พิมพ์หน้านี้ - กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: อัคคีเทวา ที่ 14-12-2017 23:21:20

หัวข้อ: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 14-12-2017 23:21:20
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-12-2017 00:04:34
ปาดแป๊บ กดเข้ามาเพราะเห็นว่าดราม่านะเนี่ย
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 00:46:55
บทนำ

ความรักที่หอมหวานอบอุ่น ไม่ว่าใครก็ตามล้วนหลงใหลในมัน

เฝ้าพร่ำเพ้อละเมอถึงสิ่งนั้น แค่เพียงได้รู้สึกสัมผัสถึงมัน  ใจที่มั่นคงก็สามารถสั่นคลอน

อ่อนลงได้ แต่หากได้เปรียบความรักคงดั่งดอกไม้งามเช่นดอกสายหยุด ที่เมื่อแรกเช้าตรู่ก็หอมหวาน

เกินจะบรรยาย  หากแต่เพียงสายกลับมลายความหอมสิ้น

 

 

.

.

.

.

 

"เพียงให้ข้าได้สัมผัสความรัก สักครา แม้นจักเป็นเพียงคำปดของท่าน"
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 00:50:05
รัก

..................

การที่เราจะรักใครซักคนนั้นเป็นเรื่องสวยงาม

ยอมทุกๆอย่างให้แก่ผู้ครอบครองหัวใจ

แม้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บช้ำ ถูกย่ำยี

ถูกตราหน้าว่าเลว  ร่านอย่างไรแต่เพื่อรัก เราก็ยอมทน

......

แต่ผลที่ได้กลับเจ็บมากกว่าเมื่อเราคงเป็นได้แค่เพียงตุ๊กตาหรือหมากตัวหนึ่ง

ให้คนที่ครอบครองหัวใจใช้ประโยชน์

หาความสนุก

เมื่อพอใจ หมดประโยชน์ หรือเบื่อก็โยนทิ้งไป

ไม่เคยสำคัญ

ไร้ค่า

ไม่เคยอยู่ในสายตา....

"เจ้าจะโหยหายความรักไปทำไม ในเมื่อเจ้าเป็นได้แค่เพียงสิ่งของที่น่าเวทนาเท่านั้น"

"สิ่งของไม่มีความรู้สึก"

................................
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 00:53:05
บทที่๑ อนันตกาล


เนินนาน  ณ  เมืองบาดาล

คืนจันทร์เต็มดวง

"สว่างเสียจริงๆเจ้าว่าไหมคานัน"ร่างแกร่งกล่าวยิ้มๆแก่คนสนิทในขณะ

ที่สายพระเนตรยังคงจับจ้องไปที่ดวงจันทร์สีนวลเด่น

"จริงขอรับ  งดงามยากจะละสายตาขอรับ"อีกร่างกล่าวตอบผู้เป็นนายของตน

"นี่คานัน   เจ้ามิคิดจะไปหาหญิงงามมาเชยชมเลยรึ  เป็นบุรุษเสียเปล่า"ร่างแกร่งเอ่ยเย้าคนสนิท

"หามิได้ขอรับ  กระหม่อมมิอาจทิ้งพระองค์ไปได้ขอรับ" เจ้าของร่างกล่าว

"ไปเถิดคานันนานๆจะมีเทศกาลสักครา   ข้าเองก็ว่าจะเข้าไปในหม่บ้านเสียหน่อย"ร่างแกร่งกล่าว   อีกร่างคงสัมผัสได้ว่ามีความนัยแฝงในน้ำเสียงกรุ่มกริ่มพร้อมออกเดินตามทางเพื่อเข้าไปร่วมงานประเพณีในหมู่บ้าน

"หากแต่พระองค์   กระหม่อมมิอาจทิ้งพระองค์ไปจริงๆขอรับ"ร่างนั้นตอบ

"ข้าขอสั่งให้เจ้าไป  ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะกลับไปหากำจา  ไปเถิดข้าอยู่ได้"  ร่างแกร่งเอ่ยหนักแน่น  แม้คานันคนสนิทอยากจะขัดเพียงไดก็รู้ได้ว่า ราชาของตนคงไม่ทรงยอมเป็นแน่

"ขอรับ กระหม่อมทูลลา หามีเหตุร้ายก็ทรงเรียกกระหม่อมได้ทุกเมื่อนะขอรับ"ว่าจบร่างของคานันก็หายวับไป

'เจ้าคิดมากไปแล้วคานันข้าดูแลตัวเองได้น่า  งานปรเพณี  น่าสนุกเสียจะตายไป' ร่างแกร่งใช้มนต์อำนาจแห่งนาคา

ทั้งป่วงแปลงกายตนให้กลายเป็นเพียงชายหนุ่มชาวบ้านธรรมดา แล้วเข้าไปปะปนกันชาวบ้านเพื่อหวังเที่ยวเล่นให้สำราญใจ  โดยหารู้ไม่ว่ามันจะเปลี่ยนทุกสิ่งไปตลอดกาล




ตอนเเรกมาแล้วค่า อาจจะดูแปลกๆ+สั้น(มาก)แต่ก็อยากให้อ่านกันค่ะ  ในส่วนของตอนนี้จะเป็นการยอยรอยอดีตกันก่อนเพราะถ้าทำให้มันเป็นปมปริศนาอะไรทำนองนั้นอาจสับสนได้ค่ะ(คนแต่งสับสนเอง)แต่ยังไงก็ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

เจอกันตอนกหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 17:12:03
บทที่ ๒ อนันตกาล(ต่อ)

ณ หมู่บ้าน

หลังจากที่สูงแยกกับคนสนิท ร่างสูงสง่าของราชาแห่งพญานาคทั้งปวง ท่าเสด็จเดินตามทางท้องถนนที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเรียงรายกันอยู่มากมายสองข้างทางเป็นร้านค้าขายของหลากหลายที่พระองค์ไม่เคยเห็น พระองค์รู้สึกสนุกและสำราญใจเป็นอย่างมากได้เห็นผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเบียดเสียดกันให้เต็มถนนไปหมด พระองค์เดินไปเรื่อยๆอย่างสนุก จนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเข้มขึ้นได้เรื่อยๆจากสีน้ำเงินเข้มกลายเป็นสีดำแห่งรัตติกาลอย่างสมบูรณ์ ผู้คนต่างเบาบางลงเนื่องด้วยในเวลานี้ได้ดำเนินมาจนถึงครึ่งรัตติกาลแล้ว ร้านค้าหลายร้านพากันปิดตัวพาลูกหลานกลับไปยังที่พำนักของตน ร่างสูงสง่าเริ่มมีอาการเหนื่อยล้า พระองค์จึงเสด็จเดินไปเรื่อยเรื่อย จนกระทั่ง พระองค์ได้เสด็จไปพบกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พระองค์ทรงคิดว่า จะแวะพัก ที่ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้  บริเวณรอบข้างมีลำธารไหลผ่าน แสงดาวบนท้องนภา ช่างสวยงามยิ่งนัก แสงดาวเรืองระยับ ตัดกับสีท้องฟ้าที่เป็นสีดำอมน้ำเงินเข้ม ดวงจันทร์กลมโตสีนวลผ่อง ทำให้เห็นบริเวณรอบรอบ ได้โดยทั่ว องค์ราชาพาร่างของตนนั่งพิงต้นไม้ สายลมอ่อนอ่อนโชยมายิ่งทำให้พระองค์รู้สึกสบายตัวยิ่งนัก.   พระองค์จึงเคลิ้มหลับไป

อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวชาวบ้านนามว่าศศิ ด้วยเหตุอันใดดลใจก็มิอาจทราบได้ นางกำลังเดิน ในงานเทศกาล ที่บัดนี้ ผู้คนเบาบางลงจนแทบไม่เหลือ นางกำลังเลือกซื้อปลา เพื่อนำไปประกอบอาหารให้พ่อในตอนเช้า แต่แล้วจู่ๆก็มีแมวลายตัวหนึ่ง กระโดดคาบปลาไปจากมือของนาง แล้ววิ่งหนีไป นางนึกเสียดายจึงได้วิ่งตามแมวตัวนั้นไป แมวตัวนั้นวิ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ ที่องค์ราชาพำนักอยู่ เมื่อร่างงามมาถึง กลับไม่พบแมวลายตัวนั้น เห็นเพียงร่างสง่างามกำลังนอนหลับอยู่ ด้วยความตกใจนางเผลอถอยหลังไปสะดุดรากไม้เข้า

'ตุ้บ'

"โอ๊ย เจ็บๆ"ร่างงามร้องออกมาอย่าไม่ได้ตั้งใจ

ทำให้ร่างสูง ค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองที่ต้นเหตุของเสียง

"เจ้าเป็นผู้ใดมาทำอะไรที่ตรงนี้" ร่างสง่าเอ่ยถามมองไปที่ร่างของหญิงสาวก็ต้องตะลึงกับความงามของนาง ผมยาวสลวยสีดำขลับตัดกับใบหน้ารูปไข่ที่ดู จิ้มลิ้มผิวนวลเนียนดุจแสงจันทร์ ดวงตากลมโตสีดำเป็นประกายดุจดังลูกแก้ว และขนตายาวงอน ยิ่งทำให้ดวงตาของนางหวานซึ้งจับใจริมฝีปากบางเป็นสีชมพูระเรื่อยิ่งทำให้องค์ราชาแห่งพญานาค ทั้งปวง มิสามารถละสายตาจากนางได้

"ข้าขอโทษข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านตื่น" ร่างงามกล่าวแก่ร่างสูง อย่างร้อนรน เกรงว่าจะทำให้ร่างสง่างามต้องโกรธ

"ไม่เป็นไรหรอกแม่นาง อย่าได้กังวลไปเลย ข้าไม่ทำอะไรท่านหรอก ว่าแต่ท่านเป็นใครหรือ เหตุใดจึงงดงามดั่งเช่นนางอัปสรเช่นนี้" ร่างสง่างามเอยเกี้ยวพาราสีแกร่างสวย ทำให้ร่างสวยมีความเขินอายเป็นอย่างมาก

"ข้าชื่อศศิ  เป็นหญิงชาวบ้านแถวนี่ค่ะแล้วท่านเล่าเป็นใครเหตุใดข้าไม่ยักคุ้นหน้า" ร่างสวยถาม

ร่างสูงได้ยินแต่ไม่กล้าบอกว่าตนคือพญานาคราช จึงได้โกหกไปว่า "ข้าคือพ่อค้าเร่มีนามว่านาคิน เพิ่งมาถึงหมู่บ้านนี้ได้ไม่นาน มาขายของที่งานเทศกาลแห่งนี้ และดูเหมือนการมาครั้งนี้ของข้าจะทำให้ข้าเจอเจ้าผู้ที่งดงามเกินหญิงใด"

ทั้งสองพูดคุยกัน อยู่เป็นเวลานานและด้วยรูปร่างที่สูงสง่าของร่างสูงทำให้ร่างสวยตกหลุมรักได้ไม่ยากทั้งสองเกิดความรักซึ่งกันและกันซึ่งได้ตกลงปลงใจ ต่อกัน

บทรักแสนหอมหวาน ดำเนินต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่า จวบจนย่ำรุ่งสาง ร่างสวย ด้วยความอ่อนแรงจึงเผลอหลับไป ร่างสง่างาม เกรงว่าหากร่างสวยรู้ความจริง ว่าตนเป็นพญานาคคงตกใจเป็นแน่และด้วยคิดว่าตนจะต้องอับอาย เพราะตน เป็นถึงพญานาคราช แต่กลับ ลดตัวลงมาสมสู่กับหญิงชาวมนุษย์ อาจทำให้ตน เสียชื่อเสียงและเกิดความอับอายพระองค์คิดจะเสด็จกลับเมืองบาดาลเสียที    จึงได้ถอดแหวนทองสวมที่นิ้วนางของร่างสวย แล้วจุมพิตที่หน้าผาก เสด็จกลับ เมืองบาดาล ทันที

รุ่งสาง

"อืม ท่านนาคิน" ร่างสวย เรียกหาร่างสง่างามเมื่อคืนนี้แต่กลับมีเพียงความว่างเปล่า นางรีบลุกขึ้นแต่งกายเราเดินตามหาบริเวณต้นไม้ใหญ่แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของผู้เป็นที่รัก นางเดินตามหาไปเรื่อยเรื่อยแต่ก็ไม่พบ นางจึงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ริมลำธาร

" เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้ ไหนเมื่อคืนนี้ในตอนที่ท่านกอดข้าท่านพร่ำบอกว่ารักเธอยิ่งนัก แล้วเหตุใดจึงทิ้งกันไป ท่านช่างใจร้ายนัก" ร่างสวยกล่าวตัดพ้อ นั่งร้องไห้และแล้วนางก็เหลือบไปเห็นแหวนทองที่นิ้วนางของนางนางกลับยิ่งร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมแต่ก็ยังน้อยใจคิดว่าร่างสง่าเห็นตนเป็นเพียงโสเภณีที่คิดราคาค่างวดในการบำเรอรักให้ร่างสง่า ด้วยความเสียใจนางจึงเดินทางกลับบ้านด้วยจิตใจอ่อนแรงเมื่อกลับถึงบ้านนายก็ไม่พูดไม่จาเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง

พ่อของนางรู้สึกสงสารแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรจึงได้แต่เฝ้าดูแลนางและปลอบใจ

เมื่อร่างสง่ากลับมาถึงเมืองบาดาล ก็ได้พบรักครั้งใหม่กับเจ้าหญิงชาวนาคเช่นเดียวกับตน แล้วเปล่าประกาศว่าจะจัดงานอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงองค์นี้ทันทีโดยลืมไปว่าพระองค์นั้นได้มีภรรยาคนแรกไปแล้วและไม่ได้คิดถึงนางอีกเลย

1 เดือนผ่านไป

ในเช้าวันหนึ่งนางศศิตื่นขึ้นมาด้วยอาการ ปวดหัวมึนงงและอาเจียนมีความกระหายน้ำเป็นอย่างมากไม่ว่าจะกินน้ำมากเท่าไหร่ก็ยังคงก็ระหายน้ำอยู่พ่อของนางจึงได้หาเลือดนกมาให้นางดื่ม นางดื่มไปได้เพียง อึกเดียวก็เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง

"โอ๊ย.  พ่อจ๋า    ข้าปวดท้อง  ปวดเหลือเกิน  จะไม่ไหวแล้ว  ฮึก  ปวด  ช่วยด้วย ฮือๆ  โอ๊ย" ร่างสวยร้องอย่างทรมานผู้เป็นพ่อจึงได้รีบไปตามหมอ มาดูอาการของนาง

"ท่านหมอ!!    ลูกข้าเป็นอย่างไรบ้าง" ชายชรากล่าวด้วยความร้อนรน

"ลูกของท่านตั้งครรภ์ได้ 1 เดือนแล้ว ที่ปวดท้อง เป็นเพราะ ลูกของท่านได้กินของแสลงเข้าไปจึงเกิดอาการแพ้ อาจเป็นเพราะเด็กในท้อง ไม่สามารถได้รับอาหารชนิดนั้นได้พยายามหลีกเลี่ยงของสิ่งนั้นไว้"

ชายชราตกใจมาก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ชายชราตั้งใจดูแลลูกของเขาเป็นอย่างดีแต่ไม่นานชายชราก็สิ้นชีวีด้วยโรคประหลาดสร้างความเสียใจ ให้แก่นางศศิเป็นอย่างมาก นางจึงต้องคอยดูแลลูกในท้องเพียงลำพัง

"ไม่เป็นไรหรอกลูกแม่จะดูแลเจ้าเอง แม้นพ่อของเจ้า จะไม่ต้องการเจ้าแต่แม่รักเจ้าเสมอ ลูกรักของแม่" นางทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและลูก นางทำงานหนักไม่คิดนะจะหยุดพักแม้จะมีหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามาเกี้ยวนางแต่นางกลับไม่สนใจยังคงยึดมั่นในความรักที่มีให้กับพญานาคราชที่นางคิดว่า เป็นพ่อค้าเร่ที่ชื่อว่านาคินเท่านั้น   นางยังคงเฝ้าคิดถึงแต่ชายคนรัก จนบางครั้งเกิดอาการน้อยใจจนเกือบฆ่าตัวตายแต่เมื่อคิดถึงลูกในท้องนางก็ล้มเลิกความคิด นั้นเสีย

ย่างเข้าเดือนที่ 9

เช้านี้นางศศิตื่นขึ้นมาพร้อมนั่งทบทวนฝันแปลกๆในความฝันมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาน่ารักวิ่งเข้ามากอดนางแล้วกล่าวว่า

"ท่านแม่อย่าทิ้งข้าไปอยากเป็นอะไรไปเลยอยู่กับข้าเถิด" เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยก็ร้องไห้ทำให้นางร้องไห้ตามเด็กน้อยจนสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมทั้งน้ำตาที่ยังอาบหน้า

เช้าวันนี้นางรู้สึกร้อนเป็นพิเศษอยากจะอยู่ในน้ำทั้งวันนางจึงได้ เดินเข้าป่าเพื่อหาที่พำนัก ที่ ร่ม เย็น นางเดินเข้าไป จนเจอกับ แม่น้ำขนาดใหญ่ ในขณะนั้น นางรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมา และด้วยความที่นางเดินทางมาไกลทำให้รู้สึกอ่อนเพลียแต่ด้วยความกระหายน้ำนางก็พยุงร่างของตัวเองไปยังบริเวณแม่น้ำในขณะที่ นางกำลังจะก้มดื่มน้ำขอบตลิ่งกลับพังทลายลงมาทำให้นางพลัดตกลงไปในน้ำนั่งพยายามตะเกียกตะกาย เพื่อให้ตนขึ้นมาจากน้ำ แต่กลับไม่ช่วยอะไรเลย

"ช่วยด้วย  อึก. ช้วยข้าด้วย ฮือๆ" นางร้องตะโกนสุดเสียงแต่กระแสน้ำ ก็พัดพาร่างนางไป จนนางหมดแรง แล้วสลบไป ในขณะนั้น องค์ราชาแห่งนาคราช กำลังเสด็จ ประภาส บริเวณ ริมแม่น้ำแห่งนั้นอยู่ เมื่อเห็นร่างงาม ก็รีบกระโจนลงไปเพื่อจะช่วยนางขึ้นมา เมื่อพระองค์พานางขึ้นมาได้แล้วก็พาไปหลบอยู่ในถ้ำริมแม่น้ำ

ร่างสง่างามทอดมองร่างสวยที่ ก่อนเคยงดงามดังดอกไม้แรกแย้มแต่บัดนี้กลับ ซูบโทรมและดูเศร้าหมอง ใบหน้าดูเศร้าสร้อยพระองค์ได้มองตามร่างกายก็ไปสะดุดตากับหน้าท้องที่ใหญ่ขึ้นและแน่นอนพระองค์รู้ได้ทันทีว่านางศศิกำลังตั้งครรภ์พระองค์รอให้นางศศิ ตื่นขึ้นมา

"อึก" เปลือกตาบางกระพริบถี่รัว  เพื่อปรับแสง ร่างงาม หายใจรวยรินคล้ายจะหยุดหายใจเสียให้ได้เมื่อร่างสง่างามเห็นก็รีบเข้าไปกุมมือนางไว้

"เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม เจ็บมากหรือไม่ ข้าขอโทษ"

ร่างสง่างามกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ มือที่กุมมือของนาง กำแน่นขึ้น

"เหตุใดท่านจึงใจร้ายอย่างนี้ เหตุใดจึงทิ้งข้าให้อยู่ลำพัง ถ้าไม่รักแล้วทำอย่างนั้นทำไมทำให้ข้ารักท่านทำไม" ร่างสวยกล่าวเสียงแผ่วเบา

"ข้าขอโทษศศิ ถ้าไม่ได้ตั้งใจทิ้งเจ้าเจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ" ร่างสง่า กล่าวเสียงร้อนรน

"อึก ฮึกอ่า  โอ๊ยข้า  ข้า. ท้องข้า  โอ๊ยเจ็บโอ๊ย เจ็บเหลือเกิน " ร่างสวยกรีดร้องออกมา พร้อมน้ำคร่ำที่แตกกระจายออกมา พร้อมกับเลือดมากมายลมหายใจ ของนาง เริ่มแผ่วลง จนน่าใจหาย องค์ราชาตกพระทัยเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จนเลือดของนางไหลอาบไปทั่วบริเวณตามเรียวขาขาวจนถึงพื้นดินที่นางนอนอยู่ ร่างสวยกรีดร้องปานจะขาดใจและในที่สุด ทารกน้อย ก็คลอดออกมา องค์ราชารีบใช้ผ้า คาดเอว ของตน รองรับตัวเด็กน้อยไว้ แล้วห่อด้วยผ้านั้นอุ้มไปเพื่อจะให้นางศศิ ได้เห็นหน้าทารกน้อย นางศศิที่บัดนี้ กำลังจะขาดใจได้พูดขึ้นมาว่า

"หากท่านจะทรงเมตตาโปรดช่วยดูแลเด็กคนนี้โปรดเห็นว่า เด็กคนนี้ เป็นลูกของท่าน ช่วยรักเด็กคนนี้อย่าได้คิดรังเกลียดที่เด็กคนนี้เป็น ลูกของข้า ที่ต้อยต่ำ" นางได้ถอดแหวน ที่นางสวมให้แก่ทารกลมหายใจแผ่วลงเรื่อยๆ องค์ราชา วางเด็กน้อย ไว้ในอ้อมกอด ของนางศศิ แล้วสวมกอดนางศศิจากด้านหลัง นางศศิ หายใจแผ่วลงและหมดสิ้นลมหายใจในที่สุด องค์ราชาเสียพระทัยมาก ได้เเต่กอดศพนางศศิอยู่แบบนั้น แล้วทรงกันแสง ตรัสว่าขอโทษ เวลาผ่านไป พระองค์ก็ลุกขึ้น อุ้มศพของนางศศิ ขุดหลุมฝังร่างของนาง ไว้ในถ้ำริมแม่น้ำนั้น แล้วพาทารกน้อย กลับสู่เมืองบาดาลอย่างเศร้าใจ

"ศศิ เจ้าอย่าห่วงเลย ข้าจะดูแล ลูกของเรา ให้ดีที่สุด"



สวัสดีค่ะอัพแล้วน้า  ตอนนี้สั้นอีกแล้วพิมพ์ผิดก็ขอโทษด้วยนะค่ะ  คอมเม้นให้คำแนะนำได้นะคะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 17:20:24
บทที่๓ ผณิ

กลีบผกายังคงบานรอรักเจ้า

จันทร์ส่องเงาร่ำไห้ใจเฝ้าหา

ยังคงรักแม้นเจ้าจักไม่ชายตา

แม้นไร้ค่าในสายตาข้าจะยอม



'กลิ่นอันได ช่างหอมอะไรเช่นนี้'

ตึก!!

'เสียงฝีเท้ารึ เป็นของผู้ใดกัน'

'ท่านเป็นใคร'

'เดี๋ยวสิท่าน '

'รอข้าก่อน'

'ไม่ อย่าเพิ่งไป เดี๋ยว เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งไป'

"อย่าเพิ่งไปปปป!!!!!"

เฮือก

"แฮ่ก แฮ่ก  แค่ฝันหรอกหรือ ฝันแบบนี้อีกแล้ว" ร่างบอบบางของเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมากลางดึก ด้วย ฝันร้าย ที่เด็กหนุ่มเองก็ฝันมาตั้งแต่จำความได้

"ก็แค่ฝัน ช่างมันเถิด นอนต่อสักหน่อยดีกว่า" ร่างบาง ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ด้วยความอ่อนเพลีย และเผลอหลับไปในที่สุด

รุ่งสาง

"ท่านผณิเจ้าคะ   ตื่นแล้วรึยัง รุ่งสางแล้วนะเจ้าคะ" นางกำนัลส่งเสียงเรียกให้ใครบางคนให้ตื่น จากนิทราแต่ก็ไร้เสียงตอบรับกลับมาจากคนผู้ นั้นภายในห้องที่ตกแต่งเรียบง่ายกลับว่างเปล่าไร้เงาของผู้อาศัยบนที่นอนที่พับเก็บเป็นระเบียบบ่งบอกได้ว่าผู้เป็นเจ้าของห้องได้ตื่นนานแล้วและดูเหมือนจะออกไปไหนสักแห่ง

"โธ่  ท่านผณิหายไปไหนนะ    ตามหาสิพวกเจ้ายืนเฉยอยู่ทำไม" นางกำนัลกล่าวสั่งลูกน้อง ให้รีบตามหาเจ้าของร่าง

ข้ามีนามว่า ผณิ พ่อของข้า เป็นกษัตริย์ ผู้ปกครองเหล่าพญานาคทั้งหลาย ท่านพ่อเป็นผู้มีเมตตาดูแลประชาราษฎร์ด้วยความซื่อตรง ท่านพ่อ รับข้ามาจาก ท่านแม่ เพราะว่าในตอนที่ข้าเกิด ท่าน แม่ ได้จากข้าไป ท่านพ่อบอกว่า เป็นเพราะข้า ท่านแม่จึงตาย ข้าจึงไม่แปลกใจเลย ที่ท่านพ่อ มักจะบอกกับคนอื่นว่า ข้าเป็นเด็กกำพร้า ที่ท่านพ่อขอมาเลี้ยง ในขณะนั้น ท่านพ่อได้แต่งงาน กับเจ้าหญิงชาวนาค และเมื่อท่านพ่อรับข้าเข้ามาอยู่ด้วย พระชายาของท่านพ่อ หรือพระมเหสี ของเหล่านาค ก็ทรงตั้งพระครรภ์ และให้กำเนิด พระโอรส นามว่าสิงขร ท่ามกลางความยินดีของเหล่าพญานาคทั้งหลาย ก็คงมีเพียงข้า ที่รู้สึกอิจฉาริษยาคนเหล่านั้น ท่านพ่อและพระมเหสี กลับเอาแต่ดูแลเจ้าสิงขร แต่กลับไม่สนใจข้า เลยแม้แต่น้อย ข้ามีแต่ความเสียใจ น้อยใจ โกรธแค้นและอิจฉา เหตุใดท่านพ่อไม่รักข้าบ้าง หรือเพราะข้า เป็นเหตุทำให้ท่านแม่ต้องตาย แต่ข้าก็ต้องการ ให้ท่านพ่อหันมาเหลียวแลข้าบ้าง ขอเพียงสักครั้ง ให้ข้าได้สัมผัสความรัก ที่ท่านมอบให้แก่สิงขร และพระมเหสี ในวัยเด็ก ข้าไม่เคยมีแม้แต่เพื่อนเล่น นาคทุกตนเห็นว่าข้าคือตัวประหลาด รังเกียจที่ข้าเป็นแค่มนุษย์ชั้นต่ำ ข้าถูกเลี้ยงดูด้วยนางกำนัล ที่มีนามว่า มาราตรี นางคอยดูแลอบรมข้า มาตั้งแต่ข้ายังจำความไม่ได้ ผิดกับท่านพ่อ ที่ไม่เคยแม้แต่จะมาให้ข้าเห็นหน้า ข้าอยู่ได้แค่ในตำหนักเท่านั้น ท่านพ่อกำชับกลับมาราตรีไว้ว่า ห้ามให้ข้าออกเดินเพ่นพ่าน หรือก่อความวุ่นวาย ในพระราชวังของท่านพ่อ ท่านพ่อดูแลสิงขรอย่างดี ไม่เคยให้ระคายเคือง หรือต้องเจ็บปวด ทุกๆครั้งที่ข้าออกไปเล่นนอกตำหนัก ท่านพ่อจะสั่งให้คนมาลงโทษข้าเสมอ มีเพียงมาราตรีที่ จะคอยดูแลข้า ข้าจะรู้สึกโดดเดี่ยวมาตลอด

เช้าวันนี้ข้ารีบ ตื่นแต่เช้าเพื่อตามหาดอกไม้ในความฝัน มาราตรีเคยเล่าให้ข้าฟังว่า ดอกไม้ชนิดนี้เป็นไม้เถา มีดอก ที่หอมหวลในช่วงเช้า แต่เมื่อสาย กลิ่นหอมของดอกก็จะค่อยค่อยสลายหายไป ข้าอยากพบดอกไม้ชนิดนี้ ในวันนี้ข้าจึงตื่นเช้า แล้วเข้ามาในอุทยานของท่านพ่อ เพื่อมาตามหาดอกไม้ชนิดนี้ ในขณะที่ข้ากำลังเดินเพลินเพลินอยู่นั้น ข้าก็ได้กลิ่นหอมหวาน มาจากพุ่มไม้เถาไกลๆ ข้ารีบเดินตามกลิ่นหอมนั้นไป แล้วพบกับดอกไม้ มีสีเหลือง กลีบดูเรียวยาว ดูบอบบางเสียเหลือเกิน แต่ความหอมของมัน กลับชวนหลงใหล เหมือนกลับ กลิ่นหอมในความฝัน "เด็ดไปสักดอกคงจะไม่เป็นไร" ข้าว่าพลางเอื้อมมือไปเก็บดอกไม้ดอกนั้น

"นั่นใครน่ะ ถอยออกมาจากต้นไม้ของข้าเดี๋ยวนี้" เสียงทรงอำนาจ กล่าวดังขึ้น ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว เป็นอย่างมาก ข้าารีบผละตัวออกจากต้นไม้ต้นนั้น ทันที ทันใดนั้นเอง ร่างสูงสง่า ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของข้า ก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับเจ้าชายสิงขร

"ท่าน พ่อ  คือข้า  ข้า " ให้ตายเถอะ ข้ากลัวจนพูดอะไรไม่ออก พระพักตร์ของท่านพ่อดูโกรธเกรี้ยว จนข้ากลัว

"ข้าถาม ว่าเจ้าออกมาจากตำหนักเพราะเหตุใด  " ท่านพ่อตวาดเสียงดัง พร้อมหันไปสั่ง ให้คนสนิท พาข้าไปลงโทษ ด้วยความกลัว ข้าจึงรีบวิ่งออกไป แต่ท่านพ่อก็ยังสั่งให้คนสนิทวิ่งไล่ตามข้าจนข้าวิ่งไปสะดุดกับรากไม้แล้วโดนมือใหญ่จับเข้าที่แขนแล้วออกแรงกระชากไป

"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ เจ็บ ปล่อยข้า"ข้าตะโกนสุดเสียงแต่ก็ยังคงโดนลากมาจนได้

"ทรงจะให้จัดการเช่นไรขอรับ" เสียงราบนิ่งเอ่ยขึ้น "เอาไปโบยสิบไม้แล้วนำตัวไปขังในตำหนักเล็ก" เสียงทรงอำนาจกล่าวขึ้น ร่างของข้า ถูกพาไปผูกกับเสาที่ใช้ลงโทษข้าทาสบริวาร

'เพี๊ยะ. เพี๊ยะ เพี๊ยะ'

เสียงหวายกระทบกับผิวเนื้อของข้า จนครบ โลหิตสีแดงไหลอาบแผ่นหลังของข้า ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วแผ่นหลัง เสียงของข้าแหบแห้ง จากการร้องขอ ความเมตตาจากท่านพ่อ แต่ก็มีเพียง สายตาเย็นชา ที่ท่านพ่อส่งมาให้ มันทำให้ข้าเจ็บปวด และยิ่งเสียใจเข้าไปอีก จนในที่สุด สติของข้าก็เลือนลาง และดับไป

"เมื่อไดหรือ  ท่านพ่อจะรักข้าบ้าง"
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 17:22:24
บทที่ ๔ ลูกชัง

ณ ตำหนักเล็ก

ร่างบาง ของเด็กหนุ่ม ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง

บนแผ่นหลังมีรอยหวายมากมาย ที่เป็นแผล ดูแล้วยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

ในขณะนี้ โลหิตสีแดงได้หยุดไหลลงแล้ว แต่อาการเจ็บ ยังคงรุมเร้า

ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง แม้จะหลับอยู่ แต่ก็ยังคงรู้สึกเจ็บ

ยังคงละเมอสะอื้น ยังคงละเมอร้องไห้อย่างหวาดกลัว

เหล่านางกำนัล มองดูอย่างเวทนา และสงสารผู้เป็นนายของตน

ถึงแม้พวกนางกำนัล จะเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาบ่อยแล้ว

แต่ก็ยังคงทำใจไม่ได้ เพราะบางครั้ง เหตุผลเพียงน้อยนิด

องค์ราชา ก็สั่งให้ทหารลงโทษ ร่างบางบนเตียงได้

ผิดกับเจ้าชายสิงขร แม้นความผิดจะใหญ่หลวงเพียงใด

ก็มีเคยลงโทษนักหนาถึงเพียงนี้ จึงไม่แปลกเลย

ที่ร่างบางบนเตียง จะโหยหาความรักจากพระบิดา

จะรู้สึกอิจฉา เจ้าชายน้อย พวกนางกำนัลต่างรู้ดี

ถึงเรื่องที่ร่างบางเป็นพระโอรส องค์แรกขององค์ราชา

ที่เกิดกับมนุษย์ ในตอนแรก พวกนางก็รังเกียจ

ร่างบางบนเตียงเป็นอย่างมาก แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันนานๆ

ก็ได้ค้นพบว่า ร่างบางนั้น ช่างว้าเหว่งและน่าสงสาร พวกนางจึงรัก

และเอาใจใส่ร่างบางเป็นอย่างมาก อย่างน้อย

ก็ทดแทนความรักที่ขาดหายไป ของบิดาและมารดาให้แก่ร่างบาง

อาจจะมีบางครั้ง ที่ร่างบาง อาละวาดหรือเล่นซน

แต่ก็ไม่ทำให้พวกนาง รักร่างบางน้อยลงเลย

ร่างบางบนเตียง หลับไปเป็นเวลา 3 วัน

อาจเป็นเพราะพิษไข้รุมเร้า บวกกับอาการบาดเจ็บสาหัส

ยิ่งทำให้ร่างกายของร่างบางอ่อนแอ จึงต้องการเวลาในการฟื้นตัว

ในตอนนี้บนแผ่นหลังบางมียาสมุนไพรมากมาย

ที่เหล่านางกำนัล สรรหามาเพื่อรักษาร่างบางอยู่ที่หลังเป็นจำนวนมาก

พวกนางเพียงหวังให้เจ้านายของพวกตนหายจากความเจ็บปวด

แม้จะไม่มากแต่เพียงช่วยบรรเทาก็ยังดี

พลบค่ำ

"อึก ห๊ะ จะ....เจ็บ ฮึก " เสียงหวานครางออกมาด้วยความเจ็บแสบ

ถึงบาดแผลจะสมานไปบ้างแล้วแต่ความเจ็บยังคงอยู่

"ท่านผณิ!! เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ" เหล่านางกำนัลต่างกรูเข้ามา

เพื่อจะดูอาการของร่างบาง

"คงเจ็บมากใช่หรือไม่ ไม่น่าเลย ทูนหัวของมาราตรี" นางมาราตรีกล่าวขึ้น

พร้อมน้ำตาที่อาบใบหน้าด้วยความสงสารร่างบาง

"ข้าเจ็บเหลือเกิน ฮือฮือ ฮึก ข้า เจ็บ" ร่างบางร้องไห้ ด้วยความเจ็บปวด

และน้อยเนื้อต่ำใจ

"อย่าร้องไห้เลย อย่าร้องเลยเจ้าค่ะ"  มาราตรี สวมกอดร่างบาง

อย่างแผ่วเบา เพราะเกรงว่า ร่างบางจะเจ็บ ทั้งสองกอดกันร้องไห้

มาราตรี ร้องไห้ เพราะสงสารร่างบางที่ต้องโดนกระทำเช่นนี้

ร่างบางที่อายุเพียง 15 ปี เป็นเพียงแค่เด็ก

ที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร แต่องค์ราชากลับไม่ละเว้น

ลงโทษ ราวกับว่า ทำความผิดอันใหญ่หลวง

นางยังคงกอดร่างบาง ที่นี่ตอนนี้ ไม่ใช่เพียงกายเท่านั้นที่บอบช้ำ

แต่จิตใจ กลับเป็นแผลเวอะหวะ เกินกว่าที่เด็กอายุเพียงเท่านี้จะรับไว้ได้

ช่างโชคร้าย ที่ร่างบางจะต้องมารับเรื่องราวเลวร้ายแบบนี้

"เหตุใด ท่านพ่อจึงทำเช่นนี้ ข้าเพียง แค่เก็บดอกไม้ ข้าเพียงแค่อยากได้ดอกไม้

หากท่านพอไม่พอใจ เหตุใดไม่บอกกับข้าดีๆ"  ร่างบางยังคงร้องไห้อย่างน่าสงสาร

น้ำเสียงที่กล่าวออกมาจากปากร่างบาง บ่งบอกได้ถึงความปวดร้าว

ในจิตใจของร่างบาง คงมีเพียงคำถาม เพราะเหตุใด

พระบิดาจึงได้จงเกลียดจงชัง แล้วต้องลงโทษกันถึงเพียงนี้

โกรธโกรธา กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ โดยไม่ถามถึงเหตุผล

หรือคิดจะพูดดีๆด้วยเลย กลับเอาแต่ทำร้าย ดูถูกและเหยียดหยาม

ต่างกับใครอีกคน ที่ไม่เคยแม้จะทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ

เหตุใดความรักที่มอบให้จึงไม่เท่าเทียมกัน คนหนึ่งรักปานดวงใจ

อีกคนผลักไสไม่แยแส ช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก เกิดมาก็เป็นตัวซวย

ทำให้แม่ต้องตาย หนำซ้ำ ครั้นได้มาอยู่กับพระบิดา แต่พระบิดากลับไม่รัก

กลับทำอย่างกับ ว่าร่างบางเป็นฆาตกร กระทำทุกอย่าง เพื่อทำให้ร่างบางเจ็บช้ำ

"ข้าอยากจะตายเสีย จะได้ไม่ต้องรกหูรกตาท่านพ่อ"  ร่างบางตัดพ้อ

ราวกับคนสิ้นหวัง

"อย่าพูดอย่างงั้นสิเจ้าคะ เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น พวกหม่อมฉันยังคงรัก

ได้อยู่ข้างท่านเสมอ อย่าคิดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ"  มาราตรีพูดอย่างร้อนรน

เพราะตกใจกับสิ่งที่ร่างบางเอ่ยขึ้น หากร่างบางตายไป

พวกนางจะอยู่ได้อย่างไร ร่างบางเปรียบเสมือนหัวใจของพวกนาง

เปรียบเสมือนลูกหลาน ที่เฝ้าดูแลมาตั้งแต่เล็ก

นางยอมไม่ได้

หากทูนหัวของนาง จะต้องจากพวกนางไป

" ฮือฮือ ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ฮือๆ"  ร่างบางยังคงร้องไห้

อยู่ในอ้อมกอดของมาราตรี เป็นเวลาเนิ่นนาน จวบจนกระทั่ง

มาราตรี รู้สึกว่าร่างในอ้อมกอด เริ่มหายใจสม่ำเสมอและนิ่งสงบลง

"โธ่ ทูนหัวของมาราตรี"  นางว่าพร้อมหันไปสั่งนางกำนัล ให้เช็ดตัว

และเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้แก่ร่างบาง เพื่อให้หลับได้สบายขึ้น

แล้วเหล่านางกำนัล ก็ดับไฟตะเกียง แล้วปิดประตู

เดินออกไปจากห้องนอนของร่างบางเพื่อให้ร่างบางได้พักผ่อน

แม้จะเป็นเพียงในความฝัน ร่างบางก็ยังคงมีคำถาม

คำถามทุกครั้งยามหลับไหล ถึงเรื่องราวของพระบิดา

ว่าเหตุใด จึงไม่คิดจะรัก หรือเอ็นดูร่างบางเลย

เหตุใดจึงผลักไส ทำราวกับร่างบางไม่ใช่ลูก

"นี่ใช่หรือไม่ ที่เขาเรียกกันว่า ลูกรัก ลูกชัง"
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-12-2017 18:01:55
เหมือนไม่ใช่แค่ไม่รักเลยอ่ะ ดูราวกับเกลียดเพราะเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนความผิดพลาดในอดีต แถมต้องปกปิดเพราะถ้าใครรู้จะอับอาย หึ
ทำอย่างกับว่ารักศศิมากมายจนทนดูลูกที่เป็นสาเหตุทำให้นางตายไม่ไหว แต่ที่จริงตัวเองก็ลืมนางไปแล้วเถอะ
ถ้าไม่ได้เจอกันวันที่ผณิคลอดก็คงไม่นึกขึ้นได้หรอก
ผู้ชายอย่างนี้ไม่น่าเป็นพ่อคนได้เลย แม่ศศิพลาดแล้วล่ะที่ฝากลูกไว้ในกำมือชายที่ไม่เหลียวแลนางแม้แต่น้อย
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-12-2017 18:19:44
ดราม่าปมครอบครัวนี่ชวนน้ำตาร่วงจริงๆ ทำไมพ่อถึงมองว่าเป็นความผิดของผณิละไม่ยุติธรรมเลยนี่ไม่ใช่ว่านอกจากพ่อไม่รักแล้วยังโดนลูกอีกคนของพ่อรังแกอีกหรอกนะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 21:39:47
บทที่ ๕ ปัญหา

