ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
.
.
.
.
.
=============================
[[Fic เลื่อมพรายลายรัก]
My Beloved Brother!!
พี่ครับ... ทำไมพี่ไม่หันมามองผมบ้าง
ทำไมพี่ไม่คิดจะสนใจผมบ้าง
พี่คิดแต่ว่าผมเป็นแค่เด็กมีปัญหา
แล้วพี่ก็ทำกับผมเหมือนที่ทุกๆคนทำ มองเหมือนที่คนอื่นๆมอง
ทั้งๆที่ผมหวังว่าพี่ จะเป็นคนที่สามารถเข้าใจผมได้ จะเป็นคนที่ไม่ดุด่าว่าผม เหมือนใครๆ
เป็นคนที่รักผมจริงๆแค่ซักคน
ผมก็แค่อยากให้พี่สนใจผมบ้างแค่ซักนิดก็เท่านั้น
เพราะพี่คือคนที่ผม...รักมากที่สุด....
=================
ขณะที่ผมกำลังเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อนๆอย่างสนุกสนานจนมาถึงหน้าร้านอาหารร้านหนึ่งในถนนข้าวสาร เพื่อนคนหนึ่งของผมที่ชื่อตอยก็ทักขึ้นว่า
“เฮ้ย!!! เริงนั่นพี่ชายนายใช่มั้ย” พอผมหันไปตามทางที่เพื่อนพยักเพยิด ก็พบเข้ากับญาติผู้พี่ของผม...
“เฮ้ย เฮียแสน...” ผมพึมพำขึ้นมาเบาๆด้วยความลิงโลด รู้เลยว่าตอนนี้ใบหน้าของผมต้องกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ ผมชักอยากะเข้าไปหาพี่ชายคนนี้ซะแล้วซิ
“หยุด!!! เดี๋ยวเราไปสนุกกันต่อข้างในดีกว่า” ผมตะโกนบอกคนอื่นๆแล้วจึงเดินนำเข้าไปในร้าน แต่ว่าเมื่อได้เห็นภาพญาติผู้พี่ของผมพร้อมกับว่าทีคู่หมั้นของเขา ผมก็รู้สึกเดือดขึ้นมาทันที
“สวัสดีครับบบ เฮียแสน...คุณรังสิมา...นี่มาฉลองกันสองต่อสองถึงแถวนี้เลยหรอฮะ”ผมทักทายด้วยน้ำเสียงสุดกวนตามแบบฉบับของผม พรางเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงเก้าอี้ที่พี่แสนนั่ง ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็คือคุณรังสิมา กับเพื่อนผมทั้งสองคนที่ทำตัวตามสบายถือวิสาสะนั่งลงขนาบข้างว่าพี่คู่หมั้นของพี่ชาย
“ฉันกำลังจะกลับแล้ว” พี่แสนเหลือบขึ้นมามองผมนิดหน่อยพร้อมสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเมินหน้าหนีไปอีกทาง ซึ่งท่าทีเช่นนี้ก็ทำเอาผมถึงกับหน้าหมองลงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายเอามือไปพาดพนักเก้าอี้ของพี่แสนแล้วเริ่มต้นกัดด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นทุกวินาที
“อ้าว~ เฮียแสนกับคุณสิรีบกลับเลยรอฮะ อย่าเพิ่งเลยนะฮะ เดี๋ยวคนแถวนี้จะมาเมาท์.. มานินทากันได้ว่าเราสองพี่น้องเนี่ย... ไม่มองหน้ากัน”ผมก้มหน้าลงไปกระซิบเสียงแผ่วในประโยคสุดท้าย พลางถลึงตาจ้องพี่แสนด้วยความขุ่นเคือง
‘ผมโกรธมากพี่จะรู้มั้ย ที่ต้องเห็นพี่มากับคนอื่น พี่คุยกับคนอื่น พี่มองหน้าและยิ้มให้เขา แต่ไม่เคยทำแบบนั้นกับผม.. ฮึ! ใช่สิ แม้แต่หน้าผมพี่ก็ยังไม่อยากจะมองเลยนี่...’
