นแบบพี่ตอนนี้ที่ใจมันแตกเป็นเสี่ยงๆ จำไว้นะถ้าเรารักใครแล้วเราควรจะเชื่อใจและซื่อสัตย์ต่อกันให้มากที่สุด”  ผมบอกกับน้องชาย

“ครับพี่ปอม   ปอนด์จะจำคำที่พี่พูดไว้”  ปังปอนด์บอกผม

ถ้าถามว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง  ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ผมรู้สึกโล่งใจมากเหลือเกินที่ทุกอย่างมันจบลงแล้ว  ไม่ใช่ว่าเพราะผมไม่ได้รักไอ้สกายมันนะครับ  แต่เพราะว่าสิ่งที่ผมหวังไว้ว่าขอตักตวงช่วงเวลาที่มีความสุขกับมันผมก็ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้แล้วถือว่าเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุดของผมแล้ว  เรื่องของเราเริ่มต้นด้วยความเกลียดและมันก็จบลงด้วยความเกลียดมันก็ไม่ได้ต่างกัน  ต่อไปนี้ชีวิตผมก็จะเดินต่อไปข้างหน้าและชื่อของไอ้สกายผมก็จะเก็บมันไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ  ใส่กุญแจล็อกมันไว้อย่างดีไม่ให้มันมารบกวนหัวใจของผมอีกเด็ดขาด

หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 14 ปิดประตูหัวใจ Update! 05-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-11-2017 22:08:29
ตัดบัวยังเหลือใย ตัดสกายไปจากใจได้จริง ๆ หรือหลานปอม  :sad11:
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 14 ปิดประตูหัวใจ Update! 05-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 05-11-2017 22:44:10
เจ้ว่านะปอมคนที่นกที่สุดคือนังแป้งเองน่ะ
ครอบครองไอ้สกายแต่ก็เหมือนเป็นได้แค่ถุงยาง  :laugh:
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 14 ปิดประตูหัวใจ Update! 05-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 05-11-2017 23:16:09
ช่างหัวมัน
อยากเกลียดก็เกลียดไปดิ

หาเอาใหม่ข้างหน้า
หนุ่มๆในมหาลัย แจ่มๆ เยอะแยะ

ปล่อยให้มันไปอยู่กับแป้งเหม็น
เหมาะสม ดีออก
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 15 ชีวิตใหม่ Update! 06-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 06-11-2017 20:08:03
กลรักลวงใจ

ตอนที่  15  ชีวิตใหม่​

1  ปีผ่านไป

@มหาวิทยาลัย C

          ตั้งแต่วันที่ไอ้สกายบอกผมว่าเป็นแฟนกับแป้งเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาเป็นปีแล้ว  ชีวิตผมตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก  เพราะได้เจออะไรใหม่ๆ สังคมใหม่ สถานที่ใหม่ มันทำให้ผมลืมความเจ็บช้ำในอดีตได้อย่างง่ายดาย  ตอนนี้ผมมีเพื่อนใหม่ที่นิสัยดีและสนิทกันไม่แพ้ไอ้เอิ้นเลยทีเดียว นั่นก็คือ ดาว  พอร์ช  เปอร์และสนิม หลายคนคงคิดว่าผมคงสอบติดคณะพี่ผมตั้งใจไว้นั่นคือคณะอักษรศาสตร์  แต่มันไม่ใช่ครับในตอนนั้นพวกผมสอบไม่ติดเลยเลือกคณะใหม่ทั้งผมและไอ้เอิ้น  ผมสอบได้คณะนิเทศศาสตร์เอกการสื่อสารมวลชน  ส่วนไอ้เอิ้นเลือกเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขานฤมิตศิลป์(ออกแบบแฟชั่น) ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน

          ถึงแม้ว่าจะเรียนคนละคณะกับเอิ้นพวกผมก็มาพบปะกันอยู่บ่อยๆ นัดเจอกันเรื่อยๆ ทั้งในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัยบ้างตามโอกาส

          ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงปลายเทอมสุดท้ายของชั้นปีที่หนึ่งแล้ว  ปีหน้าก็จะได้เป็นรุ่นพี่กันแล้วเวลามันช่างผ่านไปเร็วมากเหลือเกิน

          ผมนั่งรอบรรดาเพื่อนๆ ตัวแสบของผมที่โต๊ะนั่งข้างตึกคณะซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเรา  ระหว่างรอผมก็นั่งท่องโลกโซเชี่ยวไปพลางๆ  ดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อยๆตามประสาชีวิตคนโสด ที่วันๆเอาแต่กดไลค์แชร์ภาพของเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊ค

          “ปอม!  ขอโทษที่ให้รอนาน”  ผมเงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นเสียง  ดาวเอ่ยมาแต่ไกลพร้อมกับกลุ่มเพื่อนผมที่มากันครบทีมทั้งหมดแล้วนั่งลงจนเต็มโต๊ะ

          “ไม่นานหรอกกูรอแค่เกือบครึ่งชั่วโมงเอง”  ผมว่าเชิงประชด

          “แหมๆ มึงนี่ก็นะพวกกูบอกให้ไปพร้อมกันแต่เสือกไม่อยากไปเอง  เป็นไงล่ะพอรอนานก็มาพูดประชดประชันเดี๋ยวเบิ๊ดกะโหลกแม่งเลย”  เปอร์มันว่าผม  เปอร์เป็นเพื่อนที่หล่อมากและเจ้าสำอางค์เป็นที่สุดจนผมนี่อายเลยทีเดียว มันเป็นคนกะล่อนและขี้โวยวายมาก

          ก็จริงที่พวกมันชวนผมไปซื้อของที่ศูนย์หนังสือแต่ผมปฏิเสธที่จะไปด้วยเพราะเวลาซื้อของทีพวกมันชอบเลือกของนานมากและผมเองก็ไม่ได้จำเป็นต้องไปซื้ออะไรเลยนั่งรอที่นี่ดีกว่าไม่เมื่อยดี

          “ก็กูขี้เกียจไปยืนรอเวลาพวกมึง ซื้อของทีแม่งเลือกนานเว่อร์”

          “เออๆ ไอ้ตรงต่อเวลา ไอ้แสนดี”  สนิมเอ่ยขึ้น  สนิมมันเป็นทอมที่น่ารักคนนึงเลยครับสาวๆ นี่ติดมันตรึมเลยแบบว่ามันหล่อเลือกได้

          “มึงไม่ต้องมาพูดประชดประชันกูเลยไอ้สนิม”  ผมว่าให้มัน

          “ไอ้ดาวมันเริ่มจะบ้าขึ้นทุกวันแล้วนะ  นั่งยิ้มอยู่คนเดียวบ่อยๆ”  พอร์ชพูดถึงดาวที่ตอนนี้กำลังนั่งแชทในโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มอยู่คนเดียวแบบว่าไม่สนใจเพื่อนๆเลย  พอร์ชเพื่อนผมคนนี้เป็นเหมือนเฮียที่คอยปกป้องดูแลเพื่อนๆ ในกลุ่ม  มันเป็นคนตัวใหญ่เพราะชอบเข้าฟิตเนสเล่นกล้ามแถมยังรูปหล่ออีกด้วย  สรุปว่ากลุ่มผมนี่หน้าตาดีกันทุกคนเลยครับ ฮ่าๆ

          “ช่วงนี้มันเป็นแบบนี้บ่อยๆ สงสัยมันกำลังมีความรักแน่ๆ”  สนิมเอ่ยกับพวกผม  โดยที่เจ้าตัวที่โดนนินทาในระยะเผาขนนั้นแทบไม่ได้สนใจเสียงคุยกันของเพื่อนๆเลย

          “เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่เหรอ กูฟังไม่ทัน”  ดาวมันเสร็จจากการแชทแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถามพวกผม

          “สงสัยมึงจะไม่แค่ตาบอดแถมยังหูหนวกด้วยเพราะตอนนี้กำลังมีความรักสินะ”  ผมว่าให้มันแล้วทำหน้าตากวนๆใส่

          “ใครๆ บอกเพื่อนมาเลย”  เปอร์ถามเชิงสั่ง

          “อีกแป๊บนึงเดี๋ยวก็รู้”  ดาวมันยิ้มให้พวกผม

          “แป๊บนึงอะไรอีก บอกตอนนี้เลย”  เปอร์ยังจี้หาคำตอบที่พวกผมต้องการ

          วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร

          “เออๆ บอกก็ได้ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  เพราะวันนี้เค้าจะมารับกูที่นี่”  มันบอกอย่างเขินๆ

          “ห๊ะ!”  พวกผมอุทานออกมาพร้อมกันเสียงดัง

          “ถึงขนาดจะมารับกันแล้ว  พวกมึงคบกันนานหรือยังวะ”  ผมถาม

          “ก็ประมาณเดือนนึงได้แล้วอ่ะ”

          “แล้วมึงไม่คิดจะบอกเพื่อนเลยนะ  ปล่อยให้พวกกูจี้ถามอย่างนี้ถึงจะบอก”  พอร์ชว่าพลางชี้หน้าดาวอย่างเอาเรื่อง

          “กูกะจะบอกวันนี้ล่ะ  และจะเปิดตัวด้วยแต่พวกมึงเสือกมาถามกูก่อนเลยกลายเป็นว่ากูมีความลับกับเพื่อนซะงั้น ฮ่าๆ”  ดาวมันพูดขำๆ

          “ถึงจะยังไงมึงก็มีความผิด  ถ้างั้นมึงต้องไถ่โทษด้วยการเลี้ยงส้มตำพวกกูมื้อนึงแล้วก็พาผู้ชายของมึงไปด้วยพวกกูจะได้สแกนให้ว่าสมควรคบต่อหรือเปล่า”  ผมบอกดาว

          “ได้ๆ  กูไม่มีปัญหาอยู่แล้วแต่ต้องรอถามเค้าก่อนว่าจะสะดวกวันไหนเดี๋ยวกูบอกอีกที”

          “ว่าแต่แฟนมึงเรียนคณะอะไรอ่ะ”  เปอร์ถาม

          “เค้าชื่อบีมเรียนวิดวะคอมพ์”  ดาวมันบอกพวกผมอย่างภาคภูมิใจในตัวของแฟนมันเหลือเกิน

ใช่สิในกลุ่มตอนนี้ยังไม่มีใครมีแฟนกันซักคนเลย  ถึงแม้ว่าไอ้สนิมกับไอ้เปอร์มันจะเจ้าชู้แต่ยังไม่ได้ตกลงปลงใจคบกับใครเลย  ส่วนพอร์ชมันยิ่งแล้วใหญ่ไม่มีเวลาสนใจหญิงเพราะมัวแต่เข้าฟิตเนส ฟิตหุ่นเล่นกล้าม

          “มึงไปทำอีท่าไหนให้เค้ามาติดกับมึง”  สนิมถาม

          “กูก็แค่เดินไปสวยๆผ่านคณะวิศวะเค้าก็เข้ามาขอเบอร์กูเอง  ก็คนมันสวยย่ะ”

          ดาวมันเป็นคนสวยในระดับหนึ่งเลยครับ  แต่มันจะออกแนวโก๊ะๆหน่อยเลยทำให้ความสวยของมันกลับกลายเป็นความน่ารักซะมากกว่า  เพราะมันไม่ได้ชอบแต่งตัวอะไรมากมาย

          “เออมึงสวยกูขอให้คบกันนานๆละกันอย่าสามวันดีสี่วันไข้เหมือนคนก่อนล่ะ”  สนิมนึกหมั่นไส้ก็ขุดเรื่องเก่าออกมาพูดทันที  ดาวเป็นคนที่มีแฟนก่อนหน้านี้หลายคนแต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ มีเหตุต้องเลิกกันภายในเวลาไม่นานนัก

          “คนนี้กูว่านานว่ะ เค้าดีจริงๆ”  ดาวบอกเพื่อน

          “เออถ้าอย่างนั้นกูก็ดีใจด้วย เพื่อนจะได้สมหวังกับความรักซะที”  เปอร์เอ่ย

          “ขอบใจย่ะ อิอิ”  ดาวมันตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

          “ต่อไปนี้นะใครจะมีแฟนให้รีบบอกเพื่อนด้วยเพราะถ้าไม่บอกจะถือว่ามีความผิดอย่างมหันต์และจะมีบทลงโทษตามมา”  พอร์ชประกาศต่อหน้าทุกคน

          “โอเค...ให้กูเลือกก่อนว่าจะคบกับคนไหนแล้วจะบอกพวกมึงแน่นอน”  เปอร์เอ่ยออกมาเป็นคนแรก

          “ส่วนกูก็เหมือนไอ้เปอร์ขอเลือกก่อนว่าจะคบกับใคร”  ตามมาด้วยสนิม

          “แล้วมึงล่ะปอมว่าไง”  พอร์ชถามแล้วทุกคนก็มองมาที่ผม  ผมอาจจะไม่แสวงหาเรื่องนี้จนเพื่อนๆคงคิดว่าผมคงตายด้านกับความรักไปแล้วมั้ง

          “กู...คงไม่มีหรอกว่ะ  กูชอบอยู่คนเดียวมากกว่า”  ผมตอบไป

          “กูถามจริงๆมึงเคยมีแฟนป่ะวะ”  เปอร์ถามผม

          “จะบ้าเหรอกูก็อยู่กับพวกมึงตลอดถ้ามีพวกมึงก็รู้อยู่แล้วป่ะวะ”

          “ก็ไม่ได้หมายถึงแค่ช่วงมหา’ลัย  แต่หมายถึงสมัยมัธยมด้วย”  เปอร์ยังถามต่อ

          “ตอนไหนก็ไม่มีทั้งนั้นเว้ย หยุดถามกูได้แล้ว”  ผมโวยวายเสียงดังใส่พวกมัน  ก็เล่นถามซะจนผมแทบไม่มีทางไปเลยอ่ะ  โดยเฉพาะคำถามนี้ทำให้ความทรงจำในอดีตของผมมันฉายขึ้นมาอีก หน้าไอ้สกายลอยมาทันที  ผมพยายามลืมมันแล้วจริงๆแต่พอมีใครพูดถึงเรื่องสมัยมัธยมเรื่องของมันก็ผุดขึ้นในหัวผมตลอด  และมันทำให้ผมอดที่จะคิดถึงมันไม่ได้และก็อยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน  ทำอะไร  เรียนที่ไหน  ผมอยากรู้แต่ไม่เคยถามไอ้ตี๋เลย นั่นเป็นเพราะผมบอกมันเองล่ะว่าเวลาที่มาเจอผมหรือคุยกับผมห้ามเอ่ยถึงเรื่องไอ้สกายเด็ดขาด

          “ทำไมมึงต้องเสียงดังด้วยวะถามแค่นี้เอง หรือมึงมีอะไรปกปิดพวกกูห๊ะ!”  ดาวมันชี้หน้าผมแล้วถามอย่างสงสัย

          “ปะ...เปล่าก็กูไม่มีจริงๆไงพวกมึงมาเซ้าซี้กูเลยโมโหอ่ะ”  ผมปฏิเสธออกไป

          “ให้มันจริงนะ  ถ้ารู้ทีหลังมึงต้องโดนทำโทษหนักกว่าเพื่อนคนอื่นๆเลยคอยดู”  ดาวมันคาดโทษผมไว้

          “เออ...แล้วแฟนมึงจะมารับตอนไหนล่ะเนี่ย”  ผมเปลี่ยนเรื่องถามทันที

          “ก็สี่โมงเย็นนี่ก็อีกสิบนาทีเอง”  ดาวว่าพลางมองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ

          “กูชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิวะว่าจะหล่อเหมือนกูไหม”  เปอร์มันว่าแล้วก็นั่งส่องความหล่อของมันในกระจกพับอันเล็กๆของมันที่พกมาด้วย

          “หล่อกว่ามึงสิบเท่าไอ้เปอร์ คนอย่างกูไม่มีทางคบคนไม่หล่อหรอกย่ะ”  ดาวว่าให้เปอร์

          “เออ...กูจะรอดูว่าจะจริงอย่างที่มึงพูดไหม”

          “แน่นอน!”  ดาวตอบกลับแล้วไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของมันดังนี้

...ดาวรับสาย...

          “ตัวเองมาถึงแล้วเหรอ”  โอ้ยหวานอะไรเบอร์นั้นไอ้ดาว  ผมนี่แอบอิจฉาตาร้อนมาก

          “ตัวเองขับมารับเค้าที่ข้างคณะติดกับร้านกาแฟXXX เลยนะเค้านั่งอยู่กับเพื่อนๆ”

          “จ้ารีบมานะคิดถึง”

...ดาววางสาย...

          “แหมๆๆ หวานกันมากเลยนะ มดนี่ไต่กูเต็มตัวไปหมดแล้วเนี่ย”  สนิมมันเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก  หลังจากที่พวกผมมองหน้ากันแล้วทำหน้าหมั่นไส้ไอ้ดาวกันทุกคน ฮ่าๆๆ

          “ก็คนมันกำลังมีความรักอ่ะนะ พวกมึงก็ทนฟังไปก็แล้วกัน”  ดาวมันยกไหล่อย่างไม่ยี่หระ

          “นั่นใช่รถแฟนมึงป่ะวะ”  พอร์ชถามดาวเมื่อเห็นว่ามีรถหรูยี่ห้อดังสีขาวมาจอดใกล้ๆกับที่พวกผมนั่งอยู่

          “เออว่ะ...เดี๋ยวกูจะเดินไปรับเค้าก่อนนะ  เดี๋ยวพามาแนะนำ”  ดาวว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่รถ

          ขณะที่ดาวกำลังเดินไปนั้นพวกผมทุกคนก็มองตามหลังมันไปด้วย  เมื่อประตูรถถูกเปิดออกรองเท้าหนังสีดำเงาแตะลงที่พื้นก่อนแล้วเขาคนนั้นก็ออกมาจากรถ

          เหมือนหัวใจผมมันตกวูบไปที่ตาตุ่ม สติผมมันหลุดลอยไปเมื่อเขาคนนั้นปิดประตูรถแล้วหันหน้ามาทางพวกเรา  คนที่คุ้นหน้า คนที่ผมเคยรัก  คนที่เราเคยมีอะไรกัน คนที่เค้าเกลียดผม  คนที่ทำให้ผมเสียใจ  ตอนนี้เรากำลังจะเจอกันอีกครั้ง..........‘ไอ้สกาย’
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 15 ชีวิตใหม่ Update! 06-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 06-11-2017 21:50:47
พีคเว่ออ :a5: นังปอมแกจะทำยังไงต่อไปละเนี่ยย
โอ๊ยคนแก่จะเป็นลมมม  :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 15 ชีวิตใหม่ Update! 06-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 06-11-2017 22:49:35
เอ้าปมมัดกันเข้าไป ยุ่งเหยิงตายห่า
อย่าบอกนะว่าไอ่สกายเปลี่ยนชื่อเป็นบีม

อิบีม
หุหุ

+1 ฮับ
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 15 ชีวิตใหม่ Update! 06-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-11-2017 23:39:46
ชื่อ บีม เรียน วิศวคอมพ์ฯ แต่ลงจากรถเป็น สกาย  ไงหว่ะ  :o211: o12
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 15 ชีวิตใหม่ Update! 06-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 07-11-2017 06:45:56
สกายมันต้องมาแก้แค้นน้องปอมปอมแน่
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 16 ไม่เหมือนเดิม Update! 09-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 09-11-2017 21:38:08
​กลรักลวงใจ

ตอนที่ 16 ไม่เหมือนเดิม

            หลังจากที่ผมเห็นไอ้สกายก็รีบหันหน้ากลับมาทันที ในหัวผมตอนนี้คิดว่าจะทำยังไงดีๆๆ มันคิดวนอยู่ซ้ำๆหาทางออก แต่เอ๊ะ! ผมนึกได้ว่าดาวบอกว่าแฟนมันชื่อ ‘บีม’ ไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมเป็นไอ้สกายไปได้หรือว่ามันจะเปลี่ยนชื่อผมจะทำยังไงดี  ผมไม่อยากเจอมันในตอนนี้และไม่ว่าจะตอนไหนทั้งนั้น  ยอมรับว่ามันยังคงมีอิทธิพลกับใจผมมากเหลือเกินนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่อยากเจอหน้ามันและอีกอย่างมันเป็นแฟนของเพื่อนผมมันยิ่งทำใจลำบากมาก

          “พวกมึงกูไปก่อนนะพอดีมีนัดกับเอิ้นอ่ะ” ผมบอกเพื่อนๆด้วยท่าทีรีบร้อนจนผิดสังเกต

          “อ้าว! มึงมีนัดตอนไหนไม่เห็นมึงเคยบอกเลย” พอร์ชถามผม

          “เอ่อ...พอดีกูเพิ่งนึกได้อ่ะกูไปก่อนนะ” ผมว่าแล้วก็เก็บของแล้วรีบลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินไป

          “ปอม! มึงจะไปไหนน่ะ” ดาวเรียกผมเสียงดัง

          “กูมีนัด  ไปล่ะนะ” ผมหันหลังตอบมัน

          “กลับมานี่ก่อนกูอุตส่าห์พาแฟนมาเปิดตัวทั้งที มึงจะหนีไปดื้อๆยังงั้นเหรอ” ดาวมันบอกผมแล้วมันก็เดินมาจับแขนผมดึงกลับไป  แต่ผมยังคงก้มหน้าก้มตาไม่อยากมองหน้าไอ้สกาย  ผมทำตัวไม่ถูกนี่มันก็หนึ่งปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน

          “มึงเป็นบ้าอะไรวะปอมอยู่ๆก็จะไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย”  สนิมมันว่าผม

          “บีมค่ะนี่เพื่อนๆของดาวเองค่ะ คนนี้ปอม นั่นพอร์ช เปอร์และสนิม” ดาวมันแนะนำ ผมตัดสินใจค่อยๆหันไปมองหน้ามันอีกครั้งให้แน่ใจเผื่อว่าก่อนหน้านี้ผมจะตาฝาดไปขอให้มันเป็นอย่างนั้น

          “เราบีมนะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ” ทำไมผมรู้สึกโล่งใจมากที่แฟนของดาวไม่ใช่ไอ้สกาย สงสัยตอนนั้นผมรีบหันกลับมาเร็วเกินไปจนไม่ได้สังเกตว่าบนรถคันนั้นมากันสองคน สรุปแล้วไอ้สกายเป็นเพื่อนกับบีมฮ่าๆๆ

          ตอนมันเห็นผมดูมันอึ้งเล็กน้อยก่อนที่จะยืนจ้องหน้าผมสักพัก ส่วนผมน่ะเหรออึ้งยิ่งกว่าเพราะไม่คิดว่าโลกมันจะกลมอย่างนี้ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช่สินะผมคงตายจากชีวิตมันไปแล้วส่วนผมเองก็ควรทำแบบนั้นเช่นกัน...’ทำเป็นเหมือนไม่รู้จักกัน’

          “หวัดดีบีม ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ผมโบกมือทักทายมันอย่างเก้ๆกังๆเพราะยังเกร็งๆที่อยู่ต่อหน้าไอ้สกาย

          “หวัดดีบีม ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” พอร์ชเอ่ยตามบ้าง

          “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน หล่อกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย” เปอร์มันเอ่ยแซว

          “ว่าแล้วทำไมดาวมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เวลาแชทกัน หล่อแบบนี้นี่เอง” สนิมแซวอีกคน

          ส่วนผมน่ะเหรอครับ ก็นั่งก้มหน้าก้มตาทำทีอ่านหนังสือ

          “เอ้อ! เราลืมแนะนำเพื่อนเลย นี่สกายเพื่อนเราเอง” บีมมันแนะนำไอ้สกายให้พวกผมรู้จัก

          ทุกคนก็พยักหน้าทักทายแล้วยิ้มให้มันยกเว้นผมที่ยังไม่กล้าหันหน้าไปมองมันเลย

          “ปอมมึงนี่เสียมารยาทว่ะก้มหน้าก้มตา บีมอุตส่าห์แนะนำเพื่อนให้รู้จัก” เปอร์ว่าผมหลังจากที่เห็นผมไม่สนใจเอาแต่ก้มหน้าอ่านหนังสือ

          “กูเปล่า! นี่ใกล้จะสอบแล้วก็ต้องรีบอ่านป่ะวะ” ผมยังนั่งอ่านหนังสืออย่างลนลาน

          “ยังกับมึงต้องสอบคนเดียวงั้นล่ะ พวกกูก็ต้องสอบไม่เห็นต้องมาขยันแบบมึงตอนนี้เลย” พอร์ชเอ่ย

          “เค้าคงไม่อยากรู้จักผมมั้งครับ” เป็นเสียงไอ้สกายมันเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมกวนๆ ผมได้ยินถึงกับหันขวับไปมองมันตาขวาง

          “เปล่าซะหน่อยไม่มีเหตุผลอะไรที่กะ..เราต้องทำแบบนั้น” ผมเกือบเอ่ยคำแทนตัวเองว่ากูกับมันเหมือนเมื่อก่อนแต่ดีที่ตั้งสติได้ทันก่อน สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนเราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกซะอย่างนั้น ต่อไปนี้ถ้าเราเจอกันอีกผมจะตั้งใจไม่แสดงออกหรือทำอะไรให้มันรู้สึกว่าผมยังรักมันอยู่อย่างแน่นอน  ผมต้องทำให้ได้

          “ก็ไม่รู้สินะ มันรู้สึกแบบนั้น” มันว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ไอ้สกายคนเดิมที่แต่ก่อนค่อนข้างจะเงียบขรึมและพูดน้อย แต่รู้สึกว่าตอนนี้มันพูดเยอะขึ้นแถมยังกวนตีนผมเก่งกว่าแต่ก่อนมาก

          “ไม่ใช่แค่สกายที่คิดแบบนั้น พวกกูก็คิดเหมือนกัน ก่อนหน้านี้มึงยังพูดคุยกับพวกกูดีๆอยู่เลย มันดูแปลกๆ หรือว่ามึงโดนของ” ไอ้เปอร์ปากหมามันว่าผม

          “อ้าวเหรอ! กูก็ปกติดีนี่ เห็นมะๆ” ผมว่าแล้วก็ยิ้มทำตัวให้ร่าเริงเหมือนปกติ กลบเกลื่อนความกังวลในใจ

          “เออๆ แล้วแต่มึงละกัน พวกกูก็ไม่ได้ว่าอะไรมึงนี่น่า” เปอร์เอ่ย

          “อ้อ บีมเพื่อนๆดาวชวนไปกินส้มตำกันน่ะ บีมว่างไปไหม” ดาวมันตัดบทหันไปถามบีม

          “เอาสิ บีมว่างตลอดล่ะว่าแต่จะไปวันไหนกัน” บีมตอบกลับแล้วยิ้มให้

          “ไปตอนนี้เลยได้ไหมอ่ะ หิวข้าวแล้ว” สนิมเป็นคนเอ่ยพร้อมกับลูบท้องป้อยๆ

          “ได้นะ แต่ไอ้สกายคงไปด้วยไม่ได้หรอกเห็นมันบอกมีนัดกับเพื่อน” บีมเอ่ยขึ้นแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือชี้ไปที่ไอ้สกายที่ยืนอยู่ข้างๆ

          “กูไปได้เดี๋ยวกูโทรไปยกเลิกมันเอง” ไอ้สกายมันเอ่ยขึ้นทันที

          “อ้าวแล้วเพื่อนมึงไม่ว่าอะไรจริงๆนะเว้ย”

          “ไม่ว่าหรอก” มันบอกเพื่อนมัน

          “เออถ้างั้นก็ดี” บีมว่าแล้วหันหน้าไปถามดาวต่อ

          “ว่าแต่ไปกันเลยไหม?” บีมถามดาวแล้วหันมามองพวกผมอีกที

          “โอเคค่ะ” ดาวว่าแล้วก็ยิ้มให้บีมหลังจากนั้นก็หันมาเอ่ยกับผมต่อ “ปอมแกไปรถบีมกับฉันนะ ให้ไอ้สามคนนั้นมันไปด้วยกัน” ดาวเอ่ยกับผม ผมเองก็ทำหน้าเหวอทันที ทำไมต้องเป็นผมนะ

          “อ้าว! ทำไมต้องเป็นกูอ่ะ” ผมถามแล้วชี้ตัวเอง

          “อ้าวก็มึงรู้จักทางนี่ มึงมานั่งข้างหน้าบอกทางสกายเลย กูกับบีมจะนั่งข้างหลัง” เอาแล้วไงไอดาวมึงหางานให้กูแล้ว