ณ ริมฝั่งแม่น้ำ

สวบ

จ๋อม

นาคตนหนึ่งกำลัง ลงเล่นน้ำอย่างสบายใจ โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องมาที่ตน

นาคตอนนั้นยังคงว่ายเล่น อย่างไม่คิดอะไร โดยที่ไม่รู้เลยว่า ริมฝั่งแม่น้ำ ที่มีต้นกกขึ้นอยู่มากมาย

กำลังมีร่างสูงใหญ่ ผิดกับชาวนาค กำลังแอบซุ่มเพื่อทำการบางอย่างอยู่

แกร๊บ

เสียงฝีเท้าเหยียบใบไม้แห้ง ทำให้พญานาคตนที่กำลังเล่นน้ำอยู่ ตกใจ แล้วรีบขึ้นจากน้ำทันทีทันใด

"นั่นใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้ อย่าให้ข้าต้องใช้กำลังนะ"

กล่าวออกมาด้วยความไม่เกรงกลัว และหยิ่งผยอง และ ทันทีที่ กล่าวคำนั้นออกไป เงาของร่างสูงใหญ่ก็พุ่งตรงเข้ามา

กรงเล็บขนาดใหญ่เกินกว่า สัตว์ในป่าใดๆทั้งปวง กรงเล็บน้ำจิกลงบริเวณคอของนาค แรงบิดมหาศาล

ทำให้คอกระเด็นหลุดออกจากบ่า ได้ไม่ยาก พร้อมกับเงาสูงใหญ่ ที่ก้มลงมากัดกินซากศพของนาคตนนั้น

โลหิตสีแดงฉาน อาบทั่วบริเวณ ไหลลงแม่น้ำจนน้ำบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดง

แล้วร่างสูงใหญ่ก็หายไปในความมืดของรัตติกาลณท้องพระโรง

"องค์ราชาเสด็จ" เสียงของมหาดเล็กร้องตะโกนขึ้น เมื่อองค์ราชาแห่งเหล่านาค เสด็จขึ้นประทับบนบัลลังก์

ในท้องพระโรง สร้างของท่านอมาต ที่ดูมีอายุแล้ว ค่อยๆคลานเข่าเข้ามา และถวาย ความเคารพ พร้อม กราบทูล

เรื่องทุกข์ร้อนของประชา เหล่าปวงประชา แด่องค์ราชา

"พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมมีเรื่องจะ กราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ หลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้

มีเหล่านาคมากมายล้มตายเป็นจำนวนมาก บริเวณ ฝั่งแม่น้ำที่รอพวกเราอาศัยอยู่ แต่ละศพล้วนแล้วแต่ตายอย่างสยดสยอง

และ กระหม่อมคิดว่า เป็นการตายที่เกิดจากการ สังหาร ของพญาครุฑ เป็นแน่แท้ขอรับ" ท่านอำมาตย์กล่าวอย่างร้อนรน

สร้างความ แปลกใจ ให้แก่องค์ราชาเป็นอย่างมาก เนื่องด้วย เหล่า พญาครุฑ มิเคยลงมาสร้างความเดือดร้อนถึงเพียงนี้

สร้างความ หนัก พระทัยให้แก่องค์ราชาเป็นอย่าง มาก ด้วยเกรงว่าจะถูก เหล่าพญาครุฑคุกคาม จนไม่เป็นอันกินอันนอน

และเหล่าาประชาจำเป็นต้องเดือดร้อน

"เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก่อน เหล่าพญาครุฑไม่เคยลงมายุ่งเกี่ยวกับเราพญานาคเช่นพวกเรา ต้องมีเหตุอันใดเป็นแน่"

ร่างสูงสง่ากล่าวอย่างหนักแน่น

" ท่านมหาดเล็ก ท่านจง ส่ง สาร ไปให้แกราชาแห่งเมืองครุฑ ว่า ข้าจะขอเจรจากับพระ องค์" มหาดเล็ก รีบ กุลีกุจอ

ไปปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายจากองค์ราชา ท่านมหาดเล็ก ได้ทำการส่งสารไปยังเมืองครุฑ เนื้อความตามที่องค์ราชาได้ทรงดำริไว้

เพียงหวังให้สารฉบับนั้น เป็นตัวยุติเรื่องเดือดร้อนเหล่านี้ให้แก่เหล่าพญานาคทั้งปวงหลายวันต่อมาราชทูตจากเมืองครุฑ

ได้เดินทางมาขอเข้าเฝ้าองค์ราชาแห่งพญานาคทั้งปวง องค์ราชาทรง รีบเสด็จพร้อมด้วยมหาดเล็กและเหล่าเสนา น้อยใหญ่

มายังท้องพระโรงที่รับรองราชทูตจากเมืองครุฑ

" ถวายบังคมพะยะค่ะองค์ราชา ท่านมีเหตุอันใดจึงได้ส่งสารไปยังเมืองครุฑหรือพะยะค่ะ" ฑูตจากต่างเมือง พูดถึง

จุดประสงค์อย่างไม่อ้อมค้อม

"สวัสดีท่านทูตจากต่างเมือง ข้ามีเรื่องจะต้องถามท่าน เหตุใดหลายวันมานี้ มีเหล่าพญาครุฑลงมา ควรเปลี่ยน

ป้วนเปี้ยนแถวๆบริเวณริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นเหตุให้มีเหล่าพญานาคล้มตายเป็นจำนวนมาก" องค์ราชา ตรัสถามอย่างไม่อ้อมค้อมเช่นกัน

"หามิ ได้พะยะค่ะ ช่วงหลายเดือน มานี้ เกิดเหตุอาเพศ ขึ้นกับเมืองครุฑ ธรรมชาติที่เคยอุดมสมบูรณ์กลับแห้งแล้ง

ประชากรต่างหิวโหย และไม่แปลก ที่เหล่า ครุฑ จะต้องเลือก กิน พญานาค เพื่ออยู่รอด" ราชทูตตอบอย่างฉะฉาน เรา

กับไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น สร้างความ ไม่พอใจให้แก่องค์ราชาแห่งพญานาคเป็นอย่างมาก

"พวกเจ้าต้องการสิ่งใดตอบข้ามาเดี๋ยวนี้" องค์ราชาตรัสเสียงดังสนั่น คือความโกรธเกรี้ยว

"ทรงพระทัย เย็นก่อนเถิดพระองค์ องค์ราชาของ กระหม่อม ได้ส่งให้ ข้อเสนอแก่พระองค์" ราชทูตยังคงตอบอย่างสบายอารมณ์

"ว่า มา" องค์ราชาตรัส

"ทางเลือกที่ว่า มี 3 ทาง พะยะค่ะ 1 ท่านจะส่งบรรณาการ เป็นพญานาคไม่ว่าชายหรือหญิง จำนวน 7 ตน เพื่อสังเวยแก่เหล่าพญา

ครุฑในทุกๆเดือน" ราชทูตกล่าว

"เจ้า ว่าอะไรนะ ไม่มีทางเสียหรอก" คำพูดของราชทูต สร้างความเกรี้ยวโกรธให้มากขึ้น ในจิตใจขององค์ราชา

" หึหึ 2 ท่านเพียงแค่มอบพระโอรสหรือพระธิดา ที่เกิดจากพระองค์โดยตรง เพียงหนึ่งพระองค์ เพื่อให้อภิเษกสมรส

กับเจ้าชาย ของเมืองครุฑ และ 3 ประกาศสงคราม กับเมืองครุฑ"ราชทูตกล่าวยิ้มยิ้ม แต่สีพระพักตร์ของพระราชาแห่งเหล่านาค

กลับดูซีดเผือดเนื่องด้วยไม่ได้มีทางเลือกมากมายถึงเพียงนั้น แต่ไม่ว่าทางไหน เหล่าหน้าก็เสียเปรียบทั้งหมด

"องค์ราชา ของข้า ทรง ฝากมาบอกแก่ท่านว่า ให้เวลาแด่ท่าน ในการตัดสินใจเพียง 3 ราตรีเท่านั้น หากท่านยังไม่ตัดสินใจภายใน 3 ราตรี

จะเกิดสงครามแน่นอน จงคิดให้ดีๆนะพะยะค่ะ ท่านไม่ได้มีทางเลือกมากนัก" ราชทูตกล่าวอย่างเหนือกว่า

"หม่อมกราบทูลลา" กล่าวจบร่างสูงสง่าเกินกว่าเหล่าพญานาค ก็กลางปีและออกบินกลับไปสู่เมืองครุฑ.

องค์ราชาเกิดความร้อนรน

ในพระทัย หากพระองค์เลือกทางที่ 1 เหล่าประชาที่หารู้เรื่องไม่ ก็ต้องเดือดร้อนเพราะพระองค์ แต่หากเลือกทางที่

2 พระองค์ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องด้วยส่งรักลูก ไม่ว่าจะเป็นพระโอรสหรือพระธิดา พระองค์ก็ไม่สามารถให้ได้ ถึงจะมีพระโอรสถึง 4 องค์

และพระธิดาอีกสามองค์ ก็มีสามารถ ตัดใจมอบให้ได้ แต่ครั้งจะเลือกทางที่ 3 ก็เกรงว่าจะต้องแพ้เป็นแน่ ไม่มีทางที่จะชนะได้เลย

พระองค์ใช้ความคิด แล้วคิดอีก จน กระทั่งยำรุ่ง ก็ ทรงเผลอหลับไป เมื่อทรงตื่นจากบรรทมจึงออกไปเดินในสวนหลังตำหนักเล็กเพื่อคลายความเครียดของพระองค์

ณตำหนักเล็ก

ร่างบางของผณิ หลังจากหายไข้ และอาการทุเลาลง จนเกือบ หายเป็นปกติ ได้ออกมาเดินเล่นนอกตำหนัก แต่เพียงไม่ไกล เพราะเกรงจะโดนทำโทษอีกและแน่นอนว่าร่างบางมาเพียงองค์เดียวหาได้มีมาราตรี หรือ นางกำนัลตามมาด้วย ไม่ และประจวบเหมาะ กลับมาองค์ราชาทรงเสด็จมาถึง พอ ดี ทำให้องค์ราชาทรงทอดพระเนตรเห็นร่างบางและทรงนึกขึ้นได้ว่า ร่างบางเองก็ถือเป็นลูกของพระองค์เช่นกันจึงได้คิดแผนการขึ้นเป็นแผนการ ที่พระองค์จะไม่ต้องสูญเสียบ่วงประชา หรือ พระโอรสและพระธิดา อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องเกิดสงครามอีกด้วย

'ในที่สุดข้าก็เห็นประโยชน์ของเจ้า.ผณิ'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-12-2017 23:33:47
โอ้ยยยย ทำไมคุณพ่อใจร้ายแบบนี้ละคะไม่รักไม่เอ็นดูแล้วยังจะส่งไปอยู่ต่างเมืองอีก โดนแบบนี้ไม่ต่างกับการถูกเนรเทศผลักไสเลยนะ สงสารผณิ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 15-12-2017 23:34:56
ทำไมถึงใจร้ายกับผณิขนาดนี้
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 23:46:59
บทที่ ๖ ลวง

เมื่อองค์ราชาทรงคิดได้เช่นนั้น หากใช้แผ่นการ

นี้ พระองค์จะไม่ต้องสูญเสียสิ่งใดเลยแม้แต่สิ่งเดียว

อีกครั้งยังสบาย พระทัย อีกด้วย

ร่างสูงสง่า ย่างก้าวเข้าไปหาร่างบางที่กำลังชมต้นไม้

ดอกไม้อย่างเพลิดเพลิน โดยร่างบางไม่ทันสังเกต

ว่าบัดนี้ข้างหลังของตนมีองค์ราชาแห่งพญานาคทั้งปวงยืนอยู่

" ผณิ" เสียงทรงอำนาจตรัสเรียกชื่อของร่างบาง

ชื่อที่ไม่ได้ทรงเรียกมานานมากแล้ว

ทันทีที่ร่างบางได้ยินเสียงทรงอำนาจ ก็เกิดอาการหวาดผวา

รีบทรุดตัวลงนั่ง ก้มศีรษะลงแล้วตัวสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด

ไม่เแม้นแต่จะกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบ พระพักตร์ กับพระองค์

เอาแต่ก้มหน้างุดตัวสั่นอยู่เช่นนั้น

"นี่เจ้ากลัวพ่อถึงเพียงนี้เชียวหรือ" นี่นับเป็นครั้งแรก ที่องค์ราชา

ทรง เอ่ยพระโอษฐ์ ยอมรับว่า 'ผณิ' เป็นลูกของพระองค์

และด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบได้ ร่างบาง ที่กำลังก้มหน้าอยู่นั้น

ก็เกิด ร้องไห้ขึ้นมาเฉยๆ สร้างความแปลกใจและตกพระทัย

ให้แก่องค์ราชาเป็นอย่างมาก

"ลูก พ่อเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พ่อ ต้องขอโทษที่ผ่านมาละเลยเจ้า

ไม่ได้ดูแลเจ้าแต่อย่างใด ทำให้เจ้าเจ็บช้ำสารพัด พ่อขอโทษ"

คำพูดโป้ปด เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์ขององค์ราชา

ร่างสูงสง่าก้มลงไปประคองร่าง บางของ ผณิ ร่างบางยังคงนิ่งเงียบ

และแปลกใจกับสิ่งที่ตนได้เห็น ที่ผ่านมาองค์ราชาไม่เคย

มีท่าทีเป็นเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยพูดดีด้วยหรือแม้กระทั่งสบสายตา

แต่ครั้งนี้กลับทรงเรียกร่างบาง ว่า ลูก

ร่างสูงสง่ากกกอดร่างบอบบางอย่างทะนุถนอม

เมื่อร่างบางได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากอกผู้เป็นบิดา

ความแค้น ความอิจฉาที่มีกับมลายหายไปสิ้น กอดตอบบิดา

แน่น พร้อมร้องไห้ออกมาด้วยความปิติยินดี โดยยังหารู้ไม่ว่า

ทั้งหมดมันก็แค่เรื่องหลอกลวง

ในตอนนี้ภายในวังต่างรู้สึกฉงนสงสัยว่าร่างบางที่องค์ราชา

ทรงเก็บมาชุบเลี้ยง. และดูเหมือนพระองค์จะทรงรังเกียจอีกด้วยซ้ำ

แต่บัดนี้กลับได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักใหญ่

ราวกับเป็นพระโอรสพระธิดาของพระองค์เสียอย่างนั้น

แม้องค์ราชาจะได้ยินเสียงซุบซิบภายในวังหลวง เกี่ยวกับ

เรื่องเด็กหนุ่มที่ไม่ชอบมาพากลแต่แรก ก็เกิดความไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องทรงเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

เพื่อรอให้แผนสำเร็จ

ท่ามกลางวังหลวงที่ยิ่งใหญ่ ร่างบางรู้สึกตื่นตาตื่นใจ

ที่พระบิดาทรงเห็นใจและ ทรงให้ ย้ายเข้ามาอยู่ในวังหลวง

แม้จะรู้สึกไม่คุ้นเคยนะ และสัมผัสได้ถึงแล้วตารังเกียจจาก

เหล่านางกำนัลนางรับใช้มากมาย ก็เกิดความรู้สึกประหม่าและหวาดกลัว

แต่ก็ยังอดดีใจไม่ได้ ที่บัดนี้พระบิดา ได้ ยอมรับแล้วว่าตนคือลูก

และถึง แม้ คนในวังจะมองด้วยความรังเกียจ

แต่องค์ราชินีกลับไม่ได้รังเกียจร่างบางเลยแม้แต่น้อย

หนำซ้ำองค์ราชินียังมีท่าทีที่โอบอ้อมอารี และเอ็นดูร่างบาง

เป็นอย่างมาก ราว กลับทรงสงสารหรือเวทนาเสียอย่างนั้น

และด้วยความเมตตาขององค์ราชินี พระองค์ได้ทรงโปรด

ให้ร่างบางย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนัก ใกล้ใกล้กับพระองค์

อาจเป็นเพราะทรงรู้ถึงแผนการที่องค์ราชาตั้งไว้ และ

สงสารร่างบางที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลย

แต่กลับต้องมาเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมการเมืองนี้

องค์ราชินีเพียงอยากชดเชย ในสิ่งเลวร้ายที่ร่างบาง

กำลังจะได้เจอในอีกไม่ช้านี้

'ผณิเอ๋ย ข้าขอโทษที่ช่วยอะไรเข้าไม่ได้เลย เจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก'

องค์ราชินีได้แต่ทรงคิดในพระทัย ในเวลา 7 วันที่เหลืออยู่นี้

พระองค์จะดูแลร่างบางให้ดีที่สุด มันอาจจะชดเชยกับสิ่งที่

ร่างบางกำลังจะเจอก็ได้

เวลา 7 วัน ที่ร่างบางได้อยู่ในตำหนักขององค์ราชินีนั้น

ร่างบางเหมือนได้อยู่กับแม่ องค์ราชินีรักและคอยประคบประหงม

แต่ก็มีบางครั้ง ที่ เจ้าชายสิงขรร้องไห้งอแง

ไม่อยากให้แม่สนใจร่างบาง มากกว่าตน แต่องค์ราชินี

ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเพียงแค่ตักเตือนและปรับความเข้าใจ

กับเจ้าชายสิงขร ให้ เข้าใจในเรื่องราวที่ เกิด ขึ้น ณ ตอนนี้

"สิงขร ท่าน นี้เป็นพี่ชายของเจ้านะ อย่าได้ทำ กิริยา ไร้มารยาทเช่นนั้น"

ร่างบางมีความสุขมาก อย่างไม่เคยมีมาก่อน ร่างบางได้อยู่

กับครอบครัว ที่สมบูรณ์พร้อม จากที่เคยอิจฉาองค์ราชินีและเจ้าชายสิงขร กลับเปลี่ยนเป็นรัก เทิดทูน องค์ราชินีประดุจดังมารดา

ดูเวลาเจ้าชายสิงขรราวกับเป็นน้อง แท้แท้ที่เกิดจากแม่เดียวกัน

ณ  ท้องพระโรง

"องค์ราชา พะยะค่ะ สารจากราชทูตเมืองครุฑส่งมาถึงแล้ว พะยะคะ"

มหาดเล็ก กราบทูลองค์ราชา ถึงสารที่ได้รับมา

จากเมืองครุฑ ความในจดหมาย กล่าวว่า

'ในราตรีนี้ ขอให้ องค์ราชา ทรงส่งสาร ตอบกลับ

วาดทรงต้องการเลือกข้อเสนอข้อใด หากเป็นข้อ 1 หรือ

2 ให้ทรงส่งคนหรือพระโอรสพระธิดามาในราตรีนี้เลย

ถ้าหากเป็นข้อ 3 ก็ขอให้ยกทัพมา ในราตรีนี้ เช่นกัน'

องค์ราชาได้อ่านจดหมายฉบับนั้น ก็กระหยิ่มยิ้มในใจ

ว่า ข้ามีทางเลือกที่ไม่ต้อง สูญเสีย เลยแม้แต่คนเดียว

และคืนนี้ จะเป็น คืนที่แผนและทุกอย่างสำเร็จ เข้าที่เข้าทาง

‘ผณิจะต้อง............หายไป’
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 23:49:49
บทที่ ๗ ยอม

พลบค่ำ

ในค่ำคืนนี้ ทั้งเมืองหลวงประดับประดาด้วยโคมไฟ

สีต่างๆมากมาย ทั้งงานมีแต่เสียงดนตรีรื่นเริง

เหล่าพญานาคน้อยใหญ่ต่างจับกลุ่มกันเต้นรำ

อย่างมีความสุขและเพลิดเพลิน เป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว

ที่ภายในวังมิได้จัดงานเฉลิมฉลองเช่นนี้ และแน่นอน

ตั้งแต่เนิ่นนานนั้น ก็หมายถึง ตั้งแต่ ร่างบาง นามว่าผณิ

ย่างกรายเข้ามาในเมือง หรือจะเรียกให้ถูก ตั้งแต่ผณิเข้ามาที่นี่

รื่นเริงต่างๆก็พันหายไปราวกับว่าเมืองนี้โดนคำสาปให้ไร้

ความสนุกสนาน ไปนั่นเอง

เหล่าสนมนางกำนัลต่างเร่งจัดเตรียมแต่งกายให้เหล่าเชื้อพระวงศ์

และนั่นรวมถึงผณิด้วย เหล่านางกำนัล ในตำหนักของพระมเหสี

กลับแสดงท่าทางรังเกียจ อยากเห็นได้ชัด

ผณิเริ่มมีความรู้สึกกระวนกระวาย ประหม่าและวางตนไม่ถูก

ในใจของร่างบาง กลับคิดถึงนางกำนัลที่เคยอยู่ด้วยกันในตำหนักเล็ก

คิดถึงมาราตรีที่คอยดูแลเรื่องเสื้อผ้าการแต่งกายให้มาตั้งแต่ยังแบเบาะ

จู่ๆ ร่างสูงระหง งามงอนขององค์มเหสี ก็เสด็จเข้ามา

พร้อมต่อว่านางกำนัล "พวกเจ้าบังอาจ นัก ทำเช่นนี้กับพระโอรสได้อย่างไร หากไม่รีบแต่งตัวให้พระโอรสข้าจะสั่งตัดหัว พวก เจ้าให้หมด" สิ้นเสียง ประกาศ กล่าว

ขององค์ราชินี เรานางกำนัลที่มัวแต่ยืนเฉยก็ขมีขมันลุกขึ้นมา

ช่วยแต่ง องค์ทรงเครื่องให้แก่ร่างบาง ยังหาไม่ได้ และ

แม้นพวกนาง จะขาดใจและ กระฟัดกระเฟียด เพียงใด

ก็มิอาจขัดคำสั่ง ขององค์ราชินีได้ จึงได้แต่ก้มหน้าแต่งตัว

ให้ร่างบาง ด้วยความคับข้องในใจ

'หึหึ เจ้าตัวประหลาด อีกไม่นานเจ้าก็ จะโดน องค์ราชากำจัด

และเมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะไม่มีทางหยิ่งผยองพองขนได้อีก'

เหล่านางกำนัลที่มีจิตใจต่ำทราม ยังคงคับแค้น ใจ และสาปแช่ง

ร่าง บางทุกขณะ

ร่างบางหลังจากที่แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ พระมเหสี

ก็ทรงจูงมือร่างบางเดินออกไปยังบริเวณท้องพระโรงที่จัดงาน

แต่ร่างบางกลับหยุดยืนนิ่ง ตรงประตูทางเข้า

สร้างความแปลกใจให้แก่พระมเหสีเป็นอย่างมาก "เจ้าเป็นอะไรหรือ เหตุใดจึงไม่เข้ามา" องค์ราชินีตรัสถาม "หม่อมฉันเกรงว่า หากหม่อมฉันเข้าไปในงานนั้น

ผู้คนในงานจะพากันรังเกียจมองฉัน" ร่างบางกล่าว เสียงสั้น

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่มีแต่ผู้คนรังเกียจ ร่างบาง

แม้นจะไม่ได้พูดออกมา แต่สายตาที่มองมายังร่างบาง

ในครั้งก่อนก่อน กลับทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ

ราวกับโดนน้ำเย็นไหลอาบทั่วร่างกาย และทำให้ร่างกายแข็ง

จนไม่สามารถขยับได้ เมื่อคิดเช่นนั้น ร่างกายของร่างบาง ก็แข็งทื่อและ สั่นเทา

เหมือน กับลูกนกตัวเล็กๆ "ข้าจะอยู่ข้างๆเจ้าผณิ" มือเรียวกระชับจับ มือบาง

อย่างแนบแน่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านทำให้น้ำแข็งที่ควบคุม

จิตใจของร่างบาง ละลายลง ร่างบางย่างกายเข้ามาพร้อม

กับพระราชินีแห่งพญานาค สายตาทุกคู่ในงานเลี้ยง

จับจ้องมาที่ องค์ราชินี และเด็กหนุ่มที่เดินเคียงข้างราชินีมา

ร่างบางในคืนนี้ ดูงดงามราวกับอิสตรี ผมยาวสลวยสีดำสนิท

ตัดกับผิวขาวซีดเพราะไม่เคยโดนแดดข้างนอก

ริมฝีปากแดงระเรื่อดวงตากลมโตสี มรกต

จึงไม่แปลกเลยที่สายตาทุกคู่ จะมองมา ที่ร่างบาง

อย่างเสน่หา

องค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ทรงทอดพระเนตร เห็นร่างของ

องค์ราชินีคู่บัลลังก์ของตน เดินมาเคียง ข้าง กับร่างบาง

ที่คล้ายคลึงกับหญิงสาวที่พระองค์เคยทรง พบ มาก่อน

เป็นหญิงสาวที่ ที่อยู่ในความทรงจำในส่วนลึกของจิตใจของพระองค์ 'นางเป็นใคร เหตุใดข้าต้องสนใจนางด้วย

ในเมื่อข้ามีราชินีคู่บัลลังก์แล้ว ไม่ว่าหญิงสาว หรือ

หญิงคนนี้ไหนก็ไม่สำคัญ'

เมื่อร่างบางเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพระพักตร์

ร่างงามระหง ขององค์ราชินี เสด็จขึ้นนั่งเคียงคู่องค์ราชา

ร่างบางคำนับ ทำความเคารพผู้เป็นบิดาของตน ในตอนนี้

ชีวิตของร่างบางดูเหมือนอะไรอะไรจะดีไปเสียหมด แค่นี้ที่ร่างบาง

โหยหา ตอนนี้ มันอยู่กับร่างบางแล้ว " ลูกรัก พ่ออยากให้เจ้า สนุกกับงานที่จัดเพื่อ เจ้า ให้เต็มที่

อย่าได้เกรงกลัวหรือกังวลว่าผู้ใด จะ มองเจ้าไม่ดี

งานนี้จัดขึ้นเพื่อต้อนรับเจ้า และขอโทษที่พ่อเคยทอดทิ้งเจ้า

เรื่องผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้แล้วไปเถิด ขอให้ทุกท่านสนุกและ

เพลิดเพลินกับงานสังสรรค์ในคืนนี้ โปรดดื่มฉลอง

ให้แก่ลูกชาย ของข้า" เสียงทรงอำนาจ กล่าวขึ้น ทั่วท้องพระโรง

ก็ต่างโห่ร้องด้วยความยินดี แต่ก็เป็นเพียงภาพลวงตา

ที่หลอกให้ร่างบางตายใจเท่านั้น

เครื่องดื่มสีแดงราวกับเลือด ถูกส่งมาให้แก่ร่างบาง "นี่คือเลือด ของ นกอินทรีย์ ขอให้เจ้าดื่มเพื่อเป็นเกียรติแก่พ่อและพระมเหสี" ร่าง บาง รับแก้วที่มีของเหลวสีโลหิต เอาไว้ในมือ

แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะยกขึ้นดื่ม ยังคงลังเล

เพราะเกรงว่าจะเป็นอย่างที่มารตีเคยกล่าวไว้

'ท่านผณิเจ้าคะ อย่าได้ ดื่มโลหิต เป็นอันขาดนะเจ้าคะ

อาจจะอันตรายถึงชีวิตของท่านเลยก็เป็นได้ ' คำเตือน

ของนางกำนัลคนสนิท ลอยเข้ามาในจิตใต้สำนึกของ

ร่างบาง แต่ด้วยความที่ อยากให้ พระบิดาพอพระทัย

ร่างบาง กลับตัดสินใจที่จะดื่ม โลหิตสีแดงนั้น

แก้ว ทองเหลือง จรดที่ริมฝีปากของร่างบาง

พร้อมของเหลวสีชาด ที่ไหลลงสู่ลำคอ แม้นเพียงอึกเดียว ก็มากพอที่จะทำให้การมองเห็นของร่างบางเปลี่ยนไป

สายตาพร่ามัว สมอง เริ่มมึนงง หาทิศทางไม่ถูก

อีกทั้งยังคลื่นไส้และอยากอาเจียน ร่างบางล้มลง

และสลบไป ท่ามกลางสายตา ที่เย้ยหยัน ของคนทั้งท้องพระโรง

บัดนี้ หากร่างบาง ได้รับรู้ ก็คงจะทราบได้ ที่ผ่านมา

ที่องค์ราชา และทุกคน ประพฤติปฏิบัติดีต่อร่างบาง

เป็นเพียงแค่ภาพหลอก หลอกเพื่อใช้ ร่างบาง เป็นเครื่องมือ

ร่างที่นอนแน่นิ่ง ถูกนางกำนัล อุ้ม ไปยัง ขบวนเสด็จ

ที่มีเกวียน และ ม้า 2 ตัว โดยมีทหาร คู่ใจขององค์ราชา

ร่วมขบวนเสด็จไปด้วย

ในตอนนี้ ไม่มีใครสามารถช่วยร่างบางได้

ไม่มีใครรู้ว่าร่างบางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

แม้แต่พระราชินีเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

เพียงเพราะอยากให้ พระบิดา พอพระทัย ร่างบางถึงกับยอม

ทำในสิ่งที่ตนเอง มิ สามารถทำได้

'หากเป็นความประสงค์ของพระบิดา แม้นแต่ โลหิต ที่อาจคร่าชีวิตของหม่อมฉัน เพียงท่านพ่อเอ่ยปาก หม่อมฉัน ยินดีจะดื่ม ตามพระประสงค์'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 15-12-2017 23:52:28
ชีวิตของผณินี่รันทดมากๆเลยนะคะ(ชีวิตคนแต่งก็เช่นกัน การบ้าน มโหฬาร)

ขอบคุณทุกคอมเม้นและที่ช่วยตรวจคำผิดให้ค่ะ

เป็นกำลังใจให้กันเยอะๆนะคะขอบคุณค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-12-2017 00:43:03
สรุปผณิเป็นลูกจริงๆรึเปล่าเนี่ยทำไมถึงทำกันแบบนี้ แล้วนี่ส่งไปแบบนี้ชีวิตจะเป็นยังไงต่อไปละ

ปล.สังเกตุว่านักเขียนใช้คำว่าร่างบางค่อนข้างถี่ไปนะคะ เราว่าใส่ชื่อแทนตัวลงไปเลยจะดูไหลลื่นกว่าและไม่ขัดตาจนเกินไปนะคะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 16-12-2017 01:23:31
บทที่ ๘ รู้

'ข้าอยู่ที่ไหนกัน เหตุใดจึงร้อน อย่างนี้'

กลิ่นดอกไม้ อีกแล้วหรือ

'ท่าน ท่านเอง'

'โปรดรอข้าก่อน ท่านจะไปไหน กลับมาก่อน'

"กลับมา กลับมา!!!!!" ข้าสะดุ้งตื่นขึ้น จากความฝันที่แสนคุ้นเคย

แต่กลับไม่เคยชินซะที ทุกครา ที่เห็นแผ่นหลังกว้างนั้นเดินหายออกไป

รู้สึกราวกับ หัวใจกำลังจะแตกสลาย มันเจ็บเสียจนอยากจะฆ่าตัวตาย

ความทรมานราวกับตายทั้งเป็น มันจุกอยู่ที่หน้าอก อย่างบอกไม่ถูก

"ที่นี่ที่ไหนกัน" เมื่อข้าสังเกตดูรอบกาย ก็พบว่า ทัศนีย์ บริเวณรอบข้าง

แปลกตาไป และถ้าให้เดา ที่นี่ไม่ใช่เมืองบาดาลเป็นแน่ ที่นี่คือที่ไหนกัน ในใจ

เริ่มกระวนกระวาย รีบผลุดลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม สองขาเรียว ก้าวลงจากเตียง

แล้วตรงไปที่ประตู มือบางยื่นไปที่ สลักประตู เพียงผลักออกเบาเบา ประตูบานใหญ่ก็เเง้ม

ออกอย่างไม่ยาก ข้ารีบเดินออกไปจากห้องใหญ่นั้น ไปตามทางเดิน 2 ขา

ก้าวอย่างฉับไว จนกระทั่งพ้นประตูซุ้มบานใหญ่ แล้วก็ต้องตกตะลึงกับ วิวทิวทัศน์ที่แปลกตา

ทำเอาข้าถึงกับ ก้าวขาต่อไปไม่ออก

"ที่นี่ไม่ใช่เมืองบาดาล" วิวทิวทัศน์ที่แตกต่างจากเมืองบาดาลอย่างสิ้นเชิง

ภูเขาสูงสลับเสียดฟ้า ปลุกคลุมด้วยพืชพรรณนานา ลำธารสายและน้ำตก

หมู่มวลดอกไม้บานสะพรั่ง ทางเดินที่ทอดยาว ถูกปูด้วยหินอ่อน

ราวกลับจะนำพาไปที่ไหนสักแห่ง



เมื่อร่างบางหันกลับไปดู ที่ที่ตนเดินออกมา

ก็พบว่าเป็นตำหนักขนาดเล็ก ถึงจะใหญ่กว่าตำหนักที่ตนเคยอยู่ครั้งที่ท่านพ่อยังทรงรังเกลียด

แต่กลับดูกว้างขวางและหรูหรา แต่ก็เทียบไม่ได้กับพระราชวังเลย ผณิยังคงเดินเล่นอยู่ในสวน

เพลินเพลิน กับมวลดอกไม้ สองขาเรียวยาวเดินก้าวตามทางเดินหินอ่อน

แมกไม้ร่มรื่นจนร่างบางคิดว่านี่คงจะเป็นสรวงสวรรค์เป็นแน่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดตน

จึงมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ยิ่งเดินกลับยิ่งรู้สึกร้อนมิได้ร้อนจากอากาศแต่อย่างใด

หากจะเป็นในกายที่รุ่มร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น สายตาพลันเหลือบเห็นสายธาร

และไม่รู้ว่าเหตุอันใดดลใจให้ร่างบางคิดอยากจะเล่นน้ำขึ้นมา อาจเป็น

เพราะเชื้อของพญานาคที่ไหลเวียนอยู่ในตัว ครึ่งหนึ่งทำให้เมื่อเจอน้ำก็อยากจะ

ลงเล่นให้ชื่นฉ่ำอุรา เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้าสองมือเล็กปลดเปลื้องอาภรณ์

เหลือเพียงผ้านุ่งบางๆ แล้วกระโดดลงน้ำ แหวกว่าย เล่นอย่างสบายอารมณ์ ร่างบางว่ายตามน้ำ

ไปเรื่อยเรื่อย โดยคิดว่าคงไม่มีผู้ใด

ลืมเรื่องที่ตนมาที่นี่ได้อย่างไรไปชั่วขณะ

อีกด้าน

ร่างสูงสง่าสมชายชาตรี กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงสาว 2 นาง

ร่างอ้อนแอ่นแนบสนิทกับผิวเนื้อแกร่ง ทั้ง 3 กำลังแสดงบทรักต่อกัน

อย่างดุเดือดโดนมิอายฟ้าอายดิน

ผณิว่ายตามสายน้ำมาเรื่อยๆแต่ก็ต้องหยุด เพราะได้ยินเสียงครางกระเส่า

ของหญิงสาว ร่างบางหันซ้ายขวาหาต้นตอของเสียง. แล้วก็ต้องหยุดนิ่งสนิท

เมื่อสายตากลับไปสบเข้ากับร่างแกร่งของใครคนหนึ่งคนที่คุ้นเคยเสียเหลือเกิน

ชายที่เห็นในฝันมาเกือบทั้งชีวิตบัดนี้ชายผู้นั้นกำลังอยู่ตรงหน้าของตนแล้ว

แต่ร่างบางไม่อยากจะเชื่อ คนผู้นี้จะมาอยู่ต่อหน้าตน จึง

ยกมือขึ้นหยึกไปที่ แขน ของตัวเอง

"โอ๊ย!!!" ผลที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดยิ่งตอกย้ำว่าตนนั้นไม่ได้ฝัน

ไปเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจริงๆตรงหน้าและซ้ำร้ายเสียงร้อง

ของร่างบางทำให้ใครอีกคนได้ยินเสียง

"นั่นใคร เจ้าเป็นใครออกมาซะ อย่าให้ข้าต้องลงไปนำเจ้าขึ้นมา" ร่างสูง ขู่ เสียงหนักแน่น

และแสดงอาการโกรธ เมื่อกิจกรรมของตนโดนขัดจังหวะ และแน่นอนผณิ

ไม่คิดจะอยู่ตรงนั้นอีก จึงรีบว่ายน้ำหนีไปยังที่ที่ตนวางเสื้อผ้าอาภรณ์ไว้

ร่างสูงเริ่มโกรธกริ้ว ที่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไงคน ทีเรียก ก็ไม่ยอมออกมา

จึงรีบกระโจนลงน้ำ



ตู้มม



ร่างใหญ่รีบว่ายน้ำตามร่างบางที่เห็นหลังไวไว อีกคนยิ่งเพิ่มแรงในการว่ายมากขึ้นไปอีก

แต่ด้วยร่างกายที่ต่างกันมากจนเกินไป ทำให้ร่างบางเสียเปรียบกว่าเป็นไหนไหน

"ข้าบอกให้เจ้าหยุด เหตุใดจึงไม่หยุด อยากให้ข้าจับเจ้าได้เชียว" ร่างสูงกล่าวเสียงเขียว

คนตัวเล็กกว่าด้วยความตกใจ จึงว่ายน้ำหนีต่อไม่ยอมลดละ แต่ในที่สุดจนแล้วจนรอด

มือใหญ่ ก็คว้า เข้าที่ข้อเท้าของร่างบาง และออกแรงกระชากอย่างรุนแรง

"โอ๊ยข้าเจ็บ ปล่อยข้านะ"ผณิร้องลั่นด้วยความตกใจ ตะเกียดตะกายเพื่อ

หนีจากร่างสูงให้จนได้ มือใหญ่ที่ก่อนหน้า ได้คว้า ข้อเท้า บัดนี้ กลับ เปลี่ยนไปจับ

กระชากแขนบางให้เข้ามาปะทะกับแผงอกของตน

สายตาของทั้งสองสบกัน เรากลับเปลวไฟที่ลุกไหม้ขึ้นในหัวใจของผณิ

มิอาจปฏิเสธใจตนได้ ว่ามีความรู้สึกพิเศษกับคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อร่างสูงจับร่างบางได้ ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ ความเกรี้ยวกราดยิ่งทวี

แขนแกร่งก็อุ้มอีกคนขึ้นพาดบ่า แล้วเดินขึ้นจากลำธารเล็กๆนั้น

โดยไม่ทันสังเกตว่าผ้านุ่มผืนบางที่หอร่างของผณิอยู่นั้น กำลังจะหลุดไม่หลุดแหล่

" ปล่อยข้านะ ท่านจะพาข้าไปไหนปล่อยข้าลง" ร่างบางนิ่งอึ้งตะลึงได้ไม่นาน

ก็ร้องโวยวายออกมาเมื่อตัวของตน ลอยสูงขึ้นไปบนบ่าของร่างแกร่ง

เมื่อร่างสูงใหญ่พาผู้บุกรุกขึ้นมาจากน้ำได้ แล้ว สตรีทั้งสอง ทั้ง 2 ที่ ก่อนหน้า

ได้กระทำกิจกรรมบางอย่าง กับร่างสูง ก็วิ่งเข้ามาออเซาะ กอด ซบ ร่างสูง

แต่ก็โดนร่างสูงสะบัดออกด้วยความโมโห ตะบึงตะบัน

อุ้มร่างในวงแขนที่ร้องโวยวายอยู่บนบ่าเดินข้ามไปยังที่แห่งหนึ่ง

โดยไม่ได้สนใจผ้าผืนน้อยที่ ห่อกายร่างบางอยู่

ตำหนักสุวรรณ

ตุ๊บ

"โอ๊ย" ร่างสูงใหญ่เวียงร่างบางลงบนเตียง ด้วยแรงที่ไม่น้อยเลย

จนร่างบางเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ ตามด้วยร่างสูงที่ขึ้นคร่อมร่างบาง

กักขังร่างบางใต้ร่างด้วยแขนแกร่ง

"บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เจ้าเป็นใคร เจ้าหาใช่ครุฑไม่ เหตุใดจึงมาอยู่ในเมืองของข้า"

