พิมพ์หน้านี้ - #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: babybaphomet ที่ 08-11-2018 21:19:55

หัวข้อ: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-11-2018 21:19:55
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-11-2018 21:21:48
เอาไว้แปะสารบัญจ้า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-11-2018 21:23:09

Prologue 


#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์









          วันอาทิตย์



สำหรับหลายๆ คน มันคงเป็นวันครอบครัวที่จะใช้ร่วมกับคนรัก เพื่อน หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง



 แต่หากถามกฤติ ที่อาศัยอยู่คนเดียวมานานนับปี วันอาทิตย์นั้นไม่ต่างจากวันอื่นในสัปดาห์ แห้งเหือดและว่างเปล่า ในห้องสตูดิโอที่เขาเรียกว่าบ้านนั้น อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายของความจืดชืด



มันควรจะเป็นแบบนั้น



หากไม่ใช่เพราะเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับชายหนุ่มอีกคน รอยยิ้มกวนประสาทนั่นเปลี่ยนวันอาทิตย์ของกฤติไปอย่างสิ้นเชิง




.

.

.



TBC






อิ____อิ


แล้วเจอกันเร็วๆ นี้ค่ะ!


สามารถคุยกับนี่ได้ที่ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
ทางทวิตเตอร์ @babbybapho หรือแฟนเพจ (ที่เปิดไว้เฉยๆ…) จิ้มที่นี่ค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-11-2018 21:27:25
1st Sunday
#เรื่องของคนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ 





วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณสุปราณีจะมาทำงานในออฟฟิศ




แทนใจมองไปยังรุ่นพี่เลขาคนเก่งของหัวหน้าแผนก ที่น้ำตาซึมตอนที่เก็บของราวกับว่าโดนปลดออกจากการเป็นพนักงาน ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวแค่ท้องแก่มากแล้ว หัวหน้าแผนกเลยมีความเห็นว่าควรจะลาคลอดแล้วพักฟื้นยาวๆ ไปเลยจนกว่าร่างกายของเธอจะพร้อมกลับมาทำงานอีกครั้ง




บริษัทของพวกเขาเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ซึ่งตัวแทนใจอยู่แผนกเซลล์ คนในแผนกรักกันดีมีทะเลาะกันบ้างแต่ก็ช่วยเหลือกัน เพราะฉะนั้นการที่คุณสุปราณีจะหายไปมันเลยทำให้หลายคนเสียดาย




น่าจะรวมถึงคุณกฤติด้วยเช่นกัน


ในสายตาของแทนใจ เซลล์โคฯต๊อกต๋อยในแผนกนี้ คุณกฤติคือหัวหน้าแผนกที่เพอร์เฟ็คท์




คุณกฤติมีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียบนิ่งที่อยู่ใต้แว่นสี่เหลี่ยมนั้นมักจะดูเคร่งขรึมและจริงจังตลอดเวลา อาจจะเพราะชุดสูทที่เจ้าตัวชอบใส่ ยิ่งทำให้ดูเป็นทางการมากเข้าไปอีก แม้กระทั่งวันที่สบายๆ คุณกฤติยังคงแต่งตัวเหมือนกับพร้อมจะเข้าประชุมตลอดเวลา




ครั้งแรกที่แทนใจเจอคุณกฤติ เด็กหนุ่มตัวสั่นราวกับว่าตัวเองเป็นกระต่ายตัวเล็กที่ถูกโยนเข้าไปในกรงเสือ แต่เมื่ออีกคนหนึ่งเผยรอยยิ้มที่ดูใจดีออกมา แทนใจก็ผ่อนคลายลง ถ้าไม่งั้นเขาก็คงไม่ทำงานที่นี่แน่ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขากลัวหัวหน้ามากเกินไปจนไม่สามารถทำงานได้




จนในปัจจุบัน คุณกฤตินั้นถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่แทนใจรู้สึกว่า ‘เท่มากๆ อยากเป็นแบบนี้ให้ได้จังเลยนะ’  ทั้งในเรื่องการวางตัวและการทำงาน ถึงแม้เด็กหนุ่มจะไม่เห็นว่าหัวหน้าควงใครไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผย แต่เขาเชื่อว่าคนแบบคุณกฤตินั้น ต้องมีผู้หญิงดีๆ รอสร้างครอบครัวด้วยอย่างแน่นอน




ยิ่งเห็นคุณสุปราณีปาดน้ำตาเด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกตื้นตันแทนเข้าไปอีก คุณกฤติต้องเป็นหัวหน้าที่ดีมากๆ จนลูกน้องที่จะลาคลอดยังรู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้เจอหน้าเขาเป็นเดือน ถ้าเป็นเขาก็คงเสียดายมากๆ เลยล่ะ




ทั้งที่ความจริงแล้ว สุปราณีหลั่งน้ำตาเพราะรู้สึกว่าตัวเธอรอดแล้วจากการทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง อย่างน้อยก็สามสี่เดือนล่ะนะ 




“เดี๋ยวเย็นนี้ใครไม่มีรถติดมากับนุ่นได้นะ รถนุ่นมีแค่นุ่นกับใหม่สองคนเอง”




เสียงคุณนุ่นที่เป็นหนึ่งในบรรดาเซลล์โคฯพูดออกมาเรียกความสนใจของทุกคนได้ ทุกคนเปลี่ยนการทำงานในวันศุกร์สิ้นเดือนเป็นการคุยกันเรื่องที่ว่าวันนี้จะไปกินเลี้ยงส่งสุปราณีกันอย่างไร เป็นบรรยากาศการทำงานที่ครึกครื้นคล้ายกับว่าจะมีปาร์ตี้วันคริสต์มาส แต่ก็เจือความเศร้าเอาไว้ในเวลาเดียวกัน




“ทุกคนตกลงเรื่องรถกันได้แล้วนะครับ”




เสียงของกฤติ หัวหน้าแผนกคนเก่งของหลายๆ คนพูดขึ้นมา ใบหน้าเรียบนิ่งมีรอยยิ้มประดับอยู่เล็กน้อย ซึ่งหลายคนมองแล้วรู้สึกแหยงๆ เพราะเป็นรอยยิ้มเดียวกับตอนที่กฤติทวงงานเวลาที่ต้องการงานเร่งส่ง แต่บางคนก็รู้สึกว่ามันคือรอยยิ้มใจดี เช่นพนักงานที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาอย่างแทนใจ เป็นต้น




“งั้นผมฝากจอง…”



“ร้านเขาสวนกวาง ตอน 19.30 น. จองเรียบร้อยแล้วครับ”




เสียงที่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่กฤติจะพูดจบเรียกให้ทุกคนหันไปมอง รวมถึงกฤติด้วย ผู้ชายตัวสูงท่าทางภูมิฐานเช่นเดียวกับกฤติพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม




“ขอบคุณครับ… คุณโน้ต”




เจ้าของชื่อยิ้มรับ ผู้ชายคนนี้ที่เคยเป็นเซลล์โคฯเหมือนกับแทนใจและคนอื่นๆ จะมารับตำแหน่งเลขาของกฤติแทนคุณสุปราณี และเห็นได้ชัดว่าเขาทำงานได้รวดเร็ว




เร็วเกินไปด้วยซ้ำ




กฤติขยับแว่นเล็กน้อยตอนที่มองสบตาคมคู่นั้น เขาเหยียดยิ้มในแบบที่คนอื่นมองแล้วแหยงกว่าเดิม (อาจจะยกเว้นแทนใจ เด็กหนุ่มกำลังตีกับเพื่อนข้างๆ ที่แกล้งดึงแก้มตัวเองอยู่) เลขาคนเก่งที่เพิ่งถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการไปหมาดๆ เมื่อวานยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ออกจะดูกวนประสาทสำหรับกฤติสักหน่อย




ไม่สิ..



กวนประสาทมากๆ เลยด้วย




“ยินดีครับ… หัวหน้า”




กวนประสาท!



.

.

.








การที่ โน้ต นริทร์ ได้เป็นเลขานั้นไม่ใช่ความบังเอิญ




ในตอนที่ตัดสินใจเรื่องสุปราณีเรียบร้อยแล้วนั้น กฤติคิดแล้วว่ายังไงเขาก็ต้องการเลขาคนใหม่ เพราะด้วยตัวเนื้องานแล้วเขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปใส่ใจเรื่องหยุมหยิมอย่างการเบิกค่าน้ำมันรถ หรือจำวันประชุมกับลูกค้าได้ดีเพียงพอ เขาทำได้ แต่ทำไมต้องทำเองในเมื่อเรามีเลขา?




ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้




อย่างแทนใจที่น่ารักแต่มักจะลืมนั่นลืมนี่ตัดทิ้งไป หรือซุกซน พนักงานอีกคนในแผนกที่ทำงานดีแต่เสียงดังโวยวายตลอดเวลานั่นก็น่ารำคาญมากเกิน เขาต้องการคนที่สามารถคุยกันรู้เรื่อง เป็นผู้ใหญ่ และรู้จักเขา ‘ดี’ พอที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิด




รับคนใหม่งั้นเหรอ? ตัดไปเลย กฤติยังไม่มีอารมณ์จะสัมภาษณ์ใครอะไรในตอนนี้ แค่เป้าหมายของแผนกที่ตอนนี้ยังไม่ได้ตามเป้าก็เครียดมากพอแล้ว แถมเขายังไม่อยากรับพนักงานจากแผนกอื่นเข้ามาร่วมผลาญงบแผนกทำงานด้วย ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ดี แต่การย้ายคนข้ามแผนกนั้น หลายครั้งมันก็สร้างปัญหาได้




ในที่ทำงานเก่า กฤติเคยทำงานเป็นผู้ช่วยแผนกการตลาดมาก่อน แต่ผลงานเขาดันไปถูกใจแผนกการขาย และตัวเขาเองก็อยากจะลองงานด้านอื่นดูบ้าง จึงได้ตกปากรับคำย้ายแผนกทันทีที่ได้รับการทาบทาม ซึ่งเรื่องที่เหมือนจะเล็กน้อยแบบนี้ ทำให้บริษัทเกิดสงครามเย็นระหว่างสองแผนก สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะลาออก เพราะรู้สึกว่ามันประสาทเสียที่จะต้องมาโดนหัวหน้าเก่าจิกกัดทุกครั้งที่เดินสวนกัน




ตำแหน่งนี้จึงควรจะเป็นคนในแผนกเท่านั้น




กฤติมองลอดแว่นไล่ดูพนักงานของตัวเองแต่ละคน จนไปจบที่โน้ต นรินทร์ เซลล์โคฯอาวุโสที่มีทั้งอายุงานในบริษัท และอายุจริงของเจ้าตัวมากกว่าเขาอยู่สองสามปี ผู้ชายที่แก่ประสบการณ์ เก๋าเกมในการคุยกับลูกค้า และจัดการปัญหาเฉพาะหน้าเก่งชนิดหาตัวจับได้ยากจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้น




ถ้ามองแค่เรื่องงาน โน้ต นรินทร์ จัดว่าเก่งมาก และเมื่อเป็นเรื่องส่วนตัวแล้ว โน้ต นรินทร์ ก็จัดเป็นคนที่เก่งมากเช่นเดียวกัน



กวนประสาทเขาเนี่ย เก่งเหลือเกิน




“ไหนๆ ร้านจองแล้วอะไรก็แล้ว กลับไปทำงานต่อได้แล้วมั้งครับ โบนัสอยากได้กันใช่ไหมครับ?”




หลังจบคำพูดนั้น กลุ่มพนักงานที่กำลังคุยกันอย่างออกรสก็แตกฮือเหมือนผึ้งที่แตกรัง ส่วนใหญ่รีบกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ บางส่วนก็แก้เขินด้วยการเดินไปห้องน้ำ และบางคนก็ทำเป็นเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับคำขู่เมื่อครู่เท่าไหร่ และคนนั้นคือนรินทร์นั่นเอง




ชายหนุ่มเพียงแค่ส่งยิ้มให้กับหัวหน้าเหมือนทุกครั้ง ซึ่งสิ่งที่ได้กลับไปคือสายตาเรียบนิ่งพร้อมการเลิกคิ้วคล้ายกับว่า ‘คุณยิ้มหาอะไร?’




ซึ่งคำตอบของนรินทร์มีเพียงแค่การยักไหล่เท่านั้น






------- Sunday We Meet -------





 

“ชนครับพี่น้องครับ โช้นนนน”

“ซุกซนทำไมต้องเสียงดังด้วย คิดว่าคนอื่นเขาหูอื้อกันหรือไงนะ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ”

“แล้วมึงจะทำไมฮะไอ้อ๊อง!! มานี่เลยนะ มาให้กูบิดแก้มมึงเดี๋ยวนี้!!”

“อุ๊กอนนนนนน เอ่บบบบบบบ” (ซุกซนนนนนน เจ็บบบบบบบ)




เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังมาจากซุกซนกับแทนใจ พนักงานอายุน้อยในแผนก เด็กสองคนนี้มักจะมีการเล่นกันที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกคิดถึงวัยเด็กของตัวเองเสมอ อันนี้อาจจะนับรวมกับกฤติไม่ได้นัก วัยเด็กของเขาไม่ได้มีอะไรที่น่าจดจำเป็นพิเศษเท่าไหร่




“เสียงดังขนาดนี้เดี๋ยวร้านเขาก็เก็บตังเพิ่มหรอก”




เสียงจากสุปราณี เลขาคนสำคัญของหัวหน้าแผนกดังขึ้นขำๆ บรรยากาศการเลี้ยงส่งเต็มไปด้วยความรื่นเริง ทั้งดนตรี อาหาร แอลกอฮอล์ ทุกอย่างทำให้ความรู้สึกเศร้าโศกที่จะต้องลาจากกันละลายเหมือนน้ำแข็งกลางเดือนเมษายน




“ถ้าเก็บเพิ่มเดี๋ยวให้พี่โน้ตจ่าย”

คนที่ถูกพาดพิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางที่กฤติแอบหันไปเบ้ปากข้างหลัง แล้วพูดต่อทันทีเหมือนไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะ

“งั้นเดี๋ยวพี่ให้หัวหน้ารับผิดชอบ”




กฤติคิ้วกระตุกเล็กน้อยท่ามกลางเสียงโห่แซวของพนักงานคนอื่นที่เหมือนจะถูกใจกับคำพูดนั้นเสียจริงทั้งที่ไม่มีอะไรเลย เขาพามาเลี้ยงเขาก็ต้องเป็นคนจ่ายอยู่แล้ว




แต่ในเมื่อมาขนาดนี้ ขอสวนกลับเสียหน่อยแล้วกัน




“ถ้างั้นผมเอาโบนัสพวกคุณมาจ่ายแล้วกันนะครับ”

“โห่ยพี่ ไม่เอาความจริงมาล้อเล่นสิครับบบบบบ”

“ซุกซนครับ ให้ผมพูดถึงออเดอร์เมื่อวานที่ตอบลูกค้าช้าจนลูกค้าโวยวาย…”

“พอแล๊ววววววววววววว”




ทุกคนหัวเราะเมื่อพนักงานตัวสร้างสีสันทำท่าปิดหูราวกับว่าตัวเองกำลังได้ยินเรื่องราวน่ากลัวสุดขั้วหัวใจ กฤติเองก็ร่วมวงหัวเราะไปด้วยเช่นกัน 




หากให้พูดตามจริง กฤติค่อนข้างที่จะรักลูกน้องทุกคน ไม่อยากเสียใครในทีมไปทั้งนั้นถ้าไม่จำเป็น แต่ถ้าหากพูดว่าเขาเอ็นดูใครมากเป็นพิเศษ กลุ่มนั้นก็คงไม่พ้นซุกซนที่ชอบโวยวาย และแทนใจที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรแน่นอน สองคนนี้เหมือนสัตว์เล็กที่แค่เห็นก็น่าเอ็นดู




ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น…




เขาหันไปมองหน้าเลขาคนเก่งที่กำลังเรียกพนักงานมาเพื่อสั่งของทานเล่นเพิ่ม ใบหน้าด้านข้างของผู้ชายวัยเลขสามยังคงดูดีเหมือนทุกครั้งที่เห็น คิ้วหนาของเจ้าตัวรับกับสันกราม ผิวที่ออกแทนนิดหน่อยนั้นไม่ได้ทำให้อีกคนดูดีน้อยลงเลยสักนิด




“พี่กฤติเอาหน่อยมั้ยคะ? เดี๋ยวใหม่ชงให้”




เสียงของนุ่น หญิงสาวอีกคนในแผนกพูดขึ้นมาขัดความคิดของชายหนุ่ม เขาเพียงแค่ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธเท่านั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าเสียไปเล็กน้อยที่โดนปฏิเสธน้ำใจ หัวหน้าคนเก่งเลยรีบพูดต่อ




“ขอบคุณนะครับ แต่ผมเอารถมา ไม่อยากเมา”

“นิดเดียวเองนะพี่”

“อย่าเลย ดื่มกันเถอะ เดี๋ยวผมคอยเก็บศพพวกคุณให้”




กฤติพูดเสริมความมั่นใจอีกคนที่ทำท่าเหมือนอยากจะให้ชายหนุ่มกิน ท่าทางเธอน่าจะกำลังกึ่ม (เหมือนกับซุกซนและแทนใจที่โหวกเหวกโวยวายอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ) เลยอยากให้หัวหน้าได้ดื่มด้วยช่วยกันเมา




“เอางั้นก็ได้ค่ะ ถ้างั้นขวดนี้หมดพี่กฤติไม่ได้กินใหม่ไม่รู้ด้วยนะคะ”

“ฮ่าๆ ตามสบายเลยครับ”




ชายหนุ่มยกน้ำอัดลมของตัวเองขึ้นมาจิบ บรรยากาศงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ บางคนเล่นมุก บางคนนั่งคุยกันเรื่องละคร บางคนก็นั่งทำงาน (กฤติยังคงต้องตอบอีเมลลูกค้า แม้ว่าเขาจะออกมาแฮ้งเอาท์ก็ตาม) และบางคนก็นั่งเล่นโทรศัพท์




และบางคน ที่มาวอแวคนอื่นโดยที่ไม่จำเป็น




“คุณกฤติครับ ไม่กินเหล้าเหรอครับ? อร่อยนะ อร่อยกว่าลาเต้อีก เอ๊ย ไม่สิเดี๋ยวร้านกาแฟเสียใจ อร่อยพอๆ กันกับลาเต้เลย กินสิครับคุณกฤติ อร่อยจริงๆ นะ”




แทนใจที่ท่าทางจะเริ่มกึ่มเล็กน้อยเดินเข้ามาหาหัวหน้าแผนกอย่างเขาพร้อมพูดอะไรไร้สาระตามปกติของเจ้าตัว เด็กคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เขาอยากเก็บเอามาเลี้ยงที่บ้าน แทนใจเป็นคนหน้าตาน่ารัก และด้วยนิสัยช่างพูดนู่นนี่ ทำให้เด็กหนุ่มเป็นที่เอ็นดูของหลายๆ คน




“ไม่ล่ะ เรากินให้เต็มที่เถอะ ในบริษัทกินแบบนี้ไม่ได้นะ”

“แต่คุณกฤติต้องดื่มบ้างนะครับ อย่าทำแต่งานซี่”




ในขณะที่เขากำลังคุยกับแทนใจ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงทุ้มแทรกขึ้นมา




“มาซนอะไรตรงนี้เนี่ย?”




กฤติกลอกตาทันทีเมื่อได้ยินว่าใครเป็นคนที่เดินเข้ามา ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่เขาเหม็นขี้หน้าปรากฏขึ้นมาให้เห็นในชุดเสื้อบริษัทและกางเกงยีน ดูแตกต่างจากพวกเขาที่ต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศตลอดเวลา ส่วนมากเลยใส่ชุดที่ค่อนข้างจะเป็นทางการมากกว่า




“คุณพี่เมฆ! งานเสร็จแล้วเหรอครับ?”

“ไม่อ่ะ พี่เทลูกค้าแล้วรีบขับรถมาหาเรา”

“ฮื่อ  นิสัยไม่ดีเลย”




คุณพี่เมฆของแทนใจคือแฟนหนุ่มคนละแผนกของเจ้าตัว กฤติรู้จักกับเมฆมาตั้งแต่เข้าทำงานได้ไม่นาน เมฆเป็นหนึ่งในผู้ชายที่เขาจัดเข้าไว้ในประเภทกวนประสาท เมฆเกลียดกฤติ และกฤติก็เกลียดเมฆ แต่พวกเขาสนิทกัน เพราะเกลียดขี้หน้ากันนั่นแหละ




“นี่งานแผนกขายนะครับ โปรเจกต์เมเนเจอร์จะมาเดินเพ่นพ่านทำไม”




เขาแขวะคนต่างแผนกไปทีด้วยความหมั่นไส้ เมฆเป็นโปรเจกต์เมเนเจอร์ที่ชอบมาวุ่นวายตรงนี้จนน่ารำคาญ แต่อันที่จริง ต่อให้เมฆไม่ทำอะไรเขาก็รำคาญมันอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้คือมากอดกับแฟนตรงหน้าเขาด้วยความตั้งใจจะกวนประสาทอีกเนี่ย มันคืออะไรที่โคตรน่ารำคาญ




“เป็นบ้าเหมือนเดิมเลยนะครับคุณแว่น”

“บ้าแค่กับคุณนี่แหละ กับคนอื่นผมมารยาทดี สงสัยเพราะคุยกับคนบ้า”

“บ้าอะไร ผมออกจะใส่ซื่อบริสุทธิ์”

“เอาไปหลอกแฟนคุณเถอะครับ อะไรไร้สาระแบบนี้”

“ผมเกี่ยวไรง่ะ?”




เจ้าเด็กหน้ากลมที่เคยหันมองซ้ายทีขวาทีระหว่างเขากับไอ้โปรเจกต์เมเนเจอร์ถามขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไร แฟนหนุ่มของเด็กน้อยก็ก้มลงฟัดแก้มอีกคนจนแทนใจหัวเราะคิกคัก ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่คนต่างแผนกก็ยังหันมายักคิ้วกวนประสาทเขาได้




น่ารำคาญ!




กฤติหันหน้าหนีคู่แฟนตรงหน้า เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็สังเกตว่าตอนนี้คนไม่ได้เยอะเหมือนเดิมแล้ว อาจจะเพราะบางคนขอตัวกลับก่อน แล้วก็หลายคนเดินออกไปสูบบุหรี่กันข้างนอก แต่ส่วนใหญ่จะยังคงนั่งคุยกันถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้เสียมากกว่า




การที่เห็นพนักงานในปกครองผ่อนคลาย ทำให้กฤติยิ้มออกมาเล็กน้อย




การเป็นหัวหน้าคนไม่ใช่เรื่องง่าย นี่เป็นความคิดแรกตั้งแต่ที่ตัวเขาได้เป็น senior แล้วมีทีมที่ต้องดูแลสองคน ยิ่งตำแหน่งสูง ความรับผิดชอบเพิ่ม ลูกทีมเพิ่ม ความกดดันยิ่งมากขึ้น บางครั้งจำเป็นต้องแข็ง บางเวลาจำเป็นต้องยอมอ่อนเพื่อรักษาคนเอาไว้




หากถามกฤติ การปกครองคนคืองานที่ยากและหาทางออกลำบากที่สุดแล้ว




ท่ามกลางคนที่นั่งกันอยู่นั้น สิ่งที่ขัดความคิดของกฤติได้ คือเลขาคนเก่งของเขาที่กำลังกก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์อยู่ ใบหน้าคมมีรอยยิ้มเล็กๆ เหมือนกับว่าเจ้าตัวรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่เห็นผ่านหน้าจอนั่น




โชคดีที่ที่นั่งของเขากับเลขาห่างกันไม่มากเท่าไหร่ ถ้าพูดให้ชัดก็คือเขานั่งอยู่ ตรงข้าม กับเลขาคนเก่งนั่น (ที่ตรงนั้นเคยเป็นของสุปราณี ทีขอตัวกลับบ้านไปเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน หลังจากนั้นนรินทร์ก็อัญเชิญตัวเองมานั่งแทน) การมองเห็นสีหน้าท่าทางของอีกคนตอนตอบแชทไม่ใช่เรื่องยากเลย




น่าจะคุยกับลูก




ในตอนนั้นเอง คนที่กฤติคิดว่ากำลังสนใจโทรศัพท์ก็เงยหน้าขึ้นมา เขาเลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มมุมปากน้อยๆ มาให้ ถ้าคิดว่าเขาจะเขินอายเหมือนเด็กมัธยมเพิ่งมีความรักละก็ ผิดถนัด




“คุณกฤติครับ คุณกฤติสั่งแซลม่อนเบิร์นอีกที่ได้มั้ยครับ ซุกซนกินของผมไปหมดเลยอ่ะ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ”




แทนใจที่บ่นอะไรงุ้งงิ้งอยู่ข้างๆ ไม่ได้เข้าหูกฤติเท่าไหร่นัก ตามปกติกฤติไม่ใช่คนที่จะเก็บเรื่องไร้สาระมารกสมอง ซึ่งแทนใจนั้นถึงแม้จะน่าเอ็นดู แต่ถ้าพูดอะไรที่ไร้สาระเมื่อไหร่เขาก็พร้อมที่จะใช้ฟังก์ชันปิดการฟังเพื่อดูแค่หน้าอย่างเดียวเท่านั้น




“ครับ”

“ครับนี่คือสั่งได้ใช่มั้ย? ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”

“ครับ”




กฤติพยักหน้าแล้วก็ยิ้มให้เหมือนกับตอนที่เล่นกับลูกหมา หนึ่งคือเพราะแทนใจดูน่ารักดี และสอง เขาไม่อยากหันไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ช่วยให้อีกคนห่างออกไปเท่าไหร่นัก นั่นเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมาก




กฤติยกมือขึ้นมาคลายเนกไทตรงคอออกเล็กน้อย ตามปกติแล้วเขามักจะผูกเนกไทชิดคอเสมอ มันเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในช่วงแรก และกลายเป็นความเคยชินในเวลาต่อมา






ไลน์!


คุณโน้ต: ปลดเนกไท

คุณโน้ต: คุณคิดว่าคุณกำลังจะทำอะไร?

กฤติ: ผมทำอะไร?

กฤติ: นั่งคุยกับแทนใจเฉยๆ

คุณโน้ต: คุณแม่ง

คุณโน้ต: รู้ทั้งรู้ว่าผมแม่งโคตรอยากมัดคุณเลย

คุณโน้ต: กลับกันเถอะ

กฤติ: ผมยังไม่อิ่ม

คุณโน้ต: คุณแม่ง จะทำให้ผมบ้าให้ได้เลยใช่ป้ะ?





ไลน์จากอีกคนทำให้แววตาใต้แว่นเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ หัวหน้าแผนกที่มักจะดูเงียบขรึมอยู่เสมอในสายตาพนักงานกลับทอประกายสนุกสนาน เขายกแขนขึ้นมาเพื่อปลดเนกไทสีน้ำเงินที่ได้เป็นของขวัญเมื่อปีที่แล้วออก  พยักหน้านิดหน่อยเมื่อแทนใจที่ยังบ่นนั่นนี่อยู่ใกล้ๆ ถามว่าเขาร้อนหรือเปล่า ถึงได้ถอดเนกไทแบบนี้ กฤติไม่ได้ตอบอะไรแม้มุมปากจะเหยียดยิ้ม




ร้อนทั้งที่ไม่ได้แตะแอลกอฮอลล์สักหยดน่ะหรือ? ไม่มีทาง!




ถึงแม้จะพูดกับแทนใจ แต่สายตากฤตินั้นกลับวางไว้ที่อีกคน รีแอคชันนั้นค่อนข้างน่าประทับใจ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขบกรามแน่น เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่สบตากัน นรินทร์ก็พลั้งปากเรียกอีกคนออกไปทันที




“คุณกฤติครับ…”

“แทนใจ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ชัด”




กฤติพูดแทรกนรินทร์ที่ส่งเสียงเรียกเขามาจากฝั่งตรงข้าม แล้วหันไปให้ความสนใจลูกน้องที่จ้อไม่หยุดทันที เลขาคนเก่งต้องการอะไรชายหนุ่มรู้ดี เขาเองก็ต้องการเหมือนกัน การที่อีกฝ่ายนั่งกระดกเบียร์ด้วยท่าทางแบบนั้น มันดีมากเลย ให้ตาย




แทบจะรอคืนนี้ไม่ไหวแล้ว




กฤติดึงสายตาตัวเองออกจากคนฝั่งตรงข้าม เอาไปวางไว้ตรงหน้าแป้นๆ ของแทนใจที่พูดไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้แทน เขาคิดว่าเจ้าตัวคงเหงาเพราะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว แฟนของเจ้าตัวเดินออกไปคุยโทรศัพท์เรื่องงานด้านนอกร้าน แถมซุกซนเพื่อนสนิทเมากอดทาวเวอร์เบียร์อยู่ไม่ไกล




“เมื่อกี้ผมบอกว่า…”




ก่อนที่แทนใจกำลังจะได้ทวนประโยคยาวๆ ของตัวเองอีกครั้ง คนที่เมื่อครู่นั่งตรงข้ามกฤติ ย้ายตัวเองมายืนอยู่หลังชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้




“น้องแทนใจครับ” นรินทร์พูดพร้อมส่งยิ้มใจดีแบบที่แทนใจคุ้นชิน “ช่วยไปเรียกเมฆให้พี่หน่อยสิ คุณกฤติเขามีเรื่องอยากถามน่ะ”




กฤติถลึงตาใส่อีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเองหลุดออกมาจากปากเลขา หากแต่แทนใจไม่ได้คิดสงสัยอะไร พนักงานคนเก่งที่หน้าเริ่มแดงรับคำขันแข็ง แล้วเดินหายออกไปทิศหน้าประตูทันทีโดยไม่ได้หันหลังกลับมา ทิ้งกฤติเอาไว้กับเลขาคนสนิทเท่านั้น





.

.

.



“อ้าว หายไปไหนอ่ะ?”




แทนใจพูดออกมาด้วยความงงงวย เมื่อเดินมาที่เดิมแล้ว แต่ดันไม่มีแม้แต่เงาของคนที่คุยด้วยเมื่อครู่ เหลือเพียงแค่ถังน้ำแข็งที่ละลายไปกว่าครึ่ง และพวกกับแกล้มที่กระจัดกระจาย และซุกซนที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นนอนฟุบกับโต๊ะแทบทาวเวอร์เบียร์ที่มีพนักงานมาเก็บไปแล้ว




“คุณพี่เมฆ! เมื่อกี้พวกคุณกฤติกับคุณโน้ตอยู่ตรงนี้จริงๆ นะครับ”

“ครับ?”




เมฆทวนคำแฟนหนุ่ม เมื่อกี้แทนใจเดินออกมาบอกเขาว่ามีคนอยากคุยด้วยให้เข้ามาข้างในร้าน ซึ่งพอเขาเข้ามาก็เจอเพียงเศษซากซุกซนที่นอนกรน กับแฟนแก้มกลมที่ทำหน้างงอยู่เท่านั้น




“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้เลยนี่น่า…”




คุณกฤติกับคุณโน้ตหายไปไหนกันอ่ะ?




.

.

.

---------------------- ต่อด้านล่างค่ะ -------------------------
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-11-2018 21:28:48
ต่อจากด้านบนค่ะ

--------------------------------------





คล้อยหลังแทนใจไปไม่ไกล ท่ามกลางรถที่จอดอยู่หลายคัน หนึ่งในนั้นคือรถยุโรปสีดำสนิท ข้างในนั้นมีคนสองคนที่กำลังแลกลิ้นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้ายคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าก็เป็นฝ่ายดันอีกคนออกไปก่อน ซึ่งโน้ตเองก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรเช่นกัน 




“ไปสักที”

“ใช้ปากทำให้หน่อย”

“ไปก่อน”

“ก็ก้มลงมาสิ”

“ไม่”

“ทำเถอะ”

“บอกว่าไม่!”




กฤติถอยออกมา เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ คว้าเอาแว่นที่ถูกอีกคนถอดแล้ววางไว้บนคอนโซลหน้ารถขึ้นมาใส่ เขาไม่ชอบตัวเองตอนที่มองไม่ชัด แต่เลขานั้นไม่ชอบให้เขามีแว่นตาอยู่บนหน้าเวลาที่จูบกัน




ใช่ เขาจูบกัน … บ่อยมาก




บ่อยจนพวกเขาไม่ต้องเสียเวลาคุยกันแล้วว่าใครชอบแบบไหน จังหวะอย่างไรถึงจะทำให้อีกคนครางออกมาอย่างสุขสม ร่างกายของพวกเขารู้จักกันดีกว่าฝาแฝดที่คลานตามกันออกมาจากท้องแม่เสียอีก




“ถ้าคุณไม่ทำ ผมก็จะอยู่แบบนี้แหละ”




นรินทร์พูดออกมาพร้อมทั้งทิ้งแขนทั้งสองข้างลง คล้ายกับจะบอกอีกฝ่ายว่าวันนี้จะอยู่กันแบบนี้ ไม่มีใครได้ไปไหน หากเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึกว่าต้องทำตามความต้องการที่เอาแต่ใจแบบนี้ แต่กฤติรู้ดีกว่านั้น เขาเพียงแค่มองอีกคนนิ่งๆ ในขณะที่มือก็ปลดเนกไทของตัวเองออกมา




โน้ตเบิกตาขึ้นเล็กน้อย หากกฤติไม่ใช่คนช่างสังเกตก็คงไม่เห็น




“คนแพ้มีสิทธิ์พูดอะไรด้วยเหรอ?”




เลขาหนุ่มมองตามมือเจ้านายที่เริ่มเอาเนกไทของตัวเองขึ้นมาพันข้อมือของตัวเอง พร้อมรอยยิ้มยั่วแบบที่เขาแอบเปรียบอีกคนในใจว่าเป็นเสือ ที่พร้อมจะทำให้เขาศิโรราบได้อย่างง่ายดาย




“คุณ…”

“ห้องผม”



กฤติพูดต่อโดยที่พันข้อมือตัวเองไปด้วย ไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะมองตัวเองด้วยสายตาระคนความต้องการขนาดไหน



“ถ้าไปถึงห้องผมได้ภายในครึ่งชั่วโมงผมจะทำให้ แต่ถ้าไม่คุณก็ไม่ต้องเข้ามานะ ยืนดูผมช่วยตัวเองอยู่ที่ระเบียงห้องทั้งคืนแทนละกัน”




ไม่ต้องรอให้พูดจบประโยค เลขาหนุ่มออกรถทันทีด้วยความรวดเร็ว ไม่แคร์ว่าตัวเองจะปาดซ้ายแซงขวาโดนด่าไล่หลังไปเท่าไหร่ เพราะคนที่ก้มหน้าลงมาอยู่ใกล้ตักทั้งที่ยังคาดเข็มขัดอยู่น่าสนใจกว่าด่านตรวจต่างๆ ที่อาจจะมีอยู่ในระยะไม่กี่เมตรข้างหน้าเยอะ




ในหัวโน้ตมีเรื่องลามกร้อยแปดอย่างที่เขาจะทำกับอีกคน



เขาจะ…




‘ปรื้นนนน!’




มือคนขับกระแทกแตรกะทันหันเมื่ออีกคนทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง เจ้านายคนเก่งกำลัง’งับ’ ลูกชายคนเก่งของเขาผ่านกางเกง คำสบถร้อยแปดพันเก้าติดอยู่ในลำคอ แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกไป เสียงของอีกคนที่กระซิบชิดกับพื้นที่อันตรายก็ลอยเข้ามาให้ได้ยิน




“ขับดีๆ สิ แล้วแบบนี้ผมจะได้ทำก่อนตายมั้ยเนี่ย”

“ทีเมื่อกี้จอดรถล่ะไม่ทำ”




นรินทร์บ่นเบาๆ แต่ก็ยอมขับดีขึ้นมาหน่อย ความเร็วเท่าเดิมเพียงแค่เขาไม่ได้หักพวงมาลัยอันตรายแบบเมื่อครู่ก็เท่านั้น




“ก็เจ้านี่ดูน่ารัก”




ถึงแม้นรินทร์จะไม่สามารถละสายตาจากถนนข้างหน้าได้ แต่เขารับรู้ว่ากฤติกำลังงับสิ่งที่เจ้าตัวบอกว่าน่ารักอีกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้ขาเขากระตุก ในหัวมีเพียงความคิดที่จะจอดข้างทางแล้วกดหัวคนขี้เล่นไม่ดูเวลาลงไปเพื่อให้ทำเต็มที่ในสิ่งที่ควรทำเสียที ไม่ใช่แหย่เล่นไปมาแบบนี้




“คุณเลิกแหย่สักทีได้มั้ย?”

“ทำไมล่ะ?”



เสียงอีกคนเหมือนกับไม่เข้าใจ แบบที่กวนประสาทขนาดที่โน้ตกล้าพนันด้วยเงินทั้งหมดในบัญชีว่าไม่มีพนักงานคนไหนในแผนกได้เห็นหัวหน้าของพวกเขาในมุมนี้แน่



“มันดูอยากเล่นกับผมนะ หรือคุณไม่อยากล่ะ”




พอ!


นรินทร์หักรถเข้าข้างทาง ถึงแม้จะไม่ใช่ที่เปลี่ยวเท่าไหร่ แต่ถนนในซอยช่วงเวลามืดค่ำแบบนี้ ก็แทบจะไม่มีคนให้ต้องระแวงระวังแล้ว




“เฮ้…”




ก่อนที่กฤติจะได้พูดอะไร เขาก็ถูกอีกคนเชยคางขึ้นมารับจูบอย่างรุนแรงจนแทบจะเป็นกระชาก มือแบบผู้ชายที่ผ่านกิจกรรมมาเยอะลูบไล้เนื้อตัวอีกฝ่ายด้วยความกระหาย เสียงครางต่ำคล้ายหมดความอดทนของอีกคนทำให้กฤติรู้สึกสนุก




“ถอยออกทำไม?”




นรินทร์ถามด้วยเสียงติดจะไม่พอใจเมื่อจูบๆ กันอยู่ดีๆ อีกฝ่ายก็ดันหัวเขาออกเสียเต็มแรง แถมคนที่เมื่อครู่เล่นสนุกอยู่กลับถอยไปนั่งที่ของตัวเอง ทั้งที่เขามีอารมณ์ในจุดสูงสุด และจากที่มองกางเกงของอีกคน กฤตินั้นก็ไม่ได้รู้สึกน้อยไปกว่ากันเลยสักนิด




“ถ้าไปไม่ถึงห้อง ผมไม่ทำให้นะ”




จะต้องกวนแม้กระทั่งในเวลาแบบนี้เลยงั้นหรือ?!




นรินทร์สบถอย่างหงุดหงิดแต่ก็ยอมเปลี่ยนเกียร์ออกรถ ถือเป็นโชคดีของโน้ตที่ตรงนี้อยู่ในซอยคอนโดของกฤติแล้ว เขาใช้เวลาอีกไม่ถึงสิบนาทีก็สามารถพาทั้งตัวเองและหัวหน้าเข้ามาถึงห้องที่คุ้นเคยได้



เร็วเสียยิ่งกว่าตอนที่เขาจะต้องทำงานด่วนให้ลูกค้าเจ้าสำคัญเสียอีก




“สามสิบ… สองนาที”




กฤติเผยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีในตอนที่เท้าของพวกเขาแตะห้องนอนของชายหนุ่ม ยิ่งเห็นเลขาหัวเสียเท่าไหร่กฤติยิ่งรู้สึกสนุกเท่านั้น




“เลทไปนิด แต่ไม่เป็นไรเพราะผมใจดี”




หัวหน้าหนุ่มยื่นมือออกไปข้างหน้า เนกไทสีน้ำเงินเส้นเดิมยังคงคล้องอยู่ที่ข้อมือขาว ใบหน้าที่นิ่งสนิทเวลาทำงานจนคนกว่าครึ่งบริษัทเกรงใจมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่




“คุณอยากทำอะไรก็ทำละกัน แค่จำไว้ก็พอว่า…”

“....”

“ครั้งนี้ผมชนะ”



.
.

.



------- TBC -------





เรื่องนี้จะค่อนข้างแตกต่างจากวันจันทร์เล็กน้อย
เราอยากลองแต่งอะไรที่ไม่เคยเขียนดูบ้าง


แล้วเจอกันนะคะ XD


สามารถคุยกับนี่ได้ที่ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
 ทางทวิตเตอรหรือแฟนเพจ @babybapho ค่ะ

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-11-2018 21:39:49
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 09-11-2018 03:44:38
หนูชอบความแซ่บนี้ หนูชอบความราชินีค่ะแม่ขา กรี๊ดดดดดดด จาเอาาาาาาาาา :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 09-11-2018 11:10:18
แซ่บสุดๆไปเรยยยยยยยยย​ คูมกฤติ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 11-11-2018 13:06:12
ร้อนแรงเหลือเกินค่ะ แฮ่กๆ :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 1st Sunday (8/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 11-11-2018 20:41:05
2nd Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์






กฤติตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปวดเมื่อยที่คุ้นชิน




เขาบิดตัวเพื่อคลายอาการเมื่อยขบเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมไปหยิบแว่นข้างเตียงขึ้นมาใส่ สายตาสั้นเกินห้าร้อยแบบเขานั้น ปล่อยให้แว่นห่างตัวไม่ได้เลย ส่วนคอนแทคเลนส์นั้นลืมไปได้เลย เขาไม่เคยใส่ และไม่คิดที่จะเอานิ้วไปจิ้มเข้าตาตัวเองแบบนั้น การใส่วันมันไม่ดีอย่างไร? ปลอดภัยแถมไม่ต้องมาพะว้าพะวงจะต้องถอดก่อนนอนด้วย




ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นมานั่ง เตียงที่ห้องยังคงแข็งแบบพอดี กฤติไม่ชอบเตียงที่นุ่มเกินไป ถึงแม้มันจะเป็นเตียงที่คนอื่นบอกว่ามันแข็งเกินไปก็ตาม แต่นี่เป็นห้องของเขา และเขาพอใจแบบนี้




“ตื่นสาย”




เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาจากข้างเตียงเรียกความสนใจของชายหนุ่มออกจากภวังค์ได้ คนที่หิ้วเขามาจากปาร์ตี้เมื่อคืนนอนเอามือเล่นผมเขาอย่างถือวิสาสะ เขากำลังจะคุยกับกระต่ายอยู่พอดีเชียว




กฤติไม่ได้มีความสามารถในการคุยกับสัตว์ เขาแค่กำลังจะตอบไลน์แทนใจ พนักงานหนุ่มในแผนกที่ชายหนุ่มเปรียบให้เป็นลูกกระต่ายตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น




“ก็ไม่อยากตื่นเช้า”




คำทักทายจากหัวหน้าทำเอาเลขาหนุ่มเหยียดยิ้ม เขาชอบการที่เจ้านายพูดด้วยน้ำเสียงแบบที่สื่อถึงอารมณ์บ้าง อย่างเช่นตอนที่เรียกชื่อเขาบนเตียง หรือตอนที่ตวัดเสียงใส่ตอนที่โดนกวนโมโห เพราะมันไม่เรียบนิ่งเหมือนตอนที่สั่งงานปกติ



“โมโหหิวเหรอครับ?”

“เปล่า” กฤติตอบกลับไป “ปวดหลัง”

“คุณอายุเยอะแล้ว คราวหน้าผมจะทำท่าที่มันไม่โลดโผนมากแล้วกัน”

“คำพูดนี้สามารถออกมาจากปากของคนที่แก่กว่าผมได้ด้วยเหรอ?”

“ได้สิคุณ ก็ผมยังแข็งแรงอยู่นี่ คุณก็รู้ดี”

“งั้นคราวหน้าตอนคุณให้อมผมจะกัด”




นรินทร์เพียงแค่หัวเราะเมื่อโดนคนร่วมเตียงตอบกลับแบบนั้น กฤติเป็นคนปากร้ายแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร การเจอกันครั้งแรกของพวกเขาจืดจางจนแม้แต่โน้ตเองก็จำไม่ได้แล้วว่ามันเป็นอย่างไร แต่ภาพเมื่อคืนยังคงติดแน่นอยู่ในหัว คล้ายกับหนังที่ถูกเปิดวนซ้ำๆ อยู่แบบนั้น




ทั้งที่กฤติเป็นผู้ชายธรรมดา มีสรีระเหมือนชายหนุ่มทั่วไป แต่ลักษณะบางอย่างของชายหนุ่ม ทำให้ดู… เซ็กซี่




เมื่อคืนนี้ตอนที่พวกเขาทั้งแผนกกำลังกินเลี้ยงส่งพี่สุปราณีอยู่นั้น หัวหน้าหันมามองตาเขา ทิ้งสายตาพร้อมทั้งปลดเนกไท ทั้งที่กฤติรู้ดีว่าเขาจะ ‘แพ้’ เมื่ออีกฝ่ายทำแบบนี้




“ถ้ากัดไปคุณคงคิดถึงมันแย่”




เลขาหนุ่มพูดเรื่อยๆ ทั้งที่ยังไม่ลุกจากเตียง เขาพลิกตัวไปอีกฝั่งเพื่อคว้าตัวเจ้านายมากอด แต่เหมือนอีกคนจะรู้ดีกว่านั้น กฤติลุกขึ้นยืนทันที ทิ้งให้นรินทร์คว้าได้เพียงผ้านวมสีเข้มของเจ้าของห้องเท่านั้น




“คนแพ้ไม่มีสิทธิ์พูดมาก”




โน้ตยักไหล่ไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้น เมื่อตอนเย็นก่อนจะไปกินเลี้ยงกัน พวกเขาสองคนตกลงกันว่าคืนนั้นถ้าใครเรียกหาอีกคนก่อนคือแพ้ และเมื่อคืนนี้เขาแพ้อีกคนราบคาบ




ตอนที่เห็นกฤติกำลังคุยกับแทนใจอยู่ ในหัวมีแต่ความคิดว่าเขาอยากจะจับอีกฝ่ายขึ้นอุ้ม เอาเนกไทมัดมือ เอาแขนคล้องรอบคอแล้วพาเดินไปรอบห้อง และพริบตาถัดมา เขาก็หลอกล่อแทนใจออกไปจากหัวหน้าแล้วรีบรุดลากอีกคนเข้ามาในรถของตัวเองจนสำเร็จ




โน้ตจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองขับมาถึงห้องของอีกคนได้อย่างไรโดยที่พวกเขาโรมรันพันตูกันมาตลอดทาง มันเป็นการขับรถที่ตื่นเต้นเหมือนกับอยู่ในฝัน แต่น้ำหนักของอีกคนและการกอดรัดตอนที่เขาพาอุ้ม (พร้อมกับมัดเนกไทไว้ที่มือ ใช่แล้ว) มันคือเรื่องจริง




จริงแค่ไหนน่ะหรือ? ลองมานับรอยเล็บบนหลังเขาเอาได้เลย

 


“ครับๆ ผมแพ้”




โน้ตยังคงมีรอยยิ้มใจดีอยู่บนหน้าแม้ว่าตัวเองกำลังยอมรับว่าเป็นรองอีกคน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่กฤติพอใจ เขารักลูกน้องทุกคน ชอบเวลาที่เห็นทุกคนยิ้ม แม้แต่คนที่กวนประสาทที่สุดอย่าง โน้ต นรินทร์ เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น




“คุณจะกลับเลยมั้ย?”




เจ้านายถามอีกคนขึ้นมา บางครั้งหลังจากที่พวกเขาเสร็จธุระกันแล้ว โน้ตจะรีบกลับบ้านทันที หรือถ้าพวกเขารีบจนไม่สามารถพาตัวเองไปไกลเกินกว่าโรงแรมที่ห่างออกไปไม่ถึงกิโลเมตรได้ พวกเขาก็จะรีบเช็กเอ้าท์ออกไป แล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายเหมือนปกติ




“ยังดีกว่า” เลขาคนเก่งหาวเบาๆ ซึ่งกฤติหันหน้าหนีพร้อมย่นจมูก “ห้องคุณมีอะไรกินบ้างไหม ผมหิว เมื่อคืนยังไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไหร่เลย”

“คุณคิดว่ามีไหม?”




นรินทร์หัวเราะเล็กน้อยเมื่อเจ้านายคนเก่งถามกลับห้องกับเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าใต้แว่นกลับมาเป็น กฤติ คนเก่งที่ตอบอีเมลและแก้ปัญหาให้ลูกค้าและแผนกตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวันเหมือนเคยแล้ว ไม่ใช่คนที่จูบตอบเขาอย่างเร่าร้อนเมื่อคืน




“คุณไม่เคยคิดจะซื้ออะไรติดตู้เย็นไว้บ้างเหรอ?”

“คุณโน้ต ผมให้คุณคิดใหม่ คุณกำลังพูดถึงห้องผมนะ”

“นั่นล่ะๆ คุณเองก็ต้องกินข้าวไม่ใช่หรือไง”




โน้ตพูดเรื่อยๆ โดยที่เจ้าของห้องตอนนี้ย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย โดยทิ้งเขาให้นั่งอยู่บนเตียงที่เต็มด้วยร่องรอยของพวกเขาสองคน




มันทำให้นรินทร์นึกถึงครั้งแรกที่พวกเขาก้าวข้ามการเป็นเจ้านายกับเลขามาได้











.

.

.












เรื่องของพวกเขาสองคนเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว หรืออาจจะนานกว่านั้นนิดหน่อย นรินทร์เองก็ไม่มั่นใจนัก

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่โน้ตไม่อยากอยู่บ้าน




นรินทร์เหนื่อยกับการอยู่ที่บ้าน เขากับเนตรภรรยาสาวไม่ได้นอนห้องเดียวกันมาหลายเดือนแล้ว ช่วงที่ผ่านมา เขาและเนตรพยายามจะสลับกันใช้พื้นที่ในบ้านเพื่อเลี่ยงการที่จะต้องเจอหน้ากัน นับเป็นโชคดีของพวกเขาทั้งคู่ที่เนตรทำงานเป็นแอร์โฮสเตส ทำให้หญิงสาวไม่ได้กลับบ้านบ่อยนัก




 สุดสัปดาห์นี้มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะหญิงสาวไม่มีบิน แล้วเจ้าตัวไลน์บอกเขาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเธอคิดถึงลูก ขออยู่กับลูกในวันนี้ โน้ตที่ไม่รู้ว่าจะแกล้งทำตัวเป็นอากาศอย่างไร




ในเมื่อคิดไม่ได้ว่าจะไปไหนก็เลยขับรถเข้ามานั่งทำงานในบริษัท อย่างน้อยก็คงพอใช้เวลาตรงนี้เลิกฟุ้งซ่านได้บ้าง




วันอาทิตย์เป็นวันที่ออฟฟิศไม่วุ่นวายจอแจเหมือนวันทำงานปกติ ทั้งชั้น 27 ที่เขาทำงานนั้นเงียบสงบเหมือนกับห้องสมุดเวลากลางคืน




ไฟกับแอร์เปิดอยู่?




โน้ตปิดประตูห้องเก็บของที่ใช้เปิดแอร์ลงแล้วเดินไปที่โต๊ะตัวเอง รูปครอบครัวสามคนที่เขาติดไว้หน้าโต๊ะทำงานนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับมองผ่านไปยังความทรงจำมากกว่านึกถึงคนที่อยู่ที่บ้าน




ปัญหาของเขากับเนตรมันมาไกลเกินกว่าจะกลับไปที่จุดเริ่มต้นแล้ว




นรินทร์นั่งทำงานไปเรื่อยๆ เขาไม่รีบร้อนเนื่องจากวันนี้ไม่มีคนมาคอยเร่งงาน ไม่มีลูกค้าประสาทเสีย (ยิ่งลูกค้ามาเลเซียที่เขาต้องดูแลนั้น หากให้คะแนนความวุ่นวายในสเกล 1 ถึง 10 เขาคงให้ประมาณ 35 เกินคำว่าลูกค้าที่น่ารักไปค่อนข้างมาก) มันเป็นการทำงานที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ค่อยเกิดขึ้นในชีวิตของเขาเท่าไหร่นัก




จนกระทั่งพระอาทิตย์อยู่กลางหัว นรินทร์ก็ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม




เขาเคยคิดว่าทุกอย่างที่ทำเพื่อลูก เพื่อเนตร เพื่อครอบครัวของเขา แต่เมื่อภาพความฝันมันไม่ชัดเจนเหมือนที่เคยเป็น การทำงานหนักแบบที่เป็นอยู่ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าทำมันไปเพื่ออะไร




“เฮ้อ”


“ถอนหายใจเป็นคนแก่เลยนะครับ”




นรินทร์สะดุ้งเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว เสียงคุ้นเคยดังมาจากทิศทางที่เป็นห้องติดผนัง หัวหน้าแผนกยืนกอดอกพิงประตูให้เห็นเป็นหลักฐานต้นกำเนิดเสียงนั่น โน้ตแอบถอนหายใจกับตัวเองที่เขาเจอ คน ในออฟฟิศเขามีเรื่องผีหนาหูจนแม้แต่คนที่ไม่ได้กลัวเท่าไหร่ก็ยังเริ่มเกร็งบ้างเหมือนกัน




“สวัสดีครับคุณกฤติ”

“ครับ”




ชายหนุ่มในแว่นตายิ้มรับ ถึงแม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มมุมปากบางๆ ก็ตาม




แม้แต่ในวันหยุด หัวหน้าแผนกก็ยังแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ เสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงขายาวไม่ทำให้เชาดูต่างากวันทำงานปกติเท่าไหร่นัก คงมีเพียงแค่ผมของเจ้าตัวที่ไม่ได้ถูกเซ็ตเป็นทรงเหมือนที่เคยเห็น และบรรยากาศรอบตัวบางอย่างที่ไม่ได้ดูกดดันมากนัก




“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณเข้ามาทำงานวันอาทิตย์ด้วย”




หัวหน้ายิงคำถามเมื่อพวกเขาสองคนย้ายไปนั่งในห้องแพนทรี่ที่ไว้ทานข้าวแทน พวกเขาเลือกสั่งอาหารมาทานกันแทนที่จะลงไปด้านล่าง ในวันสุดสัปดาห์แบบนี้ตึกเงียบยิ่งกว่าอะไรดี เพราะงั้นเรื่องจะไปหาข้าวกลางวันกินที่โรงอาหารนั้นตัดทิ้งไปได้เลย




“มีพีโอหลายตัวที่ต้องเคลียร์น่ะครับ”




โน้ตตอบพร้อมทั้งกินไก่ทอดที่แถมมากับเซตพิซซ่าที่เจ้านายสั่งมา ตามปกติแล้วเขาไม่ได้ชอบหรือเกลียดอาหารอะไรเป็นพิเศษ แต่เขาไม่ได้มีโอกาสทานพิซซ่าบ่อยนัก เนื่องจากเนตรไม่ชอบทานอาหารขยะ มื้ออาหารของครอบครัวในเวลาที่อยู่พร้อมหน้ากันมักจะเป็นอาหารเน้นสุขภาพเสียมากกว่า




ครอบครัว?



ดูห่างไกลจังแฮะ




“วันอาทิตย์คุณไม่อยู่กับที่บ้านเหรอ?”




โน้ตชะงักมือที่กำลังจะหยิบพิซซ่าชิ้นใหม่ขึ้นมากิน มันเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่จะเขาคลี่ยิ้มออกมาบางๆ แล้วตอบหัวหน้ากลับไปสั้นๆ


“วันนี้แม่ลูกเขาไปเที่ยวกันน่ะครับ”




เป็นโชคดีของนรินทร์ที่คุณหัวหน้าคนเก่งไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม พวกเขาจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน อาจจะเพราะหัวหน้ารู้ว่าเขาไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้หรือไม่ชายหนุ่มก็สุดจะรู้ ประเด็นนี้ไม่ได้ความสนใจจากเขามากนัก นรินทร์กำลังคิดว่าหลังจากนี้เขาควรจะไปอยู่ที่ไหน




ไม่รู้ว่าเนตรจะกลับไปคอนโดของเธอกี่โมง ไม่รู้ว่าจะเอาลูกไปด้วยไหม ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นแต่ก็ยังไม่อยากจะถาม จำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่คุยกันดีๆ นั่นคือตอนไหน




พวกเขานั่งกินกันอยู่สักพัก ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จนเมื่อถึงเวลาสมควรก็ต่างคนต่างลุกขึ้นไปทำงานต่อ จนกระทั่งแสงอาทิตย์เริ่มหมด นรินทร์ก็ยังคงจมอยู่กับงานตรงหน้า จนถึงแม้ว่าแทบไม่เหลืออะไรให้เขาทำแล้ว เขาก็ยังนั่งจัดเอกสารในคอมไปเรื่อย




ชายหนุ่มแค่กำลังประวิงเวลาที่จะกลับบ้านให้ช้าลงเท่านั้น




“คุณยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”




ชายหนุ่มละสายตาจากหน้าจอเมื่อเสียงของหัวหน้าอยู่ใกล้จนดึงความสนใจออกจากจอคอมที่เต็มไปด้วยงานที่ไม่จำเป็นต้องทำ




“อ๋อ” นรินทร์มองหน้าจอ “อันที่จริงก็เสร็จแล้วแหละครับ คิดว่าจะกลับพอดี”

“งั้นไปทานข้าวกัน เดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือเอง”




หลังจากคำพูดนั้น ทั้งนรินทร์และเจ้านายของเขา ก็มานั่งกันอยู่ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก พวกเขาตัดสินใจว่าจะเดินทางด้วยรถคันเดียวเท่านั้น คือรถของกฤติ นรินทร์ยัดตัวเองเข้าไปในรถยุโรปของหัวหน้าอย่างเกร็งๆ ถึงแม้ว่ากับกฤติแล้ว โน้ตจะไม่ได้เกรงกลัวเหมือนกับพวกพนักงานเด็กๆ ในแผนก แต่อย่างไรเสีย อีกคนก็ถือว่าเป็นหัวหน้าอยู่ดี




“เอาเบียร์หรือเหล้า?”

“เบียร์ดีกว่าครับ”

“โอเค” กฤติยื่นเมนูเครื่องดื่มให้ลูกน้อง ในขณะที่ตัวเองเลือกสั่งอาหารจานหลัก “คุณจัดการหน่อยละกัน อยากดื่มอะไรก็สั่งเอา”




ใช้เวลาไม่นาน เบียร์สดสี่ขวดกับอาหารน่าทานสามสี่จานก็มาปรากฏอยู่บนโต๊ะ พวกเขาจัดการมันในความเงียบ มีเพียงเสียงดนตรีสดที่คลออยู่ไม่ดังมาก คุณพ่อลูกหนึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้คุณกฤติกำลังคิดอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้น ในหัวสมองของชายหนุ่มมีแต่ความคิดว่าคืนนี้เขาควรจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าหากกลับบ้านควรจะทำหน้าอย่างไร




น่าตลกดีเหมือนกัน ที่เขาไม่กล้ากลับบ้านที่เป็นชื่อเขาด้วยซ้ำ




“คุณไม่ต้องรีบกลับเหรอ?” กฤติที่กำลังเช็กอีเมลในโทรศัพท์ของบริษัทเงยหน้าขึ้นมามองนรินทร์ที่เปิดบทสนทนาขึ้นมา เขาส่ายหน้ายักไหล่




“ผมอยู่คนเดียวน่ะ ไม่ได้ต้องรีบกลับไปไหน”

“ดีจังนะครับ ไม่ต้องวุ่นวายดี”

“อืม”




ความเงียบกลับมาเยือนโต๊ะของพวกเขาอีกครั้ง โน้ตดื่มเบียร์ไปเรื่อยๆ โดยที่กฤติเองก็กินอาหารตรงหน้าสลับกับเช็กโทรศัพท์ น่าประหลาดที่ไม่ได้มีใครรู้สึกอึดอัด อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของคนที่กำลังจมอยู่ในความคิดตัวเอง และขวดมือในมือ




เบียร์สี่ขวดหมดลงไปพร้อมกับประโยคนั้นจบลง นรินทร์เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เบียร์อีกสี่ขวดมาวางอยู่ด้านข้างเรียบร้อยแล้ว และเพิ่งเห็นว่าตัวเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ดื่ม




“ไม่ล่ะ ขอบคุณ คุณดื่มเถอะ”

กฤติที่กำลังจะยกแก้วน้ำเปล่าของตัวเองขึ้นมา ยกมือปฏิเสธเมื่อเห็นว่านรินทร์ทำท่าคล้ายจะรินเบียร์ใส่แก้วให้ตนเอง

“ดื่มทั้งหมดนี่ผมก็เมาพอดีสิครับ ฮ่าๆ”

“ก็เมาไป เดี๋ยวผมขับเอง”

“...”

“คุณเล่าได้นะ”




กฤติพูดขึ้นมาหลังจากเขาสั่งน้ำแข็งเพิ่มให้ชายหนุ่มอีกคน น้ำเสียงเรียบเฉยไม่ได้ให้ความรู้สึกต่างจากตอนแรกมากนัก ใบหน้าใต้กรอบแว่นไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ เขายังคงวุ่นวายอยู่กับอีเมลในโทรศัพท์ของตัวเอง




“...”

“ผมแค่คิดว่าคุณน่าจะเครียด ถ้าเป็นเรื่องงานละก็พูดกับผมได้นะ ถึงแม้ผมจะอายุงานน้อยกว่าแต่ด้วยตำแหน่ง ผมสามารถช่วยคุณได้”




หัวหน้ายังคงพูดเรื่อยๆ ตอนนี้เขากดปิดโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตานรินทร์ ซึ่งตอนนี้กำลังมองหน้าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเช่นเดียวกัน แววตาจริงใจของอีกคนทำให้นรินทร์รู้สึกขอบคุณ การที่คนเราเจอหัวหน้าที่ใส่ใจความทุกข์ใจของลูกน้องนั้นเป็นเรื่องที่ถือว่าโชคดี




“ขอบคุณครับ” โน้ตยิ้มตามปกติของเจ้าตัว




ความเงียบโรยตัวลงมาปกคลุมพวกเขาอีกครั้ง แต่บรรยากาศกลับไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนตอนแรก กฤติยังคงนั่งดื่มน้ำเปล่าของตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้เร่งรัดให้อีกคนรีบคายเรื่องกังวลออกมา




“ผมแค่… ทะเลาะกับแฟน”

“...”

“แฟนเก่าน่ะ”

“...”

“ผมกับแฟนแต่งงานกันมาหกปีกว่า ตอนนี้มันต่างจากตอนแรกมากจนผมลืมไปแล้วว่าเราเคยมีความสุขกันขนาดไหน เราคิดไม่ตรงกันหลายเรื่องช่วงหลัง จนในที่สุดเขาก็บอกผมว่าเราอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วแน่ๆ”

“...คุณหย่าแล้ว?”

“นานแล้ว” นรินทร์ตอบหนักแน่น ทั้งที่มือที่จับแก้วสั่นเล็กน้อย “เรายังตกลงกันเรื่องน้องนิ้งไม่ได้ นิ้งยังเด็กเกินไปที่จะมารับรู้ว่าพ่อแม่ไม่รักกันแล้ว เลยยังอยู่ด้วยกัน อยู่กันเป็นเพื่อน”




เรื่องราวในครอบครัวของนรินทร์ถูกถ่ายทอดออกมาเรื่อยๆ พร้อมกับแอลกอฮอล์ในมือที่พร่องลงไปตามจำนวนครั้งที่เขายกแก้วขึ้นดื่ม ด้วยความที่เป็นหัวหน้าครอบครัว เขาไม่รู้ว่าจะไปพูดเรื่องนี้กับใคร นรินทร์เข้าใจว่าตัวเองจัดการได้ ลึกๆ ในใจก็ยังมีปึกแผ่นของความรู้สึกว่าตัวเขาเอาอยู่




มันแค่แย่ลงเรื่อยๆ จนความมั่นใจนั้นกลายเป็นสิ่งลวงตา




“เนตร… แม่น้องนิ้งน่ะ เขาเป็นแอร์ เราเลยไม่ต้องทนอยู่ใต้หลังคาเดียวกันบ่อยนัก แต่วันนี้เขาดันอยากกลับมาอยู่กับลูก ผมเลยต้องออกมาที่อื่น คิดว่าจะยังไม่กลับไปที่นั่นเร็วๆ นี้ เนตรไม่อยากเจอผม ผมก็ไม่อยากเห็นหน้าเขาเท่าไหร่”




โน้ตยังคงพูดเรื่อยๆ แอลกอฮอล์ทำให้การบ่นเรื่องครอบครัวแตกแยกกับหัวหน้าที่อายุน้อยกว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป




กฤติเพียงแค่นั่งฟังเงียบๆ เขาเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว่ห่างเมื่อรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณสะโพกเนื่องจากนั่งนานเกินไป จนกระทั่งอีกคนพูดจบพร้อมกับเบียร์ขวดที่เจ็ดหมดลง เขาปลอบคนไม่เก่ง และไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์เลยสักนิด สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือนั่งฟังอีกคนพูด พูด และพูดออกมา




“ถ้าคุณไม่อยากกลับบ้าน จะนั่งต่อก็ได้นะ”

“คุณ… ไม่รีบกลับใช่ไหม?”

“ไม่ จะนั่งทั้งคืนก็นั่งไป เดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อน”




ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ลุกออกจากร้านภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ด้วยความต้องการของนรินทร์เอง วันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์ โชคดีที่เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เขาเลยไม่กังวลว่าพรุ่งนี้จะต้องไปผจญกับอาการแฮงค์พร้อมกับลูกค้าผู้น่ารักหรือเปล่า




“คุณจะให้ผมไปส่งที่ไหน?”




กฤติถามขึ้นมาเมื่อพวกเขาเข้ามาอยู่ในรถด้วยกัน นรินทร์นั่งคิดเล็กน้อย ด้านเหตุผลคิดว่าอยากให้หัวหน้าไปปล่อยเขาทิ้งไว้ที่รถ แล้วเขาจะไปจอดนอนสักที่หนึ่ง บางทีอาจจะบ้านเพื่อนสักคน หรือไม่ก็เปิดโรงแรมนอน แต่อีกใจหนึ่งกลับคิดอะไรที่บ้าบิ่นกว่านั้น




“ห้องคุณ”

“...”

“ผมขอไปนอนห้องคุณคืนนึงได้มั้ย ผมไม่อยากกลับบ้านเลย”




ไม่ต้องพูดครั้งที่สอง กฤติพยักหน้ารับคำแล้วขับไปที่คอนโดของตัวเอง เขาปลอบคนไม่เก่ง แต่อะไรที่สามารถทำได้ กฤติก็ไม่ลังเลที่จะทำ




.

.

.

 

(ต่อด้านล่างจ้า)




หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 2nd Sunday - ห้องคุณ - (11/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 11-11-2018 20:42:22
ต่อจ้า

.
.
.


นี่เป็นครั้งแรกที่นรินทร์ได้มาเหยียบพื้นที่ส่วนตัวของอีกคน ห้องสูทขนาดปานกลาง ไม่เล็กเกินไป และไม่ใหญ่จนรู้สึกเหงานี้คือที่อยู่ของกฤติ นรินทร์ถอดรองเท้าแล้วมองไปรอบห้อง ก่อนที่จะพูดออกมา




“คุณไม่ค่อยได้อยู่เหรอ?”

“ไม่อ่ะ ผมอยู่ของผมทุกวัน”

“จริงเหรอ?”

“ใช่สิ มีอะไรหรือเปล่า?”

“มันเหมือน… ไม่มีคนอยู่เลยแฮะ”




โน้ตพูดในสิ่งที่คิดออกไป เขาอาจจะมึนเล็กน้อยเพราะกินเบียร์มาหลายขวด แถมก่อนที่พวกเขาจะขึ้นมา หัวหน้ายังใจดีแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อตุนในสิ่งที่คิดว่าเขาจะอยากทานกลางคืนเอาไว้อีก




“ไร้สาระ”




กฤติพูดในขณะที่ปลดกระดุมบนตรงคอเสื้อออก ตอนนั้นเองเป็นวินาทีที่โน้ตเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเมาแล้วจริงๆ เพราะเขาดันมองว่าหัวหน้านั้น… เซ็กซี่




“คุณจะกินอะไรก็ไปหยิบเอาในตู้เย็นละกัน ผมใส่ไว้แล้ว ขอผมอาบน้ำหน่อย”

“ครับ”



คล้อยหลังหัวหน้าไป นรินทร์ก็ฝังตัวเองไว้ที่โซฟาในห้องของหัวหน้า พร้อมกับเบียร์ที่อีกคนซื้อมาเพิ่มให้ เขาไม่ใช่สายขี้เหล้า แต่นั่งเฉยๆ แล้วไม่รู้จะทำอะไร การเอาเบียร์ออกมานั่งเป็นเพื่อนก็ไม่ใช่ความคิดที่เลวนัก




“โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด...ไม่อย่างนั้นคุณต้องมีสภาพน่าเกลียดไปประชุมตอนเช้าแน่นอน”




หัวหน้าที่ออกมาจากห้องน้ำพูดเรื่อยๆ ในขณะที่นรินทร์นั่งดูโทรศัพท์พร้อมกับดื่มเบียร์ไปด้วย เขาไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองกินไปกี่ขวดแล้ว แต่ยังไม่เมาหรอก เขายังสามารถเปิดทีวีและดูหนังฝรั่งที่ฉายอยู่พร้อมกับอ่านซับไตเติ้ลรู้เรื่องอยู่เลยนี่นะ




“เอาสักหน่อยมั้ย?”

“ไม่ล่ะ ขอบคุณ”




กฤติปฏิเสธทันทีที่อีกคนยกขวดเป็นเชิงเชิญชวน ซึ่งนรินทร์ยักไหล่ หันไปสนใจแอลกอฮอลล์ของตัวเองต่อ




“คุณรู้ป้ะ?”

นรินทร์พูดขึ้นมา โดยไม่ได้รอเสียงตอบรับจากผู้ร่วมห้องอีกคน “ผมกับเนตรน่ะ เราไปกันไม่ได้อย่างที่ผมคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าแรกๆ มันเคยสวยงามขนาดไหน”

“...”

“เราคบกันมานานมาก... พวกผมเจอกันที่เรียนพิเศษ ตอนนั้นผมร้องเล่นของสูงจีบเขาอยู่เลย รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อยแต่อยากได้ของที่อยู่สูง ยังไงจะขอลองดูสักที... “




นรินทร์ยังคงพูดต่อไป แม้เจ้าของห้องจะไม่ได้ตอบอะไรกลับมา




“ตอนนั้นเนตรเป็นคนน่ารักของโรงเรียนหญิงล้วนใกล้ๆ สวยมาก สวยมาตั้งแต่อยู่มอปลายแล้ว เด็กคอนแวนต์น่ะคุณ ตอนอยู่มหาลัยผมจำได้เลยว่าตัวเองขี่มอไซต์จากท่าพระจันทร์ไปสามย่านเพื่อพาเนตรไปดูหนัง”

“...”

“พวกเราแต่งงานกันเพราะแฟนผมท้อง พอตอนนี้มันก็เกือบจะสิบปีแล้ว อารมณ์รักๆ อะไรนั่นจางหายไปนานแล้ว นานจนแม้แต่ผมแม่งก็จำไม่ได้แล้วว่าเขาชอบอะไร ไม่กินอะไร เราอยู่กับเพื่อลูกมาตั้งแต่น้องนิ้งสามสี่ขวบเองมั้ง”

“...”

“หย่ากันนานมากแล้วนะ แต่ก็ยังอึดอัดอยู่ดีเวลาที่อยู่บ้านเดียวกัน” 

“...”

“อะไรก็ไม่รู้แม่งเอ๊ย”




พวกเขาแบ่งปันบรรยากาศท่ามกลางเสียงโทรทัศน์ด้วยกันแบบนั้น กฤติยังคงจ้องและพิมพ์ยุกยิกในโทรศัพท์ โดยที่ไม่ได้สนใจคนที่ขอมาอาศัยที่ห้องด้วยเลยสักนิด ซึ่งนั่นทำให้นรินทร์ไม่พอใจเล็กน้อย




“ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรเลย”

“หือ?”




เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์เพื่อมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ตอนนี้เขาย้ายตัวเองมานั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง ชุดนอนที่ดูสบายแต่ติดจะเรียบง่ายของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้นรินทร์รู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังกวนกฤติอยู่เลย อาจจะเพราะหัวหน้าไม่ได้ว่าอะไร และเขาก็ขอมาอยู่ที่นี่ด้วย หรือ… หรืออะไรก็ไม่รู้แหละ ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด




“ผมเสียใจนะ คุณควรจะปลอบผมหน่อยหรือเปล่า?”

“ผมปลอบคนไม่เก่ง”




นรินทร์เลิกคิ้ว มองคนที่พูดออกมานิ่งๆ เขาไม่คิดว่ากฤติจะไม่สามารถทำได้ ให้ตาย หัวหน้าที่เก่งทุกอย่างจนเกือบทุกคนในบริษัทต้องเกรงใจจะมีเรื่องที่ทำไม่ได้ด้วยงั้นหรือ?




“ไม่เก่งหรือไม่อยากทำครับ?” กฤติถอนหายใจเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังกวนประสาท อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา

“ไม่เป็น และตอนนี้ยังไม่อยากด้วย” 

“ทำไมล่ะคุณ อย่างน้อยก็ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ ทำไมถึงไม่ปลอบผมล่ะ?”

“คุณเริ่มงี่เง่าแล้วนะคุณนรินทร์”



ถึงแม้ว่าเสียงจะนิ่งเหมือนเดิม แต่แววตาที่มองลอดแว่นมานั้นแววโรจคล้ายกับคนไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นแบบนั้นโน้ตก็ฉีกยิ้ม


เขาคงเมา ไม่รู้ และไม่สนใจ


ตอนนี้เขาแค่ต้องการรีแอคชันอะไรบางอย่างจากอีกคนก็เท่านั้น




“คุณปลอบผมก่อนแล้วผมจะเลิกงี่เง่าเลย”

“นี่คุณสองขวบเหรอ?”

“ไม่นะ ดูยังไงก็โตกว่านั้น” กฤติทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่ออีกคนมองลงไปที่หว่างขาพร้อมเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วใส่ เพิ่งรู้ตอนนี้นี่แหละว่านรินทร์เป็นพวกไร้สาระแบบนี้

“ประสาท”




กฤติพ่นลมหายใจอย่างรำคาญ ไม่สนใจนรินทร์ที่หัวเราะออกมาอย่างพอใจที่กวนประสาทเขาสำเร็จ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีข้อความเข้า




“ทำไมสังคมก้มหน้างี้อ่ะคุณ เงยหน้าขึ้นมาคุยกันหน่อย”

“แป๊บ”

“ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วน่า ไม่ต้องทำงานแล้วมั้ง”

“บอกว่าแป๊บ”




นรินทร์ลุกขึ้นยืนเมื่อเจ้าของห้องยังคงนั่งไขว่ห้างพิมพ์อะไรยุกยิกในโทรศัพท์ไม่สนใจเขา ใบหน้าที่เมื่อครู่มีท่าทีรำคาญตอนนี้กลับมาเรียบตึงอีกครั้ง ซึ่งเขารู้สึกอยากแหย่ให้อีกคนมีสีหน้าต่างจากเดิมอีก




“ไม่ต้องทำงานแล้วหน่า”

“เฮ้ยคุณ!”




กฤติเหวเสียงหลงเมื่ออีกคนเดินมานั่งข้างๆ พร้อมทั้งฉวยเอาโทรศัพท์ออกจากมือเขาไปถือไว้เองโดยที่กฤติยังไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าหลังแว่นเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดอีกครั้ง ในใจคิดแต่ว่าตัวเองไม่น่าใจดีหิ้วปีกไอ้ขี้เมานี่กลับมาวุ่นวายด้วยเลยแท้ๆ




“ปลอบผมหน่อยสิ ผมเสียใจอยู่นะ”

“ไม่!” กฤติทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ “คุณเมาแล้ว ไปอาบน้ำ”

“ปลอบผมก่อนดิ เดี๋ยวจะรีบอาบเลย”

“งั้นไม่ต้องแล้ว นอนเลยละกัน เสียเวลา”




กฤติพูดรวบรัดพลางจะคว้าโทรศัพท์คืน แต่อีกคนเร็วกว่านั้น โน้ตยกมือขึ้นสูง ใบหน้าคมที่ติดจะแดงเล็กน้อยด้วยกฤทธิ์ของเบียร์หลักสิบขวดยังคงมีรอยยิ้มกว้างดูกวนประสาทประดับอยู่




“โหยคุณ ปลอบผมก่อนดิ”

“ไม่”

“ปลอบก่อน”

“เป็นบ้าเหรอ? ไม่!”

“น่า นิดนึง ปลอบหน่อย”




นรินทร์ขยับเข้ามาชิดอีกคน แถมยังเอาหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ กฤติ จนเจ้าของห้องต้องขยับหนีด้วยความรังเกียจ กลิ่นแอลกออฮอล์คละคลุ้งแบบนี้ทำให้เขาเวียนหัว




“ไม่! ปล่อยสิวะ สมองบุบไปแล้วเหรอคุณเนี่ย”




กฤติหันกลับไปประจันหน้าอีกคน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก รอยยิ้มใจดีที่ดูกวนประสาทยังคงประดับหน้า มันใกล้จนเขาเห็นว่าอีกคนมีรอยแผลบนหน้าเล็กน้อย ที่น่าจะเกิดขึ้นจากตอนโกนหนวดพลาด




“เงียบเลย คิดคำปลอบอยู่ใช่มั้ยคุณ”

“จะให้ปลอบให้ได้เลยใช่มั้ย?”

“ใช่”

“ดี”




สิ้นคำพูดนั้นกฤติเอาสองมือคว้าใบหน้าของอีกคนเข้ามารับจูบจากตัวเองทันที



มันน่าประหลาดในตอนแรก นรินทร์ตกใจจนแทบจะสร่างเมาเสียเดี๋ยวนั้น แต่เขาก็ยังไม่ละออกไปไหน ริมฝีปากเจ้าของห้องเริ่มจูบไปเรื่อยๆ ในขณะที่ตัวเขาเองไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร


ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่มีการจูบตอบ ไม่มีแม้แต่การเปิดปาก




“คุณ…”




กฤติผละออกมาเมื่อจูบจนพอใจ ใบหน้าเรียบเฉยตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าประหลาด แบบที่นรินทร์ไม่เคยเห็น และเขาคงจะไม่ได้เห็นถ้าหัวหน้าไม่บ้าจี้ประกบปากด้วยเมื่อครู่




“บอกแล้วว่าปลอบไม่เป็น”




เจ้าของห้องทำท่าจะหันหน้าหนีแล้วพลิกตัวไปที่อื่น แต่กลับทำไม่ได้เพราะว่าถูกอีกฝ่ายจับข้อมือเอาไว้ นรินทร์มีสีหน้าไม่แน่ใจ แม้กระทั่งแววตาที่มักทอประกายใจดี เวลานี้ก็ยังคงดูสับสน



ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากทั้งสอง



พวกเขานิ่งกันอยู่แบบนั้น อะไรบางอย่างดึงดูดพวกเขาเข้าหากัน ดวงตาใต้กรอบแว่นมองไปที่ใบหน้าอีกคน ในขณะที่นรินทร์จับจ้องไปที่ริมีปากของอีกฝ่าย




จูบครั้งที่สองเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป มือของหัวหน้าหนุ่มขยำไปบนผมสีน้ำตาลของลูกน้องที่กำลังครางอย่างพอใจในลำคอ กฤติเอียงคอเมื่ออีกคนเปลี่ยนมุมจูบ ซึ่งเป็นสิ่งที่นรินทร์พึงใจ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจินตนาการอะไรเมื่อหลับตา ตอนนี้โน้ตไม่สามารถคิดอะไรได้อีกแล้ว มันว่างเปล่าเหมือนสมองลาพักร้อนไปเสียดื้อๆ




มันไม่ใช่จูบที่แย่




เขาคิดพลางก้มลงไปซ้ำเป็นครั้งที่สาม พวกเขาแลกจูบกันอยู่แบบนั้น มือไม้ของทั้งสองคนปัดป่ายไปทั่วอย่างไม่มีใครยอมใคร นรินทร์เพิ่งมารู้ตอนนี้เองว่ามันคงจะมาไกลกว่าที่เขาคิดไว้ และเขาไม่คิดที่จะหยุดมัน แม้กระทั่งตอนที่พวกเขาถอดเสื้อกันและกันจนเหลือเพียงแค่ชั้นในตัวเล็กทั้งคู่

 


ช่างแม่ง




ในหัวนรินทร์มีเพียงแค่นี้เมื่ออีกคนปลดเปลื้องปราการด่านสุดท้ายของเขาออกมาอย่างใจเย็น เขาพยายามที่จะไม่มองไปข้างล่าง ในหัวมีความคิดพิลึกพิลั่นอย่างเช่น ‘ตอนสมัครงานไม่เห็นมีใครบอกไว้ว่าวันหนึ่งหัวหน้าจะมาอมให้’




โคตรดี




มันดีจนเขากดหัวอีกฝ่ายเอาไว้แล้วจับควบคุมจังหวะเอง ความพยายามที่จะไม่มองหน้าอีกฝ่ายหายไปตอนที่เขาเผลอมองลงไปสบตาคนที่อยู่ตรงหว่างขา ดวงตาคมใต้กรอบแว่นนั่น…




เซ็กซี่สัด




ก่อนที่จะรู้ตัวเขาก็เกือบจะเสร็จเสียแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าอีกคนดันผละออกมาก่อน จังหวะจะโคนของอีกฝ่ายดีจนเขาอยากถามว่าไปฝึกมาจากไหน แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นให้จัดการเสียก่อน





“เคยทำกับผู้ชายมั้ย?”




นรินทร์ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างหนักแน่น ซึ่งนั่นก็ไม่เกินสิ่งที่กฤติคาดการณ์ไว้เท่าไหร่ เจ้าของห้องเดินไปหยิบเจลและถุงยางที่เก็บไว้ในลิ้นชักข้างเตียง มาวางไว้ข้างๆ นรินทร์อยากจะเข้าไปช่วย แต่เขารู้สึกว่าตัวเองเก้ๆ กังๆ ไปหมด




“เอาไปใส่เอง ไม่มีบริการใส่ให้หรอกนะ” 




นรินทร์รับถุงยางแบรนด์ดังมาถือไว้ แอบเสียดายนิดหน่อย เขาชอบเวลาที่แฟนใส่ถุงยางให้มาก ในระดับที่ว่าจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกเยอะเลยด้วยซ้ำ


เมื่อนรินทร์จัดการกับตัวเองเรียบร้อย หัวหน้าเองก็อยู่ในสภาพที่ป้องกันพร้อมเหมือนกัน แล้วแบบนี้ใครจะเสียบวะ?




“ผม…”

“นอนลง”

“เฮ้ย! ผมไม่ให้คุณยุ่งกับก้นผมนะ”




โน้ตโวยวายเมื่ออีกคนผลักเขาให้หงายหลังลงเตียงโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว อารมณ์หดหายเมื่ออีกฝ่ายคล้ายเข้ามาใกล้




“ผมก็ไม่ยอมให้คุณเป็นฝ่ายคุมเกมเหมือนกัน”

“นี่ไม่ตลกนะ!”

“นอนเฉยๆ!”




โชคดีที่นรินทร์ไม่ได้ด่าพ่อล่อแม่หัวหน้าไป คำว่า คุมเกม ของอีกคนหมายความว่าเจ้าตัวเล่นกับลูกน้อยของโน้ต หัวหน้าอาบเจ้าตัวเล็กด้วยเจลชนิดน้ำเสียชุ่มแบบที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน 




“คุณกับแฟนเลิกกันแล้วแน่นะ?”




กฤติหยุดทุกอย่างเอาไว้ตอนที่กำลังกุมลิตเติ้ลโน้ตเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว เขาต้องการให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้กำลังไปเหยียบแก้วแตกให้มันแหลกกว่าเดิม เพราะนอกจากมันจะต่อไม่ติดแล้ว เศษแก้วจะบาดเท้าเขาจนเจ็บตัวด้วย




“ก็บอกว่าหย่ากันไปแล้วไง ไม่ได้จูบกันมาจะสองปีแล้วเนี่ย”

“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องบนเตียง”

“งั้น?”

“ความรู้สึกล่ะ... “

“...”

“คุณยังรักแฟนเก่าคุณอยู่มั้ย?”




เสียหนักแน่นและแววตาจริงจังของหัวหน้าที่มองตรงมาทำให้นรินทร์ชั่งใจชั่วครู่ เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น คำตอบเดียวที่ชัดเจนอยู่ในสมอง




“ไม่”




สั้นแต่หนักแน่นเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถแสดงออกมาได้ กฤติพยักหน้ารับ นิ้วทั้งห้ากลับมาทำหน้าที่ของมันต่อ เล้าโลมเพียงครู่เดียวก็พร้อมลงสู่สนามจริง




นี่กำลังเอากับผู้ชายอยู่จริงๆ เหรอวะ?




โน้ตยังคงถามตัวเองอย่างไม่แน่ใจ ภาพตรงหน้าเขาโคตรจะดูเกินจริงแม้กระทั่งในความฝัน หัวหน้าหนุ่มของเขากำลังวุ่นวายอยู่กับด้านหลังของตัวเอง จนน่าจะเข้าที่ เจ้าตัวถึงได้บดสะโพกลงมาบนโน้ตน้อย ใบหน้าอีกฝ่ายดูอึดอัดในตอนแรก เสียงครางเบาๆ นั่น ถึงแม้จะเป็นของผู้ชาย แต่มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก




เพียงไม่นาน การปลอบของหัวหน้าหนุ่มก็เริ่มต้นขึ้น




“... ดี”




นรินทร์พูดได้แค่นั้นเมื่อพวกเขาจับจังหวะของกันและกันเจอ ความรู้สึกของการที่เป็นฝ่ายถูกออนท็อปนั้นไม่ได้แย่ ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าที่ทำงานเนี้ยบชนิดที่ผู้บริหารยังต้องเกรงใจ จะสามารถบดเอวลงมาเป็นจังหวะที่ดูร้อนแรงแบบนี้ได้




ยอดอกของอีกคนมันชมพูจนน่า…




“อย่าซน”

“โอ๊ย!”




นรินทร์ร้องโอดโอยเมื่ออีกคนตีมือเขาอย่างไม่ออมแรง อะไรวะ แค่จะไปเล่นด้วยเท่านั้นเอง แม่งตีลงมาได้ มือเกือบหัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเอามือไปวางไว้บนสะโพกอีกคนหลวมๆ คนที่กำลังทำเต็มที่อยู่บนตัวเขานั้นเป็นส่งที่ยืนยันอีกครั้งว่ากฤติเป็นคนเก่งจริงๆ



เก่งมาก… 




“... นั่นแหละ แบบนั้น”

“อย่ามาสั่ง”




แม่ง ดุอย่างกับหมา




นรินทร์คิดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปให้ตัวเองโดนว่าอีก เขาเพียงแค่ใช้มือจับสะโพกอีกคนแน่นขึ้น เพื่อช่วยยกตัวของหัวหน้าให้กระแทกลงมาได้แรงขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันดีมาก...  โน้ตหลับตาครางต่ำ ในหัวมีแต่ภาพของอีกคนที่ร่อนตัวอยู่บนตักเขา




ถ้าจังหวะยังเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานเขาคงจะถึงฝั่งฝัน…




“เมื่อย”




แม่ง!




โน้ตสบถในใจเมื่ออีกคนเกิดหยุดขยับกะทันหัน ใบหน้าเรียบนิ่งของหัวหน้ามองตรงมาทางโน้ต ถ้าชายหนุ่มตาไม่ฝาก เขาคิดว่าเขาเห็นอีกคนมีรอยยิ้มมุมปากคล้ายกับว่าเจ้าตัวสนุกที่ได้แกล้งเขา




สนุกได้คนเดียวอย่างงั้นเหรอ?


สบประมาทกันเกินไปหน่อยแล้วมั้ง




“เฮ้ย!”




กฤติร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อคนที่เมื่อครู่เป็นลูกไก่ในกำมือ ดันล็อกสะโพกเขาเอาไว้แล้วจับคุมจังหวะด้วยตัวเอง ชายหนุ่มพยายามที่จะเอาตัวเองออกมาจากการบังคับของนรินทร์ แต่ไม่สำเร็จเลย ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด ด้วยท่าทางที่ไม่ได้พร้อมกับการต่อสู้ใดๆ แล้วแรงอีกคนที่มากเกินกว่าที่กฤติจะสามารถเอาชนะได้




“โอ๊ย! เบาๆ สิวะคุณ”

“ไม่ทำตามนะครับ... หัวหน้า”




นี่คิดถูกหรือคิดผิดกันเนี่ย!?




กฤติถามตัวเองในใจ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยให้นรินทร์ขยับเขาไปตามต้องการจนสุดท้ายอีกคนเหวี่ยงเขาลงมาบนเตียง แล้วถาโถมคลื่นอารมณ์ใส่จนเสร็จกันทั้งสองฝั่ง พวกเขาเงียบกันอยู่ชั่วครู่ เพราะต่างคนต่างกอบโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด




“ผมไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของคุณใช่ป้ะ?” นรินทร์ถามในสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในหัวทันทีที่เขาสามารถรวบรวมสติของตัวเองกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้อีกครั้ง





 

“คุณไม่ได้เปิดซิงผมก็แล้วกัน”





.

.

.



TBC






แอบเกร็งๆ เพราะไม่เคยเขียนแบบนี้เลยค่ะ 5555

มันต่างกับน้องแทนใจเยอะมากกกกกก แต่อยากลองดู อิ___อิ

เพราะงั้นถ้าเรายังมีอะไรต้องแก้ไขปรับปรุง หรืออยากพูดอะไร อ่านแล้วคิดยังไง ชอบไม่ชอบตรงไหน 

อย่าเก็บไว้คนเดียวค่ะ

สามารถบอกเราได้ที่ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ นะคะ


ขอบคุณมากค่า XD



หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 2nd Sunday - ห้องคุณ - (11/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-11-2018 22:30:38
ท่าจะร้อนแรงบรรดาหนุ่มชาวออฟฟิศ +1
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 2nd Sunday - ห้องคุณ - (11/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-11-2018 10:33:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 2nd Sunday - ห้องคุณ - (11/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 13-11-2018 21:08:39
อ๊อยยยยยยยยย​ คูมกฤติบดๆเก่งจัง
ควีนอะไรเบอร์นั้นเหรอค้าาาาาา​  :hao6: :hao5:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 2nd Sunday - ห้องคุณ - (11/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 15-11-2018 20:54:46
3rd Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์




นรินทร์มาทำงานด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด




หลังจากที่พวกเขามีเซ็กส์กันเสร็จรอบนั้น โน้ตก็พลิกตัวคู่กรณีมาทำต่อ ตอนนั้นเขาอารมณ์ขึ้นที่เห็นว่าอีกคนดูเฉยเมยกับเซ็กส์ของเขามาก เขาเปลี่ยนท่าอีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งนรินทร์ไม่เหลือแรงแม้กระทั่งจะลุกออกจากเตียง ในตอนที่เขาวาดแขนจะคลำหาคนด้านข้าง กลับโดนหัวหน้าทิ้งเอาไว้บนเตียง




ผู้มาอาศัยค่อนข้างแปลกใจที่เห็นอีกคนยังสามารถลุกไปเข้าห้องน้ำได้ แต่เขาไม่ได้สนใจขนาดนั้น นรินทร์ผลอยหลับไปทั้งอย่างนั้น จนมาสะดุ้งตื่นเมื่ออีกคนปลุกเขาเพื่อพูดว่า




“อย่าเอาตัวเหม็นเหงื่อแบบนั้นมานอนบนเตียงผม”

“แต่เมื่อกี้ผมก็นอนกับคุณทั้งที่มีเหงื่อแบบนี้ คุณก็ไม่ได้บ่นว่าเหม็นอะไรนะ”




หลังจากเขาตอบกลับแบบนั้นก็โดนเจ้าของห้องเตะออกมาข้างนอกทันที แถมยังกดล็อกอย่างดีไม่ให้เขาเข้าไปได้ นรินทร์เลยต้องอัปเปหิตัวเองมาฝากชีวิตคืนนั้นบนโซฟา เช้าวันต่อมาถึงได้นั่งแท็กซี่ไปเอารถที่ทำงานแล้วค่อยกลับบ้าน ยังดีที่เนตรกับลูกไปต่างจังหวัดกลับตอนเย็น เขาจึงไม่ต้องเตรียมหาข้ออ้างในสภาพยับยู่ยี่อย่างที่เป็นอยู่




เรื่องลูกกับเนตรยังไม่ทันเคลียร์ ต้องมานั่งเครียดเรื่องกฤติอีกหรือ




ความคิดเรื่องนี้ปรากฏอยู่ในหัวนรินทร์ตอนที่เขาจอดรถในที่คุ้นเคย สติชายหนุ่มเหมือนจะหายไปเรื่อยๆ เมื่อลิฟต์ใกล้จะถึงชั้น 27 ที่เขาต้องทำงาน ณ ตอนนี้นั้น บอร์ดบริหารยังไม่ทำให้เขาประสาทเสียเท่าความคิดที่ว่าเขากำลังจะต้องไปเจอหน้ากฤติอีกครั้ง



เขาควรจะพูดว่าอะไร?



“พี่โน้ตสวัสดีค่า”



ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทักหน้าบริษัท เขาเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่าเขายืนโง่อยู่หน้าเครื่องแสนกนิ้วแล้ว โชคดีที่ตอนนี้มันยังไม่ 8 โมง คนเลยยังถือว่าน้อยอยู่มาก ลองเป็นเวลางานสิ ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะได้ยืนเฉยๆ คุยกับตัวเองอยู่แบบนี้แน่นอน




“สวัสดีครับ”




เขาตอบรับรีบๆ ไม่ได้สนใจฟังการบ่นของหญิงสาวเท่าไหร่นัก อันที่จริงแล้ว ในหัวชายหนุ่มนั้น นอกจากหน้าของหัวหน้าแผนกแล้ว ทุกอย่างดูเบลอไปหมด




“พี่โน้ต หวัดดีพี่”




เขาพยักหน้ารับเด็กซุกซนที่ส่งเสียงดังมาตั้งแต่หน้าประตู เพราะว่าเมื่อวานคือวันจันทร์ วันนี้ทุกคนเลยต้องพยายามมาให้ทันเวลา เพราะว่าจะมีประชุมแผนกตอนเก้าโมง ตามปกติมีคนมาเช้าอยู่ไม่กี่คนหรอก มักจะเป็นพวกหน้าประจำ ส่วนที่เหลือก็คือบางคนมาเก้าครึ่ง บางคนมาสิบโมง




ซุกซนคือเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน เขาเป็นคนตัวไม่สูงแต่อารมณ์ดี ติดจะกวนหน่อยๆ ทำให้เข้ากับคนในแผนกได้ในเวลาไม่นาน




“วันหยุดยาวที่ผ่านมาพี่ไปไหนมา?”




เชี่ย ตอบอะไรดีวะ?




“เอ่อ…”




นรินทร์เลิ่กลั่ก ในหัวชายหนุ่มมีภาพสถานที่ตั้งแต่เชียงรายยันอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เขาควรจะไปไหนให้มันเนียนดี ถึงแม้จะคิดมากขนาดนั้น สรุปก็คือ




“อ๋อ อยู่บ้านน่ะ”

“ดีพี่ ผมไปเชียงใหม่ เพิ่งลงเครื่องมาเมื่อวานเย็นเอง อย่างเหนื่อย…”




ชายหนุ่มปล่อยให้รุ่นน้องในแผนกบ่นไปโดยที่เขาไม่ได้สนใจฟ้ง ดีที่ทั้งตัวเขาไม่มีคิสมาร์คที่สามารถมองเห็นได้ นอกจากรอยเล็บบนหลังที่ตอนนี้ยังมีรอยแดงๆ ของเล็บอีกคนที่ดันข่วนมาตอนที่เขาแกล้งกัดยอดอกเล่นเท่านั้น (เอาตามตรรงคือโดนจิกจนเนื้อเขียว)




“อ้าว พี่กฤติ หวัดดีครับ”




เสียงซุกซนคล้ายค้อนปอนด์ที่ทุบลงมาบนหัวชายหนุ่ม เขาหันหลังไปเห็นหัวหน้าที่บดเอวอยู่บนตักเขาเมื่อวันอาทิตย์ กฤติยังคงดูนิ่งเฉยเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอด ใบหน้าเรียวใต้กรอบแว่นพยักหน้าให้ซุกซนหนึ่งครั้ง ก่อนที่สายตาจะมองเลยมาทางนรินทร์




ฉิบหาย…




“สวัสดีครับคุณนรินทร์”

“คะ… ครับ”




ชายหนุ่มพยักหน้าให้นรินทร์สองสามครั้งแบบทุกวัน ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานตัวเอง คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาเลยในคืนนั้น




นี่มันอะไรกัน?



นรินทร์คิดกับตัวเอง วันนั้นทั้งวันกลายเป็นว่ากฤติเป็น ปกติ มาก มันเป็นความรู้สึกประหลาด เขาควรจะดีใจที่กฤติไม่ทำตัวเหมือนว่าระหว่างพวกเขาเกินเลยกันไปถึงขั้นไหน แต่พอมาเห็นอีกคนทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นเลยทั้งที่ตอนนั้นยังครางอยู่ข้างๆ หูมันก็ออกจะเกินไปหน่อย




หรือเซ็กส์เขาาห่วยวะ?




“เฮ้อ…”




นรินทร์ถอนหายใจเมื่อจวบจนถึงตอนเย็นใกล้เลิกงาน เขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ครั้งจะเดินเข้าไปคุยกับหัวหน้า อีกคนก็วุ่นวายทั้งวัน อย่าว่าแต่กฤติเลย แม้แต่โน้ตเองที่เป็นพนักงานในแผนกธรรมดา ยังต้องจัดการงานเอกสารตัวเองจนหัวหมุนไปหมด ซึ่งวันนี้เขาทำมันได้ช้าลงมากๆ เพราะไม่สามาารถสลัดสิ่งที่รบกวนความคิดออกไปได้




“ยังไม่กลับอีกเหรอครับ?”




ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากอินวอยซ์ที่เขาขยายในจอคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจเช็กข้อผิดพลาดอีกครั้ง  หัวหน้าแผนกยืนทำหน้านิ่งตามแบบฉบับของเจ้าตัวอยู่ตรงพาติชันข้างหน้าโต๊ะเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้




“พอดีนั่งเคลียร์ออเดอร์ของลูกค้า BIG Group อยู่ครับ”




“ด่วนเหรอครับ?”

“นิดนึงครับ ลูกค้าอยากได้ของพรุ่งนี้เช้า ถ้าเร่งให้จริงๆ มันก็ทำได้แหละครับ แต่ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะ accept พวก extra charge...”




รายละเอียดงานถูกถ่ายทอดออกไปเรื่อยๆ พวกเขาคุยงานกันอย่างเป็นธรรมชาติจนนรินทร์เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามาถึงตรงนี้ได้อย่างไร กฤติรับฟัง ให้คำแนะนำ ชายหนุ่มทำทุกอย่างเหมือนกับที่ทำตลอดมา แม้กับคนที่เพิ่งจะผ่านค่ำคืนหรรษาด้วยกันก็ตาม




“คุณกลับได้แล้วมั้ง นี่ดึกแล้ว”




นรินทร์ก้มลงมองนาฬิกาเมื่ออีกฝ่ายทัก เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่ามันเลยเวลางานเลิกมากว่าสองชั่วโมงแล้ว ให้ตายสิ เขาไม่ได้ค่า OT หากอยู่ดึกหรือมาทำงานในวันหยุดด้วยซ้ำ




“ขอบคุณนะครับ”




กฤติยิ้มรับเมื่อนรินทร์กล่าวขอบคุณเขา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เมื่อเห็นว่าพนักงานในปกครองไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป หัวหน้าคนเก่งของหลายๆ คนตั้งท่าที่จะเดินออกไปแสกนนิ้วเพื่อกลับคอนโดเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก แต่อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้น




“เดี๋ยวครับ คุณกฤติ”




คนที่เป็นหัวหน้ามองข้อมือของตนที่ถูกอีกคนจับเอาไว้หลวมๆ แล้วค่อยไล่สายตาขึ้นไปมองใบหน้า ชายหนุ่มที่อายุมากกว่ามีแววตาที่สับสนและไม่เข้าใจ ถึงแม้จะไม่ได้ชัดเจน แต่ก็มากพอที่จะทำให้เขาเลิกคิ้วกลับไปด้วยความฉงน




“ครับ?”

“คือ…”




คล้ายคำพูดถูกดูดกลืนเข้าไปในลำคอหมด นรินทร์เพียงแคพลั้งปากออกไปอย่างไม่ได้ตระหนักอะไรเลย เขาควรจะเริ่มยังไงดีวะแม่งเอ๊ย




“เรื่องเมื่อวันอาทิตย์น่ะครับ…”

“คืนที่คุณเมาเป็นหมาแถมเหม็นเหงื่อด้วยน่ะเหรอครับ?”

