ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
*************************************************************************************
คุณจำความรู้สึกครั้งแรกที่ได้สบตาคนที่แอบชอบได้หรือเปล่า
Sex phone
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=4TnqxLedzhA (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=4TnqxLedzhA)
..................
...........
.......
....
...
..
.
Sex phone III
มันคงเป็นอาการที่ใครๆก็เป็นกันละมั้งมาเฟียคิดว่าอย่างนั้น อย่างเช่นนั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็ยิ้มขึ้นมาเสียเฉยๆ ทำอะไรก็เป็นว่ามีแต่รอยยิ้ม อะไรที่แสนจะเครียดแค่ไหนก็ยังยิ้ม...
สุขใจ...ที่สุด
คืนนี้จะไม่มีเสียงของกวินผ่านลำโพงเครื่องสวยอีก เพราะเจ้าตัวฝากข้อความไว้แล้วว่าวันนี้หยุด... ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องฟัง... แต่ไอ้ที่ทำให้นั่งยิ้มอยู่ได้ตลอด เขินจนล้มตัวกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโซฟาก็เพราะไอ้เสียงเพลงที่เจ้าตัวร้องเอง อัดจากที่ห้องส่งสถานีวิทยุแล้วเอามาให้เขา
ก็พอจะเดาๆ ได้บ้างว่าอีกฝ่ายก็คงจะคิดเหมือนกัน ก็ท่าทางออกขนาดนั้น แต่ก็แอบเผื่อใจไว้เสมอว่า อาจจะแค่คิดไปเองอะนะ... ใครจะไปคิด...โอยยย...
กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวเองดีๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มาเฟียยิ้ม ปล่อยให้มันเข้าสู่ระบบฝากข้อความ “ทานข้าวเย็นหรือยังครับ... ทานพร้อมกันมั้ย?” กำลังคิดถึงอยู่นะ โผล่มาอย่างเร็วเลยนะ...
ผู้ชายคนนี้...อ่อยหรือไงนะ...
มาเฟียอมยิ้ม ก่อนจะเดินไปที่เครื่องรับ แล้วกดโทรออก...
“ผม กวินครับ ตอนนี้ผมไม่สะดวกรับสาย กรุณาโทรกลับมาใหม่ หรือฝากข้อความไว้นะครับ”
ติ๊ดดด...
“มีอะไรทานบ้างล่ะ... อยากดื่มโค้ก...”
ไม่นานหลังจากวางสาย อีกฝ่ายก็ฝากข้อความกลับมาอีกว่า...
“ไม่มีหรอก...คุณครับไม่มีอะไรทานเลยเหรอ? ฝนตกไม่ได้ออกไป ไม่มีอะไรในตู้เย็นด้วย” สรุปโทรมาชวนเพราะตัวเองกำลังจะอดตาย?
โอ้ย... อย่ามาอ้อนได้มั้ย...
หลงนะว้อยยยยย
“ผม กวินครับ ตอนนี้ผมไม่สะดวกรับสาย กรุณาโทรกลับมาใหม่ หรือฝากข้อความไว้นะครับ”
ติ๊ดดดดดด....
“มีแต่ขนม เดี๋ยวจะเอาไปไว้ที่ตู้รับนะ...เฮ้ย!!!” มาเฟียร้องเสียงดังเมื่อยู่ ไฟในบ้านของตัวเองก็มืดลงเสียอย่างนั้น...
อะไรกันเนี่ย...
พอมองไปที่บ้านข้างๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
อย่าบอกนะว่า เป็นทั้งหมู่บ้านน่ะ....
เอาอีกแล้ววววว... ฝนตกหนักทีไร เป็นต้องไฟดับ
เซ็ง...
มาเฟียวางโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะเดินฝ่าความมืดไปในห้องครัวที่ตัวเองแทบจะไม่ใช้ทำอะไรนอกจากชงกาแฟ เเล้วเปิดตามลิ้นชักได้เทียนเล่มเล็กๆ มาสองเล่ม เขาเดินเอาเทียนมาวางที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะสะดุ้ง เพราะเสียงเคาะประตูบ้าน?
“คุณครับ...” เสียงที่ดังตะโกนอยู่นั้นทำเอาเขานิ่งค้าง...
กวิน...
กวินมา!
“คุณครับ...เปิดประตูให้ผมหน่อย ผมเปียกไปหมดแล้ว หนาวด้วย” ร่างสูงเพรียวเกิดอาการตื่นเต้น สั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น...
กวินมาหาเขา...เสียงที่ได้ยินก็ไม่ได้ผ่านโทรศัพท์แล้ว อยู่แค่บานประตูกั้น
แล้วเขาจะทำยังไงดีล่ะตอนนี้...ดูสิเสื้อผ้าก็เป็นชุดธรรมดา...แล้ว...หน้าตาก็...
โอ้ยยยยย...เวรแล้ว....
“คุณครับ” เสียงนั้นละห้อยจนน่าสงสาร อะไรอีกละ “จะไม่เจอผมจริงๆเหรอ?” คิดไปโน่น
เขาแค่ตื่นเต้นว้อยยย
“ไม่อยากเจอผมเหรอ?” เอ่อะ... “คุณครับ”
“กำลังจะเปิด” นั่นแหละ พอรู้ตัวก็พูดออกไปแล้ว...
ก็...ก็ ดูเขาทำเสียงอ้อนเซ่.... ดับดิ้นไปเลย!
มาเฟียเปิดประตูหน้าบ้านจนได้ และสิ่งที่เขาเห็นก็คือ...
....มนุษย์เสื้อกันฝนใส่แว่นเนิร์ดที่ยิ้มแฉ่งรอเขาอยู่...
ไหนบอกเปียก ไหนบอกหนาว?...
อีกแล้วนะ กวิน!
“กลับไปเลยยยยยย” มาเฟียว่าเสียงหนัก ก่อนจะตั้งท่างับประตูใส่หน้า แต่ขอโทษตั้งใจบุกมาหาขนาดนี้เรื่องอะไรจะกลับง่ายๆ กวินดันและรีบแทรกกายผ่านประตูเข้ามา...
“โกหก”
“ผมเปล่านะ”
“ไหนบอกเปียก”
“ก็นี่ไง” กวินใช้มือข้างหนึ่งชี้ที่เสื้อกันฝนของตัวเอง
“ไหนบอกหนาว”
“หนาวจริงๆ นะ” ว่าแล้วก็ทำท่าสั่นๆ
อร้ากกกก...น่ารักไปปะ?
“ถอดเสื้อไปน้ำมันหยด” เขาไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้งจริงๆ นะ แต่...
อีกฝ่ายมันกวนประสาทเขาใช่ปะ?
“งื้อ..อะไรน่ะ มาทงมาถอด” กวินเย้า ทำท่ากอดอกประหนึ่งว่าตัวเองกำลังจะโดนมาเฟียลวนลามอย่างนั้น และแน่นอนว่า...ท่าทางนั้นมัน...โคตรจะน่ารัก
แต่...
ใช่เวลา?
“หิวจนหน้ามืดหรือไงกวิน”
“ความจริงผมแอบอยากหน้ามืดตอนมองคุณครับนะ”
“อะไรนะ?” เขาไม่ได้หูหนวกหรอกนะ แต่ไอ้ที่ได้ยินน่ะมัน... คิดไปไกลนะว้อย!
“....” กวินไม่ตอบ แต่พยายามถอดเสื้อกันฝนออกจากตัว แล้วหันซ้ายหันขวา ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน เพราะความมืดที่ยังไม่ค่อยชิน
“เอามานี่มา” มาเฟียแย่งเอาเสื้อพลาสติกในมือของอีกฝ่ายมาวางไว้ที่ชั้นวางของใกล้ๆ กับชั้นวางรองเท้า เขาเพิ่งสังเกตว่ากวินถือถุงพลาสติกมาด้วย...
“ผมเอาเทียนมาด้วย” ว่าแล้วก็ยิ้มเผล่ อย่างน่ารัก...
งื้อ...อย่ามาโปรยเสน่ห์แถวนี้นะ
“เข้ามาสิ” ร่างเพรียวลมเชิญแขกยามวิกาลเข้ามาในบ้านแบบจริงจัง เขาเดินนำกวินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่มีเทียนจุดอยู่แค่สองเล่ม...
“คิดถูกที่ผมเอาเทียนมาด้วย"
“มันหมดพอดีไม่ได้ดูก่อนออกไปซื้อของ ที่นี่ไฟดับบ่อยมาก”
“คงมีปัญหาที่หม้อแปลงหน้าหมู่บ้านแหละ ผมอุตส่าห์บอกอยู่ทุกวี่วันว่าพายุจะเข้าๆ ก็ไม่มีใครเชื่อผม”
“เป็นกรมอุตุฯ หรือไงกวิน”
“ผมเป็นคนที่คุณครับบอกว่าชอบต่างหาก”
ก็ถ้าจะมาทำให้เขินขนาดนี้นะ...
“กลับไปเลย” กวินมุ่ยหน้ากับคนที่พูดประโยคนั้น ส่งตัวเองเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวเล็กของห้องรับแขก ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมก่อนจะยักคิ้วแผลบใส่คนที่นั่งอยู่ที่โซฟาใหญ่อีกฝั่ง...
"เรื่องอะไรจะกลับ” ก็เป็นซะอย่างนี้... ใครจะไปคิดว่าเป็นคนที่พูดอะไรได้เยอะแยะขัดกับหน้าตา...
“เป็นคนนิสัยอย่างนี้หรอกเหรอ?”
“ผมนิสัยน่ารักกว่าหน้าตาครับ” ก็ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้หน้าใสๆ ตาซื่อๆ ยิ้มหวานๆ แว่นเนิร์ดทรงเก๋ เสื้อโปโลสีขาวนั้นละก็...จะตบให้ดิ้นตายเลย...
มาเฟียไม่พูดอะไรอีก... ก็กลัวว่า ถ้าพูดอะไรไปอีก จะโดนย้อนให้หัวใจทำงานหนักกว่าเดิม... สุดท้ายก็ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบคลุมทั่วทั้งบ้าน...พร้อมกับเปลวเทียนที่ส่องสว่างมากขึ้นเพราะกวินจุดเทียนหอมที่ตัวเองหอบเอามาด้วย...
แสงสลัวไหววูบไปมา เหมือนกับอารมณ์ความรู้สึกของคนที่นั่งเอนตัวกับโซฟานุ่ม กลิ่นหอมของมันอบอวนให้เคลิ้มฝัน...
“มีเยอะเหรอ?”
“ของเพื่อนที่ทำงานครับ” มาเฟียเหลือบมองที่นั่งอีกฝั่งของโซฟาตัวที่ตนนั่ง ย้ายมานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เนียนนะ...
“เพื่อนเหรอ?”
“ครับ...เขาจัดรายการช่วงกลางวันเสียส่วนมากครับ” มาเฟียพยักหน้า เท้าคางของตัวเองกับที่วางแขนเหลือบมองอีกคนที่นั่งพิงพนักโซฟาเป็นระยะ...
กวินไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม... ความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะชวนคุยอะไรให้มากมายหรอก แบบ...ไหลไปตามน้ำ ยิงมุกสดไปเรื่อย...
พอเงียบลงก็เป็นอันหาเรื่องคุยไม่ถูกเหมือนกัน...
มันไม่ได้คุยกันยากนักหรอก เพียงแต่ที่ผ่านมา...ไม่มีใครพูดอะไรกันก่อนเองต่างหาก มัวแต่เขินกันไปอายกันมา... เป็นไงล่ะ พอจะอะไรจริงจัง ก็ไปกันไม่ถูก
เปลวเทียนสลัวไปไหววูบไปมา กลิ่นหอมอ่อนโชยอบอวน...เสียงสามลม พายุกับพัดอยู่ด้านนอก มันเด่นชัดเลยว่าแทบจะทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน...
กวินเหลือบไปมองร่างที่เอนซบอยู่ที่มุมโซฟา... ก็เลือกนั่งกันไป เอาซะไกลคนละฝั่งโซฟา แต่ว่า... จะขยับเข้าหายังไงล่ะ
ที่คุยได้จ้อยๆ ก่อนหน้านี้มันก็เกินความคาดหมายแล้วนะ หรือจะต้องใช้มุกเนียนอีก? จะเนียนยังไงล่ะ?
วินาทีที่ครุ่นคิด เป็นช่วงจังหวะที่สายตาของอีกฝ่ายหันมาพอดี...
คุณจำความรู้สึกครั้งแรกที่ได้สบตาคนที่แอบชอบได้หรือเปล่า
ทั้งสองคนไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นยังไงในตอนนั้น เพราะตอนนี้ที่รู้สึกได้ก็คือ... ใบหน้ามันรู้สึกชาๆ เย็นเยียบ ก่อนจะเริ่มระอุร้อนขึ้นมาที่ละนิด ริมฝีปากก็ต้องเม้มให้แน่นเข้าไว้เพราะถ้าเกิดเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ มันจะดูออกหน้าออกตาไปมั้ย?
มาเฟียจึงได้แต่หลบสายตาซุกหน้ากับท่อนแขนแอบยิ้มอยู่อย่างนั้น ส่วนกวินก็แค่ก้มหน้านั่งเท้าแขน แล้วยิ้มออกมา
มันเหมือนปั๊บปี้เลิฟ แต่ทั้งคู่รู้ดีว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ว่าเคยผ่านอารมณ์แบบนี้มาก่อนเสียเมื่อไหร่ แค่กับคนๆที่นั่งอยู่คนละมุมตอนนี้มันทำให้รู้สึก ตื่นเต้นพร้อมทั้งสงบนิ่งได้ในเวลาเดียว....
“ฟังเพลงมั้ย?”
“ไฟดับ” มาเฟียตอบทันที
“ไอพอดไม่ต้องใช้ไฟฟ้านะจนกว่าแบตจะหมด” นั่นไง...ไหลไปได้ทุกช่องสิน่า...