ร่างสูงเอ่ยถาม ด้วยเสียงเรียบเฉย เย็นชาและดุดัน สร้างความกลัวให้แก่ร่างบางได้มีน้อยเลย

"ขะ ข้าชื่อ ผณิ เป็นนาค" ร่างบางตอบติดขัด ด้วยเหตุที่กำลังตกใจ

และเขินอายที่ตนตกอยู่ในสภาพ ล่อแหลม เช่นนี้ และพยายามหาทางออกจากการกักกัน

ของร่างสูง แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะขนาดตัวของร่างสูงนั้นใหญ่กว่าตนเป็นเท่าตัว

ซึ่งทำให้ไม่ว่าร่างบางจะ ดิ้น เพียงไร ก็มิสามารถหลุดจากพันธนาการนี้ได้

"หึ นาคงั้นรึ พวกชั้นต่ำ" ชายหนุ่มลุกขึ้นจากพัฒนาการ ปลดปล่อยผณิให้เป็นอิสระ

จากอ้อมแขน ทันทีที่อีกคนผละตัวออกไป ร่างบางก็รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าไว้แน่น

เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นครุฑ จึงไม่แปลกที่จะเกรงกลัวแม้ในใจจะคิดนึกรัก

แต่ความหวาดกลัวนั้นกลับมีไม่แพ้กัน จึงได้แต่นั่งกอดเข่าสั่น ราวกับลูกนก

เนตรคมสังเกตเห็น ร่างที่ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด

มีเพียงผ้าผืนบางเท่านั้น ก็เกิดความรู้สึกสมเพช ร่างสูงจึงเดินเข้าไป

พร้อมเดินกลับออกมาด้วยผ้านุ่มผืนใหญ่แล้วโยนใส่ร่างบาง

"นุ่งเสีย ข้ามิอยากเห็นเรือนร่างอันสกปรกของเจ้า พวก นาคชั้นต่ำ" ผณิได้แต่สะดุด

กับคำพูดของอีกคน ที่กล่าวว่าตนเป็นชนชั้นต่ำ มันช่าง แทง ใจดำเสียเหลือเกิน

เพียงไม่นานร่างบางก็นุ่งผ้านั้นได้สำเร็จ และแทบจะทันทีที่นุ่งเสร็จ

คนใจร้ายก็ออกแรงกระชากแขนบางเดินตามตนไป

เท้าเล็กเดินตามร่างสูงมา จนกระทั่งได้รู้ว่า จุดหมายของเขา คือ

ท้องพระโรง ณ ตำหนักใหญ่

"เสด็จพ่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดพญานาคตนนี้จึงเข้ามาอยู่ในเมืองครุฑของพวกเราได้"

ร่างสูงกล่าวกับราชาพญาครุฑ ซึ่งก็คือพระบิดาของตนนั่นเอง

"เจอกันแล้วหรือ นี่คือคู่หมั้นของเจ้า พ่อจะ จัดงานอภิเษกสมรสให้เจ้าทั้งสองโดยเร็ว"

ราชาสุบรรณ ตรัสอย่างไม่ทรงทุกข์ร้อง

ผิด กับร่าง สูง ที่แสดงอาการโกรธเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด

ดวงตาเฉียบคมจ้องมองพระบิดาด้วยคำถามมากมาย เพราะด้วยที่ผ่านมา

พระบิดาจะส่งตามใจ ร่างสูงโดยตลอด มิเคยขัดใจเพียงสักครั้งเดียว

แต่นี่กลับคลุมถุงชน บังคับให้ร่างสูงแต่งงาน กับพญานาคชั้นต่ำ

ไร้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนก็มิรู้ได้

"ข้ามิแต่ง จะไม่มีการอภิเษกใดๆทั้งนั้น" ร่างสูงประกาศกล้าว

จนร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหลังสะดุ้งเฮือก

'นี่มันเกิดอะไรขึ้น' ร่างบางกำลังสับสน กับเรื่องที่เกิดขึ้น รู้แค่เพียงว่า

หลังจากที่ตนดื่มเลือดที่เสด็จพ่อมอบให้ ก็มีอาการต่างๆ มันช่างทรมานยิ่งนัก

แล้วก็หลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในที่แปลกตา มิคุ้นชิน แต่อย่างใด

และก็ได้เจอกับร่างสูง หลังจากนั้นร่างสูงก็พาตนมาในท้องพระโรงแห่งนี้

เพื่อเข้าเฝ้า องค์ราชาสุบรรณ เเล้วเรื่องอภิเษกคืออะไรกัน

"ขอประทานอภัย หม่อมฉันอยาก จะทูลถามว่า นี่คือเรื่องอันใดรึ หม่อมฉันอยู่ที่ใด

แล้วเหตุใดหม่อมฉันต้องอภิเษก กับท่านผู้นี้ด้วย" ร่างบางถามเสียงสั่น

"เจ้าคงยังไม่รู้สินะ พ่อของเจ้านี่ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก ราชา ไม่สิ พระบิดาของเจ้า

ได้มอบเจ้าให้อภิเษกกับบุตรชายของข้า เพื่อไม่ให้ชาวนาคทั้งหลายเป็นอันตราย

โดยแลกกับตัวเจ้าเพียงคนเดียว" สิ้นวาจาขององค์ราชาสุบรรณ ราวกับดวงใจของร่างบาง

ตกลงจากที่สูงจนแตกละเอียด ความจุกที่หน้าอก ไหลเวียนเข้ามา ความเสียใจวนอยู่ในหัวของร่างบาง

น้ำตาแห่งความเสียใจหลั่งไหลเต็มใบหน้าอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง

ไร้แรงที่จะยืนอยู่ต่อไป สองขาเรียว ทรุดลงกับพื้นต่อหน้าองค์ราชาสุบรรณ

และเสนานับร้อย ผณิทรุดลงร้องไห้อย่างไม่อายสายตา

เพียงเพื่อให้ความเจ็บปวดที่ได้รับ ได้ทุเลาเบาบางลง หากแต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น

ความเจ็บปวดยังคงเด่นชัดในความรู้สึก ตราบเท่าที่ความทรงจำอันเลวร้าย

ของร่างบางยังคงวนเวียนอยู่

'ข้ารู้แล้ว ว่าท่านพ่อเกียจข้าเหลือเกิน จึงได้ พระราชทาน ความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ให้แก่ข้า'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 16-12-2017 01:25:36
สรุปผณิเป็นลูกจริงๆรึเปล่าเนี่ยทำไมถึงทำกันแบบนี้ แล้วนี่ส่งไปแบบนี้ชีวิตจะเป็นยังไงต่อไปละ

ปล.สังเกตุว่านักเขียนใช้คำว่าร่างบางค่อนข้างถี่ไปนะคะ เราว่าใส่ชื่อแทนตัวลงไปเลยจะดูไหลลื่นกว่าและไม่ขัดตาจนเกินไปนะคะ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะจะปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-12-2017 07:47:51
นารูโตะสู่องค์ราชาก็ตลาดถึงพิธีอภิเษก คืออะไรคะ
คำผิด รังเกียจ ไม่ใช่ รังเกลียด
        เกลียด   ไม่ใช่ เกียจ
ระวัง อย่าใช้สลับกันค่ะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 16-12-2017 10:42:53
นารูโตะสู่องค์ราชาก็ตลาดถึงพิธีอภิเษก คืออะไรคะ
คำผิด รังเกียจ ไม่ใช่ รังเกลียด
        เกลียด   ไม่ใช่ เกียจ
ระวัง อย่าใช้สลับกันค่ะ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 16-12-2017 21:20:49
following
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 19:56:44
บทที่ ๙ เบี้ย

ร่างบางร้องไห้จนสลบไปในที่สุด ท่ามกลางสายตา ที่สื่อความหมายออกมา

แตกต่างกันไปของเหล่าครุฑในท้องพระโรง บ้างสมเพช บ้างรังเกียจ บ้างเวทนา

ถึงชะตากรรมของร่างบางที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายยิ่ง พระบิดาที่ใจร้าย

ต่อลูกในอกของตนเองได้ลงคอ มีเพียงสายตา สายตาหนึ่งเท่านั้น พี่จ้องมอง

ด้วยความว่างเปล่า

"หึ. เจ้านาค น่าสังเวช"

เหล่านางกำนัล พาร่างบางไปยังตำหนักที่ร่างบางหนีออกมาผณิยังคงสลบไสลไม่ได้สติ

ลมหายใจแผ่วเบา เป็นเพียงสิ่งเดียวที่บอกว่ายังคงมีชีวิตอยู่

ร่างกายแน่นิ่งราวกับเป็นหิน ดวงหน้ามน ถึงแม้ในยามหลับ

ยังแสดงถึงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด

ด้านองค์ขเดศวร

"โครม"

เสียงของกระจัดกระจายกระทบพื้นผนัง ในห้องบรรทม ดังสนั่น บ่งบอกได้เป็นอย่างดี

ว่าคนในห้องกำลังเกรียวกราดเพียงใด

ขเดศวร ยังคงขุ่นเคืองในใจถึงเรื่องที่ตนจำเป็นต้อง อภิเษก กับพญานาค

ที่ตนเกลียดนักเกลียดหนา ด้วยเหตุใดก็มิทราบได้ ความเกลียดชัง

และความคับแค้นต่อพญานาคทั้งหมด กลับสุมอยู่ในอกของร่างสูง เมื่อนึกถึงเรื่อง

ที่มารดาของตนต้องตายไปเพราะเหล่าพญานาค

แต่ แล้ว ร่างสูงก็ฉุกคิดได้ขึ้นมา ถึง วิธีที่ตนจะระบายความแค้นที่มีอยู่ในอก

ออกมาอย่างเต็มที่ และคนที่จะทำให้วิธีนี้ สำเร็จ มีเพียงคนเดียว นั่นก็คือ

'ผณิ'

ไม่นานนักร่างสูงก็พาตนเองมาอยู่ที่หน้าตำหนักของร่างบาง เมื่อร่างสูงย่างกายเข้าไป

ในสวนใจกลางของห้องบรรทม ก็พบกับ ร่างอรชรอ้อนแอ้น ที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ

คิ้วเรียวมุมเข้าหากัน ราวกับจะผูกเป็นปม บ่งบอกได้อย่างแน่ชัด ว่า ร่างบาง

มีเรื่องไม่สบายอกสบายใจ ร่างสูงต้องยอมรับ ว่า ในคราแรก ที่ได้เห็นหน้าของร่างบาง

ต้องยอมรับ ใน ความ งามของร่างบาง ถึงจะหลงใหลเพียงใด แต่ถ้าได้ชื่อว่าเป็นนาค

ร่างสูงก็พร้อมจะทำลายได้ทุกเมื่อ

ภายในห้องหาได้มีนางกำนัลคอยดูแลร่างบางไม่ เหล่านางกำนัลน้อยใหญ่ต่างพากันออกไป

ตั้งแต่พาร่างบางมาส่งถึงแล้ว จึงง่าย ต่อแผนการของร่างสูง

สองแขนแกร่ง ช้อนร่างบางที่มาไว้ แนบอก พาร่างบางเดินออกมานอกตำหนัก

แล้วกลางปีกบินออกไป ยังที่ที่หนึ่งที่ร่างบางไม่เคยเห็นแน่นอน

ณ ป่าบุษบา

ร่างสูง บินมาถึงป่าแห่งนี้ แล้ววางร่างบางลงบนโขดหิน ใกล้ๆกับต้นไม้ใหญ่

ป่าแห่งนี้ แม้จะเชื่อว่า บุษบา ที่แปลว่าดอกไม้ แต่กลับไม่ได้สวยงามของหวานดังดอกไม้เลย

มีภยันตรายมากมายที่พร้อมจะคุกคามผู้มาเยือนได้ทุกเมื่อ

มีเพียงชาวครุฑที่เป็นเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ที่สามารถหาทางออกไปจากป่าแห่งนี้ได้

ร่าง สูง ตั้งใจจะทิ้งร่างบางไว้ที่นี่ ให้โดนสัตว์ร้ายทำร้ายจนตายอย่างทรมานอย่างที่

มารดาของตน เคย ได้รับ มาทันทีที่ร่างสูงวางร่างบางไว้บนโขดหินเรียบร้อยแล้ว.

ปีกขนาดใหญ่ก็กลางออกอีกครั้งร่างสูงบินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เหนือป่าบุษบา

มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองของตนโดยไม่ได้หันกลับมาสนใจร่างบางอีก

"อือ"

เปลือกตาบางกระพริบถี่ๆ บ่งบอกว่าบัดนี้ร่างบางได้ตื่นจากนิทราแล้ว

ปวดหัว

ทำไมถึง มึนไปหมดอย่างนี้ ตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน ข้าจำได้เพียงลางๆว่าข้าร้องไห้

ในท้องพระโรงแล้วก็หลับไป ..... .ข้าคงถูกนำมาทิ้งอีกแล้วสินะ ทำไมชีวิตข้า

ถึงโดนทิ้งอยู่เรื่อยเลย แต่มันก็คงสมควรแล้ว ข้าเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องตาย

โดนแบบนี้ก็สมควรแล้วล่ะ

ข้าผุดลุกขึ้นยืน แล้ว เดินต่อไป ต่อให้ข้านั่งอยู่ที่เดิมอะไรอะไรก็ไม่ได้ดีขึ้น

สู้ไปตายเอาดาบหน้าเสียดีกว่า

ข้าเดินมาได้สักพัก คงไกลจากที่ข้าจากมาพอสมควร และแน่นอนข้ากระหายน้ำไม่น้อย

แต่ก็ ยังไม่มีวี่แววของแหล่งน้ำ ให้ข้าได้เห็นเลย คงต้องเดินไปอีกสักพัก

ข้าแทบไม่อยากจะเชื่อ ชีวิตของข้า ที่ผ่านมา มีเรื่องมากมาย ที่ทำให้ข้ารู้สึกด้อยค่าลงทุกที

ไม่ได้เป็นที่ต้องการตั้งแต่แรก เป็นแค่ตัว ซวย ที่ท่านพ่อยอมอุปการะเลี้ยงไว้

แต่ก็มิได้เคยมาดูแล แต่อยู่ๆท่านพ่อกลับใจดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีใครเป็นมา

ยอมรับข้าไปเลี้ยงดู ทำให้ข้าได้รู้จักความรัก ที่อบอุ่นของครอบครัว แค่เพียงเวลาสั้นสั้น

กลับทำให้ข้าสุขใจยิ่งนัก แต่สุดท้าย ท่านพ่อก็ทรยศหักหลัง หลอกลวงข้า ที่บอกว่ารัก

ที่บอกว่าห่วงใยและขอโทษ ก็เป็นแค่คำ โป้ปด หลอกให้ข้าเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่ง

เพื่อใช้ ให้ข้ามาในเมืองครุฑ แทน การที่จะต้องสูญเสีย พระโอรสและพระธิดาองค์อื่น

หรือแม้กระทั่ง ยอม แลกข้า กับประชาชน ของท่าน พ่อ ทรงยอมปล่อยให้ข้า

ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกคนหนึ่ง ถูกส่งมา เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการ โดยไม่ สนพระทัย

ว่าข้าจะเป็นตายร้ายดี ท่านพ่อของรู้สึกโล่งพระทัย ที่ตัวกาลกิณีอย่างข้า

ไปไกลหูไกลตา แม้นแต่มาที่เมืองครุฑ กลัวถูกเกลียดจากคนที่ข้าหลงรักมานานแสนนาน

แต่ถึงจะรัก แต่ความจริงกับความฝันมันต่างกันเหลือเกิน ในความฝัน ภาพที่เห็นดูสวยงาม

แต่ความเป็นจริง ท่านผู้นั้นกับเกลียดข้าเหลือเกิน แต่สิ่งที่เหมือนกัน ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ไหน

ข้าคือคนที่ไม่มีใครต้องการ เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะตายหรือจะอยู่ ก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

' แค่เบี้ยตัวหนึ่ง อย่าได้หลงสำคัญตัวผิดไปมากกว่านี้เลย'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 19:57:52
บทที่ ๑๐ นารีผล

ข้าเดิมมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่ทางออก หรือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบริเวณนี้เลย.

ข้าก็ยังคงเดินต่อถึงตอนนี้จะเหนื่อยแทบสิ้นสติ ก็จะไม่ให้ข้าเหนื่อยได้อย่างไร

ก็ทั้งชีวิตของข้าตั้งแต่จำความได้แทบไม่ได่ไปไหนไกลแค่แอบเข้าไปในสวน

ก็เหนื่อยหอบจนเจ็บหัวใจแล้ว. นี้ข้ากลับต้องมาเดินอย่างไร้จุดหมาย

และอีกไม่นานสติข้าคงจะดับเป็นแน่

ตุบ

ในที่สุดข้าก็ไปต่อไม่ไหว. และล้มลงหลับใหลด้วยความเหนื่อยในที่สุด

รุ่งอรุณ

หอม

หอมเหลือเกิน

ไม่ใช่กลิ่นดอกไม้ในฝัน

ข้าตื่นขึ้นด้วยความกระหาย และ กลิ่นหอมรัญจวนที่แน่ใจว่าหาใช่กลิ่นดอกไม้ในฝันเป็นแน่

เพราะกลิ่นนี้มิได้หอมเย็นแต่กลับหอมหวนชวนหลงใหล ลุ่มร้อนในร่างกาย

ข้าจึงเดินตามกลิ่นไปและได้มาหยุดอยู่บริเวณที่มีกลิ่นหอมแรงที่สุด มันคือต้นไม้ขนาดใหญ่

กว่าตัวข้าร้อยเท่า ในแต่ละกิ่งก้านมีดอกเล็กใหญ่มากมาย และดูเหมือนดอกของมันจะมีน้ำเก็บอยู่ไม่น้อยเลย

แต่นั่นก็ไม่น่าอัศจรรย์เท่ากับบรรดาหญิงสาวที่ห้อยอยู่ในแต่ละกิ่ง

นางเหล่านั้นล้วนแล้วแต่หน้าตาพริ้วพราวราวกับนางฟ้า และไม่เพียงบนต้นเท่านั้น

รอบกายของข้าก็เต็มไปด้วยเหล่านางๆทั้งหลาย

"แม่นางน้อย ท่านเป็นผู้ใดรึ " หนึ่งในกลุ่มหญิงงามเอยถาม พลางพาร่างอรชร

ของนางเข้ามาหาข้าในมือถือดอกไม้ที่มีน้ำหวาน ยื่มมาให้ข้า ถึงข้าจะลังเลแต่ความกระหายนั้นมีมากกว่า

"ขะ ขอบใจ" ข้ารับมาแล้วดื่มอย่างกระหายรสหวานอ่อนๆทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นจากความเหนื่อยล้า "ท่านเป็นใคร ยังมิได้ตอบข้าเลย"นางทวงคำตอบจากข้า "ข้า..." ยังไม่ทันที่ข้าจะได้ตอบก็มีเสียงแทรกขึ้น "อย่าตอบพวกนางนะ!!!!!" เสียงเล็กกล่าวขึ้น "เจ้าอย่าแส่"นางตรงหน้าตะวาดสาวน้อยผู้มาใหม่ "ถ้าไม่แส่ ท่านผู้นี้ก็คงเสร็จเจ้าเป็นแน่ ข้าไม่ยอมหรอก"นางตวาดกลับไม่กลัวเกรง นางทั้งสองเถียงกันไปมา

จนข้าเวียนหัว อยู่มือเล็กก็จับที่ข้อมือข้าแล้วออกแรงกระชากข้าเป็นสาวน้อยนางนั้นนั่นเอง

นางพาข้ามายังริมน้ำตกใกล้ๆมีต้นไทรที่สามารถพำนักไดอยู่ "ท่านเป็นใคร เหตุใดเป็นหญิงแล้วยังคิดมาเดินกลางป่ากลางดงเพียงลำพังเล่า"นางถามด้วยหน้าตาตึงเครียด.

ดวงตากลมจ้องมาที่หน้าของข้า. แต่เมื่อครู่นางพูดว่าข้าเป็นหญิงรึQ_Q "ข้าชื่อ ผณิและข้าเป็นชายหาใช่หญิงไม่ ข้าถูกนำมาทิ้ง"ข้าตอบตามความเป็นจริง "หา!!! ท่านเป็นผู้ชายรึ ออกจะงามเสียปานนี้"นางทำหน้าตกใจ ความใสซื่อของนางทำให้ข้าไม่กลัวนาง. ผิดกับพวกแรกที่ข้าเจอถึงจะงามปานใดแต่ก็แฝงด้วยอันตราย "ข้า เป็นนารีผล อยู่ที่ป่าบุษบาแห่งนี้แหละ"นางตอบชัดเจน นารีผล?? คือสิ่งใด "นารีผล คือสิ่งใดรึ"นางมองมาที่หน้าของข้า

. .. .... ...... แล้วนางก็ ...... ....

..

. "ฮ่าๆๆ ท่าน ท่านไปอยู่ไหนมา. ไม่รู้จักนารีผล "นางหัวเราะร่วนด้วยความขบขัน "นารีผลเป็น ผลของต้นนารี โดยต้นไม้ชนิดนี้จะออกดอก แค่ช่วงพระจันทร์เต็มดวงหรือขึ้น 15 ค่ำดอกไม้

ที่มาจากต้นนารี ก็จะเติบโตกลายเป็นผล โดยผลมีลักษณะเป็นรูปหญิงสาว แต่ละ ผล

จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป และ ทุกๆปี คนธรรพ์ และเทวดาทั้งหลาย ก็จะพากันหกเหินเดินอากาศ

มายังต้นนารีเพื่อเอามา เด็ด นารีผล ไประบายความใคร่ โดยทั่วไปแล้ว นารีผล จะมีอายุแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น

มีเพียงข้าที่มีอายุยืนยาวที่สุด เพราะว่าเอาแต่บำเพ็ญเพียร มิ ได้ร่วมรักให้กับผู้ใดเลย แล้วอีกอย่างนึง

น้ำหวานจากดอกนารี มีฤทธิ์ปลุกกำหนัด ที่รุนแรงพอสมควร หรือจะออกใน 1 ชั่วยามหลังจากดื่มเข้าไป"

นางไล่ยาวจนข้าเหนื่อยแทน

"ออ อย่างนี้นี่เองหรือ ว่าแต่ เหตุใดเจ้ามีให้ข้าบอกชื่อกับพวกนางเล่า"ข้าค่องใจจิงถามไป

"พวกนางนึกว่าท่านเป็นหญิงน่ะสิ ถ้าท่านบอกชื่อพวกนางก็จะฆ่าท่าน. และถ้านางรู้ว่าท่านเป็นชาย

นางก็จะปู้ยี่ปู้ยำท่านจนแห้งตายไงล่ะ"นางพูดจนข้าเห็นภาพ ช่างหน้าขนลุกเสียจริง

ข้าได้รู้ว่านารีผลเป็นนารี ที่มีความงามแต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยตัณหาและราคะ

เป็นเวรกรรมจากกามทั้งสิ้นเกิดมาเพียงเพื่อรองรับความใคร่ของผู้ที่ครอบครองอยู่ได้เพียง7วันก็สลายไป

'ช่างน่าเวทนาเสียจริง นารีผล ทั้งหลาย'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 19:59:48
บทที่๑๑ บรรจบ

"ตื่นเร็วท่านผณิ!!!!!!" เสียงสาวน้อยนารีผลปลุกข้าพร้อมแรงเขย่าที่หัวไหล่อย่างแรง

ตัวเล็กนิดเดียวแต่แรงกายกับมากมายจริงเชียว นำเสียงของนางกลับฟังแล้วดูร้อนรน

"มีอันไดรึ "ข้าค่อยๆลุกขึ้นหนังพลางถามด้วยเสียงงัวเงีย

"พวกนั้นจะมากันแล้ว รีบหนีเถอะท่าน!!!!!"แล้วนางก็กระชากแขนให้ข้าออกวิ่ง

นางพาข้าวิ่งมาไกลพอสมควร แต่เราหนีอะไรกัน "นี่เจ้าหนีอะไรรึ"ข้าถามด้วยความสงสัย

"พวกที่มาพาเหล่านารีผลไปบำเรอน่ะสิท่าน หากพวกนั้นเห็นก็จะพาท่านไปทำย่ำยีเสียน่ะสิ"

นางตอบทั้งๆที่ยังหอบอยู่

"หนีไม่พบหรอกนะ หึหึ" เสียงเข้มดังมาจากหลังต้นไม้ใหญ่

"หนีเร็วท่านน"นางร้องด้วยความตกใจพลางฉุดมือข้าออกวิ่งอีกครั้ง

ฉึก

ลูกดอกขนาดเล็กถูกยิงออกว่าจากหน้าไม้ วิถีของมันพุ่งตรงมาที่สาวน้องข้างข้า

ข้าไม่อาจปล่อยให้นางโดนยิงได้ ร่างของข้าพุ่งเข้าไปเพื่อบังลูกดอกให้แกนาง.

ฉึก

ทันทีที่ข้าโดนลูกดอกแทรกลึกเข้าไป ก็เริ่มมึนงง ปวดบริเวณแผลที่โดนยิง

....

เเละสติข้าก็ดับไป

....

สาวน้อยนารีผลรีบวิ่งไปรับร่างของเพื่อนร่วมทาง

"ท่านผณิ"นางเขย่าร่างบางที่สิ้นสติพลางหันไปต่อว่าร่างหนาที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ฉึก

ลูกดอกอีกลูกถูกยิงมาที่นางและนางหมดสติลงเช่นเดียวกับร่างบางทันที

ร่างหนารีบพาร่างทั้งสองขึ้นบ่าแล้วกางปีกออกบินขึ้นพาตรงไปยังเมืองครุฑอีกครั้ง

. . . .

'ผณิ' เสียงอ่อนโยนเปล่งเรียกร่างบาง

'ฮึก ฮือๆ อึก ฮือๆๆ'

ร่างของผณิกำลังร้องไห้ น้ำตามากมายหลั่งไหลราวกับว่ามันจะไม่หยุดอีกเลย

สัมผัสบางเบาบรรจงลูบศีรษะเบาๆ สัมผัสที่ร่างบางโหยหามานาน สัมผัสที่อบอุ่น

อ่อนโยนและปลอดภัย

.. . . 'แม่ขอโทษ' . .

..

'ฮือๆ'

แค่เพียงคำขอโทษ ก็ทำให้ร่างบางร้องไห้ออกมาหนักขึ้นราวใจจะขาดความรู้สึกที่ปวดร้าวถูกขับออกมา

กับน้ำตาที่หยดลงบนแก้มใส  สัมผัสบางเบายังคงลูบไล้อยู่ที่ศีรษะของร่างบาง

.. 'แม่จะต้องไปแล้ว'

สัมผัสนั้นค่อยๆจางหาย ร่างบางพยายามไขว่คว้าแต่ที่ได้คือความว่างเปล่า สองมือหดกลับเข้ามากอดตัวเองแน่น  ..

. แม่. .

..

"เฮือก!!!!"ร่างบางสะดุ้งขึ้นมาจากนิทรา

"ตื่นแล้วรึท่าน! เป็อย่างไรบ้าง ข้าตกใจแทบแย่ พวกเราโดนจับมาที่ใดข้าก็หารู้ไม่ เราจะทำอย่างไรดี!!" นารีผลถามยาวจนข้าก็มิรู้จะทำเช่นไร.  แต่ยังไม่ทันทำอะไรร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของข้า "ท่านผณิท่านไปทำอันใดที่ป่าหรือพะยะค่ะ"ร่างหนาเอ่ยถามยิ้มๆแต่แววตากลับน่ากลัวยิ่งนัก "แล้วเจ้าเป็นใครล่ะ แส่อะไรกับท่านผณิ"สาวน้อยนารีผลรีบออกรับแทน "ข้าถามท่านผณิมิใช่เจ้า นังชั้นต่ำ"สิ้นเสียงของร่างหนามือใหญ่ก็ผลักร่างของสาวน้อยนารีผลออกอย่างแรง.

ร่างเพรียวปลิวไปกระแทกกับผนังจนหมดสติไป ร่างบางอึ้งกับภาพตรงหน้าจนตัวสั่นเพราะความกลัวถึงอยากจะเข้าไปช่วยร่างเพรียวก็กลัวคนตรงหน้าจะไม่พอใจ "เอาล่ะพะยะค่ะ ตอบหม่อมฉันได้เเล้วกระมัง ว่าท่านไปทำอันไดที่ป่า"ร่างหนาหันมาถามร่างบางราวกับไม่มีอันไดเกิดขึ้น "ข้า ขะ ข้า ปะไปเดินเล่นน่ะ"ร่างบางตอบตะกุกตะกัก "หึเดินเล่นไกลเสียจริง .คงมิได้คิดหนีใช่หรือไม่" "หนีอันไดกันที่นี่ที่ไหนข้ายังมิรู้เลย"ร่างบางตอบเสียงแผ่ว

"หึหึหึ ท่านล้อข้าเล่นรึ ที่นี่เมืองครุฑอย่างไรเล่า"

'นี่มันเรื่องตลกอันไดทำไมกัน ข้าต้องกลับมาบรรจบกับเมืองครุฑด้วย'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:01:10
บทที่๑๒ เกลียด

นี่มัน เรื่อง ตลกอะไรกัน ในครั้งแรก ข้ากลับนึกเสียอีกว่าพญาครุฑ เหล่านี้ต้องการให้ข้าตาย

จึงได้พาข้าไปปล่อยในป่า แต่นี้มันอะไรกันกลายเป็นว่าข้า หนี ออกมาเสียอย่างนั้น

เจ้าครุฑนี้ต้องการอะไรกันแน่

"เอาล่ะ พะยะค่ะ ในเมื่อท่านเสด็จกลับมาแล้ว ก็เตรียมตัวเถิด พิธีจะเริ่มในอีกไม่ช้า"

"พิธีอะไร" ร่างบางร้อง ถาม

"หึๆ เดี๋ยวก็ทรงรู้พะยะค่ะ"

ท้องพระโรง

เหล่านางกำนัลและพวกข้ารับใช้ ต่างวุ่นวายกับการจัดเตรียมงานสำคัญของเหล่าครุฑทั้งหลาย

และจะเป็นงานอะไรไปไม่ได้นอกจาก งานอภิเษก ด้วยองค์ราชาทรงรีบเร่ง

จึงได้รับสั่งให้มีการจัดงานภายในราตรีนี้ และแน่นอน เจ้าบ่าวและเจ้าสาวไม่มีทางรับรู้ได้

เรียกง่ายๆก็คุมถุงชนนั่นแหละ

องค์ราชาแห่งครุฑ ทรงนั่งยิ้มกริ่มอยู่ในใจ ในอีกไม่ช้า ก็จะมีผู้ลบล้างวิกฤต

ที่เกิดขึ้นกับเหล่าเผ่าพันธุ์ของพระองค์ อีกทั้งผู้ที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ ถึงแม้จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นศัตรูกัน

แต่ความงดงามก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใดเลย จึงทรงคิดไปเองว่า หากอภิเษกไป

พระโอรสของพระองค์ก็คงจะชื่นชอบในเจ้าสาวที่พระองค์ทรงเลือกให้ ไม่ว่าพระโอรสนั้นโกรธเป็นฟืนไฟ

อย่างไรก็ตามพระองค์ทรงรู้ว่าจริงๆแล้วพระโอรส ไม่ได้ชื่นชอบเจ้าสาวที่พระองค์ทรงเลือกให้

แต่จะทำอย่างไรได้ มันเป็นเพียงทางเดียว

และแน่นอน ทหารที่ไปรับ ตัวเจ้าสาวกลับมานั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่น เขาคือทหารคนสนิทของพระราชาเอง

พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว ว่ามันจะต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่ จึงได้ให้ทหารคนสนิทเข้าไปเฝ้าอยู่ในป่าบุษบา

และเมื่อทหารคนสนิทพบร่างบาง กำลังเดินโซซัดโซเซอยู่กับนารีผลตอนนั้น

ก็คิดว่าร่างบางนั้นหนีออกมาจากตำหนัก จึงได้รีบเข้าไปจับตัวทั้งสองไว้ และพากลับมายังเมืองครุฑ

โดยหารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วพระโอรสเป็นผู้นำร่างบางไปทิ้งไว้

ด้านร่างสูงก็กำลังสำเริงสำราญอยู่กลับเหล่านารีทั้งหลาย โดยหารู้ไม่ว่าคนที่พระองค์เกลียดนักเกลียดหนา

กำลังจะถูกยัดเยียดให้เป็นภรรยาแล้ว และแน่นอนหากพระองค์รู้ต้องโกรธ และอาละวาดเป็นแน่

"องค์ขเดศวร พะยะค่ะ มีรับสั่งจากองค์เหนือหัว ให้พระองค์ เตรียมตัวได้แล้วพะยะค่ะ" ข้ารับใช้กล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม ร่างสูงลุกขึ้นจากเหล่านารีด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นที่โดนเรียกตัวในขณะที่กำลังเสวยสุข

แต่ก็ยอมลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่โดยดี ถึงแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง เพราะฉลองพระองค์ที่สวมใส่

อีกทั้งเครื่องทรง ล้วนเต็มยศ ทั้งสิ้น

เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามา ณ ท้องพระโรง ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความโกรธเกรี้ยว

เมื่อเห็นร่างบางยืนอยู่ในพิธีและพระองค์รู้ได้ทันที วันนี้คือพิธีอภิเษกสมรสของพระองค์กับร่างบางที่ทรงเกลียดนักหนา

แต่เมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นพระบิดา ก็คงสงวนท่าทีอาการโกรธไว้ มีให้พระบิดาเห็น

แสร้งทำเป็นอมยิ้มราวกับมีความสุขอย่างไรอย่างนั้น ทั้งทั้งที่ในใจแทบอยากจะฆ่าร่าง บางตรงหน้า ให้ตายคามือ

พิธีดำเนินต่อไปจนกระทั่งจบพิธี เช่นเดียวกับความอดทนของร่างสูง

ที่ต้องทนปั้นหน้าเป็นยินดีเมื่ออภิเษกกับร่างบาง อย่างแยบยล

ด้านร่างบางบัดนี้อาการรุ่มร้อนแปลกๆกำลังเข้ารุมเร้า. พลันช่วงกลางลำตัวกลับตื่นขึ้นอย่าง

ไม่สามารถห้ามได้ ความต้องกลางพุ่งสูงขึ้นเลือดสูบฉีดจนใบหน้าหวานเริ่มแดงก่ำ

ลมหายใจหอบถี่จนรู้สึกเหนื่อย ในสมองเบลอความคิดมากมายตีวนจนขาวโพลน

หารู้ไม่ว่าตอนนี้ตนได้เข้าพิธีอภิเษกเสียเเล้วพิธีที่ไร้ซึ่งความรักเสน่ห์หา.

เต็มไปด้วยความเกลียดชังและผลประโยชน์ที่ร่างบางไม่ได้รับ ร่างบางถูกจัดให้ทำนู่นทำนี่

ทั้งๆที่ร่างบางไม่มีสติหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเสร็จสิ้นพิธี ก็ถึงเวลาส่งบ่าวสาวเข้า ห้องหอ ที่เตรียมไว้ ร่างเล็กร่างกายอ่อนปวกเปียก

จนไม่สามารถครองสติได้ต้องอาศัยพักพิงร่างกายกับร่างสูง แต่ยิ่งร่างกายสัมผัสกันร่างสูงมากเท่าใด

กลับยิ่งรุ่มร้อนจนทนมิได้.

"อือ อ๊า"ร่างเล็กปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน เสียงน่าอายหลุดออกมาอย่ามิได้ตั้งใจ

"หึ. เจ้าเป็นอะไรรึไม่ นาค เอ้ย ไม่สิ เจ้ามีนามว่าอันใด"ร่างสูงแสร้งถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

เป็นห่วงเป็นใย แต่ใจนั้นกลับขยักแขยง เกลียดชังร่างมากมากเหลือเกิน

" ผะ ....ผณิ"ร่างบางตอบตะกุกตะกัก

"ข้า ..จะขอ..ตะ ตัวไปชำระกาย...นะขอรับ อึก"ร่างบางพูดเสียงอ่อน

"หึ เจ้าพูดเสียห่างเหินเชียว ตอนนี้เราเป็นผัวเมียกันแล้วนะ" เสียงทุ้มนุ่มกล่าว พระหัตถ์หนาเอื้อมสัมผัสใบหน้าหวาน

ปลายนิ้วเรียวเกลียผมยาวสลวยที่ละใบหนาเนียน พลันสายตาคมก็สบกับดวงตาหวานเชื่อม ที่เย้ายวนด้วยฤทธิ์กำหนัดที่รุนแรงขึ้น ร่างบางอ่อนไหวกับคารมหวานซึ้งของร่างสูง

'รัก. ข้ารัก ท่านเสียแล้ว ชายในฝัน ที่รักของข้า'

ร่างสูงต้องยอมรับว่าร่างตรงหน้านั้นช่างแสนเย้ายวนยั่วราคะเสียเหลือเกิน

'ช่างน่าขยี้ให้เเหลกคามือ. หึหึ'

มือหนาเลื่อนไล้มาตามโครงหน้าหวาน ผ่านต้นคอ ระหง ร่างบางสั่นสะท้านยืนนิ่งราวกับถูกมนต์สะกด มือใหญ่ยังคงเล้าโลมไปตามร่างกายบาง อาภรณ์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกปลดเปลื่องลง

จนเผยให้เห็นถึงดอกตูมสีอ่อน ร่างสูงหารอช้าไม่ พระโอษฐ์ได้รูปประทับลงดูดดุนยอดดอกพร้อมขบกัด

"อ๊ะ อึก เจ็บ อย่า ท่านได้โปรด อ๊า"ร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัวเเละความกระสันที่มิเคยได้ประสบ

นับตั้งแต่ถือกำเนิดมา มือเล็กพยายามผลักไสคนร่างสูงออกห่างจากดอกตูม

ส่วนกลางเล็กตั้งชันขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ปลุกกำหนัดมากขึ้นจนร่างบางแทบสิ้นสติ

เฮือก!!!!

เรือนกายบางสะดุ้ง มือใหญ่กอบกุมไปยังส่วนกลางพลันขยับ อย่างรุนแรง

"อ้า ..อะ ยะ อย่า. อิ อึก ..หะ หยุด "ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เข้ามาสู่ร่างบาง เสียงครวญครางหวานหูดังลั้น

สร้างความสะใจให้แก่ผู้กระทำอย่างมาก

"อะ อ๊า!!!! "

สิ้นเสียงบางน้ำนมสีขุ่นก็พวยพุ่งออกมาจากสวนกลางสีหวาน ราวกับน้ำพลุ.เป็นครั้งแรกที่ร่างบางได้เสร็จสม

ความคิดร่างบางว่างเปล่า พร้อมสติที่ดับลงไป

"หึหึ ร่านดีจริงๆเห็นแก่ที่เจ้าน่าสนใจ ข้าจะสนองให้เจ้า จนกว่าเจ้าจะร้องขอความตายจากข้า" ร่างสูงกล่าว

พลันเดินออกไปจากตำหนักเล็กที่เป็นห้องหอของตนกับร่างเล็กโดยหาสนใจร่างที่สลบไสลอยู่บนแท่นบรรทมผู้เดียวไม่

'ต่อให้เจ้าจะสวยงามเย้ายวนเพียงใดข้าก็จะทำลายเจ้าให้ย่อยยับข้าเกลียดเจ้า ผณิ'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:02:24
บทที่๑๓ เชื่อ

จิ๊บ จิ๊บ

รุ่งอรุณทักทายท้องนภากว้างใหญ่ สายลมเย็นเอื่อยๆพัดโชนผ่านเข้ามาในตำหนักเล็ก ล่องลอยเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ สายลมสัมผัสร่างเปลือยเปล่าของร่างบางที่กำลังหลับใหลบนแท่นบรรทม

"อืม..."เสียงครางเบาๆในลำคอเป็นสัญญาณ ว่าบัดนี้ร่างบางได้ตื่นขึ้นจากนิทราแล้ว เปลือตาสีซีดค่อยๆเปิดลืมขึ้นช้าๆ

ร่างบางค่อยๆขยับลุกขึ้นนั่งช้าๆบนแท่นบรรทม พลันรู้สึกได้ถึงคราบคาวที่ตนปล่อยไว้เมื่อคืน ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีแดงปลั่งราวลูกตำลึงสุก ด้วยความเขินอาย

'เมื่อคืนไม่ใช่ฝัน ทั้งเรื่องการอภิเษกและเรื่อง..." ⁄(⁄ ⁄•⁄ω⁄•⁄ ⁄)⁄ ร่างบางเขินอายยิ่งไปอีกเมื่อนึกถึงคำหวาน ที่ร่างสูงเอื่อนเอ่ย *"*หึ เจ้าพูดเสียห่างเหินเชียว ตอนนี้เราเป็นผัวเมียกันแล้วนะ"

พลันความรู้สึกคับแน่นในอกและหัวใจที่เต้น รุนแรงมากขึ้นก็แทรกเข้ามา รอยยิ้มหวานที่ไม่ได้ปรากฏมานาน บัดนี้มันได้ประดับอยู่บนใบหน้าขาวของร่างบาง หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามากเหลือเกิน แต่บัดนี้ร่างบางมีชายคนที่รักร่างบาง และร่างบางก็รักเขาเช่นกัน

แต่

เหมือนร่างบางจะลืมอะไรไป...

