พิมพ์หน้านี้ - [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => พูดคุยทั่วไป => คลังกระทู้เก่า => ข้อความที่เริ่มโดย: Ex'ecuzě ที่ 09-12-2011 20:59:28

หัวข้อ: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 09-12-2011 20:59:28
สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวเล้าเป็ดที่หลงเข้ามาในนี้ทุกท่านครับ

เผอิญว่าช่วงนี้ว่างนิดหน่อย จึงมีความคิดอยากลองเขียนบทความทางการแพทย์มาลงเล้า เผื่อบางท่านอยากทราบ หรือไม่ก็เป็นความรู้เพิ่มเติม เพื่อป้องกัน “พิซซ่าหน้าหญ้า” ซึ่งสามารถเกิดได้ทุกสถานการณ์ (ฮา อิอิ)

ดังนั้น เรื่องแรกที่ผมจะขอแนะนำเลยก็คือ อาการทางจิตที่ผิดปกติครับ ซึ่งมักจะพบได้ตามนิยายทั่วไปหรือตามเว็บบอร์ดอื่นๆ หรือแม้กระทั่งในเล้าเราเอง (ฮ่าๆๆๆ) ใครแวะมาอ่านแล้วก็ลองสังเกตดูนะครับว่าตนเองหรือคนรู้จักเป็นเหมือนในนี้บ้างรึเปล่า อิอิ

“บุคลิกภาพผิดปกติ” หรือ “Personality disorder”

บุคลิกภาพผิดปกติ คือการที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนจากพฤติกรรมของคนปกติทั่วไปในสังคมครับ โดยที่ผู้ป่วยมักจะไม่รู้ตัวว่าตนเองได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเหมาะสม (หรือไม่เหมาะสม) เพราะผู้ป่วยไม่คิดว่าพฤติกรรมนั้นเป็นปัญหาต่อบุคคลรอบข้างครับ และนอกจากนี้ผู้ป่วยจะไม่ยอมรับด้วยว่า “ตนเองมีปัญหา” ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอ้ะครับ

ซึ่งผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการในช่วงวัยรุ่นตอนต้นและจะมีอาการเป็นระยะเวลานาน ซึ่งบางภาวะอาจจะรุนแรงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นด้วย มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าว เช่น ด้านพื้นฐานอารมณ์ สภาพแวดล้อมที่ถูกเลี้ยง ปัจจัยด้านจิตใจของตนเอง ปัจจัยด้านพันธุกรรม

ซึ่งบุคลิกภาพผิดปกติ จะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 หัวข้อใหญ่ และ 10 ภาวะย่อยอ่าครับ

1.   Cluster A : พวกบุคลิกภาพแปลกประหลาดหรือเพี้ยน

1.1.   Paranoid Personality Disorder (อ่านว่า พารานอยด์)
ผู้ป่วยมักจะไม่เชื่อคนอื่น ขี้ระแวง สงสัยว่าคนอื่นจะทำร้ายตนเอง มักคิดว่าผู้อื่นไม่ซื่อสัตย์ คิดว่าผู้อื่นกระทำสิ่งต่างๆเพื่อประโยชน์ของตนเท่านั้น มีอาการหึงหวงเกินจริง อย่างเช่นคิดว่าแฟนมีชู้โดยที่ไม่มีหลักฐาน แบบว่าอยู่ๆก็คิดขึ้นมาเองว่า เอ๊ะ นี่เมียกูมีชู้ป่าววะ อะไรทำนองนั้น

1.2.   Schizoid Personality Disorder (อ่านว่า ชิซอยด์ หรือ ซคิซอยด์)
ผู้ป่วยมักจะเย็นชา (โค-ตะ-ระ เท่ห์) ไม่เข้าสังคม อยู่เงียบๆคนเดียว (เพลงของพี่เบิร์ด อ๊ะ ไม่ใช่ละ) ไม่อยากจะรู้สึกผูกพันกับใคร จึงมักจะไม่ได้แต่งงาน !!! ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับตัวเอง (จะชม จะด่า จะเกลียด จะรัก ก็ไม่สน) ถ้าใครเล่นเกม Final Fantasy 8 ครับ พระเอก Squall ก็น่าจะเป็นภาวะนี้แหละครับ ห่ะๆๆๆ

1.3.   Schizotypal Personality Disorder (อ่านว่า ชิโสไทปอล หรือ ซคิโสไทปอล)
ผู้ป่วยมีความคิดและลักษณะท่าทางแปลกๆ เชื่ออำนาจวิเศษต่างๆ คิดว่าตัวเองมีเวทย์มนต์ มีสัมผัสที่หก คุยกับผีได้ รู้อนาคต อะไรทำนองนั้น โดยผู้ป่วยมักจะมีอาการผิดปกติในการสื่อสารกับผู้อื่น เช่นพูดจาวกวนไปๆมาๆ พูดเลื่อนลอย บางครั้งก็มีพฤติกรรมไม่สมเหตุสมผล เช่น ตะโกนว่า ผีอยู่ข้างหลัง พร้อมๆกับหัวเราะ อะไรทำนองนั้นก็เป็นได้

2.   Cluster B : พวกมีความผิดปกติทางอารมณ์

2.1.   Antisocial Personality Disorder (อ่านว่า แอนทายโซเชียล หรือ แอนติโซเชียล)
ลักษณะทั่วไปจะไม่ผิดปกติใดๆ (ถ้ามองแบบผิวเผิน) บางครั้งก็อาจจะดูดี มีเสน่ห์ก็เป็นไปได้นะ (คล้ายๆกับพระเอกนิยายหลายๆคนแฮะ) แต่ผู้ป่วยมักจะมีประวัติขี้โกหก หนีโรงเรียน หนีออกจากบ้าน ขโมยของ ทำสิ่งผิดกฎหมายมาตั้งแต่เด็ก และเป็นมาตลอด เป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด ก้าวร้าว หรือบางทีก็ทำร้ายร่างกายเด็ก (ในที่นี้รวมถึงข่มขืนเด็กด้วยนะ >.<) ซึ่งทั้งหมดที่ผู้ป่วยทำไป “ผู้ป่วยจะไม่มีความรู้สึกสำนึกผิด” และ “ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นเลย”

2.2.   Borderline Personality Disorder (อ่านว่า บอร์เดอร์ไลน์)
เป็นคนสุดโต่งสุดๆ มีแค่ ถูกและผิด ไม่มีกึ่งถูกกึ่งผิด ขาว-ดำ เท่านั้น ไม่มีสีเทา อารมณ์แปรปรวนสุดๆ ถ้าชอบใครก็จะชอบคนนั้นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่พอรู้สึกไม่พอใจกับคนๆนั้นเพียงเล็กน้อยก็จะโกรธ ไม่เห็นความดีของคนๆนั้นอีกต่อไปเลย (โหดอ่ะ) นอกจากนี้ผู้ป่วยยังทนความเหงาไม่ได้ อยู่คนเดียวไม่ได้ กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวถูกลืม ดังนั้นผู้ป่วยมักจะสนิทสนมกับคนแปลกหน้าได้เร็ว แต่ก็คบนานไม่ได้อยู่ดีเนื่องจากอารมณ์แปรปรวนโคตร

2.3.   Histrionic Personality Disorder (อ่านว่า ฮิสทริโอนิก)
พูดง่ายๆเลยว่า “ชอบดราม่า” เป็นคนเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นสุดๆ จะรู้สึกเสียใจโคตรๆถ้าไม่ได้เป็นที่สนใจ ไม่มีความมั่นใจในตนเอง บางทีจึงแสดงตัวตนอีกคนออกมา อย่างเช่น สร้าง Account ปลอม มาคุยกับตัวเอง มาจีบ หรือมาทำให้เกิดดราม่าจนกระทั่งคนอื่นมาเห็น และติดตามดราม่านั้นๆ (อย่างที่เคยเห็นกันบ่อยๆตามเว็บบอร์ดต่างๆ เรื่อง การอวตารตัวเองมาจีบตัวเอง - -“) หรือทำตัวคล้ายเรยาอ่าครับ

2.4.   Narcissistic Personality Disorder (อ่านว่า นาซิสซิสติก)
คนพวกนี้มักคิดว่าตนเองเป็นที่สำคัญ (มากกกกกกกกกก ถึงมากที่สุด) ต้องได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ชอบฟังคำยกย่องสรรเสริญให้ดูเริ่ดหรู และไม่สามารถทนต่อคำวิจารณ์ตนเองในทางไม่ดีๆได้เลย ไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่น ซึ่งพบเห็นได้ตามละครและนิยายไทยทั่วไป เป็นจำพวกผู้ชายที่เป็นตัวร้ายอ่ะครับ

3.   Cluster C : พวกวิตกกังวล กลัวเกินเหตุ

3.1.   Avoidant Personality Disorder (อ่านว่า อะวอยด์แดนท์)
ผู้ป่วยมักจะอยากเข้าสังคม แต่ดันไม่กล้าเข้าสังคมเพราะ ขาดความมั่นใจในตนเอง กลัวนู่น กลัวนี่ และที่สำคัญ “กลัวการถูกปฏิเสธหรือถูกทอดทิ้ง” ผู้ป่วยไม่กล้าขอร้องใครเพราะกลัวจะถูกปฏิเสธ ชอบคิดว่าตนเองไม่เก่ง ไม่น่าสนใจ ต่ำต้อย ขี้อาย ทำนองนั้น (ดูแล้วคล้ายๆนายเอกในนิยายบางเรื่องเหมือนกันนะ ห่ะๆๆๆ)

3.2.   Dependent Personality Disorder (อ่านว่า ดีเพ็นเด็นท์)
ผู้ป่วยจะมีลักษณะเป็นผู้ตามตลอดเวลา ไม่เป็นผู้นำ ต้องพี่งพาคนอื่นตลอดเวลา (ทุกๆเรื่องเลย) ยอมให้คนอื่นตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆของชีวิต (ทุกๆเรื่องเหมือนกัน) ไม่กล้าแสดงความคิดที่แตกต่างกับคนอื่นเพราะกลัวโดนขัดแย้ง กลัวไม่เป็นที่ยอมรับ ขาดความมั่นใจ กลัวการถูกทอดทิ้งเพราะกลัวเกินจริงว่าจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ - -“

3.3.   Obsessive-Compulsive Personality Disorder หรือ OCD (อ่านว่า อ็อบเซสซิฟ-คอมพัลซิฟ)
โรคนี้ทุกคนน่าจะเคยได้ยิน เรียกภาษาไทยว่า “โรคย้ำคิดย้ำทำ” นั่นเองครับ คือแบบผู้ป่วยจะกังวลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ ก็เลยแสดงพฤติกรรมเพื่อทำให้ความกังวลหายไป ต้องทำให้สิ่งนั้นเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ผู้ป่วยยังไม่ยอมประนีประนอมในสิ่งที่ตนเองคิดว่าถูกต้อง ผู้ป่วยจะอยู่ในศีลธรรมเป็นอย่างมาก โดยขาดความยืดหยุ่นเรื่องศีลธรรม จรรยาบรรณและค่านิยม ที่พบได้บ่อยก็จะเป็นพวกรักษาความสะอาดเป็นอย่างมาก จะทำนู่นก็ต้องล้างมือ จะกินผลไม้ก็ต้องเอาผลไม้มานั่งล้าง นั่งขัดให้สะอาดก่อนกินอะไรทำนองนั้น (เห็นได้จากตัวละครในซีรี่ย์เรื่อง Glee เป็นต้น)

สำหรับการรักษาภาวะทั้ง 10 ที่พูดมาแล้วเนี่ยครับ ง่ายมากเลยครับ แค่เพียงยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น และปรึกษาจิตแพทย์ใกล้บ้านท่าน (เหมือนโฆษณามั๊ยนะ) ทางจิตแพทย์จะมีการทำพฤติกรรมบำบัด หรือจิตบำบัดครับผม หรือถ้าเป็นมากก็อาจใช้ยาในการรักษาเป็นตัวช่วยครับ

แต่บุคคลที่มีอาการคล้ายกับ 10 ประเภทที่กล่าวมาก็ยังสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็มีนะครับ แต่ก็อาจจะมีบุคคลที่อาการรุนแรงจนไม่สามารถอยู่ในสังคมได้ก็มีเช่นเดียวกัน

เขียนมาซะยาวยืด... ไม่รู้ว่าอ่านแล้วเข้าใจรึเปล่าแฮะ ฮ่าๆๆๆ
ใครคล้ายแบบไหนบ้างเนี่ยบอกมาเลยนะครับ
ผมคล้ายๆกับอันสุดท้ายนะครับ แต่ไม่รุนแรงขนาดนั้น แหะๆๆๆๆ

------------------------------------------------------------------------------------
ท่านใดอยากทราบเพิ่มเติมข้อมูลเชิญอ่านเพิ่มเติมได้ที่...

References :
 - Personality Disorder, Charles RM
 - จิตเวชศาสตร์รามาธิบดี, มาโนช หล่อตระกูล
 - จิตบำบัด:ทฤษฎีและเทคนิค, ทินกร วงศ์ปการันย์

------------------------------------------------------------------------------------

ปล. Modify เพิ่ม References ครับ :)
หัวข้อ: Re: "กระทู้มีสาระมั้ง" เกี่ยวกับโรคที่พบเจอกับการเล่นเน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-12-2011 21:06:37
ตายละหว่า  :z10: นี่ตูอยู่ในข้อไหนบ้างเนี่ย ขอไปนั่งอ่านทบทวนก่อน

อ่านแล้วจับใจความได้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้

1.1.   Paranoid Personality Disorder (อ่านว่า พารานอยด์)
ผู้ป่วยมักจะไม่เชื่อคนอื่น ขี้ระแวง 
(น่าจะเป็นอันนี้คือ แบบว่า เหมือนมันมีเซ็นส์ ว่าคนนี้อะ หลอกแน่เลย เอาเรื่องใกล้ตัว อย่างอยู่ในเล้า อ่านนิยายแล้ว รู้สึกได้ว่า เออไม่ดีแระ หรือ อ่านความเห็นหรือการกระทำของใครสักคน แล้วแบบ อันนี้น่าสงสัย)  พี่เข้าข่ายมั้ยอะ

1.2.   Schizoid Personality Disorder (อ่านว่า ชิซอยด์ หรือ ซคิซอยด์)
ผู้ป่วยมักจะเย็นชา (โค-ตะ-ระ เท่ห์) ไม่เข้าสังคม อยู่เงียบๆคนเดียว (เพลงของพี่เบิร์ด อ๊ะ ไม่ใช่ละ) ไม่อยากจะรู้สึกผูกพันกับใคร จึงมักจะไม่ได้แต่งงาน !!! ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับตัวเอง (จะชม จะด่า จะเกลียด จะรัก ก็ไม่สน) ถ้าใครเล่นเกม Final Fantasy 8 ครับ พระเอก Squall ก็น่าจะเป็นภาวะนี้แหละครับ ห่ะๆๆๆ
(อันนี้เป็น บางอย่างนะ บางครั้งก็ดูเย็นชา เคยมีน้องในเอ็มพูดมาว่า เวลาทักในเอ็มแล้วคำพูดพี่มันดูเย็นชามาก ดูไม่ใส่ใจ จนเค้าไม่กล้าทัก ทั้งที่จริงเราว่าเราก็ปกตินะ คือเช่นมีน้องทักมา พี่หนึ่ง ส่วนมากจะถามน้องคำแรกไปเลยว่า ว่างัย มีไร จะดูสั้นๆห้วนๆ แบบนี้ ส่วนเรื่องที่มีคนอื่นจะคิดยังงัยกับตัวเอง นี่ เป็นคนที่ไม่สนใจจริงๆ แต่จะเป็นกับคนที่รู้จักแค่ผิวเผินนะ ถ้าเป็นคนสนิทนี่จะแคร์อยู่) ข้อนี้แหละที่เหมือนจะตรงมากสุดกับตัวเอง แต่ไม่รุ้จะเข้าข่ายมั้ย

เหมือนมาพบจิตแพทย์งัยไม่รู้  :laugh:


อย่างรีล่างบอก ปกติตัวเองก็มี 2 ล๊อคอินนะ  :laugh: แอร๊ยยส์เปิดเผยความลับซะแล้ว แต่ไม่เคยเอาล๊อคอินโนเนมมาคุยเล่นกะล๊อคอินนี้อะ เพราะงั้น เค้ารอดค่ะ  :z2:
V
V
หัวข้อ: Re: "กระทู้มีสาระมั้ง" เกี่ยวกับโรคที่พบเจอกับการเล่นเน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: PHUCK™ ที่ 09-12-2011 21:08:27


2.3.   Histrionic Personality Disorder (อ่านว่า ฮิสทริโอนิก)
พูดง่ายๆเลยว่า “ชอบดราม่า” เป็นคนเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นสุดๆ จะรู้สึกเสียใจโคตรๆถ้าไม่ได้เป็นที่สนใจ ไม่มีความมั่นใจในตนเอง บางทีจึงแสดงตัวตนอีกคนออกมา อย่างเช่น สร้าง Account ปลอม มาคุยกับตัวเอง มาจีบ หรือมาทำให้เกิดดราม่าจนกระทั่งคนอื่นมาเห็น และติดตามดราม่านั้นๆ (อย่างที่เคยเห็นกันบ่อยๆตามเว็บบอร์ดต่างๆ เรื่อง การอวตารตัวเองมาจีบตัวเอง - -“) หรือทำตัวคล้ายเรยาอ่าครับ




โอ๊ะโอววววววว!! ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเขาจะรู้ตัวบ้างรึเปล่านะ ... โฮะๆๆๆ !!

เขาจับได้กันจะทั้งเล้าแล้วแม่คุ๊ณ!! ... รู้ตัวก็หยุดซะ อย่าให้ต้องมีกระทู้แฉให้โมฯต้องเหนื่อยเลยครับ

หัวข้อ: Re: "กระทู้มีสาระมั้ง" เกี่ยวกับโรคที่พบเจอกับการเล่นเน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 09-12-2011 21:14:56
เกือบเป็นข้อสุดท้ายย  เมื่อก่อนอนามัยจัด ชอบล้างมือ เพราะคิดว่าไปจับโน่น นี่ มันมีเชื้อโรค ขนาดจะกินผลไม้ เช่น แอปเปิล ฝรั่ง เรายังเอา ชันไลท์ล้างถูกับฟองน้ำ (เพื่อนมาเห็น มันไม่กล้ากินเลย 555)  เดี่ยวนี้ก็ผ่อนๆและ ซกมกบ้างพอเป็นพิธี  :laugh3:
หัวข้อ: Re: "กระทู้มีสาระมั้ง" เกี่ยวกับโรคที่พบเจอกับการเล่นเน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 09-12-2011 21:31:56
เป็นข้อไหนวะเนี่ยกู
 :z10:
หัวข้อ: Re: "กระทู้มีสาระมั้ง" เกี่ยวกับโรคที่พบเจอกับการเล่นเน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: DEVIL nures ที่ 09-12-2011 21:33:27
สาระมากมา อ่านแล้วเหมือนเข้าตัวยังไงไม่รู้ :z3:
หมอวียังเขียนไม่ครบนะตัวเองยังไม่ลงเรื่อง sexual disorders เลยนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: "กระทู้มีสาระมั้ง" เกี่ยวกับโรคที่พบเจอกับการเล่นเน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: J.ความลับ ที่ 09-12-2011 21:56:45
ว้าว >< พี่ชาย ความรู้ใหม่เลยนะคะเนี่ย
น้องเป็นข้อไหนบ้างไหมเนี่ย 55
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 09-12-2011 22:47:36
อ่านรอบแรกอ่านเฉยๆ เหมือนอ่านเอาความรู้ อ่านรอบสองพิจารณาตัวเอง
โดนข้อ avoidant ตรงที่ว่า “ชอบคิดว่าตนเองไม่เก่ง ไม่น่าสนใจ ต่ำต้อย ขี้อาย” แล้วก็ Obsessive-Compulsive ตรงที่ “กังวลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ ก็เลยแสดงพฤติกรรมเพื่อทำให้ความกังวลหายไป ต้องทำให้สิ่งนั้นเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ” อ่านรอบแรกคิดว่าตัวเองเข้าข่ายหมด แต่มานั่งพิจารณาดีๆ มีแค่นี้เอง โล่งอก คิก
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 09-12-2011 23:13:35
มีสาระมากจ้า ขอบคุณน้า  o13
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: aida ที่ 11-12-2011 12:44:49
อ่านแล้วรู้สึกตัวเองตรงหลายข้อเลย โดยเฉพราะ Avoidant Personality Disorder ข้อนี้โดนเกือบหมด - -"
แล้วเอามาลงเพิ่มอีกนะค่ะ
 (。◕ฺˇε ˇ◕ฺ。)
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: AKO ที่ 11-12-2011 18:11:57
หวา ความรู้ใหม่เลย ต้องมาวิเคราะห์ว่าตัวเองอยู่กลุ่มไหน o18
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 11-12-2011 22:25:39
อิอิ ขอบคุณมากครับ :)

ว่างๆหลังสอบเสร็จจะมาเขียนลงให้เพิ่มเติมนะครับ :D
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 11-12-2011 23:02:35
โอ้โห!  ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยฮะ  อิอิ  อืมแล้วไอ้อาการแบบว่า ปิด  ทีวี พัดลม แก้ส ปิดประตูบ้าน ก่อนออกจากบ้านเดินได้ประมาน 5 นาทีเอ ปิดไฟยังวะ ทีวีล่ะ ลอกบ้านยังวะเนี่ย ต้องย้อนกลับไปดูอีกเนี่ยมันเป็นแบบข้อสุดท้ายรึเราขี้ระแวง  รึว่าเป็นเพราะจิตใต้สำนึกลื้กกกก...ลึก(สันดาน)ครับ คุนหมอ
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 12-12-2011 21:46:28
ไม่หรอกจ้ะน้องเทล เป็น (เกือบ) จะปกติดี >.<"

นิดๆหน่อยๆ ไม่ถึงกับเป็นข้อสุดท้ายหรอครับ
ถ้าข้อสุดท้ายจะทำนองแบบว่า ปิดแก๊สยังวะ ปิดยังวะ เดินไปปิดสิบรอบ พอออกจากบ้านได้ สองก้าวก็กลับมาปิดอีก ออกไปอีกสิบก้าว ก็กลับมาปิดอีก บลาๆๆๆ - -"
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 13-12-2011 06:31:56
สรุบคือแค่เป็นพวกสมาธิสันประมานนั้นใช่ไหมครับ เค้าบอกว่าเป็นพวกสติหลุด 555   
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 13-12-2011 18:17:23
ขอบคุณ หมอวี ต้องวิเคราะห์อีกทีว่าโดนข้อไหนบ้าง อาจจะหลายข้อเลย 5555
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: pizzy ที่ 13-12-2011 19:04:19
กระทู้ ดี มีสาระ นะคะ ดูๆ แล้ว ตัวเองคงเป็น OCD นะคะ ย้ำคิดย้ำทำโดยเฉพาะเรื่องดราม่าเนี่ย แก้ไม่ได้เลยจริงจริง :-[

แต่แหมนะ พวกโคลนร่างทรง มาจีบตัวเอง คุยกันเอง มันก็ ทุ่มทุนสร้างนะคะ

นี่ยังไม่ทราบว่า ออนเอ็มสองไอดี มาแชทกันด้วยรึเปล่าน้า

พิซซี่เห็นแล้ว เหนื่อยแทน ป่วยแบบนี้

คงบอกได้แค่ว่า

"น้องคะ เข้าพบจิตแพทย์นะคะ ไม่ใช่เข้าเล้าเป็ด"

ด้วยรัก//พิซซี่ สาววายคุณภาพประจำเล้าเป็ด
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-12-2011 08:54:56
กูอ่านข้อนึงแล้วกูคิดถึงอีเจ๊แป๋มกะสตรองมาก (หรือจะรวมบลาบลาไปด้วยดี) กร๊ากกกกกก

ส่วนตัวเองสงสัยเป็น 1.1 เลยแหละ เมียแม่งมีชู้บ่อยเกินจนหวาดระแวง 55555

และอีกอย่างคือทำให้รู้ว่านิยายในเล้า ไม่ว่าจะบทบาทไหน ตัวละครหลักแม่งเป็นโรคจิตกันทั้งนั้นเลยเหรอเนี่ย เอิ๊กๆๆ

ปล. ไอ้พวกสร้างยูสปลอมเค้าอาจจะทำสนุกๆๆ ก็ได้นะ ตัวเล็ก อาจจะว่างมากกกกก... จิตนะ ที่ว่างมาก ไรเงี้ย (ฮา)
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-12-2011 12:45:16
กูอ่านข้อนึงแล้วกูคิดถึงอีเจ๊แป๋มกะสตรองมาก (หรือจะรวมบลาบลาไปด้วยดี) กร๊ากกกกกก

ส่วนตัวเองสงสัยเป็น 1.1 เลยแหละ เมียแม่งมีชู้บ่อยเกินจนหวาดระแวง 55555

และอีกอย่างคือทำให้รู้ว่านิยายในเล้า ไม่ว่าจะบทบาทไหน ตัวละครหลักแม่งเป็นโรคจิตกันทั้งนั้นเลยเหรอเนี่ย เอิ๊กๆๆ

ปล. ไอ้พวกสร้างยูสปลอมเค้าอาจจะทำสนุกๆๆ ก็ได้นะ ตัวเล็ก อาจจะว่างมากกกกก... จิตนะ ที่ว่างมาก ไรเงี้ย (ฮา)

^
^
ข้อไหนคะ
มึงว่ามาเลยดีกว่าค่ะ
แอร๊ยยยยยยยยยยย
 :beat:
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: PHUCK™ ที่ 14-12-2011 14:45:13

^
^
ข้อไหนคะ
มึงว่ามาเลยดีกว่าค่ะ
แอร๊ยยยยยยยยยยย
 :beat:
กูอ่านข้อนึงแล้วกูคิดถึงอีเจ๊แป๋มกะสตรองมาก (หรือจะรวมบลาบลาไปด้วยดี) กร๊ากกกกกก

ส่วนตัวเองสงสัยเป็น 1.1 เลยแหละ เมียแม่งมีชู้บ่อยเกินจนหวาดระแวง 55555

และอีกอย่างคือทำให้รู้ว่านิยายในเล้า ไม่ว่าจะบทบาทไหน ตัวละครหลักแม่งเป็นโรคจิตกันทั้งนั้นเลยเหรอเนี่ย เอิ๊กๆๆ

ปล. ไอ้พวกสร้างยูสปลอมเค้าอาจจะทำสนุกๆๆ ก็ได้นะ ตัวเล็ก อาจจะว่างมากกกกก... จิตนะ ที่ว่างมาก ไรเงี้ย (ฮา)



อิเฮียต้น ... 1.3 ชิมิ ?? งั้นรวมฟิโลฯด้วยเลยสิ๊!!!