แต่ที่ทำให้มาเฟียสะดุ้งน้อยๆ ก็คือ...ไม่รู้ว่าตอนไหนที่อีกฝ่ายขยับมาอยู่ใกล้ๆ จนสามารถเอาหูฟังใส่หูให้เขาข้างหนึ่ง พอขยับตัวลุกขึ้นเลยกลายเป็นว่าอยู่ห่างกันแค่คืบ ทั้งที่ตอนแรกห่างกันเป็นเมตรๆ
เพิ่มจากความเงียบงันก่อนหน้าคือเสียงเพลงเพราะๆ ที่ได้ยินในหู กับระยะห่างที่ไม่คิดว่าจะได้อยู่ใกล้กันแค่นี้... น้ำหอมที่ใช้กลิ่นอะไรนะ หรือว่าจะเป็นกลิ่นจากเทียนหอมที่อุตส่าห์หอบมา
“เราใกล้กันแค่นี้เอง” กวินยกมือขึ้นทำท่าความห่างของทั้งคู่ แค่ปลายนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ “เห็นด้วยมั้ย?” มาเฟียพยักหน้า....แต่กวินกลับส่ายหน้า
“แต่ผมไม่เห็นด้วย”
“ทำไม? พูดเองนะ” ถามไปแล้วก็เกิดอาการอยากตบปากตัวเองเมื่อเห็นท่าทางยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย...
“ก็จริงๆ แล้วเราอยู่ห่างกันแค่นี้” กวินทำท่าคืบมือ ยิ้มกริ่มให้กับมาเฟียที่เอนตัวไปพิงพนักโซฟา “ถ้าจะให้ใกล้เท่านี้” ขยับปลายนิ้วให้ใกล้เท่าระยะเดิมแรก
“เราก็ต้องใกล้กันมากกว่านี้สิ”
“อย่ามาเนียน” มาเฟียยิ้มใช้ฝ่ามือผลักมือของพ่อหน้าหวานที่ทำมึนจะเนียนเข้ามาใกล้อีกออกด้วยอารมณ์โคตรจะเขิน
“ผมก็เนียนตลอดล่ะ ดูสิผิวอย่างเนียน” ไม่พูดเปล่ายื่นแขนมาตรงหน้าของมาเฟียจนเขาต้องยกมือขึ้นแตะๆ พิสูจน์
“แน่ะ...แตะอั๋งผม” มาเฟียถึงกับตาโตเมื่อได้ยินแบบนั้น ผลักแขนของพ่อตัวแสบออกไปอีก
“นายบอกให้ดู”
“ก็บอกให้ดู แต่คุณครับแตะ” ทั้ง มึน ทั้งเนียน ทั้งกวน!
“ไปไกลๆ เลย”
“เรื่องอะไร เนียนมาขนาดนี้ละ” ยอมรับกันแบบหน้าซื่อตาใสตามแบบฉบับของกวินเลยว่า...เขามันจอมเนียนเลยล่ะ
“เด็กอะไรวะ”
“ผมจะยี่สิบสามแล้วครับ”
“ก็อ่อนกว่าฉันอยู่ดี ตั้งปีหนึ่ง”
“คุณครับแก่ว่างั้น?”
“กวิน”
“ครับ^^” ไอ้เด็กหน้าเป็น!
“แค่ปีเดียว”
“มันก็ตั้ง365วันนะครับ” ไม่ไหวแล้วว้อยยย มาเฟียฟาดเพี๊ยะเข้าที่แขนของกวิน อีกฝ่ายก็สู้สิ เรื่องอะไรจะยอมเป็นกระสอบทราย
ตีกันไปกันมาก็เป็นอันสะดุดกึก เมื่อซาวด์หวานๆ ดังแทรกเข้ามาในหู....
It's been a long and winding journey, but I'm finally here tonight
Picking up the pieces, and walking back in to the light
In to the sunset of your glory, where my heart and future lies
There's nothing like that feeling, when I look into your eyes...
เมื่อสายตาได้สบกัน รอยยิ้มอ่อนๆ ที่เผยขึ้น ความอ่อนหวานที่สื่อออกมานั้นมันไม่ยากหรอกที่จะทำให้อีกฝ่ายยิ้มตอบออกมา... ความหมายที่หวานซึ้ง ที่เคยจำได้ขึ้นใจ มันกลับกระท่อนกระแท่นในความทรงจำ คงเพราะห้วงเวลาที่แสนหวานที่ได้ยิน
My dreams came true, when I found you
I found you, my miracle...
คงเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ ที่ทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น ใครจะไปคิดกันล่ะ ว่าเพื่อนข้างบ้าน จะกลายมาเป็นคนในใจ เพียงเพราะการเฝ้ามองกันและกันและฟังเสียงผ่านระบบฝากข้อความ...
If you could see, what I see, that you're the answer to my prayers
And if you could feel, the tenderness I feel
You would know, it would be clear, that angels brought me here...
จริงหรือ...หากความรู้สึกนี้ไม่ได้หลอกตัวเอง...ความจริงแล้วพ่อเพื่อนบ้านของเขาคือคนที่ถูกส่งมาเพื่ออยู่เคียงข้างเขา
รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่มีให้กัน โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร...
Standing here before you, feels like I've been born again
Every breath is your love, every heartbeat speaks your name...
ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างรับรู้ได้ถึงความใกล้ชิดที่ไม่เคยมีมาก่อน ทุกลมหายใจ ทุกจังหวะของหัวใจที่กระหน่ำรัวสลับกับหนักหน่วง แต่กลับเข้ากันได้ทั้งสองดวง...อย่างเป็นธรรมชาติ... ราวกับถูกปั้นแต่งมาเพื่อกันและกันแล้ว
My dreams came true, right here in front of you, My miracle...
If you could see, what I see, you're the answer to my prayers
And if you could feel, the tenderness I feel
You would know, it would be clear, that angels brought me here...
“บอกแล้วไงว่าเราอยู่ใกล้กันนิดเดียวเชื่อผมหรือยัง...คุณครับ” น้ำเสียงหวานนุ่มนั้นมันทำให้เขาหน้าร้อนผ่าว ไม่ว่าจะฟังผ่านคลื่นวิทยุ เครื่องรับหรือแม้แต่อยู่ต่อหน้ากันแบบนี้...เมื่อเรียกร้องชื่อของเขา... เหมือนกับชื่อของเขามีไว้ให้คนๆ นี้เอ่ยถึงเพียงคนเดียว
Brought me here to be with you,
I'll be forever grateful (oh forever Faithful)
My dreams came true
When I found you, My miracle...
มันคือท่อนที่เขาชอบที่สุด ใช้คำว่ารักที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกมากมายกับท่อนนี้ เมื่อได้ฟังและสบตากับอีกฝ่าย....ตรึงทุกอย่างให้หยุดนิ่งอยู่กับที่เมื่อสายตาส่งผ่านความนัยที่หมายความเช่นเดียวกับที่หูกำลังได้ยินเนื้อเพลง...
“นึกถึงหน้าคนที่ชอบอยู่หรือเปล่า...คุณครับ” มาเฟียส่ายหน้ายิ้มบางๆ
“กำลังมองอยู่ต่างหาก...” กวินยิ้มหวาน ขยับเคลื่อนกายเข้าไปใกล้อีกนิด...นิดเดียวจริงๆ นะ
แต่...ทั้งสองร่างก็ชะงักนิ่งค้าง...กลับเข้าสู่โหมดแห่งความเป็นจริงที่ทำเอาต้องสะอึกหัวเราะ
“แบตไอพอดของผมหมด”
“เลือกหมดได้ถูกเวลาจริงๆ” แถม...
พรึบ!!!
แสงไฟในตัวบ้านส่องสว่างขึ้นแทบจะพร้อมกัน ทำเอาเปลวแสงสลัวของเทียนไร้ประโยชน์ไปเดี๋ยวนั้น
“นี่ก็เลือกมาได้ถูกเวลาเกินไปแล้ว” กวินบ่นอุบอิบ ขยับกายนั่งให้ดีกว่าเดิม แน่นอนว่ามาเฟียนั้นดีดตัวเองกลับไปนั่งท่าเดิมทันทีที่ไฟมานั่นแหละ...
จะดับต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้...
ใบหน้าหวานถูกเท้าด้วยฝ่ามือ มองไปยังเครื่องเสียงที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมไปหยิบรีโมทย์มาเปิดการทำงานของมันที่ค้างอยู่เพราะไฟดับ ไม่ถึงนาทีเสียงเพลงที่เจ้าของบ้านฟังก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้น
ไม่มีซาวด์ดนตรี ไม่มีท่วงทำนองที่เพราะพริ้ง มีเพียงเสียงหวานนุ่มที่คนฟังถึงกับหน้าแดงพร้อมๆ กันแต่ต่างความรู้สึก...
คนหนึ่งหน้าแดงเพราะถูกจับได้ว่า วันทั้งวันเอาแต่ฟังเพลงที่อีกฝ่ายตั้งใจอัดมาให้... อีกคนก็หน้าแดงเพราะเขินกับความบ้าของตัวเองที่ทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน...
สุดท้าย ก็เป็นหนุ่มหน้าหวานนั่นแหละที่คิดอะไรประหลาดขึ้นมาได้อีก ก็ในเมื่อมันเขินอยู่แล้วก็ควรดับความอายด้วยความเขินที่มีมากกว่า...ดังนั้น...
เสียงของเขาจึงเปล่งออกมา แข่งกับเจ้าลำโพงที่ทำงานอยู่
‘If you could see, what I see, you're the answer to my prayers
And if you could feel, the tenderness I feel
You would know, it would be clear, that angels brought me here...
Yes they brought me here...
If you could feel, the tenderness I feel...
You would know, it would be clear, that angels brought me here...’
มันเกินจะห้ามใจตัวเองแล้ว... สายตาที่จดจ้องมองแผ่นหลังของคนที่นั่งเท้าศอกอยู่นั้นมันอ่อนหวานแค่ไหนคงไม่มีใครรู้หากไม่มาเห็นเอง แต่สิ่งที่เจ้าตัวแสดงออกตอนนี้มันยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด...
มาเฟียขยับกายเคลื่อนเข้าไปใกล้แผ่นหลังนั้น เกยคางไหล่ไหล่แข็งแรงและสอดอ้อมแขนโอบกระชับเอวสอบของหนุ่มหน้าหวาน
กวินไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้ขยับตัวหนี แต่เขากลับหยุดร้องเพลง... มันไปต่อไม่ได้แล้ว หัวใจของเขากำลังเต้นรัวเร็วอย่างบ้าคลั่ง เสียงของเขาอาจจะสั่นมากกว่านี้... ถ้าหากยังร้องหรือพูดอะไรออกไป...
สิ่งที่ทำได้ก็คือ...หลับตานิ่งๆ หูฟังเสียงเพลงที่ถูกตั้งให้รีพลีสเอาไว้ ทุกความรู้สึกจดจ่ออยู่กับจังหวะการเต้นรัวของหัวใจคนที่โอบกอดเขาจากด้านและของตัวเอง...
“หัวใจเต้นแรงมาก”
“ครับ” กวินตอบแค่นั้น ก่อนจะจับมือข้างหนึ่งของมาเฟียให้มาทาบที่อกข้างซ้ายของตัวเอง “เต้นแรงมากจริงๆ”
“กวิน” เรียกด้วยเสียงสั่นแผ่วพร้อมกับเผลอจิกปลายนิ้วลงที่แผงอกแข็งแรงที่มีเสื้อโปโลขว้างกั้นผิวเนียน กระชับอ้อมแขนและเบียดกายเข้าแนบชิด…ไม่ไหวจะทนนะ...
กวินพลิกกายหันมาหาเจ้าของอ้อมกอด สอดแขนรอบเอวที่ดูจะบางเหลือเกิน จดจ้องมองสบตากับอีกฝ่ายก่อนจะยิ้ม
พรึบ!....แสงสว่างหายไปเหลือแต่เปลวไฟของเทียนหอม ทำเอาทั้งสองคนสะดุ้งแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง...
“อีกกี่นาที”
“ไม่รู้สิ อาจจะไม่มาอีกก็ได้...” กวินนิ่งคิดกับคำตอบนั้น ไม่มาเลยก็ดีนะไฟฟ้าน่ะ มาพรุ่งนี้เลยเถอะ...
ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีเพียงรอยยิ้มเปื้อนหน้าที่มอบให้กัน รู้ตัวอีกทีก็คือหน้าผากก็แตะกันเบาๆ ปลายจมูกไกล่เกลี่ยกันไปมาราวกับจะหยอกล้อซึ่งกันและกัน
ใบหน้าของแต่ละคนต่างมองไม่ชัดเจน เพราะระยะห่างที่แทบจะเรียกว่าแนบชิดนั้น...
คงไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ ถ้านี่จะเป็น
คืนแรกที่ได้คุยกันแบบจริงๆ จังๆ
คืนแรกที่อยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้
เป็นคืนแรกที่จะมีจูบแรก...กับคนที่รัก
..............................
...................
............
......
....
....
น่ารักเนอะ :man1:
Sex phone
ความวุ่นวายล้านแปดทำเอามาเฟียขมวดคิ้วยุ่ง เขาเกลียดที่สุดก็คือไอ้งานเทศกาลหนังสือแห่งชาตินี่แหละ มันไม่ใช่ฟิลของเขาจริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่สังคมกับใครนะ แต่การสังคมของเขาคือการนั่งก้งเหล้ากับเพื่อนสนิทกันมากกว่า...
ไอ้จะมานั่งปั้นยิ้ม แจกลายเซ็นอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้มันโคตรจะทรมานตัวเองเลย แถมเมื่อคืนก็นอนเสียดึกด้วย เกลียด หัวหน้า บก.ที่มันกล้าไปลากเขาออกจากเตียงทั้งที่ยังนอนอยู่ในอ้อมกอดของกวิน...
ชิส์!