....นารีผล….

ง่า...เจ็บจริงเชียวเจ้าครุฑนั่นอย่าให้ข้าเจออีกนะ จะจับถอนขนให้เป็นไก่ต้มเลย หลังจากที่ข้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากรบาดเจ็บ ราวกับกระดูกหัก(ถึงข้าจะไม่มีกระดูกให้หักก็เถอะ) ข้าก็รีบมองหาท่ามผณิทันที ข้าอยู่ในห้อง ที่เจ้าครุฑไก่ต้มนั่น  จับข้ากับท่านผณิมาเมื่อวาน จะว่าไปตั้งแต่ข้าเจอท่านผณิจนถึงบัดนี่ก็ผ่าน มาเป็นเวลา3วันเห็นจะได้แล้ว ว่าแต่ท่านผณิอยู่ไหนนนน(´⊙ω⊙`)

...ผณิ….

ข้าลืมอะไรไปนะ

อืม

ออ

นารีผลนี่เอง

"ท่านผณิ!!!!!! "ยังไม่ทันที่ข้าจะได้ออกไปตามหาเสียงของนางก็แว่วดังมาแต่ไกล "ข้าอยู่ในห้องนี้!!!"ข้าตะโกนตอบเสียงนางไปไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ข้าเกรงว่านางจะเข้ามาเห็นคราบคาว  และข้าก็เหนียวตัวมากด้วยจึงเดินไปยัง ห้อง ที่คาดว่าจะเป็นห้องอาบน้ำเป็นแน่

ใช่จริงๆด้วย นี่คือห้องอาบน้ำ ถึงแม้จะไม่ได้ เลิศหรูมากมาย ก็งดงามพอทำให้ข้าตะลึง ได้ มีอ่างน้ำขนาดใหญ่ ที่มีน้ำอยู่เต็มเปี่ยม  กลิ่นกำยานอ่อนๆ ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ข้าหารอช้าไม่รีบก้าวเท้าลงสู่สายน้ำ พลางรวบผมสีนิลที่ยาวถึงกลางหลังขึ้นเป็นมวย .. ..

. เเบบที่มาราตรีเคยทำให้ ป่านนี้มาราตรีจะเป็นอย่างไรบ้างนะ .. .. .

"ท่านผณิ!!!!"

ร่างเล็กวิ่งมาถึงห้องที่พักของร่างบาง ก็ร้องเรียกหาด้วยความเป็นห่วง

"ข้าอยู่ในห้องน้ำ เจ้ารอสักครู่" เสียงร่างบางขานรับ แล้วหันไปรีบขัดสีฉวีวรรณ ต่อจนเสร็จ ก็หยิบเอาผ้านุ่ง นุ่งออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็พบนารีผลยื่นผ้าโจงมาให้ "ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางถาม "ข้ามีความสุขเหลือเกิน ข้าได้เจอชายในฝัน" ร่างบางกล่าวพร้อมใบหน้าที่เปี่ยมสุข

“ข้าเชื่อว่าเขาจะรักข้า และมอบความอบอุ่นให้ข้า”

ร่างบางยังคงพร่ำเพ้อถึงแม้ในใจของร่างบางนั้น

ยังคงกังวล  กลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่ร่างสูงมอบให้

สักวันมันจะหายไป  แต่ก็ยากเหลือเกิน

ที่จะปล่อยให้ความรักนั้นหายไป

รักเหลือเกิน

ข้ารักท่าน

รักที่ดูโง่เหลือเกิน ไม่รู้จักแม้แต่นามของท่าน

ไม่รู้แม้กระทั่ง อัชฌาสัย ใจคอหรืออันใดทั้งสิ้น

รู้แค่รัก

อันความจริงแล้วความรักคือสิ่งใดข้าก็ไม่อาจแน่ใจได้

แต่ภายในของข้าสัมผัสได้ว่าความรู้สึกที่ข้ามีให้

แก่ท่านผู้นั้นคือความรักเป็นแน่

จะผิดหรือไม่

ที่ข้าเลือกจะรักในสิ่งที่อยู่ในใจข้ามาตลอด

เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ข้ายินดีจะมีชีวิตอยู่ต่อไป

แม้ใครจะว่าใจง่ายไร้เหตุผลเพียงไร

ข้าก็รัก

“ข้ารู้แล้วว่าท่านรักเขา แต่ท่านไม่รู้จักเขาเลย  แถมยังแต่งงาน เอ้ย  อภิเษกไปแล้วด้วย”

ร่างเล็กกล่าวอย่าเป็นกังวล แน่นอนเธอเป็นนารีผล

ย่อมรู้ดีว่าบุรุษเพศนั้น ยากเกินกว่าที่จะหยั่งใจให้เชื่อ

คำพูดหวานหูที่คอยขับกล่อมให้หลงใหล

ติดกับ มีแต่แรงตัณหาไม่รู้จบ  ยิ่งร่างบางตรงหน้าไร้เดียงสา

เสียอย่างนี้นางกลัว

กลัวร่างบางจะต้องเจ็บช้ำ

ตั้งแต่คราแรกที่นางได้พบร่างบางที่ป่า ร่างบางกำลังจะถูกเหล่า

นารีผลที่อยู่ร่วมต้นกับนาง ลวงถามชื่อ  หวังจะฆ่าเสีย

ในตอนนั้นนางมิได้คิดอยากจะเข้าไปห้ามเพราะหาใช่

โกงการอันใดของนางไม่

นางเป็นนารีผลมีชีวิดอยู่ได้ไม่นานนัก เป็นพืชที่เกิดมาเพื่อ

รองรับตัณหาและกามอารมณ์เท่านั้น

แต่นางพิเศษกว่าเหล่านารีผลเพราะได้บำเพ็ญเพียรตามที่ฤๅษี

ตนหนึ่งได้บอกไว้  นางถือศีลแน่วแน่

จึงไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเวรกรรมของผู้อื่น

แต่เพียงแค่นางปราดสายตายมองไปยังร่างบอบบางนั้น

กลับมีบางสิ่งที่กระตุ้นให้นางต้องช่วยร่างบาง

เรียกว่าถูกชะตาก็ว่าได้นางไม่เข้าใจแต่ก็ทำทุกอย่าง

เพื่อให้ร่างบางปลอดภัย นางอยากดูแลร่างบาง

ให้ดีที่สุด

“จริงสิ  นารีผลเจ้ายังไม่มีชื่อเลย  จะให้ข้าเรียกแต่นารีผลๆก็กระไรอยู่”

ร่างบางเอ่ยขึ้นหลังจากทั้งสองเงียบมานาน

“หากท่านคิดเช่นนั้นท่านก็ ตั้งชื่อเสียงเรียงนามให้ข้าเถิด”ร่างเล็กกล่าว

“เช่น นั้น ข้าเจอเจ้าที่ป่า ชื่อป่าอะไรกัน”ร่างบางนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

เพื่อที่จะหาชื่อที่เหมาะสม

“ป่าที่ข้าอยู่คือป่าบุษบาน่ะ”นางตอบ

“อืม”ร่างบางครุ่นคิดพลางมองไปยังใบหน้าของนาง

“ถ้าท่านคิดจะให้ข้าชื่อบุษบา ข้าไม่เอาด้วยหรอกนะท่าน”นางกล่าวดักทางเพราะ

สำหรับนางแล้วที่ป่าแห่งนั้นมีแต่ที่ที่นางเกลียด

ไม่ว่าจะเหล่าผู้กระหายกามทั้งหลาย  หรือความเหงาที่ต้องทนอยู่เพียงผู้เดียว

“พฤกษกานต์  เจ้าชื่อพฤกษกานต์ก็แล้วกัน”ร่างบางกล่าวยิ้มๆ

“พฤกษกานต์รึ ชื่อแปลกเสียจริง มันแปลว่าอันใดกันรึท่าน”ร่างเล็กสงสัย

“มาจาก พฤกษาที่แปลว่าต้นไม้  กับ กานต์ที่ แปลว่า ที่รักน่ะ  ก็เจ้าเป็นลูกของต้นไม้ไงล่ะ

ชื่อนี้จึงแปลว่าที่รักของพรรณไม้อย่างไรเล่า” ร่างบางกล่าวภูมิใจ

ร่างบางได้เล่าเรียนมาบ้างเพราะในเวลาที่ ที่พระเจ้านาคินทรงโปรดให้

เหล่าพระอาจารย์ได้มาสั่งสอน วิชาให้แก่เหล่าโอรส ธิดา ร่างบางมักจะ

แอบหนีไปเพื่อศึกษาอยู่ห่างๆจนพอจะรู้ภาษาบ้าง

“ข้าชอบมากเลยท่านผณิ  ขอบคุณท่านมากต่อไปนี้ข้าจะอยู่กับท่านจะดูแลท่านเอง”

พฤกษกานต์กล่าวอย่างจริงใจ

“อือ ข้าก็จะอยู่กับเจ้า”ทั้งสองตกลงจะคอยดูแลกันและกันอย่างแน่นหนัก

ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ของทั้งสอง

‘ข้าเชื่อ ในคำสัญญาของเจ้าพฤกษกานต์   และข้าจะเชื่อในความรักที่ข้ามีให้ท่าน ชายในฝันของข้า’
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:03:38
บทที่ ๑๔สายฝน

ในห้องบรรทม ณ ตำหนักซ่อนกลิ่น

ร่างสูงยังคงนอนกอดกายกับสตรีสองนาง

ในสภาพเปลือยเปล่า

ใช่แล้ว เมื่อคืนหลังที่ร่างสูงจัดการปลดปล่อยร่างบาง

จนร่างบางสลบไปนั้น

ร่างสูงก็พาตนเองมาขลุกอยู่กับนางทั้งสอง

.

.

โดยลืมร่างบางไปเสียสนิท

.

.

หลังจากที่ร่างบางคุยกับพฤกษกานต์ได้ซักครู่

นางกำนัลจากตำหนักใหญ่ก็เข้ามาก

“องค์เหนือหัวทรงมีรับสั่งหาพบเพคะ”

นางกำนัลกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

ร่างบางหาได้รับรู้ไม่ ยังคงยิ้มให้นางกำนัล

“อือ  ขอบใจเจ้ามากที่อุตส่าห์มาบอกข้า”ร่างบาง

กลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงใจ

เล่นเอาพวกนางกำนัลเริ่มทำตัวไม่ถูก

‘ไร้เดียงสาขนาดนี้เชียวรึ’

ร่างบางหันไปมองหน้าของสหายคู่ใจ

เป็นเชิงถามไถ่ ว่าจักไปด้วยกันหรือไม่

นางเพียงแค่ยิ้มแล้วสั่นหัว

“พวกเจ้าออกไปรอข้าข้างหน้าตำหนักก่อนเถอะ ข้าขอเวลาซักครู่”

ร่างบางกล่าวเสียงนุ่ม

นางกำนัลเหล่านั้นโค้งกายต่อหน้าร่างบางเล็กน้อย

แล้วต่างพากันออกไปตามคำสั่งของร่างบาง

“ไม่ไปด้วยกันรึพฤกษกานต์”ร่างบางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ข้าขอไม่ไปกับท่านนะ  ได้เวลาบำเพ็ญเพียรแล้ว”นางตอบ

“แล้วเจ้าหิวรึไม่ ข้าจะได้นำอาหารมาให้เจ้า”ร่างบางถาม

“ข้าอิ่มทิพย์  ไม่หิวกระหายใดๆ ท่านอย่าห่วงเลย”นางตอบ

ร่างบางได้ยินดังนั้นจึงวางใจแล้วรีบเร่งพาร่างของตน

ตามเหล่านางกำนัลที่รออยู่หน้าตำหนักแล้วมุ่งหน้าไปเข้าเฝ้าองค์ราชา

โต๊ะเสวยถูกจัดเตรียมไว้อย่างงดงามประณีต

องค์ราชาทรงรับสั่งให้จัดเตรียมเอาไว้สำหรับร่างสูงและร่างบาง

โดยเฉพาะร่างบางที่ต้องพบเจอกับเรื่องร้ายๆมามาก

แม้ท่าทีของพระองค์จะหาได้สนพระทัยร่างบางไม่

แต่จริงๆกลับทรงสงสารและเวทนาร่างบางเป็นอย่างยิ่ง

นางกำนัลได้พาร่างบางมายังโต๊ะเสวย

โดยไม่มีวี่แววของร่างงสูงสง่า

“มาแล้วรึ แล้วเจ้าขเดศวรเล่า มิได้มาด้วยกันรึ”

องค์ราชาตรัสถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

“เอ่อ   ขะ ขเดศวรรึพะยะค่ะ”ร่างบางตอบกลับด้วยความสงสัย

ใครกันขเดศวร

“หือ  นี่เจ้าหารู้ไม่หรอกรึ สวามีของเจ้ามีนามว่าขเดศวร”

พระองค์ตรัสด้วยความขำขัน

อะไรกันเมื่อคืนเจ้าลูกชายมิได้แนะนำตัวหรืออย่างไร

ลูกสะใภ้ข้าจึงไม่รู้แม้กระทั่งนามของเจ้า

“ขเดศวร...”ร่างบางกล่าวแผ่วเบา

ท่านขเดศวรที่รักของข้า…

“ อ่า ช่างเถอะ เขาน่าจักเหนื่อย เจ้ารีบกินก่อนเถอะประเดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”

องค์ราชาตรัส เพราะรู้ดีว่าอย่างไรพระโอรสของพระองค์

คงจะไม่เสด็จมาร่วมโต๊ะเสวยเป็นแน่

พระราชาสุบรรณทรงรู้ดีและไม่พอใจอย่างมากที่เมื่อคืน

ขเดศวรมิได้อยู่กับร่างบางทั้งคืนแต่กลับไปกกนางน้อยๆ

‘ไม่ได้เรื่องเลย ไอหนูเอ๊ย’

ได้แต่ทรงตัดพ้อถึงพระโอรสที่หัวรั้นอย่างไร

ก็รั้นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

ตั้งแต่แม่เจ้าเสียไปเจ้าก็ไม่เคยเชื่อใครอีก

นอกจากเจ้าเอง แต่ก็นับว่าดีถม

ที่เจ้ารักและเคารพพ่อ มิเช่นนั้นคง

ไม่มีใครปรามเจ้าอยู่เป็นแน่

ผณิเจ้าจะไหวรึเปล่านะ

การเสวยกระยาหารเช้าจบลง

โดยที่มิมีแม้เงาของร่างสูง

ที่ร่างบางมองหาตลอดเวลาการเสวย

ร่างบางกินอะไรไม่ได้มาก

อาหารหลายอย่างที่ร่างบางไม่กล้ากิน

'เนื้อสัตว์ทั้งนั้นเลย'

ใช่แล้วร่างบางไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ได้

เช่นเดียวกับเลือด  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ร่างบาง

กินได้น้องกว่าปกติ

ร่างบางกลับมายังที่พักก็พบว่าพฤกษกานต์

มิได้อยู่ในห้องแล้ว จึงเที่ยวเดินหาไปทั่ว

จนเดินมาถึงห้องเดิมที่ร่างบางกับพฤกษกานต์

เคยโดนจับกลับมาจากป่าบุษบา

ก็พบร่างเล็กกำลังนั่งภาวนาจิตร

ใบหน้าผ่องใสไร้ราคีหรือสิ่งมัวหมองใดๆ

ร่างบางจึงค่อยๆปิดประตูลง

แล้วเดินจากไป

..ตำหนัก ซ่อนกลิ่น..

ราชาสุบรรณทรงเสด็จมายังตำหนักแห่งนี้

เพื่อจะทรงถามโอรสถึงสาเหตุที่บกพร่องในหน้าที่

ที่สวามีที่ดีจักพึงมี

พอดีกับที่ร่างสูงเสด็จออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

มีกลิ่นกายของเหล่านางน้อยๆอบอวลไปทั่วร่าง

เมื่อร่างสูงทอดพระเนตรเห็นพระบิดา

ก็รีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉย

“เสด็จพ่อ  มีอะไรรึไม่พะยะค่ะ”ร่างสูงตรัสถาม

“หึหึ  เจ้านี่จริงๆพึ่งจักอภิเษกแท้ๆ  กลับทิ้งเมียมากกนางพวกนี้”

องค์ราชาทรงตรัสออกมาด้วยความเอือมระอา

“เสด็จพ่อจะเอาสิ่งใดจากลูกอีกเล่า ทรงอยากให้ลูกอภิเษกลูกก็อภิเษกแล้ว”

ร่างสูงตอบอย่าเกี่ยวกราด

“ลูกเป็นเจ้าชาย มีเมียมากเท่าใดก็ไม่เป็นอันใดหรอกพะยะค่ะ”

ร่างสูงตอบอย่างประชดประชัน

“ใช่ที่เจ้าเป็นเจ้าชาย แต่เจ้าก็ต้องทำหน้าที่ยิ่งเป็นเจ้าชายก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น

หน้าที่ของเจ้าคือ แต่งานมีทายาทกับผณิ หาใช่เที่ยวมีเมียไปทั่ว”

องค์ราชาตรัสเตือนพระโอรส

ถึงพระองค์จะเป็นถึงกษัตริย์ก็มิเคยทรงสอน

ให้โอรสมีนิสัยเจ้าชู้  หรือหยิ่งทะนงในยศถาบรรดาศักดิ์

ถึงจะต้องยอมรับในเรื่องที่ทรงบังคับให้ลูกอภิเษกกับคนที่ลูกไม่ได้รัก

“ได้พะยะค่ะ  ลูกจะทำหน้าที่ให้สาสมพะยะค่ะ”

ว่าจบร่างสูงก็บังคมลา  แล้วรีบเสด็จกลับตำหนักของตนทันที

‘เจ้านาคสกปรก   ร่านเสียจริง ถึงขนาดวิ่งแจ้นไปฟ้องเสด็จพ่อ เจอดีแน่’

ด้านร่างบางที่หาได้รู้ไม่ว่าภัยจะมาถึงในไม่ช้าก็ยังคงเดินเล่น

อยู่ภายในตำหนักแห่งนี้ เดินสำรวจรอบๆอย่างไม่รู้เบื่อ

แม้ว่าตำหนักแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่มากมาย

แต่ก็นับว่ายังใหญ่โตมากสำหรับร่างบาง

มีห้องหลายห้อง มากซะจนร่างบางรู้สึกเหงา

‘ถ้ามาราตรีกับพวกนางกำนัลของข้าได้มาอยู่ด้วยกันก็คงดี’

ซ่า ซ่า!!!

หือ

เสียงฝนรึ

ข้ารีบวิ่งไปยังหน้าประตูของตำหนัก

ไอเย็นๆของฝนที่สาดซัดเข้ามาปะทะใบหน้าหวาน

พลันความรู้สึกผ่อนคลายก็เข้ามา

ความรู้สึกในร่างกายกลับสดชื่นมีชีวิตขึ้น

ร่างบางที่มีเชื้อนาคย่อมโหยหาความเย็นสบายของสายน้ำ

ร่างบางยิ้มกว้าง ขาเรียวทั้งสองค่อยเดินออกมาจากตำหนัก

จากเดินช้าๆ ก็เริ่มเดิ่นเร็วขึ้น จนกลายเป็นร่างบาง

วิ่งออกไปท่ามกลางสายฝน สายฝนกระทบกับร่างกายจนผิวขาวซีดเปียกปอน

ผมสีดำที่สยายยาวถึงกลางหลังเปียกลู่ไปกับแผ่นหลังขาว

ใบหน้าหวานมีหยดน้ำพราวเกาะอยู่ ยิ่งขับให้ร่างบาง

ดูเย้ายวนยิ่งกว่าสตรีนางใดๆ แม้จะเป็นบุรุษเพศก็ตาม

ร่างบางเล่นน้ำฝนอยู่อย่างเนิ่นนาน

ในเวลาที่อยู่กลางสายฝน ร่างบางดูงดงามราวกับ

ว่าร่างนั้นคือบุบผางามกลางฝน

‘หากความรักเป็นดั่งสายฝนก็คงจะดี  สดชื่นเยือกเย็นให้ชีวิตชีวาแก่ข้า’
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:05:00
บทที่ ๑๕ พายุ (NC18+)

ร่างบางวิ่งเล่นกลางสายฝน

ราวกับว่าร่างบาง เป็นเพียงแค่เด็กน้อย

โดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้

แววตาเกรียวกราดกำลังจับจ้อง

ร่างที่ยืนเล่นอย่างไม่รู้สึกรู้สา

ว่าตนได้สร้างความไม่พอใจ

ให้แก่ร่างสูงเสียแล้ว

'ออกมายั่วรึอย่างไร ร่านดีจริงๆ'

หมับ!!

มือใหญ่กระชากข้อมือของร่างบาง

อย่างแรงจนร่างที่มิทันตั้งตัว

ก็เซถลาเข้ากระแทกกับอกแกร่ง

"ฮ่ะ!!!"ร่างบางอุทานออกมาด้วยตกใจ

ที่จู่ๆร่างใหญ่เข้ามากระชากเสียดื้อๆ

ทันที่ที่สายตาของร่างบางสบกับใบหน้าคม

หัวใจดวงน้อยก็พองโต

ใบหน้าร้องผ่าวแดงระเรื่อขึ้นมา

อย่างที่เห็นได้ชัด แววตาวูวไหว

'ท่านมาหาข้า'

ความดีใจมีมาเหลือเกินที่ได้พบ

แม้จะอายเหลือเกินเมื่อคิดถึง

เรื่องเมื่อคืน

แต่ความดีใจก็ค่อยๆ เลือนรางลง

ทันทีทีร่างบางรู้สึกถึงความเย็นชาของร่างสูง

สีหน้าที่เรียบเฉย กลับแฝงด้วยความโกรธ

'ข้าทำอะไรผิดรึเปล่า เหตุใดท่านจึงมีท่าทีเช่นนี้'

ร่างสูงออกเเรงกระชากร่างบางให้เดินตาม

ร่างทั้งสองเดินมาไกลจากตำหนักเล็ก

จนกระทั่งมาถึงยังที่หมายของร่างสูง

ตำหนัก รังสิมันต์

ตำหนังขนาดใหญ่รองลงมาจาก

ตำหนักนภมณฑลซึ่งเป็นที่ประทับของ

องค์ราชาสุบรรณ

ในวังหลวงจะมีพระราชวังเป็นศูนย์กลาง

ล้อมรอบด้วยตำหนักน้อยใหญ่

โดยตำหนักนภมณฑลถือเป็นตำหนักใหญ่ที่สุด

ตามด้วยตำหนักรังสิมันต์เป็นที่ประทับ

ขององค์ชายขเดศวร

รองลงมาด้วยตำหนักซ่อนกลิ่น

ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ความสำราญ

แก่องค์ชายเอง

ประกอบด้วยอีกหลายส่วนในบริเวณวังหลวง

เช่น โรงครัว อุทยาน และวิหารพิธีศักดิ์สิทธิ์

และอีกมาก

โดยตำหนักที่ผณิ พำนักอยู่คือตำหนักสายหยุด

เป็นตำหนักในอุทยานหลวงที่อยู่ท่ามกลาง

ป่าพรรณไม้และลำน้ำ เป็นตำหนักที่เล็กที่สุด

และห่างไกลจากพระราชวังมากที่สุด

ไปทางทิศตะวันตก

ร่างสูงนำพาคนร่างบางมายังตำหนักของตน

"อึก ทะท่านพี่ จะพาข้าไปไหนรึ"ร่างบาง

ตัดสินใจถามออกมาด้วยเกรงจักมีเรื่องร้าย

"ข้าจะพาเจ้าไปทำหน้าที่อย่างไรเล่า"ร่างสูง

ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

"หน้า หน้าที่อันใด"ร่างบางถาม

หน้าที่อันใดกัน ข้าทำอะไรผิด

“ประเดี๋ยวเจ้าก็จักได้รู้ หึหึ”

คำตอบของร่างสูงหาได้ทำให้ร่างบางอุ่นใจไม่

ใจดวงน้อยกลับเต้นรัว

..

.

มิได้ดีใจ

.

..

แต่กลับกลัวเหลือเกิน

ณ  ตำหนักรังสิมันต์

“พวกเจ้าออกไปให้หมด!!!”เสียงแกร่ง

ประกาศกล่าว  ทำให้ทหารแล้วนางกำนัลที่อยู่ใน

บริเวณตำหนักออกไปจากบริเวณนั้นทันที

เหล่าทหารนางกำนัลต่างรู้ดี

ว่าในเวลานี้ร่างสูงกำลังมีอารมณ์

ที่คุกรุ่น นั้นไม่สมควรอย่างยิ่ง

ที่จะขัดพระทัยเพราะหากได้ลองขัดพระทัย

ไม่มีผู้ใดรอดจากการโดนลงโทษ

“ออ  อย่าได้ริปากโป้งไปทูลท่านพ่อเชียว”

ร่างสูงกล่าวอีกครั้ง

ก่อนจะชุดกระชากร่างบางข้างกายเข้าไปยังตำหนัก

ซ่า!!!!

ฝนห่าใหญ่เทลงมาอย่างหนัก พายุใหญ่โหมกระหน่ำ

สายฝนไม่ได้ช่วยให้ร่างบางหากังวลเลยแม้แต่น้อย

แต่มัน กลับทำให้หนาวเหน็บเหลือเกิน...........

ตึง!!!

เมื่อเข้ามาถึงยังห้องบรรทมร่างสูง

ก็เหวี่ยงร่างข้างกาย ปลิวไปปะทะเข้ากับ

ผนังอย่าแรงจนร่างบางถึงกับเสียดไปทั่ว

ร่างกาย

“อึก”

ร่างบางปล่อยเสียงเล็ดลอดออกมาด้วยความจุกเสียด

ร่างสูงปิดประตูบานใหญ่ลงและลงสลักอย่างแน่นหน้า

พลันหันกายมาทางร่างบางที่ตอนนี้นั่งกุมท้องอยู่บนพื้น

ร่างสูงใช้มือแกร่งจับไหล่ร่างบางยกตัวให้ร่างบางยืนขึ้น

ดันตัวของร่างบางเข้าติดผนัง ตามด้วยร่างแกร่งที่มีขนาด

ของร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแรงมากกว่า ร่างสูงจึง

เปรียบได้กับกรงขังร่างบางไว้ในพันธนาการชั้นดี

ร่างบางได้แต่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ในสมองมีคำถามมากมายจนปวดหัวไปหมด

ร่างสูงที่เคยอ่อนโยนจนทำให้หัวใจได้หลงรัก

แต่บัดนี้กลับกลายเป็นว่าร่างสูงโกรดเกรี้ยว

ดุจดั่งอสูรกายที่มาราตรีเตยเล่าให้ฟังมิผิดเพี้ยน

เมื่อเหยื่อตกอยู่ใต้อาณัติร่างสูงก็จู่โจม

ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ไปตามลำคอขาวระหง

ของร่างบาง  ดูดเม้มขบกัดจนเกิดร่องรอยสีกุหลาบ

มากมายอย่าเห็นได้ชัด  มือแกร่งบีบเค้นไปทั่วร่าง

ร่างบางได้แต่ยืนนิ่งสองมือแข็งเกร็ง กำชายผ้านุ่งของตนแน่น

ดวงตาสวยเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ร่างกายสั่นรัว

ราวกับว่าหนาวเหน็บเมื่ออยู่กลายดินแดนเหมันต์

น่ากลัว

.



ไม่ใช่



.

ไม่ใช่ท่านขเดศวรของข้า

.

...

ไม่ใช่!!!!!

แววตาที่เบิกกว้างคลอไปด้วยน้ำตาเหลือบไปเห็นโต๊ะเล็กๆ

บนโต๊ะนั้นมีเหยือกน้ำที่ดูแล้วหน้าจะป้องกันตัวเองได้

ด้วยสัญชาตญาณ มือบางคว้าเข้าที่เหยือกใบนั้น

ปึก!!!!

เหยือกใบนั้นกระทบเข้ากับศีรษะของร่างสูงอย่างแรง

โลหิตสีชาดไหลออกมามาก ร่างบางตกใจ

รีบปล่อยมือจากเหยือกจนมันหล่นลงกับพื้น

ร่างสูงผละออกจากร่างบางและล้มลง

ถึงร่างบางรีบวิ่งไปที่ประตูแต่ก็อดหันมาชำเลืองดู

ร่างที่ล้มลงกับพื้น

กลัว

แต่ก็ห่วง

และแล้วความกลัวก็แพ้ความห่วง ร่างบางหันกายกลับ

สองขาค่อยๆขยับเคลื่อนตัว ไปยังร่างสูงที่นั่งกุมบาดแผล

มือสั่นเทายื่นไปหาคนร่างสูงช้าๆ

หมับ!

ยังไม่ทันที่มือบางจะได้สัมผัสร่างสูง

มือใหญ่ก็จับไปที่ข้อมือบางอีกครั้ง

แรงบีบที่ข้อมือเพิ่มมากขึ้น ร่างบางพยายาม

แกะมือนั้นออกแต่ก็ไม่เป็นผลอะไรแม้แต่น้อย

‘ไม่น่าเลยผณิ  ไม่น่าเลย’

ร่างบางได้แต่คิด เพราะความห่วงที่มากเกินไป

จะลืมที่จะระวังตัวเอง  ทั้งๆที่ภัยกำลังจะมาถึง

ร่างสูงดึงร่างบางขึ้นมาประจันหน้า

“จะมากไปแล้วเจ้านาคชั้นต่ำ”

สิ้นเสียงร่างสูงก็เหวี่ยงร่างที่สั่นเทา

ไปยังแท่นบรรทม แม้ว่าจะมีฟูกรองรับ

แต่แรงกระแทกก็มากพอควร

ร่างสูงไม่รอช้า  ร่างกายใหญ่รีบโถมใส่

“ไม่ อย่า อย่าทำแบบนี้ ข้าขอร้อง  ฮือ ไม่ ฮือ”

ร่างบางร้องไห้ออกมาอย่างมิอาจห้าม

กลัว

กลัว

ร่างสูงยังคงไล้เลีย ขบเม้มคอขาวอย่างแรง

ร่างบางยังคงดิ้น เพียงแค่อยากให้ร่างสูงหยุดการกระทำนี้

การกระทำที่เกิดจากความโกรธ

ไม่ใช่ความรัก

แรงดิ้นของร่างบางแม้ว่าจะไม่ได้มากมาย

แต่ก็มากพอที่จะทำให้ร่างสูงเกิดความรำคาญ

เพี้ยะ!!

รวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน

ฝ่ามือของร่างสูง ฝาดไปที่แก้มซ้ายของร่างบาง

อย่างแรง จนร่างบางได้กลิ่นคาวและรสฝาดของเลือด

มีบางกุมแก้มของตนนิ่ง  แววตาจ้องมองใบหน้าของร่างสูง

หยาดน้ำตาไหลอาบใบหน้า

‘ข้าทำสิ่งใดผิด’

ร่างสูงไม่สนใจสิ่งใดยังคงทำในสิ่งที่เริ่มไว้ต่อไป

ร่างบางได้แต่นอนน้ำตานองหน้า ในแววตามีคำถามมากมาย

“อือ  ฮือ ฮือ ฮึก ท่านอย่าทำ ถ้าไม่รัก  ฮื่อ อย่าทำแบบนี้”

ร่างบางพยายามอ้อนวอน  หากไม่ได้รักสิ่งที่ทำ

มันก็ไม่ได้ต่างจากย่ำยีศักดิ์ศรีเลยแม้แต่น้อย

‘จากสิ่งที่ท่านทำข้ารู้ว่าท่านโกรธ ท่านคงไม่ได้รักข้าเลย’

“อะ อย่า อย่า ได้โปรด” ร่างบางร้องอย่างตกใจ

เมื่อร่างสูงกระชากผ้านุ่งออกจากร่างกายบาง

รอยแดงปรากฏขึ้นบนร่างกายบาง

เพียงพริบตาร่างทั้งสองร่างจนทั้งสองเปลือยเปล่า

ร่างกายขาวปรากฏในสายตาคม ร่างกายบางสั่นสะท้าน

ความหวาดกลัวมันบีบแน่นในอกผสมปนเปกับความเสียใจ

คนตัวใหญ่กว่ายังคงขบกัดดูดเม้มร่างขาวเรื่อยมา

จนกระทั้งมาหยุดอยู่ที่ยอดดอกสีอ่อน ริมฝีปากได้รูป

ประทับลงบนดอกตูม พร้อมดูดดุนขบกัดจนแดงก่ำ

มืออุ่นแยกเรียวขาบางออก ร่างบางไม่กล้าที่จะขัดขืน

แค่ตบครั้งเดียวก็มากไปแล้ว

ไม่เอาแล้ว

มืออุ่นแยกขาบางออกจากกัน

“ท่านขเดศวร  พอเถิด ข้า ขออภัย ที่ทำร้ายท่าน ข้า ขอโทษ”

ร่างบางกล่าวเสียงสั่น  หวังเพียงร่างสูงจะใจอ่อน

ร่างสูงหยุดนิ่งมองร่างบางด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“เจ้าไม่ควรทำข้าอารมณ์เสีย แต่เจ้าก็ทำ เช่นนั้นจงรับโทษเสีย!!!!!”

แกนกลางขนาดใหญ่จดจ่ออยู่บริเวณรอบจีบสีหวาน

ร่างบางรับรู้ถึงไอร้อนของสิ่งนั้น ร่างกายยิ่งสั่นหนักขึ้น

“ไม่ได้โปรด  ไม่ ฮื่อ ไม่ ขอโทษ  ข้าขอโทษ อย่าทำ”

ร่างบางดิ้นสุดแรง ไม่อยากที่จะโดนทำเช่นนี้

กลัวไปซะทุกสิ่ง กลัว

กึ๊ด!!!

ความใหญ่โตสอดผ่านรอบจีบเข้าไปยังช่องทางรักอย่างรุนแรง

เสียงการฉีกขาดของกล้ามเนื้อบาง บริเวณรอยจีบดังขึ้นในโสตสัมผัส

ของทั้งสองฝ่าย

เปรี้ยง!!!!!!

ท้องฟ้าสว่างวาบทั่วบริเวณเสียงดังสนั่นเลื่อนลั่น  สายฟ้าผ่าฟาดลงมา

อย่างบ้าคลั่ง

“อ๊าก!!!!! ไม่  ออกไป ข้าเจ็บ อึก ฮื่อ ฮื่อ อย่า ข้าขอโทษ  ขอโทษ ฮื่อ”

เสียงร่างบางกรีดร้องสุดเสียง  เลือดอุ่นๆสีสด ค่อยๆไหลย้อนออกจากรอดฉีกขาด

มือบางที่สั่นเทายกขึ้นดันหน้าท้องแกร่งแต่ก็ไม่เป็นผล

ร่างสูงหยุดนิ่งด้วยความรู้สึกแปลกใหม่  เป็นความรู้สึก

ที่ร่างสูงไม่เคยได้รับจากนางไหนๆ

‘ใช้ได้  อย่างน้องข้าก็หาประโยชน์จากเจ้าได้’

ร่างบางสั่นเกร็งน้ำตายังคงไหลอาบหน้าหวาน

ร่าสูงใหญ่เริ่มขยับสิ่งที่เชื่อมต่ออยู่ภายในร่างบาง

“ฮึก ฮื่อ ขอโทษ พอแล้ว ฮื่อ สมเพทข้าเถอะ เจ็บ เวทนาข้า  หยุดเถอะฮื่อ”

ร้างบางร้องไห้ราวจะขาดใจ  อยากให้ร่างสูงหยุดการกระทำ

มันเจ็บมากเกินไปเจ็บมาก เจ็บทั้งกาย  และ หัวใจของร่างบางเอง

เจ็บ ราวกับมีดเฉือนเนื้อกายให้ขาดสะบั่น

และดูราวกับว่าสิ่งที่ร่างบางร้องขออ้อนวอนหาได้ส่งไปถึงร่างสูงไม่

ร่างกายทั้งสองขยับสัมพันธ์กัน ภายใต้ บรรณชา จากร่างสูง

เสียงร้องครวญครางน่าสงสารยังคงดังมาจาปากของร่างบางไม่ขาด

ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีบากบางอย่างรุนแรง บดขยี้จบพอใจ

ร่างสูงจึงยอมผละออก

“ พอแล้ว อะ อ๊ะ เจ็บ ข้าเจ็บ ฮื่อ ไม่ อย่า”

ร่างบางร้องลั่นเมื่อร่างสูงเร่งการขยับจนความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น

เลือดจากการฉีดขาดไหลรินออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

สติร่างบางพล่าเลือนลงทุกที่

“ ขะ..อะ...ฮึก  ขอ..ขอโทษ”

สติของร่างบางค่อยๆหลุดลอยไปจากร่าง

ในขณะที่พายุอารมณ์ของร่างสูงพัดพามาถึงฝั่ง

วารีแห่งชีวิตมากมายถูกฉีดเข้าไปยังช่องทางรักจนมันเอ่อล้น

แต่ไม่นานพายุร้ายก็ก่อขึ้นอีก และจนลง

ซ้ำไปซ้ำมาโดยร่างบางยังคงไร้ซึ่งสติ

เช่นเดียวกับพายุด้านนอกที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง

‘ถ้าข้าตายไปเลยก็คงดี พายุ ได้โปรดพัดพาชีวิตไปจากข้าที’
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:06:08
บทที่ ๑๖ ของรัก ของหวง

พายุรักที่แสนยาวนานจบลง

ร่างสูงผละออกจากร่างบางที่สิ้นสติ

กว่าร่างสูงจะสาแก่ใจเวลาก็ล่วงเลย

จนเกือบจะค่อนคืน เลือดที่ศีรษะร่างสูงแห่งกรัง

แต่เลือดที่ช่องทางรักของร่างบาง

ยังคงไหลซึมออกมา

ปะปนกับสิ่งที่ร่างสูงปล่อยเอาไว้..

อันที่จริงร่างสูงก็ไม่คิดว่าตนจะพลั้งมือ

กระทำร่างบางรุนแรงถึงเพียงนี้

แต่ด้วยความโกรธที่ไม่อาจยับยั้ง

จึงได้กระป่าเถื่อนไป...

ร่างสูงเหลียวมองร่างที่หลับใหล

'ถ้าเจ้าไม่ใช่นาค ข้าคงจะ.....'

ขเดศวรรีบสั่นหัวไล่ความคิดใจอ่อน

รีบลุกขึ้นตรงไปยังห้องสรงน้ำทันที

ร่างบางเริ่มฟื้นคืนสติ ก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดเกินจะทนรับไว้

น้ำตาหยดใสร่วงหล่นอาบใบหน้า

เหตุการณ์ความโหดร้ายหลั่งไหลเข้ามาในความคิด

ความกลัวเกาะกุมหัวใจอย่างรุนแรง

แน่นอนความกลัวในตอนนี้มันเหนือสิ่งอื่นใด

.

..

หนี

.

.

ข้าต้องหนี

..

.

คิดได้ดังนั้นร่างบางก็พยายามที่จะขยับกาย

ให้ลุกขึ้น ทันทีที่ขยับความเจ็บปวดทั่วทุกอณู

ของร่างกายก็โจมตีอย่างหนัก

แต่ความกลัวมีมากเหลือเกิน

ร่างกายสั่นพยายามลุกขึ้นจนสำเร็จ

ทุกการขยับกายแลกมาด้วยหยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า

ร่างบางกลั้นทุกเสียงสะอื้น หากเขาได้ยินอาจจะรำคาญ

ขาเรียวก้าวลงพื้น และ  แทบจะทันทีที่ร่างบาง

ทิ้งน้ำหนักลงบนสองขาที่สั่นเทา

ตุ๊บ!!