“นั่นแหละ” นรินทร์เมินคำพูดจิดกัดอย่างตั้งใจของอีกคน “คุณ… คือ… แม่ง ผมควรเริ่มยังไงวะคุณ”

“คุณไม่เห็นต้องเริ่มอะไร”




ในขณะที่นรินทร์คิดหัวแทบแตกว่าตัวเองควรจะเอาอย่างไรดี กฤติกลับพูดออกมาง่ายๆ ด้วยสีหน้าเหมือนกับตอนที่กำลังจะเริ่มประชุมแผนก


เฮ้ย แบบนี้ไม่ได้ป้ะ?




โน้ตแทบจะลืมภาษาคนเมื่อได้ยินตอบที่เขาไม่ได้คาดคิดไว้จากปากของอีกคน แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเพิ่ม คนใส่แว่นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

 


“ก็คุณบอกให้ผมปลอบ ผมก็ปลอบไง คุณจะคุยอะไรอีก?”




เขามี passion การปลอบคนอื่นแบบนี้ได้เหรอวะ? นรินทร์ยังคงพูดไม่ออกอยู่เหมือนเดิม เขารู้สึกเหมือนลิ้นตัวเองเป็นอัมพาตขึ้นมาเสียดื้อๆ



“...”

“คุณก็ดูสภาพโอเคขึ้นแล้ว”

กฤติพูดต่อโดยไม่ได้สนใจหน้าตาเหมือนเห็นผีมาเต้นแร้งเต้นกาตรงหน้าของอีกคน “งั้นผมกลับก่อนนะ คุณเองก็รีบกลับเถอะ พรุ่งนี้วันพุธยังต้องทำงานนะ”

“นี่ถ้าคนอื่นเศร้าคุณก็ปลอบแบบนี้เหรอ?”




โน้ตหลุดปากถามออกไป ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมามีเพียงแค่การขยับแว่นเล็กน้อย แล้วเดินออกไปจากออฟฟิศเท่านั้น กฤติทิ้งนรินทร์เอาไว้กับความสงสัยของตัวเอง อย่างไม่คิดที่จะเหลียวหลังกลับมาไขความกระจ่างให้อีกคนสักนิดเดียว






------- Sunday In Bed --------







เรื่องคืนนั้นถูกฝังกลบในเสี้ยวความทรงจำของนรินทร์ตลอดทั้งสัปดาห์




มันเป็นเซ็กส์เพื่อการปลอบใจอะไรของกฤตินั่นไม่ได้ทำให้เขาคลายความข้องใจไปสักนิด แต่การหาเวลาอยู่สองต่อสองกับอีกคนนั้นไม่ได้ง่ายเหมือนการถอดกางเกงในให้เป็นเลขแปด เคสลูกค้าไทยหลายรายที่โดนคู่แข่งแย่งไปนั้นทำให้ทั้งแผนกตกอยู่ในความตึงเครียด ถึงแม้ว่ากฤติจะสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้ แต่กำไรในไตรมาสนี้อาจจะไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้  หัวหน้าแผนกของเขานั้นต้องทั้งไปหาลูกค้า ทั้งประชุมบอร์ดบริหาร ไหนจะต้องไปคุยงานกับแผนกอื่นอีกมากมาย




อย่าว่าแต่เวลาที่จะอยู่กันสองคนเลย หาเวลาเจอกฤติยังไม่ใช่เรื่องง่ายในขณะนี้




วันๆ ของนรินทร์ไหลผ่านไปอย่างน่าเบื่อ เขาตื่นเช้า ทำงาน กลับบ้าน สอนการบ้านลูก เข้านอน แล้วก็ตื่นเช้าขึ้นมาส่งลูกขึ้นรถโรงเรียน เตรียมตัวไปทำงาน โดนลูกค้าโขกสับ ปวดหัวกับเอกสาร ตีกับแผนกต่างๆ แล้วก็กลับบ้าน วนลูปอยู่แบบนี้ร่วมสัปดาห์




ถึงแม้จะเป็นความน่าเบื่อที่คุ้นชิน แต่ในใจนรินทร์กลับมีบางอย่างที่แปลกออกไป




เขามักจะนึกถถึงเรื่องขึ้นนั้น เวลาเห็นหัวหน้าแผนกเดินรีบๆ เข้ามาเอาคอมพ์พิวเตอร์เขามักจะวางสายตาตัวเองไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกคน แม้กระทั่งเวลาที่เขาต้องช่วยตัวเองนั้น เสียงครางของอีกฝ่ายกับสายตาที่มองตรงมานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาถึงฝั่งฝัน




เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่


ช่วยตัวเองไป คิดถึงหัวหน้าแผนกไปเนี่ย ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน




นรินทร์สรุปกับตัวเองในวันสิ้นเดือน วันนั้นเป็นวันก่อนที่ประเทศมาเลเซียที่เขาดูแลจะมีวันหยุดประจำชาติ เขาจำเป็นต้องนั่งเคลียร์เอกสารจนเลยเวลากลับบ้านไปไกล ในตอนที่เขากำลังพักสายตาแล้วนวดขมับนั้น นรินทร์ก็เพิ่งสังเกตว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว




เสียงก๊อกแก๊กที่ดังออกมาจากห้องส่วนตัวหัวหน้าคือหลักฐานชี้ตัวคนที่อยู่ที่นี่กับชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าในชั้นนี้ไม่มีใครแล้วนอกจากพวกเขาสองคน นรินทร์จึงตัดสินใจเดินตรงไปหาอีกคนทันที




ก๊อกๆ




กฤติเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มบางๆ ให้พนักงานที่เดินเข้ามาเคาะประตู ซึ่งได้รับรอยยิ้มประหลาดกลับมา โน้ตในวันนี้ดูเหมือนไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่นัก




“ยังไม่กลับอีกเหรอคุณ?”

“ยังครับ งานไม่เสร็จ”




แต่กูไม่ทำแล้ว … นรินทร์คิดในใจต่อท้าย แต่ยังมีสติมากพอที่จะยั้งปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้พูดออกไป




“เหมือนผมเลย”




หัวหน้าแผนกถอดแว่นแล้วขยี้ตา นรินทร์เพิ่งจะสังเกตตอนนี้เองว่าผมที่เซ็ตเอาไว้ของอีกฝ่ายตกลงมาเป็นหน้าม้า ยิ่งพอถอดแว่นออกมาแล้ว กฤติคนนี้ดู… น่ารัก




ถ้าหากได้ทำตอนอีกคนกำลังถอดแว่นนะ มันคงจะ…




“ว่าแต่คุณกลับได้แล้วมั้ง นี่ดึกแล้วนะ”




นรินทร์กระพริบตา ดึงตัวเองกลับมาที่เดิมอีกครั้ง ชายหนุ่มมองหน้าอีกคนที่ยังคงเป็นเหมือนเดิมกับทุกครั้งที่เคยเห็น แล้วตัดสินใจพูดสิ่งที่กังวลอยู่ออกมา




“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“งานเหรอ?”

“ไม่ใช่ครับ”




กฤติถอนหายใจเมื่ออีกคนพูดขัดขึ้นมาทันที ไม่ต้องพูดต่อเขาก็รู้ว่าอีกคนจะพูดเรื่องอะไร นี่เขาเสียเวลาที่จะได้ทำงานมาเพื่อเรื่องอะไรเนี่ย




“ครับ คุณจะคุยอะไร”




นรินทร์อัญเชิญตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะของชายหนุ่ม ยังดีที่กฤติไม่ได้ไล่เขาออกไปหรือทำอะไรที่น่ากลัวกว่านั้น หัวหน้าคนเก่งแค่นั่งหลังพิงพนักมองเขานิ่งๆ เท่านั้น




“เรื่องคืนนั้น… ผม... “

“...”

“ทำไมคุณถึงนิ่งจังเลยอ่ะ? เราเพิ่งจะนอนด้วยกันมานะ รอยเล็บคุณเพิ่งจะหายไปไม่นานเอง”




สีหน้ากฤติไม่เปลี่ยน แต่แววตาชายหนุ่มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยตอนที่ได้ยินประโยคนั้น



 

“แล้วผมต้องทำยังไงเหรอครับ?”

“มันต้องมีอะไรสักหน่อยหรือเปล่าครับ ที่ไม่ใช่ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นน่ะ”




กฤติถอนหายใจอีกครั้ง ผู้ชายที่แม้แต่โกนหนวดก็ยังบาดหน้าตัวเองคนนี้จะเอาเรื่องไร้สาระมารกสมองเขาไปถึงไหน




“มันเป็นแค่เซ็กส์เองนะคุณ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”

“แต่--”

“ทำอย่างกับคุณไม่เคยนอนกับคนในบริษัทอย่างนั้นแหละ”

“...”

“อ้าว ไม่เคยเหรอ? ขอโทษที”




พวกเขาตกอยู่ในความเงียบกันอีกครั้ง นรินทร์กำลังพยายามเรียบเรียงข้อมูลใหม่ที่ได้รับมา ส่วนกฤตินั้นกำลังคิดว่ากลับคอนโดตอนนี้รถจะยังติดอยู่หรือไม่




“คุณเคยนอนกับใครในนี้น่ะ? หลายคนขนาดนั้นเลยเหรอ?”




คำพูดของนรินทร์ดึงชายหนุ่มออกจากความคิดเรื่องการจราจร คิ้วของเขาขมวดลงอย่างไม่สบอารมณ์ คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจะมาวุ่นวายกับเรื่องบนเตียงของเขาทำไมกัน




“มันไม่เกี่ยวกับคุณ”

“แต่--”

“คุณจะอะไรนักหนาเนี่ย มันก็แค่เรื่องบนเตียงครั้งเดียว”

กฤติพูดพร้อมถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาปวดหัวเรื่องงานมาเป็นสัปดาห์ ยังต้องมารับมือกับเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกเหรอเนี่ย? วุ่นวายจริงๆ

“...”

“เซ็กส์ผมห่วยจนคุณไม่จำเลยเหรอ?”




ใบหน้าใต้กรอบแว่นมองสบตาอีกคน ก่อนจะหันหนีไปทางอื่นเมื่อชายหนุ่มถามแบบต้องการคำตอบอย่างจริงจัง ไม่ใช่การกวนประสาทเหมือนตอนที่เจ้าตัวเมามายเมื่อครั้งก่อนที่ขอให้ปลอบ




ให้ตาย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้นะ เขาจะปล่อยให้ผู้ชายคนนี้นอนจมขวดเบียร์ตายไปเลย วุ่นวายจริงๆ




“คุณจะเอาคำตอบแบบไหนล่ะ?”

“ความจริง”

“ก็ไม่ได้แย่”




กฤติกลอกตาเมื่ออีกคนเผยรอยยิ้มมุมปากเหมือนกับมั่นใจในตัวเองมากมายออกมา จะยินดีอะไรนักหนากับเรื่องแบบนี้เนี่ย




“แต่ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องพูดถึงอีก”

“แค่ชมก็ไม่ได้เลยเหรอ?”

“... เก่งดี”

“ขึ้นเงินเดือนให้ผมหน่อยได้มั้ย?”

“ผมจ้างคุณออกง่ายกว่านะ”

“เฮ้ๆ ผมแค่ล้อเล่นเอง”




นรินทร์ยกมือขึ้นมาเหมือนกับว่าตัวเองยอมแพ้อีกคน ตอนนี้ใบหน้าเรียบนิ่งใต้แว่นเริ่มแสดงอารมณ์อะไรบางอย่างออกมานออกเหนือจากความเหนื่อยใจ แล้วก็สายตาเรียบเฉย




ตอนนั้นเองที่นรินทร์ค้นพบว่า… เขาสนุก




มันถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขาที่จะได้เห็นมุมหลากหลายของอีกคนมากกว่าเสียงน่าเบื่อในห้องประชุม หรือท่าทางน่าเชื่อถือตอนที่คุยกับพนักงานใหม่อย่างซุกซน เขาชอบการที่อีกคนขมวดคิ้ว ทำหน้าเหนื่อยใจ ทำหน้าไม่สบอารมณ์ หรือแม้กระทั่งตอนที่หลับตาปี๋เพราะว่ากำลังจะถึงฝั่งฝัน



พูดแล้วก็อยากเห็นอีกเยอะๆ




“ผมเป็นเพื่อนเล่นคุณหรือไง?”




นรินทร์ยังคงมีรอยยิ้มกว้างกวนประสาทอยู่บนใบหน้า ไม่สะทกสะท้านกับคำถามนั้น




“ให้เป็นเพื่อนเล่นเหรอ? ได้นะ ผมเล่นเก่ง...มาก”



“...”




กฤติไม่ตอบอะไร และไม่อยากรู้ด้วยว่านรินทร์หมายถึงเล่นอะไร เขาใช้ความเงียบประจำตัวกดดันอีกฝ่าย คาดหวังให้ผู้ชายอีกคนยอมล่าถอยกลับบ้านไป แต่มันดันไม่เป็นแบบนั้น




“เอาหน่า ถ้าผมจำไม่ผิดผมเกิดก่อนคุณอีกนะ เรามาเล่นกันได้แหละ ผมไม่ถือ”

“แต่ผมถือ”

“งั้นวางเถอะ เดี๋ยวเมื่อยนะ ผมเป็นห่วง”

“ถ้าจะแค่ต้องการกวนประสาทผม คุณกลับบ้านไปเถอะ ดึกแล้ว”




โน้ตหัวเราะทั้งที่อีกคนกำลังทำหน้าหงิกลงและหงิกลงเรื่อยๆ หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะเกรงใจและเกร็งกับหัวหน้าแผนกที่เนียบตั้งแต่หัวจรดเท้ามากกว่านี้ แต่หลังจากที่พวกเขาได้ผ่านค่ำคืนแห่งเบียร์ร่วมสาบานด้วยกันมา นรินทร์ก็รู้สึกว่าเขาขยับเข้าไปใกล้หัวหน้าเล็กน้อย (ถึงแม้คืนนั้นเขาจะเป็นคนเดียวที่ดื่มก็เถอะ)




กฤติไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็นเสียหน่อย




“เรามาเล่นเกมกันมั้ยคุณ”




หัวหน้าแผนกคนเก่งหรี่ตามองอีกคน  เขาไม่เชื่อว่าเซลล์โคฯมากความสามารถอย่างนรินทร์จะนึกคึกชวนเขาเล่นเป่ายิงชุบหรือซ่อนแอบในที่ทำงานแน่นอน กฤติไม่ได้ตอบอะไรอีกคนกลับไป เขาเลือกที่จะเงียบ เพื่อดูท่าทีของอีกฝ่ายว่าจะมาไม้ไหนอีก




“...”

“...”

“ไม่อยากรู้หน่อยเหรอว่าเกมอะไร”




นรินทร์ถามอีกครั้งเมื่อรู้สึกเสียความมั่นใจเล็กน้อย รอยยิ้มของชายหนุ่มเริ่มเหือดแห้ง เขาวาดภาพในหัวเอาไว้ว่าหัวหน้าจะต้องกระตือรือร้น หรือไม่ก็ตวัดเสียงถามเขาด้วยความฉุนเฉียวเสียอีก




“ไม่”

“แต่ผมอยากบอก”




คำด่าหยาบคายวิ่งเข้ามาในสมองของกฤติทันทีที่อีกคนพูดแบบนั้น แต่การโวยวายออกไปไม่ใช่นิสัย กฤติเพียงแค่ขมวดคิ้วลงมาเพื่อให้อีกคนรู้ว่าเขาไม่พอใจเท่านั้น




“สนุกนะ เล่นกับผมน่ะ ผมเก่ง”

“...” นี่ก็ยังไม่เลิกหลงตัวเอง แต่กฤติคิดว่าการด่าอีกคนเป็นเรื่องที่เปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ เขาเลยนิ่งเหมือนเดิม

“ผมเชื่อว่าคุณจะไม่ปฏิเสธ”

“...” มันหลงตัวเองจริงๆ นั่นแหละ




กฤติใช้ความเงียบเป็นคำตอบ สำหรับคนอื่นมันอาจจะเป็นเหมือนกับคำบอกปัดอย่างสุภาพ แต่สำหรับนรินทร์แล้ว เขาถือว่าความเงียบของหัวหน้าคือการเชื้อเชิญ



 

“เรามา… เล่นเป็นคู่นอนกันนะครับ”





.

.

.



TBC







เขาเป็นเพื่อนเล่นกันค่ะ บ้าเอ๊ย

เราชอบคุณนรินทร์มากเลยค่ะ ขอสารภาพ 555555

ตอนสี่จะรีบมานะคะ ไฟกับลังลุกท่วม


สามารถคุยกับนี่ได้ที่ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 3rd Sunday -ไม่ใช่เรื่องใหญ่ - (15/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 15-11-2018 23:42:49
คุณกฤติสายบด แค่เพื่อนครับทุดๆคน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 3rd Sunday -ไม่ใช่เรื่องใหญ่ - (15/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 16-11-2018 07:18:58
หัวหน้าคือเย็นชาสุด55555555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 3rd Sunday -ไม่ใช่เรื่องใหญ่ - (15/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 16-11-2018 13:05:08
สนุกค่ะ ชอบหัวหน้าสุดเซกซี่ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 3rd Sunday -ไม่ใช่เรื่องใหญ่ - (15/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 18-11-2018 20:58:01
4th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์

 


ออฟฟิศยังคงเป็นเหมือนเดิม มีแต่พวกเขาที่เปลี่ยนแปลงไป 


นรินทร์เดินเข้ามาในออฟฟิศในวันจันทร์ถัดมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เขายิ้มทักทายตั้งแต่ป้าแม่บ้าน ยาม ยันคนแปลกหน้าที่ได้เจอกันในลิฟต์ เขาอารมณ์ดีมาก เพราะว่าเมื่อวานได้ใช้เวลากับเพื่อนเล่นอย่างสุดเหวี่ยง




เล่นกับกฤติคนนั้นนั่นแหละ




หลังจากคืนนั้นที่เขายื่นข้อเสนอไป กฤติเพียงแค่ปรายตามองราวกับว่านรินทร์เป็นหญ้าแห้งที่เกาะอยู่ตรงส้นรองเท้าเท่านั้น แต่นรินทร์ก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เขายังคงย้ำในข้อเสนอของตัวเองอย่างหนักแน่น




‘เป็นเพื่อนเล่นกันไงคุณ’

‘...’

‘คุณบอกว่าผมทำดีไม่ใช่เหรอ? ผมก็คิดว่าคุณโอเคเหมือนกัน เรามาเล่นกันบ่อยๆ ดีมั้ยคุณ? ผมนะ อยากลองหลายอย่างมากเลย”

‘...’

‘มาเล่นกันนะคุณ ผมเป็นให้ได้หมดอ่ะ อย่าแทงก้นผมก็พอ’




อาจจะเพราะกฤติรำคาญเลยยอมคุยกับชายหนุ่มอย่างเสียไม่ได้ พวกเขานั่งเถียงกันอีกเล็กน้อยในวันนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน จนมาเมื่อวันอาทิตย์นี่แหละ ถึงได้นัดมาเจอกันอีกครั้ง




สถานที่นัดไม่ได้พิเศษอะไร มันคือออฟฟิศของพวกเขานั่นแหละ


กฤติเบิกตานิดหน่อยตอนเขาบอกว่าอยากนัดมาคุยกันที่ออฟฟิศ แต่อีกคนไม่ได้ขัดอะไร แถมยังมาเร็วกว่าเวลาที่นัดไว้เสียอีก




“คุณนี่จริงจังกับเรื่องไร้สาระเก่งชะมัด”




นรินทร์ยิ้มรับคำชมนี้ เสื้อเชิ้ตพอดีตัวกับกางเกงยีนเข้ารูปของอีกคนมันดูดีคนละแบบกับเสื้อสูทภูมิฐานที่กฤติมักใส่ประจำ แต่ก็ยังคงเซ็กซี่อยู่ … อันที่จริง อะไรบนตัวกฤตินั้นก็ดูเซ็กซี่หมดนั่นแหละ ดูน่าปลดออกมากองไว้ที่พื้นทั้งสิ้น




“ผมออกมาเพราะว่าผมว่างเท่านั้น ไม่ต้องดีใจออกนอกหน้าก็ได้ครับ”




กฤติพูดกับอีกคนอย่างหมั่นไส้ พวกเขานั่งกันอยู่ที่โต๊ะทำงานของกฤติ ต่างกันตรงที่วันนี้ไม่ได้มีคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์หลายสิบสายให้ปวดหัว เพราะว่าแค่นรินทร์คนเดียว กฤติก็รู้สึกเหมือนจะปวดไมเกรนตลอดเวลาที่คุยด้วยแล้ว




“คุณได้ไปคิดมาแล้วใช่มั้ย?”




โน้ตเป็นฝ่ายจูงพวกเขาทั้งสองคนเข้าเรื่อง แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ครึ่งหนึ่งคือเขาเจอเรื่องที่จะมาพังความน่าเบื่อที่กำลังเผชิญอยู่ในทุกวัน อีกส่วนหนึ่งนั้นเขากำลังคิดภาพกฤติแสดงสีหน้าอย่างอื่นที่เขาไม่เคยเห็น




อยากรู้ว่าคนแบบนี้ตอนที่ทำหน้าออดอ้อนจะเป็นอย่างไร




“ครับ” กฤติพยักหน้ารับ ชายหนุ่มขยับแว่นประหนึ่งกำลังจะแทรกข้อเสนอแนะในที่ประชุม

“ผมไม่ยอมให้สลับตำแหน่งนะ ผมไม่ชอบรุก… หมายถึงเสียบน่ะ”

“ดีล ผมก็ไม่ยอมให้คุณยุ่งกับก้นผมเหมือนกัน”




กฤติปล่อยความกังวลเรื่องนี้ผ่านไป เขาล่ะกลัวเหลือเกินเวลาที่ได้เจอกับบคู่นอนคนใหม่ เรื่องโพสิชันสำคัญสำหรับเขามาก บางคนอาจจะได้ทั้งสองทาง แต่กฤติเจอทางของตัวเองแล้ว และจะไม่กลับไปรุกอีกเด็ดขาด




“ผมขอเสนอบ้าง… หลังจากเสร็จแล้ว คุณห้ามไล่ผมไปนอนโซฟา แบบคืนนั้นน่ะไม่เอาแล้วนะ ผมโคตรปวดหลัง”

“ก็คุณสกปรก”

“โอ๊ยคุณ นิดหน่อยเอง”




นรินทร์หัวเราะเสียงดัง ไม่ได้สนใจกฤติที่กลอกตาเลยสักนิด




“ไม่นิดหน่อย” กฤติยังคงยืนยันในสิ่งที่พูด “คุณซกมกอ่ะ”

“ตรงไหน ผมว่าผมก็ตัวหอมนะ ลูกสาวผมหอมแก้มเมื่อเช้า คุณมาลองดมผมก็ได้นะ”




นรินทร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคนอย่างติดจะแกล้ง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีกลิ่นน้ำหอมเย็นๆ โชยออกมา แต่กฤติก็ยังทำหน้าเหมือนกับว่าเขาถูกบังคับให้เปิดถังขยะเปียกอย่างไรอย่างนั้น 




“อย่ามาทำเตียงผมเลอะ”

“งั้นเราไปเปิดโรงแรมมั้ย? จะได้ไม่ต้องคอยซักผ้าปูด้วย ไม่ต้องนอนโซฟาด้วย”

“ห้องผมก็มี จะไปเปิดโรงแรมทำไม บ้าหรือเปล่าคุณ”

“งั้นทำที่โซฟา แล้วค่อยนอนบนเตียง”

“หรือไม่คุณก็ไปนอนระเบียง”

“แบ่งเตียงให้ผมหน่อยน่านะ นะครับ”

“แบ่งระเบียงให้ ไม่ก็อ่างอาบน้ำละกัน”

“งั้นเราทำที่ระเบียง แล้วค่อยนอนเรียงกันที่โซฟา”




พวกเขาถกเถียงกันอีกพักใหญ่ จึงได้ค่อยข้อสรุปว่าถ้าจะทำบนเตียงนรินทร์ต้องสะอาดก่อนถึงจะสามารถนอนด้วยได้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะขัดใจคุณพ่อลูกหนึ่งเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกว่าอันนี้ดีกว่าโดนไล่ไปนอนที่ระเบียงหรือโซฟาเยอะ เพราะเขาเชื่อว่ากฤติทำแน่นอน รายนี้ไม่มีใจอ่อนหรอก




ยืนยันคำเดิม กฤติแม่งดุอย่างกับเสือ




“คุณมีเรื่องอื่นอีกมั้ย?”




กฤติพูดขึ้นมาหลังจากที่ตกลงกันเรื่องนั้นแล้ว และพวกยิบย่อยเล็กน้อย อย่างเช่นห้ามทำรอย เพราะว่ามันดูไม่ดี ห้ามอัดคลิปวิดีโอเพราะถ้าหลุดขึ้นมาจะเป็นเรื่อง ห้ามฉีกหรือทำลายเครื่องแต่งกายของอีกคน (ตรงนี้นรินทร์เสียดายเล็กน้อย เขาอยากลองฉีกถุงน่องตอนที่มันอยู่บนขาอีกคนชะมัด)




“ห้ามนอนกับคนอื่น”




หัวหน้าหนุ่มเลิกคิ้วทันทีที่อีกคนพูดจบ เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าทะเล้นหรือรอยยิ้มขี้เล่นเหมือนกับทุกที แต่นรินทร์กลับมีเพียงแค่สีหน้านิ่งสนิทกับแววตาจริงจังที่มองตรงมาเท่านั้น




“ผมไม่เคยมีคู่นอน ปกติผมทำแค่กับแฟน ถ้าผมนอนกับคุณผมก็จะนอนกับคุณคนเดียว คุณเองก็ห้ามนอนกับคนอื่นนะ อยากแค่ไหนให้สะกิดผมเอา”

“...”

“ไม่ได้เหรอ?”

“...”

“ผมเก่งนะคุณ นอนกับผมคนเดียวก็ชนะคนทั้งโลกแล้ว”

“...”

“ผมอึดด้วยนะ ผมบอกคุณรู้ยัง?”

“...เรื่องนั้นผมรู้แล้ว”




กฤติเมินนรินทร์ที่ทำหน้าคล้ายกับว่าตัวเองถูกรางวัลที่หนึ่ง รางวัลที่สอง และรางวัลที่สามพร้อมกับในการซื้อหวยครั้งเดียว




“ก็ได้” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ายอมในที่สุด “แต่คุณต้องตรวจเลือดด้วยนะ”

“ได้ งั้นคุณด้วย”

“ไม่มีปัญหา”




ในตอนแรกนรินทร์ก็มีความเคอะเขินอยู่บ้าง แต่พอเห็นอีกฝ่ายพูดออกมาด้วยหน้านิ่งๆ เหมือนกับทุกอย่างเป็นการประชุมแผนกแล้วเขากำลังสรุปเรื่องที่จะต้องตามต่อจากลูกน้อง




“พวกเราจะทำแบบนี้กันนานแค่ไหน?”




กฤติถามขึ้นมาหลังจากตกลงหมดทุกอย่าง ด้วยนิสัยแล้วเขามักไม่ปล่อยให้รายละเอียดเล็กน้อยแต่สำคัญอย่างเรื่องของเวลาถูกปล่อยเบลอ การทำสัญญาหรือแม้กระทั่งตกลงเรื่องเล็กน้อยควรทำให้ครอบคลุม




“เดือนเดียวพอคุณ” โน้ตพูดแล้วโบกมือปัดอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย “ผมว่าแค่เดือนสองเดือนก็น่าจะพอแล้วมั้ง”

“โอเค เดือนนึงนะครับ”

“ได้”




พวกเขาคุยกันถึงกฎยิบย่อยอีกสามสี่ข้อ แต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ อย่างเช่นความสะอาด ยี่ห้อถุงยางที่ชอบ หรือแม้แต่ท่าทางที่ใครชอบไม่ชอบอะไร พอมานั่งคิดดูแล้ว กฎของพวกเขามีเพียงไม่กี่ข้อเท่านั้น




กฎของเพื่อนเล่น




กฎฉบับนี้ร่างขึ้นเพื่อเป็นเอกสารการรับรู้ของทั้งสองฝ่ายที่ลงชื่อ ซึ่งมีระยะเวลา 30 วันนับจากวันที่เซ็นสัญญา โดยเอกสารฉบับนี้ นี้ได้รับการยินยอมจากการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายแล้ว




รายละเอียดข้อตกลงมี 5 ข้อดังต่อไปนี้:


1. ไม่เปลี่ยนตำแหน่งรุกกับรับบนเตียง

2. ห้ามไล่ไปนอนโซฟา

3. ต้องสะอาดก่อนจะนอนบนเตียง

4. ห้ามเล่นกันจนเลือดตกยางออก

5. ห้ามนอนกับคนอื่น



ท้ายกระดาษคือการลงชื่อของพวกเขาทั้งสองคน กฤติทำหน้านิ่งแต่คิ้วขมวดเมื่อตัวเองต้องมาเซ็นเอกสารปัญญาอ่อนแบบนี้ ตอนแรกเขาก็จะไม่เซ็นอยู่หรอก แต่อีกคนเร้าหรือเหลือเกินเลยเซ็นๆ ให้มันจบ อีกทั้งมันเป็นแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น




แถมนรินทร์ก็ยังมากประสบการณ์อีกต่างหาก




ไม่อยากจะพูดมากให้อีกคนได้ใจ แต่อีกฝ่ายสามารถทำให้เขารู้สึกเหมือนลอยขึ้นไปบนฟ้า แล้วตกลงมาบนสวรรค์ เขาไม่ได้สุขสมขนาดนี้มานานมากแล้ว




แน่นอนว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับที่มีแต่เขาที่รู้ พอเห็นหน้ากวนประสาทของอีกคนแล้วชมไม่ลงจริงๆ




อย่าว่าแต่ชมเลย บางครั้งกฤติรู้สึกอยากจะเอายาหม่องมาป้ายตาดูสักที





หลังจากที่ตกลงกันเสร็จวันนั้น นรินทรท์ก็ใช่สิทธิ์เพื่อนเล่นหมาดๆ ด้วยการชวนอีกคนไปเล่นกันต่อที่ห้องของกฤติทันที




ครั้งนี้มันไม่ใช่เซ็กส์ แต่ก็มากพอที่จะทำให้นรินทร์เกร็งนิ้วมือจนเมื่อยไปหมด เขากับกฤติตกลงกันว่าจะยังไม่ทำอะไรกันจนกว่าจะตรวจเลือดก่อน ทั้งที่ความจริงเขาอยากจะตบก้นอีกฝ่ายแรงๆ แล้วกระชากเข้ามาประกบปากตอนที่อีกคนเดินนำหน้าเขาออกจากออฟฟิศในวันอาทิตย์ก็ตาม



กฤติโคตรดี นรินทร์การันตีได้ จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง




“พี่โน้ต หวัดดีครับพี่”




นรินทร์ถูกดึงกลับมาปัจจุบันด้วยเสียงเรียกของเด็กหนุ่มในแผนกที่ชื่อซุกซน เขายกมือรับไหว้เหมือนกับทุกที ไปๆ มาๆ เขาก็ทำงานกับเจ้าเด็กนี่มาสักพักแล้ว เป็นเด็กขยันขันแข็ง ไฟแรงตามสไตล์พวกจบใหม่ เสียเรื่องเดียวคือขี้โวยวายไปหน่อยเท่านั้น




“มาเช้านะเรา”

“รีบมาต่อแถวขึ้นลิฟต์น่ะพี่ แม่งชอบเสีย… อ้าว พี่กฤติ หวัดดีครับ”




ชายหนุ่มเบนสายตาตามซุกซนไปด้านหลัง  หัวหน้าแผนกที่วันนี้อยู่ในชุดเสื้อสูทกับกางเกงสแลคและรองเท้าหนังเหมือนทุกวันพยักหน้าพร้อมยิ้มรับเล็กน้อย ใบหน้าของอีกฝ่ายดูอิดโรยคล้ายคนนอนไม่พอ แต่ถึงแบบนั้น กฤติก็ไม่ได้แสดงอาการง่วงงุนให้เห็น




“สวัสดีครับซุกซน สวัสดีครับคุณโน้ต”




เสื้อสูทที่ติดกระดุมทุกเม็ดพร้อมถูกเนกไทสีเข้มนั้นปกปิดคอที่นรินทร์ชอบกัดเอาไว้เสียมิดชิด เขาเลียริมฝีปากเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เหมือนอีกคนจะรู้ว่าเขาคิดอะไร กฤติเพียงแค่ถลึงตาเขาแว๊บหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าห้องทำงานตัวเองแล้วปิดประตูไล่หลัง




“ปกติพี่กฤติเขาไม่ปิดประตูป้ะพี่” เด็กซุกซนตั้งข้อสังเกตขึ้นมา “วันนี้พี่แกเป็นไรวะ?

“อาจจะเครียด”




หรือไม่ก็เขิน




นรินทร์คิดต่อท้ายกับตัวเอง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเองขึ้นมาเตรียมทำงาน ในขณะที่ซุกซนหันไปทักทายพนักงานคนอื่นที่เริ่มทยอยกันเดินถือกระเป๋าเข้าออฟฟิศแทน



เวลาไหลช้าเหมือนเต่าพิการขี้เกียจคลานกำลังเดิน เขารอคอยจนเหงือกแห้งกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน ซึ่งก็คือเวลาที่เขานัดกับอีกคนไว้  ต้นสัปดาห์แบบนี้เหมาะแก่การที่พวกเขาสองคนจะนัดไป ‘เล่น’ กันมาก ไม่ใช่วันหยุดยาวที่มีงานต้องเคลียร์ และเป็นวันที่ทำคนต่างรีบรุดออกจากออฟฟิศจนไม่สนใจนรินทร์ที่ละล้าละลัง กับกฤติที่กลับดึกเป็นประจำเลยสักนิด




‘ก๊อกๆ’



นรินทร์เคาะห้องทำงานของหัวหน้า เขายิ้มบางๆ เมื่อคนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานเงยหน้าขึ้นมาจากจอคอมพิวเตอร์แล้วพยักหน้าเป็นคำอนุญาตให้เขาเข้าไปด้านในได้




พวกเขาแลกเปลี่ยนผลตรวจเลือดของกันและกัน กฤติไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เพราะเท่าที่คุยกับคุณพ่อลูกหนึ่งอีกฝ่ายน่าจะไม่ได้นอนกับคนเยอะอะไรขนาดนั้น อีกฝั่งแค่เสนอมาเพื่อความแฟร์ เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เสียหายอะไรถ้าจะต้องตรวจอีก ในเมื่อเขาตรวจประจำอยู่แล้ว



“งั้น…” กฤติหันไปมองคนที่เริ่มเปิดปากเพื่อที่จะพูดอีกครั้ง ใบหน้าคมของอีกคนมีรอยยิ้มอยู่เหมือนปกติ “เราก็มาเล่นกันได้แล้วใช่มั้ย?”

“คุณอดอยากมาจากไหน”

“โหยคุณ ผมก็คนนะ”




โน้ตโอดครวญ มันตลกเหมือนกันที่เห็นพนักงานคนเก่งที่มักจะสุภาพกับคนอื่นอยู่เสมออย่างนรินทร์ทำหน้าเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่นแบบนี้




“ช่วยตัวเองไปก่อนสิครับ ห้องน้ำบริษัทก็ไม่เหม็นนะ”

“แต่ผมอยากให้คุณช่วย”




ท่าทางหางลู่หูตกของนรินทร์นั้นเรียกเสียงถอนหายใจจากคนเป็นหัวหน้าได้ อาจจะเพราะขี้เกียจรำคาญหรืออะไรโน้ตก็สุดจะรู้ แต่ที่แน่ๆ วันนั้นพวกเขาเล่นกันอย่างสุดเหวี่ยงเลยทีเดียว






------- Sunday In Bed -------





นับจากวันนั้น พวกเขาก็ตกลงเป็นเพื่อนกันมาร่วมเดือนแล้ว



ช่วงแรกๆ มันเต็มไปด้วยความกะอักกะอ่วน นรินทร์ไม่เคยมีคู่นอน กฤติเองก็ไม่ได้ทำให้เรื่องของพวกเขาง่ายขึ้น อีกฝ่ายทั้งทื่อและแข็ง แถมยังชอบจ้องอยู่กับโทรศัพท์จนนรินทร์รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่คนเดียวในหลายครั้ง




ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่เซ็กส์ของพวกเขาจัดว่าเป็นขั้นสุดยอด




กฤติเด็ดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง เมื่อชิมบ่อยครั้งอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีว่าจะจืดจางลง ตรงกันข้าม โน้ตกลับค้นพบว่าชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่งภายใต้แว่นนั้น มีสีหน้าหลากหลายให้เขาเห็น




พอรู้ตัวอีกที พวกเขาก็ตกลงยืดระยะเวลา เล่นกัน ออกไปเสียแล้ว



“สัญญาครบแล้วนะ”




กฤติพูดขึ้นมานิ่งๆ หลังจากที่พวกเขาทำกันเสร็จ ผ้าปูที่นอนสีชมพูที่นรินทร์ตั้งใจซื้อมากวนประสาทเขาในช่วงแรกที่นอนด้วยกันถูกถอดออกไปเพราะว่ามันเลอะเกินกว่าที่กฤติจะทำใจหลับบนนั้นได้ เดือดร้อนคนที่ง่วงและอยากนอนเต็มแก่ต้องลุกขึ้นมาหยิบเปลี่ยนอีก




“เราต่ออีกได้มั้ย? ผมยังอยากเล่นเกมกับคุณอยู่เลย”



โน้ตพูดเรื่อยๆ ในขณะที่สะบัดผ้าปูผืนใหม่เตรียมเปลี่ยน ผืนนี้ก็เป็นอีกอันที่ทำให้กฤติหน้าบึ้งตอนที่ซื้อมา และนั่นเป็นปฏิกิริยาที่นรินทร์พึงใจจนยิ้มหน้าบานไปหลายวัน




การได้แกล้งคนมันมีความสุขขนาดนี้นี่เอง




ชายหนุ่มคิดพร้อมทั้งโน้ตเอาไว้ในใจว่าเขาจะซื้อผ้าปูที่นอนสีเขียวเรืองแสงมาแอบเปลี่ยนตอนเจ้าของห้องไม่รู้ตัวอีกผืน แค่นึกหน้ากฤติตอนที่มาเห็นเตียงตัวเองสีแบบนั้นเขาก็สนุกแล้ว




.

.

.


หนึ่งเดือนผ่านไป


“คุณนรินทร์ครับ สัญญาหมดวันนี้นะ”

“อย่าเพิ่งคุย… ใช้ปากให้ก่อน”

“คุยก่อน ไม่งั้นผมไม่ทำ”

“งั้นขอต่ออีกเดือน เร็วสิคุณ”


.

.

.


สองเดือนผ่านไป


“คุณโน้ต สัญญาเราจบวันอาทิตย์นี้นะ”

“ต่อๆ ขอยืดเป็นเดือนหน้าๆ”


กฤติถามนรินทร์ที่กำลังปล้ำจูบเขาอย่างรุนแรง หลังจากที่เจ้าตัวกลับจากประชุมผู้ปกครองของลูก และเอาเด็กหญิงไปฝากไว้ที่บ้านคุณย่า เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโน้ตตอบกลับมาแบบไม่ใส่ใจ อะไรก็ได้ขอให้เขาได้จูบกับอีกคนต่อก็พอ



.

.

.


สามเดือนผ่านไป


“ครบเดือนแล้วนะ”

“คราวนี้ต่ออีกสองเดือน”

.

.

.


สี่เดือนผ่านไป


“คุณ…”

“มีสัญญาเช่ารายปีมั้ย? ผมขอรายปีไปเลยละกันนะคุณกฤติ” 

“นานขนาดนั้น ผมเบื่อพอดี”

“งั้นขอแผนแบบ RMF ได้มั้ย? จบอีกทีตอนเกษียณ”

“จะบ้าเหรอ!”

“งั้นต่ออีกเดือนนะ”


.

.

.




จนตอนนี้ผ่านมาครึ่งปีแล้ว พวกเขายังคงไม่เลิกเล่นกันเลย เหมือนเป็นจิกซอว์สองชิ้นที่ต่อเข้ากันได้อย่างดีในเรื่องที่พวกเขาถนัด กฤติไม่เรื่องมากและตอบสนองได้ดีในแบบที่นรินทร์ชอบ ส่วนนรินทร์เองก็เล้าโลมและไม่เอาแต่ใจจนทนไม่ไหว




นอกเหนือจากนั้น นรินทร์ยังค้นพบว่าเขาสบายใจที่จะใช้เวลานอกเหนือจากการทำงาน และการอยู่บนเตียง กับหัวหน้าของตัวเองมากกว่าที่คิด




อย่างเช่นวันนี้ที่พวกเขาจะออกมาทานข้าวข้างนอกด้วยกัน นรินทร์เป็นคนขับเพราะครั้งที่แล้วหน้าที่โชว์เฟอร์เป็นของกฤติ พวกเขามักจะสลับกันขับแบบนี้ ไม่มีอะพิเศษ เพียงแค่ไม่ต้องการให้ใครเป็นคนเอาเปรียบอีกฝ่ายเท่านั้น ในตอนที่เขาเคาะพวงมาลัยรอคนที่ไล่ให้ขึ้นมาสตาร์ทรถก่อน ในหัวชายหนุ่มมีเรื่องลามกที่อยากทำอยู่แล้ว




แต่ที่ตื่นเต้นกว่านั้น คือผ้าปูสีเหลืองนีออนที่อยู่ที่เบาะหลัง




อยากเห็นจริงๆ ว่าอีกคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับผ้าปูสารพัดสีที่เขาสรรหามากวนประสาทอีกคน ถ้าให้นรินทร์เดา กฤติคงจะต้องทำหน้าหงุดหงิด แล้วบทรักของพวกเขาบนเตียงก็คงเป็นอะไรที่ร้อนแรงเหมือนกับทุกครั้ง




ก่อนที่ความคิดชายหนุ่มจะไปไกลกว่านั้น เจ้านายคนเก่งก็เปิดประตูขึ้นมา รอยยิ้มบางๆ ที่ประดับอยู่บนหน้าเหมือนกับอีกคนไปเจอเรื่องที่ดีมานั้นไม่คุ้นชิน แถมคำพูดที่ออกมาจากปากอีกคนก็ยังเป็นเรื่องที่ชายหนุ่มคิดไม่ถึงอีกต่างหาก




“คุณนรินทร์”

“ว่าไง?”

“ผมเจอกระต่าย”




ทำงานจนสติหลุดไปแล้วเหรอ กระต่ายอะไรจะมาวิ่งในออฟฟิศวะ?







------- 50% -------



ตอนแรกว่าจะไม่มา แต่ปั่นทัน อ่ะ จัดเลยละกัน
ขอให้ทุกคนแฮปปี้เพราะพรุ่งนี้วันจันทร์ค่ะ *หัวเราะทั้งน้ำตา*


ป.ล. กระต่ายไหนนะ อิ__อิ







สามารถคุยกับนี่ได้ที่ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
\

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- (18/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 18-11-2018 21:37:18
ครบหนึ่งปีคงมีผ้าปูที่นอนถึงร้อยเฉดสี
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- (18/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-11-2018 21:55:31
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- (18/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 19-11-2018 00:49:01
เอ๊ะ..กระต่ายอะไรคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- (18/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 19-11-2018 02:46:11
กระต่ายตัวนั้นคงเป็นน้องแทนแน่เลย แต่ไม่มีอะไรเย้ายวนใจไปกว่า คุณกฤติใส่น่อง คุณกฤติใส่ถุงน่อง!!! กรี๊ดดดดด ต้องแซ่บเบอร์ไหนคาะคุณ!?! ฮือออออ อยากได้ อยากมีคุณฤกติเป็นของตัวเอง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- (18/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 19-11-2018 07:55:30
น่ารัก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- (18/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 19-11-2018 18:29:55
ชอบทั้งคุณโน๊ตคุณกฤติเลย
คุณหัวหน้าเลี้ยงเด็กเก่งไหมคะ อยากให้เจอน้องนิ้งจัง

มีเรื่องน้องแทนใจกับพี่เมฆไหมคะ น้องดูน่ารักดี

 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- (18/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 21-11-2018 19:50:01
ชอบทั้วคุณโน๊ตคุณกฤติเลย
คุณหัวหน้าเลี้ยงเด็กเก่งไหมคะ อยากให้เจอน้องนิ้งจัง

มีเรื่องน้องแทนใจกับพี่เมฆไหมคะ น้องดูน่ารักดี

 :pig4:

สามารถอ่านเรื่องของแทนใจกับคุณเมฆได้ที่ เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.0;topicseen) ค่า XD
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- (18/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 21-11-2018 20:14:43
4th Sunday ---- 100% ----
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์







“กระต่าย?”


นรินทร์ทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเองนัก เขาหักเลี้ยวรถเข้าที่จอดรถของร้านอาหารประจำของกฤติ นรินทร์พามาได้ถูกร้านโดยไม่ต้องถามซ้ำ มันเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นขึ้นชื่อในห้างแห่งหนึ่ง ตามปกติแล้วนรินทร์ไม่ได้ชมชอบอาหารญี่ปุ่นมากกว่าอาหารชาติอื่นนัก แต่ดูเหมือนคนข้างกายเขาจะโปรดปรานมากเป็นพิเศษ


เขารู้ตั้งแต่ที่มากินด้วยกันรอบแรกแล้วค้นพบว่ากฤติกินเยอะกว่าปกติ

มันดูไม่ยากเลย ตามปกติแล้วกฤติจะเป็นมนุษย์ที่ทานน้อยมากถึงมากที่สุด และไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่พอเป็นร้านนี้ กฤติมักจะสั่งของกินเล่นในแบบที่เขาคิดไม่ถึง นรินทร์จำได้ว่าเขาเลิกคิ้วสูงมากตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายสั่งเมนูประจำตัว

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?”
“ไข่หวานย่างที่นึงครับ แล้วก็แซลม่อน สปริง โรลล์หนึ่งที่ แค่นี้ก็พอครับ”

กฤติสั่งอาหารอย่างเป็นธรรมชาติทั้งที่ยังไม่ได้เปิดเมนูด้วยซ้ำ ส่วนคนที่กำลังขมวดคิ้วใส่หน้าหนังสือเมนูเล่มใหญ่ในมือ พร้อมทั้งต่อสู้กับความกดดันจากสายตาพนักงานด้วยเพียงแค่กระแอมเบาๆ แล้วกวาดทุกอย่างที่เขาคิดว่าน่าจะอร่อยมา

“ผมขอยำสาหร่าย มัทสึซากะ ฟูล เฟรม 2 คำ กับข้าวผัดกระเทียมปลาไหลอะไรงิๆ เนี่ยครับ”
“... ข้าวผัดกระเทียมหน้าปลาไหลอุนางิราดไข่ออนเซ็นนะคะ”
“นั่นแหละครับ” นรินทร์บอกทั้งที่ตากำลังกวาดไปที่เมนูอื่นด้วย
“แซลม่อน เลิฟเวอร์เซ็ทนึงด้วยนะครับ อ่อ แล้วก็แซลม่อน เอ็นกาวะโรลล์, แซลม่อน สไปซี่โรลล์, แกรนด์ มัตซึ โรลล์…”

กฤติที่ก้มหน้าลงไปสนใจโทรศัพท์ตั้งแต่ตัวเองสั่งอาหารเสร็จเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสั่งเสร็จง่ายๆ ตาโต จากมุมของเขานั้น นรินทร์ห่างไกลจากคำว่า อ้วน หรือแม้กระทั่ง เจ้าเนื้อ ไปไกลมาก

ตั้งแต่ที่เห็นเว๊บแรก กฤติรู้สึกทันทีว่าผู้ชายคนนี้หล่อ เขาเป็นพวกหน้าตาเหมือนกับพระเอกละคร ตาโต แล้วก็มีรอยยิ้มที่ดูสดใสและใจดี อีกทั้งแววตาที่ดูเหมือนกับเจ้าชู้นิดๆ ยิ่งทำให้นรินทร์มีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ไหนจะหุ่นที่สูงชะลูดเหมือนพวกกนายแบบนั้น แล้วก็หน้าท้องที่แข็งโป๊กกับแผ่นอกแน่นนั่นอีกล่ะ

เป็นผู้ชายที่อยู่เฉยๆ แล้วดูเหมือนหลุดออกมาจากทีวี แต่พอเริ่มพูดทีก็รู้ว่าอยู่ตามสามแยกปากหมา

“นั่นคุณกินคนเดียว?”
“ใช่สิ ผมไม่ได้สั่งเผื่อคุณนะ ก็เห็นว่าสั่งไปแล้ว ถ้าอยากกินก็สั่งเอง”
“ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น” กฤติขมวดคิ้ว คนอะไรมันจะหวงของกินขนาดนั้น เขาปัดเรื่องนั้นตกแล้วพูดต่อ “คุณกินหมดหรือไง?”
“กินเยอะกว่านี้ก็ยังได้เลย”

ชายหนุ่มพยักอย่างกระตือรือร้น เขาหัวเราะอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กลืนลูกบอลทั้งลูก คนกินน้อยเหมือนแมวดมอย่างกฤติไม่เข้าใจหรอก

ตั้งแต่ที่เริ่มมาสนิทกันมากขึ้น นรินทร์เห็นว่าอีกคนเป็นคนที่กินน้อยมาก บางมื้อก็ไม่กิน ไม่ใช่เพราะรักษาหุ่น แต่เหมือนจะไม่ได้มีความสุขกับการกินอะไรขนาดนั้น อย่างวันที่เลี้ยงเขาเจ้าตัวเหมือนแค่สั่งมาให้เขากินเท่านั้น เพราะตัวเองไม่ได้แตะอะไรเลย

วันนี้ก็เหมือนกัน อาหารสองจานของอีกฝ่ายนั้น น้อยกว่าของกินเล่นของลูกสาวเขาด้วยซ้ำ

“ช่างเรื่องอาหารผมก่อน ที่คุณว่าวันนี้เจอกระต่ายคือยังไง?”

บทสนทนาในรถถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง นรินทร์สาบานว่าเขาเห็นแววตาวิบวับจากคนที่เป็นหัวหน้าตอนที่กำลังจะพูดเรื่องกระต่าย

“เมื่อเช้าผมสัมภาษณ์เด็กคนนึงมา เขาเหมือนกระต่ายเลยคุณ ตัวเล็กๆ ท่าทางตื่นกลัวตลอดเวลา น่ารักดี”

กฤติเล่าไปเรื่อยๆ บนใบหน้าของชายหนุ่มมีรอยยิ้มเอ็นดูประดับอยู่ ตอนนี้ฐานลูกค้าในเอเชียตะวันออกกำลังขยายเพิ่ม จากเดิมที่พนักงานคนเดียวสามารถดูแลลูกค้าได้ทั้งเกาหลี และญี่ปุ่น เริ่มทำไม่ไหว กฤติเห็นว่าซุกซนที่ต้องรับผิดชอบตรงนี้หัวหมุนเกินไปแล้ว เลยเปิดรับเพิ่มเพื่อขยายแผนก

เด็กที่มาสัมภาษณ์วันนี้ชื่อแทนใจ

เขารู้สึกเอ็นดูเด็กหนุ่มตั้งแต่แรกเห็น เหมือนสัตว์เล็กๆ ที่หลุดเข้ามาจากไหนก็ไม่รู้ การตอบคำถามทั้งจากฝ่ายบุคคลและหัวหน้าแผนกอย่างเขาเป็นไปด้วยความซื่อตรงและจริงใจ รวมไปถึงสกิลภาษาและพื้นฐานทางการศึกษาที่อยู่ในเกณฑ์ดี เขาตกลงรับเด็กคนนี้เข้าทำงานทันทีที่สัมภาษณ์จบ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคะแนนสอบ IELTS (ไอเอลท์) 8.0 ก็ตาม

อยู่ที่ว่าเด็กแทนใจจะตกลงกับที่บริษัทหรือเปล่าก็เท่านั้น

“เดี๋ยวนี้คุณเป็นหัวหน้าใจร้ายขนาดใช้แรงงานกระต่ายออกใบเสนอราคาแล้วเหรอ? เรามี พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์นะ”
“ใช่ เพราะถ้าไม่มีนะ คุณน่าจะไม่อยู่ถึงตอนนี้”
“โหยคุณ ว่าผมเป็นตัวอะไรเนี่ย?”
“เป็นอะไรก็ได้ โตแล้ว เลือกเอง” 
“ถ้าผมเป็นกระตาย คุณจะชมผมน่ารักมั่งมะ-- โอ๊ย!”

นรินทร์พูดพร้อมทั้งเอามือเท้าคางทำแก้มกลม ซึ่งสิ่งที่ได้กลับไปจากกฤติคือถั่วลันเตาที่ถูกปาเข้ากลางหน้าหนึ่งอัน

.
.
.

กฤติได้กระต่ายมาอยู่ในแผนกในสัปดาห์ถัดมา

นรินทร์ส่งยิ้มให้เด็กใหม่ที่ไหว้เขาปลกๆ เห็นบอกว่าชื่อแทนใจ นี่คือคนที่กฤติบอกว่ากระต่ายแน่นอนโดยที่อีกคนไม่จำเป็นต้องบอก ไม่ใช่เพราะเด็กนั่นเหมือนกระต่ายหรืออะไร แต่เพราะว่าหัวหน้าแผนกที่ถึงแม้จะหน้านิ่ง แต่แววตาเอ็นดูอีกคนอย่างออกนอกหน้า

ตอนที่เขามองหน้าเด็กแทนใจดีๆ ก็ค่อนข้างเข้าใจว่าทำไมกฤติถึงได้เอาแต่บอกว่ากระต่ายๆ เพราะแทนใจเหมือนกระต่ายมาก ตาโตๆ แก้มกลมๆ เห็นแล้วนึกถึงลูกของกระต่ายตัวเล็กๆ ที่กลัวไปมหดทุกอย่าง ถ้าเอาแบบไม่คิดอะไรก็น่ารักดี เหมือนมองน้องนิ้ง

ตัวเขาไม่ได้อะไรกับเด็กแทนใจหรอก แต่หัวหน้าเนี่ย ดูเหมือนจะอะไรกับเด็กนี่จริงๆ ซึ่งบางทีมันก็ทำให้นรินทร์รำคาญใจเล็กน้อย อย่างกับคนเพิ่งจะเคยเลี้ยงหมาตัวแรก หรือไม่ก็พวกเสี่ยจ้องจะเคลมเด็กเชียร์้บียร์ ซึ่งตอนที่เขาบอกกับอีกฝ่ายตามที่คิด นรินทร์โดนตีหน้าขาจนแดงเป็นปื้น อะไรวะ เรื่องจริงทั้งนั้น

พอแทนใจเข้ามาในแผนกได้ไม่กี่เดือน ก็มีคนเอ็นดูหลายคนตามประสาพวกชอบสัตว์เล็ก  ซึ่งหนึ่งในนั้นทำให้หัวหน้าของเขาหัวร้อน

คนนั้นก็คือเมฆ

เมฆ สิทธิกร คือ โปรเจคเมเนเจอร์หน้าหล่อต่างแผนก ทำงานกันคนละชั้น แต่มาวุ่นวายกับแผนกพวกเขาบ่อยจนแม้แต่เด็กซุกซนที่วันๆ เอาแต่กินขนมก็ยังรู้สึกได้ นรินทร์เคยคุยกับเมฆอยู่บ้าง ไม่ถึงกับสนิทสนมอะไรเพราะไม่ต้องทำงานข้องเกี่ยวกัน ชายหนุ่มไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเมฆกับกฤติถึงได้ดูสนิทสนมกันมากถึงขนาดที่เดินมาหากันบ่อยๆ

“ผมรำคาญเมฆ”

กฤติเป็นฝ่ายเริ่มพูดเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันสองคนในวันอาทิตย์หนึ่งที่เนตรไม่มีบิน ในเมื่อหญิงสาวจะอยู่กับลูก นรินทร์เลยระเห็จตัวเองมานั่งทำงานที่ออฟฟิศ คล้ายกับวันแรกที่เขาเมาแล้วหัวหน้าปลอบ ต่างกันตรงที่วันนี้เขานัดเพื่อนเล่นใส่แว่นคนโปรดของตัวเองมาด้วย

“ทำไมล่ะ?”
“คุณก็ดูเอาสิ วุ่นวายกับแทนใจอะไรขนาดนั้น”

กฤติพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ เหมือนเดิม ในขณะที่สายตายังไม่ละออกจากหน้าจอโน้ตบุ๊คของตัวเอง ส่วนนรินทร์นั้นเททุกอย่าง แล้วมานั่งกินโก๋แก่รสวาซาบิของโปรดอยู่ในห้องทำงานของอีกคน ความสุขเริ่มต้นง่ายๆ แค่มีโก๋แก่รสวาซาบิ

ถ้าเป็นวันทำงานปกติชายหนุ่มคงจะต้องคีพลุคอยู่ห่างๆ หัวหน้าแผนกเอาไว้ พวกเขาสองคนไม่ได้ตกลงกันเรื่องที่ต้องปิดเป็นความลับก็จริง แต่ทั้งนรินทร์และกฤติก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องเปิดเผยต่อคนทั้งบริษัทเท่าไหร่นัก

“แล้วคุณล่ะไปวุ่นวายอะไรกับเขา”
นรินทร์ยังคงโยนโก๋แก่รสวาซาบิใส่ปากอย่างไม่ใส่ใจ เรื่องชาวบ้านก็ควรจะเป็นงานของเราทำไม ในเมื่องานของเราเอง เรายังทำไม่เสร็จเลย
“ผมเป็นห่วงแทนใจเขา น้องซื่อ อาจจะโดนเมฆหลอก”
“ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขาหรอก คุณควรวุ่นวายกับผมดีกว่า”

กฤติไม่ได้ขยับตัวถอยหนีเมื่ออีกคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แววตาเจ้าชู้นั่นมีความต้องการฉายชัดจนรู้สึกได้อย่างไม่ต้องพยายาม เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ห้ามอะไรนรินทร์ยิ่งได้ใจ ตั้งเป้าหมายในใจว่าจะขโมยจูบอีกคนในห้องทำงาน ไม่แน่พวกเขาอาจจะได้ต่อกันในนี้โดยไม่ต้องหาที่ใหม่ให้วุ่นวาย

แต่ก่อนที่นรินทร์จะได้ทำอย่างใจนึก อีกคนก็พูดเสียงนิ่งๆ ขึ้นมาเสียก่อน

“ได้อินวอยซ์จากโปรเจกต์เมเนเจอร์แล้วเหรอครับ?”

ก็ไม่ต้องวุ่นวายกันด้วยเรื่องงานก็ได้มั้ง

นรินทร์เกือบทำโก๋แก่หลุดมือเมื่ออยู่ดีๆ หัวหน้าก็มาวุ่นวายกับเขาตามที่บอกจริงๆ ซึ่งงานนี้เขาได้รับเรียบร้อยแล้วแล้วเลยไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก แต่กันไว้ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง นรินทร์เลือกย้ายบทสนทนาของพวกเขาออกจากเรื่องงาน ก่อนที่อีกคนจะสวมบทเป็นหัวหน้าแผนกคนละเอียดเต็มตัว

“วันจันทร์ค่อยคุยละกันนะคุณ”
นรินทร์ทำเป็นไม่เห็นว่าอีกฝ่ายกลอกตา ชายหนุ่มเก่งอยู่แล้วในเรื่องการตีเนียนเปลี่ยนเรื่อง “เนี่ยคุณ อย่าไปวุ่นวายกับแทนใจเลย ต่อให้เมฆจะจีบเขาก็เถอะ น้องมันโตแล้วนะ”
“ผมไม่อยากให้เขาเจอสิ่งไม่ดีนี่คุณ”

กฤติพูดไปตามที่คิด เขาเอ็นดูแทนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เขาจำได้ว่าจ้องอีกคนไม่วางตาตอนสัมภาษณ์ ยิ่งได้ทำงานด้วยกันเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามองไม่ผิด น้องเป็นเด็กซื่อ เขาไม่อยากให้ใครทำความสดใสตรงนั้นหายไป

“เมฆอาจจะนำสิ่งดีๆ ให้แทนใจก็ได้นะ แบบที่ผมทำให้คุณเจอสิ่งดีๆ ไง”
นรินทร์พูดติดตลก พลางหยิบปลาหมึกแห้งขึ้นมากิน โดยไม่สนใจว่าคนรักความสะอาดจะถลึงตาโตแค่เมื่อห้องของตัวเองเต็มไปด้วยกลิ่นอาหารทะเล หรือไม่ก็ถลึงตาในคำพูดของชายหนุ่มก็ไม่อาจรู้ได้

“ผมก็ไม่อยากให้เขามาวุ่นวายกับแทนใจอยู่ดี”
“ทำไมอ่ะ?”
“เมฆไม่เหมาะกับแทนใจหรอก”
“แต่ผมว่าเหมาะ”
“เขาไม่มีทางจริงใจกับแทนใจ”

 ทันทีที่อีกคนพูดจบนรินทร์ก็กินหมดพอดี ชายหนุ่มโยนถุงปลาหมึกทิ้งไป แล้วหยิบขวดน้ำอัดลมที่ถือติดขึ้นมาเปิดดื่ม ตาเขายังคงมองเจ้าของห้องที่มองตรงมาทางเขาเช่นกัน

“คุณรู้ได้ไง? ตั้งแต่ผมรู้จักหมอนั่นมา ผมไม่เคยเห็นเขาจะสนใจใครเลยนะ สนใจออกนอกหน้าขนาดนี้ผมว่าน่าจะะจีบจริง”

นรินทร์ไม่ได้พูดผิดนัก ถึงแม้จะไม่สนิทแต่ก็รู้จักกันมากพอที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน อีกอย่าง เขายังไม่เคยเห็นชายหนุ่มต่างแผนกคนนั้นบ่อยเท่าช่วงหลังมานี้ หรืออาจจะเพราะอีกคนเพิ่งจะเริ่มเปลี่ยนตำแหน่งจากเอนจิเนียร์มาเป็นโปรเจคเมเนเจอร์เขาก็สุดจะรู้ได้

“ก็เพราะคุณไม่รู้จักไง ถึงได้ไม่รู้ว่าหมอนั่นนิสัยเสีย”

นิสัยเสียเหมือนคุณ

กฤติต่อท้ายในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป ไม่ใช่เพราะว่าเกรงใจ แต่เขากำลังหงุดหงิดเสียงเปิดถุงขนมของอีกคน ถ้าไม่บอกว่าแก่กว่า เขาคงคิดว่านรินทร์คือเด็กประถมที่ติดขนมจนคุณแม่ต้องพาไปหาหมอฟันทุกสามเดือนแน่นอน

“เรามาพนันกันมั้ย?”

เสียงจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเรียกความสนใจกฤติกลับมาได้อีกครั้ง นรินทร์ที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่บนหน้าพร้อมทั้งแววตาที่เหมือนกำลังเจอเรื่องสนุกนั้นไม่ใช่สิ่งที่กฤติชื่นชอบเลยสักนิด

“พนันอะไร?”
“เรื่องเมฆกับแทนใจไง ถ้าเมฆมันเข้าหาแทนใจจริงๆ ผมชนะ แต่ถ้ามันแค่ม่อหรือแค่แหย่เล่นๆ คุณก็ชนะไป”
“ไร้สาระ”

หัวหน้าหนุ่มขึ้นมาทันทีที่ฟังจบ พร้อมหันกลับไปสนใจหน้าจอคอมตรงหน้าต่อ คล้ายกับเรื่องเมื่อครู่คือเรื่องสั้นไม่ประเทืองปัญญาที่ออกมาจากปากคนสติไม่เต็มเต่ง

“โหยคุณ ก็ขำๆ ไงครับ” นรินทร์ยังคงพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่มีอยู่บนหน้า และความคิดชั่วร้ายในหัว
“ผมไม่ขำ”
“เป็นคนแบบนี้ไงเลยหน้าแก่”

นรินทร์ยังคงยิ้ม ทั้งที่อีกคนตวัดตามองเอาเรื่อง เขาพูดไปแบบนั้นแหละ กฤติแค่ดูนิ่งแล้วก็ภูมิฐาน แต่ไม่ได้หน้าแก่อย่างที่เขาหยอกอีกคนไปหรอก

“มันจะมีอะไรต้องกลัวกันคุณ ถ้าคุณมั่นใจในความเชื่อของตัวเอง ก็มาพนันกับผมดิ”

กฤติขมวดคิ้ว และยิ่งหน้าหงิกกว่าเดิมเมื่อคนที่นั่งตรงข้ามจงใจกวนประสาทด้วยการกระดกน้ำอัดลมพร้อมทั้งยักคิ้วมาให้เขาเป็นเชิงท้าทาย ลึกๆ ในใจ กฤติคาดหวังให้ลูกน้องตัวเองสำลักน้ำอัดลมแล้วสลบไป จะได้ไม่ต้องมานั่งกวนประสาทเขาอยู่แบบนี้

“ถ้าผมชนะ ผมจะได้อะไร?
“แล้วแต่คุณเลย” นรินทร์ปิดขวดน้ำอัดลม รอยยิ้มกว้างยิ่งดูกวนประสาทเป็นสิบเท่าในสายตาของกฤติ “ผมยอมทุกอย่างแหละ”
“แล้วถ้าผมแพ้ล่ะ?”
“คุณก็ต้องยอมผมบนเตียง”
“...”
“ขำๆ หน่าคุณ ผมมีหลายท่าที่ไม่เคยทำกับเนตรแต่อยากลองมานานแล้ว ถ้าผมชนะคุณก็ต้องยอมทำตามที่ผมอยากทำแค่นั้นแหละ ส่วนถ้าคุณชนะนะ คุณจะสั่งอะไรผมก็ทำตามทั้งนั้น”

ข้อเสนอแสนเย้ายวนใจทำให้กฤติคิดตาม เขาเองก็มีเรื่องที่อยากทำกับคู่ขาบ้าง ตามปกติเขาไม่ใช่คนชอบพูดเลยไม่ค่อยได้ขอหรือเรียกร้องอะไร ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน

ในส่วนของนรินทร์นั้น ในหัวเขามีภาพที่อีกคนใส่ถุงน่องโก้งโค้งหันสะโพกมาให้เขาพร้อมทั้งหันหน้ามามองอย่างอ้อนวอนเรียบร้อย ให้ตายสิ แบบนี้เขาจะอดใจไม่ฉีกถุงน่องของอีกคนออกได้ยังไงกัน?

มันจะสักเท่าไหร่เชียว จะขาดอีกกี่คู่เขาก็ซื้อให้ได้ แถมผ้าปูที่นอนลายกระต่ายด้วยเลยก็ได้

“ผมจะยอมเล่นพนันงี่เง่านี่กับคุณก็ได้”

ท่าทางที่อีกคนลุกขึ้นมาปรบมือถูกใจนั่นทำให้กฤติกลอกตาอีกครั้ง คิดถูกหรือเปล่านะที่ตกลงไปแบบนั้น แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ปฏิเสธหรือพูดอะไรเพิ่ม คนคิดเกมก็โยนขวดน้ำอัดลมของตัวเองลงถังขยะ พร้อมกับรอยยิ้มประจำตัวของเขา
“เตรียมตัวรอไว้เลยนะคุณ”
“...”
“ผมชนะแน่”

กฤติขมวดคิ้วกำลังจะไล่อีกคนกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร อีกคนที่เอามือเช็ดกับเสื้อลวกๆ ก็ประกบจูบเข้ามาอย่างที่เขาไม่ทันตั้งตัว

หัวหน้าแผนกหลับตา มือของเขาเอื้อมไปคว้าใบหน้าของอีกคนกลับเปลี่ยนทันทีเมื่อรู้สึกว่าจูบครั้งนี้มันไม่ปกติ

“...อื้อ!”
“โอ๊ย!!!”

กฤติกัดลิ้นเขา!

นรินทร์ถอยออกมาทันทีเมื่อรู้สึกเจ็บ รสเลือดคลุ้งไปทั่วปาก ในหัวมีคำสบถมากมายพร้อมกับความไม่เข้าใจ คุณพ่อลูกหนึ่งตวัดตามองอีกคนอย่างโมโห และไม่เข้าใจ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้มากัดลิ้นกันแบบนี้ ทั้งที่ตกลงจะเป็นเพื่อนเล่นกันแล้วแถมคุยกันไปว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายกันน่ะ

ในตอนที่จะต่อว่าอีกคนนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นว่าหัวหน้าแผนกไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติ ใบหน้าขาวที่มักจะเรียบนิ่งเสมอตอนนี้มีสีแดงขึ้นบริเวณปรางแก้มเด่นชัด ริมฝีปากที่ปกติเป็นสีอ่อนนั้นกลายเป็นสีเข้ม แต่สิ่งที่นรินทร์ไม่คิดว่าจะเห็นนั้นก็คือ นัยน์ตาใต้แว่นของอีกคนที่มองตรงมาอย่างไม่พอใจมีน้ำใสๆ คลออยู่

คุณกฤติร้องไห้?

“คุณ…”
“...”

เขามองการกระทำของอีกคนนิ่งเหมือนกับหุ่นยนต์ถ่านหมด กฤติไม่ได้พูดอะไรออกมามากกว่านั้น เพียงแค่นั่งน้ำตาไหล มือของหัวหน้าแผนกยกขึ้นมาเช็ดปากตัวเองรัวๆ มองซ้ายมองขวา เขย่าขาเร็วๆ เหมือนคนที่ทนไม่ไหวกับอะไรสักอย่าง 

“คุณ?”
“...ผะ…เผ็ด”
“...
“เผ็ด!” กฤติที่เหมือนจะกลับมาเป็นคนเดิมพูดกับนรินทร์ ใบหน้าเรียบนิ่งตอนนี้มีความไม่พอใจฉายชัด “คุณเป็นบ้าอะไรถึงได้เอาปากเผ็ดๆ แบบนั้นมาจูบผมน่ะ!”
“เผ็ดอะไรวะคุณ?”
“วาซาบินั่นไง!” กฤติตวัดเสียงตอบ ตั้งแต่รู้จักกันมาเป็นปี เขาเพิ่งเคยเห็นอีกคนแสดงสีหน้าเต็มที่ขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย
“แค่วาซาบิปลายลิ้นผมเองเนี่ยนะ?”
“ผมไม่กินเผ็ดนะ แค่นี้ก็เผ็ดเกินไปแล้ว”
“...”
“ต่อไปนี้นะ ถ้าคุณจะกินอะไรแบบนี้อีกอย่าเข้าใกล้ผม”

นรินทร์ยิ้มกว้างแบบไม่ได้ตั้งใจ ให้ตาย เขาจะไปเหมาโก็แก่วาซาบิมาอีกสักสิบถุง ผ้าปูที่นอนอีกสักสิบสี คืนนี้ถ้าอีกคนไม่ร้องไห้เพราะเขาทำแรงไปก็ต้องร้องเพราะวาซาบินี่แหละวะ

“คุณนี่แม่ง…”

น่าทำให้ร้องไห้เป็นบ้า

“อะไร?”

กฤติที่หายเผ็ดแล้วกลับมาหน้านิ่งเหมือนเดิม ยกเว้นแต่สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่นรินทร์ไม่ได้สนใจมันมากนัก เขามีเรื่องอื่นในหัว

“รีบๆ แพ้พนันผมนะ ผมจะรอ”


แล้วนรินทร์ก็โดนกระดาษโพสอิทเขวี้ยงใส่หัวทันที






------- TBC -------



คิดว่าคุณนรินทร์ชาตินี้จะได้เห็นคุณกฤติใส่ถุงน่องมั้ยคะ? XD
คุยกันได้ที่ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ น้า



 
ป.ล. น้องแทนใจ กับคุณพี่เมฆมาจาก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจัทร์ นะคะ อ่านแยกได้ค่ะ ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าอ่านรวมทั้งคู่ก็จะเห็นตัวละครหลายมุมมากขึ้นค่า XD
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- 100% - (21/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 21-11-2018 21:25:49
เราก็รอคุณกฤติใส่ถุงน่องอยู่เหมือนกันค่ะ
 :m10: :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- 100% - (21/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-11-2018 05:35:35
เราก็รอคุณกฤตใส่ถุงน่องนะคะ :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- 100% - (21/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 24-11-2018 22:20:10
โอ่ยยยย ขนาดนี้แล้วยังจะเป็นแค่เพื่อนเล่นกันอยู่หรอคะเนี่ย555 เชียร์คุณนรินทร์ชนะพนันค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- 100% - (21/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-11-2018 10:24:46
นั่นนนน คู่นี้มีซัมติง จริง ๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- 100% - (21/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 28-11-2018 21:53:28
5th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์




กฤติเห่อแทนใจแบบที่นรินทร์รู้สึกรำคาญ




ทุกวันนี้อีกฝ่ายทำให้เขานึกถึงพวกคนที่เพิ่งเคยเลี้ยงหมาเข้าไปทุกที ขนาดวันที่แทนใจมาสายจนเกือบจะประชุมไม่ทัน หัวหน้าแผนกยังแค่ยิ้มให้แบบใจดีแถมด้วยการกล่าวตักเตือนนิดหน่อยเท่านั้น ลองเป็นเขาสิ ถ้ามาสายแบบนั้นน่าจะโดนเหน็บแนมตั้งแต่เช้ายันเย็นแน่นอน




“คุณไม่ยุติธรรมเลย”




นรินทร์พูดออกมาทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อกลางวัน วันนี้เป็นวันศุกร์สบายๆ ตอนที่เขากำลังนั่งคุยงานกับกฤติอยู่นั้น เด็กแทนใจมาเคาะประตูถามเฉยๆ ว่าจะฝากซื้ออะไรมั้ยเพราะเจ้าตัวกำลังจะลงไปซื้อกาแฟทานข้างล่าง แค่นั้นคุณหัวหน้าแผนกกลับยิ้มอยู่นั่น เหมือนคนที่เพิ่งมีลูกหมาตัวแรกในชีวิตอย่างไรอย่างนั้น




“อะไรของคุณ?”

“คุณไม่ยุติธรรม”




กฤติขมวดคิ้วเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม วันนี้เขามีประชุมจนถึงเกือบสามทุ่ม พอออกมาตั้งใจว่าจะเอากระเป๋ากับของในห้องทำงานแล้วค่อยขับรถกลับบ้าน ก็เจอนรินทร์ นั่งรออยู่ พอถามถึงได้รู้ว่าวันนี้ลูกสาวไปเข้าค่ายต่างจังหวัด เลยจะขอไปนอนด้วย กฤติเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร




“แค่แทนใจคุยด้วยนิดเดียวคุณก็ยิ้มแล้ว พอเป็นผมพูดบ้างคุณปาถั่วใส่หน้า อะไรเนี่ย ไม่แฟร์เลย”

“คุณเป็นแทนใจเหรอ?”

“ไม่ใช่”

“แล้วทำไมผมต้องแคร์?”




ชายหนุ่มถามแค่นั้นแล้วสนใจโทรศัพท์มือถือต่อ คิ้วของหัวหน้าหนุ่มขมวดมุ่นเมื่อคนที่ทักมาวันนี้ไม่มีทีท่าจะหยุดประเด็นสนทนาง่ายๆ น่ารำคาญจริง



“คุณทำร้ายหัวใจลูกน้องแบบนี้ได้ไงเนี่ย ผมเสียใจนะ”

“...”

“จะร้องไห้แล้ว”

“...”

“นี่เศร้านะ”

“...”

“นี่คุณยังอยู่บนโลกหรือเปล่าเนี่ย?”




นรินทร์หันหน้าไปถามคนข้างๆ วันนี้รถติดมากเนื่องจากเป็นวันศุกร์ปลายเดือน แถมยังเป็นเส้นที่มีการทำถนน ดังนั้นการที่รถของพวกเขาจะยังไม่ไปไหนทั้งที่ดึกแล้วถือว่าไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายเลยแม้แต่น้อย




“คุณกฤติ?!”

“ครับ?”

“ทำไมคุณไม่ตอบผม?”

“เวลาที่มีคนมาพูดจาไร้สาระด้วย ผมจะไม่ฟังทันทีน่ะครับ มันไม่มีประโยชน์”




โอโห เจ็บกว่าโดนไล่ออกอีก




โน้ตคิดในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาเหยียบคันเร่งเมื่อรถคันหน้าเริ่มเคลื่อนตัว ในขณะที่กฤติวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง นรินทร์นั้นยุ่งกับความคิดที่ว่าเขาไร้สาระขนาดที่อีกคนไม่ฟังเลยเหรอ? เฮ้ย บ้าหน่า ขนาดน้องนิ้งลูกสาวยังบอกว่าเขาเป็นพ่อที่ดีที่สุดที่เคยมีมาเลยนะ




ลูกสาวเขาเคยมีพ่อแค่คนเดียวเท่านั้น และนรินทร์คือที่หนึ่ง จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดหนึ่งคน

 


“คุณหิวมั้ย?”




เจ้าของรถถามขึ้นมา กฤติกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วยัดเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง บางครั้งเขาก็อยากปิดมือถือบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งรับรู้งานหรือแม้แต่เรื่องที่ไม่ใช่งานแต่รบกวนเวลาส่วนตัวแบบนี้




ถึงแม้จะเป็นรถของเขาแต่วันนี้นรินทร์เป็นคนขับ โดยที่เจ้าตัวให้เหตุผลว่าอยากลองรถยุโรปบ้างเพราะของตัวเองเป็นรถญี่ปุ่น ซึ่งถึงแม้จะไม่เข้าใจเท่าไหร่นักแต่กฤติคิดว่าเขาไม่ควรถือสาคนบ้าเลยยอมเลยตามเลย ซึ่งก็จัดเป็นเรื่องดีเพราะเขาจะได้มีโอกาสตอบอีเมลกับแชทด้วยเลย




“หิว”

“จะแวะทานอะไรก่อนเข้าห้องมั้ยครับ?”

“คุณอยากกินอะไร?”




นรินทร์หันหน้ามามองคนข้างตัว เขามองกฤติที่กัดริมฝีปากแล้วเหลือบตาขึ้นด้านบนเหมือนกับกำลังใช้ความคิด เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น สีหน้าของอีกคนก็กลับมานิ่งอย่างเคย




“ไม่ล่ะ คุณอยากกินอะไร?”

“คุณ”

“...”

“ผมอยากกินคุณมากเลย เฮ้ยคุณ เราจอดข้างทางเลยได้มั้ย? ผมมีถุงยางในกระเป๋าเสื้อ คุณมีเจล-- โอ๊ย!”




ก่อนที่นรินทร์จะได้สานต่อสิ่งที่ตัวเองคิด กฤติตะปบมือไปบนขาอ่อนของอีกคนแล้วหยิกจมเนื้อ ยังดีที่นรินทร์มีสติมากพอที่จะไม่หักรถออกข้างทาง ไม่งั้นกฤติกับเขาได้ไปประชุมแผนกต่อในสวรรค์แน่




นรินทร์มั่นใจว่าถ้าเอาเสือกับสิงโตมาสู้กันนะ กฤติชนะแน่




จะดุไปไหนวะ




“คุณจะเล่นเกมพนันอะไรของคุณไม่ใช่หรือไง?”




เสียงนิ่มๆ ของหัวหน้าแผนกถามขึ้นมา นรินทร์ที่กำลังแอบใส่เขาให้กับหัวหน้าในใจถึงกับหยุดทุกอย่างกลางคัน แล้วหันมาสนใจคนที่นั่งอยู่ด้านข้างแทน




“ก็ใช่…”

“ชนะพนันให้ได้สิ แล้วจะทำอะไรค่อยทำตอนนั้นเอาละกัน”




นรินทร์หมายมั่นปั้นมือในใจเป็นรอบที่ร้อย ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องเป็นผู้ชนะให้ได้





 

------- Sunday In Bed -------




“พี่โน้ต หวัดดีครับ”

“ไงเรา มาเช้านะเนี่ย”




โน้ตรับไหว้ซุกซน เด็กในแผนกที่เอ่ยทักในเพนทรี่ ซุกซนเป็นเด็กหน้าจีน ติดจะขาวเหลืองและพูดเสียงดัง ยังดีที่เด็กนี่รู้ว่าตอนไหนควรเล่นและตอนไหนไม่ควร จึงไม่ได้ทำให้เขาหรือคนอื่นในแผนกรู้สึกว่าโดนปีนเกลียวเท่าไหร่




ตอนแรกนรินทร์นั่งกินข้าวอยู่กับคนที่เขากอดก่ายอยู่เมื่อคืน แต่อีกฝ่ายลุกขึ้นไปซื้อโกโก้ร้อน จึงเหลือเพียงแค่จานข้าวกับแก้วน้ำวางไว้เท่านั้น สิ่งที่เขาไม่เคยเข้าใจก็คือทำไมกฤติถึงได้ขึ้นมาข้างบนเพื่อวางกระเป๋า แล้วต้องลงไปซื้อของข้างล่างอีกรอบ ไม่ยอมซื้อให้จบในทีเดียว




ไลน์!




ไลน์แจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่เขาไม่ได้สนใจมาสักพักดังขึ้น เมื่อนรินทร์หยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นไลน์แผนกของพวกเขาเอง เปิดจากหัวหน้าแผนกที่ลงไปซื้อของกิน




Sales Co Team (18)

คุณกฤติ : วันนี้ผมอนุโลมให้เป็นประชุมตอน 10:00 แทนนะครับ

คุณใหม่ : ใหม่รักพี่กฤติค่ะ ฮืออออ

คุณฝน :  ตอนนี้น้ำหน้าบ้านฝนท่วมสูงกว่าเงินเดือนอีกค่ะ

คุณฝน : ว่าจะรอน้ำลดก่อนแล้วค่อยออก ขอบคุณที่เลื่อนประชุมนะคะ

คุณฝน : *สติกเกอร์ขอบคุณ*

ซุกซน : *สติกเกอร์โอเค*

คุณกฤติ : ตามนั้นครับ



 

นรินทร์เลิกคิ้ว รอยยิ้มมุมปากของชายหนุ่มค่อยๆ ปรากฏขึ้นเมื่อเขานึกอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้



 

คุณโน๊ต :*รูปภาพสวัสดีวันจันทร์*



 

กรุ๊ปแชทเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่คนเป็นหัวหน้าจะมาปิดแชท



 

คุณกฤติ : แต่วันนี้ใครป่วยไม่มีใบรับรองแพทย์ มาคุยกับผมในวันอังคารด้วยนะครับ



 

ในกรุ๊ปมีแค่นั้น ส่วนในแชทส่วนตัวของคุณนรินทร์นั้น มีข้อความใหม่ล่าสุดจากหัวหน้าแผนกพิมพ์เอาไว้



 

คุณกฤติ: คุณนรินทร์

คุณกฤติ: กวนตีนครับ



 

นรินทร์ยิ้มกว้าง แหม่ ให้ตาย เขานี่รักวันจันทร์จริงๆ เลย




หลังจากนั้นนรินทร์ก็นั่งกินข้าวของตัวเองไป โดยมีเด็กซุกซนชวนคุยไปเรื่อย เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งประตูห้องเพนทรี่เปิดออกพร้อมกับผู้มาใหม่สองคน




ท่าทางพระเจ้าจะแทงพนันข้างเขาหมดหน้าตัก นรินทร์ยิ้มย่องในใจเมื่อเห็นเมฆเดินนำแทนใจเข้ามาพร้อมกับถุงอาหารในมือ รอยยิ้มใจดีของเมฆที่มีให้กับแทนใจ พร้อมทั้งท่าทางเอ็นดูอีกฝ่ายอย่างออกนอกหน้าเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นตาสำหรับนรินทร์มากนัก




“อ้าว ซุกซน”

“ทักเหมือนเห็นผี นี่เพื่อนเอง”




 นรินทร์กินข้าวตรงหน้าอย่างเงียบๆ ด้านข้างของเขามีซุกซนที่กำลังคุยกับแทนใจแบบกัดกันเหมือนปกติ ส่วนเมฆนั้นเดินไปที่ตู้เพื่อหยิบชามสองใบมาวางไว้บนโต๊ะ ใกล้ๆ กับพวกเขา แล้วเริ่มลงมือเทโจ๊กสองถุง ของตัวเอง และของแทนใจ




“คุณเมฆ เทให้ผมทำไมเนี่ย” แทนใจโวยวายขึ้นมา ในขณะที่เมฆนั้นเพียงแค่ยิ้มใจดีให้อีกคน แล้วตอบกลับไป

“ก็คุณมาช้าไง ผมกลัวมันเย็น”

“พระเอกมาก!!”




ซุกซนชงคู่นี้แล้วปรบมืออย่างคึกคัก โน้ตเก็บจานของตัวเองไปวางไว้บนซิงค์ล้างจานหลังจากที่ทานเสร็จ เมื่อคิดอะไรดีๆ ได้ ชายหนุ่มจึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพตรงหน้าอย่างว่องไว แล้วแอบส่งไลน์หาอีกคน




นรินทร์ : คุณกฤติ

นรินทร์ : กระต่ายของคุณอยู่กับหมาเมฆนะ

นรินทร์ : *รูปภาพเมฆกับแทนใจ*




ตามปกติแล้วนรินทร์ไม่ใช่คนที่จะมาแอบถ่ายภาพคนอื่นแล้วส่งในแชทแบบที่พวกผู้หญิงในแผนกชอบทำกัน แต่วันนี้เขายอมแหกกฎตัวเองเล็กน้อย เพื่อเหตุผลเดียวเท่านั้น คือกวนประสาทกฤติ




ช่วยไม่ได้ ใครใช้ทำให้ตัวน่าแหย่แบบนี้กันล่ะ




“พี่โน๊ตนี่โชคดี ได้แฟนดี ลูกก็น่ารักด้วย”



 

นรินทร์เงยหน้าจากจอโทรศัพท์เมื่ออยู่ดีๆ ซุกซนก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อาจจะเพราะเด็กนี่เห็นเขาเอาข้าวกล่องมากินตอนเช้าบ่อยครั้งเลยเอ่ยแซวขึ้นมา ชายหนุ่มบอกปัด



 

“ไม่ขนาดนั้นหรอก เวอร์ไป”



 

ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่เด็กในแผนกก็ยังคงไม่ยอมปล่อยประเด็นนี้ให้หลุดลอยไป ซุกซนยังคงพูดเรื่องเดิมซ้ำอยู่แบบนั้น โดยมีแทนใจพยักหน้าสนับสนุน ส่วนเมฆเอาแต่มองแทนใจ จนเขาอยากจะเข้าไปถามว่าจะกินน้องแทนข้าวเลยหรือไม่?



 

“จริงนะพี่ ถ้าแฟนผมทำข้าวมาให้บ้างนี่โคตรรัก จะขอแต่งงานวันพรุ่งนี้เลย เขาเหมาะจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต”




นรินทร์ปล่อยให้พวกเด็กๆ คิดว่าเขามีแฟนทำกับข้าวให้โดยไม่คิดจะแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น ตามปกติแล้วเขาทำกับข้าวทานเองที่บ้าน ทำให้ลูกสาว เคยเกือบจะทำให้หัวหน้ากินด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าห้องของอีกคนครัวใหม่จนเหมือนไม่เคยใช้งานมาก่อนเลย ไม่มีวัตถุดิบอะไรที่พอจะหยิบจับขึ้นมาใช้งานได้เลยจริงๆ

 



“คุยกันสนุกเลยนะ”



 

คนที่นรินทร์รอคอยมาแล้ว กฤติเดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งๆ แต่นรินทร์รู้ดีกว่านั้น อีกคนแทบจะไม่มองไปทางไหนเลยนอกจากฝั่งของแทนใจ



 

“พี่กฤติ หวัดดีครับ”

“ครับ”



 

ชายผู้มาใหม่พยักหน้ารับซุกซนที่ยกมือไหว้ แต่พอหันไปมองแทนใจ หัวหน้าแผนกก็เผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งนั่นทำให้นรินทร์เบ้ปาก มันเหมือนคนที่เพิ่งจะได้กลับบ้านไปเจอลูกหมาที่เลี้ยงไว้ไม่มีผิด



 

“คุณกฤติ สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ แทนใจ”



 

กฤติถามไถ่แทนใจที่พูดนั่นพูดนี่ไม่หยุด พร้อมกับเอามือลูบหัวกระต่ายไปด้วย เขาชอบเวลาเห็นเด็กคนนี้พูด ถึงแม้จะไม่ได้ฟังเลยก็ตามว่าแทนใจพูดอะไรบ้าง เพราะส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องไร้สาระ



 

ถึงแม้จะไม่ค่อยมีสติ แต่แทนใจจัดว่าเป็นความน่ารักในแผนก



 

“แทนใจรีบกินสิ เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อยนะ”

“คุณเมฆกินเร็วมากเลย”

“ผมไม่ได้เร็ว เราน่ะช้านะ”

“เดี๋ยวเราต้องไปประชุมนี่ เห็นเมื่อกี้ยังบ่นอยู่เลย”

“โอ๊ยยยยย จริงด้วย”



 

เป็นเมฆที่ดึงความสนใจของแทนใจกลับไปอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ซึ่งกระต่ายของแผนกก็ไม่ได้มีท่าทีรู้เรื่องราวอะไร นรินทร์แอบยิ้มอยู่ใน ตอนที่ไม่มีใครสังเกต นรินทร์ก้มลงพิมพ์ไลน์หาคนที่เขาเพิ่งจะแชทหาเมื่อสักครู่ ก่อนที่จะหันไปยักคิ้วให้เมื่อเห็นว่าอีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากวาดตามอง แล้วหันมาขมวดคิ้วให้เขา



 

นรินทร์ : เตรียมถุงน่องรอเลยมมั้ยคุณ?

นรินทร์ : *รูปภาพสวัสดีวันจันทร์*




“อ้าว รู้ด้วยเหรอว่าประชุมคืออะไร ไม่เคยเห็นคุณเข้าเลยนะครับ”



 

ตอนนี้กฤติเงยหน้าขึ้นไปขัดเมฆกับแทนใจที่กำลังคุยงุ้งงิ้งกันอยู่ ยิ่งมองหน้าเมฆชายหนุ่มยิ่งหงุดหงิด เขาเกลียดไอ้หน้าหล่อต่างแผนกนี่จริงๆ ไม่เหมาะสมกับแทนใจเลยสักนิด




ใบหน้าหล่อเปลี่ยนโฟกัสจากกระต่ายเป็นเสือของแผนกเซลล์ เขาจ้องตาคนรู้จักกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้



 

“อรุณสวัสดิ์พูดแบบนี้นะคุณกฤติ”



 

ทุกคนนั่งหลังตรงเมื่อรู้สึกกระแสความไม่พอใจของเมฆที่ถูกแขวะ แต่อาจจะยกเว้นแทนใจไว้สักคน เพราะรายนั้นหันซ้ายหันขวาไปมาไม่รู้เรื่องอะไร ซึ่งกฤติเองก็รู้สึกได้ ท่าทางเหมือนกับจะมีน้ำโหของชายหนุ่มต่างแผนกนั้นคือสิ่งที่กฤติไม่คาดไว้ เมฆรู้ดีว่าเขาเอ็นดูแทนใจ ตอนที่เจอแทนใจครั้งแรกนั้นท่าทางของเมฆยังไม่ชัดเจนเท่านี้

 



ชั่วขณะหนึ่ง กฤติรู้สึกว่าโปรเจคเมเนเจอร์คนนี้อาจจะออกตัวจีบแทนใจจริงจัง แต่ด้วยความที่ไม่อยากแพ้และหมั่นไส้เมฆเป็นทุนเดิม ชายหนุ่มเลือกที่จะพูดตอบอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อน



 

“โปรเจคเมเนเจอร์ทำงานอยู่ชั้นบนนนี่ครับ มานั่งตรงนี้ทำไม”



 

กฤติยิงคำถามไปที่อีกคน ซึ่งมองกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พวกเขาจะพูดกันด้วยเรื่องอื่น แต่แววตาที่จ้องมองกันสื่อความหมายที่ลึกกว่านั้น




ท่าทางการออกตัวชัดเจนของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นตา เขารู้จักเมฆดี ในบางมุมอาจจะมากกว่าที่เจ้าตัวรู้จักตัวเองอีกด้วยมั้ง ถ้าเมฆไม่สนใจ หรือแค่คิดว่า น่ารักดี ล่ะก็ ชายหนุ่มไม่มีทางเอาตัวเองเข้ามาวุ่นวายกับแทนใจแบบนี้แน่นอน



 

“ปกติ MD ต้องเอาเวลาตอนเช้าไปเตรียมประชุมไม่ใช่เหรอครับ ไปเถอะ เดี๋ยวทำไม่ทันนะ”

“ผมเตรียมแล้วครับ เพราะเรามีประชุมทุกสัปดาห์ ไม่เหมือนบางแผนกที่ไม่ค่อยทำงานน่ะครับ ไม่เคยเห็นใช้ห้องประชุมเลย”

“เรามีนวัตกรรมที่เรียกว่า VDO conference แล้วนะครับ เผื่อคุณยังไม่รู้”




เมื่อเห็นว่าถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่อไป กฤติคงจะเถียงกับเมฆจนวันนี้ไม่ได้ทำงานแน่ นรินทร์จึงพูดแทรกขึ้นมา



 

“คุณกฤติครับ ช่วยดูพรีเซนท์ให้ผมหน่อยครับ”



 

โชคดีที่กฤติยอมพยักหน้าแล้วเดินตามนรินทร์ออกมาทั้งที่มันเป็นแค่ข้ออ้าง ไม่มีพรีเซนท์อะไรทั้งนั้น กฤติก็คงรู้ว่าถึงอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์เลยยอมออกมาง่ายๆ



 

นรินทร์เป็นฝ่ายเดินนำเข้ามาในห้องทำงานของอีกคน ก่อนที่กฤติจะเดินตามแล้วปิดประตู ยังไม่ทันที่เขาจะเดินผ่านอีกคนไปนั่งที่เก้าอี้อย่างที่ตั้งใจ ข้อมือของกฤติก็ถูกอีกคนกำเอาไว้แน่น คนที่เป็นหัวหน้าขมวดคิ้วมองอีกคนอย่างไม่พอใจ ซึ่งนรินทร์ไม่ได้มีท่าทางสะทกสะท้าน



 

“คุณ--”

“โอเคผมแพ้ ผมรู้แล้วไม่ต้องย้ำ”



 

นรินทร์ที่กำลังจะพูดว่า ‘คุณรอดูตอนเอ้าท์ติ้งได้เลย ผมชนะแน่นอน’ เบรกตัวเองทันที ในขณะที่กฤติไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของอีกคนมากนัก เขามองพื้นด้วยท่าทางเซ็งๆ แล้วเป็นฝ่ายพูดต่อ

 

“ถ้าเมฆเขาทำขนาดนี้ก็คงจริงจังแล้วแหละ”

“...”

“คุณจะเอาอะไรของคุณนะ?”

“ถุงน่อง”



 

นรินทร์พูดทันทีโดยไม่ต้องรอให้อีกคนพูดซ้ำ โอกาสมาอยู่ตรงหน้ามีหรือเขาจะไม่รีบคว้าไว้ เพียงแค่คิดว่าเขาจะได้เห็นอีกฝ่ายในถุงน่องเร็วกว่าที่คิดนี่นรินทร์ก็แทบจะจับแทนใจประเคนใส่ปากให้เมฆเดี๋ยวนี้



 

“ครั้งนี้ผมชนะ คุณกันเมฆออกไปไม่ได้ คุณแพ้”

“บอกว่ารู้แล้วไงครับ”



 

กฤติปลดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกคน ชายหนุ่มเดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง ไขว่ห้างมองนรินทร์ที่ทรุดตัวนั่งตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัว ไม่ได้กังวลแม้ว่าตัวเองอาจจะต้องโดนคำสั่งพิลึกพิลั่นจากคนที่ไม่ปกติที่สุดในโลกของกฤติ



 

เขาเกลียดผู้ชายกวนประสาทที่นั่งทำหน้าหื่นอยู่ตรงข้ามชะมัด ไม่ต้องอ่านใจก็รู้ว่าหมอนี่ต้องคิดอะไรไม่ดีอีกแน่



 

“คืนนี้คุณใส่ถุงน่องนะ”

“...”



 

กฤติไม่ได้ตอบอะไร แม้ในใจจะมีคำด่ามากมายหลายร้อยคำ



 

“ผมอยากเห็นคุณใส่ถุงน่องตาข่ายแล้วเอาขาพาดตักผม แบบถ่างขาเป็นรูปตัวเอ็มน่ะ แล้วเอาเท้าวางบนตักผม โหย แค่คิดก็ฟินแล้ว”

“...”

“จัดจ้านในบ้านนรินทร์”



 

ไล่มันออกตอนนี้ทันมั้ย? กฤติได้แต่สงสัยในใจ



 

“คุณแพ้นะ ยังไงคุณก็ต้องทำ”

“อะไรก็ได้” กฤติโบกมือปัดเรื่องไร้สาระออกไปจากหัวสมอง “คุณออกไปได้แล้ว อีกสิบนาทีประชุมแผนก”

“ได้ แต่ก่อนไป…”

 



ฉับพลันโลกของกฤติก็มืดลง เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจะหุนหันลุกขึ้นมาประชิดตัว มือของคนเป็นลูกน้องเชยคางอีกคนขึ้นมาแล้วจับประกบปากอย่างรวดเร็ว รสชาติน้ำหวานในปากของกฤตินั้นทำให้นรินทร์ยิ้มทันทีที่ได้ลิ้มรส



 

โกโก้ใส่น้ำตาล เมนูเด็กน้อยเสียจนเขาคาดไม่ถึง



 

“หวานว่ะคุณ”



 

นรินทร์ที่ละริมฝีปากออกมาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่น่าเกลียดมากในสายตาของกฤติ



 

“รสโกโก้ด้วย”

“...”

“ทำให้ผมนึกถึงโอวัลตินโรงเรียนสมัยประถมเลย คุณนี่ชอบเมนูเดียวกับเด็กปอสี่”

“...”

“ตอนนั้นผมชอบแกล้งเปิดกระโปรงเพื่อนผู้หญิงในห้อง ตอนนี้ผมเปิดกระโปรงคุณอย่างเดียว เออคุณ รอบหน้าคุณใส่กระโปรงนักศึกษา--โอ๊ย!”

 



ก่อนที่นรินทร์จะได้แชร์ประสบกามของตัวเองไปมากกว่านี้ เขาก็โดนกฤติบิดเนื้อตรงขาเสียจนมั่นใจว่ามันต้องเขียว

 





คอยดู รอบหน้าเขาจะต้องชนะ

ถ้ากฤติไม่ได้ใส่กระโปรงนักศึกษา อย่าเรียกเขาว่านายนรินทร์ นิ้วกลาง!



 


 

------- Sunday In Bed -------
[/b]

ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 4th Sunday -ผู้ใช้จริง- 100% - (21/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 28-11-2018 21:55:09
ต่อนะคะ


------- Sunday In Bed -------

เวลาไหนผ่านอย่างรวดเร็วเกินไปในความคิดของกฤติ



 

เพียงแค่ชั่วครู่ก็ถึงเวลาเลิกงาน ซึ่งวันนี้เขามีนัดกับเพื่อนเล่นที่มักจะเอาตัวเองเข้ามาวุ่นวายเยอะเกินจนน่าหมั่นไส้ กฤติยังจำวินาทีที่เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขหกได้ เมื่อเลิกงานปุ๊บไลน์เขาก็เด้งตลอดจนกฤติต้องเปิดอ่าน ซึ่งในนั้นก็มีแต่ข้อความทวงสัญญา



 

แถมยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองขับรถออกไปซื้อถุงน่องมาให้แล้วด้วย




“เฮ้อ”

 



กฤติถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยได้ เขามองกระจกด้วยใบหน้านิ่งสนิท แต่ในใจมีความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกันเสียจนเขาแยกออกมาไม่ออก แต่ที่เด่นสุดๆ ก็คงเป็น…



 

ความกระดากอาย



 

หลังจากที่เขาแพ้พนันให้กับปีศาจในคราบลูกน้อง กฤติก็ต้องจำยอมยัดตัวเองเข้าไปในถุงน่องที่อีกฝ่ายกระเหี้ยนกระหือรือให้ใส่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่แพ้ก็คือแพ้ เขาจะไม่ผิดสัจจะในคำพูดตัวเอง



 

ทั้งที่ตอนนี้กฤติอยู่ในห้องน้ำด้านในคอนโดฯของตัวเอง แต่เขากลับรู้สึกไม่คุ้นเคย ชายหนุ่มมองสะท้อนเงาในกระจกได้เพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องเบือนหน้าหนีออกมา สภาพตัวเองที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่ใส่มาตั้งแต่เช้า กับกางเกงชั้นในขาสั้น และถุงน่องตาข่ายสีดำ ช่างน่าอดสู่ในความคิดชายหนุ่ม



 

อยากจะฝังตัวเองลงไปในดินชะมัด

 

แต่เหมือนนรินทร์จะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น



 

“จะอยู่ในนั้นจนถึงปีหน้าเลยหรือไง ออกมาข้างนอกสักทีสิคุณ”

“...”