          “แต่...” ผมจะเอ่ยตอบมันแต่มันกลับพูดตัดหน้าผมทันที

          “ไม่มีแต่ ไปตอนนี้เลยป่ะ พวกมึงเจอกันที่ร้านเลยนะ” ดาวบอกกับทั้งสามคนแล้วก็แยกย้ายกันไป

          เมื่อขึ้นรถแล้วผมกลับนั่งเงียบจนลืมไปว่าไอ้ดาวมันให้ผมมาบอกทางไอ้สกาย

          “ปอมมึงทำไมนั่งเงียบจังวะ กูให้มาบอกทางสกายนะเว้ย” ดาวมันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่ได้ยินเสียงผมเลยตั้งแต่ขึ้นรถมา

          “ก็เค้าไม่ได้ถามกูนี่หว่าจะให้กูพูดอะไรล่ะ” ผมตอบออกไปแล้วปรายตามองไอ้สกายที่มันกำลังตั้งใจขับรถอยู่ ผ่านมาหนึ่งปีแล้วแต่ความหล่อของมันไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับมากขึ้นด้วยซ้ำเพราะผมที่ยาวขึ้น จัดแต่งทรงอย่างเท่ห์บาดใจสาวๆบวกกับการแต่งตัวที่สุดแสนจะดูดีมากๆ มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแต่ผมไม่รู้ว่ามันจะลืมอดีตของเราแล้วหรือยัง เพราะท่าทีของมันก็ไม่ได้อะไรกับผมเลยแม้แต่น้อยแต่ก็ดีแล้ว

          “สกายมีอะไรถามมันได้เลยนะมันไม่กัดหรอก ถึงจะกัดก็ไม่เป็นไรเพราะฉีดวัคซีนไว้แล้ว ฮ่าๆ” ดาวมันแซวผมต่อหน้าเพื่อนของแฟนมัน

          “ได้ครับเดี๋ยวผมชวนปอมคุยเอง” สกายมันบอกดาวแล้วยิ้มที่มุมปาก ผมรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่สกายคนเดิมเลยรอยยิ้มมันน่ากลัวมากเหลือเกิน

          “ว่าแต่ร้านอยู่ตรงไหนเหรอปอม” มันถามผมด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผมรู้สึกแปลกๆที่มันเอ่ยชื่อผม

          “ร้าน NNN อยู่ข้างๆห้างXXX อ่ะรู้จักไหม” ผมตอบกลับไปพร้อมกับมองหน้ามัน แล้วมันหันมายิ้มให้ผม มันยิ้ม มันทำเหมือนไม่มีอะไร มันคืออะไร? ผมเริ่มกลัว

          “ออ เราเคยพาแฟนเก่าไปกินบ่อยๆ ถ้างั้นไม่ต้องบอกทางก็ได้รู้จักดี” มันว่า

          มันบอกพาแฟนเก่าไปกินบ่อยๆ จะใช่แป้งหรือเปล่านะผมอยากรู้จริงๆแต่ก็ไม่กล้าถามมันหรอกครับ และอีกอย่างตอนนี้มันมีแฟนใหม่รึยังเป็นอีกคำถามที่ผมก็อยากรู้

          “ออ ถ้างั้นก็ดี”

ผมบอกมันแล้วก็นั่งเงียบตลอดทาง

@ร้านส้มตำ

          “สั่งเต็มโต๊ะอย่างนี้พวกมึงไม่ได้แกล้งกูใช่ไหมวะ” ดาวมันเอ่ยขึ้นเมื่อมองอาหารหลากหลายเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะ วันนี้มันต้องเลี้ยงพวกผมตามสัญญา

          “เปล่าเลยเพื่อน ที่สั่งมาเนี่ยเพราะความหิวล้วนๆ” พอร์ชบอกกับดาวขณะที่มันกำลังกินไปด้วย

          ตอนนี้พวกผมนั่งฝั่งละสามคนโดยที่ดาว บีมและไอ้สกายนั่งอีกฝั่ง โดยที่ผมเสือกได้นั่งตรงข้ามกับไอ้สกาย  ซึ่งตอนนี้มันต่างจากตอนนั้นมากมายเหลือเกินช่างพูดและยิ้มง่าย สดใสร่าเริง ขี้เล่น ทำไมปีนึงผ่านไปมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ส่วนผมน่ะเหรอยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

          “บีมคิดยังไงถึงมาชอบไอ้ดาวอ่ะ” อยู่ๆสนิมมันก็ถามบีมขึ้นมา

          บีมมองหน้าดาวทันทีที่ได้ยินคำถาม แล้วหันไปมองสนิมต่อ

          “ก็ดาวเป็นคนน่ารัก อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เราชอบตรงนี้ของดาวอ่ะ” บีมตอบ

          “ไอ้ดาวนี่นะอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ไม่ใช่ละพวกเราเนี่ยอยู่กับมันมีแต่ความทุกข์ที่คบอยู่เพราะทนๆเอา” สนิมแกล้งดาวเล่น ดาวได้ยินมันก็ชี้หน้าสนิมอย่างเอาเรื่องทันที

          “แหมๆๆ จริงเหรอที่ว่าอยู่กับกูมีแต่ความทุกข์  ถ้างั้นมึงก็จ่ายมื้อนี้เองละกันเนาะเพื่อน” ดาวแกล้งคืนบ้างยิ้มแล้วยักไหล่ให้

          “ใครพูดวะ! เมื่อกี้กูไม่ได้พูดนะ อะไรเข้าสิงกูก็ไม่รู้เพื่อนกูดีที่สุดแล้ว” สนิมมันยิ้มให้ดาว ผมมองแล้วขำกับคำกลับกลอกของมัน

          “มึงนี่เปลี่ยนสีเร็วยังกับกิ้งก่าเลยนะสนิม ฮ่าๆ” เปอร์มันขำออกมา

          “อ้อ แล้วสกายมีแฟนยังเนี่ย?” สนิมมันเปลี่ยนไปถามไอ้สกาย ผมได้ยินก็มองหน้ามันแวบนึงก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินต่อ

          “เราเพิ่งเลิกกับแฟนได้เดือนนึง” มันตอบผมไม่รู้ว่ามันทำหน้ายังไงตอนที่มันพูดเพราะไม่กล้ามองหน้ามัน แต่ผมนี่ทำไมรู้สึกหัวใจมันพองโตจังนะ ไม่เอาๆปอมมึงต้องไม่รู้สึกอะไรกับมันอีก

          “โทษที เราไม่น่าถามเลย” สนิมมันว่าอย่างสำนึกผิด แต่ผมต้องขอบใจมันที่ถามคำถามที่ผมอยากรู้ ฮ่าๆ

          “ไม่เป็นไรเราโอเคแล้วตอนนี้ไม่ได้อะไรแล้ว ความรักมันก็แค่ลมนั่นล่ะพัดมาแล้วก็พัดไป ไม่มีอะไรแน่นอน เราคบใครได้ไม่นานหรอกเพราะเคยโดนหลอกมาครั้งนึงมันเจ็บมากจนปลงแล้ว” ไอ้สกายมันพูดซะยาวแถมผมรู้สึกเหมือนมันจะพูดประชดผมซะอย่างนั้น

          “ใครช่างทำให้คนหล่อระดับเทพอย่างสกายเจ็บ โง่และตาถั่วจริงๆ” ดาวมันเอ่ย ผมที่กำลังดื่มน้ำนี้แทบพุ่งออกจากปาก มันจะรู้ไหมว่าคนที่มันว่าอยู่ตอนนี้คือเพื่อนของมันเอง

          “สงสัยมันจะเจ็บหนักจริงๆ แม่งคบใครได้ไม่นานก็เลิกตลอด” บีมเสริม

          “เราแนะนำเพื่อนให้เอาไหมสกาย เพื่อนเราสวยๆเพียบเลย” สนิมมันเอ่ยขึ้น ผมแอบปรายตามองไอ้สกาย รอฟังคำตอบมันจะว่ายังไง

          “เราเป็นคนที่เอาใจยากมากนะ ถ้าเพื่อนสนิมทนเราได้ก็โอเคนะ” ไอ้สกายมันเอ่ยแล้วปรายตามามองผมแวบนึงก่อนที่จะหันไปยิ้มและคุยกับเพื่อนๆผมต่ออย่างสนุกปาก ผมได้แต่แอบเผลอมองมันแล้วยิ้มอย่างไม่รู้ตัว

          “ไอ้ปอมมึงยิ้มอะไรวะ” พอร์ชที่นั่งข้างๆผมมันเอ่ยถามขึ้น

          “ปะ...เปล่ากูก็ยิ้มไปตามประสากูนั่นล่ะ กูยิ้มไม่ได้หรือไง?” ผมถามมันกลับ

          “เปล่ากูไม่ได้ว่าอะไร แค่สงสัย”

          “กินไปไม่ต้องสงสัยกู” ผมบอกมันพร้อมกับทำหน้ายียวนใส่

          หลังจากออกจากร้านกันแล้วพวกผมก็แยกย้ายกันกลับ  โดยที่ผมก็กลับรถคันเดิมพร้อมกับดาว บีมและไอ้สกาย เนื่องจากหอพักผมเป็นทางผ่านผมจึงลงรถเป็นคนแรก

          “จอดข้างหน้านี้ล่ะ” ผมบอกไอ้สกาย ตอนนี้ผมนั่งข้างหลังกับดาวส่วนไอ้สกายและบีมนั่งด้านหน้า

          “ขอบใจนะบีม กูไปล่ะ” ผมขอบใจบีมแล้วหันไปพูดกับดาว ทั้งๆที่ไอ้สกายมันเป็นคนขับ จริงๆแล้วรถไอ้สกายมันเสียเลยเอาไปซ่อมที่อู่ช่วงนี้จึงได้ไปไหนมาไหนกับพร้อมกับบีมบ่อยๆ

          “ขอบใจไอ้สกายโน่นปอม มันอุตส่าห์เป็นคนขับรถ” บีมหันหน้ามาบอกผมแล้วโบ้ยไปที่ไอ้สกายที่ยิ้มให้ผมผ่านกระจก

          “ขอบใจนะ” ผมบอกกับมันแล้วเปิดประตูรถลงไป ผมยืนโบกมือให้ดาวที่อยู่ในรถก่อนที่ไอ้สกายมันจะขับออกไป

          ผมมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น หลังจากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะสักพัก แต่ผมไม่ได้มีสมาธิในการอ่านเลยแม้แต่น้อยเพราะในหัวมันยังคิดถึงเรื่องวันนี้ ที่ได้เจอกับไอ้คนนั้นหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นปี ผมเปิดลิ้นชักแล้วหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมา  มันเป็นรูปถ่ายที่ผมแอบเก็บไว้และจะเอามันออกมาดูตลอดเวลาที่ผมคิดถึงใครบางคนมากจนทนไม่ได้ มันคือรูปไอ้สกายตอนที่มันกำลังนอนหลับในชุดนักเรียนที่ผมแอบถ่ายไว้ ช่วงที่มันนอนหลับมันเหมือนเด็กน้อยที่ไร้พิษสงใดๆ ผมชอบมันในเวลานี้มากมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แต่ก็นั่นล่ะครับถึงแม้ผมจะทำใจได้แล้วตอนนี้ แต่พอเห็นหน้ามันอีกครั้ง มันก็ชักจะเริ่มเขวไปผมกลัวจะกลับไปเจ็บเหมือนเดิมอีกครั้ง

          ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

          ผมวางรูปไว้บนโต๊ะแล้วก็หันไปมองยังประตูที่ตอนนี้มีคนกำลังเคาะมันอยู่ ใครกันนะที่มาเคาะตอนนี้เพราะเพื่อนๆผมเพิ่งจะแยกกันเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง ผมเดินไปที่หน้าประตูแล้วยืนคิดสักพัก ก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูออกมา

          ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วอุทานออกมา

          “สะ...สกาย!”

          “ว่าไงมึง”
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 16 ไม่เหมือนเดิม Update! 09-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 09-11-2017 21:59:38
ไม่ว่าไง
ใครคือเมิง
ฮ่าฮ่า

มีให้ลุ้นอีกแระคู่นี้
ยนน
อิอิ
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 16 ไม่เหมือนเดิม Update! 09-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 09-11-2017 22:11:29
ปอมลูกแม่เจ็บตัวแน่
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 16 ไม่เหมือนเดิม Update! 09-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-11-2017 00:47:52
ไม่น่าหลวมตัวให้มาส่งที่คอนโดเลย  :ling3:
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 16 ไม่เหมือนเดิม Update! 09-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: pawara123 ที่ 10-11-2017 15:49:21
อะไร ไม่ชอบเค้าแล้วตามมาหาทำไมมม
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 11-11-2017 22:57:17
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 17 Game on!

          “สะ...สะกาย”

            “ว่าไงมึง”

            เสียงของมันทำให้ผมได้สติแล้วรีบปิดประตูทันที แต่ไม่ทันความไวของมัน มันใช้มือข้างหนึ่งดันที่ประตูไว้แล้วแทรกตัวเข้ามาในห้องผม

            “นายมาที่นี่ได้ไง ออกไปจากห้องเราเดี๋ยวนี้นะ” ผมรีบเดินมาขวางทางมันไว้  แต่มันกลับยิ้มทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินเข้ามาหน้าตาเฉย

            “ทำไมมึงไม่พูดเหมือนเมื่อก่อนล่ะที่นี่ก็มีแค่เราสองคนนี่” มันบอกพร้อมกับแสยะยิ้มให้ผม ผมไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่มันมาวันนี้มันต้องการอะไร ในเมื่อที่เจอกันก่อนหน้านี้มันทำยังกับเราไม่เคยรู้จักกัน

            “นายคือ ‘สกาย’ คนที่เราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกวันนี้ ส่วนเรื่องในอดีตเราลืมมันไปหมดแล้ว” ผมเอ่ยกับมันด้วยสีหน้าเย็นชา ให้มันรับรู้ว่าผมลืมอดีตไปแล้ว มันจะไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกผมไม่อยากเจ็บอีก

           “มึงลืมกูได้จริงๆเหรอ มึงลืมผัวตัวเองได้จริงๆเหรอ” มันว่าแล้วทำหน้าเหี้ยมพร้อมกับเดินเข้ามาหาผม ผมได้แต่เดินถอยหลังไปจนติดโต๊ะอ่านหนังสือ

            “มึงจะมาอะไรกับกูอีก เรื่องอดีตมันจบไปแล้วเราต่างคนต่างอยู่มันจะดีกว่านะ ตอนนี้กูทำใจได้แล้ว ได้โปรดออกไปจากชีวิตกูเถอะ” ผมจ้องหน้ามันอย่างอ้อนวอน

ในที่สุดผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดเหมือนเดิมกับมัน เพราะเราต่างคนต่างจำเรื่องในอดีตได้ดีแล้วทำไมต้องเล่นละครต่อไปล่ะ

ตอนนี้ผมมั่นใจว่าจะเดินต่อไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีมันได้ แต่กับมันผมไม่รู้ว่ามันจะกลับเพื่ออะไร มันเป็นคนเดินเข้ามาหาผมเองซะอย่างนั้นหรือว่ามันต้องการที่จะกลับมาแก้แค้นผมคืนอย่างนั้นหรือ

            “มึงอาจจะทำได้แต่กูทำไม่ได้ มึงไม่รู้หรอกว่ากูรอวันนี้มาตลอด วันที่กูจะได้ครอบครองมึงอีกครั้ง” มันว่าแล้วก็ผลักผมลงไปที่เตียงนอนแล้วก็คร่อมตัวผมไว้

            “ปล่อยกู!”

            ผมขึ้นเสียงสูงแล้วดันไปที่อกหนาของมันพยายามที่จะลุกขึ้น มันชักจะมากเกินไปแล้วนะมาบุกรุกห้องผมแถมยังจะมาทำกับผมแบบนี้อีก ผมกลัว...กลัวว่าใจผมมันจะอ่อนแอลงเหมือนเดิมเพราะตอนนี้ใจผมมันเต้นแรงจนผิดปกติ  แต่ก็จะพยายามฝืนตัวเองให้ได้มากที่สุดเทาที่จะทำได้

            “อย่าสะดีดสะดิ้ง ทำอย่างกับไม่เคย” มันว่าผม นี่สิไอ้สกายคนเดิมที่ผมเคยสัมผัส แล้วคนที่ผมเห็นวันนี้ที่มหา’ลัยคือร่างอวตารร่างไหนของมันถึงได้ต่างกันลิบลับอย่างนี้

            “นี่สินะสันดานที่แท้จริงของมึง เล่นละครเก่งนี่วันนี้กูแทบจะเชื่อเลยว่ามึงเปลี่ยนไปเป็นคนที่อ่อนโยนแล้ว” ผมว่ามันแล้วจ้องตามันอย่างไม่ลดละ

            “แล้วไง? มึงเองก็คุ้นเคยกับกูที่เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่”

มันพูดแล้วก็กดข้อมือทั้งสองข้างของผมลงบนเตียงแล้วโน้มใบหน้าลงมาไซร้ซอกคอผมอย่างบ้าคลั่ง ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา มันต้องไม่เป็นแบบนี้ผมเจอมันครั้งแรกก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้เลยเหรอเนี่ย มันไม่ยุติธรรมเลย  ก็จริงที่แต่ก่อนเราเคยมีอะไรกันมาแล้วแต่นั่นมันเป็นความต้องการของเราทั้งสองคน และตัวผมก็เป็นคนที่เดินเข้าไปหามันเอง แต่ตอนนี้มันต้องการเอาแต่ได้ ต้องการเอาชนะ มันไม่ลืมเรื่องในอดีตจริงๆด้วยแถมยังจะหนักกว่าตอนนั้นอีก

          “อ๊ะ! พะ...พอได้แล้ว” ผมตะโกนออกมาอย่างเหลืออดก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิด ขณะที่มันก็กำลังใช้ลิ้นของมันตวัดไปมาที่ยอดอกของผมอย่างสนุกสนาน

          มันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

          “มึงไม่มีสิทธิ์สั่งกู” มันแสยะยิ้ม ผมเกลียดรอยยิ้มนั้นมันน่าหมั่นไส้ที่สุด

          “มึงเกลียดกูไม่ใช่เหรอ เราควรหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต้องมาเจอกันอีกมันจะดีกว่าไหม” ผมบอกมัน

           “ใช่กูเกลียดมึงมาก มึงทำให้กูเจ็บ กูไม่มีทางลืมคนที่ทำให้กูเจ็บได้ นี่ไงกูถึงตามมาหามึงถึงที่นี่เพื่อมาเอาคืน” มันบอกผมด้วยสายตาอันดุดัน

          “มึงก็ทำให้กูเจ็บเหมือนกัน กูยังลืมเรื่องนี้ได้แล้วทำไมมึงถึงต้องทำให้ตัวเองเป็นบ้าแบบนี้”

          “มึงหยุดพล่ามได้แล้ว เก็บเสียงไว้ครางดีกว่า” มันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าลงมาจูบผมจนไม่ทันได้ตั้งตัว

          “อื้อออ” เสียงครางในลำคอของผมมันดังออกมา พร้อมกับใช้กำปั้นทุบไปที่หลังของมันรัวๆ แต่นั่นไม่ทำให้มันรู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้ร่างกายมันกำยำและแกร่งขึ้นมากจนทำให้ผมกลายเป็นเด็กไปเลยเมื่อเทียบกับตัวมัน

          มันผละจากปากของผมแล้วลุกขึ้นกระชากเสื้อนอนของผมจนกระดุมหลุดกระเด็นไปทั่ว มันเหมือนหมาบ้าที่กำลังล่าเหยื่ออย่างหิวโหย มันเปลื้องผ้าผมจนหมดตามด้วยเสื้อผ้าของมันเอง

          ตอนนี้มันนอนทับร่างของผมไว้พร้อมกับจ้องตาผม ไม่มีทางที่ผมจะยอมจ้องตามันให้เจ็บใจเล่นผมเอียงหน้าหนี แต่มันก็ใช้สองมือของมันมาประครองหน้าผมพร้อมกับบดจูบอย่างรุนแรง

          “วันนี้กูจะรื้อฟื้นความทรงจำในอดีต ให้มึงรู้ว่ามึงเคยเป็นของกูมาแล้ว” มันไซร้ซอกคอผมลามลงไปจนถึงยอดอกมันลิ้มรสของยอดอกผมจนมันเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายของมัน ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นชายของมันที่มันดุนอยู่ที่หน้าหน้าขาของผมจนรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยในอดีต มันพลิกตัวผมให้นอนคว่ำแล้วก็แยกขาของผมแล้วใช้น้องชายของมันมาดุนที่ช่องทางของผม

          “ถ้ามึงทำอะไรกูวันนี้จำไว้เลยว่ามึงจะไม่มีทางได้แตะเนื้อต้องตัวกูอีก” ผมขู่มัน ชีวิตผมมันดีอยู่แล้วเชียวทำไมต้องมาเจอมันอีก ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว

          “ไม่มีทาง...มึงทำไม่ได้หรอก” มันพูดจบก็กุมมือทั้งสองข้างของผมแนบลงบนเตียงแล้วดันน้องชายของมันเข้าจนสุด

          “โอ๊ย! อะ...ไอ้เหี้ยสกายกูจะ....อ๊ะๆๆ” ผมพูดยังไม่ทันจบมันก็เริ่มขยับส่วนล่างจนผมเจ็บและก็จุกมากจนร้องออกมา มันระดมจูบไปทั่วแผ่นหลังของผม ถึงแม้ร่างกายของผมจะปฏิเสธมันแต่ทำไมในใจมันกลับรู้สึกคุ้นเคย โหยหากับกลิ่นกายนี้ กับร่างกายนี้มากเหลือเกิน ไม่นะ! ผมจะต้องไม่รู้สึกกับมันแบบนั้นอีก

          “ซี๊ดส์! มึงยังแน่นเหมือนเดิม” มันพูดเสียงกระเส่าข้างๆหูผมพร้อมกับขยับช่วงล่างขึ้นลงด้วยจังหวะที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ

          “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ” ผมพยายามที่จะขบริมฝีปากผมเอาไว้ไม่ให้เสียงมันเล็ดลอกออกมาแต่มันกลับทำไม่ได้

          “ครางออกมาดังๆ เลยเหมือนที่มึงเคยทำ” มันสั่งผมด้วยเสียงแหบพร่า

          ผมได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอยู่ใต้อาณัติของมัน ผมจะไม่ทำตามที่มันต้องการ

          “ดูซิมึงจะทนได้ซักกี่น้ำ” มันพูดจบก็กระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงจนมันจุกและเจ็บมาก ผมกัดฟันทนแบกความเจ็บเอาไว้ ไม่ส่งเสียงร้องให้มันได้ยินแม้แต่แอะเดียว

          “อ๊ากก...อ่าส์” มันร้องออกมาด้วยความเสียวหลังจากพ่นน้ำสีขาวขุ่นในช่องทางของผมแล้วแช่มันไว้อย่างนั้นสักพัก

          “เก่งนี่” มันพูดพร้อมกับหายใจหอบเหนื่อย ไม่นานนักมันก็ใช้มือมาครอบครองน้องชายของผมเอาไว้

          “ปะ...ปล่อย เอามือสกปรกของมึงออกไปเดี๋ยวนี้” ผมว่าแล้วก็จับมือมันไว้

          “อยู่เฉยๆ” มันสั่งพร้อมกับรูดน้องชายของผมขึ้นลงจนแข็งตัว ตอนนี้ผมต้องเชื่อฟังมันแล้วเนื่องจากความเสียวที่มันเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย มันทำให้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

          “ซี๊ด...อ้าส์!” มันคือเสียงครางของผมเอง ผมไม่สามารถทนความปรารถนาของตัวเองได้ มันน่าอายไม่น้อยทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พยายามเก็บเสียงเอาไว้ไม่ให้มันได้ยิน แต่ตอนนี้กลับปล่อยมันออกมาอย่างเต็มที่

          “กะ...ใกล้แล้ว” ผมหลับตาพริ้มพร้อมกับทำหน้าเหยเก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จับที่ต้นคอของมันไว้

          “อ้าส์!” ในที่สุดผมก็ปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะเต็มหน้าท้อง  เมื่อได้สติผมก็หยิบเสื้อนอนของผมที่มันฉีกขาดจากฝีมือของไอ้สกายมาเช็ดจนหมดคราบ

          หลังจากนั้นผมก็รีบนอนหันข้างให้มันทันทีด้วยความอาย แต่มันกลับตามมากอดผมจากด้านหลังแล้วก็ระดมจูบไปทั่วซอกคอและพวงแก้มของผม

          “มึงได้สิ่งที่มึงต้องการแล้วก็กลับไปซะ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก” ผมเอ่ยเสียงแข็ง แต่อย่าคิดว่าผมจะเสียน้ำตาให้มันอีกไม่มีทาง ใจผมมันแกร่งขึ้นมากจนมันเองคงคิดไม่ถึงว่าคนที่แต่ก่อนเคยตามมันต้อยๆตอนนี้ได้เข้มแข็งขึ้นมากแล้ว

          “กูกลับแน่ แต่มันยังไม่จบแค่นี้หรอกมึงต้องชดเชยให้กูกับหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่มึงทำให้กูต้องทนทุกข์ทรมานกับการกระทำของมึง” มันบอกผม

          “ถ้าจะพูดถึงเรื่องนั้นกูบอกไว้ก่อนเลยว่าเรามันก็ไม่ต่างกันหรอก กูหลอกมึง แต่มึงก็ทำให้กูเสียใจถือว่าเราเจ๊ากันแล้ว มันควรจะจบตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งสุดท้ายนั้นแล้ว” ผมอธิบายเหตุผลให้มันฟัง

         “มึงคิดเองเออเองคนเดียว กูไม่คิดแบบมึง” มันว่าแล้วก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่

          “กูคงบอกได้แค่นั้นก็แล้วแต่มึงจะคิด กูบอกไว้ก่อนว่ากูไม่ใช่คนเดิมที่จะต้องยอมตามใจมึงทุกอย่างจำไว้”

          “กูก็จะบอกมึงเหมือนกันว่ามึงยังคงเป็นเมียกูไม่ว่าในอดีตหรือว่าตอนนี้หรือแม้แต่ในอนาคต”

          “เฮ้อ! กูจนปัญญาจะพูดกับคนอย่างมึงแล้ว รีบๆกลับไปซะ” ผมบอกมันอย่างปลงๆ

          “เออ! กูกลับแน่ แล้วเจอกันครับเมียสุดที่รัก” มันบอกผมแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วก็ลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า ผมยังคงนอนหันหลังให้มัน ไม่อยากเห็นหน้ากวนๆของมันจนได้ยินเสียงปิดประตู ผมถึงเอี้ยวตัวแล้วหันหน้าไปมองที่ประตูจนแน่ใจว่ามันออกไปแล้วจริงๆ

           “กูจะเอายังไงกับมึงดีเนี่ยไอ้สกาย” ผมพูดกับตัวเองขณะลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆเพราะยังเจ็บที่ช่วงล่างอยู่ แล้วหย่อนขาลงข้างๆเตียงซึ่งติดกับโต๊ะอ่านหนังสือ

            ผมคิดอะไรในใจสักพักแล้วก็หันไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ ผมเห็นรูปถ่ายของไอ้สกายที่ผมวางมันไว้ก่อนหน้านี้

           “เหี้ยแล้ว!” ผมอุทานออกมาก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบรูปถ่ายนั้นขึ้นมา  มันจะเห็นรูปนี้ไหมนะเมื่อสักครู่ ทำไมนะผมถึงได้ซวยอย่างนี้ปากก็บอกมันว่าทำใจได้แล้วแต่เสือกทิ้งหลักฐานชิ้นสำคัญไว้ให้ไอ้คนนั้นมันได้ใจซะนี่

ผมเห็นปลอกปากกาถูกถอดวางไว้ หรือว่ามันจะเขียนอะไรไว้ผมคิดในใจแล้วก็พลิกดูที่หลังรูปถ่ายทันที

           ‘มึงลืมกูไม่ได้หรอก’
 
           มันเขียนไว้ข้างหลังภาพถ่าย ผมรู้สึกว่าเรื่องของมันกับผมกำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหลังจากที่ได้เจอกับมันครั้งนี้  แต่ครั้งนี้มันจะไม่ใช่คนคุมเกมส์เหมือนคราวที่แล้วหรอกครับ  เกมส์นี้ผมจะต้องเป็นคนคุมมันเอง ในเมื่อต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ผมก็พร้อมที่จะต้อนรับการกลับมาของมัน ผมคิดแล้วเก็บภาพถ่ายไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม

          ผมกดโทรศัพท์โทรออกหาคนที่กำลังอยู่ในหัวผมตอนนี้ทันที

          “ฮัลโล พี่มาร์ค”

          “ว่าไงน้องปอมคิดยังไงถึงโทรมาหาพี่ครับหรือว่าคิดถึง?”