“แล้วนี่อะไรอ่ะ” ผมยังกวนพี่แสนต่อไปด้วยการจิ้มส้อมลงบนอาหารในจานของเขาแล้วเอาเข้าปากโดยที่เมื่อเพื่อนตัวดีของผมเห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้ารีบทำแบบเดียวกันกับอาหารตรงหน้าคุณรังสิมาอย่างไม่เกรงใจ
“จะไฮโซไปไหนเนี่ย มาข้าวสารทั้งทีมากินสเต็กฝรั่ง...ต้องโน้นไข่ปิ้ง ผัดไทริมถนนนู่น ถึงจะได้บรรยากาศ ไปเฮียเดี๋ยวพาไปกินดีกว่า” ผมว่าพลางลงไปนั่งเบียดพี่แสนโดยไม่ลืมจะถือโอกาสใช้แขนข้างหนึ่งโอบบ่าพี่ชายของผม ซึ่งพี่แสนก็รีบเบี่ยงตัวหลบทันที แต่มีหรือผมจะยอม ตอนนี้แขนของผมก็ยังอยู่บนบ่าของพี่ชายอยู่ดี
“นี่!นายเริง” พี่แสนหันมามองเสี้ยวหน้าของผมด้วยความไม่พอใจ แต่ผมกลับดีใจเหลือเกิน ดีใจที่พี่แสนหันมามองผมซักที...
“นี่คุณรังสิมาครับ..ช่วยดูแลพี่ชายของผมให้มันดีๆหน่อยสิฮะ... วันๆเนี่ยเอาแต่อยู่ที่ทำงาน...โรงยิม...ทานอาหารโรงแรมหรูๆแบบนี้ ไม่รู้หรอกครับว่าโลกภายนอกเนี่ย... เค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว” ผมหันไปพูดกับคุณรังสิมาและผมก็เห็นสายตาไม่พอใจ กับอาการที่กำลังพยายามเก็บอารมณ์ซึ่งกรุ่นอย่างเห็นได้ชัดจากเธอ ก่อนจะหันมาประสานสายตากับพี่ชายที่มองมาด้วยความคุ่นเคือง
‘แอบสะใจเล็กๆแฮะ แกล้งยัยผู้หญิงคนนี้ได้’
“บางทีเนี่ยนะ อาจจะยังไม่เสียความบริสุทธิ์อยู่ก็ได้ ฮะฮะฮะ ”ผมพูดขำๆโดยไม่คิดอะไรมากแต่ถึงปากผมจะพูดไปแบบนั้น ในใจผมกลับคิดว่าถ้าพี่เป็นอย่างที่ผมว่าจริงผมก็คงจะดีใจน่าดู
และดูเหมือนจะไม่พอใจกับคำพูดของผมพี่แสนเลยพยายามปัดให้แขนของผมหลุดออกจากบ่าเขา แต่ผมมันดื้อไม่ให้โอบบ่าก็โอบเอวก็ได้ฮะ~
“ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด... ปี๊ดๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” คำนี้เซนเซอร์ฮะ ไม่สุภาพห้ามออกอากาศ ผมพูดประโยคนี้ออกมาพรางเอากระบอกปืนฉีดน้ำขึ้นมาจ่อแถวปากแล้วฉีดน้ำให้พุ่งออกจากกระบอกปืนเล็กน้อย
“ฮิ้ว~ จริงอ๋อออ” ตอยแซว ส่วนผมที่โอบเอวพี่แสนอยู่ได้ทีก็ก้มหน้าลงไปมองที่เป้ากางเกงของเขาอย่างล้อๆ “ไหนดูดิ๊”
“จริงหรอวะ เฮ้ยยยย~ อย่างนี้ต้องพิสูจน์~” โดยไม่รอช้า เดียร์เพื่อนสาวของผมก็ทำท่าจะลุกจากเก้าอี้มาจับพี่ชายผมพิสูจน์จริงๆ
”เอาเลยๆ” เจ้าตอยก็ดันช่วยเชียร์ซะอีก แหม ผมชักจะอยากพิสูจน์ขึ้นมาจริงๆแล้วซิ แต่ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไร...
“เฮ้ย!”
พลั่ก!!!