“ผมอยากฉีกถุงน่องคุณแล้ว”



 

ก่อนที่มันจะได้ฉีกถุงน่อง เขาจะฉีกอกนรินทร์ก่อน!



 

ถึงแม้ในใจจะคิดแบบนั้น แต่สุดท้ายกฤติก็รวบรวมความกล้า ค่อยๆ แง้มประตูห้องน้ำออกไปข้างนอก กฤติเลือกห้องนอนแบบที่เชื่อมกับห้องน้ำในตัว เผื่อว่าเวลาที่ตื่นมาจะได้ไม่ต้องปิดเปิดประตูวุ่นวาย แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่ได้คิดถูกมากนัก เมื่อออกจากห้องน้ำไป เขาจะเจอเตียงเป็นอย่างแรก และตอนนี้กฤติเห็นนรินทร์นั่งห้อยขาส่งยิ้มกวนประสาทอยู่บนเตียงของเขาที่ถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนลายการ์ตูนสีม่วง



 

“คุณแม่ง โคตรเซ็กซี่”

 



นรินทร์เด้งตัวออกจากเตียงทันทีที่กฤติออกมาจากห้องน้ำ ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าแผนกที่ใส่สูทผูกไทตลอดเวลา จะสามารถดูน่าขยำในถุงน่องตาข่ายขนาดนี้ ให้ตาย นี่มันดีกว่าหนังโป๊ในมือถือที่มีอยู่อีกนะเนี่ย



 

“...”

“มานี่สิคุณ”



 

นรินทร์ดึงอีกคนเข้ามาใกล้ๆ กฤติยังคงทำหน้านิ่งเหมือนตอนที่นั่งอยู่ในห้องประชุม แต่ใบหูของอีกคนขึ้นสีจางๆ ยิ่งพอมาใกล้ๆ นั้นโน้ตก็รับรู้ได้ว่าใบหน้าที่เขาเคยเห็นว่านิ่ง ในแววตานั้นมีความสั่นไหวเล็กน้อย



 

น่ารักสัด



 

กฤติเป็นความอันตราย...ที่น่ารักฉิบหายเลยไอ้สัด!



 

“คุณ…”



 

ยังไม่ทันที่กฤติจะพูดอะไร เขาก็ถูกสุนัขหมาป่าในคราบลูกน้องประกบจูบอยย่างกระหาย มือใหญ่ปัดป่ายไปทั่วตัวเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่อยู่ โน้ตที่ปกติจะขี้เล่นนั้น วันนี้กลับดูเป็นคนละคน



 

“คุณแม่ง… เชี่ยแม่ง ผมจะกลืนคุณทั้งคืน”



 

ถ้อยคำหยาบโลนพรั่งพรูออกมาจากนรินทร์ไม่ยั้ง กฤติรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นอาหารเลิศรสที่อีกคนเขมือบอย่างตะกละตะกลาม ทุกส่วนของเขาโดนสัมผัสอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ถ้ามือของนรินทร์เป็นไฟ เขาคงมอดไหม้จนไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า



 

“ปล่อยสิคุณ เป็นหมาหรือไงครับกัดอยู่ได้!”



 

กฤติเหวเมื่ออีกฝ่ายขบต้นขาเขาไปทั่ว ความรู้สึกกระดากอายเข้าควบคุมทุกบริเวณ ใบหน้าภายใต้แว่นยังคงเรียบนิ่ง เพียงแต่ใบหูที่แดงแจ๋กับวาจาเชือดเฉือนจากปากอีกฝ่ายเท่านั้น ที่ทำให้นรินทร์รู้ว่าอีกคนแตกต่างออกไป



“คุณๆ หันตัวมาทางนี้นิดนึง”



 

คุณพ่อลูกหนึ่งพูดคล้ายกับจะขออนุญาต หากแต่มือทั้งสองช้างยกตัวของอีกคนมาไว้กลางหว่างขาตัวเองโดยที่ไม่ถามความเห็นเลยสักนิด

 

 

“เป็นอะไรของคุณเนี่ย! เบาๆ สิ!”

“เป็นบ้าถุงน่อง”

“สมองคุณมีแต่ขี้เลื่อยกับเรื่องใต้สะดือหรือไงกันเนี่ย วันๆ ในหัวมีอะไรที่ถูกศีลธรรมมั่งมั้ย?”

“หูย ปากจัดจังเลย เมื่อเช้ายังปากหวานอยู่เลย”

“หวานที่หน้าคุณ!!”



 

นรินทร์ทำหูทวนลมกับคำต่อว่าที่ไม่ค่อยมีให้ได้ยินบ่อยนัก เขาจับขาอีกคนกางออกแล้ววางไว้บนต้นขาของตัวเอง วิวดีฉิบหาย ไม่เสียชาติเกิดเลย นรินทร์เชื่อว่าคุณพ่อต้องภูมิใจในตัวเขา



 

“คุณแม่ง เซ็กซี่ฉิบหาย ยั่วให้ขึ้นฉิบหาย”



 

ทั้งที่ขาของนรินทร์ไม่ได้เรียวสวยเหมือนกับผู้หญิง แต่กลับกระตุ้นอารมณ์ดิบของชายหนุ่มได้ดีราวกับเป็นน้ำมันที่โยนเข้ากองเพลิง



 

“ใครไปยั่วกันครับ คุณสัปดนเองมากกว่า”

“แม่งเอ๊ย โคตรขาว โคตรเอ็กซ์”



 

นรินทร์พูดพร่ำเหมือนคนเมายา เขาปล่อยเบลอทุกคำปรามาศของอีกคน สิ่งเดียวที่ตรึงความสนใจชายหนุ่มเอาไว้ได้คือร่างกายตรงหน้า โน้ตจับเท้าอีกฝ่ายมาวางบนจุดล่อแแหลมของตัวเอง



 

“คุณนรินทร์!”

“นวดให้หน่อยดิ”

“จะบ้าหรือไง”

“คุณแพ้นะ” คนที่หน้ามืดตามัวไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขามองตรงไปที่นัยน์ตาของอีกฝ่ายอย่างเหนือกว่า “คุณต้องทำตามที่ผมต้องการสิ”

“...”

“เอาเท้าคุณนวดมัน… นวดแบบนั้น"



 

กฤติอยากจะกัดลิ้นตาย นอนกับผู้ชายมาก็หลายคน ไม่เคยเลยสักครั้งที่ต้องมาใส่ถุงน่อง หรือใช้เท้าเล่นกับพวกเขา เหมือนที่นรินทร์กำลังเรียกร้องให้กับลิตเติ้ลโน้ตแบบนี้



 

“โอยคุณ… ดีมาก… แบบนั้น”

“โรคจิตนะคุณเนี่ย”

 



กฤติพูดทั้งที่ยังคงปรนนิบัติอีกคนแบบนั้น เพียงแค่ชั่วครู่ สิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็เปลี่ยนขนาด ไม่รู้ทำไม กฤติถึงได้รู้สึกสั่นเล็กน้อย



 

ไม่เคยมีใครมีอารมณ์ใต้ฝ่าเท้าเขามาก่อน



 

ควรจะรู้สึกดีใจหรือร้องไห้ดี?



 

“ไม่ทนแม่งแล้ว!”

“เฮ้ย!”



 

ในขณะที่กำลังขยับฝ่าเท้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ นั้น นรินทร์ก็ตะโกนแทรกความคิดของกฤติขึ้นมา ก่อนที่หัวหน้าหนุ่มจะได้โต้แย้งหรือแม้กระทั่งมีโอกาสตกใจ เขาพบใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้กับส่วนอันตรายใต้ถุงน่องของตัวเอง



 

คนประสาทดีที่ไหนเขาจับอีกฝ่ายแหกขาเป็นรูปตัวเอ็ม แล้วเอาหน้าตัวเองไว้ตรงกลางเป้าคนอื่นแบบนี้กัน!



 

“อึก!”

“กลั้นเสียงครางทำไม ปล่อยออกมาสิ”



 

กฤติหลับตาปี๋เมื่ออีกคนงับส่วนนั้นของเขาเบาๆ คล้ายกับจะแกล้งกัน ความทั้งอาย ทั้งโกรธ และทั้งมีอารมณ์ผสมปนเปจนเขาไปไม่เป็น หัวสมองชายหนุ่มขาวโพลน



 

หากย้อนเวลาได้ สัญญาเลยว่ากฤติจะปล่อยนรินทร์ให้นอนตายคาออฟฟิศ ไม่ไปวุ่นวายให้เปลืองตัวแบบนี้แน่นอน



 

‘แควก!’



 

เสียงน่องที่เคยถูกขอให้ใส่กลายเป็นซากอยู่ข้างเตียงสีม่วง บทรักของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นอย่างสัตว์ป่าที่หิวกระหาย ถ้อยคำต่างๆ ที่นรินทร์พูดยังคงวนเวียนอยู่ในสมองกฤติ เหมือนเทปที่ถูกกรอซ้ำๆ



 

‘‘หันก้นมานีสิคุณ ผมจะได้จับถนัด’

‘กระดกสะโพกขึ้นหน่อย’

‘อย่าปิดปากสิผมชอบฟังเสียงคุณครางนะ แม่งเซ็กซี่สัด อัดเก็บไว้ช่วยตัวเองได้มั้ย?’

‘วันนี้คุณแพ้นะ ผมสั่งอะไรคุณก็ต้องทำ อย่าผิดคำพูดสิครับเจ้านาย’



 

ชายหนุ่มโดนอีกคนรังแกจนเหนื่อยอ่อน เขาผล็อยหลับไปทั้งที่ไม่ทันรู้ตัว ก่อนที่สติจะดับวูบไป กฤติตั้งปณิธานกับตัวเองเอาไว้มาดมั่น



 

ครั้งหน้า เขาจะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้! คอยดูแล้วกัน!



 

 

 

 

------- TBC -------






 

สวัสดีค่ะ

 

เรามาพร้อมถุงน่องแล้วนะคะ

 

ครั้งหน้าจะมาเมื่อไหร่เรายังไม่รู้จริงๆ ช่วงนี้ชีวิตเราค่อนข้างวุ่นวายด้วยหลายๆ เรื่อง หลักๆ ก็งานประจำ ส่วนตัวนิยายเองเราก็เขียนออกบ้างไม่ออกบ้าง เลยอยากจะหายไปขอปั่นก่อน เผื่อว่าจะมาอัพได้บ่อยๆ แบบที่ไม่ต้องเป็นเปอร์เซ็น หรือไม่ต้องค้างนานๆ นะคะ

 

เราไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องนี้จะได้เป็นเล่มมั้ย ตามตรงคือตอนที่พิมพ์อยู่นี่ก็ยังไม่รู้อะไรเลย อย่าถือสาเราเลยนะคะ เราอยากรีบอัพ รีบแต่ง แล้วก็คุยกับทุกคนอย่างแฮปปี้เหมือนที่เคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจะมีเล่มมั้ย จะมาอัพอีกครั้งเมื่อไหร่ จะเขียนจบหรือเปล่า จะดองแล้วโดดน้ำตายไปเลยมั้ย ไม่รู้จริงๆ ไม่อยากสัญญาเพราะกลัวว่าจะทำไม่ได้ค่ะ

 

ขอบคุณมากๆ ที่อ่านจนถึงตรงนี้ค่ะ

 

แล้วพบกันใหม่นะคะ

 

Baby Baphomet
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-11-2018 22:36:58
สู้ๆ นะคะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 29-11-2018 10:31:38
ผู้ใหญ่เค้าเล่นกันสนุกดีจัง อยากไปแอบใต้เตียง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 04-12-2018 19:36:40
คุณโน๊ตก็ขี้หื่นเหมือนกันนะคะเนี่ย แซ่บเกินเบอร์มากตอนนี้ :hao7:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 05-12-2018 02:23:43
สู้ๆนะคะ คุณโน้ตหื่นจังเลยค่ะ กรั่กกๆ;-;
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2018 06:12:48
ถุงน่อง...........สุดยอดดดดดดดดดด   :z1: :pighaun: :haun4:
กฤติ เซ็กซี่....  :-[
นรินทร์........ หื่นโคตร  :z3:
ให้สงสัยตอนที่อยู่กับเยตร เลเวลความหื่นจะได้หนึ่งส่วนที่หื่นกับกฤติไหม   :serius2: o22
 
รอคู่..... เมฆ  กระต่าย  :impress2:

นรินทร์  กฤติ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 09-12-2018 05:07:59
 :z3: :a5: :z2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 09-12-2018 12:17:07
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-12-2018 12:20:47
จะเป็นลมมม คูมกฤติ ฮื่อ ความหนุ่มแว่น ความควีนนี้ พรากความเมะของน้องแทนใจไปจากเรา แต่ไม่เป็นไรค่ะิแซ่บมากจนต้องร้องขอชีวิต ส่วนคุณโน้ตมาเลเซียที่ไม่ตรงปก สารภาพว่าตกใจมาก ก่อนมาอ่านก็งงว่าคุณโน้ตมีลูกเมียแล้วนี่ ทำไมมีคู่ และขอบคุณความสัปดนของคุณโน้ตที่ทำให้เราเห็นอะไรดีๆ ค่ะ กระโปรงนักศึกษารออยู่ในอนาคต  :hao6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 09-12-2018 19:25:20
กรี๊ดดดดด :pighaun: เขินไปหมดแล้วค่า ชอบนรินทร์กับคำพูดหยาบโลนแบบนี้ที่ซู้ดดดด
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 09-12-2018 22:38:37
เลือดจะหมดตัวแล้ววววว กี๊ดดดดดดด  :hao7: :jul1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 09-12-2018 22:53:23
ชอบคสามแซบในตัวหัวหน้ามาก อิพี่โน็ตหื่นกว่านี้มีอีกไหมมมม

ชอบมาก ดูหัวหน้าแพ้ทางคนหื่นเวว่อร์น่ารักกกก  ชอบฟิลเรื่องนีดูโตกว่าเรื่องก่อนนิดหน่อย :haun4:
แต่ชอบรสนิยมพี่โน็ตมาก ถุงหน่องงี้ ต่อไปจะมีชุดอะไรอีกไหม รอเลย55555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 10-12-2018 20:30:25
ชนะให้ได้นะคุณกฤติ อิอิ น่ารักมากค่า :o8: :-[
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 10-12-2018 21:24:28
 ในคราบไอดอลของน้องแทนใจ ไม่คิดว่าพี่เมฆจะซ่อนตัวตนร้ายกาจไว้ขนาดนี้
หื่นมากค่ะ สงสารคุณกฤติเลย 5555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 11-12-2018 20:28:17
ครบหนึ่งปีคงมีผ้าปูที่นอนถึงร้อยเฉดสี

ถูกใจใช่เลยค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 11-12-2018 20:28:46
ครบหนึ่งปีคงมีผ้าปูที่นอนถึงร้อยเฉดสี

ถูกใจใช่เลยค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 12-12-2018 18:45:16
ถึงกับสมัครยูสมาคอมเมนท์คุรนรินทร์ พระเอกที่กากยิ่งกว่าคนเมากาว โอ้ยนนยนนยยยยยยนนยยย :hao6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 12-12-2018 19:58:14
6th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์






การเล่นเกมของพวกเขายังคงดำเนินต่อไป




ตอนช่วงวันเวลาทำงาน พวกเขาก็เป็นเพียงแค่เจ้านายลูกน้องร่วมแผนกกันปกติ แต่พอถึงตอนเย็นหรือวันอาทิตย์เมื่อไหร่นั้น พวกเขากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างดุเดือด หลังจากที่เริ่มเล่นกันวันแรก ทุกที่คือสนามแข่ง มีผู้แพ้และชนะสลับกันไป




ตารางชีวิตของชายหนุ่มทั้งสองคนดำเนินแบบนี้มาหลายเดือน ที่เดียวที่พวกเขาจะฝากค่ำคืนเอาไว้คือห้องของกฤติ จากคอนโดฯที่เป็นระเบียบเสียจนคล้ายกับปราศจากผู้อยู่อาศัย ตอนนี้เต็มไปด้วยของมากมายที่นรินทร์ขนเข้ามาอยู่ในห้องกับหัวหน้าหนุ่มด้วย




กฤติเพิ่งจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในเช้าวันเสาร์ที่เขามองไปรอบห้อง เฟอร์นิเจอร์ที่เคยวางไว้เป็นระเบียบถูกใช้งานแทบจะทุกชิ้น ตะกร้าผ้าที่ไม่เคยมีเสื้อหล่นออกมาด้านนอกนั้น บัดนี้มีกางเกงในสีแดงห้อยอยู่ตรงหูตะกร้า แถมที่พื้นใกล้ๆ กัน ยังมีเนกไทของเขาที่ถูกอีกคนโยนอย่างไม่ใส่ใจเมื่อคืน




คืนวันศุกร์ที่ทุกคนรีบกลับบ้าน กฤติและลูกน้องของเขามา เคลียร์งาน กันที่ห้องนี้


เป็นวันศุกร์ที่สุดเหวี่ยง และทำให้ห้องของเขาอยู่ในสภาพเละเทะแบบนี้ในตอนเช้า




กฤติถอนหายใจ มือที่ใส่ถุงมือล้างจานเพื่อป้องกันความซกมกนั้น คีบเศษซากชั้นในของอีกคนเข้าไปไว้ในตะกร้าอย่างรังเกียจ เจ้าของห้องยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า ทั้งที่ในใจนั้นเต็มไปด้วยถ้อยคำหยาบคายที่พร้อมจะสาดใส่อีกฝ่ายทันทีเมื่อเจอหน้า




ชายหนุ่มมองไปรอบห้องแล้วถอนหายใจ ชั้นหนังสือของเขาตอนนี้มีแจกันที่อีกคนเอามาวางไว้ บนโต๊ะทำงานมีนาฬิกาข้อมือเรือนใหญ่ที่ไม่ใช่ของเขาวางเอาไว้ ใกล้ๆ กันก็เป็นบัตรพนักงานของอีกคนที่ยิ้มหล่อวางไว้ ซึ่งกฤติก็ไม่รู้ว่าอีกคนจะห้อยเอาไว้ทำไม ในเมื่อพวกเขาสามารถสแกนนิ้วเข้าออฟฟิศได้เลย



เหนือสิ่งอื่นใด ครัวของกฤติตอนนี้ กลายเป็นสถานที่แปลกปลอมสำหรับเขาไปแล้ว




เขาเอาครัวมากับห้องเพราะมันต้องมี ทั้งที่กฤติไม่ทำอาหาร และไม่คิดจะทำ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม หากแต่คนที่ขโมยคีย์การ์ดเขาไปนั้น กลับทำประหนึ่งว่าครัวบ้านตัวเองไม่มีให้ใช้ เลยมายืมที่ห้องเขาใช้อยู่เป็นนิจ




กฤติมองไปรอบๆ ห้องจนไปสะดุดกับผ้าปูที่นอนสีเขียวเข้มลายการ์ตูนกบเคโระที่อีกฝ่ายทะลึ่งเปลี่ยนตอนไหนก็ไม่รู้แล้วถอนหายใจ มันคงจะกลับมาเป็นระเบียบอย่างเดิมได้ถ้านรินทร์หายไปจากชีวิตของเขาสักเดือน




วันนี้ช่างมันก่อน เขาจะออกไปทำงานที่ออฟฟิศ




อีกไม่ถึงสัปดาห์ดี พวกเขาต้องไปเอ้าท์ติ้งกันที่ต่างจังหวัด ซึ่งตามปกติแล้วการออกไปทำกิจกรรมลักษณะนี้ก็คือการเปลี่ยนที่ทำงานนั่นเอง สำหรับแผนกอื่นอาจจะไปสนุกสนาน แต่แผนกเซลล์มันคือการประชุมทีมรวมกับแผนกเซอร์วิสเพื่อสรุปผลงานช่วงปีที่ผ่านมาให้กับพนักงานบางส่วนของบริษัท รวมถึงพวกวิสัยทัศน์ของปีนี้ด้วย




ถึงแม้เลขาจะทำพรีเซนท์ให้แล้ว แต่ตัวเขาเองก็ควรจะไปตรวจสอบอีกรอบ และนั่งเก็บพวกงานบางอย่างเหมือนกัน




‘แอ๊ด’




ยังไม่ทันที่กฤติจะได้ขยับตัวไปไหน เสียงเปิดประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกลอกตา ภาวนาในใจให้เป็นยามหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คนที่เขาคิด




“อ้าวคุณ จะไปไหนน่ะ? มากินข้าวก่อนสิ ผมซื้อโจ๊กมาด้วยนะ”




โน้ต นรินทร์ที่กำลังถอดรองเท้าไว้ใกล้ประตูประหนึ่งเป็นเจ้าของห้องเองเอ่ยทัก เมื่อเหลือบตามาเห็นกฤติตรงกลาง สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของกฤติ เขาคิดว่านรินทร์จะกลับไปอยู่กับลูกสักอาทิตย์สองอาทิตย์ เพราะเมื่อวันศุกร์ก็รีบรุดกลับบ้านไม่ค้างคืนเพราะลูกสาวปิดเทอม เลยจะไปนอนด้วย




แล้วทำไมคุณพ่อลูกหนึ่ง ถึงได้มายืนทำหน้าเหลอหลาอยู่ตรงนี้กัน!




“ไม่กินโจ๊กเหรอ? ก็ดี ผมว่าถุงเดียวผมไม่น่าอิ่ม”




นรินทร์ยังคงพูดอยู่คนเดียว ชายหนุ่มเดินอ้อมเจ้าของห้องเข้าไปที่ครัว ปากก็ฮัมเพลงดังเมื่อสมัยตอนที่กฤติอยู่มัธยมไปด้วย ไม่ได้สนใจว่ากำลังรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นเลยสักนิด




“คุณยังไม่กินข้าวใช่มั้ยล่ะ? จะกินไรดี ผมทอดไข่ดาวอร่อยนะ”

“...”




“ไม่เอาไข่ ไม่เอาโจ๊ก งั้นเอาผมมั้ย?”




กฤติปรายตามองอีกคน เหมือนกับตอนที่เขามองซากชุดชั้นในของอีกฝ่ายเมื่อครู่




“ผมมีเจลนะ ซื้อมาเพิ่ม ซื้อถุงยางมาเพิ่มด้วย 0.01 ที่ลองกันครั้งที่แล้ว แล้วคุณบอกว่ามันดีกว่า 0..03 ไง”




นี่ก็ยังคงพูดเรื่องถุงยางทั้งที่กินโจ๊กไปด้วยอย่างหน้าไม่อาย ซึ่งบางครั้งกฤติก็นึกสงสัย ว่านรินทร์นั้นรู้จักคำว่ากระดากอายบ้างหรือไม่



“ผมชอบสดนะ ไม่ชอบกลิ่นยางเลยว่ะ มันเหม็น”



น่าจะไม่รู้จัก



กฤติปล่อยให้คำพูดของอีกฝ่ายเป็นเหมือนสิ่งไร้สาระอื่นๆ แผนจากที่ชายหนุ่มจะไปออฟฟิศถูกเปลี่ยนเป็นนั่งทำงานที่ห้องแทน ไม่ได้แย่เท่าไหร่ เพราะเขาพกคอมพิวเตอร์ติดตัวไปไหนมาไหนตลอดอยู่แล้ว ทำงานที่ไหนก็เหมือนกัน



เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง




กฤติเพิ่งรู้สึกว่าในห้องนี้มีอะไรแปลกไป นรินทร์ที่ปกติจะมารุ่มร่ามกับเขาวันนี้เพียงแค่มาแกะโจ๊กกิน ทำอาหารทิ้งเอาไว้ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นลายการ์ตูนสีสด แล้วก็เอานั่งหนังสือเล่มเล็กๆ มานั่งอ่านบนเตียงเท่านั้น



ประหลาด



“คุณมาทำไม?”



เจ้าของห้องตัดสินใจเริ่มพูดทำลายความเงียบขึ้น ซึ่งคนที่ถือหนังสือเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนหันม่าสนใจเจ้าของห้อง รอยยิ้มขี้เล่นที่มักแฝงความหื่นตามปกติของเจ้าตัวดูแปลกใจ เหมือนมีเรื่องหนักใจอะไรบางอย่าง



“ซื้อโจ๊กมาให้คุณไง”

“...”

“เอาผ้าปูผืนใหม่มาให้ด้วย ดูดิ ลายมอนส์เตอร์อิงค์นะคราวนี้ คุณรู้จักมั้ย? ลูกผมชอบมากเลย ไอ้ตัวเขียวๆ ที่เหมือนโมจิใบเตยมีตาเดียวนั่นน่ะ”

“...”

“โอเค ไม่รู้จักเนอะ”

“ตกลงคุณมาทำไม?”

“อ่า…”




นรินทร์เงียบไป ใบหน้าหล่อเจื่อนลงนิดหน่อย ก่อนที่จะกลับมายิ้มแย้มเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น




“ไม่มีอะไรนิคุณ ผมแค่--”

“คุณนรินทร์”

“ครับ?”

“ถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านไป”



กฤติพูดออกมานิ่งๆ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบที่อีกคนมีอะไรแล้วไม่ยอมพูด มันทำให้นึกถึงครั้งแรกที่ชายหนุ่มเครียดเรื่องครอบครัวให้เขาเห็น


“มันไม่มีอะไรหรอกคุณ แค่… นุ้งนิ้งเขาอยากไปเอ้าท์ติ้งด้วยน่ะ แบบ ลูกผมยังไม่เคยไปโบนันซ่าเขาใหญ่เลย แถมอยากให้ เอ่อ… นั่นแหละ” 


ความจริงลูกเขาชื่อนิ้ง แต่นรินทร์ชอบเผลอเรียกลูกสาวว่านุ้งนิ้ง เพราะมันดูน่ารักเหมาะกับลูกสาวคนเขามาก ถึงม้ว่าเจ้าตัวจะชอบขอให้เรียกชื่อแค่นิ้งเฉยๆ ก็ตาม




“อ๋อก็ดีสิครับ ลูกคุณจะได้เที่ยวด้วย”

“คือ…”



นรินทร์ยังคงมีท่าทีอึกอัก เหมือนไม่กล้าพูดอะไร สุดท้ายแล้ว ชายหนุ่มก็ยอมเอ่ยออกมา




“เนตรแม่ของนุ้งนิ้งไปด้วยนะครับ”




บรรยากาศเปลี่ยนไปเล็กน้อย นรินทร์ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม ส่วนกฤติก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาต่อ ทั้งคู่นั่งอยู่ในความเงียบ นรินทร์นั่งขยับมือตัวเองไปมาคล้ายกับไม่สบายใจ ความรู้สึกของชายหนุ่มตอนนี้คล้ายกับเวลาที่ตัวเองจะต้องไปบอกแม่ว่าเขาทำจานแตกยกครัว




ซึ่งมันค่อนข้างประหลาด กฤติไม่ใช่แม่ และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขออนุญาตใครอีกคนด้วยซ้ำ




ถึงแม้จะหาเหตุผลไม่ได้ แต่นรินทร์ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองจะต้องมาสารภาพความจริงกับอีกคนก่อนที่จะไปเจอเองอยู่ดี




“ครับ”




หลังจากหลายนาทีผ่านไป กฤติรับคำออกมาง่ายๆ ด้วยใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง นี่อาจจะเป็นไม่กี่ครั้งที่นรินทร์ไม่สามารถเดาอารมณ์จากใบหน้านิ่งของอีกฝ่ายได้




บรรยากาศขี้เล่นเมื่อกี้หายวับไปกับตา ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผู้ชายสองคนที่ตกอยู่ในความคิดของตนเองเท่านั้น จนสุดท้ายแล้ว นรินทร์ก็พูดต่อเหมือนต้องการที่จะหาน้ำหนักเพิ่มให้คำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่




“คือนุ้งนิ้งเขาอยากให้ไปกันหมดบ้านน่ะ ผมเลยต้อง… อ่า นั่นแหละคุณ … คือลูกผมเขาชอบคนเยอะๆ แถมเนตรก็ไม่มีบิน อ่า… นั่นแหละ”



กฤติก็เป็นคนที่เริ่มพูดออกมาอีกครั้ง ไม่ได้สนใจฟังประโยคยืดยาวจากปากอีกคนเสียเท่าไหร่ เพราะมันไม่ใช่ใจความสำคัญ และไม่มีสาระ 



“คุณไปจัดการเรื่องลูกกับแฟน--”

“แฟนเก่า”  นรินทร์พูดแทรก

“นั่นแหละ” กฤติพูดต่อ พร้อมบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ “คุณไปจัดการเรื่องลูกกับแฟนคุณเองนะ ติดต่อที่คุณอลิสาที่อยู่แอดมินเอาละกันนะครับ เขาเตรียมมการกันมาเป็นเดือนๆ แล้วทำไมเพิ่งมาบอก”

“ผม---”

“ช่างมันเถอะ” กฤติพูดแทรกอีกครั้งโดยไม่ได้สนใจฟังเหตุผลของอีกคน “ติดต่อคุณอลิสาเองละกัน ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วรบกวนนั่งเงียบๆ ด้วยนะครับ ผมจะทำงาน”

“ครับ”




บรรยากาศในห้องต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง กฤตินั่งมองแผนโครงสร้างของไตรมาสที่แล้วที่ถูกเลื่อนมาเป็นไตรมาสนี้แทนด้วยใบหน้านิ่งสนิท ชายหนุ่มยังคงดึงตัวเองมาทำงานอย่างมีสมาธิเหมือนเคย ภายใต้ความเงียบนั่นกฤติไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ร่วมห้องอีกคนกำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่สนใจ




ไม่สนใจสักนิดที่จะต้องเห็นแม่ของลูกนรินทร์


ไม่แคร์เลยสักนิดเดียว





------- Sunday In Bed -------


ต่อด้านล่างนะคะ


หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 5th Sunday -ถุงน่อง- (28/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 12-12-2018 19:59:49
ต่อนะคะ

------ Sunday In Bed -------


วันนั้นนรินทร์กลับออกมาโดยที่ไม่ได้แม้แต่แตะปลายผมกฤติ




เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับมีใครเล่นตลกกับเข็มนาฬิกา บรรยากาศประหลาดระหว่างพวกเขายังคงอยู่  ทั้งกฤติและนรินทร์ระวังคำพูดเวลาจะติดต่อกัน ไม่มีการล่วงเกินใดๆ จากคุณพ่อลูกหนึ่ง รวมถึงกฤติเองก็หัวหมุนกับงานจนไม่ได้สนใจใคร




ในที่สุด ช่วงเวลาเอ้าท์ติ้งก็มาถึง




ถึงแม้บริษัทจจัดเตรียมรถบัสมาขนพนักงานทั้งหมดไปทริปพร้อมกัน แต่ตัวเขาที่มีชุดสูทและไม่อยากที่จะนั่งกับคนอีกมากมายเท่าไหร่ จึงเลืือกที่จะขับรถไปเอง ในส่วนของนรินทร์เองก็คงเป็นแบบนั้น กฤติไม่ได้เอ่ยปากถาม แต่หากอีกฝ่ายจะเอาครอบครัวไปด้วย ก็คงไม่ไปนั่งเบียดกับคนอื่นบนรถบัสอยู่แล้ว




ชายหนุ่มปล่อยเรื่องของลูกน้องที่ไม่มีประโยชน์อะไรลงข้างทางตั้งแต่ตอนที่มาถึงเขาใหญ่ สถานที่เอ้าท์ติ้งในปีนี้ กฤติลากกระเป๋าเข้ามาที่ห้องพักของตัวเอง พลางจัดวางของใช้จำเป็นแบบที่เป็นระเบียบเหมือนกับทุกครั้งเวลาที่ต้องออกนอกสถานที่




เขาไม่ชอบความวุ่นวาย และไม่ชอบความไม่เป็นระเบียบ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนหน้าเมื่อเห็นว่าทุกอย่างถูกจัดวางอย่างสวยงามในแบบที่เขาพึงใจ




กฤติมีเวลาเพียงนิดเดียวในการเตรียมตัวเพื่อจะต้องขึ้นพูดในการประชุมเหมือนกับทุกครั้ง ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อเช็กความเรียบร้อยของพรีเซนเทชั่นอีกครั้ง อีกทั้งยังกวาดตาดู Inbox เผื่อว่ามีอะไรเร่งด่วนด้วยเช่นกัน บรรยากาศเงียบสงบนั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มมีสมาธิมากขึ้น เขาปล่อยเวลาให้ไหลไปแบบนั้น จนกระทั่งมีเสียงรบกวนจากหน้าประตูดังขึ้นมา





‘ก๊อกๆ’




“ครับ?”



กฤติขานรับพลางนึกสงสัยว่าในเวลาที่ทุกคนควรจะพักผ่อนตามสบายก่อนจะไปรวมตัวกันเพื่อประชุมนั้น ใครจะอยากรบกวนเขากัน ไม่นานเกินรอ เสียงทุ้มที่แกล้งดัดให้เล็กแบบประหลาดคล้ายเสียงสัตว์ที่กำลังทรมานข้างนอกก็ตอบกลับมา




“แทนใจครับ”




หัวหน้าแผนกหนุ่มถอนหายใจ อีกคนคิดว่าเขามีสมองหกขวบเหมือนตัวเองหรือไง?




“ไม่เนียนครับคุณนรินทร์”

“รู้ได้ไงอ่ะ?”

“แทนใจเสียงเพราะกว่าคุณเยอะ”

“โหย”




ก่อนที่นรินทน์จะได้โอดครวญอยู่หน้าห้องให้ผู้พบเห็นรู้สึกเวทนาไปมากกว่านี้ กฤติก็เปิดประตูแล้วหลบทางให้ผู้ชายอีกคนที่ทำหน้าระรึกระรี้เข้ามาด้านใน




“มาทำไมครับ?”




เออว่ะ ... นี่เขามาทำไมกัน?




นรินทร์ส่งยิ้มแห้งให้อีกคนแทนคำตอบที่เขาเองก็ไม่รู้




หลังจากที่เขาขับรถมาถึงเขาใหญ่ เช็กอิน รับกุญแจ แล้วพาเนตรกับน้องนิ้งไปที่ห้องแล้ว สองแม่ลูกก็ชวนกันอาบน้ำจนเขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินในห้องตัวเอง นรินทร์ตัวลีบเล็กลงเรื่อยๆ จนเมื่อรู้ตัวเขาก็เดินออกมานอกห้องเสียแล้ว




เขายินดีที่เห็นเนตรกับนิ้งหัวเราะด้วยกัน เล่นกันเหมือนแม่ลูกที่สนิทกันทั่วไป เพียงแค่ชายหนุ่มรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองไม่ใช่ส่วนหนึ่งของมัน เนตรกับนรินทร์ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีกแล้ว




การอยู่ห้องเดียวกับเนตรคือความกระอั่กกระอ่วน



เพื่อหลีกหนีความไม่สบายใจ คนแรกที่โน้ตนึกถึงก็คือกฤติ เพียงแค่ถามนิดหน่อยอลิสาที่อยู่แอดมินก็บอกมาหมดว่าหัวหน้าแผนกคนเก่งอยู่ห้องไหนตึกอะไร




เขาเลยมายืนยิ้มแห้งอยู่ตรงนี้ได้ในที่สุด




“ว่าไงครับ คุณมาห้องผมทำไม?”

“คิดถึงคุณ”




สิ้นถ้อยคำนั่น ความเงียบโรยตัวปกคลุมไปทั่วห้อง เพียงแค่ชั่วครู่ ก่อนที่กฤติจะเป็นคนทำลายบรรยากาศประหลาดนั่น




“ไร้สาระ”

“โหยคุณ เขินนิดนึงดิ”

“ปัญญาอ่อนครับ”




กฤติยังคงพูดด้วยใบหน้านิ่งสนิท โดยไม่แคร์ว่านรินทร์จะทำหน้าเรียกร้องความสนใจแค่ไหน ซึ่งเมื่อไม่ได้ผล นรินทร์จึงเป็นฝ่ายตัดบทเปลี่ยนเรื่องด้วยตัวเอง




“นี่คุณทำอะไรอยู่? ผมไม่ได้มากวนใช่มั้ย?”

“กวนครับ”

“เยี่ยม! ผมชอบกวนคุณพอดี”

“...”




ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งหลังแว่น กฤติกำลังคิดว่าถ้าทำร้ายร่างกายคนจะเสียค่าปรับเท่าไหร่




“คุณใส่เสื้อตัวนี้ดูดีนะ”




นรินทร์พูดชมเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเหมือนทุกวัน เพียงแค่วันนี้เขาเลือกเนกไทสีแดงสดเพราะต้องการดึงความสนใจของผู้ฟัง

 


“ขอบคุณครับ”

“แต่ถ้าคุณถอดนะ จะโคตรดูดี”

“เกลียดคุณครับ”

“ใจร้าย”




หัวหน้าหนุ่มเลิกสนใจอีกคน เขาเลือกหันหลังกลับไปที่ตู้เสื้อผ้า ตรวจความเรียบร้อยของสูทที่เตรียมจะสวมขึ้นเวทีประชุม แล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงมือคู่หนึ่งค่อยๆ สอดเข้ามาตรงเอว ก่อนจะรัดแน่นขึ้นเหมือนเด็กที่ได้กอดตุ๊กตาหมีตัวโปรด กฤติถอนหายใจเมื่ออีกคนถือวิสาสะสวมกอดแล้วเอาหน้าแนบแผ่นหลัง




“ปล่อยนะคุณ เดี๋ยวเสื้อยับ”




กฤติพูดกับก้อนอึที่เกาะอยู่ด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย พยายามแกะมือคู่หนานั่นไปด้วย แต่มีหรือคนไม่ค่อยกินข้าวไม่เล่นกีฬาใดๆ จะสู้พลังคุณพ่อที่จับลูกสาวเหวี่ยงเล่นแบบเทพเจ้าธอร์เหวี่ยงค้อนได้




“ขออยู่ด้วยแป๊บนึง”




น้ำเสียงนิ่งๆ ไม่ได้ติดจะเล่นเหมือนอย่างเคยของอีกคนทำให้กฤติเผลอหยุดนิ่ง เขารู้สึกเหมือนกับตัวเองเพิ่งจะเริ่มจับงานใหม่เป็นครั้งแรก ชายหนุ่มตั้งสติเพื่อดึงตัวเองออกจากสถานการณ์ที่ไม่รู้จะรับมืออย่างไร




ความเงียบประหลาดโรยตัวปกคลุมพวกเขาทั้งคู่เอาไว้




มันไม่ใช่ความเงียบที่อึดอัด มันไม่ใช่อ้อมกอดที่รัดแน่นจนหายใจไม่ออก




แต่กฤตินั้นรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองถูกบรรยากาศ ‘ประหลาด’ นี้โอบรอบตัวจนไม่สามารถขยับออกไปจากวงแขนแน่นของอีกคนได้ พวกเขาอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนที่กฤติจะเป็นฝ่ายเลือกทำลายความเงียบนั่นด้วยการตัดสินใจเอ่ยปากถามออกไป




“คุณมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ?”

“มี”

“เล่าได้นะ...”




เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง




กฤติที่นิ่งเสมอในทุกสถานการณ์เริ่มทำตัวไม่ถูก มือเขาสั่นน้อยๆ อย่างที่มักจะเกิดขึ้นตอนที่ไม่มั่นใจ ริมฝีปากถูกขบลงอย่างไม่รู้ตัว ในหัวสมองของหัวหน้าหนุ่มมีแต่ความคิดว่าตัวเขาไม่น่าพูดออกไปเลย ซึ่งน้อยครั้งที่ชายหนุ่มจะเป็นแบบนี้




เขาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวอีกฝ่ายเกินไปหรือเปล่า?




ก่อนที่ความคิดฟุ้งซ่านจะครอบงำหัวหน้าแผนกคนเก่งไปมากกว่านี้ ในที่สุดเสียงทุ้มของผู้ชายที่ยังฝังตัวอยู่ที่แผ่นหลังอีกคนก็พูดออกมา




“ผมคิดไม่ตกทั้งคืน”

“...”

“ผมเลือกไม่ได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ระหว่างเอาน้ำราดคุณตอนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวให้มันเห็นข้างใน กับเอาเนกไทพันข้อมือคุณแล้วทำ... โอ๊ย!”



นรินทร์ร้องโอดโอยเสียงดังเมื่อกฤติเอาศอกถองท้องอีกคนเต็มแรงจนผู้บาดเจ็บทรุดลงไปนั่งกับพื้น โดยมีกฤติปรายตามองอย่างเย็นชา




คนอุตส่าห์เป็นห่วง มันยังคิดทุเรศได้ เชื่อเลย!






.

.

.







หลังจากนั้นนรินทร์ก็ถูกเตะออกจากห้องของกฤติทันที




คนที่ถูกไล่แถมปิดประตูใส่หน้า เกาหัวแกรกๆ ไม่ว่าจะที่ห้อง ที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งการเอ้าท์ติ้งต่างจังหวัด ทำไมเขาโดนไล่ออกจากห้องตลอด




อิหยังวะ?




คิดไปก็ไม่ได้คำตอบ ชายหนุ่มจึงมุ่งหน้าไปรวมกับคนอื่นที่ห้องประชุมอย่างเสียไม่ได้ ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่อยากเข้าแค่ไหน แต่งานก็คืองาน ถึงแม้จะเป็นงานนอกสถานที่ที่ไร้ซึ่งความอภิรมย์แค่ไหน มันก็คืองานที่มีแต่ความเหนื่อยหน่ายใจอยู่ดี



ประชุมมีแต่เรื่องน่าเบื่อ




หลังจากการประชุมที่ยาวนานผ่านไป นรินทร์รู้สึกเหมือนพร้อมจะหลับตลอดเวลาเดินออกมาจากห้องประชุมเป็นคนหลังๆ ความตั้งใจแรกของชายหนุ่มคือจะอยู่กวนประสาทหัวหน้าแผนกที่เพิ่งลงมาจากเวทีเมื่อครู่ แต่ตอนนี้อีกคนติดคุยกับภูภูมิ หัวหน้าแผนกอื่นอยู่ ชายหนุ่มเลือกที่จะปลีกตัวออกมา




กฤติเป็นคนเก่ง




ภาพของหัวหน้าแผนกใส่สูทภูมิฐานพูดพรีเซ้นท์ภาษาอังกฤษรื่นหูด้วยความมุ่งมั่นทำให้นรินทร์อดปรบมือในใจให้อีกคนไม่ได้ ถึงแม้กราฟต่างๆ ที่กฤติพูดนั้นจะเป็นสิ่งที่พวกเขาประชุมกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เมื่อได้เห็นหัวหน้ายืนพูดต่อหน้าคนนับร้อยก็ยังอดรู้สึกยืดเล็กๆ ไม่ได้




คนที่ใส่สูทผูกไทพูดจาฉะฉานบนเวทีนี่แหละ คือคนที่ใส่ถุงน่องตาข่ายได้เร้าอารมณ์ที่สุด!




เดินเกาหลังคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเรื่อยจนถึงห้องตัวเอง คุณพ่อลูกหนึ่งสูดลมหายใจเรียกความมั่นใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเคาะประตู



‘ก๊อกๆ’




“เปิดได้เลยค่ะคุณพ่อ”




เสียงเล็กของลูกสาวที่ดังลอดออกมาเรียกรอยยิ้มจากนรินทร์ได้ทันที ถึงแม้เขากับเนตรจะลงรอยกันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่กับลูกสาวนั้น นรินทร์ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้




“คุณพ่อกลับมาแล้ว!”

“ต้องทำยังไงก่อนนะคะ?”

“นิ้งไม่หอมแก้มคุณพ่อหรอกนะคะ นิ้งโตแล้วนะ”




เมื่อตอนที่น้องนิ้งยังเล็ก เขามักจะให้ลูกหอมแก้มตัวเองอยู่เสมอ แต่เมื่อเด็กน้อยเริ่มโตแล้ว นิ้งเองก็ไม่อยากจะทำแบบนั้นเท่าไหร่นัก ก็คุณพ่อแก้มไม่นุ่มนี่นา บางครั้งก็มีหนวดทิ่มๆ อีก




“น้องนิ้งไม่รักคุณพ่อแล้วเหรอคะ?”

“รักกันก็ไม่ต้องหอมแก้มกันก็ได้นี่คะ ใช่ไหมล่า”

“ลูกสาวใครคะเนี่ย พูดเก่งจังเลย”




ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อลูกสาวตัวน้อยพูดตอบฉะฉาน พร้อมส่งยิ้มกลับมาอย่างน่ารักน่าชัง




น้องนิ้ง ลูกสาวของนรินทร์




นิ้งเป็นเด็กที่มีดวงตากลมเหมือนลูกแก้ว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสมวัย เป็นคนพูดจาฉะฉานและชาญฉลาด ถึงแม้บางครั้งจะโลดโผนเกินไปบ้างจนทำให้คนเป็นพ่ออกสั่นขวัญแขวนก็ตาม แต่โดยรวมแล้วลูกสาวเขาถือว่าเป็นเด็กที่น่ารักที่สุดที่ชายหนุ่มเคยพบเห็นมาตลอดชีวิต




น้องนิ้งคือแก้วตาดวงใจของคนเป็นพ่อตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้ยินเสียงร้องของลูก ยิ่งเมื่อได้อุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนในครั้งแรกนั้น นรินทร์ก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่คือของขวัญจากพระเจ้า




“คุณแม่ล่ะคะ?”




นรินทร์อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาไว้บนแขน ถึงแม้น้องนิ้งจะทำหน้าบึ้งเพราะอยากเดินด้วยตัวเองแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ปล่อยลูกออกจากอ้อมแขนแต่อย่างใด




“คุณแม่คุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงห้องค่ะ”




เด็กหญิงพูดตอบทันที ผมของเด็กหญิงถูกมัดเป็นแกละสองข้างด้วยโบสีเดียวกับเสื้อผ้า ทำให้ดูน่ารักสมวัยจนนรินทร์อดก้มลงหมายจะหอมแก้มเด็กหญิงอีกครั้งไม่ได้ แต่ทำไม่สำเร็จเพราะเด็กน้อยผลักห้วคุณพ่อออกไป




“คุณพ่อเหม็นกลิ่นกาแฟ หนูไม่ชอบ”

“แต่คุณพ่อต้องดื่มนะคะ ไม่งั้นพ่อทำงานไม่ได้”

“คุณพ่อก็ดื่มไปสิคะ ไม่ต้องมาหอมนิ้ง”




ระหว่างที่สงครามพ่อลูกกำลังจะเกิดขึ้นนั้น เสียงเปิดประตูระเบียงก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน เด็กหญิงหันไปส่งยิ้มกว้างให้ผู้ที่มาใหม่ ในขณะที่นรินทร์เพียงแค่พยายามทำหน้านิ่งทั้งที่เขารู้ตัวดีว่าทำไม่ได้ก็ตาม




หญิงสาวที่เดินเข้ามาในห้องนั้นคือเนตร แม่ของลูกสาวเขานั่นเอง




บรรยากาศของห้องเปลี่ยนไปในทันที นรินทร์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่ควรที่จะอยู่ตรงนี้ ขามานั้นเขาใส่ที่ปิดหูทำเป็นคุยเรื่องงานในขณะที่สองแม่ลูกนั่งกันอยู่เบาะหลัง พอมาถึงโรงแรมเขาก็รีบปลีกตัวออกไปกวนประสาทกฤติ จนตอนนี้ที่ต้องอยู่พร้อมหน้ากัน ความรู้สึกทำตัวไม่ถูกกลับมาครอบงำเขาอีกครั้ง




“ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ?”

“ครับ”




เด็กหญิงที่ยังอยู่ในอ้อมกอดพ่อมองผู้ปกครองสองคนของตัวเองสลับไปมา แล้วสุดท้ายน้องนิ้งก็เลือกกระโดดลงจากอ้อมแขนชายหนุ่มแล้ววิ่งไปหาหญิงสาวที่ยืนส่งยิ้มกว้างให้ลูกอยู่อีกฝั่งของห้อง




“คุณแม่คุยงานเสร็จแล้วเหรอคะ?”

“เสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ที่ทำให้นรินทร์นึกถึงพนักงานสาวที่คุยกับลูกค้า “เดี๋ยวเดือนหน้าคุณแม่จะต้องมีไปดูบ้านใหม่กับอาเอิร์ธ น้องนิ้งไปกับคุณแม่มั้ยคะ? ที่บ้านใหม่มีสระว่ายน้ำด้วยน้า”

“ไปค่ะ! น้องนิ้งชอบว่ายน้ำมากเลย”

“มีสวนใหญ่ๆ ด้วยนะคะ ตรงนั้นมีของเล่นให้หนูเล่นเยอะแยะเลยค่ะ”

“เย้ เราไปกันพรุ่งนี้เลยได้มั้ยคะ? น้องนิ้งอยากไปเล่นของเล่นแล้ว” 




เป็นอีกครั้งทีี่นรินทร์รู้สึกเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้กลางทะเลเพียงลำพัง บทสนทนาครอบครัวสุขสันต์ตรงหน้านั้นไม่มีส่วนให้เขาแทรกตัวเข้าไปเลยสักนิด รอยยิ้มแห้งประดับหน้าชายหนุ่มเหมือนกับทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าควรจะวางตัวเองไว้ตรงไหนกับครอบครัวและบ้านใหม่ที่เนตรกำลังจะสร้างขึ้นมาเพื่อนิ้ง




เขาเป็นส่วนเกินฉิบหาย




นรินทร์ค่อยๆ ถอยออกมาจากห้องอย่างเงียบเฉียบ หูยังได้ยินเสียงหัวเราะของลูกสาวคล้อยหลังก่อนที่จะปิดประตูลง แบบนี้อึดอัดชะมัด ให้ตายเถอะ




เขากับเนตรไม่สามารถแม้แต่จะทนนอนข้างกันได้ ดังนั้นการที่ทุกคนคิดว่าเขามีครอบครัวที่น่ารักอบอุ่นนั้น จึงเหมือนละครหลังข่าวที่เขาเล่นไปตามบทต่อหน้าคนในบริษัท ตอนที่คุณอลิสาแอดมินส่งกุญแจห้องเตียงเดียวมาให้พร้อมกับแซวว่าเขาอาจจะมีลูกเพิ่มนั้น นรินทร์ทำได้แค่เพียงส่งยิ้มแห้งเหือดตอบกลับไปเท่านั้น




ไปอยู่ไหนดี?




รีสอร์ทที่ทางบริษัทเลือกให้จัดว่าสวยงาม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและภูเขา ที่นี่มีทุกอย่างที่คนต้องการจะรีแล็กซ์จากงานประจำมาพักผ่อน เพียงแค่ความรู้สึกเป็นส่วนเกินมันกลืนกินจนไม่เหลือที่พอให้ชายหนุ่มรู้สึกได้พักแต่อย่างใด




เขาควรจะไปที่ไหน?




ในขณะที่กำลังเดินลอยชายอยู่นั้น ขาของนรินทร์ก็พาตัวเองมายืนอยู่หน้าห้องที่คุ้นเคยอีกครั้ง ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เมื่อครู่เขาขโมยคีย?การ์ดที่วางอยู่บนโต๊ะอีกคนติดมาด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้ประโยชน์เร็วขนาดนี้




‘คลิ๊ก’




เพียงแค่แตะเบาๆ ประตูห้องของหัวหน้าแผนกก็เปิดออก นรินทร์ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เพียงแค่คิดว่าวันนี้จะเอาโบผูกผมของน้องนิ้งมาแกล้งรัดกฤติน้อยให้อีกคนทำหน้าตาทรมานก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที




“...ไม่รับโทรศัพท์ผมสินะ”

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”




รอยยิ้มกว้างของนรินทร์เลือนหายไปทันทีเหมือนไอติมทีละลายในฤดูร้อน ห้องของอีกคนที่ควรจะมีเพียงแค่กฤติใส่แว่นนั่งหรือยืนทำหน้านิ่งอยู่คนเดียว กลับมีผู้ชายอีกคนอยู่ด้วย แถมทั้งสองคนยังยืนอยู่ในท่าที่ชวนคิดไม่ดี




กฤตินั่งอยู่ที่ปลายเตียง ในขณะที่ผู้ชายตัวใหญ่อีกคนนั้นเท้าแขนคร่อมอีกฝ่ายจนเงาทาบทับไปทั้งตัว แถมใบหน้ายังอยู่ใกล้กันมากขนาดที่เขายังไม่เคยอยู่ใกล้กับเพื่อนคนไหนขนาดนี้




ภูภูมิ?




หัวหน้าแผนกการตลาด ทำไมถึงมาอยู่ในห้องของหัวหน้าของเขาแบบนี้?!









------- TBC -------




สวัสดีค่ะ

มาทิ้งระเบิดค่ะ อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

หายไปนาน กลับมาแล้วนะคะทุกคนนนน *จุดพลุ*
เลยมาอัพเต็มตอน หวังว่าจะชอบกันนะคะ

 

ไม่มีอะไรจะทอล์คมาก ส่วนใหญ่เราเวิ่นเว้ออยู่ในทวิตเตอร์ค่ะ (เพจก็จะร้างๆ เล็กน้อย ._.)

ขอบคุณทุกๆ คนที่เมนต์ หรือแม้แต่เข้ามาอ่านนะคะ เราเห็นทุกทวีตในแท็ก #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ ทุกเมนต์เลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ นะคะ

 

แล้วเจอกันจย้า

 

เบบี้ (Baby Baphomet)

ใครอ่านแล้วชอบ (หรือไม่ชอบก็ได้ ไม่ว่ากัน) ช่วยบอกเราได้ในทุกช่องทางนะคะ ทั้งในนี้้ ในเพจ หรือในแท็ก #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์  ก็ได้นะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่า XD

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 12-12-2018 21:28:45
ตายยยย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-12-2018 21:58:04
อ้าววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-12-2018 22:26:16
นรินทร์ ยังไง.........
ไอ้รักลูกก็ถูกต้อง แต่ทำไม ยอมพ่วงอดีตเมียมาด้วย
ถ้าโน้ต ไม่มีคนที่ชอบใหม่ก็แล้วไป
เนตรก็ยิ่งประหลาด แปลกๆนะ
หย่ากันแล้วยังตามมางานเอ้าต์ติ้งอดีตสามี มันใช่เหรอ........   :katai1: :angry2: :really2:
เอ.....หรือคิดจะคืนดีกับอดีตสามี  ไม่ต้องชะตาอ่ะ  :fire: :m31: :m16:

โน้ต  กฤติ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-12-2018 22:32:22
กรุ่นกลิ่นดราม่านิดนึง อึดอัดแทนคุณโน้ต
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 12-12-2018 23:08:36
 :hao5:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-12-2018 23:55:16
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 13-12-2018 00:01:03
ฮื่ออออ
อิหยังวะะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 13-12-2018 00:22:30
เป็นการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลูกใหญ่มากกกกกกกก ฮรืออออออออ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 13-12-2018 01:12:35
อุ๊ย!!! ดราม่า!?! ชอบบบบ มาเลยยย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 13-12-2018 23:24:47
นรินทร์นิ้วกลางไม่มีที่ไปแล้วค่ะ ฮ่าา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 14-12-2018 00:10:32
อึดอัดไปกับคุณโน้ตเลยค่ะ
ภูภูมิคือคนที่คุณกฤติบอกว่าเคยมีสัมพันธ์กับคนในบริษัทรึเปล่านะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 14-12-2018 01:26:43
เข้ามาตามเรื่องนี้ด้วยคน

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 17-12-2018 17:13:37
คุณกฤติอาจอยู่ในสถานการณ์เมย์เดย์ก็ได้ อาจไม่เต็มใจ

เชื่อเรา!!!! :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 25-12-2018 07:00:50
อิหยังวะแบบอิหยังวะจริงๆค่ะ อึดอัดแทนคุณโน๊ต ไม่รู้จะวางตัวในตำแหน่งไหน ทั้งกับคุณเนตรและคุณกฤต

จริงๆกับคุณเนตรมันน่าจะมีวิธีที่ลงตัวกว่านี้ไหมอะ จะหอบหิ้วกันไปด้วยความอึดอัดแบบนี้ทุกครัังไม่ได้นะ ถ้านุ้งนิ้งเป็นเด็กฉลาดแบบคุณโน๊ตว่า มันน่าต้องอธิบายกับแกได้แล้วอะ หลอกสร้างฝันไปเรื่อยๆมันไม่โอเคคคคน
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 25-12-2018 12:06:26
คุณกฤตแซ่บมากกกกกก แต่ก็สงสารคุณโน๊ตมันดูอึมครึมทั้งสองฝั่งเลย อึดอัดไปหมด คุณโน๊ตสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 6th Sunday -อิหยังวะ- (12/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 25-12-2018 22:11:34
Christmas In Bed
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์



 



“ทำไมเราต้องมาทำงานวันนี้ด้วยง่ะซุกซน?”

“...”

“วันนี้วันคริสต์มาสเลยนะ! วันคริสต์มาส! วันที่ดีที่สุดในปีๆ นึงเลยนะ! ดีรองจากวันเกิดของน้องแทนกายเลยนะ!”

“...”

“โว๊ย ไอ้อ๊องเงียบปาก! กูจะทำงาน!”





นรินทร์นั่งเท้าคางมองเด็กในแผนกสองคนที่ตีกันเหมือนอยู่วัยประถมแล้วยิ้มบางๆ ความจริงวันนี้เขามีแพลนที่จะไปดูน้องเนตรแสดงงานวันคริสต์มาสที่โรงเรียน แต่เนตรว่างพอดีเลยขอไปแทน คุณพ่อที่อยากดูลูกสาวเต้นงานโรงเรียนแต่ทำอะไรไม่ได้เลยต้องมาทำงานแทนแบบนี้





ออฟฟิศของชายหนุ่มยังคงเหมือนทุกวัน อาจจะต่างไปแค่บรรยากาศ ต้นคริสต์มาสและสายรุ้งที่ตกแต่งในบางจุดทำให้ออฟฟิศที่เคยจืดชืดดูสดใส เพลง Jingle Bells ที่แทนใจเปิดฟังเบาๆ แต่ได้ยินกันทั้งแผนกเป็นตัวเพิ่มความสดใสให้วันแบบนี้ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้คนจะบางตาเพราะส่วนใหญ่ลากันไปหมดแล้ว





“จิงเกฮร์ เบล จิงเกอร์ เบล จิงเกอร์ มีแต่อีเมล---”

“แทนใจมึงจะร้องเพลงทำไม!”

“เรามีความสุข”

“กูหนวกหู”





ซุกซนยังคงโวยวายต่อไป โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะเลยไม่มีใครรำคาญเท่าไหร่ มีเพียงแทนใจกับซุกซนที่ทะเลาะกันเหมือนทุกวัน นรินทร์ที่ยังนั่งตามของให้ลูกค้าอยู่ตรงนี้  นอกจากพวกเขาก็มีคุณเชน ที่เปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้แล้วหนีไปกินกาแฟตั้งแต่เช้า ผู้หญิงในแผนกสองสามคนที่นั่งเม้ากันอยู่มุมหนึ่งของห้องทานข้าว และหัวหน้าแผนกที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ในห้องส่วนตัวเท่านั้น





นรินทร์มองเลยเข้าไปในห้องส่วนตัวของกฤติที่อยู่ทางขวามือ วันนี้กฤติมาในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีเข้มเหมือนทุกวัน กระดุมของอีกคนติดจนชิดคอ เสื้อสูทที่วางแขวนไว้ไม่ไกลนั้นยิ่งทำให้อีกคนดูน่าเกรงขาม





เสียดายที่ขายาวๆ ของอีกฝ่ายถูกปกปิดไว้ด้วยกางเกง ไม่อย่างนั้นนะ …





คุณพ่อลูกหนึ่งคิดภาพของหัวหน้าแผนกคนเก่ง ที่มานั่งทำหน้านิ่งบนโต๊ะทำงาน แต่ส่งสายตาเชื้อเชิญเขา พร้อมทั้งเสื้อเชิ้ตตัวเดียวโดยไม่มีอะไรปกปิดด้านล่าง





โหแม่ง โคตรสวรรค์ โคตรน่าจับมา…





“พี่โน้ตครับ!”





เชี่ย!!!!!!!!!





“ครับ!!”





นรินทร์เผลอรับคำเสียงดัง เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังขึ้นมา ทำลายจินตนาการวาบหวามของตัวเองเสียจนป่นปี้





“เหม่ออะไรเนี่ยพี่ ไม่สมกับเป็นพี่เลย”





ซุกซนที่เมื่อกี้ยังตบตีกับเพื่อนข้างๆ ย้ายมานั่งอยู่หน้าโต๊ะเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใบหน้าเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มล้อเลียนประดับอยู่





“คิดถึงแม่น่ะ”





นรินทร์ตอบด้วยรอยยิ้มใจดีเหมือนกับทุกทีที่เขาคุยกับเด็กแทนใจ หรือซุกซน ส่วนในหัวนั้นคิดไปถึงภาพของกฤติที่มายืนออดอ้อนเขา …





แม่เสือขี้ยั่วของพี่นรินทร์





“โหย คุณโน้ตเป็นลูกที่ดีจังเลย ถ้าผมเป็นพ่อแม่นะ ผมน่ะ ต้องอยากได้ลูกแบบคุณโน้ตแน่นอนเลย”





แทนใจที่นั่งฟังอยู่ไม่ไกลเข้ามาร่วมพูดคุยในบทสนทนาด้วย ดวงตากลมโตของอีกคนเป็นประกายด้วยความชื่นชม สำหรับแทนใจแล้ว นรินทร์ไม่ต่างอะไรกับไอดอลเท่ๆ เลยสักนิด





ทั้งทำงานเก่ง ทั้งตัวสูง แล้วก็หล่อมากๆ โคตรเท่เลยผู้ชายคนนี้





“ฮ่าๆ ไม่ขนาดนั้นหรอก”

“ขนาดนั้นแหละครับคุณโน้ต”





แทนใจยังไม่หยุดชื่นชมอีกคนอย่างออกนอกหน้า อันที่จริงในแผนกมีแต่คนหน้าตาดี คุณโน้ตก็หล่อ คุณกฤติหัวหน้าของแทนใจก็เท่ มีแค่ซุกซนเนี่ยแหละที่ปากเสีย! ออกจากโลกนี้ไปเลยนะ!!





“คุยอะไรกันครับ เที่ยงแล้วนะ ทำไมยังไม่ทานข้าวกันอีก?”





พนักงานที่นั่งคุยกันอยู่หันมองไปทางห้องของหัวหน้าแผนกพร้อมกัน คุณกฤติที่เดินออกมาส่งยิ้มบางๆ ให้ทุกคน (โดยเฉพาะแทนใจ) ตาคมใต้แว่นนั้นมองสบตาทุกคน แล้วหยุดที่คุณพ่อลูกหนึ่งชั่วครู่ ก่อนที่จะหันไปทางอื่นต่อ





บอกตามตรง กฤติรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ จากสายตาที่นรินทร์มองเขามานั้น มันน่าจะมีเรื่องสัปดนอะไรบางอย่างในใจอยู่แน่นอน





“ผมรอคุณพี่เมฆมารับครับ”





เด็กแทนใจยิ้มแฉ่งแล้วตอบหัวหน้าไป คุณพี่เมฆที่เจ้าตัวพูดถึงก็คือแฟนหนุ่มต่างแผนกที่กฤติเกลียดขี้หน้าหนักหนา





“อ๋อ ครับ” กฤติพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะถามต่อพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดูบนใบหน้า “แล้วซุกซนล่ะ ไปด้วยกันกับเราด้วยใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ ผมกับคุณพี่เมฆต้องหนีบมันไปด้วย เพราะมันไม่มีเพื่อนคบแล้ว”

“ไอ้อ๊อง! มาให้กูบีบแก้ม!”

“อุ๊กอนนนนนน เอ่บบบบบบ” (“ซุกซนนนนนน เจ็บบบบบบ”)





กฤติหัวเราะเมื่อเห็นกระต่ายของตัวเองเล่นกับเพื่อน เขาลูบหัวแทนใจเล็กน้อยก่อนที่จะผละออก หมายจะไปหาอะไรมาทานเช่นเดียวกัน





“เฮ้ยคุณ! แล้วผมอ่ะ? ถามผมด้วยดิ”





หัวหน้าแผนกคนเก่งกลอกตาเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย ไม่ต้องเสียเวลาหันหลังไปดูก็รู้ว่าเป็นนายนรินทร์แน่นอน อุตส่าห์ตั้งใจเมินแล้วแท้ๆ





“ไม่อยากรู้ครับ”

“ใจร้ายมาก Double Standard สุดๆ”

“เป็นแค่กับคุณครับ”

“โอ๊ย ดีใจ อยู่ในสายตาของเธอ”

“...”





บริษัทคิดอะไรถึงได้รับคนสติไม่ดีเข้ามาทำงานกันนะ?





กฤติได้แต่คิดกับตัวเอง ชายหนุ่มเดินออกมาจากออฟฟิศเพื่อรอลิฟต์นั้น ทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่อมีบางคนเดินติดสอยห้อยตามมาโดยไม่ได้ขออนุญาต เอานายนรินทร์ไปทิ้งที่ไหนได้บ้างนะ? ซาเล้งเขาจะรับซื้อนายนรินทร์ไหม?





“คุณๆ เราซื้อของในตลาดมานั่งกินกันที่ห้องครัวดีมั้ย?”

“...”

“หรือจะออกไปกินข้างนอกดี?”

“คุณจะทำอะไรก็ทำครับ ผมเองก็จะกินของผมเหมือนกัน”

 



หัวหน้าหนุ่มพูดเรียบๆ แล้วเดินเข้าลิฟต์ไป เขายังใจดีพอที่จะรออีกคนเดินเข้ามาก่อนถึงค่อยกดปิดลิฟต์ ซึ่งนั่นทำให้นายนรินทร์ยิ้มแฉ่งอย่างน่าหมั่นไส้





“คุณจะกินอะไร?”

“ข้าวมั้ง ไม่รู้สิ” กฤติตอบอย่างไม่ใส่ใจ ชายหนุ่มกำลังดูอีเมลของลูกค้าในโทรศัพท์มือถืออย่างมีสมาธิ แต่เพราะเป็นมารยาทเลยถามอีกคนกลับไป

“แล้วคุณล่ะ?”

“ผมกินคุณได้มั้ย โคตรอยากกินคุณเลย”

“...”

“ยิ่งคุณใส่เชิ้ตขาวนี่คือโคตรดี ผมซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้คุณแล้วนะ อยู่ในรถน่ะ ไว้คืนนี้ผมจะ--- โอ๊ย!”





นรินทร์พูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็โดนกฤติศอกเข้าที่ท้องอย่างจัง ทำเอาอีกฝ่ายโอดครวญหน้าเขียวหน้าเหลือง แรกๆ กฤติเองก็ไม่ได้ทำอีกฝ่ายเต็มแรงเท่าไหร่ แต่เมื่ออยู่ด้วยกันมานาน เขารู้ว่านรินทร์คนหน้าด้านหน้าทนนั้นไม่สะทกสะท้านกับมือไม้ของเขาแน่นอน







“เก็บไว้ช่วยตัวเองเถอะ!”






------- Merry Christmas! -------








ทั้งที่นริทร์ควรจะล่าถอยไปตั้งแต่กลางวัน แต่พอเลิกงานคนหายเกลี้ยงทั้งบริษัทปุ๊บ คุณพ่อลูกหนึ่งคนน่ารำคาญก็โผล่หน้ามายืนยิ้มแป้นรออยู่ที่หน้าห้องกฤติทันที





“น่านะคุณ”

“...”

“นิดเดียวเอง”

“...”





กฤติทำหูทวนลม ตาคมหลังแว่นยังคงจ้องมองแผนงานตรงหน้า ไม่สนใจเสียงน่ารำคาญของแมลงหวี่แมลงวันที่ตอนนี้ยืนโบกมือเรียกร้องความสนใจอยู่หน้าโต๊ะเขาแล้ว





หากเป็นคนปกติ เมื่อเห็นว่าอีกคนให้ความสำคัญต่อตนเองน้อยพอๆ กับฝุ่นผงก็คงจะล่าถอยออกไป แต่บังเอิญผู้ชายคนนี้คือนรินทร์ ชายหนุ่มเปลี่ยนจากการยืนโบกมือไปเป็นนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วสไลด์ตัวเองเข้าไปอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายแทน





“คุณ… เล่นกับผมนะ”

“...”





นรินทร์ทำหน้าบึ้งคล้ายลูกสาวตัวเองตอนโดนขัดใจ เออ ไม่สนใจกันใช่ไหม? ได้!





“You better watch out, you better not cry…”





กฤติเงยหน้าออกมาจากคอมเมื่อหูได้ยินเสียงประหลาด ตามปกติเขาเป็นคนที่สามารถตัดเสียงรบกวนออกได้อัตโนมัติ แต่เขาทำได้แค่เสียง ไม่ใช่เพลงที่มาพร้อมกับจูบเบาๆ ข้างหูที่ชวนให้รู้สึกประหลาดๆ แบบนี้





“คุณ...ผมทำงาน”





นรินทร์ยังคงไม่สนใจ ชายหนุ่มที่โน้มตัวลงมาจากด้านหลังของอีกคนยังคงกดจูบข้างๆ ใบหูของหัวหน้า พร้อมกับร้องเพลงไปด้วย เพราะรู้ว่ามันจะสามารถเรียกความสนใจจากอีกคนได้ พร้อมๆ กับที่เขาจะสามารถกวนประสาทกฤติในเวลาเดียวกัน





“You better not pout. I’m telling you why…”

“... คุณ”





กฤติเปล่งเสียงออกมาได้ไม่เต็มที่มากนัก เมื่อมือใหญ่ของอีกคนลูบผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อดีเบาๆ ความร้อนระอุภายในร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมา ทั้งที่เขารู้ว่าควรจะหยุดอีกคน แต่กลับไม่สามารถยกมือขึ้นมาห้ามอีกฝ่ายได้เลย





“Santa Claus is coming to town”

“เฮ้ย!”





ชายหนุ่มร้องเพลงเด็กน้อยต่อ แล้วหันเก้าอี้ของอีกคนมาทางตัวเองอย่างรวดเร็ว กฤติทำสีหน้าตกใจได้น่าเอ็นดูจนนรินทร์ที่เปลี่ยนมานั่งคุกเข่านั้นยิ้มบางๆ ออกมาโดยอัตโนมัติ เขาจับสองมือของกฤติเอาไว้ ลูบหลังมือเบาๆ





หัวหน้าคนเก่งสั่นเล็กๆ อย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ นอกเหนือจากสัมผัสที่ฝ่ามือแล้วนั้น สิ่งที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เลยก็คือสายตาของอีกคนที่มองตรงมา





กฤติรู้สึกเหมือนตัวเองถูกตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยสายตาของอีกคน นรินทร์มองเขาแบบที่อบอุ่น หนักแน่น แต่ให้ความรู้สึกเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน





ผู้ชายคนนี้ทำได้อย่างไร? เป็นเวทมนตร์ของคนบ้าอย่างนั้นหรือ?





“He's making a list. And checking it twice.”





นรินทร์ยังคงร้องเพลงเด็กน้อยต่อไปเบาๆ พร้อมกับปลดกระดุมกางเกงของอีกคนลงไปด้วย พวกเขายังคงอยู่ด้วยกันในห้องทำงาน คอมพิวเตอร์ของกฤติยังคงเปิดอยู่ แต่ตอนนี้หัวหน้าที่เก่งทุกอย่างรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย





ชายหนุ่มส่งยิ้มร้าย พร้อมกับร้องออกมาอีกท่อน





“Gonna find out Who's naughty and nice”





“คุณ ที่นี่มันไม่ดะ...อื้อ!”





กฤติร้องออกมาเมื่ออีกคนงับลูกน้อยของเขาไม่เบานัก นรินทร์กดจูบมันแผ่วเบา หากเจ้าตัวไม่ได้นอนกับผู้หญิงมาตลอด กฤติมั่นใจว่านรินทร์ต้องเป็นเกย์รุกแต่กำเนิดแน่ๆ





ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้อีกคนโอนอ่อนได้ขนาดนี้





“คุณเบาๆ สิ ในห้องนี้ไม่มีกล้องคุณก็รู้นี่ครับ”





นรินทร์พูดก่อนที่จะเอามือขึ้นมานวดคลึงมันเบาๆ ตอนนี้กฤติหลับตาปี๋ มือที่เขาพยายามปัดป้องอีกฝ่ายออกจากพื้นที่หวงห้ามของตัวเองเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ





“มัน… ไม่ควร...”

“ไม่ควรหยุด”





นรินทร์พูดพร้อมกับนวดกฤติน้อยอย่างเบามือ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่าของผู้ชายอีกคนแม่งโคตรน่ารักเลยให้ตาย





“ไม่ควรทำ!”

“คุณเป็นเด็กดีมาตลอดปีเลยนะ”





นรินทร์เปลี่ยนเรื่องพูด เขาเร่งจังหวะในการรังแกอีกคนไปด้วย กฤติตอนนี้แทบจะจมลงไปในเก้าอี้อยู่แล้้ว หากไม่เอามือไปจับที่เท้าแขนเอาไว้ ซึ่งนรินทร์ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรง่ายขึ้น มือใหญ่นั่นยังทำหน้าที่ของมันได้ดีอย่างเช่นที่เป็นมาตลอด





“ซานต้าจะให้รางวัลนะครับ”

“...อื้อ!”






นรินทร์พูดพร้อมกับอมกฤติน้อยเข้าไปทั้งหมดในคำเดียว กฤติมีเซ็กส์มาเยอะก็จริง แต่การทำออรัลนั้น แทบไม่มีใครทำให้เขา





และเขาก็ไม่เคยทำให้ใครนอกจากนรินทร์เช่นเดียวกัน





กับคนอื่นนั้นมันเป็นเพียงการปลดปล่อยความกระสัน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเล้าโลมให้คู่นอนไปถึงก็ได้ หลายครั้งที่กฤติโดนใช้เหมือนทิชชู่ราคาถูก และหลายครั้ง เขาเองก็ใช้คนอื่นแบบนั้นเหมือนกัน





แต่กับนรินทร์มันไม่ใช่แค่นั้น





“โห เด็กดีใสเชียว เมื่อวานปล่อยเยอะเหรอคุณ”





นรินทร์พูดเมื่ออีกคนหนึ่งถึงฝั่งฝัน เขาปล่อยน้ำบางส่วนของอีกคนออกมาจากปากแล้วดู พร้อมกับส่งยิ้มมุมปากอย่างล้อเลียน ซึ่งมันได้ผล กฤติหูแดงเถือกขึ้นมาทันที





ก็ใครล่ะทีทำดีจนเขาเสร็จตั้งสองรอบน่ะ!





“พูด… มาก”





นรินทร์หัวเราะอย่างไม่ถือสาเอาความ พลางลุกขึ้นยืน เปลี่ยนท่าทางให้ตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเอาอีกคนขึ้นมานั่งตัก โดยให้กฤตินั้นหันหน้าเข้าตัวเอง





แผ่นหลังของอีกฝ่ายเซ็กซี่ก็จริง แต่ตอนนี้ซานต้าอยากมองหน้าเด็กดีของเขามากกว่า





“ซานต้าจะให้รางวัลนะครับ”

“...”

“พูดอะไรหน่อยดิ สุขสันต์วันคริสต์มาสอะไรแบบนี้”

“...ไอ้คุณโน้ต ไอ้โรคจิตเอ๊ย เร็วๆ เลย!” 





นรินทร์หัวเราะเมื่ออีกฝ่ายเร่งเร้าอย่างน่ารัก ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็รวมกันเป็นหนึ่ง กฤติถึงกับเชิดหน้าเมื่อรู้สึกถึงลิตเติ้ลโน้ตอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งที่ทำกันมาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่นรินทร์ทำให้เขารู้สึกเบื่อลิตเติ้ลโน้ต





เป็นคนบ้าที่มีเวทมนตร์จริงๆ ด้วยสินะ





“เด็กดีขยับสิ”





กฤติค้อนอีกฝ่ายเมื่ออยู่ๆ ซานต้าอุปโลกน์เอาลิตเติ้ลโน้ตสอดเข้ามาแล้วปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น ไหนจะเอามือมาหนุนหัวตัวเองคล้ายกับว่าจะไม่ทำอะไรแล้วอีกต่างหาก





“ถ้าอยากจะเป็นซานต้า ก็อย่าไร้น้ำยาสิครับ”





กฤติพูดแล้วเริ่มขยับตัว หัวหน้าหนุ่มแอบยิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายครางต่ำพร้อมสบถ้อยคำหยาบคายอย่างที่ทำเป็นบางครั้งเมื่อพวกเขานอนด้วยกัน ดูจากอุณหภูมิของตัวอีกคน และมือของอีกฝ่ายที่ขยำหน้าอกกฤติอย่างแรง ไม่ต้องเสียเวลาเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายเองก็อยู่ในห้วงอารมณ์เดียวกัน 





“คุณแม่ง… ใส่เชิ้ตขาวบ่อยๆ นะ”

“เฮ้ย!”






มันก้มลงมาเป่าลมเล่นกับยอดอกของเขาโดยไม่บอกกล่าวเลยสักนิด!





นรินทร์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วตอนนี้ ทั้งความเร่าร้อนของเซ็กส์ และยอดอกที่ดึงดูดของอีกคน มันอดไม่ได้ที่จะ…





“โอ๊ะ ไม่ใช่ลูกอม!”





กฤติร้องอุทานออกมาเมื่ออีกคนกัดไม่แรงนัก กัดทำไม! เป็นหมาหรือไง!





“โอ๊ย!!”





เป็นนรินทร์ที่อุทานบ้างเมื่ออีกคนจิกเข้าที่กล้ามแขนชายหนุ่มเต็มแรง ส่งผลให้เขาต้องละออกมาจากสิ่งล่อตาล่อใจนั่น





“ดุจังครับ นี่ไม่ใช่เด็กดีแล้ว เด็กซนนี่หน่า”

“เด็กซนก็หัวหน้าคุณ”





นรินทร์มองคนปากดีที่ตอนนี้ขย่มบนตัวเขาอย่างมันเขี้ยว ก่อนที่จะประกบจูบอีกคนอย่างร้อนแรง ทั้งห้องเต็มไปด้วยความร้อนระอุ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่กฤติเปิดคอมเอาไว้แล้วไม่สามารถทำงานให้เสร็จอย่างที่ใจหวังได้





ความผิดไอ้ซานต้าบ้ากามนี่คนเดียว!





“... อื้อ”

“ดีฉิบหาย ดีมาก … ดี… เป็นของขวัญคริสต์มาสที่โคตรดี … โคตรของโคตรดี”





กฤติขยับสะโพกเร็วขึ้น ไม่สนใจคนที่พึมพำอะไรกามๆ เขาเชิดหน้าเกร็งตัวเร่งจังหวะ จนในที่สุด ทุกหยาดหยดของอารมณ์ก็หลั่งไหลออกมาจนหมด





“...”





กฤติยืนมองอีกคนที่ถอดถุงออกมามัดปากถุงแล้วโยนใส่ถังขยะเอาไว้ เขากำลังนึกทึ่งในความสามารถการใส่ถุงอันรวดเร็วอยู่ เมื่อกี้เขาไม่ได้มองด้วยซ้ำว่านรินทร์สวมถุงยางตอนไหน





และในส่วนของตัวเองนั้น เพราะปลดปล่อยไปก่อนรอบหนึ่งแล้ว ครั้งที่สองจึงไม่ได้เยอะเกินจะเช็ดเท่าไหร่ ซึ่งนรินทร์กำลังจัดการร่องรอยของเขาที่เปื้อนหน้าท้องของอีกฝ่ายอยู่





“คุณเล่นบ้าอะไรเนี่ย?”







เมื่อสติกลับมา กฤติก็เหวใส่อีกฝ่ายเสียงเขียว มือยังคงหยิบทิชชู่ไล่เช็ดส่วนที่เปื้อนอย่างหงุดหงิด แทนที่เขาจะได้ใช้เวลาว่างๆ นั่งเงียบๆ ทำงานของตัวเอง ดันต้องมาโดนจับทำอะไรแบบนี้ มันน่าหงุดหงิดเสียจริง





“ของขวัญวันคริสต์มาสไงคุณ ได้ลูกๆ ของผมไปเต็มเลยนะ”

“...”





คือกูต้องดีใจใช่มั้ย?





“เออ แต่เมื่อกี้ใส่ถุงนี่หว่า” นรินทร์พูดออกมา ไม่ได้สนใจสีหน้าเหม็นเบื่อของอีกคนเลยแม้แต่น้อย “งั้นผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกผมกับคุณอ่ะดิ งั้นไม่แฟร์ เราจัดกันอีกรอบดีกว่า ครั้งนี้สดนะ ผมจะได้เอาลูกๆ ให้คุณเต็มที่… โอ๊ย!”





กฤติยกแฟ้มขนาดสามนิ้วใกล้มือปาใส่หัวอีกฝ่ายทันทีอย่างไม่ออมแรง





ให้ลูกบ้าอะไร!!!





หัวหน้าหนุ่มฮึดฮัดอย่างหงุดหงิด นี่เขาจะต้องอยู่กับไอ้คนสัปดนแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ถ้าหากคนเราสามารถขายลูกน้องให้รถซาเล้งได้ล่ะก็ กฤติจะไม่ลังเลที่จะขายนรินทร์ทิ้งไปเลยจริงๆ





“ถึงคุณจะมือหนัก แต่ก็น่ารักนะเนี่ย”

“...”





นรินทร์ที่ยังกุมหัวตัวเองมองหน้าอีกคนที่พยายามจะเกร็งริมฝีปาก แต่ใบหูแดงอย่างเอ็นดู ทั้งที่อยากจะเอาเข้ามากอดซ้ำอีกครั้ง แต่การแกล้งให้อีกคนทำหน้าทำตาไม่ถูกแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน





“คุณ…”

“อะไรอีก?”

“สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ”

“อือ”

“คุณเป็นของขวัญวันคริสต์มาสที่โคตรดีเลย รู้ตัวไหมครับ?”







นรินทร์พูดยิ้มๆ ตอนนี้หัวหน้าของเขาเหมือนใกล้จะระเบิดเต็มที กฤติทำหน้าตาเหมือนเห็นผี จะร้องไห้ แล้วก็หน้าตาประหลาดออกมาได้ในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น







มันน่ารักมากจริงๆ





ซานต้าก็ต้องอิจฉานรินทร์คนนี้ ของขวัญไม่จำเป็น แค่คุณกฤติคนเดียวก็พอแล้ว










------- Merry Christmas! -------









นี่คือของขวัญวันคริสต์มาสจากเราค่ะ XD



แนะนำให้ฟัง Santa Clause Is coming To Town ไปด้วยนะคะ

แล้วเพลงเด็กของคุณจะ… อ่า นั่นแหละ 555555




ถ้า OOC หรือมีคำผิด หรือจะคุยเล่นอะไรมาบอกเราได้นะคะ

อันนี้รีบมาก รีบสุด รีบแบบแต่งตั้งแต่ที่ทำงาน แต่งไปเสียวหลังไป ฮือ



ขอให้มีความสุขนะคะ  Merry Christmas คะทุกคน



ปล. มาคุยกันใน #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ ได้น้า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 26-12-2018 00:31:10
 Merry Christmas ค่ะคุณไรท์ :mew1:

โหววว คุณโน้ตแกล้งคุณกฤติอ่ะ ซานต้าได้ประโยชน์ชัดๆ   :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 26-12-2018 01:12:20
จะโดนขายให้ซาเล้งยังไม่รู้ตัวอี๊กกกกกก 555555555 merry X'mas นะค้า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 26-12-2018 03:20:18
"ซานต้าก็ต้องอิจฉานรินทร์คนนี้ ของขวัญไม่จำเป็น แค่คุณกฤติคนเดียวก็พอแล้ว"
หมั่นไส้คุณโน้ตจริงจริ๊ง ต่อให้รู้ว่าจะถูกขายให้ซาเล้ง ก็ยังยิ้มหน้าระรื่นอยู่ใช่ไหมคะ ฮา
คุณกฤติหงุดหงิดเพราะดันหลงมนต์ซานต้าใช่ไหม หุหุ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 26-12-2018 05:15:23
ของขวัญแบบนี้ซานต้าก็ให้ไม่ได้หรอกค่ะ ;-; :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-12-2018 07:25:15
คุณกฤตินี่น่ารักจริงๆ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-12-2018 11:15:50
สงสารคุณกฤติ  :o8:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-12-2018 13:06:23
WE WISH WRTTER A MERRY CHRISTMAS  :mew1:
AND A HAPPY NEW YEAR.  :mew1:

นรินทร์ ยังคงรักษาคอนเซ็บลามก สัปดนกับกฤต อย่างคงเส้นคงวา  :-[
กฤต ก็รับ  MERRY CHRISTMAS  จากนรินทร์เต็มๆ   :pighaun: :haun4: :jul1:
นี่ก็รอ  HAPPY NEW YEAR ของนรินทรฺกับกฤต ต่อนะ    :z1: :z3:

นรินทร์  กฤต  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-12-2018 14:29:03
ของขวัญตามใจคนให้มากกกกก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-12-2018 01:27:50
จะโดนขายให้ซาเล้งยังไม่รู้ตัวอีก คุณโน้ตจะรู้ไหมว่าตัวเองยังคงสถานะแค่ลูกน้องสำหรับคุณกฤติ 555555555555555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 29-12-2018 15:31:17
เป็นเรื่องที่ครบรสจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-12-2018 09:27:27
อื้อหือ แซ่บ !
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 01-01-2019 07:55:49
ไม่อยากให้แทนใจมารับรู้ด้านมืดของไอดอลเลยกลัวน้องช็อค :hao6: อ่านถึงตอนปัจจุบันก็คือคุณกฤติเค้าก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับอิพี่โน๊ตเท่าไหร่เลยดูจะรำคาญด้วยซ้ำ สงสารอิพี่555555 /เรื่องแฟนเก่าพี่โน๊ตถึงแม้จะหย่ากันแล้วมันก็ยังคาราคาซังอยู่ดีอ่ะ นี่ลูกสาวก็เริ่มโตแล้วน่าจะเริ่มบอกลูกกันได้นะ เพราะถ้ามีใครรู้เรื่องคุณกฤติกับอิพี่ขึ้นมาเค้าจะมองว่าคุณกฤติเป็นชู้เอานะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Christmas in bed (25/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 02-01-2019 22:18:23
7th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์




ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง





นรินทร์มองคนที่ยังไม่ละออกจากกฤติด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างอย่างหมดหล่อ เจ้าของห้องเป็นคนแรกที่ได้สติในเหตุการณ์นี้ กฤติดันคนที่ทำท่าจะคร่อมเขาออกไป ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมล่าถอยแต่โดยดี คนที่เพิ่งจะกลับมายืนตรงอีกครั้งจัดเสื้อของตัวเองเล็กน้อย




นรินทร์มองสำรวจใบหน้าของอีกฝ่าย ภูภูมิจัดว่าเป็นผู้ชายมีอายุที่ดูดีคนหนึ่ง ใบหน้าที่ชวนให้นึกถึงดาราฮ่องกง กับคิ้วเข้ม และรอยยิ้มมุมปากที่ดูกวนประสาทของอีกคนเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของแผนกการตลาดชั้น 29 สำหรับเขา ครั้งแรกที่นรินทร์เจอภูภูมินั้นค่อนข้างเลือนราง เขารู้เพียงว่าหากพูดถึงแผนกการตลาดละก็ เขาจะนึกถึงผู้ชายคนนี้เป็นคนแรก



ไม่ว่าจะยังไง หัวหน้าแผนกการตลาดก็ไม่ควรมาอยู่ในห้องส่วนตัวของหัวหน้าแผนกเซลล์ไม่ใช่หรือไง!


นี่มันน่าหงุดหงิดเสียจริง




“ยังไงถ้าคุณว่างแล้วก็โทรมาละกัน”

“...”

“โทรเข้าเบอร์ส่วนตัวก็ได้นะ เดี๋ยวผมใช้เบอร์มือถือบริษัทโทรกลับ ยังไงเดี๋ยวผมก็ต้องให้ปกป้องเขาไปทำเรื่องเบิกค่าโทรศัพท์คืนอยู่ดี”




ภูภูมิทิ้งท้ายกับเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งหน้านิ่งอยู่ปลายเตียง หัวหน้าแผนกการตลาดละสายตาจากกฤติมาเป็นนรินทร์ที่ยังคงยืนขาแข็งอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม ใบหน้าหล่อร้ายเหยียดยิ้มทิ้งท้ายเหมือนกับว่าตนเองรู้อะไรบางอย่าง  ก่อนที่จะเดินผิวปากออกจากห้องไปโดยปราศจากคำพูดเพิ่มเติม 




ตอนนี้เหลือเพียงกฤติและนรินทร์เท่านั้น




ความเงียบที่น่ารำคาญปกคลุมพวกเขาทั้งคู่ นรินทร์มองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะวางสายตาเอาไว้ตรงไหน หากไม่ใช่เวลาที่ต้องใช้สมาธิิทำงาน นรินทร์ไม่ใช่คนที่ชอบความเงียบเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะความเงียบที่โอบล้อมรอบตัวเขาพร้อมกับความคลุมเครือและเคลือบแคลงใจแบบนี้



ในขณะที่นรินทร์กลายเป็นคนงุ่นง่าน กฤติทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในที่นี้




ชายหนุ่มเจ้าของห้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่จะปลดเนกไทของตัวเองที่ถูกชิดคอเพราะต้องขึ้นไปพูดบนเวทีออกมา ใบหน้าใต้แว่นสายตานั้นยังคงเรียบนิ่งเหมือนเคย ในหัวชายหนุ่มมีเพียงเรื่องงานที่จะต้องทำต่อหลังจากกลับไปที่ทำงานเท่านั้น



“คุณทำแบบนี้ได้ไง?”




เจ้าของห้องหันไปมองคนที่ย้ายตัวเองจากหน้าประตูเข้ามาใกล้เขามากกว่าเดิม ใบหน้าหล่อในตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์อะไรสักอย่างที่กฤติไม่รู้จัก และเขาก็ปวดหัวเกินกว่าที่จะมานั่งแยกแยะความมากสิ่งของอีกคนในตอนนี้



“ผมทำอะไร?”

“ในสัญญานั่น มันห้ามนอนกับคนอื่นถ้าเรานอนด้วยกัน...”

“...”

“แล้วทำไมคุณถึงได้ไปนอนกับเขา?”




นรินทร์กลั่นกรองสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาอย่างช้าๆ ทั้งที่ในหัวตอนนี้มีแต่เสียงอื้ออึงและความคิดตีวนกันมั่วไปหมด

เขาอยากจะตวาดใส่อีกคนแต่ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่ง ซึ่งกฤตินั้น ก็ไม่ตอบอะไรให้นรินทร์สบายใจมากขึ้น ชายหนุ่มเพียงแค่ทำหน้านิ่งแบบเดิม ซึ่งมันโคตรน่าหงุดหงิดในสายตาลูกน้อง




“คุณนอนกับมันบ่อยเหรอ?”

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”

“เป็นเรื่องของผมสิ เราสองคนทำสัญญากันไปแล้วนะว่าจะไม่นอนกับคนอื่นน่ะ แล้วคุณแม่ง... ทำไมขัดใจงี้วะ โว้ย!”



นรินทร์ระบายความหงุดหงิดของตัวเองด้วยการขยี้ผม เขาหงุดหงิดทุกอย่าง อยากจับตัวหัวหน้ามาเขย่าให้อะไรสักอย่างหลุดออกมาจากปากบางๆ นั่น



“ตอนนี้ผมไม่ได้ทำแล้ว”

“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ? นอนกับมันมาขนาดไหนแล้วอ่ะ?”

“ก็นอนกับเขามามากกว่าที่นอนกับคุณละกัน”




สิ้นเสียงกฤติ ทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ใบหน้านรินทร์เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย แต่กฤติที่หันหน้าออกไปทางระเบียงไม่ทันได้เห็นมัน



“คุณแม่ง...”

“...”

“พูดอะไรมั้งสิวะคุณ!”




นรินทร์เสียงดังขึ้นมาอย่างเหลืออด เหมือนกับตัวเองเป็นสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังโดนแย่งเจ้าของ เขาตวัดเสียงด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าหล่อบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ




หากแต่ ไม่ใช่นรินทร์คนเดียวที่โมโหเป็น




“คุณจะให้ผมพูดอะไร” กฤติพูดออกมานิ่งๆ น้ำเสียงยังคงราบเรียบดั่งทะเลยามเย็นที่ไร้ลม “ตัวคุณเองก็มีภรรยามาด้วยนี่ครับ”



“แต่ผมไม่ได้นอนกับเนตร—“

“งั้นผมก็ไม่ได้นอนกับคุณภูภูมิเหมือนกัน”




ความเงียบที่น่ารำคาญใจ กลับมาเยี่ยมพวกเขาทั้งคู่อีกครั้ง




ชายหนุ่มทั้งสองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายนรินทร์ก็เป็นฝ่ายละสายตาออกมาเพราะโทรศัพท์เข้า ชายหนุ่มเหลือบมองใบหน้ากฤติอีกครั้ง ก่อนจะรับสายที่โทรเข้ามา




“ว่าไงลูก”




กฤติผินใบหน้าออกไปนอกระเบียงอีกครั้งทั้งที่ต้นไม้ใบหน้าตรงนั้นไม่มีอะไรน่าดูมากนัก เสียงชายหนุ่มแปลกหน้าที่คุยกับลูกสาวค่อยๆ เบาลง เบาลง




จนหายไปในที่สุด




นัยน์ตาดำหลังแว่นกรอบดำสนิทหันกลับมาที่เดิม ห้องนอนของเขาเงียบสงบ นอกจากเก้าอี้ที่วางไม่เป็นที่เพราะอีกคนจับย้ายเมื่อกี้ ห้องของชายหนุ่มก็กลับมาไร้คนรบกวนอีกครั้ง




นรินทร์ออกไปแล้ว


ออกไปทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์กับลูกสาวค้างอยู่




หัวหน้าแผนกเซลล์ถอนหายใจ ทั้งที่ไม่มีตัวกวนแล้ว แต่ความคุกรุ่นข้างในยังคงไม่จางหาย โน้ตเข้ามาเหมือนพายุฤดูร้อน ที่ทิ้งซากตะกอนความรู้สึกงี่เง่าทิ้งเอาไว้ก่อนจะจากไปอย่างสบายตัว โดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะต้องอยู่กับเรื่องไร้สาระที่อีกคนเอามาปล่อยไว้แต่อย่างไร




ชายหนุ่มปลดเปลื้องความหนักอึ้งของก้อนอะไรบางอย่างออกไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่ใส่ขึ้นประชุม เมื่ออยู่ในชุดสบายตัวแล้วนั้น หัวหน้าแผนกคนเก่งก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหลังใหญ่ในทันที





ให้ตาย กฤติไม่ชอบเวลาที่ในหัวตัวเองมีแต่เรื่องไร้สาระแบบนี้ชะมัด



.

.

.



กว่าจะรู้ตัวอีกที คุณพ่อลูกหนึ่งก็อยู่บนรถทัวร์พร้อมกับนิ้งและเนตรเรียบร้อย




เขาเดินคุยโทรศัพท์กับลูกออกมาจากห้องของกฤติ ตรงกลับไปที่ห้องของตัวเองทันทีเพราะว่าลูกสาวบ่นหิวข้าว แล้วอยากให้พ่อกับแม่ทานข้าวพร้อมกันมากๆ ชายหนุ่มที่ตั้งใจว่าจะสั่ง Room Service มาให้เนตรและนิ้งทานต้องพับโครงการและพาทั้งครอบครัวออกไปกินข้าวกับบริษัทอย่างช่วยไม่ได้




เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเทคแคร์ลูกและแฟนเก่าที่พามาด้วย เพียงแค่เขาเองก็เบื่อการสวมบทบาทพ่อบ้านที่ดีอย่างที่คนในบริษัทเข้าใจเหมือนกัน



ยิ่งงานที่มีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีใครเผลอเมาแล้วมาพูดจาแซวแรงๆ กับเนตรหรือว่านิ้งหรือไม่ กับลูกน่ะเขาไม่ยอมแน่ แต่กับเนตรนั้น ถึงแม้จะไม่ได้รักกันแล้วแต่เนตรก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ควรที่จะถูกแทะโลมจากใคร




บทรถทัวร์นั้นบรรยากาศคึกคัก พนักงานในบริษัทต่างจับคู่กับกลุ่มสนทนากันราวกับว่าไม่ได้ติดต่อกันเนิ่นนาน ทั้งที่ความจริงเพิ่งจะประชุมกันเมื่อครู่ แต่บรรยากาศผ่อนคลายบนรถทัวร์ที่มีแต่คนกันเองนั้นทำให้หลายคนเป็นตัวของตัวเองอย่างสนุกสนาน




เสียงคนรอบข้างไม่ได้ดึงความสนใจนรินทร์มากนัก เขาปฏิเสธขาไพ่จากไอทีที่มาชวนเขาไปร่วมตั้งวงด้วยด้านหลังพร้อมตะโกนแซวเขาและครอบครัวเป็นพิธี




“หนูอยากเลี้ยงหมาใช่มั้ยคะ?”

“อยากค่ะ!”

“โอเค อาเอิร์ธเขาถามมา ไว้เราย้ายไปบ้านใหม่กันแล้วเราซื้อหมาตัวโตๆ เอาไว้เลยดีมั้ยคะ?...” 




เสียงของแฟนเก่าและลูกลอยผ่านหูชายหนุ่มไปอย่างไม่ได้รับความสนใจมากนัก เขาปล่อยให้ผู้หญิงสองคนนั่งหน้าด้วยกัน ในขณะที่ตัวเองนั่งอยู่ด้านหลัง




เมื่อถามว่าทำไมตัวเขาถึงไม่ขับรถออกมา คำตอบก็คงจะเป็นเพราะว่าเขากำลังไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากขับรถเท่าไหร่ หัวสมองของนรินทร์มีเพียงเหตุการณ์เมื่อครู่กับไม่พอใจ




เขารู้ว่าตัวเองกำลังไม่พอใจอะไร


แต่เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร




กฤติเป็นเพียงหัวหน้า เป็นคู่นอน เป็นเพื่อนเล่น เป็นแค่คนเด็กกว่าที่ทำวางท่าเคร่งขรึม ใส่ชุดสูทผูกเนกไทที่เซ็กซี่สัด แค่เด็ดทุกท่วงท่า แค่น่ารักตอนร้องไห้ แค่ใจดีฉิบหาย




เออ แม่งแค่นั้นเองไง



“คุณพ่อคิดอะไรอยู่คะ ทำไมไม่ลงมาสักที?”




นรินทร์มองไปรอบๆ รถทัวร์ที่ขนกันมาร้านอาหารบรรยากาศดีใกล้รีสอร์ตจอดนิ่ง คาดว่าคงเพิ่งถึงเพราะคนในบริษัทหลายคนเดินกันอยู่ตรงพื้นด้านล่างที่มองเห็นจากหน้าต่างรถ ชายหนุ่มหันกลับมาที่เสียงด้านข้าง น้องนิ้งลูกสาวยืนเกาะแขนเขาอยู่ ใบหน้าน่ารักดูเหมือนจะงอนเล็กน้อย




“คุณแม่ล่ะคะ?”