“ทำหน้าให้มันดีหน่อยท่านนักเขียนดัง อีกไม่กี่นาทีก็ต้องขึ้นไปแจกลายเซ็นแล้วนะ” ปรมินทร์ยืดกอดอกพูดลอดไรฟันบอกกับเขา... แต่อารมณ์นี้ใครมันจะยิ้มออก
ความดันลด ไมเกรนจับ หงุดหงิดยิ่งกว่าประจำเดือดไม่มาเสียอีก
“ฉันง่วง”
“ง่วงหรือไม่พอใจที่ไม่ได้นอนกอดกับพ่อหนุ่มตาหวานคนนั้นล่ะ” น้ำเสียงรู้ทันของปรมินทร์ทำเอามาเฟียยิ่งหน้ามุ่ย แสร้งหันไปมองรอบตัว ท่ามกลางบู๊ทหนังสือนับร้อยนับพัน
“ไม่เห็นไอ้เด็กหน้าหล่อวะ”
“ฉันมาที่งานอย่างนี้ก็ต้องให้ตฤนเฝ้าสำนักพิมพ์สิ เตรียมตัวเถอะ นี่จะบ่ายสองแล้ว เดี๋ยวต้องไปที่จุดแจกลายเซ็น” ไอ้จุดแจกลายเซ็นที่ว่านั่นก็คือ โต๊ะขนาดเล็กๆ ที่ปรมินทร์เช่าไว้ไม่ไกลจากที่บริเวณงานเท่าไหร่นัก มีไว้สำหรับนักเขียนเพื่อนั่งแจกลายเซ็นให้กับแฟนๆ นิยาย
มาเฟียน่ะ นั่งอยู่ตรงนั้นจนเบื่อแล้วล่ะ
งานแจกลายเซ็นเริ่มบ่ายสองแต่ไปลากเขาจากบ้านตั้งแต่แปดโมงเช้า... คิดว่าไอ้ บก.นี่มันคงว่างเกินไปถึงได้ตามจิกเขาขนาดนี้... ต้องหาทางให้มันมีแฟนให้ได้ คอยดูสิ!
มาเฟียนั่งแกร่วอยู่ที่บู๊ทอีกพักใหญ่ ก่อนจะทนไม่ไหวลุกขึ้นเดินไปมาแถวบู๊ทหนังสือของสำนักพิมพ์อื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เขาไปยืนเลือกหนังสืออยู่ไม่นาน แต่ก็ไม่มีหนังสือที่ถูกใจ ไม่รู้นะ ถึงเขาจะเขียนนิยายแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบอ่านนิยาย ยิ่งเป็นพวกนิยายรักนี่จบกันได้เลย ไม่คิดจะอ่าน...
การมาเดินเที่ยวงานเทศการหนังสือนี่...ไม่มีอะไรดีเลยนอกจาก เดินเบียดกันไปมา...
ให้ตายเถอะ..รวยเมื่อไหร่จะเลิกทำอาชีพนี้จริงๆ
มาเฟียชักรู้ตัวว่าตัวเองหงุดหงิดเกินไปแล้ว เขาเลยหยุดเดินกะทันหันตั้งใจจะหมุนตัวเดินกลับทางเดิม แต่กลายเป็นว่าการหยุดของเขาทำให้คนที่เดินตามหลังเสียขบวน ชนเขาจังๆ
“คุณครับ...หยุดทำไมไม่ขอความเห็นคนเดินตามบ้างล่ะครับ” ขอโทษแถอะนะ เขาโดนชนนะ แต่เหมือนได้คนที่เดินมาชนมันจะโยนความผิดให้กับเขา...และดูเหมือน เจ้าคนนี้จะรู้จักเขาด้วย...ซึ่งเขาเดาไม่ผิดหรอกว่าคือใคร!
“มาได้ไงกวิน ไหนบอกว่ามีงานนอกไงวันนี้” คนโดนถามทำหน้ายู่ ก่อนจะฉีกยิ้มตายี อาการนี้เตรียมตัวโดนคุณแฟนกวนโอ้ยโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวได้เลย
“ผมก็นั่งรถจากบ้านแล้วก็มาเดินที่นี่น่ะสิครับ คุณครับก็ถามแปลก...”ไม่พูดเปล่ามีการส่ายหน้าเป็นท่าทางประกอบ ประมาณว่าเขานี่ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย...
เชื่อเขามะ? ว่ากวินมันกวนตีน แต่ไม่รู้ตัว...
“อีกอย่าง...ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่สถานี ผมมาที่นี่ก็คือนอกสถานที่แล้ว...วู้ คุณครับนี่นะ”
หรือความจริงแล้ว...กวินมันกวนตีน แต่แกล้งแอ๊บมึน
“เออ...” กูมันก็ผิดตลอดล่ะวะ
“ว่าแต่คนเยอะเนอะ เดินไปทางโน้นเถอะ พวกผมมาจัดรายการกันที่นี่ จัดสถานที่อยู่ตรงโน้น” ว่าแล้วก็ลากมาเฟียตามไปด้วยหน้าตาเฉย โดยไม่รออีร้าค่าอีลมอะไร
ไอ้คนที่ผอมเสียจนลมพัดจะปลิวอย่างเขา กับไอ้เด็กหน้าเป็นที่หุ่นอย่างกับนายแบบนั่นน่ะ ไม่ต้องเดาก็รู้ใช่มั้ยว่าขัดใจไปก็ไม่มีผล
พูดเรื่องหุ่น...ว่าแล้วสายตาของมาเฟียก็มองกวาดแผ่นหลังของคนรักที่เดินแหวกฝูงคนไปด้านหน้า โดยที่ไม่ยอมปล่อยมือจากเขา แถมยังจับไว้จนแน่น
วันนี้กวินสวมเสื้อโปโลอีกแล้ว เหมือนกับวันนั้นที่ไปที่บ้านของเขาครั้งแรก ดูเหมือนเสื้อตัวนี้จะเป็นตัวโปรดนะ เห็นสวมบ่อยๆ แล้วก็ไอ้แว่นเนิร์ดอันนี้อีก แหมๆ จะสวมให้เป็นแว่นประจำตำแหน่ง พ่อคนหล่อน่ารักหรือไง...
แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนยังไง กวินมันหน้าตาน่ารักจริงๆ ให้ตายเถอะ...และได้ตายจริงๆ เพราะหน้าตานั่นน่ะมันแปรผกผันกับนิสัยทะลึ่งทะเล้นของเจ้าตัวน่ะสิ...
ทำตัวน่ารักไม่ว่า แต่ขอร้องว่าอย่าชิ่งถ้าเขาหลงมากกว่านี้...
นี่เตือน(ในใจ)แล้วนะ
กวินพามาเฟียเดินมาจนถึงบู๊ทของสถานีวิทยุที่มาจัดรายการสดๆ กันที่งานเทศกาลหนังสือ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ถูกจัดไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลากระมัง มาเฟียจึงยังไม่มีโอกาสได้เห็นการจัดรายการสดๆ
“วันนี้มาทำที่นี่เหรอ” กวินพยักหน้าดึงให้ร่างเพรียวลมของคนรักมายืนขนาบข้าง
“วันนี้ต้องเอาหน้าหล่อๆ มาเรียกเรตติ้งของสถานีสักหน่อยครับ” ว่าแล้วก็ยิ้มร่าทำเอาหมั่นไส้จนติดหมัด
“ทำอะไรบ้างล่ะ....”
“ก็จัดเพลงทำรายการปรกติครับ แล้วก็มีสัมภาษณ์นักเขียนของ สนพ.ที่เป็นสปอร์นเซอร์อีกนิดหน่อย”
“แล้วจะเลิกงานกี่โมง”
“ของผมก็เย็นๆน่ะครับ แต่ลุงเอ็กซ์ต้องอยู่จนงานเลิก” มาเฟียพยักหน้า แต่ก็อดสงสัยไม่ได้
“ทำไมไม่เลิกงานพร้อมกัน?”
“ผมต้องกลับไปจัดรายการที่สถานีอีก...แล้วคุณครับล่ะ กลับตอนไหนครับ” แต่มาเฟียไม่ทันได้ตอบคำถามก็มีเสียงแทรกเข้ามาเสียก่อน
“เฮ...ไหนว่าไปหาแฟนไง ทำไมมาเร็วจัง” เจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้ชายหน้าตาดี ที่มาเฟียแอบกลืนน้ำลายเลยล่ะ “มีของดีให้ดูด้วย” ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาตบไหล่ของกวินก่อนจะทำหน้ามีลับลมคมใน
“ไปหาแล้วครับ...คุณครับ นี่ หมูตุ๋นครับเป็นเพื่อนจัดรายการต่อจากผม” กวินแนะนำ ก่อนจะหันไปมองพ่อดีเจหน้าหล่อ(บัดซบ)
“หมูตุ๋น...คนนี้ มาเฟีย เป็นแฟนผมเอง” กวินพูดพร้อมกับยิ้มแฉ่ง ไม่ได้นำพากับอาการอึ้งกิมกี่ของเพื่อน หรือการกระตุกมือแรงๆ ของมาเฟียเลยสักนิด
“แฟน?”
“ครับ”
“ของนาย?”
“ใช่ครับ” ไม่ตอบเฉยๆ ยกมือข้างที่จับกันไว้ให้ดูด้วย ตอกย้ำเข้าไปสิครับ
“ทำไมทำงี้วะ ฉันยังไม่มีแฟนเลยนะ...แกมันร้ายยยยย กวิน ไอ้เสือซุ่ม!” กวินไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรเอาแต่ยิ้มแต้ให้ ส่วนบุคคลที่ถูกพาดพิง ก็จะทำอะไรได้ นอกจากทักทายเพื่อนร่วมงานของแฟนอย่างเสียไม่ได้...
เคยคิดมั้ยละนั่นว่าใครเขาจะมองยังไง ไม่ใช่ผู้ชายกับผู้หญิงนะเว้ยยยยย
“ว่าแต่มีอะไรให้ดูเหรอ?” กวินนึกขึ้นได้ ทำหน้าอยากรู้อยากเห็น หนุ่มหล่อก็ได้ทีทำยืดเล่นตัวอยู่พักหนึ่งนั่นแหละถึงจะยอมเอาของที่จะอวดออกมายื่นให้กวินดู
“นี่มัน!?”
“ชู่ว์....อย่าเสียงดังสิทั้งสองคนน่ะ” จะไม่ให้เสียงดัง....
ใครมันจะทำได้วะเฮ้ย!!!
มาเฟียอยากจะกรี๊ดให้ลั่นงาน ส่วนกวินก็ยืนตาโตมองหน้าปกหนังสือนั้นเขม็ง
“นายมองมันทำไม” มาเฟียกัดฟันพูด ทำเอาพ่อหนุ่มหน้าหวานหันมายิ้มแหะๆ ให้
ผู้ชาย... เห็นเป็นไม่ได้!!!
“ไปหามาจากไหนน่ะท่านหมูตุ๋น”
“ก็สั่งซื้อ แล้วเขานัดให้มาเอาในงานนี้ เพิ่งได้นี่แหละ เจ๋งเด็ดเลยเล่มนี่ คิคิ”
“บ้ากาม” มาเฟียงึมงำกัดฟันถากถาก แต่เพราะทั่วบริเวณงานมีคนเยอะและเสียงค่อนข้างดังทำให้คำพูดนั้นไม่ได้เข้าหูใครเลย
“ซื้อเล่มเดียวเหรอ?”
“ก็ใช่สิ” หนุ่มหล่อว่า ทำเอากวินหน้ามุ่ย “นายทำอะไร” หมูตุ๋นถามเมื่อเห็นกวินกดมือถือยิกๆ แน่นอนว่ามาเฟียก็อยากรู้ด้วยเช่นกัน
“ผมโทรไปสายด่วนของกระทรวงวัฒนธรรมครับ ให้มาจับหนังสือพวกนี้” กวินตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อยเฉื่อย แต่ไอ้รอยยิ้มสวยๆ นั่นมันฟ้องได้อย่างดีว่าแอบร้ายยยยย
“ไอ้บ้า!!! เอามานี่เลยนะ” เพื่อนหน้าหล่อแย่งมือถือของกวินไปกดตัดสาย แต่พอมองดูดีๆ แล้ว นั่นมัน...
เบอร์สั่งพิชซ่า!!
“แกแกล้งฉันเหรอ ไอ้เสือ!” หนุ่มหล่อเริ่มโวยวาย แต่กวินกลับหัวเราะร่า
“ก็ใครบอกให้นายไม่ซื้อเผื่อล่ะ” นี่คือเหตุผล?
ผั๊วะ!!
กวินแทบจะหน้าทิ่มพื้นเมื่อโดนตีหัวแรงๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกนะที่ทำร้ายร่างกายของเขาแบบนี้น่ะ...มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ
“คุณครับ...ตีผมทำไม”
“...” ไม่มีคำตอบ มีแต่อาการยืนกอดอกจ้องหน้าหวานๆ ตาใสๆ นั่นนิ่ง
เคยบอกแล้วใช่มะว่า... ไอ้เด็กนี่มันร้ายยยย
“ไร้เหตุผลจัง...” กวินมุ่ยหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาเอาเรื่องของคนรัก
“ลามกนะ” มาเฟียว่า แต่คนที่ตอบกลับเป็นอีกคน
“ร้ายขัดกับหน้าตาซื่อๆ ใสๆ ใช่ม้า...จะบอกให้นะหมอนี้ใช้ไอ้หน้าตาแบบนี้หลอกสาวมานักต่อนักแล้วล่ะ...คุณก็ระวังตัวไว้นะ หมอนี่น่ะ เสือผู้หญิง”
“ฮ้า...พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ไม่จริงสักหน่อย ผมไม่ได้หลอกใครนะ อีกอย่าง คุณครับไม่เชื่อคำใครง่ายๆ หรอก...ใช่มั้ย...ครับ?” กวินหันมาถามคนรักที่ยืนฟังนิ่งๆ แต่ความจริงต้องบอกว่าแข็งเป็นหินมากกว่า...
ถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้เลย...ว่า...
ไม่มีใครจะขี้หึงได้เกินหน้า ท่านมาเฟียหรอกนะ ยิ่งมีแฟนชื่อ กวินด้วยแล้ว...
“เอาหน้าใสๆ ของนายไปล่อลวงสาวมากี่คนแล้ว”
มันไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคบังคับให้ตอบ แน่นอนว่าคนเปิดประเด็น
“อูย...ดูเหมือนคนนอกอย่างฉันจะต้องรีบไปทำงานก่อนที่นายท่านจะมาถึงนะ นายก็...จัดการเองแล้วกัน” หมูตุ๋นไม่รอช้าหมุนตัวเดินลิ่วออกไปทันที เรื่องในครอบครัวไม่อยากเอาหน้าหล่อๆ เข้าไปแทรก...