ไม่คุยละ มีเรียนวิชาเม้าท์กับผียังไงให้สนุก เชอะเชอะ!!

หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-12-2011 16:11:54
^
^
กูไม่เกี่ยวค่ะ
เดี๋ยวนี้กูไม่อะไรทำไมทั้งนั้น
ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ไม่รับรู้
แอร๊ยยยยยยยย
 :z3:
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-12-2011 16:17:01
ของสตรองไม่ใช่ ข้อ 2.1 กับ 2.3 หรอ  :m26:
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 15-12-2011 14:31:40
^
^
สตองมันมีหลายล็อคอินแล้วคุยจีบตัวเองเหรอพี่หนึ่ง
 :m26:
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 16-12-2011 18:03:06
^
^
สตองมันมีหลายล็อคอินแล้วคุยจีบตัวเองเหรอพี่หนึ่ง
 :m26:

สตรองมันเป็นหลายโรคนะพี่ อิอิ ถ้าไม่ได้พี่ๆ อย่างพวกเราเนี่ย มันอาจจะแย่กว่านี้นะ เอิ๊กกก
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: PHUCK™ ที่ 16-12-2011 19:47:20



หมดกัน!!!! = =''

ไม่บอกเขาไปเลยล่ะว่าสตรองมีห้าล็อคอินอะพี่!! (แล้วเดี๋ยวก็จะมีคนเชื่อจริงๆอีก)  :m31:



ช่วงนี้อาการจะกำเริบแล้วเฮีย ... เพราะงั้นจัดทริปนับอีกสักรอบดิ!  :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 17-12-2011 01:08:34
เอิ๊กๆๆๆ คนแก่ๆเริ่มมาแฉกันเองแล้วครับ

อิอิ

ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว เดี๋ยวว่างๆคงเขียนมาลงเพิ่ม (ถ้ามีคนอ่านน่ะนะ ห่ะๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-12-2011 01:13:00
น้องหมอ อย่าเรียกว่าแฉค่ะ มันฟังดูไม่ดี เรียกว่าเอาความจริงมาพูดดีกว่า  :m20:
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 17-12-2011 01:19:26
พี่หนึ่งเอาความจริงมาพูดอย่างนี้...

ทุกคนก็คงต้องเอาความจริงมาพูดบ้างดีมั๊ย

งั้นคราวหน้า เขียนเรื่องโรคของ "พวกขี้โกหก" ดีมั๊ยเอ่ย ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 17-12-2011 13:46:04
เหอๆเอาเข้าไป ชักจะเริ่มร้อนตัวขึ้นมาแล้วเซ่ะ  ไงก็จัดมาเลยพี่พร้อมจะสะดุ้งอิอิ  (จะเป็นโรคอะไรอีกว้า)
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 17-12-2011 20:12:42
พี่หนึ่งเอาความจริงมาพูดอย่างนี้...

ทุกคนก็คงต้องเอาความจริงมาพูดบ้างดีมั๊ย

งั้นคราวหน้า เขียนเรื่องโรคของ "พวกขี้โกหก" ดีมั๊ยเอ่ย ฮ่าๆๆๆๆ

แนะนำให้แปะในเฟซแล้วแท็กไอ้ทึ่มไปด้วยเลยนะ จะดีมาก!!
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 17-12-2011 21:06:20
เข้ามาสารภาพว่าเป็นโรคจิตค่ะ  บังเอิญเป็นโรค   Pretty Personality disorder  ค่ะ

คือ จะคิดย้ำว่าตัวเองเป็นคนขี้เหร่  ไม่สวย นิสัยไม่ดี  ไม่น่ารัก ไม่มีดีอะไรซักอย่าง ไม่มีคนมาสนใจ  :m15:

ทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเราจริงๆ เป็นคนน่ารักมาก อัธยาศัยดี มีมารยาท ฉลาด ขยัน ประหยัด รักชาติ สามัคคี  อะไรประมาณนี้อะค่ะ:m13:



ก็กำลังแก้ไขตัวเองอยู่ค่ะ พยายามยอมรับในความงามของตัวเองให้ได้ค่ะ   :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: PHUCK™ ที่ 17-12-2011 21:21:54
^
^
^



กดลบเป็ดรีบนจะโดนตบมั๊ยคะ !!?  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 17-12-2011 22:45:49
เหอๆ จขกท อยู่หนาย กรู้นาแสดงตัวด่วน เค้าจะตบกันแว๊ว!
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 17-12-2011 23:44:54
มีสาระมากๆๆ  ไม่เคยอ่านเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย ความรู้ใหม่ประดับหัวแล้วเรา
มานั่งนึกๆพิจารณา คิดไม่ออกว่าตัวเองเคยเป็นข้อไหนบ้างอ่ะ สงสัยต้องให้คนใกล้ตัวมาช่วยดูให้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Moonmaid ที่ 18-12-2011 00:20:55
เข้ามาสารภาพว่าเป็นโรคจิตค่ะ  บังเอิญเป็นโรค   Pretty Personality disorder  ค่ะ

คือ จะคิดย้ำว่าตัวเองเป็นคนขี้เหร่  ไม่สวย นิสัยไม่ดี  ไม่น่ารัก ไม่มีดีอะไรซักอย่าง ไม่มีคนมาสนใจ  :m15:



ทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเราจริงๆ เป็นคนน่ารักมาก อัธยาศัยดี มีมารยาท ฉลาด ขยัน ประหยัด รักชาติ สามัคคี  อะไรประมาณนี้อะค่ะ:m13:



ก็กำลังแก้ไขตัวเองอยู่ค่ะ พยายามยอมรับในความงามของตัวเองให้ได้ค่ะ   :เฮ้อ:





ง่ะ-*-เม้นได้แบบว่า.......
คนอ่านถอนหายใจ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Moonmaid ที่ 18-12-2011 00:24:43
3.1.   Avoidant Personality Disorder (อ่านว่า อะวอยด์แดนท์)
ผู้ป่วยมักจะอยากเข้าสังคม แต่ดันไม่กล้าเข้าสังคมเพราะ ขาดความมั่นใจในตนเอง กลัวนู่น กลัวนี่ และที่สำคัญ “กลัวการถูกปฏิเสธหรือถูกทอดทิ้ง” ผู้ป่วยไม่กล้าขอร้องใครเพราะกลัวจะถูกปฏิเสธ ชอบคิดว่าตนเองไม่เก่ง ไม่น่าสนใจ ต่ำต้อย ขี้อาย ทำนองนั้น (ดูแล้วคล้ายๆนายเอกในนิยายบางเรื่องเหมือนกันนะ ห่ะๆๆๆ)


เราคงจะเป็นอันนี้แหละ :z3: :z3: :o12: :o12:
เข้าสังคมได้ในโลกของอินเทอเน็ตเท่านั้น o7 o7
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 18-12-2011 00:28:53
^
^
^



กดลบเป็ดรีบนจะโดนตบมั๊ยคะ !!?  :laugh: :laugh:



เราว่าโดน 5555555555
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 18-12-2011 10:52:53
กรี๊ดๆๆๆๆ คนแก่เริ่มประจานกันเองเพิ่มเติม ฮ่าๆๆๆ

ปล. อาเฮียค้าบ ให้เอาไปแปะบนวอลล์พี่ทึ่ม !! ไม่ดีม้าง 555+ ยังไม่อยากทะเลาะ เอิ๊กๆๆๆ
ปลล. บทความใหม่ผมเอาลงกระทู้นี้เลยดีมั๊ยอ้ะ จะได้ไม่ต้องตั้งกระทู้ใหม่อ้ะคับ เห็นว่าไงกันบ้างอ่ะครับ >.<'
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: PopJae ที่ 18-12-2011 11:50:22
อ่านไปอ่านมาเริ่มมองตัวเอง -..-
เราเป็นข้อไหนบ้างเนี้ย ถ้าเป็นทุกข้อคงต้องเดินพบจิตแพทย์เป็นแน่ TT^TT~

ขอบคุณมากๆ ที่นำสาระดีๆ มาให้่อ่าน ขอบคุณฮะ ^^~
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 18-12-2011 16:58:22
แปะไปเลยลูก กระทู้เรา เรื่องก็สอดคล้องกัน ต่อเลย
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 18-12-2011 18:10:40
แต่แพรอยากให้ขึ้นใหม่นะพี่หมอ ความเด่นของหัวข้อจะได้ไม่แพ้กัน (คิดว่างั้นอะนะ)
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: PHUCK™ ที่ 18-12-2011 18:51:46
.



แปะในนี้แหละครับพี่ ... เพื่อเป็นการไม่ไปดันกระทู้อื่นให้ตกลงไป ^^
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 18-12-2011 20:09:24
.



แปะในนี้แหละครับพี่ ... เพื่อเป็นการไม่ไปดันกระทู้อื่นให้ตกลงไป ^^

มึงเรียกเค้าพี่เหรอ?? ใช่เหรอ ไอ้ฟัก?
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 19-12-2011 01:19:06
มึงเรียกเค้าพี่เหรอ?? ใช่เหรอ ไอ้ฟัก?

นั่นสิๆๆๆ แค่ไม่กี่เดือนเองนี่นา :P

เดี๋ยวอีกซักวันสองวัน คงจะเขียนอันใหม่เสร็จคร้าบ
สปอยล์ไว้ว่า เขียนเรื่องตามที่ใครซักคนต้องการเลยครับ แหะๆๆๆ

"Sexual Disorder" !!!
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: PHUCK™ ที่ 19-12-2011 01:41:27
.




หมอวิทแก่กว่าเค้าเถอะ =[]=

11 Sep 1988 กับ 23 Oct 1989 .... ห่างกันตั้งปีกว่าเลยนะเฮียต้น!! แบร่!!!!

หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 22-12-2011 00:14:22
แวะมาบอกว่า ขออนุญาตลงบทความใหม่วันศุกร์นี้นะครับ แหะๆ

ตอนนี้มีงานเร่งด่วนน่ะครับ ต้องเตรียมพรีเซนต์เคสผู้ป่วยภาวะความดันโลหิตสูงเฉียบพลันในวันศุกร์น่ะครับ T.T
แถมผู้ป่วยท่านนี้มีโรคประจำตัวเยอะแยะเลยด้วย เลยทำให้ค่อนข้างซับซ้อนนิดนึง แหะๆ

ขอโทษนะครับผม (สำหรับผู้ที่รออ่านน่ะ แหะๆ)
หัวข้อ: Re: [ กระทู้สาระ รึป่าวนะ >.< ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 วันศุกร์นี้ครับ>
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 24-12-2011 19:22:30
สวัสดีครับทุกท่าน กลับมาอีกครั้งกับ กระทู้สาระ (รึเปล่า?) ฮ่าๆๆๆ
หลังจากหายไปเป็นสัปดาห์เนื่องจากคนเขียนติดภาระขึ้นหอผู้ป่วยอายุรกรรม ซึ่งมีแต่คนอาการหนักๆทั้งนั้น ทำให้งานก็หนักไปด้วย (จริงๆแล้วขี้เกียจ) วันนี้ก็ได้กลับมาต่อจนได้ครับ หัวข้อวันนี้อาจจะ 18+ นิดนึงนะ ห่ะๆๆๆๆ นั่นก็คือ

Sexual Disorder” หรือ “ความผิดปกติทางเพศ

สำหรับความผิดปกติทางเพศ ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท ก็คือ
1.)   ความบกพร่องทางเพศ (Sexual Dysfunction อ่านว่า เซ็กชวล ดิสฟังชั่น)
2.)   ภาวะเบี่ยงเบนทางเพศ หรือที่เรียกว่า กามวิปริต (Paraphilia อ่านว่า พาราฟิลเลีย)

เรามาพูดถึงเรื่อง ความบกพร่องทางเพศ ก่อนดีกว่าเนอะ ความบกพร่องทางเพศเนี่ย มันสามารถแบ่งได้หลายลักษณะครับ โดยเราแบ่งดังนี้

1.)   ความผิดปกติในความต้องการทางเพศ (หลายคนอาจเป็นพวกนี้ รึป่าว ฮ่าๆๆๆ)
     a.   ภาระความต้องการทางเพศน้อยเกินไป พวกนี้จะพบได้ทั้งชายและหญิง (รวมทั้งเกย์ ฮ่าๆๆ) อาการก็เป็นเหมือนชื่อคือ มีความต้องการทางเพศน้อย แต่ถ้าได้รับแรงกระตุ้นเพียงพอก็อาจมีกิจกรรมทางเพศได้ตามปกติ ( >///< )
     b.   ภาวะรังเกียจกิจกรรมทางเพศ อันนี้ก็เป็นปัญหาทางเพศอีกแบบนึง ซึ่งผู้ป่วยจะรังเกียจกิจกรรมทางเพศมากๆๆๆๆ จึงทำให้ไม่ยอมมีกิจกรรมทางเพศ (เหมือนนายเอกในนิยายหลายๆเรื่อง ฮ่าๆๆๆ)
     c.   ภาวะความต้องการทางเพศมากเกินไป พวกนี้ก็พบได้ทั้งชายและหญิงเหมือนกัน แต่ดูแนวโน้มผู้ชายจะเป็นมากกว่า ฮ่าๆๆๆ ส่วนมากภาวะนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหามากหรอกครับ อิอิ

2.)   ความผิดปกติในการตื่นตัวทางเพศ
     a.   ภาวะองคชาตไม่แข็งตัว (Erectile Dysfunction อ่านว่า อีเร็คไทล์ ดิสฟังชั่น) เป็นภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ สามารถพบได้ทั่วไป ฮ่าๆๆๆ
     b.   ภาวะไม่ตื่นตัวในเพศหญิง (Sexual arousal disorder อ่านว่า เซ็กชวล อะเราซ์ซอล ดิสออเดอร์) เป็นภาวะที่เพศหญิงไม่มีการหลั่งน้ำหล่อลื่นเวลามีกิจกรรมทางเพศน่ะครับ ดังนั้นอาจทำให้ไม่สามารถประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะได้ (ดังนั้น ผู้ชายมาประกอบกันเองดีกว่าเนอะ ฮ่าๆๆๆ)
     c.   ภาวะช่องคลอดหดรัดตัว (Vaginismus อ่านว่า วาจินิสมัส) เป็นภาวะที่ช่องคลอดหดตัวเกินไป ทำให้สอดใส่อวัยวะเพศชายไม่เข้า >.<’
     d.   ภาวะเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (Dyspareunia อ่านว่า ดิสพารูเนีย) สามารถเกิดได้ทั้งสองเพศ แต่มักเกิดกับเพศหญิงมากกว่าอ่ะ

3.)   ปัญหาทางเพศในระยะมีความสุขสุดยอด (ตอนเสร็จน่ะครับ)
     a.   ภาวะไม่มีความสุขสุดยอดในเพศหญิง (Frigidity อ่านว่า ฟริจิดิตี้) ชื่อก็บอกอยู่เนอะว่า เพศหญิงไม่ถึงจุดสุดยอด ห่ะๆๆๆ
     b.   การหลั่งช้าเกินไปหรือไม่หลั่งเลย (Retarded ejaculation อ่านว่า รีทาร์ดเด็ด อีแจ็คคูเลชั่น) คล้ายๆกับข้อด้านบน แต่ว่าเกิดกับเพศชายแทน อาจทำให้ฝ่ายหญิง (หรือชายอีกคน) เจ็บหนักได้ เพราะทำได้เรื่อยๆ ฮ่าๆๆๆ (แต่บางคนอาจจะชอบก็ได้เนอะ)
     c.   การหลั่งเร็วเกินไป (Premature ejaculation อ่านว่า พรีแมทชัวร์ อีแจ็คคูเลชั่น) ก็ตามชื่อเลยอ้ะครับ ภาวะนี้คงไม่ค่อยมีใครชอบ (รวมทั้งผม !!!) ฮ่าๆๆๆ
     d.   การหลั่งโดยไม่มีความสุข (Anhedonic Ejaculation อ่านว่า แอนฮีโดนิก อีแจ็คคูเลชั่น) คือเพศชายเสร็จแล้ว แต่ว่าไม่มีความสุข (ไม่รู้แฮะว่าเป็นยังไง) >.<’

4.)   ความผิดปกติในระยะพัก (คือระยะหลังจากมีอะไรกันแล้ว) พบได้น้อยครับ แต่ก็อาจจะพบได้บ้าง โดยอาจมีอาการปวดหัว อารมณ์ไม่ดี หรือว่า เพศชายยังคงแข็งอยู่ตลอดเวลา (Priaprism อ่านว่า ไพรอะพิสซึ่ม) ฮ่าๆๆ

สาเหตุทั้งหมดอาจจะเกิดจากโรคทางกาย หรือจากยาก็ได้ครับผม แล้วก็มีสาเหตุจากจิตใจด้วย โดยที่ปัจจัยสำคัญมักเกิดจาก การขาดความรู้เรื่องเพศศึกษาที่ถูกต้อง ความกังวลเวลามีอะไรกัน (แบบกลัวว่าจะทำไม่ถูกใจ กลัวเจ็บ กลัวท้อง อะไรทำนองนั้น) ความเคยชิน (เช่นเคยมีอะไรกับคนอื่นเร็วๆ ต่อมาคู่นอนชอบช้าๆ แต่ก็ยังทำเร็วๆ เสร็จเร็วๆ) เทคนิคไม่ถูกต้อง (เช่นเล้าโลมน้อยเกิ๊น อะไรอย่างนั้นแหละ ห่ะๆๆ)

อีกหัวข้อนึงก็คือ กามวิปริต อันนี้ค่อนข้างเป็นปัญหาต่อสังคม (บ้างอะไรบ้าง) คือผู้ป่วยจะกระตุ้นให้ตื่นตัวทางเพศโดยสิ่งเร้าที่เบี่ยงเบนจากคนอื่น (โดยเป็นนานเกิน 6 เดือน) โดยสาเหตุมักจะเกิดจากการเลี้ยงดูหรือได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีมา โดยแบ่งได้ดังนี้
     1.)   Exhibisionism (เอ็กฮิบิชั่นนิสซึ่ม) อันนี้เห็นได้ตามหนังสือพิมพ์หรือเว็บโป๊หลายๆเว็บ อาการก็คือผู้ป่วยจะเกิดอารมณ์ทางเพศโดยการอวดอวัยวะเพศให้คนแปลกหน้าดู (คนดูอ้ะ ชอบ ห่ะๆๆ)
     2.)   Fortteurism (ฟรอตทูริสซึ่ม) อันนี้ก็เห็นได้ตามหนังสือพิมพ์หรือการ์ตูนญี่ปุ่นได้เยอะแยะ โดยที่ผู้ป่วยจะเกิดอารมณ์โดยการถูอวัยวะเพศไปกับคนอื่นโดยที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่และไม่ได้ยินยอม (เห็นว่าเคยมีคนโดนบน BTS ด้วยอ้ะ)
     3.)   Voyeurism (โวยูริสซึ่ม) อันนี้เป็นกันเกือบทุกคนรึเปล่านะ คือ เกิดอารมณ์ทางเพศโดยการแอบดูผู้อื่นเปลือย ช่วยตัวเอง หรือมีเซ็กซ์กัน
     4.)   Fetishism (เฟติฮิสซึ่ม) เกิดอารมณ์กับพวกอุปกรณ์ต่างๆที่ไม่ได้ใช้เพื่อนเซ็กซ์ อย่างเช่น แตงกว่า หมอน ท่อ PVC ขวดยาธาตุ (ตามข่าวเมื่อนานมาแล้ว)
     5.)   Transvestic fetishism (ทรานส์เวสติก เฟติฮิสซึ่ม) อันนี้จะเกิดอารมณ์เมื่อใส่เสื้อผ้าเพศตรงข้าม >.<’
     6.)   Pedophilia (พีโดฟิลเลีย) เกิดอารมณ์กับเด็กอายุน้อยกว่า 13 (ผมรอด เพราะผมชอบ 16-17 ฮ่าๆๆ)
     7.)   Masochism (มาโซคิสซึ่ม) เกิดอารมณ์เมื่อตัวเองเจ็บปวดหรือทุกข์ทรมาน สามารถเห็นได้ตามนิยาย SM ทั่วไป
     8.)   Sadism (ซาดิสซึ่ม) อันนี้ก็ตรงข้ามกับข้างบนเนอะ หลายๆคนคงรู้อยู่แล้ว
     9.)   Homosexualism (โฮโมเซ็กชวลลิสซึ่ม) เอิ่ม... โนคอมเม้นต์อ้ะครับข้อนี้ >.< แต่เห็นว่าปัจจุบันมีหลายกลุ่มออกมาไฟต์แล้วว่าข้อนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติน่ะครับ แต่ปัจจุบันผลเป็นอย่างไรผมก็ไม่ได้ติดตามน่ะครับ ถ้าใครทราบก็ช่วยบอกหน่อยนะครับ ห่ะๆๆๆ

-----------------------------------------------------------------------------

ว่าแต่หัวข้อวันนี้มัน 18+ เกินไปรึเปล่าอ้ะครับ >.<
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 24-12-2011 19:58:22
ไม่เรตไปหรอกจ้า กำลังดีเลย  :laugh:
ได้ความรู้มากๆเลย  o13
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 24-12-2011 20:49:57
ขวดยาธาตุ ยี่ห้อไหนอะ ยาธาตุน้ำดำหรือ น้ำขาว  :laugh: ทำไมเค้าไม่เคยได้ยินข่าวนี้

ส่วนแตกกวา  :m20: เป็นเพื่อนกับอิเจ้นิ  :jul3:

ที่ว่าชอบโชว์ให้คนอื่นดู อันนี้เคยเจอ บนรถเมลกระป๋อง  :-[ ตอนนี้เค้าใสๆ แอร๊ยยยส์ ลงรถได้ขำน้ำตาเล็ดเลย
ส่วนที่ชอบเอาไปสีกับคนอื่น นี่ก็เคยเจออีกเช่นกัน บนรถเมลอีกแระ แต่คนที่ถูกสี เป็นผู้ชายด้วย แต่เค้าก็ด่าไอ้คนนั้นลั่นรถเมลเลย ได้อายกันไป วิ่งลงรถแทบไม่ทัน  :laugh:

แต่ที่หนักสุดที่เจอ คือ พวกจอดรถแถวที่ป้ายรถเมล (รถหรูด้วย) พอเราเดินผ่านเปิดกระจก แล้วชักว่าวเลยค่ะ กีซซซซซว
ตอนนั้นไม่ใช่วัยใส จำได้จนเดี๋ยวนี้ว่าพูดกับเค้าไปคำเดียวว่า "เล็ก" แล้วเดินผ่านไป :pigha2:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: aida ที่ 24-12-2011 21:14:59
 แตงกว่า หมอน ยังไม่เท่าไหร่แต่ฮา ท่อ PVC ขวดยาธาตุ :jul3:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 24-12-2011 22:27:19
ขวดยาธาตุ... มีข่าวซักเมื่อ 2-3 ปีก่อนน่ะครับ ที่มันหลุดเข้าไปในก้นน่ะครับ >////<
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นขวดยาธาตุน้ำขาวมั้งครับ

ส่วนท่อ PVC อันนี้ที่ รพ. ผมเองครับ
ก็เหมือนกับข้างบนแหละครับ >.<
เขินแทนเลยอ่าาาาาา
แบบว่า ท่อมันก็ไม่ได้ยาวนะ แต่ก็ไม่ได้สั้นจนมองไม่เห็นอ่าครับ
>////<

ปล. พี่หนึ่งแร๊งงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 25-12-2011 00:28:07
หยิบกระจกขึ้นมา แล้วส่องดู นี่เราตกข้อไหนบ้าง 555
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: Bench ที่ 25-12-2011 08:41:16
เหมือนจะโดนไปหลายข้อแฮะ เหอๆๆๆ
แต่ก่อนก็ไม่โดนซักข้อเลยหรอกนะ

จนกระทั่ง...ธนูปักเข่า
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 25-12-2011 20:19:12
เรื่องต่อไป...