“คุณแม่รออยู่ข้างล่างค่ะ บอกให้นิ้งมาตามคุณพ่อลงไปด้วยกัน”




นรินทร์พยักหน้ารับลูกสาวพร้อมส่งยิ้มให้แล้วเดินลงไปด้วยกัน ข้อเสียอย่างหนึ่งของเขาคือเวลาที่หมกมุ่นอยู่กับอะไรแล้วเขามักจะหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกเลย เหมือนตอนนี้ที่เพิ่งจะรู้ว่ารถมาถึงที่หมาย ตามปกติถ้าขับรถอยู่เวลาเป็นแบบนี้มันจะไปถึงที่หมายแบบไม่รู้ตัว หรือไม่ก็หลงไปเลยเพราะไม่มีสติ



“เดี๋ยวผมเดินนำไปก่อนละกัน”

“ค่ะ”




บทสนทนาอันน่าอึดอัดของนรินทร์กับแฟนเก่ามีเพียงเท่านั้น พวกเขาทั้งสามคนเดินเข้าไปที่ร้านอาหาร โต๊ะขนาดกลางที่นั่งอยู่กับครอบครัวของพนักงานอีกคนที่พาลูกมาด้วยเหมือนกัน นรินทร์ตักข้าวคุยกับลูกสาวและคุยกับคนนั้นคนนี้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ในใจเขายังคงคิดไม่ตกเรื่องเมื่อเย็นอยู่




พูดถึงกฤติ นรินทร์ไม่รู้ว่าตอนนี้กฤตินั่งอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ




ในร้านอาหารบรรยากาศบ้านสวนเวลากลางคืนนี้ ถึงแม้ว่าเหมาร้านอาหารไว้แต่พนักงานมีเยอะมากจนนรินทร์ไม่สามารถหาหัวหน้าของตัวเองท่ามกลางคนนับร้อยได้เจอ




ไม่ใช่ว่าไปนั่งกับไอ้ภคุณภูภูมินั่นอีกนะ




เพียงแค่คิดใบหน้าใจดีของชายหนุ่มก็แทบจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยอัตโนมัติ เขาไม่สามารถทนภาพในหัวถ้ากฤติกับภูภูมิจะนัวเนียกัน มันน่าโมโหในระดับที่แม้แต่น้องนิ้งที่นั่งข้างๆ ก็รู้สึกได้ ชายหนุ่มเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ ให้ลูกสาวตอนที่เธอถามว่าเขาเป็นอะไร ก่อนจะขอตัวออกไปห้องน้ำอย่างสุภาพ




“แม่ง… เฮ้อ”




ชายหนุ่มเริ่มลงมือทำธุระของตัวเอง ร้านอาหารขนาดกลางแบบนี้มีสุขภัณฑ์สำหรับปล่อยเบาเพียงสองล็อกเท่านั้น โชคดีที่ห้องน้ำตอนนี้ไม่มีใคร เขาจึงไม่ต้องหงุดหงิดเพิ่มจากการรอคิวใช้ห้องน้ำ




โน้ตต้องการอากาศหายใจ ก่อนที่เขาจะเป็นบ้าไปจริงๆ


แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้างเขามากนัก




“คุณโน้ต”




เสียงทักตอนที่เขากำลังทำธุระเรียกให้ชายหนุ่มหันไปมอง ใบหน้าหล่อแต่ดูเจ้าเล่ห์ของตัวทำอารมณ์หงุดหงิดของเขามาอยู่ข้างๆ นรินทร์พยายามขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้ส่งยิ้มมารยาทให้กับคนที่มายืนทำธุระอยู่ด้านข้าง




“คุณภูภูมิ”




ไร้คำทักทายที่มากกว่านั้น นรินทร์เพียงแค่ตอบรับอีกคนด้วยเสียงราบเรียบสวนทางกับความหัวร้อนข้างใน ชายหนุ่มรีบรูดซิป ในหัวมีแต่คำสบถมากมาย ขนาดหนีมาปล่อยเบายังไม่สามารถทำอย่างสบายใจได้เลยให้ตายสิ   




“พาครอบครัวมาด้วยเหรอครับ?”

“ครับ” นรินทร์ตอบรับอย่างเสียไม่ได้ “ลูกสาวอยากมาน่ะครับ”

“ลูกสาวคุณน่ารักมาก ผมชอบเวลาลูกยังเป็นเด็กๆ แบบนี้อยู่นะครับ ตอนนี้มันโตจนไม่มายุ่งกับผมแล้วเนี่ย โลกส่วนตัวสูงตามสไตล์วัยรุ่น”

“วัยรุ่นก็แบบนี้แหละครับ ฮ่าๆ”




นรินทร์หัวเราะแกนๆ เขาไม่เคยเห็นหน้าลูกชายของภูภูมิ แต่ก็คงเป็นธรรมดาทั่วไปตามประสาวัยรุ่นที่อยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวในชีวิตบ้าง เพราะตัวเขาสมัยมัธยมไม่ยอมแม้แต่จะให้แม่เข้ามาทำความสะอาดห้องด้วยซ้ำ




“ผมเข้าใจคุณนะ คุณโน้ต”

“ครับ?”




นรินทร์ที่กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำหลังจากที่ล้างและสะบัดมือเสร็จ หันกลับไปมองคนที่เพิ่งจะรูดซิบกางเกงด้วยความไม่แน่ใจการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันนี้ ซึ่งอีกคนก็เหมือนจะรับรู้ ภูภูมิพูดต่อ




“ที่คุณจะนอกใจเมียมานอนกับกฤติน่ะ ผมเข้าใจ”

“...”




ในใจนรินทร์อยากถามว่า ‘คุณพูดเหี้ยอะไรวะ?’ แต่อีกฝ่ายไวกว่า เลยพูดต่อก่อน



 

“กฤติเขาโคตรยั่วขนาดนั้น ใครจะอดใจไหววะ เนอะคุณ”

“คุณพูดเหี้ยอะไรนะ?”




ตอนนี้นรินทร์มีสติและปากไวมากพอที่จะถามกลับไป น้ำเสียงเขาดูหาเรื่อง พอๆ กับหน้าตาทะมึงทึง หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก




“พูดเรื่องเหี้ยๆ ที่คุณทำไง สบายใจได้ เพราะผมก็ทำ”

“ผมทำเหี้ยไว้หลายอย่าง แต่ไม่ใช่เรื่องที่คุณกำลังพูดแน่”

“ที่นอนกับหัวหน้าแผนกตัวเองน่ะเหรอ? โหยคุณ ไม่ต้องอาย ผมก็เคยเอากฤติ”




ไอ้เหี้ยภูภูมิ




นรินทร์รู้สึกได้ว่าคลื่นความร้อนแล่นริ้วไปทั่วทั้งหน้าและลำคอ ที่ใบหูของเขาร้อนผ่าว ตอนนี้นรินทร์เหมือนภูเขาไฟร้อนระอุที่เตรียมจะปะทุในไม่ช้า ถ้าหากไอ้สวะมนุษย์ตรงหน้าพูดออกมาอีกคำเท่านั้น




“ผมไม่ได้นอกใจแม่ของลูก”

“แหมคุณ ผู้ชายป่าววะ ใครๆ เขาก็ทำกัน  ไม่ต้องเขิน”

“ไม่ได้เขิน แต่ผมไม่ได้นอกใจเขา”

“แต่ไปนอนกับกฤติเนี่ยนะ?”




อีกฝ่ายทวนคำเสียงสูงด้วยใบหน้ากวนประสาท คิ้วคมยกขึ้นพร้อมกับมุมปากที่เบะลง คล้ายกับว่ากำลังฟังนิทานลวงโลก




“เรื่องบนเตียงของผมคุณไม่ต้องรู้ก็ได้มั้งครับ ไม่ได้ลงหน้าหนึ่งไทยรัฐ”

“มองแว้บเดียวก็รู้แล้ว มีการ์ดเข้าห้องขนาดนั้น ยอมรับมาเถอะหน่า เผื่อวันไหนจะได้ทรีซัมกันไงคุณ ขำๆ”

“กูไม่ขำ”



เพราะความโมโหหรือไวน์ที่เปิดระหว่างทานอาหารก็ไม่รู้ที่ทำให้นรินทร์ขึ้นกูมึงกับคนในบริษัทที่ตำแหน่งสูงกว่าอย่างไม่เกรงกลัว


“แต่กูขำ”



ภูภูมิหันมายักคิ้วกวนประสาทให้นรินทร์อีกครั้ง อีกฝ่ายเองก็อาจจะเมาหรือไม่ก็ไม่มีมารยาทเช่นกัน  นรินทร์ไม่ได้สนใจเหตุผลของอีกคนขนาดนั้น เพราะคำพูด ที่ออกมาจากปากนรกนั่นน่าหงุดหงิดกว่าเยอะ




“ยิ่งตอนที่เขาอมให้นะ โอโห โคตรสวรรค์ กูอดที่จะจับหัวเขากระแทกไม่ได้เลย กับเมียก็ทำให้ปลดปล่อยออกมาเยอะขนาดนั้นไม่ได้ โคตรเด็ด”




“พูดอะไรให้เกียรติคนอื่นมั่งมั้ย? ถ้าใครมาได้ยินจะเป็นยังไง?”




นรินทร์พูดเสียงต่ำ หากเป็นสมัยเรียนเขาคงพุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่ายอย่างไม่รีรอแล้ว แต่เมื่ออายุเข้าเลขสาม ความยับยั้งชั่งใจมันก็มีมากขึ้นตามลำดับ…




“ให้เกียรติคนที่อ้าขาให้ผู้ชายหล่อๆ ไปทั่วอย่างกฤติน่ะเหรอ? ไร้ประโยชน์ว่ะคุณ ทำตัวอย่างกับเบอร์ตองในอาบอบนวด แค่ดีกว่าแล้วก็เอาฟรี เสียแค่ค่าถุงยางเอง”



“ไอ้เหี้ยภูภูมิ!!!”




ชั่งใจเหี้ยอะไร! ชั่งแม่งแล้วเว้ยตอนนี้ ถ้าไม่ได้เอาเลือดในปากมันออกอย่ามาเรียกเขาว่า นรินทร์ นิ้วกลาง!!



‘ผลัก!!!!’



“โอ๊ย!!”




นรินทร์พุ่งเข้ากระชากคอเสื้ออีกคนแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าหน้าคู่กรณีทันที ภูภูมิที่ไม่ทันได้ระวังตัวเซไปชนกระจก ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ตั้งตัว นรินทร์ก็จับคอเสื้อไอ้ชาติชั่วขึ้นมาใหม่แล้วฝากหมัดลงไปอีกครั้ง



‘ปัก!’



“ไอ้เดนนรก!”




เขาอาจจะโดนวอร์นนิ่ง โดนไล่ออก หรืออะไรก็ช่างแม่งเถอะ ตอนนี้สิ่งเดียวที่โน้ตต้องการคือกระทืบไอ้ภูภูมิให้มันตายคาเท้าเขาเท่านั้น




ถึงแม้ว่านรินทร์จะเป็นต่อในตอนแรก แต่เพียงครู่เดียวภูภูมิก็เริ่มตั้งสติแล้วสวนหมัดลุนๆ ไปที่ช่วงลำตัวของนรินทร์เช่นเดียวกัน




‘ปึก!’




“คิดว่ามีมือคนเดียวหรือไงไอ้เหี้ย!”




เสียงต่อยและก่นด่าของทั้งสองคนถูกดนตรีสดภายนอกกลบหมด อีกทั้งร้านนี้มีห้องน้ำให้บริการหลายจุด และห้องน้ำแห่งนี้เป็นมุมอับ จึงไม่ได้เป็นที่สนใจของใครมากนัก เว้นแต่บุคคลหนึ่งที่เพิ่งจะวิ่งหนีเพื่อนรุ่นน้องมาทางนี้พอดี




“เฮ้ย!”




ปกป้อง เลขาตัวผอมแห้งของภูภูมิตกใจกับภาพที่เห็น เขาหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร หากเทียบกันแล้วตัวเขาเล็กกว่าทั้งภูภูมิและนรินทร์มาก เหมือนตัวเองเป็นลูกเจี๊ยบที่จะเข้าไปห้ามสิงโตกับจระเข้ที่กำลังตีกันอยู่ ยังไงก็ไม่รอดแน่นอน เลขาหนุ่มนิ่งเล็กน้อย ก่อนจะส่งข้อความหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะพึ่งได้มากที่สุดในขณะนี้



ปกป้อง: คุณกฤติครับ

ปกป้อง: คุณภูภูมิกับคุณนรินทร์ต่อยกันในห้องน้ำ ฝั่งสวนด้านในครับ

ปกป้อง: รีบมาที

ปกป้อง: *share location*




นับเป็นโชคดีของชายหนุ่มตัวผอมที่ข้อความขึ้นอ่านแล้วทันทีราวกับว่าเจ้าตัวกำลังจับมือถืออยู่ ในระหว่างนั้นตัวปกป้องพยายามเข้าไปแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เนื่องจากภูภูมิคว้าคอเสื้อเขาแล้วเหวี่ยงออกจากรัศมีการต่อสู้ทันทีที่อีกฝ่ายสามารถเข้าถึงตัวเขาได้




นี่มันวันอะไรกัน? เมื่อกี้เขาเพิ่งจะวิ่งหนีแทนใจรุ่นน้องที่รู้จัก กับเมโปรเจคเมเนเจอร์ที่เหมือนนกับจะไม่พอใจเขาที่ไปคุยกับแทนใจเยอะเกิน เลยส่งสายตาอาฆาตมาให้ พอจะมาล้างหน้าก็ดันเจอหัวหน้าตัวเองกำลังต่อยกับลูกน้องคุณกฤติอยู่อีก 



“หยุด! เป็นบ้าอะไรกัน!!”




รอไม่นาน เสียงสวรรค์ในความคิดของปกป้องก็ดังขึ้น กฤติมาในสภาพที่เหงื่อซกคล้ายกับว่ารีบวิ่งมา ใบหน้าเรียบนิ่งที่แทบไม่แสดงอารมณ์อะไร บัดนี้นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง น้ำเสียงฉุนเฉียวของคนคุ้นเคยอย่างกฤติ มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้นรินทร์หยุดชะงัก ซึ่งวินาทีนั้นเองที่เขาโดนหมัดของอีกฝ่ายสวนเข้ามาอย่างจัง



‘ปั่ก!’



“บอกให้หยุดไง ภูภูมิ หยุด!!”




คนที่โดนเรียกชื่อไม่สนใจ ภูภูมิขึ้นคร่อมนรินทร์ที่เสียหลักล้มลงกับพื้น ใบหน้าหล่อร้ายแสยะยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนที่จะปล่อยหมัดใส่คนช่องท้องข้างใต้ไม่ยั้ง



“เป็นบ้าหรือไงวะ บอกให้หยุด!”




เมื่อใช้ภาษาคนไม่ได้ผล กฤติหยิบสายยางที่อยู่ตรงเท้าของเขาขึ้นมา หัวหน้าแผนกเซลล์เปิดก๊อกจนสุด แล้วปล่อยให้น้ำสาดเข้าไปที่ภูภูมิทันที




‘ซ่า!!!!’




“คุณทำอะไรเนี่ย? เปียกหมดแล้ว แม่ง”

“ผมสิต้องถาม”




กฤติไม่สนใจคนที่มีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มหน้าของภูภูมิ รอยช้ำบางส่วนบนหน้าของลูกน้อง หรือแม้กระทั่งปกป้องที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังอย่างไม่เป็นประโยชน์เท่าไหร่ เขาโมโหจนตัวสั่น และยิ่งโกรธเมื่อเห็นว่าคู่กรณีที่ทำให้ปกป้องเรียกเขามานั้นนอนอยู่ที่พื้นด้วยสภาพที่เหมือนกับอันธพาลที่เพิ่งแพ้ยับมาจากการยกพวกตีกับโรงเรียนข้างๆ




“เป็นบ้าอะไรกัน? มาต่อยกันแบบนี้ถ้านายมาเห็นไม่โดนไล่ออกทั้งคู่เลยเหรอ? ทำอะไรมีสติมั่งมั้ย? โตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงแล้วยังมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก”




“ถามลูกน้องคุณเถอะ มันเริ่มก่อนทั้งนั้น”




ภูภูมิโบ้ยความผิดให้นรินทร์ที่ยังนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น หากแต่กฤติไม่สนใจ เขาไม่โกรธจนรู้สึกเหมือนควันจะออกหู โตกันจะตายอยู่แล้วยังมาทำตัวเหมือนคนไม่มีสมองแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน




“คุณกลับโต๊ะไปก่อน เดี๋ยวผมคุยกับนรินทร์เอง”

“เหอะ พวกสมภารกินไก่วัด”

“...”




กฤติหลับตากลั้นอารมณ์คุกรุ่นที่ปะทุขึ้นมาอย่างน่ากลัว แต่เพราะพื้นเพไม่ใช่คนใจร้อน ชายหนุ่มปล่อยคำพูดไร้ค่านั้นทิ้งเหมือนกับกดชักโครก กฤติฝากให้ปกป้องดูแลเจ้านายตัวเองไป ในขณะที่เขาลากนรินทร์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นออกมาจากตรงนั้น



“ไปยุ่งกับเขาทำไม”




กฤติถามคนที่อยู่ข้างๆ ขณะที่พาอีกฝ่ายออกมานั่งตรงม้านั่งใกล้ๆ กัน โชคดีที่เขาขับรถตามมาที่ร้านอาหารเพราะไม่อยากเบียดกับคนอื่นบนรถ แถมคนส่วนใหญ่ยังทยอยกลับไปก่อนแล้ว กฤติจึงไม่ต้องหาข้ออ้างมากมายในการหายตัวจากโต๊ะนานเกินไป



หัวหน้าแผนกฝากให้คุณอัญมณีเลขาไปบอกครอบครัวของนรินทร์ว่าเจ้าตัวมีคุยงานกับเขาต่อเลยจะตามกลับไปทีหลัง ในขณะที่ช่วยไอ้ตัวปัญหาที่นั่งกุมท้องอยู่ข้างๆ นั้น ในหัวก็คิดบ่นอีกคนไปพร้อมกันด้วย




เอาลูกเอาแฟนเก่ามาแล้วตัวเองดันต่อยกับคนอื่นจนมีสภาพแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน 



“ก็แม่งเหี้ย”

“คุณก็รู้ว่าเขานิสัยไม่ดี แล้วไปยุ่งด้วยทำไม?”

“ก็มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ”

“...”




หัวหน้าแผนกคนเก่งนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบซื่อตรงแบบนั้น ทั้งที่กฤติควรจะรู้สึกไม่พอใจที่รู้ว่าภูภูมิพูดถึงตัวเองอย่างน่ารังเกียจ แต่เขาดันรู้สึกแปลกประหลาดกับคำพูดของนรินทร์แทน




มันไม่ใช่ความโกรธ มันเป็นอะไรสักอย่างที่ไร้สาระ


ไร้สาระมากๆ ไร้สาระที่สุด!




“ไอ้เหี้ยนั่นแม่งพูดว่าคุณแบบหยาบคายฉิบหาย แค่ได้ยินว่ามันนอนกับคุณผมก็โคตรจะขึ้นแล้ว มันยังมาว่าคุณแบบเสียๆ หายๆ อีก ชีวิตไม่เคยคิดเรื่องดีเลยหรือไงวะ ไอ้สวะเอ๊ย!”
“...”

ทำไมกฤติถึงได้ยินแต่คำว่า ‘แค่ได้ยินว่ามันนอนกับคุณผมก็โคตรจะขึ้นแล้ว’ จากนั้นเขาก็ไม่ได้ยินอะไรที่นรินทร์พูดต่ออีก



นี่มันเรื่องไร้สาระ!


ไม่ได้เรื่องเลย!




ในขณะที่กฤติกำลังทะเลาะกับตัวเองอย่างหนักหน่วง นรินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เอามือเขาไปจับไว้ ใบหน้าดูไม่ได้ของอีกคนมองตรงมา กฤติยังคงทำหน้านิ่งแม้ในใจจะมีแต่คำว่า ‘ไร้สาระ!’ กับ ‘นี่มันไม่ได้เรื่อง!’ ตะโกนแข่งกันอยู่ก็ตาม



“คุณไม่ไปยุ่งกับมันไม่ได้เหรอ?”

“...”

“ผมซกมกก็จริง กวนส้นตีนด้วยก็ได้ แต่ผมไม่เคยคิดกับคุณต่ำๆ แบบนั้น และไม่มีวันเอาคุณไปว่าเสียหายแบบที่มันทำแน่นอน”

“...”



“อย่าไปยุ่งกับเขาอีกเลยนะ ยุ่งแค่กับผมคนเดียวนะครับ…”



นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระจากปากนรินทร์ ที่ทำให้กฤติหยุดคิดไม่ได้เลยจริงๆ






------- TBC -------


เนี่ย ไม่ได้เรื่องเลย!

แฮปปี้นิวเยียร์นะคะ

ตอนหน้าจะมาประมาณอาทิตย์หน้าค่ะ


ปีใหม่นี้เราจะพยยามอัพเยอะๆ ถี่ๆ มากขึน ตามเท่าที่ไหว

ขอบคุณี่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ


แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ;D


สามารถพูดคุยกันในนี้ หรือที่ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ นะคะ



หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 02-01-2019 22:25:54
 :man1:  อย่าไปยุ่งกับมัน ๆๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 02-01-2019 22:47:51
คุณกฤติเริ่มรู้สึกอะไรกับคุณโน๊ตแล้ว เย่ๆๆ ความรู้สึกนั้นก็คือรำคาญ อ้าวไม่ใช่ หมั่นไส้ภูภูมิจังเลยค่ะ มาว่าคุณกฤติงี้ได้ไง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-01-2019 22:55:11
 :z6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 02-01-2019 23:05:20
หืมมมม คุณโน้ตตตตตตตต  :hao7: :hao7: :hao7:

คุณโน้ตดีที่สุด  o13

ส่วนภูภูมิ ถ้าเดินผ่านหน้าบ้านเรา จะสาดน้ำล้างจานแถมปาขี้หมาใส่แม่ม  :fire:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 02-01-2019 23:24:04
แล้วใครจะโกรธลงงงงง ผิดคอนเซปคุณโน้ตคนสัปดนหม๊ด!!! หล่อเลย!!
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-01-2019 00:03:42
คือ ภูภูมิ อันนี้เหี้ยจริง จำเป็นต้องพูดเหรอวะ ปากน่าเอาน้ำยาล้างห้องล้างมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 03-01-2019 00:24:21
เรื่องไร้สาระจริงรึป่าวค่ะ คุณกฤติ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 03-01-2019 00:47:29
โอยยยยยย โกธร!!!!! มาว่าลุกสาวฉันแบบนี้ได้ไง แม่งเอ้ยยยยย
นรินทร์รีบเคลียร์เรื่องแฟนเก่าเถอะ สองตอนที่อ่านมานี้ ไม่ชอบที่นางพูดกันนรินทร์ออกไปเหมือนคนนอกเลย ดูไม่ให้เกียรติความเป็นพ่อของนรินทร์เลย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 03-01-2019 01:26:56
คุณโน๊ตตตตต สุดยอด ยอดพระเอก
ภูภูมิปากเสียจริงๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 03-01-2019 03:12:07
อ่านตอนนี้แล้วสงสารคุณโน๊ต ทั้งเรื่องครอบครัวเรื่องมีปัญหาา ติดตามต่อไปค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-01-2019 13:44:24
ภูภูมิไม่ไหวจริงๆ อยากโยนออกนอกหน้าต่างไปเลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-01-2019 15:34:43
โหยย อีคุณภูภูมิ นั่นปากเหรอ  :fire:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 03-01-2019 15:57:12
ฝากกระทืบอีกสักสองทีน
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-01-2019 20:16:23
อยากกระโดดเข้าไปร่วมชกปากอิตาภูภูมิ ปากเน่าชิปหาย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2019 21:11:26
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ค่ะไรท์
ขอให้ไรท์ แข็งแรง สุขภาพดี ประสบแต่สิ่งดีๆ นะคะ  :mew1:

รำคาญนังเนตร เลิกกันแล้วยังมาทำเป็นครอบครัวอบอุ่นหลอกคน
อยากเที่ยวกับลูกก็พาไป แยกกันไปต่างหากสิ  :z6: :z6: :z6:

แต่ยิ่งเกลียดนายภูภมิ แม่งโคตรปากเสีย  :m16:
กินที่ลับเสือกมาปากหมาเรื่องเซ็กส์กับกฤติ เพื่อเยาะเย้ยนรินทร์   :m31:
ว่าเคยกับตัวเอง แสดงความเหนือกว่า  :fire:
เรื่องแบบนี้มันสมควรพูดไหม ไอ้เ-ี้ย ไอ้เลวเอ้ย ......   :angry2:
แต่ก็ทำให้กฤติเปรียบเทียบ รู้ว่าใครเลว ใครเ-ี้ย ชัดๆไปเลย  o18

นรินทร์  กฤติ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-01-2019 21:19:45
 :fire:โอ้ยยย โมโห
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 04-01-2019 08:33:44
ไอ้คุณภูภูมิทำบุญอะไรมาเนี่ยคุณกฤติถึงได้หลวมตัวไปยุ่งด้วย  :m31:
คุณโน้ตเท่มาก แต่น่ารักมากกว่า ตอนอ้อนคุณกฤติทางนี้ใจยวบยาบไปหมดแล้ว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 04-01-2019 13:04:45
จนได้สิน่า แต่ตาภูภูมิก็ปากไม่ดีมาว่าคุณกฤติเสีย ๆ หาย ๆ ผู้ชายเฮงซวยแบบนี้โดนแค่นี้น้อยไปฮึ่ย!!! :fire: :m31:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 08-01-2019 12:31:27
โอ้โห้ปากส้นติงฉิบหาย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 09-01-2019 21:16:58
8th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์

 



กฤติถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เรื่องงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องจำเป็นในชีวิต แต่มันเป็นเรื่องของคนที่น่ารำคาญที่สุดในโลกต่างหาก!





“ถ้าถึงห้องแล้วปลอบผมหน่อยนะ”

“ไม่ครับ”





ชายหนุ่มเจ้าของรถพูดซ้ำคำเดิมรอบที่สาม แล้วก็ได้ยินเสียงลูกน้องน่ารำคาญพูดจาตัดพ้อว่าทำไมถึงไม่ยอมปลอบเหมือนตอนที่เขาปลอบอีกฝ่ายครั้งแรก ทำไมไม่ยอมให้ทำ โน้ตอยากทำกับเขามากอะไรก็ไม่รู้





 กฤติไม่ได้สนใจมากนัก เขาไม่อยากปล่อยให้เรื่องไร้สาระมารบกวนการขับรถของตัวเอง แม้ว่าคนข้างๆ จะกุมท้องเรียกร้องความสนใจ แล้วทำเหมือนว่าตัวเองเจ็บปวดเสียเต็มประดาก็ตาม





“นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ?”

“...”

“แค่รอบเดียวก็ได้”

“...”

“ผมต้องการการปลอบใจจริงๆ นะ ไอ้เหี้ยนั่นต่อยผมแรงมากเลยนะคุณ ตอนนี้ยังจุกอยู่เลยเนี่ย ต้องช้ำแน่นอน ท้องผมก็จะเขียวเป็นปื้นๆ แล้วน้องนิ้งก็จะร้องไห้เพราะคุณพ่อ--”

“เงียบได้หรือยังครับ ผมรำคาญ”

“...”





กฤติพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งธรรมดา แต่นรินทร์กลับรีบปิดปากสนิทราวกับกลัวว่าถ้าเขาพูดต่อไป อีกคนจะเปิดกระจกแล้วโยนลูกน้องที่ไร้ทางสู้ออกไปข้างนอกอย่างโหดร้าย ถึงแม้ว่านรินทร์จะตัวใหญ่แล้วก็แรงเยอะกว่ากฤติมาก แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะคุณกฤติได้เลยสักทาง





ชายหนุ่มทั้งสองคนนั่งเงียบๆ มาจนกระทั่งถึงที่พัก นรินทร์เหลือบมองคนหน้านิงด้านข้างที่กำลังจะจอดรถ เขาพบว่าตัวเองชอบชุดที่กฤติใส่วันนี้มากกว่าที่คิด เชิ้ตพอดีตัวที่ปลดกระดุมเม็ดบน กับกางเกงสแล็คสีเข้ม ดูไม่เป็นทางการมากเกินไป แต่ก็โคตรเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน





 ใบหน้านิ่งจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่สว่างวาบขึ้นมา ปากบางที่คอยพูดจาเชือดเฉือนเขาเม้มลงเหมือนใช้ความคิด นรินทร์เผลอจ้องมองอย่างไม่รู้ตัว กฤติคงไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวมัวแต่หน้าทำนิ่วคิ้วขมวดใส่โทรศัพท์แล้วพิมพ์อะไรสักอย่างลงไป น่าจะเป็นแชท หรืออะไรก็ช่าง สำหรับโน้ตในวินาทีนี้ ไม่มีสิ่งไหนน่าสนใจเลยสักนิดหากเทียบกับคนข้างๆ





ทั้งที่กฤตินั้นเป็นเหมือนกับทุกวัน แต่นรินทร์กลับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ น่ามอง กว่าเดิม





“คุณ…”





โน้ตไม่รู้ว่าตัวเรียกอีกคนทำไม เขาแค่อยากให้กฤติเงยหน้าจากจอขึ้นมาสนใจตัวเองบ้าง  ซึ่งเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะอีกคนยังคงจ้องมองโทรศัพท์อยู่แบบนั้น





“คุณกฤติ…”





ยังคงไม่ได้ผล นรินทร์อาจจะไม่ได้มีความน่าสนใจมากเกินกว่าฝุ่นหน้ากระจกเท่าไหร่ หัวหน้าเขาถึงไม่ชายตามาทางนี้เลยสักนิด





ไม่มองใช่มั้ย ได้!





“มีอะ… อื้อ!”





ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว นรินทร์ปล่อยให้ความต้องการเข้าครอบงำการกระทำ เขาปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเอียงตัวไปจับหน้าอีกคนมาจูบอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่กฤติจะได้ทันคิดคำด่าด้วยซ้ำ





หัวหน้าคนเก่งต่อต้านในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็ยอมปล่อยให้โน้ตทำตามอำเภอใจ ถึงแม้จะไม่ได้ตอบรับเต็มที่เหมือนตอนที่อีกฝ่ายมีอารมณ์ แต่นรินทร์ก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังขึ้นสวรรค์





เขาเหมือนคนบ้า นรินทร์คิดว่าเขาน่าจะเสพติดหัวหน้าของตัวเองไปแล้ว





ยิ่งได้จูบก็ยิ่งได้ใจ มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกคนอย่างจาบจ้วง ความร้อนใต้ผิวหนังกับความตื่นเต้นที่จะได้ลิ้มลองอาหารชั้นเลิศทำให้นรินทร์รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เขาอยากจะพลิกตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอีกคน แล้วจูบกับกฤติยันเช้า เขาอยากจะ…





“โอ๊ย!!!!”




คุณพ่อลูกหนึ่งร้องออกมาเสียงดังเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณช่องท้องของตัวเอง เมื่อกี้หัวหน้าคนเก่งเอื้อมมือมาลูบกล้ามหน้าท้องเขานี่ไม่ได้จะเร้าอารมณ์อย่างที่ชายหนุ่มคิด แต่ว่าดันหยิกเอาเนื้อบริเวณที่ช้ำ ซ้ำรอยที่โดนชกอย่างไม่ปราณีเลยสักนิด



“คุณ! ทำอะไรเนี่ย”

“ทำโทษ”





กฤติพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามสไตล์ เจ้าของรถดับเครื่องเตรียมลุก เชื่อเถอะว่าหากยังนั่งเปิดแอร์กันอยู่แบบนี้ต่อไป เขาอาจจะไม่ได้ขึ้นห้องแน่ๆ นรินทร์ในตอนนี้เหมือนหมาตัวใหญ่ที่ไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด





“ทำโทษ?”





นรินทร์ทวนคำอย่างงงๆ ในหัวคือคำถามประเภทว่า ทำโทษอะไรวะ หรืออยากเล่นโรลเพลย์ครูนักเรียน? ทั้งที่มือยังคงกอบกุมท้องตัวเองเอาไว้ คนอะไรวะ มือหนักฉิบหาย





“ผมไม่ให้คุณทำ”

“ทำไมอ่ะ?”





กฤติถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายถามสวนขึ้นมาทันที แถมยังทำหางลู่หูตกอีกต่างหาก นี่นรินทร์ไม่ได้รับการฉีดยาระงับความบ้าหรือไงกันนะ





“ก็แฟนคุณกับลูกคุณอยู่ด้วย แล้วคุณจะยังมานอนกับคนอื่นอีกงั้นเหรอครับ?”





กฤติพูดอย่างจริงจัง ซึ่งนั่นทำให้นรินทร์นิ่งไปชั่วครู่ เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่จะยักไหล่แล้วพูดตอบกลับแบบง่ายๆ





“เนตรเป็นแฟนเก่า เขาไม่มีสิทธิว่าอยู่แล้วถ้าผมจะมีเซ็กส์กับใคร ส่วนลูกผมน่าจะดีใจถ้าคุณพ่อมีความสุข แบบยิ่งคุณใส่ชุดนักศึกษาผมยิ่งมีความสุข”

“...”





คนอะไร ทำไมหน้าไม่อายขนาดนี้นะ!





 “น่านะคุณ ผมเจ็บอยู่นะ เนี่ยมาดูแลนรินทร์น้อยหน่อยเร็ว”





กฤติทำหน้านิ่งมองคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับพูดจาอ้อนด้วยหน้าตากวนประสาท พร้อมทั้งพยักเพยิดไปทางเป้ากางเกงตัวเองอย่างไร้ยางอาย





“ไม่!” กฤติพูดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย “คุณห้ามแตะต้องผมที่นี่ ห้ามเด็ดขาดเลยนะ!”

“งั้นกลับไปคุณใส่กระโปรงนักศึกษาออนท็อปผมนะ?”

“...”





คนเราจะสัปดนได้ถึงไหนกัน!?





“ไม่”

“ถ้าผมยอมไม่แตะต้องคุณที่นี่ได้ ผมชนะ คุณจะต้องใส่กระโปรงนักศึกษาขึ้นให้ผม แล้วถ้าผมแพ้แค่อยคิดละกัน เลี้ยงส้มตำเอามั้ย? เอา โอเค ตกลงนะ?”

“ไม่!”

“โอเค ดีล”





ฟังภาษาคนบ้างสิ!





เมื่อรู้ว่ายังไงก็เถียงไม่ได้เพระอีกคนหัวทึบเกินจะเสวนาด้วย กฤติจึงไม่เสียเวลาอยู่ตรงนี้ต่อ เขาไล่โน้ตลงจากรถของตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อไปที่ห้องพัก โดยระหว่างนั้นคนที่ควรจะสำนึกบ้าง ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างๆ เขาไม่ห่าง คล้ายกับว่าที่โอดครวญว่าเจ็บปวดนักหนามาตลอดทางนั้นไม่ใช่เรื่องจริงง





พอกฤติตวัดตาไปมอง อีกคนก็เหมือนรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำเก่ง นรินทร์รีบยกมือขึ้นกุมท้องทันทีราวกับสั่งได้





“โอ๊ยๆ เจ็บจังเลย”





มันน่าทิ้งใส่ถังขยะเปียกแถวนี้จริงๆ!





ทั้งที่เมื่อกี้เขาก็ขอยาแก้ปวดกับยาแก้สักเสบจากในร้านอาหารให้กินตั้งแต่ก่อนจะขึ้นรถแล้วแท้ๆ ไม่รู้จะทำท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวไปจนถึงเมื่อไหร่กัน





พอยิ่งมองอีกคนเดินช้าๆ แล้วทำหน้าทรมานกฤติก็ยิ่งเกิดความลังเลในใจ





หรือว่าจะปวดจริงๆ?





เพียงเสี้ยววินาทีที่กฤติหันไปมองอีกคนพร้อมกับยื่นมือออกไปหมายจะช่วยพยุง แต่อีกคนกลับจับมือของชายหนุ่มขึ้นมาแล้วจูบตรงหลังมือเบาๆ 





‘จุ๊บ’





“จูบปากไม่ได้ เอาแค่นี้ก็พอ”





นรินทร์พูดพร้อมกับขยิบตาให้อีกคน ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่ากฤตินั้นถึงกับนิ่งงันในการกระทำเมื่อครู่ของตัวเอง





หัวหน้าหนุ่มนิ่ง แล้วก็นิ่ง ฉับพลันใบหน้านั้นเปลี่ยนเป็นตะลึงเหมือนกับว่าเจ้าตัวเจอผี แต่คงเป็นผีที่ทำให้ใจเต้นน่าดู เพราะใบหูกลับแดงแปร๊ดเหมือนตอนที่ต้องใส่ถุงน่องไม่มีผิด





การที่เห็นกฤติทำหน้าตาหลากหลายเหมือนขนมหวานรสใหม่ๆ ที่นรินทร์อยากลิ้มลองอีกเรื่อยๆ เมื่อชิมรสหนึ่งก็อยากทานเพิ่ม อยากลองให้หมด เขาอยากรู้จักอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด มากกว่าที่ไอ้เลวภูภูมิเคยได้เห็น มากกว่าใครที่เคยได้เจอ อยากจะกินเข้าไปทั้งตัว







วันนี้ต่อให้โดนต่อยท้องก็คุ้มแล้วแหละวะ



โน้ตแทบจะรอคอยวันที่กฤติใส่ชุดนักศึกษาขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของเขาไม่ไหวแล้ว








------- Sunday In Bed -------






ตอนนี้กฤตินั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาในห้องซุกซน





หลังจากที่นรินทร์ทำแบบนั้น เขาก็หยิกท้องอีกฝ่ายแล้วปล่อยให้ตายเป็นซากอยู่บริเวณลิฟต์โดยไม่ได้สนใจอีกคน ในหัวมีแต่คำด่ากับความเสียดายที่ดันไปเป็นห่วงคนบ้าแบบนั้น





ซุกซน: พี่กฤติ

ซุกซน: ตกลงมาห้องผมนะพี่

ซุกซน: ตี้กันๆๆๆๆ





กฤติมองไลน์อย่างครุ่นคิด ตอนที่เขากำลังจะปฏิเสธลูกน้อง แต่อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ทัน เลยพิมพ์ดักเอาไว้ก่อน





ซุกซน: แทนใจอยู่ในห้องด้วยนะพี่

กฤติ: กำลังไปครับ





โน้ตจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ตอนนี้เขาขอไปดูหน้ากระต่ายน้อยในแผนกให้ชุ่มชื่นหัวใจ หลังจากเจอเรื่องวุ่นวายหน่อยละกัน





กฤติถอนหายใจเมื่อนึกถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามานั่งกองกับพนักงานอีกนับสิบชีวิตในห้องของซุกซน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีโน้ต แต่ดูทรงแล้วคนที่มานั้นมีคนในแผนกเขาหลายคน และยังมีคนจากแผนกบัญชี และปกป้องลูกน้องของภูภูมิ ที่ไม่รู้ตอนนี้เป็นอะไร ถึงได้ส่งไลน์มาวุ่นวายอยู่ได้





คิดอะไรได้ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา





ก๊อกๆ!





หัวหน้าหนุ่มผละออกจากโทรศัพท์มือถือที่มีแชทของภูภูมิที่ส่งมาวอแวเรื่องที่ร้านอาหาร ใบหน้าใต้แว่นขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ใส่คนที่ทักมาไม่หยุด แต่ก็ยอมลุกไปเปิดประตูให้เพราะตัวเองอยู่ใกล้ที่สุด





คนที่เดินเข้ามาใหม่ทำให้กฤติกลอกตาด้วยความเบื่อหน่ายก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม ไอ้คุณเมฆที่เดินตัวใหญ่เข้ามาพร้อมถุงเซเว่นมากมาย เรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องได้หลายคน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ คนที่เดินตามหลังเมฆเข้ามาต่างหากที่ทำให้กฤติรู้สึกเบื่อหน่าย





นรินทร์



นรินทร์อีกแล้ว!





“พวกผมไม่ได้มาช้าใช่มั้ย? ยังไม่มีใครเริ่มนะ?”





โน้ตพูดขึ้นมาตอนที่เดินตามหลังเมฆเข้าห้องมาเป็นคนสุดท้ายแล้วปิดประตู กฤติไม่รู้ว่าทำไมอีกคนถึงได้เดินมาพร้อมกับโปรเจคเมเนเจอร์ได้ แถมคนที่เพิ่งเข้ามานั้นถึงแม้จะพูดกับทุกคน  แต่ตามองที่กฤติในระดับที่เขาไม่ต้องพยายามก็รู้สึกตัวได้ ถึงแม้หน้ากฤติจะนิ่ง แต่เขาเริ่มมีคำด่ามากมายในหัว จนที่สุดแล้ว เมื่อการพูดคนเดียวไม่ได้ผล กฤติหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพิมพ์ลงไปในแชทส่วนตัวอย่างรวดเร็ว





กฤติ: จะมองผมอีกนานมั้ย?

โน้ต: จนกว่าคุณจะใส่กระโปรงนักศึกษาขึ้นให้ผม

โน้ต: *สติกเกอร์ส่งจูบ*





กฤติปล่อยแชททิ้งไว้แบบนั้น เพราะคิดว่าคงจะสื่อสารด้วยภาษาคนไม่ได้ผลกับนรินทร์แล้ว ตอนนี้ในห้องเริ่มนั่งกันเป็นวงกลมตรงกลางห้องเพื่อจะเล่นเกมอะไรสักอย่างที่หัวหน้าคนเก่งไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาแค่มาดูแทนใจใส่ชุดนอนลายทาง ที่นั่งทำหน้าตามึนๆ อยู่ในวงเท่านั้น





ซึ่งแทนใจกำลังชื่นชมคุณกฤติกับปกป้องในใจว่าเป็นรุ่นพี่ที่หล่อจริงๆ เลยนะ ไม่ได้ดูเลยว่ากฤติกำลังหงุดหงิดนรินทร์ในแชทขนาดไหน และปกป้องเองก็เหมือนเหนื่อยใจกับอะไรบางอย่างมากเช่นเดียวกัน





วงที่กำลังจะเริ่มเล่นกันนั้นดูครึกครื้นสนุกสนาน ทุกคนดูตื่นเต้นกับเหล้า และเกมที่จะเล่นกัน ทั้งที่มันก็การเพิ่มความสนุกสนานในการเมาเท่านั้น กฤติที่ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ไม่ได้สนใจมากนัก อาจจะเพราะแชทล่าสุดจากคนที่นั่งดื่มเบียร์อยู่บนพื้นก็ได้





โน้ต: คุณ

โน้ต: คุณนั่งไขว่ห้างแบบนี้ไม่เมื่อยเหรอ?

โน้ต: มานั่งตักผมมั้ย?





กฤติขมวดคิ้ว เขาพยายามไม่มองหน้านรนิทร์ที่คงกำลังทำหน้าตาน่าเกลียดอยู่แน่นอน ในขณะที่กำลังจะพิมพ์ถ้อยคำเผ็ดร้อนกลับไปนั้น เสียงของซุกซนกับแทนใจที่คุยกันก็ดังมาให้ได้ยินเสียก่อน 





“มึงเอาไร ผสมโค้กหรือโซดา? หรือว่าจะเอาเบียร์”

“ของเราขอเพียว”





กระต่ายกินเหล้าเพียว!





หัวหน้าคนเก่งตัดเรื่องของนรินทร์ออกจากความสนใจอย่างไม่ใยดี เขาหันมือถือเปลี่ยนเป็นโหมดอัดวีดีโอ เพื่อจะบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้เก็บเอาไว้ดูเวลาที่ตัวเองเครียดๆ คนเดียวโดยไม่แบ่งใคร





ให้ตายเถอะ แทนใจที่ดูแก้มยุ้ยๆ น่ารักๆ กลับกระดกเหล้าหมดแก้ว ดูน่ารักขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยนะเนี่ย





ในขณะที่ทุกคนโดยเฉพาะกฤติให้ความสนใจกับการดื่มเหล้าเพียวของแทนใจ มีเพียงนรินทร์เท่านั้นที่กระดกเบียร์ขวดของตัวเองเพียงลำพัง ทั้งที่เขาโดยต่อยจนเจ็บไปหมด แถมยังแชทหยอดอีกคนจนไม่รู้จะหยอดยังไง เพียงแค่แทนใจกินเหล้าเท่านั้น กฤติก็เทเขาทิ้งเหมือนกับว่านรินทร์ไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ





คนไม่น่ารักมักถูกทิ้ง ท้อแท้ฉิบหาย





 คอยดูเถอะถ้าเขาชนะเมื่อไหร่ล่ะก็ นอกจากกระโปรงนักศึกษาแล้ว นรินทร์จะให้กฤติใส่หูกระต่ายแล้วคลานขึ้นมาบนตักเขาด้วยเลย! จะทำจนกว่าจะร้องให้หยุดเลย! เหอะ!




.

.

.






เหมือนมาดูเด็กเล่นกัน





นรินรท์สรุปกับตัวเองในขณะที่มองคนในวงคุยกันเรื่องเกม King’s Cup ที่กำลังจะเริ่ม ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดที่นั่งกันอยู่ในห้องของซุกซนกำลังจะเล่นเกมที่จั่วไพ่แล้วกินเหล้าตามที่จั่ว โดยทั้งวงกำลังนั่งคุยเรื่องกฎของเกมเพื่อให้เข้าใจตรงกันก่อนเล่น





“ซุกซน ว่าแต่เกมนี้มันเหมือนพระราชาป้ะ?”





ฝน หนึ่งในคนที่มานั่งกินเหล้าด้วยกันพูดถามขึ้นมา ตามที่นรินทร์สังเกต หลายคนดูสนใจกฏของเกมนี้เหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าแผนกที่นั่งมองแทนใจอยู่ข้างบนโซฟา ซึ่งโน้ตรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆ จะสนใจอะไรเด็กนั่นนักหนากัน





“ม่ายยยย มันเป็นเกมที่ซับซ้อนกว่านั้นเย๊อะเยอะนะพี่ อัพเดทฐานข้อมูลบ้าง” ซุกซนเด็กในแผนกตอบคุณฝนอย่างตั้งใจกวนประสาท เพราะว่าตอบไปส่ายหัวไปด้วย ซึ่งน่าถีบมาก และบางทีคุณฝนเองก็อาจจะคิดแบบนั้นเช่นกัน





“เดี๋ยวกูได้ถีบมันจริงๆ” ฝนพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด ซึ่งนั่นทำให้ซุกซนหัวเราะเอิ้กอ้าก ก่อนที่จะยอมพูดกฎออกมาเมื่อกวนประสาทรุ่นพี่จนพอใจแล้ว





“เกมนี้ในตอนเริ่มเกมจะวางแก้วไว้ตรงกลาง แล้ววางไพ่คว่ำไว้ วนกันจั่วไพ่คนละใบ ได้ไพ่ใบไหนก็ทำตามคำสั่งวนไปอะ เดี๋ยวผมลากเข้ากรุ๊ปไลน์ วันนี้ที่รอคอย นะพี่ แล้วไปอ่านเอาในนั้นนะ ผมขี้เกียจพูด ง่ายกว่าทำใบเสนอราคาอีก เชื่อผม”





 เขาพยักหน้ารับตอนที่ซุกซนบอกว่าแปะกฏการเล่นเกมเอาไว้ในไลน์กรุ๊ป  วันนี้ที่รอคอย ซึ่งเป็นกรุ๊ปที่ซุกซนทำเอาไว้นัดกินเหล้า ในนั้นมีกฤติ นรินทร์ แทนใจ ซุกซน เมฆ และหลายๆ คนที่สนิทๆ กันอยู่ในนั้น นรินทร์กดเข้าไปทำเหมือนอ่าน แล้วก็กดออกเพราะรู้สึกว่าการมองกฤตินั้นน่าสนใจกว่ากฏยืดยาวเยอะมาก





เมื่อคุยกันเรื่องกฎเรียบร้อย ซุกซนก็สับไพ่แล้วยื่นให้กับหัวหน้าแผนกที่ยังคงนั่งไขว้ห้างบนโซฟา





“ให้เกียรติพี่กฤติเริ่มก่อนเลยละกันครับ โบนัสรอบนี้ขอสัก 4 เดือนนะพี่”





ในขณะที่ทั้งวงหัวเราะกับคำพูดกวนประสาทอันเป็นเอกลักษณ์ของซุกซน มีเพียงกฤติที่ยิ้มๆ แล้วเอานิ้วชี้หน้าอีกคนเป็นเชิงว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ แค่นั้น ก่อนที่จะจั่วไพ่ขึ้นมาไว้ในมือ





“เบอร์ 6”





คุณกฤติชูไผ่เลขหกดอกจิกขึ้นมาชูให้ทั้งวงดู แล้วโยนทิ้งไปอีกฝั่งอย่างไม่ใยดี ซึ่งนั่นหมายถึงทุกคนในวงต้องกิน นรินทร์ยกขวดเบียร์ขึ้นมากระดกทั้งที่ตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเองเลยสักนิด เขาแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้น





“เอาแล่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครรู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงกระดกเลยครับบบบ น้องซุกซนขอหมดแก้ววว”

 “เฮ้!!!!!”

“ต่อไปตาพี่ฝนแล้ว หยิบๆๆๆ”





วงยังคงเล่นกันอย่างครึกครื้น หลังจากนั้น คนที่จับไพ่คนต่อไปคือฝน พนักงานสาวคนหนึ่งในแผนกเซลล์เช่นเดียวกับพวกเขา





“ฉันได้ A โพดำ”

“ถ้าได้ A ทุกคนกินคร้าบบบบบบ” 





นรินทร์กระดกเบียร์ในมือของตัวเองเข้าไปอีกหน่อย ตอนนี้สายตาเขามองตามแต่เพียงหัวหน้าที่ยกแก้วขึ้นจิบแล้ววางลงเบาๆ เท่านั้น คุณพ่อลูกหนึ่งขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ คุณกฤติดื่มแอลกอฮอลล์ด้วยงั้นหรือ?





เกมดำเนินไปเรื่อยๆ บรรยากาศในนี้ยังคงดีเหมือนตอนเริ่มแรก อาจจะยกเว้นแทนใจที่หน้าแดงตัวแดงเหมือนกับว่าเจ้าตัวเมาเรียบร้อยแล้ว กับนรินทร์ที่ยังคงอยู่ในความคิดของตัวเองเหมือนเคย ส่วนกฤตินั้น เท่าที่โน้ตเห็น ตัวหัวหน้าเหมือนจะสนุกสนานที่เห็นกระต่ายของตัวเองเมาแล้วทำอะไรตลกๆ





แม่งเอ๊ย อย่าให้ชนะนะ นรินทร์สาบานว่าเขาจะให้อีกฝ่ายใส่ชุดบันนี่บอยจนกว่าจะยอมคลานเข่ามาหาเขาเลย





โน้ตยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเองที่ยิ่งคิดก็ยิ่งลามก จนกระทั่งโทรศัพท์ของเขาที่ใส่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นเตือนว่าสายเข้า พอหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นเนตร แฟนเก่าโทรเข้ามา





“ว่าไง”





นรินทร์รับโทรศัพท์พร้อมกับลุกออกจากวงไปด้วย ถ้าเนตรถึงขนาดต้องโทรมาหาเขาคงมีแค่เรื่องเดียว





“มาหาที่ห้องหน่อยค่ะ มีเรื่องจะคุยด้วย”





เสียงแข็งๆ ของหญิงสาวพูดตอบกลับมานั้นเรียกให้นรินทร์ถอนหายใจ เขาไม่ได้เหนื่อยกับลูก เขาเพียงแค่รู้สึกเหนื่อยใจที่จะต้องคุยกับเนตร





“ครับ”





คุณพ่อลูกหนึ่งพูดรับคำแค่นั้นแล้ววางสายไป โชคดีที่ห้องของพวกเขาอยู่ชั้นเดียวกันหมด นรินทร์เดินไม่นานก็ถึงห้อง ซึ่งเมื่อเปิดเข้าไปเจอเนตรกำลังนั่งอยู่กับน้องนิ้งพอดี ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้อง น้องนิ้งก็ย่นจมูกคล้ายกับว่าเหม็นทันที เนตรเองก็เช่นกัน เดาได้เลยว่ามันต้องเป็นกลิ่นเบียร์ที่ติดตามตัวของเขาแน่นอน





ชั่วขณะ เขาคิดว่านิ้งกับเนตรสมกับเป็นแม่ลูกกันเหลือเกิน จมูกไวทั้งคู่





“พรุ่งนี้ฉันจะกลับกับเอิร์ธนะคะ มาบอกคุณไว้ก่อน เพราะคงไปตอนเช้าเลย อาจจะไม่ได้กินข้าวเช้าด้วย”

“อ่า...ครับ”





นรินทร์รับคำแค่นั้น เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดหรือรู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ แล้วเนตรก็ไม่ได้ต้องการให้เขารู้สึกอะไร เมื่อหมดธุระกับสามีเก่าแล้ว หญิงสาวหันไปพูดกับลูกของตัวเองต่อ





“น้องนิ้งไปกับคุณแม่นะคะ อาเอิร์ธจะพาไปเที่ยวเยอะแยะเลยนะคะ น้องนิ้งเคยบอกคุณแม่นี่คะว่าหนูอยากเที่ยวเยอะๆ





“ใช่ค่ะ หนูอยากเที่ยว” เด็กหญิงตอบทันที ใบหน้าน่ารักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง “คุณแม่มีอาเอิร์ธ แต่คุณพ่อไม่มีใครเลย ถ้าหนูไปกับคุณแม่คุณพ่อก็จะต้องอยู่คนเดียว เพราะงั้นหนูจะอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อเองค่ะ หนูไม่อยากให้คุณพ่อเหงา”



“เอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ?”



เนตรยังมีสีหน้าไม่มั่นใจ เธอมองมาทางนรินทร์ที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องเล็กน้อย ด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอไม่มั่นใจว่าชายหนุ่มจะสามารถเลี้ยงลูกได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาสองคนเถียงกันเรื่องนี้





เนตรไม่อยากให้เขาเป็นคนเลี้ยงลูก เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หยาบกระด้าง ไม่น่าจะเลี้ยงน้องนิ้งให้โตมาอย่างนุ่มนวลได้ ซึ่งเรื่องนั้นเขาก็ไม่รู้จะเถียงอะไร นรินทร์พยายามที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถเลี้ยงเด็กผู้หญิงด้วยตัวคนเดียวได้แล้ว แต่เหมือนมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเนตร





อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรของนรินทร์ก็ตาม เนตรไม่เคยมองว่ามัน ดีพอ เลยแม้แต่น้อย





“เอาแบบนี้ค่ะ นิ้งจะอยู่กับคุณพ่อ”





เด็กหญิงพูดพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้คุณแม่ของเธอ และเผื่อแผ่มาถึงคุณพ่อที่ยังคงยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ตรงประตูห้อง ถึงแม้ว่าตัวเด็กหญิงจะเพิ่งอยู่เพียงชั้นประถม แต่เธอโตพอที่จะจัดการตัวเองและเข้าใจว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้ต้องการสิ่งเดียวกันอีกต่อไป มันคงเหมือนตอนที่เธอกับฟ้าเพื่อนสนิทชอบการ์ตูนคนละเรื่องกันแล้ว แต่เรายังคงเป็นเพื่อนกันอยู่





“ถ้าหนูว่าอย่างนั้น คุณแม่ก็ไม่ว่าอะไรค่ะ” เนตรยอมในที่สุด หญิงสาวยิ้มให้กับลูกน้อย ก่อนที่จะแตะบ่าน้องนิ้งเบาๆ



“หนูขึ้นไปนอนบนเตียงรอคุณแม่ก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณแม่ขอคุยกับคุณพ่อแป๊บนึง แล้วจะตามไปนะคะ”

“โอเคค่ะ”





เด็กน้อยรับคำก่อนที่จะวิ่งหายเข้าไปที่ด้านในของห้อง ซึ่งเแป็นส่วนที่วางเตียงนอน เหลือเพียงแค่ผู้ใหญ่สองคนในบริเวณนี้เท่านั้น





“ถ้าคุณอยากมานอนกับลูกอาบน้ำใหม่ก่อนนะคะ กลิ่นเบียร์หึ่งเลย”





นั่นไง กูว่าแล้ว





นรินทร์เผลอดมตัวเองทันทีที่เนตรพูดแบบนั้นออกมา ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดื่มเยอะขนาดนั้น มันเหม็นขนาดนั้นเลยเหรอวะ?





“อ๋อ ไม่ล่ะ คุณนอนกับนุ้งนิ้งเถอะ เดี๋ยวผมไปอาศัยห้องเพื่อนเอา”





ชายหนุ่มบอกปัด ในหัวมีภาพเพื่อนที่อยากจะไปขออาศัยลอยขึ้นมาแทบจะทันที





“ค่ะ แล้วแต่คุณ”





บทสนทนาของพวกเขาจบลงแบบนั้น นรินทร์ถอยออกมาจากห้องในขณะที่หญิงสาวเดินกลับไปหาลูกในห้อง มันอาจจะดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจนิ้งเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วนรินทร์เพียงแค่อยากให้เนตรได้ใช้เวลากับลูกบ้าง





และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เขาไม่อยากนอนห้องเดียวกันกับเนตร





ถึงแม้จะไม่ได้จบกันแบบไม่ดี แต่มันก็ยังคงลำบากใจทุกครั้งที่ต้องอยู่ในพื้นที่เดียวกัน หากไม่ใช่เพราะลูกสาวขอ เขากับเนตรก็คงไม่ได้มาทริปด้วยกันสามคนแบบนี้แน่นอน





นรินทร์ถอนหายใจพลางเดินล้วงกระเป๋ากลับไปที่แหล่งกบดานเดิมเมื่อครู่



หากได้เบียร์สักกระป๋องก็คงพอขจัดความหมุ่นมัวในใจให้หายไปได้ล่ะนะ






------- Sunday In Bed -------
[/b]

ต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 7th Sunday: มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 09-01-2019 21:18:40
ต่อจ้า

------- Sunday In Bed -------





“คุณโน๊ตตตต ไปไหนมาครับบบบ แทนใจคิดถึง”


นรินทร์รู้สึกว่าตัวเองสะดุ้งเมื่อเขาเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องซุกซนที่กำลังนั่งเล่นเกมขี้เมากันอยู่ แล้วเด็กแทนใจทักขึ้นมาแบบนั้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พอชายหนุ่มกวาดตามองไปทางกระต่ายลูกรักของหัวหน้าแผนกก็เข้าใจได้ไม่ยาก เมาแล้วแน่นอน ตาเยิ้ม ไหนจะเนื้อตัวที่แดงไปหมดทุกส่วนที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมานั่นอีก


“ผมไปเอาลูกนอนมาน่ะ” 


โน้ตตอบไปตามความจริง พร้อมทั้งแทรกตัวลงนั่งในที่ของตัวเอง โดยเพียงแค่ส่งยิ้มใจดีให้แทนใจที่ทำตาเป็นประกายเหมือนกับว่าชื่นชมเขานักหนา


“โอโห เป็นครอบครัวที่ดีนะครับ มีคุณพ่อตัวอย่างขนาดนี้”


เสียงเรียบนิ่งที่พูดตอบกลับมานั้นทำให้นรินทร์เลิกคิ้วด้วยความฉงนใจ อันที่จริงแล้วเขาคิดว่าแทนใจจะเป็นคนตอบกลับมาเสียอีก แต่ในเมื่อหัวหน้าเขาตอบกลับมาแบบนี้ พร้อมทั้งมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับจะเป็นมิตร แต่ดันแฝงคำประชดประชนนั้นทำเอานรินทร์อดที่จะตอบกลับไปไม่ได้


“ผมเอง...ก็เป็นสามีที่ดีด้วยเหมือนกันครับ”


บรรยากาศเย็นลงจนทุกคนรู้สึกได้


ซุกซนกับปกป้องมองหน้ากันเลิ่กลั่กเหมือนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อที่จะกู้สถานการณ์กลับมา เมฆผิวปากอย่างสนุกสนานเมื่อรู้สึกว่าละครตรงหน้านั้นน่าสนใจ ทุกคนในที่นั้นรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างภายใต้คำพูดโต้ตอบกันของคุณพ่อลูกหนึ่งกับหัวหน้าแผนกคนเก่ง


ยกเว้นเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น


“ผมก็เป็นพี่ที่ดีของน้องแทนกายเหมือนกันเลยครับ ฮ่าๆ”    


แทนใจ กระต่ายที่กฤติรักนักหนานั่นแหละ


เจ้าตัวพูดขึ้นมาแล้วหัวเราะจนแก้มสีแดงๆ นั้นมองเห็นเป็นก้อน ตามปกติแล้วแทนใจเป็นคนที่คิดนั่นคิดนี่เยอะแยะไปหมดอยู่แล้ว แต่พอเมาเด็กน้อยก็เลยพูดสิ่งที่คิดออกมาก็แค่นั้น


ในขณะที่ทุกคนกำลังเลิ่กลั่กอยู่นั้น แทนใจ (ผู้อ่านบรรยากาศรอบข้างไม่ออก) ก็พูดน้ำไหลไฟดับต่อไป โดยไม่สนใจว่าจะมีใครฟังหรือเปล่า


“ผมชอบคุยเรื่องครอบครัวมากๆ นั่งคุยกับผมได้นะ ผมจะอวดน้อง น้องผมชื่อแทนกาย ตอนนี้เรียนอยู่เกรด 12 น้องผมเรียนเก่งมากกกกก พี่สาวผมชื่อแทนรัก อายุบอกไม่ได้แต่สวยมากเลยนะครับ พี่ปกป้องก็รู้จัก”
“...”
“อ่าว ทำไมเงียบกันอะ คุยสิ คุยต่อ ไม่คุยก็กินไพ่จั่วเหล้าได้แล้ว!”


แทนใจพูดแล้วตบเข่าปั่กๆ หน้าแดงตัวแดงไปหมด โดยที่ซุกซนบ่นอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเพื่อนตัวเอง นรินทร์ไม่ได้สนใจเด็กสองคนนี้มากนัก เขายังต้องสนใจอะไรอีก ในเมื่อกฤติเทความสนใจทั้งหมดของตัวเองไปที่แทนใจแล้วเรียบร้อย พนันได้เลยว่าในมือถือของหัวหน้าแผนกต้องมีแต่คลิปแทนใจเมาแน่นอน


ไม่รู้จะรักอะไรเด็กนั่นนักหนา


“ตาพี่โน้ตจั่วๆๆๆ จับไพ่เลยพี่”


นรินทร์ยื่นมือไปหยิบไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ แเล้วพลิกให้ทั้งวงได้เห็นพร้อมกัน… มันคือ Jack โพดำ


“ไพ่ Jack คือพี่สามารถตั้งกฎอะไรขึ้นมาก็ได้ แล้วคนทั้งวงจะต้องทำตามกฎนั้น 2 ตา จนกว่าพี่จะจั่วไพ่อีกรอบอ่ะ… ฉิบหาย ชาติที่แล้วพี่ถวายไพ่ให้วัดเหรอวะ ทำไมถึงได้จับได้ไพ่ดีขนาดนี้เนี่ย”


เด็กซุกซนพูดถึงคุณสมบัติของไพ่ใบนี้พร้อมทั้งปิดท้ายด้วยการบ่นตามสไตล์ของเจ้าตัว นรินทร์ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ซุกซนกับแทนใจจะสนิทกันมากขนาดนี้ เล่นพูดมากเหมือนกันมันก็คงจะอยู่กันได้นั่นแหละ


“คือสั่งอะไรใครก็ได้?”


โน้ตถามซ้ำอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเริ่มมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นมาให้เห็น


“ใช่พี่” ซุกซนรับคำ พร้อมทั้งเกาพุงไปด้วย “ตั้งกฎอ่ะ อยากให้ในวงทำไรก็ตั้งกฎนั้น แต่ได้แค่ 2 ตานะ จะใช้กฎนี้จนกว่าพี่จะจั่วไพ่อีกครั้ง”
“เยี่ยม!”


คุณพ่อลูกหนึ่งยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เขาวางไพ่ลงบนพื้นพร้อมทั้งพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำให้ทุกคนในวงได้ยินและปฏิบัติตามพร้อมกัน รวมถึงคนที่นั่งทำหน้านิ่งแต่ถลึงตาใส่เขาบนโซฟาด้วยเช่นกัน


“ผมขอสั่งให้ทุกคนในวงที่ใส่แว่นตา พูดคำว่า ‘เมี๊ยว’ ลงท้ายทุกคำ!”


คุณพ่อลูกหนึ่งยังคงส่งยิ้มใจดีไปทั่ววง ทั้งที่ในหัวกำลังกู่ร้องถึงชัยชนะของตัวเองเสียงดัง เพียงแค่คิดภาพว่าคุณหัวหน้าพูดคำว่าเมี๊ยวตอนที่นั่งอยู่บนตักของเขานั้น อาการโดนต่อยก็แทบจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง จะให้เอาตัวเองไปเป็นกระสอบทรายไอ้เลวภูภูมิอีกกี่สิบครั้งก็ได้ ถ้ามีแมวน้อยมาครางเมี๊ยวๆ ให้ฟังข้างๆ หูน่ะนะ


อะฮึ่ม!


ถึงคืนนี้กฤติจะไม่ได้มาปลอบใจนรินทร์ แต่ชายหนุ่มก็ค้นพบวิธีที่ทำให้ตัวเองฟินเรียบร้อยโรงเรียนนรินทร์แล้ว!

.
.
.




กฤติขอสาบานด้วยความจริงจัง
ว่าเขานั้นจะเกลียดนรินทร์จนชีวิตหามีไม่!


หลังจากการตั้งกฎสัปดนของไอ้ลูกน้องที่โตแต่ตัวของเขาเสร็จ กฤติก็แทบจะเดินไปหยิบขวดเบียร์เปล่ามาทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายทันที


ความจริงแล้วในวงไม่ได้มีเพียงแค่กฤติที่โดน ยังมีปกป้อง กับคุณใหม่อีกสองคนที่โดนเหมือนกัน แต่สายตาของอีกคนตอนที่ตั้งกฎสัปดนนั่นเสร็จแล้วหันมายักคิ้วให้เขานั้น มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าต้องการที่จะกวนประสาทใคร


พวกเขาเล่นไพ่ต่อกันไปอีกสักพัก (แล้วกฤติก็ต้องพูดคำว่า ‘เมี๊ยว’ ตามหลังทุกครั้งที่เขาจะพูดอะไร น่าอดสู่ชะมัด!) จนกระทั่งแทนใจเมามากแล้ว เมฆเลยพากระต่ายของเขากลับไปห้องของตัวเอง


เสียดายชะมัด แทนใจตอนเมานั้นน่ารักน่าชังจนกฤติอยากจะหิ้วกลับไปไว้ที่ห้องตัวเองเพื่อดูเล่นเสียเหลือเกิน


“มองไปไหนน่ะครับ ผมอยู่นี่ไงคุณ หล่อที่สุดในโลกนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว”


กฤติกลอกตา เขากำลังมองไล่หลังเมฆกับแทนใจที่ไม่รู้จะอยู่ด้วยกันในสภาพอย่างไร ยังไม่ทันที่คนอื่นจะเลิกเล่นแล้วแยกย้ายกลับห้องตัวเอง นายนรินทร์ ที่ไม่รู้ย้ายตัวเองขึ้นมานั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกวนประสาทขึ้นมา มันน่าโยนออกนอกหน้าต่างเสียจริง 


ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น ในห้องนี้ยังมีซุกซนกับปกป้องที่ช่วยกันทำเป็นไม่เห็นว่ามีผู้ชายสองคนกำลังจีบกันอยู่แถวนี้ จะทักก็ไม่ได้ จะแซวก็ยังเมาไม่พอ เลยได้แต่แกล้งๆ เก็บๆ รับส่งขวดเบียร์เปล่ากันอยู่สองคน


“เรียกร้องความสนใจทำไมเนี่ย คุณสามขวบหรือไงครับ”


กฤติถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่งหากแต่สายตานั้นมีแววหงุดหงิดซ่อนอยู่ หากเป็นคนอื่นอาจจะใจเสียไปแล้ว แต่นี่คือนรินทร์ นิ้วกลาง เขายิ้มแฉ่งรับการด่าทางสายตาของกฤติอย่างหน้าชื่นตาบาน


“เมี๊ยวหายไปไหนอ่ะ?”


นรินทร์เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเฉยๆ แกล้งเอามือไปวางบนขาอ่อนของกฤติ ซึ่งโดนฟาดกลับมาอย่างจัง


‘เพี๊ยะ!’


“อย่าวุ่นวาย!”
“คุณทำร้ายร่างกายผมอ่ะ เจ็บมาก จะฟ้อง HR ด้วย”
“เชิญ!”
“แต่ผมไม่ฟ้องก็ได้นะ” นรินทร์ยังคงพูดต่อ ไม่สนใจสีหน้าบึ้งแล้วบึ้งอีกของอีกคนเลยสักนิด อันที่จริงแล้ว ยิ่งกฤติหงุดหงิดเท่าไหร่ เขายิ่งสุขใจเท่านั้น
“แค่คุณเรียกผมว่า ‘คุณ.นรินทร์ เมี๊ยว!’ แค่นี้เลย แล้วเรื่องนี้จะเป็นความลับของเราสองคนเท่านั้นพอ”


เดี๋ยวนะ… แล้วพวกกูล่ะ?


ซุกซนที่กำลังกวาดพวกซากขนมไปไว้ตรงเตียงฝั่งแทนใจรูมเมทแทนฝั่งตัวเองคิดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ก็คือ ช่วยระลึกนิดนึงว่าพวกพี่กำลังจีบกันอยู่ในห้องผมเว้ย แถมพี่ปกป้องก็ยังก้มๆ เงยๆ กวาดขวดอยู่ด้วยเนี่ย สนใจกันบ้าง!


โชคดีที่วันนี้มีละครเรื่องดังฉายทางโทรศัพท์ ผู้หญิงเกือบทั้งหมดเลยยกโขยงออกไปจากวงเหล้าตั้งแต่นึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาดูละครย้อนหลัง ตอนนี้ทั้งห้องจึงเหลือแค่ซุกซนที่กำลังเก็บขยะ กุ๊กกิ๊กย่ารหัสของซุกซน ซึ่งเมาหลับอยู่มุมหนึ่งของห้อง แล้วก็ปกป้องที่พยายามเก็บศพกุ๊กกิ๊กอีกที


เนี่ย ถึงแม้จะเหลือกันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่คุณกฤติคุณโน้ตสนใจกันบ้างได้ไหม?


“คุณโรคจิตหรือไง!”


กฤติเหวขึ้นมาเสียงดัง พยายามจะขยับตัวหนี แต่นรินทร์ที่แรงเยอะกว่าได้กอดอีกฝ่ายเอาไว้เต็มแขน กฤติขยับตัวอย่างหงุดหงิด จริงอยู่ที่เขาชอบผู้ชาย เขารู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นนรินทร์ในเสื้อผ้าน้อยชิ้นแล้วว่าอีกคนหุ่นดี แต่การที่ล็อกไหล่เขาด้วยแขนข้างเดียวนี่มันแรงเกินคนไปหรือเปล่า?


“ไม่ให้หนี”
“โอ้ย คุณ”
“ผมยอมแล้ว ยอมคุณแล้ว”


นรินทร์พึมพำข้างหูของอีกฝ่าย กฤติหันรีหันขวางด้วยความหวาดระแวงระคนรู้สึกประหลาดข้างในใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันแค่หนวกหูไปหมด


ยิ่งตอนที่อีกคนเอาหน้ามาใกล้ ยิ่งหนวกหู


“ป้ะ! ไปห้องคุณกันเถอะ ผมยอมคุณแล้วจริงๆ”
“คุณ เดี๋ยว... “


ท่ามกลางการพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นของซุกซนและปกป้องที่ตอนนี้ขังตัวเองไว้นอกระเบียงกันทั้งคู่ นรินทร์ลุกขึ้นยืนขึ้นมาทันที โดยดึงคนที่นั่งอยู่ขางๆ ไปด้วย เขาอาจจะเมามากๆ แล้ว หรือไม่ก็ถืออะไรสักอย่าง นรินทร์ไม่รู้ และไม่สนใจ


เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขาต้องการกฤติ


ต้องการมากกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยมีมา


“ผมยอมไม่แตะต้องคุณคืนนี้ไม่ได้”


พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องของกฤติ ทั้งที่หัวหน้าหนุ่มควรจะห้ามด้วยเหตุผลเดียวกับที่ยืนหยัดไม่ให้อีกฝ่ายแตะต้องตัวเองมาตลอด แต่พอเขากระซิบข้างหูซ้ำหลายครั้ง ด้วยเสียงนุ่มน่าฟังกว่าเพลงไหนๆ นั่น พออีกคนขบเม้มใบหูพร้อมกดจูบลงไป สัมผัสร้อนผ่าวที่ไล้ผ่านร่างกายของเขาราวกับรู้จักดี


ในคืนนี้ ทุกการกระทำของนรินทร์ ไม่มีสิ่งไหนที่กฤติสามารถต่อต้านได้เลยสักนิด


เขาปล่อยให้ทั้งสองของนรินทร์ที่ลูบไล้ไปทั่วตัวอย่างเร่าร้อนแต่อ่อนโยน ความรู้สึกอุ่นวาบเวลาที่ริมฝีปากนรินทร์กดจูบลงบนลำคอทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่บนฟ้า


แต่กฤติมั่นใจว่าตัวเองเมา ถึงแม้เขาจะไม่ได้แตะแอลกอฮอลล์เลยสักนิดก็ตาม 


เตียงหลังใหญ่ถูกใช้รองหลังของหัวหน้าหนุ่ม เงาของนรินทร์ที่พากผ่านตัวของเขานั้นสร้างความรู้สึกแปลกประหลาด ใช่ นรินทร์เป็นคนหล่อ แต่อีกฝ่ายหล่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?


รอยยิ้มที่ดูน่าแสบตานั่นอีก ผู้ชายคนนี้สามารถยิ้มได้ชวนมองตามขนาดนี้เลยงั้นหรือ?



ในชั่ววินาทีที่กฤติยังสับสนกับความคิดของตัวเองนั้น ห้องที่เงียบจนแทบจะไม่มีเสียงอะไร ข้างหูของเขากลับได้ยินเสียงนุ่มของอีกฝ่ายพูดออกมาแผ่วเบา





 “ผมแพ้คุณแล้ว แพ้คุณคนเดียว”








------- TBC -------




#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์



 ถ้าอยากอ่านเนื้องเรื่องตรงส่วนนี้เพิ่ม สามารถตามได้ในเรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์นะคะ แต่ไม่อ่านก็เข้าใจจ้า



ป.ล. แก้คำผิดแล้วนะคะ เนื่องจากหลังไมค์ล้นหลามมากว่าผิดแม้กระทั่งชื่อคุณกฤติ บ้าไปแล้ว ฮือ 55555555555

ถ้าใครเจออีกมาบอกเราได้นะคะ ขอบคุณที่คนมากเลย <33 
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 09-01-2019 21:42:33
คุณโน้ตมันร้ายค่ะคุณณณณณณ!
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-01-2019 22:18:27
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-01-2019 23:21:57
ยอมล๊าวววววววว
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 10-01-2019 01:53:21
คุณกฤติเริ่มพ่ายคนสัปดนซะแล้วววว :hao6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-01-2019 06:50:37
เอาน่า..........กฤติ ยังไงๆ นรินทร์ แพ้กฤติ
แต่แพ้แล้ว ก็มีความสุข ความพอใจกันทั้งคู่    :pighaun: :haun4:
หยวนๆนะ คนอ่านก็พอใจด้วย  :-[ :heaven

อยากเผือกเรื่องของเมฆกับกระต่ายด้วยอ่ะ  :ling1:

นิสัยของเนตร ที่ดูจะประเมินคนอื่นด้อย อ่อน กว่าตัวเอง
มีแต่ตัวเองที่ทำได้ เก่งได้อยู่คนเดียวนี้  :m16:
ต่อไปจะประเมินเอิร์ทแบบนี้ด้วยหรือเปล่า ขอให้ใช่เถอะ  :angry2:

นรินทร์  กฤติ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-01-2019 09:31:38
ร้ายกาจมากจ้า นังคุณโน๊ต
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 10-01-2019 11:17:44
อ่านแล้วเหมือนโดนระเบิดตัวตาย
ปุ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงง
แบบบฮืออออออ ร้ายกาจ
คุณกฤติชอบเค้าแน่ๆ!!!
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-01-2019 14:52:47
คุณโน้ตตต โอ๊ยยยย เขิน ขำไมตอนนี้เราถึงเขินคนสัปดน 555555555555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 10-01-2019 18:55:12
คู่นี้นี่มันร้อนแรงกันจริงๆเลยน้า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 10-01-2019 20:42:03
โอ่ยยยย สงสารคุณกฤติ

 คุณโน้ตพูดไม่รู้เรื่อง โดนกระโปรงนักศึกษาครอบงำ 55555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 10-01-2019 22:21:32
คุณนรินทร์นิ้วกลาง ได้เข้าสู่ลัทธิชุดนักศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pandora_enjoy ที่ 10-01-2019 23:44:43
ไม่รู้จะอยู่ทีมใครดี เอาใจช่วยอิตาคุณโน้ตนะ แต่เวลาพี่แกสัปดนมากๆ ทางนี้ก็อยากจะช่วยคุณกฤติฟาด 55555 ชอบๆ ชอบคาแรกเตอร์ของสองคนนี้มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 11-01-2019 22:54:33
คุณโน้ตคือสุดยอดพ่อหนุ่มคลั่งกระโปรงนักศึกษา
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 12-01-2019 01:45:53
แงงงงงง  สนุกมากกกกก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 13-01-2019 17:50:21
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 13-01-2019 20:27:31
ฮืออออ สนุกมากๆ เลยค่ะ ชอบโน้ตอ่ะ นางน่ารักน้าาาา โอ้ยย ชอบมากๆ เรื่องนี้ พอได้อ่านแล้วหยุดไม่ได้ รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่ออออออ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 14-01-2019 08:37:20
คุณโน๊ตตตตตตต ทำไมร้ายกาจขนาดนี้
จริงๆเราก็อยากให้คุณกฤตใส่ชุน.ศ หรือชุดกระต่ายมีหางน่ารักๆกับหูน้อยๆสีชมพูเหมือนกัน แค่กๆๆๆๆ 5555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Oh_cloud ที่ 14-01-2019 08:48:29
คุณโน้ตตตต หลงคุณกฤติมากเลยสินะคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-01-2019 17:30:58
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: FXEXRXN ที่ 15-01-2019 21:03:16
คุณโน้ตตตตตตต อาการหนักแล้วนะแบบนี้ 555555
 :ruready :-[ รอดูคุณหัวหน้าใส่ชุดนักศึกษาไปหาลูกน้องเลยค่ะ :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 8th Sunday: ผมยอมคุณแล้ว (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 18-01-2019 22:01:06
9th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์




เมื่อคืนนี้มันบ้าบออะไร




กฤติที่กำลังนั่งหน้านิ่งกินโกโก้ตอนเช้าในห้องอาหารคิดกับตัวเอง หลังจากที่นรินทร์แพ้เขาเมื่อคืน (ด้วยการที่เจ้าตัวลากเขาขึ้นเตียงเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป) จนถึงเช้าที่นรินทร์ลุกออกไปดูลูก กฤติถึงได้มีเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง ถึงแม้ก่อนไปเจ้าตัวจะฝากรอยจูบไว้บนตัวเขาเต็มไปหมดจนต้องไล่ไปไกลๆ ด้วยความรำคาญ




เรื่องเซ็กส์นั้นกฤติไม่ได้ติดใจอะไร แต่เพราะคำพูดต่างๆ ของอีกฝ่ายเมื่อคืนต่างหาก ที่ทำให้เขายังคงคิดวุ่นวายจนถึงตอนนี้


‘ผมแพ้คุณแล้ว แพ้คุณคนเดียว’

‘คุณทำให้ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว’

‘อย่าให้ไอ้หน้าไหนเห็นคุณแบบที่ผมเห็นนะ ผมยอมไม่ได้จริงๆ’




แล้วยังมีถ้อยคำอื่นๆ อีกมากมาย จนกฤติรู้สึกไม่คุ้นชิน นี่มันไม่ใช่เซ็กส์ปกติที่เขาเคยทำกับคนอื่น การนอนด้วยกันครั้งนี้มีแต่นรินทร์เต็มไปหมด เป็นตัวตนของ ‘นรินทร์’ ในแบบที่เขาไม่คุ้นชิน




นรินทร์ที่ดุดัน นรินทร์ที่ร้อนแรง นรินทร์ที่อ่อนโยน




กฤติเจอมาทุกแบบบนเตียงหลังใหญ่ โชคดีที่เขาได้นอนคนเดียว ไม่เช่นนั้นนรินทร์ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะก้าวขาเข้ามาในเขตห้องเขาด้วยซ้ำ




ชายหนุ่มที่เหมือนกับจะไร้สาระไปวันๆ นอกจากเวลาทำงาน กลับกระซิบอะไรมากมาย พร้อมกับฝากรอยจูบใต้ร่มผ้าเต็มไปหมดแบบนี้ บอกตรงๆว่ากฤติคิดไม่ตก




นรินทร์ยังคงเป็นนรินทร์ แต่เป็นนรินทร์แบบที่… แปลก




“เป็นอะไรทำหน้าแก่”




กฤติเงยหน้าจากแก้วโกโก้ร้อนของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงทักทายกวนประสาท พร้อมกับเสียงเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าหล่อที่เขาเกลียดขี้หน้ามองตรงมา กฤติพ่นลมหายใจออกด้วยความหงุดหงิด ตัวน่ารำคาญมาวุ่นวายแต่เช้า




เมฆ โปรเจคเมเนเจอร์ที่ตามจีบแทนใจ




“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”

“นี่ผมหวังดีนะ” เมฆพูดด้วยเสียงกวนโมโหแบบที่ไม่เคยใช้กับแทนใจเลยสักครั้ง “เกิดหัวหน้าน้องแทนใจของผมเป็นอะไรไป เด็กน้อยของผมร้องไห้กันพอดี เลยจะช่วยดูหน่อย” “แค่เห็นหน้าคุณอยู่ผมก็ปวดหัวแล้ว”



กฤติตอบตามความจริง เขากับเมฆนั้นเรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์แปลกประหลาด จะเรียกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ เป็นเหมือนคนเกลียดขี้หน้ากันแต่ดันรู้จักกันดีเกินไปจนสนิทกันเสียมากกว่า




“แทนใจไปไหน?”




กฤติเปลี่ยนเรื่องเมื่อคนที่นั่งตรงข้ามเขาเริ่มลงมือกินอาหารที่ตัวเองตักมา หัวหน้าแผนกเซลล์ย่นจมูกเมื่อเห็นปริมาณ พวกผู้ชายบางคนก็กินเหมือนชีวิตไม่เคยได้ทานข้าวมาก่อนในทุกมื้อ ใช่ กฤติกำลังนึกถึงลูกน้องบ้าพลังที่รังแกเขาเมื่อคืนนั่นแหละ



“อยู่บนห้อง”

“ทำไมไม่พาน้องลงมาด้วยครับ? ผมไม่อยากอยู่กับคุณสองคน มลภาวะ”

“คิดว่าผมอยากอยู่กับคุณหรือไง? มานั่งด้วยเพราะสงสารหรอก”

“ถ้าสงสารจริง วันหลังเอาแทนใจมาแทนคุณนะ”

“ผมนึกว่าคุณอยากจะเห็นหน้าคุณโน้ตเสียอีก”

“...”




กฤติแทบจะพ่นโกโก้ร้อนออกมาหลังคำพูดนั้น ติดอยู่ที่ว่าเขายังมีสติมากพอที่จะทำหน้านิ่งใส่อีกคน แต่เมฆรู้จักกฤติดีเกินไป ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เล่าอะไรให้ชายหนุ่มฟัง แค่ปรายตามองก็รู้แล้วว่ากฤติกับโน้ตนั้น ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน




“ไม่ได้อยากเห็น เมาค้างหรือไงคุณ”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง คุณไม่ใช่แทนใจ ไม่น่ารัก”

“คุณก็น่าเกลียดครับ”




เมฆทำหน้าเหม็นเบื่อใส่คนที่ต่อปากต่อคำเขาอย่างไม่จบสิ้น ก่อนที่จะเดินไปกวาดอาหารเพิ่ม แล้วกลับมานั่งที่เดิมต่อด้วยความว่องไว การที่แทนใจยังหลับอยู่บนห้องก็ดี เขาจะได้คุยกับกฤติโดยที่ไม่ต้องพยายามพูดอ้อมๆ หรือตัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กออกไป




“ตกลงเป็นอะไรคุณน่ะ”

“ผม?” กฤติที่เอาช้อนคนโกโก้เย็นชืดของตัวเองถาม

“คุณนั่นแหละ อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เสียเวลา จะกลับไปดูแลแทนใจ”




เมฆพูดหลังจากที่ตัวเองเคี้ยวอาหารเรียบร้อย กฤติขมวดคิ้วนิดหน่อย เมื่อตัวเองดันคิดไปถึงมนุษย์ผู้ชายอีกคนที่ชอบพูดทั้งที่อาหารยังอยู่ในปาก




พอนึกได้ก็อยากจะหยิกตัวเอง จะไปคิดถึงคนไร้สติทำไมกัน


“ไม่มีอะไรครับ แค่คนบ้า”

“ไม่อยากเล่าก็แล้วแต่คุณ”



เมฆที่กินอาหารเรียบร้อยรวบอุปกรณ์ทานอาหารเข้าด้วยกัน แล้วเช็ดปากด้วยผ้ากันเปื้อน คล้ายกับคนที่เคร่งในกฎระเบียบเป็นอย่างดี ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวไม่ใช่คนซีเรียสขนาดนั้น



“แต่ถ้าถามผมนะ คุณเปิดตัวเองบ้างก็ได้ ไม่ใช่แค่มีความสัมพันธ์ฉาบฉวยเป็นคืนๆ ไป ลองหาคนที่จะอยู่กับคุณ คนที่เป็นของคุณคนเดียวดูดิ” 

“...” กฤติรู้สึกเหมือนตัวเองควรจะเถียง แต่ริมฝีปากกลับหนักเกินกว่าที่จะเอ่ยอะไรออกไป

“การมีใครสักคนในชีวิตบ้างมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก”

“...”

“เมื่อคืนที่ผมเอาแทนใจไปนอนด้วยน่ะ ตอนตื่นมาแล้วเห็นน้องอยู่ข้างๆ ผมคิดว่าอยากจะตื่นมาเห็นน้องเขาแบบนี้ทุกเช้า”

 


ใบหน้าที่มีความสุขของคนตรงข้ามทำให้กฤติอยากเอาอะไรมาจิ้มตาด้วยความหมั่นไส้ แต่ถ้อยคำที่เมฆพูดออกมากลับทำให้กฤตินั่งนิ่งเหมือนถูกตรึงไว้บนเก้าอี้ของตัวเอง กับแก้วโกโก้เย็นชืดตรงหน้า




“คุณไม่อยากตื่นมาแล้วเจอใครอยู่ข้างๆ บ้างเหรอ?”




เมฆพูดจบแล้วลุกขึ้นรวบช้อนก่อนจะขอตัวออกจากห้องอาหารด้วยเหตุผลว่าจะขึ้นไปดูแทนใจที่ห้องนอน น้องน่าจะตื่นแล้ว ทิ้งกฤติให้นั่งอยู่กับตัวเอง และคำพูดนั้น




ตื่นนอนเพื่อมาเจอใครอยู่ข้างๆ งั้นหรือ? 




ทำไมเราจะต้องตื่นมามีใครด้วยล่ะ ในเมื่อตอนนี้เขาอยู่คนเดียว นอนคนเดียว ตื่นคนเดียว มันก็สบายดี แถมห้องก็สะอาดสะอ้านดี พอมีคนเริ่มมาแชร์พื้นที่ด้วยเท่านั้นแหละ ห้องที่เคยสะอาดเรียบร้อย กลายเป็นรกรุงรัง ของวางไม่เป็นที่ แถมผ้าปูที่นอนตอนนี้ล้นตู้ไปหมด




ถึงแม้จะรู้สึกไม่คุ้นชินที่จะต้องแบ่งพื้นที่ส่วนตัวให้คนอื่น แต่กฤติกลับแปลกใจมากกว่า ที่ตัวเองไม่ได้นึกรังเกียจการมีอยู่ของอีกคนเลยแม้แต่น้อย




มันแปลก… แปลกมากเกินไปแล้ว




“อ้าว คุณกฤติ”




ยังไม่ทันที่กฤติจะได้คำตอบสำหรับคำถามก่อนหน้า เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นมาทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมองทันทีด้วยความเคยชิน ชายหนุ่มที่เมื่อคืนคลอเคลียกันอยู่ถึงเช้าเดินเข้ามาในชุดสบายๆ อย่างเสื้อยืดสีเข้ม กับกางเกงสามส่วน เตรียมพร้อมมาสำหรับการทำกิจกรรม Team Building กลางแจ้งที่จะเกิดขึ้นบ่ายนี้




กฤติพยักหน้าให้อีกคนด้วยสีหน้านิ่ง ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความคิดว่าอีกฝ่ายชักจะวุ่นวายกับเขาเกินไปแล้ว ทั้งอยู่ในความคิด ทั้งโผล่หน้ามาให้เห็น นี่มันเกินไปแล้ว




“น้องนิ้งคะ”




เสียงนุ่มของชายหนุ่มคนห่ามที่พูดกับอีกคนเรียกความสนใจของกฤติได้เป็นอย่างดี  ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่านรินทร์ไม่ได้มาคนเดียว ชายหนุ่มจูงเด็กหญิงที่อายุไม่น่าจะเกินชั้นประถมมาด้วย ใบหน้าของเด็กน้อยดูน่ารักน่าชัง ดวงตากลมโตมองมาทางเขาอย่างสงสัยใครรู้ ไม่มีท่าทีเคอะเขินแบบเด็กบางคนที่กฤติเคยเจอ ผมสีเข้มถูกปล่อยเอาไว้พร้อมด้วยที่คาดผมสีหวาน เป็นเด็กที่แม้แต่กฤติยังอดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ 



 

“คนนี้คืออากฤติค่ะ เป็นเพื่อนร่วมแผนกของคุณพ่อเอง สวัสดีอากฤติก่อนสิคะ”




ความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อเห็นว่าโน้ตคนห่ามพูดกับลูกสาวด้วยหางเสียง ‘ค่ะ’ แบบนี้ มันดู… น่ารักดีเหมือนกัน

 


“สวัสดีค่ะอากฤติ”




น้องนิ้งพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาไหว้ แล้วส่งยิ้มน่ารักให้คนแปลกหน้า ท่าทางน่าเอ็นดูจนกฤติยิ้มเล็กๆ ตอบกลับไปทันที




“สวัสดีครับน้องนิ้ง”




“โอเค รู้จักกันแล้วเนอะ นุ่งนิ้งนั่งตรงนี้ก่อนนะคะ” โน้ตพูดพร้อมกับอุ้มลูกสาวขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกฤติ ที่เมฆเพิ่งจะลุกไปไม่นาน ยังดีที่พนักงานมาเก็บจานแล้วเลยไม่มีร่องรอยของการถูกใช้ให้เห็น “เดี๋ยวคุณพ่อไปตักอาหารให้นะคะ”

“ไม่เอาค่ะ คุณพ่อนั่ง เดี๋ยวหนูไปตักเอง”

“เอางั้นเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ” เด็กหญิงรับคำขันแข็ง พร้อมกับปีนลงจากเก้าอี้ “คุณพ่อนั่งคุยกับอากฤติก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูมา”

“โอเคเลยค่ะ”




เด็กสาวยิ้มให้คุณณพ่อและเพื่อนพ่ออีกครั้ง ก่อนจะเดินหายไปตรงโซนข้าวต้มที่อยู่ไม่ไกลนัก ทิ้งกฤติเอาไว้กับคุณพ่อมหาภัยของน้องนิ้ง หัวหน้าหนุ่มที่จิบแก้วโกโก้เย็นชืดเผลอมองตามนรินทร์ที่มองน้องนิ้งพร้อมส่งยิ้มอบอุ่นตามหลังลูกสาวไป




อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกประหลาด… ทำไมนรินทร์ถึงได้ดูหล่อขึ้นมานะ? 




ในขณะที่กฤติกำลังมองนรินทร์นั้น อีกฝ่ายก็หันกลับมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้คนที่กำลังคิดชมอีกฝ่ายเพลินๆ ถึงกับสำลักโกโก้ทันที




“แค่ก!”

“ใจเย็นๆ สำลักความหล่อผมหรือไงคุณ”




มันรู้ได้ไงวะ!?




“แค่กๆๆๆ”




กฤติถึงกับไอหน้าดำหน้าแดงเมื่ออีกคนดันทายถูกเสียอย่างนั้น โชคดีที่นรินทร์คิดว่าการหยอดเล่นของตัวเองไม่ใช่เรื่องจริงเหมือนทุกครั้ง คุณพ่อลูกหนึ่งเลยทำเพียงแค่หัวเราะกับท่าทางของอีกคน แล้วส่งกระดาษทิชชู่ให้เช็ดปากเท่านั้น




“ลูกสาวคุณน่ารักดีนะ”



ในที่สุดหัวหน้าแผนกก็ทนกับสายตาอบอุ่นของอีกคนไม่ไหว เป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่อง




“คุณพ่อของลูกผมก็น่ารักนะ”

“...”




มันจะหลงตัวเองยันวินาทีสุดท้ายของชีวิตเลยใช่มั้ย?




กฤติยกโกโก้แก้วเดิมขึ้นมาจิบอีกครั้ง ด้วยนิสัยไม่ทานอาหารเยอะเลยทำให้เขายังกินโกโก้แก้วนี้ไม่หมด ทั้งที่มันอยู่ตรงหน้ามาสักพักใหญ่ๆ แล้ว




“เงียบนี่คิดตามอยู่ใช่มั้ยคุณ?”

“เปล่า ผมหาวิธีทำร้ายร่างกายคุณอยู่”

“ทำบนเตียงไง เนี่ยๆ เอาเชือกมัดใช่ป้ะ เทน้ำผึ้งราดนมผม แล้วคุณก็ขึ้นคร่อม--”




“มาแล้วค่ะ!”




เสียงของเด็กหญิงเรียกให้ผู้ใหญ่สองคนที่กำลังอยู่ในท็อปปิคใต้สะดือกลับสู่โลกปัจจุบันแทบไม่ทัน น้องนิ้งเดินเข้ามาพร้อมกับจานใบใหญ่เมื่อเทียบกับมือของเด็กน้อยสองใบ ซึ่งในนั้นมีขนมปังปิ้งวางอยู่หลายแผ่น รวมไปถึงแยม เนย และนูเทลล่ากระปุกจิ๋วสองสามกระปุกที่วางกองๆ กันอยู่บนจานด้วย 




กฤติแทบจะมุดหัวเข้าไปในถ้วยโกโก้เมื่อเด็กน้อยหันมาทำตาใสใส่ทั้งเขาและคุณพ่อของเธอ เรื่องผิดที่สุดของการยอมหลวมตัวปลอบใจอีกฝ่ายในวันนั้น คือการที่จะต้องมาอยู่ต่อหน้าลูกสาวนรินทร์ในวันนี้นี่แหละ




“หนูตักอะไรมาเยอะแยะเชียวลูก ทานหมดเหรอคะ?”




นรินทร์คนไร้ยางอายก้มลงไปพูดกับลูกสาว ที่พยายามจะขึ้นมานั่งเก้าอี้ของผู้ใหญ่เอง นิ้งถือว่าเป็นเด็กตัวเล็กเมื่อเทียบกับเกณฑ์ทั่วไป แต่เด็กหญิงไม่ชอบการถูกประคบประหงมมากนัก จึงเลือกปฏิเสธคุณพ่อที่จะอุ้มขึ้นนั่ง แล้วเป็นฝ่ายนั่งเก้าอี้ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามมากในการยืดตัวให้หัวขึ้นมาพ้นขอบโต๊ะก็ตาม




“หนูตักมาเผื่อคุณพ่อด้วยค่ะ”




เด็กหญิงพูดแล้วเลื่อนจานใบหนึ่งไปวางไว้หน้าคุณพ่อของตัวเอง ตอนนี้กฤติเพิ่งสังเกตเห็นว่าเด็กน้อยมีจานซ้อนกันมาด้วย




“คุณพ่อชอบทานขนมปังปิ้ง หนูเลยปิ้งมาให้คุณพ่อ แล้วก็เอาเนยมาให้ด้วยค่ะ”

“เผื่อคุณพ่อด้วยเหรอคะ?”

“ใช่ค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อเมื่อย”




กฤติอมยิ้มนิดๆ ในความช่างพูดช่างคิดของเด็กประถมตรงหน้า ไม่รู้ว่านรินทร์เลี้ยงลูกมาอย่างไรถึงได้น่ารักน่าชังขนาดนี้ ส่วนตัวพ่อของน้องนิ้งนั้น ยิ้มจนหน้าบานไปหมดแล้ว




“แผ่นนี้ของคุณพ่อค่ะ”




เด็กหญิงวางขนมปังแผ่นแรกที่ทาเนยเสร็จแล้วบนจานของคุณพ่อ ซึ่งยังไม่หุบยิ้มบนหน้า นิ้งทาแยมสตอเบอรี่บนแผ่นต่อมาแล้วยื่นให้กับผู้ชายใส่แว่นเพียงหนึ่งเดียวของโต๊ะ พร้อมจานอีกใบที่ถือมาด้วย เด็กหญิงยิ้มโชว์ฟันน้ำนมที่ยังไม่หลุดสักซี่ 




“แผ่นนี้ของอากฤติค่ะ”

“ของอาเหรอครับ?”




กฤติถามกลับด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่เพียงแค่กฤติเท่านั้น ตัวคุณพ่อของเด็กน้อยเองก็เลิกคิ้วด้วยความงุนงงเช่นเดียวกัน



“ใช่ค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้าหงึกหงัก “หนูเห็นอากฤติทานแค่กาแฟแก้วเดียว หนูกลัวอากฤติไม่อิ่มเลยหยิบมาให้ด้วยค่ะ”




สิ้นคำพูดเด็กหญิง กฤติยิ้มกว้างจนตาหยี่


 มันเป็นรอยยิ้มเพียงเสี้ยววินาที แต่ทำให้นรินทร์ถึงกับลมหายใจสะดุด




 คุณพ่อลูกหนึ่งถึงกับแอบหยิกตัวเองว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป ตั้งแต่เกิดมานรินทร์สาบานว่าเขาไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนยิ้มน่ารักขนาดนี้มาก่อน ทั้งยังเป็นรอยยิ้มจากคนที่แทบจะไม่เคยเปลี่ยนสีหน้าเลยแบบกฤติด้วยแล้ว ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกว่ามันเหมือนฝันเข้าไปทุกที




ถ้ากฤติหันมายิ้มแบบนี้ให้เขาบ้าง นรินทร์คงอารมณ์ดีเหมือนพี้ยาไปหลายวันแน่นอน




“ขอบคุณมากเลยนะครับ”

“หนูทาแยมให้เพราะอากฤติน่าจะชอบแยมสตอเบอรี่เหมือนหนู หรือถ้าอากฤติไม่ชอบ เดี๋ยวหนูทานเองค่ะ แล้วเดี๋ยวหนูจะทำแผ่นใหม่ให้นะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ อากฤติทานได้”

“ดีจังที่อากฤติชอบเหมือนหนู”



น้องนิ้งที่ตอนนี้ทาแยมสตอเบอรี่ให้ขนมปังของตัวเอง โดยปฏิเสธการช่วยเหลือของคุณพ่อที่พยายามจะตระเตรียมให้อย่างไม่สนใจ นิ้งบอกว่าไม่ต้องยุ่งไง เธอชอบทำเอง คุณพ่อไม่รู้เรื่องเลย!



“คุณพ่อไม่ชอบกินแยมสตอเบอรี่เลยค่ะ เวลาทานขนมปังทาแค่เนยเอง นิ้งว่าแยมอร่อยกว่าตั้งเยอะแน่ะ เนอะอากฤติเนอะ”

“ฮ่าๆ ใช่ครับ แยมอร่อยกว่าเยอะเลย คุณพ่อน้องนิ้งไม่ได้เรื่องเลยเนอะ”

“ใช่ๆ คุณพ่อไม่ได้เรื่องเลยค่ะ” 




นรินทร์นั่งมองภาพกฤติที่ถูกลูกสาวเขาซื้อไปด้วยความเอ็นดู (ถึงแม้ตัวเองจะเป็นคนไม่ได้เรื่องในบทสนทนานั้นก็ตาม) ตอนนี้กฤติกับนิ้งพูดคุยกันเข้าขาแล้วยิ้มกว้าง ถ้าหากทุกเช้าเขาตื่นขึ้นมาเจอลูกสาวกับกฤติอยู่ที่โต๊ะอาหารแบบนี้ตลอดมันคงต้องมีความสุขมากแน่นอน




ถ้าครอบครัวของเขาเป็นแบบนี้ก็คงดี





------- Sunday In Bed -------
[/b]


ต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 18-01-2019 22:03:06
ต่อจ้า

------- Sunday In Bed -------





หลังจากที่ทานข้าวเสร็จได้สองสามชั่วโมง ทุกคนก็ต้องมาทำกิจกรรม Team Building ที่บริเวณสวนน้ำที่เป็นของโรงแรม ถึงแม้จะไม่ใช่กิจกรรมบังคับ แต่พนักงานเกือบทั้งหมดก็มาอยู่รวมกันตรงจุดนัด ซึ่งนั่นรวมถึงกฤติที่หยิบเอาแว่นกันแดดติดมาจากบนห้อง




“พี่ไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ?”




ซุกซนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงสบายๆ ถามหัวหน้าแผนกตัวเอง เมื่อคนคุมกิจกรรมกำลังจะแบ่งทีมเล่นกัน วันนี้ซุกซนแอบเหงาเล็กน้อย เมื่อเพื่อนสนิทอย่างแทนใจดันแฮงก์จากเหล้าเมื่อวานเลยนอนเป็นก้อนอยู่ในห้องของพี่เมฆ เหลือเพียงซุกซนหัวเดียวกระเทียมลีบ




แล้วนี่หัวหน้าแผนกอย่างคุณกฤติยังทำท่าเหมือนแมวตอนที่เขาบอกว่าจะต้องเปียกน้ำ ตอนนี้คือหัวหน้าแผนกเซลล์ย้ายตัวเองไปอยู่ในร่ม พร้อมแว่นกันแดด และโทรศัพท์มือถือเป็นที่เรียบร้อย




“ไม่ล่ะ ซุกซนไปเล่นเถอะครับ ผมไม่ค่อยชอบกิจกรรมกลางแจ้งเท่าไหร่”




ซุกซนมองกฤติที่โบกมือปฏิเสธอย่างไม่เข้าใจนัก ถ้าไม่ชอบแล้วลงมาทำไมกัน? นอนอืดเป็นเพื่อนแทนใจบนห้องก็ได้นี่




“เคๆ พี่ งั้นผมไปละ ฝากกระเป๋าด้วยนะพี่”

“ครับ”





กฤติยิ้มให้เด็กหนุ่มในแผนกที่ยังอุตส่าห์นึกถึงเขาตอนที่เจ้าตัวกำลังจะกระโจนลงน้ำไปทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆ




กิจกรรม team building ของบริษัทยังคงไม่น่าสนใจสำหรับกฤติเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ตามปกติเขาไม่ใช่คนบ้าพลังหรือชอบทำกิจกรรมอะไรอยู่แล้ว การที่จะรู้สึกเฉยเมยกับงานกลางแจ้งแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เลยด้วยซ้ำ




จะหนีไปนอนบนห้องก็ได้ แต่กฤติรู้สึกว่ามันน่าเกลียด เขาเป็นถึงหัวหน้าแผนก จะปล่อยให้คนอื่นอยู่ตรงนี้กันแล้วตัวเองหลบแดดสบายอยู่บนห้องคนเดียวก็กระไรอยู่ ชายหนุ่มเลยเลือกที่จะเอาตัวเองลงมานั่งเฝ้าคนอื่นเขาเล่นกัน พร้อมทั้งเปลี่ยนบรรยากาศไปด้วยเลย




“คุณ ไม่ไปเล่นเหรอ?”




เสียงเรียกไม่ไกลนักทำให้กฤติหันไปมอง เขาเห็นนรินทร์ ลูกน้องแผนกคนกากกำลังยืนอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วน คล้ายๆ กันกับของซุกซนเมื่อครู่ อาจจะต่างไปตรงที่นรินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับลูกสาวตัวเล็กๆ ที่ยังจับมือคุณพ่อไม่ห่างด้วย




“ไม่ล่ะครับ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” กฤติตอบไปตามความจริง แล้วหันไปทางเด็กหญิงแทน “น้องนิ้งจะไปเล่นกับคุณพ่อด้วยเหรอครับ?”



“ใช่ค่ะ” เด็กหญิงรับคำอย่างหนักแน่น ตอนนี้เด็กน้อยเองก็อยู่ในชุดคล้ายกับคุณพ่อของเธอในสีสันที่สดใสกว่า “ถ้าปล่อยคุณพ่อไปคนเดียว เดี๋ยวคุณพ่อเหงาค่ะ”




หรือบางทีคุณพ่ออาจจะไม่ระวังจนเจ็บตัวด้วย เธอเลยต้องคอยดูแลคุณพ่อเอาไว้ … เด็กหญิงคิดในใจแต่ว่าไม่ได้พูดออกไป


คำตอบแสนฉลาดของเด็กน้อยทำให้กฤติยิ้มออกมาอีกครั้ง ไม่ได้สนใจพ่อของเด็กน้อยที่มองตัวเองอยู่ นรินทร์จะทำอะไรก็ทำไป ตอนนี้น้องนิ้งน่ารักกว่าตัวพ่อตั้งเยอะแยะ




“เล่นให้สนุกนะครับ เดี๋ยวอากฤตินั่งรอตรงนี้”

“โอเคค่า”




.

.

.




ทั้งที่พูดไปแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้ว กฤติก็เอาตัวเองมายืนอยู่บริเวณชายหาดเทียมของสวนน้ำอยู่ดี




คิดไปแล้วก็แปลก ตอนแรกเขาแค่ต้องการจะนั่งๆ นอนๆ รอเวลาไม่ให้น่าเกลียดมากเฉยๆ แต่สุดท้ายแล้วตัวเองก็อดเข้ามาดูแลน้องนิ้ง แทนคุณนรินทร์ที่ถูกให้เป็นหัวหน้าทีมกิจกรรมในน้ำ นั่นก็คือการวิ่งหยิบธง (ไม่รู้จ้างออแกไนซ์เซอร์บริษัทไหนมา) แล้วก็ยังต้องพาลูกเล่นน้ำ กฤติเลยคิดว่าเขาดูแลน้องนิ้งให้น่าจะง่ายกับนรินทร์มากกว่า




ทั้งที่กฤติแค่ทำอะไรตามปกติ ไม่ได้แสดงความพิเศษอะไรต่อนรินทร์ แต่รอยยิ้มกับคำพูดขอบคุณจากใจจริงของอีกคนนั้นทำเอาหัวหน้าแผนกคนเก่งนิ่งไปเพราะรู้สึกตาพร่า




นรินทร์ควรหล่อน้อยลงกว่านี้หน่อย


กฤติคิด แต่ไม่ได้พูดออกไปให้อีกคนยิ้มกว้างไปมากกว่านี้




“หิวหรือยังครับ?”




กฤติถามเด็กที่วิ่งเข้ามาหาอย่างร่าเริง เมื่อกี้เจ้าตัวเล็กวิ่งลงไปเล่นน้ำอยู่คนเดียวในสระเด็ก โดยมีกฤติยืนดูอยู่ใกล้ๆ จนเหนื่อยนั่นแหละถึงได้ขึ้นมาหาเขา




“ยังเลยค่ะ” นิ้งส่ายหัวไปมาประกอบคำพูดตัวเอง เด็กหญิงเดินมาหยิบผ้า แล้วเช็ดตัวเองให้แห้ง ก่อนที่จะเดินมาใกล้ๆ เขา 

“แล้วทำไมขึ้นมาเร็วจังครับ? หนูเพิ่งจะลงไปไม่นานเองนะ”

“หนูไม่อยากให้อากฤติรอนานค่ะ เดี๋ยวอากฤติเหงา”




เป็นอีกครั้งที่กฤติรู้สึกว่าเด็กคนนี้เติบโตมาอย่างดี เขาไม่รู้ว่าครอบครัวนี้เลี้ยงลูกมาอย่างไร สำหรับเขาอายุเท่านี้แต่สนใจคนรอบข้าง สำหรับกฤตินั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยด้วยซ้ำ




“งั้นไปกินไอติมกันเถอะครับ เล่นมานานแล้ว ไปเติมพลังก่อนเนอะ”




กฤติพาเด็กหญิงไปยืนเลือกของทานเล่นที่บูธขายขนมใกล้ๆ เด็กหญิงใช้เวลาไม่นานก็ได้ไอศกรีมรสช็อกโกแลตของตัวเองมา ส่วนกฤตินั้นยังคงยืนมองไอศกรีมในนั้นอย่างชั่งใจ




“อากฤติยังเลือกไม่ได้เหรอคะ? ให้หนูช่วยเลือกมั้ยคะ?”




เด็กหญิงเงยหน้าถามผู้ใหญ่ที่ยังคงจูงมือเธออยู่ นิ้งเห็นว่าเพื่อนร่วมงานคุณพ่อคนนี้ยืนขมวดคิ้วทำหน้าตาจริงจังอยู่หน้าตู้นานแล้ว แต่ยังเลือกไม่ได้เสียที อาจจะเพราะไม่รู้ว่ารสอะไรอร่อย เดี๋ยวนิ้งที่ชอบกินไอศกรีมมากๆ จะช่วยแนะนำให้นะ นิ้งเลือกขนมให้เพื่อนเก่งมากๆ ฝนเพื่อนสนิทยังบอกว่านิ้งเก่งเลย!




“อ่า …” กฤติมีท่าทีลังเลเล็กน้อย “คุณพ่อน้องนิ้งชอบทานรสอะไรครับ?”

“คุณพ่อเหรอคะ?” เด็กหญิงคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบออกมาตามที่ตัวเองสังเกตมาตลอด “คุณพ่อชอบรสสตอเบอรี่ค่ะ”




กฤติกะพริบตาเล็กน้อยกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ ในหัวคิดไปถึงภาพนายนรินทร์ที่ทำตัวกามๆ กำลังกินไอศกรีมสีชมพูแล้วมัน….




เอาเถอะ




“น้ำเปล่าสองขวด กับไอศกรีมสตอเบอร์รีถ้วยหนึ่งครับ” ชายหนุ่มสั่งพนักงานขายที่รับคำอย่างขยันขันแข็ง ลูกสาวของนรินทร์มองตาม ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา

“อากฤติชอบกินเหมือนคุณพ่อเหรอคะ?”

“ไม่หรอกครับ” กฤติตอบเด็กสาวสบายๆ “อาซื้อเผื่อพ่อของหนูน่ะ ไปเล่นน้ำน่าจะเหนื่อย”

“อ๋อ โอเคค่ะ” เด็กหญิงรับคำสั้นๆ ก่อนที่จะคิดอะไรนิดหน่อยกับตัวเอง แล้วถึงพูดออกมาอีกครั้ง “อากฤติสนิทกับคุณพ่อมากๆ เลยเหรอคะ?”



เป็นคู่นอนด้วยเหตุผลปัญญาอ่อน นี่เรียกสนิทมั้ยนะ?

 

กฤติคิด ทว่าก่อนที่จะตอบอะไรออกไปนั้น น้องนิ้งก็พูดต่อ




“ตอนที่คุณพ่ออยู่กับอากฤติ คุณพ่อดูมีความสุขมากๆ เลยค่ะ นิ้งไม่ได้เห็นพ่อที่ยิ้มเหมือนตอนที่อยู่กับอากฤติมานานแล้วค่ะ”




หลังจากสิ้นคำพูดของเด็กน้อย กฤติที่เพิ่งจะเอื้อมมือไปรับเงินทอนจากพนักงานก็นิ่งไป ซึ่งน้องนิ้งเองก็เงียบลงเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มประมวลคำพูดเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งยิ้มบางๆ ให้เด็กหญิง มันเป็นรอยยิ้มเอ็นดูเหมือนกับทุกครั้งที่เขามองเธอ




“คุณพ่อหนูเขาเครียดเรื่องงานน่ะครับ อยู่กับอาเขาไม่ต้องคิดอะไรเยอะล่ะมั้ง”




เพราะมันมัวแต่ทำตัวไร้สมอง … กฤติได้แต่คิดในใจ




“แต่หนูว่า คุณพ่อคิดเรื่องคุณแม่ค่ะ”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ?”




กฤติถามต่อ พวกเขาเดินจนมาถึงเก้าอี้ตัวเดิมที่นั่งกันอยู่ตั้งแต่ตอนแรก ข้าวของที่ระเกะระกะของซุกซนกับนรินทร์ถูกกฤติจัดวางให้เป็นระเบียบด้วยความรำคาญลูกตา เด็กน้อยจะได้มีที่นั่งได้และไม่เอาความซกมกแบบนั้นเป็นเยี่ยงอย่าง




“ก็คุณพ่อกับคุณแม่เขาไม่รักกันแล้วนี่คะ”




รอบนี้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเงียบ มองเด็กหญิงที่พูดเรื่องครอบครัวด้วยน้ำเสียงธรรมดาเหมือนกับตอนที่บอกเขาว่าตัวเองชอบทานไอศกรีมรสช็อกโกแลต




“อันนี้ที่บ้านหนูคุยกันเหรอครับ?”

“ค่ะ” น้องนิ้งตักไอศกรีมเข้าปากคำเล็กๆ เพื่อไม่ให้มันเลอะเทอะแบบเวลาคุณพ่อกิน “คุณพ่อกับคุณแม่เคยบอกนิ้งเอาไว้ว่าตอนนี้ไม่สนิทกันเหมือนเดิมแล้ว รักนิ้งแต่ไม่รักกันแล้ว แบบนี้น่ะค่ะ”

“...”

“แรกๆ หนูก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่คุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าตอนนี้พวกเขารักหนู แต่ว่าไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ เพราะไม่รักกันแล้ว นิ้งเลยอยู่กับคุณพ่อบ้าง คุณแม่บ้าง ไม่ให้มีใครเหงาค่ะ”




กฤติพยักหน้ารับรู้เงียบๆ ปล่อยให้เด็กน้อยพูดต่อไป




“แต่คุณแม่มีอาเอิร์ธแล้ว คุณแม่คงไม่เหงามากเท่าไหร่ เหลือแต่คุณพ่อค่ะ นิ้งไม่อยากให้คุณพ่อเหงานิ้งเลยมาเล่นกับคุณพ่อบ่อยๆ… อ๊ะ ขอบคุณมากค่ะอากฤติ”




เด็กหญิงพูดแล้วยกมือขึ้นมาไหว้ขอบคุณคนที่หยิบทิชชู่มาให้ เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงพูดไปปมองซ้ายมองขวาไปมาเหมือนกำลังหากระดาษทิชชู่อยู่ ส่วนอาเอิร์ธที่น้องนิ้งพูดถึงนั้น กฤติคาดว่าน่าจะเป็นแฟนใหม่ของแม่เด็กสาว




“แต่มีช่วงหลังนี่แหละค่ะ ที่คุณพ่อพูดถึงเพื่อนที่ไปอยู่ด้วยบ่อยๆ ตอนพูดคุณพ่อจะยิ้มๆ แบบเมื่อกี้เลย ที่ยิ้มตอนที่อากฤติอยู่น่ะค่ะ”




มาถึงตอนนี้ กฤติไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบลูกสาวของนรินร์ว่าอะไรดี ชายหนุ่มพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติ ถึงแม้ในหัวจะมีแต่คำว่า ‘นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรของนายนรินทร์อีก!’




“ไม่ใช่หรอกครับ” กฤติพูดออกมาในที่สุด หลังจากขจัดเรื่องไร้สาระออกจากสมองได้มากพอที่จะรวบรวมคำพูดออกมาเป็นประโยคได้



“อาว่าคุณพ่อของหนูเขาเข้มแข็งขึ้นต่างหาก”




เด็กหญิงที่กำลังจะตักไอศกรีมขึ้นมาทานต่อชะงักค้าง ดวงตากลมโตฉายแววสงสัยอย่างไม่ปิดบัง เพื่อนคุณพ่อนั้นยังคงไม่แสดงสีหน้าอะไรมากกว่าเดิม ตอนที่พูดประโยคถัดมา




“ตอนแรกคุณพ่อของหนูเขาอาจจะยังตั้งตัวไม่ได้เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณพ่อเขาเลยเครียดๆ ไปบ้าง แต่พอเวลาผ่านไป คุณพ่อของหนูเขากลับมายิ้มกว้างแบบเดิมได้ เพราะว่าเขารักหนูไงครับน้องนิ้ง”


“...”


“อาเชื่อว่าสำหรับคุณพ่อของหนูน่ะ เขารักหนูมากจริงๆ นะครับ”


“...”


สิ้นเสียงนั้น เด็กหญิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เช่นเดียวกับหัวหน้าแผนกเซลล์ ที่เปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กอีเมลงานอย่างที่เคยทำเป็นประจำ เวลาผ่านไปร่วมสิบนาที ก่อนที่เด็กหญิงจะเป็นฝ่ายพูดออกมาอีกครั้ง


“อากฤติคะ”

“ครับ?”




กฤติรับคำทั้งที่มือยังคงพิมพ์ตอบเมลจาก subsidiaries ของแผนกเซลล์ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกทั้งทีม ถึงเรื่องการประชุม VDO conferences ประจำปีที่เขาจะต้องเข้าร่วม




“อากฤติรักคุณพ่อเหรอคะ?”

“ครับ????”





ชายหนุ่มแทบจะรูดแป้นพิมพ์ตอบอีเมลไปด้วยความตกใจ  แต่โชคดีที่เขายังมีสติมากพอที่จะ save เป็น draft เก็บไว้ ก่อนที่จะหันไปทางเด็กหญิงที่ตอนนี้ไอศกรีมหมดไปครึ่งถ้วยแล้ว แต่ยังคงนั่งมองเขาตาแป๋ว





“ก็อากฤติพูดเหมือนกับว่าเข้าใจคุณพ่อมากๆ หนูไม่เคยเห็นเพื่อนของคุณพ่อคนไหนพูดแบบนี้เลยน่ะค่ะ มันทำให้หนูนึกถึงคุณแม่ตอนที่คุณแม่ยังรักกับคุณพ่อน่ะค่ะ”



“...”

“อากฤติรักคุณพ่อเหรอคะ?”



“มะ...”





RRrrrr





ยังไม่ทันที่กฤติจะได้ตอบอะไรออกไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน เขาเลยขอตัวออกมานั่งคุยโทรศัพท์แทน ซึ่งลูกสาวนรินทร์ก็เป็นเด็กดีพอที่จะเข้าใจว่าเขากำลังคุยงานอยู่ เลยนั่งทานไอศกรีมที่เหลือเงียบๆ ไปคนเดียวโดยที่ไม่ได้มาพูดกวนอะไรอีก




โชคดีที่มันเป็นแค่งานด่วนสายสั้นๆ (การเป็นเมเนเจอร์ทำให้กฤติชินชากับการต้องรับโทรศัพท์ทุกที ทุกเวลาไปแล้ว) เมื่อคุยเสร็จ ไอศกรีมสตอเบอรี่ที่เขาตั้งใจซื้อมาให้อีกคนก็ละลายพอดี ชายหนุ่มเลยบอกกับเด็กน้อยว่าเขาจะไปปซื้อขนมมาเพิ่ม เผื่อว่าคุณพ่อของเธอมาแล้วหิว จะได้มีอะไรไว้กิน ซึ่งน้องนิ้งเองก็ขอไปด้วยเผื่อมีอะไรจะทานเพิ่ม




ถึงแม้ว่ากฤติจะไม่ได้ตอบออกมาชัดเจนว่ารักพ่อของเธอเหมือนกับที่แม่ของเธอเคยรักหรือไม่ แต่นิ้งไม่เครียดอะไร สำหรับเด็กน้อยนั้น การที่เป็นแบบนี้เธอรู้สึกว่าเธอสนิทใจกับกฤติมากขึ้นไปอีกขั้น




มันเหมือนพวกเขาทั้งสองคนมีจุดร่วมเดียวกัน นั่นก็คือนรินทร์ นิ้งไม่แน่ใจว่าอันนี้เรียกว่าคุณพ่อกับอากฤติสนิทกันหรือรักกัน แต่นิ้งว่าอากฤติไม่ใช่คนไม่ดีหรอกมั้ง?




เพียงไม่ถึงสิบนาที ทั้งกฤติและน้องนิ้งก็กลับมานั่งที่เดิมด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไปจากครั้งแรก กฤติมองเด็กหญิงที่กินขนมหวานอย่างเอร็ดอร่อย (รอบนี้เป็นน้ำแข็งไส) ในขณะที่ตัวเองไม่ได้แตะต้องไอศกรีม เฟรนช์ฟราย กับน้ำขวดที่ซื้อมา




เพราะอะไรน่ะเหรอ?




“โอ้ย หิวมากเลย”



กฤติยื่นขนมใส่หน้าคนที่เดินมาจากไหนไม่รู้ มาทรุดตัวนั่งข้างๆ ด้วยใบหน้าที่เปียกน้ำจนกฤติต้องโยนผ้าขนหนูใส่หน้าให้เจ้าตัวเช็ด ก่อนที่มันจะมาเปียกใส่เขา




“คุณพ่อทำไมเลอะเทอะแบบนี้คะ?”




น้องนิ้งที่ตอนนี้เขยิบหนีพ่อตัวเองพูดขึ้นมา ตอนที่นิ้งขึ้นมาจากน้ำ เด็กหญิงรอให้ตัวเองแห้งเล็กน้อยก่อนที่จะไปหาอากฤติ แล้วคุณพ่อเป็นใคร ทำไมถึงได้ไร้ความละเอียดอ่อนขนาดนี้




“นิดเดียวน่าครับ อากฤติไม่ว่าพ่อหรอก เนอะ”




กฤติปรายตามองคุณพ่อลูกหนึ่งด้วยหางตา ซึ่งนรินทร์เลือกที่จะมองข้ามการแสดงความรักนั้นไป




“อากฤติกับน้องนิ้งไมไปเล่นด้วยกันเหรอคะ?” นรินทร์เปลี่ยนเรื่อง รอยยิ้มกว้างเหมือนสิงโตตัวใหญ่ที่เพิ่งขึ้นมาจากการเล่นน้ำฝนยังคงอยู่บนหน้า “ตรงนั้นมีสไลเดอร์สูงมากเลยนะ น้องนิ้งน่าจะชอบ”

“ไม่เอาหรอกค่ะ หนูเล่นพอแล้ว”

“เอางั้นเหรอคะ?”

“เอาแบบนั้นแหละค่ะ” น้องนิ้งพูดต่ออย่างฉะฉาน แบบที่กฤติถึงกับแอบยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ “ถ้าคุณพ่อยังเล่นน้ำไม่พอคุณพ่อไปเล่นต่อก็ได้นะคะ เดี๋ยวหนูจะนั่งเป็นเพื่อนอากฤติเอง”

“งั้นคุณพ่อขอตัวอากฤติไปกับคุณพ่อได้มั้ยคะ?”




เดี๋ยว?




กฤติถึงกับหันไปมองคนพูดอีกครั้ง อะไร? จะเอาเขาไปไหน?




“กิจกรรมต่อไปพ่ออยากได้กำลังใจจากอากฤติจังเลยค่ะ คุณพ่อขอยืมอากฤติก่อนนะคะ”

“ทำไมคุณพ่อทำอะไรคนเดียวไม่ได้คะ? เอาอากฤติไปทำไม หนูจะอยู่กับอากฤติ”




ตอนนี้ชายหนุ่มที่ใส่แว่นกำลังไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในสงครามพ่อลูกได้อย่างไร แต่ท่าทางเหมือนทั้งตัวพ่อและคนลูกจะไม่ยอมให้เขาไปที่อื่นเพราะอะไรบางอย่าง ที่กฤติเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม อะไร เอาตามจริง นี่มันอะไร




“คุณพ่อยืมอากฤติแป๊บเดียวเอง ไม่ได้เหรอคะ?”

“ไม่ได้ค่ะ หนูจะอยู่กับอากฤติ หนูชอบอากฤติ”




กฤติหันไปมองเด็กน้อยที่ตอนนี้ส่งยิ้มกว้างให้เขาอย่างเอ็นดู ถึงแม้รอยยิ้มนั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนกับนายนรินทร์เวอร์ชันผู้หญิงที่น่ารักกว่ามากก็ตามที




เมื่อรู้สึกว่าอีกคนน่ารัก กฤติก็ลูบหัวเด็กหญิงเบาๆ ทันที ทั้งที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่เขารู้สึกชอบน้องนิ้งมาก เป็นเด็กฉลาดและพูดจาฉะฉาน แถมยังไม่ร้องไห้สักแอะ



“หนูเอาอากฤติไปคนเดียวไม่ได้นะคะ”




ยัง ตัวพ่อมันยังไม่จบ กฤติหันไปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่คนที่ตอนนี้เริ่มตัวแห้ง เลยเอาตัวเองมานั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างน่ารำคาญ




มือของชายหนุ่มเอามาเกลี่ยปอยผมของเขามันน่ารำคาญจนอยากจะปัดออก แต่เมื่อหันไปมองหน้าคุณพ่อลูกหนึ่งแล้ว รอยยิ้มบางๆ กับสายตาอบอุ่นที่มองตรงมาทำให้เขาทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ กฤติรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองถูกตรึงไว้กับเก้าอี้ เหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้ มีเพียงแค่รอยยิ้มกับสายตาของนรินทร์เท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเขา




“เพราะว่าคุณพ่อน่ะ”




ถึงแม้จะพูดกับลูก แต่นรินทร์นั้น มองตรงไปในตาของกฤติเท่านั้น คล้ายกับว่าเขาต้องการจะให้กฤติได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน






“โคตรชอบอากฤติเลยค่ะ”

“...”



“คุณพ่อชอบอากฤติมากๆ ชอบอากฤติยิ่งกว่าที่เคยชอบใครมาเลยค่ะ” 





------- TBC ------
-



นั่นแหละค่ะทุกคน

คุณพ่อเขาก็ชอบอากฤติค่ะ นั่นเลยค่ะ 5555555

หลีกทางหน่อยค่ะ พระเอกจะเดิน XD


ตอนแรกคิดว่าจะค้างนานกว่านี้ แต่พอดีปั่นทันเลยเอามาลงก่อน

ถ้าเจอคำผิด หรือประโยคที่ดูอิหยังวะ(?) สามารถแจ้งเราทุกช่องทางเลยนะคะ


Enjoy Reading นะคะ <333

#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2019 22:39:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pan19891990 ที่ 18-01-2019 23:08:19
เพิ่งมาเจอนิยายเรื่องนี้ อยากบอกว่าชอบมากๆเลยค่ะ เวลานายนรินทร์กับคุณหัวหน้าเขาเล่นกันนี่ดีต่อใจเหลือเกิน หลงรักความใจแข็งปากแข็งของคุณหัวหน้ามากๆ แถมตอนล่าสุดก็ทำให้แอบเอ็นดูน้องนิ้งอีกคน ส่วนนายนรินทร์นั้นเราจะไม่ขอพูดถึงความหลงเพื่อนเล่นของเขาที่ออกนอกหน้านอกตาเหลือเกิน ถึงจะเป็นพระเอกในแบบที่ชอบแค่ไหนแต่ความหมั่นไส้นั้นมีมากกว่าค่ะ 5555
ชอบที่คุณคนเขียนถ่ายทอดคาแรคเตอร์ของตัวละครออกมาได้ชัดเจน ภาษาก็ดีมากๆเลยค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :)
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-01-2019 23:17:52
ได้ค่าคุณพ่อ ตามสะดวกเลยค่าาาา 55555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-01-2019 23:18:34
คุณอากฤติ ยังมีสติ อยู่นะค๊า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nisaday ที่ 19-01-2019 00:10:53
นุ้งนิ้งสื่อรัก คิวปิดตัวน้อย เอ็นดูน้อง
ทำไมลูกน้องคุณกฤติรุกหนัก หว่านเสน่ห์เรี่ยราดแบบนี้น้าาา
คุณกฤติจะต้านไหวอักกี่ตอนนนน
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 19-01-2019 01:01:10
เป็นพ่อมหาภัย เป็นคนกาก เป็นคนกาม เป็นคนไร้สาระของคุณกฤติ แล้วยังเป็นคนไม่ละเอียดอ่อนของน้องนิ้งไปอี๊ก 5555555 แต่ตอนนี้ เพิ่มเป็นคนหล่อที่ชอบอากฤติมากๆมาด้วยแล้วนะคะ อิอิ ชุ่มช่ำใจจจ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 19-01-2019 01:14:47
หวีดดดดดดดแรกคือ น้ำผึ้งราดนม....

หวีดดดดดดดสองคือ คุณพ่อชอบอากฤติ

แว๊กกกกกกกกกกกกก คุณนรินทร์นิ้วกลาง คือที่สุดค่ะ นับถือจริงๆ   o13
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-01-2019 02:56:53
น้องนิ้งเก่มาก เป็นเด็กฉลาด สอบได้ที่หนึ่งแน่นอนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-01-2019 03:39:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 19-01-2019 07:11:41
แล้วอากฤติรักคุณพ่อไหมคะ สรุปแล้ว 5555 น้องนิ้งเป็นเด็กดีจัง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 19-01-2019 10:14:33
คุณกฤตคะ เขินบ้างมั้ยคะะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-01-2019 16:55:27
น้องนิ้งน่ารัก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 19-01-2019 17:19:28
ถ้าพ่อโน้ตจะตรงขนาดนี้ก็ยกคุณกฤติให้ก็ได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-01-2019 17:42:04
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pthassa ที่ 19-01-2019 17:50:59
สงสารคุณเขานะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-01-2019 21:27:25
เพิ่งมาเจอนิยายเรื่องนี้ อยากบอกว่าชอบมากๆเลยค่ะ เวลานายนรินทร์กับคุณหัวหน้าเขาเล่นกันนี่ดีต่อใจเหลือเกิน หลงรักความใจแข็งปากแข็งของคุณหัวหน้ามากๆ แถมตอนล่าสุดก็ทำให้แอบเอ็นดูน้องนิ้งอีกคน ส่วนนายนรินทร์นั้นเราจะไม่ขอพูดถึงความหลงเพื่อนเล่นของเขาที่ออกนอกหน้านอกตาเหลือเกิน ถึงจะเป็นพระเอกในแบบที่ชอบแค่ไหนแต่ความหมั่นไส้นั้นมีมากกว่าค่ะ 5555
ชอบที่คุณคนเขียนถ่ายทอดคาแรคเตอร์ของตัวละครออกมาได้ชัดเจน ภาษาก็ดีมากๆเลยค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :)

เห็นด้วย......มากๆค่ะ   :mew1: :mew1: :mew1:

กฤติ เริ่มใจอ่อนกับความขี้เล่น ความปากไว ความวุ่นวาย
ความหื่นที่ไม่เก็บกั๊ก ความหน้าหนา หน้าด้าน
เอ่อ.....ทุกความ....ทุกตัวตนของนรินทร์ที่แสดงออกมากับกฤติ   :z3: :z3: :z3:
แถมลูกสาวของนรินทร์ น้องนิ้งยังมาทำให้ใจกฤติละลาย
จนยิ้มออกมาจากใจ ที่ทำให้นรินทร์ยิ่งเคลิ้ม
จนหลุดปากสารภาพรักกฤติออกมาเลย
“คุณพ่อชอบอากฤติมากๆ ชอบอากฤติยิ่งกว่าที่เคยชอบใครมาเลยค่ะ”

นรินทร์  กฤติ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 19-01-2019 23:26:25
น้องนิ้งหนูน่ารักมากกกกกลูก

ส่วนคนพ่อก็ขยันให้คนฟอร์มเยอะเค้าเขินจริงฟ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 19-01-2019 23:35:49
อรุ่มม นรินทร์ นิ้วกลาง นายแน่มาก คุณกฤตเป็นยังไงบ้างคะ โดนหนูนิ้งล่อซื้อไปแล้ว โดนคนพ่อแอทแทคอีก ยังไหวอยู่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 20-01-2019 10:23:16
 :hao7: ง้อวววว น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pradoza ที่ 21-01-2019 00:01:47
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 22-01-2019 17:37:55
ชอบเวลาคุณกฤติกับน้องนิ้งอยู่ด้วยกัน น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 23-01-2019 01:07:41
………


โอ้ยยยย น้องหนูน่ารักอ่ะ ฉลาด ใส่ใจ มารยาทดี. นี่ลูกสาวนรินทร์แน่นะ 555

รู้ไปหมด คิด วิเคราะห์ จากคำพูด  สีหน้า และอารมณ์ 

แล้วอากฤติก้อถูกรักจากทั้งพ่อและลูก

ลงหลักปักฐานอย่างที่เมฆว่าก้อดีเหมือนกันนะ  เชื่อดิ

 :mew1:  :mew1:  :mew3:  :mew3:  :katai2-1:  :katai2-1:


……
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 23-01-2019 05:34:25
น้องนิ้งน่ารักแอบทำคะแนนให้พ่อด้วย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 23-01-2019 11:06:04
น้องนิ้งเป็นเด็กน่ารักมากๆ น่าเอ้็นดูจริงๆค่ะ
ว่าแล้วก็อยากเห็นภาพอากฤติยิ้นหวานให้กับน้องจนพ่ออิจฉาเนอะ 555

ตอนนี้ก็เริ่มมีการเปิดใจบ้างละ อากฤติโดนสารภาพแบบนี้จะยอมมั้ย
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 24-01-2019 09:05:03
นุ้งนิ้งน่ารักมากเลยค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 25-01-2019 21:20:24
 :sad4: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 25-01-2019 22:22:28
น้องนิ้ง ทำดีมากลูก
แบบนี้เรียกจีบหรือเปล่าอ่ะแถวบ้านเราเรียกว่าจีบนะ ตอนอ่านประโยคสุดท้าย ทุบโต๊ะหนักมากเขินไม่ไหวแล้ว ถ้าคุณกฤตไม่เขิน เราจะเขินแทนแล้วนะ
ทำดีมากค่ะชัดเจนเข้าไว้ เราอ่านตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 27-01-2019 13:10:32
น้องนิ้งงงง น่ารัก
อยากให้อยู่ด้วยกันสามคนแบบนี้
แต่ก็ติดปัญหาอยู่ที่แม่ของเด็ก
โน๊ตจะจัดการปัญหานี้ยังไง
ชอบคุณกฤติมากๆ ค่ะ ส่วนนังโน๊ต เฮอะ  :m20:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 29-01-2019 09:05:29
กรี๊ดดดดดดดด คุณโน๊ตทำเขินมากกก น้องนิ้งน่ารักมากกก น่าเอ็นดูจังลูกเอ้ย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-01-2019 19:30:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-01-2019 22:28:38
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 30-01-2019 22:51:05
ทันแล้วๆ...ชอบๆความมั่นของพี่โน้ต ความนิ่งของคุณกฤติ และความแบ๊วของน้องนิ้ง...รอติดตามอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 31-01-2019 22:13:04
10th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์

 





หากถามถึงเอ้าท์ติ้งที่ผ่านมา กฤติจะตอบว่ามีแต่เรื่องไร้สาระ



 

เรื่องแรกคือมีคนต่อยกัน คู่กรณีคือลูกน้องในแผนกเขา กับหัวหน้าของอีกแผนก โดยที่กฤติต้องเป็นกรรมการแยกมวย นอกจากนั้น กฤติยังค้นพบว่าลูกสาวของไอ้คนที่ไปต่อยชาวบ้านนั้นน่ารักกว่าตัวพ่อ และได้สนิทกันอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ค่อนข้างมีสาระหากตัดนายนรินทร์ที่พยายามจะคุยกับเขาและน้องนิ้งออกไป





ส่วนเรื่องที่ไร้สาระที่สุดน่ะหรือ?



คนที่มาวอแวเขาอยู่ตรงนี้ไงล่ะ!





ตั้งแต่กลับจากการไปเอ้าท์ติ้งมานั้น นรินทร์ก็ทำตัวติดกับเขาจนบางครั้งกฤติรู้สึกว่าตัวเองมีเงาเป็นคนคอยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนลายเห่ยๆ ให้ แถมยังวุ่นวายวอแวเรื่องจะแพ้ชนะอะไรนั่นจนบางครั้งกฤติก็อยากจะยอมๆ มันไปจะได้เลิกยุ่งกับเขาเสียที แต่เคยลองแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาค้นพบว่าเปลืองตัวมากจนรู้สึกว่าไม่คุ้มเสีย





อีกประเด็นนั้น หนีไม่พ้นแผนก HR





การประลองฝีมือของหมาบ้าทั้งสองคนนั้น HR รู้เรื่องและเรียกไปตักเตือนกันทั้งคู่ โดยมีกฤติไปนั่งเป็นพยานในฐานะหัวหน้าในช่วงของการตักเตือนนรินทร์ โชคดีที่เป็นเพียงความผิดครั้งแรก ทั้งคู่เลยได้รับเพียงแค่ การตักเตือนทางวาจา (Verbal Warning) เท่านั้น





แน่นอนว่าคนที่ชงเรื่องไปทาง HR ก็คือกฤติ ชายหนุ่มผู้เถรตรงดั่งไม้บรรทัด ไม่สนใจว่าคนที่ผิดจะเป็นลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงานตำแหน่งใหญ่ สำหรับกฤตินั้น ทุกเรื่องว่าไปตามเนื้อผ้าทั้งสิ้น





อีกอย่าง กับนรินทร์เขาก็ทำแผลให้แล้ว จะให้ช่วยปกปิดความผิดอีกงั้นหรือ? เขาไม่ด่าซ้ำก็ดีเท่าไหร่แล้ว





ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงแล้วหัวหน้าแผนกก็ไม่ได้เด็ดเดี่ยวมากอย่างที่ตัวเองเข้าใจ แค่เพียงนรินทร์ทำหน้าหงอยตอนที่โดนตักเตือน ซึ่งคล้ายกับสิงโตที่โดนขังอยู่ในถ้ำเป็นเดือนๆแล้วนั้น ชายหนุ่มก็ใจอ่อนอีกเช่นเคย





แต่ เรื่องดีก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น หลังจากที่โดน HR ตักเตือนไปนั้น ตัวภูภูมิเองก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับกฤติและนรินทร์อีก มีเพียงแค่ชื่อที่คนในแผนกคุยกันเท่านั้น





บางทีเหตุผลหลักอาจจะไม่ใช่เรื่อง HR แต่เพราะแผนกการตลาดเข้าสู่ช่วงที่งานหล่นทับ เพียงแค่งานของแผนกตัวเองนั้นชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไรกันแน่





แต่แบบนี้ก็ดี กฤติจะได้ไม่ต้องตอบคำถามนรินทร์เรื่องของผู้ชายคนนั้นอีก





ช่วงชีวิตที่นายนรินทร์คอยวุ่นวายนั้น เขาไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น ชายผู้เหมือนสิงโตคนนั้นคอยแต่จะลากเขาไปไหนมาไหนอยู่เสมอ ซึ่งวันนี้เองก็เช่นเดียวกัน วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้ก้นติดเก้าอี้ออฟฟิศ หลังจากต้องคอยวิ่งวุ่นตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งจะมีวันนี้ที่กฤติได้หายใจอยู่ในออฟฟิศบ้าง





ช่วงเวลาพลบค่ำในออฟฟิศที่แทบจะร้างคนยังคงเป็นสถานที่โปรดของกฤติเหมือนดั่งเคย ความเงียบทำให้มีสมาธิในการทำงานมากกว่าปกติ เพราะคนส่วนใหญ่แทบจะเด้งตัวไปสแกนนิ้วออกทันทีที่หมดเวลางาน





แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่นั้น ไม่ได้รวมนายนรินทร์เข้าไปด้วย





คุณพ่อลูกหนึ่งที่วันนี้ไร้ภาระเนื่องจากลูกสาวอยู่บ้านคุณยาย จึงว่างมากพอที่จะมานั่งเสนอหน้ากวนประสาทเจ้านายของตัวเองอยู่แบบนี้





“เล่นเกมกัน”

“ไม่ครับ”

“ทำงานมากๆ หน้าแก่นะคุณ”

“ไม่ครับ”

“ไปกับผมนะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว”

“ผมรวยครับ”





กฤติพูดหน้านิ่งๆ เมินนรินทร์ที่พยายามจะทำลายสมาธิของเขาด้วยความไร้สาระอย่างที่คอยทำเป็นประจำ





เมื่อหัวหน้าหนุ่มเหลือบตาไปเห็น นรินทร์เดินเข้ามาด้วยใบหน้ากวนประสาทของเจ้าตัว  กฤติรู้วินาทีนั้นเลยว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องงานแน่ หากแต่จิตสำนึกข้างในของความเป็นหัวหน้า ยังคงหักห้ามไม่ให้เขาปิดประตูใส่พนักงานในปกครองอยู่ ถึงแม้จะรู้ว่านรินทร์ไร้ประโยชน์กับชีวิตก็ตาม





“ผมก็รวยนะคุณ เล่นหุ้นตั้งแต่อนุบาลสาม ฝากประจำตั้งแต่ปอหก”

“เรื่องของคุณครับ”

“ตอนนี้ไปฝากท้องด้วยกันเถอะนะ”

“ปัญญาอ่อนครับ”





 ทั้งที่กฤติว่าไปแบบนั้น แต่นรินทร์ก็ยังคงเป็นนรินทร์อยู่วันยังค่ำ คุณพ่อลูกหนึ่งยิ้มรับ อีกทั้งยังคงนั่งเท้าคางมองหัวหน้าของตัวเองเหมือนเดิม ท่าทางที่พยายามจะทำงานหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่หูแดงไปหมดของกฤตินั้นไม่ว่าอย่างไรก็มองไม่เบื่อเสียจริง   





“ปัญญาอ่อนแต่น่ารักนะครับ”

“ใครเอาความคิดนี้มาใส่ในหัวคุณครับ?”

กฤติถามอีกคนกลับไปทันที ชายหนุ่มละสายตาจากจอตรงหน้า แล้วเบิกตามองนรินทร์ที่ยังนั่งเท้าคางยิ้มเหมือนเมากาวอยู่แทน

“คุณโดนหลอกแล้วล่ะ”

“มาเล่นเกมกันดีกว่า ถ้าผมชนะ คุณไปเดตกับผมนะ”





นรินทร์เมินคำพูดสุดท้ายของหัวหน้า ชายหนุ่ม เปลี่ยนเป็นประเด็นเด็กน้อยจนไม่รู้ว่าระหว่างน้องนิ้งกับนรินทร์ ใครอายุมากกว่ากันแน่





“ไม่เล่นครับ”

“อันนี้นะครับ ผมเพิ่งโหลดมาเล่นกับลูก เรามาลองดูกัน”





ฟังคนอื่นเขาบ้างไหม?





กฤติได้แต่คิดในใจเมื่อถลึงตาใส่คนที่เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเล่นเกมไม่ได้ผล อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ นรินทร์ไม่เคยเกรงกลัวเขาเลยสักนิด จนบางทีกฤติเองก็อยากจะสะกิดบอกคุณพ่อที่โตแต่ตัวว่าเขาเป็นหัวหน้านะ ถึงแม้ว่าการทำแบบนั้นจะมีแนวโน้มสูงที่จะโดนโน้ตกวนประสาทกลับก็ตาม





“คุณนี่ชอบเล่นนะ ทุกวันนี้ยังเล่นไม่พออีกเหรอครับ?”





ชายหนุ่มที่ไม่ได้มีความอยากเล่นอะไรทั้งนั้นพูดหน้าตาย แน่นอนว่านรินทร์ทำหูทวนลม คุณพ่อลูกหนึ่งเปิดเกมสีสันสดใสในโทรศัพท์ขึ้นมา





กฤติละสายตาจากงานตรงหน้า มาเป็นนรินทร์ที่นั่งมองโทรศัพท์ยิ้มๆ ความคิดประหลาดอย่าง ‘ผู้ชายคนนี้โตแต่ตัวหรือไง?’ ลอยเข้ามาอย่างห้ามไม่ได้ ถึงแม้นรินทร์กับเกมเด็กน้อยจะดูเหมือนไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ประหลาดเท่าไหร่นัก





เกมที่เจ้าตัวเล่นอยู่คือเกมวิ่งของเด็กที่มีตัวการ์ตูนขาสั้นสีเหลืองวิ่งผ่านด่านต่างๆ โดยมีผู้เล่นเป็นคนบังคับ กฤติคิดว่ามันคงจะเป็นที่ชื่นชอบพอตัว แม้แต่คนที่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้อย่างเขายังเคยเห็นผ่านตามาบ้าง





“ผมจะจีบคุณนะ”

“ฮะ?”





คำพูดไม่มีปี่มีขลุ่ยกระชากกฤติให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นแบบนั้นหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจนัก อยากจะลองหยิกตัวเองเหมือนพวกนางเอกละครสมัยก่อน แต่นรินทร์ที่ก้มหน้าอยู่กับเกมในโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เสียก่อน





“ผมบอกจะจีบไงคุณ”





มันเป็นรอยยิ้มที่กวนประสาท ไร้สาระ แล้วก็ไม่น่าคุยด้วยมากที่สุด



กฤติเม้มปาก พยายามบังคับไม่ให้สมองกรอเทปประโยคเมื่อครู่วนไปวนมา เป็นเวลาหลายวินาทีกว่าเขาจะพูดตอบอีกคนกลับไปได้





“ถ้าป่วยก็ไปกด sick leave ในระบบนะครับ อย่าลืมแนบใบรับรองแพทย์มาด้วย”



ไม่ใช่มาทำให้คนอื่นหัวใจเต้นผิดจังหวะไปด้วยแบบนี้



“คุณไม่เคยป่วยอยู่บ้านเหรอ?”





โน้ตพูดตอบกลับมา คนตัวโตสบถเมื่อตายทั้งที่แทบจะไม่ได้ทำอะไร กฤติพยายามไม่กลอกตาเมื่อคนที่จะมาท้าแข่งเกมนี้กับเขาวิ่งไปได้ไม่กี่วินาทีก็ชนโน่นชนนี่จนแพ้ไปเกือบสิบครั้งในเวลาไม่กี่นาที





“เคยครับ”

กฤติพูดต่อ ไม่สนใจคนที่สบถด่าที่มีใจความว่า ‘ยากแบบนี้ทำมาให้พ่อมึงเล่นเหรอ เกินไปป้ะวะ ใครจะเล่นได้’ กับเกมที่เด็กประถมเล่น

“แต่ผมจะดูใบรับรองแพทย์คุณ ไม่มีให้ผมเหรอครับ?”

“ไม่มีใบรับรองแพทย์ มีแต่ทะเบียนสมรส”

“...”

“ต้องไปจดทะเบียนที่เขตกับผมแล้วแหละ”





คุณพ่อลูกหนึ่งเงยหน้าไปยักคิ้วให้อีกคน เขาปล่อยให้ตัวละครในเกมวิ่งไปตายอย่างไม่สนใจ วินาทีนี้สิ่งเดียวที่เขาอยากจะใส่ใจคือคนตรงหน้า อันที่จริง ต้องพูดว่าอยากจะกวนประสาทถึงจะถูก





 ความตั้งใจทำให้อีกคนหงุดหงิดนั้นได้ผล กฤติพยายามเก็บคำหยาบคายที่จะใช้ด่าอีกคนเอาไว้ในใจ เหลือเพียงแค่เสียงนิ่งๆ ที่พูดตอบกลับไปธรรมดาเหมือนเคย





“เอาใบมรณะบัตรด้วยเลยมั้ยครับ?”

“ไม่ใจร้ายสิคุณ… ฉิบหาย! ตายอีกแล้ว”





นรินทร์ที่เล่นเกมได้ได้ไม่เกินนาทีสะดุดอุปสรรคตายเหมือนกับที่เป็นมาแล้วสิบกว่ารอบ  คุณพ่อลูกหนึ่งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ตอนที่น้องนิ้งเล่นเกมนี้มันดูง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่พอเป็นเขาทำไมมันยากเหมือนตัดต้นกล้วยด้วยมือเปล่าขนาดนี้กันเล่า





พูดถึงน้องนิ้ง  เดี๋ยวสัปดาห์หน้าลูกสาวของเขาต้องไปนอนบ้านของแฟนใหม่เนตร ซึ่งนี่อาจจะเป็นเวลาที่ชายหนุ่มจะหาข้ออ้างไปฝากตัวเองไว้ที่ห้องของหัวหน้าเหมือนปกติเวลาที่บ้านไม่น่าอยู่อาศัยมากนัก





“นี่คุณเอาเกมที่ตัวเองแพ้มาท้าแข่งผมเหรอ?”

 



กฤติถามด้วยน้ำเสียงนิ่งที่แฝงความขบขันเอาไว้ ภายใต้ใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรนั้นกลับไม่เหมือนเดิม คนหน้านิ่งนั้นไม่ทันได้รู้ตัวว่าตอนนี้เขามีรอยยิ้มเล็กๆ อยู่ที่มุมปาก





“ไม่อ่ะ อันที่จริงผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย”





ตอนที่กฤติกำลังจะอ้าปากจิกกัดอีกคนทางวาจาอย่างที่ทำเป็นประจำ นรินทร์ดันพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน





“ผมแค่หาเกมโง่ๆ เพราะว่าอยากพาคุณไปที่ๆ ผมชอบด้วยกันเฉยๆ”





คล้ายกับเวลาหยุดนิ่งไปเสี้ยววินาที กฤติกะพริบตาอย่างไม่แน่ใจ เขาอยากจะคิดว่านรินทร์แค่พูดไปอย่างนั้นเหมือนที่เคยเป็น แต่น้ำเสียงเศร้าสร้อยคล้ายผิดหวังทำให้เขาไม่สามารถพูดตอบออกไปได้อย่างที่ใจคิด





กฤติมองดูอีกคนที่ทำหน้าหงอยผสมหงุดหงิดแล้วถอนหายใจ หัวหน้าแผนกเซลล์ดูนาฬิกา เมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังไม่ดึกมากเท่าไหร่ก็เดินไปเก็บกระเป๋า พลางพูดลอยๆ แต่อีกคน





“ผมเล่นเกมไม่เก่ง ยังไงก็ไม่ชนะหรอก จะพาไปไหนก็รีบไปเลยครับ ผมจะกลับไปทำงานต่อ”





ยอมนิดนึงก็ได้ เขาแค่ไม่อยากให้มีคนร้องไห้หรอกนะ






------- Sunday In Bed -------




ต่อข้างล่างนะคะ


หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : 9th Sunday: อากฤติชอบพ่อหนูเหรอคะ? (18/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 31-01-2019 22:15:25
ต่อจ้า

------- Sunday In Bed -------


ไม่น่ายอมมันเลยจริงๆ





กฤติคิดกับตัวเองเมื่อนรินทร์พาเขานั่งรถขับมาในถนนเส้นที่รถติดขนาดที่พูดชื่อไปใครๆ ก็เบ้หน้า มันทำให้กฤติหงุดหงิดกับการเสียเวลาโดยใช่เหตุ เขาควรที่จะนั่งทำงานหรือไม่ก็นอนอยู่บนเตียง ไม่ใช่มานั่งติดแห่งกอยู่บนถนนไม่ใช่หรือไงกัน?





คิดไปแบบนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์ ท้ายที่สุดแล้ว กฤติก็ต้องเป็นตุ๊กตาหน้ารถอีกคนมาจนถึงที่หมาย คนที่ใช้เวลาเกือบทั้งหมดบนรถก้มลงตอบอีเมลในโทรศัพท์มือถือเลิกคิ้วสงสัยทันทีเมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย พวกเขามาจอดรถกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง





สงสัยคงแค่พามาเดินเล่น แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจะขับรถมาตั้งไกลทำไม ในบริเวณถนนเส้นออฟฟิศพวกเขา มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ตั้งสองแห่ง





หัวหน้าหนุ่มเก็บความสงสัยไว้กับตัวเอง เขายอมลงรถแล้วเดินตามอีกคนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเดินออกมานอกอาคาร แต่คุณพ่อลูกหนึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินแต่อย่างใด จนกฤติกำลังจะเอ่ยปากถาม ป้ายใหญ่โตข้างหน้าทางเข้าซอยขนาดใหญ่ที่เริ่มมีคนพลุกพล่านให้เห็นก็เตะตาเข้าเสียก่อน





‘ตลาดนัดรถไฟ’





ตอนนี้หัวหน้าแผนกเซลล์เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้พลุกพล่านและจอแจ สถานที่แห่งนี้คือตลาดนัดกลางคืนชื่อดังที่เขาเคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยได้มีโอกาสมาเลยสักครั้ง





ซึ่งกฤติก็ไม่แปลกใจว่าทำไม





สีสันของแสงไฟและเสียงเพลงจากร้านรวงต่างๆ ทำให้รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา นักท่องเที่ยวเดินกันวุ่นวายไปหมดทั้งที่เป็นคืนวันธรรมดาที่ร้านรวงต่างๆ ไม่ได้เปิดครบถ้วน กฤติไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเป็นวันสุดสัปดาห์ที่ทุกร้านพร้อมรับแขกนั้น คนจะมหาศาลขนาดไหน





ตลาดแห่งนี้เหมือนกับตลาดทั่วๆ ไป มีการแบ่งโซนเป็นซอยที่มีร้านขายของตั้งกันอยู่มากมายหลายสิบร้าน ช่วงซอยแรกๆ จะเป็นร้านที่ขายอาหาร ซอยหลังๆ จะเป็นเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ ซึ่งตอนที่พวกเขามาถึงนั้น เขาจอดรถไว้ที่ห้างสรรพสินค้าข้างๆ แล้วเดินมากัน โดยที่คุณพ่อลูกหนึ่งโดนฟาดหลังไปทีเมื่อกฤติเห็นว่าที่ตลาดก็มีลานจอดรถ





ข้ออ้าง ‘ผมอยากเดินกับคุณนานๆ’ มันใช้ได้ที่ไหนกัน





และเมื่อถามว่าทำไมถถึงได้พามาที่นี่ อีกคนส่งยิ้มแห้งๆ แล้วพูดกับเขา





“ผมไม่รู้ว่าจะพาไปไหน เลยพาคนที่ชอบ มาที่ๆ ผมชอบ”





สิ้นคิด!





กฤติพูดกับตัวเองโดยพยายามสุดความสามารถไม่ให้เปลี่ยนสีหน้าเพราะท่าทางที่ดูไม่มั่นใจนั่น มองไปมองมานรินทร์เหมือนสิงโตตัวผู้ ที่ดูเหมือนกับว่าจะเป็นเจ้าป่าที่น่าเกรงขาม แต่แท้จริงแล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งไล่งับหางตัวเอง





“คุณเคยมาตลาดรถไฟหรือเปล่า?”





นรินทร์ถามอีกคนขึ้นมา ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลังเดินดูของอย่างไม่รีบร้อน นรินทร์มีความสุขกับการมองคนข้างๆ ทำหน้าเหมือนเบื่อโลก แต่เมื่อเห็นของน่าสนใจ ก็จะเหลือบสายตาไปมองอย่างมีมาด





ทั้งที่อยากจะเดินเข้าไปดูแท้ๆ แต่กลับทำตัวนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น





“ไม่ครับ”

“งั้นนี่ก็เป็นครั้งแรกของคุณใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ”

“ผมเป็นรักแรกของคุณด้วยใช่มั้ย?”





กฤติมองอีกคนด้วยสีหน้าเหมือนกับที่มองขยะมูลฝอย ซึ่งนรินทร์ที่ไม่เคยสะทกสะท้านอะไรก็ยิ้มรับหน้าบาน พลางเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องเอง





“คุณหิวหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ”

กฤติตอบ ตามปกติแล้วเขาไม่ใช่คนทานเยอะ ยิ่งมื้อเย็นด้วยแล้ว แทบจะนับวันที่กินได้เลย บางทีก็ทำงานเสียจนไม่ได้สนใจอาหารด้วยซ้ำ

“แต่ผมหิว เราไปหาร้านก๋วยเตี๋ยวนั่งกันเถอะ”





กฤติกลอกตาอย่างไม่รักษาอาการ ถ้าตัวเองหิวแล้วจะมาถามเขาเพื่อ!





เดินไม่เท่าไหร่ นรินทร์ก็พาหัวหน้าแผนกเข้ามานั่งในร้านอาหารธรรมดาแต่คนเยอะเหมือนกับว่าแจกฟรี จนกฤติแอบนึกในใจว่ามันคงจะอร่อยมาก หรือไม่ทุกคนที่เดินอยู่ตรงนี้ก็คงจะหิวมากจนต้องแย่งกันเข้าร้านอาหารอะไรก็ได้สักร้านหนึ่ง





มันออกจะเป็นภาพที่ประหลาดเล็กน้อย ร้านอาหารที่ตกแต่งด้วยภาพสไตล์วินเทจ กับอากาศอบอ้าว และคนที่เดินพลุกพล่านอยู่ด้านนอกร้านนั้น ช่างขัดกับกฤติที่ใส่ชุดสูท ผูกเนกไท และนรินทร์ที่ยังอยู่ในชุดทำงานอย่างเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลค และรองเท้าหนังอย่างดี 





ในขณะที่กฤติรู้สึกไม่เข้าพวก นรินทร์กลับมองหน้าเขาอย่างสนใจคล้ายกับว่าตัวเองเป็นเด็กสองขวบที่เพิ่งจะได้ขนมที่โปรดปรานอย่างไรอย่างนั้น





“สั่งอาหารเลยมั้ยคะ?”





คุณพ่อลูกหนึ่งส่งยิ้มมารยาทให้กับบริกรสาวที่มายืนรับออเดอร์ ก่อนจะพยักพเยิดหน้ามาทางเขาคล้ายกับว่าให้สั่งก่อน เพราะตัวเองกำลังเลือกเมนูอยู่ ทั้งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่พวกเขามานั่งนั้น ไม่ได้มีรายชื่อออาหารพิสดารไปมากกว่าร้านก๋วยเตี๋ยวที่กฤติเคยทานมาทั้งชีวิตเลย





“เกาเหลาหมูตุ๋นไม่ใส่ถั่วงอกที่นึงครับ”

“ส่วนของผม…” นรินทร์ทำท่าคิด เมื่อบริกรหันมารับออเดอร์จากตัวเองแล้ว “ขอเป็นเส้นเล็กเล็กน้ำตกหมูตุ๋นถั่วงอกเยอะๆ สาม ขอเกี๊ยวเพิ่มด้วย แล้วก็แคบหมูสองถุงที่โต๊ะนี่ไม่พอหรอก ขออีกถุงนะครับ น้ำเปล่าหนึ่งน้ำแข็งสอง อ่อ ขอผักแยกต่างหากด้วยนะครับ” 





กฤติมองตามคนที่สั่งอย่างกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้ได้กินข้าวอีกแล้ว ทั้งที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามากินข้าวกับนรินทร์ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ไม่ชินกับการกินล้างผลาญของอีกคนเลยจริงๆ





“ปกติคุณกินข้าวกับใคร?”

“ถามทำไมครับ”





หัวหน้าหนุ่มถามกลับ พลางก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ทุกอย่างในตอนนี้น่าสนใจกว่านายนริทร์ทั้งนั้น





“ก็คุณอาจจะกินกับไอ้หน้าเหี้ยนั่น”





ไม่ต้องขอให้อีกคนขยายหัวหน้าหนุ่มก็เข้าใจว่านรินทร์หมายถึงใคร ‘ไอ้หน้าเหี้ยนั่น’ คือภูภูมิอย่างแน่นอน





“ทำไมผมต้องกินกับเขา?”

“ก็ดูสนิทกัน”

“ตรงไหน?”

“ก็คุณเคยนอนกับเขา”

“นอนด้วยกันครั้งเดียวนี่ต้องสนิทกันด้วยเหรอครับ?”  กฤติถามอีกคนด้วยใบหน้านิ่งๆ

“อ้าว แค่ครั้งเดียวเองเหรอ?” นรินทร์ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่แน่ใจ “ก็คุณพูดเหมือนว่านอนกับเขาเยอะมาก…”

“ผมพูดไปงั้นแหละ”

“อ้าว”

“ก็ผมรำคาญคุณ”

“เอ้า!!”





กฤติพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งตามสไตล์



 

อันที่จริงแล้ว ระหว่างกฤติกับผู้ชายคนนั้นมันไม่มีอะไรมากกว่าเซ็กส์เพียงครั้งเดียว ความเผลอไผลด้วยบรรยากาศและหน้าตาอีกฝ่ายที่ตรงสเปค ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกพลั้งพลาด ถ้าถามหาเหตุผลสวยงามสักข้อ กฤติคงจะตอบว่ารสนิยมไม่ตรงกัน  หากว่าจะเอาความเป็นจริงละก็ เซ็กส์ของภูภูมิห่วยเกินกว่าจะเสียเวลาซ้ำ ทั้งเซ็กส์ที่ไร้น้ำยา ตัวภูภูมินั้นก็ไม่ได้น่าคบหาอะไร ดังนั้นนอกเหนือจากเรื่องงานแล้วกฤติขอไม่ยุ่งด้วยจะดีกว่า





“ผมแม่งโคตรหวงคุณเลย” นรินทร์พูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มๆ ถึงแม้มุมปากจะไม่ได้ดูยิ้มไปด้วย  “ แค่คิดว่าคุณเคยใช้ปากให้มัน ผมก็…”

“ใช้ปาก?” กฤติทวนคำ พลางเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ “ผมไม่เคยใช้ปากให้ใคร”

“เอ้า วันนั้นคุณยังเล่นกับลิตเติ้ลโน้ตอยู่เลย”

“นั่นครั้งแรกที่ผมทำให้คนอื่น”





นรินทร์ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถยิ้มกว้างกว่านี้ได้อีกหรือไม่ ถึงแม้อีกคนจะพูดพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะกำลังสนใจเรื่องภูภูมิอยู่ แต่เขาโอเคแล้ว





ให้ตาย ลิตเติ้ลโน้ตเป็นอาหารจานแรกที่หัวหน้าของเขาเคยทาน ความรู้สึกแบบนี้มันดีจนแน่นอก อยากจะจับอีกคนมาจูบซ้ำๆ แต่หากทำแบบนั้น เขาคงเป็นศพอยู่แถวนี้แน่นอน





ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง นรินทร์จึงเลือกที่จะย้ายหัวข้อบทสนทนาไปเรื่องอื่นแทน





“คุณชอบกินก๋วยเตี๋ยวมั้ย?”

“เฉยๆ ครับ ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด”

“ส่วนผมชอบมากเลย”





ยังไม่ได้ถาม





กฤติคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะว่ารู้สึกเหมือนกับตัวเองเปิดปากไม่ออก อาจจะเพราะอากาศร้อนมากเกินไป เขาเลยรู้สึกเหมือนกับจะนั่งไม่ติดเก้าอี้





มันต้องเป็นเพราะอากาศร้อน ไม่ใช่เพราะสายตาของนรินทร์แน่นอน





ผ่านไปหลายวินาที ความเงียบยังคงโอบล้อมรอบตัวพวกเขาทั้งคู่ ถ้ามันเป็นเรื่องแค่นั้นอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่สายตาเหมือนของนรินทร์ที่มองเขาเหมือนเป็นอาหารที่รอลงมือรับประทานนั่นต่างหาก ที่ทำให้กฤติรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ





จนในที่สุด ชายหนุ่มที่ทนไม่ไหวก็เอ่ยปากถามออกไป





“มองอะไรครับ?”

“มองคนที่ชอบครับ”





ไร้สาระ!





กฤติคิดว่าตัวเองคงทำสีหน้าประหลาดเพราะคำพูดไร้สาระเมื่อกี้ เพราะอีกฝ่ายนั่นยิ่งจ้องมองเขาจนเหมือนตาจะหลุด แถมยังส่งยิ้มกว้างที่น่าเอาผ้าปูที่นอนของเจ้าตัวไปคลุมเอาไว้





ให้ตายเถอะ เขายอมประชุมทั้งวันดีกว่าต้องรับมือกับคนอย่างนรินทร์





ในขณะที่กฤติกำลังเกรี้ยวกราดกลบเกลื่อนความไม่ปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้น ทางด้านโน้ตที่กินน้ำเปล่าไป มองหน้าคนตรงข้ามเป็นกับแกล้มแคบหมูที่เอามากินรอก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น กลับมีความคิดตรงกันข้ามกับอีกคนราวฟ้ากับเหว





คุ้มชะมัด





นรินทร์คิดกับตัวเองเมื่อกฤติทำหน้าเหมือนเห็นผี ใบหน้าของหัวหน้าแผนกซีดลง แล้วก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าคล้ายกับจะไม่แน่ใจ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่ใบหูกฤติจะแดงแปร๊ดขึ้นมา พร้อมๆ กับการที่เจ้าตัวถลึงตาใส่เขาพร้อมกับหักตะเกียบไปด้วยนี่มันน่าแกล้งโคตรๆ





“คุณ”

“อะไรอีก?”





กฤติถลึงตาใส่อีกคน แต่นรินทร์ปัดตกเพราะไม่น่ากลัว





“ผมจริงจังนะ”

“...”

“เรื่องที่ผม…”






“เล็กตุ๋นตกสามกับเกาเหลาได้แล้วค่ะ”






กฤติแทบจะให้โบนัสสามเดือนกับพนักงานเสิร์ฟที่เดินหน้าบูดเข้ามาวางอาหารที่พวกเขาสั่งไปไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ





“ผมกินก่อนนะ”

“คุณ เมื่อกี้…”

“เวลากินไม่พูดนะครับ มารยาทนิดนึง”





หัวหน้าหนุ่มพูดดักคออีกคนเอาไว้ แล้วรีบคว้าตะเกียบคีบผักเข้าปากทั้งที่ไม่ได้มีความหิวเลยสักนิด ตอนนี้เขาขออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นรินทร์ มันไร้สาระ ไม่อยากฟัง





เขาไม่อยากร้อนหูตอนนี้ มันทำตัวไม่ถูก



เป็นแค่เพื่อนเล่นบนเตียงอะไรนั่นก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ





.

.

.





หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จด้วยความทุลักทุเลของกฤติที่ไม่หิว และนรินทร์ที่กินทุกอย่างหมดก่อนคนไม่หิว พวกเขาสองคนก็มาเดินเล่นตามซอกซอยต่างๆ






มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ เพียงแค่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันท่ามกลางคนรอบตัวเท่านั้น



นรินทร์มองคนที่ขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังอยู่ในที่ประชุมข้างๆ เขาแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นว่าอีกคนมองอะไร



 

มันเป็นร้านขายกางเกงชั้นในร้านหนึ่ง หน้าร้านเป็นหุ่นโชว์บ็อกเซอร์ลายหมูสีชมพู ที่มีถุงข้างหน้ายื่นออกมาเป็นรูปจมูกหมู เอาไว้เก็บลูกชายน้อย ส่วนข้างหลังเป็นเชือกสีขาวเส้นเล็กๆ ม้วนขดเป็นรูปทรงหางหมู





“อยากได้เหรอคุณ?”





สายตากฤติที่มองมานั้น ทำให้นรินทร์รู้สึกคล้ายขยะเปียก แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพราะชินแล้ว





“ผมซื้อให้ได้นะ”

“ผมแค่มองเพราะมันตลกครับ ไม่ได้จะเอา”





กฤติพูดออกมาในที่สุด ซึ่งมันไม่เกินจริงนัก ดูก็รู้ว่าบ็อกเซอร์แบบนี้ทำไว้เพื่อเอาฮาเฉยๆ ไม่ได้เอาการใช้งานจริงใดๆ





“โถ่ ผมก็นึกว่าคุณอยากได้ ผมซื้อให้ได้นะ นี่โน้ตสายเปย์”

“...”

“เฮ้ย รอเดี๋ยว คุณ!”





นรินทร์ที่กำลังพูดนั่นพูดนี่ต้องหยุดแล้ววิ่งตามอีกคนที่เดินหนีหายไปอีกซอยโดยไม่บอกอะไร กฤติไม่ใช่คนตัวเล็กขาสั้น ดังนั้นแต่ละก้าวมันจึงยาวมากจนเขาเองก็ต้องรีบก้าวเร็วๆ เพื่อให้ตามอีกคนทัน ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นนรินทร์ก็มาถึงตัวอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะกฤติชะลอความเร็วหรืออะไร แต่เพราะหัวหน้าเขาหยุดอยู่หน้าร้านหนึ่งต่างหาก





ร้านน้ำมะพร้าว





“อยากกินเหรอคุณ?”





นรินทร์ถามเมื่อเห็นอีกคนหนึ่งไม่พูดอะไร เพียงแค่หยุดดูป้ายเท่านั้น ชายหนุ่มนิ่งคิดสักครู่ ก่อนที่จะหันไปสั่งกับชายหนึ่งในสองที่มองหน้าเขาพร้อมยิ้มคล้ายกับกำลังรอรับออเดอร์อยู่





“น้ำมะพร้าวปั่นใส่นมสองแก้วครับ”

“...”





กฤติเลิกคิ้วมองหน้าอีกคน เขากำลังจะสั่ง แต่กำลังพยายามอ่านป้ายสีสดกับตัวหนังสือขนาดเล็กอยู่ กฤติมีปัญหาสายตามาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้เหมือนกับว่าสายตาเขาน่าจะสั้นลงไปอีก





สั่งให้อย่างนั้นเหรอ?





“ผมสั่งกินเอง ไม่ได้เผื่อคุณนะ”

“...” 





นิสัย





สีหน้าของเขามันคงน่าขบขันเสียจนอีกคนหัวเราะออกมา ตอนนั้นเองกฤติถึงได้เพิ่งรู้ว่าตัวเองโดนแกล้ง เพราะเมื่อตอนที่เขากำลังจะสั่ง อีกฝ่ายดันเอามือมาปิดปากเขาไว้เสียก่อน แถมไม่ได้สะทกสะท้านเมื่อเขาตวัดตาไปมองอย่างมีน้ำโห ยังคงส่งยิ้มระรื่นมาให้อีก





“โหยคุณ ผมล้อเล่น สองแก้วเมื่อกี้ผมให้คุณหมดเลยกะ-- โอ๊ย!”





กฤติยังคงทำหน้าเฉยเมื่อตัวเองจิกเอวอีกคนจมเล็บ ขนาดที่เสื้อเชิ้ตเนื้อดียังป้องกันไว้ไม่ได้ เขายังคงไม่เปลี่ยนสีหน้าเมื่อพนักงานสองคนที่ขายน้ำมะพร้าวมองมาเหมือนเห็นผี





“เท่าไหร่ครับ?”

“สะ… สองแก้วเจ็ดสิบครับ”





หัวหน้แผนกพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะยื่นเงินจ่ายไปเพื่อรับน้ำมะพร้าวกลับมา แล้วก้มลงดูดโดยไม่สนใจคนที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ





“คุณ…”





นรินทร์เอ่ยเรียกคนที่ออกเดินไปไม่รอเขาแล้วเดือดร้อนให้ ต้องรีบก้าวตามอีกคนให้ทัน แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหน กฤติก็หันกลับมาหา พร้อมกับยื่นแก้วให้

“นี่ของคุณครับ”

“ขอบคุณครับ… เฮ้ย ไม่ใช่สิ ผมกะจะเป็นป๋าพาคุณมาเลี้ยงสักหน่อย โหย ไม่เท่เลยแบบนี้”





กฤติไม่ได้สนใจร้านรวงมากนัก ถึงแม้ว่ามันจะประดับไปด้วยไฟหลากหลายสีและมีของมากมายที่เขาไม่ค่อยได้พบเจอในชีวิตประจำวัน สิ่งที่อยู่ในหัวของชายหนุ่มตอนนี้คือเคสของลูกค้าที่จะต้องตาม Follow-up ต่อเพราะเป็น key customer





ดังนั้น ชายหนุ่มจึงตอบอีกคนไปอย่างที่คิด





“ไร้สาระครับ”

“ไม่นะคุณ” นรินทร์ที่ตอนนี้เอาตัวเองมาเดินข้างๆ กับหัวหน้าได้แล้วพูดขึ้น ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มกว้าง หากแต่นัยน์ตานั้นเด็ดเดี่ยวและเต็มไปด้วยความจริงจัง

“ใครๆ ก็อยากดูดีในสายตาคนที่ชอบทั้งนั้นนั่นแหละ”





ความเงียบอันน่าประหลาดโรยตัวเข้าปกคลุมพวกเขาเอาไว้





กฤติขมวดคิ้วอีกครั้ง เขารู้สึกหงุดหงิดรำคาญกับความคิดฟุ้งซ่านไร้สาระที่เขาไม่เห็นประโยชน์ในหัว ซึ่งมันเป็นมานานมากเกินไปแล้ว ตอนนี้อาจจะเป็นเวลาที่เขาควรที่จะคุยให้กับอีกฝ่ายเพื่อเอามันออกไปจากหัวเสียที





“คุณชอบผมหรือเซ็กส์ผม?”





หากเป็นตัวเขาตอนสมัยมัธยมต้นนั้น  โน้ตคงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอีกคนพูดเพื่อตัดพ้อ แต่เพราะนี่คือเขาวัยสามสิบเอ็ด ผู้ที่ทำงานกับชายตรงหน้ามาร่วมปี เขารู้จักกฤติมากพอๆ กับที่เขารู้จักทุกซอกทุกมุมในออฟฟิศ





ผู้ชายคนนี้หมายความตามที่พูด





นรินทร์กลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย เขามั่นใจในความรู้สึกตัวเองมากพอที่จะก้าวข้ามเศษซากความสัมพันธ์เก่ามาเพื่อเดินหน้ากับอีกคน แต่เหมือนมันอาจจะยังไม่ชัดเจนพอ





“ผมชอบคุณ”





เขาย้ำอีกครั้งพร้อมมองตาคนตรงหน้าไปด้วย ทั้งที่รอบข้างพวกเขาเป็นร้านขายขนมหวานกลิ่นยั่วยวน และมีชาวต่างชาติและเด็กวัยรุ่นเดินสวนกันไปมาขวักไขว่ หากแต่พวกเขาสองคนกลับถูกตรึงไว้ตรงนี้





ตรงที่มีเพียงความไม่มั่นใจเป็นกาวเชื่อมความสัมพันธ์




“ผมยังชัดเจนไม่พอเหรอ?”





นรินทร์ถามในสิ่งแรกที่แว๊บเข้ามาในสมอง ใบหน้าหล่อยังคงมีรอยยิ้มประดับ หากแต่มันเป็นรอยยิ้มที่เจื่อนเสียจนกฤติถึงกับหัวหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่อยากมอง





“ผมไม่รู้ว่าชัดเจนของคุณหมายความว่าอะไร”





หัวหน้าหนุ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงธรรมดา แก้วน้ำมะพร้าวที่เหลือมากกว่าครึ่งถูกกำแน่นขึ้นเล็กน้อย “นี่อาจจะเป็นการเล่นซื่อบื้อของคุณอีกหรือเปล่า หรือมันเป็นความอยากทำกับผมทุกวันในหลายๆ ท่างั้นเหรอ?”



“มากกว่านั้น”





โน้ตตอบด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมมองหน้าอีกคน เขาพยายามจะสื่อความรู้สึกของตัวเองผ่านสายตา ทว่ากฤติไม่เปิดโอกาสให้เป็นแบบนั้น ชายหนุ่มยังคงมองขนมหวานบูธใกล้ๆ อยู่แบบนั้น คล้ายกับว่ามันน่าสนใจมากกว่าคู่สนทนาเป็นไหนๆ





“ผมอาจจะเคยแต่งงานมาก็จริง แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ผมแม่งลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่านอกจากน้องนิ้งผมจะต้องทำอะไรเพื่อใคร…”





กฤติอยากจะหยิกตัวเองที่เผลอกลั้นหายใจรอให้อีกฝ่ายพูดจบประโยค





“ตอนนี้ทุกอย่างแม่งเปลี่ยนไปหมดเลย นอกจากลูกแล้ว ผมมีแต่คุณ อยากอยู่แต่กับคุณ อยากกอดคุณ อยากจูบคุณ อยากพาคุณไปกินของที่ชอบ อยากเจอหน้าคุณทุกวัน… ความคิดของผมตอนนี้มีแต่คุณ”

“...”

“ผมยังชัดเจนกับความรู้สึกรักของตัวเองไม่พออีกเหรอครับ?”





ความเงียบที่น่าอึดอัดครอบงำพวกเขาอยู่หลายวินาที สำหรับนรินทร์นั้นมันคล้ายกับมีคนมัดมือมัดเท้าแล้วโยนลงไปในสระน้ำ เรื่องที่น่าตลกคือ หากคนทำแบบนั้นเป็นกฤติละก็ เขาคงยอมจมอยู่ในนั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข





“ถ้า…”





กฤติเปิดปากอันแห้งผากของตัวเองออกมา ทั้งที่ยังไม่มองหน้าอีกคน และทำเป็นเหมือนกับว่าหูของตัวเองไม่ได้ร้อนจนรู้สึกเหมือนจะไหม้





“ถ้าคุณเข้าบริษัท คุณก็เจอผมทุกวันแหละครับ”





หากเป็นคนอื่นนรินทร์คงด่าว่า ‘เป็นเหี้ยอะไร?’ แต่เมื่อเป็นกฤติ เขาอยากถามว่า ‘เป็นแฟนกันมั้ย?’ มากกว่า



ถึงแม้จะรู้ว่าอีกคนเบี่ยงประเด็นด้วยความขลาดเขิน ถึงแบบนั้นเขาก็อดพูดกับอีกคนด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตัดพ้อเล็กน้อยไม่ได้อยู่ดี



 

“... เราไม่พูดเรื่องงานในเวลาแบบนี้ได้มั้ย?”

“...”





นอกจากคำสั่งจากบริษัทแม่แล้วนั้น กฤติเพิ่งจะค้นพบวันนี้เองว่า เสียงออดอ้อนของนรินทร์นั้น เป็นอีกสิ่งในโลกที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ และนรินทร์เหมือนจะรู้ทัน ชายหนุ่มคว้าเอามือของเขาไปจับไว้ ใบหน้าหล่อลอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางการสะดุ้งเล็กน้อยของเขา





“ผมอยากอยู่ในชีวิตคุณนะ”

“...”

“มาเป็นครอบครัวของผมนะครับ”





นี่มันเกินไป





เสียงจ้อกแจ้กจอแจข้างนอกเข้าไม่ถึงหัวหน้าแผนกเซลล์เลยแม้แต่น้อย ร่างกายของกฤติสั่นน้อยๆ อย่างห้ามไม่ได้ หูของเขาได้ยินเพียงแค่เสียงอะไรบางอย่างที่น่ารำคาญ มันดังไปหมด ดังจนเขาไม่สามารถคิดอะไรได้





ความน่ารำคาญที่ควรจะจางหาย กลับกลายเป็นบ่วงล้อมรอบตัวของกฤติเอาไว้อย่างหนาแน่น เขาไม่สามารถหันหนีอีกคนได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของนรินทร์ที่อยู่ตรงหน้า หรือแม้กระทั่งเสียงบอกความรู้สึกที่ยังดังก้องอยู่ในหัวใจ





เมื่อทนสีหน้าเว้าวอนของอีกคนไม่ไหว กฤติจึงตอบอีกคนออกไป







“จะทำอะไรก็ทำเถอะ”







นี่มันไม่ถูกต้อง



นี่มันไม่ถูกต้องเลยจริงๆ





------- TBC -------













สารภาพเลยว่าเป็นตอนที่เขียนยากมากกกก
แก้แล้วแก้อีก ต้องการความสมจริงเลเวลไลน์หาเพื่อนให้พาไปตลาดรถไฟที จะเขียนนิยาย 5555555
(ขอบคุณเพื่อนมา ณ ที่นี้นะคะ เป็นหนี้บุญคถญมาก เจอกันครั้งหน้าจะเลี้ยงน้ำมะพร้าวนะ อิ--อิ)



เจอกันตอนหน้านะคะ สวัสดีปีหมูจ้า XD



ถ้าอยากพูดคุย ติชม หรือแก้คำผิดอะไร สามารถคอมเม้นต์ตรงนี้ หรือไม่ก็คุยกันใน #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ ได้นะคะ ขอบคุณมากค่า <333
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 31-01-2019 23:01:58
คุณกฤตินี่คือคนที่ปากร้ายแต่ใจดีที่แท้จริง ดูเหมือนคนขี้รำคาญนะแต่เอาจริงช่วยเหลือคนอื่นตลอด
และถ้าไม่ได้คิดอะไรกับโน้ตเลย ไม่มีทางที่จะให้โน้ตเข้ามาวุ่นวายกับตัวเองได้ขนาดนั้นหรอก

ตอนนี้เอาใจช่วยคุณโน้ตมากกกก และมันก็สำเร็จใช่มั้ยยยย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 31-01-2019 23:11:06
อิพิโน้ต พระเอกมาก นี่เค้าเรียกว่าขยับความสัมพันธ์แล้วรึเปล่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 31-01-2019 23:42:53
ถ้าคุณกฤติพูดว่าไร้สาระเมื่อไหร่ คือคุณเขากำลังเขินหนักมากกกกกก และหาทางลงไม่ได้ เสียอาการ เขินเขา แต่ก็ยังวางฟอร์ม แน้ แพ้ทางผู้ชายอย่างนายโน้ตซะได้ คิๆๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 31-01-2019 23:58:00
เอ้า!! เฮ!!!  :katai2-1:

แต่งเลย!! แต่งเลย!! แต่งเลย!! :hao3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2019 02:46:46
 :-[
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 01-02-2019 10:33:48
ขอคอมเมนท์ยาวๆสักนิดให้สมกับที่สมัครยูสมาเพราะเรื่องนี้ 555555555
ได้วกไปอ่านน้องแทนใจกับคุณพี่เมฆแล้ว(แต่ยังไม่จบ ก็แหม เซลล์ก็จะมีหน.แบบคุณกฤติอ่ะนะ อ่านได้วันละตอนก็แทบบินแน้วㅠㅠ) พอสลับมาอ่านคู่นี้ รู้สึกถึงฟิลลิ่งที่ต่างกัน แต่เชื่อมโยงกัน 'ทับใจนักเขียนมากเลยฮะ(ให้คุกกี้กาแฟ1ชิ้น) ตอนนี้คือชอบมากกกกกก ชอบในความคิดของโน้ตที่มันเรียลมสก สำหรับคนที่ผ่านความสัมพันธ์อันล้มเหลว แล้วอยากไปต่อ มันจะมีความมั่นใจ ในความเคลือบแคลง กล้าๆกลัวๆ แต่เพราะคุณกฤติ ก็ต้องใจดีสู้เสือ!!! ส่วนคุณกฤติคนที่มีแต่งานๆๆๆๆๆๆในหัว ก็คือแบบนี้จริงๆ ในสมองมันจะรันด้วยงาน พอโดนสิ่งอื่นที่ไม่คุ้นเคยแอทแทค ก็จะมึนๆงงๆrespond ไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ยอมเขาหรอก ใช่ม้าาาาาาา หูร้อน มุมปากกระตุก ปวดแก้มไปด้วยเลยเนี่ยยยยยยยยยย รอตอนต่อไปนะคะ ขอให้วันจันทร์ไม่โหดร้าย และวันอาทิตย์มีคนนอนข้างๆค่ะ^_^ (แม้จะเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัวหรือหมาแมวเราก็ฟินนน)
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 01-02-2019 17:22:22
พี่โน๊ตชั้นมีสาระวันนี้
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: pan19891990 ที่ 01-02-2019 20:45:09
มันละมุนมากกกก ละมุนเพราะความไม่กากและลูกอ้อนของนายนรินทร์ บวกกับความหน้าร้อนหูร้อนของคุณกฤติ อ่านไปก็เขินไป อ่านจบตอนแล้วก็ย้อนขึ้นไปอ่านใหม่
นายนรินทร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคุณเขาไม่ได้มีดีแค่ความหื่น 5555  แต่อยากยื่นไมค์สัมภาษณ์คุณกฤติจริมๆว่าที่ตอบตกลง(?)เนี่ยแค่รำคาญจริมๆหรอ อิอิ ความซึนของนางทำให้เราเอ็นดูค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-02-2019 10:18:18
เพิ่งรู้สึกว่าคุณโน้ตมีความเป็นพระเอกก็ตอนนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-02-2019 10:47:52
เอ้า เฮ !!!
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-02-2019 13:30:02
เชียร์คุณโน้ตตลอด
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 02-02-2019 13:45:16
คนวัยผู้ใหญ่เค้าจีบกันน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-02-2019 16:24:54
ปากแข็งจริงคุณกฤติ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: heymild ที่ 02-02-2019 22:20:49
กรีสสสสส :z10: :z2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 02-02-2019 23:53:57
คุณโน๊ตสู้ๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 03-02-2019 02:34:24
สำหรับคุณกฤตคำว่าไร้สาระหรือน่ารำคาญก็คือแปลว่าเขินมากกก ไอ้คุณนริทร์

ฮื่ออ นรินทร์ นายมีสาระมากที่สุดแล้วทุกๆตอนที่ผ่านมา
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-02-2019 08:28:38
เป็นหัวหน้าที่โคตรใจดีกับลูกน้องเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 03-02-2019 16:26:51
โน๊ตทำให้คุณกฤติเขินแล้ว เขินอีก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 03-02-2019 19:57:30
อ่านไปยิ้มไป อีตานรินทร์นี่รุกแรงจริงๆ ส่วนคุณกฤติก็แพ้ทาง  o18
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 03-02-2019 22:14:53
โอ้ย......ละมุนละไมผิดกับบรรยากาศตลาดนัดเลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-02-2019 06:43:31
คุณพฤติหลงเสน่ห์แล้วใช่มั้ยคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2019 19:39:24
นรินทร์ เปิดอก จีบกฤติแบบชัดเจนสุดๆ  :o8:
"นอกจากลูกแล้ว ผมมีแต่คุณ อยากอยู่แต่กับคุณ
อยากกอดคุณ อยากจูบคุณ อยากพาคุณไปกินของที่ชอบ
อยากเจอหน้าคุณทุกวัน… ความคิดของผมตอนนี้มีแต่คุณ


ผมอยากอยู่ในชีวิตคุณนะ
“...”
มาเป็นครอบครัวของผมนะครับ
จะทำอะไรก็ทำเถอะ
แล้วกฤติ ก็ใจอ่อน กลัวสิงโตหงอย
นรินทร์ กลายเป็นสิงโตร่าเริงแน่เลย  :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 10-02-2019 18:05:04
อู้วหูวววว เพิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องของคุณกฤติ ไม่คิดเลยนะคะว่าพี่เค้าจะร้อนแรงขนาดนี้ อิอิ ชอบมากค่ะหนุ่มออฟฟิศแนวนี้  :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 10-02-2019 21:35:10
สงสารพี่โน๊ตต แล้วๆคุณกฤต อะไรยังไงเนี่ยย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: FXEXRXN ที่ 12-02-2019 08:15:04
จะเอ็นดูหรือสงสารพี่โน๊ตดีเนี่ย ฮือออออ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 14-02-2019 20:34:11
11th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์






วันอาทิตย์ควรจะเป็นวันที่เราได้พักอย่างเต็มที่ กลายเป็นว่าต้องเปิดประตูมาเจอนายนรินทร์ยืนยิ้มแป้นแบบนี้





มันใช้ไม่ได้เลย!





กฤติรู้สึกเหมือนตัวเองจะปวดหัวจี๊ดขึ้นมาตอนที่เห็นหน้าตาไม่ทุกข์ร้อนของนรินทร์ที่ยืนยิ้มอยู่ตรงประตูห้อง เขาคงจะด่าหยาบคายออกไปหากไม่บังเอิญเหลือบตาไปเห็นเด็กหญิงตัวเล็กที่ยืนเกาะขาคุณพ่อของเธออยู่เสียก่อน ใบหน้าที่เมื่อครู่หงุดหงิดก็คลายออกทันที







“อากฤติสวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับน้องนิ้ง”





หัวหน้าแผนกคนเก่งพูดกับเด็กน้อยที่ติดมาด้วย โดยมีนรินทร์ยืนยิ้มแห้งอยู่ใกล้ๆ ไอ้การที่ลูกสาวสนิทกับคนที่เขากำลังจะจีบมันถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ในขณะเดียวกัน การที่ทั้งสองคนคุยกะหนุงกะหนิงแล้วพากันเดินเข้าห้องโดยไม่สนใจยอดชายนายนรินทร์แบบนี้มันก็ออกจะชอกช้ำอยู่เล็กน้อย





หลังกลับจากเอ้าท์ติ้งมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาร่วมเดือนแล้ว คู่เมฆกับแทนใจก็จีบกันจนคบกันไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่นรินทร์ซึ่งตามเต๊าะกฤติมาตั้งแต่วันนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าทางสถานะ





“อากฤติอยากดูฉลามใช่มั้ยคะ?”





ยังไม่ทันที่หัวหน้าหนุ่มจะได้เอาเลือดหัวผู้มาเยือนโดยไม่บอกกล่าว เขากลับต้องถลึงตากับคำพูดซื่อๆ ของเด็กประถมอีกครั้ง





“คุณพ่อบอกว่าอากฤติอยากดูฉลาม หนูเลยมาด้วยเพราะหนูเคยไปแล้วค่ะ จะได้อยู่เป็นเพื่อนอากฤติเวลาที่อากฤติกลัวค่ะ”





กฤติหันไปมองนายนรินทร์ที่กำลังยืนล้วงกระเป๋าทำตัวไม่รู้ไม่ชี้แล้วนึกอยากหยิกอีกคนให้เนื้อเขียว มีอย่างที่ไหนไปหลอกลูกแบบนี้ ต่อให้นิ้งจะฉลาดเฉลียวแค่ไหน แต่ก็ยังคงเป็นเด็กประถม เล่ห์เหลี่ยมยังไม่ทันตัวพ่อที่ใช้ชีวิตมาหลายสิบปีแน่นอน





“ครับ” กฤติรับคำ เขาเห็นแล้วว่าแผนวันนี้ของเขาจะเปลี่ยนแบบหน้ามือไปหลังเท้าขนาดไหน “น้องนิ้งชอบฉลามเหรอคะ?”

“ชอบค่ะ หนูว่าฉลามน่ารัก”





กฤติกะพริบตาเล็กน้อยเมื่อไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังถูกหรือเปล่า





“ฉลามน่ารักเหมือนอากฤติเลยค่ะ”





รอบนี้เขาถลึงตาอย่างไม่ปิดบัง ในขณะที่ตัวพ่อของน้องนิ้งยืนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจากอีกมุม คล้ายกับว่าเจ้าตัวเพิ่งจะได้ฟังเรื่องตลกที่สุดในชีวิตอย่างไรอย่างนั้น





“… ขอบคุณครับ”





กฤติเอ่ยตอบเด็กน้อยในที่สุด ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตว่าวันนี้น้องนิ้งแต่งตัวน่ารักกว่าที่เจอครั้งก่อน เด็กตัวเล็กอยู่ในชุดเสื้อสีอ่อนและกางเกงยีนขายาว ผมถูกปล่อยสยายโดยมีกิ๊บติดเอาไว้ด้านบน ข้างหลังสะพายกระเป๋าเป้ลายการ์ตูนใบเล็กที่เหมือนจะไม่สามารถบรรจุอะไรลงไปในนั้นได้เลยสักนิด





ในที่สุด คนที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาวันอาทิตย์ทำงานที่คั่งค้าง พับแผนของตัวเองลงกระเป๋า แล้วหันไปพูดกับเด็กน้อยเป็นคำสุดท้าย ก่อนจะเดินหายตัวเข้าไปในห้องน้ำ





“ขอเวลาอากฤติเตรียมตัวสักสิบนาทีนะครับ แล้วเดี๋ยวเราไปดูฉลามกัน”







------- Sunday In Bed ------

[/b]




“อากฤติเคยไปดูฉลามที่สยามมั้ยคะ?”

“ไม่เคยเลยครับ น้องนิ้งมาบ่อยหรือเปล่าครับ?”

“ไม่บ่อยค่ะ ปกติหนูมาตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่ว่างทั้งคู่ แต่ช่วงหลังๆ ทุกพ่อกับคุณแม่งานเยอะมาก หนูเลยนั่งดูคุณฉลามทางทีวีแทนค่ะ”





นรินทร์ที่ตอนนี้กลายเป็นคนขับรถจำเป็นนั่งฟังเสียงลูกสาวคุยงุ้งงิ้งกับเจ้านายตนเองอย่างปลงงตก เดิมทีเวลาอยู่กับน้องนิ้งเขาก็แทบจะยอมให้ลูกสาวทุกอย่างอยู่แล้ว ส่วนอีกคนนี่ไม่ต้องพูดถึง สำหรับคนที่เขากำลังพยายามจีบทุกครั้งที่มีโอกาสอย่างหัวหน้าแผนกนั้น เรียกว่ายิ่งกว่าตามใจเลยดีกว่า





คุณพ่อคนเก่งเหลือบตามองอีกคน ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นดูใจดีเมื่อคุยกับน้องนิ้ง ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่กฤติกลับมีเสน่ห์บางอย่างที่เขาไม่สามารถละสายตาออกไปได้





ยิ่งมองก็ยิ่งหลง





เมื่อคนที่เขามองหน้าสลับกับมองถนนรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าให้จ้อง ชั่วขณะที่กฤติมองมาทางนรินทร์นั้น หัวหน้าหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าเขามีอะไร ในขณะที่นรินทร์เพียงแค่ขยิบตาหล่อๆ กลับไปเท่านั้น ซึ่งได้รับการถลึงตากลับมาด้วยความรัก





น้องนิ้งเป็นเด็กที่นอนง่าย ขึ้นรถมาคุยไม่ทันไรก็นอนหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว เหลือเพียงนรินทร์ที่กำลังขับรถ และกฤติที่นั่งมองกระจกอยู่ ซึ่งกฤตินั้นนั่งที่ข้างคนขับรถด้วยความจำยอม เมื่อเดินมาถึงรถแล้วน้องนิ้งกระโดดเข้าไปที่เบาะหลังโดยอ้างว่าตนจะนอน หัวหน้าหนุ่มเลยต้องนั่งข้างคนขับรถโรคจิตอย่างช่วยไม่ได้





ถ้าไม่นับการที่นรินทร์คอยแต่จะส่งสายตาเจ้าชู้มาให้ มันก็ไม่แย่เท่าไหร่นัก





ตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้เป็นเวลาร่วมเดือน จนแทนใจคบกับเมฆไปเรียบร้อย ทั้งคู่ดูรักกันดีถึงแม้ว่ากฤติจะเสียดายกระต่ายของตัวเองก็ตาม นรินทร์เองก็คงจะรับรู้ได้ว่าเขาเอ็นดูแทนใจอยู่มาก ผู้ชายคนนี้เคยเอ่ยปากถามชายหนุ่มครั้งหนึ่งตอนที่พวกเขาทานข้าวด้วยกัน





‘คุณไม่หึงแทนใจเหรอที่ไปคบกับเมฆ ลองเป็นผมนะ หากคุณไปคบกับคนอื่นผมคงต้องเป็นบ้าแน่ๆ’





กฤติเพียงแค่อธิบายไปว่าเขาไม่ได้ชอบแทนใจเชิงชู้สาว เพียงแค่มองอีกฝ่ายเป็นกระต่ายที่วิ่งไปวิ่งมาในออฟฟิศเท่านั้น แต่ถ้าให้ ‘ขึ้นครู’ น้องแทนใจ เขาก็ไม่ปฏิเสธ





ส่วนประโยคที่พูดถึงเขาของนายนรินทร์ กฤติก็ทำเป็นไม่ได้ยินเหมือนเคย





ใช้เวลานานกว่าที่คิดกว่าจะมาถึงจุดหมาย เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว กฤติที่ยืนอยู่ด้านนนอกมองนรินทร์ที่ก้มลงไปในรถเพื่อปลุกลูกสาวด้วยสายตานิ่งๆ หากแต่ในหัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเสียงนุ่มของคุณพ่อ





“น้องนิ้งคะ ถึงแล้วนะคะ”

“...ค่ะ”

“ลงมากับคุณพ่อได้แล้วนะคะคนเก่ง”

“โอเคค่ะ”





เมื่อพูดจบ นรินทร์กดจูบที่กระหม่อมลูกน้อยก่อนที่จะผละออกมาให้เด็กน้อยลุกขึ้นเอง ความอ่อนโยนในมุมที่กฤติไม่ค่อยได้เห็นจากนรินทร์นั้นทำให้เขาหยุดมองไม่ได้





ชั่วขณะ กฤติมีความคิดว่าน้องนิ้งช่างโชคดีที่มีผู้ชายคนนี้เป็นพ่อ





เป้าหมายของพวกเขาในวันนี้คือสยามโอเชียนเวิลด์ (ที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิลด์ ซึ่งกฤติไม่ได้สนใจมากนัก) เขาจูงมือน้องนิ้งเอาไว้ ในขณะที่คนพ่อเดินไปจัดการเรื่องบัตรเข้าชม





การดูฉลามกับคุณพ่อและคุณลูกไม่ได้น่าเบื่อเท่าไหร่นัก กฤติรู้สึกว่าตัวเองสนุกกับการมองสัตว์น้ำในอุโมงค์กระจกมากกว่าที่คิด ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาได้คุ้นเคยกับน้องนิ้งมากขึ้นไปอีก อาจจะเพราะกฤติรู้สึกถูกชะตากับเด็กหญิงอยู่แล้ว ตัวน้องก็เหมือนจะชื่นชอบเขาอยู่ไม่มากก็น้อย





ทริปนี้เลยกลายเป็นเหมือนเด็กหญิงจะอยู่กับเขามากกว่าพ่อของเธออีก





หลังจากการดูสัตว์น้ำจบลลง น้องนิ้งก็เกิดอาการอยากเข้าห้องน้ำ พวกเขาทั้งหมดจึงเข้าห้องน้ำก่อนที่จะคิดกันว่าจะทำอะไรต่อ





“น้อยใจนะ”

“อะไรครับ?”





กฤติถามขึ้นมาเมื่อพวกเขายืนอยู่หน้าห้องน้ำหญิงกับตัวคุณพ่อเพียงสองคน มันออกจะน่าประหลาดใจไปสักหน่อย แต่เวลาที่อยู่ในโอเชี่ยนเวิลด์นั้น ไหลไปเร็วกว่าที่กฤติคิดไว้มากโข กว่าจะรู้ตัวอีกที พวกเขาก็หิวกันเสียแล้ว

 



ตลอดเวลาที่อยู่ในนั้น น้องนิ้งคว้ามือเขาไปจับแล้วจูงดูนั่นดูนี่ตามแบบเด็กที่ร่าเริงทั่วไป โดยมีนรินทร์คอยเดินตามอยู่ข้างหลัง ซึ่งกฤติเองก็ไม่นึกรำคาญอะไร ชายหนุ่มเองก็เพลิดเพลินกับการเดินดูสัตว์น้ำเช่นเดียวกัน





“คุณอยู่แต่กับลูก ไม่สนใจพ่อเลย น้อยใจมากๆ แล้วเนี่ย”





หัวหน้าแผนกพยายามบังคับตัวเองไม่ให้กลอกตาด้วยความหมั่นไส้ แต่เหมือนนรินทร์จะไม่รับรู้ ชายหนุ่มยังคงดัดเสียงสองพูดกับกฤติต่อ





“จูงมือคุณพ่อมั่งสิครับ”





นรินทร์ยังคงยิ้มหน้าบาน แม้กฤติจะทำหน้าเหมือนกับว่าถูกบังคับให้ยืนเต้นไก่ย่างถูกเผาที่สยามก็ตาม





 “...”

“นะคุณแม่ จูงมือคุณพ่อหน่อย”





คุณแม่กะผี… กฤติด่าในใจ หากแต่เลือกตอบอย่างอื่นออกไป





“ถ้าจูงไปลาออกน่ะ ได้ครับ”

“โหย ใจร้าย”





กฤติเบ้หน้าตอนที่นรินทร์ดัดเสียงเล็กเสียงน้อยอยู่ข้างๆ เขาอยากจะเอาอะไรบางอย่างใส่ปากอีกคนให้เงียบๆ ไป อย่างน้อยไม่ต้องพูดไปเลย เขาจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านด้วยเรื่องไร้สาระอีก





คนที่มัวแต่พยายามเอาเรื่องไร้ประโยชน์ออกจากหัว ไม่ได้มองเห็นผู้ชายข้างๆ ที่เลียริมฝีปาก ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับเข้าไปชิดกับหัวหน้าตัวเอง มือที่เคยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนอยู่สม่ำเสมอสั่นเล็กน้อยอย่างหวั่นว่าจะโดนอีกฝ่ายฟาดหากรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร





นิ้วก้อยของคุณพ่อลูกหนึ่ง พยายามจะเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยของอีกคนเอาไว้เหมือนเด็กมัธยมที่ไม่กล้าจับมือผู้หญิง ซึ่งนี่ก็ไม่ต่างกันนัก เพราะคนที่เขากำลังจะอาจหาญแตะต้องนั้นคือหัวหน้าแผนก





นอนด้วยกันมาแล้ว แต่พอจะจับมือจริงๆ แล้ว มันออกจะยากเล็กน้อย





ยิ่งการที่กฤติเพียงแค่ปรายตามองมาที่มือพวกเขาเฉยๆ ไม่ได้สะบัดหนีแต่อย่างไร ทำให้นรินทร์ย่ามใจ หมายจะคว้ามืออีกคนมาจับ ซึ่งในใจมีภาพตัวเองขยำอีกคนเสียจนมีแต่ร่องรอยของเขาไปหมดทุกซอกทุกมุม นรินทร์สาบานเลยว่าหากกฤติทำตัวน่ารักอีกครั้ง เขาจะ…





“คุณพ่ออย่าทำตัวน่ากลัวใส่อากฤตินะคะ!”





เสียงน้องนิ้งที่ผ่าอากาศขึ้นมาทำให้ผู้ใหญ่สองคนที่กำลังจีบกันสะดุ้ง กฤติรีบปัดมืออีกคนออกจากนิ้วของตัวเองอย่างรวดเร็วคล้ายกับสัมผัสจากนรินทร์คือเชื้อโรค ถึงแม้ว่าตัวเองจะหูแดงและในหัวมีแต่คำว่า ‘นี่มันไร้สาระ!' ก็ตาม





ในส่วนของคุณพ่อคนเก่งที่ยืนชะงักค้าง นัยน์ตาคมมองลูกสาววิ่งไปกอดเอวอีกคนอย่างทำอะไรไม่ได้ ในขณะที่น้องนิ้งเงยหน้ามองอากฤติของเธอ พร้อมฟ้องในสิ่งที่เห็นมา





“เมื่อกี้คุณพ่อมองอากฤติเหมือนจะกินลงไปเลยนะคะ เหมือนเวลาที่มองก๋วยเตี๋ยวเรือเส้นใหญ่ใส่ถั่วงอกเยอะๆ เลยค่ะ!”





เธอไม่ได้โกหก ตอนที่ออกจากห้องน้ำ พร้อมล้างมือและเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เด็กหญิงเห็นอากฤติยืนหูแดงเหมือนกับคนที่โดนแกล้ง ในขณะที่คุณพ่อมองอากฤติเหมือนเห็นของกินที่อร่อย คุณพ่อกินอากฤติไม่ได้อากฤติไม่ใช่ลูกอมนะ!