           “ก็ไม่เชิงครับ ผมมีเรื่องจะบอกพี่”

           “เรื่องอะไรน้า พี่อยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย”

           “พี่ยังจำได้ไหมที่พี่เคยบอกว่าอยากคบกับผม”

           “พี่จะลืมได้ยังไงเรื่องสำคัญขนาดนั้น พี่ยังรอคำตอบอยู่นะครับ”

          “นี่ไงครับที่ผมโทรมาหาพี่วันนี้ จะบอกว่า...ผมตกลง***! ผมจะคบกับพี่มาร์ค***”

           Game on!

หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 11-11-2017 23:05:19
Game on ของจริงค่ะ
สู้ๆนะแกรเจ้เชียร์ค่ะ  :call: :mew3:
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-11-2017 01:30:41
จะรอว่าใครจะชนะ ใครจะแพ้  : 222222:
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-11-2017 21:43:57
ถ้าเราจะต้องชนะเขา
แล้วเรากลับต้องแพ้ใจตัวเอง

มันคุ้มมั้ยอ่ะ
ปอม

กลัวจะมีแต่คนแพ้ กับ คนแพ้
ไม่มีใครชนะซักคนเดียว

ขอให้เล่นเกมนี้ให้สนุกนะ
เราจะรออ่านให้สนุก
อิอิ

+1 ฮับ
หัวข้อ: กลรักลวงใจ ตอนที่ 18 ตาต่อตาฟันต่อฟัน Update! 13-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 13-11-2017 22:34:06
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 18 ตาต่อตาฟันต่อฟัน

Pangpond’s Part :     

@โรงเรียน

            ขณะนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าโรงเรียนกับไอ้ตองพวกเรารอพี่ตี๋มารับ จะบอกว่าตอนนี้ผมกับพี่ตี๋เราคบกับแล้วนะครับ ผมยอมใจอ่อนคบกับพี่เค้าก่อนวันปัจฉิมนิเทศเพียงไม่กี่วัน วันนั้นผมจำได้ดีพี่ตี๋เค้าทำให้ผมมั่นใจว่าพี่เค้าให้ความสำคัญกับผมและพร้อมที่จะมีผมเพียงคนเดียว ช่วงเที่ยงพี่ตี๋หอบดอกกุหลาบช่อใหญ่มาคุกเข่าขอผมเป็นแฟนท่ามกลางคนนับพัน ผมนี่อยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีมากเพราะมันอายมากเหลือเกิน ผมรับดอกไม้แล้วก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ส่วนหนึ่งก็เพราะคำพูดที่พี่ปอมเคยบอกกับผมว่า ‘หากมีช่วงเวลาที่มีความสุขเราควรจะรีบตักตวงมันไว้เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีช่วงเวลานั้นได้นานเท่าไร’

            “ทำไมวันนี้พี่ตี๋มาช้าจังนะ” ตองมันยืนบ่นพลางมองที่นาฬิกาข้อมือพร้อมกับชะเง้อมองหาพี่ชายมันไปด้วย

            “ส่วนผมน่ะหรือ กำลังอ่านคอมเมนต์ในไอจี” เพราะหลังจากที่พี่ตี๋ประกาศขอผมเป็นแฟนทำให้สาววายในโรงเรียนแห่มาติดตามในไอจีผมตรึมเลย ขอให้ลงรูปคู่บ้างล่ะ ขอให้ไลฟ์สดบ้างล่ะ กลายเป็นคนดังไปเลย แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ชอบขี้หน้าผม แต่ผมไม่สนใจหรอกเพราะคนชอบผมเยอะจะตายทำไมต้องแคร์

            pompam คู่นี้น่ารักจัง

            toomme พี่ตี๋น่ารัก อิจฉาพี่ปังปอนด์จังเลยค่ะ

            ppoom FCคู่นี้

            และอีกหลายๆคอมเมนต์ผมอ่านไปก็ยิ้มไปด้วย

            “แกยิ้มอะไรปังปอนด์” ตองมันหันมามองผมแล้วถามขึ้นทันที

            “อ่านคอมเมนต์แล้วดีใจที่มีคนชอบเยอะขนาดนี้อ่ะแก” ผมตอบไปยิ้มไป

            “ฉันก็ชอบปลื้มที่สุด” ตองมันยิ้มจนตาเป็นรูปสระอิ

            “แกนี่นะ ฮ่าๆๆ” ผมขำกับท่าทางของมัน การที่ผมกับพี่ตี๋ได้คบกันนอกจากที่เราจะมีความสุขกันทั้งสองคนแล้ว ยังมีไอ้ตองที่มันค่อนข้างจะมีความสุขมากกว่าพวกผมซะอีก

            “นั่นมาแล้วพี่ชายฉัน” ตองมันว่าขณะที่รถหรูของพี่ตี๋กำลังเคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆแล้วจอดตรงหน้าพวกเราทั้งสองคน   

            พี่ตี๋จอดรถแล้วก็ลดกระจกลงมาหันหน้ามายิ้มแป้นให้ผม ส่วนมากพี่ตี๋จะมาหาผมอาทิตย์ละสองสามครั้ง ตอนนี้เค้าย้ายไปพักที่คอนโดใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย นานๆทีผมจะไปค้างกับพี่เค้า

            “ที่รักรอนานไหมครับ?” พี่ตี๋มันว่าแล้วยิ้มตาตี่ให้ผม

            “แหมๆๆ ไม่ทักน้องในไส้เลยนะพี่ หวานกันจริงๆ” มันพูดเหมือนน้อยใจแต่มันกลับยิ้มซะฟินเชียว

            “ขึ้นรถเร็วเดี๋ยวพาไปกินข้าว” พี่ตี๋มันว่าแล้วพวกผมก็รีบขึ้นรถ โดยที่ผมนั่งข้างหน้าส่วนไอ้ตองมันนั่งข้างหลัง

            พอขึ้นรถมาพี่ตี๋มันก็ยื่นมือมาจับมือผมไว้แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือบีบวนเบาๆที่หลังมือ เค้ายิ้มให้ผมก่อนที่ผมจะยิ้มตอบกลับเช่นกัน

            “วันนี้มีคนมาจีบรึเปล่า?” ทุกครั้งที่เจอกันพี่ตี๋มักจะถามผมแบบนี้ตลอด ไม่รู้ว่าจะหวงอะไรหนักหนาผมเองก็ไม่ได้เหลวไหลซะหน่อย แต่ก็อย่างว่านะคนน่ารักอย่างผมใครๆก็อยากรัก ฮ่าๆ

            “ขี้เกียจตอบและ ถามคำถามอื่นบ้างเหอะ!” ผมตอบกลับแล้วชกเบาๆที่ต้นแขนของพี่ตี๋

            “จะหยอกกันอีกนานไหมเนี่ยตองหิวข้าวจะแย่แล้วเนี่ย” ตองมันพูดแล้วตามมาด้วยเสียงท้องมันร้องชัดเจนว่ามันคงจะหิวมาก

            “ฮ่าๆๆ รอแปบน้องสาว เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงให้อิ่มแปล้เลย” พี่ตี๋มันว่าแล้วก็ออกรถทันที

@ร้านอาหารในห้างแห่งหนึ่ง

            พี่ตี๋พาพวกผมมาทานอาหารในห้างแห่งหนึ่งแถวๆโรงเรียน

            “สั่งเลยเดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแปบนึง” พี่ตี๋บอกแล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมที่จะมาบี้แก้มผมเล่นเบาๆก่อนที่จะเดินไป

            “อื้อ ยังจะมาเล่นอีก” ผมบอกพร้อมทำหน้ายู่ใส่ พี่เค้ายิ้มแล้วก็เดินไป

            ผมกับตองกำลังสั่งอาหารกับพนักงาน

“เอาตามนี้เลยครับ”

ผมยื่นกระดาษใบเล็กๆที่เขียนเมนูอาหารส่งให้กับพนักงานหลังจากนั้นก็นั่งรอ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงใครบางคนที่คุ้นเคยทักมา   

            “อ้าว! ปอนด์ ตอง” เป็นเสียงของนพที่เดินเข้ามาทักพวกเรา

            “อ้าว! นพ มากับใครเนี่ย” ผมเองก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจที่ได้เจอกันที่นี่

            ‘นพ’ เป็นเพื่อนร่วมห้องของพวกเราซึ่งไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ นานๆทีจะได้คุยกันเพราะงานกลุ่ม นพจะอยู่กลุ่มผู้ชายหลังห้องส่วนพวกผมจะอยู่หน้าห้อง บางทีผมก็รู้สึกแปลกๆกับไอ้คนนี้เพราะหลายต่อหลายครั้งตอนที่อยู่ในห้องหรือที่อื่นๆ ผมรู้สึกว่ามันจะคอยจ้องมองผมตลอดแต่ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองมากนักว่ามันอาจจะคิดอะไรกับหรือเปล่า

            “มากับพวกไอ้เปรมนั่นละพวกเรานั่งโต๊ะโน้น” มันว่าแล้วก็ชี้ไปให้ผมดู

            “ออ” ผมมองตามไปแล้วก็พยักหน้า

            “แล้วมากันสองคนหรอ?” มันถามขึ้นมาก่อนที่จะมองไปรอบๆภายในร้านเหมือนมองหาใครสักคนหนึ่ง

            “เปล่ามีพี่ตี๋อีกคนไปเข้าห้องน้ำอยู่” ตองมันตอบแทนผม น้ำเสียงของตองทำให้ผมรับรู้ได้ว่าตอนนี้มันกันท่าไอ้นพให้พี่ชายมันอย่างแน่นอน ใครจะมาวอแวกับผมไม่ได้เลยเพราะมันได้รับคำสั่งจากพี่ชายมัน ไม่รู้ว่ามันได้ค่าจ้างเท่าไหร่ ฮ่าๆ”

            “ออ เดี๋ยวเราไปก่อนนะ” มันว่าแล้วก็มองข้ามหัวผมไป ผมเองก็หันไปมองตามมันไม่ใช่ใครครับเป็นพี่ตี๋ที่กำลังเดินมาพอดี มันโบกมือให้พวกผมหลังจากนั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะ

            “ปอนด์ ฉันว่าไอ้นพมันมองแกแปลกๆนะเหมือนมันสนใจแกเลยอ่ะ” ตองมันเริ่มพูดเรื่องที่ผมก็สงสัยเช่นกัน

            “ไม่มีอะไรหรอกน่า แกอย่าคิดมาก” ผมบอกมันเพราะกลัวมันเอาเรื่องนี้ไปพูดให้พี่ตี๋ฟัง

            “เมื่อกี้ใครอ่ะ” พี่ตี๋มันถามผมเสียงแข็งเมื่อเดินมาถึง

            “อ๋อเพื่อนที่โรงเรียนอ่ะ” ผมตอบ

            “ทำไมมันมองพี่ตาแข็งอย่างนั้นอ่ะ มันมาจีบปอนด์หรือเปล่า” พี่ตี๋ถามผมแล้วจ้องหน้ารอคำตอบ

            “บ้าหรอ! ใครจะกล้ามาจีบก็รู้ๆอยู่ว่าผมเป็นแฟนพี่”

            “อย่าให้รู้นะว่ามีใครมาจีบ ไม่งั้นพี่จะฆ่ามันให้ตายเลย”

            “ทำเป็นโหดไม่เหมาะกับหน้าหล่อๆเลยนะครับ” ผมพูดให้พี่ตี๋อารมณ์ดีขึ้นแล้วยื่นมือไปเกาคางพี่เค้าเล่นเบาๆ

            “ภูมิใจอ่ะดิมีแฟนหล่ออย่างนี้” พี่ตี๋มันยิ้มกว้างทันทีที่ผมชม

            “นิดนึง” ผมเองก็ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน

            พวกเราจู๋จี๋กันจนลืมไปเลยว่ามีไอ้ตองที่ตอนนี้มันกำลังนั่งอมยิ้มมองดูพวกเรา  ไม่นานหลังจากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ พวกเราทั้งสามก็จัดการมันจนเกลี้ยงแล้วพี่ตี๋ก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน

            ระหว่างทางมีคนโทรฯเข้ามาหาพี่ตี๋อยู่สองสามครั้งแต่ด้วยที่พี่เค้ากำลังขับรถเลยทำให้พี่มันไม่รับสายแต่เลือกที่จะตัดสายทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าใครโทรมากันแน่ มีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่า

            “ให้ผมรับให้ไหม?” ผมถามพี่ตี๋แล้วมองหน้า

            “ไม่เป็นไรหรอกครับที่รัก พอดีเพื่อนมันโทรมาเดี๋ยวพี่ถึงบ้านแล้วค่อยโทรกลับหามันดีกว่า” พี่ตี๋บอกผม

            “โทรมาบ่อยอย่างนี้กลัวจะมีธุระสำคัญอ่ะดิ” ผมยังถามต่อ

            “ปิดเครื่องดีกว่าปอนด์จะได้ไม่รำคาญ” ว่าแล้วพี่มันก็ยื่นมือไปจับโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆแล้วปิดเครื่องทันที

            “มีพิรุธจัง สาวโทรมารึเปล่าเนี่ย” ผมถามด้วยความสงสัยแล้วจ้องหน้าพี่ตี๋ที่ตอนนี้กำลังมองทางอยู่

            “เปล่าพี่จะมีสาวที่ไหนเล่าวันๆเอาแต่คิดถึงคนที่นั่งอยู่ข้างๆเนี่ย” พี่มันตอบเอาใจผม แต่ผมไม่เชื่อหรอกคนมันเคยๆ เสือก็ยังเป็นเสืออยู่วันยังค่ำ

            “อย่าให้รู้นะ ไม่งั้น...” ผมพูดแล้วปล่อยค้างท้ายประโยคไว้

            “ไม่งั้นจะทำไม ฮึ” พี่เค้าว่าแล้วก็เอามือข้างหนึ่งมาจับที่ศีรษะผมขยี้เบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวจนผมเอียงหัวหนี

            “ก็จะมีกิ๊กเหมือนกันไงจะได้เสมอกัน” ผมบอก

            “ใช่ๆๆ ถ้าพี่ตี๋มีสาวตอนไหนนะ ตองจะเชียร์ให้ปอนด์มันมีกิ๊ก” ตองที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างหลังเอ่ยแทรกขึ้นมาเข้าข้างผม

            “ห้ามมีนะโว้ย!” พี่มันร้องเสียงดังขึ้นทันที จนผมอดขำไม่ได้

            “ถ้างั้นก็ห้ามมีคนอื่นสิ ทำได้ป่าว?” ผมบอก

            “เค้าสัญญาครับว่าจะไม่นอกใจที่รัก” พี่มันพูดเสียงอ้อนๆ

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ” ผมยิ้มให้แล้วหยิกแก้มไปทีนึง

            “คร้าบบบบที่รัก”

            พี่ตี๋มาส่งผมถึงบ้านแล้วก็กลับไปทันที ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปในบ้านก็รู้สึกเมื่อยๆที่ไหล่เพราะนั่งรถมานานเลยใช้มือบีบไปที่บริเวณไหล่แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีเส้นอะไรติดมือผมมาด้วย ผมเอามันมาดูมันคือเส้นผมผู้หญิง ผมมั่นใจว่ามันคือเส้นผมของผู้หญิงแน่นอนเพราะว่ามันยาวมาก  เอาแล้วไงแฟนผมพาใครมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถกันล่ะเนี่ย จะเป็นเพื่อนหรือสาวๆผมชักเริ่มจะไม่แน่ใจแล้ว

*-*-*-*-*-*



Pom’s Part :

            วันนี้ผมนัดพี่มาร์คที่ใต้ตึกคณะ โดยที่ตอนนี้พวกผมนั่งอยู่กันครบทีมหลังเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ แต่ละคนก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างรอไปทานข้าวเย็นกัน ส่วนไอ้ดาวมันก็นัดกับบีมไว้ด้วยเหมือนกันและแน่นอนไอ้สกายมันก็จะตามมาด้วยอย่างแน่นอน

            “พวกมึงกูมีเรื่องจะบอก” ผมเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ ทุกคนก็ยังไม่ได้สนใจมองผมแม้แต่น้อย

            “มีอะไรไอ้ปอมว่ามาสิ” สนิมมันเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกแต่ก็ยังจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ

            “กูคบกับพี่มาร์คแล้วนะ” ผมเอ่ยออกมาเสียงดัง

            นั่นไงพวกมันหันขวับมาที่ผมพร้อมกัน แล้วมองหน้าผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อ นั่นเป็นเพราะพี่เค้ามาขายขนมจีบให้ผมอยู่บ่อยๆแต่ผมก็บอกพี่เค้าว่าตอนนี้ยังไม่อยากมีแฟน ยังอยากใช้ชีวิตโสดอยู่แต่แกก็บอกว่ารอได้แล้วอีกอย่างก็เกรงใจแกด้วยเพราะเป็นรุ่นพี่ภาควิชาเดียวกันอีกเลยไม่กล้าปฏิเสธแบบตรงๆ

            “เฮ้ย! มึงพูดจริงดิ อะไรดลใจให้มึงตอบตกลงคบกับพี่เค้าวะ” พอร์ชมันถามขึ้นมาด้วยท่าทีแปลกใจ

            “ก็กูอยากลองคบพี่เค้าดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า พี่เค้าก็หล่อและรวยมากคุณสมบัติครบถ้วน และอีกอย่างดาวมันก็มีแฟนไปและ กูก็อยากมีบ้างอิจฉามัน ฮ่าๆ” ผมพูดติดตลกไปด้วย

            “เอาจริงๆมึงชอบพี่เค้ารึเปล่าวะ” ดาวมันถาม

            “ก็ยังหรอกแต่คิดว่านานไปก็อาจจะรัก” ผมบอกด้วยท่าทีไม่มั่นใจแต่ก็ยิ้มให้พวกมัน

            “กูว่าพี่เค้าโอเคนะ คอยตามไอ้ปอมต้อยๆๆมาเป็นเทอมแล้วเนี่ย มีความพยายามดี” เปอร์มันบอกรู้สึกว่ามันจะเชียร์คู่ผมกับพี่มาร์คมากกว่าคนอื่นๆ เพราะหลายครั้งที่พี่เค้ามาจีบผมมันก็จะเป็นเชียร์พี่เค้าตลอด

            “อย่างนี้ต้องไปฉลองกันอีกครั้งโว้ยเพื่อนกำลังจะมีแฟน” สนิมมันเอ่ยแล้วชูมือขึ้นท่าไชโย

            “อย่างนี้ต้องให้พี่มาร์คเป็นเจ้ามือ โน่นเดินมาแล้วไง”

พอร์ชมันบอกแล้วโบ้ยหน้าไปที่พี่มาร์คที่กำลังเดินหล่อมาแต่ไกล

            “สวัสดีครับพี่มาร์ค” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นแล้วพวกผมก็ยกมือขึ้นไว้กันทุกคน

            “มาชุมนุมอะไรกันที่นี่ครบทีมเชียว” พี่มาร์คถามแล้วนั่งลงข้างๆผม

            “มาร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนที่กำลังจะมีแฟนครับ” เปอร์มันพูดเสียงดัง ผมส่งสายตาดุให้มัน

            พี่มาร์คหันมามองหน้าผมแล้วก็ยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และดูจริงใจที่ผมไม่เคยจะเห็นมันเพราะมัวแต่นึกถึงไอ้คนนั้นเลยทำให้มองข้ามคนที่ดีๆอย่างพี่มาร์คไปได้

            “อย่างนี้พี่ก็ไม่ต้องบอกแล้วสินะ คงรู้กันหมดแล้วขอฝากเนื้อฝากตัวกับน้องๆด้วยนะครับ” พี่มาร์คพูดด้วยท่าทีสุภาพ เค้าเป็นสุภาพบุรุษมากจนผมเองกลับคิดว่าพี่เค้าดีเกินไปหรือเปล่า ผมไม่ควรเล่นกับความรู้สึกของพี่เค้าเลยจริงๆ เหมือนกับว่าผมกำลังจะทำให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีกครั้ง

            “พี่มาร์คต้องพาพวกผมไปเลี้ยง ถือว่าเป็นการเปิดตัวเพื่อนเขยอย่างเป็นทางการ” เปอร์มันบอกพี่มาร์ค ดูจะสมใจมันแล้วล่ะสิที่คนที่มันเชียร์เข้าวิน

            “ได้เลย ไม่อั้นคืนนี้เลยไหมไปดริ๊งกันพี่เป็นเจ้ามือ”

            “ดาวมึงชวนบีมไปด้วยเลยสิไหนๆก็จะมาอยู่แล้วนี่” ผมบอกอยากจะรู้จังว่า ถ้าไอ้สกายมันรู้ว่าผมเปิดตัวแฟนวันนี้มันจะทำหน้ายังไง

            “ได้ๆ ถ้ากูชวน บีมไปอยู่แล้ว” ดาวมันบอก

            “โน่นมาแล้วแฟนมึง” สนิมเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นสองหนุ่มกำลังเดินเข้ามาหาพวกผมที่โต๊ะ

            ผมพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ขยับเข้าไปหาพี่มาร์คจนชิดกัน พี่มาร์ครู้สึกได้แล้วก็มองหน้าผมแล้วยิ้มให้

            “สวัสดีทุกคน” บีมเดินมาถึงก็ทักทายพวกเราทันที

            พวกผมทุกคนก็ยิ้มทักทายมันเหมือนกันรวมถึงไอ้สกายที่ตอนนี้มันกำลังมองมาที่ผมเหมือนมีอะไรคาใจ

            “บีมค่ะ เย็นนี้ไปดริ๊งฉลองให้ไอ้ปอมกันนะคะ” ดาวมันเอ่ยขึ้น

            “เอาสิ! ว่าแต่ฉลองเรื่องอะไรล่ะปอม” บีมเอ่ยถามขึ้น

            “เอ่อ...” ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีมันก็จะอายๆหน่อย

            “คืองี้...ปอมมันมีแฟนแล้วค่ะ นี่ไงพี่มาร์คแฟนปอม” ดาวมันตอบแทนผมแล้วแนะนำพี่มาร์คให้บีมรู้จัก

            “เฮ้ย! ดีใจด้วยนะปอม พี่มาร์คด้วยนะครับ” บีมมันยิ้มให้พวกผม

            “ขอบใจมากบีม” ผมพูดกับบีมขณะเอามือมาคล้องแขนพี่มาร์คเอาไว้ แล้วก็ไม่ลืมที่จะยิ้มที่มุมปากให้ไอ้สกายที่ตอนนี้มันทำหน้านิ่งมากจนเดาอารมณ์มันไม่ถูก

            “ไอ้สกายมึงจะไปด้วยป่ะวะ” บีมมันหันไปชวนไอ้สกาย

            “ไปดิวะ กูไม่พลาดแน่นอน!” มันตอบเพื่อนแต่สายตากลับจ้องมาที่ผมราวกับว่าผมกำลังท้าทายอำนาจมันซะอย่างนั้น



มีหรือที่ผมจะแคร์...มันเองก็เคยทำกับผมแบบนี้
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 18 ตาต่อตาฟันต่อฟัน Update! 13-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-11-2017 23:18:43
อูยยยยย...แรง
ปอมเอาคืนแบบทุกเม็ดสะเด็ดน้ำ
จะไหวป่ะ สกาย
ฮ่าฮ่า

ไอ่พี่ตี๋..อย่าให้ปอนด์จับได้นะว้อยยยยย
เอาคืนเหมือนกัน
หุหุ

ชอบบบบบบบบบเรื่องนี้
ถูกจายยยยยยยยย
อิอิ

หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 18 ตาต่อตาฟันต่อฟัน Update! 13-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-11-2017 03:52:42
ปีที่ผ่านมาทำหลานปอมระทมสุด ๆ แล้วสกายไปทำอะไรมา ถึงได้โทษเอา ๆ กับหลานปอมฝ่ายเดียว ตัวเองควงแฟนใหม่มาให้เห็นตำตา พอหลานปอมทำบ้าง มีโมโห  :m16:
หัวข้อ: Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 18 ตาต่อตาฟันต่อฟัน Update! 13-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 14-11-2017 06:43:03
แซ่บ ๆๆๆๆ
หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 19 โลกมันกลม ✅ Update! 17-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 17-11-2017 21:14:37
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 19 โลกมันกลม



@Chill Bar 11

            ตอนนี้พวกเรานั่งชิลล์กันที่ร้าน ‘Chill Bar 11’ ซึ่งเป็นร้านเหล้าเอาท์ดอร์แห่งหนึ่งแถวๆหอพักผม ผมโยกตัวเบาๆพร้อมกับฮัมเพลงไปพร้อมกับนักร้องที่กำลังร้องสดๆบนเวทีกลางแจ้ง

            “ว่าแต่พี่มาร์คกับปอมคุยกันนานไหมกว่าจะคบกันได้” บีมมันถามขึ้นพร้อมกับยกแก้วเบียร์จิบไปด้วย

            ผมมองหน้าพี่มาร์คแล้วยิ้มให้เพราะไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นคนตอบดี พี่มาร์คยักคิ้วให้ผมทีหนึ่งเชิงสื่อให้ผมเป็นคนตอบ

            “ก็นานเหมือนกันนะกว่าเราจะตอบตกลง” ผมพูดอย่างเขินๆ ผมแกล้งทำเป็นรักพี่มาร์คมากมายเพื่อให้ไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมมันรู้สึกว่าผมไม่ใช่สิ่งของที่มันอยากจะใช้ก็ใช้อยากจะทิ้งก็ทิ้ง ผมมีค่ามากกว่านั้น

            “จงบอกข้อดีของพี่มาร์คมา” ไอ้ดาวมันเอ่ยขึ้น ผมรู้สึกขำกับคำถามมันจริงๆ รู้สึกว่าตอนนี้เหมือนผมอยู่ในงานแถลงข่าวงานเปิดตัวระหว่างผมกับพี่มาร์คซะอย่างนั้น

            “ก็พี่มาร์คเป็นคนดีและไม่เคยทำให้กูผิดหวังและเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว” ผมพูดเน้นๆแล้วมองไปที่ไอ้สกาย

            “กูเชียร์คู่นี้โคตรๆ ยอมใจกับความพยายามของพี่มาร์ค ตามไอ้ปอมนานมากกว่ามันจะยอม แถมไม่เคยวอกแวกแม้แต่น้อย” เปอร์เอ่ยชมพี่มาร์คจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมยิ้มจนแก้มจะฉีก

            “เอ็งนี่ตาถึงไม่ต่างจากปอมเลยจริงๆไอ้เปอร์” พี่มาร์คเอ่ยกับเปอร์ยิ้มๆ

            ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแต่ผมกับไอ้สกายกลับเอาแต่จ้องหน้ากันอยู่บ่อยๆ จนรู้สึกว่ามันเองก็รู้สึกอ่อนไหวไม่น้อยที่ผมกอดไหล่หรือซบพี่มาร์ค ผมสังเกตได้ถึงสายตาที่อ่อนโยนของไอ้สกายคนเดิม คนที่จ้องตาผมเมื่อตอนอยู่บนเตียงในคอนโดของมันเมื่อปีที่แล้ว

            “เดี๋ยวกูไปนี่แป๊บนึงนะ” ไอ้สกายมันบอกบีมแล้วก็ลุกขึ้น

             “มึงจะไปไหนวะ” บีมถามไอ้สกายผมมองมันทุกอิริยาบถอย่างไม่ได้ตั้งใจ

             “แถวนี้ล่ะ เดี๋ยวมา” มันว่าแล้วแอบปรายตามามองผมแวบนึง

            “เออ รีบมาละกัน” บีมบอกก่อนที่ไอ้สกายจะเดินออกไป สงสัยมันคงทนฟังเรื่องของผมกับพี่มาร์คไม่ได้จนต้องเดินออกไป เป็นไงล่ะสมน้ำหน้าผมคิดในใจ

            “วันนี้สกายดูซึมๆไปนะบีม เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ดาวถามขึ้นหลังจากที่ไอ้สกายมันเดินออกไปแล้ว ผมได้ยินก็รู้สึกเจ็บหน่วงๆที่ใจเพราะไม่แน่ใจว่าที่มันทำหน้าและท่าทางแบบนั้นเป็นเพราะผมหรือเปล่า ถ้าเป็นเพราะผมมันคือชัยชนะที่ผมได้มาแล้วในวันนี้ ผมทำให้มันรู้สึกได้แต่ทำไมในใจมันกลับเจ็บจี๊ดๆ เหมือนมีเข็มมาทิ่มซะอย่างนั้น

            “ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร ตอนนั่งรถมาด้วยกันยังดีๆอยู่เลย ปกติเราไปนั่งชิลล์กันก็บ่อยแต่ครั้งนี้มันกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าทุกๆครั้งซะอย่างนั้น ไม่รู้ว่ามันนัดสาวๆไว้ที่นี่ด้วยหรือเปล่า ไอ้นี่เด็กๆมาติดมันเยอะแต่ไม่ยักจะคบใครสักคนเลือกมากจริงๆ” บีมตอบคำถามดาวพร้อมกับส่ายหัวกับเรื่องราวของเพื่อน

            “อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นคงเป็นเรื่องผู้หญิงล่ะมั้ง” ดาวเอ่ยขึ้นอย่างคลายสงสัย

            ทำไมผมต้องรู้สึกเป็นห่วงมันด้วยนะ...แกต้องเข้มแข็งเข้าไว้ไอ้ปอม อย่าให้อดีตกลับมาทำร้ายแกอีก ผมนั่งคิดในใจ

            “ปอม นั่งเหม่ออะไรเนี่ย” พี่มาร์คว่าพลางเอามือมาโบกไปมาตรงหน้าผม

            ได้สติผมก็หันไปมองหน้าพี่มาร์คก่อนที่จะยิ้มแหยๆให้

            “ปะ...เปล่าครับพี่มาร์ค พอดีปอมคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรหรอกครับ”

            ผมว่าแล้วก็ยกแก้วน้ำสีอำพันชูขึ้น

           “พวกเราชนแก้วหน่อยครับ”

           แกร๊งงงง!!!!