ร่างของผณิทรุดลงกระแทกพื้นอย่างแรง

บาดแผลที่ช่องทางรัก กระทบกระเทือนจนมิอาจกลั้นเสียงสะอื้น

พยายามที่จะลุกขึ้นอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ

‘เอาเถอะผณิ  เรามันไม่มีค่าไปมากกว่านี้แล้ว’

“อึก   ฮึก”ร่างน้อยๆค่อยๆเสือกตัวไปบนพื้น

น้ำตาร่วงบนพื้นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด

ร่างบางคลานไปถึงผ้านุ่งมือบางเอื้อมไปหยิบผ้าผืนนั้น

แล้วค่อยๆนำมานุ่งแบบลวกๆ  แล้วเสือกตัว

พาร่างบอบช้ำไปยังประตูบานใหญ่

อดทนจนมาหยุดอยู่หน้าบานประตู

ผณิเอื้อมมือขึ้นเกาะประตู  ประคองร่างขึ้นยืนอีกครั้ง

เลือดตามเรียวขาบางค่อยๆหยดลงพื้นมากขึ้น

ร่างบางอาศัยผนังของตำหนักในการประคองร่าง

ให้สามารถยืนหยัดและก้าวเดินได้ต่อ

หยดแล้วหยดเล่าของโลหิตและน้ำตา

ใบหน้าหวานซีดเผือกราวกับกระดาษยังคงมีน้ำตาอาบใบหน้า

ตลอดทางที่ร่างบางเดินมานั้น มีรอยหยดของเลือดตลอดทาง

ประตูทางออกของตำหนักอยู่ไม่ไกลมากนัก

ร่างบางใช้แรงเฮือกสุดท้ายพาร่างของตนก้าวพ้นประตูตำหนัก

พ้นแล้ว..

หนีพ้นแล้ว....

“ฮื่อๆ  พ้นแล้ว  ฮื่อ”

สายฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ ร่าที่บอบช้ำเดินมาหยุดอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่

ที่ไม่ไกลจากตำหนักรังสิมันมากนัก

ตุ๊บ

ร่างบางทรุดลงตรงต้นไม้ต้นนั้นทันที่  ร่างกายที่อ่อนล้าค่อย

เข้าสู่ห้วงนิทรา   ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นท้ามกลางสายฝน

ยังคงสาดเทลงมาอย่างไม่ขาด

เมือง บาดาล

ตั้งแต่ร่างบางโดนส่งตัวไป องราชาก็ทรงประชวรอย่างหนัก

แม้ว่าจะหายาวเศษมาจากที่ใดก็มิอาจรักษาได้  เจ้าชายสิงขร

จึงจำเป็นต้องขึ้นครองราชย์แทนบิดา

ข้ามีนามว่าสิงขร  เป็นโอรสของมหาราชาและราชินีแห่งเมืองบาดาล

พระบิดามีโอรสธิดาทั้งหมด7องค์ด้วยกัน รวมข้าด้วย

ท่านพี่เหล่านั้นหาได้เกิดจากมารดาเดียวกับข้าไม่

คุณเท้าที่เคยดูแลข้ากล่าวว่า  หลังจากที่เสด็จแม่อภิเษกเสด็จพ่อ

เสด็จพ่อมิได้มีความสุขเลย ไม่เคยแตะต้องเสด็จแม่เลย

เที่ยวประชดโดยการมีสนมไปทั่ว

นางแรกให้กำเนิดพระโอรส2พระองค์

องค์แรกมีพระชนมายุ 15 ชันษา   และองค์ที่สอง14ชันษาเท่าข้า

นางที่2ให้กำเนิดพระธิดาแฝด3ทั้งหมดมีพระชนมายุ15ชันษา

และนางที่3ให้กำเนิดพระโอรส1พระองค์พระชนมายุ15ชันษา

แต่แล้วจู่ๆเสด็จพ่อก็ได้รับเอาเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับพระโอรส

และพระธิดา5พระองค์

แล้วหลังจากนั้นเสด็จพ่อก็ได้แต่ครุกอยู่กับสนมองค์แรกมากหลังจากนางคลอด

โอรสองค์แรกไม่นานนางก็ตั้งครรภ์  โอรสองค์ที่สอง

แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คลอด  เสด็จพ่อก็กลับมาอยู่กับเสด็จแม่และไม่คิดถึงสนม

นางใดๆอีกเลย  แต่ท่านก็ยังทรงเมตตาเหล่าพี่น้องของข้า

...

..

.

เว้นแต่

.

..

...

ผณิ

เป็นคนคนเดียวที่เสด็จพ่อเกลียด  เกลียดมากจนข้าเองก็ไม่เข้าใจ

ถึงแม้จะรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็ตาม  แต่เสด็จพ่อเป็นผู้ที่ให้อภัยผู้อื่นเสมอ

แต่ทำไมกัน  กับลูกคนแรกของพระองค์(ถึงเสด็จพ่อจะไม่ยอมรับ)จึงไม่เคย

แม้แต่จะชายพระเนตร

หลังจากที่เสด็จพ่อส่งท่านผณิไปเป็นเครื่องบรรณาการกับเมืองครุฑ

พระองค์ก็ทรงประชวรหนัก   เสด็จแม่ก็แปลกไป

กลับดูอารมณ์ดีมากขึ้น มิหนำซ้ำยังทรงจัดการส่งโอรสธิดา

ที่เกิดจากนางสนม  ให้ไปอภิเษกกับหัวเมืองของเหล่านาคทั้ง4ตระกูล

เหลือเพียงข้า ที่ปกครองเมืองบาดาลแห่งนี้  แต่เสด็จพ่อยังคงมีพระชนชีพอยู่

อะไรทำให้เสด็จแม่ทรงเปลี่ยนไป

ในคืนนี้ข้าต้องการจะเข้าเฝ้าพระบิดา

ข้าจึงเดินทางมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ โดนมิไดทูลเสด็จแม่

ในขณะที่ข้าเป็นประตูเข้าไปยังห้องบรรทม

ข้ามองเห็นร่างของเสด็จพ่อ ทรงบรรทม

ด้วยสีพระพักมิสู่ดีนัก

"ศศิ  ...เจ้าอยู่ไหน"เสียงแผวเบาทรงตรัสขึ้น

ราวกับว่าเสด็จพ่อทรงละเมอเท่านั้น

ใครกันศศิ.

"ข้า..ขอโทษ" หือเสด็จพอทรงขอโทษผู้ใดกัน

คนที่ชื่อศศิรึ  สาวที่ไหนหนอ

“เจ้าว่าเช่นไรนะ  มนต์กำลังจะหมดฤทธิ์รึ”

เสียงเล็กกล่าวกับแม่เฒ่าคนสนิท

ไม่ต้องบอกก็

รู้เสด็จแม่ข้าเอง

แล้วที่ท่านแม่ตรัส  มนต์อันไดกัน

เสียงพูดคุยเริ่มเข้ามาใกล้ข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปแอบยัง

ตู้ใบใหญ่ที่อยู่หลังแท่นบบรรทม

ร่าของเสด็จแม่เดินเข้ามาเพียงผู้เดียว

คาดว่าพวกยายเฒ่าคงจักรออยู่ที่หน้าห้องเป็นแน่

“ท่านพี่ ท่านจะโทษข้าหาได้ไม่ ท่านไม่รักข้าเอง”

ใบหน้าสวยเศร้าสร้อยน้ำตาคลอ

“หึ...หึหึหึ  ฮ่าฮ่าฮ่า”แต่แล้วเสด็จแม่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

อย่างบ้าคลั่ง

“ข้าไม่ผิดที่ทำเสน่ห์แก่ท่าน ข้าทนไม่ได้ที่ท่านจะไปหลงรักใครอื่น

โดยเฉพาะนังมนุษย์นั่น หรือแม้กระทั่งลูกของมัน  ข้าทำให้ท่านเกลียดมัน

ลืมนังนั่นและทำลายลูกของมัน ฮ่าฮ่าฮ่า”เสด็จแม่ของข้าทำเช่นนี้หรือ

ทำเสน่ห์ใส่เสด็จพ่อ  จนเสด็จพ่อเกลียดผณิรึ

“ต่อให้มนต์จะเสื่อม แต่อย่างไรไอเด็กนั่นก็กลับมาไม่ได้อีก ท่านเป็นของข้า”

‘ไม่ว่าท่านจะเป็นของใคร ข้าจะทำให้ท่านกลับมาเป็นของข้า ของข้าเพียงผู้เดียว’
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:07:06
ทที่ ๑๗ เหนื่อย

ร่างกายสูงใหญ่พาร่างของตนออกมายังนอกห้องสงน้ำ ร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยหยดน้ำพราว

สายตาคมจับจ้องไปยังแท่นบรรทม หวังว่าจะพบกับร่างบางของอีกฝ่าย

แต่ก็ว่างเปล่าไร้วี่แวว

พลันโทษะที่มอดดับไปก็กลับคุกกรุ่นอีกครั้ง

โกรธที่ร่างบางกล้าหนีออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาติ

แม้จะไม่ชอบร่างบางเพราะเป็นนาค

แต่ก็ต้องยอมรับว่าร่างบางมอบความสุขให้แก่

ตนได้มากกว่านางน้อยๆเหล่านั้น

หน้าหลงใหล...แต่ก็รังเกียจ .....

ความโกรธที่มีอยู่แม้ว่าจะไม่ได้มากมาย

แต่เพราะความโชคร้ายของร่างบาง

ที่เกิดมามีเชื้อสายนาค...

ยิ่งเป็นนาคในตระกูลของคนอย่างนั้นแล้ว

ยิ่งไม่ควรยิ่งที่จะมีสายสัมพันธ์..

หรือ...รัก...

ขณะที่ร่างสูงกำลังยืนอยู่ข้างแท่นบรรทม

ก็สะดุดตากับรอยหยดเล็กๆเป็นทางยาวบนพื้น

เลือด

รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม

"หนีไม่พ้นหรอก  เจ้านาค" ร่างสูง

สาวเท้าตามเลือดหยดเล็กหยดน้อย

ไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าตำหนัก

สายฝนยังคงสาดเทลงมาทำให้รอยเลือดหยุด

อยู่เพียงแค่หน้าตำหนักเท่านั้น

ร่างสูงตัดสินใจเดินออกไปตามความรู้สึก

รู้สึกว่าร่างบางอยู่ตรงนั้น

โชคดีไม่เคยเข้าข้างร่างบาง

ร่างสูงแสยะยิ้มเมือมองเห็นร่างที่นั่งพิงต้นไม้

ใหญ่อยู่ไม่ไกลนัก จึงรีบสาวเท้าพาร่างของตน

ไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นโดยที่ร่างบางยังคงหลับสนิท

ร่างขาวเนียนนอนกึ่งนั่ง ยังคงสลบไสล

เนื้อตัวมีแต่รอยรักที่เกิดจากร่างสูง

รวมถึงรอยกัดด้วย  ผ้านุ่งหลุดลุ่ย

สภาพร่างกายเปียกปอน ตากลมปวมเป่ง

ริมฝีปากซีดเซียว หายใจรวยระริน

เลือดสีแดงเจือปนกับน้ำฝน ไหลผ่านผ้านุ่ง

ของร่างบาง

แววตาคมจองมองร่างบางนิ่งงัน

ก้มลงอุ้มร่างตรงหน้าพาดบ่าแกร่ง

พลางหันกลับเข้าสู่ตำหนักของตน

ตุ๊บ

หลังจากเข้ามาในห้องบรรทมแล้วร่างสูงก็วาง

ร่างนั้นลงบนแท่นบรรทม แรงกระแทกเพียงน้อยนิด

ทำให้ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้น

แววตาสวยมองรอบข้างด้วยความหวาดระเเวง

พลันมองเห็นร่างสูง หยาดน้ำตาก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ

ร่างกายสั่นสะท้าน กระถดกายออกห่างจนติดหัวนอน

ราวกลับจะแทรกกายลงในนั้น

"ฮื่อๆ  ออกไป  คนเลว  คนไม่ดี ฮือ ออกไป"ร่างบาง

ร้องไล่ร่างสูงด้วยความหวาดกลัว

"หึ  จะไล่ผัวไปไหนเล่า  มิอยากสานต่อเรื่อง

เมื่อคืนหรือ"ร่างสูงกล่าว ก้าวขึ้นแท่นบรรทม

"ไม่  ออกไป คนเลว  ท่านมันเลว"ร่างบางด่าคำร้าย

แต่ละคำที่กนด่ามันล้วนสร้างรอยแผล

ให้แก่ใจร่างบาง  ปากด่าแต่ในใจกลับขอโทษ

ขอโทษร่างสูง...

เพี๊ยะ

หน้าบางหันสะบัดหัน แก้มสวยกระทบกับฝ่ามือหนาอีกครา

2ครั้ง....

โดนตบสองครั้งแล้ว...

ร่างสูงทาบทับร่างกายบาง  คนตัวเล็ก

ผณิร้องไห้ หมดทางหนีเรื่องเมื่อคืนวนเข้ามาในหัว

ความเจ็บปวดยังคงตราตรึง.

"ไม่. ฮือ ไม่เอาแล้ว ขอโทษ"ร่างบางดิ้นหนี

ร่างสูงกระชากผ้าคาดของตนออก

มือแกร่งรวบข้อมือบางทั้งสองไว้ด้วยกัน

ผ้าคาดผูกที่มือบางอย่างแน่นหนา

ร่างบางพยายามดิ้นไปมา

หวังจะหลุดจากพันธนาการนรกนี้

ทำไมกัน. เจ็บทุกๆครั้ง

กับคนที่รัก

โดนหลอก

โดนทำร้ายทั้งกายใจ

เจ็บ

.

.

.

แรงที่น้อยนิดมิอาจปัดป้องร่างกายของผณิ

ให้หลุดพ้นไปได้  แววตาเว้าวอน

เต็มไปด้วยน้ำตา ปากสั่นระริกพร่ำขอโทษ

ร่างสูง. ขอให้หยุดสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ร่างสูงเมื่อจัดการพันธนาการร่างบาง

แล้วก็ค่อยๆถอดผ้านุ่งที่เปียกปอนนั้นออก

ทิ้งลงข้างแท่นบรรทม. ร่างบางเปลือยเปล่าอีกครั้ง

ผิวเนื้อปรากฏร่องรอยขบกัด  สีแดงช้ำที่เด่นชัดอยู่

ทั่วอนูกาย  ร่างบางยังคงร้องไห้เงียบๆ

ร่างสูงจัดการกับอาภรของตน ร่างแกร่งปรากฎต่อ

สายตาบาง  ขเดศวรบัดนี้ช่างดูน่าหลงใหล

ราวกับเทพบุตร  แต่ภายใต้ความสง่างาม

กลับสร้างความกลัวให้กัดกินใจของร่างบาง

อย่างมาก  มืออุ่นจับลงตรงต้นขาขาว

พลางกระชากแยกขาทั้งสองออกจากกัน

"ฮื่อ  อย่า อย่า  ข้ายังไม่หาย ข้าเจ็บฮือๆ"ร่างบางขัดขืน ขาทั้งสองเกร็งหนีบเข้าหากันแน่น

"อยากให้ข้าทำสิ่งใด อึก  ข้าจะทำทุกอย่างฮือ อย่าทำข้าเลย" ร่างบางไม่อาจสู้แรงของร่างสูงได้

"เจ้าจะกลัวสิ่งใด เมื่อคืนยังครางเสียงหวานอยู่เลย"ร่างสูงกล่าวเย้ย

มือใหญ่แยกขาบางได้สำเร็จ  ทั้นทีที่ขาเรียวแยกออก

ช่องทางสีช้ำที่บวมเป่งก็ประจักษ์ต่อสายตา

บาดแผลฉีกขาดยังคงเด่นชัด เช่นเดียวกับเลือด

ที่ยังคงไหลซึมออกมา  ร่างบางซบหน้าลงกับหมอนนุ่ม. น้ำตาหยดลงบนหมอนจนเปียกชื้น

ตัวสั่นเกร็ง มือทั้งสองบิดไปมาเพื่อหาอิสระภาพ

คมเชือกบาดลึกลงไปบนข้อมือขาว

เกิดบาดแผลจนเลือดไหลซิบ

เจ็บเหลือเกิน

ทรมานทั้งกายและใจ

อยากลับไปหามาราตรี

.

.

ข้ายอมให้ท่านพ่อลงโทษอย่างไรก็ได้

แต่ไม่ใช่แบบนี้

ไม่ใช่การลงโทษจากคนที่รักเช่นนี้

'ข้าเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:08:16
บทที่ ๑๘ ขอโทษ

ร่างสูงหยุดชะงัก

'ครั้งแรกสินะ'

หัวใจแกร่งกระตุกวูบความรู้สึกบางอย่างในส่วนลึกกำลังประท้วงในใจ.

ร่างบางนอนสะอื้นภายใต้ร่างของร่างสูง

ความเจ็บปวดทั้งกายและใจถูกขับออกมาเป็น

น้ำตา เสียงสะอื้นยังคงดังเป็นระยะ

ร่างสูงเอื้อมมือไปแก้มัดข้อมือบาง

แล้วผละออกมานั่งอยู่ข้างร่างบาง

ไม่มีผู้ใดปริปากความเงียบเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ

เสียงฝนภายนอกสงบลงแล้ว

แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นของร่างบางดังออกมาเป็นระยะ

.

.

พายุฝนที่เนิ่นนานสงบแล้ว

.

.

.

"ท่าน...ท่านเกลียดอะไร...ข้านัก..หนา..หรือ"

เสียงแหบแผ่วเบาเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

"ข้า..อัปลักษณ์มารึ....ใครๆ...จึงพา..กัน...

รังเกลียด...ข้า"ร่างบางยังพร่ำเพ้อ

"เลวร้าย.....มาก..เลย..หรือ..ข้า..น่ะ.."

"ทำไม...ต้องทำร้าย....ข้าด้วย...ข้าเจ็บเป็น..."

น้ำตายังคงนองไหลอาบแก้มที่แดงก่ำจากแรงตบ

"ท่านรู้รึไม่....ข้าฝัน..ถึงท่าน...มาตลอด.."

"ตลอดชีวิต....ข้าทำให้...ท่านพ่อ...เกลียด.."

"ข้า..ทำให้..แม่..ตาย....."

ร่างสูงชะงัก 'ทำให้แม่ตายรึ'

"แม่ของเจ้า  ไม่ใช่พระมเหสีหรอกรึ"

ร่างสูงถามเสียงเรียบ  ถามให้แน่ใจ

นาคที่มีกลิ่นมนุษย์

"ไม่...ไม่ใช่.."คำตอบที่ได้มาสร้างแววตกใจขึ้น

บนใบหน้าคม

"เจ้าเป็นครึ่งมนุษย์?"

"ใช่...แม่ข้า..เป็นหญิง..ชาวมนุษย์..ข้ าไม่ใช่ลูก..ของพระมเหสี"สิ้นคำของร่างบาง ดั่งร่างสูงถูกฟ้าผ่าลง

กลางใจ ทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องเสียแล้ว

ร่างบางยังคงนอนนิ่งแล้วกล่าวต่อ

"ท่าน....เกลียด..ข้า...มากรึเปล่า.."น้ำเสียง

สั่นเครือเอยขึ้นอีกครั้ง

ร่างสูงหาได้ตอบอันใดไม่

"หาก..ท่าน...เกลียดข้า...ได้โปรด..."

"ได้โปรด....มอบ...ความตาย....ให้แก่ข้า"สิ่นคำร่างบางก็ร้องไห้โฮ ออกมาอย่างหมดอาย ร้องไห้

หวังให้ร่างสูงเห็นใจ

"อย่า...ทรมาน...ข้าเลย..อึก ฮื่อ..ฆ่า..ทีเถอะ.."

ขอให้ร่างสูงเมตตา

หากไม่รัก..

ก็...

ฆ่าทิ้งเลยเถอะ...

ร่างน้อยสั่นไหวด้วยแรงสะอื้น

ใบหน้าแสดงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน

น้ำพลั่งพลูออกมาไม่หยุดหย่อน

หมดเเล้วความเชื่อที่มี

รักแท้ที่ใฝ่ฝัน จู่ๆก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า

การได้เจอกับร่างสูงเป็นดังแรงที่ช่วย

พยุงชีวิตของผณิให้คงอยู่  แม้รอยเเตกร้าว

จากการกระทำของบิดาจะมากมาย

จนหัวใจดวงน้อยมันบิดเบี้ยว

หลายครั้งคราที่ร่างบางคิดจะปลิดชีพตนเอง

ชีวิตที่สร้างรอยแผลให้กับผู้เป็นพ่อ

แต่ทุกครั้งก็จะมีชายในฝันคอยเป็นกำลัง

ให้ผณิมีชีวิตเพื่อเจอกับคนที่รักหมดหัวใจ

แต่บัดนี้ ผณิได้เจอกับคนผู้นั้นแล้ว คนที่เฝ้ารอมา

ตลอดความหวังก่อตัวขึ้นแม้จะผ่านเรื่องร้ายที่กัดกินความเชื่อจนขาดวิ่น

โดนหลอกโดยพ่อแท้ๆที่เทิดทูนมาตลอด

ร่างสูงที่คิดว่าเป็นพลังของชีวิต  เป็นดวงตะวัน

ที่จะส่องแสงให้โลกที่เดียวดายของร่างบาง

...

แต่ทั้งหมด  กลับเป็นแค่เรื่องหลอกลวง

ใจดวงน้อยแหลกยับเยิน

หมดแล้วความหวังที่จะเริ่มใหม่

หมดแล้วความเชื่อในชีวิต

ความฝันทั้งหมดจบลงตั้งแต่ได้รู้

ว่าร่างสูงหลอกใช้ร่างกายของผณิ

เพื่อระบายความโกรธที่มีต่อเผ่าพันธุ์นาค

คำว่ารักที่หวังจะได้จากร่างสูง

ก็แค่คำเพ้อฝัน

ไม่จริงซักอย่าง

"ท่าน...ฆ่า...ข้าที...ฆ่าข้าที!!!!!"ร่างบางกรีดร้องออกมาราวกับเสียสติ  ใบหน้ามีเพียงหยาดน้ำตาและความเจ็บปวด....สิ้นหวัง

พร่ำบอกให้คนตรงหน้ามอบความตายให้แก่ตน

ชีวิตพังทลายเเหลกสลายที่ไม่มีใครต้องการ

"ข้าเกิดมาทำไมก็ไม่รู้...อึก.ฮื่อ ฮึก ฮือๆ "

ร่างกายบางหายใจถี่เร็ว

เสียงร้องไห้ค่อยแผ่วลง

เช่นเดียวกับสติของร่างบางที่ค่อยๆ

เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยเหนื่อนล้าจากเรื่องราวมากมาย

ร่างสูงครุ่นคิดเรียบเรียงเหตุการณ์

ขเดศวรได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เสียแล้ว

ทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องเสียแล้ว

"ข้า...ขอโทษ"ร่างสูงกล่าวเบาหวิว

แววตาแกร่งแสดงความสำนึกผิดอย่างชัดเจน

แม้ใจแกร่งจะแข็งเพียงใด

แต่หากเป็นฝ่ายผิดร่างสูงก็จะยอมรับผิด

ร่างเเกร่งค่อยๆล้มตัวนอนเคียงข้างร่างบาง

ร่างบางที่หลับไหลยังคงมีน้ำตาอยู่เต็มใบหน้

มือหยาบบรรจงนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตา

สองแขนรวบร่างบางเข้ามากอดแนบอก

'ข้าขอโทษ  ขอโทษ'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:09:46
บทที่ ๑๙ หนีไม่พ้น

ร่างทั้งสองกอดเกี่ยวกันจวบย่ำรุ่ง

ร่างน้อยๆซุกอกแกร่งหาไออุ่น

เช่นเดียวกับร่างแกร่งที่โอบกอดร่างบาง

แน่นแนบอก

ในคราแรกที่ทั้งสองได้พบ

ร่างสูงรับรู้ได้ถึงความเสน่หา

ที่ร่างบางมีให้ แต่ด้วยความเข้าใจผิด

ร่างสูงจึงละทิ้งความพิศวาทนั้น

หันมาเครียดแค้นร่างบาง

แต่บัดนี้ทุกสิ่งเกี่ยวกับร่างบางได้ถูก

ไขกระจ่างแล้ว

กำแพงความเกลียดชังของร่างสูงจึงได้

พังทลายลงความรูสึกก่อนหน้ากลับมาเด่นชัด

'รักงั้นรึ'

ร่างภายใต้อ้อมกอดของร่างสูง

เริ่มขยับตัว  เสียงครางในลำคอที่แห้งผาด

บ่งบอกถึงความเจ็บปวด ใบหน้าหวานเงยขึ้น

แววตาเศร้าสบเข้ากับแววตาร่างสูง

ทันทีทันใดแววตาหวานกลับไหววูบ

ไปด้วยน้ำตา  กายอ่อนแรงพยายามดิ้นออกจาก

อ้อมกอดที่เกี่ยวรัดร่างไว้

หยดน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้ว

กลับหยดลงมาอีกครา ร่างสูงพยายาม

กอดรัดร่างที่ดิ้นหนี

"ปล่อยข้า......ข้าจะกลับ.....ข้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆ"

ร่างบางโวยวายหนักขึ้น ดิ้นรนจนร่างกายเริ่มขึ้น

สีแดงเป็นริ้ว

คนเรามีความอดทนกันทั้งนั้น ไม่ว่าใครหากเป็น

เรื่องที่สำคัญก็ย่อม จักอดทนเพื่อมันเสมอ......

หากแต่ว่า....ความอดทนต่อให้มีมากหรือ

แข็งแกร่งเพียงไร...........มันก็ยังมีเวลาหมดสิ้น.....

ที่สุดของความอดทนนั้นคนเราอาจมีไม่เท่ากัน....

ขึ้นอยู่กับจิตใจและเรื่องราวนั้นๆ.....ที่เป็นตัวแปร..

อดทน...ต่อความโกรธ....

...ความเสียใจ...

...ความน้อยใจ...

...ความเกลียด....

สำหรับบางคนแล้ว  ปากบอกว่าชาชิน....

...ไม่รู้สึก..ไม่เจ็บ....

แต่ผู้ใดจักใคร่รู้.....

ภายในใจของคนเหล่านั้นอาจแหลกเหลว

ป่นปี้หามีชิ้นดีไม่  ก็เป็นได้

บางคนบอกว่าเมินเฉย......

พร่ำบอกว่าสิ่งเหล่านั้น...เป็นเพียงอากาศธาตุ

...หามีความจำเป็นต่อชีวิตไม่....

หัวเราะ..ร่าเริง..มีความสุข....

..แต่ก็กลับร้องไห้....อยู่ในใจเพียงคนเดียว...

บางคนให้อภัย...ฝืนทนต่อสิ่งเหล่านั้น..

ทนแม้มันจะบั่นทอนทุกสิ่งที่มี....

เจ็บปวดก็ยังฝืนต่อไป...

บอกแต่เพียงว่า....ยังไหว....ยังทนได้..

แต่หัวใจเป็นแผลลึก...จนกลัดหนอง..

ร่างบางของผณินั้นหมดแล้วซึ่งความอดทน

แม้ในใจจะรักเพียงไหน...แต่มันก็เจ็บเหลือเกิน

มีแต่คำหลอกลวงไม่จบสิ้น  ....อยากหลุดพ้น

ร่างบางร้องไห้นิ่งแนบอกร่างสูง

ไม่เหลือแรงจะดิ้นหนีอีกแล้ว

ได้แต่ร้องไห้  ตาบวมช้ำไม่มีทีท่าจะดีขึ้น

อุณหภูมิร่างกายบางสูงขึ้นมาก

จนร่างสูงรู้สึกได้

พิษไข้เข้าถาโถมร่างบาง อย่าหนัก

ร่างสูงที่กอดปลอบร่างบางอยู่

ไม่มีทางเลือก รีบวางร่างบางลงกับแท่นบรรทม

ส่วนตนนั้นรีบหายเข้าไปในห้องสรงน้ำทันที

ไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาพร้อมกับอ่างแก้ว

ที่บรรจุน้ำไว้และผ้าผืนเล็กอีกหนึ่งผืน

มือแกร่งที่ผ่านการศึกมามากมาย

บัดนี้กำลังบรรจงบิดผ้าที่ชุบน้ำให้หมาดพอ

จะเช็ดตัวให้ร่างบางได้

ความเย็นของน้ำกระทบกับผิวเนียบ

จนร่างบางสะดุ้ง แต่ก็ยังคงหลับไหล

ด้วยความอ่อนเพลีย  ร่างสูงพยายามเช็ดตัว

ให้ร่างบางทั้งๆที่ไม่เคยทำให้ใครที่ไหนมาก่อน

ตัวอย่างบรรจงไล้ ผืนผ้าชุ่มน้ำ

ไปตามเรือนร่างของร่างบาง ที่สลบไสลอยู่

แววตาที่ต้องมองเปลี่ยนไป นัยน์ตาคม

เหลือแต่เพียงความรู้สึกผิด ต่อสิ่งที่ได้กระทำ

มันช่างเลวร้ายและทำร้ายจิตใจร่างบางเหลือเกิน หากเขาทิ้ง ความโกรธ แล้วไตร่ตรอง ร่างบางมากกว่านี้ ร่างสูงอาจไม่พลั้งมือทำสิ่งที่มันเกินจะ

ให้อภัยเช่นนี้

ผิดเองที่ไม่ถามถึงความเป็นจริง

คิดไปเองฝ่ายเดียวเท่านั้น

ร่างสูงปล่อยความคิดวนเวียนอยู่ในหัว

รู้ตัวอีกทีมือหนาก็มาหยุดอยู่ตรงแผงอกบาง

แผงอกน้อยไหวกระเพื่อมตามแรงการหายใจ

ของร่างบาง

ผิวเรียบลื่นที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยรัก

ยอดอกสีแดงอ่อนระเรื่อชูชันท้าทายร่างสูง

ทุกครั้งที่ผ้าผืนน้อยลากผ่าน เสียงครางหวานก็จะ

เล็ดลอดออกมา

ร่างกายร่างสูงยิ่งร้อนลุ่ม ภาพบทรักเมื่อคืนยังคง

ซาบซานไม่จาง  ร่างอ้อนแอ้นบอบบาง

ที่เย้ายวนไม่แพ้สตรีนางใดๆ ออกจะงดงามมากกว่า

เสียด้วยซ้ำ   กลิ่นหอมคล้ายกลิ่นกานของเด็กทารก

เจือกลิ่นดอกไม้ป่าอ่อนๆ  ริมฝีปากหวานนุ่ม

ที่ไม่ว่าจักลุกล้ำสักกี่คราก็ไม่อาจห้ามใจ

ช่องทางรักที่คับแคบ  นุ่มนิ่ม และร้อนแทบหลอมละลาย. เสียงครวญครางหวานหู

ที่จะร้องอ้อนวอนให้ร่างสูงหยุดกระทำ

เมื่อคิดถึงทุกสัมผัส ส่วนกลางที่หลับไหล

พลันกับตื่นขึ้นมาอย่างชัดเจน

ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง

ในการควบคุมร่างกายและจิตใจ

ไม่ให้หลงใหลจนเผลอทำสิ่งเลวร้ายไปอีก

ในที่สุดการเช็ดตัวให้ผู้ป่วยก็เสร็จสิ้น

ร่างสูงรีบตรงดิ่งไปที่ห้องสรงน้ำ

เราสูงรีบปลดผ้านุ่งลงทันที

กลางกายขนาดใหญ่ดีดตัวออกมาสู่ภายนอก

สองมือกอบกุมท่อนเอ็นร้อนนั่น

แรงขยับค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อเร่งปลดปล่อยความกำหนัด

ใบหน้าหวานและทุกๆสัมผัส

ไหลเวียนเข้ามา โหยหาร่างกายอ้อนแอ้นนั้น

ในที่สุดธาราชีวิตก็ทะลักล้นจากแกนกลาง

ออกมาก

"อึก ผณิ."

'ข้าจะหนีหัวใจได้หรือไม่  เจ้าผณิ'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:11:18
บทที่ ๒๐ เผชิญรัก

เวลาล่วงเลยจวบจนสาย

ร่างบางตื่นแล้วแต่กลับนิ่งเงียบ

ไม่ร้องไห้. แววตาวางเปล่าเหม่อลอย

พิษไข้ทุเลาลงมากแล้ว ร่างบาง

พยายามฝืนกายลุกขึ้น

แต่แรงขยับก็ทำให้คนเคียงข้าง

ตื่นขึ้นด้วยเช่นกัน

"เจ้าจักไปไหนกันผณิ"เสียงแกร่งเอ่ยถาม

แต่ก็มิมีเสียงอันใดเอยผ่าน

จากร่างบางตรงหน้า

ผณิขยับกายลุกขึ้นยืน

แม้จะยังรู้สึกเจ็บเสียด

บริเวณช่วงล่างก็ตามแต่ก็ฝืนตน

ลุกขึ้นเดินเพื่ออกจากที่นี่ นรกที่เลวร้าย

อยากจะกลับเมืองบาดาลเหลือเกิน

มาราตรีจะเป็นเช่นไรบ้าง

องค์เหนือหัว.....จะเป็นเช่นไร

ร่างบางก้าวเท้ากระท่อนกระแท่นพาร่าง

ที่บอบช้ำมายังตำหนักเล็กของตน

พฤกษกานต์ที่เฝ้าร้อนรนตามหาร่างบาง

ต้องตกใจอย่างหนัก  สะภาพของร่างบางตอนนี้

ช่างดูอิดโรยราวกับคนละคนที่นางเห็น

ร่องรอยที่บ่งบอกถึงเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา

สร้างความสงสารให้แก่พฤกษกานต์มากมาย

“ท่าน .... ท่านเป็นเช่นไรบ้าง” ร่างเล็กรีบ

เร่งเข้าไปหาร่างตรงหน้าทันได้

มือเล็กพยายามเอื้อมไปแตะร่างบาง

แต่ยังไม่ทันที่มือเล็กจะได้แตะต้อง

ร่างบางก็กล่าวขึ้นพร้อมน้ำตา

"อย่าแตะต้องตัวข้า....อึก ฮือ"

ผณิตะโกนสุดเสียง

พฤกษกานต์มีสีหน้าตกใจอย่างหนัก

ใครเป็นคนกระทำย่ำยีร่างบางกัน

ใครที่ทำร้ายสหายรักของนางกัน

"ใครทำเรื่องแบบนี้กับท่าน"ร่างเล็กเสียงสั่น

"ข้าทำตัวเอง อึกฮื่อๆ ข้ารักเขาเอง ข้าโง่เอง"

ผณิพร่ำบอกอยู่เช่นนั้นราวกับเสียสติ

ร่างเล็กของพฤกษกานต์โถมเข้าโอบกอด

ร่างสั่นเทานั้น

.

..

.....

ช่วยอันได้หาได้ไม่

เวรกรรมอันไดกัน

.

..

......

ร่างบางร้องไห้ในอ้อมกอดของสหายรัก

ที่พักพิงเดียวนอกจากมาราตรีเท่าที่เหลืออยู่

ตั้งแต่ได้พบเจอกับขเดศวรไม่มีวันใดเลย

ที่น้ำตาของร่างบางจะหยุดรินไหล

ตำหนักรังสิมันต์

ภายในตำหนักพากันวุ่นวายเสียยกใหญ่

ด้วยคำสั่งออกตามหาพระชายาให้พบ

แต่ในตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุด เห็นจะหนี

ไม่พ้นร่างสูงเป็นแน่ เนื่องด้วยหวังว่า

เมื่อตื่นขึ้นมาจะพบร่างเบางอยู่ข้างกาย

แต่ก็ หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเมื่อร่างสูง ตื่นจากนิทราแล้วกลับไม่พบแม้แต่เงาของ

ร่างข้างๆกายเลย สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจ และแอบโมโหลึกลึก แม้จะไม่มีเรื่องใดให้โกรธเคืองแล้ว แต่ด้วยอารมณ์ ของร่างสูงที่ธรรมชาติ

มักร้อนง่ายอยู่แล้ว เมื่อตื่นมาไม่พบ

ร่างบางอย่างคาดหวังไว้

จึงไม่แปลกที่จะมีความคุกรุ่นอยู่ในใจ

รีบเร่งเรียกรวมพล ทั้งทหารและนางกำนัล

ให้ออกค้นหาทั่วทั้งบริเวณตำหนัก แต่ก็ไม่พบ

นั่นยิ่งทำให้อารมณ์คุกรุ่นมากขึ้นอีก

แต่ใน ความโกรธเกรี้ยวนั้น

กลับตัวไปด้วยความห่วงหาอาทร ด้วยเกร็ง

ร่างบางจะเป็นอันตราย เพราะยังไม่หายดี

อีกทั้งสภาพจิตใจยังย่ำแย่

การออกค้นหาร่างบาง ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

ไม่เว้นแม้แต่พระราชวังชั้นในสุด

แต่กลับมีที่ที่หนึ่ง ที่ไม่มีใครคาดคิด

และมองข้ามไป

คือตำหนักเล็ก ที่ร่างบางอาศัยอยู่

พฤกษกานต์ ก็มีความโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย

เมื่อเห็นสหายของตน มีสภาพเช่นนี้

นางยังคงประคองกอดร่างบางไว้

ด้วยขนาดตัวของนางที่ใหญ่กว่า

ร่างบางเล็กน้อย จึงไม่ใช่เรื่องยาก

ที่จะสามารถกอดร่างบางไว้ได้

และหรือเวรกรรมของผณิยังไม่หมดลงง่ายๆ

ร่างสูงกลับฉุกคิดได้ว่า มีที่ที่หนึ่ง

ที่ยังไม่ได้ไปตามหา นั่นคือตำหนักเล็ก

เท้าแกร่งรีบสาวพาร่างของตน

ไปยังตำหนักเล็กโดยเร็วที่สุด

และเมื่อเปิดประตูตำหนักเข้าไป

ก็พบร่างบางของตน ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอด

ของหญิงสาวแปลกหน้า ยิ่งทำให้ความโกรธ

พุ่งสูงขึ้นอย่าง มิต้องสงสัย

ร่างสูงใหญ่รีบตรงไปกระชากร่างบาง

ออกมาจากอ้อมกอดของ พฤกษกานต์

" เจ้าเป็นใครกันเหตุใดจึง มา

อยู่ในตำหนักของพระชายา" ร่างสูง

กล่าวเสียงห้วน

" ข้าหาจำเป็นต้องบอกท่าน ไม่ และหากพระชายา ที่ท่านว่า คือท่านผณิ แล้วล่ะก็ คงเดาได้ไม่ยาก ว่าใครเป็นคนทำระยำ ไว้กับท่านผู้นี้" ร่างเล็กกล่าว อย่าง เกรี้ยวกราด ไม่แพ้กัน

สายตาของทั้งสองมองกันด้วยความโกรธเกรี้ยว

ฝ่ายหนึ่งโกรธที่ร่างสูงเป็นฝ่ายทำร้ายร่างบาง

สหายรักของตน อีกฝ่าย โกรธ และหึงหวง

ที่ชายาของตนตกอยู่ในอ้อมกอดของคนแปลกหน้า

ในขณะที่ทั้งสอง กำลัง ส่งสายตาห่ำหั่นกันอยู่นั้น

ร่างบางก็ตื่นขึ้น ด้วยความงงงวย

และตื่นตระหนกที่พบร่างสูง และสหายของตน

กำลังวิวาทกันอยู่

"พฤกษกานต์ "เสียงหวานแหบแห้ง

ร้องเรียกสหายรัก

โดยหารู้ไม่ว่านั่นจุดประกายให้ร่างสูง

ยิ่งอารมณ์พุ่งสูงขึ้น

"เจ้ากล้าเรียกคนอื่นนอกจากผัวเจ้ารึ"ร่างบางได้ยินถึงกับสะดุ้งตัวสั่น

ร่างสูงมองแววร่างบางในอ้อมแขน

ด้วยแววตาหน้าเกรงขาม

"ขะ ..ข้า ข้าขออภัย"ร่างบางกล่าวติดขัด

ไม่กล้าแม้จะสบตาร่างสูง  ได้แต่ตัวสั่นงันงก

"ท่านผณิ เจ้านี่เป็นใครกัน"พฤกษกานต์

กล่าวเสียงแข็ง พลางมองจิกร่างสูง

อย่ามิได้เกรงกลัว

"บอกเขาไปสิเมียข้า ข้าเป็นใคร"ริบฝีปาก

ของร่างสูงจงใจเลื่อนไปคลอเลียบริเวณ

ข้างหูลมหายใจร้อนรดรินข้างหูบาง

"ตอบไปสิ"เสียงทุ้มนุ่มกล่าวยิ่งทำให้ขน

ทั่วอนูกายลุกชัน

"ทะ. ท่านผู้นี้  ปะป่ะ เป็น สวามี..ของข้า"เสียที่กล่าวออกมาไม่ได้ทำให้ความไม่พอใจ

ของพฤกษกานต์นั้นน้อยลงแต่อย่าได

มองร่างสูงด้วยแววตาเครียดแค้นไม่ต่างจาก

ในคราแรกที่พบเห็น

"หากรู้แล้วข้าเห็นที่จักต้องพา"เมีย" ไม่สั่งสอนเรื่องการเอาใจผัวเสียก่อน"ร่างสูงกล่าวยียวน แล้วอุ้ม

ร่างบางเดินออกนอกตำหนักไป

พฤกษกานต์ได้แต่มอง หาทำสิ่งไดได้ไม่

'เวรกรรมของท่านแต่ครั้งใดกัน จึงต้องเผชิญกับรักที่เเสนทรมานเช่นนี้'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:13:36
บทที่ ๒๑  ในใจข้า( NC 18+)

สองเเขนแกร่งบรรจงวางร่าบาง

ลงบนแท่นบรรทมอย่างเบามือ

การกระทำเช่นนี้สร้างความประหลาด

ใจแก่ร่างบางเป็นอย่างมาก

'อ่อนโยนเหลือเกิน'

"เหตุใดเจ้าจึงหนีข้าไป "เสียงแกร่งกล่าว

น้ำเสียงไร้ซึ่งแววโกรธเคืองดังแต่ก่อน

มือใหญ่เอื้อมไปยังร่างบางช้าๆหวังจะ

สัมผัสใบหน้านวล

เพี๊ยะ!!!