 



ทำไมโตเป็นผู้ใหญ่แล้วถึงไม่รู้ว่าคนอื่นไม่ใช่ของกินล่ะ!





คุณพ่อนี่ใช้ไม่ได้เลย





“อ๋อ… คุณพ่อหิวน่ะค่ะ”

“หิวก็ไปทานอาหารสิคะ ไม่ใช่ทานอากฤติ!”

“แต่คุณพ่ออยากทานอากฤตินี่คะ”

“อากฤติไม่ใช่ของกินนะคะ ถ้าทานแล้วหนูจะเอาอากฤติที่ไหนมาล่ะ หนูชอบอากฤติ คุณพ่อห้ามกินค่ะ!”





กฤติไม่รู้ว่าสองพ่อลูกเถียงกันเรื่องแบบนี้ไปเพื่ออะไร แต่คนที่ตกเป็นประเด็นในการพูดคุยนั้นยืนทำหน้าไม่ถูกแล้ว ชายหนุ่มขยับตัวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรในสถานการณ์นี้ ความคิดประหลาดปรากฏอยู่ในหัว





สองคนนี้สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ




.

.

.






แผนกินข้าวของพวกเขาล่มเพราะใกล้เวลาที่น้องนิ้งจะต้องกลับบ้าน





กฤติเดินนำสองพ่อลูกมาที่รถ บางทีมันก็ตลกเหมือนกันที่น้องนิ้งและนรินทร์เหมือนพ่อลูกมากกว่าที่เขาคิด ทั้งสองคนชอบกินขนมหวานเหมือนกัน ชอบดูสัตว์น้ำเหมือนกัน แล้วก็ตื่นเต้นกับโซนของเล่นเด็กกับกีฬาเหมือนกันทั้งคู่ อีกทั้งยังทำหน้าแหยงเมื่อเห็นกฤติเดินเข้าไปในมุมหนังสืออีก





ถึงแม้ว่าพ่อลูกจะตีกันมาตลอดทางเลยก็ตาม





“คุณ…”





เสียงของคนขับเรียกให้กฤติหันไปมอง มือของนรินทร์กำลังเคาะพวงมาลัยเหมือนกับตกอยู่ในความคิดอะไรบางอย่าง ถนนข้างหน้ายังมีรถหนาแน่นสมกับเป็นการจราจรในกรุงเทพ เพราะคนขับไม่ได้เปิดเพลงอะไร

น้องนิ้งก็หลับปุ๋ยอยู่ด้านหลังตั้งแต่ขึ้นรถ 





 “ครับ?”

“วันนี้เหนื่อยมั้ยครับ?”





กฤติหันมองคนข้างๆ เพื่อพบว่าคุณพ่อของน้องนิ้งกำลังยิ้มให้กระจกอยู่ แน่นอนว่ากฤติทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น 





“ไม่ครับ สนุกดี” หัวหน้าตอบอย่างง่ายๆ และเขาหมายความอย่างที่พูดออกไปจริงๆ 

“วันนี้เราเหมือนครอบครัวเลยเนอะ”





มาถึงตอนนี้ กฤติเริ่มรู้สึกว่าตัวเขาตอบไม่ถูกแล้ว





“ถ้าครั้งหน้ามากับพวกผมแบบนี้อีกได้มั้ยครับ?”

“...”

“ไม่สิ มาเติมเต็มครอบครัวของผมได้มั้ยครับ?”





มันเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ กฤติไม่กล้ามองไปทางคนข้างๆ เขารู้สึกถึงสายตาของอีกคนที่จ้องมองมาทางนี้ ชายหนุ่มเม้มปาก พยายามไม่สนใจว่าใบหูตัวเองเริ่มร้อนขึ้นมาอีกแล้ว





ชั่วอึดใจที่นานนับปี



จนในที่สุด หัวหน้าหนุ่มก็พูดเสียงเรียบตอบกลับไป





“ถ้าว่าง… จะมาช่วยดูน้องนิ้งด้วยก็ได้ ผมไม่มีปัญหาอะไร”





ทั้งที่กฤติพูดตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองกระจกข้างๆ แถมยังพึมพำเสียงเบาราวกับว่าจะให้ตัวเองฟังเท่านั้น แต่นรินทร์กลับได้ยินชัดเจนคล้ายอีกคนมากระซิบข้างริมฝีปาก อีกทั้งใบหูแดงของอีกฝ่าย เป็นหลักฐานชั้นดีที่บ่งบอกว่ากฤติเขินเขาแค่ไหน





น่ารัก



น่ารักจนอยากจะครอบครองเอาไว้คนเดียว





“จะมองมั้ยครับทางน่ะ?”





กฤติเหน็บทั้งที่ไม่ได้ละสายตาออกจากกระจกด้านข้าง เงาสะท้อนของอีกคนมันชัดเจนจนเขานึกอยากจะหาอะไรมาคลุมหน้านรินทร์เอาไว้





“เขินก็ยอมรับเถอะครับคุณ”

“...”

“ยอมรับออกมาเถอะนะ นะนะน่ะน่อว์”





น่อว์ที่หน้า





กฤติได้แต่คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป เขาไม่น่ารู้สึกว่าอีกคนมีมุมหล่อเลยจริงๆ … สุดท้าย ยังไงนรินทร์ก็คือนรินทร์คนไร้ประโยชน์อยู่ดี ให้ตายเถอะ!






ทั้งที่เป็นแค่นรินทร์คนไร้สาระแท้ๆ



แต่ทำให้เขากลั้นยิ้มจนเมื่อยแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน






------- Sunday In Bed -------







เวลาเกือบชั่วโมงผ่านไป พวกเขาก็มาถึงที่หมาย





บ้านที่พวกเขามาส่งน้องนิ้งนั้นคือบ้านของแฟนใหม่แม่เด็กน้อย ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ในพื้นที่ย่านพลุกพล่าน ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับที่อยู่ของกฤติและนรินทร์ พวกเขาขับเข้ามาข้างใน ใช้เวลาไม่นานรถของคุณพ่อคนเก่งก็มาจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่เนตรส่งให้ในแอปพลิเคชันแชท





บ้านของเอิร์ธ





‘ครืดดดดดด’





เสียงประตูรั้วอัตโนมัติเปิดออกแทบจะทันทีที่รถพวกเขาจอด ผู้ใหญ่สองคนในรถหันไปมองทางตัวบ้านพร้อมกัน ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า





นั่นคงเป็นเจ้าของบ้าน





กฤติคิดกับตัวเองตอนที่นรินทร์ลงจากรถไปทักทายอีกคน  ท่าทางดูภูมิฐานทั้งที่อยู่ในชุดสบายๆ หัวหน้าหนุ่มลังเลเล็กน้อยว่าเขาควรจะปลุกเด็กน้อยเลยหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ปล่อยให้น้องนิ้งนอนไปก่อน รอนรินทร์คุยเสร็จแล้วค่อยเรียกน่าจะยังทัน





คุยอะไรกัน นานขนาดนี้



หัวหน้าหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อผ่านไปหลายนาทีแต่นรินทร์ก็ยังไม่ขึ้นมา จนเมื่ออดรนทนไม่ไหว กฤติจึงเปิดประตูลงไปด้วย





“... มากับเพื่อนน่ะครับ”

“… สวัสดีครับ”





ประโยคแรกนรินทร์พูดกับชายหนุ่มแปลกหน้า ส่วนประโยคหลังเป็นของชายแปลกหน้าที่หันมาพูดกับกฤติ โดยพูดพร้อมกับยกมือไหว้กฤติไปด้วย ซึ่งเขาก็รับไหว้ทันทีทั้งที่อีกฝ่ายดูคล้ายกับจะอายุมากกว่า





“คุณคงเป็นคุณกฤติ เพื่อนของคุณโน้ต” ชายแปลกหน้าพูดขึ้นมาก่อน ซึ่งกฤติเพียงแค่ยิ้มมารยาทรับไว้เท่านั้น “ผมกับเนตรกำลังจะทานข้าวเย็นกันพอดี เลยอยากจะเชิญทั้งคุณกฤติและคุณโน้ตมาร่วมโต๊ะด้วยน่ะครับ”



“ครับ”





กฤติรับคำเพียงสั้นๆ เขากำลังสังเกตนรินทร์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ลูกน้องคนอารมณ์ดีตอนนี้มีสีหน้าฝืน คล้ายกับไม่มั่นใจว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงนี้หรือเปล่า





ใจหนึ่งกฤติเองก็ไม่อยากรบกวนเวลาครอบครัวคนอื่น แต่หากตามนิสัยนรินทร์แล้ว เขาคิดว่าเจ้าตัวคงยังไม่ไว้ใจแฟนใหม่ของคุณแม่น้องนิ้งมากขนาดนั้น ตลอดทางที่มาที่นี่ หากไม่หยอดเขา นรินทร์ก็จะเคาะพวงมาลัยรถคล้ายกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา





ซึ่งนั่นเป็นพฤติกรรมปกติเวลาที่เจ้าตัวคิดถึงเรื่องครอบครัว




ระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมานั้นมากพอที่กฤติจะรู้จักนรินทร์ในหลายแง่มุมมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากพวกนิสัยสัปดนที่มักจะแสดงออกเวลาอยู่กันตามลำพังแล้วนั้น เมื่อเป็นเรื่องของครอบครัวแล้ว นรินทร์มักจะเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ เวลาพูดเสียงจะสูงขึ้นเล็กน้อยคล้ายคนประหม่า แถมยังคิดช้ากว่าปกติ





ตอนนี้ นรินทร์คนนั้น กำลังไม่สบายใจ





ในขณะที่กฤติกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองนั้น คุณพ่อลูกหนึ่งยิ้มแห้งให้แฟนใหม่เนตร พร้อมกับบอกปฏิเสธคำเชื้อเชิญออกไป





“ยังไงถ้าไม่รีบกลับอะไร อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะครับ ผมคิดว่าน้องนิ้งต้องอยากทานข้าวกับพวกคุณด้วยแน่นอน”





เอิร์ธพูดเชิญชวนอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มมารยาทประดับใบหน้า พอมีชื่อลูกปรากฏในประโยคนั้น นรินทร์ก็นิ่งไปเหมือนกำลังคิด





“พอดี… ผมต้องไปส่ง...”

“ถ้าอย่างนั้น รบกวนด้วยนะครับ”

 



กฤติเป็นฝ่ายพูดดักขึ้นมาก่อนที่นรินทร์จะพูดจบ ซึ่งนั่นเรียกสีหน้ายินดีของเจ้าบ้าน และการเลิกคิ้วมองอย่างตกใจของคนด้านข้างในเวลาเดียวกัน





หลังจากนั้นเอิร์ธก็เชื้อเชิญพวกเขาเข้าบ้านโดยที่นรินทร์กับกฤตินั้นกลับเข้ามาในรถเพื่อขับไปจอดในบริเวณด้านใน ความจริงกฤติจะยืนรอโน้ตอยู่ด้านนอกก็ได้ แต่เขาอยากจะมาเช็กว่าอีกฝ่ายโอเคอย่างแท้จริง





“คุณอยากอยู่มั้ย?” นรินทร์เป็นฝ่ายถามเมื่อพวกเขากลับเข้ามาในรถ “ถ้าคุณไม่อยาก เรากลับเลยก็ได้นะ”

“คุณล่ะ อยากมั้ย?”





กฤติถามกลับทันที นัยน์ตาคมมองผ่านแว่นอย่างต้องการคำตอบ โน้ตมีท่าทีอึดอัดในช่วงแรก แต่เมื่อผ่านไปเสี้ยววินาที ชายหนุ่มก็ยอมรับออกมาตามตรง





“ผมเองก็อยากคุยกับเขาเหมือนกัน อยากจะรู้ว่าเวลาน้องนิ้งอยู่กับเขาแล้วจะเป็นยังไง”

“คุณไม่เคยเห็น?”

“ไม่ครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอแฟนใหม่ของเนตร”





กฤติยังคงนิ่งกับข้อมูลที่ตนเพิ่งจะรับรู้มา ถึงแม้นรินทร์จะยิ้มให้เขาเหมือนทุกทีแต่กฤติรู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกไป มือของนรินทร์ที่ค้างอยู่บนพวงมาลัยทั้งที่รถดับไปแล้ว ใบหน้าหล่อมองตรงไปข้างหน้าทั้งที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ 





โน้ตกำลังอึดอัด





ไวกว่าความคิด กฤติเอามือของตัวประสานไปบนมือของอีกคนแล้วส่งแรงบีบเบาๆ เขาปลอบคนไม่เก่ง สิ่งเดียวที่ทำได้คือเผชิญหน้ากับปัญหาไปกับอีกคนด้วยเท่านั้น





เมื่อตัดสินใจได้แล้ว กฤติก็พูดตอบชายหนุ่มออกมา





“ไปสิ ก็ลองเข้าไปดูด้วยกันทั้งคุณทั้งผมนั่นแหละ”





.

.

.


ต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :10th Sunday: นอนด้วยกันนี่ต้องสนิทเหรอ? (31/01/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 14-02-2019 20:35:55
ต่อจ้า

------- Sunday In Bed -------




“เข้ามาก่อนสิครับ”





เสียงเชื้อเชิญของเจ้าบ้านทำให้พวกเขาก้าวเข้าไปด้านใน บ้านของเอิร์ธเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ที่กินอาณาบริเวณเยอะเกือบที่สุดของหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ นรินทร์ผิวปากเมื่อเดินผ่านรั้วเข้ามา รู้นะว่าแฟนใหม่เนตรรวย แต่เขาไม่คิดว่าจะมีเงินขนาดนี้





บ้านเดี่ยวย่านลาดพร้าวไม่ใช่เรื่องเล่นๆ





ภายในตัวบ้านที่เป็นระเบียบไม่ได้ให้ความรู้สึกต่างจากบ้านเดี่ยวทั่วไป มีเพียงหลายมุมที่ยังคงทำให้นรินทร์รู้สึกว่าที่นี่แข็งกระด้าง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดว่าความเป็นระเบียบทุกกระเบียดนิ้วของที่นี่ช่างเหมาะกับเนตรแล้ว





เนตรเป็นคนที่ต้องการความเพอร์เฟคในทุกด้าน รวมถึงชีวิตคู่ด้วยเช่นกัน เมื่อนรินทร์เป็นสามีตรงตามบรรทัดฐานความ ‘สมบูรณ์แบบ’ ไม่ได้ พวกเขาก็ไปกันไม่รอด





อีกส่วนหนึ่งก็คือตัวนรินทร์เอง





ความรู้สึกรักที่ไม่มากพอจืดจางไปตามเวลา จากที่เคยคิดว่าเราจะขาดเขาไม่ได้ กลายเป็นว่าการนอนเตียงเดียวกับผู้หญิงที่เคยคิดสวยที่สุดในโลก เป็นเรื่องฝืนจิตใจมากเกินไป





เมื่อถึงจุดหนึ่ง ครอบครัวที่เคยร่วมกันสร้าง กลายเป็นเพียงภาพอดีตอันแสนไกล





“ทำตัวตามสบายเลยนะครับ”





เจ้าของบ้านพูดอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินนำพวกเขาทั้งสามไปยังโซฟากลางห้องนั่งเล่น ที่มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ เมื่อเธอเห็นนรินทร์ รอยยิ้มที่มีก็จางลงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มมารยาทอีกครั้งเมื่อเห็นว่านอกจากลูกสาวกับแฟนเก่าแล้ว ยังมีแขกอีกคนมาด้วย





“เชิญนั่งครับ”

“ขอบคุณมากครับ”





เป็นกฤติที่ตอบคำเชื้อเชิญของคุณเอิร์ธแทนนรินทร์ที่ทำเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้น โดยเด็กหญิงที่เมื่อครู่หลับมาตลอดทางเพราะเหนื่อย เดินกอดตุ๊กตาง่วงๆ แล้วมานั่งแปะอยู่ข้างกายของกฤติ





ตัวของหัวหน้าหนุ่มกับคุณพ่อเหมือนจะไม่ได้ถือสาอะไร ในขณะที่ฝั่งคุณแม่นั้นมีสีหน้ากระอักกระอ่วนปรากฎให้เห็น

 



“ตายแล้ว ทำไมไปนอนตักคนอื่นแบบนั้น ขอโทษแทนน้องนิ้งด้วยนะคะคุณ... “

“กฤติครับ” หัวหน้าหนุ่มพูดเสริม “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”

“แต่ยังไงก็ไม่ควรค่ะ”





เนตรยืนกราน พลางขยับตัวหมายจะลุกขึ้นมาปลุกเด็กน้อยให้ลุกออกมาจากตักคนแปลกหน้า แต่นรินทร์กลับยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้





“ไม่เป็นไรน่าคุณ น้องนิ้งง่วง ก็ให้ลูกนอนไปก่อน”

“แต่มันรบกวนคนอื่นนะคะ เดี๋ยวติดนิสัยมักง่ายไร้ระเบียบแบบนี้ โตขึ้นไปจะแก้ยากแล้วนะคะ”

“นี่มันคนกันเองหน่าคุณ”

“ทำไมคุณถึงชอบเป็นแบบนี้คะ? ลูกเสียนิสัยหมดแล้วเห็นมั้ย?”





มาถึงตอนนี้ กฤติเริ่มเข้าใจในปัญหาของเนตรและนรินทร์มากขึ้นเล็กน้อย เขาเข้าใจตัวหญิงสาว และรู้จักนรินทร์มากพอที่จะเข้าใจในความคิดของชายหนุ่มเช่นเดียวกัน





มองกันคนละมุม คิดกันคนละแบบ เลยอยู่ด้วยกันไม่ได้





“ไม่เป็นไรครับ ผมสนิทกับน้องนิ้ง” กฤติพูดออกไปในที่สุด พร้อมกับประคองหัวของเด็กหญิงที่หลับสนิทเอาไว้ “คุณเนตรไม่ต้องคิดมากนะครับ”





หญิงสาวที่ท่าทีไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แต่ก็ยอมนั่งลงอย่างเสียไม่ได้ โดยมีเอิร์ธนั่งลูบมืออยู่ด้านข้างประหนึ่งจะปลอบโยนให้แฟนสาวคลายกังวล





“ผมว่าทุกคนน่าจะหิวกันแล้ว ผมให้แม่บ้านตั้งโต๊ะเลยแล้วกัน”





ชายหนุ่มเจ้าของบ้านพูดเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่จะหันไปสั่งแม่บ้านให้ช่วยจัดเตรียมอาหารให้เสร็จสรรพ ความตึงเครียดเมื่อครู่ค่อยๆ คลี่คลายลง





บทสนทนาของพวกเขาถูกเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นที่ใกล้ตัวมากขึ้นอย่างเรื่องการงานและความสนใจทั่วไป นรินทร์นั้นเข้ากับคนง่าย เอิร์ธเป็นคนที่คุยสนุก รวมถึงเนตรเองก็เป็นผู้หญิงที่วางตัวได้ดี ทำให้กฤติไม่รู้สึกแปลกแยกมากนัก ทั้งที่เมื่อนึกกี่ครั้งเขาก็ไม่ควรที่จะมาอยู่ตรงนี้





กฤติกำลังนั่งอยู่ในบ้านสามีใหม่ ของภรรยาเก่า ของคนที่กำลังจีบเขา





ซับซ้อนดีเหมือนกัน





หลังจากนั้นไม่นานโต๊ะอาหารก็พร้อม กฤติปลุกเด็กน้อยที่นอนหนุนตักเขาเบาๆ โชคดีที่เด็กน้อยไม่ได้ตื่นยาก เพียงแค่เรียกเบาๆ น้องนิ้งก็ลุกจากตักชายหนุ่มขึ้นมานั่งพิงโซฟาแทน ถึงแม้จะยังคงมีความง่วงงุนหลงเหลือให้เห็นก็ตาม เมื่อเห็นว่าลูกสาวทำท่าจะเอามือไปขยี้ตา คุณพ่อทำท่าจะจับมือของลูกออกมา แต่ช้ากว่ากฤติที่นั่งอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มหน้านิ่งจับมือของเด็กหญิงมากุมไว้เบาๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำตาตัวเองเจ็บจากแรงขยี้





ซึ่งทั้งหมดนั้น อยู่ในสายตาของอีกสามคนที่เหลือ





“น้องนิ้งคะ หนูหิวหรือยังลูก?”





เป็นเนตรที่ถามทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน ซึ่งเด็กหญิงเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ แต่มือยังคงไม่ปล่อยออกจากอากฤติของเธอ



“หนูมานั่งกับคุณแม่มั้ยคะ? เดี๋ยวคุณแม่อุ้มไปทานข้าว”

“ฮื่อ” เด็กหญิงส่ายหน้าพลางจับมืออากฤติเอาไว้ ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยจะตื่นมากกว่าเดิม เพราะเธอลืมตาขึ้นมามองรอบๆ คุณพ่อคนเก่งเห็นว่าเดี๋ยวมันจะกินเวลาเกินไป จึงก้มลงไปพูดกับลูกสาว





“เดี๋ยวน้องนิ้งไปล้างหน้าก่อนนะคะ จะได้ไปทานข้าวกัน”

“ค่ะ” น้องนิ้งรับคำทั้งที่หาวเบาๆ โดยใช้มือข้างที่เป็นอิสระปิดปาก

“น้องนิ้งจะให้คุณพ่อหรืออากฤติไปด้วยมั้ยคะ?”

“นิ้งไปเองได้ค่ะ”





เด็กน้อยพูดแค่นั้นก่อนจะเดินเตาะแตะเข้าห้องน้ำที่อยู่เลยจากห้องนั่งเล่นไปไม่ไกล ท่าทางคุ้นเคยกับสถานที่นั้นทำให้รู้ได้ว่าเธอคงมาที่นี่บ่อยพอสมควร





หลังจากที่น้องนิ้งกลับมานั้น พวกเขาก็เริ่มมื้อเย็นอย่างเรียบง่าย โต๊ะอาหารขนาดกลางที่นั่งห้าคนก็ยังเหลือที่ หัวโต๊ะนั้นเป็นที่ของเจ้าบ้านอย่างเอิร์ธ ทางด้านขวาถัดมาเป็นที่นั่งของเนตร ส่วนฝั่งตรงข้ามเนตรนั้นคือน้องนิ้ง ถัดจากเด็กน้อยคือนรินทร์ และกฤติตามลำดับ





อาหารไทยที่สามารถทานได้ทุกคนถูกยกมาเสิร์ฟจนเกือบเต็มโต๊ะ กฤติกวาดตามองทั่วโต๊ะก่อนจะพยักหน้ากับตัวเองเล็กน้อยเมื่อมีประมาณสองสามจานที่ไม่เผ็ด ส่วนอาหารที่แค่มองก็อยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความเผ็ดนั้นกฤติจะไม่ถือว่ามันอยู่บนโต๊ะก็แล้วกัน





“อากฤติๆ” เสียงเด็กหญิงพูดขึ้นเมื่อเริ่มทานกันไปสักพัก “ทอดมันกุ้งอร่อย อากฤติกินนะคะ เดี๋ยวนิ้งตักให้”

“ขอบคุณมากครับ”





ชายหนุ่มยิ้มขอบคุณเด็กหญิงตัวน้อยที่พยายามจะเอื้อมมือไปตักอาหารจานที่อยู่ไกลจากตัว เพียงเพราะอยากให้เขาได้ทานด้วย การกระทำนี้ช่างน่าเอ็นดูจนกฤติต้องส่งยิ้มให้





พฤติกรรมของน้องนิ้งไม่ได้ทำให้กฤติหรือนรินทร์แปลกใจเท่าไหร่นัก แต่นั่นอาจจะไม่ใช่สำหรับอีกสองคนที่เหลือ





“น้องนิ้งสนิทกับอากฤติมากเลยเหรอคะลูก?”





คุณแม่เป็นคนเริ่มต้นถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ จริงอยู่ที่ลูกสาวเธอเป็นคนเข้ากับคนง่ายเหมือนฝ่ายพ่อ แต่การสนิทสนมจนถึงขั้นตักอาหารให้นี่มันดูค่อนข้างจะประหลาดสักหน่อย

“ใช่ค่ะ” เด็กน้อยรับคำเสียงใส “น้องนิ้งชอบอากฤติค่ะ”

“ชอบแต่อากฤติแบบนี้พ่อเสียใจแย่นะเนี่ย จะร้องไห้แล้วนะ”





นรินทร์พูดทีเล่นทีจริงขึ้นมาบ้าง จานตรงหน้าชายหนุ่มนั้นเหลือกว่าค่อนจานทั้งๆ ที่เป็นคนกินเก่ง หากสมมุติฐานของกฤติถูกต้องล่ะก็ คืนนี้หลังจากที่พวกเขากลับห้องไป นรินทร์ต้องกินมื้อดึกเพิ่มอีกแน่





อีกฝ่ายอาจจะเกร็งเมื่อต้องมานั่งกันอยู่ในบรรยากาศกระอักกระอ่วนแบบนี้ กฤติไม่โทษลูกน้องหรอก เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้เจริญอาหารมื้อนี้นักเช่นเดียวกัน





“ร้องเลยค่ะ นิ้งไม่ปลอบ คุณพ่อโตแล้วนะคะ จบชั้นป.1 แล้วด้วย คุณพ่อต้องดูแลตัวเองนะ นิ้งยังไม่ร้องเลย คุณพ่อห้ามขี้แยสิ”





เด็กหกขวบพูดฉะฉาน ก่อนที่จะทานอาหารตรรงหน้าเธอต่อ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทำให้ผู้ใหญ่สองในสี่คนต้องกระแอมเพื่อไม่ให้หลุดขำออกมา





“น้องนิ้งรักแต่อากฤติเหรอคะ? แล้วคุณแม่กับอาเอิร์ธล่ะลูก”





เนตรถามยิ้มๆ เท่าที่เธอดูเพื่อนของนรินทร์คนนี้ดูจะไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรกับลูกของเธอ เพียงแต่… มันออกจะประหลาดเล็กน้อยเท่านั้นเอง





“หนูรักหมดเลยค่ะ” น้องนิ้งตอบพร้อมยิ้มยิงฟัน “ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ อาเอิร์ธ อากฤติ… นิ้งรักหมดเลย”





ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร เด็กน้อยก็พูดต่ออีกครั้ง





“คนที่คุณพ่อกับคุณแม่รัก นิ้งรักทั้งหมดเลยค่ะ”







สิ้นเสียงเด็กน้อย บรรยากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนจนกระทั่งทานข้าวเสร็จ ขนาดที่น้องนิ้งเองก็ยังรู้สึกได้ แต่เด็กหญิงไม่แน่ใจถึงสาเหตุของมันเท่าไหร่นัก ในเมื่อมีแต่เรื่องยากๆ แถมยังเหนื่อยจากการใช้พลังงานมาทั้งวัน เด็กน้อยจนผล็อยหลับไปในเวลาไม่นานหลังจากที่ทุกคนทานข้าวกันเรียบร้อย





เมื่อเห็นว่าน้องนิ้งเข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อย ผู้มาเยือนทั้งสองคนจึงขอตัวกลับบ้านเช่นเดียวกัน





“ขอบคุณมากนะคะที่พาน้องนิ้งมาส่ง”





เนตรเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา ใบหน้าสวยส่งยิ้มให้กับแฟนเก่าและเพื่อนของแฟนตามมารยาท ซึ่งกฤติเองก็ยิ้มมารยาทรับเช่นเดียวกัน เนตรเป็นผู้หญิงสวยที่ทุกคนต้องจำได้ด้วยการสบตาเพียงเสี้ยววินาที ในขณะที่ตัวของเอิร์ธแฟนใหม่ของเธอเองก็ดูดีเช่นเดียวกัน ดูเป็นครอบครัวที่ไร้ซึ่งความด่างพร้อยใดๆ มันเป็นเรื่องที่ดูเกินความจริงมากเกินไปหน่อย





ทุกครอบครัวมีปัญหาเป็นของตัวเองอยู่แล้ว 





“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เอ็นดูน้องนิ้งอยู่เหมือนกัน”





กฤติตอบสบายๆ ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยลาเพื่อขอตัวกลับนั้น หญิงสาวเพียงคนเดียวก็พูดขึ้นมาเสียก่อน





“ยังไงขอคุยกับคุณโน้ตเขาสักครู่นะคะ”





นรินทร์ที่กำลังง่วงๆ เหมือนลูกสาวถึงกับตื่นเต็มตาขึ้นมา เขาชี้มือไปที่ตัวเองแล้วพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามหญิงสาวออกไปที่มุมหนึ่งของบ้าน เหลือกฤติ เอิร์ธแฟนใหม่ของเนตร และความเงียบอันวังเวงเท่านั้น





“คุณกฤติพักอยู่ไกลมั้ยครับ?”





เอิร์ธเป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้นมา ใบหน้าของอีกคนประดับด้วยรอยยิ้มมารยาท เช่นเดียวกับกฤติเองที่ตอนนี้ก็มีหน้ากากเข้าสังคมสวมไว้เช่นเดียวกัน





“นิดนึงครับ แถวๆ…” เจ้าบ้านพยักหน้ารับรู้ เมื่อกฤติพูดชื่อถนนที่อยู่ห่างจากบริเวณนี้พอสมควร

“อ๋อ ครับ”





บรรยากาศเงียบอัดน่าอึดอัดกลับมาอีกครั้ง กฤติอยากจะไปนั่งรอนรินทร์ในรถเต็มแก่ แต่มันจะดูเสียมารยาทถ้าจะขอตัวออกไปก่อน เมื่อกฤติเหลือบไปมองหน้าเจ้าบ้านอีกครั้ง ชายหนุ่มก็เลิกคิ้ว





“คุณเอิร์ธมีอะไรหรือเปล่าครับ?”





กฤติเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผู้ชายอีกคนมีท่าทีคล้ายกับต้องการจะถามอะไรบางอย่าง เอิร์ธเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ มาให้แต่ไม่ได้เอ่ยปากถามเขาอย่างที่เข้าใจ ชายหนุ่มอีกคนเพียงแค่พูดถึงเรื่องทั่วไปเหมือนเดิมเท่านั้น





“เหนื่อยแย่เลยนะครับ พาเด็กไปเที่ยว”

“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ”





กฤติตอบอีกคนตามความจริง น้องนิ้งเป็นเด็กน่ารัก เขาไม่ได้รู้สึกลำบากหรือเหนื่อยใจอะไรตอนที่จะต้องใช้เวลาร่วมกับเด็กหญิง กลับกัน หากมีแค่เขากับนายนรินทร์เพียงแค่สองคน วันนี้คงเป็นวันที่น่าเหนื่อยกว่าเดิมอีกมากโข





คนเอาแต่ใจแบบตัวพ่อน่ะ รับมือยากกว่าเด็กน่าเอ็นดูอย่างคนลูกเสียอีก





“คุณกฤติท่าทางรักเด็กมากเลยนะครับ”





ตรงไหนกัน?





กฤติเพียงแค่คิดกับตัวเองแต่ไม่ได้พูดตอบอะไรคำชมนั้นออกไป อันที่จริงเขาไม่ใช่คนรักเด็กอะไรขนาดนั้น เพียงแค่น้องนิ้งเป็นเด็กน่ารักเลยรู้สึกเอ็นดูมากกว่าปกติ หากเป็นเด็กคนอื่น ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเขาจะสามารถอยู่ด้วยได้เกินครึ่งชั่วโมงหรือเปล่าด้วยซ้ำ





ถึงอย่างไรเสีย กฤติก็กล่าวออกไปตามมารยาท





“ขอบคุณครับ”





โชคดีตัวเจ้าบ้านเหมือนจะรู้ว่าเขาไม่ได้พอใจกับตรงนี้เท่าไหร่ อีกคนเหมือนจะเป็นคนช่างคุย เลยเปลี่ยนบทสนทนาไปเรื่องงานแทนอย่างลื่นไหล พวกเขาคุยกันอยู่สักพัก ก่อนที่นรินทร์จะเดินกลับมาโดยปราศจากหญิงสาว





“กลับกันคุณ”

“ครับ”





กฤติรับคำสั้นๆ พร้อมกับหันไปกล่าวลาเจ้าของบ้าน





“ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะครับคุณเอิร์ธ”

“ยินดีครับ” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ “ไว้เจอกันใหม่นะครับ คุณโน้ต คุณกฤติ สวัสดีครับ”





พวกเขาลากันตรงนั้น นรินทร์เดินนำคุณกฤติไปที่รถโดยที่คอยกวนใจให้อีกฝ่ายพูดว่าเหมือนกับที่เคย แม้กระทั่งตอนที่จะกลับบ้าน นรินทร์เองก็ยังตื๊อมานอนห้องของอีกคนพร้อมกับผ้าปูที่นอนสีเหลืองลายไลออนคิง โดยเจ้าตัวอ้างว่าบทรักของพวกเขาจะต้องร้อนแรงดั่งสิงโตคำราม





แปลก





กฤติคิดเมื่อคนที่ตามปกติมักจะทำตัวรุ่มร่ามนั่งนิ่งๆ อยู่ด้านข้าง นรินทร์พยายามจะเล่นตลกกับอะไรบางอย่างที่กฤติไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่นัก นัยน์ตาของอีกคนไม่ได้ดูสนุกเหมือนกับที่พยายามจะเป็น





“มาพนันกันมั้ย?”





ชายหนุ่มคนด้านข้างหยุดเล่นมุกฝืดๆ ของตัวเอง คุณพ่อของน้องนิ้งมองหน้าอีกคน บนรถของพวกเขามีเพียงความเงียบที่ไหลผ่าน การจราจรกรุงเทพฯที่หนาแน่นทำให้พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเมื่อครู่เท่าที่ควร





“คุณชวนผมก่อน?”

“มาเล่นกันครับ”





กฤติเมินคำถามด้วยเสียงประหลาดใจของอีกคนแล้วพาเข้าประเด็นที่ต้องการจะสื่อ นรินทร์ในขณะนี้ดูไม่ปกติ อันที่จริง ทุกครั้งที่มีเรื่องครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง นรินทร์มักจะกลายเป็นผู้ชายที่ดูพยายามไปเสียทุกอย่าง พยายามที่จะเฮฮา พยายามที่จะเป็นคุณพ่อที่เพอร์เฟ็คท์





รวมถึงพยายามที่จะเป็นนรินทร์ที่ดีด้วยเช่นกัน





“เล่นอะไรครับ?”

“แข่งจ้องตา”





หัวหน้าคว้าท็อปปิคแรกที่ปรากฏในหัวขึ้นมาพูดทันที เขาเพียงแค่ต้องการตัวช่วยพานรินทร์เดินออกมาจากความไม่สบายใจที่กำลังเป็น





กฤติอยากได้นรินทร์คนเก่าคืนมา





“ฮะ?”

“เรามาแข่งจ้องตากัน ใครกะพริบตาก่อนแพ้”





เป็นอีกครั้งที่กฤติขอบคุณในความหัวไวของตัวเอง กติกาที่เพิ่งจะคิดขึ้นมาถูกพูดออกไปทันที ในขณะที่นรินทร์ยังไม่เป็นตัวของตัวเองนัก ไฟจราจรก็เปลี่ยนสี พวกเขานั่งอยู่ในรถมาเงียบๆ จนกระทั่งถึงคอนโดฯ ของชายหนุ่ม





สถานที่ทำการแข่งขัน





“คนชนะได้อะไรครับ?”

“แล้วแต่คุณ”





กฤติพูดทั้งที่ยังคงนั่งอยู่ในรถ ตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่อาคารจอดรถของคอนโดฯ ทั้งสองอยากจะจัดการเรื่องแพ้ชนะให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะก้าวขาออกจากรถ เมื่อขึ้นห้องแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเล่นเกมกันอีก





“กระโปรงนักศึกษา!”





หัวหน้าหนุ่มกลอกตา ในใจมีคำด่าหยาบคายหลายสิบคำ





“จะอะไรก็แล้วแต่ครับ” เจ้าของคอนโดฯตัดบท โดยไม่สนใจสิงโตเหี่ยวๆ ที่กลับมากระดิกหางยินดีอีกครั้งเมื่อมีมโนภาพลามกในหัว “จ้องตากัน ใครกะพริบตาก่อนแพ้”

“คนแพ้ใส่กระโปรงนักศึกษานะ”

“...”

“คนแพ้ต้องใส่กระโปรงนักศึกษา”





นรินทร์ย้ำอีกครั้ง หลังรถชายหนุ่มมีกระโปรงทรงเอตัวเล็กรัดติ้วที่แอบไปซื้อมาเก็บไว้นานแล้ว รวมถึงหูแมว หางกระต่าย และถุงน่องตาข่ายคู่ใหม่ เรียกได้ว่าหลังรถนั้นถือว่าเป็นคลังเก็บอะไหล่เพื่อให้กฤติใส่ขึ้นสังเวียนกับเขาเลยก็ว่าได้





เพียงแค่นึกภาพกฤติที่ใส่กระโปรงทรงเอเข้ารูป หันสะโพกมาทางเขา พร้อมกับทำหน้าตาอ้อนวอนให้เขาลงโทษจนหนำใจแล้วนั้น มันก็ชวนให้อารมณ์ขึ้นได้แบบไม่ต้องพึ่งหนังผู้ใหญ่เลยสักนิด





“... เริ่มกันเลยมั้ยครับ?”

“เอาเลย เอาคุณตอนนี้เลย!...” กฤติกระแอมเสียงดังมาก นรินทร์ถึงได้แก้ตัวใหม่ “คือหมายถึง เริ่มเลยๆ”





กฤติถอนหายใจ ตอนที่พวกเขาเปลี่ยนมาเป็นนั่งจ้องหน้ากันในรถอันคุ้นเคย นัยน์ตาของนรินทร์ที่ฉายภาพแต่เพียงเขาเท่านั้นทำเอาอยากจะเสมองที่อื่น แต่ในเมื่อมันต้องเล่น เขาจำเป็นจะต้องทนมองเงาตัวเองในนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้





“พร้อมนะคุณ”







นรินทร์ถามเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่กฤติพยักหน้า





เอาเถอะ ถึงแพ้หรืออะไร อย่างน้องสิงโตตัวใหญ่ตรงหน้าก็ไม่ได้ทำหน้าหมาหงอยแล้วล่ะนะ




.

.

.




“... คุณ ไม่เอาหน่า”

“แต่คุณแพ้”





นรินทร์ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาแพ้อีกคนจริงอย่างที่ว่า อยากจะย้อนเวลากลับไปตบหัวตัวเองเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ดันตกปากรับคำท้าว่าหากใครแพ้จ้องตาจะต้องใส่กระโปรงนักศึกษาคลานขึ้นนเตียง





ใครจะไปคิดว่าเขาจะแข่งจ้องตาแพ้หัวหน้าแผนกกันล่ะวะ?





“คุณ…”





นรินทร์ครางอีกครั้ง ตอนนี้เขาอยู่ในกระโปรงนักศึกษารัดติ้วที่ซื้อมาไว้ท้ายรถนานแล้ว กะว่าจะหาจังหวะเหมาะๆ เพื่อให้กฤติใส่ขึ้นมาออนท็อปให้ ไหงกลายเป็นตัวเขาที่แพ้อีกคนอย่างโง่ๆ เพียงเพราะว่ากฤติดันยิ้มมุมปากตอนจ้องตากัน ทำเอาเขาเผลอกะพริบตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ



 

แม่ง… น่าอนาถชะมัด





“นี่ไง คุณชอบนี่ กระโปรงนักศึกษาน่ะ” กฤติพูดพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก นรินทร์เคยพูดกับเขาอยู่หลายครั้งจนแทบจะท่องได้ “เอาไปใส่เองเลยครับ ผมให้”

“คุณ…”







นรินทร์ครางอีกครั้ง ไม่สามารถทนมองสภาพตัวเองในกระจกได้จริงๆ ผู้ชายตัวถึกๆ ขามีกล้ามภายใต้กระโปรงตัวเล็กๆ แบบนี้มันโคตรแย่





“ผมต้องใส่ถึงเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้เช้า”

“โหยคุณ…”





กฤติยักไหล่อย่างไม่สนใจ นัยน์ตามีแววแห่งความขี้เล่นซ่อนอยู่ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าการเป็นผู้ชนะมันสนุกอย่างไร เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอีกคนไว้อย่างรวดเร็วเกินกว่าที่นรินทร์จะร้องห้ามไว้ทัน เมื่อได้ภาพที่น่าพอใจ หัวหน้าหนุ่มก็พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายใจ







“โชคดีนะครับ ฝันดี”








------- TBC -------





ชุดนักศึกษามาแล้วนะคะ หวังว่าจะชอบกัน 55555555555555

อ่านแล้วเป็นยังไง อย่าลืมบอกเราได้ที่นี่ และในแท็ก #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ นะคะ



สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ <333



ป.ล. ถ้าเจอคำผิดสามารถแจ้งเราได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 14-02-2019 21:11:14
นี่มัน........พลิกพล็อตมาก55555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-02-2019 21:42:01
 :m20:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-02-2019 21:45:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-02-2019 22:00:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 14-02-2019 22:04:55
ตอนโน้ตหงอยคืออยากลูบหัวมากพอกลับมาเป็นคนสัปดนอยากให้คุณกฤติหนีไปให้พ้น
หวังว่าโน้ตคงจะพอใจกับกระโปรงน้า ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 14-02-2019 22:12:52
เอิ่มมมมม ต้องไม่ใช่นายนรินทร์ในกระโปรงนักศึกษาไหมคะ  :katai1: :katai1:

แปปนะคะ ขอไปหาหมอสะกดจิตลบภาพในหัวก่อน บรึ๊ยมากกกก :ling3: :z3:

ปล. การที่คุณกฤติอยากขึ้นครูน้องแทนใจ คือทางนี้ก็อยากอยู่ในเหตุการณ์ด้วยจังเลยค่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-02-2019 22:15:49
วงวาร 555555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 14-02-2019 23:18:52
ใส่ตะขอกระโปรงได้มั้ยละนั่น 5555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 14-02-2019 23:37:59
ฮื่อออ สงสารกระโปรง 5555  :laugh:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: nisaday ที่ 15-02-2019 01:01:27
โน๊ตตอนเจอแฟนเก่านี่ไปไม่เป็นจริงๆ อ่านแล้วอึดอัดตามเลยค่ะ

ปล.อยากอ่านนนนชุดนศ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 15-02-2019 10:39:57
กระโปรงทรงเอรัดติ้วกับกล้ามขาล่ำๆ มีขนหน้าแข้งเยอะๆ .....นะ หน่านิ?!
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-02-2019 14:22:38
สงสารโน้ตเบาๆ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 15-02-2019 15:01:08
ฝันร้ายเลยแกเอ๊ย555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 15-02-2019 18:07:45
ุ55555 น่ารัก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 15-02-2019 19:17:17
เป็นชุดนักศึกษาที่หักมุมมากค่าาา  :hao3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2019 20:50:47
พลิกล็อกกันน่าดู ถล่มทลาย.........
อั๊ยยะ.....นึกว่ากฤติต้องใส่กระโปรงนักศึกษา
กลายเป็นนรินทร์ซะนี่ อจ๊ากกกกก สยองงงงงง  o22 :serius2: :really2:

เนตร ต้องตักเตือนนรินทร์ เรื่องความรักแน่เลย  :z3:
รักที่ไม่สมควร เป็นแบบอย่างที่ไม่พึงกระทำ
เพราะนรินทร์มีลูกสาว ใช่ไหมคุณนายเพอร์เฝ็กท์
เลิิกกันแล้วยังตามมาหลอกหลอน สั่งสอนอดีตสามีไม่เลิก นางน่าลำไยจริงๆ  :angry2:
นรินทร์ถึงดูไม่มีความสุข  :เฮ้อ:
นรินทร์  กฤติ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-02-2019 21:13:20
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 15-02-2019 21:21:30
ไม่รู้ว่าควรสงสารกระโปรงหรือคุณนรินทร์ก่อนดี แต่ที่แน่คือสงสารสายตาคุณกฤตินี่แหละ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 15-02-2019 21:46:25
จิ้มไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 15-02-2019 23:01:14
คุณโน๊ตระวังกระโปรงแตกนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 16-02-2019 09:44:24
 :hao6: ฮาอ่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-02-2019 10:09:24
ไม่อยากจินตนาการภาพคุณโน้ตใส่กระโปรงนักศึกษา ช่วยด้วยค่ะ ขำไม่ไหวแล้ว 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-02-2019 13:11:53
แง ไม่เอาคุณโน๊ตใส่สิคะ 55555555555555555555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามอย่ากินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 16-02-2019 14:25:12
สายตาพี่โน๊ตที่มองคุณกฤติด้วยความรักนั้นขนาดน้องนิ้งยังรู้เลย / แหมกระโปรงนศ.ได้ใช้แล้วนะพี่โน๊ต5555555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 17-02-2019 14:26:24
คุณกฤติอ่อนโยนมากเลย ถึงขนาดยอมเล่นเกมส์ ให้สิงโตชราหายหงอย 5555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 17-02-2019 15:51:45
สงสารคุณโน๊ตต  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 18-02-2019 08:28:02
คิดภาพตามก็ไม่ได้แล้วคุณโน้ตตตต :ling1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 19-02-2019 02:01:13
จะสงส่รกระโปรงหรือสงสารคุณโน้ตก่อนดี 55555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 20-02-2019 23:27:40
สุดจริงๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 21-02-2019 09:13:14
นักศึกษาเวอร์ชันนี้ไม่เอาได้ไม๊ ฮืออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 21-02-2019 10:52:05
โอ้ยยยยยตายยยยย หลงคุณกฤตจะแย่แล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 21-02-2019 14:15:39
อ่านถึงตอน 7 แม่งคุณนรินทร์ทำไมถึงโดนเมียทิ้งวะ ดีขนาดนี้ น้ำตาจะไหล :hao5:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 21-02-2019 19:39:34
เอ็นดู 555555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 22-02-2019 01:51:10
ตอนแรกกับตอนสองมาก็คือไม่อ่อนโยนเลยยย ฮือออ เขินน คุณหัวหน้าก็คือราชินีมาก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 23-02-2019 03:40:12
คุณโน๊ตก็คือหื่นหนักมากก คนเดียวกับในเรื่องน้องแทนใจจริงๆถูกมั้ยคะ 555555 ตอนอ่านเรื่องนั้นไม่คิดว่าคุณโน๊ตจะเป็นคนแบบนี้ 555555 แต่เลาชอบความควีนของคูมกฤติมากฮืออ รอกระโปรงเลยยย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 23-02-2019 04:39:06
คุณโน๊ตนี่หื่นเก่งงง ตอนนี้เค้าแพ้กันแล้วววว เขินนนน
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 23-02-2019 15:08:15
อากฤติตอนนี้ก็คือชมคุณพ่อหล่อทั้งตอนเลยย แอบหมั่นไส้คุณพ่อน้องนิ้งหลงอากฤติเบอร์แรงมาก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 24-02-2019 02:09:09
ไร้สาระของคูมกฤติก็คือเขินใช่มั้ยย งุ้ยยย เนี่ยเขินแทนแล้ว คุณกฤตินี่แพ้คุณโน้ตสุดด เขินน
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 24-02-2019 02:36:23
เกลียดกระโปรงเวอร์ชั้นคุณโน้ตได้มั้ยคะฮือออ อยากเห็นคูมกฤติใส่กระโปรงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 24-02-2019 16:31:04
 :katai2-1:สนุกมากกกกกกกกกก ภาษาดี ลื่นไหล รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :11th Sunday: คุณพ่อห้ามกินอากฤตินะ! (14/02/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 03-03-2019 19:33:09
12th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์




นรินทร์เคยคิดว่าการทำงานภายใต้หัวหน้าที่เนี้ยบแบบกฤตินั้นเป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิต แต่ตอนนี้เองเขารู้แล้วว่าการจีบหัวหน้าคนเฮี๊ยบนั้นยากยิ่งกว่า   


หลังจากที่ไปดูฉลามกันครั้งนั้น น้องนิ้งก็ปิดเทอมเลยไปอยู่บ้านของแฟนใหม่เนตร ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้เจอหน้าลูกเลย มีเพียงแค่โทรศัพท์คุยกันสั้นๆ เท่านั้น อีกทั้งนรินทร์เองก็ขาดคนช่วยทำคะแนนกับหัวหน้า ประกอบกับเลขาของคุณกฤติท้องแก่เกินจะทำงานได้ เขาเลยได้รับการเสนอตำแหน่งเลขาให้ ซึ่งแน่นอนว่าคนขี้เกียจคุยกับลูกค้าอย่างนรินทร์นั้นกระโดดรับข้อเสนอนี้แทบจะทันที


จริงอยู่ที่มันออกจะเป็นเรื่องที่คิดหนักในช่วงแรก แต่พอลองคิดจริงจังแล้ว ตัวชายหนุ่มเองก็อยากลองหน้าที่ใหม่ดูบ้าง ตำแหน่งเซลล์โคฯที่ทำอยู่ในปัจจุบันไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น งานที่ทำอยู่ทุกวันมันเริ่มอิ่มตัวจนกลายเป็นความเคยชินมากกว่าความท้าทายไปหลายปีแล้ว


หลังจากที่ถ่ายงานจากสุปราณีเลขาเก่าของกฤติเป็นเวลาหลายสัปดาห์ พอดีกับช่วงที่นรินทร์จะต้องโอนหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองให้กับคนใหม่ที่เพิ่งมา เพียงแค่พริบตาเดียว พวกเขาก็มางานเลี้ยงอำลาคุณสุปราณีที่ร้านอาหารแถวที่ทำงาน แล้วตื่นขึ้นมาบนคอนโดฯของหัวหน้าเรียบร้อยแล้ว


ถึงแม้จะผ่านมาร่วมปีจากที่นอนด้วยกันครั้งแรก และผ่านมาหลายเดือนสำหรับการหยอดเช้าเต๊าะเย็น แต่สถานะของพวกเขาก็ไม่ได้ขยับไปใกล้กว่าเดิมสักเท่าไหร่ หากเป็นสมัยมัธยมเขาคงครวญครางทั้งวัน แต่เมื่อเติบโตขึ้น ในชีวิตของทุกคนมีอะไรมากกว่าความสัมพันธ์ชวนใจเต้นกันทั้งนั้น


การจีบกฤติในทุกวันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก หากโชคดีเขาก็จะได้เห็นท่าทางเขินอย่างไม่ยอมรับของหัวหน้า และหากโชคไม่ดีก็แค่โดนแฟ้มปาใส่ก็เท่านั้น


‘ก๊อกๆ’


“ครับ”


เสียงรับคำจากด้านในทำให้โน้ตกล้าเปิดประตูเข้าไป  คุณกฤติที่ตอนนี้นั่งขมวดคิ้วจ้องคอมพิวเตอร์อยู่ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจการมาของเขานัก


“ที่ไปประชุมสิ้นเดือน คุณจะบินช่วงเช้าหรือบ่าย ผมจะได้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน”


กฤติเงยหน้าขึ้นไปมองผู้มาใหม่ นรินทร์ที่เขาคุ้นเคยเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าหล่อที่มักจะแสดงอารมณ์ต่างๆ อยู่ตลอดนั้นเรียบนิ่งเมื่อเป็นเรื่องงาน นี่เป็นหนึ่งในข้อดีไม่กี่ข้อของชายหนุ่มที่เขาเจอ ก็ลองนรินทร์งานไม่เป็นงานสิ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวภาระเยอะแค่ไหนกฤติก็เขี่ยทิ้งได้ทั้งนั้น

 
“ทางลูกค้าเขาอยากได้เวลาไหนครับ?”
“เขาสะดวกทั้งวัน ให้ทางเราเลือก”
“งั้นผมขอไฟล์ทเช้าสุด”
“โอเคได้ครับ” นรินทร์รับคำ ใบหน้าหล่อเริ่มมีรอยยิ้มที่กฤติคุ้นเคยปรากฏให้เห็นอีกครั้ง… รอยยิ้มกวนประสาท “งั้นบินตีสาม”
“บินไปตีหัวคุณเหรอครับ?”
“โอ๊ย เจ็บหัวใจ”


ผู้ชายตัวใหญ่ทำหน้าตาเหมือนกับโดนมดกัดพร้อมกับเอามือกุมอกข้างซ้ายเอาไว้ ซึ่งมันกวนประสาทมากกว่าน่ารัก แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากด่าอะไรออกไป นรินทร์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน


“คุณ วันนี้ผมต้องไปรับน้องนิ้ง”
“ถ้าจะออกก่อนเวลา ก็เอาคอมกลับบ้านไปด้วยนะครับ”
“ไม่ใช่สิ” นรินทร์ที่ถือวิสาสะก้าวเท้าเข้ามาในห้องตอนไหนก็ไม่รู้พูดขึ้น พร้อมรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้า มองไปมองมาก็คล้ายกับสิงโตตัวใหญ่ที่กำลังดีใจอยู่เหมือนกัน


“ผมหมายถึง เราไปรับน้องนิ้งด้วยกันนะครับ”


กฤติที่กำลังอ่าน memo ฉบับล่าสุดที่แอดมินส่งหาทุกคนในบริษัทละสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์ มองหน้าคนที่ยังคงยิ้มอยู่ นัยน์ตาหลังแว่นเรียบนิ่งไม่สื่ออารมณ์อะไรทั้งที่หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ เหมือนกลัวว่ากฤติจะปฏิเสธ คุณพ่อเลยเสริมต่อ


“ไปรับลูกกับผมนะ”


ดูมันใช้คำ!

หัวหน้าแผนกยังคงหน้านิ่ง หากแต่ใบหูของเขาขึ้นสีระเรื่อ เพียงเท่านี้ นรินทร์ก็รู้คำตอบของตัวเองแล้วล่ะ




------- Sunday In Bed -------




19.30 น.



การมารับลูกของนรินทร์คือมาที่โรงเรียนสอนพิเศษภาษาอังกฤษในห้างสรรพสินค้า กฤติเดินตามเลขาหนุ่มเข้ามาในโรงเรียนสอนภาษาชื่อดัง ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดาช่วงค่ำแต่คนยังเยอะพอสมควร มีตั้งแต่เด็กที่เล่นกันบริเวณมุมหนังสืออ่านเล่นของโรงเรียน และผู้ปกครองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ไกล



กฤติรู้จักที่นี่ทั้งที่เป็นโรงเรียนเน้นสอนเด็กมากกว่าผู้ใหญ่วัยทำงาน เพราะว่าเขาเองก็เคยถูกพ่อจับเรียนที่นี่สมัยช่วงวัยอนุบาลประถมเช่นเดียวกับที่น้องนิ้งกำลังเรียนอยู่


น้องนิ้งเรียนพิเศษมากพอๆ กับกฤติสมัยประถม ซึ่งเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนนั้นถือว่าเยอะมาก แต่นรินทร์บอกว่าสำหรับตอนนี้มันเป็นเรื่องปกติที่เด็กประถมจะเรียนพิเศษถึงสองสามทุ่ม


‘ผมน่ะไม่อยาก แต่เนตรเขาอยากให้ลูกเข้ามอหนึ่งโรงเรียน... เขาบอกว่ามันก็ต้องทำแบบนี้แหละ’
‘แล้วคุณก็ยอม?’
‘เราถามความเห็นน้องนิ้ง’ นรินทร์พูดออกมา ใบหน้าหล่อนิ่งเหมือนกับทุกครั้งที่คุยเรื่องครอบครัว ‘ลูกดูสนุกกับการเรียน ผมก็ทำอะไรไม่ได้ สองต่อหนึ่ง ยังไงก็แพ้’



อันที่จริงกฤติไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปวุ่นวายกับครอบครัวคนอื่น


สมัยเด็กนั้น กฤติเป็นเด็กที่ต้องเรียนหนักระดับที่เพื่อนร่วมชั้นต่างส่ายหน้าถ้าจะให้เรียนพิเศษเหมือนเขา อันที่จริงวัยเด็กของกฤตินั้นอยู่กับอาจารย์สอนพิเศษมากกว่าพ่อแม่เสียอีก


ซึ่งมันไม่ใช่ชีวิตที่เขาอยากเห็นน้องนิ้งเป็น


ชายหนุ่มค่อนข้างถูกชะตากับเด็กหญิง นิ้งเป็นเด็กน่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย แม้กระทั่งกฤติที่ไม่ใช่คนแสดงออกเก่งยังยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมดเวลาที่อยู่กับลูกสาวนรินทร์


พอมาคิดดูแล้วล่ะก็ เขาไม่ได้เจอน้องนิ้งมานานมากเกินไป


เขาคิดถึงน้องนิ้งและรอยยิ้มเต็มแก้มของเจ้าตัวจัง 


“คิดไรอ่ะคุณ”
“...”
“คิดถึงผมป้ะ?”
“...”
“ผมเด็ดนะ อู้วๆ”


อู้วบ้าอะไร!


ลูกสาวน่ารักนะ  แต่เกลียดตัวพ่อมันจริงๆ


ยังไม่ทันที่กฤติจะฟาดปากเลขาด้วยฝ่ามืออย่างที่ใจคิด เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเด็กหลายคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านขวามือของพวกเขา ซึ่งเป็นซอยที่แบ่งห้องเรียนเอาไว้หลายห้อง ซึ่งที่ผนังมีรูปสดใสของกิจกรรมที่นักเรียนเคยทำมาติดเอาไว้ให้ผู้ปกครองดู


ยังไม่ทันที่กฤติจะได้ชื่นชมทัศนียภาพรอบตัว โดยมีนรินทร์ที่นั่งยิ้มแห้งกับผู้ปกครองสาวด้านข้างไปมากกว่านี้ เสียงเล็กๆ อันคุ้นเคยก็ดังขึ้น


“คุณพ่อสวัสดีค่ะ!”


น้องนิ้งที่เดินถือกระเป๋าใบใหญ่ออกมายกมือไหว้คุณพ่อของเธอ เด็กสาวที่กฤติเอ็นดูมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าน่ารักเหมือนเคย ไม่ดูเหนื่อยล้าทั้งที่ตอนนี้ควรจะเป็นเวลาเข้านอนของเด็กประถมได้แล้ว


“น้องนิ้งสวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือนแน่ะ คิดถึงมากเลยนะคะ”
“นิ้งก็คิดถึงคุณพ่อค่ะ”


คุณพ่อของเธอรับไหว้ พร้อมกับยืนขึ้นเพื่ออุ้มเด็กสาวขึ้นมาไว้บนอ้อมแขน ทำให้ใบหน้าของเด็กน้อยหันมาทางกฤติที่นั่งอยู่ด้านข้างพอดี 


“สวัสดีครับน้องนิ้ง”


ชายหนุ่มคิดว่าเขาตาฝาด แต่เมื่อครู่น้องนิ้งทำหน้าเหมือนกับเห็นปีศาจในชั่วขณะที่เราสบตากัน


“สวัสดีค่ะ…อากฤติ” 


เด็กน้อยพูดขึ้นมาในที่สุด ก่อนจะฉีกยิ้มแห้งให้เขา แล้วหันหน้าหนีไปกอดคอคุณพ่อของเธอ พร้อมกับอวดว่าวันนี้ตัวเองสอบได้คะแนนดีแค่ไหนในการเล่นเกมในห้องเรียนเมื่อสักครู่


ประหลาด


น้องนิ้งที่ตามปกติติดเขาแจมากพอๆ กับคุณพ่อของเธอนั้น ตีตัวออกห่างกฤติอย่างเห็นได้ชัด  ตลอดทางกลับบ้านเด็กน้อยหลับอยู่ข้างหลัง ขนาดพวกเขาแวะทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหาร เด็กหญิงยังพูดกับเขานับคำได้  ทั้งที่ล่าสุดที่ทานข้าวกันน้องนิ้งยังตักอาหารที่เธอชอบให้เขาอยู่เลย


“นิ้งคิดถึงคุณพ่อมากเลยค่ะ”


เด็กหญิงพูดขึ้นมาขณะที่พวกเขากำลังรอคิดเงิน กฤติมองจานข้าวสวยของตัวเองที่เหลือเกือบทั้งจาน ทั้งที่ตัวเองดีใจที่ได้เจอกับเด็กหญิงอีกครั้ง แต่เหมือนน้องนิ้งไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน


“คุณพ่อก็คิดถึงนุ้งนิ้งค่ะ” นรินทร์ที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรยิ้มให้ลูกสาวตัวน้อย “อากฤติเองก็คิดถึงหนูเหมือนกัน ใช่มั้ยคะอากฤติ”


“ครับ คิดถึงมากเลย”
“ค่ะ” เด็กหญิงรับคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มประหลาด “หนูก็คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่เหมือนกันค่ะ”


ทั้งโต๊ะเงียบลงทันทีหลังจากสิ้นเสียงน้องนิ้ง ในขณะที่กฤติได้แต่ฉาบรอยยิ้มใจดีไว้บนใบหน้า นรินทร์ที่ตอนนี้กำลังเลิ่กลั่กพยายามกู้สถานการณ์กลับมาด้วยการดึงหัวหน้าเข้ามาในบทสนทนาอีกครั้ง


“แล้วอากฤติล่ะคะ?”
 “... หนูมีการบ้านเยอะมากเลยค่ะ เรากลับบ้านกันได้มั้ยคะคุณพ่อ?”


บรรยากาศบนรถไม่ได้ดีกว่าบนโต๊ะอาหารเลยแม้แต่น้อย ถึงน้องนิ้งจะหลับทันทีที่ขึ้นรถ แต่การงอแงจะนั่งข้างคุณพ่อ ทั้งที่ทุกครั้งที่กฤติขึ้นรถมาพร้อมกับเด็กหญิง ไม่เคยสักครั้งที่น้องจะนั่งข้างหน้าแบบนี้


มันประหลาด

แต่ไม่ไร้สาระ จนจะต้องปัดตกจากความคิด


ก่อนที่เขาจะรู้ตัว กฤติใช้เวลาเงียบๆ บนรถในการคิดทบทวนว่าตัวเองทำอะไรให้เด็กน้อยไม่พอใจ มันมืดแปดด้าน รับมือยากกว่านโยบายงี่เง่าของบอร์ดบริหาร ก่อนจากกันครั้งสุดท้ายกับวันที่เจอกันครั้งนี้ทำไมน้องนิ้งถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน?


เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ?


“คุณ…”


กฤติออกจากภวังค์ของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงกระซิบเรียกตัวเอง คุณพ่อคนเก่งพูดเบาๆ เพราะกลัวว่าลูกจะตื่นขึ้นมา คนขับรถมองสบตาหัวหน้าตัวเองผ่านกระจกมองหลัง แววตาของอีกคนดูเจ้าชู้เสียจนกฤติแอบเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ


“เดี๋ยวผมเอาลูกนอน แล้วเราไปแข่งกันที่ห้องคุณนะ”
“แข่งอะไร?”
“แข่งอะไรก็ได้ แต่ผมมีหางกระต่าย กับส้นสูงอยู่หลังรถ”
“...”
“เมื่อคืนผมฝันว่าคุณเอาส้นสูงเหยียบลิตเติ้ลโน้ต ผมอยากทำให้ฝันเป็นจริง”
“...”


บางทีกฤติก็ไม่อยากให้นรินทร์หน้าตาหล่อตรงสเป็คตัวเองมากนัก เขาจะได้ไม่ต้องหลวมตัวยุ่งกับไอ้บ้ากามนี่ตั้งแต่แรก


คุยกันได้ไม่เท่าไหร่นรินทร์ก็พารถตัวเองมาถึงบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรชื่อดังที่เขาเคยมาครั้งหนึ่ง กฤติมองไปรอบๆ เขาเคยอยากมีบ้านเมื่อช่วงประถมมัธยม เพราะทุกคนพูดเหมือนการซื้อบ้านสักหลังคือนิพพานสูงสุดของชีวิตมนุษย์ที่หารายได้เป็นของตัวเอง


“น้องนิ้งคะ ตื่นได้แล้วนะคะ ถึงบ้านอาเอิร์ธแล้วค่ะ”
“...ค่ะ”


คุณพ่อคนเก่งลูบหัวลูกเบาๆ เมื่อเห็นว่าลูกยกแขนขึ้นมาบิดขี้เกียจ พอเด็กน้อยเริ่มหายงัวเงียแล้ว เธอก็เอ่ยปากถามผู้เป็นพ่อที่กำลังจะอุ้มลงไปจากรถ


“คุณพ่อเอาหนูมาที่บ้านอาเอิร์ธทำไมคะ? หนูนึกว่าเราจะกลับบ้านกันซะอีก”
“เดี๋ยวคุณพ่อมีธุระต่อกับอากฤติค่ะ น้องนิ้งนอนกับอาเอิร์ธแล้วก็คุณแม่ไปก่อนนะคะ”


ใบหน้าเด็กสาวเปลี่ยนเป็นฉงนชั่วครู่ ก่อนจะขมวดคิ้วคล้ายกับไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก


“คุณพ่อไม่ไปกับคนอื่นไม่ได้เหรอคะ?”
“คนอื่นที่ไหนกันคะ นี่อากฤติไง”
“อากฤติไม่ใช่ครอบครัว ไม่ใช่คุณพ่อ คุณแม่ อากฤติคือคนอื่นค่ะ”


คนอื่นงั้นหรือ?


หลังจากคำพูดของเด็กหญิง กฤติรู้สึกคล้ายกับว่าเขาถูกตบหน้าด้วยความจริงบางอย่างที่เขาพยายามฝังกลบมันไว้ในส่วนลึกของจิตใจ


สุดท้ายแล้วกฤติก็หนีมันไม่พ้นอยู่ดี


“ทำไมน้องนิ้งพูดแบบนี้ล่ะคะ? ไม่น่ารักเลยนะ”


นรินทร์ดุเด็กน้อยที่ตอนนี้ทำหน้าคล้ายกับไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม เด็กน้อยหน้าเสียนิดหน่อยซึ่งกฤติไม่โอเค แต่ยังไม่ทันที่กฤติจะได้พูดแก้สถานการณ์อะไร นรินทร์ก็พูดต่อ


“ขอโทษอากฤติเดี๋ยวนี้เลยนะคะ น้องนิ้งพูดแบบนี้ได้ยังไง”
“ขอโทษค่ะ”


เด็กหญิงพูดขอโทษทันทีคล้ายกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ แต่กฤติไม่ได้ถือสาอะไร อาจจะเพราะเขากำลังคิดว่าตัวเองทำอะไรให้เด็กน้อยไม่พอใจ ทุกอย่างต้องมีเหตุผล เพียงแต่เขาไม่รู้ว่า ‘เหตุผล’ นั้นคืออะไร


“หนูขอโทษอากฤติแล้ว คุณพ่อไม่ไปกับอากฤติแค่สองคนได้มั้ยคะ?”


ถึงแม้เด็กน้อยจะพยายามลดเสียงลง แต่กฤติก็ยังคงได้ยินชัดเจนเกินไปอยู่ดี


“คุณพ่อขอเหตุผลค่ะ”


นรินทร์พูดกับลูกสาว ตามปกติแล้วน้องนิ้งเป็นเด็กที่มีเหตุผลเสมอในการกระทำ และครั้งนี้เขาไม่รู้ว่าทำไมลูกที่ดูจะชื่นชอบคุณกฤติถึงได้ขอร้องแบบนี้


“หนู…”


น้องนิ้งพูดแล้วนิ่งเงียบไป บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความอึดอัด จนกระทั่งกฤติเริ่มขยับตัว นรินทร์มองตามหัวหน้าที่ตอนนี้เขยิบเข้ามาใกล้ลูกสาวเขามากขึ้น ชายหนุ่มยื่นมาออกมากุมมือเด็กน้อยเอาไว้ แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงที่ดูอ่อนโยนกว่าปกติ


“น้องนิ้งครับ อากฤติทำอะไรผิดเหรอครับ?”



เด็กสาวกัดริมฝีปากคล้ายกับไม่กล้าจะเอ่ยสิ่งที่อยู่ในหัวตัวเองออกมา แต่เมื่อหันไปมองที่ผู้ปกครองตัวเองนั้น สายตากดดันของคุณพ่อก็ทำให้เธอยอมพูดออกมา


“ไม่ได้ทำค่ะ” เด็กสาวสั่นหน้า พยายามจะเอามือออกจากการเกาะกุม หากแต่หัวหน้าหนุ่มไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขายังคงกอบกุมมือน้อยเอาไว้แน่น พร้อมทั้งเขย่าเบาๆ


“งั้นบอกอากฤติหน่อยได้มั้ยครับว่าทำไมถึงไม่อยากให้อากฤติไปกับคุณพ่อ?”


เด็กน้อยเงียบเหมือนกำลังใช่้ความคิดอยู่กับตัวเอง จนสุดท้ายก็ยอมเปิดปากพูดออกมา


“หนูก็ชอบอากฤตินะคะ… แต่หนู…หนูไม่อยากเป็นตัวประหลาดที่มีแม่เป็นผู้ชาย”
“...”
“หนู… ไม่เอาอากฤติเป็นแม่ ไม่อยากได้”
“...”
“หนูยอมเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่รักกันดีกว่าที่จะมีแม่เป็นผู้ชายแบบอากฤติค่ะ”







ต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 03-03-2019 19:40:02
ต่อจ้า

------- Sunday In Bed -------



“ขึ้นทางด่วนมั้ยครับคุณลูกค้า?”
“ครับ”
“ได้เลยครับ ผมจัดให้”


คนขับแท็กซี่รับคำก่อนจะหันไปขับรถเงียบๆ แบบที่เป็นอยู่ตอนแรก ปล่อยลูกค้าที่เพิ่งรับขึ้นมาจากหมู่บ้านจัดสรรเมื่อครู่ได้ใช้เวลากับตัวเองอย่างเต็มที่


กฤติมองออกไปนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มยังคงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองมากนัก เมื่อสักครู่ตัวเขาไปกินข้าวกับนรินทร์และก็น้องนิ้ง เด็กน้อยที่เขารู้สึกเอ็นดูมาตลอด จนตอนที่นรินทร์จะพาลูกไปส่งบ้านแฟนใหม่ น้องนิ้งซึ่งไม่รู้ว่าโกรธอะไรเขาก็พูดความจริงอัดหน้าเขาเข้ามา


‘หนูยอมเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่รักกันดีกว่าที่จะมีแม่เป็นผู้ชายแบบอากฤติ’


ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก สิ้นคำพูดนั้นของเด็กหญิง ตัวนรินทร์ก็ดุลูกเสียงดังจนเด็กน้อยร้องไห้ออกมา เขาที่ไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นเลยถือโอกาสโบกแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีเพื่อกลับบ้าน โดยทิ้งนรินทร์กับลูกสาวเอาไว้แบบนั้น พร้อมกับบอกคุณพ่อคนเก่งให้เจ้าตัวอยู่กับลูกไป ส่วนเขาจะกลับไปเคลียร์งานต่อ


มันเป็นเรื่องไร้สาระ


กฤติขมวดคิ้วเมื่อตัวเองไม่สามารถขจัดคำพูดเมื่อครู่ของเด็กน้อยออกจากหัวได้ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หวังว่าอีเมลมากมายในกล่องอินบ๊อกซ์จะช่วยให้หัวใจสงบลงบ้าง เขาไม่ชอบเวลาที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย


ราวกับมีเมฆหมอกปกคลุมไปทั่วทั้งสมอง เขาไม่สามารถสีหม่นๆ บางอย่างที่กำลังโอบล้อมทิ้งไปได้


“เฮ้อ”


หัวหน้าแผนกถอนหายใจออกมา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเป็นครั้งที่สามตั้งแต่ขึ้นรถมา เปิดกล่องอีเมลขึ้นมาเพื่อเช็กดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะปิดมันลง แล้วเก็บใส่กระเป๋าเมื่อไม่เจอเมลใหม่ที่น่าสนใจ


ให้ตาย แบบนี้มันรบกวนจิตใจชะมัด


ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง โชคดีที่รถแท็กซี่คันนี้ไม่ได้เปิดเพลงหรือชวนคุยอะไรที่ทำให้เขาหนวกหูกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นกฤติคงทนนั่งเฉยแบบนี้ไม่ได้แน่ แค่ตอนนี้เสียงของน้องนิ้งที่พูดเมื่อครู่ก็วนอยู่ในหัวคล้ายกับเทปที่เปิดซ้ำๆ มันมากเกินไป


นี่มันแย่เกินไป 


กฤติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ยังไม่ทันที่เขาจะเปิดเข้าอีเมลเป็นครั้งที่สี่ในเวลาห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสียงเรียกเข้าพร้อมกับโทรศัพท์ที่สั่นนั้นทำให้เขาสะดุ้ง

 
‘K. นรินทร์ (ไร้สาระ)’


บัดซบ!


ไวกว่าความคิด กฤติกดตัดสายที่โทรเข้ามาทันที โดยไม่ได้คิดทบทวนว่าอีกคนจะมีเรื่องงานอะไรที่ต้องคุยในตอนนี้หรือเปล่า เขายังไม่พร้อม ไม่ว่าจะเรื่องประชุมลูกค้าปลายเดือนที่ยังต้องให้นรินทร์ทำนัดให้ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่


เขาไม่ชอบตัวเองที่เสียการควบคุมแบบนี้


ไม่บ่อยนักที่กฤติจะไม่เป็นตัวของตัวเอง ตั้งแต่จำความได้เขาแทบจะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกด้านใดด้านหนึ่งมาทำให้ความคิดเขาไม่เป็นระบบ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่มันเป็นแบบนั้น การโดนกอดด้วยความรักครั้งแรกจากแฟนเก่า แล้วก็การทะเลาะครั้งใหญ่กับที่บ้านช่วงมัธยม


นอกเหนือจากนั้น มันก็เปลี่ยนเรื่องไร้สาระของนายนรินทร์


ถึงแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่ความประหลาดของนรินทร์กับการวอแวไม่รู้จบนั้นยัดความรู้สึกบางอย่างเข้ามาเต็มสมองกฤติไปหมด คล้ายกับอินบ๊อกซ์ที่เต็มไปด้วยอีเมลขยะ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด


RRrr


บ้าเอ๊ย โทรศัพท์!


‘K. นรินทร์ (ไร้สาระ)’


สายจากคนเดิมทำให้กฤติเม้มริมฝีปาก เขากดตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดี ก่อนจะล้วงมือไปคว้าแบงก์ร้อยส่งให้คนขับแท็กซี่ที่หันหน้ามาขอค่าทางด่วน ตอนนี้สายเรียกเข้าในโทรศัพท์ดับไปแล้ว มีเพียงแต่ข้อความจากแอพไลน์เท่านั้นที่เด้งขึ้นมาในหน้าจอ


คนน่ารำคาญ


ชื่อที่เขาเพิ่งเปลี่ยนให้อีกคนเมื่อวันก่อน หลังจากที่ผู้ชายตัวโตคนนั้นมาวอแวจะขึ้นไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนบนห้องเขาให้ได้ กฤติเม้มริมฝีปากเมื่อคิดถึงหน้าอีกคนตอนที่หอบผ้าปูที่นอนลายพาวเวอร์พัฟเกิลส์ด้วยหน้าตาชื่นบานมาหา ตอนนั้นเขารำคาญมากจนคิดว่าถ้าหากนายนี่โทรมาอีกครั้งจะตัดสายเสีย


แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชื่อนี้ดันเป็นคนที่ติดต่อบ่อยที่สุดในโทรศัพท์ส่วนตัวเสียได้


ค่อนข้างจะประหลาด แต่กฤติไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อย
 

คนน่ารำคาญ: คุณ
คนน่ารำคาญ: อย่าคิดมาก
คนน่ารำคาญ: น้องนิ้งไม่ได้หมายความแบบนั้น 



กฤติจ้องจอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปสั้นๆ


กฤติ: ครับ


เขาพูดอะไรมากกว่านี้ได้งั้นหรือ?


หลังจากที่ตอบไปแบบนั้น ชายหนุ่มก็ปล่อยโทรศัพท์ไว้ที่เบาะข้างตัว เขามองไปนอกหน้าต่างทั้งที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจไปกว่าไฟของตึกสูงที่เห็นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้มันกลับตรึงสายตาได้มากกว่าเดิม อันที่จริง เขาแค่ต้องการจุดโฟกัสอย่างอื่นที่ไม่ใช่หน้าจอมือถือ

Rrrr


อะไรอีก!

กฤติคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา หมายจะกดตัดสายทิ้งเหมือนอย่างเคย แต่หน้าจอที่ขึ้นชื่อมาทำให้เขาชะงัก


‘แม่’


ผู้ให้กำเนิดที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานนับปีทำให้กฤติค้างเล็กน้อย เขาเม้มริมฝีปากอย่างไม่ตั้งใจ อาจจะเป็นเรื่องบ้านไฟไหม้ หรืออะไรบางอย่างที่ทำให้แม่โทรหา เพราะถ้าไม่ใหญ่ไม่มีทางหรอกที่แม่จะติดต่อมา ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อยก่อนที่จะกดรับสาย


“ครับ”


ปลายสายที่ควรจะเป็นเสียงเล็กของผู้หญิงคนแรกในชีวิตที่เขารักกลับถูกทดแทนด้วยเสียงอื้ออึงหนวกหู ชายหนุ่มพลิกข้อมือเพื่อดูเวลา เขาขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อเห็นว่าตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่คนติดบ้านอย่างมารดาของเขาจะออกไปข้างนอก


“แม่?”



กฤติแทบจะจับคำพูดไม่ได้เมื่อปลายสายนั้นเต็มไปด้วยเสียงรบกวน เขาหลับตาลงแล้วพยายามจะฟังให้ชัดเจนอีกครั้ง หากฟังไม่ผิดเขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นลอยสาดมา ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกที่เขาได้ยินผ่านโทรศัพท์เข้ามา ถ้อยคำที่เขาจับได้นั้นไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ



“… กฤติ”
“...”
“กฤติ… พ่อเขาเสียแล้วนะ”




------- TBC --------



สารภาพว่าเป็นตอนที่แต่งยากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เราค่อนข้างชอบบรรยากาศแฮปปี้ๆ พอมันหนักๆ เราก็แบบ … เอาแล้วไง ทำไงดี แต่งไม่ออก ;A;
แต่ในที่สุดก็มาแล้ว เย่ะ

อีกเรื่องที่ทำให้หายไปนานขนาดนี้เพราะงานค่ะ
ช่วงนี้เรายุ่งมากเลย งานประจำที่ทำเป็นช่วงใกล้จะมีอีเว้นต์ ซึ่งดิชั้นทำพลาดจนไม่รู้จะพลาดยังไง ตามแก้งานแล้วแก้งานอีกจนจะโดนให้ออกอยู่แล้ว
อย่าว่าเรา เพราะเราโดนหัวหน้าว่าเยอะแน้ว แง 

สุดท้ายนี้… มาทิ้งระเบิดค่ะ
ไปละ 5555555555555555555555
ทวงนิยายในทวิตเตอร์ได้เหมือนเดิมนะคะ

ฝาก #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ เอาไว้ด้วยนะคะ XD
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-03-2019 20:04:44
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonfang ที่ 03-03-2019 20:25:39
โอ้โห คือแบบ... โอ้โห.....
เป็นตอนที่อ่านไปจุกไปมากค่ะ อยากคว้าคุณกฤติมากอดแน่นๆ กอดให้แน่นๆๆๆๆ นี่มันวันอะไรทำไมเจอแต่เรื่องสะเทือนใจติดกันเป็นคอมโบ ถ้าคุณกฤติไม่ยอมร้อง เราจะร้องแทนแล้วนะคะ แงงงง
ว่าแต่น้องนิ้ง เกิดอะไรขึ้นลูกกก พี่เชื่อว่าโดยพื้นฐานหนูเป็นเด็กดี ดังนั้นใครพูดอะไรใส่หนูคะ ชี้ตัวมาค่ะพี่จะไปจัดการมันนนน!!!  :fire:

ตัดจบได้ค้างคามากเลยค่ะ ฮือฮือฮือ เป็นกำลังใจให้นะคะ รอติดตามนะ ;--;
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-03-2019 21:27:30
งานเข้าสองเด้ง คุณกฤติสู้ๆ นะ เรื่องใหญ่ด้วยฮือ เราจะผ่านมันไปได้เนาะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 03-03-2019 21:43:32
ท่านหัวหน้าเจอมรสุมเหรอคะ แงงงงงงง คุณกฤติคนฮอตของหนูสู้ๆ นะคะ อู้วๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 03-03-2019 21:57:15
สงสารคุณกฤติ เค้าหลงน้องนิ้งมากนะ :hao5:

น้องนิ้งต้องโดนใครเป่าหูมาแน่ๆ เราไม่ยอมๆ อย่ามาบูลลี่คุณกฤตินะ :hao7: :hao7:

แต่ถึงเราจะสงสารคุณกฤติ ก็สาดดราม่ามาอีกค่ะ ทางนี้ชอบมากกกกกกก สาดมาเลยค่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-03-2019 00:14:48
ไหวไหมคุณกฤต
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 04-03-2019 02:03:26
น้องนิ้งโดนอิแม่เป่าหัวมาแน่ๆ เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 04-03-2019 11:56:24
เข้าใจน้องนิ้งนะ สังคมเรายังไม่เปิดขนาดนั้นจริงๆ

แต่สงสารอากฤติมากกว่า :sad4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 04-03-2019 13:36:20
ใครมาพูดอะไรให้น้องนิ้งฟังแน่เลย โอ๋ๆนะคุณกฤติรอให้หนูนิ้งโตขึ้นคิดเองได้นะ ตอนสุดท้ายช็อคมากค่ะ คุณกฤติจะแย่ไปแล้วนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 04-03-2019 14:13:37
จะเป็นแม่ของนิ้งหรือป่าว
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-03-2019 16:28:05
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-03-2019 21:54:12
ไม่อยากจะนึกว่าใครเป็นคนสอนน้องนิ้งแบบนี้ แม่หรือพ่อใหม่อ่ะ เด็กเหมือนผ้าขาวต้องมาแปดเปื้อนอะไรที่ผู้ใหญ่ยัดใส่หัว แง คุมกฤติ กอดนะคะ สู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-03-2019 22:01:42
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 05-03-2019 01:28:21
~_~
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 05-03-2019 05:52:43
ช่วงนี้งานเราก็ยุ่งเหมือนกัน แต่ก็ยังติดตามรออ่านอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้นะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 05-03-2019 08:09:06
เด็กน่ะไม่อะไรหรอก แต่ผญ.มาสอนกันผิด ๆ อย่างนี้ไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-03-2019 09:26:23
ขออย่าให้ฝั่งแม่สอนน้องนิ้งเลยนะ ถ้าเป็นแบบนั้นคือ

น้องไม่ควรอยู่ในครอบครัวแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :12th Sunday: ผมเด็ดนะ อู้วๆ (03/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 08-03-2019 23:14:18
น้องนิ้งโดนใครพูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์คุณพ่อหรือเปล่าลูก
สงสารคุณกฤติ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 14-03-2019 22:04:25
13th Sunday


ครอบครัวของกฤติ ไม่เคยมีที่มากพอสำหรับความผิดพลาด 




ตั้งแต่จำความได้ กฤติถูกเลี้ยงด้วยระเบียบ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความคาดหวัง สถานที่เรียนพิเศษคือสนามเด็กเล่นของกฤติ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นชีวิตของกฤติมีแต่การเรียนเท่านั้น เมื่อเรียนเสร็จแล้วก็ต้องรีบไปเรียนพิเศษต่อจนกระทั่งมืด เขาไม่เคยได้กลับบ้านหลังสองทุ่ม เพราะเขาต้องอ่านหนังสือให้พ่อฟังตั้งแต่เริ่มสะกดคำเองได้




เป้าหมายเดียวในชีวิตของกฤติ ณ ตอนนั้นคือการทำให้พ่อพอใจ




เมื่อเขาสอบได้คะแนนดี พ่อจะพยักหน้าให้ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะคลายความตึงเครียดจากที่เป็นอยู่ทุกวันไปเล็กน้อย และในวันสุดสัปดาห์ถัดจากนั้น พ่อกับแม่จะพาไปเที่ยวตอนเย็นหลังจากที่เขาเรียนภาษาอังกฤษเสร็จในตอนเที่ยง




แค่เรียนให้เก่ง และทำให้ที่ครอบครัวยินดี คือเรื่องที่บุตรีควรทำ




คำสอนของแม่บอกไว้แบบนั้น แม่ของเขาเป็นผู้หญิงเรียบร้อยที่มาจากครอบครัวใหญ่โดยมีพื้นเพมาจากต่างจังหวัด คุณแม่เป็นคนหัวอ่อน กฤติรักแม่ และแม่ก็บอกรักเขาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน




แม่รักลูกอย่างเขา แต่รักพ่อมากกว่า




กฤติสัมผัสได้เมื่อเขาทะเลาะกับพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต การสอบแข่งขันคณิตศาสตร์ตอนประถมหนึ่งนั้น กฤติจำได้ดีว่าเขาป่วยและตื่นสนาม เลยทำได้ไม่ดีนัก ซึ่งเมื่อผลออกมาว่าเขาไม่ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้ายและไม่ได้รับเหรียญรางวัล




โทสะของพ่อ สายตาผิดหวังของแม่ ทำให้เด็กน้อยรู้ว่าเขาเป็นเพียงผลผลิตที่ผิดพลาดไม่ได้ของบุพการี




กฤติเรียน เรียน แล้วก็เรียน เขาเก็บตัวอยู่กับตัวเองโดยมีเพียงหนังสือและข้อสอบมาเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงมัธยมสี่ ที่มีเรื่องอื่นนอกจากการเรียนเข้ามาในชีวิต กฤติเริ่มไปเรียนพิเศษเองโดยที่ไม่ต้องมีรถรับส่ง และเขาถูกขอเบอร์จากผู้หญิงโรงเรียนใกล้ๆ หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะยอมให้จนกระทั่งรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันเข้ามาในชีวิต




พี่แบงก์ แฟนคนแรกและคนเดียวของชายหนุ่ม




ใช้เวลาหลายเดือนกว่าเขาจะเรียนรู้และยอมรับกับรสนิยมของตัวเอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการที่เขายอมให้พี่แบงก์เข้ามามีบทบาทบางอย่างและมีสถานะที่กฤติเคยแต่อ่านหนังสือถึงเท่านั้น




การคบกันของทั้งสองคนเป็นไปอย่างเรียบง่าย พี่แบงก์เป็นคนบอกเลิกชายหนุ่มซึ่งเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเนื่องด้วยรำคาญ สิ่งที่พี่แบงก์ให้กับกฤติคือความมั่นใจในรสนิยมของตัวเองมากยิ่งขึ้น




“ผมเป็นเกย์” 




เขายอมรับกับพ่อในวันหนึ่งท่ามกลางโต๊ะอาหารเย็นที่เงียบสงบเหมือนทุกวัน แม่หัวเราะเสียงประหลาดนำขึ้นมาก่อนที่จะเบาลงเมื่อเห็นว่ากฤติไม่ได้เล่นมุก พ่อดูนิ่งกว่าที่เคยเป็นมาตลอดทั้งชีวิต แก้วในมือหัวหน้าครอบครัวถูกขว้างมาทางเขาอย่างพอดี




นั่นเป็นเพียงครั้งแรกเท่านั้น




พ่อพาเขาไปหาจิตแพทย์ เข้าวัดทำบุญ ทำทุกอย่างที่จะรีดความผิดปกติที่ฝังแน่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตออกไปจากกฤติ จนเมื่อรู้ตัวว่าทำไม่ได้แล้ว ถ้อยคำสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้เขามีเพียงสั้นๆ




“มึงไม่ใช่ลูกกู”




นั่นคือความทรงจำทั้งหมด ของผู้ชายที่เหลือเพียงแค่รูปให้ดูต่างหน้าในวันนี้




.

.

.




“กฤติ”




ชายหนุ่มกะพริบตา เสียงเรียกของแม่ปลุกชายหนุ่มออกจากภวังค์ งานศพวันที่สองของพ่อไม่ได้วุ่นวายน้อยกว่าวันแรกมากมายนัก แต่คนที่ลางานมาเพื่อจัดการงานศพของพ่อนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเมินใส่โทรศัพท์ทุกสายที่โทรเข้ามาได้




ข่าวเรื่องที่คุณพ่อของกฤติเสียกระจายไปทั่วบริษัทในเวลาไม่นาน บรรดาเพื่อนร่วมงานต่างส่งพวงหรีดและเงินมาช่วยเป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งเขาก็รู้สึกขอบคุณ อีกทั้งอาจจะเพราะเขาไม่ใช่คนที่มีเพื่อนมากนักในสมัยมัธยมและมหาลัย กลุ่มเพื่อนที่มาแสดงความเสียใจจึงเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ผู้มาร่วมงานส่วนมากนั้นเป็นญาติกับคนสนิทของบุพการีเสียมากกว่า




ถึงแม้จะไม่เคยจัดงานประเภทนี้แต่กฤติก็สามารถทำมันได้เป็นอย่างดีเหมือนกับทุกอย่างในชีวิต เขาประสานงานกับวัด แจ้งทุกที่ที่ควรจะต้องแจ้ง สั่งทำของที่ระรึก ติดต่อเรื่องดอกไม้ ถึงแม้พ่อเขาจะเป็นคนจีนแต่ด้วยการติดต่อและจัดการด้านค่าใช้จ่ายเพียงคนเดียวนั้น เขาจึงเลือกวัดไทยใกล้บ้านเพื่อความสะดวก




เหนื่อย




กฤติทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกตัวที่ใกล้ที่สุด พร้อมถอดแว่นออกมาเพื่อเช็ดฝุ่น เขาไม่ปฏิเสธว่ามันเหนื่อยมากขึ้นทุกวัน นี่เป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่พ่อเสียด้วยหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งพ่อเขามีประวัติความดันสูงมาหลายปี ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่




กฤติเคยคิดไว้ว่าหากวันนี้มาถึงเขาจะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรนอกเสียจากความว่างเปล่า มันไม่ได้รู้สึกเป็นอิสระอย่างที่เคยคิด หรือไม่ได้ร้องไห้เสียใจเป็นเด็กอย่างที่เคยนึก มันเป็นเพียงความว่างเปล่า




วินาทีที่เขาเห็นหน้าแม่ที่โรงพยาบาล กฤติเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเจอพ่อกับแม่ครั้งสุดท้ายคือมัธยมหก




กฤติย้ายออกไปใช้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่เขารู้ตัวว่ามหาลัยจะได้เรียนที่ไหน พ่อของเขายื่นคำขาดว่าหากไม่เลิกเป็นเกย์ก็ไม่ต้องกลับบ้าน ใช่ กฤติไม่เคยกลับไปอีกเลย หน้าพ่อเขาก็ไม่เห็นเช่นเดียวกัน ขนาดในวันรับปริญญาที่เขาสู้อุตส่าห์กัดฟันคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองมาได้ พ่อเขาก็ยังไม่โผล่มาแม้แต่เงา




ภาพของพ่อที่ใช้ประกอบงานศพเป็นผู้ชายที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าจะรู้จัก หากแต่เป็นภาพอดีตที่ห่างไกลเกินไป แม้แต่กับหญิงสาววัยกลางคนที่นั่งห่างออกไปไม่มากนักอย่างแม่ กฤติก็รู้สึกคล้ายกับว่าเป็นคนแปลกหน้าเช่นเดียวกัน




เหนื่อย




เขาถอนหายใจออกมา ตั้งใจจะลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งเมื่อใกล้ถึงเวลาพระสวด หากแต่เสียงพูดคุยกันด้านหลังดันลอยเข้าหูเสียก่อน

 


‘ได้ยินว่าลุงกิตติแกตรอมใจเพราะลูกชายหนีออกจากบ้านนะ’

‘จริงเหรอพี่? ก็ว่าแล้วเห็นลุงกิตติกับป้ามนอยู่บ้านกันสองคนตลอด’

‘ใช่ๆ เห็นว่าทำผู้หญิงท้องแล้วหนีออกจากบ้าน สร้างหนี้ไว้ด้วยนะ เป็นล้านๆ เลย’

‘ลูกเนรคุณจริงๆ’



ถ้อยคำที่ผู้มาร่วมงานพูดนั้นผ่านหูกฤติแล้วออกไปเหมือนที่เคย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดเช่นนี้ ทั้งญาติมิตร เพื่อนฝูงของทั้งพ่อและแม่ต่างพูดทำนองเดียวกันหมดว่าเขาคือความอัปยศของคุณพ่อทหารยศใหญ่ และคุณแม่ผู้ที่สวยและใจดีที่สุดในละแวกบ้าน




กฤติทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปจนเกือบจบวันสวดคืนสุดท้าย วันนี้มีผู้มาร่วมงานมากเป็นพิเศษ รวมถึงคนที่ทำให้ใจเขาวูบโหวงเพียงสบตาด้วยเช่นกัน




นรินทร์




คุณพ่อคนเก่งไม่ได้พาลูกสาวมาด้วย พวกเขาสบตากันชั่วขณะท่ามกลางคนมากมาย ในขณะที่นรินทร์กำลังทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ กฤติก็จำเป็นจะต้องไปดูแขกเรือในส่วนอื่นพอดี ทำให้พวกเขาคลาดกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งงานจบลง แขกทยอยกลับกันไปเกือบหมด เหลือเพียงแค่แม่ที่จะกลับบ้านกับคนข้างบ้านที่มางานเหมือนกัน




นอกจากกลุ่มของหญิงวัยกลางคนนั้น ที่นี่ยังมีชายหนุ่มอีกหนึ่งคน




เลขาคนเก่งมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับสูทอย่างดี รอยยิ้มบางถูกส่งมาให้กฤติที่ยืนอยู่ไม่ไกล หัวหน้าแผนกเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าบริเวณนี้มีเพียงรถของเขาคันเดียวเท่านั้น ไม่มีรถของนรินทร์ให้เห็น



“ผมมากับบริษัท”




โน้ตตอบในสิ่งที่กฤติสงสัย ชายหนุ่มยื่นมือออกมาข้างหน้า คล้ายกับว่าจะรอให้กฤติจับมือของตัวเองเอาไว้




“...”




กฤติยังคงมองมือข้างนั้นอย่างลังเล ชั่วขณะหนึ่งเขาอยากจะทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งเข้าไปหาอีกคน แต่อีกใจ เขาไม่คิดว่าน้องนิ้งจะมีความสุขหากตัวเองทำแบบนั้น เขาไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวไหน ไม่เข้าใจกันจนวันสุดท้ายของลมหายใจเหมือนเขากับพ่อ



 

“ผมกลับกับคุณได้มั้ย?”




พวกเขามองหน้ากัน




สุดท้าย กฤติก็เลือกที่จะเดินเข้าไปจับมือข้างนั้นของนรินทร์เอาไว้ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง คืนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะขัดใจความต้องการของตัวเองแล้วจริงๆ





ต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 14-03-2019 22:06:36
ต่อจ้า

------- Sunday In Bed -------



กว่าชั่วโมงที่อยู่บนรถนั้นกฤติไม่ได้พูดอะไรออกมา




เลขาคนเก่งที่แย่งเอากุญแจจากอีกฝ่ายแล้วสถาปนาตัวเองเป็นคนขับรถชั่วคราวก็ไม่กล้าทักอะไร วัดที่ใช้จัดงานศพอยู่คนละฝั่งของกรุงเทพ




นรินทร์ไม่ได้มารถบริษัทอย่างที่ตัวเองบอกหัวหน้าไป เขาเพียงแต่ติดรถเมฆที่พาแทนใจมางาน แล้วบอกให้สองคนนั้นทิ้งเขาเอาไว้ โน้ตตั้งใจว่าวันนี้เขาจะต้องคุยกับกฤติให้ได้




ตั้งแต่ที่แยกกันวันนั้น กฤติก็ลางานด่วนด้วยธุระเรื่องงานศพของพ่อ เขาไม่ได้คุยกับอีกฝ่ายนอกเหนือจากงานปกติ เนื่องจากเป็นเลขา พอหัวหน้าไม่อยู่ ช่วงนี้เขาเองก็หัวหมุนกับงานพอตัว อันที่จริงเขาจะรอจนกว่ากฤติจะกลับมาทำงานก็ได้ แต่เพราะครั้งสุดท้ายที่คุยกัน มันเต็มไปด้วยความเข้าใจผิด




เขาอยากอธิบายในสิ่งที่คุยกับลูกไป


แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควร




“คุณ…”

“ผมขออยู่เงียบๆ นะครับ”




น้ำเสียงของกฤติไที่โต้ตอบกลับมาทันทีไม่ได้เรียบนิ่งเหมือนทุกครั้ง มันแผ่วเบาและสั่นไหวเล็กน้อย จนโน้ตแทบจะไม่สังเกต หากไม่ใช่เพราะว่าเขาใส่ใจอีกคนมาเป็นเวลาหลายเดือน




เมื่ออีกคนบอกแบบนั้น แม้แต่เพลง นรินทร์ก็ไม่แม้แต่จะเปิดฟัง พวกเขาสองคนนั่งกันอยู่ในความเงียบที่น่าอึดอัด จนกระทั่งมาถึงที่พักของกฤติ นรินทร์ขยับตัวอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ตามปกติเขามักจะตื๊ออีกคนขอเข้าไปอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายเสมอ




แต่วันนี้ เขากลับต้องการคำอนุญาต




“ขึ้นมาบนห้องด้วยกันสิ”




เพียงแค่ประโยคสั้นๆ นั่น ทำให้นรินทร์พาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องที่คุ้นเคยจนได้




ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ พร้อมสำรวจห้องของอีกฝ่ายตามใจ ที่ห้องนี้ยังคงให้ความรู้สึกคล้ายกับครั้งสุดท้ายที่เขามาเหยียบ ข้าวของมีความเป็นระเบียบมากขึ้น หากแต่ผ้าปูที่นอนสีเขียวมะนาวที่เขาเลือกเอาไว้ยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งมันดูเด่นออกมาอย่างน่าประหลาด




เหมือนกับตัวตนของกฤติในชีวิตเขา




หลังจากที่ได้ชีวิตโสดกลับคืนมา ชีวิตของนรินทร์มีเพียงลูกสาวเท่านั้น เขาคิดว่าตัวเองสามารถอยู่เป็นโสดไปจนตายได้หากในชีวิตเขามีน้องนิ้งอยู่ด้วยกัน ความเชื่อของเขาพังทลายลงอย่างหมดท่าเพียงแค่เพราะกฤติเข้ามามีตัวตนอื่นในชีวิตของนรินทร์ เข้ามาทำให้เขารู้สึกอยากจะมีใครสักคนอยู่ข้างๆ อีกครั้ง




อยากปกป้อง อยากโอบกอด อยากทำให้ยิ้ม อยากเป็นทุกอย่างให้กับเขา


และอยากให้เขามองนรินทร์แบบนั้นเช่นเดียวกัน




โดยไม่ทันรู้ตัว สายตาของเลขาจับจ้องไปที่หัวหน้าของตัวเอง เจ้าของห้องยังคงอยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้ามีร่องรอยของความเหนื่อยอ่อนปรากฎให้เห็น ทั้งที่อีกคนเพียงแค่นั่งอยู่บนโซฟาคล้ายกับว่ากำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เขากลับรู้สึกว่าไหล่นั่นช่างดูอ้างว้างและโดดเดี่ยว




ในงานศพนั่น ตลอดทั้งงานสายตาเขาจับจ้องอยู่ที่ตัวหัวหน้า เขาเห็นอีกฝ่ายวิ่งวุ่นไปมา ไม่ยอมรับความช่วยเหลือของใคร ปฏิเสธเขาอย่างเรียบง่ายและนุ่มนวล บอกว่าเพราะมันไม่ใช่งานของบริษัท นรินทร์ไม่ได้ถูกจ่ายเงินเดือนให้มาช่วยกฤติตรงนี้




ถึงแม้อยากจะพูดต่อว่าเต็มใจ แต่สายตาประหลาดจากหญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็นมารดาของกฤตินั้นทำให้เขายอมผละออกไปนั่งอย่างเสียไม่ได้




เขาทำอะไรผิดหรือเปล่า?




หลังจากนั้นเขาได้รับสายตา ‘ประหลาด’ จากหญิงคนนั้นหลายต่อหลายครั้ง บางทีคนอื่นอาจจะไม่สังเกต แต่นรินทร์เห็น รวมถึงสายตานั่นยังคงเผื่อแผ่ให้กฤติด้วยเช่นเดียวกัน




“คุณหิวมั้ย?”




นรินทร์ถูกปลุกจากภวังค์ของตัวเองอย่างแผ่วเบาด้วยเสียงของหัวหน้า อีกคนดูเหนื่อยจนเขาไม่กล้าเอ่ยปากกวนประสาทเหมือนกับที่เคย จึงได้แต่ส่ายหัวเท่านั้น




“ถ้าไม่หิวก็โอเค ผมว่าจะไปอาบน้ำ”




ในขณะที่นรินทร์กำลังจะอ้าปากบอกว่า ‘งั้นเดี๋ยวผมนั่งรออยู่ตรงนี้’ กฤติกลับแทรกขึ้นมาก่อน




“คุณจะมาอาบด้วยกันมั้ย?”