           เสียงกระทบกันของแก้วดังขึ้นก่อนที่พวกผมทุกคนจะดื่มมันเข้าไป แล้วก็นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ ผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วยังไม่มีวี่แววว่าไอ้สกายจะกลับมาเลย หรือว่ามันจะทนไม่ได้จนกลับไปแล้ว

           “เอ! ไอ้สกายนี่มันไปไหนของมันเนี่ย” บีมว่าแล้วก็มองไปรอบๆร้านเผื่อว่าจะเจอเพื่อนของตัวเอง แต่ไม่ใช่มันคนเดียวแต่ผมเองก็ส่องสายตามองไปด้วยเช่นกัน

            อยู่ๆนักร้องบนเวทีก็หยุดเล่นดนตรีแล้วก็เอ่ยอะไรกับลูกค้าในร้าน จนทุกคนสนใจหันไปมองที่เวที

            “สวัสดีลูกค้าที่น่ารักทุกท่านนะครับ หลังจากที่ผมร้องเพลงให้ทุกคนฟังมานานหลายเพลงแล้ว คิดว่าทุกท่านคงจะอยากฟังนักร้องคนอื่นบ้าง และโชคดีที่ตอนนี้มีลูกค้าท่านนึงอยากที่จะมาร้องเพลงบนเวทีให้ทุกคนฟัง มีหรือที่เราจะปล่อยให้ลูกค้าสุดหล่อคนนี้ผิดหวัง ช่วงเวลานี้ขอเชิญทุกท่านพบกับน้องสกายได้เลยครับ”

            ผมได้ยินก็ต้องรู้สึกประหลาดใจมากที่จู่ๆไอ้สกายมันจะขึ้นไปร้องเพลงบนเวที จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ยินมันร้องเพลง ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะกล้าขนาดนี้

            “อ้าว! ไหงไปโผล่บนเวทีซะงั้นเพื่อนกู” บีมเอ่ยออกมาด้วยสีหน้างงๆ

            “สกายชอบร้องเพลงเหรอบีม” ดาวถามบีม

            “ไม่!”เป็นผมที่เผลอตอบออกมาจนทุกคนในโต๊ะหันมามองผมเป็นตาเดียวกันราวกับว่าผมเป็นผู้ต้องหาซะอย่างนั้น   

           “มึงตอบเหมือนรู้จักกับสกายมาก่อนเลยไอ้ปอม” สนิมมันเอ่ยขึ้น

            “ปะ..เปล่ากูไม่ได้เรื่องไอ้สกายซะหน่อย กูแค่คิดอะไรในใจแล้วเผลอพูดออกมาก็เท่านั้นว่ะ แฮะๆ”ผมแก้ตัวออกไป   

            “ก็ว่าอยู่ คนที่น่าจะที่รู้จักกับสกายดีก็มีแค่บีมคนเดียวเท่านั้นแหละตอนนี้” พอร์ชเอ่ยขึ้นมา

            “ตั้งแต่คบกับมันมาเราก็ไม่เคยเห็นมันขึ้นร้องเพลงบนเวทีอย่างนี้เลย สงสัยมันจะเมาแล้วมั้งนั้น ฮ่าๆ” บีมเอ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

            เสียงดนตรีดังขึ้นทำให้พวกผมหันไปสนใจไอ้สกายบนเวทีต่อ

            ....เสียงดนตรีดังขึ้น...

            ผมมองจ้องมองไปที่มันและก็ไม่ต่างกันมันโบกมือมาที่โต๊ะ  แต่ตามันกลับจ้องมาที่ผมสื่อว่าให้ผมฟังเพลงนี้ผมรู้สึกอย่างนั้น



   
“หันมองไปตรงนั้น

ที่เคยมีเธอและฉันอยู่

เธอเองคงจะไม่รู้ฉันเฝ้าดู

อยู่ทุกวัน ที่ตรงนั้นที่เธอและฉัน

        นัดมาเจอกัน ภาพจางๆ จากวันนั้นก็หวนย้อนคืนมา.........”


             มันร้องเพลงท่อนแรกออกมา ผมก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่ามันจะร้องเพลงได้เพราะแบบนี้มาก่อน

            ผมรู้จักเพลงนี้ดีมันชื่อเพลง ‘รออยู่ที่เดิม’ ของวงมัสคีเทียส์ ผมฟังอยู่บ่อยๆเมื่อตอนห่างกับไอ้สกายมาได้พักใหญ่ ฟังบ่อยๆจนร้องได้ ไม่คิดว่ามันจะร้องเพลงนี้เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าความรู้สึกเก่าๆมันพรั่งพรูออกมา บวกกับน้ำเสียงที่ดูอินไปกับเพลง สีหน้าท่าทางมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังร้องเพลงนี้ให้ผม

           “แม่ง! สกายมันร้องเพลงเพราะว่ะ” เปอร์เอ่ยขึ้นมาขณะที่พวกเรากำลังมองไปบนเวที

           มันยังคงร้องเพลงไปเรื่อยๆ ฟังไปน้ำใสๆในตามันก็มาคลออยู่ที่เบ้าตาของผม ผมพยายามที่จะเงยหน้าขึ้นมาเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา ตอนนี้ผมมีชีวิตใหม่ต่อไปได้โดยที่ไม่มีมันได้แล้ว  แล้วทำไมผมจะต้องร้องไห้ให้มันด้วยล่ะกะอีแค่เพลงๆเดียวที่มันร้องออกมาให้ฟัง....ไม่ ไม่ ไม่ ปอมแกต้องไม่ใจอ่อนกับมันเด็ดขาด



            “ก็ยังคงรอ รอเธออยู่ที่เดิม นับตั้งแต่เรามาจากกันไป ก็รู้เลยว่าเหงาเป็นยังไง จากเป็นวันจะเป็นเดือน จากกี่เดีอนนานเป็นปีที่เราห่างไกล แต่ว่าเธอจะรู้ไหม ที่ตรงนี้ยังมีใคร ยังรอเธออยู่ที่เดิม แต่ว่าฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ไหน เธอเป็นยังไงเป็นอย่างฉันบ้างหรือเปล่า นานซักเพียงใดที่ไม่เคยได้รับรู้ ได้ยินข่าวคราว จากเธอ ก็ยังคงรอ รอเธออยู่ที่เดิม นับตั้งแต่เรามาจากกันไป ก็รู้เลยว่าเหงาเป็นยังไง จากเป็นวันจะเป็นเดือน จากกี่เดีอนนานเป็นปีที่เราห่างไกล แต่ว่าเธอจะรู้ไหม ที่ตรงนี้ยังมีใคร ยังรอเธออยู่ที่เดิม ยังรอเธออยู่ที่เดิม.....



            หลังจากที่มันร้องเพลงจบแล้วก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วทั้งร้าน ผมคาดว่าสาวๆหลายๆคนในร้านคงอยากจะเดินไปขอเบอร์มันอย่างแน่นอน เพราะมันทั้งหล่อและดูดีในทุกมุมทุกองศาที่มันเคลื่อนไหว



            “I’m waiting for you”



           มันพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะโค้งคำนับเพื่อขอบคุณทุกคนในร้านแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ ผมรู้สึกว่าตอนนี้มันจะกลายเป็นจุดเด่นในร้านไปแล้ว

            ผมหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาซับน้ำตาที่มันกำลังจะไหลลงบริเวณขอบตาทั้งสองข้าง

            “สุดยอดเลยสกาย” พอร์ชมันยกนิ้วให้ไอ้สกาย ส่วนมันก็ยิ้มรับแล้วมานั่งที่เดิม

            “ทำไมจู่ๆมึงถึงขึ้นไปร้องเพลงวะ” ไอ้บีมมันถามพร้อมกับทำหน้าแบบตาคาดไม่ถึง

            “จู่ๆกูก็คิดถึงรักแรกของกูว่ะ” มันพูดแล้วมองมาที่ผม แต่ผมกลับหลบตามันทันที

            ผมไม่มั่นใจว่ารักแรกของมันจะเป็นผมหรือเปล่า  แต่ที่ผมมั่นใจคือมันเป็นรักแรกของผมอย่างแน่นอน

            “เค้าบอกว่ารักครั้งแรกลืมยากสงสัยจะจริง” สนิมเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินไอ้สกายเอ่ย

            “ใช่! ลืมยากมาก” มันบอกแล้วปรายตามองมาที่ผมเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนผมกลัวคนอื่นๆจะจับพิรุธได้

            “แต่เรา...กลับไม่ใช่แบบนั้น รักครั้งแรกเรากลับลืมมันได้ง่ายมาก” ผมบอกกับมันไป

            “อ้าว!ไอ้ปอมไหนมึงบอกว่าไม่เคยมีแฟนมาก่อนไง” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นแล้วชี้หน้าผม

            “ไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยรักใครนี่หว่า” ผมบอกไอ้พอร์ช

            “แล้วทำไมปอมถึงลืมรักครั้งแรกได้ง่ายดายขนาดนั้น มันไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ” ไอ้สกายมันถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังจนทำให้ทั้งโต๊ะเงียบทันที

            “เพราะเราไม่ใช่คนที่จะฝังใจอะไรมากมายกับอดีต และแน่นอนตอนนี้พี่มาร์คคือคนที่เราแคร์มากที่สุด ทำไมต้องไปคิดถึงเรื่องในอดีตให้มันรำคาญใจด้วยล่ะ” ผมยิ้มที่มุมปากแล้วเลิกคิ้วให้มัน

            “หลายคนที่เราเคยรู้จักบอกว่าลืมอดีตได้ แต่แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นการหลอกตัวเองให้สบายใจเล่นๆก็เท่านั้น” มันยังพูดต่อ ผมยิ้มให้มันแล้วพยายามทำสีหน้าให้ปกติมากที่สุด หลังจากนั้นก็หยิบแก้วขึ้นมาจิบไปเรื่อยๆ

            ไม่นานนักหัวใจผมก็ตกมาอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อบังเอิญเงยหน้ามองข้ามหัวไอ้สกายไป  ภาพที่เห็นคือมีหนุ่มหล่อหน้าตี๋ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในชุดนักศึกษากำลังยืนยิ้มแฉ่งให้ผมอยู่

            “ตะ...ตี๋” ผมพึมพำออกมาเสียงเบาด้วยใบหน้าถอดสี

            “ว่าไงปอม!” มันเรียกผมแล้วทุกคนก็หันหน้ามามองที่ผม เชิงตั้งคำถามว่าคนที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่นั้นเป็นใคร

            ทำไมโลกมันต้องกลมแล้วกลมเล่าด้วยเนี่ย มาเจอกับไอ้ตี๋ที่นี่แถมผมยังอยู่กับไอ้สกายด้วย เรื่องจะแตกก็คราวนี้ล่ะครับ

            สงสัยไอ้ตี๋มันมานั่งดื่มที่ร้านนี้ด้วย พอเห็นไอ้สกายขึ้นไปร้องเพลงเลยตามมาที่โต๊ะ…



ตอนนี้ผมอยากหายตัวได้จริงๆเลย...

หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 19 โลกมันกลม ✅ Update! 17-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 18-11-2017 00:55:07
เรื่องจะเป็นยังไงต่อนะ หน่วงเรื่อยๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 19 โลกมันกลม ✅ Update! 17-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-11-2017 01:47:13
หลานตี๋เด็กดีของคนแก่ หนูไม่ทำให้เรื่องปอมกับสกายแตกกลางวงเหล้าหรอกเนอะ  :m13:
ถ้าทำเรื่องแตกจะแช่งให้หลานปังปอนด์ไม่รัก  o12
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 19 โลกมันกลม ✅ Update! 17-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: iamaweirdo ที่ 19-11-2017 04:05:02
ตื้อหน่อยสกาย ยังไงปอมก็ใจอ่อนแน่
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 19 โลกมันกลม ✅ Update! 17-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 19-11-2017 23:10:27
ปอมเห็นพี่มาร์คเป็นตัวอะไร
ถึงไปดึงพี่แกเข้ามาร่วมในเกมนี้ด้วย
ปอมทำแบบนี้..ไม่น่ารักเลย

ถ้าปอมใจอ่อนให้กับสกาย หันกลับไปคบกันใหม่
วันนั้นพี่มาร์คจะเป็นยังไง คิดไว้บ้างหรือเปล่า

หมาหัวเน่า
หราาาาาาาาา

ทั้งปอม ทั้งสกาย
เห็นแก่ตัวกันจังเลย
หุหุ
หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 20 ภัยใกล้ตัว ✅ Update! 20-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 20-11-2017 22:58:46
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 20 ภัยใกล้ตัว



            “เดี๋ยวมานะ”

            ผมบอกกับเพื่อนๆแล้วรีบวิ่งแจ้นไปหาไอ้ตี๋ทันที ผมกึ่งดึงกึ่งลากมันออกมาจากตรงนั้นก่อนที่เรื่องมันยุ่งไปมากกว่านี้

            “ทำไมลากเรามาไกลขนาดนี้เนี่ย” ตี๋มันว่าแต่ก็ยอมเดินตามผมมาแต่โดยดี

            “ก็เรามีเรื่องจะคุยกับตี๋เป็นการส่วนตัว”

            “ทำไมไอ้สกายมันได้มานั่งโต๊ะเดียวกันกับปอมเนี่ย ดีกันแล้วเหรอ” ตี๋มันถามพร้อมกับมองหน้าผมอย่างสงสัย ตั้งแต่คราวนั้นที่ผมเดินออกมาจากชีวิตไอ้สกายผมก็ไม่เคยเอ่ยถึงมันต่อหน้าไอ้ตี๋เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงแม้ว่ามันจะไปที่หาปังปอนด์ที่บ้านผมบ่อยๆ แม้ว่าในหลายๆครั้งที่ผมเกือบห้ามตัวเองไม่ได้เกือบเผลอถามถึงไอ้สกายอยู่หลายครั้งก็ตาม     

“นี่ล่ะที่เราลากตี๋มาไกลขนาดนี้”

            “ว่าแล้ว” มันปรายตามามองผมอย่างรู้ทัน

            “เริ่มเลยละกัน บังเอิญว่าไอ้สกายมันเป็นเพื่อนกับแฟนเพื่อนเราอ่ะเลยเลี่ยงที่จะเจอมันไม่ได้  แต่ตอนนี้เราสองคนทำเป็นไม่รู้จักกันต่อหน้าคนอื่นๆ เราขอร้องล่ะอย่าเพิ่งเข้าไปหามันที่โต๊ะได้ไหมไม่งั้นเพื่อนๆที่โต๊ะต้องรู้เรื่องเรากับไอ้สกายแน่ๆ แถมตอนนี้เรามีแฟนแล้วนั่งอยู่ในโต๊ะนั่นล่ะกลัวเค้าไม่สบายใจ” ผมอธิบายให้มันฟังซะยาวเหยียด นี่ผมเห็นแก่ตัวเกินไปไหมที่ปกปิดเรื่องราวต่างๆเพื่อให้ตัวเองสบายใจ แต่เหมือนผมกำลังเล่นละครหลอกลวงคนอื่นๆและที่สำคัญผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังหลอกตัวเองอยู่ด้วยหรือเปล่านะ

            “อ๋อ เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้ามันจะทำให้ปอมสบายใจเราจะทำตาม เอางี้ถ้างั้นเดี๋ยวเราจะโทรหาไอ้สกายให้ออกมาหาเราที่นี่ละกัน” ตี๋มันบอกอย่างเข้าใจผม

            “ขอบใจมากๆนะตี๋ เดี๋ยวเราไปที่โต๊ะก่อนค่อยคุยกันวันหลัง” ผมบอกแล้วก็โบกมือให้มัน ก่อนที่มันจะยิ้มให้แล้วผมก็เดินกลับไปที่โต๊ะ

            เมื่อมาถึงโต๊ะทุกคนก็มองผมแปลกๆ แต่ที่มันค่อนข้างจะอึดอัดมากคือสายตาของไอ้สกายที่มันมองมาที่ผม ดูเป็นสายตาที่มีคำถามมากมายจนยากจะคาดเดาได้

            “เมื่อกี้ใครวะ ทำไมต้องทำเหมือนมีลับลมคมในด้วย” เปอร์มันถามผมแล้วมองอย่างสงสัย ไม่ใช่แค่เปอร์แต่เป็นทุกคนก็ว่าได้ โดยเฉพาะพี่มาร์คที่ดูเหมือนจะมีคำถามมากกว่าคนอื่นๆสงสัยจะหึงหวงผมแน่ๆ

            “เอ่อ...เพื่อนเก่าสมัยมัธยมอ่ะ”

            ยังไม่ทันที่คนอื่นจะได้ถามผมต่อ กลับมีเสียงโทรศัพท์มือถือของไอ้สกายดังขึ้นขัดจังหวะ มันหยิบมาดูแล้วก็มองมาที่ผมอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไปรับสายคงจะเป็นไอ้ตี๋แน่ๆ ผมต้องขอบใจมันที่ทำตามคำขอร้องของผม

            “แน่นะ ไม่ใช่แฟนเก่าหรอกนะ” พอร์ชมันถามพร้อมกับจับพิรุธบนใบหน้าของผม จริงๆผมบอกพวกมันไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่เคยมีแฟนยังจะมาถามอีกขี้เกียจจะตอบแล้วนะ

            “กูเคยบอกกกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่เคยมีแฟน จะเป็นแฟนเก่าได้ไง”

            “เออๆ เพื่อนก็เพื่อนแต่มึงก็ทำท่าทางมีพิรุธแทนที่จะแนะนำเพื่อนให้พวกกูรู้จักแต่กลับลากเค้าไปที่อื่นเฉยเลย” สนิมมันเอ่ยตำหนิผม

            “ไม่มีอะไรจริงๆ กูอยากคุยกับมันเป็นการส่วนตัวก็แค่นั้น เดี๋ยววันหลังละกันกูจะพามันมาแนะนำ” ผมเอ่ยแก้ตัวไป ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นคำแก้ตัวที่ไม่ค่อยจะน่าเชื่อถือสักเท่าไร

            “พวกกูไม่เท่าไหร่หรอก แต่พี่มาร์คมึงชวยอธิบายให้เคลียร์ด้วยเห็นพี่เค้าชะเง้อหามึงนานสองนาน” พอร์ชมันบอก

            “พี่มาร์คเชื่อใจปอมนะมันไม่มีอะไรจริงๆ” ผมบอกพี่มาร์ค เหมือนพี่เค้าเข้าใจแล้วก็ยิ้มให้ผม

            “ครับพี่ไม่ได้ว่าอะไรก็แค่เป็นห่วงเฉยๆ” พี่เค้าบอกแล้วเอามือมาลูบที่ศีรษะเล่นอย่างเอ็นดู แต่ผมรู้สึกว่าพี่เค้าแค่ทำให้ผมสบายใจเฉยๆ

            เรื่องของผมเป็นอันจบในวงสนทนา เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่นานนักไอ้สกายมันก็เดินกลับมานั่งที่เดิมข้างๆบีม

            “สาวโทรมาเหรอวะ” บีมถามขึ้นหลังจากที่ก้นมันถึงเก้าอี้

            “เปล่าเพื่อนกูโทรมา มันเห็นกูขึ้นไปร้องเพลงเลยโทรมาทักทาย”

            “ออ กูก็นึกว่าสาวที่ไหน มึงก็รีบๆมีซะแฟนกูรำคาญมึงจะแย่แล้วเนี่ยตามติดชีวิตกูยิ่งกว่าแฟนกูซะอีก ฮ่าๆ” บีมพูดแล้วก็หัวเราะออกมา

            “ตอนนี้ก็มีคนถูกใจแล้วว่ะกำลังตามจีบเค้าอยู่ จีบยากฉิบหาย” มันว่าแล้วก็มองหน้าผม

            “ระดับมึงยังต้องตามง้อสาวอีกเหรอวะ แม่งต้องหยิ่งน่าดู”

            “ยิ่งยากกูยิ่งชอบว่ะ” มันบอกเพื่อนมัน ยิ่งยากยิ่งชอบอย่างนั้นเหรออย่าหวังว่ามึงจะได้สิ่งที่มึงต้องการอีกไอ้สกาย

            “มาๆ ชนแก้วให้กำลังใจสกายเอาชนะใจสาวคนนั้นให้ได้กัน” พี่มาร์คเอ่ยขึ้นหลังจากได้ฟังบทสนทนาของบีมและไอ้สกาย  จะว่าไปก็แอบสงสารพี่มาร์คอยู่เหมือนกันที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เชียร์ไอ้สกายให้เอาชนะใจแฟนตัวเองซะงั้น เฮ้อ!

            หลังจากที่พวกเรากินดื่มกันไปได้สักพัก ก็ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับวันนี้พี่มาร์คเป็นคนมาส่งผมที่หอพัก ตลอดทางผมกับพี่มาร์คไม่ได้พูดอะไรกันเลย ดูเหมือนว่าที่พี่เค้าบอกว่าไม่มีอะไรในใจนั้นคงไม่ใช่แน่ๆ แกคงยังสงสัยเรื่องของผมกับไอ้ตี๋อย่างแน่นอน แต่ผมก็ไม่อยากจะอธิบายเรื่องนี้แล้วให้มันจบๆไป ไม่มีใครพูดถึงเดี๋ยวก็ลืมๆกันไปเอง

            “ขอบคุณนะครับพี่มาร์ค” ผมว่าแล้วก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกหลังจากนั้นก็เปิดประตูรถลงไป

            “ถ้ามีอะไรจะอธิบายให้พี่ฟัง พี่พร้อมเสมอนะ”

            “ไม่มีอะไรจริงๆครับพี่มาร์ค ขับรถกลับดีๆนะครับ” ผมพูดแล้วก็ปิดประตูรถทันที ผมยืนรอจนกว่าพี่มาร์คออกรถไปแล้วถึงเดินเข้าไปในหอพัก

            หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานั่งที่โต๊ะคอมพ์ฯ สิ่งที่ผมต้องทำประจำช่วงเวลาว่างๆก็คือการท่องโลกอินเตอร์เน็ต ดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆทั้งในอินสตาแกรมและเฟชบุ๊ค

            นั่งเล่นได้สักพักก็มีคนแอดเข้ามาเป็นเพื่อนเขาใช้ภาพดาราเกาหลีหญิงคนนึงเป็นรูปโพรไฟล์  แต่ผมจำชื่อไม่ได้หรอกรู้แต่ว่าเคยดูในช่องฟรีทีวีช่องหนึ่ง  ปกติใครแอดมาผมก็รับเป็นเพื่อนหมดเพราะคิดว่า คงเป็นคนที่รู้จักหรือสนใจในตัวเราไม่อย่างนั้นเค้าก็คงไม่แอดมาหรอกผมคิดแบบนั้น หลังจากผมตอบรับการเป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้วเค้าก็ทักแชทผมมา

Angelina Angel  : ชีวิตสุขสบายดีจังนะ

Kapomnoi Ngamnet : ใครอ่ะ

Angelina Angel : ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร รู้แต่ว่าชั้นอยู่รอบๆตัวแกและอย่างหวังจะได้มีความสุข

Kapomnoi Ngamnet : แล้วเราไปทำอะไรให้ถึงต้องมาพูดแบบนี้

Angelina Angel : เพราะแกคนเดียวที่ทำให้ฉันไม่มีความสุข ระวังตัวไว้เถอะ

Kapomnoi Ngamnet : ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร แต่เรามั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรให้ใคร ถ้าคิดแบบนั้นก็ตามใจเราไม่จำเป็นต้องคุยกันแล้ว

            ผมพิมพ์ไปแล้วก็กดยกเลิกการเป็นเพื่อนทันที ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาผมไม่เคยมีปัญหากับใครเลยแม้แต่คนเดียว นึกยังไงก็นึกไม่ออก แถมยังบอกว่าอยู่รอบๆตัวผมคิดแล้วมันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้วล่ะสิ เฮ้อ! ตั้งแต่ได้มาเจอกับไอ้สกายอีกครั้งดูเหมือนว่าชีวิตผมก็วุ่นวายมาตลอดเลย ทำไมนะมึงต้องกลับเข้ามาในชีวิตกูอีกไอ้สกาย

            ผมปิดคอมพ์ฯแล้วลุกมานั่งที่เตียงนอนแทน  หลังจากนั้นก็เอนหลังลงที่เตียงนี่ก็ดึกมากแล้วถึงเวลานอนซะที ผมเอื้อมมือจะไปปิดโคมไฟที่หัวเตียงแต่กลับต้องเปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์มือถือแทน  นั่นเพราะมีสายโทรเข้ามาพอดี  เป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นแล้วทำไมต้องโทรมาดึกๆดื่นๆแบบนี้นะ ใจนึงก็กลัวๆเพราะเพิ่งจะมีบุคนิรนามมาขู่ผมไปหยกๆ แต่อีกใจก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ผมจึงตัดสินใจรับสายทันทีเพราะความอยากรู้

            “สวัสดีครับ” ผมรับสายไปแล้วรอฟังว่าเสียงปลายสายจะเป็นใครกันแน่

            “นอนยัง” ปลายสายตอบกลับมาสั้นๆ แค่ได้ยินเสียงเพียงแค่สองคำผมก็จำได้ดีว่ามันเป็นใคร

            “โทรมาทำไมคนกำลังจะนอน”

            “ให้กูไปนอนเป็นเพื่อนป่ะ กูว่างนะ” มันตอบกลับผมแบบกวนๆ

            “ไม่ต้องมาไร้สาระ มีอะไรก็ว่ามากูไม่มีเวลาขนาดนั้น”

            “วันนี้ไอ้ตี๋เล่าให้กูฟังหมดแล้วว่ามึงพูดกับมันว่ายังไงบ้าง” มันบอกแต่ผมไม่แปลกใจ มันรู้ก็ดีจะได้รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเวลาอยู่กับเพื่อนๆผม แต่ในใจก็ไม่รู้ว่ามันจะปกปิดได้นานสักเท่าไร

            “อืม ก็ตามนั้นกูไม่อยากให้เพื่อนๆกูรู้ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน กูอยากมีชีวิตใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องมีมึงเข้าใจนะ”

            “กูไม่มีค่ากับมึงเลยใช่ไหมวะ แม่งเอ้ย! มึงไม่รู้หรอกว่ากูต้องทำร้ายจิตใจใครบ้างเพื่อมึง” มันบอก ผมได้ฟังก็รู้สึกสงสัยทันทีมันไปทำอะไรกับใครไว้เพื่อผมนะ ไม่จริงมันไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นอย่ามาหลอกผมซะให้ยากเลยผมไม่มีทางเชื่อมันหรอก