ผ่ามือบางตะหวัดปัดมือของร่างสูงออก

อย่างแรงจนร่างสูงตรงหน้านิ่งอึ้ง

"อย่า   แตะ ตัว ข้า"ร่างเล็กกล่าวเสียงแข็ง

แววตาโกรธเคียงส่องผ่านไปยังร่างสูง

ไม่มีสิ่งใดจะเสียอีกต่อไป

หวาดกลัวไปคงไม่ได้รับประโยชน์

อันใดอื่น มีแต่ผู้คนดูแคลนเกลียดชังรังแก

ร่างสูงมีทีท่าไม่พอใจนักกับท่าทีแข็งกราวที่

ร่างเล็กแสดงออกมาได้  แต่ก็ยังคงข่มอารมณ์

ของตนไว้

"ข้าถามเจ้าอยู่นะผณิ"ร่างสูงกดเสียงเรียบ

แต่ด้วยน้ำเสียงแล้วมันบ่งบอกได้ถึงไฟร้อน

ที่ลุกโชนอีกครั้ง

"จะมาสนใจสิ่งใดเล่า  จะเสแสร้งอันใดอีกท่านพญาครุฑผู้สูงส่ง " ร่างบางกล่าวเสียงเย้ยหยัน

"เจ้ากำลังทำให้ข้าโกรธนะผณิ"สุรเสียงกล่าวเย็นเยือกแต่ร่างบางยังคงนิ่งเช่นราวกับมิได้รู้สึกรู้สา

กับคนตรงหน้าเลย และท่าทีเช่นนั้นเอง

ก็ทำให้ร่างสูงหมดซึ่งความอดทน

"ข้าอุสาห์คิดจะดีกับเจ้าแล้วนะผณิ"จบคำร่างสูง

ก็กดร่างบางลงกับแท่นบรรทมทันที

สร้างความตกใจและหวาดหวั่นให้กับ

ร่างบางอย่างท่วมท้น  ร่างกายสวยออกแรงดิ้น

ริมฝีบากกรีดร้องอย่าตื่นตระหนกแววตา

หวานเบิกโพลนน้ำตาเริ่มก่อตัวจนล้นปริ่ม

ร่างสูงก้มลงดูดดุนขบกัดซอกคอขาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยมากมาย กลิ่นรัญจวนอ่อนๆราวกับดอกไม้

มันปลุกอารมณ์เร้าร้อนให้แก่ร่างสูงได้ไม่ยาก

"ปล่อยข้านะ   ปล่อย  ไม่เอาแล้ว"ปากบาง

เอ่ยเสียงสั่นร่างสูงไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ

แม้จะทำเป็นใจกล้าต่อปากต่อคำในตอนแรก

แต่พอเอาเข้าจริงก็กลัวจนทำอะไรไม่ได้

"เจ้านี่น้า  ชอบทำให้ข้าโกรธเสียเหลือเกิน

ถึงตอนนี้จะมาร้องไห้คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้ารึ"

เสียงแกว่งว่า

ร่างบางได้แต่คิดตำนิตนเอง 'ช่างโง่เขลานัก

ดันมากล้าหาญไม่เข้าเรื่อง'

ร่างสูงใช่โอกาสนี้ปลดผ้าคาดเอวของร่างบาง

ออกแล้วนำมาพันธะนาการข้อมือบาง

ทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันกว่าร่างบางจะรู้ตัว

มือทั้งสองก็ไร้แล้วซึ่งอิสระ

"ปล่อยข้า อย่าทำข้าเลย ข้าขอโทษ อึก"

เสียงอ้อนวอนดังขึ้นไม่ขาด

ผ้าผืนที่ห่อหุ้มเรือนกายบางค่อยๆถูกปลดออก

ภายใต้การขัดขืนของผณิที่ดูเหมือน

จะไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย

ร่างสูงค่อยๆบรรจงลากเรียวลิ้น

ชิมรสชาติหอมหวามไปทั่งร่างกายบาง

สองมือแกร่งลูบไล้ตามแนวขาขาวด้านใน

จนร่างบางแทบจะกลั้นความกระสันไว้มิไหว

แต่ถึงกระนั้นแล้ว ก็ยังไม่กล้าที่จะยอมรับสัมผัส

ที่ได้รับโดยง่ายยังคงขัดขืนฝืนรั้ง

จิตใจสั่งการให้ต่อต้านขัดขืน

ด้วยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ โกรธเคืองกับ

เรื่องราวเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอมา

มันเลวร้ายและแสนจะทรมาน

แต่ร่างกายกลับตรงกันข้าม

มันยังคงตอบรับสัมผัสเย้ายวนที่ไม่คุ้นเคย

อย่างไม่ประสาอันได้ จะโอนอ่อนผ่อนตาม

ก็หาไม่แต่ก็ตอบสนองเสียทุกครา

ที่มือหยาบลากผ่านผิวเนื้อนวล

มือหนากอบกุมส่วนกลางสีอ่อน

ที่มันกำลังตื่นตัวน่าอายในขณะ

ที่ริบฝีปากของร่างสูงก็ยังคงหยอกเย้า

ขบเม้มยอดดอกสีหวานที่เริ่มบวม

และแดงมากขึ้น

"อะ อ๊า อื้อ อะอย่า"ร่างบางกลั้นเสียงของตนไม่อยู่

เผลอครางเสียงหวานเล็ดลอดออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างสูงยิ่งรุกหนักขึ้น

มือใหญ่เร่งขยับ จนร่างบางทั้งร่างสั้นเกร็งสะท้าน

ทั่วทั้งอณุกาย

"อะ อ๊า ปล่อย อ๊ะ"ยังมิทันจะสิ้นเสียง

วารีชีวิตสีใสก็ทะลักออกมาเป็นสาย

เปรอะเปื้อนไปทั่วมีหนา

แต่มันก็หาหยุดลงเพียงนั้นไม่

ร่างบางไม่ใช่ผู้เดียวที่เกิดความต้องการ

ขเดศวรเองก็มิอาจปฏิเสธความวาวหวามนี้

ร่างบางยังคงเหนื่อยหอบจากการปลดปล่อย

จึงได้แต่นอนนิ่งๆ ร่างสูงใช้โอกาสนี้

แยกขาบางออกจากกัน เผยช่องทางสีสวย

ที่เริ่มฟื้นตัวจากอาการบวมบ้างแล้ว

แต่ยังคงฉีกขาดและช้ำอยู่  นิ้วยาวเรียว

ปาดน้ำรักจากหน้าท้องแบนราบจนชุ่ม

มือหนาเลื่อนลงมายังรอยจีบสีหวาน

ปลายนิ้วบรรจงสอดแทรกเข้าสู่ตัวของร่างบาง

"เจ็บ....อย่านะ  ท่าน  อึกอ๊าาาา"เสียงครวญครางหวานหูดังลั้นแต่เสียงนั้นกลับเจ็บปวดเกินต้านทาน

น้ำตาอาบใบหน้านวลเป็นสาย ช่องทางคับแน่นบีบรัด

นิ้วเรียวราวกับเชิญชวน  ร่างสูงทนไม่ไหวอีกต่อไป

นิ้วแกร่งถอนออกจากส่วนลึกของร่างบาง

ผณิผวาสะดุ้งกับความโหวงในช่องท้อง

ความโลงหวิวแทรกเข้ามาจนร่างบาง

รู้สึกแปลก แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้วางใจ

แกนกลางที่ร้อนรุ่มของร่างสูง ก็กำลังถูไถ

ไปมาอยู่บริเวณช่องทางรักของตน

พลันร่างกายบางก็สั่นกลัว

ใครกันจะยอมได้

ร่างกายต้องทรมาน

ย่ำยีทั้งที่ไม่ได้รัก

"อย่า  ฮือ ข้ากลัว ไม่เอา ฮื่อๆ  อย่า"มือบางยกขึ้น

ผลักอกแกร่งไว้แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ช่วย

ให้ร่างรางรอดพ้นจากชะตากรรม

"อย่าร้องสิ พี่ขอเถอะนะ"ร่างสูงก้มลงกระซิบข้างหู

ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากนุ่ม

ลิ้นแกร่งเกี่ยวหยอกเย้าลิ้นบาง

ไล้ต้อนหาความหวานอย่างตะกละตะกลาม

เมื่อไล้ชิมจนพอใจจึงได้ผละออก

ร่างบางหอบหายใจกอบโกยอากาศให้มากที่สุด

เพราะมัวแต่หายใจจึงไม่สังเกตว่าร่างสูง

กำลังทำอันใดกับร่างกายของตน

ขเดศวรจับเรียวขาขาวเกยบนตักของตน

ทั้งสองข้างทำให้ขาเรียวอ้าออกจนมองเห็น

ช่องทางสีช้ำได้ชัดเจน หารอช้าไม่ร่างสูง

จัดการจ่อแกนกายขนาดใหญ่เข้าช่องทางรัก

ของร่างบางพร้อมดันส่วนหัวเข้าไปเสียทันที

"อะ อะอ้ากกก"  ร่างบางร้องลั่นความเจ็บร้าวแผ่ไปทั่วช่องทางที่ถูกรุกล้ำและแนวสันหลัง

แกนกลางของขเดศวรมีขนาดใหญ่เกินไป

การสอดใส่แต่ละครานั้นจึงสร้าง

ความทรมานให้แก่ผณิเหลือเกิน

"ฮือ เจ็บ อ้า เจ็บ อะอือ เจ็บบบ"เสียงร้อง

ดังอยู่ในลำคอของผณิที่พยายามดิ้นหนี

แกนกลางที่เสียบแทรกอยู่ในตัวของตน

ใบหน้าหวานส่ายไปมาทั้งน้ำตา

"อย่าร้องนะคนดี  พี่จะค่อยๆทำ"ว่าพลาง

ขยับการดันเสือกท่อนเนื้ออุ่นเข้าสู่ช่องทาง

ที่ร้อนและบีบรัดจนแทบจะเสร็จกิจในบัดนั้น

"ม่ายย  เจ็บ. ขอร้อง ข้าเจ็บ พอแล้ว"

มือเล็กที่สั่นเทาผลักดันหน้าท้องแกร่งให้หยุด

ดึงดันสิ่งนั้นเข้ามา เพียงแค่สวนปลาย

ก็ทำให้ร่างบางเจ็บแสนสาหัส

ใบหน้าหวานส่ายไปมาบนหมอนใบใหญ่

ร่างสูงจึงตัดสินใจกระเเทกเข้าไปทีเดียว

ส่งท่อนลำใหญ่เข้าสู่ตัวของผณิจนหมด

"ขอโทษนะ พี่ไม่ไหวจริงๆ"

กึด

กึด

"อ้ากกกกก  เจ็บ อื่อ ฮื่อๆ  เจ็บ เอาออกไป"

ร่างบางทุรนทุรายราวกับจะขาดใจ

อ้าปากเพื่อกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอด

ให้มากที่สุด  เสียงการฉีกขาดของช่องทาง

ดังก้องในหูร่างบาง โลหิตสีชาดค่อยๆไหลซึม

ออกมาจากส่วนที่เชื่อมต่อ เป็นตัวหล่อลื่น

ได้อย้างดี

ขเดศวรกดแกนกลางแช่นิ่งอยู่เช่นนั้น

เพื่อรอให้ช่องทางแคบๆนี้ขยายมากพอ

ที่จะไม่สร้างความเจ็บให้แก่ร่างบาง

"อะ อึก เจ็บ. ข้า อะ "มือบางจิกลงที่หมอน

เพื่อระบายความเจ็บนี้จนมือขาวซีด

ตอนนี้ช่องทางบางเริ่มคลายตัวแล้ว

ร่างสูงจึงเริ่มขยับเนิบๆ

ความร้อนจากช่องทางที่อ่อนนุ่มและบีบรัด

ทำให้ร่างสูงแทบคลั้ง ช่องทางนั้นตอดรัดแก่นกลาง

แกร่งรุนแรงเพราะด้วยไม่คุ้นชิน

"แน่นเกินไปแล้ว   ยังมิชินหรือ"ร่างสูงกล่าว

เสียงกระเส่า

"พอ  เถอะอะ  อ๊ะ เจ็บ. ข้าเจ็บ"ร่สงบางพร่ำบอก

ร่างสูงจับร่างบางพลิกคว่ำในท่าคลาน

โดยที่ส่วนเชื่อมระหว่างทั้งสองยังคง

แนบสนิท

"อือ  ลึก อะ พอแล้ว  หยุดเจ็บ"ร่างสูงขยับ

แรงและเร็วอย่างลืมตัว  ใบหน้าหวานอาบด้วยน้ำตา

เรียวแรงของร่างบางแทบไม่มีเหลือ  เหนื่อยล้า

จนแทบสิ้นสติ ร่างกายแนบไปกับแท่นบรรทม

มีเพียงสะโพกที่เเอ่นขึ้นรองีบแรงกระแทก

จากคนบนร่างของตน ขาบางที่รองรับสั่นระริก

"พอ  ท่าน อึก พอแล้ว ข้า ไม่ไหว อือ"

แม้จะยังเจ็บแต่ก็ยังมีความรู้สึกดีเจือปน

"อีกนิดคนดี  "ร่างสูงเร่งความเร็วจนร่างบาง

ครางไม่เป็นภาษา  ความเสียวซ่านปกคลุม

คนทั้งสอง

"อะ อ๊ะ"

"อึก อะ"

ร่างทั้งสองเสร็จสิ้นถึงอารมณ์

ผณิปลดปล่อยทั้งๆที่มิได้แตะต้อง

หลังจากเสร็จสมร่างบางก็หลับไปด้วยความ

เหนื่อยอ่อน ภายใต้อ้อมกอดของขเดศวร

'ข้าจะบอกเจ้าผณิ  จะบอกทั้งหมดในใจข้า'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:14:41
บทที่ ๒๒ อนันตกาล๒

'เราจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป'

ข้าจำสัญญาได้ดี

เป็นสัญญาที่ข้าให้กับสหายรักของข้า

สหายที่ทรยศหักหลังข้า

ตัวข้านั้นเป็นเจ้าหญิงแห่งนาค

ส่วนนางเป็นนางอัปสรจากสวรรค์

เราสองคนสนิทชิดเชื้อกันเสียขนาด

ข้าเหนือกว่าทุกๆอย่าง ทุกด้าน

ยศศักดิ์ข้าก็มีมากกว่านาง

นางจึงเป็นเพื่อนที่ข้ารักมากที่สุด

เรื่องความรักยิ่งไม่ต้องพูดถึง

บุรุษมากมายหลายร้อยชีวิตรายล้อมข้า

แต่นางไม่ได้รับความสนใจ

และถึงแม้จะมีบุรุษมากมาย

เข้าหาข้าเพียงใดตอนหนึ่งเดียวในใจข้า

คือท่านนาคินบุรุษผู้เดียวที่ครอบครอง

หัวใจของข้า แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด

พระองค์จึงไม่เคย ทอดพระเนตร

เห็นข้าอยู่ในสายตาเลย

ข้าทำทุกวิธีทางตลอดหลายปี

เพื่อให้ท่านนาคิน ทรงหันมามองข้าบ้าง

แต่ก็เปล่าประโยชน์

ความรักของข้าที่มีต่อท่านนาคิน

มันมากมายมหาศาลขึ้นทุกวัน

จนคับในอกมีใจของข้า

แล้วเหมือนโชคจะเข้าข้างเสด็จพ่อ

ของเราทั้งสองได้มั่นหมายเราทั้งสอง

ไว้ด้วยกัน ข้าได้อภิเษกกับยอดดวงใจของข้า

ในขณะที่สหายรักของข้า ก็พบรักกับ

เจ้าเมืองพญาครุฑและดูเหมือนนางจะสุขไม่น้อย

แต่ในขณะที่ข้าอภิเษกอยู่กินกับท่านนาคินนั้น

ชีวิตของข้ากลับไม่มีความสุขเลย

ท่านนาคินเที่ยวมีผู้หญิงอื่นไปทั่ว

ทั้งนางสนมเล็กใหญ่ หาได้สนใจข้าไม่

ในขณะที่หัวใจของข้ากำลังร้าวรานนั้น

ข้ากับได้รับข่าวดีจากสหายรักของข้า

นางได้ให้กำเนิดบุตรชาย ท่ามกลางความยินดี

ของทั่วทั้งเมืองครุฑ สวามีของนาง

เสน่หารักนางสุดหัวใจ แต่สวามีของข้า

กลับไม่เคยเหลียวแล ทั้งยังปันใจให้กับหญิงอื่น

ข้าเกลียดนาง

เหตุใดความรักของนางจึงได้ดีมากกว่าข้า

ข้ายอมไม่ได้

ข้าทนเก็บความคับแค้นใจต่อสหายรัก

เนินนานหลายปี รวมทั้งความอิจฉาริษยา

และความน้อยเนื้อต่ำใจ ในความรักของข้า

รอวันที่ข้าจะได้ชำระ ทุกสิ่งอย่าง

นางสนมของท่านนาคินพากันตั้งครรภ์

เท่านั้นยังไม่พอ ท่านนาคินกับพาเด็กน้อยชาวมนุษย์กลับมา และบอกกับ ข้าว่าเขาคือลูกของพระองค์

ไอ้มารหัวขน

ข้าจึงไม่มีทางเลือก

แม้ในใจข้าจะเจ็บแค้นนแค่ไหน แบบภายนอกที่แสดงออกมา

ข้าก็แสดงเป็นพระมเหสี ที่มีแต่ความเมตตากรุณาต่อทุกคน

ทำดีให้ทุกคนรัก และสรรเสริญข้า

ไม่นานข้าก็รู้วิธีทำให้ท่านนาคินรักข้า

หมดหัวใจ ข้าได้ทำพิธีปรุงยาเสน่ห์

แล้วลอบวางยาเสน่ห์เพื่อให้ พระองค์

หลงรักข้า มันเป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงรัก

ข้าหัวปักหัวปำ มิเคยชายตามองหญิงใดอีกเลย

ส่วนไอ้ตัวจังไรผณินั้น ข้าก็แค่ยุแยงตะแคงรั่ว

ว่ามันฆ่าแม่ของมัน พระองค์ก็ทรงเกลียดมัน

สุดขั้วหัวใจ นางสนมทั้งหลายถูกทอดทิ้ง

แต่ข้าก็ยังใจดี ขอให้พระองค์ทรงประทาน

การเลี้ยงดู อุปการะ พระโอรสและพระธิดาทั้งหมด เว้นแต่ไอ้ผณิผู้เดียว

ความรักของข้ากำลังหวานชื่น ทุกอย่าง

กำลังไปได้สวย ข้าตั้งครรภ์ ลูกของข้า

กับท่านนาคิน ท่ามกลางความยินดี

ของพญานาคทั้งเมือง

แต่ความสุขของข้าก็ถูกพังทลายลง

เพราะนางสหายทรยศน่าส่งสารเชิญ

ให้ข้าไปร่วมงานวันเกิด ครบรอบ 3 ชันษา

ของพระโอรสของนางและแน่นอนข้าต้องไป

ก่อนที่ข้าจะไป ถ้าได้เตรียมของขวัญ

สุดพิเศษไว้ให้สหายของข้า

ที่จะทำให้นาง ได้ดีไปกว่าข้าไม่ได้อีก

ข้าออกเดินทางแต่รุ่งสางเพื่อดำเนิน

ไปยังเมืองครุฑธาอันเป็นที่พำนัก

ของสหายรักของข้า

ในมือของข้ายังคงกระชับขวดแก้วใบน้อย

ภายในบรรจุของเหลวสีอำพันไว้อย่างเต็มเปี่ยม

ด้วยสีที่คล้ายคลึงกับน้ำผึ้งนี้จึงไม่มีใคร

แครงสงสัยว่ามันจะเป็นสิ่งที่คร่าชีวิตผู้ใดได้

ข้าแค่ต้องรอเวลา

ที่จะใช้มัน

ค่าเดินทางมาถึงเมือง ครุฑ ในเวลาต่อมา ทั่วทั้งใหญ่ประดับประดาด้วยไฟหลากสี

ธงประจำพระราชสำนัก และดอกไม้หลากสีสัน

บรรยากาศภายในงานรื่นเริงปีติไปด้วยความยินดีของเราชาวเมือง

น่าสะอิดสะเอียน

"พิมพ์ทองทางนี้" เสียงคุ้นเคยเรียกข้า

นางดูเปลี่ยนไปมากดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น

ใบหน้าของนางยังคงประดับประดาไปด้วยรอยยิ้ม แห่งความสุข ที่รู้สึกว่าจะ ปริ่มล้นเหลือเกิน

"พิมพ์ทองเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พวกเราไม่ได้เจอกันเลย" นางถามข้าด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

แต่มารยาเหล่านั้นมันใช้กับข้าไม่ได้

ข้าเกลียดนาง

"เรียกเข้าว่าพระมเหสีพิมพ์ทอง ข้าก็สบายดี ตอนนี้ข้ากำลังจะให้กำเนิดรัชทายาทแห่งเมืองนาคราช"

คำกล่าวอย่างเหนือกว่า ต้องเรียกเข้าพระมเหสีสิถึงจะถูก

"เพคะ พระมเหสี ขเดศวร ถวายบังคมพระมเหสีพิมพ์ทองเสียสิ" ลูกชายวัย 3 ขวบของนาง ทำท่าทีอ่อนน้อมต่อข้า

น่าสมเพชทั้งแม่ทั้งลูก

ข้าอยู่ร่วมงานฉลอง ด้วย รอเวลา ที่จะมอบของขวัญให้แก่สหายรักของข้า

ในขณะที่ทุกคน กำลังง่วนอยู่กับการเฉลิมฉลอง ข้าได้ถือโอกาสนั้น รินของเหลวสีอำพัน

ลงในแก้วของสหายรัก จนหมดขวด ด้วยสีที่กลมกลืน

จึงทำให้มันยากที่จะสังเกตความผิดปกติของสิ่งที่อยู่ในแก้วของนางได้

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามแผนของ

พระมเหสีพิมพ์ทอง พระมารดาของขเดศวร

ค่อยค่อย จรด แก้วของพระองค์ เครื่องดื่ม

โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่คร่าชีวิตพระองค์

จะอยู่ในแก้วใบนั้น และในทันที

ที่ของเหลวส่งผ่านถึง ลำคอ

ความรู้สึกร้อนผ่าวราวกับไฟไหม้

เกิดขึ้นทั่วบริเวณช่องท้อง ธาตุในร่างกาย

ค่อยค่อยแตก โลหิตมากมายไหลออกมา

ตามรูทวารต่างๆ ผู้คนในงานต่างพากันตกใจ

รวมถึง พระมเหสีพิมพ์ทองด้วย ทรงเสแสร้ง

แกล้งทำเป็นตกใจ กรีดร้องราวกับว่า

ตนเองนั้นตกใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ในวันนั้น หมอหลวงถูกตามตัวมา

เพื่อถวายการรักษาพระมเหสี อย่างสุดกำลัง

แต่ไม่มีใครสามารถยื้อชีวิตของพระองค์ได้

พระมเหสีแห่งเมืองครุฑ ได้สิ้นพระชนม์ลง

เหตุด้วยยาพิษ ที่ปะปนอยู่ใน แก้วของพระองค์

ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก

พระโอรสและพระราชาใจสลาย

ดอกไม้งามแห่งเมืองครุฑถูกทำลาย

โดยไม่มีชิ้นดีโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้

ถึงผู้กระทำ พระมเหสีพิมพ์ทอง

ทรงอยู่ร่วมงาน พิธีศพ ทำราวกับว่า

ไม่รู้ไม่เห็นเรื่องทั้งหมด ทั้งๆที่ตนเป็นคนกระทำ

เป็นคนสังหารสหายรักของตน

แต่ใครจะรู้เล่า พระโอรส ที่ทุกคนต่างก็คิด

ว่าไร้เดียงสา กลับรู้หรือเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

และรอเวลา ที่จะแก้แค้นให้แม่ของตน
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:16:32
บทที่๒๓ หนึ่งเดียว

ร่างสูงมิอาจรู้ได้ว่าเมื่อร่างบางตื่นขึ้น

ร่างบางจะมีท่าทีเช่นไร

ร่างแกร่งประคองกอดร่างบางไว้ในอก

ผณิขยับกายซุกเข้าหาอกแกร่งเพื่อหาไออุ่น

'พี่จะบอกเจ้าอย่างไรดี'

เวลาล่วงเลยจนบ่ายคล้อย

ร่างบางขยับไหวร่างกายตื่นขึ้น

ร่างสูงมิรู้จะสู้หน้าบางได้เช่นไร

จึงแกล้งหลับตาลงนิ่งๆ

ทำทีราวกับว่าตนยังคงหลับอยู่

ร่างน้อยผละออกจากอกแกร่งอย่าไม่แรงนัก

แววตาหวานจ้องมองใบหน้าคมอย่างตัดพ้อ

"ท่านใจร้ายเหลือเกิน ท่านรู้หรือไม่"

เสียงแหบกล่าวเบาหวิวราวกลับกระซิบ

"ถึงเพียงนั้น  ต่อให้ท่านร้ายกับข้าเพียงใด"

"ข้ากลับ"

"เลิกรักท่านไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเพลาหนึ่ง"

จบคำร่างบาง พลันเปลือกตาของอีกคนก็ค่อยๆ

เปิดขึ้น  ร่างบางเบิกตาโพลงตื่นตระหนก

ที่เห็นว่าร่างสูงหาได้หลับอย่างที่คิดไม่

ร่างบางรีบดิ้นออกจากอกของร่างสูง

แต่ก็มิได้เป็นผล ร่างสูงกอดรัดเอวบางแน่น

แนบอกจนร่างบางได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจ

ร่างสูงเอง

"แล้วถ้า พี่เองก็รักเจ้าเล่าผณิ" เสียงแกร่งกล่าว

สายตาคม สบเข้ากับ แววตา ของร่างบาง

แต่ร่าง บาง กลับไม่อาจทานทนสายตานั้นได้ จึงเลือกที่จะหลบตา ร่างสูงเสียอย่างนั้น

" ท่านจักโป้ปดอันใดอีกเล่า เพียงเท่านี้ท่านยังไม่สะใจอีกหรือ จะให้ข้าต้องตายไปตรงหน้ารึ จึงจะ สาแก่ใจของท่าน" ร่างบางกล่าว ประชดประชัน

"พี่มิได้ปดเจ้า คำกล่าวของพี่ในครานี้เป็นคำสัจ

หากแม้นพี่ปลิ้นปล่อนตอแหลแล้ว ขอให้มีอันเป็นไปในสามวันเถิด" ร่างสูงตอบกลับ อย่างแน่วแน่สายตายังคงมองลึกเข้าไปในแววตาของผณิ

ในครานี้ใจของร่างสูงหาได้โกหกไม่

แม้ในครั้งเเรกที่ได้พบกัน

ร่างสูงจะจงเกลียดจงชังร่างบาง

นักหนา โดนอคติครอบงำ

จำลืมใจตนเอง  พยายามหลบหนี

ไม่ยอมรับความหวั่นไหวภายในใจตน

ด้วยคิดแค่ว่าเป็นลูกของศัตรู

จึงทำการเลวร้ายไป

แต่บัดนี้ความจริงได้ ประจักษ์แจ้งแก่ใจแล้ว

จึงมิมีเหตุผลอันใด ที่จำเป็นต้องโกหกจิตใจของตนเอง ว่ารักร่างบางมากเพียงใด

ขเดศวรมิได้โง่พอจะปล่อยให้โอกาส

ที่มีหมดไปเฉยๆแน่

ด้านผณิเองก็สุดแสนจะลังเล สับสน

ว่าจะให้อภัยร่างสูงอันเป็นที่รักดีหรือไม่

หากตอบรับไปเสีย ก็จะได้สมหวังในรักเสียที

แต่อีกใจมันกลับกลัว กลัวว่าเมื่อเอื้อมือคว้า

รักมาไว้แนบอก มันจะหายไปอีก

กลัวว่ามันจะทำลายความหวังเสียสิ้น

ดังที่ผ่านมา

"พี่ยอมทำทุกอย่างให้เจ้าเชื่อในตัวของพี่ ผณิ"

ร่างสูงกล่าว

ร่างบางครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก็ตัดสินใจตอบไป

"ข้าจะเชื่อท่าน ก็ต่อเมื่อ ท่านทำตามเงื่อนไขของข้า"

ร่างบางเพียงอยากพิสูจน์ในรักของร่างสูงเท่านั้น

"เพียงเจ้าบอกพี่มา ต่อให้ไปตายพี่ก็ยอม"

ร่างสูงเริ่มเห็นแสงเเห่งความหวัง

"หนึ่งท่านต้องเลิกมีมากมายหลายเมีย"

"สองท่านห้ามมีสัมพันสวาทกับผู้ใดทั้งสิน"

"และสาม ท่านห้ามย่ำยีหรือล่วงเกินข้าเป็นเวลา10วัน"

"หากท่านทำได้ดังนั้น ข้าจึงจะเชื่อว่าความรักของท่าน มันเป็นเรื่องจริงหาได้ปดไม่"

ร่างสูงถึงกับหน้าเสีย

ขเดศวรนั้นถือได้ว่าหลงใหลใน

รสของกามไม่น้อย เรียกได้ว่ามิเคยขาด

จึงยากนักที่จะตัดเรื่องเหล่านี้

แต่หากเพื่อ ให้ร่างบางเชื่อใจ

ขเดศวรจึงตัดสินใจที่จะทำตามคำของร่างบาง

"ได้  พี่จะทำ"ร่างสูงตอบหนักแน่น

ร่างบางยิ้มรับแล้วลุกขึ้นค่อยๆประคอง

กายลงจากแท่นบรรทอย่างยากเย็น

เมื่อร่างสูงเห็นก็รีบเข้าไปประคอง

"ให้พี่ช่วยเจ้าเถอะนะ"จะให้ปล่อยร่างบาง

เดินเองได้อย่างไร  มีหวังได้ล้มลุกจนเจ็บตัว

เป็นแน่ ร่างบางหาได้ขัดขืนไม่

ยินยอมให้ร่างสูงประคองแต่โดยดี

ร่างสูงประคองร่างบางขึ้นเพื่อไปยังห้องสรงน้ำ

ก่อนจะลงมืออาบน้ำให้แก่ร่างบาง

ทั้งๆที่หาเคยทำให้ผู้ใดมาก่อนไม่ ในคราแรก

ร่างบาง แม้นจะมีทีท่าขัดขืน

แต่เมื่อเห็นท่าทีของร่างสูง ที่ไม่ยอม

ให้ตนเองอาบเองเป็นแน่ จึงต้องจำยอม

ให้ร่างสูงอาบให้

ฝ่ามือใหญ่ ค่อยๆบรรจงลูบไล้ไปตามผิวเนียน

อยู่ที่ขาวราวกับน้ำนม ช่างตัดกับรอยสีกุหลาบที่

แต่งแต้มอยู่บนผิวกายของร่างบางยิ่งนัก ไหนจะสัดส่วน อ้อนแอ้น เสียจน สตรีบางยังอดอิจฉามิไดิ

ร่างสูงต้องข่มจิตข่มใจ

มิให้ทำการล่วงเกินร่างบางอีก

แม้มันจะยากยิ่งนักก็ตาม

ในห้องสรงน้ำจะเยือกเย็นเพียงใดกลับ

ไม่ ได้ช่วย ให้ความรุ่มร้อนในกายร่างสูง

ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ครั้นที่แย่ไปกว่านั้น เพราะ แกนกลาง

ของร่างสูงตื่นตัวขึ้นอย่าง มิอาจห้ามได้

เหงื่อกาฬ แตกพลั่ก ราวกลับอยู่กลาง

แดดร้อนระอุ

จวบจนมาถึง

ขั้นตอนในการ นำน้ำรัก

ออกมาจากช่องทางของร่างบาง

นิ้วแกร่งค่อยๆวนรอบช่องทางสีสวย ที่บัดนี้

กำลังแดงช้ำจากภารกิจเมื่อคืน อย่างเบามือ

"อึก  อะ  ทะ ท่านจะทำอันใด" ร่างบางกล่าวติดขัด ด้วยรู้สึกหวาบหวามกับสัมผัสของร่างสูง

"พี่เพียงจะเอาน้ำรักออกจากตัวของเจ้า หากปล่อยทิ้งไว้ เจ้าจากไม่สบายตัว อย่าได้ห่วงเลยที่ไม่ทำอันใดเจ้าหรอก" ร่างสูงกล่าวเพื่อให้ร่างบางเบาใจ

นิ้วแกร่ง ค่อยๆสอดเข้าไปในช่องทาง

รักของร่างบาง แล้วคว้านวนเพื่อกวาด

เอาวารีชีวิตที่ตนหลั่งไว้ออกมา

จากกายของร่างบาง

"อะ  อ๊ะ  อึก" เสียงคราง เล็ดลอดออกมา

จากปากอิ่ม ยิ่งทำให้ร่างสูง

ยากยิ่งนักที่จะควบคุมอารมณ์ของตน

จึงรีบทำการ ตรงหน้าให้เร็วที่สุด

เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ร่างสูงจึงทำการ

ชำระล้างร่างกายร่างบางครั้งสุดท้าย

แล้วกล่าวบอกให้ร่างบางออกไปรอ

ข้างนอกก่อน ร่างบางปฏิบัติตามโดยง่าย

แม้จะสงสัยในท่าทีแปลกๆของร่างสูง

แต่ก็มีคิดติดใจอันใด เดินออกมา

เพื่อจะแต่งกาย โดยมีชุดที่คาดว่านางกำนัน

คงจะเอามาให้ วางอยู่บน แท่นบรรทมแล้ว

เมื่อร่างบางออกไปแล้ว ร่างสูง

ก็รีบทำการปลดปล่อยตนเอง

โดยยังคงจินตนาการ ถึงร่างบาง

อันเป็นที่รัก รสสัมผัส กลิ่นหอมรัญจวน

ผิวกายที่เรียบลื่นและนุ่มกว่าสตรีนางใด

เสียงหวานที่ครางอยู่ใต้ร่างของตน

ไหนเลยจะดวงหน้างดงาม

ที่แต่งแต้มไปด้วยหยาดน้ำตา

ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของร่างสูง

พุ่งสูงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

และปลดปล่อยวารีชีวิตออกมาในที่สุด

"อะ ผณิ" เมื่อเสร็จการแล้ว

ร่างสูงก็ชำระล้างกาย ให้สดชื่น

แล้วออกมาแต่งกาย ภายนอก โดยมี

ร่างบาง นั่งรออยู่บนแท่นบรรทม

ร่างสูงใช้เวลาไม่นานก็แต่งกายจนเสร็จสิ้น

แล้วประคองพาร่างบางไปยังตำหนักของ

ของพระบิดาเพื่อร่วมเสวย พระกระยาหารเย็นร่วมกัน

หากเป็นในเวลาปกติร่างสูง มักจะมี เสด็จด้วยตนเอง มิได้นั่งเสลี่ยง แต่อย่างใด แต่ในวันนี้ร่างบางคงเดินไม่ไหวเป็นแน่ สร้างสูงจึงออกคำสั่งให้ขบวนเสลี่ยงพาร่างบางไปยังตำหนักของพระมหา ราชา

แต่ระหว่างทางกลับมีสตรี 2 นาง

เข้ามาขวางขบวนเสด็จ ไว้

"ลงมาบัดเดี๋ยวนี้ ไอ้นาคสกปรก" หนึ่งในนั้นกล่าว ด้วยเสียงที่โกรธเกรี้ยว

"เจ้าบังอาจแย่งองค์ชายไปจากพวกข้า คิดหรือว่าพวกข้าจะยอม วันนี้หากไม่ได้ตบเจ้าสักฉาก อย่าหวังว่าข้าจะเลิกราง่ายๆ" อีกนางก็ไม่น้อยหน้า ตะโกน เสียงเขียวราวกับโกรธแค้นมา เป็น ชาติ

"หยุดเดี๋ยวนี้ บุหรง ทวิชา"ร่างสูงเอ่ยห้ามนางทั้งสอง

"มิคิดถึงหม่อมฉันบ้างหรือมิได้เสด็จไปตำหนักซ่อนกลิ่นนานแล้วนะเพคะ"นางบุหรงกล่าว

"ใช่เพคะ หม่อมฉันกับบุหรงรอพระองค์จนจะเฉาตายแล้วนะเพคะ"ทวิชากล่าวออดอ้อน

"แต่ก็ยังไมตายมิใช่รึ"เสียงหวานกล่าว

"เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตีฝีปากกับข้า"ทวิชาโกรธเกรี้ยวหนักขึ้นจนแทบจะกรีดร้อง

"ข้ามิได้ถือดีอันใดดอก  เพียงแค่ข้ามิอยากจะฟังเสียงของอสูรกายที่มันมักจะกรีดร้องออเซาะ บุรุษเพศ ยิ่งฟังข้ายิ่งรู้สึก สังเวชใจยิ่งนัก" ร่างบางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในขณะที่สายตามีได้ แลชายมองทั้งสองเลย ยิ่งทำให้นางทั้งสอง ดิ้นพล่านด้วยความแค้นใจ ที่ทำอันใดร่างบางไม่ได้

"เจ้าทั้งสองออกไปเสีย กลับตำหนักของเจ้าไป" ร่างสูง มิอยากให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ แก่ร่างบาง จึงได้เอ่ยปากไล่นางทั้งสองออกไป จากบริเวณนั้น เพื่อให้ร่างบาง รู้สึกสบายใจขึ้น

" ไม่ไปเพคะ พวกหม่อมฉันไม่มีทางยอมปล่อยพระองค์ ไม่ทิ้งพวกหม่อมฉันไปหรอกเพคะพระองค์เป็นของหม่อมฉัน"บุหรงกล่าว

"หากแม้นเจ้ากล่าวว่า ท่านผู้นี้เป็นของของเจ้า เจ้าก็จงเอากลับไปเถอะ หากท่านผู้นี้ยอมไปกับเจ้า ก็แสดงว่า พระองค์เป็นของของเจ้า แต่หาไม่แล้ว ก็มีควรหน้าด้านต่อไป รั้งอันใดก็รั้งได้ แต่หากจะรั้งของที่ไม่ใช่ของของเรา มันก็น่าสมเพช ยิ่ง" ร่างบางยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เรียบเฉย แต่ถ้อยคำที่เปล่งออกมานั้น แม้จะดู มิได้หนักหนาอันใด แต่กลับเชือดเฉือนคนฟังได้ อย่างเจ็บแสบ

"อ้ายยยยยย. เจ้า  องค์ชายเพคะ หม่อมฉันมิยอม" นางทั้งสอง ยิ่งกรีดร้องหนักเข้าไปอีก จนร่างสูงเกิดความรำคาญ

"พวกหลีกไปเสียข้ารำคาญ" ร่างสูงกล่าว ปัด เพื่อให้นานทั้งสองหลบออกไปจากที่ตรงนี้

แต่ก็มีเป็นผล นางทั้งสองไม่ยอมเลิกลาง่ายๆ จากเมื่อครู่ที่กรีดร้องโวยวาย

บัดนี้กลับนั่งร้องห่มร้องไห้

"หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่น้อยเนื้อต่ำใจพระองค์ ที่มีทรงสนใจหรือเสด็จมาหาหม่อมฉันเลย"บุหลงกล่าว