แน่นอนว่า นรินทร์พยักหน้ารัวเสียจนหัวแทบหลุดออกจากบ่า




.

.

.





กฤติดูแปลกไป



คุณพ่อลูกหนึ่งคิดตอนที่เขากับอีกฝ่ายยืนเช็ดตัวกันอยู่คนละมุมห้อง อาบน้ำกฤติเมื่อสักครู่นั้นไม่ได้มีอะไรให้ชวนวาบหวาม แน่นอนว่าเขาอยากที่จะสัมผัสอีกฝ่าย แต่ด้วยสถานการณ์แล้ว นรินทร์รู้สึกว่าตัวเองอาบน้ำอยู่ในมุมเงียบๆ อาจจะดีเสียกว่า




ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่คุณพ่อลูกหนึ่งไม่รู้สึกว่าตัวเองจะต้องยอมแพ้แต่อย่างใด เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ในตู้ เดินไปหาอีกคนที่กำลังดูโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิมไม่มีผิด




“ผมเช็ดผมให้นะ”




กฤติพูดตอบกลับนรินทร์นิ่งๆ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากโทรศัพท์มือถือ




“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะครับ”

“นี่ค่อยสมกับเป็นคุณหน่อย”




นรินทร์พูดติดตลก พร้อมกับยืนประชิดเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มือของชายหนุ่มเช็ดผมให้อีกคนเบาๆ ถึงแม้ว่ากฤติเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เขาอยากปฏิบัติกับอีกคนอย่างทะนุถนอมเท่าที่จะทำได้




ไม่มีใครอยากทำให้ความรักของตัวเองเจ็บ




คนไร้ความละเอียดอ่อนอย่างนรินทร์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

“รู้มั้ยช่วงที่คุณไม่อยู่เนี่ยผมโคตรเหงาเลย แต่งานก็เยอะมากเหมือนกัน เลยเหงาน้อยลงมาหน่อย… ”




กฤติปล่อยให้คำพูดของนรินทร์ผ่านหูไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ช่วงที่ผ่านมาเขานอนหลับไม่สนิทมาหลายคืน ในหัวมีเรื่องมากมายไหลวนเต็มไปหมด เขาคิดไปถึงชีวิตที่ผ่านมา และอนาคตที่กำลังจะเป็นต่อไป




“ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกหลายวันแน่ะตอนแรก”




หัวหน้าแผนกเอี้ยวตัวไปด้านหลังเล็กน้อย ใบหน้าของเลขายังคงหล่อเหลาเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มบางๆ ที่ประดับอยู่ในตอนแรกเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเมื่อสายตาสองคู่ประสานกัน




ชั่วขณะหนึ่ง โลกรอบตัวของพวกเขาหยุดหมุน


และในอีกชั่วขณะ เสียงหัวใจของกฤติก็ดังเสียจนเขาไม่อาจจะปฏิเสธอะไรได้อีกต่อไป




“คืนนี้…” กฤติพูด พร้อมกับหยุดเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนที่จะพูดต่อไป “นอนด้วยกันนะครับ”




เป็นอีกครั้งที่นรินทร์ตาโตอย่างที่คนมองแอบกลัวว่ามันจะถลนออกมา เลขาหนุ่มอ้าปากแล้วก็หุบ ก่อนที่จะอ้าอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแววตาของกฤติไม่ได้มีตรงไหนที่แสดงออกว่าล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย




“คุณ…”

“กอดผมนะครับ”




ตาย




ดีนะที่กฤติไม่ใช่คนขี้อ้อน ไม่งั้นนรินทร์คงจะต้องตายทุกครั้งที่อีกคนเอื้อนเอ่ยความต้องการของตัวเองแบบนี้ออกมา คุณพ่อลูกหนึ่งอยากจะหัวเราะให้ดังไปทั่วโลก แต่ก็กลัวว่ากฤติจะเกิดเปลี่ยนใจเสียก่อน




ไม่มีคำพูดอะไรมากกว่านั้นให้เปลืองเวลา บทรักของพวกเขาเริ่มขึ้นด้วยการจูบเหมือนทุกครั้ง เนื่องจากรู้จักกันดี ใช้เวลาไม่นานจูบแผ่วเบาในคราแรกก็เปลี่ยนเป็นความร้อนแรงจนแทบจะแผดเผาทุกสรรพสิ่ง




พวกเขาจูบกันเป็นสิบหรือเป็นร้อยครั้งหรือเปล่านรินทร์ไม่ได้สนใจ เขารู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองกำลังเมามาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพาตัวเองและเจ้าของห้องเข้ามาที่เตียงโดยที่ยังไม่แยกจากกันได้อย่างไร เสื้อผ้าของพวกเขากองอยู่ตรงหน้าประตูห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ่งเดียวที่เขารู้ตอนนี้คือกฤติ




การกอดกันครั้งนี้ สะท้อนความเป็นตัวตนของคุณกฤติออกมา



ในคราแรกนรินทร์จะเป็นคนควบคุมจังหวะ แต่เขากลับโดนอีกคนผลักให้ลงไปนอนบนเตียง โดยเลขาหนุ่มปล่อยให้หัวหน้าแผนกคุมเกมอย่างที่เจ้าตัวอยากจะทำ มันไม่ได้แย่ ตรงกันข้ามเสียเลยด้วยซ้ำ เขาแทบจะกลายเป็นขี้เถ้าเพราะความเร่าร้อนของกฤติเสียตอนนี้ แต่กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถกอดอีกฝ่ายได้อีกต่อไป




พวกเขาสบตากันก่อนที่รอยยิ้มมุมปากของกฤติจะฉุดให้นรินทร์ตกหลุมรักอีกคนอีกครั้ง




เขาอยากครอบครองกฤติไปทุกส่วน แต่ทำได้เพียงแค่มองดูเจ้าตัวเล่นกับของเขาตอนที่เสร็จยกแรก ไม่รอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ นรินทร์แกะถุงยางอันที่สอง คราวนี้พวกเขาเปลี่ยนท่ามาเป็นกฤตินอนอยู่ที่นอนเฉยๆ ในขณะที่นรินทร์เปลี่ยนมาเป็นคนที่คุมจังหวะเสียเอง




ทั้งที่อยากจะอ่อนโยนกับอีกคน อยากจะเติมเต็มกฤติด้วยความรัก แต่เมื่อเห็นใบหน้าใกล้จะถึงฝั่งฝัน เลือดที่ไหลเวียนในตัวนรินทร์ก็บังคับจังหวะเป็นรัวเร็วเสียจนอีกฝ่ายถึงกับครางออกมาด้วยความสุขสม นรินทร์พรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้าของอีกฝ่าย ปากก็บอกรักอีกคนอย่างไม่กลัวว่ากฤติเบื่อที่จะฟัง




กฤติครางเพราะเขา


หัวใจเขา ก็เต้นเพราะกฤติเช่นเดียวกัน




“ไม่ต่อเหรอ?”




หัวหน้าถามเสียงเบาเมื่อเขาถอดถอนตัวเองออกจากอีกฝ่ายหลังจากเสร็จรอบหลังสุด คุณพ่อคนเก่งเพียงแค่ส่งยิ้มให้อีกคนแล้วก้มลงไปจูบ

 


“ผมอยากจะคุยกับคุณมากกว่า โอเค ผมก็อยากทำกับคุณนะ แต่ตอนนี้โคตรอยากนอนกอดคุณเลย”

“...”




เมื่อเห็นว่ากฤติไม่ตอบอะไรเพิ่มเติมนรินทร์จึงจุมพิตเบาๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะละไปทิ้งถุงยางที่ใช้แล้ว เขาตั้งใจที่จะไปอาบน้ำตามกฎที่พวกเขาเคยตั้งเอาไว้ว่าจะไม่นอนเตียงถ้าสกปรก แต่กลับถูกอีกคนเรียกเสียก่อน




“อยากกอดก็กอดสิ”




ไม่ทำเพียงแค่พูด แรงดึงจากกฤติที่พยายามจะทำให้นรินทร์ล้มตัวลงนอนข้างๆ เป็นอีกครั้งที่นรินทร์หัวใจชุ่มฉ่ำคล้ายกับต้นไม้ที่ได้รับการรดน้ำอย่างดี นรินทร์หันหลังกลับไปทันทีเพื่อสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับคนข้างๆ กฤติยังคงทำหน้านิ่งเหมือนเดิม แต่แววตากลับสั่นไหวอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน




“คุณ…”

“อย่าเพิ่งพูดอะไร”




กฤติเอ่ยดักมาเสียก่อน พวกเขาสองคนนอนกอดกันใต้ผ้าห่ม สนทนากันผ่านสายตา ในหัวของทั้งสองเต็มไปด้วยความคิดมากมาย สุดท้ายแล้ว เจ้าของห้องก็เป็นคนพูดออกมา




“คุณ… พูดอีกทีได้มั้ย?”

“พูด?”

“ที่กระซิบเมื่อกี้ไง”




ไม่มีความลังเล นรินทร์พูดออกมาตามที่คิดไว้ในหัวใจ




“ผมรักคุณ”




หากตาไม่ฝาด เขาคิดว่าอีกฝ่ายแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย




“ผมก็…” กฤติกัดปากเล็กน้อย “นั่นแหละ”

“นั่นแหละอะไรครับ?”

“...”




กฤติพลิกตัวไปอีกฝั่ง นรินทร์หัวเราะออกมาเล็กน้อย หากไม่ติดว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาเหนื่อยมาก แล้วกฤติเองก็ดูเหมือนพร้อมจะหลับได้ตลอดเวลา เขาคงจะแกล้งกวนประสาทอีกฝ่ายให้ยอมรับออกมาตรงๆ ว่าจะพูดอะไรกันแน่




ถึงแม้ว่าในใจเขาจะฟันธงไปแล้วว่าล้านเปอร์เซ็นต์ว่ากฤติคิดเหมือนกันก็ตาม




“นอนเนอะคุณ”

“ครับ”




พวกเขานอนกอดกันในความเงียบอยู่แบบนั้น จนกระทั่งกฤติพูดขึ้นมา




“ผม…”


รักคุณ




ชายหนุ่มคิดต่อในใจ แต่ไม่ยอมพูดออกไปให้อีกคนได้ยิน




“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“อ่าฮะ”

“คุยเรื่องของเรา”

“ยิ่งกว่าโอเค”

“อืม”




กฤติรับคำในลำคอ ก่อนที่พวกเขาจะเงียบลงอีกครั้ง ในใจของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ




ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันล้นทะลักหัวใจเสียจนไม่สามารถถอยหนีได้อีกต่อไป เขารู้สึกกับอีกฝ่ายกว่ากว่าเพื่อนร่วมงาน มากกว่าอะไรทั้งหมด




เขารักนรินทร์


รักแบบที่ไม่อยากเห็นครอบครัวอีกคนจบลงแบบครอบครัวอันเละเทะของเขา




ไม่ว่าจะผ่านมากี่วัน เขาก็ยังไม่สามารถสลัดความคิดว่าเขาเป็นคนทำให้นรินทร์กับลูกต้องทะเลาะกันออกไปได้ การที่พ่อไม่คุยด้วยมันเหงาและทรมานมาก กฤติไม่อยากให้น้องนิ้งต้องมีชะตากรรมเดียวกัน




เขาไม่ต้องการพังครอบครัวไหนอีกแล้ว




“คุณง่วงหรือยัง?”




เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังปลุกกฤติออกมาจากความลังเลของตัวเอง เขาตัดสินใจแล้ว และจะไม่ให้ความอ่อนแอมาเปลี่ยนทิศของสิ่งที่ควรจะเป็นอีกต่อไป




“ยังครับ”




กฤติตอบเบาๆ ชายหนุ่มเม้มปาก เขากำลังคิดว่าควรจะเริ่มเปิดบทสนทนาอย่างไร ในขณะเดียวกัน รอบเอวเขาก็รู้สึกถึงแรงโอบรัดจากอีกคน พร้อมกับรอยจูบตรงหลังคอ




“คืนนี้ผมต้องฝันดีแน่นอนเลย มีคุณในกอดแบบนี้”




ทั้งที่มันเป็นจูบที่เขาควรจะเขิน หากแต่กฤติกลับรู้สึกจุกในอก กฤติยังคงนิ่ง เขาเงียบไม่โต้ตอบทั้งที่อีกคนลูบไหล่และหลังอย่างโอนโยน เขาไม่ได้ตอบอะไรทั้งที่นรินทร์กระซิบบอกรักข้างหูซ้ำๆ เป็นสิบครั้ง





บางที มันคงจะถึงเวลาแล้ว





“พอเถอะครับ”

“...”

“ผมว่าเราพอแค่นี้เถอะ” 





นรินทร์ที่กำลังอ้าปากหาวหยุดชะงักเมื่ออีกคนพูดเรียบๆ ในขณะที่กำลังมึนงงอยู่นั้น เจ้าของห้องก็พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าของกฤติยังคงดูเรียบนิ่งเหมือนกับทุกครั้ง แต่วันนี้มันดูต่างออกไป แววตาของกฤติสั่นไหวจนแม้กระทั่งคนไม่ละเอียดอ่อนอย่างเขายังรู้สึกได้




ถึงแม้จะรู้สึกหนักอึ้งคล้ายกับมีคนโยนหินก้อนใหญ่เข้ามาไว้ในท้อง นรินทร์ก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มให้




“คุณ ไม่เอาดิ ไม่ล้อเล่นแบบนี้”

“ผมพูดจริงครับ”




กฤติยังคงยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งแต่หนักแน่น คล้ายกับว่าตัวเองจะไม่เปลี่ยนใจ ถึงแม้ว่าใบหน้าของอีกคนจะทำให้เขาอยากจะร้องไห้ออกมาก็ตาม




“แต่…” นรินทร์หยุดพูด ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเสียงของเขาหายไปไหน “เมื่อกี้เราเพิ่งจะนอนด้วยกัน…”

“มันเป็นครั้งสุดท้าย”




กฤติตอบพร้อมตั้งใจจะพลิกตัวหนี แต่กลับถูกอีกคนจับมือเอาไว้แน่น 




“โน้ตทำอะไรผิดเหรอครับ? กฤติตอบโน้ตได้มั้ย?”

“...”

“โน้ตไม่ทำแล้วก็ได้นะ อย่าเป็นแบบนี้เลย โกรธอะไรโน้ตเรามาคุยกันดีๆ นะครับ… นะ”




ชั่ววินาทีนั้น กฤติอยากจะดึงตัวคนที่กำลังทำหน้างอยมาโอบกอดเอาไว้ เขาอยากบอกรัก อยากบอกว่าคุณพ่อคนเก่งไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด หากเรื่องนี้จะมีใครสักคนที่เป็นคนผิดล่ะก็ คนนั้นคือเขาเอง




“คุณไม่ได้ทำผิดอะไร”

“แล้วทำไมถึงได้จะเลิกกัน?” นรินทร์ถามต่ออย่างไม่ลดละ เขาอยากรู้ว่าทำไมกฤติถึงได้เป็นแบบนี้ “หรือว่าเพราะน้องนิ้ง ผมจะคุยกับลูก…”

“มันไม่ใช่เพราะน้องนิ้ง”




กฤติสวนอีกคนไปทันที นัยน์ตาคมกริบจ้องมองอีกคนที่กำลังมองมาทางนี้เหมือนกัน




“มันเป็นเพราะ..”


ผม



ผมเป็นตัวทำลายทุกความสัมพันธ์ ทุกครอบครัว




“ช่างมันเถอะครับ” กฤติตัดบท เลือกที่จะกลืนคำตอบเอาไว้ด้านใน “ถ้าคุณนอนพักพอแล้ว ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วเก็บของกลับไปเลยนะครับ”

“ผมไม่กลับ”




นรินทร์ยืนกรานหัวชนฝา ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งบนที่นอน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความไม่เข้าใจ เขาอยากจะกู่ร้องออกมาหรือตะโกนอะไรบางอย่างเพื่อระบายก้อนความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก ชายหนุ่มกำลังจะเป็นบ้า หรือไม่ก็เขาอาจจะเป็นบ้าไปแล้วก็ได้




“งั้นคุณไปนอนข้างนอก...”

“ผมรักคุณ”




คำบอกรักที่จริงจังและหนักแน่นถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง นรินทร์จ้องมองไปที่ดวงตาของอีกฝ่าย เขาแทบจะกรีดหัวใจตัวเองออกมาวางไว้ตรงหน้าอีกคนเพื่อพิสูจในสิ่งที่พูด นรินทร์รักผู้ชายตรงหน้า รักจนไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรให้อีกคนรับรู้ถึงมันได้มากกว่านี้




“ผมก็รักคุณ แล้วยังไงต่อ?”




คำตอบกลับอย่างเรียบง่ายของอีกคนทำให้สิงโตตัวใหญ่นิ่งบ้าง กฤติในมุมนี้ดูเปราะบางกว่าเดิมหลายเท่า หัวหน้าที่คอยเปิดประชุมทุกวันจันทร์ บัดนี้มองเขาด้วยแววตาสิ้นหวังอย่างน่าสงสาร



โน้ตเคยจินตนาการเอาไว้ว่าหากกฤติยอมบอกรัก เขาคงจะวิ่งรอบห้องด้วยความดีใจ หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว เขากลับทำอะไรไม่ได้แม้แต่แค่จะอ้าปากพูดเลยด้วยซ้ำ




เมื่อนรินทร์ควานหาเสียงของตัวเองเจอแล้ว ชายหนุ่มก็พูดตอบคนที่รักออกไป




“พวกเราก็คบกันไงครับ เป็นแฟนผม เป็นครอบครัวเดียวกัน…”

“มันเป็นไปไม่ได้”




พวกเขาไม่ใช่เด็กมอปลายที่แค่ถูกใจแล้วก็ตกลงคบกัน นอนด้วยกัน บอกรักกันสามเวลา มันมีอะไรมากกว่านั้น พวกเขามีหน้าที่การงาน นรินทร์มีครอบครัว มีลูก และอาจจะมีญาติคนอื่นอีก




หากคนที่นรินทร์รักรู้ว่าแฟนใหม่ของเจ้าตัวเป็นผู้ชาย? หากว่าน้องนิ้งเกิดรับไม่ได้แล้วทะเลาะกับนรินทร์ใหญ่โตจนถึงขั้นบ้านแตกเพราะพ่อของตัวเองเลือกเขาแทนแม่คนเก่า?




คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบพวกนี้วนอยู่ในหัวของกฤติ จุดจบของมันมีเพียงทางเดียวเท่านั้น


จบความสัมพันธ์เสียตั้งแต่ตอนที่หัวใจยังไม่ถลำลึกเกินไป




“ผมคุยกับลูกได้ ถ้าหากนั่นคือเรื่องที่คุณกังวล”

“มันไม่ใช่แค่น้องนิ้ง” กฤติตอบไม่เต็มเสียง “มันคือทุกอย่าง”

“...”

“ทุกอย่างระหว่างเรามันไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก คุณควรที่จะได้เป็นพ่อมีครอบครัวดีๆ”




ส่วนผม ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในครอบครัวของใคร



กฤติเลือกกลืนประโยคนั้นไว้ข้างใน เขาเบือนสายตาหนีแววตาตัดพ้อของนรินทร์ที่ส่งมาให้  บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเงียบและอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก




“เราค่อยๆ หาทางไปด้วยกันได้มั้ย?”




นรินทร์ถามออกมาอีกครั้ง ท่าทางของคนตัวใหญ่ตอนนี้น่าสงสารเสียจนกฤติเจ็บในอกเพียงแค่ชายตามอง แต่เขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

 


“แล้วคุณจะปล่อยให้น้องนิ้งอยู่ตรงไหนในระหว่างที่เราหาทาง?”

“ลูกก็ไปด้วยกันไง”

“ถ้าน้องไม่ไปล่ะ?”

“... คุณ ไม่เอาแบบนี้”

“คุณโตแล้วนะคุณโน้ต” กฤติพูดเสียงเรียบนิ่ง เขาใช้ทุกความพยายามในการจบบทสนทนานี้ให้เร็วที่สุด “คุณมีครอบครัวที่ดี มีลูกที่รักคุณ”

“มีคุณที่รักผมด้วย”




กฤติถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก รักกันแล้วยังไง? ในเมื่อโลกแห่งความจริงไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาสองคนเสียหน่อย 




“ผมรักคุณ แต่ผมไม่อยากคบกับคุณ ไม่อยากเข้าไปเป็นครอบครัวคุณ เข้าใจมั้ย?”

“ไม่”

“คุณเข้าใจ”




กฤติพูดรวบรัดอย่างที่เขาไม่ชอบทำ แต่ตอนนี้เขางัดนิสัยหัวหน้ากลับมาใช้ อย่างน้อยอะไรก็ได้ที่จะบังคับให้สิงโตตัวใหญ่กลับไปหาครอบครัวของมันได้แล้ว

 

“ผม...” นรินทร์ทำท่าเหมือนกับจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายแล้วสิ่งที่ออกมาจากปากมีเพียงแค่คำถามสั้นๆ

“เราต้องหยุดทุกอย่างเลยเหรอ?”

“ครับ”

“ผมไม่เข้าใจ ผมรู้ว่าผมแม่งโคตรโง่ แต่ผมไม่เข้าใจอะไรเลย”

“คุณเข้าใจ คุณแค่ไม่อยากยอมรับมัน”




กฤติย้ำอีกครั้ง ซึ่งสิ่งนั้นตีแสกหน้านรินทร์จนชายหนุ่มรู้สึกชาไปทั้งตัว




 “ผมว่าคุณเหนื่อยแล้ว วันนี้คุณกลับไปก่อนเถอะครับ”




กฤติพูดต่ออีกครั้งด้วยเสียงนิ่งๆ เขาหลบสายตาของนรินทร์ที่มองมาคล้ายกับไม่เชื่อหู หัวใจของกฤติคล้ายกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตอนที่เห็นแววตาตัดพ้อของอีกคน




นี่คือทางที่ดีที่สุดแล้ว




“เขิญ”




เมื่อมาถึงขนาดนี้นรินทร์ไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป เขาสวมเสื้อผ้าของตัวเองในความเงียบ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไป โดยมีกฤติออกมายืนกอดอกมองตามแผ่นหลังที่หายออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายหยุดใส่รองเท้าที่ประตูห้อง




กฤติมองตามนรินทร์ไปจนสุด เขามองจนสายตาหลุดโฟกัสความรู้สึกตอนนี้เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา เพียงแค่คิดว่าเขาจะไม่มีนรินทร์กับรอยยิ้มสดใสของเจ้าตัวอีกต่อไป หัวใจก็ชาไปหมด มันทรมานเสียจนเขาไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้




การลาจากกันมันทรมานเหมือนกับหัวใจถูกฉีกเป็นสองส่วนขนาดนี้เชียวหรือ?




ไม่มีคำพูดใดๆ เพิ่มเติม มีเพียงสายตาโหยหาของคนที่หน้าประตู




นรินทร์หวังว่ากฤติอาจจะรั้งเขาบ้าง เพียงแค่กฤติยอมบอกว่าทั้งหมดเป็นเรื่องล้อเล่น เพียงแค่อีกคนแสดงออกว่าต้องการให้เขาอยู่ตรงนี้ ต้องการก้าวไปด้วยกัน นรินทร์สาบานเลยว่าเขาจะยอมสลัดรองเท้าแล้ววิ่งกลับไปกอดคนที่รักสุดหัวใจ มันเป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เมื่อสิ่งที่ได้กลับมา มีเพียงสายตานิ่งเรียบของกฤติเท่านั้น




สุดท้าย นรินทร์ยอมกอบโกยเศษซากความหวังของตัวเองขึ้นมากอบกุมเอาไว้ พร้อมทั้งเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น





‘ปัง’





ทั้งที่สามารถอดทนมาได้ทั้งวัน แต่เพียงแค่ประตูปิดลงนั้นทุกอย่างเหมือนจะพังทลายไปตรงหน้า กฤติที่ไม่ได้ร้องไห้มาหลายปีพบว่าตัวเองไม่ได้แปลกใจเมื่อรู้สึกถึงความชื้นตรงหางตา เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เขาจะเช็ดมันออกไปอย่างรวดเร็ว






ประตูห้องของกฤติปิดลง


พร้อมกับหัวใจที่แหลกสลายของผู้ชายทั้งสองคน






.

.

.



------ TBC ------



อิอิอิอิ


ด้วยรักและ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 14-03-2019 22:21:59
ช็อคพอๆกับคุณโน้ตเลย ใครจะคิดว่ามันเป็นครั้งสุดท้าย อยากให้คุณโน้ตดึงคุณกฤติออกมาจากปมเก่าๆในอดีตแล้วเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ไม่อยากเห็นคุณกฤติโทษตัวเองแบบนี้เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-03-2019 22:48:41
แล้วฉันจะ​นอน​ยังไง​หลับ​ล่ะ​คุณ​
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 14-03-2019 23:08:18
ทำไมมาม่าาาา
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 14-03-2019 23:32:51
ชื่อตอนกับเนื้อเรื่องทำไมสวนทางกันล้าา
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-03-2019 00:31:31
โอ้ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 15-03-2019 01:23:30
 :sad4: ร้องแล้วค่ะ ฮืออออออออออ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-03-2019 01:35:51
ก่อนอ่านคือ  :hao7: หลังอ่านจบคือ  :ling3:
เข้าใจคุณกฤติเลย แต่ทางคุณโน้ตก็บอบช้ำไม่เบา ตลกไม่ออกเลย แง  :sad4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 15-03-2019 01:42:50
เช้าก็ไปยื่นใบลาออกเลยนะโน๊ต
เมื่อเขาบอกเลิกแล้วก็ไปให้สุด !!
 :ling1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-03-2019 11:17:27
ดราม่าหนักมาก!
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 15-03-2019 13:15:58
เหมือนอารมณ์ถูกกระชากลงมาเบาๆ ค่อนๆ ไปทางรุนแรง

ออกไปด้วยสภาพนี้  :o12:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-03-2019 19:25:51
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-03-2019 19:51:37
มันยังไม่จบ.........  :serius2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 15-03-2019 21:19:14
งื้ออออ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: MeiHT ที่ 15-03-2019 21:42:09
ใจพังตามทั้งคู่เลย แง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 15-03-2019 22:00:27
ไม่ๆๆๆๆๆอย่าทำร้ายกันสิคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 16-03-2019 07:56:15
เฮ้อ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 16-03-2019 10:36:20
เข้าใจทุกคนเลย สงสารทุกคน จบเพราะรักแบบนี้ โน้ตน่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นะ คาดหวังว่าเขาจะต้องกลับมาคุยกันให้เข้าใจ คุณกฤติไม่ยอมพูดออกมาทั้งหมดแบบนี้มันจะอึดอัดเอานะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-03-2019 12:18:46
เห็นใจทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 17-03-2019 21:59:40
กอดคุณกฤติแน่นๆเลย  :mew4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 21-03-2019 01:46:57
ตีโค้งเข้าดราม่าแบบสมบูรนณ์ จัลล่องงงงงงงง รู้สึกอยากกอดคุณกฤติ อยากบอกว่าอย่าแบกความรู้สึกนั้นเอาไว้คนเดียว แต่เรื่องครอบครัวก็เป็นปมที่หนักหนาเหลือเกิน และเขาจะต้องให้เวลาค่อยๆๆคลายปมนั้นเองจริงๆ ฮรือออออ เป็นกำลังใจให้คุณโน้ต คุณกฤติ และคนอ่านอย่างเราที่จมน้ำตาาาแงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ปล.บุตรี =ลูกสาว นะค้า พิมพ์เกินแน่เยยย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 21-03-2019 16:54:52
เข้าใจคุณกฤตินะ จะให้ไปต่อก็กลัวจะไปพังชีวิตครอบครัวคนที่เรารัก ทั้งโน้ตทั้งน้องนิ้งก็เป็นคนที่คุณกฤติรัก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 22-03-2019 11:58:32
เจ็บปวดสุด อยากให้คุยกับคุณโน๊ตตรง ๆ แต่นั่นแหละคุณกฤติเลือกที่จะให้คนที่ตัวเองรักมีความสุข แต่คุณโน๊ตไม่เห็นจะมีความสุขเลยนะคุณกฤติ  :ling3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-03-2019 12:14:09
 o22
 :mew2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Cheraae ที่ 23-03-2019 18:56:42
นี่มันอะไรกัน คือมันคิดไม่ถึงเลย สงสารทั้งคู่ แต่ละคนก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป กอดทั้งคู่น้าาาาาาา happy ending นะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 26-03-2019 08:04:54
ใจพังทั้งสองคน
ใจคนอ่านก็พัง
คุณกฤติทำไมทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 26-03-2019 23:47:02
ฮืออออ หน่วงมากๆ
ขอให้ทั้งสองคน หาทางออกที่ดี และลงตัวได้ทีเถ้อะ :hao5:
คนอ่านก็หน่วง สงสารทั้งสองคน แงงงง น้องนิ้ง หนูไปฟังใครพูดอะไรมารึป่าวละลูก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-03-2019 07:40:20
โอ้ย จะร้องอ่า รักกัน แต่คบกันไม่ได้ แง้
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :13th Sunday: ผมรักคุณ (14/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 31-03-2019 21:27:50
14th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์






นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาร่วมสองสัปดาห์   




ในช่วงสองสามวันแรก นรินทร์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้า เขารู้สึกเหมือนกับตัวเองทิ้งหัวใจเอาไว้ในห้องของหัวหน้า เขาเพียงแค่กอบโกยร่างกายเปล่าๆ เดินจากออกมา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากลับมาถึงบ้านได้อย่างไร ตัวเองต้องทำอะไรต่อไปบ้าง เขาเพียงแต่นั่งจ้องเตียงนอนของตัวเองอย่างเฉยเมย




ผ้าปูที่นอนสีสดอีกหลายผืนที่อยู่ที่บ้านถูกชายหนุ่มเก็บเข้าไปไว้ในตู้

 


มันคือวันอาทิตย์ที่บัดซบ เขาพูดกับตัวเองเป็นรอบที่ร้อยเมื่อนึกได้ว่าตัวเองอกหักเป็นครั้งแรกของชีวิต ความเป็นหนุ่มหน้าตาดีไม่ได้ทำให้เขาเผชิญการผิดหวังทางความรักบ่อยมากนัก ซึ่งเมื่อมันเกิดขึ้น ชายหนุ่มจึงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรับมืออย่างไร




มันไม่ใช่ความรู้สึกเสียใจจนน้ำตาไหลริน เขาไม่ได้อยากออกไปนอกบ้านเพื่อแหกปากโวยวายกลางสายฝนอย่างที่เห็นในโทรทัศน์ หรือเมาหัวราน้ำแบบตอนที่ไม่สบายใจปกติ




นรินทร์เพียงแค่นิ่ง


นิ่งจนกว่าจะรู้ตัว เขาก็นั่งจ้องผนังเสียจนมันเป็นเช้าวันใหม่แล้ว




ทั้งสัปดาห์ผ่านไปอย่างยาวนานในความคิดของชายหนุ่ม เขาทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงาน ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะต้องกินข้าวตอนไหน ยิ้มรับกับซุกซนที่ถามไถ่ว่าเขาเป็นอะไรทำไมถึงได้ดูจดจ่อกับงานขนาดนี้ หรือแม้กระทั่งบอกปฏิเสธแทนใจที่จะขโมยเยลลี่ซุกซนมาให้เขากินเพราะไม่เห็นว่าชายหนุ่มมีอาหารตกถึงท้อง




เมื่อมีคนถามว่าทำไมเขาถึงต้องวุ่นวายกับงานขนาดนี้ นรินทร์เพียงแค่ยิ้มแล้วตอบไปว่าเขายังต้องเรียนรู้อีกเยอะสำหรับหน้าที่ใหม่




ความจริงภายใต้ข้ออ้างทั้งหมด นรินทร์เพียงแค่ไม่อยากอยู่กับตัวเองมากเกินไป 


เขาไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงกฤติได้เลยจริงๆ   




หลายวันในตอนที่เลิกงาน นรินทร์มักจะเผลอขับรถมาที่คอนโดของอีกคน จอดรถทิ้งไว้อยู่แบบนั้นทั้งที่ตัวเองมีคีย์การ์ด มีเบอร์เจ้าของห้อง มีทุกอย่างที่สามารถพาตัวเองเข้าไปในห้องอีกคนได้ 




แต่นรินทร์ทำไม่ไหว




เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะเสนอหน้าเข้าไปในห้องนั้นด้วยฐานะอะไร เขากลัวว่าเมื่อตัวเองเห็นหน้าของกฤติแม้เพียงปลายผม ความคิดถึงมันคงโอบรัดจนเขาเป็นบ้า เขากลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมา หรือแม้กระทั่งทำอะไรบ้าๆ อย่างกักขังอีกคนเอาไว้ในอ้อมกอดตลอดไป




สิ่งเดียวที่ยึดสติของนรินทร์ คือคำบอกรักอันเจ็บปวดจากปากของกฤติ


ชายหนุ่มยกยิ้มเยาะเย้ยกับใบหน้าของตัวเองในกระจกมองหลังบนรถ คำว่า ‘รักกันมันไม่พอ’ เขาเพิ่งจะเคยรู้สึกถึงมันเป็นครั้งแรก


แถมเป็นบทเรียนรวบรัดที่เจ็บปวดชะมัด



.

.

.



“คุณพ่อไม่สบายเหรอคะ?”




นรินทร์กะพริบตามองลูกสาวที่เอ่ยปากถามอย่างสงสัย หลังจากที่ทำท่าอึกอักคล้ายกับอยากจะพูดอะไรกับชายหนุ่มมาตั้งแต่เช้า




วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้เจอลูกหลังจากที่ไปรับมาทานข้าวพร้อมกฤติเมื่อครึ่งเดือนก่อน เผลอแป๊บเดียววันเวลาของนรินทร์ไหลผ่านไปรวดเร็วราวกับกดลงชักโครก ทุกอย่างมันว่างเปล่า เขามีเพียงงาน งาน แล้วก็งาน




นอกจากงานแล้ว ก็คงเป็นบทบาทคุณพ่อ




เขาใช้ชีวิตคล้ายกับสัตว์เซลล์เดียวที่ปฏิบัติตามคำสั่งจากไขสันหลัง จนกระทั่งวันนี้ที่เนตรโทรมาบอกให้ไปรับลูกมาดูแลในสุดสัปดาห์ เพราะว่าน้องนิ้งใกล้จะเปิดเทอมขึ้นภาคเรียนใหม่ ประจวบเหมาะกับหญิงสาวมีบินพอดีกับที่คุณเอิร์ธจะไม่อยู่บ้าน เขาเลยต้องทำหน้าที่พ่ออีกครั้ง




“เปล่าค่ะ”




นรินทร์ฉีกยิ้มให้ลูกสาว มันคงเป็นยิ้มที่ดูแห้งเหือดที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดหวังให้เด็กน้อยเชื่อในคำโกหกโง่เง่านั่นอยู่แล้ว 




“แต่คุณพ่อดู…”

“ดูอะไรเหรอคะ?”

“ไม่ปกติ”

“...”

“คุณพ่อเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังร้องไห้เลยค่ะ หนูไม่เคยเห็นหรอกนะคะ แต่คิดว่าถ้าเกิดขึ้นได้ต้องเหมือนคุณพ่อแน่ๆ”




รอยยิ้มของชายหนุ่มค่อยๆ คลายลง แววตาที่มักทอประกายขี้เล่นอยู่เสมอหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด




“คุณพ่อเจ็บหัวใจค่ะ”

“...”




เด็กหญิงเงียบไปเมื่อได้ยินคำตอบ เธอกำลังคิดโยงไปถึงวิทยาศาสตร์เมื่อวันอังคารที่เรียนเรื่องอวัยวะภายใน




“คุณพ่อเจ็บหัวใจห้องไหนคะ?”

“เจ็บทุกห้องเลยค่ะ”

“แล้วทำไมถึงไม่ไปหาหมอล่ะคะ? รีบไปหาหมอเร็วสิ นิ้งพาไปก็ได้ค่ะ”

“หมอรักษาคุณพ่อไม่ได้หรอกค่ะ”

“แต่…”

“พ่อเจ็บหัวใจเพราะอากฤติเขาจะไม่มาหาคุณพ่อแล้วค่ะ”

“แล้วอากฤติไปไหนเหรอคะ?”




เด็กหญิงถามออกไปทันที ใบหน้าน่ารักยังคงมีร่องรอยของความไม่เข้าใจปรากฏอยู่




“อากฤติหนีไปในที่ที่คุณพ่อเอื้อมไม่ถึงอีกแล้วค่ะ”





ไวกว่าที่เธอจะรู้ตัว เด็กสาวพลั้งปากถามออกไป




“อากฤติหนีคุณพ่อไปเพราะนิ้งเหรอคะ?”





คุณพ่อของเธอนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มบางบนใบหน้า




“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ…”




บ่ายที่ไม่สดใส เด็กหญิงเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่พระอาทิตย์ร้องไห้ออกมา



.

.

.



“คุณพ่อคะ”




นรินทร์ที่กำลังเตรียมจะเข้านอนหันมาตามเสียงเรียกของลูกสาว โดยปกติแล้วพวกเขาจะแยกห้องกันนอน น้องนิ้งมีห้องเป็นของตัวเองตั้งแต่ตอนที่เริ่มขึ้นชั้นประถมหนึ่งเพราะน้องนิ้งร้องขอ ตัวคุณพ่อกับแม่เองก็โอเค แต่หลายครั้งที่เด็กน้อยมานอนกับพ่อแม่ อย่างเช่นตอนวันเกิด ตอนฝันร้าย




หรือแม้กระทั่งตอนที่มีเรื่องไม่สบายใจอย่างเช่นครั้งนี้




“ว่าไงคะ?”




น้ำเสียงของชายหนุ่มยังคงความใจดีเอาไว้เหมือนทุกครั้งที่พูดกับลูกสาว ถึงแม้ใบหน้าจะอิดโรยคล้ายกับคนที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มาเป็นปีก็ตาม




“นิ้ง…” เด็กหญิงกัดริมฝีปาก เธอทบทวนเรื่องนี้มาตั้งแต่บ่าย จนถึงตอนนี้เธอตัดสินใจแล้ว ใบหน้าน่ารักมีร่องรอยของความเสียใจปรากฏให้เห็น “นิ้งขอโทษค่ะ”

“ขอโทษอะไรคะ?”

“นิ้ง… นิ้งไม่ได้อยากให้อากฤติหายไปจากชีวิตของคุณพ่อแบบนี้ค่ะ ฮึก…”




น้อยครั้งมากที่เด็กน้อยจะร้อไห้ให้นรินทร์เห็น วินาทีแรกชายหนุ่มตกใจ พอวินาทีต่อมาสัญชาตญาณก็สั่งให้เขาอุ้มเด็กสาวเอาไว้แนบอก ซึ่งลูกสาวก็สะอึกสะอื้นเสียจนนรินทร์รู้สึกได้ว่าคอเสื้อของเขาเริ่มชื้น




“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรนะคะน้องนิ้ง ไม่ต้องร้องนะคะคนเก่ง”




คุณพ่อตัวสูงยังคงกอดปลอบลูกสาวอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเธอเริ่มสงบลงเหลือเพียงแค่เสียงสะอื้นเบาๆ โน้ตจึงคลายอ้อมกอดแล้วเช็ดหน้าเช็ดตาเด็กน้อย ใบหน้าน่ารักตอนนี้แดงเถือก หน้าตายังคงบู้บี้จากการร้องไห้




“นิ้งขอโทษค่ะ”

“พอแล้วลูก พ่อไม่เคยโกรธหนูเลยนะคะ”




ฝ่ามืออบอุ่นของคุณพ่อที่ใจดีทำให้เด็กหญิงรู้สึกคล้ายกับอยากจะร้องไห้อีกครั้ง ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้คุณพ่อกับแม่เป็นทุกอย่างของเธอ แล้วทำไมเธอถึงได้ทำให้คุณพ่อเจ็บหัวใจได้ลงกัน




“นิ้ง… นิ้งไม่ได้ไม่ชอบอากฤตินะ นิ้งแค่...”

“...”




น้องนิ้งตัดสินใจกลืนความกังวลในจิตใจลงไป ถึงแม้ว่าจะโดนเพื่อนล้อหรือว่าโลกจะหันหลังให้ เธอก็ไม่สนใจแล้ว




ขอแค่คุณพ่อกับคุณแม่มีความสุข อะไรก็ได้ทั้งนั้น



“นิ้งรักคุณพ่อเวลาที่มีอากฤติอยู่ด้วยนะคะ”




คุณพ่อคนเก่งยิ้มกว้างเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าวัน เขาลูบหัวเด็กในอ้อมแขนแผ่วเบา ในหัวกำลังครุ่นคิดถึงสาเหตุที่เด็กหญิงมีความคิดต่อต้านกฤติในครั้งนั้น




ถึงแม้นรินทร์กับเนตรจะต่างกันหลายอย่าง แต่สิ่งที่มีร่วมกันคือการให้เวลาอีกคนในการตกตะกอนความคิดตัวเองเมื่อมีปัญหา พออารมณ์หายไปแล้วจึงค่อยมาหันหน้าคุยกัน




ครั้งนี้นรินทร์เองก็จะใช้วิธีนั้น




“น้องนิ้งคะ” เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองพ่อของเธอ แววตาใสซื่อมีความกังวลเล็กน้อยให้เห็น “น้องนิ้งจำวันที่เราเจออากฤติครั้งสุดท้ายได้มั้ยคะ? ที่เราไปทานข้าวด้วยกันสามคน”




เด็กหญิงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ ใบหน้าน่ารักสลดลงเมื่อนึกว่าตัวเองพูดอะไรออกไปในตอนนั้น




“ตอนแรกพ่อก็เห็นว่าหนูก็ดูจะชอบอากฤติเหมือนกัน แล้วทำไมอยู่ดีๆ หนูถึงได้พูดกับอากฤติเขาแบบนั้นคะ?” 

“...”




“น้องนิ้งบอกคุณพ่อได้มั้ยคะว่าเพราะอะไร?”




เด็กหญิงเงียบลงอีกครั้ง ทั้งสองคนนิ่งอยู่แบบนั้น เมื่อน้องนิ้งยังไม่เปิดปากนรินทร์เองก็ไม่ได้บังคับ เรื่องแบบนี้มันอาจจะหนักกว่าที่เด็กวัยเพิ่งพ้นอนุบาลจะรับได้ภายในวันเดียว เด็กหญิงยังคงเงียบ จนเมื่อมองหน้าคุณพ่อแล้วเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดเท่านั้น




สุดท้ายแล้ว นิ้งก็ยอมพูดมันออกมา



“อาเอิร์ธบอกมาค่ะ”




------- Sunday In Bed -------




ต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 31-03-2019 21:32:14
ต่อจ้า



“อาเอิร์ธบอกว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง คุณแม่ต้องมีอาเอิร์ธ คุณพ่อต้องมีคนอื่นที่ไม่ใช่อากฤติ”

“...”

“อากฤติจะทำให้คุณพ่อไม่ปกติ ผู้ชายรักกันไม่ปกติ”

“...”

“อาเอิร์ธบอกว่าถ้าคุณพ่อกับอากฤติรักกันครอบครัวเราต้องเป็นพวกวิกลจริต อาเอิร์ธบอกว่ามันแย่มากๆ ถ้าเป็นแบบนั้น คุณพ่อจะไม่มีใครเข้าใกล้ ทุกคนเกลียด แล้วหนูก็จะโดนเกลียดไปด้วย”

“หนูไม่อยากให้คุณพ่อโดนเกลียดค่ะ หนูก็ไม่อยากโดนเหมือนกัน”



ไอ้เหี้ยอาเอิร์ธ!




นรินทร์รู้สึกว่าตัวเองโกรธจนสามารถพังโลกใบนี้ได้ด้วยมือเปล่า เขาโกรธจนรู้สึกว่าตัวเองตัวสั่นอย่างแทบจะควบคุมไม่ได้ ถึงตอนที่ได้รับรู้ความจริงจากลูกสาว เขาจะกล่อมน้องนิ้งให้หลับแล้วตัวเองออกไปเตะกระถางต้นไม้หน้าบ้านล้มจนต้องเรียกคนมาเก็บกวาดในตอนเช้าก็ตาม




เขาโกรธมาก



โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ หลังจากคุยกับน้องนิ้งเมื่อวาน จนถึงตอนนี้นรินทร์ยังคงนิ่ง ใบหน้าหล่อฉาบด้วยรอยยิ้มอย่างทุกครั้งเมื่อลูกสาวเรียก มือใหญ่ที่ลูบหัวเด็กน้อยยังคงเบาเหมือนเคย ในขณะที่หัวสมองก็คิดถึงวิธีที่จะจัดการกับคนที่มาป้อนความคิดสารเลวแบบนี้ใส่ลูกสาวเขาไปด้วย




นรินทร์รอจนกระทั่งน้องนิ้งอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เขาจะเอาลูกสาวไปฝากไว้ที่บ้านพ่อแม่ในอีกฝั่งของกรุงเทพ แล้วเหยียบไปบ้านของแฟนใหม่เนตรอย่างไร้คำบอกกล่าว




เขายังคงนิ่งตอนที่ทิ้งข้อความบอกเนตรไว้ว่าจะเข้าไปหา ไม่ได้ตอบหญิงสาวไปว่าทำไม จนกระทั่งมาถึงหน้าบ้านจัดสรรที่มาเมื่อช่วงหลายเดือนที่แล้ว นรินทร์ยังคงนิ่งเมื่อกดกริ่งหน้าบ้านแล้วบอกให้แม่บ้านไปตามเอิร์ธออกมา




“อ้าว คุณโน้ต ลมอะไร…”




‘ผลั้วะ!’




ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง นรินทร์ปล่อยหมัดลุนๆ ออกไปทันทีที่เห็นหน้าไอ้ชาติชั่วแฟนใหม่เนตร ในหูอื้ออึงไปหมด ไปสนใจเสียงหวีดร้องของแม่บ้านที่เห็นเหตุการณ์ หรือแม้กระทั่งหลังจากนี้เขาจะโดนแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายหรือไม่




ชั่งใจสำหรับไอ้เหี้ยนี่ไม่ได้ ต้องช่างแม่งเท่านั้น!




“มึง! ไอ้เหี้ยเอิร์ธ มึงเป่าหูอะไรลูกกู!”




เมื่ออีกคนทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นมาได้ นรินทร์ก็ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วตะคอกใส่ด้วยแรงโทสะ ก่อนจะปล่อยหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างจังเป็นครั้งที่สอง




‘ผลั้วะ!’


“ผมไปทำอะไรให้วะ?”




เอิร์ธถามอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยรอยช้ำ ซึ่งนั่นยังไม่สาแกใจของคุณพ่อลูกหนึ่ง นรินทร์ไม่ตอบคำถาม แต่ชกอีกฝ่ายจนล้มอีกครั้ง ก่อนจะเข้าไปนั่งคร่อมเพื่อรัวหมัดลงไปที่ท้องของอีกคน




ถ้าวันนี้มันไม่ตายคาตีนล่ะก็ กูไม่กลับบ้านแน่บอกเลย!


ก่อนที่นรินทร์จะได้กระทืบอีกคนให้เละสมความตั้งใจ เสียงหญิงสาวที่คุ้นเคยก็เรียกไว้เสียก่อน


“โน้ต! ทำบ้าอะไร หยุด!”


เนตรที่วิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากในบ้านทั้งรองเท้าสลิปเปอร์พูดหน้าตาตื่น ดูก็รู้ว่าคงจะรีบร้อนออกมาทั้งที่ยังไม่ได้เตรียมตัวพร้อม นรินทร์ทำเป็นไม่ได้ยิน เขายังคงใช้เท้าเตะผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง




“บอกให้หยุดไงคุณโน้ต! ผีบ้าอะไรเนี่ย!”




ชายหนุ่มยอมหยุดแต่โดยดี แต่ไม่วายเตะอัดเข้าท้องเจ้าของบ้านเต็มแรงอีกครั้งจนได้ยินเสียงดัง ‘อั่ก’ ออกมาจากร่างที่นอนขดอยู่




“อยู่ดีๆ คุณมาต่อยเอิร์ธทำไม? เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย”




เนตรเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเมื่อพาทุกคนเข้ามาในบ้านแล้ว หญิงสาวกับแฟนเก่าของเธอนั่งกันอยู่ที่โซฟาสำหรับแขก โดยมีเอิร์ธนั่งหน้าเขียวอยู่บนโซฟาห่างไปไม่ไกล ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวด มือถือถุงน้ำแข็งที่แม่บ้านนำมาให้ แต่ปฏิเสธไม่ไปโรงพยาบาลเพราะเจ้าตัวก็อยากรู้ว่าทำไมอีกคนถึงได้มาทำพฤติกรรมป่าเถื่อนถึงที่เขาแบบนี้




ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเนตรเคยคบกับคนไร้อารยะอย่างโน้ต




“ก็มันพูดเหี้ยอะไรกับลูกไว้ล่ะ!”

“คุณโน้ต!”




หญิงสาวเหวเสียงเขียวเมื่อพ่อของลูกเธอพูดจาหยาบคายตรงนี้ทั้งที่ตามปกติไม่เป็น ถึงแม้โน้ตจะดูบ้าบอไปบ้าง แต่โดยปกติแล้ว เจ้าตัวก็มีมารยาทมากพอที่จะไม่พูดคำหยาบต่อหน้าคนแปลกหน้า หรือแม้กระทั่งกับเธอเอง โน้ตยังไม่เคยพูดหยาบคายด้วยเลย




“ผม?”



เอิร์ธชี้หน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจ




“เออ มึงนั่นแหละ!” นรินทร์ตวาดด้วยความโมโห “ไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นหมาที่ไหน”

“โน้ต!”

เนตรเหวอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้เธอเริ่มโกรธบ้างแล้ว ตามปกติโน้ตที่เธอรู้จักไม่ใช่คนป่าเถื่อนเช่นนี้ ถึงแม้จะไร้มารยาทในบางครั้งก็ตามที

“บางทีคุณโน้ตอาจจะหึงผมกับคุณ” เอิร์ธเป็นฝ่ายพูดบ้าง

“ไม่ใช่” โน้ตกับเนตรพูดแทรกขึ้นมาทันที เนตรถอนหายใจในขณะที่นรินทร์ทำหน้าไม่สบอารมณ์

“ตกลงคุณเป็นบ้าอะไรขึ้นมา? ถึงได้ทำอะไรไร้เหตุผลแบบนี้!”




“แฟนใหม่คุณ ไปเป่าหูน้องนิ้งว่ากฤติเป็นคนวิกลจริต ไปบอกลูกว่าความรักของพวกผมมันผิดปกติ จนลูกไล่กฤติออกไป เขาไม่ยอมคบกับผมแล้ว แบบนี้ผมมีเหตุผลพอจะอัดมันหรือยัง!”




ทั้งวงเงียบลงทันทีหลังจากที่นรินทร์พูดจบ




เนตรเบิกตามองไปทางเอิร์ธอย่างตั้งคำถาม ซึ่งอีกคนก็มองกลับมาด้วยสายตางงงวย


“อ่าว ก็เขาวิกลจริตไม่ใช่หรือไงครับ?”



“...”

“มันประหลาดออก คุณคิดว่าผู้ชายสองคนจะรักได้จริงเหรอครับ? ผมว่าไม่มีทาง”

“มีไอ้สัด! กูนี่ไง”

“โน้ต!”




เนตรปรามแฟนเก่าอีกครั้ง นี่มันวันอะไร ทำไมแฟนเก่ากับแฟนใหม่ของเธอถึงได้มาทะเลาะกันอยู่ตรงหน้าด้วยเรื่องของคนอื่นแบบนี้เนี่ย




“ผมพูดผิดตรงไหน?”




เอิร์ธถามขึ้นมากลางปล้องด้วยความสับสน พร้อมทั้งอารมณ์ขุ่นมัว เขามั่นใจว่าตัวเองพูดถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ คนปกติทางจิตที่ไหนเขาจะพิศวาสเพศเดียวกับตัวเอง ไม่มีแน่นอน




“ผมคุยกับน้องนิ้งแล้วน้องนิ้งดูชอบกฤติเขามากเลย คุณจะยอมให้น้องนิ้งไปอยู่ร่วมบ้านกับคนแบบนี้น่ะเหรอเนตร? เขาไม่สมประกอบนะ คนเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วจะมาเลี้ยงลูกได้ยังไง”

“...”

“ถึงแม้ผมจะมีลูกให้คุณไม่ได้ แต่ผมมั่นใจว่าครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกแบบเราสองคนสามารถทำให้น้องนิ้งโตมาเป็นเด็กที่ดีได้นะเนตร”

“แนวคิดเหี้ยอะไรของคุณวะเนี่ย?”

“โน้ต เงียบก่อน”




คนที่พูดแทรกขึ้นมาเมื่อครู่ยอมเงียบลงเมื่อเนตรขอ หญิงสาวกอดอกมองไปทางเอิร์ธที่ยังคงพูดความในใจของตัวเองออกมาต่อ


“หรือคุณจะบอกว่าผมพูดผิด? คนมีความคิดมันก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าพวกพ่อแม่เกย์ทำให้ลูกเป็นคนมีปัญหาทางจิต แล้วก็เป็นปัญหาสังคมไง เหมือนกับพวกขี้ยา--”

“คุณเกลียดเกย์เหรอคะ?”

เนตรพูดแทรกอย่างที่ปกติไม่ทำเพราะมันเป็นเรื่องไร้มารยาท


“ไม่ ผมไม่ได้เกลียดพวกนั้น” เอิรธปฏิเสธออกมา พร้อมกับส่ายหน้า “แต่ผมรับไม่ได้หากคนในครอบครัวผมจะเป็นพวกผิดปกติ”

“คนที่ผิดปกตินั่นมันคุณต่างหาก! นรินทร์พูดตอบกลับด้วยความฉุนเฉียว

“ผมเป็นผู้ชายปกติ! คนที่ผิดปกติน่ะคือคุณกับแฟนประเทืองของคุณ---”
“พอ!”

หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวพูดเมื่อรู้สึกว่าเธอไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เนตรถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก เธอไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายที่เธอวางแผนจะแต่งงานด้วยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีทัศนคติแบบนี้




เนตรมองหน้าแฟนคนปัจจุบันของเธอด้วยสายตาครุ่นคิด พวกเธอไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว เรื่องอื่นก็เข้ากันได้ดีทั้งหน้าที่การงานและความสนใจ มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่อาจจะมีทัศนคติไม่ตรงกัน




หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนที่จะพูดกับคนรักออกมา


“คุณไปทำแผลเถอะค่ะ ปล่อยไว้มันจะแย่”

“แล้วคุณ?”

“ฉันขอคุณกับโน้ตก่อน เดี๋ยวจะตามไป”

“ผมรอคุณมาทำแผลนะ”

“ทำเองเถอะค่ะ มือคุณไม่ได้เจ็บ”

“...”

“เสร็จแล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะคะ ตอนนี้ไปก่อนเถอะค่ะ”




โชคดีที่เอิร์ธไม่ใช่คนเรื่องมาก ชายหนุ่มวัยกลางคนยอมลุกออกไปแต่โดยดี ทิ้งไว้เพียงแค่พ่อและแม่ของนิ้งเพียงลำพัง




“ฉันขอโทษแทนเอิร์ธด้วยนะคะที่ไปพูดอะไรแบบนั้นกับลูก”




เนตรเปิดประเด็นขึ้นมาเป็นคนแรก เธอรู้ดีว่าเอิร์ธกังวลเรื่องลูกแค่ไหน แฟนของเธอเอาแต่พูดว่าอยากรับน้องนิ้งมาเลี้ยงดู ตอนแรกเธอนึกว่าเอิร์ธจะชอบพอน้องนิ้งอยากได้เป็นครอบครัวเดียวกัน เธอเพิ่งจะมารู้เมื่อกี้ว่าความต้องการลึกๆ ของชายหนุ่มอาจจะเป็นเพียงแค่อยากได้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น




“คุณไม่ได้เป็นคนพูดสักหน่อย จะไปขอโทษแทนมันทำไม?”

“เอิร์ธเขามีลูกไม่ได้” เนตรเป็นฝ่ายพูดขึ้น “ฉันคิดว่าเขาคงอยากจะได้น้องนิ้งมาเป็นลูก เขาค่อนข้างอยากได้ครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูก แต่เขามีเองไม่ได้ก็เลยอยากได้น้องนิ้งมาเป็นลูกน่ะค่ะ” 

“ตรรกะผีๆ คนบ้าเท่านั้นที่จะคิดอะไรอย่างงี้ได้ เดนนรกเอ๊ย!”

“คุณ… ฉันเองก็ไม่ได้เห็นด้วยหรอกนะ แต่คุณห้ามความคิดคนไม่ได้หรอก” เนตรพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจ เธอไม่เคยคิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้ได้ ยังไงหลังจากนี้เธอกับเอิร์ธต้องคุยกันยาวๆ แน่นอน

“ฉันเองก็ผิดที่ปล่อยลูกอยู่กับเขาโดยไม่ได้ไปดู”

“ผมไม่ได้โทษคุณเลยนะ”

“ฉันก็เป็นผู้ปกครองคนหนึ่งเหมือนคุณ ยังไงก็ผิด”

“ไม่หรอกคุณ มัน… ช่างเถอะ”

“คุณใจเย็นลงก่อน อย่างน้อยก็ระบายอารมณ์ไปแล้วนี่คะ”

“แม่ง… อย่าให้ผมเจอมันยัดอะไรบ้าๆ ใส่หัวน้องนิ้งอีกนะ” นรินทร์พูดด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ พร้อมกับกอดอกนั่งชันขา หญิงสาวมองด้วยความขัดใจ

“เอาขาลง”

“โอ้ยคุณ!”

“เอาขาลงค่ะ” เนตรพูดอีกครั้ง “แล้วอย่าเดาะลิ้นด้วย! คุณโน้ต นี่คุณทำแบบนี้ตลอดเวลาที่อยู่กับลูกเหรอ? ถ้าน้องนิ้งติดเดาะลิ้นแบบคุณนะ…”

“พอก่อนคุณ ใจเย็นก่อน นี่เรามาคุยเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องที่ผมชันขาหรือเดาะลิ้นป่าววะ”

“อย่า ‘วะ’ ให้ลูกได้ยินนะคะ”

“โอ้ยคุณ!”




นรินทร์โอดครวญอย่างหงุดหงิด เนตรเป็นคนเจ้าระเบียบมากถึงมากที่สุด ขนาดวันสุดท้ายที่พวกเขาเจอหน้ากัน และได้ทานข้าวร่วมกันกับเอิร์ธกับกฤตินั้น เนตรยังเรียกเขาไปคุยส่วนตัวเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารอยู่เลย




ตอนเป็นแฟนกันก็โดนบ่นจะแย่ นี่ขนาดเลิกกันไปแล้วเนตรยังไม่ยอมให้เขาเคี้ยวข้าวเสียงดังต่อหน้าลูกเลย บ้าหรือเปล่า! กินข้าวเบาๆ มันอร่อยตรงไหนกัน!




“เดี๋ยวคุณกฤติก็ต้องบ่นคุณแบบนี้นั่นแหละ ฉันบอกไปแล้วไงคะ”




หญิงสาวพูดขึ้นมาซึ่งทำให้นรินทร์ยอมนั่งเงียบลง เนตรมองแว๊บแรกก็รู้แล้วว่าโน้ตกับกฤตินั้นมีอะไรมากกว่าแค่ ‘เพื่อนร่วมงาน’ อย่างที่เจ้าตัวบอกกลางโต๊ะอาหาร คนมันเคยคบกันมาตั้งเป็นสิบปี มองเพียงแค่ปราดเดียวก็รู้แล้ว




อีกอย่าง จากที่เธอสังเกตเมื่อตอนเจอกัน กฤติเป็นคนที่มีมารยาทบนโต๊ะอาหารดีมาก อย่างที่เธออยากให้นรินทร์เป็นได้สักครึ่งหนึ่งของกฤติ ซึ่งถ้าเป็นคนประเภทเดียวกับเธอล่ะก็ ไม่มีทางรับได้แน่นอนที่แฟนจะเคี้ยวข้าวไม่ปิดปากอย่างนี้


เธอคิดแบบนั้นถึงได้เรียกนรินทร์ไปคุยด้วย นอกจากจะบ่นเรื่องมารยาทแล้ว เธอก็ยังคุยเรื่องกฤติเช่นเดียวกัน บทสนทนาในค่ำคืนนั้นยังคงติดแน่นอยู่ในหัวของหญิงสาวราวกับมันเกิดขึ้นเมื่อวาน

‘ระวังคุณกฤติเขาเลิกกับคุณเพราะเคี้ยวข้าวเสียงดังนะคะ’

‘ใครจะไปเหมือนคุณวะ’


นรินทร์พูดด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเคยโดนอีกคนดุเรื่องมารยาทตอนเคี้ยวข้าวอ้าปากนี่หว่า


‘อย่า ‘วะ’ ให้ลูกได้ยินนะคุณโน้ต!’

‘รู้แล้วน่า คุณบอกผมตั้งแต่ตรวจเจอว่าตั้งท้องแล้วมั้ง’

‘แล้วคุณทำได้มั้ยล่ะ?’

‘โถ่คุณ’




เนตรถอนหายใจเมื่อเห็นว่านรินทร์คงเลิกเคี้ยวข้าวเสียงดังไม่ได้แน่นอน เอาเถอะ อย่าให้รู้ว่าถ่ายทอดอะไรไม่ดีให้ลูกละกัน ไม่อย่างนั้นเธอจะเอาน้องนิ้งมาเลี้ยงคนเดียว หรืออย่างน้อยก็ต้องมั่นใจว่าน้องนิ้งจะไม่ซึมซับพฤติกรรมประหลาดจากพ่อมา




อย่างน้อยคงไม่ถึงขนาดถอดกางเกงในเป็นเลขแปดเอาไว้กลางห้องแบบที่นรินทร์ทำ แค่นั้นเธอก็เบาใจไปได้เยอะแล้ว



“คุณกฤติเขาไม่มีปัญหาหรอก เพราะเขารักผม”


ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ หากแต่แววตากลับสั่นไหวเล็กน้อย คำบอกรักในความทรงจำปรากฏขึ้นมาแทบจะทันที หัวใจของเขาเองก็ยินดีและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน




รักกันแต่คบกันไม่ได้


โลกแม่งจะต้องยากขนาดนี้ไปเพื่ออะไรกัน!




“มีอะไรหรือเปล่า?”




เนตรถามเมื่อเห็นว่าแฟนเก่าของเธอทำท่าทางเหมือนไม่สบายใจ ถึงแม้จะไม่ได้รักกันแล้วแต่พวกเขาก็รู้จักกันมานานมากพอที่จะรับรู้ความผิดปกติของกันและกันได้เหมือนอย่างเคย




“เรามีปัญหากันนิดหน่อย” โน้ตยอมรับออกมา พร้อมถอนหายใจ “ช่างเถอะ ผมจัดการได้ ไม่ต้องถึงมือคุณหรอก”

“ถ้ามีอะไรปรึกษาได้นะคะ”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่ใช่เรื่องเคี้ยวข้าวเสียงดังใช่มั้ย?”

“โอ้ย คุณ! พอเถอะว่ะ”

“อย่า ‘ว่ะ’ กับลูก!”



บทสนทนาจบลงแค่นั้น เรื่องที่ทำร้ายร่างกายเอิร์ธไปนั้นนรินทร์เข้าใจหากอีกฝ่ายจะแจ้งความหรือต้องการให้เขาชดใช้ค่าเสียหายอะไร ยังไงก็พร้อมจ่าย ขอแค่ได้ชกมันสักหมัดก็พอ



เมื่อจบเรื่องแล้วนรินทร์ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ทำไม ชายหนุ่มย้ายตัวเองเข้าไปในรถ จ้องมองโทรศัพท์ที่ปกติมักจะทักไปกวนอีกคน บัดนี้ในห้องแชทไลน์ของเขากับกฤตินั้นมีเพียงข้อความเมื่อเดือนก่อนเท่านั้น




โน้ตถอนหายใจพร้อมกับขับรถของตัวเองกลับบ้าน ในหัวยังคงนึกถึงคนที่ปฏิเสธความรักของเขาอย่างใจร้าย ทั้งที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว เขาก็ยังเลิกคิดถึงอีกคนไม่ได้




หากเอิร์ธไม่ไปใส่ความคิดประหลาดให้น้องนิ้ง ป่านนี้พวกเขาจะมีความสุขกันแค่ไหน?


แม่งเอ๊ย คิดแล้วอยากเตะไอ้เหี้ยเอิร์ธอีกสักที




การจราจรในกรุงเทพฯวันอาทิตย์เย็นยังคงติดเหมือนเคย ชายหนุ่มนั่งเหม่อมองถนนด้วยสายตาว่างเปล่า ถึงแม้จะรู้ว่าใครทำอะไรให้พังแบบนี้ แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้หัวใจกฤติมาไว้ข้างๆ




ยิ่งต้องนั่งบนรถนานๆ เขาก็คิดถึงช่วงเวลาที่เคยใช้ด้วยกัน รอยจูบของอีกคนยังคงรู้สึกได้ เขาคิดถึงคนที่นั่งข้างๆ คิดถึงเสียงเรียบๆ ที่คอยบอกให้เขาสนใจทางข้างหน้ามากกว่าตัวเอง คิดถึงหูที่แดงแต่ใบหน้านิ่งๆ นั่นตอนที่เขาแกล้งแหย่




ให้ตาย เขาคิดถึงกฤติชะมัด




ไวกว่าความคิด มือใหญ่คว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดข้อความที่สมองสั่งออกมา




นรินทร์: ผมคิดถึงคุณ คิดถึงจนจะเป็นบ้า อยากกอดคุณ อยากจูบคุณ หรือแค่นั่งมองคุณเฉยๆ ก็ได้




โน้ตจ้องมันอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจกดลบออกไป เหมือนกับทุกครั้งที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาที่หัวใจคิดถึงอีกคน




ความคิดถึงที่ไม่ได้บอกออกไป มันล้นทะลักอยู่ข้างในจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรแล้ว







------- TBC --------








รอนานมั้ยคะ? ไม่มีสต็อกมันจะช้าแบบนี้ แง

จะกลายเป็นนิยายรายปักษ์แล้วแม่ TT


ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก … อย่าวะกับเรา  อิ______อิ

ถ้าชอบหรืออยากบ่นอะไร ลงใน #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ ได้นะแก รออ่านอยู่จ้า <3
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-03-2019 22:11:42
รออยู่เสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-03-2019 22:30:44
ขำคุณแม่ สถานการณ์จะดุเดือดแค่ไหนก็ยังมีความเนี้ยบ
รอคุณพ่อไปปรับความเข้าใจกับอากฤตินะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Nooonun ที่ 31-03-2019 22:36:03
ดีจังที่เนตรเป็นคนมีเหตุผลและไม่ทัศนคติติดลบแบบว่าที่สามีคนใหม่ ชอบความสัมพันธ์ของโน้ตกับเนตรตอนนี้นะแบบถึงเลิกกันไปแล้วแต่คือยังเชื่อมโยงติดต่อกันเพราะเอาลูกเป็นศูนย์กลางและดูทั้งสองก็แคร์และรักลูกไม่น้อยไปกว่ากันเลย แต่นี่รอดูเนตรเลยค่ะ ว่าจะคุยกับว่าที่สามียังไง คือถ้ายังมีทัศนคติแบบนี้คงไม่ไหวหรอกนะ ส่วนคุณโน้ตคิดถึงคุณกฤติ แบบใจจะขาดเลยสินะคะ ไปเลยค่ะ ไปหาเค้าเลยค่ะ ถ้าไม่กล้า ก็เอาลูกไปช่วยด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: pan19891990 ที่ 31-03-2019 22:46:44
เป็นตอนที่ยังคงหน่วงเหลือเกินค่ะ หน่วงกว่าตอนที่แล้วที่คุณกฤติตัดเยื่อใยซะอีก ความคิดถึงมันทำร้ายคนได้จริงๆ
แถมยังอยากจะร้องไห้ไปกับน้องนิ้งกับคนพ่อคนเก่งด้วย สงสารนายนรินทร์ที่สุดเลยค่ะ  :mew4: คุณคนเขียนเอาคุณกฤติมาคืนนายนรินทร์เขาเถอะค่ะ เราเองก็ใจสลายตามไปด้วยแล้ว อยากอ่านมุมมองคุณกฤติบ้าง แต่คิดว่าคงเจ็บไม่ต่างกัน ขอติด#ทวงคืนคุมกฤติให้นายนรินทร์ ค่ะ 5555
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonfang ที่ 31-03-2019 22:55:27
อุทานไอ้เหี้ยอาเอิร์ธตามคุณโน้ตเลยค่ะ อะไรกัน คนแบบนี้นี่!!  :fire:
ความน่าหงุดหงิดกว่าการที่เขามีทัศนคติแบบนี้ ก็คือการที่เห็นว่าเขาแสดงทัศนคติแบบนี้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติจากเบื้องลึกของจิตใจใช้ไขสันหลังตอบแบบไม่ผ่านสมองเลยนี่ล่ะค่ะ สิ้นหวังจริงๆ

ได้เห็นมุมนี้ของคุณเนตรแล้วก็รู้สึกว่าเขาน่ารักผิดคาดนะคะ 5555 ปกติจะเห็นเฉพาะตอนมีปากเสียงกับคุณโน้ต (ที่จริงในตอนนี้ก็ยังมีดุใส่บ้างอะไรบ้าง...) แต่พอได้เห็นมุมเป็นที่ปรึกษา รับฟัง แถมยังเปิดใจแบบนี้แล้ว ก็แอบกังวลแทนนะคะที่คนที่กำลังจะแต่งงานด้วยมีความคิดแบบนี้ อ่า...ถ้าคุณเนตรไปคุยแล้วโอเคก็ดีไป แต่ถ้าไม่ก็ทบทวนอนาคตดีๆเน้อ

คิดถึงคุณกฤติจังค่ะ คิดถึงเหมือนที่คุณโน้ตคิดถึงเลยแงงงงงง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้วเนี่ย QAQ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 31-03-2019 23:07:46
เนตรกับเอิร์ธจะอยู่กันได้นานมั้ยละเนี่ย  :call:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 01-04-2019 00:28:48
ดีใจที่คุณเนตรใส่ใจลูกมากกว่าแฟนใหม่ ชอบความดุคุณโน้ต ไม่อยากให้หนูนิ้งมาอยู่บ้านแฟนใหม่เนตรเลย กลัวจะเอาอะไรแย่ๆใส่เด็กอีก ขอให้คุณโน้ตง้อคุณกฤติได้นะคะ :)
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 01-04-2019 00:39:33
โอ้ย ไอ้เหี้ยอาเอิร์ธ อะไรของมึง

ทำให้โน็ตเข้าโหมดเรื่องนอกจากโหมดหื่นได้ไง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 01-04-2019 00:41:21
ดีหน่อยที่คุณเนตรยังดี แต่อีคุณเอิร์ธไม่ได้เลย!!
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-04-2019 06:29:30
ถถถถถถถ โธ่ เอิร์ธ  ........ คิดได้แค่เนี้ย .....   :angry2:
แต่ทำความเดือดร้อนให้คนอื่นมากกกกกกกกกกกกก   :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-04-2019 12:13:20
อื้อหือออ สมองป่วยมาก สมควรอยู่คนเดียว ดีแล้วที่มีลูกไม่ได้ สงสารลูกเลยถ้ามีพ่อความคิดงี้
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-04-2019 12:26:50
สงสารน้องนิ้ง  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-04-2019 12:55:43
โอ้ยแบบชอบคุณเนตรมากเลยค่ะ ข้องนิ้งคือเหมือนแม่มากด้วย สงสารตอนน้องร้องไห้มาก มาช่วยคุมพ่อหน่อยเร็วลูกกก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 01-04-2019 13:39:50
น้องนิ้งเป็นเด็กที่รู้ความมาก คือไม่ได้โตจนแก่แดด ยังมีความเป็นเด็กที่รับฟัง น่ารักกกกมากกก
ชอบคุณเนตรจนอยากบอกว่าเลิกกับผู้ชายคนนั้นไปซะ แต่ไม่อยากยุยงให้คนเลิกกัน ขอให้คุณเนตรคิดดีๆ (อิอิ)
คนจะอยู่ด้วยกันทัศนคติมันต้องไปกันได้ จริงมั้ย ตอนหน้าคุณโน้ตไปง้อให้สำเร็จน้า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 01-04-2019 18:05:17
อือออออออออ รอลุ้นยนนนย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-04-2019 19:57:37
 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: nisaday ที่ 02-04-2019 01:06:39
อยากต่อยปากอิเอิร์ธอีกคน
ไปสอนเด็กแบบนั้นใช้ได้ที่ไหน
แล้วอยากยุให้แม่น้องนิ้งเลิกๆกับมันไปเลย
แค่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ เหอะ
ดีแล้วที่คนแบบเอิร์ธมีลูกไม่ได้

ฝั่งคุณกฤตจะเป็นยังไงบ้างไม่รู้
ทางนี้พี่โน๊ตเฮิร์ตมากมาย
เอาน้องนิ้งไปง้อเร้วววว
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 02-04-2019 05:34:56
โน้ตอย่าบื้อนาน รีบไปง้อสิ อย่าลิมสิว่าตัวเองหน้ามึนแค่ไหน ตอนแรกๆยังเจ้าเล่ห์หาข้ออ้างโน้นนี่นั้นมาเล่นกับกฤติอยู่เลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 02-04-2019 10:10:31
รอครับ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 02-04-2019 11:04:19
น้องนิ้งน่ารักมากไม่อยากเห็นคุณพ่อเสียใจ เด็กดี :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-04-2019 16:39:03
เอิร์ธนี่เป็นตัวแทนคนที่บอกว่าไม่เหยียดแต่เหยียดชิบหายอ่ะ

น่ารำคาญขั้นสุด
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 10-04-2019 00:20:16
สงสารน้องนิ้ง รู้สึกผิดแย่เลย
อ่านจบแล้วอยากตามไปซัดอาเอิร์ทด้วยจริงๆค่ะ  :z6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 12-04-2019 23:03:17
เนี่ยๆคนอย่างเอิร์ธมันมีจริงๆ นี่โคตรไม่ชอบเลยเวลาพูดด้วยกับคนประเภทนี้อยากจะบ้าตาย :katai1:

ตอนนี้คุณกฤติของเราจะเป็นยังไงเนี่ยยย :o12:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :14th Sunday: พระอาทิตย์ร้องไห้ (31/03/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 15-04-2019 21:52:22
15th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์


แผนกการขายไม่เคยเงียบขนาดนี้มาก่อน   


ทั้งที่ยอดขายถึงเป้าตามที่วางไว้ แต่หัวหน้าแผนกเซลส์กลับเงียบขรึมจนเหมือนกับ งานที่ทำมีความผิดพลาดใหญ่หลวง  ไม่ว่าใครจะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงแค่ไหน กฤติเพียงแค่รับคำขอบคุณเอาไว้ แต่ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรไปมากกว่า ‘งานเยอะ’





นั่นเป็นเพียงความจริงส่วนเดียว





กฤติรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงกล่องเปล่าๆ เขาทำงานไปตามที่สมองสั่ง ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก ทำงาน ไม่ต้องรู้สึกอะไร ไม่ต้องยิ้มไม่ต้องรำคาญใจเรื่องใด





ใช้ชีวิตเหมือนกับที่เคยใช้





แต่





ทำไมมันถึงได้ยากขนาดนี้





ทุกครั้งที่เห็นชื่อในอีเมลของผู้ชายคนนั้น หัวใจที่ควรจะเต้นเพื่อให้มีชีวิตอยู่กลับกลายเป็นสิ่งที่ขวางทางการทำงาน มันเต้นรัวแรงเกินไป เขารู้สึกเจ็บทุกครั้งที่แค่เห็นชื่อนรินทร์





มันยาก มันควบคุมไม่ได้





กฤติต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะไม่ให้ตัวเองนึกถึงจูบร้องแรงทุกครั้งที่คุยงานกัน อาจจะถือเป็นเรื่องดีที่เดือนนี้เขายุ่งมากกับการพบปะลูกค้าจนแทบจะไม่ได้อยู่ติดออฟฟิศและเจอหน้าใครเท่าไหร่ และถึงแม้จะเข้าออฟฟิศกี่ครั้ง เขามักจะหลบหน้าเลขาคนสนิทที่จำเป็นต้องคุยงานด้วยเสมอ





กฤติกลัว





เปล่าเลย เขาไม่ได้กลัวว่านรินทร์จะทำตัวน่ารำคาญจนเขาระอา ชายหนุ่มกลัวใจตัวเอง หากนรินทร์ยืนยันตามความต้องการของตัวเองอีกครั้งเขาอาจจะไม่สามารถใจแข็งปฏิเสธอีกคนอย่างที่เคยทำได้





แต่ละวันผ่านไปอย่างทรมาน



แม้กระทั่งตอนที่อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน





ผ้าปูที่นอนลายคิตตี้ที่นรินทร์นึกคึกเอามาปูไว้ยังคงอยู่บนเตียง เขานึกว่าตัวเองจะเกลียดผ้าปูทุกผืนที่อีกคนซื้อมา แต่ว่าตอนนี้เขากลับไม่ยอมใช้ผ้าปูอื่นนอกจากพวกลายการ์ตูนเหล่านั้น







เสี้ยวเล็กๆ ในจิตใจ ที่พื้นที่ของตัวเอง กฤติอยากเก็บนรินทร์เอาไว้



ถึงแม้ว่าเขาจะทำได้เพียงแค่หลับตาลงบนผ้าปูที่นอนที่อีกคนซื้อให้ก็ตาม






.

.

.

 





“เราไม่ชอบแบบนี้เลยอ่ะ”

“กูด้วย”

“ซุกซนไปบอกคุณกฤติสิว่าโลกนี้มีแซลม่อนนะ ถึงเราจะมีวันที่เลวร้ายแค่ไหน แต่เรายังมีแซลม่อนให้กินนะ”

“มึงเงียบปากไปเลยไอ้อ๊อง”

“อุ๊กอนอ่าแอ้ง!” (*ซุกซนอย่าแกล้ง*)





เมฆมองแฟนหนุ่มของตัวเองที่ตอนนี้โดนกับเพื่อนร่วมแผนกดึงแก้มเหมือนกับทุกวัน ตอนนี้เขาว่างพอที่จะมานั่งอู้งานเฝ้าแฟนเฉยๆ ในออฟฟิศ ชายหนุ่มปล่อยให้เด็กประถมสองคนตีบ้งเบ้งกันไป ในขณะที่ตัวเองกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งได้ยินมา





ไวกว่าความคิด เมฆลุกขึ้นเดินไปที่ห้องของคนที่เขาสนิทแต่เกลียดขี้หน้า





‘ก๊อกๆ’





“ครับ”

“หน้ายับยู่ยี่เชียว โดนใครหักอกมาเหรอครับ?”





คำทักทายกวนประสาทของผู้มาใหม่ทำให้กฤติเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเซ็นอนุมัติซื้ออุปกรณ์ให้กับคนในทีมเงยห้าขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ถอนหายใจ





“ไม่มีงานมีการทำหรือไงครับ?”

“ปากดีเหมือนเดิม”





เมฆไม่ได้ถือสาเอาความเมื่อคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้วใส่พร้อมส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำด่ามาให้ ผู้มาใหม่ถือวิสาสะเอาตัวเองนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของกฤติที่ถอนหายใจอย่างรำคาญ





คนในบริษัทนี้มันเป็นอะไรกัน ทำไมไล่ไม่เคยไปเลยสักคน





“คุยได้ใช่มั้ย?”

“ไม่ได้แล้วยังไง?”

“จะนั่งจนกว่าจะคุยได้”

“มีอะไร”





กฤติปิดแฟ้มแล้วนั่งมองหน้าอีกคน ดีที่ประตูปิดไปตั้งแต่อีกคนเดินเข้ามา ดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้พูดเรื่องงานแน่นอน





“ทะเลาะอะไรกัน?”





ถึงแม้เมฆไม่ได้ขยาย เขาก็รู้ดีกว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไร





“เปล่า”

“เชื่อ”





เมฆยักไหล่อย่างกวนประสาท พวกเขานั่งเงียบกันอยู่แบบนั้น กฤติมองไปที่แฟ้มหน้าตัวเองอีกครั้ง ในขณะที่เมฆก็มองหน้ากฤติไปด้วย





“ถามจริง ทะเลาะอะไรกัน”

“ไม่ได้ทะเลาะ” กฤติพูดเสียงเรียบ “ไม่ได้มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

“ไปหลอกแทนใจ น้องมันยังไม่เชื่อเลย”

“...”

“คนนึงก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา อีกคนทำตัวเหมือนนอกจากทำงานทั้งวันชีวิตไม่คิดจะกินข้าวแล้ว แบบนี้มันสภาพปกติตรงไหน?”

“...”

“ถึงขนาดที่แทนใจมาบ่นให้ผมฟัง คุณคิดเอาละกัน”





เมฆพูดเรียบๆ เขาไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย น้องแทนใจมาง๊องแง๊งใส่เขาว่าคุณกฤติดูอึมครึมแถมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา จนเมื่อเมฆได้มาดูด้วยตาตัวเอง มันก็ไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก





“อยู่มาตั้งกี่คนกว่าจะเจอคนที่รักมากขนาดนี จะปล่อยให้เขาหลุดมือไปหรือไง?”





ทั้งที่กฤติยังคงไม่ได้พูดอะไร ผู้ที่นั่งจ้องหน้าเขาก็พูดขึ้นมาก่อน หัวหน้าแผนกขมวดคิ้วลงคล้ายไม่พอใจ แต่เมฆก็ไม่ได้สนใจ เจ้าตัวยังคงพูดต่อไป





“คุณอาจจะคิดด่าผม หรือต่อต้านอะไรในใจ แต่คุณโกหกตัวเองไม่ได้หรอกว่าเมื่อช่วงเดือนก่อนกับตอนนี้ คุณต่างกันราวกับคนละคน”

“... บางครั้ง ชีวิตมันก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้น”





กฤติตอบกลับเสียงแห้งคล้ายพูดกับตัวเอง แต่ห้องทำงานที่แม้แต่เครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานยังได้ยิน นับประสาอะไรกับเสียงกระซิบนั่น





“แล้วทำไมต้องทำให้มันยาก?”





เมฆถามกลับ กฤติถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ คนสมองกลวงนี่มันทำอะไรหยาบกระด้างได้ทุกเรื่องเสียจริง





“มันไม่ใช่เรื่องของตัวเองคุณเลยพูดอะไรก็ได้”

“เพราะมันใช่เรื่องของตัวเองไงเลยพูดได้ เวลาเป็นเรื่องของตัวเองทุกคนกลัวหมดแหละ แต่พอเป็นเรื่องของคนอื่นเรามองจากมุมนอก พูดอะไรได้มากกว่า เพราะว่ามองได้กว้างกว่าไม่ใช่หรือไง?”





เมฆพูดต่อทันที ไม่รอให้กฤติตอบอะไร ชายหนุ่มก็พูดเพิ่ม





“เพราะคุณมัวแต่คิดว่า ถ้าหากคุณทำอย่างนั้น ถ้าคุณตัดสินใจแบบนี้ คุณมัวแต่คิดแทนคนอื่นไง เลยมองไม่เห็นทางออกง่ายๆ ที่อยู่ตรงหน้า”

“...”

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเจออะไรมา แต่...”





‘ก๊อกๆ’ 





ทั้งสองคนหยุดกลางคันเมื่อมีเสียงเคาะประตูแทก กฤติมองหน้าเมฆนิดหน่อย ซึ่งอีกคนก็รู้ดี การที่เขาเข้ามานั่งพูดนั่นพูดนี่ในเวลางานนั้นหากอีกฝ่ายว่างก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่ออีกคนมีแขก ยังไงก็ไม่เหมาะสม





“เชิญครับ”





เมื่อประตูเปิดออก ชายที่อยู่ในบทสนทนาก็เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของนรินทร์มองเจ้านายของตัวเองสลับกับเมฆที่ยังนั่งอยู่ในห้อง





เมื่อเห็นว่าอีกคนเข้ามาเรื่องงาน แฟนแทนใจก็ลุกขึ้นยืน





“พวกคุณคุยกันไปละกัน ผมขอตัวก่อน”





เมฆพูดทิ้งเอาไว้ แล้วเดินออกไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งไว้เพียงแค่กฤติและนรินทร์เท่านั้น





บรรยากาศห้องตอนนี้เงียบลงทันที นรินทร์ส่งยิ้มบางเบาให้หัวหน้าแผนก หลายต่อหลายวันที่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันทำให้เขาคิดถึงอีกฝ่ายแทบบ้า แต่เมื่อเห็นหน้าแล้วเรื่องราวของวันนั้นก็ไหลกลับมาทันทีราวกับมีใครเอาเทปมาเปิดให้ดู





“คุณมีอะไร?”





กฤติถามอีกฝ่ายด้วยเสียงติดจะแห้งเล็กน้อย เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่ระหว่างพวกเขาสองคนไม่มีอะไรที่เป็นเหมือนเดิม นรินทร์โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาคมกริบที่เคยทำให้เขาใจเต้นตอนที่มองมานั้นเลื่อนลอย หนวดที่โกนไม่เกลี้ยงทำให้นึกหงุดหงิดอีกคนทั้งที่ไม่มีสิทธิ์





ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเอง ทำไมปล่อยให้โทรมลงได้ขนาดนี้





“ผม”





คิดถึง





“จะมาถามคุณเรื่องการไปอบรมระบบใหม่เดือนหน้าครับ”





หัวหน้าหนุ่มพยักหน้าแล้วผายมือไปทางเก้าอี้ตรงหน้าเป็นเชิงให้อีกฝ่ายนั่งลง ซึ่งนรินทร์ก็ทำตามแต่โดยดี ยิ่งพอมานั่งมองหน้ากฤติชัดๆ แบบนี้ความรู้สึกที่กักเก็บเอาไว้ร่วมเดือนก็เหมือนจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ





คุณพ่อลูกหนึ่งพูดถึงกำหนดการอย่างคล่องแคล่ว ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเคยทำตำแหน่งผู้ช่วย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำมันออกมาได้ดีในระดับที่กฤติยอมรับได้ หัวหน้าหนุ่มพยักหน้าตามข้อมูลทีได้รับการถ่ายทอด อันที่จริงเขาได้รับอีเมลกำหนดการเทรนนิ่งประจำปีมาตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือน แต่เขายุ่งเกินกว่าที่จะได้ดูอย่างละเอียด





เท่าที่ฟังจากเลขาคนเก่ง หลักๆ มันคือการประชุมที่เขาไปทุกปี ซึ่งในทุกครั้งจะกินเวลาประมาณ 3 - 5 วันรวมเวลาบินแล้วแต่ตาราง แต่ครั้งนี้ทางสำนักงานใหญ่ที่เยอรมันมีการขยายพื้นที่ ตารางเลยกินเวลาไปเป็นสัปดาห์





“คุณจะพักร้อนต่อมั้ย?”

“คงไม่ครับ” กฤติตอบปฎิเสธทันทีที่นรินทร์พูดถึงกำหนดการจบ “ผมไปถึงแค่วันที่ 8 พอลงเครื่องแล้วจะมาทำงานตอนบ่ายเลย แค่นี้ผมก็ทำงานไม่ทันแล้วครับ”

“ผมว่าคุณควรพักบ้าง”





หัวใจของกฤติกระตุกไปชั่วขณะ





“ผมคิดว่าการที่คุณลงเครื่องจากเยอรมันไฟล์ทเช้าแล้วจะเข้ามาทำงานตอนบ่ายมันออกจะเกินไปหน่อย”





นรินทร์พูดจบแล้วชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป เลขาหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ เขามองสบตาของหัวหน้า ความสั่นไหวข้างในนั้นเป็นเรื่องแปลกตาแต่ให้ความรู้สึกเจ็บปวดในขณะเดียวกัน





“ผม… ขอโทษที่ก้าวก่ายครับ”





กฤติเงียบลงทันที ระหว่างพวกเขามีความเงียบที่น่าอึดอัดวนล้อมอยู่รอบกาย ทั้งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันแต่เหมือนไกลห่าง ตั้งแต่ทำงานมาจนถึงตอนนี้ กฤติสามารถบอกได้เลยว่าวินาทีนี้ทรมานที่สุด





“ไม่เป็นไรครับ”





เป็นกฤติที่ตอบออกไป พวกเขานิ่งงันอยู่แบบนั้น นรินทร์ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลานานเท่าไหร่ ที่เขาปล่อยให้ความเงียบอันน่าอึดอัดแทรกกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคน





กฤติไม่เข้าใจตัวเองมากนัก แต่ถึงแม้จะทรมาน เขาก็ยังอยากจะมีอีกคนอยู่ใกล้





“งั้นผมจองขากลับเป็นวันที่ 8 คุณจะได้มาทำงานตอนบ่ายต่อได้”

“ครับ”

“งั้นผมไปทำงานต่อนะครับ”

“ครับ”





กฤติเลือกที่จะก้มหน้ามองเอกสารบนโต๊ะ ด้วยเหตุผลที่ไม่อยากจะเข้าใจ แต่เขาไม่อยากมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายตอนที่กำลังจะเดินออกไป มันทำให้เขานึกถึงวันนั้น






‘ปัง’





เสียงประตูปิดลง



โดยที่พวกเขาไม่ได้ขยับเข้าใกล้กันเลยแม้แต่น้อย




.

.

.





ทริปเยอรมันมาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้มาก





กฤติเม้มปากจนเกือบจะเป็นเส้นตรงเมื่อคิดถึงเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงที่เขาจะต้องติดอยู่บนเครื่องกับเลขาเป็นสิบชั่วโมงในที่นั่งข้างกัน หากเป็นปกติเขาคงนั่งบิสซิเนสคลาสอย่างที่เคย แต่เมื่อยอดขายของบริษัทปีนี้ไม่ถึงเป้า ตั๋วเครื่องบินของเขาก็ถูกลดระดับลงมาเหลือเป็นที่นั่งชั้นอีโคโนมี่ธรรมดา





หัวหน้าหนุ่มไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตั๋วชั้นประหยัด เขามีปัญหากับคนที่ต้องนั่งข้างๆ ต่างหาก





ตามปกติเขามักจะทำอะไรคนเดียว โดยที่คอยให้เลขาช่วยซัพพอร์ตเรื่องที่ยุ่งยากกับการทำงาน อย่างเช่นการเคลมคืนค่าทางด่วน เอาเอกสารมาให้ หรือการจองห้องประชุม เลื่อนนัดหมายต่างๆ





แต่ครั้งนี้เป็นการเทรนนิ่ง ซึ่งเขาจำเป็นต้องให้เลขามาด้วย





หากนับแค่เรื่องงาน การพกผู้ช่วยมาด้วยนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรนัก อย่างน้อยก็มีคนมาคอยช่วยจัดการเรื่องราวต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทางได้





แต่เมื่อมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง กฤติกลับไม่สามารถยืนยันคำเดิมได้อย่างเต็มปาก



ความคิดถึงมันก็มี แต่ความอึดอัดใจยังคงไม่จางหายไป





กฤติรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้บ้าเข้าไปทุกทีที่นาฬิกานับถอยหลัง เขาจำเป็นต้องรอนรินทร์ที่สนามบินเพื่อเช็กอินพร้อมกัน ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่า พวกเขานัดกันอย่างเร่งรีบเมื่อสองวันก่อนว่าเจอช่วงประมาณสี่ทุ่มที่หน้าเกต และตอนนี้กฤติกำลังนั่งหลังตรง บังคับตัวเองไม่ให้มองหาคุณพ่อลูกหนึ่งคนนั้น





เขาควรจะต้องทำหน้าอย่างไร?



ควรจะชวนคุยเรื่องงานดีหรือไม่?



น้องนิ้งเป็นไงมั่ง? ยังโกรธเขาอยู่หรือเปล่า?





ชายหนุ่มคิดวนอยู่กับตัวเองจนท้ายที่สุดแล้วเขาก็ถอนหายใจ นี่มันไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย หนึ่งในสิ่งที่เขาทั้งรักและไม่ชอบในตัวของนรินทร์ คือการที่อีกฝ่ายทำให้ในหัวสมองของเขาอัดแน่นไปด้วยเรื่องของนรินทร์ ขนาดไม่ได้คุยกันเท่าเมื่อก่อนแล้ว กฤติก็ยังคงกังวลแต่เรื่องของนรินทร์





มันน่าหงุดหงิด และน่ารำคาญใจในเวลาเดียวกัน





“คุณกฤติครับ”





คุณพ่อลูกหนึ่งในเสื้อเชิ้ตที่มีสเวตเตอร์ทับอยู่เดินมาอยู่ตรงหน้าในขณะที่กฤติกำลังเหม่อ นรินทร์ยังคงดูหล่อเหมือนกับทุกวันที่เห็น วันนี้เองก็เช่นเดียวกัน ผมของอีกฝ่ายยาวขึ้นเล็กน้อย และไม่เป็นทรงคล้ายกับเพิ่งออกมาจากที่นอน





“ครับ ไปต่อแถวเลยละกัน”





หัวหน้าหนุ่มพูดกับคนที่มายืนอยู่ตรงหน้าสั้นๆ ก่อนจะเดินนำไปต่อแถวหน้าเกตสายการบินที่เขากำลังจะต้องขึ้นเครื่องในอีกไม่นาน สายการบินสีม่วงที่คนเยอะตลอดเวลาไม่ได้ทำให้กฤติประหลาดใจนัก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าพวกเขาทั้งสองคนจะเช็กอินและรับตั๋วเครื่องบินเสร็จเรียบร้อยพร้อมขึ้นเครื่อง





เมื่อได้รับตั๋วคืนจากพนักงานเขาจึงบอกอีกคนให้ใช้เวลาตามสบาย ในขณะที่ตัวเองรีบเข้าเกตเพื่อหาร้านกาแฟนั่ง รอเวลาขึ้นเครื่อง และเพื่อสลัดเรื่องกวนใจออกไปจากหัวให้ได้มากที่สุด





เขาทำไม่ได้





กฤติถอนหายใจแล้วปิดคอมพิวเตอร์ลง เขาไม่สามารถสลัดความรู้สึกประหลาดทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าของเลขาตัวเองออกจากใจได้ ทั้งที่ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้าอีกฝ่าย เหตุการณ์วันนั้นก็ไหลเข้ามาในหัวราวกับเปิดก๊อก ทุกความทรงจำ ความรู้สึก ทุกอย่างมันยังคงเหมือนเดิม





เขายังคงรักนรินทร์เหมือนเดิม





ชายหนุ่มนั่งถอนหายใจทิ้งจนชามะนาวหมดแก้วกว่าจะถึงเวลาที่สามารถขึ้นเครื่องได้ เพราะไม่ใช่คนที่สนใจที่นั่งมากนัก เมื่อมาดูตั๋วเครื่องบินชายหนุ่มเพิ่งรู้ว่าที่นั่งของตัวเองเป็นตรงกลางระหว่างที่นั่งริมหน้าต่าง และที่นั่งติดริมทางเดิน กฤติสบถในใจเล็กน้อยแต่ก็นั่งลงไปก่อน ทำไมเขาไม่ได้บินคนเดียวในที่นั่งคนเดียวทั้งแถวกันนะ





“เอ่อ…”





เสียงทุ้มจากด้านขวาเรียกให้กฤติหันไปมอง เลขาของกฤติยืนทำหน้าประหลาดอยู่ตรงริมทางเดิน บนแขนชายหนุ่มมีเสื้อกันหนาวกับผ้าพันคอพาดอยู่ ซึ่งอีกคนน่าจะพกไว้เพื่อใส่หลังจากลงเครื่อง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของเขา





“ผมนั่งริมหน้าต่าง”

“ครับ”





กฤติพูดออกมาแค่นั้นก่อนที่จะลุกออกจากที่นั่งเพื่อให้อีกคนสามารถเข้าไปในที่ของตัวเองได้ ตอนนี้ชายหนุ่มได้แต่ภวนาให้ที่นั่งอีกข้างไม่มา เขาจะได้เขยิบไปนั่งริมทางเดินแล้วเนียนหลับตลอดสิบเอ็ดชั่วโมงจนกว่าจะแลนดิ้ง





“ไฟล์ทนี้คนน้อยดีนะครับ”



นรินทร์ชวนคนข้างๆ คุย ซึ่งสิ่งที่ได้ตอบกลับมามีเพียงแค่การรับคำสั้นๆ





“ครับ”





เครื่องบินขึ้นมาสักพัก ตอนนี้กฤติเขยิบออกมานั่งริมทางเดินเพราะไม่มีใครมานั่งตรงนั้น ปล่อยให้เก้าอี้ตรงกลางเอาไว้วางพวกหมอนและผ้าห่ม ซึ่งนรินทร์เองก็เอาเสื้อโค้ทมาวางไว้เก้าอี้กลางเช่นเดียวกัน





“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”





กฤติมองไปทางด้านข้าง นรินทร์ที่ควรจะเอนหัวพิงกับกระจกแล้วหลับๆ ไปจนกระทั่งถึงเยอรมันดันถามขึ้นมา สีหน้าของอีกฝ่ายแสดงความเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด ซึ่งกฤติไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยสักนิด ทำไมถึงไม่ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำธุระของตัวเองไป?



“ไม่ครับ”

“เอาที่รองคอมั้ย?”





นรินทร์ยื่นหมอนรองคอสีชมพูมาให้ทั้งที่ตัวเองมีแค่อันเดียวเท่านั้น ซึ่งกฤติส่ายหัวปฏิเสธทันที





“ไม่ล่ะ ขอบคุณครับ”

“คุณเอาหมอนผมไปได้จริงๆ นะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“แต่ว่าผมให้คุณได้จริงๆ นะ” นรินทร์พูดด้วยใบหน้าจริงจัง นัยน์ตาคมเข้มนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายไหลวนอยู่



“ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ผมให้คุณได้ทั้งหมด”





บรรยากาศรอบตัวพวกเขาเงียบไปครู่หนึ่ง





“ขอบคุณ แต่ผมยังไม่ต้องการครับ”





นรินทร์อึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบนั้น สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็เลือกที่จะกอดหมอนของตัวเอง แล้วหันหน้ามองหน้าต่างเงียบๆ





พวกเขานั่งเงียบกันสักพักจนกระทั่งเครื่องบินเลยประเทศไทยไป กฤติมองหน้าจอตรงหน้าอย่างเบื่อๆ เขาไม่ชอบการที่ไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ เพราะนั่นหมายถึงเขาทำงานไม่ได้ และเขารีบเกินกว่าที่จะถือหนังสือดีๆ สักเล่มเพื่อมาอ่านในเวลาทีไร้ประโยชน์นี้







“คุณหนาวมั้ย?”





เป็นอีกครั้งที่กฤติหันไปมองไปด้านข้าง คุณพ่อลูกหนึ่งยังคงหันมามองเขาด้วยใบหน้าที่เจือความเป็นห่วงชัดเจนอยู่ในนั้น





“ไม่ครับ”

“อ่อ”





บรรยากาศระหว่างพวกเขากลับมากระอั่กกระอ่วนอีกครั้ง กฤตินั่งมองจอด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ในขณะนรินทร์กำลังเอามือเกาหัวด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ชายหนุ่มทำท่าเหมือนกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง





“คุณ…”

“ครับ?”