            “ใช่ มึงไม่มีค่ากับชีวิตกูเลย แล้วถ้าจะให้ดีต่อไปกูขอร้องล่ะถ้าไม่จำเป็นอย่ามาที่คณะกูอีกเลย กูอึดอัดเวลามีมึงอยู่ด้วย และอีกอย่างกูก็มีพี่มาร์คอยู่แล้วอย่าทำให้กูลำบากใจเลยว่ะ” ผมบอกกับมันเชิงขอร้องทั้งๆที่ในใจผมมันไม่เป็นแบบนั้น

            “กูไม่มีทางให้สิ่งที่กูทำมันสูญเปล่าหรอก เตรียมรับมือกูไว้ได้เลย” มันบอกก่อนที่จะวางสายไป

            เอาอีกแล้ว! พายุลูกแรกพัดไปแล้วลูกที่สองก็ตามมา ช่วงนี้ผมต้องไปเข้าวัดทำบุญบ้างซะแล้วล่ะครับเพราะมีแต่เรื่องวุ่นๆให้กลุ้มเกือบทุกวัน

*-*-*-*-*-*


@มหาวิทยาลัย C

            วันนี้ผมมามหาวิทยาลัยแต่เช้าเพราะมีเรียนเวลาเก้าโมง  เมื่อเดินมาถึงอาคารเรียนรวมก็หาที่นั่งรอไอ้พวกเพื่อนๆตัวแสบของผม เมื่อเห็นโต๊ะว่างผมก็รีบเดินดุ่มๆเข้าไปจับจองทันที แต่ไม่ทันที่จะถึงโต๊ะสายตาผมมันก็ไปสะดุดกับกลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่กำลังยืนมุงดูอะไรบางอย่างที่บอร์ดหน้าตึก เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเดินผ่านไปเฉยๆต้องเดินเข้าไปดูแล้วล่ะเผื่อมีอะไรดีๆจะได้ไม่ตกเทรนด์กับเขา

            “ว้ายทำไมน่าเกลียดอย่างนี้นะ เห็นเขาว่าเป็นเด็กนิเทศนะ”

“หน้าตาก็ดีไม่น่ามาถ่ายแบบนี้เลย”

           “เสียดายนะหมดอนาคตแน่”

            “ว้าย! ใหญ่เกินตัวจังเลยนะเนี่ย”

            เสียงซุบซิบของสาวๆที่กำลังมุงดูอยู่ มันคืออะไรยิ่งทำให้ผมอยากรู้เข้าไปใหญ่ ผมแทรกตัวเข้าไปเพื่อดูสิ่งที่พวกเขากำลังดูกัน เมื่อมองไปที่บอร์ดผมก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

            “เหี้ยอะไรวะเนี่ย!!!” ผมพูดกับตัวเองเบาๆทันทีที่เห็นภาพพวกนั้น มันคือภาพตัดต่อที่เอาหน้าผมไปทำใส่กับหุ่นนายแบบที่ถ่ายใส่กางเกงในตัวเดียวแถมยังบางจนเห็นอวัยวะเพศชัดเจนอีกต่างหาก ผมไม่เคยถ่ายแบบพวกนั้นแล้วใครกันที่มาทำกับผมแบบนี้

            ผมรีบเดินเข้าไปเก็บภาพถ่ายพวกนั้นจนหมดแล้วก็ฉีกมันทิ้ง  ท่ามกลางสายตาของคนนับสิบที่มองผมอย่างดูหมิ่นดูแคลน

            “น้องเองหรอที่ถ่ายแบบพวกนั้น เสียชื่อมหาวิทยาลัยจริงๆ” นักศึกษาหญิงรุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น

            แต่ผมไม่สนใจรีบวิ่งออกจากตรงนั้นทันที

            “ใครทำวะ!!! เลวจริงๆ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากวิ่งมาถึงโต๊ะที่ไม่ค่อยมีคนเพ่นพ่านสักเท่าไหร่

            อยู่ๆผมก็นึกถึงคนที่ผมแชทในเฟชบุ๊คเมื่อคืนสงสัยมันจะทำจริงๆ แล้วก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ด้วย


จะทำยังไงล่ะทีนี้.....มองซ้ายก็ปัญหามองขวาก็อุปสรรค
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 20 ภัยใกล้ตัว ✅ Update! 20-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-11-2017 23:50:28
ใครเอ่ย แป้งหรือเปล่านะ  :confuse:
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 20 ภัยใกล้ตัว ✅ Update! 20-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 21-11-2017 01:25:11
ปอมแกต้องจัดการอินังชะนีนางนั้นแล้ว
ไหนๆเล่นแบบนี้ต้องเอาคืนให้ตายแก  :beat:
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 20 ภัยใกล้ตัว ✅ Update! 20-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-11-2017 21:02:27
เอาไอ่สกายไป
แล้วส่งพี่มาร์คมา
หุหุ

แล้วไงล่ะไอ่หล่อ ชักศึกเข้าหาปอมซะงั้น
ตามไปเก็บเมียเก่าเมิงด่วนเลย..อิแป้งอ่ะ
สร้างเรื่องไว้เอง เคลียร์ให้ด่วน
หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 21 หวังดี ✅ Update! 25-11-2011
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 25-11-2017 00:14:28
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 21 หวังดี



            ตอนนี้เพื่อนทุกคนกำลังจ้องมองมาที่ผมหลังจากที่รู้เรื่องภาพตัดต่อพวกนั้น  จะบอกว่ามันไม่ได้มีแค่ในบอร์ดหน้าตึกหรอกนะครับ  แต่มันมีคนไปโพสและแชร์ภาพพวกนั้นในเฟสบุ๊คเยอะพอสมควร ตอนนี้ผมนั่งเครียดพร้อมกับต้องคอยตอบคำถามของเพื่อนๆ รวมถึงพี่มาร์คที่นั่งอยู่ข้างๆผมด้วย

            “ไปแจ้งความเลยไหมวะ” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมนั่งเครียด

            “เอางั้นเลยเหรอวะ” ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีเรื่องถึงขนาดกับต้องแจ้งความเลย มันจะดูเป็นเรื่องใหญ่โตเกินไปไหมนะผมคิดในใจ แล้วมันจะเป็นข่าวไหมผมกลัวมากเหลือเกิน

            “เออ ให้ตำรวจจัดการมันเลย ว่าแต่มึงไปมีเรื่องกับใครมาเหรอวะ” สนิมมันถามผม

            “ไม่มีนะ กูไม่เคยมีเรื่องกับใครแม้แต่คนเดียว” ผมบอกอย่างมั่นใจ

            “ก็จริงของมันนะ วันๆมันก็อยู่กับพวกเราแล้วจะมีเวลาไปมีเรื่องกับใครได้ แฟนก็ไม่เคยมี” ดาวเอ่ย

            “แต่ตอนนี้ก็มีแล้วนี่หว่าหรือว่าจะเป็นสาวๆของพี่มาร์คหรือเปล่า” ไอ้เปอร์มันพูดเชิงหยอกแล้วปรายตาไปมองที่พี่มาร์คที่ดูเหมือนจะทำหน้าเครียดๆอยู่ ผมสังเกตตั้งแต่แรกแล้วแทนที่จะเป็นผมที่ต้องทำหน้าเครียดแต่ไหงกลับกลายเป็นพี่มาร์คซะงั้น

            “เฮ้ย! ไม่มีเว้ย พี่ไม่เคยมีใครที่ไหนเลยจริงๆ” พี่มาร์ครีบปฏิเสธเสียงแข็ง

            “จริงอ๊ะป่าวพี่” เปอร์มันยังพูดหยอก

            “จริงๆเว้ย  ว่าแต่ปอมจะไปแจ้งความหรือเปล่าล่ะ” พี่มาร์คพูดกับไอ้เปอร์แล้วหันมาพูดกับผมต่อ

            “ก็ว่าจะไปครับ” ผมบอก

            “พี่ว่าเอาอย่างนี้ก่อนไหม รอดูไปสักพักก่อนรอให้หลักฐานมันชัดเจนกว่านี้แล้วค่อยไปแจ้งความ ตอนนี้ก็ระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม ช่วงนี้พี่จะดูแลปอมเอง” พี่มาร์คออกความเห็น ผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่าคนๆนั้นเป็นใคร ก็ดีเหมือนกันรอให้ทุกอย่างมันชัดเจนกว่านี้ก่อนค่อยไปแจ้งความก็ได้ ส่วนเรื่องภาพมันเป็นแค่ภาพตัดต่อเดี๋ยวเรื่องมันก็เงียบไปเองล่ะ

            “ปอมเห็นด้วยครับ รออีกสักพักให้ทุกอย่างมันชัดเจนกว่านี้ค่อยว่ากันอีกที” ผมบอกกับทุกคน

            “เออแล้วแต่มึงละกัน ช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆละกันอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว” พอร์ชมันบอก

            “เออกูจะระวังตัว”

            หลังจากพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพี่มาร์คก็ไปส่งผมที่หอพักแล้วก็กลับไป ใจจริงผมก็อยากจะแอดเฟสบุ๊คนั้นไปอีกครั้งเพราะอยากที่จะถามความจริงว่าอะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้เค้าทำกับผมแบบนี้ มันจะได้เคลียร์กันให้จบไม่ต้องมาค้างคา  แต่ถ้านึกถึงการมีเรื่องมีราวในชีวิตผมก็มีแต่พวกแก๊งนางฟ้าสมัยเรียนมัธยม ซึ่งตอนนี้มันก็ผ่านมาเป็นปีแถมผมเองก็ยังไม่ได้เจอพวกมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว  แน่นอนภาพจำของแป้งซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมมาตลอดมันสมหวังกับไอ้สกายไปแล้วนี่นา มันชนะผมแล้วมันจะมาโกรธผมเรื่องอะไรได้อีกล่ะครับ หรือว่าจะเป็นแฟนเก่าของพี่มาร์คแต่มันก็ไม่น่าจะใช่นะเพราะพี่มาร์คไม่น่าจะโกหก ผมคิดแล้วก็ส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้หายไปจากหัวสักที

*-*-*-*-*-*

           

            ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วผมยังใช้ชีวิตปกติโดยไม่มีเรื่องร้ายใดๆเกิดขึ้น รวมถึงไอ้สกายมันก็หายไปจากชีวิตด้วย แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมชะล่าใจซะทีเดียวเพราะอย่างมันน่ะเหรอจะจบเรื่องนี้ง่ายๆ

            ผมเดินลงมาจากหอพักเพื่อที่จะไปทานข้าวเช้าร้านประจำซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอพัก  วันนี้เป็นวันหยุดที่สุดแสนจะสบายเพราะงานที่มีก็เคลียร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว

            เมื่อเปิดประตูหอพักออกมาก็พบกับใครบางคนที่คุ้นหน้า  ใส่ชุดไปรเวทเสื้อยืดกางเกงยีนส์ทำหน้านิ่งมองผมอยู่

            ผมเห็นมันก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรได้แต่ทำหน้าเฉยๆแล้วก็เดินเลี่ยงมันออกไป

            “เดี๋ยว!” มันเอ่ยพร้อมกับยื่นมือมาจับแขนของผมเอาไว้แต่ผมก็รีบสะบัดมือมันออกโดยอัตโนมัติ

            “บอกแล้วไงอย่ามายุ่งกับกู” ผมบอกมันพร้อมกับชักสีหน้าใส่

            “วันนี้กูมาดีนะเว้ย” มันบอกผมแล้วทำหน้าซื่อใส่ ผมเห็นก็ใจอ่อนยวบลงทันทีเพราะสีหน้าที่มันแสดงออกมาตอนนี้ดูแล้วรู้สึกเหมือนที่มันพูดจริงๆแต่ผมเองก็ยังไม่ไว้ใจ

            “มึงบ้าป่ะเนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกูตามไม่ทัน” ผมบอกมันพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

            มันไม่พูดอะไรแต่กลับยิ้มให้ผม ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องเขินด้วยเนี่ย

            “เออๆ แล้วแต่มึงละกัน กูไปล่ะ” ผมบอกแล้วหันหลังกลับจะเดินไป

            “แล้วมึงจะไปไหนอ่ะ” มันถามแต่ผมไม่ตอบกลับเดินออกไปจากตรงนั้นแล้วมุ่งหน้าสู่ร้านข้าวทันที ในใจผมรู้ว่ายังไงมันก็คงตามมาแน่ๆ แต่ก็ยังดีกว่าให้มันตามขึ้นไปบนห้องมีหวังได้เสร็จมันแน่ๆ

            เมื่อมาถึงร้านข้าวป้าภา

            “ข้าวผัดปูจานนึงครับป้าภา” ผมตะโกนบอกป้าภาเจ้าของร้านซึ่งรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะผมเป็นลูกค้าประจำที่น่ารักมากๆของป้าเค้า ฮ่าๆ

“โอเคจ้าน้องปอมนั่งรอก่อนลูก” ป้าตอบรับผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มขณะที่กำลังควงตะหลิวรัวๆทำกับข้าวตามออเดอร์ของลูกค้าคนอื่นๆที่นั่งรอกันหลายคิวอยู่เหมือนกัน

 ผมเดินไปเอาน้ำดื่มแล้วถือมานั่งที่โต๊ะ  แน่นอนว่าไอ้คนนั้นมันตามผมมาและตอนนี้ก็นั่งตรงข้ามกับผมเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นมันก็ตะโกนสั่งข้าวบ้าง

            “ป้าครับเอาข้าวไข่เจียวจานนึงครับ” มันสั่งข้าวแล้วก็เดินไปเอาน้ำดื่มบ้าง

            “มึงจะตามกูไปถึงไหนเนี่ย แม่งไม่เบื่อเหรอวะ” ผมถามมัน

            “ไม่!...ก็บอกแล้วไงว่าเตรียมรับมือกูไว้เลย” มันบอกพร้อมกับทำหน้ากวนๆใส่ผม

            “เฮ้อ! ถ้าอย่างนั้นมึงช่วยไปนั่งโต๊ะอื่นได้ป่ะกูกินข้าวไม่ลง” ผมบอกมันไป

            “แต่กูกินไม่ลงถ้าไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับมึง” มันยิ้มกวนผม

            “ก็แล้วแต่มึงสิ” ผมบอกมัน

            “ถ้างั้นก็แล้วแต่กู กูจะนั่งตรงนี้ล่ะ” มันบอกพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มซะงั้น

            ไม่นานนักข้าวผัดปูที่ผมสั่งไว้ก็มาวางที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วผมรีบลงมือทานทันทีจะได้รีบไปก่อนมัน เพราะข้าวที่มันสั่งยังไม่มา แต่กลับกลายเป็นว่ามันค้ำคางนั่งจ้องผมทานข้าวซะอย่างนั้นแล้วแบบนี้ใครจะไปกินลงล่ะครับ

            “มึงมองอะไรวะ กูกินข้าวไม่ลงแล้วเนี่ย” ผมดุให้มัน

            “ก็ข้าวกูยังไม่มานี่นา และอีกอย่างมึงนั่งตรงข้ามกูแล้วจะไม่ให้กูมองมึงได้ยังไง” มันบอกผมหน้าตาเฉย

            “กูขี้เกียจพูดกับมึงแล้ว รีบกินดีกว่าจะได้รีบไป” ผมพูดแล้วก้มหน้าก้มตารีบทานจนข้าวติดคอ

“แค่กๆๆ” ผมสำลักข้าวแล้วรีบเอื้อมมือไปหยิบแล้วน้ำแต่เอ๊ะ! แก้วน้ำมันหายไปไหนหว่า

            “อ๊ะ” มันอยู่ที่ไอ้สกายนี่เองมันแอบหยิบไปตอนไหนนะเร็วอย่างกับลิง มันยื่นมาให้แล้วผมก็รีบจับแก้วน้ำมาดื่มทันที

            “ทำไมต้องรีบขนาดนั้นวะ จะรีบหนีกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ” มันบอกแล้วทำหน้าเหมือนน้อยใจ  ผมมองหน้ามันแล้วกำลังคิดในใจว่าจะตอบกลับมันว่าอย่างไรดีนะ แต่โชคดีที่เด็กเสิร์ฟเอาข้าวมาส่งที่โต๊ะพอดีผมเลยอาศัยช่วงนี้ทานข้าวต่อไป

            “ข้าวไข่เจียวมาแล้วครับ”

            มันรับมาแล้วก็เริ่มทานทันที

            “กูได้ยินข่าวว่ามึงโดนคนตัดต่อภาพไปโพสบนเน็ต” อยู่ๆมันก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

            “อืม! โคตรซวยไม่ต่างจากการได้เจอกับมึงเลย” ผมตอบรับแกมพูดใส่มัน

            “ได้เจอกับกูมีแต่โชคดีล่ะสิไม่ว่า”

            “โชคดีตายห่าล่ะ เจอกันวันแรกก็....” ผมเกือบเผลอพูดเรื่องวันนั้นออกมา

            “ก็อะไร” มันพูดเหมือนท้าทายให้ผมพูดออกมา แต่ไม่มีทางที่ผมจะตามเกมส์มันหรอก

            “เลิกพูดแล้วรีบแดกซะจะได้รีบไปให้พ้นๆหน้ากู”

            “ไม่” มันยื่นหน้ามาพูดใส่ผมแล้วก็ทานข้าวต่ออย่างสบายใจ

            ผมวางช้อนส้อมลงบนจานหลังจากทานข้าวหมดจานแล้ว แต่มองไปที่ไอ้สกายรู้สึกว่ามันจะรีบยัดข้าวเข้าปากรัวๆสงสัยกลัวว่าผมจะรีบชิ่งหนีมันไปก่อนซึ่งมันก็คิดถูกแล้ว

            “เก็บตังค์ด้วยครับ” ผมตะโกนบอกเด็กเสิร์ฟซึ่งก็คือหลานของป้าภานั่นล่ะครับ น้องมันเดินมาทันทีที่ได้ยินเสียงผม

            “ของพี่ข้าวผัดปูสี่สิบบาท ส่วนของแฟนพี่ข้าวไข่เจียวสามสิบรวมทั้งหมดเจ็ดสิบบาทครับ” น้องมันพูดจบแล้วก็ยืนยิ้มแฉ่งให้พวกผม  ผมได้ยินน้องมันพูดก็รู้สึกเขินๆขึ้นมาทันทีไม่กล้ามองหน้ามันเลยในตอนนี้

            ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธไปแต่โดนไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามชิงพูดตัดหน้าก่อน

            “อ่ะนี่...พี่ให้ร้อยนึงไม่ต้องทอน” มันยื่นเงินแบงค์ร้อยให้น้อง น้องมันได้ทิปตั้งสามสิบบาทก็ยิ้มกว้างแล้วก็ไหว้ขอบคุณไอ้สกายยกใหญ่เลยทีเดียว

            “ขอบคุณครับพี่ ขอให้รักกันนานๆนะครับ” ว่าแล้วน้องมันก็เดินออกไปเหลือเพียงเราสองคนบนโต๊ะโดยที่มีไอ้คนหน้าด้านมันยิ้มอย่างพอใจมาให้ผมแล้วยักคิ้วให้

            “เห็นมะเด็กมันยังรู้เลยว่ามึงกับกูเป็นอะไรกัน”

            “เด็กก็คือเด็กมันก็พูดไปตามประสาเด็ก กูกับมึงไม่มีทางจะได้ใช้คำนั้นหรอก”

            “ก็ไม่แน่หรอก” มันยังยิ้มให้ผม

            จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงจะเป็นการโกหกตัวเองผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นรอยยิ้มของมันแบบนี้

            “อย่ามั่นใจให้มากนัก” ผมบอกพร้อมกับเบะปากใส่มัน

            ว่าแล้วผมก็ยื่นเงินสี่สิบบาทค่าข้าวผัดปูให้มัน

            “อ่ะ กูไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร” แต่มันไม่รับ

            “แค่สี่สิบบาทกูเลี้ยงได้”

            “กูมีเงินเลี้ยงตัวเองได้ไม่จำเป็น” ผมบอกแล้ววางเงินไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้นก็เดินออกมาจากร้านทันที มันยังคงเดินตามผมมาจนถึงหน้าหอพัก

            “เลิกตามกูได้แล้วกลับไปซะทีเถอะ” ผมหันหลังกลับมาพูดกับมัน

            “ที่กูมาวันนี้มีเรื่องจะพูดกับมึง” มันพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “อย่างมึงจะมีเรื่องอะไรจะมาคุยกับกู มีแต่จะมาหาเรื่องทะเลาะล่ะสิไม่ว่า” ผมตะโกนแวดๆใส่มัน

            “กูอยากให้มึงเลิกกับไอ้พี่มาร์คซะ” มันบอกผม

            “ว่าแล้ว ก็ไม่พ้นเรื่องนี้ทำไมกูต้องเลิกกับพี่มาร์คด้วยล่ะ” ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างสมเพชมัน

            “มึงยังไม่รู้จักมันดีพอ”

            “กูจะบอกให้นะ...กูรู้จักพี่มาร์คมากกว่ารู้จักมึงซะอีกจำไว้ด้วย” ผมพูดใส่หน้ามัน

            “กูเตือนมึงแล้วนะ มันไม่ได้ดีอย่างที่มึงคิดหรอกนะ” มันพูดเหมือนมันรู้จักพี่มาร์คมาก่อนผมซะอย่างนั้น แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเจอกันครั้งแรกสองคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะรู้จักกันเลย แล้วมันจะไปรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพี่มาร์คได้ยังไง

            “อย่างน้อยพี่เค้าก็ดีกว่ามึงแล้วกัน หรือไม่จริง?”

            “กูบอกมึงได้แค่นี้ แล้วอีกอย่างช่วงนี้ระวังตัวไว้ด้วยละกัน...กูเป็นห่วง” มันบอกผมด้วยสายตาที่จริงใจจนผมเองกลับรู้สึกละอายใจนิดๆที่เอาแต่ว่ามัน ทั้งๆที่วันนี้มันมาดีอย่างที่มันบอกและดูเหมือนมันจะเป็นห่วงผมจริงๆ

            “ไม่ต้องห่วงพี่มาร์คดูแลกูได้” ผมบอกแล้วก็หยิบคีย์การ์ดไปสแกนที่ประตูแล้วเปิดประตูเข้าไปปล่อยให้มันยืนอยู่อย่างนั้น ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองมันอีกครั้งมันยังคงไม่ไปไหน ผมจึงรีบเดินขึ้นไปให้มันพ้นจากสายตา

            ปัง!

            ผมปิดประตูเสียงดังแล้วเดินมานอนบนเตียงพร้อมกับคิดเรื่องที่มันบอกเกี่ยวกับพี่มาร์ค เรื่องพี่มาร์คมันจะมีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่านะหรือมันแค่จะกันท่าผมกับพี่มาร์คเท่านั้นมันทิ้งปริศนาให้ผมอยากรู้มากๆ เมื่อนึกถึงหน้ามันผมก็เปิดลิ้นชักแล้วหยิบรูปไอ้สกายออกมาแล้วก็เกิดคำถามมากมายในหัวผม

            ทำไม?...สายตาที่มันมองมาที่ผมวันนี้รู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากใจของมันจริงๆ

            ทำไม?...มันกลับมาวนเวียนในชีวิตผมทั้งๆที่มันควรจะเดินไปจากชีวิตผมแล้วตั้งแต่วันนั้น

            ทำไม?...มันต้องบอกซ้ำๆว่าผมลืมมันไม่ได้แน่นอน

            ทำไม?...ผมถึงปฏิเสธที่จะเอามันกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งล่ะ

             ....มันเป็นคำถามที่ผมต้องหาคำตอบด้วยตัวเองและหวังว่าคำตอบนั้นจะเป็นคำตอบที่ทำให้ผมมีความสุขกับความรักอย่างแท้จริงซะที
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 21 หวังดี ✅ Update! 25-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-11-2017 00:46:15
เอานะซิประเด็นเฮียมาร์คนี่ก็น่าคิดนะ หรือเฮียแกเป็นญาติของแป้งหรือป่าวนะ รับศึกรอบด้านเลย สู้ ๆ นะ หลานปอม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 21 หวังดี ✅ Update! 25-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: iamaweirdo ที่ 25-11-2017 12:36:17
สกายง้อให้ได้นะ เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 21 หวังดี ✅ Update! 25-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 25-11-2017 16:49:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 21 หวังดี ✅ Update! 25-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-11-2017 23:28:49
กลายเป็นหนังสืบสวนไปซะแล้ว
อารายอ่ะ สกาย

ใส่ร้ายพี่มาร์คหรือเปล่า
ไม่ดีนะ ตะเอง
หุหุ
หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 22 แทงข้างหลัง ✅ Update! 26-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 26-11-2017 11:49:53
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 22 แทงข้างหลัง



@มหาวิทยาลัย C

            วันนี้ผมนัดกับเอิ้นหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะช่วงนี้มันเรียนหนักแถมเวลาว่างก็ยังต้องทำงานส่งอาจารย์อีกด้วยเลยหาเวลาว่างมาหาเพื่อนสนิทอย่างผมไม่ค่อยได้

            “สรุปไอ้สกายมันจะมาไม้ไหนวะ” เอิ้นมันถามผมพร้อมกับทานไอศกรีมไปด้วย

            “กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ครั้งล่าสุดที่เจอกันมันมาดีอ่ะ ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ”

            “ดียังไงอ่ะ”

            “ก็มันมาเตือนกูเรื่องพี่มาร์ค แต่กูไม่เชื่อหรอกแถมมันยังให้กูเลิกกับพี่มาร์คอีกต่างหาก”

            “เรื่องพี่มาร์ค? พี่มาร์คไปทำอะไรไว้เหรอทำไมมันถึงต้องมาเตือนด้วย” เอิ้นมันสงสัย

            “ไม่รู้อ่ะมันบอกแค่ว่าพี่มาร์คไม่ได้ดีอย่างที่กูเห็น”

            “กูเองก็ไม่เคยเจอพี่เค้าเหมือนมึง กูแนะนำเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมึงแล้วล่ะ” เอิ้นมันแนะนำผมถึงแม้ว่าผมกับเอิ้นจะไม่ค่อยได้เจอกันแต่เราก็โทรคุยกันบ่อยๆและผมก็บอกมันทุกเรื่องที่ผมเจอราวกับว่ามันเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของผม

            “กูเองก็...ไม่ได้รักพี่เค้าหรอก” ผมบอกเอิ้นเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิดกับพี่มาร์ค

            “กูรู้มึงทำประชดไอ้สกาย  แต่มึงก็ทำไม่ถูกที่เอาพี่มาร์คเข้ามาเกี่ยวด้วยน่าสงสารพี่เค้าว่ะและอีกอย่างมึงเองนั่นล่ะจะปวดกบาลซะเอง การสลัดใครสักคนออกจากชีวิตมันยากนะ ดูอย่างมึงกับไอ้สกายสิผ่านมาเป็นปีมันยังตามมาเจอมึงอีกจนได้” มันบอกผม

            จริงๆมันก็พูดถูกทุกเรื่องแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะก็ผมตัดสินใจแล้ว ผมคิดว่าถ้าไอ้สกายมันไม่มายุ่งวุ่นวายกับผมอีก ในอนาคตผมอาจจะรู้สึกรักพี่มาร์คขึ้นมาก็เป็นได้

            “กูขอแก้มันไปเรื่อยๆก่อน หลายเรื่องเหลือเกินตอนนี้” ผมบอกมันพร้อมกับเอามือสางผมตัวเองไปด้วยสีหน้ากลุ้มๆ

            “มีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน” มันตบบ่าผมปุๆเชิงปลอบใจ

ผมได้แต่มองหน้ามันแล้วพยักหน้าให้เชิงรับรู้ได้ถึงความห่วงใยจากมัน

            “เออๆมึง วันก่อนกูเห็นยัยแป้งมันเดินควงผู้ชายที่ห้างXXX ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำเอากูหมั่นไส้ซะ  แต่ก่อนอยากได้ไอ้สกายจะเป็นจะตาย กูอยากรู้จังว่าตอนนั้นพวกมันคบกันได้กี่วันวะแรดซะอย่างนั้น”

            “ช่างเถอะต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว” ผมพูดแบบปลงๆ

            “ตอนนี้ไอ้สกายมันโสดอยู่เหรอวะ” เอิ้นมันถามพร้อมกับมองหน้าผม

            “มั้ง” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก บางทีก็รู้สึกหน่วงๆกับเรื่องนี้มันโสดผมกลับไม่โสดซะงั้น