“จะมากไปแล้ว... แกไปให้พ้นหน้าฉันเลย“ พี่แสนที่ลุกขึ้นมาผลักจนผมล้มลงจากเก้าอี้หน้าแทบฟาดพื้นก็หันมาไล่ผม
“ไล่อ๋อ..” ผมสบตากับพี่ชายด้วยความน้อยใจ และสีหน้าที่เจื่อนลง
“ไปก็ได้…แต่ก่อนไป...ขอลดน้ำดำหัวพี่หน่อย ” ผมไม่ว่าเปล่ามือข้างหนึ่งก็ขว้าได้ถังน้ำแข็งเย็นๆที่น้ำแข็งละลายไปมากแล้วสาดเข้าโครมใหญ่จนใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายผมที่ยกแขนขึ้นมากันไม่ทันเปียกโชกไปหมด และตอยกับเดียร์ก็ได้ทีใช้ปืนฉีดน้ำช่วยรดน้ำดำหัวพี่ชายของผมด้วยอีกคน
‘ทำไมพี่ต้องไล่ผมด้วย ผมเสียใจนะ’
“เฮ้ย หยิบกระเป๋าตังค์เร็ว” ผมหันไปชี้นิ้วสั่งตอยที่ยืนอยู่ใกล้กระเป๋าเงินของพี่ชายที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยมีเดียร์ช่วยเต้นเหยงๆเร่ง เร็วๆๆ อยู่ข้างๆ และแน่นอนว่าพี่ชายก็ไม่ทันพวกผมหรอก เขาได้แต่ยืนอึ้งอยู่ซักพัก ในขณะที่ตอยโยนกระเป๋าเงินให้เดียร์แล้วรีบแจ้นออกทางประตูด้านหนึ่ง มาพบกับผมและเดียร์ที่ออกมาก่อนทางประตูอีกด้าน
“เฮ้ยหยุดนะเว้ยเฮ้ย” เสียงของพี่แสนไล่หลังพวกผมมาติดๆ ผมก็เลยตัดสินใจวิ่งผ่านเข้าไปในฝูงชนที่กำลังเล่นสาดน้ำกันอยู่เพื่อใช้เป็นที่พรางตัว และกันพี่ชายผมไว้ด้วย ผมดีใจที่แผนทีคิดขึ้นปุบปับได้ผล พี่กำลังไล่ตามผมมา พอคิดได้แบบนั้นก็อดที่จะรู้สึกมีความสุขขึ้นมาไม่ได้
พลั่ก!
“วิก!!!” เดียร์อุทานเมื่อพวกเราวิ่งชนผู้หญิงคนหนึ่งแล้วทำวิกผมสีทองของเดียร์ตก แต่ผมก็รีบลากเดียร์ที่ยังอาลัยอาวรณ์กับวิกราคาแพงระยับของเธอไป ด้วยกลัวว่าพี่แสนจะไล่ตามมาทัน
“ไม่มีเวลาแล้ว... เร็วๆๆ”
.
.
.
.
.
=================
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
“ฮ่าๆๆ คราวนี้จักราวุธเนี่ยสุดๆไปเลยนะฮะ ลุงนาทนี่สมกับเป็นแมนออฟเดอะเยียร์จริงๆเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”ผมหัวเราะเมื่อได้ฟังเรื่องราวในงานวันนี้จบ
ลุงนาท...คุณลุงของผมที่ได้รับรางวัลแมนออกเดอะเยียร์ต้องอับอายขายขี้หน้าเป็นการใหญ่ เมื่อขณะที่ตัวเองกำลังพูดว่าเป็นคนซื่อสัตย์ รักภรรยา รักลูกรักเมียอยู่นั้น ภาพที่ฉายบนสไลด์ด้านหลังเป็นภาพที่เจ้าตวกำลังโรมรันพันตูกับสาวน้อยในชุดวาบหวิวสีชมพูถึงสองคนบนเตียงนอนกว้าง พอลุงร็ว่านั่นเป็นฝีมือของตระกูลจักราวุธก็เลยโกรธ แต่ด้วยความที่คุณนิมมาน คุณป้าของผมผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเป็นผู้หญิง คุณลุงเลยทำอะไรไม่ได้จนต้องไปลงที่พ่อของผมแทน...
“ไม่ต้องไป..ฉันไม่อนุญาต”เสียงของคุณลุงดังขัดขึ้น พร้อมเจ้าตัวที่ก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ทำไมล่ะคะพี่...เขาเป็นพ่อนายเริงนะคะ ลูกจะไปเยี่ยมพ่อเนี่ยมันไม่ได้เลยรึไง...”แม่ลุกขึ้นท้วง
“พ่อเหรอ แล้วพ่อนายเริงมันเคยเลี้ยงมันมั้ย” ประโยคนี้ของคุณลุงทำเอาผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาจนอดจะพูดขึ้นไม่ได้ว่า...