จะเหลือก็แต่มาเฟียที่ชักจะบูดหนักกว่าเดิม และกวินที่ยืนทำหน้าเหรอหรา
“พูดอย่างกับผมเป็นอาชญากรเลยนะคุณครับ มาทางนี้ครับ” กวินดึงให้มาเฟียเดินตามมาที่ด้านหลังของบู๊ทที่เป็นสถานที่เก็บของของทีมงาน มีสต๊าฟกำลังนั่งพักกันอยู่สองสามคน แต่ทั้งสองไม่ได้จะทักใครเป็นพิเศษ นอกจากมาเฟียที่รู้สึกเกร็งๆ เมื่อถูกมองด้วยสายตาใคร่รู้จากหลายๆ คน
“ปวดหัวใช่มั้ย เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอนแถมต้องออกมาแต่เช้าอีก”กวินพิงร่างตัวเองกับผนังยกมือทั้งสองข้างขึ้นใช้ปลายนิ้วคลึงขมับของคนรัก
“อย่ามาทำเอาใจ” มาเฟียพูดเสียงเรียบ แต่กวินก็ไม่ได้ตอบอะไร กลับทำหน้ายู่ใส่ ก็แหม...ถามแบบนั้น มันลำบากใจที่จะตอบนี่...อีกอย่างเขาไม่ได้เคยไปล่อลวงใครมานะ
“ผมไม่เคยทำแบบนั้นสักหน่อย”
“นายมีแฟนมาแล้วกี่คน”
“แฟนจริงๆ ก็คนสองคนตอนเรียนมหา’ลัยนั้นแหละครับ”
“ไอ้ที่ไม่ใช่แฟนล่ะ”
“ผู้หญิงผู้ชายละครับ”
“กวิน!” มันกล้าถามย้อนเขามาแบบนั้นนะ...ไอ้เด็กคนนี้ ชักเยอะนะ!
“ก็แหม...มันก็มีบ้างตอนนั้นผมโสดนี่”
สำหรับกวิน...เขาไม่ชอบโกหกนะ แต่บางทีความจริงก็พูดไม่หมด เพราะรู้สึกเหมือนกับว่า ความจริงสามารถฆ่าตัวเองได้ไง เซฟไลฟ์ไว้ก่อนดีสุด...
“กี่คน”
“มันดูไม่ดีเลยอะคุณครับถ้าตอบ อย่างกับผมไปนับแต้มมาเลยอะ”
.....
.......
..........
ให้ตอบนะ...
กูควรจะทำยังไงกับเหตุการณ์ซ้นๆ นี้วะครับ!
เล่นย้อนมาแบบนี้คนสติดีที่ไหนก็คิดได้ทั้งนั้นนั่นแหละวะ ว่ามัน...เยอะ!
“มันเยอะมากขนาดนับเป็นแต้มเลยเหรอเนี่ย กวิน”
“ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นครับ แต่...” กวินกระมิดกระเมี้ยน ช้อนตามองคนรักแบบอ้อนๆ แต่ขอบอก ณ จุดนี้...มันนอกประเด็นว้อย!
“แต่อะไร...”
“ที่ไม่ใช่แฟนน่ะ...ผมจำไม่ได้”
............
.........................
.................................
ฆ่ากูเหอะ....
พระเจ้า.....................
“อย่าโกรธนะครับ...มันผ่านไปแล้ว ตอนนั้นผมก็วัยรุ่น คึกบ้าง อะไรบ้าง คุณครับก็รู้นี่ว่าผมหัวอ่อนใครพูดอะไรชวนอะไรก็ไปกับเขาหมด”
ประสาทจะแดกกูครับ...
“กล้าพูดนะว่าหัวอ่อนน่ะ”
“นิดนึง... อย่าโกรธนะ คุณครับก็รู้ว่าผมไม่มีใครหรอก”
“ก็อย่าให้รู้...” มาเฟียกัดฟันพูดแล้วก็ได้ถลึงตามองพ่อหน้าหวานที่แกล้งพูดแหย่เล่น(หรือจะจริง?)
“ถ้าทำเรื่องอะไรจะให้รู้”
“กวิน”
“ผมอยู่ห่างแค่นี้เอง ไม่ต้องคิดถึงมากขนาดทำตาหวานใส่ผมขนาดนี้ก็ได้ครับ”
สรุป...กวิน...มันกวนตีนโดยนิสัยเลยล่ะ
“อย่าให้ฉันรู้นะกวิน ฉันไม่เอานายไว้แน่”
“แต่ผมอยากเอาคุณครับนะ”
ก็ถ้าจะดิบขนาดนี้...
มาเฟียเม้มปากไว้แน่น มองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่ชอบใจอย่างที่สุด มันเดายากที่ไหนเล่าไอ้เรื่องป๊อปปูล่าเนี่ย...ไม่ว่าจะมองมุมไหน ถ้าไม่มีสาวมากรี๊ดกวินนะ ก็ให้ชะนีพวกนั้นไปเช็คสมองกันได้เลย... ไม่เคยมีอะไรกับใครสิแปลก...
หวงอะ...
ฮึ้ย!
“คุณครับ...ผมไม่ได้มีใครจริงจังเลยนะ ตอนนี้ก็มีแค่คุณครับแหละ”
“ตอนนี้ไม่มี แล้วตอนหน้าล่ะ”
“เรื่องของเราเป็นนิยายที่แต่งหรือไงล่ะครับถึงได้มีตอนหน้าตอนโน้นน่ะ” ก็ดูย้อนมาแต่ละทีสิ มันน่าหมั่นเขี้ยวจนอยากจะจับฟัดบนเตียงมั้ยเนี่ย...
“ก็ลองฉันมีแฟนแสนแปดอย่างนายดูมั้ยล่ะ”
“ผมไม่ว่าหรอก”
“ไม่หึง?”
“หึงสิ” ตอบได้เร็วมากกกกก
“หวงล่ะ”
“มากเลย” กวินทำเสียงน่ารัก ทำเอาคนถามอมยิ้มแต่แกล้งฟอร์มรีบตีหน้าบึ้ง
“เคืองปะ?”
“ไม่หรอก...”
“ทำไมล่ะ”
“ก็มันจบไปแล้วนี่ อีกอย่างผู้ชายหน้าตาน่ารักแล้วแถมนิสัยน่ารักกว่าหน้าตาอย่างผม ไม่ได้หาได้ตามร้านสะดวกซื้อนะครับ...ได้ผมแล้วคุณครับยังไปหาคนอื่นก็คิดผิดแล้วล่ะ”
คือ...ว่า...จะให้มาเฟียไปต่อยังไงดี?
“หลงตัวเองว่ะ”
“ต้องซ้อมหลงตัวเองไว้ เพราะผมหลงคุณครับมาจนโงหัวไม่ขึ้นละ เดี๋ยวมันจะไม่สมดุลกัน”
งื้อ.............
เขิน...........คร้าบบบบบบบบบ
“พูดอะไรของนาย” รูปประโยคเหมือนจะไม่พอใจนะ แต่น้ำเสียงและท่าทางนี่ปิดไม่มี แอ๊บไม่เนียนกันเลยล่ะ ก็นะ...ลองมาเจอมุกสดอย่างนี้สิ...
อยากรู้ว่าเป็นยังไง ลองหาแฟนเป็นดีเจกันดูนะ...
“คุณครับ...”
“อะไร?”
“รักผมมากกว่านี้อีกนิดนะ”
“ทำไม” ไม่อยากจะบอกให้ได้ใจหรอกนะ... แต่ความจริงตอนนี้ตาทั้งสองดวงไม่มีไว้มองใครนอกจากคนตรงหน้านี้หรอก หัวใจก็ไม่ได้มีไว้เพื่อเต้นให้คนอื่นแล้ว...
“เพราะผมรักคุณครับมากเท่า...”
“เท่าอะไร?” กวินยิ้ม ก่อนจะชี้ไปที่ปลายจมูกของตัวเอง ทำเอามาเฟียขมวดคิ้วไม่เข้าใจ...
“ไว้อยู่ด้วยกันสองคนจะบอก บอกตอนนี้เดี๋ยวคุณครับหน้ามืดปล้ำผมขึ้นมา...แม่ต้องเสียใจแน่ที่ลูกชายอยู่ก่อนแต่งน่ะ”
“นายมีพรสวรรค์นะกวิน... พรสวรรค์ในการทำให้เรื่องโรแมนติกให้เป็นโรแมนแตกได้น่ะ”
“ถ้าอยู่กันสองคนอาจจะมีอะไรแตกมากกว่านี้นะ”
คือ...ถ้าจะคิดลึกกับคำพูดของกวินน่ะนะ...มาเฟียมั่นใจได้เลยว่าแทบทุกประโยคหมอนี่สามารถพูดได้ส่อนัยที่สุด!
“ไปทำงานเลยไป”
“อีกพักแหละครับ ว่าแต่คุณครับเถอะ แจกลายเซ็นกี่โมง” มาเฟียขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงไปจับข้อมือของคนรักเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนสวย
“ตายล่ะ...ฉันสายแล้ว เลิกงานกี่โมง”
“ห้าโมงครึ่งผมต้องออกจากที่นี่แล้วครับ”
“งั้นฉันจะมารอนะกลับพร้อมกัน”
“แต่ผมต้องไปทำงานต่อนะครับ” มาเฟียเม้มปาก มองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจว่าจะพูดดีมั้ย
“ฉันไปรอที่ทำงานได้ปะ?” กวินเลิกคิ้ว นิ่งไปครึ่งนาทีก่อนจะพยักหน้า...
“ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่คุณครับจะไหวเหรอ เมื่อคืนก็นอนน้อย กลับไปพักไม่ดีกว่าเหรอ?” กวินว่าพร้อมกับยกปลายนิ้วขึ้นแตะที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
“ก็...นะ ไปด้วยสิ อยากเห็นนายตอนทำงาน”
“ก็ได้ครับ...แต่ต้องอยู่กับผมจนเลิกงานเช้าเลยนะ ผมไม่ปล่อยให้คุณครับกลับคนเดียวแน่”
“รู้น่า...ไปแล้วนะ ถ้าว่างไปหาที่แจกลายเซ็นก็ได้นะ”
“คงได้ไปหรอก...นี่ คุณครับเซ็นต์ให้ผมบ้างสิ” กวินพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ทำเอามาเฟียสะดุดขึ้นมา
ได้ข่าวว่าแฟนของเขาอ่านหนังสือเกินสามหน้าได้ที่ไหน...หลับเป็นตายเสียก่อน
“นายอ่านหนังสือของฉันเหรอ? ไหนว่าไม่อ่านนิยายไง”
“ก็ไม่ได้อ่านแต่อยากได้ลายเซ็นที่พิเศษกว่าคนอื่น เพราะผมเป็นผู้ชายที่เหนือกว่าใครของคุณครับ” ว่าแล้วก็ยิ้มแฉ่ง...
เออ...ก็ตายเพราะไอ้ยิ้มแบบนี้แหละ
“ปากกากระดาษอยู่ไหนล่ะ” มาเฟียอดไม่ได้จริงๆ ให้ตายวันละหลายรอบกับรอยยิ้มแบบนี้เถอะ
“ไม่มีอะ...อะ...น้อง...ขอยิ้มเมจิกหน่อยสิ” กวินเรียกน้องสต๊าฟที่กำลังจะลุกเดิน(หนี)ไปทำงาน(เพราะทนความเลี่ยนไม่ไหว) พร้อมกับเดินไปรับเมจิกที่น้องเขายื่นให้แล้วเอามาส่งให้กับมาเฟีย
“ได้เมจิกละทีนี้คุณครับก็เลือกเซ็นต์เลยครับบนเสื้อที่ผมสวมอยู่นี่แหละ”
“เอาจริงอะ” มาเฟียไม่แน่ใจนัก แต่คำตอบที่ได้รับก็สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความและจบทุกอย่าง
“อื้ม...”
มาเฟียมองซ้ายมองขวาแต่ก็ตัดสินใจไม่ได้จริงๆ ว่าจะเซ็นต์ตรงไหนข้างหลังข้างหน้า หรือตรงไหน เขาเอาแต่ยืนเงียบๆ ซึ่งกวินก็นิ่งได้ใจจริงๆ เพราะไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย รอคอยให้คนรักเซ็นชื่อลงบนเสื้อโปโลสีขาวที่เขาสวมอยู่...
จนผ่านไปอีกเป็นพักนั่นแหละร่างสูงโปร่งของมาเฟียถึงขยับเข้ามาใกล้และยกมือขึ้นแตะตรงหน้าอกด้านซ้ายของกวิน ใช้ปลายเมจิกจรดลงอกด้านซ้าย บรรจงเขียนข้อความและลากลายเซ็นของตัวเองช้าๆ
ให้หมึกทุกหยดค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่เนื้อใยผ้า หวังให้มันติดแน่นทุกอณูที่ลากเขียน เช่นเดียวกับที่ทุกอณูความรู้สึกที่มีให้กัน...
Gawin!! You’re my boy… Mafia
ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามตัวอักษรนั้นอย่างพึงพอใจที่มันติดอยู่ตรงนั้น แล้วใช้ด้ามเมจิกที่ถืออยู่เคาะแผงอกอีกฝ่ายเบาๆ...
“ประกาศตัวแล้วนะ”
“แรงนะเนี่ย ฮิฮิ” กวินหัวเราะชอบใจ ก่อนจะดึงเอาเมจิกมาถือเองบ้าง แล้วจับร่างผอมบางของคนรักหันหลังให้ตัวเอง...
“ผมเซ็นต์บ้าง”
“อะไร...อย่าเชียวนะ เสื้อตัวนี้แพงนะเว้ย” มาเฟียเริ่มจะโวยวายและขัดขืนแต่เสียงกระซิบข้างหูก็ทำเอาต้องยืนนิ่ง
“ถ้าดิ้นผมจูบตรงนี้เลยนะ” ใครจะว่าไงก็ช่างเถอะนะ แต่มาเฟียยอมยืนเฉยๆ เลยล่ะ เพราะรู้แก่ใจว่า...กวินทำจริงแน่
“จะเซ็นต์ทำไมเล่า ไม่ได้อยากได้ซักหน่อย” มาเฟียอุบอิบแต่ก็ยอมยืนนิ่งๆ ให้คนรักขีดๆ เขียนๆตรงแผ่นหลังด้านซ้ายของตัวเอง
โฮ...เสื้อตัวนี้มันโคตรจะแพงเลยนะ กวิน.... ทำไมเป็นเด็กอย่างเน้...