            “เฮ้อ! พวกมึงนี่นะ วุ่นวายตั้งแต่มัธยมยันมหา’ลัย” เอิ้นมันส่ายหัวให้กับเรื่องวุ่นๆของผมกับไอ้สกาย ตอนนั้นมันสนับสนุนผมเต็มที่เพราะคำว่าสาววายค้ำหัวมันอยู่ และตอนนี้ผมคิดว่ามันก็คงอยากให้ผมกับไอ้สกายลงเอยกันเหมือนเดิมนั่นล่ะแต่มันไม่ได้เข้ามายุ่งวุ่นวายหรือพูดเชียร์มากเหมือนเมื่อก่อน  คงเพราะมันอยากให้ผมตัดสินใจเอง

            “กูกับมันคงไม่ใช่เนื้อคู่กันมั้ง” ผมตอบไป

            “ถ้าเป็นเนื้อคู่กันถึงแม้เวลาจะผ่านไปสักกี่สิบปีก็ยังคงได้กลับมาคู่กันอยู่ดี มึงเชื่อเรื่องนี้ไหม?” มันถามผม

            “ก็เชื่อนิดนึงแต่กูเชื่อตัวเองมากกว่า”

            “เหรอออ! ถ้ามึงเชื่อตัวเองก็คงไม่ตอบตกลงคบกับพี่มาร์คหรอกนะยะ” มันพูดประชดประชันผม ที่มันพูดก็จริงถ้าผมเชื่อตัวเองผมก็คงไม่ตอบตอบตกลงคบกับพี่มาร์คหรอกครับ ผมทำไปเพราะอยากจะประชดประชันไอ้สกายก็เท่านั้น

            “ก็มันผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปละกัน”

            ผมตอบกลับมันแต่ไม่ทันไรโทรศัพท์มือถือผมก็มีสายเข้ามา ผมหยิบขึ้นมามองที่หน้าจอก็พบว่าคนที่โทรมาคือพี่มาร์ค

            “ฮัลโล ครับพี่มาร์ค” ผมรับสายพร้อมกับมองหน้าไอ้เอิ้น มันก็มองมาที่ผมเหมือนอยากจะรู้ว่าพี่เค้าโทรมาเรื่องอะไร

            “น้องปอมว่างคุยไหมครับ”

            “ว่างครับคุยได้ พี่มาร์คมีอะไรหรือเปล่า”

            “พอดีพี่ว่าจะชวนไปกินข้าวเย็นนี้อ่ะ”

            “อ่อ ได้ๆที่ไหน กี่โมงดีครับ”

            “ร้านxxx ทุ่มนึงน้องปอมติดอะไรไหมครับ”

            “ได้ครับปอมว่าง แล้วเจอกันนะครับ”

            “ครับผมแล้วเจอกัน”

            สิ้นเสียงพี่มาร์คผมก็วางสายทันที

            “กำลังนินทาอยู่พอดีตายยากมากเลยนะพี่มาร์คของมึงเนี่ย” เอิ้นมันเอ่ยแซวพร้อมกับทำหน้าทำตากวนประสาทใส่ผม

            “คงงั้นมั้ง ฮ่าๆ” ผมตอบมันขำๆ

            “มึงมีรูปพี่มาร์คป่ะวะ กูขอดูหน่อยดิอยากรู้ว่าจะหล่อสู้ไอ้สกายได้ไหม”

            “แป๊บนึงกูหารูปก่อน”

ผมบอกมันก่อนที่จะก้มหน้าลงไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อหารูปที่เคยถ่ายคู่กับพี่มาร์คให้ไอ้เอิ้นดู

            “อ่ะ” ผมยื่นให้มันดู มันยื่นหน้าเข้ามาจ้องใกล้ๆพร้อมกับขมวดคิ้วเหมือนมีสงสัยอะไรบางอย่าง

            “ไม่หล่อเหรอวะ กูว่าพี่เค้าหล่อกว่าไอ้สกายอีกนะ” ผมบอกมัน มันแย่งโทรศัพท์มือถือผมไปดูใกล้ๆแล้วทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่าง

            “หล่อมาก แต่กูว่าหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน”

            “มึงก็คงเคยเจอนั่นแหละเพราะเรียนมหา’ลัยเดียวกันคงเคยเดินสวนทางกันบ้าง” ผมบอกมัน

            “กูว่าไม่ใช่ที่มหา’ลัยแต่น่าจะเป็นที่อื่นอ่ะแต่กูนึกไม่ออกจริงๆ” มันพูดพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตานึกอย่างเอาเป็นเอาตายผมอดสงสารมันไม่ได้เลยบอกให้มันล้มเลิกความตั้งใจซะ ฮ่าๆ

            “พอๆๆ ไม่ต้องมานั่งนึกอะไรแล้ว เดี๋ยวกูจะเอาของไปเก็บที่หอก่อนแล้วจะไปกินข้าวกับพี่มาร์ค”

            “เออๆ กลับดีๆนะมึงช่วงนี้กูยิ่งห่วงมึงมากนะเนี่ยระวังตัวด้วย” เอิ้นมันเตือนผมด้วยความเป็นห่วง

            “ขอบใจมึงมากกูจะระวังตัวเองละกัน” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นถือของที่ต้องใช้ทำงานส่งอาจารย์

            “ไปล่ะ บาย” ผมโบกมือให้มัน

            “บาย”

            ผมนั่งแท็กซี่กลับมาถึงหอพักหลังจากนั้นไม่นาน ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับการไปทานมื้อเย็นที่จะมาถึงซึ่งตอนนี้ก็เหลือเวลาไม่ถึงชั่วโมงแล้ว

            ผมไปทานมื้อเย็นกับพี่มาร์คออกจะบ่อยแต่ทำไมวันนี้รู้สึกตื่นเต้นกว่าปกตินะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเอาเป็นว่าเวลาที่อยู่กับพี่มาร์คผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้รักแต่ก็เริ่มรู้สึกดีด้วยแล้วล่ะครับ

*-*-*-*-*-*



@ร้าน XXX

            วันนี้ผมแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษเดินเข้ามาในร้านก็พบพี่มาร์คนั่งหล่อรออยู่แล้วพร้อมกับอาหารที่วางเรียงรายบนโต๊ะซึ่งพี่เค้าสั่งไว้รอเรียบร้อยแล้ว

            “สวัสดีครับพี่มาร์ค” ผมเดินมาถึงก็กล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้พี่เค้า พี่เค้าเห็นผมก็ยิ้มให้ทันที

“อ้าว!ปอม...นั่งเลยครับ” พี่มาร์คยืนขึ้นแล้วเดินไปเคลื่อนเก้าอี้ให้ราวกับว่าผมเป็นสุภาพสตรีซะอย่างนั้น“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้

            “จำได้ไหมวันนี้เป็นวันอะไร” พี่มาร์คถามขึ้นเมื่อผมนั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

            “วันนี้เหรอ! วันศุกร์ครับ” ผมตอบแบบซื่อๆ จริงๆแล้วผมนึกไม่ออกว่าวันนี้ที่พี่มาร์คพูดถึงนั้นมันเป็นวันอะไรกันแน่ หรือว่าจะเป็นวันเกิดพี่เค้าเหรอผมนั่งคิดในใจ

            “พี่น้อยใจนะเนี่ย น้องปอมจำวันครบรอบหนึ่งเดือนของเราไม่ได้” พี่มาร์คพูดเหมือนน้อยใจ

            ผมทำหน้าตกใจเล็กน้อย ใช่สินะวันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนที่ผมคบกับพี่มาร์ค ทำไมผมถึงไม่ได้ใส่ใจกับมันเลยนะแต่พี่มาร์คกลับจำมันได้ดีผมนี่แย่สุดๆ

            “เฮ้ย! พี่มาร์คผมขอโทษที่จำวันนี้ไม่ได้” ผมเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกผิด

            “ไม่เป็นไรครับ แค่วันนี้น้องปอมแต่งตัวน่ารักๆมาแบบนี้ก็ถือว่าทดแทนกันได้แล้ว” พี่มาร์คยังคงยิ้มอย่างใจดีให้ผม

            “มาฉลองให้กับมิตรภาพของเรากันครับ” พี่มาร์คยกแก้วไวน์ชูขึ้นเพื่อรอชนแก้วกับด้วย ผมรีบหยิบแก้วไวน์ที่ถูกเตรียมไว้ข้างๆ แล้วยกไปชนแก้วกับพี่มาร์คทันที

            “แกร๊งงง!!!

            เสียงแก้วกระทบกันของเราพวกทั้งสองคน ผมดื่มมันจนหมดแก้วเพราะต้องการเอาใจพี่มาร์คที่อุตส่าห์จัดเตรียมทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี

            “เริ่มทานกันเลยครับปอม อ่ะนี่แซลม่อนย่างซอสมิโซะขอบอกว่าอร่อยมาก” พี่มาร์คตักมาให้ผมพร้อมกับยิ้มเหมือนทุกครั้ง จะหาผู้ชายที่ดูอบอุ่นแบบนี้ได้จากที่ไหนอีกนะ ทำไมก่อนหน้านี้พี่เค้าไม่มีแฟนนะผมก็อดสงสัยไม่ได้ทั้งๆที่คุณสมบัติออกจะเพียบพร้อมอย่างนี้

            “ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้แล้วตักมันขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย “หืม!! อร่อยมากๆครับ”

            “พี่บอกแล้วว่าอร่อย” พี่มาร์คพูดจบก็เริ่มทานบ้าง

            พวกเราทานข้าวไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน สักพักผมก็ขอตัวพี่เค้าเข้าห้องน้ำเพราะเริ่มปวดฉี่ขึ้นมาสงสัยดื่มน้ำและไวน์เยอะไปหน่อย

            “พี่มาร์คผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมบอกพี่เค้าแล้วก็ลุกขึ้น แต่ในขณะนั้นผมกลับรู้สึกมึนหัวอย่างกระทันหันจนเซนิดหน่อยต้องจับที่พนักเก้าอี้เพื่อพยุงตัวไว้

            “น้องปอมเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่มาร์คพูดจบก็รีบเดินอ้อมมาพยุงผมไว้

            “อยู่ๆปอมก็รู้สึกมึนหัวครับไม่รู้เป็นอะไร” ผมว่าพลางเอามือจับที่ขมับของตัวเองแล้วคลึงเบาๆ

            “ไหวไหม เดี๋ยวพี่พยุงไปดีกว่า”

            “ก็ได้ครับ” ผมบอก ใจจริงอยากจะให้พี่เค้าไปส่งพี่หอพักเลย แต่ดันปวดฉี่มากซะงั้นเลยต้องเข้าห้องน้ำก่อน

            “ไปเข้าห้องน้ำแล้วเดี๋ยวพี่จะพาไปส่งที่หอเลยละกัน”

            “ได้ครับพี่” ผมพูดจบพี่มาร์คก็พาผมไปที่ห้องน้ำทันที

            ผมบอกให้พี่มาร์ครอที่หน้าห้องน้ำส่วนผมก็พยายามเดินเข้าไปฉี่ด้วยตัวเองอย่างทุลักทุเลเพราะมันยังมึนๆอยู่

หลังจากเสร็จภารกิจในห้องน้ำแล้ว  พี่มาร์คก็พาผมเดินออกมาที่ลานจอดรถของร้านเมื่อขึ้นบนรถแล้วผมกลับยิ่งรู้สึกเหมือนจะหลับเสียให้ได้

            “หลับไปก่อนเลยครับคนดีเดี๋ยวถึงพี่จะปลุกเอง” พี่มาร์คมองมาที่ผมแล้วก็กระตุกยิ้มนิดหน่อยที่มุมปาก มันเป็นภาพสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนที่สติผมจะดับวูบไป



             “พี่มาร์คถอดเสื้อผ้ามันออกเลยค่ะ”

            “จะทำแบบนี้จริงๆเหรอ”

            “ทำไมถามอย่างนี้พี่มาร์คไม่รักแป้งแล้วเหรอคะ”

            “พี่รักแป้งมากแต่...”

            “ถ้าพี่มาร์คไม่ทำแป้งก็ไม่มีเหตุผลที่จะคบกับพี่มาร์คอีกต่อไป รู้ไหมว่าไอ้ปอมมันทำอะไรแป้งไว้บ้าง แป้งต้องเจ็บมากก็เพราะมัน ฮึก...ฮือๆ”

            “อย่าร้องนะครับแป้งพี่จะทำตามที่แป้งสั่งทุกอย่างเลย”

            “แค่นี้แป้งก็รู้แล้วว่าพี่รักแป้งมากขนาดไหน รีบจัดการมันเลยค่ะ”

            มันเป็นบทสนทนาที่ผมได้ยินขณะที่ผมเริ่มรู้สึกตัวแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะพยุงร่างตัวเองได้ พี่มาร์คกำลังจะทำอะไรผม แล้วเสียงผู้หญิงคนนั้นผมจำได้มันเป็นเสียงแป้งแล้วทำไมสองคนนี้ถึงต้องมาทำกับผมแบบนี้  ไม่นะมันต้องไม่เป็นแบบนี้ ในใจตอนนี้รู้สึกผิดหวังกับพี่มาร์คมากผมมองคนผิดไปจริงๆ ตอนนี้ผมนึกถึงคำพูดของไอ้สกายที่มันเตือนผม ผมเสียใจที่ไม่เชื่อมันผมคิดถึงมันมากเหลือเกินตอนนี้


--------------------------------------------------------------
อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ขอบคุณมากๆครับ
ฝากเพจไว้ด้วยนะครับ  https://web.facebook.com/MilerWriter/
มีอะไรทักทายพูดคุยกันได้

จากใจ ไมเลอร์
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 22 แทงข้างหลัง ✅ Update! 26-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 26-11-2017 19:42:00
 o18 เธอทำตัวของเธอเองแป้ง ไม่เกี่ยวกับปอม อิพี่มาร์คกล้ามากนะที่ทำแบบนี้ ส่วนอิตาสกายถ้าคิดจะเป็นพระเอกก็รีบๆมาช่วย
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 22 แทงข้างหลัง ✅ Update! 26-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-11-2017 22:47:22
ไอ่ควายกับอิกาก#ไอ่มาร์ค#อิแป้ง

สุดหล่อรีบมาช่วยคนสวยเร็วๆ#สกาย#ปอม

อ๊ากกกกกก..อยากพ่นไฟ
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 22 แทงข้างหลัง ✅ Update! 26-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-11-2017 23:07:09
เอิ้นรีบนึกให้ออกซิ จะได้พาคนไปช่วยปอม  :m5:
หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 23 ลมหวน ✅ Update! 03-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 03-12-2017 15:06:30
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 23 ลมหวน



            ผมยังคงนอนหลับตาพยายามที่จะตั้งสติและไม่ให้ทั้งสองคนรู้ว่าผมได้รู้สึกตัวแล้ว จะทำยังไงดีนะตอนนี้พี่มาร์คเริ่มปลดกระดุมผมออกแล้ว  เมื่อกระดุมถูกปลดจนหมดทุกเม็ดพี่มาร์คก็ค่อยๆถอดเสื้อของผมออกตอนนี้ในใจผมมันเต้นตึกๆ เพราะความกลัว พี่มาร์คที่ผมไว้ใจทำไมถึงทำกันได้ถึงขนาดนี้ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้แป้งมันทำอะไรอยู่เห็นเงียบไป ผมพยายามดึงสติของตัวเองมาให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะขัดขืนพี่มาร์ค เมื่อแกเริ่มเลื่อนมือมาปลดที่เข็มขัดผมก็รวบรวมแรงที่มีไปจับที่มือของพี่มาร์คเอาไว้

            “ปอม!”  พี่มาร์คอุทานออกมา ส่วนผมเองก็ค่อยๆลืมตาที่พร่ามัวขึ้นมาและมองเห็นพี่มาร์คแบบเลือนลาง

            “ทะ...ทำไม” ผมเอ่ยออกมาเบาๆด้วยเสียงแหบพร่า

            “พะ...พี่ขอโทษ” ฟังจากน้ำเสียงแล้วพี่มาร์คคงตกใจไม่น้อย

            “ได้สติแล้วเหรอ กินนี่เข้าไปอีกรับรองแกได้ตื่นมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่จะอยู่กับแกไปตลอดชีวิตแน่นอน” แป้งมันเอาแก้วน้ำอะไรบางอย่างมากรอกเข้าปากผมจนเลอะไปหมด

            “รีบทำต่อไปค่ะพี่มาร์ค แป้งกำลังบันทึกวิดีโออยู่”

มันกำลังบันทึกวิดีโออยู่นั่นเองเลวไม่มีที่ติจริงๆเลย ผมอยากรู้ว่าผมไปทำอะไรให้มันเจ็บช้ำน้ำใจขนาดนั้น

            น้ำใสๆค่อยๆไหลออกจากหางตาของผม คงไม่มีทางที่ผมจะรอดจากน้ำมือของสองคนนี้แน่นอน ผมได้แต่หลับตานอนอยู่อย่างนั้นเพราะตอนนี้มันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเลยแม้แต่น้อย มันคงเป็นเวรกรรมองผมเองผมต้องยอมรับมันใช่ไหม

            ผมรู้สึกได้ว่าพี่มาร์คเริ่มถอดกางเกงผมออกจนตอนนี้เรือนร่างของผมเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น

            พี่มาร์คเริ่มมาคลอเคลียบริเวณซอกคอของผม ในใจตอนนี้รู้สึกขยะแขยงมากผมเกลียดพี่มาร์ค ผมผิดเองที่ดึงพี่เค้าเข้ามาในเกมส์นี้และมันก็เข้าแผนของแป้งอีกต่างหาก

            ตอนนี้ฤทธิ์ยาที่แป้งกรอกเข้าปากผมเมื่อสักครู่มันเริ่มออกฤทธิ์เพราะผมกำลังเริ่มรู้สึกว่าสติของตัวเองจะหลุดไปแล้วผมกำลังจะหลับในอีกไม่ช้า

            ก๊อก! ก๊อก! กอ๊ก!

            ผมได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง มันทำให้ผมมีความหวังว่าอาจจะมีใครสักคนมาช่วยผมออกจากห้องนรกห้องนี้สักทีซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าที่นี่มันคือที่ไหน

            “ใครมาเคาะตอนนี้เนี่ย” แป้งมันพูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย

            “อาจจะเป็นพนักงานรีสอร์ทก็ได้แป้งไปดูก่อนเดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง” พี่มาร์คผละจากการไซร้ซอกคอผมแล้วหันไปพูดกับแป้ง

            “ค่ะ”

          ผมได้ยินเสียงแป้งเอ่ยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สติผมจะดับวูบไป
*-*-*-*-*-*





          ผมรู้สึกตัวแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ มองไปรอบๆห้องผมก็รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่มากเหลือเกิน น้ำใสๆมันก็ค่อยๆไหลออกมาจากหางตาของผม ห้องนี้มันคือห้องของไอ้สกายผมจำได้ดี ผมดีใจมากที่ตื่นขึ้นมาแล้วอยู่ในห้องนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมความปลอดภัยและรู้สึกได้ถึงความสุขที่ผมเคยมีกับไอ้สกาย

          “ตื่นแล้วเหรอ” ผมหันไปตามเสียงก็เห็นไอ้สกายมันยืนจ้องผมอยู่

“ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้” ผมเอ่ยขึ้นเสียงเบา

          “แล้วมึงคิดว่ายังไงล่ะ” มันถามผมกลับ

          “เมื่อคืนมึงมาช่วยกูใช่ไหม?”

          “ฉลาดดีนี่” มันยักคิ้วให้ผมทีนึงพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก

          “ขะ...ขอบใจนะ ฮึก ฮือๆ” ผมเอ่ยคำนี้ออกมาพร้อมกับน้ำตาที่มันพรั่งพรูออกมา ผมร้องไห้ต่อหน้ามันอย่างไม่เหลือความอายเลยแม้แต่น้อย เสียงที่มันพูดเตือนผมวันนั้นยังก้องในหู ทำให้ผมรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อมันเพราะมัวแต่คิดตั้งแง่กับมันกับเพราะเรื่องในอดีต

          “กูบอกแล้วไงมึงหนีกูไม่พ้นหรอก” ว่าแล้วมันก็เดินเข้ามานั่งบนหัวเตียงแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดเชิงปลอบใจ ผมรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกินที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกครั้งหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆมาเมื่อคืน ผมร้องไห้พร้อมกอดมันแน่นราวกับว่ากลัวมันจะจากผมไปซะอย่างนั้น

          “กูเชื่อแล้วว่ากูคงหนีมึงไม่พ้นจริงๆ ฮึก” ผมพูดไปร้องไห้ไป มันเหมือนฮีโร่สำหรับผมตอนนี้ ไม่มีอะไรที่จะต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกแล้ว

           มันกอดผมจนรู้สึกดีขึ้น เหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเราผมกับมันจ้องตากันแล้วมันก็ค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาเรื่อยๆ

          “ยะ...หยุดก่อนกูยังไม่อาบน้ำเลย” ผมรีบเสหน้าออกมาก่อนที่เราจะจูบกัน ก็ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่นา

           “นิดเดียวน่า” มันพยายามแกล้งยื่นใบหน้าจะมาจูบผม ผมเลยเอาหมอนฟาดไปที่ศีรษะมันหลายครั้ง

          “ชอบความรุนแรงก็ไม่บอกเดี๋ยวจัดให้” มันว่าแล้วก็จับมือผมดึงเข้าไปประชิดตัวมันหลังจากนั้นก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาวอย่างรวดเร็ว จนผมต้องรีบเอามือไปคล้องที่คอมันไว้เพราะกลัวจะตก

          “จะทำอะไรอ่ะ ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้นะ” ผมเอามือข้างนึงทุบไปที่อกมันรัวๆ
           “ก็ยังไม่อาบน้ำไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะพาไปอาบน้ำไง” มันพูดแล้วทำหน้าหื่นใส่ผม จนทำให้ผมหน้าแดงเพราะเห็นหน้าหล่อแบบหื่นๆของมัน

          “ไม่เอ๊า กูจะอาบเอง” ผมบอกมันเสียงสูง

          “ไม่เอ๊า กูจะอาบให้” มันพูดล้อเลียนผมแล้วก็โน้มใบหน้ามาหอมแก้มผมทีนึง

         “ปลอยกูล๊ง!!!!!!!”

          ผมตะโกนลั่นห้องเมื่อมันอุ้มผมเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็เริ่มปฏิบัติการตามที่มันพูดไว้เมื่อสักครู่ ถึงแม้ผมจะเอ่ยปากปฏิเสธห้ามมันแต่ร่างกายผมกลับตอบสนองมันทุกๆอย่างตามที่มันต้องการ มันเป็นการอาบน้ำที่สุดแสนจะวิเศษมากที่สุดในชีวิตผมจริงๆ ราวกับว่าตอนนี้ผมเริ่มมีความรักครั้งใหม่กับผู้ชายคนเดิม





         หลังจากเสร็จกิจกรรมในห้องน้ำแล้วพวกผมก็มานั่งทานข้าวกันในห้องครัว วันนี้ไอ้สกายมันลงมือทำกับข้าวเองทั้งหมด มันทำเอาไว้ตอนที่ผมยังไม่ตื่นไม่รู้ว่ามันไปเรียนทำกับข้าวมาจากไหนฝีมือมันก็ใช้ได้นะครับ เมนูก็มีไข่เจียวแล้วก็ผัดผักรวมมิตร เป็นเมนูที่สุดแสนจะทำยากสุดๆ ฮ่าๆ

       “จะกินได้ไหมเนี่ย” ผมนั่งมองเมนูอาหารสองอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ  ดูจากหน้าตามันก็พอใช้ได้ล่ะครับแต่รสชาตินี่ไม่มั่นใจว่าจะโอเคหรือเปล่า

           “กินได้สิ! ลองดูอร่อยกว่าตอนที่มึงทำให้กูกินอีกนะ” มันบอก

           “เออ...ต่อไปกูคงไม่ทำให้มึงกินอีกแล้วล่ะ มึงทำเองก็อร่อยกว่ากูทำอยู่แล้วนี่” ผมพูดเหมือนน้อยใจ

           “แต่บางครั้งมันก็ไม่ค่อยอร่อยเลยอ่ะ” มันกลับคำแต่ผมไม่สนใจ

          ผมเริ่มชิมไข่เจียวก่อนเป็นอันดับแรกแล้วตามด้วยผัดผักรวมมิตร มันจ้องหน้าผมเหมือนรอฟังคำตอบว่าผมจะโอเคกับรสชาติไหม

          “เป็นไงบ้างวะ?”