กฤติขานรับอีกฝ่ายทันทีโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้า เขายังคงจ้องมองจอที่แสดงภาพกราฟฟิกเครื่องบินเหลือเวลาอีกสิบกว่าชั่วโมงจนกว่าจะถึงที่หมาย





“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”

“ครับ คุยเลย”

“เรื่องของน้องนิ้ง”





ชายหนุ่มเกร็งตัวขึ้นเมื่อรู้ว่าอีกคนพยายามจะทำอะไร ทั้งที่หัวใจเต้นแรงขึ้น แต่สมองคล้ายกับจะทำงานช้าลง ถึงแม้ว่าในเสี้ยวเล็กๆ กฤติจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อย แต่เขากลับตอบอีกฝ่ายไปว่า





“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมขอยังไม่คุยนะครับ”





เป็นการปฏิเสธที่ชัดเจนและหนักแน่น





นรินทร์นิ่งเงียบแล้วหันออกไปมองหน้าต่างหลังจากที่เขาพูดจบ กฤติเองก็จ้องจอตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า

เพราะกฤติยังไม่พร้อมที่จะให้เรื่องไร้สาระเข้ามาควบคุมความรู้สึกของเขา เหมือนกับที่ความรักของนรินทร์มักจะทำแบบนั้นได้เป็นอย่างดีเสมอมา







และอาจจะเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้… เสมอไป











------- TBC --------








เราเคยพูดในทวิตเตอร์ว่าจะให้ไปเยอรมัน ไปจริงค่ะ 55555555

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ XD


#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-04-2019 22:18:07
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-04-2019 22:37:51
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: 9 พฤศจิกา ที่ 15-04-2019 22:39:35
ได้กลิ่นเลือดมาจากห้องนี้ และชุ้นตามกลิ่นนั้นมาาาา ปักจ้าาา  :jul1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 15-04-2019 22:42:05
อึดอัดแทน นี่ยังดีนะคะ ที่ที่นั่งริมทางเดินยังว่าง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 15-04-2019 22:52:26
คุณกฤติจะไม่ฟังหน่อยเหรอคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-04-2019 23:24:58
 :z6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 15-04-2019 23:42:51
แงงง อยากกอดคุณกฤติแน่นๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-04-2019 00:28:52
ใจแข็งจังเลยเจ้านาย ไม่สงสารเลขาบ้างเลยเหรอ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 16-04-2019 07:59:33
ปวดใจจจจจจจ :hao5:
คุณโน้ตรีบๆเคลียร์นะคะ เพราะทางเราอยากให้ทริปเยอรมันเป็นทริปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ค่าาา :katai3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 16-04-2019 11:56:54
เยอรมันต้องเคลียร์!! คุณโน้ตห้ามปล่อยผ่านเด็ดขาดนะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-04-2019 12:19:21
ยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-04-2019 13:07:00
โอ๊ยยยคุณกฤติิพอแล้วววว แงงง สงสารคุณโน้ต  :ling3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-04-2019 13:44:05
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-04-2019 19:46:19
เห้อออออออ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 16-04-2019 21:24:38
สงสารทั้งคู่เลย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 16-04-2019 23:58:29
ไม่นะๆ...กฤติอย่าใจร้ายกับคุณโน้ตนักสิ หางลู่หูตกเป้นหมาหงอยเชียว น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 17-04-2019 16:17:10
ใจอ่อนได้แล้วคุณกฤติ สงสารคุณโน๊ตต  :sad4: :mew3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: nisaday ที่ 18-04-2019 10:24:00
คุณเจ้านายใจแข็งจังเลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonfang ที่ 18-04-2019 23:56:45
วิ่งหนีหัวใจตัวเองก็มีแต่จะเจ็บเรื้อรังกว่าเดิมนะคะคุณกฤติขา แงงง ใจแข็งเหลือเกิน นายนรินทร์หงูวจนไม่รู้จะหงูวยังไงแล้ว หันมาคุยกันดีๆ เถอะนะ QAQ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 19-04-2019 01:21:38
ใจแข็งมาก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :15th Sunday: ให้ได้ทุกอย่าง (15/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 25-04-2019 21:35:32
16th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์







เป็นไฟล์ทที่อึดอัดที่สุดเท่าที่เคยบินมา





หลังจากที่พวกเขามีบทสนทนาอันน่าอึดอัดนั้น หัวหน้าแผนกก็แกล้งหลับตลอดไฟล์ท แม้กระทั่งตอนที่เสิร์ฟอาหารสองรอบกฤติก็ปฏิเสธทั้งคู่ สิบกว่าชั่วโมงจนกระทั่งลงเครื่องในตอนเช้า เขามีเพียงผ้าเย็นในมือที่ได้จากแอร์ก่อนจะลงเครื่องเท่านั้น





“เดี๋ยวผมไปติดต่อรถให้”





นี่คือประโยคแรกที่นรินทร์พูดกับกฤติอีกครั้งหลังจากลงเครื่อง เลขาของหัวหน้าแผนกก็ทำหน้าที่ของตัวเองตั้งแต่ลงเครื่อง ทั้งที่เพิ่งมาเยอรมันครั้งแรก แต่เขาก็สามารถหารถและจัดการจ่ายเงินให้ทั้งตัวเองและกฤติได้อย่างดีและรวดเร็ว





เก่ง





กฤติชมอีกฝ่ายอยู่ในใจ ตอนนี้เขาอยู่ที่ที่นั่งรอรถออก จากคำบอกเล่าของพนักงานคือพวกเขาต้องรออีกประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อรอให้คนที่จองรถทั้งหมดมาเพื่อออกตามรอบ กฤตินั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้แถวยาวที่พนักพิงเป็นพลาสติกแข็งๆ มันไม่สบาย แต่เขาไม่อยากเรื่องมาก อะไรก็ได้ ขอแค่รีบๆ ไปถึงโรงแรมเพื่อนอนสักที





อันที่จริงพวกเขาควรจะจองรถขับกัน แต่เพราะกฤติไม่ชอบขับรถในต่างประเทศ และนรินทร์ที่มาด้วยกันก็ไม่มีใบขับขี่สากล พวกเขาจึงต้องอาศัยรถเช่า และแท็กซี่ในทริปนี้





“คุณ”





เสียงภาษาไทยที่ดังมาให้ได้ยินเรียกให้กฤติปรือตาขึ้นมอง นรินทร์เดินกลับมาพร้อมกับถุงและแก้วกระดาษในมือในมือ





“ผมไปซื้อโกโก้ร้อนมาให้ จิบหน่อยมั้ยคุณ”

“...”

“แซนด์วิชก็มีนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าซื้ออะไรมา แค่จิ้มอันที่น่ากินมาสองชิ้น”

“...”

“ถ้าคุณไม่อยากทานอะไร ผมดื่มสองแก้วก็ได้นะ”

“ขอบคุณครับ”





ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในความรู้สึกที่พร้อมจะกินอาหารเท่าไหร่ แต่กฤติก็รับแก้วโกโก้นั้นมา เขาบอกตัวเองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปหักหาญน้ำใจอีกฝ่าย ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาเพียงแค่ไม่ชอบหน้าตาจ๋อยๆ ของนรินทร์ชะมัด





ยังไม่ทันที่จะเริ่มกิน พนักงานก็เดินมาบอกพวกเขาว่ารถพร้อมแล้ว ชายไทยสองคนจึงเดินไปขึ้นรถที่ทางบริษัทจองเอาไว้ให้ เดินทางเพียงชั่วโมงครึ่งก็ถึงโรงแรม ยังดีที่พักกันคนละห้อง เขาเลยไม่ต้องทนอึดอัดใจมากนัก อีกทั้งพวกเขาบินมาถึงที่นี่เช้าวันเสาร์ เลยไม่ต้องรีบร้อนไปเตรียมตัวเข้าประชุม ยังมีเวลาพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ก่อนที่จะเริ่มทำงานในเช้าวันจันทร์




 ‘ก๊อกๆ’





ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร กฤติที่เพิ่งจะอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดคลุมเตรียมนอนเดินไปที่ประตูห้อง เพื่อพบว่านรินทร์ยืนยิ้มแห้งอยู่ตรงนั้น





“ผมคิดว่าผมจะไปเดินเล่นในเมือง คุณจะไปด้วยกันมั้ย?”

“คุณจะไปเดินเล่นตอนนี้?”  กฤติเลิกคิ้วพร้อมก้มมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า ตัวเวลาไม่เท่าไหร่ แต่อากาศ 4 องศาด้านนอกนั่นไม่น่ารักเลยจริงๆ

“ใช่ครับ”

“แถวนี้มีอะไรให้เดินด้วยหรือไง?”





พวกเขาพักอยู่ที่ละแวก Obertroubling ซึ่งเป็นละแวกที่อยู่อาศัย ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่นัก ชนบททั่วไป ส่วนบริษัทของพวกเขาตั้งอยู่ในละแวกข้างเคียงที่ชื่อว่า Neutraubling ที่ไม่มีอะไรดูยิ่งกว่า สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นที่มีอาหารสดและพวกอาหารฟาสต์ฟู๊ดขาย





“ผมว่าจะเข้าไป Regensburg”





Regensburg เป็นเมืองเก่าแก่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว กฤติไม่ได้สนใจมากนัก ไม่เคยไปเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่จำได้เพราะว่าตลอดเวลาที่คุยกับคนเยอรมันที่บริษัท ทุกคนมักจะแนะนำและพูดถึงเมืองนี้ให้ฟังอยู่เรื่อย ตัวเขาที่ไม่ได้ชอบเที่ยวไปมากกว่าทำงานจึงทำแค่ยิ้มแล้วรับปากว่าจะไปแต่โยนความคิดนั้นทิ้งไปเท่านั้น





“เชิญเลยครับ ผมจะนอน”

“ไม่ไปด้วยกันเหรอ?”

“ไม่เอาครับ ผมจะนอน”

“คุณ… ผมไม่เคยอยู่ต่างประเทศคนเดียวเลย ไปเดินเล่นด้วยกันนะครับ”





กฤติที่ตั้งใจว่าจะปฏิเสธลูกเดียวนั้น เมื่อเจออีกคนที่ทำหน้าตาหงอยลงเหมือนกับเด็กโค่งที่โโดนผู้ปกครองยึดขนมก็อดสงสารไม่ได้





จนกว่าจะรู้ตัว เขาก็ดันตอบตกลงและเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมหยิบของจำเป็นเดินตามอีกฝ่ายไปขึ้นรถไฟเสียแล้ว





รอไม่นานรถไฟเข้าเมืองก็มา พวกเขานั่งในที่นั่งคู่หนึ่ง รถไฟที่นี่ต่างจากรถไฟไทยราวฟ้ากับเหว กฤติไม่ได้ขึ้นขนส่งสาธารณะที่ไทยบ่อยมากนัก แต่เขาก็พอจะจำได้ว่าบนบีทีเอสไม่ที่เสียบปลั๊กสำหรับชาร์จแบตโทรศัพท์ในทุกที่นั่ง พร้อมทั้งเก้าอี้สบายๆ แบบที่เผลอแป๊บเดียวก็นั่งข้ามเขตเข้ามาในตัวเมืองเรียบร้อย





“คุณเคยขึ้น Flixbus ป้ะ?”

“ไม่อ่ะ”

“เอ้า แล้วที่มาตั้งหลายรอบไม่ได้ไปประเทศอื่นเลยเหรอ?”

“ไม่ครับ ผมทำงานแล้วก็กลับ”

“โหย เสียดาย”





พวกเขายืนคุยกันที่สถานีรถไฟหลักของ Regensburg ผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมาไม่ได้ให้ความรู้สึกเร่งรีบเหมือนเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ แถมตัวอาคารก็ปลูกสร้างไม่ได้หรูหราแต่ให้ความรู้สึกเก่าแก่ ตัวอาคารเป็นสีเหลืองแปลกตา ดูแล้วเพลินตาดีเหมือนกัน





“แล้วไอ้ฟลิกซ์อะไรนั่นมันคืออะไร?”





กฤติถามอีกคน ตอนนี้เขาห่อตัวเองอยู่ในเสื้อโค้ตตัวใหญ่กับผ้าพันคอสีกรม ให้ตายสิ ไม่เข้าใจว่าทำไมไ้อสิงโตข้างๆ ถึงได้ดูไม่หนาวเลยสักนิด ทั้งที่เขารู้สึกเหมือนขาจะแข็งอยู่รอมร่อ นรินทร์ยังคงหล่อเหมือนเดิมในเสื้อโค้ตกับรองเท้าหนังสีน้ำตาล เขานึกอยากให้อีกฝ่ายหน้าตาดีน้อยลงหน่อย จะได้ไม่ต้องรู้สึกวูบโหวงในท้องเวลาที่อีกคนสบตาพร้อมส่งยิ้มให้





“รถบัสนั่งข้ามเมืองไงคุณ ถูกด้วยดีด้วยนะ ผมอ่านในพันทิปมา”





นรินทร์ทำตาเป็นประกายแบบเดียวกับตอนที่จะชวนเขาเข้ามา Regensburg นี่ กฤติรู้สึกเหมือนคิ้วตัวเองกระตุกเล็กน้อย ขออย่าให้เป็นอย่างที่สังหรณ์ใจละกัน





“คุณ! จากที่นี่เรานั่งรถไปปรากได้เลยนะ”

“ครับ”





กฤติไม่ได้สนใจอีกฝ่ายมากนัก ตอนนี้พวกเขาเดินข้ามถนนเพื่อไปยังโบสถ์ขึ้นชื่ออะไรสักอย่างที่นรินทร์พูดตลอดทางว่าอยากมา



มาถึงตอนนี้กฤติเริ่มเข้าใจว่าทำไมนรินทร์ถึงได้ดูกระตือรือร้นอยากจะมาที่นี่นัก เมืองนี้สวยมาก มีความเป็นเมืองเก่าแต่ดูน่าเดิน มีสวนสาธารณะแล้วก็ต้นไม้ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ตึกรามบ้านช่องเป็นสีสันสวยงาม กฤติว่าตัวเองหลุดเข้ามาในนิทานพื้นบ้านตะวันตกเสียด้วยซ้ำ





“ไปเที่ยวกัน ไปเช้าเย็นกลับ หรือไม่ก็กลับวันพรุ่งนี้ก็ได้”





พวกเขาต่อคิวเข้าโบสถ์ ถึงแม้จะไม่ได้สนใจศิลปะอะไร แต่ว่าบรรยากาศข้างในมันก็สวยดี ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าคนสมัยก่อนสร้างสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรก็ตาม





หลังจากพวกเขาเดินอยู่ในโบสถ์กันเสร็จเรียบร้อย นรินทร์ที่ทำการบ้านสถานที่นี้มาดีเกินไปก็พาเขาข้ามแม่น้ำเก่าแก่ มันไม่มีอะไรพิเศษนอกจากเดินข้ามธรรมดา แต่ถนนหนทางที่ต่างจากประเทศไทยทำให้กฤติมองนั่นมองนี่ด้วยความสนใจ





‘แชะ’





“อ่าว โดนจับได้”





กฤติไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าอย่างไรตอนที่เห็นว่าอีกคนยกโทรศัพท์มาถ่ายเขา แต่มันคงแย่มากเพราะอีกคนหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด





“ผมแค่ดีใจที่ได้เที่ยวกับคุณ เลยอยากถ่ายเก็บไว้”

“ผมว่าเลขาไม่ต้องมีรูปหัวหน้าก็ได้”

“ถ้าหัวหน้าผมไม่ใช่คุณ ผมก็ไม่ถ่ายเก็บไว้หรอก”





กฤติพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงสีหน้าอะไร ชายหนุ่มหันหน้าไปมองวิวอีกข้างหนึ่งแทน แม่น้ำที่มองไปไกลสุดลูกหูลูกตากับบ้านเมืองสีสันสดใสทำให้ดูแปลกตาแล้วก็น่ามองไปพร้อมๆ กัน





พวกเขาเดินมาเรื่อยๆ จนถึงอาคารโบราณโอ่อ่า นรินทร์พูดแว่วๆ ให้กฤติได้ยินว่าตรงนี้คือวิหารประจำเมือง มันใหญ่โตเสียจนพวกเขาต้องเงยหน้ามองจากที่ไกลๆ ดูแตกต่างจากบรรดาสิ่งปลูกสร้างร่วมสมัยสีสันสวยงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้





“คุณหิวหรือยัง?”





กฤติมองหน้าคนถามข้างๆ





“คุณหิวแล้วเหรอ?”

“ก็นิดนึง”

“งั้นทานก็ได้”

“น่ารัก”





กฤติทำเป็นไม่ได้ยินแล้วมองไปทางอื่น แต่ถึงแม้เป็นแบบนั้น เขากลับไม่ได้ถอยหลังหนีเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น เขารู้สึกว่าตัวเองเผลอกลั้นหายใจเมื่ออีกคนยกมือขึ้นมาแตะข้างแก้ม แค่นั้นกฤติก็เกร็งไปถึงปลายเท้า





“คุณยังคงน่ารักเหมือนเคย”

“คุณก็หน้าด้านเหมือนเดิม”

“ใช่ ผมยังเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ”

“...”

“อยากจูบคุณเหมือนเดิม คิดถึงคุณเหมือนเดิม”

“...”

“ผมก็ยังรักคุณเหมือนเดิม”

“...”

“ไม่สิ ผมรักคุณมากกว่าเดิมอีก”





หน้าด้าน!





ในขณะที่สมองกำลังคิดว่าทำไมนรินทร์ถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดที่สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย แต่หัวใจของกฤติกลับเต้นรัวเร็วเหมือนกลองชุด ทั้งที่นี่ไม่ใช่การสารภาพรักครั้งแรกด้วยซ้ำ





ไม่เคยชินเลย พอเป็นนรินทร์ ไม่มีอะไรที่เขาสามารถรับมือได้เลยสักนิด





เมื่อไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร กฤติจึงเดินหนีเข้าไปในโบสถ์คนเดียว โดยไม่ได้มองไปทางด้านหลังอีก กฤติเดินไปเรื่อยๆ อาจจะเพราะช่วงนี้เป็นช่วง High Season คนเลยมีอยู่ทุกมุมของโบสถ์ ตัวเขาเดินนำนรินทร์มาโดยที่ไม่ได้หันไปพูดอะไรกับอีกคน ซึ่งนรินทร์เองก็ไม่ได้กวนประสาทกฤติอีก





ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่มันก็เหงาปากเล็กน้อย





“คุณ…”





ชายหนุ่มหน้าเหวอ กฤติที่จะหันไปคุยกับผู้ร่วมทางอีกคนดันพบเพียงแต่ความว่างเปล่า มีเพียงครอบครัวชาวจีนที่น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันอยู่ด้านหลัง ถัดไปเป็นกลุ่มวัยรุ่นยุโรป ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาอยู่หลายรอบ





ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง เขาก็ไม่เจอคนที่มาด้วยกัน



หายไปไหน!?





เขาเดินวนรอบโบสถ์อยู่สองสามรอบ พยายามหาทุกที่ที่คนคนหนึ่งควรจะอยู่ แต่ไม่ว่าจะเดินอย่างไร ความจริงที่ตีแซกหน้าในตอนนี้คือเขาเป็นเพียงคนไทยคนเดียวในที่นี้เท่านั้น





นรินทร์หายไปไหน?!





กฤติใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขารู้สึกคล้ายกับเด็กที่ผู้ปกครองหายตอนที่อยู่ซุปอเปอร์มาร์เก็ตคนเดียว ใบหน้าภายใต้แว่นตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด มือที่ชื้นเหงื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ในใจหมายมั่นว่าจะส่งข้อความหาอีกคน





No Signal





เฮ็งซวย!





ชายหนุ่มใจเสีย เขาสบถในใจหลายสิบคำ คนที่มักจะควบคุมตัวเองได้ดีในทุกสถานการณ์ ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาไม่สามารถรวมรวบสติของตัวเองได้เลย ความคิดแย่ๆ มากมายไหลเข้ามาในหัว





หากนรินทร์หายไป เขาจะทำอย่างไร?



ถ้าหากเมื่อกี้เขายอมลดทิฐิแล้วบอกว่าตัวเองก็รักอีกคนเหมือนกัน ตอนนี้พวกเขาจะเดินจับมือข้างกันหรือไม่?



ทำไมเขาถึงไม่ควงแขนนรินทร์เอาไว้ให้แน่นๆ



เขาน่าจะ…





“คุณกฤติ!”





เสียงคุ้นเคยที่เรียกมาจากทางด้านหลังเรียกให้เจ้าของชื่อหันกลับไปมอง นรินทร์ที่เดินหน้าตาตื่นมาหาเขาเป็นหลักฐานชั้นดีที่ว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้มีเพียงแค่เขาประสาทไปเองคนเดียว ทั้งที่ตัโบสถ์เองก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร  ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นนรินทร์ แล้วตัวนรินทร์เองก็คงหาเขาไม่เจอเช่นเดียวกัน





“ไอ้โน้ต! ไอ้คุณโน้ต! คุณหายไปไหนมา!”





ไม่มีฉากกอดกันด้วยความรัก มีเพียงกฤติที่ถามอีกคนเสียงเขียว ความใจหายแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ครอบครัวคนจีนด้านหลังจะมองเขาอย่างไร รู้แต่ว่าตอนนี้เขาจะต้องเอาเลือดหัวอีกคนออกให้ได้





“ผมหันหลังไปถ่ายรูปแป๊บเดียว หันมาอีกทีคุณหายไปแล้ว”

“วันหลังจะถ่ายรูปก็บอกกันมั่งสิ!”





นรินทร์มองตาปริบ แต่กฤติไม่สนใจ เขายังคงระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเองต่อ





“ผมไม่คิดว่าคุณจะหายไปเลย…”

“อย่าเพิ่งเถียง!”





กฤติพูดต่อด้วยความฉุนเฉียว นรินทร์ถึงกับยอมปิดปากสนิทเมื่ออีกคนไม่ได้มีท่าทีเล่นๆ อยู่เลย เหมือนกฤติจะลืมไปแล้วว่าเขาไม่ใช่น้องนิ้งที่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้น





“คุณไม่รู้หรอกว่าผมแม่งประสาทเสียแค่ไหนตอนหาคุณไม่เจอน่ะ โบสถ์ก็ไม่ได้ใหญ่เลย ตัวคุณก็ไม่ใช่เล็กๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้หายไปเฉย”

“...”

“ต่อจากนี้ห้ามเดินห่างผมเลยนะ ไม่ว่ายังไงก็ห้าม จะถ่ายรูปทำอะไรก็บอกกันก่อน ผมรอได้อยู่แล้ว”

“กลัวผมหายเหรอคุณ”

“เออสิวะ!”





นรินทร์ถึงกับหลุดยิ้มเมื่ออีกคนพูดรัวๆ ยาวๆ ติดกันหลายประโยคทั้งที่ไม่ใช่นิสัย อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่ที่พูดคุยกันครั้งสุดท้ายวันนั้น





“ผมดีใจนะที่คุณห่วงผม”





เป็นกฤติแทนที่เงียบลง คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้างเม้มปาก ในใจมัวแต่หงุดหงิดตัวเองที่ตกใจเหมือนนรินทร์ตัวโตเป็นเด็กประถม ตอนนั้นเขาคิดแต่เพียงว่าจะให้อีกฝ่ายหายไปไม่ได้ อยากจะย้อนเวลากลับไปหยิกตัวเองเรียกสติชะมัด





 ถึงแม้จะพยายามทำหน้านิ่งแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถปิดใบหูที่เริ่มแดงของตัวเองได้





“ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“...”

“ไม่มีทางที่ผมจะทิ้งคุณไปอยู่แล้ว”





คล้ายโลกหยุดหมุน หัวใจของกฤติเต้นแรงจนคล้ายกับมันจะทะลุออกมานอกอก หัวหน้าหนุ่มเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง

 



การใจเต้นทั้งที่ครอบครองไม่ได้นี่มันทรมานหัวใจชะมัด





“คุณ…”





เสียงทุ้มของนรินทร์เรียกความสนใจของกฤติอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาออกมายืนกันหน้าโบสถ์ อากาศติดลบนั้นไม่ได้ช่วยให้กฤติรู้สึกร้อนใบหูน้อยลงเลยสักนิด





“ครับ?”

“เรื่องที่ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณไปน่ะ ผมพูดจริงนะ”





ชายคนนี้จะทำให้เขาใจเต้นแรงจนตายเลยหรือไง?





เมื่อไม่รู้ว่าตัวเองจะแก้อาการร้อนหูเพราะความไร้สาระของนรินทร์ได้อย่างไร กฤติจึงทำเพียงแค่พูดปัดออกอย่างที่ทำเป็นประจำเท่านั้น





“อย่าไร้สาระ”

“ผมพูดจริง”





ท่าทีจริงจังของนรินทร์นอกเหนือจากเรื่องงานทำให้กฤติเลือกที่จะนิ่ง อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้บ่อยมากนัก หรือไม่ก็หัวใจของเขาอาจจะเหนื่อยเกินกว่าที่จะวิ่งหนีนรินทร์อีกต่อไปแล้วก็ได้





“ตอนนั้นน่ะ อันที่จริงแล้ว...“มีคนไปเป่าหูน้องนิ้งให้พูดแบบนั้น”

“...”

“ผมจะไม่แก้ตัวให้ลูกเพราะน้องก็พูดแบบนั้นจริงๆ แต่ผมอยากขอโอกาสให้คุณฟังที่แกจะพูดหน่อย”

“...”

“ไม่ต้องฟังผมก็ได้ ฟังลูกผมหน่อยเถอะนะ”





ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ กฤติก็พ่ายแพ้ต่อผู้ชายคนนี้เสมอ





นรินทร์เลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง เขาใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ได้ว่าอะไร เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดเฟสไทม์หาลูกสาวที่น่าจะกำลังเพิ่งเลิกเรียนพิเศษทั้งหมดเสร็จแล้วรอให้เนตรมารับไปบ้านย่า





‘อากฤติ สวัสดีค่ะ’





เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิงที่ชายหนุ่มเอ็นดูมาพร้อมกับใบหน้าน่ารักของเด็กประถมที่กฤติไม่ได้เจอหน้ามาหลายเดือน น้องนิ้งยังคงดูน่ารักเหมือนเดิม เพียงแต่หน้าตาของเด็กน้อยไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนกับน้องนิ้งในความทรงจำที่เขาเคยมี





“สวัสดีครับน้องนิ้ง” หัวหน้าหนุ่มรับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายมาถือไว้เองเพื่อที่จะมองหน้าคนด้านในให้ชัด “สบายดีมั้ยครับ?”

‘ไม่เลยค่ะ’ เด็กน้อยพูดตอบกลับมาทันที ‘ทุกวันนี้หนูเปิดเทอมแล้ว การบ้านเยอะมากๆ เลยค่ะ คุณพ่อก็ไม่อยู่ด้วย’

“คุณพ่อมาทำงานแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วครับ”

‘อากฤติกลับมาด้วยได้มั้ยคะ?’





ชายหนุ่มเงียบ เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบเด็กหญิงที่มองมาด้วยแววตาใสซื่อได้อย่างไร





“คงไม่ครับ อาแค่มาทำงานแป๊บเดียว บังเอิญต้องมากับคุณพ่อของหนูเท่านั้นครับ”





กฤติเลือกตอบความจริงออกไป เขาตบท้ายคำพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่คล้ายกับการบังคับกล้ามเนื้อมุมปากให้เปลี่ยนรูปเสียมากกว่า





‘อากฤติกลับมาพร้อมกับคุณพ่อนะคะ’

“...”

‘ตั้งแต่วันนั้นคุณพ่อไม่มีความสุขอีกเลยค่ะ’

“...”

‘นิ้งขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไปนะคะ นิ้งไม่ได้ตั้งใจ นิ้งไม่ได้หมยาความว่าแบบนั้น นิ้งชอบอากฤติมากๆ ชอบที่สุดในโลกเลยค่ะ’

“...”

‘อากฤติไม่โกรธนิ้งได้มั้ย? นิ้งขอโทษค่ะ’



“อากฤติไม่เคยโกรธน้องนิ้งเลยครับ อาเข้าใจ”

‘ตอนนั้นนิ้งกลัว’

“...”

‘นิ้งกลัวเพื่อนล้อ กลัวแปลกถ้าไม่ได้มีพ่อเป็นผู้ชาย แม่เป็นผู้หญิง แบบคนอื่นเขา’





เด็กหญิงยังคงพูดต่อไป ใบหน้ากลมของเด็กหญิงเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่นิ้งพยายามฮึบไว้ คุณพ่อบอกว่าคนเก่งจะต้องไม่ร้องไห้ตอนที่คุณพ่อมาปลอบไม่ได้





‘แต่ตอนนี้นิ้งไม่เอาแล้ว นิ้งแค่อยากได้คุณพ่อกับคุณแม่ที่รักกัน อยากได้คนที่คนที่คุณพ่อรัก’





เด็กหญิงพยายามสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย ใบหน้าเหยเกเหมือนคนที่แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป





‘นิ้งอยากได้อากฤติเป็นอากฤติของน้องนิ้งเหมือนเดิมได้มั้ยคะ?’





กฤติรู้สึกเหมือนมีใครมาจุดพลุเอาไว้ข้างในอก เขาร้อนที่ใบหน้ากับท้ายทอย กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้หน้าจอโทรศัพท์ก็มีน้ำหยดหนึ่งไหลลงมาเปื้อนเสียแล้ว





‘อากฤติไม่ระ.. ฮึก ร้อง.. ไม่ร้องนะ.. ฮึก คะ’





เด็กหญิงในจอเริ่มปล่อยโฮตามเมื่อเห็นว่าคนที่เธอคุยด้วยเริ่มร้องไห้ ตอนนี้เหมือนจะร้องหนักกว่าชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าเสียแล้วด้วย





‘ฮะฮึก … ถึงเพื่อนจะล้อนิ้งก็ไม่สนแล้ว ใครทำอากฤติร้องไห้นิ้งจะต่อยให้หมดเลย ฮือ!’





คำพูดใสซื่อของเด็กประถมคล้ายกับค้อนที่มาทุบกำแพงในใจเขาเสียแหลกละเอียด





เขายอมแล้ว ยอมทั้งหมดแล้ว





มันเป็นความรู้สึกเต็มตื้นเกินบรรยาย เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่บนสวรรค์หรือเปล่า มันเกินที่จะคิดและรู้สึกอะไรอีกแล้ว ทั้งหมดมีเพียงแค่ความรู้สึกอุ่นวาบบริเวณหัวใจเท่านั้น





เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับความรัก





‘ตายแล้วน้องนิ้ง!’ เสียงของผู้หญิงที่กฤติจำได้ว่าเป็นแม่ของเด็กน้อยลอดเข้ามาในสาย ‘เป็นเด็กผู้หญิงไปต่อยตีกับคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกันคะลูก?’

“...”

‘คุณแม่บอกแล้วใช่มั้ยคะว่าเวลาคุณพ่อพูดอะไรที่มันไร้สาระไม่ต้องฟังก็ได้ค่ะ ดูสิเนี่ย ติดอะไรมาก็ไม่รู้แล้ว’

“...”

‘คอยดูนะคะถ้าคุณพ่อกลับมาเมื่อไหร่นะแม่จะดุแน่นอน ทั้งสองคนนั่นแหละ ตัวพ่อโดนหนักเลย ดูสิเนี่ยชอบใช้กำลังจนลูกติดนิสัยต่อยตีมาแล้ว นี่เป็นเลขาหรือเป็นคนบ้ากำลัง น้องนิ้งอย่าไปทำตามนะคะ มันไม่ดี...’





ภาพหน้าจอหายไปเพราะคนตัวสูงด้านหลังแย่งโทรศัพท์มือถือจากมือของเขาไปแล้วกดวางสาย โดยไม่ใส่ใจว่าตัวเนตรยังบ่นไม่จบหรืออะไร แต่ช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้กฤติไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาซบหน้าลงบน่ามือของตัวเองแล้วร้องไห้ออกมา ความอัดอั้นตันใจหลายปีที่ผ่านมาถูกคลายออกไปหมดแล้ว





“คุณ… ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องร้องแล้วนะ”





สัมผัสอบอุ่นบนศีรษะนั้นเดาไม่ยากเลยว่าเป็นของใคร ภายใต้อากาศติดลบของเยอรมัน มีมือที่อบอุ่นของผู้ชายที่หัวใจเขาร้องเรียกทุกวันลูบหัวเบาๆ เพียงแค่นั้นกฤติก็รู้สึกว่าหัวใจเขาแทบจะเต็มล้นไปด้วยความสุขแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน





“คุณ…”

“พอแล้วครับ”





นรินทร์พูดเบาๆ แต่หนักแน่น เขากอดหัวหน้าตัวเองไว้เหมือนตอนที่กอดลูกสาวตอนที่กำลังร้องไห้ คนตรงหน้าเขานั้นเปราะบางมากกว่าที่เคยเห็น





“ผมจะถามอีกครั้งนะคุณ”

“...”

“มาเป็นครอบครัวของผมนะครับ”





เพียงแค่ประโยคสั้นๆ ของสองพ่อลูกเท่านั้น หัวใจของชายหนุ่มก็เหมือนได้รับการปลดกลอนออก





ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนโต กฤติตัวคนเดียวมาโดยตลอด ไม่มีครอบครัวให้หันหน้าไปหา ไม่มีคนรักและลูกเล็กๆ แบบที่เพื่อนวัยเดียวกันมักจะมี เขามีเพียงแค่ห้องว่างเปล่าและคู่นอนไม่ซ้ำหน้าในแต่ละสัปดาห์





เขาคิดว่าตัวเองคงจะต้องอยู่คนเดียวตลอดไป





จนกระทั่งนรินทร์เข้ามา ทำให้คำว่าครอบครัวถูกวาดขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็ปล่อยมือจากอีกฝ่ายไปเพียงเพราะไม่ต้องการให้ตัวเองเข้าไปทำลายครอบครัวที่น่ารักของอีกคน





แต่ตอนนี้ครอบครัวของนรินทร์มีที่ยืนสำหรับเขาแล้ว



ที่ที่กฤติต้องการมาตลอด





“คุณ…อยากให้ผมอยู่ในครอบครัวของคุณด้วยจริงๆ เหรอ?”

“ครับ”

“แต่ผม… ผมอาจจะทำมันพัง”

“เราก็ค่อยๆ ซ่อมไปด้วยกันไง” นรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ผมอาจจะทำให้คุณกับลูกทะเลาะกันอีก”

“เราก็เคลียร์กันไงคุณ แบบครั้งนี้ไง อันนี้ก็ซ้อมไว้ก่อน”

“แต่…”

“พอแล้วคุณ จังหวะนี้คุณต้องตกลงแล้วป่าว ผมหนาวเหมือนกันนะเนี่ย มาเล่นตัวอะไรตอนที่อากาศติดลบแบบนี้… โอ้ย!”





 นรินทร์พูดติดตลกอย่างหวังว่าอีกฝ่ายจะหยุดโทษตัวเองเสียที ซึ่งมันก็ได้ผล กฤติผละออกจากอ้อมกอดเพื่อมาฟาดฝ่ามือลงบนแขนของเขาอย่างจัง





เชี่ย เจ็บจริงนะเนี่ย





“ไอ้… ไร้สาระ”

“ครับๆ”





นรินทร์รับคำอย่างยินดี ใบหน้าของอีกฝ่ายรื่นรมย์จนกฤติเผลอยิ้มออกมาบ้าง





“ตกลงเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”





กฤติมองหน้าอีกคน รอยยิ้มกว้างของอีกคนยังประดับอยู่บนใบหน้า หากเป็นปกติเขาคงจะกลอกตาด้วยความหมั่นไส้ แต่ตอนนี้เขากลับทำเพียงแค่ตอบรับอีกคนเสียงดังหนักแน่นเท่านั้น



 

“ครับ”






วันอาทิตย์หลังจากนี้ เขาคงไม่ต้องนอนคนเดียวอีกแล้ว






-------- TBC -------







ยังไม่จบนะแก!

#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 25-04-2019 21:49:38
 :sad4: ซึ้งมากเลย

น้องนิ้งน่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: nisaday ที่ 25-04-2019 21:54:35
โอ้ยยยยยยยย ร้องไห้ตามอากฤตกับน้องนิ้ง
ดีใจกับอากฤตจริงๆ ที่อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขสักที

พ่อโน๊ตนี่ไม่เคยทำให้คนอ่านผิดหวังเลย
ง้อเก่งงงงงง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 25-04-2019 22:39:56
 :m15: ร้องไห้เลยเราาาาาาาา
ซึ้งงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-04-2019 22:52:37
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-04-2019 00:20:37
ตอนนี้ดีมากกกกกกกกกกกแปแ :sad4:

ชอบการปลดล็อคปมในใจมาก รู้สึกเหมือนเห็นคุณกฤติเลิกทรมานตัวเองแล้ว

อยากให้เขามีความสุขมากๆ  เพราะเขาสมควรได้รับมัน

ไม่มีใครควรทรมานกับโลกห่วยๆ นี้คนเดียวหรอก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 26-04-2019 01:12:47
น้องนิ้งหนูน่ารักจังเลยค่ะ

คินดีกันได้ซักทีน้า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: andreyheus ที่ 26-04-2019 01:14:22
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อย่า ฉันกำลังมองหาเพื่อนใหม่ ถ้าฉันสนใจคุณเขียนฉันที่นี่ - www.lovooz.com
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-04-2019 01:20:07
น้องนิ้งน่ารักกกกกกกกก ตลกคุณเนตรก็คือคุณเนตร 555555555
ปล่อยวางแล้วนะคะคุณกฤติ มารักกันๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-04-2019 04:03:22
ฉลอง​  :mc4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 26-04-2019 09:08:08
อบอุ่นละมุนละไมสุด
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-04-2019 10:21:46
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-04-2019 10:25:54
ยอดเยี่ยมไปเลย ..........   :katai2-1:
กฤติปลดล็อกตัวเองได้แล้ว สุดยอดดดดดด   :m20: :laugh: :pigha2:
นรินทร์  กฤติ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-04-2019 11:10:35
แง โล่งใจมากกกกก ดีใจ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 26-04-2019 11:23:22
อื้อออออออออดีกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-04-2019 17:22:01
ซึ้งอ่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-04-2019 21:09:21
ทางนี้ร้องไห้ตามไปแล้วจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-04-2019 21:59:25
ฮือออ ดีกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 27-04-2019 20:43:34
น้องนิ้งเอ็นดูมาก ๆ ลูก นางฟ้ามาโปรดแท้ ๆ พี่โน๊ตต้องตบรางวัลน้องนิ้งเยอะ ๆ แล้ว    "มาเป็นครอบครัวเดียวกัน" ฮรือ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 27-04-2019 22:51:41
คุณกฤติ ฮืออออออออ
ดีใจด้วยนะคะ ต่อไปนี้คุณกฤติจะมีครอบครัวแล้วน้า
โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ น้องนิ้งมาช่วยปลอบเร็ว :hao5:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 28-04-2019 20:41:58
ดีกันแล้ววว คุณโน๊ตได้เวลาแล้วค่ะ555  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 28-04-2019 22:21:15
ร้องไห้ตามคุณกฤติ แง คุณเขาต้องการครอบครัวและเขาดูเหงามากเลยก่อนมาเจอนายโน้ตเนี่ย อย่าทะเลาะกันแบบนี้อีกน้าา
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 01-05-2019 17:48:00
กริ้ดดดดดดด :laugh:
เขารับรักกันแล้ววววววว  :ling1:

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :16th Sunday: ไม่หายไปไหน (25/04/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 01-05-2019 20:57:07
17th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์


ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ


ซะที่ไหนเล่า!



นรินทร์รู้สึกเหมือนกฤติที่ร้องไห้ซบอกเขาเมื่อวันก่อนไม่มีอยู่จริง หลังจากที่หัวหน้าแผนกหยุดร้องไห้ พวกเขาก็ทำอย่างที่นักท่องเที่ยวปกติทำกัน นั่นก็คือการกินข้าว เสร็จแล้วก็เดินเที่ยวกันจนเย็น วันนั้นกฤติน่ารักมากจนนรินทร์ส่งยิ้มโง่เงาให้อีกฝ่ายตลอกเวลา จนกระทั่งกลับถึงห้องกฤติก็ยังคงไม่หยุดน่ารัก อาจจะหยุดไม่ได้เพราะเป็นธรรมชาติไปแล้วหรือเปล่าเขาก็ไม่รู้ และไม่สนใจจะหาคำตอบ


นอกจากนั้นแล้ว พวกเขาก็รักกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน


กฤติยังคงเป็นนิยายของคำว่า ‘ดี’ เหมือนเคย ทุกอย่างมันเหมือนฝัน นรินทร์งอแงไม่ยอมกลับห้องตัวเองหลังจากที่ได้เข้ามาในห้องของกฤติ หากจะให้พูดตามจริง เขายังไม่ได้กลับห้องตัวเองเลยตั้งแต่วันนั้น คลุกอยู่กับหัวหน้าแผนกจนอีกคนน่าจะรำคาญเขามากๆ ไปแล้ว


 จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์มาถึง กฤติใช้งานเขาเต็มที่เช่นเดียวกับที่เขารักอีกคนจนหัวเตียงโยก


โน้ตทำงานหนักเหมือนกับชีวิตจะต้องใช้ประกันการเดินทางที่โรงพยาบาลแถวนี้ เดินไปเดินมาทั้งวัน ถึงแม้จะเป็นเพียงเทรนนิ่งที่แทบจะไม่เกี่ยวกับความรับผิดชอบโดยตรงของเขา แต่เพราะหัวหน้าต้องการให้เขาเรียนรู้ทั้งหมด นรินทร์จึงต้องทำ


ให้ตาย วุ่นวายชะมัด


ยังดีที่วันนี้เป็นวันศุกร์ ทางทีมที่เทรนคงเห็นว่าพวกเขาทำงานมานานมากจนเกินจะรับไหว จึงปล่อยเลิกครึ่งวัน มีเลี้ยงข้าวกลางวันเล็กน้อยพอเป็นพิธี มีแท็กซี่พามาส่งจนถึงโรงแรม แล้วตอนนี้ทั้งกฤติแล้วก็ตัวเขานั้นว่างกันหมดแล้วทั้งคู่


โชคดีที่พวกเขาปรับความเข้าใจกันได้เร็ว นรินทร์เลยถือโอกาสยืดตั๋วเครื่องบินออกไปอีกหนึ่งอาทิตย์ทันที โดยอ้างกับทางแผนกที่จัดจองตั๋วเครื่องบินว่าพวกเขาจะลาเที่ยว


แน่นอนว่าพอกฤติรู้นั้น นรินทร์โดนทำโทษเสียจนเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำไปเลยทีเดียว


แต่เสียใจแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อันที่จริงเขาก็ยังยืนกรานแบบเดิม กฤติควรจะได้พักผ่อนบ้าง ตัวเขาเองก็เช่นกัน ช่วงที่ทะเลาะกันนั้นเขาแทบไม่ได้พักเลย ตอนนี้แหละเหมาะสม


อากาศก็ดี วิวก็ดี งานก็ไม่มี คนข้างๆ ก็แสนดี ชีวิตยังต้องการอะไรอีก?

นึกถึงกฤติแล้ว นรินทร์ก็อดนึกถึงบทรักครั้งแรกของพวกเขาในรอบหลายเดือนไม่ได้


.
.
.



‘ปัง’


เสียงประตูปิดลงพร้อมกับความตกใจของกฤติเมื่อนรินทร์พุ่งตัวเข้ามาประกบปากของเขาทันที คล้ายกับคนที่ติดอยู่กลางทะเลทรายแล้วเพิ่งเจอกับบ่อน้ำ เขาจูบแบบจาบจ้วง บดเบียดและดูดดึง มือใหญ่เคล้นทุกพื้นที่ที่สามารถทำได้ เสื้อผ้าของกฤติถูกปลดออกจนหมดตั้งแต่ยังไปไม่พ้นจากหน้าประตู


“คุณ…”
“ครับ”
“พะ...พอก่อน”
“ไม่พอแล้ว ไม่ทนอีกแล้ว”


ถ้อยคำสั้นๆ ที่สามารถบอกเล่าความต้องการจากส่วนลึกในจิตใจ กฤติมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้แรงน้อยเหมือนเด็กสาว หากแต่เขาไม่สามารถขัดขืนเรี่ยวแรงของคนที่ตัวใหญ่กว่าได้เลยสักนิด แถมเมื่อมองสบตาเพียงชั่วขณะ ความตั้งใจที่จะหยุดยั้งอีกคนก็ระเหยไปในอากาศโดยทันที


ความต้องการและความรักในนัยน์ตาของอีกฝ่ายตรึงให้กฤติอยู่กับที่ เขาปลดความคิดต่อต้านให้หลุดไปพร้อมกับกางเกงของนรินทร์ มือของทั้งสองคนต่างสัมผัสไปทั่วทุกพื้นที่ของกันและกัน


ในช่วงเวลาที่ทั้งนรินทร์และกฤตินั้นต่างต้องการกันและกันมากกว่าที่เคย


“มันโคตรเหมือนฝันเลยคุณ”


เสียงของนรินทร์พึมพำซ้ำๆ ในสิ่งที่กฤติก็คิดเหมือนกัน การที่พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันแบบนี้ รักกันแบบนี้ มันเหมือนเป็นความฝันเลย กฤติหลับตาลงเมื่อนรินทร์ก้มหน้าลงมาเพื่อจูบเบาๆ ตรงโหนกแก้มของเขา


หากนี่เป็นความฝัน กฤติก็ไม่อยากจะตื่น


พวกเขารักกันด้วยความเร่าร้อน กฤติเปล่งเสียงออกมาเมื่ออีกคนสอดใส่เข้ามา นรินทร์ยังคงเป็นคนเดิม ที่รู้ว่าเขารู้สึกกับตรงไหน หลับตาครางเพราะสัมผัสอะไร เกร็งปลายเท้าเพราะการแตะต้องอย่างไร


พวกเขาเปลี่ยนท่ากันครั้งที่สอง กฤติถูกจับให้ลงไปอยู่ในท่าคลานสี่ขาโดยมีนรินทร์ยึดสะโพกอยู่ทางด้านหลัง ครั้งนี้เร็วกว่ารอบแรกเพราะพวกเขาไม่ต้องเสียเวลาถอดเสื้อผ้าใดๆ


“เจ็บมั้ยครับ?”


นรินทร์ถามตอนที่สังเกตว่าอีกฝ่ายคุกเข่ารองรับอารมณ์ของเขามาสักพัก กฤติเม้มปากส่ายหัว พลางส่ายสะโพกพร้อมมองไปด้านหลังอย่างออดอ้อน เขาไม่ต้องการให้มีอะไรมาหยุดจังหวะที่กำลังไปได้สวยในตอนนี้ ถึงแม้ว่านรินทร์จะกระแทกแรงสักหน่อยก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลยสักนิด


“อ้อนเหรอ?”
“ไม่ใช่”


กฤติปฏิเสธทั้งที่ยังคงส่ายสะโพกอยู่แบบนั้น คนที่อยู่ข้างหลังแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปจูบกฤติที่เอี้ยวตัวมามองหน้าเขาในจังหวะเดียวกัน


“มีแรงแค่นี้เหรอ?”


ประโยคที่ออกมาจากปากกฤติหลังจากที่ผละจูบออกทำให้นรินทร์ถึงกับคิ้วกระตุก เขาจับอีกคนล็อกสะโพกเอาไว้แล้วเร่งจังหวะจนแตะขอบสวรรค์เรียบร้อยทั้งคู่


ไม่รอให้เสียเวลา นรินทร์แกะถุงยางซองสุดท้ายด้วยฟันและมือข้างซ้าย ส่วนมือข้างที่ถนัดนั้นถอดถุงยางแล้วมัดพร้อมโยนทิ้งไปบนพื้นด้วยความรวดเร็ว ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พัก นรินทร์ยกตัวกฤติที่โก่งสะโพกบนพื้นขึ้นมาประชิดตัว แล้วเริ่มบทรักรอบสุดท้ายโดยทันทีทั้งที่ยังคงอยู่หน้าประตูห้อง


หากจะมีใครได้ยินเสียงครางของพวกเขา ก็ช่างหัวมันแล้ว


เซ็กส์ในท่ายืนยังคงเป็นท่าที่เขาชอบเหมือนกับทุกครั้ง ชายหนุ่มทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากันเพราะความเอาแต่ใจของนรินทร์ ถึงแม้แผ่นหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายจะเป็นทัศนียภาพที่ดี แต่ตอนนี้เขาต้องการมองหน้าของกฤติมากที่สุด


ใบหน้านิ่งเรียบที่เหยเกอย่างไม่ปิดบังตอนเขาเล่นกับส่วนบน ริมฝีปากที่เม้มติดกันเป็นเส้นตรงตอนที่เขาเล่นกับส่วนล่าง หูแดงระเรื่อ เม็ดเหงื่อที่ไหลลงมาตามไรผม ทุกอย่างของอีกฝ่ายชวนให้เขาตกหลุมรักซ้ำๆ เหมือนเด็กมัธยมต้นที่เพิ่งจะมีความรักครั้งแรก


กฤติเป็นคนที่ทำให้ใจเต้นแทบบ้า และเร่าร้อนจนแทบจะละลาย


เป็นบทรักที่ไม่มีใครยอมใคร พวกเขาทั้งสองคนต่างงัดเทคนิคที่สั่งสมมา ด้วยความที่รู้จักร่างกายของกันและกันดี เมคเลิฟรอบนี้จึงเป็นเหมือนสนามที่แข่งกันเพื่อทำให้อีกคนรู้สึกมากที่สุด


หากจะวัดแพ้ชนะกันจริงๆ ล่ะก็ นรินทร์แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

เขายอมตั้งแต่ที่เห็นหน้ากฤติแล้ว


ใบหน้าหล่อของนรินทร์มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ เขาคิดถึงกฤติมากที่สุด มากจนไม่รู้ว่าจะบรรยายออกมาได้อย่างไร หากเขายอมแพ้ตัดใจไปตั้งแต่อีกฝ่ายขอห่าง คงไม่มีโอกาสแม้จะเชยชมผู้ชายคนนี้ในฝัน


“ผมจะถึงแล้ว”


เสียงแหบพร่าที่กระซิบพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ของอีกคนทำให้กฤติหูแดงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เสียงหัวใจดังจนหนวกหู ไม่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของใครเต้นดังกว่ากัน เขาหรือนรินทร์


เซ็กส์ครั้งนี้แทบจะเผาเขาให้กลายเป็นเถ้าธุลี หากตายไปตอนนี้ กฤติมั่นใจว่ามันคงจะเป็นการตายที่เร่าร้อนที่สุดในสวรรค์แล้ว


“ผมแม่ง โคตรรักคุณเลยรู้มั้ย”


นรินทร์พูดขึ้นมาตอนที่เขากำลังจะถึงจุดหมายเป็นครั้งที่สาม ชายหนุ่มมองเข้าไปในนัยน์ของคนตรงหน้า เขาเห็นเงาตัวเองสะท้อนออกมา นอกเหนือจากนั้น เขาเห็นความรัก


ความรักตรงหน้าคือเรื่องจริง

นรินทร์ก้มลงไปจูบคนด้านล่างอีกครั้ง เขาอยากจะจูบกฤติแบบนี้ตลอดไป


รัก


เขารักผู้ชายคนนี้มากเกินกว่าที่จะอธิบายอะไรอีกแล้ว



.
.
.



“คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ยครับ?”


เสียงนิ่งๆ ของกฤติเรียกให้นรินทร์ที่กำลังนึกถึงการกอดกันครั้งแรกในรอบหลายเดือนของพวกเขาสองคนออกจากภวังค์ คนด้านข้างที่มองมาด้วยสายตารู้ทันไม่ได้ทำให้นรินทร์สลดลงเลยแม้แต่น้อย อันที่จริง มันยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก


“ใช่ครับ”
“...”


ถึงแม้กฤติไม่ได้พูดอะไร แต่หน้าของอีกฝ่ายสามารถตีความหมายได้ว่า ‘ไอ้สัตว์’


“ผมคิดถึงตอนที่นอนกับคุณเมื่อวันเสาร์น่ะ แม่งโคตรเป็นวันเสาร์ที่ดีมากเบย”
“เบยอะไร ไม่น่ารักครับ”
“แต่คุณพูดแล้วน่ารักมาเลยนะ ผมชอบจังเบย”


เป็นอีกครั้งที่กฤติไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าดูแคลนของอีกฝ่ายคล้ายกับสายตาของคนที่มองเสื้อผ้าสกปรกกองใหญ่


“พูดอีกสิคุณ แบบ ‘นรินทร์หล่อจุงเบย’ พูดเร็วคุณ อยากฟังๆ”
“...”
“เร็วสิคุณ นะๆ”
“นรินทร์ถ้าคุณยังไม่เลิกเล่น ผมจะไม่อนุมัติวันหยุดคุณ…”
“โอเค ผมกินเสร็จแล้ว คุณเสร็จยัง?”


กฤติกลอกตาเมื่ออีกฝ่ายเด้งตัวออกจากเก้าอี้ทั้งที่อาหารเช้าตรงหน้ายังไม่หมด


วันนี้คือวันสุดท้ายของการทำงาน และตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงซึ่งพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น กฤติเช็ดปาก รวบช้อนของตัวเอง ชิดเก้าอี้แล้วตามนรินทร์ออกไปข้างนอก พวกเขาสองคนโทรเรียกแท็กซี่เพื่อไปที่บริษัทสำหรับการทำงานวันสุดท้ายก่อนจะกลับไทย


สุดสัปดาห์นี้ พวกเขาจะไปเที่ยวกันที่ปราก ถึงแม้ว่าจะอยู่แค่สองวันเพราะต้องกลับไปทำงานต่อก็ตาม เพราะพวกเขาอยู่ใกล้เมืองต่อรถอย่าง Regensburg  จึงตัดสินใจว่าจะนั่งรถไฟข้ามประเทศแทนที่จะย้อนไปมิวนิคเพื่อขึ้นเครื่องบินไปลงปราก


หากถามว่าทำไมถึงได้เลือกปรากแทนที่จะเป็นสวิตเซอร์แลน หรือออสเตรียที่อยู่ติดกับเยอรมันเหมือนกัน นรินทร์ก็ต้องบอกว่าเขาจับฉลากได้มา


อันนี้ไม่ได้พูดเล่น กฤติปล่อยให้เขาเลือกเมืองเที่ยว ซึ่งเขาเลือกไม่ได้เลยใช้แอปพลิเคชั่นแรนด้อมแล้วได้ที่นี่มา เลยจัดการจองรถไฟเสียเลยเสร็จสรรพ โชคดีที่หัวหน้าแผนกคนเก่งไม่ได้ถามเหตุผล ไม่เช่นนั้นเขาคงจะต้องเจอกับสายตาเหม็นเบื่อของอีกฝ่ายเหมือนอย่างเคยแน่นอน


วันศุกร์ผ่านไปด้วยความยินดี ต้อนรับเสาร์ที่มาถึงเร็วกว่าที่คิดเอาไว้


พวกเขาออกจาก regensburg ตอนแปดโมง แล้วไปถึงปรากตอนเที่ยง โรงแรมที่นรินทร์จองไว้นั้นไม่ไกลจาก Main Station มากนัก เดินเพียงไม่นานก็ถึงโรงแรม


ที่พักของพวกเขาเป็นห้องเตียงใหญ่ธรรมดาที่มีห้องน้ำในตัว ด้วยเหตุผลว่ามันสะดวกและสะอาดกว่าไปใช้รวมกับคนอื่นด้านนอก ถึงแม้ว่าจะต้องยอมจ่ายแพงขึ้นอีกเล็กน้อยก็ตาม


เดิมทีแล้วกฤติไม่ใช่คนที่หลงใหลการเที่ยว ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาขยับออกจากที่อื่นนอกจากออฟฟิศตอนที่มาต่างประเทศ


“สวยเนอะคุณ”


นรินทร์พูดตอนที่พวกเขาเดินไปตามถนนเพื่อไปที่ย่าน Old Town ของเมือง โชคดีที่ปรากเป็นเมืองไม่ใหญ่มาก พวกเขาสามารถเดินเท้าเที่ยวได้แทบจะทุกที่ของเมือง (ตามคำบอกเล่าของเพื่อนสนิทนรินทร์คนหนึ่งที่ชอบท่องเที่ยวไปทั่วโลก) บ้านเมืองของที่นี่ให้ความรู้สึกต่างจาก Regensburg ที่เพิ่งจากมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไร สถาปัตยกรรมก็ยังดูละม้ายคล้ายกัน


กฤติไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะเดินไปไหน ข้างหน้าเขามีนรินทร์ผู้ที่เปิดกูเกิลแมพในโทรศัพท์เพื่อเดินตามทางไปเรื่อยๆ ถนนรอบข้างของเขาดูเป็นระเบียบ ผู้ออกมายืนคุยกัน บ้างก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ที่มากสุดก็คงจะเป็นฝูงนักท่องเที่ยวที่เหมือนกันกับพวกเขาทั้งสองคน ทำให้นรินทร์และกฤติไม่รู้สึกแปลกปลอมมากนัก

“เฮ้ย คุณ รถราง ดูดิ”


นรินทร์เรียกให้เขาหันไปดูกับรถรางที่วิ่งผ่านไป กฤติเพิ่งจะสังเกตตอนนี้เองว่าบนถนนนั้นมีรางสำหรับรถรางอยู่ด้วย คล้ายกับสวนสนุกสมัยเด็กที่เขาเคยไปเลยแฮะ


“นั่นรถม้า คุณ!”


นรินทร์ไม่ได้พูดเกินจริง มีรถม้าวิ่งสวนทางกับพวกเขาไปเมื่อสักครู่ อาจจะเป็นธุรกิจการท่องเที่ยวของยุโรปล่ะมั้ง? ประเทศไทยมีขี่ช้าง ที่นี่ก็มีรถม้าให้นั่งชมเมือง


“อยากนั่งมั้ยครับ? แมนๆ แฟนกัน เดทบนรถม้าอะไรแบบนี้”
“ไม่ครับ”
“หรือว่าเราจะลองบนหลังม้า…”
“หยุดความคิดสัปดนของคุณไป!”


กฤติเอามือหยิกคนที่พูดอะไรอุบาทว์ออกมาอย่างไม่ออมมือ ไม่สนใจว่าเสียงหัวเราะจะกลายเป็นเสียงที่แฝงด้วยความเจ็บปวดหรือเปล่า


คิดผิดหรือเปล่าที่ยอมคืนดีกับผู้ชายคนนี้เนี่ย?


พวกเขาเดินดูบ้านเมืองพร้อมทั้งถ่ายรูปเล็กน้อยจนหิวข้าว ตอนแรกนรินทร์อยากลองร้านอาหารในเมือง แต่เพราะเดินผ่านแม็คโดนัลแล้วคุณพ่อลูกหนึ่งอยากทาน พวกเขาเลยเลือกฝากท้องกันที่นั่นเลย


“อิ่มเหรอคุณ?”


นรินทร์ถามเมื่ออีกฝ่ายสั่งแค่สลัดถ้วยเดียว


สลัดในร้านแม็คโดนัล? ดูยังไงก็พยายามที่จะรักษาสุขภาพเกินไปหน่อย มาแข่งกันรักตัวเองกับที่นรินทร์รักอีกคนหรือไงกัน?


“อิ่มครับ” กฤติตอบนิ่งๆ พลางมองไปที่อาหารของอีกฝ่าย “แค่ดูคุณทาน ผมก็อิ่มแล้ว”
“รักผมมากอ่ะดิ”
“...”
“ไม่ตอบเท่ากับเขิน”
“ปัญญาอ่อนครับ”
“เขิน”
“คิดไปเอง”


กฤติรวบอาหารที่ทานหมดแล้วไปวางที่เค้าน์เตอร์วางถาด ในขณะที่นรินทร์กำลังทานเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ยักษ์ของตัวเองอยู่ จนถึงตอนนี้เขาเองก็ค่อนข้างพิศวงกับความสามารถในการกินของนรินทร์ ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ตรงไหนกันหมด ไม่ใช่ว่านรินทร์เป็นคนตัวเล็กหรืออะไร แต่ปริมาณอาหารมันดูมากกว่าเขาถึงสองสามเท่าตัวต่อมื้อ


หลังจากมื้อเที่ยงตอนบ่ายสองจบลง พวกเขาก็เดินเที่ยวกันต่อ ตอนนี้มาถึงปราสาทปราก ซึ่งเป็นหนึ่งในที่เที่ยวประจำเมืองนี้


ปราสาทของจริงทำเอากฤติประทับใจด้วยความใหญ่โตและสวยงามของมัน ขนาดคนที่ไม่ใช่สายศิลปะอย่างเขายังรู้สึกทึ่งกับสถาปัตยกรรมทรงยุโรปที่ใหญ่โตและสวยงามแห่งนี้


ที่ประทับใจมากกว่านั้นอาจจะเป็นนรินทร์


ไกด์ที่คอยเปิดแผนที่ หาข้อมูลพามาที่ต่างๆ จนถึงตอนนี้ยังไม่แสดงท่าทีเหนื่อยให้เห็น คุณพ่อลูกหนึ่งพาเขาเดินวนรอบอนาเขตของปราสาท แล้วไปแวะชมวิวของทั้งเมืองที่จุดชมวิว น่าเสียดายที่นักท่องเที่ยวเยอะมากถึงมากที่สุด พวกเขาเลยไม่ได้ไปยืนถ่ายรูปตรงมุมที่ดีที่สุด


“เมื่อยมั้ยคุณ?”


นรินทร์หันมาถามตอนที่พวกเขาเดินออกจากปราสาท สถานที่ต่อไปคือสะพานชาร์ลส์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวปักหมุดอีกแห่งของปรากเช่นเดียวกับปราสาทเมื่อครู่


“ไม่ครับ คุณล่ะ?”
“ผมก็ไม่”


พวกเขาเดินกันไปเรื่อยๆ อากาศเย็นกว่าที่กรุงเทพฯ และความแปลกสถานที่ทำให้กฤติไม่ได้ทักท้วงเมื่ออีกฝ่ายคว้ามือเขาไปจับ


ให้ตาย แบบนี้มันดีชะมัด


หัวหน้าแผนกไม่รู้ว่าวันนี้พวกเขาเดินไปกี่กิโลแล้ว แต่เขามั่นใจว่ามันต้องมากกว่าที่เดินที่กรุงเทพฯ ทั้งสัปดาห์อย่างแน่นอน


นรินทร์และกฤติเดินกันไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน เมื่อผ่านร้านสะดวกซื้อก็แวะซื้อน้ำหรือขนมบ้าง แต่ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ มูลค่าของเมื่อคิดเป็นเงินไทยแล้วถึงแม้จะถูกกว่าเยอรมัน แต่ก็แพงกว่ากรุงเทพฯ อยู่ดี


ไลน์!


นุ้งนิ้ง: คุณพ่อคะ
นุ้งนิ้ง: คุณพ่อดีกับอากฤติแล้วใช่มั้ยคะ


ตอนที่พวกเขากำลังเดินอยู่นั่น โทรศัพท์ของนรินทร์ก็เด้งแจ้งเตือนขึ้นมา ชายหนุ่มยิ้มเมื่อเห็นข้อความที่โชว์อยู่บนหน้าจอ เขาเหลือบตามองกฤติที่เดินมองทางอยู่ด้านข้างเล็กน้อย ก่อนที่จะพิมพ์ตอบกลับ


นรินทร์: ครับ เรียบร้อยแล้ว
นรินทร์: ขอบคุณน้องนิ้งมากนะครับ
นุ้งนิ้ง: เย้
นุ้งนิ้ง: คุณพ่อเก่งที่สุดเลย
นุ้งนิ้ง: ภารกิจเอาอากฤติกลับบ้านเราสำเร็จแล้ว!   
นรินทร์: เก่งมากค่ะ
นรินทร์: เดี๋ยวคุณพ่อซื้อช็อกโกแลตไปฝากเยอะๆ เลยนะคะ
นรินทร์: ตามที่เราตกลงกันไว้


นรินทร์ยิ้มขำ เขาเตี๊ยมกับลูกสาวเอาไว้แล้วว่าจะโทรหาตอนที่อยู่เยอรมัน ให้น้องนิ้งช่วยคุยกับกฤติให้ที เพราะเขารู้ดีว่าเจ้าตัวแพ้ทางน้องนิ้งขนาดไหน หากไม่ฟังที่เขาพูด ก็ต้องเป็นลูกสาวเขานี่แหละที่จะสามารถพูดได้


 “คุณ”


กฤติหันไปมองหน้าคนที่เรียกเขาเอาไว้ในขณะที่กำลังเดินหาสะพานชาร์ลส์  นรินทร์เอามือเกาหัวอย่างคนประหม่า แต่เมื่อตั้งใจจะบอกแล้ว เขาก็จะทำอย่างที่คิด


“น้องนิ้งน่ะ”


หัวหน้าเขาเกร็งตัวเล็กน้อยเหมือนคนที่กำลังจะตั้งใจฟัง


“ที่ลูกผมพูดแบบนั้น เพราะว่าไอ้เหี้ยเอิร์ธมันไปเป่าหูไว้เว่ยคุณ”
“คุณเอิร์ธ?”


กฤติทวนชื่ออีกครั้ง ชายหนุ่มหน้าตาท่าทางภูมิฐานที่เขาเคยเจอตอนที่เอาน้องนิ้งไปส่งเมื่อหลายเดือนก่อนปรากฏขึ้นมาในหัว


“เขาทำอะไรนะครับ?”
“เขาเป่าหูน้องน้อง”
นรินทร์พูดพร้อมกับเดินหลบวัยรุ่นที่เอาไม้เซลฟี่ขึ้นมาขวางทางคนกำลังเดิน คิดว่าคนอื่นเขาไม่ได้ต้องใช้ทางหรือยังไงกัน
“ครับ?”
“มันฝังหัวน้องนิ้งว่าการที่เพศเดียวกันคบกันมันเป็นเรื่องไม่ควรไงคุณ เหี้ยอะไรของมันไม่รู้ อยู่กับน้องนิ้งแค่สองสามเดือนดันคายตะขาบให้ลูกผม”
“...”
“มันบอกว่าถ้าพ่อแม่เป็นผู้ชายจะโดนเพื่อนล้อ เพื่อนจะไม่คบ ไม่คบเหี้ยอะไร ตอนนี้มันนั่นแหละที่ไม่มีใครคบด้วยแล้ว”
“...”
“โอ้ย หิวน้ำ ขอผมซื้อน้ำแป๊บ”


นรินทร์พักเบรคเมื่อเห็นบูธขายน้ำข้างทาง เขาเดินเข้าไปแป๊บนึงแล้วออกมาพร้อมกับน้ำเปล่าสองขวด มือหนึ่งยื่นให้กฤติ ส่วนอีกขวดเปิดดื่มเอง


“ต่อๆ เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ… อ๋อใช่ เอิร์ธมันไปพูดกับลูกแบบนั้น ใส่ไฟต่างๆ นาๆ ว่าคบเพศเดียวกันไม่ดี นิ้งเลยจำมาพูดกับคุณ ตอนผมรู้นี่โคตรขึ้นเลย”
“...”
 “เนตรเขาก็ไม่โอเคนะคุณ เขาบอกว่าถ้าหากน้องนิ้งโตขึ้นแล้วเกิดมีแฟนเป็นผู้หญิงแล้วจะทำยังไง? เอิร์ธเหมือนจะรับไม่ได้ สองคนนั้นเลยห่างๆ กันอยู่ตอนนี้”
“ถ้าเขากลับมาคบกันล่ะ?”
“ก็เรื่องของเขา ผมไม่สนใจหรอก อย่าเข้าใกล้น้องนิ้งอีกเป็นพอ คนเหี้ยนี่แม่ง ทำลูกผมแปดเปื้อนหมด ผมเลี้ยงของผมมาดีๆ ไอ้เวรเอ๊ย”


นรินทร์พูดพร้อมกับโยนขวดน้ำลงถังขยะด้วยความหงุดหงิด กฤติไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม หากแต่เขาเอามือไปกุมมืออีกคน ไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจคิดอยู่เพียงแค่คำขอบคุณ


เป็นอีกครั้งที่เขารักนรินทร์มากขึ้นจากเดิม


ไม่รู้ว่าจะรักน้อยลงได้อย่างไรแล้ว


 .
.
.


4.50 น.


เดินกันมาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่มองเห็นสะพานขนาดใหญ่ แน่นอนว่าที่นี่ต้องเป็นสะพานชาร์ลส์ เวลายามเย็นทำให้พระอาทิตย์เล่นแสงเป็นสีทองอมชมพู มันสวยเสียแม้กระทั่งคนไม่ชอบถ่ายรูปอย่างเขายังต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดบันทึกภาพตรงหน้าเอาไว้


‘แชะ’


นี่ไม่ใช่เสียงชัตเตอร์กฤติ หากแต่เป็นคนข้างๆ


นรินทร์ลดกล้องโทรศัพท์ลง สบตากับคนด้านข้างที่มองมาพอดี แววตาสีดำสนิทของคนรักทอประกายอ่อนสะท้อนแสงอาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าสีชมพูกับวิวสะพานยามโพล้เพล้นั้นทำให้ทุกอย่างดูเหมือนฝันเข้าไปอีก


งดงาม


อาจจะเป็นเพราะอากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้กฤติสั่นเล็กน้อย ชายหนุ่มเกร็งหลังเมื่อรู้สึกว่าอีกคนโน้มตัวลงมาใกล้ ระยะห่างของทั้งสองคนแคบลงเรื่อยๆ จนในที่สุด ริมฝีปากของพวกเขาก็ประกบกัน


สิ่งที่เหมือนฝันที่สุด อาจจะเป็นจูบครั้งนี้


ไม่ดูดดึง ไม่เร่าร้อน มีเพียงแค่แรงขบเม้มเบาๆ คล้ายกับจะหยอกเย้าให้ใจสั่น นรินทร์ยกมือเย็นเฉียบของตัวเองข้างหนึ่งขึ้นมาประคองใบหน้าของอีกฝ่าย ในขณะที่อีกข้างก็ถอดแว่นสายตาของอีกคนออกเพื่อขจัดสิ่งกีดขวาง


วินาทีที่มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น


วินาทีที่เหมือนความฝัน


หากนรินทร์จะขอพรพระเจ้าสักข้อ เขาคงจะขอหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ตลอดไป


“คุณ…”


นรินทร์เป็นฝ่ายที่เริ่มพูดเมื่อพวกเขาผละออกมา แววตาของอีกฝ่ายสว่างไสวกว่าที่เคยเห็นครั้งไหน


“ผมเป็นแบบนี้ มีลูกแล้ว หื่นด้วย”
“ครับ”
“แต่ผมรักคุณมากนะ”
“...”
“รักมากกว่าเมื่อวานอีก รักคุณมากจนเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาเลย ผมรักคุณไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ นะ”


กฤติรู้สึกได้ว่าใบหูของเขาต้องร้อนจนไหม้ เสี้ยววินาทีเขาอยากจะกลายเป็นคนที่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องไปสักครู่ จะได้ไม่ต้องรู้สึกกับประโยคซื่อตรงจากอีกคนมากขนาดนี้


“รู้แล้วครับ”
“คุณล่ะ?”


นรินทร์นิ่งเงียบคล้ายกับรอคำตอบ ใบหน้าของคุณพ่อลูกหนึ่งคนเท่ของแผนกระคอยด้วยความหวัง จนทำให้กฤติยอมพูดสิ่งที่อีกคนต้องการได้ยินออกไป


“...เหมือนกัน”
“...”


โน้ตนิ่งเงียบคล้ายกับรอให้อีกฝ่ายขยายความคำว่า ‘เหมือนกัน’ ตอนนี้กฤติเริ่มอยากจะโยนอีกคนลงไปในแม่น้ำข้างล่างแล้ว


รู้ว่าเขินก็ยังจะชอบทำให้เขาพูดออกไปอยู่ได้!


 “ก็เหมือนกันไง!”


รอบนี้น้ำเสียงนิ่งๆ ของอีกฝ่ายติดจะรำคาญเล็กน้อย นั่นเพียงพอแล้วที่จะทำให้นรินทร์หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี หนึ่งในสิ่งที่เขาต้องการในทุกวันของชีวิตต่อจากนี้ ก็คือการที่ได้เห็นกฤติแสดงสีหน้าหลากหลายในทุกวันนั่นแหละ


เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่เขาเองก็เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้

หากพูดให้เจาะจงกว่านี้ล่ะก็ เขาเพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่รู้สึกชอบกฤตินั่นแหละ


“บอกหน่อยไม่ได้เหรอครับ?”
“...”
“บอกนะครับ”
“...”
“พูดหน่อยนะที่รัก”


กฤติเม้มปากจนแทบจะกลายเป็นเส้นตรง ไม่ต้องเอามือไปจับที่หูตอนนี้ก็รู้ว่ามันร้อนจนแทบจะไหม้ ดวงตาของหัวหน้าแผนกสั่นระริกคล้ายไม่มั่นใจในสิ่งที่คิดจะทำ


“...”
“อะไรนะคุณ ผมไม่ได้ยิน” 


นรินทร์เอามือป้องหูเมื่อสักครู่หัวหน้ายอมเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง หากแต่มันเบามากจนแม้แต่เจ้าตัวก็น่าจะไม่ได้ยิน


“รักเหมือนกันนั่นแหละ รู้แล้วไม่ใช่หรือไง จะให้พูดอะไรบ่อยๆ ความจำเสื่อมหรือไงครับ?”


ถึงแม้จะเป็นคำบอกรักที่มากับคำด่ายาวเป็นโยชน์ แต่นรินทร์ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี นอกจากเขาจะได้เห็นอีกคนเขินแล้วยังโดนด่าอีก



คุ้มแล้วเว้ยชีวิตนี้! 


------- TBC -------



มาเที่ยวเยอรมันเลยค่ะ ทันเหตุการณ์ …

เพื่อนเราบอกว่าอ่านตอนนี้แล้วเหมือนเบบี้ทัวร์ไกด์ 5555555
ตอนหน้าจบแน้วววว ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาเที่ยวกับเรา XD


หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 01-05-2019 21:25:19
ฮืออ จะจบแล้วเหรอคะ ขอส่งท้ายหวานๆสักตอนนะคะ ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนเรื่องสนุกๆให้อ่าน
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-05-2019 22:15:15
จบแล้ว น้องจะไปหาคุณกฤติคนแซ่บจากที่ไหนนนนน  :m25: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-05-2019 22:28:06
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: nisaday ที่ 01-05-2019 22:32:59
 :กอด1: ฟินกับตอนที่แล้ว ตอนนี้คือฟินหนักเข้าไปอีก
รักความซึนของคุณกฤติจังเงยยยย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-05-2019 23:16:55
จัดหนักเลยนะคุณโน๊ตตตต
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 01-05-2019 23:33:42
 :mew1:น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Mamamapp ที่ 01-05-2019 23:49:06
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 02-05-2019 01:20:56
ถึงจะเขิล แต่ก็ยังด่าได้นะ 555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 02-05-2019 01:50:16
ฮือออ ตอนนี้มันดีมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 02-05-2019 03:03:23
ไม่อยากให้จบเลย อยากให้มีโมเม้นโน้ตชวนกฤตใส่ยูนิฟอร์มอีกจัง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-05-2019 05:48:35
มีความสุข ฟินนนนน :mew1: :mew1: :mew1:

นรินทร์  กฤติ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-05-2019 09:15:45
เขินๆหวานๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 02-05-2019 10:10:59
ชอบที่คุณโน้ตพูดอะไรตรงๆ เสมอ ไม่อ้อมค้อม
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-05-2019 12:35:27
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: FXEXRXN ที่ 02-05-2019 12:36:31
เขาสองคนเป็นแฟนกันแล้วค่าาาา ฮือออ ลุ้นมาตั้งนาน o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-05-2019 12:59:05
มีสินบนกะลูกด้วย 5555
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 02-05-2019 13:17:07
แหมๆๆๆๆ คุณนรินทร์นิ้วกลางค่ะ ทริปนี้แฮปปี้มากสินะคะ :hao3:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2019 13:35:22
หวานๆกว่าจะมีได้
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-05-2019 14:02:31
ในที่สุดก็เข้าใจกัน ดีต่อใจมาก ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอคะ ขอหวานๆหน่อยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 02-05-2019 17:11:46
พอคุณโน้ตกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็สบายใจ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 03-05-2019 00:09:28
อ่านไปยิ้มไปทั้งตอนเลย คุณโน๊ตก็หวานเป็นเหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าจะหื่นอย่างเดียว ใจหายเลย จะจบแล้ว
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-05-2019 02:22:46
ในที่สุดคุมกฤติก็พูด โอ้ยเขินนนน จะจบแล้วแงงงง อยากอ่านต่ออีกเยอะๆ ยังมีผ้าปูที่นอนสีสวยๆอีกเพียบเลยค่าา  :hao6:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 03-05-2019 10:05:44
คุณโน้ตในที่สุดดด  :o8: ไม่อยากให้จบเลยย อยากอ่านอีกๆค่า แงๆ  :mew1: 
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 06-05-2019 23:33:38
ในที่สุดดดดดดด :katai2-1:
ชอบคุณกฤติตอนเขินมากๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 07-05-2019 08:22:47
จูบบนสะพานโรแมนติกเหลือเกินพ่อ เราจะมองข้ามคำว่าหื่นที่พี่โน๊ตพูดละกันนะ / ตอนหน้าจบแล้วอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 08-05-2019 16:54:57
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ :17th Sunday: คิดอะไรลามกอยู่ใช่มั้ย? (01/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-05-2019 21:13:10
Epilogue 
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์





วันอาทิตย์วนกลับมาอีกครั้ง




ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนกับวันอื่นๆ ทั่วไป กฤติก็ยังคงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่เช้าเพื่อนั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ ชายหนุ่มนั่งมองกล่องอีเมลที่มีเรื่องด่วนเข้ามาเมื่อวันก่อนแล้วถอนหายใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตรวจทานความเรียบร้อยต่อไป โดยไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบข้าง




“จ้ะเอ๋!”


เอ๋ที่หน้า!




กฤติคิดในใจอย่างหงุดหงิดเมื่อมีคนมาขัดขวางเวลาทำงานอันสงบสุขของเขา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร ผู้ชายที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมทำตัวมีสติเหมือนกับคนทั่วไป




นายนรินทร์คนนั้น




ผู้ชายที่กฤติมองว่าหล่อในตอนแรก กลายเป็นคนบ้าที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วด้วยความหงุดหงิดโมโห เต้นช้าลงด้วยความเหนื่อยใจ ทำให้รัก ทำให้อยากเลิกรัก ทำให้หัวใจเขาร้องไห้ และเป็นคนที่ทำแผลให้อย่างเบามือเช่นเดียวกัน




“ไม่มีอะไรทำเหรอครับ ถึงได้มารบกวนคนอื่นเขาในวันหยุดแบบนี้”




กฤติพูดโดยไม่หันไปมองคนที่ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลัง โดยนรินทร์เองก็เหมือนจะรู้ ชายหนุ่มไปลากเก้าอี้ใกล้ๆ มานั่งข้างเจ้าของห้องโดยไม่เสียเวลาขออนุญาต




อันที่จริงวันนี้ไม่ได้เป็นวันที่พิเศษกว่าวันอื่นนัก หลังจากที่นรินทร์ตื่นเช้ามาส่งน้องนิ้งลูกสาวคนน่ารักไปเรียนพิเศษเรียบร้อย เขาก็ขับรถมาหาคนรักที่คอนโด




กฤติเป็นคนรักของเขาแล้ว




เขาแทบจะบอกกับทุกคนบนโลกว่าวันนี้มาถึงแล้วจริงๆ หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์ไร้สถานะ และความห่างเหินอันทรมานจิตใจ ตอนนี้พวกเขาเป็นคนรักกันโดยสมบูรณ์แบบแล้ว และนรินทร์บอกไว้ตรงนี้ว่าอีกกี่สิบอาเอิร์ธหรือไอ้เหี้ยภูภูมิก็จะไม่สามารถทำให้พวกเขาสองคนเลิกกันได้




เมื่อมองย้อนกลับไปมันก็ออกจะน่าประหลาดใจอยู่เหมือนกัน ใครจะไปนึกฝันว่าหัวหน้าแผนกที่พูดคุยกันบ่อยๆ เฉพาะแค่เวลาเอางานไปให้แก้ กลับกลายมาเป็นครอบครัวอีกคนหนึ่งที่ขาดหายไป




“หิวหรือยังครับ?”




เสียงที่ดังขึ้นมาดึงนรินทร์ออกจากห้วงความคิดของตัวเอง คนรักของเขาถามขึ้นมาเรียบๆ ทั้งที่ตายังคงมองงานตรงหน้าอยู่เหมือนเดิม 




“หิวคุณ”

“ผมแจ้งความได้นะครับ”

“แฟนกันตำรวจไม่รับแจ้ง”

“แต่ HR รับฟังผมนะครับ”

“โหยคุณง่ะ...”



นรินทร์โอดครวญโดยที่กฤติทำเป็นไม่สนใจ แต่ใบหน้าเรียบนิ่งมีรอยยิ้มมุมปากบางๆ ปรากฏขึ้นมา ทั้งที่เป็นรอยยิ้มเบาบางแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว ลึกๆ ในใจ กฤติก็รู้สึกว่าพักหลังตัวเองยิ้มเยอะเกินไปจนรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองจะมีรอยก่อนวัยที่หางตา




ต้องโทษเลขาแล้วมั้ย ที่ดันทำให้เขาแสดงอารมณ์บ่อยเกินไปจนเป็นแบบนี้




“ตกลงหิวหรือเปล่า?” กฤติถามย้ำอีกครั้ง

“ผมกินคุณได้เหรอ?”

“...”

“โอเค ข้าวเนอะข้าว อย่าเพิ่งมองเหมือนจะฆ่ากันแบบนั้น ใจเย็นก่อนคุณ”




คุณพ่อคนเก่งยกมือขึ้นมาชูเป็นสัญลักษณ์แห่งการยอมแพ้ กับคนนี้ยอมทั้งหมดนั่นแหละ อะไรก็ยอม ยอมให้ทั้งชีวิตนั่นแหละ




“มีของสดในตู้เย็น อยากกินก็ไปทำเอง”




เจ้าของพูดแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงไปสนใจงานตัวเองต่อ โดยมีเสียงของผู้มาเยี่ยมฮัมเพลงหายไปในทางโซนครัว




หากพูดกันตามตรง กฤติไม่เคยคิดว่าเขาจะมีของสดในตู้เย็นเอาไว้ เดิมทีเขาซื้อห้องนี้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย นอนห้องตัวเองบ้างนอนที่อื่นบ้าง ทุกอย่างวางเป็นระเบียบราวกับห้องตัวอย่างจากนิตยสารแต่งบ้าน




ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เสื้อผ้าของพวกเขาสองคนกองอยู่ในตะกร้ามุมหนึ่ง มีหนังสือที่อีกคนอ่านค้างไว้วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ กับกองหนังสืออ่านเล่นของเขา อีกมุมหนึ่งมีต้นไม้เล็กๆ ที่นรินทร์ซื้อมาจากตลาดรถไฟตอนที่ไปเดินด้วยกันเดือนก่อน คงไม่ต้องบอกว่าตอนนี้ผ้าปูที่นอนของเขากลายเป็นลายคิตตี้ที่เจ้าตัวโม้หนักหนาว่าซื้อของแท้มาใส่ให้ นอกจากนั้นที่ตู้เย็นยังมีสติกเกอร์รูปฉลามที่น้องนิ้งชอบติดเอาไว้ด้วย




ดูยังไงก็ต่างจากเดิมราวฟ้ากับเหว


หากให้นิยามจริงๆ แล้วล่ะก็ กฤติรู้สึกว่าตอนนี้ห้องเขาดูเหมือนเป็น ‘บ้าน’ จริงๆ




บ้านที่ไม่ได้มีเอาไว้แค่นอน


บ้านที่มีไว้เพื่ออาศัยอยู่… กับครอบครัว




“คุณ ผมจะทำข้าวผัดหมูไข่ดาว ผมทำเผื่อคุณด้วยนะ”




เสียงตะโกนจากในห้องครัวเรียกให้กฤติหันไปมอง คนตัวโตที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีเขียวเรืองแสงพูดขึ้นมา ใบหน้าหล่อมีเหงื่อให้เห็นประปราย



 

“ไม่ครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจ”

“คุณทำไม่อร่อย”

“...”




กฤติแอบอมยิ้มเมื่อเห็นอีกคนหน้าเสีย




“ล้อเล่นครับ ทำมาเถอะ เดี๋ยวผมกินด้วย ผมไม่ได้ชอบกินของอร่อยอะไรขนาดนั้น”

“...”

“ผมแค่ชอบกินข้าวกับคุณ”




นรินทร์ที่เหมือนเมื่อกี้ถูกผลักตกน้ำตายฟื้นขึ้นมาทำหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสทันที

 

“ผมชอบกินคุณนะ”

“...”

“อันนี้ไม่ล้อเล่นด้วย”




ไอ้บ้านี่!




เมื่อทำให้กฤติหน้าบึ้งได้อีกฝ่ายก็เหมือนจะสมความปรารถนาอะไรบางอย่างในจิตใจ นรินทร์ในผ้ากันเปื้อนเดินเข้ามาหอมแก้มเจ้าของห้องหนึ่งที (แน่นอนว่าโดนฟาดกลางหลังกลับไปดัง อัก!) ก่อนที่จะเดินร้องเพลงเสียงดังกลับเข้าไปในครัวเหมือนเดิม





กฤติถอนหายใจก่อนที่จะก้มหน้ามองงานของตัวเองเหมือนเดิม ด้วยรอยยิ้มกว้างที่ประดับอยู่บนใบหน้า เขาไม่เคยรู้สึกว่าวันอาทิตย์ที่ทั้งเขาและนรินทร์ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในบ้าน ต่างคนต่างทำเรื่องของตัวเองไป มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นขนาดนี้






กฤติคิดว่าตัวเองไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว


แค่เพียงมีคนที่รักนอนอยู่ข้างกันในทุกๆ วันอาทิตย์แบบนี้ต่อไปก็พอ 








------- THE END -------




(ยาวมาก ข้ามได้นะคะ 555)


ในที่สุดวันอาทิตย์ของนายนรินทร์ นิ้วกลาง กับคุณกฤติก็ดำเนินมาถึงตอนจบแล้วนะคะ <333

สำหรับเรา ทุกตัวละครในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่คาแรคเตอร์ในนิยายเฉยๆ สำหรับเรา เรามองเขาเป็นคน เราเล่าเรื่องของพวกเขา ตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้มีชีวิต (และหลายตัวก็เอาต้นแบบมาจากคนที่เคยเจอในชีวิตจริง)


เราสนุกกับการเขียนนิยายเรื่องนี้มาก และหวังว่าคนอ่านจะมีความสุขในการอ่านเรื่องนี้อย่างที่เราแฮปปี้ในตอนเขียนนะคะ




จะพูดอีกครั้ง เราขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่กับเรามาเป็นเวลาเกือบ 7 เดือน

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน คอมเมนต์ ติดแท็ก หรือแม้กระทั่งทักทายในเราช่องทางส่วนตัวทุกช่องทางนะคะ เป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมจริงๆ ค่ะ (สารภาพว่าแค็ปเก็บไว้เป็นอัลบั้มเลย 555)


ตอนที่เขียนเรื่องนี้ มีหลายครั้งมากๆ ที่เราเขียนๆ ไปแล้วตัน ท้อ ด้วยปัญหาส่วนตัว ทั้งเรื่องงานและเรื่องสุขภาพ

จนบางครั้งเขียนช้าลงช้ากว่าที่ตั้งใจไว้มาก บ่อยครั้งที่มีคำผิดในนิยายจากความรีบร้อนของเรา เราต้องขอโทษทุกคนมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ จะนำไปปรับปรุงตอนที่ลงเรื่องใหม่นะคะ



ขอบคุณมากจริงๆ แล้วพบกันใหม่ในเร็วๆ นี้ค่ะ


ขอให้เป็นวันที่ดีนะคะ


Baby Baphoment


8th May 2019




 


หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 08-05-2019 21:24:09
ขอบคุณมากๆ เช่นกันค่ะ ที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่าน เราชอบตัวละครในเรื่องนี้มากๆ เลยค่ะ
ชอบคุณกฤติ ชอบคุณโน้ต น้องนิ้งด้วย ตอนจบสวยงามสำหรับเรามากค่ะ คุณกฤติได้มีบ้านที่เป็นครอบครัวเสียที
เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-05-2019 21:59:00
 :กอด1: :กอด1: :3123: :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonfang ที่ 08-05-2019 21:59:48
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่สร้างมาให้ติดตามตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานะคะ
รักคุณกฤติคนดุ รักนายนรินทร์จอมกะล่อน รักน้องนิ้งที่น่าร้ากกก แล้วก็รักคุณเนตรที่ยังคงความเป็นเพื่อนที่ดีกับคุณโน้ตด้วยล่ะค่ะ ได้ทั้งความฟินกรี๊ดจิกหมอน เจ็บจนจุกอก แล้วยังได้เห็นมุมมองปัญหาหลายอย่างที่นำมาเล่น ขอบคุณจริงๆค่ะที่สร้างโลกใบนี้ขึ้นมา เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 08-05-2019 22:00:58
อยากรู้บทสรุปสั้นๆของอาเอริธ กะ เนตรค่ะ แม้จะบทไม่เยอะแต่ก็รู้สึกคุ้นเคย และก็เป็นห่วงแม่น้องนิ้งค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 08-05-2019 22:12:38
ดีจังเลยยย ขอให้คุณกฤตมีความสุขแบบนี้ตลอดไปป
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2019 22:26:15
ตกใจนิดหน่อยกำลังอ่านเพลินๆจบซะแล้ว​  :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Mamamapp ที่ 08-05-2019 23:37:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 09-05-2019 00:01:19
ขอบคุณที่ทำให้เราได้รู้จักกับนายนิ้วกลางและคุณกฤติด้วยเช่นกันค่ะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านเลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 09-05-2019 00:13:47
แฮปปี้เอนดิ้งแล้วเย้ๆๆๆ  :katai2-1:

คอลเลคชั่นผ้าปูที่นอนบายนายนิ้วกลางกลับมาแล้ว :laugh:

แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจเราคือนายนรินทร์นิ้วกลางในกระโปรงนักศึกษา มันคือภาพหลอนอยากให้คุณนักเขียนลบล้างให้เราที พลีสสสสส :o12:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 09-05-2019 01:35:32
……



 :mew1:  :mew3:  :mew4:  :mew1:  :mew3:  :mew4:


 :pig4:  :3123:  :pig4:  :3123:  :pig4:  :3125:  :pig4:  :3123:



หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: pan19891990 ที่ 09-05-2019 03:05:08
ก่อนอื่นคือต้องขอบคุณคุณคนเขียนมากๆเลยค่ะ ที่แต่งนิยายดีแบบนี้มาให้ได้อ่าน นิยายเรื่องนี้มีครบทุกรสเลยจริงๆค่ะ ภาษาก็ดี สร้างคาแรคเตอร์ของตัวละครให้มีมิติ รู้ตัวอีกทีก็ผูกพันกับทุกตัวละครไปแล้ว ติดนิยายเรื่องนี้มากๆจนไปแองส่องในทวิตอยู่บ่อยๆ 555
 
ตอนนี้เป็นตอนจบที่ทั้งอบอุ่นใจแล้วก็ใจหายมากๆเลยค่ะ 
คุมกฤติกับพ่อสิงโตของเขายังหวานกันได้นิดเดียวเองค่ะ

ยังไงจะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-05-2019 07:54:06
ชอบบบบบบบบบ นรินทร์ นิ้วกลาง  :mew1:
นรินทร์มาเติมเต็ม ให้กฤติ  :กอด1:
ขอบคุณไรท์มากๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2019 08:52:01
จบแล้ว สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-05-2019 16:13:58
ขอบคุณมากค่า นิยายสนุกมาก ๆ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-05-2019 20:14:08
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: dorabarin ที่ 09-05-2019 21:01:17
 :L2: ขอบคุณมากค่ะสนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 09-05-2019 22:27:51
จากคนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์  ควรเริ่มมานอนข้างกันทุกวันทั้งอาทิตย์ได้แล้วนะคะคุณนรินทร์กับคุณกฤติ ... หึยยยยย อิจฉาคนมีคู่ !!!
..
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ
ไม่ได้เริ่มอ่านตั้งแต่เริ่มลงตอนแรกๆ
แต่มาอ่านตอนกลางๆ ปลายๆ เรื่องมาแล้ว
ยอมรับว่าติดมากๆ ชอบมากๆ รอมากๆ ค่ะ
หวังว่าจะมีนิยายดีๆ สนุกๆ มาให้อ่านอีกนะคะขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-05-2019 00:35:31
ใจหายนิดหน่อย ยังอยากติดตามชีวิตคุณกฤติอยู่เลยค่ะแงจากคนที่นอนข้างกันกลายเป็นคนที่ได้อยู่ด้วยกันในวันอาทิตย์แล้วนะคะ ไม่เหงาแล้วเนอะคุณกฤติ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ จะติดตามเรื่องต่อไปแล้วก็เป็นกำลังใจให้ทั้งเรื่องงานและทุกเรื่องเลยค่า เราอยู่ตรงนี้เสมอนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: nisaday ที่ 10-05-2019 13:07:23
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
อ่านเรื่องนี้เพราะเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและความซึนของคุณกฤติเลยค่ะ คาแรกเตอร์ทุกคัวที่วางไว้น่ารักมากๆ ทำให้เอาใจช่วยทุกคนในเรื่องตลอดเวลา

ใจหายนิดนึงที่จบแล้ว

ขอบคุณมากๆสำรับการสละเวลามาสร้างความบันเทิงให้คนอ่านทุกคนค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 11-05-2019 13:53:55
เสียใจที่เรื่องจบ ดีใจที่เห็นเขารักกัน นี่ร้องไห้เลยตอนเรื่องหนูนิ้งโธ่ลูกกกกหนูก็เสียใจใช่ไหมคะ ต่อจากนี้ขอให้มีแต่เรื่องดีๆน้า
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 12-05-2019 04:51:46
เราชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ชอบมากๆ จะเป็นเรื่องราวที่ประทับในความทรงจำของเราอีกนานแสนนาน ขอบคุณผู้แต่งมากค่ะที่สรรค์สร้าเรื่องราวดีดีให้อ่าน ขอบคุณงับ❤❤❤
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 12-05-2019 06:51:05
"ชอบกินข้าวกับคุณ" โอ้โหคุณกฤติหวานกับพี่โน๊ตอ่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกเรื่องนี้ค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 12-05-2019 23:29:13
ขอบคุณมากๆๆๆ อ่านไปสนุกไป ร้องไห้ไปอินกับช่วงที่ดราม่า ชอบมากๆนไม่อยากให้จบเลยบอกตรง ยังอินกับคุณกฤติและคุณโน๊ต  ขอบคุณนักเขียนนะค่ะ สำหรับนิยายดีๆ  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 13-05-2019 12:41:00
ขอตอนพิเศษหวานๆ หน่อยจ้าาาา
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 13-05-2019 18:01:51
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆอีกหนึ่งเรื่องนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 14-05-2019 23:23:55
มันดีอ่ะ นี่น้ำตาไหล ตอนอากฤติกะน้องนิ้ง แต่งดี เวรี่ กู๊ดดดด เลย ชอบบบบ ติดปากคำว่าไร้สาระ ไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 15-05-2019 01:11:39
Ch.13
ฮืออ ใจพังกันทั้งคู่เลยขอให้เคลียร์ตัวเองให้ได้เร็วๆเถอะนะนานกว่านี้มันจะแย่ ทั้งๆที่ต่างคนต่างรักกันแท้อะแงง
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 15-05-2019 04:13:16
Ch.15
คุณกฤติฟังคุณพ่อเค้าหน่อยแงงอึดอัดแทนแล้ว รีบๆคุยกันทีฮือ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 15-05-2019 04:45:29
ขอบคุณที่แต่งมานะคะฮืออจบได้อบอุ่นมากๆเลย น้องนิ้งน่ารักคุณกฤติคนซึนก็น่ารักคุณโน้ตก็ตลกฮือชอบทุกตัวละครเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 15-05-2019 08:28:17
สนุกมากเลยค่ะ ตามมาจากน้องแทนใจ ><
ผู้ชายแบบโน๊ตนี่มีอีกมั้ยคะ เรานับถือความอดทนจริงๆ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ จะคอยติดตามเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 15-05-2019 11:07:49
ขอบคุณมากนะคะที่เขียนเรื่องนี้มาให้ได้อ่านกัน รออ่านเกือบทุกอาทิตย์เลย :กอด1:  รออุดหนุนคุณกฤติกับคุณโน้ตนะคะ อ้อ รอเรื่องวันพุธด้วย  ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 17-05-2019 10:28:04
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆอย่างนี้นะคะ มันดีมากจริงๆ ชอบทั้งพล็อต ภาษาและคาแร็คเตอร์ คุณกฤติคือมีความกร๊าวใจมาก ส่วนนรินทร์ก็ทะลึ่งไปอีก น้องนิ้งก็น่ารัก (แต่แอบคิดว่าความคิดความอ่านและทัศนคติโตเกินวัยประถมไปนิด แต่อาจจะเป็นเพราะนรินทร์คนทะลึ่งเลี้ยงลูกเก่งมากก็ได้ 5555)

ป.ล. อย่าเพิ่งท้อกับการแต่งนิยายนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้และจะรออ่านเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: wunderung ที่ 18-05-2019 10:25:17
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกๆนะคะ ชอบเรื่องนี้มากกกก มันคือความเรียลอะ ชอบพระเอกแบบเรียลๆแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: Fonjae333 ที่ 19-05-2019 11:17:57
ขอบคุณมากๆเลยค้าสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้♥️
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 20-05-2019 06:54:34
สนุกนานมากมาย  อ่านเพลินเลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 20-05-2019 08:25:06

เรื่องนี้ดีที่สุดเลยค่าาา
แต่ทำไมเราถึงพึ่งมาเจอตอนนี้
ทั้งที่เราอ่านคนที่เกลียดวันจันทร์จนนิยายออกมาเป็นเล่มแล้ว

พลาดมากๆๆๆๆๆๆๆๆ แงแอ

ชอบความสัมพันธ์ของคุณกฤติกับคุณโน้ตมาก
ทุกปัญหามีทางแก้
ทุกปัญหามีทางออก
แต่การแก้ปัญหาของคุณโน้ตใช้วิธีจับคุณกฤติแก้ผ้า มันก็แก้ปัญหาได้เหมือนกันแฮะ นับถือๆ 55555

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 20-05-2019 16:52:54
จากเรื่องเร้กๆๆๆๆ ของลูกน้องใจสลายที่เจ้านายแสนเซะซี่เข้ามาปลอบ แพร๊บๆ กลายเป็นเรื่องรักหวานปนตลกของครอบครัวน้องนิ้งในที่สุด งือ จบแล้ว ใจหายยยยยเลย เด๋วไปอ่านวันพุธต่อนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 20-05-2019 21:22:24
จบแล้วววว :hao5:
คู่นี้น่ารักมากๆเลย เป็นแค่คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์แท้ๆ
แต่ทำไมอ่านแล้วมีความสุขมากขนาดนี้นะ
ขอบคุณมากนะคะ รอติดตามผลงานต่อไปน้า

หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 22-05-2019 00:49:52
คุณโน้ตเป็นคนกากที่ดีต่อใจมากๆ คุณกฤติก็คือแซ่บ เหมาะสมกันแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 23-05-2019 12:10:12
ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆออกมาให้อ่านเหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 04-07-2019 20:32:30
คุณกฤตแซ่บมากจ้าา มีความควีน คุณโน๊ตเขาเลยหลงของเค้าเนอะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 24-07-2019 04:39:26
ขอแปะฮ้าบบบ เดี๋ยวมาอ่าน  :z1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 26-07-2019 01:58:20
คุณโน้ตกวนมากกกก 55555555 ปวดหัวแทนคุณกฤติ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 26-07-2019 02:49:21
สงสารคุณโน้ตเวลาอยู่กับครอบครัวอ่า อยู่ไหนก็รู้สึกเป็นส่วนเกิน
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 26-07-2019 14:27:32
ไอ้ภูภูมิโคตรเลวเลย ละทำไมนว้องถึงไปนอนกะมัน มันมีลูกมีเมียแล้วคงนอกใจเมียไม่เหมือนคุณโน้ตอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: BabyGB ที่ 28-07-2019 03:25:45
สนุกมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบ ประทับใจมากๆ แอบทำเราน้ำตาไหลช่วงน้องนิ้งอ่ะ เราสงสารคุณกฤติแต่ก็เข้าใจน้องนิ้งนะ เพราะผู้ใหญ่​ตรรกะ​ห่วยแตกคนนึงป้อนเอาความคิดแย่ๆใส่เด็ก พาลให้ชีวิตคนอื่นพังลง โคตรเกลียดอิเอิร์ธ​นี่เลย หนักกว่าอิภูมิอีก ถึงคุณ​โน๊ตจะเป็นบ้าติดหื่นแต่เค้ารักจริงนะเออ พอคุณ​กฤติปลดล็อค​ในส่วนนั้นได้เราหายใจโล่งเลยค่ะ ขอบคุณ​สำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 28-07-2019 17:24:27
อ่านจบแล้วไม่อยากให้จบเลยค่ะ สนุกมาก อ่านเพลิน 55555 ตอนดราม่าก็บีบหัวใจมาก เอาใจช่วยให้คืนดีกันไวๆ พอดีกันได้ก็หวานแต่คุณกฤติก็ค่อคุณกฤติ หวานน้อยแต่อร่อยมาก อิอิ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 29-07-2019 22:08:45
  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 02-08-2019 13:36:21
แอบน้ำตาซึมมมม
คุณโน้ตน่ารักมากจริงๆนะคะ
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 31-12-2019 13:39:42
สนุกมาก..กกกกกกกกก   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 11-01-2020 10:55:35
สนุกมากกกกกค่ะ ดีไปหมด ขอบคุณนักเขียนด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 21-03-2020 15:18:20
ฟินแบบผู้ใหญ่ ๆ วัยทำงาน

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 27-03-2020 07:37:49
สนุกมาก แล้วก็ดีมากๆ เลยค่ะ
ชอบความที่ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันแบบนี้จัง อ่านแล้วรู้สึกอุ่มนุ่มฟูในหัวใจมากเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายเจ๋งๆ ดีๆ สนุกมากๆ นี้เลยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:10:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 14-03-2024 20:24:00
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)