"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ หม่อมฉันจะ มิโวยวายอีก หม่อมฉันจะเปิดใจให้กว้างและยอมรับ พระชายา ว่าเป็นภรรยาอีกคน ของพระองค์ บุรุษจักมีภรรยาหลายคนก็มิถือเป็นเรื่องผิด หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ" ทวิชากล่าว

"เข้าใจก็ดีแล้ว" ร่างสูงมีท่าทีอ่อนลง เมื่อเห็นทั้งสองนาง เข้าใจ ก็ทรงสบายพระทัยมากขึ้น

แต่หากใช่กับร่างบางข้างกายไม่

ผณิกลับรู้สึก มิ ชอบใจเอาเสียมาก เป็นความรู้สึกที่ร่างบางมีเคยเป็นมาก่อน รู้สึกหึงหวง มิชอบที่ร่างสูงมีท่าทีเช่นนี้กับหญิงอื่น

"งั้นก็จงวางข้าลงเถิด ข้ามิต้องการร่วมทางกับท่านอีก"ร่างบางกล่าว

"เจ้ามีพอใจอันใดหรือ เจ้าจงบอกพี่มาเถิด" ร่างสูงมีอาการร้อนรนทันที เมื่อท่าทีของร่างบางนั้นแปลกไป

คืนดีกันได้มีเท่าไร ตนก็ทำให้ร่างบางโกรธอีกจนได้

"หามิได้ท่านขเดศวร แม้นคนอื่นจากยอมรับได้ ที่สามีของตน มีภรรยาหลายคน แต่มิใช่กับข้า ข้ากับคิดว่า แม้เราจะเป็น อมนุษย์ แต่ก็ถือได้ว่า มีชนชั้นที่สูงกว่าสัตว์หน้าขน การ สมสู่ มิเลือกนั้น ย่อมเป็นพฤติกรรมของสัตว์หน้าขน มิใช่ของสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่า" เมื่อร่างสูงได้ยินร่างบางกล่าวดังนั้น

ก็ถึงกับจุกพูดไม่ออก

" เจ้ามีต้องไปไหนดอกผณิ บุหรง ทวิชาต่อไปนี้พวกเจ้ามิต้องมารับใช้ข้าอีกต่อไป ชายาของข้าคือผณิเพียงผู้เดียว"ร่างสูงประกาศกล้าว

'ใช่ ชายาของข้า เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:17:13
 บทที่ ๒๔   พ่อ

ตำหนัก นภมณฑล

เมื่อร่างสูงเสด็จมาถึงตำหนักนภมลฑล
ก็ประคองร่างน้อยลงมาจากเสลี่ยง
ท่าทีที่ผณิใช้ต่อกรกับนางข้าบาทบริจาริกา
ทั้งสองนั้น เล่นเอาสูงอึ้งไปเหมือนกัน
เพราะร่างบางไม่ได้แสดง อากับกริยา
ที่หยาบคาย แต่อย่างใด
หากจะถือว่าเป็นคำพูดที่รุนแรง
ในทางของความหมายโดยนัย
อีกทั้งท่าทีที่เรียบนิ่งนั้น
แสดงให้เห็นเป็นอย่างยิ่งว่า
ร่างบางเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า
หลังจากที่ทะเลาะกันเสร็จ ร่างสูงมีรับสั่ง
ให้ทหารคนสนิทนำแก้วแหวนเงินทอง
ให้แก่นางทั้งสองไปคนละหีบ
พร้อมรับสั่งปลดนาง ทั้งสองออกจากหน้าที่
ถวายงานรับใช้ปรนนิบัติ ร่างสูงเอง
แม้ว่านางทั้งสอง จะมีท่าทีโกรธเกรี้ยว
และน้อยใจในครั้งแรก
ถึงกับร้องห่มร้องไห้
จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด
แต่เมื่อเห็นแก้วแหวนเงินทอง
ก็ตารุกวาว และยอมทำตาม
พระราชประสงค์ของร่างสูงแต่โดยดี

ทั้งสองย่างก้าวเข้าไป ในตำหนัก
เพื่อไปพบกับพระมหาราชา ที่บัดนี้
ทรงประทับอยู่ ณ โต๊ะเสวยแล้ว
เมื่อ องค์ราชาทอดพระเนตรเห็นทั้งสอง
มาด้วยกัน ก็อดที่จะเอ็นดูในท่าทีของลูกชายไม่ได้

ขเดศวรนั้น จัดเป็นบุคคลที่อยู่ในจำพวก
รักสุดเกลียดสุด เพราะหากจะรักผู้ใด
ก็จะรักและภักดี แทบถวายชีวิต

แต่หากลองได้เกลียด ก็จะเกลียด
ถึงขนาดกับอยู่ร่วมแผ่นดินกันไม่ได้
ทรงรู้สึกเบาพระทัยมิน้อย
ที่พระโอรสของพระองค์
ทรงรักและหลงใหล ในบุคคลที่พระองค์
ทรงพระราชทานให้

"เป็นอย่างไรบาง เจ้าขเดศวรรังแกอันใดหรือไม่"
พระองค์ทรงตรัสถาม ด้วยท่าที สบายสบาย
ไม่อยากให้ร่างบางเกร็งไปมากกว่านี้
"ท่านพ่อ ลูกไม่รังแกเมียตัวเองดอก" ขเดศวรกล่าวขำขัน
แต่ก็หยุดขำทันที เมื่อหันไปเห็นสายตา
ค้อนวงใหญ่จากร่างบาง

บรรยากาศการเสวยพระกายาหารเย็น
ดำเนินไปอย่างอบอุ่น ร่างบางพึ่งสังเกตว่า
ร่างสูงนั้นสนิทสนมกับพระมหาราชา
มากเหลือเกิน ท่าที ที่พูดคุยกันหรือหยอกล้อ
ตามภาษาพ่อและลูก ทำให้ร่างบาง รู้สึกอิจฉา
เพราะบิดาของร่างบางนั้น มิเคยทำเช่นนี้
กับร่างบางมาก่อน จะมีก็แค่ ลงโทษด่าทอ
และประณามว่าร่างบางเป็นคนฆ่าแม่ตัวเอง

ร่างบางได้แต่มองภาพความสุขของพ่อลูก
ตรงหน้า. ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
เหมือนว่าองค์ราชาจะทอดพระเนตรเห็น
และทรงทราบมาบางว่าร่างบาง
นั้นหาใช่ลูกรักขององค์ราชาแห่งเมืองบาดาลไม่
ด้วยคราแรกที่มาที่นี่ร่างบางก็หาได้เต็มใจมาไม่
แต่โดนหลอกให้มาเพื่อบรรณาการแก่เมืองครุฑตามขอตกลง
ไม่ว่าผู้ไดต่างก็รู้กันทั้งนั้นว่าองค์มหาราชนาคิน
ทรงรักและหวงแหนโอรสธิดาเหนือสิ่งใด
การที่จะทรงยอมส่งลูกในไส้ที่รักนักหนามาในถิ่นที่
อันตรายเช่นนี้ย่อมไม่มีทางเป็นแน่
จึงเดาได้ไม่ยากว่าร่างบางคงจักเป็นลูกชังดังคำโจษที่
ได้ยลยินมาจากทั่วเขตแดน

"อย่าเศร้าไปเลยผณิ ข้ารู้ว่าเจ้าน้อยใจพ่อของเจ้าใช่รึไม่"องค์ราชาตรัส

"หามิได้พะยะค่ะ. หม่อมฉัน เอ่อออ คือ"ร่างบางก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า
พระองค์ทรงตรัสนั้น คือความจริงทุกประการ
“ผณิเจ้าจักน้อยใจพระบิดาของเจ้านั้นหาแปลกไม่  แต่เจ้าอย่าได้โกรธเกลียดเขาเลยอย่าไรเสียก็ได้ชื่อว่าพ่อขอเจ้า”
องค์มหาราชตรัสเตือนร่างบางเพราะหากร่างบางเผลอโกรธเกลียดพระบิดา
เสียขึ้นมาจริงๆคงจะกลายเป็นบาปติดตัวร่างบางมิจบสิ้น

“และบัดนี้เจ้าเป็นชายาของลูกข้า เจ้าก็ถือเป็นลูกข้าเช่นกันอย่าได้น้อยใจไปเลย  คิดเสียว่าพ่อเป็นพ่อของเจ้าอีกคนเสียเถิด”
ผณิแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จากโอษฐ์ขององค์ราชา

ฝัน
ฝันเป็นแน่
ใครกันจะยอมรับตัวซวยอย่างเราเป็นลูก

ฝันเป็นแน่
ร่างบางนิ่งอึ้งราวกับรูปปั้นไม่อาจไหวติง

ขเดศวรมองเห็นท่าทีของร่างบางเช่นนั้นก็รับรู้ได้ในความลังเล
มือใหญ่เคลื่อนวางทับบนมือเล็กที่เย็นเฉียบและสั่นน้อยๆ
ความอบอุ่นและแรงบีบหลวมๆสร้างความอุ่นใจแกร่างบางมากขึ้น
รอบยิ้มอ่อนๆที่ไม่ได้เปื้อนบนใบหน้าหวานมานานมากแล้ว
บัดนี้กำลังระบายไปทั่วใบหน้าอ่อนเยาว์
ดวงตาหวานมีน้ำตาเอ่อคลอดวงตาสวย
ร่างสูงยิ้มตอบพรางเกลี่ยน้ำตาที่คลออยู่ออกเบาๆ
ร่างบางขยับการลงกับพื้นเบื้องบาทของหมาราช
โดยมีขเดศวรคอยประคองอยู่มิห่างกาย
สองมือประนมขึ้นตรงกลางหว่างอก
แล้วก้มลงกราบแทบพระบาทองค์บดินทร์
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพระเจ้าข้า”
พระหัตถ์อบอุ่นบรรจงลูบไปบนศีรษะของผณิแผ่วเบา
องค์ราชาทรงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย
“ลูกขึ้นเถิดประเดี๋ยวอาหารจักเย็นเสียก่อน”องค์ราชาทรงตรัส

ขเดศวรประคองร่างของคนรักขึ้นไปยังที่ประทับดังเดิม
การเสวยพระกายาหารดำเนินต่อไปอย่าไม่เคยเป็น
ความสุขที่อบอุ่นแผ่ขยายไปทั่วตำหนัก
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าข้าราชบริพารก็ต่างยิ้มแย้ม
กับที่ทีของเหนือหัวทั้งสองในเวลานี้

เริ่มต้นใหม่เถิดผณิ

บัดนี้เจ้าเจอแสงสว่างของเจ้าแล้ว

เมืองบาดาล

ในขณะที่ร่างบางกำลังมีความสุขนั้น
ผู้ที่เป็นทุกข์คงจักหนีไม่พ้นสิงขรเป็นแน่
ตั้งแต่ได้รู้ถึงสิ่งที่พระมารดาได้ทรงกระทำ
องค์ชายก็มิอาจปล่อยให้พระบิดาทรงอยู่กับ
พระมเหสีได้ ด้วยเกรงว่าพระบิดาจะถูกลอบวางยาเสน่ห์อีก
ความลำบากใจทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่สิงขร
ด้วยใจหนึ่งก็เข้าใจดีว่ามารดาของตนนั้นรักพระบิดามาก
แต่อีกใจก็รู้ว่ามันหาถูกต้องไม่ที่เสด็จแม่จะรั้งรักไว้
ข้างกายด้วยมนต์อุบาทเช่นนี้

รั้งไว้แม้ว่าจะรู้ว่ารักที่ได้รับนั้นหลอกลวงเพียงใด

รั้งแม้นจะต้องเจ็บระทมทุกอนุว่าผู้เป็นที่รักมีคนอื่นอยู่ในใจ

สิงขรรู้ดี ในตลอดเวลาที่อยู่คอยปรนนิบัติองค์ราชา
ไม่มีเพลาใดไหนเลยที่พระองค์จะไม่เพ้อพร่ำขอโทษ
ต่อผู้ที่มีนามว่า   ศศิ
เฝ้าร้องเรียกหาบุคคลที่พระองค์เป็นผู้ทรงผลักไสไร่ส่ง
ให้ไปไกลสุดสายตา

ในพระทัยของพระองค์เฝ้าแต่พร่ำบอก
ว่าชายมากรักผู้นี้ไม่เคยมีหัวใจให้ผู้ใดที่ไหนเลย
เพราะหมดทั้งพระทัยขององค์ราชา

ที่ถูกตราหน้าว่าลำเอียง
 รักลูกไม่เท่ากัน
 รักเมียไม่เท่ากันนั้น
 แท้จริงแล้วทั้งหมดพระทัยพระองค์ทรงมอบให้
แค่เพียงเมียที่ถูกลืม
รักแรก
และรักเดียว ขององค์ราชาตลอดมา

แม้ร่างนางสลายไปตามมกาลเวลาแล้ว
ความรักที่พระองค์ทรงมีให้แก่นางก็ยังคงสถิต
ไว้ด้วยสิ่งที่แสดงแจ้งในรักนั้น
โอรสองค์โตที่ถูกตราหน้าว่าลูกชัง

ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลย

ภายใต้มนตราเสน่หานั้น

ภายใต้ท่าทีแข็งกล้าใจร้ายที่แสดงต่อผณิ

ภายใต้น้ำมือที่เขี่ยนตี ทำทารุณ

พระทัยที่อยู่ลึกเข้าไป

นั้นร่ำไห้
ปวดร้าวทุกคราที่มองเห็นบาดแผล
แววตาตัดพ้อ  น้อยใจ
เสียงของผณิที่ร้องไห้อ้อนวอน
คำถามว่าเหตุใดจึงเกลียดชังนัก

องค์มหาราชมิเคยลืมเลือนว่าทรงกระทำไปเช่นไร

เจ็บได้อยากเจ็บแทน

แต่กลับห้ามตัวเองไว้มิได้เลยสักครา

ได้แต่ทรงคิดในพระทัยที่แตกสลาย
ได้แต่ขอโทษซ้ำๆเป็นหลายล้านหน
ที่ทำร้ายแก้วตาดวงใจให้เจ็บช้ำ

ผณิเอ่ย   เจ้าคงมิอภัยให้ข้า แก่ชายผู้โง่เง่าผิดสัจจะ   ที่ทำร้ายเจ้า  ที่ด่าทอเจ้า

แต่ เจ้าจะรู้รึไม่ว่าแท้จริง

‘พ่อนั้นรักเจ้านัก  ผณิของพ่อ’
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:18:16
บทที่ ๒๕ ธาตุแท้

เมืองบาดาล

ภายนอกพระตำหนักนั้น ปรากฎร่างของพระมเหสีใจทมิฬ นางมีท่าทีแข็งกร้าวราวกับคนละคน ด้วยมิอาจปั้นหน้าเป็นคนดีได้อีกต่อไป เวลานี้ใจของนางร้อนรุ่มราวกับไฟสุ่ม

เพราะจู่ๆองค์รัชทายาทสิงขรกลับมีรับสั่ง ห้ามพระมเหสีเข้าเฝ้าเป็นอันขาด เหล่าข้าทาสต่างติฉินนิทากันไปทั่วเมือง และนั่นยิ่งทำให้พระนางพิมพ์ทองแสดงท่าแท้ ออกมา อีกทั้งนางเองก็ยังหวั่นวิตก เกรงว่าเมื่อมนต์เสน่ย์เสื่อมหมดสิ้นองค์ราชา จะทรงจำเรื่องเลวๆของนางได้

ชีวิต และ สิ่งที่นางได้รงแรงกระทำ มันจะต้องสูญเปล่าเป็นแน่ คิดได้เช่นนั้นนางจึงเสด็จมาเยือน ที่พระราชตำหนักแต่ก็ถูกเหล่าทหาร เข้ามากันไว้ไม่ให้เข้า นางโกรธจนหน้านิ่ว

แววตาขวางมองนายทหารทั้งสองสลับไปมา น้ำเสียงเย้อหยิ่งจึงกล่าวขึ้น "พวกมึงมีสิทธิ์อันไดมาสั่งกู  กูคือพระมเหสีนะ อยากหัวขาดอย่างนั้นรึ"เสียงที่กล่าวดูร้อนรนราวจะกรีดร้อง. นายทหาทั้งสองยังคงนิ่งเงียบและมิมี ทีท่าจะให้พระนางเสด็จเข้าไป

เป็นเวลาเดียวกันกับที่องค์รัชทายาท เสร็จออกมาจากตำหนัก "สิงขรลูก เหตุใดลูกมิยอมให้แม่เข้าเฝ้าเสด็จพ่อของเจ้า แม่เป็นห่วงเสด็จพ่อ"นางแสร้งทำเสียง สั่นเคลืออ้อนว้อน หยาดน้ำตาคลอใสๆภายในดวงตา สิงขรรู้ดีว่าแม่ของตนต้องทำเป็นเสแสร้ง จึงไม่หลงกลมารยาของนาง "เสด็จแม่ทรงกลับไปเถิดพะยะค่ะ  ลูกแกรงว่าเสด็จแม่จะทรงติดโรคร้ายพะยะค่ะ"สิงขรตอบ

"ลูกหมายความว่าอย่างไร"พระนางถาม เพื่อให้แน่ใจ.  "เสด็จพ่อทรงประชวรด้วยโรคร้าย  พระวรกายมีแต่พระโลหิตและพระบุพโพเต็มไปหมดเสด็จแม่อย่าทรงเสด็จเข้าไปเลยนะขอรับ"สิงขรกล่าว

พระมเหสีมีสีหน้ารังเกียจอย่างชัดเจน "ชะ เช่นนั้นแม่กลับก็ได้  ลูกเองก็อย่าเข้าเฝ้าเสด็จพ่ออีกเลยประเดี๋ยวจะพลอยติดโรคไปด้วย"ว่าจบ พระนางก็หันหลังเสด็จกลับตำหนัก พร้อมเหล่าบริวาร

อนิจาเอ๋ยไหนเลยแปรเปลี่ยนผัน ไหนว่ารักผูกพันธ์มิจางหาย ไหนว่ารักหนักแน่มิกลับกลาย ไหนมาดหมายว่าจะรักจนนิรันดิ์

อยากครอบครองได้รักกันหนักหนา สุดไขว่คว้าหารักจนสุดฝัน เชื่อในรักยากเพียงไรจะฝ่าฟัน เหตุใดกันกลับทิ้งรักมิใยดี

เพราะเมื่อรักไม่สวยงามอย่าใจคิด เปลี่ยนจริตเลวทรามไร้ราศี รักก็เปลี่ยนกลับเป็นชังในทันที จึงไม่มีรักใดที่จีรัง

สุดท้ายพระมเหสีพิมพ์ทองก็ทรงรัก มหาราชานาคินเพียงแค่รูปกาย

ไม่สิ

หลงเสียมากกว่า

เพราะนางมิเคยรักใคร

นอกจากตนเอง

สิงขรหันกลับเข้าไปยังตำหนัก เพื่อไปยังห้องบรรทมของจอมราชา บัดนี้องค์ราชากลับมาเป็นปกติทุกอย่าง มนต์เสน่ห์ได้เสื่อมคลายลงแล้ว แต่ความเศร้ากลับมิได้เสื่อมคลายไปจาก พระทัยของพระองค์เลย

"สิงขร พ่อจักไปเมืองครุฑ  "เสียงแหบตรัสแผ่วเบา "แต่เสด็จพ่อ  พระวรกายยัง...."ยังมิทันจบคำ เสียงแหบก็กล่าวขึ้น

"พ่ออยากจะไปหาผณิ  พ่อทำผิดกับพี่ของลูกมากพอแล้ว"พระเนตรที่ฉายแววเศร้าสร้อย สิงขรเห็นดังนั้นก็มิอาจทัดทานได้ ใจของสิงขรลึกๆก็อดเป็นห่วงพระเชษฐา ต่างมารดาหาได้ไม่ "รับด้วเกลาพระเจ้าค่ะ"องค์รัชทายาท กล่าวรับคำ

เมื่อราตรีมาถึงขบวณเสด็จก็เริ่ม เคลื่อนคลามุ่งสู่เมืองครุฑ โดยหามีผู้ใดร่วงรู้ มีเพียงองค์ราชา องค์รัชทายาทและสองทหารคนสนิท ที่ร่วมการเดืนทางในครั้งนี้

เมื่อรุ่งอรุณมาถึงพระมเหสีก็รีบเร่งเสด็จมา ยังพระตำหนักขององค์ราชาอีกครั้ง หลังจากฉุกคิดได้ว่า  หากองค์ราชาเป็นโรคร้ายจริง หมอหลวงที่ตนจ้างไว้คงต้องมาบอกกล่าว

นางจึงรู้ว่าพระโอรสของนางพูดคำปดต่อนาง ความโกรธและเสียใจก่อเกิดขึ้นในใจ ลูกไม่รักดี

กล้าโกหกแม่บังเกิดเกล้า

โกหกแม่อย่างข้าได้อย่างไร

เมื่องนางมาถึงก็รีบตะบึงตะบัน เข้าสู่ด้านในของตำหนักโดยไม่ฟัง ผู้ใดอีก  แต่เมื่อเข้ามายังห้องบรรทม กลับไม่พบแม้แต่เงาขิงองค์ราชา และองค์รัชทายาท 

นางกรีดร้องลั่นตำหนักอาละวาท จนเหล่าบริวารพากันหลบลี้ มิอาจทานทนฤทธิ์อารมณ์ของพระมเหสีได้

เมื่อนางอาละวาทจนสาแก่ใจก็ตรงไป นางรีบตรงดิ่งไปยังที่พำนักของหมอหลวง เพื่อถามเรื่องราวจากหมอหลวง แต่หมอหลวงกลับมิรู้เรื่องราวอันใดนั่นจึงทำให้นางยิ่งโกรธเกรี้ยว  สั่งบั่นหัวหมอหลวงในทันที

พระมเหสีพิมพ์ทองกระวนกระวายจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวนจนเหล่านางกำนัล ไม่มีผู้ใดกล้าจะถวายการรับใช้ต่อนาง เพราะดูเหมือนจะทำสิ่งใดถวายก็ขวางหูขวาง ตาเสียหมด

กลับกลายเป็นพระมเหสีที่เจ้าอารมณ์ จนเหล่านางกำนักรวมถึงข้าทาสแทบไม่ อยากจะเชื่อว่าพระมเหสีที่ทรงมีเมตตา พระกริยางดงามนุ่มนวล  จะกลายเป็นเช่นนี้ได้

'หรือนี่คือธาตุแท้ของพระมเหสีผู้ใจดีกัน'
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:19:07
บทที่ ๒๖ จองเวร



องค์ราชานาคินเสด็จมาถึงยังเมืองครุฑ

 ท่ามกลางการต้อนรับจากองค์เหนือหัวสุบรรณ

 โดยที่ผณิไม่ร่วงรู้ถึงการเสด็จมาของพระบิดา





ผณิใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอด หลายเดือนที่ผ่านมา

ขเดศวรทำได้ดังคำสัจ ที่เคยให้ไว้ เว้นแต่เรื่องของพฤกษกานต์

 ที่ไม่ว่าผณิจะพูดเช่นไรก็มิอาจญาติดีต่อกัน แต่ก็มิได้ร้ายแรงปานจะฆ่าแกงกัน

 แต่เป็นดังสหายที่หยอกกันเสียมากกว่า





ในเวลาเย็นของวันนั้นผณิแอบปลีกตัว เพื่อมาเดินเล่นในอุทยานเพียงลำพัง

 โดยหารู้ไม่ว่ายังมีอีกร่างอยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วย ร่างกายบางเดินไปยังพรรณไม้ที่ตนโปรดปราน

ต้นสายหยุด

แม้เพลานี้กลิ่นหอมจะจางลงแล้ว แต่ก็ยังคงมีกลิ่นจางๆพอให้ชื่นใจ

"ผณิ "แววเสียงเรียกที่แสนคุ้นเคย

เป็นเสียงที่ร่างบางหวาดกลัวเหลือเกิน

หาเพียงแต่ในชั่วนาทีหนึ่ง

กลับคิดถึง

กลับโหยหา

" องค์..องค์เหนือหัว"ร่างบางทรุดลงแทบสิ้นสติ



ทรงเสด็จมาที่นี่ทำไม



"ผณิพ่อคิดถึงเจ้า"องค์ราชาตรัสเสียงเครือ "เสด็จมาทำไม มาทำไม!!!"ผณิแผดเสียงลั่น

 พร้อมน้ำตาที่ล้นทะลักไม่ขาดสาย ร่างกายบางนั่งกอดตัวเองที่สั่นเทาแน่น

 ก้มหน้าก้มตาร้องไห้แทบขาดใจ



 "เสด็จมา หา ตัวซวย อย่างหม่อมฉัน ทำไม" เสียใสเอ่ยอย่างอ่อนแรง "ทรงผลักไสหม่อมฉันมา

แล้วจะมาหาหม่อมฉันเพื่ออันได"

องค์มหาราชทรงเจ็บในอุระ ราวกับมีมีดกรีดสะบั้นที่พระทัย พระเนตรคมจ้องมองร่างบางอย่างรู้สึกผิด

"พระองค์ทรงรู้รึไม่ หม่อมฉันเจ็บ มันเจ็บในนี้. ทุกครั้งที่ท่านแสดงความรักต่อพระโอรสพระธิดา"

 ร่างบางก้มหน้ามองยังผืนธรณี หยาดน้ำตาหยดลงพื้นจนดินบริเวณนั้น ชุ่ม ฝ่ามือขาวกำดินแน่นจนซีด



"เจ็บทุกครั้งที่ท่านรักและเอ็นดูลูกๆเหล่านั้น จนลืมไปเสียสิ้น ว่าไอตัวเสนียดตัวนี้ ก็เป็นลูกของท่านเช่นกัน"

 เสียงอันเจ็บปวดเอื่อนเอ่ย

"ข้าเจ็บท่านรู้รึไม่ ข้าน้อยใจ ข้าริษยา แต่ข้าไม่เคยเลยที่จะได้รับความใยดีจากท่าน"

 ใบหน้าหวานอาบด้วยน้ำตา เงยขึ้น แววตาเจ็บปวดสบเข้ากับพระเนตรคม

"ท่านเคยรักไอลูกเสนียดจังไรตัวนี้หรือไม่!!!"



หมับ



ร่างสง่าโผ่กอดร่างบางไว้ในอ้อมพระพาหา เเรงกอดรัดที่ร่างบางไม่เคยได้รับ

 เป็นอ้อมกอดที่ร่างบางแสนโหยหา

"พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ พ่อมันเขล่านัก" พระหัตถ์ใหญ่โอบแผ่หลังบางไว้แน่น



"ฮือๆทรงทำเช่นนี้  หม่อมฉันเจ็บ  เจ็บ อึก ฮื่อ"



ร่างบางสะอื้นตัวโยนในอ้อมกอดที่มิเคยได้รับ

พระหัตถ์แก่งลูลบปลอบที่แผ่นหลังบางเบาๆ "ท่านพระทัยร้าย พระทัย..."

 เสียงหวานค่อยแผ่วลงและขาดหายไป





ร่างบางหมดสติลงในที่สุด นิ้วพระหัตห์เกลี่ยน้ำตาที่เปื่อนรดใบหน้าหวาน

สองหัตถ์ประคองร่างที่สลบไสลไว้ที่พระเพลา พระอัสสุชนไหลรินมิอาจห้ามได้

"พ่อรู้ พ่อนั้นเลวเกินอภัย เหตุใดพ่อจักไม่รู้ว่าเจ้าเจ็บเล่าผณิ. "

"เพราะใจของพอก็เจ็บมิต่างจากเจ้า"

ราชานาคินกล่าวทั้งน้ำตา

น้ำตาที่มิเคยมีผู้ใดได้เห็น

พระนลาฏจรดลงบนหน้าผากเนียบ ของผู้เป็นลูก "พ่อรักเจ้าผณิ "





ตำหนักเล็ก



พฤกษกานต์นารีผลคนสนิทของพระชายา บัดนี้กำลังพบกับปัญหาใหญ่ พระโอรสสิงขรแห่งเมืองบาดาล

 เกิดนึกพิศวาทนางแต่แรกเห็น เที่ยวคอยประจบเพื่อจะอยู่ใกล้ๆนางอยู่ร่ำไป

"จะตามหม่อมฉันไปถึงเมื่อใดเจ้าค่ะ มิทรงเหนื่อยรึอย่างไร"พฤกษกานต์กล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด

"ตามหัวใจตนเอง จักเหนื่อยได้อย่างไรเล่า"พระโอรสตอบยียวน

 "ทรงเสด็จไปไกลๆเลยเพคะกลับบาดาลไปเสียเลยก็ได้เพคะ"พฤกษกานต์กล่าวเสียงห้วน

 ร่างเพรียวเดินเข้าห้องบำเพ็ญเพียรอย่างรวดเร็ว โดยมิสนใจร่างแกร่งเลยแม้แต่น้อย

"วันพรุ่งนี้ข้าจักมาใหม่"องค์รัชทายาทกล่าวยิ้มๆ





ราชานาคินค่อยๆประคองร่างของ พระโอรสไว้แนบอุระ แล้วพาเสด็จไปยัง ตำหนักของสวามี

เมื่อได้ทรงพินิจดูแล้ว ผณินั้นช่างมีร่างกายผอมบางนัก ตัวเบาราวกับยกนุ่น ดูเผินๆแล้ว

 จะตัวเล็กมากกว่าพระธิดา ของพระองค์เสียอีก

พ่อขอโทษนะลูกที่มได้ดูแลเจ้า





ตำหนักรังสิมันต์

ขเดศวรรอร่างบางนานหลายเพลา เฝ้าเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่น แต่ก็ต้องตกตลึงอย่างหนัก

 เมื่อมองเห็นว่าผู้พาร่างบางมาส่งเป็นใคร

"ถวายบังคมพะยะค่ะ"ขเดศวรทำความเคารพ ต่อกษัตริย์ผู้มีพระยศมากกว่าตนอย่างนอบน้อม

 "อย่ามากความเลย ห้องนอนอยู่ที่ใดกันเจ้าชาย" องค์ราชาตรัส

"เชิญเสด็จพระเจ้าค่ะ" ร่างสูงเดินนำเสด็จ  องค์ราชันไปยังห้องบรรทม ด้วยใจที่มีคำถามมากมาย

 ว่าเหตุใด องค์ราชาจึงประทับอยู่ที่นี่ได้ และเหตุใดจึงมีท่าทีราวกับว่ารักให้ผณิหนักหนา ทั้งทั้งที่รู้มา

 ว่าร่างบางนั้นได้ชื่อว่าเป็นลูกชัง โดนผลักไสไล่ส่งมายังเมืองครุฑ  แล้วเหตุใด จึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

องค์ราชา วางร่างของลูกชาย วงบนแท่นบรรทมอย่างเบามือ แล้วขึ้นประทับนั่งอยู่เคียงข้างลูกชาย ไม่ห่าง



" เชิญพระองค์ ทรงเสด็จไปประทับที่ตำหนักก่อน เถิด ทางนี้ ข้าจะดูแล ชายาของข้าเอง" ขเดศวรกล่าว "

 ให้ข้าได้ดูแลลูกของข้าบ้างเถอะ ถ้าทอดทิ้งและปล่อยปละละเลยลูกของข้ามานานเหลือเกิน"

มหาราชตรัสเสียงเศร้า



"แล้วที่ผ่านมาพระองค์ทรงมัวทำใดกันเล่าจึงไม่ได้เหลียวมอง โอรสของพระองค์เลย

"ร่างสูงกล่าวแดกดัน " นั่นสินะ ข้ามัวแม่โง่งม โดนหลอกใช้เป็นหุ่นเชิดจนมิอาจปกป้องดูแลลูกได้.

 หนำซ้ำยังพลั้งมือทำร้าย ทำลายลูกตัวเองได้ลงคอ" ในเวลานี้องค์ราชาดูอ่อนแอ

มิหลงเหลือคราบความแกร่งกล้าแต่อย่างใด





จบคำของราชานาคินความเงียบก็ปกคลุม ทั่วทั้งห้องบรรทม ร่างบางยังคงหลับพริ้ม มิมีทีท่าจะตื่น

ยิ่งทำให้ร่างสูงอิดอัดใจ และเท่าจากที่เฝ้าดูกริยาอาการของ อาคันตุกะ ผู้มาเยือนแล้ว คงจะไม่ทำ

 อันใดร่างบางเป็นแน่จึงขอตัวเพื่อ ให้สองพ่อลูกได้อยู่ด้วยกัน แม้ลึกๆจะแอบหวงร่างบางก็ตาม





เมืองบาดาล

บัดนี้ ข่าวลือที่องค์ราชัน เสด็จไปหาลูกชังเช่นผณิยังเมืองครุฑ ได้แพร่กระจายไปทั่ว

ความลับไม่มีในโลก

ให้ตำหนักที่ มืดสนิทปรากฏขดร่างใหญ่ ดำทะมึนอยู่ ณ ตั่งที่ประทับ

เลื่อมเกล็ดสีนิลวาววับเมื่อกระทบกับแสง

อาทิตย์ที่เล็ดลอดออกมาจากหน้าต่าง

แว่วเสียงพูดคุยของนางกำนัล

ด้านนอกตำหนักยิ่งพาให้อารมณ์ครุกรุ่นมากขึ้น

แต่แล้วแววตาสีแดงฉานก็เบิกลืมขึ้นทันใด

เมื่อได้ยินเรื่องราวของบุคคลที่เฝ้าตามหาเป็นบ้าเป็นหลัง

ว่าแท้จริงแล้วแอบหนีไปยังเมืองครุฑ

หนีไปเพื่อไปหาไอมารหัวขน

ร่างสีนิลพุ่งทยานออกไปนอกตำหนักอย่างรวดเร็ว

มุ่งหน้าไปยังเมืองครุฑให้เร็วที่สุด

หนีหม่อมฉันไม่พ้นดอก

พระองค์เป็นของหม่อมฉัน

ไม่ว่าใครก็มิมีทางได้พระองค์

นอกจากหม่อมฉัน

ตลอดราตรีพระบิดาทรงเฝ้าดูแล

ร่างบางมิหายห่างไปไกลจวบจนย่ำรุ่ง

รวมถึงสิงขรเองด้วยที่คอยดูแลทั้งพระบิดาและพระเชษฐา

แววตาหวานค่อยๆเปิดขึ้นรับกับแสงอาทิตย์

ร่างกายบางขยับนั่งในท่าที่สบาย

ทันใดสายตาบางก็เหลือบไปเห็นร่างใหญ่สองร่าง

ร่างบางพยายามขยับตัวลงจากเตียงอย่างเร่งรีบ

เป็นเหตุให้ข้อเท้าบางพลิก

ร่างบางพลาดท่าจนมิอาจทรงตัวอยู่

แต่ก่อนที่ร่างกายส่วนใดของผณิจะกระแทก

ลงกับพื้น พระหัตถ์ใหญ่ก็ยื่นมาประคองไว้ได้ทัน

“เป็นอันใดรึไม่”พระบิดาตรัสถาม

ร่างบางหาตอบไม่กลับดิ้นรนออกจากอ้อนอก

ของผู้เป็นบิดาอย่างหนักจนเป็นอิสระ

“ออกไป”ร่างบางกล่าวแผ่วเบา

แววตาหวานจ้องมองบิดาของตน

แววตานั้นเจ็บปวด น้ำตาที่หายไปกลับมาอีกครั้ง

“ฟังพ่อก่อนได้รึไม่”องค์ราชาตรัส

“เอาสิทรงตรัสมาเสีย  จะปดอันใด  ตรัสมาเสียเถิด”

สิงขรที่ดูเหตุกานมานานทนอึดอัดไม่ไหว

แม้จะเป็นพี่น้องต่างมารดาแต่สิงขร

กลับไม่เคยคิดว่าผณินั้นเป็นอื่นนอกจาก

เชษฐาเลยสักครา



“เสด็จพ่อทรงโดนเสน่ห์!!”เสียงของผู้ที่เงียบมานานดังขึ้น



ผณิหยุดอาละวาดลง

คำถามเกิดขึ้นในใจอีกครา

“องค์ชายตรัสอันใด”เสียงหวานถามติดขัด

แทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน  ใครจะว่างยาเสน่ย์ท่านพ่อกัน

“เป็นคำสัจจริงท่านพี่ ท่านก็รู้ว่าข้ามิเคยโกหกปดเท็จ”เป็นจริงดังที่

องค์ชายสิงขรกล่าวทุกประการ องค์ชายผู้นี้หาเคยกล่าวคำปดไม่

แม้แต่เรื่องที่ผณิโดนหลอกมายังที่เมืองครุฑในครานั้น

หากแม้สิงขรได้ทราบคงจักไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่

พระมเหสีจริงได้มิทรงบอกอันใดแก่พระโอรสของนาง

ด้วยเกรงว่าความเที่ยงตรงและเห็นแก่ความถูกต้อง

ขององค์ชายสิงขรจักเป็นตัวทำลายแผนการทั้งหมดของนาง

“ข้าขอสาบานท่านพี่ ที่ข้าจักพูดล้วนเป็นคำจริงหากข้าโกหกปดท่านขอให้

มัจจุราชมารับตัวฆ่าใน3วัน”



เปรี้ยง!!!!!!



สิ้นคำกล่าวขององค์รัชทายาท เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น

ดั่งเป็นเครื่องยืนยันในวาจาขององค์ชายสิงขรเอง

“พระมารดาของข้าเป็นผู้บงการท่านพ่อมาตลอด  แม่ของข้าใช้ยาเสน่ห์บังคับท่านพ่อ

ให้เกลียดท่านพี่  ให้ลืมมารดาของท่านพี่  เพื่อครอบครองท่านพ่อ”

ผณิฟังคำจริงเหล่านี้ถึงกับตลึงงัน

พระมเหสีที่แสนพระทัยดี

ผู้ที่คอยช่วยเหลือ



คอยห้ามมิให้องค์เหนือหัวทำร้ายตน



กลับกลายเป็นนางมารร้ายที่พราดทุกอย่าง



และทำร้ายตนอย่างแท้จริง





“ท่านพ่อรักแม่ของท่านพี่แล้วก็ท่านพี่มากนะขอรับ”สิงขรกล่าว

น้ำเสียงนั้นจริงจังหนักแน่น

ผณิหันไปมองมหาบุรุษที่ตนเป็นคนดิ้นรนออกมาจากอ้อมแขน

“เสด็จพ่อ ฮึก ท่านรักข้าจริงๆรึ ฮึก”ผณิกล่าวปนสะอื้น

กายบางค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ผู้เป็นบิดา

“ท่านรักแม่ข้าจริงๆรึ  อึก ฮื่อ ”ร่างบางน้ำตานองหน้า

“พ่อขอโทษ ที่พ่อมิเคยทำหน้าที่พ่อที่ดีได้ พ่อผิดคำสัญญาต่อแม่เจ้า พ่อมันชั่วนัก”

พระพักต์สูงวันอาบไปด้วยอัสสุชลที่หลั่งไหล

“พ่อรักเจ้านะผณิ”อ้อมพระพาหะอ้าออกกว้าง

ร่างบางโถมกายเข้าหาอ้อมอุระของพระบิดาอย่างโหยหา

อ้อมกอดที่อบอุ่นอันร่างบางนั้นหาเคยได้รับไม่

บัดนี้ร่างบางได้รับมันแล้ว จากชายผู้นี้

จากพ่อของตน

สิงขรรู้สึกโล่งใจยิ่งนักอย่างน้อยองค์ชายก็ทรงได้ไถ่บาป

ที่มารดาของตนเคยกระทำ  และหวังว่ามารดาของตน

จะหยุดจองเวรผณิเสียที





ณ ประตูเมือง

ร่างสีนิลคืบคลานเยื้องกายเข้าสู่ประตูเมือง

ลัดเลาะลอดเร้นผ่านสายตาของทหารยามเข้าสู้เขตพระราชวัง

ได้อย่างง่ายดาย





‘ผณิเคราะห์กรรมของเจ้ายังมิหมดไป และข้านี่แหละที่จะจองเวรเจ้า’

หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:20:15
บทที่ ๒๗ รอ




ปัญหาทุกอย่างระหว่างพระบิดาและผณิหมดสิ้นลงแล้ว

ข้อกังขามากมายถูกไขกระจ่างทั้งหมด

ความเจ็บปวด น้อยใจ ชิงชัง ถูกทำลายสิ้น

ด้วยความรักที่องค์ราชามีให้ต่อลูกผู้นี้

และการให้อภัย





แต่ดังที่กล่าวไป เวรกรรมของผณิยังมิหมด

เวลาล่วงเลยจวบจนพลบค่ำ

สรรพชีวิตทั้งหลายต่างหลับใหล เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสงบ

ความเงียบงันยามราตรีปกคลุมไม่ทั่วทั้งเขตแดน

เสียงแมลงกลางคืนค่อยๆเงียบสงัดลงเมื่อเวลาค่อยๆ

ดำเนินจวบจนดึกดื่นค่อนคืน





ภายในห้องบรรทม  ณ  ตำหนักรังสิมันต์

กลิ่นกำยานหอมที่จุดในห้องบรรทม

แปลกไปจากเดิม แต่ก็มิได้ทำให้ทั้งสองร่างภายใน

ห้องบรรทมแคลงสงสัยใดๆ  กลับกัน

กลิ่นของมันกลับหอมสบายทำให้ผ่อนคลาย

จนพาให้คู่สูดดมหลับใหลได้อย่างรวดเร็ว

และยังหลับลึกจนราวกับร่างไร้วิญญาณที่ยังหายใจ





ร่างดำสนิทค่อยๆเคลื่อนกายออกจากที่ซ้อนเมื่อแน่ใจแล้ว

ว่าร่างทั้งสองหลับลึกพอ  ลำตัวยาวเลื้อยมายังแท่นบรรทม

ด้านของร่างบางที่กำลังหลับใหล

ลำตัวอสรพิษเหยียดขึ้นแผ่แม่เบี้ยออก

ริมฝีบากอ้ากว้างโชว์เขี้ยวแหลมที่เต็มไปด้วยพิษร้าย



ฟึบ



ฉึก



คมเขี้ยวแหลงฉกเข้าที่ข้างลำคอขาว

ฝังลึกเข้าไปภายใต้ผิวเนื้อนุ่ม  พิษสีดำ

ค่อยๆถูกลำเลียงเข้าสู่โลหิตอย่างช้าๆโดย



ที่ร่างบางไม่มีทางดิ้นรนใดๆ



ไม่มีทางหนี



ไม่มีทางรอด



เขี้ยวคมค่อยๆถอนออกจากลำคอระหง

พร้อมกับร่างนิลที่เลื้อยหายไปอย่างรวดเร็ว

กลิ่นกำยานค่อยๆจางหายหลังจากที่ถูกจุดเป็นเวลานาน

แต่ก็คงอีกนานจวบจนรุ่งสางเช่นกัน  ที่จะมีผู้ใด

ได้รับรู้ถึงอาการของร่างบางที่ตอนนี้พิษร้าย

แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง





รุ่งอรุณเคลื่อนมาถึงในไม่กี่อึดใจ

ร่างสูงตื่นบรรทมด้วยความรู้สึกที่แปลกไป

ในช่วงเวลาปกติตั้งแต่มีร่างบางอยู่ข้างกาย

ขเดศวรจะตื่นบรรทมด้วยเสียงหวานที่คอยปลุก



สัมผัสแผ่เบาที่อบอุ่นคุ้นเคย



แต่ในเช้านี้จะไม่มีมัน



ไม่มีเสียงหวาน



ไม่มีอ้อมกอดเล็กๆ



มีเพียงร่างเล็กๆที่เย็นเฉียบนอนนิ่งๆอยู่ข้างกาย





“ใครอยู่ข้างนอกไปตามหมอหลวงมา!!!!!!!!”