เขียนเรื่องอะไรดีอ้ะครับ
มีใครอยากทราบเรื่องอะไรรึเปล่าเอ่ย >.<'
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: lokkolokko ที่ 25-12-2011 21:51:37
3.1.   Avoidant Personality Disorder (อ่านว่า อะวอยด์แดนท์)
ผู้ป่วยมักจะอยากเข้าสังคม แต่ดันไม่กล้าเข้าสังคมเพราะ ขาดความมั่นใจในตนเอง กลัวนู่น กลัวนี่ และที่สำคัญ “กลัวการถูกปฏิเสธหรือถูกทอดทิ้ง” ผู้ป่วยไม่กล้าขอร้องใครเพราะกลัวจะถูกปฏิเสธ ชอบคิดว่าตนเองไม่เก่ง ไม่น่าสนใจ ต่ำต้อย ขี้อาย ทำนองนั้น (ดูแล้วคล้ายๆนายเอกในนิยายบางเรื่องเหมือนกันนะ ห่ะๆๆๆ)



มีอาการคล้ายๆแบบนี้เลยเรา
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-12-2011 22:16:49
ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้มากมาย
สมัยสาว ๆ เคยเจอพวกชอบมาถูไถเวลารถเมล์แน่น ๆ
แต่ตอนนี้ชอบมองเด็ก ๆ แล้วรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 25-12-2011 22:54:24
1.2.   Schizoid Personality Disorder (อ่านว่า ชิซอยด์ หรือ ซคิซอยด์)
ผู้ป่วยมักจะเย็นชา (โค-ตะ-ระ เท่ห์) ไม่เข้าสังคม อยู่เงียบๆคนเดียว (เพลงของพี่เบิร์ด อ๊ะ ไม่ใช่ละ) ไม่อยากจะรู้สึกผูกพันกับใคร จึงมักจะไม่ได้แต่งงาน !!! ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับตัวเอง (จะชม จะด่า จะเกลียด จะรัก ก็ไม่สน) ถ้าใครเล่นเกม Final Fantasy 8 ครับ พระเอก Squall ก็น่าจะเป็นภาวะนี้แหละครับ ห่ะๆๆๆ

เป็นอะไรที่ฟังดูดี ไม่แคร์สื่อ o16
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: murua ที่ 26-12-2011 01:09:28
3.1.   Avoidant Personality Disorder (อ่านว่า อะวอยด์แดนท์)
ผู้ป่วยมักจะอยากเข้าสังคม แต่ดันไม่กล้าเข้าสังคมเพราะ ขาดความมั่นใจในตนเอง กลัวนู่น กลัวนี่ และที่สำคัญ “กลัวการถูกปฏิเสธหรือถูกทอดทิ้ง” ผู้ป่วยไม่กล้าขอร้องใครเพราะกลัวจะถูกปฏิเสธ ชอบคิดว่าตนเองไม่เก่ง ไม่น่าสนใจ ต่ำต้อย ขี้อาย ทำนองนั้น (ดูแล้วคล้ายๆนายเอกในนิยายบางเรื่องเหมือนกันนะ ห่ะๆๆๆ)

อันนี้ไม่รู้ผมเข้าข่ายไหมนะ  แบบเวลารู้จักใครใหม่ๆ จะไม่ค่อยกล้าเข้าไปคุย  ยิ่งเวลาอยากรู้จักใครมากๆ จะไม่กล้าเข้าไปทักก่อนเลย   แถมยังทำเป็นไม่สนใจเค้าด้วย   คิดๆไปก็เหมือนนิยายหลายๆเรื่อง - -"
ส่วนคนที่ผมรู้สึกเฉยๆ  รู้จักก็ได้ ไม่รู้จักก็ได้  ก็ทำตัวไม่สนใจเหมือนกัน    แต่เวลาคนอื่นไม่สนใจผม  ผมก็ดันรู้สึกแย่นะ = =
ทุกวันนี้คนที่จะสนิท หรือเป็นเพื่อนกับผมได้จริงๆ  ส่วนใหญ่แล้วจะต้องเป็นคนที่คุยเก่ง อัธยาศัยดีมากๆ หรือรู้จักกันผ่านเพื่อนอีกที  แต่คนที่สนิทกับผมมากๆ  มักจะหาว่าผมพูดมาก - -
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: ิbeebaka ที่ 26-12-2011 11:54:21
เป็นอยู่ข้อนึงไม่นึกว่าจะเป็นโรคชนิดหนึ่งนะเนี่ย

ก็ถ้าไม่เคยถูกปฏิเสธหรือถูกทอดทิ้ง  ใครมันจะคิดแบบนั้นกันถ้าไม่เคยเจอ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 26-12-2011 21:09:49
หลายๆท่านอาจคิดว่าตนเองเป็นโรคนะครับ

แต่ความจริงแล้วไม่น่าจะใช่หรอกครับ เพราะปกติถ้าเป็นโรคดังที่กล่าวมา ผู้ป่วยจะค่อนข้างมีปัญหาต่อชีวิตประจำวันเลยน่ะครับ เช่น กลัวไปซะทุกอย่าง ไม่กล้าคุยกับใครเลย อะไรทำนองนั้น

ว่าแต่... ถ้าผมเขียนเรื่อง "กินยาฆ่าตัวตาย"
จะมีคนอ่านมั๊ยเอ่ย !?!
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าวนะ] โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต !?! <ตอนที่ 2 : โรคผิดปกติทางเพศ 18+>
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 26-12-2011 21:12:51
อ่าน!!! จัดมาพี่หมอ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 2; โรคผิดปกติทางเพ
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 27-12-2011 10:53:15
เอาเรยๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 2; โรคผิดปกติทางเพศ 18+ P.2> ถามหน่อยค
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 28-12-2011 00:02:09
ขออนุญาตเปลี่ยนบทความใหม่นะคร้าบ

เนื่องจากอาจเป็นอันตรายได้ ฮ่าๆๆๆ

ดังนั้นขอเปลี่ยนหัวข้อบทความตอนต่อไปนะคร้าบ
ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรกรุณาติดตามตอนต่อไปครับ

ยังไงก็ต้องขออภัยท่านที่รออ่านด้วยนะครับ  :call:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 2; โรคผิดปกติทางเพศ 18+ P.2> ถามหน่อยค
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 28-12-2011 21:40:48
Homo เดี๋ยวนี้ไม่ถือเป็นความผิดปกติแล้วจ้ะ อิอิ
แต่ก่อน American Psychiatric Association  ระบุพฤติกรรมรักร่วมเพศไว้ใน DSM
แต่ว่าตอนหลังถอดออกเรียบร้อยแล้ว เขามองว่าพฤติกรรมนี้ไม่ได้ส่งผลต่อหน้าที่การงาน หรือสุขภาพอะไร
ปัจจุบัน Homo ก็คือ รสนิยมอย่างหนึ่งนี่เอง เหมือนใครอยากกินรสเปรี้ยว รสเผ็ด รสหวานก็ตามอัธยาศัย ลางเนื้อชอบลางยา   :-[

ปล. ตอนเรียนวิชา abnormal อาจารย์สอนความผิดปกติพวกนี้มาด้วยล่ะ ขออนุญาตเล่าสู่กันฟังเน้อ  :a5:

- telephone scatologia พวกที่ชอบพูดหรือใช้ข้อความลามกทางโทรศัพท์ หรือทางเน็ตเพื่อให้ตนมีความสุขทางเพศ
- necrophilia พวกที่ชอบร่วมเพศกับศพ (เรื่องนี้เคยเห็นโปสเตอร์ภาพยนตร์ด้วย หุๆ เรท R รึเปล่าไม่แน่ใจ)
- partialism การมีความสุขทางเพศกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย partner ซึ่งไม่ใช่แค่การเล้าโลมตามปกติ
- zoophilia อันนี้คือมีอะไรกับสัตว์
- coprophilia การมีความสุขทางเพศเมื่อได้อุจจาระใส่คู่ของตน หรือถูกคู่ของตนอุจจาระใส่  :z3:
- urophilia อันนี้จะมีความสุขเมื่อถูกคู่ตนปัสสาวะใส่ หรือได้ปัสสาวะใส่คู่ของตน หรือการใช้วัตถุสอดลงท่อปัสสาวะขณะที่มี sex หรือขณะช่วยตัวเอง
 

เอิ๊กกก แต่ละอย่าง  o22


ปล. 2 เราเข้าข่าย OCD 5555+ แต่ทุกคนก็มีอาการพวกนี้ได้เหมือนกันนะ กว่าจะเป็น Disorder มันจะมี Criteria อีกหลายข้อเลย สบายใจได้ อิอิ


หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 2; โรคผิดปกติทางเพศ 18+ P.2> ถามหน่อยค
เริ่มหัวข้อโดย: lovelogically ที่ 29-12-2011 02:19:13
ผมว่าผมอยู่ 3.1 นะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 2; โรคผิดปกติทางเพศ 18+ P.2> ถามหน่อยค
เริ่มหัวข้อโดย: J.ความลับ ที่ 29-12-2011 18:42:19
สรุปแล้วพี่ชายต้องเปลี่ยนหัวข้อจริงๆเหรอค่ะ แอบเสียดาย ^^;;
แต่ก็นะ...เข้าใจค่ะ 55

พี่เอาอะไรมาลงน้องอ่านหมดแหละค่ะ ความรู้ใหม่ๆเพียบเลย!
ขอบคุณนะคะ ^_^  
:กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 2; โรคผิดปกติทางเพศ 18+ P.2> ถามหน่อยค
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 29-12-2011 19:42:15
ได้ความรู้มากครับ บางอันไม่รู้มาก่อน
+1 สำหรับกระทู้ัมีสาระดีๆนะครับ o13
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 2; โรคผิดปกติทางเพศ 18+ P.2> ถามหน่อยค
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 02-01-2012 16:38:10
สวัสดีครับทุกท่านที่ตามอ่าน (รึหลงมาอ่าน?)
วันนี้ผมก็กลับมาพร้อมกับบทความใหม่อีกครั้ง ฮ่าๆๆ ยังไงก็สวัสดีปีใหม่ก่อนละกันครับ :D

     ครั้งนี้กลับมากับเรื่อง “อันตรายของยาพารา !!!”

     เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าตามนิยายทั่วไปหรือแม้กระทั่งละครหลายๆเรื่อง (ทั้งในและต่างประเทศ) มักจะมีฉากกินยาฆ่าตัวตาย บลาๆๆๆ ดังนั้นวันนี้ผมจะมาแถลงไขเรื่องยาพาราที่เห็นได้บ่อยตามนิยายหรือข่าวหนังสือพิมพ์นะครับ

     พาราเซตามอล หรือชื่อจริงๆเรียกว่า Acetaminophen (อะเซตามิโนเฟน) เป็นยาลดไข้ แก้ปวด และลดการอักเสบได้เล็กน้อย ซึ่งยาพาราเซตามอลเนี่ยแหละครับ พบในเคสกินยาโอเวอร์โดส (กินเยอะเกินไปในทุกกรณี) มากที่สุดในประเทศไทย

     ปกติยาพาราเนี่ย (ขออนุญาตเรียกแค่ ยาพารา นะครับ) หลังจากกินเข้าไปแล้วมันจะสลายที่ตับของคนเรานี่แหละครับ พอสลายไปจะได้สาร 4 ชนิดครับ ซึ่ง 3 ชนิดเนี่ยร่างกายเราสามารถขับออกได้ทางฉี่ (80-90%) โดยที่จะใช้สารต่างๆที่อยู่ในร่างกายมาทำให้มันออกทางฉี่ได้ครับ ส่วนอีกตัวนึงเป็นสารพิษครับ (10-20%) จำเป็นต้องใช้ Glutathione (กลูต้าไธโอน... ถูกต้องแล้วครับ กลูต้าที่แบบฉีดให้ขาวนั่นแหละครับ) เป็นตัวทำให้มันไม่มีพิษ ซึ่งไอ้กลูต้าไธโอนเนี่ย ในร่างกายมันก็มีน้อยแสนจะน้อย ทำให้เมื่อกินยาเข้าไปมากๆแล้ว ไอ้กลูต้าไธโอนมันก็หมดน่ะสิครับ ทำให้ไอ้สารที่เป็นพิษเนี่ย มันก็ยังคงเป็นพิษต่อ ไปทำลายตับของคนเราน่ะครับ

       ซึ่งไอ้โดสที่เป็นปัญหาต่อร่างกายเนี่ย มันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างเช่น กินพาราทุกๆวันมานาน กินยาบางตัวที่ทำให้ตับพัง เด็กเล็ก คนขาดสารอาหาร หรือพวกติดเหล้า กินเหล้าทุกวันก็ทำให้เกิดปัญหาได้ง่าย

       โดยอาการหลังกินยาเข้าไป จะไม่ตายในทันทีครับ แต่จะทรมาน ย้ำ! ทรมานมากกกกก !!!
     ช่วงที่ 1 จะเกิดใน 24 ชั่วโมงแรกอาจจะไม่มีอาการใดๆผิดปกติเลย หรือมีเพียงคลื่นไส้อาเจียน ตัวดูซีดลง เบื่ออาหารและเหงื่อออกเป็นลิตรๆเลยทีเดียว
     ซึ่งต่อมาในช่วงที่ 2 วันที่ 2-3 คนที่ทานยาเข้าไปเยอะๆจะปวดท้องด้านขวารุนแรงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (บริเวณของตับ) ต่อมาไตก็จะเริ่มเสียการทำงานด้วยซึ่งอาจมีอาการปวดหลังกับสีข้างทั้งสองด้านเพิ่มขึ้นอีก สรุปแล้วว่าโคตรของทรมานน่ะครับ (จากประสบการณ์ที่เห็นมาด้วยตนเอง ผู้ป่วยจะนอนกำเสาข้างเตียงแล้วก็บิดไปบิดมา ทรมานมากๆน่ะครับ)
     ช่วงที่ 3 วันที่ 3-4 จะเป็นช่วงแห่งความทรมานที่สุดในชีวิตของคนที่ทานยาเข้าไป และเป็นช่วงตัดสินชีวิตของผู้ป่วยด้วย ถ้าเกิดรอดช่วงนี้ไปได้ก็ไม่ตาย แต่ถ้าไม่รอดล่ะก็นะ....... ดับอนาถมากครับ อาการตอนนี้จะรุนแรงกว่าช่วงที่ 2 หลายเท่าตัวอยู่ครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตับเริ่มตาย สารพิษเริ่มแพร่กระจายทั่วร่างกายทำให้คนไข้เริ่มเพ้อ มองเห็นภาพหลอน ร่วมกับปวดท้องแทบอยากตายเลยทีเดียว โดนอะไรนิดหน่อยเลือดก็จะไหลออกหยุดยาก ตัวเหลือง อาจจะฉี่ไม่ออกด้วย
     ช่วงที่ 4 วันที่ 4-14 จะเป็นช่วงรักษาตัวของตับและร่างกายครับ ซึ่งถ้าเข้าสู่ช่วงนี้ได้ก็จะหายเป็นปกติครับ

       จากอาการทั้งหมด เห็นแล้วเนอะว่ามันทรมานขนาดไหน ดังนั้น กรุณาอย่าคิดสั้นกันเลยนะครับ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกครับ ซึ่งเรามาดูวิธีป้องกันการเกิดอาการพวกนี้โดยไม่ได้ตั้งใจดีกว่าเนอะ

1.)   ห้ามทานยาติดต่อกันเกิน 2 เม็ด ภายใน 4-6 ชั่วโมง แล้วแต่น้ำหนักของแต่ละคน ซึ่งถ้าเป็นคนน้ำหนักน้อย ก็ให้เว้นนานๆหน่อยครับ อาจเป็น 6-8 ชั่วโมงก็ได้ (ทางที่ดีก็ทานให้น้อยที่สุดเนอะ)
2.)   ห้ามทานยาติดต่อนานเกิน 3-5 วัน เพราะอาจทำให้ยามันสะสมจนขับออกไม่ทันได้นะครับ
3.)   ถ้าบังเอิญ (ย้ำว่าบังเอิญ อย่าให้เป็นความตั้งใจเลยครับ) มีใครทานเยอะเกินปกติ ให้ทาน Activated Charchoal หรือ ยี่ห้อการค้าคือ Car-a-bon (เป็นเพียงตัวอย่าง) 1-2 เม็ด แล้วรีบส่งโรงพยาบาลทันทีครับ (ถ้าให้ดีให้รีบจัดการให้ถึง รพ. ภายใน 8 ชั่วโมงหลังจากที่พบทันที)
4.)   ถ้าบังเอิญ (อีกรอบ) พบว่ามีใครทานเกินความจำเป็น ไม่ต้องทำให้อาเจียนครับ เดี๋ยวแพทย์จัดการให้เอง (เช่นเดียวกันกับพวกดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ บลาๆๆๆ ห้ามทำให้อาเจียนเด็ดขาด เพราะจะทำให้หลอดอาหารทะลุได้ครับ แต่ในกรณียาพาราไม่ได้ทำให้ทะลุครับ เพียงแต่พบว่าไม่ค่อยช่วยให้อาการดีขึ้นซักเท่าไหร่ครับ)


------------------------------------------------------
ปล. ขอขอบคุณ คุณ Nigiri-Sushi สำหรับข้อมูลเพิมเติมด้วยนะครับ :D +1 เลยคร้าบ  o13
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: J.ความลับ ที่ 02-01-2012 19:41:11
อ่า...มันดูน่ากลัวและทรมานจริงๆเนอะ

ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะพี่ชาย ^^ ติดตามต่อไปค่ะ...
 :L2:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 02-01-2012 20:39:16
พี่หมอ อิตรงนี้----> "โดยอาการหลักกินยาเข้าไป"
มันต้องเป็นอาการ"หลัง"หรือเปล่าค่ะ หรือถูกแล้ว

ติดตามตอนต่อไปค่ะ
(ตอนต่อไปจะเป็นแบบกินรวดเดียวหลายเม็ดใช่ป่ะคะ)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 02-01-2012 20:41:17
พี่หมอ อิตรงนี้----> "โดยอาการหลักกินยาเข้าไป"
มันต้องเป็นอาการ"หลัง"หรือเปล่าค่ะ หรือถูกแล้ว

ติดตามตอนต่อไปค่ะ
(ตอนต่อไปจะเป็นแบกินรวดเดียวหลายเม็ดใช่ป่ะคะ)

แก้แล้วคร้าบ แหะๆๆๆ
ขอบคุณมากๆคร้าบพ้ม :D

ปล. ตอนต่อไปก็รออ่านละกันนะ แหะๆ กำลังปั่นๆๆๆ (ร่วมกับรายงานผู้ป่วย - -)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 02-01-2012 20:53:44
ครับผมสู้ๆ ปั่นต่อปายยย รออ่านครับ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 02-01-2012 22:43:44
รออ่านต่อนะจ๊ะ กำลังเพลินเลย ^^
ขอถามนิดนึงน้า ไม่เกี่ยวกับพารานะจ๊ะ แต่อยากรู้จริงๆ
คือแนนกินยา acnotin ติดต่อกันมานานแล้วอ่ะ มันจะมีผลข้างเคียงร้ายแรงมั้ยจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 02-01-2012 23:51:38
ู^
^
^
ขอแจมหน่อยนะคะ เดี๋ยวค่อยให้ตัวจริงมาชี้แจง
เคยอ่านผลค้างเคียงของยาตัวนี้เยอะนะคะ อันตรายถึงชีวิตในบางราย
เป็นยาควบคุมพิเศษควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกรอย่างใกล้ชิด แต่ดันมีขายตามร้านขายยาทั่วไป เอ๊ะ ยังไง

จะว่าไปปวดหัวแฮะ ไปกินยาพาราก่อนเน้อ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-01-2012 00:12:26
บ้านเราเข้าถึงยากันง่ายแสนง่าย หาซื้อตามร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากหมอ
ทำให้ไม่ตระหนักถึงผลข้างเคียงที่จะตามมาในระยะยาว
ขอบคุณ จขกท นะคะ ที่มาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: PHUCK™ ที่ 03-01-2012 13:49:27
.




เพื่อนที่มหา'ลัยกินไป 38 เม็ด (หมดกระปุกที่มีอยู่) .. หนีปัญหาที่บ้าน

มันบอกคืนนั้นนอนปวดท้องทรมานมาก ... ตื่นเช้ามาปกติ ไม่มีความรู้สึกผิดปกติอย่างใดเลย
จนเพื่อนโทรมาบอกที่บ้านมัน ที่บ้านบังคับให้ไปโรงพยาบาล ...
หมอบอก "ทำใจนะคะคุณแม่ โอกาสรอดน้องตอนนี้ 50 50 "

ที่บ้านก็ตกใจมากเพราะมันดูปกติมาก ... หมอบอกข้างในตับคงไม่ทำงานไปแล้ว

นอนโรง'บาลเกือบเดือน .. กินน้ำแดงวันละหลายเหยือก! ฮ่าๆๆๆ ..
มันบอกว่าคนอื่นกินกัน 1 เหยือกผสมเกลือแร่ 1 ซอง ... ของมัน 1 เหยือกผสมเกลือแร่ 8 ซอง!



ฟังมันเล่าเรื่องแล้วทรมานแทน ....
บรึ๋ยๆๆๆ ...


//me  นั่งจิบมาจิคลีน สตรอง ต่อ!!
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พาร
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 03-01-2012 13:59:20
อ่าครับ เทลเป็นคนนึงที่ไช้ยาพาราบ่อยมาก ไม่รู้เลยอ่าน่ากลัวง่ะ ขอบคุณครับ ปวดแผล(?) ก็กินปวดหัวก็กิน ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ อยากบวกเป็ดไห้นะครับแต่อุปกรไม่เอื้ออำนวยแหะๆ (^///^)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 3; อันตรายของ "พารา">
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 03-01-2012 23:51:51
รออ่านต่อนะจ๊ะ กำลังเพลินเลย ^^
ขอถามนิดนึงน้า ไม่เกี่ยวกับพารานะจ๊ะ แต่อยากรู้จริงๆ
คือแนนกินยา acnotin ติดต่อกันมานานแล้วอ่ะ มันจะมีผลข้างเคียงร้ายแรงมั้ยจ๊ะ

ตอบแนนนะคร้าบ

     Acnotin (แอ๊คโนติน) หรือชื่อทางการค้าที่ได้ยินบ่อยๆคือ Roaccutane (โรแอ๊คคิวเทน)
     มีชื่อจริงๆว่า Isotretinoin (ไอโซเตรติโนอิน หรือ ไอโซเตรตินอย แล้วแต่คนจะออกเสียงงครับ) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอครับ หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นวิตามินเอในรูปแบบหนึ่งนั่นเอง

     ตามที่ทราบกันครับว่ามันช่วยรักษาสิวได้ ซึ่งมันก็ช่วยได้จริงๆครับ แต่ก็ต้องแลกมากับปัจจัยเสี่ยงอีกหลายๆอย่างเนอะ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆแพทย์จะไม่ค่อยสั่งจ่ายซักเท่าไหร่หรอกครับเนื่องจากผลข้างเคียงที่ค่อนข้างสูง (ส่วนมากที่ใช้กันเพราะซื้อกันเองมากกว่า จริงมั๊ย ห่ะๆๆ)

     โดยที่ยาตัวนี้จะทำให้ยับยั้งการผลิตไขมันจากต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่ก่อเกิดสิวมีจำนวนลดลง เนื่องจากไอ้แบคทีเรียตัวเนี้ย มันจำเป็นต้องใช้ไขมันที่ผลิตมาเป็นอาหาร พอไขมันมันลดลง แบคทีเรียก็ไม่มีอาหาร ก็ตายไป ทำให้สิวดีขึ้น แล้วก็ยังมีฤทธิ์ช่วยในการยับยั้งการอักเสบอีกด้วยครับ

       งั้นเรามาดูข้อบ่งชี้ในการใช้ยาตัวนี้ก่อนซักนิดเนอะ เผื่อมีใครอยากทราบเพิ่มเติมครับ โดยข้อบ่งชี้ในการใช้ยาตัวนี้คือ
1.)   สิวอักเสบที่มีความรุนแรงมาก (เห็นได้จากภาพเนอะ)
(http://img.medscape.com/article/mgmpre00/art-wh3076.fig4.jpg)
2.)   สิวที่รักษาแล้วไม่ดีขึ้นด้วยยามาตรฐานทั่วไป
3.)   สิวอักเสบที่ทำให้เป็นแผลเป็นครับ
4.)   สิวที่รุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก แต่ว่าเป็นซ้ำกันบ่อยๆ
5.)   สิวที่ทำให้คนเป็นสิวเครียดมากกกกกกกกก (ส่วนมากข้อบ่งชี้ของคนทั่วไปมักจะเป็นอันนี้แหละครับ)

     โอกาสกลับมาเป็นซ้ำหลังจากทานยานี้แล้วก็มีประมาณ 30% นะครับ โดยขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่าง คือ ผู้ป่วยได้ยาน้อยกว่าที่ควร, ผู้ป่วยมีสิวอักเสบรุนแรงมากๆๆๆๆ, มีประวัติเป็นสิวมานานมาก และ ผู้ป่วยหญิงอายุมากกว่า 25 ปี โดยโอกาสกลับเป็นซ้ำจะพบบ่อยสุดในช่วงปีแรกหลังจากหยุดยาครับ

       มาเข้าเรื่องผลข้างเคียงดีกว่าเนอะ ผลข้างเคียงของยาที่พบได้ก็คือ
1.)   ผิวแห้ง ปากแห้ง ตาแห้ง โดยพบในผู้ป่วยเกือบทุกรายครับ โดยเฉพาะถ้าให้ยาในโดสสูงๆ ถ้ามีอาการผิวแห้งและปากแห้ง ให้ใช้ครีมทาเพื่อความชุ่มชื้น และวาสลีนทาปากเพื่อบรรเทาอาการแห้งได้ ส่วนคนที่ใช้คอนแทคต์เลนส์ ก็ให้งดใช้ชั่วคราวระหว่างที่ใช้ยานี้ครับ
2.)   มีอาการปวดเมื่อยหลัง กล้ามเนื้อ และปวดศีรษะได้บ่อยๆครับ โดยพบได้ประมาณ 15% ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยที่ไม่ค่อยรุนแรงอะไรมากครับ
3.)   ทำให้มีความผิดปกติของระดับไขมันในเลือดครับ โดยพบว่าผู้ป่วยประมาณ 25-45% มี Triglyceride (ไตรกลีเซอไรด์) สูงขึ้น และ 31% มี Cholesterol (คอเลสเตอรอล) ในเลือดสูงขึ้น แต่ว่าก็ไม่สูงมากถึงขั้นจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา แต่ถ้าผู้ป่วยมีโรคตับอยู่ก่อนแล้ว หรือโรคไขมันในเลือดสูง อาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ครับ
4.)   แผ่นกระดูกปิดก่อนกำหนด ทำให้ไม่สูงขึ้น !!! ดังนั้นไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี !!!
5.)   เกิดความผิดปกติของกระดูกในระยะยาวได้ครับ ซึ่งอนาคตอาจทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้
6.)   ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เกิดภาวะซึมเศร้าได้ครับ !!!
7.)   เกิดผลข้างเคียงในระบบทางเดินอาหาร มีคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ตับอักเสบได้ครับ แต่ว่าก็พบไม่บ่อย
8.)   ผมร่วง ปวดข้อ มองไม่ชัดในตอนกลางคืน ภาวะลำไส้อักเสบ (สาเหตุของการปวดท้องรุนแรง) ภาวะองคชาตไม่แข็งตัว !!! เกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกันนะครับ
9.)   ทำให้เกิดความพิการต่อทารกในครรภ์ !!!