“นั่นซิฮะ มีพ่อทั้งคนเนี่ย ก็เหมือนไม่มี....”
“ถึงยังไงนีก็ต้องไปค่ะ เพราะต้องไปคุยเรื่องมรดกกับคุณศีล”แม่ไม่สนใจคำพูดของผมแล้วก็หันไปพูดกับคุณลุงต่อ
“เอ๊! ยายนี ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่หรอ ว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเรื่องสมบัติของไอ้พวกจักราวุธ แกทำอย่างกับรังสฤษฎ์ของเรานี่มันสิ้นไร้ไม้ตอกเสียเต็มประดา”คุณลุงว่า แต่คุณแม่ก็ตอกกลับไปในทันที
“สำหรับนีกับลูก...มันอาจะเป็นอย่างนั้นก็ได้...เพราะพี่คงไม่ยกสมบัติของรังสฤษฏิ์ให้นายเริงอยู่แล้ว...”
“ซวยจริงๆเล้ย...กำพร้าพ่อ แถมไม่มีใครให้สมบัติเนี่ย ชีวิตนี่บัดซบจริงๆเลยเรานี่” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างคุณลุงกับแม่ และดูเหมือนพี่แสนจะรู้สึกว่าผมพูดขึ้นมาไม่ถูกที่ถูกเวลาเขาจึงหันมาดุผม
“นายเริง! เงียบ” พี่แสนจิกสายตาใส่ผมเป็นเชิงปรามๆ แต่ผมก็แค่เหลือบสายตามองกลับไปอย่างรำคาญ
“เอาล่ะ ฉันห้ามไม่ให้แกพาลูกแก...ไปเยี่ยมผัวแกที่โรงพยาบาล วันนี้แกทำงามหน้าฉันพอแล้ว อย่าทำให้ฉันเหนื่อยใจไปมากกว่านี้ แค่เรื่องฉันคืนนี้ก็อับอายคนจะแย่อยู่แล้ว
“ใช่ครับแม่ ถูกแฉคลิปฉาวขนาดนี้ แทนที่จะเป็นนักธุรกิจแห่งปี แต่กลับกลายเป็นคลิปฉาวแห่งปี ใช่มั้ยครับลุง เจ๊งมากเลยครับ ผมชอบครับลุง” ผมพูดกลั้วหัวเราะพลางเดินลอยหน้าลอยตาเข้าไปปหาลุงนาทอย่าง ล้อเลียน แต่พอผมพูดจบ
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
“พ่อครับ! พ่อครับ! พ่อ...” ลุงนาทเข้ามาตบหน้าผมหลายฉาดและดูเหมือนไม่คิดจะหยุดจนพี่แสนต้องเข้ามาช่วยห้าม ผมเองก็ไม่ยอมให้ทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ
“ฮึ้ยยยยยย!” ผมคำรามพลางเงื้อหมัดจะชกลุงนาท แต่แม่ก็ร้องห้าม พลางพี่แสนก็เข้ามากันแล้วดันผมกลับมา
“ปล่อย! บอกให้ปล่อย!” ผมตะคอกอย่างเอาเรื่อง พลางจ้องหน้าลุงนาทอย่างไม่วางตา
“กล้าดียังไง! เอามันออกไป”ลุงนาทตะโกนด่าด้วยความโกรธ แล้วพี่แสนกับคนขับรถอีกคนที่ล็อคแขนผมไว้ก็ลากผมออกมา
“ปล่อย!”
“ไป ไปเดี๋ยวนี้ เริงหยุด “ พี่แสนดุพลางแขนข้างหนึงก็ล็อคแขนผมไว้ อีกข้างก็ดันหลังไม่ให้ผมที่ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้นหันกลับไป
“เดี๋ยวเด้! แม่! ผมไม่ต้องการสมบัติของตระกูลไหนทั้งนั้น แม่ไม่ต้องมายัดเยียดให้ผม”ผมหยุดเดินพลางหันไปตะโกนก้อง มองไปทางแม่ที่หน้าเสียและเริ่มสะอื้นเงียบๆ
.
.
.
.