กวินยิ้มกริ่มมองข้อความที่ตัวเองเขียนติดเสื้อด้านหลังของคนรัก ไม่ได้ตัวโตอะไรมากมาย ไม่ได้สวยมากเพราะไม่ใช่คนลายมืองดงาม...แต่ในเรื่องของความรู้สึก...
กดไลค์ล้านครั้งไม่พอ...
“เขียนว่าอะไร”
“ผู้ชายคนนี้ของผม”
“จริงอะ”
“ไม่จริงครับ” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มทำเอาร่างบางหันมาเขกศีรษะแทบไม่ทัน “ผมเจ็บนะ”
“เขียนว่าอะไร”
“ไม่บอก -3-“ กวินทำมึน เดือดร้อนคนโดนแกล้งต้อเอียงตัวแล้วเอียงตัวอีก แต่ก็ไม่เห็นข้อความที่เขียนอยู่แทบจะแยกเขี้ยวใส่ก็แล้วแต่อีกฝ่ายก็ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้
“กวิน...แฟนนายเป็นนักเขียนหรือเปล่า? มีคนมาขอให้ประกาศหาอยู่เนี่ยเห็นชื่อเหมือนกันเลยมาถามก่อน” หมูตุ๋นเปิดประตูด้านหลังของบู๊ทออกมา “ใช่มาเฟียที่เป็นนักเขียนของ สนพ Y หรือเปล่า มีคนหน้าเด็กๆ มาขอร้องให้ประกาศหา”
“หมูตุ๋นครับ เราเป็นนักจัดวิทยุนะครับไม่ใช่ประชาสัมพันธ์ที่จะได้มา ติ้งต่อง ประกาศๆ ๆ บลาบลา”
“อ่าว...ก็เห็นน้องคนนั้นมากับลุงเอ็กซ์นี่หว่า”
“เดี๋ยวนะ...คนที่มานี่ชื่ออะไรครับ?”
“ปรมินทร์” ไม่ต้องเสียเวลาคิดหรอก และหมูตุ๋นก็ไม่ได้เป็นคนตอบด้วย...คนที่ตอบน่ะเหรอ?
ก็น้องหน้าใสที่หมูตุ๋นเรียกไง...
“ฉันควรจะบอกนายมั้ย มาเฟีย...ว่านายสายมากแล้วและแฟนหนังสือนายก็มายืนรอเป็นพักแล้ว”
ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้ว มั่นใจได้เลยว่าถ้าเขายังทำเป็นเหวี่ยงอีกสักนิด ปรมินทร์คงกระโดดมาขย้ำคอของเขาแน่...
“ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะรอ”
“ครับ...พยายามนะครับ” มาเฟียพยักหน้าแล้วเดินไปหาปรมินทร์ที่ยืนกอดอกทำสีหน้านิ่งเฉย แต่ขอบอกว่าในดวงตาใสๆ คู่นั้นน่ะ ราวกับมีเปลวไฟลุกพรึบๆ เลยล่ะ
กวินมองตามหลังคนรักที่เดินออกไปพร้อมกับ บ.ก. และลุงเอ็กซ์ก็เดินมาสมทบกับเขา
“เพิ่งรู้นะเนี่ย ร้ายนี่หว่า คบกันนานยังเนี่ย”
“พักหนึ่งแล้ว”
“ไปเจอกันได้ไงวะ โลกกลมเป็นบ้า ดันทำงานที่เดียวกับปอ”
“อดีตเพื่อนบ้านครับ ลุงเอ็กซ์รู้จักคุณ บ.ก.ด้วยเหรอ?”
“พักอยู่คอนโดนเดียวกันห้องข้างกัน” กวินพยักหน้ารับรู้ก่อนจะดึงเอามือถือของตัวเองออกมา เบอร์ที่โทรเข้าเป็นเบอร์ที่ไม่ค่อยจะโทรหาเขาสักเท่าไหร่ แต่มั่นใจว่าโทรมาอย่างนี้ รู้เรื่องข้อความที่ติดอยู่บนหลังแล้วแน่ๆ
“ครับ...คุณครับ...เพิ่งแยกกันไปคิดถึงผมแล้วเหรอ...”
“นายนอนนอกห้องไปเลยคืนนี้ ไอ้เด็กบ้า!!!” กวินหัวเราะร่า ทั้งที่เมื่อโดนด่าแล้วสายก็ตัดไปเลย บ่งชัดเลยว่าอีกฝ่ายฉุนจัดแค่ไหน...
“แฟนโทรมาด่ายังหัวเราะนะ” จะไม่ให้ลุงเอ็กซ์รู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายโดนด่า ก็เสียงโวยนั่นเล่นทะลุออกมาจนได้ยินไปสามบ้านเจ็ดบ้านน่ะสิ
“ยังดีกว่าไม่มีแฟนมาด่าเหมือนลุงเอ็กซ์นะ”
“นายรู้ตัวมั้ยกวิน ว่านายมันกวนประสาทได้สุดติ่งมาก” ลุงเอ็กซ์ว่าพร้อมกับหมุนตัวแล้วเดินเข้าไปยังห้องจัดรายการชั่วคราว ปล่อยให้กวินยืนขำอยู่คนเดียว....
“ไม่ได้กวนสักหน่อยก็พูดความจริงทั้งนั้นแหละ แล้วคุณครับจะโกรธอะไรเยอะแยะน้า...ผมก็เขียนความจริงนี่นา...”
ก็คงไม่ได้โกรธหรอกมั้ง...เล่นเขียนไว้ว่า...
...มีเจ้าของชื่อกวินครับ...ห้ามจีบ :P
ไม่โกรธเล้ยยยยยย พ่อคนนิสัยน่ารักกว่าหน้าตา!
THE END
จบแล้วค่ะ เรื่องนี้เป็นของน้องนะคะ เขาแปลงเอามาให้ลงให้ อิอิ หลายคนน่าจะเคยอ่านแล้วน้อออ ในเด้กดี แต่ว่าในนั้นไม่ได้ลงมากขนาดนี้...
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
:pig4:
Twitter
โฮ้ .........
นาน ทั้งหัวใจมันนาน อยู่กับความเหงามานานแล้ว
เหงาเกินใครจะรู้ เหงา ทุกๆ อย่างดูเหงา
อยู่กับความหลังไม่ไปไหน ฉันเป็นคนอ่อนไหว
น้ำใส ๆ ก็ไหลก็รดลงมา เปียกหมอนไม่เคยจากหาย
อ้อมแขนที่รออยู่ที่ไหน ฉันต้องการ
ไม่รู้ว่าใครได้ยินฉันไหม ความเหงาในใจมันดังแค่ไหน
ได้ยินไหม ได้ยินไหม มันรุนแรงและทรมาน
อยากพบแค่ใครหนึ่งคนเท่านั้น ให้เขามีใจหนึ่งคืนให้ฉัน
กอดกับฉัน อยู่กับฉัน มีเพียงเราสองคนคืนเดียวก็พอ
ฉันไม่ต้องการรักแท้ แค่อยู่เป็นเพื่อนเธอเท่านั้น
นั่งคุยกันกับฉัน เพราะทั้งหัวใจก็พร้อม
ที่จะยอมแลกให้หมดใจ ขอแค่เพียงแค่นี้
น้ำใส ๆ ก็ไหลก็รดลงมา เปียกหมอนไม่เคยจากหาย
อ้อมแขนที่รออยู่ที่ไหน ฉันต้องการ
ไม่รู้ว่าใครได้ยินฉันไหม ความเหงาในใจมันดังแค่ไหน
ได้ยินไหม ได้ยินไหม มันรุนแรงและทรมาน
อยากพบแค่ใครหนึ่งคนเท่านั้น ให้เขามีใจหนึ่งคืนให้ฉัน
กอดกับฉัน อยู่กับฉัน มีเพียงเราสองคนคืนเดียวก็พอ
ไม่รู้ว่าใครได้ยินฉันไหม ความเหงาในใจมันดังแค่ไหน
ได้ยินไหม ได้ยินไหม มันรุนแรงและทรมาน
อยากพบแค่ใครหนึ่งคนเท่านั้น ให้เขามีใจหนึ่งคืนให้ฉัน
กอดกับฉัน อยู่กับฉัน มีเพียงเราสองคนคืนเดียวก็พอ
เหงา...
คำเดียวสั้นๆ แต่ความหมายมันรุนแรงกับหัวใจเป็นที่สุด..
ถ้าให้เลือกได้คำๆ นี้จะเป็นคำแรก ที่เขาดีดมันออกนอกโลก... แต่ความจริงก็แค่อยากให้มันไม่มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวก็พอ....
ลมหายใจที่ถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ดูมันจะไร้ประโยชน์สิ้นดี จะอีกสักกี่ครั้งที่จะต้องทอดถอนหายใจอยู่อย่างนี้... ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกบานกระจก หยดหยาดสายฝนทำเสียจนกระจกขึ้นพร่ามัว เสียงลงเม็ดที่ได้ยินเพียงเบาๆ ความมืดครึมที่มองเห็นไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น นอกจากความเหงาที่กระจายตัวเพิ่มมากขึ้น จนหนาวไปทั้งใจ....
สุดท้ายเมื่อสุดจะเบื่อกับถ้วยกาแฟตรงหน้าที่ไม่ได้จิบแม้แต่อึกเดียว เจ้าของโต๊ะก็ตัดสินใจเอามือถือเครื่องโปรดขึ้นมากดเล่น...
ทวิตเตอร์...อาจจะช่วยเขาได้ก็ได้...
ข้อความไม่กี่คำถูกทวิตขึ้นไป หวังจะให้ผู้คนที่ตัวเองฟลอโลวไว้มาคุยด้วย หรือใครที่ฟลอโลวเขาอยู่จะเมนชั่นมาให้อ่านอะไรเล่นๆ ก็ได้...
@ปอปลาตากลม: ฝนตก...น่าเบื่อจัง ใครเหงาอยู่บ้าง
@Mafia @ปอปลาตากลม: อยู่คนเดียวไปเลย :P
รู้สึกเกลียดไอ้บ้านี่จริงๆ
@ปอปลาตากลม @Mafia : ถ้าว่างนักนายก็รีบปั่นต้นฉบับมาส่งฉันได้แล้ว ชอบดองงานนักเขียนอะไร
@Mafia @ปอปลาตากลม: พูดเรื่องอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง ไปซื้อซุปดีกว่า
@ปอปลาตากลม @Mafia : อะไร? ฝนตกขนาดนี้เนี่ยนะ นายว่างขนาดนั้นเลยหรือไง ห๊ะ! เอาต้นฉบับมาเลยนะ
@Mafia @ปอปลาตากลม: ไม่มี แล้วฉันก็ไม่ได้ว่างมานั่งเหงาเหมือนใครบางคนด้วย :P
ถ้าหมอนี่ไม่ใช่นักเขียนฝีมือดีที่สุดของสำนักพิมพ์ของเขา... มันตาย!
และหลังจากนั้นต่อให้ทวิตอะไรไปก็มีการตอบรับจากอีกฝ่าย...ปอเม้มปาก เจ็บใจที่โดนย้อนก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วน...
ทำไมต้องมาตอกย้ำเรื่องเหงาของเขาด้วย!!!!
@ปอปลาตากลม: นั่งอยู่ที่ร้านเดจาวูคนเดียว... มีใครจะมานั่งคุยกับผมที่นี่มั้ย? TT
บ้ามั้ยที่ทวิตไปแบบนั้น... ก็ช่างเถอะ อย่าไปสนใจอะไรเลย... เพราะคงไม่มีใครมา...
แม้จะทำใจไว้แล้วว่ายังไงก็คงต้องอยู่เพียงคนเดียวในร้านแห่งนี้ แต่หัวใจมันก็ร่ำร้องว่าไม่อยากจะชินกับความเหงาที่รายล้อมรอบกาย
ปลายนิ้วกดปิดหน้าจอทวิตในที่สุด สายตาเหม่อมองออกไปนอกกระจกอีกครั้ง ความมืดเริ่มโรยรินมาพร้อมกับสายฝน ไอเย็นในร้านบวกกับสภาพอากาศด้านนอกทำให้ร่างกายเหน็บหนาวได้ไม่ยาก...
นานแค่ไหนแล้วที่ต้องหนาวอยู่คนเดียว...
นานแค่ไหนแล้วที่มีแค่ความเหงาอยู่เป็นเพื่อน...
และ...นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ใครอยู่เคียงข้างกาย...
แต่ประเด็นนั้นมันไม่ได้สำคัญเท่าตอนนี้หรอก...เขาจะทำอย่างไร ในเมื่อตอนนี้หัวใจเริ่มจัดการความเหงาได้ไร้ประสิทธิภาพอย่างถึงที่สุด...
ลมหายใจอุ่นถูกพ่นออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายอีกครั้ง... ไม่ได้เกรงใจเลยว่าตัวเองสั่งแค่กาแฟแก้วเดียวแต่นั่งจะครบชั่วโมงอยู่แล้ว... เอาเถอะ เจ้าของร้านเดจาวูนิสัยน่ารักเหมือนหน้าตานั่นแหละ แค่นี่เองไม่เป็นไรหรอกมั้ง?
เห็นคู่รักสองสามคู่ที่เดินกางร่มไปด้วยกัน... ครั้งสุดท้ายที่ตัวเองมีบรรยากาศแบบนี้มันเมื่อไหร่กันนะ? จำไม่ค่อยได้แล้วสิ...
ใช่ก่อนจะเรียนจบหรือเปล่า? หรือเมื่อไม่นานมานี้
รู้แต่ว่าตั้งแต่ทำงานเป็น บ.ก. หนังสือ ถ้าไม่ยุ่งจนกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เพราะเร่งต้นฉบับ ก็ต้องมานั่งเหงาอยู่อย่างนี้....
ถึงขึ้นบังคับให้พ่อนักเขียนที่เคารพเขียนนิยายแนวรักโรแมนติก เพื่อจะได้อ่านให้ชุ่มชื่นหัวใจ...ถึงขั้นนี้แล้ว คิดดูก็แล้วกัน!