     จากที่แนะนำมา จะเห็นว่ามีผลข้างเคียงร้ายแรงเยอะเหมือนกันเนอะ อย่างเช่น แผ่นกระดูกปิดก่อนกำหนดทำให้ไม่สูงขึ้น เกิดไขมันในเลือดสูง ตาแห้งจนใส่คอนแท็กต์ไม่ได้ ทารกในครรภ์พิการ หรือแม้กระทั่ง องคชาตไม่แข็งตัว !!!

       ดังนั้นก่อนใช้ยานี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าซื้อยาตามร้าน ตามอินเตอร์เน็ตโดยที่ไม่ปรึกษาแพทย์เลยครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านทั้งในปัจจุบันและอนาคตเนอะ ;D
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 04-01-2012 00:36:37
เหมือนที่เคยอ่านเจอเลยแต่ก็เลือนๆไปแล้ว ฮ่าๆ(เรื่องมีสาระลืมง๊ายง่าย)
แต่เน้นจังเนาะไอ้ตรง "องคชาตไม่แข็งตัว" เนี่ย อิอิ
รอตอนต่อไป(จริง)คร้าบ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-01-2012 00:55:24
 o22 รูปน่ากลัวมาก
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 04-01-2012 18:13:32
.




เพื่อนที่มหา'ลัยกินไป 38 เม็ด (หมดกระปุกที่มีอยู่) .. หนีปัญหาที่บ้าน

มันบอกคืนนั้นนอนปวดท้องทรมานมาก ... ตื่นเช้ามาปกติ ไม่มีความรู้สึกผิดปกติอย่างใดเลย
จนเพื่อนโทรมาบอกที่บ้านมัน ที่บ้านบังคับให้ไปโรงพยาบาล ...
หมอบอก "ทำใจนะคะคุณแม่ โอกาสรอดน้องตอนนี้ 50 50 "

ที่บ้านก็ตกใจมากเพราะมันดูปกติมาก ... หมอบอกข้างในตับคงไม่ทำงานไปแล้ว

นอนโรง'บาลเกือบเดือน .. กินน้ำแดงวันละหลายเหยือก! ฮ่าๆๆๆ ..
มันบอกว่าคนอื่นกินกัน 1 เหยือกผสมเกลือแร่ 1 ซอง ... ของมัน 1 เหยือกผสมเกลือแร่ 8 ซอง!



ฟังมันเล่าเรื่องแล้วทรมานแทน ....
บรึ๋ยๆๆๆ ...


//me  นั่งจิบมาจิคลีน สตรอง ต่อ!!

หล่อนเหลือน้ำยาล้างห้องน้ำยี่ห้อไหนยังไม่ได้จิบอีกคะ สตรอง
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 04-01-2012 19:18:05
เป็นคนที่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆจะไม่กินเลยไอ้พาราเนี่ย หนูกลัว~


ส่วนไอ้ยาสิวตัวดี ว่าแล้วเชียว....
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 05-01-2012 20:19:57
อ่าครับ >.<

งั้นตอนต่อไปเอา "อาการหลังกินน้ำยาล้างห้องน้ำ" ดีมั๊ย หึหึ :a5:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 05-01-2012 20:56:12
ของแนนหมอสั่งจ่ายจ้า ทีแรกสิวขึ้นเยอะมว๊าก ต้องกิน7ครั้ง/สัปดาห์
พอกินๆไปมันก็ลดลงเร็วมากนะ หมอก็เริ่มสั่งลดยาลง
ทุกวันนี้ก็หายแล้วนะ แต่ก็ยังต้องกินอยู่ - -
หมอสั่งให้เหลือ3เม็ด/สัปดาห์ แล้ว ^^
ขอบคุณที่มาตอบนะจ๊ะคุณหมอ  o13
ปล. รูปน่ากลัวมากจ้ะ กลัวแล้ว แง๊~~~
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 05-01-2012 21:12:31
อ่าครับ >.<

งั้นตอนต่อไปเอา "อาการหลังกินน้ำยาล้างห้องน้ำ" ดีมั๊ย หึหึ :a5:

ดีดี จัดมาเลยคร้าบบบบบ(รออยู่)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 07-01-2012 12:24:35
เป็นกระทู้มหาสาระเลยนะนี่. ยกนิ้วๆ

เรื่องยา. เอ เมื่อก่อนกินพาราเยอะเกิน ร่างกายเลยเอากลูต้าไปขับหมดรึเปล่าเนี่ย. ตอนนี้เลยคล้ำขึ้น แต่มันคล้ำ(แดง)เฉพาะหน้าอ่ะ!!!

แอคโรนี่ ปีที่แล้วหาหมอ หมอก็ให้กินนะ แต่พอหยุดยาได้สามเดือน มันก็กลับมาใหม่ เราเลยคิดว่าวิธีนี้ท่าจะไม่เวิร์ค ว่าจะเปลี่ยนที่อาหารการกินแทน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ควรออกกำลังกาย(ทำไม่ได้สักที)

อาการทางจิตเรา เราว่ามันมีเค้าในบางข้อ แต่ว่ามันไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายแก่สังคมนะ (อืม คิดอย่างนี้ สงสัยว่า น่าจะเป็น เพราะคนเป็นมักไม่รู้ตัว555)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 07-01-2012 12:49:33
อ่านไปอ่านมาเริ่มกลัว ตัวเองมีการการทางจิตยังไงไม่รุ้สิ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: murua ที่ 07-01-2012 14:46:16
ได้ยินมาว่า กิน zinc จะช่วยเรื่องรักษาสิวด้วย  อันนี้จริงไหมครับ 
แล้วเวลากินนี่  สามารถกินติดต่อกันได้รึเปล่า  ต้องเว้นช่วงไหม  มีผลข้างเคียงอะไรไหม
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: shunsuke15 ที่ 07-01-2012 14:49:42
มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Roaccutane นะ

การกินยาตัวนี้ มีอันตรายค่อนข้างมาก ควรศึกษาให้ดี โดยเฉพาะผู้หญิง
มีผลข้างเคียงในเฉพาะผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายนะ

ถ้าหากเราได้ยา โดยจากคลีนิค ส่วนมากเค้าจะให้กิน ประมาน 150 เม็ดนะ ถ้าจำไม่ผิด
(ขออภัย เคยกินแต่ไม่ได้กินนานแล้วจำไม่ได้) (แต่จำได้ว่ายาเม็ดละ 40-50 แล้วแต่ที่)

แต่ถ้าไป โรงพยาบาลเนี้ย การสั่งจ่ายยาตัวนี้ จะต้องตรวจเลือด ก่อนนะ
แล้วการกินยาจะต้อง คำนวนมวลยากับมวลน้ำหนักของคนที่กิน
การกินยาตัวนี้ห้ามกินๆหยุดๆ ต้องกินติดต่อกันไม่งั้น ดื้อยานะ
และห้ามกินยาเยอะเกิน เพราะ ขับออกยากมาก แทบจะบอกได้ว่า กินครั้งเดียว สิวไม่ขึ้นทั้งชีวิต

คนเป็น โรคตับโรคไต ห้ามโดยเด็ดขาด

การพิการในเด็กทารก ที่คุณ Ex'ecuzě กล่าวไว้ คือ การกินยาในช่วงตั้งครรภ์นะครับ
กินก่อนกี่เดือนกี่ปี น่าจะมีผลด้วยแต่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ยังไง(อันนี้ไม่แน่ใจเลยนะศึกษาดูอีกที)

อาการส่วนตัวที่เจอเมื่อทาน โร
ผิวแห้งปากแห้ง ผิวแห้งชนิดที่ว่าโดนแดดไม่ได้เลย เพราะแสบมาก อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและหลังเป็นบ่อย แม้จะเลิกกินไปแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยเป็น (แต่ก็ไม่ได้รุนแรงนะ แต่เป็นบ่อยเหมือนกัน)กระดูกมีปัญหา เรื่องกระดูกแต่ไม่ร้ายแรงนะ ภาวะซึมเศร้าก็เป็น อาการไม่สูงขึ้นก็เป็น อย่างเครียดอะ กินก่อน 18 ด้วย รู้ช้าไปนะเนี้ย

อาการปวดกล้ามเนื้อ และกระดูกใช้การออกกำลังกายเข้าช่วยก็หาย(บอกแล้วไม่ร้ายแรง)

โดยรวมไม่แนะนำยาตัวนี้ให้ทานเลย ผลเสียเยอะเกินไป
แต่คนที่เป็นสิวขนาดที่ว่า ไม่มีที่จะให้ขึ้นเพิ่มบนหน้าแล้วเนี้ย ทานไปเหอะ

ใครสงสัยเรื่องการรักษาสิว บอกได้นะค่อนข้างช่ำชอง ตอนนี้เราไม่ได้ไปหาคลีนิกหรือรักษาสิวแล้ว
เมื่อก่อนเคยสิวขึ้นเยอะมาก เด๋วนี้ อาทิตย์นึงขึ้นเม็ดนึง ขึ้นอยู่กับความสะอาดและการอาบน้ำ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: shunsuke15 ที่ 07-01-2012 15:30:47
ได้ยินมาว่า กิน zinc จะช่วยเรื่องรักษาสิวด้วย  อันนี้จริงไหมครับ 
แล้วเวลากินนี่  สามารถกินติดต่อกันได้รึเปล่า  ต้องเว้นช่วงไหม  มีผลข้างเคียงอะไรไหม

การทาน ซิงค์ ถามว่าช่วยเรื่องรักษาสิว ไหม ตอบว่าจริง ครับ
แต่ซิงค์เนี้ย มันไม่ได้ ช่วย โดยตรงอะ จะเริ่มยังไงดี

ซิงค์ เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายของคนเรา มีส่วนช่วยในการทำงานหลายๆส่วน ถ้าเทียบความสำคัญ สิวเป็นเรื่องเล็กมากอะ

แต่ถ้าให้กล่าวถึง เกี่ยวกับเรื่องสิว ซิงค์จะช่วยในเรื่องการทำงานของต่อมไขมันในผิวหนัง ช่วยปรับสมดุล ลดการอุดตันของไขมัน และการรักษาแผลจากสิวได้ดี
๑ เนื่องมาจาก ซิงค์เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายสังเคราะห์ ขึ้นมาเองไม่ได้ ได้รับอย่างเดียวคือการทานเข้าไป
๒ การทานซิงค์ จะไม่ถูกดูดซึมจากน้ำย่อยในลำไส้เล็ก มีการขับออกทางอุจจาระ(ส่วนใหญ่) แต่ก็พบในปัสสาวะด้วย
๓ การทานซิงค์ ถึงจะมีประโยชน์มากมายเพียงใด แต่ปริมาณที่ร่างกายต้องการรับในแต่ละวันมีเพียงนิดเดียวเองนะ
๔ การที่มีซิงค์มันไม่ใช่เป็นการรักษาสิวนะ แต่เป็นการที่มีไว้เพื่อให้ร่างกายทำงานตามปกติ (อยากย้ำข้อความบรรทัดนี้ซัก 3 พันครั้ง)

โดยทั่วไป พบ ซิงค์ได้ ในอาหารทะเล เป็นส่วนมาก จำพวกปลา และมากที่สุดในหอยนางรม
แต่ก็พบใน ไข่แดง ตับ และผัก แต่ผักรู้สึกว่าจะดูกซึมยากกว่า

ส่วนตัวทานไปแล้วไม่เห็นผล ในเรื่องสิวลดลง เลยเลิกทาน แต่ว่าถ้าคิดจะนำไปใช้ทานในเรื่องของการรักษาแผลสิว ก็ ok นะ
ส่วนเรื่องปริมาณ อ่านฉลาก หรือ ถามแพทย์ทั่วไปก็ได้ รู้สึกว่าจะไม่ตกค้างด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 07-01-2012 16:53:16
^
^
^
นอกจากทู้นี้จะมีหมอแล้ว ยังมีเภสัชร่วมด้วยอีกหนึ่ง ดีมากๆ

แอคโรเห็นเค้า(พันทิพย์)ว่า ถ้าวางแผนจะตั้งครรภ์นี่ ให้หยุดยา และปรึกษาหมอ. บางคนบอกว่ากมอให้หยุด1ปีก่อนตั้งครรภ์ แต่อีกข้อมูลหนึ่งเค้าว่า กินมานานเท่าไหร่ ก็หยุดไปเท่านั้นเลย

เราว่าเอาให้ชัวร์ก็ปรึกษาหมอล่ะนะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: pizzy ที่ 08-01-2012 14:10:52
โรแอค: แล้ว ไมโครโดส คือยังไงคะ

ไฮโดส คือยังไงคะ แบบว่า สงสัยค่ะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: shunsuke15 ที่ 09-01-2012 02:28:23
คุณหมอกระทู้นี้หายไปไหนแล้ว อยากตอบกระทู้ข้างบนแต่ความรู้ไม่มากพอ กลัวจะมั่วเกินไป เอาที่เราเข้าใจนะ
(อย่าฟังแต่ความคิดเห็นของเรานะ รอผู้รู้มาตอบเอาชัวร์ก็ดี ไม่ก็ถามหมอเลย)

dose เนี้ย ปกติจะใช้กับยา คือ dose สามารถแปลได้ว่า สัดส่วนของปริมาณสารในยาที่เราได้รับต่อหน่วย อะไรก็ว่าไป แล้วแต่กรณี
แต่ถ้า เป็นฉลากที่เขียน พวกยาหรือ วิตามิน แล้วบอกว่ากล่องนี้ มีปริมาณขนาด, น้ำหนัก ของตัวยา ต่อเม็ด สมมติ 10 mg
แล้วที่กล่อง เนี้ย เขียนไว้ว่า high dose vitamin c คือ ใน 1 เม็ดเนี้ย อาจจะมีวิตามิน c ซัก 80% (สมมุติ)
แต่อีกกล่องนึง ปริมาณ ขนาด น้ำหนัก ของตัวยา เท่ากันเลย 10mg แต่เขียนไว้ว่า low dose vitamin c คือ วิตามิน c จริงๆ อาจจะมีอยู่แค่ 20% (สมมุติอีก)

ดังนั้นถ้าให้พูดตามภาษาปกติคือ ความเข้มข้น ของยามีมาก หรือ น้อย นั่นแหละ

แต่บางครัั้งก็จะมีการพูด ถึงในการกินด้วย เช่น Roaccutane ถ้าเราไปโรงพยาบาล เค้าก็จะตรวจเลือด ใช่ไหม
แล้วหมอก็จะดูว่า คุณ สามารถ กิน Roaccutane ได้ในชีวิต อะ กี่ dose และก็จะมีการคำนวณ ถึงการรับปริมาณยา ต่อวัน ต่ออาทิตย์ อีก อะไรก็ว่าไป
ซึ่งทานแล้วจะปลอดภัย แต่ถ้าคุณทานมากเกินไป เคยได้ยินคำว่า overdose ไหม นั่นแหละ ก็จะเป็นอันตราย

ใน Roaccutane ของแต่ละยี่ห้อ เราไม่แน่ใจ ว่า dose เท่ากันหมดไหม เคยกินแต่ของ acnotin โดยปกติมากที่สุดเค้าจะให้กินแค่วันละเม็ด
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lolipop55 ที่ 09-01-2012 15:04:01
รูปน่ากลัวมากครับพี่!!!   (http://upic.me/i/k6/c0010.gif)


ปล.พี่หมอครับ เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า

(http://upic.me/i/re/hn429.gif)(http://upic.me/i/re/hn429.gif)

หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 09-01-2012 17:59:31
คุณหมอกระทู้นี้หายไปไหนแล้ว อยากตอบกระทู้ข้างบนแต่ความรู้ไม่มากพอ กลัวจะมั่วเกินไป เอาที่เราเข้าใจนะ


ช่วงนี้คุณหมอไม่ค่อยว่างรบกวนเภสัชให้ความรู้ก่อนแล้วกันนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4; ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว!?!> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 09-01-2012 23:08:40
ขอโทษที่หายไปนานนะครับ
ช่วงนี้ติดงานเยอะแยะเลยอ่าครับผม >.<
ทั้งพรีเซนต์เคส ทั้งออก OPD ทั้งอยู่เวร TT__TT

เดี๋ยวยังไงภายในวันพฤหัสนี้ (12/1/55) จะมาลงบทความใหม่ พร้อมตอบคำถามให้นะครับ

ปล. ยังไงก็ขอขอบคุณ shunsuke15 ที่มาแบ่งปันความรู้กันด้วยนะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4;ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว?>P.3[แจ้งข่า
เริ่มหัวข้อโดย: murua ที่ 10-01-2012 02:54:55
ขอบคุณ คุณ shunsuke15 มากครับ ^^
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4;ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว?>P.3[แจ้งข่า
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 11-01-2012 23:59:50
TEST
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4;ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว?>P.3[แจ้งข่า
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 12-01-2012 00:18:49
โรแอค: แล้ว ไมโครโดส คือยังไงคะ

ไฮโดส คือยังไงคะ แบบว่า สงสัยค่ะ

ตอบน้องพิซซี่นะคร้าบ :D
เอาสรุปๆง่ายๆเลยนะครับ
โดสยา... ก็คือขนาดของยาที่กินครับ

ไมโครโดส ก็คือ ขนาดยาที่ต่ำมากๆที่จะให้ผู้ป่วยน่ะครับ ส่วนมากจะใช้ในการศึกษาทดลองครับผม
ส่วนไฮโดส ก็คือ ขนาดยาที่สูงมากๆที่จะให้กับผู้ป่วยน่ะครับ ในกรณีที่ให้ขนาดยาตามปกติแล้วรักษาไม่หาย (ในบางโรค) ครับผม

อย่างเช่น

การศึกษาตัวอย่างยาชนิดใหม่ชนิดนึงคือ "A" ว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยได้เท่าไหร่ ก็จะเริ่มให้ยา "A" แบบไมโครโดสก่อนครับ (ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ทำการทดลองแบบนี้แล้วครับ เพราะผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์)

นาย B ป่วยเป็นโรคไซนัสอักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน ซึ่งเคยป่วยเป็นโรคนี้มาก่อนแล้วสามครั้ง เมื่อก่อนให้ยา C อาการดีขึ้นช้ามาก จึงทำให้ครั้งนี้ตัดสินใจให้ยา C แบบไฮโดสเพื่อรักษาโรค

เป็นต้นครับผม
หวังว่าจะแอบเข้าใจ (รึเปล่าแฮะ)


รูปน่ากลัวมากครับพี่!!!   (http://upic.me/i/k6/c0010.gif)


ปล.พี่หมอครับ เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า

(http://upic.me/i/re/hn429.gif)(http://upic.me/i/re/hn429.gif)



อะไรครับคนเนี้ย หึหึ

===============================================

ปล. วันพฤหัสนี้ หรือไม่ก็วันศุกร์นี้ มาต่อบทความตอนหน้าแน่นอนครับ
เกี่ยวกับการดื่ม (รึกิน) น้ำยาล้างห้องน้ำ !!!
มันจะน่ากลัว ทรมาน ขนาดไหน และจะตายหรือไม่ รอกันหน่อยนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4;ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว?>P.3[แจ้งข่า
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 12-01-2012 00:25:20
รออย่างใจจดใจจ่อ น้ำยาล้างห้องน้ำท่าทางจะ อร่อย!!!
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4;ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว?>P.3[ตอบคำถา
เริ่มหัวข้อโดย: Zitraphat ที่ 12-01-2012 00:47:23
ในความรู้สึกจำได้ลางๆว่า หมอ กับพยาบาล 3-4 คน ยึดตัวผู้หญิงคนหนึ่งไว้ แล้วเอาท่อสายยางยาวๆสอดลงคอ แล้วก็มีน้ำดำๆ ใส่ลงไปด้วย..... :oak:  จำได้แค่นั้น   มารอฟังดีกว่า ขอบคุณล่วงหน้านะ :L2:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4;ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว?>P.3[ตอบคำถา
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 13-01-2012 22:01:12
ว่าจะรออ่านบทความแต่คิดว่าพี่หมอคงมาดึกขอนอนก่อนแล้วกันไม่ไหวแล้วเครื่องจะดับแล้วพรุ่งนี้จะมาอ่านนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 4;ยาวิตามินเอ กินรักษาสิว?>P.3[ตอบคำถา
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 13-01-2012 22:58:13
กลับมาอีกครั้งหลังจากจบการพรีเซนต์เคสผู้ป่วย 3 เคสติดกันใน 2 วัน TT__TT
และอยู่เวร 2 วันติด  :sad4:

วันนี้กลับมาพร้อมกับเรื่องการดื่มสารพิษในครัวเรือนเนอะ อย่างที่สตรองเคยดื่ม (รึป่าว?) ฮ่าๆๆๆ
การดื่มสารพิษในครัวเรือนแบ่งเป็นสองประเภทครับ คือดื่มสารที่เป็นกรด และ สารที่เป็นด่างครับ

     ขอเริ่มจากสารที่เป็นด่างก่อนนะครับ สำหรับสารที่เป็นด่างในบ้านเรือนก็มักจะเป็นพวกน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ โดยที่หลังจากดื่มลงไป สารพวกเนี้ยมันจะกัดเซาะเข้าไปเรื่อยๆในเนื้อเยื่อครับ เพราะสารมีคุณสมบัติเป็นเบส (ด่าง) และเนื้อเยื่อของร่างกายนั้นมีไขมัน และไขมันกับเบสก็จะทำปฏิกิริยากันทำให้เกิดการเซาะไปได้เรื่อยๆ ทำให้การกลืนสารเป็นด่างจะทำให้เกิดการทะลุได้ง่ายมากๆๆๆๆเลยครับ

     สารที่เป็นกรดในบ้านเราพบได้ง่ายมากเลยครับ เช่นพวก น้ำยาล้างห้องน้ำเกือบทุกชนิด น้ำยาซักผ้าบางชนิดครับ หลังจากที่ทานเข้าไปเนี่ย กรดจะเริ่มทำลายตั้งแต่ในช่องปากเลยครับ ทำลายตลอดทางที่มันผ่านเข้าไป ทั้งหลอดอาหาร และในที่สุดก็ลงไปละลายเนื้อเยื่อในกระเพาะอาหาร ซึ่งในกระเพาะอาหารก็มีคุณสมบัติเป็นกรดอยู่แล้ว ยิ่งเจอกรดเข้าไปอีก ก็ยิ่งทำลายเร็วขึ้นเป็นผลให้กระเพาะอาหารเกิดแผล และในที่สุดก็อาจทำให้เกิดการทะลุของกระเพาะอาหารได้ครับ
   
     ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ก็คือ
1.)   Acute Phase (อะคิวท์เฟส)
     เป็นระยะ 1-4 วันแรกหลังจากที่กลืนสารลงไป จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่สารผ่านนั้นตาย หลอดเลือดตีบ มีการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบๆ และจะทำให้เชื้อแบคทีเรียบริเวณแผลเติบโตเร็วขึ้น
2.)   Subacute Phase (ซับอะคิวท์เฟส)
     วันที่ 5-14 จะมีการบวมของเนื้อเยื่อที่โดนสารอันตราย และเป็นช่วงที่ผนังหลอดอาหารอ่อนแอมากที่สุด เสี่ยงต่อการเกิดการทะลุของหลอดอาหารมากที่สุด
3.)   Scaring Phase (สการ์ริ่งเฟส)
     เริ่มสัปดาห์ที่ 3 จนถึงเดือนที่ 3 จะมีการเพิ่มจำนวนของเซลล์และคอลลาเจนเพื่อรักษาบริเวณที่เป็นแผล และเนื้อเยื่อคอลลาเจนก็จะหดตัว ทำให้เกิดการตันของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหารได้ในที่สุด

      อาการของผู้ป่วยหลังจากกลืนสารกรดและด่าง ในระยะแรกอาจจะมีแค่อาการบวมแดงของช่องคอ เสียงแหบ จากการที่สารโดนกล่องเสียง กลืนเจ็บหรือกลืนติดเนื่องจากเป็นแผลในหลอดอาหาร แต่เมื่อมีหลอดอาหารทะลุก็จะทำให้เกิดการแสบในช่องอก มีลมรั่วออกมาใต้ผิวหนังได้ และถ้ากระเพาะอาหารโดนด้วยก็จะมีอาการปวดท้อง อาเจียน ถ้ากระเพาะอาหารทะลุก็จะปวดท้องทั่วๆได้ หรือแม้กระทั่งมีอาการช็อคได้ครับ
       ต่อมาในระยะหลังจะเป็นอาการของการตีบตันของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร เป็นเหตุให้กลืนเจ็บ กลืนลำบาก กลืนอาหารไม่ลง แน่นท้อง อาเจียนหลังทานอาหาร หรือแม้กระทั่งน้ำหนักลดลงได้ครับ

       ถ้าพบผู้ป่วยที่กลืนสารน่ะครับ ห้ามทำให้อาเจียนเด็ดขาด !!! ห้ามให้กินสารอย่างอื่น เช่น น้ำ หรือ นม เด็ดขาด ให้รีบพาส่งโรงพยาบาลทันทีที่ทราบ ถึงแม้ว่าจะทานลงไปเพียงเล็กน้อยครับ
       หลังจากที่แพทย์ได้ตัวผู้ป่วยก็จะต้องให้ผู้ป่วยงดอาหารและน้ำ หลังจากนั้นก็ให้ยาฆ่าเชื้อ ทำ X-ray ดูการบาดเจ็บของหลอดอาหารและกระเพาะอาหารว่ามีภาวะแทรกซ้อน (เช่น หลอดอาหารทะลุ กระเพาะอาหารทะลุ) ส่องกล้องดูแผลภายใน 24 ชั่วโมง และในที่สุดอาจจะต้องทำการผ่าตัดรักษาภาวะแทรกซ้อนต่างๆครับ
       หลังจากรักษาในระยะแรกหายเรียบร้อยแล้ว อย่างที่บอกไปในช่วงแรกว่า ช่วงสัปดาห์ที่ 3 จะมีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนมาซ่อมแซมแผล และเกิดการหดตัวลงทำให้เกิดการตีบตันของหลอดอาหารได้ ซึ่งแพทย์ต้องทำการรักษาภาวะหลอดอาหารตีบตัน จะทำโดยการใช้เครื่องมือถ่างขยายหลอดอาหารเพื่อทำให้หลอดอาหารกลับมาใช้งานได้ตามปกติ (ซึ่งเป็นไปตามปกติได้น้อย) ถ้าไม่สามารถถ่างขยายหลอดอาหารได้ ก็จำเป็นต้องผ่าตัดสร้างหลอดอาหารเทียมขึ้นมาใหม่ครับ

       จากที่นำเสนอได้เนอะ ก็สรุปได้ว่า “ไม่ควร” ดื่มพวกน้ำยาล้างห้องน้ำเป็นอย่างยิ่งเลยครับ มันไม่ได้ทำให้ตายดีหรอกนะครับ ทั้งปวดท้องทรมาน เจ็บคอแทบตาย มีการทะลุของหลอดอาหาร การทะลุของกระเพาะอาหาร ถ้ารักษารอดในระยะแรกแล้วก็ต้องมาทรมานกับการดื่มกินตามปกติไม่ได้อีก... ดังนั้น ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง !!!
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lolipop55 ที่ 13-01-2012 23:27:17
ขอคุณสำหรับความรู้คร้าบบบ

เป็นการตายที่ทรมานมาก  :jul3:

แล้วมีแบบไม่ทรมานมั้ย

 :m15:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-01-2012 10:28:27
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ
อิฉันคนนึงล่ะที่ไม่ขอดื่ม ท่าทางจะไม่อร่อยแถมทรมานมากมาย หยึย...
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 14-01-2012 15:52:56
ไม่รู้จะรีพลายอะไร ขอบคุณสำหรับความรู้คร้าบ
ทำไมอ่านแล้วรู้สึกกลืนน้ำลายลำบาก ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 14-01-2012 21:55:22
อืม นอกจากตายไม่สวยแล้วยังทรมาณอีกด้วย อ่านะ ใช้วิธีอื่นเหอะ
 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่า

ยกมือถามค่า

บางครั้งเรานอนไม่หลับ เราจะกินยาแก้แพ้ให้หลับซึ่งจะหลับสนิทไปประมาณ3-4ชม.
มีผลเสียยังไงบ้างค่ะ (รู้ว่าไม่ดี แต่ว่ามันต้องนอนแล้ว เพราะว่าวันต่อไปมันต้องทำธุระแต่เช้าเลยอ่ะ)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 14-01-2012 22:08:12
สงสัยนิดนึงคุณหมอ
ที่เค้าว่ากันว่าล้างท้องนี่คือทำยังไงหรอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 15-01-2012 02:48:20
อืม นอกจากตายไม่สวยแล้วยังทรมาณอีกด้วย อ่านะ ใช้วิธีอื่นเหอะ
 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่า

ยกมือถามค่า

บางครั้งเรานอนไม่หลับ เราจะกินยาแก้แพ้ให้หลับซึ่งจะหลับสนิทไปประมาณ3-4ชม.
มีผลเสียยังไงบ้างค่ะ (รู้ว่าไม่ดี แต่ว่ามันต้องนอนแล้ว เพราะว่าวันต่อไปมันต้องทำธุระแต่เช้าเลยอ่ะ)


     ยาแก้แพ้ส่วนมากที่กินกันมักจะเป็น Chlorpheniramine (คลอเฟนิรามีน) หรือ CPM ครับ อาจจะมีตัวอื่นๆเช่น Loratadine (ลอราทาดีน) Cetirizine (เซทิริซีน) ซึ่งถ้าเป็นยี่ห้อการค้าก็จะได้ยินบ่อยๆคือ Carinose และ Zyrtec ตามลำดับครับ ;)
     ยาแก้แพ้พวกนี้จะมีฤทธิ์ช่วยลดการคัดจมูก น้ำมูก และน้ำต่างๆในร่างกายที่หลั่งออกมาครับ

     ดังนั้นผลเสียจะเกิดกับพวก น้ำมูก น้ำตา น้ำลาย ครับ สรุปว่าจะทำให้ตาแห้ง คอแห้ง จมูกแห้ง (มาก) ครับ

     นอกจากนี้ ไอ้ยาแก้แพ้พวกเนี้ยครับ มันไปยับยั้งการทำงานของสารตัวนึงในร่างกาย ด้วยครับ มันทำให้บางคนอาจใจสั่น รู้สึกอารมณ์เสียง่ายๆ คลื่นไส้ ปวดหัว หรือง่วงนอนได้ครับ
     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยาแพ้แก้ตัวหลังๆที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมา เช่น Loratadine กับ Cetirizine มักจะมีอาการดังกล่าวลดลงกว่ารุ่นแรกๆอย่าง CPM ครับผม

     แต่ยาแก้แพ้ทั้งหมดนี้ เมื่อใช้แล้วไม่ควรทำอะไรที่ต้องใช้สมาธิสูง เช่นการขับรถ การทำงานกับเครื่องจักร เป็นต้นครับ และไม่ควรใช้กับคนที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด นอกจากนี้ "ห้ามกินเหล้า" ด้วยนะครับ

     และสิ่งสำคัญเลยครับ ถ้ากินยาปฏิชีวนะบางตัวอยู่ เช่น Ketoconazole (คีโตโคนาโซล) หรือยาฆ่าเชื้อรา เป็นต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยาครับ เพราะยาพวกนี้มันจะทำให้สารเหลือทิ้งจากยาคงเหลือในร่างกายได้ครับ เป็นผลให้อาจเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดปกติได้ครับผม

     ดังนั้นทางที่ดี การใช้ยาแก้แพ้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา "ทุกชนิด" นะครับ
เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเองเนอะ ;)


สงสัยนิดนึงคุณหมอ
ที่เค้าว่ากันว่าล้างท้องนี่คือทำยังไงหรอจ๊ะ

ฮ่าๆๆๆ แนนอยากล้างท้องหรอ อิอิ
การล้างท้องนี่ก็คือ การใส่สายยางผ่านเข้าไปทางจมูกแล้วให้สายลงไปถึงกระเพาะอาหารน่ะครับ แล้วก็ใส่น้ำเกลือเข้าไปแล้วก็ดูดกลับออกมาน่ะครับ
หึหึ ทรมานมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4 + ตอบทู้!
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 15-01-2012 22:09:27
เรากิน actifed แอคติเฟด. ค่ะ
มี Triprolidine กับ Pseudoephedrine
กินแล้วไปนอนเลย

เพิ่งรู้ว่า ทำให้ตาแห้งด้วย เราเป็นคนอ่านหนังสือเยอะมาก เลยตาแห้งอยู่งแล้วเลยไม่ทันสังเกต

แล้วก็เพิ่งรู้ว่าห้ามกินกับแอลกอฮอล (เราเราไม่ค่อยกินเหล้า แต่ก็ต้องระวังชอคโกแลตผสมเหล้าอ่ะ)

ขอบคุณมากๆสำหรับความรู้ค่า
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4 + ตอบทู้!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 15-01-2012 22:13:54
ครับผม

ตัวที่ทำให้ง่วงก็คือ Triprolidine นี่แหละครับ
มันเป็นตัวยาแก้แพ้ขั้นที่ 1 น่ะครับ (ปัจจุบันพัฒนาแล้วถึงขั้น 4)
ซึ่งขั้นแรกมันก็ทำให้ง่วง (มากถึงมากที่สุดน่ะครับ)
ส่วน Pseudo นั้นทำให้หายคัดจมูกครับผม ไม่เกี่ยวกับความง่วงครับ :)

ยังไงก็ระวังการใช้กับแอลกอฮอล์ด้วยนะครับ :)

ส่วนเรื่องตาแห้งนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็งดใส่คอนแท็คต์เลนส์ด้วยก็ได้ครับ เพราะอาจทำให้ตาแห้งยิ่งขึ้นได้ครับ
ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ ให้ใช้แว่นจะดีต่อตาในระยะยาวมากกว่าครับ เพราะคอนแท็คต์มันจะทำให้ลูกตาเกิดรอยขีดข่วนได้ครับผม :)
แล้วก็ถ้าตาแห้งมากๆ ก็ใช้น้ำตาเทียมได้ครับ เดี๋ยวนี้มีน้ำตาเทียมให้เลือกใช้มากมาย อย่างไรก็ตามลองปรึกษาแพทย์และเภสัชกรดูก่อนตัดสินใจใช้นะครับ 

:L1:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4 + ตอบทู้!
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 15-01-2012 22:34:58
ขอบคุณที่ห่วงใยค่ะ :กอด1:

ไม่ใส่คอนแทค (เคืองตาแล้วปวดหัว ไมเกรนขึ้น อ่านหนังสือไม่ได้) ไม่ใส่แว่น(หนักดั้ง กดหู ปวดหัวอีก แล้วก็ หน้าแก่มากๆๆๆๆด้วยอ่ะ)

พยายามดื่มน้ำมากๆๆแทน ถ้าไม่ไหวจริงๆถึงหยอดน้ำตาเทียมค่ะ

เดี๋ยวนี้ไม่กินยาเยอะๆแล้วค่ะ. (เพราะว่าน่าจะเกิดจากความเก็บกดเราทำอะไรแปลกๆด้วย แต่คนรอบตัวจะติดภาพที่เรากินยาเยอะๆไปนานเลย)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4 + ตอบทู้!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 17-01-2012 00:12:32
ดีแล้วครับ :)

เดี๋ยวซักปลายสัปดาห์จะมาต่อเรื่องใหม่นะครับ
คราวนี้เอาเรื่องอะไรดีอ่าาาาาา ใครว่างช่วยคิดหน่อยสิครับ >.<'
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้อ
เริ่มหัวข้อโดย: sapphire_yaoi ที่ 18-01-2012 12:49:40
ตรูอยู่ข้อไหนฟร่ะเนี่ย!?- -
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4 + ตอบทู้!
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 18-01-2012 23:04:07
อยากรู้เรื่องข้อจำกัดของยาต่างๆน่ะค่ะ พอจะเป็นหัวเรื่องได้มั้ยคะ
แล้วก็... คิดไม่ออกแล้วค่ะ ห่ะๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4 + ตอบทู้!
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 18-01-2012 23:13:32
จะถามคุณหมอหน่อยว่า
คือเราปวดหัวมา 3-4 วันแล้ว
เอ่อ..มันไม่เชิงว่าปวดหัว มันคล้ายๆกับเวียนหัว หรือมึนๆมากกว่า
แบบเวลาหันหน้าไปมา หรือก้มหน้าเงยหน้า บางจังหวะมันก็จะบ้านหมุนเล็กน้อยอะจ่ะ
แต่บางทีนั่งเฉยๆก็เป็นนะ
แล้วก็ปวดต้นคอมาก
พอจะบอกอะไรได้มั่งอะคะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4 + ตอบทู้!
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 21-01-2012 01:21:53
จะถามคุณหมอหน่อยว่า
คือเราปวดหัวมา 3-4 วันแล้ว
เอ่อ..มันไม่เชิงว่าปวดหัว มันคล้ายๆกับเวียนหัว หรือมึนๆมากกว่า
แบบเวลาหันหน้าไปมา หรือก้มหน้าเงยหน้า บางจังหวะมันก็จะบ้านหมุนเล็กน้อยอะจ่ะ
แต่บางทีนั่งเฉยๆก็เป็นนะ
แล้วก็ปวดต้นคอมาก
พอจะบอกอะไรได้มั่งอะคะ

ผมยังไม่ใช่หมอนะคร้าบ ยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆอยู่เลยครับ ห่ะๆๆ (ถึงแม้จะใกล้จบก็เหอะ)

ก่อนอื่นอยากถามก่อนว่า เคยมีอาการอย่างนี้มาก่อนรึเปล่าครับ ถ้าเคยมี มีมานานเท่าไหร่แล้ว?
แล้วอาการมันมี "บ้านหมุน" หรือเพียงแค่ "เวียนศีรษะเฉยๆ" ครับผม เพราะโรคค่อนข้างแตกต่างกันครับ

ถ้าอาการเด่นคืออาการบ้านหมุนเวลาหันหรือเงยหน้า
เราอาจจะคิดถึงโรคเด่นๆอยู่ประมาณ 2-3 โรคครับ

     อันแรกเลย คือ Benigh Paroxysmal Positional Vertigo หรือ BPPV หรือ อาจเรียกภาษาไทยว่า โรคบ้านหมุนเปลี่ยนท่าหรือโรคหินปูนในหูชั้นในผิดปกติ แล้วแต่จะเรียกครับ ส่วนมากเรียกทับศัพท์ว่า BPPV มากกว่าครับ

     อาการเด่นของโรคนี้ก็อย่างที่ว่าแหละครับ จะเวียนศีรษะแบบมีบ้านหมุนเวลาหันหน้าหรือเปลี่ยนท่าครับ ดังนั้นมักจะมีอาการช่วงที่ตื่นนอนลุกจากเตียง นอนกลิ้งไปมาบนเตียง เงยหน้าหรือก้มหน้า หรือแม้กระทั่งโดนอุบัติเหตุเล็กน้อยที่ศีรษะ (ที่ทำให้ศีรษะหันได้อย่างรวดเร็ว) โดยเมื่อมีอาการมักจะเป็นไม่นาน แค่ชั่ววินาที หรือนานสุดก็ประมาณ 1 นาที แล้วอาการก็จะหายเป็นปกติ อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยก็ได้

     สาเหตุมักเกิดจากหินปูนภายในหูมันย้ายไปอยู่ผิดที่ครับ คือไอ้หินปูนเนี่ย มันจะทำหน้าที่คล้ายกับศูนย์ถ่วงของร่างกายน่ะครับ ถ้ามันย้ายที่ไปผิดที่ก็จะทำให้เวียนศีรษะได้ครับ

     สำหรับการรักษาโรคนี้ ขั้นแรกอาจใช้วิธีการหลีกเลี่ยงหรือทำท่าที่ทำให้เกิดภาวะดังที่บอกไปแล้วให้ช้าลงน่ะครับ ต่อมาอาจมีการทำกายภาพบำบัด ซึ่งให้นักกายภาพบำบัดหรือแพทย์เป็นผู้ทำให้ก็ได้ครับ ทำง่ายๆ เพียงแค่ให้ล้มตัวลงนอนและลุกขึ้นมานั่ง แต่ ไม่ควรทำเองเป็นอันขาด ครับ ไม่งั้นลงผิดท่าแล้วยิ่งเวียนหัวแล้วจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ ห่ะๆๆ ส่วนเรื่องยา ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคนี้โดยตรงครับ มีเพียงยาแก้เวียนหัวกับอาเจียนเท่านั้น และขั้นสุดท้ายเมื่อใช้วิธีที่กล่าวมาแล้วไม่หาย ก็คงต้องผ่าตัดล่ะครับ >.<’

     โรคที่สองที่คิดถึงได้ก็คือ Meniere’s Disease (มีเนียร์ หรือ มีแนร์ ดิซีส) หรือที่เรียกกันติดปากว่า โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

     อาการของโรคนี้จะมีอาการเวียนหัวบ้านหมุนเช่นเดียวกันครับ แต่ว่าจะแตกต่างกันที่ไอ้โรคนี้เนี่ยมันบ้านหมุนทีนึงนานเป็นนาทีถึงชั่วโมงเลยน่ะสิครับ (แทบอ้วกเลยล่ะ) แถมยังมีตัวผู้ป่วยจะรู้สึกว่าได้ยินเสียงเบาลงด้วย เหมือนหูดับน่ะครับ จะค่อยๆดับไปเรื่อยๆจนกระทั่งหูไม่ค่อยได้ยินเสียงเลยทีเดียว แล้วก็อาจจะมีอาการได้ยินเสียงผิดปกติในหูก็ได้ครับ

     โดยที่สาเหตุของโรคนี้ปัจจุบันยังไม่แน่ชัดครับ แต่เชื่อกันว่าเกิดจากการที่น้ำในหูมีการสร้างมากกว่าปกติน่ะครับ

     ส่วนการรักษาก็หลากหลายตั้งแต่การใช้ยาจนถึงการผ่าตัดครับผม



     อีกโรคนึงที่จะเจอได้บ่อยก็คือโรค Vestibular neuritis (เวสติบูลาร์ นิวไรติส) หรือเส้นประสาทหูอักเสบ ครับผม

     ไอ้โรคนี้ก็มีอาการเด่นคือเวียนหัวบ้านหมุนเช่นเดียวกันครับ แต่อาการโหดมากครับ คือมันจะเวียนหัวเป็นวันๆเลยทีเดียว และมักจะมีคลื่นไส้อาเจียนด้วยเสมอ บางคนอาเจียนจนหมดแรงก็มี (คือผมเคยเป็นน่ะครับ ทรมานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)  ไอ้โรคนี้จะไม่มีอาการเรื่องการได้ยินผิดปกตินะครับ

     สาเหตุของโรคนี้มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสครับ เช่น บางคนเป็นหวัดหนักๆเข้าก็อาจเกิดโรคนี้ได้น่ะครับ เพราะในช่องปากคนเรามันมีท่อเชื่อมต่อกับหูชั้นในที่มีเส้นประสาทหูอยู่น่ะครับ พอเป็นหวัดนานๆเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดหวัดมันก็อาจจะหลุดผ่านท่อเข้าไปในหูชั้นใน ไปทำให้เส้นประสาทมันอักเสบ แล้วเกิดเป็นโรคนี้เพิ่มเติมขึ้นมาได้ครับ

     ส่วนการรักษาของโรคนี้จะเป็นการรักษาแบบประคับประคองเป็นส่วนมากครับ เพราะสามารถหายได้เองครับ เพียงแค่ให้ยาแก้เวียนหัวกับอาเจียนก็เพียงพอ (ในบางคนครับ)

============================================

ว่าจะเขียนแค่นิดๆหน่อยนะเนี่ย ไปๆมาๆเขียนไป 3 โรคเลยทีเดียว
อ่านแล้วงงรึเปล่าเนี่ยครับ >.<’

ยังไงก็ตามถ้ามีอาการมากๆก็ควรพบแพทย์เลยดีกว่านะครับ เพื่อสุขภาพของตัวเองเนอะๆๆ

หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 6;โรคเวียนหัวบ้านหมุน> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 21-01-2012 08:58:12
ผมยังไม่ใช่หมอนะคร้าบ ยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆอยู่เลยครับ ห่ะๆๆ (ถึงแม้จะใกล้จบก็เหอะ)
ทำไมพี่เน้นคำว่านักศึกษาแพทย์ แต่แพรดันสะดุดตรง "ตัวเล็กๆ" อิอิ

     อีกโรคนึงที่จะเจอได้บ่อยก็คือโรค Vestibular neuritis (เวสติบูลาร์ นิวไรติส) หรือเส้นประสาทหูอักเสบ ครับผม

     ไอ้โรคนี้ก็มีอาการเด่นคือเวียนหัวบ้านหมุนเช่นเดียวกันครับ แต่อาการโหดมากครับ คือมันจะเวียนหัวเป็นวันๆเลยทีเดียว และมักจะมีคลื่นไส้อาเจียนด้วยเสมอ บางคนอาเจียนจนหมดแรงก็มี (คือผมเคยเป็นน่ะครับ ทรมานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)  ไอ้โรคนี้จะไม่มีอาการเรื่องการได้ยินผิดปกตินะครับ
อีโรคนี้อาการน่ากลัว
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 6;โรคเวียนหัวบ้านหมุน> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-01-2012 22:13:06
ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ
เคยเป็นหนึ่งกับสอง แต่ไม่บ่อย แบบสามน่าทรมานมาก
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 6;โรคเวียนหัวบ้านหมุน> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 23-01-2012 15:44:54
ผมยังไม่ใช่หมอนะคร้าบ ยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆอยู่เลยครับ ห่ะๆๆ (ถึงแม้จะใกล้จบก็เหอะ)


ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะ ว่าที่คุณหมอตัวเล็กๆ (ทำไมมีคำนี้ตัวเดียวทำเราจิ้นไปไกลเลย)

ดีใจที่ตัวเองไม่เป็น แค่เคยบางทีเครียดมากจนลุกนั่งแล้วบ้านหมุนๆเอียงๆแป๊บๆ เราก็แย่แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 6;โรคเวียนหัวบ้านหมุน> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 25-01-2012 22:12:10
ดันไว้ก่อนเดี๋ยวหลุด
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 5;ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ?> P.4 + ตอบทู้!
เริ่มหัวข้อโดย: lolipop55 ที่ 25-01-2012 23:29:19


     อันแรกเลย คือ Benigh Paroxysmal Positional Vertigo หรือ BPPV หรือ อาจเรียกภาษาไทยว่า โรคบ้านหมุนเปลี่ยนท่าหรือโรคหินปูนในหูชั้นในผิดปกติ แล้วแต่จะเรียกครับ ส่วนมากเรียกทับศัพท์ว่า BPPV มากกว่าครับ