          “ก็...อร่อยดี” ผมพูดไปเคี้ยวไป

          ผมมองดูสีหน้ามันดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกปลื้มใจกับคำตอบของผมมากเหลือเกิน

          “กูมีเรื่องจะถาม  เรื่องเมื่อคืนนี้” สิ่งที่ผมคาใจมากตอนนี้ก็คือเรื่องเมื่อคืน

          “ว่ามา”

          “มึงรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ที่นั่น” ผมถามมันออกไป

          “มึงคงไม่รู้ตัวว่าช่วงหลังๆมานี้กูคอยสะกดรอยตามมึงมาตลอด”

           “ทำไมมึงต้องทำแบบนั้นอ่ะเข้าขั้นโรคจิตอ่อนๆ” ผมว่ามัน

           “ก็จะได้คอยปกป้องดูแลมึงไง” สีหน้าที่มันพูดเหมือนรู้สึกภูมิใจเอามากๆ

          “ถือว่าเป็นโชคดีของกูสินะ...ที่มีคนโรคจิตอย่างมึงคอยสะกดรอยตาม”

          “เพราะกูรู้ไงว่ามึงกำลังตกอยู่ในอันตราย”

          “มึงไปรู้อะไรบอกกูมา แล้วอีกอย่างเรื่องแป้งกูอยากรู้ว่ากูไปทำอะไรให้มันโกรธแค้นักหนามันถึงต้องทำกับกูแบบนี้” กลับกลายเป็นว่าตอนนี้แทนที่จะทานข้าวกันแต่กลับเป็นช่วงเวลาสืบสวนสอบสวนแทนซะอย่างนั้น ฮ่าๆ

          “กูบอกเลิกแป้งหลังจากวันวันนั้นประมาณเดือนนึง กูบอกแป้งว่ากูรักมึงมาก กูลืมมึงไม่ได้ กูไม่อยากฝืนตัวเอง ตอนนั้นแป้งเสียใจร้องไห้หนักมากแล้วก็บอกกูว่าไม่มีทางที่จะลืมเรื่องนี้เด็ดขาดและจะคอยตามราวีมึงกับกูให้ถึงที่สุดหลังจากนั้นกูก็ไม่ได้เจอแป้งอีกเลย กูรู้สึกผิดมากทั้งกับแป้งและมึงเลยไม่ติดต่อใครอีกเลย  เข้ามหา’ลัยกูก็เปลี่ยนแฟนมาหลายคนแต่ก็ยังลืมมึงไม่ได้ จนมาวันนึงที่กูมาเจอมึงอีกครั้งในใจกูตอนนั้นมันคิดว่ากูไม่มีวันที่จะปล่อยมึงไปอีกแล้ว กูขอโทษที่เจอกันครั้งแรกก็ทำให้มึงต้องรู้สึกไม่ดีเลย” มันสารภาพทุกเรื่องให้ผมฟัง

          ผมได้ฟังก็รู้สึกผิดในใจเหมือนกันที่ผมเอาแต่คิดถึงเรื่องเก่าๆที่มันทำให้ผมเสียใจแต่จริงๆแล้วมันเองก็เสียใจไม่ต่างจากผมเลย

           “แล้วที่มึงเตือนกูเรื่องพี่มาร์คล่ะ”

          “หลังจากวันที่มึงพาไอ้เหี้ยนั่นมาเปิดตัวกูบังเอิญเจอมันเดินควงมากับแป้ง ในตอนนั้นกูก็คิดถึงคำพูดของแป้งทันทีว่าจะคอยตามราวีมึง กูเริ่มประติดประต่อเรื่องจนคิดว่าแป้งอาจจะใช้พี่มาร์คเพื่อทำลายมึง” ถ้าผมไม่ได้เจอกับมันผมคงเสร็จไอ้พี่มาร์คแล้วก็โดนอัดคลิบโพสว่อนเน็ตประจานไปทั่วแล้ว

          “แล้วเมื่อคืนมึงทำยังไงกับพี่มาร์คและแป้งบ้างถึงเอาตัวกูออกมาได้” ผมอยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมหมดสติไป

          “กูจัดการพวกมันสองคนให้แล้วไม่ต้องห่วง พวกมันไม่กล้ามาทำอะไรมึงอีกแน่นอน” มันพูดอย่างมั่นใจจนผมอยากรู้ว่ามันใช้วิธีไหนจัดการกับสองคนนั้น

          “จัดการยังไงกูอยากรู้” ผมมองหน้ามันเหมือนอ้อนวอนอยากรู้ซะเต็มประดา

          “กูฉลาดไงตอนที่ไปช่วยมึงกูก็ติดกล้องจิ๋วไปด้วย มันบันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างไว้หมดกูขู่ว่าถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับมึงอีกกูจะส่งคลิปพวกนี้ให้ตำรวจดำเนินดคีตามกฏหมาย” มันพูดอย่างภาคภูมิใจกับความฉลาดของมัน ผมก็ต้องยอมมันล่ะเพราะมันผมถึงรอดมาได้

           “กู...ขอบใจมึงมากนะ” ผมบอกกับมันพร้อมมองด้วยสายตาที่จริงใจ

          “กูเต็มใจ” มันยิ้มหวานให้ผม ทำเอาผมหน้าแดงก่ำทันทีมันเขินโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว คนอะไรจะยิ้มได้หล่อแบบนี้ ตอนมัธยมผมว่ามันหล่อมากๆแล้วนะแต่ตอนนี้กลับยิ่งหล่อขึ้นไปอีก

          ผมยิ้มตอบแค่นั้นแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไปโดยพยายามที่จะไม่มองหน้ามัน ไม่เช่นนั้นคงทานข้าวไม่อิ่มกันพอดี

            “กินข้าวแล้วมึงจะไปไหนต่อไหมล่ะ” อยู่ๆมันก็ถามผมขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ

           “กลับห้อง”

          “เดี๋ยวกูไปส่ง”

          “อื้ม” ผมตอบกลับสั้นๆ






           หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยผมก็เก็บจานเพื่อที่จะนำไปล้าง ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่ซิงค์ล้างจานเรียบร้อยแล้ว

          “เดี๋ยวกูช่วย”

           “ไม่เป็นไรจานแค่ไม่กี่ใบเองกูล้างคนเดียวได้สบาย” ผมบอกมัน

          “ไม่เอากูอยากล้างช่วย” มันทำท่างอแงเหมือนกับเด็ก

          “เออๆแล้วแต่มึง” ผมเอือมระอากับท่าทีของมันเหลือเกิน

          ตอนนี้ผมกำลังยืนล้างจานอยู่ส่วนไอ้สกายเองก็ยืนดูอยู่ข้างๆ ผมกะจะให้มันช่วยแค่เก็บจานไว้ในชั้นแค่นั้น  แต่มันกลับมายืนซ้อนหลังผมแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับมือผมที่ตอนนี้กำลังล้างจานอยู่ กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ในอ้อมแขนมัน

          “ทำอะไรเนี่ยมึงมีหน้าที่แค่เอาจานไปเก็บบนชั้น นี่กูจะล้างเอง” ผมเอ็ดมันพร้อมกับหันหน้าไปข้างๆ

          “อยู่นิ่งๆสิวะ”

          มันพูดขณะที่คางของมันกำลังเกยที่ไหลของผม ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนอยู่อย่างนั้นให้มันจับมือผมล้างจานไปเรื่อยๆตามใจมัน  แทนที่จะเสร็จเร็วแต่มันกลับเสร็จช้าทั้งๆที่มีจานแค่ไม่กี่ใบ

         “คิดถึงช่วงเวลานั้นจัง” อยู่ๆมันก็เอ่ยออกมาขณะที่จานใบสุดท้ายกำลังจะล้างเสร็จ

         ผมได้ยินมันพูดก็ยิ้มน้อยๆออกมาทันที ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นมันผุดขึ้นมาในหัวผมทันทีรวมถึงความอบอุ่น ความสุขที่ตอนนี้มันย้อนกลับมาอีกครั้ง

         ผมค่อยๆเอียงหน้าไปมองมันซึ่งตอนนี้อยู่ใกล้กันแค่นิดเดียว  เราจ้องตากันแล้วมันก็ค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาเรื่อยๆจนริมฝีปากของเราสัมผัสกัน มันค่อยๆบดริมฝีปากเบาๆแล้วค่อยๆเพิ่มจังหวะความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นของเราทั้งสองคนสัมผัสหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงลมหายใจของผมที่มันดังถี่ขึ้นยิ่งช่วยเพิ่มความต้องการของมันให้มากขึ้น มันเป็นการล้างจานที่ดูจะแปลกใหม่สำหรับผมและมีความสุขที่สุดก็ว่าได้



...เมื่อมีความรักดีๆเข้ามาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้มั่น..

*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 23 ลมหวน ✅ Update! 03-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-12-2017 21:59:04
โอ๊ยยยย..ถ้าได้เจออย่างสกายซักคน
กรูยอมมมมมมมมม..มมมมม

ยอมให้หมดเล๊ยยยยยยยยยยยยย
กรูละลายยยยยยยยยยยย ฮ่าฺฮ่า
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 23 ลมหวน ✅ Update! 03-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2017 23:01:01
อ่านตอนนี้แล้ว ใจละลายไปหมดแย้วววววว  :m3:
หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 24 ความเสียใจ ✅ Update! 04-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 04-12-2017 22:55:14
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 24 ความเสียใจ



Pangpond’s Part :

            วันนี้หลังจากทำงานกลุ่มที่โรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับไอ้ตองก็มาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ส่วนพี่ตี๋น่ะเหรอโทรมาตั้งแต่เช้าแล้วบอกว่าติดทำงานส่งอาจารย์เลยอดเจอกันเลยวันนี้

            “จะดูหนังหรือไปซื้อของก่อนอ่ะ” ตองมันถามผมขณะที่เรากำลังยืนอยู่บนบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปชั้นสองของตัวห้าง

            “ฉันว่าเราไปเดินดูของก่อนไหมแล้วค่อยไปดูหนัง เดินดูเฉยๆดูหนังแล้วค่อยไปซื้ออีกทีเวลาเหลือเยอะแยะ” ผมตอบ

            “เคๆ ถ้างั้นก็ไปโซนโน้นเลย” ตองชี้ไปที่โซนขายเสื้อผ้าแฟชั่น

            เมื่อมาถึงร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งตองมันก็สนใจเดินเข้าไปดู ไอ้นี่มันชอบเสื้อผ้าสไตล์เกาหลีมากๆ นอกจากจะเป็นสาววายตัวยงแล้วมันก็เป็นติ่งนักร้องโอปป้าเกาหลีวงต่างๆอีกด้วย

            “แกฉันชอบเสื้อตัวนี้สวยป่ะ” ตองมันรีบเดินเข้าไปเลือกทันทีที่เจอเสื้อที่มันถูกใจ

            “เออสวยว่ะ เหมาะกับแกมาก” ผมเอ่ยชมขณะที่ตองมันกำลังเอาเสื้อมาทาบที่ตัวเองให้ผมดู

            ผมยืนดูไอ้ตองมันเลือกเสื้อได้สักพักก็บังเอิญเห็นใครบางคนที่คุ้นเคย เดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางกระหนุงกระหนิงแถมมีการควงแขนกันด้วย มันไม่ใช่ใครครับพี่ตี๋นั่นเอง

            ตอนนี้หัวใจผมมันเต้นแรงมากเพราะรู้สึกตกใจกับภาพที่เห็น พี่ตี๋ที่เคยบอกว่ารักผมมากเหลือเกินตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ผมไม่น่าไว้ใจที่สุด

            “พี่ตี๋” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะที่สายตายังคงมองสองคนนั้นที่กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ที่ร้านข้างๆ

            “ปอนด์แกดูชุดนี้สะ....” ตองมันเดินมาจะพูดกับผมแต่มันต้องหยุดชะงักเพราะมันเห็นภาพนั้นเหมือนกันกับผม

            “ฮึก” ผมอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

            “ปอนด์แกอย่าร้องสิ” ตองมันมองหน้าผมที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความเสียใจ ผมไม่อายคนแถวนั้นที่เดินผ่านไปผ่านมาเลยแม้แต่น้อย

            “ฉะ..ฉันรู้สึกแย่มาก ฮึกๆ ฮือ” ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย ตองมันก็จะร้องไห้ตามผมไปด้วย

            “มากับฉัน! ให้มันรู้ไปเลยว่าพี่ตี๋จะเอายังไง” ตองมันจูงมือผมจะเดินเข้าไปหาสองคนนั้น

            “ไม่! ฉันไม่ไป ฉันเกลียดพี่ตี๋” ผมบอกแล้วจะเดินออกจากร้าน

            “แกต้องไปอย่างน้อยก็ให้มันรู้ไปเลยว่าพี่ชายเลวๆของฉันมันจะเลือกใคร” ตองมันยังยืนยันที่จะพาผมไป

            เอาวะเป็นไงเป็นกันผมก็รู้สึกคลางแคลงใจเหมือนกันกับเส้นผมบนรถวันนั้น ถ้าจะแตกหักก็ให้มันแตกไปเลยวันนี้ดีกว่าโดนหลอกไปเรื่อยๆ

            “ไปก็ไป” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ตอง

            ตองเดินจูงมือผมไปส่วนผมก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาตัวเองให้หมด ผมไม่อยากอ่อนแอให้สองคนนั้นเห็น

            เมื่อเดินไปถึงพี่ตี๋เห็นพวกผมก็ทำสีหน้าตกใจยกใหญ่ดูท่าทางรนๆอย่างเห็นได้ชัด ก็แน่ล่ะคนขี้โกหกหลอกลวงต้องวัวสันหลังหวะเป็นธรรมดา

            “ตอง ปอนด์” พี่ตี๋เอ่ยออกมาเบาๆเมื่อเห็นพวกผมยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมมองพี่ตี๋ด้วยสายตาที่ผิดหวังและเสียใจเป็นที่สุด ส่วนเค้าน่ะเหรอก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่พวกผมอย่างงงๆ

            “ใครเหรอค่ะตี๋” สาวสวยคนนั้นเอ่ยออกมาด้วยท่าทีแบบผู้ดี๊ผู้ดี มิน่าล่ะพี่ตี๋ถึงได้นอกใจผมก็เค้าออกจะสวยและน่ารักขนาดนี้ ถ้าเค้ารักกันจริงๆและพี่ตี๋เลือกเค้าผมก็ยินดีจะหลีกทางให้

            “นะ...นี่ตองน้องสาวพี่เอง ส่วนนั่นก็...เอ่อ...” พี่ตี๋พูดไม่ออก ผมเลยตอบแทนเอง

            “ผมเป็นแค่เพื่อนของตองครับ” ผมฝืนยิ้มให้เธอคนนั้น ส่วนตองที่ยืนอยู่ข้างๆก็ชักสีหน้าใส่พี่ชายและผู้หญิงของพี่ตี๋

            “พี่ตี๋ทำไมทำแบบนี้” ตองมันเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออดผมมองมันก็รู้แล้วว่ามันโกรธมากขนาดไหน

            “ตองพอเถอะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร” ผมบอกตองก่อนที่มันจะระเบิดคำพูดออกมาทำให้เค้าอึดอัดใจกันมากกว่านี้

            “ปอนด์แกไม่เห็นเหรอว่าพี่มันหยามแกขนาดไหน” ตองมันพูดขึ้นแล้วชี้หน้าไปพี่ชายตัวดีของมัน

            ผมมองหน้าพี่ตี๋ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนรู้สึกผิด ผมผิดหวังมากที่เค้าไม่เอ่ยอะไรเลยเอาแต่เงียบปล่อยให้พวกผมบ้ากันไปเอง

            “มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าตี๋ เมย์งงไปหมดแล้ว” เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้างงๆ ส่วนมือยังเกาะที่แขนของพี่ตี๋อยู่ ผมมองแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่หัวใจ

            “ไม่มีอะไรครับเมย์ เดี๋ยวเราไปกันเถอะ ปล่อยให้น้องๆเค้าไปซื้อของต่อ” พี่ตี๋พยายามหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้คนของเขารู้เรื่องของผม มันน่าเจ็บใจสุดๆลับหลังผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเหมือนกบที่อยู่ในกะลาวันๆอยู่แต่ในโรงเรียนส่วนเค้าก็ไปร่าเริงที่มหาวิทยาลัยกับผู้หญิงคนนั้น

            “พี่ตี๋ทำไมเป็นคนแบบนี้” ตองมันยังพูดต่อ

            “ตองกลับไปก่อนเถอะเดี๋ยวค่อยคุยกัน” พี่ตี๋ว่าแล้วก็พาผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปทิ้งให้พวกผมสองคนยืนอึ้งกับท่าทีของเขา ทำไมพี่ตี๋คนเดิมที่ผมรู้จักหายไปไหนแล้ว คนที่เคยบอกรักผมซ้ำๆไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแม้แต่คำพูดอธิบายออกจากปากเค้าเลยแม้แต่น้อย

            “แกฉันขอโทษแทนพี่ชายฉันด้วยนะ” ตองมันพูดเสียงอ่อย ผมรับรู้ได้ว่ามันก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยไปกว่าผมเพราะกว่ามันจะเชียร์คู่เราให้รักกันได้มันต้องใช้ความพยายามมากจริงๆ

            “ไม่เป็นไรหรอกแกความรักมันก็อย่างนี้ล่ะไม่ใครก็ใครที่ต้องโดนทิ้ง และฉันเองเป็นคนที่โชคร้ายคนนั้นที่โดนทิ้งก่อน” ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือและพยายามกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมา ตอนนี้คางผมมันสั่นเหมือนคนจะร้องไห้เต็มทีแล้ว   

            “ถ้างั้นเรากลับกันเลยไหม?” มันคงรู้ว่าผมคงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว

            “อืม” ผมตอบสั้นๆก่อนที่ตองมันจะเอื้อมมือน้อยๆของมันมาจับที่บ่าของผมเชิงปลอบใจแล้วเราก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที

*-*-*-*-*-*

           



            ตอนนี้ผมลงมาจากรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว มันเหมือนโลกทั้งใบแตกเป็นเสี่ยงๆ มองไปทางไหนก็ดูเป็นสีเทาไปหมด พอเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นพี่ปอมนั่งดูทีวีอยู่วันนี้เป็นวันหยุดพี่ปอมแกจะกลับมาบ้านทุกอาทิตย์

            “ทำไมเดินคอตกมาแบบนั้นล่ะน้องพี่” พี่ปอมแกทักผม ผมเองก็ฝืนยิ้มให้แต่มันคงไม่สามารถปกปิดความทุกข์ในใจผมตอนนี้ไปได้

            “ไม่มีอะไรครับพี่ปอม พอดีปอนด์เหนื่อยๆ เดี๋ยวปอนด์ขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับ”

“มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะน้อง” พี่เค้าคงดูออกว่าผมต้องมีเรื่องทุกข์ใจอยู่

“ครับพี่ปอม” ผมพูดแล้วเดินขึ้นข้างบนทันที

            ปัง!!!!

            ผมปิดประตูห้องแล้วก็ทิ้งกระเป๋านักเรียนลงตรงนั้นแล้วเดินไปที่เตียงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วก็ร้องไห้ออกมาโดยทันที ผมไม่เคยเสียใจอะไรขนาดนี้มาก่อนความทุกข์มันมาเร็วขนาดนี้เลยหรือทั้งๆที่วันก่อนผมยังมีความสุขอยู่เลยไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ

            “ฮือๆๆทำไมพี่ตี๋ทำกับผมแบบนี้ ทำไม ฮือๆๆ” ผมกำมือแล้วทุบลงที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ที่ตอนนี้มันอัดแน่นในอกผมมากเหลือเกิน

            “ฮึก ฮือๆๆๆ” ยิ่งพูดแล้วมันยิ่งเจ็บใจไม่มีแม้แต่ข้อความหรือคำพูดใดๆมาอธิบายให้ผมได้เข้าใจในสิ่งที่พี่เค้าทำเลยแม้แต่น้อยนั่นมันเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังมากที่สุด

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ แล้วลุกขึ้นมาเช็ดน้ำตาทันที

            “ปอนด์ให้พี่เข้าไปได้ไหม?” พี่ปอมนั่นเอง

            “เข้ามาเลยครับพี่ปอม” ผมรีบเช็ดน้ำตาแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            “พี่เห็นเราไม่ค่อยดีเท่าไรเลยขึ้นมาดู มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” พี่ปอมเดินเข้ามาลูบศรีษะผมอย่างเอ็นดู

            “พี่ปอม ฮึก ฮือๆๆๆ” ผมรีบโผกอดพี่ปอมทันทีในตอนนี้ผมต้องการที่ปรึกษามากที่สุดเพราะมันมืดมนไปหมดทุกทางเลย

            “ปอนด์เป็นอะไรบอกพี่มา”

            “พะ...พี่ตี๋เค้า ฮือๆๆ”

            “ตี๋มันทำไม?” พี่ปอมถามอย่างร้อนใจ

            “พี่ตี๋เค้ามีคนอื่นแล้วครับ ฮือๆๆ” ผมพูดไปร้องไห้ไปมันไม่สามารถที่จะหยุดร้องได้เลยตอนนี้ ผมเกลียดพี่ตี๋ที่สุด

            “ทำไมมันทำกับน้องพี่แบบนี้ แล้วนี่ได้คุยกันบ้างหรือยัง”

            “พี่เค้าไม่ยอมอธิบายอะไรเลย แต่วันนี้ปอนด์เจอพี่เค้ามากับผู้หญิงคนนั้นเค้าควงกันมาเย้ยปอนด์ ฮึก” ผมตอบไปสะอื้นไป

            “ร้องให้เต็มที่เลยน้องรักพี่จะคอยอยู่ข้างๆปอนด์เอง เดี๋ยวพี่จะไปเคลียร์กับไอ้ตี๋ให้เอง” พี่ปอมบอก

            “พี่ปอม ฮึก ไม่ต้องหรอกครับผมเกลียดพี่ตี๋ผมไม่อยากเจอหน้าเค้า ผมไม่อยากได้ยินชื่อของเค้าอีก ฮึก”

            “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นปอนด์ต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะ อย่าให้เค้าเห็นความอ่อนแอของเรา วันนี้พี่ให้ปอนด์ร้องให้เต็มที่ อ่อนแอให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งนี้พี่ต้องไม่เห็นคนขี้แยคนนี้อีกนะ สัญญากับพี่ได้ไหม”

            “ครับ ปอนด์สัญญา” ผมรับปากพี่ปอม ผมต้องเข้มแข็งให้ได้ พรุ่งนี้ผมจะพยายามให้ได้

            “ถ้าอย่างนั้นรีบอาบน้ำซะ แล้วลงไปกินข้าวกัน พี่จะรออยู่ข้างล่างนะ” พี่ปอมพูดแล้วก็ลูบที่ศีรษะผมอย่างเอ็นดู

            “ครับเดี๋ยวปอนด์ลงไป”

            พูดจบพี่ปอมก็เดินลงไปข้างล่าง อย่างน้อยวันนี้ผมก็สบายใจขึ้นมากแล้ว คนที่รักและจริงใจกับผมก็คงจะมีคนในครอบครัวนี่ล่ะครับที่ไม่ทิ้งเวลาที่เราเสียใจ

            ผมลองเปิดดูข้อความไลน์ในโทรศัพท์มือถือแต่มันก็ไม่มีข้อความใดๆจากพี่ตี๋เลย มีแต่ข้อความจากตองที่มันส่งมาให้กำลังใจผม สงสัยมันคงจะอาละวาดพี่ชายมันแล้วในตอนนี้ ผมตัดสินใจบล็อคไลน์และเบอร์โทรของพี่ตี๋ไม่ให้เค้าติดต่อผมได้อีก  พรุ่งนี้ผมจะเป็นปังปอนด์คนใหม่ผมจะไม่ขี้แยแบบนี้...





Pom’s Part :

            หลังจากวันนั้นที่น้องชายผมโดนไอ้ตี๋ทำร้ายจิตใจ ผมก็รีบโทรหาไอ้สกายให้นัดเพื่อนมันมาเพราะต้องการรู้ความจริงทั้งหมดว่าทำไมมันถึงทำกับน้องผมแบบนี้ ซึ่งตอนนี้มันก็นั่งอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

            “ทำไมตี๋ถึงทำกับน้องเราแบบนี้ไหนบอกจะไม่ทำให้ปอนด์เสียใจไงวะ” ผมพูดเสียงดังใส่ไอ้ตี๋ด้วยอารมณ์ที่มันเดือดพล่าน

            “เราขอโทษคือ...เรายอมรับผิดทุกอย่าง” มันเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสู้หน้าผม

            “แสดงว่ามันคือเรื่องจริงที่นายผู้หญิงมีคนใหม่ ทำไมวะทำไม” ผมถาม

            “...............” มันไม่ตอบเอาแต่เงียบ จนผมเริ่มโมโหแล้วตะคอกใส่มัน

            “ตอบสิวะ!” ผมเริ่มเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นจะไปกระชากคอเสื้อของไอ้ตี๋แต่ไอ้สกายมันดึงผมเอาไว้ก่อน

            “ใจเย็นสิวะ” สกายมันโอบไหล่ผมไว้

            “จะให้เย็นได้ไงดูเพื่อนมึงสิเอาแต่เงียบ แล้วจะรู้เรื่องอะไรได้ล่ะแบบนี้” ผมบอกมันไป

            “มึงอย่าเอาแต่เงียบสิวะไอ้ตี๋ พูดความจริงมาให้เรื่องมันกระจ่างสักที” สกายมันคงเบื่อหน่ายกับท่าทีของไอ้ตี๋เช่นกันเลยเอ่ยออกไปแบบนั้น

            “กูยอมรับผิดทุกอย่าง กูคบกับเมย์จริงๆ พวกกูย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้วแต่ยังไม่ได้บอกปอนด์ แต่ไม่ใช่ว่ากูไม่ได้รักปอนด์แล้วนะเว้ย เพียงแต่กูอยู่กับเมย์แล้วมันมีความสุขมากกว่าและอีกอย่างเมย์ก็มีเวลาให้กูมากกว่าปอนด์” มันพูดออกมาจนผมแทบจะทนฟังไม่ได้ มันทำแบบนี้เหมือนกับว่าน้องผมเป็นของเล่นแล้วทำไมไม่บอกเลิกกันไปให้มันจบๆ ทำไมต้องให้ปอนด์มันมาเจอเองกับตัวซึ่งแบบนี้มันจะเสียใจมากกว่าโดนบอกเลิกซะอีก

            “ไอ้คนเห็นแก่ตัว ทำไมมึงไม่บอกน้องกูตั้งแต่แรกวะ ทำไมมึงต้องให้มันรู้เอง รู้ไหมมันเสียใจมากแค่ไหน ต่อไปนี้มึงห้ามมาให้กูกับน้องกูเห็นหน้าอีก” ผมตะโกนใส่หน้ามันตอนนี้หน้าของผมมันมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติเพราะความโมโห ใบหน้าของผมมันร้อนผ่าวราวกับโดนไฟลนซะอย่างนั้น

            ผลั๊วะ!

            ผมชกหน้าไอ้ตี๋ไปหนึ่งทีจนมันฟุบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมกับมีเลือดซึมออกที่มุมปาก

            “นี่มันยังน้อยไปสำหรับที่มึงทำร้ายจิตใจน้องกู!” ผมพูดแล้วเดินออกจากตรงนั้นทันที

            “ปอมรอก่อนสิวะ” เสียงไอ้สกายตะโกนตามหลังผมมา มันรีบวิ่งมาเดินข้างๆผมแล้วก็โอบไหล่แล้วลูบวนไปมาเชิงปลอบประโลมให้ผมให้รู้สึกใจเย็นลง

            “ทำไมน้องกูต้องมาเจอคนนิสัยแย่ๆอย่างนี้วะ” ผมพูดไปพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาที่แก้มไปด้วย นี่ขนาดผมไม่ใช่ปอนด์ผมยังรู้สึกแย่กับคำพูดของมันเมื่อสักครู่ แล้วถ้าปอนด์มันเป็นคนได้ยินเองคงจะเป็นลมเป็นแล้งไปอย่างแน่นอน

            “ใจเย็นๆสิวะไอ้ตี๋มันคงไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอกมั้ง”

            ผมรีบมองหน้าไอ้สกายตาขวางทันทีมันพูดเหมือนกับว่าเพื่อนของมันไม่ผิดซะอย่างนั้น

            “ใช่สิพวกมึงเป็นเพื่อนสนิทกันนี่”

            “ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้ผิดนะเว้ยเพียงแต่ว่าความรักมันห้ามกันไม่ได้ไง จะให้ทำยังไงล่ะก็เหมือนกับกูไงที่ห้ามใจตัวเองไม่ให้รักมึงไม่ได้ ไอ้ตี๋มันคงเป็นแบบนั้น” ไอ้สกายมันอธิบายให้ผมฟัง ผมได้ยินก็รู้สึกใจอ่อนลงทันที นั่นสินะความรักมันห้ามกันไม่ได้ แต่เป็นน้องผมเองที่มันโชคร้ายเจอคนที่จิตใจโลเลแบบนี้

            “สกายกูสงสารปังปอนด์จัง กูเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้กูเข้าใจความรู้สึกนี้ดี” ผมมองหน้าไอ้สกายอย่างเป็นกังวลใจ

            “อย่ากังวลไปเลย ตอนนี้ปอนด์ยังเด็กถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้มันจะทำให้ในอนาคตเค้ามีจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น และในตอนนั้นคงไม่มีอะไรที่จะสามารถทำร้ายจิตใจน้องมันได้อย่างแน่นอน กูเชื่อว่าอีกไม่นานปอนด์คงจะดีขึ้นเพราะมีครอบครัวที่เข้าใจและเพื่อนดีๆคอยอยู่เคียงข้าง” นี้เป็นคำพูดของไอ้สกายจริงๆหรือนี่ มันดูมีพลังที่ทำให้ความกังวลในใจผมมันหายไปในทันที มันทำให้ผมคิดได้ว่าต้องทำยังไงให้น้องของผมรู้สึกดีขึ้นและเข้มแข็งขึ้นได้

            “กูขอบใจมึงมากนะที่อยู่กับกูในช่วงเวลาที่แย่ๆแบบนี้” ผมพูดแล้วก็โอบกอดมันทันที ผมกอดมันแน่นราวกับว่าไม่อยากให้มันออกจากอ้อมแขนผมไปไหนได้อีก มันเองก็กอดผมตอบเรายืนกอดกันอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนลืมไปว่าที่ตรงทางเดินนั้นมีคนเดินผ่านไปผ่านมาจ้องมองพวกผมอยู่ แต่ผมไม่ได้ให้ค่ากับสายตาพวกนั้นหรอกเพราะผมสนใจแค่คนที่ผมกอดอยู่ตอนนี้เท่านั้น


-------------------------------------------------------------------
อีกตอนเดียวก็จะจบแล้วนะครับ รอลุ้นกันว่าเรื่องราวตอนจบจะเป็นยังไง ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ
ทุกคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนได้ดีมากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 23 ลมหวน ✅ Update! 03-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 05-12-2017 01:39:25
ไอ้หน้าส้นตีน
อย่าหวนกลับมาหาก็แล้วกัน
กรูจะเอาตีนกระทืบหน้า

หล่อตายห่าล่ะไอ้เหี้ย
สันดานดอกกก
#ไอ้ตี๋#เออ..กูด่าเมิงคนเดียวเลย
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 24 ความเสียใจ ✅ Update! 04-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 05-12-2017 09:59:45
อย่าได้กลับมานะมึง ไอ้เหี้ยตี๋!!
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 24 ความเสียใจ ✅ Update! 04-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-12-2017 12:47:26
โถ่ พ่อตี๋ คนดีศรีสังคม ดันมาตกม้าตายตอนจบซะได้  :fire: :fire:
หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END ✅ Update! 05-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 05-12-2017 23:04:28
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 25 END



@มหาวิทยาลัย C

            ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนๆทุกคนและได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นให้พวกมันฟัง

            “ไอ้พี่มาร์คแม่งเหี้ยโคตรๆ” สนิมมันสบถออกมาเป็นคนแรก

            “แม่งเลวว่ะ! ทำแบบนี้ได้ไงถ้าเจอหน้ากูจะกระทืบแม่ง” พอร์ชเสริมอีกเสียง

            “มึงต้องไปเงี้ยงข้าวไอ้สกายมื้อใหญ่เลยนะเว้ยที่มันอุตส่าห์ช่วยมึงไว้” เปอร์มันบอก