สุดท้าย...ท้ายที่สุด...ร่างบางของเขาก็ลุกขึ้น จัดการค่ากาแฟที่เย็นชืด ขนมเค้กที่ไม่มีโอกาสโชว์รสชาติแสนอร่อยยังคงทำได้แค่ดูน่ากินเหมือนกับตอนที่สั่งมา...
ร่มคนโปรดถูกางออกเพื่อป้องกันเม็ดฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมา ก่อนจะก้าวขึ้นรถกระป๋องที่ใช้งานมานานหลายปี
ถ้าหากปรับค่าถอนหายใจครั้งละหนึ่งบาท ตอนนี้ปอคงได้เห็นเงินในบัญชีเป็นตัวแดงๆ เพราะเมื่อนั่งแหมะในรถเขาก็ถอนหายใจอีกแล้ว...
ทำยังไงดีนะ...
ปลายนิ้วเอื้อมไปกดเปิดวิทยุฟังรายการเพลง ก็เจอแต่ช่วงเบรกที่มีแต่ข่าว และโฆษณา พอเปลี่ยนมาเปิดฟังเพลงจากแผ่นบ้างก็เป็นอันว่าแผ่นสะดุดจนหมดอารมณ์จะฟังกดปิดราวกับหมดแรงอย่างที่สุด
เหงาจนไม่รู้ว่าตัวเองต้องการเพื่อน แฟน หรืออะไรกันแน่...
ขอแค่ไม่ได้อยู่คนเดียว...ได้หรือเปล่า?
แค่ใครสักคน... อ้อมแขนอบอุ่น แค่ไม่กี่วินาทีก็ยังดี...
ไม่รู้ว่าใครได้ยินฉันไหม ความเหงาในใจมันดังแค่ไหน
ได้ยินไหม ได้ยินไหม มันรุนแรงและทรมาน
อยากพบแค่ใครหนึ่งคนเท่านั้น ให้เขามีใจหนึ่งคืนให้ฉัน
กอดกับฉัน อยู่กับฉัน มีเพียงเราสองคนคืนเดียวก็พอ
@DJ-X @ปอปลาตากลม : อยู่ที่ไหนตอนนี้?
ถ้าเพียงว่าปอยังไม่ปิดทวิตไป เขาอาจจะได้ตอบทวิตข้อความนี้...
@DJ-X @ปอปลาตากลม: นายออกจากร้านเดจาวูไปแล้วเหรอ?
ถ้าเพียงปอนั่งอยู่นานอีกสักนิด เขาอาจจะได้เห็นใบหน้าของใครบางคน
@DJ-X @ปอปลาตากลม: ฉันมาถึงช้าเกินไปสิเนี่ย รีบแล้วแท้ๆ นายกลับบ้านดีๆ นะ
ถ้าเพียงปอสนใจจะนั่งจิบกาแฟหรือกินขนมเค้กต่ออีกสักนิด เขาอาจจะไม่ได้นั่งคนเดียวในร้านก็ได้
..................................................
ช่วงนี้ฝนตก...อิอิ
Twitter
@ปอปลาตากลม @DJ-X : ช้าเกินไปแล้วเอ็กซ์ ผมถึงบ้านแล้ว เลิกงานแล้วเหรอ?
ปอร์มุ่ยหน้า นอนกลิ้งอยู่บนเตียงกับมือถือของตัวเอง จ้องมองหน้าจอราวกับต้องการคำตอบอะไรสักอย่างจากคนที่เมนชั่นมาสองสามครั้งติดๆ กัน...
คิดแล้วก็เสียดายจัง...
เสียดาย....อะไร?
อาจจะแค่เพื่อนคุยคนหนึ่ง...
อาจจะแค่คนคุ้นหน้าที่เจอกันบ่อยๆ
อาจจะเป็นใครไม่รู้...หาฐานะจำกัดความไม่ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร...ก็...
@ปอปลาตากลม @DJ-X : ขอบคุณนะ...
ทวิตเสร็จแล้วก็เดินออกไปที่ระเบียงของห้องพักตัวเองสายสมเย็นยะเยือกที่มาพร้อมละอองฝนพร่ำๆ ทำเอาเจ้าตัวเบ้หน้า ใจหนึ่งว่าจะย้ายก้นงามๆ ของตัวเองไปนั่งแหมะหน้าโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ แต่อีกใจหนึ่งก็ปล่อยให้ร่างกายยืนนิ่งมองไปยังตึกราบ้านช่องมากมายข้างหน้า...
ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงๆ เกยอยู่บนแขนทั้งสองข้าง เมื่อเอนกาย โล่ตัวไปพิงที่ราวระเบียง ปล่อยให้ละอองฝนที่โปรยปรายสัมผัสกับใบหน้าของตัวเอง...
อยากมีใครสักคนที่มาสวมกอดอยู่ด้านหลังจัง
อยากมีใครสักคนที่มายืนอยู่เคียงข้างกาย
อยากมีใครสักคนที่ให้ยืมไหล่พักพิง...
เฮ้อ...เพ้อเจ้อ....
การที่ต้องอ่านต้นฉบับนิยายรักเลี่ยนๆ หลายเรื่องทำให้เขาเป็นไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ?... แต่เหมือนตอนนี้ต่อให้อ่านอีกสักร้อยเล่ม มันก็ไม่สามารถทำให้เสียงร่ำร้องในใจของเขาเงียบสงบลงได้..
ร่างบางยืดตัวยืนตรงๆ แขนทั้งสองข้างกอดอกตัวเอง กระชับให้ความอบอุ่นกับตัวเอง บวกกับภาพในความคิดว่า นี่คืออ้อมกอดของใครสักคนทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย...แต่นั่นก็เพียงแค่เล็กน้อย...ยิ้มและพิมพ์ข้อความ
@ปอปลาตากลม : อยากมีใครสักคนอยู่ตรงนี้จริงๆ...
@DJ-X @ปอปลาตากลม : เพิ่งกลับมาถึงห้อง ตอนนี้ทำอะไรอยู่?
ข้อความเมนชั่นนั้นเด้งขึ้นมาราวๆ สิบห้านาทีได้แล้ว แต่ปอร์เพิ่งจะอ่านมัน ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
@ปอปลาตากลม @DJ-X : ยืนชมวิวอยู่..ชิลล์ดีมั้ย? แต่มันเหงามากเลยล่ะ...
ร่างบางถอนหายใจ ก่อนจะทวิตข้อความของตัวเองขึ้นไปอีกหนึ่งข้อความ
@ปอปลาตากลม ฝนทำให้รู้สึกเหงาได้จับใจจริงๆ
สั้นๆ แต่ได้อารมณ์เพ้อดีทีเดียว มันค่อนข้างเข้ากับอารมณ์ของเขาตอนนี้เป็นที่สุด ก็มันจริงมั้ยล่ะ? จริงๆ แล้วไม่ได้ต้องการรักแท้อะไรหรอกนะ เขาแค่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจความรู้สึกของเขา และช่วยปัดเป่าความเงียบเหงานี้ออกไป....แต่...
@Mafia @ปอปลาตากลม : เพ้อเจ้อบ้าบออะไร...
มันเกือบจะดีแล้วนะ ถ้าไม่เห็นไอ้เมนชั่นนี้... ไอ้นักเขียนนิสัยประสาทนี่มันเคยเกรงใจบรรณาธิการอย่างเขาหรือเปล่าเนี่ย
@ปอปลาตากลม @Mafia : พรุ่งนี้ฉันจะไปรับต้นฉบับด้วยตัวเอง ว่างดีนัก
@Mafia @ปอปลาตากลม : เหงาตายไปเลย!
เขาไม่คิดจะต่อปากต่อคำอะไรกับไอ้บ้านี่แล้ว... อาการป่วนชาวบ้านชาวเมืองไปทั่วทวิตแบบนี้ไม่แคล้วสติแตกเพราะตันพล๊อตนิยายแน่...
แต่หมอนั่นก็ยังดีกว่าเขาสินะ ต่อให้คิดงานไม่ออก ก็ไม่ต้องมาทนกับความรู้สึกว่างเปล่าจนปวดหนึบไปทั้งหัวใจแบบนี้...
หรือว่าการขอใครสักคนให้มาอยู่ใกล้ๆมันมากเกินไป...
งั้นเขาขอกับละอองฝนตอนนี้อีกครั้งก็ได้...ขอแค่คืนนี้ก็พอ...แค่คืนนี้เท่านั้น ขอใครสักคนที่มาอยู่กับผมคืนนี้...แค่คืนเดียว....
เสียงเปิดประตูระเบียงจากห้องข้างๆ ที่มีพื้นที่ระเบียงติดกับเขา ห่างกันแค่ราวกั้นเท่านั้น เรียกร้องความสนใจให้กับคนขี้เหงาได้นิดหน่อย แต่ไม่ได้มากพอที่จะหันไปมอง เพราะสายตาและปลายนิ้วจดจ่ออยู่กับสมาร์ทโฟนเครื่องโปรดโดยมีเสียงเพลงหวานๆ จากเครื่องเสียงของข้างห้องคลอเบาๆ
บรรยากาศดีขึ้นมานิดหนึ่ง....
@DJ-X @ปอปลาตากลม : ระวังไม่สบายนะ
@DJ-X : มายืนก่อนตั้งนาน ไม่กลัวไม่สบายบ้างหรือไงนะ
ร่างบางอ่านข้อความเหล่านั้น เมื่อคู่สนทนาที่ไม่เคยเห็นหน้ากันทวิตข้อความส่วนตัวขึ้น เขาไม่ได้ตอบไปในทันที แต่กลับยืนคิดนั่นคิดนี่เพลินๆ
แอ็คเคาท์ @DJ-X อย่างนั้นเหรอ?
จำไม่ได้ว่าทำไมถึงมีทวิตของกันและกันได้... แต่ที่แน่ๆ เขามีอีกฝ่ายเป็นเพื่อนคุยในโซเชียลเน๊ตเวิร์คนี้มาพักใหญ่แล้ว ต่างฝ่ายต่างให้ความสนใจข้อความที่ทวิตของกันและกัน จนกลายเป็นว่า คุยกันถูกคอ แต่ก็บ่อยที่ทั้งคู่จะคลาด พลาดที่จะได้เจอกันแบบตรงๆ สักที...
อย่างเช่นเมื่อตอนเย็น...
@DJ-X : จะทักดีมั้ยนะ...
อีกฝ่ายทวิตขึ้นมาอีก เขาก็ยังคงเงียบ... หรือว่า @DJ-X กำลังมองใครอยู่นะ...ดูสิว่าจะว่ายังไง
@ปอปลาตากลม @DJ-X : แอบมองลูกสาวชาวบ้านเขาอยู่หรือไง…ทักไปเลย ขอเบอร์ด้วย
ขำๆ นะ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบมาว่ายังไง เอาเถอะ เวลาอย่างนี้ขอแค่มีใครสักคนมาพูดคุยด้วย แม้จะผ่านตัวอักษรก็พอใจแล้ว
@DJ-X @ปอปลาตากลม : เท่าที่มองมาพักใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นลูกชายชาวบ้านนะ...ไม่กล้าทัก เดี๋ยวโดนเขาต่อย
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้อ่าน ก่อนจะรีบตอบเมนชั่นอย่างรวดเร็ว...
@ปอปลาตากลม @DJ-X : โดนต่อยแน่ ว่าแต่หล่อเหรอลูกชายชาวบ้านน่ะ
ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่าคนที่เขาคุยด้วยคนนี้ชอบผู้ชาย ตอนแรกก็นึกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วๆ ไปซะอีก
@DJ-X : หัวเราะอยู่หรือเปล่า? คงอารมณ์ดีขึ้นมานิดหนึ่งแล้วสินะ
@DJ-X @ปอปลาตากลม : ไม่หล่อหรอก น่ารักมากกว่า หน้าตาเหมือนเด็ก
@ปอปลาตากลม @DJ-X : โอ๊ะ...เลี้ยงต้อยปะเนี่ย? อิอิ
@DJ-X : อารมณ์ดีใหญ่เลยนะ โชคดีที่ได้ยืนใกล้ๆ ห่างกันแค่นิดเดียวเอง...
@ปอปลาตากลม : แลดูเพ้อมากเอ็กซ์ ชอบเขามากละสิ RT@DJ-X อารมณ์ดีใหญ่เลยนะ โชคดีที่ได้ยืนใกล้ๆ ห่างกันแค่นิดเดียวเอง...
@DJ-X @ปอปลาตากลม : สุดๆ เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาในซอยเห็นเขามายืนที่ระเบียงจากข้างล่าง รีบวิ่งขึ้นลิฟต์มาแทบตายเลย...
เขาขมวดคิ้วเมื่ออ่านถึงตรงนี้ ไม่ใช่อะไรหรอก กำลังคิดว่า...มันเกี่ยวอะไรกัน
หวังว่าคงไม่ใช่เห็นคนที่ชอบยืนอยู่ที่ระเบียงก็เลยรีบแจ้นขึ้นห้องมาเนียนชมวิวที่ระเบียงหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงฮาพิลึก
@ปอปลาตากลม @DJ-X : ???
กำลังสนุก แต่เสียงไอค่อกแค่กจากร่างสูงที่อยู่ระเบียงติดกันก็ไอออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย...ทำเอาเขาต้องหันไปมอง
คนตัวสูง...เพื่อนข้างห้อง เคยเห็นหน้ากันหลายครั้ง สวนทางกันตามทางเดินในตึกบ้าง เคยขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันบ้าง... แต่ไม่เคยทักทายกัน อย่างมากก็แค่ยิ้มๆ ตามมารยาทเพราะเห็นว่าอยู่ห้องติดกัน แต่ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดอะไรมาก...นอกจาก
เป็นผู้ชายตังสูงที่หล่อมาก
เป็นผู้ชายที่มักจะออกไปทำงานในเวลาที่เขาไม่ทำงาน...
เป็นผู้ชายที่บางครั้ง...มักจะมายืนที่ระเบียงเวลาเดียวกับเขา...
เขามองคนที่ไออย่างหนักนั้น ก่อนจะถอนหายใจแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาในห้องของตัวเอง... สองขาก้าวไปหยุดที่ตู้เย็น ไม่ใช่ว่ามักง่ายหรืออะไรนะ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนที่หาได้ง่ายที่สุด ก็เลยมักจะเอาพวกยาอมแก้เจ็บคอ หรือแก้ไอมาวางไว้ที่หลังตู้เย็น...