     อาการเด่นของโรคนี้ก็อย่างที่ว่าแหละครับ จะเวียนศีรษะแบบมีบ้านหมุนเวลาหันหน้าหรือเปลี่ยนท่าครับ ดังนั้นมักจะมีอาการช่วงที่ตื่นนอนลุกจากเตียง นอนกลิ้งไปมาบนเตียง เงยหน้าหรือก้มหน้า หรือแม้กระทั่งโดนอุบัติเหตุเล็กน้อยที่ศีรษะ (ที่ทำให้ศีรษะหันได้อย่างรวดเร็ว) โดยเมื่อมีอาการมักจะเป็นไม่นาน แค่ชั่ววินาที หรือนานสุดก็ประมาณ 1 นาที แล้วอาการก็จะหายเป็นปกติ อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยก็ได้


พี่หมอ อันนี้มันอันตรายมั้ย
เป็นบ่อยมาก เวลาจะลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือไม่ก็อ่านหนังสือหรือนอนดึกๆอ่ะ เกี่ยวป่าว
ครั้งนึงแบบหน้ามืดนั่งลงกับพื้นเลย เกือบตายในห้องน้ำ ฮ่าๆๆ

แอบกลัว  :sad4:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 6;โรคเวียนหัวบ้านหมุน> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 26-01-2012 10:32:14
แนนเคยเป็นแบบแรกแต่ไม่บ่อยนะจ๊ะ
เคยคิดว่าริเราจะอ้วนเกินไปแล้ว เลยเป็น  :laugh:
ทีนี้รู้แล้วว่ามันไม่ใช่
ขอบคุณที่มาโพสน้าว่าที่คุณหมอตัวเล็ก ^^
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 6;โรคเวียนหัวบ้านหมุน> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 26-01-2012 22:41:04
อ่าครับ

จริงๆแล้วเรื่องการลุกจากเตียงรึเปลี่ยนท่าแล้วเวียนหัวหน้ามืดนี่ปกติก็เป็นกันได้นะครับ ไม่ถือว่าเป็นโรคอย่างที่กล่าวมานะครับ
ไอ้โรคที่กล่าวมามันจะต้อง "บ้านหมุน" เลยทีเดียวอ้ะครับ

ถ้าไม่มีอาการ "บ้านหมุน" ก็ไม่เป็นไรครับ
อาจเกิดจากแค่ร่างกายปรับตัวตามไม่ทัน ทำให้เลือดไหลเวียนไปที่สมองไม่ทันน่ะครับ เป็นผลให้เวียนหัวหน้ามืดได้ครับผม ไม่ต้องเครียดๆ

วิธีแก้ง่ายๆเลยครับ รับประทานอาหารที่ดี ไม่มันเกินไป ไม่หวานเกินไป ทานผักด้วย แล้วก็ออกกำลังกายเป็นประจำ เดี๋ยวอาการที่ว่าก็จะหายไปเองครับผม

:)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ตอนที่ 6;โรคเวียนหัวบ้านหมุน> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 30-01-2012 20:22:57
ขออนุญาตหายไปจากกระทู้ซักสัปดาห์นะครับ

เดี๋ยวจะต้องแอดมิทตัวเองน่ะครับ ฮ่าๆๆๆ
ถ้ามีอะไรก็ถามไว้ได้ครับ แต่จะมาตอบให้หลังออกจาก รพ. ก่อนนะคับ แหะๆๆ :)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 30-01-2012 22:17:31
อ่า คุณหมอป่วยซะแล้ว ดูแลสุขภาพดีๆ นะคะ เป็นห่วงเน้
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: shunsuke15 ที่ 30-01-2012 23:41:01
ว่าที่หมอเราป่วยซะแล้วว ถ้าต้องการกำลังใจ จากชายหนุ่มไปปลอบปะโลม บอกนะครับ  :-[
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Zitraphat ที่ 31-01-2012 05:31:11

 ตั้งหน้าตั้งตารอเน้อ ว่าที่คุณหมอ ....แข็งแรงเร็วๆเน้อ..
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 31-01-2012 21:57:08
ขอบคุณมากๆครับผม :)

เดี๋ยวกลับมาคราวหน้า (น่าจะวันพฤหัส ไม่ก็วันศุกร์) จะกลับมาพร้อมกับโรคที่ผมเป็นเอง

"ลำไส้แปรปรวน" ซึ่งหลายๆคนก็อาจจะมีอาการคล้ายๆกับผมก็ได้นะครับ
เพียงแต่ผมดันมีติดเชื้อเพิ่มขึ้นมา ก็เลยอาการหนัก ฮ่าๆๆๆๆ

ภาวะลำไส้แปรปรวน มีอาการยังไง จะวินิจฉัยยังไง ควรทำตัวยังไงเพื่อให้ห่างไกลจากไอ้ภาวะนี้ (ซึ่งผมเองทำไม่ได้ ฮ่าๆๆ)
รอหน่อยนะคร้าบ แหะๆๆ

(จะมีคนอยากอ่านมั๊ยเนี่ย)

ปล. มีอะไรอยากถามก็ถามได้นะ รึแอดเฟสมาคุยกันก็ได้นะครับ ซ้ายมือใต้รูปโปรไฟล์เลย

หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 31-01-2012 23:30:44
ถึงจะยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆ(ฮิๆ) เราก็จะเรียกหมอ~

ฮ่าๆๆๆ

ขอโทษที่เข้ามาเห็นคำแนะนำของคุณหมอช้าน้า

ขอเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นเลยนะ เริ่มจากอาการบ้านหมุนครั้งแรก
ตอนแรกมันเป็นแค่น้อยๆก่อน แบบลุกจากที่นอนแล้วหัวทิ่มลงไปกองกะพื้นเลยละ หลังๆคือหมุนทั้งวันเลยละ
ต้องนอนเฉยๆ ขยับหัวแค่องศาเดียวมันก็จะติ๊วๆๆ
ปะป๊าเลยพาไปโรงพยาบาล ตอนแรกหมอก็สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นน้ำในหูไม่เท่ากัน
แต่ป๊าก็พูดไปว่า มันอ้วนด้วย อาจจะเป็นที่ไขมันอะไรด้วยรึเปล่า
พอเจาะเลือดตรวจ ผลคือไตรกลีเซอไรด์สูง
หมอก็ให้กินยาลดไขมันมั้ง ตัวนี้ "FIBRIL 160MG" ซัก1เดือนแล้วค่อยไปตรวจ
แต่เราก็ไม่ได้ไป แต่กินแล้วมันก็หายนะ
คือเราไม่รู้ว่าแท้จริงๆแล้วเราเป็นอะไรกันแน่
แต่เมื่อไหรที่เราเวียนหัวบ้านหมุน ไปเจาะเลือดทีไรไตรกลีเซอไรด์มันก็สูงทุกที
ห็ไปซื้อยาตัวนั้นมากิน ก็ดีขึ้นๆ หลังๆไม่ไปตรวจแม่มละ เวียนก็กินนี่แหละ
กลังๆนี้ไม่ค่อยเป็นแล้ว เพราะเราลดน้ำหนัก แต่อย่างว่า นานๆมันก็เป็นที
ที่เล่ามานี่ พอจะให้อะไรคุณหมอได้มั้ยอะ?? แต่เราว่าหมอต้องด่าเราแน่ๆเลย  :laugh:


คุณหมอป่วยซะแล้ว รักษาตัวเองดีๆนะ แล้วค่อยมาให้คำปรึกษาต่อ  :bye2:

ปล. เราแอดเหสคุณหมอไปแล้วนะ หลายวันละ แต่ยังไม่ได้กดรับเลยอะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: shunsuke15 ที่ 01-02-2012 21:24:37
ข้างบน ไปตรวจดูบ้าง ก็ดีนะครับ ชะล่าใจเกินไป แล้วถ้าเป็นอะไรหนักมาไม่ดีเน้อ
ถ้ามีอะไรแปลกๆ ผิด ปกติ ก็น่าจะไปตรวจดูอย่าคิดว่านานๆ เป็นที ไม่เป็นไรหรอก
ถ้านานๆเป็น ที แต่รวมกันมันเกิน 10 ครั้ง นี่มันก็ไม่ไหวนะครับ
ผมงี้ก็ชอบเจ็บหน้าอก แบบสุดๆเลย นานๆเป็นที แต่เป็นทีก็อยากตาย
แบบว่าเจ็บหน้าอก เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น บางครั้งก็หายใจไม่ออก
แต่เพราะเป็นคนกินข้าวไม่ตรงเวลา สันนิษฐานเอาเองว่า น่าจะเป็นกรดไหลย้อน
แต่ไม่เคยกินยาเลยนะ กะว่าจะไปตรวจดูเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 01-02-2012 21:41:01
เราเป็นคนที่รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติมากกกกก แต่ไม่ยักจะไปตรวจซักครั้ง เหอๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 18-02-2012 04:55:54
ชะแว๊บ หายไปนานโผล่ซะหน่อย ^^
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: shinigami C.K. ที่ 18-02-2012 14:19:53
ชอบคณกับความรู้ใหม่นะครับ  o13
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอแจ้งข่าวครับ> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 18-02-2012 16:28:12
แต่ของเรา เคยคิดว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติ คิดอยู่3-4ปีเลยไปตรวจ ปรากฏว่า ไม่มีอะไร ความแตกต่างของร่างกายมีได้ แต่เราไม่มีอะไรผิดปกติ ทีนี้ก็สบายใจได้สักที ไม่ต้องอุปทานไปเอง
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ผมขอโทษ T_T> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 19-02-2012 02:23:56
เอ่อ... จขกท. เข้ามาแสดงความเสียใจครับ T_T

รู้สึกผิดมากพอสมควรที่ทิ้งกระทู้ไว้นานเกินไป - -"
อาจจะเพราะช่วงเดือนที่แล้วป่วย ไม่สบายบ่อยด้วยล่ะมั้ง จนเพื่อนบอกว่า ให้ไปตรวจ Anti-HIV หน่อยดีมั๊ย (คือตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อต้านไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์นั่นแหละครับ) เนื่องจากป่วยบ่อยจริงๆ - -"

จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็สอบอายุรกรรมของปีห้าอีก...
มาสัปดาห์นี้ก็ขึ้นเป็น Extern (นศ.พ. ปี 6) อีก แถมยังต้องเตรียมสอบ NL หรือ ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ครั้งที่ 2 (จากทั้งหมด 3 ครั้ง) อีก TT__TT

ทุกอย่างมันก็เลยดูช้าๆไปหมดเลย
ต้องขอโทษท่านที่ตามอ่านด้วยนะครับ

ยังไงก็ตาม จะพยายามเขียนต่อไปเรื่อยๆนะครับ (ถ้ายังมีคนอ่านน่ะนะ แหะๆๆๆ)
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอโทษครับ T_T> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 19-02-2012 22:49:22
ฮึ่ย พี่หมอเราใจตรงกันกำลังว่าจะมาดันกระทู้นี้อยู่พอดี
ว่าทีคุณหมอเราต้องสอบนี่เนาะ รอครับๆ เดี๋ยวว่างก็มาต่อเนาะ รักจริงรอได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอโทษครับ T_T> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-02-2012 18:19:17
 :z2:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?]โรคที่พบเจอได้ทั่วไปตามนิยาย? <ขอโทษครับ T_T> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 22-02-2012 01:26:07
ฮึ่ย พี่หมอเราใจตรงกันกำลังว่าจะมาดันกระทู้นี้อยู่พอดี
ว่าทีคุณหมอเราต้องสอบนี่เนาะ รอครับๆ เดี๋ยวว่างก็มาต่อเนาะ รักจริงรอได้ อิอิ

:z2:

 :จุ๊บๆ:

==========================================================

สวัสดีครับผม หลังจากที่หายหน้าไปนาน (มากกกกกก)
ต้องขอรับผิดแต่โดยดีครับผม แหะๆ ไม่ขอแก้ตัว (หรอ?)

เอาเป็นว่า ตอนนี้ขอพักเรื่องโรคลำไส้แปรปรวนไว้ก่อนนะครับ
เนื่องจากมีคนเมสเสจมาบอกว่า อยากได้พวกโรคทางจิตเวชก่อน (ซึ่งผมก็ชอบนะ ด้านจิตเวชเนี่ย สนุกดี หุหุ)

คราวนี้เลยกลับมาพร้อมกับโรคสำคัญอย่างหนึ่งของประเทศไทย (รึเปล่านะ?)
จริงๆแล้วจะเรียกปัญหานี้ว่า “โรค” ก็ไม่ได้ครับ มันเป็นเพียง “ปัญหา” ที่ควรได้รับการแก้ไข นั่นก็คือ...

“เด็กติดเกม”

     เรื่องการติดเกม (หรือแม้กระทั่งติดนิยายในเล้าหรือที่ใดก็ตาม) ขอออกตัวก่อนเลยว่า ผมไม่ได้จะว่าหรือจะติใครหรอกครับ เนื่องจากผมเองก็ “เคย” ผ่านช่วงชีวิตที่ติดเกมและนิยายอย่างจริงจัง ถึงขั้นลุกมานั่งเล่นเกมตอนกลางคืนหลังจากป๊าม้าปิดไฟนอนแล้วก็มี ซึ่งมันไม่ดีเลย ทั้งด้านการเรียน หรือแม้กระทั่งสุขภาพ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆท่านใดพบเพื่อนๆ ญาติ หรือแม้กระทั่งตนเอง มีอาการดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ ก็ตักเตือนกันได้แล้วนะครับ มันเป็นอันตรายต่ออนาคตจริงๆนะ ห่ะๆๆ (จากประสบการณ์โดยตรงครับ)

     ซึ่งข้อสังเกตที่สามารถสังเกตได้ว่าติดเกม (หรือแม้กระทั่งติดนิยายหรืออินเตอร์เน็ต โดยให้ลองเปลี่ยนจากคำว่า “เกม” เป็น “นิยาย” หรือ “อินเตอร์เน็ต” ก็ได้นะครับ) รึยังครับ ลองสังเกตตัวเองดูนะว่าตรงไปกี่ข้อ
     1.)   ใช้เวลาเล่นเกมไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง/วัน หรือ เล่นทั้งวันทั้งคืนเลยไม่ลุกไปไหน
     2.)   ความรับผิดชอบลดลง ทั้งเรียน การใช้ชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ไม่นอน ไม่เรียน ไม่ทำการบ้าน ไม่อ่านหนังสือ ไม่กินข้าวตามปกติที่เคยกินกับสมาชิกในบ้าน แต่เอาข้าวมานั่งกินหน้าคอมแล้วนั่งเล่นเกมไปด้วย
     3.)   ลุกขึ้นมาเล่นเกมตอนดึกๆ
     4.)   เกรดตกลงเพราะหมกมุ่นกับเกม
     5.)   มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเกมเพิ่มขึ้น เช่น ใช้เงินในการเล่นเกมเพิ่มมากขึ้น (ในอดีตผมมีปัญหากับข้อนี้สุดๆเลยล่ะ ทะเลาะกับหม่าม้าเพราะอันนี้ด้วย T.T ไม่น่าเลยครับ)
     6.)   มีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือแสดงความไม่พอใจถ้าโดนบอกให้หยุดเล่นเกม
     7.)   ไม่สนใจสิ่งที่ชอบ ที่เคยทำเป็นประจำ เช่น ปกติชอบไปเตะบอล ก็เปลี่ยนมาเล่นเกม เบื่อการเตะบอล ปกติชอบออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็ไม่ไปเที่ยวเล่น เป็นต้น
     8.)   ใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันอยู่กับเกม ไม่คุยกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนๆ
     9.)   ควบคุมตัวเองไม่ได้ที่จะเล่นเกม เช่น ตื่นมาก็เล่นเกม กลับมาบ้านก็เล่นเกม นอกจากนี้ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ให้เล่นในเวลาที่กำหนด
     10.)   คิดแต่เรื่องเกมตลอดเวลา ปิดบังหรือโกหกเกี่ยวกับการใช้เวลาในการเล่นเกม

     เป็นยังไงบ้างครับ ตรงไปกี่ข้อเอ่ย ห่ะๆๆ ของผมเมื่อก่อนนี่แบบว่า... เกือบทุกข้อเลยล่ะ แต่หลังๆมานี่ลดลงเยอะแล้ว (กลายเป็นติดอินเตอร์เน็ตแทน ฮ่าๆๆ) เราลองมาดูสาเหตุกันเนอะว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร

     สาเหตุก็จะแบ่งเป็น 3 อย่างนะครับ คือ
     1.)   ปัจจัยทางด้านชีวภาพ
          คือระบบการทำงานของสมองในเด็กและวัยรุ่นที่ติดเกมนั้น จะมีลักษณะคล้ายกับสมองของผู้ป่วยติดสารเสพติดหรือผู้ป่วยติดพนัน โดยจะหมกมุ่นจนละเลยกิจกรรมอย่างอื่น
     2.)   ปัจจัยด้านจิตใจ
          เกมจะสามารถตอบสนองความต้องการทางจิตใจของผู้เล่นได้ โดยให้ความสนุก ท้าทาย รู้สึกประสบความสำเร็จ และเป็นการระบายแรงขับความก้าวร้าวออก เด็กที่ไม่ค่อยได้รับความสำเร็จจากกิจกรรมอื่นๆ มักสนุกและพอใจกับความสำเร็จจากเกมจนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เด็กยิ่งติดเกมมากขึ้นไปอีกน่ะครับ
     3.)   ปัจจัยด้านสังคม
          a.   ครอบครัวขาดการฝึกวินัยให้ลูกอย่างเหมาะสมมาตั้งแต่เด็ก
          b.   มีความใกล้ชิดและผูกพันกันในครอบครัวน้อย
          c.   มีความขัดแย้งหรือปัญหาทางการสื่อสารในครอบครัว
          d.   พ่อแม่ไม่ได้เป็นแบบอย่างและสนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมที่สร้างเสริมสุขภาพเพียงพอ

     จากที่ดูสาเหตุมา เราก็จะเห็นได้ว่าสาเหตุหลักมันอยู่ที่ครอบครัวเนอะ ถ้าคนในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์กันมากพอ เด็กก็จะติดเกมน้อยลง (มั้ง ฮ่าๆๆ) ซึ่งวิธีป้องกันเดี๋ยวจะพูดถึงทีหลังเนอะ เรามาดูผลกระทบของการติดเกมหรือติดนิยายมากๆก่อนดีมั๊ย

     อันแรกเลยก็คือ ความก้าวร้าว อันนี้ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะเกมสมัยนี้มันค่อนข้างกระตุ้นให้เด็กก้าวร้าวได้ ขอยกตัวอย่างจากที่ผมพบมาในชีวิตประจำวันเลยละกัน มีน้องอายุ 7 ขวบ คุณแม่พามาพบแพทย์เนื่องจากน้องชอบเอามือไปตบหน้าน้องสาวของตัวเอง (น้องสาว อายุ 5 ขวบ) นอกจากนั้นยังชอบเอาไม้บรรทัดเหล็กไล่ตีเพื่อนจนทำให้มีปัญหากับเพื่อนหลายๆคน ซักประวัติไปๆมาๆ ปรากฎว่าน้องชอบเล่นเกมๆหนึ่ง (ซึ่งเป็นเกมที่ผมก็ชอบเล่น ฮ่าๆๆๆ) ซึ่งถ้าจำไม่ผิด เป็นเกมที่เคยมีข่าวครึกโครมมากในอดีต ชื่อของเกมๆนั้นคือ _ _ _ (ตัวอักษรภาษาอังกฤษ 3 ตัว ฮ่าๆๆ จะใบ้ทำไมเนอะ ยังไงก็รู้อยู่แล้ว) ที่เด็กก้าวร้าวขึ้นเนี่ย ก็เพราะว่าเกมมันมีบทบาทให้ทำความรุนแรงด้วยตัวเอง แล้วก็ยังมีการได้รับรางวัลหลังจากที่ทำไปแล้ว หลังๆมานี้เกมทำให้ภาพและการเคลื่อนไหวเหมือนจริงเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งทำให้คนเล่นรู้สึกเข้าไปมีส่วนร่วมในเกมเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งเด็กบางคนยังไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์จริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมได้ดีนัก ทำให้เคยชินต่อความรุนแรง และมีเจตคติที่สนับสนุนความรุนแรงจากเกมได้น่ะครับ

     อันต่อมาก็คือ พัฒนาการของเด็ก ซึ่งการเล่นเกมเนี่ย มักเล่นอยู่คนเดียว (ไม่นับเกมที่เล่นกับคนอื่นหรือเกมออนไลน์นะครับ แต่จริงๆแล้วเกมออนไลน์ก็ถือว่าเป็นเกมที่เล่นคนเดียวได้นะ เพราะสังคมโลกออนไลน์หลายสังคม “มัก” จะเป็นสังคมที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกทีหนึ่ง กล่าวก็คือ เป็นบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ทำให้ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์อันแท้จริง) ส่งผลให้พัฒนาการด้านสังคมไม่ค่อยดี และเด็กที่เล่นเกมออนไลน์เนี่ย มักมีสุขภาวะทางจิตและสังคมลดลง เช่น รู้สึกว้าเหว่ เศร้า และขาดความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับผู้อื่น นอกจากนี้การเล่นเกมมากๆก็ยังทำให้สมาธิแย่ลงด้วย

     อันสุดท้ายก็คือ ผลกระทบต่อร่างกายของตนเอง ก็อย่างที่ทราบกันเนอะ เล่นเกมนานๆมักจะมีอาการเจ็บป่วยทางกายที่ไม่รู้สาเหตุ เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดท้อง อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หรือแม้กระทั่งความดันโลหิตสูง และโรคสำคัญอีกอย่างนึงที่สัมพันธ์กับการเล่นเกมมาก ก็คือโรคอ้วน และโรคลมชักชนิดไวต่อแสงก็สามารถโดนกระตุ้นให้เกิดอาการจากการเล่นเกมได้เช่นเดียวกัน

     เราเห็นผลกระทบแล้วเนอะ ซึ่งมันก็ไม่ค่อยดีเลยทั้งต่อตัวเรา คนในครอบครัว หรือเพื่อนๆซะเท่าไหร่เลย ดังนั้นเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่คิดว่าตนเองติดเกม นิยาย หรืออินเตอร์เน็ตมากเกินไป ก็ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองดูนะครับ เพื่อตัวของเราเอง และเพื่อครอบครัวด้วยเนอะ

===========================================

ปล. ย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ได้ติว่า คนที่ติดเกม ติดนิยาย หรือติดอินเตอร์เน็ต เป็นคนไม่ดีนะครับ ผมแค่เอาปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบันมาลองบอกๆกันเฉยๆ (เพราะจากการออกตรวจผู้ป่วยนอกของคลินิกจิตเวชเด็ก พบปัญหานี้ได้มากพอสมควรเลยล่ะครับ)

ปล2. ต้องขอขอบคุณ อ.ดร.นพ.ไพรัตน์ ฐาปนาเดโชพล สำหรับข้อมูลในการเขียนบทความอันนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 22-02-2012 09:16:42
เคยเป็นอ่ะ โรคบ้านหมุน  เป็นตอนตื่นนอน  หรือกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง (ตอนกลังคิดอะไรจะชอบกกลิ้ง)

โรคสุดท้ายก็เป็น

ฮาๆ เด็ดติดเกมค่ะอ๊ากก ติดจริงๆ และแอบก้าวร้าวเล็กๆ (ไม่ก้าวร้าวตลอดนะ เรียกว่าหงุดหงิดถ้ามีคนมาขัดจังหวะตอนเล่นเกม อ่านนิยาย หรือเล่นเน็ตอยู่)

หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 22-02-2012 13:26:27
ตรง7ข้ออะพี่หมอ ฮ่าๆๆๆ แอบเยอะ แต่ว่าไม่ได้ติดอย่างเดียวติดหลายๆอย่างรวมกันก็7ข้อเลย แฮะ แต่ไม่เคยมีปัญหาก้าวร้าวอะติดอินเตอร์เน็ตเฉยๆ(เล่นเกมไม่เป็น) ว่าแต่พี่่หมอก็เห็นเล่นเยอะนี่ อิอิ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 22-02-2012 13:59:24
อ่านเรื่องเด็กติดเกมแล้วทำให้นึกถึงเรื่องนึงจ้าคุณหมอ
มีญาติคนนึงเป็นเด็กผู้ชายเรียนอยู่ป.4 เค้ามีนิสัยเด็กมากๆๆๆอ่ัะ
วันๆพูดคุยแต่เรื่องเกม การ์ตูน หนังแปลงร่าง แทบจะตลอดเวลา
เวลาจะให้ทำอะไรซักอย่างก็จะชอบต่อรองให้พ่อเค้าซื้อของเล่นให้แล้วถึงจะทำ
ไม่ค่อยสนใจเรียน แล้วยังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ด้วยอ่ะ กินข้าว อาบน้ำ แต่งตัว ต้องให้พี่เลี้ยงช่วยตลอดเลย 
อยากรู้ว่าที่น้องเค้าเป็นแบบนี้มันเป็นปกติของเด็กวัยนี้มั้ยจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-02-2012 15:45:28
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ
ข้อมูลที่ให้มาเป๊ะมากเลยค่ะ
ไอ้เรื่องติดนี่ ไม่ใช่เด็กก็ติดนะคะ
อิฉันเป็นผู้ใหญ่มากแล้วก็ติดทั้งเกมและนิยาย ไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว
แบบว่าว่างจัด แทบจะกินจะนอนหน้าจอเลยเชียวแหละ
โชคดีที่บ้านไม่มีเด็ก ไม่งั้นจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเอามาก ๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ChorisElpida ที่ 22-02-2012 17:52:49
ข้อ 4 ไม่จริงนะ!!!! เพราะเกรดผมไม่ตก ผมอ่านไปเล่นไป  :laugh: :m19:
ข้อ 6 อันนี้เถียงไม่ออก ก็มันกำลังสนุกนี่นา T^T  :o12:
ข้อ 7  นี่ก็ไม่จริงซะหน่อย เพราะกิจกรรมที่ผมชอบทำก็คือ "เล่นเกมกะเพื่อน!!!"  :m20: :laugh:
เห็นป่ะไม่ตรงตั้ง 2 ข้อ!!! ผมไม่ได้ติดเกมนะ!!!!!!!  :o8: :m13: :m14:

ปล. "(ไม่นับเกมที่เล่นกับคนอื่นหรือเกมออนไลน์นะครับ แต่จริงๆแล้วเกมออนไลน์ก็ถือว่าเป็นเกมที่เล่นคนเดียวได้นะ เพราะสังคมโลกออนไลน์หลายสังคม “มัก” จะเป็นสังคมที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกทีหนึ่ง กล่าวก็คือ เป็นบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ทำให้ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์อันแท้จริง)"<<<<< หมายถึง Bot สินะฮะ.....  :o211:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 23-02-2012 17:05:02
เคยเป็นอ่ะ โรคบ้านหมุน  เป็นตอนตื่นนอน  หรือกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง (ตอนกลังคิดอะไรจะชอบกกลิ้ง)

โรคสุดท้ายก็เป็น

ฮาๆ เด็ดติดเกมค่ะอ๊ากก ติดจริงๆ และแอบก้าวร้าวเล็กๆ (ไม่ก้าวร้าวตลอดนะ เรียกว่าหงุดหงิดถ้ามีคนมาขัดจังหวะตอนเล่นเกม อ่านนิยาย หรือเล่นเน็ตอยู่)



ห่ะๆ ครับผม
แต่ระวังจะติดอารมณ์ก้าวร้าว หรือหงุดหงิดง่าย ไปโดยไม่รู้ตัวนะครับ ห่ะๆๆๆ
เพราะปกติแล้วเราจะติดนิสัยหงุดหงิดง่ายได้ง่ายกว่าการทำใจให้เย็นๆแล้วค่อยๆคิดน่ะครับ
(งงรึเปล่านะ ฮ่าๆๆๆ)
เอาเป็นว่า ถ้าโดนบอกให้เลิกเล่น ก็ลองใจเย็นๆแล้วก็คิดก่อนซักนิดนึงว่าจะตอบกลับไปว่ายังไงดีนะครับ
:)


อ่านเรื่องเด็กติดเกมแล้วทำให้นึกถึงเรื่องนึงจ้าคุณหมอ
มีญาติคนนึงเป็นเด็กผู้ชายเรียนอยู่ป.4 เค้ามีนิสัยเด็กมากๆๆๆอ่ัะ
วันๆพูดคุยแต่เรื่องเกม การ์ตูน หนังแปลงร่าง แทบจะตลอดเวลา
เวลาจะให้ทำอะไรซักอย่างก็จะชอบต่อรองให้พ่อเค้าซื้อของเล่นให้แล้วถึงจะทำ
ไม่ค่อยสนใจเรียน แล้วยังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ด้วยอ่ะ กินข้าว อาบน้ำ แต่งตัว ต้องให้พี่เลี้ยงช่วยตลอดเลย 
อยากรู้ว่าที่น้องเค้าเป็นแบบนี้มันเป็นปกติของเด็กวัยนี้มั้ยจ๊ะ

แนนคับ น้องอายุเท่าไหร่เอ่ย?
ตามปกติ ป.4 ถ้าเข้าใจไม่ผิดก็ประมาณ 9-10 ขวบแล้วใช่มั๊ยเอ่ย
เรื่องคุยแต่เกม การ์ตูน บลาๆๆ ก็เป็นปกติของเด็กวัยนี้แหละครับ
อาจจะเป็นเพราะว่าเล่นเกม ดูการ์ตูนตลอดเวลา และทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่เด็กในวัยนี้ชอบน่ะครับ
ส่วนเรื่องไม่สนใจเรียน กับช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้นี่แหละเป็นปัญหา
คงต้องเน้นย้ำให้พ่อกับแม่ รวมทั้งพี่เลี้ยงด้วย สอนให้น้องรู้ว่าสิ่งนี้ควรทำเองได้แล้วในอายุเท่านี้
โดย ห้าม ! ทำโทษน้อง นะครับ เนื่องจากถ้าไปทำโทษน้องและบอกว่า สิ่งนั้นไม่ดี สิ่งนี้ไม่ดี จะกลับกลายเป็นว่าน้องต่อต้าน และจะยิ่งไมเชื่อฟังครับผม
ให้ลองใช้วิธีแนะนำสิ่งที่ควรทำ แล้วก็มีรางวัลให้เป็นบางครั้ง (แค่บางครั้ง) และรางวัลนั้นไม่เกี่ยวกับการเล่นเกม หรือการ์ตูน น่ะครับ
ยังไงก็ลองดูนะแนน เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องจิตวิทยาเด็กซักเท่าไหร่ ฮ่าๆๆๆ
แค่เอาทฤษฎีที่เรียนมามาประยุกต์เอานิดๆหน่อยๆ


ตรง7ข้ออะพี่หมอ ฮ่าๆๆๆ แอบเยอะ แต่ว่าไม่ได้ติดอย่างเดียวติดหลายๆอย่างรวมกันก็7ข้อเลย แฮะ แต่ไม่เคยมีปัญหาก้าวร้าวอะติดอินเตอร์เน็ตเฉยๆ(เล่นเกมไม่เป็น) ว่าแต่พี่่หมอก็เห็นเล่นเยอะนี่ อิอิ

พี่เล่นเป็นเวลานะจ๊ะ ฮ่าๆๆๆ (แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เอิ๊กๆๆ)


ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ
ข้อมูลที่ให้มาเป๊ะมากเลยค่ะ
ไอ้เรื่องติดนี่ ไม่ใช่เด็กก็ติดนะคะ
อิฉันเป็นผู้ใหญ่มากแล้วก็ติดทั้งเกมและนิยาย ไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว
แบบว่าว่างจัด แทบจะกินจะนอนหน้าจอเลยเชียวแหละ
โชคดีที่บ้านไม่มีเด็ก ไม่งั้นจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเอามาก ๆ


ห่ะๆ ครับผม แต่ผมยังไม่ได้เป็นคุณหมอนะคร้าบ
ยังเป็นปี 6 อยู่เลย >.<''

ยังไงก็ลองเปลี่ยนพฤติกรรมดูนะครับ แหะๆ
อย่างน้อยก็เพื่อสุขภาพของเราเองเนอะ :)



ปล. "(ไม่นับเกมที่เล่นกับคนอื่นหรือเกมออนไลน์นะครับ แต่จริงๆแล้วเกมออนไลน์ก็ถือว่าเป็นเกมที่เล่นคนเดียวได้นะ เพราะสังคมโลกออนไลน์หลายสังคม “มัก” จะเป็นสังคมที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกทีหนึ่ง กล่าวก็คือ เป็นบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ทำให้ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์อันแท้จริง)"<<<<< หมายถึง Bot สินะฮะ.....  :o211:

นั่นก็ใช่ครับ แต่ผมตั้งใจหมายความว่า...

โลกออนไลน์นั้น ใครจะสร้างตัวตนขึ้นมาก็ได้ อย่างที่เคยเห็นในดราม่าหลายๆแห่ง หรือแม้กระทั่งข่าวเพิ่งออกไปว่า เด็กหญิงเอารูปคนอื่นมาเป็นรูปโปรไฟล์ตัวเองในเฟส แล้วก็ไปเป็นแฟนกับผู้ชาย พอผู้ชายรู้ความจริงก็บอกเลิก น่ะครับ
บางทีเราก็ไม่รู้หรอกครับว่า คนที่เราคุยด้วยนั้นน่ะ มีความจริงใจมากน้อยเพียงใด มีตัวตนจริงหรือเปล่า

บางทีคนที่เราคุย (บางคน) อาจจะเป็นแค่ตัวตนที่ถูกสร้างมาเพื่อระบาย หรือปรนเปรอความต้องการของบุคคลที่ (อาจจะ) ไม่มีโอกาสได้แสดงความเห็น หรือขาดความมั่นใจในตนเอง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจก็เป็นได้นะครับ

ดังนั้นเราต้องฟังหูไว้หู หรือพิจารณาว่า สิ่งนี้หรือคนนี้ มีความน่าเชื่อถือมาก-น้อยเพียงใดด้วยนะครับ
ด้วยความหวังดี :)

หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 23-02-2012 17:47:39
@Ex'ecuzě เล่นเป็นเวลา ตลอดเวลาใช่ป่ะ คิก
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 25-02-2012 01:04:53
หมอติดเกม!!!!



ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-02-2012 02:24:13
ยอมรับ "ติดเน็ต" ด้วยความที่ไม่มีลูก อยู่บ้านคนเดียว อยู่ไกลบ้าน เหงาด้วยส่วนนึง
ออนมาทุกวัน ตั้งแต่เช้ายันค่ำ คือ ตื่น 8:00 - 24:00 นี่คือเวลาที่ออนหรือเปิดเน็ตไว้เลย
คอมฯแม่งก็อึดเนอะ ไม่เจ๊ง  :laugh:  ออนไม่คุยกัใครก็ออนมาทำโน้น นั้น นู่น นี่ ขอให้ไม่ได้อยู่ว่าง
ถ้าไม่ออนสักสองสามวัน ให้คนที่รู้จัก สันนิฐานได้เลย ถ้าไม่ป่วยนอนซม ก็คือได้หนังสือใหม่มาอ่าน

เคยหายไปอาทิตย์นึงจากหน้าจอ เพื่อนพากันเป็นห่วงถามหา ที่ไหนได้ นอนอ่านหนังสือนิยาย :m23:

พอจะแนะนำทางแก้บ้างมั้ยอะ ช่วงนี้จะต้องเตรียมตัวสอบ แต่มันห่างไม่ได้เลย :z3:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 25-02-2012 03:22:09
^
^
ข่าวว่าก่อนนี้เป็นคนบอกเองว่าจะสอบ คงไม่ค่อยได้ออน ปรากฏว่านางหายไปยังไม่ทัน3วัน กลับมาออนละ  :m20:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-02-2012 06:31:44
^
^
ว่าเค้า  :เฮ้อ: จริงๆแหละ พวกเพื่อนๆที่นี่บอก ทำไม่ได้หรอก  :jul3: แล้วมันก็จริง
ทุกวันนี้อ่านหนังสือสอบหน้าจอ ไม่งั้น ไม่ได้อ่าน  :laugh:  อาการหนักเนอะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <เด็กติดเกม !?!> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 26-02-2012 22:21:16
จะดีหรอคับพี่หนึ่ง ><'

ระวังจะเป็น Office Syndrome เอานาาาาาาาาาาา

==========================================

ก่อนจะไปพิมพ์บทความใหม่ ขอบ่นซักนิดเรื่องสอบวันนี้ TT__TT

สอบ 300 ข้อ 6 ชั่วโมง
ข้อสอบอายุรกรรมอย่างเดียวก็ปาไปเกือบ 100 ข้อ (ข้อสอบยาวข้อละประมาณ 1 หน้า A4)
มีข้อสอบเด็กอยู่ 57 ข้อเอง TT__TT
ที่เหลือก็เป็นศัลยกรรม ศัลยกรรมกระดูก สูตินรีเวช รังสี นิติเวช ดมยา จักษุ หูคอจมูก แล้วก็พวกสถิติทางการแพทย์ บลาๆๆๆ

แทบบ้าตายเลยอ่ะคับ
เหนื่อยมากกกกกกก มากๆๆๆๆๆๆๆๆ

=====================================

แวะมาบ่นแค่นี้แหละ
เดี๋ยวไปพิมพ์บทความใหม่ละ :)
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ขอบ่นนิดๆ T_T> P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 26-02-2012 23:38:45
หมอสู้ๆๆ

เค้าเป็นออฟฟิศซินโดรมมมมม T^T
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ขอบ่นนิดๆ T_T> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-02-2012 23:52:56
ยังงัยอะไอ้ออฟฟิศซินโดรม เนี่ย มีให้อ่านมะ  o9
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ขอบ่นนิดๆ T_T> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 27-02-2012 02:37:16
     กลับมาอีกครั้งหลังจากการสอบสุดโหดผ่านไป TT_TT
ผมขอแค่ผ่านก็พอครับ (อาจารย์ครับ ปล่อยผมไปเถิด อย่าให้ต้องมาสอบซ่อมเลย)

เรามาต่อกันกับเรื่อง “Office Syndrome” กันดีกว่าเนอะ

     ไอ้กลุ่มอาการ Office Syndrome เนี่ย เกิดจากการที่ร่างกายเราไม่เคลื่อนไหวนานๆ อย่างเช่น ทำงานติดกันอย่างเดียวเป็นเวลานาน นั่งเล่นคอมพิวเตอร์นานๆ นอนเล่นเกมส์นานๆ ก็ทำให้เกิด Office Syndrome ได้ครับ

     โดยอาการของ Office Syndrome เนี่ย ก็จะมีพวกปวดตามเนื้อตามตัว อย่างเช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดหัว ปวดแขน ปวดข้อมือ ถ้านั่งหน้าคอมนานๆ ก็อาจจะมีพวกตาแห้ง ตาสู้แสงไม่ได้ ปวดกระบอกตา เป็นต้นครับ

     อาการที่เด่นชัดที่สุดก็คือปวดหลัง รองลงมาจะเป็นอาการปวดคอ ปวดไหล่ และปวดหัวตามลำดับ โดยมักจะพบในกลุ่มคนทำงานในออฟฟิส ส่วนมากอายุประมาณ 16-24 ปี

     โดยกลุ่มอาการ Office Syndrome เนี่ยประกอบไปด้วยโรคเด่นๆ 3 อย่าง ก็คือ De Quervain (เดอ กาแวง), Trigger’s finger (ทริกเกอร์ ฟิงเกอร์) และ Carpal tunnel syndrome (คาร์ปอล ทันเนล ซินโดรม) ซึ่งจะกล่าวต่อไปนะครับ

     โดยพฤติกรรมที่ส่งเสริมกลุ่มอาการ Office Syndrome เนี่ยก็มีหลากหลาย จะขอยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด และเห็นบ่อยมากในปัจจุบันนะครับ
     1.)   การยืนลงน้ำหนักลงที่ขาข้างเดียว ทำให้สะโพกรับน้ำหนักไม่สมดุล เป็นเหตุให้เกิดอาการปวดสะโพกได้ครับ (จะเห็นได้ชัดกับ นศพ. ที่ต้องเดินราวด์ทุกเช้า-เย็น TT__TT)
     2.)   การนั่งไขว่ห้าง น้ำหนักตัวจะถูกกดลงข้างใดข้างหนึ่ง เมื่อทำเป็นประจำจะทำให้น้ำหนักตัวกดลงบนกระดูกสันหลังจนทำให้กระดูกสันหลังคดได้ครับ
     3.)   การนั่งหลังค่อม ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังเกร็งอยู่นาน เป็นเหตุให้มีสารบางชนิดค้างอยู่ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวด และเมื่อยล้าได้ครับ
     4.)   การนั่งกอดอก ทำให้เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขนโดนกดครับ อาจทำให้เกิดการอ่อนแรงและชาได้ครับผม
     5.)   การยืนแอ่นพุง (ผมเอง) ทำให้กระดูกสันหลังแอ่นได้ ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ครับ

     ที่กล่าวมาก็เป็นพฤติกรรมตัวอย่างนะครับ ซึ่งถ้าเป็นไปได้เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงเนอะ เพราะทำให้เกิดอาการปวดตามตัวได้ง่ายเนอะๆ ต่อไปเรามาดูโรคที่เห็นได้ชัดๆกันดีกว่าครับ

     อันแรกเลย De Quervain อ่านว่า เดอ การ์แวง หรืออะไรซักอย่าง ถ้ามีผู้ใดอ่านออกช่วยบอกด้วยครับ ฮ่าๆๆๆ ไอ้โรคเดอ การ์แวงเนี่ย เป็นโรคปลอกหุ้มข้อมืออักเสบ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นข้อมือ ทำให้เกิดอาการบวมและหนาตัวของเส้นเอ็นขึ้นมา สาเหตุเชื่อว่าเกิดจากการใช้นิ้วหัวแม่มือมากๆ จะพบบ่อยในกลุ่มแม่บ้านแม่เรือนทั้งหลายครับ อย่างเช่น ต้องซักผ้าบ่อยๆ คอยหิ้วถุง จับกรรไกร เป็นต้น ไอ้โรคนี้บางทีเค้าเลยเรียกกันว่า Washerwoman’s disease (โรคของหญิงซักผ้า ฮ่าๆๆ) อาการที่เห็นได้ชัดก็จะเป็นอาการขัด เจ็บ และสะดุดเวลางอและเหยียดนิ้วมือ โดยเมื่อมีอาการหนักๆพองอนิ้วมือก็จะมีเสียงดัง “กึ้ก” ขึ้นมาครับ แล้วนิ้วก็จะค้างอยู่อย่างนั้น ต้องใช้อีกมือมาดึงออก - -“ การป้องกันก็ง่ายๆเลยก็คือการหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วหัวแม่มือครับ ส่วนการรักษาสำหรับอาการระยะแรกๆก็คือการให้ยาแก้ปวด และการงดใช้นิ้วหัวแม่มือ อาจประคบร้อนหรือใช้ยานวด หรือถ้าเป็นหนักๆก็อาจจะต้องฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อระงับการอักเสบ และในขั้นสุดท้ายถ้าอาการไม่ดีขึ้นอาจจะต้องทำการผ่าตัดรักษาครับ

       อันที่สองก็คือ Trigger’s Finger หรือ โรคนิ้วล็อค อันนี้ก็คล้ายๆกับไอ้โรคเมื่อกี๊แหละครับ แต่โรคนี้จะเป็นได้กับทุกนิ้วครับผม ซึ่งมักเป็นกับนิ้วกลางและนิ้วนางครับ ซึ่งเวลากำมือแล้วเวลาที่แบมือออก จะเหยียดนี้วกลางหรือนิ้วนางไม่ได้ กว่าจะเหยียดออกได้ต้องใช้เวลาและติดขัด ซึ่งไม่ใช่อาการอันตราย แต่สร้างความรำคาญให้กับคนที่เป็นโรคนี้ การใช้มืออาจไม่สะดวกเหมือนปกติ บางคนรู้สึกอาย สำหรับการรักษาก็คล้ายๆกับโรคแรกเมื่อกี๊แหละครับผม
   แต่สำหรับโรคนี้ ผมมีเรื่องเล่าจากโรงพยาบาลมาเล่าให้ฟัง... เมื่อปีที่แล้วตอนผมออก OPD กับอาจารย์ออโธปิดิกส์ (ศัลยกรรมกระดูก) มีผู้ป่วยชายหนุ่ม อายุประมาณ 20 ปี หน้าตาหล่อเหลา (บอกทำไม ห่ะๆๆๆ) มาโรงพยาบาลด้วยอาการนิ้วล็อคทั้ง 5 นิ้ว ลักษณะแบบกำมือเหลือรูตรงกลางเอาไว้ ลักษณะเหมือนกับกำขวดน้ำเล็กๆครับ ซึ่งผู้ป่วยให้ประวัติว่า นิ้วล็อคขณะโหนบาร์รถเมล์ครับ (บาร์รถเมล์แบบในรถเมล์อ้ะ ที่เป็นแท่งเหล็กยาวๆอ่าครับ ไม่ใช่บาร์แขวนวงกลมอ่าครับ) ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร ฟังประวัติ ซักประวัติ อ.ก็ให้ยารักษาไปครับ พอผู้ป่วยออกไป อ. ก็ตั้งคำถามว่า... ถ้าโหนบาร์รถเมล์... เค้าถอดนิ้วออกมายังไงนะ... ห่ะๆ แล้วอาจารย์ก็เฉลยว่า ถ้าผู้ป่วยชายวัยรุ่น มาด้วยอาการลักษณะอย่างนี้ สาเหตุส่วนมากมาจากการ... ช่วยตัวเองครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

       อันที่สามก็คือ Carpal Tunnel Syndrome หรือกลุ่มอาการอุโมงค์ข้อมือถูกกด ซึ่งเกิดจากเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดเป็นเวลานานครับ ทำให้เกิดอาการมือชา หรือเป็นเหน็บบริเวณนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง (ครึ่งนิ้ว) ทางด้านฝ่ามือครับ ซึ่งถ้าเป็นอาการหนักๆก็จะมีการอ่อนแรง หยิบจับอะไรได้ไม่สะดวก หรือมีอาการปวดมากจนทนไม่ไหวครับ ซึ่งโรคนี้แหละมักเกิดกับคนที่วางข้อมือทับต่อเนื่องนานกว่าปกติ อย่างเช่นวางมือเล่นคอมเป็นต้นครับ ฮ่าๆๆๆ ดังนั้นวิธีที่จะป้องกันโรคนี้ก็คือไม่เล่นคอมนานเกินครับ ง่ายๆ ฮ่าๆๆๆ สำหรับการรักษาก็จะให้ยาแก้ปวด ฉีดยาเข้าบริเวณเส้นประสาท หรือถ้ารักษาด้วยยาไม่หายก็อาจจะต้องทำการผ่าตัดรักษาครับผม

       ก็หมดแล้วครับสำหรับกลุ่มอาการ Office Syndrome ซึ่งเป็นปัญหามากสำหรับคนหนุ่มสาวในสมัยนี้ครับ ซึ่งผมก็เป็นเหมือนกัน ฮ่าๆๆ จากการยืนนานๆ และนั่งเล่นคอมนานๆนี่แหละครับ ซึ่งเราควรป้องกันไม่ให้เกิด ดีกว่ามานั่งรักษาทีหลังนะครับ ฮ่าๆๆๆ

ปล. ถือว่าตอบพี่หนึ่งไปด้วยเลยได้รึป่าวครับ แหะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 27-02-2012 15:15:51
ประเดิมบทความแรกหลังสอบ อิอิ
พฤติกรรมที่ส่งเสริมกลุ่มอาการ Office Syndrome ที่พี่หมอยกมาหนูเป็นหมดเลยอ่า แต่ไอ้พวกอาการ3อย่างข้างล่างนั่นยังไม่เคยเป็นแฮะ ส่วนเรื่องสอบสู้ๆค่ะ พี่หมอเก่งอยู่แล้ว^_______^
ปล.คิดถึงพี่หมอจัง
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 27-02-2012 15:23:24
Office Syndrome ตอนนี้เหมือนจะเป็นอยู่เลยจ้ะ ปวดคอกับหลังนิดๆแฮะ
แอบอึ้งกับอาการนิ้วล็อกของชายคนนั้น  :a5:
แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำตอบเรื่องญาตินะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-02-2012 15:33:14
แต่พี่ไม่เป็นอาการพวกนี้เลยอะ  o17 คืออาการปวดหลังเป็นโรคประจำตัวพี่ แล้วพี่ก็มียาฉีดสำหรับโรคอยู่แล้วทุกอาทิตย์
นั่งเป็นวันๆ มันก็ไม่ได้ปวดนะ ไอ้ข้อมือหรือนิ้วที่สามอาการนั้นก็ไม่มีอะ หรือเพราะยาฉีดแก้ปวดหลังมันครอบคลุมไปหมดเลยไม่รู้สึกอะ

ปล. โรคปวดหลังเป็นมาก่อนจะมานั่งบ้าหน้าคอมฯนะ  :z10:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 27-02-2012 17:25:32
พี่ poes โรคปวดหลังมันมียาฉีดด้วยเหรอคะ??
เพราะหนูก็ปวดหลังมานานมาก ตั้งแต่เด็กอะค่ะ
เป็นก่อนที่จะมาบ้าหน้าคอมอีก
แต่มันรวมว่าเป็นโรคด้วยเหรอ?
ไม่เคยไปหาหมอด้วย
ไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
หรืออาจจะเป็นที่รอบเดือนมันมาไม่ปกติหรือเปล่า :really2:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Way ที่ 27-02-2012 20:12:44
แบบนี้นี่เองได้ความรู้อีกแยะเลย
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-02-2012 20:37:59
พี่ poes โรคปวดหลังมันมียาฉีดด้วยเหรอคะ??
เพราะหนูก็ปวดหลังมานานมาก ตั้งแต่เด็กอะค่ะ
เป็นก่อนที่จะมาบ้าหน้าคอมอีก
แต่มันรวมว่าเป็นโรคด้วยเหรอ?
ไม่เคยไปหาหมอด้วย
ไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
หรืออาจจะเป็นที่รอบเดือนมันมาไม่ปกติหรือเปล่า :really2:

พี่เป็น โรคข้อต่อกระดูสันหลังอักเสบเรื้อรัง หรือ Ankylosing Spondylitis ทุกวันนี้ชีวิตอยู่ได้ด้วยยา
ต้องอัพยาทุกอาทิตย์  :laugh:  ยาที่ฉีดคือ "Humira" ยาช่วยบรรเทาอาการพิการของโรค Ankylosing Spondylitis
ฉีดมา 3 ปี ตอนนี้ ร่างการดื้อยาตัวนี้แล้ว ช่วงนี้อยู่ช่วงทดลองยาอีกตัว "Enbrel" จะลุกผีลูกคนก็กลางมีนานี้รู้ผล เอิ๊กๆ

สู้ๆ  :a2:

------------
ถ้าน้องปวดมานาน ลองไปตรวจดูนะ ตอนที่อยู่ไทยเคยปวด แล้วไปหาหมอ หมอที่ไทยบอกว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ กินยาคลายกล้ามเนื้อจนติดอะ

แล้วอาการปวดเป็นแบบไหนอะ ของพี่คือจะปวดช่วงเช้าก่อนตื่นนอน พอแดดออกหรือได้ขยับร่างกายก็หายไปนะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-02-2012 21:26:13
พี่ก้เป้นนะ office syndrome นี่ ปวดหลังมากๆเลยล่ะ ไปหาหมอหมอก้บอกกล้ามเนื้ออักเสบให้แต่ยามากิน เลยไม่กินแระ กินไปก้ไม่ช่วยอะไร :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 27-02-2012 21:58:40
เราปวดหลัง ลามไปปวดคอ จนลงไปถึงเอวเลย
ทรมานมากกกกกก
เวลาเป็นเยอะๆ นี่ ไ่ม่รูจะนั่งทำงานท่าไหนเลย

แต่สามโรคสุดท้ายไม่เคยเป็นนะ ล็อกๆ เนี่ย

ปล. แอบตะลึงกับสาเหตุของอาการล็อกของน้องชายคนนั้น

หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ChorisElpida ที่ 27-02-2012 22:12:04
น่าจะเอาโรคนี้ไปรวมกะโรคที่แล้วนะ อิอิๆ
ปล. สอบผ่านอยู่แล้วคับ ^^
ปล2. ไม่เคยนิ้วล็อคเพราะเล่นคอม แต่ล็อคเพราะเล่น Dj Max บน PSP ><"
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 29-02-2012 01:11:01
ห่ะๆๆๆ แวะมาบ่นอีกรอบ >.<

วันพฤหัสนี้ต้องส่องกล้องทางก้นแล้ว ดูว่ามีรอยแผลอะไรในลำไส้ใหญ่รึเปล่า

ไอ้การส่องกล้องเนี่ย ไม่เป็นไรหรอก
แต่ไอ้การเตรียมตัวนี่สิ ปัญหาสุดๆเลยอ่ะครับ

วันนี้ทั้งวัน กินได้แต่ข้าวต้มเปล่าๆ ย้ำว่าเปล่าๆ ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีผักใดๆทั้งสิ้น
ยังดีที่มีซีอิ๊วบ้าง TT__TT

ส่วนพรุ่งนี้ก็เป็นโจ๊กเปล่าๆเช่นเดียวกัน
เฮ่อออออ.....