            “ถือว่ามึงโชคดีมากๆที่ไอ้สกายไปเจอเหตุการณ์พอดี” ดาวพูดกับผม

            “กูก็ว่างั้นล่ะ” ผมตอบ

            ผมนั่งฟังเพื่อนๆ พากันรุมด่าและแช่งพี่มาร์คจนพอใจแล้วก็ตัดสินใจจะบอกความจริงเรื่องผมกับไอ้สกายด้วย ขนาดผมเล่าให้พวกมันฟังว่าไอ้สกายบังเอิญมาช่วยผมไว้พวกมันยังไม่เอะใจอะไรเลยจริงๆเพื่อนผมแม่งซื่อกันจริงๆ ฮ่าๆ

            “นอกจากเรื่องพี่มาร์คแล้วกูยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกพวกมึง” ผมมองหน้าเพื่อนๆ

            “เรื่องพี่มาร์คนี่ยังเซอไพรซ์พวกกูไม่พออีกหรือเนี่ย” ดาวมันเอ่ยออกมาแต่สีหน้านี่มันอยากรู้เอามากๆ

            “รีบพูดมาพวกกูอยากจะรู้เต็มทีแล้วเนี่ย” ไอ้เปอร์เอ่ย

            “คือ...ตอนนี้กูกำลังคุยกับคนๆนึงอยู่” ผมเอ่ยออกมาแล้วสังเกตสีหน้าพวกมันเหมือนจะเหวออยู่ไม่น้อย  เพราะผมเพิ่งจะมีเรื่องกับพี่มาร์คมาแต่กลับกลายเป็นว่ามีคนใหม่เร็วซะเหลือเกิน อยากจะบอกว่าไม่ใช่คนใหม่เว้ยคนเก่าเอามาเล่าใหม่เฉยๆ

            “ไอ้ปอมมึงนี่แรดจังวะเรื่องพี่มาร์คเพิ่งจะจบไปมีใหม่เร็วจริงๆ” สนิมมันพูดขึ้นเสียงดังจนผมต้องปรามมันไว้เพราะตอนนี้พวกเรานั่งที่โต๊ะใต้ตึกคณะ

            “จริงๆแล้วก็ไม่ใช่คนใหม่อะไรหรอก ก็เคยคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว” ผมบอกพวกมันด้วยท่าทีเขินอาย

            “ไหนบอกไม่เคยมีแฟน มึงนี่ยังไงวะกูเริ่มงงกับมึงแล้วเนี่ย” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด

            “แล้วมึงจะบอกได้หรือยังว่าใคร” ดาวมันเริ่มจี้ผม

            “เออๆ บอกก็ได้เว้ย”

            ทุกคนจ้องมองมาที่ผมรอลุ้นว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร

            “คนๆนั้นก็คือ...คนที่กำลังเดินมานั่นไง” ผมพูดแล้วโบ้ยหน้าไปที่ไอ้สกายที่กำลังเดินมากับบีมพอดี มันมาได้เวลาเหมาะเจาะพอดี๊พอดี

            “สกายเนี่ยนะ” ดาวพูดออกมาแบบไม่อยากจะเชื่อ ดูสีหน้าทุกคนก็มองผมเหมือนว่ากำลังโกหกซะอย่างนั้น

            “มึงอย่ามาล้อเล่น” เปอร์มันพูดกับผมแล้วชี้หน้าอย่างคาดโทษ

            ผมไม่พูดอะไรได้แต่นั่งยิ้มให้พวกมัน เมื่อสองคนนั้นมาถึงผมก็เขยิบที่นั่งข้างๆ ไว้เผื่อให้ไอ้สกาย  เมื่อมาถึงมันก็มองมาที่ผมแล้วก็ส่งยิ้มให้ ส่วนผมเองก็ยิ้มตอบแล้วพยักหน้าให้มันแล้วตบที่ว่างข้างๆ เป็นการสื่อบอกให้มันมานั่งตรงนี้  ส่วนเพื่อนๆ ก็มองผมกับไอ้สกายสลับไปมาด้วยความประหลาดใจ

            “คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ” ไอ้บีมมันเอ่ยถามเมื่อเข้าไปนั่งข้างๆ ดาวส่วนไอ้สกายนะเหรอก็ต้องนั่งข้างๆผมอยู่แล้วครับ

            “เอ่อ...พวกเรากำลังคุยเรื่องปอมกับ...สกาย” ดาวมันตอบแล้วปรายตาไปมองไอ้สกายที่กำลังมองเพื่อนๆ ผมอย่างงงๆ

            “เรื่องเรากับปอม...ทำไมเหรอ?” สกายมันถามกลับ ผมเองยังไม่ได้มันว่าจะพูดเรื่องนี้กับเพื่อนผมมันเลยยังงงอยู่

            “เออ! นั่นสิอย่าบอกนะว่าปอมกับไอ้สกายแอบไปคบกัน ฮ่าๆๆ” บีมพูดแล้วขำออกมายกใหญ่

            “เรื่องนั้นนั่นล่ะ” ดาวมันพูดกับบีมจากที่หัวเราะตอนนี้บีมรีบหุบยิ้มลงทันทีแล้วหันหน้ามามองพวกผมทั้งสองคนอย่างงุนงง

            “ไอ้สกายมึงอย่าบอกนะว่ามึงกับปอม” บีมเอ่ยถามไอ้สกายที่กำลังนั่งอมยิ้มอยู่ตรงข้าม

            อยู่ๆมันก็มาจับมือผมไปวางไว้ที่ตักมันแล้วเอามืออีกข้างมากุมมือผมไว้ เรามองตาแล้วยิ้มให้กัน

            “ใช่ กูกับปอมคบกัน” มันตอบบีมไป ดูสีหน้าแต่ละคนอึ้งน่าดูเพราะอยู่ๆผมกับสกายมาเปิดตัวแบบไม่มีปีมีขลุ่ยเลยทีเดียว

            “เฮ้ย! พวกมึงไปคุยกันตอนไหนวะเนี่ยไวไฟสัด” บีมมันพูดออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

            “จริงๆแล้วกูกับสกายเคยเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกัน” ผมบอกกับทุกคน

            “อ้าว! แล้วทำไมตอนแรกที่เจอกันกูไม่เห็นว่าพวกมึงจะทักทายเหมือนคนรู้จักเลย” สนิมมันถาม

            “เรื่องนี้เราขออธิบายเอง พอดีว่าสมัยเรียนมัธยมเราเคยมีเรื่องผิดใจกันเลยทำเหมือนไม่รู้จักกันแต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว” มันพูดแล้วหันมายิ้มให้ผม

            “กูว่าแล้วว่าทำไมเวลาพวกมึงสองคนมองกันมันดูแปลกๆเหมือนมีอะไรแต่กูก็ไม่ได้เอะใจ” พอร์ชมันเอ่ยออกมา

            “ถามจริง? เคยมีอะไรกันยัง?” ไอ้เปอร์มันถามคำถามโคตรน่าเกลียดจนผมอดไม่ได้เลยด่ามันกลับไป

            “ไอ้เหี้ยเปอร์มึงถามเหี้ยอะไรวะ กูไม่ตอบเว้ย” ผมตอบมันกลับไปแต่หน้าผมตอนนี้เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีแดงอมชมพูไปแล้ว

            “กูไม่ได้ให้มึงตอบ แต่กูจะให้สกายตอบ” มันยังหน้าด้านหันไปถามไอ้สกายต่อ ผมส่งสายตาอำมหิตให้ไอ้สกายทันทีเชิงสื่อว่าถ้ามึงพูดมึงตาย!

            “คือ...จะพูดยังไงดีล่ะ” มันพูดพร้อมกับเอามือไปเกาหลังคออย่างเขินๆ เวลามันเขินก็น่ารักไปอีกแบบนะเนี่ย

            “ไม่ต้องเขินเว้ยลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับสิวะ” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นมาผมได้ยินก็ชี้หน้ามันทันที

            “จริงๆแล้วก็เคยครั้งนึงล่ะ แต่สมัยมัธยมก็หลายครั้งอยู่” มันพูดไปยิ้มไปแต่ผมนี่สิแทบเอาปี๊บคุมหัวแล้ว ก็เพื่อนๆทั้งกลุ่มมันพากันหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่  ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้สกายมันจะมีโมเม้นท์ซื่อๆแบบนี้ แต่ก่อนนี่นะอย่างกับซาตาน

            “ไอ้เหี้ยสกายกูเสียหายนะเว้ย” ผมด่ามันออกไปพร้อมกับชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง

            “เสียหายเหี้ยอะไรท้องก็ท้องไม่ได้สกายมันทำถูกแล้วโว้ยไอ้ปอม” สนิมมันพูดเข้าข้างไอ้สกาย

            “จำไว้เลยต่อไปนี้มึงจะไม่ได้อะไรจากกูอีก” ผมคาดโทษมันไว้

            “โอ๋ๆ เค้าขอโทษน้า ก็คนมันซื่ออ่ะเพื่อนถามมากูก็ตอบไปตามความจริง” มันพูดจาแบบใสซื่อแล้วเอียงศีรษะมาซบที่บ่าของผมอย่างอ้อนๆแต่จริงๆมันกวนผมครับผมรู้

            “โอ้ย! อย่ามาหวานกันแถวนี้กูอิจฉาโว้ย!” เปอร์มันพูดเสียงดัง

            “ปล่อยมันเถอะเปอร์ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ล่ะอีกหน่อยมึงคงจะได้อุ้มหลานแน่ๆ” ดาวมันเอ่ยออกมาแกมตลก

            “ตอนนี้ทุกเรื่องก็ลงตัวหมดแล้วกูว่าวันหยุดต่อเนื่องสามวันสัปดาห์หน้าเราไปเที่ยวทะเลกันไหมวะ” พอร์ชเสนอขึ้นมา

            ผมเองก็เห็นด้วยนะที่จะได้ไปคลายเครียดซะบ้างผ่านเรื่องร้ายๆมาก็เยอะ ดีเหมือนกันผมจะได้ชวนชวนปังปอนด์ไปด้วยเพราะอยากให้น้องมันสบายใจขึ้นและได้ไปพักผ่อนสมองด้วย

            “กูเห็นด้วยไปกันหมดนี่ล่ะจะได้ไปพักผ่อนสมองบ้างไหนจะเรื่องเรียนไหนจะเรื่องไอ้ปอมทำเอาซะกูหัวหมุนเหมือนกันนะเนี่ย” เปอร์มันบอกดูท่าคนที่เครียดหนักกว่าผมน่าจะเป็นมันนะครับ ฮ่าๆ

            “กูว่าจะชวนน้องไปด้วยได้ป่ะ”

            “เอาสิไปกันเยอะๆ ไปเช่าบ้านพักริมทะเล ปิ้งย่างอาหารทะเล เล่นกีตาร์ โอ๊ย! พูดแล้วก็อยากไปซะตอนนี้เลย” เป็นไอ้เปอร์อีกแล้วครับมันช่างเพ้อฝันอะไรเบอร์นี้

            “เคๆถ้างั้นตามนี้ห้ามใครถอนตัวนะมึงกูโกรธจริงๆด้วย” พอร์ชมันบอกกับทุกคน

            พวกเราคุยกันได้ไม่นานก็พากันแยกย้ายกลับ

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถไอ้สกายมันกำลังจะไปส่งผมที่หอพักแต่ดูท่าทางแล้วมันคงพาผมไปคอนโดมันมากกว่า

“สรุปมึงจะไปส่งกูที่คอนโดมึงว่างั้น” ผมเอ่ยแล้วหันไปมองหน้ามัน

            “อ้าว! กูบอกว่าจะไปส่งมึงที่หอเหรอ” มันทำหน้าตากวนตีนใส่ผม

            “มึงอย่าหวังนะว่ามึงจะได้อีกกูบอกแล้วไงว่าไม่มีทาง” ผมพูดย้ำกับมันก็ไปห้องมันทีไรต้องมีเรื่องนี้ตลอด

            “กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ยให้โอกาสกูหน่อยนะครับที่รัก” มันพูดเสียงอ้อน

            “โนเวย์” ผมบอกแล้วนั่งเงียบและเล่นโทรศัพท์มือถือไปตลอดทาง

            มันพาผมมาที่คอนโดมันจริงๆ ผมก็ยอมตามมันไปแต่โดยดี ผมรู้สึกว่าช่วงนี้มันจะยิ้มแย้มและอารมณ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นเพราะผมหรือเปล่า(แอบคิดเข้าข้างตัวเอง) แต่ถึงอย่างไรมันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วถ้ามันมีความสุขผมก็มีความสุขตามไปด้วย

            “เชิญครับคุณแฟน” มันจอดรถแล้วรีบเดินออกมาเปิดประตูรถให้  ในใจผมนี่มันพองโตมากแต่สีหน้าต้องนิ่งเอาไว้ก่อนกลัวมันได้ใจ

            “ใครเป็นแฟนมึงวะยังไม่ได้เป็นแฟนโว้ยแค่ดูๆกันอยู่แค่นั้น” ผมบอกมัน

            “ก็เหมือนๆกันนั่นล่ะป่ะขึ้นห้องกัน” มันพูดแล้วเดินมาโอบไหล่ผมทันที แต่ผมไหวตัวทันรีบเดินนำหน้ามันไปก่อน

            ตอนนี้ผมเดินมาถึงหน้าห้องก่อนมันแล้วยืนรอให้มันมาไขกุญแจ เมื่อเดินมาถึงมันเอาแต่ยิ้มให้ผมแล้วก็เคาะประตูทันที  ผมเองก็ยืนงงว่าใครอยู่ในห้องมันนะหรือจะเป็นไอ้ตี๋ผมคิดในใจ

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            คนที่เปิดประตูออกมานั้นเป็นหญิงวัยกลางคนดูท่าทางแล้วน่าจะอายุอานามราวสี่สิบต้นๆ ผมคิดในใจทันทีว่าน่าจะเป็นแม่มันหรือเปล่า

            “สวัสดีครับแม่” มันยกมือไหว้แล้วก็ยิ้มให้ ผมได้ยินก็ยกมือขึ้นไหว้โดยอัตโนมัติทันที

            “เข้ามาก่อนลูก” แม่ไอ้สกายบอกกับผมแล้วยิ้มให้อย่างใจดี แม่มันสวยมากจริงๆขนาดมีอายุแล้วนะเนี่ย

            “คนนี้ใช่ไหม” แม่มันถามขึ้นมาขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆไอ้สกาย

            “ครับแม่เป็นไงน่ารักอย่างที่บอกไหม” มันตอบ ผมนั่งงงสองแม่ลูกเค้าคุยกันเรื่องผม ไอ้สกายมันพูดอะไรเกี่ยวกับผมให้แม่มันฟังนะผมเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก

            “หนูปอมน่ารักมาก” แม่ท่านยิ้มมาให้ผม ผมเองก็ยิ้มตอบทันที

            “ขะ...ขอบคุณครับแม่” ผมยิ้มรับ

            “เดี๋ยวแม่ไปเอาเครื่องดื่มมาให้นะ แม่ทำน้ำส้มคั้นไว้ในครัว”

            “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปเองก็ได้ครับแม่” ผมบอก

            “ไม่ต้องๆ แม่ไปเอาเองก็ได้หนูเป็นแขกนะลูก” พูดจบแม่ไอ้สกายก็เดินเข้าไปในครัว

            “มึงพูดอะไรกับแม่มึงบ้างบอกมาเดี๋ยวนี้” ผมเริ่มมองมันตาขวางพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษ

            “เปล่านะโว้ย กูบอกแค่ว่าวันนี้จะพาลูกสะใภ้มาแนะนำก็แค่นั้น” มันบอกผมหน้าตาเฉย

            “มึงบ้าไปแล้วไปบอกแม่แบบนั้นได้ยังไงกัน”

            “ก็จริงไหมล่ะมึงกับกูมีอะไรกันแล้วแถมหลายครั้งด้วยนะมึงเป็นเมียกูแล้วก็ต้องเป็นลูกสะใภ้แม่กูด้วยสิวะ” มันอธิบายเหตุผลที่ค่อนข้างจะเข้าประตูมันฝ่ายเดียวให้ผมฟัง

            “มึงนี่มัดมือชกกูตลอดเลยนะ อย่าให้ถึงตากูบ้าง” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน

            “มาแล้วจ้า” แม่ท่านถือแก้วน้ำส้มคั้นมาสองแก้วแล้ววางให้พวกผมคนละแก้ว

            “ขอบคุณครับแม่” ผมรับแก้วน้ำส้มมาแล้วจิบทันที

            “กินให้หมดเลยนะแม่คั้นเองกับมือ”

            “ครับผม” ผมบอก

            “หนูปอมแม่ฝากดูแลสกายด้วยนะลูก” อยู่ๆแม่ท่านก็เอ่ยขึ้นมาจนผมทำหน้าเหวอ สงสัยคิดว่าผมเป็นลูกสะใภ้ท่านจริงๆไปซะแล้วมั้ง ฮ่าๆๆ

            “คะ...ครับ” ผมตอบกลับไปอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก

            “สกายรักหนูมากนะลูก แม่เพิ่งมาอยู่ที่นี่แค่สัปดาห์เดียวเองแต่ลูกชายแม่พูดเรื่องหนูให้ฟังทุกวันจนแม่ต้องบอกให้พาตัวมาให้แม่ดูวันนี้ไง” ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ท่านพูดเหมือนรู้จักผมมากเหลือเกินเพราะไอ้คนที่อยู่ข้างๆนี่เอง ผมมองหน้ามันแล้วก็ยิ้มให้ มันเองก็ยิ้มตอบผมรู้ว่ามันเขินมากที่แม่มันพูดเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง  ผมเลยเอาใจมันและแม่สามีซะหน่อย ผมเอื้อมมือไปกุมมือมันไว้เราจับมือกันแน่นต่อหน้าแม่  ท่านเห็นแล้วก็ยิ้มให้เราทั้งสอง

            “ผมจะคอยเป็นเพื่อนและดูแลสกายแทนแม่ให้ดีที่สุดครับ” ผมตอบอย่างมั่นใจ

            “ถึงแม้บางครั้งลูกชายแม่คนนี้จะเอาแต่ใจบ้างก็อย่าถือสาเลยนะ อีกสองวันแม่ก็จะกลับอังกฤษแล้วเห็นแบบนี้แม่ก็หายห่วง”

            “ผมเองก็จะพยายามทำตัวเป็นเด็กดีครับแม่ แล้วก็จะดูแลลูกสะใภ้แม่ให้ดีที่สุดเหมือนกันครับ” มันพูดกับแม่มันด้วยท่าทางจริงจัง

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหนูปอมโทรหาแม่ได้ตลอดเลยนะจ๊ะเดี๋ยวแม่มาจัดการเอง” ดูท่าทางแม่ท่านจะเข้าข้างผมมากกว่าลูกชายตัวเองแล้ว รู้ไหมว่าใครใหญ่ฮ่าๆๆ

            “ครับแม่” ผมยิ้มให้ท่าน

            “แล้วถ้าลูกสะใภ้แม่ทำอะไรผมล่ะครับ”

            “ก็ให้ทำไปแม่ไม่ว่าหรอกจัดการเลยนะหนูปอม”

            มันทำหน้าทำตาอย่างกับเด็กโดนขัดใจซะอย่างนั้น เวลามันอยู่กับแม่ดูมันมีความสุขมากเหลือเกินแถมยังมีความออดอ้อนแม่อย่างกับเด็ก สงสัยนี่เป็นสาเหตุที่มันมีปมเรื่องนี้สงสัยคงจะเคลียร์ปัญหาครอบครัวกันได้แล้วเห็นอย่างนี้ผมเองก็โล่งใจที่เรื่องดีๆมันกำลังจะเข้ามาหาเราทั้งสองคน

            เราคุยกันได้สักพักผมก็ขอตัวกลับแน่นอนว่าไอ้สกายมันเป็นคนมาส่งผมที่หอพักและคืนนั้นมันก็ชนะผมจนได้มันค้างที่หอผมและผมเองก็สมยอมมันไปหลายรอบเลยทีเดียว

*-*-*-*-*-*





@ทะเล๊ ทะเล

            ตอนนี้พวกผมมาถึงทะเลเรียบร้อยแล้วพวกเราทั้งสิบเอ็ดคนยืนอยู่ริมชายหาดสีขาวมีน้ำทะเลใสๆ ซัดคลื่นมาที่ชายฝั่งเสียงดังเป็นระยะๆ ทุกคนคงจะสงสัยว่าทำไมมีตั้งสิบเอ็ดคนผมจะนับให้ดูครับ มีผม ไอ้สกาย พอร์ช เปอร์ สนิม ดาว บีม เอิ้น ปังปอนด์ ตอง และนพ

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ‘นพ’ มาด้วยได้ยังไงนั่นก็เพราะปังปอนด์เป็นคนชวนมาเอง  ผมแอบคิดว่านั่นอาจจะเป็นรักครั้งใหม่ของน้องชายผมและตอนนี้ตี๋กับปังปอนด์เองก็ได้เลิกรากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ตองเองมันก็นอยด์มากพอสมควรที่พี่ชายมันทำให้ปังปอนด์เสียใจ  แต่ดูท่าทางแล้วมันก็แอบเชียร์นพอยู่เหมือนกัน  เห็นว่านพแอบชอบปังปอนด์มานานแล้วถึงขนาดกับแอบเอาดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะในห้องเรียนให้ปังปอนด์อยูบ่อยๆ ผมหวังว่าการที่มีคนรักในวัยเดียวกันอาจจะทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันง่ายขึ้น  และการมีเวลาอยู่ด้วยกันมันจะได้ไม่ต้องมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเกิดขึ้นเหมือนตอนคบกับไอ้ตี๋

            “เดี๋ยวพวกกูจะไปเตรียมอุปกรณ์ปิ้งย่างก่อนะเว้ย” ไอ้พอร์ชมันเอ่ยขึ้นขณะที่พวกผมกำลังนั่งอยู่ริมหาด

            “ไปด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ” ผมบอกมัน

            “ไม่เป็นไรกูอยากให้มึงกับแฟนได้นั่งชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากันสองต่อสองคงจะโรแมนติกน่าดู” สนิมมันเอ่ยขึ้นมา ก็จริงตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้วแสงสีส้มอ่อนๆเริ่มตกกระทบลงบนน้ำทะเลจนเป็นสีส้มไปทั่วทั้งอ่าวแล้ว

            “อยู่กับกูที่นี่ก่อนกูมีอะไรจะพูดด้วย เดี๋ยวค่อยตามไปทีหลังก็ได้” ไอ้สกายมันบอก

            “อื้ม” ผมมองหน้ามันแล้วก็พยักหน้า

            “พวกกูไปล่ะ” พูดจบพวกเพื่อนๆผมรวมถึงน้องๆก็พากันกลับเข้าไปในบ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดมากนัก

            ตอนนี้เหลือผมกับไอ้สกายสองคนนั่งอยู่บนชายหาดบรรยากาศมันช่างโรแมนติกมากเหลือเกิน ผมมองไปที่อีกฝั่งของท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ได้ลงมาบรรจบกับท้องทะเลมันเป็นภาพที่สวยงามมากเหลือเกิน

            “มานั่งนี่มา” มันบอกผมไปนั่งที่ตักมันแล้วยิ้มให้ผม

            “ไม่เอาที่นั่งเยอะแยะ” ผมบอกแล้วหันหน้าไปที่ทะเลต่อ

            “เฮ้ย!” ผมร้องออกมาเสียงหลงเมื่ออยู่ๆมันก็จับตัวผมไปนั่งที่ตักของมันแล้วก็โอบกอดผมไว้ทันที

            “อยู่นิ่งๆสิครับที่รัก” มันพูดเสียงเบาใกล้ๆใบหูผม

            “พูดเพราะก็เป็นเหรอ” ผมเอ่ยถามออกไป ตอนที่มันพูดผมแทบจะละลายไปทั้งตัว คนอะไรเวลาพูดเพราะแล้วมันจะมีเสน่ห์ขนาดนี้  ถ้าหากเจอกันครั้งแรกแล้วมันพูดกับผมแบบนี้ผมจะถวายตัวให้มันตั้งแต่ครั้งแรกเลยล่ะครับ

            “ก็อยากพูดเพราะกับเมียตัวเองบ้างเผื่อคืนนี้เมียจะใจดีให้สักครั้งสองครั้ง” มันพูดพร้อมกับมาหอมที่ขมับผมฟอดใหญ่ไอ้นี่มันเอาทุกเม็ดจริงๆ

            “หื่นตลอดเลยนะมึงอ่ะ” ผมตอบไปแต่ก็ยิ้มไป

            “ไม่หื่นก็ไม่ใช่สกายล่ะคร้าบบ”

            “รู้ตัวก็ดี”

            เราเงียบกันสักพักอยู่ๆ มันก็เอ่ยขึ้นมา

            “ขอบคุณนะที่เข้ามาในชีวิตกู” มันเอ่ยพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้

            “อื้ม” ผมตอบกลับไปสั้นๆ แต่มันจะรู้ไหมว่าตอนนี้ผมยิ้มแก้มจะปริอยู่แล้ว มันมีความสุขมากเหลือเกิน

            “กูสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายคนนึงว่ากูจะดูแลมึงตลอดไป”

            “สัญญาแล้วนะ” ผมเปลี่ยนท่านั่งหันกลับมาจ้องหน้ามัน  มันเองจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นแล้วก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

            “ยื่นมือมาสิ” มันบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้แล้วก็สวมแหวนให้ผม ผมกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจไว้ไม่ได้มันตื้นตันไปหมด

            “ตอนนี้หมั้นไว้ก่อนเป็นเมียกูแล้วห้ามไปมองผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้นนะเว้ย” มันบอกแล้วยิ้มให้ผม หลังจากนั้นมันก็เอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่แก้มให้ผมอย่างเบามือ

            “ขี้แยจังไม่ใช่เด็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ” มันว่า

            “ขอบคุณนะ กูรักมึงมากนะรู้ไหม ฮึก” ผมบอกมันพร้อมกับร้องไห้สะอื้นไปด้วย

            “กูรักมึงมากกว่ารู้ไว้ด้วย”

            ผมไม่รีรอรีบยื่นหน้าเข้าไปประกบจูบมันทันที ผมใช้มือทั้งสองข้างกอดคอมันไว้ขณะที่เราทั้งสองคนกำลังดูดดื่มกับรสชาติของความหอมหวานของกันและกัน มันเป็นจูบที่สุดแสนจะประทับใจมากที่สุดในชีวิตของผมท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกอย่างนี้ ผมจะรักไอ้สกายคนนี้ตลอดไป...



Happy Ending.


--------------------------------------------
เรื่องนี้จบแล้วขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ และขอฝากนิยายเรื่องใหม่ 'MY CAPTAIN ภารกิจฝึกรัก' ไว้ด้วยนะครับ

หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END ✅ Update! 05-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 05-12-2017 23:53:13

 :pig4:  :pig4: :pig4:

 :กอด1:


...

.
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END ✅ Update! 05-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-12-2017 00:02:03
สมหวังกันเสียที สุข ๆ กันถ้วนหน้า  :กอด1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END ✅ Update! 05-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-12-2017 00:04:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END ✅ Update! 05-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-12-2017 19:27:15
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END ✅ Update! 05-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 10-12-2017 22:21:32
อ่านจบ อยากกระทืบตี๋ ทำกับปอนด์แบบนี้ได้ยังไง ตอนจีบคือรู้อยู่แล้วปะว่าต้องห่าง มหาลัยกับม.ปลาย ข้ออ้างนอกใจโคตรเหี้ย ปอนด์ไม่มีเวลาให้ อยู่กับผญคนนั้นมีความสุข อิเหี้ย เลว
กอดน้องปอนด์ ผชเลวแบบนั้นไม่คู่ควรนู๋เลยลูก อยากอ่านเรื่องปอนด์ต่อจะมีไหม
หัวข้อ: Re: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: azaki ที่ 17-12-2017 23:47:44
แจ้งทุกท่าน ตอนนี้นิยายเรื่อง "กลรักลวงใจ" มีวางจำหน่ายบน E-Book ด้วยนะครับ(meb ,hytexts , ookbee) แต่ต้องเปลี่ยนชื่อเนื่องจากชื่อเรื่องไปตรงกับนิยายของนักเขียนท่านอื่น ฝากไปอุดหนุนกันด้วยนะครับ ส่วนเรื่องต่อของปังปอนด์กำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนต่อดีไหม แต่คาดว่าในอนาคตน่าจะเขียนแน่นอนแต่ต้องวางพล็อตเรื่องใหม่ก่อนครับ ขอบคุณนะครับ
---------------------------------
☑️ประเภทนิยาย :