=================
หลังจากที่พี่แสนกับนายทมคนขับรถเข้ามาลากตัวผมออกไปจากห้อง พี่แสนก็พาผมไปที่ห้องอาบน้ำ
“ปล่อยย แล้วจะพามาห้องน้ำทำไมเนี่ย” และโดยไม่ต้องรอคำตอบนานพี่แสนก็สั่งให้นายทมจับแขนสองข้างที่ไพล่หลังของผมให้แน่นๆแล้วพี่แสนก็กดหัวผมลงอย่างแรงก่อนจะบิดก็อกน้ำให้น้ำจากฝักบัวไหลลงมาใส่หัวผม
“จับแน่นๆ นะนายทม จับแน่นๆ ไม่ต้องดิ้น!”
“โอ้ยยยย จะ..ทำอะไร...ฮะ” ผมพยายามพูดอย่างยากลำบากเพราะน้ำที่ไหลลงมาทำเอาหายใจไม่ออก ทั้งยังพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากฝ่ามือแข็งแกร่งที่กดอยู่บนหัวของผม
“คุณแสนครับ อย่าแกล้งคุณเริงเลยครับ” นายทมขอร้องพี่แสนแต่พี่แสนก็ตอบกลับมาว่า
“ฉันไม่ได้แกล้ง ไม่ต้องดิ้นเลยนะนายเริง ไม่ต้องดิ้น!”ประโยคหลังก็หันมาว่าผมที่พยายามดิ้นอย่างแรงจนพี่แสนเกือบจับไว้ไม่อยู่
“โอ้ยยยย! อะไรกันวะ” ผมที่ดิ้นจนหลุดออกมาจากใต้ฝักบัวได้หันมาจ้องหน้าพี่สนอย่างเอาเรื่อง
“ฉันฉลองสงกรานต์ให้แกไง” พี่แสนว่าเสียงต่ำพลางกระชากคอเสื้อผมให้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
“จะเอาคืนงั้นอ๋อ!” ผมถามด้วยน้ำเสียงกวนตีนและหาเรื่อง
“ก็ใช่! แล้วก็ช่วยให้แกหายเมาด้วย ไง สะใจมากใช่มั้ย เที่ยวรังควานไปทั่วซะทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ ...แกโตแล้วนะไม่ใช่เด็ก!”พี่แสนตะคอกใส่ผม จนผมอดไม่ไหวต้องตะโกนย้อนกลับไปว่า
“อ้ออออ ต้องทำตัวแสนดีแบบพี่งั้นดิ”
“ถ้าแกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แกเจอดีกับฉันแน่!”พี่แสนถลึงตาจ้องผมพลางเขย่าคอเสื้อจนหัวผมโคลงเคลง
“แล้วจะยังไง ฮะ!!!”
“แกอาจจะต้องไปอยู่ลำพัง แล้วไม่มีใครช่วยเหลือแกเรื่องเงินด้วย เข้าใจมั้ย!” คำขู่ของพี่แสนทำเอาหน้าผมเจื่อนลง ไม่ใช่เพราะว่าจะไม่มีใครส่งเงินมาให้ แต่เพราะกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว แค่ตอนนี้คนอย่างผมก็ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจมากพอแล้ว ถ้าต้องไปอยู่คนเดียวผมต้องทนไม่ได้แน่
“ยกโทษให้เถอะครับคุณแสน คุณเริงคงจะเมาน่ะครับ” นายทมขอร้องพี่แสนอีกครั้ง โดยไม่ตอบอะไรพี่แสนก็เริ่มตะปบไปที่ต้นขาของผมทั้งสองข้างอย่างรุนแรง ทำเอาผมใจเต้นตึกตัก
“จะทำอะไรอ่ะ ปล่อย!” ผมตกใจหน้าแดงจนดิ้นพล่าน พี่แสนเลยสั่งให้นายทมจับตัวผมไว้แน่นๆ
“จับแน่นๆ นายทมจับแน่นๆ” แล้วพี่แสนก็พลิกตัวผมให้หันหลังก่อนจะตะปบไปที่บั้นท้ายทั้งสองข้างแล้วล่วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง
“นี่ไง! ไม่สั่งสอน มันก็จะกลายเป็นหัวขโมยแบบนี้เนี่ยแหละ! เฮ้ย!” พี่แสนว่าก่อนจะผลักผมออกไปจากตัวอย่างรุนแรงจนผมเกือบล้ม แต่ยังดีที่มีนายทมช่วยพยุงไว้ แล้วพี่แสนก็เดินออกไปโดยไม่คิดจะหันกลับมา
“คุณเริงไปขโมยกระเป๋าคุณแสนหรอครับ” นายทมถามผมเบาๆแต่ด้วยความโมโหผมจึงตะคอกกลับ พลางสะบัดมือที่จับแขนผมอยู่ออก
“ไม่ต้องมายุ่ง! ไปเอาผ้าขนหนูมา” ผมไล่นายทมออกไปก่อนจะตีอกชกหัวอยู่กับตัวเอง แล้วนั่งลงอย่างหงุดหงิด หงุดหงิดที่พี่ไม่เคยเข้าใจ…
ทำไมพี่ว่าผมอย่างนั้น ทั้งๆที่ผมกำลังคิดว่าจะเอามันมาคืนพี่อยู่แล้วแท้ แต่ทำไมพี่ไม่ฟังผมเลย
ผมหมดแรงแล้ว
เหนื่อยเหลือเกินกับการต้องแอบรัก
กี่ปีมาแล้วที่ผมทำได้แค่เฝ้ามองพี่อยู่ห่างๆ
พยายามทำทุกทางให้พี่หันมาสนใจ
ทั้งๆที่คิดว่า ถ้าวันนี้กลับมาแล้วจะคืนกระเป๋าเงินให้ แล้วจะพูดดีๆด้วย
แต่พี่ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดได้แก้ตัวเลย
ปากผมมันวอนหาเรื่องผมรู้
แต่ผมก็ห้ามมันไม่ได้นี่นา ผมก็แค่อยากให้มีคนหันมาสนใจผมบ้าง…
ผมก็แค่อยากให้มีภาพของผมปรากฏอยู่บนนัยน์ตาของใครสักคนอย่างจริงจัง
นัยน์ตาที่เมื่อจ้องเข้าไปจะมีเพียงเงาภาพของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น…[/I]
[/SIZE]
“บ้าเอ๋ย!!!” ผมเปิดฝักบัวอีกครั้งปล่อยให้สายน้ำไหลเย็นเฉียบจับขั้วหัวใจ ไหลผ่านร่างกายที่ยังคงปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าจนเปียกโชก
“ผมหนาวเหลือเกินครับพี่...หนาวเหลือเกิน...”
“ทำไมแม้แต่พี่ก็ยังทิ้งผมไป...แม้แต่พี่ก็ยังไม่เข้าใจผม...”
“ทำไมถึงไม่ฟัง ....ไม่ฟังผมเลย...ฮึก...พี่ครับ...”
.
.
.
.
.
.
=================
TBC
เป็นยังไงกันบ้างคะ ฟิคเรื่องแรกของเราพอใช้ได้หรือเปล่า บางคนอาจจะสงสัย แต่มันเป็นเรื่องจริงค่ะ เรื่องนี้เป็นฟิคจากละครช่อง3 เรื่องเลื่อมพรายลายรักจริงๆ >//< แรงบันดาลใจหรอคะ ก็ขณะที่ทำการบ้านอยู่ เราก็เหลือบไปเห็นฉากที่นายเริงถูกพี่แสนกดหัวในห้องน้ำพอดีค่ะ ซาดิสม์ได้ใจ แล้วตอนที่ล้วงกระเป๋าอีกโฮกกก เรานี่อมยิ้มแก้มแทบปริ จิ้นออกทันที
ตอนนี้แค่เกริ่นๆเรื่องๆนะคะ ฟิคนี้มี 2 ตอน(มั้ง) รับรองตอนหน้า NC ไม่มีพลาด โฮะๆๆ อยากแต่งฉากนี้มากกก จะพยายามไม่ดองนานค่ะ โฮะๆ คาดว่าตอนต่อไปไม่น่าจะเกินอาทิย์หน้านะ ช่วงนี้เราไม่ค่อยสบาย พลังจิ้นก็ไม่ค่อยจะมี ขออนุญาตหายหัวไปซักระยะ
แหมๆๆเพื่อเป็นกำลังใจ ขอคำติชมเล็กๆน้อยๆ ภาษาดีไม่ดีอย่างไร บอกได้นะคะหรือว่าอะไรมันน่าเบื่อบอกได้ๆ เราจะได้เอาไปแก้ไขนะ