ทรมานมากมาย
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: shunsuke15 ที่ 02-03-2012 11:18:20
พี่หมอสู้ๆนะครับ

พอดีผมอยากมีความรู้เกี่ยวกับตัวยา Dextromethorphan hydrobromide

วานว่างแล้ว สงเคราะห์ทีด้วยเง้อออ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 02-03-2012 21:05:27
เอ๋ๆๆๆ ความรู้ในแง่ไหนดีล่ะคับ

ไอ้ Dextromethorphan เป็นยากดอาการไอน่ะครับ
ใช้ได้ดีในการไอแบบไม่มีเสมหะ แต่ถ้าไอแบบมีเสมหะไม่ควรใช้ยาตัวนี้ครับ
เพราะจะทำให้เสมหะไม่ออกมาจากหลอดลมครับผม

แล้วก็อาการข้างเคียงที่สำคัญก็คือการหายใจลำบาก ซึ่งเกิดในบางคนเท่านั้นครับ นอกนั้นก็อาจมีเรื่องง่วงๆ มีผื่น หรือวิงเวียนก็ได้ครับผม

คือยังไงดีล่ะ ผมไม่รู้ว่าอยากรู้อะไรอ่าคับ 

:m28:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: shunsuke15 ที่ 02-03-2012 22:49:19
อ๋อ โทดทีครับ พิมพ์คลุมเคลือไปหน่อย จริงๆ อยากรู้ขั้นตอนการทำงานของตัวยานี้อะครับ

แบบว่ามันไประงับการทำงานส่วนไหน ลด ปริมาณของอะไรหรือเพิ่มของอะไร ประมาณนี้

ถ้าทานมากเกินไปจะมีผลอย่างไร พอดีเห็นว่าตัวนี้ มีผลข้างเคียงคือกดการหายใจ เลยสงสัยว่า

เป็นเพราะอะไรแค่นั้นแหละค๊าบบ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 03-03-2012 17:05:53
อ๋อ โทดทีครับ พิมพ์คลุมเคลือไปหน่อย จริงๆ อยากรู้ขั้นตอนการทำงานของตัวยานี้อะครับ

แบบว่ามันไประงับการทำงานส่วนไหน ลด ปริมาณของอะไรหรือเพิ่มของอะไร ประมาณนี้

ถ้าทานมากเกินไปจะมีผลอย่างไร พอดีเห็นว่าตัวนี้ มีผลข้างเคียงคือกดการหายใจ เลยสงสัยว่า

เป็นเพราะอะไรแค่นั้นแหละค๊าบบ

โหวววววววว จะรู้ไปทำไมเยอะแยะคร้าบ แต่ถ้าอยากรู้มา ก็จัดให้ได้ (เอาแบบง่ายๆละกันเนอะ เพราะผมไม่ใช่เภสัช ฮ่าๆๆๆ)

ไอ้ Dextromethorphan เนี่ย มันเป็นยากดอาการไอครับ ซึ่งออกฤทธิ์โดยการกดศูนย์ควบคุมการไอในสมองส่วน Medulla (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของก้านสมองคนเราน่ะครับ) เรื่องสารต่างๆยังไงก็คงต้องรอให้เภสัชตอบละกันครับ ผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ

ส่วนผลข้างเคียงต่างๆ มันก็เกิดจากการที่ไอ้ยาตัวนี้มันไปยุ่งกับสารสื่อประสาทหลายชนิดในสมองอ่าครับ ซึ่งหลายชนิดจริงๆ ยังไงก็ลองถามเภสัชดูดีกว่าครับ ผมไม่อยากมั่วอ้ะ - -"

ปล. อ่านไปเรื่อยๆ จนเจอ Journal อันนี้มา ยังไงถ้าอยากทราบก็ลองอ่านดูนะครับผม ;)
http://erj.ersjournals.com/content/8/7/1193.full.pdf
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: shunsuke15 ที่ 03-03-2012 23:45:33
ถาม เภสัช คงดีกว่าจริงๆแหละเนอะ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ สำหรับลิ้งค์ด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Namioto ที่ 04-03-2012 02:56:16
อ๋า ขอถามพี่หมอหน่อยนะครับ

คือผมไม่แน่ใจว่าที่เป็นอยู่จะเป็นโรคเดียวกับที่พี่หมอบอกรึเปล่านะฮะ
อาการจะคล้ายๆกับโรคCarpal Tunnel Syndrome หรือกลุ่มอาการอุโมงค์ข้อมือถูกกด ที่พี่หมอบอกน่ะครับ

แต่ที่ผมเป็นคือเป็นทั้งแขนเลย ตั้งแต่ไหล่ลงไปจนถึงปลายนิ้ว (คือเป็นเฉพาะแขนซ้ายอ่ะครับ แต่ผมถนัดขวานะ)
จะมีอาการชาไปทั้งแขน อ่อนแรง แต่ไม่ถึงขนาดเหน็บกินเท่าไหร่ครับ แต่บางช่วงที่เป็นมากๆก็จะเหมือนไร้ความรู้สึกไปเลย
อาการจะเป็นอยู่ชั่วโมงๆ มักจะเป็นตอนดึกๆช่วงที่ใช้คอมในการพิมพ์นิยายอ่ะครับ

มันเกี่ยวกับการที่ผมนั่งเล่นคอมเป็นเวลานานรึเปล่าครับ
แบบว่าช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมก็นั่งอยู่หน้าคอมตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสี่เลย (แล้วก็นอนตื่นเที่ยงๆ)
ไปทำกิจกรรมทั่วไปแล้วก็กลับมานั่งหน้าคอมตอนสี่ทุ่ม วนลูปไปอย่างนี้มาประมาณหนึ่งเดือนแล้วครับ

ไปตรวจสุขภาพที่ผ่านมา(เพราะว่าจะต้องเข้ามหาลัย)ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ยกเว้นความดันที่ต่ำไปหน่อย (ได้85อ่ะครับ)
อันนี้เป็นสาเหตุรึเปล่าฮะ ผมควรไปตรวจอย่างจริงจังมั้ยครับ

ถ้าพี่หมอว่างๆช่วยตอบทีนะครับ ขอบคุณมากครับผม :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 04-03-2012 03:08:38
อ๋า ขอถามพี่หมอหน่อยนะครับ

คือผมไม่แน่ใจว่าที่เป็นอยู่จะเป็นโรคเดียวกับที่พี่หมอบอกรึเปล่านะฮะ
อาการจะคล้ายๆกับโรคCarpal Tunnel Syndrome หรือกลุ่มอาการอุโมงค์ข้อมือถูกกด ที่พี่หมอบอกน่ะครับ

แต่ที่ผมเป็นคือเป็นทั้งแขนเลย ตั้งแต่ไหล่ลงไปจนถึงปลายนิ้ว (คือเป็นเฉพาะแขนซ้ายอ่ะครับ แต่ผมถนัดขวานะ)
จะมีอาการชาไปทั้งแขน อ่อนแรง แต่ไม่ถึงขนาดเหน็บกินเท่าไหร่ครับ แต่บางช่วงที่เป็นมากๆก็จะเหมือนไร้ความรู้สึกไปเลย
อาการจะเป็นอยู่ชั่วโมงๆ มักจะเป็นตอนดึกๆช่วงที่ใช้คอมในการพิมพ์นิยายอ่ะครับ

มันเกี่ยวกับการที่ผมนั่งเล่นคอมเป็นเวลานานรึเปล่าครับ
แบบว่าช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมก็นั่งอยู่หน้าคอมตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสี่เลย (แล้วก็นอนตื่นเที่ยงๆ)
ไปทำกิจกรรมทั่วไปแล้วก็กลับมานั่งหน้าคอมตอนสี่ทุ่ม วนลูปไปอย่างนี้มาประมาณหนึ่งเดือนแล้วครับ

ไปตรวจสุขภาพที่ผ่านมา(เพราะว่าจะต้องเข้ามหาลัย)ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ยกเว้นความดันที่ต่ำไปหน่อย (ได้85อ่ะครับ)
อันนี้เป็นสาเหตุรึเปล่าฮะ ผมควรไปตรวจอย่างจริงจังมั้ยครับ

ถ้าพี่หมอว่างๆช่วยตอบทีนะครับ ขอบคุณมากครับผม :pig4: :pig4:



เอ๋ๆ น้อง Namioto มีอาการอย่างอื่นด้วยรึเปล่าครับ
อย่างเช่น ปวดแขนอีกข้าง ปวดขา ปวดตามข้อต่อ รึเปล่าครับ
              มีไข้ ?
              มีผื่นผิดปกติตามลำตัว หรือตามหน้า ?
              อยู่ๆก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรง (บริเวณใดของร่างกายก็ได้) ?
              มีปวดบริเวณด้านหลังคอ ?
              อาการปวดมันร้าวไปที่อื่นรึเปล่า อย่างเช่น ร้าวไปที่สะบัก ร้าวไปหลัง เป็นต้น ?

มีอะไรที่ทำให้ดีขึ้นรึแย่ลงรึเปล่าครับ อย่างเช่นตอนที่ปวดอยู่ พอยกแขนขึ้นแล้วอาการจะทุเลาลง (ถ้าไม่เคย ก็ลองสังเกตดูนะครับว่ามันทุเลาลงรึเปล่า ทำโดยการยกแขนข้างที่ปวดขึ้นแล้วเอาวางบนหัวซักพักน่ะครับ)

ส่วนเรื่องที่ว่าเหมือนไร้ความรู้สึกนี่คือ มันชาไปเลยหรอครับ หรือว่า ไม่สามารถขยับแขน (ยกแขน หรือควบคุมแขน) แต่ว่ายังมีความรู้สึกอยู่ตามปกติเพียงแต่ยกแขนไม่ขึ้นเท่านั้น แล้วอาการที่ว่าเป็นตั้งแต่ไหล่ถึงปลายนิ้ว คือทั้งไหล่ด้านหน้าด้านหลัง ลามลงมาถึงแขนลงข้อศอกไปถึงปลายนิ้วทุกนิ้วเลยรึเปล่าครับ?

แล้วก็เคยได้รับอุบัติเหตุ หรือกินยาอะไรเป็นประจำรึเปล่าครับ (ยาในที่นี้รวมถึงพวกยาบำรุงทั้งแผนปัจจุบันกับแผนโบราณ บลาๆๆ เลยนะครับ)

ในครอบครัวเคยมีใครมีอาการอย่างนี้รึเปล่าครับผม ?

ปล. พี่ยังเป็น นศพ.อยู่ครับ ไม่ใช่หมอจบแล้วนะครับ ><
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Namioto ที่ 04-03-2012 03:32:55
แฮ่ๆ เดี๋ยวอีกปีก็ได้เป็นหมอเต็มตัวไงฮะ 55 >W<

ตอนที่แขนซ้ายชา ส่วนอื่นก็ไม่ได้เป็นอะไรนะครับ มีเวียนหัวบ้างบางครั้ง แล้วก็บางทีก็กล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วยเฉยๆครับ
ส่วนที่ชาจะเริ่มตั้งแต่ต้นแขนบนสุดเลยครับ ลามมาถึงปลายนิ้วเน้นที่นิ้วหัวแม่มืออ่ะฮะ
เวลาชาแบบที่เป็นมากๆจะยกแขนไม่ค่อยได้ครับ
คือถ้าพยายามมากๆก็จะพอยกได้ แต่ผมจะใช้อีกมือช่วยยกมากกว่าฮะ มือยังกำได้ แต่ตีแรงๆแล้วมันไม่ค่อยเจ็บอ่ะครับ

ส่วนใหญ่เวลาเป็นผมจะนวดๆเอา ถ้าเป็นมากจนทนไม่ไหวก็จะไปนอนเลยอ่ะครับ

ที่ผ่ามมายังไม่เคยได้รับอุบัติเหตุครับ แล้วก็ไม่มียาอะไรที่กินเป็นประจำ แต่ว่าตอนเด็กๆเคยผ่าตัดสองครั้งครับ
(อนุบาลเคยผ่าตัดไส้เลื่อน แล้วตอนประถมก็เคยผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ ทั้งสองครั้งผ่าแบบดมยาสลบไม่ใช่บล็อกหลังครับ)

อันนี้เกี่ยวรึเปล่าฮะ? แหะๆ
(มีเพื่อนบอกว่าเพราะขาดวิตามินอ้ะเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ดังนั้นเลยถือโอกาสมาถามพี่หมอเลยดีกว่า ^^)

อ้ะ ในครอบครัวไม่มีใครเคยเป็นนะฮะ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <Office Syndrome ?> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 04-03-2012 22:00:20
ขอตอบก่อนเนอะ ถ้าขาดวิตามิน อาจจะเป็นจากการขาดวิตามิน B1 กับ วิตามิน B6 ก็เป็นได้ครับ

การขาดวิตามิน B1 เนี่ย มันไม่เป็นแค่แขนข้างเดียวอย่างนี้หรอกครับผม มันมักจะมีอาการรู้สึกชาเด่นน่ะครับ แล้วก็มักจะเป็นทั้งสองข้าง โดยส่วนมากเริ่มเป็นที่ขามากกว่าน่ะครับ แล้วก็อาจจะมีเรื่องเป็นตะคริวบ่อยอะไรอย่างนี้ด้วย ดังนั้นของน้องพี่ว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องขาดวิตามิน B1 หรอกครับผม

ส่วนการขาดวิตามิน B6 ปกติแล้วถ้าน้องไม่ได้เป็นคนเลือกทานแบบว่า ไม่ทานอันนู้น ไม่ทานอันนี้ จะกินแต่อันนี้ อันนั้นกินไม่ได้อ้ะ ไม่เอา (เรื่องมากสุดๆ) เพราะปกติไอ้ B6 เนี่ยมีอยู่ในอาหารเกือบทุกอย่างเลยครับ ตั้งแต่เนื้อยันผักน่ะ หรือว่าต้องกินยารักษาโรควัณโรค ก็ไม่ขาดหรอกครับ ดังนั้นอันนี้ก็คิดถึงน้อยน่ะครับ

ที่พี่คิดถึง อาจจะเป็นเรื่องเส้นประสาทที่บริเวณต้นคอถูกกดน่ะครับ อาจจะเพราะสาเหตุใดก็ตาม เช่น อาจจะมีกระดูกงอกบริเวณคอแล้วดันซวยไปกดเส้นประสาทอะไรทำนองนั้น ซึ่งพวกนี้มันมักจะเกิดในคนแก่น่ะครับ ดังนั้นอาจจะคิดถึงน้อยอยู่เหมือนกันอ้ะครับ แต่พี่ก็คิดถึงอันนี้มากสุด (ณ เวลานี้นะ เพราะนึกอะไรไม่ออก ฮ่าๆๆ)

อย่างไรก็ตาม พี่ว่าลองไปตรวจกับหมอดูดีกว่านะครับ มันไม่น่าจะเป็นอะไรที่ปกติแล้วล่ะ

ปล. เป็นบ่อยมั๊ยเอ่ย? เวลาเป็นมักทำอะไรอยู่? เป็นนักกีฬาที่ต้องใช้แขนรึเปล่า? ปวดคอรึเปล่า?
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Namioto ที่ 05-03-2012 12:44:19
กระดูกงอก o22 (อ๊าา)

จะเป็นเวลาที่นั่งเล่นคอมนานๆอ่ะครับ เพราะช่วงนี้เล่นทุกคืนเลยฮะ
จะเป็นต่อกันอยู่ประมาณสามสี่วัน เว้นหายไปหน่อยแล้วก็เป็นอีก อาการจะออกแต่ช่วงกลางคืนที่เล่นคอมไปนานๆอ่ะครับ

แล้วก็ไม่ได้เป็นนักกีฬาครับ(กระดูกเข่าผมไม่ค่อยดี) ตอนที่ชาก็มีปวดคออยู่บ้างฮะ

ตอนนี้ไม่ออกอาการแล้วครับ แต่คิดว่าถ้าเกิดเป็นอีกรอบจะไปหาหมอแล้วล่ะฮะ :z10:

ขอบคุณพี่หมอมากๆเลยนะคร้าบ  :pig4: :pig4:
พี่หมอสุดยอด o13 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 05-03-2012 20:38:24
จากที่ฟังแล้ว ไม่น่าใช่พวกกระดูกงอกแล้วล่ะ ...  :z3:

พี่ว่าลองหาหมอเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่มั่วเอา ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-03-2012 20:50:33
รับปรึกษาเรื่อง หู ด้วยมั้ยน้องหมอ  :laugh:

แบบว่า พี่มีอาการ หูข้างขวาได้ยินไม่ชัดอะ คือเอามือปิดหูซ้าย แล้วฟังเสียงจาก TV หรือ โทรศัพท์ มันจะได้ยินเบาๆ บางทีได้ยินไม่เป็นคำพูดอะ คือได้ยินเสียงนะ แต่ถ้าเป็นคำพูดจะได้ยินไม่เป็นคำ

เคยลองทำกับข้างซ้ายดู ปรากฏว่าข้างซ้ายได้ยินปกติ ได้ยินชัดเจน เป็นคำพูด เป็นคำๆเลย แต่ ข้างขวานี่ ได้ยินแต่เสียงเฉยๆ

อาการนี้เข้าข่าย หูจะหนวกยังอะ พอดียังไม่มีเวลาไปหาหมอเลย น่าจะปลายๆเดือนมีนานี้ถึงจะได้นัดหมอ เลยมาถามก่อน
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 06-03-2012 15:59:47
พี่หนึ่งตอบในเฟสละกันนะคร้าบ ฮ่าๆๆ :)

ไม่เกินวันเสาร์นี้น่าจะได้ตอนใหม่ล่ะครับ
เรื่อง โรคลำไส้แปรปรวน นี่แหละครับผม ><
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Eroseris ที่ 10-03-2012 02:55:15
รบกวนถามนิดนึงนะคะ
มีอาการเจ็บเเบบช้ำๆที่กระดูกกับกล้ามเนื้อที่อกด้านซ้าย เป็นมา 2 เดือนกว่าเเล้ว กินยาคลายกล้ามเนื้อก็เหมือนจะหาย เเต่พอหยุดยาเเล้วก็กลับมาเป็นอีก

มันจะเจ็บเวลาขยับ เอี่ยวตัว ยืดตัวช่วงอก ประมาณนี้ค่ะ เวลาออกเเรงกดก็รู้สึกเจ็บได้ มันเจ็บเเบบเหมือนช้ำๆ เวลาอยู่เฉยๆก็เหมือนขัดๆที่อก -3-

อยากรู้ว่ามันเป็นอะไร พอจะวินิจฉัยได้มั้ยคะ ทรมานมาก รำคาญด้วย เเต่ไม่มีเวลาไปหาหมอซักที
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 18-03-2012 23:15:18
วู้วววว externป้ายแดงหายหน้าหายตาไป เราก็เป็นผีเฝ้ากระทู้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้ายหน้าหวาน ที่ 19-03-2012 07:35:51
.......--\
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 19-03-2012 10:24:51
เด็กติดเกมส์........เราไม่ได้ติดเกมส์ แต่เราติดเน็ตล่ะ แย่พอกันเลย

มาถึงoffice syndromeเราก็เป็นบางอย่าง  เช่นปวดคอปวดหลัง หลังค่อม...อันนี้หมดสวย แย่ๆ ต้องแก้ไขแล้ว แต่มันเป็นกระดูกงอกที่หลังนี่สิ-____-" ถ้านั่งไม่ระวังเกิดไปกระแทกมันเข้า โคตรเจ็บเลยล่ะT. T

วิธีแก้ของเรา เราพยายามหัดเล่นโยคะ เอาแค่สองสามท่านี่แหละ ยืดหลัง ยืดหน้า ยืดข้าง ยืดขา(คนใส่ส้นสูงมักเป็นกล้ามเนื้อขาด้านหลังหดเกร็ง เลยยืดๆมันเข้าไป) การเริ่มต้นมันทรมานมากๆ แต่พอได้สักอาทิตย์นึง เส้นก็เริ่มคลาย จากปกติที่มักมัเสียงก๊อกแก๊กๆที่ข้อเท้า กับ สะบัก แล้วก็ต้นคอ มันก็ดีขึ้น จนตอนนี้ติด ต้องทำก่อนนอนทุกวันเลย ...พูดมาเหมือนทำเยอะนะ แต่ทำจริงๆ แค่ห้านาทีเองมั้ง เปิดเพลงไปด้วย เพลงที่สองยังไม่ทันจบเราก็เลิกแล้ว -__-"a ก็จุดประสงค์หลักของเราคือ'ยืดเส้น'นี่นา ไม่ได้burn อะไร

คุณว่าที่คุณหมอคะ ตอนนี้ก็อากาศร้อนมากๆ ดูแลสุขภาพด้วยเน้อ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 19-03-2012 12:27:35
ู^
^
^
คุณหมอเราป่วยบ่อยมาก
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ค้างคาวน้อย ที่ 22-03-2012 10:25:20
ขอบคุณมากๆคัฟอ่านแล้วรู้สึกตัวเองเข้าข่ายหลายอันเลยแฮะ555โดยเฉพาะอันสุดท้ายไอ้ตอนกินผลไม้กะล้างมือเนี้ย555
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 24-03-2012 23:51:06
ไม่ได้เข้าเล้าได้สองสัปดาห์ - -"
เนื่องจากเวรวันเว้นวัน - -"
และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกสองสัปดาห์เต็มๆ TT__TT

ขอโทษด้วยนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 25-03-2012 20:03:16
เราเคยอ่านหนังสือเรื่อง"แล้วคุณจะรู้ว่าคุณบ้ารึเปล่า" ของคุณหมอพนมทวน ชูแสงทอง  อ่านไปก็ขำไป รู้สึกว่าตัวเองจะเข้าหลายข้อเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่คุณหมอพนมทวนเสียไปแล้ว ไม่งั้นเราอาจไปหาคุณหมอเขาสักครั้งอ่ะนะ  ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
เริ่มหัวข้อโดย: BossoM ที่ 25-03-2012 20:33:53
หมอค้าบบบบ เค้าถามเรื่องเหงือกและฟันได้มั้ยอ่า