เสียงทุ้มตะโกนลั่นตำหนักเมื่อมองเห็น

ร่างอันเป็นดวงใจแปลกไป



ผิวที่เคยเป็นสีน้ำนมเปลี่ยนเป็นสีเขียวช้ำ

ลมหายใจถี่รั่วราวกับขาดห้วง  ร่างกายเย็นเฉียบ

จนไม่รู้สึกถึง ไออุ่นของการมีชีวิต



อาการเช่นนี้ร่างสูงเคยพบเจอมาก่อน



อาการคล้ายกับพระมารดา



อาการจากพิษของนางงูร้ายตนนั้น



สองแขนโอบกอดร่างบางแน่นไว้แนบอก

ใบหน้าหล่อเหลาอาบด้วยน้ำตา

ดุจดังในคราที่มารดาของตนถูกพรากไป

ด้วยน้ำมือของอสูรกายตนเดียวกัน





หมอหลวงเยียวยาอาการของพระชายาสุดกำลัง

แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะทำอันใดได้มาก

ร่องรอยการถูคมเขี้ยวเป็นตัวบ่งชัดว่าเป็นรอยของอสรพิษ



องค์ราชานาคิน  สิงขรและ พฤกษกานต์ รีบเร่งมายังตำหนัก

ของร่างสูงเพื่อดูอาการของร่างบาง  เมื่อสิงขรได้เห็นอาการ

ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของมารดาตน



“เสด็จแม่  เป็นเสด็จแม่แน่พะยะค่ะ”สิงขรจำใจบอกแด่

พระบิดา  เพราะไม่อยากให้ผู้ใดต้องเดือดร้อนเพราะนางอีก



เมื่อความนี้รู้ถึงหูขององค์ราชาสุบรรณก็มีกระแสรับสั่ง

ให้ออกตามล่าหาตัวของพระมเหสีพิมพ์ทอง

โดยที่ไม่มีผู้ใดคัดค้านหรือสงสารนางแม้แต่

ผู้เป็นสวามีเอง



จากตอนแรกที่องค์ราชานาคินทรงคิดมีใจเมตตา

ยอมอภิเษกกับนาง  เมื่อทรงได้ทราบ  ว่านางทำเสน่ห์

ใส่พระองค์  ความเมตตาก็หายไปสิ้นหลงเหลือไว้เพียง

แค่ความเวทนาตอนนาง   แต่บัดนี้นางกลับทำลายดวงใจ

ที่เหลืออยู่จนแหลกเหลว





ฝางเส้นสุดท้ายขาดผึง ความเกลียดชังเกาะกุมเต็มหัวใจ

แต่ด้วยพระองค์ไม่อยากจะให้มีอันใดติดค้างกันอีก

ระหว่างพระองค์และนางจึงทำใจวางเฉย

มิต้องการรับรู้อันใดเกี่ยวกับนางอีก





ภายในห้องบรรทมคละคลุ้ง

ไปด้วยกลิ่นโอสถหลากหลายขนาน

จากหมอ หลวง ที่ปรุงถวายเพื่อรักษาอาการ ของร่างบางให้ทุเลาลง

 แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อเยียวยาชีวิตของร่างบางไว้

แม้ใจของทุกคนจะรู้ดีว่าความหวังนั้นริบหรี่เต็มทน





กองกำลัง ของราชาสุบรรณ ออกตามล่าหา ตัวการที่ทำร้ายร่างบาง ออกไปทั่วทุกทิศ

 โดยมีสิงขรตามไปด้วย แม้จะรู้ดี ว่ามารดาของตน ไม่มีทางรอดพ้นจากวิบากกรรมครั้งนี้

แต่อย่างน้อย หากนางสิ้นใจ จะได้พานางกลับยังเมืองบาดาลได้

ในขณะที่กองกำลังกำลังตรวจค้นอยู่นั้น สิงขรกลับไม่เห็นแม้เงา

 ของราชาสุบรรณเลยแต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดอันใดมาก

และยังคงดำเนินเข้าไปในป่า





ยิ่งเดินลึกขึ้นกลับยิ่งพบร่องรอยการต่อสู้ของสัตว์ขนาดใหญ่

ดูอย่างไรก็รู้ ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเพลี่ยงพล้ำจนบาดเจ็บเป็นแน่

เพราะโลหิตสีเข้ม สาดกระเซ็นเป็นหยดเป็นดวง ทั่วใบไม้บริเวณนั้น

เป็นทางยาวไปเรื่อยๆ

ทั้งหมดรีบ เร่ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของโลหิตที่หลั่งรินอยู่





 กลิ่นคาวคลุ้งตีขึ้นอบอวล ไปทั่วบริเวณ และเมื่อเดินลึกเข้าไป

กลิ่นกลับยิ่ง แรงขึ้นจนเจียนจะอ้วก แต่เมื่อเดินไปถึงตัวการของกลิ่นนี้

และโลหิตทั้งหมด สิงขรกับต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

ร่างของอสรพิษสีดำสนิท บัดนี้นอนเหยียดหายใจรวยระริน

ใกล้ตายเต็มทน





รอยบาดแผลมากมาย ลึกลงตามบริเวณร่างกาย ของร่างนั้น

บริเวณหน้าท้อง ถูกแหกออก เครื่องในมากมายกระจัดกระจายออกมา

อย่างน่าสยดสยอง เสียงคราง ด้วยความเจ็บปวด ดังออกมาจากร่างนั้นเป็นระยะ

สิงขรรีบพุ่งตัวไปที่ร่างร่างนั้น แล้วประคอง ส่วนศีรษะขึ้นอยู่บนตัก

 น้ำตามากมายของลูกผู้ชายหลั่งไหลริน อย่างไม่อาย



"เสด็จแม่ อึก เสด็จแม่พระเจ้าค่ะ" สิงขรเรียกผู้เป็นแม่ ด้วยเสียงสั่นเครือ

" อโหสิกรรม เถิดเสด็จแม่ อย่าได้จองเวรจองกรรมกันอีกเลย เลิกแล้วต่อกันเถอะ"

 เจ้าชายสิงขรกอดร่างของมารดาแนบอก ร่างโชกเลือดกระพริบตาชัดช้าๆ

ราวกลับรับรู้ และตอบสนองต่อคำพูดของพระโอรส ลมหายใจค่อยค่อยแผ่วลง

 แต่ก่อนที่จะสิ้นใจ ร่างทั้งร่าง ก็ดิ้นทุรนทุราย พร้อมกับเลือดมากมาย

ที่กระอักออกมาจากปาก ลมหายใจขาดห้วงอย่างรุนแรง เรากับปลาที่ขาดน้ำ

 ความทรมานนั้นตราตรึงจดจนร่างนั้นแน่นิ่งไปในที่สุด



จบสิ้นแล้ว



ชีวิตแลกด้วยชีวิต



สิงขรสั่งให้กองกำลังถอยกลับ ไปยังเมือง ครุฑ ก่อนส่วนตนนั้นจะพาพระศพ

ของมารดากลับสู่เมืองบาดาล





กองกำลังทหาร เคลื่อนย้ายกลับเข้าเมือง แต่ทั้งหมดก็ต้องแปลกใจ

 เมื่อพบว่าราชาสุบรรณ ประทับอยู่ที่ตำหนักรังสิมันต์

พร้อมพร้อมกับ เจ้าชายขเดศวร เพื่อเฝ้าดูอาการของร่างบาง

ที่บัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด หมอหลวงและผู้ช่วย

ต่างวิ่งกันให้วุ่นภายในห้องบรรทม อาการของพระชายามิได้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งทำให้เหล่าหมอหลวงต่างหวั่นวิตก ร่างบาง ดูอ่อนแอเหลือเกิน





เวลาล่วงเลยจนพลบค่ำ อาการของร่างบางจึงอยู่ในขั้นทรงตัว

พอที่จะรู้สึกพระองค์ ขเดศวรรีบพุ่งตรงไปยังคนรักทันที

 ผณิช่างดูอ่อนล้าเหลือเกิน  แววตาที่เคยสุกใส

บัดนี้กลับดูหม่นลงอย่างหน้าใจหา

มีโลหิตสีชาดไหลออกมาจากจมูกเป็นระยะ



"ขะ ข้า  ทอ ระ มาน "เสียงแผ่วเบากล่าวด้วยน้ำตา

ภายในกายร้อนร่าวไฟเผา แต่ภายนอกกลับเย็นดุจดังน้ำแข็ง

ผิวกายเจ็บราวดังเข็มแหลมทิ่มแทงทั่วอนู

"หะ  ให้  ขะ ข้า ตา ตาย เถิด"จบคำกล่าวของร่างบางร่างสูงพลัน

พลั่งพลูน้ำตาออกมาอย่างหนัก

"หากเจ้าตาย. พี่จะอยู่เช่นไรเล่า เจ้ามิรักพี่เลยหรือ"เสียงทุ้มกล่าวสั่นเครือ

"ระ รัก. ข้า รักท่าน รัก ตลอด มา "ร่างสูงสวมกอดร่างบางแน่น

"ยะ อย่า แค้นเคืองอันใดอีก  มะมันจบ  แล้ว  ข้ารักท่าน  ขะ ขเดศวรของข้า"จบคำร่างบาง.

 ฝ่ามือเย็นค่อยกุมบนฝ่ามือหนา แหวนทองถูกว่างลงบนมืออุ่น     

ลมหายใจแผ่วค่อยๆหยุดลงช้าๆ



ภายใต้อ้อมกอดของชายอันเป็นที่รัก

วิบากกรรมของผณิได้หมดลงแล้ว

ทุกคนในห้องบรรทมต่างพากันร่ำไห้

ไม่เว้นแม้แต่องค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง

ที่ทรงโศกามิต่างจากผู้ใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง



องค์ราชานาคิน



ความโศกศัลย์ แผ่ขยายปกคลุมไปทั่วเมือง

 พิธีศพถูกจัดขึ้น อย่างสมเกียรติ

ตลอดเวลา หลังจากที่ร่างบางได้จากไป มิมีนาทีใดเลย ที่จะไม่ได้เห็นน้ำตาจากร่างสูง



ในวันแรกที่ร่างบางจากไป ร่างสูงคลุ้มคลั่ง

เกรี้ยวกราวคิด แค้นจองเวรผู้ที่ทำร่างบางเจ็บ ผู้ที่พรากร่างบางไปจากตน

"มันยังมิพอใจรึ  ฆ่าแม่ข้ามิพอยังจักมาข้าเมียข้าอีก ข้าแค้นมันนัก!!!" เสียงตวาดดังลั่นไปทั่วตำหนัก

 ใบหน้าหล่อเหลา มีเลือดหล่อเลี้ยง จนทำให้ใบหน้ามีสีแดงจัดน้ำตาไหลรินทั่วใบหน้า

 ร้องไห้อย่างไม่อาย เป็นน้ำตาที่มาพร้อมความโกรธแค้นในใจ ปะปนกับความเศร้าโศก

 องค์ราชาสุบรรณ จึงมีรับสั่ง ให้ทุกคนออกไปจากตำหนักเสียก่อน เพราะเวลานี้

ขเดศวรคงไม่ฟังผู้ใดเป็นแน่





"พ่อ  ฮึก  ข้าเจ็บ  ผณิจากข้าไปแล้ว พ่อ"ร่างสูงฟูมฟายอย่างหมดอายเมื่อในห้องเหลือเพียงพระบิดา

"อโหสิให้นางเถิดไอลูกชาย  นางตายอย่างทรมานไม่แพ้ผณิดอก แล้วต่อกันเถิด พ่อเชื่อว่าพวกเจ้าเป็นคู่กัน

 จักต้องได้พบและรักกันอีกแน่เจ้าจนประพฤติตนให้อยู่ในศีลธรรม แล้วปกครองเมื่องต่อไปเถิด"

พระบิดากล่าวปลอบใจพระโอรส

“พระเจ้าค่า”ขเดศวรหักห้ามใจให้เข้มแข็ง





‘เราจักต้องพบกันอีกพี่จะรอเจ้า ผณิ’

หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:22:48
บทที่ ๒๘ สิ้นสุด END



 กาลเวลาล่วงเลยข้ามผ่าน หลายสิ่งหลายอยากมากล้วนแปรผัน เป็นสัจธรรมอันเที่ยงแท้

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานับแต่ เรื่องราวจบลงในครานั้น

องค์ภูมินทร์ทั้งสองยอมปรองดองกัน แต่โดยดี ถือเป็นอันยกเลิกแล้วต่อ ความหมาดหมางทั้งมวล ตั้งแต่โบราณนานมา

เจ้าชายสิงขรในที่สุดก็ทรงสามารถ ที่จะเอาชนะใจที่แข็งแกร่งราวหินผา ของสตรีนางว่าพฤษกานต์ได้ และด้วยเหตุอันใดก็หามีผู้ใดรู้ไม่ ร่างของนารีผลมิได้แตกดับ ครองคู่อยู่ด้วยกันอย่างผาสุข

ทุกสิ่งอย่าที่แปรเปลี่ยนรอบกาย กลับมิได้ทำให้หัวใจของขเดศวร หลงลืม หรือคิดปันใจไปหาผู้อื่นใดเลย

ยังคงรอ และรักเพียงแค่ผณิ ผู้เดียวเรื่อยมา

'กลีบผกายังคงบานรอรักเจ้า จันทร์ส่องเงาร่ำไห้ใจเฝ้าหา ยังคงคอยวันที่เจ้าหวนกลับมา รอเวลาเจ้าเคียงอยู่คู่นิรันด์'

   คุณเคยฝันเห็นใครบ่อยๆไหม?

ไม่รู้จัก แต่คุ้นเคยเหลือเกิน

ทุกครั้งที่ฝันถึงหัวใจมันจะบีบรัด

จนคับแน่นในอก

ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้ คิดถึง

โหยหา

รัก

ร่างบางตื่นขึ้นมาจากนิทราในเช้าวันใหม่ เปิดเทอมวันแรก  เด็กหนุ่มวัยมหาลัย ตั้งหน้าตั้งตาทำกิจวัฎประจำวันเช่นเคย เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังสถานศึกษา

" แก รอด้วยยยยย"เสียงเจื่อยแจ้วของ หญิงสาวหน้าตาสะสวยร้องเรียกร่างบาง ของเพื่อนรัก

"อ้าวกานต์ รีบรึไงอะเหงื่อนี่ท่วมเชียว"ร่างบางยิ้มกับท่าทีของเพื่อนรัก "ก็แกเดินรอฉันที่ไหนล่า  เรียกตั้งนานก็ไม่หัน"ร่างเล็กบ่นอุบ "ป่ะ  รีบไปเหอะ"ร่างบางโยกหัวเพื่อนเล็กน้อย

"แก พาฉันไปหาพี่สิงหน่อยสิ"ร่างเล็กกล่าว ชวนร่างบางไปหาแฟนหนุ่มของตนเป็นเพื่อน ร่างบางก็มิได้ปฏิเสธใดๆ แล้วเดินตาม เพื่อนรักไป

ไม่นานก็มาถึงที่หมายที่นัดเเนะกันไว้ ร่างสูงสองร่างนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ "พี่สิงขร กานต์มาแล้ว"ร่างเล็กแหกปากดังลั่น รีบวิ่งเข้าไปกอดร่างโปร่งอย่ารักใคร่

ร่างบางเห็นดังนั้นจึงหลบออกมานั่งที่ริมน้ำ เพียงคนเดียว  สายน้ำเย็นๆ กับลมพัดเอื่อยๆ บรรยากาศโดยรอบช่างสงบเหลือเกิน

ร่างบางมิทันได้สังเกตว่ามีผู้มาเยือนอยู่ไม่ไกล

"คิดถึงพี่บางไหม  " เสียงทุ้มที่คุ้นเคยกล่าว

ร่างบางหันตามเสียงของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง

"ขเดศวร!!!" น้ำเสียงสั่นกล่าว ความโหยหาถาโถมเข้ามามากมาย

ร่างบางโผกอดร่างที่คิดถึงสุดหัวใจ "อย่าหนีพี่ไปไหนอีกนะ"สองร่างกอดกันเนิ่นนาน
ถามกลางความคิดถึงตลอดหลายภพชาติ และความรักที่อบอวลสุดหัวใจ





'การรอคอย สิ้นสุดลงแล้ว'







หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:23:37
บทที่ ๒๙  รักนิรันดร์(ตอนพิเศษ)



ดวงตะวันทอแสงลงต่ำใกล้จะลาลับแสงอัสดงสาดส่องไปทั่วผืนฟ้า

นานเพียงใดที่ห่างลาใกล้

นานเท่าใดที่ใจต้องกล่ำกลืน

บัดนี้ไม่มีอีกแล้วความโศกเศร้า



ความพลัดพราก



ร่างบางหลับพริ้มหนุนตักแกร่งของคนรัก

มือทั้งสองกุมกันไว้แน่น

“เหนื่อยไหม”ร่างบางเอ่ยแผ่วเบา

“เรื่องอะไรกันล่ะ  ที่ทำให้พี่เหนื่อย”ร่างสูงถามกลับ

“ที่ต้องรอผมไง  รอนานมากเลยนะ  กว่าจะได้เจอกัน”ร่างบางพูดทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิท

“เหนื่อยสิ แต่พี่ยอมพี่มีความสุขที่จะรอไม่ว่านานเท่าไหร่”ร่างแกร่งกล่าว

“แต่ตอนนี้เราไม่ต้องรออีกแล้ว  ผมได้อยู่กับพี่แล้ว”รอยยิ้มบางระบายอยู่บนใบหน้าหวาน

ร่างสูงค่อยๆโน้มตัวลงประทับจูบที่อ่อนละมุน  ลงบนริมฝีปากบาง





3ปีผ่านไป





งานแต่งงานเล็กๆถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายบริเวณริมน้ำตกที่แสนสวยงาม

ภายใต้ความสนับสนุนจากสองตระกูล

“พ่อขอให้ลูกๆรักกันนานๆ  มีอะไรหนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะ  “ร่างสง่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าจะมีวัยล่วงเลยถึงค่อนคนแล้วก็ยังคงความสง่าและสุขุม

แววตาแฝงความขี้เล่นยังคงสดใสไม่คลาย

“รีบๆมีหลานเร็วๆนะ ณิ  อย่าให้พ่อรอนาน พี่มันออกนอกลู่นอกทางก็จัดการได้เลย 

พ่ออนุญาต”ประมุขแห่งตระกูล

 นาคานตกะ กล่าวยิ้มๆให้แก่ลูกสะใภ้

“ขอบคุณครับ”ร่างบางยิ้มรับ

ร่างสง่าส่งสังข์คืนให้กันเพื่อนสนิทของเจ้าสาวหลังจากเสร็จสิ้นคำอวยพร

“ผณิ พ่อขอให้ลูกมีความสุขนะ    เดย์พ่อฝากน้องด้วยอย่าทำให้น้องเสียใจนะ”อีกหนึ่งประมุข 

บิดาของผู้เป็นเจ้าสาวกล่าว

อ้อมแขนของผู้เป็นพ่อโอบกอดร่างของลูกชายแนบแน่น





“พ่อรักลูกนะผณิ  ดูแลตัวเองด้วย”เสียงทุ้มกล่าวกับลูกรักของตน

ไม่มีแล้วผณิลูกชัง

“ขอบคุณครับพ่อ”เสียงหวานตอบพร้อมกับร่างของผู้เป็นพ่อที่ผละออกไป

พิธีดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งความรักและความอบอุ่น

ของคำว่าครอบครัว

หลังจากผ่านพ้นพิธีต่างๆนานาจนหมดสิ้นก็ถึงเวลาที่ร่างสูงรอคอย





เข้าหอ



ร่างบางนั่งหันหลังอยู่บนเตียงนอนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ

อดนึกถึงครั้งที่เข้าพิธีกับร่างสูงในครั้งอดีตไม่ได้

ร่างสูงเองก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นที่รักเป็นแน่

“กลับหรือณิ”เสียงนุ่มกล่าว

“กลัวสิพี่   ณิไม่ได้แตะต้องเรื่องแบบนี้นานแล้วนะ  ใครจะไปชินแบบพี่ล่ะ”ร่างบางกล่าวฉุนๆ

ด้วยความเขินอาย





ร่างสูงอดยิ้มกับท่าทีน่าเอ็นดูของคนรัก

ร่างสูงก้าวขึ้นบนเตียงกว่าตรงเข้าโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง

“พี่ไม่ทำเรื่อยเลวๆแบบนั้นกับณิหรอก”มือใหญ่กุมมือเล็กขึ้นมาจุมพิตนุ่มนวล

“ให้โอกาสพี่นะณิ”





ร่างสูงค่อยเคลื่อนตัวเข้าหาร่างบางช้าๆ

ริมฝีปากอุ่นสัมผัสกับริมฝีปากบางแนบแน่น

ร่างบางมิได้ขัดขืน  แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำอย่างน่ารัก

ลิ้นร้อนเกี่ยวพันลิ้นเล็กไปมาควานหาความหอมหวานที่โหยหามาแสนนาน

ผณิตอบสนองอย่างไร้เดียงสา ถูกใจร่างสูงนักกับท่าทีเช่นนี้

มือหนาเลื่อนสัมผัสผิวนุ่มจนทั่วอย่างสนุกมือ

เสื้อผ้าของทั้งสองค่อยๆหลุดไปจากร่างกายช้าๆ

ทุกสัมผัสเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและโหยหา



เมื่อสัมผัสจนพอใจร่างสูงก็หันมาเตรียมพร้อมกับช่องทาง

สีหวานนิ้วเรียวกดย้ำๆจนร่างบางบิดเร้ากายด้วยแรงกระสัน

“อึก  ฮือ  พี่เดย์  อะ  เข้ามาเถอะ  “ร่างบางร้องขอเสียงแผ่วสร้างรอยยิ้มให้ปรากฏต่อร่างสูง

ร่างกมลงจุมพิตที่ขาอ่อนด้านในแล้วค่อยๆสอดนิ้วแรกเข้าไปยังช่องทางรักอย่างไม่รีบร้อน





“อะ  อือ  เจ็บ  “ร่างบางหลุดครางออกมาด้วยความเจ็บ

“พี่ขอโทษ  ทนหน่อยนะคนดี”พูดจบก็จูบซับน้ำตาที่หางตาของร่างบาง

ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆเลื่อนลงซุกไซร้ที่ซอกคอขาว ลงมายังยอดดอกสีหวาน

ริมฝีปากร้อนครอบลงที่ทับทิมสีสวย  ออกแรงดูดเม้มจนร่างบางครางออกมาด้วย

ความกระสันที่เกิดขึ้นอีกครั้ง    นิ้วแกร่งค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิ้วเพื่อเตรียมช่องทาง

จนในที่สุดก็พร้อมที่จะรับตัวตนของร่างสูง





นิ้วทั้งสามถอนออกจากช่องทางนุ่มและแทนที่ด้วยแกนกายขนาดใหญ่ที่

บัดนี้พร้อมแล้วที่จะเข้าสู่ร่างกายของคนรัก

ร่างสูงค่อยกดแกนกายเข้าสู่ร่างกายบางช้า

พร้อมก้มลงจุมพิตริมฝีปากนุ่มเป็นระยะ

จวบจนส่วนที่สอดประสานเข้าสู่ร่างบางจนหมด





“เจ็บไหมณิ  “ร่างสูงถามด้วยความเป็นห่วง

“ผมไม่เป็นไรครับ   ขยับเถอะ”ร่างบางกล่าวเสียงสั่น

ร่างสูงขยับกายเชื่องช้าแล้วค่อยเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์

สองร่างกอดก่ายประสานกันแนบแน่นด้วนเสน่หา

บทรักถาโถมจวบจนรุ่งสางจึงได้จนลง





จากนี้จวบจนตลอดไปจะไม่มีอะไรพรากความรักของสองเราได้อีกต่อไป





END



หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: อัคคีเทวา ที่ 23-12-2017 20:25:36
พญานาคใบ้  ตอนพิเศษ(NC)

ใต้นครบาดาล อันสงบสุข บังเกิดชีวิตหนึ่งชีวิตขึ้น เป็นชีวิต ที่ถือกำเนิดขึ้นมา ด้วยบ่วงกรรม

"หึก  อะ  อะ  ฮือ  อะอึก" เสียงที่ฟังดูไม่ได้ศัพท์ ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากบาง แม้ว่าจะเจ็บปวด จากการถูกสอดใส่เพียงใด แต่ก็มิอาจเปล่งเสียงร้องบอกความเจ็บปวดของตน ให้กับใครอีกคนได้ล่วงรู้

"หึ  เจ้านี่จะกี่ครั้งกี่คราก็ถึงใจข้านัก"ร่างสูงก้มลงกระซิบที่ข้างหูพรางไล่ซบไซร้ตักตวงความหอมหวานจากอีกคนไม่รู้จักพอ

มือบางที่ถูก พันธนาการด้วยเชือกเส้นหนาไม่สามารถปกป้องตนเองจากการถูกคุกคามได้ ช่องทางรักที่รองรับตัวตนใหญ่เกินปกติของอีกคน มาร่วมหลายชั่วโมง ฉีกขาดและบวมช่ำจนน่ากลัว แต่เเทนที่คนกระทำจะสมเพชเวทนาใดๆ กลับหาไม่ ทุกครั้งที่เสียงครางแปล่งถูกเปล่งออกมาดังเท่าไหร แรงกระแทกสวนจากอีกคนก็รุนแรงขึ้นเท่าทวี

"อึก อะ อะ อือ อะ"ร่างน้อยแทบไม่มีแรงจะทรงตัวให้หมอบคลานได้อีก แต่ก็ได้มือหนาประคองสะโพกที่เจ็บร้าวเอาไว้ให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถสอดใส่ได้สะดวก "อ๊ะ ข้าจะไปแล้ว อะอะ อึก"ร่างแกร่งเร่งกระทั้นกายถี่รัวจนส่วนเชื่อมทะล่วงเข้าไปลึก เหลือเกิน คนร่างเล็กกว่าจุกเสียดไปหมดทั่วท้อง ไม่นานวารีชีวิตมากมายก็ทะลักไหลเอ่อล้นตามช่องทางเล็กๆนั้น แก่นกายใหญ่ถูกนำออกจากช่องทางช้ำ อย่างอ้อยอิ่งและทันทีที่มือแกร่งปล่อยสะโพกบาง ร่างทั้งร่างก็ทรุดลงนอนนิ่ง ร่างกายเจ็บราวไปทุกส่วน มือหนาเอื้อมปลดพัธนาการออกช้าๆ ปรากฎรอยช้ำบริเวณข้อมือช้ำอย่างชัดเจน 

"อย่างพึ่งหลับล่ะอาโป  ชลนทียังมิกลับเลย หึหึ"เสียงเหี้ยมกล่าวกับร่างเล็ก  สร้างความกลัวแก่ผู้ฟังเป็นอย่างมาก แต่ก็หนีหรือโต้แย้งใดๆมิได้

แม้แต่พูดยังทำหาได้ไม่

แก๊ก

ไม่นานเสียงไขกุญแจก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ไม่นานก็ปรากฎร่างสูงกำยำพอๆกับอีกคน ร่างกายผอมสั่นระริกด้วยหวาดกลัว มือหนาเอื้อมจับบีบเค้นสะโพกกลมอย่างสนุกมือ ยิ่งสะเทือนถึงช่องทางรักที่เลือดยังมิหยุดริน

"กลับช้าเสียจริงสหายรัก อาโปรอเจ้าจนจะหลับเสียแล้ว ชลนที"อีกคนกล่าวยียวนกับสหายของตน

"หึหึ  ข้ามิได้อยากจะทิ้งเมียไปราชกาลเสียหน่อย แต่จะหลับโดยมิรอข้านี่มิน่ารักเสียเลย จริงรึไม่ชลาชล"กล่าวตอบสหายพลางเปลื่องผ้าเตรียมประกอบกิจขั้นต่อไปอย่างมิรอช้า

ชลาชลประคองร่างสั่นเทาไว้ในวงแขนโดยตนเองซ้อนอยู่ด้านหลังสองมือกอดรัด ร่างสั่นเทานั้นแน่น ใบหน้าหล่อฟัดซอกคอขาวที่ประดับด้วยร่องรอยมากมาย จนเจ็บแสบไปหมด ชลนทีก้าวขึ้นเตียงกว้างมาซ้อนประกบด้านหน้าของอาโปอย่างไม่รีรอ ขาเรียวถูแยกออกกว้าง เพื่อรอรับบทรักจากอีกคน 

"อึก อือ อือ อือ ฮือ อึก "เสียงสะอื้นดังขึ้นจากร่างบาง ใบหน้าหวานชุ่มน้ำตาส่ายไปมาพัลวัน

ต้องเจ็บอีกแน่ๆ

แม้ว่าจะรู้ชะตากรรมของตนดีว่าอย่างไรก็มิมีทางรอด สองมือยกขึ้นประนมไหว้ น้ำตาไหลพรากเกินกว่าจะหยุด ไหว้ให้หยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนเจ็บปวดนี้เสียที "เจ้าลำเอียงเหลือเกิน ทีชลาชลเจ้ายังยอมไปเสียหลายครา แต่กับข้าเจ้ากลับไม่ยอมรึ" เสียงแหบทุ้มกล่าวมือใหญ่บีบกรามร่างตรงหน้าแล้วประกบจุมพิต รุนแรงปลายลิ้นหนาช่วงชิงความหวานอยู่นาจวบจนพอใจจึงได้ผละออก "แฮก แฮก แฮก"ร่างบางหอบเหนื่อยอย่างหนักกับรสจูบ. จนมิทันตั้งตัว "อะ หะอ๊า อะ ฮืกฮากกกกก"เสียงแปล่งๆนั้นร้องลั่นช่องทางช้ำถูกคุกคามอีคราด้วยอีกคน ร่างกายสั่นสะท้านดิ้นหนีให้รอดพ้น แต่แขนแกร่งของอีกคนกลับรัดไว้แน่ "อะไรกัน ชลนทียังเข้ามิทันสุดเลยนะ เจ้าอย่าดื้อสิอาโป"ชลาชลว่าพรางจูบซอกคอขาวซ้ำๆ

มือขาวดันหน้าท้องชลนทีไว้เป็นนัยให้เอาสิ่งนั้นออกไป แต่มีรึที่เสือจะปล่อยเหยื่อ ไม่มีทาง  มือหนายกขึ้นปิดปากบางแน่น แล้วสอบเอวกระแทกส่วนที่เหลือเข้าไปจนสุด ตาหวานเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวดน้ำตาไหลพรากด้วยความหวดกลัว

"อึก แน่น รัดข้าดีเหลือเกิน"พูดจบก็ทำการกระเเทกเอวเร็วขึ้นอีกครั้ง ร่างน้อยเจ็บปวดฟนักหนา ได้แต่ร้องไห้ไร้เสียงต่อไป กึด "อะ อา อาอึกอา"ร่างบางสะดุ้งตกใจเมื่อคนที่กำลังขยับกายหนักหน่วยโน้มใบหน้าลงมาขบกัดยอดอกสีหวานสลับไปมาสองข้าง  ถ้าพูดได้คงจะปฏิเสธสุดใจ แต่นี่หาได้ไม่  ชลนทีครอบครองร่างน้อยซ้ำแล้วซ้ำเหล่าจน อาโปสลบไป

"สหายข้า อาโปสลบไปเสียแล้วละ"ชลาชลกล่าวกวนๆ "มาปลูกเมียรักกันเถอะ หึหึหึ"ชลนทีกล่าวจบ สองสหายรักก็ช่วยกันประคองจัดแจงท่าให้อาโปคร่อมกายชลาชล ส่วนชลนทีครองอยู่ด้วยหลัง "พร้อมรึไม่"ชลนทีกล่าวถาม สหายรักพยักหน้า ทำการค่อยๆสอดกายใหญ่เข้าสู่ช่องทางช้ำทันที "อะ อึก หึก"เสียงครางเจ็บปวดจากคนใบ้ดังมาเป็นระยะๆ ชลาชลใช้เวลาไม่นานก็กระแทกเข้าไปมิดด้ามรวดเร็ว

ปึก "อ้าาหะ อา"ร่างเล็กสะดุ้งอีกครั้ง แต่ก็มิอาจลืมตาขึ้นมาได้. ความเจ็บปวด อึดอัดถาโถมอย่างหนักหน่วงราวจบจมน้ำ "อึก สุขเหลือเกินเมียรัก เข้ามาเร็วๆสิชลนที"จบคำสหาย อีกคนก็ไม่รอช้าจับแกนกายขนาดไล่เลี่ยกันจ่อช่องทางที่เติมเต็มด้วยของอีกคนอยู่ก่อนแล้ว

กึด "อ้า อากกก อุก อือ อา" อาโปเบิกตากว้างสะดุ้งตื้นทันที  น้ำตาไหลเเข่งกับเลือดที่ช่องทางรักของตน ร่างสูงใช้เวลาไม่มากก็จัดการแกนกายเข้าไปหมด "สุขจริงๆเสียด้วย"ชลนทีกล่าวชม ร่างน้อยสั่นไหวด้วยแรงสะอื้น ความเจ็บทะลวงเข้าใสจะเจียนจะบ้า "อา  อา อะ อาหึก อาาา"  /ปล่อย ปล่อยข้าเจ็บ อย่าทำข้า/ ทั้งสองเริ่มกระทั้นกายเข้าออกสลับกันไปมา โดยมีเสียงครวญครางของร่างบางร้องอยู่ไม่ขาดสาย ร่างกายอ่อนล้าได้แต่ซบหน้าร้องไห้อยู่กับอกแกร่ง ภายในช่องทางบอบช้ำและเจ็บปวดโลหิตยังไหลมาไม่ขาดสาย ร่างบางจวนจะสิ้นสติเต็มทน ไม่นานนักร่างทั้ง 2 ที่ครอบครองร่างบางอยู่ก็ปลดปล่อยวารีชีวิตมากมายเข้าสู่ช่องทางรัก รวมกับของเก่าจนล้นออกมาเป็นการเสพสมครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วของวันนี้ก็มีรู้ได้

ทั้งสองไม่ยอมถอดแกนกาย ออกจากช่องทาง รักจริงนอนหลับ ไป ทั้งสามคน ทั้งๆที่ยังไม่ได้นำตัวตนออกจากร่างบาง

ทั้งสองร่างกอดกาย ร่างบางไว้แน่น ราวกับหวงนักหนา

เจ้าเป็นของพวกข้าอาโป
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-12-2017 22:36:10
สนุกจร้า
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-12-2017 00:08:05
ขอบคุณค่ะ
ว่าแต่อาโปนี่เกี่ยวข้องกับคนอื่นยังไงหว่า ชักงงว่าคนเขียนจะสื่ออะไรในตอนพญานาคใบ้นี้
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-01-2018 10:44:54


น้ำตาท่วม

กว่าจะสุขสมหวัง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 23-01-2018 15:12:20
ร้องไห้ น้ำตาท่วม แต่ก็จบแฮปปี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 28-01-2018 10:14:47
ตอนพิเศษแซ่บมากค่ะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 04-02-2018 15:39:52
อ่านถึงตอนที่ 12  แล้วมันขัดๆกับคำว่า
รางบาง ร่างสูง ร่างหนา ร่างเพียว ใช้คำพวกนี้มากเกินไป
คือ ถ้าใส่ชื่อลงไป เวลาอ่านจะเข้าใจมากกว่านี้นะ หรือใส่แค่พอดี
ลองอ่านของนักเขียนท่านอื่นๆดู แล้วปรับปรุงจะดีมากเลยค่ะ

จริงๆ ชอบอ่านนิยายแนวนี้มาก แต่อ่านเจอคำแบบนี้บ่อยๆ เริ่มไม่สนุกแล้วอ่า
เราคงอ่านจนจบ แต่ขอเม้นตินิดนึงนะ
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 20-02-2018 08:36:56
งงเรื่องอาโปที่โผล่มาว่าใคร แต่ก็ขอบคุณสำหรับนิยายเีๆที่แต่งให้นะคนเขียน
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: dadt ที่ 25-02-2018 03:22:34
ก็อ่านได้เพลินๆนะคะถ้าไม่มีคำว่า ร่างบาง/ร่างหนา/ร่างเล็กฯ  :katai1:  มันไม่เหมาะกับนิยายแนวนี้  แถมยังใช้ถี่มากจนทำให้นิยายหมดสนุกไปเยอะเลย
หัวข้อ: Re: กาโมทย เกิดแต่รัก (ดราม่า18+) yaoi จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 12-07-2020 20:54:40
ดีใจที่จบลงแฮปปี้ให้ชีวิตผณิมีความสุขจริงๆสักทีเถอะ โอ๊ยยยร้องไห้กับชีวิตผณิสะอื้นฮักๆ  :hao5: กว่าจะรู้ว่าเรื่องราวลูกชังมันเป็นมายังไง คนที่รักในฝันก็กว่าจะคิดได้ พอทุกอย่างจะดีก็ดันมาโดนพิษงูจนตายอีก โถ ผณิ ดีนะที่กลับมาเจอกันอีกทุกๆคน สามีก็ดีรักมั่นใจเดียว สนุกกกมากกกกกก เว้นเสียแต่การใช้คำซ้ำๆ อาจทำให้เสียอรรถรสในการอ่านไปบ้าง แต่เนื้อเรื่องสนุกจริง ชอบบบบ  :pig4: :pig4: :pig4: ว่าแต่คู่ 3P มายังไง 5555