สักซองก็คงพอมั้ง....
@DJ-X : เขารำคาญเสียงของผมใช่มั้ย?....เข้าห้องไปแล้ว TT
ร่างบางเลิกคิ้วพร้อมกับเปิดประตูออกไปที่ระเบียงอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น...
ก็เป็นอย่างที่หลายๆ คนเดาได้...
ก็เป็นแค่การได้สบตากัน
ก็เป็นแค่การพยักหน้าทักทายเล็กน้อยเท่านั้น
และก็เป็นแค่...ช่วงเวลาสั้นเท่านั้นที่เขายื่นมือไปข้างหน้า ปลายนิ้วหนีบซองยาแก้ไอให้กับอีกฝ่าย...
แค่นั้นจริงๆ...
ร่างสูงค่อมศีรษะลงนิดๆ พอได้เห็นว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะกล่าวขอบคุณก็กลายเป็นว่าไอออกมาแทนซะอย่างนั้น...
เขาอมยิ้ม ก่อนจะหันหน้าออกไปนอกตัวตึก ปลายนิ้วลากไล้ไปตามหน้าจอของทวิตเตอร์ ไม่ได้สนใจอะไรอีก นอกจากจะพิมพ์ข้อความทวิต
@ปอปลาตากลม : ผมทำเรื่องที่ดีไปล่ะ รู้สึกดีจัง อยากได้ยินคำขอบคุณแบบตรงๆ สักครั้ง แต่คงไม่ใช่ตอนนี้เพราะเขายังหลับหูหลับตาไอไม่หยุดเลย....คิคิ
ถ้าเพื่อนข้างห้องของเขาได้อ่านทวิตนี้ จะเคืองเขามั้ยนะ...คิดแล้วก็หัวเราะเบาๆ
@ปอปลาตากลม : เกิดอะไรขึ้นเนี่ย RT @DJ-X : เขารำคาญเสียงของผมใช่มั้ย?....เข้าห้องไปแล้ว TT
ค่อนข้างงงทีเดียว แต่ดูเหมือนคนที่คู่สนทนาของเขาปลื้มอยู่จะเข้าห้องไปแล้วมั้ง คงจ๋อยล่ะสิ
@DJ-X อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ผมจะตายแล้ววววววว
ไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ถาม ทวิตของอีกฝ่ายก็เด้งขึ้นมา เอาแล้ว...จะไม่ถามละ รอให้มารายงานสถานการณ์เองดีกว่า...
@DJ-X @ปอปลาตากลม : ถ้าผมร้องตะโกนไปตอนนี้เขาจะว่าผมบ้าหรือเปล่า?
@ปอปลาตากลม @DJ-X :???
อะไรล่ะเนี่ย ชักจะงงและบ้าตามแล้วนะ...
ถึงจะคิดอย่างนั้นเขาก็เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันหลังพิงราวระเบียงที่ติดกับของเพื่อนข้างห้องที่หยุดไอไปแล้ว...
@DJ-X @ปอปลาตากลม : ดีใจจนมือมั่นไปหมดแล้ว...ไม่รู้จะเล่ายังไง อ้ากกกก
บ้าไปแล้วแน่ๆ เขาไม่ได้คิดอย่างเดียวนะ...แต่ทวิตไปด้วยเลย
@ปอปลาตากลม @DJ-X : บ้าไปแล้วแน่ๆ
@DJ-X @ปอปลาตากลม: ใช่แล้วผมบ้า... ผมบ้าไปแล้ว...ต่อให้ไม่สบายจนตาย ก็คุ้มที่สุดแล้ววววว
เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
@ปอปลาตากลม @DJ-X : งั้นก็ตามสบายนะ ผมไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก อย่าบ้าจนลืมนอนนะ ดีเจเอ๊กซ์
เขาไม่รั้งรอที่จะปิดหน้าทวิตเตอร์ไป ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเงยหน้ามองวิวตรงหน้าอีกครั้ง มันยังไม่ได้ดึกมากมายนัก แต่เขาคิดว่าหารไปนอนให้หลับคงดีกว่าที่จะยืนเงียบๆ อยู่ตรงนี้
แม้จะสามารถเล่นทวิตต่อก็ได้...
แม้จะมีเพื่อนบ้านหน้าหล่อที่ออกมาตากละอองฝนเหมือนกับเขาก็ตาม...
ต่อความเหงาที่ไม่ได้รับการเยียวยา...มันทำร้ายกันได้ทุกนาทีแบบนี้...
อิจฉาแอ็คเคาท์ @DJ-X จัง... อย่างน้อย อีกฝ่ายก็ยังมีคนที่แอบปลื้ม และตอนนี้คงกำลังเกิดเรื่องดีๆ กับตัวเอง...
ฤดูฝนที่กำลังย่างกลายเข้ามา... โปรดอย่าทำร้ายผมให้เหงาเพียงลำพังเลยครับ...
....
....
....
.....
.....
.....
@DJ-X : ผมรู้ว่าเขาให้ยาอมมาเพื่อทำให้คอของผมหายดี...เขาอาจจะรำคาญเสียงไอของผมก็ได้...หรือเขาอาจจะห่วงใยสุขภาพของผมจริงๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมอยากมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ และพูดคำว่าขอบคุณออกจากปากของผมไม่ใช่แค่เสียงไอค่อกแค่กน่ารำคาญนั่น ผมอยากบอกเขา...
ขอบคุณสำหรับยาอมซองนั้น(ที่ผมไม่มีทางจะกินมันลงหรอก)
ขอบคุณสำหรับคืนนี้ที่คุณออกมายืนที่ระเบียง (แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่คุณทำบ่อยๆ ก็ตาม)
ขอบคุณเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกดี (แม้ว่าคุณจะไม่ได้หัวเราะเพราะผมก็ตาม)
ขอบคุณที่ทำให้หัวใจของผมเต้นกระหน่ำรัวเพียงแค่เสี้ยวเวลาที่ได้สบตากัน (แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญ)
ขอบคุณครับ...ขอบคุณ คุณเพื่อนข้างห้องที่ไม่เคยคุยกัน....
ทวิตลองเกอร์อันนี้ เมื่อร่างบางที่จบค่ำคืนของความเหงาด้วยนิทราที่จำใจให้สุข ตื่นมาจะได้ทันได้อ่านมันมั้ย แต่คิดว่าดูฝนที่กำลังเริ่มคงไม่ใจร้ายให้คนเหงาสองคนต้องทรมาน ทั้งที่อยู่ใกล้กันมากกว่าที่คิด...
..............
ถ้าคุณไม่ได้เล่นทวิต คุณจะงง
Twitter
‘@ปอปลาตากลม : ความเหงากำลังทำร้ายผม...มันกำลังทำให้ผมตายอย่างช้าๆ’
ข้อความที่โชว์หราขึ้นไปนั้นทำเอาคนที่เพิ่งกดSend ถอนหายใจเฮือก... ทำไมชีวิตของเขามันถึงได้แห้งแล้งต่างกับช่วงเวลาที่มีสายฝนกระหน่ำลงมาอย่างนี้นะ
ทำไมถึง...
ได้เหงามากมายขนาดนี้กันเล่า... ไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งที่งานก็ยุ่ง นักเขียนในสังกัดก็เวิ่น บ้าให้ปวดหัวอยู่ทุกวัน...แต่พอหลบมุมอยู่คนเดียวเมื่อไหร่ ความรู้สึงโหวงเหวงนี่มัน...
เฮ่อออออ...
‘@Mafia @ปอปลาตากลม : เพ้อได้ขนาดนี้ไม่ต้องเป็นหรอก บก. เป็นนักเขียนเองเลยไป...’
ข้อความที่เด้งขึ้นมานั้นทำเอาคนอ่านพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ๆ
มันว่าง?
‘@ปอปลาตากลม @Mafia : ถ้าว่างนัก...ไหนล่ะต้นฉบับ’
เชื่อเหอะมันชิ่งแน่...
‘@Mafia : กู๊ดบายทวิตเตอร์!!!’
เห็นมั้ย...บอกแล้ว มันชิ่งแน่... ไอ้บ้า!
‘@DJ_X : ส่งรถฉุกเฉินไปรับเข้าไอซียู^^ RT:@ปอปลาตากลม : ความเหงากำลังทำร้ายผม...มันกำลังทำให้ผมตายอย่างช้าๆ’
น่ารักอ๊ะ!!!
รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าทันทีเมื่อมองเห็นทวิตที่ตอบเขามา... ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตอบข้อความนั้นโดยไม่ได้ดูทางที่ตัวเองกำลังก้าวเดิน
‘@DJ_X : กำลังจะออกไปทานข้าวววววว วันนี้ต้องไปทำงานเร็วอีกนิด ไม่อยากทำกะดึกเลยช่วงนี้ หมูตุ๋นนายรีบหายเปื่อยสักที’
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำงานอะไร แต่ดูเหมือนดีเจเอ็กซ์ จะไม่อยากทำช่วงดึกๆ นักไม่รู้ว่าเพราะอะไร ว่าแล้วก็ถามดีกว่า
‘@ปอปลาตากลม @DJ_X : นอกจากรถฉุกเฉินและไอซียู ผมขอคุณหมอหล่อๆ เป็นเจ้าของไข้ผ่าตัดเอาความเหงาออกไปด้วยนะ (ทำไมไม่ชอบทำงานกะดึกเหรอ)’
เขากด Send ก้าวขาตั้งใจจะเข้าลิฟต์ที่กำลังเปิดออกมา แต่ก็หงายหลังเมื่อโดนชนเข้าจัง แรงปะทะทำเอาร่างบางๆ ของเขาเสียหลักดีว่าตั้งตัวได้เลยไม่กดจ้ำเบ้า แต่กระเป๋าใส่แฟ้มงานก็ร่วงลงกับพื้น...และดูเหมือนฝ่ายที่รีบจนชนเขาก็มีของที่กระจายตามพื้นเช่นกัน
“ขอโทษครับ ผมรีบจนไม่ดูทาง” เสียงทุ่มนุ่มของอีกฝ่ายเอ่ยพร้อมกับรีบทรุดตัวลงเก็บของที่กระจายตามพื้น โดยเลือกที่จะเก็บของให้ร่างบางก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ไม่ได้มอง” เขาว่า พร้อมกับช่วยกันเก็บของ...
มือถือของเขา...โธ่...พังมั้ยเนี่ย!
หน้าจอมืดสนิทของมือถือทำเอาเขาใจแป้ว ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น ดูเหมือนมือถือของอีกฝ่ายก็จะนอนอยู่กับพื้นเหมือนกัน...
อนาถ!
“ขอโทษจริงๆครับ” ร่างสูงโค้งให้เขาอีกนิด ก่อนจะเงยหน้ายืดตัวยืนเต็มความสูง!
หนุ่มหล่อข้างห้อง!
“อ่าว/ อ๊ะ” แล้วก็ตามด้วยเสียงหัวเราะขำๆ
“คอหายดีหรือยังครับ?” เขาเป็นคนเอ่ยถามขึ้น...
ไม่รู้ว่าทำไม...ในชั่ววินาทีที่ได้สบตากันมันเกินช่องว่างระหว่างคนสองคน แต่เป็นช่องว่างที่เหมือนกับว่าอีกฝ่ายก็มีเหมือนกันและมันรวมเข้าหากันได้พอดิบพอดีกับของเขา...
เกี่ยวเนื่องกันเป็นบริเวณเล็กๆ ที่มีความรู้สึกอุ่นหวานบางอย่างไหลเวียนอยู่ในนั้น...
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร....
“ดีขึ้นครับ ขอบคุณสำหรับยานะครับ” เขายิ้มกับคำขอบคุณนั้น ก่อนจะพยักพเยิดไปทางลิฟต์ที่อยู่ด้านหลังของร่างสูง....
“เออ...อ่อ...” ร่างสูงอ้ำอึ้งแต่ก็ยอมหลีกทางให้แต่โดยดี
ไม่มีคำพูดอะไรมากไปกว่านั้นนอกจากยิ้มให้กัน ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง... เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับตัวหลังจากที่กดชั้นของตัวเองแล้ว...
หัวใจมัน...
ไม่ได้เต้นแรงๆ อย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว... เพียงแค่เสียวเวลาที่ได้สบตาและพูดคุยกันไม่กี่คำ... ทั้งที่ก็เคยเห็นหน้ากันบ่อยครั้ง
แต่ทำไมครั้งนี้มันแตกต่าง...
ความรู้สึกบางอย่างมันรุนแรงเสียจนหายใจติดขัด...เลือดในกายเดือดพล่านจนร้อนไปหมดทั้งตัวและใบหน้า สลับกับเย็นชืด...
จะว่าทรมานก็ใช่...แต่อีกใจหนึ่งกลับเป็นช่วงเวลาที่เขารู้ตัวดีว่า...
โหยหามากแค่ไหน...
“เขาชื่ออะไรนะ”
...............................................
‘@ปอปลาตากลม : โอ้ว...ไม่นะ ไม่ๆ ๆ ๆ’
ปอร์อยากจะทึ้งหัวตัวเองเมื่อกลับมาถึงที่ห้องและเปิดเครื่องเจ้ามือถือที่ร่วงกับพื้นก่อนหน้า แม้จะเอะใจในนาทีแรกที่ได้ก้มมองมัน
มือถือของตัวเอง แต่ทำไมไม่คุ้นตาเอาเสียเลย...
พอเปิดเครื่องแล้วเท่านั้นแหละ...
มือถือของใคร? แว้กกกกกกกก
พอเรียบเรียงเหตุการณ์ก็พอจะนึกได้ และคาดเดาว่า คงสลับกับคุณข้างห้องตอนที่เดินชนกันเมื่อกี้....
อยากร้องไห้ แต่ทำไงได้ ชั่งใจลองโทรเข้าเครื่องของตัวเองแต่ก็ไม่มีใครรับสาย...ทำไงดีล่ะเนี่ย!
‘@DJ_X : สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้...มันทำให้ผมแทบเป็นบ้าแล้ว...’
เขากลืนน้ำลายเอือกใหญ่ เมื่อเห็นแอ็คเคาท์ที่พูดคุยกันบ่อยๆ ทวิตข้อความขึ้น ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น...อยากจะทึ้งหัวของตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่ขดคู้ตัวเองอยู่บนเตียงนอนเอาหมอนมาอุดปากของตัวเองเพราะกลัวว่าตัวเองจะร้องตะโกนออกมาจนชาวบ้านชาวเมืองเขาตกใจ....
‘@DJ_X : ถ้าคุณเห็น ผมบอกได้มั้ยว่าไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับสายนะ แต่ผม..!#^@$T$#@%^’
ทวิตลอยๆ ที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายแม้จะไม่ได้ติดเมนชั่นแต่นั่นคือคำพูดที่บอกเขา....
‘@ปอปลาตากลม : มันเป็นเรื่องจริงเหรอ? จริงอย่างนั้นเหรอเนี่ย โอ้ยยยย ผมจะเป็นบ้าแล้ว!’
เขาทวิต...หลายคนที่ตามทวิตอยู่คงสับสนว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่ เป็นบ้าอะไร เกิดเรื่องอะไรกับเขา และคงมีแค่เขาและเจ้าของมือถือเท่านั้นที่รู้ว่า...เกิดอะไรขึ้น!
เขาแค่เปิดเครื่อง เมื่อมันทำงานตามปรกติเขาก็แค่กดเปิดทวิตที่ตั้งให้ล็อคอินโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว...แต่ หน้าจอที่แสดงผลมันไม่ใช่ทวิตของเขา....
แต่กลับเป็นของผู้ชายคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีในโลกของโซเชียลเน็ตเวิร์คนี้.... แต่ที่นึกไม่ถึงก็คือ
แอ็คเค้าท์ @DJ_X จะเป็นคนเดียวกับ...เพื่อนข้างห้องของเขา!
นั่นคงไม่ทำให้เขาแทบคลั่ง...หากว่าไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องส่วนตัวบางอย่างของอีกฝ่าย...
ข้อความต่างที่ได้อ่าน...ความรู้สึกต่างๆ ที่ได้รับรู้ผ่านตัวอักษรในโลกเน็ตเวิร์คนี้...
เขาจะบ้าตายแล้วววววว.... :serius2: :serius2:
หลังจากที่ทำตัวเสียมารยาทด้วยการอ่านข้อความต่างๆ นานาที่อีกฝ่ายทวิตคุยกับเพื่อน เขาก็ล็อคเอ้าท์ออกมา แล้วเข้าไปใหม่ด้วยแอ็คเค้าท์ของตัวเอง....
ทั้งที่หัวใจสั่น ทั้งที่ใจมันเต้นจนจะระเบิดแล้ว... แต่ก็ยังจ้องมองหน้าจอทวิตเตอร์อยู่ไม่ยอมละสายตา
‘@DJ_X :ไม่รู้ว่าจะคิดยังไง แต่...อย่ารังเกียจกันเลยนะ’
เขาแทบจะกัดนิ้มโป้งที่งับอยู่ ใจหนึ่งก็อยากจะออกแรงงับ แต่สุดท้ายก็เชื่ออีกใจหนึ่งด้วยการยิ้มออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ....
‘@ปอปลาตากลม :ไม่เคยคิดอย่างนั้นสักหน่อย’
ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจในตัวอีกฝ่ายด้วยว่าทำไมไม่ติดเมนชั่นหากันอย่างทุกทีนะ มันมีบางอย่างที่มาทำให้ปลายนิ้วชะงักงัน ช่องว่างที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้....ตอนนี้เขากำลังรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว...
มันคืออะไรกันนะ....
‘@ปอปลาตากลม : ช่องว่างที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นบริเวณเล็กๆที่มีความรู้สึกอุ่นหวานบางอย่างไหลเวียนอยู่ในนั้นเมื่อได้สบตากับใครคนหนึ่งเราจะเรียกมันว่าอะไรดี?’
เมนชั่นที่เด้งขึ้นมาแทบจะทันทีที่เขาทวิตไปนั้น ทำเอาหัวใจแทบจะหลุดจากขั้ว ปลายนิ้วที่กำลังจะจิ้มหน้าจอสั่น ก่อนจะพยายามจ้อมองตัวหนังสือเล็กๆ นั้นอย่างตั้งใจ
‘@Mafia@ปอปลาตากลม : ทำตัวเป็นสาวน้อยไปได้...:P’
ใช่เรื่องมั้ย?
.....
..............
.........................
‘@ปอปลาตากลม @Mafia : ^^’
แค่นี้พอ...รับรองว่ามันรู้ว่าเส้นตายของจริงเป็นยังไง มาเฟีย...วอน!!!
‘@DJ_X : อยากเข้าข้างตัวเอง...ได้มั้ย?’
ปัดโธ่เอ้ยยยยยย.... ช่วยติดเมนชั่นมาก่อนได้มั้ย...ไม่ไหวแล้วนะถ้าทวิตลอยๆ กันแบบนี้.... เกิดเขาคิดไปเองเล่า!
ใช่ผมหรือเปล่า? ใช่ผมใช่มั้ย?
‘@Mafia@ปอปลาตากลม : ช่องว่างของความเขินอาย....’
เมนชั่นอันล่าสุดทำเอาปอร์อยากจะร้องเสียงหลง... มาเฟีย! ตั้งแต่ทำงานร่วมกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่พูดจานึกคิดอะไรได้เหมือนนักเขียนมืออาชีพ....
‘@ปอปลาตากลม : ช่องว่างของความเขินอาย...’
เขาทวิตข้อความทันที ไม่สนใจเมนชั่นของมาเฟียที่มาเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์แหยงๆ เพราะเขาสนใจแค่ทวิตของใครคนหนึ่งเท่านั้น!
‘@DJ_X : รู้สึกแบบนั้นกับผมได้มั้ย? ไม่อยากให้รู้สึกกับใครที่ไม่ใช่ผม’
โอ้ยยย...ไม่ไหวแล้ว...
ไม่ไหวจะทนแล้ววววววว
‘@ปอปลาตากลม : ถ้าทุกคำที่คุณพูดหมายถึงผม ติดเมนชั่นมาเลยนะ ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงผมหรือเปล่า! ไม่อยากคิดเองเออเองแล้ว...’
เหมือนจะดุเดือดนะ แต่คนที่ทวิตไปแล้วนั้นกลับนอนขดหนักกว่าเดิม แถมยังรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนจนแทบไหม้ หัวใจก็เต้นจนเหนื่อยไปหมดแล้ว
เมนชั่นมาเร็วๆ ซี่...
แต่พอคิดอีกทีก็...
อย่าเพิ่งเมนชั่นมาก็ได้...ของตั้งตัวก่อน....
แล้วถ้าเขาไม่เมนชั่นล่ะ?
“โอ้ยยยย...หัวใจฉันจะระเบิด รับผิดชอบมาเลยนะ!” เขาโวยวาย ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงเตือนของโปรแกรมทวิตมันบอกว่ามีคนเมนชั่นหา...
พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกหมูด้วยยยยยยย
‘@DJ_X @ปอปลาตากลม : เพิ่งรู้ว่าชื่อ ปอร์’
อะไร?
เอาเถอะ...อย่างน้อยก็รู้ละว่าคุยอยู่กับเขา....
‘@ปอปลาตากลม @DJ_X : เพิ่งรู้เหมือนกันว่าชื่อ เอ็กซ์’
แล้วก็เกิดความเงียบ... เขาลุ้น ลุ้นจนเหนื่อย! จนแบบปวดประสาทไปแล้ว ตอนนี้เลยเหลือแต่อาการนิ่งเงียบ ราวกับคนที่เพี้ยนได้สุดกู่เมื่อสักครู่ไม่เคยมีตัวตนอย่างนั้นแหละ...
ตอนนี้เขากำลังหลุดไปอยู่ในโลกของจินตนาการละมั้ง
ถ้าหากว่า เอ็กซ์ นั่งอยู่ข้างๆ เขา
ตอนนี้...
ในห้องนี้...
เอ็กซ์คงได้ยินเสียงหายใจของเขาแน่นอน เพราะในห้องมันเงียบมากเหลือเกิน พอหลับตาลงก็เหมือนกับว่าหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง...
โลกที่เงียบ แต่...ไม่รู้สึกเหงาอีกแล้ว...
ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้นะ...เป็นเพราะผู้ชายที่ชื่อเอ็กซ์หรือเปล่า...
ผู้ชายที่พูดคุยกับเขาทุกค่ำคืนผ่านตัวอักษรในหน้าจอมือถือ ผู้ชายที่เดินผ่านหน้าห้องของเขาทุกวัน ผู้ชายที่เขาเหลือบตามองตามทุกครั้งเมื่อเดินผ่านกัน...
ผู้ชายที่ผูกพันกับเขาโดยไม่รู้ตัวสักนิด....
เสียงร้องเตือนเมนชั่นจากเครื่องทำให้ปอร์ต้องลืมตามองมือถือ ก่อนที่จมองข้อความต่างๆ จากเพื่อน จากคนที่คอยจะป่วน จากบรรดานักเขียน แต่ที่ตรึงสายตาและทำให้ริมฝีปากของเขาแย้มยิ้มได้...นั่นก็คือ...
‘@DJ_X @ปอปลาตากลม : ถ้าจะชวนไปทานข้าวจะไปมั้ย?’
‘@ปอปลาตากลม @DJ_X : อยู่ที่ว่า...ไปไหน? ตอนไหน?’
เขาตอบเมนชั่นนั้นไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ก่อนที่จะขยับกายไปมาแล้วลุกออกจากเตียง เดินไปที่ประตูเพื่อจะออกไปสูดอากาศนอกห้อง...
จะมาชวนทานข้าวอะไรตอนนี้ เพิ่งทวิตไปแหม่บๆ ก่อนเจอเขาว่าจะออกไปทานข้าว...
‘@DJ_X @ปอปลาตากลม : ที่ระเบียง...ตอนนี้’
ปอร์ตาโต เมื่อตัวเองเปิดประตูพร้อมกับอ่านทวิตไปด้วย ใบหน้าอ่อนใสของเขาเงยขึ้นแล้วหันไปยังระเบียงของห้องข้างๆ ทันที...
ร่างสูงยืนนิ่ง ก่อนจะหลุบตาลงมองถาดที่มีถ้วยบะหมี่สองถ้วยกำลังโชยกลิ่นหอมอยู่ในมือ จะให้เขาทำหน้ายังไงดีเล่าตอนนี้...
ช่องว่างของความเขินอายมันกำลังขยายพื้นที่ใช่มั้ย?
อีกฝ่ายเอาถาดวางบนขอบระเบียงโดยมือมือข้างหนึ่งประคองไว้ ส่วนมืออีกข้างถือมือถือพร้อมกับยกขึ้นลูบที่จอนสั้นๆ ของตัวเองสองสามทีราวกับไม่รู้จะพูดอะไร...
เขามองภาพนั้นพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะพยายามกลั้นยิ้มเมื่ออีกฝ่ายส่งถ้วยบะหมี่มาให้หนึ่งถ้วย เขาก็รับไว้ แล้ว...จะทำยังไงต่อไปดีนะ ก็ในเมื่อต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูกกันทั้งคู่
สุดท้ายเขาเลยเลือกที่จะยืนพิงระเบียงหันหลังให้ร่างสูงกินบะหมี่เงียบๆ ทั้งที่ก่อนจะถึงห้องเขาก็ทานมาเรียบร้อยแล้ว...แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกดีกับไอ้เจ้าบะหมี่ถ้วยนี้
เสียงร้องเตือนของเมนชั่นในมือถือทำให้เขาต้องละสายตามาสนใจเจ้ามือถือในมือ ก่อนจะฉีกยิ้มกับข้อความนั้น
‘@DJ_X @ปอปลาตากลม : อร่อยมั้ย?’
‘@ปอปลาตากลม @DJ_X : อืม...แล้วไม่ไปทำงานเหรอ?’
‘@DJ_X @ปอปลาตากลม : อีกสักพักน่ะ’
เขาอมยิ้ม ก่อนจะสะดุ้งกับความเย็นวาบที่ข้างแก้มพอหันไปดูก็ตกใจอีกรอบเมื่อเห็นแก้วน้ำเย็นลอยอยู่ตรงหน้า แล้วเมื่อหันหนาไปมองคนให้ก็มีอันต้องยิ้มเขินแล้วหัวเราะออกมาจริงๆ เพราะคนใจดีที่ดูแลเขาอยู่ตอนนี้หน้าแดงซ่าน แถมยังไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ ด้วยซ้ำ....
จะให้เขาบรรยาย อาการ อารมณ์ความรู้สึกตอนนี้ว่ายังไงดีล่ะ...
‘@DJ_X : ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ...ไม่เหงาแล้วนะ’
ทวิตลอยๆ นั้นทำให้เขายิ้มออกมา หลังจากที่อิ่มกับบะหมี่ถ้วยและน้ำเย็น เขากดนิ้วจิ้มข้อความ หวังจะทวิตบอกแต่ก็เป็นอันชะงักกับ...
“ไปทำงานแล้วนะ ฝันดี” เสียงกระซิบที่ดังอยู่ที่หลังมันทำให้ใจเต้นแรง และกระหน่ำหนักมากกว่าเดิมเมื่อ ลมหายใจอุ่นเป่ารดที่ท้ายทอยก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสอุ่นวาบที่หลังคอ....
.....
......
........
แม้จะผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วก็ตาม แต่...ปอร์ยังคงยืนใช้มือแตะที่หลังคอ ใบหน้าอ่อนใสของบรรณาธิการร่างบางยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มมาก่อน...
ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม...อยู่อย่างนั้น....
ตอนนี้...คำที่ทำร้ายเขามันเรียกว่าอะไรนะ...ทำไม....ถึงสะกดไม่เป็น อ่านไม่ออก และไม่เข้าใจความหมายเลยนะ...
คุณรู้มั้ยว่าเพราะอะไร... DJ_X!
THE END
จบหมดแล้วค่ะ ไม่มีแล้ววววววว
ชิ่งหนีค่ะ เรื่องอื่นๆ แปะไว้ก่อนนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากเลยยยยยย
มีความสุขมากๆ ค่ะ คนเหงาก็...เฝ้าทวิตกันต่อไปค่ะ อิอิ :z2: :z2: :z2: