พิมพ์หน้านี้ - [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: j-muay ที่ 18-08-2008 12:09:38

หัวข้อ: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-08-2008 12:09:38
ซาหวัดดีทุกคน   o15  เจ๊หมวยเองค่า  เพื่อนๆ น้องๆ   จำกันได้รึเปล่า

ช่วงนี้เจ๊หมวยกำลังเขียนเจ้านายจ๊ะจ๋า (ตอนพิเศษ) เพื่อทำรวมเล่ม  ไม่มีเวลาเขียนนิยายใหม่เลย  ขอขุดนิยายเก่าในบ้านพ่อมาลงใหม่ที่นี่ให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่ยังไม่เคยอ่านได้อ่านกัน  

หวังว่าจะยังไม่เบื่อนิยายแนวนี้นะคะ


o14



******************


Fatherhood... (1)


ดวงตาคู่สวยละจากแบบร่างอาคารในมือเหลือบขึ้นมองคนขับรถที่กำลังโบกมือไล่เด็กขายพวงมาลัยด้านนอกอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะหลุบต่ำลงทำท่าจะสนใจกับงานตรงหน้าต่อ  แต่แล้วกลับช้อนสายตาขึ้นเพ่งมองออกไปนอกรถอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือลดกระจกด้านข้างลง
   เด็กชายเลิกสนใจกับโชเฟอร์ก้าวพรวดไปที่ประตูหลังทันที
   “รับพวงมาลัยมั้ยครับ.. อ๊ะ .!.. เอ่อ..”
   สีหน้าตกใจและผิดหวังของหนุ่มน้อยเมื่อพบว่าหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในรถเป็นฝรั่ง  รีบผละออกเพราะคิดว่าไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่จะซื้อพวงมาลัย 
   “ทั้งหมดที่ถืออยู่ในมือ”
   น้ำเสียงทุ้มแปร่งที่ตอบกลับมาทำให้ร่างเล็กที่กำลังจะผละออกชะงัก สีหน้าตื่นเต้นยินดีแต่แฝงความไม่แน่ใจเห็นๆ
   “เอ่อ.. ต้องการรับพวงมาลัยทั้งหมดนี้หรือครับ”  คำถามชัดถ้อยชัดคำเพราะต้องการย้ำความเข้าใจของตัวเอง  และเพื่อให้คนฟังซึ่งเป็นฝรั่งเข้าใจง่ายขึ้น
   “ใช่… ใส่ถุงซะ”
   คำตอบที่ได้กลับมาชัดถ้อยชัดคำเช่นกัน และส่อแววเร่งรีบจนเด็กชายปลดพวงมาลัยลงถุงแทบไม่ทัน   มือไม้สั่นด้วยความดีใจที่วันนี้จะได้กลับบ้านเร็ว  หากแต่เมื่ออีกฝ่ายยื่นเงินให้เด็กชายกลับยืนนิ่งไม่ยอมรับ จึงถูกมือใหญ่ยัดเยียดลงในกระเป๋าเสื้อ  กระจกรถเลื่อนขึ้นพร้อมกับเสียงแตรรถหลังบีบไล่  ทำให้ร่างเล็กต้องรีบถอยไปยืนบนฟุตบาทด้วยอาการงงๆ
   เด็กชายหยิบเงินออกจากกระเป๋าเสื้อเพื่อดูให้แน่ชัดอีกครั้งว่าตาไม่ฝาด หัวใจพองโตแทบจะล้นอกเมื่อเห็นเต็มตาว่าเป็นแบงค์พันถึง 3 ใบ พร้อมนามบัตร.. เอ๋..!!!นามบัตร ??????…


- F a t h e r h o o d -


   “เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ โอ...”
   “ไม่.. ถ้าไม่ยอมให้อ่านดีๆ ฉันจะบอกคุณแฟรงค์ว่านายมีแฟน”
   “ไอ้บ้า.. ไม่ใช่แฟนโว้ย  เป็นเพื่อนเฉยๆ”
   “ไม่รู้ล่ะ   ถ้าไม่ยอมให้อ่าน  ฉันบอกแน่..”
   “ไอ้…”
   เด็กหนุ่มสองคนแย่งซองจดหมายในมือ  โดยมีสองหนุ่มน้อยนั่งเป็นกองเชียร์อยู่ข้างๆ  เสียงรถแล่นมาจอดหน้าตึกทำให้อาการลิงทะโมนของหนุ่มน้อยทั้ง 4 สงบลง  หนุ่มโอยอมปล่อยมือแต่โดยดีอีกฝ่ายจึงพับซองจดหมายที่อยู่ในสภาพยับเยินเก็บใส่กระเป๋าและผละจากเพื่อนไปนั่งหน้ามุ่ยอยู่อีกมุม
   ร่างสูงของหนุ่มใหญ่วัย 40  ก้าวเข้ามา  หนุ่มน้อยทั้งสี่ก็ลุกขึ้นและกล่าวทักโดยพร้อมเพรียง
   “สวัสดีครับคุณคริส..”
   “หวัดดี…  แฟรงค์ล่ะ..”
   “คุณแฟรงค์ยังไม่กลับครับ   บอกไว้ตั้งแต่เช้าว่าวันนี้จะกลับค่ำครับ”  หนุ่มโอเป็นคนตอบคำถามในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม
   “โทรตามที บอกให้รีบกลับมา  ฉันมีธุระสำคัญจะคุย”  ร่างสูงใหญ่ผละจากไปแต่เปรยตามหลังมาเบาๆ   
   “วันนี้เวรใคร..ตามขึ้นมาด้วย”
   เหล่าหนุ่มน้อยผ่อนคลายท่าทีลงแต่ยังอยู่ในอาการสำรวม  โอ เด็กหนุ่มวัย 19 ปี หยิบโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ตามคุณแฟรงค์  ปากก็กล่าวเตือนเพื่อนในกลุ่ม
   “วันนี้เวรใคร   นายใช่มั้ย บอย.. รีบตามขึ้นไปเลยอย่าให้หงุดหงิด”
   หนุ่มน้อยวัย 17 ปี  ลุกขึ้นด้วยท่าทีอิดออด สีหน้าไม่ค่อยดีทั้งที่เมื่อครู่ยังหัวเราะคิกคักอยู่เลย 
   “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย  ปวดท้องอ่ะ  ใครแลกเวรกับฉันทีได้มั้ย  แจ๊ค..”
   “เฮ้ย!  ไม่ได้หรอก  เวรฉันเพิ่งผ่านไปเมื่อวานเอง  นายแหล่ะ ทิม..  สลับกับบอยล่ะกัน”
   เจ้าหนูทิมวัยเพียง 15 ปี  ลุกขึ้นด้วยความเต็มใจไม่อยากอิดออด  ไม่ลงเวรวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องเจออยู่ดี…


- F a t h e r h o o d -


   “คริส..   คุณสั่งกัปตันแวะเกาะร้างข้างหน้าอีกเหรอ”
   ผู้ถูกถามพยักหน้าตอบ  สายตายังไม่ละจากหนังสือในมือ
   “โอ! ไม่เอาน่าคริส  ทำไมเราไม่แวะเกาะที่คนเค้าเที่ยวกันบ้าง  สองวันนี้คุณพาพวกเราลงเกาะร้างมา 5 เกาะแล้วนะ  ไม่เห็นจะมีอะไรเลย””
   “ถ้านายไม่อยากลงก็อยู่บนเรือ”  คำตอบเรียบง่ายเหมือนช่วยแก้ปัญหาให้แต่อีกฝ่ายกลับโวยหนัก”
   “จะบ้าเหรอ… ให้ผมอยู่คนเดียวบนเรือได้ไง คุณลงเกาะคนเดียวมั้ยล่ะ  พวกเราจะอยู่บนเรือ”
   คำพูดต่อรองเหมือนท้าทายทำให้อีกฝ่ายต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้พูด ดวงตาสีฟ้าวาววับส่อแววไม่สบอารมณ์ แต่เพียงแค่แว่บเดียวก็ปรากฎรอยยิ้มที่มุมปาก
    “ก็ได้ฉันจะลงไปคนเดียว นายกับเด็กคอยบนเรือ แต่ถ้าคอยนานอย่าบ่นนะ  บางทีอาจจะเป็นวัน  สองวัน หรือมากกว่านั้น”
   “โอ!  ได้โปรดเถอะน่า คริส  ผมรู้ว่าคุณจะหาอะไร แต่มันเป็นแค่ความฝัน  คุณไม่มีวันเจอหรอก  เสียเวลาเปล่า..”
   คริสปิดหนังสือและลุกขึ้นยืน  ร่างสูงใหญ่อย่างชาวตะวันตกข่มร่างสูงโปร่งของหนุ่มลูกครึ่งไทยสวิส
   “ฉันไม่เคยเสียเวลาเปล่า แฟรงค์..  ฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่ความฝัน เอาเถอะ… ฉันจะลงไปกับจอนนี่สองคน นายพาเด็กไปแวะไหนต่อก็ไป หากฉันต้องการให้มารับเมื่อไรจะวิทยุเรียก โอเคมั้ย....”
   บทสรุปของมหาเศรษฐีคริส บริเจคส์ จะมีใครกล้าขัด  แม้แต่แฟรงค์เองก็เถอะ  เขาลองโวยดูเผื่อฟลุ้คเท่านั้น


- F a t h e r h o o d -


   คริส  บริเจคส์  วิศวกรหนุ่มใหญ่ผู้เป็นเจ้าของทุกอย่างบนเรือยอร์ชลำหรูนี้  เขามีโปรแกรมพักร้อนทางเรือทุกปี สมาชิกที่ร่วมเดินทางมาในแต่ละปีเป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่นไม่ซ้ำหน้ากัน  แต่ที่หน้าเดิมตลอดรายการคือ แฟรงค์  แพททริค ชายหนุ่มที่มีวัยอ่อนกว่าถึงหนึ่งรอบ เป็นคนสนิทที่อยู่ในฐานะเลขาส่วนตัว มีนิสัยร่าเริงรักสนุกขี้โวยเล็กๆ คริสรู้จักนิสัยแฟรงค์ดีจึงไม่ถือความและรู้ว่าแฟรงค์ก็รู้จักนิสัยเขาดีเช่นกันว่าพูดคำไหนคำนั้น
   วันนี้เป็นวันที่สามของการเดินทาง โปรแกรมพักร้อนทางเรือในปีนี้ถูกกำหนดขึ้นอย่างกระทันหัน  ทั้งๆ ที่ดินฟ้าอากาศยังไม่เอื้ออำนวยเนื่องจากพายุฝนเพิ่งสงบ  แต่คริสยืนยันว่าเขาต้องการจะเดินทาง หากทุกคนไม่พร้อมเขาจะเดินทางคนเดียว เท่านั้นเองแฟรงค์และสมาชิกหนุ่มน้อยอีกสี่คนก็พร้อมที่จะเดินทางไปด้วย  เพราะไม่อาจปล่อยให้คริสเดินทางไปเพียงลำพังได้
   โปรแกรมการเดินทางถูกเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นการผจญภัย ซึ่งทุกคนก็เห็นชอบด้วย  คริสจึงถือโอกาสพาสมาชิกบนเรือแวะเกาะร้างทุกเกาะที่อยู่ในทะเลแถบนี้  สองวันที่ผ่านมารวม 4 เกาะแล้วอย่างที่แฟรงค์บอกจริงๆ  เขารู้ว่าหนุ่มน้อยทั้งหลายเริ่มเบื่อแต่ไม่มีใครกล้าบ่น  มีก็แต่นายแฟรงค์จอมโวยนั่นแหละ
   เกาะเล็กๆ ข้างหน้าเป็นเกาะร้างเกาะสุดท้ายในน่านน้ำแถบนี้แล้ว  คริสฝันประหลาดหลายคืนติดต่อกันก่อนตัดสินใจออกเดินทาง  และสองคืนที่ผ่านมาบนเรือ  เขาก็ยังฝันเหมือนเดิมและชัดเจนมากขึ้นจนไม่สามารถละความตั้งใจในการค้นหา   เพราะเสียงร้องเรียกให้ช่วยดังก้องอยู่ในโสตประสาทเขาตลอดเวลา
   “ไม่พบอะไรเลยครับ เจ้านาย”   นายจอนเดินเข้ามารายงาน  หลังจากค้นหาสิ่งที่เจ้านายสั่งไม่พบ
   “ถ้างั้นเราแยกกันหา  ฉันจะไปด้านข้าง  แกไปด้านหลังของเกาะ โอเค..”
   “จะดีหรือครับเจ้านาย ผมว่าเราไปทางเดียวกันดีกว่า เกาะร้างแบบนี้อันตรายนะครับ  เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตายครับ”
   แม้จะรู้สึกระอาใจกับความขลาดของคนขับรถ   แต่ก็เป็นเหตุผลที่คริสยอมคล้อยตามด้วย 


- F a t h e r h o o d -


   ภาพที่เห็นเบื้องหน้าสวยงามจนทำให้คริสลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ ท้องทะเลที่เขาเห็นบนดาดฟ้าเรือว่างามแล้ว  ยังเทียบไม่ได้กับความงามที่เขายืนมองจากชะง่อนผาแห่งนี้  องค์ประกอบของภาพไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินใหญ่เบื้องหน้า  เรือลำน้อยใหญ่ที่ลอยอยู่กลางทะเล และแสงระยิบระยับทั่วผืนน้ำ ช่างเป็นภาพที่สวยงามประทับใจจนเขานึกเสียดายที่ไม่ได้ถือกล้องติดมาด้วย
   “เจ้านายครับ  มาดูอะไรนี่ซีครับ”
   คริสเดินตามนายจอนไปที่ซอกหิน
   “ดูข้างในซีครับเจ้านาย…  ไม่ทราบว่าใช่ที่กำลังหาหรือเปล่า”
   คริสตะลึง 
   …โอ! พระเจ้า…  เขาไม่รู้เหมือนกันว่าใช่ที่เขาฝันถึงหรือเปล่า เพราะในฝันเขาได้ยินแต่เสียงร้องเรียกให้ช่วย  สลับกับหาดทรายสีขาว ท้องทะเล เกาะเล็กๆ ที่ไม่มีผู้คนอยู่ ป่าเขา และก้อนหิน  แต่ละภาพวนสลับกันไปมาในความฝัน …
    คริสทรุดตัวลงกุมขมับ เขาจะเอาร่างเล็กนั้นออกมาได้ยังไง  ทางเข้าซอกหินแคบเกินกว่าที่เขาหรือนายจอนจะแทรกตัวเข้าไปได้  และร่างนั้นก็ซุกตัวอยู่ลึกเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมมือถึง
   “ถ้าคุณทิมขึ้นมาด้วยก็ดีนะครับ เจ้านาย  แกตัวเล็กที่สุดในบรรดาคุณๆ ทั้งหมด”
   คริสยิ้มออกเพราะเป็นครั้งแรกที่นายจอนพูดจาเข้าหู  เขาวิทยุเรียกแฟรงค์ให้นำเรือกลับมารับโดยด่วนที่สุด 
   คริสช่วยเอาร่างเล็กของเด็กชายออกมาจากซอกหินจนได้  โดยให้หนุ่มน้อยทิมซึ่งเป็นสมาชิกที่มีรูปร่างเล็กที่สุดในกลุ่มช่วยพาออกมา  แต่ถึงกระนั้นก็ยังคืบตัวเข้าไปด้วยความยากลำบาก


- F a t h e r h o o d -


   ห้องพยาบาลในเรือมีเวชภัณฑ์ ยา และเครื่องมือแพทย์ครบครัน เป็นคลีนิกขนาดย่อมเลยก็ว่าได้  และแฟรงค์ก็มีหน้าที่ดูแลห้องนี้โดยเฉพาะ
   “ใช่ที่คุณหาอยู่หรือ คริส..   ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหาจนพบ”
   คริสไม่สามารถตอบคำถามได้เพราะถึงขณะนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่า …ใช่หรือไม่…
   “เป็นไงบ้าง แฟรงค์”
    “อืมม์.. ผมถึงถามว่าใช่ที่คุณหาอยู่หรือเปล่า  ถ้าใช่… ก็เตรียมทำใจไว้ได้เลยว่าเด็กอาจจะไม่รอด  เขาอ่อนแอมากจนแทบไม่อยากจะหายใจแล้ว””
   “ไม่นะแฟรงค์ เขาต้องไม่เป็นอะไร  นายต้องช่วยเขาให้ถึงมือหมออย่างปลอดภัย  ได้ยินมั้ยแฟรงค์  นี่เป็นคำสั่ง..”
   แฟรงค์กลืนน้ำลายลงคอ เป็นคำสั่งที่เอาแต่ใจที่สุดเท่าที่เคยทำงานร่วมกันมา  คงเห็นว่าเขาเคยเรียนแพทย์มาถึง 4 ปี  แต่ก็เรียนไม่จบนี่หว่า.. จะมาสั่งเหมือนเขาเป็นหมอได้ยังไง…


- F a t h e r h o o d -


   จนถึงขณะนี้คริสยังไม่รู้ว่าเด็กชายลูกครึ่งที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงหน้า ใช่ที่เขาฝันถึงหลายคืนติดต่อกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือ เขาหยุดฝันมาสองคืนแล้วตั้งแต่พบและพาเด็กออกมาจากซอกหินบนเกาะร้างนั้นได้  นึกแล้วอดใจหายไม่ได้...ถ้าเขาไปช้ากว่านี้หรือไม่ได้ฝันถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่ชักนำให้เขาออกค้นหา เจ้าหนูที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าก็คงนอนสงบนิ่งอยู่ในซอกหินไปนานแสนนาน
   สองวันเต็มที่หนุ่มน้อยนอนนิ่งไม่ได้สติ   เสียงเพ้อหาเบาๆ ในเช้านี้ทำให้คริสต้องขยับเข้าไปฟังใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้
   “.................................”
   …โอ! พระเจ้า.. เสียงเดียวกับที่เขาได้ยินในฝันจริงๆ  เขาได้ยินประโยคนี้ซ้ำไปมาในความฝัน ทำไมต้องเป็นเขา เป็นคำถามที่คริสไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้…
   และเมื่อเด็กชายลืมตาขึ้นก็สร้างความประหลาดใจให้กับคริสอีก เพราะเจ้าหนูเล่นโผขึ้นสวมกอดเขาทันทีที่เห็นหน้า
   “อย่าทิ้งผมนะ ..  ให้ผมไปอยู่ด้วยนะฮะ.. ฮืออ..”
    คริสนิ่งอึ้งและตะลึงไปชั่วขณะ ไม่ใช่เพราะถูกสวมกอดโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เพราะคำพูดที่ละล่ำละลักบอกพร้อมๆ กับวงแขนเล็กที่กอดรัดเขาแน่นขึ้น เหมือนกลัวจะถูกทอดทิ้งอีก  มันทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธความเข้าใจของเด็กในทันทีทันใด  จำต้องสวมกอดและลูบศีรษะหนุ่มน้อยเบาๆ เพื่อให้คลายความตื่นกลัว
   “อะแฮ่ม!  จะไม่ลืมตาขึ้นมาดูกันให้ชัดๆ หน่อยหรือไอ้หนู ว่าใครเป็นใคร”
   เสียงของแฟรงค์ทำให้ร่างเล็กในอ้อมกอดของคริสสะดุ้งและผละออกด้วยความตกใจ  คิ้วเรียวขมวดมุ่นขณะเงยหน้ามองดวงตาสีฟ้าของร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆในห้องทีละคน
   เป็นเวลานานทีเดียวที่เด็กชายนั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนเตียง  คริสนิ่งรอเพราะรู้ว่าเจ้าหนูกำลังใช้ความคิดและคงกำลังเรียบเรียงคำถามเพื่อไขข้อข้องใจจากเขา บรรยากาศในห้องจึงเงียบกริบ หนุ่มน้อยทั้งสี่ยืนเกาะกลุ่มกัน  ไม่มีใครกล้าเอ่ยหรือพูดจาใดๆ  แต่แล้วก็มีคนที่อดทนรอไม่ไหวถึงถูกดุก็ยอม
   แฟรงค์เดินมาที่เตียงและกล่าวกับเด็กชาย
   “เฮ้!..  จะไม่เงยหน้ามาพูดคุย แนะนำตัวกันหน่อยหรือ ไอ้หนู..  หรือยังนึกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร มานั่งอยู่ที่นี่ได้ยังไง  ฉันจะช่วยฟื้นความจำให้เธอเอง”



ตอนที่ 1 ยังไม่จบแค่นี้ เนื่องจากเจ๊หมวยแก้ไขข้อความใหม่เลยถูกตัดตอนท้ายออกไปเยอะ  ถ้าไงตามไปอ่านที่นี่ล่ะกัน

http://www.geocities.com/j_muay2003/fatherhood01.html

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 18-08-2008 12:53:12
ไม่เบื่อค้าบ ไม่เบื่อเลยค้าบ ^3^

ชอบค้าบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 18-08-2008 12:54:36
 o13 รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-08-2008 13:29:52
เวลคัมแบค คร้าบบบบ เจ้หมวย

คิดถึงเจ้นะครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 18-08-2008 14:25:00
ยินดีต้อนรับนะครับผม :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 18-08-2008 14:31:01
มารอตอนต่อไปจ้ะ  :m13:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 18-08-2008 15:10:06
เอาล่ะซิ ได้อ่านนิยายเจ๊อีกแร๊ะ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-08-2008 19:52:26

 :L2: เข้ามาทักทายตามประสาแฟนคลับที่ดี  อิอิ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 19-08-2008 00:55:00
มารอตอนต่อไปของเจ๊หมวย

เคยเห็นเรื่องนี้บ้านพ่อด้วย

แต่ยังไม่ได้อ่าน

งั้นรออ่านที่นี่แล้วกัน
 :m1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 19-08-2008 01:04:28
อ้ากกกกกกเรื่องใหม่อิอิ
รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-08-2008 08:16:10
 :mc4: :mc4: :mc4: มาต้อนรับจ้า
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 19-08-2008 13:59:14

[2]    




“อรุณสวัสดิ์ ไมเคิล..”

          “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณแฟรงค์”  เด็กชายทักตอบแต่ตามองเลยไปที่ประตู

          “ไม่ต้องมองหาหรอก วันนี้คุณคริสไม่มา เขาให้ฉันมารับเธอกลับบ้านของเรา  เปลี่ยนเลื้อผ้าซะ  ฉันจะไปเคลียร์ค่าใช้จ่าย  เดี๋ยวกลับมารับ”

          หนุ่มน้อยรับถุงที่แฟรงค์ยื่นมาให้และกล่าวขอบคุณ ก่อนเอ่ยเบาๆ ด้วยความไม่แน่ใจ

          “คุณคริสบอกว่าจะมารับผมเอง”

          “ทำไม..  มีปัญหาเหรอ...  กลัวฉันพาเธอไปขายหรือไง…”

          “เอ่อ..เปล่าฮะ ผมเพียงแต่สงสัย  คุณคริสเพิ่งบอกผมเมื่อคืนเองว่าเช้านี้จะมารับกลับบ้าน”

          “งั้นเหรอ.. ใครจะอัพเดทกว่ากันไอ้หนู  คุณคริสของเธอปลุกฉันตื่นตอนตี 5 สั่งให้มารับเธอ  เพราะเขามีงานด่วนต้องบินไปฮ่องกง 8 โมงเช้า”

          “เอ่อ.. ขอโทษครับที่ทำให้คุณลำบาก”  ไมเคิลสบตาอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิดและเกรงใจที่ตัวเองต้องเป็นภาระให้

          แฟรงค์ยิ้มออกเมื่อเจ้าหนูเอ่ยขอโทษ  เขาโน้มตัวลงไปใกล้และเอ่ยเบาๆ 

          “ไม่เป็นไรหรอกไมเคิล.. ฉันเต็มใจ  ของของคุณคริสฉันต้องดูแลแทนอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว  คริสไม่เคยหวงของกับฉันเลย  เราแบ่งกันใช้เสมอ...”

          ประโยคสุดท้ายแฟรงค์ขยับเข้าไปกระซิบและจูบใบหูหนุ่มน้อยเบาๆ   ทำเอาเด็กชายผละออกด้วยความตกใจ 

          แฟรงค์หัวเราะสนุกที่ได้กระเซ้าเด็ก  ก่อนออกจากห้องไม่ลืมย้ำให้เจ้าหนูรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า

          เด็กชายนั่งนิ่งบนเตียงอยู่หลายนาที รู้สึกขัดหูกับคำพูดและการกระทำแปลกๆของชายหนุ่มผู้นี้   ...ผมเป็นคนนะ...ไม่ใช่สิ่งของซะหน่อย  จะแบ่งกันใช้ได้ยังไง….

 

 

- F a t h e r h o o d -





   ไมเคิลรู้สึกตื่นตะลึงกับสถานที่ที่คุณแฟรงค์เรียกว่า “บ้านของเรา”  มันไม่ใช่แค่บ้านหลังใหญ่ธรรมดา....แบบนี้กระมังที่เขาเรียกว่า “คฤหาสน์”

   ….เมื่อคุณแฟรงค์ขับรถมาจอดที่หน้าตึก หนุ่มวัยรุ่นสี่คนที่ไมค์เคยเห็นที่โรงพยาบาลก็กรูกันเข้ามาห้อมล้อมที่รถ คุณแฟรงค์แนะนำไมค์ให้รู้จักกับทุกคน    บอกชื่อและอายุเสร็จสรรพ  โอ เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม อายุ 19 ปี แจ๊ค อายุ 18   บอย อายุ 17 และทิมมี่ อายุ 15  แก่กว่าไมค์ 2 ปี แต่ตัวสูงใหญ่กว่านิดเดียว แจ๊ค และทิมมี่เป็นลูกครึ่งฝรั่งเหมือนไมค์   ส่วนโอและบอยเป็นเด็กไทยหน้าตาดีมาก….

   ไมเคิลยกมือไหว้ทำความเคารพทุกคน  แต่ทุกคนรับไหว้อย่างเสียไม่ได้
   โอกล่าวโพล่งขึ้นอย่างกวนๆ
   “แน่ใจหรือไอ้หนูว่านายรับคุณคริสไหว ตัวกะเปี๊ยกเดียว  คิดจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของพวกเรา  ไม่ไหวมั้ง”
   “หุบปากซะโอ.. อย่าข่มเด็กหน่อยเลย ถึงตัวเล็กแค่นี้แต่ก็คงมีดีเหมือนกัน  จริงมั้ยไมเคิล”   แฟรงค์ต่อว่าเด็กหนุ่มแต่ลงท้ายกลับพูดกระเซ้าซะเอง

   ไมเคิลไม่เข้าใจความหมายที่คุณแฟรงค์และโอพูด  คนที่นี่พูดจากันแปลกๆ แบบนี้ทุกคนเหรอ..




- F a t h e r h o o d -




   แฟรงค์ผลุนผลันออกจากบ้านไปหลังรับโทรศัพท์เพื่อน โดยฝากให้โอช่วยดูแลและจัดหาที่พักให้เด็กชาย โอรับปากอย่างแข็งขันด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง

   “นี่ห้องของนาย  คุณคริสสั่งให้จัดเตรียมไว้ให้”

   ห้องพักที่โอจัดเตรียมไว้ให้สมาชิกใหม่อยู่ที่เรือนคนรับใช้  เดิมเป็นห้องเก็บของแต่โอและพรรคพวกช่วยกันขนย้ายข้าวของออกไปเก็บไว้ที่ห้องคนรับใช้ที่ยังว่างอีกหนึ่งห้อง  นายชมคนสวนถึงกับส่ายหน้าเมื่อรู้ว่าคุณโอเริ่มออกลายต้อนรับสมาชิกใหม่อีกแล้ว

   “ไง!.. พออยู่ได้มั้ย แต่ถ้านายคิดว่ามันเล็กเกินไป  ฉันจะช่วยขอคุณคริสเปลี่ยนห้องใหม่ให้”
   หนุ่มโอแสร้งคุยโวให้คนฟังเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของคริส
   “เอ่อ.. ไม่ต้องครับ แค่นี้ผมก็อยู่สบายแล้ว ผมไม่มีข้าวของอะไร” ไมค์รีบปฏิเสธ  แค่นี้คุณคริสก็มีบุญคุณกับเขามากมายแล้ว
   “นั่นน่ะซี นอกจากที่นอนแล้วนายยังมีที่นั่งเล่นเหลืออยู่ตั้งเมตรกว่าๆ  ยังไงก็กว้างและสบายกว่าอยู่ซอกหินเยอะเลย จริงมั้ยวะแจ๊ค..”

             โอหันไปขอความเห็นเพื่อนและหัวเราะกันอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน  ในขณะที่เด็กชายหน้าเสียใจหายวาบกับคำคำนี้ ได้ยินทีไร  รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆจุกที่ลำคอทุกครั้ง

              สองหนุ่มหยุดหัวเราะเมื่อเห็นน้องใหม่ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้

             “ล้อเล่นแค่นี้ทำไมต้องร้องไห้ด้วย  ฉันขอเตือนนายด้วยความหวังดีนะไมเคิล.. ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่...  ถึงจะไม่ได้อยู่อย่างลูกผู้ชายก็ร้องไห้ไม่ได้  คุณคริสไม่ชอบคนขี้แง..  จำไว้!!..”

              โอกอดคอแจ๊คเดินจากไปทิ้งให้เด็กชายมองตามด้วยความรู้สึกแปลกๆ  ...ทำไมต้องไม่ได้อยู่อย่างลูกผู้ชายด้วย...




- F a t h e r h o o d -




   “สวัสดีครับลุง  ให้ผมช่วยมั้ยครับ”

   นายชมเงยหน้าขึ้นก็เห็นสมาชิกใหม่ของบ้านเป็นเด็กชายลูกครึ่งหน้าตาดี แม้จะดูซูบผอมไปหน่อยแต่ทุกคนที่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากนายฝรั่งของเขา เพียงไม่กี่เดือนก็โตวันโตคืนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ทุกคน  ดูอย่างคุณโอกับคุณแจ๊ค  อายุแค่ 18 -19  ตัวสูงใหญ่เกือบเท่าคุณแฟรงค์

   ไมเคิลยิ้มให้นายชมและเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งยองๆ
   “พรวนดินหรือครับลุง  ให้ผมช่วยนะ  ผมทำเป็น”
   “โอ!.. อย่าเลยครับคุณหนู  เลอะเทอะเปล่าๆ”

   นายชมไม่เคยเรียกคุณๆบนตึกว่าคุณหนูสักคน  แต่กับหนุ่มน้อยคนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าหลุดปากเรียกออกไปได้อย่างไร  อาจเป็นเพราะความมีอัธยาศัยและความน่ารักในตัวเด็ก  และวัยที่ไม่น่าจะเกิน 13 ปี  เมื่อเทียบกับวัยของนายชมแล้ว ไมเคิลยังคงเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ  จึงอดไม่ได้ที่จะใช้สรรพนามเอ่ยเรียกว่า  คุณหนู…

   “ผมชื่อไมเคิล  ลุงเรียกผมว่าไมค์ก็ได้ครับ” 

             ไมเคิลแนะนำตัวเองพร้อมกับหยิบที่ตักดินขึ้นมาช่วยขุด   เด็กชายถนัดทำสวนและทำเป็นจริงๆ เพราะตอนอยู่บ้านพ่อเลี้ยง  ไมค์ถูกสั่งให้เป็นคนคอยดูแลและทำสวนแทนคนสวนที่ลาออกไป

   “ลุงชื่อชม คุณหนูไมค์เรียกลุงว่านายชมเหมือนที่คุณๆ เขาเรียกกันเถอะครับ”

   ไมค์ขมวดคิ้วรู้สึกข้องใจ
   “ทำไมผมต้องเรียกเหมือนคนอื่นๆ ในบ้านนี้ล่ะครับ  ผมไม่ใช่คุณหนูนะ  ผมเป็นแค่คนอาศัย คุณคริสช่วยชีวิตผมไว้แล้วให้ผมมาอาศัยอยู่ด้วย  คุณคริสใจดีจังเลยนะครับลุง  พูดไทยเก่งด้วย”

   นายชมลอบยิ้ม  เด็กหนุ่มที่มาอยู่บ้านหลังนี้คิดอย่างนี้ทุกคน
   “ครับ คุณคริสท่านอยู่เมืองไทยมานานกว่า 15 ปีแล้ว  ท่านใจดีกับทุกคนในบ้านชอบช่วยเหลือคน คุณ ๆ  ทั้งสี่คนนั่นคุณคริสก็รับมาอุปการะให้ที่พักอาศัยแบบเดียวกับคุณหนูน่ะแหล่ะครับ  คุณคริสใจดีก็จริงแต่อย่าให้ท่านโกรธนะครับ ไม่มีใครเข้าหน้าติดแม้แต่คุณแฟรงค์  วางมือเถอะครับคุณหนูไมค์  เลอะเทอะหมดแล้ว…”

   “เรียกผมไมค์เฉยๆ ซีครับลุง  ไม่งั้นผมไม่วางมือหรอก”

   “เอ้า.. ก็ได้ คุณไมค์  วางมือเถอะครับ”

   หนุ่มน้อยยิ้มออกยอมวางมือแต่โดยดี  นอกจากคุณคริสแล้วทุกคนที่นี่มีท่าทีไม่เป็นมิตรกับไมค์เลย ซ้ำยังคอยกระแนะกระแหนด้วยคำพูดแปลกๆ เสมอ ลุงชมเป็นคนแรกในคฤหาสน์หลังนี้  ที่ไม่พูดจาแปลกหูและพูดคุยกับไมค์ด้วยความเต็มใจ




- F a t h e r h o o d -




   ...วันนี้ย่างเข้าวันที่สามแล้วที่ไมค์เข้ามาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ “บริเจคส์”  สองวันที่ผ่านมาไมค์ไม่ได้พูดคุยกับใครเลยนอกจากลุงชม  ไมค์ได้มีโอกาสเดินสำรวจรอบๆ แต่ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้ตึก  ลุงชมบอกว่าถ้าคุณคริสไม่อยู่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะอยู่บ้านโดยเฉพาะคุณแฟรงค์ และช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมคุณๆ ทั้งหลายออกเที่ยวเตร่เกือบทุกวัน  แต่ถ้าคุณคริสอยู่บ้านทุกคนก็จะไม่ไปไหนและทำตัวเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้

   ไมค์เพิ่งรู้ว่าที่นี่ใหญ่โตก็จริง  แต่คนรับใช้อยู่ประจำมีเพียง 3 คน มีพ่อครัว 1 คน ลุงชมคนสวน และน้าจอนนี่คนขับรถของคุณคริส  พ่อบ้านลู บางวันก็พักอยู่ที่นี่แต่ส่วนใหญ่จะกลับไปพักที่บ้านหลังจากดูแลทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว    นอกนั้นเป็นประเภทไปเช้าเย็นกลับ มี maid 2 คน และคนทำสวนรายวันอีก 1 คน จะมาช่วยงานเวลาที่ลุงชมเรียกเท่านั้น  ลุงชมบอกว่าบ้านนายฝรั่งไม่ชอบให้มีคนรับใช้อยู่ด้วยเยอะๆ  จะมีเท่าที่จำเป็นเท่านั้น...

   สองวันที่ผ่านมาไมเคิลไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรและมีหน้าที่ต้องทำอะไร  ได้แต่คอยอยู่ใกล้นายชมและของานทำ  วันนี้หนุ่มน้อยคอยป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆ จนได้ฝึกงานตัดแต่งต้นไม้สมใจ

   “รับผู้ช่วยมาทำสวนตั้งแต่เมื่อไร  นายชม..”

   คำพูดชัดถ้อยชัดคำแต่ด้วยสำเนียงแปล่งๆ ทำเอานายชมสะดุ้ง กรรไกรแทบหล่นจากมือ  เงยหน้าขึ้นยิ้มแหยๆ
   “เอ่อ..  คุณไมค์แกมาขอหัดทำครับนายท่าน”

   คริสขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่างานทำสวนมันน่าสนใจตรงไหนจึงต้องมาขอหัดทำ

   นายชมถอนใจโล่งอกเมื่อเจ้านายเดินตรงไปหาหนุ่มน้อยโดยไม่ได้ต่อว่าอะไร เขาเชื่อที่นายจอนเล่าให้ฟังแล้วว่า  เด็กชายคนนี้เป็นคนพิเศษสำหรับนายคริสจริงๆ  เพราะขนาดกลับมาถึงเหนื่อยๆ ยังไม่ยอมขึ้นตึกไปพักผ่อนก็ผิดวิสัยคุณคริสแล้ว

   ไมเคิลนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นสนาม  กำลังบรรจงตัดแต่งใบไม้อย่างตั้งใจ  ตัดแล้วก็เพ่งมองไปมาด้วยความภูมิใจว่าตนเองทำได้  ร้องบอกนายชมด้วยความดีใจ

   “ลุงครับ ผมตัดเสร็จแล้ว มาดูซีครับว่าใช้ได้มั้ย”   

             เด็กชายหันมาทางนายชมก็พบร่างหนึ่งยืนบังอยู่เต็มๆ สะดุ้งเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมองและเบิกตาโพลงด้วยความดีใจ  เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกจ้องมองอยู่ส่งยิ้มให้

             “คุณคริส..  กลับมาแล้วหรือครับ”

   ไมค์วางกรรไกรลงและยกมือไหว้ ถ้ามือไม่เลอะไมค์คงกอดขาสองข้างไว้ด้วยความคิดถึงแล้ว  คุณคริสไม่รู้หรอกว่าไมค์คิดถึงคุณคริสสลับกับคิดถึงพ่อตลอดเวลา  เป็นเพราะหน้าตาของคุณคริสเหมือนพ่อมาก  มากจนอยากคิดว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดกันเลย..
 
   “ทำอะไรอยู่น่ะไมเคิล.. หายดีแล้วเหรอ ถึงออกมาตากแดดตากลมอย่างนี้ ลุกขึ้นซิ”     คริสยื่นมือให้เด็กชายจับ

             ไมเคิลมองมือตัวเองและคิดว่าควรจะทำความสะอาดซะก่อนอย่างน้อยเช็ดกับกางเกงก็ยังดี   แต่เด็กชายก็ได้แต่คิดเพราะมือของคริสคว้ามือเล็กไว้และฉุดให้ลุกขึ้น

   “มือผมเลอะครับ”   ไมเคิลรีบชักมือกลับและเช็ดกับกางเกง

   คริสมองหนุ่มน้อยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความไม่แน่ใจว่าชุดที่สวมใส่อยู่จงใจใส่มาเพื่อทำสวนหรืออย่างไร   ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นชุดเก่าของทิม

   “คุณคริสกลับเร็วจังครับ  คุณแฟรงค์บอกว่าคุณจะไป 1 อาทิตย์”

   “เสร็จงานเร็วก็กลับเร็ว  ฉันมีห่วงอยู่ที่นี่เยอะมากเธอไม่รู้หรอก”

   คริสพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเครียดทำให้หนุ่มน้อยหน้าจ๋อย  รู้สึกเสียใจที่ตัวเองพูดจาไม่ถูกหู

   “มีใครพาไปซื้อเสื้อผ้าหรือยัง ไมเคิล..”

   เด็กชายส่ายหน้าและรีบออกตัว
   “ผมมีเสื้อผ้าใส่แล้วครับ  คุณทิมแบ่งมาให้ตั้งหลายชุด”

   คริสไม่สบอารมณ์กับคำตอบเมื่อธุระที่เขาฝากแฟรงค์ไว้ไม่เรียบร้อยด้วยดี   เขายิ้มให้เมื่อเห็นหนุ่มน้อยหน้าจ๋อยลง

   “อยู่ที่นี่นอนหลับสบายหรือเปล่าไมเคิล..”

   “ครับ ผมหลับสบายทั้งสองคืนเลย ขอบคุณคุณคริสครับที่ให้ผมอาศัยอยู่ด้วย”    ไมเคิลยกมือไหว้อีก  คริสอดหัวเราะไม่ได้

   “เธอเป็นเด็กลูกครึ่งที่มืออ่อนมากเลยนะไมเคิล ยิ่งกว่าเด็กไทยแท้ๆ ซะอีก  ไป..พาฉันไปดูห้องพักเธอซิ  มีอะไรขาดเหลือบ้าง”

   คริสกอดคอเด็กชายพาเดินออกมาจากสนามตรงไปที่ตึก  กำลังจะก้าวขึ้นก็ต้องหยุดชะงัก  เพราะหนุ่มน้อยยื้อไว้ไม่ยอมก้าวเดินตามมา

   “หยุดทำไมล่ะ ไมเคิล..  จะทำอะไรอีก”

   “เปล่าทำครับ  คุณคริสจะให้ผมพาไปที่ห้องไม่ใช่หรือครับ”

   “ใช่.. แล้วเธอจะไปไหนอีกล่ะ”

   “ไปที่ห้องไงครับ ห้องผมอยู่ด้านหลัง”  ไมค์ชี้มือไปที่ห้องพักตัวเองซึ่งอยู่ที่เรือนคนรับใช้ด้านหลัง
 
   คริสไม่สบอารมณ์อย่างแรง รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกคนใหม่ของบ้าน  ซึ่งมักจะถูกต้อนรับด้วยความผิดพลาดอย่างนี้ทุกคน  แต่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับไมเคิลเพราะครั้งนี้เขาฝากธุระไว้กับแฟรงค์ไม่ใช่โอ

   คริสฝืนยิ้มให้หนุ่มน้อย
   “ไปซี..  พาฉันไปดูห้องเธอหน่อย ไมเคิล..”

              ทันทีที่ประตูห้องพักเปิดออก เด็กชายรีบทรุดตัวลงพับเสื้อผ้าที่กองอยู่บนที่นอน มันเป็นเสื้อผ้าเก่าที่หนุ่มน้อยทั้งสี่คนบริจาคให้ 

“ขอโทษครับ ผมยังไม่ได้พับผ้าเลย”

   คริสยืนอึ้งพูดไม่ออกกับสภาพห้องที่เห็นซึ่งมีขนาดแค่ 2 x 3 เมตร  มันเล็กกว่าห้องที่คนรับใช้คนอื่นๆ อยู่ซะอีก  ถ้าเขาจำไม่ผิดมันเป็นห้องว่างสำหรับเก็บของแต่ไม่เข้าใจว่ามันถูกแปลงสภาพให้เป็นห้องนอนของเด็กชายได้อย่างไร

              คริสรู้สึกโกรธและอารมณ์เสียอย่างมากแต่พยายามซ่อนความรู้สึกไว้ ไม่อยากให้เจ้าหนูซึ่งไม่คุ้นเคยกับอารมณ์ของเขาตกใจกลัว

   “ลุกขึ้น ไมเคิล..  ไม่ต้องพับแล้ว”

   “ครับ”   เด็กชายเงยหน้าขึ้น  เห็นสีหน้าของคุณคริสก็รีบลุกขึ้นยืน

   “นั่นสมุดอะไร  สำคัญมั้ย”  คริสพยักหน้าไปที่สมุดซึ่งซุกอยู่ใต้หมอน

   “เอ่อ..”  ไมค์ยิ้มอายๆ  “ไดอารี่ของผมครับ”

   “หยิบขึ้นมาซิ”

   ไมเคิลก้มลงหยิบสมุดมาถือไว้ ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรก็ถูกคริสคว้าข้อมือจูงออกจากห้องพาเดินไปที่ตึก เด็กชายไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะรู้แล้วว่าคุณคริสอารมณ์ไม่ดี  นึกถึงคำพูดของลุงชมที่ว่าอย่าให้คุณคริสโกรธ ไม่มีใครเข้าหน้าติดตอนนี้ไมค์เองก็แทบจะไม่กล้ามองหน้าคุณคริสแล้ว ใจเต้นตุ้บตับ ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดหรือทำอะไรไม่ถูกใจหรือเปล่าถึงทำให้คุณคริสอารมณ์ไม่ดี….




 :oni1: :oni1:


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 19-08-2008 14:07:57
^
^
จึ้ก!

ฮัดโช้ะ!
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 19-08-2008 14:15:29
มีคำว่า "คนพิเศษ" ลอยขึ้นมาเต็มเลย  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 19-08-2008 14:19:24
[3]  

 

            คริสอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อมาที่ตึกแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่บ้านเลย  โดยเฉพาะแฟรงค์ออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่พาไมเคิลมาส่ง เพิ่งโทรมาแจ้งพ่อบ้านลูว่าจะกลับเย็นนี้ มิน่าล่ะ! เพราะเจ้าแฟรงค์ไม่อยู่ซ้ำยังฝากธุระไว้กับหนุ่มแสบ 4 คน  เจ้าหนูของเขาจึงถูกต้อนรับขับสู้อย่างดี

          คริสพาเด็กชายมาที่ห้องนอนของเขา  สั่งให้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่  คริสชอบให้สมาชิกในบ้านแต่งตัวสะอาดเรียบร้อยไม่สกปรกมอมแมม  ไมเคิลรีบทำตามคำสั่งแต่โดยดีไม่กล้าซักถามอะไร  

            คริสสั่งพ่อบ้านโทรเรียกหนุ่มแสบทั้งหมดกลับมาภายใน 1 ชั่วโมง  สำหรับแฟรงค์เขาโทรตามด้วยตัวเองโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดหรือซักถามอะไรทั้งสิ้น

          “ไม่ว่านายกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน..  ฉันให้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง  ถ้าไม่รีบกลับมาให้ทันเวลาอย่าหาว่าฉันโหดนะ แฟรงค์..  เงินเดือนเดือนนี้ทั้งเดือนอาจเหลือแต่ซองเปล่า…”

          คริสเดินสำรวจห้องพักในบ้านฆ่าเวลา  เขาเคยคิดว่าคฤหาสน์หลังนี้มีห้องพักมากมายเกินความจำเป็นหรือเปล่า  แต่เอาเข้าจริงๆแล้วสมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนห้องพักเหลือว่างเพียงไม่กี่ห้อง   ชั้น 3 ของคฤหาสน์เป็นที่พักผ่อนส่วนตัวของเขา เป็นห้องชุดขนาดใหญ่ที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ  ห้องนอนขนาดใหญ่และห้องนอนเล็กอีก 1 ห้อง  ส่วนพักผ่อนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ห้องทำงานและฟิตเนสส่วนตัว  วันไหนอารมณ์ไม่ดีคริสแทบจะไม่ก้าวลงจากชั้นเลย

             บริเวณชั้นสองมีห้องพักทั้งหมด 4 ห้อง   แฟรงค์พักอยู่ห้องริมปีกขวา  เป็นห้องสูทระดับ 5 ดาว  ในฐานะที่แฟรงค์เป็นคนสนิทและเป็นผู้ดูแลจัดการเรื่องส่วนตัวให้เขา  อีก 3 ห้องเป็นห้องรับรองแขก ห้องริมปีกซ้ายเป็นห้องสูทเช่นเดียวกับห้องพักของแฟรงค์  อีก 2 ห้องที่เหลือเป็นห้องพักระดับ Superior   ห้องพัก 3 ห้องนี้เขาเก็บไว้รับรองแขกสำคัญ  

              นานแล้วที่คริสไม่ได้เดินตรวจตราห้องพักของสมาชิกในบ้าน  เป็นที่รับรู้กันว่านานๆ ครั้งคริสจะเดินตรวจความเรียบร้อยภายในห้องต่างๆ โดยไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า  นอกจากเขาจะชอบให้ทุกคนแต่งตัวสะอาดเรียบร้อยแล้ว  ห้องพักก็ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย

              คริสตั้งใจว่าจะไม่รับอุปการะใครอีกแล้ว  ทุกวันนี้เขาปวดหัวและวุ่นวายพอแรง  แต่แล้วเจ้าหนูไมเคิลก็ย่างกรายเข้ามาเป็นสมาชิกคนที่ 6 ของบ้านจนได้  เขาสั่งให้แฟรงค์ปรับห้องว่างชั้นล่างที่ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งห้องเป็นห้องนอนของไมเคิล  ห้องนี้อยู่ติดกับห้องนอนของหนุ่มน้อยทั้งสี่  ถูกออกแบบให้เป็นห้องพักผ่อนและห้องทำงานของแขกที่พักอยู่บริเวณชั้นล่าง  แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครใช้ห้องนี้ตามวัตถุประสงค์   เพราะภายในห้องนอนของแต่ละคนมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน  และส่วนใหญ่จะมานั่งพักผ่อนรวมกันที่โถงพักผ่อนหรือห้องเธียร์เตอร์  ห้องที่ว่านี้จึงกลายเป็นห้องเก็บของ ใครมีสมบัติที่ไม่ใช้หรือเบื่อก็จะมาฝากเก็บไว้ที่นี่  ระยะหลังหลายคนเรียกห้องนี้ว่าห้องเก็บของ

          หนุ่มน้อยทั้งสี่มีความเป็นอยู่สุขสบายจนเสียนิสัย  คอยแต่จะอิจฉาสมาชิกใหม่ ทิมมี่ซึ่งเป็นสมาชิกคนสุดท้ายและมีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มก็เคยโดนรังแกมาแล้ว  สำหรับไมเคิล คริสจึงตั้งใจไว้ว่าจะดูแลเจ้าหนูคนนี้เป็นพิเศษ  เพราะนอกจากจะเป็นเด็กกว่าหนุ่มแสบพวกนั้นแล้ว การได้พบกันระหว่างเขากับไมเคิล ยังเป็นเรื่องประหลาดที่เขาต้องค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง

          คริสหยิบเสื้อผ้าของทิมมี่ชุดที่คิดว่าไมเคิลน่าจะใส่ได้ และสั่งพ่อบ้านนำขึ้นไปให้เจ้าหนูบนห้องเขา  คริสเหลือบดูนาฬิกาใกล้จะถึงเวลาหนึ่งชั่วโมงตามที่นัดหมาย  ถึงเวลาที่เขาต้องพิพากษาคดีอีกแล้ว…

 

 

F a t h e r h o o d

 

 

((ไมเคิลเขาต่างจากพวกเธอตรงไหน… ถึงพาเขาไปพักในที่แบบนั้น))

          คำถามเป็นภาษาอังกฤษทำให้หนุ่มน้อยทั้งสี่นั่งคุกเข่าก้มหน้านิ่ง  ไม่มีใครตอบคำถามไม่ใช่ไม่เข้าใจแต่ไม่กล้า…  เพราะรู้ว่าคุณคริสกำลังโกรธมาก  

          คริสเปลี่ยนคำถามใหม่เป็นภาษาไทย

          “ใครเป็นคนพาไมเคิลไปพักที่ห้องนั้น  ตอบซิโอ..”  

          เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสีหน้าเหมือนสำนึกผิด  แต่ยังมีข้อแก้ตัว

          “ผมขอโทษครับคุณคริส  ผมเข้าใจผิด  คุณแฟรงค์บอกให้ผมจัดห้องเก็บของแต่ไม่ได้บอกว่าห้องเก็บของบนตึกครับ”

          คริสรู้สึกโกรธที่โอไม่รับผิด ซ้ำยังแก้ตัวน้ำขุ่นๆ  เขารู้นิสัยหนุ่มน้อยทั้งสี่คนดีว่าใครมีนิสัยอย่างไรจึงไม่ซักถามให้เสียเวลา ลงโทษก่อนเดี๋ยวก็ยอมรับสารภาพเอง

          “บอยกับทิมมี่ยืน 3 ชั่วโมง แล้วอนุญาตให้ไปทานข้าวและเข้านอนได้  แจ๊คกับโอ เธอสองคนยืน 6 ชั่วโมง  เข้านอนโดยไม่ให้ทานข้าว”

          เวลาขณะนี้คือ 6 โมงเย็น  ฟังดูแล้วไม่โหดร้ายเท่าไรสำหรับการลงโทษด้วยการให้ยืนกอดอกอยู่กับที่  แต่ที่แย่หน่อยคือ จะต้องยืนอยู่ในวงกลมโลหะเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 2 ฟุต  หากขยับหรือก้าวออกจากวงนอกจากจะมีเสียงดังแล้ว ยังถูกไฟช็อตพอเจ็บๆ คันๆ  และจะทำให้เวลาที่ตั้งไว้ย้อนกลับไปตั้งต้นที่ศูนย์ใหม่

          บอยกับทิมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้  คริสรู้ว่าเด็กสองคนนี้ไม่เกี่ยวข้องด้วย  แต่เขาจำเป็นต้องลงโทษเพราะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน

          หนุ่มแจ๊คคลานออกมาข้างหน้า   จับขาคริสไว้และกล่าวขอโทษ

          “คุณคริสครับ  ผมขอโทษ  ผมไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย  ผมบอกโอแล้วว่าเป็นห้องเก็บของบนตึก  แต่โอบอกว่าไม่ใช่”

          “นายเห็นดีด้วยกับฉันนะแจ๊ค  ไอ้เพื่อนทรยศ!!..  คิดจะเอาตัวรอดเหรอ”

          โอแหวใส่แจ๊คแต่ต้องสลดลงเมื่อเจอสายตาของคริสจ้องเขม็งมาที่เขา คริสทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กหนุ่ม ใบหน้ายิ้มละไมมีเสน่ห์ชวนฝันของเขา ทำให้ทั้งสาวและหนุ่มหลงใหลมามากต่อมาก

          “ว่าไงโอ..  ถ้าไม่รับว่าเธอจงใจทำก็ยืนคนเดียวจนถึงเช้า ให้แจ๊คเข้านอนตอนเที่ยงคืน”

          เด็กหนุ่มสะดุ้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

          “ไม่นะฮะคุณคริส  ผมขอโทษครับ ผมยอมรับผิดแล้ว ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้น  กะว่าวันนี้จะมาจัดห้องที่ตึกให้  ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาเร็ว  ผมขอโทษครับ”

          แค่นี้แหล่ะที่คริสต้องการ คำกล่าวขอโทษของคนที่ทำผิดแล้วยอมรับผิด บอยและทิมถูกยกเลิกคำสั่งไม่ต้องโดนทำโทษ เพราะไม่เกี่ยวข้องด้วยจริงๆ  สำหรับแจ๊คให้ยืน 3 ชั่วโมง  ส่วนโอยืน 6 ชั่วโมงแต่เอาเข้าจริงๆ ยืนไม่ถึง  เพราะแฟรงค์กลับมาช่วยขอร้องไว้โดยบอกกับคริสว่า  เขาผิดเองที่ฝากเรื่องทั้งหมดให้โอจัดการแทน

           “สำหรับนายเจอเต็มๆ อยู่แล้วแฟรงค์  ไม่ต้องขอรับผิดแทนเด็กหรอก”

          “โอเค! คริส  แต่ผมไม่ยอมยืนในวงกลมหรอกนะ”

          “ได้ซี  ฉันไม่ให้นายยืนหรอก  แค่ตัดเบี้ยเลี้ยงครึ่งเดือนก็พอ”

          แฟรงค์ตาเหลือก  คุกเข่าอ้อนวอนอย่างเดียวกับที่หนุ่มแสบทั้งหลายทำ เพราะพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริงๆ

          “โอ! ไม่นะคริส   ลงโทษอย่างอื่นเถอะ   ให้ผมทำอะไรก็ได้   นะคริสนะ  ได้โปรด….. ค่าใช้จ่ายเดือนนี้ติดลบอื้อเลย  ผมต้องตายแน่ถ้าโดนตัดเบี้ยเลี้ยง…”

          คริสส่ายหน้าด้วยความระอาใจ   เป็นเหมือนกันหมดทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่

 
          คืนนั้นคริสให้ไมเคิลนอนในห้องของทิม โดยขอให้ทิมไปนอนกับบอยที่ห้อง  แต่กว่าทิมจะยอมยกห้องให้ก็ยึกยักน่าดู  จนคริสต้องจูงมือไมเคิลกลับและพูดเปรยๆ ว่า

          “ไม่มีใครเต็มใจยกห้องให้ก็ไม่เป็นไร   ไปนอนข้างบนกับฉันดีกว่า  จะนอนในห้องเล็ก หรืออยากจะนอนห้องเดียวกับฉันก็ได้นะไมเคิล เตียงฉันใหญ่และกว้างพอที่เธอจะนอนดิ้นได้อย่างสบาย   อยากจะนอนกอดฉันก็ได้นะ ฉันอนุญาต..”

          เท่านั้นเองทิมและบอยก็แย่งกันยกห้องตัวเองให้  เพราะกลัวว่าไมเคิลจะได้นอนกับคุณคริสของเขา  ทำเอาเด็กชายงงตามไม่ทันคนพวกนี้

          ในที่สุดไมเคิลก็มีห้องส่วนตัวโดยที่ห้องเก็บของก็ไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยน  คริสสั่งให้หนุ่มแสบทั้งสี่คนสลับและย้ายห้องกัน  ห้องพักของโอมีขนาดใหญ่กว่าห้องคนอื่น  คริสจึงสลับให้บอยและทิมมาอยู่ด้วยกัน

          “ทิมกับบอยย้ายมานอนด้วยกันในห้องโอ โอไปนอนห้องบอย และให้ไมเคิลนอนห้องทิม”  

          ลับหลังคริสทุกคนแอบบ่นกันโดยเฉพาะหนุ่มโอโวยวายไม่พอใจที่แจ๊คไม่โดนแจ๊คพ็อทด้วย ส่วนทิมกับบอยไม่ค่อยมีปัญหา  ถึงจะไม่ได้อยู่ห้องเดี่ยวส่วนตัวแต่ก็ดีใจที่ได้พักอยู่ด้วยกัน

          ในขณะเดียวกันไมเคิลก็ไม่สบายใจเลยกับการได้ห้องพักส่วนตัวมา  แต่ทำให้คนอื่นๆ ต้องเดือดร้อนกันอย่างนี้

 

 

F a t h e r h o o d

 

 

         ในห้องพักของบอยและทิมมี่  ซึ่งเป็นห้องพักเก่าของโอ

          “แจ๊ค..  พักนี้คุณคริสเรียกนายขึ้นไปหาบ้างหรือเปล่า”

          แจ๊คส่ายหน้า  โอจึงหันไปพยักหน้ากับทิมและบอย  

         “นาย 2 คนล่ะ”

          เมื่อบอยและทิมส่ายหน้าอีก  สีหน้าของโอเริ่มเครียดและเดินวนไปมากลางห้อง  รู้สึกฉุนมากขึ้นเมื่อเพื่อนๆ ไม่สนใจคำถามของเขา   บอยและทิมนั่งดูอินเตอร์เนทอยู่หน้าเครื่องคอมฯ  แจ๊คนั่งดูนิตยสารรถอยู่บนเตียงด้วยความหวังว่าสักวันคุณคริสอาจจะซื้อให้ถ้าเขาทำตัวดีๆ

          “นี่พวกนายไม่คิดอะไรบ้างเลยเหรอ”

          ทุกคนหันมองโอซึ่งยืนท้าวสะเอวอยู่กลางห้อง

          “คิดอะไรเหรอ..”    แจ๊ค บอยและทิมกล่าวถามขึ้นพร้อมๆ กัน

          “พวกนายอยู่เฉยกันได้ยังไง   สองอาทิตย์เต็มๆ แล้วนะที่ไอ้เจ้าเปี๊ยกนั่นมาอยู่ด้วย  คุณคริสเรียกมันขึ้นไปที่ห้องทุกคืน  ไม่คิดอะไรบ้างเลยหรือไง”

          “คิดทำไม  ใครมาใหม่ก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น  คุณคริสเห่อของเล่นใหม่ เดี๋ยวเบื่อก็เลิก  กับพวกเราก็เป็นอย่างนี้ทุกคน”

          แจ๊คให้ความเห็นอย่างสบายๆ  บอยกับทิมพยักหน้าเห็นด้วย

          “ใช่..  ตอนทิมมาใหม่ๆ  คุณคริสก็เรียกหาเกือบทุกคืน  จนนายขยาดเลยใช่มั้ยทิม..  ถึงกับนั่งร้องไห้ในห้องน้ำเลย…”    

          บอยหันมาเย้าคู่หู  ในขณะที่ทิมมี่ยิ้มอายๆ

         “มันไม่ใช่แค่นั้นนะโว้ย!!..  พวกนายไม่ได้สังเกตเลยเหรอ  ว่าเจ้าเปี๊ยกนั่นไม่ได้ผ่านคุณแฟรงค์ก่อนเหมือนพวกเรา”

          “คุณคริสอาจจะอยากสอนบทเรียนให้กับไมเคิลด้วยตัวเองก็ได้นะโอ”

          บอยให้ความเห็น

          “ไม่จริงหรอก  คุณคริสไม่ชอบสอนใครเรื่องนี้  ไม่ชอบเห็นใครตกใจกลัวหรือถอยหนี  เขาถึงให้คุณแฟรงค์เป็นคนสอนทุกอย่างกับพวกเรา  แต่กับเจ้าไมค์ ทำไมคุณคริสถึงคิดจะสอนมันเอง  เป็นเพราะอะไร  มันมีดีอะไรวะ!!..”

          ประโยคสุดท้ายโอพูดด้วยความฉุนเฉียว กระโดดขึ้นเตียงนอนด้วยอารมณ์ริษยาจนแจ๊คอดหัวเราะไม่ได้  

           “สงบสติหน่อยโอ.. ดีไม่ดีเจ้าไมค์มันก็ส่งกระแสจิตมาเข้าฝันคุณคริสให้ไปรับมันที่เกาะได้ก็แล้วกัน…”



:a11: :a11:



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-08-2008 15:17:34
จิ้มๆๆๆ

เจ้หมวย

สงสารไมค์อะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-08-2008 15:22:10
 :เฮ้อ: ยังอ่อนวัยนัก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 20-08-2008 10:38:45
ทำไมล่ะอ่อนคิดไรแบบนี้เนี้ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 20-08-2008 11:38:48
เห็นชื่อเจ๋หมวยก็รีบเข้ามาอ่านเลย ก๊าบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 20-08-2008 11:44:33
ตามมาจิ้มกะเช้าบ้านเค้าไม่ทัน :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-08-2008 12:30:39
[4]



คริสนั่งเอกเขนกบนโซฟา สายตาจับจ้องเด็กชายซึ่งกำลังคร่ำเคร่งกับแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษที่เขาให้ทำในคืนนี้ เขาให้ไมเคิลขึ้นมาหาที่ห้องทุกคืนเพื่อสอนภาษาอังกฤษให้วันละ 1-2 ชั่วโมง  เพราะหลังจากที่เด็กชายเริ่มคุ้นเคยและไว้ใจเขามากขึ้น  คริสจึงเลียบเคียงถามเรื่องราวส่วนตัว ซึ่งเจ้าหนูก็ยอมเล่าให้ฟังแต่โดยดี  คริสบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงเป็นผู้รับกระแสจิตที่ไมเคิลส่งถึงพ่อบนเกาะร้างนั้น…




- F a t h e r h o o d -



… ตั้งแต่จำความได้… ไมค์ไม่เคยเห็นตัวจริงของพ่อเลย แม่บอกว่าพ่ออยู่บนสวรรค์ พ่อของไมค์เป็นนักธุรกิจชาวแคนาดาหน้าตาดีมาก ไมค์จึงเป็นลูกครึ่งที่น่ารัก ใครเห็นก็อดหยิกแก้มและจับหัวไม่ได้

... แม่เล่าว่า…พ่อไม่ใช่ผู้ชายที่แม่แต่งงานด้วย พ่อกลับประเทศของพ่อไปโดยไม่รู้ว่าแม่มีไมค์ แต่พอไมค์อายุได้ 2 ขวบ แม่ก็ติดต่อกลับไปหาพ่อบอกว่าแม่มีไมค์ซึ่งเป็นลูกชายของพ่อ พ่อเงียบหายไปหลายเดือนไม่ยอมส่งข่าวตอบมา แม่เข้าใจว่าพ่อคงไม่เชื่อที่แม่บอกหรือไม่ก็คงไม่อยากรับผิดชอบไมค์ แต่แล้วแม่ก็ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะเดินทางมารับไมค์ไปอยู่ด้วย พ่อเสียชีวิตบนท้องฟ้าจะไม่ให้ไมค์คิดว่าพ่ออยู่บนสวรรค์ได้ยังไง

... ตั้งแต่ไมค์รู้ว่าตัวเองมีพ่อเป็นฝรั่ง เวลาเดินไปไหนมาไหนทุกครั้งที่เห็นผู้ชายต่างชาติที่เป็นฝรั่ง ไมค์จะมองจนเหลียวหลังเลย อยากรู้จังว่าพ่อมีหน้าตายังไง ไมค์เซ้าซี้ถามแม่ตั้งแต่จำความได้ว่าอยากเห็นหน้าพ่อ จนเมื่อไมค์อายุ 5 ขวบ แม่ก็ยื่นรูปใส่มือและบอกว่าเป็นคนที่ไมค์อยากรู้จัก วินาทีแรกที่ได้สบตากับผู้ชายในรูปไมค์เห็นดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั้นส่องประกายแวววับให้  ไมค์หลงรักชายในรูปจับใจ หลับฝันถึงทุกวันทุกคืนเลย….

... สามีคนปัจจุบันของแม่คือลุงชาติ ต่อหน้าแม่จะทำดีกับไมค์   แต่ลับหลัง  เขาแอบกระซิบกับไมค์บ่อยๆ ว่าเขาเกลียดคนต่างชาติและเด็กลูกครึ่ง

... ลุงชาติพาแม่และครอบครัวไปพักร้อนทางทะเลและตั้งแคมป์ผจญภัยบนเกาะร้าง ไมค์หลงกับทุกคนในวันสุดท้ายขณะลัดเลาะป่าเพื่อข้ามไปขึ้นเรืออีกฟากหนึ่งของเกาะ กว่าจะหาทางออกมาที่ที่เรือจอดอยู่ได้ก็กินเวลานานหลายชั่วโมง พอมาถึงก็ไม่พบใคร เห็นเรืออยู่ลิบๆ กลางทะเลไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า.. ไมค์พยายามปลอบใจให้เข้มแข็งไม่คิดว่าตัวเองถูกทิ้งเพราะมีแม่ไปด้วย จึงนั่งคอยโดยหวังว่าทุกคนจะย้อนกลับมารับ… ไมค์นั่งคอยนานมาก… นานเป็นวันๆ นานจนลืมไปเลยว่าตัวเองนั่งคอยอะไรอยู่…



- F a t h e r h o o d -



“ภาษาอังกฤษยากมั้ยครับ คุณคริส”
“สนใจเหรอ ไม่ยากหรอกถ้าเธอตั้งใจ ภาษาไทยของเธอยากกว่าเยอะ ฉันยังพูดได้”
“จริงด้วยครับ คุณคริสเก่งจัง ผมอยากพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง”
“จะไปพูดกับใครหรือไมเคิล”
“ผมอยากคุยกับพ่อเป็นภาษาอังกฤษ ทุกครั้งที่ผมเจอพ่อในฝันเราพูดกันคนละภาษาแต่เราก็เข้าใจกัน จริงๆ นะครับ ถ้าผมพูดภาษาของพ่อได้ พ่อต้องดีใจแน่ๆ ”

คำตอบที่ได้รับทำให้คริสถึงกับอึ้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมสละเวลาคืนละ 1 - 2 ชั่วโมง สอนภาษาอังกฤษให้



- F a t h e r h o o d -



“เสร็จหรือยังไมเคิล เลยเวลาแล้วนะ”
“จะเสร็จแล้วครับ เหลืออีกข้อเดียว” เด็กชายกล่าวตอบโดยไม่ยอมเงยหน้า

ไมเคิลยื่นแบบฝึกหัดให้คริส และทรุดตัวลงนั่งที่พื้นแต่ถูกมือใหญ่ฉุดให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ
“วันนี้ทำไมทำนานจัง ยากเหรอ”

ไมเคิลพยักหน้าหงึกๆ และยิ้มเขิน ชะเง้อมองคริสตรวจแบบฝึกหัดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ คริสมีสีหน้าเคร่งเครียดตรวจเสร็จก็ส่งสมุดคืนให้

“ทำคะแนนไม่ดีเลย เปิดหน้าถัดไปแล้วทำใหม่”

ไมค์เหลือบดูเวลาที่หัวเตียง   4 ทุ่มแล้ว
“แต่มันเลยเวลาแล้วนะครับ รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณด้วย ผมเอาลงไปนั่งทำที่ห้องนะครับ”

คริสลุกขึ้นยืน
“รบกวนที่ไหนกัน ฉันจะเข้านอนอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว เธอนั่งทำที่นี่แหล่ะ ทำเสร็จแล้วค่อยกลับลงไปนอน พรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นขึ้นมาตรวจ กู๊ดไนท์ ไมเคิล..”

คริสตื่นขึ้นกลางดึกก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นแสงไฟส่องสลัวอยู่ด้านนอก หันดูเวลาที่หัวเตียง ตี 2 กว่าแล้ว…

ไมเคิลฟุบหลับคาโต๊ะเขียนหนังสือ คริสส่ายหน้าและอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นมือขวาของเจ้าหนูยังจับดินสอคาไว้ที่แบบฝึกหัดข้อสุดท้ายแต่ยังไม่ได้ทำ คงจะง่วงมากจนฟุบหลับไปก่อน เขาดึงดินสอออกจากมือและอุ้มเด็กชายไปที่ห้องนอน



- F a t h e r h o o d -



ประตูห้องนอนถูกเคาะขณะที่คริสเดินออกจากห้องน้ำพอดี    หนุ่มโอในชุดพร้อมจะออกจากบ้านยืนยิ้มอยู่หน้าประตู

“กู๊ดมอร์นิ่งครับ คุณคริส..”

“มอร์นิ่ง โอ.. มีธุระอะไรแต่เช้า”

“ผมจะมาขอติดรถไปมหา’ลัยด้วยฮะ”

คริสพยักหน้ารับทราบ   “แจ๊คไปด้วยหรือเปล่า”

“ไม่ฮะ วันนี้แจ๊คไม่มีเรียน ”

คริสพยักหน้าอนุญาตและบอกให้ลงไปรอข้างล่าง หันหลังกลับก็ถูกเด็กหนุ่มเรียกไว้

“เอ่อ.. คุณคริสฮะ”

“อะไรอีก...”  คริสหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

โอหน้าเสียไม่ใช่เพราะท่าทีหรือน้ำเสียงของคริส แต่เพราะเห็นร่างเล็กงัวเงียลุกขึ้นจากที่นอน สีหน้าโอสลดลงด้วยความน้อยใจเพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่คริสจะยอมให้ใครนอนอยู่เคียงข้างจนถึงเช้า ส่วนใหญ่จะถูกปลุกกลางดึกให้กลับลงไปนอนที่ห้องเสมอ

“ว่าไงโอ... ถ้าไม่มีอะไรก็ลงไปคอยข้างล่าง ทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย ฉันจะเข้าไปแต่งตัว” คริสขยับจะถอยกลับเข้าห้องก็ถูกเด็กหนุ่มสวมกอดและตัดพ้ออย่างนึกไม่ถึง

“ผมคิดถึงคุณฮะ คุณคริส.. ผมไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดคุณเป็นเดือนแล้ว ให้ผมขึ้นมารับใช้คุณบ้างนะฮะ ได้โปรด..”

โอส่งสายตาอ้อนวอน กลิ่นน้ำหอมที่คริสชอบโชยกรุ่นอ่อนๆ ทำให้อารมณ์ของเขาอ่อนไหว อดไม่ได้ที่จะก้มลงจุมพิตริมฝีปากเด็กหนุ่มเบาๆ

“คืนนี้ค่อยเจอกัน  ลงไปคอยข้างล่างไป”

โอผละออกด้วยความดีใจ ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรเสียงหนุ่มน้อยที่อ่อนวัยกว่าดังขึ้นด้านหลัง

“กู๊ดมอร์นิ่งฮะ คุณคริส..”

คริสหันไปเห็นเด็กชายยืนงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิง

“มอร์นิ่งไมเคิล รีบตื่นทำไมล่ะ ยังง่วงอยู่ไมใช่เหรอ”

“ผมขอโทษฮะ คุณคริส.. เมื่อคืนผมทำไม่เสร็จ”

คริสเสยผมยุ่งเหยิงของหนุ่มน้อยด้วยความเอ็นดู

“ช่างเถอะ ฉันไม่ดีเองให้เธอหักโหมเกินไป คืนนี้ค่อยทำต่อแต่ต้องตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมนะ กลับไปนอนต่อเถอะยังเช้าอยู่เลย”

คำพูดและการกระทำของคริสทำให้อารมณ์ของหนุ่มโอพลุ่งพล่านด้วยความริษยา เข้าใจว่าเมื่อคืนคุณคริสคงพยายามสอนบทเรียนบางอย่างให้กับเจ้าหนู

“ผมกลับไปนอนที่ห้องนะฮะ”

คริสพยักหน้า    ไมเคิลหันมายิ้มให้โอและกล่าวทัก แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยชอบหน้าตัวเอง

“กู๊ดมอร์นิ่งครับ คุณโอ”

“มอร์นิ่ง” โอทักตอบตามมารยาท เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคุณคริสหรอก

ไมเคิลออกจากห้องไปโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มของตัวเองทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกยิ้มเยาะ

“ยืนทำอะไรอยู่อีกล่ะ ลงไปซะที ฉันจะแต่งตัว”

คริสเดินกลับเข้าไปในห้องนอน โอเดินตามเข้ามาด้วยอารมณ์กระฟัดกระเฟียด

“คุณคริสรับปากผมแล้วนี่ฮะ ว่าคืนนี้จะให้ผมอยู่ด้วย”

“แล้วไง.. เธอก็รู้นะโอ ฉันไม่ชอบคนเซ้าซี้” คริสเลือกชุดที่จะสวมและดึงออกจากตู้

“แต่คุณนัดไมเคิลคืนนี้อีกแล้ว คุณจะให้ผมกับไอ้หนูนั่นอยู่กับคุณพร้อมกันเหรอฮะ”

คริสหัวเราะ

“ทำไมต้องพร้อมกันด้วย ให้ไมเคิลขึ้นมาหาฉันก่อนตอน 2 ทุ่ม 3 ทุ่มครึ่งเธอค่อยขึ้นมา..”

โออ้าปากหวอก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ไม่ใช่เพราะคำพูดที่ได้ยินแต่เพราะเห็นหนุ่มใหญ่เจ้าเสน่ห์อย่างคริสกำลังสวมกางเกงในต่อหน้าต่อตา

“ได้ยินมั้ยโอ.. ถ้าเข้าใจแล้วก็ลงไปได้”

“ทำไมฮะ คุณคริส”

“ทำไมอะไร!!..”

“คุณไม่เจอไมเคิลหนึ่งคืนไม่ได้หรือฮะ ไอ้เปี๊ยกนั่นมันมีอะไรดี คุณถึงเรียกหามันทุกคืนจนลืมพวกเราไปเลย”

คริสรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญเต็มที่ เสียงเขียวใส่โจอย่างไม่สบอารมณ์

“ฟังนะโอ ห้ามเรียกไมเคิลว่า “มัน” อย่าเรียกไมเคิลว่าไอ้เปี๊ยก..หรือไอ้หนู.. ฉันกับไมเคิลต้องเจอกันทุกคืน ถ้าเธอหรือใครๆ ต้องการพบฉันก็ต้องหลังจากที่ฉันเสร็จธุระกับไมเคิลแล้ว ถ้าเธอมีปัญหาและไม่เข้าใจก็ยกเลิกที่ฉันพูดเมื่อสักครู่ซะ”

“ไม่ฮะ.. ไม่นะฮะ.. ผมขอโทษ”

โอทรุดตัวลงคุกเข่าเป็นกิริยาสำนึกผิดที่หนุ่มแสบทั้ง 4 คน บางครั้งรวมถึงแฟรงค์ด้วยจะทำเมื่อเห็นว่าคริสโกรธมากจริงๆ

“ผมจะไม่เรียกไมเคิลว่ามันอีกแล้ว ผมขอโทษฮะ คืนนี้ 3 ทุ่มครึ่งผมจะขึ้นมารับใช้นะครับ คุณคริส..”

คริสยืนนิ่งไม่พูดอะไร  โอลุกขึ้นยืนโน้มตัวขึ้นหอมแก้มคริสก่อนวิ่งออกจากห้องไป   ร่างสูงส่ายหน้าด้วยความระอา



- F a t h e r h o o d -



ไมเคิลนอนลืมตาอยู่บนเตียง ไม่สามารถข่มตาหลับต่อได้ทั้งที่ยังง่วงอยู่  รู้สึกสับสนกับกิริยาที่คุณคริสปฏิบัติกับโอที่หน้าประตู ถ้าโอเป็นผู้หญิงไมค์ก็คงไม่แปลกใจอะไรอย่างมากก็แค่เขินเท่านั้นที่ออกมาเห็นพอดี คุณคริสเองก็เคยจูบและหอมแก้มไมค์หลายครั้งแต่ไม่ใช่แบบที่ทำกับโอเมื่อสักครู่นี้ ไม่ใช่แน่นอน….




- F a t h e r h o o d -



ห้องพักผ่อนคฤหาสน์ “บริเจคส์”

วันนี้เป็นวันหยุดสมาชิกในบ้านอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครออกไปไหนเพราะฝนตกเกือบตลอดวัน โฮมเธียเตอร์วันนี้ถูกจองคิวกันคนละเรื่อง 2 เรื่อง โดยเฉพาะทิมชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ

คริสนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาตัวโปรดที่มุมห้อง โดยมีไมเคิลนั่งคุกเข่าบีบนวดอยู่ข้างๆ แฟรงค์นั่งคุยโทรศัพท์เป็นชั่วโมงแล้วโดยไม่สนใจกับระบบเสียงเซนเซอร์ราวด์ของหนังแอคชั่นสุดมันส์ที่หนุ่มแจ๊ค บอย และทิม นั่งเรียงแถวบนโซฟายาวจ้องเขม็งตาไม่กระพริบ ในขณะที่โอนั่งที่โซฟาเดี่ยวตามลำพัง สายตาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่จอทีวีเหมือนเพื่อนๆ แต่คอยชำเลืองมองที่คริสและไมเคิลตลอดเวลา

ความรู้สึกของโอขณะนี้ไม่ใช่ความหึงหวงแต่เป็นความอิจฉา เขาไม่เข้าใจว่าไมเคิลมีอะไรดีคุณคริสจึงหลงมากขนาดนี้ คุณคริสไม่เคยปฏิบัติกับใครแบบนี้มาก่อน แม้แต่ทิมซึ่งคุณคริสเคยหลงอยู่พักใหญ่ถึงขนาดเรียกหาเกือบทุกคืน   แต่เพียงแค่ 2 สัปดาห์ก็เบื่อ

ก่อนที่ไมเคิลจะเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้าน พวกเขาสี่คนผลัดกันขึ้นตามเวรในวันที่คุณคริสเรียกหา คุณคริสจะไม่เอ่ยชื่อใครแต่จะบอกว่าใครว่างให้ขึ้นไป

สองเดือนที่ผ่านมานี้คุณคริสไม่เรียกหาพวกเขาเลยนอกจากไมเคิลคนเดียว ถ้าวันนั้นเขาไม่เป็นคนเอ่ยขอเองก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้คุณคริส แต่แม้จะได้เข้าใกล้คุณคริสก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิม กลับให้นั่งบีบนวดเหมือนอย่างที่ไอ้หนูไมเคิลกำลังทำอยู่ตอนนี้ หลายวันมานี้โอจึงรู้สึกหงุดหงิด และยิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อพรรคพวกในกลุ่มไม่มีใครสนใจเลยว่า มีกระป๋องมาวางดักอยู่ตรงหน้าเพื่อให้พวกเขาเดินตกลงไป

โอสะดุ้งเมื่อถูกหอมแก้มโดยไม่รู้ตัว เสียงคุณแฟรงค์กระซิบข้างหู

“เสียมารยาทนะโอ.. แอบมองอยู่ได้ อิจฉาล่ะซี..”

โอหน้างอเมื่อแฟรงค์พูดแทงใจดำ แฟรงค์เข้าใจจิตใจและรู้จักนิสัยหนุ่มน้อยทั้งสี่คนดีกว่าคริส

“ไหนคุณเคยบอกไงฮะ ว่าคุณคริสไม่เคยหวงพวกเรากับคุณ ไมเคิลมาอยู่ที่นี่ 2 เดือนแล้ว คุณยังไม่ได้แอ้มเลยใช่มั้ยฮะ”

แฟรงค์สะอึกเมื่อถูกเด็กหนุ่มย้อนแทงใจดำเข้าบ้าง…

เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่า…เด็กหนุ่มทุกคนที่เข้ามาอยู่ในความอุปการะและพักอาศัยในคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้ นอกจากจะต้องเป็นเด็กดีรักการเรียนแล้วยังต้องเข้าใจและรับสภาพที่เป็นอยู่ได้ และไม่ใช่ธุระของคริสที่จะมาทำความเข้าใจกับหนุ่มน้อยเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของแฟรงค์… ตั้งแต่ดูแลเรื่องการเรียนและความเป็นอยู่ตลอดจนสอนบทเรียนในการปรนนิบัติต่อเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าแฟรงค์จะสอนให้หนุ่มน้อยแต่ละคนเข้าใจและยอมรับ เขาต้องใช้วาทะศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมสมาชิกใหม่แต่ละคนไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะทิมเขาต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนกว่าหนุ่มน้อยจะหายตกใจและยอมเรียนรู้จากเขา แต่ถึงกระนั้นเมื่อทิมขึ้นไปหาคริสในคืนแรกก็ถูกไล่กลับลงมาเพราะความไม่พร้อม คริสไม่ชอบการบังคับ แค่รู้สึกว่าเด็กตื่นกลัวหรือไม่เต็มใจเขาก็จะไม่แตะต้อง อย่างมากให้บีบนวดสักพักก็ไล่กลับห้อง
แต่สำหรับเด็กชายวัย 13 ปีคนนี้ คริสไม่ได้ออกปากให้เขาดูแลเหมือนเด็กคนอื่นๆ ซึ่งเขาเข้าใจว่าคริสอาจต้องการดูแลและฝึกสอนทุกอย่างให้กับเจ้าหนูเอง และเมื่อคริสไม่ออกปากเขาจึงไม่กล้าเข้าไปวุ่นวายกับไมเคิล และจริงอย่างที่โอว่า… ช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้คริสอยู่ใกล้ชิดเด็กชายเกือบทุกคืน น่าจะเบื่อได้แล้วแต่กลับไม่เบื่อ….

เมื่อโอพูดแทงใจดำเหมือนรู้ ทำให้แฟรงค์อดไม่ได้ต้องเดินไปหาคำตอบเพื่อคลายความข้องใจ เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ไมเคิลซึ่งกำลังบีบนวดที่ขาของคริสแต่สายตาจับจ้องที่ทีวี

“ทำไมนวดเก่งจัง หัดมาจากไหนหรือไมเคิล”

หนุ่มน้อยละสายตาจากทีวี หันมายิ้มให้

“ตอนเด็กๆ ผมต้องนวดให้แม่ทุกวันฮะ”

“อิจฉาคุณคริสจัง จองคิวเธอมาเป็นเดือนๆแล้ว เมื่อไรจะว่างนวดให้ฉันบ้างล่ะไมเคิล”

“เอ่อ.. ครับ เมื่อไรก็ได้”

แฟรงค์ขยับเข้าไปกระซิบถามเด็กชายเบาๆ

“จริงเหรอ คืนนี้เลยได้มั้ย”

ไมเคิลพยักหน้า กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเบาลงเช่นกัน

“ได้ครับ.. แต่ต้องดึกหน่อย กว่าผมจะออกจากห้องคุณคริสก็เกือบ 4 ทุ่ม บางทีก็ดึกกว่านั้น”

เรื่องที่คริสสอนภาษาอังกฤษให้กับไมเคิล เขาสั่งเด็กชายให้ปิดเป็นความลับเพราะเขาไม่เคยเสียเวลาในเรื่องนี้กับใครมาก่อน จึงไม่อยากให้เด็กคนอื่นเห็นว่าเขาลำเอียง

“ดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ฉันคอยได้ เธอเสร็จธุระจากคุณคริสเมื่อไรก็ลงมาหาฉันที่ห้องเลยนะ โอเค..” แฟรงค์รีบนัดแนะกับเจ้าหนูด้วยความยินดี

“อะแฮ่ม!!!!  ” เสียงคริสกระแอมขัดจังหวะ แฟรงค์สะดุ้งเล็กน้อยขยับตัวออกห่างจากเจ้าหนู

“มีอะไรหรือไมเคิล..”

“คุณแฟรงค์อยากให้ผมนวดให้บ้างฮะ ให้ผมไปหาที่ห้องคืนนี้”

คริสปิดหนังสือพิมพ์โยนไปที่ชายหนุ่ม

“คุณแฟรงค์เขาล้อเล่นน่ะไมเคิล  เขาเส้นตื้น  ไม่ชอบให้ใครมาบีบนวดให้ ใช่มั้ย… แฟรงค์”

แฟรงค์ยิ้มแห้งๆ คำถามที่ย้อนกลับมาเป็นคำตอบแล้วว่าคริสไม่ต้องการให้เขายุ่งเกี่ยวกับเจ้าหนูไมเคิล แฟรงค์พยักหน้าและยิ้มให้หนุ่มน้อยซึ่งกำลังจ้องมองและถามเขาด้วยสายตา

“ฉันล้อเล่นน่ะ ไมเคิล.. อยากรู้ว่าเธอมีน้ำใจหรือเปล่า” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและพูดเปรยๆ

“ไม่เป็นไรหรอก… รอให้เบื่อก่อนก็ได้…”

แฟรงค์เดินเลี่ยงออกจากห้องไป โอลุกขึ้นวิ่งตามไปติดๆ

“คุณแฟรงค์หมายถึงอะไรครับ ทำไมต้องให้เบื่อก่อน”

“ไม่มีความหมายหรอกไมเคิล อย่าใส่ใจเลย ไปนั่งดูหนังเถอะไม่ต้องนวดแล้ว”

“ครับ” ไมค์รับคำและลุกขึ้นไปหาที่นั่งหน้าจอ

….คอยไปเถอะแฟรงค์ อย่าหวังเลยว่าฉันจะเบื่อ….

นับวันคริสยิ่งหลงรักเด็กชายมากขึ้นและมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้   เป็นความสุขที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนไม่ว่าจะกับโอ แจ๊ค บอย หรือทิมมี่ ความสุขที่เขาได้รับจากหนุ่มน้อยเหล่านี้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวและเฉพาะเวลาที่อยู่ใกล้เท่านั้น แต่กับไมเคิลเหมือนเจ้าหนูอยู่ในหัวใจเขาตลอดเวลา ทั้งรักและห่วง  คริสบอกตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกที่เขามีให้ไมเคิลคืออะไรกันแน่...



- F a t h e r h o o d -



คืนนี้ไมเคิลไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพราะคริสโทรมาบอกว่าจะกลับดึกมากให้เข้านอนเลยไม่ต้องคอย หลังอาหารเย็นเด็กชายจึงกลับมาที่ห้องนั่งทบทวนแบบฝึกหัดที่ทำไป และฝึกอ่านออกเสียงตามที่คุณคริสสอน
เสียงเคาะประตูทำให้ไมค์ต้องรีบเก็บสมุดซ่อนไว้ใต้ที่นอนเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ตามที่คุณคริสสั่งไว้

“ทำอะไรอยู่ไมค์..”

แจ๊คถามด้วยความสงสัยเพราะไมเคิลชอบเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว ไม่ค่อยมาเข้ากลุ่มเอะอะเฮฮาด้วยกัน ทั้งๆ ที่รู้จักคุ้นเคยกันนานพอสมควรแล้ว

“อ่านหนังสืออยู่ เอ่อ.. เปล่าครับ ไม่ได้ทำอะไร”

ไมค์ตกใจที่พูดความจริงออกไป แจ๊คขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าไมเคิลอ่านอะไร ไม่ได้เรียนหนังสือซะหน่อย สายตามองไปที่โต๊ะเขียนหนังสือเห็นนิตยสารรถที่ไมค์เคยขอยืมเขามา

“โธ่เอ้ย! นายชอบดูรูปรถเหรอ ฉันมีอีกหลายเล่มเลยเดี๋ยวเอามาให้ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ อย่าเพ้อฝัน… ถึงแม้ตอนนี้นายกำลังเป็นคนโปรดของคุณคริส แต่อย่าคิดเอ่ยปากอยากได้เป็นอันขาด เพราะนอกจากจะข้ามหน้าข้ามตาพวกเราแล้ว นายเองก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะขับรถ ฉันพยายามไม่มีอคติกับนายนะไมเคิล อย่าให้ฉันรู้สึกไม่ชอบหน้านายเหมือนนายโอ คุณคริสเคยรับปากกับฉันว่าจะซื้อรถให้เมื่อถึงเวลา ถ้าฉันต้องอดได้เพราะนายเป็นต้นเหตุ นายเจ็บตัวแน่ ไมค์..”

แจ๊คกล่าวจบก็เดินกลับออกไปอย่างไม่สบอารมณ์กับเรื่องที่คิดและเข้าใจไปเอง จนลืมไปว่าตัวเองมาหาไมเคิลทำไม   ไมค์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้วยความงุนงง  ร่างเล็กถอยกลับเข้าห้องก็ต้องหยุดชะงักกับเสียงเรียกของแจ๊คอีกครั้ง

“เฮ้! ไมเคิล คุณแฟรงค์ให้มาตามนายไปที่ห้อง เดี๋ยวนี้เลยนะ”

เป็นครั้งแรกที่ไมค์ได้มีโอกาสเข้ามาในห้องของคุณแฟรงค์ พบสมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าในห้องนี้ ไมค์เดินเข้ามาในห้องแต่เพียงแค่ 2 ก้าวก็ต้องหยุดชะงักกับภาพที่เห็นในจอทีวี คุณแฟรงค์ โอ แจ๊ค และทิมมี่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่บนเตียงจ้องดูตาไม่กระพริบ ราวกับดูหนังแอคชั่นมันส์ๆ อย่างนั้นล่ะ

“เอ่อ.. ขอโทษครับ” ไมค์รีบหันหลังเดินกลับไปที่ประตูแต่บอยยืนขวางไว้

“จะไปไหน ไมเคิล..” แฟรงค์ร้องถาม

“ผมขอตัวก่อนครับ เดี๋ยวค่อยมาใหม่” ไมค์ตะโกนตอบโดยไม่หันไปมอง ขยับจะเดินออกจากห้อง แต่บอยขวางไว้ไม่ยอมให้ออก

“ขอตัวไปไหนล่ะ มานี่ซี มานั่งดูด้วยกัน” แฟรงค์พยักหน้าให้บอย

“เอ่อ.. ไม่ฮะ ผมไม่ดู ผมขอตัวก่อน ผมไม่อยากดูฮะ ปล่อยผม…”

บอยฉุดกระชากไมเคิลมาจนได้เพราะตัวใหญ่กว่าเยอะ แฟรงค์ฉุดมือเด็กชายให้นั่งลงบนเตียง ไมค์ตกใจหันหลังให้จอทีวี ก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะชำเลืองมองจนแฟรงค์อดหัวเราะไม่ได้

“อะไรกันไมเคิล.. ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วย นี่เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเพศศึกษานะ”

“ผมไม่อยากศึกษาวิชานี้ ให้ผมกลับออกไปเถอะครับคุณแฟรงค์..”

แฟรงค์จับหนุ่มน้อยให้หันหน้าไปหาทีวี ไมเคิลตกใจกับภาพที่เห็นจนหัวใจเต้นแรง ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมีการกระทำแบบนี้ด้วย ทำไมทุกคนนั่งดูกันเฉยเหมือนนั่งดูรายการทีวีปกติเลย

“คุณคริสทำอย่างนี้กับเธอหรือเปล่าไมเคิล หือ..”

แฟรงค์กระซิบถามเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันทำให้ไมค์สะดุ้งและใจหายวาบ

“ไม่ครับ ไม่… คุณคริสไม่เคยทำ..”    ไมค์เบือนหน้าหนีไม่สามารถทนมองภาพในทีวีได้อีก รู้สึกกลัวจนตัวสั่น ขยับจะลุกก็ไม่ได้เพราะคุณแฟรงค์ใช้ขาหนีบตัวไมค์ไว้

“อะไรกันสองเดือนกว่าแล้วนะ คุณคริสยังสอนเธอไม่ถึงบทนี้อีกเหรอ นี่ถ้าให้ฉันสอนป่านนี้ได้ขึ้นสวรรค์กันไปแล้ว เขาให้เธอทำอะไรบ้าง หือ..”

แฟรงค์ขยับขาหนีบร่างหนุ่มน้อยแน่นขึ้นเมื่อเจ้าหนูพยายามจะลุกหนีให้ได้

“ปล่อยเถอะฮะคุณแฟรงค์ ผมจะกลับห้อง”

“ไม่ปล่อย ฉันหวังดีกับเธอนะไมเคิล เธอไม่อยากรู้วิธีปรนนิบัติคุณคริสของเธอให้มีความสุขหรอกเหรอ เขาช่วยชีวิตเธอไว้ เธอควรจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณเขานะ ไมค์”

ไมเคิลรู้สึกตกใจและตื่นกลัวกับเรื่องที่ได้ยิน คำพูดของคุณแฟรงค์กำลังจะตอบข้อสงสัยของพฤติกรรมและคำพูดแปลกๆ ที่ไมค์เคยเห็นและเคยได้ยินในบ้านหลังนี้

“ไม่ฮะ คุณคริสไม่ทำแบบนี้กับผม ผมอยากให้คุณคริสมีความสุข ผมทำทุกอย่างที่คุณคริสสั่งแล้วแต่ไม่ใช่แบบนี้หรอกฮะ ปล่อยเถอะครับคุณแฟรงค์ ผมจะกลับห้อง” ไมเคิลขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุณคริสไม่ทำกับเธอไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการนะไมเคิล แต่เขาบังคับและฝืนใจใครไม่เป็น เธอต้องเป็นฝ่ายปรนนิบัติคุณคริสรู้มั้ย ไอ้หนู”

“ใช่!! ตั้งแต่นายมาอยู่ที่นี่ คุณคริสไม่เคยเรียกหาพวกเราเลย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณคริสไม่ได้ทำอะไรกับนายแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเขาไม่หลงนายจนลืมพวกเราหรอก”

โอกล่าวแทนเพื่อนๆ ด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นจริงด้วย

ไมเคิลตกใจจนพูดไม่ออกได้แต่ส่ายหน้า แฟรงค์รีบปล่อยเด็กชายเมื่อเห็นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไมเคิลลุกขึ้นกระโดดลงจากเตียงและวิ่งหนีออกจากห้องไป  :o12:    ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจไล่หลัง



- F a t h e r h o o d -



กลับเข้ามาในห้องนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วไมเคิลก็ยังไม่หายตื่นตกใจ ไม่ใช่ภาพที่เห็นในจอทีวีหรอกที่ทำให้ไมค์ตกใจมากขนาดนี้ แต่เพราะเรื่องของคุณคริสที่ไมค์รับรู้มาจากคำบอกเล่าของคุณแฟรงค์ต่างหาก

ดึกมากแล้วแต่ร่างเล็กยังนอนกระสับกระส่ายไปมา ในสมองมีแต่คำพูดของคุณแฟรงค์

….คุณคริสไม่ทำกับเธอ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการนะไมเคิล.. คุณคริสช่วยชีวิตเธอไว้เธอควรทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของเขา……

….คุณคริสไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร เธอต้องเป็นฝ่ายปรนนิบัติเขา ไมเคิล..




:m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 20-08-2008 13:21:38
^
^
^
ร้องด้วย  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 20-08-2008 13:34:49
เฮ้ย !!

คริส คิดอะไรอยู่น้า :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 20-08-2008 17:17:35
เฮะ ๆ มาต่อเร็วนะครับ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-08-2008 21:08:10
เฮอ เฮอ เฮอ...อีกเรื่องของคุณเจ๊หมวย
ก็ตามสิคร้าบ...มาช้าไปหน่อย
แต่ดีก่าไม่มาเนอะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 21-08-2008 00:53:27
อารายกานมาอิจฉาอะำไรก่ะเด็กตัวเล็กๆๆอิอิ ไมค์น่ารักมากกกกกก
รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 22-08-2008 09:24:14
ไปสอนเด็กแบบนั้นซะได้ :เฮ้อ:คิดไรกัน :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-08-2008 10:17:10
ว้าวววววววววววววววววว เจ๊หมวยกลับมาแล้ว แบบนี้ไม่อ่านไม่ได้แล้ววววววววว อิอิ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 22-08-2008 11:34:18
5



“เข้ามาซี ไมเคิล”

ไมค์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเมื่อเห็นคุณคริสพันผ้าขนหนูไว้เพียงผืนเดียว ทั้งที่ปกติชอบใส่เสื้อคลุมมากกว่า

“เอ่อ.. คุณคริสเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ วันนี้งดก็ได้ครับ  ดึกแล้วด้วย”

“ทำไมล่ะ เธอง่วงเหรอ”

“เปล่าครับ ผมไม่อยากให้คุณคริสเหนื่อย”

คริสหัวเราะ
“ถ้าเธอไมง่วงหรือขี้เกียจฉันก็ไม่เหนื่อย เข้ามาไมเคิล.. อย่าโอ้เอ้”   คริสพยักหน้าให้เด็กชายเดินตามเข้ามาในห้อง

“นั่งทำแบบฝึกหัดไปก่อนไมเคิล.. ฉันจะอาบน้ำ เดี๋ยวจะกลับออกมาตรวจ”

คริสหายเข้าไปในห้องน้ำนานกว่าครึ่งชั่วโมง เขาเผลองีบในอ่างน้ำอุ่นด้วยความเพลีย วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ ต้องวิ่งดูงานถึง 2 ที่ งานก่อสร้างอาคารเป็นงาน Job ของเขา ส่วนโรงงานต่อเรือยอร์ชเป็นธุรกิจส่วนตัวและกำลังอยู่ในระหว่างเร่งงานเพื่อให้ทัน order จริงอย่างที่ไมเคิลกังวลว่าเขาเหนื่อย แต่เมื่อวานงดสอนไปหนึ่งวันแล้ววันนี้เลยไม่อยากงด อย่างน้อยเรียกขึ้นมานั่งพูดคุยด้วยสักหนึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้เขาเหนื่อยขึ้น  กลับได้ความสุขใจและรู้สึกหายเหนื่อยมากกว่า

“เสร็จหรือยัง ไมเคิล..”

ไมค์สะดุ้งและใจหายอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อคุณคริสเข้ามายืนด้านหลังก้มลงดูแบบฝึกหัด กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ โชยเข้าจมูกทำให้ไมค์ใจเต้นตุ้บตับ

“ทำไมเพิ่งทำได้แค่ 2 ข้อล่ะ นี่มันแบบฝึกหัดเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่เลยนะ”

“เอ่อ.. วันนี้ผมไม่ค่อยสบายครับ คุณคริส”

…..แปลกจัง! ทำไมวันนี้จิตใจไมค์ไม่ค่อยอยู่กับตัว สะดุ้งทุกครั้งที่คุณคริสเรียก ...

คริสตกใจจับศีรษะหนุ่มน้อยซุกเอามือแตะหน้าผากด้วยความเป็นห่วง

“เป็นอะไรไมเคิล ไม่สบายมากหรือเปล่า”

“ไม่เป็นอะไรมากครับ ปวดหัวนิดหน่อยเอง”

“ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ หือ..” คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก้มลงหอมแก้มหนุ่มน้อยและกระซิบสั่งเบาๆ

“เดี๋ยวทานยาแล้วไปนอนซะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นต้องไปหาหมอนะ”

ไมค์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจับไข้เมื่อถูกคุณคริสหอมแก้ม คุณคริสทำแบบนี้กับไมค์ทุกคืน แต่ทำไมคืนนี้ไมค์ต้องรู้สึกตื่นเต้นและกลัวด้วย

คริสเชื่อสนิทว่าหนุ่มน้อยไม่สบายเพราะมีอาการเหมือนจะจับไข้ เขาผละไปหายาและน้ำมาให้ดื่ม

"ทานยาซะไมเคิล แล้วกลับไปนอน พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะดีขึ้น”

ไมเคิลจำเป็นต้องทานยา เพราะไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองกำลังไม่สบายจริงๆ หรือเปล่า รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ

“ฉันจะพาไปส่งที่ห้อง”    คริสจูงมือเด็กชายจะพาไปส่งแต่ร่างเล็กขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินตาม เขาหันมาส่งคำถามด้วยสายตา

“ผมไม่อยากไปนอนที่ห้อง” ไมค์ก้มหน้าลง “ผมขอนอนที่นี่ได้มั้ยฮะ”

คริสเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่ไมเคิลเอ่ยขออะไรจากเขา ถ้าเป็นเด็กคนอื่นอย่าหวังเลยว่าคริสจะใจอ่อน ถึงจะไม่สบายก็เถอะ…

คริสหัวเราะในลำคอ ดึงเด็กชายเข้ามาสวมกอดและเงยหน้าขึ้นสบตา

“ได้ซีไมเคิล.. สำหรับเธอมีอะไรไม่ได้”

ไมเคิลแกล้งนอนหลับเกือบ 10 นาทีแล้ว คริสก็ยังไม่ยอมเข้านอน ไมค์แอบลืมตาขึ้นดูเห็นร่างสูงใหญ่ยังคร่ำเคร่งกับงานที่โต๊ะเขียนแบบ ไมค์รู้สึกสงสาร ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณคริสต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว คุณแฟรงค์วันๆ ไม่เห็นทำอะไร แถมยังได้เงินเดือนจากคุณคริสอีก

….เห็นคุณคริสเหนื่อยแบบนี้ ไมค์ตัดสินใจแล้วว่าควรจะทำอะไรบางอย่างตอบแทนให้คุณคริสหายเหนื่อยบ้าง…

คริสดับไฟที่โต๊ะทำงานและเดินมาที่เตียงล้มตัวลงนอนด้วยความรู้สึกเมื่อยล้า สักพักก็ขยับตัวเข้าไปในผ้าห่ม ตกใจเมื่อเห็นเด็กชายนอนขดตัวอยู่ คริสส่ายหน้าเพราะเจ้าหนูเล่นนอนซุกอยู่ในผ้าห่มทั้งตัวจนเขามองไม่เห็น และลืมไปเลยว่าคืนนี้ไมเคิลขอนอนที่ห้องด้วย

คริสขยับร่างเล็กขึ้นมานอนหนุนหมอนและห่มผ้าให้ เขาแตะมือที่หน้าผากเมื่อเห็นว่าไม่มีอาการไข้ก็โล่งใจ ก้มลงจูบหน้าผากหนุ่มน้อยเบาๆ ก่อนดับไฟที่หัวเตียงและล้มตัวลงนอน

กำลังจะเคลิ้มหลับคริสก็สะดุ้งตื่นเมื่อถูกลำแขนเล็กป่ายมาสวมกอด นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ชอบให้ใครมานอนข้างๆ ด้วย โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องการหลับหรือพักผ่อนจริงๆ บางครั้งแค่มีใครนอนอยู่ข้างๆ ถึงจะอยู่ห่างๆ เขาก็นอนไม่หลับแล้ว คืนนี้คริสอนุโลมให้เด็กชายนอนด้วยเพราะวันนี้รู้สึกเหนื่อยมาก แต่ถ้าถึงขนาดเข้ามาสวมกอดอย่างนี้ต่อให้เหนื่อยขนาดไหนก็นอนไม่หลับ

คริสนอนนิ่งอยู่ชั่วครู่กะว่ารอให้หนุ่มน้อยหลับสนิทแล้วค่อยขยับร่างออกไป แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ เมื่อเจ้าหนูไม่ได้สวมกอดเขาด้วยแขนอย่างเดียว แต่ขยับขามาพาดที่ลำตัวเขาตามด้วยเสียงพึมพำเบาๆ เหมือนคนละเมอ

“ผมรักคุณคริสฮะ”

….เขาหูฝาดไปหรือเปล่าที่ได้ยินประโยคนี้จากปากไมเคิล ถ้าเป็นเด็กแสบพวกนั้นพูดเขาจะไม่แปลกใจเลย แต่นี่เป็นเจ้าหนูไร้เดียงสาที่เขาไม่กล้าแตะต้องหรือคิดเป็นอื่น นอกจากความรักที่ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น

คริสชักไม่แน่ใจว่าไมเคิลขยับเข้ามาสวมกอดเขาเพราะฝันหรือละเมอ เพราะมือของเจ้าหนูเริ่มอยู่ไม่สุก สอดเข้าไปในเสื้อนอนและลูบที่แผงอกเขาเบาๆ โอ!.. ให้ตายเถอะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าร่างเล็กที่นอนอยู่ข้างๆ เขาขณะนี้คือไมเคิล มันน่าจะเป็นโอหรือแจ๊คมากกว่า

คริสเอื้อมมือเปิดไฟที่หัวเตียงและหันมาเขย่าร่างเล็กที่ซุกอยู่กับอก เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหนูมีสติหรือกำลังฝันอยู่กันแน่

“ไมเคิล.. หลับอยู่หรือเปล่า ตื่นก่อนเร็ว”

คริสตกใจเมื่อเด็กชายขยับตัวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตที่จ้องมองมาไม่ได้ส่อแววงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน คริสยิ้มให้หนุ่มน้อยและเอ่ยถามเพื่อยืนยันความเข้าใจอีกครั้ง

“ฝันไปหรือเปล่าไมเคิล.. รู้มั้ยว่าเธอละเมอว่าอะไร”

หนุ่มน้อยส่ายหน้าและยืนยันคำพูดเดิม

“ผมไม่ได้ละเมอ ผมพูดจริงๆ ผมรักคุณคริสฮะ.. คุณคริสรักผมมั้ย..”

คริสขยับตัวขึ้นในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอน คำถามของไมเคิลทำให้จิตใจเขาเริ่มไม่ปกติจำต้องตอบคำถามและฝืนยิ้มให้

“รักซีไมเคิล.. ไม่รักฉันคงไม่เสียเวลาอยู่ใกล้ชิดกับเธอทุกคืนอย่างนี้”  พูดจบก็ต้องใจหายวาบอีกเมื่อเด็กชายขยับขึ้นมาสวมกอดและซุกหน้าลงกับอก

“ผมก็รักคุณคริสฮะ ผมยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ ถ้าทำให้คุณมีความสุข…”

“ไมเคิล.. พูดอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า”

“รู้ครับ คุณช่วยชีวิตผมไว้ คุณมีพระคุณกับผม จะทำอะไรก็ได้ผมยอมทุกอย่าง…”

คริสเริ่มไม่แน่ใจกับคำพูดจึงรั้งเด็กชายให้ลุกขึ้นนั่ง

“เธอหมายถึงอะไรไมเคิล อยากให้ฉันทำอะไรงั้นเหรอ”

“ทำเหมือนกับที่คุณทำกับคุณๆ ทั้งสี่คนไงฮะ” ไมเคิลก้มหน้างุดขณะตอบคำถามนี้

คริสกลืนน้ำลายลงคอ ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่าไมเคิลรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เขาสั่งห้ามทุกคนในบ้านไม่ให้บอกเล่าเรื่องราวอะไรให้เด็กชายฟัง ปล่อยให้ค่อยๆ รับรู้ไปเอง ส่วนตัวเขาไม่เคยคิดจะปิดบังแต่ก็จะไม่บอกเล่าถ้าไม่จำเป็น

“แน่ใจหรือไมเคิล.. ว่าเธอรู้ว่าฉันทำอะไรกับเด็กพวกนั้น”

ไมเคิลพยักหน้ารับทั้งที่ยังก้มงุดอยู่

คริสเงยหน้าเด็กชายขึ้น ดวงตาชวนฝันของเจ้าหนูในคืนนี้ส่อแววเชื้อเชิญจนอารมณ์ของเขาเริ่มอ่อนไหว

“แน่ใจนะไมเคิล.. ว่าพร้อมที่จะให้ฉันทำกับเธอแบบที่ทำกับคนอื่นๆ”

แทนคำตอบหนุ่มน้อยปลดกระดุมเสื้อนอนและถอดออก  ร่างเล็กขยับเข้าสวมกอดคริสและกระซิบคำพูดเดิม

“ผมรักคุณคริสฮะ… ”


คริสไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ได้อีกต่อไป เมื่อเจ้าหนูที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมานานกว่า 2 เดือน เป็นฝ่ายเรียกร้องและต้องการความรักจากเขา เขาสวมกอดเด็กชายไว้แนบอก ตอบตัวเองไม่ได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรู้สึกที่มีให้ไมเคิลซึ่งเขามั่นใจว่าไม่ใช่แบบที่รู้สึกในตอนนี้ ทำไมจึงแปรเปลี่ยนไปได้ เขาเคยคิดว่ามันบริสุทธิ์กว่าความรู้สึกที่มีให้กับหนุ่มน้อยคนอื่นๆ ที่สุดแล้วมันก็ไม่แตกต่างกันเพียงแค่เด็กชายรับรู้และยินยอมเท่านั้น หรือเป็นเพราะเขาเก็บความต้องการของตัวเองไว้ยาวนานเกินไป เพราะตั้งแต่มีไมเคิลอยู่ใกล้ เขาไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์กับเด็กหนุ่มคนไหนเลย

ร่างเล็กบางสั่นสะท้านเมื่อถูกคริสจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปาก เขารีบผละออกเพราะรู้ว่าครั้งแรกของหนุ่มน้อยจะตกใจกลัวจนตัวสั่นอย่างนี้ทุกคน

คริสจัดการกับกางเกงนอนของเด็กชายซึ่งมีอาการขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะยินยอมด้วยดีเหมือนนึกขึ้นได้ ริมฝีปากอุ่นไล่จุมพิตผะแผ่วทั่วผิวกายของเด็กชายด้วยความรู้สึกเสน่หา กลิ่นกายอ่อนเยาว์ของหนุ่มน้อยปลุกเร้าอารมณ์เขาจนเตลิดไปไกลเกินกว่าจะหยุดได้แล้ว

เด็กชายผวาเฮือกเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นคร่อมโดยออมแรงไว้ไม่ทาบทับลงไปทั้งตัว คริสกระซิบปลอบเมื่อร่างเล็กข้างใต้สั่นสะท้านมากขึ้น

"ไม่กลัวนะไมเคิล.. เด็กดี… ไม่ต้องกลัวนะ…"

เด็กชายหลับตาซุกหน้าลงกับหมอน ทุกครั้งที่กลัวหรือเจ็บปวดจากอะไรก็ตามไมค์จะร้องเรียกให้พ่อช่วยเสมอ ความรู้สึกในขณะนี้ทำให้เสียงครางดังแผ่วออกมาพร้อมอาการสะอื้นไห้

“แด๊ดดี้..อย่าทำเจ็บนะ ผมกลัว.. ฮือๆ .."

โอ! พระเจ้า… อารมณ์ที่กำลังเตลิดไปไกลชะงักลง สติและสามัญสำนึกย้อนกลับคืนมาทันทีที่คำเรียก “แด๊ดดี้” ของเจ้าหนูผ่านเข้าโสตประสาทของคริส เขาผละออกจากเด็กชายคว้าเสื้อคลุมขึ้นสวมอย่างเร็ว รู้สึกตกใจกับการกระทำของตัวเอง

คริสขยับเข้าสวมกอดร่างเล็กที่นอนสั่นอยู่เพื่อปลอบประโลม....ใจหายเมื่อรู้ว่าอาการสะท้านไม่ได้มาจากความตื่นกลัวแต่มาจากอาการสะอื้นไห้ เจ้าหนูของเขาร้องไห้... ให้ตายเถอะ !... นี่เขาทำอะไรลงไป…

“โอ! ไมเคิล.. ฉันเสียใจ ฉันขอโทษนะ.. อย่าร้องไห้ไมเคิล ได้โปรด…”

เด็กชายยังคงหลับตาและส่ายหน้าเหมือนไม่รับรู้คำขอโทษ คริสขยับผ้าห่มคลุมร่างเปลือยของหนุ่มน้อยไว้และสวมกอดเบาๆ ให้คลายความตกใจ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้.



:m15:


“ผมขอโทษครับ” ประโยคแรกของเด็กชายเมื่อรู้สึกตัวและหายตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

คริสเสยผมหนุ่มน้อยไปมา

“ขอโทษเรื่องอะไร ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอไมเคิล.. ”

“ผมขอโทษที่ผมตกใจ ผมยังไม่พร้อม ขอเวลาผมหน่อยนะฮะ”

คริสเลิกคิ้ว ขันคำพูดของเจ้าหนูที่คิดจะขอเวลาแก้ตัวใหม่

“ไม่ได้หรอกไมเคิล.. ครั้งเดียวก็เกินพอ... ไม่มีครั้งที่สองอีกแล้ว รู้มั้ย...”

“ผมเสียใจ ผมอยากตอบแทนคุณ จะให้ผมทำยังไงครับ”

“ทำไมเหรอ.. มีใครบอกให้เธอตอบแทนบุญคุณฉันด้วยวิธีนี้ใช่มั้ย”

ไมเคิลส่ายหน้าไม่อยากให้คุณแฟรงค์เดือดร้อน

“ฟังนะไมเคิล.. ลืมเรื่องหนี้บุญคุณซะ สวรรค์กำหนดให้ฉันและเธอได้พบกัน จากนี้ไปฉันมีหน้าที่ดูแลให้เธอเติบโตเป็นคนดี ถ้าต้องการทดแทนคุณจริงๆ ล่ะก็ เป็นเด็กดีก็พอ เข้าใจมั้ย..”

“เข้าใจครับ แต่ผมเห็นคุณเหนื่อยทุกวัน ผมอยากให้คุณมีความสุขบ้าง”

“โอ! ไมเคิล ไม่รู้หรือว่าทุกวันนี้แค่ฉันได้เห็นหน้าเธอฉันก็มีความสุขแล้ว..”

“ผมก็เหมือนกัน ผมมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้ๆ คุณ จนไม่อยากอยู่ห่างเลยฮะ”

“ทำไมปากหวานจัง..หือ.. ขอชิมหน่อยได้มั้ยว่าหวานจริงหรือเปล่า”

คริสแกล้งกระเซ้าด้วยการจูบที่ริมฝีปากหนุ่มน้อยเบาๆ 1 ครั้ง ครั้งนี้ไมเคิลไม่ได้ตื่นตกใจจนตัวสั่นแค่รู้สึกเขินเท่านั้น และยิ่งรู้สึกอายหนักขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น

“คุณคริส... ขอเสื้อผ้าให้ผมหน่อยฮะ..”

คริสหัวเราะหันมองไปรอบเตียงก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปใต้ผ้าห่มควานหาเสื้อและกางเกงให้  

เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้คริสนอนไม่หลับทั้งที่รู้สึกเหนื่อยและเพลียมาก เขาเอ่ยเรียกเด็กชายเบาๆ

“ไมเคิล.. หลับหรือยัง..”

“ยังฮะ” หนุ่มน้อยตอบรับทันทีแต่ด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“ฉันมีคำถามอยากให้เธอช่วยตอบหน่อยได้มั้ย..”

ไมเคิลขยับตัวหันเข้าหาคุณคริส ก็พบคุณคริสนอนเท้าแขนจ้องมองอยู่

“ได้ฮะ ”

“ฉันมีอะไรบางอย่างเหมือนพ่อของเธอใช่มั้ย ไมเคิล..”

ไมค์พยักหน้ารับ

“ดวงตาใช่มั้ย..” ดวงตาคู่สวยของคริสจ้องเขม็งที่เจ้าหนูอย่างต้องการคำตอบ และคำตอบที่ได้ก็คืออาการพยักหน้ารับอีกครั้ง

“ทำไมถึงไม่บอกฉันเรื่องนี้ล่ะไมเคิล.. เธอเล่าทุกๆ เรื่องให้ฉันฟังได้ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้ด้วย”

“บอกไปคุณจะเชื่อเหรอครับ ว่าจะมีใครเหมือนคุณ”
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 22-08-2008 12:13:07
มาให้กาลังใจเจ๊หมวยยยยยยยยย

อิอิ   ลงให้ถึงภาค 2 เร็วๆๆน๊า 
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 22-08-2008 12:31:10

“โธ่เอ๊ย! ไมเคิล.. ดวงตาสีฟ้าเหมือนกันไม่ใช่เรื่องแปลก มีเยอะแยะไป”

“แต่คุณเหมือนหลายอย่างครับ ไม่ใช่แค่ดวงตา..”

“มีอะไรอีกล่ะที่เหมือน”

“ถ้าคุณมีพี่น้องฝาแฝด...พ่อผมอาจเป็นคู่แฝดของคุณก็ได้ฮะ..”

คริสตะลึงกับคำบอกเล่าของเด็กชาย เขาไม่ใช่แค่มีส่วนเหมือนหรือคล้ายกับพ่อของไมเคิล แต่เขาเหมือนราวกับเป็นคนๆ เดียวกันยังงั้นเหรอ.. นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าหนูโผเข้าหาเขาครั้งแรกที่ได้พบ.. หรือแม้แต่ทุกวันนี้เขาเองก็รู้สึกว่าถูกเด็กชายลอบมองบ่อยครั้ง ให้ตายเถอะ ! ... เขาเพิ่งจะเข้าใจถ่องแท้ในนาทีนี้ว่า สายตาที่ไมเคิลจ้องมองเขาและความรู้สึกที่เจ้าหนูมีให้เขา คืออะไร...

นึกถึงเสียงร้องเรียกพ่อเมื่อครู่แล้ว คริสรู้สึกผิดอย่างมหันต์   เขาทำเรื่องเลวร้ายและเจ็บปวดกับความรู้สึกของเด็กชายมากมายเหลือเกิน

ดึกมากแล้วแต่ในสมองของคริส บริเจคส์ ยังทบทวนเรื่องราวของหนุ่มน้อย ในขณะที่เจ้าตัวหลับปุ๋ยไปนานแล้ว
.…ฉันเป็นเหมือนเงาของมิสเตอร์สมิธ พ่อของเธอยังงั้นหรือไมเคิล…



:m15:



“กู๊ดมอร์นิ่งฮะ คุณคริส..”

คริสสะดุ้งกำลังใช้ความคิดจึงไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครแอบมายืนข้างหลังตั้งแต่เมื่อไร คริสหันหลังพิงระเบียงพบเด็กชายในชุดนอนใส่กลับข้างก็อดหัวเราะไม่ได้

“มอร์นิ่งไมเคิล.. รีบตื่นทำไมล่ะ ยังเช้าอยู่เลย..”

“ผมไม่ง่วงแล้วฮะ เมื่อคืนผมหลับสนิทเลย สงสัยเป็นเพราะยาที่คุณให้ทาน ผมเลยไม่ได้ฝันถึงพ่อ.. ปกติผมต้องฝันถึงพ่อทุกคืนเลยฮะ”

คริสใจหายเมื่อได้ยินคำว่า “พ่อ” ไมเคิลคุยจ้อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา ทำให้เขารู้สึกละอายใจมากขึ้นจนต้องรั้งร่างเล็กเข้ามาสวมกอด จูบที่ศีรษะและกระซิบขอโทษอีกครั้ง

“ขอโทษนะไมเคิล เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนฉันเสียใจ ฉันขอโทษนะ”

“ผมก็ขอโทษคุณด้วย..ผมผิดเองฮะ”    ไมค์คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองมากกว่า ถ้าไม่คิดตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีบ้าๆ ตามที่คุณแฟรงค์บอก เรื่องเมื่อคืนก็ไม่มีทางเกิดขึ้น

“ฉันต่างหากที่ผิด ทำให้เธอตกใจและกลัว ถึงตอนนี้ไม่ว่าเธอจะคิดยังไงกับฉันก็ไม่เป็นไรนะไมเคิล.. แต่ฉันอยากให้เธอลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนซะ โอเค!.. ”

“ถ้าจะให้ผมลืม คุณก็ต้องลืมด้วยนะฮะ”

“โอเค! ไมเคิล เราจะหลับตานับ 1-3 และลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดพร้อมๆ กัน หลับตาซีไมเคิล..”

ไมเคิลหลับตาและนับหนึ่งถึงสาม คุณคริสไม่ได้นับด้วยแต่คุณคริสจูบไมค์ที่ศีรษะ..หน้าผาก..และแก้มครบ 3 ครั้งตามที่นับ เมื่อไมค์ลืมตาขึ้นก็พบคุณคริสจ้องเขม็งอยู่แต่ด้วยสีหน้าและสายตาเปลี่ยนไป

“ฟังนะไมเคิล.. คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ฉันจะสอนภาษาอังกฤษให้เธอ หลังจากนี้ไปต้องขวนขวายฝึกฝนเอาเอง”

คริสผละจากเด็กชายเดินกลับเข้าห้อง นับจากนาทีนี้ไปเขาจะกลับเป็นคริสคนเดิมซะที

ไมเคิลวิ่งตามเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ทำไมครับ คุณคริสโกรธผมเหรอ.. ไหนบอกว่าเราจะลืม…”

“ฉันไม่มีเรื่องอะไรต้องลืม ไมเคิล..”

เด็กชายผงะและถอยหนีด้วยความตกใจเมื่อถูกคริสตวาด

“ฉันเสียเวลากับเธอมานาน ฉันละเลยและไม่ได้ใส่ใจกับเด็กคนอื่นมานานแล้ว ถ้าเธอเป็นพวกเขาเธอจะรู้สึกยังไง”

ไมเคิลยืนอึ้งแม้จะเข้าใจที่คุณคริสพูดแต่มันก็เร็วจนใจหายวาบเลย ไมค์ได้แต่พยักหน้ารับทราบไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะหากถูกตวาดอีกครั้งไม่รู้ว่าตัวเองจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลได้รึเปล่า คุณคริสยิ่งชอบว่าไมค์เจ้าน้ำตาอยู่

“เก็บหนังสือและแบบฝึกหัดทั้งหมดกลับไปไว้ที่ห้อง ยังเช้าอยู่ไม่มีใครเห็นเธอหรอก รีบไปซะ เดี๋ยวนี้เลย”

สีหน้าคริสเครียดและจริงจังพอๆ กับน้ำเสียงจนเด็กชายไม่กล้าซักหรือเอ่ยถามอะไรอีก รีบไปเก็บสมุดทั้งหมดรวบมาถือไว้และเดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะก้าวออกจากห้องไมเคิลหันกลับไปมองเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเรื่องจริงไม่ได้ฝันไป

คริสยืนพิงประตูห้องนอนมองดูอยู่ เด็กชายหันมาส่งยิ้มให้แต่คริสไม่ยิ้มตอบเบือนหน้าหนีและเดินกลับเข้าห้องนอนปิดประตูดังปัง!! ไมเคิลใจหายวาบรีบก้าวออกออกจากห้องและปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา



:m15:



คืนนั้นคุณคริสไม่ได้เรียกไมค์ขึ้นไปสอนเป็นคืนสุดท้ายตามที่ตกลงไว้ กลับเรียกบอยขึ้นไปแทน แต่ไมค์ก็ดีใจที่คุณคริสไม่เรียก เพราะไมค์ไม่กล้าเข้าใกล้หรือแม้แต่จะสบตากับคุณคริสอีก ถึงตอนนี้ไมค์ยังไม่รู้เลยว่าถูกคุณคริสโกรธด้วยเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน…คุณคริสบอกเองว่าให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วทำไม….



:m15:



หลังจากวันนั้นคริสกลับมาเรียกหาหนุ่มน้อยจอมซ่าของเขา โดยให้ผลัดเปลี่ยนเวรกันเหมือนเคย.. เล่นเอาหนุ่มแสบทั้งสี่แอบฉลองใหญ่ด้วยความดีใจ

“ฉันบอกนายแล้ว สักวันคุณคริสก็ต้องเบื่อไมเคิล และกลับมาเรียกหาพวกเราเหมือนเดิม” แจ๊คกล่าวกับโอในขณะที่นั่งร่วมวงเฮฮากัน

“แต่กว่าจะเบื่อปาเข้าเกือบ 3 เดือน ในขณะที่พวกเราแค่ 2-3 อาทิตย์เท่านั้น รู้อะไรมั้ยแจ๊ค ฉันมีแผนจะกำจัดไอ้หนูนั่นออกไปให้พ้นทางพวกเราอยู่แล้วเชียว.. นับว่ามันโชคดีที่ถูกคุณคริสเบื่อเสียก่อน”

“ไม่เอาน่าโอ.. ไมค์เด็กกว่านายตั้งเยอะ ไม่ละอายใจบ้างหรือไง”

“ละอายทำไม ถ้านายเห็นเหมือนอย่างที่ฉันเห็น นายจะไม่พูดคำนี้”

ภาพที่โอเห็นและยังติดตาอยู่ทุกวันนี้คือ วันที่คุณคริสสวมกอดและจูบไมเคิลที่หน้าระเบียงห้องในตอนเช้ามืด โอตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำและบังเอิญมองขึ้นไปเห็นพอดี ความริษยาในตัวไมเคิลถึงจุดสิ้นสุดที่เขาจะอดทนต่อไป เมื่อคุณคริสมีท่าทีเปลี่ยนไปในเย็นวันนั้น โอจึงเป็นคนเดียวที่ไม่เชื่อและคิดว่าคุณคริสคงหลอกให้พวกเขาตายใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดจากปากของคุณคริสเอง โอจึงเชื่อสนิทพร้อมๆ กับรู้สึกสะใจไปด้วย

“เด็กใจเสาะอย่างไมเคิล จะให้ความสุขฉันได้ยังไง เอะอะก็ร้องไห้ ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาใคร เธอก็รู้นี่นาโอ..”




:m15: :m15:




TBC

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ~•SAkurAIro•~ ที่ 22-08-2008 13:07:36
ฮ่า !!~ ได้จิ้มเจ๊หมวยด้วยย >.,<

อ่า เพิ่งเข้ามาอ่านใหม่ครับบบ :o8:

เรื่องสนุกมากเลยอ่า อ่านแล้วลื่นไหลดีครับบ ชอบบ
และก้อยากอ่านแนวนี้มานานแล้ววว  :oni1:  พ่อ-ลุก ๆ   :a2:

รอตอนต่อไปน้าครับบบ  :oni2:  +1 ให้ด้วยยย อิอิ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-08-2008 13:08:22
เกลียดโออะ

แมร่ง เลว
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 22-08-2008 13:28:29
แง้...สงสารนู๋ไมค์ :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-08-2008 14:31:34
 :o12: เศร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 24-08-2008 00:37:36
สงสารหนูไมค์อ่ะ เง้อไปทำให้โกรธตอนไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 25-08-2008 09:17:41
6



ตั้งแต่เช้ามืดวันนั้นจนถึงวันนี้ 1 สัปดาห์เต็มๆ แล้วที่ไมเคิลไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่เงาของคุณคริส ถึงวันนี้ไมค์เข้าใจแล้วว่าพี่ๆ พวกนั้นรู้สึกอย่างไร หากคุณคริสไม่เรียกพบอย่าว่าแต่จะได้เขาใกล้เลย บางวันก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้า เพราะในแต่ละวันสมาชิกทุกคนจะพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารเวลา 1 ทุ่มตรงเพียงมื้อเดียวเท่านั้น ส่วนมื้อเช้าและกลางวันตามอัธยาศัย วันไหนที่คุณคริสสั่งไว้ว่าจะกลับมาทานมื้อเย็น มื้อนั้นทุกคนจะต้องอยู่กันพร้อมหน้า แต่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ คุณคริสออกจากบ้านแต่เช้าและกลับดึกทุกคืน มีเพียงไมค์คนเดียวเท่านั้นแหล่ะที่ไม่มีโอกาสได้เห็นคุณคริสเลย ส่วนคนอื่นๆ ผลัดกันขึ้นไปพบคนละคืน แม้คุณคริสจะกลับดึกขนาดไหน เวรใครคนนั้นก็มีหน้าที่คอย

วันนี้ไมเคิลตื่นแต่เช้ามืดตั้งใจมาดักรอพบคุณคริส ไม่ได้เห็นหน้าหลายวันแล้วบางทีคุณคริสอาจจะหายโกรธและทักทายกับไมค์บ้าง ไมค์นั่งดูน้าจอนทำความสะอาดรถอยู่หน้าตึก อยากเข้าไปช่วยแต่ถูกห้ามไว้บอกให้นั่งดูเฉยๆ จึงนั่งคิดอะไรเพลินๆ รู้สึกตัวอีกทีเมื่อน้าจอนนี่กุลีกุจอเปิดประตูรถ ก็รู้ว่าคุณคริสกำลังเดินลงมาจากตึกแล้ว

ไมเคิลลุกขึ้นและหันไปมองด้วยความดีใจ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าไม่ใช่คุณคริสที่เดินลงมา คงจะเป็นเพื่อนหรือไม่ก็คงเป็นแขก ไมค์มองเข้าไปในบ้านไม่เห็นคุณคริสเดินตามออกมา และแขกของคุณคริสก็ยังไม่ยอมเดินไปขึ้นรถ เล่นยืนจ้องหน้าจนไมค์ทำอะไรไม่ถูกต้องยิ้มให้และกล่าวสวัสดีเป็นภาษาอังกฤษ เพราะแขกของคุณคริสเป็นฝรั่งเหมือนกัน

แขกทักตอบและถามว่ามายืนทำอะไรตรงนี้ พอไมค์ตอบว่ามารอคุณคริส เขาก็หัวเราะและเดินตรงไปที่รถ ไมค์มองตามด้วยความไม่ชอบใจที่ถูกหัวเราะโดยไม่รู้สาเหตุ และยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเห็นแขกก้าวขึ้นไปนั่งในตำแหน่งเดียวกับที่คุณคริสนั่ง คงจะเป็นคำสั่งของคุณคริสให้น้าจอนนี่ไปส่งแขก แต่ทำไมต้องใช้รถคันนี้ด้วยแล้วคุณคริสจะออกไปทำงานยังไง

เร็วเท่าใจคิด… ร่างเล็กวิ่งเข้าไปหานายจอนซึ่งกำลังก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่เตรียมออกรถ

“น้าจอนนี่.. เดี๋ยวก่อนครับ”

“มีอะไรหรือครับ คุณไมค์”

“น้าจะไปส่งแขกหรือครับ แล้วเดี๋ยวคุณคริสจะออกไปยังไง น้าจะกลับมารับทันเหรอ… หรือว่าวันนี้คุณคริสไม่ไปทำงานครับ”

นายจอนอมยิ้มไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน ชำเลืองมองกระจกส่องหลังและเอ่ยถามเบาๆ

“จะให้ตอบยังไงดีครับเจ้านาย..”

แขกคุณคริสลดกระจกลงไมค์จึงได้มีโอกาสเห็นใบหน้าเขาชัดๆ ถึงจะมีหนวดเคราเต็มหน้าแต่ก็ดูอ่อนโยนและใจดี โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องมองมาให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แม้จะไม่เข้าใจที่นายจอนพูดแต่ไมค์ก็รีบถอยห่างออกจากรถพร้อมกับกล่าวขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ เพราะนึกขึ้นได้ว่ากำลังทำให้แขกเสียเวลา

“ขอบใจนะที่เป็นห่วงกลัวฉันไปทำงานไม่ได้ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ฝึกสอนมาเกือบ 3 เดือน เธอพูดได้แล้วนี่ไมเคิล ขอให้คุยกับพ่อให้สนุกนะ”



 o2



“คุณไมค์มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ จะเอาอะไรหรือเปล่า”

ไมเคิลไม่รู้ว่าตัวเองยืนตะลึงอยู่นานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีเมื่อนายชมมาเขย่าแขนและเรียกเบาๆ ไมค์ส่ายหน้าก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนตึกโดยไม่พูดอะไร ทิ้งให้นายชมยืนเกาหัวด้วยความงุนงง

ไมเคิลวิ่งกลับเข้ามาในห้องไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คุณคริสคนเดิมของไมค์หายไปไหน ทำไมคุณคริสวันนี้มีหน้าตาแบบนี้ ไมค์ไม่อยากร้องไห้แต่กลั้นน้ำตาไม่อยู่รู้สึกเสียใจโดยไม่มีสาเหตุ หน้าตาของคุณคริสเปลี่ยนไปยังไงไม่น่าเกี่ยวข้องกับไมค์ แค่ไม่ได้เห็นหน้าพ่อผ่านใบหน้าของคุณคริสเท่านั้น ไมค์หลับฝันถึงพ่อเองก็ได้..



:o12:



อาหารเย็นวันนี้เป็นมื้อใหญ่ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะคุณคริสกลับมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้า

สมาชิกในโต๊ะอาหารกำลังวิพากษ์วิจารณ์เจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์กันอย่างสนุกสนาน เพราะวันนี้มิสเตอร์บริเจคส์อารมณ์ดีและเป็นคนเอ่ยอนุญาตให้วิจารณ์ได้

“เหมือน ฌอน คอนเนอรี่ เลยฮะ”

“อะไรกันทิมมี่.. ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ผมว่าเหมือน เควิน คอสเนอร์ ตอนติดเกาะแล้วไม่ได้โกนหนวด” บอยกล่าวอย่างมั่นใจ

แฟรงค์ส่ายหน้ากับความเห็นไร้สาระของเด็กๆ

“เหลวไหล… ดูยังไงก็ยังเป็นคริส บริเจคส์ อยู่ดี โอ๊ะ! ไม่ใช่ซี ไม่เหมือนก็ตรงดวงตานี่แหละ นึกยังไงถึงเปลี่ยนโฉมซะขนาดนี้อ่ะ คริส ถึงขนาดเปลี่ยนสีของดวงตานี่ มันยังไงๆ อยู่นา.. เหมือนหนีใครยังงั้นล่ะ หวังว่าคงไม่ใช่ตำรวจนะ "

คริสแค่นยิ้มเมื่อได้ยินคำว่า "เหมือนหนีใคร"

“หึ!.. ก็แค่นึกเบื่อหน้าตัวเองขึ้นมา นายอยากเปลี่ยนตาของนายเป็นสีฟ้าบ้างมั้ยล่ะ”

“จริงด้วยฮะคุณแฟรงค์.. ลองเปลี่ยนดูซีครับผมว่าคุณต้องเหมือนจอห์น ทราโวลต้า แน่ๆ ”

“บ้าน่าแจ๊ค หุ่นนายแบบอย่างฉัน นายเอาไปเทียบกับทราโวลต้าได้ไง”

ทุกคนร่วมวงสนทนาและออกความเห็นกันอย่างสนุก ช่วยเพิ่มรสชาดให้อาหารมื้อนี้อร่อยขึ้น โอพูดน้อยที่สุดเพราะมัวแต่เฝ้าสังเกตุกิริยาของไมเคิลซึ่งนั่งอยู่ท้ายสุดฝั่งตรงข้าม รู้สึกสะใจที่เห็นเจ้าหนูนั่งหงอยก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไรสักคำ

“ข้าวบ้านเราคงอร่อยมากเลยนะครับคุณคริส ไมเคิลถึงกินข้าวเปล่าได้เกือบหมดจาน”

ข้อสนทนานี้เบนความสนใจให้ทุกคนหันมองไปหนุ่มน้อย ในขณะที่ไมเคิลกำลังจะตักข้าวเข้าปากเป็นคำสุดท้ายต้องรีบวางช้อนลงและหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม

คริสจ้องมองไปที่เจ้าหนูของเขา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไมเคิลหงอยลงไปเป็นคนละคน แม้ที่ผ่านมาจะไม่พูดมากต่อหน้าคนอื่นแต่ก็ไม่นิ่งเงียบแบบนี้

“ไม่มีความเห็นกับเขาบ้างหรือไมเคิล.. ว่าฉันเหมือนใคร”

ไมเคิลมองหน้าคุณคริสแค่แว่บเดียวก็หลบสายตาลง คุณคริสวันนี้ไม่ใช่คุณคริสที่เขาเคยอยู่ใกล้ชิดด้วย

“เอ่อ.. ผมไม่ค่อยได้ดูหนัง ผมไม่รู้ครับว่าเหมือนใคร"

“ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงหรอกนะไมเคิล คนใกล้ตัวเธอ ใครก็ได้ที่เธอรู้จัก”

……เพียงแค่นี้เด็กชายก็รู้แล้วว่า คุณคริสจงใจถามเพราะต้องการให้ตอบว่า เขายังเหมือนใครในฝันของไมค์หรือเปล่า……

ไมเคิลส่ายหน้าและกลั้นใจตอบ

“ไม่ครับ ไม่เหมือนใครที่ผมรู้จัก”

“ดีมาก ไมเคิล.. เพราะฉันไม่ชอบเหมือนใคร และไม่ชอบให้ใครมาเหมือนด้วย

คำพูดของคริสทำให้หนุ่มน้อยหน้าเสียและใจหาย

….สาเหตุที่คุณคริสเปลี่ยนไปเพราะเรื่องนี้นี่เอง…

แฟรงค์เรียกสาวใช้เก็บโต๊ะและให้เอาของหวานและผลไม้มาเสิร์ฟ เขาจงใจขัดจังหวะการสนทนาเพราะรู้สึกผิดปกติในคำพูดและน้ำเสียงระหว่างคริสและไมเคิล

ไมเคิลขอตัวไม่ทานของหวานเพราะหวังว่าจะได้ลุกออกจากโต๊ะ แต่คริสไม่อนุญาตถึงไม่ทานก็ต้องนั่งรอจนกว่าสมาชิกส่วนใหญ่จะทานเสร็จ อาหารเย็นมื้อนี้ไมค์จึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่ไมค์ด้วยความรู้สึกต่างๆ กัน แต่สายตาคู่เดียวที่ไมค์แคร์มากที่สุดในชีวิตกลับไม่สนใจมองมาที่ไมค์เลย



 :m15:



เสียงเคาะประตูทำให้ไมเคิลต้องรีบเก็บสมุดแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษซ่อนไว้ด้วยความเคยชิน แม้ทุกคนจะรู้กันหมดแล้วว่าคุณคริสช่วยสอนภาษาอังกฤษให้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ไมค์เปิดประตูก็พบคุณโอและทิมยืนอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร

“นายบอกซีทิม..” โอให้ทิมพูด

“พี่แหล่ะเป็นคนพูด พี่เป็นคนเริ่มเรื่องก่อน”

“มีเรื่องอะไรหรือครับ” ไมเคิลรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นทั้งสองคนเกี่ยงกันพูด

โอตัดสินใจบอกเรื่องที่ตั้งใจจะมาพูด

“คืองี้นะไมเคิล ทิมมี่เขาอยากได้ห้องของเขาคืน”

“เฮ้ย! ได้ไง ทำไมพูดเรื่องของผมก่อนล่ะ เรื่องของพี่มาก่อนนะโอ”

ทิมโวยหนุ่มโอเพราะไม่อยากให้ไมเคิลเข้าใจผิด เนื่องจากโดยส่วนตัวแล้วทิมไม่เคยมีปัญหากับไมค์ แถมยังพูดคุยถูกคอกันด้วยเพราะมีวัยไล่ๆ กัน

ไมเคิลพอจะเข้าใจว่าทั้งสองต้องการอะไร

“ฉันอยากได้ห้องของฉันคืน ไมเคิล.. และคุณคริสก็อนุญาตแล้วด้วย บอกให้พวกเราจัดการแลกคืนกันเอง ฉันจะย้ายกลับไปห้องเดิม และทิมก็จะย้ายกลับมาห้องนี้ ส่วนนายก็ต้องย้ายกลับไปที่ห้องของนาย”

“ห้องไหนเหรอครับ”

“ห้องเดิมที่นายเคยอยู่ไง จำไม่ได้หรือไมเคิล”

ไมค์ยิ้มให้แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บช้ำ    “ได้ครับ ย้ายตอนนี้เลยหรือเปล่า”

“ตอนนี้ได้ก็ดี” โออยากให้ย้ายเลยแต่ทิมขอให้ย้ายพรุ่งนี้เพราะคืนนี้ดึกแล้ว

ไมเคิลกลับเข้าห้องเก็บเสื้อผ้า 2-3 ชุดเท่าที่จำเป็นต้องใส่ และสมุดแบบฝึกหัดรวมทั้งหมด 5 เล่ม เตรียมขนไปไว้ห้องพักเดิมที่เคยอยู่พรุ่งนี้เช้า ไมค์ยอมย้ายห้องแต่โดยดี ไม่ได้เอ่ยถามว่าคุณคริสอนุญาตจริงหรือเปล่า ไมค์คิดว่าไม่มีใครกล้าเอาชื่อคุณคริสมาอ้างเล่น และเชื่อว่าคุณคริสคงรู้เรื่องทั้งหมด เพราะคุณคริสวันนี้ไม่ใช่คุณคริสคนเดิมของเขาแล้ว

ไมเคิลกลับมาเป็นเพื่อนข้างห้องนายชมอีกครั้ง กิจวัตรของไมค์ทุกวันนี้คือ ช่วยลุงชมทำสวนและตัดหญ้า ก่อนหน้านี้ไมค์แอบมาช่วยลุงชมทำสวนบ่อยๆ แต่ทุกครั้งถ้าคุณคริสรู้ไมค์ก็จะถูกดุ คุณคริสไม่อยากให้ไมค์หาเรื่องเหนื่อยและสกปรกเลอะเทอะมากกว่าเรื่องอื่น เมื่อไมค์ขออนุญาตจริงจังโดยอ้างว่าเป็นการออกกำลังกายและเป็นการทำตัวให้เป็นประโยชน์ดีกว่าอยู่เปล่าๆ คุณคริสก็เลยอนุโลมให้บ้าง แต่อย่าบ่อยหรือใช้เวลาอยู่กลางแดดนานๆ แต่เดี๋ยวนี้ถึงไมค์จะอยู่กลางแดดนานกี่ชั่วโมงคุณคริสก็คงไม่สนใจแล้ว



:m15:



“เกิดอะไรขึ้นหรือคริส.. คุณมีปัญหาอะไรกับไมเคิลงั้นเหรอ..”

แฟรงค์เอ่ยถามเมื่อแน่ใจแล้วว่าคริสมีปัญหาอะไรบางอย่างกับไมเคิล ไม่ใช่แค่อาการเบื่อที่เคยเกิดขึ้นกับหนุ่มน้อยคนอื่นๆ ที่ผ่านมา ยิ่งรู้ว่าเจ้าหนูย้ายกลับไปพักในห้องเก็บของที่เรือนคนรับใช้ แม้คริสจะไม่ได้เป็นคนสั่งย้ายแต่เขาก็ไม่ทักท้วงอะไร กลับปล่อยให้หนุ่มแสบทั้งสี่คนทำตามอำเภอใจ

แฟรงค์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับปัญหาและเรื่องส่วนตัวระหว่างคริสกับเด็กๆ พวกนี้ เขารู้จักนิสัยคริสดีว่าไม่เคยรักหรือเกลียดใครจริงจัง เด็กทุกคนที่นี่ผ่านอารมณ์รักและเบื่อของคริสมาแล้ว บทจะเบื่อคริสก็หยุดเรียกหาเอาดื้อๆ เหมือนกับที่ไมเคิลถูกกระทำอยู่ทุกวันนี้ เขาจึงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่จู่ๆ คริสก็กลับมาเรียกหาหนุ่มน้อยทั้งสี่คนใหม่

แต่ถึงกระนั้นเจ้าหนูไมเคิลก็เป็นหนุ่มน้อยคนแรกและคนเดียวที่คริสเอื้ออาทรผิดกับคนอื่นๆ จนบางขณะแฟรงค์เองก็ไม่แน่ใจว่าความรักที่คริสให้กับเจ้าหนูเป็นความรักแบบเดียวกับที่เขาให้หนุ่มน้อยคนอื่นๆ หรือเปล่า

“ไม่มีอะไร ก็แค่เบื่อ..”

คำตอบง่ายๆ ของคริสทำให้แฟรงค์ส่ายหน้า

“ไม่เอาน่าคริส ผมรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เบื่อ.. คุณกำลังมีปัญหา ใจคุณไม่ปกติ”

“ให้ตายเถอะ ! แฟรงค์.. นายเป็นเลขาส่วนตัวที่เยี่ยมยอดจริงๆ รู้ใจฉันหมดทุกเรื่อง… ”

“คุณโกรธไมเคิลเรื่องอะไร” แฟรงค์เปลี่ยนคำถามใหม่

((ตั้งแต่คบกันมา ฉันจำได้ว่านายไม่เคยตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของฉันเลยนะ แฟรงค์..))

คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบหากแต่ภาษาที่ใช้ทำให้แฟรงค์หน้าเสีย เพราะเป็นที่รู้กันว่าเมื่อไรที่คริสอยู่ในอารมณ์โกรธเขาจะไม่ใช้ภาษาไทย คริสเคยให้เหตุผลว่าบางครั้งเขาใช้คำพูดรุนแรงเพียงเพื่อต้องการระบายอารมณ์เท่านั้น ไม่อยากให้คนที่รับฟังตกใจและเสียใจกับคำต่อว่าของเขา

แฟรงค์กล่าวขอโทษ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของคริสทำไม

“ผมเสียใจคริส ขอโทษที่ทำให้คุณเสียอารมณ์ ผมเพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่ให้ไมเคิลไปพักอยู่ในห้องที่คุณเคยเรียกมันว่า “รูหนู” เท่านั้นเอง”

“แล้วไง นายอยากให้ไมเคิลพักที่ไหนล่ะ แฟรงค์..”

“ถึงผมอยากก็ไม่มีสิทธิ์หรอก บ้านของคุณ คุณสั่งให้ใครพักที่ไหนก็ที่นั่น”

คริสไม่พูดอะไรต่อ แฟรงค์จึงแหย่อีกประโยคลองใจ

“ในเมื่อคุณเบื่อแล้วผมขอนะ คริส..”

…ให้ตายเถอะ!!!... ! แฟรงค์เห็นดวงตาของคริสฉายแววโกรธเคืองทันทีที่เขาพูดจบ แต่เพียงแค่แว่บเดียวเท่านั้น.. ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆ จะปรากฏพร้อมคำพูดที่ทำให้แฟรงค์สะอึกอีกเป็นครั้งที่ 2

“อะไรที่เบื่อ.. ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการนะ แฟรงค์..”

“คุณยังต้องการอีกหรือคริส คุณผลักไสเด็กไปอยู่ในรูหนูไกลตัวขนาดนั้น ผมไม่คิดว่าคุณยังต้องการเขาอีก”

“ฟังนะแฟรงค์.. ฉันจะไม่คุยกับนายเรื่องไมเคิลอีกแล้ว ถ้าเขาอยู่ในรูหนูนั่นไม่ได้ให้เขามาบอกฉันเอง”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ แฟรงค์ลุกขึ้นยืนเมื่อคิดว่าป่วยการที่จะท้วงติงอะไรอีก

“โอเค! คริส ผมขอโทษ ลืมมันซะ ถือว่าผมไม่ได้พูดอะไร”

แฟรงค์เดินไปที่ประตูและพูดต่อโดยไม่ได้หันมามองอีกฝ่าย

“มีภาษาไทยบางคำที่ผมเชื่อว่าคุณยังไม่รู้จัก คริส..”

แฟรงค์เปิดประตูออกพบทิมยืนตาปริบๆ มอง เขาหันกลับไปยิ้มให้คริส

“ไม่รู้ว่าคุณอยากรู้หรือเปล่า…แต่ผมอยากบอก “หวงก้าง” คริส.. ถ้าอยากรู้ความหมายถามทิมมี่ดู..”

แฟรงค์เดินจากไปด้วยสีหน้าไม่คอยจอย หนุ่มน้อยทิมมองตามด้วยความงุนงงก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณคริสที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่เช่นกัน

“เอ่อ.. คุณคริสอารมณ์ไม่ดี ผมกลับออกไปก่อนนะครับ”

หนุ่มใหญ่พยักหน้าให้ ไม่มีใครกล้าอยู่ใกล้เวลาที่เขากำลังโกรธหรืออารมณ์ไม่ดี

“เดี๋ยวก่อน ทิมมี่..”

คริสร้องเรียกเมื่อทิมกำลังจะก้าวออกจากห้อง หนุ่มน้อยหยุดชะงักและหันกลับมา

“ หวงก้าง… แปลว่าอะไร”



:m29:



อาหารค่ำวันนี้สมาชิกในโต๊ะอาหารส่งเสียงพูดคุยกันสนุกสนาน ไม่ต้องมีใครเกรงใจใครเพราะคุณคริสและคุณแฟรงค์ไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะด้วย และเพราะไม่มีแม้แต่คุณแฟรงค์ อาหารเย็นมื้อนี้ไมเคิลแทบต้องกินข้าวคลุกน้ำตาเพราะถูกกระเซ้าเย้าแหย่จากหนุ่มแสบทั้งสี่คน โดยเฉพาะโอและแจ๊ค..แหย่ด้วยคำพูดแรงๆ หลายครั้ง

“แจ๊ค ถ้านายติดอยู่บนเกาะร้างคนเดียว นายจะทำยังไง”

“จะทำยังไงเหรอ ฉันก็จะใช้ชีวิตแบบชาวเกาะ สร้างกระท่อมไม่ไผ่นอน ฉันคงไม่เข้าไปนอนในซอกหินหรอก อึดอัดตายชัก”

ไมเคิลกลืนข้าวแทบไม่ลงเมื่อได้ยินคำว่า “ซอกหิน” หลังจากที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว เพราะช่วงที่คุณคริสดีกับไมค์ไม่มีใครกล้าพูดจาให้ระคายหู ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง แต่วันนี้เมื่อไมค์ไม่เป็นที่เอ็นดูของคุณคริสแล้ว ไม่ใช่แค่คำว่า “ซอกหิน” เท่านั้นที่แสลงใจ แต่ทุกคำพูดของโอและแจ๊คทำให้หนุ่มน้อยเจ็บแปลบที่หัวใจจนนั่งทานต่อไม่ได้ ต้องลุกหนีออกจากโต๊ะอาหารกลางครัน

“เคยได้ยินประโยคที่ว่า หัวเราะทีหลังดังกว่า  มั้ยไมเคิล..”    โอพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ แจ๊ครีบกล่าวเสริม

“แล้วคำว่า ตกกระป๋อง เคยได้ยินมั้ย พวกฉันเคยตกกันมาแล้ว แต่สำหรับนายไม่ใช่แค่กระป๋องโว้ย ไมค์.. ของนายต้องเป็นตุ่ม เพราะนายตกลงไปมิดหัวเลยว่ะ ฮะ ฮะ..”

ไมค์นั่งทานข้าวไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดโต้แย้งสักคำ เพราะทุกเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงทั้งหมด หนุ่มโอกล่าวแดกดันต่ออย่างมันส์ในอารมณ์

“ตุ่มที่นายลงไปตอนนี้เป็นตุ่มเปล่าไม่มีน้ำ พวกฉันจะใส่น้ำลงไปทีละขันช้าๆ ถ้าไม่รีบลุกขึ้นมาตอนนี้ นายจะไม่มีโอกาสอีกเลยนะไมเคิล นายไม่ตายอยู่ในซอกหินแต่กลับต้องมาทนทุกข์ทรมานอยู่ในตุ่ม ช่างน่าสังเวชจังว่ะ ฮะๆ”
โอหัวเราะด้วยความสะใจ คนอื่นๆ ก็หัวเราะตามด้วย แต่สำหรับไมเคิลมือที่จับช้อนตักข้าวสั่นจนเมล็ดข้าวร่วงลงในจาน

บอยกล่าวขึ้นบ้างแต่ด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าแจ๊คและโอ

“ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่ขึ้นมาร่วมทานอาหารบนตึกหรอกไมเคิล ที่อยู่และที่กินควรจะเหมาะสมกัน”

ประโยคที่บอยพูดแสบไม่เบาสำหรับความรู้สึกของโอ แต่สำหรับไมเคิลมันคือคำแนะนำที่ดี…

ไมค์รวบช้อนส้อมทั้งที่ยังเหลือข้าวกว่าครึ่งและเอ่ยขอโทษก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอาหารท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะอย่างสะใจไล่หลัง



:m15:



ไมเคิลรีบลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นคุณคริสเดินลงจากตึกตรงมาที่รถ ไมค์มาดักรอพบคุณคริสอีกครั้งในเช้านี้เพื่อจะขออนุญาตบางเรื่อง

“มีอะไรไมเคิล..”

คริสเอ่ยถามเสียงแข็ง หากแต่แฝงความอ่อนโยนไว้ภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เมื่อเด็กชายเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า

“ผมมีเรื่องจะขออนุญาตครับ”

สายตาอ้อนวอนของเด็กชายทำให้คริสต้องเบือนหน้าหนี นึกถึงเรื่องที่พูดคุยกับแฟรงค์ เขายินดีจะเปลี่ยนห้องพักให้ถ้าไมเคิลเอ่ยปากขอ

“เรื่องอะไร”

“ผมขออนุญาตทานอาหารในครัวกับลุงชมและน้าจอนนี่ครับ”

คริสนิ่งอึ้งกับเรื่องที่ไมเคิลขอ ไม่คิดว่าเจ้าหนูกำลังเปลี่ยนตัวเองเป็นคนรับใช้ในบ้านไปแล้ว ดวงตาคู่สวยแฝงความไม่สบอารมณ์แทนความอ่อนโยนเมื่อครู่ เขาเอ่ยอนุญาตน้ำเสียงห้วน

“ตามใจ จะกินที่ไหนก็เรื่องของเธอ ถ้าคิดว่ามันเหมาะแล้ว”

ไมเคิลนั่งคุกเข่ามองดูรถของคุณคริสแล่นออกจากบ้านไป รู้สึกเสียใจทุกครั้งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของดวงตาและใบหน้าที่ไมค์เคยหลงรักและแอบมองอยู่ทุกวัน ต่อนี้ไปไมค์คงไม่มีโอกาสได้เห็นคุณคริสคนเดิมที่เป็นเหมือนตัวแทนของแด๊ดดี้อีกแล้ว…



:m15:



ตั้งแต่คุณคริสอนุญาตให้ทานอาหารในครัว นับจากวันนั้นไมเคิลก็ไม่ได้ขึ้นไปบนตึกอีกแม้แต่บริเวณหน้าตึกก็ไม่ได้ย่างกรายเข้าไปใกล้ จึงไม่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับสมาชิกคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มแสบทั้งหลายหรือคุณแฟรงค์ อย่างมากก็แค่เห็นเดินไปมาในระยะไกล ยิ่งคุณคริสด้วยแล้วไมค์ไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่เงา แค่เห็นรถแล่นเข้าออกในบ้าน ได้รับรู้ว่าคุณคริสไปหรือกลับจากทำงานแล้วเท่านั้น



:m15:



“คุณไมค์ คุณไมค์”

เด็กชายสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นนั่งและยิ้มแห้งๆ ให้นายชม เป็นเพราะเมื่อคืนฝันร้ายตกใจตื่นทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน วันนี้ไมค์เลยเผลองีบหลับใต้ต้นไม้ทั้งที่บอกลุงชมไว้ว่าจะช่วยถางหญ้าให้

“ขอโทษฮะลุง ผมช่วยถางให้เดี๋ยวนี้เลย”

“ไม่ต้องแล้วครับ.. ลุงทำเสร็จแล้ว”

ไมเคิลมองออกไปที่สนาม พื้นหญ้าสีเขียวถูกถางสั้นเรียบร้อยแล้ว หนุ่มน้อยลุกขึ้นยืนกล่าวกับนายชมเสียงอ่อยๆ

“ขอโทษนะฮะ ผมเผลอหลับไป ทำไมลุงไม่ปลุกผมล่ะครับ”

“โธ่! คุณไมค์ ลุงจะกล้าปลุกได้ยังไงครับ นี่มันงานของลุง ไปพักผ่อนต่อที่ห้องเถอะครับ ดูท่าจะยังไม่หายง่วงล่ะซี”

“หายแล้วครับ ถ้างั้นผมช่วยทำอย่างอื่นก็ได้ แต่ขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวมานะครับ ลุง…”

นายชมมองหนุ่มน้อยวิ่งไปด้วยความรู้สึกเวทนา เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดจากนายจอนว่าคุณไมค์ถูกคุณๆ ทั้งสี่คนไม่ชอบหน้าและแอบรังแกอยู่เสมอ ถึงขนาดต้องย้ายกลับมาอยู่ในห้องแคบๆ นี้ก็เป็นเพราะหนุ่มน้อยเหล่านี้ฉวยโอกาสในช่วงที่เจ้านายกำลังเบื่อคุณไมค์



:m15:
 



TBC

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-08-2008 12:34:09
 :sad2: รันทด
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 25-08-2008 14:47:30
สงสารหนูไมค์

กราซิ กราซิก
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 25-08-2008 15:23:57
เอาเข้าไปมันจะรันทดไปยิ่งกว่าระครหลังข่าวอีกไหมเนี้ย :sad2:
สู้ๆสิครับไมเคิลสู้มันอย่าไปยอม :เตะ1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 25-08-2008 18:37:52
โอ๊ย!  สงสารน้องไมค์มากเลยค่ะ :o12: :serius2:




ลงต่อได้เยอะจุใจมากเลยค่ะ มาต่อไวๆนะคะ :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 26-08-2008 00:51:46
หนูไมค์อารายมันจารันทดได้เยี่ยงนี้น่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-08-2008 12:53:01
7


คริสหยิบสมุดแบบฝึกหัดที่ไมเคิลหลงทิ้งไว้หนึ่งเล่มขึ้นมาพลิกหน้ากระดาษไปมา นึกทบทวนเหตุการณ์ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ความฝันในคืนแรกและคืนถัดๆ ไป ซึ่งชักนำเขาออกตามหาจนพบและช่วยชีวิตหนุ่มน้อยออกจากเกาะร้างได้  เขายอมรับว่าไมเคิลเป็นหนุ่มน้อยคนแรกที่เขามีความรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษ เขาให้เวลากับไมเคิลมากกว่าใครๆ ไม่ใช่เพราะเขาเห่อสมาชิกใหม่อย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่เพราะความรู้สึกบางอย่างที่เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าคืออะไร รู้แต่ว่าเขารู้สึกสุขใจอย่างประหลาดทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ได้พูดคุยและเห็นรอยยิ้มของเด็กชาย

เขาเคยนึกสงสัยว่าไมเคิลแอบมองเขาบ่อยๆ ทำไม แต่เขาก็ไม่ถามและคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติของเด็กที่แอบมองผู้ใหญ่ที่ตัวเองชื่นชอบว่าเป็นฮีโร่ ไมเคิลเห็นผลงานที่เขาสร้างตึกใหญ่ๆ หลายตึกแล้ว มักจะอ้าปากค้างทุกที

หวนนึกถึงคืนสุดท้ายที่เขาอยู่กับเจ้าหนู ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไมเคิลคิดจะตอบแทนบุญคุณเขาด้วยวิธีที่เห็นหนุ่มน้อยคนอื่นๆ เป็นกัน เขาก็คงไม่รู้ว่าไมเคิลมีความรู้สึกกับเขาอย่างไร เหตุการณ์คืนนั้นทำให้เขารู้ว่าเด็กชายลอบมองเขาบ่อยๆ เพราะอะไร ….เพราะเขาเป็นเงาของบิล สมิธ ไมเคิลมองเขาด้วยสายตาเดียวกับที่มองพ่อตัวเอง….

เหตุการณ์ในคืนนั้นไม่เพียงแต่ทำให้เขารู้ว่าไมเคิลรู้สึกอย่างไรกับเขา แต่มันทำให้เขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อหนุ่มน้อยด้วย เขานอนคิดตลอดหลายคืนที่ผ่านมา…ยิ่งคิดยิ่งมั่นใจ เขายอมรับว่าเขากลัวหากความรู้สึกนั้นจริงจังและฝังลึกจนถอนใจไม่ขึ้น เขาจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเจ้าหนูไมเคิลซะ

เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาไม่มีความสุขเลย เหมือนขาดอะไรบางอย่างในชีวิตไป เขาพยายามหลอกตัวเองว่าเขามีความสุขดีอยู่  บอกตัวเองว่าไม่ได้คิดถึงหนุ่มน้อยที่ชื่อไมเคิล ไม่ได้คิดถึงแม้เพียงนาทีเดียว

แต่สำหรับคืนนี้…คริสหลอกตัวเองไม่ได้แล้วว่าเขาไม่ได้คิดถึงเด็กชาย จะไม่ให้คิดถึงได้ยังไง ตั้งแต่เขาออกปากอนุญาตให้ไมเคิลทานอาหารในครัวได้ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เกือบ 2 สัปดาห์แล้วที่เขาไม่ได้เห็นเจ้าหนูเลย ได้เห็นบ้างในระยะไกลเมื่อเด็กชายก้มๆ เงยๆ อยู่ที่สนามช่วยนายชมตัดหญ้าบ้าง รดน้ำต้นไม้บ้าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะเรียกมาดุและห้ามไม่ให้ไปวุ่นวายอีก แต่วันนี้..มิสเตอร์คริส บริเจคส์ กำลังเบื่อเจ้าหนูไมเคิลอย่างแรง…แม้แต่หน้ายังไม่อยากเห็นเลย จะให้เรียกมาว่ากล่าวได้อย่างไรกัน



:เฮ้อ:



ไมเคิลวางดินสอลงหลังจากจรดๆ จ้องๆ อยู่นานแล้วว่าแบบฝึกหัดข้อนี้จะตอบอย่างไร ไมค์พยายามทำแบบฝึกหัดที่เหลือเอง ทำไปได้ 2-3 หน้าก็เริ่มยากขึ้นจนตอบไม่ถูกและไม่รู้ว่าที่ทำไปแล้วหลายหน้าถูกหรือเปล่า

ไมค์หยิบแบบฝึกหัดเล่มแรกๆ ที่คุณคริสสอนมาทบทวน จริงๆแล้วไมค์ตั้งใจจะทบทวนความรู้ภาษาอังกฤษ แต่กลับเป็นภาพความหลังช่วงที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณคริส ทุกอิริยาบถของคุณคริสไมค์จำได้ติดตา รวมถึงใบหน้าเกลี้ยงเกลาและดวงตาสีฟ้ามีเสน่ห์คู่นั้น ไมค์จดจำมาตั้งแต่เด็กไม่มีวันลืม

หลายคืนแล้วที่ไมค์ไม่ได้เห็นหน้าพ่อ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะทุกครั้งที่ผ่านมาหากนึกถึงพ่อก่อนนอน คืนนั้นไมค์จะได้เห็นหน้าพ่อในฝันเสมอ และก่อนหน้านั้นแค่ได้มองหน้าคุณคริสก็หายคิดถึงพ่อแล้ว บางครั้งรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่ใกล้จริงๆ เลย   แต่วันนี้ไม่มีเงาของพ่ออยู่ใกล้ๆ อีกแล้ว ไมค์ไม่รู้ว่าจะอดทนกับความคิดถึงได้นานแค่ไหน

น้ำใสหยดแหมะลงที่สมุด เสียงเคาะประตูทำให้เด็กชายรู้สึกตัวรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นไปเปิด

“สวัสดีครับ คุณแฟรงค์”

ไมค์กล่าวทักด้วยความตกใจไม่คิดว่าคุณแฟรงค์จะลงมาพบ และยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อคุณแฟรงค์ส่งยิ้มให้ สีหน้าและแววตาอ่อนโยนจริงใจ ไม่เจ้าเล่ห์เหมือนทุกครั้ง

“หวัดดีไมเคิล ทำอะไรอยู่ ฉันมารบกวนหรือเปล่า”

“เปล่าครับ ไม่ได้ทำอะไร”

“เห็นไฟเปิดอยู่คิดว่าคงยังไม่นอนก็เลยแวะลงมาหา ขอเข้าไปในห้องได้มั้ย”

“เอ่อ.. ได้ครับ แต่ว่า…” ไมเคิลหันไปมองในห้องก่อนตอบ “ในห้องไม่ค่อยสะดวกครับ ไม่มีที่นั่งครับ คุณแฟรงค์”
แฟรงค์เลิกคิ้ว แสดงสีหน้าแปลกใจ

“อ้าว! แล้วเธอนั่งตรงไหนล่ะ ไมเคิล”

“ผมนั่งที่พื้น หรือไม่ก็บนที่นอนครับ”

แฟรงค์พยักหน้ารับทราบ

“เธอนั่งตรงไหนฉันก็นั่งตรงนั้นแหล่ะ เข้าไปเถอะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

แฟรงค์ใจหายเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง แค่เดินพ้นประตูก็ถึงที่นอนแล้ว มันเล็กกว่าห้องน้ำในห้องเขาซะอีก ภายในห้องมีเพียงที่นอนและหมอน 1 ใบ มีเสื้อผ้า 2-3 ชุดพับไว้ที่หัวนอน สมุดแบบฝึกหัด 4-5 เล่ม กระจายอยู่บนที่นอนและพื้นห้อง เจ้าหนูรีบทรุดตัวลงเก็บสมุดให้เข้าที่และปัดที่นอนให้เรียบร้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเชิญเขานั่ง

แฟรงค์ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นห้องแทนที่จะนั่งบนที่นอน

“นั่งบนนี้เถอะครับ คุณแฟรงค์” ไมค์กล่าวด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ

“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ ไมเคิล นั่งตรงไหนก็เหมือนกัน”

แฟรงค์เงยหน้าสำรวจไปรอบๆ ห้อง นับว่ายังโชคดีที่ห้องนี้มีอากาศถ่ายเทพอสมควร กระจกบานเกล็ด 1 คู่ ทำให้ห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ไมเคิลรีบออกตัวเหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“ถึงห้องจะเล็กแต่ก็อยู่สบายครับ ผมไม่มีของอะไร แค่มีที่นอนก็พอแล้วครับ”

“พอแล้วจริงเหรอ ไมเคิล..”

แฟรงค์กล่าวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะต้องการหยั่งรู้ความในใจของหนุ่มน้อย

“จริงครับ”

แฟรงค์ลอบยิ้มเมื่อเจ้าหนูรับรองอย่างหนักแน่นแต่ไม่ยอมสบตากับเขา

ไมเคิลนั่งนิ่งรอธุระที่คุณแฟรงค์จะพูดด้วย รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่อยู่กับคุณแฟรงค์สองคนในห้อง เมื่อก่อนไมค์ถูกคุณแฟรงค์กระเซ้าด้วยคำพูดแปลกๆ เสมอ ไมค์ได้แต่ยิ้มให้เพราะไม่รู้ แต่ตอนนี้ไมค์รู้แล้วว่าทุกคนในบ้านมีพฤติกรรมอย่างไร

“ไมเคิล”

“ครับ”

“ทำไมไม่ขึ้นไปทานข้าวบนตึกล่ะ คริสบอกว่าเธอเป็นคนขอลงไปทานในครัวจริงเหรอ”

“จริงครับ”

แฟรงค์ไม่เคยพูดจามีสาระเป็นเรื่องราวและด้วยความรู้สึกจริงใจกับเด็กชายมาก่อน เขาเป็นคนสนุก พูดจาติดตลกแต่ค่อนข้างจะไปทางลามกนิดๆ โดยเฉพาะเวลาที่เข้ากลุ่มกับหนุ่มแสบทั้งสี่คนนั่น ที่ผ่านมาไมเคิลไม่เคยพูดคุยกับแฟรงค์เป็นเรื่องเป็นราว อย่างมากก็แค่ทักทายเล่นหัวตามประสาคนอยู่บ้านเดียวกัน

“ไม่ได้เห็นหน้าหลายวันแล้ว รู้มั้ยว่าฉันคิดถึงเธอมากเลย ไมค์..”

ไมเคิลตกใจกระเถิบออกห่าง ไม่ใช่เพราะคำพูดแต่เพราะคุณแฟรงค์เล่นขยับเข้ามานั่งชิดเอาดื้อๆ ไมค์อึกอักไม่รู้จะตอบยังไง

“กลับขึ้นไปทานข้าวบนตึกเถอะนะไมเคิล... จะได้เห็นหน้ากันบ้าง”

“เอ่อ.. อย่าเลยครับ ผมทานในครัวสะดวกกว่า คุณคริสอนุญาตแล้วด้วย ขอกลับไปกลับมา เดี๋ยวคุณคริสโกรธอีก..”

“ยังกลัวคุณคริสโกรธอยู่อีกหรือไมเคิล.. ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้รู้มั้ยว่ามันต่ำถึงที่สุดแล้ว คุณคริสของเธอถึงจะโกรธใครมากขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยทำร้ายจิตใจใคร อย่างมากลงโทษแล้วก็จบไป ไม่ใช่อย่างที่เขาทำกับเธอทุกวันนี้”

“คุณคริสไม่ได้ทำร้ายจิตใจผมนะครับ คุณแฟรงค์..”

ไมเคิลรีบออกตัวเพราะไม่อยากให้คุณแฟรงค์เข้าใจคุณคริสในทางไม่ดี

“เป็นเพราะคุณคริสช่วยชีวิตเธอไว้ หรือเป็นเพราะเธอหลงใหลเขาเรื่องบนเตียง ถึงทำให้เธอรักและเทิดทูนเขามากขนาดนี้ หือ..”

ไมค์ตกใจกับคำถาม ตอบไม่ถูกได้แต่ส่ายหน้า

“ถ้าเป็นเรื่องแรกฉันคงสู้คุณคริสไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องหลังล่ะก็..ฉันไม่แพ้เขานะไมเคิล”

ไมเคิลเขยิบตัวออกห่างอีกเมื่อคุณแฟรงค์ขยับเข้ามาประชิดตัว

“เอ่อ.. ไหนคุณบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย เรื่องอะไรหรือครับ”

ไมค์หาเรื่องเบนความสนใจของคุณแฟรงค์ แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้ไมค์ต้องถดตัวอีกจนชิดผนังห้อง

“ธุระของฉันกำลังบอกเธออยู่นี่ไงไมเคิล คุณคริสเขาไม่เรียกหาเธอแล้ว ตอนนี้เธอก็ว่างพอที่จะให้บริการกับฉันบ้าง” แฟรงค์ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูหนุ่มน้อย

“ตอนนี้เลยได้มั้ยไมเคิล.. ฉันรอมานานแล้วนะ” แฟรงค์ไม่พูดเปล่าใช้จมูกสัมผัสที่แก้มนุ่มของหนุ่มน้อย

ไมเคิลหลับตาปี๋หัวใจเต้นแรงด้วยความตี่นกลัว ความรู้สึกนี้เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วในคืนสุดท้ายที่อยู่กับคุณคริส ไมค์เบือนหน้าหนีเพราะไม่รู้จะขยับไปทางไหน คุณแฟรงค์เล่นเอามือสองข้างยันผนังห้องไว้

“อย่าครับคุณแฟรงค์.. ผมทำไม่ได้”

“ทำไมทำไม่ได้ ทีกับคุณคริสเธอยังบริการเขาทุกคืน”

“ผมเปล่า~~ ผมไม่เคยบริการคุณคริส.. ปล่อยเถอะครับคุณแฟรงค์~~ ผมทำไม่ได้ ผมกลัว~~”

ไมเคิลปฏิเสธเสียงสั่นร่างเล็กสะท้านด้วยความตื่นกลัวจนแฟรงค์ตกใจ รีบผละออกห่าง เจ้าหนูไมเคิลทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ขืนกระเซ้าต่อมีหวังน้ำตาไหลพรากแน่

“ไม่เอาน่าไมเคิล ทำไมต้องกลัวขนาดนี้ด้วย ฉันแค่รู้สึกปวดเมื่อย อยากให้เธอนวดให้บ้างเท่านั้น”

แฟรงค์กล่าวจริงจังแต่เด็กชายก็ยังมีสีหน้าตื่นกลัวเหมือนไม่เชื่อที่เขาพูด

“ฉันล้อเล่นน่ะ ไมเคิล.. ไม่ได้เห็นหน้าตั้งหลายวัน คิดถึงก็เลยมาคุยด้วย”

แฟรงค์ส่ายหน้าเมื่อเห็นไมเคิลยังทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออยู่อีก เขาขยับขึ้นไปนั่งบนที่นอนหยิบสมุดแบบฝึกหัดที่หัวนอนขึ้นมาเปิดดู อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นลายมือคริสตรวจและเซ็นต์ชื่อพร้อมลงวันที่กำกับเหมือนเซ็นต์เอกสารสำคัญ

“ยังทำแบบฝึกหัดอยู่อีกหรือไมเคิล” แฟรงค์ถามเมื่อเห็นดินสอเสียบอยู่ในสมุดและมีคำตอบที่ตอบค้างไม่จบข้อ

“ครับ”   ไมเคิลหายจากอาการตื่นกลัวและขยับเข้ามาใกล้ เชื่อแล้วว่าคุณแฟรงค์ล้อเล่นจริงๆ

“ไม่มีคนตรวจแล้วจะรู้เหรอว่าผิดหรือถูก”

แฟรงค์ไม่รู้ว่าคำพูดที่แสนจะธรรมดาของเขาทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกเสียใจจนต้องก้มหน้าหลบสายตาขณะตอบ

“ผมอยากทำต่อให้หมดเล่มครับ ข้อไหนไม่แน่ใจผมจะวงไว้หน้าข้อก่อน ไว้กลับมาทำใหม่ครับ”

แฟรงค์หัวเราะเพราะที่เห็นอยู่นี่วงไว้เกือบทุกข้อ

“ทำเองตรวจเองเลยหรือไมเคิล ทำไมเก่งจัง หือ..”

แฟรงค์เงยหน้าหนุ่มน้อยขึ้นสบตาด้วย กะจะบอกว่าที่เขาเห็นตอนนี้ถูกเกือบทุกข้อแล้ว แต่ก็ต้องอึ้งไปพร้อมๆ กับรอยยิ้มจางลงเมื่อเห็นดวงตาเจ้าหนูมีน้ำใสคลอระริก

“อืมม์.. ถ้ายังอยากจะเรียนต่อทำไมไม่ลองหาครูสอนคนใหม่ล่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นฝรั่งก็สอนได้นะ...”

“ออกไปหาที่เรียนข้างนอกหรือครับ ถ้าจะออกไปข้างนอกต้องขออนุญาตคุณคริสก่อน ผมไม่กล้าครับ แค่คุณคริสช่วยชีวิตผมไว้และให้ผมพักอาศัยอยู่ด้วย ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไง ผมไม่กล้าขออะไรอีก…”

เหตุผลยืดยาวของเจ้าหนูทำให้แฟรงค์อดหัวเราะไม่ได้

“ใครบอกเธอล่ะไมค์ ว่าให้ออกไปหาครูสอนนอกบ้าน เธอจะมีปัญญาออกจากบ้านได้ยังไง ตั้งแต่มาพักอยู่ที่นี่เคยออกจากบ้านกี่ครั้ง หือ…”

จริงอย่างที่คุณแฟรงค์พูด เกือบ 4 เดือนที่อยู่ที่นี่ไมค์ไม่เคยก้าวออกจากคฤหาสน์หลังนี้เลย คุณคริสไม่ได้ห้ามให้ไมค์ออกไปข้างนอก แต่จะออกไปต้องขออนุญาตก่อน ไมค์ไม่เคยขอเพราะไม่รู้จะออกไปไหน มีเพียงหนึ่งครั้งที่ได้ออกไปพร้อมๆ กับสมาชิกทุกคน ตอนคุณคริสพาไปเลี้ยงฉลอง Project ใหม่เท่านั้น

“ฉันพอจะเป็นครูคนใหม่ของเธอได้มั้ย.. ถึงฉันจะเป็นลูกครึ่ง แต่ภาษาของฉันคุณคริสเขายอมยกนิ้วให้นะ”

ไมเคิลตาโตด้วยความตื่นเต้นและดีใจที่คุณแฟรงค์อาสาจะช่วยสอนต่อแทนคุณคริส แต่ต้องหน้าเสียลงเมื่อได้ยินคำพูดถัดมา

“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะไมเคิล.. ฉันอยากได้อะไรจากเธอบ้าง”

แฟรงค์ซ่อนยิ้มในหน้าเมื่อเห็นเด็กชายคอตก และเกือบจะหัวเราะก๊ากออกมากับคำกล่าวปฏิเสธที่ออกจากปากเจ้าหนู

“ผมแลกเปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ พ่อคงไม่ชอบถ้าผมจะพูดภาษาของพ่อได้แต่ต้องใช้ร่างกายแลกมา ผมทำไม่ได้ครับคุณแฟรงค์ ได้โปรดอย่าบังคับผมอีกเลย”

“ให้ตายเถอะไมเคิล มองโลกในแง่ดีบ้างซีไอ้หนู เห็นฉันเป็นคนยังไง ฉันไม่ชอบบังคับขืนใจใครหรอกนะ ฉันมีความสุขบนความทุกข์ของใครไม่เป็นหรอก เลิกกลัวได้แล้ว เธอเป็นของคริส ตราบใดที่เขาไม่อนุญาต…ฉันไม่กล้าแตะต้องเธอหรอก”

ไมเคิลกลืนน้ำลายลงคอ หมายความว่าถ้าคุณคริสเอ่ยอนุญาตคำเดียว คืนนี้คุณแฟรงค์คงไม่ล้อเล่น อีกไม่นานหรอก… อีกไม่นานคุณคริสก็คงจะเอ่ยปาก เพราะคุณคริสเบื่อไมค์แล้ว

“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าอย่างนั้นซีไมเคิล.. รู้มั้ยว่าคุณคริสเขายังต้องการเธออยู่ เขาแค่เบื่อนิดหน่อยเท่านั้น”

สรุปแล้วแฟรงค์ตกลงกับไมเคิลว่าจะช่วยสอนภาษาอังกฤษให้วันละ 1 ชั่วโมง แลกกับการที่เด็กชายต้องขึ้นไปบีบนวดให้เขาวันละ 1 ชั่วโมงเช่นกัน แต่กว่าเจ้าหนูจะยอมตกลงเขาต้องยอมรับเงื่อนไขก่อน 2 ข้อ

“คุณต้องสัญญาว่าจะไม่เปิดวีดีโอแบบวันนั้น และต้องไม่บังคับให้ผมทำเรื่องนั้นอีกนะครับ”



:m13:



TBC
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 26-08-2008 13:05:39
แหม...........................................นายแฟรงค์รีบเลยน่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 26-08-2008 13:34:12
เหมือนหมาป่าห่มหนังแกะจังเลยอ่ะค่ะ...แฟรงค์

สงสารหนูไมค์สุดใจขาดดิ้นเลย ให้ตายสิ มีแต่คนจ้องจะกลั่นแกล้ง :serius2:

ลงต่อไว๊ ไวค่า  เอาไปเลย +1  :oni2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-08-2008 14:51:46
ไมค์น่าสงสารเป็นที่สุด

อย่าแกล้งไมค์ของผมเลยครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: sweetmonkey ที่ 26-08-2008 17:30:05
ว้าววว เจ้หมวยย อิอิ

อ่านกี่เรื่องๆ ของ เจ้ ก้อชอบทุกเรื่องเรย

ซึ้งน้ำตาไหลทุกที

มาต่อเร็วนะค่ะเจ้ อยากอ่านต่อไหวๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 27-08-2008 02:04:17
สงสารน้องไมเคิลลลลล

ทู้โน้นก็เศร้า ทู้นี้ก็เศร้า :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 27-08-2008 09:16:02
7 (ต่อ)


คืนนี้เป็นคืนแรกที่ไมเคิลขึ้นมาหาแฟรงค์ที่ห้อง แฟรงค์นัดเด็กชายให้ขึ้นมาหาตอน 2 ทุ่มทุกวันเว้นวัน   ทันทีที่เห็นไมเคิลเดินขึ้นมาบนตึก โอก็ตรงรี่เข้าไปต่อว่าทำราวกับเป็นเจ้าของคฤหาสน์

“ใครอนุญาตให้นายเหยียบขึ้นมาบนตึก.. กลับไปที่พักของนายซะ ก่อนที่คุณคริสจะกลับมา”

“คุณคริสสั่งห้ามไม่ให้ไมค์ขึ้นมาบนตึกตั้งแต่เมื่อไร.. ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย”

แฟรงค์อารมณ์เสียใส่โอที่พูดจาใหญ่โตเกินฐานะทำเอาเด็กหนุ่มหน้าเสีย เพราะนึกไม่ถึงว่าคุณแฟรงค์จะออกรับแทนซ้ำยังพาเจ้าหนูขึ้นไปบนห้อง สายตาสี่คู่มองตามตาปริบๆ โดยเฉพาะบอยนึกน้อยใจคุณแฟรงค์ที่นัดไมเคิลมาหา ทั้งที่เมื่อตอนเย็นเขาขอขึ้นไปหาที่ห้องแต่คุณแฟรงค์ปฏิเสธ และบอกว่าวันนี้เหนื่อยมากอยากพักผ่อนแต่หัวค่ำ

บอยนึกในใจ ….รอให้คุณคริสกลับมาก่อนเถอะ นายเสร็จแน่ ไมเคิล…



 :m14:



ไมเคิลบีบนวดให้คุณแฟรงค์ได้ประมาณ 20 นาที ก็ได้ยินเสียงกรนคร่อก อยากจะหยุดมือแต่กลัวคุณแฟรงค์แกล้งหลับและหาว่าอู้ก็เลยบีบนวดไปเรื่อยๆ สายตามองเรื่อยเปื่อยไปรอบๆ ห้อง ก็พบว่าห้องนอนคุณแฟรงค์สะอาดเรียบร้อยอย่างไม่น่าเชื่อ อาจเป็นเพราะคุณแฟรงค์ไม่ได้ทำงานก็ได้ จึงไม่มีเอกสารหรือโมเดลวางเกะกะเหมือนห้องคุณคริส

คุณแฟรงค์คงชอบถ่ายรูปจึงมีกรอบรูปตั้งไว้ในห้องหลายจุด ถ้าไม่ได้เข้ามาในห้องไมค์คงไม่มีโอกาสรู้ว่าคุณแฟรงค์เป็นนายแบบสมัครเล่นด้วย ไมค์มองรูปที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วก็ต้องตาโตด้วยความตื่นเต้น…

เกือบ 4 ทุ่มแล้ว…ไมเคิลเขย่าขาคุณแฟรงค์และเอ่ยเรียกเบาๆ

“คุณแฟรงค์ครับ.. คุณแฟรงค์..”

แฟรงค์ตกใจตื่น รีบมองดูนาฬิกาที่หัวเตียงก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

((4 ทุ่มแล้วเหรอ.. พอแล้วไมเคิล ต่อไปถ้าเห็นฉันหลับก็ไม่ต้องนวดแล้วนะ กลับลงไปพักผ่อนได้เลย วันนี้พอแค่นี้… กลับไปนอนได้แล้วไมค์.. กู๊ดไนท์ไอ้หนู))

แฟรงค์กล่าวเป็นภาษาอังกฤษตามข้อตกลงว่า ระหว่างชั่วโมงการสอนเขาจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนไมเคิลจะตอบเป็นภาษาอังกฤษหรือไทยก็ได้ ถ้าหากไม่เข้าใจหรือไม่รู้เรื่องที่เขาพูดจริงๆก็ให้ยกมือ เขาจะทวนคำพูดเป็นภาษาไทยให้ แต่เจ้าหนูไม่ได้ยกมือให้เขาทวนคำพูดเลย แสดงว่าเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดี แต่คำตอบที่ได้รับมักจะเป็นภาษาไทยมากกว่า อาจเป็นเพราะยังไม่ค่อยกล้าพูดหรือเห็นว่าเขาไม่ใช่ฝรั่งจริงๆ

แฟรงค์ทำท่าจะล้มตัวลงนอนต่อ

“คุณแฟรงค์ครับ”

“หือ..”

“ผมขออนุญาตดูรูปที่หัวเตียงหน่อยนะครับ”

ไมค์ไม่กล้าถือวิสาสะหยิบรูปดูตอนที่คุณแฟรงค์หลับ

“ตามสบาย…”

แฟรงค์พยักหน้าและล้มตัวลงนอนต่อทำทีเป็นไม่สนใจ แต่แอบลอบสังเกตกิริยาดีใจของหนุ่มน้อยขณะคลานไปหยิบรูปถ่ายที่เขาถ่ายคู่กับคริสมาดู เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่เคยเห็นสีหน้าและแววตาของเด็กชายฉายแววสุขใจแบบนี้มาก่อน

แฟรงค์ขยับขึ้นนั่ง กล่าวกระเซ้าเมื่อหนุ่มน้อยจ้องมองรูปถ่ายตาไม่กระพริบ

“ฉันดูหล่อกว่าตัวจริงมากเลยใช่มั้ย ไมเคิล.. เธอถึงจ้องมองตาค้างยังงั้น”

“เอ่อ.. ครับ” ไมค์เงยหน้าขึ้นและยิ้มแห้งๆ ก่อนจะวางรูปลงอย่างจำใจ

“ผมกลับไปนอนนะครับ”

แฟรงค์พยักหน้า       “กู๊ดไนท์ ไมเคิล..”

“กู๊ดไนท์ครับ คุณคริส..”   ไมค์เอ่ยด้วยความเคยชินเพราะเคยพูดประโยคนี้กับคุณคริสทุกคืน และใบหน้าของคุณคริสยังติดตาอยู่จากรูปที่ดูเมื่อครู่

“อุ๊ย..ขอโทษครับ” ไมเคิลสะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ รีบหันมากล่าวลาแฟรงค์ใหม่    “กู๊ดไนท์ครับ คุณแฟรงค์..”

แฟรงค์อมยิ้มและพยักหน้าให้ ทำไมเขาจะไม่รู้…ว่าเจ้าหนูไมค์มีคุณคริสอยู่ในหัวใจตลอดเวลา...

“เดี๋ยวก่อนไมเคิล..” แฟรงค์เรียกหนุ่มน้อยไว้ขณะกำลังจะเปิดประตู และพยักหน้าให้เข้ามาหา

“มีอะไรหรือครับ คุณแฟรงค์..”

ไมเคิลเอ่ยถามแต่สายตาจับจ้องรูปถ่ายที่ดูอยู่เมื่อครู่ ซึ่งตอนนี้มันถูกถอดออกจากกรอบมาอยู่ในมือคุณแฟรงค์แล้ว

“อยากได้รูปถ่ายใบนี้ใช่มั้ย”

ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความดีใจ อยู่ดีๆ คุณแฟรงค์ก็มีความคิดตรงกับใจไมค์

“ครับ” ไมเคิลพยักหน้ารับแต่ประโยคถัดมาของแฟรงค์ทำเอาเด็กชายคิดหนัก

“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะไมเคิล.. คืนนี้เธอต้องนอนที่นี่”

“เอ่อ!.. นอนเฉยๆ หรือเปล่าครับ”

หนุ่มน้อยเล่นถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ทำให้แฟรงค์อดหัวเราะไม่ได้

“ฮะ ฮะ นอนเฉยๆ ซี แต่นอนข้างๆ ฉันตรงนี้นะ” แฟรงค์ตบที่นอนข้างตัวและยิ้มให้ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

ไมเคิลคิดหนัก ใจอยากได้รูปถ่ายใบนั้นมาก รูปคุณคริสที่เหมือนแด๊ดดี้บิล ราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน ดวงตาสีฟ้าคู่เดิมที่ไมค์ไม่ได้เห็นมาเกือบเดือนแล้ว เพราะฝันหาพ่อไม่เจอ

เด็กชายตัดสินใจแน่วแน่แล้วพยักหน้าให้แฟรงค์



:m13:



“ขยับเข้ามาหน่อยก็ได้ ไมเคิล.. เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก”

แฟรงค์กล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วงจริงๆ เพราะแค่พลิกตัวเท่านั้นเจ้าหนูก็จะร่วงลงจากเตียงทันที แฟรงค์ส่ายหน้าเมื่อไมเคิลยอมขยับแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงแสร้งกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“ถ้ากลัวมากนักก็กลับลงไปนอนที่ห้องเถอะ หยิบรูปไปได้ ฉันอนุญาต”

ไมค์รู้สึกผิดที่ทำให้คุณแฟรงค์โกรธ รีบขยับเข้าไปนอนใกล้ๆ และกล่าวขอโทษ

“ขอโทษครับ คุณแฟรงค์..”

แฟรงค์เสยผมเด็กชายและกล่าวเบาๆ

“ยังจะกลัวอะไรอีกล่ะ ไฟก็เปิดให้แล้ว ถ้าฉันจะทำอะไรเธอ นอนตรงไหนก็หนีไม่พ้นหรอก”

“แต่คุณสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไร” ไมค์รีบทวงสัญญา

“ใช่..ฉันสัญญาแล้ว ทำไมเธอยังกลัวอยู่อีกล่ะ ไม่เชื่อว่าฉันจะทำตามสัญญาใช่มั้ย”

ไมเคิลนอนนิ่งไม่กล้าตอบว่า …ใช่…

แฟรงค์ขยับลุกขึ้นนั่ง และหันไปหยิบอัลบั้มรูปที่อยู่ในลิ้นชักข้างเตียงขึ้นมาเปิดและดึงรูปถ่ายออกมา 1 ใบถือไว้ในมือ

“ฉันมีข้อเสนอใหม่นะไมเคิล ลุกขึ้นมาดูรูปใบนี้ซิ”

ไมเคิลรีบลุกขึ้นนั่งและขอดูรูปถ่ายในมือคุณแฟรงค์ หัวใจพองโตอีกครั้งที่ได้เห็นดวงตาสีฟ้าคู่นี้ มันเป็นรูปคุณคริสถ่ายครึ่งตัว ภาพสวยกว่ารูปถ่ายใบแรก ที่สำคัญไม่มีคุณแฟรงค์อยู่ในรูปด้วย

“อยากเปลี่ยนเป็นภาพนี้แทนมั้ย ไมเคิล..”

ไมค์พยักหน้ารับด้วยความดีใจ แต่นึกขึ้นได้ว่าคุณแฟรงค์ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอีกจึงรีบเอ่ยถามก่อน

“ผมต้องทำอะไรอีกหรือเปล่าครับ”

แฟรงค์พยักหน้าและก้มลงกระซิบข้างหูหนุ่มน้อย



:m13:



แฟรงค์ไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่รูปถ่ายของคริสใบเดียว เจ้าหนูไมเคิลยอมรับเงื่อนไขที่เขาเสนอให้คือ ยอมให้เขากอดเฉยๆ และต้องนอนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา ห้ามขยับไปนอนริมเตียงอีก

แฟรงค์ได้ยินเสียงหัวใจเต้น เขารู้ว่าเจ้าหนูกำลังตื่นกลัวเพราะนอกจากจะนอนตัวแข็งแล้วยังเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขาแกล้งหยอกด้วยการฝังจมูกลงที่ซอกคอ แต่เพียงแค่สัมผัสเท่านั้นร่างเล็กในอ้อมกอดก็ขืนตัวและผลักเขาออก แต่กำลังของหนุ่มน้อยจะสู้เขาได้อย่างไร แฟรงค์ลืมตัวไปชั่วขณะด้วยความเคยชินนึกว่าไมเคิลเป็นหนุ่มน้อยอีกคนที่เขากำลังสอนให้เรียนรู้ ซึ่งครั้งแรกจะมีกิริยาต่อต้านและแข็งขืนแบบนี้ทุกคน

“ปล่อยนะคุณแฟรงค์.. คุณผิดสัญญา คุณโกหก ผมไม่ต้องการของของคุณแล้ว ฮึก..”

เด็กชายสะอื้นด้วยความตกใจและเสียใจที่ถูกคุณแฟรงค์หลอกจนได้ ในขณะที่แฟรงค์เองรู้สึกตัวรีบผละออกและกล่าวปลอบ

“ฉันขอโทษไมเคิล ฉันล้อเล่นนะ เฮ้! ไม่เอาน่ะ ไอ้หนู อย่าร้องไห้ซี..”

แฟรงค์โมโหตัวเองที่ทำให้เด็กชายตกใจกลัวจนเขารู้สึกกลัวไปด้วย ถ้าเป็นเด็กคนอื่นเขาก็จะปลอบพร้อมๆ กับสอนไปด้วย แต่กับไมเคิลเขาไม่ได้มีความคิดหรือตั้งใจจะสอนเรื่องแบบนั้น เพราะนอกจากจะผิดสัญญาที่ให้กับเจ้าหนูเองแล้ว คำสั่งของคริสยังคงก้องอยู่ในหูเขา…

….อย่ายุ่งกับไมเคิลนะ แฟรงค์.. เด็กคนนี้ฉันดูแลเอง…

และจนบัดนี้คำสั่งนั้นก็ยังไม่ถูกยกเลิก หากเขาทำอะไรลงไปคริสเอาเขาตายแน่

แฟรงค์ลุกจากเตียงเดินวนไปมารอบห้อง ปล่อยหนุ่มน้อยอยู่บนเตียงคนเดียวยิ่งปลอบยิ่งไม่ได้เรื่อง สักครู่ไมเคิลก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นและขอตัวกลับลงไปนอนที่ห้อง

“ขอโทษนะไมค์กี้.. ฉันล้อเล่นจริงๆ อย่าโกรธนะ ”

ถึงจะเชื่อว่าคุณแฟรงค์ล้อเล่นจริงๆ แต่ไมเคิลก็โกรธกับการล้อเล่นของเขา คุณแฟรงค์ยื่นรูปใส่มือไมค์

“เอาเก็บไว้ มันเป็นของเธอแล้ว”

ไมเคิลจ้องดูรูปอีกครั้ง หายโกรธคุณแฟรงค์ทันทีที่ได้เห็นใบหน้านี้ รีบเก็บรูปใส่กระเป๋าเสื้อก่อนที่คุณแฟรงค์จะเปลี่ยนใจหรือมีลูกเล่นอะไรอีก

แฟรงค์เดินตามมาส่งเด็กชายที่ประตู

“ขอบคุณครับ คุณแฟรงค์”

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นคำว่า เธอไม่โกรธฉันได้มั้ย”

ไมเคิลพยักหน้าและกล่าว

“ผมไม่โกรธคุณครับ”

((ขอบใจนะไมเคิล แล้วเจอกันมะรืนนี้)) แฟรงค์กล่าวลาเป็นภาษาอังกฤษ ไมเคิลจึงกล่าวลาตอบเป็นภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน

((กู๊ดไนท์ครับ คุณแฟรงค์ แล้วเจอกันครับ))

“เดี๋ยวก่อน ไมเคิล” แฟรงค์เอามือดันประตูไว้

“ขอถามอะไรสักข้อได้มั้ย รูปคุณคริสมีความหมายกับเธอมากในฐานะอะไร"

ไมเคิลขมวดคิ้วไม่เข้าใจคำถาม

“ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ได้มองรูปนี้เป็นคุณคริส แต่เหมือนเธอมองใครที่มีความหมายกับเธอมาก…ใช่มั้ย”

เด็กชายยืนนิ่งไม่คิดว่าคุณแฟรงค์จะช่างสังเกตุ

“ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร กู๊ดไนท์ ไมเคิล..” แฟรงค์เปิดประตูให้ แต่หนุ่มน้อยยังยืนนิ่งเฉยเหมือนกำลังชั่งใจที่จะตอบ

“ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่บอกใคร..”

แฟรงค์พยักหน้า    “ฉันสาบานว่าจะไม่ผิดสัญญาในครั้งนี้ ถ้าผิดขอให้สวรรค์….”

“รูปนี้เหมือนแด๊ดดี้ผมครับ”  ไมค์รีบบอกเพราะไม่อยากได้ยินคำสาบาน

เด็กชายออกจากห้องไปนานแล้ว แต่แฟรงค์ยังยืนนิ่งอยู่กับคำตอบที่ได้รับ…



 o2


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 27-08-2008 09:36:10

[8]



เกือบ 5 ทุ่มแล้ว….ดึกป่านนี้ทุกคนคงจะเข้านอนกันหมด ไมเคิลค่อยๆ ย่องลงบันไดและคิดหาทางว่าจะออกจากตึกประตูไหนดี ตัดสินใจเดินผ่านห้องหนังสือเพื่อออกทางประตูครัวจะดีกว่า

“ไมเคิล”  เสียงกังวานมีพลังดังขึ้นด้านหลัง

ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกหัวใจเต้นเป็นกลองรัว ค่อยๆ หันกลับไปพบร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอยู่ที่หน้าห้องหนังสือ

“ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน ขึ้นมาทำอะไร”

ไมเคิลก้มหน้านิ่งไม่รู้จะตอบคำถามยังไง นึกถึงคำพูดของคุณแฟรงค์ว่าถ้าบังเอิญคุณคริสเห็นให้บอกว่าขึ้นมาบีบนวดให้ ไม่ควรบอกว่ามาเรียนภาษาอังกฤษเพราะคุณคริสอาจจะโกรธหรือไม่พอใจ

“ว่ายังไงไมเคิล.. ไม่ได้ยินคำถามเหรอ”

ไมค์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคุณคริสยังคงเป็นสีน้ำตาลเข้ม หนวดเคราสีน้ำตาลทองยาวปกคลุมบริเวณแก้มและคาง คุณคริสคนเดิมของไมค์คงไม่กลับมาแล้วจริงๆ

“ผมมาหาคุณแฟรงค์ครับ” ไมค์ตอบเสียงอ่อย

“มาหาแฟรงค์ทำไม!!..” คริสถามเสียงขุ่นด้วยความไม่พอใจ

“คุณแฟรงค์ให้ผมมานวดให้ครับ”

“ว่าไงนะ!!..” คริสรั้งร่างเล็กเข้ามาจับแขนสองข้างเขย่าด้วยอารมณ์โกรธ

“แฟรงค์ให้มานวดเธอก็มาหรือไมเคิล เดี๋ยวนี้คิดจะทำอะไรไม่ต้องขออนุญาตฉันแล้วเหรอ…”

ไมค์ตกใจพร้อมๆ กับรู้สึกเสียใจที่ทำให้คุณคริสโกรธ

“ผมขอโทษครับ คุณแฟรงค์เห็นผมว่างๆ ก็เลยขอให้ผมขึ้นไปนวดให้ นวดเฉยๆ ครับคุณคริส คุณแฟรงค์ไม่ได้ทำอะไร…”

“แฟรงค์ไม่ได้ทำอะไรงั้นเหรอ…”

คริสบีบลำแขนเล็กสองข้างอย่างแรงด้วยความลืมตัว เพราะนอกจากจะรู้สึกเสียหน้าที่เจ้าหนูหันไปปรนนิบัติแฟรงค์เหมือนที่เคยปฏิบัติต่อเขาแล้ว ยังรู้สึกโกรธที่ไมเคิลหลงเชื่อใจแฟรงค์ ทั้งที่รู้อยู่ว่าแฟรงค์เป็นคนยังไง

“เธอเชื่อเขาหรือ ไมเคิล.. แฟรงค์บอกว่าจะไม่ทำอะไร เธอก็เชื่อเขา เธอไม่รู้จักนิสัยแฟรงค์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนยังไง ฉันคอยปกป้องเธอไว้เพื่ออะไร!!   อยู่ดีๆ ก็ขึ้นไปหาเรื่องใส่ตัว!!..”

ไมเคิลรู้สึกเจ็บที่ต้นแขนแต่ไม่กล้าร้องได้แต่กัดฟัน สีหน้าเจ็บปวดของเด็กชายทำให้คริสรีบคลายมือออก

“คุณแฟรงค์สัญญาว่าจะไม่แตะต้องผม คุณแฟรงค์ว่าไม่ชอบบังคับใจใคร”

คริสหัวเราะในลำคอ และกัดฟันพูดด้วยอารมณ์โกรธที่ยังไม่คลายลง

“เธอไม่รู้จักนิสัยเขาจริงๆนะไมเคิล แฟรงค์เขามีวิธีจัดการกับเด็กทุกประเภท แม้แต่เธอเองก็เถอะ.. ถึงไม่ยินยอม

แฟรงค์ก็จะจับเธอมัดคาเตียงเหมือนที่ทำกับเด็กคนอื่นๆ”

ไมค์ตกใจกับเรื่องที่คุณคริสบอก ไม่อยากเชื่อว่าคุณแฟรงค์จะทำเรื่องแบบนั้นได้ แต่เมื่อนึกถึงอาการลืมตัวของคุณแฟรงค์เมื่อครู่แล้ว ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

“ผมขอโทษครับ ผมจะไม่ขึ้นไปนวดให้คุณแฟรงค์อีกแล้ว”

“เรื่องของเธอ อยากจะทำอะไรก็ทำ ฉันเตือนเธอครั้งเดียวและจะไม่พูดอีก กลับไปนอนซะ ดึกมากแล้ว”

คริสจบการว่ากล่าวแต่เพียงเท่านี้ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กชายคุกเข่าลงกับพื้นยกมือไหว้และเอ่ยขอโทษเขาอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน..”

ไมเคิลหยุดชะงักเมื่อเดินออกมาได้ 3 ก้าว

“รูปอะไรอยู่ในกระเป๋าเสื้อ”

ไมค์ใจหายวาบ ก้มลงดูที่กระเป๋าเสื้อ…รูปถ่ายที่คุณแฟรงค์ให้โผล่ออกมาจากกระเป๋าและยังหงายด้านที่เป็นรูปออก ทำยังไงดี…ไม่คิดว่าจะลงมาเจอคุณคริสเลยไม่ได้เก็บซ่อนไว้…

“ว่าไงไมเคิล.. ขอดูหน่อยได้มั้ย”

คริสทวนคำถามด้วยน้ำเสียงห้วนขึ้น ไมเคิลจึงรีบดึงรูปออกจากกระเป๋าเสื้อส่งให้และก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาด้วย ภาวนาขอให้คุณคริสอย่าโกรธแต่คำภาวนาของไมค์ไม่ได้ผล…

“ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะมีนิสัยแบบนี้ คนที่หยิบของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ภาษาอังกฤษว่าอะไรไมเคิล”

ไมเคิลใจหายวาบเมื่อถูกคุณคริสเข้าใจว่าเป็นขโมย รีบคุกเข่าลงกับพื้นชี้แจงความจริงให้ทราบ

“คุณแฟรงค์อนุญาตให้ผมเอารูปมาได้ฮะ ผมไม่ได้แอบหยิบมาเอง..”

“แฟรงค์อีกแล้วเหรอ.. เขามีสิทธิอะไรอนุญาตให้เธอเอารูปของฉันไป ถึงรูปใบนี้จะเป็นของเขาแต่มันเป็นรูปฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาตเธอไม่มีสิทธิเก็บรูปของฉันไว้ เข้าใจมั้ยไมเคิล.. ถ้ายังไม่เข้าใจ ฉันจะเรียกนายแฟรงค์ลงมาอธิบายพร้อมๆ กัน”

หนุ่มน้อยก้มหน้าลงกับพื้น ไม่กล้าสบตากับเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์อีก

“เข้าใจครับ.. ผมผิดเองที่ผมอยากได้ ผมเป็นคนขอรูปกับคุณแฟรงค์.. อย่าโกรธคุณแฟรงค์เลยนะครับ”

“หึ! ยังจะห่วงนายแฟรงค์อีกเหรอ เธอควรจะห่วงตัวเองเสียก่อน รู้มั้ยว่าเธอทำให้ฉันโกรธ”

ร่างเล็กพยักหน้ารับทราบทั้งที่ยังก้มหน้างุด

“แล้วรู้มั้ย…ว่าถ้าฉันโกรธใครและไม่ได้ลงโทษ นั่นคือฉันไม่อยากเสียเวลาอบรมสั่งสอนหรือพูดคุยด้วยอีกต่อไป ”

คริสทรุดตัวลงเพราะเจ้าหนูไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาด้วย

“แล้วแต่ใจนะ ไมเคิล.. ว่าเธออยากให้ฉันลงโทษหรือเปล่า”

ถึงตอนนี้เด็กชายไม่อาจนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ได้ รีบเงยหน้าขึ้นตอบคำถามโดยไม่ต้องคิด

 :m15:  “ผมอยากให้คุณคริสลงโทษครับ~~”

เสียงสั่นเครือของหนุ่มน้อยและน้ำใสที่เอ่อคลอดวงตากลมโต ทำให้คริสต้องรีบลุกขึ้นยืนและกล่าวตัดบท

“โอเค! งั้นก็กลับไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ขึ้นมาหาฉัน 3 โมงเช้า ฉันจะบอกว่าเธอควรจะได้รับโทษอะไร”

“ครับ”

เด็กชายออกจากตึกมาด้วยหัวใจที่บอบช้ำ   :o12:   ร่างเล็กวิ่งตรงกลับไปที่พักอย่างเร็ว เสียงฝีเท้ากลางดึกทำให้เจ้าโดเบอร์แมนร็อกกี้ ส่งเสียงคำรามและวิ่งไล่ตามด้วยความตกใจ นึกว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาในบ้าน แต่พอเข้ามาใกล้และรู้ว่าเป็นไมเคิลเพื่อนซี้ก็หยุดเห่าและวิ่งตามมาส่งถึงห้องพัก

ไมเคิลล้มตัวลงนอน น้ำตาไหลเป็นทางด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องรูป กว่าจะได้มาต้องอดทนกับความกะล่อนของคุณแฟรงค์ แต่คุณคริสกลับเก็บคืนไปโดยไม่ถามสักคำว่าไมค์จะเอาไปทำอะไร คุณคริสไม่ต้องการให้ไมค์ได้มีโอกาสเห็นดวงตาสีฟ้าคู่นั้นแล้วจริงๆ


:m15:


คริสกลับขึ้นมาบนห้องด้วยหัวใจที่เจ็บช้ำเช่นกัน ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกเสียใจกับการว่ากล่าวไมเคิล เหมือนความรู้สึกของหนุ่มน้อยสะท้อนกลับมาที่ตัวเอง เขาเป็นคนดุว่าแท้ ๆ ยังรู้สึกเจ็บเพียงนี้ ความรู้สึกของเจ้าหนูขณะนี้จะเจ็บช้ำเพียงไร พรุ่งนี้เขาจะออกปากลงโทษหนุ่มน้อยอย่างไรจึงจะไม่เจ็บปวดมาถึงหัวใจตัวเอง


o7
 

เกือบตี 1 แล้ว…. แฟรงค์ยังเดินวนไปมาอยู่ในห้อง สมองของเขามีเรื่องให้คิดจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ เสียงเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์ดุว่าสมาชิกในบ้านเบาอยู่ซะเมื่อไร ไม่ใช่แต่แฟรงค์เท่านั้นที่ได้ยิน หนุ่มน้อยทั้งหลายที่พักอยู่ด้านล่างก็ได้ยินกันทั่วแต่ไม่มีใครกล้าออกมาเสนอหน้า ต่างเงี่ยหูรอฟังสถานการณ์อยู่ที่ประตูห้องนอนตัวเอง

ตั้งแต่ไมเคิลเข้ามาเป็นสมาชิกในคฤหาสน์บริเจคส์ แฟรงค์เพิ่งได้มีโอกาสพูดคุยและอยู่ใกล้ชิดหนุ่มน้อยในคืนนี้ มันทำให้เขารู้ว่าตลอดเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา คริสมิได้ปฏิบัติกับไมเคิลเหมือนหนุ่มน้อยคนอื่นๆ อาการตื่นกลัวของเจ้าหนูขณะถูกเขาสวมกอดทำให้แฟรงค์มั่นใจ และเข้าใจแล้วว่าทำไมคริสจึงไม่อนุญาตให้เขาแตะต้องเด็กชายลูกครึ่งคนนี้

เหตุการณ์ที่คริสว่ากล่าวไมเคิลเมื่อครู่ทำให้แฟรงค์มั่นใจว่าระหว่างคริสและเด็กชายมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกัน แต่ไม่เข้าใจว่าแค่รูปถ่ายใบเดียวทำไมคริสจึงโกรธไมเคิลมากมายถึงขนาดต้องลงโทษด้วย เรื่องที่เจ้าหนูขึ้นมาหาเขาที่ห้องไม่เป็นที่พอใจของคริสไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคริสไม่เคยไว้ใจเขาเรื่องนี้ แต่เพราะเหตุใดไมเคิลจึงยังเป็นคนพิเศษของคริส ทั้งที่คริสเองก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเด็กแล้ว หากแต่ขณะดุว่าน้ำเสียงของคริสกลับแสดงความห่วงใยอย่างมาก ไหนจะความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในตัวคริสที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล และคำตอบที่ไมเคิลให้เขาเรื่องรูปถ่าย ยิ่งคิดแฟรงค์ก็ยิ่งมั่นใจว่ามหาเศรษฐีบริเจคส์กำลังหนีความจริงอะไรบางอย่างด้วยการหลอกตัวเอง


:เฮ้อ:


อาหารเช้าวันนี้สมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า พ่อบ้านลูเดินเคาะประตูห้องปลุกทุกคนแต่เช้าและแจ้งให้ทราบว่าคุณคริสจะรับประทานอาหารเช้าและขอพบทุกคนที่โต๊ะอาหาร

หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่นั่งทานอาหารกันเงียบกริบ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ไม่มีใครกล้าพูดคุยเล่นเพราะไม่แน่ใจอารมณ์ของคุณคริส ขนาดนั่งทานอาหารยังไม่ยอมพูดคุยหรือทักทายใครสักคนเอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์ และอาหารเช้าของคุณคริสก็มีแค่กาแฟเพียงถ้วยเดียว ในขณะที่คนอื่นๆ คุณคริสให้เสิร์ฟอาหารเช้าเต็มชุดวางไว้ล่วงหน้าเลย
แฟรงค์เตรียมใจที่จะพูดคุยกับคริสเรื่องไมเคิล แต่อีกฝ่ายกลับไม่เอ่ยถามอะไรสักคำ ทำเหมือนกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา

คริสพับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะเมื่อสังเกตุว่าทุกคนอิ่มกันเกือบหมดแล้ว

“ถ้าไม่มีใครมีธุระที่ไหนให้ไปเก็บเสื้อผ้าตามฉันไปภูเก็ต เราจะค้างที่นั่น 1 คืน”

“คืนเดียวเองหรือครับ คุณคริส” โอเอ่ยถามแทนเพื่อนๆ

“ฉันไม่ได้ไปเที่ยว ไปธุระเรื่องงาน ให้พวกเธอตามไปด้วยแก้เหงาเท่านั้น ถ้าใครไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”

“ผมไปฮะ” หนุ่มแสบทั้งสี่คนเอ่ยขึ้นพร้อมๆ กัน

คริสหันมาทางชายหนุ่มซึ่งนั่งจิบกาแฟเงียบอยู่ข้างๆ

“มีธุระที่ไหนหรือเปล่าแฟรงค์.. ถ้าไม่มีฉันอยากให้นายไปด้วย”

“ให้ไมเคิลไปด้วยหรือเปล่า”

แฟรงค์ตั้งใจถามแม้รู้ว่าอาจทำให้อีกฝ่ายเสียอารมณ์ แต่ผิดคาดรอยยิ้มมีเสน่ห์ของคริสฉายขึ้นบนสีหน้า และคำตอบที่แฟรงค์ได้รับตามมา ถ้าไม่ได้ยินกับหูเขาไม่มีวันเชื่อว่าคริสเป็นคนพูด

“โปรแกรมนี้ไม่เหมาะกับไมเคิลหรอก เขาไม่ชอบทะเล ไม่ชอบเกาะ พาไปด้วยเดี๋ยวจะพาลนึกถึงเกาะร้างจนนอนร้องไห้ทั้งคืน”

แฟรงค์อึ้งกับคำตอบที่ได้รับ คำพูดประชดประชันนี้น่าจะออกจากปากเจ้าตัวเแสบทั้งสี่คนมากกว่า

“งั้นผมขอตัวล่ะกัน ไมเคิลคงรู้สึกไม่ดี ถ้าเราไปกันหมดทิ้งให้เขาอยู่คนเดียว”

ครั้งนี้คริสเป็นฝ่ายนิ่ง คำพูดของแฟรงค์แสดงความเป็นห่วงไมเคิลอย่างออกนอกหน้า ยังไม่ทันเอ่ยอะไรหนุ่มบอยก็รีบแย้งขึ้นเพราะอยากให้คุณแฟรงค์ไปด้วย

“อยู่คนเดียวที่ไหนกันฮะคุณแฟรงค์ คนในบ้านออกเยอะแยะ แล้วเดี๋ยวนี้ไมเคิลก็แทบจะไม่ได้ขึ้นมาบนตึกแลัว พวกเราอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เห็นเกี่ยวเลย หรือว่าคุณแฟรงค์จะให้ไมค์…”

“หยุดได้แล้ว บอย..”

คริสขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ เขารู้ว่าบอยจะพูดอะไรและเขาไม่ต้องการได้ยิน

“ไม่ต้องอธิบายเหตุผล แฟรงค์ไม่อยากไปก็เรื่องของเขา ใครจะไปก็เตรียมตัว เจอกันที่หน้าตึก 3 โมงเช้า”

คริสลุกขึ้นยืน

“นายอยู่เฝ้าบ้านก็ดีแฟรงค์.. จะได้อยู่เป็นเพื่อน เจ้าหนูของฉัน” คริสย้ำคำว่าของฉันก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบข้างหูเลขาคู่ใจ

“หวังว่าฉันคงไม่ได้ฝากปลาย่างไว้กับแมวขโมยนะ”

คริสหันไปสั่งพ่อบ้านให้ตามไมเคิลขึ้นไปพบที่ห้องก่อนเดินจากไป

แฟรงค์กลืนน้ำลายลงคอและแอบพึมพำเบาๆ

“ฝรั่งปากจัด.. รู้มากนักนะ”



o12



TBC>>>>


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 27-08-2008 09:46:12
ตกลงอีตาคุณคริสนี่มันจะเอายังไงกันแน่   o12
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-08-2008 10:27:07
ว้อยขัดใจ

สงสารไมเคิลใจจะขาด

ผู้ชายใจร้าย เสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 27-08-2008 10:29:10
ไม่ใจร้ายเกินไปเหรอครับคุณทำเงี้ยถ้าทำงี้สู้เอาไปปล่อยไว้บ้านเมตตาดีกว่านะครับสงสารจิตใจเด็ก :angry2:มั้งเหอะตาเฒ่า
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 27-08-2008 11:46:00
สงสารน้องไมค์จริงๆ ไม่เข้าใจผู้ใหญ่เรื่องนี้เลยทำไมต้องทำร้าย
ขอให้น้องไมค์แก้แค้นให้ได้หน่อยเถอะ o12
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: sweetmonkey ที่ 27-08-2008 13:24:21
ทไมคริส ไม่ยอมรับใจตัวเองสักที ว่าคิดไงกะไมเคิล

หนีไปทำไมก้อม่ายรุ คนที่เจ็บปวด ก้อทั้งไมเคิล ทั้งคริสอยู่ดี

เฮ้อ สงสานหนูไมค์กี้จริงๆเรลย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 27-08-2008 22:30:54
 :sad2:
 :sad2:
 :sad2:

สงสารน้องไมค์อ่ะ 

คริสใจร้ายจัง

 :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-08-2008 12:45:01
[8]  ต่อ


“จำได้ใช่มั้ยไมเคิล ว่าฉันจะลงโทษเธอด้วยความผิดอะไร”

ไมเคิลพยักหน้ารับทราบและยินดีรับผิด

“ฟังนะไมเคิล วันไหนที่ฉันหรือแฟรงค์กลับมาทานอาหารเย็น ให้เธอขึ้นมาทานบนตึกไม่อนุญาตให้ทานในครัวอีกแล้ว แต่ถ้าฉันหรือแฟรงค์ไม่อยู่ทั้งคู่จะนั่งทานที่ไหนก็ตามใจ แต่สำหรับเย็นนี้จะมีแฟรงค์คนเดียวที่อยู่บ้าน เธอจะขึ้นมาทานพร้อมเขาก็ได้…ถ้าเขาอยู่”

คริสสั่งเสร็จก็ลุกขึ้นยืนและบอกให้เด็กชายกลับออกไปได้

“ครับ”   ไมค์รับคำสั่งใหม่ก่อนจะเอ่ยถามถึงบทลงโทษที่ตัวเองจะได้รับ

“เอ่อ.. แล้วเรื่องลงโทษ…จะให้ผมทำอะไรครับ”

“สั่งไปแล้วไง… ที่บอกเมื่อครู่คือโทษที่เธอได้รับ”



 :m13:

 

“เฮ้! โอ.. รู้มั้ยว่าคุณคริสสั่งให้ไมเคิลกลับขึ้นมาทานข้าวบนตึกเหมือนเดิมแล้ว”

บอยรีบเข้ามารายงานโอเพราะแอบได้ยินที่คุณคริสสั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ บอยกำลังจะเข้าไปขออนุญาตคุณคริสว่าขออยู่บ้านดีกว่า เพราะหากคุณแฟรงค์ไม่ไปเขาก็ไม่อยากไป ไม่มีใครรู้ว่าลึกๆ ในใจของบอยรักคุณแฟรงค์มากกว่าคุณคริส

สองสามวันมานี้บอยเริ่มรู้สึกไม่พอใจที่ไมเคิลเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณแฟรงค์ถึงขนาดขึ้นไปบีบนวดให้ที่ห้องแล้ว บอยรู้จักนิสัยคุณแฟรงค์ดี หากปล่อยให้อยู่ตามลำพังกับไมเคิลในคืนนี้..อะไรจะเกิดขึ้น แค่คิดหนุ่มบอยก็ไม่ชอบหน้าไมเคิลขึ้นมาทันที จึงคิดหาวิธีกำจัดโดยไม่ต้องลงมือเอง แค่รายงานให้โอรู้ก็พอ...

“นายต้องทำอะไรสักอย่างนะโอ.. ถ้าปล่อยไว้ไม่นานพวกเราก็ต้องกลับไปตกกระป๋องเหมือนเดิม อีกสองวันคุณคริสอาจมีคำสั่งใหม่ให้เจ้าไมค์ย้ายขึ้นมานอนบนตึกเหมือนเดิมและเราก็ต้องสับเปลี่ยนย้ายห้องกันอีก เตรียมตัวไว้เถอะโอ..”

บอยใส่อารมณ์ให้สมจริงสมจัง    เมื่อโอรักคุณคริสมากเท่าไร เขาก็จะเกลียดชังเจ้าหนูไมเคิลมากขึ้นเท่านั้น...



o3


“ไมเคิล”

เด็กชายหันไปตามเสียง...พบคุณแฟรงค์ยืนกวักมือเรียกที่ระเบียงหน้าตึก รีบวางสายยางลงและวิ่งเข้าไปหา

“ครับ คุณแฟรงค์..”

แฟรงค์พิศมองหนุ่มน้อยด้วยความรู้สึกเวทนา เสื้อยืดที่สวมอยู่ทุกวันสับเปลี่ยนไปมาเพียงไม่กี่ชุด และขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เนื้อตัวก็มอมแมมเหมือนคลุกกับดินมา

“ทำไมต้องทำด้วย ไมเคิล..”

“ทำอะไรครับ”

“ก็รดน้ำต้นไม้ ทำสวนอะไรเนี่ย.. คุณคริสสั่งให้เธอทำเหรอ..”

“เปล่าครับ คุณคริสไม่ได้สั่ง ผมทำเอง ผมอยากช่วยครับ”

แฟรงค์ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้พักผ่อนหน้าระเบียง เขาอยู่ในชุดพร้อมจะออกจากบ้าน กลิ่นน้ำหอมโชยกรุ่นตามสไตล์

“เลิกทำได้แล้วนะ ไปอาบน้ำอาบท่าซะ   มอมแมมชะมัดเลย”

“แต่ผมยังรดน้ำต้นไม้ไม่เสร็จ สนามด้านโน้นยังไม่ได้รดเลยครับ”

“ปล่อยให้นายชมทำ ไม่ใช่หน้าที่เธอซะหน่อย”

“แต่วันนี้ลุงชมไม่ค่อยสบาย ผมอาสาช่วยลุงทำแล้ว ต้องทำให้เสร็จครับ”

แฟรงค์แกล้งกระเซ้าลองใจ

“โอ! ไมเคิล.. จิตใจช่างดีงามเหลือเกิน ทำไมคุณคริสถึงมองไม่เห็น ทำร้ายจิตใจเธอได้นะ” พูดถึงคริสเด็กชายหน้าจ๋อยลงทันที

“ไมเคิล..”

“ครับ”

“เรื่องเมื่อคืน...คุณคริสลงโทษอะไรเธอหรือเปล่า”

ไมเคิลยืนนิ่งตอบไม่ถูกว่าคุณคริสลงโทษหรือเปลา เมื่อคุณแฟรงค์ถามย้ำ

ไมค์จึงบอกว่าคุณคริสลงโทษโดยสั่งให้กลับขึ้นไปทานอาหารบนตึกทุกมื้อที่คุณคริสหรือคุณแฟรงค์อยู่ร่วมโต๊ะด้วย

แฟรงค์ตีสีหน้าขรึมทั้งที่อยากจะหัวเราะก๊ากออกมากับบทลงโทษใหม่ของเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์

“น่าเสียดายเหลือเกินไมเคิล.. เย็นนี้ฉันมีนัดซะด้วย เธอต้องนั่งทานข้าวคนเดียวล่ะซี”

“คนเดียวที่ไหนครับ คุณไม่อยู่ผมก็ไปทานในครัว”

“อ้อ!.. จริงซี เธอมีพรรคพวกเยอะนี่ ฉันจะได้ไม่ต้องห่วง คืนนี้อาจจะไม่กลับ ไ ม่ต้องคอยนะไมเคิล.. เข้านอนก่อนได้เลย”

แฟรงค์เดินผิวปากไปที่รถอย่างอารมณ์ดี

“ทำไมผมต้องคอยคุณด้วย  ไม่ได้นอนห้องเดียวกันซะหน่อย”

เด็กชายพึมพำเบาๆ ขณะที่สายตามองตามชายหนุ่มขับรถสปอร์ตคันงามแล่นออกจากประตูคฤหาสน์ไป



:m13:



ดึกมากแล้ว...แต่ไมเคิลยังไม่ง่วงนอนจึงออกมาเดินเล่นที่สนาม นึกถึงคำพูดของบอยที่แกล้งเดินมาพูดเยาะเย้ยก่อนขึ้นรถ

“คุณคริสจะพาพวกเราไปเที่ยวทั้งหมดเลย เสียใจด้วยนะไมเคิลที่นายอดไป คุณคริสบอกว่ากลัวนายนอนร้องไห้ เพราะที่เราจะไปเป็นเกาะ มันอาจทำให้นายคิดถึงเกาะร้างและซอกหินขึ้นมาอีก คุณคริสก็เลยไม่พานายไปเพราะไม่อยากให้นายสะเทือนใจ”

จนถึงวันนี้ไมค์ยังใจหายทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า“ซอกหิน” ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะทำใจได้ และวันนี้ไม่ใช่แค่ใจหายวาบอย่างเดียว แต่รู้สึกเสียใจที่คำพูดนี้ออกจากปากคุณคริสผู้ซึ่งเป็นคนช่วยไมค์ออกจากเกาะและให้ชีวิตใหม่กับไมค์เอง
อากาศเย็นลงจนไมเคิลเริ่มรู้สึกหนาว คิดว่าถึงเวลาที่ควรจะเข้านอนแล้ว ระหว่างเดินกลับไปห้องพักไมค์อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมวันนี้ไม่ได้ยินเสียงเจ้าร็อกกี้เลย ทุกครั้งมันจะมาเดินเป็นเพื่อนและหมอบอยู่ข้างๆ เวลากลับก็จะเดินตามไปส่ง

ไมเคิลเป็นคนเดียวที่เจ้าโดเบอร์แมน-ร็อกกี้  สุนัขของคริสยอมเล่นและสนิทสนมด้วยอย่างรวดเร็วจนทุกคนในบ้านแปลกใจตามๆกัน ขนาดหนุ่มน้อยทั้งสี่คนอยู่ที่นี่มาเกือบสองปีแล้วยังเข้ากับเจ้าร็อกกี้ไม่ค่อยได้ ส่วนเจ้าเซนต์เบอร์นาร์ด-โรบิน สุนัขของแฟรงค์เข้าได้กับสมาชิกทุกคน



:sad2:


ไมเคิลสะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงกุกกัก กี่โมงแล้วก็ไม่รู้เพราะไม่มีนาฬิการู้แต่ว่าเพิ่งเคลิ้มหลับไปได้ไม่นาน ไมค์ลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่หน้าห้องและพยายามจะเปิดประตูเข้ามา นึกถึงคุณแฟรงค์ก่อนทันที รีบลุกขึ้นเปิดไฟ ใจเต้นตุ้บตับด้วยความตื่นกลัวอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณคริสเมื่อคืน กำลังจะร้องถามประตูก็ถูกผลักเข้ามา ร่างเล็กถูกผลักล้มลงบนที่นอนพร้อมกับที่แสงสว่างในห้องดับมืดลง เด็กชายตกใจตะกายตัวหนีกำลังจะร้องตะโกนก็ถูกฝ่ามือทั้งใหญ่และหนาปิดปากไว้ ร่างเล็กถูกคร่อมทับอย่างไม่ออมแรงจนหายใจไม่ออก เด็กชายกลัวจับใจจนร่างกายสั่นสะท้าน คนที่นึกถึงคือพ่อ.. หากแต่มโนภาพของพ่อในวันนี้กลับเป็นใบหน้าที่มีหนวดเคราและดวงตาสีน้ำตาลเข้มไม่ใช่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่มีดวงตาสีฟ้าเหมือนทุกครั้ง


:sad2:





หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-08-2008 13:04:31
[9]



นายชมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นเด็กชายตื่นแต่เช้ามืดนั่งซักผ้าอยู่ในห้องน้ำ

“คุณไมค์ นั่งซักอะไรแต่เช้าครับ”

“ซักผ้าปูที่นอนครับ” เด็กชายก้มหน้าตอบ

“ทิ้งไว้เถอะครับ ทำไมต้องซักเองด้วย ลำบากเปล่าๆ เดี๋ยวให้ลูซี่จัดการให้”

“ไม่ครับลุง ผมทำมันเลอะ ผมจะซักเอง”

“ตามใจครับ”

นายชมเดินเลี่ยงออกมาเพราะเห็นหนุ่มน้อยมีท่าทางแปลกๆ ไม่ค่อยอยากให้ซักถามอะไร คงจะเลอะอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครเห็น นายชมเดาเอาว่าหนุ่มน้อยคงจะปัสสาวะรดที่นอน จึงอายและไม่อยากให้ใครรู้ …เด็กหนอเด็ก…

ไมเคิลนั่งก้มหน้าซักผ้าปูที่นอน  มือเล็กคลี่ผ้าที่ซักออกดูว่าร่องรอยที่เลอะจางหายไปหรือยัง น้ำตาร่วงผล็อยลงบนฟองสบู่สีขาวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ร้ายที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมง ไมค์หมดสติไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกก็นอนไม่หลับตลอดคืน เพราะพอหลับตาก็คอยแต่จะผวากับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น


:m15:


หลังอาหารเช้าไมเคิลเก็บตัวอยู่แต่ในห้องพัก นายชมรู้สึกผิดปกติแต่ก็ไม่ซักมากความ เพราะหนุ่มน้อยบอกว่าเมื่อคืนฝันร้ายเลยนอนไม่หลับทั้งคืน นายชมจึงบอกให้ไปนอนพักผ่อน

“คุณไมค์  คุณไมค์  ตื่นเถอะครับ”

นายชมสะกิดเรียกหนุ่มน้อยเมื่อกลับเข้ามาในห้องแล้วพบว่าไมเคิลยังนอนหลับสนิทอยู่ที่พื้นห้องข้างเตียงนอนของเขา ไมเคิลขออนุญาตนายชมเข้ามานอนในห้องเมื่อตอนบ่าย โดยบอกว่านอนในห้องตัวเองแล้วฝันร้าย

ร่างเล็กสะดุ้งตื่นเหงื่อซกเต็มกาย  กำลังฝันร้ายพอดี  ลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ  รู้สึกโล่งอกที่ไม่ใช่ห้องตัวเอง

“กี่โมงแล้วครับลุง..”   

“6 โมงเย็นแล้วครับ ใกล้จะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สดชื่นก่อนเถอะครับ เดี๋ยวจะได้ขึ้นไปทานอาหารบนตึก”

ไมเคิลส่ายหน้า     “ผมจะทานในครัว”

“ทานในครัวได้ยังไงครับ ลืมไปแล้วหรือว่าคุณคริสสั่งให้คุณขึ้นไปทานบนตึกทุกมื้อที่ท่านหรือคุณแฟรงค์ร่วมโต๊ะด้วย”

“แต่วันนี้คุณคริสไม่อยู่”

“กลับมากันหมดแล้วครับ ตั้งแต่บ่าย 4 โมง คุณคริสกลับมาถึงก็ถามหาคุณเลย พอรู้ว่านอนหลับอยู่ก็บอกว่าไม่เป็นไร สั่งให้ผมเตือนคุณให้ขึ้นไปทานอาหารเย็นด้วย”

“ผมไม่อยากขึ้นไปทานบนตึกครับ” ลำแขนเล็กสวมกอดตัวเองเพราะรู้สึกหนาวเหมือนกับจะเป็นไข้ “ผมไม่ค่อยสบาย”

“ปวดหัวใช่มั้ยครับ” นายชมรีบถามดักคอเพราะใครนอนเวลานี้ตื่นขึ้นมามักหงุดหงิดไม่สบายใจหรือปวดหัวทุกราย
ไมเคิลพยักหน้ารับทั้งที่ไม่ได้ปวดหัวแต่ปวดระบมไปทั้งตัวต่างหาก ไมค์ไม่อยากเจอใครบนตึกในเวลานี้แม้แต่คุณคริสเองก็เถอะ

“ลุกขึ้นไปอาบน้ำให้สบายก่อนเถอะนะครับ แล้วจะรู้สึกดีขึ้น.. วันนี้เป็นวันแรกของคำสั่งใหม่ ไม่ขึ้นไปทานจะไม่ดีนะคุณไมค์ คุณคริสท่านคลายโกรธลงแล้ว อย่าทำให้ท่านหงุดหงิดอีกเลย ดูท่าท่านอยากพบคุณด้วย อาจจะมีของฝากก็ได้นะครับ”

ไมค์ส่ายหน้าและลุกขึ้นอย่างจำใจ     “ผมไม่อยากได้ของฝาก”

ก่อนออกจากห้องไมเคิลบอกนายชมว่าคืนนี้ขอนอนในห้องด้วยคน ไม่อยากนอนคนเดียวกลัวฝันร้ายอีก  นายชมรับปากด้วยความเต็มใจ…



:sad2:



อาหารเย็นมื้อนี้ไมเคิลกลับมานั่งร่วมโต๊ะกับสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านอีกครั้ง คุณคริสไม่เอ่ยทักไมค์สักคำ ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งทำไม... สู้ลงโทษให้ยืนในวงกลมหรือเฆี่ยนตียังดีเสียกว่าให้มานั่งเผชิญหน้าด้วยแต่ไม่ยอมพูดจาทักทาย ไม่แม้แต่จะสบตาด้วยซ้ำ

ไมเคิลไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องนั่งตรงไหนเพราะทุกคนสลับที่นั่งกันใหม่หมด ปกติคุณแฟรงค์ต้องนั่งติดกับคุณคริส แต่วันนี้เป็นโอและแจ๊คนั่งขนาบข้าง ถัดมาฝั่งแจ๊คเป็นบอยและทิม ไมค์ยืนรีรอไม่แน่ใจว่าควรจะนั่งติดกับโอหรือเปล่าเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบหน้าตัวเองเอามากๆ

“ใครอยากนั่งตรงไหนก็นั่ง มาก่อนก็นั่งก่อน” คุณคริสเปรยขึ้นโดยไม่ยอมเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์

ไมเคิลรีบเดินเข้าไปนั่งข้างโอเพราะไม่อยากให้คุณคริสเสียอารมณ์กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ  ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้  ก็ถูกร่างสูงเพรียวแทรกตัวเข้ามานั่งแทนพร้อมกับรั้งหนุ่มน้อยให้นั่งลงข้างตัวเอง

คริสซ่อนยิ้มในสีหน้าเมื่อเลขาคู่ใจของเขาแก้ไขสถานการณ์ไว้ได้ เขายอมรับว่าแฟรงค์เป็นคนละเอียดอ่อน รู้จักนิสัยและอารมณ์ของเด็กแต่ละคนดีกว่าเขา

คริสอยากจะทักทายเจ้าหนูไมเคิล เพราะเมื่อคืนเขานอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน ใจไม่เป็นสุขคอยคิดถึงหนุ่มน้อยอย่างไม่มีเหตุผล เขาไม่เคยคิดถึงหรือเป็นห่วงใครมากถึงขนาดทำให้ตัวเองนอนไม่หลับแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อได้พบและเห็นหน้าเขากลับไม่ทักทายเจ้าหนูตามที่ใจต้องการ ยิ่งได้ยินคำพูดที่แฟรงค์พูดกระเซ้าเด็กชายแล้วทำให้เขารู้สึกว่าเสียเวลาคิดถึงและเป็นห่วงเปล่าๆ

“เมื่อคืนโอเคมั้ย ไมเคิล..”

ไมเคิลผวากับคำถามก้มหน้างุดลงทันที ร่างเล็กสั่นน้อยๆ เหมือนตื่นกลัวอะไรบางอย่าง แฟรงค์รีบโอบกอดไว้และกระซิบปลอบโดยไม่สนใจกับสายตาทุกคู่ที่จ้องมองอยู่

"เฮ้!..ไม่เอาน่ะไมเคิล..ไม่ต้องกลัวนะ… ไม่สบายตรงไหนก็บอก.. หือ.."

คริสพยายามสะกดกลั้นอารมณ์กับภาพที่เห็น

“ทานข้าวได้แล้วแฟรงค์.. ไม่ใช่เวลามาปลอบโยนกัน”

แฟรงค์คลายวงแขนออกรู้สึกฉุนคริสที่ไม่สนใจความรู้สึกของเด็กชาย ไมเคิลเงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มให้เขาและกล่าวกระซิบเบาๆ มือเล็กจับช้อนส้อมเตรียมทานอาหาร

“ผมไม่เป็นไรครับคุณแฟรงค์..”

ไมเคิลทานข้าวไปได้ 2-3 คำก็รู้สึกปวดท้องอยากจะถ่าย นึกโกรธตัวเองทำไมต้องปวดเวลานี้ด้วย ถ้านั่งทานอยู่ในครัวก็ขอลุกออกไปได้ แต่นี่... ดวงตากลมโตชำเลืองมองที่หัวโต๊ะ สีหน้าไม่สบอารมณ์ของคุณคริสทำให้หนุ่มน้อยต้องอดทนไม่กล้าเอ่ยขออนุญาต มีทางเดียวคือรีบทานให้อิ่มและขอลุกไปทีเดียว

ไมเคิลอดทนทานต่อได้ 3 คำก็สุดที่จะกลั้นต่อไปได้อีก มือเล็กวางช้อนส้อมลงและยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“เป็นอะไรไมเคิล อาหารไม่อร่อยเหรอ”

ไมค์ไม่สนใจคำถามของคุณแฟรงค์ รีบลุกขึ้นยืนและเอ่ยขออนุญาต

“ขออนุญาตครับ”

คริสชะงักมือที่กำลังตักอาหารเพราะรู้ว่าคนที่หนุ่มน้อยกำลังพูดด้วยคือเขาไม่ใช่แฟรงค์ คริสชำเลืองสายตาขึ้นสบดวงตากลมโตของร่างเล็ก ใจหายเมื่อเห็นสีหน้าหม่นเศร้าและแววตาอ้อนวอนตัดพ้อของเจ้าหนู

“มีอะไรหรือไมเคิล..”

“ผมขออนุญาตอิ่มก่อน.. ผมปวดท้องอยากถ่ายครับ”

ไมเคิลจำเป็นต้องบอกเหตุผล เพราะถ้าไม่บอกถึงอิ่มแล้วก็ต้องนั่งรอคนอื่นๆ อยู่ดี ตอนนี้ไมค์นั่งรอใครไม่ไหวแล้ว..

แฟรงค์แทบสำลักเมื่อได้ยินเหตุผลที่ไมเคิลรีบอิ่มอาหาร

“โธ่เอ๊ย! ไมเคิล ทำไมถึง…”

“รีบไปซี ยืนอยู่ทำไม”  คริสเอ่ยขัดจังหวะก่อนที่แฟรงค์จะโวย    “ไปทำธุระให้เรียบร้อยแล้วกลับมาทานข้าวต่อ ฉันจะคอย..”

คริสกล่าวอนุญาตด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สมาชิกหนุ่มน้อยไม่มีใครกล้าหัวเราะต่างนั่งก้มหน้าทานข้าวของตัวเองต่อไป

ไมเคิลอยากจะบอกคุณคริสว่าไม่ต้องคอยแต่พูดอะไรไม่ได้แล้ว เพราะรู้สึกปวดมากจนต้องรีบเดินออกจากโต๊ะอาหารและวิ่งไปหาห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด ไมค์รีบจนลืมขอบคุณที่คุณคริส อนุญาตด้วยซ้ำ

20 นาทีแล้วที่ไมเคิลหายออกไปจากโต๊ะอาหาร หนุ่มน้อยทั้งสี่อิ่มกันหมดแล้ว โอ แจ๊ค และทิมนั่งทายปัญหาฆ่าเวลา ส่วนหนุ่มบอยลุกจากที่นั่งของตัวเองมานั่งข้างๆ แฟรงค์กระซิบออดอ้อนจนแฟรงค์ใจอ่อนยอมให้ขึ้นไปหาที่ห้องคืนนี้

“โอ๊ะ โอ! ไมเคิลหลับในส้วมหรือเปล่านะเนี่ย..”

แฟรงค์นึกขึ้นได้ว่ากำลังนั่งคอยเด็กชายกันอยู่ เขาเป็นคนทานอาหารช้าที่สุดและอิ่มเป็นคนสุดท้ายประจำ แต่สำหรับคริสยังไม่อิ่มเพราะเล่นไม่แตะต้องอาหารเลย  เอาแต่อ่านหนังสือคอยเจ้าหนูไมเคิลตามที่บอกไว้
คริสปิดหนังสือและดูเวลาที่ผนังห้อง ไมเคิลหายไปนานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วหรือว่าไม่ได้ยินที่เขาสั่งและกลับห้องไป  คริสอนุญาตให้ทุกคนแยกย้ายกันไปได้  แฟรงค์ลุกขึ้นนำทีมหนุ่มน้อยไปพักผ่อนต่อในห้องเธียเตอร์

คริสสั่งพ่อบ้านไปดูว่าไมเคิลกลับห้องไปหรือยัง ลูหายไปไม่ถึงหนึ่งนาทีก็กลับมารายงานว่าห้องน้ำที่ไมเคิลเข้าไปยังล็อคอยู่ แต่ร้องเรียกแล้วไม่มีเสียงขานรับ กำลังให้นายจอนวิ่งไปดูที่ห้องพัก คริสร้อนใจจนต้องลุกไปดูที่ห้องน้ำด้วยตัวเอง ประตูห้องน้ำล็อคจริงตามที่พ่อบ้านรายงาน

“ไมเคิล.. ยังอยู่ข้างในหรือเปล่า ไมค์..”

คริสเอ่ยเรียกหนุ่มน้อยเบาๆ เพราะไม่แน่ใจว่าจะยังอยู่ข้างใน น่าจะกลับไปที่ห้องพักแล้วมากกว่า ประตูอาจถูกล็อคโดยไม่ได้ตั้งใจ

นายจอนวิ่งกลับมารายงานด้วยอาการเหนื่อยหอบ

“ยังไม่กลับไปที่ห้องเลยครับเจ้านาย ลุงชมบอกว่ายังไม่เห็นคุณไมค์เลยครับ”

คริสร้อนใจหนักขึ้น มั่นใจแล้วว่าไมเคิลยังอยู่ในห้องน้ำ

“ไมค์.. อยู่ข้างในหรือเปล่า ไมเคิล!!..”

คริสตะโกนเรียกแค่สองครั้งก็หันมาขอกุญแจห้องน้ำจากพ่อบ้านลู ลูล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจห้องพักในบ้านออกมา และเลือกดูอยู่สักครู่ก่อนจะยื่นกุญแจส่งให้   ระหว่างไขกุญแจคริสภาวนาขออย่าให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเด็กชาย เขาผลักประตูห้องน้ำเปิดออกช้าๆ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-08-2008 13:18:31
 o7
มาต่อแล้วเย้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 28-08-2008 14:01:23
ใครมันทำร้านน้องไมเคิล :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: sweetmonkey ที่ 28-08-2008 16:11:12
ช่างทำร้ายจิตใจ เจงๆ ไมกี้ของช้านนน่าสงสาร

อ่านกี้รอบก้อเศร้า แงงง :sad2:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 28-08-2008 16:56:12
อร๊ายยยยยย  คัยทำแบบนี้ก่ะน้องไมค์อ้ะ


เครื่องประหารหัวสุนัขขขขขข

 :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 30-08-2008 00:50:03
อยากอ่านนนน

รอนะคะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 30-08-2008 01:01:11
ไอ่บ้านั่นเป็นใครกัน :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-09-2008 11:21:10

[10]


คริสแทบช็อคกับภาพที่เห็น เจ้าหนูไมเคิลอยู่ในสภาพเปลือยท่อนล่างนั่งชันเข่าในอ่างอาบน้ำด้วยอาการสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากอาบแก้มแววตาเลื่อนลอยไร้จุดหมาย เสียงพึมพำเบาๆ ออกจากริมฝีปากซีดจนเกือบจะเขียว

เด็กชายนั่งร้องไห้ในอ่างอาบน้ำคงไม่ทำให้คริสตกใจเกือบช็อค ถ้าไม่ใช่เพราะพื้นอ่างน้ำบริเวณที่หนุ่มน้อยนั่งอยู่มีของเหลวสีแดงไหลนองเป็นทางลงช่องระบาย และไม่ใช่แค่ในอ่าง โถส้วมและพื้นห้องเต็มไปด้วยกระดาษทิชชูซับเลือด ดูแล้วคงไม่ใช่บาดแผลเล็กๆ เพราะเลือดยังไม่หยุดไหล

“โอ! พระเจ้า.. ไมเคิล..เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”

คริสถลาเข้าหาร่างเล็กด้วยความตกใจ เขาเงยหน้าหนุ่มน้อยขึ้นกล่าวปลอบและเช็ดน้ำตาให้

“ไม่ต้องกลัวนะไมเคิล เจ็บตรงไหนบอกฉันซิ...”

ไมเคิลยังไม่มีสติและไม่รับรู้ว่าคริสอยู่ใกล้ แม้แต่เขายังเกือบช็อค...หนุ่มน้อยคงอยู่ในอาการช็อคไปแล้ว

“แด๊ดดี้.. แด๊ดดี้..”

คริสเงี่ยหูฟังเสียงพึมพำ วิธีเดียวที่จะทำให้ไมเคิลมีสติได้คือต้องสวมรอย เสียงทุ้มกระซิบปลอบอ่อนโยน

“แด๊ดอยู่นี่ไมเคิล ลูกเจ็บตรงไหน ขอแด๊ดดูหน่อยนะ”

เพียงเท่านี้อาการสะอื้นเงียบก็เปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นโฮ ร่างเล็กโผเข้าสวมกอดคริสแน่น

“แด๊ดดี้.. ช่วยด้วย ฮึก… ฮืออ~~~”

คริสดึงตัวไมเคิลขึ้นจากอ่าง ร่างเล็กหมดแรงแม้แต่จะยืนจึงโอบกอดไว้แนบอกและโน้มตัวลงตรวจดูบาดแผลบริเวณที่เลือดออก

...โอ! พระเจ้า!!!.. คริสใจหายวาบเมื่อเห็นตำแหน่งของบาดแผล และพบว่ายังมีเลือดไหลเป็นทางลงมา แม้จะไม่มากแต่มันก็ไหลไม่หยุดจนน่ากลัวว่าหนุ่มน้อยอาจจะเสียเลือดมากเกินไปแล้ว

“แฟรงค์!!!.. ไปเรียกนายแฟรงค์มา...เดี๋ยวนี้!!!…”

พ่อบ้านลูได้สติรีบวิ่งไปเรียกคุณแฟรงค์ ในขณะที่นายจอนยืนเก้ๆ กังๆ รอคำสั่งให้เตรียมรถ

“ท้องผูกหรือไมเคิล ถ่ายไม่ออกใช่มั้ย..” คริสปลอบถามทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่น่าจะใช่

ไมเคิลส่ายหน้าและกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“ผมเปล่าท้องผูก.. ผมถ่ายเสร็จแล้ว... เลือดไหลออกมาเอง ผมเจ็บ…ฮึก..”

คำบอกเล่าของหนุ่มน้อยทำให้คริสใจหายอย่างแรง ให้ตายเถอะ..!.. มีคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไมเคิล คริสหันไปตะโกนเรียกแฟรงค์ด้วยอารมณ์โกรธ เจ้าตัวก็วิ่งหน้าตื่นมาที่ประตูพอดี โอ แจ๊ค บอยและทิม วิ่งตามกันมาเป็นพรวนยืนออกันอยู่หน้าห้องน้ำ

“เกิดอะไรขึ้นคริส ไมเคิลเป็นอะไร โอ! พระเจ้า..”

แฟรงค์อุทานด้วยความตกใจเช่นกันเมื่อเห็นสภาพของเด็กชาย

“ฉันต่างหากที่ควรจะถามนายว่าเกิดอะไรขึ้นกับไมเคิล ตรวจดูซิแฟรงค์ เลือดออกตอนถ่ายหมายความว่ายังไง” คริสกัดฟันพูดอย่างพยายามระงับอารมณ์

แฟรงค์ไม่ใส่ใจอารมณ์โกรธของคริสรีบก้มลงตรวจอาการบาดเจ็บของเจ้าหนู ใจหายวาบทันทีที่เห็นบาดแผล เลือดที่ออกไม่ใช่จากแผลฉีกขาดภายนอกเท่านั้นแต่มาจากบาดแผลด้านใน แฟรงค์เข้าใจแล้วว่าคริสกำลังโกรธเขาด้วยเรื่องอะไร

“ว่าไงแฟรงค์ อย่าบอกว่านายไม่รู้ว่าไมเคิลเป็นอะไร”

แฟรงค์บอกอาการของไมเคิลให้คริสฟัง แต่ยังพูดไม่จบก็ถูกมือใหญ่คว้าคอเสื้อกระแทกร่างเข้ากับผนังห้องน้ำเต็มแรงในขณะที่มืออีกข้างยังสวมกอดเจ้าหนูไว้

((ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยแฟรงค์!!.. อย่าแตะต้องไมเคิล นายบังอาจทำร้ายหัวใจฉันและยังทำเขาเจ็บขนาดนี้ นายคิดว่านายยังเป็นเพื่อนฉันอยู่หรือเปล่า)) คำต่อว่าเป็นภาษาอังกฤษของคริสแสดงถึงอารมณ์โกรธอย่างรุนแรง

((ไม่นะคริส คุณเข้าใจผิด ผมสาบานได้ ผมไม่เคยแตะต้องไมเคิล))

((ไม่ใช่นายแล้วใคร ไม่มีใครในบ้านกล้าทำเรื่องแบบนี้นอกจากนาย แฟรงค์..))

แฟรงค์นิ่งอึ้ง เขาไม่ได้โกรธที่ถูกคริสเข้าใจผิดและต่อว่าอย่างรุนแรง แต่กำลังนึกตามที่คริสพูด เมื่อไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนในบ้านอย่างแน่นอน แต่ใครล่ะ? มีคนลอบเข้ามาทำร้ายไมเคิลในบ้านยังงั้นหรือ...

ยังไม่ทันที่แฟรงค์จะแสดงความเห็นหรือแก้ตัวใดๆ คริสก็ปล่อยมือจากคอเสื้อเขา เพราะไมเคิลหมดสติไปในอ้อมกอด คริสตะโกนสั่งจอนนี่ให้เตรียมรถและขอผ้าเช็ดตัวซึ่งพ่อบ้านลูรีบยื่นให้ทันทีเพราะถือเตรียมไว้แล้ว คริสห่มผ้าเช็ดตัวคลุมร่างเล็กและช้อนไว้ในวงแขน

“จะพาไปไหนคริส ไปที่ห้องพยาบาลเถอะ ผมขอดูเขาก่อน”

“นายไม่ใช่หมอ ไมเคิลไม่ใช่หนูทดลองของนาย ฉันจะพาเขาไปโรงพยาบาล บัญชีของนายฉันจะกลับมาคิดทีหลัง แฟรงค์..”

“คุณพาเขาไปโรงพยาบาลไม่ได้นะคริส คุณจะบอกหมอยังไงถ้าเขาตรวจพบว่าไมเคิลเป็นอะไร”

“เกี่ยวอะไรด้วย หมอมีหน้าที่รักษาจะมาซักถามอะไร”

คริสอุ้มหนุ่มน้อยตรงไปที่รถ แฟรงค์เดินจ้ำอ้าวตามมาติดๆ

“คุณไม่เข้าใจหรือคริส ไมเคิลอายุแค่ 13 คุณไม่ใช่ผู้ปกครองหรือพ่อ คุณอาจถูกข้อหาล่วงละเมิดหรือทารุณทางเพศกับเด็กนะ”

ร่างสูงชะงักเท้ากับข้อหาที่แฟรงค์ยัดเยียดให้หันมาตะคอกใส่

“นายต่างหากที่เป็นคนทำ ไม่ใช่ฉัน”

“ได้โปรดเถอะน่าคริส ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาทะเลาะกัน ไมค์จะบอกเราเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ไม่ว่าคุณหรือผมก็พาไมเคิลไปโรงพยาบาลไม่ได้ สังคมรู้ว่าเราเป็นเกย์ เรื่องจะต้องถึงตำรวจเพราะเขายังเด็ก”

คริสเริ่มลังเลมองหนุ่มน้อยในอ้อมแขน คราบน้ำตายังฉ่ำนองใบหน้า

“ให้ผมดูแผลเขาก่อนนะคริส ถ้าทำไม่ได้ผมจะเรียกบ๊อบมาช่วยดูให้ เราไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลเอง เรียกหมอมาที่บ้านสะดวกกว่า”

คริสจำต้องรับฟังคำแนะนำของแฟรงค์เพราะการตกเป็นข่าวลักษณะนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขามีงานใหญ่หลายโปรเจ็คอยู่ในมือ อาจส่งผลกระทบ

แฟรงค์โทรตามหมอบ๊อบซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเรียนแพทย์รุ่นเดียวกันมาช่วยดูอาการของไมเคิลเมื่อตรวจพบว่าบาดแผลของเจ้าหนูไม่น้อยเลย นึกถึงอาการตกใจและหน้าถอดสีของไมเคิลตอนถูกเขาทักที่โต๊ะอาหารแล้ว ทำให้แฟรงค์มั่นใจว่ามีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นกับเด็กชายเมื่อคืนที่ผ่านมา

“พวกนายรุนแรงกับเด็กมากเกินไปนะแฟรงค์..”   หมอบ๊อบกล่าวเตือนเสียงเรียบขณะทำแผลให้เด็กชายโดยมีแฟรงค์เป็นผู้ช่วย

“จะบ้าหรือวะ หมอ.. นี่นายคิดว่าฉันและคริสเป็นคนทำงั้นเหรอ”

หมอบ๊อบส่ายหน้า จะไม่ให้เขาคิดได้ยังไงในเมื่อที่นี่เหมือนฮาเร็มในหนังอินเดีย แต่เป็นฮาเร็มที่มีแต่เด็กหนุ่ม เพราะเจ้าของซึ่งเป็นวิศวกรชื่อดัง หนุ่มใหญ่เจ้าเสน่ห์อย่างมิสเตอร์คริส บริเจคส์ ยอมรับกับสังคมอยู่แล้วว่าเขาเป็นโฮโมเซ็กช่วล

“ฟังนะ ไอ้หมอ.. ฉันและคริสไม่เคยรุนแรงกับเด็กถึงขั้นเลือดตกยางออก ยิ่งคริสด้วยแล้วแค่เด็กไม่ยินยอมเขาก็ไม่แตะต้องแล้ว”

“ถ้างั้นก็เหลือนายที่เป็นผู้ต้องสงสัยคนเดียวในบ้าน”

หมอบ๊อบแกล้งกระเซ้า เขาเชื่อว่าแฟรงค์และคริสไม่ได้เป็นคนทำ เพราะดูจากบาดแผลแล้วไม่ใช่วิสัยที่เกย์หนุ่มทั้งสองจะทำเรื่องรุนแรงกับเด็กได้ หลังถูกกระทำเด็กชายคงมีเพียงบาดแผลฉีกขาดเล็กน้อยที่ปากทวารหนักซึ่งเลือดหยุดไหลไปแล้ว อาการรุนแรงที่เกิดขึ้นขณะนี้ไม่ได้เกิดจากบาดแผลภายนอก แต่มาจากบาดแผลส่วนปลายลำไส้ใหญ่ เมื่อลำไส้มีการบีบรัดและขยายตัวตอนถ่ายแผลจึงเปิดกว้างเป็นสาเหตุให้มีเลือดไหลออกไม่หยุด

บ๊อบคาดว่าจะต้องเป็นชายร่างใหญ่โตทำร้ายขืนใจเด็ก แต่หมอก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแฟรงค์จัดการเอง เพราะนอกจากแฟรงค์จะสามารถวินิจฉัยอาการได้เองเพราะมีความรู้ทางการแพทย์ในระดับหนึ่งแล้ว แค่เห็นบาดแผลแฟรงค์ย่อมรู้อยู่เต็มอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กชาย

แฟรงค์ไม่คิดจะแก้ตัว ในเมื่อเขาไม่ได้ทำก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน ไมเคิลจะบอกเองว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นคนทำหรือไม่ก็หลีกหนีความรับผิดชอบไม่ได้ สมควรแล้วที่คริสจะโกรธ ไมเคิลถูกทำร้ายในขณะที่เขาไม่อยู่บ้านทั้งที่ควรจะอยู่

โอ! พระเจ้า... เขาไม่อยากนึกภาพเลยว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นทารุนจิตใจหนุ่มน้อยขนาดไหน แค่เขาล้อเล่นด้วยการกอดรัดร่างเล็กยังตกใจกลัวตัวสั่น ต่อไปนี้อย่าหวังว่าเขาหรือแม้แต่คริสจะได้เข้าใกล้เจ้าหนูเลย แค่เห็นไมเคิลก็อาจจะกลัวลนลานเพราะฝังใจกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นแล้ว



:sad2:



คริสเอ่ยถามอาการของไมเคิลเมื่อแฟรงค์เดินกลับเข้ามาหลังจากส่งบ๊อบที่หน้าตึก

“ไม่เป็นไรแล้วคริส บ๊อบทำแผลให้ไมเคิลเอง ผมเป็นแค่ลูกมือคอยส่งเครื่องมือให้”

“ฉันไม่ได้ถามนายเรื่องนี้ บาดแผลรุนแรงแค่ไหน พอจะรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับไมเคิล ถ้าสมมติว่าฉันเชื่อว่านายไม่ได้แตะต้องเขา”

“เชื่อเลยไม่ได้หรือคริส ทำไมต้องสมมติด้วย”

แฟรงค์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังจนคริสอึ้งไป เขาและแฟรงค์คบหากันมานานและต่างเชื่อใจกันและกัน นิสัยส่วนตัวของแฟรงค์แม้จะกะล่อนแต่ไม่เคยโกหก

“โอเค! แฟรงค์.. ถ้านายทำนายคงคุกเข่าสารภาพกับฉันแล้ว นายมันปลาไหลไม่ใช่พิน็อคคิโอหรือเด็กเลี้ยงแกะ”

แฟรงค์ส่ายหน้าเมื่อคริสหาเรื่องเหน็บอีกจนได้ เขาบอกเล่าอาการของไมเคิลตลอดจนข้อสันนิษฐานถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา แฟรงค์ขอรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น และรับปากว่าจะหาตัวคนทำร้ายไมเคิลให้พบ เพราะแทนที่เขาจะอยู่เฝ้าบ้านตามที่คริสสั่งกลับออกไปเที่ยวสนุกและทิ้งหนุ่มน้อยไว้ตามลำพังในคฤหาสน์ใหญ่โต มีเพียงหมา 2 ตัวกับคนรับใช้มีอายุอีก 2 คน คือนายชมและลุงแซมพ่อครัว

แฟรงค์คาดว่าหมาทั้งสองตัวถูกวางยานอนหลับเพราะวันนี้เจ้าโรบินหงอยไป ทุกครั้งที่เจอเขามันจะเข้ามาพันแข้งพันขาเดินตามทุกฝีก้าว ถ้าไม่ออกปากไล่ก็จะไม่ออกห่าง แต่เมื่อตอนเย็นมันนอนสงบนิ่งผิดปกติ แม้แต่เจ้าร็อกกี้ซึ่งปกติจะคอยส่งเสียงบอกให้ทุกคนในบ้านรู้ว่าเจ้านายคริสกลับมาแล้ว และวิ่งตามรถของคริสจากหน้าประตูใหญ่มาส่งถึงหน้าตึก หรือวิ่งจากหน้าตึกตามไปส่งคริสที่ประตูใหญ่เป็นประจำทุกวัน แต่วันนี้กลับนอนหมอบเฉยอยู่หน้าตึกเหมือนยังไม่สร่างยา



 o12



คริสนั่งมองหนุ่มน้อยที่กำลังหลับสนิทอยู่ตรงหน้า ถึงตอนนี้เขาหนีหัวใจตัวเองไม่ได้แล้ว เขายอมรับว่าเขารักเจ้าหนูไมเคิล ความรักที่ให้กับเด็กชายไม่เหมือนที่ให้กับหนุ่มน้อยคนอื่นๆ เขาไม่เคยสัมผัสกับความรักแบบนี้มาก่อน รักโดยไม่มีอารมณ์ใคร่เข้ามาเกี่ยว แค่ได้เห็นหน้าหรืออยู่ใกล้ๆ ก็มีความสุขแล้ว

คริสมั่นใจแต่แรกแล้วว่าเขารักไมเคิลคนละแบบกับที่รักหนุ่มน้อยคนอื่นๆ แต่ไม่เข้าใจว่าเป็นความรักแบบไหน จนกระทั่งคืนที่เจ้าหนูบอกความจริงเรื่องพ่อ คืนนั้นนอกจากเขาจะได้รับรู้ความรู้สึกที่หนุ่มน้อยมีต่อเขาแล้ว เขายังได้รับรู้ความรู้สึกของตัวเองด้วยซึ่งมันไม่ต่างจากที่เจ้าหนูรู้สึกกับเขาเลย

คริสยอมรับว่าเขาทำตัวเหินห่างเพราะอยากตัดความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับไมเคิล เขาไม่อยากให้ไมเคิลรู้สึกว่าเขาเป็นตัวแทนของพ่อ เขาคิดว่าหากไมเคิลไม่รู้สึกกับเขาแบบนี้เขาก็คงไม่รู้สึกเช่นเดียวกันนี้กับเจ้าหนู แต่เขาคิดผิดเพราะเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ความรู้สึกที่เขามีให้เจ้าหนูไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย กลับคิดถึงและห่วงใยตลอดเวลาด้วยซ้ำ

“ห้องพักจัดเรียบร้อยแล้วครับ นายท่าน”

พ่อบ้านลูเดินเข้ามารายงาน ดึกมากแล้วแต่ลูยังไม่กลับบ้านเพราะวันนี้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น เขาจำเป็นต้องอยู่รับใช้เจ้านายและดูแลความเรียบร้อยอื่นๆ สาวใช้สองคนลูให้กลับไปแล้ว ส่วนตัวเขามีห้องพักอยู่ที่นี่ซึ่งเจ้านายคริสสั่งไว้ว่าหากวันไหนมีงานวุ่นวายถึงดึกดื่นหรือเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะเดินทางกลับก็ให้นอนพักที่นี่เลย คืนนี้ลูก็คงจะนอนพักที่นี่ไม่ใช่เพราะเหน็ดเหนื่อยแต่เพราะสงสารเจ้านายคริสของเขา หากต้องการอะไรจะเรียกใช้ใครได้

“ขอบใจนะลู.. คืนนี้นอนนี่หรือเปล่า”

“ครับผม”

คริสพยักหน้าและบอกให้พ่อบ้านกลับไปพักผ่อนได้ เขาช้อนร่างเล็กขึ้นจากเตียงอย่างเบามือและพาออกจากห้องพยาบาลขึ้นไปพักในห้องนอนเล็กซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนของเขา คริสขยับผ้าห่มคลุมร่างหนุ่มน้อยและก้มลงจูบที่หน้าผากเบาๆ ก่อนจะดับไฟ เขาก้าวออกจากห้องก็พบแฟรงค์ยืนกอดอกคอยอยู่ที่ระเบียงหน้าห้อง เหมือนมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย

แฟรงค์รายงานความคืบหน้าเรื่องของไมเคิล หลังจากที่ได้สอบถามนายชมก็พบว่าเด็กชายผิดปกติไปตั้งแต่เช้า

“ไมเคิลลุกขึ้นซักผ้าปูที่นอนแต่เช้ามืด บอกว่าทำเลอะจะขอซักเอง นายชมเข้าใจว่าไมเคิลฉี่รดที่นอนจึงไม่กล้าซักถามอะไร ผมเข้าไปตรวจดูในห้องพบรอยเลือดบนที่นอนของเด็ก วันนี้ทั้งวันไมเคิลนั่งซึมไม่พูดไม่จา ไม่เข้าไปช่วยนายชมทำสวนเหมือนทุกวัน บอกว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับเพราะฝันร้าย เข้าไปขอนอนในห้องนายชมเมื่อตอนบ่ายและบอกว่าคืนนี้จะขอมานอนด้วย…

หมาสองตัวของเราถูกวางยาจริงๆ เจ้าโรบินยังไม่สร่างยาเลยตอนผมกลับมา ส่วนเจ้าร็อคกี้วันนี้เอาแต่นอนทั้งวัน ผมดูวงจรปิดทุกจุดแล้วไม่พบอะไรผิดปกติเลย คนร้ายรู้ทางเข้าออกดีและรู้ด้วยว่าไมเคิลพักอยู่ที่ไหน เหมือนจงใจเข้ามาเพื่อทำร้ายเด็กเท่านั้น ”

คริสนิ่งฟังรายงานจากแฟรงค์ด้วยความปวดร้าวใจ มิน่าล่ะ! เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเกือบทั้งคืนใจคอยพะวงถึงไมเคิลอย่างไม่มีสาเหตุ หลังอาหารเย็นวันนี้เขาตั้งใจจะบอกเด็กชายให้ย้ายขึ้นมาพักบนตึกเหมือนเดิม ไม่คิดเลยว่าความตั้งใจของเขามันสายเกินไป เหตุร้ายคงไม่เกิดขึ้นง่ายดายแบบนี้ถ้าเขาไม่ละเลยปล่อยให้เด็กชายยังคงพักอยู่ในห้องรูหนูนั่น  อย่างน้อยบนตึกก็มีสัญญาณเตือนภัยและวงจรปิดติดตั้งไว้หลายจุด

“กี่คนแฟรงค์.. พอเดาได้มั้ย..” คริสถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

แฟรงค์นิ่งไปเขารู้ว่าคริสเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของตัวเอง เขานิ่งอยู่นานจนคริสย้ำคำถามเดิมอีก แฟรงค์จึงเดาจำนวนคนร้ายจากบาดแผลที่เห็น

“ไม่ใช่คนเดียวแน่ น่าจะเป็นสอง..”

คริสเสียใจอย่างมากจนกลั้นอารมณ์และความรู้สึกไว้ไม่ได้ ถูกชายฉกรรจ์สองคนรุมทำร้าย...ไม่เพียงแต่ร่างกายจะบอบช้ำอย่างที่เห็น จิตใจเจ้าหนูของเขาจะเจ็บปวดและหวาดกลัวขนาดไหน น้ำตาเอ่อคลอดวงตาคู่งามของมหาเศรษฐีบริเจคส์ผู้ไม่เคยเสียใจกับการกระทำใดๆ ของตัวเองมาก่อน เพราะทุกเรื่องที่ทำเขาตัดสินใจรอบคอบและกลั่นกรองดีแล้วเสมอ

คริสต้องการรู้ตัวคนร้ายและจับมันให้ได้โดยเร็วที่สุด แฟรงค์รับปากจะสืบหาตัวคนร้ายโดยไม่ให้เรื่องถึงตำรวจ

“ผมจะจ้างหน่วยสืบสวนของผู้กองแจ๊คเป็นการส่วนตัว.. ไม่ต้องห่วงนะคริสรับรองว่าเราต้องได้ตัวมันภายใน 3 วัน”

แฟรงค์วกเข้าเรื่องส่วนตัวระหว่างคริสและไมเคิล

“จะทำยังไงกับไมเคิลต่อไปคริส.. ถ้ายังคิดไม่ออก ฟังความเห็นของผมหน่อยได้มั้ย”

คริสนั่งนิ่งไม่พูดอะไร แฟรงค์ถือว่านั่นคือการอนุญาต

“ฟังนะ คริส.. ระหว่างคุณกับไมเคิลมีความรู้สึกผูกพันกันเป็นพิเศษอย่างประหลาด คุณเองก็รู้ตัวใช่มั้ยว่าคุณไม่ได้รักไมเคิลเหมือนเด็กคนอื่นๆ ผมอยากให้คุณไตร่ตรองสิ่งที่คุณปฏิบัติกับไมเคิลว่าตรงกับที่หัวใจคุณต้องการจริงหรือเปล่า”

แฟรงค์หยุดพูดเพื่อดูท่าทีของคริสว่ายินดีจะรับฟังเขาพูดต่อหรือไม่ เพราะสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปคริสอาจจะโกรธที่เขาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวแต่เขาก็ยอม เมื่อคริสยังคงนั่งนิ่งเหมือนกำลังไตร่ตรองคำพูดของเขา แฟรงค์จึงเข้าประเด็นที่ต้องการจะบอก

“รู้มั้ยคริส.. ทำไมผมถึงให้รูปคุณกับไมเคิล เพื่อแลกกับรูปของคุณไมเคิลถึงกับยอมทำทุกอย่างที่ผมต้องการ”

ดวงตาคมเข้มฉายแววขุ่นเคืองขึ้นทันที แฟรงค์รีบพูดต่อก่อนจะถูกเข้าใจผิด

“ผมแค่ขอให้ไมเคิลมานอนข้างๆ ด้วยเท่านั้น ไม่ได้ให้ทำอะไรมากกว่านั้น สาบานได้ อ้อ!.. ผมขอกอดเขาเพื่อแลกกับรูปงามๆ ของคุณ เขาก็ยอมทั้งที่กลัวจนตัวสั่น รู้มั้ยคริส...ว่าทำไมไมเคิลอยากได้รูปคุณ”

คริสเบือนหน้าหลบสายตาแฟรงค์

“ผมรู้ว่าคุณรู้..คริส.. คุณกลัวว่าไมเคิลจะรักคุณแบบเดียวกับที่รักพ่อของเขา และคุณเองก็กลัวว่าตัวเองจะรักไมเคิลแบบเดียวกับที่พ่อรักลูกใช่มั้ย.. คุณทำตัวเหินห่างจนดูเหมือนไม่สนใจ..ไม่แยแส... เพราะคุณคิดว่าจะเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างคุณกับไมเคิลได้ แต่เปล่าเลย…คริส.. จนถึงนาทีนี้ทั้งคุณและไมเคิลยังมีความรู้สึกต่อกันเหมือนเดิม.. หยุดหลอกตัวเองเถอะคริส... คุณรักไมเคิล...และรักอย่างลูก ไม่จำเป็นต้อง...”

“ไม่” คริสกล่าวขัดขึ้นด้วยอารมณ์และน้ำเสียงขมขื่น

“ฉันให้ความรักแบบนั้นกับไมเคิลไม่ได้ ฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพ่อของลูก ไม่มีใครเชื่อว่าฉันจะรักเด็กผู้ชายที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองแบบลูก”

“ให้ตายเถอะ!!..คริส.. คุณกลัวคนอื่นไม่เชื่อคุณหรือคุณไม่เชื่อใจตัวเองกันแน่.. คุณสมบัติของคนที่เป็นพ่อเป็นยังไงหรือคริส.. ทำไมถึงคิดว่าเกย์อย่างพวกเราเป็นพ่อของลูกไม่ได้ คุณกลัวอะไรกันแน่..”

คริสตอบไม่ได้ว่าเขากลัวอะไร หรือว่าเขากลัวใจตัวเองอย่างที่แฟรงค์พูดจริงๆ

“ฟังนะ..คริส... ความรักระหว่างพ่อกับลูกไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ถ้าวันนี้คุณมั่นใจว่ารักไมเคิลแบบลูกจริงๆ วันข้างหน้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไมเคิลรู้ว่าคุณเป็นยังไง เขายังหลงรักคุณในฐานะพ่อจนถอนใจไม่ขึ้นแล้ว ถ้าคุณได้เห็นสีหน้าและสายตาของเจ้าหนูตอนจ้องมองรูปของคุณแล้ว คุณจะเข้าใจ..คริส.. มันเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ เวลาจ้องมองพ่อของมัน ยังไงยังงั้นเลย”

คริสกลืนน้ำลายกับคำเปรียบเทียบของแฟรงค์

“นายไม่เข้าใจหรอกแฟรงค์.. ทุกครั้งที่ไมเคิลจ้องมองฉัน เขาคิดถึงบิล สมิทธ์ ไม่ใช่ คริส บริเจคส์ ฉันเป็นเหมือนเงาของบิลเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ”

“มันไม่ต่างกันหรอกคริส บิลไม่มีตัวตนแล้ว ในเมื่อคุณเหมือนกับบิล และคุณก็ยังเป็นคนช่วยชีวิตไมเคิลไว้ ไมเคิลพร้อมจะรักคุณเหมือนกับที่รักพ่อของเขา แค่คุณถามเขาคำเดียวเท่านั้น คำตอบของไมเคิลจะเป็นคำตอบของคุณด้วย”

คริสนิ่งอึ้งไม่คิดว่าแฟรงค์จะรับรู้และเข้าใจความรู้สึกระหว่างเขากับไมเคิลได้ดีกว่าตัวเขาเอง เพราะที่ผ่านมาแฟรงค์ดูเหมือนไม่ใส่ใจกับไมเคิล คอยแต่กระเซ้าหยอกล้อหนุ่มน้อยไปวันๆ

“คุณไม่รู้ตัวหรือคริส..ว่าคุณเปลี่ยนไป คุณอาจจะกำลังเตรียมความพร้อมในการเป็นพ่อคนโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ทิมกับบอยแอบถามผมด้วยคำถามเดียวกันว่า เขามีอะไรไม่ดีต้องปรับปรุงตัวเองตรงไหน ระยะหลังที่คุณเรียกพวกเขาขึ้นไปหา แค่ให้บีบนวดเฉยๆ ไม่ถึงชั่วโมงก็ไล่กลับลงมานอน ไม่รู้ว่าแจ๊คกับโอเจอปัญหาเดียวกันหรือเปล่า ผมอยากบอกคุณว่าทำทุกอย่างที่ใจอยากทำเถอะ มันไม่มีผลกระทบอะไรหรอก... อย่าฝืนความรู้สึกหรือความต้องการของตัวเอง เวลาคุณอยู่กับไมเคิลไม่เหมือนกับเวลาที่อยู่กับเด็กพวกนี้หรอก….  …ไม่แน่นะคริส บางทีคุณอาจจะเป็นเกย์คนแรกที่เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองได้….”

ประโยคสุดท้ายของแฟรงค์ก่อนจะขอตัวกลับไปพักผ่อน บอกว่าพรุ่งนี้มีเรื่องจะต้องจัดการอีกเยอะ



:laugh:


เกือบตีสองแล้ว...แต่คริสยังข่มตานอนไม่หลับ คำพูดของแฟรงค์ยังก้องอยู่ในโสตประสาท

…..คุณกลัวคนอื่นไม่เชื่อใจคุณหรือคุณไม่เชื่อใจตัวเอง…

…..ความรักระหว่างพ่อกับลูกไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ถ้าวันนี้คุณมั่นใจว่ารักไมเคิลแบบลูกจริงๆ วันข้างหน้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง….

คริสยังตกใจกับอารมณ์ชั่ววูบที่เกิดขึ้นกับเจ้าหนูในคืนนั้น หากเขารักไมเคิลอย่างลูกชายจริงๆ เขาไม่ควรมีความรู้สึกเช่นนั้นเกิดขึ้น หรือเป็นเพราะขณะนั้นเขายังไม่รู้ว่าไมเคิลรู้สึกกับเขาอย่างไร

คริสลุกขึ้นจากเตียงเมื่อรู้สึกว่านอนไม่หลับ ไปนั่งเฝ้าไมเคิลอาจทำให้รู้สึกง่วงขึ้นมาได้

“ฮือออ....เจ็บ … แด๊ดดี้ ช่วยด้วย ฮือ ...”

โอ! พระเจ้า.. หนุ่มน้อยกระสับกระส่ายไปมาและร้องเรียกให้พ่อช่วย ไมเคิลคงหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเก็บมาฝันร้าย คริสก้มลงสวมกอดและกระซิบข้างหูปลอบประโลมเบาๆ

“แด๊ดอยู่นี่..ไมเคิล... ไม่ต้องกลัวนะ... แด๊ดอยู่กับลูกตรงนี้แล้ว ไม่มีใครทำอะไรอีก แด๊ดสัญญาว่าจะอยู่ใกล้ๆ ไม่ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวแบบนั้นอีกแล้ว ไม่กลัวนะไมเคิล...”

คริสต้องสวมรอยเป็นบิลเพื่อปลอบหนุ่มน้อยจากอาการฝันร้าย ไมเคิลค่อยๆ สงบลงในอ้อมกอดของพ่อจำเป็น

“ขอโทษนะ ไมเคิล.. ฉันเสียใจที่ทำให้เธอต้องเจ็บแบบนี้ ฉันขอโทษ..”

คริสรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอาการบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจของไมเคิล เขาพร่ำขอโทษหนุ่มน้อยเพราะเหตุการณ์ทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเขาไม่ละเลยและปล่อยให้เด็กชายพักอยู่ในห้องที่คับแคบไม่มีความแข็งแรงและปลอดภัยแบบนั้น หากไมเคิลรู้สึกตัวตื่นขึ้นอาจจะโกรธและเปลี่ยนใจไม่รักเขาเหมือนเดิม แค่คิดก็ทนไม่ได้แล้ว.... เขาต้องรีบทำตามที่แฟรงค์บอก ถามความต้องการของเจ้าหนู...เพราะคำตอบที่ได้จะเป็นคำตอบให้ตัวเขาด้วย...



:serius2:




TBC



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-09-2008 11:36:38
อะไรกันเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฝีมือใคร
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 01-09-2008 11:38:40
 :sad2:ใครทำไมเคิบลลูกชายป๋มเนี้ย :เตะ1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-09-2008 12:31:25
[11]


วันนี้แฟรงค์ตื่นแต่เช้าเพราะมีภาระต้องจัดการหลายเรื่อง และเรื่องที่ต้องทำก่อนคือขึ้นไปดูอาการของไมเคิลซึ่งอาจจะปวดแผลเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้น แฟรงค์ชะงักที่หน้าประตูเมื่อพ่อบ้านลูก้าวสวนออกมาจากห้องหน้าตาตื่น

“คุณแฟรงค์มาพอดี ช่วยดูคุณไมค์หน่อยครับ”

“เกิดอะไรขึ้นลู..”

แฟรงค์ไม่รอคำตอบ ตรงรี่ไปที่เตียงก็พบว่าไมเคิลกำลังอยู่ในอาการตื่นกลัว ร่างเล็กนอนขดอยู่ที่หัวเตียงกอดหมอนปิดหน้าไว้

“ไมเคิล..ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไรแล้ว..ไมเคิล เฮ้!..”

แฟรงค์พยายามดึงหมอนออกแต่ถูกมือเล็กยื้อไว้แน่น จนเขาต้องเปลี่ยนไปจับข้อเท้าสองข้างของเด็กชายตั้งใจจะขยับร่างที่นอนขดตัวอยู่ให้นอนในท่าที่สบายขึ้น แต่แค่สัมผัสถูกเพียงเบาๆ หนุ่มน้อยก็แผลงฤทธิ์เตะถีบด้วยความตกใจและส่งเสียงร้องอยู่ใต้หมอน

“ออกไป!! ออกไป!! ช่วยด้วย!!..”

แฟรงค์ปล่อยมือด้วยความตกใจ ปลายเท้าของเจ้าหนูเฉียดคางเขาไปนิดเดียว

“เฮ้! ไมค์ ฉันแฟรงค์ไง ไม่มีใครทำอะไรเธอที่นี่ ไม่ต้องกลัวนะไมเคิล”

แฟรงค์พยายามดึงหมอนออกแต่กว่าจะได้ก็ถูกหนุ่มน้อยเตะถีบหลายที

...โอ!!! ใบหน้าของเด็กชายฉ่ำนองด้วยน้ำตา เห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ แฟรงค์ขยับเข้าไปกระซิบปลอบ

“ไม่เป็นไรแล้วนะไมเคิล.. เธอปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครทำอะไรเธอได้อีก ฉันจะจับพวกมันติดคุกให้หมดเลย ไม่ต้องกลัวนะ ..”

หนุ่มน้อยส่ายหน้าและถดตัวออกห่างแฟรงค์

“ออกไป!! ออกไปให้พ้น ผมเกลียดคุณ”

“เฮ้! ฉันแฟรงค์นะ มองหน้ากันก่อนซีไมเคิล..”

ไมเคิลยังคงหลับตาถดตัวหนีห่าง ความรู้สึกของหนุ่มน้อยขณะนี้…เกลียดและกลัวทุกคนที่อยู่ในบ้าน..

“ผมเกลียดคุณ เกลียดทุกๆ คน ฮึก.. ผมจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว ผมจะไป…”

แฟรงค์อึ้งไปเมื่อรู้ว่าไมเคิลตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนรู้สึกเกลียดและกลัวทุกคนในบ้านหลังนี้ด้วย

"ไม่ต้องกลัวแล้วไมเคิล ที่นี่ปลอดภัย คุณคริสนอนอยู่ห้องข้างๆ นี้เองนะ ไม่มีใครกล้ามาทำร้ายเธออีก”

“ไม่.. ผมไม่อยากอยู่ใกล้คุณคริส คุณคริสเกลียดผม ทุกคนเกลียดผม ไม่มีใครอยากให้ผมอยู่...ผมก็ไม่อยากอยู่ ผมจะไปจากที่นี่...จะไปเดี๋ยวนี้เลย.."

เด็กชายยันตัวขึ้นนั่งแต่แล้วก็ต้องทรุดฮวบลงเพราะปวดแผลอย่างมาก

"โอ!..ไมเคิล.." แฟรงค์เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียน  "ฉันไม่เคยเกลียดเธอเลยนะ คุณคริสก็ไม่ได้เกลียดเธอด้วย…"

"เกลียด.. คุณคริสเกลียดผม คุณคริสไม่อยากให้ผมเห็นหน้าจริงๆ ของเขาแปลว่าคุณคริสเกลียดผม พวกคุณโอก็เกลียดผมด้วย.. ขืนอยู่ต่อไป…พวกมันก็กลับมาทำร้ายผมอีก ฮืออๆ…."

แฟรงค์ใจหายวาบไม่ใช่จากถ้อยคำตัดพ้อ แต่จากคำพูดที่ฟังดูเหมือนเด็กชายถูกข่มขู่ เขาอยากซักต่อแต่ไม่ใช่เวลาที่ดี… กลัวเจ้าหนูมีอาการหวาดผวาขึ้นอีก เท่าที่ทำได้ขณะนี้คือปลอบ

“โอเค ไมเคิล.. เธอไม่อยากพูดกับฉันเพราะเธอเกลียดฉันแล้วใช่มั้ย”

ไมเคิลพยักหน้ารับอาการสะอื้นลดน้อยลง

“ไม่ยุติธรรมเลยนะไมค์..” แฟรงค์กล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนหาเรื่องพูดคุยให้เด็กชายหายกลัวและไว้ใจเขา “ทำไมฉันต้องถูกเธอเกลียดด้วย ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอซะหน่อย”

“ผมเกลียดทุกคนที่เป็นพวกเดียวกับมัน~~”

เหตุผลของไมเคิลทำเอาแฟรงค์กลืนน้ำลายลงคอ

“ไม่เหมือนกันนะไมค์.. ฉันจะอธิบายยังไงให้เธอเข้าใจ ฉันไม่ได้เป็นพวกเดียวกับมัน”

“คุณเป็น!!.. คุณชอบเด็กผู้ชายเหมือนพวกมัน คุณเคยคิดจะทำร้ายผมด้วย ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฮึก…"

“ก็ได้ ๆ ถ้าเธอเกลียดฉันแปลว่าเธอก็ต้องเกลียดคุณคริสด้วย เพราะเขาก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน”

แฟรงค์แหย่หนุ่มน้อยด้วยการเอ่ยชื่อคริส เผื่อว่าจะทำให้เจ้าหนูหายกลัว

“ผมเกลียดทุกคนในบ้านหลังนี้!!! ผมจะไปจากที่นี่!!!..”

เด็กชายย้ำคำพูดเดิมแต่ไม่ยอมบอกว่าเกลียดคุณคริส

“ไม่เอาน่าไมเคิล พูดเล่นใช่มั้ย เธอไม่อยากไปจากคุณคริสหรอก เธอรักคุณคริสไม่ใช่เหรอ”

เด็กชายสะอื้นไห้น้ำตาไหลอาบแก้มเนียน ถึงคุณคริสจะเป็นคนช่วยชีวิตและเคยดีกับไมค์แต่วันนี้คุณคริสเปลี่ยนไปแล้ว…

“ผมรักแด๊ด~ ไม่ได้รักคุณคริส"

แฟรงค์อึ้งไป คำตอบของเจ้าหนูทำให้เขานึกถึงคำพูดของคริส คริสเป็นตัวแทนบิลจริงๆ ไมเคิลรักคริสเพราะคริสเหมือนพ่อ…ไม่ได้รักในฐานะอื่นเลย แฟรงค์หันไปที่ประตูเห็นคริสยืนกอดอกฟังอยู่

"คุณคริสไม่ยอมให้เธอไปจากที่นี่หรอก มันไม่ใช่เหตุผลเลยที่เธอจะไปจากที่นี่เพราะคิดว่าคุณคริสเกลียด.. ถ้าเธอเป็นฝ่ายเกลียดคุณคริสก็ว่าไปอย่าง.."

"ผมจะไป~~  คุณคริสเกลียดผม ผมก็เกลียดคุณคริสด้วย~~" เด็กชายซุกหน้ากับหมอนและพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้แต่ก็พอฟังได้ศัพท์

“โอเค! ถ้างั้นฉันจะไปบอกคุณคริสให้นะ ว่าเธอเกลียดเขาและไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” แฟรงค์ก้มลงกระเซ้าหนุ่มน้อย
“ฉันจะบอกคุณคริสว่าเธอเกลียดเขาจับใจเลย ไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก ใช่มั้ยไมเคิล..”

ไมเคิลนอนนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แฟรงค์ซ่อนยิ้มในสีหน้า

“โอ! คุณคริสมาพอดี คุยกันเองนะไมค์.. บอกคุณคริสว่าเธอเกลียดเขาและไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” แฟรงค์ลุกขึ้นยืนและพูดเสียงดังให้เจ้าหนูได้ยิน

“ไมเคิลอยากไปจากที่นี่ คริส.. ”

ไมค์ใจหายแว้บเมื่อได้ยินเสียงคุณคริสพูดเบาๆ กับคุณแฟรงค์เป็นภาษาอังกฤษ รีบคว้าหมอนขึ้นปิดหน้าไม่กล้าหันมองไปที่ประตู

คริสเดินมาที่เตียงและทรุดตัวลงนั่ง อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นไมเคิลพยายามหลบหน้าและกระเถิบหนีเขา หมอนใบใหญ่ที่หนุ่มน้อยกอดไว้ ทำให้คริสสังเกตุเห็นรอยช้ำบริเวณรอบข้อมือทั้งสองข้างของเจ้าหนู ใจหายเพราะรู้ทันทีว่ารอยช้ำนั้นเกิดจากอะไร เขาสัมผัสบริเวณรอยช้ำและลูบเบาๆ หนุ่มน้อยทำท่าจะขยับหนีแต่ถูกเขาเบี่ยงเบนความสนใจด้วยคำถาม

“เห็นแฟรงค์บอกว่าเธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วหรือไมเคิล..”

.... เงียบ!! ร่างเล็กนอนนิ่ง  ไม่มีคำตอบ ....

คริสยังคงลูบข้อมือเล็กไปมา โดยที่เจ้าหนูก็นิ่งเฉยยอมให้จับต้องแต่โดยดี

“แฟรงค์ว่าเธอเกลียดเขาแล้ว เกลียดทุกๆ คนในบ้านหลังนี้รวมถึงฉันด้วย จริงหรือไมเคิล” ประโยคสุดท้ายคริสก้มลงถามใกล้ๆ ถึงจะมีหมอนใบใหญ่ปิดอยู่ แต่คริสรู้ว่าไมเคิลได้ยินทุกคำที่เขาพูด

.... เงียบ!! ไม่มีคำตอบจากหนุ่มน้อย คริสจึงเปลี่ยนคำถามใหม่....

“ถ้าเธอไม่ยืนยันด้วยคำพูดเธอเองแสดงว่าแฟรงค์พูดโกหก เธอไม่ได้อยากไปจากที่นี่ซะหน่อย”

“ผมอยาก ผมอยากไปจากที่นี่ ผมจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”

ไมเคิลฝืนใจตอบ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอดทนอยู่ต่อไปอีก คุณคริสไม่อยากให้ไมค์เห็นหน้าจริงๆ ของตัวเองแปลว่าคุณคริสเกลียดไมค์แล้ว…

“ทำไมล่ะไมเคิล ทำไมถึงอยากไปจากที่นี่..”

“ผมเกลียดทุกคน ผมไม่อยากอยู่ใกล้พวกคุณ”

คริสรู้สึกปวดใจกับคำตอบ เขารู้ว่าทำไมไมเคิลจึงรู้สึกเช่นนี้ คงต้องใช้เวลากว่าหนุ่มน้อยจะทำใจได้กับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น

“เกลียดทุกคนจริงหรือไมเคิล แสดงว่ารวมถึงฉันด้วยซีนะ”

“ใช่ ผมเกลียดคุณด้วย เกลียดคุณที่สุด!!  เกลียดกว่าทุกๆ คน คุณก็เกลียดผมด้วยผมรู้~~”
มือเล็กเผยอหมอนขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงที่ลอดผ่านออกมาจึงชัดถ้อยชัดคำจนคนฟังใจหายอย่างแรงกับถ้อยคำตัดพ้อโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย

“ไม่จริงนะไมเคิล ใครบอกว่าฉันเกลียดเธอ”

คริสอยากเห็นหน้าเจ้าหนูของเขาว่าคำพูดที่ออกมาตรงกับใจหรือเปล่า… มือใหญ่พยายามดึงหมอนออกแต่ร่างเล็กขยับตัวหนี

“ไม่ต้องมีใครบอกหรอก คุณไม่อยากให้ผมเห็นหน้าคุณ ผมก็รู้แล้วว่าคุณเกลียดผม”

“ไม่จริงนะไมค์ ฉันไม่ได้เกลียดเธอ ยังรักเธอเหมือนเดิม มองตาฉันซีไมเคิล… แล้วเธอจะรู้ว่าฉันยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”

คริสดึงหมอนออกจนได้แต่หนุ่มน้อยกลับไม่ยอมลืมตาดูเขา รีบคว่ำหน้าลงกับที่นอน คริสส่ายหน้ากับความแง่งอนของเจ้าหนู เขารู้ว่าไมเคิลไม่ได้เกลียดเขาหรอกแค่น้อยใจเท่านั้น

“ก็ได้..ไมเคิล ถ้าอยากไปจากที่นี่ เธอต้องหันมายืนยันกับฉันก่อนว่าเธอเกลียดฉันแล้วจริงๆ เพราะตราบใดที่เธอยังรักฉันอยู่ ฉันไม่มีวันยอมให้เธอจากไปไหน”

“ผมจะไป ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมไม่รักคุณแล้ว” ร่างเล็กขยับตัวนอนหงายดวงตากลมโตลืมขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง

“ผมไม่….”
เด็กชายหลุดคำพูดออกไปเพียง 2 คำ ก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก คริสส่งยิ้มหวานให้แววตาเป็นประกายวาววับ

“พูดอีกครั้งซีไมเคิล ว่าเธอไม่รักฉันแล้ว คำพูดคนเราจะรู้ว่าโกหกหรือเปล่าต้องดูที่ดวงตารู้มั้ย”

ไมเคิลไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ไม่ใช่เพราะคุณคริสส่งยิ้มหวานให้ แต่เพราะดวงตาของคุณคริสในเช้าวันนี้กลับกลายเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม ซ้ำหนวดเคราดกหนาก็หายไปแล้ว

“บอกซีไมเคิล ว่าเธอเกลียดฉันแล้ว ถ้าไม่บอกก็แปลว่ายังรักอยู่ใช่มั้ย”

คริสย้ำถามอีกครั้งเมื่อหนุ่มน้อยนอนนิ่งไม่พูดไม่จาเอาแต่จ้องมองเขาตาค้าง
น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาเจ้าหนูแทนคำตอบ คริสกำลังจะเอ่ยปลอบก็ได้ยินคำตอบด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“ผมรักเพราะคุณเหมือนบิลของผม ผมเกลียดเพราะคุณเป็นคุณคริส คุณไม่อยากให้ผมคิดว่าคุณเป็นบิล ไม่อยากให้ผมรักคุณแบบที่รักบิล คุณใจร้าย ฮึก.. ผมเกลียดคุณ ผมจะไม่เป็นเหมือนที่คนอื่นๆ เป็นด้วย”

ไมเคิลเบือนหน้าหนีดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั้นน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม

“ผมไม่จำเป็นต้องเห็นบิลผ่านคุณก็ได้ แด๊ดมาหาผมในฝันทุกคืนอยู่แล้ว ถึงคุณจะกลับมาเหมือนบิลอีกผมก็ไม่สน!!..”   ไมค์จำเป็นต้องพูดโกหกหลอกคุณคริสและหลอกตัวเองด้วย ถึงเวลาที่ไมค์ควรจะไปจากที่นี่แล้ว

คริสสงสารเจ้าหนูของเขาจับใจ อยากจะสวมกอดและปลอบให้หายจากความเสียใจและน้อยใจ แต่เท่าที่ทำได้คือเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้

"ไม่สนแล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะ เป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งซี… หือ.."

เสียงทุ้มกึ่งกระเซ้ากึ่งปลอบ คริสไม่รู้ว่ากิริยาที่ทำอยู่เช่นนี้เหมือนกับที่บิลปฏิบัติกับไมเคิลในความฝันทุกครั้งที่หนุ่มน้อยมีเรื่องเสียใจ สองมือแกร่งขยับร่างเล็กขึ้นจะสวมกอดเมื่อเช็ดยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าน้ำตาจะหยุดไหล แต่กลับถูกเด็กชายโผเข้าหาด้วยอาการสะอื้นอย่างแรง

"ฮือๆ… ผมอยากอยู่กับแด๊ด ผมคิดถึงแด๊ด.. ฮึก.."

ถึงตอนนี้ไมค์ไม่สนแล้วว่าพ่อจะมีหน้าตาเปลี่ยนไป พ่อเหมือนคุณคริส หรือคุณคริสเหมือนพ่อก็ไม่ต่างกัน เพราะทั้งคุณคริสและพ่อ ไมค์แยกความรู้สึกจากกันแทบไม่ออกแล้ว

คริสสวมกอดหนุ่มน้อยแน่น อย่าว่าแต่ไมเคิลเลยที่สับสนแม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าขณะกำลังสวมกอดเจ้าหนูไมค์อยู่นี้ เขาคือบิลหรือคริส

“แด๊ดก็อยากอยู่กับลูกไม่อยากให้ลูกจากไปไหน แด๊ดอยู่ที่นี่ ลูกก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย”

ไมเคิลรู้สึกตัวว่าหลงไปกับเงาของพ่ออีกแล้ว รีบปล่อยมือและผละออกแต่คุณคริสกลับไม่ยอมปล่อยและกอดไมค์แน่นขึ้นกว่าเดิม

“ปล่อยนะ!!  คุณไม่ใช่แด๊ดของผม”

“พอเถอะไมเคิล เธอทำให้ฉันสับสนจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้ว ฉันเป็นแด๊ดของเธอหรือไม่เป็นก็อยู่ที่เธอ ไมเคิล”

คริสรั้งหนุ่มน้อยออกจากตัวและตั้งคำถามสำคัญ ซึ่งคำตอบของไมเคิลจะเป็นคำตอบให้เขาด้วย

“บอกซิไมเคิล ว่าเธออยากให้ฉันเป็นบิล พ่อของเธอหรือเปล่า”

ไมค์ตกใจกับคำถาม ….คุณคริสถามไมค์ด้วยคำถามนี้ทำไม จะมีประโยชน์อะไรถ้าไมค์ตอบว่าอยาก…

หนุ่มน้อยนิ่งอึ้งไปไม่ยอมตอบคำถาม คริสจึงลำดับคำถามใหม่

“ฉันเหมือนบิล พ่อของเธอมากเลยใช่มั้ย ไมเคิล”

ไมค์พยักหน้าตอบและหลบสายตาลงเพราะไม่อยากเห็นดวงตาสีฟ้าของพ่อ

“เธอว่า.. ถ้าฉันปลอมเป็นเขา จะมีใครจับได้มั้ยว่าไม่ใช่บิลตัวจริง”

หนุ่มน้อยส่ายหน้าหลงไปกับคำถามของคริส

“ถ้างั้นนับจากวันนี้ไปฉันจะเป็นบิล และเมื่อบิลอยู่ที่นี่ เธอยังคิดอยากจะไปอยู่ที่อื่นอีกหรือไมเคิล”

“แต่คุณไม่…” ไมค์พูดไม่จบเพราะถูกมือของคุณคริสปิดปากไว้

“ไม่อะไรอีกล่ะไมเคิล หือ.. ไม่ใช่หรือไม่เหมือน อยู่ที่เธออยากให้เป็น ตอบฉันซิ.. ว่าอยากให้ฉันเป็นบิลหรือเปล่า..”

คริสปล่อยมือออกและเสยผมหนุ่มน้อยขึ้นจูบหน้าผากเบาๆ

“หรือเธออยากรู้ความรู้สึกของฉันก่อนไมเคิล ฉันบอกเธอก่อนก็ได้ว่าฉันอยากเป็นบิล อยากเป็นตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าฉันมีหน้าตาเหมือนเขาแล้ว ไมเคิล..”

คริสพูดจบก็ถูกเจ้าหนูของเขาโผเข้าสวมกอดอีกครั้ง ไมเคิลละล่ำละลักตอบเหมือนรอคอยอยากจะพูดประโยคนี้มานานแล
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 02-09-2008 13:02:34
 :sad2: :sad2: :sad2:ไร้คำบรรยายครับผม
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 02-09-2008 16:30:22
ดีใจที่อ่านทันแล้ว

แต่ก็เสียน้ำตาไปหลายปี๊บ

 :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-09-2008 16:58:26
แล้วใครที่มันทำร้ายไมค์ละ

แอร้ยสสสสสสสสสสสสสสสสส
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 02-09-2008 21:17:49
จะเป็นยังไงต่อเนี่ย

แต่ไมค์เข้มแข็งจัง เจอแต่เรื่องเลวร้ายทั้งนั้น

ไหนจะสี่คนนั้นอีก ต้องเป็นฝีมือของใครในกลุ่มนั้นแน่ๆ

เข้มแข็งต่อไปนะ ไมเคิล
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 03-09-2008 11:16:14
[11]  ต่อ



คริสพูดจบก็ถูกเจ้าหนูของเขาโผเข้าสวมกอดอีกครั้ง ไมเคิลละล่ำละลักตอบเหมือนรอคอยอยากจะพูดประโยคนี้มานานแล้ว

“ผมก็อยากด้วยครับ ผมอยากให้คุณเป็นบิล อยากให้เป็นตั้งแต่วันแรกที่ตื่นขึ้นมาเห็นคุณที่โรงพยาบาลแล้ว”
“โอ! ไมเคิล”

คริสสวมกอดหนุ่มน้อยไมเคิลของเขา พอกันทีกับการปิดบังความรู้สึกหรือหลอกตัวเอง เกย์อย่างเขาสามารถเป็นพ่อของลูกได้ และเขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นได้จริงๆ



:กอด1:



คริสตกใจอย่างมากเมื่อแฟรงค์รายงานว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับไมเคิลมีโอรู้เห็นด้วย

“ทิมแอบมากระซิบบอกผมว่าเมื่อวานตอนเช้าโอรับสายมือถือแล้วยิ้มแปลกๆ และยังมีอาการลุกลี้ลุกลนตอนที่เกิดเรื่องวุ่นวายในห้องน้ำเมื่อคืน วันนี้มือถือของโอดังเกือบทั้งวันแต่โอไม่ยอมรับสาย ผมให้ทิมแอบขโมยโทรศัพท์ตอนโอเข้าห้องน้ำและพบว่ามีข้อความแปลกๆ ฝากไว้ คุณอ่านดูเอง คริส.."

แฟรงค์ยื่นโทรศัพท์ให้คริสอ่านข้อความใน Mail box

….งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว รับรองว่าเจ้าเปี๊ยกไม่กล้าอยู่ที่นั่นอีกต่อไป อย่าลืมนะ โจอี้… นัดให้รางวัลคืนนี้ 2 ทุ่มตรง เจอกันที่เดิม…

คริสต้องใช้ความพยายามอย่างสูงสะกดอารมณ์ ไม่เคยโกรธใครมากเท่านี้มาก่อน หนุ่มน้อยโอซึ่งเขาเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนหนังสือมาตั้งแต่อายุ 15 ไม่เคยส่อแววว่าจะมีจิตใจโหดร้ายขนาดนี้ ตอนทิมมาอยู่ใหม่ๆ เคยถูกโอรังแกกลั่นแกล้งหลายครั้งแต่ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี ทำไมกับไมเคิล…โอถึงกล้าทำเรื่องรุนแรงได้ขนาดนี้… เขาไม่รู้สึกโกรธที่โอแอบไปมีสัมพันธ์กับใครอื่นนอกเหนือจากแฟรงค์ทั้งที่ควรจะโกรธ แต่ที่โกรธมากและไม่มีทางให้อภัยได้คือการทำร้ายไมเคิล..



:o



วันนี้โอขอตัวไม่ทานอาหารเย็นและขออนุญาตคุณคริสว่าจะไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน   โอแต่งตัวเสร็จก็ค้นหาของบางอย่าง ใจหายวาบเมื่อหาไม่เจอ

“อะไรหายหรือจ๊ะ ที่รัก..”

เด็กหนุ่มสะดุ้งเงยหน้าขึ้นยิ้มแห้งๆ ให้คุณแฟรงค์ซึ่งยืนกอดอกอยู่หน้าประตู

“เอ่อ.. เปล่าฮะ ไม่มีอะไรหาย”

“อ้าว! งั้นเหรอ แสดงว่าโทรศัพท์นี่คงไม่ใช่ของนาย หรือจะเป็นของแจ๊ค งั้นฉันจะลองไปถามแจ๊คดู” แฟรงค์หมุนตัวกลับ

“เดี๋ยวฮะ คุณแฟรงค์”

โอวิ่งเข้ามาหาและขอดู เมื่อแฟรงค์โชว์โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือก็ทำเอาโอหน้าเสีย

“เอ่อ.. ของผมฮะ คุณแฟรงค์ ขอผมเถอะ”

“ของนายแน่เหรอ”

โอพยักหน้าและเข้ามากอดแฟรงค์เพื่ออ้อนขอโทรศัพท์ แฟรงค์ซ่อนยิ้มในหน้า

“จะรู้ได้ไงว่าเป็นของนาย อาจเป็นของแจ๊คหรือบอยก็ได้ เอางี้ละกัน ข้อความสุดท้ายที่อยู่ในเมลล์บ๊อกซ์ จำได้มั้ยว่าอะไร”

แฟรงค์ทำท่าจะกดข้อความอ่าน โอร้องลั่น

“อย่านะฮะ !!!.. ทำไมต้องใช้วิธีนี้ด้วย โทรศัพท์ของพวกเรามีชื่ออยู่ข้างหลัง…คุณก็รู้นี่… พลิกดูซิฮะ..”

โอครวญเสียงสั่น ใบหน้าแจ่มใสเมื่อครู่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด โทรศัพท์มือถือของหนุ่มน้อยทั้งสี่คน แฟรงค์เป็นคนจัดหาให้โดยจงใจให้เหมือนกันทั้งรุ่นและสีเพื่อตัดปัญหาการแย่งของกันอย่างเด็กๆ

แฟรงค์พลิกด้านหลังเครื่องรำพึงเบาๆ

“จริงซีนะ ทำไมคุณคริสต้องใช้วิธีเปิด Message อ่านด้วย”

โอตาเหลือก    o2   “อะไรนะฮะ !!!.. คุณคริสอ่านข้อความของผมเหรอ..”

“คุณคริสเป็นคนเก็บโทรศัพท์นายได้ เขาบอกว่าไม่แน่ใจว่านายหรือเปล่าที่ชื่อโจอี้.. เลยให้ฉันมาถาม"

สีหน้าหนุ่มโอขาวซีดปากสั่นด้วยความตกใจ ไม่กล้าพูดอะไรอีก คำพูดทิ้งท้ายของแฟรงค์ก่อนเดินจากไป ทำเอาเด็กหนุ่มขาอ่อนหมดแรงทรุดลงลงกับพื้น

“ถ้าใช่ของนายก็ตามไปรับคืนกับคุณคริสเองล่ะกัน คุณคริสรออยู่ที่ห้องหนังสือ มีสองคำถามให้นายตอบก่อนจะออกไปงานวันเกิดเพื่อน รีบตามมานะ เบบี๋.. ”



 o2


 
“ผมเสียใจฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจให้พวกเขารุนแรงกับไมเคิลแบบนี้”    :m15:

คริสซักคำถามแรกกับโอว่า “เจ้าเปี๊ยก” ในข้อความใช่ไมเคิลหรือเปล่า โอปฏิเสธเสียงแข็งก่อนทันทีแต่เมื่อเจอคำพูดและสายตาเย็นชาของคริส   เด็กหนุ่มก็รีบสารภาพเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทันที

“สารภาพเองลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าจำนนด้วยหลักฐานนอกจากฉันจะไม่เลี้ยงเธอไว้ดูเล่นอีก ฉันจะส่งเธอเข้าสถานกักกันเยาวชนด้วย”

“ผมแค่ให้พวกเขามาขู่ไมเคิลให้ไปจากที่นี่ ผมไม่ได้ให้เขาทำร้ายไมค์ ผมเสียใจฮะ ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมด้วยนะฮะ คุณคริส”

หนุ่มน้อยน้ำตาคลอสารภาพผิดเพราะคิดว่าอาจทำให้คุณคริสใจอ่อนและลงโทษเขาสถานเบา แต่ผิดคาด…บทลงโทษที่คริสให้โอในครั้งนี้ แม้แต่แฟรงค์ก็นึกไม่ถึง


“ไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของทั้งหมด มาจากไหนกลับไปที่นั่น ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง รีบไปให้พ้น!!…”

โออ้าปากค้างด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าคุณคริสจะหมดความเอ็นดูและไม่มีเยื่อใยให้แล้วจริงๆ

…..โอเป็นเด็กต่างจังหวัดฐานะยากจน เข้ากรุงเทพฯ มาเรียนหนังสือ คุณคริสพบโอที่สี่แยกไฟแดงขณะวิ่งขายพวงมาลัยหารายได้พิเศษ เนื่องจากเงินที่พ่อแม่ส่งมาให้ไม่พอจ่ายค่าเรียนและค่าเช่าหอ โอต้องดิ้นรนหาเองเพราะอยากเรียนหนังสือให้จบ คุณคริสถูกชะตากับโอให้นามบัตรไว้พร้อมกับเงินค่าพวงมาลัย 3,000 บาท….  

เด็กหนุ่มก้มลงกราบแทบเท้าร่างสูงสะอื้นไห้… ครั้งนี้ไม่ได้หวังให้คุณคริสใจอ่อนแต่เพราะสำนึกผิดในเรื่องที่ตัวเองทำจริงๆ และไม่กล้าอ้อนวอนขอร้องอีกเพราะรู้จักนิสัยคุณคริสดีว่าพูดคำไหนคำนั้น



:m15:



“ลงโทษแรงเกินไปหรือเปล่าคริส..”   แฟรงค์ออกความเห็นเมื่อเด็กหนุ่มเดินร้องไห้ออกไป

“หึ!.. ถ้านายได้ยินตอนที่ไมเคิลฝันร้ายและร้องให้ช่วย นายจะรู้ว่าโทษที่ฉันให้เขาสถานเบาแล้ว..”

แฟรงค์นิ่งเงียบ นึกถึงอาการตื่นกลัวและร้องไห้ของเจ้าหนูไมค์เมื่อเช้าแล้ว เขาเข้าใจความรู้สึกของคริสดี แต่ถึงยังไงก็รู้สึกว่าโทษที่โอได้รับหนักกว่าที่เขาคาดไว้

“จะทำยังไงกับไอ้พวกนั้น”

“แจ้งตำรวจ … คงวุ่นวายซีนะ”   คริสถามเองตอบเอง

“ได้.. ถ้าคุณพร้อมจะเป็นข่าว”

คริสถอนใจ เขาเบื่อสถานะทางสังคมที่เป็นอยู่ บางครั้งนึกอยากจะกลับประเทศบ้านเกิดแต่ก็ได้แต่นึกเท่านั้น เขาไม่ได้ห่วงทรัพย์สมบัติ เงินทอง ชื่อเสียง หรือฐานะทางสังคมที่เป็นอยู่ ชีวิตคนรอบข้างต่างหากที่เขาห่วง ไม่มีเขาสักคนทุกชีวิตในคฤหาสน์บริเจคส์นี้จะเป็นอย่างไร

“หาทางสั่งสอนพวกมันแฟรงค์.. ด้วยวิธีไหนก็ได้…ให้มันรู้สึกเจ็บและสำนึกไปตลอดชีวิตว่า… เป็นผลจากการเหยียบย่างเข้ามาในคฤหาสน์บริเจคส์และบังอาจแตะต้องทำร้ายดวงใจของฉัน..”



o7 


คริสยืนมองร่างเล็กนอนคอพับอยู่บนโซฟา มีสมุดแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษวางอยู่บนตัก เขาก้มลงหยิบสมุดขึ้นมาพลิกดูพบลายมือแฟรงค์ตรวจและแก้ไขข้อความที่ถูกให้ 2 - 3 หน้า เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าไมเคิลยอมสนิทสนมกับแฟรงค์เพราะอะไร

คริสก้มลงกระซิบปลุกหนุ่มน้อย

“ไมเคิล.. ตื่นเถอะ ไปนอนที่เตียง”

เด็กชายรู้สึกตัวรีบลุกขึ้นนั่งและสวมกอดร่างสูง

“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วยครับ แด๊ด..”

คริสเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจระคนสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพราะถูกสวมกอดหรือแปลกใจที่หนุ่มน้อยมีเรื่องอยากคุยด้วย แต่เพราะคำเรียก ”แด๊ด”  ที่ไมเคิลเอ่ยเรียกโดยไม่ทันให้เขาเตรียมใจต่างหาก หัวใจเขาพองโตด้วยความรู้สึกยินดีและเป็นสุข เพราะเป็นครั้งแรกที่เจ้าหนูเอ่ยเรียกเขาว่าพ่อในขณะที่มีสติ ไม่ได้อยู่ในอาการฝันร้ายเหมือนทุกครั้ง

ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ  สวมกอดหนุ่มน้อยแนบอกเพื่อลดอาการตื่นเต้นที่หัวใจได้รับ 

“อยากจะคุยเรื่องอะไรหรือไมเคิล หือ..”

“เรื่องคุณโอครับ”

รอยยิ้มสดใสจางลงเมื่อได้ยินชื่อนี้ คริสรั้งศีรษะไมเคิลซุกกับอกและจูบเบาๆ ให้อารมณ์สดชื่นขึ้นก่อน เพราะเรื่องที่จะคุยต่อไปอาจทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด

“คุณคริสไล่คุณโอออกจากบ้านหรือครับ”

“มีใครบอกหรือไมเคิล”

“ผมแอบได้ยินคุณบอยคุยกับคุณแจ๊ค  ผมไม่อยากให้คุณไล่คุณโอออกไปครับ ผมสงสารเขา”

“ไมเคิล รู้มั้ยว่าฉันลงโทษเขาเพราะอะไร”

คริสขมวดคิ้วเมื่อเด็กชายพยักหน้า

“รู้เหรอ… รู้แล้วเธอยังสงสารเขาอีก”

ไมเคิลพยักหน้าอีกครั้ง คริสก็รู้สึกอ่อนใจ

“ไม่ได้หรอกนะไมค์.. ฉันยกโทษให้โอไม่ได้ จิตริษยาโหดร้ายใจดำแบบนั้นฉันรับไม่ได้ เขาทำร้ายดวงใจของฉันรู้มั้ย”

“ผมเป็นดวงใจของคุณเหรอครับ” ไมค์เอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ เมื่อคุณคริสพยักหน้าก็รู้สึกดีใจและฉงนใจพร้อมๆ กัน

“แล้วคุณโอล่ะ เคยเป็นดวงใจของคุณเหมือนกัน แต่ตอนนี้คุณหมดรักเขาเพราะผมใช่มั้ยครับ”

“เหลวไหล! ไมเคิล ใครบอกว่าโอเป็นดวงใจของฉัน ไม่รู้หรือว่าความหมายของคำว่า “ดวงใจ” คืออะไร”

“ก็แปลว่าคนที่เรารักไงครับ”

คริสอดยิ้มไม่ได้

“ความรักของคนมีหลายแบบ… ถ้าฉันรักเธอแบบที่รักคนอื่นๆ ฉันก็คงไม่อยากเป็นบิลหรอก คนอื่นๆ จะมาเป็นดวงใจฉันได้ยังไง ดวงใจฉันมีแค่ดวงเดียวคือเธอไง ไมเคิล..”

เด็กชายหน้าแดงเพราะรู้สึกเขิน คุณแฟรงค์เคยบอกว่าคุณคริสพูดจาเพราะอ่อนหวาน หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หรือแม้กระทั่งสาวๆ ถ้าได้เข้าใกล้เป็นต้องหลงใหลคุณคริสทุกคน ไมค์เพิ่งเคยได้ยินกับหูเป็นครั้งแรก ขณะพูดในฐานะบิลยังหวานขนาดนี้  ถ้าพูดในฐานะมิสเตอร์บริเจคส์…จะหวานขนาดไหน..

“แต่ผมไม่สบายใจครับ ที่เป็นต้นเหตุให้คุณโอต้องไปจากที่นี่”

“เธอเป็นต้นเหตุที่ไหน เขาต่างหากเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ นี้ขึ้น พอเถอะนะไมเคิล อย่าพูดถึงเด็กคนนั้นอีกเลย”

“แต่ว่า.. ผมไม่สบายใจนี่ครับ”   หนุ่มน้อยน้ำตาคลอเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอด

:เฮ้อ:  คริสถอนใจเฮือก ไมเคิลคงไม่สบายใจจริงๆ ที่เห็นโอได้รับโทษรุนแรงเช่นนี้ เขาควรจะทำอย่างไรเพื่อความสบายใจของเจ้าหนู

“โอเค! ไมเคิล ฉันอาจลงโทษโอรุนแรงเกินไปจริงๆ  แต่เพราะฉันอยู่ในฐานะบิล… ไม่มีพ่อคนไหนทนเห็นลูกถูกรังแกได้ โทษแค่นี้ยังไม่สะใจบิลด้วยซ้ำ แต่ถ้าฉันเป็นแค่คุณคริสของเธอ ฉันคงไม่ถึงกับไล่เขาออกไป อย่างมากก็ลงโทษหนักให้หลาบจำ ยืนในวงกลม 1 เดือนและตัดค่าเบี้ยเลี้ยง หรือเฆี่ยนให้หลาบจำ เลือกซิไมเคิลว่าโอควรจะได้รับโทษอะไรดี…”

ไมเคิลยิ้มออก   ฟังดูเหมือนคุณคริสยอมลดโทษให้โอแล้ว

“จริงหรือครับ ผมเลือกอะไร  คุณโอจะได้รับโทษนั้นจริงเหรอ”

คริสพยักหน้า

“ถ้ามันทำให้เธอสบายใจ..” มือใหญ่รั้งศีรษะหนุ่มน้อยเข้ามาซุกอกอีกครั้ง

“ฟังนะไมเคิล.. ถ้าเธอยอมลดโทษให้โอ แสดงว่าเธอพร้อมจะเผชิญหน้ากับเขาในบ้านหลังนี้อีกยังงั้นใช่มั้ย”

ไมค์พยักหน้าและขอเลือกให้โอรับโทษโดยการยืนในวงกลมทั้งคืน แต่ขอต่อรองจาก 1 เดือนเหลือแค่ 1 สัปดาห์ คุณคริสไม่พอใจที่ไมค์ใจดีเกินไปและว่าจะเพิ่มโทษเป็น 2  เดือนถ้ายังต่อรองอีก ไมค์เลยรีบตกลง

สรุปแล้ว…คริสต้องยอมลดโทษให้โอตามที่ไมเคิลขอร้องเพื่อความสบายใจของเจ้าหนู  แต่โทษที่ได้รับนี้ตามด้วยการงดจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง 3 เดือน และย้ายห้องนอนเด็กหนุ่มลงไปอยู่ในห้องรูหนูที่ไมเคิลอยู่อย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะประพฤติตัวดีขึ้น

เมื่อโอรู้ว่าตัวเองได้รับการลดโทษจากคุณคริสเพราะไมเคิลขอร้องให้   ก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไป และยิ่งเสียใจมากขึ้นเมื่อคุณคริสเรียกสมาชิกทุกคนรวมถึงคนรับใช้ในบ้านมาประชุมพร้อมกัน และแจ้งให้ทุกคนทราบว่าคุณคริสจะรับไมเคิลเป็นบุตรบุญธรรม แม้ในทางกฎหมายจะยังดำเนินการอะไรไม่ได้ แต่ทางพฤตินัยขอให้ทุกคนรับทราบว่าเขารักไมเคิลอย่างลูกชาย และไมเคิลก็รักเขาในฐานะพ่อตั้งแต่แรกเห็น  คริสย้ำว่าไมเคิลเป็นแก้วตาดวงใจของเขา หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับไมเคิลอีก…



++++… F a t h e r h o o d …++++



TBC>>>>


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 03-09-2008 11:27:58
นายโอทำไปได้ :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-09-2008 14:04:56
ไอ้เลววววววววววววววววววววววววววว

แสรดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 03-09-2008 14:26:39
บอยจะก่อเรื่องอะไรอีกมั๊ยอ่ะ คนที่วางแผนนี่บอยนี่นา
แต่คนทำให้เกิดเรื่องคือโอ :serius2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 03-09-2008 15:01:19
เพียงแค่คำว่า 'อิจฉา' ทำให้ใจคนโหดร้ายได้ แล้วโอจะสำนึกผิดรึเปล่า

ไมเคิลเธอช่างเป็นคนดีเหลือเกิน

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 03-09-2008 17:41:00
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 04-09-2008 12:20:41
[12]  



เสียงโทรศัพท์ปลุกแฟรงค์สะดุ้งตื่น รีบควานหามือถือที่หัวเตียงขึ้นมากดรับสาย แต่เสียงเรียกยังคงดังอยู่ทำให้แฟรงค์ต้องขยับตัวขึ้นคว้าโทรศัพท์ภายในขึ้นมากดรับและส่งเสียงให้ปลายสายด้วยอารมณ์ไม่ค่อยจอย

“แฟรงค์พูด วันนี้ใครมีปัญหาอะไรอีก!!.. เรื่องมากกันจัง”

แฟรงค์โวยดักก่อนเพราะเจอบอยกับทิมผลัดกันโทรขึ้นมาอ้อนขอให้ไปส่งที่โรงเรียนสองวันติดกันแล้ว อ้างว่าตื่นสายและมีสอบตอนเช้า

“ไม่มีใครมีปัญหาหรอก”

แฟรงค์สะดุ้งเล็กน้อยหัวเราะแก้เขินนึกว่าหนุ่มน้อยเจ้าปัญหาทั้งหลายโทรขึ้นมา ร้อยวันพันปีคริสไม่เคยโทรสายในหาเขา

((มอร์นิ่งครับบ๊อส.. มีอะไรให้รับใช้ครับ))  แฟรงค์ส่งคำถามแก้เขินเป็นภาษาอังกฤษ

“มีแน่แฟรงค์.. ลุกจากเตียงเดี๋ยวนี้ อาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวไปส่งไมเคิลเรียนพิเศษด้วย วันนี้ฉันมีประชุมเช้า”

“อีกแล้วเหรอ...ทำไมต้องเป็นผมด้วย...” แฟรงค์โอดครวญเพราะเท่ากับว่าวันนี้เป็นวันที่สามที่เขาต้องลุกขึ้นแต่เช้าเพื่อขับรถส่งเด็กไปโรงเรียน

“ไม่เป็นนายแล้วเป็นใคร ถ้าไม่อยากส่งไมเคิลไปโรงเรียนก็มาขับรถให้ฉัน  ให้จอนนี่ไปส่งเด็กแทน”

คริสหาทางออกให้ด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์  ...เรื่องอะไรแฟรงค์จะหลงกล  ขับรถส่งเด็กไปโรงเรียนยังดีกว่าขับรถส่งเจ้านายคริสไปทำงานในสภาพที่อารมณ์ไม่จอย...

“โอเคครับบ๊อส เดี๋ยวผมส่งไมเคิลเอง ล้อเล่นแค่นี้ต้องอารมณ์เสียด้วย แฮ่ะ แฮ่ะ ”

กว่าสองเดือนแล้วที่พฤติกรรมของมหาเศรษฐีบริเจคส์เปลี่ยนไป ตั้งแต่ตกที่นั่งพ่อของลูกอารมณ์ของคริสเปลี่ยนไปจากที่เคยอารมณ์เย็นและเป็นคนง่ายๆ  กลายเป็นคนเจ้าระเบียบและขี้กังวล โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของไมเคิล ใครทำอะไรให้ก็มักจะไม่ถูกใจ คริสจัดการเรื่องต่างๆ ให้กับไมเคิลด้วยตัวเอง ตั้งแต่หาที่เรียนพิเศษ พาไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ซึ่งปกติแล้วหน้าที่นี้เป็นของแฟรงค์ แต่กรณีของไมเคิลถือว่าอยู่นอกเหนือหน้าที่ เพราะเจ้าหนูไม่ได้อยู่ในฐานะเดียวกับหนุ่มน้อยคนอื่นๆ



:oni1:



“คริส... ผมขอคุยอะไรหน่อย”

แฟรงค์ดักรอคริสที่หน้าห้องนอนไมเคิล คริสต้องเข้าไปดูแลให้หนุ่มน้อยเข้านอนตรงเวลา จูบราตรีสวัสดิ์และดับไฟให้ทุกคืน ทำเหมือนเจ้าหนูไมค์อายุ  5-6 ขวบ

“มีอะไรก็รีบว่ามาแฟรงค์ ฉันง่วงแล้ว” คริสเอ่ยถามและเดินกลับเข้าห้อง แฟรงค์ก้าวตามติดๆ

“ผมอยากคุยกับคุณเรื่องไมเคิล”

คริสยังไม่ทันเอ่ยถามแฟรงค์ก็ยื่นซองจดหมายให้และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเครียด

“ผลตรวจเลือดของไมเคิล คุณอ่านดูเอง”

“ทำไม!!.. ไมเคิลเป็นอะไร แฟรงค์..” คริสกล่าวด้วยความตกใจ หัวใจเต้นแรงขณะดึงเอกสารในซองเปิดออกอ่านอย่างร้อนรน

“อย่าบอกนะว่า……”  น้ำเสียงแหบพร่าขาดหายไป เมื่อพบว่าผลตรวจเลือดของหนุ่มน้อยเป็นปกติ คริสถอนใจโล่งอก  รู้สึกฉุนแฟรงค์ที่แสดงสีหน้าให้หลงเข้าใจผิด

“เรื่องนี้เหรอที่นายอยากจะคุย”

“เปล่า... ผมได้ผลตรวจเลือดของไมเคิลมาหลายวันแล้วแต่ลืมให้คุณดู ที่ผมอยากจะคุยตอนนี้เป็นเรื่องระหว่างคุณกับไมเคิล ฟังนะคริส.. ผมรู้ว่าคุณรักไมเคิล...และรักมากเกินกว่าที่ผมคิดไว้ด้วยซ้ำ แต่ถึงคุณจะรักเขามากแค่ไหนก็ขอให้เผื่อใจไว้บ้าง อย่าลืมว่าไมเคิลยังมีแม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะร้างอาจเกิดจากความเข้าใจผิดหรืออารมณ์ชั่ววูบ ถ้าเธอรู้ว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ เธออาจต้องการลูกคืน ถึงตอนนั้นคุณเตรียมใจไว้บ้างหรือเปล่าว่าจะทำยังไง…”

คริสใจหายวาบ ให้ตายเถอะ! เขาลืมสนิทเลยว่าไมเคิลยังมีแม่…



 :oni1:



คริสวางสายจากครูสอนพิเศษของไมเคิล  เขาต้องการให้เด็กชายสอบเทียบชั้นประถมให้ผ่านก่อนจะส่งเข้าเรียนต่อระดับมัธยมในโรงเรียนนานาชาติ เขาให้ไมเคิลเรียนพิเศษแบบสบายๆ ไม่ต้องคร่ำเคร่งหรือเร่งรัดการเรียน สอบผ่านเมื่อไรก็เมื่อนั้น

“เรียนช้าไป 2-3 ปี ก็ยังไม่สายหรอก ไม่ต้องรีบร้อนเครียดเปล่าๆ รู้มั้ย”

“เด็กคนอื่นที่อายุเท่าผมเขาอยู่ชั้นมัธยมกันหมดแล้วครับ ผมยังไม่จบ ป. 6 เลย”

“ช่างเขาปะไร จะรีบเรียนจบทำไม เห็นจบกันออกมาก็มาเดินเตะฝุ่นหางานทำไม่ได้อยู่ดี”

“แล้วผมล่ะครับ จะหางานทำได้เหรอ”

คริสจับศีรษะหนุ่มน้อยซุกกับอก

“จะรีบคิดทำไมไมเคิล อย่างน้อยก็มี 2-3 บริษัทที่เธอเดินเข้าไปทำได้เลย ไม่ต้องเขียนใบสมัครด้วย”

“ใช้เส้นหรือครับ  ไม่เอาหรอก  ผมจะสมัครเอง  ผมจะหางานทำเองครับ”

คริสหัวเราะด้วยความเอ็นดู  ...ไมเคิลเป็นคนดีที่หนึ่งเลย... อย่างที่แฟรงค์ชอบกระเซ้าจริงๆ



 :oni1:


คืนนี้คริสพาสมาชิกในครอบครัวมาเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสที่โอและแจ๊คสอบเอ็นทรานซ์ได้ทั้งคู่ โออายุมากกว่าแจ๊คหนึ่งปีแต่เรียนอยู่ระดับเดียวกัน โอสอบได้คณะสถาปัตย์ในขณะที่แจ๊คติดวิศวะ หนุ่มน้อยทั้งสองรักการเรียนและหัวดีทั้งคู่ ต่างมีความตั้งใจที่จะสอบเอ็นทรานซ์ให้ติดเพื่อจุดประสงค์คนละอย่าง

โออยากช่วยแบ่งเบางานจากคุณคริส หวังให้คุณคริสภูมิใจในตัวเขาเพื่อลบความผิดที่เคยทำไว้ ส่วนแจ๊คตั้งใจจะเรียนวิศวเพราะนอกจากคุณคริสจะมีงานให้ทำโดยไม่ต้องหาเองแล้ว แจ๊คเคยอ้อนขอกับคุณคริสว่าถ้าเขาสอบวิศวะได้อยากขอรถสปอร์ต 1 คัน คุณคริสนิ่งเฉยไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่นี้แจ๊คก็มีความหวังแล้ว เพราะถ้าคุณคริสเซย์โน นั่นหมายถึงหมดหวังและไม่ต้องเอ่ยปากขออีกต่อไป

งานนี้หนุ่มแฟรงค์หน้าบาน อย่างน้อยเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกครองของหนุ่มแสบทั้งสี่คน ความสำเร็จของโอและแจ๊ควันนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเข้มงวดและเอาใจใส่ของเขา ไม่ใช่แค่ความประพฤติและอุปนิสัยที่แฟรงค์เฝ้าสั่งสอน บ่อยครั้งที่แฟรงค์ต้องสอนและติวเรื่องการเรียนให้หนุ่มน้อยเหล่านี้ด้วยตัวเอง

แฟรงค์กอดคอโอและแจ๊คที่นั่งขนาบข้างและกล่าวยินดี

“ฉันภูมิใจกับนายสองคนมาก ถ้าใครอยากได้รางวัล คืนนี้เชิญที่ห้องฉันมีรางวัลให้”

“ผมไม่อยากได้รางวัลของคุณหรอกฮะ   ผมรอรางวัลคุณคริสดีกว่า” แจ๊คกล่าวอย่างมีความหวัง คุณคริสยิ้มให้ไม่พูดอะไรแค่นี้แจ๊คก็พอใจแล้ว

“นายล่ะโอ.. อยากได้รางวัลจากฉันมั้ย”

“ไม่ล่ะฮะ ผมไม่อยากได้อะไร แต่ถ้าคุณแฟรงค์อยากให้ ผมขอเปลี่ยนให้บอยดีกว่า”

แฟรงค์หันไปทางบอยซึ่งนั่งหน้าจ๋อยอยู่ วันนี้เขามัวแต่ปลื้มและยินดีกับโอและแจ๊ค ไม่ได้สนใจและหันมาพูดคุยกับบอยสักคำ  บอยรีบก้มหน้าหลบสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมาทางเขา

แฟรงค์หัวเราะ ลุกขึ้นสลับที่นั่งกับแจ๊คและรั้งตัวบอยเข้ามากอด

“ไม่เอาน่าบอย..อย่าทำหน้าอย่างนี้ซี... จะให้ฉันมองหน้าคุณคริสยังไงถ้าเขารู้ว่าเธอมีใจลึกซึ้งกับฉันขนาดนี้อ่ะ ”

แฟรงค์แกล้งกระเซ้าเพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุก แต่บอยไม่สนุกด้วย  รู้สึกเขินอย่างแรง ลำพังเพื่อนๆ ไม่เท่าไรหรอกเพราะล้อเล่นกันเป็นประจำ แต่กับคุณคริสบอยไม่กล้าสบตาด้วยเลย กลัวคุณคริสโกรธที่บอยรักคุณแฟรงค์มากกว่า

“ผมจะไปห้องน้ำฮะ”

บอยขอตัวเข้าห้องน้ำแก้เขิน ไมเคิลซึ่งกำลังอยากเข้าห้องน้ำอยู่พอดีร้องขอไปด้วย

สถานที่ที่คริสพาสมาชิกมาเลี้ยงฉลองในคืนนี้ เป็นภัตตาคารหมุนลอยฟ้า  สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองกรุงในยามค่ำคืนได้รอบ 360 องศา คริสไม่ชอบนั่งเลี้ยงสังสรรค์ในที่รโหฐานที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ โดยเฉพาะถ้ามากับสมาชิกในครอบครัวด้วยแล้ว นั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่พลุกพล่านได้บรรยากาศมากกว่า

บอยเดินกลับมาที่โต๊ะเพียงลำพัง และตรงเข้ามากระซิบข้างหูแฟรงค์ก่อนทรุดตัวลงนั่ง แฟรงค์มีสีหน้าตื่นเล็กน้อย  ชะเง้อมองไปที่โต๊ะอาหารด้านหลัง

คริสเอ่ยถามเชิงตำหนิขณะที่สายตาจ้องมองไปที่โต๊ะอาหารตัวเดียวกันกับแฟรงค์

“ไมเคิลนั่งคุยอยู่กับใคร บอย  ทำไมไม่รอเดินกลับมาพร้อมกัน”

“เอ่อ.. ไม่ทราบครับ ไมเคิลออกมาจากห้องน้ำก่อน ผมตามออกมาก็เห็นไมค์นั่งคุยกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ผมเดินเข้าไปบอกว่าผมจะกลับมาที่โต๊ะก่อน ไมค์ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่ดูแล้วสนิทสนมกันมาก เธอกอดไมเคิลไม่ยอมปล่อยเลยครับคุณคริส..”

คริสใจหายอย่างแรง เจ้าหนูของเขาสนิทสนมกับหญิงสาวผู้นั้นถึงขนาดยอมให้กอดและหอมด้วยความรัก เธอจะเป็นใครได้นอกจาก…

รวดเร็วสมเป็นเลขาคู่ใจ แฟรงค์ลุกขึ้นยืนก่อนที่เขาจะเอ่ยเรียก

“ผมไปดูเองคริส.. บางทีไมเคิลอาจเจอเพื่อนเก่า”

แฟรงค์ลุกออกจากโต๊ะเดินไปหาคำตอบให้เขา แฟรงค์เป็นคนเดียวที่เข้าใจจิตใจเขาอยู่ทุกขณะว่ากำลังคิดและรู้สึกอย่างไร

หญิงสาววัย 30 ปีเศษ บุคลิกดีหน้าตางดงาม ลุกขึ้นยืนเมื่อแฟรงค์เดินเข้าไปแนะนำตัว เธอพูดคุยและทักทายด้วยรอยยิ้มแจ่มใสก่อนจะมองตรงมายังโต๊ะที่สมาชิกบริเจคส์นั่งอยู่ แฟรงค์หยิบนามบัตรจดยิกๆ ด้านหลังและยื่นให้เธอ ก่อนจะขอตัวไมเคิลเดินกอดคอพากลับมานั่งที่โต๊ะ

ไมเคิลกลับมาที่โต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตรงเข้าไปกอดคอและกระซิบกับคริสอย่างอารมณ์ดี

“ทายซีครับว่าผมไปเจอใครมา”

“ใครล่ะ”

คริสย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เพราะรู้คำตอบจากสายตาของแฟรงค์แล้วว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นเธอจริงๆ

“ผมเจอแม่ครับ”

ไมเคิลกระซิบแค่ประโยคสั้นๆ และทรุดตัวลงนั่ง  คงอยากให้ถามต่อแต่เขากลับไม่มีคำถามอะไร เพราะหัวใจร้อนรุ่มไม่อยู่กับตัว บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร

แฟรงค์สั่งเช็คบิลเพราะรู้ว่าจิตใจของคริสขณะนี้ไม่พร้อมจะสังสรรค์เฮฮาอะไรอีก ทิมบ่นเสียดายว่ายังไม่ได้ทานของหวานเลยถูกแฟรงค์ดุว่าเห็นแก่กิน

คริสขอตัวไปคอยที่รถก่อน ไมเคิลนั่งมองตาปริบๆ ดูคุณคริสเดินออกไปจนแฟรงค์ต้องเตือน

“ตามไปซิไมเคิล คุณคริสไม่ค่อยสบาย ไปนั่งคอยที่รถก่อน”

ไมเคิลรู้สึกตัวลุกขึ้นวิ่งตามไปทันคุณคริสที่หน้าลิฟต์พอดี เข้าลิฟต์มากับคุณคริสสองคนไมค์จึงสังเกตุเห็นว่าคุณคริสมีสีหน้าไม่ค่อยดี คงไม่ค่อยสบายจริงๆ คุณคริสยืนนิ่งไม่พูดจากับไมค์สักคำ อยู่กับคุณแฟรงค์และสมาชิกหนุ่มแสบกลุ่มนี้มากว่าครึ่งปีแล้ว ไมค์รู้ว่าจะต้องแก้ไขสถานการณ์ยังไงจึงจะทำให้คุณคริสอารมณ์ดีขึ้น
ร่างเล็กขยับเข้าสวมกอดและซุกศีรษะกับอกกว้างอ้อนถามด้วยความเป็นห่วง

“คุณคริสไม่สบายหรือครับ ให้ผมช่วยพยุงไปที่รถนะ”

คริสสวมกอดไมเคิลด้วยความรัก ไม่รู้ว่าเขาหลงรักเจ้าหนูมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร รู้แต่ว่าวันนี้.. นาทีนี้.. เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสได้หากหนุ่มน้อยมีอันต้องพรากจากไป...

“แม่เค้าว่ายังไงหรือไมเคิล หือ…”

ประตูลิฟต์เปิดออก  มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาและมองคุณคริสกับไมค์ด้วยสายตาแปลกๆ

คริสกล่าวกับหนุ่มน้อยเป็นภาษาอังกฤษดังพอที่คนอื่นในลิฟต์ได้ยินด้วย

((เดี๋ยวค่อยไปเล่าที่รถนะว่าแม่เค้าว่ายังไงบ้าง))

ไมเคิลไม่ชอบใจสายตาแต่ละคู่ที่แอบชำเลืองมา ขณะที่คุณคริสพูดทุกคนหันหน้าเข้าประตูลิฟต์ทำทีเป็นไม่สนใจแต่ไมค์รู้ว่าพวกเขาหูผึ่งฟังกันทุกคน ไมค์รีบตอบคุณคริสเป็นภาษาไทย

((แม่บอกว่าพรุ่งนี้จะมาหาเราที่บ้าน จะมาขอบคุณแด๊ดด้วยครับ))

คำเรียก “แด๊ด” ไมค์เรียกเวลาอยู่กับคุณคริสสองต่อสองและเฉพาะบางอารมณ์เท่านั้น แต่ตอนนี้แม้จะมีคนอื่นอยู่เต็มลิฟต์ไมค์ก็จะเรียก เพราะอยากให้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไมค์กับคุณคริสไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเข้าใจ



 :oni1:



คริสหลับตาเอนศีรษะพิงพนักทำท่าเหมือนต้องการจะพักผ่อน ไมเคิลก็เลยไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง รู้สึกว่าคุณคริสจะไม่สบายใจมากกว่าไม่สบายกาย โอนั่งคู่กับแฟรงค์ซึ่งทำหน้าที่โชเฟอร์ ในขณะที่แจ๊ค,บอยและทิมนั่งอยู่ตอนในสุด ภายในรถเงียบกริบไม่เอะอะเฮฮาเหมือนตอนขามา ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเสียงดังเมื่อเห็นคุณ คริสอยู่ในอารมณ์เช่นนี้

ไมเคิลสะดุ้งเมื่อถูกเขกศีรษะเบาๆ รีบหันขวับไปหาคนมือดี แจ๊คทำท่าสวมกอดบอยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ และชี้มือไปที่คุณคริส ไมค์ขมวดคิ้วและส่ายหน้าความหมายว่าไม่!!..


แจ๊ค ทิมและบอยต่างพยักหน้าให้ไมค์ทำตามที่แจ๊คบอก ไมค์หันกลับมาชำเลืองดูคุณคริสอีกครั้ง แม้คุณคริสจะหลับตาแต่สีหน้าและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันบอกให้รู้ว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ ไมค์ไม่กล้าทำตามที่แจ๊คบอกแต่อย่างน้อยก็ควรจะทำอะไรบางอย่าง เช$
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-09-2008 13:23:27
 :m15:ความเศร้ากำลังมาเยือนแล้ว :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 04-09-2008 13:36:51
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 04-09-2008 13:43:56
[12]  ต่อ..


แจ๊ค ทิมและบอยต่างพยักหน้าให้ไมค์ทำตามที่แจ๊คบอก ไมค์หันกลับมาชำเลืองดูคุณคริสอีกครั้ง แม้คุณคริสจะหลับตาแต่สีหน้าและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันบอกให้รู้ว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ ไมค์ไม่กล้าทำตามที่แจ๊คบอกแต่อย่างน้อยก็ควรจะทำอะไรบางอย่าง เช่นกุมมือคุณคริสไว้เผื่อจะช่วยให้กำลังใจได้บ้าง
ทันทีที่มือเล็กสัมผัสกับฝ่ามือใหญ่ แทนที่หนุ่มน้อยจะเป็นฝ่ายกระทำตามที่ใจคิด กลับถูกคริสกุมมือไว้และเอาไปแนบที่หน้าอกตรงกับหัวใจ

ไมเคิลชำเลืองมองคุณคริส เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากแต่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็ยังไม่คลายออก แสดงว่าคุณคริสมีเรื่องให้คิดอยู่ในสมองอาจจะเป็นเรื่องงานก็ได้ เพราะทุกครั้งที่คุณคริสเครียดเรื่องงานมักจะมีสีหน้าเช่นนี้เสมอ นึกถึงเรื่องงาน ไมค์สงสารคุณคริสที่ทำงานอย่างหนักอยู่คนเดียวเพื่อให้ทุกคนในบ้านได้อยู่กันอย่างสุขสบาย

ไมเคิลไม่รู้ว่าศีรษะตัวเองซบอยู่กับอกคุณคริสตั้งแต่เมื่อไร รู้สึกตัวตอนได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ

“ถึงบ้านแล้วไมเคิล ตื่นได้แล้ว”

ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน คริสขอคุยกับแฟรงค์ที่ห้องหนังสือก่อนแต่ไม่ลืมหันมาสั่งไมเคิลให้เข้านอน

คริสเปิดห้องพักชั้นสองซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนแฟรงค์ให้เป็นห้องนอนไมเคิล หลังจากที่เจ้าหนูอ้อนขอย้ายลงจากชั้น 3 มาพักใกล้ๆ กับห้องพักของหนุ่มน้อยทั้งสี่โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากพักข้างบนเกินหน้าเกินตาคนอื่นๆ มันไม่ดี เลยถูกคริสดุและย้อนถามว่าลูกชายเจ้าของบ้านพักอยู่ชั้นบนกับพ่อไม่ดีตรงไหน

คริสแยกกับแฟรงค์ที่หน้าห้องนอนไมเคิล เขาไม่พบหนุ่มน้อยในห้องนอน เสื้อผ้าที่เจ้าหนูสวมเมื่อครู่ถูกถอดกองไว้บนเตียง มีกระดาษโน้ตแผ่นใหญ่วางข้างๆ

“คืนนี้ผมจะนอนข้างบนกับแด๊ด..”

คริสอดยิ้มไม่ได้ รู้สึกสุขใจทุกครั้งที่ได้ยินคำเรียกนี้…

คริสกลับขึ้นมาที่ห้องพบหนุ่มน้อยในชุดนอน ใบหน้ามีแป้งขาวเป็นรอยมือนั่งตาปรืออยู่หน้าทีวี

“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนล่ะไมเคิล ยังจะดูทีวีอีก..”

“ผมรอคุยกับคุณก่อน”

คริสเลิกคิ้วยังไม่ทันเอ่ยถาม หนุ่มน้อยก็ชิงตอบก่อน

“ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องแม่เลย เมื่อกี้แม่บอกว่ายังไงบ้าง คุณบอกให้ผมเล่าให้ฟังไงครับ”

“อืมม์.. จริงซี.. ลืมสนิทเลย”

คริสเสยผมหนุ่มน้อยไปมาเขารู้ว่าไมเคิลง่วงมากแล้ว ถ้าให้คอยอีกสักสิบนาทีมีหวังหลับปุ๋ยแน่

“ขออาบน้ำก่อนนะไมเคิล เสร็จแล้วเราค่อยมานอนคุยกันดีมั้ย”

ไมเคิลหาวหวอดใหญ่ก่อนพยักหน้าหงึก

“ก็ได้ครับ ผมรอคุณอาบน้ำเสร็จก่อน ”

คริสหัวเราะ รั้งหนุ่มน้อยเข้ามากอดและจูบที่แก้มเบาๆ

“ต้องคุยคืนนี้ด้วยเหรอ ถ้าง่วงก็นอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยคุยดีกว่ามั้ย”

“ไม่ครับ ผมยังไม่ง่วง ผมจะคอย..”

“ถ้างั้นไปนอนคอยที่เตียง โอเค!.. ”

หนุ่มน้อยพยักหน้าและลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนอย่างว่าง่าย คริสไม่อาจทนฟังคำบอกเล่าจากปากไมเคิลเองได้ เท่าที่ฟังจากแฟรงค์เขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

“เรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะร้างเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับสามี ทำให้ไมเคิลต้องติดอยู่บนเกาะ เธอเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นและฝากขอบคุณคุณที่ช่วยชีวิตลูกชายเธอไว้ เธอจะหาโอกาสมาพบและขอบคุณด้วยตัวเอง อ้อ! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไมเคิล ผมเดาว่าทำให้เธอต้องเลิกกับสามีคนนั้นแล้ว เพราะคืนนี้เธอกำลังมีนัดสำคัญที่ไม่สามารถยกเลิกอย่างกระทันหันได้ ผมก็เลยถือโอกาสขอพาตัวไมเคิลออกมาและบอกว่าถ้าเธอต้องการพบไมเคิลก็ให้มาหาตามที่อยู่ในนามบัตร”

คริสใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง   ออกมาเจ้าหนูไมค์ก็หลับปุ๋ยไปแล้วจริงๆ  นึกถึงอาการดีใจของไมเคิลที่ได้พบแม่แล้ว คริสรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ถูกที่แสดงอาการไม่ยินดียินร้ายกับข่าวดีที่ไมเคิลกระซิบบอก  เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร   รู้แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับเขา…



… F A T H E R H O O D …




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-09-2008 15:08:24
ช่างเป็นข่าวที่แย่สุดๆ :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 04-09-2008 15:54:33
แล้วแม่จะมาเอาไมเคิลคืนรึเปล่าอ่า

 :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 04-09-2008 16:07:07
จะเป็นยังไงต่อไป กับพ่อลูกคู่นี้
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 04-09-2008 22:55:08
แวะมาทักทายเจ๊หมวยค่า  ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมบอร์ดตั้งนาน  :m23:

หุหุ  จะมีนิยายรวมเล่มของเจ๊หมวยอีกแล้ว  เรนจองนะคะอุดหนุนแน่นอน  :m1:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-09-2008 10:57:16

[13]



“แม่ฮะ  ทำไมไม่โทรมาก่อน มาถูกได้ไง”

หนุ่มน้อยตรงรี่เข้าไปทักทายมารดาด้วยความดีใจ ที่จู่ๆก็มาเป็นแขกของคฤหาสน์บริเจคส์แต่เช้า

“ทำไมจะมาไม่ถูกจ๊ะ คฤหาสน์บริเจคส์ถามใครก็รู้จัก”

หญิงสาวดึงลูกชายนั่งลงข้างๆ และสวมกอดด้วยความรัก

“แม่นอนไม่หลับทั้งคืน ดีใจที่ได้พบลูก แม่บนบานไปทั่วเลยรู้มั้ยว่าขอให้มีคนผ่านไปช่วยลูกของแม่ออกจากเกาะที โอ! ไมเคิล ลูกโกรธแม่หรือเปล่า แม่ขอโทษนะจ๊ะ แม่เลิกกับลุงกฤษณ์เขาแล้ว ตอนนี้แม่กำลัง…”

“ช่างเถอะฮะ แม่..”

ไมเคิลรีบขัดคอเพราะไม่อยากได้ยินเรื่องที่แม่กำลังจะบอก เลิกกับลุงกฤษณ์แล้วแม่ก็กำลังจะมีคนใหม่ ทำไมไมค์จะไม่รู้…

“แม่ฮะ.. ผมอยากให้แม่รู้จักคุณคริส คุณคริสช่วยชีวิตผมไว้ พาผมออกมาจากเกาะและให้ที่พักอาศัยผมด้วย”

“จ้ะ แม่ก็อยากพบ อยากขอบคุณคุณคริสของลูก”

“คุณคริสอาบน้ำอยู่ เดี๋ยวลงมาครับแม่”

ไมค์มองมารดาซึ่งเริ่มสำรวจความใหญ่โตของคฤหาสน์ด้วยสายตา แม่คงตะลึงเหมือนกับตอนที่ไมค์มาเห็นใหม่ๆ แหล่ะ

“คุณคริสของลูกคงเป็นระดับมหาเศรษฐีเลยใช่มั้ย  บ้านพักถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้”

“ก็ไม่ถึงขนาดมหาเศรษฐีหรอกฮะแม่ คุณคริสมีเงินมากเพราะทำงานหนักครับ จริงซีฮะแม่ ถ้าแม่ได้เห็นคุณคริสแม่จะแปลกใจว่าคุณคริสเหมือนกับผู้ชายคนแรกที่แม่รัก”

“ผู้ชายคนแรกที่แม่รัก คนไหนเหรอลูก”

หนุ่มน้อยหน้าเสียไม่อยากเชื่อว่าแม่จำผู้ชายคนแรกที่แม่รักไม่ได้ ไมค์ผละออกห่างมารดาด้วยความรู้สึกเสียใจที่แม่จำพ่อไม่ได้ เป็นเพราะแม่มีผู้ชายที่แม่รักหลายคน ถึงพ่อจะเป็นผู้ชายคนแรกก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับแม่..

“โอ! ไมเคิล อย่าทำหน้าอย่างนั้นซี แม่ล้อเล่นจ้ะ ลูกหมายถึงบิลพ่อของลูกใช่มั้ย คุณคริสเหมือนบิลมากหรือลูก เหมือนตรงไหนจ๊ะ”

หญิงสาวรีบถามเอาใจไม่อยากให้ลูกโกรธและเสียใจที่เธอลืมพ่อของเขา

“เหมือนทุกส่วนเลยครับแม่ เหมือนในรูปที่แม่ให้ผมดูเลย นั่นไงครับแม่ คุณคริสลงมาพอดี”

ไมค์ลุกขึ้นวิ่งไปหาคุณคริส  ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดพร้อมจะไปทำงาน หล่อสมาร์ทเหมือนทุกวัน แต่วันนี้สีหน้าคุณคริสไม่สู้ดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้โกนหนวดหรือยังมีอาการปวดศีรษะอยู่ ไมค์สะดุ้งตื่นตอนเช้าพบตัวเองนอนอยู่บนเตียงคุณคริส คุณคริสยังหลับสนิทอยู่เลย พอไมค์ปลุกก็งัวเงียบอกว่ายังไม่อยากตื่น ยังปวดหัวอยู่

“คุณคริสค่อยยังชั่วหรือยังครับ หายปวดหัวหรือยัง”   

หนุ่มน้อยถามด้วยความเป็นห่วง  คริสยิ้มให้และเอ่ยถามกลับไป

“แม่มาหาหรือ ไมเคิล”

“ครับ แม่รอพบคุณคริสด้วย นั่นไงครับ แม่นั่งชะเง้อมองอยู่โน่น แม่อาจตกใจเหมือนที่ผมตกใจ ตอนเจอคุณครั้งแรก”   ไมค์จูงมือคุณคริสตรงไปหามารดา

คริสฝืนยิ้ม เขาเตรียมใจไว้ทั้งคืนแล้ว อะไรจะเกิดก็เกิดเถอะ...

“แม่ครับ แม่.. แม่..” ไมค์เขย่าแขนมารดาซึ่งยืนตะลึงจ้องมองคุณคริสอยู่

“เอ่อ.. จ๊ะ ไมเคิล”

“แม่ครับ นี่คุณคริสเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณคริสช่วยชีวิตผมไว้ครับแม่”

ไมค์หันมายิ้มให้คุณคริส “แม่ผมครับ คุณคริส”

คริสยื่นมือให้หญิงสาว เนื่องจากเห็นว่าเธอคงคุ้นเคยกับการทักทายแบบสากล อย่างน้อยเธอก็เคยมีสามีเป็นฝรั่ง

“คริส บริเจคส์ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณเอ่อ..”

“ลินดาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”

หญิงสาวกล่าวขอบคุณคริสที่ช่วยชีวิตลูกชายเธอไว้ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ คริสฟัง…

เช้าวันที่ 3 ของการตั้งแคมป์บนเกาะร้าง กฤษณะซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงอดีตสามีของเธอได้ชวนเธอและลูกๆ ของเขาข้ามไปเกาะฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางไปกลับไม่เกิน 3 ชั่วโมง โดยออกเดินทางกันตอนเช้ามืด เธอขอให้ปลุกไมเคิลไปด้วย แต่กฤษณะบอกว่าเกาะอยู่ใกล้แค่นี้เอง รีบไปรีบกลับ มาถึงไมเคิลยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ เธอวางใจเนื่องจากบนเกาะร้างนั้นไม่มีสัตว์ร้ายและอันตรายใดๆ แต่เมื่อขึ้นไปถึงบนเรือกว่าจะรู้ว่ากฤษณะจงใจหลอกเธอให้ทิ้งลูกชายไว้บนเกาะ เรือก็แล่นห่างออกมาจากฝั่งไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอโกรธเขามากและบอกให้เขานำเรือกลับไปรับไมเคิล แต่เขาไม่ยอม พยายามหว่านล้อมและบอกเธอว่าพรุ่งนี้ค่อยกลับไปรับ กฤษณะว่าไมเคิลเป็นเด็กผู้ชายแต่ขี้แยและใจเสาะมากไป เขาต้องการฝึกให้ไมเคิลช่วยตัวเองและเป็นลูกผู้ชายมากขึ้น เธอยอมเชื่อเขาแต่พอวันรุ่งขึ้น เขากลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมไปรับจนเธอเหลืออด ทะเลาะกับเขาอย่างรุนแรงถึงขั้นแตกหัก เธอขอแยกทางกับเขาและออกตามหาลูกชาย

จังหวะนั้นมีพายุฝนเข้ามาพอดี ไม่มีเรือลำไหนยอมพาเธอไปกลับไปที่เกาะร้างนั้น กว่าพายุจะสงบเวลาผ่านไปอีก 3 วัน แต่เมื่อเธอกลับไปที่เกาะอีกครั้งก็ไม่พบลูกชายของเธออยู่บนเกาะ คนเรือบอกเธอว่าถ้าลูกชายของเธอติดอยู่บนเกาะนี้จริง ไม่น่าจะรอดชีวิตจากพายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักตลอด 3 วันเต็มๆ

ระหว่างที่ลินดาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง คริสรู้สึกว่าเธอคอยเลี่ยงไม่ยอมสบตากับเขา เธอคงรู้สึกละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งฟังดูเหมือนเธอละเลยและไม่ใส่ใจลูกของตัวเอง ถึงขนาดยอมปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวบนเกาะร้าง แม้จะเพียงแค่ 3 ชั่วโมงก็ตาม

ขณะที่นิ่งฟังคริสหวนนึกถึงวันและเวลาที่เขาได้พบไมเคิล ตกใจเมื่อรู้ว่าลินดาเดินทางกลับไปที่เกาะร้างก่อนหน้าเขา 1 วัน แต่กลับหาลูกชายไม่พบ คริสไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมเธอจึงไม่พบลูกชาย แต่ที่เขาข้องใจคือทำไมเขาจึงเป็นฝ่ายรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของหนุ่มน้อยแทนที่จะเป็นลินดา ทั้งๆ ที่เธอเป็นแม่….

ลินดาสวมกอดลูกและพร่ำขอโทษต่อหน้าคริส

“ยกโทษให้แม่นะไมเคิล แม่สัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ลูกอย่าโกรธแม่นะจ๊ะ”

“ผมไม่โกรธแม่หรอกครับ ผมรักแม่”

“แม่ก็รักลูกจ้ะ ”

สองแม่ลูกสวมกอดบอกรักกันและกันน่าจะทำให้คริสรู้สึกยินดีด้วย แต่นอกจากจะไม่รู้สึกยินดีแล้ว เขายังรู้สึกแปลกๆ กับความรักในฐานะแม่ของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“แม่ครับ แม่ยังเก็บรูปผมไว้ในกระเป๋าหรือเปล่า”

ไมค์ถามหารูปของตัวเอง ซึ่งเป็นรูปที่ไมค์นำไปเคลือบพลาสติคให้แม่ติดกระเป๋าไว้

“มีซีจ๊ะ แม่ติดตัวไว้ตลอดเวลาเลยนะไมเคิล”

ลินดารีบคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาค้นหารูปใบที่ลูกชายถามถึง เธอคิดว่าไมเคิลคงลองใจว่าเธอยังรักและคิดถึงเขาจริงหรือเปล่า

“นี่ไงจ๊ะไมค์ รูปของลูก”

ไมค์รับรูปมาถือไว้ด้วยความตื่นเต้น ไมค์ไม่ได้ต้องการดูรูปตัวเองหรอก แต่รูปที่ต้องการเห็นอยู่ด้านหลังรูปของไมค์ต่างหาก

“นี่ไงฮะแม่ แม่ดูซี คุณคริสเหมือนแด๊ดดี้ผมมั้ย”

หญิงสาวใจหาย นึกขึ้นได้ว่ามีอีกหนึ่งรูปประกบอยู่ด้านหลัง

“เอ่อ.. เหมือนจ้ะ เอาให้แม่เก็บเถอะ”   ลินดาแบมือขอรูปคืนแต่ไมเคิลชักรูปหนี

“เดี๋ยวซีฮะแม่ ขอให้คุณคริสดูก่อน”

ไมเคิลขยับไปนั่งข้างๆ คริส  โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของมารดา และยื่นรูปให้คริสดู

“ดูรูปแด๊ดผมซีครับคุณคริส ว่าเหมือนคุณจริงๆ หรือเปล่า”

คริสรับรูปมาถือไว้   ถ้าลินดาไม่ได้นั่งอยู่ด้วยเขาคงสวมกอดหนุ่มน้อยไว้แล้วไม่นั่งสำรวมอยู่อย่างนี้
ลินดาพยายามทักท้วงลูกชายไม่ให้ส่งรูปให้คริสดู แต่ไม่สำเร็จ เธอนั่งนิ่งมองดูคริสเพ่งดูรูปพ่อของไมเคิลอย่างตั้งใจ ไมเคิลคิดว่ามารดาคงรู้สึกเขินหากคุณคริสได้เห็นกับตาว่าเขามีหน้าตาเหมือนกับบิลจริงๆ

ร่างเล็กขยับเข้าไปนั่งกระแซะคริสและเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี

“เหมือนใช่มั้ยครับ ผมบอกแล้ว ผมไม่โกหกหรอก”

“เหมือนจริงๆ ด้วยไมเคิล เหมือนราวกับเป็นคนเดียวกันเลย”   คริสเอ่ยเบาๆ สายตายังจ้องเขม็งอยู่ที่รูป ด้านล่างของรูปมีข้อความเป็นลายมือเขียนไว้ว่า

“นี่คือแด๊ดดี้บิล ของลูกจ๊ะ ไมเคิล..”

พ่อบ้านลูเดินเข้ามารายงานขัดจังหวะ

“คุณไมค์ครับ  คุณแฟรงค์ให้มาถามว่าจะไปซื้อรองเท้าหรือเปล่า คุณแฟรงค์จะออกไปข้างนอกจะพาไปซื้อครับ”

ไมค์เงยหน้าขึ้น ยังไม่ทันเอ่ยตอบคุณคริสก็ตอบแทน

“ไปซีไมเคิล ให้คุณแฟรงค์พาไปซื้อเลย เดี๋ยวไม่มีใส่ไปเรียนพิเศษนะ”

“แต่ว่าแม่.. .”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะนั่งคุยกับแม่เธอไปพลางๆ” คริสหันไปขอความเห็นจากลินดา

“ใช่มั้ยครับ คุณลินดา เรามีเรื่องจะต้องพูดคุยและทำความรู้จักกัน ถ้าไม่รังเกียจผมขอรับรองคุณแทนไมเคิล”

“เอ่อ.. มิได้ค่ะ ดิฉันไม่กล้ารังเกียจ แต่จะเสียเวลาคุณเปล่าๆ”

“ไม่เลยครับ ผมหยุดพักงานสักวันก็ได้”

“ถ้างั้นผมไปซื้อของก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับ แม่อย่าเพิ่งกลับนะ รอผมก่อน”

“จ้ะ แม่จะคอย”

ลินดายิ้มให้ลูกชาย ไมเคิลลุกขึ้นยืนขยับจะเดินออกไปก็ต้องหยุดชะงักเหมือนนึกขึ้นได้ ก่อนจะก้มตัวลงมาหอมแก้มคริสด้วยความเคยชิน ถึงตอนนี้คริสอดใจนั่งเฉยอยู่ต่อไปไม่ได้ เขาหอมแก้มหนุ่มน้อยกลับคืนและกระซิบเบาๆ

“บอกคุณแฟรงค์ อย่าขับรถเร็วล่ะ”

หญิงสาวรู้สึกสะท้อนใจเมื่อเห็นกิริยาที่ลูกชายปฏิบัติต่อเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์ ไมค์คงเห็นชายผู้นี้เหมือนพ่อ ก็เลยหลงรักและปฏิบัติต่อกันเช่นนี้

เป็นครั้งแรกที่คริสสบตากับหญิงสาวอย่างจริงจัง และคำถามเกริ่นนำของเขาทำให้เธอไม่กล้าหลบสายตาเขาอีก

“ผมว่าเรามาทำความรู้จักกันหน่อยดีมั้ยครับ  ก่อนที่ผมจะมีคำถามบางคำถามเกี่ยวกับรูปใบนี้และแด๊ดดี้ของไมเคิล”



+ + fatherhood + +



คริสยืนกอดอกมองดูหนุ่มน้อยของเขานั่งขัดสมาธิบนเตียง สายตาจับจ้องอยู่ที่จอทีวีอย่างเอาจริงเอาจัง เขานึกขำกับอุปนิสัยการดูภาพยนตร์ฝรั่งของสมาชิกหนุ่มน้อยในบ้าน ภาพยนตร์ทุกเรื่องต้องเป็นซาวด์แทรคจึงจะได้อารมณ์สมจริง แต่กว่าจะรู้เรื่องต้องนั่งอ่านบรรยายใต้ภาพกันอย่างเอาจริงเอาจัง

ร่างเล็กสะดุ้ง จู่ๆ ทีวีก็ถูกปิดทั้งที่หนังกำลังมัน หันขวับไปข้างหลังก็พบคุณคริสยืนยิ้มให้อยู่ที่หัวเตียง

“ได้เวลานอนแล้ว ไมเคิล”

“เพิ่ง 3 ทุ่มเอง หนังยังไม่จบด้วย ขอผมดูจบก่อนนะครับ”

“ไม่ได้หรอก มานอนซะ เร็วๆ เข้า” คริสทรุดตัวลงบนเตียง

“แต่ผมยังไม่ง่วงนี่ครับ ผมอยากดูหนังให้จบก่อน เดี๋ยวผมเข้านอนเอง”

“หนังดูเมื่อไรก็ได้ ถึงเวลานอนก็ควรจะนอน”

คริสเอามือตบที่นอนข้างตัวเป็นความหมายให้หนุ่มน้อยขยับมานอนซะ

“ทีคุณบอยกับทิมไม่เห็นถูกบังคับเวลานอนเลย ทำไมต้องห้ามผมนอนเกิน 3 ทุ่มด้วย”

คริสส่ายหน้าเมื่อไมเคิลเริ่มต่อรองและเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

“บอยกับทิมไม่ได้เรียกฉันว่าแด๊ดดี้ เขาไม่อยู่ในฐานะที่ฉันต้องไปกำหนดเวลานอน ถ้าเธออยากจะเหมือนเขาก็ได้..”

คริสคว้ารีโมทเปิดทีวี   ร่างเล็กรีบคลานมานอนข้างๆ  กล่าวเอาใจเสียงหวาน

“ก็ได้ฮะ  นอนก็ได้ ชักง่วงแล้ว”   ไมค์ซุกตัวลงในผ้าห่มและขยับตัวลงนอนแต่โดยดี     “ปิดซีฮะ ผมไม่ดูแล้ว”

คริสซ่อนยิ้ม  กดรีโมทปิดทีวีและย้ำถามความต้องการของหนุ่มน้อยอีกครั้ง

“อยากจะเหมือนทิมมี่กับบอยหรือ ไมเคิล”

ไมค์รีบสั่นศีรษะทันที 

“ผมไม่ได้บอกว่าอยากเหมือนซะหน่อย แค่ถามเฉยๆ”

คริสเสยผมหนุ่มน้อยไปมา  การกระทำนี้ช่วยเร่งให้เกิดอาการอยากนอนหรือง่วงนอนเร็วขึ้นโดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ   เด็กโตอย่างไมเคิลคงจะไม่ได้ผลแต่เขาก็อยากจะทำ

“มีใครเคยบอกมั้ยไมเคิล ว่าเธอเหมือนใคร พ่อหรือแม่”

เด็กชายขมวดคิ้ว  นิ่งคิดชั่วครู่ก่อนตอบ

“ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าผมเป็นลูกของแม่ แม่เคยหลอกคนอื่นว่าเก็บผมมาเลี้ยงพวกเขายังเชื่อเลย”

ไมเคิลบอกเล่าหน้าตาเฉย  ไม่รู้สึกอะไร   แต่คนที่รู้สึกกลับเป็นคริส

“ถ้าไม่เหมือนแม่ก็แปลว่าเหมือนพ่อใช่มั้ย” คริสแกล้งลองใจ ไม่แน่ใจว่าไมเคิลรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองเหมือนบิลผู้เป็นพ่อ

“ผมเคยเอารูปพ่อให้ใครๆ ดู พวกเขาก็ว่าผมไม่เหมือนพ่ออีก”

ไมค์ขยับไปที่หัวเตียงหยิบรูปถ่ายของคริสมาถือไว้

“คุณช่วยดูหน่อยซิครับ ว่าผมเหมือนพ่อตรงไหนมั้ย”

คริสมองรูปถ่ายตัวเองและหัวเราะ

“นี่มันรูปฉันนะไมเคิล ไม่ใช่บิล สมิทธ์”

“ก็เหมือนกันล่ะครับ ถ้าพ่อยังอยู่พ่อต้องมีหน้าตาแบบนี้  ถึงจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังหล่อสมาร์ทอยู่เลย”

สายตาหนุ่มน้อยจับจ้องที่รูปถ่ายของคริสและกล่าวชื่นชมพ่อด้วยความลืมตัวทำเอาคริสนิ่งอึ้งพูดไม่ออก   ไมค์รู้สึกตัวเมื่อเห็นคุณคริสนิ่งไป รีบวางรูปลงและกล่าวขอโทษ

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

คริสยิ้มให้    “ขอโทษเรื่องอะไรไมเคิล คิดถึงพ่อไม่ใช่เรื่องผิด”

ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งสีหน้าสำนึกผิด

“แต่ผมนึกถึงบิล ทั้งๆ ที่ผมมีคุณแล้ว”

คริสรั้งหนุ่มน้อยเข้ามากอด   “ไม่เป็นไรหรอก นึกถึงบิลบ้างก็ดี เขาจะได้ไม่น้อยใจที่ลูกชายตัวเองไปรักคนอื่นเหมือนพ่อ”

“คนอื่นที่ไหนกันฮะ  คุณมีพระคุณกับผม ช่วยชีวิตผมไว้ และถ้าคุณไม่เหมือนบิล ผมก็ไม่รักคุณอย่างที่รักบิลหรอก คุณอยากเหมือนพ่อผมทำไม”

คริสจับศีรษะหนุ่มน้อยซุกกับอก เคยแปลกใจมาตลอดว่าบิลเหมือนเขามากขนาดไหนวันนี้เขาได้เห็นรูปถ่ายบิลกับตาตัวเอง  รู้แล้วว่าทำไมไมเคิลจึงรักและรู้สึกกับเขาอย่างพ่อจนบางครั้งเกือบจะเห็นเขาเป็นบิลเลย

“อยากรู้มั้ยไมเคิล ว่าเธอมีส่วนไหนเหมือนบิล”

ไมค์พยักหน้า เมื่อคริสบอกให้นอนลงก่อนเจ้าหนูก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย

“พร้อมหรือยังไมเคิล   ถ้าฉันแตะส่วนไหนของร่างกายเธอ  ก็ตรงนั้นแหล่ะเหมือนบิลมากที่สุด”

“พร้อมครับ” ไมค์ยิ้มเพราะจะได้รู้ซะทีว่าตัวเองมีอะไรเหมือนพ่อบ้าง

ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อถูกคุณคริสจับต้องส่วนที่เหมือนพ่อ   สองมือรีบปิดป้องและถอยออกห่าง
 
“ขี้โกงนี่  คุณคริสขี้โกง”

ร่างสูงใหญ่ขยับตามไปกอดรัดหนุ่มน้อยไว้

“ผิดที่เหรอ..  ถ้าตรงนี้ไม่เหมือนก็ไม่มีอะไรเหมือนแล้ว จับต้องเฉยๆ ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ต้องขอดูกับตาด้วยว่าเหมือนจริงหรือเปล่า”

“ไม่ได้นะ!!..  คุณเป็นพ่อบุญธรรมของผมนะ..”

“พ่อบุญธรรม ก็เหมือนแด๊ดน่ะแหล่ะ มีสิทธิจับต้องทุกส่วนของลูกได้ ขอแด๊ดดูหน่อยซิไมเคิล ไม่ต้องอายหรอกน่า..”

คริสปล้ำกอดหนุ่มน้อยด้วยความรักสุดหัวใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อนในชีวิตนี้...



++ F A T H E R H O O D ++



:laugh:  “เหลือเชื่อเลยคริส นี่หมายความว่าหน้าตาของบิลที่ไมเคิลจำฝังใจมาถึงทุกวันนี้ ที่จริงแล้วคือคุณงั้นเหรอ..”

คริสไม่ตอบ.. อย่าว่าแต่แฟรงค์เลยที่ไม่อยากเชื่อ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าลินดาทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร

“เธอตกใจมากที่เห็นฉัน ไม่ใช่เพราะฉันเหมือนสามีของเธอ แต่เพราะฉันเหมือนชายในรูป เหมือนจนเกือบจะเป็นคนเดียวกัน”

คริสโยนรูปถ่ายเคลือบพลาสติคให้แฟรงค์ดู

“โอ! ให้ตายเถอะบิล นายเหมือนคุณคริสจริงๆ ว่ะ เหมือนราวกับฝาแฝดกันเลย มิน่าล่ะ! ลูกนายถึงหลงรักคริสหัวปักหัวปำ”

แฟรงค์กระเซ้าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เห็นแค่แว่บเดียวเขาก็รู้แล้วว่าชายในรูปถ่ายใบนี้คือคริส

“ไมเคิลเซ้าซี้เธอทุกวันว่าอยากเห็นหน้าพ่อ เธอเห็นรูปฉันในนิตยสารมีดวงตาสีเดียวกับบิล เลยบอกไมเคิลว่านี่คือรูปพ่อของเขา”

“เธอคบหานายบิลยังไง รูปถ่ายใบเดียวก็ไม่มี”

“หึ! จะมีได้ไงแฟรงค์ คบหากันแค่สองวัน เช้าวันที่สามพลทหารบิลก็หนีกลับขึ้นเรือรบหน้าหาดพัทยาแล้ว”

“อะไรนะ! นายบิลเป็นพลทหารอเมริกันยังงั้นเหรอ ให้ตายเถอะ! นี่เธอหลอกลูกชายให้หลงเชื่อว่าพ่อเป็นนักธุรกิจ แต่ที่แท้.. โอ! ไมเคิล..”

“เธอไม่อาจบอกความจริงเรื่องพ่อให้ไมเคิลฟังได้ เธอว่าไม่อยากให้ไมเคิลถูกล้อและเธอเองก็อาย ถ้าใครรู้ว่าผู้หญิงดีดีอย่างเธอทำตัวไม่ต่างจากผู้หญิงหากินหน้าชายหาด ฉันไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงฟรีเซ็กซ์อย่างเธอ ทำไมไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ ถ้าเธอรู้จักป้องกันก็คงไม่ต้องมาคิดหาวิธีหลอกลูกตัวเองแบบนี้”

แฟรงค์นิ่งอึ้งกับเรื่องที่ได้ยิน มิน่าล่ะ! คริสกับไมเคิลจึงมีจิตผูกพันกันได้ เจ้าหนูคงเรียกหาพ่อและนึกถึงใบหน้าของคริสมาตั้งแต่เด็กๆ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นบนเกาะทำให้จิตของหนุ่มน้อยส่งถึงคริส เรียกคริสไปช่วยจนได้ เหลือเชื่อจริงๆ…

“แล้วเรื่องไมเคิล เธอว่ายังไง จะพาลูกกลับไปอยู่ด้วยหรือเปล่า”

“ไม่รู้ซี.. ฉันไม่ได้ถาม ให้ไมเคิลตัดสินใจเอง เขาอยากอยู่ที่นี่หรืออยากกลับไปอยู่กับแม่ก็แล้วแต่ใจ…”

“แล้วแต่ใจใคร? ไมเคิลหรือแม่ ฟังนะคริส.. ถึงไมเคิลอยากอยู่กับคุณถ้าเธอไม่อนุญาตไมเคิลก็ทำตามที่ใจตัวเองต้องการไม่ได้ ผมว่าคุณควรเป็นคนพูดกับเธอเรื่องนี้ไม่ใช่ไมเคิล บอกเธอว่าคุณรักเด็ก  ต้องการรับเด็กเป็นลูกบุญธรรม  เธอคงยินดีและไม่ขัดข้องเพราะคุณเองก็ถูกเธอเลือกให้เป็นตัวแทนพ่อของไมค์อยู่แล้ว รีบพูดก่อนที่เธอจะเอ่ยปากขอลูกกลับไปดูแลเองเพราะความเกรงใจ”

คริสนิ่งอึ้ง ....ถ้าลินดาต้องการลูกกลับไปอยู่ด้วยจริงๆ เขาจะทำอะไรได้ แค่ลองคิดก็ใจหายแล้ว....




:serius2:


TBC>>>>


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 05-09-2008 11:51:52
 :serius2: อย่ายอมน้าาแด๊ดคริส  แม่ไม่ไหวเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-09-2008 12:43:06

โฉมหน้า  คริส บริเจคส์   ในอิมเมจของเจ๊หมวย 



(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/alec4.jpg)


:oni2: เจ๊หมวยขอใช้สิทธิ์ในฐานะผู้เขียน  ใครเห็นด้วยช่วยกรี๊ดดดดด~~~~
 
:o  ใครไม่เห็นด้วยอย่าขัดคอนะ   

:o8:  เจ๊ชอบ Alec Baldwin  มาก  สมัยยังหนุ่ม โค ตะ ระ หล่ออออออ มากกกกกกกก  แต่ตอนนี้บวมอืดซะแล้ว เฮ้อ  :เฮ้อ:  แต่ถึงจะฉุก็ยังชอบอยู่   จึงขอใช้สิทธ์ในฐานะผู้เขียนเลือกตัวแสดงที่ตัวเองชอบ ฮ่ะ ฮ่า~~  : :laugh:



(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/alec10.jpg)



(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/alec18.jpg)



:oni2:   :oni2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 05-09-2008 13:00:05
กริ๊ดดดดค่าา :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 05-09-2008 15:04:48
กรี๊ดด้วยคน

ทำไมลินดาเป็นแบบนี้เนี่ย

รู้สึกแปลกๆกับลินดาเหมือนเธอไม่จริงใจ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 05-09-2008 15:18:44
 :m31:ลินดา :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-09-2008 22:51:14
แล้วความรู้สึกของคริสที่รักไมเคิลเหมือนลูก จะเปลี่ยนไปไหม??

รออ่านต่อค่า  :man1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: numa6 ที่ 07-09-2008 09:39:50
เเว๊กกกก ไมเคิลน่าสงสารอ่ะ

ยกนิ้วให้คนเขียนเรื่องนี้เลยคับ มาต่อเร็วๆน้า

ว่าเเต่ อยากรู้จังเรื่องนี้มีพระเอกมั้ย.... เหอๆ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: winds ที่ 07-09-2008 10:40:23
^

^

จิ้ม....จึก  :laugh:

ปล. จิ้มเรื่องโน้นไม่ทัน เลยข้ามมาเรื่องนี้แทน อิอิ (แต่เรื่องไรหว่าขอไปอ่านมั่งนะคับ :o8:)

ปล.2 คนเราขนาดป่วยยังมีกะจิดกะจายยยมาอ่านนิยายเนอะ  o12 ทะมายไม่พักผ่อนค๊าบบบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: numa6 ที่ 07-09-2008 12:56:15
^
^
^

ห๊า :o

โหย ยังตามมาจิ้มได้เนอะ ของเเรงเค้าเเรงจริงๆคับ

เเต่เรื่องนี้รับรองหนุกหนานคับ อ่านเตอะๆ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 07-09-2008 23:48:38
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 08-09-2008 10:04:30
[13]  ต่อ...


คริสรับโทรศัพท์มือถือระหว่างการประชุมด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก ลูกค้าขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบอาคารตามที่ใจต้องการโดยไม่ฟังเหตุผลที่เขาอธิบาย คริสเกือบจะตัดสายทิ้งแต่เมื่อเห็นเบอร์โชว์หน้าจอ จำต้องกดรับและลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกจากโต๊ะประชุม

“ฮัลโหล.. คุณคริสเหรอครับ ผมมีข่าวดีจะบอก”

เสียงใสจากปลายสายทำให้คริสรู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็รู้สึกว่าไม่ใช่เวลาที่จะพูดคุยเรื่องส่วนตัวตอนนี้

“ข่าวดีอะไรหรือ ไมเคิล..  เย็นนี้ค่อยบอกได้มั้ย”

“ผมอยากบอกตอนนี้เลยครับ คุณงานยุ่งอยู่เหรอ.. เดี๋ยวผมค่อยโทรมาใหม่ก็ได้”

“ไม่เป็นไรหรอกไมเคิล มีอะไรก็ว่ามา”

“เมื่อกี้แม่โทรมาครับ แม่บอกว่าจะแต่งงาน แฟนใหม่ของแม่ทำงานอยู่ที่ฮ่องกง แต่งแล้วแม่จะต้องบินไปอยู่กับเขาด้วย แม่โทรมาชวนผมไปอยู่ด้วยครับ”

...โอ! พระเจ้า ทำไมต้องเป็นเวลานี้ด้วย ทำไมไมเคิลต้องรีบร้อนถึงขนาดรอบอกเขาตอนเย็นไม่ได้ เขาตั้งใจไว้แล้วว่าหลังเลิกประชุมจะโทรคุยกับลินดาเรื่องของไมเคิล คิดไม่ถึงว่าสองแม่ลูกโทรคุยกันก่อนแล้วด้วยเรื่องนี้...

คริสรีบตัดบทการสนทนาเพราะไม่อาจทนฟังคำขอจากปากหนุ่มน้อย

“ฟังนะไมเคิล.. ฉันไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น ไปอยู่กับแม่ก็ดี ฉันเป็นคนอื่นคงให้ความรักกับเธอได้ไม่เท่าแม่กับพ่อใหม่ของเธอหรอก ฉันอนุญาตให้เธอเก็บข้าวของทั้งหมดที่เป็นของเธอ อยากได้อะไรก็เอาไปนะไมเคิล ถ้าจะต้องรีบไปตอนนี้ก็ให้คุณแฟรงค์ไปส่งหรือจะให้แม่มารับก็ตามใจ แค่นี้นะไมค์ ฉันมีประชุมอยู่”

คริสตัดสายและปิดโทรศัพท์ทันที เขาต้องอดกลั้นอารมณ์และความรู้สึกขณะพูดให้เป็นปกติมากที่สุด

ไมเคิลถือหูโทรศัพท์ยืนนิ่งด้วยความงง คุณคริสเล่นพูดข้างเดียวโดยที่หนุ่มน้อยไม่มีโอกาสโต้แย้ง พอกำลังจะอ้าปากอธิบายคุณคริสก็วางสายลง

ไมเคิลพยายามต่อสายเข้าไปใหม่เพื่ออธิบายเรื่องเมื่อครู่ แต่สายมือถือของคุณคริสไม่สามารถติดต่อได้แล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาจึงโทรหาอีกครั้ง พอคุณคริสรับสายไมค์ก็รีบตัดพ้อทันที

“คุณคริสครับ เมื่อกี้ผมยังพูดไม่จบเลย ผมยังไม่ได้บอกคุณเลยว่าผมขออนุญาต…”

“พอเถอะ ไมเคิล”

คริสขัดขึ้นดัวยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ครั้งนี้เขาอยู่คนเดียวในห้องทำงานส่วนตัวจึงไม่มีความจำเป็นต้องเก็บอารมณ์อีก เขารู้สึกเสียใจอย่างมากที่หนุ่มน้อยรีบร้อนอยากจะบอกเรื่องนี้ คงอยากจะกลับไปอยู่กับแม่ใจจะขาดแล้วกระมัง

“ฉันบอกแล้วไง จะไปก็ไป  ฉันไม่มีสิทธิอนุญาตให้เธออยู่หรือไป ขึ้นอยู่กับใจของเธอไมเคิล ฉันรู้ว่าเธอคิดถึงพ่อมาก บางทีอยู่ใกล้ๆแม่ ความรู้สึกคิดถึงพ่ออาจจะดีขึ้น ถ้าเธอแน่ใจว่าแม่จะไม่ทอดทิ้งเธอเหมือนที่ผ่านมา ฉันยินดีด้วยที่เธอจะกลับไปอยู่กับแม่ บางทีการแต่งงานครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของแม่เธอแล้ว ฉันภาวนาขอให้แม่เธอเจอคนที่ดี และหวังว่าเขาคนนั้นจะรักเธอเหมือนที่ฉันรัก   ถ้าเธอต้องการคำยืนยันจากฉันเพื่อความสบายใจของเธอ ก็ได้.. กลับไปอยู่กับแม่ซะ ไมค์ มันเป็นความต้องการจากใจจริงของฉันไอ้หนู.. ถ้าเธอไม่รีบร้อนจนเกินไป คืนนี้ฉันจะพาไปส่ง ไปเก็บของเตรียมไว้ก่อนไมเคิล เย็นนี้ค่อยเจอกัน”

คริสวางสายลงด้วยความรู้สึกปวดร้าวใจ ทุกคำพูดตรงข้ามกับความรู้สึกในใจ เขาหลอกคนอื่นได้แต่หลอกตัวเองไม่ได้…



:m15:



อีกครั้งที่ไมเคิลยืนนิ่ง ไม่ใช่เพราะงงแต่เพราะรู้สึกเสียใจ คิดไม่ถึงว่าคุณคริสต้องการให้ตัวเองกลับไปอยู่กับแม่จริงๆ ครั้งแรกนึกว่าคุณคริสเข้าใจผิด แต่ตอนนี้ไมค์รู้แล้วว่าคุณคริสพูดจากใจจริงไม่ได้พูดเพราะเข้าใจผิด

:o12:  ร่างเล็กวิ่งกลับเข้ามาในห้องด้วยหัวใจบอบช้ำ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง คุณคริสให้เก็บข้าวของเตรียมไว้ก่อน จะเก็บอะไรดีเหรอ เสื้อผ้าและข้าวของที่อยู่ในห้องนี้ทั้งหมดคุณคริสซื้อให้ทั้งนั้น ไมค์มีสิทธิที่จะใช้และเป็นเจ้าของในขณะที่พักอยู่ที่นี่เท่านั้น แต่ถ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ไม่ควรนำติดตัวไป

ไมค์ดึงเสื้อยืดและกางเกงตัวเก่าที่ทิมยกให้และไมค์ชอบใส่บ่อยๆ ตอนอยู่เรือนคนรับใช้ออกมา 2 ชุด ไม่รู้ว่าทำไมมือต้องสั่นด้วย ความรู้สึกไม่เหมือนตอนที่แม่บอกอนุญาตให้ไมค์อยู่กับคุณคริสได้เลย ตอนนั้นไมค์รู้สึกดีใจมากจนมือไม้สั่นตอนกดโทรศัพท์หาคุณคริสเพื่อบอกข่าวดี หัวใจของไมค์ขณะนั้นพองโตด้วยความยินดีและมีความสุข ไม่รู้สึกแย่เหมือนตอนนี้



 :m15:



“ไมเคิลล่ะ ลู..”

แฟรงค์ถามหาหนุ่มน้อย ในมือถือกล่องเกมบอยที่ไมเคิลอยากได้ เขาผ่านไปเห็นนึกขึ้นได้ว่าไมเคิลเคยบอกว่าอยากมีโอกาสเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ บ้าง ที่ผ่านมาเคยแต่ดูเขาเล่น

“อยู่บนห้องครับ เมื่อสักครู่มาขอกระเป๋าเดินทางใบเล็ก บอกว่าจะเก็บเสื้อผ้า 2-3 ชุด ไม่ทราบว่าจะไปไหนกันหรือครับ”

“งั้นเหรอ ไม่รู้ซี คุณคริสจะพาไปไหนมั้ง”

แฟรงค์ถือวิสาสะเข้าห้องหนุ่มน้อยโดยไม่เคาะประตูก่อนเพราะอยากให้แปลกใจกับของฝาก แต่ภาพที่เห็นคือเจ้าหนูนอนหลับอยู่บนเตียงกอดหมอนปิดหน้าไว้ มีกระเป๋าเดินทางใบย่อมวางอยู่ข้างตัว แฟรงค์เดินไปหยุดยืนข้างๆ วางกล่องเกมในมือลงบนที่นอน ความเข้าใจของเขาขณะนี้คือคริสคงจะพาไมเคิลไปไหนเป็นการส่วนตัว จึงไม่บอกให้ใครรู้แม้แต่เขา

แฟรงค์ถือวิสาสะอีกครั้งเปิดกระเป๋าเดินทางออกมาตรวจดูข้าวของข้างใน เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องดูแลเด็กๆ ในบ้านเกือบทุกเรื่อง แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่จะนำไปสวมใส่ระหว่างการเดินทางไปไหนแต่ละครั้ง ต้องเลือกให้เหมาะกับสถานที่และโอกาส สำหรับไมเคิล... แม้คริสจะดูแลจัดการด้วยตัวเอง แต่บางเรื่องแฟรงค์ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยจัดการให้เพราะเป็นนิสัยส่วนตัวเขาแล้ว

เห็นของในกระเป๋าแฟรงค์ก็รู้ว่าไมเคิลเตรียมตัวจะไปไหนจริงๆ แต่ไม่ได้ไปกับคริส เพราะนอกจากเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นตัวเก่า 2 ชุดแล้ว มีเพียงสมุดแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ 5 เล่มและรูปถ่ายของคริสที่เคยตั้งอยู่ข้างหัวเตียงเจ้าหนู ขณะนี้ลงไปแอบซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบนี้แล้ว

“ไมค์กี้..  ไมค์..”

แฟรงค์เขย่าร่างเล็กเบาๆ และดึงหมอนออก ไมเคิลสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นนอนงงอยู่กับที่ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหมือนรอคอยอะไรสักอย่าง

“กี่โมงแล้วครับ”

“ห้าโมงเย็นแล้ว  นอนตั้งแต่กี่โมง ทำไมชอบนอนเวลานี้ หือ.. เดี๋ยวตื่นขึ้นมาก็ปวดหัว ไม่สบายตัวอีก”

ไมเคิลขยับตัวขึ้นนั่ง ขอบตาบวมแดง สีหน้าเศร้าหมอง ทำให้แฟรงค์รู้ทันทีว่าหนุ่มน้อยกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ และงานนี้น่าจะมีคริสเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

“เก็บกระเป๋าจะไปไหน ไมเคิล” แฟรงค์ถามตรงๆ เพราะกระเป๋าวางอยู่บนที่นอน

“คุณคริสให้ผมเก็บของครับ”

“เก็บไปไหน คุณคริสจะพาไปไหนเหรอ”

“คุณคริสอยากให้ผมกลับไปอยู่กับแม่ครับ บอกว่าคืนนี้จะพาไปส่ง ให้ผมเก็บของเตรียมไว้ก่อนครับ”

แฟรงค์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ไมเคิลคงไม่ได้พูดโกหก น่าจะเป็นความเข้าใจผิดกันมากกว่า

“คุณคริสบอกหรือ  ว่าอยากให้เธอกลับไปอยู่กับแม่”

หนุ่มน้อยพยักหน้าหงึกๆ

“แสดงว่าแม่บอกให้เธอกลับไปอยู่ด้วยใช่มั้ย คุณคริสถึงพูดอย่างนั้น”

ไมค์พยักหน้าอีก แฟรงค์ใจหายเข้าใจแล้วว่าคริสจำเป็นต้องพูดเช่นนั้น

“แม่บอกให้ผมไปอยู่ด้วย แต่ผมบอกแม่ว่าขออยู่กับคุณคริส คุณคริสจะรับผมเป็นลูกบุญธรรม”

“แล้วไง แม่ยอมมั้ย” แฟรงค์ถามด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเป็นคริสเสียเอง

“แม่ไม่ได้ว่าอะไร แม่บอกตามใจผม ถ้าคุณคริสจะรับผมเป็นลูกแม่ก็ดีใจด้วย แม่บอกว่าผมจะได้มีพ่อซะที” น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาของหนุ่มน้อยเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณคริสที่ว่า   :m15:

….ฉันเป็นคนอื่น คงให้ความรักกับเธอได้ไม่เท่าแม่และพ่อใหม่ของเธอหรอก…  

แฟรงค์ลอบยิ้มในใจ  เรื่องกำลังลงเอยด้วยดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น แฟรงค์รั้งร่างเล็กเข้ามาสวมกอด  ความรู้สึกที่เขามีให้ไมเคิลวันนี้ต่างจากเมื่อก่อน คริสรักไมเคิลอย่างลูกชาย  เขาเองก็รู้สึกกับเจ้าหนูเหมือนลูกเหมือนหลาน

“คุณคริสไม่รู้ใช่มั้ย ว่าแม่อนุญาตให้เธออยู่กับเขาแล้ว”

หนุ่มน้อยพยักหน้าความหมายว่าคริสยังไม่รู้

“ทำไมไม่บอกล่ะไมเคิล หือ.. ถ้าคุณคริสรู้ไม่มีทางพูดแบบนั้นหรอก”

“คุณคริสไม่ยอมฟังผมพูด แต่ถึงบอกไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ผมรู้แล้วว่าคุณคริสคิดยังไง คุณคริสอยากให้ผมกลับไปอยู่กับแม่ คุณคริสบอกว่าเป็นความต้องการจากใจจริงของเขา เขาบอกว่าให้ความรักกับผมได้ไม่เท่ากับพ่อใหม่ของผมหรอก คุณคริสอยากให้ผมกลับไปอยู่กับแม่ผมก็จะไป ”

:m15:  น้ำตาหนุ่มน้อยร่วงผล็อยลงเมื่อพูดจบ แฟรงค์ส่ายหน้ากับพ่อลูกบุญธรรมคู่นี้ ปากไม่ตรงกับใจทั้งคู่



 :เฮ้อ:   



“ไมเคิล คุณคริสให้ไปรอที่หน้าตึกเลย กำลังจะมาถึงในอีก 5 นาทีนี้แล้ว”

ไมเคิลลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคุณคริสจะรีบร้อนขนาดนี้ นึกว่าจะทานอาหารเย็นก่อน ดึกๆ ค่อยไปส่ง
ไมค์เดินไปหยิบกระเป๋าที่เตียงและตรงมาหาแฟรงค์ที่หน้าประตู

“ผมยังไม่ได้บอกใครเลยว่าจะไปแล้ว คุณแฟรงค์บอกลาแทนผมด้วยนะครับ”

แฟรงค์แสร้งตีสีหน้าเศร้า ไมเคิลวางกระเป๋าลงบนพื้นและสวมกอดคุณแฟรงค์ด้วยความอาลัย คุณแฟรงค์เป็นคนที่ไมค์มีความรู้สึกที่ดีด้วยรองจากคุณคริส

แฟรงค์ใจหายรู้สึกสงสารจนเกือบจะบอกความจริง

“ยังไม่สายนะไมเคิล.. ถ้าไม่อยากไปก็บอกคุณคริสว่าเธออยากอยู่กับเขามากกว่า”

หนุ่มน้อยเงยหน้าสบตาแฟรงค์และส่ายหน้า

“คุณคริสอยากให้ผมไปผมก็จะไป ลาก่อนนะครับคุณแฟรงค์”

“ลาก่อนไมเคิล เอาเกมไปด้วยหรือเปล่า ”

“เอาไปด้วยครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้มีโอกาสเล่นหรือเปล่า”

ไมเคิลไม่แน่ใจกับอนาคตตัวเอง กลับไปอยู่กับแม่ไมค์คงไม่มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบายได้นั่งเป็นคุณหนูเหมือนอยู่กับคุณคริสหรอก ลุงกฤษณ์สามีคนที่แล้วของแม่รับปากกับแม่ว่าจะรักและเลี้ยงดูไมค์เหมือนลูกชายคนหนึ่ง เอาเข้าจริงๆไมค์ก็มีความเป็นอยู่ไม่ต่างจากคนรับใช้ในบ้าน

น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาหนุ่มน้อย ทำให้แฟรงค์ต้องสวมกอดและรีบพาไปส่งที่หน้าตึก ขืนช้ากว่านี้มีหวังใจอ่อนบอกความจริงซะก่อน

โอ แจ๊ค บอย และทิมมี่ยืนมองตาปริบๆ  :m13:  ไม่มีใครเอ่ยทักหรือถามอะไร เพราะคุณแฟรงค์สั่งไว้ว่าให้ยืนมองทำตาละห้อยเฉยๆ …



:m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 08-09-2008 10:26:35

[14]



(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/alec4.jpg)

คริส บริเจคส์




ไมเคิลนั่งเงียบอยู่ในรถนานกว่า 15 นาทีแล้ว คุณคริสคุยโทรศัพท์ 2-3 สายติดต่อกันโดยไม่สนใจถามสักคำว่าจะให้ไปส่งที่ไหน ไมค์ส่งกระดาษที่อยู่ของแม่ให้ คุณคริสก็รับไว้เฉยๆ ไม่ยอมสั่งอะไร น้าจอนก็ขับไปเรื่อยๆ เหมือนรู้สถานที่ที่กำลังจะไปงั้นแหล่ะ ..

คริสจบการสนทนาทางโทรศัพท์ก็หันมายิ้มให้เด็กชาย

“หิวหรือยังไมเคิล”

ไมเคิลส่ายหน้าทั้งที่รู้สึกหิวเล็กน้อย ....ก็มันได้เวลาอาหารเย็นแล้วนี่นา แต่ไมค์ก็ไม่มีอารมณ์อยากจะทาน และเกรงใจไม่อยากให้คุณคริสเสียเวลากับไมค์นานๆ....

“แต่ฉันหิวแล้ว เดี๋ยวเราหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานกันนะ วันนี้เราแอบฉลองกันสองคนเธออยากทานอะไรพิเศษหรือเปล่า ไมเคิล หือ…”

คริสกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน มือใหญ่เสยผมหนุ่มน้อยไปมา สีหน้าและดวงตาละห้อยของเจ้าหนูทำให้เขารู้ว่าไมเคิลไม่ได้มีใจอยากกลับไปอยู่กับแม่เลยสักนิด แฟรงค์โทรศัพท์ต่อว่าเขามากมายหาว่าไม่รู้จักฟังความให้เข้าใจก่อน ทำให้ไมเคิลเสียใจคิดว่าเขาต้องการให้กลับไปอยู่กับแม่มากกว่าให้อยู่กับเขาที่นี่

หัวใจหนุ่มน้อยแทบสลายเมื่อได้ยินคำพูดของคริส  :m15:

...คุณคริสจะฉลองเรื่องอะไร เรื่องที่ไมค์กำลังจะกลับไปอยู่กับแม่งั้นเหรอ.. คุณคริสคงยินดีมากที่เราจากไป….

ไมเคิลก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขี้แงอีกแล้ว

“ผมไม่อยากทานครับ ผมไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องทาน เลยเวลาแล้วด้วย ไม่หิวได้ยังไง หือ..”

คริสรั้งร่างเล็กเข้ามาสวมกอด เด็กชายเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขาซ่อนยิ้มรู้ว่าเจ้าหนูกำลังเสียใจเพราะคิดว่าเขากำลังจะพาไปหาแม่

คริสก้มลงหยิบกระเป๋าเดินทางใบย่อมบนที่วางเท้าขึ้นมาไว้ที่เบาะ และทำท่าจะรูดซิบเปิด ไมเคิลหันมาเห็นรีบคว้ากระเป๋าไปกอดไว้

“ทำไมล่ะไมเคิล ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอเอาอะไรไปบ้าง ทำไมกระเป๋าใบเล็กนิดเดียว ถ้ายังขาดเหลืออะไรจะได้ส่งตามไปให้ทีหลังไง”

“ไม่มีอะไรขาดครับ ผมเอาทุกอย่างที่ต้องการไปแล้ว ผมไม่อยากได้อะไรอีก”

“ยังไงฉันก็อยากรู้ว่าเธอเอาอะไรไปบ้าง เผื่อของมีค่าในบ้านสูญหายไปหลังจากนี้ จะได้ไม่มีใครสงสัยเธอ แต่ถ้าไม่อยากให้ดูก็ไม่เป็นไร ”

ไมเคิลใจหายวาบรีบคลายกระเป๋าออกจากอ้อมกอดและวางลงบนที่นั่ง รูดซิบกระเป๋าออกให้คุณคริสตรวจดูเพื่อความสบายใจ ของมีค่าในกระเป๋าใบนี้มีชิ้นเดียวคือ รูปถ่ายของคุณคริสที่ไมค์แอบถอดออกจากกรอบรูป และซ่อนไว้ในสมุดแบบฝึกหัดเล่มล่างสุด ถ้าคุณคริสไม่เปิดสมุดก็จะไม่เจอมันหรอก แต่ถ้าเจอก็จะเถียงว่าคุณคริสอนุญาตแล้วให้ไมค์หยิบของที่ต้องการไปได้

คริสใจหายเมื่อเห็นของในกระเป๋า  เกมบอยที่ไมเคิลไม่เคยบอกว่าอยากได้แต่ชอบไปยืมของทิมมาเล่น  เขาบอกให้แฟรงค์หาซื้อมาให้พกติดตัวไว้แก้เหงา เสื้อผ้าเก่าอีก 2 ชุดที่เขาสั่งห้ามไม่ให้ใส่อีก เพราะใส่ทีไรก็จะถูกหนุ่มแสบทั้งหลายล้อว่าเป็นถึงลูกชายเจ้าของคฤหาสน์ แต่แต่งตัวซอมซ่อเหมือนลูกคนทำสวน

สมุดแบบฝึกหัด 5 เล่มทำให้คริสหวนนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่พาหนุ่มน้อยออกมาจากเกาะร้างจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 7 เดือนแล้ว….

ไมเคิลใจเต้นตุ้บตับ   ....ทำไมคุณคริสต้องเปิดสมุดดูด้วย ทำเหมือนกับจะหาอะไรงั้นแหล่ะ .... รูปของคุณคริสซ่อนอยู่ในสมุดแบบฝึกหัดเล่มสุดท้าย หวังว่าคุณคริสคงไม่เปิดทุกเล่มนะ

คริสพลิกสมุดแบบฝึกหัดแต่ละหน้าก็จำภาพเหตุการณ์ ณ วันนั้นได้ เขาหันมองหนุ่มน้อยซึ่งกำลังชะเง้อดูแบบฝึกหัดที่เขาเปิดอยู่เช่นกัน ไมเคิลสบตากับเขาก็รีบเบือนหน้าหนีมองออกไปนอกรถ เขาซ่อนยิ้มขณะหยิบสมุดเล่มสุดท้ายขึ้นมาเปิดดู เขาตั้งใจจะหารูปของตัวเองเพราะแฟรงค์รายงานไว้แล้วว่า ไมเคิลเอารูปเขาติดตัวไปด้วย

“เอารูปออกจากกรอบทำไมล่ะ ไมเคิล หือ..”

ไมเคิลสะดุ้งเฮือก ใจหายวาบอีกครั้งเมื่อหันกลับมาเห็นรูปที่แอบซ่อนไว้อยู่ในมือเจ้าของจนได้ ....ไมค์ตั้งใจจะบอกเหตุผลที่เตรียมไว้ แต่พอสบสายตาคุณคริสที่จ้องมองอยู่อย่างต้องการคำตอบ ทำให้แว่บถึงเหตุการณ์ในคืนวันที่แอบเอารูปคุณคริสไป โดยที่คุณคริสไม่ได้เป็นคนอนุญาต คุณคริสว่าถึงคุณแฟรงค์จะเป็นเจ้าของรูปแต่ก็ไม่ใช่รูปคุณแฟรงค์....

....ครั้งนี้ก็เหมือนกันถึงรูปคุณคริสจะอยู่ในห้องของไมค์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไมค์มีสิทธิจะเอารูปติดตัวมาด้วย คุณคริสอนุญาตให้เก็บของที่อยากได้ก็จริงแต่คุณคริสคงไม่ได้หมายถึงรูปใบนี้....

ไมเคิลก้มหน้าลงไม่กล้าให้เหตุผลคริสอย่างที่ตั้งใจไว้ เขาไม่อยากจากคุณคริสไปในขณะที่คุณคริสอารมณ์เสียและโกรธแบบคืนนั้น ไม่อยากให้คุณคริสเกลียดเขาด้วย ไมเคิลนึกโมโหตัวเองที่ชอบหยิบรูปคุณคริสโดยไม่ขออนุญาตก่อน

“ผมขอโทษครับ ผมทำผิดอีกแล้ว”

หนุ่มน้อยกล่าวพร้อมกับถดตัวลงจากเบาะไปนั่งซุกอยู่ที่วางเท้า เป็นนิสัยของไมเคิลเวลารับผิดและขอโทษจะต้องคุกเข่าลงกับพื้นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าหนูใช้ที่วางเท้าเป็นพื้นห้องเอาดื้อๆ

คริสถามเพียงเพราะอยากรู้ว่าทำไมไมเคิลไม่เอาไปทั้งกรอบรูป เขาไม่ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันหรือด้วยอารมณ์จึงไม่คิดว่าหนุ่มน้อยจะตกใจกลัว หากแต่สีหน้าและกิริยาตื่นตกใจของไมเคิลตอนนี้ ทำให้คริสรู้สึกว่าเขาล้อเล่นกับเจ้าหนูมากเกินไปแล้ว

“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจขโมย ผมอยากเอาติดตัวไปด้วยครับ ”

ไมเคิลน้ำตาร่วงผล็อยขณะกล่าวขอโทษ   คริสรู้สึกโกรธตัวเองที่ทำให้เจ้าหนูของเขาตกใจกลัวและเสียใจอย่างหนัก  รีบก้มลงเช็ดน้ำตาให้และกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่เอานะไมเคิล ร้องไห้ทำไม ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ลุกขึ้นเร็ว”

หนุ่มน้อยส่ายหน้าไม่ยอมลุกขึ้นมานั่งบนเบาะ  จอนนี่มองกระจกส่องหลังดูเจ้านายและลูกชายบุญธรรมกระเง้ากระงอดต่อกันแล้วอดยิ้มไม่ได้ ชำเลืองมองอีกทีไม่เห็นใครในกระจก ได้ยินแต่เสียง

“ฉันไม่ได้ว่าซะหน่อย.. แค่ถามว่าทำไมไม่เอาไปทั้งกรอบรูปเท่านั้น ไม่ได้โกรธไม่ได้ว่าสักคำ"

“ผมอยากเอารูปคุณไปด้วยครับ ผมไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสพบคุณอีกหรือเปล่า ผมอยากมีรูปคุณติดตัวไว้ ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ “

น้ำตาหนุ่มน้อยยังไหลพรากอาบแก้ม อาการสะอื้นไห้ก็ยังไม่คลายลง คริสจับศีรษะเจ้าหนูซบไหล่และกล่าวปลอบ ไม่คิดว่าไมเคิลจะทุกข์ใจกับการต้องจากเขาไปขนาดนี้ คิดว่าเขาคงเป็นฝ่ายเสียใจและทุกข์ใจมากกว่า

“บอกฉันซิว่าเธอไม่อยากกลับไปอยู่กับแม่ อยากอยู่กับฉันมากกว่าใช่มั้ย หือ…”

คริสกระซิบถาม เมื่อไมเคิลพยักหน้าตอบหัวใจเขาก็เปี่ยมด้วยความสุขอย่างล้นเหลือ เมื่อได้รับรู้ความรู้สึกที่เจ้าหนูมีให้กับเขา

“ฉันก็เหมือนกันไมเคิล อยากให้เธออยู่ด้วย ไม่อยากให้กลับไปอยู่กับแม่เลย..”

“แต่คุณบอกให้ผมไป....”

คริสเอามือปิดปากหนุ่มน้อยไว้ จูบที่หน้าผากและแก้มที่เปียกชื้น อาการสะอื้นค่อยๆ สงบลงแล้ว

“ลืมมันซะไมเคิล”

คริสปล่อยมือและขยับตัวขึ้นนั่ง

“ลุกขึ้นมานั่งคุยข้างบนไมค์.. มันเมื่อยรู้มั้ย” คริสฉุดร่างเล็กขึ้นมานั่งที่เบาะ เจ้าหนูยอมขยับขึ้นมานั่งแต่โดยดี
คริสรั้งหนุ่มน้อยเข้ามากอด

“อยากกินกุ้งมังกรมั้ย ไมเคิล..”

ไมเคิลส่ายหน้าไม่อยาก  เวลานี้ต่อให้เป็นอาหารฮ่องเต้ก็ไม่สน ปัญหาของไมค์ยังไม่จบลงด้วยดีเลย

“คุณจะพาผมไปส่งที่บ้านแม่คืนนี้เลยหรือครับ” ไมค์ย้ำถามคุณคริสเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับรู้ความรู้สึกในใจของกันและกันแล้ว

คริสหัวเราะ ไมเคิลยังมีเรื่องข้องใจอยู่จึงยังไม่อยากทานอะไรนั่นเอง ทั้งที่เลยเวลาอาหารเย็นแล้ว

“ใครว่าฉันจะพาไปส่งบ้านแม่ล่ะ”

“แต่คุณบอกให้ผมเก็บกระเป๋า คุณจะไปส่ง”

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ก็เธอไม่อยากกลับไปอยู่กับแม่ไม่ใช่หรือไมเคิล หรือว่าอยาก หือ..”

“ผมไม่อยากกลับไปอยู่กับแม่ ผมอยากอยู่กับคุณ ผมบอกแม่ว่าคุณจะรับผมเป็นลูกบุญธรรม แม่อนุญาตให้ผมอยู่กับคุณได้ คุณจะไปขอผมกับแม่มั้ย”

คริสหัวเราะเมื่อไมเคิลรีบละล่ำละลั่กบอกกล่าวเรื่องที่ต้องการจะพูดเมื่อตอนบ่าย หากเขายอมฟังเจ้าหนูพูดจนจบ ก็คงไม่ต้องทุกข์ร้อนใจอยู่หลายชั่วโมงแบบนี้

.....ตั้งแต่ได้รู้ว่าเขาคือตัวแทนของพ่อที่หนุ่มน้อยเฝ้าฝันถึงมานานกว่า 7 ปี ความรู้สึกที่เขามีให้ไมเคิลก็ยิ่งผูกพันลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ....

“ไปขอพรุ่งนี้เลยดีมั้ย ก่อนที่แม่เธอจะเปลี่ยนใจ แล้วค่อยนัดแม่ไปจดทะเบียนตามกฎหมายอีกครั้ง หลังจากนั้นเราจะได้เป็นพ่อลูกกันจริงๆ เสียที”

ไมเคิลรีบพยักหน้ารับ และสวมกอดคริสด้วยความรักสุดหัวใจ

....ไมค์ไม่เคยคิดว่าคุณคริสเป็นแค่พ่อบุญธรรม คุณคริสเหมือนพ่อจริงๆ ที่ไมค์เพิ่งได้พบเจอเป็นครั้งแรก เพื่อป้องกันไม่ให้คุณคริสเปลี่ยนใจ ไมค์คิดว่าควรมีอะไรบางอย่างผูกมัดไว้ก่อน....

“ผมอยากให้เราเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ตอนนี้เลยครับ”

คริสเลิกคิ้วยังไม่ทันเอ่ยถามเจ้าหนูก็รีบให้ความกระจ่าง

“ผมอยากให้คุณเป็นแด๊ดของผม อยากให้คุณเรียกผมว่าลูกตอนนี้เลยครับ..”

…..ไมค์เคยเรียกคุณคริสว่าแด๊ดดี้.. หลายครั้งแล้ว แต่คุณคริสไม่เคยเรียกไมค์ว่าลูก..เลยสักครั้ง….

ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตจ้องมองคริสอย่างต้องการคำตอบ ขนตางอนยาวยังเปียกชื้น แต่สีหน้าและดวงตาหม่นหมองเมื่อครู่ฉายแววสุขใจเต็มเปี่ยม คริสจูบหน้าผากและแก้มใสของลูกชายขี้อ้อน...

“ตกลงลูกอยากกินกุ้งมังกรมั้ย ไมเคิล.. ถ้าไม่อยาก..แด๊ดจะได้เปลี่ยนร้านใหม่..”

คริสถามย้ำอีกครั้งเมื่อจอนนี่เลี้ยวรถเข้าภัตตาคาร

“อยากกินครับแด๊ด.. ผมอยากกินปูอบด้วย”

ไมค์รีบตอบรับและยิ้มอย่างดีใจ เมื่อใจเป็นสุขท้องก็เริ่มร้องทันที..



:m4:




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 08-09-2008 12:17:08
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-09-2008 14:02:54
ไมเคิลน่าสงสารเป็นที่สุด

กราซิกราซิก
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 08-09-2008 19:53:19
ชีวิตไมเคิลเริ่มจะดีขึ้นแล้ว จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 08-09-2008 22:32:33
อร๊ายยย  ได้เป็นพ่อลูกกันจิงๆแล้วน้า

ต้องขอบคุณแฟรงค์เลยนะเนี้ย
 :t2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 09-09-2008 09:08:53
คริสรับไมเคิลเป็นลูกบุญธรรมแล้ว

ไมเคิลจะได้มีความสุขซะที

หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายๆอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้


 :กอด1: เจ๊หมวย

เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 09-09-2008 10:22:39

[14]  ต่อ..


คริสได้มีโอกาสพบและพูดคุยกับลินดาอีกครั้ง เขาบอกเธอว่าต้องการรับไมเคิลเป็นลูก และขอรับอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายในฐานะพ่อบุญธรรม หญิงสาวรู้สึกยินดีและไม่ขัดข้อง เธอรู้ว่าไมเคิลถูกชะตากับคริสมาก เพราะคริสเหมือนพ่อที่หนุ่มน้อยเฝ้าฝันถึงมานานกว่า 7 ปี การพบปะกันระหว่างคริสกับไมเคิลเป็นเรื่องปาฏิหารย์ที่เหลือเชื่อ ชายที่เธอเลือกให้เป็นตัวแทนพ่อของลูก มีโอกาสได้มาพบและรู้จักกับลูกชายของเธอจริงๆ

“ยินดีค่ะ คุณบริเจคส์ ไมค์มีความสุขมากเวลาพูดถึงคุณ ดิฉันไม่เคยเห็นลูกมีความสุขแบบนี้มาก่อน เรื่องจดทะเบียนตามกฎหมาย ถ้าคุณตัดสินใจดีแล้วก็ไม่มีปัญหา พร้อมเมื่อไรก็ได้ค่ะ แต่อยากให้ผ่านงานแต่งงานของดิฉันกับโทนี่ไปก่อน วันอังคารที่จะถึงนี้ถ้าคุณบริเจคส์ว่างขอเชิญนะคะ”



 :m1:



“ต้องผูกด้วยหรือครับแด๊ด.. มันอึดอัด”

ไมเคิลเงยหน้าขึ้นทำท่าหายใจไม่ออกจนคริสอดขำไม่ได้

“แด๊ดไม่ได้ผูกแน่นซะหน่อย ดูซิ หลวมขนาดนี้จะหายใจไม่ออกได้ไง…”

คริสขยับหูกระต่ายไปมา วันนี้เขาต้องพาไมเคิลไปงานแต่งงานของลินดา และเขาก็จำต้องไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะขอลูกชายเธอมาเป็นลูกตัวเอง จะให้ทำอะไรก็ยอม…

“โอว! พระราชากับเจ้าชายน้อย ทำไมสง่างามกันอย่างนี้ หม่อมฉันหลงรักพระองค์แล้ว ขอเป็นทาสรับใช้จนวันตายพ่ะย่ะค่ะ”

แฟรงค์คุกเข่าตรงหน้าไมเคิลและคว้ามือหนุ่มน้อยขึ้นจูบเบาๆ ไมค์หัวเราะคิกในขณะที่คริสส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา

“ยังไม่แต่งตัวอีกหรือแฟรงค์ จะไปเดี๋ยวนี้แล้วนะ”

แฟรงค์ลุกขึ้นยืนสีหน้าเบื่อหน่าย เขาจำต้องไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน แต่ไม่ได้ไปเป็นแขกในงาน จอนนี่ลากลับบ้าน เขาจึงต้องรับหน้าที่แทนเหมือนทุกครั้ง

“ไม่ต้องห่วงครับบ๊อส.. ผมเปลี่ยนแค่เสื้อตัวเดียวก็พร้อมเดินทางแล้ว โชเฟอร์อย่างผมไม่กล้าแต่งหล่อเทียบรัศมีเจ้านายหรอกครับ”



:m23:



คริสทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงหลังจากวางสายลินดาซึ่งโทรมายกเลิกนัดกระทันหัน

“เสียใจนะคะคุณบริเจคส์ โทนี่กับดิฉันปรึกษากันแล้ว เราคิดว่าจะขอรับไมค์กลับมาเลี้ยงดูเอง ไม่มีความจำเป็นอะไรที่คุณต้องรับอุปการะไมเคิลในฐานะบุตรบุญธรรม แกยังมีดิฉันเป็นแม่และตอนนี้โทนี่ก็อยู่ในฐานะพ่อของแกคนหนึ่ง ดิฉันคิดว่าเขาสองคนจะเข้ากันได้ดี ขอบคุณสำหรับความรักและความเอ็นดูที่คุณมีให้ไมเคิล ไมเคิลคงไม่มีวันลืมคุณได้เพราะนอกจากคุณจะเป็นคนช่วยชีวิตแกไว้ คุณยังเป็นตัวแทนบิลพ่อของแก แต่ถึงอย่างไรดิฉันก็คงให้ลูกอยู่กับคุณไม่ได้ ดิฉันไม่อาจทนฟังคำนินทาว่าคุณรับเลี้ยงดูไมเคิลเป็นลูกชายหรือในฐานะอะไรกันแน่ โทนี่กับดิฉันคิดดีแล้ว ต้องขอโทษที่ผิดคำพูดที่ให้ไว้ หวังว่าคุณคงเข้าใจนะคะคุณบริเจคส์”

“ไปกันหรือยังครับแด๊ด.. น้าจอนเอารถมารอหน้าตึกแล้ว”   

คริสสูดหายใจลึก เขาต้องพยายามทำใจยอมรับความผิดหวัง ไม่ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหนเขาต้องยอมรับมันให้ได้

“กี่โมงแล้ว ไมเคิล” มือใหญ่ฉุดร่างเล็กนั่งลงข้างๆ

“สองโมงครึ่งแล้วครับ  แด๊ดนัดแม่ไว้สามโมงเช้าไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะครับเดี๋ยวไม่ทัน”

“ไมเคิล เดี๋ยวไปเที่ยวไร่กันดีกว่า ลูกอยากขี่ม้าไม่ใช่เหรอ”

คริสเปลี่ยนแผนชวนหนุ่มน้อยไปเที่ยวไร่เอาดื้อๆ เขาต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกไม่กี่ชั่วโมงให้คุ้มค่ามากที่สุด

…..อีกสองวันดิฉันจะไปรับไมเคิล เราจะเดินทางไปฮ่องกงเช้าวันเสาร์ค่ะ….

“ดีครับ เสร็จธุระกับแม่เราจะไปฉลองกันที่ไร่เลย ตอนนี้เรารีบไปกันก่อนเถอะครับแด๊ด รถมันติดนะ เดี๋ยวไปไม่ทัน”

“ไมเคิล”  คริสรั้งหนุ่มน้อยเข้ามากอด “แม่โทรมาบอกว่าไม่ต้องไปแล้ว”

“ทำไมล่ะครับ แม่เลื่อนนัดเป็นวันอื่นเหรอ”

คริสส่ายหน้าและบอกความจริงให้ไมเคิลรับรู้

o2  หนุ่มน้อยตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน การต้องจากคุณคริสไปอยู่กับแม่เป็นข่าวร้ายที่สุดในชีวิต!!!!!!!!!!!!

“ไม่!!.. ไม่นะครับ ผมจะอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากไปอยู่กับแม่ ผมจะคุยกับแม่เอง”

ไมเคิลวิ่งไปโทรศัพท์โทรหาแม่ทันที



:o12:



แฟรงค์หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อคริสเล่าเรื่องที่ลินดาโทรมายกเลิกนัด

“นายเคยบอกให้ฉันเตรียมใจเผื่อไว้ วันนี้มาถึงแล้วจริงๆ แฟรงค์..” คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงกล้ำกลืน

“ผมสังหรณ์ใจบางอย่างตอนเจอโทนี่ที่งาน หมอนั่นมองเราแปลกๆ ไอ้บ้าเอ๊ย!!.. มันมีสิทธิอะไรมาบงการชีวิตของไมเคิลให้กลับไปอยู่กับแม่”

“สิทธิในฐานะที่เขาเป็นสามีของแม่ และอยู่ในฐานะพ่อเลี้ยงของไมเคิลไง แฟรงค์..”

“ไม่มีเหตุผลที่ลินดาต้องเชื่อหมอนั่น เธอก็รู้ว่าไมเคิลรักคุณมาก โทนี่ไม่มีทางแทนที่คุณได้ ผมว่าเธอคงเพิ่งรู้เรื่องของเราเลยไม่ไว้ใจที่จะให้ไมเคิลอยู่ที่นี่”

“นายหมายถึงเธอไม่ไว้ใจฉันใช่มั้ย แฟรงค์..”

คริสแค่นหัวเราะ

“หึ! ฉันเคยถามตัวเองเสมอว่าความรักที่ฉันให้ไมเคิลต่างจากเด็กชายคนอื่นๆ หรือเปล่า และเมื่อฉันรู้คำตอบแล้วว่ามันแตกต่างก็ยังมีคำถามและเรื่องกังวลใจอีกว่า เมื่อเขาโตขึ้นความรักที่ฉันให้เขาในฐานะพ่อกับลูกจะแปรเปลี่ยนไปมั้ย ฉันไม่โกรธลินดาหรอกแฟรงค์ เธอมีสิทธิไม่ไว้ใจฉัน”

“แล้วไงเหรอคริส.. ลินดามีสิทธิไม่ไว้ใจคุณ แต่คุณไม่มีสิทธิไม่ไว้ใจตัวเอง ถึงเวลานี้คุณยังไม่เชื่ออีกหรือว่าความรักระหว่างพ่อกับลูกยิ่งใหญ่แค่ไหน มันไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้ ไมเคิลรักคุณเท่ากับที่รักบิลหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ คุณช่วยชีวิตเขา ถ้าไม่มีคุณไมเคิลก็ไม่มีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้ เขารักคุณอย่างพ่อแท้ๆ แล้วคุณล่ะคริส คุณไม่รู้ตัวหรือว่าตัวเองเปลี่ยนพฤติกรรมไปมากขนาดไหนและเพราะอะไร....

.....ตั้งแต่ไมเคิลเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้าน หลายเดือนมาแล้วที่คุณไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเด็กพวกนี้เลย ไม่แม้แต่จะเรียกหาให้ขึ้นไปปรนนิบัติเหมือนก่อน  คุณกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง  คุณกำลังพยายามเป็นพ่อที่ดีของลูก อย่างนี้แล้วยังไม่เชื่ออีกหรือว่าความรักในฐานะพ่อยิ่งใหญ่แค่ไหน  มันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ…”

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ  ร่างเล็กวิ่งถลามาหาคริสที่เตียง แฟรงค์ขยับหนีแทบไม่ทันเมื่อเจ้าหนูเล่นกระโดดขึ้นมาบนที่นอนสวมกอดคริสสะอื้น

“ผมไม่อยากกลับไปอยู่กับแม่ ผมอยากอยู่ที่นี่ อยากอยู่กับแด๊ด..”

คริสสวมกอดหนุ่มน้อยไว้ด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน

“ไม่อยากกลับก็ต้องกลับ” แฟรงค์เอ่ยแทรกเบาๆ

ไมเคิลหันขวับไปมองแฟรงค์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะเงยขึ้นถามคริส  ใบหน้าฉ่ำนองด้วยน้ำตา

“ผมไม่อยากไป ผมไม่ไปได้มั้ยครับแด๊ด..”

คริสตอบคำถามไมเคิลไม่ได้จึงโยนคำถามไปที่แฟรงค์

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไมเคิลไม่กลับไป แฟรงค์..”

“เขาสามารถพาตำรวจเข้ามาเพื่อรับตัวเด็กออกไป ถ้าคุณไม่ยอมก็อาจจะถูกข้อหาพรากผู้เยาว์”

ไมเคิลตาโตตกใจกับคำพูดของแฟรงค์ คุณแฟรงค์พูดเหมือนแม่เลย

...…ถ้าลูกรักคุณคริส ก็อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย ยอมกลับมาอยู่กับแม่ดีๆ ไม่เช่นนั้นแม่อาจจะต้องพึ่งตำรวจให้เขาพาแม่เข้าไปรับลูกออกมา ถึงเวลานั้นถ้าลูกยังดื้อรั้น คุณคริสของลูกจะถูกข้อหาพรากผู้เยาว์นะจ๊ะ คิดดูดีๆ นะไมเคิล…

ไมค์คอตกเริ่มรู้สึกหมดหวัง ซบหน้ากับไหล่คริสไม่พูดอะไรอีก

“ฉันจะยื่นขอต่อศาล รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้มั้ยแฟรงค์”

คำถามของคริสทำให้หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นและหันมารอฟังคำตอบจากแฟรงค์อย่างมีความหวัง

“จะลองดูก็ได้คริส แต่โดยรูปการณ์แล้วถ้าแม่ไม่ยินยอมก็จบ จริงอย่างที่เธอว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่ไมเคิลต้องมีพ่อบุญธรรม เพราะสามีใหม่ของเธอก็อยู่ในฐานะพ่ออยู่แล้ว ที่สำคัญพฤติกรรมส่วนตัวของคุณจะถูกนำไปอ้างต่อศาลว่าไม่น่าไว้วางใจสำหรับเด็กชาย และคุณยังต้องพร้อมที่จะตกเป็นข่าว คุณจะถูกก้าวก่ายและขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว คุณรับไม่ไหวหรอก คริส..”

คริสระบายลมหายใจอย่างอัดอั้น แฟรงค์พูดถูก ...คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ที่จะถูกใครสอดส่องพฤติกรรมและก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา...

“ทำไมไม่ใช้เงินล่ะครับ บ๊อส.. ปัญหาต่างๆ จบลงได้ด้วยเงิน”

คริสนิ่งกับข้อเสนอของแฟรงค์ ....ไม่ใช่เขาไม่คิด แต่เขาไม่ควรใช้เงินกับปัญหานี้....

“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกแฟรงค์ มันทำให้ฉันดูไม่น่าไว้วางใจมากขึ้น”

คริสกล่าวปลอบหนุ่มน้อยในอ้อมกอด

“ไมเคิล จริงอย่างที่แม่พูดนะ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ลูกต้องมีพ่อบุญธรรม โทนี่เขาอาจจะเป็นพ่อที่ดีของลูกก็ได้”

“ไม่จริง!! สามีของแม่ไม่เคยมีใครเป็นพ่อที่ดีของผม ผมมีคุณเป็นพ่อคนเดียว อย่าให้ผมกลับไปอยู่กับแม่นะครับ ผมไม่อยากไป เราสัญญาเป็นพ่อลูกกันแล้วนะครับ แด๊ดจะผิดสัญญาเหรอ..” ไมเคิลเริ่มตีโพยตีพายเมื่อรู้สึกว่าคริสกำลังจะเปลี่ยนใจ

“ไมเคิล” คริสสวมกอดหนุ่มน้อยแนบอก

“แด๊ดไม่มีวันผิดสัญญา ถึงไม่มีกฎหมายรองรับ แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ลูกก็จะเป็นลูกชายคนเดียวของแด๊ดตลอดไป”

“ไม่เอา!!  ผมไม่ไป ผมจะคุยกับแม่ใหม่ว่าผมจะอยู่กับแด๊ดดี้ที่นี่” หนุ่มน้อยผละออกจากอ้อมกอดคริสและวิ่งออกจากห้องไป  :o12:

คริสกุมศีรษะ รู้สึกโกรธตัวเองที่มีพฤติกรรมไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมส่วนใหญ่ เขารู้ว่านี่เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ลินดาเปลี่ยนใจ

“เท่าไหร่ฉันก็ยอมเสียนะแฟรงค์ ถ้าเธอเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอเอง”

แฟรงค์ถอนใจเฮือก  ... ดูรูปการณ์แล้วสองพ่อลูก..คงต้องพรากจากกันอย่างแน่นอน.



:เฮ้อ:



“ไมเคิล เปิดประตูเดี๋ยวนี้ อดข้าวไม่ช่วยแก้ปัญหาหรอกนะ”

คริสเคาะประตูห้องและเรียกให้หนุ่มน้อยเปิดประตู เมื่อพ่อบ้านลูไปรายงานว่าคุณหนูไมค์ไม่ยอมทานกลางวัน ยกขึ้นไปให้ที่ห้องก็ไม่ยอมให้เข้าไป

...เงียบ!! ไม่มีเสียงขานรับและโต้ตอบใดๆ พ่อบ้านยื่นกุญแจให้ คริสสั่นศีรษะ

“เก็บซะลู เขาต้องเดินมาเปิดเอง” คริสหันไปใช้ความพยายามเกลี้ยกล่อมหนุ่มน้อยอีกครั้ง

“ไมเคิล.. เราจะเป็นพ่อลูกกันได้ยังไง แค่แด๊ดบอกให้เปิดประตู ลูกยังดื้อไม่ยอมเชื่อฟังเลย”

“แม่บอกผมว่าบิลไม่ได้มีหน้าตาเหมือนคุณ แม่บอกว่าคุณรู้เรื่องทั้งหมดแล้วด้วย”

เสียงหนุ่มน้อยดังลอดออกมา คริสใจหายเมื่อสรรพนามแทนตัวเขาเปลี่ยนจาก ‘แด๊ด’ กลับเป็น ‘คุณ’ เหมือนเดิม ลินดาคงบอกความจริงให้ลูกรู้ เมื่อเห็นว่าไมเคิลยังดื้อรั้นไม่ยอมกลับไปอยู่กับเธอ

“แล้วไงล่ะ ไมเคิล”

“คุณรู้ความจริงแล้วยังจะรับผมเป็นลูกอีกเหรอ”

คำถามของหนุ่มน้อยทำเอาคริสวูบในหัวอก

“ทำไมหรือไมเคิล ความจริงที่ลูกรู้มันทำให้ความรู้สึกของลูกเปลี่ยนไป และลูกก็คิดว่าความรู้สึกของแด๊ดต้องเปลี่ยนไปด้วยยังงั้นเหรอ” คริสยังคงใช้สรรพนามแทนตัวว่าพ่อเหมือนเดิม

“ฟังนะไมเคิล.. แด๊ดไม่เสียใจถ้าลูกต้องจากไปด้วยเหตุผลเพราะว่าลูกยังเด็ก ต้องอยู่ในความปกครองดูแลของแม่ ขอให้ความรู้สึกระหว่างเราเหมือนเดิมก็พอแล้ว”

คริสหยุดทำใจก่อนจะกล่าวประโยคต่อไปด้วยความรู้สึกกล้ำกลืน

“แต่ถ้าลูกต้องจากไปเพราะคิดว่าแด๊ดคนนี้ไม่เหมือนบิล ไม่สามารถทดแทนบิลของลูกได้แล้วล่ะก็…. ฉัน เสียใจไมเคิล..” คริสหันไปกล่าวกับพ่อบ้าน

“ยกไปเก็บซะลู ในเมื่อเขาไม่อยากทานใครก็บังคับไม่ได้ แม้แต่ฉันก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะบังคับเขาได้แล้ว”

คริสเดินผละออกมาได้เพียงสองก้าวประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียงร้องเรียก หนุ่มน้อยถลาเข้าสวมกอดเขา

“แด๊ดดี้.. ผมเปล่าเปลี่ยนใจ~~   :m15:  ถึงแด๊ดไม่เหมือนบิลผมก็เลิกรักไม่ได้  ผมรักแด๊ดคนเดียว  รักแด๊ดที่สุด~~ ..”

“แด๊ดก็รักลูกสุดหัวใจเหมือนกันไมเคิล ไม่ว่าวันนี้หรืออีกกี่ปีข้างหน้า ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แด๊ดให้สัญญา..”

คริสจูบหน้าผากและกอดหนุ่มน้อยไว้ด้วยความรักสุดหัวใจอย่างที่พูดจริงๆ



:กอด1:…



“กลับไปอยู่กับแม่ก่อนเถอะนะไมเคิล โทนี่อาจจะเข้ากับลูกได้ดีอย่างที่แม่เค้าพูดจริงๆ มันไม่เสียหายอะไรไม่ใช่เหรอ ถ้าลูกจะมีพ่อสองคน หือ..”

หนุ่มน้อยส่ายหน้าไปมา น้ำตาเอ่อคลอเพราะทำใจไม่ได้

“ผมคิดถึงแด๊ด เราจะไม่ได้เจอกันอีกนะครับ ผมต้องไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้”

คริสใจหายความรู้สึกของเขาไม่ต่างจากไมเคิลเคย แต่เขาไม่อาจตีโพยตีพายและร้องงอแงอย่างเจ้าหนูได้

“เราติดต่อกันทางโทรศัพท์หรือจดหมายก็ได้ ฮ่องกงอยู่แค่นี้เอง แด๊ดจะแวะไปเยี่ยมลูกบ่อยๆ ก็ได้” คริสหาวิธีปลอบหนุ่มน้อยพร้อมกับปลอบตัวเองไปด้วย

“จริงนะครับ แด๊ดไปเยี่ยมผมจริงๆ นะ”

คริสพยักหน้า

“ทุกอาทิตย์ เอ่อ… ทุกเดือนได้มั้ยครับ.. ค่าตั๋วเท่าไร..”

คริสหัวเราะ

“ถามทำไม.. ลูกจะออกเงินให้เหรอ..”

ไมค์พยักหน้ารับ

“เงินที่แด๊ดให้ไว้ ผมไม่เคยใช้เลย ผมจะให้แด๊ดเก็บไว้เป็นค่าตั๋วนะครับ”

“โอ! ไมเคิล ลูกเก็บไว้เถอะ อยากได้อะไรจะได้ไม่ต้องรบกวนขอเงินใคร เอามาเป็นค่าตั๋วไปกลับแค่ครั้งเดียวก็หมดแล้วรู้มั้ย”

หนุ่มน้อยหน้าเสียเมื่อรู้สึกว่าค่าตั๋วเครื่องบินคงจะไม่ใช่ถูกๆ แล้ว แด๊ดดี้คริสจะไปหาเขาทุกเดือนได้หรือ

“ถ้างั้น 2-3 เดือนไปครั้งก็ได้ครับ ผมจะเขียนจดหมายหาแด๊ดทุกอาทิตย์ แด๊ดจะตอบจดหมายผมมั้ย”

ไมค์ถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะรู้ว่าคุณคริสไม่ใช้เวลาว่างทำเรื่องเล็กๆ หรือเรื่องไร้สาระ เมื่อคุณคริสพยักหน้าให้ หนุ่มน้อยก็ยิ้มออกและคลายความกังวลใจลง

“คุณเป็นแด๊ดดี้คนเดียวของผม ผมรักคุณคนเดียว ไม่มีทางรักใครเหมือนคุณได้อีก คุณเป็นแด๊ดของผมตั้งแต่ผมอายุ 5 ขวบแล้ว ผมไม่มีวันลืมคุณได้ตลอดชีวิตของผมครับ ต่อให้บิลมีตัวตนจริงๆ มายืนตรงหน้าผม ผมก็ไม่มีวันรักเขามากกว่าคุณ”

ความในใจของหนุ่มน้อย ทำให้คริสปลื้มและรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก มันมากมายกว่าความสุขครั้งใดๆ ที่เคยได้รับ

“แด๊ดจะคอยนะไมเคิล เมื่อลูกโตจนบรรลุนิติภาวะ ก็สามารถตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองได้ ถึงตอนนั้นถ้าลูกยังไม่เปลี่ยนใจ...เราจะได้เป็นพ่อลูกกันตามกฏหมาย แด๊ดจะคอยจนกว่าจะถึงวันนั้น...”



o7




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 09-09-2008 10:53:59
ไหง๋ พลิกล๊อคมาเป็นงี้อ่า o7

อีตาโทนี่นั่นมีแผนไรรึเปล่า?
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 09-09-2008 11:32:21
+1 เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 09-09-2008 11:49:03
กรรม

เพิ่งจะดีใจไปหยกๆ

 :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-09-2008 12:27:57
ใจร้ายยยยยที่สุดดดดดดดดดดดดดดดด

ทำกับไมค์ของเค้าได้ยังงัยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: numa6 ที่ 09-09-2008 19:23:26
หะหนอย โทนี่ ลินดา o12 ร้ายไปแล้วนะ  :angry2: :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: winds ที่ 09-09-2008 19:35:21
^

^

^  จิ้ม  :laugh:

จิ้มได้อีกแย้ว

ปล. ถึงคนแต่ง แอบอ่านมาและ สนุกดีคับ ชอบๆ  :oni2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 09-09-2008 19:45:10
ไมเคิลเศร้าอีกแล้วอ่า

ลินดาจะปกป้องไมเคิลได้จริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-09-2008 20:56:11
กรี๊ดดดดดด อีตาโทนี่นี่มันอะร้ายยยยย แล้วนี่คริสกับไมค์ต้องแยกกันจริงๆเหรอ.... :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 10-09-2008 00:01:15
 :m31:


ทำไมกลายเปนแบบนี้ไปได้.......

 :m31: :m31:


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 10-09-2008 10:30:23

[15]
 


กว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ไมเคิลจากไป  เจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์เปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นคนละคน ไม่มีใครเข้าหน้าติดไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน คริสไม่พูดจาหรือเสวนากับใครในบ้านโดยไม่จำเป็น แม้แต่แฟรงค์.. ก็พูดด้วยนับคำได้.. เวลาว่างจากงานคริสจะเข้ามานั่งในห้องไมเคิล ซึ่งเขาสั่งให้ทำความสะอาดทุกวันและให้คงสภาพทุกอย่างไว้เหมือนตอนที่เจ้าของห้องยังอยู่

แฟรงค์แทบไม่เชื่อว่าการจากไปของหนุ่มน้อยไมเคิลจะทำให้ คริส บริเจคส์  รู้สึกแย่ขนาดนี้  สภาพของคริสในวันนี้ทำให้ทุกคนรู้ซึ้งว่า.. คริสรักไมเคิลมากจริงๆ

“คริส.. คริส..”

แฟรงค์เขย่าตัวและเอ่ยเรียกเบาๆ  เขาขึ้นไปหาคริสที่ห้องไม่พบก็รู้ว่าคริสต้องอยู่ในห้องนอนไมเคิล แต่ไม่คิดว่าจะอยู่ในสภาพเช่นนี้

ร่างสูงใหญ่นอนแผ่หราบนเตียงอย่างหมดสภาพ  บนที่นอนข้างตัว XO ขนาด 70 Cl. พร่องไปกว่าครึ่ง   ปกติคริสเป็นคนไม่ดื่ม จะดื่มเล็กน้อยเฉพาะเวลาออกงานเท่านั้น  จึงไม่แปลกเลยที่เขาจะเมาไม่ได้สติกับบรั่นดีเพียง 2-3 แก้ว

แฟรงค์เรียกเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าคริสจะรู้สึกตัว เขาลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ สักครู่ก็กลับออกมาพร้อมผ้าชุบน้ำในมือ

“อืมม์~~ ” เสียงทุ้มครางในลำคอ มือใหญ่พยายามปัดผ้าออกอย่างรำคาญ

“คริส.. ตื่นเถอะ คุณเมามาก..รู้มั้ย ขึ้นไปนอนที่ห้องเถอะ ผมจะพาไป”

คริสส่ายหน้า เขาไม่ได้เมาถึงขนาดไม่มีสติอย่างที่แฟรงค์เข้าใจ

“ฉันจะนอนนี่~~ นอนกับไมค์~~ ฉันคิดถึงเขา~~”

“ไม่เอาน่าคริส คุณต้องทำใจเรื่องไมเคิลบ้าง”

“ทำใจยังไงหรือแฟรงค์ เดือนกว่าแล้ว...ไมเคิลไม่ติดต่อกลับมาเลย หรือว่าเขาจะเข้ากับโทนี่ได้ดีจริงๆ จนลืมฉันไปแล้ว..” น้ำเสียงอ้อแอ้แฝงไว้ซึ่งความเสียใจ

“ไม่หรอกน่าคริส.. ไมเคิลรักคุณมาก เขาไม่มีวันลืมคุณ อาจมีเหตุขัดข้องบางอย่าง พวกเขาอาจต้องย้ายที่อยู่ไปมา เลยยังไม่สะดวกที่จะติดต่อกลับมา”

“อย่างน้อยก็น่าจะโทรศัพท์มาคุยกันบ้าง ฉันอยากรู้ว่าเขาสบายดีหรือเปล่า”

“ไม่เอาน่าคริส คุณคิดและกังวลเรื่องไมเคิลมากเกินไปแล้ว ผ่อนคลายบ้างเถอะ นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้ผ่อนคลายอารมณ์ให้ตัวเอง”

คริสส่ายหน้าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่ไมเคิลจากไป ในหัวใจและสมองของเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากเจ้าหนู..

แฟรงค์ก้มลงกระซิบ

“คุณจะรู้สึกดีขึ้นถ้าได้ผ่อนคลายบ้าง เชื่อผมเถอะนะ คริส..”

ร่างสูงนอนหลับตานิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“ให้ผมเรียกใครขึ้นมามั้ย ทิมมี่..หรือโจ.. หือ..”

คริสส่ายหน้าแฟรงค์จึงเสนอแจ๊ค... เมื่อคริสส่ายหน้าอีกแฟรงค์จึงกล่าวสรุป

“คุณต้องการบอยเหรอ.. ผมจะไปตามให้นะ”

แฟรงค์ขยับตัวแต่ต้องชะงักเมื่อคริสเอ่ยขัดขึ้น

“ทำร้ายหัวใจนายหรือเปล่า แฟรงค์.. ถ้าฉันให้บอยขึ้นมา”

แฟรงค์หัวเราะ

“เด็กทุกคนเป็นสิทธิของคุณ บอยรู้สึกดีกับผมไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเจ้าของเขา”

“นายไม่รู้สึกอะไรแต่บอยอาจรู้สึก โดยเฉพาะถ้านายเป็นคนไปเรียกให้ขึ้นมาหาฉัน ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้นแฟรงค์.. ขอบใจที่เป็นห่วง เด็กพวกนี้ทำให้ฉันนึกถึงไมเคิล ฉันไม่อาจมีอะไรกับหนุ่มน้อยพวกนี้ได้อีกต่อไปแล้ว แฟรงค์..”

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าไมเคิลทำให้คุณเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าคุณจะเปลี่ยนไปคบกับผู้หญิง เป็นไปไม่ได้หรอกคริส.. ถึงจะพยายามสักกี่ครั้ง คุณก็ไม่มีความสุข เพราะคุณไม่ชอบ”

คริสลืมตาขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงลิ้นพันกันเล็กน้อย

“ใครบอกนายว่าฉันจะคบกับผู้หญิง ฉันหมายถึงเฉพาะเด็กหนุ่มๆ เท่านั้น ยิ่งอายุใกล้เคียงกับไมเคิลด้วยแล้ว ฉันขอผ่าน...”

แฟรงค์พยักหน้าหงึก  เพิ่งเข้าใจความหมายของคริส

“คุณมีคู่ขาที่ไหนบ้าง ผมโทรตามให้มั้ย”

คริสส่ายหน้า

“ฉันไม่เคยมีคู่ขาที่ไหน แฟรงค์.. ฉันไม่ชอบไปมีอะไรกับใครนอกบ้านนายก็รู้  บางทีฉันอาจต้องหาใครสักคนมาอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนคลายเหงาอย่างที่นายพูดจริงๆ อายุขนาดนายคงจะดี พอจะเป็นคู่คิดได้บ้าง” ประโยคสุดท้ายคริสรำพึงกับตัวเอง

แฟรงค์หน้าเสีย หากคริสหาใครมาอยู่ด้วยจริงๆ คงเรื่องใหญ่แน่ ไม่เพียงแต่หนุ่มน้อยทั้งสี่จะไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าและหมดความหมายกับคริสแล้ว แม้แต่เขาเองก็รู้สึกไม่พอใจอย่างไม่มีเหตุผล ดีไม่ดีตัวเขาเองก็จะตกกระป๋องตามไปด้วยเช่นกัน   ถ้าคริสหาคนไม่ถูกชะตาเข้ามาอยู่ด้วยบ้านคงไม่สงบสุขแน่

“นายจะหาให้ฉัน..หรือให้ฉันหาเอง แฟรงค์..” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นแฟรงค์นิ่งเงียบไป

“เอ่อ.. คุณหาเองเถอะคริส.. ผมหาไม่ถูกหรอก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาใครมาถูกใจคุณ ผมไม่ขัดความคิดของคุณนะคริส.. แต่อยากให้ใช้เวลาคบหาคนที่ไว้ใจได้ มีนิสัยใจคอดี และควรเข้ากับทุกๆ คนในบ้านได้ด้วย”

“ที่พูดมาไม่มากไปหน่อยหรือแฟรงค์.. ฉันเป็นเจ้าของบ้านนะ จะทำอะไรต้องแคร์ความรู้สึกของคนอื่นก่อนตัวเองงั้นหรือ”

“เอ่อ.. ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่บอกว่าให้คุณเลือกดีๆ ดูให้ถูกใจคุณและมีนิสัยเข้ากับเด็กๆ พวกนั้นได้ก็พอ”

คริสหัวเราะในลำคอ สบตากับแฟรงค์อย่างมีความหมาย

“รวมถึงนายด้วยหรือเปล่า แฟรงค์.. ใครที่ฉันถูกใจต้องเข้ากับนายได้ด้วยใช่มั้ย..”

แฟรงค์หน้าร้อนวูบรู้สึกอายที่คริสรู้ทัน รีบเบือนหน้าหลบสายตาไม่ตอบคำถาม

“ไม่มีคนนอกที่ไหนจะเข้ากับเด็กแสบพวกนั้นได้หรอกแฟรงค์.. นายก็รู้จักนิสัยจอมป่วนของเด็กพวกนี้ดี..”

ร่างสูงยันตัวขึ้นนั่ง แฟรงค์ช่วยฉุดให้ลุกขึ้น

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคริส.. เพียงแต่คุณต้องใช้เวลาหน่อย จะหาคนดีจริงใจไม่ใช่เรื่องง่าย ”

“กลัวฉันถูกหลอกหรือแฟรงค์ หือ..” เสียงทุ้มกระซิบถามกลิ่นแอลกอฮอล์โชยคลุ้งจนอีกฝ่ายเบือนหน้าหนี

คริสหัวเราะเมื่อแฟรงค์ไม่ตอบคำถาม

“ทำไมฉันต้องไปหาให้วุ่นวายด้วย คนที่มีคุณสมบัติอย่างที่นายว่าก็อยู่ในบ้านเราแล้ว”

“นายคงไม่คิดว่าฉันหมายถึงเจ้าจอนนี่หรือลูหรอกนะ”

แฟรงค์หน้าแดงทั้งจากการกระทำและคำพูด ลมหายใจร้อนและจมูกโด่งไซ้สัมผัสข้างแก้มเขา นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่เคยได้รับสัมผัสหยอกเย้าจากหนุ่มใหญ่ผู้นี้.. ใช่!! นาน.. นานมาก.. ตั้งแต่คริสมีหนุ่มน้อยทั้งสี่คนอยู่ข้างกายก็ไม่เคยต้องการเขาอีกเลย

“รู้ใช่มั้ยว่าฉันหมายถึงใคร แฟรงค์..” ร่างสูงโปร่งถูกผลักหงายลงบนที่นอน คริสตามลงไปกระซิบข้างหูและกระเซ้าด้วยการขบใบหูแฟรงค์เบาๆ

แฟรงค์ขนลุก..สองมือยันร่างสูงไว้

“อย่าล้อเล่นน่ะคริส คุณเมารู้ตัวหรือเปล่า ผมหาให้คุณก็ได้แต่ขอเวลาหน่อยเท่านั้น”

“ไม่.. ฉันไม่เมา~~ และไม่ต้องการคนอื่นนอกจาก..นาย~~…”

“เอ่อ.. แต่ว่าผม…”

“ไม่มีแต่..นะแฟรงค์.. นายบอกเองว่าฉันควรผ่อนคลายอารมณ์บ้าง และตอนนี้ฉันกำลังต้องการ ถ้านายไม่ช่วย.. ต่อไปก็ไม่ต้องมาแนะนำอะไรอีก”

ร่างสูงลุกขึ้นคว้าบรั่นดีข้างตัวขึ้นมาทำท่าจะเปิด

“โอเค! คริส.. ยังไงก็ได้ คุณเป็นเจ้านาย ต้องการให้ปรนนิบัติผมก็จะทำ ชอบหรือไม่..ผมก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธอยู่แล้ว”

คริสโยนขวดเหล้าทิ้ง ร่างสูงใหญ่ขยับลงทาบร่างโปร่งของชายหนุ่ม

“ไม่ชอบจริงหรือแฟรงค์~~ เรามาฟื้นความหลังกันหน่อยดีกว่า อย่าทำหน้าแบบนี้ซี… ทำเหมือนเพิ่งขึ้นเตียงกับฉันวันแรกงั้นแหล่ะ..”

แฟรงค์ซ่อนความรู้สึกยินดีไว้ภายใต้สีหน้าเขินอาย ริมฝีปากบางเผยอรับจูบจากอีกฝ่าย สัมผัสร้อนและรสชาดของบรั่นดีที่ปลายลิ้นเร้าอารมณ์ปรารถนาของเขาให้คุขึ้นในทันที ลำแขนเรียวโอบคอร่างสูงรับสัมผัสดูดดื่มที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างเต็มใจ

แฟรงค์แอบดีใจอยู่ในส่วนลึกที่คริสเปลี่ยนใจไม่อยากมีอะไรกับเด็กหนุ่มและต้องการให้เขาปรนนิบัติแทน จะเพราะความเมาหรือเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรือเปล่าเขาไม่รู้  แต่ที่รู้คือ..เขาไม่ยอมให้เรื่องที่คริสพูดเมื่อครู่เป็นจริงแน่ เขาไม่มีทางยอมให้คริสหาใครแปลกหน้าเข้ามาเป็นสมาชิกคนใหม่ในบ้านให้เป็นภาระและปัญหาหัวใจกับเขาอย่างแน่นอน จะว่าเขานิสัยไม่ต่างจากเด็กหนุ่มพวกนั้นก็ได้ ถ้าคริสทำจริงอย่างที่พูด และสมาชิกใหม่เป็นชายหนุ่มไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม คงถึงคราวที่เขาต้องออกแรงป่วนด้วยตัวเองบ้างแล้ว  :a2:

แฟรงค์คิดว่าการได้ผ่อนคลายอารมณ์บ้างเป็นเรื่องที่ดี คริสอาจลืมไมเคิลได้ชั่วขณะ แต่เปล่าเลย…

“ฉันชอบนาย แฟรงค์.. แล้วนายล่ะ รู้สึกยังไงกับฉัน.. หือ..” เสียงทุ้มกระซิบถามขณะกำลังบรรเลงเพลงรัก

“อย่าถามเลยคริส ผมเกือบจะเป็นทาสคุณอยู่แล้ว อ๊ะ.. อาา~~"

แฟรงค์ร้องคราง เขาไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้มานานแล้ว  กับหนุ่มน้อยทั้งสี่หรือผู้ชายคนอื่น เขาเป็นฝ่ายกระทำไม่ใช่ถูกกระทำแบบนี้

“แฟรงค์.. ฉันคิดถึงไมเคิล คิดถึงมากเลย อยากไปเยี่ยมลูก นายไปกับฉันนะแฟรงค์”

เสียงกระซิบครั้งนี้ทำเอาแฟรงค์เกือบหมดอารมณ์

“โอ!!!…คริส.. ได้โปรดเถอะ ทำธุระของเราให้เสร็จก่อน อย่าคิดถึงลูกตอนนี้ คุณคงไม่อยากให้ไมเคิลฝันเห็นคุณกำลังอยู่ในร่างกายของผมใช่มั้ย..”

คริสหยุดคิดถึงไมเคิลชั่วขณะทันทีเพราะไม่อยากให้หนุ่มน้อยฝันเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ยิ่งฝันถึงพ่อเก่งๆ อยู่ด้วย…



:m29:



กว่า 3 เดือนแล้วที่ไมเคิลจากไป คริสไม่ได้รับการติดต่อจากหนุ่มน้อยเลย ทั้งที่ก่อนจะจากกันไมเคิลสัญญาว่าจะรีบส่งที่อยู่มาให้เขาทันที เผื่อว่าเขาจะแวะไปเยี่ยม

อีกครั้งที่คริสตกอยู่ในอาการฝันร้ายและผวาตื่นกลางดึกติดต่อกันหลายคืน คืนนี้ก็เช่นกัน คริสส่งเสียงเรียกไมเคิลก่อนจะสะดุ้งตื่นพร้อมๆ กับแฟรงค์ซึ่งตกใจตื่นเพราะเสียงร้องของเขา

“มีอะไรคริส!! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ขอโทษแฟรงค์ ฉันไม่เป็นไรแต่ไมเคิลเป็น ฉันได้ยินเสียงเขาร้องไห้”

แฟรงค์เอื้อมมือเปิดไฟที่หัวเตียง ตีหนึ่งกว่าเอง.. เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงคริสก็ฝันร้ายแล้ว อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า จะฝันอีกกี่รอบก็ไม่รู้ เขามองคริสด้วยความเห็นใจ ดวงตาสีฟ้าคู่สวยหม่นหมองด้วยความทุกข์

“อย่าคิดมากเลยคริส คุณคิดถึงไมเคิลมากเกินไปก็เลยเก็บมาฝัน”

“ไม่!! แฟรงค์.. ฉันไม่ได้คิดมาก ฉันได้ยินเสียงไมเคิลร้องไห้มา 2-3 คืนแล้ว... ไมเคิลกำลังได้รับอันตราย ฉันจะไปฮ่องกง นายต้องไปกับฉันด้วย เราจะออกเดินทางแต่เช้านะ แฟรงค์..”

“ใจเย็นๆ คริส.. ใจเย็น”

แฟรงค์กล่าวปลอบ ชักไม่แน่ใจกับอาการฝันร้ายซ้ำๆ ของคริส คริสเคยมีอาการฝันประหลาดเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งความฝันนั้นชักนำให้เขาออกเดินทางไปหาหนุ่มน้อยจนพบอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ฝันร้ายครั้งนี้อาจเกิดจากความคิดถึงอย่างมากก็ได้

“ฉันใจเย็นไม่ไหวแล้วแฟรงค์ ถ้าช้ากว่านี้ อาจไม่โชคดีอย่างครั้งที่แล้ว”

“แต่เราไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เช็คให้รู้ก่อนแล้วค่อยเดินทางไม่ดีกว่าเหรอ..”

“ไม่จำเป็น ไปหาโรเจอร์ที่สถานทูตให้เขาช่วยหาให้ นายจะไปด้วยมั้ย”

“โอเค! แล้วแต่บอสเถอะครับ ผมไม่กล้าขัดคำสั่งหรอก”

แฟรงค์ลุกขึ้นจากเตียงคว้าเสื้อคลุมขึ้นสวม

“จะไปไหน” คริสเอ่ยถาม

“ผมจะกลับไปนอนที่ห้องนะ คริส.. พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”

แฟรงค์เดินสโลสเลไปที่ประตูแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มบ่นตัดพ้อเป็นภาษาอังกฤษ

((แค่ฉันฝันร้ายทำให้ตกใจตื่น นายก็หนีกลับไปนอนที่ห้อง นับประสาอะไรถ้าฉันเจ็บหนักคงหมดหวังที่จะให้นายช่วยดูแล))

แฟรงค์ยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจเดินกลับมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนคว่ำเอาหมอนปิดหูไว้ ไม่อยากฟังเสียงคริสบ่นอีก

คริสระบายยิ้ม  ร่างสูงขยับเข้าสวมกอดชายหนุ่ม

“ไม่กลับไปนอนที่ห้องล่ะแฟรงค์ หือ..”

เงียบ!! ไม่มีเสียงตอบลอดออกมา คริสดึงหมอนออกจมูกโด่งและริมฝีปากร้อนสัมผัสซุกไซ้ที่ซอกคอ

“นายห่วงฉัน แสดงว่านายรักฉันใช่มั้ย”

เสียงทุ้มกระซิบถาม ลำแขนแกร่งสวมกอดร่างเพรียวแนบแน่นจนอีกฝ่ายขนลุกซู่ต้องหันมากล่าวอ้อนวอน

“ได้โปรดเถอะคริส นอนเถอะนะ เราต้องออกเดินทางแต่เช้าไม่ใช่เหรอ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาผ่อนคลายอารมณ์กัน มันดึกมากแล้วนะคริส”

คริสหัวเราะ

“ใครจะผ่อนคลาย ฉันไม่ได้มีอารมณ์ซะหน่อยแค่อยากกอดเฉยๆ นายไม่อยากให้แตะต้องก็ไม่เป็นไร กู๊ดไนท์แฟรงค์.. ฉันจะไม่กวนอีก จะไม่ทำให้นายตกใจตื่นอีกด้วย”

ร่างสูงขยับตัวออกห่างและนอนหันหลังให้ เขาจะไม่ทำให้แฟรงค์ตกใจตื่นอีกอย่างแน่นอนเพราะเขาไม่สามารถข่มตาหลับได้อีก เสียงร้องไห้ของไมเคิลยังติดหูเขาอยู่จนถึงนาทีนี้

…แด๊ด.. แด๊ดดี้…. ฮือๆ….

คริสสะดุ้งเมื่อถูกสัมผัสที่เอวเบาๆ ทำเอาแฟรงค์สะดุ้งตาม

“ให้ตายเถอะ คริส  คุณตกใจอะไรนักหนา ทำไมขวัญผวาง่ายอย่างนี้”

ครั้งนี้คริสไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด  นอกจากไม่ขอโทษแล้วยังโวยใส่แฟรงค์ฐานที่ทำให้เขาตกใจ

“นายนั่นแหล่ะ บอกจะนอนทำไมไม่นอน”

“ก็.. เอ่อ..”

แฟรงค์อึกอักไม่กล้าบอกเหตุผลว่าทำไมนอนไม่หลับ  ตัดสินใจลุกจากเตียงอีกครั้งและรีบบอกก่อนจะถูกถาม

“ผมไปเข้าห้องน้ำนะ”

“ปวดท้องหรือแฟรงค์ หรือปวดฉี่”

“เรื่องส่วนตัวของผม คุณไม่ต้องมาถาม”

แฟรงค์สะบัดหน้าและเดินไปเข้าห้องน้ำ  แต่เดินไปไม่ถึงก็ต้องหยุดชะงักกับคำพูดกระเซ้าตามหลัง

“ไปห้องน้ำจะได้เรื่องหรือแฟรงค์ ไปหาบอยดีกว่ามั้ง”

ร่างสูงเพรียวหันมายิ้มหวานให้บอสแสนรัก

“โอเค!.. แสดงว่าคุณอนุญาตให้ผมไปหาบอยได้ใช่มั้ย ขอบคุณนะคริส กู๊ดไนท์ แล้วเจอกันตอนเช้า” แฟรงค์รีบตัดบทและเดินรี่ไปที่ประตู

“ไหนบอกว่าดึกมากแล้ว ไม่ใช่เวลาจะผ่อนคลายอารมณ์ไง จะไปปลุกเด็กให้ตื่นขึ้นมาสนองอารมณ์นายตอนนี้ ไม่เหมาะมั้งแฟรงค์”

แฟรงค์ชะงักเท้าที่หน้าประตู รู้สึกไม่เหมาะจริงอย่างที่คริสพูด แต่ก็รู้สึกโกรธและน้อยใจที่คริสแกล้งปลุกอารมณ์เขาให้ต้องการ แต่ตัวเองกลับไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย ร่างสูงเพรียวหันกลับมายืนพิงประตูสบตากับคริสที่อยู่ในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอนและส่งยิ้มหวานให้ คงสนุกที่แกล้งเขาได้

แฟรงค์หาวิธีแก้เผ็ดเจ้านายสุดที่รักกลับคืนบ้าง เขาปลดเชือกเสื้อคลุมและเปลื้องกางเกงนอนกองลงที่พื้น

คริสนั่งนิ่งรอยยิ้มบนสีหน้าจางลง ไม่กล้าเอ่ยกระเซ้าอีก ภาพที่เห็นตรงหน้าแม้จะอยู่ในเงาสลัว แต่ทั้งกิริยาและน้ำเสียงบอกให้รู้ว่าแฟรงค์ตั้งใจมาสเตอร์เบทต่อหน้าเขาด้วยความโกรธ ไม่ถึงหนึ่งนาทีแฟรงค์ก็เสร็จสมอารมณ์หมาย ก้มลงคว้ากางเกงนอนเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป

แฟรงค์ออกจากห้องน้ำตรงมาที่เตียงและหยิบหมอนขึ้นมาถือไว้ เขากล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“กู๊ดไนท์ คริส.. ผมจะไปนอนที่โซฟานะ ” แฟรงค์เอื้อมมือดับไฟที่หัวเตียงก่อนเดินฝ่าแสงสลัวไปล้มตัวลงนอนบนโซฟา

คริสยังนอนลืมตาอยู่ในความมืดขณะที่แฟรงค์ส่งเสียงกรนคร่อกแล้ว

….ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่คบกันมาเขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงเย็นชาเช่นนี้จากแฟรงค์เลย ความรู้สึกบอกทันทีว่าแฟรงค์โกรธเขาจริงๆ และโกรธมากด้วย…

เป็นนิสัยเฉพาะตัวของแฟรงค์เรื่องรู้สึกไวต่อสัมผัสต่างๆ ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติหรือถูกปลุกเพียงเบาๆ ก็จะสะดุ้งตื่น จึงไม่แปลกเลยที่หลายคืนมานี้แฟรงค์นอนไม่เต็มอิ่มเพราะถูกเขาเรียกให้มานอนเป็นเพื่อน และสามคืนแล้วที่เขาฝันร้ายผวาตื่นกลางดึกทำให้แฟรงค์สะดุ้งตื่นตามไปด้วย

นิสัยเฉพาะตัวเช่นนี้ ยังทำให้แฟรงค์มีความรู้สึกไวต่อสัมผัสที่เร้าอารมณ์ทางเพศด้วย เขาแกล้งกระเซ้าไม่คิดว่าแฟรงค์จะเกิดความต้องการมากถึงขนาดต้องหาทางปลดปล่อย นอกจากเขาจะไม่สนองตอบแล้วยังพูดแหย่อีก ถึงขนาดหนีไปนอนบนโซฟาแสดงว่าคืนนี้แฟรงค์คงโกรธเขามากจริงๆ

....ทำไมถึงไม่อ้อนเหมือนทุกครั้งล่ะ แฟรงค์.. แค่บอกว่าต้องการเท่านั้น... ถึงจะทุกข์เรื่องลูก.. แต่ความต้องการของคนรัก..ฉันจะปฏิเสธได้ยังไง นายทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยฉัน...



:m13:



แฟรงค์ในชุดลำลองกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมาอย่างร้อนรน พบคริสอยู่ในชุดพร้อมจะออกเดินทางนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องโถง

“ทำไมไม่ปลุกล่ะคริส จะออกเดินทางกี่โมง ผมสำรองตั๋วก่อนนะ”

แฟรงค์คว้าโทรศัพท์ขึ้นจะโทรไปสำรองที่นั่ง

“ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว เครื่องออก 4 โมงเช้า นายจะไปด้วยหรือเปล่า”

แฟรงค์วางหูโทรศัพท์ลง เวลาขณะนี้ 2 โมงเช้าแล้ว เครื่องออก 4 โมงทำไมคริสยังนั่งอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้เขาไปด้วยคงไม่นั่งคอยหรอก

“ผมต้องไปด้วยไม่ใช่เหรอ เมื่อคืนคุณสั่งอย่างนั้น”

“คำสั่งเมื่อคืนยกเลิก ฉันจะไปคนเดียว นายอยู่ดูแลบ้านล่ะกัน”

ร่างสูงลุกขึ้นยืนขยับจะเดิน แฟรงค์ก็เข้ามายืนประชิดขวางทางไว้

“ไปคนเดียวได้แน่หรือ คริส.. ใครจะช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณ ที่สำคัญใครจะอยู่เป็นเพื่อนตอนคุณฝันร้าย หือ…”

คริสสบตาเลขาคู่ใจของเขา ใบหน้าหล่อเข้มส่งสายตาแสดงความห่วงใยเต็มเปี่ยม จนเขารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

“นายต่างหากแฟรงค์.. นายคงไม่อยากอยู่ใกล้ตอนฉันฝันร้ายอีก ไม่อย่างนั้นนายคงไม่หนีฉัน…” คริสหยุดพูดเมื่อถูกอีกฝ่ายสวมกอดและกระซิบขอโทษ

“ผมขอโทษคริส ขอโทษที่หนีไปนอนบนโซฟา คุณโกรธผมเรื่องนี้ใช่มั้ยถึงไม่อยากให้ผมไปด้วย”

“ฉันไม่ได้โกรธนาย แต่ฉันต่างหากที่ทำให้นายโกรธ ขอโทษนะแฟรงค์..”

แฟรงค์ซ่อนยิ้มในสีหน้า นึกไม่ถึงว่าคริสจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาไม่ได้โกรธคริสซะหน่อย ที่เลี่ยงมานอนบนโซฟาเพราะไม่กล้าเข้าหน้าและรู้สึกละอายกับการกระทำของตัวเองต่างหาก

“ผมรักคุณนะคริส ไม่เคยนึกโกรธคุณเลย สาบานได้ ผมจะไม่ทำแบบนั้นต่อหน้าคุณอีก ถ้าทำ.. ผมจะให้คุณเป็นคนทำให้ ”

ประโยคสุดท้ายแฟรงค์แกล้งพูดลองใจ และเมื่อคริสไม่ปฏิเสธแถมยังยิ้มให้ ร่างสูงเพรียวจึงขยับเข้าจุมพิตแก้มบอสแสนรักด้วยความเสน่หา หัวใจลิงโลดด้วยความยินดีใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อถูกลำแขนแกร่งรั้งตัวเข้าไปจูบกลับคืน จะไม่ให้รู้สึกยินดีได้ยังไง คริสไม่เคยปฏิบัติเช่นนี้กับใครกลางห้องโถง และริมฝีปากอุ่นจัดของคริสก็ไม่ได้สัมผัสที่แก้มเขาแต่เป็นที่ริมฝีปาก

พ่อบ้านถือกระเป๋าเดินทางของแฟรงค์ตามลงมา รู้สึกแปลกใจที่เห็นเจ้านายปฏิบัติกับคุณแฟรงค์เช่นนี้ ถ้าเป็นหนุ่มน้อยทั้งสี่คนจะไม่รู้สึกแปลกใจเลย แต่เจ้านายก็ย่อมเป็นเจ้านาย มีสิทธิทำอะไรแปลกๆ ได้เสมอ

แฟรงค์รับสูทลำลองจากลูและบอกให้เอากระเป๋าไปไว้ที่รถ เมื่อแฟรงค์สวมสูททับก็อยู่ในสภาพพร้อมจะออกเดินทางได้ทันที แฟรงค์เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยสวิส หน้าตาและรูปร่างดี สูงใหญ่กว่าชายไทยทั่วๆ ไปแต่บางกว่าคริสพอประมาณ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดหล่อเนี๊ยบ หรือเสื้อยืดคอกลมเพียงตัวเดียว แฟรงค์ก็ดูดีเสมอ

“บอกเด็กๆ หรือยังคริส ว่าเราจะไม่อยู่หลายวัน”

“บอกแล้ว บอยถามว่าทำไมนายต้องไปด้วย ปกติฉันมักจะให้นายอยู่เฝ้าบ้านเวลาฉันไม่อยู่หลายๆ วัน”

“ทำไมต้องถามด้วยวะ!!  เด็กบ๊องส์! จะมาเป็นเจ้าของชีวิตฉันหรือไง”

แฟรงค์รู้สึกระอาใจกับบอยหนุ่มน้อยวัย 16 ปีคนนี้ ซึ่งนับวันจะเริ่มเกาะติดเขามากขึ้น ยิ่งรู้ว่าเขาต้องขึ้นไปนอนเป็นเพื่อนคริสด้วยแล้ว หนุ่มน้อยก็เริ่มไม่พอใจพาลต่อว่าไปถึงคริสจนเขาโกรธ ดุว่าเข้าให้ก็น้ำตาร่วงผล็อย

... บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า หลายคืนมานี้เขานอนเป็นเพื่อนคริสเฉยๆ ไม่มีอย่างอื่นเลยจริงๆ จะมีก็แต่เมื่อคืนนี้ ซึ่งเขามีคนเดียวคริสไม่ได้มีด้วย...

กำลังจะก้าวขึ้นรถทั้งคู่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสาวใช้วิ่งออกมาจากตึก นำโทรศัพท์มายื่นให้บอกว่ามีสายด่วนจากสนามบิน  คริสรับสายเพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินที่สำรองไว้



:m15:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 10-09-2008 11:23:26
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 10-09-2008 11:53:13
กรี๊ด!!!!!!! :serius2:

น้องไมเคิล เกิดอะไรขึ้นกับน้องคะเนี่ยะ!!!!!!
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 10-09-2008 12:02:09
สนุกมาก ๆ ครับ   

งื้ด ๆ  แอบชอบแฟรงค์ตั้งแต่แรกแล้ว  เจ่าเล่ห์ดีจริง ๆ
ยิ่งฉากมาสเตอร์เบทยั่วอารมณ์  อ้างงงง  สุดยอดครับแฟรงค์
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 10-09-2008 12:48:33
สู้ๆนะครับคุณพ่อของไมเคิล :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 10-09-2008 14:33:04
อ่านรวดเดียว 15 ตอน สนุกมากๆ มาต่อไวๆนะฮะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 10-09-2008 16:00:44
[16]


ขณะเดินทางไปสนามบินรถติดมากจนแฟรงค์ต้องบอกทางให้นายจอนขับลัดเลาะไป และอดบ่นไม่ได้ว่าเป็นคนขับรถประสาอะไร ไม่รู้จักเส้นทางลัด

“ของอะไรหรือคริส ให้ใครไปรับแทนหรือฝากไว้ก่อนไม่ได้เหรอ”

“เขาบอกว่าต้องไปรับด้วยตัวเอง เขาไม่อยากรับฝาก เป็นสิ่งมีชีวิตอยากให้เรารีบไปรับ”

“สิ่งมีชีวิต ? อะไร? คุณสั่งอะไรไว้หรือคริส...”

คริสบอกว่าเขาไม่เคยสั่ง ไม่รู้ด้วยว่าสิ่งมีชีวิตที่ว่านั้นคืออะไรจนกว่าจะไปเห็นด้วยตาตัวเอง คนที่โทรมาแจ้งยืนยันว่าเขาต้องไปพบและแสดงตัวว่าเป็น คริส บริเจคส์ จึงจะส่งมอบให้พร้อมจดหมายปิดผนึกจากผู้ที่นำมาฝากส่ง

“พิลึกจังแฮะ ไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือคริส ของอะไรส่งมาจากไหนก็ไม่รู้ คุณมีสิทธิไม่รับได้มั้ยถ้าไม่ชอบใจ”

“คงงั้นมั้ง ถ้าไม่อยากรับก็ส่งคืนเจ้าของไป ฉันแค่อยากไปดูให้รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้นเอง”

“หึ! หวังว่าคงไม่ใช่สัตว์สองเท้านะคริส..” แฟรงค์กระเซ้าเล่น



 :m12:



“สวัสดีครับมิสเตอร์บริเจคส์  ขอบคุณที่กรุณาสละเวลามา”

เจ้าหน้าที่สนามบินกล่าวขอบคุณและต้อนรับด้วยความยินดีจนคริสรู้สึกประหลาดใจ และยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเขาถูกเชิญไปยังห้องรับรองพิเศษของหน่วยรักษาพยาบาลแทนที่จะเป็นแผนกรับส่งพัสดุ ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตก็เถอะ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานนี้เลย

“ดีใจมากครับ ที่คุณมีตัวตนจริง และกรุณาสละเวลามา”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสีหน้าฉงน จดหมายหนึ่งฉบับถูกยื่นให้พร้อมคำกล่าวอย่างสุภาพเหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“กรุณาเปิดอ่านให้หายข้องใจก่อนครับ แล้วผมจะอธิบายความเป็นมาให้ทราบอีกครั้ง”

คริสรับจดหมายมาถือไว้อย่างงงๆ จดหมายจ่าหน้าซองภาษาอังกฤษ ถึง คริส บริเจคส์ ไม่บอกว่าส่งมาจากไหนให้คลายความสงสัย มีทางเดียวคือต้องเปิดออกอ่าน

คริสเปิดจดหมายอย่างใจเย็น แม้จะนึกสงสัยแต่เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นอยากรู้สักเท่าไร เขาให้แฟรงค์ไปจัดการเรื่องตั๋วเพราะมีเวลาเหลืออีกไม่มาก นี่ถ้าแฟรงค์อยู่ด้วยคงแย่งจดหมายไปเปิดอ่านแล้ว


….ถึงแด๊ดดี้คริสที่รักของไมเคิล…  

คริสใจหายวาบ  แค่ข้อความบรรทัดแรกก็ทำเอาหัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ   รีบอ่านข้อความต่อไปด้วยอาการร้อนรน

“ผมโทนี่.. ขอขอบคุณด้วยใจจริงอีกครั้งที่คุณกรุณาสละเวลาไปร่วมงานแต่งงานของผมกับลินดา ผมมีข่าวร้ายที่จะแจ้งให้คุณทราบว่า ชีวิตคู่ระหว่างผมกับเธอได้จบลงแล้วในเวลาเพียงหนึ่งเดือนเศษ ลินดาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำพร้อมกับลูกชาย เธอเสียชีวิตในรถแต่ไมเคิลโชคดี กระเด็นออกมานอกรถก่อนที่รถจะระเบิด แต่ถึงอย่างนั้นไมเคิลก็ได้รับบาดเจ็บอย่างแรงบริเวณสมอง ทำให้ความทรงจำเสื่อมและตาสองข้างมองไม่เห็น

สองเดือนที่ผ่านมาผมพยายามดูแลเขาอย่างดีที่สุด เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังอยู่ในฐานะลูกเลี้ยงของผม แต่ ณ วันนี้ผมมีความจำเป็นต้องเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อดูแลธุรกิจให้กับลุง ผมไม่สามารถพาไมเคิลไปด้วย และตระหนักแล้วว่าผมไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดไป เพราะมันเป็นภาระที่ใหญ่หลวงมาก ผมจำเป็นต้องส่งเขากลับเมืองไทย ในฐานะที่คุณเคยขอรับอุปการะไมเคิลเป็นบุตรบุญธรรม และผมก็รู้ว่าไมเคิลรักคุณมากเหมือนพ่อแท้ๆ ของเขา ผมจึงอยากให้ไมเคิลกลับมาอยู่กับคุณ ผมรู้สึกเสียใจที่พรากเขามาจากคุณจนต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ แต่ถ้าคุณเปลี่ยนใจไม่ต้องการรับอุปการะแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะการเลี้ยงดูเด็กชายที่กำลังจะเติบโตเป็นหนุ่มในสภาพความจำเสื่อมและตามองไม่เห็น อาจสร้างปัญหาให้กับคุณเหมือนที่ผมได้รับ ผมคิดว่าความรู้สึกที่คุณและผมมีให้กับไมเคิลคงไม่แตกต่างกัน แม้มันจะมากแค่ไหน แต่เราก็ไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดไป หากคุณเปลี่ยนใจไม่รับอุปการะแล้วผมก็จะรับเป็นพ่ออุปถัมภ์ของไมเคิล แต่จะส่งเขาไปยังสถานสงเคราะห์เด็กพิการให้ช่วยดูแลแทน หวังว่าคุณคงเห็นดีด้วย...”  

….โอ!!! พระเจ้า!!….

คริสอ่านข้อความ 2 – 3 บรรทัดสุดท้ายแทบไม่เห็น ตัวหนังสือพร่ามัวจนต้องกระพริบตาให้น้ำใสที่เอ่อคลอร่วงผล็อยลง เขาหมดแรงจนต้องหาที่นั่ง เจ้าหน้าที่รีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง


“คุณบริเจคส์ โอเคมั้ยครับ”

คริสพยักหน้าก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงพร่า

“เด็กอยู่ไหน ขอผมพบเดี๋ยวนี้ได้มั้ย”

“ได้ครับ เชิญทางนี้”

คริสลุกขึ้นเดินตามเจ้าหน้าที่ไปที่ห้องพยาบาล ใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดีใจที่กำลังจะได้พบไมเคิล ตกใจและเสียใจกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับหนุ่มน้อยที่เขารัก และรู้สึกโกรธโทนี่อย่างมากที่บังอาจเปรียบเทียบความรู้สึกของตัวเองว่า.. ไม่ต่างจากความรู้สึกของเขาที่มีต่อไมเคิล อย่าว่าแต่ความจำเสื่อมและตามองไม่เห็นเลย ต่อให้หนุ่มน้อยของเขาต้องนอนแบบอยู่บนเตียงเป็นเจ้าชายนิทรา เขาก็ยินดีที่จะดูแลตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่

หัวใจคริส บริเจคส์ แทบสลายเมื่อเห็นสภาพของร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ก่อนจากกันไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ไมเคิลมีร่างกายสมบูรณ์เพราะเขาคอยดูแลให้ทานแต่อาหารที่มีประโยชน์และดื่มนมทุกวัน แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่ผิวพรรณและหน้าตาสดใสด้วยเลือดฝาด เวลายิ้มและหัวเราะแต่ละครั้งแก้มเป็นพวง จนเขาอดไม่ได้ต้องจูบและหอมแก้มทุกครั้งที่เจ้าหนูหัวเราะ

ไมเคิลที่เขาเห็นขณะนี้ไม่เหลือเค้าหนุ่มน้อยคนเดิม เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่หลายชิ้นไม่อาจปิดบังความซูบผอมของร่างกายได้ ขอบตาทั้งสองข้างมีรอยลึกโหลเหมือนไม่ได้นอนพักและหลับอย่างเต็มอิ่ม สีหน้าซีดเซียวแก้มตอบ แขนขาแลดูยาวเก้งก้างไม่ใช่เพราะสูงขึ้นแต่เพราะผ่ายผอมลงไป ดูแล้วน้ำหนักคงจะลดลงไปไม่ต่ำกว่า 5 กิโล

“กำลังหลับครับ นั่งอยู่ที่อาคารขาเข้าทั้งคืนไม่ได้นอน เจ้าหน้าที่สงสัยจึงเข้าไปสอบถามกว่าจะรู้เรื่องเล่นเอามึนเหมือนกัน เพราะนอกจากตาแกจะมองไม่เห็นแล้ว ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องครับ บอกแต่ว่าคอยพ่อมารับ ถ้าไม่ได้จดหมายฉบับนี้ก็คงแย่เหมือนกัน”

เจ้าหน้าที่ยื่นจดหมายอีกสองฉบับให้เขา ฉบับแรกเป็นจดหมายสั้นๆ จ่าหน้าถึงเจ้าหน้าที่สนามบินให้ติดต่อเขาตามชื่อที่อยู่ข้างล่าง หากพยายามแล้วไม่พบให้ส่งเด็กไปยังสถานสงเคราะห์เด็กพิการและให้นำจดหมายฉบับที่สามมอบให้

“จดหมายสามฉบับนี้อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเด็กครับ”

ฉบับที่สามคือจดหมายปิดผนึกถึงเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์ คริสใจหายอย่างแรงเมื่อเห็นข้อความในจดหมาย …โทนี่เตรียมจะส่งไมเคิลไปสถานสงเคราะห์เด็กพิการจริงๆ หากเจ้าหน้าที่สนามบินติดต่อเขาไม่ได้ ถ้าเขาออกจากบ้านเร็วกว่านี้อีกนิดเดียว ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะตามหาหนุ่มน้อยพบว่าอยู่ในสถานที่ที่แสนจะน่าเวทนานั้น…

คริสก้มลงจูบแก้มหนุ่มน้อยอย่างแผ่วเบาเพราะไม่อยากให้ตกใจตื่น แต่ทว่าน้ำตาเจ้ากรรมดันร่วงผล็อยลงที่เปลือกตาเจ้าหนู ทำให้ร่างที่นอนขดตัวอยู่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงครางในลำคอเหมือนเด็กเล็กเวลาตกใจ

คริสสวมกอดหนุ่มน้อยและกระซิบปลอบเบาๆ

“แด๊ดอยู่นี่ไมเคิล.. แด๊ดจะพาลูกกลับบ้าน  เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่จากกันอีกแล้ว”

หนุ่มน้อยหลับสนิทลงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกระซิบปลอบโยนอันแสนอบอุ่นนี้

คริสลุกขึ้นยืนกล่าวกับเจ้าหน้าที่

“ผมจะพาลูกกลับบ้าน ขอบคุณที่ช่วยดูแลเขาอย่างดี”

เจ้าหน้าที่รู้สึกยินดีที่เป็นตัวกลางให้พ่อลูกได้พบกัน

“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนอยู่แล้ว ผมดีใจมากที่ไม่ต้องส่งเด็กไปสถานที่แบบนั้น ดีใจที่ได้พบคุณก่อน ทราบว่าคุณกำลังจะเดินทาง จะไปไหนหรือครับ ขอโทษที่เสียมารยาท หากคุณไม่ทันขึ้นเครื่อง ผมจะช่วยดำเนินการเปลี่ยน Flight ที่เร็วที่สุดให้”

คริสนึกขึ้นได้ จริงซิ… ป่านนี่แฟรงค์ยืนคอยาวเป็นยีราฟแล้ว Flight ที่สำรองไว้เครื่องจะออกในอีก 15 นาทีแล้ว

“ขอบคุณครับ ผมเปลี่ยนแผนยกเลิกการเดินทาง ไม่มีความจำเป็นต้องไปแล้ว

คริสโทรติดต่อแฟรงค์ให้ยกเลิกการเดินทางและให้โทรเรียกจอนนี่กลับมารับด่วนที่สุด

เขาช้อนร่างเล็กขึ้นจากเตียง ใจหายวาบเมื่อรู้สึกว่าร่างกายของหนุ่มน้อยเบาหวิว น้ำหนักลดลงไปมากกว่าที่เขาคิดไว้

“เอ่อ.. ขอโทษนะครับ” เจ้าหน้าที่เอ่ยถามอย่างเกรงใจก่อนที่คริสจะจากมา

“คุณเป็นพ่อของเด็กหรือครับ”

คำตอบที่เจ้าหน้าที่ได้รับจากเขาก็คือ

“ครับ.. เด็กเป็นลูกผมตั้งแต่ 11 เดือนที่แล้ว  แต่ผมเป็นพ่อของเขา ตั้งแต่เขาอายุ 5 ขวบ”




:m15:




TBC >>>>>


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [hert&Ho] เตรียมกระ$
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 10-09-2008 16:12:26
มาต่ออีกสักตอนก็ดีนะฮะ  :oni3: :oni3: รออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ตอนที่ 16 แล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-09-2008 16:31:46
แงแง

ทำไมทำร้ายไมเคิลเหลือเกิน

 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ตอนที่ 16 แล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 10-09-2008 17:01:37
โถ โถ โถ

ไมเคิลของเจ้

 :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ตอนที่ 16 แล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 10-09-2008 17:06:16
  :o12:
 :sad2:
น้องไมเคิล
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ตอนที่ 16 แล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 10-09-2008 19:13:48
ง่ะ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ตอนที่ 16 แล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 10-09-2008 19:37:45
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ตอนที่ 16 แล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-09-2008 22:50:18
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับผม เรื่องสนุกน่าสนใจมากครับผม

เป็นกำลังใจให้ครับผม ชอบๆๆ

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ตอนที่ 16 แล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-09-2008 23:23:49
สงสารไมเคิลลลลลลลลลลลลลลลลล :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ตอนที่ 16 แล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-09-2008 10:23:25

[16] ต่อ..


“เตียงของลูกนะไมเคิล ” เสียงทุ้มกระซิบบอกก่อนวางร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา

“แด๊ดรักลูกนะ คิดถึงลูกทุกวันทุกคืนเลย  แด๊ดสัญญาจะไม่ยอมให้ใครพรากลูกไปไหนอีกแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป..”

คริสใจหายอย่างแรงเมื่อถอดเสื้อผ้าหนุ่มน้อยออกจะเช็ดตัวให้ ไม่ใช่เพราะความผ่ายผอมของร่างกาย แต่เพราะเกือบทุกส่วนของผิวกายทั้งแขนขาและลำตัวมีรอยแดงเป็นแนวเหมือนถูกตีด้วยหวายหรือแส้ โดยเฉพาะแผ่นหลังเขาเห็นแล้วไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้ รู้สึกเจ็บเหมือนหัวใจถูกบีบ แค่เห็นยังเจ็บขนาดนี้ขณะที่ไมเคิลถูกกระทำจะเจ็บปวดขนาดไหน

คริสคว้าโทรศัพท์กดสายในเรียกแฟรงค์ขึ้นมาหาโดยด่วน เขาเกือบจะตะโกนเรียกแต่นึกขึ้นได้ว่าไมเคิลจะตกใจตื่น

แฟรงค์ตะลึงกับร่องรอยบาดแผลที่เห็นตรงหน้า

...โอ!พระเจ้า จะมีใครทำเรื่องแบบนี้ได้ถ้าไม่ใช่ไอ้หมอนั่น!! มันตั้งใจทารุณเด็กเพราะเจ็บแค้นหรือโกรธเคืองด้วยเรื่องอะไรกัน ถึงเด็กจะดื้อหรือเกเรแค่ไหนมันก็ไม่มีสิทธิจะลงโทษด้วยวิธีที่โหดร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้...

“รอยอะไร แฟรงค์..” คริสถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มือลูบไล้รอยแดงที่ผิวกายขาวแผ่วเบา

“รอยไหนล่ะ.. ” แฟรงค์เลี่ยงไม่ตอบ แม้พอจะสันนิษฐานได้ว่ารอยบอบช้ำเหล่านี้เกิดจากการกระทำที่โหดร้ายอย่างไร

“คุณต้องพาไมเคิลไปโรงพยาบาล อาการที่เป็นอยู่อาจไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ  คุณเห็นอย่างที่ผมเห็น คุณสงสัยยังไงก็ยังงั้นแหล่ะ”

คริสพยักหน้ารับทราบ ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้คือร่องรอยที่ไมเคิลถูกทำร้ายอย่างทารุณ ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้นที่เจ็บปวด จิตใจของหนุ่มน้อยคงเจ็บปวดไม่แพ้กัน เสียงร้องไห้และร้องเรียกให้ช่วยในความฝันยังก้องอยู่ในโสตประสาทของเขา


 o7


คริสนั่งเฝ้าจนไมเคิลรู้สึกตัวขึ้นในตอนบ่าย สีหน้ามีเลือดฝาดขึ้นหลังจากได้นอนหลับเต็มอิ่ม เมื่อตามองไม่เห็นในสภาพที่จำความไม่ได้ ไมเคิลจึงนอนนิ่งเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้

มือใหญ่เสยผมนุ่มกระซิบทักเสียงอ่อนโยน

“หวัดดีไมเคิล... ที่นี่บ้านเรา แด๊ดพาลูกกลับบ้านเราแล้วนะ..”

คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยก่อนคลายออกและพึมพำเบาๆ

“บ้าน..”

“ใช่!!.. บ้านของเรา จำแด๊ดได้หรือเปล่า ไมเคิล...หือ.. ”

“แด๊ด...”

คริสยิ้มด้วยความรู้สึกปิติ หากแต่แฝงความขมขื่นไว้ภายใน

“ใช่ครับ.. แด๊ดดี้คริสของลูก แด๊ดคิดถึงลูกนะ ไมเคิล.. เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่จากกันอีกแล้วนะ..”

“แด๊ดดี้คริส..” เสียงทวนคำของหนุ่มน้อยก่อนที่ร่างเล็กจะกระเถิบออกห่าง

“ไม่!!.. ผมไม่อยากหาแด๊ด.. ผมจะหาพ่อ จะหาโทนี่...”

“เฮ้!!.. ทำไมล่ะ.. จำแด๊ดไม่ได้หรือ ไมเคิล..”

คริสใจหายเมื่อร่างเล็กพยายามถดหนี ดวงตาเลื่อนลอยฉายแววตื่นกลัว แม้จะตระหนักดีว่าไมเคิลจำความอะไรไม่ได้ แต่การผลักไสเขาและร้องหาโทนี่ทำให้เขารู้สึกเจ็บช้ำในหัวอก รีบรั้งหนุ่มน้อยเข้ามาสวมกอดและกระซิบปลอบอ่อนโยน

“ไม่ต้องกลัว ไมเคิล.. แด๊ดเป็นพ่อของลูก.. ขอแด๊ดกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะครับ..”

ร่างเล็กพยายามขืนตัวแต่สักครู่ก็ยอมนอนนิ่งในอ้อมกอดแต่โดยดี

“โทนี่บอกให้นั่งคอย เดี๋ยวจะกลับมารับ.. โทนี่อยู่ไหน..”

..โอ!!.. พระเจ้า.. เขาเป็นคนอื่นไปแล้วจริงๆ ไมเคิลจำเขาไม่ได้ แต่จำโทนี่ได้..

“โทนี่ให้แด๊ดมารับลูก ต่อไปแด๊ดจะดูแลลูกเองนะไมเคิล เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ ที่บ้านของเรา..”

“คุณเป็นพ่อผมจริงเหรอ..”

“แด๊ด.. เอ่อ..”

คริสอึ้งไป ...จะตอบยังไงให้เด็กชายที่อยู่ในสภาพตื่นกลัวและจำความไม่ได้เข้าใจความเป็นพ่อของเขา

“แด๊ดเป็นพ่อบุญธรรมของเธอ ไมเคิล.. ที่นี่คือบ้านของเธอก่อนที่เธอจะไปอยู่ที่อื่น.. ”

แฟรงค์ชิงตอบแทน เขานั่งนิ่งฟังอยู่ห่างๆ เจอคำถามนี้ยังรู้สึกแย่  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคริสจะรู้สึกอย่างไร

“ใช่จ้ะ แด๊ดเป็นพ่อบุญธรรมของลูก.. แล้วโทนี่ล่ะ เขาเป็นอะไรกับลูกเหรอ..”

คริสย้อนถามกลับไป หัวอกเขาร้อนรุ่ม  อยากรู้ว่าหมอนั่นอยู่ในฐานะอะไร

“โทนี่บอกว่าเป็นพ่อเลี้ยง แต่เขาให้เรียกโทนี่..เฉยๆ ”

คริสโล่งอก ... อย่างน้อยหมอนั่นก็ไม่ได้สมอ้างว่าตัวเองเป็นพ่อที่แท้จริงของเด็ก...

“เกิดอะไรขึ้นกับลูก ไมเคิล.. โทนี่เล่าอะไรให้ฟังบ้าง ลูกอยู่กับใครอีกนอกจากโทนี่...” คริสตะล่อมถาม อยากรู้ว่าไมเคิลรู้ความอะไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการจากไปของแม่..

“อยู่สองคนกับโทนี่ โทนี่บอกว่าเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำทำให้ตาผมมองไม่เห็น.. และแม่ก็เสียชีวิตในรถด้วย..” น้ำเสียงสะอื้น สีหน้าจะร้องไห้กับเรื่องที่บอกเล่า

คริสกระชับร่างเล็กในอ้อมแขนแน่นขึ้นและปลอบถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“นอกจากตาแล้วเจ็บตรงไหนอีกครับ ตอนนี้ยังเจ็บอยู่มั้ย”

เด็กชายส่ายหน้าและย้อนถามกลับ

“โทนี่อยู่ไหน.. ผมอยากคุยกับโทนี่.. ทำไมเขาถึงให้ผมมาอยู่กับคุณ คุณไม่ใช่พ่อจริงๆ ของผมซะหน่อย..”

เป็นคำถามที่ตอกย้ำให้คริสรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น คำพูดของเจ้าหนูเฉือนหัวใจเขาเหลือเกิน.. ไมเคิลลืมเขาแล้วจริงๆ ขนาดนั่งคุยกับเขายังถามหาแต่หมอนั่น...

“เขาต้องไปทำงานในที่ไกลๆ เอาลูกไปด้วยไม่ได้ ต่อไปแด๊ดจะดูแลลูกเอง เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่จากกันอีกแล้วนะ ไมเคิล..”

คิ้วเรียวขมวด “เราเคยอยู่ด้วยกันเหรอ..”

“เคยซี.. ลูกอยู่กับแด๊ดที่นี่ก่อนจะไปอยู่ที่อื่น ที่นี่เป็นบ้านของลูกนะ ไมเคิล..”

“โทนี่บอกว่าพ่อจริงของผมตายแล้ว ผมมีแต่พ่อบุญธรรมเป็นฝรั่ง ใช่คุณรึเปล่าครับ..”

“ใช่จ้ะ แด๊ดเป็นฝรั่ง.. เราสัญญาเป็นพ่อลูกกันก่อนที่ลูกจะไปอยู่กับแม่ที่ฮ่องกง..”

สีหน้าครุ่นคิดของเด็กชายเหมือนพยายามทบทวนความทรงจำ

“คุณใจดีมั้ย คุณชอบเด็กผู้ชายรึเปล่าครับ..”

คริสใจหายวาบ... ไอ้หมอนั่นบอกอะไรกับไมเคิลงั้นเหรอ.. คิ้วเข้มขมวด เขย่าร่างเล็กในอ้อมแขนด้วยความลืมตัว

“เหลวไหล!! โทนี่พูดจาเหลวไหล.. มันพูดอะไรกับลูกบ้าง ลูกอย่าไปเชื่อนะไมเคิล..”

“อย่าเสียงดังซีคริส.. ไมเคิลตกใจเห็นมั้ย” แฟรงค์ร้องห้าม

คริสรู้สึกตัวคลายอารมณ์ฉุนเฉียวลง เห็นร่างเล็กตกใจกลัวจนตัวสั่นก็รู้สึกเสียใจและโกรธตัวเอง รีบกระซิบปลอบเสียงอ่อนโยน

“แด๊ดไม่ได้ดุ ไม่ได้ว่านะ ไมเคิล.. ไม่ตกใจนะลูก..”

“คุณโมโหเหรอ~~  แปลว่าคุณไม่ชอบเด็ก แล้วรับผมเป็นลูกทำไม..” หนุ่มน้อยย้อนถามน้ำเสียงสั่น

“เปล่านะไมเคิล แด๊ดไม่ได้โมโห แด๊ด.. เอ่อ..”  คริสอึกอัก หันไปหาแฟรงค์ก็เห็นนั่งอมยิ้มอยู่ ....เขาเข้าใจความหมายผิดไปเองงั้นเหรอ…

“แด๊ดขอโทษที่เสียงดัง หายตกใจรึยังครับ..” คริสไม่แน่ใจในความหมายของคำว่า ‘ชอบเด็กผู้ชาย’ ที่ไมเคิลถาม จึงเลี่ยงไม่ตอบคำถาม

“มันไม่ได้เกี่ยวกับการชอบเด็กผู้ชายหรือไม่ชอบ  ถามแบบนี้แปลว่าลูกยังจำแด๊ดไม่ได้ เราค่อยๆ ทำความรู้จักกันก่อนดีมั้ย พอลูกจำได้ ก็จะรู้เองว่าทำไมแด๊ดถึงรับลูกเป็นลูก..”

เสียงทุ้มปลอบอ่อนโยนทำให้เจ้าหนูหยุดคำถามแปลกๆ พยักหน้ารับโดยดี

“ผมต้องเรียกคุณว่า ‘แด๊ด’ เหรอ..”

“ถ้าลูกยังไม่พร้อมจะเรียกเพราะจำแด๊ดไม่ได้ เรียกชื่อเฉยๆ ก็ได้..”

สีหน้าครุ่นคิดของเด็กชาย สายตาพยายามมองเขาแต่เลื่อนลอยไปไกล

“ชื่อ.. คริส.. หรือครับ..”

“ใช่ครับ.. คริส บริเจคส์ คือชื่อของแด๊ด..”

“ผมจะเรียก คุณคริส ผมก็จำโทนี่ไม่ได้เหมือนกัน เขาก็เลยให้ผมเรียกชื่อเฉยๆ.. ”

คริสยิ้มขื่น.. พูดถึงหมอนั่นอีกแล้ว... คำก็โทนี่.. สองคำก็โทนี่...

“โอเคจ้ะ ลูกเรียกแด๊ดว่าคุณคริส แต่แด๊ดจำลูกได้ เพราะงั้นลูกก็ยังคงเป็นลูกของแด๊ด นับจากวันนี้ไปแด๊ดจะดูแลลูก จะรักษาลูกให้จำได้และมองเห็นเร็วๆ สัญญานะไมเคิล ว่าเราจะไม่จากกันอีก..”

คิ้วเรียวขมวดเหมือนไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้ารับ คริสสวมกอดร่างเล็กในอ้อมแขนด้วยความรัก ท่ามกลางความเจ็บช้ำในหัวอกเขาก็ยังรู้สึกเป็นสุขและดีใจอย่างที่สุด แม้ไมเคิลจะจำเขาและเรื่องราวในอดีตไม่ได้แต่ก็ยังพูดจารู้ความ ความหวังในการรักษาให้หนุ่มน้อยกลับเป็นเหมือนเดิมคงไม่นานเกินรอ เขาภาวนาให้ถึงวันนั้นเร็วๆ วันที่ไมเคิลจำเขาได้และเรียกเขาว่าแด๊ดดี้เหมือนที่เคยเรียก


:กอด1:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-09-2008 10:39:43
[17]


คริสถามไมเคิลเรื่องร่องรอยความบอบช้ำที่ได้รับ นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว การพยายามนึกถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเองทำให้หนุ่มน้อยเกิดอาการผวาและส่งเสียงร้องอย่างไม่มีสติ เขาต้องกอดปลอบอยู่นานกว่าเจ้าหนูจะสงบลงและพูดจารู้เรื่อง

ไมเคิลเงยหน้าขึ้นยิ้มเป็นครั้งแรก หัวใจที่เจ็บช้ำของคริสคลายลงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มนี้  เด็กชายดูมีความสุขมากเมื่อได้อยู่ในอ่างน้ำ คริสจูบแก้มเปียกชื้นเบาๆ

“ลุกขึ้นเถอะไมเคิล สะอาดแล้วลูก”  คริสฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นแต่อีกฝ่ายขืนตัวไว้ไม่ยอมลุกตาม

แฟรงค์หัวเราะ

((เขายังไม่อยากลุก คริส.. ให้นั่งต่ออีกสักพักก็ได้ สงสัยไม่ได้แช่น้ำในอ่างนานแล้ว))

คำพูดของแฟรงค์ทำให้หัวอกของคริสเจ็บช้ำขึ้นอีก ... ไม่มีใครนั่งแช่น้ำได้ทั้งที่แผลเต็มตัวอย่างนี้หรอก...

โทรศัพท์ดังแว่วอยู่นอกห้อง คริสลุกขึ้นยืนและสั่งให้แฟรงค์ทำหน้าที่แทน

((ดูไมเคิลด้วยนะ แฟรงค์.. ให้เขาฉี่ก่อน บอกเขาด้วยว่าต้องฉี่ตรงไหน))

แฟรงค์ยอมยกให้กับความละเอียดอ่อนของคริส แม้กระทั่งเรื่องฉี่ยังอุตส่าห์นึกได้... ภาระหน้าที่ในฐานะพ่อของคริส บริเจคส์ ไม่ใช่แค่การกระทำเท่านั้น แต่จิตใจของคริสเป็นพ่อของลูกโดยสมบูรณ์ เสียดายเวลาที่ผ่านมา... คริสน่าจะได้มีโอกาสเป็นพ่อคนมาตั้งนานแล้ว

กว่าไมเคิลจะยอมขึ้นจากน้ำแฟรงค์ต้องพูดหลอกล่ออยู่นาน เขาจับมือหนุ่มน้อยแตะต้องที่หมายให้รู้ว่านี่คือที่สำหรับปล่อยทุกข์เบา

“แด๊ดบอกให้ฉี่ก่อน ไมเคิล.. ”

อาการทางกายของไมเคิล แม้จะไม่น่าวิตกเพราะสามารถพูดคุยและสื่อสารให้เข้าใจได้ แต่บางครั้งก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเอาดื้อๆ ตั้งแต่พาเข้ามาอาบน้ำจนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมพูดคุยสักคำ ร่องรอยบาดแผลที่แผ่นหลังทำให้แฟรงค์มั่นใจว่าการกระทบกระเทือนทางสมองของไมเคิลไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุรถคว่ำอย่างที่เจ้าโทนี่บรรยายไว้ในจดหมาย

แฟรงค์ยืนกอดอกดูร่างเล็กบางยืนนิ่งคิ้วขมวด

“ไม่ออกหรือไมเคิล.. ไม่ปวดก็ไม่ต้องฉี่ ”

ร่างสูงก้มลงกระซิบแหย่ด้วยความเอ็นดู

“แค่ฉี่ทำไมต้องหน้านิ่วขนาดนี้ หือ... ต้องทานข้าวเยอะๆ แล้วนะไมเคิล.. ดูซิไอ้หนูตัวเล็กนิดเดียว ” แฟรงค์จับไอ้หนูของไมเคิลกุมไว้เบาๆ

“ไม่ปวดแน่เหรอ โอ๊ะ!! โอ้ววว!!...”

แฟรงค์ยกฝ่ามือที่ชุ่มฉ่ำขึ้นดูและหัวเราะ

“ขอโทษครับคุณหนูไมค์.. ต่อไปผมจะไม่บังอาจว่ามันตัวเล็กอีกแล้ว..”

แฟรงค์จูบแก้มหนุ่มน้อยเบาๆ และขยับไปล้างมือ ก่อนหยิบเสื้อคลุมสวมให้ร่างเล็กและจูงมือพาเดินออกจากห้องน้ำ


:m23:


“คริส กลับไปนอนที่ห้องเถอะ จะนอนนี่เหรอ”

แฟรงค์เขย่าตัวร่างสูงซึ่งนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาที่ถูกลากมาอยู่หน้าเตียงไมเคิล

“กี่โมงแล้ว” คริสงัวเงียลุกขึ้น

“5 ทุ่มกว่าแล้ว กลับไปนอนที่ห้องเถอะ ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหรอก ไมเคิลไม่ได้ป่วยหนักถึงขนาดต้องนอนเฝ้า”

“ฉันกลัวเขาลุกเข้าห้องน้ำ ฉันจะนอนนี่แหละ นายไปนอนเถอะแฟรงค์ มีใครรออยู่ไม่ใช่เหรอ โอหรือบอยล่ะ”

แฟรงค์ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ ตั้งแต่คริสเลิกยุ่งเกี่ยวกับหนุ่มน้อยพวกนี้ โอและ แจ๊คก็เริ่มผลัดกันตบเท้ามาเคาะประตูห้องเขาขอนอนด้วย ทำให้บอยเริ่มไม่พอใจและออกปากต่อว่าเพื่อนๆ จนถูกโอสวนกลับเข้าให้อย่างไม่ไว้หน้า

“ถึงนายจะชอบคุณแฟรงค์  ก็ไม่ได้หมายความว่านายมีสิทธิในตัวคุณแฟรงค์มากกว่าพวกเรานะโว้ย บอย.. อย่าลืมว่าฉันมีอะไรกับคุณแฟรงค์ก่อนนาย  พูดถึงสิทธิและลำดับก่อนหลัง นายต้องไปต่อแถวแจ๊คด้วยซ้ำ”  

แฟรงค์กลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินถ้อยคำที่หนุ่มน้อยโต้เถียงกัน ...นี่เขากลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ในบ้านไปแล้วหรือ....  

“อย่าสนเลยคริสว่ามีใครคอยผมอยู่ ผมมีหน้าที่แบ่งเบาปัญหาและภาระของคุณทุกเรื่องอยู่แล้วนี่ แม้กระทั่งเรื่องเซ็กซ์..”

แฟรงค์ก้มลงจูบแก้มสากเบาๆ

“กู๊ดไนท์ บ๊อส.. อย่าลืมว่าไมเคิลนอนอยู่ข้างๆ คุณแล้วนะ ถ้าคืนนี้คุณฝันร้ายอีก คนที่จะตกใจตื่นไม่ใช่ผมแล้ว”



:m12:



คริสสะดุ้งตื่นกลางดึก ถลาไปที่เตียงพบหนุ่มน้อยนอนคว่ำซุกหน้ากับหมอนส่งเสียงร้องครางเหมือนกำลังได้รับความเจ็บปวด

คริสขยับร่างเล็กนอนหงาย สีหน้าเจ้าหนูเจ็บปวดและหวาดกลัวทั้งที่ดวงตาปิดสนิท เสียงร้องครางและพึมพำอยู่ในลำคอเหมือนกำลังฝันร้าย

“แด๊ดอยู่นี่ ไมเคิล.. ไม่กลัวนะลูก..”

คริสสวมกอดไมเคิลไว้แนบอก เขาสัมผัสถึงความกลัวและความเจ็บปวดของร่างเล็กในอ้อมแขนจนไม่คิดว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย แม้สมองจะได้รับความกระทบกระเทือนจนจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ แต่เหตุร้ายที่เกิดขึ้นย่อมคงอยู่ภายใต้จิตสำนึก

ไมเคิลสงบลงและหลับสนิทไปแล้ว แต่คริสยังนั่งนิ่งอยู่ในความมืด เขาไม่เคยสัมผัสความทุกข์ใจลักษณะนี้มาก่อนในชีวิต ตั้งแต่รู้ตัวว่าหลงรักหนุ่มน้อยไมเคิลอย่างลูกชาย กว่าครึ่งปีที่ผ่านมา... ความรู้สึกในฐานะพ่อของเขากลับพบกับความทุกข์มากกว่าความสุข ทุกข์เวลาเห็นลูกเจ็บ ทุกข์ที่ต้องพรากจากลูก ความรู้สึกของคนเป็นพ่อ.. เป็นอย่างที่เขากำลังเป็นทุกคนหรือเปล่า



o7



TBC>>>>

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 11-09-2008 11:00:23
+1  เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-09-2008 11:32:32
แฟรงค์ตกที่นั่งลำบากแล้ว 555
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 11-09-2008 14:30:32
 :serius2:น้องไมค์โดนทำอะไรมาคะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 11-09-2008 14:30:41
ไอ้เวงโทนี่ มันทำอะไรน้องไมเคิลลลลลลลลลลล  :เตะ1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 11-09-2008 14:42:43
น้องไมเคิล น่าสงสารจัง :m15: แต่ไมไม่รู้ชอบแฟรงค์อ่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 11-09-2008 14:45:10
 :m15:เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆเลยพ่อคุณ :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 11-09-2008 15:43:59
กรรมเวรของไมเคิล

หายป่วยไวไวนะครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 11-09-2008 17:19:09
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับผม สงสารไมค์อะครับ คริสด้วย

ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ โทนี่ผมว่าน่าจะชอบไมค์นะครับ

แล้วเปาหูแม่ไมค์ให้กลับไปเลี้ยงเอง แล้วโทนี่ก็จะได้ใกล้ชิดไมค์ใช่ปะ อิอิ

เป็นกำลังใจให้ครับผม คริสอดทนแล้วนะครับ เชื่อว่าฟ้าหลังฝนมีจริง

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 11-09-2008 19:27:54
+1 เป็นกำลังใจนะคะ :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 12-09-2008 08:26:09
สะเทือนอารมณ์

สงสารไมเคิล

เมื่อไหร่จะมีความสุขซะที

หวังว่าการกลับมาอยู่กับคริส

จะช่วยเยียวยาบาดแผลของไมเคิลได้

 :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 12-09-2008 12:12:10

[17] ต่อ..


คริสพาไมเคิลไปโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น  หลังการตรวจเช็คร่างกายแพทย์ยืนยันว่าสมองของเด็กได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจริง แต่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุรถคว่ำที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เพียงสองเดือนอย่างแน่นอน เพราะนอกจากบาดแผลภายนอกที่เกิดจากการเฆี่ยนตีแล้ว ไม่มีอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในร่างกายส่วนใดนอกจากที่บริเวณศีรษะ แพทย์สันนิษฐานว่าผู้ที่กระทำทารุณ ถ้าไม่พลาดพลั้งก็อาจจงใจทำให้ศีรษะของเด็กกระทบกระเทือนอย่างแรง แพทย์ให้ความหวังว่าความทรงจำของเด็กพอจะฟื้นคืนได้แต่ต้องใช้เวลาและให้เด็กได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่รู้จักคุ้นเคยโดยเฉพาะคนที่เด็กรัก  ส่วนผลการเอ็กซเรย์ประสาทตาซึ่งถูกกระทบอย่างรุนแรง ยังมีโอกาสที่จะกลับมามองเห็นได้อีกครั้งโดยการผ่าตัด  แพทย์จึงแนะว่าควรรักษาดวงตาของเด็กให้มองเห็นก่อน เพราะการได้เห็นคนที่รู้จักและสถานที่ที่คุ้นเคยจะช่วยให้เด็กจำเรื่องราวต่างๆ ได้เร็วขึ้น…



:laugh:



คริสให้แฟรงค์หาพยาบาลพิเศษมาดูแลไมเคิล แต่แฟรงค์ไม่เห็นด้วย

“จ้างพยาบาลทำไมคริส ไมเคิลต้องการคนรู้จักพูดคุยด้วย  มันจะช่วยให้เขาฟื้นความจำเร็วขึ้น เด็กในบ้านเยอะแยะให้ผลัดกันเฝ้าคนละวัน เสาร์อาทิตย์ค่อยเป็นหน้าที่ของคุณ”

คริสไม่ค่อยเห็นด้วยแต่ไม่อยากขัดข้อเสนอของแฟรงค์ ลองดูก่อนก็ไม่เสียหาย เพราะไมเคิลต้องการคนรู้จักคุ้นเคยพูดคุยด้วยจริงๆ อย่างที่แฟรงค์ว่า

แฟรงค์จัดการให้หนุ่มน้อยทั้งสี่คนผลัดเวรกับเขาอยู่เป็นพี่เลี้ยงไมเคิลคนละวัน โดยคริสจะกลับมาดูแลเองในตอนเย็นและค่ำ คริสสั่งเด็กทุกคนในบ้านให้พูดคุยกับไมเคิลอย่างเพื่อน ไม่ให้เซ้าซี้ถามเรื่องราวต่างๆ แต่ให้คอยสังเกตกิริยาท่าทีของหนุ่มน้อยว่ามีความทรงจำกับเรื่องอะไรบ้าง

แฟรงค์เห็นด้วยกับคำแนะนำของแพทย์ในการรักษาดวงตาของไมเคิลให้มองเห็นก่อน แต่คริสขอเวลาให้หนุ่มน้อยได้อยู่ใกล้ชิดและคุ้นเคยกับเขาสักระยะ รอให้สภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เขาไม่อยากให้ไมเคิลเจ็บตัวอีกถึงจะเป็นการตรวจรักษาก็ตาม

คริสย้ายเตียงนอนของไมเคิลมาอยู่ในห้องนอนเขา เพราะเจ้าหนูมีอาการฝันร้ายเกือบทุกคืน บางคืนส่งเสียงร้องโหยหวนจนคนในบ้านตกใจตื่น แต่ในยามตื่นกลับจำไม่ได้ว่าตัวเองฝันอะไร

คริสให้แฟรงค์หาทางสืบเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างลินดาและโทนี่ เขาต้องการรู้ว่าตอนนี้หมอนั่นอยู่ที่ไหน… ลินดาเสียชีวิตแล้วจริงหรือ.. ตลอดเวลา 3 เดือนที่ฮ่องกงเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา...



:laugh:



วันนี้ครบหนึ่งสัปดาห์เต็มที่ไมเคิลกลับมาอยู่กับคริส  และเป็นเวลาสามวันแล้วที่หนุ่มน้อยไม่เอ่ยถามถึงโทนี่เลย สภาพร่างกายและจิตใจของไมเคิลทำให้คริสต้องใส่ใจดูแลไมเคิลเหมือนเด็กเล็ก บำรุงร่างกายจนร่างเล็กบางเริ่มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น สีหน้าสดใส เริ่มคุ้นเคยและพูดคุยกับคนในบ้านมากขึ้น แต่ทั้งหมดเป็นการรับรู้ในสิ่งใหม่ ไม่มีวี่แววว่าเจ้าหนูจะจำใครในบ้านได้แม้แต่เจ้าโดเบอร์แมนร็อกกี้ หมาคู่ใจของคริสที่จำไมเคิลได้และวิ่งเข้ามาทักทายนัวเนียด้วยความดีใจ หนุ่มน้อยกลับตกใจกลัวและร้องไห้  แต่ผ่านไปเพียงสองวันก็ทำความรู้จักและคุ้นเคยกันได้ดีเหมือนเดิม...

“ผมให้เวลาคุณอีกแค่วันเดียว งานง่ายๆ แค่นี้ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ก็ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว เจ้านายผมร้อนใจเรื่องนี้มากนะ แค่นี้ก่อน.. แล้วผมจะติดต่อกลับไป”   แฟรงค์รีบยุติการสนทนาทั้งที่ยังคุยธุระไม่จบ

คริสเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางอ่อนระโหยสีหน้าทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส  ในมือถือกระดาษสองแผ่น สภาพของคริสทำให้แฟรงค์ถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง

“เกิดอะไรขึ้นคริส.. คุณเป็นอะไร”

แฟรงค์เอ่ยถามยังไม่ทันขาดคำก็ถูกอีกฝ่ายสวมกอดและซบลงกับไหล่ร้องไห้ แฟรงค์ใจหายอย่างแรงเมื่อสัมผัสถึงความทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวงของคริส

“ใจเย็นๆ คริส.. บอกผมซี.. เกิดอะไรขึ้น คุณเป็นอะไร~~”

แฟรงค์พยายามรวบรวมสติและกำลังใจให้เข้มแข็ง  ทั้งที่โดยปกติแล้ว คริสต่างหากที่จะเป็นคนคอยปลอบโยนเวลาเขามีเรื่องทุกข์ใจ  คริสเป็นคนใจเย็นและนุ่มนวล อ่อนโยนแต่แฝงความเข้มแข็งเด็ดขาดไว้ กว่า 10 ปีที่คบกันมา.. นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นน้ำตาของคริส มันทำให้เขาใจเสียจนเกือบจะร้องไห้ตาม

“ได้โปรดเถอะคริส.. อย่าร้องไห้~~ ผมสามารถบรรเทาความทุกข์ให้คุณได้มั้ย บอกซีคริส.. ว่าเกิดอะไรขึ้น”

คริสยัดกระดาษสองแผ่นใส่มือแฟรงค์และผละไปนั่งที่โซฟา  แฟรงค์ก้มลงดูกระดาษที่อยู่ในมือ แผ่นแรกเป็นจดหมายภาษาอังกฤษ ลงชื่อโทนี่.. อีกหนึ่งแผ่นเป็นผลตรวจเลือดของลินดา ระบุว่าเธอเป็น…. โอ! พระเจ้า!!…


o2 o2 o2



มิสเตอร์บริเจคส์…

....หนึ่งอาทิตย์แล้วซีนะ ที่ไมเคิลกลับมาอยู่กับคุณ คุณคงมีคำถามค้างคาใจมากมายและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกบุญธรรมของคุณกันแน่ คุณคงกำลังรู้สึกโกรธและเกลียดชังผมอย่างมาก เพราะคิดว่าผมต้องมีส่วนรู้เห็นหรือเป็นคนทำให้ไมเคิลตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ผมเป็นลูกผู้ชายพอ และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะบอกเล่าความจริงทั้งหมดกับคุณ

เมื่อคุณได้เห็นผลตรวจจากแพทย์ที่แจ้งกับลินดาว่าเธอติดเชื้อ HIV คุณคงเข้าใจว่าผมรู้สึกอย่างไร ลินดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำจริง แต่เธอไปเพียงลำพัง ไมเคิลไม่ได้ไปด้วย หลังเธอเสียชีวิตผมได้พบเอกสารยืนยันผลตรวจเลือดของเธอโดยบังเอิญ เธอจงใจปิดบังเรื่องร้ายแรงนี้กับผมและหลอกให้ผมแต่งงานกับเธอ คุณคงเข้าใจความรู้สึกของผมในนาทีนั้นว่าผมโกรธแค้นเธอมากเพียงไร เธอจากไปแล้วแต่ผมยังอยู่ ผมต้องได้รับเชื้อจากเธออย่างไม่ต้องสงสัย ผมแค้นเธอมาก… มากจนต้องระบายความแค้นของผมกับลูกชายของเธอ คุณคงเห็นร่องรอยของบาดแผลที่ผมฝากไว้บนร่างกายของไมเคิลแล้ว ผมยอมรับว่าผมทำไปด้วยความแค้น..

ผมเฆี่ยนเจ้าหนูไมค์ด้วยหวาย ผมสะใจที่ลูกชายของเธอเจ็บและร้องโหยหวน ผมต้องการให้เธอรับรู้ว่าผมโกรธเธอมาก และสิ่งที่ผมสะใจมากที่สุดก็คือ ผมแพร่เชื้อให้กับลูกชายของเธอด้วย ผมไม่ได้มีรสนิยมอย่างพวกคุณ ไม่สามารถระบายอารมณ์กับเด็กผู้ชายได้ แต่ผมมีวิธีของผม บาดแผลบนร่างกายของเจ้าหนูเป็นหนทางรับเชื้อได้อย่างดี ….  

แฟรงค์มือสั่นแทบล้มทั้งยืน ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคริสจึงมีสภาพเช่นนั้น     o2 o2


“….ทุกเรื่องที่ผมกระทำกับไมเคิล ผมตั้งใจทำเพราะโกรธแค้นลินดา แต่เรื่องเดียวที่ผมไม่ได้ตั้งใจคือ เรื่องที่ไมเคิลความจำเสื่อมและตามองไม่เห็น เป็นเพราะเขาคิดจะหนี ผมจับได้และผลักเขาล้มลงด้วยความโกรธศีรษะไมเคิลกระแทกกับราวเหล็กอย่างแรงจนหมดสติไป ตื่นขึ้นมาเจ้าหนูไมค์ก็อยู่ในสภาพอย่างที่เห็นผมรู้สึกเสียใจจริงๆ กับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ… หลังจากที่ไมเคิลตื่นขึ้นมาในสภาพที่จำอะไรไม่ได้ ผมเห็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากเขา  จากที่คอยแต่เดินหนีและหลบหน้าผม ก็โผเข้าสวมกอดทุกครั้งที่ผมเข้าไปใกล้ มันทำให้ผมสำนึกถึงความผิดที่ทำกับเด็ก ผมหายเกลียดชังและเลิกทำร้ายไมเคิล ตั้งใจว่าจะพยายามดูแลเขาอย่างดีที่สุด   แต่เมื่อตระหนักถึงสุขภาพร่างกายของตัวเองในอนาคตแล้ว ผมคิดว่าคงไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดรอดฝั่ง ผมจำเป็นต้องส่งไมเคิลกลับเมืองไทย และคุณคือคนที่ผมนึกถึงเป็นคนแรก อย่างน้อยคุณก็เป็นพ่อในดวงใจของเด็ก และตั้งใจจะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมอยู่แล้ว ผมจึงตัดสินใจพาเขามาส่งมอบให้คุณ..”  

แฟรงค์น้ำตาร่วงผล็อย สงสารไมเคิลจับใจ เขาคงไม่ขอร้องให้คริสอย่าร้องไห้ ถ้าเขาได้อ่านข้อความในเมลล์ฉบับนี้ก่อน แฟรงค์ทรุดตัวลงนั่งข้างร่างสูง รู้สึกว่าทั้งร่างกายและหัวใจเบาหวิว ขนาดเขายังรู้สึกเจ็บช้ำเพียงนี้ แล้วคริสล่ะ…  o7



“นายจะช่วยฉันดูแลเขามั้ย แฟรงค์…”

คริสเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้งและกล้ำกลืน แฟรงค์ขยับเข้าสวมกอดและกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าไม่แพ้กัน

“ผมรักคุณนะคริส ผมจะอยู่เคียงข้างคุณช่วยดูแลไมเคิลตลอดไป บางทีเขาอาจจะไม่เป็นไรก็ได้ เราต้องพาไมเคิลไปตรวจก่อนนะคริส..”

“คงเป็นเรื่องปาฏิหาริย์เท่านั้น แฟรงค์.. ทำไมพระเจ้าถึงโหดร้ายกับเด็กคนนี้เหลือเกิน ให้ฉันรับเชื้อและเป็นโรคนี้แทนฉันก็ยอมนะแฟรงค์ ถ้าฉันจะอ้อนวอนพระองค์นายว่า…”

แฟรงค์รีบเอามือปิดปากคริสไว้

“เหลวไหลน่ะ คริส.. ไม่มีใครสมควรจะเป็นโรคนี้ ไอ้โทนี่ต่างหากที่ต้องชดใช้กรรมที่มันทำกับไมเคิล ถ้าจะอ้อนวอนก็ขอให้หมอนั่นตายอย่างทนทุกข์ทรมานเถอะ”

คริสส่ายหน้าเขาไม่อาจอ้อนวอนขออย่างที่แฟรงค์พูด เขากลัวมันย้อนกลับมาหาไมเคิลของเขา  น้ำตาคริสไหลพรากเมื่อนึกถึงความทรมานที่หนุ่มน้อยจะได้รับจากโรคร้ายนี้


“คุณแฟรงค์ครับ ฝากไมเคิลเดี๋ยวซี ผมนัดเพื่อนไว้ปากซอย ออกไปเอารายงานเดี๋ยวเดียวครับ”

แจ๊คส่งเสียงดังมาก่อนตัวและจูงไมเคิลเข้ามาในห้องหนังสือ  แต่ก็ต้องชะงักและรู้สึกตกใจเมื่อพบคริสและแฟรงค์กำลังอยู่ในอารมณ์ตึงเครียด โดยเฉพาะใบหน้านองน้ำตาของคริสที่แจ๊คไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้รู้สึกว่าทั้งสองกำลังมีปัญหาทุกข์ใจอย่างหนัก

“เอ่อ.. ขอโทษครับ  เดี๋ยวผมจะโทรบอกเพื่อนว่าไม่ออกไปแล้ว” แจ๊คหันหลังจูงมือไมเคิลให้เดินตามออกไป

“ไปเหอะไมค์.. ไปนั่งเล่นที่สวนกับเจ้าร็อกกี้กัน..”

“แจ๊ค!!..”

แจ๊คหยุดชะงักเมื่อได้ยินคริสเรียก หันกลับมาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ กลัวถูกดุว่าไม่มีความรับผิดชอบ

“ครับ”

“พาไมเคิลมานี่ เธอจะไปทำธุระที่ไหนก็ไป”

วันนี้เป็นวันหยุดแต่ตรงกับเวรที่แจ๊คเป็นพี่เลี้ยงไมเคิล ใครเป็นพี่เลี้ยงก็ต้องคอยอยู่ใกล้เจ้าหนูไมค์เป็นเงาตามตัว

“เอ่อ.. ไม่เป็นไรครับ ผมเปลี่ยนใจไม่ออกไปแล้ว”

“พาไมเคิลมานี่ จะออกหรือไม่  เรื่องของเธอ ฉันจะดูเขาเอง”

อารมณ์ของคริสขณะนี้ทำให้แจ๊คไม่กล้าพูดจาบ่ายเบี่ยงเซ้าซี้ รีบจูงไมเคิลมาส่งโดยให้หยุดยืนตรงหน้าคริส 4 – 5 ก้าว และกระซิบบอก เป็นวิธีการฝึกให้ไมเคิลเดินด้วยตัวเองตามที่แฟรงค์สอน

“แด๊ดนั่งอยู่ข้างหน้า เดินเข้าไปหาเองนะไมเคิล..”

แจ๊ครีบขอตัวออกจากห้อง แฟรงค์จ้องมองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ ในขณะที่คริสไม่เพียงแค่สงสาร อารมณ์และความรู้สึกของเขาลึกซึ้งกว่าแฟรงค์มากมายนัก

“มาซีไมเคิล แด๊ดอยู่นี่”

ร่างเล็กเดินตรงมาตามเสียงเรียก  มือถือไม้เคาะนำทาง

คริสคว้ามือหนุ่มน้อยและดึงตัวลงมานั่งข้างๆ สวมกอดไว้ด้วยความรักและสงสาร

“แด๊ดรักลูกนะ ไมเคิล.. รักหมดหัวใจเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แด๊ดจะอยู่กับลูก จะอยู่ข้างๆ ตลอดไป”

ไมเคิลไม่ตอบแต่พยักหน้ารับและยิ้มให้

คริสยิ้มตอบแม้หนุ่มน้อยจะมองไม่เห็น ไม่ใช่ปฏิกิริยาตอบกลับแต่เป็นการยิ้มตอบของพ่อเมื่อลูกยิ้มให้ วันนี้สีหน้าของไมเคิลสดใสกว่าทุกวัน ดวงตากลมสวยเหมือนจ้องมองเขาอยู่ ไม่ได้ทอดยาวไกลอย่างไม่มีจุดหมายเหมือนทุกวัน

“ตาลูกสวยมากรู้มั้ย ไมเคิล จะสวยมากกว่านี้อีกถ้าลูกได้เห็นในสิ่งที่อยากเห็น ลูกอยากเห็นแด๊ดมั้ย..”

“อยากครับ”

“ถ้าอยากเห็นก็ต้องผ่าตัดนะ ไมเคิล.. ลูกกลัวมั้ยครับ..”

“ถ้าไม่เจ็บ ผมก็ไม่กลัว”

คริสสะท้านในอก คำพูดของไมเคิลเหมือนบอกให้เขารู้ว่า ...ผมกลัวเจ็บ...

คริสจูบแก้มใสของหนุ่มน้อยเบาๆ ก่อนจับศีรษะซุกที่อก เป็นกิริยาที่เขาชอบทำและไมเคิลก็ชอบด้วย คริสหวังว่าสัมผัสที่ไมเคิลได้รับจากเขาจะช่วยให้เจ้าหนูฟื้นความทรงจำได้บ้าง

“น่าอิจฉาจังเลยไมเคิล ฉันอยากเป็นเธอจัง”

แฟรงค์เอ่ยกระเซ้าเบาๆ เพื่อลดบรรยากาศความตึงเครียดลง เขาขยับเข้าไปกระซิบข้างหูหนุ่มน้อย

“รู้มั้ยแด๊ดดี้คริสรักเธอมากกว่าใครๆ ในบ้านหลังนี้เลยนะไมเคิล  เธอรักแด๊ดหรือเปล่า หือ…”

ไมเคิลพยักหน้ารับ แฟรงค์ไม่ได้คาดหวังให้หนุ่มน้อยพูดตอบเขา เพราะแม้จะพูดจารู้เรื่องแต่นอกจากคริสแล้ว น้อยครั้งที่ไมเคิลจะพูดจาโต้ตอบกับใคร เอาแต่ยิ้มและพยักหน้ารับฟังคนอื่นพูด

แฟรงค์ขยับเข้าหอมแก้มหนุ่มน้อยหนึ่งฟอด

“ผมรักคุณคริส…”  เสียงกระซิบบอกรักจากริมฝีปากบาง

“ได้ยินมั้ยคริส.. ไมเคิลบอกรักคุณ ได้ยินหรือเปล่า” แฟรงค์ออกอาการตื่นเต้นเหมือนเป็นคริสซะเอง

“ได้ยิน” คริสกล่าวน้ำเสียงเรียบ แต่ลำแขนสวมกอดหนุ่มน้อยแน่นขึ้นด้วยความรู้สึกปีติ

“อีกไม่นานไมเคิลก็คงฟื้นความจำได้ คุณดีใจมั้ยคริส.. ผมมั่นใจว่าไมเคิลจะต้องหายจากอาการที่เป็นอยู่”

แฟรงค์พูดด้วยความมั่นใจ เขาเชื่อว่าไมเคิลมีโอกาสกลับมามองเห็นได้ใหม่โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่คงต้องใช้เวลา หากคนไข้พอมีฐานะแพทย์มักจะแนะนำให้ผ่าตัดเพราะคงไม่มีใครอยากอยู่ในโลกมืดอย่างไม่มีกำหนดเวลาเช่นนี้

คริสกล่าวน้ำเสียงขื่น

(( หายแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะแฟรงค์ ถ้าไมเคิลได้รับเชื้อนั่นเขาจะอยู่กับเราได้อีกกี่ปี สู้ให้เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ตลอดไป ดีกว่าให้เขาต้องทนทุกข์กับโรคร้ายนั่น ))

แฟรงค์นิ่งอึ้ง ...จริงอย่างที่คริสพูด แม้ไมเคิลจะมองไม่เห็นและจำเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้ แต่ก็สามารถเติบโตขึ้นและดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข แต่หากไมเคิลได้รับเชื้อจากไอ้โทนี่ แม้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปีถ้าได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดี แต่ถึงที่สุดเมื่อวาระสุดท้ายมาถึง คริสและเขาคงเจ็บปวดกับสภาพที่ไมเคิลเป็น เขาเจ็บแค่ไหนคริสคงเจ็บมากกว่าหลายร้อยเท่า



 o7


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 12-09-2008 12:22:12
ไอ้เลวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววโทนี่ :angry2:

จิงๆแล้วก็น่าจะผิดที่ลินดาด้วยนะเนี่ย ไม่น่าเริ่มเรื่องแต่แรกแระ o12
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 12-09-2008 12:45:19
[17]ต่อ...


แฟรงค์ขอให้คริสพาไมเคิลไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล แต่คริสปฏิเสธ

“ฉันรู้จักโรคนี้ดีและรู้วิธีดูแลผู้ป่วย นายไม่ต้องห่วงหรอกแฟรงค์ ฉันจะดูแลไมเคิลด้วยตัวเอง”

“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องใครดูแล ให้ตายเถอะ คริส  ทำไมคุณชอบหนีความจริงอยู่เรื่อย”

แฟรงค์รีบยุติการสนทนาเพราะไม่อยากมีปากเสียงด้วย ไว้ค่อยหาทางเกลี้ยกล่อมใหม่ ไม่อยากให้คริสไม่สบายใจและกลุ้มใจมากกว่านี้


 :laugh:


“มีอะไร!!.. โอ.. ดึกมากแล้วกลับไปนอนซะ  คืนนี้ฉันเหนื่อยและไม่มีอารมณ์ด้วย”

แฟรงค์อยู่ในอาการสะลืมสะลือในขณะที่หนุ่มโอยืนสีหน้าเครียด ไม่เหมือนทุกๆ ครั้งที่มักจะส่งสายตาหวานเยิ้มและอ้อนขอนอนด้วยจนแฟรงค์ใจอ่อน

“คุณแฟรงค์ฮะ ผมอยากรู้เรื่องของไมเคิล นอกจากจำความไม่ได้และตามองไม่เห็นแล้ว ไมเคิลป่วยเป็นอะไรฮะ”

คำถามของโอทำเอาแฟรงค์ตาสว่าง ทั้งเขาและคริสไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทุกคนในบ้าน เหตุผลของคริสคือยังไม่ต้องการให้ใครรู้  แต่เหตุผลของเขาเป็นเพราะยังไม่มีผลตรวจยืนยันว่าไมเคิลติดเชื้อจริง

“นายรู้อะไรมา โอ.. รู้ได้ยังไง!! ..”

“ขอโทษนะครับคุณแฟรงค์ ผมแอบได้ยินที่คุณคุยกับคุณคริสเมื่อตอนเย็น ทำไมคุณสองคนต้องปิดบังเรื่องนี้กับพวกเราด้วย มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะครับ พวกเราต้องผลัดกันดูแลไมเคิลคนละวัน เรามีสิทธิที่จะรู้ จะได้ระวังตัวไว้”

แฟรงค์สะอึก รีบดึงหนุ่มโอเข้ามาในห้องและปิดประตู

“อย่าพูดประโยคสุดท้ายนั่นให้คริสได้ยินนะโอ ใช่!!.. พวกนายมีสิทธิที่จะรู้แต่ไม่จำเป็นต้องระวังตัวอะไร ที่สำคัญเรายังไม่รู้แน่ว่าไมเคิลได้รับเชื้อมาจริงๆ หรือเปล่า”

“ไอ้โทนี่ใช่มั้ยฮะ ที่มันทำกับไมเคิลจนมีสภาพแบบนี้ ทำไมเราไม่แจ้งตำรวจจับมัน”

“มันไม่ง่ายอย่างที่นายพูดหรอก ไมเคิลยังจำความอะไรไม่ได้ ฟังนะ!!.. โอ..ถ้านายรักและเคารพคุณคริสล่ะก็ ขอให้ปฏิบัติกับไมเคิลตามปกติ แค่เป็นเพื่อนพูดคุยพาเดินไปไหนมาไหน มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่นายได้ยิน อย่าแสดงความรังเกียจเป็นอันขาด ฉันและคริสจะไม่อภัยให้พวกนาย”

โอหน้าจ๋อย พยักหน้ารับ

“ผมเข้าใจฮะ คุณคริสรักไมค์มาก มากจนบางครั้งผมอดอิจฉาไม่ได้ ผมอยากให้คุณคริสเป็นพ่อบุญธรรมผมบ้างจัง..”

โอกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่คุณคริสรับไมเคิลเป็นบุตรบุญธรรม โอรู้สึกทึ่งกับความรักในฐานะพ่อของคุณคริส เมื่อตัวเองไม่มีโอกาสได้รับความรักจากคุณคริสในฐานะคนรักแล้ว ก็อยากได้รับความรักในฐานะพ่อบ้าง

แฟรงค์หัวเราะ ดึงเด็กหนุ่มเข้ามาสวมกอด

“คริสไม่รับใครเป็นลูกง่ายๆ หรอก  แต่ถ้านายอยากมีพ่อจริงๆ ฉันเป็นพ่อให้นายได้นะไอ้หนู..”

:laugh:  “จะเป็นได้ยังไง คุณอายุมากกว่าผมแค่ 10 ปีเองนะฮะ..”

“มันอยู่ที่ใจ โอ.. ถ้านายรักและเคารพฉันอย่างพ่อ ฉันก็จะรักนายอย่างลูก..”

“เอ่อ.. ถ้าเป็นพ่อลูกกันแล้วยังกอดกันได้หรือเปล่าฮะ” โอกระซิบถามเสียงแผ่ว อยู่ในอ้อมกอดคุณแฟรงค์ อารมณ์เริ่มเตลิด..

“ได้ซี.. กอดได้ จูบก็ได้ด้วย” แฟรงค์จูบหน้าผากโอเบาๆ

เด็กหนุ่มยืนอึ้ง ไม่เคยถูกแฟรงค์ปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน รู้สึกแปลกมากกว่าดี

“แค่นี้เหรอฮะ”

แฟรงค์หัวเราะ

“จะเอาแค่ไหนล่ะ เป็นพ่อลูกกันเขาไม่จูบปากกันหรอก”

“เอ่อ.. จูบปากไม่ได้ งั้นก็.. มีอะไรกันไม่ได้ด้วยใช่มั้ยฮะ”

“มันสมควรจะเป็นอย่างนั้นนะโอ..  ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ถูกหาว่าวิปริตพอแล้ว  อย่าคิดมากน่า ตั้งแต่พรุ่งนี้เรียกฉันว่าพ่อได้เลยไอ้ลูกชาย.. สำหรับคืนนี้  กู๊ดไนท์ไอ้หนู หลับฝันดี ลูก..”

แฟรงค์กอดคอเด็กหนุ่มพาเดินมาส่งที่หน้าประตู ในขณะที่อีกฝ่ายยังมีสีหน้าครุ่นคิดและตัดสินใจอยู่

โอดันประตูไว้เมื่อแฟรงค์ทำท่าจะปิด

“เอ่อ.. เดี๋ยวก่อนฮะคุณแฟรงค์  ผมไม่เอาแล้วนะ  o12   ผมไม่อยากให้คุณเป็นพ่อ ผมหมายถึงคุณคริสเท่านั้นที่ผมอยากให้เป็นพ่อ..”

แฟรงค์ขมวดคิ้ว

“ทำไมล่ะ เพราะฉันไม่รวย ไม่มีมรดกให้เธองั้นเหรอ  หรือฉันดูไม่น่าเชื่อถือพอจะเป็นพ่อคนได้”

“เปล่าฮะ ไม่ใช่อย่างที่คุณพูด ผม.. เอ่อ.. ผม..”  โอปฏิเสธตะกุกตะกัก เขย่งตัวขึ้นกระซิบข้างหูแฟรงค์

“ผมรักคุณแบบอื่น ไม่ใช่แบบพ่อ..”    :o8:

โอเห็นรอยยิ้มของแฟรงค์ก็รู้สึกเขิน   หันหลังเดินกลับไปโดยไม่ฟังเสียงกระเซ้าไล่หลัง

“แบบอื่นน่ะแบบไหนโอ พูดให้เข้าใจก่อนซิ”

แฟรงค์ส่ายหน้าเหนื่อยใจ  ระหว่างโอกับบอยถ้าไม่ยอมตกลงกันด้วยดี  สักวันคงมีการพะบู๊กันแน่ๆ



:เฮ้อ:




TBC >>>




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 12-09-2008 13:12:11
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 12-09-2008 15:49:54
เจ๊หมวย

ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยย

 :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 12-09-2008 16:15:01
เจ็บปวดอะไรปานนี้เนี้ย :sad2: ไอ้โทนี้ไอ้ชั่ว :m16:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: satan666 ที่ 12-09-2008 16:24:31

อ่านเรื่องนี้แล้ว :m15:

ทำไมหนูไมค์ต้องมาตกระกำลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ :o12: :o12:

เมื่อไหร่ฟ้าจะสดใส  o7

ประทับใจมาก กับความรู้สึกของคนเป็นพ่อ ของหนุ่มใหญ่คริส :m13:

 :L2:ขอบคุณเจ๊หมาวยสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ :L2:



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 12-09-2008 17:23:40
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ใจร้ายที่สุด
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 12-09-2008 17:29:45
 :m15: :m15: :o12: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 12-09-2008 17:31:52
โฮ้ยยยยยยย~~~~~   :serius2:   อย่ามาว่าเจ๊หมวยใจร้ายซี    บทมันเป็นแบบนั้นอ่ะ  

อ่านนิยายเจ๊   จิตใจต้องเข้มแข็ง  อดทน  หนทางยังอีกยาวไกล  

ทุกคนต้องเอาใจช่วยไมเคิล  ถึงจะผ่านพ้นความทุกข์ไปได้

อย่ามาว่าเจ๊ใจร้ายยยยยยยยย    ไปว่าไอ้โทนี่มัน  ไอ้นั่นน่ะ  มันเลววววววววววววววจิง :laugh:


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 12-09-2008 18:21:15
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ไมชีวิตไมเคิลถึงน่าสงสารอย่างนี้

แค่ตาบอดกับความจำเสื่อมก็ร้ายพอแล้ว

สำหรับเด็กอายุ13 แล้วนี่ยังมาเป็นโรคนี้

สงสารอย่างจับใจ สู้ๆๆต่อไปคร้าบบผมทุกๆคน

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: jeawsakon ที่ 12-09-2008 20:05:37
สงสารไมเคิล



เศร้าจับใจ :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:





ใครเขียนบทมาอย่านี้ฟระ o12 o12 :angry2:






มารอต่อปาย :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:





หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 12-09-2008 22:55:27
สงสารไมเคิล
ไอ้โทนี่ใจร้าย ทำกับเด็กได้ไง
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: korn_ken ที่ 13-09-2008 10:37:44
 :o12: :o12:
    เศร้าอะ   ทั้งไมค์     ทั้งคริส
                               :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 13-09-2008 17:59:01
 :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: numa6 ที่ 14-09-2008 12:11:33
ไอ้โทนี่ เเกมันเลววว  :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 14-09-2008 22:32:11
โชคชะตาทำร้ายไมเคิล 

สงสารทั้งไมเคิลทั้งคริสเลย

 :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 15-09-2008 09:14:51
โฮ้ยยยยยยย~~~~~   :serius2:   อย่ามาว่าเจ๊หมวยใจร้ายซี    บทมันเป็นแบบนั้นอ่ะ  

อ่านนิยายเจ๊   จิตใจต้องเข้มแข็ง  อดทน  หนทางยังอีกยาวไกล  

ทุกคนต้องเอาใจช่วยไมเคิล  ถึงจะผ่านพ้นความทุกข์ไปได้

อย่ามาว่าเจ๊ใจร้ายยยยยยยยย    ไปว่าไอ้โทนี่มัน  ไอ้นั่นน่ะ  มันเลววววววววววววววจิง :laugh:




ไม่ได้ว่าเจ๊หมวยน้า

มันเป็นคำชม ว่าแต่งดีจนคนอ่านอินตาม

(เอาตัวรอดเห็นๆ  :laugh: แต่ที่ชมหน่ะเป็นความจริงล้วนๆนะคะ)

ว่าแต่...ให้ไปว่าไอ้โทนี่แทนใช่มั๊ยคะ

แก ไอ่โทนี่

 :เตะ1:  :m31:

แล้วจะไปฝึกจิตให้เข้มแข็ง มารออ่านตอนต่อไปนะคะ

ตอนนี้ขอไปพักปรับสมดุลให้ร่างกายและจิตใจก่อน

 :o12:



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 15-09-2008 10:18:45
[18]


“ไมเคิล แด๊ดกลับมาแล้ว ลูกอยู่ไหน ไมค์…”

หลายวันแล้วที่คริส บริเจคส์ เรียกหาลูกชายทันทีที่กลับถึงบ้าน หากไมเคิลได้ยินไม่ว่าจะอยู่บริเวณไหนก็จะรีบลุกขึ้นเดินไปตามเสียงเรียก วันนี้คริสกลับบ้านเร็วกว่าปกติเพราะรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงหนุ่มน้อยมากกว่าทุกวัน

ไมเคิลเดินกระเผลกออกมาจากห้องพักผ่อน มือถือไม้เท้าเคาะนำทางไม่มีใครจูงเดินหรือเดินตามเหมือนทุกวัน คิ้วเข้มขมวดรู้สึกแปลกใจกึ่งไม่พอใจเมื่อเห็นอาการเดินกระเผลกของหนุ่มน้อยมาจากรอยแผลถลอกตรงหัวเข่า เขาถลาเข้าไปสวมกอดร่างเล็ก เงยหน้าขึ้นจูบหน้าผากเบาๆ

“ทำอะไรอยู่ไมเคิล หัวเข่าเป็นอะไร หือ..”

“ผมหกล้มครับ”

คริสก้มลงดูจึงพบว่ารอยถลอกนั้นไม่ใช่แผลเล็กๆ ยังมีเลือดไหลซิบๆ ตรงบริเวณแผล และรอยเลือดแห้งกรังซึ่งไหลเป็นทางลงไปที่หน้าแข้งแสดงให้เห็นว่าบาดแผลเกิดขึ้นนานพอสมควรแล้วแต่ยังไม่ได้รับการชำระและทำความสะอาด แสดงถึงการละเลยของคนในบ้าน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด คริสบอกได้คำเดียวว่าเขาโกรธมาก

“ไม่มีใครอยู่กับลูกเหรอ วันนี้เวรใคร  ลู !!… แฟรงค์ !!.. มีใครอยู่บ้าง หายไปไหนกันหมด!!.. ”

คริสส่งเสียงดังด้วยความลืมตัว  เห็นร่างเล็กสะดุ้งตกใจรีบกอดปลอบ

“แด๊ดไม่ได้ดุลูก ไมเคิล.. ไม่ตกใจนะครับ..”

พ่อบ้านลูวิ่งหน้าตื่นออกมาจากครัว

“ครับ เจ้านาย”

“หายไปไหนกันหมด ทำไมปล่อยไมค์ยู่คนเดียว วันนี้เวรใคร!!.. ”

พ่อบ้านลูอึกอักไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน จังหวะเดียวกับที่หนุ่มน้อยทิมวิ่งหน้าตื่นเข้ามา หน้าตางัวเงียเหมือนเพิ่งตื่นนอน

“วันนี้เวรผมอยู่กับไมเคิลฮะ คุณคริส..”    ทิมรีบตอบคำถามสุดท้ายแทนพ่อบ้าน หนุ่มน้อยรู้ว่าคริสกำลังโกรธมากจึงไม่กล้าสบตาด้วย ก้มหน้ารับผิดเสียงสั่น

“ผมขอโทษฮะ คุณคริส.. ผมเผลอหลับไป..”

คริสถอนใจเฮือกใหญ่   รู้สึกว่าวิธีของแฟรงค์ที่ให้เด็กในบ้านผลัดกันดูแลไมเคิลคนละวันเพราะคิดว่าอาจช่วยให้หนุ่มน้อยจำความได้เร็วขึ้น กลับเป็นวิธีที่ไม่ได้เรื่อง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นแล้ว ยังส่อเค้าว่าอาจทำให้สุขภาพของไมเคิลแย่ลงเพราะถูกพี่เลี้ยงจอมแสบเหล่านี้ละเลยบ่อยครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นกับไมเคิล ทิม.. เธอคงไม่ได้นอนหลับทั้งวันหรอกนะ”

“เอ่อ.. คือ..” ทิมอึกอัก

(( เกิดอะไรขึ้นกับไมเคิล )) คริสย้ำถามอีกครั้ง…

หนุ่มน้อยใจหายวาบรีบทรุดตัวลงละล่ำละลั่กตอบ ....คุณคริสใช้ภาษาอังกฤษเมื่อไรแสดงว่าอยู่ในอารมณ์โกรธแล้ว....

“เอ่อ.. ไมเคิลหกล้มฮะ ผมพาเขาไปนั่งเล่นที่ศาลาในสวน แต่ผมมัวแต่อ่านหนังสืออยู่เพราะใกล้จะสอบแล้ว เลยไม่รู้ว่าไมค์เดินออกไปตั้งแต่เมื่อไร ผมวิ่งตามหาเจอไมค์หกล้มอยู่ที่ลานหินฮะ ผมขอโทษฮะคุณคริส ผมผิดไปแล้ว...”

คริสตวาดใส่อย่างไม่สบอารมณ์

“แล้วไง!!... หกล้มตั้งแต่กี่โมง!!.. ทำไมป่านนี้ไม่มีใครคิดจะทำแผลให้  เธอทำไม่เป็นทำไมไม่บอกลู….”

คริสหันไปต่อว่าพ่อบ้านทันที

“นายก็เหมือนกันลู เป็นพ่อบ้านประสาอะไร!!.. เดินไปมาอยู่ในบ้านไม่รู้ไม่เห็นเลยหรือไงว่าไมเคิลหัวเข่าถลอก ทำไมไม่ช่วยทำความสะอาดบาดแผลให้ ปล่อยทิ้งไว้ให้แผลแห้งกรังอย่างนี้ได้ยังไง”

“เอ่อ.. คือ..” พ่อบ้านเหงื่อตก ไม่เคยถูกเจ้านายคริสดุด้วยอารมณ์โกรธมาก่อน แต่ครั้งนี้ลูยอมรับว่าตัวเองผิดจริงๆ

เรื่องที่ไมเคิลอาจติดเชื้อเอชไอวีจากโทนี่  สมาชิกในบ้านแอบล่วงรู้กันหมด แม้ทุกคนจะมีความรู้สึกเดียวกันคือสงสารและเวทนาเด็กชาย แต่ความสงสารก็เกิดขึ้นพร้อมกับความกังวล ไม่เฉพาะคนรับใช้แม้แต่หนุ่มน้อยทั้งสี่ก็พยายามรักษาระยะห่าง ไม่จำเป็นจะไม่สัมผัสหรือจูงมือไมเคิลเดิน จะใช้วิธีเดินประกบข้างๆ ด้วยเหตุผลนี้ลับหลังคริสและแฟรงค์ ไมเคิลจึงถูกละเลยจากพี่เลี้ยงหนุ่มน้อยบ่อยครั้ง

“ผมโทรหาคุณแฟรงค์แล้ว คุณแฟรงค์ว่าจะกลับมาทำแผลให้คุณหนูไมค์เองครับ”

((ว่าไงนะ!!!.. แผลถลอกแค่นี้ต้องโทรเรียกแฟรงค์ให้กลับมาจัดการ บ้าหรือเปล่า!!. ลู.. ฉันจ้างนายมาเป็นพ่อบ้านทำไม!!... ถ้าไม่มีปัญญาแม้แต่จะทำความสะอาดบาดแผลถลอกให้เด็ก!!.. ))

คริสว่ากล่าวพ่อบ้านด้วยความโกรธ เสียงตวาดดังลั่นจนไมเคิลสะดุ้งเฮือก คิดว่าตัวเองถูกโกรธด้วย ร่างเล็กทรุดตัวลงกับพื้นน้ำตาคลอ

“ผมขอโทษที่หกล้มครับ แต่ผมไม่เจ็บ ไม่ต้องทำแผลก็ได้ครับ เดี๋ยวก็หาย..”

คริสใจหายวาบ รีบทรุดตัวลงสวมกอดร่างเล็กไว้ รู้สึกโกรธตัวเองอย่างมากที่เผลอดุว่าคนในบ้านเสียงดังจนเจ้าหนูของเขาตกใจกลัว

“แด๊ดไม่ได้ดุ ไม่ได้ว่าลูก ไมเคิล.. ไม่ตกใจนะครับ แด๊ดขอโทษ.. เราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า แด๊ดจะทำแผลให้ลูกเองนะ ”   เสียงทุ้มกระซิบปลอบอ่อนโยนก่อนฉุดร่างเล็กขึ้นยืนและช้อนไว้ในวงแขน ร่างสูงเดินดุ่มขึ้นชั้นบนโดยไม่สนใจว่ากล่าวใครอีก

ทิมถอนใจโล่งอกโชคดีที่ถูกคุณคริสดุนิดเดียว หนุ่มน้อยรีบหนีกลับเข้าห้อง แต่พ่อบ้านลูยังยืนสำนึกผิดอยู่ รู้สึกเสียใจมากกับการกระทำของตัวเอง เขาไม่น่าเชื่อและเห็นดีด้วยกับสาวใช้ดอลลี่เลย การรอคุณแฟรงค์กลับมาทำแผลให้ไมเคิลเป็นคำชี้แจงที่แย่มากจริงๆ เขาควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นทำความสะอาดบาดแผลให้เด็กก่อน

“อย่าแตะต้องบาดแผลคุณหนูไมค์นะลุง นอกจากลุงจะสวมถุงมืออย่างที่คุณหมอเขาใช้กัน ทางที่ดีหนูว่าโทรหาคุณแฟรงค์ให้เธอรีบกลับมาเถอะ  แผลถลอกนิดเดียวคุณไมค์คงแค่แสบๆ คันๆ เท่านั้น”  

ดอลลี่รีบเข้ามาห้ามเมื่อเห็นพ่อบ้านลูกำลังจะทำความสะอาดบาดแผลให้คุณหนูไมค์ด้วยมือเปล่า และเมื่อลูโทรหาคุณแฟรงค์ ก็ได้รับคำตอบว่าเขาจะรีบกลับมาทำแผลให้ไมเคิลเอง อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง นี่ก็เกือบจะหนึ่งชั่วโมงแล้วคุณแฟรงค์ยังไม่กลับ แต่คนที่กลับมาก่อนกลับเป็นเจ้านายคริส เรื่องก็เลยยุ่ง!!!...


 :เฮ้อ:


คริสพาไมเคิลขึ้นมาบนที่พักส่วนตัวและวางร่างเล็กลงนั่งที่โซฟา

“เดี๋ยวแด๊ดทำแผลให้นะไมเคิล.. นั่งรอตรงนี้นะครับ แด๊ดไปเอากระเป๋ายาเดี๋ยวเดียว ”

“ผมเจ็บนิดเดียวครับ ไม่ต้องทำก็ได้ เดี๋ยวก็หาย”

“เจ็บนิดเดียวก็ต้องทำ ต้องล้างแผลให้สะอาด จะได้ไม่ติดเชื้อ รู้มั้ย..”

ไมเคิลพยักหน้ารับ อารมณ์ของคริสผ่อนคลายขึ้น เขาสวมกอดร่างเล็กด้วยความรักสุดหัวใจ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ความรู้สึกที่เขามีให้หนุ่มน้อยคนนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรือลดน้อยลง

“กระผมช่วยนะครับ เจ้านาย..” พ่อบ้านลูถือกระเป๋ายาเดินตามขึ้นมา

“ไม่ต้องลำบากหรอก ลู.. เอากระเป๋าไว้นั่นแหล่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติแม้ในใจจะยังรู้สึกเคืองอยู่ เสียงรถแล่นมาจอดหน้าตึก พ่อบ้านลอบถอนใจที่คุณแฟรงค์กลับมาทันเหตุการณ์พอดี

“คุณแฟรงค์กลับมาแล้วครับเจ้านาย.. ผมจะไปเรียนคุณแฟรงค์ให้รีบขึ้นมาช่วยครับ”

พ่อบ้านรีบผละไปตามเลขาคู่ใจของนาย

ดวงตาคู่สวยวาววับขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนที่ควรรับผิดชอบกับการละเลยของหนุ่มน้อยและพ่อบ้านคือใคร  ....ออกหัวคิดให้คนในบ้านผลัดกันดูแลไมเคิล  แทนที่ตัวเองจะอยู่ด้วยกลับมีธุระออกข้างนอกเกือบทุกวันทั้งที่เขาไม่ได้สั่งให้ไปไหน... ทำตัวแบบนี้ฉันจะหวังพึ่งนายได้ยังไง แฟรงค์...


 o12


“แสบหรือไมเคิล อดทนนะแป๊บเดียวก็หาย ต่อไปจะเดินไปไหนต้องเรียกให้ใครพาไป ถึงจะมีไม้เท้านำทางแต่ก็อาจพลาดเหยียบอะไรสะดุดหกล้มได้นะ รู้มั้ย..”

แฟรงค์กล่าวปลอบน้ำเสียงอ่อนโยนขณะทำแผลให้หนุ่มน้อย เขาทำความสะอาดแผลและใส่ยาให้อย่างเบามือที่สุดแต่ร่างเล็กก็ยังสะดุ้งและร้องซี้ด คริสยืนกอดอกดูอยู่ห่างๆ เห็นกิริยาที่แฟรงค์ปฏิบัติต่อไมเคิลแล้วอารมณ์ฉุนและหมั่นไส้ชายหนุ่มคลายลง  เขาไม่เคยเห็นแฟรงค์แสดงความอ่อนโยนอย่างจริงใจกับเด็กผู้ชายมาก่อน โดยเฉพาะวัยหนุ่มน้อยแบบนี้ ถ้าไม่เล่นหัวแบบทโมนก็กรุ้มกริ่มเลาะเล็มเหมือนเห็นขนมหวาน

แฟรงค์ลงจากรถได้ก็วิ่งร้อยเมตรขึ้นมาบนที่พักของคริส เห็นรถเจ้านายจอดอยู่ก็รู้สึกกังวลว่าสถานการณ์คงไม่สู้ดี ยิ่งเห็นสีหน้าของพ่อบ้านลู..ขณะสวนกันที่บันไดก็รู้ว่าไม่ใช่แค่สถานการณ์ไม่ดีแต่เข้าขั้นวิกฤตเลยทีเดียว

“กลับมาแล้วคร้าบบ.. บ๊อส.. เดี๋ยวผมทำแผลให้ไมค์เอง รอแป๊บเดียวนะ ผมขอล้างมือก่อน..”

แฟรงค์รู้วิธีอ้อนขอโทษและเอาใจเจ้านาย เขาส่งเสียงร้องทักอ่อนหวานขณะวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ ก่อนคว้ากระเป๋ายาปราดเข้ามาทรุดตัวลงเบื้องหน้าพ่อลูกบุญธรรม

ทำแผลเสร็จแฟรงค์กระซิบบอกหนุ่มน้อยให้นอนพักบนโซฟานิ่งๆ ห้ามลุกขึ้นหรือขยับไปไหน ซึ่งเจ้าหนูก็เชื่อฟังแต่โดยดี

คริสกล่าวน้ำเสียงเรียบขณะที่แฟรงค์กำลังเก็บของ

“ออกไปไหนมา”

แฟรงค์เงยหน้าขึ้นสีหน้าละห้อย

“เอ่อ.. ผมไปคุยธุระกับเพื่อนน่ะ  ตั้งใจออกไปแค่สองชั่วโมงแต่รถมันติดมาก ก็เลยกลับมาไม่ทัน ผมขอโทษ..”

คริสยืนนิ่งรอจนแฟรงค์เก็บของเสร็จและลุกขึ้นยืน เขาคว้ามืออีกฝ่ายเดินห่างออกมาจากเด็กชาย


((แฟรงค์.. ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่จีรังยั่งยืน  นายอยากไปจากฉันเมื่อไรก็ได้ ฉันจึงไม่มีสิทธิบังคับหรือขอร้องนายให้อยู่ช่วยฉันดูแลไมเคิลตลอดไป ขอเพียงแต่ตราบเท่าที่นายยังอยู่เคียงข้างฉัน ฉันหวังว่านายจะช่วยฉันดูแลไมค์ด้วย ได้มั้ยแฟรงค์..))

แฟรงค์มองคริสอย่างไม่พอใจ

((พูดอะไรน่ะคริส ทำไมไม่ถามความรู้สึกผมก่อน คุณคิดแทนผมได้ยังไง))

คริสกล่าวขอโทษน้ำเสียงขื่น

((ขอโทษแฟรงค์ ถ้านายลำบากใจหรือไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ฉันแค่ถามดู.. .))

แฟรงค์ขยับเข้าประชิดร่างสูง

((ฟังนะ คริส.. ความสัมพันธ์ระหว่างเรา.. ถ้ามันจะจบลงไม่ใช่เพราะผมเป็นฝ่ายเดินจากไปแน่ เราอยู่ด้วยกันมานาน… นานจนคุณเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมแล้ว มันมากกว่าคำว่าเพื่อนหรือคนรัก.. ไม่ต้องห่วงเรื่องไมเคิลหรอกนะ  ผมรักเขาไม่น้อยกว่าที่คุณรัก ถ้าไมค์ป่วยเป็นโรคนี้จริงๆ ผมไม่ปล่อยให้คุณดูแลเขาคนเดียวหรอก ผมจะช่วยคุณดูแลรักษาพยาบาลไมเคิล ผมให้สัญญา คริส..))

คริสสวมกอดแฟรงค์ด้วยความรู้สึกตื้นตัน ในยามทุกข์แฟรงค์เป็นคนเดียวที่คอยปลอบโยนให้กำลังใจเขาเสมอมา จริงอย่างที่แฟรงค์พูด… สัมพันธภาพระหว่างเขากับแฟรงค์ ไม่ใช่แค่เพื่อนหรือคนรักกันธรรมดาจริงๆ แต่มันคือครอบครัว…

((ขอบใจนะแฟรงค์..  ไม่เสียแรงที่ฉันรักนายหมดหัวใจ))

แฟรงค์หัวใจพองโตเมื่อได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ ซ่อนความปีติไว้ใต้สีหน้าทะเล้น

((หมดหัวใจจริงเหรอ.. หัวใจคุณมีกี่ดวง คุณให้ไมเคิลไปแล้วนี่นา))

((หัวใจฉันมีดวงเดียว แต่ความรักที่ให้นายและไมเคิลคนละแบบกัน))

….คนละแบบอีกแล้วเหรอ…. แฟรงค์รำพึงในใจเพราะเพิ่งได้ยินคำพูดนี้จากโจเมื่อสัปดาห์ก่อน

((คุณรักไมเคิลแบบลูก.. แล้วผมล่ะ คุณรักผมแบบไหนเหรอ คริส..))

แฟรงค์อ้อนถามทั้งที่รู้ มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุก ตั้งแต่ไมเคิลกลับมาสู่อ้อมอกของคริสอีกครั้ง กว่า 3 สัปดาห์แล้วที่เขาไม่มีโอกาสได้อยู่แนบชิดกับคริสแบบนี้เลย

((นายไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่))

คริสเอ่ยถามเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อเข้มของชายหนุ่มตรงหน้าส่งยิ้มและสายตาหวานเยิ้มให้เป็นคำตอบว่าแกล้งโง่.. ก่อนซบลงกับไหล่ จมูกโด่งซุกไซ้ที่ซอกคอเขา

คริสส่ายหน้ากับอาการอยู่ไม่สุกของแฟรงค์เพราะมันทำให้อารมณ์ของเขาเริ่มหวั่นไหว ดูท่าแล้วคงจะเอาจริงด้วย ถ้าไม่รีบหยุดยั้งไว้เป็นเรื่องแน่…
 
((พอแล้วแฟรงค์.. นี่ไม่ใช่เว.…))

เสียงทุ้มขาดหายเพราะถูกริมฝีปากร้อนของหนุ่มแฟรงค์ประกบจูบ ถึงตอนนี้อารมณ์ของคริสเตลิดไปไกลเกินกว่าจะเรียกกลับมาได้ จึงสนองความต้องการของตัวเองกลับไปบ้าง

คริสใจหายวาบเมื่อเห็นสายตาของไมเคิลจ้องมองมาที่เขาและแฟรงค์ เขารีบผละออกและผลักร่างอีกฝ่ายจนเซ โกรธตัวเองและฉุนแฟรงค์ที่ไม่เลือกเวลาและสถานที่ เผลอทำเรื่องน่าอายต่อหน้าเด็กชาย

((บ้าจริง!!.. ทำไมต้องผลักผมด้วย)) แฟรงค์โวย ถ้าทรงตัวไม่ทันเขาคงหงายหลังแล้ว    o12

((นายนั่นแหละ บ้า!!..)) คริสกระซิบต่อว่า  ((ไมเคิลนอนจ้องอยู่ไม่เห็นหรือไง))

แฟรงค์หันไปมองร่างเล็กที่ยังนอนนิ่งอยู่ตามคำสั่ง

((แล้วไง!!.. เค้ามองเห็นที่ไหนล่ะ))  กล่าวจบก็ขยับเข้าไปกระซิบแหย่   ((ถ้าคุณไม่เสียงดังผมรับรองว่าไมเคิลไม่รู้หรอกว่าเราทำอะไรกัน))

คริสอึ้งไป   …จริงซี ไมเคิลมองไม่เห็น… แต่ทำไมสายตาของเจ้าหนูเมื่อครู่เหมือนมองเห็นเขากับ แฟรงค์ทำอะไรกันอยู่…

((ต่อเถอะน่าคริส.. ผมต้องการคุณนะ ได้โปรด..))

แฟรงค์ขยับเข้าประชิดอีกแต่คริสเบี่ยงตัวหนี

((นี่ไม่ใช่เวลานะแฟรงค์ ฉันไม่มีอารมณ์กับนายหรือกับใครทั้งนั้นตราบใดที่ไมเคิลยังอยู่ในสภาพนี้))

((โอ้ว! ไม่นะคริส ถ้าไมเคิลป่วยเป็นโรคนี้จริงๆ เค้ายังต้องอยู่กับเราอีกนาน ไม่ต่ำกว่า 3 ถึง 5 ปี บางทีอาจจะมากกว่า10 ปีด้วยซ้ำถ้าเราดูแลเค้าดีๆ เป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะไม่มีอารมณ์เป็นเวลายาวนานขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ  คุณตายด้านแล้วรู้มั้ย..))

คริสใจหายอย่างแรง เขาไม่ใส่ใจคำพูดอื่นใดของแฟรงค์ แค่ได้ยินว่าไมเคิลจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่ต่ำกว่า 3 ถึง 5 ปี หัวใจคริสก็แทบจะสลาย มือใหญ่คว้าคอเสื้อชายหนุ่มเค้นถามน้ำเสียงแห้ง

((พูดจริงหรือเปล่าแฟรงค์ 3 หรือ 5 ปีที่นายว่ามันไม่นานเลยนะ ไมเคิลยังอายุไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ))

แฟรงค์ใจหายวาบ เสียใจที่เผลอพูดความจริงออกไปโดยลืมนึกถึงความรู้สึกของคริส


o2



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 15-09-2008 10:42:44
บ้ากันจริงๆทำไมไม่พาไปหาหมอล่ะครับ
แค่เลือดนิดเดียวเองจะได้กระจ่าง :m16:ไม่ต้องมาทำให้เด็กคนหนึ่งมาเจ็บปวดแบบนี้หรอก o12
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 15-09-2008 10:47:21
บ้ากันไปทั้งบ้าน :m16:
ทำไมไม่พาไปพบแพทย์ก่อนล่ะครับผมได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย o12
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 15-09-2008 10:57:34
ไมเคิลฝันร้ายอีกครั้งหลังจากที่นอนหลับสนิทมาสามคืนเต็ม แต่คืนนี้ไม่มีเสียงกรีดร้องเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา....

“ฮึก.. ฮือๆ..”

คริสรู้สึกตัวกลางดึกกับเสียงสะอื้น ร่างสูงลุกพรวดขึ้นถลาไปที่เตียงเล็ก นึกโกรธตัวเอง.. ไมเคิลลุกขึ้นมานั่งร้องไห้นานแค่ไหนแล้วทำไมคืนนี้เขาถึงนอนขี้เซา ไม่ได้ยินเสียงร้องของเจ้าหนูเลย..

“แด๊ดอยู่นี่ไมเคิล.. ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ ไม่ต้องกลัวนะลูก..” คริสกระซิบปลอบให้หนุ่มน้อยรู้ตัวก่อนรั้งร่างเล็กที่นั่งกอดเข่าสะอื้นอยู่เข้ามาสวมกอด

“นี่บ้านเราไมเคิล แด๊ดกอดลูกอยู่นี่แล้ว.. ไม่ต้องกลัวนะ..”

“โทนี่.. โทนี่..” เสียงพึมพำเรียกหาโทนี่ หลังจากไม่เคยถามถึงเลยเกือบ 2 อาทิตย์

“ผมอยากหาโทนี่.. ฮือๆ..”

คริสใจหายรู้สึกเจ็บในหัวอก นึกว่าไมเคิลลืมหมอนั่นได้แล้ว มาวันนี้ไม่ใช่แค่ถามถึงแต่อยากกลับไปหา.. เขาจะทำยังไงดี.. มือใหญ่ลูบศีรษะหนุ่มน้อยปลอบประโลม

“โทนี่ไปทำงานที่ไกลๆ แด๊ดไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน.. ไว้รอเขาติดต่อกลับมาก่อน แล้วแด๊ดจะพาไปหานะ” ทั้งที่หัวอกร้อนรุ่มแต่เสียงกระซิบปลอบกลับอ่อนโยน

“คุณคริสรู้จักโทนี่มั้ยครับ.. หน้าตาเขาดุหรือเปล่า..”

คริสเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อหนุ่มน้อยเอามือแตะใบหน้าเขาแต่กลับถามถึงหมอนั่น

“แด๊ดจำหน้าเขาไม่ได้ เคยเจอแค่ครั้งเดียว.. หน้าตาคนไม่สามารถบ่งบอกจิตใจได้นะไมเคิล.. คนหน้าตาดีอาจมีนิสัยเลวร้ายก็ได้..”

“แต่คุณยังใจดีเลย ผมรู้ว่าคุณหล่อแล้วก็ใจดีด้วย” ฝ่ามือเล็กแตะแผ่วที่แก้มของคริสขณะพูด

คริสยิ้มออก

“รู้ได้ยังไงว่าแด๊ดหล่อ.. แค่จับก็รู้เหรอ หือ..”

“ผมรู้..หน้าตาคุณใจดี แล้วผมก็ชอบเวลาที่คุณกอด มันทำให้ผมหายกลัวจากฝันร้าย.. ฮึก…” ทั้งที่บอกว่าหายกลัวแต่เจ้าหนูกลับสะอื้นขึ้นมาอีกเมื่อพูดถึงฝันร้าย..

ลำแขนแกร่งกระชับร่างเล็กในอ้อมกอดแน่นขึ้น ไม่อยากเห็นเจ้าหนูของเขาร้องไห้ ไม่ว่าจะเพราะฝันร้ายหรือคิดถึงไอ้หมอนั่น..

“หายกลัวแล้วทำไมยังร้องไห้อยู่อีกล่ะ หือ.. ความฝันก็เป็นแค่ความฝัน ฝันร้ายผ่านไปแล้วตื่นขึ้นมาลูกก็จะพบแต่เรื่องดี..”

“แปลว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดีเหรอครับ..”

“ใช่จ้ะ..”

“งั้นจริงๆ โทนี่ก็ไม่ได้ดุเหมือนในฝันใช่มั้ยครับ..”

คิ้วเข้มเลิกขึ้น  “ลูกฝันว่ายังไงเหรอ..”

พูดถึงฝันร่างเล็กสะท้านขึ้นอีก

“ผมฝันถึงใครไม่รู้ เขาตีผมเจ็บ ผมร้องเขาก็ยิ่งตีผมแรงๆ.. ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร~~  แต่เสียงเขาเหมือนโทนี่.. ฮึก ๆ.. ผมอยากเจอโทนี่~~  ผมอยากถามว่าเขาตีผมหรือเปล่า..”

คริสสวมกอดร่างเล็กไว้แนบอก ในที่สุดไมเคิลก็ฝันเห็นตัวตนที่แท้จริงของไอ้วายร้ายนั่น... ที่อยากเจอก็เพราะคลางแคลงใจเรื่องนี้หรอกหรือ...

“ไม่ว่าจะใช่เขารึไม่ใช่.. แด๊ดอยากให้ลูกหายกลัวจากทุกๆ สิ่งแล้วเผชิญกับความจริง ถ้าลูกทำได้.. ลูกก็จะไม่ฝันร้ายอีกต่อไป..”

“ผมอยากเผชิญกับความจริง แต่ผมจำอะไรไม่ได้แล้วผมก็มองไม่เห็นด้วย..”

เสียงใสสั่นเครือเหมือนคิดว่าตัวเองเป็นภาระกับเขา คริสรีบปลอบ

“แด๊ดจะรักษาตาลูกให้หาย ลูกจะต้องมองเห็นไมเคิล.. แต่ลูกไม่จำเป็นต้องจำได้ แด๊ดหมายถึงจิตใจต่างหาก.. ขอแค่ใจเราเข้มแข็ง เราก็จะฟันฝ่าความทุกข์ต่างๆ ไปได้..”

“ผมจะเข้มแข็ง ผมไม่อยากฝันร้ายอีก.. ผมอยากจำทุกอย่างได้ ผมอยากอยู่กับคุณ แต่ถ้าผมจำคุณไม่ได้ คุณจะให้ผมอยู่ด้วยตลอดไปมั้ยครับ..”

..โอ! พระเจ้า.. หัวใจคริสพองโตจนคับอกกับถ้อยคำวอนขอของหนุ่มน้อย ความรักที่เขามีให้ไมเคิลนับวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น แม้ดวงตาจะมองไม่เห็นและจำความไม่ได้ หรือต้องป่วยด้วยโรคร้ายที่สังคมรังเกียจ เขาก็มิอาจทอดทิ้งหรือรักเจ้าหนูน้อยลง

คริสจูบหน้าผากมนเบาๆ ก่อนเสยผมนุ่มไปมา...

“แน่นอนที่สุดไมเคิล.. ลูกต้องอยู่กับแด๊ดตลอดไป.. เราจะไม่จากกันอีกแล้ว พระเจ้ามอบลูกให้แด๊ดปกป้องดูแล แด๊ดสัญญาด้วยชีวิตว่าจะไม่ยอมให้ใครพรากลูกไปอีก.. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แด๊ดจะอยู่กับลูกจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตแด๊ดเลย.... แล้วลูกล่ะ สัญญากับแด๊ดได้มั้ยว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป..”

ไม่มีคำถามและคำพูดใดๆ ตอบโต้กลับมา คริสก้มลงดูก็พบหนุ่มน้อยเข้าสู่ภวังค์ไปแล้ว เขาขยับร่างเล็กลงนอนและห่มผ้าให้ รู้สึกเจ็บร้าวกับคำพูดของตัวเอง วันสุดท้ายของชีวิตเขาจะมีไมเคิลอยู่เคียงข้างหรือไม่.. ไม่สำคัญ.. เพราะในห้วงคำนึงไมเคิลจะอยู่เคียงข้างจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเขาจริงๆ



o7


“คริส.. อยู่ไหนครับ เจ้านาย…”

เสียงแฟรงค์ร้องเรียกอยู่ด้านนอก คริสสระผมให้ไมเคิลเสร็จพอดี ระยะหลังไมเคิลดูแลตัวเองได้เกือบทุกเรื่อง ทำธุระในห้องน้ำเองได้ แต่ถ้าไม่ติดธุระอื่นใดคริสจะจัดการอาบน้ำให้ไมเคิลด้วยตัวเอง

“คริสสส..” เสียงเรียกดังใกล้เข้ามา คริสไม่ทันได้ขานรับเจ้าของเสียงก็โผล่หน้าเข้ามาโวย

“ทำไมไม่ตอบสักคำ ปล่อยให้ร้องเรียกอยู่ได้ ทำอะไรกันอยู่พ่อลูก..”

แฟรงค์ตรงเข้ามาทรุดตัวลงข้างอ่างกระเซ้าแหย่หนุ่มน้อย

“อาบน้ำหรือไมเคิล ไหนดูซิ น้องชายโตขึ้นรึยัง”

“อื้อ~~ อย่า!!..”

ไมเคิลส่งเสียงร้อง เบี่ยงตัวหนีมือที่ซุกซนของแฟรงค์ พร้อมกับสะบัดน้ำในอ่างขึ้นมา แฟรงค์หัวเราะชอบใจเพราะคนที่โดนน้ำไม่ใช่เขา    :m4:  คริสตาเขียวใส่เลขาหนุ่มจอมทะเล้น

“อย่าเล่นเป็นเด็กๆ ได้มั้ย แฟรงค์.. เรียกหาทำไม!!  มีธุระอะไร”

แฟรงค์ชักมือขึ้นจากน้ำและขยับตัวนั่งพิงขอบอ่างสีหน้าระรื่นหายไป

((เมื่อไรจะพาไมเคิลไปตรวจเลือดซะที คริส..))

คริสใจหายวาบ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกใจหายทุกครั้งที่แฟรงค์ทวงถามทั้งที่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว เขาส่ายหน้าไม่ตอบและฉุดหนุ่มน้อยลุกขึ้นจากอ่าง แฟรงค์ลุกขึ้นตามและถอยไปยืนกอดอกพิงประตูมองดูมหาเศรษฐีบริเจคส์ ผู้ซึ่งไม่เคยทำอะไรให้ใครโดยถือเป็นภาระหน้าที่  ที่ผ่านมามีแต่คนคอยแย่งกันปรนนิบัติ แต่วันนี้.. หนุ่มน้อยลูกครึ่งวัย 13 ปีได้กลายเป็นภาระให้คริสต้องคอยปรนนิบัติดูแล จนแฟรงค์แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าคริสจะทำได้ ภาระหน้าที่ของพ่อซึมซาบเข้าในสายเลือดหนุ่มใหญ่ผู้นี้แล้วจริงๆ

คริสผัดแป้งแต่งตัวให้ไมเคิลเสร็จเรียบร้อยก็พาออกมานั่งพักผ่อน และเปิดรายการทีวีให้หนุ่มน้อยฟัง

“แด๊ดนั่งคุยกับคุณแฟรงค์อยู่แถวนี้นะ”

ไมเคิลพยักหน้ารับรู้ คริสก้มลงหอมแก้มขาวนวลด้วยแป้งหนึ่งฟอดอย่างชื่นใจ เงยหน้าขึ้นก็เจอแฟรงค์จ้องมองอยู่ด้วยสีหน้าอมยิ้ม  คริสเดินเลี่ยงไปทรุดตัวลงบนโซฟานอนตัวโปรด

“ขอเวลาฉันทำใจก่อน แฟรงค์.." คริสตอบคำถามที่ค้างไว้ "ตรวจช้าหน่อยผลที่ได้รับก็ยิ่งแน่นอนกว่า ธุระของนายแค่จะมาถามฉันเรื่องไมเคิลเท่านั้นเหรอ”

“เปล่า.. ผมมีธุระสำคัญกว่านั้นอีก ”

แฟรงค์เดินตามมาทรุดตัวลงนั่งเบียดร่างสูงอย่างจงใจ คริสกระเถิบหนีแต่กลับถูกชายหนุ่มขยับเข้าสวมกอดและหอมแก้มหนึ่งฟอดด้วยความรวดเร็ว

“จะบ้าหรือแฟรงค์ อย่าบอกว่านี่เป็นธุระสำคัญของนายนะ”

แฟรงค์หัวเราะ

“ธุระสำคัญไว้ทีหลัง ตอนนี้ผมอยากมีอะไรกับคุณมากกว่า”

“อย่าล้อเล่นน่ะ แฟรงค์.. <<< นี่ไม่ใช่เวลาและสถานที่ >>> ”

แฟรงค์เอ่ยประโยคสุดท้ายพร้อมกับคริส

((คุณพูดอย่างนี้ทุกครั้ง จะมีเวลาและสถานที่เอื้ออำนวยได้ยังไง ในเมื่อไมเคิลติดคุณแจเหมือนลูกหมีลูกจิงโจ้อย่างนี้ แม้กระทั่งเวลานอนคุณยังต้องเฝ้าอยู่ข้างๆ เกือบเดือนแล้วนะที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณเลย ไม่รู้หรือว่าผมคิดถึงและต้องการคุณอ่ะ...))

แฟรงค์ใช้ภาษาอังกฤษทุกครั้งที่เรื่องพูดคุยเป็นเรื่องที่ไมเคิลไม่สมควรได้ยิน

((แต่นายยังมีเด็กพวกนั้น เรียกขึ้นมาซี.. ถ้านายต้องการ..))

 o12  ((โธ่เว้ย!.. มันไม่เหมือนกันนะคริส เด็กพวกนั้นผมไม่เคยเรียก เขาขึ้นมากันเอง บางครั้งผมไม่ต้องการด้วยซ้ำ ผมไม่อยากให้พวกเขารู้สึกน้อยใจและเสียใจที่คุณไม่สนใจ…))

((แม้แต่บอยงั้นเหรอ..)) คริสรู้ว่าบอยชอบแฟรงค์มาก แต่แฟรงค์จะชอบตอบหรือเปล่าเขาไม่แน่ใจ

แฟรงค์ไม่ตอบ รู้สึกฉุนและน้อยใจที่คริสไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา

((ช่างเถอะคริส.. ไม่เป็นไรหรอก ความจริงผมเองก็มีฐานะไม่ต่างจากเด็กพวกนั้นเท่าไร เมื่อคุณไม่ต้องการ... ผมก็ไม่สิทธิเสนอหน้ามาขอให้คุณสนองความต้องการให้..))

แฟรงค์ลุกขึ้นยืน

“ผมจะออกไปข้างนอก กลับดึกมากหรืออาจจะไม่กลับเลย กู๊ดไนท์ บ๊อส..”


แฟรงค์เดินคอตกผละจากไป  คริสใจหายกับอาการน้อยใจของชายหนุ่ม จะร้องเรียกก็กลัวไมเคิลตกใจ จึงลุกขึ้นเดินตามไป

“เดี๋ยวก่อนแฟรงค์ จะออกไปไหน..”

แฟรงค์จับลูกบิดประตูค้างไว้ ก่อนหันมาตอบด้วยสีหน้าระรื่น

“ว่าจะโทรชวนจอร์จออกไปนั่งรถเล่น”

“จอร์จเป็นใคร!!… อย่าบอกนะว่ามันคือฝรั่งกุ๊ยคนนั้น”   สีหน้าคริสเฉยแต่น้ำเสียงแสดงความไม่สบอารมณ์

แฟรงค์หัวเราะขำคำพูดของคริส

“คุณเก่งภาษาไทยมากเกินไปแล้วนะคริส รู้หรือว่า ‘ กุ๊ย ’ แปลว่าอะไร”

“แปลว่าคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าไง”

คริสกล่าวน้ำเสียงเย็นชา และโดยที่แฟรงค์คาดไม่ถึง เขาถูกคริสกระชากคอเสื้อเข้าไปใกล้และกระซิบด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ถ้านายนอนกับมันคืนนี้... ตั้งแต่เช้าพรุ่งนี้อย่ามาเข้าใกล้ฉันอีก”

แฟรงค์ลอบยิ้มในใจ ลอยหน้าถามอย่างกวนอารมณ์

“ทำไมจะเข้าใกล้ไม่ได้ ทุกวันนี้ผมก็อยู่ใกล้คุณอยู่แล้ว ไม่เห็นจะ… อุ้บ!!..”

คริสดันร่างเพรียวกระแทกกับประตูห้องและกดที่บริเวณลำคออย่างแรง

“นายกำลังจะบอกฉันว่าเคยมีอะไรกับมันยังงั้นเหรอ”

คริสปล่อยมือออกเพื่อให้อีกฝ่ายตอบคำถาม แฟรงค์ไอค่อกแค่ก รู้สึกโกรธที่ถูกใช้กำลังจึงสวนกลับอย่างท้าทาย

“ใช่!!.. ผมมีอะไรกับจอร์จ ไม่ใช่แค่เคย.. ทุกวันนี้ผมก็ยังมีอะไรกับเขาอยู่ และคืนนี้ผมก็จะมีอะไรกับเขาอีกหลายๆ ครั้ง คุณมีปัญหามั้ยคริส..”

คริสหัวเราะในลำคอหันมองไปที่ไมเคิลแว่บหนึ่ง เห็นหนุ่มน้อยกำลังกดรีโมทเลือกฟังรายการทีวีที่น่าสนใจอยู่ คงไม่ได้ยินหรือรับรู้ว่าเขากำลังมีปัญหากับแฟรงค์

สีหน้าและสายตาท้าทายของแฟรงค์ทำให้คริสระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เขาไม่เคยรู้สึกโกรธใครถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ครั้งนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกตัวอีกทีเลขาคู่ใจของเขาก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นโดยไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ..

ร่างสูงยืนกอดอกเอ่ยกระเซ้าด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ฉันไม่มีปัญหาหรอกแฟรงค์ คนที่มีปัญหาคือนาย จะออกไปขับรถกินลมกับไอ้หมอนั่นไหวหรือเปล่า”

แฟรงค์เงยหน้าขึ้นสบตากับคริส รู้สึกจุกอย่างแรงจนพูดอะไรไม่ออก งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นึกไม่ถึงว่าคริสจะลงมือกับเขาด้วยความรุนแรงเช่นนี้ ร่างเพรียวพยายามทรงตัวขึ้นยืน กัดฟันพูดน้ำเสียงขาดห้วง..

“ทำไมต้องใช้กำลังด้วย.. พูดกันดีๆ ก็ได้ ว่าแต่ไอ้โทนี่ คุณเองก็เหมือนมัน”   :m15:

คริสใจหายเมื่อเห็นแฟรงค์น้ำตาคลอ รู้สึกตัวว่าทำรุนแรงเกินไปจริงๆ

“ผมขอโทษที่ทำให้คุณโกรธ ผมแค่ล้อเล่น ผมไม่เคยนอนกับจอร์จ ไม่เคยมีอะไรด้วย กลิ่นตัวแรงขนาดนั้นแค่เข้าใกล้ก็แทบจะสลบแล้ว”

แฟรงค์พูดติดตลกก่อนเปิดประตูเดินโซเซออกจากห้อง  คริสยืนอึ้งรู้สึกผิดและเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไปเช่นกัน


:m15:


แฟรงค์เดินตัวงอออกจากห้องนอนคริส  โกรธตัวเองที่หาเรื่องเจ็บตัว แต่ก็อดดีใจอยู่ในส่วนลึกไม่ได้เมื่อเห็นคริสไม่สบอารมณ์กับเรื่องที่เขาแต่งขึ้น

“เดี๋ยวก่อน!! แฟรงค์..”

แฟรงค์ชะงัก หายใจไม่ทั่วท้องกับเสียงเรียกไล่หลัง ยืนนิ่งรอรับสถานการณ์ว่าจะถูกดุเรื่องอะไรอีก แต่แล้วร่างสูงที่ก้าวตามเข้ามาประชิดกลับสวมกอดเขาไว้ในวงแขน กลิ่นกายหอมและลมหายใจร้อนสัมผัสรดซอกคอเขาอย่างจงใจ นี่ถ้าเมื่อครู่ไม่ถูกอัดออกมาซะก่อน แฟรงค์คงหวั่นไหวกับสัมผัสที่ได้รับนี้

“ขอโทษแฟรงค์.. ฉันทำรุนแรงกับนาย  เจ็บหรือเปล่า หือ…” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วทำให้อารมณ์ของแฟรงค์เริ่มไม่ปกติ

“ช่างเถอะ.. เจ็บกายเดี๋ยวก็หาย”

คริสจับไหล่แฟรงค์หันมาเผชิญหน้าโดยที่อีกฝ่ายมิได้ขัดขืน จะขืนได้ยังไงในเมื่อยังรู้สึกจุกไม่หาย

“ฉันเสียใจจริงๆ นะแฟรงค์ ฉันจะจ่ายค่าทำขวัญให้นะ นายอยากได้อะไร”

แฟรงค์ซ่อนยิ้มในสีหน้า คริสเป็นเช่นนี้เสมอ.. ชอบลงโทษให้หลาบจำก่อนแล้วค่อยตามปลอบภายหลัง

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 15-09-2008 11:02:14


“ 3 ล้าน” สองคำสั้นๆ แต่สีหน้าและน้ำเสียงเอาจริง ธุระสำคัญที่แฟรงค์ตั้งใจจะมาคุยกับคริสคือขอยืมเงินไปลงทุนเปิดร้านอาหารกับเพื่อน เขาอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองบ้าง ทุกวันนี้อยู่สบายไปวันๆ รอรับเงินเดือนจากคริสจนรู้สึกละอายใจ

คริสยิ้มละไม ดวงตาสีฟ้าคู่สวยต้องแสงไฟวาววับ

“ฉันให้นาย 10 ล้าน”

แฟรงค์เบิกตากว้าง คริสไม่เคยพูดล้อเล่นเรื่องเงินทอง ให้คือให้ ไม่ให้ก็ไม่ต้องเซ้าซี้ ยังไม่ทันเอ่ยถามคริสก็ให้ความกระจ่างเรื่องเงิน 10 ล้าน

“ฉันจะเปิดบัญชีให้นาย 10 ล้าน แต่มีข้อแม้ว่าจะเบิกใช้ได้ปีละไม่เกิน 2 ล้านบาท ระหว่างนั้นนายมีหน้าที่ดูแลไมเคิลตามสัญญาที่เคยให้ไว้ นายจะต้องอยู่กับฉันอย่างน้อย 5 ปี หรือมากกว่านั้นตราบเท่าที่ไมเคิลยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งหมายถึงนายอาจจะได้เงินมากกว่า 10 ล้าน”

แฟรงค์ยืนอึ้งกับแผนการที่คริสเตรียมไว้ล่วงหน้า

“นี่ไม่ใช่ค่าทำขวัญนะคริส คุณกำลังจ้างให้ผมอยู่ดูแลไมเคิลพร้อมกับที่ต้องอยู่กับคุณไปอีกอย่างน้อย 5 หรืออาจจะถึง 10 ปี ด้วยเงินค่าจ้างปีละสองล้านบาท เฉลี่ยเดือนละแสนหก ยังงั้นเหรอ..”

“น้อยไปหรือแฟรงค์.. นายต้องการเท่าไร” คริสเอ่ยถามอย่างใจเย็น ทั้งที่รู้สึกใจหายกับท่าทีไม่ชอบใจของแฟรงค์

“ถ้าเงื่อนไขตามที่คุณเสนอ อย่างน้อยผมควรจะได้ปีละ 10 ล้าน สัญญา 10 ปี 100ล้านบาท คุณไหวหรือเปล่าคริส..” แฟรงค์ย้อนถามพร้อมกับถอยออกห่างไม่ให้อยู่ในระยะประชิดที่จะถูกทำร้ายร่างกายได้อีก

คริสสีหน้าเฉยจนแฟรงค์เดาใจไม่ถูก

“100 ล้านบาท มันไม่น้อยเลยนะแฟรงค์ แต่ถ้านายต้องการฉันก็ยินดีที่จะให้ เงื่อนไขยังเหมือนเดิม เบิกจ่ายเป็นรายปี ระยะแรกฉันจะให้นายเบิกปีละ 5 ล้านก่อนนะ  ถ้าไมเคิลอยู่ไม่ถึง 10 ปี~~ "   น้ำเสียงแหบพร่าด้วยความรู้สึกขมขื่น

“….นายไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันจนครบกำหนดเวลา แต่ฉันจะจ่ายเงินให้นายครบ 100 ล้านภายใน 10 ปี โอเคมั้ย..”

แฟรงค์ยืนตะลึงจนคริสต้องถามย้ำ

“เอ่อ.. โอเค!..”

แฟรงค์ไม่รู้ว่าตัวเองตอบรับอะไรไป รู้แต่ว่าเขาถูกคริสสวมกอดอีกครั้งด้วยความยินดี

“ฉันต้องการนายนะแฟรงค์ นายเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากที่สุด อยากให้นายอยู่เคียงข้างฉัน ช่วยฉันดูแลไมเคิล ช่วยปลอบใจเวลาฉันทุกข์ เวลาที่ไมเคิลต้องจากฉันไปฉันอยากให้นายอยู่ข้างๆ ฉันตอนนั้นด้วย”

น้ำเสียงแหบพร่าปนสะอื้นของคริส ทำให้แฟรงค์ไม่อาจล้อเล่นต่อไปได้อีก

“ผมล้อเล่นนะคริส  ผมไม่ต้องการเงินของคุณหรอก ผมยินดีอยู่เคียงข้างคุณ ช่วยคุณดูแลไมเคิล ผมรักคุณ ผมไม่ได้อยู่กับคุณเพราะเงินนะคริส..”

คริสยิ้มให้แฟรงค์ด้วยความรู้สึกตื้นตัน

“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายล้อเล่น แฟรงค์.. แต่ถ้านายกล้าขอฉันก็กล้าให้ ตราบใดที่นายยังอยู่เคียงข้างและซื่อสัตย์กับฉัน..”

คริสเน้นประโยคสุดท้าย ทำเอาแฟรงค์สะดุ้งและยิ้มแหยๆ

“ผมไม่เคยมีอะไรกับจอร์จจริงๆ นะ สาบานได้ ผมไม่ได้ออกไปแร่ดกับใครที่ไหนตั้งนานแล้วคุณก็รู้..”

คริสหัวเราะ    “ฉันรู้… ตั้งแต่นายยอมเป็นของฉันอีกครั้ง นายไม่เคยออกไปแร่ดที่ไหนจริงๆ”

แฟรงค์หน้าแดงไม่ใช่เพราะถูกว่าแร่ด แต่เพราะรู้สึกเขินกับประโยคแรก รีบผละออกโวยวายกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง

 o12  “รู้แล้วคุณอัดผมทำไม ให้ผมชกคุณกลับคืนซะดีๆ ”   

แฟรงค์เงื้อหมัดขึ้น แต่ด้วยรูปร่างที่บางกว่าจึงถูกคริสรวบตัวกลับเข้ามาแนบชิด เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหู

“อยากจะชกกลับหรืออยากให้ฉันปลอบขวัญให้ ถ้าอยากให้ปลอบขวัญ คืนนี้รอไมเคิลหลับแล้วฉันจะลงไปหานายที่ห้อง แต่ถ้าอยากชกก็ชกตอนนี้เลย”

แฟรงค์ไม่ตอบ มือที่กำหมัดคลายออกเปลี่ยนเป็นโอบลำคอร่างสูงไว้ แก้เขินด้วยคำถาม

“มาได้แน่เหรอ.. ถ้าไมเคิลตื่นขึ้นมาเรียกหาคุณไม่เจอล่ะ”

“ถ้าไม่ฝันร้ายเค้าก็จะไม่เรียก ถ้าฝันก็มักจะฝันกลางดึก ทันทีที่เค้าหลับฉันจะรีบลงไปหานายเลย สามชั่วโมงไม่พอหรือแฟรงค์ หือ… ฉันมัดจำไว้ก่อนก็ได้นะ ”

คริส บริเจคส์ ไม่พูดเปล่า ริมฝีปากร้อนไซ้ซอกคอหนุ่มแฟรงค์ไปด้วย ไออุ่นจากลมหายใจและร่างกายที่แนบชิดกันอยู่ขณะนี้ทำให้แฟรงค์แอบภาวนาให้ไมเคิลหลับเร็วๆ

“คุณคริส...”

คริสและแฟรงค์สะดุ้งรีบผละออกจากกัน  คริสหันขวับไปทางเสียงเรียก  ไมเคิลยืนอยู่หน้าประตู  ดวงตาสะลืมสะลือเหมือนง่วงนอน

“แด๊ดอยู่นี่ไมเคิล.. หยุดรอตรงนั้นอย่าเดินมา”

:เฮ้อ:  แฟรงค์ลอบถอนใจ ...รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลักลอบมีอะไรกับหนุ่มใหญ่ที่แอบหนีลูกชายมาคบกับเขา..

คริสหันมายิ้มให้

“ไมเคิลคงง่วงอยากจะนอนแล้ว ฉันจะพาเค้าเข้านอนก่อน เดี๋ยวเจอกันนะ แฟรงค์.. อย่าหลับซะก่อนล่ะ..”

แฟรงค์พยักหน้ารับด้วยอาการเขิน คริสเดินกลับไปหาหนุ่มน้อยที่ยืนเกาะประตูรออยู่และจูงกลับเข้าห้อง แฟรงค์รู้สึกโกรธตัวเอง คริสเตรียมแผนให้เขาอยู่ช่วยดูแลไมเคิลเพราะคิดว่าเจ้าหนูต้องติดเชื้อเอชไอวีอย่างแน่นอน ความรู้สึกของคริสขณะนี้ทุกข์ร้อนและขมขื่นใจมากมายพอแล้ว เขายังหาเรื่องแกล้งให้คริสเสียความรู้สึกและเสียใจกับความไม่มีน้ำใจของเขาอีก    แบบนี้แล้วใครกันแน่ที่สมควรจะเป็นฝ่ายถูกปลอบขวัญ…

.. ผมต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายปลอบขวัญคุณ คริส..



:m13:



:a11:   วันนี้ยาวสะใจเลยใช่มั้ย 


ต่อพรุ่งนี้ >>>>>>>>>>


TBC >>>>>>
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 15-09-2008 11:21:39
ต่อวันนี้เลยได้มิฮะ นะนะนะนะนะ :m13: :oni3: :m13:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 15-09-2008 11:25:16
ได้ฮะปะกัวันพรุ่งเน้อ :laugh:เป็นกำลังใจให้นะครับผม :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 15-09-2008 14:54:16
คริสกับแฟรงค์

แอบหวาน

 :o8:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-09-2008 15:00:49
วี้ดดดดดด คริสกับแฟรงค์ หวานซ้า  :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-09-2008 15:20:35
เอาใขช่วยไมเิคิลครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 15-09-2008 16:16:41
คริส แฟรงค์ ไมเคิล
เหมือน พ่อ แม่ ลูกชาย น่ารักจังเลย
เรื่องมันเศร้า แต่ยิ้มหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: numa6 ที่ 15-09-2008 19:19:21
เห้ออออ

อิจฉาไมเคิลจังคับ  :o8:

เเต่ เรื่องมันเศร้า :sad2:

เพราะไอ้โทนี่คนเดี๊ยวววววววว เเกกกกกกก :เตะ1: :เตะ1: :m31: :m31: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 15-09-2008 21:00:04
เมื่อไหร่จะพาไมเคิลไปตรวจ

สงสารไมเคิล
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-09-2008 21:18:19
แหม .................แฟรงค์ก็มีบทน่ารักเหมือนกันน่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 15-09-2008 23:05:26
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 16-09-2008 01:25:26
 :o12: :o12:

โหๆๆๆ

อ่านหน้าที่แล้ว เศร้าอย่างแรงเลยอ่ะ....

 :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 16-09-2008 02:00:57
นิยายโศรกก ระทม :sad2:(อ่านรวดเดียว= =)

เอ..... ทำไมนะ เศร้ามากๆ 
แต่ไม่ร้องไห้  :m23:(ปกติต้องใช้ตุ่มรองน้ำตา)

อาจเป็นเพราะ
ยังมีหวัง กับเรื่องนี้
ว่าจะไม่โหดร้ายกับชีวิตไมเคิลไปมากกว่านี้ก็ได้นะ  อิอิ:o12:

แล้วเมื่อไหร่แด๊ดดี้คริสจะพาลูกไมเคิลไปตรวจเลือดซักทีนะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 16-09-2008 08:50:15
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากมาย :m1:


ไมเคิลสู้ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 16-09-2008 09:55:39
 o7
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 16-09-2008 10:34:51
[ 19 ]
 
          
 

     ไมเคิลผุดลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าตึก

      “คุณคริส..   คุณคริสกลับมา..”

      “ไม่ใช่คุณคริสหรอกไมค์  น้าจอนนี่ต่างหาก  สงสัยมาเปลี่ยนรถมั้ง”   แจ๊คพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากแค้ตตาล็อกรถ  

ตั้งแต่ไมเคิลกลับมาอยู่กับคริส สมาชิกหนุ่มน้อยทั้งสี่เพิ่งได้มีโอกาสขึ้นมาบนที่พักส่วนตัวของคริสขณะที่คริสไม่อยู่ ก่อนหน้านั้นทุกครั้งที่ขึ้นมาบนนี้  นั่นคือเวลาที่คุณคริสต้องการให้ปรนนิบัตรไม่ใช่เวลาที่จะมาชมสมบัติหรือสิ่งของในห้อง

      แจ๊คกำลังให้ความสนใจกับแค้ตตาล็อกรถสปอร์ตหลายเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของคริส  ไม่เข้าใจว่าคุณคริสเอาแคตตาล็อกรถมาดูทำไม หรือคุณคริสจะซื้อ ?  ซื้อให้ใครกันนะ ?  ของคุณแฟรงค์ก็ยังใหม่อยู่  หรือว่า…. แจ๊ครู้สึกตื่นเต้นเมื่อหวนนึกถึงคำพูดของคุณคริสเมื่อปีกลาย…..

คุณคริสเคยสัญญากับพวกเขาทุกคนว่าหากตั้งใจเรียนและทำตัวดีๆ จะมีรางวัลให้คนละหนึ่งอย่าง แจ๊คเป็นคนแรกที่บอกรางวัลที่ตัวเองต้องการกับคุณคริสต่อหน้าทุกคน ทุกคนอ้าปากหวอด้วยความตกตะลึงเมื่อแจ๊คบอกว่าอยากได้รถสปอร์ต   แม้แต่คุณแฟรงค์ยังหัวเราะและบอกกับแจ๊คว่า  กว่าเขาจะได้รถสปอตปอร์เช่คันนี้มาต้องอ้อนขอคุณคริสอยู่หลายปี  แจ๊คคอตกเมื่อคุณคริสนิ่งเฉย รางวัลที่แจ๊คขอคงจะสูงมากเกินไปจริงๆ ทุกคนถึงนั่งอึ้งกันไปหมด  แต่แล้วคำพูดของคุณคริสก็ทำให้แจ๊คและสมาชิกทุกคนตื่นเต้นดีใจ  มีเพียงคุณแฟรงค์คนเดียวที่มีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

      “ถ้าแจ๊คได้รถหนึ่งคัน ทุกคนก็มีสิทธิที่จะได้เท่ากับแจ๊ค  แต่ถ้าบ้านนี้ต้องมีรถเพิ่มขึ้นอีก 4 คัน ก็คงไม่มีที่จอด เดือดร้อนจอนนี่ด้วย  คนอื่นค่อยๆ คิดก็ได้ว่าอยากได้อะไร ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรอก  สำหรับแจ๊คอายุเธอยังไม่ครบที่จะทำใบขับขี่ได้เลย  รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาดูว่าเธอยังต้องการมันอยู่หรือเปล่า”

แจ๊คใจเต้นแรงด้วยความยินดีเมื่อลองคิดเล่นๆ ว่าคุณคริสอาจจะซื้อรถสปอร์ตให้ตน  เนื่องจากแจ๊คจะมีอายุครบ 18 ปี ในอีกสองเดือนข้างหน้าแล้ว

“ว้าววว~ ~ ”

      แจ๊คร้องครางด้วยความตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นรูปรถสปอร์ตสวยถูกใจหลายคัน แต่เมื่อเห็นราคาแล้วก็คอตก  คุณคริสคงไม่ยอมเสียเงินมากขนาดนี้เพื่อซื้อรถให้เขาหรอก   ถ้าเป็นคุณแฟรงค์หรือไมเคิลก็ว่าไปอย่าง

      “ไมค์.. มาดูรถคันนี้ซี  นายต้องชอบแน่ถ้านายเห็น เอ่อ..”  

      แจ๊คใจหายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไมเคิลมองไม่เห็น รีบหันไปขอโทษ

      “ขอโทษนะไมค์ ฉันลืม.. อ้าว!!.. ไมค์!!… ไมเคิล!!….”

      แจ๊ควางแคตตาล็อกลงเมื่อหันมาไม่พบไมเคิล  ทีวียังเปิดอยู่แต่หนุ่มน้อยไม่ได้นั่งอยู่หน้าทีวีทั้งที่เมื่อครู่ยังอยู่  

      “ไมเคิล!!..  อยู่ไหนอ่ะ  ไมเคิล!!..”

      แจ๊คใจหายวาบ  ...จริงซี!!.. เมื่อสักครู่ไมเคิลถามหาคุณคริสนี่นา..  หรือว่า..  เร็วเท่าใจคิด ร่างเพรียวของหนุ่มน้อยวิ่งไปที่ประตูทันที

      แจ๊ควิ่งตามออกมาพบไมเคิลกำลังจะก้าวลงบันได   เด็กหนุ่มตาเหลือกด้วยความตกใจเพราะไม่เคยปล่อยให้ไมเคิลขึ้นลงบันไดเอง จะจูงมือหรือคอยระวังหลังให้ตลอด  ไม่มีใครรู้ว่าไมเคิลสามารถขึ้นลงบันไดเองได้นอกจากแฟรงค์  เพราะวันไหนที่เป็นเวรแฟรงค์ดูแล  เขาจะปล่อยให้หนุ่มน้อยขึ้นลงบันไดเองโดยคอยระวังอยู่ห่างๆ

:laugh:     “ไมเคิล!!.. หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!!!!!..”

      เสียงร้องของแจ๊คดังลั่นจนไมเคิลสะดุ้งตกใจหันขวับไปตามเสียง  จังหวะเดียวกับที่กำลังก้าวเท้าลงบันไดทำให้หนุ่มน้อยกะจังหวะก้าวพลาดเสียหลักไถลลง  หากสายตามองเห็นคงคว้าราวบันไดไว้ได้ทัน  แต่เมื่อมองไม่เห็น….  

...ภาพเจ้าหนูไมค์กลิ้งตกจากบันได ทำให้แจ๊คยืนช็อค!!!!...   o2  o2

      

F a t h e r h o o d  …

 

แฟรงค์พยายามติดต่อคริสแต่โทรเท่าไรก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ  เขาไม่สามารถเบิกเงิน 3 ล้านได้ เพียงเพราะลายเซ็นต์ของคริสเพี้ยนไปเล็กน้อย  แฟรงค์รู้ว่าเขาถูกผู้จัดการแบงค์หนุ่มโฮโมกลั่นแกล้งเพราะอิจฉาเขาซึ่งอยู่ในฐานะคู่ขาของคริส   เขาเกือบวางมวยกับหมอนั่น   ไม่ใช่เพราะเบิกเงินไม่ได้แต่เพราะคำพูดเยาะเย้ยและยั่วโทสะ

“เสียใจด้วยนะครับคุณแฟรงค์.. เราต้องรักษาผลประโยชน์ของลูกค้า ต่อให้นอนเตียงเดียวกัน  ถ้าลายเซ็นมีปัญหาเราก็ให้เบิกไม่ได้”

 

RRRR~~~

      เสียงสัญญาณเรียกเข้าดังแทรกขึ้นทันทีที่แฟรงค์ตัดสัญญาณโทรออก แฟรงค์รีบกดรับ  ยังไม่ทันเอ่ยทักปลายสายก็ส่งเสียงละล่ำละลักมา

 laugh:   “คุณแฟรงค์!!..  ช่วยด้วยฮะ  ไมเคิลตกบันได  ผม.. ผมไม่รู้ว่าไมค์เดินออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อไร  ผมวิ่งตามออกมาเรียกไว้แต่ไม่ทัน…  เขาตกจากบันไดตอนนี้หมดสติไปแล้ว    :serius2:  คุณแฟรงค์ช่วยด้วย  ทำไงดี  ฮึออ~~~ ”

      แฟรงค์ใจหายวาบ  

      ...ให้ตายเถอะ!   ทำไมเคราะห์กรรมของเจ้าหนูไม่จบสิ้นซะที  รู้สึกโกรธแจ๊คที่ละเลยไมเคิลจนเกิดเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่เวลาจะดุว่า เพราะขณะนี้หนุ่มแจ๊คเองก็ตกใจกลัวจนร้องไห้แล้ว

      “โทรหาหมอบ๊อบให้ส่งรถพยาบาลมารับด่วน แล้วดูซิว่าไมเคิลมีเลือดออกตรงไหนหรือเปล่า”

      เสียงแจ๊คบอกพ่อบ้านลูให้โทรหาหมอบ๊อบโดยด่วน นับว่ายังมีสติพอใช้ แม้ว่าน้ำเสียงจะตื่นตระหนกก็ตาม

      “ไมค์มีเลือดออกที่คิ้วขวาฮะ  ทำยังไงดีคุณแฟรงค์.. ผมไม่กล้าขยับตัวไมเคิล ผมไม่รู้ว่าไมเคิลกระดูกหักตรงไหนบ้างหรือเปล่า..”

      “มีเลือดออกที่อื่นอีกไหม”  แฟรงค์พยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้เย็น ทั้งที่รู้สึกร้อนใจไม่น้อยเช่นกัน

      “ไม่มีฮะ”

      “โอเค!  เช็คชีพจรซิว่าปกติหรือเปล่า”

      “เช็คตรงไหนฮะ”

o12     “โธ่เว้ย! แจ๊ค.. เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมไม่รู้ ตรงไหนก็ได้ที่ทำให้นายรู้ว่าไมเคิลยังหายใจปกติอยู่”

      แจ๊คเงียบเสียงไปนานจนแฟรงค์ร้อนใจ  สัญญาณไฟเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองที่สี่แยกหน้าทำให้แฟรงค์ต้องเหยียบคันเร่งแซงซ้ายรถคันหน้า 3 คัน ที่กำลังชะลอความเร็วลง  BENZE S 600 COUPE  ของเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์ฝ่าไฟแดงไปอย่างเฉียดฉิว  ตำรวจจราจรยืนมองตาปริบๆ

      “คุณแฟรงค์..  ไมเคิลยังหายใจอยู่ฮะ”

      แฟรงค์ส่ายหน้า ถอนใจด้วยความระอา  เจ้าตัวแสบพวกนี้ไม่มีใครได้เรื่องสักคน

      “ฟังนะแจ๊ค ถ้าไมเคิลไม่หายใจ นายคงรู้นะว่าควรจะจัดการกับตัวเองยังไง  ฉันจะไปถึงในอีก 5 นาที  นั่งเฝ้าอยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน!!…”

      แฟรงค์โทรหาบ๊อบด้วยตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่อาจไว้ใจใครในบ้านได้โดยเฉพาะเรื่องสำคัญและร้ายแรงขนาดนี้  วางสายบ๊อบ..  แฟรงค์กดเข้ามือถือคริสอีกครั้งก็ยังไม่สามารถติดต่อได้  รู้สึกโล่งอกเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะรายงานคริสยังไง  เขาควรได้เห็นอาการไมเคิลกับตาก่อนจะดีกว่า



F a t h e r h o o d  …



      ไม่เคยมีช่วงใดในชีวิตที่คริสจะรู้สึกทุกข์ร้อนใจมากเท่านี้ ความรู้สึกขณะนี้  คือความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสเมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของหนุ่มน้อยที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง

      คริสตกใจแทบช็อคเมื่อแฟรงค์โทรรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น  เขาคงไม่ทุกข์และกังวลใจมากเท่านี้หากไมเคิลมีร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาพปกติเหมือนเด็กชายทั่วๆ ไป  เคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับไมเคิลทำให้คริสรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย

      “อย่ากังวลเลยคริส ไมเคิลไม่เป็นอะไรมาก  คิ้วแตก แขนซ้ายหักและฟกช้ำตามตัวนิดหน่อยเท่านั้น”

      คริสแค่นหัวเราะ

      “สำหรับนายไม่มากหรอกแฟรงค์  แต่ถ้านายเป็นฉันจะไม่พูดอย่างนี้”

      แฟรงค์ลอบถอนใจ คริสเปลี่ยนไปมากจากที่เคยเป็นคนอารมณ์เย็น มองโลกในแง่ดีเสมอ  ตั้งแต่อยู่ในฐานะพ่อบุญธรรมของไมเคิล  คริสมีแต่เรื่องทุกข์ใจ วิตกกังวล โดยเฉพาะเวลาที่เห็นหนุ่มน้อยเจ็บ

      “นายว่าไม่เป็นอะไรมาก  ทำไมป่านนี้ยังไม่รู้สึกตัว  ไมเคิลหลับไป 10 ชั่วโมงกว่าแล้วนะแฟรงค์”

      “ศีรษะไมเคิลกระแทกกับขอบบันได เขาอาจจะหลับนานหน่อย แต่รับรองว่าไม่เป็นอะไรมาก”

      “แน่ใจหรือแฟรงค์.. เขาจะจำฉันได้หรือเปล่า”  ดวงตาสีฟ้าคู่สวยหม่นหมองด้วยความทุกข์  แฟรงค์ขยับเข้าไปโอบไหล่ปลอบใจ

      “จำได้แน่นอนคริส สาบานได้ว่าฉันไม่โกหก บ๊อบบอกฉันเองว่าได้ยินไมเคิลเพ้อหานายตอนเย็บแผลให้”

      แฟรงค์ยืนยันคำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อให้คริสสบายใจ หากแต่ในใจแอบภาวนาขออย่าให้ไมเคิลมีปัญหาเกี่ยวกับความจำอีกเลย  เขาไม่อยากเห็นคริสอยู่ในห้วงของความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

F a t h e r h o o d  …



      ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเจ็บปวดแทบขาดใจทุกครั้งที่แส้กระทบแผ่นหลัง  แต่ก็ไม่สามารถดิ้นหนีไปไหนได้เพราะมือและเท้าถูกมัดติดกับขอบเตียง  

          “ได้โปรดอย่าทำผมเลย โทนี่.. ผมเจ็บ...ฮือ..”  ไมเคิลพยายามอ้อนวอนขอร้อง  แม้รู้ว่าไม่มีความหวังที่ชายผู้โหดร้ายและอยู่ในฐานะพ่อเลี้ยงคนนี้จะยอมใจอ่อน

      “ฮะ ฮะ ฮะ ”  เสียงหัวเราะด้วยความสะใจกับความเจ็บปวดที่เด็กชายได้รับ

      “นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ ไมเคิล..  ฉันต้องการให้แกเจ็บปวด  วิญญาณแม่แกจะได้ไม่เป็นสุข..”

      ไมค์สะอื้นเมื่อนึกถึงแม่ แม่จากเขาไปอยู่ในที่ที่สบายแล้ว ไมค์ไม่อยากโกรธและเกลียดแม่หรอก แม่คงไม่ได้อยากมีสามีหลายคน และคงไม่ได้ต้องการให้สามีของแม่มาทำร้ายลูกตัวเองแบบนี้  คนที่ไมค์ควรจะเกลียดชังคือชายใจยักษ์คนนี้ต่างหาก

      “คนใจร้าย  แม่ทำอะไรให้คุณ.. ถึงต้องโกรธและเกลียดแม่ผมด้วย..”

      ชายใจยักษ์ฟาดแส้ลงที่แผ่นหลังเด็กชายอีกครั้งเมื่อเจอคำถามแทงใจ  ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก  ส่งเสียงร้องให้ช่วยด้วยความลืมตัว

      “ฮือๆ …. แด๊ดดี้.. ช่วยด้วย…ฮือ.. โอ้ยยยย~~~”  

      ไมเคิลส่งเสียงร้องโหยหวน ครั้งนี้ไม่ใช่ความเจ็บปวดจากแส้แต่เป็นความร้อนจากน้ำตาเทียนหยดลงที่แผ่นหลัง

      “อย่าเรียกแด๊ดดี้.. ให้ฉันได้ยินนะไอ้หนู  ไม่ยังงั้นแกจะทั้งเจ็บทั้งร้อนแบบนี้”

      โทนี่กัดฟันพูดด้วยความสะใจ ความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อได้ยินหนุ่มน้อยร้องเรียกแด๊ดดี้ให้ช่วย เพราะรู้ดีว่าแด๊ดดี้ที่หนุ่มน้อยเรียกหาไม่ใช่เขาแต่คือคริส บริเจคส์   วิศวกรหนุ่มใหญ่ผู้มั่งคั่งแม้จะมีพฤติกรรมรักร่วมเพศแต่ก็มีเสน่ห์และสง่างามจนเขาเองยังรู้สึกอิจฉา และเหตุที่ทำให้เขารู้สึกโกรธไมเคิลมากขึ้นเพราะเจ้าหนูไม่ยอมเรียกเขาว่าพ่อ…

      เสียงร้องโหยหวนของหนุ่มน้อยทำให้อารมณ์ของโทนี่รุนแรงมากขึ้น

      “โอ๊ยยย~~~….. ฮือๆ โทนี่  ผมเจ็บ ผมกลัวแล้ว… ฮือๆ…”  ไมค์สะอื้นไห้  ไม่กล้าส่งเสียงเรียกหาแด๊ดคริสอีก

      “กลัวก็ดี.. จำไว้นะ!!.. อย่าเรียกไอ้หมอนั่นเป็นพ่อให้ฉันได้ยินอีก  คนอย่างมันเป็นพ่อใครไม่ได้หรอก  ทำตัวเป็นสุลต่านเปิดฮาเร็มเลี้ยงเด็กหนุ่มๆ  มีพ่อวิปริตแบบนั้นสักวันจะต้องถูกมันกิน ฉันใจดีขนาดไหนแล้วที่รับทั้งแม่และลูกมาอยู่ด้วย  แต่แม่แกกลับหลอกลวงปิดบังฉัน   เพราะฉะนั้นแกต้องรับโทษแทนแม่แก  ไอ้หนู...”

      ชายใจยักษ์แสยะยิ้มอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเห็นแผ่นหลังบอบบางของเด็กชายเต็มไปด้วยบาดแผลจากรอยแส้  เลือดไหลซิบทั่วแผ่นหลัง

          ไมเคิลใจหายวาบเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงใจยักษ์หยิบมีดพกขึ้นมา ความกลัวแล่นจับหัวใจแต่ในส่วนลึกก็รู้สึกเหมือนกำลังได้รับการปลดปล่อย... ไมค์หลับตานอนนิ่งแทนที่จะอ้อนวอนขอร้องชีวิตจากคนใจยักษ์  กลับส่งกระแสจิตอ้อนวอนขอร้องสวรรค์

      ...ผมอยากไปหาแด๊ดดี้คริส..   ช่วยพาผมไปหาแด๊ดด้วย..

          .........

          .........

      ไมเคิลนอนคว่ำหน้าลืมตานิ่งอยู่ในความมืด  เจ็บระบมและปวดแสบปวดร้อนที่แผ่นหลัง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่วันกี่คืนแล้วที่ไมค์ได้รับโทษจากพ่อเลี้ยงใจยักษ์ น้ำตาหนุ่มน้อยไหลพรากเมื่อนึกถึงใบหน้าของแด๊ดดี้คริส..  ผู้มีแต่ความเอื้ออารีและอบอุ่นเวลาได้อยู่ใกล้

      “แด๊ดดี้..  แด๊ด.. ผมเจ็บ ฮือ ๆ … เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”

ไมเคิลพึมพำเรียกหาคริสในลำคอ ไม่กล้าส่งเสียงดัง กลัวโทนี่ได้ยินแล้วเขาจะต้องเจ็บตัวอีก

 

F a t h e r h o o d  …

 

      ไมเคิลลืมตาขึ้นอีกครั้งพบตัวเองนอนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่ที่ที่ถูกกังขังและทรมานจากโทนี่  แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเขาก็ยังรู้สึกเจ็บ.. และสำนึกแรกที่ไมเคิลนึกถึงคือแด๊ดดี้คริส..

      “แด๊ดดี้..  แด๊ดดี้..”

      คริสสะดุ้งขณะกำลังจะเคลิ้มหลับ รีบลุกขึ้นถลาไปที่เตียงพบหนุ่มน้อยสะอื้นไห้ทั้งที่ยังหลับ  แม้จะเป็นแค่เสียงพึมพำในลำคอแต่คริสได้ยินและรู้ว่าเป็นเสียงเรียกหาเขา

      “แด๊ดดี้.. แด๊ด.. ฮือ~~ ”

      คริสสวมกอดหนุ่มน้อยด้วยความยินดี  เสียงทุ้มกระซิบปลอบอ่อนโยน

      “แด๊ดอยู่นี่ ไมเคิล..  ไม่ต้องกลัวนะ  ลูกไม่เป็นไรแล้ว”

      หนุ่มน้อยรู้สึกตัวลืมตาขึ้น  น้ำใสเอ่อคลอหยดเป็นทาง

      “แด๊ดดี้คริสจริงเหรอ…”

      คริสจับมือหนุ่มน้อยกุมไว้และจูบเบาๆ ดีใจที่ไมเคิลยังจำเขาได้

      “จริงซีลูก..  รู้มั้ยว่าแด๊ดเป็นห่วงลูกแค่ไหน  กลัวลูกตื่นขึ้นมาจำแด๊ดไม่ได้อีก”

      คริสกระซิบปลอบและซับน้ำตาให้  สีหน้าและแววตาของไมเคิลฉายแววยินดีแต่แฝงไว้ด้วยความตื่นกลัว  แขนข้างซ้ายถูกเข้าเฝือกไว้แต่หนุ่มน้อยพยายามยกขึ้นจะสวมกอดเขา

      “แด๊ดดี้จริงๆ  ผมคิดถึงแด๊ดทุกวันทุกคืนเลย  ผมเจ็บ...ฮะ”

      คริสใจหายเมื่อได้ยินไมเคิลบอกเจ็บ สงสารหนุ่มน้อยจับใจ  

      “เจ็บแขนหรือไมเคิล..  อดทนนะ  อีกไม่กี่วันก็หาย”

      “ผมเปล่าเจ็บแขน  ผมเจ็บที่หลัง..”

      “เจ็บที่หลังตรงไหนหรือไมเคิล  เจ็บมากมั้ย”  

คริสตกใจเมื่อรู้ว่าไมเคิลมีอาการเจ็บที่หลัง ขยับจะกดปุ่มสัญญาณเรียกพยาบาลก็ต้องชะงักกับคำบอกเล่าที่พรั่งพรูออกมา   รู้สึกว่ามันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนตกบันได  

      “ผมปวดแผลที่หลัง  ผมขยับตัวไม่ได้  ผมคิดถึงแด๊ดทุกวันทุกคืนเลย  ผมอยากโทรหาแต่ผมออกจากห้องไม่ได้”

      ขณะเล่าสีหน้าหนุ่มน้อยตื่นกลัวและเจ็บปวดเหมือนอยู่ในเหตุการณ์  หัวใจคริสเต้นแรงเมื่อรู้สึกว่าความทรงจำของไมเคิลกำลังกลับคืนมา

      “ทำไมถึงออกจากห้องไม่ได้ครับ  หือ..”

      “ผมถูกขังในห้องออกไปไหนไม่ได้  โทนี่ตีผมทุกวัน  ผมถูกไฟลวกที่หลังด้วย ผมร้อน~~  ผมเจ็บมาก~~   แด๊ดดี้ผมเจ็บ~~”  

หนุ่มน้อยสะอื้นด้วยความกลัว   เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นและผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง

      ...โอ! พระเจ้า คริสบอกไม่ถูกว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร  มันเป็นความสุขและความทุกข์ในเวลาเดียวกัน  สุขใจและยินดีเมื่อรู้ว่าไมเคิลจำความทั้งหมดได้แล้ว  พร้อมกับที่รู้สึกเจ็บจนหัวใจแทบจะสลายเช่นกันเมื่อได้รับรู้ถึงความทุกข์และความเจ็บปวดที่หนุ่มน้อยได้รับ

      คริสช้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน  และกระซิบปลอบอย่างอ่อนโยน

      “ลูกไม่เป็นไรแล้วไมเคิล แด๊ดสัญญา.. จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกอีก เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่จากกันอีกแล้ว  ไม่ต้องกลัวนะ ไมเคิล..”

      หลังจากปลอบโยนจนหนุ่มน้อยหายกลัวแล้ว  คริสค่อยๆ เลียบเคียงถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นกับลินดา  คำบอกเล่าของไมเคิลตรงกับที่โทนี่เล่าว่าลินดาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิต  และเรื่องที่ไมเคิลถูกทำร้ายร่างกายก็เป็นเรื่องจริงทุกเรื่อง  แม้เขาจะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาแล้วจากคำบอกเล่าของโทนี่  หากแต่คำบอกเล่าที่ออกจากปากไมเคิลเอง ก็ยังทำให้หัวใจของเขาแทบจะสลายตามไป

      “โทนี่ไม่ยอมให้ผมออกไปไหน  ไม่ยอมให้โทรหาแด๊ดด้วย  ยิ่งพอแม่ตายเขายิ่งเกลียดผม  เขาบอกว่าแม่หลอกเขา  ผมต้องชดใช้แทนแม่~~   เขาขังผมในห้อง เอาแส้เฆี่ยนผม  ผมเจ็บมาก  ผมหลับฝันถึงแด๊ดทุกคืน~~อยากกลับมาอยู่กับแด๊ด~~ ”  

หนุ่มน้อยบอกเล่าน้ำเสียงสั่นเครือ  คริสรวบรวมกำลังใจกระซิบคำถามสำคัญด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

      “เขาบอกรึเปล่าว่าโกรธแม่เรื่องอะไร นอกจากเฆี่ยนตีแล้วเขาทำร้ายลูกอย่างอื่นอีกมั้ย”

          “เขาบอกแต่ว่าแม่หลอก  ผมต้องชดใช้  ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร   เขาเอาเทียนหยดหลังผมด้วย  แล้วเขาก็เอามีดขึ้นมา ผมคิดว่าผมต้องตายไม่มีโอกาสได้เจอแด๊ดอีกแล้ว..”

      น้ำตาไหลนองแก้มเนียนขณะบอกเล่าเรื่องที่น่ากลัว  ขณะที่ดวงตาสีฟ้าคู่งามของคริสเอ่อรื้นด้วยน้ำตา

          “เขารังแกลูกหรือเปล่า ไมเคิล..  แด๊ดหมายถึงเขาทำร้ายลูกเหมือนตอนที่ลูกถูกทำร้ายที่เรือนคนรับใช้หรือเปล่า..”

      คริสกลั้นใจฟังคำตอบที่จะได้รับ ไมเคิลนิ่วหน้าเหมือนกำลังนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เขาถามถึงก่อนส่ายหน้าและให้คำตอบว่าจำไม่ได้..  

          คริสน้ำตาไหลพรากอาบแก้มด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้น สงสารหนุ่มน้อยที่ประสบชะตากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไมเคิลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ ทำไมตัวเองต้องได้รับโทษ คำบอกเล่าของหนุ่มน้อยยืนยันความโหดร้ายใจยักษ์ของไอ้สารเลวโทนี่ ความหวังลางเลือนที่ไมเคิลอาจไม่เป็นโรคร้าย... หมอนั่นอาจพูดโกหกเรื่องการแพร่เชื้อให้เด็ก กลับกลายเป็นเรื่องที่เขาหลอกตัวเอง คำตอบที่ได้รับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ ไมเคิลจำไม่ได้  ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ถูกกระทำ และไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน  มันก็ไม่ได้ทำให้หัวใจที่แหลกสลายของเขากลับคืนเป็นปกติได้  

      คริสพาลโกรธตัวเองที่ปล่อยให้ไมเคิลกลับไปกับลินดา แทนที่จะใช้เงินอย่างที่แฟรงค์เสนอ ถึงวันนี้เงินทองมากมายของเขาไม่สามารถช่วยให้หนุ่มน้อยกลับเป็นปกติเหมือนเดิมได้แล้ว คริสไม่รู้ว่าตัวเองนิ่งเงียบไปนานแค่ไหน  รู้สึกตัวอีกทีเมื่อถูกมือเล็กเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มเขา

      “แด๊ดอย่าร้องไห้ซี  ผมไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่เหรอ..”

      คริสจับมือหนุ่มน้อยกุมไว้และจูบเบาๆ ไมเคิลคงเห็นเขานิ่งเงียบไปนานและรู้ว่าเขากำลังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

      “ใช่.. ลูกไม่เป็นไรแล้วไมเคิล..  ที่ลูกได้รับมันมากเกินพอแล้ว  แด๊ดจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องทำร้ายลูกได้อีก  เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่จากกันอีกแล้ว  ลูกหายเร็วๆ แด๊ดจะพาไปจดทะเบียนรับเป็นบุตร   เราจะได้เป็นพ่อลูกกันจริงๆ ซะที”

      รอยยิ้มของไมเคิลทำให้อารมณ์ของคริสผ่อนคลายขึ้น  ... วันนี้ดวงตาของหนุ่มน้อยแวววาวมีชีวิตชีวากว่าทุกวัน  อาจเป็นเพราะน้ำตาที่เอ่อคลอ...

      “ตาลูกสวยมากรู้มั้ยไมเคิล.. รอให้ลูกหายดีและแข็งแรงกว่านี้   แด๊ดจะให้หมอตรวจเช็คและรักษาดวงตาของลูกให้หาย  ลูกจะได้เห็นว่าแด๊ดยังหล่อเหมือนเดิมรึเปล่า.. ”

      หนุ่มน้อยมีสีหน้าข้องใจ  กำลังจะเอ่ยถามก็ถูกคริสตัดบท

      “แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว  นอนดีกว่าไมเคิล  พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ ตื่นเช้าเราค่อยคุยกันใหม่นะ”

      ไมเคิลหลับตาลงอย่างว่าง่ายและเคลิ้มหลับไปภายในเวลาไม่นาน สีหน้ามีความสุขเพราะได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของแด๊ดดี้ที่เขารักแล้ว   หากแต่สีหน้าของคริสขณะนี้กลับทุกข์ใจอย่างหนัก สวรรค์ช่างโหดร้ายกับหนุ่มน้อยผู้นี้เหลือเกิน  และไม่ปราณีต่อเขาด้วยเช่นกัน   ให้เขาได้มาพบเจอต้องชะตาและรักเจ้าหนูอย่างลูกชาย แต่กลับมอบความทุกข์อย่างแสนสาหัสในฐานะพ่อให้เขา  

      “แด๊ดรักลูกไมเคิล.. รักหมดหัวใจเลย  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แด๊ดไม่มีวันทอดทิ้งลูก”   o7

 

F a t h e r h o o d  …

 

      “จะไปจริงๆ หรือแจ๊ค”

      โอเอ่ยถามขณะที่แจ๊คกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า

      “ฉันไม่กล้าอยู่ให้คุณคริสเห็นหน้าอีก”  แจ๊คพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ  

      “คุณคริสโกรธฉันมาก ไม่ยอมต่อว่าฉันสักคำ ไม่พูดด้วย ไม่แม้แต่จะมองหน้า  ถ้านายเป็นฉันนายยังจะกล้าอยู่ที่นี่อีกหรือโอ..”

      “แต่นายไม่ได้ตั้งใจ  มันเป็นอุบัติเหตุนะแจ๊ค..”

      “มันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความละเลยของฉัน..” แจ๊คน้ำตาคลอยิ้มให้เพื่อน  

      “ฉันยอมรับผิดและควรจะพิจารณาตัวเอง”  

แจ๊คหยิบกีตาร์ไฟฟ้าตัวโปรดยื่นให้โอ..

      “เก็บไว้กับนาย โอ..  มันไม่ใช่สมบัติของฉัน  คุณคริสซื้อให้พวกเราแบ่งกันเล่น”

      โอรับกีตาร์มาถือไว้ แจ๊คเป็นนักดนตรีประจำบ้าน เล่นเครื่องดนตรีได้เกือบทุกชนิด ในขณะที่บอยเล่นเป็นแต่คีย์บอร์ด ส่วนทิมกับเขาผลัดกันเป็นนักร้อง โอวางกีตาร์ลงบนเตียงและกล่าวท้วงการตัดสินใจของแจ๊คอีกครั้ง

      “อย่าไปเลยแจ๊ค.. คุณคริสกำลังตกใจและเป็นห่วงไมค์ ไม่มีอารมณ์ต่อว่านายหรอก   คุณแฟรงค์โทรมาบอกแล้วว่าไมค์ไม่เป็นอะไรมาก  รอคุณคริสอารมณ์เย็นลงนายค่อยไปขอโทษ  คุณคริสคงไม่โกรธมากถึงขนาดจะให้นายไปจากที่นี่หรอก  ฉันเคยทำผิดต่อไมเคิลมาแล้ว  คุณคริสยังยอมยกโทษให้เลย”

      “เฮอะ! คุณคริสไม่ได้ยกโทษให้นายซะหน่อย  จำไม่ได้หรือว่าคุณคริสไล่นายออกจากบ้าน ไมเคิลต่างหากที่ขอคุณคริสยกโทษให้นาย  แต่สำหรับฉันไม่โชคดีอย่างนาย ความจำไมเคิลยังไม่ปกติ  ตาก็มองไม่เห็น  คงช่วยฉันไม่ได้  ฉันขอจากไปเองดีกว่าถูกคุณคริสไล่ออกไป”

      แจ๊คปิดกระเป๋าเดินทาง  น้ำตาร่วงผล็อยด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

      โอรู้สึกหมดหวังเมื่อไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเพื่อนให้อยู่ต่อได้  แจ๊คไม่อยู่เขาคงเหงามากเลย  ทุกวันนี้แต่ละชีวิตในคฤหาสน์ใหญ่โตหลังนี้แทบจะต่างคนต่างอยู่แล้ว  ตั้งแต่ไมเคิลเข้ามาเป็นสมาชิกที่นี่ ความเป็นอยู่ของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของคุณคริส   แม้แต่คุณแฟรงค์เองก็เปลี่ยนไป.. ถ้าไม่ยุ่งอยู่กับธุระของตัวเอง..ก็จะอยู่กับไมเคิลและคุณคริส  ไม่มีเวลาแม้แต่จะนั่งคุยเล่นกับพวกเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว..  

 

F a t h e r h o o d  …

 


TBC >>>>>

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-09-2008 10:41:21
น่าสงสารไมเคิล ทำกรรมอะไรมาหนอ ว่าแต่ เด็กๆของคริสจะเริ่มย้ายออกกันแล้วเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-09-2008 12:22:36
บีบหัวใจเหลือเกิน

แงแง
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 16-09-2008 12:32:07
ง่ะ แจ๊ค :o
อย่าพึ่งไป๊ กลับมาก๊อนนนน

อิอิดีใจๆ ไมเคิลจะหายแล้ว
หวังว่าจะไม่ติดโรค หรอกนะคะ

แค่นี้มันก็ร้ายพอแล้วกับชีวิตเด็กน่ารักและแสนดีคนนี้ o7
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 16-09-2008 13:34:21
ไมเคิลจำได้แล้ว :m1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 16-09-2008 13:51:42
ก็ยังดีขึ้นมานิดหน่อยที่ไมเคิลเริ่มจำความได้แล้ว
แต่ความหลังที่โหดร้ายก็จะกลับมาทำร้ายไมเคิลอีกหรือเปล่า

สงสารไมเคิล
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 16-09-2008 14:21:52
คุณคริสครับคุณลืมอะไรไปหรือเปล่าครับว่าคุณยังมีเด็กๆในความปกครองของคุณอยู่อีกหลายคนนะครับ :เฮ้อ:รักใครก็แบ่งๆให้เท่าๆกันบ้างนะครับ :a6:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 16-09-2008 15:06:15
สงสารสี่หนุ่ม

เหมือนว่าทุกตัวละครจะมีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น

จะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 16-09-2008 17:18:36
สงสารทุกคนเลย :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 17-09-2008 01:47:23
พาไปตรวจเลือดเดี๊ยวนี้เลยครับพี่น้อง

กรรมของเส้นเลือดดำ(vein)

 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 17-09-2008 10:13:08
[20]


วันนี้แฟรงค์วิ่งวุ่นเกือบทั้งวัน นอกจากเรื่องวุ่นวายที่บ้านแล้ว เขายังวุ่นอยู่กับการตกแต่งร้านอาหารที่หุ้นกับเพื่อนเปิด แฟรงค์เป็นหุ้นส่วนใหญ่แต่เจ้าของเงินลงทุนคือคริส คริสเห็นด้วยที่แฟรงค์อยากลองทำธุรกิจ แต่ไม่เห็นด้วยที่แฟรงค์จะขอยืมเงินเขาเพื่อไปลงทุน  คริสเสนอตัวเป็นนายทุนโดยให้แฟรงค์กับเพื่อนบริหารงาน หากธุรกิจไปรอดค่อยใช้เงินคืนเขา แฟรงค์ตกลงตามข้อเสนอเพราะมันไม่ต่างกันเลย ถึงเขายืมเงินคริสก็ยังไม่มีปัญญาใช้ให้อยู่ดีจนกว่ากิจการจะมีกำไร

แฟรงค์จอดรถไว้ที่หน้าตึกเดินสโลสเลเข้าบ้าน    ถ้าคริสอยู่และจอดรถขวางไว้อย่างนี้มีหวังถูกบ่นยาว แต่สำหรับคืนนี้เขาเหนื่อยและเพลียเกินกว่าจะเดินจากโรงรถขึ้นมาบนตึก  และที่สำคัญคืนนี้คริสไม่อยู่บ้านรับรองไม่มีใครกล้าบ่นแน่

แฟรงค์ตาแทบปิดเพราะความง่วง  กะว่าจะนอนโดยไม่อาบน้ำสักคืน กำลังจะก้าวขึ้นบันไดก็สะดุ้งเฮือกกับเสียงเรียกพร้อมกับที่ร่างของโอโผล่มาจากมุมเสา

       แฟรงค์หัวเสียยิ่งกำลังง่วงๆ อยู่

       “โธ่เว้ย! โอ  ทำไมมาแอบอยู่มืดๆ อย่างนี้  ดึกมากแล้วทำไมยังไม่นอน”

       “ผมรอคุณ อยากคุยด้วยเรื่องของแจ๊ค  แจ๊คจะไปจากที่นี่ฮะ  เขาว่าคุณคริสโกรธเขามาก  เขาไม่อยากให้คุณคริสเอ่ยปากไล่เหมือนที่คุณคริสเคยไล่ผม  คุณแฟรงค์ฮะ ถ้าแจ๊คไม่อยู่ที่นี่ผมก็จะขอไปด้วยเหมือนกัน  ที่นี่ไม่เหมือนเดิม  ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว  ทั้งคุณคริสและคุณเปลี่ยนไป คุณสองคนรักและเอาใจใส่ไมเคิลจนลืมพวกเราไปแล้ว ผมไม่ได้พูดเพราะอิจฉาไมค์นะฮะ  ผมสงสารเขา  ผมเคยทำผิดต่อเขา  ผมเข้าใจความรักที่พวกคุณมีให้ไมเคิล  แต่ผมไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไรอีก  ถ้าแจ๊คไม่อยู่ผมก็จะขอลากลับบ้านไปช่วยตากับยายทำไร่ฮะ”

       แฟรงค์หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง  คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะไปกันใหญ่โต  ความในใจของโอทำให้เขารู้สึกว่าหนุ่มน้อยเหล่านี้ถูกเขาและคริสละเลยจริงๆ  แฟรงค์ขยับเข้าสวมกอดเด็กหนุ่มที่ยืนคอตกอยู่ตรงหน้าและกระซิบปลอบ

       “ไม่เอาน่าโอ..   ไม่มีใครต้องไปจากที่นี่ทั้งนั้น  ฉันจะคุยกับแจ๊คเอง โอเค!.. ”

       นานมากแล้วที่โอไม่มีโอกาสได้อยู่ในอ้อมกอดของคุณคริส  ระยะหลังคุณแฟรงค์เองก็ไม่เปิดโอกาสให้เข้าใกล้ หรือแม้แต่จะขอนอนด้วยก็เลี่ยงไปมา โอสวมกอดแฟรงค์แน่นด้วยความเสน่หา 

       “คุณแฟรงค์ฮะ..  คืนนี้ผมขอนอนกับคุณได้มั้ย  แค่นอนอยู่ข้างๆ เท่านั้น สาบานได้ว่าผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าได้นอนกอดคุณ”

       โอน้ำตาคลอ  กิริยาออดอ้อนทำให้แฟรงค์ใจอ่อน  ยื่นกุญแจห้องให้

       “ขึ้นไปรอที่ห้อง  ฉันจะแวะไปคุยกับแจ๊คก่อน”

       “ขอบคุณฮะ”   

       โอรับคำด้วยความดีใจ ก่อนวิ่งขึ้นบันไดอาศัยความไวจุมพิตริมฝีปากคุณแฟรงค์หนึ่งครั้ง  แฟรงค์ส่ายหน้าเหนื่อยใจไม่รู้ว่าคืนนี้จะให้เด็กหนุ่มนอนกอดอย่างเดียวได้หรือเปล่า จอมกะล่อนอย่างนายโอ ได้หนึ่งต้องขอสองอยู่แล้ว…

 
:เฮ้อ:

 
แฟรงค์ออกจากบ้านแต่เช้ารีบตรงมาที่โรงพยาบาล  คริสโทรมาปลุกตอนเช้ามืดแจ้งข่าวดีกับเขาว่าไมเคิลรู้สึกตัวเมื่อคืน นอกจากจะจำคริสได้เหมือนเดิมแล้วความทรงจำของไมเคิลยังกลับคืนเป็นปกติด้วย   แฟรงค์รู้สึกโล่งอกเมื่อเหตุร้ายต่างๆ กำลังคลี่คลายลงด้วยดี   

       “ผมรออยู่หน้าห้องนะฮะ  คุณแฟรงค์..”

       แจ๊คกล่าวเสียงอ่อยขณะเดินตามแฟรงค์ไปที่ห้องพักคนไข้

       “อ้าว! ทำไมล่ะ เข้าไปด้วยกันซี  ถ้าคิดจะจากไปจริงๆ นายต้องลาคุณคริสด้วยตัวเอง”

       แฟรงค์กล่าวอย่างไม่ซีเรียส เพราะรู้ว่าคริสไม่มีวันยอมให้แจ๊คจากไปด้วยเหตุผลไร้สาระนั้น

       “แต่ผม…”  แจ๊คอึกอัก

       “ไม่มีแต่..  ตามเข้ามาแจ๊ค อย่าเรื่องมาก..”

       แฟรงค์ผลักประตูห้องพักเดินเข้าไป แจ๊คชะงักอยู่หน้าประตูยืนนิ่งทำใจ กลัวคุณคริสยังไม่หายโกรธและไม่ยอมมองหน้าเขาเหมือนเมื่อวาน

       คริสนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โซฟารับแขกด้านนอก อาหารเช้าง่ายๆ ขนมปังทาเนย 2 แผ่น วางอยู่ตรงหน้า  สีหน้าคริสดูสบายใจขึ้นแต่ยังแฝงความทุกข์ไว้ภายใน  แฟรงค์เดินเข้าไปหาและทรุดตัวลงนั่งเบียดร่างสูงอย่างจงใจ

       “มอร์นิ่ง บ๊อส..”  แฟรงค์กระซิบข้างหู  จูบเบาๆ ที่แก้มสากและไล้แผ่วลงมาที่ซอกคอ

       คริสขยับตัวออกห่าง ไม่ชอบใจที่ถูกแฟรงค์กระเซ้าไม่เลือกสถานที่

       “อย่าทำทุเรศได้มั้ย แฟรงค์..  พยาบาลเช็ดตัวให้ไมเคิลอยู่ข้างใน”

       แฟรงค์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี  ขำคำด่าที่ออกจากปากคริส

:m12:   “ทุเรศ แปลว่าอะไรหรือครับ.. บ๊อส...”

       คริสตาเขียวใส่  แฟรงค์ยกสองมือขึ้นยอมสงบศึก

       “โอเคครับ..  ไม่ยั่วแล้วก็ได้  ล้อเล่นหน่อยเดียวต้องดุด้วย  มิน่าล่ะนายแจ๊คถึงกลัวนักกลัวหนาไม่ยอมตามเข้ามา”

       “มาทำไม  ฉันยังไม่อยากคุยหรือเห็นหน้าเขาตอนนี้” 

คริสกล่าวน้ำเสียงเรียบไม่ได้แสดงถึงความไม่สบอารมณ์  แต่ก็ทำให้แฟรงค์กังวลใจ  ถ้าแจ๊คเข้ามาได้ยินคำพูดนี้คงเสียใจน้ำตาตกแน่   นึกภาวนาขออย่าให้แจ๊คโผล่เข้ามาตอนนี้

       “เรียบร้อยแล้วค่ะ”  เสียงใสของพยาบาลสาวลูกครึ่งขัดจังหวะการสนทนา

       “ลูกชายปากหวานจังนะคะ”

       คริสลุกขึ้นยืนสีหน้าฉงน   พยาบาลสาวรีบอธิบาย

       “แกถามดิฉันว่าคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นฝรั่ง ดิฉันบอกว่าคุณพ่อ แกก็บอกว่าเหมือนแกเลย แกชมดิฉันว่าตาสวย อิจฉาดิฉันที่มีตาเหมือนคุณพ่อแต่ตัวแกไม่ได้ตาสีฟ้าจากคุณพ่อมา  ดิฉันก็เลยว่าแค่นี้ก็หล่อมากแล้วค่ะ  ลูกชายคุยเก่งจังนะคะ  รู้สึกตัวขึ้นมาก็คุยจ้ออย่างนี้ นอนพักอีกสองวันก็คงกลับบ้านได้”

       พยาบาลขอตัวออกจากห้อง คริสพยักหน้ารับในขณะที่สมองยังลำดับคำบอกเล่าของเธอ  แฟรงค์เอ่ยถามลอยๆ 

       “ไมเคิลรู้ได้ไงว่าเธอเป็นลูกครึ่งและตาของเธอสีฟ้า...”

       ไม่ใช่เวลาตอบคำถาม   คริสสาวเท้าเข้าไปในห้อง  แฟรงค์ลุกขึ้นก้าวตามไปติดๆ

 
 :m1:


       “ผมขอโทษครับ”   แจ๊คนั่งคุกเข่าตรงหน้าคริส   

“ผมละเลยหน้าที่  ทำให้ไมค์บาดเจ็บ  ผมรู้ว่าคุณยังโกรธผมอยู่  ผมเสียใจฮะ”

       “เธอทำอะไรอยู่ถึงไม่รู้ว่าไมเคิลเดินออกจากห้อง”  คริสถามน้ำเสียงเรียบ

       “ผม.. เอ่อ.. ผมดูหนังสือครับ”   แจ๊คกล่าวตะกุกตะกัก

       “หนังสืออะไร  อย่าบอกว่าหนังสือเรียนนะแจ๊ค.. เธอไม่ขยันเหมือนทิมมี่หรอก”

       “ผม.. เอ่อ.. ผมดูแค้ตตาล็อกรถที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของคุณครับ”

       แจ๊คก้มหน้างุด  ความผิดพลาดครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะหมดโอกาสที่จะได้รถคันงามเป็นของขวัญจากคุณคริส  แต่ยังทำให้เขาไม่อาจอยู่สู้หน้าคุณคริสได้อีก

       คริสซ่อนยิ้มใต้สีหน้าเครียด

       “เหลวไหลมากเลยรู้ตัวใช่มั้ย แจ๊ค..  ทีหนังสือเรียนทำไมไม่ตั้งใจดูแบบนี้  อย่างนี้แล้วสมควรที่ฉันจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอหรือเปล่า”

       “ผมเสียใจครับคุณคริส  ผมไม่สมควรได้รับอะไรจากคุณอีก  ที่คุณให้ผมมาทั้งหมดมันก็มากเกินพอแล้ว  ผมรู้ดีว่าควรทำยังไง  ผม.. ฮึก.. ฮือ ๆ.…”

       แจ๊คสะอื้นโฮ   :sad4:   ไม่กล้าเป็นฝ่ายลาจากไปทั้งที่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว

       คริสตกใจเลิกล้อเล่น   เงยหน้าเด็กหนุ่มขึ้นเช็ดน้ำตาให้

       “อย่าร้องไห้แจ๊คกี้.. ฉันไม่โกรธเธอและไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเธอด้วย  แค้ตตาล็อกที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมดคือแบบรถที่ฉันจะให้เธอเลือก  ที่ดูไว้เมื่อวานมีคันไหนถูกใจบ้างหรือเปล่า หือ..”

 

 :a10:  :a3:

 

        “มีเรื่องอะไรทุกข์ใจอีกล่ะคริส..  ความจำและสายตาของไมเคิลกลับคืนเป็นปกติ  อีกสองวันก็ออกจากจากโรงพยาบาลได้แล้วด้วย  ทำไมคุณยังไม่เลิกทำหน้าอมทุกข์ซะที”

       “แฟรงค์.. นายไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับฉันใช่มั้ย”

       แฟรงค์เลิกคิ้ว

       “เรื่องอะไรหรือคริส..   ผมสัญญากับคุณหลายเรื่องเลย  เอาเรื่องไหนล่ะ”

       คริสลุกขึ้นจากโซฟาเดินออกไปนอกระเบียง เขาเพียงแต่ผ่อนคลายความทุกข์ใจลงเล็กน้อยเท่านั้น  ยังมีความทุกข์หนักหนาสาหัสกว่านี้รออยู่ข้างหน้า

       “ไม่เอาน่าคริส..  บอกผมซีว่าคุณทวงสัญญาเรื่องอะไร”  แฟรงค์เดินตามออกมา เขาไม่รู้จริงๆ ว่าคริสทวงสัญญาเรื่องอะไร

       “ฉันจะให้หมอตรวจเลือดไมเคิลวันนี้  นายสัญญาว่าจะอยู่ช่วยฉันดูแลเค้า  ยังไม่ลืมใช่มั้ย..”

...ให้ตายเถอะ!!..  แฟรงค์ลืมสนิทสำหรับข่าวดีที่จะบอกคริส   คริสเป็นห่วงเรื่องไมเคิลอาจจะติดเชื้อเอชไอวีจากโทนี่นั่นเอง  เขากระซิบให้บ๊อบตรวจเลือดไมเคิลแล้ว  ซึ่งผลการตรวจหนุ่มน้อยรอดพ้นจากการติดเชื้ออย่างน่าอัศจรรย์  บ๊อบจึงสันนิษฐานว่าโทนี่อาจพูดปดเรื่องการแพร่เชื้อให้เด็ก

       แฟรงค์ซ่อนยิ้มในหน้า  ไหนๆ ก็ล่วงเลยมาป่านนี้แล้วขอแกล้งกระเซ้าคริสอีกสักครั้ง

       “โอ! จริงซี..  ผมไม่ลืมหรอกคริส  แต่ว่าเท่ากับผมต้องอยู่กับคุณตลอดไป  ผมไม่มีสิทธิไปรักใคร่คบหาใครอีกเลยใช่มั้ย คริส..”

       คริสใจหาย…รู้สึกเสียใจกับคำพูดของแฟรงค์ แต่พยายามซ่อนความรู้สึกไว้และพูดคุยด้วยอย่างใจเย็น

       “ก็แค่ชั่วชีวิตของไมเคิล  แต่ถ้าระหว่างนั้นนายเกิดไปถูกใจชอบพอใคร  ระหว่างเราก็จบกัน  แต่สำหรับไมเคิลนายยังต้องดูแลเขาจนวันสุดท้าย”

       น้ำเสียงคริสขมขื่นจนแฟรงค์ไม่กล้าล้อเล่นต่อ  รีบเข้าเรื่องที่จะบอก

       “วันสุดท้ายของไมเคิล  ฉันกับนายก็คงแก่หงำเหงือกแล้ว  ไมเคิลต่างหากต้องเป็นคนดูแลเรา”

       คำพูดของแฟรงค์แทนที่จะให้ความกระจ่างกลับทำให้คริสโกรธและขุ่นเคืองจนไม่อาจระงับอารมณ์ทำใจเย็นต่อไปได้อีก

       “ทำไมหรือแฟรงค์!!..  อีกสิบปีข้างหน้านายยังอายุไม่ถึง 40 ด้วยซ้ำ  ถ้านายปีปัญหาไม่อยากทำตามสัญญาที่ให้ไว้เพราะคิดว่าเป็นการผูกมัดนายแล้วล่ะก็  ลืมมันซะ!!.. ฉันจะไม่ทวงถามอีก  ชีวิตไมเคิลเป็นของฉัน  ฉันจะดูแลเขาเองเพียงลำพัง… แฟรงค์..”

       น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาสีฟ้าคู่สวย  ระยะหลังแฟรงค์เห็นคริสหลั่งน้ำตาบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้เห็นแล้วใจหายอย่างแรง  เพราะเขาเป็นคนทำให้คริสรู้สึกทุกข์ใจและเสียใจอย่างมาก

       คริสเมินหน้าหันหลังจะเดินกลับเข้าห้องก็ถูกแฟรงค์รั้งไว้และขยับเข้ามาสวมกอด

       ((ไม่นะคริส.. คุณเข้าใจผิด ผมไม่เคยลืมสัญญา ผมยินดีอยู่เคียงข้างคุณ เฝ้าดูไมเคิลเติบโตพร้อมกับคุณ  ผมล้อเล่นคริส  ผมไม่เคยคิดอยากจะไปจากคุณเลย  ชีวิตผมเป็นของคุณเหมือนเด็กๆ พวกนั้น  ถ้าคุณไม่เอ่ยปากไล่ผมไม่มีวันจากไปหรอก อย่าโกรธนะคริส.. ได้โปรด…))   

       “ฉันไม่ได้โกรธนายแฟรงค์  นายมีสิทธิไปจากฉันถ้านายต้องการ  ฉันแค่เสียใจที่นายโยกโย้และทำตัวมีปัญหากับการดูแลไมเคิล  ฉันจ้างหมอหรือพยาบาลมาดูก็ได้  แต่ที่ฉันขอร้องนายก็เพราะฉันรักและไว้ใจนายมากที่สุดในชีวิต  แฟรงค์..”

       “ตกลงคริส.. ผมจะอยู่กับคุณจนเป็นตาเฒ่า.. ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเลย.. ถึงเวลานั้นเราคงมีหลานปู่เต็มบ้าน  คุณเป็นปู่คริส   ส่วนผมก็เป็นปู่แฟรงค์ ฮะ ๆ”

       คริสหลงเคลิ้มกับคำพูดของแฟรงค์เพียงไม่กี่วินาที ความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์อีก

       “อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกนะแฟรงค์..  รู้อยู่แล้วว่าไมเคิลมีลูกไม่ได้ จะพูดทำไม”

       “ทำไมจะมีไม่ได้  เขาจะไม่เป็นอย่างเรา  ผมจะเลี้ยงดูเขาให้เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว เชื่อฝีมือผมซี…”

       คริสกระชากคอเสื้อแฟรงค์ดันร่างโปร่งหงายหลังพิงราวระเบียงตึกขนาดความสูงชั้นที่ 15 

“ฝีมือของนายที่ฉันหวังไว้คือดูแลไมเคิลให้มีสุขภาพแข็งแรง อย่าให้เขาต้องทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บป่วยของโรคร้ายนั่น ฉันไม่ต้องการให้นายสอนเขาเป็นลูกผู้ชาย ได้ยินมั้ย เจ้าแฟรงค์บ้า!…”

       แฟรงค์ใจหายวาบตกใจกับอารมณ์ของคริสพร้อมกับรู้สึกเสียวสันหลังวูบ  นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญทำให้คริสยังเข้าใจผิดอยู่

       “ผมพูดในสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้เท่านั้นนะคริส.. ไมเคิลไม่ได้ติดเชื้อจากโทนี่ ผมขอให้บ๊อบตรวจเลือดไมเคิลแล้ว  บ๊อบเพิ่งโทรแจ้งผลกับผมเมื่อเช้านี้เอง  ปล่อยเถอะน่าคริส  อย่าเล่นบ้าๆ คนไทยถือนะ เดี๋ยวผีผลัก..”

เพื่อความกระจ่าง หมอบ๊อบได้ขอเช็คผลตรวจเลือดของลินดาจากทางโรงพยาบาลอีกครั้งจึงปรากฏความจริงว่า    ผลตรวจนี้เป็นของหญิงสาวที่มีชื่อเดียวกันและนามสกุลที่อ่านออกเสียงเหมือนกันต่างกันที่ตัวสะกดเพียงตัวเดียว ซึ่งความผิดพลาดในเรื่องนี้ลินดาได้รับรู้ความจริงและเคลียร์เรื่องกับทางโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว  เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไม่เข้าใจว่าทำไมลินดาจึงยังเก็บสำเนาผลตรวจที่ไม่ใช่ของเธอไว้

       คริสสั่งแฟรงค์ไม่ต้องบอกความจริงเรื่องนี้กับโทนี่ ปล่อยให้หมอนั่นอยู่อย่างทุกข์ใจต่อไป  เพราะสิ่งที่มันกระทำกับไมเคิลเลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะให้อภัยได้

 

:เตะ1:   :เตะ1:

 

 
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 17-09-2008 10:26:31
 :pig3: :pig3: :pig3:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 17-09-2008 10:28:29
 :m4:เอ่อเลิศอยู่ :mc4:อย่างนี้ต้องฉลอง ฮิฮิ้ว :a11:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 17-09-2008 11:04:06
ดีใจกับน้องไมเคิล

 :mc4:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 17-09-2008 11:05:35
คริสเฝ้ามองหนุ่มน้อยหลับสนิทด้วยความรู้สึกที่ต่างจากเมื่อคืนวานโดยสิ้นเชิง  ความรู้สึกในคืนนี้เปี่ยมล้นด้วยความสุข

แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าระยะเวลาเพียง 11 เดือน เจ้าหนูผู้นี้ผ่านความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสมาแล้วถึง 2  ครั้ง  การได้พบเจอกันระหว่างเขากับไมเคิลเป็นเรื่องเหลือเชื่อ  หนุ่มน้อยร้องหาและเรียกให้เขาเข้าไปช่วยออกจากซอกหินบนเกาะร้างในฐานะพ่อ  จริงๆ แล้ว ชีวิตของไมเคิลควรเป็นสิทธิของเขานับตั้งแต่นาทีนั้น  เขาไม่ควรปล่อยให้ไมเคิลกลับไปกับลินดา  ทำให้หนุ่มน้อยต้องพบกับชะตากรรมที่ลำบากและทุกข์ทรมานอีกครั้ง   ขอบคุณพระเจ้าที่ปราณีต่อชีวิตเจ้าหนูที่แสนจะอาภัพผู้นี้ให้รอดพ้นจากโรคร้ายที่แสนจะน่ากลัว และอ้อนวอนต่อพระองค์ขอให้เคราะห์กรรมของไมเคิลจบสิ้นแต่เพียงนี้ด้วยเถิด

       คริสสัญญากับตัวเองว่า เขาจะทำหน้าที่พ่อให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่พ่อคนอื่นๆ ทำกัน  แม้จะต้องสละความสุขหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมส่วนตัวบางเรื่องเขาก็ยอม

       สีหน้าและอาการกระสับกระส่ายทำให้คริสรู้ทันทีว่าหนุ่มน้อยกำลังฝันร้ายอีกแล้ว

       “แด๊ด...  แด๊ดดี้อย่าไป”  

       “แด๊ดอยู่นี่ไมเคิล..”

       ไมเคิลสะดุ้งตื่นผวากอดคริสแน่น

       “แด๊ดอย่าไปนะ  อย่าทิ้งผมไป   ผมจะอยู่กับแด๊ด...”

       “แด๊ดไม่ได้ไปไหน ไมเคิล..  แด๊ดอยู่นี่  อยู่กับลูกตรงนี้แล้วไง หือ..”

       “มีคนจับผมไว้ไม่ยอมให้ผมไปกับแด๊ด.. เขาบอกว่าผมต้องอยู่สถานสงเคราะห์  ผมไม่อยากอยู่ที่นั่น   ผมจะอยู่กับแด๊ด..  เมื่อไรเราจะได้อยู่ด้วยกันซะที… ฮึก..ฮือ ~ ~…”

       ไมเคิลละล่ำละลักบอกกล่าว น้ำตาไหลพรากเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ  คริสสวมกอดร่างเล็กแน่น ใจหายตามไปด้วย เพราะเรื่องที่ได้ยินหากเขาเป็นคนฝันก็คงตกใจตื่นเช่นกัน

       “ลูกฝันร้ายไมเคิล แค่ฝันเท่านั้น  เราสัญญาว่าจะไม่จากกันอีกแล้วไง  แด๊ดไม่ยอมให้ลูกไปอยู่กับใครทั้งนั้น  เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป..”

       ไมเคิลสงบลงเพราะรู้สึกตัวแล้วว่าเป็นความฝัน แต่ยังย้ำคำถามเดิมเพื่อความแน่ใจ

 “ผมไม่ต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์ใช่มั้ยครับ”  

       “เหลวไหล  สถานสงเคราะห์เกี่ยวอะไรด้วย  ลูกไม่ได้กำพร้าพ่อซะหน่อย แค่กำพร้าแม่เท่านั้น  แด๊ดเป็นพ่อของลูกไม่ใช่หรือไมเคิล หือ… บอกกับศาลหรือใครๆ ก็ได้ ถ้าเขาไม่เชื่อก็เอารูปแด๊ดที่มีลายมือแม่ของลูกเขียนไว้ให้พวกเขาดู”

       หนุ่มน้อยมีสีหน้าโล่งอก  ยิ้มออก

       “จริงด้วย”

       สองพ่อลูกสวมกอดและหัวเราะให้กัน  คริสไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาพูดอะไรออกไป  แต่ทุกคำพูดออกจากความรู้สึกในใจเหมือนเขาคือบิลจริงๆ  จริงซีนะ... ในเมื่อลินดาจากไปแล้ว  หากเขายอมรับกับทุกคนว่าเขาคือพ่อของไมเคิล  เขาก็คือพ่อของไมเคิลจริงๆ  จะแปลกอะไรถ้าบิลและคริสจะเป็นคนๆ เดียวกัน  ขอบคุณลินดาที่อุตส่าห์เขียนบอกว่าชายในรูปคือพ่อของไมเคิล  และโชคดีเหลือเกินที่รูปใบนั้นยังอยู่ที่เขาจนถึงบัดนี้



 o13  …f a t h e r h o o d…

 

       คริสยืนกอดอกบนระเบียงห้องพักมองลงไปที่สนามด้วยอารมณ์เบิกบานใจ  นานแล้วที่เขาไม่ได้พบกับบรรยากาศของความสุขและเสียงหัวเราะเช่นนี้ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่วิ่งไล่ลูกบอลกันกลางสนาม สมาชิกทั้งหมด 9 คน  แบ่งเป็น 2 ทีม ทีมหนุ่มใหญ่มี 4 คน  นำทีมโดยแฟรงค์ แพ็ททริค  พ่อบ้านลู  โชเฟอร์จอนนี่  นายชมคนสวน  ทีมหนุ่มน้อย มี 5 คน โอ แจ๊ค บอย ทิม  และลูกชายวัยโจ๋ของเขา ไมเคิล  คริสอดยิ้มไม่ได้เมื่อเจ้าหนูไมค์ซึ่งตัวเล็กที่สุดในทีม สามารถแย่งลูกและส่งต่อให้เพื่อนได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของไมเคิลทำให้อารมณ์ของคริสสดชื่นและเบิกบานมากยิ่งขึ้น  ณ เวลานี้เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว หนุ่มน้อยไมเคิลผู้อาภัพจะเติบโตขึ้นมีชีวิตและอนาคตที่สดใสเสียที  ด้วยฝีมือการเลี้ยงดูของพ่อบุญธรรมมือใหม่อย่างเขา  คริส บริเจคส์ มหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ผู้เคยมีชีวิตผูกพันอยู่กับงานและเด็กหนุ่ม  แต่เดี๋ยวนี้หนุ่มน้อยเหล่านั้นไม่มีความหมายสำหรับเขาอีกต่อไป   เพราะเขาได้พบสิ่งที่พยายามค้นหาโดยไม่รู้ตัวแล้ว  หลายปีที่ผ่านมาเขาเอ็นดูเด็กหนุ่มที่ถูกชะตาด้วยทุกคนโดยไม่รู้ตัวว่านั่นคือการค้นหา   เขากำลังค้นหาใครบางคนที่มีจิตผูกพันกับเขา   และวันนี้เขาค้นพบใครคนนั้นแล้ว....

เด็กชายไมเคิลเรียกหาพ่อของตัวเองตั้งแต่อายุ 5 ขวบ มันคงไม่ผูกพันมาถึงเขาได้  หากรูปเขาไม่ใช่ตัวแทนของพ่อที่เจ้าหนูนึกถึงและเรียกหามานานกว่า 7 ปี

 
 
 o13  ...f a t h e r h o o d…

 


 :m1:



 :m1:



 :m1:



          “อ๊ะ!! .. อา~~.. หยุดทำไมอ่ะคริส.. อือออ~~ ”

       แฟรงค์ร้องครางอย่างขัดใจเมื่อร่างสูงหยุดการเคลื่อนไหวทั้งที่กำลังจะถึงจุดปลดปล่อยพร้อมกันแล้ว

          “ฉันยังไม่อยากถึง...” เสียงทุ้มแหบพร่า นานมากแล้วที่เขาร้างจากความรู้สึกนี้ จึงอยากอดกลั้นและเก็บความสุขสมนี้ไว้นานๆ

          “อือ~~ แต่ผมอยากอ่ะ  ช่วยผมด้วย คริส...”

          “สัญญาก่อนว่าจะให้ฉันกอดทั้งคืน”

          “โอเค  ผมให้คุณกอดทั้งคืน  ตอนนี้ได้โปรดช่วยผมก่อน  คริส..”

       คริสขยับกายตามคำร้องขอ เสียงครางอย่างพึงพอใจและสีหน้าสุดเซ็กซี่ของหนุ่มแฟรงค์ในเวลานี้เร้าอารมณ์ให้คริสต้องเร่งขยับกายหนักหน่วงและรุนแรง เพียงชั่วครู่ก็ถึงจุดปลดปล่อยพร้อมกัน

          ร่างสูงโน้มตัวลงซบนิ่งบนร่างของชายหนุ่ม  เสียงทุ้มกระซิบถาม

          “เจ็บหรือเปล่า แฟรงค์   ฉันทำรุนแรงหรือเปล่า หือ..”

          แฟรงค์หน้าแดงส่ายหน้าด้วยอาการเขิน  :o8:  ไม่เคยเจอคำถามนี้จากคริส  คริสถามเหมือนเขาเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเคยมีเซ็กซ์เป็นครั้งแรก    คืนนี้อารมณ์ปรารถนาของคริสรุนแรงมาก  สอดใส่โดยที่ร่างกายเขายังไม่พร้อมทำให้เขาเจ็บจนเผลอร้องครางออกมา  แต่เมื่อร่างสูงขยับกายแค่ 2-3 ครั้ง  ความเจ็บก็หายเป็นปลิดทิ้ง

          คริสถอนกายออกแผ่วเบาและล้มตัวลงนอนสวมกอดชายหนุ่มไว้ด้วยความรักและเสน่หา  นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ในสภาพร่างกายและจิตใจที่ผ่อนคลายเช่นในคืนนี้  เมื่อความทุกข์ในอกคลายลง  จิตใจสบายร่างกายก็ต้องการผ่อนคลายด้วยเช่นกัน  คืนนี้เขาเป็นคนออกปากให้แฟรงค์ขึ้นมานอนด้วย  แฟรงค์ตอบรับด้วยความยินดี  มาถึงก็กระโดดขึ้นเตียงคว้าหมอนข้างนอนกอดเหมือนทุกคืนที่เขาให้มานอนเป็นเพื่อน  แต่เมื่อเขาเอ่ยปากขอมีเซ็กซ์ด้วย  จอมกะล่อนแฟรงค์ก็ตาลุกวาว   :oni2:  สลัดหมอนข้างลงจากเตียงขยับเข้ามากระแซะเปิดเกมรักก่อนทันที

       “แฟรงค์..”

          “หือ..”

          “มีความสุขหรือเปล่า..”

          แฟรงค์หน้าร้อนผ่าว  ไม่อยากเชื่อว่าหนุ่มใหญ่ข้างกายเขาคืนนี้คือคริส บริเจคส์ คนเดิม อารมณ์รักรุนแรงมากขึ้นในขณะที่คำพูดอ่อนโยนห่วงใยความรู้สึกเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

          “แน่นอนคริส..  คืนนี้ผมมีความสุขที่สุด   แล้วคุณล่ะมีความสุขมั้ย..”

          “สุขหรือเปล่าไม่รู้  รู้แต่ว่าฉันหวงแหนความรู้สึกเวลาที่ได้กอดนาย  ฉันคงทนไม่ได้ถ้านายไปนอนกับใครนอกจากฉัน”

          “ผมบอกคุณแล้วไง ตั้งแต่ผมขึ้นมารับใช้คุณอีกครั้ง  ผมไม่เคยนอนกับใครอีกเลย นอกจากเด็กของเรา”

       คริสผละจากแฟรงค์ลุกขึ้นนั่ง  สีหน้าเฉยแต่แววตาครุ่นคิด   แฟรงค์รีบลุกขึ้นอธิบาย

          “โกรธผมไม่ได้นะ!!..  ก็เพราะคุณน่ะแหล่ะไม่ต้องการพวกเขา  เด็กก็เลยวิ่งมาหาผม  คุณเองก็ยังเคยไล่ผมไปหาพวกเขาเลย..”

          “ทุกคนเลยเหรอ..”  คิ้วเข้มขมวด  

:m23:       “ก็.. แค่โอกับบอย...”

          คริสนิ่งเงียบจนแฟรงค์คิดว่าอีกฝ่ายโกรธและไม่เชื่อใจเขา

       “ถ้าคุณโกรธผมก็ขอโทษ  ผมสัญญาว่านอกจากคุณแล้วผมจะไม่นอนกับใครอีก...”  

          “ฉันไม่ได้โกรธนาย.. ฉันรู้สึกผิดมากกว่า  คงต้องเรียกพวกเขาขึ้นมาหาทางชดเชยให้”

          แฟรงค์ใจหายเมื่อคริสคิดจะเรียกเด็กขึ้นมาอีกครั้ง

          “แล้วแต่คุณ  คุณเป็นเจ้านาย  อยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”  แฟรงค์ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้เจ้านายสุดที่รักด้วยความรู้สึกน้อยใจ

          คริสระบายยิ้ม  น้อยครั้งที่จะเห็นแฟรงค์ออกอาการแง่งอนแบบนี้  

          “คิดว่าฉันควรจะทำยังไงหรือแฟรงค์..”

       “แล้วแต่คุณ ผมยังไงก็ได้ ให้ผมอยู่รับใช้ต่อ หรือจะให้เด็กๆ ขึ้นมาปรนนิบัติเหมือนเดิมก็แล้วแต่คุณ..”  แฟรงค์ตอบทั้งที่หันหลังให้

       คริสหัวเราะ  เอนกายพิงหัวเตียงในท่าสบาย

       “เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือแฟรงค์.. ว่าฉันไม่คิดจะมีอะไรกับเด็กหนุ่มอีก..”

          “แล้วการนอนกับฉัน  สำหรับนายก็ไม่ควรใช้คำว่า รับใช้..  เพราะถ้าเป็นการรับใช้ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว  ฉันคงไม่ขอกอดนายทั้งคืนหรอก..”  

          แฟรงค์หันกลับมาเบียดกระแซะร่างสูง  อ้อนถามเอาใจ

          “ก็คุณบอกว่าจะชดเชยนี่นา  จะให้อะไรพวกเขาเหรอ..”

          “เรื่องของเด็กไว้คุยทีหลัง  ตอนนี้คุยเรื่องของเราก่อน  ฉันมีเรื่องอยากตกลงกับนาย  นับจากวันนี้นายเป็นคนเดียวที่ฉันจะนอนด้วย เพราะงั้น.. ฉันก็ต้องเป็นคนเดียวของนายด้วยเหมือนกัน ”

          “หมายความว่า..  แม้แต่โอกับบอยก็ห้ามใช่มั้ย”

          “กับเด็กสี่คนนี้ฉันไม่ห้าม  อยู่ที่นายจะเห็นสมควร แฟรงค์.. ถ้าฉันเรียกเด็กขึ้นมาปรนนิบัติเหมือนเดิมแล้วทำให้ใจนายไม่เป็นสุข  ขอให้รู้ว่าความรู้สึกของฉันก็ไม่ต่างกัน  มันไม่สำคัญว่านายเป็นคนทำหรือถูกกระทำ  ความหวงแหนของฉันอยู่ที่ร่างกายนี้...”   มือใหญ่ไล้แผ่นหลังร่างเปลือยของชายหนุ่มที่นอนซบอกเขาอยู่..

          แฟรงค์หัวใจพองด้วยความยินดี   สวมกอดร่างกำยำแน่น

       “ผมสัญญา คริส..  นับจากนี้ไปผมมีคุณคนเดียวแน่นอน..  ไม่ว่าคุณจะเห็นผมอยู่ในฐานะอะไร  ขอให้รู้ว่าผมอยู่กับคุณด้วยความรัก  ไม่ใช่เพราะเงิน..”

          “จริงเหรอ..  ถ้างั้นเงิน  5 ล้านที่จะขอเบิกก็ไม่ต้องแล้วซี..”

          แฟรงค์ตาลุกวาว  ลุกพรวดขึ้นนั่ง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sad5.gif)

          “หา!!!.. ไม่เกี่ยวนะ คริส... นั่นเป็นเงินลงทุนทำธุรกิจนะ!!..   ”

          คริสหัวเราะ  ดันร่างชายหนุ่มลงนอนและโน้มกายลงคร่อม

          “ฉันมีความลับอะไรจะบอก แฟรงค์..”

 :m13:      “อะไรเหรอ..”  

          “ฉันรู้สึกดีกับนายตั้งแต่วันที่ฉันกอดนายครั้งแรกแล้ว.. ฉันเพิ่งแน่ใจว่าฉันชอบนายตอนที่ไมเคิลจากไป  วันที่นายกลับมาให้ฉันกอดอีกครั้ง.. วันนั้นฉันถึงได้รู้...”

          แฟรงค์หน้าแดงซ่าน   :m1:  ไม่อยากเชื่อว่าถ้อยคำหวานนี้เป็นคำพูดของคริส

          “ผมก็มีความลับจะบอกคุณ..”

          “อะฮะ”

          “ผม.. ไม่เคยให้ใครเข้ามาในร่างกายผม  คุณเป็นคนแรกและคนเดียวของผม คริส.. คุณจะเชื่อรึเปล่าก็แล้วแต่คุณ  ผมแค่อยากบอกว่า.. ผมตั้งใจจะเป็นของคุณคนเดียวตั้งแต่วันแรกที่ผมนอนกับคุณแล้ว..”

          คิ้วเข้มเลิกขึ้น  ดวงตาคู่สวยวาววับ  

          “คุณไม่เชื่อเหรอ..”  แฟรงค์หน้าเสียเมื่อคริสอมยิ้มกับพูดของเขา

          “ช่างเถอะ!  คิดซะว่าผมไม่ได้พูดล่ะกัน  เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครเชื่อหรอก  ในสายตาคุณผมคงเป็นแค่เลขาจอมกะล่อน  เที่ยวแร่ดไปกับ..”

          มือใหญ่ปิดปากที่กำลังฉอดๆ ไว้  เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว

          “ฉันเชื่อ..   ร่างกายนายบอกฉันแล้ว  แฟรงค์..”

          คริสปล่อยมือ  แฟรงค์ยิ้มเขินหน้าแดงแล้วแดงอีก   :m1:

          “แต่ถึงจะรู้  ฉันก็อยากลองพิสูจน์ดูอีกสักครั้ง  พร้อมจะให้ฉันพิสูจน์อีกรอบรึยังแฟรงค์ หือ.. ”  

       แทนคำตอบหนุ่มแฟรงค์โน้มลำคอร่างสูงมอบจุมพิตที่ดูดดื่มให้ หัวใจพองคับอกเมื่อได้รู้ความลับในใจของคริส   ต่อให้ต้องพิสูจน์ทั้งคืนเขาก็เต็มใจยอมพลีกายให้..  

       ... ผมสบายอยู่แล้ว  อยู่ที่คุณแหล่ะ คริส..  :m12:  จะมีแรงพิสูจน์ผมสักกี่ยกเชียว  หุ หุ ...

 

 o13  …f a t h e r h o o d…

 

          คริสเรียกหนุ่มน้อยทั้งสี่มาพูดคุยด้วย  ทุกคนเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา  ไม่มีใครท้วงถามถึงเหตุผล แจ๊คและทิมออกอาการดีใจ โอและบอยสลดแต่ทุกคนก็เข้าใจและเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าเป็นคุณแฟรงค์ พวกเขายินดีและเต็มใจแต่ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาไม่ยอม  

           คริสเอ่ยปากให้ทุกคนมีสิทธิเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง จะอยู่ที่คฤหาสน์บริเจคส์ต่อไปหรือจะกลับไปอยู่กับครอบครัวก็ได้  แต่ไม่อนุญาตให้แยกไปอยู่ตามลำพังจนกว่าจะเรียนจบ  เขายินดีที่จะอุปการะเลี้ยงดูและส่งเสียให้เรียนจนจบการศึกษาเท่าที่ความสามารถของแต่ละคนพึงมี..   ทุกคนไม่คิดจากไป  ต่างให้เหตุผลเดียวกันว่าจะขออยู่เพื่อทดแทนบุญคุณ

          คริสยินดีเมื่อทุกคนสมัครใจขออยู่เป็นครอบครัวเดียวกับเขาต่อไป   แต่ใครจะรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของหนุ่มน้อยแต่ละคนคืออะไร  ทรัพย์สมบัติมากมายของมหาเศรษฐีบริเจคส์ ที่มีลูกชายบุญธรรมเพียงคนเดียว  อาจจะตกถึงมือพวกเขาบ้างก็ได้  ไม่มากก็น้อย..

 

 
 

 
THE  END   (PART 1)

 :c5: :c5: :c5:
 
 
 



เรื่องนี้เป็นยังไงบ้างคะ   ต่างจากเรื่องเจ้านายเลยเนอะ  เรื่องนั้นมีแต่รอยยิ้ม  ชุ่มชื่นหัวใจ  เรื่องนี้อ่านแล้วหน้านิ่ว หัวใจบีบรัด เต้นตุ้บๆ  ลุ้นแล้วลุ้นอีก  ดีนะที่ได้อ่านต่อเนื่อง  ไม่ต้องค้างคา

นิยายเจ๊หมวยได้หลายรส  หลายอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน  


รอภาค 2 ต่อปาย  ทำใจให้เข้มแข็งเหมือนเดิมล่ะ


ลัลล้า  :oni1: :oni1:




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 17-09-2008 13:29:24
ไม่อยากบอกเลย ว่า ชอบ แฟรงค์จัง  :o8:

อย่างลืมภาค สอง นะฮับ :m13:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 17-09-2008 13:56:49
ป้าอ่านจบแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย
รอภาคสองค๋ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-09-2008 14:37:41
กว่าจะจบภาคแรกได้ เล่นเอาใจแกว่งน้ำตาจะไหลไปหลายตอน งี้ภาคสองก็จะมีอะไรกระชากใจยังงี้อีกไหมนี่ ว่าแต่ภาคสองไมเคิลจะโตเป็นหนุ่มหรือยังน้า ว่าแต่ตอนจบนี่คริสกะแฟรงค์หวานกันจัง ภาคหน้าคงไม่มีเรื่องร้ายๆอีกนะ  :m1:

รออ่านภาคสองค่า  :bye2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 17-09-2008 14:50:09
รอภาค 2 ค่า :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 17-09-2008 15:34:27
รอภาค 2 ด้วยคนค่า

ว่าแต่ภาค 2 นี่ สะเทือนอารมณ์กว่าภาคแรกมั๊ยคะ

จะได้เตรียมใจไว้

ขอบคุณเจ๊หมวยค่า

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 17-09-2008 15:59:38
จบลงด้วยดีแล้วครับผมจะรอตอน2นะครับผม :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 17-09-2008 17:23:55
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 17-09-2008 23:08:57
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

มาส่งกำลังใจให้ก่อนเข้านอนครับผม

สู้ๆๆต่อไปครับทุกคน

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-09-2008 09:22:12
รอภาค 2 คร้าบบบบ

ขอร้อง อย่าบีบหัวใจกันเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [up ทุกวัน ^_^]
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 18-09-2008 09:22:44
มารอด้วยคน :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 1 จบแล้วจ้า]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 18-09-2008 13:18:22
เฮ้อ.... และแล้วก็จบไปด้วยดี

ลุ้นมาตลอดเลยนะเนี่ย

ดีใจกับไมเคิลด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 1 จบแล้วจ้า]
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 18-09-2008 23:46:18
จบแล้ววววว........


มารอภาค 2 ต่อปายยยยยย......

สนุกมากเลยคับ

สุข+เศร้า เคล้ากันไป.....
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 1 จบแล้วจ้า]
เริ่มหัวข้อโดย: The Lover ที่ 19-09-2008 21:54:37
ชอบมากครับ อ่านรวดเดียวเลย มีทั้งสุข เศร้า เคล้าน้ำตา
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 1 จบแล้วจ้า]
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 19-09-2008 22:37:19
 :เฮ้อ:กว่าจะอ่านจบหมดน้ำตาเสียหลายปี๊บ สุดท้ายก็แฮปปี้ เดี๋ยวจะติดตามภาค2 ต่อ :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 1 จบแล้วจ้า]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 20-09-2008 01:15:06
รอต่อปาย :o12: o13
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 1 จบแล้วจ้า]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-09-2008 14:23:19
รออยู่นะคร้าบบบ เจ๊หมวย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 1 จบแล้วจ้า]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 22-09-2008 11:21:32
Fatherhood  part 2  [1]



“สวัสดีครับคุณแฟรงค์” 

จรินทร์กล่าวทักชายหนุ่มที่กำลังเดินผิวปากขึ้นบันไดมาอย่างสบายอารมณ์

          “หวัดดี เจอรี่.. มาหาคริสเหรอ” 

          แฟรงค์ทักตอบตามมารยาท อารมณ์รื่นเริงหายเป็นปลิดทิ้ง

          “ครับผม อารมณ์ดีจังเลยนะครับคุณแฟรงค์ ได้ข่าวคริสปี้ผับของคุณคนแน่นทุกคืนเลย  ผมว่าจะหาเวลาแวะไปสักหน่อย  ยังไม่มีโอกาส”

          แฟรงค์พูดคุยกับทนายส่วนตัวของคริสอยู่ชั่วครู่ ก่อนแยกจากกันจรินทร์กล่าวประโยคสุดท้ายที่ทำให้แฟรงค์รู้สึกขัดหู

          “คุณคริสโชคดีนะครับที่มีคุณเป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก  คอยช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ หวังว่าคุณคงยังไม่เบื่อนะครับ”

          แฟรงค์เดินตามหาคริส  คริสไม่ชอบให้ตะโกนหรือส่งเสียงดังเรียกหาโดยไม่จำเป็น เขาเดินเข้าออกอยู่หลายห้องกว่าจะพบคริสยืนผ่อนคลายอารมณ์อยู่บนระเบียงห้องใต้เพดาน ห้องนี้มีทางขึ้นจากห้องนอนของคริสทางหนึ่ง  และขึ้นจากระเบียงพักผ่อนด้านนอกอีกทางหนึ่ง

          แฟรงค์ย่องเข้าไปสวมกอดร่างสูงใหญ่และกระซิบแหย่

          “คิดไม่ตกว่าจะยกอะไรให้ผมหรือคริส ผมไม่เอาอะไรมากหรอก ขอแค่คฤหาสน์หลังนี้ก็พอ”    ริมฝีปากอุ่นไซ้สัมผัสแก้มและซอกคอคริสขณะพูด

          ร่างสูงเบี่ยงตัวออกและหันกลับมา  แฟรงค์จึงเห็นสีหน้าของคริสไม่ค่อยสบอารมณ์นัก  คริสส่งยิ้มให้เขาและเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงปกติ

          “ตื่นแล้วหรือแฟรงค์  ตั้งแต่มีธุรกิจของตัวเอง  เราไม่ค่อยมีเวลาเจอกันเลยนะ”   

          ธุรกิจของแฟรงค์เป็นร้านอาหารกึ่งผับ  เปิดบริการตั้งแต่ 5 โมงเช้า ถึง เที่ยงคืน คืนวันศุกร์และเสาร์ปิดบริการตีหนึ่ง

:m12:        “คิดถึงผมเหรอ…” 

แฟรงค์สวมกอดและซบลงกับไหล่กว้าง   จริงอย่างที่คริสว่า  เกือบสองสัปดาห์แล้วที่เขาและคริสแทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน เป็นเพราะเขากลับดึกเกือบทุกคืน  กว่าจะตื่นก็สายโด่งบางวันเกือบเที่ยง  หลายวันมานี่เขาและคริสไม่ได้พบหน้ากันเลย ได้แต่พูดคุยถามทุกข์สุขกันทางโทรศัพท์เท่านั้น

          “ผมก็คิดถึงคุณนะคริส  คิดถึงมากเลย รู้มั้ย..” 

       คริสไม่ชอบแสดงความรู้สึกในที่แจ้ง  แม้แต่การกอดซึ่งเป็นการแสดงความรักแบบสุภาพที่สุดแล้ว  ยกเว้นในที่รโหฐาน 

      ตั้งแต่ไมเคิลก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกของคฤหาสน์บริเจคส์  คริสเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองไปมาก และยิ่งระวังตัวมากขึ้นเมื่อเจ้าหนูอยู่ในฐานะลูกชายของเขา  หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไปจนถึงวันนี้กว่าสองเดือนแล้วที่คริสอยู่ในฐานะพ่อของลูกชายวัย 13 ปีเศษ  ความรักที่คริสมีต่อไมเคิลมากมายจนหนุ่มน้อยคนอื่นๆ อิจฉา และอยากได้รับความรักแบบนั้นจากคริสบ้าง

      “ฉันก็คิดถึงนายแฟรงค์ คิดถึงมาก..”    เสียงทุ้มกระซิบตอบ

      แฟรงค์แทบไม่อยากเชื่อว่าคริสสวมกอดเขากลับเช่นเดียวกัน หากแต่สัมผัสที่ได้รับกลับไม่ใช่สัมผัสแห่งความสุข  แฟรงค์รีบคลายอ้อมแขนแต่คริสไม่ยอมปล่อยกลับสวมกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม  แค่นี้แฟรงค์ก็รู้แล้วว่าคริสที่รักของเขากำลังมีความทุกข์ในใจ (อีกแล้ว)

          “ไม่เป็นไรนะ คริส.. ผมอยู่นี่แล้ว บอกผมซีเกิดอะไรขึ้น คุณทุกข์ใจเรื่องอะไร”

          คริสคลายอ้อมแขนและล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบจดหมายหนึ่งฉบับส่งให้       

          …..จดหมาย!! อีกแล้วเหรอ... 

          แฟรงค์ลอบถอนใจก่อนคลี่จดหมายออกอ่าน  บอกตัวเองได้เลยว่าเรื่องที่จะทำให้คริสทุกข์ใจขนาดนี้  ไม่พ้นเรื่องไมเคิล…

          ข้อความในจดหมายเป็นภาษาอังกฤษ  ตั้งใจเขียนถึงคริสโดยตรง

 

 

          มิสเตอร์บริเจคส์…

 

          ดิฉันเป็นญาติของไมเคิล เด็กชายที่คุณรักและต้องการรับอุปการะเป็นลูก  ดิฉันเป็นเพื่อนสนิทของลินดาและสามีก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับลินดา  เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอดิฉันรับทราบมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่ไมเคิลพลัดพรากจากเธอที่เกาะและมาอยู่ในความอุปการะของคุณ  ดิฉันได้พูดคุยกับลินดาครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะเดินทางไปสิงคโปร์กับโทนี่ เธอฝากให้เราสองคนดูแลไมเคิลหากเธอมีอันเป็นไป ดิฉันไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเธอและยังต่อว่ากลับไปว่าเธอพูดจาไม่เป็นมงคล 

ดิฉันเพิ่งทราบข่าวว่าเธอเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  รู้สึกตกใจและนึกถึงคำพูดของเธอที่ฝากไมเคิลให้ดิฉันกับสามีดูแล  เราพยายามสืบหาจนรู้ว่าไมเคิลกลับมาอยู่ในความอุปการะของคุณอีกครั้ง  เราจึงติดต่อคุณมาเพื่อขอรับตัวไมเคิลไปอุปการะตามที่แม่ของเด็กฝากไว้  ลินดาคงอยากให้ดิฉันได้ดูแลไมเคิลในฐานะที่เราเป็นทั้งเพื่อนและญาติกัน  หวังว่าคุณคงเข้าใจ..   

                                                                                                         วัลยา...

 

          คริสรู้สึกฉุนที่เห็นแฟรงค์หัวเราะเมื่ออ่านจดหมายจบ

          “ตลกหรือแฟรงค์  นายเห็นปัญหาของฉันเป็นเรื่องตลกงั้นเหรอ..”

          “เปล่า.. ผมแค่ขำนิดหน่อย  ไม่เอาน่าคริส  อย่าทำหน้าซีเรียสอย่างนั้น  คุณเชื่อเรื่องในจดหมายนี้เหรอ..”

          “เชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้าพวกเขาสองคนมีตัวตนจริง มันก็เป็นปัญหาของฉันแล้วแฟรงค์  ฉันน่าจะเชื่อนาย... ปลอมผลตรวจดีเอ็นเอซะ  ป่านนี้ไมเคิลก็อยู่ในฐานะลูกชายฉันแล้ว  วันนี้ฉันคงไม่ต้องกังวลแบบนี้..”

          แฟรงค์ถอนใจ  อารมณ์ขันหมดไปเริ่มรู้สึกกังวลกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น  หากเรื่องราวในจดหมายเป็นความจริง

 

:เฮ้อ:

 

          หลังจากที่ไมเคิลหายป่วยและแข็งแรงดีแล้ว  คริสพาหนุ่มน้อยไปจดทะเบียนรับรองบุตร  โดยนำหลักฐานที่มีอยู่คือรูปถ่ายเขาที่มีลายมือลินดาเขียนไว้ใต้รูปติดไปด้วย  คริสแจ้งว่าเคยคบกับมารดาของเด็กเมื่อ 10 กว่าปีก่อน  แต่เพิ่งรู้ว่าเด็กเป็นลูกเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว

          คริสเป็นมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงและเป็นคนดังในสังคม  คนส่วนใหญ่รู้ว่าคริสเป็นเกย์  รักและชอบผู้ชายด้วยกันโดยเฉพาะเด็กหนุ่มๆ  หลักฐานรูปถ่ายที่คริสนำไปไม่เพียงพอที่จะทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคริสเป็นพ่อเด็กชายจริงๆ  เจ้าหน้าที่จึงขอให้คริสนำหลักฐานมาเพิ่มเติมคือ ผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันความเป็นพ่อลูกระหว่างเขากับไมเคิล  คริสตกใจเมื่อเหตุการณ์ไม่ง่ายอย่างที่คิด  เขาลากลับมาอย่างมีสติและบอกเจ้าหน้าที่ว่าจะนำผลตรวจมาให้เร็วๆ นี้  จนถึงวันนี้กว่า 2 เดือนแล้วที่คริสยังไม่ได้นำผลตรวจไปให้

          ‘ จรินทร์ ’ ทนายส่วนตัวของคริสทราบเรื่องในภายหลัง  ก็รู้สึกเสียดายว่าเหตุการณ์จะไม่วุ่นวายและจบลงด้วยดีถ้าคริสไม่ไปดำเนินการด้วยตัวเอง  และสั่งให้เขาช่วยจัดการให้ตั้งแต่แรก แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว  จรินทร์จึงหาทางออกให้คริสยื่นขอต่อศาลรับเด็กชายเป็นบุตรบุญธรรม แต่เนื่องจากพฤติกรรมส่วนตัวของคริสอาจไม่เป็นที่ไว้ใจต่อศาล จรินทร์จึงขอให้คริสหาหญิงสาวมาจดทะเบียนสมรสด้วย  เพราะจะทำให้โอกาสที่ศาลจะพิจารณาตามคำขอเป็นไปได้มากกว่า

คริสและแฟรงค์ตกใจกับข้อเสนอของจรินทร์     โดยเฉพาะแฟรงค์หวิดวางมวยกับจรินทร์ แฟรงค์ไม่เห็นด้วยอย่างมากเพราะอาจเป็นปัญหาและเรื่องวุ่นวายตามมาภายหลัง ฐานะของคริสไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่จะหาใครมาจดทะเบียนสมรสด้วย แฟรงค์เสนอให้คริสนำผลตรวจดีเอ็นเอ กลับไปยืนยันต่อเจ้าหน้าที่โดยเขาจะจัดการนำผลตรวจมาให้

          “ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคุณแฟรงค์   คุณยื่นหลักฐานเท็จมีความผิดนะครับ”

          “ผมมีทางทำให้หลักฐานเท็จเป็นจริงได้ เจอรี่..  คุณอย่าห่วงเลย”

          “ผมรู้ว่าคุณมีวิธี  แต่มันไม่ถูกต้อง”

          “แล้ววิธีของคุณมันถูกต้องหรือไง   คุณเป็นทนายน่าจะรู้กฎหมายดีนะ  ถ้าเจ้าหล่อนที่เราว่าจ้างมาจดทะเบียนสมรสด้วย  เกิดยึกยักไม่ยอมหย่าในภายหลัง  อะไรจะเกิดขึ้น  คริสไม่ได้มีเงินแค่สิบยี่สิบล้านนะโว้ย เจอรี่..”

          “ที่แท้คุณก็ห่วงสมบัติหรอกหรือคุณแฟรงค์  คุณกลัวว่าสมบัติที่คุณจะได้รับจากคุณคริสจะลดน้อยลงไปหรือครับ”

          แฟรงค์หน้าชารู้สึกโกรธมากจนระงับอารมณ์ไม่อยู่  ปราดเข้าไปคว้าคอเสื้อทนายหนุ่ม

          “พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงวะ..  แกดูถูกฉัน แกคิดว่าฉันต้องการสมบัติของคริสยังงั้นเหรอ”

          แฟรงค์กระชากคอเสื้อทนายหนุ่มกระแทกผนังห้องอย่างแรงด้วยอารมณ์โกรธ  จรินทร์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ  ไม่คิดว่าแฟรงค์จะโกรธมากขนาดนี้   คริสตกใจกับอารมณ์โกรธของแฟรงค์เช่นกัน  รีบเข้าไปแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน

          “ไม่เอาน่าแฟรงค์ ปล่อยเถอะ  เจอรี่เขาล้อเล่น  เขาไม่ได้หมายความอย่างที่พูดหรอก  ใช่มั้ยเจอรี่..”

          จรินทร์รีบพยักหน้ารับคำก่อนที่จะหายใจไม่ออก   

ผลการหารือในวันนั้นไม่ได้ข้อสรุปและวิธีที่ดี  โดยส่วนตัวคริสเอง เขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของทนาย  แต่ข้อเสนอของแฟรงค์ก็เสี่ยงเกินไป  เขาจึงยังรีรอและหาทางออกอื่นอยู่  จนถึงวันนี้เวลาล่วงเลยมากว่าสองเดือนแล้ว   

 

 :เฮ้อ:

 

      “คุณเรียกเจอรี่มาทำอะไรคริส  หมอนั่นช่วยอะไรได้  ผมว่าคุณควรหาทนายใหม่”

      “ไม่เอาน่าแฟรงค์  เมื่อไรจะเลิกขัดคอกับเจอรี่ซะที” 

      คริสส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ  ตั้งแต่มีความเห็นไม่ตรงกันวันนั้น  แฟรงค์เจอหน้าทนายจรินทร์เมื่อไรต้องพูดจาขัดคอกันทุกครั้ง

          “ผมเกลียดหมอนั่น คริส..”  แฟรงค์พูดตรงๆ ทำให้คริสอดหัวเราะไม่ได้  ลืมปัญหาส่วนตัวไปชั่วขณะ

          “เกลียดเขาเรื่องอะไร  ถ้าเป็นเรื่องวันนั้นล่ะก็  ไร้สาระน่ะแฟรงค์”

          “ไร้สาระ!!..  คุณว่าไร้สาระหรือคริส  หรือว่าคุณก็คิดอย่างเดียวกับหมอนั่น คุณคิดว่าผมอยู่กับคุณเพราะ…” 

          แฟรงค์พูดไม่จบก็ถูกมือใหญ่ปิดปากและรั้งตัวเข้าไปกอด

          “พอแล้วแฟรงค์ พอแล้ว… ใครจะคิดยังไงก็ช่าง  ฉันไม่คิดและไม่สนว่านายจะเป็นยังไง โอเค…”    คริสกระซิบปลอบก่อนคลายมือออก 

          แฟรงค์เบือนหน้าหนี  นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนหันมากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

          “ผมสาบานได้นะคริส.. นอกจากเงินเดือนที่ผมได้รับจากคุณแล้ว ผมไม่เคยหวังทรัพย์สมบัติของคุณเลย  ตอนนี้ผมมีงานทำและมีรายได้ของตัวเองแล้วด้วย  คุณไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ผมแล้วก็ได้  สองเดือนที่ผ่านมาเงินที่คุณเข้าบัญชีให้ผม ผมไม่ได้เบิกมาใช้สักบาท  กะว่าจะรอคืนพร้อมกับเงินลงทุนร้านอาหาร ”

          แฟรงค์ก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะร่วงผล็อย  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมวันนี้จิตใจเขาจึงอ่อนแอ  แค่คิดว่าคริสอาจจะเห็นด้วยกับคำกล่าวหาของเจอรี่  เขาก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก

          คริสตกใจไม่นึกว่าแฟรงค์ยังฝังใจกับคำพูดของทนาย และรู้สึกจริงจังกับคำกล่าวหานั้น   เขาไม่เคยเห็นแฟรงค์ทุกข์ร้อนใจกับเรื่องใดๆ มาก่อน  เขาต่างหากที่มีเรื่องทุกข์ใจและปัญหาวุ่นวายมากมายโดยเฉพาะเรื่องของไมเคิล และแฟรงค์ก็จะเป็นคนคอยปลอบโยนให้กำลังใจและช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เขาตลอดมา

          คริสรั้งศีรษะชายหนุ่มซบลงกับไหล่และกล่าวปลอบ

          “ฉันเชื่อนายแฟรงค์  เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดไหนแล้ว  ทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายเป็นคนยังไง  อย่าสนใจความรู้สึกของคนอื่น  นายอยู่กับฉัน  ฉันรู้ว่านายเป็นยังไงก็พอ  โอเค…”

          “จริงหรือคริส  คุณเชื่อผมจริงเหรอ”  แฟรงค์เช็ดน้ำตากับแขนเสื้อคริส

          “จริงซี..  ฉันเคยพูดล้อเล่นกับนายเหรอ”

          แฟรงค์สวมกอดคริสด้วยความดีใจ

          “ขอบคุณนะคริส   ผมก็รักคุณ   รักหมดหัวใจเลย  จริงๆ นะ”

          แฟรงค์ผละออกจากอ้อมกอด  รีบเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะรู้สึกอายกับอาการเสียใจอย่างเด็กๆ

          “รู้มั้ยคริส.. เดือนที่แล้วคริสปี้ผับของเราทำรายได้เกิดคาดเลยนะ  ผมว่าจะขยายเวลาปิดไปอีกหนึ่งชั่วโมงในคืนวันหยุด ถ้ารายได้ดีแบบนี้ตลอดไป ผมสามารถคืนเงินทุนให้คุณได้หมดภายใน 1 ปีเลย  เชื่อมั้ยคริส..”

          คริสนิ่งเฉยไม่แสดงอาการยินดีด้วย

          “ทำไมล่ะคริส   ไม่ดีใจเหรอที่กิจการของเราไปได้ดี”

          คริสจับไหล่แฟรงค์กล่าวน้ำเสียงเครียด

          “ฟังนะแฟรงค์  พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว  ฉันเห็นด้วยที่นายอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง  ดีใจที่เห็นนายมีความสุขกับงาน ฉันเห็นดีและสนับสนุนให้นายทำร้านอาหารแต่ไม่คิดว่ามันจะออกมาในรูปนี้  นายใช้เวลากับมันมากเกินไปรู้ตัวหรือเปล
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 22-09-2008 11:42:41
มารอตอนต่อไปคับ o13
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 22-09-2008 13:00:25
มาแล้ว :m1:

พร้อมกับปัญหาใหม่ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 22-09-2008 13:55:14
โอ๊ย ปัญหาเยอะจัง
แก้ให้ได้นะคะ

สู้ๆ

เออ แล้วเรื่องหาแม่....
มามะ เดี๋ยวเป็นให้ แต่ต้องสังเวยด้วยเด็กๆวัยขบเผาะสักสองคนนะคะ
ห้าห้าห้า

วันนี้ขอสองไม่ได้หรอ :oni3:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-09-2008 14:54:37
ไม่จบไม่สิ้น
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 22-09-2008 16:47:40

Fatherhood  part 2  [2]



แฟรงค์เลี้ยวรถเข้าจอดในโรงเก็บ อดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นรถของคริสจอดอยู่หน้าตึก จอนนี่กำลังยืนเช็ดถูทำความสะอาด  ...วันนี้เป็นวันหยุด ไม่รู้ว่าคริสจะไปไหนแต่เช้า...

          แฟรงค์เดินขึ้นตึกด้วยท่าทีอ่อนระโหย  แคชเชียร์และบริกรของร้านป่วยพร้อมกัน 3 คน ทำให้แฟรงค์เหนื่อยมากกว่าทุกวัน แขกของร้านซึ่งจองห้องพิเศษไว้หนึ่งกรุ๊ปยังขอต่อเวลาอีก 1 ชั่วโมง กว่าร้านจะปิดก็ปาเข้าไปตีสอง  เขายุ่งจนลืมโทรบอกคริส  นึกขึ้นได้ก็ตอนร้านปิดแล้ว เขาเห็นว่าดึกมากแล้วเลยไม่ได้โทรบอก แซมขอตัวกลับทันทีที่ร้านปิดและบอกให้เขารีบกลับ  แต่เขาขออยู่เคลียร์บัญชีต่อเพื่อให้แคชเชียร์ที่มารับงานต่อพรุ่งนี้ไม่งง  ทำไปทำมาก็หลับคร่อกคาสมุดบัญชี   เด็กในร้านที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนม่อยหลับไปก่อนเขาซะอีก

          “โอ! คุณแฟรงค์..  กลับมาทันเวลาพอดีเลยครับ  คุณคริสให้เตรียมรถไว้  ถ้าเช้านี้คุณยังไม่กลับ  คุณคริสจะไปหาที่ร้าน”

          แฟรงค์เกือบหายง่วง  ทั้งที่เมื่อครู่ขณะขับรถกลับเขายังเผลอหลับในไม่รู้ตัว  แฟรงค์เดินขึ้นตึกทำทีเป็นไม่สนใจกับคำบอกเล่าของจอนนี่  นึกฉุนคริสขึ้นมาตะหงิด  ทำไมต้องทำเหมือนเขาเป็นเด็กหนุ่มในความปกครองด้วย  คอยคุมเวลากลับบ้าน  ทั้งที่เขาไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ซะหน่อย

          โอและบอยดักรอพบแฟรงค์ที่ห้องโถง ทั้งสองยังอยู่ในชุดนอน  โอตรงเข้ามาบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน

          “คุณแฟรงค์ฮะ ทำไมเพิ่งกลับป่านนี้  คุณคริสให้พวกผมโทรตามคุณตั้งแต่เมื่อคืน  โทรศัพท์ที่ร้านสายไม่ว่างตลอดเลย  มือถือคุณก็ติดต่อไม่ได้  คุณปิดมือถือหรือฮะ..”

          “จะบ้าเหรอ!!.. ฉันจะปิดทำไม แบตมันหมดโว้ย!!..  โทรศัพท์ที่ร้านเสีย 2 วันแล้ว  คุณคริสมีอะไรด่วนเหรอ..”

          แฟรงค์ทรุดตัวลงนั่งที่ขั้นบันได  รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแต่แสร้งใจเย็นซ่อนความรู้สึกไว้  บอยทรุดตัวลงนั่งข้างๆ จับแขนแฟรงค์ไว้และกล่าวด้วยความเป็นห่วง

          “คุณแฟรงค์ระวังตัวนะครับ  คุณคริสอารมณ์ไม่ค่อยดี  เมื่อคืนเจอรี่มาคุยด้วยถึงเที่ยงคืน  พอเขากลับไปคุณคริสก็ให้โทรตามหาคุณ  คุณคริสโกรธมากที่เราติดต่อคุณไม่ได้”

          “คุณคริสว่าพวกนายเหรอ..”

          “เปล่าฮะ  คุณคริสพูดกับเราดี  บอกให้พวกเราไปนอน  คุณคริสไม่ได้บ่นว่าคุณด้วยนะฮะ  แต่สีหน้าคุณคริสทำให้พวกเราเป็นห่วงคุณ”

          แฟรงค์สูดลมหายใจเข้า  รวมรวมจิตใจและกล่าวปลอบเด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังตื่นเต้นและกังวลแทนเขา

          “ขอบใจนายสองคนมาก ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปคุยกับคุณคริสเอง รับรองว่าไม่มีการใช้กำลังกันแน่นอน  เชื่อฝีมือฉันซี..”

          “คุณแฟรงค์.. กะล่อนอย่างเดียวไม่พอนะฮะ  คุณต้องสำออยและมีมารยาด้วย   คุณคริสใจอ่อนเวลาเห็นน้ำตา”

          แฟรงค์กลืนน้ำลายกับคำแนะนำของโอ

          “พอเถอะ.. อย่าแนะนำเลย มันใช้ไม่ได้ผลกับทุกคนหรอก  ฉันไม่ใช่เด็กๆ จะได้ให้นั่งคุกเข่าอ้อนวอนน้ำตาตกอย่างพวกนาย  ฉันมีวิธีของฉัน”

          “ทำยังไงฮะ”   

          “ช่างเถอะน่า  เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว”

          แฟรงค์ลุกขึ้นยืน กำลังจะก้าวขึ้นบันไดก็ใจหายวาบเมื่อรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครจ้องมองอยู่จากเบื้องบน

“โชคดีนะฮะ คุณแฟรงค์~~”       โอและบอยส่งเสียงกระซิบพร้อมกันก่อนพากันวิ่งจู๊ดหนีกลับเข้าห้อง


      แฟรงค์ทำใจดีสู้เสือ  เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้

          “มอร์นิ่งครับ บ๊อส..”

 
 

 :m29:

 

 
          คริสสั่งให้แฟรงค์ขึ้นมาหาเขาที่ห้องก่อน มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย แฟรงค์รู้สึกโล่งอกที่บรรยากาศบนชั้น 3 ของคฤหาสน์ไม่เครียดอย่างที่คิดไว้  เป็นเพราะมีเจ้าหนูไมเคิลอยู่ด้วย  หนุ่มน้อยกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่   

          “กู๊ดมอร์นิ่งครับ คุณแฟรงค์..”

          แฟรงค์เดินเข้าจูบแก้มเจ้าหนูทักทาย

          “มอร์นิ่ง ไมเคิล”

          หนุ่มน้อยเบือนหน้าหนีและต่อว่าแฟรงค์

“อื้อ~~  เหม็นจัง  คุณสูบบุหรี่หรือฮะ”

          แฟรงค์หัวเราะ  สบสายตากับคริสที่กำลังจ้องมองเขาอยู่อย่างต้องการรู้คำตอบเช่นกัน   

          “สูบที่ไหนกันไมเคิล.. ทำงานในสถานเริงรมย์ก็อย่างนี้ล่ะ มีแต่คนสูบบุหรี่กินเหล้า  อยู่ใกล้ๆ ก็พลอยเหม็นไปด้วย  จริงๆ นะ สาบานได้ว่าฉันไม่ได้สูบ..”

          ประโยคสุดท้าย  แฟรงค์พูดกับเจ้าหนูไมค์แต่ทำตาละห้อยกับคริส   

          คริสลุกขึ้นยืนกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์

          “ไปล้างหน้าซะ แฟรงค์..   จัดการอาหารเช้าก่อนก็ได้  แล้วตามขึ้นไปคุยกับฉันข้างบน”

 
          ‘ข้างบน’ ที่คริสว่า คือห้องใต้หลังคาซึ่งเป็นทั้งห้องทำงานและที่พักผ่อนส่วนตัวของคริส  หลังคาห้องมีสองชั้นด้านในเป็นกระจกใส  สามารถเลื่อนหลังคาด้านนอกออกเพื่อชมวิวภายนอกในคืนที่ท้องฟ้าโปร่ง  คริสไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไปวุ่นวาย  แม้แต่แฟรงค์เองถ้าไม่มีความจำเป็นก็จะไม่เข้าไปในห้องนี้ถ้าคริสไม่อยู่  แต่กับไมเคิลคริสอนุญาตเป็นพิเศษ  อยากขึ้นไปนอนดูดาวเมื่อไรก็ได้  แต่ทุกครั้งคริสก็ต้องนอนเป็นเพื่อนด้วยเพราะหนุ่มน้อยไม่กล้านอนคนเดียว  ด้วยเหตุผลที่ทำให้คริสอดหัวเราะไม่ได้

          ...ถ้าเกิดมีตัวอะไรโผล่ออกมาจ๊ะเอ๋บนหลังคา  ผมต้องช็อกแน่เลยฮะ แด๊ด…

 

          “แด๊ดดี้อารมณ์ไม่ค่อยดีครับ คุณแฟรงค์..”   ไมเคิลกระซิบบอกแฟรงค์เมื่อคริสเดินจากไป 

          “เรื่องอะไรรู้มั้ย ไมเคิล..”

          หนุ่มน้อยส่ายหน้า  จัดการข้าวต้มคำสุดท้ายเสร็จก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

          “ผมไม่รู้  เมื่อคืนผมหลับอยู่ในห้อง  เที่ยงคืนกว่าแล้วคุณโอก็เข้าไปปลุกบอกว่าแด๊ดอารมณ์ไม่ดี  ให้ผมขึ้นมานอนเป็นเพื่อนหน่อย”

          แฟรงค์ซ่อนยิ้ม  เจ้าหนุ่มแสบพวกนี้รู้จักเอาตัวรอดจริงๆ  ให้ไมเคิลอยู่ใกล้คริสเพื่อผ่อนคลายอารมณ์โกรธลง

          “อยู่ๆ ก็ขึ้นมาขอนอนด้วย  บอกแด๊ดว่ายังไงเหรอ..”

          “ผมก็ว่าผมฝันร้ายนอนไม่หลับ  ขอนอนด้วยคน”

          แฟรงค์หัวเราะ  อยู่ใกล้หนุ่มแสบพวกนี้  สักวันไมเคิลก็คงจะกะล่อนและเจ้าเล่ห์ตามไปด้วย

          “ผมจะลงไปวิ่งเล่นกับเจ้าร็อกกี้แล้วนะคุณแฟรงค์..  อยู่คนเดียวได้มั้ย”

          ไมเคิลถามด้วยความเป็นห่วง เพราะพอจะรู้ว่าแด๊ดโกรธที่คุณแฟรงค์กลับบ้านผิดเวลา

          แฟรงค์แกล้งตีหน้าเศร้า

          “คงได้มั้ง  ถ้ายังไงล่ะก็คอยดูบนหลังคาด้วยล่ะกัน  ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือจะจุดพลุขึ้นฟ้าหนึ่งนัด”

          ไมเคิลอ้าปากหวอก่อนหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าคุณแฟรงค์ล้อเล่น

          “ผมไม่เคยเห็นแด๊ดลงโทษใครรุนแรง  ยิ่งคุณด้วยแล้วผมเห็นโกรธกันทีไร  พูดกันแค่สองประโยคก็ดีกันแล้ว  คุณทำได้น่าแฟรงค์..  ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ”

          ไมเคิลตบไหล่แฟรงค์เบาๆ   แฟรงค์นั่งตาปริบๆ มองหนุ่มน้อยวิ่งลงบันไดไป

 

 

 TBC  >>>>


มาต่ออีกนิด ตามที่ muhan ขอ   :a4:  :a4:


 

 

         
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 22-09-2008 17:00:54
ดีใจได้อ่าน Part 2

แต่เริ่มต้นมาก็มีเรื่องเข้ามาเลย

 :serius2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 22-09-2008 18:20:52
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 23-09-2008 10:00:20

Fatherhood  part 2  [2] ต่อ...



คริสเอนตัวพักผ่อนอยู่บนโซฟา เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ ในหัวสมองคิดถึงแต่เรื่องที่ทนายจรินทร์บอกเล่า

 
            “ผมได้ติดต่อพูดคุยกับคุณวัลยาแล้วครับ  เธอและสามีเป็นเพื่อนและญาติกับคุณลินดาจริงๆ  เธอมีหลักฐานรูปถ่ายให้ผมดู  สามีเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับลินดา  ส่วนเธอเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม เธอและลินดานัดพบปะพูดคุยทุกข์สุขกันอยู่เสมอ  เรื่องไมเคิลเธอก็รับรู้มาตลอด  เธอรู้ด้วยว่าไมเคิลเป็นลูกพลทหารอเมริกันชื่อบิล สมิทธ์ เธอและสามีไม่มีลูกก็เลยต้องการรับไมเคิลไปอุปการะตามที่ลินดาเคยฝากไว้  เธอมีจดหมายที่ลินดาเขียนฝากไมเคิลกับเธอให้ผมดูด้วย  ผมค่อนข้างกังวลกับจดหมายฉบับนี้ครับ คุณคริส..”

 o7  คริสไม่เข้าใจว่าสวรรค์เล่นตลกกับเขาหรืออย่างไร   ส่งไมเคิลให้มาพบและรู้จักกับเขา  ดลจิตใจของเราทั้งสองให้มีความรักต่อกันฉันท์พ่อลูกแล้ว ทำไมจึงบันดาลให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เขาหลงวางใจว่าคงไม่มีเรื่องร้ายหรือเหตุการณ์ใดๆ จะมาพรากเขาและไมเคิลจากกันอีก  จึงยังรีรอที่จะหาทางรับไมเคิลเป็นบุตรชายอยู่อย่างเย็นใจ

 
“โชคดีนะครับที่คุณไม่ได้ทำตามที่คุณแฟรงค์บอก”

 
..ใช่! ถ้าเขาทำตามที่แฟรงค์บอก  ป่านนี้คงเจอข้อหายื่นหลักฐานเท็จไปแล้ว นึกถึงแฟรงค์แล้วอดโมโหไม่ได้  รู้อยู่ว่าเขามีเรื่องร้อนใจ  ขอร้องให้อยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยก็ทำได้แค่วันเดียว..

 
          คริสดีดข้อศอกออกจากตัวเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครโน้มตัวเข้ามาประชิด

          “อุ๊บ!  โอ๊ย!…..”

          คริสลืมตาขึ้นพบแฟรงค์ยืนตัวงอสีหน้าเหยเกเพราะถูกเขาศอกเข้าที่สีข้างอย่างจัง 

          “บ้าจริงเชียว!!..  ชอบเข้ามาเงียบๆ ก็ต้องเจ็บตัวแบบนี้”

          แฟรงค์แกล้งส่งเสียงร้องโอดครวญ

          “คุณทำผมเจ็บไม่ขอโทษยังมาดุกันอีก”

          “ช่วยไม่ได้ นายทำฉันตกใจ  ย่องมาเงียบๆ คิดจะตัดกำลังฉันก่อนหรือไง  ไม่มีทาง  วิธีเก่าๆ ของนายเลิกใช้ได้แล้ว”

          แฟรงค์หัวเราะอายที่คริสรู้ทัน เขาอุตส่าห์อาบน้ำชำระร่างกายให้หอมกรุ่นก่อนจะขึ้นมาพูดคุยด้วย เผื่อว่าคริสจะอารมณ์ดีขึ้น ทุกครั้งที่คริสหัวเสียแฟรงค์มักจะหลอกล่อให้คริสคลายความโกรธลงด้วยการผ่อนคลายอารมณ์ทางเพศ  ส่วนใหญ่ได้ผลทุกครั้งยกเว้นปัญหานั้นไม่ได้เกี่ยวกับตัวเขา  ปัญหาหนักสำหรับคริสเวลานี้มีเรื่องเดียวคือเรื่องของไมเคิล  แฟรงค์เชื่อว่าอารมณ์ไม่จอยของคริสวันนี้คงไม่พ้นเรื่องของหนุ่มน้อย

          “มีอะไรหรือคริส  คุณหนักใจเรื่องอะไร  คุยปัญหาของคุณก่อน เรื่องของผมไว้คิดบัญชีทีหลัง”     

          คริสร้อนใจอยากจะคุยเรื่องนี้กับแฟรงค์หลายชั่วโมงแล้ว  จึงเล่าเรื่องที่ทนายจรินทร์รายงานให้ฟังเมื่อคืน

          “เจอรี่ว่าฐานะของสามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก รับราชการทั้งคู่  บางทีเราอาจเปลี่ยนความตั้งใจของพวกเขาได้ถ้าเสนอเงินสักก้อน”

          “ให้เงินเหรอ”    แฟรงค์พึมพำเบาๆ จำได้ว่าเขาเคยเสนอความคิดนี้กับคริส ตอนลินดาขอตัวไมเคิลกลับไป  แต่คริสไม่เห็นด้วย    “เป็นความคิดของคุณหรือคริส..”

          “เปล่า.. เจอรี่พูดขึ้นมา ฉันก็เลยคิดว่าน่าจะลองดู นายเห็นด้วยใช่มั้ยแฟรงค์.. นายเคยบอกฉันเองว่าเงินซื้อทุกอย่างได้”

          แฟรงค์พยักหน้า    …ใช่!.. เขาเห็นด้วยถ้าเรื่องนี้เขาจัดการเอง  แต่ถ้าให้ทนายอย่างเจ้าเจอรี่จัดการให้  เขาไม่ไว้ใจ ไม่ใช่เพราะเขามีปากเสียงกับหมอนั่น   เขาไม่ถูกชะตากับทนายหนุ่มคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว  พยายามเลี่ยงไม่เจอด้วยถ้าไม่จำเป็น…

          “คุณให้เจอรี่ไปเจราจาเรื่องเงินเหรอ..”

          คริสพยักหน้า

          “ทำไมคุณไม่นัดพวกเขาสองคนมาคุยด้วย  บอกไปเลยว่าคุณรับอุปการะเด็กอยู่แล้ว  รอทำเรื่องตามกฎหมายเท่านั้น  บางทีพวกเขาอาจจะไม่ต้องการเงินสักบาทก็ได้”

          “เจอรี่ว่าพวกเขารู้ว่าฉันเป็นใคร  มีพฤติกรรมยังไง  เขายืนยันว่าต้องการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม  เขาขอร้องว่าอย่าให้มีปัญหาถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล  แต่ถ้าจำเป็นเขาก็ยอม”

          คริสถอนหายใจระบายความอัดอั้นและขมขื่น  ปัญหาวุ่นวายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่ลินดายังมีชีวิตอยู่  ถ้าเพียงแต่เขาไม่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ

          “ผมไม่ค่อยไว้ใจให้เจอรี่ไปเจรจาเรื่องเงิน” 

          “พอซะทีเถอะแฟรงค์   o12  เลิกมีปัญหากับเจอรี่ซะที  เขาเป็นทนายของฉัน ฉันต้องพึ่งเขา นายจะให้ฉันเจรจาเรื่องเงินด้วยตัวเองยังงั้นเหรอ แล้วฉันจะจ้างทนายไว้ทำไม!!..  ตัวนายเองไม่มีเวลาให้ฉันมานานแค่ไหนแล้วแฟรงค์  ปัญหาไมเคิลยังค้างคาอยู่แทนที่จะช่วยจัดการให้เรียบร้อยกลับปล่อยทิ้งไว้จนสองผัวเมียนั่นโผล่มา  นายไม่ช่วยยังเขม่นเจอรี่  ไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องที่เขาทำให้ฉัน  เพราะอะไรแฟรงค์  ทำไมไม่ไว้ใจเจอรี่ให้ไปเจรจาเรื่องเงิน  หรือว่าเรื่องที่เกี่ยวกับเงินนายต้องทำด้วยตัวเองทุกเรื่อง  นายกังวลมากเกินไปแล้ว  อย่าห่วงเลยแฟรงค์..  มันคนละส่วนกับที่นายจะได้รับจากฉัน”

          แฟรงค์ใจหายวาบ  ตั้งแต่คบหาและอยู่ร่วมกันมา  เขาไม่เคยถูกคริสต่อว่าด้วยอารมณ์โกรธรุนแรงอย่างวันนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่จะทำให้เขารู้สึกตกใจเท่านั้น  คำต่อว่าประโยคสุดท้ายทำให้แฟรงค์เสียใจอย่างแรง   เขานั่งก้มหน้านิ่งไม่โต้ตอบหรือออกความเห็นอะไรอีก

          คริสถอนหายใจอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ด้วยความรู้สึกฉุนและโกรธตัวเองที่ระบายอารมณ์ต่อว่าแฟรงค์อย่างรุนแรง  โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายที่หลุดออกไป  เขารู้สึกเสียใจทันทีที่พูดจบ

          “แด๊ดดี้..”

          เสียงเรียกของไมเคิลขัดจังหวะอารมณ์ของคริสและแฟรงค์  หนุ่มน้อยยืนเกาะประตูแอบฟังเรื่องทั้งหมดอย่างไม่ตั้งใจ เจ้าหนูรู้สึกเป็นห่วงคุณแฟรงค์ จึงตามขึ้นมาดูว่าทั้งสองพูดคุยและปรับความเข้าใจกันด้วยดีหรือไม่  ไม่คิดว่าจะมาได้ยินเรื่องร้ายๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองอีกครั้ง

          หนุ่มน้อยวิ่งเข้ามาสวมกอดคริสละล่ำละลั่กกล่าวด้วยความหวาดกลัว

          “แด๊ดดี้ผมไม่ไปนะ ผมจะอยู่กับแด๊ด ผมไม่รู้จักพวกเขา เคยเห็นหน้าแค่ครั้งเดียวเองจะมาเป็นพ่อแม่ผมได้ยังไง   ผมไม่ยอมแล้วนะ  ถ้าให้ผมไปอีกครั้งนี้ผมต้องตาย”   

          คริสตกใจกับอาการตื่นกลัวของไมเคิล เขาสวมกอดเจ้าหนูแน่นและละล่ำละลั่กกล่าวปลอบด้วยความตกใจเช่นกัน

          “ไม่นะ ไมเคิล  ไม่ต้องกลัว  แด๊ดไม่ยอมให้ลูกจากไปไหนอีกแล้ว ไม่มีวัน ไม่มีทาง โอเค! ไม่มีทางเลยลูก  ไม่มี….”

          คริสสวมกอดร่างเล็กแน่น  นึกถึงความเจ็บปวดที่เจ้าหนูได้รับจากเจ้าโทนี่แล้ว  เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ไมเคิลพรากจากเขาไปอีก แม้จะต้องเสียเงินทองมากมายหรือแลกกับความสุขส่วนตัวชั่วชีวิตของเขา  เขาก็ยอม...

          แฟรงค์ลืมความเจ็บช้ำที่ได้รับเมื่อครู่เมื่อเห็นอาการเสียใจและตกใจกลัวของไมเคิล  รีบเดินเข้ามาช่วยปลอบ

          “ไม่ต้องกลัวไมเคิล.. นอกจากคุณคริสแล้วไม่มีใครเป็นพ่อของเธอได้ ครั้งที่แล้วเราจำเป็นต้องปล่อยเธอกลับไปกับแม่ แต่ครั้งนี้ไม่มีทาง!!.. ไปวิ่งเล่นเถอะนะ ไม่ต้องห่วง ฉันกับคุณคริสจะแก้ปัญหากันเอง  ทุกอย่างจะเรียบร้อย โอเค..”    แฟรงค์ลูบศีรษะหนุ่มน้อยปลอบ  เขารู้ว่าเจ้าหนูไมค์ย้อนกลับขึ้นมาดูสถานการณ์ระหว่างเขากับคริสด้วยความเป็นห่วง

          “จริงหรือครับ  แก้ปัญหาได้จริงๆ หรือ แด๊ด..” 

หนุ่มน้อยเงยหน้าถาม  เมื่อคริสพยักหน้าให้ก็ยิ้มออกและคลายความกังวลลง

 

          คริสและแฟรงค์กลับเข้าสู่อารมณ์และความรู้สึกเดิมอีกครั้งหลังไมเคิลออกจากห้องไป  ไม่มีใครเอ่ยหรือพูดจาใดๆ  คริสรู้สึกเสียใจที่ต่อว่าแฟรงค์เมื่อครู่แต่ก็ไม่อาจเอ่ยขอโทษก่อนได้

          สำหรับแฟรงค์ความรู้สึกขณะนี้คือเสียใจอย่างมาก ทุกถ้อยคำต่อว่าของคริสยังก้องอยู่ในหู  เขายอมรับผิดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องสุดท้ายที่รับไม่ได้   ในที่สุดคริสก็รู้สึกกับเขาอย่างที่คนอื่นๆ เข้าใจ   รอให้เรื่องไมเคิลเรียบร้อยและจบลงด้วยดีซะก่อน  เขาจะหาโอกาสจากไปทันที   

          เสียงโทรศัพท์ทำให้ทั้งคู่ตื่นจากภวังค์  อีกครั้งที่แฟรงค์ต้องเก็บความรู้สึกเจ็บช้ำไว้  เมื่อคริสจบการสนทนาและวางสายลง  แฟรงค์เดินเข้าไปหาและกล่าวออกความเห็นอย่างเหลืออด

          “นี่มันเรียกค่าไถ่กันชัดๆ   คุณจะยอมมั้ยคริส”

          คริสรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้รับรู้ความต้องการของอีกฝ่าย  แม้จะเหมือนการเรียกค่าไถ่ตัวอย่างที่แฟรงค์พูดจริงๆ แต่ถ้าเรื่องจบลงด้วยดีเพียงเท่านี้เขาก็ยอม


            “ผมผู้กองนเรศ สามีวัลยา  เราสองคนได้รับการเสนอจากคุณจรินทร์ ทนายความของคุณว่าคุณยินดีที่จะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เรา  ผมบอกตรงๆ นะครับคุณคริส  ผมไม่ไว้ใจว่าคุณจะรับอุปการะไมเคิลอย่างลูกชายจริงๆ และผมก็เชื่อว่าศาลก็คงไม่ไว้ใจด้วยเช่นกัน   แต่ในเมื่อคุณให้โอกาสเราเลือก  ผมกับภรรยาตกลงกันแล้วว่า  เราขอเงินสด 20 ล้านบาท  บ้านหนึ่งหลังและรถยนต์อีก 2 คันรวมมูลค่าอีก 10 ล้านบาท  ถ้าคุณยอมเสียเงิน 30 ล้านบาท  ผมก็ยินดีเสียสละไมเคิลให้ด้วยความเต็มใจ  คุณจะรับอุปการะในฐานะอะไรก็ได้  ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย”

          “คนจิตใจต่ำอย่างนั้นสมควรจะได้รับเงิน 30 ล้าน หรือคริส.. ” 

แฟรงค์ไม่ได้กล่าวด้วยความเสียดาย  เขารู้ว่าคริสสามารถจ่ายได้อย่างสบายๆ  แต่เขาไม่อยากให้คริสถูกหยามศักดิ์ศรีแบบนี้

          “แล้วไง.. นายมีหนทางอื่นเหรอ..”

          คริสเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับแฟรงค์  ไอ้ผู้กองนั่นดูถูกและหยามเขาอย่างแรง  สามีภรรยาคู่นี้จะให้ความรักในฐานะพ่อแม่กับไมเคิลได้อย่างไร ในเมื่อจิตใจยังต่ำอยู่เช่นนี้

          “ผมจะหาผู้หญิงจดทะเบียนสมรสกับคุณ คริส..  ยื่นขอต่อศาลซะ  คุณเป็นต่อทุกเรื่องอยู่แล้ว  อย่างน้อยไมเคิลก็รักและต้องการอยู่กับคุณ  ยอมวุ่นวายขึ้นศาลหน่อยดีกว่าปล่อยให้โจรในครื่องแบบมารีดไถและหยามเราซึ่งๆ หน้า”

          คริสแทบไม่เชื่อหูตัวเอง  แฟรงค์เคยปฏิเสธและไม่เห็นด้วยกับทางเลือกนี้

          “ฉันหูฝาดหรือเปล่า แฟรงค์..  นายเคยบอกว่าไม่เห็นด้วย”

          “นั่นมันก่อนที่ผัวเมียคู่นี้จะโผล่มา  ผมยอมให้มันรีดไถคุณกินเปล่าอย่างนี้ไม่ได้  เก่งจริงก็ให้ไปสู้กันในศาล  มันไม่มีทางชนะและจะไม่ได้เงินสักบาทด้วย”

          “นายไม่กลัวว่าผู้หญิงที่หามาจะเป็นปัญหาให้เราภายหลังหรือแฟรงค์.. แทนที่จะเสียแค่ 30 ล้าน  ฉันอาจต้องเสียเงินค่าเลี้ยงดูเธอมากมายกว่านี้หลายเท่า  นายไม่ห่วงเรื่องนี้แล้วเหรอ..”

          คริสถามคำถามสำคัญเพื่อลองใจแฟรงค์  สำหรับเขาตอนนี้.. วิธีไหนก็ได้ทั้งนั้นขอเพียงให้ได้ไมเคิลมา

          “ถ้าคุณเห็นด้วยและยังไว้ใจให้ผมทำงานนี้ก็ขอให้วางใจเถอะ เธอที่ผมหามาจะไม่เป็นปัญหากับเราแน่นอน  ผมขอเวลา 2-3 วัน  ระหว่างนี้คุณให้เจอรี่ประวิงเวลาไว้ก่อน  บอกเขาว่าเราขอเวลาตัดสินใจ” 

แฟรงค์ไม่ใส่ใจแล้วว่าคริสจะคิดยังไง จะว่าเขาห่วงเรื่องเงินก็ช่าง ก่อนจากไปเขาขอทำงานสำคัญครั้งนี้ให้คริสเป็นครั้งสุดท้าย 

          คริสพยักหน้าเห็นด้วย 

…แฟรงค์ไม่เคยทำอะไรให้เขาไม่สำเร็จ ยกเว้นไม่ยอมทำ จริงๆ แล้วเขาเชื่อฝีมือแฟรงค์มากกว่าเจอรี่ แต่ทำยังไงได้ แฟรงค์ไม่มีเวลาให้เขา  และเจอรี่ก็เป็นทนายซึ่งต้องพึ่งเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ…

          แฟรงค์ขอตัวเมื่อหมดธุระ เขามีเรื่องต้องทำมากมาย  อย่างน้อยเรื่องแรกที่เขาต้องทำเมื่อกลับถึงห้องก็คือ  ขอนอนก่อนสักงีบ…

          “เดี๋ยวก่อน แฟรงค์..”

          แฟรงค์ชะงักเท้าที่ประตู  หันกลับไปถามด้วยสายตา  บางทีคริสอาจจะเปลี่ยนใจหรือไม่ไว้ใจให้เขาทำงานนี้

          ร่างสูงตรงเข้าประชิดและสวมกอดเขาโดยไม่พูดไม่จา  แฟรงค์ยืนนิ่งเข้าใจความหมายของการสวมกอดนี้ คริสจะไม่พูดหรือเอ่ยขอโทษใครก่อน ถ้าต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนคริสจะแสดงออกที่การกระทำแทนคำพูด

          “นายโกรธฉันใช่มั้ย..”

          แฟรงค์ส่ายหน้าและซบลงกับไหล่กว้าง  เขาไม่เคยนึกโกรธคริสเลย  แค่เสียใจเท่านั้น..

         “ฉันพูดจาไม่ดีกับนาย  ฉันเสียใจแฟรงค์..”

          “ผมก็เสียใจ.. ผมขอโทษที่ละเลยคุณ  ขอโทษที่กลับบ้านผิดเวลา  ขอโทษที่ไม่จัดการเรื่องไมเคิลให้เรียบร้อยไปก่อนหน้านี้  ขอโทษที่ทำให้คุณโกรธ  ขอโทษที่…”

แฟรงค์ไม่สามารถกล่าวต่อเพราะถูกคริสปิดปากไม่ให้พูดด้วยจูบที่ดูดดื่ม การผ่อนคลายอารมณ์ร่วมกันจะช่วยลดความโกรธของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลงได้ วันนี้คริสคงแคร์ความรู้สึกเขามากจึงเอาวิธีของเขาไปใช้

คริสปลดกระดุมเสื้อที่แฟรงค์สวมอยู่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ แฟรงค์ผละออกรู้สึกเขินเล็กน้อย

          “ไปนอนคอยที่เตียงก่อน แฟรงค์..”   คริสกระซิบสั่งก่อนเดินไปรับสาย

แฟรงค์ไม่เข้าใจว่าวันนี้เจ้านายคริสของเขาเป็นอะไร บทจะดีก็ดีใจหาย เมื่อครู่ยังโกรธและดุว่าจนเขาน้ำตาตกใน   แฟรงค์เดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงแต่โดยดี

          คริสรับสายทนายจรินทร์ซึ่งโทรมาถามข่าวคราว เขาสั่งให้จรินทร์ติดต่อสองสามีภรรยาแทนเพราะไม่อยากเสียเวลาพูดคุยด้วยอีก  และให้เตรียมเรื่องยื่นขอต่อศาล  จรินทร์รู้สึกประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อว่าคริสและแฟรงค์เปลี่ยนใจยอมทำตามวิธีแนะนำเดิมของเขา   

          คริสกลับมาที่เตียงหนุ่มแฟรงค์ก็กรนคร่อกแล้ว  เขาส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ  กว่าสองเดือนที่ผ่านมาแฟรงค์มีความสุขกับงานที่ทำอยู่จนบางครั้งเขายอมรับว่ารู้สึกน้อยใจที่แฟรงค์ไม่มีเวลาให้  เช้านี้ตั้งใจจะเอ่ยปากว่าทันทีที่เห็นหน้า แต่เห็นสภาพสุดโทรมทั้งเหนื่อยและเพลียกับงานแล้วจะให้เขาเอ่ยปากต่อว่าเรื่องกลับบ้านผิดเวลาได้ยังไง 

          ร่างสูงเอนตัวลงนอนเคียงข้างและสวมกอดหนุ่มคนรักไว้  เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหู

          “อีกไม่นานหรอกแฟรงค์ อีกไม่นาน.. สนุกให้เต็มที่ ฉันจะหาทางปิดมันก่อนที่นายจะโทรมลงไปมากกว่านี้”

         

 

 TBC>>>>>





    !
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 23-09-2008 10:14:17
Fatherhood part 2… ( 3 )  




“เฮ้! แฟรงค์ คุณคริสมาแล้วนะ มีแขกมาด้วย ”

แฟรงค์พยักหน้ารับทราบ คริสโทรหาเขาเมื่อตอนบ่ายบอกว่าค่ำนี้จะพาเพื่อนเก่ามาหาแต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร

“เดี๋ยวก็รู้แฟรงค์ ฉันอยากให้นายพบและรู้จักเธอ”

อย่างน้อยแฟรงค์ก็รู้ว่าแขกของคริสเป็นผู้หญิง



 o13



“แฟรงค์ กลับก่อนเถอะ แขกเหลือไม่มากแล้ว คืนนี้ฉันอยู่เอง”

แฟรงค์นั่งดื่มเบียร์ที่บาร์ ห้าทุ่มกว่าแล้ว วันนี้วันธรรมดาแขกไม่เยอะเท่าไร ถ้าเป็นคืนวันศุกร์และเสาร์ เวลาดึกขนาดนี้ก็ยังยืนเบียดเสียดกัน บางคืนแทบจะไม่เหลือทางเดิน

“ฉันยังไม่กลับ จะขึ้นไปพักข้างบน นายปิดร้านด้วยนะแซม..” แฟรงค์ฝากเพื่อนดูร้านแทนก่อนเดินเลี่ยงขึ้นไปที่ห้องพักผ่อนชั้นบน

แซมยักไหล่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่าแฟรงค์นั่งหงอยอยู่ที่บาร์นานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว หลังจากคริส บริเจคส์ กลับไปพร้อมกับแหม่มสาววัยกลางคนที่ทั้งสวยและสง่า โดยเฉพาะเมื่อเดินคู่กับคริสแล้วแขกในร้านพามองกันเหลียวหลัง หลายคนถามว่าใช่ดาราฮอลลีวู้ดหรือเปล่า

แซมไม่เข้าใจว่าทำไมแฟรงค์ต้องมีอาการเช่นนี้ เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าแขกที่มากับคริสเป็นชายหนุ่มไม่ใช่แหม่มสาว



 o13



“มิสชารอน แมนเนอร์ แฟรงค์.. นายจำได้ใช่มั้ย”

ทันทีที่ได้พบและเห็นหน้าเธอ แฟรงค์รู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารู้จักว่าเธอเป็นใคร เคยเห็นเธอในรูปถ่ายและรู้เรื่องราวของเธอพอสมควรจากคำบอกเล่าของคริสเอง

ชารอน แมนเนอร์ สาวใหญ่วัย 38 เป็นรุ่นน้องที่คริสเคยคบหาฉันท์คนรักสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เธอและคริสรักกันมาก เคยให้สัญญาที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่แล้วก็มีอุปสรรคมาพรากเธอไปจากเขา คุณพ่อของชารอนเป็นกงศุลใหญ่ต้องย้ายไปประจำที่ประเทศญี่ปุ่น เธอจำเป็นต้องย้ายตามไปอยู่ด้วย ก่อนไปเธอให้สัญญากับคริสว่าจะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน

ชารอนส่งข่าวกลับมาหลังจากเงียบหายไปนานกว่า 4 ปีว่าเธอแต่งงานแล้วด้วยความจำเป็น คริสรู้สึกโล่งอกมากกว่าเสียใจเพราะเขาจะได้หยุดการรอคอยซะที ตลอดเวลาที่ผ่านมาคริสไม่เคยปันใจให้กับหญิงสาวคนไหน เพราะไม่อยากเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ เขาจึงพยายามเลี่ยงไม่คบหาหญิงสาว คบและผูกพันอยู่กับเพื่อนชายด้วยกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางเพศโดยไม่ได้ตั้งใจ


คริส บริเจคส์ เป็นวิศวกรหนุ่มที่มีฐานะมั่งคั่งในแอลเอ. เดินทางมาเมืองไทยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ตั้งใจเพียงเพื่อพักผ่อน แต่แล้วชะตาชีวิตหักเหให้เขาย้ายมาตั้งถิ่นฐานทำธุรกิจก่อสร้างในเมืองไทย แค่เพียง 5 ปี ธุรกิจของคริสก็มีชื่อเสียงอยู่ในชั้นแนวหน้า นอกจากงานก่อสร้างออกแบบตกแต่งครบวงจรแล้วยังมีโรงงานต่อเรือยอร์ชซึ่งเป็นธุรกิจที่คริสทำด้วยใจรักเป็นส่วนตัว

คริสเจอแฟรงค์ครั้งแรกตอนยังเป็นหนุ่มน้อย อายุ 19 ปี แฟรงค์เป็นนักเรียนแพทย์ปี 2 ส่วนคริสเป็นอาจารย์พิเศษคณะวิศวะฯ วิชาที่คริสสอนจะมีนักศึกษานั่งเรียนเกือบล้นห้อง บางคนไม่ใช่วิชาที่ตัวเองเรียนก็มาขอนั่งฟัง หนึ่งในนั้นคือ แฟรงค์ แพ็ททริค อรรคพล แฟรงค์มีเพื่อนเรียนอยู่คณะนี้จึงมีโอกาสได้นั่งอยู่ด้านหน้าสุดเพราะเพื่อนช่วยจองที่นั่งให้ แฟรงค์นั่งส่งสายตาหวานให้อาจารย์คริสและยกมือตอบคำถามได้ทุกข้อจนถูกนักศึกษาประจำวิชาเขม่นและมีปากเสียงกันหน้าชั้นเรียน พอรู้ว่าแฟรงค์เป็นนักศึกษาแพทย์มาแย่งที่นั่งเรียนก็พากันโห่ไล่ คริสต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยและขอร้องให้นักศึกษาที่ไม่ได้เรียนวิชานี้อย่ามาแย่งที่เรียนของเพื่อน นับจากวันนั้นคริสก็ไม่ได้เจอหน้าหนุ่มแฟรงค์อีกเลย

เวลาผ่านไป 2 ปี คริสได้มีโอกาสพบกับแฟรงค์อีกครั้งในงานสังคม ครั้งนี้คริสเป็นแขกในงาน ส่วนแฟรงค์เป็นนายแบบบนเวทีแคทวอล์ค

แฟรงค์ตกใจแทบช็อกที่เจอคริสในงาน สภาพของเขาที่คริสพบในวันนั้น มันทำให้แฟรงค์รู้สึกอายมาก จะไม่ให้อายได้ยังไง โชว์ที่เขากำลังแสดงอยู่เป็นแฟชั่นชุดว่ายน้ำพอดี เขาไม่รู้สึกเขินอายแม้เพียงสักนิดกับสาวน้อยสาวใหญ่ที่จ้องมองตาไม่กระพริบและส่งเสียงวี้ดว้ายด้วยความพอใจ แต่กับคริสแค่สบตาด้วยแว่บเดียว แฟรงค์ก็อายจนเกือบเดินสะดุดตกเวที นึกภาวนาในใจขอให้คริสจำเขาไม่ได้


(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/alec4.jpg)


ในขณะที่แฟรงค์รู้สึกอายกับการพบเจอคริสในสภาพนั้น คริสกลับรู้สึกประทับใจอย่างมาก แค่เห็นแว่บเดียวเขาก็จำได้ว่าแฟรงค์เป็นนักศึกษาแพทย์ที่แอบเข้าไปนั่งจ้องหน้าเขาในชั้นเรียนของนักศึกษาวิศวฯ จะไม่ให้เขาจำเด็กหนุ่มคนนี้ฝังใจได้ยังไง ในเมื่อสายตาของเจ้าหนุ่มมองเขาหวานหยดจนแทบไม่มีสมาธิในการสอน

แฟรงค์รีบออกตัวกับคริสว่าเป็นนายแบบสมัครเล่น ไม่ได้มีอาชีพเดินแบบจริงจัง คริสหัวเราะและบอกว่าเขาก็ไม่เคยเห็นนักเรียนแพทย์คนไหนมีเวลาว่างเหลือพอที่จะมีอาชีพสมัครเล่น

แฟรงค์อึ้งไปก่อนจะบอกความจริงกับคริสว่าเขาไม่ได้เรียนแพทย์แล้ว เขาถูก Retry ออกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตอนนี้เขายังไม่มีงานทำ จำเป็นต้องทำอาชีพนี้ไปก่อน คริสตกใจมากพร้อมกับรู้สึกเสียดายวิชาแพทย์ที่แฟรงค์อุตส่าห์เล่าเรียนมาถึง 4 ปี แต่เขาไม่ได้พูดให้แฟรงค์รู้สึกเสียใจและไม่ถามถึงเหตุผลของการถูก Retry กลับกล่าวปลอบใจและชวนแฟรงค์ไปทำงานด้วย

แฟรงค์ปฏิเสธว่าไม่มีความรู้ในงานที่คริสทำ แต่เมื่อคริสอธิบายหน้าที่และบอกจำนวนเงินค่าจ้างที่สูงถึงปีละ 7 หลัก แฟรงค์รีบตอบรับด้วยอาการลิงโลด และนั่นเป็นเวลา 8 ปี ผ่านมาแล้วของการเริ่มต้นคบหากันในฐานะเจ้านายและลูกจ้างระหว่างชายหนุ่มสองคนที่มีวัยห่างกันถึงหนึ่งรอบ คริส บริเจคส์ มหาเศรษฐีหนุ่มวัย 33 ปี ที่มีชื่อเสียงอยู่ระดับแนวหน้า และแฟรงค์ แพ็ททริค หนุ่มลูกครึ่งไทย-สวิส วัย 21 ปี ที่ชีวิตหักเหต้องพลาดจากการเป็นนายแพทย์ มาเป็นหนุ่มเพลย์บอยเจ้าสำอาง ไม่มีอาชีพและที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่ง เงินขาดมือเมื่อไรแฟรงค์ก็อ้อนขอจากแม่ที่สวิตเซอร์แลนด์


พ่อแม่แฟรงค์แยกทางกันตั้งแต่เขาอายุ 5 ขวบ แฟรงค์อาศัยอยู่กับพ่อซึ่งแต่งงานมีครอบครัวใหม่ แม้จะไม่ได้รับความรักและความเอาใจใส่จากพ่อเหมือนน้องชายสองคนที่เกิดกับแม่เลี้ยง แต่แฟรงค์เป็นเด็กฉลาด มีผลการเรียนที่ดีมากโดยไม่ต้องพึ่งการเรียนพิเศษหรือติวเข้มอย่างน้องชาย เมื่อแฟรงค์สอบแพทย์ติด สมาชิกในบ้านเริ่มปฏิบัติต่อเขาดีขึ้น เขากลายเป็นความหวังของพ่อ แต่แล้วเมื่อเขามีเรื่องชกต่อยกับอาจารย์จนถูก Retry ออกจากมหาวิทยาลัย เขารู้ว่าพ่อต้องโกรธและสูญเสียความหวังในตัวเขา แต่ไม่คิดว่าพ่อจะโกรธมากถึงขนาดตัดขาดความเป็นพ่อลูก แฟรงค์รู้ว่าพ่อไม่ได้โกรธที่เขามีเรื่องกับอาจารย์ ไม่ได้โกรธที่เขาไม่มีโอกาสได้เป็นหมอ แต่โกรธที่รู้ความจริงว่าเขามีจิตใจรักชอบผู้ชายด้วยกัน แฟรงค์รู้ว่าพ่อเกลียดชังคนประเภทนี้มาก และรับไม่ได้ที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกชายตัวเอง

…..ลูกชายของฉันต้องเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว ใครนอกลู่นอกทางก็ไม่ควรอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ให้เป็นที่น่าละอาย…

คำพูดของพ่อที่แฟรงค์จำใส่ใจไม่มีวันลืม ขณะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า พ่อยังมายืนที่ประตูพูดประโยคสุดท้ายที่เขาไม่มีวันลืมตลอดชีวิตนี้

...ฉันอยากให้แกลืมไปเลยว่าแกเป็นลูกฉัน พ่อของแกตายไปพร้อมกับลูกชายคนโตของฉันแล้ว…

แฟรงค์จำได้ว่า ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยร้องไห้เสียใจเพราะถูกพ่อดุเลย คืนนั้นเขาร้องไห้อย่างหนักทั้งคืนเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต

แฟรงค์ทราบข่าวพ่อเสียชีวิตเมื่อ 5 ปีที่แล้ว วันนั้นเขาแค่แอบไปยืนเคารพศพอยู่ไกลๆ เท่านั้น ไม่ร้องไห้และเสียน้ำตาให้แม้สักหยดเพราะเขาจำได้ว่าร้องไห้กับการเสียพ่อไปในคืนนั้นแล้ว...



TBC >>>>>

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 23-09-2008 10:52:36
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-09-2008 11:54:05
มาลงชื่อว่าติดตามค่า  :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 23-09-2008 12:34:58
มารอครับผม :oni2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 23-09-2008 12:52:47
มารอด้วยคน
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 23-09-2008 13:11:58
โอม :amen: จงลง จงลง จงลง  :oni3: จงมาลงตอนต่อไป :oni3:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-09-2008 15:55:40
แล้วจะยังงัยต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 23-09-2008 23:40:09
แฟรงค์ อดทนหน่อยนะ อย่าไปจากคริสเลย

ไมเคิลเกิดวันไหนเนี่ย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดตลอดเลย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 24-09-2008 00:09:30
คุณพ่อสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 24-09-2008 09:52:48

Fatherhood part 2… ( 3 ) ต่อ..



แฟรงค์ทักทายชารอนอย่างเป็นกันเอง เธออายุน้อยกว่าคริส 3 ปี  สำหรับผู้หญิงอยู่ในวัยสาวใหญ่แล้ว แต่เธอเหมือนกระดังงาลนไฟ ผมสีบรอนซ์เป็นลอนสลวยแค่ไหล่ ดวงตาสีเดียวกับตาของคริส ริมฝีปากอิ่มได้รูป สวยเซ็กซี่ทุกกระเบียดนิ้ว เธอสวยกว่าในรูปที่เขาเห็นซะอีก

แฟรงค์พูดคุยเรื่องชวนหัวทำให้เธอหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ทุกอิริยาบถของเธออยู่ในสายตาคริสตลอด แต่ทุกอิริยาบถของคริสก็อยู่ในสายตาแฟรงค์ตลอดเช่นกัน แฟรงค์นั่งคุยอยู่ด้วยพักใหญ่ก็ขอตัวออกมาเมื่อได้โอกาส เพราะลูกค้าเริ่มทยอยเข้าร้านมากขึ้น

จนถึงนาทีนี้แฟรงค์ยังไม่อยากเชื่อว่าเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำเป็นเรื่องจริง เขาได้พบและพูดคุยกับหญิงสาวที่เคยเป็นคนรักเก่าของคริส แฟรงค์บอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมจึงอยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน อาจเป็นเพราะท่าทีของคริสขณะอยู่กับชารอน หากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่เชื่อ คริสเสแสร้งความรู้สึกไม่เป็น พูดและกระทำทุกอย่างออกมาจากใจเสมอ สายตาของคริสบอกให้แฟรงค์รู้ว่าคริสชื่นชมชารอนและยังมีความรู้สึกที่ดีต่อเธอไม่เปลี่ยนแปลง

คริสเขียนโน้ตให้เด็กนำมาให้เขาก่อนกลับ

“คืนนี้กลับเร็วหน่อยนะ แฟรงค์ ฉันอยากคุยเรื่องแผนของเรา”


:a11:  :a11:


“แฟรงค์.. ตื่นได้แล้ว กลับบ้านเถอะ ร้านปิดแล้ว แฟรงค์ เฮ้!…”

“อือ~~ กี่โมงแล้ว ” แฟรงค์สะลืมละลือถาม ตั้งใจจะนอนพักเท่านั้นไม่รู้ว่างีบหลับไปตั้งแต่เมื่อไร

“ตีหนึ่งกว่าแล้ว กลับบ้านเถอะแฟรงค์.. เดี๋ยวคริสบ่นอีก”

“อืมม์.. นายกลับก่อนเถอะ ฉันขอนอนต่ออีกหน่อย” แฟรงค์ทำท่าจะล้มตัวลงนอนแต่ถูกเพื่อนฉุดไว้

“จะบ้าหรือแฟรงค์.. ลุกขึ้นกลับไปนอนบ้าน  ขับรถไหวหรือเปล่า ไม่ไหวฉันจะไปส่ง”

“ฉันไม่อยากกลับ จะนอนนี่ นายกลับไปเถอะ ปิดร้านให้เรียบร้อยด้วย”

แฟรงค์สะบัดแขนออกและล้มตัวลงนอนต่อ

“โธ่เอ้ย!.. แฟรงค์.. ฉันสงสารนายจริงๆ”

แซมเป็นเพื่อนแฟรงค์ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยม สนิทสนมและเล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก  เป็นชายชาตรีโดยแท้แต่กลับคบหาแฟรงค์เป็นเพื่อนสนิท  เขาไม่สนว่าแฟรงค์จะมีพฤติกรรมทางเพศอย่างไร  รู้แต่ว่าแฟรงค์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา

“สงสารฉันเรื่องอะไรวะ!!  ฉันไม่ได้นอนกลางถนนซะหน่อย”

“หึ!.. ไม่ได้สงสารเรื่องนอน อย่าเฉไฉน่าแฟรงค์.. นายรู้นี่ว่าฉันสงสารนายเรื่องอะไร”

“เรื่องอะไร!!.. ถ้าพูดไม่ถูกหู  นายโดนเตะ..” แฟรงค์ฉุนเพื่อนที่ทำเป็นรู้มาก เขาไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อยแค่ง่วงนอนเท่านั้น...

แซมหัวเราะก๊าก ก้มลงกระซิบข้างหูเพื่อน

“คริสทำร้ายหัวใจนายหรือ แฟรงค์.. นายกำลังมีอาการเหมือนคนอกหัก รู้ตัวหรือเปล่า…”

แฟรงค์ผุดลุกขึ้นนั่งหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ยกเท้าขึ้นตั้งท่าจะยันเจ้าเพื่อนจอมแสบ แซมรู้ทันรีบจับข้อเท้าไว้

“อ๊ะ!.ๆ อย่า  แฟรงค์.. ฉันยูโยสายดำนะ”

แฟรงค์สะบัดเท้าออกลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งที่โซฟา โกรธเพื่อนที่พูดจาจี้ใจดำเขา

 :o  “สู่รู้มากไปหน่อยแล้วนะ แซม.. ไม่ใช่หน้าที่ของนายจะมาคอยสอดส่องเรื่องของฉัน  นายอยากให้ฉันใส่เกือกให้หรือไง..”

แซมกลืนน้ำลาย  แฟรงค์ไม่เคยด่าใครแรงๆ  ถ้าไม่โกรธมากจริงๆ

“ขอโทษ แฟรงค์.. ฉันแค่เป็นห่วง ไม่อยากกลับ อยากนอนนี่ก็ตามใจ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อน เดี๋ยวจะลงไปบอกให้เด็กๆ กลับกันก่อน”

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะสวยและมีเสน่ห์มากขนาดนี้”

แฟรงค์พึมพำกับตัวเองแต่ก็ดังพอที่จะทำให้แซมชะงักเท้าหันกลับมายืนคุยต่อ

“นายรู้จักเธอหรือแฟรงค์.. โธ่! ถึงจะสวยยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง นายจะห่วงทำไม”

แฟรงค์มองเพื่อนด้วยสายตาเอือมระอา

“ทำไมวะแซม.. คริสนอนกับผู้หญิงไม่ได้เหรอ..  นายคิดว่าพวกเราอึ้บสาวไม่เป็นหรือไง”

แซมยิ้มแห้ง ไม่เถียงแต่ไม่วายออกความเห็นต่อ

“ถึงยังไงคริสก็ไม่ชอบผู้หญิง ถ้าจะมีอะไรด้วยก็แค่เปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้น นายอย่าคิดมากไปเลยน่าแฟรงค์..”

แฟรงค์ก้มหน้าหลบสายตาเจ้าเพื่อนจอมสู่รู้ แว่บแรกที่เห็นเธอพูดคุยและเคลียคลอกับคริสอย่างสนิทสนม เขาสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง และโน้ตที่คริสเขียนถึงเขาก็ทำให้แฟรงค์ยิ่งมั่นใจ

“นายไม่รู้หรอกแซม.. ฉันไม่เคยคิดหรือคาดเดาอะไรผิด โดยเฉพาะเรื่องของคริส แค่มองตาฉันก็รู้ความคิดเขาแล้ว”

“งั้นเหรอ..” แซมพยักหน้าหงึก “ถ้างั้นนายกำลังกังวลเรื่องอะไร อย่าบอกว่าคริสกำลังจะจีบแหม่มสาวคนนี้นะ มันเป็นไปไม่ได้”

“เฮอะ!.. นายไม่รู้จักคริส นายไม่รู้หรอกว่าคริสทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้มาแล้วหลายเรื่อง เพื่อไมเคิลแล้วเขาทำได้ทุกอย่าง อย่าพูดอีกเลย นายกลับไปนอนบ้านเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้ มีเด็กติดรถกลับหลายคนไม่ใช่เหรอ..”

“เดี๋ยวให้เจ้านพขับรถฉันกลับ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนาย นายไม่กลับฉันก็ไม่กลับแต่ควรโทรไปบอกคริสก่อน เขาจะได้ไม่ต้องคอยหรือเป็นห่วง”

“ไม่จำเป็นหรอก ป่านนี้คริสคงหลับแล้วหรืออาจจะยังไม่กลับ บางทีอาจจะพาเธอไปนั่งรถกินลมหวนนึกถึงความหลังกันที่ไหน หรือไม่ก็__”

เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นขัดจังหวะ แฟรงค์ปิดมือถือไม่อยากให้คริสตาม แซมเดินไปรับสายเมื่อเห็นแฟรงค์นั่งนิ่งไม่สนใจ

“ของนาย..” แซมยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยสีหน้าอมยิ้ม “ถึงจะหลับก็ละเมอขึ้นมากดโทรศัพท์ได้นะ”

ในที่สุดแฟรงค์ก็ต้องกลับบ้านเพราะไม่อาจปล่อยให้คริสกระวนกระวายนอนไม่หลับตลอดคืนได้ เรื่องที่คริสจะคุยคงสำคัญมากจริงๆ

“ฉันไม่อยากรอถึงพรุ่งนี้ อยากคุยกับนายคืนนี้เลย มันสำคัญมากนะแฟรงค์.. ถ้าไม่ได้คุยคืนนี้ฉันคงนอนไม่หลับ ฉันรู้ว่านายเหนื่อย เอางี้นะ ! นายรอฉันอยู่ที่นั่นฉันจะไปรับ”

“โอเค! คริส.. ผมจะกลับเดี๋ยวนี้ รออยู่ที่บ้านแหล่ะ อีก 15 นาทีเจอกัน”



:a4: :a4:



“ฉันเห็นกับตาตัวเองแล้วแฟรงค์.. ว่างานของนายเหนื่อยและวุ่นวายขนาดไหน ต่อไปฉันจะไม่เร่งรัดเวลากลับของนายอีก วันไหนเหนื่อยและกลับไม่ไหวขอให้โทรบอกหน่อยก็พอ  ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

คริสพูดด้วยความห่วงใยจากใจจริง เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแฟรงค์ทำงาน ไม่ใช่แค่ยืนต้อนรับหรือพูดคุยกับลูกค้า แฟรงค์ทำเกือบทุกหน้าที่ ถ้าเห็นใครวุ่นวายหรือทำไม่ทันแฟรงค์ก็เข้าไปช่วย แม้กระทั่งเคลียร์และเช็ดโต๊ะด้วยตัวเอง คริสเชื่อแล้วว่าแฟรงค์รักงานนี้จริงๆ แม้จะเหน็ดหนื่อยแต่แฟรงค์ก็สนุกกับงานจนไม่อยากเชื่อว่าหนุ่มสำอางอย่างเขาจะรับผิดชอบและจริงจังกับงานขนาดนี้

ให้ตายเถอะ!.. แฟรงค์ไม่เข้าใจตัวเองเลย เขาไม่รู้สึกยินดีที่ได้ยินคำพูดนี้จากคริส อยากให้คริสบ่นว่าเหมือนเดิมมากกว่า

“มีเรื่องสำคัญอะไรหรือ คริส.. ว่ามาเลยผมพร้อมแล้ว”

คริสหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าแฟรงค์จริงจังมาก

“อาบน้ำให้สบายตัวก่อนนะแฟรงค์ ฉันจะเตรียมน้ำอุ่นให้”

แฟรงค์สาบานได้ว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง คืนนี้คริสอารมณ์ดีและเอาใจเขาผิดปกติ

คริสหยุดชะงักที่หน้าห้องน้ำและหันมาสั่งทีเล่นทีจริง

“ห้ามหลับนะแฟรงค์.. ฉันแบกนายลงอ่างได้สบายๆ ยังไงคืนนี้เราก็ต้องคุยกัน”

แฟรงค์รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ สังหรณ์ใจว่าเรื่องที่คริสอยากคุยคงสำคัญและเป็นเรื่องดีสำหรับคริส แต่ไม่ใช่สำหรับเขาแน่นอน...



:a12:  :a12:



คริสพบชารอนที่ล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ เธอเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองไทยและตั้งใจจะพักผ่อนท่องเที่ยวในเมืองไทยสักระยะหนึ่ง เธอดีใจมากที่ได้พบคริสอย่างไม่คาดฝัน เธอยังจำความหลังเมื่อครั้งยังคบหากันได้ ประโยคแรกที่เธอกล่าวทักคริสคือคำขอโทษ... เธอเสียใจที่ผิดสัญญากับเขา..

คริสใช้เวลาอยู่กับชารอนตลอดบ่ายวันนั้น นั่งฟังเธอเล่าเรื่องราวในอดีตที่ขมขื่น เธอไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตสมรสถึงสองครั้ง มันทำให้เธอเข็ดและไม่คิดที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับใครอีก เธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพไม่สามารถมีลูกได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้เธอไม่มีห่วง คริสเห็นด้วยในเรื่องนี้เพราะเมื่อก่อนเขาก็ไม่มีใครต้องคอยห่วง แต่เดี๋ยวนี้เจ้าหนูไมเคิลเป็นห่วงของเขา เป็นทั้งทุกข์และสุขของเขาด้วย

ขณะพูดคุยกับเธอคริสอดนึกไม่ได้ว่าหากความรักระหว่างเขากับเธอสมหวัง ชีวิตสมรสจะเป็นอย่างไร เขาคงไม่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ รักและชอบผู้ชายด้วยกันแบบวันนี้ ให้ตายเถอะ!.. เขาแว่บถึงแผนของแฟรงค์ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ...

คริสเล่าเรื่องของชารอนให้แฟรงค์ฟัง และถามคำถามสำคัญกับแฟรงค์

“นายคิดว่าชารอนเป็นภรรยาของฉันตามแผนของเราได้มั้ย แฟรงค์..”  



:a5:  :a5:


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 24-09-2008 10:19:07

Fatherhood  part 2..  [4]
 
         

            แฟรงค์ออกจากบ้านแต่เช้ามืด เขาไม่ได้ตื่นเช้าแต่เป็นเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน   คริสชวนเขานอนที่ห้องด้วยไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใด แค่อยากนอนคุยเรื่องสำคัญเท่านั้น กว่าจะเสร็จธุระพูดคุยก็ตี 3 กว่า  คริสหลับไปด้วยความสบายใจแต่แฟรงค์กลับไม่สามารถข่มตาหลับได้ 

“ถ้านายเห็นด้วยว่าเธอเหมาะสม ฉันจะคุยกับเธอพรุ่งนี้ ไม่ต้องห่วงนะ แฟรงค์..  ชารอนไม่มีปัญหากับเราในภายหลังแน่  เธอพอมีฐานะอยู่บ้างและถ้าเธอเข้าใจ  เธอก็คงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้ช่วยเหลือฉัน”

          “คุณจะบอกเธอเรื่องของเราหรือเปล่า”     แฟรงค์เอ่ยถามน้ำเสียงพร่า

          “ไม่จำเป็นหรอก   แค่รู้ว่าฉันเป็นเกย์   เธอก็เดาเหตุการณ์ออกแล้ว”

          แฟรงค์พยักหน้ารับทราบ  ไม่กล้าท้วงติงหรือแสดงความเห็นอะไร  คริสไม่ได้ขอความเห็นเขาแต่กำลังบอกให้เขารับรู้


        แฟรงค์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปไหน  รู้แต่ว่าเขาต้องออกจากบ้านก่อนที่คริสจะตื่นและเข้ามาพูดคุยเรื่องของเธอกับเขาอีก

        ให้ตายเถอะ!.. แฟรงค์ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเลย เขาควรยินดีกับคริส ถ้าชารอนยอมร่วมมือ  เรื่องของไมเคิลจะได้จบลงด้วยดีซะที...

       ….นายทำเหมือนคนกำลังอกหักรู้ตัวหรือเปล่า…

 
คำพูดกระเซ้าของแซมทำให้แฟรงค์รู้สึกละอายใจตัวเอง มันเป็นแค่แผนเท่านั้น  เมื่อเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็จะไปจากคริสเอง  แต่ถ้าเธอไม่ไปหรือคริสไม่ต้องการให้เธอไปล่ะ!!…

        “เป็นไปไม่ได้หรอกแฟรงค์.. นายคิดมากไปแล้ว คิดมากเกินไป…” 

        แฟรงค์พึมพำปลอบใจตัวเอง เขาชะลอรถเข้าข้างทางดับเครื่องและลดกระจกลง กลิ่นอายทะเลและลมเย็นๆ ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น  เขาควรหลับสักงีบก่อนจะตีรถกลับเข้าไปที่ร้านในตอนเย็น


:a12: :a12:
 

        อาหารค่ำวันนี้สมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ายกเว้นแฟรงค์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเพราะตั้งแต่คริสปี้ผับเปิดดำเนินการ แฟรงค์ไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่ร่วมโต๊ะอาหารค่ำ  ยกเว้นวันที่คริสต้องการให้อยู่แฟรงค์จะกลับมาทานด้วย จากนั้นก็กลับไปที่ร้านต่อ

        วันนี้มีแขกสำคัญที่คุณคริสเชิญมาร่วมรับประทานอาหารด้วย  สมาชิกหนุ่มน้อยทั้งสี่นั่งมองตาปริบ   ทุกคนจำใจพูดคุยและทักทายตามมารยาท  ทั้งที่รู้สึกแปลกใจกึ่งไม่พอใจแต่ไม่มีใครกล้าแสดงกิริยาไม่ดี ต่างก้มหน้าทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยทั้งที่รู้สึกตรงกันว่าอาหารค่ำมื้อนี้ฝืดคอสิ้นดี  มีคนเดียวในโต๊ะอาหารที่คุยจ้อเพราะเห็นคนอื่นไม่ค่อยคุยกัน  ไมเคิลพยายามพูดคุยและให้ความเป็นกันเองกับแขก   แต่ต้องอาศัยคริสเป็นล่ามให้เพราะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง


        “คุณคริสกำลังทำอะไรหรือ โอ..”

        บอยเอ่ยถามขณะนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ในห้องของโอ  สี่หนุ่มระดมพลปรึกษาเรื่องสำคัญกันอย่างเคร่งเครียด

        “ไม่รู้ซี เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้  กับคุณแฟรงค์ก็เห็นดีกันอยู่ เมื่อคืนคุณคริสยังนั่งรอคุณแฟรงค์กลับบ้าน”

        โอไม่เข้าใจและไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แม้ว่าทุกวันนี้คุณคริสจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาแล้ว  แต่ทุกคนก็ยังรักและภักดีต่อเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์ไม่เปลี่ยนแปลงและยอมรับว่าคุณแฟรงค์เป็นคนสำคัญของคุณคริส ไม่ได้มีฐานะเป็นแค่เพื่อนเหมือนก่อน  และคุณแฟรงค์ก็ยังปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเดิม เคยดูแลทุกข์สุขยังไงก็ยังงั้น  คุณแฟรงค์เป็นตัวกลางระหว่างพวกเขากับคุณคริส  บางขณะเป็นเหมือนตัวแทน  ทุกคนจึงรักและภักดีต่อคุณแฟรงค์ไม่น้อยกว่าคุณคริส

         ...เหตุการณ์ในคืนนี้ทำให้พวกเขาไม่พอใจและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น  คุณคริสพาแขกผู้หญิงมาแนะนำให้พวกเขารู้จัก  โอคงไม่รู้สึกอะไรถ้าแขกผู้หญิงคนนั้นไม่สวยสง่าและดูดีมากแบบนี้ โอรู้สึกหวงคุณคริสขึ้นมาอย่างแรงทั้งที่ไม่ควรจะรู้สึก  ที่จริงแล้วคุณคริสไม่ได้ชอบผู้หญิง พวกเขาไม่น่าจะต้องรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจ  แต่ท่าทีของคุณคริสที่ปฏิบัติต่อเธอผู้นั้นทำให้โอไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นได้  คุณคริสเทคแคร์เธอเหมือนเธอเป็นคนสำคัญ  เหมือนคุณคริสกำลังมีใจให้เธอ  หรือว่า... คุณคริสกำลังหลงรักเธอ  o12   แล้วคุณแฟรงค์ของพวกเขาล่ะ!!…



:a6: :a6:
 

        “สวัสดีครับ  คริสปี้ผับยินดีรับใช้ ”   เสียงทักปลายสายทำให้แซมดีใจและโล่งอกพร้อมๆ กัน

        “อยู่ไหนน่ะ แฟรงค์.. พวกเราติดต่อนายไม่ได้เลย คริสโทรมาถามหาตั้งแต่บ่ายแล้ว  บอกว่านายออกจากบ้านตั้งแต่เช้า  นี่มัน 2 ทุ่มกว่าแล้วนะ  นายอยู่ไหน.. เป็นอะไรหรือเปล่า แฟรงค์..”

        แซมนิ่งฟังด้วยความตกใจ  แฟรงค์โทรมาบอกว่าเขาอยู่ที่ชะอำ  กระเป๋าเงินและโทรศัพท์หายเพราะจอดรถนอนพัก  โชคดีที่หัวขโมยไม่เอารถของเขาไปด้วย  แต่ยางถูกเจาะแบนทั้ง 4 เส้น  แฟรงค์ฝากแซมดูแลร้านแทน  คืนนี้เขาต้องหาที่พักและจัดการเรื่องรถให้เรียบร้อย  แฟรงค์ให้แซมช่วยจองห้องพักและสั่งเก็บเงินปลายทางให้ด้วย  เนื่องจากเขาไม่มีทั้งเงินและบัตรใดๆ ให้   เจ้าหน้าที่โรงแรมไม่เชื่อว่าแฟรงค์ถูกลักกระเป๋าเงิน อาจเป็นเพราะสภาพของเขาดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไร  แฟรงค์อยู่ในชุดกางเกงแพรเสื้อยืดและสวมรองเท้าแตะอีกต่างหาก  เขารู้สึกสมเพชกับสภาพของตัวเองเช่นกัน  ไม่น่าผลุนผลันออกมาทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนอย่างนี้เลย ต่อให้หล่อและดูดียังไง  ไก่งามเพราะขน  คนงามเพราะแต่งจริงๆ

         แฟรงค์ฝากข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของสี่หนุ่มพร้อมกัน  เพราะไม่แน่ใจว่าใครเปิดเครื่องไว้หรือวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ตรงไหน  อย่างน้อยต้องมีใครสักคนรับข้อความของเขาได้

           “เฮ้!.. หนุ่ม ใครรับข้อความนี้ได้ก่อนฉันมีรางวัลให้ บอกคุณคริสว่าฉันไม่กลับบ้านและฉันก็ไม่ได้อยู่ที่ร้าน มาทำธุระต่างจังหวัดเสร็จธุระเมื่อไรจะกลับ”

                                                              แฟรงค์...
 

        ประตูห้องนอนสี่หนุ่มเปิดออกพร้อมกัน โอ แจ็ค บอยและทิม ถือโทรศัพท์ในมือตั้งใจจะมาบอกกับเพื่อนว่าตัวเองรับข้อความของคุณแฟรงค์ได้ก่อน  ทิมเสียงดังกว่าเพื่อนบอกว่าเขากดก่อนแน่นอนเพราะกำลังถือโทรศัทพ์อยู่ในมือพอดี  โอจึงตัดสินในฐานะพี่ใหญ่ด้วยการเช็คเวลารับของเครื่อง 

        บอยรู้สึกไม่ชอบใจเลย  คุณแฟรงค์ชอบใช้รางวัลมาล่อทุกที ใครๆ ก็อยากได้รางวัลทั้งนั้น ถึงบอยจะทำใจยอมรับเพื่อนๆ ได้แล้วแต่บางครั้งก็อดโมโหไม่ได้  เพราะบอยไม่เคยมีโชคได้รางวัลกับเขาสักครั้ง  รางวัลของคุณแฟรงค์คืออนุญาตให้นอนด้วยหนึ่งคืน 

        โทรศัพท์ของทิมรับข้อความได้ก่อนเพื่อนจริงๆ แต่ทิมขอสละสิทธิ์ไม่รับรางวัล  โอรับข้อความได้เป็นคนที่สองจึงได้รางวัลครั้งนี้ไป  แจ็ค บอยและทิมพูดเป็นเสียงเดียวกันก่อนเดินกลับเข้าห้อง

          “ใครได้รางวัลขึ้นไปบอกคุณคริสด้วย”

        โอยืนอ้าปากหวอ  จะให้เขาขึ้นไปข้างบนทั้งที่คุณคริสอยู่กับแหม่มสาวคนนั้นเหรอ..  เมื่อไรเธอจะกลับซะทีนะ!!  นี่ตั้ง 4 ทุ่มกว่าแล้ว…


 
o12
 

        เสียงรถจอดที่หน้าตึก สมาชิกหนุ่มน้อยนั่งพักผ่อนดูทีวีกันอยู่ลุกพรวดขึ้นพร้อมกันราวกับนัดกันไว้

        แฟรงค์กลับถึงบ้าน 2 ทุ่มของอีกวัน  กว่าจะจัดการเรื่องรถเสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายกว่า เขาไม่ได้แจ้งความเพราะไม่อยากมีเรื่องวุ่นวาย โชคดีแค่ไหนแล้วที่เจอแค่หัวขโมยกระจอก ถ้าเป็นโจรอาชีพมันคงไม่ทิ้งปอร์เช่คันหรูนี้ไว้ และป่านนี้เขาก็คงเป็นศพอยู่ในพงหญ้าหรือป่าข้างทางที่ไหนสักแห่ง

        แค่ก้าวเข้าประตู  แฟรงค์ก็ต้องชะงักกับเสียงเซ็งแซ่ของสี่หนุ่ม

        [[[[[[ คุณแฟรงค์  กลับมาแล้วเหรอ…  คุณแฟรงค์ไปไหนมาฮะ  ทำไมไม่บอกให้พวกเรารู้ว่าคุณอยู่ไหน… คุณแฟรงค์… ]]]]]]

        แฟรงค์จุ๊ยปากให้เหล่าหนุ่มน้อยเงียบเสียง  เบนซ์คันงามของคริสไม่อยู่ในโรงรถ   เดาว่าคริสคงไม่อยู่บ้านแต่ก็เอาแน่ไม่ได้..   

        “อย่าหนวกหูซี  คุณคริสอยู่มั้ย”

        แฟรงค์โล่งอกเมื่อสี่หนุ่มส่ายหน้าพร้อมกัน  แต่แล้วคำบอกเล่าของโอก็ทำเอาแฟรงค์ชาวูบที่หัวใจ

        “คุณคริสพาไมเคิลไปดูคอนเสิร์ต  แต่ไม่ได้ไปกันสองคนนะฮะ  คุณคริสพาเพื่อนแหม่มไปด้วย  เมื่อคืนคุณไม่กลับบ้านคุณคริสพาเธอมาทานอาหารค่ำกับพวกเราด้วยนะฮะคุณแฟรงค์”

        “ใช่ฮะ”   บอยเล่าต่อด้วยสีหน้าและน้ำเสียงส่อแววกังวลใจ 

“คุณคริสแนะนำพวกเราว่าเธอเป็นเพื่อนเก่าและเป็นแขกพิเศษของคุณคริส  แต่ที่เราเห็นมันชอบกลยังไงก็ไม่รู้นะฮะคุณแฟรงค์..”

        โอรีบตอบแทนด้วยอารมณ์ริษยา

        “จะชอบกลยังไง บอย..  นายไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว  เห็นๆ อยู่ว่าเธอกับคุณคริสสนิทสนมกันเหมือนไม่ใช่แค่เพื่อน  และที่สำคัญเมื่อคืนเธอก็นอนค้างที่นี่ด้วยนะฮะคุณแฟรงค์..”

        แฟรงค์ยืนอึ้งกับคำบอกเล่าของโอ  เขาไม่ทันตั้งตัวกับเหตุการณ์ที่ได้ยินได้ฟังในวันนี้  แจ๊คเห็นสีหน้าของคุณแฟรงค์แล้วรีบขยายความคำพูดของโอ

        “คุณคริสให้เธอนอนพักที่ห้องรับรองชั้น 2 ครับ คุณแฟรงค์  คุณเป็นอะไรหรือเปล่า  มีปัญหาไม่เข้าใจกับคุณคริสหรือครับ  พวกเราช่วยคุณได้มั้ย”

        แฟรงค์รู้สึกตัว เขาไม่ควรให้หนุ่มน้อยเหล่านี้เห็นความอ่อนแอในหัวใจของเขา

        “โอเค!.. พอแล้ว ๆ ขอบใจที่ช่วยกันรายงานสถานการณ์  ขอบใจที่เป็นห่วง  ฉันสบายดีไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคริส  พวกนายวางใจเถอะ  แหม่มสาวคนนั้นฉันรู้จัก เธอเป็นเพื่อนเก่าของคริสจริงๆ  มาเที่ยวเมืองไทยบังเอิญเจอคริสก็เท่านั้น ”

        แฟรงค์ผละจากกลุ่มหนุ่มน้อยเดินขึ้นบันได  โอ แจ๊ค บอยและทิมเดินล้อมหน้าล้อมหลังตามขึ้นมาด้วย

        “แต่มันน่าแปลกนะฮะ คุณแฟรงค์..”   โอกล่าวต่อด้วยความเป็นห่วง 

“ผมไม่เคยเห็นคุณคริสสนิทสนมกับใครแบบนี้โดยเฉพาะกับผู้หญิง  คุณคริสไม่นึกถึงความรู้สึกของพวกเราเลย”

        แฟรงค์ชะงักเท้า  รู้สึกฉุนโอที่เอาอารมณ์ของตัวเองมาใส่ให้เขา

        “พอได้แล้วโอ.. จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา คุณคริสจะทำอะไรก็เรื่องของเขา  ถ้าเขาชอบแหม่มสาวคนนั้นจริงๆ  พวกนายก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้  เข้าใจมั้ย..”

        สีหน้าแฟรงค์ขึงขังจนสี่หนุ่มยืนอึ้ง โดยเฉพาะโอหน้าเสียที่ถูกแฟรงค์ตวาดใส่  โอรู้ว่าคุณแฟรงค์ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับพวกเขา  แต่พยายามปิดบังและซ่อนความรู้สึกไว้

        “จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ  ขอบใจพวกนายมากที่เป็นห่วง  ฉันจะไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวจะเข้าไปที่ร้าน”

        “ไปอีกแล้วหรือฮะ”  ทิมมี่เอ่ยประโยคแรกและกล่าวด้วยความเป็นห่วง

        “หยุดอยู่บ้านสักวันเถอะฮะ คุณแฟรงค์.. ผมอยากให้คุณมีเวลาเจอะเจอและพูดคุยกับคุณคริสบ้าง   คุณคริสจะได้จำได้ว่ายังมีคุณอยู่..”

        แฟรงค์อดหัวเราะไม่ได้ทั้งที่ในใจรู้สึกขมขื่น  เขารั้งทิมเข้ามากอดและจูบที่ศีรษะเบาๆ ทิมเป็นหนุ่มน้อยคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ชอบพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน  เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ที่คริสเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ยุ่งเกี่ยวกับหนุ่มน้อยเหล่านี้ เพราะเห็นว่าอยู่ในวัยเดียวกับไมเคิล   ตั้งแต่นั้นมาแฟรงค์ก็ไม่ฝืนใจให้ทิมทำในสิ่งที่ไม่ชอบด้วยเช่นกัน   
        “ขอบใจนะทิมมี่..  ฉันคงหมดความหมายสำหรับคริส  ถ้าต้องเห็นหน้าถึงจะจำได้ก็คงต้องบายกันแล้ว  ฉันต้องไปที่ร้าน ต้องรีบทำงานหาเงิน  ฉันอยากยืนได้ด้วยตัวเองซะที  หากต้องไปจากที่นี่ฉันจะได้ไม่อดตาย”

      [[[[ “คุณแฟรงค์!!..”  ]]]]    สี่หนุ่มประสานเสียงเรียกด้วยความตกใจ

        แฟรงค์หัวเราะ

        “ล้อเล่นน่ะ ทำตื่นเต้นไปได้  ฉันไม่จากไปไหนง่ายๆ หรอก ยกเว้นคุณ คริสของพวกนายออกปากเอง  ไปดูทีวีเถอะ  ฉันขอแช่น้ำอุ่นหน่อย”

        แฟรงค์เดินผละจากมา กำลังจะเปิดประตูห้อง  โอก็วิ่งตามเข้ามาประชิด

        “คุณแฟรงค์ฮะ  ที่พูดมาทั้งหมดพวกเราทำใจยอมรับได้อยู่แล้ว  ห่วงแต่คุณ.. ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น  คุณจะต้องเสียใจมากกว่าพวกเรา  เพราะเวลาเราเสียใจยังมีอกของคุณให้ซบ…  แต่ถ้าคุณเสียใจ  จะซบอกใครฮะ...” 

        โอน้ำตาคลอกับคำพูดของตัวเองก่อนหันหลังวิ่งกลับลงไป





 :m15: :m15:




 
TBC >>>>>



 
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 24-09-2008 10:49:36
 :m15:วุ่นวายไม่จบไม่สิ้น :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-09-2008 11:29:22
ช่วงนี้แฟรงค์โดนมรสุมกระหน่ำเยอะจัง  :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 24-09-2008 11:44:59
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 24-09-2008 12:46:13
คงไม่เลวร้ายมากหรอกนะ
แฟรงกี้ สู้สู้
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 24-09-2008 14:50:03
นั่นสิ ถ้าแฟรงค์เสียใจแล้วจะซบอกใคร

แฟรงค์สู้ สู้นะ

:ped149:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 24-09-2008 15:44:33
ขอให้ผ่านไปด้วยดีครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 24-09-2008 17:21:55
สู้ๆ  :ped149:   สู้ๆ :ped149:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 24-09-2008 20:32:04
น่าจะไม่ง่ายที่จะเคลียร์เรื่องไมเคิลได้

คนแต่งสู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 24-09-2008 21:43:53
 :o :serius2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 25-09-2008 09:40:54
Fatherhood  part 2..  [4]  ต่อ...



แซมเดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของแฟรงค์กับลูกค้าขาประจำของร้าน

   “ขอโทษครับ  มีโทรศัพท์ถึงนายแฟรงค์  คุณคริส..”

   แฟรงค์กำลังหัวเราะด้วยอารมณ์เบิกบานใจ  การได้พูดคุยเฮฮากับแขกทำให้เขาผ่อนคลายและลืมปัญหาส่วนตัวไปชั่วขณะ

   “คริสถามฉันว่ามือถือนายเป็นอะไร ทำไมติดต่อไม่ได้ เขามีเรื่องสำคัญมากจะคุยด้วย ถ้านายไม่ว่างมารับ อีกสักครู่เขาจะมาหา”

   แฟรงค์พยักหน้ารับทราบ

   “ขอบใจแซม..  ฉันจะขึ้นไปรับข้างบน”
   

:a6: :a6:


   “หายไปไหนมา แฟรงค์.. มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ฉันติดต่อนายไม่ได้สองวันแล้วนะ  มือถือเป็นอะไร!..”

คริสเริ่มโวย   เพราะที่ผ่านมาถึงจะไม่ค่อยได้เจอหน้าแต่ก็พูดจาทักทายกันทางโทรศัพท์ทุกวัน เขาพูดคุยกับแฟรงค์ได้ทุกเวลาที่นึกถึงจึงไม่รู้สึกหงุดหงิดเท่าไร  แต่สองวันเต็มๆ แล้ว ตั้งแต่เช้าตรู่ของเมื่อวานจนถึงค่ำของวันนี้ นอกจากจะไม่ได้เห็นหน้าแล้วแม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยิน

   แฟรงค์เล่าเหตุการณ์ที่ถูกคนร้ายขโมยทรัพย์สินและเจาะยางรถ ขณะจอดรถนอนพักอยู่ริมชายหาด  เขาไม่เคยมีเรื่องปิดบังคริส  แต่สองวันนี้เขารู้สึกเหมือนมีเรื่องในใจปิดบังคริสอยู่  จึงไม่อยากพูดจาหลอกลวงถ้าไม่จำเป็น

   “นายถูกทำร้ายหรือเปล่า แฟรงค์..” คริสถามน้ำเสียงร้อนรนและห่วงใย   “บ้าจริง!.. ทำไมไม่บอกฉันสักคำว่านายจะไปทำธุระอะไร ที่ไหน ถ้าต้องออกนอกเมืองนายควรให้จอนนี่ขับรถให้ เวลาพักผ่อนของนายแทบจะไม่มีอยู่แล้ว ขับรถออกต่างจังหวัดคนเดียวได้ยังไง”

   “ผมโอเค คริส..  ผมไม่เป็นไร แค่ของหายเท่านั้น  คุยเรื่องของคุณดีกว่า มีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ  เกี่ยวกับชารอนหรือไมเคิล..”

   แฟรงค์รีบเปลี่ยนเรื่องพูด ไม่อยากให้คริสซักมากความเพราะอาจทำให้เขาต้องพูดปดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
   “ฉันคุยกับชารอนเมื่อค่ำวาน เธอเพิ่งตอบรับฉันเมื่อสักครู่นี้เอง  เธอว่าเธอชอบเจ้าหนูไมค์ของเรา เมื่อคืนฉันเชิญเธอมาทานอาหารค่ำกับเราด้วย  พยายามโทรหานายแต่ติดต่อไม่ได้เลย  ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้น  ฉันเสียใจนะ แฟรงค์..”

   คริสกล่าวขอโทษแฟรงค์ก่อนเล่าเรื่องต่อ

   “ชารอนว่าไหนๆ เธอก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง  ถ้าจะแต่งหลอกๆ อีกสักครั้งก็คงไม่เป็นไร  เธอพร้อมจะจดทะเบียนสมรสกับฉันทุกเมื่อ  นายว่าไงแฟรงค์.. เมื่อไรดี  วันศุกร์นี้เลยดีมั้ย..”

   แฟรงค์ใจหายวาบ
   ….อา!  ให้ตายเถอะ  ทำไมเขาต้องรู้สึกเจ็บด้วย  บอกตัวเองหลายครั้งแล้วว่านี่เป็นเพียงแผน และยังเป็นแผนที่เกิดจากความคิดของเขาเอง เพียงเพราะไม่อยากเสียเงิน 30 ล้าน ให้ผัวเมียคู่นั้น  นึกแล้วก็สมน้ำหน้าตัวเอง  เขาคงไม่รู้สึกแย่อย่างนี้ถ้าผู้หญิงที่คริสจะจดทะเบียนสมรสด้วยไม่ใช่เธอ…

   “แฟรงค์..  ฟังอยู่หรือเปล่า”

   “ผมฟังอยู่..”  แฟรงค์พยายามหาทางชะลอเรื่อง  “คุณคุยกับเจอรี่หรือยัง ทางโน้นว่ายังไงบ้าง”

   “เขาขอคำตอบเรื่องเงินวันจันทร์เช้า  ถ้าไม่ตกลงตามนั้น  พวกเขาสองคนจะยื่นขอต่อศาลเหมือนกัน  ไม่มีเวลาแล้วนะแฟรงค์..  นี่มันวันพุธเข้าไปแล้ว”

   “ทำไมต้องเป็นชารอนด้วย คริส..”  

   “ว่าไงนะ!!..  เราพูดเรื่องนี้กันแล้วนี่  นายมีปัญหาอะไร”

   “เอ่อ.. ผมเปล่า  ผมไม่มีปัญหา  เพียงแต่อยากให้คุณทบทวนดูอีกครั้ง  ถ้าผมหาผู้หญิงคนอื่นวัยขนาดเธอ  สวยและมีบุคลิกงดงามเหมาะสมกับคุณ  โดยที่เราไม่ต้องเสียอะไรเลย  นอกจากเงินค่าจ้างจำนวนไม่ถึง 7 หลัก  คุณคิดยังไง คริส..”

               แฟรงค์พยายามยับยั้งความคิดของคริสอีกครั้ง คริสนิ่งเงียบไป แฟรงค์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะขณะรอฟังคำตอบ  โอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว…

   ((ฟังฉันนะ แพ็ททริค..)) 

   คริสกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  เขาเข้าใจความรู้สึกของแฟรงค์ดี และเหตุผลที่เขากำลังจะพูดต่อไปนี้หวังว่าแฟรงค์จะเข้าใจเช่นกัน

   ((ต่อหน้าศาลหรือคนอื่นๆ ถึงเธอคนนั้นจะแสดงเป็นภรรยาของฉันได้ แต่ฉันไม่สามารถแสดงเป็นสามีของหญิงที่ฉันไม่รู้จัก ฉันไม่ใช่นักแสดง  เรื่องนี้ต้องแนบเนียนและเหมือนจริงมากที่สุด ฉันต้องทำให้ศาลเชื่อและมั่นใจว่า เพื่อไมเคิลแล้วฉันสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้จริงๆ ชารอนช่วยฉันได้ ฉันไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเท่าไรถ้าต้องแสดงเป็นสามีเธอต่อหน้าคนอื่นๆ  อย่างน้อยเราก็รู้จักและคุ้นเคยกันมาก่อน นายเข้าใจใช่มั้ย แฟรงค์..))

   ครั้งนี้แฟรงค์เป็นฝ่ายเงียบ เขาเข้าใจและเห็นจริงตามที่คริสพูดทุกประโยค คริสเสแสร้งหลอกลวงใครไม่เป็น  ถ้าเป็นชารอนคริสแค่สมมติย้อนเวลาไปเมื่อ 18 ปีที่แล้วเท่านั้น แฟรงค์รู้สึกละอายใจที่ปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกของตัวเองขัดขวางแผนที่กำลังไปได้ด้วยดี

   “ขอโทษคริส..  ผมแค่เห็นว่านี่เป็นเพียงแผนการสมรสหลอก ๆ  เพื่อให้คุณได้ไมเคิลมาเป็นบุตรบุญธรรม   ผมไม่เห็นด้วยที่ชารอนมารับบทเป็นภรรยาชั่วคราวของคุณ ผมไม่อยากให้เธอมีประวัติไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่เพิ่มขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม….”

   แฟรงค์พยายามหาเหตุผลมาอธิบายเพื่อเบี่ยงเบนและปิดบังอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง

   “…ถ้าเป็นชารอน  ไหนๆ ก็คุ้นเคยกันมาก่อน  ทำไมไม่ลองใช้ชีวิตคู่จริงๆ สักระยะ บางทีเธอกับคุณอาจจะเข้ากันได้  ชีวิตสมรสครั้งนี้ก็จะไม่ใช่แค่แผนแต่เป็นเรื่องจริง   เพื่อไมเคิล..  ผมเชื่อว่าคุณทำได้ คริส..”

   ปลายสายนิ่งเงียบไปอีกครั้ง แฟรงค์ไม่รู้ว่าคริสกำลังรู้สึกอย่างไรกับคำแนะนำของเขา  แต่สำหรับตัวเขาตอนนี้คือตกใจไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป  และแล้วคำตอบที่ได้รับจากคริสก็ทำให้แฟรงค์แทบล้มทั้งยืน

   “เป็นความคิดที่ดีนี่แฟรงค์..  ฉันจะลองคุยกับชารอนเรื่องนี้  เพื่อไมเคิล.. ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้   กู๊ดไนท์ แฟรงค์..”

   คริสวางสายลงดื้อๆ  น้ำเสียงคริสเรียบเฉยจนแฟรงค์เดาอารมณ์และความรู้สึกไม่ถูก   แฟรงค์หมดแรงล้มตัวลงบนที่นอน  รู้สึกเหมือนอาการบาดเจ็บที่หัวใจเข้าขั้นโคม่าแล้ว   :sad2:


 :a6: :a6:




เดี๋ยวมาต่อตอนบ่ายนะ  เข้าประชุมก่อน  ^_^

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 25-09-2008 10:03:19
 :a6:ทำไมเป็นแบบนี้ :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-09-2008 10:12:04
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-09-2008 13:51:12
โธ่พี่แฟรงค์.....


รอมาอัพต่อหลังประชุมค่า  :t3:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 25-09-2008 15:33:29
เข้ามารอด้วยคนค้าบบ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 25-09-2008 16:44:05
บ่ายจนจะเย็นแล้ว

รอต่อไป

แฟรงค์ คะ ตบปากตัวเองหนึ่งที

พูดมาได้ ทีหลังคิดก่อนดิ พูดไม่คิด

ช้ำใจไหม๊ล่ะ

จำไว้นะแฟรงค์ ชั้นก็ช้ำ ตอนอ่าน

และอยากให้นายมาอยู่ข้างหน้าชั้น(จะเดินไปตบปาก ชิส์)

อินจัดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 25-09-2008 17:06:25
ป้าขวัญรออยู่นะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 25-09-2008 20:09:35
อร๊าายยยย

รอร๊อรอ

 :t3:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 25-09-2008 20:41:13
รออ่านต่อ
 :m1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 25-09-2008 22:40:56
มารอเช่นกันนะขอรับ :t3:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: Plabu ที่ 26-09-2008 01:39:22
เง้อ :o :o
ค้างอ่ะ o12 o12 :serius2:
ไม่จบไม่สิ้นกันซะที :angry2: :angry2: :sad2: :sad2: :sad2:
กำลังลุ้นอยู่พอดี :sad2: :sad2:
 :เตะ1:มีแต่ปัญหาวิ่งเข้าใส่ :o12: :o12: :o12:
น่าสงสารหนูไมเคิลจริงๆ o7 o7
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด o7 o7
คริสด้วย
เฮ้อ... :เฮ้อ:
เมื่อไหร่กันนะที่ความสงบสุขจะมาเยือนครอบครัวบริเจคส์ซะทีน้า :a6: :a6:
 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 26-09-2008 03:10:55
โธ่..แฟรงค์

คริสคงไม่ทำจริงๆหรอกใช่มั๊ย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 26-09-2008 09:14:53
รอตั้งแต่มะวาน

จนวันนี้

ก้อรอต่อไป  งิงิ

 :t4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-09-2008 12:05:49
Fatherhood part 2… ( 5 )  


 

ในที่สุดคริสก็ดำเนินการตามแผน เขาจดทะเบียนสมรสกับชารอนและยื่นขอต่อศาลรับไมเคิลเป็นบุตรบุญธรรม ในขณะที่วัลยาและสามีก็ยื่นเรื่องต่อศาลด้วยเช่นกัน

นอกจากแฟรงค์และจรินทร์แล้ว คริสไม่ต้องการให้ใครรับรู้ถึงแผนการสมรสหลอกครั้งนี้โดยเฉพาะเด็กหนุ่มทั้งสี่คน เขาต้องการให้เรื่องระหว่างเขากับชารอนเป็นเรื่องจริง ทั้งกับคนนอกและสมาชิกทุกคนในบ้าน จึงให้เหตุผลแต่เพียงสั้นๆ ว่าได้ร้องขอไมเคิลเป็นบุตรบุญธรรมต่อศาล จึงอยากให้ไมเคิลมีพร้อมทั้งพ่อและแม่ การตัดสินใจของคริสทำให้เหล่าหนุ่มน้อยซึ่งยังรักและภักดีกับเขาไม่เปลี่ยนแปลงตกใจและเสียใจ โดยเฉพาะโอน้ำตาร่วงผล็อยรีบวิ่งหนีเข้าห้องทันทีที่คริสพูดจบ

สมาชิกหนุ่มน้อยแม้กระทั่งคนรับใช้ทุกคนในคฤหาสน์บริเจคส์แทบไม่อยากเชื่อว่า เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งฐานะพ่อบุญธรรมของไมเคิล คุณคริสของพวกเขาถึงกับยอมเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัวกลับไปรักชอบผู้หญิง ยอมสละโสดแต่งงานกับแหม่มสาวแฟนเก่า แจ๊คและทิมพอทำใจยอมรับชารอนได้บ้าง แต่โอและบอยไม่ยอมรับพยายามเลี่ยงไม่พบหน้าพูดคุยด้วย โอรักคริสมากและบอยก็รักแฟรงค์ ทั้งสองรู้สึกโกรธและเสียใจแทนแฟรงค์ ในขณะที่เจ้าตัวกลับปากแข็งบอกว่าไม่เสียใจ

ตั้งแต่วันที่คริสจดทะเบียนสมรสกับชารอน แฟรงค์เองก็เลี่ยงไม่ยอมพบปะคนทั้งคู่เช่นกัน เขากลับบ้านดึกมากบางครั้งเกือบเช้า เวลาที่คริสตื่นแฟรงค์ก็ยังหลับสนิทอยู่ คริสจะไม่ปลุกแฟรงค์ขณะหลับถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ แต่ยังคงแวะเข้าไปดูและห่มผ้าให้เหมือนเดิม คริสไม่รู้ตัวว่าขณะกำลังยืนจ้องหนุ่มแฟรงค์อยู่นั้น ชารอนซึ่งพักอยู่ห้องรับรองชั้นเดียวกับแฟรงค์แอบมองคริสอยู่ที่ประตูหลายครั้ง

การที่ชารอนเข้ามาเป็นสมาชิกคนใหม่ของบ้านในฐานะมิสบริเจคส์ คนรับใช้ทุกคนรวมถึงเด็กหนุ่มทั้งสี่ ต่างต้องปฏิบัติและให้เกียรติต่อเธอในฐานะนายผู้หญิงของบ้านเช่นกัน ชารอนรับรู้จากคริสแต่เพียงว่าหนุ่มน้อยหลายคนในบ้านหลังนี้ คือเด็กที่เขารับอุปการะและให้ความสุขกับเขาในยามที่เขาต้องการ ส่วนแฟรงค์เป็นทั้งเพื่อนและเลขาส่วนตัวคอยดูแลจัดการเรื่องส่วนตัวให้เขา ทุกเรื่องที่คริสเล่าให้เธอฟังเป็นเรื่องจริงทั้งหมด มีเรื่องเดียวที่เขาไม่ได้บอกเธอคือความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางใจระหว่างเขากับแฟรงค์

จนถึงวันนี้.. กว่าสองสัปดาห์แล้วที่คริสไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิด นั่งพูดคุยหยอกล้อกับแฟรงค์เหมือนก่อน ได้แต่ทักทายกันทางโทรศัพท์เท่านั้น คริสรู้ว่าแฟรงค์พยายามเลี่ยงไม่พบหน้าเขา แฟรงค์ให้เหตุผลว่าในเมื่อคริสไม่ได้บอกเธอเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนก็อย่าให้เธอรับรู้เลยจะดีกว่า…



 :a6:



ตี 4 แล้ว… แฟรงค์กลับถึงคฤหาสน์บริเจคส์อย่างเงียบเชียบที่สุด ตั้งแต่แฟรงค์พยายามเลี่ยงไม่พบปะคริสและชารอนโดยไม่จำเป็น เขาจอดรถไว้ที่ร้านและใช้แท็กซี่เป็นพาหนะส่วนตัวไปทำงานและกลับบ้าน บางครั้งถ้ากลับพร้อมกันแซมจะมาส่ง แต่เขามักจะให้แซมกลับก่อนส่วนตัวเองจะอยู่ดูแลจนร้านปิด

แฟรงค์เดินฝ่าความมืดขึ้นบันไดไปที่ห้องอย่างสบายโดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเพราะคุ้นเคยกับที่ทางในบ้านเป็นอย่างดี เขาแอบสั่งลูว่าอย่าโยกย้ายเฟอร์นิเจอร์หากจำเป็นต้องย้ายจริงๆ ให้บอกเขาด้วย

แฟรงค์ไขประตูเข้าห้องอย่างเย็นใจ เสียงทักเบาๆ ดังขึ้นด้านหลัง

“หวัดดีค่ะ แฟรงค์..”

แฟรงค์สะดุ้งโหยงกุญแจแทบร่วงจากมือ ชารอนยืนกอดอกส่งยิ้มหวานให้เขา เธอสวมชุดนอนบางเบา ขณะอยู่ในความมืดสลัวเขายังเห็นเรือนร่างงดงามของเธอเกือบทุกส่วนสัด

“เอ่อ..หวัดดี ชารอน นี่เพิ่งจะตี 4 เอง คุณตื่นขึ้นมาทำอะไร”

“ฉันรอคุณค่ะ แฟรงค์..”

“รอผม”

แฟรงค์ชักรู้สึกไม่ค่อยดี อุตส่าห์เลี่ยงไม่อยากพบแต่ถ้าลงทุนรอแบบนี้ก็คงหลบไม่พ้น

“เรื่องอะไรหรือชารอน สำคัญมากขนาดที่คุณต้องตื่นกลางดึกมารอคุยกับผมเลยเหรอ”

“ฉันไม่ได้ตื่นกลางดึกค่ะ ฉันยังไม่ได้นอน เพราะไม่รู้เวลากลับที่แน่นอนของคุณกลัวจะคลาดกัน..”

แฟรงค์ตกใจ ไม่อยากเชื่อว่าเธอตั้งใจคอยเขาทั้งคืน ขนาดคริสยังไม่เคยอดนอนเพื่อรอเขาถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือด่วนมากจริงๆ

“เอ่อ.. เรื่องอะไรหรือ ชารอน..”

แฟรงค์ถอยห่างออกจากประตู เมื่อชารอนขยับเข้ามาประชิดและจับลูกบิดประตูไว้

“เข้าไปคุยในห้องเถอะค่ะแฟรงค์.. ตรงนี้ไม่เหมาะที่จะยืนคุยกัน”

ชารอนเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องโดยที่แฟรงค์ยังไม่ได้รับคำ เขายืนนิ่งอยู่กับที่จนเธอโผล่ศีรษะออกมาเรียก

“เข้ามาเถอะค่ะแฟรงค์ ฉันไว้ใจคุณ ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบผู้หญิงเหมือนคริส”

แฟรงค์กลืนน้ำลาย จำใจเดินตามเธอเข้าห้องแต่โดยดี



 :a6:


แฟรงค์ตกใจมากเมื่อเรื่องสำคัญที่ชารอนรอคุยกับเขาคือ ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคริส แฟรงค์รู้สึกไม่สบอารมณ์และไม่พอใจที่ชารอนวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของคริสมากเกินบทบาทและหน้าที่ของภรรยาจำเป็น แฟรงค์ใจหายเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาพูดคุยกับคริสในคืนนั้น จริงซี.. หรือว่าคริสคุยกับเธอตามที่เขาแนะนำแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเธอ เธอควรได้รับรู้ก่อนที่จะลองใช้ชีวิตคู่จริงๆ กับคริส

“ทำไมคุณไม่ถามคริสเอง ชารอน..” แฟรงค์พยายามหาทางเลี่ยงไม่ตอบ เขาไม่รู้ว่าคริสบอกเรื่องนี้กับเธอไว้อย่างไร

“คริสบอกว่าคุณเป็นเพื่อน ถ้าคริสอยากให้รู้ฉันจะได้ฟังเรื่องทั้งหมดโดยไม่มีข้อสงสัย สำหรับเรื่องคุณ.. คริสบอกฉันแค่นั้น ฉันอยากให้คุณอธิบายความหมายของคำว่า “เพื่อน” ระหว่างคุณกับคริสได้มั้ยคะ”

แฟรงค์ถอนหายใจ ทำไมเขาต้องอธิบายด้วย

“ถ้าคุณลำบากใจที่จะอธิบาย ช่วยตอบคำถามฉัน 2 ข้อได้มั้ยคะ”

“คุณมีหน้าที่ดูแลสั่งสอนและอบรมเด็กหนุ่มๆ ในบ้านให้พร้อม ก่อนจะขึ้นไปปรนนิบัติคริสใช่มั้ยคะ”

แฟรงค์หน้าชา ไม่เคยรู้สึกละอายกับหน้าที่นี้มาก่อน แต่ต่อหน้าเธอทำไมเขาจึงอายจนแทบอยากจะลุกหนี เขาจำใจพยักหน้าเพราะไม่อาจปฏิเสธความจริงได้

“คุณเคยขึ้นไปปรนนิบัติคริสด้วยตัวเองมั้ยคะ แฟรงค์..”

แฟรงค์ลุกพรวดขึ้น หมดความอดทนที่จะสะกดอารมณ์ให้ใจเย็นอยู่ต่อไปได้ ...ทำไมเขาต้องตอบคำถามเธอด้วย เขาไม่ใช่จำเลยซะหน่อย...

 o12  “ฟังนะชารอน.. คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของคริสก็ได้ แต่ถ้าคุณอยากรู้เพื่อความสบายใจผมก็จะบอก ผมชอบผู้ชายเหมือนที่คริสชอบ ถ้าเป็นประจุไฟฟ้าผมอยู่ขั้วเดียวกับคริส ไม่มีทางเกิดปฏิกิริยาต่อกันได้ คุณไม่ควรใส่ใจกับเรื่องในอดีต คุณควรให้โอกาสและให้เวลาคริสเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา เพื่อไมเคิล.. ผมมั่นใจว่าคริสเปลี่ยนได้ ไม่เสียหายหรอกชารอน ถ้าคุณจะลองใช้ชีวิตคู่อีกสักครั้งกับ คริส อย่างน้อยคุณกับคริสก็เคยผูกพันและรักกันมาก่อน ผมเชื่อว่าคุณสามารถเปลี่ยนเขาได้…”

ชารอนสวมกอดแฟรงค์และกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณค่ะแฟรงค์.. ฉันจะลองทำตามคำแนะนำของคุณ ”

ก่อนกลับออกไปชารอนกล่าวกระเซ้าแฟรงค์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“รู้อะไรมั้ยคะ แฟรงค์.. คุณพูดถูกเรื่องปฏิกิริยาของขั้วไฟฟ้า แต่ฉันไม่เชื่อที่คุณพูด เพราะคุณและคริสไม่ใช่มนุษย์ไฟฟ้า”



 :a6:



ชารอนตรงขึ้นไปหาคริสที่ห้อง คำพูดของแฟรงค์ทำให้เธอรู้สึกเห็นจริงและอยากลองใช้ชีวิตร่วมกับคริสดู บางทีเธออาจจะเปลี่ยนแปลงเขาได้ อย่างน้อยเธอและเขาก็เคยมีความรักต่อกัน กว่า 3 สัปดาห์แล้วที่เธออยู่ร่วมชายคาเดียวกับ คริสในฐานะภรรยาเพื่อเหตุการณ์จะได้เหมือนจริง มีโทรศัพท์แปลกๆ ถามหาเธอในฐานะมิสบริเจคส์บ่อยครั้ง เมื่อเธอรับสายอีกฝ่ายก็วางหูไป เจอรี่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีที่กำลังดำเนินอยู่ ฝ่ายตรงข้ามอาจกำลังสืบหาข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ในการสู้ความ

ชารอนยืนชั่งใจอยู่หน้าห้องนอนคริส ตั้งแต่คริสให้เธอเข้ามาพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์บริเจคส์จนถึงวันนี้ เธอยอมรับว่าเขาไม่ใช่คริสคนเดิม และเธอรวมถึงผู้หญิงทั่วๆ ไปก็ไม่ใช่รสนิยมในการมีเพศสัมพันธ์ของเขาจริงๆ มีคืนหนึ่งที่เธอขอนอนร่วมเตียงกับเขา แม้จะไม่ชอบแต่คริสก็ไม่ปฏิเสธให้เธอเสียน้ำใจ เขาพูดกับเธออย่างสุภาพ

“ถ้าคุณเป็นคนหลับง่าย สามารถข่มตาหลับได้อย่างสบายในขณะที่ผมส่งเสียงกรนอยู่ข้างๆ ผมก็ยินดี ชารอน..”

คืนนั้นเธอได้นอนเคียงข้างเขา นอนดูเขาหลับสนิทและส่งเสียงกรนเบาๆ ตลอดคืนจริงๆ

เกือบตีห้าแล้ว ฟ้าใกล้สว่างกิจวัตรของวันใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น ชารอนตัดสินใจที่จะลองเริ่มชีวิตสมรสใหม่อีกครั้งกับอดีตคนรัก เธอไม่ได้คาดหวังให้การทดลองครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เพราะเธอไม่ลืมจุดประสงค์ในการจดทะเบียนสมรสกับคริสในครั้งนี้ แต่เธอแค่ลองดูดีกว่าอยู่เฉยไปวันๆ

ชารอนเคาะประตูห้องนอน เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว..



:a6:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-09-2008 12:18:12
ชารอน....แรง!!!!


สงสารแฟรงค์จัง
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 26-09-2008 12:22:07
อร๊ายยย  อย่าแบบนี้ดิ

คริสทำไรสักอย่างดิ  งื้อออ

ไม่น้าแฟรงค์

 :angry2:ชารอน o12
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 26-09-2008 12:51:31
ชารอนแร็งแรง :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 26-09-2008 13:46:47
ชารอน ชีแรงมากกกกกก
อย่าให้มันยุ่งยากกว่านี้อีกเลยนะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 26-09-2008 14:48:02
ชารอนเอาจริงเหรอ :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-09-2008 15:21:25
 o13   มาต่อให้จบตอนที่ 5 เลย  เสาร์ - อาทิตย์ หยุดโพสค่ะ



Fatherhood part 2… ( 5 )  






“ถอดซีคะแฟรงค์  คุณแพ้แล้ว คุณต้องลงไป”

เสียงหวานใสของชารอนบอกให้แฟรงค์ถอดเสื้อผ้าออกและกระโดดลงทะเล คริสนั่งอมยิ้มไม่พูดไม่จา แฟรงค์อดฉุนไม่ได้ที่คริสไม่กระซิบบอกเขาสักคำว่าชารอนเป็นเซียนรัมมี่ เขาแพ้เธอ 3 ตารวด ใครแพ้ต้องกระโดดลงไปลอยคอกลางทะเล ว่ายน้ำตามเรือ 20 นาที โดยมีเชือกผูกเอวไว้

แฟรงค์อิดออดไม่ค่อยอยากลงทะเล ถึงอากาศจะร้อนแต่น้ำก็เย็น ต้องลงไปลอยคออยู่ในน้ำไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลย นึกโมโหตัวเองไม่น่าตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี่ขึ้นมาเลย เป็นเพราะหมั่นไส้เธอที่คุยว่าตัวเองว่ายน้ำเก่งเหมือนเงือก

“จะลงจริงๆ หรือฮะ คุณแฟรงค์” เหล่าหนุ่มน้อยเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังด้วยความเป็นห่วง

“ลงซี.. ฉันไม่ยอมแพ้เธอหรอก เชอะ ! ” แฟรงค์อดหมั่นไส้ไม่ได้ที่เห็นเธอหัวเราะต่อกระซิกกับคริส

แฟรงค์เปลี่ยนชุดเรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะลงทะเล ชารอนกระวีกระวาดเข้ามาคล้องเชือกที่ลำตัวเขา เธอทำอย่างคล่องแคล่วจนเขารู้สึกเหมือนเธอกำลังดีใจที่กำจัดเขาออกจากเรือได้ แม้จะแค่ 20 นาทีก็เถอะ เขาหันไปสบตากับคริสที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ คริสยิ้มให้เขา รอยยิ้มและแววตาอ่อนโยน มันทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมาทันทีทันใด

“โดดซีคะ แฟรงค์ คุณกลัวหรือเปล่า ให้ฉันลงไปเป็นเพื่อนมั้ย”

แฟรงค์ตัดใจกระโดดลงทะเล บอกตัวเองว่าเขาพยายามจะเป็นมิตรและมีความรู้สึกที่ดีกับเธอแล้ว แต่เขาทำไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ

แฟรงค์ว่ายน้ำตามเรือยอร์ชลำหรู โดยมี 4 หนุ่มน้อยและไมเคิลยืนสลอนส่งเสียงเชียร์กันเต็มที่ ทำให้เขามีกำลังใจและลืมความขุ่นใจที่มีต่อชารอน อย่างน้อยเธอก็ทำให้เขาได้มีโอกาสลงมาว่ายน้ำออกกำลังกาย

10 นาทีผ่านไปแฟรงค์เริ่มรู้สึกล้า เขาหยุดว่ายและพยุงตัวไว้ กองเชียร์ทยอยหายเข้าไปทีละคนสองคน บอยตะโกนบอกเขาเป็นคนสุดท้าย

“เดี๋ยวผมมานะคุณแฟรงค์.. ไปดูโลมาฝั่งโน้นก่อน”

แฟรงค์พยักหน้าให้ นึกในใจว่า …ดูโลมาก็ดูเถอะ!! อย่าดูฉลาม ก็แล้วกัน…

15 นาทีผ่านไป แฟรงค์รู้สึกเจ็บที่น่องทั้งสองข้างจนไม่มีแรงตีขา ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะต้องแพ้เธอเพราะอาการตะคริว แฟรงค์กัดฟันอดทน เขาไม่จำเป็นต้องใช้ขาก็ได้ ใช้แค่แขนตีน้ำก็ลอยตัวได้อย่างสบายเพราะมีเชือกคล้องเอวอยู่ อีกแค่ 10 นาทีเขาต้องอดทนได้

“ขี้โกงนี่คะแฟรงค์.. คุณไม่ยอมว่ายเอง ปล่อยให้เรือลากมาได้ยังไง”

แฟรงค์สะดุ้งเมื่อชารอนส่งเสียงโวยขึ้นเหมือนรู้ความคิดของเขา เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นเธอยืนโอบกอดคริสอยู่ รู้สึกเจ็บแปล็บที่หัวใจทุกครั้งที่เห็นเขาและเธอแนบชิดกัน พยายามเตือนตัวเองว่า เพื่อความสุขของคริสเขาควรทำใจยอมรับเธอให้ได้


เขานิ่งเงียบไปจนเธอร้องบอกว่าจะตัดเชือกถ้าเขาไม่ว่ายเอง  แฟรงค์ตาเหลือกละล่ำละลักบอก

“อย่านะ!!.. ชารอน.. ขาผมเป็นตะคริว ผมว่ายไม่ไหว แต่ผมจะอยู่ในน้ำให้ครบ 20 นาที ตามสัญญา”

“ฉันไม่เชื่อคุณหรอกค่ะ แฟรงค์.. คริสบอกว่าคุณกะล่อน คุณเป็นตะคริวประสาอะไรไม่ร้องเจ็บเลย ถ้าฉันไม่ถามคุณก็ยังไม่เป็นใช่มั้ยคะ ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณไม่ว่ายฉันจะปลดเชือกเดี๋ยวนี้”

“อย่านะ!!.. ผมไม่ได้ล้อคุณเล่น ผมเจ็บจริงๆ”

แฟรงค์พยายามขยับขาเผื่อว่าจะพอว่ายได้บ้าง เขานิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าไม่ใช่แค่บริเวณน่องที่เจ็บ เขาขยับขาและเท้าทั้งสองข้างไม่ได้เลย และเธอก็กำลังทำท่าจะปลดเชือก แฟรงค์รู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่น่าล้อเล่นแล้ว เขาร้องเรียกให้คริสช่วย

“ช่วยด้วย!!.. คริส.. ขาผมเป็นตะคริว พาผมขึ้นไปที”

“อย่าเชื่อค่ะคริส.. แฟรงค์เขาหลอกเรา ไม่เชื่อคุณคอยดูนะ ถ้าไม่มีเชือกเดี๋ยวแฟรงค์ก็ว่ายน้ำปร๋อ ” ชารอนปลดเชือกออกโยนลงทะเล

แฟรงค์อ้าปากหวอมองเชือกร่วงลงน้ำ เพียงอึดใจต่อมาเขาก็รู้สึกว่ากำลังแขนแค่สองข้างไม่เพียงพอที่จะทรงตัวแล้ว เขาตกใจแต่ไม่ได้ร้องเรียกให้ใครช่วยเพราะมัวแต่หาทางช่วยตัวเองให้ลอยคอพ้นน้ำ โอ!.. พระเจ้า ตอนนี้เชือกที่คล้องลำตัวเขาอยู่กลับเป็นตัวถ่วงน้ำหนักที่ดี มันกำลังจมลงใต้ทะเลและดึงเขาลงไปด้วย

“คริส!!..” แฟรงค์สำลักน้ำทะเล แขนสองข้างกำลังหมดแรงตามไป

“ช่วยด้วย!!… ผมจะจม”

แฟรงค์เห็นคริสยืนงงเหมือนไม่แน่ใจกับอาการจมน้ำของเขา แฟรงค์หลับตาและกลั้นลมหายใจ ลืมตาขึ้นอีกครั้งในความสลัวของน้ำทะเล สำนึกและกำลังที่ยังพอมีอยู่บอกให้เขารีบปลดเชือกออก

แฟรงค์ทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำเมื่อปลดเชือกออกได้ คริสและชารอนยังยืนอยู่ที่เดิม เธอหัวเราะเมื่อเห็นเขาโผล่ขึ้นมา หูเขาอื้อจนไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไรกับคริส เธอผละเข้าไปเหลือคริสยืนอยู่เพียงคนเดียว

“คริส!!..” แฟรงค์พยายามรวบรวมกำลังแขนพยุงตัวเองไว้

“ช่วยผมด้วย ผมไม่มีแรง~~” แฟรงค์พูดได้แค่นั้นก็สำลักและจมลงไปอีกครั้งเพราะถูกคลื่นซัด

แฟรงค์ทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำเป็นครั้งที่สอง เขาสำลักน้ำทะเลจนรู้สึกกลัวถ้าต้องจมอีกครั้งไม่รู้ว่าจะโผล่ขึ้นมาได้อีกหรือเปล่า แฟรงค์เงยหน้าขึ้นก็เห็นคริสส่ายหน้าและเดินเลี่ยงเข้าไปด้านในอย่างไม่ใยดี คริสคงเห็นด้วยกับชารอนนึกว่าเขาแกล้งกระมัง

“คริส!!… คริส!!.. ช่วยด้วย!! ช่วยผมด้วย.. โอ.. แจ๊ค บอย.. ใครก็ได้ช่วย...” แฟรงค์ร้องไม่ออกเพราะถูกคลื่นซัดน้ำทะเลเข้าปากและลำคอจนสำลักและจมลงอีกเป็นครั้งที่สาม

...โอ! พระเจ้า.. มืดเหลือเกิน ทำไมครั้งนี้เขาลอยขึ้นผิวน้ำไม่ได้ เขากำลังจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว คริส.. คุณไม่มีเยื่อใยกับผมแล้วเหรอ.. ถึงปล่อยให้ผมจมน้ำต่อหน้าต่อตาได้ 8 ปีที่อยู่ร่วมกันมาไม่มีความหมายสำหรับคุณเลย ไม่เป็นไร คริส.. ไม่อยากจำอดีตของเราก็ได้ ขอให้คุณจำวันนี้ไว้ก็พอ วันที่คุณยืนดูผมจากไปอย่างเลือดเย็น…

...พระเจ้า!!.. แฟรงค์ไม่สามารถอดกลั้นได้อีก เขากำลังจะขาดใจ ลาก่อน คริส.. ลาก่อนโอ.. แจ๊ค.. บอย~~



 :jul1:



แฟรงค์ไม่สามารถเอ่ยชื่อหนุ่มน้อยทุกคนได้เพราะไม่เหลือเวลาแล้ว  เขาต้องหายใจ แฟรงค์หลับตาและสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ มันไม่เจ็บปวดอย่างที่คิด เขารู้สึกสบายและหายอึดอัด ลืมความเจ็บปวดที่หัวใจได้รับ รู้สึกตัวเบาหวิวจนสามารถลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้อีกครั้ง แฟรงค์ลืมตาขึ้นก็พบตัวเองซบอยู่กับไหล่ของใครคนหนึ่ง เสียงปลอบประโลมอย่างนุ่มนวลแทรกเข้าโสตประสาทเขา

“ไม่เป็นไรแฟรงค์.. ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่”

แฟรงค์สะอื้นไห้อย่างเด็ก เสียใจที่อีกฝ่ายมาช่วยเขาช้าไป ร่างเขานอนอยู่บนพื้นทรายใต้ทะเล นี่คงเป็นแค่จิตวิญญาณของเขาเท่านั้น แฟรงค์สวมกอดคริสแน่นกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“ผมไม่อยากจากคุณไป ฮือๆๆ ”

“จะจากไปไหนหรือ แฟรงค์.. ลืมตาขึ้นมาคุยกันก่อน..”

แฟรงค์เอาแต่หลับตาสะอื้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้น คริสนั่งจ้องดูแฟรงค์นอนหลับอยู่พักใหญ่แล้ว วันนี้เขามีเรื่องสำคัญมากจริงๆ จำเป็นต้องนั่งเฝ้ารอแฟรงค์ตื่นและคุยกันตัวต่อตัว ไม่อาจคุยทางโทรศัพท์ได้

เขารู้ว่าแฟรงค์ฝันร้าย สีหน้าไม่เป็นสุขและนอนกระสับกระส่ายไปมานานเกือบ 10 นาที ก่อนจะผวาขึ้นมาซบไหล่เขา

“อย่าร้องไห้ แฟรงค์.. ไม่มีอะไร แค่ฝันเท่านั้น นายฝันร้าย ลืมตาขึ้นมาดูซี.. แฟรงค์..”

แฟรงค์ลืมตาขึ้น จิตวิญญาณของเขาไม่น่าจะรับรู้ถึงความอบอุ่นของอ้อมกอดนี้ได้ เสียงกระซิบอ่อนโยนของคริสเรียกเขาตื่นทำให้เขาโล่งใจและดีใจจนบรรยายความรู้สึกไม่ถูก มันคงเหมือนตายแล้วเกิดใหม่กระมัง แฟรงค์ผละออกจากอ้อมกอดและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคือง ชั่วอึดใจก็ขยับเข้าสวมกอดคริสอีกครั้งด้วยความรัก

“ผมอยากเกลียดคุณนัก คุณใจร้าย.. ปล่อยผมจมน้ำตายต่อหน้าต่อตา ฮือๆ ” แฟรงค์ต่อว่าคริสด้วยน้ำเสียงสะอื้นทั้งที่ตื่นจากฝันร้ายแล้ว

คริสใจหายกับคำต่อว่ารีบปลอบเรียกขวัญอย่างอ่อนโยน

“ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไง แฟรงค์.. นายฝันร้าย แค่ฝันเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย ตื่นได้แล้วแฟรงค์ ตื่น…”

ผมเผ้ายุ่งเหยิงและใบหน้านองน้ำตาของหนุ่มแฟรงค์เวลานี้ทำให้เขาไม่ต่างจากเด็กชายที่ตกใจตื่นและร้องไห้เพราะฝันร้าย คริสเห็นแล้วสงสารจับใจ ในความฝันเขาคงทำร้ายความรู้สึกของแฟรงค์มาก ถึงขนาดตื่นแล้วก็ยังไม่หายจากอาการเสียใจ เป็นแบบนี้แค่พูดปลอบคงไม่พอแล้ว...

คริสยิ้มอ่อนโยนให้ และจูบปลอบขวัญชายหนุ่มที่หน้าผาก เปลือกตา แก้มที่เปียกชื้น ก่อนจบลงที่ริมฝีปาก

แฟรงค์รู้สึกร้อนวูบหายจากอาการเสียใจทันทีที่ได้รับสัมผัสนี้ นานมากแล้วที่เขาไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดคริสแบบนี้ ตั้งแต่เธอคนนั้นเข้ามา เธอ!!!...

..โอ! พระเจ้า แฟรงค์ผลักร่างสูงออกด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าของชารอนแว่บเข้ามา..

แฟรงค์ลุกจากเตียงเดินไปมาเรียกสติและขวัญที่หายไปจากอาการฝันร้ายเมื่อครู่ คริสอดหัวเราะไม่ได้กับอาการขวัญหายของแฟรงค์



:jul1:



“ผมโอเคแล้ว คริส.. คุณมีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ..”   แฟรงค์เหนื่อยใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้มีแต่คนรอคุยเรื่องสำคัญกับเขา

“มีอะไรหรือคริส ผมเชื่อว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ไม่งั้นคุณคงไม่มานั่งรอผมตื่น”

“โอเคแล้วจริงเหรอ..” คริสเสยผมและลูบศีรษะแฟรงค์อย่างอ่อนโยน เขาอยากแน่ใจว่าแฟรงค์โอเคแล้วจริงๆ เพราะเรื่องที่จะพูดคุยด้วยอาจไม่ดีกับความรู้สึกของแฟรงค์

แฟรงค์พยักหน้ารู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เขาและคริสได้นั่งพูดคุยใกล้ชิดกันแบบนี้ เขาหลงคิดว่าตัวเองทำใจยอมรับความเหินห่างระหว่างเขากับคริสได้แล้ว แต่เปล่าเลย… เขาอยากหยุดเวลาไว้ ณ นาทีนี้เพื่อที่เขาและคริสจะได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้นานๆ    นึกแล้วสมน้ำหน้าตัวเอง ก่อนหน้านั้นทำไมเขาจึงปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยไม่ใส่ใจกับการได้อยู่เคียงข้างคริสแบบนี้   เขานึกถึงแต่เรื่องตัวเองจนละเลยคริส กว่าจะรู้ใจตัวเองว่าเขาต้องการคริสมากขนาดไหนก็สายไปแล้ว ชารอนกำลังจะทดลองเป็นมิสบริเจคส์จริงๆ ถ้าเธอทำได้ หัวใจของคริสคงไม่มีที่ว่างให้เขาอยู่ ถึงวันนั้นเขาคงต้องจากไปจริงๆ

“คิดอะไรอยู่ แฟรงค์..”

แฟรงค์สะดุ้ง   “เอ่อ.. เปล่า.. ว่าเรื่องของคุณเถอะคริส มีอะไรเหรอ”

คริสเล่าให้แฟรงค์ฟังว่า เรื่องของไมเคิลใกล้จะจบลงด้วยดี โอกาสที่เขาจะได้ไมเคิลเป็นบุตรบุญธรรมมีมากกว่าอีกฝ่าย ศาลมีท่าทีเห็นใจคำให้การของคริส และยังยอมให้เบิกตัวเด็กขึ้นให้การตามที่ทนายจรินทร์ร้องขอ แต่ถ้าเรื่องจบลงด้วยดีก็ยังมีปัญหาที่เขาต้องแก้ไขตามมา คือเรื่องของชารอน

“เจอรี่ว่าฉันไม่สามารถแยกทางกับชารอนทันทีได้ คำชี้ขาดของศาลอาจถูกละไว้กรณีที่เห็นว่าฉันมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากที่ให้การ ศาลอาจมีคำสั่งเพิกถอนคำตัดสินเดิม เจอรี่แนะนำว่าฉันควรใช้ชีวิตสมรสกับชารอนอย่างน้อย 2 - 3 ปี”

แฟรงค์ใจหาย   เขารู้อยู่แล้วว่าคริสไม่สามารถแยกทางกับคู่สมรสในทันทีได้จึงไม่เห็นด้วยแต่แรกที่คริสเลือกชารอน แต่ระยะเวลาที่เจอรี่แนะนำเหมือนจงใจแกล้งเขามากกว่า

“นายมีความเห็นอะไรมั้ย แฟรงค์..”

คริสเอ่ยถามเมื่อแฟรงค์นิ่งเงียบไป เขารู้ว่าแฟรงค์รู้สึกอย่างไรเพราะมันไม่ต่างจากที่เขากำลังรู้สึก

“ไม่.. ไม่มี.. ไม่รู้ซี.. เจอรี่ว่ายังไงก็ยังงั้น” แฟรงค์ไม่อยากออกความเห็น คริสเคยบ่นว่าเขาชอบขัดแย้งกับเจอรี่

เมื่อแฟรงค์ทำเหมือนไม่สนใจ คริสจึงบอกเรื่องสำคัญที่ตั้งใจจะมาคุยด้วย

“ชารอนขึ้นไปหาฉันที่ห้องเมื่อเช้ามืด เธอขึ้นไปขออะไรบางอย่างจากฉัน”

คริสหยุดพูดเพื่อรอดูท่าทีของอีกฝ่าย แฟรงค์มีสีหน้าตื่นเล็กน้อยแต่ยังคงนิ่งฟังอย่างสงบ

“อยากรู้มั้ยว่าเธอขออะไร แฟรงค์..” โดยไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย คริสขยับเข้าไปกระซิบเบาๆ

“เธอขอมีเซ็กซ์กับฉัน”

แฟรงค์ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องใจหายด้วย มันเป็นเรื่องที่เขาน่าจะรับได้อยู่แล้ว อาจเป็นเพราะได้ยินคำพูดนี้จากปากคริสเอง    แฟรงค์แสร้งหัวเราะและเอ่ยคำถามกลบเกลื่อน

“ฮะๆ ไม่อยากเชื่อเลยคริส เธอเอ่ยขอทุกครั้งเวลาต้องการมีเซ็กซ์กับคุณยังงั้นเหรอ”

“ไม่รู้ซี.. ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเอ่ยทุกครั้งหรือเปล่า เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรก”

แฟรงค์มองคริสอย่างไม่เชื่อสายตา

“อย่าบอกนะว่าตั้งแต่เธออยู่ที่นี่ในฐานะมิสบริเจคส์ คุณกับเธอยังไม่ได้---” แฟรงค์พูดไม่จบเพราะคริสพยักหน้ารับก่อน

“เธอเพิ่งขอมีอะไรกับคุณเมื่อเช้านี้เป็นครั้งแรกจริงเหรอ คริส…”

แฟรงค์เริ่มสนใจและใส่ใจอยากรู้เรื่องของคริสมากขึ้น เมื่อคริสพยักหน้าอีกครั้ง แฟรงค์ก็เอ่ยถามต่อไปอย่างร้อนรน

“แล้วไง.. คุณให้ที่เธอขอหรือเปล่า”

หัวใจของแฟรงค์เต้นแรงขณะรอฟังคำตอบ ใจหายอีกครั้งเพราะแค่เห็นสายตาของคริสเขาก็พอจะรู้คำตอบแล้ว แฟรงค์รีบเปลี่ยนคำถามใหม่เพื่อให้ตัวเองรู้สึกเจ็บน้อยลง

“คุณให้ที่เธอขอใช่มั้ย”

คริสพยักหน้าแทนคำตอบ

...ให้ตายเถอะ!.. คำตอบที่ได้รับไม่ได้ทำให้แฟรงค์เจ็บน้อยลงอย่างที่คิด เขานิ่งเงียบไปเพราะหมดอารมณ์ที่จะรับรู้รับฟังอีก...

“ถ้านายเป็นฉัน นายก็ปฏิเสธเธอไม่ได้แฟรงค์..”

คริสหวนนึกถึงคำพูดอ่อนหวานของเธอ

….ไม่รู้ว่าคุณลืมบทรักของเราเมื่อ 18 ปีที่แล้วหรือยัง ถ้าคุณจำไม่ได้แล้ว คิดซะว่าฉันเป็นหนุ่มน้อยของคุณก็ได้นะคะ ที่รัก…  

“แล้วไง.. เธอวิเศษมากเลยใช่มั้ย” น้ำเสียงแฟรงค์แหบพร่า คำถามของเขาไม่ต้องการคำตอบ

“ถ้างั้นเธอก็เริ่มเข้าแผนต่อไปได้แล้วซี เพราะตอนนี้เธอเป็นภรรยาของคุณทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยแล้ว เธอตั้งใจทดลองใช้ชีวิตคู่กับคุณเพราะคิดว่าอาจจะเปลี่ยนคุณได้ แสดงว่าเธอยังมีใจให้คุณอยู่ใช่มั้ย คริส.. ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะตัดสินใจเร็วขนาดนี้..”

คริสนิ่งอึ้งเมื่อแฟรงค์พูดเหมือนรู้การตัดสินใจของเธอ เธอเอ่ยเรื่องนี้จริงๆ หลังจากมีเซ็กซ์กับเขาแล้ว

“นายพูดเหมือนรู้เลยนะแฟรงค์.. เธอมีความคิดเดียวกับนายได้ยังไง”

“ก็ผมเป็นคนบอกคุณเองไม่ใช่เหรอ.. ว่าให้ลองใช้ชีวิตสมรสจริงๆ กับเธอดู ไหนๆ เธอก็เป็นแฟนเก่าของคุณมาก่อน”

“บอกแล้วไง!!.. ฉันไม่ได้เห็นด้วยกับคำแนะนำของนาย ฉันรู้ว่านายพูดด้วยอารมณ์”

แฟรงค์หน้าตื่น ..นี่แสดงว่าคริสยังไม่ได้พูดกับชารอนเรื่องนี้ งั้นก็หมายความว่าเขาเป็นคนแนะทางให้ชารอนเองยังงั้นเหรอ.. ให้ตายเถอะ!!.. แฟรงค์เบือนหน้าหลบสายตาคริสที่จ้องมองอยู่อย่างต้องการคำตอบ

“อย่าบอกนะแฟรงค์.. ว่านายคุยกับเธอเรื่องนี้”

ท่าทางอึกอักของแฟรงค์ทำให้คริสเปลี่ยนคำถามใหม่

“เมื่อไร? นายคุยกับเธอเมื่อไร แฟรงค์..”

แฟรงค์ให้คำตอบน้ำเสียงแผ่วเบา คริสส่ายหน้าทั้งเหนื่อยใจและไม่พอใจ

“ให้ตายเถอะ!.. แฟรงค์.. ไม่อยากเชื่อเลย นายทำอย่างนี้ทำไม รู้มั้ยว่าคำแนะนำของนายทำให้ชารอนขึ้นไปขอมีเซ็กซ์กับฉัน”

แฟรงค์ก้มหน้างุด เสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด

“ก็ผมไม่รู้นี่นา.. ว่าคุณยังไม่ได้คุยกับเธอเรื่องนี้ ผมนึกว่าเธอรู้เรื่องแล้ว นึกว่าเธอกับคุณมีอะไรกันแล้วด้วย ไม่ยังงั้นเธอจะแสดงความเป็นเจ้าของตัวคุณทำไม”

แฟรงค์เล่าเรื่องที่ชารอนมาดักรอพบเขา และคำถามของเธอทำให้เขาต้องหาทางเบี่ยงเบนคำตอบไป คริสต่อว่าเขาว่าหาทางเลี่ยงได้สวยมากทำให้เรื่องของชารอนเริ่มวุ่นวายมากขึ้น น่าจะพูดความจริงไปเลย

“ผมขอโทษ ผมตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าเธอจะมาถามคำถามนี้กับผม คุณจะให้ผมพูดความจริงได้ยังไงคริส.. ผมต้องเลี่ยงไม่ตอบเธอก็เพราะคุณนั่นแหล่ะ คุณจงใจปิดบังเรื่องของเราแต่แรก คุณไม่พูดแล้วจะให้ผมพูดได้ยังไง”

แฟรงค์กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนและน้อยใจ คริสขยับเข้าโอบกอดขอโทษเสียงอ่อน

“ฉันเสียใจแฟรงค์.. ฉันไม่ได้ตั้งใจโทษนาย เรื่องวุ่นวายทั้งหมดเป็นเพราะฉันทำให้มันเกิดขึ้น แต่นายก็รู้ว่ามันจำเป็น ฉันปล่อยไมเคิลไปอยู่กับใครไม่ได้อีกแล้ว นายเข้าใจใช่มั้ยแฟรงค์..”

แฟรงค์พยักหน้า ...ก็เพราะไมเคิลนี่แหล่ะ เขาถึงยอมคริสทุกเรื่อง..


“ตอนนี้นายต้องช่วยฉันคิด ฉันควรจะทำยังไงกับชารอน เธอขอเวลา 3 เดือนทดลองใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ นั่นหมายถึงฉันและเธอต้องเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ด้วย ฉันควรจะทำยังไง แฟรงค์..”

แฟรงค์ลอบถอนใจ ...ทำไมคริสต้องให้เขาแนะนำเรื่องนี้ด้วย เรื่องของไมเคิลทำให้คริสไม่สามารถแยกทางกับชารอนได้แล้ว เขาควรนึกถึงส่วนรวม ไม่ควรนึกถึงใจตัวเอง คริสอาจจะเข้ากับชารอนได้ดี ถึงวันนั้นเขาควรจะยินดีกับคริสที่มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมด้วยภรรยาและลูกชายอยู่เคียงข้าง

แฟรงค์ผละจากคริสลุกขึ้นยืน เขากำลังจะพูดในเรื่องที่ฝืนความรู้สึกตัวเอง จะให้มองหน้าคริสขณะพูดได้ยังไง

“ทำไมต้องคิดมากด้วย เธอว่ายังไงก็ว่าตามนั้น ไหนๆ คุณและเธอก็ต้องอยู่ด้วยกันระยะหนึ่งอยู่แล้ว ถือโอกาสลองดำเนินชีวิตในฐานะสามีภรรยาจริงๆ ไปเลย ถ้าเข้ากันได้ดีไมเคิลก็จะมีความสุขด้วย”

แฟรงค์ทิ้งท้ายด้วยเรื่องไมเคิล เพราะรู้ว่าเจ้าหนูไมค์เป็นแรงบันดาลใจให้ คริสได้ทุกเรื่อง

คริสนั่งนิ่งไม่อยากเชื่อว่าแฟรงค์เห็นด้วย แต่น้ำเสียงและท่าทีจริงจังรวมถึงเหตุผลที่แฟรงค์อ้างถึงไมเคิลทำให้เขารู้สึกคล้อยตาม

“ถ้าฉันตกลง หมายความว่าฉันกับเธอต้องเป็นสามีภรรยากันจริงๆ นะ แฟรงค์..”

ทั้งที่รู้สึกขมขื่นแต่แฟรงค์ก็อดขำคำพูดของคริสไม่ได้

“ทำไมล่ะคริส.. ตอนนี้เธอก็เป็นเมียคุณทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยแล้วไม่ใช่เหรอ.. คุณบอกเองว่าคุณมีเซ็กซ์กับเธอเมื่อตอนเช้ามืด”

คริสไม่สบอารมณ์เมื่อแฟรงค์พูดเหมือนเห็นเป็นเรื่องขำ

“นายไม่เข้าใจคำถามฉันหรือแกล้งไม่เข้าใจ แฟรงค์.. ตราบใดที่ฉันไม่ได้ตกลงรับปากว่าจะเป็นสามีของเธอ ถึงฉันจะมีเซ็กซ์กับเธออีกกี่ครั้ง ฉันก็ไม่รู้สึกว่าเธอเป็นเมีย ฉันไม่ต้องแคร์ความรู้สึกของเธอในฐานะนั้น เพราะการแต่งงานครั้งนี้เธอรู้จุดประสงค์ดีอยู่แล้วว่าทำเพื่อไมเคิล และการที่ฉันไม่ชอบผู้หญิงก็ทำให้เธอไม่เคยเรียกร้องอะไร จนกระทั่งเธอมาฟังคำแนะนำของนาย เธอคิดว่าอาจเปลี่ยนฉันได้เพราะความหลังเก่าๆ ที่เราเคยมีต่อกัน แต่ฉันรู้ดีว่าเธอทำไม่ได้ เธอเปลี่ยนฉันไม่ได้หรอกแฟรงค์.. และฉันก็ไม่อยากให้เธอมาเสียความรู้สึกกับฉันด้วยเรื่องนี้”

แฟรงค์ตกใจกับเหตุผลของคริส  รู้สึกว่าตัวเองประเมินความรู้สึกของคริสผิดไป

“ผมขอโทษที่คำพูดของผมทำให้คุณต้องวุ่นวายและเสียอารมณ์ ผมเพียงแต่เห็นว่าทดลองดูก็ไม่เสียหายอะไร อยู่กันไม่ได้ก็เลิก สามีภรรยาคู่อื่นๆ ก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น”

คริสนิ่งเงียบไปเมื่อแฟรงค์ยังยืนยันความเห็นเดิม เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าแฟรงค์พยายามปิดบังความรู้สึกของตัวเอง หรือจริงๆ แล้วแฟรงค์ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใจอะไรกับปัญหานี้เลย

“นายเข้าใจใช่มั้ยว่าถ้าฉันตอบตกลง นั่นหมายถึงฉันต้องใส่ใจและให้เกียรติเธอในฐานะภรรยา ฉันไม่ควรมีเซ็กซ์กับหญิงหรือชายคนอื่น แม้ว่าเธอจะไม่ห้าม”

คริสเอ่ยย้ำความเข้าใจกับแฟรงค์อีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถ้าแฟรงค์ยังยืนยันความเห็นเดิม เขาจะตกลงตามที่ชารอนขอ

แฟรงค์ยืนหันหลังให้คริส  ทั้งสองจึงไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้ากัน  ทำไมแฟรงค์จะไม่เข้าใจความหมายที่คริสพูด เขาเข้าใจฐานะของตัวเองตั้งแต่วินาทีแรกที่คริสยืนยันว่าจะเลือกชารอนแทนผู้หญิงที่เขาจะจัดหาให้

“ผมเข้าใจคริส ผมรักไมเคิลเหมือนหลานชาย ผมไม่อาจทนเห็นไมเคิลต้องพรากจากคุณไปอีก ถ้าสิ่งที่เราทำวันนี้ทำให้คุณและไมค์ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปในฐานะพ่อและลูก ผมไม่เสียใจเลยคริส ผมอยู่เคียงข้างคุณในฐานะเพื่อน ลูกจ้าง หรืออะไรก็ได้ คุณไม่ต้องลำบากใจเรื่องผม ผมจะไม่ไปจากคุณจนกว่าจะแน่ใจว่าคุณเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"

“ไม่นะแฟรงค์ ไม่!!..” คริสลุกขึ้นเดินเข้ามาสวมกอดแฟรงค์ด้านหลัง

“ฉันต้องการนาย นายต้องอยู่กับฉันในฐานะเดิม นายต้องไม่ทำอะไรและไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่ว่าวันนี้หรือวันข้างหน้า ฉันก็ต้องการนายเหมือนเดิม”

แฟรงค์ลอบถอนใจ หันกลับมาเผชิญหน้าคริส

“เหมือนเดิมยังไงหรือ คริส.. คุณจะให้ผมอยู่ในฐานะอะไร คุณไม่รู้หรอกว่าทุกวันนี้ผมถูกพรรคพวกล้อว่ายังไง”

แฟรงค์แค่นหัวเราะ

“พวกมันว่าผมตกกระป๋องแล้ว จู่ๆ ก็ตกที่นั่งเป็นเมียน้อยคุณเฉยเลย ให้ตายเถอะ!.. คริส ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ใจผมเป็นลูกผู้ชายเต็มร้อย ตราบใดที่คุณมีทะเบียนสมรสกับเธอ คุณคือคนที่มีเจ้าของแล้ว ผมไม่แย่งของใครหรอกคริส.. เป็นผู้ชายด้วยกันยังไม่นึกอยากจะแย่ง นับประสาอะไรกับเธอที่เป็นผู้หญิง พอเถอะ คริส.. เรื่องของเราจบลงแล้ว จากนี้ไปเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน โอเค..”

แฟรงค์กล่าวคำพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงขมขื่น  o7  คำพูดที่ไม่ตรงกับใจก็ทำให้รู้สึกเจ็บแบบนี้

คริสตกใจนึกไม่ถึงว่าแฟรงค์จะเอ่ยตัดสัมพันธ์กับเขาดื้อๆ เขาไม่โกรธกลับรู้สึกเห็นใจและเสียใจ เพราะไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าแฟรงค์ถูกเพื่อนล้อด้วยคำพูดรุนแรงเช่นนั้น เขารั้งศีรษะแฟรงค์ซบไหล่และกระซิบปลอบ

“ฉันเสียใจที่นายต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ อดทนหน่อยได้มั้ย แพ็ททริค.. รอให้เรื่องไมเคิลจบลงก่อนทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิม ฉันตกลงทำตามที่นายแนะนำ แต่ไม่ใช่การทดลองอยู่อย่างที่นายและเธอเข้าใจ ฉันทำตามแผนเพื่อให้ทุกเรื่องเป็นจริงเวลาที่ฉันต้องขึ้นให้การต่อศาล ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไมเคิลมา ฉันรักนายนะแฟรงค์ รักสุดหัวใจเลย.. ใครจะว่าฉันจับปลาสองมือก็ช่าง ฉันไม่ยอมเสียลูกและไม่ยอมเสียคนรักด้วยเหมือนกัน ฉันไม่ได้ยินที่นายพูดเมื่อสักครู่ โอเค..”

แฟรงค์พยักหน้าและสวมกอดคริสไว้ด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากกัน

“โอเค คริส.. คุณไม่ได้ยินก็ถือว่าผมไม่ได้พูด ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปเอง อีกสามเดือนข้างหน้าคนที่คุณรักสุดหัวใจอาจไม่ใช่ผม ถึงวันนั้นค่อยบอกเลิกกันก็ยังไม่สาย”



o7



คริสและชารอนตกลงทดลองใช้ชีวิตคู่อย่างสามีภรรยาจริงๆ  ชารอนย้ายขึ้นไปพักกับคริสบนชั้น 3 ของคฤหาสน์ หนุ่มน้อยทั้งสี่แทบช็อคเมื่อคุณคริสของพวกเขาทำเหมือนกำลังมีใจให้กับแหม่มชารอนแล้วจริงๆ นั่นหมายความว่าคุณแฟรงค์ของพวกเขาตกกระป๋องแล้วยังงั้นเหรอ ทุกคนรู้สึกโกรธและไม่พอใจการกระทำของคริสแต่ไม่มีใครกล้าแสดงกิริยาไม่ดี เมื่อไม่สามารถแสดงออกกับคริสได้ก็มาลงที่ไมเคิล ต่างมึนตึงและไม่ยอมเล่นหัวด้วย โดยเฉพาะโอและบอยคอยพูดจากระแนะกระแหนและค่อนขอดจนเจ้าหนูไมค์ยืนงง  ทิมสงสารก็แอบกระซิบปลอบและบอกเหตุผลให้ฟัง


ไมเคิลไม่สบายใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนในบ้านทุกข์ร้อนใจ   ไมค์รู้สึกผิดต่อทุกคนโดยเฉพาะกับคุณแฟรงค์  ตั้งแต่คุณแฟรงค์ทำธุรกิจของตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลามาสังสรรค์เฮฮากับสมาชิกในบ้านเหมือนก่อน เพราะเวลาเลิกงานดึกและตื่นสาย   และยิ่งตั้งแต่น้าชารอนเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้าน ซ้ำยังอยู่ในฐานะภรรยาของแด๊ด วันๆ ไมค์แทบจะไม่ได้เห็นหน้าคุณแฟรงค์เลย   คุณแฟรงค์กลับบ้านดึกมากขึ้นกว่าเดิมบางคืนเกือบสว่าง กลับมาก็นอนถึงบ่ายและออกไปใหม่ 2 วันแล้วที่ไมค์เข้าไปหาคุณแฟรงค์ที่ห้องตอนเช้าก่อนไปเรียนแต่ไม่พบ เพิ่งรู้จากลูว่าคุณแฟรงค์ไม่ได้กลับมานอนบ้านหนึ่งอาทิตย์แล้ว…




:m15:




TBC >>>




 :a4:  เริ่มบีบหัวใจกันแล้วใช่มั้ย  

 :a4:  เตือนแล้วว่าอ่านนิยายเจ๊หมวย   :a2:  จิตใจต้องเข้มแข็ง

 :a11: อยากอ่านยาวๆ  ช่วยคอมเม้นท์ยาวด้วยซี..  

การคอมเม้นท์เป็นกำลังใจของผู้เขียนนะ   :a1:



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 26-09-2008 15:52:56
"  เตือนแล้วว่าอ่านนิยายเจ๊หมวย     จิตใจต้องเข้มแข็ง" ไม่ไหวแล้วครับเข้มแข็งไม่พอแล้ว สงสารแฟรงค์อ่ะทรมานจิตใจกันเกินไปแล้วครับเจ๊หมวย :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 26-09-2008 15:59:45
เจ๊อ่ะ :o

ใจร้าย

ทำก่ะแฟรงค์งี้ได้ไง

ไมค์ช่วยแฟรงค์ทีสิลูก

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 26-09-2008 17:17:16
ชารอน ชีแรงมากกกกกกกกก


แฟรงค์สู้ๆ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 26-09-2008 17:31:14
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-09-2008 18:07:00
ฮูวววววววววววววววววว

ไม่ไหว อ่านแล้วเครียด

เจ้หมวยอย่าใจร้ายนักเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 26-09-2008 19:32:27
แฟรงค์ต้องรอจริงเหรอ

สงสารแฟรงค์อีกแล้วอ่า

คิดถึงไมเคิล
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 27-09-2008 12:12:10
Fatherhood part 2… ( 6 )  


****************************



“คุณแฟรงค์ครับ มิสบริเจคส์มาขอพบครับ”

แฟรงค์สะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นจากบัญชีรับจ่ายของร้าน มองหน้าเด็กที่มารายงาน พอเห็นว่าเป็นพนักงานใหม่ก็พยักหน้ารับรู้

“หวัดดี ชารอน..”

แฟรงค์ต้อนรับชารอนในห้องรับรองพิเศษ เมื่อเห็นว่าเธอมาคนเดียวก็ไม่อยากนั่งคุยด้านนอกให้เป็นจุดสนใจของพวกสอดรู้สอดเห็น

“หวัดดีค่ะ แฟรงค์.. ไม่กลับบ้านตั้งหลายวัน งานยุ่งเหรอคะ”

ชารอนทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง เธอช่างสวยงามและมีเสน่ห์ทุกอิริยาบถไม่ว่าจะยิ้มแย้ม หัวเราะหรือนิ่งเฉย ดูงดงามไปหมด คริสคงมีความสุขเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอ

“ฉันออกมาช้อปปิ้งค่ะ ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะมาเยี่ยม คุณไม่กลับบ้านหลายวัน คริสบ่นถึงคุณทุกคืนเลยรู้มั้ยคะ”

แฟรงค์รู้สึกวูบในหัวใจเมื่อได้ยินชื่อคริส

“เด็กที่ร้านลากลับต่างจังหวัดพร้อมกันสองคน ผมต้องตื่นแต่เช้าเช็คสต็อกและสั่งของเข้าร้าน ไม่สะดวกที่จะกลับไปนอนบ้าน”

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะทำงานหนักขนาดนี้ได้ คริสบอกว่าเมื่อก่อนคุณไม่ได้ทำงานอะไร คอยดูแลความประพฤติของเด็กๆ ในบ้านและจัดการเรื่องส่วนตัวให้คริสเท่านั้น จู่ๆ คุณก็ลุกขึ้นมาทำงานทั้งที่คุณยังได้เงินจากคริสตามปกติ ทำไมคะแฟรงค์..”

แฟรงค์ตกใจกับคำถามของชารอน พร้อมกับรู้สึกฉุนคริสที่เล่าเรื่องของเขาให้เธอฟัง เขาไม่แน่ใจว่าเธอค่อนขอดหรือชมเชย แต่ที่รู้สึกคือ.. เธอกำลังถามเขาในฐานะที่เธอเป็นคุณนายบริเจคส์ และกำลังเข้ามาช่วยสอดส่องความประพฤติของสมาชิกในบ้านรวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วย

“ผมแค่อยากทำตัวให้มีค่าบ้าง อยากทำงานหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ที่ผ่านมาผมอยู่อย่างสบายจนรู้สึกละอาย คริสอาจไล่ผมออกเมื่อไรก็ได้ ถึงเวลานั้นผมไม่อยากเดินเตะฝุ่นหางานทำ อายเด็กๆ ถามทำไมหรือ ชารอน.. คุณจะลดหรือยกเลิกเงินเดือนผมก็ได้นะ ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้ใช้เงินที่คริสให้อยู่แล้ว ผมกะจะเก็บไว้เป็นก้อนแล้วคืนทีเดียว ”

คำตอบของแฟรงค์จริงจังจนชารอนรีบเอ่ยขอโทษ

“โอ! เปล่านะคะแฟรงค์ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันเสียใจถ้าคำถามของฉันทำให้คุณรู้สึกไม่ดี เอ่อ.. คุณบอกว่าคุณต้องตื่นแต่เช้า คุณนอนที่นี่เหรอคะ..”

แฟรงค์พยักหน้า พยายามฝืนยิ้มให้หล่อนเพื่อแสดงความเป็นมิตร

“รังเกียจมั้ยคะ ถ้าฉันจะขอขึ้นไปดูที่พักของคุณ”

แฟรงค์นิ่งอึ้ง ไม่แน่ใจว่าเขาฟังผิดหรือเธอพูดผิด สีหน้าของเขาทำให้เธอรีบไขข้อข้องใจ

“เอ่อ.. ฉันแค่อยากดูว่าที่ทางที่คุณพักผ่อนสะดวกสบายพอหรือเปล่า คุณไม่ได้กลับไปนอนบ้านหลายคืน คริสเป็นห่วงคุณนะคะ แฟรงค์.. นอนที่ไหนก็ไม่สบายเท่ากับนอนที่บ้าน ฉันก็เลยอาสามาดูสถานที่พักผ่อนของคุณ ขาดเหลืออะไรจะได้จัดหามาให้”

แฟรงค์ยังคงนั่งอึ้ง ไม่เข้าใจว่าชารอนกำลังทำอะไร ทำไมเขาจึงไม่รู้สึกว่าเธอกำลังทำดีกับเขา แต่กลับรู้สึกตรงกันข้าม

“ถ้าคุณไม่สะดวกที่จะให้ขึ้นไปดูก็ไม่เป็นไรค่ะ แฟรงค์.. เมื่อครู่ฉันให้จอนนี่พาไปดูห้องชุดของคริสมา มันสวยงามและสะดวกสบายมากเลย อยู่ห่างจากที่นี่แค่สองช่วงตึกเอง ถ้าคุณไม่กลับไปนอนบ้าน ทำไมไม่ไปพักที่ห้องชุดล่ะคะ แฟรงค์ ปล่อยทิ้งไว้ว่างๆ เสียดายออก ฉันให้เด็กเอาเสื้อผ้าของคุณไปทิ้งไว้สักสองสามชุดดีมั้ยคะ”

แฟรงค์ตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน ให้ตายเถอะ! เขาเข้าใจจุดประสงค์ของเธออย่างถ่องแท้นาทีนี้เอง

“แฟรงค์คะ คุณโกรธเหรอที่ฉันเข้ามาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันแค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระของคริสเท่านั้น ถ้าทำให้คุณโกรธ ฉันขอโทษค่ะแฟรงค์”

ชารอนรีบลากลับเมื่อสีหน้าของแฟรงค์เริ่มไม่สบอารมณ์ และแสดงกิริยาว่าไม่อยากพูดคุยด้วย ก่อนกลับเธอมอบกุญแจห้องชุดให้เขาบอกว่าคริสฝากมาให้

แฟรงค์มองกุญแจในมืออย่างไม่เชื่อสายตา คริสมอบกุญแจห้องให้เธอเพื่อไปดูที่ทางว่าเหมาะที่เขาจะย้ายไปพักหรือเปล่าจริงๆ แฟรงค์รู้สึกคอแห้งทั้งที่พูดคุยกับเธอนับคำได้ เขาตัดสินใจจบความวุ่นวายเรื่องที่พักอาศัยของเขาด้วยคำพูดสองประโยค

“ได้โปรดอย่าให้ใครเข้าไปยุ่งในห้องผม ผมจะเข้าไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ของผมเองพรุ่งนี้”



 o12



คริสรับสายแฟรงค์ขณะคุยอยู่กับลูกค้าในงานเลี้ยง

“หวัดดีแฟรงค์.. งานยุ่งเหรอ ทำไมไม่กลับบ้าน เอ่อ.. เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ ”   คริสจำเป็นต้องเลี่ยงไม่พูดคุยกับแฟรงค์ต่อหน้าลูกค้า ทั้งที่คิดถึงอย่างมาก

“กำลังยุ่งหรือคริส ผมขอถามอะไรหน่อยเดียว คุณให้ชารอนเอากุญแจห้องชุดมาให้ผมหรือเปล่า”

คริสขอตัวจากลูกค้าเดินเลี่ยงออกมา 2-3 ก้าว

“ใช่.. เธอให้นายแล้วใช่มั้ยแฟรงค์ เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน คืนนี้นายกลับบ้านหรือเปล่า ฉันจะอยู่คอย…” คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ปลายสายกลับนิ่งเงียบไปจนเขาต้องถามย้ำ

“ไม่.. ไม่ต้องคอย ผมไม่รู้ว่าจะกลับกี่โมงหรืออาจจะไม่กลับ ไม่จำเป็นต้องคุยก็ได้ผมเข้าใจ แค่นี้ก่อนนะคริส มีลูกค้าเข้าร้าน บาย…”

คริสส่ายหน้าเมื่อแฟรงค์รีบวางสายโดยที่ยังพูดกันไม่รู้เรื่อง เขาตั้งใจจะขายห้องชุดที่ว่าโดยให้แฟรงค์ช่วยจัดการให้ เพราะเห็นว่าแฟรงค์รู้จักคนเยอะและส่วนใหญ่มีฐานะ ข้อเสนอที่เขาจะให้แฟรงค์คือ ส่วนแบ่ง 50% ของราคาขาย เขารู้ว่าแฟรงค์กำลังอยากได้เงินสักก้อนเพื่อปรับปรุงร้าน จึงหาทางที่จะให้แฟรงค์รับเงินก้อนนี้ไว้ด้วยความสบายใจ



:serius2:



“คุณแซมครับ คุณแฟรงค์เป็นอะไรอ่ะ นั่งอยู่ท่านั้นเกือบชั่วโมงแล้ว”

“ท่านั้น” ที่บริกรหนุ่มพูดถึง คือนั่งโยนกุญแจที่ถืออยู่ในมือไปมา

4 ทุ่มกว่าแล้ว กลางสัปดาห์กลางเดือนแบบนี้ ลูกค้าจรไม่ค่อยมี มีลูกค้าประจำอยู่ 2-3 โต๊ะเท่านั้น คืนนี้แซมตั้งใจว่าจะปิดร้านเร็วหน่อย เพราะลูกค้าเข้าร้านน้อยและเจ้าของร้านก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะต้อนรับแขก นั่งอยู่หลังร้านใน “ท่านั้น” อย่างที่เจ้าหนุ่มบริกรว่าตั้งแต่วางสายจากคริสเมื่อตอนหัวค่ำแล้ว

“วันนี้ปิดร้านเร็วสักวันนะแฟรงค์.. กลับไปพักผ่อนเถอะ นายไม่ได้กลับไปนอนบ้านเป็นอาทิตย์แล้ว”

แซมตบไหล่เพื่อนเบาๆ เมื่อเห็นยังนั่งนิ่งอยู่ท่าเดิม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“ฉันแบ่งเบาเรื่องทุกข์ใจของนายได้มั้ย แฟรงค์.. สั่งมาเลยว่าต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันทำให้นายได้ทุกเรื่อง”

แฟรงค์เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้ 

“ได้ทุกเรื่องจริงหรือ แซม..”



:serius2:



“แฟรงค์.. เครื่องเสียงชุดนี้เอาไปด้วยหรือเปล่า”

เงียบ!!! ไม่มีคำตอบ... แซมหันไปเห็นเพื่อนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงจ้องมองรูปถ่ายในมือตาไม่กระพริบ

“อะไรวะ!!.. เก็บไปดูไป เมื่อไรจะเสร็จ”

แฟรงค์รู้สึกตัว วางรูปที่เขาถ่ายคู่กับคริสลงในกล่องและเลือกเก็บของในลิ้นชักชิ้นอื่นๆ ต่อไป แซมส่ายหน้าย้ำถามเพื่อนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“จะย้ายออกไปเลยแน่หรือแฟรงค์.. ฉันว่านายคิดมากไปมั้ง คริสให้นายไปนอนที่คอนโดเฉพาะวันที่นายกลับดึกมาก ไม่ได้หมายความว่าให้นายไปจากนี่หรอก”

แฟรงค์ย้อนถามกลับไป        “เมื่อกี้นายว่าอะไร”

แซมถอนใจ  “จะเอาเครื่องเสียงไปด้วยหรือเปล่า”

แฟรงค์ส่ายหน้า    “ทิ้งไว้นี่ เงินของคริส”

แซมได้คำตอบเดียวกันเมื่อถามถึงเครื่องไฟฟ้าอีก 2-3 ชิ้น

 o12  “อะไรวะ!!.. แล้วนายขอแรงฉันมาช่วยทำไม อะไรก็ไม่เอาไปสักอย่าง”

“เอาเสื้อผ้าในตู้ไปให้หมด” แฟรงค์พูดและเก็บของไปด้วย

“แค่เสื้อผ้า นายต้องขอแรงฉันด้วยเหรอ มันจะมากมายหนักหนาขนาดไหนเชียว”

แซมบ่นอุบขณะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อเปิดออกก็ต้องยืนตะลึงอ้าปากค้าง o2   เพราะเมื่อบานประตูเปิดออกมันไม่ใช่ตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บานอย่างที่เห็นจากภายนอก ตลอดแนวผนังห้องขนาดความยาว 6 เมตร ความกว้าง 2 เมตร คือ ตู้ใส่เสื้อผ้าของแฟรงค์ บานประตูสามารถเลื่อนพับเข้าหากันทั้งซ้ายและขวา เขาไม่อยากเรียกมันว่า “ตู้” เลย มันคือห้องเก็บเสื้อผ้ามากกว่า เสื้อผ้าทั้งหมดเฉพาะที่แขวนอยู่บนราวไม่ต่ำกว่า 200 ชุด ยังไม่รวมที่พับเป็นกองไว้

แซมยืนมองตาปริบๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมแฟรงค์จึงต้องขอแรงให้เขามาช่วย แฟรงค์เคยเป็นนายแบบสมัครเล่นมาก่อน ถึงมาทำงานกับคริสแล้วเขาก็ยังรับงานเดินแบบอยู่ แต่ระยะหลังเขาไม่รับเงินค่าตัวจะขอเป็นชุดที่ถูกใจขณะใส่เดินแบบแทน

“แน่ใจเหรอ แฟรงค์.. ว่าจะเอาไปหมด”

“อือ…”

 :o  “จะเอาไปไว้ไหน แฟรงค์.. ตู้เสื้อผ้าที่นั่นใส่ได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ของที่อยู่ในตู้นี้”

แม็กซ์โวยลั่น เพราะห้องพักที่ร้านไม่ได้กว้างขวางมากนัก มีไว้สำหรับพักผ่อนชั่วคราวเท่านั้น

“เสื้อผ้ามากมายขนาดนี้จะใส่หมดได้ไง โดยเฉพาะชุดหรูๆ พวกนี้ ยังจะมีโอกาสใส่มันอีกเหรอ  o12  นายไม่ใช่คู่ควงเศรษฐีใหญ่ไฮโซเหมือนก่อนแล้วนะ ”

แฟรงค์เงยหน้าขึ้นสีหน้าตกใจและเสียใจ แซมรู้สึกตัวรีบถลาเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าเพื่อน  :m23:

“ขอโทษแฟรงค์.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันปากเสีย ปากไม่ดี ตบปากฉันเลย..”

แซมจับมือแฟรงค์ตบปากและแก้มตัวเอง เขาสองคนเล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก พฤติกรรมของแซมเวลาอยู่กับแฟรงค์ทำให้หลายคนเข้าใจว่า เขาสองคนเป็นคู่ขากัน  แซมไม่ใส่ใจใครจะคิดยังไงก็ช่าง

“Hi! แฟรงค์.. ทำอะไรกันอยู่คะ”

ชารอนยืนยิ้มหวานอยู่หน้าห้อง เธอไม่กล้าเดินเข้ามาเพราะเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังหยอกล้อกัน จึงหยุดทักทายอยู่ตรงประตู

แซมรีบปล่อยมือแฟรงค์และลุกขึ้นยืน มิสบริเจคส์ส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร  เขาเคยเห็นเธอสองครั้งแล้ว แต่ในความสลัวของร้านทำให้แซมไม่ได้ยลโฉมงามของเธออย่างถนัดตาเหมือนวันนี้ มิน่าล่ะ ! เกย์หนุ่มอย่างแฟรงค์ถึงยอมยกธงขาว เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงสวยธรรมดา เธอมีเสน่ห์และงดงามมาก ซ้ำยังเป็นแฟนเก่าของคริสด้วย

แฟรงค์แนะนำแซมให้ชารอนรู้จักในฐานะคู่ขาคนใหม่   แซมสะดุ้งอ้าปากจะท้วงก็ถูกแฟรงค์โอบเข้าไปแนบชิด และแอบหยิกหมับที่เอว

“ผมไม่อยากให้คริสรู้ว่าผมพาแซมมาที่นี่ ผมแค่จะมาเก็บของเท่านั้น เสร็จแล้วก็จะรีบไป”

“เอ่อ.. ค่ะ จะไปอยู่ที่ห้องชุดหรือคะ แฟรงค์..”

แฟรงค์ผละจากแซมล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจส่งให้ชารอน

“ฝากคืนคริสด้วย ผมจะย้ายไปพักที่ร้าน ห้องชุดสุดหรูขนาดนั้นไม่เหมาะที่ผมจะไปอยู่ ผมอาจไม่ได้อยู่คนเดียว” แฟรงค์ชายตาไปที่แซมให้หญิงสาวเข้าใจเอง

“ถ้าจะกรุณา ผมไม่อยากให้คริสรู้เรื่องผมกับแซม..”

“โอ! ฉันเข้าใจค่ะ แต่ว่า…”

ชารอนทักท้วงเรื่องที่แฟรงค์ทำท่าจะย้ายออกไปอย่างถาวร แฟรงค์บอกว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว และฝากเธอดูแลคริสแทนเขา

แซมโวยลั่นเมื่อชารอนออกจากห้องไป

“นายนี่มันกะล่อนสิ้นดี  :o  สร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะ รู้มั้ยว่านายกำลังทำให้ฉันมีปัญหากับคริส  นายต้องรับผิดชอบคำพูดบ้าๆ ของนายนะ แฟรงค์..”

“ได้เลยแซม.. ฉันรับผิดชอบแน่”

แฟรงค์กดล็อกประตูและเดินย่างเข้าหาเพื่อน

“ไม่อยากให้ฉันโกหกหลอกลวงคริสใช่มั้ย.. ถ้างั้นนายกับฉันก็ต้องเป็นคู่ขากันจริงๆ  ตอนนี้เลยมั้ยแซม.. ใช้เวลาไม่นานหรอก…”

แซมอ้าปากหวอเมื่อแฟรงค์ทำท่าจะเอาจริงอย่างพูด สองแขนโอบลำคอเขากระซิบถามเสียงแผ่ว

“ชอบแบบไหน แซม.. อยากอยู่บนหรืออยู่ล่าง ”

แซมทำท่าขนลุกและผลักแฟรงค์เซออกไป  :m29:  เมื่อเห็นแฟรงค์หัวเราะร่วนอย่างขบขัน  ก็ส่ายหน้าและยิ้มดีใจที่เห็นแฟรงค์หัวเราะได้

ทั้งคู่ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเศษเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวลงไปที่รถ แซมยังคงบ่นเรื่องเสื้อผ้าและข้องใจว่าแฟรงค์จะเอาไปเก็บไว้ตรงส่วนไหนของห้องขนาดรังหนูนั่น

“เอาไปกองๆ ไว้ก่อน ฉันจะประมูลขาย หมดนี้คงได้หลายหมื่น เราต้องใช้เงินปรับปรุงร้านอีกเยอะ”

คำตอบที่ได้ทำให้แซมหุบปากเงียบไม่บ่นและซักอะไรอีก

แฟรงค์เขียนจดหมายถึงหนุ่มน้อยทั้งสี่คนหนึ่งฉบับและถึงไมเคิลหนึ่งฉบับ แต่ไม่มีถึงคริส เขาฝากจดหมายให้ลูมอบให้เด็กๆ หลังกลับจากโรงเรียน ลูตกใจมากที่แฟรงค์ตัดสินใจจากไปในสถานการณ์เช่นนี้ แฟรงค์ฝากเด็กหนุ่มสี่คนให้ลูช่วยดูแลตักเตือนความประพฤติด้วย




:o12:




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 27-09-2008 12:29:01
แฟรงค์ อย่าาาาาาาาาาาาาาาาไป อย่าทิ้งคริสไว้กับ นังชารอนเซ่ :o12:


เจ้หมวย มาต่ออีกตอนไอ้ป่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 27-09-2008 12:31:45
สิ้นสุดกันที ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน

ป้าลืมไปจ๊ะ
ว่าแต่สองคนนี้เขาจะแยกกันจริงหรอ แค่มีชีโผล่มาแทรกกลาง
หนักแน่นหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-09-2008 12:45:42
 :m15: บริหารหัวใจ หรือทำร้ายจิตใจก็ไม่รู้ แงๆ  :m15:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ part 2 ] Hurt story
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 27-09-2008 14:10:56
 :laugh:   ทำไมเวลาแก้ไขข้อความแล้ว  ตอนท้ายชอบหายไป  หรือว่าที่โพสไว้ยาวเกินไปก็ไม่รู้ 

ตอนท้ายหายไปมาต่อคืนให้ค่ะ



 :oni1:





คริสตกใจมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมแฟรงค์จึงด่วนตัดสินใจจากเขาไป ทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าจะให้โอกาสเขาทดลองอยู่กับชารอน 3 เดือน นี่เพิ่งผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว แฟรงค์ก็หอบเสื้อผ้าหนีจากเขาไปด้วยเหตุผลที่ฝากชารอนมาบอกว่าจะปรับปรุงร้านใหม่ ไม่มีเวลาไปๆ มาๆ ขอแยกไปอยู่ที่ร้านจะได้มีเวลานอนมากขึ้นกว่าเดิม

คริสรู้ว่านี่คือเหตุผลบังหน้า แฟรงค์จากเขาไปเพราะมีคนอื่น ชารอนแอบกระซิบบอกเขา เธอว่าไม่อาจปิดบังเรื่องที่พบเห็นมา

“แฟรงค์พาเพื่อนชื่อแซมมาเก็บของเมื่อตอนเที่ยงค่ะ คุณรู้จักใช่มั้ยคะ คริส แฟรงค์ขอร้องฉันอย่าบอกคุณว่าเขาพาแซมมา ไม่รู้ว่าทำไมแฟรงค์ต้องปิดบังคุณด้วย เขามีสิทธิที่จะคบหาใครก็ได้ไม่ใช่หรือคะ”

คริสพยักหน้ารับทราบด้วยสีหน้าเฉยทั้งที่ในหัวใจเจ็บแปลบ

ชารอนรับรู้แต่เพียงว่านอกจากเด็กหนุ่มทั้งสี่แล้ว แฟรงค์เป็นชายหนุ่มอีกคนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย แต่เธอไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแฟรงค์ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กซ์ หลายปีที่คบกันมาแฟรงค์มีทุกข์และสุขร่วมกับเขา แค่มองตาก็รู้ใจเขาทุกเรื่อง บางขณะเขาเคยคิดว่าแฟรงค์เป็นเหมือนคู่ชีวิตของเขา

คริสเคยได้ยินแฟรงค์เล่าเรื่องแซมบ่อยครั้ง แซมเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมเพียงคนเดียวที่ยังคบหากับแฟรงค์อยู่ ทั้งสองสนิทกันมากจนหลายคนมองว่าแซมอยู่ในกลุ่มรักร่วมเพศเหมือนแฟรงค์ คริสเคยถามแฟรงค์เรื่องแซม แฟรงค์หัวเราะและยืนยันกับเขาว่าแซมเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน คริสเชื่อที่แฟรงค์พูดและไม่เคยติดใจเรื่องแซม

เรื่องที่ชารอนบอกเล่า ทำให้คริสนึกทบทวนความน่าจะเป็นเรื่องความสัม พันธ์ระหว่างแซมกับแฟรงค์ ตั้งแต่แซมมาเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจร่วมกับแฟรงค์ ทั้งคู่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันทุกวัน ในขณะที่เขาและแฟรงค์กลับเหินห่างและไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่ใกล้กัน ชายแท้ทั้งแท่งอย่างเขายังเปลี่ยนใจมาแล้ว นับประสาอะไรกับเจ้าแซม ถ้าหากแฟรงค์ต้องการ หมอนั่นจะปฏิเสธหนุ่มแฟรงค์เจ้าเสน่ห์ของเขาได้ยังไง ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทก็ยิ่งเห็นอกเห็นใจกันง่ายขึ้น

คริสรู้สึกเจ็บและเสียใจแต่เขาไม่นึกโกรธแฟรงค์  o7  เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายทำให้แฟรงค์เจ็บก่อน เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตสมรสจริงๆ กับชารอนเพื่อไมเคิล เขาทำทั้งที่รู้ว่าแฟรงค์ต้องอยู่ในฐานะลำบากและเสียใจ เพราะฉะนั้นเขาควรให้โอกาสแฟรงค์เลือกคบหาคนอื่นตามที่ใจต้องการบ้าง




:o12:




สิ้นสุดกันที~~~ ไม่ว่าชาตินี้~~ ชาติไหน~~~  :oni1:


ไปอยู่กะแซมดีก่า  :oni1:





 :laugh:  เข้มแข็งนะ ทุกๆ คนต้องเข้มแข็ง 

อย่าโกรธคริสเลย   คริสทำทุกอย่างเพื่อไมเคิล 

แม้ต้องเฉือนหัวใจตัวเองเพื่อให้เด็กคนนี้ได้อยู่กับเขา  คริสก็จะทำ   o7


อ่านนิยายเจ๊หมวยช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง





หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 27-09-2008 14:16:42
นี่แหล่ะน้า เขาเรียกคนสวยจัยดี

เจ๊อุตส่ามาลงให้  อิอิ


แฟรงค์ง่ะ แฟรงค์ง่ะ  น่าสงสาร

คริสบ้า  จะมายุ่งอะไรตอนนี้ห้ะ  ทำไมไม่คุยกันให้รุ้เรื่อง

ชารอนนนน  อะไรของเทอห้ะ 

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 27-09-2008 14:27:48
ชารอน เธอจะยุ่งมากไปแล้วนะ


แฟรงค์ทำได้ถูกใจเราจริงๆ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 27-09-2008 14:46:11
เข้าใจไปคนละทางกันเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-09-2008 14:49:00
ชารอน นั่งแม่มด
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 27-09-2008 20:46:13
ชารอน  ร้ายลึก
แผนกำจัดแฟรงค์ช่างแนบเนียน
ไม่ได้โกหก  แต่พูดเรื่องจริงแค่ครึ่งๆ  ให้คนฟังเข้าใจไปเอง
.
.
น่ากลัวมาก

จะมีใครไหวตัวทันมั้ยเนี่ย

 :L1:ขอบคุณ j-muay  ครับ


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: G_wa ที่ 28-09-2008 00:17:25
เพิ่งเห็นว่าคุณj-muay  นำเรื่องนี้มาลงที่นี่ด้วย อยากบอกว่าติดตามอ่านทุกเรื่องแต่ไม่เคยได้เมนต์ที่บอร์ดนู้นเลย เรื่องนี้เพิ่งอ่านจบไม่กี่วัน แต่ก็ทำเอาเศร้าแล้วเครียดไปด้วย(แอบน้ำตาซึมเล็กน้อยถึงปานกลาง) ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆ แบบนี้นะคะ ชอบผลงานทุกเรื่องเลยค่ะ จะติดตามต่อไปค่ะ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD part 2
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 29-09-2008 10:53:10

Fatherhood part 2  [6] ต่อ




ห้องนอนของโอ…

:m15:  “ฮือๆ ฮือๆ..”

บอยนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นบนเตียง ในขณะที่อีกสามหนุ่มนั่งหน้าเศร้านิ่งเงียบกันอยู่คนละมุมห้อง

โอเดินเข้ามาทรุดตัวลงข้างๆ และกล่าวปลอบ

“พอแล้วบอย หยุดร้องได้แล้ว คุณแฟรงค์แค่ย้ายไปอยู่ที่ร้านเท่านั้น ไม่ได้จากพวกเราไปไหนซะหน่อย คิดถึงก็ไปเยี่ยมได้”

“ไปเยี่ยมตอนไหน คุณแฟรงค์ไม่ยอมให้พวกเราไปที่ร้านหลัง 6 โมงเย็น ทุกวันนี้พวกเราก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้าคุณแฟรงค์อยู่แล้ว ฉันเกลียดยัยแหม่มนั่น คุณแฟรงค์ต้องไปจากพวกเราก็เพราะเธอ คุณคริสก็ด้วย ใจร้ายที่สุดเลย ฉันเกลียดคุณคริส”

“ไม่เอานะบอย อย่าต่อว่าคุณคริส” โอกล่าวห้าม

“ทำไม!! นายรักคุณคริสมากก็เชิญเข้าข้างไปคนเดียวเถอะ  คุณคริสไม่ได้สนใจทุกข์สุขของพวกเราแล้วนายก็รู้ มีแต่คุณแฟรงค์คนเดียวที่ยังเป็นห่วงพวกเรา คุณคริสสนใจและห่วงแต่ไมเคิลคนเดียวเท่านั้น ถึงกับยอมแต่งงานกับแหม่มชารอน ฉันเกลียดไมเคิล เพราะเจ้าหมอนี่คนเดียวทำให้พวกเราต้องตกอยู่ในสภาพทุกข์ใจกันแบบนี้ ฉันเกลียดไมเคิล!!.. ฉันเกลียดยัยแหม่มนั่น..”

“หยุดนะบอย!!.. นายบ้าไปแล้ว!! ” โอตวาดใส่บอยด้วยความโกรธ   แจ๊คและทิมเข้ามาล้อมวงบอยที่อยู่ในอาการเสียใจจนต่อว่าคนโน้นคนนี้ไปทั่ว

“ใช่.. สงบสติอารมณ์ซะบ้าง ต่อว่าคุณคริสอย่างนี้ไม่ถูกนะ”    แจ๊คกล่าวห้ามเสียงเรียบ ทั้งที่ไม่พอใจบอยอย่างมากที่พาลต่อว่าคุณคริสและไมเคิล

“ฮือๆ ~~  ก็ฉันคิดถึงคุณแฟรงค์นี่นา ฉันอยากจะไปหา เราไปหาคุณแฟรงค์กันตอนนี้เลยได้มั้ย โอ..”

บอยเขย่าแขนโอซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม น้ำตานองหน้าจนทุกคนอดสงสารไม่ได้

“ฉันก็อยากไป แต่ตอนนี้มันดึกแล้ว ไว้พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเราค่อยไปกัน”

“ถ้างั้นก็ไปกันแต่เช้าเลยไม่ต้องเรียนหรอก” บอยต่อรองด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“ไม่ได้หรอก คุณแฟรงค์เห็นเราแต่เช้าก็รู้ว่าหนีเรียนมา นายอยากให้คุณแฟรงค์ดุหรือไง และถึงจะไปแต่เช้าคุณแฟรงค์ก็ยังไม่ตื่นหรอก ”

เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่แฟรงค์กำชับหนุ่มน้อยทุกคนไว้ เวลาว่างจะเฮฮาสังสรรค์กับเพื่อนยังไงไม่ว่าแต่เวลาเรียนต้องตั้งใจและห้ามโดดเรียนเด็ดขาด

บอยคอตกยอมฟังเหตุผลของโอแต่โดยดี เพราะไม่อยากให้คุณแฟรงค์ผิดหวังในตัวพวกเขา

ทั้งหมดนัดเจอกันเที่ยงตรงของวันพรุ่งนี้ที่มหาวิทยาลัยของโอ และพร้อมใจกันโดดเรียนครึ่งวันเพื่อไปพบแฟรงค์ที่คริสปี้ผับ แจ๊คและทิมแยกย้ายกันกลับห้องในขณะที่บอยขอนอนกับโอที่ห้องด้วย เพราะนอนคนเดียวแล้วอดคิดถึงคุณแฟรงค์ไม่ได้



 :o12:



3 ทุ่มกว่าแล้ว...

ไมเคิลผุดลุกผุดนั่งอยู่บนเตียง ...ทำไมแด๊ดยังไม่ลงมาอีกหรือว่ามัวแต่… เฮ้อ!..

ไมค์ถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม ไม่สบายใจเลยที่คุณแฟรงค์และแด๊ดต้องแยกทางกันแบบนี้ จดหมายที่คุณแฟรงค์เขียนถึงทำให้ไมค์เพิ่งรู้ซึ้งถึงความรักที่คุณแฟรงค์มีต่อตัวเเอง

“....รู้อะไรมั้ย ไมเคิล.. ฉันไม่เคยนึกรักเด็กผู้ชายคนไหนอย่างลูกหลานมาก่อน เธอเป็นคนแรกและคนเดียวในชีวิตฉันเลย ยินดีด้วยไอ้หนู.. เธอกำลังจะได้เป็นไมเคิล บริเจคส์ เร็วๆ นี้ สภาพแวดล้อมต้องไม่เป็นอุปสรรคที่จะทำให้เธอเติบโตเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวได้ บทเรียนที่หนึ่งคือ เลิกขี้แงซะที จำไว้นะไมเคิล..ลูกผู้ชาย ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา…”  

ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ไมค์ลุกขึ้นและวิ่งถลาไปสวมกอดร่างสูงใหญ่ที่กำลังก้าวเข้ามา

“แด๊ด.. ทำไมเพิ่งลงมา ผมรอตั้งนานแล้ว”

คริสตกใจกับอาการร้อนรนของไมเคิล รีบปลอบถาม

“เป็นอะไร ไมเคิล.. ไม่สบายเหรอ..”

ไมเคิลสั่นศีรษะและยื่นจดหมายของแฟรงค์ให้คริส ละล่ำละลักบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่สบายใจ

“ลูบอกว่าคุณแฟรงค์เก็บของไปอยู่ที่ร้านแล้ว คุณแฟรงค์เอาเสื้อผ้าไปอย่างเดียวแต่เอาไปหมดตู้เลยครับ  แปลว่าคุณแฟรงค์จะไม่กลับมานอนที่นี่อีกแล้ว  คุณแฟรงค์จะไม่อยู่กับเราแล้วหรือครับ แด๊ด..”

คริสรู้สึกเจ็บช้ำเมื่ออ่านจดหมายที่แฟรงค์เขียนถึงไมเคิล แฟรงค์เขียนจดหมายฝากถึงทุกคนแต่กับเขาแฟรงค์ไม่มีคำล่ำลาให้ คริสสวมกอดและจูบศีรษะหนุ่มน้อย เขารู้ว่าไมเคิลขวัญเสีย คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ

“คุณแฟรงค์ไม่ได้จากไปไหน ไมเคิล.. เขาแค่ไปนอนที่ร้านเพราะต้องปรับปรุงร้านใหม่ เขายังอยู่กับพวกเราทุกคน”

“แล้วทำไมต้องขนเสื้อผ้าไปหมดด้วยล่ะครับ”

ไมเคิลเอ่ยถามด้วยความข้องใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคริสแล้ว ก็รู้สึกว่าคำถามของตัวเองคงทำให้แด๊ดลำบากใจเพราะหาคำตอบให้ไม่ได้

“หรือว่าคุณแฟรงค์จะจัดแสดงแฟชั่นโชว์ที่ร้านครับ แด๊ด..”

คริสอดยิ้มไม่ได้ ไมเคิลรู้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร จึงคิดหาทางปลอบตัวเองพร้อมกับปลอบเขาไปด้วย

“คงงั้นมั้ง”

ตั้งแต่ชารอนเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านในฐานะภรรยาของคริส ไมเคิลไม่ค่อยได้ขึ้นไปหาคริสที่ห้อง คริสต้องเป็นฝ่ายลงมาหาและนั่งพูดคุยเล่นหัวกับลูก หนึ่งสัปดาห์เต็มแล้วที่ชารอนย้ายขึ้นไปนอนกับเขา ทุกคืนเขาจะหายลงมานานกว่า 2-3 ชั่วโมง กลับขึ้นไปเธอก็หลับแล้ว   แต่คืนนี้เธอกำชับว่าถ้าเลยหนึ่งชั่วโมงเธอจะลงมาตาม เธอรู้ว่าคริสพยายามเลี่ยงไม่อยู่ใกล้ชิดกับเธอฉันท์สามีภรรยา แต่คืนนี้เธอยืนยันว่ายังไงเขาก็หนีเธอไม่พ้นแน่นอน มันทำให้เขาไม่ค่อยอยากกลับขึ้นไปเลย อยากนอนกอดไมเคิลมากกว่านอนกอดเธอ

คริสก้มลงจูบราตรีสวัสดิ์หนุ่มน้อยและห่มผ้าให้

“กู๊ดไนท์ ลูก.. หลับฝันดีนะ”

“ไนท์ แด๊ด..”

คริสดับไฟที่หัวเตียง ลอบถอนใจเมื่อนึกว่าถึงเวลาที่เขาต้องกลับขึ้นไปทำหน้าที่สามีแล้ว วันนี้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ

ร่างสูงชะงักเท้าที่ประตูเมื่อแสงไฟที่หัวเตียงสว่างขึ้นพร้อมกับคำถามที่ทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง

“นอนกับผมก็ได้นะครับ แด๊ด.. ถ้าไม่อยากกลับขึ้นไปนอนกับเธอ”

คริสอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนหัวเราะและเดินกลับมาที่เตียงทรุดตัวลงนั่งข้างเจ้าหนูแสนรู้

“ใครบอกว่าแด๊ดไม่อยากนอนกับเธอ หือ..”

“แด๊ดดี้มีความสุขเวลาอยู่กับน้าชารอนมั้ยครับ”

นอกจากจะไม่ตอบที่คริสถามแล้ว ไมเคิลยังมีคำถามใหม่ที่ทำให้คริสต้องอึ้งไปอีกครั้ง และยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยตอบหนุ่มน้อยก็ระบายความในใจออกมา

“ผมขอโทษครับ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเด็ก แต่ผมก็โตพอที่จะรู้ว่าเรื่องความรักมันฝืนใจกันไม่ได้ แด๊ดไม่อยากอยู่ใกล้น้าชารอน คอยเลี่ยงเธอไม่เหมือนเวลาอยู่กับคุณแฟรงค์   เรื่องของผมทำให้แด๊ดกับคุณแฟรงค์ไม่มีความสุข แด๊ดต้องทนฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบไม่รัก เราสัญญาเป็นพ่อลูกกันแล้วไม่ใช่หรือครับแด๊ด.. ถ้าผมต้องไปอยู่กับใครที่ไหนผมก็ยังเป็นลูกแด๊ดเหมือนเดิม ผมยอมจากไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ถ้าทำให้…”

คริสเอามือปิดปากเจ้าหนูไว้ ไม่อาจทนฟังเรื่องที่หนุ่มน้อยจะพูดต่อไปได้

“ไม่นะ ไมเคิล... อย่าพูดแบบนี้อีก ลูกต้องอยู่ที่นี่ไม่ใช่ที่ไหนก็ได้ แด๊ดไม่มีวันปล่อยให้ลูกจากไปอยู่กับใครอีก ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยความสุขตลอดชีวิตของแด๊ดเอง”

คริสปล่อยมือออกแล้วย้อนถามเจ้าหนูบ้าง

“ลูกไม่ชอบน้าชารอนหรือ ไมเคิล..”

ไมเคิลส่ายหน้า    “เปล่าครับ ผมชอบเธอ เธอสวยและใจดีด้วย”

คริสยิ้มพอใจ

“ลูกชอบแด๊ดก็ชอบด้วย ไม่ต้องห่วงความรู้สึกของแด๊ดหรอกไมเคิล.. น้าชารอนเป็นผู้หญิงที่แด๊ดเคยรักมาก มันไม่ยากที่จะกลับไปมีความรักกับเธออีกครั้ง ลูกไม่ต้องห่วงเรื่องนี้แทนแด๊ดหรอกนะไมเคิล แด๊ดจัดการได้ หน้าที่ของลูกตอนนี้คือเตรียมตัวให้พร้อม ลูกต้องไปขึ้นศาลวันจันทร์ พรุ่งนี้เจอรี่จะมาซักซ้อมกับลูกว่าต้องตอบและพูดกับศาลยังไง โอเค..”

ไมเคิลพยักหน้ารับทราบ คริสจูบราตรีสวัสดิ์หนุ่มน้อยอีกครั้ง และกำชับให้หลับตานอนห้ามมีปัญหาข้องใจ



:a12:



คริสสะดุ้งเมื่อพบชารอนยืนคอยเขาอยู่หน้าห้องนอนไมเคิล  เธอยิ้มหวานให้และเอ่ยกระเซ้าเบาๆ

“เลยหนึ่งชั่วโมงมา 10 นาทีแล้ว คุณต้องถูกฉันปรับนะคะ คริส..”

คริสลอบถอนใจขณะเดินจูงมือเธอกลับขึ้นห้อง

…. แค่หนึ่งครั้งเขายังไม่รู้ว่าจะผ่านพ้นไปด้วยดีหรือเปล่า เธอจะปรับเขาด้วยการขอมีเซ็กซ์กับเขาสองครั้งในคืนนี้ โอ! พระเจ้า….



:a6:



:a6:



คริสร้องครางอย่างสุขสม ไม่อยากเชื่อเลยว่าชารอนสามารถพาเขาถึงจุดสุดยอดพร้อมกับเธอได้อีกเป็นครั้งที่สอง ทั้งที่เขาบอกกับเธอว่าไม่สามารถมีเซ็กซ์ติดต่อกัน  แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ใช้เสน่ห์ของเธอปลุกเขาขึ้นมาอีกจนได้

คริสนอนหลับตานิ่ง ครั้งนี้เขาหมดแรงจริงๆ   ต่อให้เธอเก่งขนาดไหนอย่าหวังว่าจะปลุกเขาขึ้นมาได้อีกเป็นครั้งที่สาม กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาลดความต้องการในเรื่องเซ็กซ์ลงมาก  ตั้งแต่ไมเคิลก้าวเข้ามาในชีวิต เขาละเลิกพฤติกรรมมีเซ็กซ์กับเด็กหนุ่ม และแม้จะกลับมาคบหากับแฟรงค์ในฐานะคู่ขาจริงๆ แต่ความต้องการในเรื่องเซ็กซ์กลับลดน้อยลงอย่างไม่รู้ตัว เขากับแฟรงค์ไม่ได้มีเซ็กซ์กันบ่อยนัก  ปัญหาเกิดจากตัวเขาไม่ใช่แฟรงค์ เรื่องวุ่นวายของไมเคิลรบกวนจิตใจเขาจนไม่มีอารมณ์ที่จะคิดถึงเรื่องอื่น

ในขณะที่แฟรงค์ยังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ที่มีความต้องการทางเพศ  บ่อยครั้งที่เขาบอกให้แฟรงค์ลงไปหาเด็กๆ ข้างล่าง แฟรงค์หงุดหงิดน้อยใจแต่ก็ลงไปทุกครั้ง  นี่ถ้าแฟรงค์รู้ว่าคืนนี้เขาสามารถมีเซ็กซ์กับเธอได้ถึงสองครั้งในเวลาห่างกันไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แฟรงค์จะรู้สึกอย่างไร…

...จริงซีนะ! แฟรงค์อาจจะไม่รู้สึกเสียใจ เพราะตอนนี้ตัวเองมีคู่ใจคู่กายคนใหม่แล้ว ในที่สุด.. แซม ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็มาอยู่ข้างกายนายจนได้ เขาคงให้ความสุขนายได้มากกว่าฉัน ทำไมหรือแฟรงค์.. ฉันมีชารอนเพราะความจำเป็น แล้วนายล่ะ.. นายคบกับแซมเพราะอะไร.. แค่สามเดือนเท่านั้นนายรอฉันไม่ได้เชียวหรือ...

...ให้ตายเถอะ!.. เขาคิดถึงแฟรงค์ทั้งที่ชารอนนอนซบอยู่กับอกได้ยังไง...




 o7




กลางสัปดาห์วันนี้  แฟรงค์ถือโอกาสปิดร้านเร็วเพื่อเลี้ยงฉลองความเป็นอิสระของตัวเองพร้อมกับฉลองความสำเร็จของคริสปี้ผับ ที่เปิดกิจการได้เพียง 4 เดือนเศษก็เป็นที่รู้จักในหมู่นักเที่ยวกลางคืนทั่วไป สามารถทำรายได้ต่อเดือนสูงอย่างไม่น่าเชื่อ หากรายได้ยังคงที่หรือไม่ตกลงจากเดิมมากนัก ภายในเวลา 3 ปีแฟรงค์คาดว่าจะสามารถคืนเงินลงทุนให้กับคริสได้ เขาจะพยายามคืนเงินทั้งหมดโดยเร็วที่สุด เงินเดือนที่ได้รับจากคริส แฟรงค์ก็ตั้งใจจะคืนด้วย เพราะไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับคริสแล้ว

เสียงเฮและกรี๊ดของพนักงานทำให้แซมซึ่งคุยโทรศัพท์อยู่รีบตัดบทและวางสาย หันไปถามบริกรหญิงที่ส่งเสียงกรี๊ดดีใจอยู่ข้างๆ

:o  “ดีใจอะไรกันยะหล่อน ทำยังกะได้เงินเดือนขึ้น”

“ก็ได้เงินเดือนขึ้นนะซีคะคุณแซม คุณแฟรงค์ประกาศอยู่แหม็บๆ ว่าจะขึ้นเงินเดือนให้พวกเราอีก 20% ทุกคน”

o2  แซมตาเหลือก

“อะไรนะ!!.. แฟรงค์เมาหรือเปล่า พวกหล่อนสนใจอะไรกับคนเมา”

“เมาไม่เมาก็ไม่รู้ค่ะ เป็นผู้ใหญ่พูดแล้วไม่คืนคำนะคะ”

แซมกลืนน้ำลาย มองดูแฟรงค์ที่กำลังอยู่ในสภาพมึนเมาอย่างหนักยืนเต้นอยู่บนโต๊ะ  บริกรและพนักงานชายหญิง 7-8  คนยืนปรบมืออยู่รอบๆ   ลูกค้าประจำอีก 2 โต๊ะ  ขออยู่ฉลองด้วยนั่งอมยิ้มกับสภาพเมาแอ๋ของเจ้าของร้าน

o12  ….ทำเรื่องแล้วมั้ยล่ะ เจ้าแฟรงค์.. เรื่องให้พูดมีเยอะแยะ ทำไมต้องมาพูดเรื่องเงินเดือนด้วย คิดเองตัดสินใจเองขณะกำลังเมาอย่างนี้น่ะเหรอ ถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่หรือไง…

แซมเข้าไปขัดจังหวะบอกพนักงานทุกคนว่า เรื่องเงินเดือนเขาจะทำหนังสือปิดประกาศอีกที คำพูดของแฟรงค์ในวันนี้ยังไม่ถือเป็นข้อสรุปเพราะแฟรงค์พูดขณะกำลังเมา พนักงานไม่พอใจส่งเสียงโห่แซม ไม่ทันขาดคำร่างสูงเพรียวของบ๊อสหนุ่มแห่งคริสปี้ผับก็หมดสติร่วงลงจากโต๊ะ  โชคดีที่แซมและการ์ดร่างยักษ์ยืนอยู่ใกล้ๆ คว้าร่างไว้ทัน

“ยังอยากได้เงินเดือนขึ้นกันอีกมั้ย!!..  :o  เห็นหรือยังว่าแฟรงค์เมาไม่มีสติ ถ้าใครยังยืนยันอยากได้เงินเดือนขึ้นตามที่แฟรงค์พูดให้ไปลงชื่อกับนีน่า”

แซมสั่งการ์ดหนุ่มพาแฟรงค์ขึ้นไปพักผ่อน เหล่าพนักงานหน้าจ๋อยไปตามกัน ไม่มีใครกล้าไปลงชื่อ.. กลัวว่าแทนที่จะได้เงินเดือนขึ้นกลับกลายเป็นได้ซองขาวแทน ทุกคนรู้กันอยู่ว่าคุณแฟรงค์เมามากจริงๆ ที่พูดไปคืนนี้ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะจำได้หรือเปล่า...

 

:sad2:



“อยู่เฉยๆ ซี นายเมามากรู้มั้ย”   แซมส่งเสียงดุเมื่อแฟรงค์ปัดผ้าออกขณะที่เขาพยายามจะเช็ดหน้าเช็ดตัวให้

แซมส่ายหน้าเมื่อเห็นสภาพเมามายไม่ได้สติของแฟรงค์ แฟรงค์ไม่ใช่นักดื่มเพราะรู้ว่าตัวเองมีปัญหาเวลาเมามักจะพูดมากและเต้นไม่หยุดจนกว่าจะหมดแรง พรรคพวกในกลุ่มเคยถ่ายวีดีโอตอนแฟรงค์เมาและเริ่มออกอาการจนหมดสติให้ดู แฟรงค์เห็นแล้วเลิกดื่มหนักอีกเลย ไม่กล้าแตะต้องของมึนเมาเกินกว่า 2 แก้ว แต่วันนี้แฟรงค์ดื่มทั้งเหล้าและเบียร์ จะไม่ให้อยู่ในสภาพที่เห็นได้ยังไง

แฟรงค์ส่งเสียงครางในลำคอและพึมพำอะไรฟังไม่ได้ศัพท์ แซมเองก็ไม่สนใจที่จะฟัง เขาพยายามจะถอดเสื้อและเปลี่ยนชุดที่สบายให้ ปากก็บ่นว่าไม่หยุด

“พรุ่งนี้นายกับฉันมีบัญชีต้องชำระกันหน่อยนะ เรื่องมีให้พูดเยอะแยะไม่พูดผ่าไปพูดเรื่องขึ้นเงินเดือน ดีนะที่คืนนี้ฉันไม่ได้ดื่ม สังหรณ์อยู่แล้วว่านาย…”

แซมหยุดพูดพร้อมกับหยุดมือที่กำลังพยายามดึงกางเกงของแฟรงค์ออกเพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีอาการผิดปกติไป เขาใจหายวาบเมื่อเห็นแฟรงค์อยู่ในอาการสะอื้นน้ำตาไหลพรากทั้งที่ยังหลับตา  แซมรีบก้มลงปลอบด้วยความตกใจ คิดว่าแฟรงค์เสียใจที่ถูกเขาต่อว่า

“ขอโทษแฟรงค์.. ฉันไม่ได้ว่านะ แค่บอกว่าไม่น่าพูดเรื่องเงินเดือนเท่านั้น อย่าร้องน่าแฟรงค์.. ฉันขอโทษ... จะไม่บ่นว่านายอีกแล้ว”

แฟรงค์ยังคงหลับตาสะอื้น ไม่สนใจคำขอโทษ แซมถอนใจเฮือกหรือจะเป็นอาการใหม่เวลาเมาของแฟรงค์

“ฮือ ~ ~ ทำไมอ่ะ ทำไมทำกับผมแบบนี้…” แฟรงค์หลุดคำพูดออกมาพร้อมอาการสะอื้น

“คุณรักเธอแล้วใช่มั้ย.. คุณไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอถึงให้ผมไปอยู่ที่อื่น.. ทำไมอ่ะ.. คริส.. คุณไม่รักผมแล้วเหรอ.. ฮือ~~  คนใจร้าย~~  ฮือออ ~ ~ ~ ”    :sad2:

อาการสะอื้นค่อยๆ สงบลง แฟรงค์หลับสนิทไปทั้งที่น้ำตายังนองแก้ม นี่คือสาเหตุของการดื่มอย่างหนัก แฟรงค์ไม่ได้ดื่มเพื่อฉลองความสำเร็จของร้าน แต่ดื่มเพื่อปิดบังอาการบาดเจ็บของหัวใจ แซมส่ายหน้าก้มลงกระซิบข้างหูเพื่อน

“ฉันบอกแล้วว่าอย่าย้าย ปากไม่ตรงกับใจแล้วเป็นไง ออกมาแล้วก็มานอนร้องไห้คิดถึงเขา โธ่เอ๊ย! แพ็ททริค ฉันควรจะสงสารหรือสมน้ำหน้านายดีน้า…”



:sad2:



TBC >>>>



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 29-09-2008 11:09:51
วันนี้มาต่ออีกสักตอนนะคับ

please  :impress:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-09-2008 11:15:47
แซมช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ น่าประทับใจ o13


ส่วนแฟรงค์.... :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 29-09-2008 12:32:02
ไม่ชอบ TBC  เลยให้ตายสิ

มาต่ออีกนิดนะคะ

มันค้างง่ะ

แค่คุยกันทำไมมันยากนักนะ



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 29-09-2008 14:31:09

Fatherhood part 2  [6] ต่อ



“หวัดดีพรรคพวก  หนีเรียนไปเที่ยวไหนกันมา”

แซมทักทายเหล่าหนุ่มน้อยอย่างเป็นกันเอง เขาสนิทและคุ้นเคยกับเด็กทุกคน โดยเฉพาะโอกับแจ๊คแวะมาหาแฟรงค์หลังเลิกเรียนบ่อยครั้ง  ส่วนบอยและหนุ่มน้อยทิมเพิ่งมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2

“พวกเรามาหาคุณแฟรงค์ คุณแฟรงค์อยู่มั้ยฮะ แซม..”  โอทักแซมอย่างเป็นกันเอง แม้จะอ่อนวัยกว่ามากแต่แซมขอให้เรียกชื่อเฉยๆ

“อยู่.. แต่ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง  เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย ขึ้นไปหาซี  ตามสบายพวก อ้อ! เดินระวังขาหน่อยนะ ถูกงูฉกกัดไม่รู้ด้วย”

โอ แจ๊ค บอย หัวเราะแต่ทิมกลับมีสีหน้าตื่น รีบถามโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ

“ในห้องมีงูหรือฮะ!!!   คุณแฟรงค์อยู่ได้ไง ทำไมไม่เรียกเขามาจับไปล่ะฮะ”

แซมหัวเราะก๊ากกับความใสซื่อของทิม   แจ๊คดึงแขนทิมเดินตามเพื่อนๆ ขึ้นไป

“แซมเขาหมายถึงห้องมันรกไม่ได้มีงู นายชอบทำพวกเราขายหน้าอยู่เรื่อยนะ ทิม..”

สี่หนุ่มยืนตะลึงเมื่อเห็นสภาพของห้องพัก แทบไม่อยากเชื่อว่าคุณแฟรงค์ของพวกเขาจะนอนอยู่ในห้องที่ทั้งรกและคับแคบขนาดนี้ได้ ห้องนอนคุณแฟรงค์ที่คฤหาสน์บริเจคส์มีขนาดใหญ่กว่าห้องนี้ประมาณ 4 เท่า สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ใช่เพราะมีคนรับใช้คอยดูแลให้ แต่เพราะคุณแฟรงค์ไม่เคยทำห้องรก คุณแฟรงค์มีนิสัยเดียวกับคุณคริสคือชอบความสะอาดเป็นระเบียบ   พวกเขาทุกคนจึงถูกฝึกนิสัยให้รักความสะอาดไปด้วย

ทั้งหมดพากันยืนนิ่งสำรวจทั่วห้องด้วยสายตาไม่กล้าก้าวเท้าเดิน เพราะสภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้สมควรแล้วที่แซมจะบอกให้ระวังงู นอกจากของใช้ส่วนตัวที่วางเกะกะไปทั่วแล้ว เสื้อผ้าที่คุณแฟรงค์ขนมาจำนวนมากถูกแขวนและพาดอยู่ทั่วห้อง ที่เหลือวางกองสุมกันอยู่ข้างตู้   ไม่อยากเชื่อเลยว่าเสื้อผ้าที่คุณแฟรงค์เคยหวงนักหวงหนา ขนาดมีคนมาติดต่อขอเช่าไปถ่ายละครคุณแฟรงค์ยังปฏิเสธ   แต่วันนี้กลับถูกวางทิ้งอยู่ที่พื้นห้องอย่างไม่ใส่ใจ

สี่หนุ่มมองหน้ากันทำจมูกย่น ภายในห้องมีกลิ่นไม่สู้ดี พยายามหาที่มาก็พบว่าบริเวณพื้นห้องมีร่องรอยของเศษอาหารที่อาเจียนออกมา  ถึงจะถูกเก็บไปแล้วแต่ยังไม่ได้เช็ดและทำความสะอาดจึงส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วห้อง

บอยน้ำตาคลอ สงสารคุณแฟรงค์จับใจ รีบตรงรี่ไปที่เตียงก็พบว่าคุณแฟรงค์ยังหลับสนิทอยู่

โอบอกเพื่อนๆ ที่ยืนสำรวจความรกกันอยู่

“อย่ามัวตะลึงกันอยู่เลย  คุณแฟรงค์ยังหลับอยู่  พวกเราช่วยกันเก็บของให้เข้าที่เข้าทางก่อน”

“โอ.. มาดูนี่ซี~~ ”

บอยเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แจ๊คและทิมเดินตามเข้ามาด้วย บอยเลิกผ้าห่มที่คลุมร่างคุณแฟรงค์ออกให้เพื่อนๆ ดู ทุกคนสะดุ้งโหยงถอยห่างออกไปสองสามก้าว

สภาพของแฟรงค์ที่พวกเขาเห็นอยู่เวลานี้ ทำให้ทุกคนแทบจะร้องไห้ออกมาพร้อมกันด้วยความสงสาร แฟรงค์เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ได้สวมอะไรสักชิ้น บริเวณที่นอนเลอะไปด้วยเศษอาหารที่อาเจียนออก ร่องรอยเปียกชื้นทั้งบนที่นอนและผ้าห่ม บอกให้รู้ว่าคุณแฟรงค์ของพวกเขาดื่มหนักมากจริงๆ

โอรีบดำเนินการในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่มจับคู่เป่ายิ้งฉุบ ใครแพ้ทำความสะอาดเตียงรวมถึงตัวคุณแฟรงค์ด้วย คนชนะทำความสะอาดห้อง โอจับคู่กับแจ๊ค แจ๊คชนะรีบวิ่งออกไปจากเตียงด้วยอาการดีใจ บอยขอทำความสะอาดเตียงเองบอกให้ทิมไปช่วยแจ๊คเก็บของ…



 o13
 


แฟรงค์รู้สึกเหมือนอาการบาดเจ็บที่หัวใจของเขากำลังได้รับการเยียวยาและปลอบประโลมอย่างอบอุ่นจากหนุ่มน้อยทั้งสี่ ไม่ใช่ด้วยคำพูดแต่ด้วยการกระทำ

เสียงพูดคุยถกเถียงกันเบาๆ ดังแว่วเข้าหูแฟรงค์

“อย่าอู้ซีทิม เก็บเร็วๆ”

“ดูชุดนี้ซิ แจ๊ค.. นายชอบไม่ใช่เหรอ เคยขอแล้วแต่คุณแฟรงค์ไม่ให้ ลองขอตอนนี้อีกทีดิ  รับรองว่าคุณแฟรงค์ต้องยกให้แหงๆ ”

“เออน่ะ อย่าโอ้เอ้เลย รีบๆ เก็บ เดี๋ยวไปล้างห้องน้ำด้วย”

ทิมตาเหลือก  o2

“หา!!.. อะไรนะ ต้องล้างห้องน้ำด้วยเหรอ โอ~~… ” ทิมหันไปร้องถามโอ แจ๊คต้องจุ๊ย์ปากให้เงียบ

:laugh:  “ชู้วส์… อย่าเสียงดังซีทิม คุณแฟรงค์ยังหลับอยู่ ฉันล้อนายเล่นน่ะ รีบเก็บเร็วๆ เข้า”


.......
.......

.......
.......


“ฉันนับ 1-3 นายดึงผ้าออกนะ บอย..”

โอขยับร่างคุณแฟรงค์ขึ้นเพราะแรงเยอะกว่า และให้บอยดึงผ้าปูที่นอนออก โอทำความสะอาดร่างกายให้แฟรงค์ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น ในขณะที่บอยไปหาผ้าปูที่นอนและเสื้อผ้ามาเตรียมสวมให้ บอยไม่กล้าเช็ดตัวให้คุณแฟรงค์ต่อหน้าเพื่อนๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกเขินด้วย ทั้งที่เวลาอยู่กับคุณแฟรงค์สองต่อสองบอยต้องมีหน้าที่ฟอกสบู่และถูตัวให้ทุกครั้ง

“บอย.. ดูนี่ดิ..”

โอกระซิบให้บอยดูของดี บอยหน้าแดงในขณะที่โอหัวเราะชอบใจ

“อย่าทำเป็นเขินหน่อยเลย ฉันรู้น่า~~ ถ้านายอยู่คนเดียวตอนนี้นายจะจัดการกับมันยังไง”

“ทะลึ่งน่ะ  o12  นายก็เหมือนกันน่ะแหล่ะ โอ.. ไม่ต้องมาล้อฉัน รีบใส่เสื้อผ้าให้คุณแฟรงค์เถอะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”



..ให้ตายเถอะ!.. แฟรงค์ไม่อยากเชื่อเลยว่า หนุ่มน้อยทั้งสี่จะรักและเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ ทำไมเขาต้องเสียใจและผิดหวังมากมายกับการไม่ได้รับความรักจากคริสเพียงคนเดียว   ในเมื่อเขายังมีเด็กหนุ่มเหล่านี้คอยให้ความรักและกำลังใจอยู่ข้างๆ   แฟรงค์นึกไม่ถึงเลยว่าการได้รับการดูแลเอาใจใส่จากหนุ่มน้อยสี่คนพร้อมกันในเวลานี้ช่างให้ความรู้สึกที่วิเศษสุด   เขารู้สึกสบายทั้งใจและกายจนแทบไม่อยากลืมตาขึ้น อยากแกล้งหลับต่อนานๆ….



:a12:



“กาแฟครับ คุณแฟรงค์..”

แฟรงค์รับถ้วยกาแฟจากแจ็คและกล่าวขอบใจ หนุ่มน้อยทั้งสี่ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ข้างเตียง สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความอาทรและห่วงใยจนแฟรงค์รู้สึกละอายใจตัวเอง

โอรีบออกตัวว่าจำเป็นต้องโดดเรียนครึ่งวันและพากันมาเยี่ยม ถ้ารอให้เลิกเรียนก็จะเย็นเกินไป เพราะแฟรงค์เคยสั่งไว้ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่ามาหาตอนค่ำ

“พวกเราอยากอยู่กับคุณนานๆ เลยมาตั้งแต่บ่ายครับ” บอยทรุดตัวลงนั่งข้างๆ บีบนวดให้แฟรงค์อย่างเอาใจ

แฟรงค์ถามเรื่องการเรียนของแต่ละคน เพราะนานแล้วที่เขาไม่ได้นั่งพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขและปัญหาเรื่องเรียนของสี่หนุ่ม มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานและระยะหลังมีปัญหากับคริสเรื่องชารอน ทำให้เขาไม่ค่อยได้กลับบ้าน

“ไมเคิลไม่ได้มาด้วยเหรอ”

สี่หนุ่มน้อยมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครตอบจนแฟรงค์ต้องถามย้ำ บอยจึงตัดสินใจตอบแทนทุกคน

“ผมไม่ได้ชวนครับ”

แฟรงค์เลิกคิ้ว    “ทำไมล่ะ คุณคริสไม่อนุญาตเหรอ”

บอยก้มหน้าตอบ    “เปล่าฮะ ผมไม่อยากชวนเอง ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับไมเคิล ไม่อยากให้เขามาเข้ากลุ่มกับพวกเรา”

แฟรงค์ตกใจกับคำตอบ เงยหน้ามองคนอื่นๆ

“พวกนายด้วยเหรอ.. ทำไมล่ะ.. ไมเคิลทำอะไรให้พวกนายไม่พอใจถึงไม่อยากคบหาด้วย”

แฟรงค์ส่ายหน้า

“ไม่เอานะ อย่าทำอย่างนี้ ไมค์ยังเด็ก เขาต้องการเพื่อน พวกนายโตกว่าต้องรู้จักให้อภัย ว่าไงโอ..”

“เอ่อ.. ผมไม่ว่าไงหรอกครับ พวกเราอยากชวนแต่บอยห้ามไว้”

แฟรงค์หันมาสบตากับบอย   เขาพอจะรู้ว่าบอยรู้สึกอย่างไรจึงไม่อยากคบหากับไมเคิล

“ฟังนะบอย.. เรื่องระหว่างฉันกับคริสไม่ใช่ความผิดของไมเคิล จนถึงนาทีนี้ฉันก็ยังรู้สึกกับคริสเหมือนเดิม อะไรที่คริสรักฉันก็รักด้วย ไมเคิลเป็นดวงใจของเขา ฉันเต็มใจและยินดีแยกจากคริส  ถ้ามันทำให้ไมเคิลไม่ต้องพรากจากคริสอีก ถ้าเธอรักฉันก็ควรรักในสิ่งที่ฉันรักด้วย ใช่มั้ย บอย..”

บอยก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาคุณแฟรงค์เพราะรู้สึกผิด

“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะไม่โกรธไม่เกลียดไมค์ จะรักเขาเหมือนที่คุณรัก”

แฟรงค์พยักหน้าและรั้งบอยเข้ามากอด

“ผมอยากอยู่กับคุณที่นี่ ให้ผมอยู่ด้วยได้มั้ยครับ ถ้าคุณอนุญาตคุณคริสก็ต้องอนุญาต”

บอยรีบเอ่ยขอในสิ่งที่ตั้งใจไว้ แต่แล้วก็ต้องคอตกเพราะคำตอบที่ได้รับจากแฟรงค์ คือ ไม่!!…

“ถ้าเรารักใคร เราไม่ควรทำให้คนที่เรารักลำบากใจ ฉันจากมาเพราะเหตุผลนี้ ถ้าเธอรักฉันก็ต้องอยู่ที่นั่น บอย..”

บอยออกอาการเซ็งเพราะคุณแฟรงค์เล่นให้เหตุผลโดยเปรียบกับความรู้สึกของตัวเอง…



:a6:





TBC   part 7




มาต่อให้อีกนิดตามคำขอ     :a11: :a4:
     


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 29-09-2008 15:38:59
อ่ะค่ะ

บริหารกล้ามเนื้อหัวใจค่ะ

บริหารจนน้ำตาซึมกันทีเดียว

แงงงงงงงงง

 :o12:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 29-09-2008 15:42:01
แฟรงค์ เป็นกำลังใจให้เน้อ  น้ำตาจะไหลอ่ะ

เจ้หมวย มาลงอีกนะ นะ นะ นะ วันนี้เลย นะนะนะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 29-09-2008 16:07:43
เจ้ใจดีแบบนี้เด่วอ้อนตายเลย  อิอิ

ทำไมสี่หนุ่มน่ารักแบบนี้เนี้ย

เหนมั๊ยแฟรงค์มีแต่คนรัก  กลับบ้านเหอะ (เก่ว)

คุณคริสอย่าให้อายเด็กๆนะ  มาง้อแฟรงค์มั่งสิ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-09-2008 17:37:51
จะขาดใจ

บีบหัวใจกันเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 29-09-2008 18:24:36
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 29-09-2008 18:56:37
ปวด ตรงอกข้างซ้ายจัง

แต่ก็อ่านต่อไป

ดีใจวันนี้ได้สอง

ขอบคุณคร่า... :oni1:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 29-09-2008 21:15:20
แฟรงค์อ่า เมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 30-09-2008 13:04:54

Fatherhood part 2… [ 7 ]




แฟรงค์เริ่มทำใจเรื่องคริสหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติเอาใจจากหนุ่มน้อยทั้งสี่   เขาจึงพบความจริงว่ามันไม่ยุติธรรมกับเด็กหนุ่มเหล่านี้เลย  ถ้าเขาปล่อยตัวเองให้มีอาการเหมือนคนอกหัก  ทั้งที่เขายังได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยมจากเด็กๆ ทุกคน

ในขณะที่ธุรกิจกำลังไปได้ดี แฟรงค์ปรับปรุงร้านและบริการใหม่  ขยายเวลาเปิดไปอีก 1 ชั่วโมงในวันสุดสัปดาห์ เรียกลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้นทั้งในวันธรรมดาและวันหยุด เขายอมเหนื่อยเพื่อกอบโกยรายได้ให้มากที่สุด เมื่อไรที่เขาคืนเงินลงทุนให้คริสได้ทั้งหมด เมื่อนั้นเขาก็จะเป็นไท เป็นเจ้าของคริสปี้ผับจริงๆ ซะที

4 โมงเช้าของวันอังคาร แฟรงค์งัวเงียตื่นขึ้นรับสายมือถือที่พยายามเรียกเข้ามาจนสายขาด 2 – 3 ครั้งแล้ว เหมือนรู้ว่าเขากำลังนอนและตั้งใจจะปลุกด้วยโทรศัพท์

ทุกวันนี้เวลานอนของแฟรงค์ประมาณตี 3 และบางครั้งเกือบรุ่งเช้าในวันสุดสัปดาห์ แฟรงค์จะอยู่ดูแลร้านในช่วงดึกจนกว่าจะปิดร้าน ส่วนแซมจะกลับก่อนตอนเที่ยงคืนและจะเข้ามาตั้งแต่ 4 โมงเช้าเพื่อดูงานร้านอาหารในช่วงกลางวัน แฟรงค์ตื่นนอนไม่เป็นเวลา นอนเต็มอิ่มเมื่อไรก็ตื่นเมื่อนั้น บางครั้งก่อนเที่ยงบางครั้งหลังเที่ยง บางครั้งก็นอนยาวถึงบ่ายสามบ่ายสี่ เป็นที่รู้กันของพนักงานในร้านว่าก่อนเที่ยงวันจะไม่มีการโอนสายขึ้นมาที่ห้อง แต่ถ้าหลังเที่ยงให้ดูตามความจำเป็นและเร่งด่วน แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีใครกล้าโอนสายมักจะส่งสายให้แซมรับเรื่อง

แฟรงค์หลับตาควานหาโทรศัพท์มือถือที่หัวนอน นึกโมโหตัวเองที่ลืมปิดโทรศัพท์ แต่โมโหคนที่โทรเข้ามามากกว่า เขารับสายด้วยน้ำเสียงตะคอกเพราะแน่ใจว่าเป็นแซม

“มีปัญหาอะไรวะ !!. มากวนเวลานอนของฉันทำไม !!..”

ปลายสายเงียบไปอึดใจ ก่อนกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ขอโทษนะ แฟรงค์.. ยังหลับอยู่เหรอ ถ้างั้นฉันจะโทรมาหาใหม่ตอนบ่ายนะ”

แฟรงค์หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เขาไม่ได้พูดคุยกับคริสนานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว แม้แต่วันที่ขนย้ายของออกมาเขาก็ไม่ได้บอกลาคริสด้วยตัวเอง ฝากชารอนบอกลาให้ เขาเลี่ยงไม่พูดคุยด้วยไม่อยากได้ยินเสียงคริสเพราะกลัวตัวเองใจอ่อน ไม่นึกว่านอกจากคริสต้องการให้เขาอยู่ห่างๆ แล้ว ยังเลี่ยงไม่อยากพูดคุยกับเขาด้วยเช่นกัน เพราะตั้งแต่ย้ายออกมา  คริสไม่เคยโทรหาเขาเลยสักครั้งเดียวจนกระทั่งวันนี้…

“เอ่อ.. ไม่เป็นไร ผมขอโทษ นึกว่าแซมโทรขึ้นมา มีธุระอะไรหรือคริส ผมหายง่วงแล้ว”

“แซมชอบโทรมากวนนายตอนนอนหรือแฟรงค์.. ทำไมต้องโทรด้วย เขาไม่ได้พักอยู่กับนายเหรอ”

“เปล่า.. เขาไม่ได้พัก..” แฟรงค์ชะงักคำพูดไว้เพียงเท่านี้ เพราะนึกขึ้นได้ว่าความเข้าใจของคริสตอนนี้คือ แซมเป็นคู่ขาคนใหม่ของเขา

“เอ่อ.. แซมไม่ได้พักอยู่ที่นี่ทุกวัน เขาไปๆ มาๆ”

“ไปๆ มาๆ แปลว่าอะไร แซมมีคนอื่นนอกจากนายหรือ แฟรงค์..”

น้ำเสียงคริสกังวลและห่วงใยจนแฟรงค์ละอายใจ  เขายอมรับว่าตัวเองกะล่อน  แต่เขาไม่เคยโกหกหรือพูดจาหลอกลวงคริสในเรื่องเลวร้ายหรือเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว  ครั้งนี้เขาคงต้องพูดเรื่องจริงบ้างเพื่อความสบายใจของตัวเอง

“เอ่อ.. แซมเขามีแฟนอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกคริส.. ผมไม่แย่งแซมจากเธอหรอก ”

“เธอ ?.. แฟนแซมเป็นผู้หญิงเหรอ..”

“ก็ใช่น่ะซี ผมเคยบอกคุณแล้วไงว่า แซมเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เอ่อ.. ถึงตอนนี้จะเปลี่ยนไปแล้วแต่เขาก็ยังชอบผู้หญิงมากกว่า แซมสู้คุณไม่ได้หรอกคริส แต่ก็พอแก้ขัดได้บ้าง”   แฟรงค์แสร้งพูดติดตลกปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง

คริสใจหาย เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแซม อยู่ใกล้ชิดกับแฟรงค์บ่อยๆ มีหรือจะรอดพ้นไปได้ วันนี้เป็นแค่ไบเซ็กชวลแต่อีกไม่นานหรอกแซม อีกไม่นาน…

“โทรมามีเรื่องอะไรหรือ คริส..” แฟรงค์รีบเข้าเรื่องไม่อยากให้อีกฝ่ายซักเรื่องของเขา

“เอ่อ.. ฉันมีข่าวเรื่องไมเคิล เจอรี่เบิกตัวไมเคิลขึ้นให้การกับศาลเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ศาลนัดฟังคำตัดสินเมื่อวานนี้ ฉันได้เป็นพ่อบุญธรรมของไมเคิลแล้วนะแฟรงค์.. อยากจะบอกนายตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่นายไม่อยู่ แซมบอกว่านายไปต่างจังหวัด ไปไหนมาหรือแฟรงค์..”

“ดีใจด้วยนะคริส..” แฟรงค์เลี่ยงไม่ตอบคำถาม

“ในที่สุดวันที่เรารอคอยก็มาถึง วันที่คุณและไมเคิลสมหวังกับความรักในฐานะพ่อและลูก หมดเรื่องทุกข์ใจซะทีนะคริส.. ผมดีใจกับคุณด้วยจริงๆ ”

“ขอบใจนะแฟรงค์ ฉัน เอ่อ.. ยังไม่หมดเรื่อง ฉันต้องอยู่กับชารอนอย่างน้อย 2 ปี ไม่ใช่แค่ 3 เดือนแล้ว”

“งั้นเหรอ… 3 เดือนมันน้อยไปแล้วใช่มั้ย ผมบอกแล้วว่าคุณต้องเข้ากับเธอได้ ฮะ ฮะ..” แฟรงค์กระเซ้าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะทั้งที่ในใจเจ็บแปลบ

...ให้ตายเถอะ! แฟรงค์รู้สึกโกรธตัวเอง  เขาทำใจได้แล้วนี่นา ทำไมยังรู้สึกเจ็บอยู่อีก...

“ไม่ใช่อย่างนั้น แฟรงค์ ฉันทำตาม…” คริสพูดไม่จบก็ถูกแฟรงค์ขัดจังหวะ

“ไม่เป็นไรคริสไม่ต้องอธิบาย คุณทำตามหน้าที่ ผมรู้.. ตอนนี้คุณมีหน้าที่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูก คุณมีครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว ผมอยากให้คุณรักษามันไว้ ผมดีใจด้วยที่เรื่องจบลงด้วยดี ถ้ายังไงเรานัดเลี้ยงฉลองกันหน่อยนะ อ้อ! แซมมาพอดี แค่นี้ก่อนนะคริส.. ผมจะให้แซมทาน้ำมันนวดหลังให้หน่อย เมื่อสองวันก่อนยกของหนักไปหน่อย รู้อะไรมั้ยคริส.. แซมสู้คุณเรื่องเซ็กซ์ไม่ได้ แต่ฝีมือการนวดของแซมไม้แพ้คุณเลยนะ แค่นี้ก่อนนะ.. แล้วเจอกัน บาย..”

แฟรงค์รีบตัดบทไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายพูดอะไรต่อ เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะทนรับฟังเรื่องราวจากคริส สู้เป็นฝ่ายพูดเองเจ็บน้อยกว่า

คริสวางโทรศัพท์ลงด้วยความรู้สึกโหยหาบอกไม่ถูก เขาน่าจะดีใจเพราะเรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลงด้วยดีอย่างที่แฟรงค์บอกจริงๆ เขามีครอบครัวที่อบอุ่นแล้วมีภรรยาแสนสวยและลูกชายที่น่ารัก แต่แฟรงค์ยังไม่เข้าใจเพราะไม่ยอมฟังเขาพูดให้จบ เขาต้องทำตามคำสั่งศาลซึ่งมีข้อแม้ว่า หากพฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไป หมายถึงหากเขาเลิกกับชารอนภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากนี้ ศาลมีสิทธิเพิกถอนคำตัดสินได้



 :a6:



กว่า 2 เดือนแล้วที่คริสใช้ชีวิตร่วมกับชารอนฉันสามีภรรยา ณ วันนี้เขามีครอบครัวที่อบอุ่น มีภรรยาและลูกชายอยู่พร้อมหน้า สมาชิกในบ้านยังคงจำนวนเท่าเดิมหากแต่เปลี่ยนจากแฟรงค์เป็นชารอนเท่านั้น  ทุกคนจะอยู่พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารค่ำในวันที่คริสอยู่ร่วมโต๊ะเช่นเคย อาหารเช้าที่ห้องอาหารจะมีเฉพาะสี่หนุ่มเท่านั้น ชารอนจัดเตรียมอาหารเช้าให้คริสและไมเคิลข้างบน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของลูกชายอย่างดีที่สุด ไมเคิลเป็นเด็กที่มีอัธยาศัยน่ารัก   เธอเข้ากับหนุ่มน้อยได้ดี   แต่ถึงจะเข้ากันได้ดีอย่างไรเธอก็เป็นได้แค่น้าชารอน

คริสอนุญาตให้สี่หนุ่มไปเยี่ยมแฟรงค์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ แต่อย่ากลับดึก โอ แจ๊ค บอยและทิมจึงถือโอกาสไปเยี่ยมแฟรงค์เกือบทุกวัน  ยิ่งวันหยุดด้วยแล้วสมาชิกหนุ่มน้อยรวมถึงไมเคิลด้วยจะหายออกจากบ้านไปตั้งแต่สายๆ ขลุกอยู่ที่คริสปี้ผับทั้งวันจนใกล้ค่ำแฟรงค์ก็จะไล่กลับ   แฟรงค์ไม่อยากให้เด็กหนุ่มเหล่านี้อยู่ในสถานที่แบบนั้น แม้ผับของเขาจะเปิดรับลูกค้ามีระดับ  แต่หนุ่มสาวไฮโซเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หิวกระหาย พากันมาหาเหยื่อหน้าตาดีๆ สนองตัณหาตัวเองทั้งนั้น

และการที่แฟรงค์เป็นเจ้าของคริสปี้ผับ ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในจุดนัดพบและสถานเริงรมย์ของกลุ่มรักร่วมเพศระดับไฮโซมารวมตัวกัน   จนบางครั้งลูกค้าชายจริงหญิงแท้ไม่กล้าเข้าร้าน   อย่างไรก็ตามความเป็นไฮโซของกลุ่มคนพวกนี้ ทำให้ทุกคนเอะอะเฮฮากันอย่างสุภาพ ไม่แสดงพฤติกรรมหรือกิริยาให้เป็นที่อุจาดสายตา  แขกกลุ่มใดเริ่มมีพฤติกรรมอย่างที่ว่าเพราะเริ่มมึนเมาจนขาดสติ   แฟรงค์จะสั่งเช็คบิลและเชิญให้ออกจากร้านอย่างสุภาพ ธุรกิจนี้หลีกเลี่ยงการมีเรื่องชกต่อยกันของลูกค้าไม่ได้   จึงจำเป็นต้องมีการ์ดไว้ดูแลความสงบเรียบร้อย   แฟรงค์จ้างการ์ดไว้ทั้งหมด 5 คน อยู่หน้าประตู 1 คน ที่เหลือยืนคุมเชิงอยู่ทุกมุมของร้าน การ์ดของเขาเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หน้าตาดี ร่างกายกำยำ มาจากสถานฝึกเทควันโด 2 คน เป็นยูโดสายดำ 1 คน และอีก 2 คนเป็นมวยสมัครเล่น ลูกค้าทั้งหนุ่มและสาวเดินมาขออนุญาตออฟการ์ดของเขาเป็นประจำ แฟรงค์หัวเราะ บอกให้ไปติดต่อขอออฟกันเองตอนหมดหน้าที่แล้ว

“ผมอยากเป็นบริกร ผมอยากช่วยทำงานบ้างครับคุณแฟรงค์”   บอยอ้อนขอแฟรงค์ทำงาน เพราะเห็นบริกรที่นี่ทำงานกันสนุกสนาน

“ไม่!!..” แฟรงค์ตอบทันควันโดยไม่เสียเวลาคิด

“ผมอยากหารายได้พิเศษครับคุณแฟรงค์ ผมไม่อยากขอเงินคุณคริสใช้ ผมอยากซื้อคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องใช้เอง ไม่อยากไปใช้ในห้องโอมันไม่ค่อย..”

บอยพูดไม่จบ ก็ถูกแฟรงค์เอามือปิดปากและยัดเงินใส่ในมือ

“ฉันอยากให้นายเอ่ยปากขอเงินจากฉัน ดีกว่ามาพูดของานบ้าๆ นี่ทำ ผมขอเงินซื้อคอมพิวเตอร์ครับคุณแฟรงค์ พูดเป็นมั้ย บอย.. แล้วนายก็จะได้เงินง่ายๆ แบบนี้ ไม่ต้องเหนื่อยและไม่ทำให้ฉันเสียอารมณ์ด้วย”

บอยคอตกเพราะถูกแฟรงค์ดุเสียงเขียว



 o12



แฟรงค์พลิกอัลบั้มรูปถ่ายหวนนึกถึงเหตุการณ์และความสุขในวันคืนที่ผ่านมา   คริสจะมีโปรแกรมพาสมาชิกในบ้านไปเที่ยวพักผ่อนทุกปี   ปีที่แล้วคริสงดการเดินทางเพราะมีปัญหาวุ่นวายใจเรื่องไมเคิล แต่ปีนี้เรื่องราวและปัญหาต่างๆ จบลงด้วยดีแล้ว  ที่คฤหาสน์บริเจคส์วันนี้คงจะมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คริสคงจะพาสมาชิกทั้งหมดเดินทางไปพักร้อนในเร็วๆ นี้   แต่ครั้งนี้เขาไม่มีโอกาสได้เดินทางไปด้วย

บรรยากาศในรูปถ่ายแต่ละรูปอบอวลด้วยความสุข   สี่หนุ่มน้อยยืนหยอกล้อล้อมวงเขากับคริสบนดาดฟ้าเรือ แฟรงค์พลิกดูรูปล่าสุดที่เขาถ่ายคู่กับคริสและไมเคิลในวันเปิดร้าน วันนั้นเป็นวันที่เขามีความสุขมาก  ถ้าไม่มีคริส เขาคงไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก  จำได้ว่าวันนั้นเขารู้สึกว่าเขารักคริสมาก มากจนแอบสัญญากับตัวเองว่าเขาไม่มีวันเดินจากคริสไป  จะขออยู่เคียงข้างจนกว่าคริสจะเป็นฝ่ายไม่ต้องการเขา

ไม่นึกเลยว่าเวลาผ่านมาไม่ถึงครึ่งปี เขาต้องจากคริสมาเพราะคริสไม่ต้องการเขาแล้วจริงๆ จนถึงวันนี้ใกล้จะครบกำหนดที่ชารอนขอลองใช้ชีวิตคู่จริงๆ กับคริส เขาไม่รู้ว่าเธอและคริสเข้ากันได้ดีขนาดไหน ไม่มีใครเอ่ยถึงคนทั้งสองให้เข้าหูเขาเลย คงกลัวเขาไม่สบายใจและเขาเองก็ไม่อยากถาม จะสนใจถามไปทำไมในเมื่อคริสไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว

เกือบหกโมงเย็นแล้ว วันนี้ไม่มีหนุ่มน้อยหน้าไหนมาเอะอะเฮฮาที่ร้าน เพราะเขาสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาจนกว่าจะสอบเสร็จ แฟรงค์ปิดอัลบั้มรูปและล้มตัวลงนอน ควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ในมือ ไม่รู้ว่าป่านนี้คริสกลับถึงบ้านหรือยัง ไม่ได้พูดคุยด้วยหลายอาทิตย์แล้ว นึกแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้  เมื่อก่อนคริสและเขาผลัดกันโทรหากันทุกวัน แต่ตอนนี้เมื่อเขาไม่ติดต่อไปคริสก็ไม่ยอมโทรมา 

ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงอดกลั้นความรู้สึกโหยหาและคิดถึงคริส บริเจคส์ เวลาผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว  เขาน่าจะทำใจได้ซะที แต่เปล่าเลย… นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องทำงานหนักทุกวัน ออกไปพบปะพูดคุยกับคนมากๆ จะได้ลืมและไม่มีเวลานึกถึงใคร

ให้ตายเถอะ!.. แฟรงค์รู้สึกว่าวันนี้เขาไม่สามารถอดกลั้นความคิดถึงได้แลัว ไม่รู้ว่าเขากดโทรศัพท์เข้าไปที่คฤหาสน์บริเจคส์ตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงลูรับสาย

“ลู.. ผมแฟรงค์นะ คุณคริสกลับมาหรือยัง”

“ยังเลยครับคุณแฟรงค์ เอ่อ.. เดี๋ยวนะครับ รู้สึกจะได้ยินเสียงรถ ใช่จริงๆ ด้วยเดี๋ยวผมจะไปเรียนคุณคริสให้ คอยสักครู่นะครับคุณแฟรงค์..”

ชารอนกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมารับคริส เห็นลูวางหูโทรศัพท์ลงนอกเครื่องจึงเอ่ยถาม เมื่อรู้ว่าเป็นโทรศัพท์ของแฟรงค์ก็อาสาจะบอกคริสให้ และบอกให้ลูไปดูความเรียบร้อยในครัว เพราะอาหารค่ำวันนี้คุณคริสสั่งให้ตั้งโต๊ะเร็วกว่าปกติ

คริสกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน ชารอนตรงเข้าไปสวมกอดเอาใจ เธอรู้ว่าคริสเหนื่อยจากงาน เพราะบางครั้งต้องออกไปดูงานที่ไซด์ด้วยตัวเอง

“เหนื่อยหรือคะ ที่รัก.. อาบน้ำให้สบายตัวก่อนดีมั้ยคะ”

คริสรู้สึกสบายเมื่อชารอนบีบนวดที่ลำคอและไหล่ให้ เขาแว่บถึงแฟรงค์โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะแฟรงค์เคยทำหน้าที่นี้ทุกครั้งที่เขาบ่นปวดเมื่อย แต่แฟรงค์ไม่ได้ยืนนวดอย่างที่ชารอนกำลังทำ เขาและแฟรงค์อยู่ในอ่างน้ำอุ่น

คริสรั้งชารอนเข้ามาสวมกอด เพราะรู้สึกว่าหลายวันมานี้เขาทำตัวเหินห่างกับเธอ ตลอดเวลาเกือบ 3 เดือนที่อยู่ด้วยกันเธอเฝ้าปรนนิบัติและเอาใจเขาอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่เขากลับนิ่งเฉยและเย็นชากับเธอมากขึ้นทุกวัน บางคืนเขาเอ่ยปากขอร้องว่าอยากนอนคนเดียว เธอเข้าใจและขอตัวไปนอนห้องเล็ก เธอบอกว่าแค่เขาเปลี่ยนพฤติกรรมมามีเซ็กซ์กับเธอได้ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้ว เธอมั่นใจว่าสักวันความรู้สึกในใจเขาจะค่อยๆ เปลี่ยนไป

“ไม่ยักรู้ว่าคุณนวดเป็น ตอนแรกผมว่าจะทานข้าวเลยนั่งมาในรถหิวจนท้องร้อง แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ผมอยากอาบน้ำก่อน  คุณตามไปนวดให้ผมในอ่างน้ำได้มั้ย”

ชารอนเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจระคนตกใจ เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่คริสจะเป็นฝ่ายเอ่ยชักชวนเธอก่อน ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม

“ล้อเล่นหรือเปล่าคะ ที่รัก”

“ผมชอบพูดล้อเล่นงั้นเหรอ”

“โอ!.. ได้เลยที่รัก.. รับรองว่าคุณจะได้ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายจากฝีมือการนวดของฉัน มีรายการอื่นอีกมั้ยคะนอกเหนือจากการนวด ฉันจะได้เตรียมตัวให้พร้อม”

“อืมม์… ไม่รู้ซีนะ อยู่ที่คุณไม่ใช่ผม”

“ถ้างั้นฉันมีบริการฟรีแถมให้หลังการนวด ถ้าคุณไม่รับบริการนี้ฉันก็จะไม่นวดให้ ตกลงมั้ยคะ”

คริสหัวเราะ เธอมีนิสัยขี้เล่นเหมือนเขาคนนั้นจนบางครั้งคริสลืมไปชั่วขณะ เมื่อเขาตอบตกลง เธอก็ขยับเข้ามาจุมพิตเขาอย่างดูดดื่ม

ชารอนลืมสนิทเลยว่ามีใครถือหูโทรศัพท์รอคุยกับคริสอยู่…



 o7



แฟรงค์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมลงสู่ก้นทะเลลึกเมื่อคริสปล่อยมือจากเขาว่ายไปหาเธอ ครั้งนี้แฟรงค์สามารถหายใจได้ แต่ทุกลมหายใจเข้าออกของเขาเจ็บร้าวและทรมานเหมือนหัวใจกำลังแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ

แฟรงค์ไม่รู้ว่าเขาร้องไห้ทำไม น้ำตาไหลออกมาเอง โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือเมื่อครู่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นห้อง หน้าปัดแตกกระจาย แบตเตอรี่หลุดออกจากตัวเครื่อง มันเป็นโทรศัพท์ที่คริสซื้อให้ใหม่หลังรู้ว่าเครื่องเก่าถูกขโมยได้เพียงวันเดียว เขาลงโทษโทรศัพท์เครื่องนี้ด้วยการเขวี้ยงมันลงบนพื้น เพราะมันสื่อสารให้เขาได้ยินได้ฟังและรับรู้ในสิ่งที่เจ็บปวด ไม่เคยมีครั้งไหนที่แฟรงค์รู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดมากมายเท่าครั้งนี้มาก่อนในชีวิต เขารู้สึกโกรธและโมโหตัวเอง ไม่น่ากดโทรศัพท์ไปที่บ้านบริเจคส์เลย...



 o7



 :o12:



 :sad2:






(http://www.kidsquare.com/cdimages/x3648.jpg)



 :a11:  บริการกระดาษทิชชูทางนี้ค่ะ  :

 :a4:   เพื่อนๆ น้องๆ เชิญหยิบตามสบาย   เอาไปเช็ดน้ำตาให้คุณแฟรงค์ด้วย

ช่วยปลอบเธอหน่อย   อย่าเศร้าไปเลย อนาคตยังได้เจอคนอีกเยอะ  :a1:

ปล่อย  ตาเฒ่าบริเจคส์ ไปเถอะ  ก็แค่หล่อกับรวยเท่านั้น   :a2:  เชอะ!..




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 30-09-2008 14:47:50
กระดาษทิชชู่จะพอหรือคะ

เอาผ้าขนหนูดีกว่ามั๊ย

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-09-2008 14:51:25
:a11:  บริการกระดาษทิชชูทางนี้ค่ะ  :

 :a4:   เพื่อนๆ น้องๆ เชิญหยิบตามสบาย   เอาไปเช็ดน้ำตาให้คุณแฟรงค์ด้วย

ช่วยปลอบเธอหน่อย   อย่าเศร้าไปเลย อนาคตยังได้เจอคนอีกเยอะ  :a1:

ปล่อย  ตาเฒ่าบริเจคส์ ไปเถอะ  ก็แค่หล่อกับรวยเท่านั้น   :a2:  เชอะ!.. [/center]


ไม่เอากระดาษทิชชูค่ะ ขอ .35 มม. ไปเป่าโป้งตาลุงคริสกับชารอนละกัน ทำร้ายจิตใจแฟรงค์ดีนัก  :oni1: (เค้าไม่ได้โหดนะ)

ส่วนลุงแฟรงค์ หาแฟนใหม่โลด เอาเด็กๆเอ๊าะๆไปเล้ย :laugh:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 30-09-2008 14:52:27
ป้าเข้ามาหยิบทิชชู่ไปแล้วจ๊ะ
แฟรงกี้ อย่าท้อนะ

ปล่อยตาคริสไปเถอะ หาใหม่ดีกว่า
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [ขึ้น part 2 แล้วจ้
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 30-09-2008 15:49:04
มีปัญหาเข้าใจผิดกันนี่น่ากลัวนะ เมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที

กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นอีก เพราะความไม่เข้าใจนี่แหละ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-09-2008 16:50:58
ดอกชารอน

ชิส์
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 30-09-2008 19:52:21
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 30-09-2008 21:38:37
คริสนี่แก่แล้วแก่เลย
โง๊วโง่วเนอะ
..
..
แฟร๊งค์ก็ฉะล๊าดฉลาด

คนอ่าน
 :a6:
 :a6:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 30-09-2008 22:27:41
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


กระดาษทิชชูใกล้หมดแล้วคร่า

มาเติมด้วยนะ


แงแงแงแงแงแง

ไม่น่าเล๊ย  คริสนะคริส...ตาบ้า ชิส์
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 30-09-2008 23:13:38
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ชาร้อนนนนนนนนนนนน  ออกไปนะนังชาร้อน

กลับประเทศไปสะ  TT^TT

สงสารแฟรงค์อ้ะ  อุตส่าโทหาแล้วต้องมาเจอแบบนี้

นังชาร้อน นังมารร้าย  อ้ากกกกกก :เตะ1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-10-2008 15:19:33
Fatherhood part 2… [ 7 ] ต่อ...




แฟรงค์สะดุ้งตื่นเมื่อโทรศัพท์สายในดังขึ้น รีบดูเวลาเกือบ 4 ทุ่มแล้ว เขาเผลอหลับไปทั้งที่น้ำตานองหน้า

“ทำอะไรอยู่แฟรงค์.. ลูกค้าเต็มร้านแล้วนะ ไม่สบายหรือเปล่า”

แซมถามด้วยความเป็นห่วง เพราะให้เด็กขึ้นมาดูแล้วกลับลงไปรายงานว่า คุณแฟรงค์นอนแผ่อยู่บนเตียง

“เปล่า ฉันโอเค.. จะลงไปเดี๋ยวนี้”

แฟรงค์โซเซลุกขึ้นจากที่นอน รู้สึกผะอืดผะอมเพราะอาการเครียดจนต้องวิ่งเข้าห้องน้ำอาเจียนออก จริงๆ แล้วเขาอยากหลับต่อ แต่ไม่ดีกว่าให้หลับเวลานี้เขาคงต้องฝันว่าจมน้ำตายอีก



:jul1:



เที่ยงคืนกว่า …

แฟรงค์นั่งจิบบรั่นดีที่บาร์ตามลำพังหลังจากแขกเริ่มซา แซมเดินมานั่งลงข้างๆ

“ฉันจะกลับแล้วนะแฟรงค์.. นายอยู่ได้มั้ย”

แฟรงค์เลิกคิ้ว   “ทำไมไม่ได้ ฉันอยู่ของฉันทุกคืน”

“นายโอเคมั้ย มีปัญหาหรือเปล่า ดื่มเหล้าทำไม”

แฟรงค์หัวเราะ ไม่ยอมตอบคำถามของเพื่อนและยืนยันว่าเขาสบายดี แซมจึงขอตัวกลับก่อน แต่ก่อนกลับขอร้องแฟรงค์ว่าดื่มหมดแก้วนี้แล้วก็พอ แซมหันไปกระซิบสั่งมิกเซอร์ว่าถ้าคืนนี้แฟรงค์เมาไม่ได้สติแบบคืนก่อน เขาจะถูกหักเงินเดือนหนึ่งเดือน เพราะฉะนั้นเก็บเหล้าให้พ้นมือแฟรงค์ด้วย

หลังจากแซมกลับไปแฟรงค์ยังคงนั่งดื่มต่อเป็นแก้วที่สองและสาม จะให้ มิกเซอร์ทำตามคำสั่งแซมได้ยังไง ในเมื่อโทษของแซมหักเงินเดือนแค่หนึ่งเดือน แต่โทษของคุณแฟรงค์ เปลี่ยนมิกเซอร์คนใหม่ เป็นใครก็ต้องยอมเลือกโทษที่เบากว่าทั้งนั้น

“หวัดดีครับ คุณแพ็ททริค ขอนั่งดื่มเป็นเพื่อนได้มั้ยครับ”

แฟรงค์ขยับตัวต้อนรับอย่างมีมารยาท แม้จะรู้สึกมึนๆ แต่ด้วยหน้าที่ของงานบริการ เขาต้องต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและกิริยาที่ดีเสมอ

“ผม ราฟ ลูกน้องคนสนิทของ นิค มาร์โบโล ครับ”

...อา!.. อีกแล้วหรือนี่ แฟรงค์เบื่อคนพวกนี้มาก แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้ามาในผับได้ นิค มาร์โบโล สิงห์เฒ่าวัย 50 เศษ เป็นเจ้าพ่อยาสูบค้าของหนีภาษีเกือบทุกประเภท บุหรี่หนีภาษีที่ถึงมือลูกค้าของนิคมีราคาสูงมาก เพราะเป็นบุหรี่สอดไส้ยาเสพติดตามออเดอร์

แฟรงค์ได้แต่พยักหน้ารับเพราะไม่อยากพูดคุยด้วย เริ่มมีความกังวลว่านิคกำลังส่งคนมาปล่อยของที่นี่ เพราะเห็นผับของเขาเริ่มโด่งดังและมีชื่อเสียง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นโฮโซเกือบทั้งหมด กำลังซื้อย่อมสูง

ลูกน้องของนิคนั่งพูดคุยสัพเพเหระอยู่สักพัก ก็เข้าประเด็นเอ่ยถามแฟรงค์อย่างตรงไปตรงมา

“เจ้านายให้ผมมาถามคุณว่า ยินดีคบเขาเป็นเพื่อนหรือเปล่า”

แฟรงค์สำลักเหล้าไอค่อกแค่ก ราฟลูบหลังให้อย่างเอาใจ แฟรงค์รีบลุกจากเก้าอี้ยืนเผชิญหน้ากับลูกน้องของนิคโดยไม่มีรอยยิ้มให้แล้ว

“ขอโทษครับ ช่วยกลับไปบอกนิคว่าผมขอบคุณที่อุตส่าห์มีไมตรีให้ ผมมีเพื่อนมากมายพอแล้ว”

เจ้าราฟแสยะยิ้ม เมื่อเกย์หนุ่มรูปงามเจ้าของคริสปี้ผับที่เจ้านายนิคของมันหลงใหล กำลังปฏิเสธและแสดงท่าทีรังเกียจตัวมันรวมถึงนายของมันด้วย

“อย่าพูดแบบนี้ให้เจ้านายผมได้ยินนะ แฟรงค์.. ไม่เคยมีใครปฏิเสธความต้องการของนิคได้ คริสปี้ผับของคุณกำลังไปได้สวย เพิ่งเปิดบริการได้แค่ครึ่งปีเองไม่ใช่เหรอ.. คุณคงไม่อยากเห็นมันต้องปิดตัวลงไปในวันนี้พรุ่งนี้”

“นี่แกขู่ฉันเหรอ..” แฟรงค์พยายามระงับอารมณ์พูดคุยด้วยดี เพราะยังมีแขกนั่งอยู่ 2 – 3 โต๊ะ

“ผมไม่ได้ขู่ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย เศรษฐีใหญ่บริเจคส์ไม่ได้เลี้ยงดูคุณแล้วไม่ใช่เหรอ.. จะครองตัวเป็นโสดอยู่ทำไม หาความสุขกับเจ้านายผมดีกว่า เขาแอบชอบคุณมานานแล้วรู้มั้ย.. ถึงขนาดให้เด็กคู่ขาใส่หน้ากากใบหน้าคุณ  อย่าปฏิเสธเลยน่า แฟรงค์.. คุณจะได้รับค่าตัวจากนายผมครั้งละหลายหมื่นบาท และจะเพิ่มเป็นหลักแสนถ้าคุณใช้ปากกับเขา ถ้าผมเป็นคุณผมรับข้อเสนอทันทีไม่เสียเวลาคิดเลย…”

แฟรงค์แทบจะสำรอกกับคำพูดและข้อเสนอของมัน   เขาพยักหน้าให้การ์ดที่ยืนเตรียมพร้อมอยู่ด้านหลังเจ้าราฟ 2 คน

“ลากมันออกไป”

แฟรงค์พูดได้แค่นั้นก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เสียงเจ้าราฟเอะอะโวยวายและมีเสียงดังตามมาหลายตุ้บ ก่อนจะเงียบไป

แฟรงค์อาเจียนจนหมดไส้หมดพุง เขารู้สึกไม่ดีตั้งแต่หัวค่ำแล้ว และบรั่นดี 3 แก้วที่เข้าไปอยู่ในกระเพาะโดยไม่มีอาหารลงท้องเลย ทำให้แฟรงค์กำลังรู้สึกผะอืดผะอมอยู่บ้างแล้วก่อนที่เจ้าราฟจะเข้ามานั่งคุย

แฟรงค์ขอเช็คบิลแขกที่เหลือ โดยบอกว่าเขาไม่ค่อยสบายต้องขอปิดร้านเร็วหน่อย ซึ่งก็ไม่มีปัญหาเพราะแขกทุกคนคุ้นเคยกับแฟรงค์เป็นอย่างดี ยังไม่ถึง 1 นาฬิกา คริสปี้ผับก็ดับไฟมืดในขณะที่ร้านข้างๆ ยังคึกคักแสงไฟสว่างไสว



:a12:



แฟรงค์สะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของตกลงพื้น และมีเสียงกุกกักตามมา เขานอนลืมตานิ่งเงี่ยหูฟัง ตั้งแต่เขาใช้ร้านเป็นที่พักอาศัย แซมจัดการให้การ์ดหนึ่งคน สลับเวรอยู่เป็นเพื่อนเขาและเฝ้าร้านไปในตัวด้วย คืนนี้เป็นเวรใครกันนะ…

แฟรงค์ลุกพรวดขึ้นนั่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นเวรของการ์ดที่ชื่อใหญ่ แต่ใหญ่ขออนุญาตเขาไว้แล้วเมื่อตอนหัวค่ำ ว่าจะขอกลับไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาที่ใกล้คลอด หากจำเป็นต้องมีใครอยู่เป็นเพื่อนเขาจะขอสลับเวรกับการ์ดคนอื่น แฟรงค์อนุญาตและบอกว่าเขาอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องสลับเวรกับใคร

แฟรงค์ใจหายวาบเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินขึ้นบันไดมา รีบลุกจากเตียงยกข้อมือดูเวลา ตี 2 ครึ่ง… เขาเพิ่งหลับไปได้ชั่วโมงกว่าเอง แฟรงค์หันซ้ายหันขวาหาอาวุธ ใจเต้นแรงเพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน แฟรงค์นึกขึ้นได้รีบทรุดตัวลงหยิบไม้เบสบอลใต้เตียงขึ้นมาถือกระชับไว้ในมือ และเดินไปหลบมุมที่ประตูรอจังหวะ

แซมบอกว่าจะหาปืนมาให้เขาเก็บไว้ป้องกันตัว แต่เขาปฏิเสธบอกว่าไม่จำเป็น เขาไม่ชอบความรุนแรงและไม่ชอบเสียงดัง ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้จึงนึกถึงมันขึ้นมา อาจเป็นเพราะถือปืนไว้ในมือให้ความมั่นใจมากกว่า อย่างน้อยถ้าอีกฝ่ายมีปืนเขาก็มีปืน แต่ที่ถืออยู่ในมือตอนนี้เป็นแค่ไม้ เขาต้องออกแรงฟาดมันทีเดียวให้สลบก่อนที่เขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

...โอ! พระเจ้า…. เสียงฝีเท้าที่ได้ยินบอกให้เขารู้ว่ามันมากันมากกว่าหนึ่งคน ให้ตายเถอะ!.. เขาไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรมากเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาน่าจะเชื่อแซมหาปืนไว้ป้องกันตัว จะได้ไม่ต้องมายืนตัวสั่นแบบนี้...

แฟรงค์ได้ยินเสียงพวกมันคุยกันอยู่ด้านนอกฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็ทำให้เขาพอจะรู้ว่าพวกมันมากัน 3-4 คน เขายืนนิ่งแทบจะไม่หายใจรอเวลาที่ประตูจะเปิดออก เตรียมใจยอมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพราะไม่มีทางสู้พวกมันได้ เขาควรยอมให้ทุกอย่างที่พวกมันต้องการเพื่อรักษาชีวิตไว้

...ให้ตายเถอะ! พวกมันมีความชำนาญในการงัดกุญแจ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันสามารถเปิดล็อกประตูโดยไม่ต้องใช้แรงถีบ ทันทีที่ประตูเปิดออกแฟรงค์หลบตัวลีบอยู่ด้านหลัง รอจังหวะที่จะฟาดพวกมันให้สลบเหมือดอย่างน้อยหนึ่งคน

...โอ! พระเจ้า แฟรงค์รู้สึกหมดแรงเอาดื้อๆ เขาคงไม่มีปัญญายกไม้ฟาดใคร เพราะที่เห็นอยู่ตอนนี้ ร่างสูงใหญ่ขนาดการ์ดของเขาเดินตามกันเข้ามา 5 คนแล้ว

พวกมันคนหนึ่งกดสวิทช์ไฟให้ห้องสว่างขึ้น

“เฮ้ย! มันหายไปไหนวะ!!”

แฟรงค์ตัดสินใจเดินออกมาจากหลังประตู ...อะไรจะเกิดก็เกิด เขาไม่สามารถหลบพวกมันพ้นอยู่แล้ว...

“ฉันอยู่นี่ พวกแกต้องการอะไร”

ชายฉกรรจ์ทั้งห้าหันขวับมาทางแฟรงค์ พวกมันแสยะยิ้มและหัวเราะเยาะเมื่อเห็นเขายืนถือไม้เบสบอลในมือ

“ต้องการตัวแกไง แฟรงค์..”

คำตอบที่ได้รับไม่ได้ออกจากปากพวกมัน  แต่มาจากชายอีกหนึ่งคนที่ย่องเข้ามาประชิดด้านหลังล็อกคอและแขนขวาของเขาไขว้หลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม้เบสบอลในมือจึงร่วงลงพื้น สมุนของพวกมันหยิบไม้ขึ้นมาถือไว้

“บอกแล้วใช่มั้ยว่าแกไม่มีทางปฏิเสธ นิคอยากได้อะไร ต้องได้...”

“แก…”

แฟรงค์กัดฟันพูดได้เพียงเท่านี้ เพราะถูกเจ้าราฟบีบที่ลำคออย่างแรง ไอ้ยักษ์ที่ถือไม้เบสบอลของเขาอยู่ในมือเดินตรงรี่เข้ามา แฟรงค์หลับตาเมื่อเห็นมันยกไม้ขึ้นทำท่าจะหวด

“เอาตรงไหนก่อนดีลูกพี่”

เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังอยู่ข้างหูเขาก่อนคำว่า “ขา” จะหลุดออกมา

แฟรงค์ลืมตาขึ้นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ยักษ์นั่นหวดไม้ลงที่ขาขวาเขาอย่างแรงจนได้ยินเสียงดัง “ก๊อบ” เขาสะดุ้งเฮือกกำลังจะส่งเสียงร้องก็ถูกเทปขนาดใหญ่ปิดที่ปาก เสียงโหยหวนของเขาจึงดังอยู่แค่ในลำคอเท่านั้น ราฟสั่งให้สมุนมัดมือสองข้างของเขาด้วยเทป ทันทีที่มันปล่อยแขนแฟรงค์ก็ทรุดฮวบลงกับพื้น เขาค่อยๆ ขยับร่างออกห่างจากพวกมัน ในขณะที่เจ้าราฟดึงไม้เบสบอลในมือสมุนร่างยักษ์มาถือไว้เอง

“จะหนีไปไหนแฟรงค์.. ฉันต้องคิดบัญชีกับแกก่อนที่เจ้านายฉันจะตามมาอัดตูดแกภายใน 2-3 นาทีนี้ แกวอนเจ็บตัวเอง ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใครและนิคเป็นใคร”

แฟรงค์เพิ่งสังเกตเห็นหน้าตาเจ้าราฟ การ์ดของเขาคงรุมซ้อมมันอย่างมันมือจนทำให้มันผูกใจเจ็บและอาฆาต เขารู้สึกเสียใจเหมือนกันเพราะไม่ได้ตั้งใจให้คนของเขาใช้ความรุนแรง  แค่บอกให้พาตัวมันออกไปนอกร้านเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะรู้สึกเสียใจอย่างไรเขาก็ไม่มีวันเอ่ยขอโทษ

แฟรงค์ขยับตัวถอยหนีในขณะที่เจ้าราฟถือไม้เดินตาม เขาถอยจนสุดผนังห้องไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก เสียงหัวเราะของมันดังขึ้นอย่างสะใจ แฟรงค์หลับตาลงอีกครั้งเมื่อไม้ถูกเงื้อขึ้น อึดใจต่อมาเขาก็รู้สึกจุกอย่างแรงที่ท้อง เจ็บและชาที่แขนขาและสะโพก ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มมาเขาไม่เคยมีเรื่องวิวาทกับใครถึงขนาดต้องใช้กำลังรุนแรงแบบนี้ เคยต่อยปากอาจารย์แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาเป็นหนุ่มสำอางพูดจาไพเราะ หลีกเลี่ยงการมีเรื่องราวได้ทุกครั้ง แค่เขายิ้มให้…นักเลงและจิ๊กโก๋ปากซอยก็ยอมเป็นมิตรด้วยแล้ว  เขาไม่ชอบความรุนแรงจึงไม่เคยฝึกศิลปป้องกันตัวไว้ แต่ถึงยังไงเขาก็รู้จักวิธีป้องกันตัวตามสัญชาติญาณลูกผู้ชาย นี่ถ้าพวกมันมาแค่ 1-2 คน เขาก็จะสู้ไม่ถอย แต่ไม่คิดเลยว่าการที่เขาไม่สู้เพราะเห็นพวกมันมากันเป็นกองทัพ กลับทำให้พวกมันเห็นเขาเป็นแค่กระสอบทราย...

“เจ้านายมา!!   ลูกพี่  พอแล้ว เดี๋ยวช้ำในตายก่อน”

ราฟทิ้งไม้เบสบอลลงกับพื้น สะใจที่ได้แก้แค้นเกย์หนุ่มหล่อที่เจ้านายนิคของมันหลงนักหลงหนา สภาพช้ำในขนาดนี้คงไม่มีแรงหนีหรือฤทธิ์มากกับเจ้านายของเขา กระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัวจริงๆ

“ทำอะไรอยู่ ยังไม่พร้อมอีกเหรอ..”

“พร้อมเดี๋ยวนี้แล้วครับ เจ้านาย”

ราฟสั่งสมุนสองคนหิ้วปีกแฟรงค์ขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียงและถอดเสื้อผ้าออก รอยเขียวช้ำทั่วตัวทำให้ นิค มาร์โบโล รู้สึกเสียอารมณ์

“ใครสั่งให้แกอัดมันวะ!!   เขียวช้ำทั้งตัวอย่างนี้ข้าจะมีอารมณ์ได้ไง”

“จำเป็นครับนาย มันฤทธิ์มาก ถ้ายังไงปิดไฟดีมั้ยครับ” เจ้าราฟให้ข้อเสนอดีแต่ถูกตวาดกลับ

:angry2:  “ไอ้โง่!!.. ถ้าข้าต้องปิดไฟอัดตูดหวานใจในฝันของข้า ข้าอัดเอ็งก็ได้!!..  ไม่ต้องเสียแรงเสียเวลาถ่อกันมาถึงนี่ ถอยออกไป!!..”

เจ้าราฟเลี่ยงออกไปยืนเฝ้าหน้าห้องพร้อมลูกสมุนทั้งหมด

นิค มาร์โบโล ยืนประชิดเตียงมองดูร่างเปลือยเปล่าของหนุ่มแฟรงค์ที่เขาแอบชื่นชอบและหลงใหลมานานกว่า 8 ปีแล้ว แฟรงค์เดินแบบที่ไหนมันจะตามไปดูและถ่ายรูปเขาเก็บสะสมไว้เป็นอัลบั้ม หลายปีที่ผ่านมาเป็นที่รู้กันในสังคมรักร่วมเพศว่าแฟรงค์อยู่กับมหาเศรษฐีคริส บริเจคส์ ในฐานะคนสนิทและคู่ขา นิคเป็นนักเลงที่มีจิตใจเป็นลูกผู้ชาย เขาไม่แย่งคนรักของใคร แฟรงค์มีเจ้าของแล้วเขาก็ได้แต่แอบชื่นชอบไปตามเรื่องตามราว ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่มหาเศรษฐีบริเจคส์เขี่ยหนุ่มแฟรงค์กระเด็นลงจากเตียง   และคว้าแหม่มสาวมาอยู่ข้างกายให้สะเทือนวงการเกย์เอาดื้อๆ

นิคก้มลงดึงเทปที่ปิดปากแฟรงค์ออก

“ไง แฟรงค์.. ถ้ายอมดีๆ แต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ รู้มั้ยว่าฉันแอบชื่นชอบแกมานานขนาดไหน ในเมื่อคริสเขาไม่สนใจแกแล้ว ฉันก็ยินดีเป็นสปอนเซอร์ทุกอย่างให้แกแทนคริส จะขยายคริสปี้ผับของแกออกไปอีกกี่คูหาก็ได้ ขอเพียงแกยอมเป็นคู่ใจคู่กายของฉัน ว่าไงแฟรงค์..”

“ปล่อยผมก่อนได้มั้ย ผมยังไม่พร้อม ขอเวลาผมหน่อย”

“ถ้าเมื่อตอนดึกแกพูดอย่างนี้เสียตั้งแต่แรกก็จบเรื่อง พูดตอนนี้มันสายไปแล้วแฟรงค์.. ฉันไม่เคยเสียเวลาเปล่า คืนนี้ฉันตั้งใจมาอัดแกเต็มที่อยู่แล้ว ที่ฉันถามหมายถึงครั้งต่อๆ ไปต่างหาก แฟรงค์..”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องถาม ฉันไม่เคยนึกมาก่อนว่านักเลงโตอย่างแก ชอบใช้กำลังทำร้ายและขืนใจคน”

“ฮะ ฮะ มันได้อารมณ์กว่ากัน แฟรงค์.. แต่สำหรับแกฉันไม่ได้ต้องการทำอย่างนี้เลยนะ ฉันชื่นชอบและแอบฝันที่จะมีเซ็กซ์กับแกมานานแล้ว เรื่องอะไรฉันถึงอยากจะขืนใจแก เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ แฟรงค์.. ฉันจะแก้มัดให้ถ้าสัญญาว่าจะไม่ขัดขืน ฉันรู้ว่าแกอาจจะทำใจลำบาก แต่ระหว่างฉันกับคริส ฉันไม่มีอะไรด้อยกว่าเขาเลย รับรองได้..”

แฟรงค์รู้สึกขยะแขยงและทุเรศที่นักเลงเฒ่าหุ่นฮิปโปอย่างเจ้านิค บังอาจเทียบตัวเองกับเทพบุตรคริสที่รักของเขา เขาถ่มน้ำลายใส่หน้ามันเมื่อมันยื่นหน้าเข้ามาแสยะยิ้มให้

นิคหัวเราะชอบใจอย่างคนเสียสติ พยักหน้าให้เจ้าราฟเข้ามา

“ตบหน้าสั่งสอนมันหน่อยซิ เอาแค่ให้เลือดกลบปากก็พอ ข้าจะได้มีอารมณ์มากขึ้น”

เจ้าราฟรับคำรีบปฏิบัติตามที่นายสั่งอย่างเต็มใจ แค่ฉาดแรกเลือดกำเดาก็ไหลออกจากจมูกแฟรงค์แล้ว เพราะมันไม่ได้ตบด้วยฝ่ามือแต่ตบด้วยกำปั้น มันตบซ้ายตบขวาโดยไม่นับครั้งอย่างสะใจ นิคมัวแต่ก้มหน้าปลดกระดุมเสื้อ เงยขึ้นมาเห็นเข้าก็ร้องห้ามด้วยความโมโห

“เฮ้ย!!.. พอแล้วโว้ย ไอ้บ้า!!.. กูบอกเอาแค่เลือดกลบปาก มึ_งทำให้หวานใจกูหมดหล่อแล้ว แถมยังเลือดโชกอย่างนี้กูจะมีอารมณ์ได้ไง ไอ้เวร!!.. หาผ้ามาซับเลือดเดี๋ยวนี้”

ราฟส่ายหน้ากับความเรื่องมากของเจ้านาย แต่ก็ปฏิบัติตามคำสั่งด้วยดี หาผ้ามาซับเลือดที่ไหลออกจากปากและจมูกของแฟรงค์

“ปิดปากมันไว้เถอะครับนาย จะได้ไม่พูดจาให้ระคายหูอีก”

นิคเห็นดีด้วย เพราะไม่อยากมีปากเสียงกับแฟรงค์ให้เสียอารมณ์

...โอ! พระเจ้า แฟรงค์หมดหนทางที่จะเลี่ยงชะตากรรมนี้แล้ว เขาส่ายหน้าหนีไม่ยอมให้ราฟปิดเทป และเอ่ยขอร้องอย่างผู้แพ้

“นิค.. ผมยอมแล้ว ผมขอร้อง ขอ…”

แฟรงค์พูดได้แค่นั้น เพราะถูกราฟเอาเทปปิดปาก แฟรงค์ส่งเสียงในลำคอและหันไปสบสายตากับนิคอย่างอ้อนวอน ทำให้มันใจอ่อนสั่งให้เจ้าราฟเอาเทปออก

“แกจะขออะไร แฟรงค์..” นิคเอ่ยถามขณะที่มือปลดซิบกางเกงเตรียมจะเปลื้องออก

“ผมขอร้อง ช่วยใส่เสื้อกันฝนด้วย..” น้ำเสียงแฟรงค์ตะกุกตะกักเพราะเจ็บระบบไปทั้งใบหน้า ...คำขอร้องของเขาตลกมากนักหรือไง มันถึงหัวเราะเยาะใส่เขาอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ...

“ฮะ ฮะ ๆ โอ๊ะโอ๋.. หวานใจของข้าอยากให้ข้าใส่เสื้อฝนโว้ย ไอ้ราฟเอ็งบอกซิว่าทำไมข้าถึงไม่ชอบใส่”

นิคพูดจบก็เปลื้องกางเกงลงกองที่พื้น ขณะเดียวกับที่เจ้าราฟเงยหน้าแฟรงค์ขึ้นและบอกเหตุผลให้รู้

“เจ้านายไม่ชอบใส่เสื้อกันฝนเพราะมันอึดอัด ต่อให้ขนาดใหญ่ที่สุดแล้วก็ยังอึดอัด ถ้าไม่เชื่อก็หันไปดูเอง”

ราฟหันหน้าแฟรงค์ไปหานายของมันที่อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเต็มที่

(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sad5.gif)    แฟรงค์สะดุ้งเฮือกตาเหลือกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นขนาดของน้องชายและร่างเปลือยขนาดฮิปโปของเจ้านิคยืนประชิดเตียงอยู่ในท่าเตรียมพร้อม

 ..โอ! พระเจ้า.. แฟรงค์เบือนหน้าหลบสิ่งที่น่ากลัวและทุเรศนั้น ตะกายร่างหนีด้วยความตกใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/dont2.gif)



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-10-2008 15:22:09
WARNING!!!!!!!!!!!!

(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/teach.gif) คำเตือน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!     ถ้าใจไม่แข็งให้ข้ามเนื้อเรื่องสีแดงไปอ่านตอนท้ายเลย




“เชื่อหรือยังล่ะแฟรงค์ว่าใส่ไม่ได้ ถึงใส่ก็ขาดอยู่ดี” เจ้านิคภูมิใจกับขนาดใหญ่โตของน้องชายมัน

“เชื่อหรือยังว่าฉันมีดีกว่าคริส.. ของคริสมีเครื่องประดับอย่างนี้หรือเปล่า มันช่วยเพิ่มอารมณ์ได้มากเลยนะแฟรงค์ มาเถอะน่า… อย่าเสียเวลาอีกเลย”

แฟรงค์ถูกเจ้านิคจับข้อเท้าลากเข้าหาตัวโดยที่เขาไม่มีแรงขืน กระดูกหน้าแข้งข้างขวาของเขาถ้าไม่หักก็คงแตกเพราะแรงกระแทกจากไม้เบสบอล

“ได้โปรดเถอะนิค.. อย่าทำผมเลย ผมกลัวแล้ว”  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sad4.gif)

แฟรงค์ตัวสั่นร้องเสียงหลงด้วยความกลัว จนเจ้านิคอดหัวเราะไม่ได้

“ไม่เอาน่ะแฟรงค์.. นายไม่ใช่เด็กหนุ่มๆ นะ วัยฉกรรจ์ขนาดนี้ฟันเด็กมาก็หลายคน ร้องตกใจกลัวเหมือนไม่เคยไปได้”

แฟรงค์พยายามตะกายหนี ...โอ! พระเจ้า จะไม่ให้เขากลัวได้ยังไง เขาไม่เคยมีเซ็กซ์กับใครเพราะถูกบังคับขืนใจแบบนี้ ไหนจะขนาดที่ผิดปกติมนุษย์และเครื่องประดับที่ฝังอยู่ตามเนื้อตัวของน้องชายมัน แค่เห็นเขาก็กลัวจับใจแล้ว

“ได้โปรดเถอะ นิค.. ใส่เสื้อกันฝนก่อนได้มั้ย ผมไม่รู้ว่าผมจะติดเอดส์จากเด็กในร้านหรือเปล่า ผมลืมป้องกันและเผลอมีอะไรด้วย ตอนนี้รอผลตรวจเลือดอยู่ ถ้าคุณอยากจะเสี่ยงกับผมก็ได้ เชิญตามสบายเลยนิค ผมยอมแล้ว”

แฟรงค์ซุกหน้าลงบนที่นอน กลัวจับใจจนพูดอะไรออกไปเรื่อยเปื่อย แต่มันก็ได้ผล เจ้านิคลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะขอเสื้อกันฝนจากสมุนคู่ใจ

แฟรงค์ตัวสั่นเมื่อเจ้าฮิปโปยักษ์ยืนเตรียมพร้อมอยู่ระหว่างขาเขา มันจับข้อเท้าเขาลากตัวเข้าไปใกล้เพื่อเตรียมประจัญบาญเต็มที่ แฟรงค์หลับตาลงยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่นึกเลยว่าวัยขนาดเขายังถูกข่มเหงรังแกในสภาพนี้ได้ หวนนึกถึงไมเคิลหนุ่มน้อยไร้เดียงสาที่ถูกรุมทำร้ายแบบเดียวกันนี้ แฟรงค์เข้าใจความรู้สึกของเจ้าหนูในนาทีนั้นแล้ว

แฟรงค์สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเจ้านิคเปิดฉากอย่างไม่ปรานี เขาไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้ เพราะนอกจากจะเจ็บระบมทั่วร่างกายแล้ว แค่เขาโงหัวขึ้นร้อง เจ้าราฟก็กดหน้าเขาซุกลงกับที่นอนจนหายใจแทบไม่ออก เขาต้องกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวด ยอมนิ่งเฉยให้เจ้ายักษ์นิคระบายความใคร่อย่างเมามันในอารมณ์

แฟรงค์น้ำตาไหลพรากด้วยความรู้สึกเจ็บทั้งใจและกาย

...โอ! พระเจ้า.. เขายอมประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสขนาดไหนก็ได้ หรือจะเอาชีวิตเขาไปก็ยอมเพื่อแลกกับเคราะห์กรรมที่กำลังได้รับอยู่ในขณะนี้...

แฟรงค์รู้สึกเจ็บแสบภายในอย่างมาก ไม่เพียงแต่ขนาดที่สร้างความทรมานให้กับเขา มุกที่ฝังไว้รอบตัวน้องชายของมันเพิ่มความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส แม้จะสวมเสื้อกันฝนแล้วก็ตาม นี่ถ้ามันไม่สวมเขาจะเจ็บมากกว่านี้กี่เท่า...

“โว้ย!!.. ไม่ถนัด รำคาญ ข้าไม่ค่อยได้อารมณ์กับไอ้เสื้อเวรนี่ เสียใจด้วยนะ แฟรงค์.. ฉันไม่กลัวติดเอดส์จากแกหรอก เพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหรือเปล่า”

เจ้านิคถอดเสื้อฝนออกอย่างรวดเร็วโดยที่แฟรงค์ไม่ทันได้ร้องห้าม

แฟรงค์สะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เจ็บแปลบทั้งภายนอกและภายในเพราะถูกเสียดสีอย่างรุนแรงจากมุกนรกของมัน แฟรงค์ไม่สามารถนิ่งเฉยและอดทนกับความเจ็บปวดได้อีก เขาส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความทรมาน

“ปิดปากมันซะ ก่อนที่ข้าจะหมดอารมณ์”

นิคสั่งการด้วยน้ำเสียงกระเส่า เจ้าราฟปฏิบัติตามทันทีและยังนอกคำสั่งด้วยการเอาหมอนมาปิดศีรษะแฟรงค์ไว้เพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา

แฟรงค์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดใจ รีบนึกถึงคนใกล้ตัวที่เขารักทุกคน เพราะคิดขึ้นได้ว่าไอ้นรกนิคอาจไม่ปล่อยให้เขารอดชีวิต แซมเป็นคนแรกที่เขานึกถึงเพราะเป็นเพื่อนรักและคนใกล้ชิดคนเดียวของเขาในเวลานี้ ตามด้วยหนุ่มน้อยทุกคนที่เขารัก โอ แจ๊ค บอย ทิมและไมเคิล เขาอยากหยุดภาพคนที่เขารักไว้เพียงเท่านี้แต่หัวใจไม่อาจทำตามที่สมองสั่ง ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนฝันของสถาปนิคหนุ่มใหญ่ คริส บริเจคส์ เข้ามาแทนที่หนุ่มน้อยไมเคิล คริสส่งยิ้มให้เขา รอยยิ้มของคริสอ่อนโยนและอบอุ่น แฟรงค์ถลาเข้าสวมกอดคริสในภวังค์

“ คริส.. คริส..”

“ ช่วยด้วยคริส.. ช่วยผมด้วย”   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/hsosad.gif)

แฟรงค์ไม่รู้ว่าเขานึกถึงคริสอยู่นานแค่ไหน รู้แต่ว่าทุกครั้งที่เรียกชื่อคริส เขาคลายความทรมานและความเจ็บปวดลงได้ เหมือนชื่อนี้เป็นยารักษาแผลใจและกายของเขา  



 :sad2:





ในที่สุดเจ้านิคก็ได้ขึ้นสวรรค์สมใจปรารถนา ในขณะที่แฟรงค์เหมือนตกลงเหวนรก มันกระซิบสั่งลาแฟรงค์ด้วยความเสน่ห์หา

“อย่าลืมข้อเสนอของฉันนะ แฟรงค์.. ครั้งต่อๆ ไปแกจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ และไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้”

นิคสั่งเจ้าราฟแก้มัดที่มือและปากของแฟรงค์ ก่อนกลับมันโยนเงินลงบนที่นอนปึกใหญ่และกล่าวสั่งเสียกึ่งข่มขู่

“นี่เป็นเงินค่ารักษาตัวของแก แฟรงค์.. ขอโทษด้วยที่ทำให้แกต้องเจ็บตัวแบบนี้ หวังว่าแกคงไม่อยากตกเป็นข่าว เกย์หนุ่มหล่อนายแบบและเจ้าของคริสปี้ผับที่กำลังโด่งดังถูกขืนใจยับ ไม่ต้องห่วงนะ แฟรงค์.. ฉันจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับธุรกิจของแก จะสั่งลูกน้องมาคุ้มครองดูแลความเรียบร้อยให้ด้วย อย่างน้อยแกก็เป็นของฉันแล้ว ตั้งแต่คืนนี้อย่าให้ฉันรู้ว่าแกไปข้องเกี่ยวกับใครนะ แฟรงค์.. ฉันจะเอามันถึงตายเลย ฮะ ฮะ ฮะ…”

เสียงหัวเราะของมันดังก้องอยู่ในโสตประสาทของแฟรงค์ คำพูดแสดงความเป็นเจ้าของในตัวเขา ทำให้แฟรงค์รู้สึกเกลียดและขยะแขยงตัวเอง

แฟรงค์นอนนิ่งอยู่สักพักก็รู้สึกระบมและเจ็บปวดกับบาดแผลทั่วร่างกายจนไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้ เขาพยายามทรงกายลุกขึ้นนั่ง

...โอ!.. พระเจ้า แฟรงค์หมดแรงจนต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เมื่อเห็นสภาพตัวเองกับตา ที่นอนขาวสะอาดของเขาถูกย้อมเป็นสีแดง ไม่ต้องหาที่มาของบาดแผล เขารู้ดีว่าบาดแผลฉกรรจ์อยู่บริเวณไหนของร่างกาย ตลอดลำตัวและแขนขาของเขามีรอยเขียวช้ำไปทั่วเพราะถูกหวดด้วยไม้เบสบอล แฟรงค์อดสมเพชตัวเองไม่ได้ อาวุธของเขากลับมาทำร้ายตัวเขาเอง

แฟรงค์เหลือบดูเวลาที่หัวเตียง ตีสามกว่าเอง ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตกอยู่ในขุมนรกนานเป็นปีๆ

โทรศัพท์!!…

แฟรงค์เอื้อมมือควานหามือถือที่วางไว้เป็นประจำที่หัวนอน เขาต้องขยับตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้งเพราะควานหาโทรศัพท์ไม่เจอ

...โอ! ให้ตายเถอะ ไม่อยากเชื่อเลย แฟรงค์มองเห็นโทรศัพท์มือถือของตัวเองนอนแอ้งแม้งอยู่มุมห้อง เขาเขวี้ยงมันทิ้งกับมือเมื่อตอนหัวค่ำเองนี่นา…

แฟรงค์ขยับตัวจะหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงก็รู้สึกเหมือนมีของเหลวไหลออกจากร่างกายคล้ายกับอาการท้องร่วงอย่างแรง เขาไม่กล้าก้มลงดู รีบคว้าโทรศัพท์มาถือไว้และล้มตัวลงนอน เขารู้ดีว่าบาดแผลภายในฉกรรจ์ขนาดไหน เขาควรจะนอนนิ่งๆ ยิ่งขยับตัวมากเลือดก็จะออกมาก

แฟรงค์เริ่มมีอาการสั่นไม่รู้ว่าเพราะหนาวหรือกลัว รู้แต่ว่าเขาต้องโทรหาใครสักคน

แซม.. แซม..

แฟรงค์พยายามนึกเบอร์โทรศัพท์ของแซม นึกโมโหตัวเอง ถ้าเป็นมือถือ เขาก็กดได้เลยเพราะ Memory ไว้ แฟรงค์ท่องเบอร์โทรศัพท์ทวนไปมา 2 –3 ครั้งก่อนจะลองกดดู เสียงเรียกดังประมาณ 3-4 ครั้ง ก่อนจะมีคนรับสาย แฟรงค์ดีใจเมื่อเสียงที่ได้ยินเป็นแซมจริงๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยเรียก ปลายสายก็ตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โกรธ

“โรคจิตหรือไงวะ โทรมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ ถ้าแกไม่มีอะไรทำก็นั่งชักว่าวของแกไป ไอ้บ้า!!…”

แซมวางหูดังโครม !!!..

แฟรงค์สะดุ้งเฮือกทิ้งโทรศัพท์ลงบนที่นอนด้วยความตกใจ

“ขอโทษ.. ฉันขอโทษ.. ฉันไม่ได้ตั้งใจกวนนาย ฉันขอโทษ แซม..”

แฟรงค์เริ่มกระสับกระส่าย รู้สึกว่าห้องหมุนไปมา เขาขยับตัวขึ้นอีกครั้งและอาเจียนลงบนที่นอน ชั่วเวลาไม่ทันข้ามคืน เขาอาเจียนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3

แฟรงค์นึกถึงคนที่จะมาช่วยเขาได้ในเวลาที่เขากำลังทุกข์ทรมานนี้

“บ๊อบ.. บ๊อบ…” เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นจะกดหาบ๊อบ

...ให้ตายเถอะ! เขาจำเบอร์บ๊อบไม่ได้ เบอร์อยู่ในมือถือ เขาไม่น่าทิ้งมันเลย เบอร์ที่บ้านบริเจคส์และเบอร์มือถือของคริส เป็นเบอร์ที่เขาจำได้โดยไม่ต้องใช้เวลานึก แฟรงค์รีบกดเบอร์สายตรงของคริส กดไปได้ 6 ตัวก็หยุด เพราะนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรรบกวนคริสไม่ว่าเวลานี้หรือเวลาไหน คริสไม่ควรรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา...

แฟรงค์วางโทรศัพท์ลง ควานหาผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเปลือยของตัวเองไว้เพราะรู้สึกหนาวยะเยือกจนสะท้าน เขาต้องทำให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นและนอนนิ่งๆ ไว้ รออีกแค่ 3 ชั่วโมงก็จะมีเด็กมาเปิดร้านทำความสะอาด อีกสามชั่วโมงเลือดคงไม่ไหลหมดตัวหรอก เขาควรจะหลับสักงีบเพราะรู้สึกง่วงและเวียนหัวมาก

แฟรงค์คว้าหมอนมากอดไว้แนบลำตัว รู้สึกว่าผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไม่ช่วยให้เขาหายหนาวเลย แฟรงค์หลับตาสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ พร่ำปลอบตัวเองไปมา

…ไม่ต้องกลัวแฟรงค์.. ไม่ต้องกลัว อีกแค่สามชั่วโมงก็จะมีคนมาช่วยแล้ว หลับพักผ่อนก่อน หลับซะแฟรงค์ หลับซะ….




:serius2:   :serius2:   :serius2:   :serius2:





(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/try2.gif)  "แหะ ๆ   เนื้อเรื่องมันเป็นอย่างนี้ เจ๊หมวยไม่ได้แกล้ง อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้น"


เอามือปิดหัววิ่งออกไป!!!  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/try2.gif)











(http://www.kidsquare.com/cdimages/x3679.jpg)


มาเปลี่ยนกล่องกระดาษทิชชูให้ใหม่  แล้ววิ่งออกไปอย่างเร็ว!!!


:o12:



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-10-2008 16:23:08
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :m31:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-10-2008 16:37:24
โอวมายบุดด้า

 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: winds ที่ 01-10-2008 17:01:42
เอ่อ......... :sad2:

ว่าใจแข็งแล้วเชียวนะ.... :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 01-10-2008 17:15:52
อ่า~~

แฟรงค์..

เจ้คับ  อย่าอยู่ซีนอารมแบบนี้นานๆนะ  จะขาดใจ

คริสค้าบบบ  ทำอะไรสักอย่างสิ 

จะปล่อยไปแบบนี้เรยหรอ  T^T

เจ้รีบมาต่อนะคับ  สอบเส็ดแล้ว  แอบว่าง

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 01-10-2008 20:53:55
โอ้...จอร์จจจจ

 :serius2:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 01-10-2008 21:55:13
 :a5: สุดๆ อ่ะ ไม่โทรล่ะ เดี๊ยวก็ตายกันพอดี เลือดหมดตูดตาย เอ๊ยไม่ไช่ เลือดหมดตัวต่างหาก

ยังอยากให้แฟรงค์เป็นนายเอกอยู่นะ นายเอกห้ามตาย และต้องสู้ต่อไปนะคะ

(เดี๊ยวขอไปหา เอ็มสิบหก มาให้นะคะแฟรงค์ ไอ้ฮิปโปบ้ากามมันมาอีกก็กรอกปากมันเลย อิอิ)
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 01-10-2008 23:26:08
แฟรงกี้ อย่าเป็นอะไรมากกว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Huo_To ที่ 02-10-2008 00:05:33
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด จริงๆ   แฟรงก์เอ๊ย 



จิ้นต่อว่าแฟรงกี้ฝันไป เฮ้อ  ค่อยยังชั่ว   :amen:  :amen:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 02-10-2008 07:53:18
เอ่อ...

พูดไม่ออก

ขอกระดาษทิชชูอีกกล่องได้มั๊ยคะ

 :o12:

 :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-10-2008 10:46:07
 

(http://farm3.static.flickr.com/2302/2055159950_ea091a862d.jpg)


 :a11:  "แวะหยิบยาดมทางนี้ก่อนค่า  บริการฟรี  ไม่คิดตังค์    :a4:




(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/onion078.gif)  

คำเตือน!!!!!!!!!!!!!!!!

เจ๊หมวยเป็นห่วงเพื่อนๆ น้องๆ มาก   2-3 ตอนนี้ บีบหัวใจอย่างหนัก 
วันนี้เอายาดมมาบริการ  หยิบคนละอันแล้วสูดเข้าไปลึกๆ ก่อนอ่าน
แต่ถ้าทำแล้วยังรู้สึกบีบหัวใจอยู่  ขอแนะนำให้อดทนอ่านจนจบ
แล้วจะผ่อนคลายขึ้นในตอนท้าย







Fatherhood part 2 [8]




“แฟรงค์!!!...  แฟรงค์!!!...”

คริสสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นจากที่นอน

….โอ! พระเจ้า.. เขาฝันร้ายหรือนี่ เขาเห็นแฟรงค์บาดเจ็บ เลือดท่วมตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง และเห็นตัวเองยืนดูเฉยๆ ไม่เข้าไปช่วย จนตัวตนที่แท้จริงของเขาต้องร้องเรียกแฟรงค์….

“เกิดอะไรขึ้นคะที่รัก”

ชารอนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา เธอพักอยู่ที่ห้องเล็กเพื่อความสบายใจของคริสและของตัวเธอเองด้วย เธอไม่อยากได้ยินคริสเอ่ยขอเธอนอนคนเดียวอีก

ชารอนตรงเข้ามาโอบกอดคริสอย่างปลอบโยน เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาฝันร้าย คริสคงฝันร้ายมากจริงๆ  เหงื่อท่วมตัวทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ

“ผมไม่เป็นไรชารอน ขอโทษที่ทำให้ตกใจ คุณยังไม่นอนเหรอ...”

“ใครว่าคะฉันหลับสนิทเลย เสียงคุณค่อยอยู่ซะเมื่อไร ดีไม่ดีไมเคิลอาจจะได้ยินด้วยนะคะ”

คริสขมวดคิ้ว ...อะไรกัน!!.. เสียงเขาดังขนาดที่ไมเคิลอาจจะได้ยิน... ถ้างั้นเธอก็รู้ว่าเขาตะโกนเรียกใคร…

“ฝันร้ายหรือคะคริส อย่ากังวลเลยค่ะ แค่ความฝันเท่านั้น เขาไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่เป็นไร..”

ชารอนปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอรู้ว่าเขาฝันถึงใครแต่ไม่ยอมเอ่ยถึง



(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook_dookdik_16024_46513.gif)



3 โมงเช้า… แซมเดินผิวปากเข้าร้านอย่างอารมณ์ดี  เมื่อคืนได้ด่าพวกโรคจิตที่ชอบโทรศัพท์มากวนตอนดึกๆ แฟนสาวของเขารับสาย 2 ครั้ง เจอปลายสายส่งเสียงกระเส่าให้ ครั้งที่สามเขาเป็นคนรับเองและรีบด่าใส่ก่อนที่มันจะได้มีโอกาสส่งเสียง

“หวัดดีฮะ คุณแซม.. อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณแซม..”

บริกรและแคชเชียร์สาวทักทายแซมตามปกติ ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับแฟรงค์ สภาพในร้านไม่มีร่องรอยผิดปกติ ประตูไม่ได้ถูกงัด เป็นเพราะบริกรหนุ่มแสบชื่อป๊อดแอบให้กุญแจกับสมุนของเจ้าราฟก่อนปิดร้าน เพื่อแลกกับบุหรี่ยัดไส้ที่มันกำลังเสพติดอย่างหนัก

แซมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์เมื่อรู้สึกผิดสังเกตกับเจ้าป๊อดที่หมั่นเดินขึ้นลงบันไดทั้งๆ ที่ไม่มีธุระ

“แกจะขึ้นๆ ลงๆ ทำไมวะไอ้ป๊อด.. ขึ้นไปทำอะไรหน้าห้องนอนแฟรงค์..”

บริกรหนุ่มชะงักเท้าหันมายิ้มแห้งๆ

“เอ่อ.. เปล่าครับ จะขึ้นไปดูว่าคุณแฟรงค์ตื่นหรือยัง จะได้ยกอาหารขึ้นไปเสิร์ฟให้”

 :o  “จะบ้าหรือไง!!. นี่มันเวลาตื่นนอนของแฟรงค์ที่ไหน รีบลงมาเลยก่อนที่แฟรงค์จะออกมาเตะแกเพราะส่งเสียงหนวกหู”

“แต่คุณแฟรงค์อาจจะตื่นแล้วก็ได้นะคะ เพราะเมื่อคืนปิดร้านเร็วค่ะ”

แคชเชียร์สาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้แซมฟัง แซมรู้สึกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แฟรงค์น่าจะหาวิธีปฏิเสธที่นุ่มนวลกว่านี้ ไม่น่าใช้ความรุนแรงกับเจ้าราฟลูกน้องคนสนิทของนิค มีเรื่องกับนิคธุรกิจที่ทำอยู่คงไม่ราบรื่นเท่าไร

แซมร้อนใจอยากรู้เรื่องจากแฟรงค์จึงตรงขึ้นไปหาที่ห้อง เจ้าป๊อดวิ่งตามขึ้นมาติดๆ เพราะต้องการรู้ว่าคุณแฟรงค์สบายดีหรือเปล่า เขารู้สึกผิดและสังหรณ์ใจไม่ดีที่ทำเรื่องร้ายแรงไปเป็นเพราะกำลังอยากยา

แซมหันมาเอ็ดเด็กหนุ่ม

“แกไม่ต้องตามขึ้นมา ถ้าแฟรงค์เขาจะรับอาหาร เดี๋ยวจะโทรลงมาบอก”

“แฟรงค์.. ตื่นหรือยัง ขอคุยด้วยหน่อย”

แซมส่งเสียงเรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่มีเสียงตอบ ถึงจะอยู่ในห้องน้ำก็น่าจะได้ยิน แฟรงค์เป็นคนที่มีความรู้สึกไวและหูดีมาก ปกติเรียกแค่ครั้งเดียวก็จะส่งเสียงงัวเงียตอบกลับมาแล้ว

แซมลองเรียกอีกครั้งภาวนาขอให้มีเสียงตอบกลับมา จะด่าว่าอะไรก็ได้เขายินดีรับฟังแต่ก็ยังเงียบกริบเหมือนเดิม แซมตะโกนบอกเด็กให้หยิบกุญแจสำรองห้องแฟรงค์ขึ้นมา ขาดคำบริกรป๊อดก็วิ่งหน้าตื่นขึ้นมายื่นกุญแจให้เขา แซมนึกสงสัยว่าทำไมเร็วนักแต่ไม่ใช่เวลาถาม เขารีบไขกุญแจห้องก่อนเพราะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมาก เมื่อคืนแฟรงค์มีสีหน้าไม่ค่อยดีแถมยังดื่มเหล้าทั้งที่เคยสัญญากับเขาตั้งแต่ตอนเมาเบียร์ครั้งนั้นว่า จะไม่ดื่มอีกยกเว้นลูกค้าขอให้ดื่ม

แค่ประตูเปิดออกแซมก็รู้สึกผิดปกติแล้ว ไฟในห้องสว่างทั้งที่แฟรงค์ยังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แฟรงค์นอนไม่หลับกับแสงสว่างขนาดนี้ เขาชอบนอนดับไฟหรืออย่างมากก็แค่แสงสลัว ผ้าม่านในห้องเป็นม่านบังแสง 2 ชั้น เหมาะสำหรับพวกนกฮูกที่ต้องนอนกลางวัน และออกทำมาหากินในตอนกลางคืน

แซมถลาไปที่เตียง สำนึกแรกของเขาคือ แฟรงค์คงป่วยหรือไม่ก็เมาอย่างหนัก แต่เมื่อเข้าไปใกล้หัวใจของแซมก็ลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นใบหน้าฟกช้ำของแฟรงค์และสีหน้าซีดขาว ...โอ!พระเจ้า.. แฟรงค์มีเรื่องชกต่อยกับใครเมื่อคืนด้วยงั้นเหรอ.. ทำไมไม่มีใครบอก…

แซมสอดส่ายสายตาไปทั่ว พบชุดนอนของแฟรงค์ตกอยู่ที่พื้นห้อง เสื้ออยู่ทางกางเกงอยู่ทาง แสดงว่าแฟรงค์ไม่ได้สวมเสื้อนอนซึ่งไม่ใช่นิสัย และแม้จะนอนห่มผ้าอยู่ในท่าที่สบายก็จริงแต่ไม่ใช่ตำแหน่งที่ควรจะนอน

แซมช้อนศีรษะแฟรงค์ขึ้น ใจหายวาบอีกครั้งเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจแผ่วเบาและเนื้อตัวเย็นเฉียบของเพื่อน

“แฟรงค์!!.. แฟรงค์!!..”

แซมบีบนวดมือและแขนของแฟรงค์ให้ความอบอุ่น ปากก็พร่ำเรียกไม่หยุด

“แฟรงค์.. เกิดอะไรขึ้นกับนาย~~  นายมีเรื่อง__” แซมชะงักเมื่อเห็นรอยเลือดบนที่นอน

..พระเจ้า! แฟรงค์บาดเจ็บมากถึงขนาดเลือดตกยางออกเชียวเหรอ...

แซมตกใจแต่ยังมีสติดีอยู่ เขาต้องสำรวจร่างกายของแฟรงค์ก่อนว่าบาดเจ็บและมีบาดแผลตรงไหนบ้าง แซมรวมรวมกำลังใจดึงผ้าห่มออก

...โอ!..พระเจ้า..  o2   ครั้งนี้หัวใจเขาไม่ได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว แต่มันเกือบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว ภาพที่แซมเห็นอยู่ตอนนี้คือ แฟรงค์นอนจมกองเลือดในสภาพเปลือยเปล่า กลิ่นคาวโชยเข้าจมูก บอกให้รู้ว่าแฟรงค์นอนอยู่ในสภาพนี้นานหลายชั่วโมงแล้ว นี่เป็นคำตอบว่าทำไมร่างกายและสีหน้าของแฟรงค์จึงขาวซีดไม่มีสีเลือด   :sad2:

“โอ!..พระเจ้า.. เกิดอะไรขึ้นกับนาย ใครทำร้ายนาย แฟรงค์!!.. แฟรงค์!!..”

แซมเห็นร่างกายของแฟรงค์เขียวช้ำเกือบทั้งตัว รู้ในทันทีว่าแฟรงค์ถูกใครทำร้าย เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามอีก สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือ..

 “ใครอยู่ตรงนั้น!!!.. โทรเรียกรถพยาบาลเร็ว!!..”

เจ้าป๊อดยืนตัวสั่นดูอยู่ด้วยความตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะรุนแรงขนาดนี้ พวกมันบอกแค่ว่าจะมาคุยตกลงปัญหากับคุณแฟรงค์นิดหน่อยเท่านั้น ไม่นึกว่ามันจะทำร้ายคุณแฟรงค์บาดเจ็บสาหัสแบบนี้

:angry2: “ไอ้ป๊อต!!!.. ยืนเซ่ออยู่ทำไม!!! ลงไปโทรเรียกรถพยาบาล”

“ครับผม”

บริกรหนุ่มวิ่งพรวดออกไป แซมอ้าปากจะด่าไล่หลังแต่เมื่อรู้สึกว่าแฟรงค์กำลังมีสติและขยับตัวก็หันมาปลอบโยนเพื่อน

“ไม่เป็นไรนะแฟรงค์.. ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่ นายต้องไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะแฟรงค์.. ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่แล้ว” ฟังดูเหมือนแซมกำลังปลอบโยนเพื่อน แต่เปล่าหรอก…เขาปลอบใจตัวเองต่างหาก

“แซมเหรอ.. ทำไมมาเช้าจัง.. ยังมืดอยู่เลย.. ” แฟรงค์ลืมตาสะลืมละลือ

เสียงแฟรงค์เบามากจนแซมต้องเงี่ยหูฟัง

“ฉันเองแฟรงค์.. นายไม่เป็นไรนะ ฉันจะพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”

แฟรงค์ส่ายหน้า

“ไม่~.. ฉันไม่ไป~.. โรง~ พยาบาล~ เรียก.. บ๊อบมา~…”

“โอเค.. โอเคแฟรงค์.. ฉันจะเรียกบ๊อบเดี๋ยวนี้”

แซมดึงโทรศัพท์มือถือที่เอวขึ้นมาเรียกดูเบอร์ของบ๊อบ และต่อสายไปหา

“อย่าบอกใคร~.. ว่าฉัน~.. เจ็บ อย่าบอกเด็ก~.. อย่าให้คริส~.. รู้..”

แซมรับคำไปเรื่อยเปื่อย ในใจนึกบ่นว่า ….เจ็บขนาดนี้แล้วยังใจแข็ง ฝืนใจตัวเองอยู่ได้….

ระหว่างรอสายบ๊อบ แซมสังเกตเห็นที่นอนฉ่ำนอง เหมือนเลือดยังไหลออกเรื่อยๆ

“นายบาดเจ็บตรงไหน แผลอยู่ไหนแฟรงค์ ฉันจะห้ามเลือดให้นายก่อน”

แฟรงค์ยิ้มระโหย  “นายห้าม~.. ไม่เป็นหรอก~.. แผลอยู่~.. ข้างใน~..”

แฟรงค์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะช็อก เขาหลับไปแป๊บเดียวเอง ยังไม่เช้าเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงรู้สึกตัวเบาหวิวเหมือนเลือดกำลังจะหมดตัวแล้ว

“โอนเงินเข้าบัญชีคริสหรือยัง~ แซม.. ” แฟรงค์รีบสั่งเสียในขณะที่ยังมีสติ

“ฉันว่าจะโอนพรุ่งนี้”   แซมตอบคำถาม เริ่มร้อนใจและรู้สึกฉุนที่บ๊อบไม่ยอมรับสายซะที

“โอน~ วันนี้เลยได้มั้ย~   ฉันอยาก~  ปลดหนี้เร็ว ~ เร็ว~  ”

“โอเค!!.. แฟรงค์ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้ภายในเช้านี้ มีอะไรห่วงอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันอยากให้นายนอนนิ่งๆ อย่าพูดให้เหนื่อยอีกเลย ฮัลโหล!!.. บ๊อบเหรอ…”

บ๊อบรับสายบอกว่าเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดพอดี

บ๊อบตกใจเมื่อรับรู้อาการของแฟรงค์จากแซม เขาขอคุยด้วยเมื่อรู้ว่าแฟรงค์ยังมีสติ แซมส่งสายให้แฟรงค์คุยกับบ๊อบ ไม่อยากเชื่อเลยว่าแฟรงค์สามารถบอกอาการป่วยของตัวเองด้วยภาษาทางการแพทย์เหมือนหมอคุยกับหมอด้วยกัน ซ้ำยังบอกให้บ๊อบนำอุปกรณ์และเครื่องมือมารักษาอาการของตัวเอง แฟรงค์พูดไม่จบก็ช็อกหมดสติไปก่อน

“ทำไงดีบ๊อบ!!..  :serius2:   นายจะมาหรือให้ฉันพาไป”

 :o  “อาการขนาดนั้นจะให้ฉันไปเปิดห้องผ่าตัดที่ผับนายเหรอ พาแฟรงค์มาหาฉันที่โรงพยาบาลด่วนเลย ฉันจะเตรียมห้องผ่าตัดไว้”

แซมวางสายบ๊อบก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลมาจอดหน้าตึกพอดี โชคดีที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากนี่แค่ 2 ช่วงตึก..



:sad2:



บ๊อบตกใจมากเมื่อพบว่าอาการแฟรงค์เข้าขั้นสาหัส ผนังลำไส้ใหญ่ส่วนปลายและบริเวณทวารหนักมีบาดแผลฉกรรจ์ถึงขั้นเลือดตกในช่องท้อง บ๊อบต้องรีบนำแฟรงค์เข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน และเนื่องจากแฟรงค์เสียเลือดมากจนอยู่ในอาการช็อกแล้ว หากถึงมือหมอช้ากว่านี้แค่ไม่กี่นาที บ๊อบเองก็ไม่รับประกันว่าจะช่วยชีวิตเพื่อนไว้ได้ทันหรือเปล่า

บ๊อบสงสารแฟรงค์จับใจขณะตรวจเช็คร่างกายให้ แฟรงค์ถูกทำร้ายจนบอบช้ำ กระดูกหน้าแข้งข้างขวาแตก และมีอาการฟกช้ำทั่วลำตัว ที่ศีรษะเหนือท้ายทอยถูกตีด้วยของแข็งจนบวมช้ำ  แม้จะผ่าเอาเลือดที่คั่งออกแล้วก็ยังไม่วางใจ  ต้องรอให้แฟรงค์รู้สึกตัวก่อน หากไม่มีอาการผิดปกติอื่นใดตามมาก็ถือว่าปลอดภัย



:serius2:



แฟรงค์รู้สึกตัวหลายครั้งแล้วแต่ลืมตาขึ้นมาทีไรก็ยังมืดอยู่ จึงพยายามข่มตานอนหลับต่อไป

…บ๊อบ!!…

แฟรงค์แน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงบ๊อบพูดคุยกับใครอยู่ข้างๆ แฟรงค์ลืมตาขึ้นด้วยความดีใจเพราะรอให้ถึงตอนเช้ามานานแล้ว

“บ๊อบ.. ใช่นายหรือเปล่า…”

บ๊อบกำลังตรวจชีพจรให้แฟรงค์ รีบตอบรับด้วยความยินดีในขณะที่สายตายังดูเวลาที่ข้อมือ

“ใช่.. ฉันเอง.. นายไม่เป็นไรแล้วนะ แฟรงค์..”

บ๊อบเช็คชีพจรเสร็จก็ตรวจบาดแผลที่ผ่าตัดต่อ

“ทำไมต้องมาดึกๆ ด้วย รอให้เช้าก่อนค่อยมาก็ได้..”

บ๊อบชะงักมือรีบหันไปมองเพื่อน แฟรงค์ไม่ได้สะลืมสะลือแต่นอนลืมตาอยู่ บ๊อบขยับเข้าไปพูดคุยกับแฟรงค์ใกล้ๆ เริ่มรู้สึกถึงอาการผิดปกติบางอย่าง

“ข้างล่างปิดร้านหรือยัง ใครไปรับนายมา แซมเหรอ…”

“เอ่อ.. ไม่ใช่แฟรงค์.. นายไม่ได้อยู่ที่ร้าน ตอนนี้นายอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันรักษาที่ร้านไม่ได้ นายต้องเข้าห้องผ่าตัด  แต่ตอนนี้นายโอเคแล้ว แฟรงค์..”

แฟรงค์พยักหน้าเข้าใจ เพราะรู้ว่าตัวเองอาการหนักอย่างที่บ๊อบพูดจริงๆ

“เปิดไฟซีบ๊อบ.. มืดขนาดนี้นายตรวจแผลฉันได้ไง มองเห็นเหรอ..”

บ๊อบใจหายวาบ ….โอ! พระเจ้า… ทำไมแฟรงค์ต้องได้รับเคราะห์กรรมหนักหนาอย่างนี้ด้วย แค่ถูกรุมทำร้ายในลักษณะนี้ แฟรงค์ก็เจ็บปวดทั้งใจและกายพออยู่แล้ว…

“แฟรงค์… นายเชื่อฝีมือการรักษาของฉันมั้ย”

“ไม่เชื่อนายแล้วจะเชื่อใคร สำหรับฉันนายไม่ใช่แค่หมอ แต่นายเป็นเพื่อนรักของฉันด้วย บ๊อบ..” แฟรงค์ยิ้มระโหย ดวงตาเหมือนกำลังพยายามเพ่งมองว่าเพื่อนอยู่ที่ไหน

บ๊อบจับมือแฟรงค์กุมไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ฟังนะแฟรงค์.. ฉันอยู่ตรงนี้ ยืนอยู่ตรงหน้าของนาย เวลาตอนนี้ 3 โมงเช้า ในห้องมีแสงสว่างมากพอที่ฉันจะตรวจแผลของนายได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ มองทางนี้แฟรงค์.. ” บ๊อบหันหน้าแฟรงค์มาทางเขา

“นายเห็นฉันมั้ย”

แฟรงค์นอนนิ่งเฉยสีหน้างุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนผวาขึ้นนั่ง เล่นเอาบ๊อบตกใจรีบสวมกอดและกล่าวปลอบเพื่อน

“ไม่เป็นไรแฟรงค์.. ไม่เป็นไร.. แค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็หาย ฉันสัญญา”

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-10-2008 11:08:01
แฟรงค์ไม่พูด ไม่ร้องโวยวายอย่างที่บ๊อบคาดไว้ แต่ร่างกายของแฟรงค์สั่นด้วยความกลัวจนบ๊อบต้องสวมกอดแฟรงค์แน่นขึ้นและพร่ำปลอบไปมา

“ไม่ต้องกลัวแฟรงค์.. ฉันอยู่นี่ ฉันจะรักษานายให้หาย ฉันไม่ได้เป็นแค่หมอแต่ฉันเป็นเพื่อนรักของนายด้วย เพื่อนจะปล่อยให้เพื่อนอยู่ในโลกมืดตลอดไปได้ยังไง.. ไม่ต้องกลัวนะแฟรงค์.. ไม่ต้องกลัว..”

บ๊อบประคองแฟรงค์ลงนอนเมื่ออาการตื่นตกใจสงบลง เหลือเชื่อเลยว่าแฟรงค์ลุกพรวดขึ้นนั่งโดยไม่ร้องเจ็บแผลสักแอะ

“แซมล่ะ ฉันอยากเจอแซม”

“แซมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขานอนเฝ้านายทั้งคืน เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกให้รีบเข้ามา ใจเย็นๆ นะแฟรงค์.. ไม่เป็นไร..”    บ๊อบกล่าวพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้เพื่อน





 :m15:




“แฟรงค์!!.. ~ แฟรงค์!!..”

ชารอนสะดุ้งตื่นเมื่อคริสกระสับกระส่ายเรียกชื่อแฟรงค์ สองคืนติดต่อกันแล้วที่คริสฝันถึงชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าซึ่งเคยอยู่เคียงข้างกายและใจเขามานานกว่า 8 ปี

กว่า 3 เดือนแล้วที่เธอใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคริสฉันท์สามีภรรยา คริสบอกเธอในคืนที่แฟรงค์ย้ายออกจากบ้านไปว่า ไม่จำเป็นต้องทดลองอยู่ เขายินดีใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกับเธอตลอดไป ถ้าเธอไม่รังเกียจและยินดีให้โอกาสเขาปรับเปลี่ยนตัวเอง เธอรู้ว่าคริสพูดด้วยอารมณ์โกรธและน้อยใจที่รู้ว่าแฟรงค์มีคู่ขาใหม่ แต่เธอไม่สนใจและยินดีที่คริสให้โอกาสนี้กับเธอ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดว่าเธอให้ความสุขในเรื่องเซ็กซ์กับคริสได้ไม่น้อยกว่าที่คริสเคยมีกับเด็กหนุ่มคนไหน คริสไม่เก็บซ่อนหรือปกปิดความรู้สึกในเรื่องเพศ ชอบหรือไม่ชอบคริสจะบอกเธอตรงๆ ทุกครั้ง บางครั้งมีเหตุผลแต่บางครั้งไม่มี ซึ่งทุกครั้งที่เธอมีเซ็กซ์กับเขาเธอมั่นใจว่าเขามีความสุข

คริสปฏิบัติต่อเธออย่างดีเหมือนที่สามีคนอื่นๆ กระทำกัน แต่นานวันเข้าเธอก็พบว่าระหว่างเธอกับเขาเหมือนมีอะไรขวางกั้นอยู่  เธอเคยมั่นใจว่าเธอสามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้  เธอสามารถทำให้เขาลืมหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งหลายที่เคยมีสัมพันธ์ด้วยได้   แต่ ณ นาทีนี้ เธอแน่ใจแล้วว่าเธอสามารถให้ความสุขเขาได้  แต่เธอไม่สามารถทำให้เขาลืมอดีตได้  อดีตกับใครบางคนที่เขาจำใจต้องพรากจากมาเพื่อแลกกับการได้หนุ่มน้อยไมเคิลมาอยู่ด้วยในฐานะลูกชาย  ใครคนนั้นยังอยู่ในใจเขาตลอด ...แฟรงค์ แพ็ททริค อรรคพล… ชายหนุ่มลูกครึ่งรูปงาม ยามที่ยิ้มและหัวเราะ โลกรอบข้างเขาแทบจะเป็นสีชมพู...

คริสฝันถึงแฟรงค์ 2 คืนติดกันไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เธอเข้าใจเช่นนั้น แต่เธอมั่นใจเพราะขณะที่เธอมีเซ็กซ์กับคริสเมื่อตอนหัวค่ำ เธอแน่ใจว่าเธอไม่ได้หูฝาด คริสพึมพำเรียกชื่อแฟรงค์เบาๆ ขณะกำลังมีความสุขสุดยอดบนร่างกายของเธอ..



o13



อาหารเช้าวันนี้คริสและไมเคิลลงมาร่วมโต๊ะกับสี่หนุ่ม ชารอนไม่ค่อยสบายเขาจึงให้เธอพักผ่อนและบอกว่าจะลงมาทานข้างล่าง ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการให้เธอมาวุ่นวายจัดเตรียมอาหารเช้าให้เป็นภาระ  แต่เป็นความต้องการของเธอเอง เธอบอกว่าไม่อยากนั่งสบายๆ เป็นคุณนายบริเจคส์ อยากทำหน้าที่แม่บ้านให้กับเขา

เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับสมาชิกหนุ่มน้อยพร้อมหน้าโดยไม่มีชารอน คริสจึงไถ่ถามทุกข์สุขในฐานะผู้ปกครองบ้าง เพราะตั้งแต่แฟรงค์ไม่อยู่ทุกคนหงอยเหงาลงไปมาก ไม่จับกลุ่มเฮฮาหรือแย่งกันดูทีวีร้องเพลงเหมือนก่อน ส่วนใหญ่จะไปขลุกกันในห้องนอนของโอหรือแจ๊ค

“สอบเสร็จเมื่อไร โอ..”

“อาทิตย์หน้าครับ” โอกล่าวตอบ สีหน้ามีความสุขเพราะได้มีโอกาสพูดคุยและนั่งทานอาหารกับคุณคริสโดยไม่มีมิสชารอนอยู่ด้วย

แจ๊ค บอย และทิมก็สอบเสร็จอาทิตย์หน้าเหมือนกัน มีไมเคิลคนเดียวสอบเสร็จพรุ่งนี้

“พรุ่งนี้ผมสอบเสร็จแล้ว ไปหาคุณแฟรงค์เลยได้มั้ยครับ แด๊ด..”

“มีใครไปกับลูกมั้ยล่ะ”

ไมเคิลหันไปขอคำตอบจากพรรคพวก ทุกคนส่ายหน้ากันหมด

“คุณแฟรงค์ไม่ให้พวกเราไปหาจนกว่าจะสอบเสร็จฮะ” แจ๊ครีบอธิบายก่อนที่คุณคริสจะเข้าใจผิดว่าไม่มีใครมีน้ำใจพาไมเคิลไป

คริสพยักหน้ารับทราบ ถึงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แฟรงค์ก็ยังเป็นห่วงและคอยดูแลอบรมเด็กพวกนี้อยู่ แฟรงค์ทำเพราะความรักไม่ได้ทำเพราะหน้าที่

“รอให้คนอื่นสอบเสร็จก่อนแล้วค่อยไปพร้อมๆ กัน”

“อีกตั้งหลายวันแน่ะ ผมมีนัดกับแซมฮะ แด๊ด.. แซมจะสอนผมทำหน้ากากผีไว้ใส่คืนวันฮาโลวีนที่ร้าน ถ้าไม่ให้ผมไปเอง แด๊ดไปกับผมซีฮะ”

“จริงด้วย คุณคริสพาไมค์ไปถือโอกาสเยี่ยมคุณแฟรงค์ด้วยเลยซีฮะ”

โอรีบสนับสนุน อยากให้คุณคริสไปเยี่ยมคุณแฟรงค์บ้าง

คริสนิ่งไป จริงซีนะ… เขาไม่ได้เจอแฟรงค์นานแค่ไหนแล้ว สองคืนนี้ฝันไม่ดีด้วย รู้สึกกังวลและเป็นห่วงแฟรงค์มาก



:เฮ้อ:



“แซมเหรอ..”

“ฉันเองแฟรงค์..”  แซมตรงเข้ามาจับมือแฟรงค์และกล่าวปลอบโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้พูดอะไร

“ไม่ต้องห่วงนะ นายต้องหาย ฉันคุยกับบ๊อบแล้ว นายต้องกลับมามองเห็นเหมือนเดิมแน่ ”

“ช่างเถอะ แซม.. อย่าปลอบฉันอีกเลย”

แฟรงค์ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น ตาบอดยังน้อยไป…ใครจะรู้ว่าเขายังต้องเสี่ยงต่อการติดโรคจากไอ้นรกนิคด้วย…

“มีใครโทรหาฉันมั้ย”

“ไม่มี หายเงียบไปสองวันแล้ว โชคดีที่นายสั่งไว้ก่อนว่าไม่ให้มาหาจนกว่าจะสอบเสร็จ ไม่งั้นฉันไม่มีปัญญาปิดเรื่องนายแน่”

“ถ้าพวกเขาโทรมา บอกว่าฉันไปต่างจังหวัดพาลูกค้าไปดูที่ ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ไม่ให้ใครเข้าไปที่ร้านนะ”

“จะปิดได้ตลอดหรือแฟรงค์.. อาการนายไม่น้อยเลยนะ ทั้งแผลผ่าตัด ทั้งเฝือกที่ขา แล้วยังตาของนาย.. นายจะไปต่างจังหวัดเป็นเดือนเลยเหรอ..”

แฟรงค์น้ำตาคลอเมื่อได้ยินแซมสาธยายอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย นี่ยังไม่รวมความเจ็บปวดที่หัวใจเขาได้รับ

“โอ!.. แฟรงค์ ฉันขอโทษ” แซมรู้สึกโกรธตัวเองที่พูดจาไม่ระวัง

“ตกลง ฉันจะพยายามปิดเรื่องของนายไว้ให้นานที่สุด”

“ทุกคนนะแซม.. ไม่มียกเว้น รู้ใช่มั้ย มีใครบ้าง”

“ฉันรู้น่ะแฟรงค์.. ฉันรู้..”

แซมส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ เมื่อแฟรงค์พยายามวิ่งหนีหัวใจตัวเอง ขณะร่างกายและจิตใจปกติยังหนีไม่พ้น เวลานี้ทั้งกายและใจเจ็บหนักขนาดนี้จะมีแรงหนีพ้นได้ยังไง

“มีสองเรื่อง อยากให้นายช่วย”

“ว่ามาเลยครับ เจ้านาย.. ”

“นายดูแลร้านคนเดียวได้หรือเปล่า..”

“สบายมาก ไม่ต้องห่วงแฟรงค์.. ฉันจัดการได้ ช่วงกลางวันฉันจะให้นีน่าดูแลแทน ฉันจะเข้าบ่ายหน่อยและอยู่ดูจนร้านปิด ไม่ต้องห่วงนะแฟรงค์ พักผ่อนให้หายและแข็งแรงก่อน ฉันจะดูงานแทนนายให้เรียบร้อย และจะคอยรายงานให้ทราบทุกระยะเลย”

แฟรงค์พยักหน้ารับทราบ

“ช่วยหาที่พักใหม่ให้ฉันหน่อยได้มั้ย อยู่แถบชานเมืองที่มีอากาศดีๆ หน่อยขอเป็นบ้านชั้นเดียวหนึ่งห้องนอนก็พอ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์เกะกะ มีบริเวณไว้เดิน….” แฟรงค์พูดไม่จบก็ถูกแซมขัดจังหวะ

“เดี๋ยวก่อน แฟรงค์.. ฉันรู้ว่านายไม่อยากอยู่ที่ร้านแล้ว ฉันเห็นด้วยที่นายจะย้ายออกมาหาที่พักเป็นเรื่องเป็นราว แต่ถ้านายจะออกจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังไม่หายดี ที่ที่นายจะต้องไปพักคืออพาร์ทเม้นท์ของฉัน..”

“ให้ฉันอยู่กับนายหรือ แซม..”

“ใช่ มีปัญหาหรือ แฟรงค์..”

“ฉันไม่มีปัญหาหรอก ตัวนายซีจะมีปัญหา ให้ฉันไปอยู่ด้วยแล้วน้องพิมของนายล่ะ”

“ฉันจะให้เธอไปพักอยู่กับพี่สาวชั่วคราว”

แฟรงค์ส่ายหน้ากับข้อเสนอของแซม

“อย่าดีกว่าแซม.. ไม่ใช่เรื่องถูกต้องที่จะแยกกันอยู่กับเธอ แล้วเอาเพื่อนเกย์อย่างฉันเข้าไปอยู่ด้วย”

“ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีปัญหาหรอก  เธอรู้ว่านายเป็นเพื่อนรักของฉัน”

“นั่นเป็นความคิดของนาย ไม่ใช่ความคิดเธอ นายห่วงที่ฉันตามองไม่เห็นใช่มั้ย ถึงไม่อยากให้ฉันอยู่คนเดียว ฟังนะแซม.. ถึงนาทีนี้ฉันทำใจกับเคราะห์กรรมที่ฉันได้รับแล้ว ไม่ว่าดวงตาของฉันจะมองเห็นในวันนี้พรุ่งนี้ อีกหนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี หรือจะมองไม่เห็นตลอดไปเลยฉันก็ไม่สน.. ฉันอยากหาที่อยู่สบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติอะไรก็ได้ ที่สามารถได้ยิน ได้ฟังเสียง…. ฉันถามว่านายดูแลร้านคนเดียวได้มั้ย ไม่ใช่แค่ชั่วคราวนะแซม.. แต่ตลอดไป ฉันจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกินแรงและปล่อยให้นายทำงานคนเดียว แต่ฉันจะยกหุ้นในส่วนของฉันทั้งหมดให้นาย นับแต่วันนี้นายจะเป็นเจ้าของคริสปี้ผับแต่เพียงผู้เดียว แซม…”

แซมตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะได้สติ

“จะบ้าหรือแฟรงค์!!.. พูดอะไรออกมา ฉันมีหุ้นแค่ 1 ใน 4 เรื่องอะไรจะมายกส่วนของนายให้ฉัน นายแหล่ะต้องฟังฉัน แฟรงค์.. นายวางมือไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วให้ฉันดูแลคริสปี้ผับแทนก็ได้ แต่ทุกอย่างต้องเหมือนเดิม นายยังคงเป็นหุ้นส่วนใหญ่และเจ้าของ ส่วนเรื่องที่พักฉันหาตามที่นายต้องการให้ก็ได้ แต่นายต้องมีใครอยู่เป็นเพื่อนด้วย โอเค..”

แซมถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อแฟรงค์ส่ายหน้าความหมายว่า ไม่โอเค…



:เฮ้อ:




TBC >>>>>>



หวังว่าจะผ่อนคลายลงแล้วนะ

^__^


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: winds ที่ 02-10-2008 11:33:48
เออะ....ขอ2หลอดเลยนะคับ อันเดียวเอาไม่อยู่อ่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 02-10-2008 11:49:47
เกลียดคุณคริส  :m31:เกลียดชารอน :m31:  ที่สำคัญเกลียดไอ้เด็กติดยานรกแตกนั้น :เตะ1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 02-10-2008 12:29:53
คริสตัดสินใจทำอะไรให้มันชัดเจนสักทีสิ

เฮ้อ..อย่างน้อยแฟรงค์ก็ยังอยู่
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 02-10-2008 12:46:22
ป้าขอยาดมสามหลอดแล้วก็ผ้าเย็นอีกสักครึ่งโหล
สงสารแฟรงกี้  อย่าท้อนะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 02-10-2008 12:53:07
 j-muay ครับ
ทั้งกดทั้งดันกันแบบนี้

ผมว่าผมกำลังจาตาย

มันหด..มันหู่
ไม่สู้..แล้ววววววว
 :sad2:
 :sad2:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 02-10-2008 18:31:32
เออ   คือ 

เปลี่ยนจากกระดาษมาเป็นผ้าเช็ดน้ำตาดีกว่าค่ะ

ลดโลกร้อน

แล้วก็ยาดมอย่างเดียวเห็นที่จะไม่รุ่ง

ขอยาหอมด้วยได้ไหม๊คะ

จาเป็นลม
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: susukung ที่ 02-10-2008 19:25:58
 :m15:  เศร้าจนพูดไม่ออกเลยอ่ะ

 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-10-2008 20:10:22
เจ้หมวย ใจร้่ายไปป่าว

หนูว่ารอบนี้เจ้โหดไปนะ

กระซิก กระซิก

 :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 02-10-2008 20:15:50
อ่าาา

คริสต้องเปนพวกมีพลังจิตแน่ๆ

ตอนไมเคิลก้อทีนึงล่ะ

แซมแอบไปบอกคริสเรย  ไม่มีคัยว่าหรอก  เชื่อดิๆ

เอาเลยเจ๊  เจ็บปวดมากๆไปเลย  (เริ่มจิตล่ะตรู)
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-10-2008 22:24:26
Fatherhood part 2 [8] ต่อ..



แซมยืนสำรวจความเรียบร้อยของห้องพัก เขาจัดการเปลี่ยนที่นอนหลังใหม่   สั่งเด็กทำความสะอาดและเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง เผื่อว่าหนุ่มน้อยทั้งหลายแอบมาหาแฟรงค์ตอนที่เขาไม่อยู่ และย่องขึ้นมาบนห้องจะได้ไม่เห็นอะไรผิดปกติ

"คุณแซมคะ น้องไมค์มาหาค่ะ"

แซมพยักหน้าหงึกๆ ในที่สุดเด็กพวกนี้ก็ไม่เชื่อที่แฟรงค์ห้าม หายไปแค่ไม่กี่วันก็พากันมาจนได้

"มากี่คน" แซมถามขณะเดินตามพนักงานสาวลงบันได

"2 ค่ะ "

"ใครล่ะ โอหรือแจ็ค"

"ไม่ใช่ค่ะ มากับหนุ่มใหญ่เป็นฝรั่งค่ะ สงสัยจะเป็นคุณพ่อ ตาสีฟ้าด้วย หล่อมากๆ เลยค่ะคุณแซม "

แซมชะงักเท้าถอยกลับขึ้นบันไดมาสองก้าวตั้งหลัก

...ให้ตายเถอะ!.. ไมเคิลนะ ไมเคิล มากับใครไม่มา นี่เขาต้องสร้างเรื่องพูดปดกับมิสเตอร์บริเจคส์เป็นคนแรกเลยหรือนี่ จะบอกยังไงดี แฟรงค์ไม่อยู่ไปต่างจังหวัด คุณคริสจะเชื่อหรือเปล่านะ...




"หวัดดี แซม.."

คริสทักทายแซมด้วยความรู้สึกจริงใจ เขาไม่เคยนึกเขม่นหรือโกรธแซมที่หันมาคบหากับแฟรงค์นอกเหนือจากความเป็นเพื่อน เขารู้สึกยินดีด้วยซ้ำ อย่างน้อย.. แซมก็เป็นคนดีที่ไว้ใจได้และยังเป็นเพื่อนรักของแฟรงค์ ในยามที่แฟรงค์รู้สึกเหงาหรือมีเรื่องทุกข์ใจได้แซมเป็นเพื่อนคอยปลอบโยนเป็นสิ่งที่วิเศษสุดแล้ว

"หวัดดีครับ คุณคริส"

แซมรู้สึกแปลกๆ กับสายตาของคริสที่จ้องมองเขา แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองรับบทเป็นคู่ขาคนใหม่ของแฟรงค์ แซมยิ้มแห้งๆ อย่างรู้สึกเกรงใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเกรงด้วย คริสไม่ได้มองเขาอย่างขุ่นเคืองสักหน่อย

"ไมเคิลอยากมา บอกว่ามีนัดกับคุณ คุณจะสอนเขาทำหน้ากาก"

"เอ่อ.. ครับ เราจะจัดงานคืนวันฮาโลวีนเฉพาะเด็กๆ ในร้าน และเพื่อนสนิทไม่กี่คน ขอถือโอกาสอนุญาตให้เด็กๆ มาร่วมสนุกด้วยเลยนะครับ"

คริสพยักหน้าและกวาดสายตามองไปรอบๆ

"แฟรงค์สบายดีหรือเปล่า แซม.."

"เอ่อ.. ครับ สบายดี แต่วันนี้แฟรงค์ไม่อยู่พาลูกค้าไปดูที่ต่างจังหวัดครับ"

แซมรีบให้เหตุผลตามที่แฟรงค์สั่งไว้ อย่างน้อยเขาก็สบายใจกว่าเพราะ ไม่ได้สร้างเรื่องเอง

คริสขมวดคิ้ว ยังไม่ทันเอ่ยถามแซมก็ให้ความกระจ่าง

"แฟรงค์หารายได้พิเศษจากการเป็นนายหน้าขายที่ด้วยครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วรู้สึกว่าจะขายไปได้แปลงหนึ่ง เอ่อ.. จริงซี!!.. แฟรงค์ให้ผมโอนเงิน 2 ล้านเข้าบัญชีคุณเมื่อวาน ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ"

คริสยืนอึ้ง ...ไม่อยากเชื่อเลยว่า แฟรงค์รีบร้อนหาเงินเพื่อปลดหนี้จากเขา ทำไมล่ะแฟรงค์.. นี่นายคิดจะตัดสัมพันธ์กับฉันทุกๆ เรื่องเลยยังงั้นเหรอ...

อีกหนึ่งชั่วโมงคริสปี้ผับถึงจะเปิดบริการในช่วงค่ำ คริสขอตัวขึ้นมานั่งบนห้องพักของแฟรงค์ ปล่อยไมเคิลอยู่กับแซมข้างล่าง เป็นครั้งแรกที่คริสได้เห็นที่พักของแฟรงค์ที่นี่ แม้จะค่อนข้างเล็กแต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างพร้อม ภายในห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยจนคริสอดชื่นชมไม่ได้ โดยคริสหารู้ไม่ว่าที่เรียบ
ร้อยแบบนี้ เป็นเพราะแซมเพิ่งให้เด็กเก็บข้าวของและทำความสะอาดเสร็จเมื่อสักพักใหญ่ๆ นี่เอง

คริสหยิบรูปที่หัวเตียงขึ้นมาดู เป็นรูปแฟรงค์ถ่ายร่วมกับเขาและสมาชิกหนุ่มน้อยทุกคนรวมถึงไมเคิลด้วยที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์บริเจคส์ เห็นแล้วอดหวนนึกถึงบรรยากาศของความสุขและเสียงหัวเราะในวันนั้นไม่ได้ คริสทรุดตัวลงบนเตียงและเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงออก เขารู้ว่ามันเสียมารยาท แต่ช่วยไม่ได้เขาอยากเห็นและอยากจับต้องของใช้ของแฟรงค์

คริสหยิบกรอบรูปที่คว่ำอยู่ในลิ้นชักขึ้นมา รู้สึกปวดใจทันทีที่เห็น มันคือรูปถ่ายคู่ระหว่างเขากับแฟรงค์ รูปเดิมที่เคยตั้งอยู่บนหัวเตียงในห้องนอนที่บ้าน บริเจคส์ แต่ตอนนี้รูปถ่ายถูกตัดออกเป็น 2 ส่วน แยกเขาและแฟรงค์ออกจากกัน มีข้อความภาษาอังกฤษข้างใต้ "How do I live without you”

"ทำไมแฟรงค์.. ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเราต้องจากกันด้วย"

คริสถอนใจเมื่อเห็นสภาพโทรศัพท์มือถือที่ซุกอยู่ในลิ้นชัก มันตอกย้ำให้เขารู้สึกปวดร้าวใจมากขึ้น ไม่ใช่แค่พยายามจะตัดสัมพันธ์ด้วยการแยกตัวออกห่าง แม้แต่เงินและสิ่งของของเขาแฟรงค์ก็ไม่ต้องการมันแล้ว...



 :เฮ้อ:



เย็นวันต่อมา ลูยื่นจดหมายให้ทันทีที่คริสกลับถึงบ้าน

"คุณผู้หญิงฝากให้เจ้านายครับ" 

คริสรับจดหมายโดยไม่ถามมากความ ชารอนโทรหาเขาเมื่อตอนบ่าย บอกว่าจะเดินทางไปพักผ่อนที่ภูเก็ต 2 อาทิตย์ แม้จะแปลกใจแต่ก็รู้สึกยินดีที่เธอไม่เอ่ยปากชวนเขาไปด้วย



:c5:



บ่ายวันอาทิตย์ที่ห้องพักผ่อน...

สี่หนุ่มนั่งดูหนังสือกันอย่างคร่ำเคร่ง มิสบริเจคส์ไม่อยู่หลายวันแล้ว พวกเขารู้สึกอิสระจึงออกมานั่งรวมกลุ่มติววิชาให้กัน พรุ่งนี้โอสอบเป็นวันสุดท้าย สอบเสร็จโอตั้งใจจะแวะไปหาคุณแฟรงค์ที่คริสปี้ผับเลย เพราะไม่ได้เห็นหน้าและพูดคุยด้วยเกือบสองสัปดาห์ ป่านนี้คุณแฟรงค์คงกลับจากต่างจังหวัดแล้ว

"รอด้วยซีโอ.. ฉันยังสอบไม่เสร็จเลย" บอยรีบโวยเพราะโอเล่นจะหนีไปหาคุณแฟรงค์ก่อน

"ไม่รอแล้ว กว่านายจะสอบเสร็จตั้งอาทิตย์หน้า ฉันจะไปกับแจ็คและไมเคิลก่อน อาทิตย์หน้าค่อยไปกับนายใหม่"

"ขี้โกงนี่ คุณคริสบอกว่ารอให้สอบเสร็จก่อนแล้วค่อยไปพร้อมๆ กัน"

"ขี้โกงอะไรวะ!.. ก็พวกเราสอบเสร็จแล้วนี่ เดี๋ยวนายกับทิมค่อยตามไปวันหลังก็ได้"

"รอไปพร้อมๆ กันอย่างที่บอยว่าไม่ดีกว่าหรือโอ.."

"โธ่เว้ย! ใครไม่ไปก็อย่า...." โอชะงัก ใจหายวาบโมโหปากตัวเองที่ไวกว่าการรับรู้ของสมอง

"เอ่อ..." โอหันไปทางที่มาของเสียง ส่งยิ้มแห้งๆ ให้ ในขณะที่เพื่อนๆ โดยเฉพาะบอยพากันหัวเราะในใจสมน้ำหน้า

"ขอโทษครับคุณคริส.. ผมนึกว่าแจ๊คพูด"

คริสทรุดตัวลงนั่งร่วมวงสนทนาด้วย ถามโอว่าแฟรงค์กลับมาแล้วหรือ จึงรีบร้อนอยากไปหาโดยไม่รอบอยกับทิม โอบอกว่าน่าจะกลับมาแล้ว คุณแฟรงค์ไม่เคยไปต่างจังหวัดนานเกิน 3 วัน เพราะเป็นห่วงร้าน

"ผมจะโทรถามแซมว่าคุณแฟรงค์กลับมาหรือยัง"

คริสยิ้มเมื่อหนุ่มโอผลุนผลันลุกขึ้นไปโทรศัพท์ เขารู้ว่าแฟรงค์ยังไม่กลับเพราะเพิ่งวางสายจากแซมเมื่อครู่ แต่แกล้งถามโอไปเผื่อว่าแฟรงค์อาจติดต่อกลับมาที่หนุ่มน้อยเหล่านี้บ้าง

ห้าวันเต็มแล้วที่คริสรอคอยแฟรงค์กลับจากต่างจังหวัด เขาไม่เข้าใจว่าแฟรงค์ไปติดต่อขายที่ถึงไหน ทำไมไปนานจนน่าเป็นห่วง โทรศัพท์ก็ไม่มีให้ติดต่อถึง


:เฮ้อ:


“ทำไมแฟรงค์ไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วยล่ะ แซม..” คริสถามทั้งที่รู้

“เอ่อ..” แซมอึกอัก จะให้เขาบอกความจริงที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์มือถือของแฟรงค์ได้อย่างไร จะว่ากะล่อนก็ยอมล่ะวะ

“มือถือของแฟรงค์มีปัญหานิดหน่อย รับสัญญาณไม่ค่อยชัดผมส่งเข้าศูนย์เช็คอยู่ครับ แต่แฟรงค์โทรเข้ามาทุกวัน ไม่ต้องห่วงนะครับคุณคริส ผมจะบอกเขาว่าคุณโทรหา”

“ขอบใจแซม.. ไม่ต้องบอกว่าผมโทรมาหรอก เขาอยากกลับเมื่อไรก็เมื่อนั้น แค่รู้ว่าเขาติดต่อคุณบ้างผมก็สบายใจแล้ว”



 o7



“บ๊อบ.. มาช่วยพูดกับคนไข้ของนายหน่อยซี ดื้อชะมัดเลยว่ะ”

บ๊อบส่ายหน้าด้วยความระอาใจ แซมมาทีไรต้องมีปัญหามากวนใจคนไข้ของเขาทุกที

อาการทางกายของแฟรงค์ทุเลาขึ้นบ้างแล้วแต่จิตใจยังไม่ดีขึ้น หนึ่งสัปดาห์แล้วที่แฟรงค์พักอยู่ที่โรงพยาบาล วันแรกเขาพยายามบอกให้แฟรงค์หัดเดิน แผลที่หน้าท้องจะได้หายเร็วขึ้น แต่แฟรงค์ก็ไม่ยอมทำตามที่แนะนำเอาแต่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียงในสภาพหมดอาลัยตายอยาก เขาเข้าใจความรู้สึกของแฟรงค์ รู้ว่าแฟรงค์ไม่อยากเดินเพราะอะไร

“ฟังนะแฟรงค์.. ทำให้พวกเรามั่นใจซีว่านายดูแลตัวเองได้ถ้าต้องอยู่คนเดียว ถึงจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยแค่ไหน แต่ถ้านายยังอยู่ในสภาพแบบนี้ ฉันกับแซมไม่มีวันยอมปล่อยนายไปอยู่คนเดียวเด็ดขาด”

สองวันนี้แฟรงค์ไม่ค่อยยอมพักผ่อน เอาแต่หัดเดินโดยใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงและช่วยนำทางไปในตัวด้วย

“อะไรของนายอีกล่ะ แซม..” บ๊อบพยุงแฟรงค์กลับมานั่งที่เตียง เมื่อเห็นว่าเริ่มเหนื่อยเพราะฝึกเดินวนไปมาในห้องหลายรอบแล้ว

“ฉันพยายามบอกให้แฟรงค์เลิกล้มความตั้งใจที่จะไปพักอยู่ตามลำพัง เขาก็ไม่ยอม ดื้อชะมัด”

“ฉันไม่ได้ดื้อ นายต่างหากพูดจากลับไปมา บอกให้ฉันหัดเดินให้เก่งแล้วนายกับบ๊อบก็จะวางใจให้ฉันอยู่คนเดียว ตอนนี้ฉันเดินได้แล้ว ยังมาหาเรื่องโยกโย้ฉันอีก ถ้าลำบากที่จะหาที่พักให้ก็ไม่เป็นไร ฉันหาเองก็ได้ไม่ต้องพึ่งพวกนาย”

“ใจเย็นน่าแฟรงค์..” บ๊อบตบไหล่แฟรงค์ปลอบใจและหันไปต่อว่าแซมให้ จิตใจของแฟรงค์ขณะนี้เปราะบาง เพราะในโลกมืดบางขณะเขารู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งให้ยืนอยู่เดียวดายตามลำพัง

“แซมเขาเป็นห่วง ไม่ได้ตั้งใจจะโยกโย้ ที่จริงแซมหาที่พักให้ได้แล้ว เขาลองถามให้แน่ใจอีกครั้งเผื่อนายอาจจะเปลี่ยนใจ”

แซมอ้าปากจะท้วง แต่ถูกบ๊อบส่งสัญญาณไม่ให้พูด

“จริงหรือแซม หาที่พักได้แล้วจริงเหรอ อยู่ที่ไหนทะเลหรือเขา…”

แฟรงค์หายโกรธถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“เอ่อ..” แซมอึกอักมองหน้าบ๊อบ เขายังหาที่พักไม่ได้และไม่คิดจะหาด้วย คิดแต่วิธีที่จะเกลี้ยกล่อมให้แฟรงค์ไปพักอยู่กับเขาที่อพาร์ทเม้นท์ หรือกลับไปอยู่ที่ร้านตามเดิม แต่ครั้งนี้เขาจะอยู่เป็นเพื่อนด้วยไม่ปล่อยให้แฟรงค์อยู่ตามลำพังอีก

“ทะเล.. แฟรงค์.. แซมเขารู้ว่านายชอบเสียงคลื่น ใช่มั้ย ไอ้เสือ…”

“เอ่อ.. ใช่.. มันเหมาะกับนายแฟรงค์ อย่างน้อยเดินเล่นบนหาดก็ปลอดภัยกว่าในป่าเขา สะดุดหกล้มบนทรายนายก็ยังลุกขึ้นไหว แต่ถ้าสะดุดก้อนหินหรือตอไม้นายอาจบาดเจ็บได้ ”

แซมพูดประชด แต่แฟรงค์ก็ไม่สนใจสีหน้ายินดีและสุขใจที่ได้สิ่งที่ต้องการ

“ขอบใจนะแซม.. ฉันอยากไปที่นั่นเร็วๆ พรุ่งนี้เลยได้มั้ยบ๊อบ.. ฉันค่อยยังชั่วแล้ว แผลฉันโอเคแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้แล้วนะบ๊อบ ฉันดูแลตัวเองได้ ล้างแผลเองได้ แค่เตรียมอุปกรณ์ให้ฉันเท่านั้น นะบ๊อบนะ..”

แซมสะท้อนใจเมื่อแฟรงค์กระตือรือล้นอยากไปเร็วๆ ไม่ใช่เพราะอยากพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติ แซมรู้ว่าแฟรงค์กำลังหนีใครคนหนึ่ง ไม่ใช่เจ้านรกนิคนั่นแต่เป็นคริส บริเจคส์..

“ใจเย็นแฟรงค์ ใจเย็น…”

บ๊อบตกใจกับอาการกระตือรือล้นของแฟรงค์เช่นกัน เขาหันไปหาแซมก็ถูกยักไหล่ความหมายว่า แก้ปัญหาเอง…

“ฉันขอดูอาการนายอีกสัก 3 - 4 วันนะแฟรงค์..”

“แต่ฉัน…”

“ไม่มีแต่.. พวกเรายอมนายทุกเรื่องแล้ว นายต้องเชื่อฟังฉันบ้างนะแฟรงค์”

“โอเค.. แต่แค่ 2 วันพอนะบ๊อบ”

บ๊อบส่ายหน้าเมื่อแฟรงค์เอ่ยต่อรองอีกจนได้.



:เฮ้อ:



ในที่สุดแฟรงค์ก็ได้เดินทางไปพัก ณ สถานที่ที่สงบท่ามกลางธรรมชาติ เป็นบ้านพักตากอากาศชั้นเดียวริมหาดส่วนตัว จังหวัดประจวบฯ คนไข้ของบ๊อบบอกขายให้บ๊อบในราคาถูกมากเพื่อตอบแทนที่หมอช่วยชีวิตเขาไว้ บ๊อบปฏิเสธไปแล้วเพราะนิสัยของหมอไม่เคยคิดจะรับของกำนัลจากคนไข้ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด แต่แล้วปัญหาของแฟรงค์ก็ทำให้บ๊อบต้องเปลี่ยนใจกลับไปขอซื้อบ้านพักหลังดังกล่าวจากคนไข้รายนั้น โดยมีข้อเสนอว่าจะต้องขายเขาในราคาตลาด

แซมเป็นคนพาแฟรงค์มาส่งเพราะบ๊อบมีนัดผ่าตัดคนไข้

“ประกันตัวเจ้าป๊อดออกมาเถอะแซม.. หมอนี่มันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ยาแค่ 1 เม็ดโทษคงไม่เท่าไร”

แซมส่ายหน้า ก็เพราะความใจดีและมีน้ำใจของแฟรงค์นี่แหล่ะทำให้เด็กในร้านส่วนใหญ่วิ่งเข้าหาแฟรงค์มากกว่าเขา และในคืนที่เกิดเรื่องก็เป็นเพราะความใจดีของแฟรงค์เช่นกัน ยอมให้การ์ดชื่อใหญ่ลาเวรในคืนนั้นโดยไม่ต้องสลับเวรกับใคร ในฐานะที่แฟรงค์เป็นหุ้นส่วนใหญ่ แซมจึงไม่เคยขัดความคิดเห็นของแฟรงค์แม้บางครั้งจะไม่เห็นด้วย แต่ครั้งนี้ต่อให้เป็นคำสั่งเขาก็ไม่มีวันทำตาม

“ให้มันอยู่ในตะรางดีแล้ว แฟรงค์.. ติดคุกชดใช้ความผิดที่มันทำซะบ้าง”

แฟรงค์รู้สึกไม่พอใจที่แซมไร้น้ำใจกับเด็กในร้าน แต่เมื่อรู้จากแซมว่า บริกรหนุ่มผู้นี้รู้เห็นเหตุการณ์ในคืนนั้น เพราะเป็นคนขโมยกุญแจให้พวกมันเข้ามาในร้านและบุกขึ้นไปทำร้ายเขาได้อย่างง่ายดาย แฟรงค์นั่งนิ่งด้วยความตกใจ ใจสั่นและหนาววูบขึ้นมาทันทีเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น แซมเห็นสีหน้าเพื่อนรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที แกล้งโวยต่อว่าดังๆ ให้แฟรงค์ออกจากภวังค์ร้าย

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 03-10-2008 01:27:32
เจ๊แอบมาอัพดึกๆ 

เราก้อตามมาอ่านดึกๆ  หึหึ

ทำไมอะไรมันช่างเป็นใจอย่างนี้ล่ะ

ม่ะไรคริสจะรุ้อ่ะเนี้ย  ไหนๆก้อไหน  ทะเลและเกลียวคลื่น 

ชาร้อนก้อไม่อยู่แล้ว  เผด็จศึกเลย

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 03-10-2008 09:54:20

(http://www.geocities.com/muay_siri2003/sad.jpg)


Frank feels lonely




ทุกๆคราวที่มองฟ้า

คิดถึงเธอทุกที

อยู่ห่างกันเพียงไหน

ขอสัญญาว่าไม่ลืม

ถึงแม้เธอจะมีใคร

ขอให้เธอโชคดี

อยู่กับคนที่เธอรัก

ขอให้มั่นคงต่อกัน


 o7



ทุกคืนวันที่เปลี่ยนไป

ทำให้ใจเธอเปลี่ยนแปลง

เขาคงดีกว่าฉัน

ขอให้เธอไปกับเขา

ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว

มีเพียงใจที่เหงา

ได้แต่มองดาวบนฟ้า

ที่คอยเป็นเพื่อนและปลอบใจ


 :o12:



ทุกคืนวันที่เปลี่ยนไป

ทำให้ใจเธอเปลี่ยนแปลง

เขาคงดีกว่าฉัน

ขอให้เธอไปกับเขา

ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว

มีเพียงใจที่เหงา

ได้แต่มองดาวบนฟ้า

ที่คอยเป็นเพื่อนและปลอบใจ

ได้แต่มองดาวบนฟ้า

ที่คอยเป็นเพื่อนและปลอบใจ


 o7






หมูพูห์หรือใครก็ได้ที่เป็นคณะทำงานของเล้า

เจ๊หมวยขอความช่วยเหลือหน่อย

อยากใส่เสียงเพลงประกอบจังเลย  เขาไม่ให้ใส่แล้วเหรอ

เสียดายจัง  เจ๊หมวยฝากหน่อยนะ  ใครใส่เป็นช่วยใส่ให้ด้วย

เพลงเหงา ของ angle

http://203.150.224.157/musicart//newmusicstation/angel/alone.swf

ถ้าใส่ไม่ได้อยากให้เปิดคลอไปด้วย ถึงจะได้อารมณ์ อิ ๆ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 03-10-2008 10:24:23

Fatherhood part 2 [8] ต่อ..



“รู้มั้ยว่านายทำให้ฉันนอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว ฉันนึกไม่ออกว่านายจะอยู่ที่นั่นคนเดียวได้ยังไง จะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่ยอม ฉันอยากจะเกลียดนายนักแฟรงค์..”

แฟรงค์หัวเราะในลำคอ ไม่ได้โต้แย้งอะไร แซมแค่อยากจะเกลียดเท่านั้นแต่ก็เกลียดไม่ลงหรอก เขารู้..

“นอกจากฉันจะนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงนายแล้ว ฉันยังต้องห่วงความปลอดภัยของตัวฉันเองด้วย ไม่รู้ว่าคุณคริสจะเอาฉันตายหรือเปล่าถ้าเขารู้ความจริงว่าฉันโกหกเรื่องนายมาตลอด รู้มั้ยว่าสิบกว่าวันมาเนี่ย.. คริสโทรหานายวันเว้นวันเลย”

แฟรงค์ใจหายเมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาอยากจะดีใจที่ได้รู้ว่าคริสโทรหา แต่ไม่รู้ว่าจะดีใจไปทำไม คริสคงอยากจะพูดคุยหรือปรึกษาเรื่องของเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็จะฝืนใจรับฟังแต่โดยดี แต่ตอนนี้… นาทีนี้… ไม่ใช่แค่รับฟังเรื่องของเธอไม่ได้ แม้แต่เสียงของคริสเขาก็ไม่อยากได้ยิน

“เขาบอกหรือเปล่า.. ว่ามีธุระอะไร”

“เปล่า.. แต่ถึงไม่บอกฉันก็รู้ว่าเขามีธุระทางใจกับนาย ไม่งั้นจะโทรถามหาเกือบทุกวันทำไม” แซมจงใจพูดกระทบความรู้สึกของแฟรงค์

แฟรงค์เบือนหน้าหนีเพราะถึงจะสวมแว่นดำ ก็ไม่สามารถอำพรางความเจ็บปวดบนสีหน้าและดวงตาได้ เขาไม่อยากให้แซมเห็นความอ่อนแอ แค่นี้แซมก็ห่วงเขามากมายเกินพอแล้ว

“ธุระของคริสคงไม่พ้นเรื่องเธอหรือไม่ก็ปัญหาของไมเคิล คริสไม่มีธุระอะไรกับฉันมานานมากแล้ว เอาอย่างนี้นะแซม.. ถ้าคริสโทรมาอีกบอกเขาว่าฉัน..เอ่อ.. ฉันเจอหนุ่มเคาบอยถูกใจ เลยเป็นไกด์พาเที่ยวเมืองไทยให้ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับ บอกเขาว่าฉันฝากร้านให้นายดูแลแทน ถ้าฉันถูกชะตากับหนุ่มนั่น บางทีฉันอาจจะตามไปอยู่กับเขา ไม่กลับมาอีกเลยก็ได้…”

แซมอ้าปากหวอ ตกใจกับเรื่องที่แฟรงค์กุขึ้น ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนรักของเขาจะสร้างเรื่องเลวร้ายให้กับตัวเองได้อย่างน่าประทับใจจริงๆ ถ้าคริสได้ยินเรื่องโกหกนี้คงถอยกลับไปอย่างไม่เป็นท่า และไม่โทรถามหาแฟรงค์อีกตลอดไป

แซมส่ายหน้าปฏิเสธ

“เสียใจ แฟรงค์.. ฉันไม่มีวันบอกเรื่องเลวร้ายแบบนั้นกับคุณคริส ฉันช่วยนายได้ทุกเรื่องยกเว้นพูดโกหก ฉันหลอกลวงคนอื่นให้นายมามากแล้ว โดยเฉพาะกับคริส อย่าให้ฉันต้องพูดปดกับเขาอีกเป็นครั้งที่ 2 แค่ครั้งเดียวฉันก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว"

"ฉันขอโทษที่ทำให้นายลำบากใจ แซม.. แต่นอกจากนายและบ๊อบแล้ว ฉันไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนอีก เอาเถอะ! ฉันจะจัดการเรื่องคริสเอง เขาจะไม่โทรถามถึงฉันให้นายลำบากใจอีก"

แซมพักอยู่กับแฟรงค์หนึ่งคืน จัดเตรียมสถานที่เพื่อให้เพื่อนรักจอมดื้อรั้น ของเขาอยู่อย่างสะดวกสบายมากที่สุด

่ "ห้องน้ำอยู่ซ้ายมือเดินจากปลายเตียงไปประมาณ 5 ก้าว ประตูห้องนอนอยู่ขวามือ ห้องพักผ่อนด้านนอกฉันย้ายเฟอร์นิเจอร์ชิดผนังหมดแล้ว จะได้ไม่เกะกะเวลาเดิน ระเบียงนอกบ้านมีเก้าอี้พักผ่อนไว้ให้นายนั่งรับลม ฉันมีนาฬิกาบอกเวลาไว้ให้นายด้วย จะวางไว้ที่หัวเตียงนะ อยากรู้ว่าเวลาเท่าไรก็กดตรงนี้"

แซมเอานาฬิกาใส่ข้อมือแฟรงค์และสอนวิธีกด มีเสียงบอกเทียบเวลาให้จริงๆ แฟรงค์พยักหน้าด้วยความพอใจ รู้สึกตื้นตันจนต้องเอ่ยปากไล่เพราะแซมกำลังทำให้เขานึกถึงใครคนหนึ่งที่คอยอาทรห่วงใยและเอื้อเฟื้อต่อเขาเสมอมา

"พอแล้วแซม.. รีบกลับไปดูร้านเถอะ นี่บ่ายสามเข้าไปแล้ว กว่าจะถึงร้านก็เกือบค่ำ เจ้าของร้านหายไปสองคนเดี๋ยวลูกค้าจะสงสัย ถ้ามีใครถามถึงฉันก็บอกว่าฉันไปต่างประเทศก็แล้วกัน"

แซมส่ายหน้า

...เหลือเชื่อเลย... เขาโดยแฟนสาวต่อว่าว่า.. เดี๋ยวนี้กะล่อนมากขึ้นทุกวัน เมื่อก่อนไม่เคยเป็น เขารู้แล้วว่าตัวเองติดความกะล่อนมาจากใคร... แต่จะกะล่อนและลื่นไหลขนาดไหน แฟรงค์ก็เป็นคนจริงใจ ไม่เคยสร้างเรื่องหลอกลวงให้เกิดความเดือดร้อนหรือเสียหายกับใคร ส่วนใหญ่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นเท่านั้น...

"แน่ใจนะแฟรงค์.. ว่าอยู่คนเดียวได้"

แฟรงค์รับปากแข็งขันเพื่อให้เพื่อนเดินทางกลับด้วยความสบายใจ แต่แซมก็ยังคงสั่งเสียต่อด้วยความเป็นห่วง

"พรุ่งนี้บ่ายบ๊อบจะเข้ามา ฉันจะฝากโทรศัพท์มือถือมาให้นายใช้"

"ที่นี่ก็มีโทรศัพท์อยู่แล้ว นายเก็บไว้ใช้เถอะ"

"ฉันมีของฉันอยู่แล้ว ที่จะฝากมาให้เป็นของนาย คริสให้เด็กเอามาให้เมื่อวานซืนบอกให้นายเก็บไว้ใช้ จริงซี!!... คริสพาไมเคิลมาหานายเมื่อหลายวันก่อน เขาขอขึ้นไปดูที่พักของนายด้วย สงสัยคงไปเจอโทรศัพท์อยู่ในสภาพเหมือนตัวนายตอนนี้.. โชคดีที่คริสไม่ถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าถามฉันคงตอบไม่ถูก"

"พวกมันแย่งโทรศัพท์เขวี้ยงทิ้งใช่มั้ย... ระยำจริงๆ"

ความเข้าใจของแซมคือ ไอ้พวกวายร้ายลูกสมุนของเจ้านิคคงแย่งโทรศัพท์จากแฟรงค์และเขวี้ยงลงพื้น เขาไม่เคยถามเรื่องโทรศัพท์กับแฟรงค์ เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ และจะทำให้แฟรงค์สะเทือนใจเปล่าๆ

แฟรงค์งุนงงอยู่ชั่วครู่เพราะลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์มือถือของเขา จริงซี!!... โทรศัพท์ถูกเขวี้ยงลงบนพื้นห้องอย่างแรงจริงๆ แต่คนเขวี้ยงคือเขาไม่ใช่ไอ้นรกพวกนั้น เขาทำลายมันเพราะมันสื่อสารให้เขาได้ยินถ้อยคำสนทนาพรอดรักระหว่างคริสและเธอ..

"เอ่อ.. คงใช่มั้งฉันจำไม่ได้แล้ว นายเก็บไว้เถอะไม่ต้องเอามา ฉันไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วจะมีโทรศัพท์ไว้ทำไม"

แซมถอนใจเฮือกเมื่อแฟรงค์ไม่ยอมหลงกลเขา...



 :เฮ้อ:






Fatherhood part 2 [9]



ประตูห้องนอนของแจ๊ค บอย และทิมเปิดออกพร้อมๆ กัน ทุกคนมีสีหน้าตื่นตระหนกต่างวิ่งตรงไปหาโอที่ห้อง แต่ยังไม่ทันเคาะเรียกประตูห้องก็เปิดออก โอมีสีหน้าตกใจด้วยเช่นกัน ทุกคนถือโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ในมือ

“ทำไมคุณแฟรงค์ทำกับพวกเราแบบนี้” บอยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ รู้สึกตกใจและเสียใจมากกว่าเพื่อนๆ ทุกคน

….หวัดดี หนุ่ม ตอนนี้ฉันอยู่ในที่ๆ สวยงามมากและมีคนที่ฉันรู้ใจอยู่เคียงข้าง ฉันจะเป็นไกด์พาเขาเที่ยวเมืองไทยสักระยะหนึ่ง อาจเป็นหนึ่งเดือน สองเดือนหรือมากกว่านั้น และถ้าเราไปด้วยกันได้ดี บางทีฉันอาจตามเขาไปอยู่เทกซัสด้วย เมืองในฝันของฉันเลยนะ พวกนายรู้ใช่มั้ยว่าฉันฝันอยากเป็นหนุ่มเคาบอย แต่คงไม่รู้ว่าฉันเผลอใจชอบหนุ่มเคาบอยเข้าให้แล้ว ขอโทษนะถ้าทำให้พวกนายทุกคนเสียใจและผิดหวัง สัญญาว่าถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีก ฉันยังเป็นแฟรงค์คนเดิมของพวกนายเสมอ

รัก
แฟรงค์..
 


บอยร้องไห้โฮในขณะที่โอ แจ๊คและทิม ก็รู้สึกเสียใจมากทุกคน

“จะบอกคุณคริสมั้ย โอ..”

แจ๊คถามเพราะคุณคริสสั่งไว้ว่าคุณแฟรงค์กลับมาเมื่อไรให้บอกด้วย

“จะบอกว่าไงดีล่ะ” โอสวมกอดบอยปลอบประโลม เพราะเข้าใจความรู้สึกของบอยดี

“ก็บอกความจริงไป คุณคริสจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงและคอยถามถึงคุณ แฟรงค์อีก”

“คุณคริสน่ะเหรอเป็นห่วงคุณแฟรงค์.. คุณคริสห่วงความสุขของตัวเองต่างหาก กลัวจะไม่ได้ไมเคิลเป็นลูก คุณคริสเป็นคนทำให้คุณแฟรงค์ต้องจากพวกเราไป คุณคริสเห็นแก่ตัว…”

โอฉุนกึก อุตส่าห์ช่วยปลอบดีๆ เจ้าบอยตัวแสบก็พาลมาต่อว่าคุณคริสของเขาอีก โอคลายแขนออกและจับไหล่สองข้างของบอยเขย่า

“จะบ้าหรือบอย.. ทำไมชอบพาลต่อว่าคุณคริสอยู่เรื่อย คุณคริสรักและเป็นห่วงพวกเราทุกคน คุณแฟรงค์ยินดีที่จะจากคุณคริสไปเองทั้งๆ ที่คุณคริสไม่ได้อยากให้ไป จนป่านนี้แล้วนายยังไม่รู้จักนิสัยคุณแฟรงค์อีกเหรอ คนที่นายควรจะโกรธคือคุณแฟรงค์ต่างหาก เพราะนอกจากจะกะล่อนและเจ้าเล่ห์แล้ว คุณแฟรงค์ของนายยังหลายใจอีกด้วย ใกล้ใครก็รักคนนั้น พอห่างหน่อยก็ลืม เหมือนกับที่เขาลืมนายยังไงล่ะ บอย..”

บอยเบี่ยงตัวออกด้วยความโมโหและโดยไม่มีใครคาดคิดเด็กหนุ่มกระแทกหมัดเข้าที่ปากและจมูกของโอเต็มแรงก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป



 :เตะ1:



“โอ๊ย!~ ~ เจ็บ เบาๆ หน่อยซี”

“นายนี่ก็เหลือเกิน ปากเสียไม่เข้าเรื่อง” แจ๊คบ่นว่าโอขณะเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกจากจมูกและประคบผ้าเย็นให้

“ก็นายดูมันซี เอะอะก็โทษคุณคริส หาว่าคุณคริสเห็นแก่ตัว ถ้ามันไม่ได้คุณคริสช่วยอุปการะ ป่านนี้คงนั่งขายตัวให้ฝรั่งเป็นค่าเล่าเรียน ดีไม่ดีเป็นไอ้ตัวไปแล้ว” โอกล่าวด้วยความโกรธแค้นที่ถูกบอยชกหน้า

คริสพบบอยโดยบังเอิญที่ลานจอดรถในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วขณะกำลังยืนคุยกับชายต่างชาติ สีหน้าบอยเหมือนกับจะร้องไห้ คริสยืนดูอยู่สักพักจนบอยถูกชายคนนั้นกึ่งจูงกึ่งลากไปที่รถ จึงเดินตามเข้าไปถาม ความที่เป็นชาวต่างชาติเหมือนกันและมันคงดูออกว่าคริสชอบเด็กผู้ชายเหมือนกัน ชายผู้นั้นจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้คริสฟังว่า เจ้าหนูหน้าซื่อคนนี้ตกลงราคาขายบริการกับเขาอย่างดี แต่พอเข้าไปในโรงแรมระหว่างที่เขากำลังอาบน้ำ เด็กแสบคนนี้ก็แอบขโมยเงินเขาหนีออกมา เขาตามหาอยู่หลายวันและมาพบโดยบังเอิญที่นี่ จึงยื่นข้อเสนอให้เด็กชายไปปลดหนี้ด้วยการบำเรอกามให้เขา หรือไม่ก็ไปโรงพักหาตำรวจ

คริสเห็นหนุ่มน้อยอยู่ในอาการตัวสั่นและตื่นกลัว แทบไม่อยากเชื่อว่าเจ้าหนูจะหาเงินใช้ด้วยวิธีนี้ คริสยื่นข้อเสนอขอชดใช้เงินให้ชายผู้นั้นเป็น 2 เท่าแลกกับอิสรภาพของบอย โดยบอกว่าถ้าพาเด็กขึ้นโรงพักคนที่จะโดนข้อหาหนักคือตัวเขาเองไม่ใช่เด็ก

คริสพาเด็กชายไปทานข้าวและสอบถามความเป็นมา จึงรู้ว่าบอยไม่ได้ตั้งใจทำอาชีพนี้แต่ถูกเพื่อนหลอก บอกว่าจะหางานให้ทำมีรายได้ดีมาก บอยตกใจเมื่อรู้ว่าต้องทำอะไรจึงหลอกให้ชายต่างชาติคนนั้นเข้าห้องน้ำอาบน้ำก่อน แล้วบอยก็ถือโอกาสหนีออกมา

“แล้วทำไมต้องขโมยเงินด้วย รู้มั้ยว่าฉันเกลียดเด็กขี้ขโมยที่สุด”

และแล้วคำตอบที่คริสได้รับก็ทำให้บอยเข้ามาเป็นสมาชิกหนุ่มน้อยคนที่ 3 ของคฤหาสน์บริเจคส์

“ผมไม่ได้อยากขโมยฮะ ผมไม่มีพ่อ แม่ผมก็เพิ่งเสียไปเมื่อตอนต้นปี ป้าให้ผมอาศัยอยู่ด้วยแต่ไม่มีเงินส่งเสียผมเรียน บอกว่าถ้าผมอยากเรียนต้องหาเงินเอง ผมเสียใจที่ผมขโมยเงินเขา แต่ผมจำเป็นฮะ ผมต้องรีบเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมไม่ยังงั้นโรงเรียนจะไล่ผมออกแล้ว”



 :m15:



คริสหยิบกรอบรูปบนโต๊ะมาพิศดู มันเป็นรูปถ่ายคู่รูปเดียวกับที่ซุกในลิ้นชักข้างเตียงแฟรงค์ แต่รูปนี้เขาและแฟรงค์ยังยืนกอดคอหัวเราะอย่างมีความสุขในรูปเดียวกัน ไม่ได้ถูกตัดขาดจากกันเหมือนรูปที่อยู่กับแฟรงค์

จนถึงวันนี้ความรู้สึกที่เขามีต่อแฟรงค์ยังเหมือนเดิม เขาไม่เคยคิดจะแยกจากแฟรงค์แม้จะมีชารอนอยู่ในฐานะภรรยา เขาก็ยังปรารถนาที่จะให้แฟรงค์อยู่ใกล้ ความตั้งใจแต่แรกของเขา การแต่งงานเป็นเพียงแผนเท่านั้น เขาสามารถพูดคุยกับชารอนให้เธอเข้าใจได้ แต่แฟรงค์กลับไม่เข้าใจพยายามทำตัวเหินห่างจากเขา เขารู้สึกโกรธและน้อยใจที่แฟรงค์ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เขามีให้ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิง ยังแนะนำให้ชารอนทดลองใช้ชีวิตสมรสจริงๆ กับเขา แฟรงค์ไม่เคยระแวงเขากับหญิงสาวคนใดที่มาเข้าใกล้ ทำไมกับชารอนแฟรงค์จึงไม่เข้าใจว่าเธอเป็นเพียงอดีตคนรักของเขาเท่านั้น

ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาเขาไม่มีความสุขเลยทั้งๆ ที่ควรจะมี เขาได้ไมเคิลเป็นลูกชายถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ซ้ำยังมีภรรยาที่งามพร้อม แต่เขาก็ยังขาด… ขาดทุกอย่างที่ควรจะมีสำหรับชีวิตคู่ ขาดเพื่อนรู้ใจ ขาดคู่คิด ขาดความสุขในเรื่องเซ็กซ์ เขาไม่เคยมีความสุขแม้เพียงสักครั้งเดียวในการมีเซ็กซ์กับเธอ ไม่ว่าจะพยายามปล่อยใจให้ว่างขนาดไหน บางครั้งเขาต้องหลับตาและนึกถึงแฟรงค์ จนเขารู้สึกละอายใจต่อเธอ เขารู้ว่าเธอรู้ แต่เธอไม่พูดและไม่ต่อว่าเขาในเรื่องนี้ เธอดีจนเขาไม่อาจทำให้เธอเสียใจและผิดหวังกับชีวิตสมรสครั้งนี้ได้

คริสหยิบโทรศัพท์มือถือของโอกดข้อความอ่านทวนอีกครั้ง

….ฉันเผลอใจชอบหนุ่มเคาบอยเข้าให้แล้ว ถ้าเราไปด้วยกันได้ดี บางทีฉันอาจตามเขาไปอยู่เทกซัสด้วย….

คริสรู้สึกแน่นหน้าอกจนต้องสูดลมหายใจเข้าออก ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นให้คลายลง จนถึงนาทีนี้เขาเพิ่งรู้ตัวเองว่าความรู้สึกที่เขามีต่อแฟรงค์ลึกซึ้งมากมายขนาดไหน เขาเคยคิดว่าหากแฟรงค์ไม่ต้องการอยู่ร่วมกับเขา จะขอจากไปอยู่กับใครเมื่อไรก็ได้ แต่พอถึงเวลานี้จริงๆ เขาทำไม่ได้อย่างที่คิด เขารู้สึกเจ็บปวดและโหยหาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน

คริสวางรูปลงบนโต๊ะ ข้างกรอบรูปมีโทรศัพท์มือถือและจดหมายของชารอนวางอยู่ ถ้าให้เขาวิ่งตาม… เขาควรจะวิ่งตามเจ้าของข้อความในโทรศัพท์หรือตามไปหาเจ้าของจดหมายดี…

คริสนิ่งมองโทรศัพท์และจดหมายบนโต๊ะอยู่ชั่วครู่ บอกตัวเองว่า ตามหาหัวใจให้เจอก่อนเถอะ หัวใจเขาไม่ได้อยู่กับตัวมานานแล้ว….

คริสลุกขึ้นยืนและหยิบโทรศัพท์กดอ่านข้อความอีกครั้ง คนแรกที่เขาควรจะไปหาและถามไถ่เรื่องราวทั้งหมดคือแซม คู่ขาชั่วคราว ของนายแฟรงค์จอมกะล่อนและหลายใจ ของเขา…




:o12:




คุณคริสขยับแล้ว พวกเรา เย้ เย  :oni2:


จบตอนนี้หวังว่าทุกคนคงจะสบายใจและนอนหลับ 


มาต่อใหม่วันจันทร์นะ


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 03-10-2008 11:34:45
คริส

กว่าจะคิดไว่ควรทำอะไร

 o12

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-10-2008 15:19:36
บทต่อไปจะพระเอกจะไปตามง้อนางเอกแล้วชิมิ  :oni2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 03-10-2008 16:22:47
อะคึ อะคึ   :t2:

ในที่สุดคริสก็รุ้ตัวสักที  เฮ้อ  ลุ้นแทบแย่

ตามหาให้เจอนะคริส

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 03-10-2008 16:58:21
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 03-10-2008 17:45:28
ลุงคริสถึงคิวลุงแล้ว จัดการให้เรียบร้อยล่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-10-2008 18:19:59
เจ้หมวยจ้าาาา

รบกวนส่งไฟล์เพลงให้น้องโน่ยยย ที่ am_a_virginแอดhotmail.com

จะได้อัพให้คร้าบบบ

ขอบพระคุณครับ


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 04-10-2008 22:18:29

Fatherhood part 2 [8] ต่อ..



“รู้มั้ยว่านายทำให้ฉันนอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว ฉันนึกไม่ออกว่านายจะอยู่ที่นั่นคนเดียวได้ยังไง จะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่ยอม ฉันอยากจะเกลียดนายนักแฟรงค์..”

แฟรงค์หัวเราะในลำคอ ไม่ได้โต้แย้งอะไร แซมแค่อยากจะเกลียดเท่านั้นแต่ก็เกลียดไม่ลงหรอก เขารู้..

.
.
.



คริสวางรูปลงบนโต๊ะ ข้างกรอบรูปมีโทรศัพท์มือถือและจดหมายของชารอนวางอยู่ ถ้าให้เขาวิ่งตาม… เขาควรจะวิ่งตามเจ้าของข้อความในโทรศัพท์หรือตามไปหาเจ้าของจดหมายดี…

คริสนิ่งมองโทรศัพท์และจดหมายบนโต๊ะอยู่ชั่วครู่ บอกตัวเองว่า ตามหาหัวใจให้เจอก่อนเถอะ หัวใจเขาไม่ได้อยู่กับตัวมานานแล้ว….

คริสลุกขึ้นยืนและหยิบโทรศัพท์กดอ่านข้อความอีกครั้ง คนแรกที่เขาควรจะไปหาและถามไถ่เรื่องราวทั้งหมดคือแซม คู่ขาชั่วคราว ของนายแฟรงค์จอมกะล่อนและหลายใจ ของเขา…



 อ่านแล้วก็เอามาเปรียบกันค่ะ พอเปรียบเทียบแล้ว ก็ใจหาย

คิดดูดิ ถ้ามีคนที่คุณรักเป็นแบบนี้จะเลือกใคร

ระหว่าง


คนนึง แม้นว่าเราชั่วยังไง เค้าก็ไม่เกลียดเรา

กับ

คนนึง ลังเลที่จะเลือกเรา และคิดว่าเราหลายใจ

ห้าห้าห้า

เป็นหนู จะเลือกคนที่หนูรักอิอิ

 :t2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 04-10-2008 23:09:24
เข้ามาให้กำลังใจเจ้หมวยยยยด้วยคนน  อิอิ

อยากบอกว่าอ่านทุกเรื่องของเจ๊ 

หวังว่าเจ๊จะมีนิยายที่ดีดีแบบนี้ให้อ่านเรื่อยๆๆน๊า

ปล.  รอเรื่องใหม่อย่างใจจดจ่ออยู่น่ะเนี่ยะ  อิอิ :oni2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: beboy ที่ 05-10-2008 20:04:06
ชอบครับ  สนุกดี 
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 06-10-2008 12:11:42
Fatherhood part 2 [9] ต่อ...




“คุณคะ ป้าเตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว ผ้าเช็ดตัวแขวนไว้ที่ราว แน่ใจว่าจะไม่ให้ป้าช่วยนะคะ หรือว่าอาย งั้นป้าจะให้ตาลุงเข้ามาช่วยดีมั้ยคะ”

แฟรงค์ยิ้มให้กับความมีอัธยาศัยของลุงป้าสองสามีภรรยา คนรับใช้เก่าแก่ของบ๊อบที่บ๊อบบอกว่าส่งมาช่วยเฝ้าบ้าน แต่จริงๆ แล้วเขารู้ว่าบ๊อบไม่ได้ส่งลุงป้ามาเฝ้าบ้านหรอก แต่ส่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลรับใช้เขาต่างหาก

“ไม่ต้องหรอกครับป้า  ผมไม่ได้อายแต่อยากช่วยตัวเอง  ผมต้องฝึกและทำทุกอย่างด้วยตัวเองให้ได้”

แซมอยู่เป็นเพื่อนแฟรงค์ในคืนแรก บ๊อบตามมาอยู่เป็นเพื่อนในคืนที่สอง หลังจากนั้นแฟรงค์ต้องดำเนินชีวิตอยู่ในโลกมืดเพียงลำพัง วันนี้เขาได้รู้อย่างถ่องแท้แล้วว่าประสาทรับสัมผัสส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากตามีความสำคัญมากมายเพียงใดสำหรับคนที่มองไม่เห็น โดยเฉพาะการสัมผัสด้วยมือและการใช้หูฟังเสียง เขาต้องพยายามเรียนรู้และฝึกการดำรงชีวิตในโลกมืดด้วยตัวเอง

นอกเหนือจากการจัดเตรียมอาหารและเสื้อผ้าให้เขาเปลี่ยนแล้ว แฟรงค์ไม่ได้ให้คนรับใช้ของบ๊อบทำอะไรให้เขาอีกเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาอาจมองไม่เห็นตลอดชีวิตก็ได้ เพราะเขาคงไม่โชคดีอย่างไมเคิลเจ้าหนูที่มีจิตใจซื่อบริสุทธิ์ สวรรค์แค่แกล้งหยอกเล่นเท่านั้น แต่สำหรับเขาไม่ใช่... เขากำลังถูกสวรรค์ลงโทษเพราะทำเรื่องไม่ดีในชีวิตไว้เยอะ ในวัยเด็กเขาดื้อและเกเรมากคอยหาโอกาสกลั่นแกล้งน้องต่างมารดาเสมอ โตขึ้นยังมีเรื่องชกต่อยกับอาจารย์ โกรธและทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงจนถูกไล่ออกจากบ้าน เขาเป็นคนกะล่อนและเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจเพื่อหาเงินใช้ไปวันๆ

สิ่งที่เจ้านิคกระทำกับเขา เขาเองก็เคยกระทำกับหนุ่มน้อยคนอื่นมาแล้ว ทิมมี่.. หนึ่งในสมาชิกหนุ่มน้อยก็โดนเขาใช้กำลังบังคับเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะอธิบายและปลอบยังไง ทิมก็ไม่ยอมฟัง เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียวจนเขาต้องจับเจ้าหนูมัดไว้กับเตียง และเอาผ้าปิดปากไว้เหมือนกับที่เจ้านิคทำกับเขา แต่เขาสาบานได้ว่าไม่ได้รุนแรงกับทิม เขาทำด้วยความนุ่มนวลและปลอบโยนเจ้าหนูให้คลายความตื่นกลัว เขาจำเป็นต้องทำเพราะหน้าที่ เขาต้องฝึกและสอนเด็กหนุ่มทุกคนให้เรียนรู้เรื่องเซ็กซ์เพื่อขึ้นไปปรนนิบัติและรับใช้คริส

ถึงวันนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมากที่หลงรับปากมาทำงานให้คริส บริเจคส์ เป็นเพราะเขาเห็นแก่เงินและความสุขสบาย เคราะห์กรรมที่เขาได้รับครั้งนี้มิใช่แค่ทางกายเท่านั้น จิตใจของเขาก็แหลกสลายไม่มีชิ้นดีหลังจากได้ยินถ้อยคำสนทนาพรอดรักระหว่างคริสและชารอนทางโทรศัพท์ มันยืนยันให้เขารู้ว่าคริสเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้วจริงๆ หากเขายังคบหากับคริสต่อไป เส้นทางที่เขาเดินไม่ใช่ทางเดียวกับคริสแล้วแต่เป็นทางคู่ขนาน เขาคงได้แต่ชำเลืองมองและเดินตามคริสและครอบครัวไป เขาจะเลือกเดินตามให้ปวดหัวใจทำไม สู้หันหลังเดินจากมา ถึงจะเจ็บปวดและโหยหาเพียงใดก็แค่ชั่วระยะเวลาเดียว

ไม้เท้าเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับเขา เขาคงเดินได้ดีกว่านี้ถ้าไม่ติดที่ขาขวาเข้าเฝือกไว้ทำให้ต้องใช้ไม้ค้ำอีกหนึ่งอันช่วยพยุงตัว นึกสภาพตัวเองแล้วก็รู้สึกสมเพชเวทนา แต่เขาก็ไม่ท้อพยายามฝึกเดินไปมาจนเริ่มชำนาญและคุ้นกับสถานที่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพลาดหกล้มอยู่หลายครั้ง ครั้งหนึ่งเขาล้มตอนเดินออกจากห้องน้ำไม้ค้ำกระแทกถูกหน้าท้องตรงแผลผ่าตัดอย่างแรง เขาเจ็บจนน้ำตาไหล โกรธและโมโหตัวเอง เขารู้ว่าอารมณ์ตัวเองในช่วงนี้ไม่ปกติ อ่อนไหว หงุดหงิดและตกใจง่ายทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดังหรือเสียงผิดปกติใดๆ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงก็เขามองไม่เห็นนี่นา ไม่รู้ว่าภัยจะมาถึงตัวเมื่อไร….



 :m15:


แฟรงค์ตกใจตื่นกลางดึก ไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงผิดปกติแต่เพราะเขาฝันร้าย เหตุการณ์ร้ายแรงในฝันคงมาจากจิตใต้สำนึกของเขา คริสชวนเขาขับเรือออกไปเที่ยวเกาะโดยมีเธอไปด้วย เราไปกันเพียง 3 คน เขาเป็นคนขับ ในขณะที่คริสนั่งพรอดรักชมวิวกับเธออย่างสบายอารมณ์ เรือแล่นออกมาจากฝั่งได้ครึ่งทางเขาก็เริ่มหงุดหงิดและหมั่นไส้จึงวกเรือกลับ คริสไม่พอใจเดินมาต่อว่าและสั่งให้เขาหยุดเรือ เขากับคริสมีปากเสียงกัน เขาใช้คำพูดรุนแรงเพราะกำลังน้อยใจและโกรธ

“ทำไมต้องไปที่เกาะนั่นด้วย แค่อยากจะมีเซ็กซ์กับเธอบนเรือนี่ก็ได้ แค่นี้ก็ลับตาคนแล้ว เอาผมมาด้วยทำไม คุณขับเองก็ได้นี่นา หรือว่าคุณมีแผนอยากจะเล่นเซ็กซ์สาม ถ้าเป็นอย่างนั้นผมขอข้างหลัง คุณอยู่ข้างหน้าก็แล้วกัน”

ขาดคำ… เขาก็ถลาร่วงลงน้ำด้วยแรงกระแทกจากหมัดของคริส คริสมองเขาด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะขับเรือจากไปโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกให้ช่วย

“ผมขอโทษคริส.. อย่าไป กลับมาก่อน กลับมารับผมก่อน คริส..”

เขาว่ายน้ำตามเรือจนหมดแรงและจมลงทะเลในที่สุด เขายังจำความรู้สึกตอนจมน้ำได้ ความรู้สึกสุดท้ายก่อนจะขาดใจ ถึงแม้จะตื่นแล้วแต่เพราะความมืดทำให้แฟรงค์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังประสบกับเหตุการณ์ร้ายนี้จริงๆ เขาสะอื้นโฮด้วยความเสียใจที่คริสปล่อยให้เขาจมน้ำตายเป็นครั้งที่ 2

“ฮือๆ ผมจะตายแล้ว ช่วยผมด้วย คริส.. ”

ถึงจะโกรธและเสียใจในสิ่งที่คริสกระทำกับเขา แต่แฟรงค์ก็ยังร้องเรียกให้ คริสช่วย ไม่รู้ว่าเขาเรียกหาคริสอยู่นานแค่ไหน กว่าจะรู้สึกว่าตัวเองฝันไป หมอนที่หนุนนอนอยู่ก็เปียกชื้นด้วยน้ำตาจนต้องกลับอีกข้างขึ้นมาหนุนแทนที่

แฟรงค์ฝันร้ายหลายคืนติดต่อกัน เขาสะดุ้งตื่นกลางดึกลุกขึ้นนั่งตัวสั่นอยู่ในความมืด พร่ำปลอบตัวเองไปมาว่า อย่ากลัว... แค่ฝันเท่านั้น….



 :m15:



เสียงคลื่นและกลิ่นอายทะเลทำให้อารมณ์ของแฟรงค์ผ่อนคลายขึ้น แม้จะเริ่มรู้สึกกลัวน้ำทะเลเพราะฝันว่าตัวเองจมน้ำถึง 2 ครั้ง แต่เขาก็ยังรักและผูกพันกับมัน อาจเป็นเพราะเขาเคยมีความสุขและประทับใจกับการพักร้อนทางเรือหลายต่อหลายครั้ง นี่ก็ใกล้จะถึงช่วงเวลาพักร้อนของคริสอีกแล้ว ปีที่ผ่านมาโปรแกรมการเดินทางถูกงด เพราะไมเคิลได้กลับคืนสู่อ้อมอกของคริสในสภาพที่ป่วยทั้งทางสมองและสายตา แต่ปีนี้บรรยากาศในบ้านบริเจคส์คงอบอวลด้วยความสุขเพราะเรื่องร้ายๆ ได้ผ่านพ้นและจบลงด้วยดีแล้ว คริสคงเตรียมโปรแกรมพักร้อนเหมือนทุกปี ปีนี้ชารอนคงอยู่ข้างๆ คริสแทนเขา

…ไม่เป็นไรหรอกคริส ผมไม่เสียใจที่ไม่ได้ไปด้วย ผมไม่มีวันขึ้นเรือลำเดียวกับคุณและเธอ ผมรอดตายจากความฝันหลายครั้ง แต่ในความเป็นจริงผมอาจไม่โชคดีเหมือนในความฝัน…




(http://www.geocities.com/muay_siri2003/sad.jpg)


คลิกฟังเพลงที่นี่

http://203.150.224.157/musicart//newmusicstation/angel/alone.swf




ทุกๆ คราวที่มองฟ้า 

คิดถึงเธอทุกที

อยู่ห่างกันเพียงไหน

ขอสัญญาว่าไม่ลืม

ถึงแม้เธอจะมีใคร

ขอให้เธอโชคดี

อยู่กับคนที่เธอรัก

ขอให้มั่นคงต่อกัน


 
 o7


ทุกคืนวันที่เปลี่ยนไป

ทำให้ใจเธอเปลี่ยนแปลง

เขาคงดีกว่าฉัน

ขอให้เธอไปกับเขา

ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว

มีเพียงใจที่เหงา

ได้แต่มองดาวบนฟ้า

ที่คอยเป็นเพื่อนและปลอบใจ


 
 o7


ทุกคืนวันที่เปลี่ยนไป

ทำให้ใจเธอเปลี่ยนแปลง

เขาคงดีกว่าฉัน

ขอให้เธอไปกับเขา

ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว

มีเพียงใจที่เหงา

ได้แต่มองดาวบนฟ้า

ที่คอยเป็นเพื่อนและปลอบใจ

ได้แต่มองดาวบนฟ้า

ที่คอยเป็นเพื่อนและปลอบใจ



 :o12:

 

"แฟรงค์!!..”

แฟรงค์สะดุ้งเฮือก แซมรีบเข้าไปกอดคอเพื่อนกระซิบปลอบ

“ฉันเองแฟรงค์.. ฉันเอง ขอโทษที่ทำนายตกใจ”

“แซม.. กี่โมงแล้ว วันนี้วันอะไร มาแล้วใครจะดูร้านล่ะ”

“บ่ายสอง วันนี้วันจันทร์ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไร ฉันเลยสั่งปิดร้านทุกวันจันทร์จะได้มีเวลาพักผ่อนกันบ้าง”

แฟรงค์พยักหน้าเห็นด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงโวยแล้ว งานบริการเป็นเรื่องสำคัญมากถ้านึกอยากจะหยุดก็หยุด จะทำให้เสียลูกค้าได้

แซมทรุดตัวลงนั่งบนพื้นทรายตรงหน้า ลอบถอนใจเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนรักในวันนี้ แฟรงค์ไม่ชอบไว้หนวดเครามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาชอบให้ใบหน้าตัวเองสะอาดเกลี้ยงเกลา โดยให้เหตุผลว่าเรื่องอะไรจะเอาหนวดเครามาปิดบังความหล่อเหลาของเขา จริงอย่างที่แฟรงค์ว่าใบหน้าที่มีหนวดเคราขึ้นเขียวอยู่ในขณะนี้ มันทำให้แฟรงค์ดูทรุดโทรมและผ่ายผอมมากขึ้น น้ำหนักคงลดลงไม่ต่ำกว่า 5 กิโล ปกติแฟรงค์เป็นคนสำอาง แต่งกายง่ายๆ แต่ดูดีเสมอ เสื้อผ้าที่แฟรงค์ให้เขาจัดหาให้ใส่ที่นี่มีแต่กางเกเลและเสื้อยืด

“เป็นยังไงบ้างแฟรงค์.. นายโอเคมั้ย”

แฟรงค์พยักหน้าความหมายว่าโอเค.. แต่แซมไม่ค่อยเชื่อ

“นายพักผ่อนบ้างหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดจัง แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร แผลที่ท้องเป็นยังไงบ้าง ขาล่ะ”

แซมถลกชายกางเกงแฟรงค์ดูขาข้างที่เข้าเฝือกไว้ เข้าใจเหตุผลที่แฟรงค์เลือกใส่กางเกเลตอนนี้เอง มันหลวมและสบายต่อการสวมใส่จริงๆ

“เล่นตอบคำถามกับฉันอีกแล้วหรือ แซม..”

แซมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน สายตาของแฟรงค์ไม่ได้อยู่ที่เขาแต่จ้องมองไปที่ขอบฟ้าข้างหน้า เห็นสีหน้าเซียวของแฟรงค์ชัดๆ แล้ว แซมรู้สึกฉุนที่แฟรงค์พยายามปิดบังไม่พูดความจริง

“ไม่เอาน่า แฟรงค์.. ถ้าไม่บอกความจริงว่าตอนนี้นายเป็นยังไงบ้าง ฉันจะพานายกลับไปหาบ๊อบเดี๋ยวนี้เลย”

“บอกก็ได้ แค่นี้ทำไมต้องโมโหด้วย ฉันแค่นอนไม่ค่อยหลับเท่านั้น สุขภาพฉันโอเค ฉันเดินเก่งแล้วด้วยไม่เชื่อถามป้ามาลีก็ได้ ฉันเดินจากบ้านมานั่งตรงนี้เองด้วยนะ.. ”

แซมส่ายหน้า แฟรงค์พยายามคุยเพื่อให้เขาเชื่อว่าตัวเองแข็งแรงดี แต่มันขัดกับที่สายตาเขาเห็น

“ทำไมนอนไม่หลับล่ะ นายคิดมากใช่มั้ย”

“เปล่า ฉันไม่ได้คิดมาก ฉัน.. เอ่อ.. ฉันฝันร้าย ตกใจตื่นก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ”

แฟรงค์เล่าความฝันให้เพื่อนฟัง กับแซม.. แฟรงค์ไม่เคยมีเรื่องปิดบัง

แซมกุมมือแฟรงค์บีบเบาๆ ในฐานะเพื่อนเขาแสดงกิริยาปลอบโยนได้เพียงเท่านี้

“รู้มั้ยทำไมถึงฝันร้าย จิตใต้สำนึกนายคิดถึงคริสในทางไม่ดี ฟังนะแฟรงค์ คริสไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด เขายังเป็นคริสคนเดิม”

แฟรงค์ส่ายหน้า

“อย่าพูดเลยแซม.. นายไม่รู้เหมือนที่ฉันรู้ อย่าพูดถึงคริสให้ฉันได้ยินอีกเลย ฉันขออยู่อย่างสงบที่นี่ ไม่ขอเกี่ยวข้องกับใครที่คฤหาสน์บริเจคส์อีก”

แซมหัวเราะในลำคอ

“แล้วไง!!.. นายได้อยู่อย่างสงบมั้ย อุตส่าห์หนีมาอยู่ที่นี่ คริสยังตามมาอยู่ในฝันนายได้เลย ฟังนะแฟรงค์.. เลิกหลอกตัวเองและหลอกคนอื่นๆ ซะที นายลืมคริสไม่ได้หรอก นายกับเขาไม่ได้คบหากันมาแค่เดือน 2 เดือน ไม่ใช่แค่นายเท่านั้นที่ลืมเขาไม่ได้ คริสก็ลืมนายไม่ได้ด้วยเหมือนกัน”

“ใครบอกนาย”

“ไม่ต้องมีใครบอกหรอก ฉันรู้หลังจากที่ฉันต้องโกหกคริสอีกเป็นครั้งที่ 2 เรื่องหนุ่มเคาบอยของนาย ให้ตายเถอะ! แฟรงค์ จะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาทำไมไม่บอกกล่าวกันก่อน”

แฟรงค์นึกขึ้นได้ว่าเขาส่งข้อความเรื่องหนุ่มเคาบอยไปหาเด็กๆ ตั้งใจจะให้คริสเลิกถามหาเขา เพราะเป็นทางเดียวที่คริสจะไม่รั้งเขาไว้ และยอมให้เขาจากไปแต่โดยดี

“ขอโทษแซม.. ฉันลืมบอก ลืมสนิทเลย คริสโทรไปถามนายเหรอ แล้วนายว่าไง..”

“ไม่ใช่โทรมาถาม คริสมาหาฉันที่ร้านเลย เขาถามถึงนายและเรื่องหนุ่มเคาบอยนั่น ฉันตั้งรับแทบไม่ทันแต่ก็ต้องลื่นไหลเอาตัวรอด ฉันบอกคริสว่าไม่รู้เรื่อง แต่เคยได้ยินนายพูดถึงเหมือนกันไม่คิดว่าจะคบหากันจริงจัง คริสตกใจและเสียใจมากนะ แฟรงค์.. ได้โปรดเถอะน่า.. อย่าสร้างเรื่องหลอกใครอีกเลยโดยเฉพาะกับคริส ”

“ฉันขอโทษแซม.. มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ฉันสัญญา… เรื่องของฉันกับคริสจบลงแล้ว เขาจะไม่มากวนใจนายอีก”

“แน่ใจหรือว่าจบ”

แซมถอดแว่นตาแฟรงค์ออก อยากรู้ว่าคำพูดที่ออกมาตรงกับใจหรือเปล่า ถึงดวงตาจะมองไม่เห็น แต่เขาเชื่อว่ามันยังสามารถสื่อความรู้สึกได้เหมือนเดิม

แฟรงค์พยักหน้าอย่างมั่นใจ  “ฉันแน่ใจ แซม.. ”

แซมหัวเราะ   “ฉันไม่เชื่อว่านายจบ และไม่เชื่อว่าคริสจะจบด้วย”

แฟรงค์ขมวดคิ้ว แซมก็รีบคลายความข้องใจ

“คริสไม่จบเรื่องกับนายง่ายๆ หรอก เขาฝากให้ฉันบอกนายว่าเขาอยากเจอ อยากคุยกับนายอีกครั้งก่อนที่นายจะตัดสินใจไปกับไอ้หมอนั่น”

สีหน้าแฟรงค์สลดลงดวงตาฉายแววเจ็บปวด จนแซมต้องกล่าวเตือนกึ่งปลอบโยน

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 06-10-2008 13:12:17
ป้ามาจิ้มคนแต่งจ๊ะ
ขอผ้าเช็ดหน้า ยาดม ยาหอม  เศร้าเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 06-10-2008 14:06:10
Fatherhood part 2 [9] ต่อให้จบ...





(http://www.khonmuang.com/catalog/images/herb001.jpg)

ยาหอมสำหรับผู้สูงวัย


(http://www.thanapornonline.com/images/1126974917/BNP3333.jpg)

ผ้าเช็ดหน้าเล็กไป กระดาษทิชชูก็ใช้เปลือง เปลี่ยนเป็นผ้าขนหนูให้จ้ะ





สีหน้าแฟรงค์สลดลงดวงตาฉายแววเจ็บปวด จนแซมต้องกล่าวเตือนกึ่งปลอบโยน

“พอเถอะแฟรงค์.. อย่าหนีต่อไปอีกเลย กลับไปคุยกับคริสอีกครั้ง นายจากเขามาแต่ตัว… หัวใจไม่ได้มาด้วย ดูนายตอนนี้ซี… ไม่เหมือนแฟรงค์คนเดิมแล้วรู้มั้ย นายไม่ได้ทรุดโทรมลงไปเพราะอาการป่วยทางกายแต่นายป่วยที่ใจ ฉันยอมให้นายมาพักอยู่ที่นี่เพราะอยากให้นายได้ผ่อนคลายและหลบไอ้นรกนิคนั่น 5 วันที่นายอยู่ที่นี่ รู้มั้ยว่าวันนี้นายดูแย่กว่าวันแรกที่มาถึง ถ้าบ๊อบมาเห็นนายตอนนี้ ฉันบอกได้เลยว่า ในฐานะหมอเขาต้องลากตัวนายกลับ…”

แฟรงค์กล่าวน้ำเสียงเครือ

“จะให้ฉันกลับไปคุยกับคริสเพื่ออะไร คุยหรือไม่คุยฉันกับเขาก็จบกันแล้ว ฉันคิดว่าฉันทำใจได้เรื่องชารอน และเคยคิดว่าจะคบหาคริสเป็นเพื่อนต่อไป แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ตั้งแต่ไอ้นรกนิคมันทำร้ายฉัน ฉันรู้สึกเกลียดและแขยงตัวเอง ไม่กล้าเจอและเข้าใกล้คริสอีก นายดูสภาพฉันตอนนี่ซี.. ถ้านายรักฉันและเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา ได้โปรดเถอะนะ แซม.. อย่าให้คริสรู้เรื่องฉัน อย่าให้เขามาเจอฉันในสภาพพิการน่าสมเพชแบบนี้…” แฟรงค์สะอื้นอย่างไม่อาย

แซมตกใจ เขารู้จากบ๊อบว่าวันที่แฟรงค์รู้ตัวว่าตามองไม่เห็น แฟรงค์ร้องไห้ด้วยความตกใจและเสียใจ วันนี้เป็นอีกวันที่แฟรงค์ร้องไห้อย่างขมขื่นและเจ็บปวดกับเคราะห์กรรมที่ได้รับ แซมรีบขยับเข้าไปเช็ดน้ำตาให้และกล่าวปลอบ

“โอเค.. แฟรงค์.. โอเค.. ฉันจะไม่เซ้าซี้เรื่องคริสอีก กลับเข้าไปพักผ่อนข้างในดีกว่า คืนนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายนะ..”

“รับปากฉันก่อน แซม.. ว่าจะไม่ให้คริสรู้เรื่องฉัน ”

แซมถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจำใจรับปากเพื่อให้เพื่อนสบายใจ



:เฮ้อ:



พรุ่งนี้ก็ครบกำหนดสองสัปดาห์ที่ชารอนจะเดินทางกลับจากภูเก็ต คริสต้องไปพบเธอที่สนามบินเพื่อให้คำตอบกับเธอ

..คริสที่รัก..

“ฉันดีใจและมีความสุขมากที่ได้มีโอกาสมาพบเจอคุณอีกครั้ง และยังได้ใช้ชีวิตคู่อยู่กับคุณนานกว่า 3 เดือน ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันมีความสุขมาก มากจนไม่อยากให้การสมรสครั้งนี้ต้องมีอันจบลงเลย แต่ฉันไม่อาจเห็นแก่ตัวมีความสุขอยู่เพียงฝ่ายเดียวได้ ฉันไม่ได้ทดลองใช้ชีวิตสมรสกับคุณเพราะคิดว่าฉันอาจจะเปลี่ยนแปลงคุณได้ ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเปลี่ยนความรู้สึกของคุณในเรื่องนี้ ฉันเพียงแต่อยากใช้ชีวิตคู่กับคุณเพื่อให้สัญญาที่เราเคยมีต่อกันเมื่อ 18 ปีที่แล้วลุล่วง

ที่รักคะ.. ถึงเวลาที่ฉันควรจะจากไปแล้ว ฉันไม่อาจมีความสุขบนความทุกข์ของคุณและแฟรงค์ต่อไปได้อีก อย่าห่วงเรื่องไมเคิล.. ฉันแค่เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านและเที่ยวไปรอบโลกตามประสาภรรยามหาเศรษฐีบริเจคส์เท่านั้น 1 ปีให้หลังฉันจะกลับมาเมืองไทยอีกครั้งและจดทะเบียนหย่ากับคุณอย่างเงียบๆ ขอให้รับรู้ว่าฉันไม่ต้องการทรัพย์สินใดๆ จากคุณ

กลับจากภูเก็ตฉันจะเดินทางกลับอเมริกาในคืนวันเดียวกัน ฉันจะรอพบคุณที่สนามบินเผื่อว่าคุณอาจไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของฉัน…”  


นายจอนชำเลืองมองเจ้านายคริสผ่านกระจกส่องหลัง รู้สึกสงสารและเห็นใจเจ้านายอย่างมาก หมดจากเรื่องคุณไมค์แล้วนึกว่าคฤหาสน์บริเจคส์จะอบอวลด้วยความสุขเสียที แต่เปล่าเลย… เจ้านายยังคงมีเรื่องทุกข์ใจไม่จบสิ้นและความทุกข์ขณะนี้คงเป็นความในใจส่วนตัวที่ไม่สามารถระบายให้ใครฟังได้ ไม่เหมือนตอนเรื่องของไมเคิลยังบ่นและระบายให้เขาฟังบ้าง แต่ถึงไม่ได้ยินเจ้านายบ่นนายจอนก็พอจะรู้ว่าเจ้านายคริสของเขากำลังทุกข์ใจเรื่องอะไร

นายจอนลอบถอนใจเมื่อเห็นทางแยกข้างหน้า ถ้าเลี้ยวซ้ายก็แปลว่าเขาต้องวนรถอีกหนึ่งรอบ เขาวนรถไปมารอบบริษัท 2 รอบแล้ว เพราะเจ้านายขึ้นมานั่งปุ๊บก็เล่นหลับตาพิงพนักไม่ยอมออกคำสั่งว่าจะไปไหน จะเอ่ยถามก็ไม่กล้าเพราะสีหน้าเจ้านายไม่ดีเลย นายจอนตัดสินใจบังคับรถเข้าเลนซ้าย

“ถ้าวนอีกรอบ ฉันจะตัดเบี้ยเลี้ยงแกเดือนนี้ทั้งเดือน”

นายจอนสะดุ้งโหยง หักพวงมาลัยเข้าเลนขวาแทบไม่ทัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้านายคริสพูดกับเขาทั้งที่ยังหลับตา...

“เอ่อ.. ผมรอคำสั่งเจ้านายครับ”

“แกอยู่กับฉันมากี่ปีแล้ว จอนนี่.. ถ้าฉันไม่สั่งแกก็ควรจะพาฉันกลับบ้าน จะมัววนรถอยู่หาอะไร!!..”

“เอ่อ.. ครับผม”

นายจอนรับคำเสียงอ่อยแต่นึกเถียงในใจ ถึงจะกลับบ้านเจ้านายก็จะสั่งทุกครั้ง ไม่เคยขึ้นมาแล้วนั่งหลับตาแบบนี้นี่นา...

นายจอนชำเลืองมองที่กระจกอีกครั้ง เจ้านายคริสเหม่อมองไปนอกรถอีกแล้ว เขามีเรื่องข้องใจเรื่องหนึ่งอยากจะถาม ไม่คิดว่าวันนี้เจ้านายจะอารมณ์ไม่ดี ชั่งใจอยู่ชั่วครู่จึงตัดสินใจเอ่ยถามเรื่องสำคัญ ถึงจะถูกดุก็ยอมเพราะเขาแน่ใจว่าเรื่องที่ถามต้องเป็นประโยชน์กับเจ้านายไม่มากก็น้อย

“เอ่อ.. เจ้านายครับ ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะเรียนถาม”

คิ้วเข้มขมวดก่อนจะเอ่ยอนุญาตด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

“ผมรู้จากคุณโอว่า คุณแฟรงค์กำลังเป็นไกด์พาเพื่อนใหม่ชาวอเมริกันเที่ยวเมืองไทย ถ้าเรื่องที่คุณโอพูดเป็นความจริง ผมรู้สึกแปลกๆ กับเรื่องที่แอบได้ยินเมื่อคืนวานครับเจ้านาย..”

คริสละสายตาจากหน้าต่างรถ หันมาให้ความสนใจด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์มากขึ้น จะให้สบอารมณ์ได้ยังไง เจ้าโชเฟอร์ตัวแสบบังอาจถามเขาเรื่องของแฟรงค์  หากแต่คำพูดประโยคหลังทำให้เขาข่มใจนิ่งฟังอย่างสงบ ไม่ขัดหรือทักท้วงอะไร

“เมื่อสองคืนก่อนผมไปเที่ยวคริสปี้ผับมาครับเจ้านาย.. พบแต่คุณแซมเพื่อนคุณแฟรงค์.. ผมลองถามถึงคุณแฟรงค์กับพนักงานก็ได้คำตอบว่าไปต่างประเทศ ผมไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่ตอนเข้าห้องน้ำผมแอบได้ยินพนักงานสองคนคุยกันว่า ป่านนี้คุณแฟรงค์เป็นยังไงบ้าง หายดีหรือยัง…”

นายจอนหยุดพูดและชำเลืองมองกระจกหลัง สีหน้าไม่สบอารมณ์ของเจ้านายคลายลงแล้ว และกำลังนิ่งฟังเรื่องที่เขาเล่าด้วยความสนใจ นายจอนรีบกล่าวต่อก่อนที่เจ้านายจะเสียอารมณ์เพราะการหยุดพูดของเขา

“ผมแปลกใจกับเรื่องที่เขาคุยกันมากครับ และยิ่งแปลกใจพร้อมกับตกใจที่ได้ยินบริกรอีกคนพูดว่า “….เสียเลือดมากขนาดนั้น สงสัยต้องพักฟื้นอีกนาน..”   เจ้านายครับ… ผมไม่แน่ใจว่าหมายถึงใคร แต่ผมคิดว่า…”

นายจอนยังพูดไม่จบ คริสก็ออกคำสั่งให้ตรงไปคริสปี้ผับโดยไม่ถามสักคำว่าเรื่องที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า…



 o13




 o2    สีหน้าและอาการตกใจของแซมเป็นคำตอบให้กับคริสว่าเรื่องที่นายจอนได้ยินมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

“คุณทำให้ผมรู้สึกผิดหวังมากนะแซม.. ผมหลงไว้ใจและชื่นชมคุณในฐานะที่คุณเป็นเพื่อนรักของแฟรงค์.. แต่คุณกลับเห็นผมเป็นไอ้โง่  ปิดบังเรื่องของแฟรงค์ทั้งที่คุณก็รู้ว่าผมรักและเป็นห่วงเขามากขนาดไหน”

คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความขมขื่น ไม่ดุดันเกรี้ยวกราดทั้งที่กำลังโกรธ ทำให้แซมรู้สึกเสียใจเพราะตัวเองผิดต่อคริสจริงๆ

“เอ่อ.. ผมขอโทษครับคุณคริส.. ผมไม่สามารถบอกอะไรคุณได้จริงๆ ผมผิดสัญญากับแแฟรงค์ไม่ได้”

“แฟรงค์ห้ามไม่ให้คุณบอกผมยังงั้นเหรอ..”

“เอ่อ.. ครับ”

คริสต้องใช้ความพยายามอย่างสูงสะกดกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเอง ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์บริเจคส์ เขาไม่สามารถเกรี้ยวกราดและต่อว่าแซมด้วยอารมณ์อย่างที่ทำกับสมาชิกในบ้านได้ทั้งที่ใจอยากจะทำ

“แฟรงค์ไม่ให้คุณบอกผมคุณก็ทำตาม คุณทำในฐานะที่เป็นเพื่อนรักของแฟรงค์หรือแซม.. คุณคบกับเขามานานกว่าผม หมายความว่าคุณรักและเป็นห่วงแฟรงค์มากกว่าที่ผมรักและเป็นห่วงเขาอย่างนั้นเหรอ..”

“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ ผมจำเป็นต้องทำ ผมบอกคุณได้แต่เพียงว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับแฟรงค์นิดหน่อย แต่ตอนนี้เขาปลอดภัยและสบายดีแล้ว”

คริสรับไม่ได้กับคำตอบ อุบัติเหตุที่ทำให้แฟรงค์ต้องเสียเลือดมากมันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับแซมยังงั้นเหรอ.. คริสหมดความอดทน เมื่อแซมไม่ยอมบอกเขาก็จะไม่เซ้าซี้ถาม

คริสลุกขึ้นยืน

“ขอบคุณแซม.. ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความรักในฐานะเพื่อนรักระหว่างคุณกับแฟรงค์ ในเมื่อคุณแคร์ความรู้สึกของแฟรงค์โดยไม่สนใจความรู้สึกของผม ผมก็จะไม่สนใจความรู้สึกของคุณเหมือนกัน ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นเพื่อนรัก คู่ขาหรือหุ้นส่วนของแฟรงค์ ผมลงทุนเปิดคริสปี้ผับให้เพราะแฟรงค์อยากทำ เมื่อเขาไม่อยู่บริหารด้วยตัวเอง ผมก็เสียใจที่จะบอกคุณว่าผมให้เวลาอีก 7 วัน บอกลาลูกค้าของคุณซะ ตั้งแต่อาทิตย์หน้าคริสปี้ผับจะไม่เปิดบริการอีก”

แซมอ้าปากหวอ

“อะ.. อะไรนะครับ!!.. หมายความว่ายังไง คุณคริส.. คุณจะปิดกิจการของเราได้ยังไง..”

คริสหัวเราะ

“กิจการของคุณกับแฟรงค์หรือ แซม.. มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับสมองของคุณด้วยเหรอ.. คุณถึงลืมไปว่าคริสปี้ผับเกิดขึ้นจากเงินลงทุนของผมทุกบาททุกสตางค์”

 o12  “ผมไม่มีวันลืมหรอกครับคุณคริส.. แต่อย่างน้อยเราก็จ่ายคืนคุณไปแล้ว 2 ใน 3 แฟรงค์ให้ผมโอนเงิน 2 ล้านบาทเข้าบัญชีคุณเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว  ผมจำได้ว่าแจ้งให้คุณทราบแล้ว   แต่ถ้าคุณจำไม่ได้ผมมีเอกสารยืนยัน ถ้าคุณต้องการดูผมจะหยิบให้เดี๋ยวนี้”

แซมเริ่มไม่พอใจ  มหาเศรษฐีบริเจคส์ทำท่าจะรังแกคนทำมาหากินอย่างเขา

คริสยิ้มระบายยิ้ม   “เสียใจแซม.. ผมไม่รู้เรื่องเงิน 2 ล้านที่คุณว่า..”

แซมใจหายวาบ คิดไม่ถึงว่าคริสจะเล่นไม้นี้ ยังไม่ทันโวยต่อว่าก็ถูกคริสขัดขึ้นอย่างรู้ทัน

“อย่า—แม้แต่จะคิดนะแซม.. ผมไม่มีนิสัยขี้โกงใคร เงินสองล้านบาทไม่ได้เข้าบัญชีผม มันอาจจะยังอยู่ในบัญชีของแฟรงค์ก็ได้ และเมื่อไม่มีแฟรงค์ก็ไม่มีคริสปี้ผับ บอกแฟรงค์ว่าผมอยากให้เราจากกันด้วยดี อย่าหลบหน้าหรือสร้างเรื่องอะไรมาหลอกอีก ”

แซมมองหน้ามหาเศรษฐีบริเจคส์แทบไม่ติด ทั้งที่รู้ว่าถูกหลอก คริสก็ยังไม่ต่อว่าด้วยอารมณ์โกรธ

“ผมรับรู้จากคุณว่าแฟรงค์สบายดีแล้วนะแซม.. รับผิดชอบคำพูดคุณด้วย ”

คริสเดินจากไป แซมยืนอึ้งเย็นสันหลังวาบกับคำพูดประโยคสุดท้ายของคริส

คริสลดกระจกลงและสั่งให้นายจอนหยุดรถ เขาส่งยิ้มให้แซมที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้า

“ถ้าผมไม่รับปากและสัญญากับแฟรงค์ไว้ ผมบอกคุณไปแล้ว ผมบอกไม่ได้แต่บางทีบ๊อบอาจจะบอกได้ ถ้าเขาไม่ได้รับปากแฟรงค์ไว้เหมือนผม”



:m29:



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 06-10-2008 14:15:16
 :a11:  ต่ออีก...



บ๊อบขับรถเข้ากรุงเทพฯ ด้วยความไม่สบายใจนัก ถ้าไม่ติดว่ามีคนไข้ประจำต้องดูแลและมีคิวผ่าตัดพรุ่งนี้เช้า หมอคงจะลาพักร้อนสัก 2-3 วัน อยู่ดูแลเพื่อน เพราะอาการป่วยทางใจที่เขาไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้ ทำให้อาการป่วยทางกายที่ทำท่าว่าจะทุเลาขึ้นกลับทรุดลงอีก

บ๊อบเดินทางไปหาแฟรงค์ในตอนบ่าย แซมโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าแฟรงค์นอนไม่หลับหลายคืนแล้ว ให้นำยาที่ช่วยให้นอนหลับสบายไปด้วย เขาไม่เห็นด้วยกับแซม รู้ทั้งรู้ว่าไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย

บ๊อบไปถึงบ้านพักเกือบ 4 โมงเย็น เมื่อรู้ว่าแฟรงค์หลับอยู่ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะนอกจากจะไม่ใช่เวลานอนแล้ว ยังไม่ใช่วิสัยของแฟรงค์ที่ชอบนอนพักผ่อน อาจเป็นเพราะนอนไม่หลับในตอนกลางคืนอย่างที่แซมว่า ก็เลยมางีบหลับเวลานี้

บ๊อบตกใจเมื่อพบว่าแฟรงค์ไม่ได้นอนหลับเพราะต้องการพักผ่อนธรรมดา แต่เพราะอาการป่วย แฟรงค์มีไข้ แผลผ่าตัดอักเสบและเป็นหนอง บ๊อบรู้สึกโกรธตัวเองที่ใจอ่อนยอมให้แฟรงค์มาพักอยู่ตามลำพัง โดยไม่จัดหาพยาบาลมาเฝ้าไข้ให้ เขาไม่น่าหลงเชื่อว่าแฟรงค์สามารถดูแลตัวเองได้ เพราะถึงจะผ่านการเรียนแพทย์มาถึง 4 ปี แต่เวลานี้แฟรงค์อยู่ในฐานะคนไข้ และไม่ได้ป่วยแค่ทางกายจิตใจก็ป่วยหนักไม่แพ้กัน

แฟรงค์งัวเงียตื่นขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อถูกบ๊อบปลุก

“บ๊อบเหรอ…”

แฟรงค์ควานหานาฬิกาบนที่นอนและกดเช็คเวลา เมื่อรู้ว่าเป็นเวลาบ่าย 4 โมง ก็ขมวดคิ้ว

“ทำไมมาเวลานี้ล่ะบ๊อบ.. แซมเพิ่งกลับไปเมื่อตอนสายเองนี่นา ฉันไม่อยากให้นายสองคนเป็นห่วงจนต้องผลัดกันเทียวไปเทียวมาแบบนี้เลย ฉันดูแลตัวเองได้ เดินไปไหนมาไหนได้สบายแล้วด้วย ไม่ต้องห่วงหรอกนะบ๊อบ”

บ๊อบรู้สึกฉุนและหัวเสียทันทีเมื่อได้ยินคำพูดอวดเก่งของแฟรงค์

“ฉันไม่ได้มาหานายในฐานะเพื่อนเหมือนเจ้าแซม.. ฉันหมอบ๊อบมาดูแลคนไข้ตามหน้าที่ของฉัน และในฐานะที่ฉันเป็นหมอฉันขอต่อว่าว่านายเป็นคนไข้ที่แย่มาก ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาอาการเจ็บป่วย ไข้สูงขนาดนี้ยังมีหน้าบอกว่าสบายดี ปิดบังไม่แจ้งอาการป่วยกับหมอ รู้มั้ยว่าคนไข้ดื้อๆ อย่างนายจะต้องถูกลงโทษด้วยการจับฉีดยาซะให้เข็ด”

แฟรงค์นอนอึ้งด้วยความตกใจ น้ำเสียงบ๊อบกร้าวและดุดันบอกให้รู้ว่าหมอกำลังโกรธเขาจริงๆ

“ฉัน.. เอ่อ.. ฉัน..”

แฟรงค์ไม่รู้ว่าจะอธิบายหรือแก้ตัวอย่างไร บ๊อบคงไม่เชื่อว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองมีไข้ เขาแค่รู้สึกง่วงและเพลียเท่านั้น ก็เลยเข้ามานอนพักหลังทานกลางวัน ไม่คิดว่าจะหลับไปหลายชั่วโมง

“ฉันไม่ได้ปิดบังอาการป่วย ฉันไม่รู้ว่ามีไข้”

“ไม่รู้ว่ามีไข้ แสดงว่าไม่ปวดแผลเลยซีนะ” บ๊อบใช้สองนิ้วกดที่แผลไม่แรงนักแต่ก็ไม่เบา

แฟรงค์สะดุ้งนิ่วหน้าแต่ไม่ร้องเจ็บ กลับเอ่ยขอโทษบ๊อบเสียงอ่อย

“ฉันขอโทษบ๊อบ.. ฉันไม่รู้ว่าแผลอักเสบ”

“หึ!.. แค่แผลผ่าตัดนายยังดูแลไม่ได้ จะให้ฉันเชื่อใจปล่อยให้นายอยู่คนเดียวต่อไปได้ยังไง ป้ามาลีบอกว่านายไม่ยอมให้แกทำอะไรให้ ทำเองหมดทุกอย่างแม้กระทั่งอาบน้ำ ทั้งๆ ที่ตามองไม่เห็นและขาก็เดินกะเผลก นายทำได้ยังไง... รู้ก็ทั้งรู้ว่าห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำ ฟังนะแฟรงค์.. ฉันรู้ว่านายเก่ง นายช่วยตัวเองได้ แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา ฉันอยากให้นายเซฟตัวเองไว้หน่อย รอให้หายดีหรือแข็งแรงมากกว่านี้ก่อนได้มั้ย หือ!!....”

บ๊อบเค้นเสียงถามเหมือนแฟรงค์เป็นเด็กดื้อๆ คนหนึ่ง

“ฉันรู้ ~ ~ ฉันไม่ได้ให้แผลถูกน้ำเลยนะบ๊อบ สงสัยเป็นเพราะสะดุดหกล้มมากกว่า ฉันเสียใจ ~ ~ ฉันมองไม่เห็นเลยไม่รู้ว่าแผลเป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ได้ตั้งใจปิดบังอาการป่วยกับนาย จริงๆ นะบ๊อบ สาบานให้ก็ได้ ~ ~”

แฟรงค์สะอื้นน้ำตาไหลด้วยความเสียใจที่ทำให้บ๊อบโกรธ

บ๊อบใจหายวาบรู้สึกตัวเมื่อเห็นอาการเสียใจของเพื่อน รีบขยับเข้าไปกอดปลอบ น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นคนละคน

“ฉันขอโทษแฟรงค์.. ฉันไม่ได้ว่า ฉันพูดมากเพราะเป็นห่วง ถ้าทำให้นายเสียใจฉันขอโทษด้วย ลืมที่ฉันพูดเมื่อครู่ซะ แฟรงค์.. ฉันล้อเล่นน่ะ เดี๋ยวจะทำแผลให้นะ”

บ๊อบตกใจเมื่อรู้ว่าแผลผ่าตัดมีอาการอักเสบขึ้นเพราะแฟรงค์สะดุดหกล้ม รู้สึกเสียใจอย่างมากที่พูดจาต่อว่าเพื่อนแรงๆ ลืมไปว่าจิตใจของแฟรงค์ขณะนี้อ่อนไหวง่าย

“ฉันไม่ต้องถูกลงโทษด้วยการฉีดยาแล้วใช่มั้ย บ๊อบ..”

แฟรงค์ถามเสียงอ่อยขณะที่บ๊อบกำลังทำแผลให้

“ลงโทษเรื่องอะไร นายไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ เห็นแซมบอกว่านายนอนไม่ค่อยหลับ รับรองว่าคืนนี้นายได้นอนหลับสนิทจนถึงเช้าแน่ ฉันจะฉีดยานอนหลับให้หนึ่งเข็ม โอเค…”

แฟรงค์ร้องโวยไม่ยอมฉีดยาจะขอกินยาแทน บ๊อบยิ้มออกเมื่อเห็นแฟรงค์มีอารมณ์ผ่อนคลายขึ้นและแสดงนิสัยขี้โวยวายของตัวเองออกมา เขาอยากให้แฟรงค์เหมือนเดิม สนุกสนานร่าเริง ทะเล้นและลื่นไหลไปเรื่อย ไม่อยากเห็นเพื่อนอยู่ในสภาพหงอยเหงาทุกข์ใจอย่างนี้



 :m15:



 “มีแขกมารอพบคุณหมอค่ะ”

บ๊อบเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เกือบ 5 ทุ่มแล้วยังมีแขกที่ไหนมารอพบ บ๊อบชะงักเท้าเมื่อเด็กรับใช้รายงานเพิ่มเติมว่า คุณผู้หญิงอนุญาตให้เข้าไปนั่งคอยในบ้านเพราะแขกแต่เป็นฝรั่งบอกว่ามีธุระสำคัญมากจริงๆ

...หึ!.. ไม่ต้องถามต่อบ๊อบก็รู้แล้วว่าแขกที่มาเยือนเป็นใคร ถ้าเขาไม่อยู่บ้าน ภรรยาของเขาจะไม่ยอมต้อนรับแขกหรือแม้แต่เพื่อนสนิทของเขาที่ห้องรับแขก ส่วนใหญ่จะให้นั่งคอยที่สนามหรือระเบียงบ้าน และจะโทรบอกเขาก่อนเสมอ

ภรรยาของบ๊อบหลงใหลและชื่นชมมิสเตอร์บริเจคส์มาก ไม่ใช่เพราะความเป็นมหาเศรษฐีของเขา หรือเพราะบุคลิกและหน้าตาของคริสมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล แต่เธอรู้สึกทึ่งกับความพยายามของคริสที่ยอมสละความสุขส่วนตัวเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองเพื่อให้ศาลยอมรับและเชื่อมั่นในความรักในฐานะพ่อของเขา เธอรู้สึกเห็นใจคริสมาก ยิ่งรู้ว่าแฟรงค์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของบ๊อบเป็นคนข้างกายของคริสด้วยแล้ว เธอยิ่งตื่นเต้นถึงกับออกปากให้บ๊อบพาเธอไปเยี่ยมแฟรงค์เพื่อจะได้เห็นตัวจริงของคริส

…อา! ถึงคิวนายแล้วบ๊อบ.. รู้ใช่มั้ยว่าจะบอกคริสว่ายังไง….

…เสียใจด้วยนะคริส.. ในฐานะหมอผมไม่สามารถบอกเรื่องของคนไข้ให้คนอื่นที่ไม่ใช่ญาติสนิทรับรู้…




 o13




TBC >>>>>>>>>>>

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 06-10-2008 14:35:43
อ๊ากกกกกกกกกกกก.....

ค้าง

จะเป็นบ้าอยู่แล้ว

ขอยาระงับประสาทด่วน!!!!!
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 06-10-2008 15:52:56
ใจคอจะไม่มีใครบอกคริสจริงๆหรอ

มามะ งั้นหนูบอกเอง
.
.
.
.

ได้มั๊ยคะ

.
.
.
เจ้หมวย

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 06-10-2008 23:07:57
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 06-10-2008 23:29:31
วันนี้ค้างจนนอนไม่หลับ

อ่านใหม่อีกรอบ

ก็พบว่า

.........

ปวดใจ

ปวดใจจริงๆ

ผ้าขนหนูกะยาลม ชงักนักแล




แต่ไม่ได้ผลกับนิยายเรื่องนี้
 o2
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 07-10-2008 00:07:38
อยากให้คริสเจอแฟรงค์เร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 07-10-2008 14:50:27
Fatherhood part 2 [10]  



แฟรงค์ขยับตัวขึ้นนั่ง ดีใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถแต่ต้องซ่อนความรู้สึกไว้ ถ้าแซมหรือบ๊อบเห็นกิริยาดีใจของเขา มักจะถูกค่อนขอดว่าไหนบอกว่าไม่เหงาและเอ่ยปากชวนกลับทุกครั้ง

แต่วันนี้แฟรงค์รู้สึกแปลกใจและไม่สบายใจมากกว่ายินดี เพราะเสียงรถที่ได้ยินเป็นรถของบ๊อบ บ๊อบเพิ่งกลับไปเมื่อคืนเองนี่นา .... นี่บ๊อบไม่ไว้ใจให้เขาดูแลตัวเองแล้วจริงๆ เหรอ.. แค่แผลอักเสบเป็นหนองถึงขนาดต้องเทียวไปมากรุงเทพฯ – ประจวบทุกวัน หรือว่าแซมและบ๊อบกำลังร่วมมือกันหาทางทำให้เขายอมเปลี่ยนใจ กลับกรุงเทพฯ แต่โดยดี

แฟรงค์ได้ยินเสียงบ๊อบคุยกับใครเบาๆ สักครู่บ๊อบก็เดินเข้ามาส่งเสียงทักทายอยู่ใกล้ๆ

“ไง! แฟรงค์.. นั่งอาบแดดฟังเสียงคลื่น สบายอารมณ์เลยนะ”

“หวัดดีบ๊อบ มาทำไมอ่ะ เมื่อคืนเพิ่งกลับไปเอง ลืมอะไรหรือเปล่า”

แฟรงค์ถามตรงๆ เพราะสงสัยและไม่สบายใจ

“ดูพูดเข้า!!.. นี่บ้านพักตากอากาศของฉัน ฉันจะมาพักผ่อนบ้างไม่ได้เหรอ..”

“ขอโทษ.. ถ้ามาพักผ่อนก็แล้วไป ไม่ได้มาคนเดียวใช่มั้ย ฉันได้ยินเสียงนายคุยกับใคร”

“อือ.. หูดีจังเลยนะ แฟรงค์..  ฉันมีแขกมาด้วยจริงๆ เป็นคนไข้พิเศษของฉันเอง เขาอยากจะพักผ่อนเงียบๆ สัก 2-3 วัน ฉันก็เลยอาสาพามาพักที่นี่ นายไม่ขัดข้องใช่มั้ยแฟรงค์.. ต่างคนต่างอยู่เขาไม่รบกวนนายแน่ นายมองไม่เห็น ส่วนเขาพูดไม่ได้เพราะเพิ่งผ่าตัดต่อมทอนซิลมา”

แฟรงค์ไม่ค่อยชอบใจแต่ไม่แสดงความรู้สึกอะไร ก็บ๊อบเล่นถามเองตอบเองแบบนี้ ใครจะขัดข้องได้

“แล้วนายอยู่พักด้วยหรือเปล่า”

“ดูก่อน ถ้าอยู่ก็คงคืนเดียว พรุ่งนี้บ่ายมีผ่าตัด นั่งนานหรือยังแฟรงค์.. เข้าบ้านเถอะ ขอฉันดูแผลหน่อย”

แฟรงค์พยักหน้า ควานหาไม้ค้ำที่วางอยู่ข้างเก้าอี้และทรงตัวลุกขึ้น บ๊อบยืนนิ่งไม่ได้เข้าไปช่วยพยุง เพราะอยากเห็นพัฒนาการของเพื่อนว่าช่วยตัวเองได้จริงอย่างที่คุยหรือเปล่า




 :a11:



“ป้าเตรียมน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ  ต้องการอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะคุณ”

“ไม่ล่ะครับป้า ขอบคุณมาก เอ่อ.. ป้าครับ แขกของบ๊อบพักอยู่ห้องข้างๆผมใช่มั้ย”

“ค่ะ รู้สึกจะเข้าห้องพักผ่อนแล้ว คุณต้องการพบหรือคะ”

“เอ่อ.. เปล่า.. ผมถามเฉยๆ ป้าไปพักผ่อนเถอะ ช่วยปิดไฟและล็อกห้องให้ผมตอนออกไปด้วย”

“ได้ค่ะ”

วันนี้มีคนแปลกหน้ามาพักอยู่และบ๊อบก็ไม่ได้พักอยู่เป็นเพื่อนด้วย   รีบบึ่งรถกลับไปตอน 2 ทุ่มเพราะมีโทรศัพท์แจ้งเลื่อนนัดผ่าตัดพรุ่งนี้จากบ่ายเป็นเช้าทำให้บ๊อบต้องรีบกลับ ก่อนกลับยังสั่งเสียเขาด้วยความเป็นห่วง

“ทำตัวตามสบายนะแฟรงค์.. เขาอยู่ของเขานายอยู่ของนาย ไม่จำเป็นต้องทักทายกัน เขารู้และเข้าใจว่านายต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว”

...พูดน่ะง่าย บ๊อบ.. เวลาทำไม่ง่ายอย่างที่พูดหรอก ตั้งแต่พรุ่งนี้เขาต้องอยู่ในสายตาของคนคนหนึ่ง เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะมองไม่เห็น หมอนั่นคงแอบมองและนึกสมเพชเขาอยู่ในใจ บ๊อบนะบ๊อบ.. ช่างทำได้ ถือว่าเป็นบ้านของตัวเองจะพาใครมาพักอยู่ก็ได้ ไม่คิดถึงใจและไม่ถามเขาก่อนสักคำ…

แฟรงค์เดินออกจากห้องน้ำในสภาพเปลือย ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องนุ่งผ้าเช็ดตัวหรือสวมเสื้อคลุมเพราะภายในห้องมืดสนิท ตั้งแต่ตามองไม่เห็นแสงสว่างไม่มีความจำเป็นต่อเขา เขาไม่เคยเปิดไฟเวลาอยู่คนเดียว ยกเว้นแซมหรือบ๊อบอยู่ด้วย

แฟรงค์นั่งลงบนเตียงควานหาชุดนอนที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้ สวมเสื้อผ้าเสร็จก็ขยับตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มเตรียมจะพักผ่อน เขาควานหานาฬิกาที่หัวเตียงและกดเช็คเวลา เพิ่งจะ 3 ทุ่มเองปกติเขาจะออกไปนั่งด้านนอกฟังเพลงหรือเปิดทีวีฟังฆ่าเวลารอให้ง่วงแล้วค่อยเข้ามานอน แต่คืนนี้คงต้องนอนแต่หัวค่ำเพราะมีคนอื่นพักอยู่ด้วย เขาเองยังไม่อยากให้ใครรบกวน เขาก็ต้องไม่รบกวนคนอื่นด้วย

สองสามคืนที่ผ่านมาเขาเลิกฝันร้ายแล้ว แต่ยังนอนไม่ค่อยหลับเหมือนเดิม หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืนอาจเป็นเพราะยังไม่ชินกับการอยู่คนเดียว หลายปีที่ผ่านมาเขาหลับอย่างเป็นสุขภายในคฤหาสน์บริเจคส์ เพราะที่นั่นอบอวลด้วยความรักและความอบอุ่น สมาชิกหนุ่มน้อยอยู่กันพร้อมหน้า แม้จะทะเลาะเบาะแว้งสร้างความปวดหัวให้กับเขาบ่อยๆ แต่เขาก็เป็นสุข และยิ่งมีความสุขมากขึ้นในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่คริสเลิกยุ่งเกี่ยวกับหนุ่มน้อยและกลับมามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขาเพียงคนเดียว หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ต่างจากเด็กหนุ่มคนอื่นๆ รักและเทิดทูนคริสสุดหัวใจ เขาไม่เคยข้องเกี่ยวหรือหาความสุขกับใครนอกบ้านอีก คริสไม่ได้ห้ามแต่บอกว่าถ้าทำอีกระหว่างเขากับคริสก็จบกัน จนถึงวันนี้เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแคร์ความรู้สึกของคริสด้วย ทีคริสยังไม่สนใจความรู้สึกเขาเลย พาแฟนเก่ามาอยู่บ้านและมีเซ็กซ์กับเธอ ใช้ชีวิตสมรสกับเธออย่างมีความสุขโดยบอกเขาว่ามันเป็นเพียงแค่แผน…

….ให้ตายเถอะ! นี่เขาคิดถึงคริสทำไม มันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ.. จะนอนคิดถึงให้เจ็บหัวใจทำไมอีก…

แฟรงค์ขยับตัวขึ้นนั่งเมื่อรู้สึกว่าสมองฟุ้งซ่านเกินไป  เขาควานหาขวดน้ำที่โต๊ะข้างเตียงและยกขึ้นดื่มก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ แต่ก็ยังนอนไม่หลับกระสับกระส่ายไปมาไม่ใช่เพราะยังคิดมาก แต่รู้สึกเหมือนถูกใครจ้องมองอยู่ แฟรงค์ขยับตัวลุกขึ้นอีกครั้งเงี่ยหูไปทางโซฟา

….เงียบ!!! ไม่มีเสียงผิดปกติใดๆ เขาคงระแวงไปเอง….

แฟรงค์ล้มตัวลงนอนต่อ พยายามข่มตาให้หลับ ก่อนนอนไม่ลืมบอกราตรีสวัสดิ์ทุกๆ คน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเองว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก

“กู๊ดไนท์โอ.. แจ๊ค.. บอย.. ทิมมี่.. กู๊ดไนท์ ไมเคิล.. หลับฝันดีทุกๆ คนนะ”

แฟรงค์ยังคงกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา นึกโกรธบ๊อบ ขอยานอนหลับทิ้งไว้หน่อยก็ไม่ได้ ไม่รู้หรือว่าการนอนไม่หลับมันทรมานขนาดไหน

“กู๊ดไนท์ คริส...”

แฟรงค์ตัดสินใจเอ่ยประโยคสุดท้ายที่ค้างอยู่ในใจ เผื่อว่าจะทำให้เขานอนหลับได้
..กู๊ดไนท์ แฟรงค์.. หลับได้แล้ว หลับให้สบาย…

ได้ผล… แค่นึกภาพคริสกล่าวราตรีสวัสดิ์กับเขา แฟรงค์ก็เริ่มง่วงและผล็อยหลับไปในที่สุด



 :a12:



… หนึ่งปีที่ผ่านมานี้เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตของเขา ไม่ทันข้ามปีเขาต้องพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายที่ทำให้ต้องทุกข์ทรมานใจอย่างแสนสาหัสเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกเมื่อไมเคิลได้กลับคืนสู่อ้อมอกเขาในสภาพที่บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะถูกพ่อเลี้ยงใจโหดทำร้ายจนประสาทตาและสมองกระทบกระเทือน มองไม่เห็นและจำอะไรไม่ได้ ครั้งนั้นพระเจ้าคงเมตตา.. เห็นแก่หนุ่มน้อยและเขาที่มีความรักและความผูกพันต่อกันในฐานะพ่อกับลูก จึงบันดาลให้ไมเคิลหายจากอาการป่วยและคลาดแคล้วจากโรคร้ายกลับมามีชีวิตที่ร่าเริงสดใสอีกครั้ง แต่ครั้งนี้… ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะยังเมตตาเขาอยู่หรือเปล่า…

เหตุการณ์ร้ายแรงที่กิดขึ้นกับแฟรงค์ จนทำให้ชายหนุ่มมีสภาพอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้าเวลานี้สร้างความทุกข์ใจและเจ็บปวดให้คริสเหลือที่จะกล่าว ร่างกายงดงามสมส่วนอย่างที่นายแบบอาชีพหลายคนยังอาย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาคมเข้มหล่อเหลาตามสไตล์หนุ่มลูกครึ่ง วันนี้แฟรงค์ไม่เหลือสภาพที่น่าชื่นชมนั้นอีกแล้ว ร่างกายทรุดโทรมและผ่ายผอมไปเป็นคนละคน หนวดเคราบนใบหน้ายิ่งทำให้แฟรงค์ดูแย่มากขึ้น อาการป่วยทางตาของแฟรงค์เวลานี้ไม่ต่างจากที่ไมเคิลเคยเป็น แต่การที่แฟรงค์ยังมีความจำเป็นปกติในขณะที่สายตามองไม่เห็น ทำให้ตัวเองต้องอยู่อย่างทนทุกข์และเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนไม่กล้าอยู่สู้หน้าใครแม้แต่เขา…




คริสนั่งเงียบอยู่ในความมืดนานกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว สายตาคุ้นชินจนสามารถมองเห็นสภาพภายในห้องทุกซอกทุกมุม นอกจากเตียงนอนและโซฟาที่เขานั่งอยู่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งอื่นใดวางเกะกะอีก แฟรงค์หลับสนิทไปแล้วหลังจากกระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่งอยู่เกือบชั่วโมง

บ๊อบบอกว่าแฟรงค์นอนไม่ค่อยหลับ ฝันร้ายเกือบทุกคืน ถ้าได้เขาอยู่เป็นเพื่อน  แฟรงค์คงไม่ฝันร้ายอีก ....แปลกเหลือเกิน แสงสลัวเพียงเล็กน้อยในห้องแต่ทำไมเขาจึงมองเห็นแฟรงค์ได้อย่างถนัด แฟรงค์เคยบ่นว่าเขาตอนที่เขาไว้หนวดเคราเพื่อปิดบังหน้าตาตัวเองไม่ให้เหมือนบิลของไมเคิล

“เมื่อไรจะโกนออกซะทีคริส หน้าตาดีๆ เอาหนวดเครามาปิดทำไม รู้มั้ยผมไม่ค่อยถูกชะตากับคนมีหนวด จ้าง 1 ล้าน ผมยังไม่อยากไว้เลย”  

.…แสดงว่าต้องมีใครจ้างนายเกินกว่าหนึ่งล้านใช่มั้ย แฟรงค์….

เขาได้ยินแฟรงค์กล่าวราตรีสวัสดิ์กับเด็กทุกคน แต่กับเขาเหมือนแฟรงค์เอ่ยอย่างจำใจ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกยินดีจนอยากเข้าไปสวมกอดแฟรงค์ในนาทีนั้น

คริสอยากจะจับต้องใบหน้าของแฟรงค์ แต่กลัวจะตกใจตื่น

…เราไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้ว แพ็ททริค.. ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้พบนายอีกครั้งในสภาพนี้ หลับซะ แฟรงค์.. หลับให้สบาย ฉันจะไม่ยอมให้ใครมารังแกนายอีก และไม่ยอมให้นายหนีจากฉันไปไหนอีกแลัว…




 :m15:



แฟรงค์สะดุ้งเฮือกเจ็บปวดแทบขาดใจกับการกระทำของเจ้านิค ไม่มีแรงขยับเขยื้อนเพราะทั้งแขนและขาถูกตีด้วยไม้เบสบอลจนกระดูกแตกและหัก เขาเจ็บปวดและทรมานจนต้องหลับตาร้องเรียกให้คริสช่วย

“คริส!!.. ช่วยด้วย!!.. ผมเจ็บ~~~ โอย~~~”

แฟรงค์ลืมตาขึ้นเห็นคริสยืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ แต่ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวมีเธออยู่ข้างๆ ด้วย

“ช่วยด้วย!! คริส.. ช่วยผมด้วย โอ๊ย!!.. โอย~~~”

แฟรงค์สะดุ้งเฮือกและร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เมื่อเจ้านิคกระทำทารุณกับเขารุนแรงขึ้นอย่างไม่ปรานีปราศรัยและส่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจ ในขณะที่คริสยังยืนนิ่งเฉยไม่มีทีท่าว่าจะขยับเข้ามาช่วย และนอกจากไม่ช่วยแล้วคริสยังยืนดูเหมือนพอใจที่เห็นเจ้านรกนิคกระทำทารุณกับเขา

โอ!!.. พระเจ้า!!... แฟรงค์รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก กัดฟันตะโกนสุดเสียงให้คริสช่วยอีกครั้ง ถ้าคริสยังนิ่งเฉยอยู่อีก เขาก็ขอยอมตายแล้ว.…

“ช่วยด้วย คริส.. ช่วยผม ด้วยย~~~ ”  

 

(http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/pao10.gif)




คริสถลาไปที่เตียงช้อนศีรษะชายหนุ่มขึ้นมาสวมกอดและกระซิบปลอบ เขานิ่งมองแฟรงค์นอนกระสับกระส่ายพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์อยู่สักครู่ ก่อนที่เสียงเรียกให้ช่วยจะดังขึ้นเหมือนมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับแฟรงค์จริงๆ

“ฉันอยู่นี่ แฟรงค์.. ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่แล้ว”

แฟรงค์คงไม่ได้ยินที่เขาพูด ร่างกายสั่นสะท้าน พึมพำเรียกให้เขาช่วยซ้ำไปมา

“ช่วยผมด้วย คริส.. ผมเจ็บ~~ ผมจะตายแล้ว~~ ช่วยด้วย คริส..”  (http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/pao10.gif)

คริสกอดแฟรงค์ไว้แนบอกด้วยความรักและสงสารจับใจ เขาต้องปลุกแฟรงค์ให้ตื่นจากฝันร้ายก่อน

“ฉันอยู่นี่ แฟรงค์.. ตื่นเถอะ ไม่ต้องกลัว นายไม่เป็นไร ฉันไม่ยอมใหัใครมาแตะต้องหรือทำร้ายนายได้อีก ไม่ต้องกลัวนะแฟรงค์ ไม่ต้องกลัว..”

แฟรงค์ลืมตาขึ้นพบตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของคริส คริสช่วยเขาให้พ้นจากไอ้นรกนิคได้แล้วจริงๆ ...แค่คริสยื่นมือลงมาเจ้านิคก็ยอมผละจากไปแต่โดยดี...

“ช่วยผมด้วย คริส.. ไอ้นิคมันจะฆ่าผม ผมกลัว~~ ขอผมอยู่ด้วย อย่าทิ้งผมนะ..”

...โอ! พระเจ้า.. แฟรงค์ฝันถึงเหตุการณ์เลวร้ายนั้นหรอกหรือ คริสกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อแฟรงค์ละล่ำละลักให้ช่วยด้วยอาการหวาดกลัวเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นจริงๆ ...

“ฉันรักนาย แฟรงค์.. ไม่เคยคิดจะทิ้งนายเลย เราจะอยู่ด้วยกัน ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนายอีกแล้ว อย่ากลัวนะ แฟรงค์.. ฉันอยู่นี่... ไม่ต้องกลัว..”

คริสกระซิบปลอบคนรัก น้ำตาร่วงผล็อยหยดลงที่ใบหน้าและดวงตาของแฟรงค์

แฟรงค์กระพริบตาภาพคริสก็จางหายไปเป็นความมืด

...นี่เขาฝันร้ายหรอกเหรอ... แต่ทำไมเขายังอยู่ในอ้อมกอดของคริส...  (http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/pao9.gif)

แฟรงค์นอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็ขยับตัวขึ้นเบี่ยงกายออกจากอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง เขาฝันร้ายจริงๆ และคงร้องเสียงดังมากจนแขกของบ๊อบตกใจตื่นและวิ่งเข้ามาดู

แฟรงค์รู้สึกละอายใจรีบกล่าวขอโทษ

“ขอโทษครับ ผมส่งเสียงดังให้คุณตกใจตื่นใช่มั้ย ผมเสียใจ ผมฝันร้ายครับแต่ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้ว เชิญคุณกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ผมต้องขอโทษอีกครั้งด้วย”

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 07-10-2008 14:56:35

ต่อ...


คริสนิ่งเงียบเมื่อแฟรงค์รู้สึกตัวและเข้าใจเช่นนี้ เขาก็ยังไม่อยากแสดงตัวและไม่อยากให้แฟรงค์ตกใจอีก คริสลุกขึ้นยืนมองดูแฟรงค์ที่ยังอยู่ในอาการตื่นตระหนกกับความฝัน เขาหยิบขวดน้ำที่โต๊ะใส่ไว้ในมือแฟรงค์และบีบไหล่เบาๆ

“ขอบคุณครับ ผมรบกวนคุณมากเลย ผมโอเคแล้ว เชิญคุณไปพักผ่อนเถอะครับ ไม่ต้องห่วงผม”

แฟรงค์ยกขวดน้ำขึ้นดื่ม รู้สึกละอายเหลือเกิน เขาไม่ใช่เด็กๆ ซะหน่อยที่ฝันร้ายแล้วต้องมีผู้ใหญ่มาปลอบขวัญ แขกของบ๊อบเป็นใครกันนะ ? ? ทำไมรู้สึกคุ้นๆ กับสัมผัสที่ได้รับ    (http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/pao12.gif)

แฟรงค์ถอนใจโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด ควานหานาฬิกากดเช็คเวลา เพิ่งจะตีหนึ่งกว่าเอง อีกตั้งนานกว่าจะเช้า เป็นเพราะวันนี้เข้านอนเร็ว แต่ทำไมถึงฝันร้ายอีกทั้งๆ ที่หยุดฝันมา 3 คืนแล้ว นึกถึงตอนที่คริสฝันร้ายหลายๆ คืนติดกัน ส่วนใหญ่เป็นสังหรณ์ในเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเสมอ ถ้าฝันร้ายของเขาเป็นจริงเหมือน คริส เขาคงใกล้ตายแล้วกระมัง แฟรงค์รู้สึกหนาวเยือกจนต้องขยับตัวลงนอนและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างไว้

แฟรงค์นอนลืมตาอยู่ในความมืด รู้สึกสับสนกับความฝันของตัวเอง แซมบอกว่าจิตใต้สำนึกเขาคิดถึงคริสในทางไม่ดีจึงฝันแต่เรื่องร้ายๆ เขาขอยืนยันว่าไม่จริงเลย เขาไม่ได้คิดถึงแต่พยายามจะลืมต่างหาก เขาจำเป็นต้องออกมาจากชีวิตของคริสไม่ใช่เพราะชารอนเป็นสาเหตุใหญ่ แต่เพราะตัวเขาเองไม่อยู่ในสภาพที่จะมองหน้าคริสได้อีก เขาถูกเจ้านิคกระทำทารุณจนพิการทั้งร่างกายและจิตใจ เขาไม่สามารถกลับไปคบหาคริสได้อีกไม่ว่าจะในฐานะอะไร

แฟรงค์พยายามผ่อนคลายความรู้สึกของตัวเองด้วยการนึกถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะในวันคืนที่ผ่านมา ถ้าเขาสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้ เขาคงใช้เวลาส่วนตัวกับคริสให้มากกว่านี้ กำลังจะเคลิ้มหลับก็ต้องผวาขึ้นอีกครั้งเมื่อหน้าเจ้านิคแว่บเข้ามาในภวังค์ แฟรงค์ขยับตัวขึ้นนั่ง ตัดสินใจว่าจะนั่งอยู่จนถึงเช้า.. ไว้ไปงีบหลับตอนกลางวันดีกว่า...



(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/10.gif)




TBC >>>>>



 บีบหัวใจกันมาหลายวัน  จบตอนนี้ สบายใจแล้วใช่มั้ย   :a4:   :a11:





หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 07-10-2008 15:12:29
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: beboy ที่ 07-10-2008 15:52:26
ชอบครับ  สนุกดี  ขอบคุณมมากครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-10-2008 16:05:39
ง่า แล้วเมื่อไหร่คริสจะได้แสดงตัวล่ะคะเนี่ย น่าสงสารแฟรงค์จัง คนรักอยู่ใกล้ๆแต่ไม่รู้ตัว  :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 07-10-2008 16:07:16
รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยๆครับแต่ชอบคำพูดของหมอบ๊อบอ่ะได้ใจผมเลยอ่ะ :a2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-10-2008 17:22:50
กราซิก กราซิก
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 07-10-2008 19:57:16
โอ๊ย  เจ็บปวด

โถ พ่อคุณ ละเมออีกแล้ว คิดถึงเค้าก็ไม่ตามใจตัวเองหล่ะ

แต่ก็ดี สมน้ำหน้าคริส



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 07-10-2008 20:43:57
เจอกันแล้ว

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 08-10-2008 21:20:14
รอรอรอรอรอรอรอรอรอรรอรอรอรอต่อไป
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 09-10-2008 10:26:22

Fatherhood part 2  [10]  ต่อ..




คริสสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของตกแตก รีบยกข้อมือดูเวลา เกือบ 4 โมงเช้าแล้วเหรอ ไม่อยากเชื่อเลย… เขาแค่จะของีบสักชั่วโมงเท่านั้น กลับหลับสนิทไป 5 ชั่วโมง เป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน จะให้นอนได้ยังไงในเมื่อแฟรงค์เล่นนั่งตาค้างอยู่บนเตียงแบบนั้น กว่าเขาจะได้จังหวะหลบออกจากห้องได้ก็ปาเข้าไปตีห้า แฟรงค์ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ เขาจึงถือโอกาสเปิดประตูออกจากห้องตอนแฟรงค์กดชักโครก รับรองว่าแฟรงค์ไม่รู้แน่ว่ามีใครนั่งอยู่เป็นเพื่อนทั้งคืน

“คุณแฟรงค์ล่ะป้า..”

คริสถามถึงแฟรงค์กับแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดพื้นและเก็บเศษแก้วน้ำที่ร่วงจากโต๊ะข้างเตียงลงมาเพราะฝีมือการปัดของเขา

“คุณแฟรงค์ออกไปนั่งรับลมที่ลานพักผ่อนริมหาดค่ะ”

“แดดร้อนมากแล้วนะ ยังนั่งอยู่อีกเหรอ..”

“ไม่ร้อนหรอกค่ะมีร่มไม้บังแดด แต่อิฉันว่าเดี๋ยวจะไปตามให้เข้ามาพักผ่อนข้างใน เพราะคุณหมอสั่งไว้ว่าอย่าให้คุณแฟรงค์ออกไปนั่งข้างนอกนานๆ แต่คุณแกไม่ค่อยฟังค่ะ ชอบไปนอนหลับอยู่ริมทะเล อิฉันเห็นแกหลับก็ไม่กล้าปลุก”

คริสพยักหน้า คำถามสั้นๆ แต่ตอบซะยาวเหยียด

“ผมจะออกไปตามเอง”

คริสผละจากแม่บ้านออกไปตามหาแฟรงค์ ป่านนี้คงยังหลับปุ๋ยอยู่กระมัง ขนาดเขาสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติดียังรู้สึกเพลียจนหลับไม่รู้เรื่องตั้ง 5 ชั่วโมง ร่างกายของแฟรงค์ขณะนี้ต้องการพักผ่อนมากๆ กลับไม่ยอมนอนในเวลาที่ควรจะนอน ฝันร้ายของแฟรงค์คงน่ากลัวมากจริงๆ หวนนึกถึงตอนที่ตัวเองฝันร้ายแล้ว คริสก็เข้าใจความรู้สึกของแฟรงค์ เพราะเขาเองยังนอนตาค้างจนถึงเช้าอยู่บ่อย ๆ

คริสไม่พบแฟรงค์ที่ลานพักผ่อน เขาก้มลงหยิบแว่นกันแดดบนเก้าอี้ผ้าใบขึ้นมาถือไว้ ใจหายวาบเมื่อเห็นรองเท้าแตะหนึ่งข้างและไม้ค้ำช่วยเดินวางทิ้งอยู่บนพื้นทราย แฟรงค์สามารถเดินโดยไม่ต้องสวมรองเท้าได้ แต่คงเดินไม่ได้ถ้าไม่มีไม้ค้ำช่วยพยุงร่าง

…โอ! พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับนาย แฟรงค์…

คริสเหลียวซ้ายแลขวา ไม่รู้เหมือนกันว่ามองหาอะไร แค่อยากรู้ว่าเขาจะเริ่มตามหาแฟรงค์ทางไหนก่อนดี และแล้วคริสก็พบหลักฐานสำคัญที่ทำให้เขาแน่ใจว่า แฟรงค์ถูกอุ้มไป

“แฟรงค์!!!.. ฉันมาแล้ว มีของโปรดมื้อกลางวันสำหรับนายด้วย ”

เสียงแซมตะโกนโหวกเหวกอยู่ที่ลานจอดรถหน้าบ้านพัก แซมรู้จากบ๊อบว่า บ๊อบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คริสฟังด้วยความยินดี และพาคริสเดินทางมาพักอยู่ด้วยเพื่อหาโอกาสทำความเข้าใจกับแฟรงค์



 :เตะ1:



แซมตกใจมากเมื่อรู้จากคริสว่าแฟรงค์ถูกคนร้ายลักตัวไป ผ้าเช็ดหน้าชุบยาสลบตกอยู่บนพื้นทรายไม่ไกลจากลานพักผ่อนมากนัก เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพราะแม่บ้านยืนยันว่าเธอยกเครื่องดื่มมาให้แฟรงค์ตอน 3 โมงครึ่งยังเห็นแฟรงค์นอนหลับอยู่

เหตุร้ายเกิดขึ้นกับแฟรงค์ในขณะที่คริสพักอยู่ด้วย ทำให้คริสรู้สึกผิดมาก ถ้าแฟรงค์เป็นอะไรไปเขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลย

“ผมพอจะรู้ว่าใครอุ้มแฟรงค์ไป  ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นไอ้นรกนิค เมื่อสองคืนก่อนมันเข้ามาที่ผับและถามหาแฟรงค์ ผมบอกว่าแฟรงค์ไปต่างประเทศ  มันไม่เชื่อและบอกว่ามันจะตามหาให้เจอ ให้ตายเถอะ! ผมไม่ได้อยากมีเรื่องกับนักเลงอย่างพวกมันเลย  แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ผมก็ยอมสู้ตายล่ะ..”

คริสรู้สึกโกรธมาก ไอ้นรกนิคทำร้ายแฟรงค์จนบาดเจ็บขนาดนี้แล้วยังไม่สะใจตามมารังแกถึงนี่อีก มันคิดว่ามันเป็นนักเลงใหญ่โตขนาดไหน  บังอาจทำร้ายคนรักของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  หากแฟรงค์ได้รับบาดเจ็บจากมันอีกแม้เพียงปลายเล็บ  เขาสาบานว่ามันจะต้องชดใช้สิ่งที่มันทำกับแฟรงค์ไปอย่างสาสม   o7

คริสโทรหานายตำรวจใหญ่ที่ให้ความเกื้อกูลกันอยู่  ขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและลับเฉพาะที่สุด

จอนนี่เดินทางมาถึงที่พักไล่หลังแซมไม่นาน คริสสั่งล่วงหน้าไว้ว่าให้เดินทางมารับเขาและแฟรงค์กลับวันนี้ แต่อย่าเพิ่งบอกเด็กว่าเขาพบแฟรงค์แล้ว

คริส แซม และจอนนี่ แยกย้ายกันออกตามหาแฟรงค์ตามบ้านพักและรีสอร์ทใกล้เคียงก่อน แซมโทรกลับไปที่ร้านให้ปิดคริสปี้ผับชั่วคราวไม่มีกำหนด เขาไม่สามารถเปิดบริการเพื่อให้ศัตรูเข้ามานั่งเย้ยถึงที่ได้  บางทีคริสปี้ผับถึงคราวต้องปิดตัวลงจริงๆ อย่างที่คริสว่าก็ได้



 :a6:



แฟรงค์ใจหายวาบเมื่อรู้สึกตัวขึ้นและพบตัวเองถูกมัดมือสองข้างไขว้หลัง เย็นเยือกไปถึงขั้วหัวใจ รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร

มีเสียงร้องบอกว่าเขาฟื้นแล้ว เสียงฝีเท้าหลายคนเดินใกล้เข้ามา และแล้วเสียงใครคนหนึ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในชีวิตของเขาก็ดังขึ้นข้างหู

“ตื่นแล้วเหรอ แฟรงค์ที่รัก… ไม่ได้เจอกันเกือบเดือนแน่ะ รู้มั้ยว่าฉันคิดถึงแกมากแค่ไหน…”

แฟรงค์ถดร่างหนีด้วยความกลัว อุตส่าห์ไม่ยอมหลับทั้งคืนเพราะไม่อยากพบเจอมันในฝันแต่กลับหนีมันไม่พ้น วันนี้เขาคงไม่รอดแน่แล้ว...

แฟรงค์เอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ปล่อยผมเถอะนิค ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ยังเจ็บอยู่เลย แผลผ่าตัดผมยังไม่หาย~~”

“อะไรกันแฟรงค์.. ทำไมใจเสาะอย่างนี้ ถึงขนาดต้องผ่าตัดเลยเหรอ พูดจริงหรือเปล่า ขอดูหน่อยซิ”

แฟรงค์ถูกผลักให้นอนหงายและถูกพวกมันถลกเสื้อและกางเกงเพื่อตรวจดูว่ามีบาดแผลผ่าตัดจริงหรือเปล่า แฟรงค์สะดุ้งเพราะถูกสมุนของมันดึงผ้าปิดแผลออกอย่างไม่ปรานีปราศรัย และยังถูกพวกมันใช้นิ้วกดที่แผลอย่างแรง

“โอ้ย!!!..” แฟรงค์ร้องคราง พยายามถอยหนีจากการถูกรังแก

“มีแผลผ่าตัดจริงๆ ครับ นาย”

แฟรงค์จำเสียงไอ้ราฟสมุนมือขวาของเจ้านิคได้ คงเป็นฝีมือของมันกดที่บาดแผลเขา

“ไม่อยากเชื่อเลย แฟรงค์.. ว่าแกจะอาการหนักขนาดนี้ ทำเหมือนเด็กหนุ่มรุ่นๆ ไม่เคยผ่านมือชายมาก่อนยังงั้นล่ะ แต่ฉันคิดถึงแกว่ะ รู้ได้ยังไงว่าฉันชอบคนไว้เครา ถึงมันจะทำให้แกดูโทรมไปหน่อยแต่มันก็ได้อารมณ์ดี สงสัยจะอดกลั้นความต้องการไว้ไม่ไหวแล้ว วันนี้ฉันจะไม่รุนแรงกับแก แฟรงค์..”

แฟรงค์ร้องเสียงหลงด้วยความกลัว

“ไม่นะ !!.. ไม่~~~~ ได้โปรดเถอะนิค อย่าทำผมอีกเลย ปล่อยผมเถอะ”

“เหลวไหลน่าแฟรงค์.. ร้องเป็นเด็กๆ ไปได้ จะให้ฉันปล่อยแกไปมันไม่ง่ายอย่างที่พูดหรอก ฉันอุตส่าห์ดั้นด้นมาหาแกถึงนี่ เพราะคิดถึงแกใจจะขาดอยู่แล้ว”

เสียงเจ้านิคสั่งลูกน้องสั้นๆ ว่า “จัดการ”

ฉับพลัน!!..

แฟรงค์ก็ถูกพวกมันจับข้อเท้าสองข้างลากไปที่ปลายเตียง กางเกเลของเขาถูกกระชากออกไปอย่างง่ายดาย แฟรงค์ไม่มีแรงขัดขืนหรือขยับหนีเพราะแขนสองข้างถูกมัดไขว้หลังอยู่ ไหนจะแผลผ่าตัดที่หน้าท้องและกระดูกบริเวณหน้าแข้ง แม้จะเข้าเฝือกไว้แต่ถูกพวกมันจับกระชากและลากอย่างไม่ปรานี ทำให้เขาปวดร้าวและเจ็บไปทั้งตัว

…โอ!พระเจ้า ฝันร้ายเมื่อคืนกำลังเป็นจริงแล้ว วันนี้เขาคงไม่รอดแน่ บ๊อบและแซมอยู่ไกลเกินกว่าจะมาช่วยเขาได้ ถ้าทุกอย่างเป็นจริงตามที่ฝัน คริสต้องมาช่วยเขาซี!!.. เมื่อคืนคริสยังช่วยเขารอดพ้นจากไอ้นรกนิคได้เลย เขาได้ยินเสียงคริสปลอบและยังได้อยู่ในอ้อมกอดคริสด้วย...

เสียงเจ้านิคสั่งให้ลูกน้องของมันออกจากห้อง แฟรงค์รีบร้องขอชีวิตตราบเท่าที่ยังมีโอกาส

“ได้โปรดเถอะนิค.. จะให้ผมทำอะไรก็ยอม อย่าขืนใจผมอีกเลย ขอเวลาให้ผมทำใจลืมคริสก่อนได้มั้ย”

เจ้านิคชะงักมือกับเข็มขัดกางเกง หัวเราะเสียงดัง

“อะไรกันแฟรงค์.. นี่แกยังทำใจลืมคริสไม่ได้อีก หมอนั่นมีลูกมีเมียไปแล้วไม่ใช่เหรอ เขาไม่ได้สนใจอะไรแกแล้ว ยังจะมีใจให้เขาอยู่ทำไม”

ได้ผล!!.. แฟรงค์คิดว่าสามารถยืดเวลาและต่อรองกับมันได้ เขารู้ว่าเจ้านิคไม่อยากมีเรื่องกับคริส ถึงมันจะเป็นนักเลงโตแต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เงินซื้อได้ทุกอย่างเสมอ

“ผมรักคริส.. ผมลืมเขาไม่ได้ ได้โปรดเถอะนิค.. ผมต้องทำอะไรคุณถึงจะยอมปล่อยผมไป”

เจ้านิคกระซิบที่ข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงที่น่าขยะแขยง

“สวดอ้อนวอนพระเจ้าซีแฟรงค์.. ฉันไม่ชอบแย่งของรักของใคร ฉันจะปล่อยแกทันที ถ้าคริสมายืนอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้แล้วบอกฉันว่า เขายังรักแกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”

แฟรงค์สะอื้นเมื่อโอกาสที่เจ้านิคให้มันเป็นไปไม่ได้อย่างที่พูด แต่เขายังไม่ยอมแพ้พยายามต่อรองอีกครั้ง

“ให้คริสคุยโทรศัพท์กับคุณได้มั้ย นิค.. ผมอยากให้คุณขอผมจากเขาก่อน ถ้าคริสอนุญาตผมจะได้ทำใจเลิกรักเขา และจะยอมทุกอย่างที่คุณต้องการ ไม่ต่อรองอะไรอีก”

เจ้านิคเงียบไป แฟรงค์ภาวนาในใจขอให้มันยอมตามที่เขาเสนอ เสียงเจ้านิคตะโกนเรียกไอ้ราฟสมุนคนสนิทเข้ามาแก้มัดให้เขา


ไอ้ราฟโยนโทรศัพท์มือถือให้เขาตามคำสั่งของนายมัน มันคงไม่ได้ตั้งใจโยนใส่หน้าเขาหรอก แต่เขามองไม่เห็นโทรศัพท์จึงกระแทกเข้าที่หน้าและร่วงลงข้างตัว เขารีบควานหามันและหยิบขึ้นมาถือไว้ในมือด้วยความดีใจ เขาจำเบอร์มือถือของคริสได้ไม่มีวันลืม

...ให้ตายเถอะ! เขามองไม่เห็น โทรศัพท์ใส่ซองไว้ ยิ่งทำให้เขากดไม่ถูก...

“จำเบอร์ไม่ได้หรือไงแฟรงค์.. ถ้างั้นก็เสียใจด้วยนะ”

โทรศัพท์ถูกแย่งออกไปจากมือ แฟรงค์ละล่ำละลักบอกเบอร์มือถือของคริสให้เจ้านิค

“ผมจำได้ 081 8XXXXXX กดให้ผมหน่อย นิค..”

“กดเองซีโว้ย!!..” โทรศัพท์ถูกโยนลงมาที่ตักแฟรงค์อีกครั้ง

“เร็วๆ หน่อยนะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”

แฟรงค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ มือสั่นด้วยความตื่นกลัว พยายามจ้องมองโทรศัพท์เผื่อว่าอาจจะมองเห็นลางๆ บ้าง แต่ไม่เลย.. เขาตัดสินใจเล็งหาเบอร์และกดสุ่มๆ ไป

เจ้านิคชักเอะใจ เพราะเบอร์ที่แฟรงค์กำลังกดไม่ตรงกับที่บอกมาเลย มันดึงโทรศัพท์ออกจากมือแฟรงค์และเงยหน้าเขาขึ้น จึงสังเกตเห็นความผิดปกติในดวงตาของแฟรงค์

“ตาแกเป็นอะไร!!.. อย่าบอกว่าแกมองไม่เห็นนะ แฟรงค์..”

แฟรงค์พยักหน้า
“ผมมองไม่เห็น ช่วยกดเบอร์ให้ผมหน่อยนิค..”

เจ้านิคนิ่งอึ้ง ตกใจเมื่อรู้ว่าหวานใจของเขากลายเป็นคนพิการไปแล้ว มันหันไปมองหน้าเจ้าราฟด้วยความไม่พอใจ รู้ทันทีว่าสภาพของแฟรงค์วันนี้เป็นผลมาจากการรุมสกรัมของมันกับลูกน้องในคืนนั้น ราฟหลบสายตาเจ้านายมันและเดินเลี่ยงออกจากห้องไป

เจ้านิคเริ่มใจอ่อนเมื่อเห็นสภาพของแฟรงค์ เอ่ยปากขอแฟรงค์จากคริสก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เขาเองจะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าแย่งคนรักของใคร

มือถือของคริสให้ฝากข้อความ เจ้านิคจึงตัดสายทิ้ง

“เสียใจด้วยนะแฟรงค์.. ติดต่อคริสทางมือถือไม่ได้ มีเบอร์อื่นอีกมั้ย”

แฟรงค์บอกเบอร์ที่คฤหาสน์บริเจคส์ไป จริงๆ แล้วไม่อยากโทรเข้าไปเลย แต่นี่เป็นนาทีชีวิตของเขาแล้ว เสียงเจ้านิคถามหามิสเตอร์บริเจคส์เป็นภาษาอังกฤษ แฟรงค์ใจหายเมื่อมันจบการสนทนาด้วยคำว่า ...ไม่เป็นไร...

“เสียใจด้วยนะแฟรงค์.. คริสไม่อยู่บ้านไปต่างจังหวัด มิสบริเจคส์ก็ไปต่างจังหวัดด้วย แกยังจะให้ฉันคุยกับคริสทำไมอีก เขาไปเปลี่ยนบรรยากาศเปลี่ยนที่ทางมีเซ็กซ์กับเมียล่ะซี น่าทึ่งจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าคริสหลงเสน่ห์แม่ม่าย ถึงขนาดเขี่ยแกตกจากเตียงได้ทั้งๆ ที่คบหากันมาเกือบ 10 ปี อย่างนี้แล้วแกยังจะอาลัยอาวรณ์เขาอยู่ทำไม”

คำพูดของเจ้านิคสร้างความปวดใจให้กับแฟรงค์มาก แต่ถึงจะเจ็บแค่ไหน เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวมันมากกว่า

“ลองโทรมือถืออีกทีได้มั้ย นิค..”

เจ้านิคเริ่มรำคาญและไม่สบอารมณ์ที่แฟรงค์เซ้าซี้จะพูดกับคริสให้ได้ มันเดินไปวางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะ และกลับมาที่เตียงผลักแฟรงค์หงายหลังลง

“พอแล้ว!!.. ฉันให้โอกาสแกมากแล้ว หยุดเพ้อเจ้อถึงคริสซะที!!.. แกเป็นของฉันแล้วนะ แฟรงค์.. ยังทำใจยอมรับฉันไม่ได้ฉันก็ไม่ว่า แต่ถ้ายังคิดถึงคริสอยู่ ฉันจะไม่ยกโทษให้แกนะ”

เสียงเจ้านิคปลดซิบกางเกง แฟรงค์ใจหายวาบถดร่างหนีทั้งที่รู้ว่าหนีไม่รอด

“ได้โปรดเถอะนิค.. ผมยังเจ็บอยู่ แผลผมยังไม่หาย อย่าทำผมเลย โอ๊ะ! …”

แฟรงค์สะดุ้งและผวาเฮือก เพราะถูกไอ้ยักษ์นิคขยับขึ้นมานั่งทับที่หน้าท้องตรงแผลผ่าตัดพอดี เขาจุกและเจ็บมากจนพูดไม่ออก

“ไม่เอาน่าแฟรงค์ อย่าโยกโย้อีกเลย ฉันสัญญาว่าจะดูแลแกอย่างดี ไม่ทอดทิ้งแกเหมือนที่คริสทำ ฉันจะรักษาตาของแกให้หาย ไม่ต้องห่วงแฟรงค์ ฉันไม่ปล่อยให้สุดหล่อหวานใจของฉันตาบอดหรอก”

“โอย~~~ ” แฟรงค์ร้องครางเพราะเจ็บแผล กัดฟันขอร้องอีกครั้ง

“ขอลองโทรอีกครั้งเดียว นิค.. ได้โปรด…”

“ปัทโธ่เว้ย!!..” เจ้ายักษ์นิคเริ่มมีน้ำโห มันขยับตัวขึ้นและพลิกร่างแฟรงค์นอนคว่ำลง

“ฉันไม่ให้โอกาสแกอีกแล้ว แกทำให้ฉันโมโหมากก็จะเจ็บตัวมากรู้มั้ย..”

…โอ! พระเจ้า.. นึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับเมื่อครั้งก่อนและในความฝันเมื่อคืน แฟรงค์ตะกายร่างหนีด้วยกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด

“ไม่!!.. ไม่นะ อย่าทำ ผมกลัว~~ ผมกลัวแล้ว ช่วยด้วย~~~ ”

“ฮะ ฮะ ฮะ” เสียงหัวเราะของเจ้านิคดังขึ้นอย่างสะใจ

“แหกปากเข้าไป แฟรงค์.. รู้มั้ยว่ามันทำให้ฉันมีอารมณ์ขึ้นเยอะเลย”

แฟรงค์ตาเหลือกโพลงเมื่อถูกเจ้านิคใช้กำลังลากเข้าไปใกล้ และขึ้นนั่งคร่อมในอาการเตรียมพร้อม แฟรงค์ตัวสั่นเพราะความกลัวสุดขีด ใบหน้าของคริสผุดขึ้นมาในมโนสำนึก

“คริส!!!.. ช่วยด้วย!!!.. ช่วยผมด้วย~~~~ คริสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส~~~ ” (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/dont2.gif)


สิ้นเสียงร้องโหยหวนของแฟรงค์ เจ้าราฟวิ่งพรวดพราดหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง มันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นเจ้านายนิคของมันนั่งเตรียมพร้อมอยู่ในท่านั้นพอดี

“เอ่อ.. เจ้านายครับ ขอให้ผมปิดปากมันก่อนดีกว่า เสียงมันดังออกไปนอกถนนแล้ว” เจ้าราฟเดินดุ่มเข้าไปได้สองก้าวก็ชะงัก เพราะถูกเจ้านายของมันตวาดกลับ

“ปิดปากมึงนั่นแหล่ะ ไอ้เวร!!.. ข้ายังไม่ทันได้ทำอะไรก็แหกปากร้อง ช็อกหมดสติไปแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าแพ็ททริค มันจะใจเสาะแบบนี้”

เสียงโทรศัพท์มือถือของนิคดังขึ้นขัดจังหวะ เจ้าราฟเดินไปหยิบโทรศัพท์มาส่งให้นายของมันที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิมแม้ว่าน้องชายจะคอพับไปแล้ว สงสัยคงตกใจเสียงร้องของแฟรงค์

นิครับสายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พูดคุยได้ 2 ประโยค ก็รีบขยับตัวออกห่างจากแฟรงค์และลุกขึ้นยืน

“มีปัญหาอะไรเหรอ สารวัตร..”

“มีแน่.. บอกมาก่อนว่าแฟรงค์ แพ็ททริค อยู่กับลื้อหรือเปล่า”

เจ้านิคยืนมองร่างที่นอนคว่ำหมดสติอยู่บนเตียง

“ใช่!!.. เขาอยู่กับผม บอกปัญหาที่ว่ามาเลยดีกว่า สารวัตร..”

“ปัญหาที่ว่าไม่ใช่ปัญหาของอั๊วแต่เป็นปัญหาของลื้อ ฟังนะโว้ย!! นิค.. เจ้านายอั๊วมีคำสั่งลงมาให้ควานหาตัวลื้อด่วน ลื้อมีปัญหากับเศรษฐีบริเจคส์ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยนะ ”

“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าสารวัตร.. ผมไม่เคยมีปัญหากับคริสและไม่เคยคิดจะมี”

“หึ!.. ลื้อพูดออกมาได้ยังไงวะ ว่าไม่มีปัญหากับคริส ลื้อให้ลูกน้องอุ้มแฟรงค์ แพ็ททริคมา ยังบอกไม่มีปัญหาอีกเหรอ..”

“อ้าว!!.. แล้วแฟรงค์เกี่ยวกับอะไรกับคริสด้วย ฟังนะสารวัตร ผมไม่ได้อุ้มแฟรงค์ออกจากคฤหาสน์บริเจคส์ สองคนนั่นเลิกคบหากันตั้ง 3 - 4 เดือนแล้ว คริสเองก็แต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว สารวัตรเปิดหูเปิดตาให้กว้างหน่อยซี….”

“ลื้ออย่ามาพูดจาประสานักเลงกับอั๊วนะนิค แฟรงค์ยินดีมากับลื้อหรือเปล่า ถ้าไม่.. ลื้อก็ผิดวันยังค่ำ แล้วไอ้ที่ลื้อพูดน่ะ ใครกันแน่วะที่เปิดหูเปิดตาให้กว้างหน่อย ใครบอกลื้อว่าคริสเลิกคบกับแฟรงค์แล้ว ถึงแต่งงานแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลิกคบกัน…

….ฟังนะ นิค.. ตอนนี้คริสกำลังออกตามหาแฟรงค์อยู่ เขาโกรธลื้อมากที่บังอาจทำร้ายคนรักของเขา ลื้อทำแฟรงค์บาดเจ็บมาแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอ.. ถ้าแฟรงค์ต้องบาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากการกระทำของลื้อครั้งนี้ เขาสาบานว่าลื้อต้องชดใช้สิ่งที่ลื้อทำกับแฟรงค์อย่างสาสม

….แล้วแต่ลื้อนะ นิค.. จะยอมสู้กับคริสสักตั้งก็ได้ ถ้าคิดว่าเงินของลื้อมากพอ แต่อั๊วว่าอย่าดีกว่า ธุรกิจของลื้อมันล่อแหลม เจ้านายของอั๊วพยายามหาโอกาสเล่นงานลื้ออยู่แล้ว อย่าให้อั๊วต้องลำบากใจด้วยเลย ปล่อยแฟรงค์ไปซะ อ้อ!.. อั๊วโทรมาสายเกินไปหรือเปล่า หรือทำเขาบาดเจ็บหรือยัง ว่าไงวะ นิค.. ได้ยินที่อั๊วพูดหรือเปล่า…”

“ฟังนะ สารวัตร.. ตอนคุณโทรมาผมกำลังคร่อมอยู่บนร่างของแฟรงค์พอดี ทายมาซี.. ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่..”

“ให้ตายเถอะวะ!!.. นี่ลื้อหาเรื่องใส่ตัวเองนะ คริสไม่ปล่อยลื้อไว้แน่”

เสียงปลายสายโวยด้วยความโมโหทำให้เจ้านิคเริ่มมีอารมณ์บ้าง

“ก็ใครจะไปรู้ล่ะโว้ย!! ว่ามันยังรักใคร่ชอบพอกัน ก็เห็นแยกกันอยู่ตั้งหลายเดือนแล้ว ผมไม่ได้อยากมีปัญหากับมหาเศรษฐีตาน้ำข้าวหรอก ผมไม่โง่เอาเงินเกือบ 40 ล้านบาทไปแลกกับเงินแค่ 1 ล้านเหรียญของมัน อยากได้ก็เอาคืนไปเถอะ ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องวุ่นวายหาหมอมารักษาตาให้ ไปรักษากันเองก็แล้วกัน”

ปลายสายนิ่งอึ้งไปเมื่อรู้ว่าแฟรงค์ตาบอด เข้าใจความรู้สึกของมหาเศรษฐี บริเจคส์แล้ว ว่าทำไมจึงโกรธแค้นเจ้านิคมากมายถึงเพียงนี้...



 :เตะ1:



 

แหะ ๆ เป็นไปตามเนื้อเรื่องนะ อย่ามีอารมณ์ล่ะ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/try2.gif)


ตอนนี้แฟรงค์กำลังดวงตก ถ้าตกสุดแล้วจะขึ้นพรวดเลยล่ะ

ไม่มีใครต้องร้องไห้ตลอดไปหรอกน่า    o7       สักวันหนึ่งเขาจะต้องยิ้มและหัวเราะได้


ฟ้าหลังฝน มักจะสดใสเสมอ  จริงๆ นะ ไม่โกหก   o13




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 09-10-2008 10:41:38
พี่บอกว่าฟ้าหลังฝนมันจะสดใสใช่ไหมครับแต่กว่าจะหลังฝนนี้คงจมน้ำตาก่อล่ะครับ :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 09-10-2008 10:57:04
Fatherhood part 2 [11]  



คริส แทบช็อกเมื่อเห็นสภาพของแฟรงค์ เขาได้รับแจ้งจากตำรวจว่าพบแฟรงค์นอนหมดสติอยู่ริมทางหลวง ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเห็นชายร่างยักษ์แบกชายหนุ่มลงจากรถทิ้งไว้ริมถนนก่อนจะบึ่งรถเข้ากรุงเทพฯ ไป

คริสพาแฟรงค์กลับมาที่บ้านพักก่อน เพราะจุดที่พบอยู่ปากทางเข้าบ้านพักพอดี แสดงว่าพวกมันจงใจส่งแฟรงค์กลับคืนให้เขา หากแต่การส่งคืนในลักษณะนี้สร้างความโกรธแค้นให้คริสอย่างมาก เพราะหากแฟรงค์รู้สึกตัวขึ้นมาในสภาพที่ตามองไม่เห็นอะไรจะเกิดขึ้น บนทางหลวงนอกเมืองรถแต่ละคันวิ่งมาในความเร็วไม่ต่ำกว่า 150

....โอ!! พระเจ้า.. โชคดีเหลือเกินที่แฟรงค์ยังหมดสติอยู่ เขาสาบานว่าเจ้านรกนิคต้องชดใช้สิ่งที่มันทำกับแฟรงค์อย่างสาสม...



 :angry2:



แซมยืนกอดอกมองดูภาพตรงหน้าอย่างรู้สึกทึ่ง ไม่อยากเชื่อเลยว่ามหาเศรษฐีบริเจคส์จะสามารถปรนนิบัติใครได้อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนแบบนี้ ที่ผ่านมามีแต่ได้รับการปรนนิบัติจากคนอื่น

คริสเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แฟรงค์ อาการบาดเจ็บของคนรักทำให้คริสรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย นอกจากแผลผ่าตัดที่ท้องน้อยซึ่งมีอาการบวมช้ำแล้ว เฝือกที่ขาขวาของแฟรงค์ยังมีรอยร้าว พวกมันคงจับกระชากลากถูอย่างไม่ปรานี แฟรงค์เจ็บที่กายมากแค่ไหน เขาก็รู้สึกเจ็บหัวใจมากเท่านั้น

คริสสัมผัสเคราที่แก้มของแฟรงค์อย่างแผ่วเบา สี่ชั่วโมงแห่งความทุกข์ร้อนกระวนกระวายใจผ่านพ้นไป มันทำให้คริสรู้ซึ้งว่าชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าผู้นี้มีความหมายต่อเขาเพียงใด เกือบสิบปีที่คบหาและอยู่ร่วมกันมา แฟรงค์ไม่ได้อยู่กับเขาในฐานะคู่ขาอย่างที่คนในสังคมเข้าใจ แต่อยู่ในฐานะเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของเขา แฟรงค์หัวเราะอยู่ข้างๆ เวลาที่เขามีความสุข และคอยปลอบโยนแก้ปัญหาให้เวลาที่เขามีทุกข์ แฟรงค์เป็นคนใกล้ชิดคนเดียวที่เข้าใจความรู้สึกของเขา คอยแนะนำให้กำลังใจและปลอบโยนเขาเสมอมา ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสมหวัง แม้กระทั่งความเหินห่างที่แฟรงค์มีต่อเขาในวันนี้ คริสรู้ดีว่าแฟรงค์ทำเพื่อเขา

คริสก้มลงจูบหน้าผากแฟรงค์เบาๆ ชั่วเวลาไม่ทันข้ามปีคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิตถึงสองคนต้องประสบชะตากรรมที่โหดร้าย เขาเจ็บปวดแทบขาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไมเคิล ความรู้สึกครั้งนี้ไม่ต่างจากครั้งนั้นเลย กับไมเคิลเขาห่วงใยและทุกข์ร้อนในฐานะพ่อของลูก แต่กับแฟรงค์เขาบอกไม่ถูกว่าห่วงใยในฐานะอะไร รู้แต่ว่าหากมนุษย์จำเป็นต้องมีชีวิตคู่ แฟรงค์ คือคู่ชีวิตของเขา

“อือ~~~”

แฟรงค์ลืมตาขึ้น ส่งเสียงครางเหมือนเด็กชายที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นและยังอยู่ในอาการงัวเงีย ดวงตาเลื่อนลอยเพราะมองไม่เห็นจึงนอนนิ่งเฉย คริสนั่งอยู่ใกล้แฟรงค์ในระยะประชิดกลับไม่ยอมพูดจาทักทายด้วย เอาแต่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่เจ็บปวด

“ตื่นแล้วเหรอ แฟรงค์.. ไม่เป็นไรแล้วนะ นายกลับมาบ้านแล้ว”

แซมรีบเดินเข้ามากล่าวทักกึ่งปลอบโยนเมื่อเห็นเพื่อนนอนลืมตานิ่ง ...ถ้าไม่มีใครพูดอะไร แฟรงค์จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว…

แฟรงค์ไม่ทักตอบ แต่ขยับตัวและเงี่ยหูไปมาฟังเสียงเหมือนอยากรู้ว่ามีใครอยู่ใกล้หรือเปล่า

คริสยังคงนั่งนิ่งในขณะที่แซมเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะทุกครั้งที่รู้ว่าเขามาถึงแฟรงค์จะซ่อนอาการดีใจไว้อย่างไร ก็ปิดบังความรู้สึกทางสีหน้าและดวงตาไม่ได้ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ไม่มีความรู้สึกยินดีให้เห็น เหมือนแฟรงค์ไม่รับรู้ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของเขา แซมรีบกล่าวย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

“แฟรงค์.. ได้ยินมั้ย นายอยู่กับฉันที่บ้านแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้วนะแฟรงค์”

แซมจับมือแฟรงค์บีบเบาๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะเพื่อนชักมือหนีและสะบัดแขนพร้อมกำปั้นถากสีข้างเขาไป ก่อนถดร่างหนีด้วยสีหน้าและดวงตาหวาดกลัวจนแซมและคริสตกใจขยับเข้าไปช่วยกันจับตัวแฟรงค์ไว้

“แฟรงค์.. ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว นายอยู่กับพวกเราที่บ้านแล้ว ฉันแซมไง.. คริสก็อยู่กับนายด้วย”

แซมพยายามปลอบแต่ไม่ได้ผล นอกจากแฟรงค์จะไม่ยอมฟังที่เขาพูดแล้วยังพยายามดิ้นรนหนีและร้องให้ช่วย

“ปล่อยนะ!!.. ปล่อย!!.. อย่า.. อย่าทำ.. ช่วยด้วย!!..” แฟรงค์เบิกตาโพลง สีหน้าหวาดกลัวสุดขีด

...โอ! พระเจ้า.. ไอ้นรกนิคมันทำให้นายหวาดกลัวถึงเพียงนี้เลยหรือ...

คริสสวมกอดแฟรงค์และกระซิบปลอบ

“ไม่ต้องกลัว แฟรงค์.. ฉันคริสนะ ฉันอยู่กับนายตรงนี้แล้ว ไม่มีใครทำอะไรนายได้อีก..”

“คริส....”

แฟรงค์หยุดดิ้นรน นอนนิ่งเหมือนกำลังทบทวนความจำบางอย่าง

แซมปล่อยมือเมื่อเห็นเพื่อนอยู่ในอ้อมกอดของคริสแล้วมีอาการสงบลง

“ขอโทรหาคริสหน่อย ขอโทรหน่อย..”

แฟรงค์พึมพำในลำคอ แซมฟังไม่ได้ศัพท์แต่สำหรับคริสเขาได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ คริสสวมกอดแฟรงค์แน่นด้วยความรักและสงสารจับใจ

“ฉันอยู่นี่แล้วแฟรงค์.. ไม่ต้องโทรแล้ว ฉันกอดนายอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะ ฉันไม่ยอมให้ใครมารังแกนายอีก..”

“ขอโทรอีกครั้งได้มั้ย นิค.. ผมขอคุยกับคริสก่อน ปล่อยนะ!!.. อย่าทำ!!.. ผมกลัวแล้ว ช่วยด้วย!!!…”

แฟรงค์ขืนตัวและดิ้นหนีจากอ้อมกอดคริสได้อย่างสบายเพราะอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอาการตะลึงและตกใจ แซมได้สติรีบกระโดดขึ้นเตียงจับเพื่อนไว้ รู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกันที่แฟรงค์อยู่ในอาการหวาดกลัวจนจำเสียงเขาและคริสไม่ได้

“แฟรงค์.. เฮ้!!.. นี่พวกเราเอง ฉันแซมไง คริสก็อยู่นี่ด้วย ไม่เอาน่ะแฟรงค์ อย่าล้อเล่นแบบนี้” แซมหันหน้าแฟรงค์มาทางเขา

“ดูให้ดีซี.. ฉันใช่แซมเพื่อนของนายหรือเปล่า” แซมใจหายวาบทันทีที่เห็นดวงตาของแฟรงค์ รีบสวมกอดและกล่าวขอโทษ

“โอ! แฟรงค์.. ฉันขอโทษ ฉันลืมไปว่านายมองไม่เห็น นายจำเสียงฉันได้นี่นา ไม่เอาน่ะแฟรงค์ อย่าล้อเล่นอีกเลย โอ๊ะ!…”

แซมสะดุ้งร้องจ๊ากเพราะถูกแฟรงค์กัดที่ต้นแขน

“โอ๊ย!!… เจ็บนะแฟรงค์ นายหลอกกัดฉันเหรอ..”

แซมคลายอ้อมแขนและดันร่างแฟรงค์ออก

“โอ๊ย!!… เจ็บนะโว้ย!! ปล่อยนะ ไอ้หมาแฟรงค์ คริส.. ช่วยผมด้วย!!..”

คริสตะลึงกับอาการตื่นกลัวของแฟรงค์ เสียงแซมร้องให้ช่วยทำให้เขาได้สติ รีบสอดมือเข้าใต้คางและบีบแก้มของแฟรงค์อย่างแรงด้วยความจำเป็น แซมหลุดจากคมเขี้ยวของแฟรงค์ได้ก็กระโดดลงจากเตียงไปตั้งหลัก ส่งเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

คริสปล่อยมือจากแฟรงค์ อาการหวาดกลัวของคนรักเวลานี้ทำให้คริสไม่กล้าเข้าไปจับต้องและทำอะไรให้แฟรงค์เจ็บตัวอีก ที่ผ่านมาแฟรงค์ได้รับความเจ็บปวดมากพอแล้ว

แฟรงค์ยังอยู่ในอาการหวาดกลัว ถดร่างหนีไปจนติดผนังห้อง ตะแคงตัวลงนอนในอาการเกร็ง คริสเห็นแล้วไม่อาจบรรยายความรู้สึกตัวเองได้ เลือดไหลจากมุมปากของแฟรงค์ทำให้คริสรู้สึกตัว รีบหันไปหาแซมที่นั่งบีบนวดต้นแขนด้วยสีหน้าที่ยังเจ็บปวดอยู่แต่เลิกร้องครวญครางแล้ว

“เป็นไงบ้างแซม.. ขอดูแผลหน่อย เลือดออกมากหรือเปล่า”

แซมส่ายหน้าความหมายว่าเลือดไม่ได้ออก แต่คริสกลับเข้าใจคนละอย่าง

“ออกนิดหน่อยก็ต้องทำแผลนะ ”

คริสตะโกนเรียกนายจอนให้เข้ามาช่วยทำแผลให้แซม แซมมองบาดแผลตัวเองอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ ...มันแค่ห้อเลือดเท่านั้น ทำไมคริสต้องตื่นเต้นขนาดนี้...

นายจอนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา คริสบอกจอนนี่ช่วยทำแผลให้แซม

“ผมไม่เป็นไรคริส.. แค่ห้อเลือดเท่านั้น ดูเจ้าร็อตไวเลอร์แฟรงค์ของคุณเถอะ ไม่ต้องห่วงผม”

คริสหันไปทางแฟรงค์ที่นอนตะแคงคุดคู้อยู่บนที่นอน เลือดยังไหลเป็นทางจากมุมปากหยดลงบนที่นอน ถ้าไม่ใช่เลือดจากบาดแผลของแซมแล้วเลือดของใคร?

...เร็วกว่าใจคิด!!.. คริสถลาเข้าไปประคองแฟรงค์ไว้ในวงแขน...

...โอ! พระเจ้า.. แฟรงค์อยู่ในอาการเกร็งและกำลังกัดลิ้นตัวเองอยู่จนเลือดไหลกลบปาก เขายังนิ่งดูอยู่ได้

คริสบีบแก้มแฟรงค์อย่างแรงให้คลายอาการเกร็ง แต่ไม่ได้ผล แฟรงค์มีอาการรุนแรงขึ้น เลือดไหลกลบปากจนคริสตกใจ ตัดสินใจใช้นิ้วโป้งแทรกเข้าไปให้แฟรงค์กัดแทนลิ้น แซมและนายจอนตะลึงดูด้วยความตกใจ รู้สึกตัวอีกทีเมื่อคริสร้องเรียก

“แซม!!.. หยิบผ้าขนหนูหรืออะไรก็ได้ เอามาให้แฟรงค์กัดหน่อย เร็ว!!..”

คริสกัดฟัน เขายอมเจ็บดีกว่าให้แฟรงค์กัดลิ้นตัวเอง

แซมหันซ้ายหันขวา คว้าผ้าขนหนูในอ่างน้ำที่คริสเช็ดตัวให้แฟรงค์เมื่อครู่บิด แล้วรีบเข้าไปช่วยคริสอ้าปากแฟรงค์ออกและยัดผ้าขนหนูให้กัดแทน

“จอนนี่.. ดูแผลที่นิ้วคุณคริสด้วย”

แซมขยับแฟรงค์ลงนอนเพราะไม่รู้ว่าจะปฐมพยาบาลยังไงต่อ รีบดึงโทรศัพท์ที่เอวขึ้นมากดหาบ๊อบ

คริสนั่งกุมขมับนิ่งเฉยไม่สนใจกับบาดแผลที่นิ้ว ความเจ็บปวดที่หัวใจเขาได้รับอยู่ในขณะนี้มากมายกว่าหลายเท่านัก จอนนี่ไม่กล้าเซ้าซี้เมื่อเห็นเจ้านายอยู่ในอาการทุกข์ใจเช่นนี้

วางสายบ๊อบแซมสั่งให้จอนนี่ออกไปคอยรับหมอ อีกห้านาทีจะมาถึง นายจอนรับคำสั่งและเลี่ยงออกจากห้องไป

แซมเข้าใจความรู้สึกของคริสดี อย่าว่าแต่จอนนี่ไม่กล้าเซ้าซี้ เขาเองยังไม่ค่อยกล้าพูดอะไร เห็นความรักและความห่วงใยที่คริสมีต่อแฟรงค์แล้ว มันไม่ใช่แบบที่ทุกคนเข้าใจ มันลึกซึ้งและมากมายกว่าคนที่เป็นคู่ขาจะพึงปฏิบัติต่อกัน เขารู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อคริสที่ช่วยปิดบังเรื่องของแฟรงค์ไว้ เหตุการณ์เลวร้ายในวันนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคริสได้รู้ความจริงทั้งหมดและได้พบแฟรงค์ก่อนหน้านี้ ป่านนี้แฟรงค์ก็คงกลับไปนอนพักรักษาตัวอย่างปลอดภัยในคฤหาสน์บริเจคส์แล้ว

คริสรู้สึกตัวเมื่อแซมเช็ดเลือดที่ไหลเป็นทางจากนิ้วมือลงมาที่แขนให้เขา

“อย่าห่วงเลยคริส บ๊อบใกล้จะถึงแล้ว ทุกอย่างจะเรียบร้อย บ๊อบให้เราอยู่ห่างๆ แฟรงค์จะสงบลงเอง”

คริสหันไปมองแฟรงค์ที่อยู่ในอาการสงบลงแล้วจริงๆ แฟรงค์ดึงผ้าออกจากปากและนอนนิ่งดวงตาจ้องมองเพดานห้อง เขาอยากเข้าไปสวมกอดและกระซิบปลอบเหลือเกิน แต่กลัวแฟรงค์ตกใจอีก



 :m15:



“ขอดูอาการของแฟรงค์ก่อน แล้วผมจะบอกว่าต้องการสั่งสอนมันยังไง เตรียมคนของคุณไว้ให้พร้อม ขอกำลังไปคุ้มกันที่บ้านบริเจคส์ก่อนสัก 3 - 4 นาย แล้วจะติดต่อไปอีกที ”

แซมยืนรอจนคริสจบการสนทนาทางโทรศัพท์

“คริส.. บ๊อบอยากให้คุณคุยโทรศัพท์กับแฟรงค์หน่อย” แซมพูดยังไม่ทันขาดคำมือถือของคริสก็ดังขึ้น

“บ๊อบต่อสายให้คุณคุยกับแฟรงค์”

แซมเดินเข้าไปด้านใน  ปล่อยให้คริสสนทนากับแฟรงค์ที่ระเบียงบ้านตามลำพัง

“บริเจคส์ครับ”

“Hi! Christ.. ”

...โอ! พระเจ้า ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาได้ยินเสียงทักจากแฟรงค์ แล้วรู้สึกปีติยินดีเท่าครั้งนี้ แฟรงค์ทักทายเขาด้วยน้ำเสียงสดใสเป็นปกติ แม้จะแหบพร่าเล็กน้อย แต่ถ้าไม่สังเกตหรือไม่รู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาก็ไม่มีทางรู้ว่าแฟรงค์กำลังบาดเจ็บทั้งใจและกาย

“ Hi! Frank.. ”

คริสทักตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นปกติสักเท่าไร นึกทึ่งในฝีมือของบ๊อบ เข้าไปไม่ถึง 15 นาทีก็ทำให้แฟรงค์รู้สึกตัวพูดคุยเป็นปกติเหมือนเดิม

“สบายดีหรือเปล่าคริส.. ขอโทษที่ผมไม่ได้ติดต่อกลับไปเลย ทุกคนโอเคมั้ย ไมเคิลเป็นไงบ้าง..”

คริสลอบถอนใจ …ทั้งที่ตัวเองเจ็บหนักขนาดนี้ ยังมีแก่ใจถามทุกข์สุขของคนอื่นอยู่ได้…

“ฉันโอเค.. แล้วนายล่ะ เป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”

คริสกลั้นใจฟังคำตอบ แฟรงค์คนเดิมของเขานอกจากจะเจ้าเล่ห์แล้วยังสำออยและขี้อ้อนอีกด้วย ไม่สบาย ปวดหัวเป็นไข้นิดหน่อย ก็มักจะร้องโอดครวญและโทรเรียกให้เขากลับบ้านเร็วๆ เสมอ ครั้งนี้แค่แฟรงค์บอกเขาว่าไม่ค่อยสบาย เขาจะรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดทันที

“ผมสบายดี ชารอนล่ะ.. เธอสบายดีหรือเปล่า นายกับเธอเป็นไงบ้าง แฮปปี้ดีใช่มั้ย”

...ให้ตายเถอะ ! … คริสเริ่มไม่สบอารมณ์กับบทสนทนาไร้สาระ แฟรงค์อยากคุยโทรศัพท์กับเขาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้เหรอ

“ทุกคนสบายดีแฟรงค์ อย่าถามถึงคนอื่นอีกเลย นายมีธุระสำคัญใช่มั้ย ไม่งั้นคงไม่โทรมา”

คริสชักนำอีกฝ่ายเข้าเรื่อง เพราะเขาเองก็อยากรู้ว่าแฟรงค์อยากคุยกับเขาเรื่องอะไร

“ผมมีเรื่องนิดหน่อย~~…”

น้ำเสียงของแฟรงค์เริ่มไม่ดี เสียงบ๊อบบอกให้แซมช่วยยกขาแฟรงค์ขึ้น เขาแกล้งถามว่าอยู่กับใครและทำอะไรอยู่ แฟรงค์บอกว่าอยู่กับแซมแต่ไม่ยอมบอกว่ากำลังทำอะไร

“ผมมีเรื่องอยากขอให้คุณช่วยอีกสักครั้ง”

คำว่า “อีกสักครั้ง” ทำให้คริสรู้สึกเหนื่อยใจ ...เจ็บหนักขนาดนี้แล้วแฟรงค์ยังคิดจะหนีเขาอีก...

“เรื่องอะไรหรือ แฟรงค์...” คริสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ผมถูกนักเลงนิคกวนใจ อยากให้คุณช่วยคุยกับมันหน่อย หลอกมันว่าเรายังคบกันอยู่ และคุณไม่ต้องการให้มันมายุ่งกับผม”

“ทำไมไม่ให้แซมคุย มันจะเชื่อฉันเหรอ นายเล่นขนของออกจากบ้านต่างคนต่างอยู่กันแล้ว”

“แซมช่วยผมไม่ได้ มันจะยอมปล่อยผมถ้ารู้ว่าเรายังคบกันอยู่ ช่วยหน่อยได้มั้ยคริส แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ผมจะไม่รบกวนอะไรคุณอีก”

คริสรู้สึกเจ็บปวด นี่คงเป็นเรื่องสำคัญที่แฟรงค์อยากจะพูดกับเขา ไอ้นรกนิคคงให้โอกาสแฟรงค์ได้ติดต่อหาเขาแต่ติดต่อไม่ได้

“นายรู้จักนิสัยฉันดีนี่แฟรงค์.. ฉันไม่เคยพูดโกหกหรือล้อเล่นกับใคร พูดได้แต่เรื่องจริง”

“ผมรู้ คริส.. แต่มันจำเป็น~~ ผม.. ~~ ”

คริสรีบหาทางออกให้เมื่อน้ำเสียงของแฟรงค์เริ่มสั่นเครือ

“มีทางออกอื่นอีกมั้ย แฟรงค์.. ที่ไม่ต้องให้ฉันพูดโกหกแต่ให้ความหมายเดียวกัน อย่างเช่น… กลับมาอยู่บ้านเราซะ ดูซิว่ามันยังจะกล้ากวนใจนายอีกหรือเปล่า”

“กลับบ้าน~~ ”

แฟรงค์ทวนคำน้ำเสียงสั่นเครือ คริสพูดคำว่า “บ้านเรา” เหมือนเขายังเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคฤหาสน์บริเจคส์...

“ทำไมล่ะ ไม่อยากกลับเหรอ รู้อะไรมั้ย แฟรงค์.. จนป่านนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าทำไมนายต้องออกจากบ้านไป”

“ผม.. เอ่อ.. ผมกลับไม่ได้”

“ทำไมล่ะแฟรงค์.. มีปัญหาอะไร”

“ผม.. เอ่อ.. แค่นี้ก่อนนะคริส แล้วผมจะติดต่อกลับไปใหม่ บาย..”

คริสส่ายหน้าเมื่อแฟรงค์วางหูลงดื้อๆ

...ดีเหมือนกันเพราะเขาเองก็ไม่อยากคุยโทรศัพท์กับแฟรงค์แล้ว คนดื้อรั้นชอบหนีหัวใจตัวเองแถมยังอวดเก่งอย่างนี้ ต้องคุยกันตัวต่อตัวถึงจะรู้เรื่อง..


คริสเดินเข้ามาในห้อง แฟรงค์นอนลืมตาอยู่บนเตียงมือยังถือโทรศัพท์อยู่บ๊อบใช้อีราสติกพันรอยร้าวของเฝือกไว้ชั่วคราว แซมกำลังช่วยบ๊อบเก็บเครื่องมือ เห็นคริสเดินเข้ามาก็แกล้งถามเพื่อนเสียงดัง

“คุยจบแล้วเหรอ แฟรงค์.. คริสว่ายังไงบ้าง”

“คริสบอกให้กลับบ้าน”

แฟรงค์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ กับแซมและบ๊อบแฟรงค์ไม่ต้องปิดบังความรู้สึกของตัวเอง เขารู้สึกอ่อนแอทุกครั้งที่พูดถึงคริส

“จริงเหรอ.. ถ้างั้นก็กลับเถอะ อยู่กับคริสปลอดภัยกว่านะแฟรงค์ มันจะได้ไม่กล้ามาตอแยนายอีก”

“ฉันกลับไม่ได้”

“ทำไมล่ะ!. นายยังห่วงอะไรอีก ฟังนะแฟรงค์.. เป็นเรื่องไร้สาระมากถ้านายยังห่วงเรื่องชารอน เธออยู่ของเธอ นายอยู่ของนาย ส่วนเรื่องไมเคิลฉันเจอเจอรี่เมื่อวาน เขาฝากบอกนายว่า ไม่ต้องเลิกคบกับคริสจริงจังขนาดนี้ก็ได้ คนที่จะจับตาดูพฤติกรรมของคริสไม่ใช่ศาลแต่เป็นคู่ความอีกฝ่าย ถ้าพวกเขายอมเลิกราเรื่องก็จบลงด้วยดีแต่เพียงเท่านี้ คริสให้เจอรี่ไปเจรจากับสองสามีภรรยาว่ายินดีจะออกค่าใช้จ่ายในการทำกิฟต์ให้ ถ้าทั้งคู่ต้องการมีบุตรจริงๆ พวกเขามีท่าทีสนใจบอกว่าจะขอหารือกันก่อน เห็นมั้ยแฟรงค์.. เวลา.. ทำให้เรื่องต่างๆ คลี่คลายไปได้เอง หมดปัญหาเรื่องไมเคิล นายก็กลับบ้านได้แล้ว รู้มั้ย..”

แฟรงค์รู้สึกยินดีกับเรื่องที่แซมเล่า แต่ทำไมถึงยังไม่โล่งอกซะที หรือว่าเรื่องไมเคิลเป็นปัญหาบังหน้า ปัญหาใหญ่ของเขาคืออะไรกันแน่…

แซมลุกจากเตียงเมื่อคริสเดินเข้ามาส่งซิกขอนั่งแทน บ๊อบพยักหน้าให้แซมออกจากห้อง ปล่อยให้คริสกล่อมแฟรงค์เอง

“ฉันยังกลับไม่ได้หรอก นายดูฉันซีแซม.. จะให้คริสเจอฉันในสภาพนี้ได้ยังไง.. แต่ฉันก็กลัวไอ้ยักษ์นรกนั่น ฉันต้องอยู่กับคริสเท่านั้นมันถึงจะยอมเลิกรา ฉันควรจะทำยังไงดี แซม..”

คริสไม่ตอบบีบนวดต้นขาให้แฟรงค์เหมือนที่แซมทำเมื่อครู่ เมื่อเพื่อนไม่ยอมให้ความเห็น แฟรงค์ก็ระบายความในใจต่อ

“นายว่าคริสยังรู้สึกกับฉันเหมือนเดิมมั้ยแซม.. คริสบอกให้ฉันกลับบ้านแต่ไม่พูดสักคำว่าคิดถึงฉันหรือเปล่า ฉันกลับไปก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ในฐานะอะไร ฉันคงอยู่ในฐานะเดิมไม่ได้แล้ว ถ้ากลับไปจริงๆ ฉันคงต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ จะนั่งๆ นอนๆ แล้วรอรับเงินเดือนจากคริสเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว แต่นายดูฉันซี.. ตาฉันมองไม่เห็น แม้แต่จะรับหน้าที่สอนหนังสือให้ไมเคิลยังทำไม่ได้เลย ขับรถก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าอีกนานมั้ยกว่าตาจะหาย ฉันไม่อยากกลับไปเป็นภาระให้ใครเลยแซม.. ถ้าคริสรู้ว่าฉันตาบอด อาจเปลี่ยนใจไม่อยากให้ฉันกลับไปก็ได้”

คริสหยุดมือที่กำลังบีบนวด แต่ละถ้อยคำตัดพ้อและตอกย้ำให้เขารู้สึกเจ็บปวดโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย คริสกุมมือแฟรงค์ไว้แนบอกโน้มตัวลงกระซิบปลอบ

“ถ้าฉันรู้ว่านายตาบอด ฉันไม่มีวันปล่อยให้นายมาอยู่ลำพังในที่แบบนี้ ฉันชวนกลับบ้านยังไม่รู้อีกหรือว่าเพราะอะไร เพราะฉันคิดถึงนายจนทนไม่ไหวแล้ว แฟรงค์.. คิดถึงทุกลมหายใจเข้าออกของฉันเลย ฉันจะตอบคำถามแทนแซมนะ.. กลับไปอยู่บ้านเถอะ คริสจะปกป้องนายด้วยชีวิตของเขาเอง อยู่ในฐานะเดิมเหมือนที่นายเคยอยู่ ไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นภาระให้กับใคร ทุกคนรอคอยให้นายกลับไป พวกเราพร้อมจะดูแลนายด้วยความรัก แฟรงค์.. กลับบ้านเราเถอะนะ..”

แฟรงค์นอนนิ่ง เขากำลังฝันไปหรือถูกแซมล้อเล่น แค่ลมหายใจอุ่นและกลิ่นกายที่คุ้นเคยจะให้เขาเชื่อได้ยังไง ประสาทรับสัมผัสทางหูและจมูกอาจไม่ปกติก็ได้

คริสยิ้มเมื่อเห็นแฟรงค์อยู่ในอาการตะลึงนอนตัวแข็งไม่พูดไม่จา เขาคว้ามืออีกข้างของแฟรงค์ขึ้นมาจับต้องใบหน้าของเขา

“สัมผัสดูก่อนก็ได้ ว่าใช่คริสของนายหรือเปล่า”

แฟรงค์จับต้องทั่วใบหน้าของคริส มือที่ถูกกุมอยู่ถูกชักออก ร่างสูงถูกสองมือจับต้องตามลำตัว การสำรวจสิ้นสุดลงเมื่อมือสั่นระริกประกบกันที่ท้ายทอยของคริส ร่างเพรียวโน้มตัวขึ้นซบไหล่กว้างด้วยอาการสะอื้น

คริสกอดปลอบอย่างอ่อนโยน สภาพของแฟรงค์เวลานี้ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้นที่บาดเจ็บและบอบช้ำ จิตใจก็เจ็บปวดและบอบช้ำอย่างหนักไม่แพ้กัน

“อย่าร้องไห้ แฟรงค์.. ฉันอยู่นี่แล้ว ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนายอีก กลับบ้านเราเถอะนะ ฉันคิดถึงนายมากรู้มั้ย นายคิดถึงฉันหรือเปล่า หือ…”

แฟรงค์สวมกอดคริสแน่นขึ้นแทนคำตอบ

“คริส~~.”

“หืมม์..”

“ผมง่วงนอน~~”

คริสหัวเราะ ปล่อยร่างเพรียวลงนอนกับหมอน

“ง่วงก็นอนซี พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ”

แฟรงค์กุมมือคริสไว้ ดวงตาสะลืมสะลือค่อยๆ หรี่ลง

“บ๊อบไม่น่าฉีดยาให้ผมเลย ผมไม่อยากหลับ อยากคุยกับคุณก่อน”

“โอ! แฟรงค์ หลับก่อนเถอะนะ ตื่นขึ้นมาค่อยคุยก็ได้ ฉันสัญญาว่าทันทีที่ลืมตาขึ้นนายจะเห็นหน้าฉันก่อนใครเลย โอเค!!…”

แฟรงค์ส่ายหน้าทั้งที่หลับตา คริสใจหายนึกขึ้นได้ว่าแฟรงค์มองไม่เห็น รู้สึกฉุนและโกรธตัวเอง

“ขอโทษ แฟรงค์.. ฉันลืมว่านายมองไม่เห็น ” คริสบีบมือแฟรงค์เบาๆ

“หลับเถอะนะ  ฉันสัญญาว่าจะนั่งอยู่ข้างๆ จนกว่านายจะตื่นและจะจูบรับขวัญนายตรงนี้…”

คริสก้มลงจูบหน้าผากแฟรงค์เบาๆ  แต่อีกฝ่ายไม่รับรู้วิธีรับขวัญของเขาแล้ว



 :a12:





TBC >>>>>>>




(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/teach.gif)
หมดห่วงกันได้แล้วนะพวกเรา กลับสู่อ้อมอกของคริสแล้ว หวังว่าแม่ยกแฟรงค์ทั้งหลายจะนอนหลับอย่างเป็นสุขซะที


 :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 09-10-2008 11:18:23
"หมดห่วงกันได้แล้วนะพวกเรา กลับสู่อ้อมอกของคริสแล้ว หวังว่าแม่ยกแฟรงค์ทั้งหลายจะนอนหลับอย่างเป็นสุขซะที "  ยังครับอ่านนิยายพี่ชอบมีอะไรให้อึ้งตลอดอ่ะ :a4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 09-10-2008 12:51:46
หลังฝนตกท้องฟ้าก็จะแจ่มใส แต่วันนี้ฝนตกหนักจนน้ำท่วมหน้าจอของป้าแล้ว
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 09-10-2008 13:58:24
ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 09-10-2008 15:16:20
เป็นกำลังใจให้นะคะ รอตอนต่อไปอย่าใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-10-2008 16:32:18
แฟรงก์สู้ๆ

 :ped149: :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 09-10-2008 20:27:43
 o7 ในที่สุด แฟรงค์ก็กับคืนสู่อ้อมอกของคริส ซะที


มาต่อตอนต่อไปไวๆนะคับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 10-10-2008 18:22:03
มารอส่งกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 10-10-2008 23:39:13
 :serius2:รอรอรอ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 11-10-2008 19:25:44
มารอด้วยคนงิ

เล่นมันเลยคริส  เอาให้หนัก

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 13-10-2008 10:31:38

Fatherhood part 2 [11]  ต่อ..




อีกครั้งที่แซมต้องทึ่งกับความสามารถของมหาเศรษฐีบริเจคส์ ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเองเขาก็คงไม่เชื่อว่าโฉมใหม่ของแฟรงค์วันนี้เป็นฝีมือของคริส

…แซมกับบ๊อบอาสาจะโกนหนวดให้แฟรงค์หลายหนแล้วแต่แฟรงค์ไม่ยอม วันนี้แค่คริสเปรยว่าไม่มีหนวดเคราดูดีกว่าเท่านั้น แฟรงค์ก็ออกปากอยากโกนหนวดขึ้นมาทันที…

คริสโกนหนวดให้แฟรงค์ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ แต่ที่เหลือเชื่อและน่าทึ่งคือคริสซอยผมให้แฟรงค์ด้วยมีดโกนด้ามเดียวกับที่ใช้โกนหนวด ฝีมือน้องๆ ช่างเลยทีเดียว

“เบาหัวขึ้นเยอะเลยใช่มั้ย แฟรงค์..”

คริสสัมผัสผิวหน้าเกลี้ยงเกลาของแฟรงค์อย่างแผ่วเบา หลังโกนเคราออกจึงเห็นความซูบผอมถนัดตาแต่ถึงยังไงก็ดูดีกว่าไม่โกน ดวงตาของแฟรงค์จ้องมองไปไกลทั้งๆ ที่เขานั่งอยู่ตรงหน้าห่างไม่ถึง 2 ฟุต

แฟรงค์ไม่พูดและไม่บ่นถึงเคราะห์กรรมที่ตัวเองได้รับในครั้งนี้ ผิดวิสัยเดิมซึ่งชอบโวยและชอบออเซาะเวลาเจ็บป่วย คริสรั้งศีรษะแฟรงค์ซบไหล่ด้วยความรักและสงสารจับใจ

คริสจูบศีรษะแฟรงค์เบาๆ แฟรงค์หลับตานิ่งเหมือนพึงใจและมีความสุข ทั้งเขาและแฟรงค์ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้มานานมากแล้ว กว่า 4 เดือนที่แยกจากกันมา มันนานแสนนานเหมือนจากกันเป็นปีเลย คริสจูบริมฝีปากชายหนุ่มเบาๆ ด้วยความคิดถึง

แฟรงค์สะดุ้งเบือนหน้าหนีและผละออกจากอ้อมกอดคริส

“ทำไมล่ะ..”

แฟรงค์ไม่พูดก้มหน้าหลบสายตาร่างเพรียวมีอาการสั่นเล็กน้อย แม้จะรู้สึกตกใจแต่คริสก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของคนรักรีบจับมืออีกฝ่ายกุมไว้และกล่าวปลอบ

“ขอโทษนะแฟรงค์.. ฉันคิดถึงนายมากจนอดใจไม่ไหว ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอีกจนกว่านายจะพร้อม”

แฟรงค์สั่นศีรษะทั้งที่ยังก้มหน้า

“อย่ารอเลย ผมไม่รู้ว่าจะพร้อมเมื่อไร หรืออาจจะไม่อีกเลย..”

“ไม่อาน่ะ แฟรงค์.. ยอมรับความจริงซะที เราต่างก็ยังมีความรู้สึกต่อกันเหมือนเดิม จะต้องปิดบังและฝืนหัวใจตัวเองทำไมกันอีก เรื่องที่แซมพูดเป็นความจริง เรื่องของไมเคิลจบลงด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว หรือว่านายยังห่วงเรื่องชารอน..”

คริสโอบไหล่แฟรงค์และขยับเข้าไปกระซิบ

“อย่าห่วงอีกเลย ฉันกับเธอตกลงกันแล้วว่า…” คริสพูดไม่จบก็ถูกแฟรงค์ตวาดด้วยอาการฉุนเฉียว

“ผมไม่สนใจหรอก!!.. จะตกลงอะไรกับเธอก็เรื่องของคุณ!!..”

แฟรงค์เงยหน้าขึ้น น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตา

“ถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณจะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผมก็เหมือนเดิมกับคุณไม่ได้แล้ว ถ้าจะให้ผมกลับ ผมขอกลับไปอยู่ในฐานะคนอาศัย คุณอยู่ของคุณ ผมอยู่ของผม ขอเพียงผมได้อยู่ในบ้านของคุณ ผมก็จะปลอดภัยจากไอ้นรกนิค ถ้าคุณยังมีความรู้สึกที่ดีกับผมเหมือนเดิม ผมขอแค่นี้ก็พอนะคริส ได้โปรด..”

คริสใจหายกับคำขอร้องของแฟรงค์

“ทำไม!!.. ฉันไม่เข้าใจแฟรงค์.. ทำไมเหมือนเดิมไม่ได้ทั้งที่นายยังรักฉัน รู้มั้ยว่าตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับชารอนฉันไม่มีความสุขเลย ไม่ว่าเธอจะพยายามทำหน้าที่ภรรยาอย่างสมบูรณ์แค่ไหนฉันก็ยังรู้สึกขาดอยู่ดี ”

คริสจับศีรษะแฟรงค์ซบไหล่และกระซิบเบาๆ

“ฉันละอายที่จะบอกว่าฉันนึกถึงนายทุกครั้งที่มีเซ็กซ์กับเธอ กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเถอะนะแฟรงค์.. ฉันขาดนายไม่ได้”

แฟรงค์เบี่ยงตัวออก แม้จะรู้สึกยินดีกับความในใจของคริส แต่เขาไม่อาจเหมือนเดิมกับคริสได้แล้วจริงๆ

“คุณรู้ใช่มั้ยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม ทำให้ผมต้องหลบมาอยู่ที่นี่”

คริสชะงัก พอจะเข้าแล้วว่าแฟรงค์เป็นห่วงเรื่องอะไร

“บ๊อบเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ฉันเสียใจนะ แฟรงค์.. ฉันจะให้มันชดใช้สิ่งที่มันทำกับนายอย่างสาสม”

“พอเถอะคริส.. อย่าเอาตัวคุณเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมันเลย เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นคราวเคราะห์ของผม และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงเหมือนเดิมกับคุณไม่ได้”

คริสส่ายหน้ากับเหตุผลของแฟรงค์

“ไม่เอาน่ะแฟรงค์.. นายเป็นคนบอกเองว่ามันไม่กล้าตอแยนายอีก ถ้ามันรู้ว่าเรายังคบหากันอยู่ ยิ่งถ้านายกลับมาอยู่บ้านด้วยแล้วทุกอย่างก็จบ นายไม่อยากให้ฉันเอาเรื่องมันฉันก็จะวางเฉยซะ แต่ถ้ามันยังไม่หยุดฉันจะหยุดมันเอง ทุกอย่างเคลียร์หมดแล้วนี่นาแฟรงค์.. ยังจะห่วงอะไรอีก ทำไมต้องแกล้งกลับมาคบกันด้วย เรายังคบหากันเหมือนเดิมได้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นะแฟรงค์นะ”

คริสรั้งแฟรงค์เข้ามาสวมกอดแต่อีกฝ่ายขืนไว้และตวาดใส่ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวอีกครั้ง

“โธ่เว้ย!!.. บอกว่าเหมือนเดิมไม่ได้ก็ไม่ได้ซี!!.. ทำไมคุณไม่ยอมเข้าใจ!!..”

แฟรงค์ปัดมือคริสและขยับตัวออกห่าง

คริสตกใจที่แฟรงค์โกรธและฉุนเฉียวง่าย อารมณ์อ่อนไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเหนื่อยใจจนเกือบจะยอมแพ้แล้ว ถ้าไม่ได้ยินเหตุผลที่แฟรงค์บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“จำไม่ได้เหรอ.. คุณเคยบอกว่า... ถ้าผมไปนอนกับใครที่ไหนอีก~~ ระหว่างเราก็จบกัน ผมเคยนึกขำที่คุณพูด แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่ามันน่ารังเกียจแค่ไหน~~ ผมขยะแขยงตัวเองทุกครั้งที่นึกถึงมัน อย่าว่าแต่จะกลับไปมีอะไรกับคุณเหมือนเดิมเลย ผมไม่อยากให้คุณอยู่ใกล้ ไม่อยากให้แตะต้องตัวผมด้วยซ้ำ”

…โอ! พระเจ้า นี่คือเหตุผลที่แฟรงค์ไม่อาจเหมือนเดิมกับเขาได้หรอกหรือ..

คริสรั้งร่างเพรียวเข้าสวมกอด ครั้งนี้ต่อให้ดิ้นรนขนาดไหนก็หนีไม่พ้น เขาไม่ยอมปล่อยอีกแล้ว

“พอเถอะ!!.. อย่าพูดอีกเลยแฟรงค์.. ฉันไม่ได้ลืมคำพูดของฉัน ฉันคงรู้สึกอย่างที่พูดแน่ถ้านายไปนอนกับใครเพราะมีใจให้เขา แต่นี่ไม่ใช่!!.. เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเคราะห์ร้ายที่ทำให้นายต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจ สำหรับนายมันยังโหดร้ายไม่พออีกเหรอ.. ถ้าฉันคิดอย่างที่นายพูด ฉันก็ไม่ได้รักนายแล้ว แฟรงค์..” คริสเงยหน้าแฟรงค์เช็ดน้ำตาให้

“ได้โปรดเถอะนะ.. อย่าคิดแบบนี้อีกเลย ลืมเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นซะ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ฉันก็จะรอ ขอเพียงนายกลับมาอยู่กับฉัน ให้ฉันได้ดูแลและปกป้องนาย”

คริสจับศีรษะแฟรงค์ซบไหล่และสวมกอดไว้ด้วยความรัก

“ฉันรักนาย แพ็ททริค..  อยากให้นายอยู่เคียงข้าง  ฉันอยากได้ยินนายส่งเสียงโวยวายอยู่ข้างๆ  อยากได้ยินเสียงหัวเราะของนาย  รู้มั้ยว่าฉันไม่มีความสุขเลยตั้งแต่วันที่นายเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไป ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องแยกจากกันด้วย  ทำไมต้องจากฉันมา หือ..แฟรงค์  ฉันคิดว่าเราคุยกันเข้าใจแล้ว”

แฟรงค์พยายามดันตัวออกจากอ้อมกอดของคริส แต่เรี่ยวแรงของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากเด็ก 10 ขวบเลย ไม่ใช่เพราะอาการป่วยทางกายที่ทำให้เขาไม่มีแรงแต่เพราะหัวใจของเขาไม่ยอมสามัคคีกับร่างกาย มันวิ่งตามหัวใจคริสไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

“ใช่!!.. เราคุยกันแล้ว ~~ แต่คุณเป็นคนอยากให้ผมออกมา~~” แฟรงค์กล่าวน้ำเสียงสะอื้นและตัดพ้อ

“เหลวไหล!!.. ฉันจะอยากให้นายจากมาได้ยังไง ฉันรักนายมาก นายก็รู้”

“คุณอยากให้ผมไปพักที่คอนโดมันก็มีความหมายเดียวกัน คุณไม่ต้องการให้ผมอยู่บ้านเพราะไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ ความจริงคุณบอกผมด้วยตัวเองก็ได้ ทำไมต้องให้เธอเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วย คุณไม่รู้หรอกว่าผมเสียหน้าและเจ็บปวดแค่ไหนที่จู่ๆ ก็ถูกคุณนายบริเจคส์ยื่นกุญแจห้องชุดให้~~”

คริสคลายอ้อมแขนออกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เข้าใจผิดเช่นนี้เกิดขึ้น เข้าใจความเจ็บปวดที่แฟรงค์ได้รับแล้ว.. เข้าใจแล้วว่าทำไมแฟรงค์จึงทำตัวเหินห่างจากเขา
 
“โอ! แฟรงค์.. นายเข้าใจผิดรู้มั้ย.. ฉันให้ชารอนนำกุญแจไปให้เพราะต้องการฝากให้นายขายห้องชุดนั่น ฉันรู้ว่านายกำลังต้องการเงินปรับปรุงร้าน ฉันอยากให้เงินนายแต่ถ้าให้ตรงๆ นายก็คงไม่รับ ด้วยความสัตย์จริงนะแฟรงค์.. ถ้าฉันโกหกขอให้สวรรค์ลงโทษ.. ”

คริสจ้องมองคนรัก แม้ดวงตาจะเลื่อนลอยแต่แววตาส่อประกายสื่อให้รู้ว่าแฟรงค์เชื่อที่เขาพูดและคลายความเจ็บปวดในใจลงแล้ว เขาจูบปลอบเบาๆ ที่หน้าผากก่อนรั้งร่างเพรียวเข้ามาสวมกอด

“ได้โปรดอย่าจากฉันไปอีกเลย ฉันอยากมีความสุขเต็มร้อยกับเขาบ้าง แค่มีนายและไมเคิลอยู่เคียงข้าง จะต้องแลกด้วยเงินทองมากมายขนาดไหนฉันก็ยอม”

ความจริงที่ได้รับรู้และความในใจของคริส ช่วยให้ความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจของแฟรงค์คลายลง ซ้ำยังให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขจนเคลิ้มไปชั่วขณะ แต่เมื่อรู้สึกตัวแฟรงค์ก็พยายามจะผละออกจากอ้อมกอด แต่ครั้งนี้คริสไม่ยอมปล่อยกลับกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมจนแฟรงค์ยอมแพ้ เมื่อหนีไม่ได้ก็สวมกอดกลับให้สมกับความคิดถึง ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเหมือนกัน ทำไมเขาต้องผลักไสคริสด้วยทั้งที่รักและคิดถึงแทบขาดใจ

“ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ผม ขอบคุณที่คุณไม่รังเกียจ ผมจะกลับไปอยู่กับคุณก็ได้ คริส.. แต่ผมก็ยังยืนยันว่าไม่สามารถเหมือนเดิมกับคุณได้จริงๆ อีกสองสามเดือนเราอาจจะต้องจากกันถ้าผลตรวจเลือดของผมเป็นบวก ผมกับคุณคงไม่ได้เจอกันอีก”

คริสใจหายวาบ แฟรงค์บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนกำลังสนทนาในเรื่องที่ไม่มีสาระสำคัญ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาต้องรับฟังเรื่องเลวร้ายลักษณะเดียวกันที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนที่เขารักถึง 2 คน ...น่าแปลกเหลือเกินเขายอมรับว่าตกใจมาก แต่ไม่ทุรนทุรายและทุกข์ร้อนเหมือนครั้งที่เกิดขึ้นกับไมเคิล ไม่ใช่ว่าเขารักแฟรงค์น้อยกว่า แต่เขารู้สึกเหมือนมีส่วนร่วมในความทุกข์ครั้งนี้ด้วย เมื่อแฟรงค์ไม่กลัว เขาจะกลัวทำไม..

คริสจับแฟรงค์ให้นั่งในท่าที่สบาย แผลที่หน้าท้องของแฟรงค์ยังไม่หายกลับอักเสบมากขึ้นเพราะฝีมือของไอ้วายร้ายนิค เขารู้ว่าแฟรงค์เจ็บแต่ไม่ยอมปริปากบ่นให้ฟังเลย ผิดนิสัยเดิมเป็นคนละคน

คริสลุกขึ้นเดินไปยกสตูลมาให้แฟรงค์วางเท้า จึงไม่ทันได้เห็นสีหน้าและดวงตาฉายแววเจ็บปวดของแฟรงค์ ความรู้สึกของแฟรงค์ขณะนี้เข้าใจว่าคริสรังเกียจเขาแล้ว แค่รู้ว่าเขาอาจจะติดโรคร้ายคริสก็ปล่อยมือผละจากเขาไปทันที

เท้าข้างที่เจ็บของแฟรงค์ถูกยกขึ้นวางบนสตูล แฟรงค์คิดว่าคริสพยายามเอาใจไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึก แฟรงค์แปลกใจเมื่อคริสทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กุมมือและโอบไหล่เขาไว้ คริสกล่าวถามด้วยน้ำเสียงปกติไม่มีอาการตื่นตกใจผิดกับตอนรู้เรื่องของไมเคิล

“ไอ้นรกนิคบอกนายหรือ ว่ามันเป็น.. ”

“เปล่า.. มันบอกว่ามันไม่รู้ มันไม่เคยตรวจ มันอาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้” แฟรงค์กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงขมขื่น

“ฉันจะคุยกับมันเอง ให้มันไปตรวจซะ ”

แฟรงค์ส่ายหน้าปฏิเสธข้อเสนอของคริส

“ไม่นะ!!.. อย่าไปคุยกับมัน ผมไม่อยากให้คุณไปเสวนากับมัน ไม่อยากให้มันหัวเราะเยาะคุณลับหลัง ช่างเถอะนะ คริส.. ช้าหรือเร็วก็ต้องรู้ผลอยู่ดี ถ้าคุณลำบากใจที่จะให้ผมอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไร แค่คุยโทรศัพท์กับมัน บอกมันว่าอย่ามายุ่งกับผม ประโยคเดียวเท่านั้น ไอ้นิคจะไม่มาตอแยผมอีก ผมจะอาศัยอยู่ที่นี่ถ้าบ๊อบไม่ขัดข้องผมก็จะอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ถ้าคุณไม่รังเกียจก็แวะมาเยี่ยมผมบ้าง ถ้าโชคดี ตาผมอาจจะหายและได้เห็นหน้าคุณในวันสุดท้ายของชีวิตก็ได้”

แฟรงค์ถูกคริสโอบกอด ฝ่ามืออุ่นไล้แก้มเขาไปมา

“ฉันไม่มีวันปล่อยให้นายอยู่ที่นี่ตามลำพังอีกแล้ว ถ้าจะอยู่ฉันจะอยู่กับนายด้วย อีกสองเดือนงานชิ้นสุดท้ายของฉันก็จะเสร็จแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันแฟรงค์.. นายอยู่ที่ไหนฉันก็จะอยู่ที่นั่น”

“ไม่ได้นะ!!.. คุณจะทิ้งชารอน ทิ้งไมเคิลและทุกๆ คน มาอยู่กับผมไม่ได้ ผมไม่ได้อยู่อย่างคนปกติ ผมป่วยด้วยโรคร้ายที่น่า…”

คริสปิดปากคนรักไว้

“ถ้านายป่วยฉันก็ต้องป่วยด้วย ถ้านายติดเชื้อจากมันฉันก็ต้องติดเชื้อจากนายด้วย ทำไมเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ หือ.. แฟรงค์ โรคนี้ติดต่อกันทางเลือดด้วย.. เมื่อวานนายช็อกและกัดลิ้นตัวเองจนเลือดไหล จำได้หรือเปล่า.. ฉันเอานิ้วให้นายกัดแทนลิ้น ถ้านายติดเชื้อ ฉันก็คงได้รับเชื้อจากเลือดนายแล้วแฟรงค์ เพราะงั้นนายอยู่ที่ไหนฉันก็จะอยู่ด้วย ”


แฟรงค์ตกใจรีบสำรวจนิ้วมือของคริสทั้งสองข้าง ใจหายวาบเมื่อพบว่านิ้วโป้งขวาติดเทปพันแผลไว้จริงๆ แฟรงค์สะอื้นโฮหมดแรงอดทนต่อสู้กับชะตากรรม ร่ำไห้ต่อว่าคริสเหมือนเด็ก

“คุณบ้าหรือเปล่า!!.. เอานิ้วมาให้ผมกัดทำไม!!.. คุณทำให้ผมหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ผมไม่อยากให้คุณเป็น ผมไม่อยาก…ฮือๆ คุณมันบ้า!!.. คริส.. ”

คริสตกใจเริ่มขวัญเสียขึ้นมาบ้าง

“ไม่เอาน่ะแฟรงค์.. อย่าร้องไห้ ขอเพียงเราได้อยู่ด้วยกันในสภาพไหนก็ได้เรามีความสุขก็พอแล้ว ฉันมีเงินมากพอที่จะรักษาชีวิตเราสองคนไว้อีกหลายปี ถึงเวลานั้นไมเคิลก็โตเป็นหนุ่มดูแลตัวเองได้แล้ว อย่าห่วงเลยนะ แพ็ททริค.. ไม่ต้องกลัว ฉันจะอยู่กับนาย เราจะอยู่ด้วยกัน”

คริสเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้มแฟรงค์ ถ้าอีกฝ่ายมองเห็นก็คงเช็ดน้ำตาให้เขาด้วยเช่นกัน



 o7



“ระวังศีรษะนะครับ คุณแฟรงค์..”

จอนนี่ประคองแฟรงค์ขึ้นไปนั่งในรถ มือป้องศีรษะให้

“คุณคริสล่ะ”

“คุณคริสคุยกับคุณหมออยู่ด้านในครับ อ้อ! ออกมาแล้วครับ”

นายจอนชำเลืองมองกระจกส่องหลัง รู้สึกสุขใจและยินดีกับเจ้านายทั้งสองในที่สุดก็ได้พบเจอและปรับความเข้าใจกันได้ ทางออกบ้านพักเป็นถนนลูกรังค่อนข้างขรุขระ นายจอนพยายามบังคับรถให้กระเทือนน้อยที่สุดแล้วแต่ก็ไม่วาย…

“เจ็บแผลหรือแฟรงค์..” คริสถามเมื่อเห็นแฟรงค์เอามือกุมที่หน้าท้อง

แฟรงค์พยักหน้า

“นิดหน่อย ถ้าไม่กระเทือนก็ไม่เจ็บหรอก”

คริสไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที และคนที่ถูกเล่นงานก็คือนายจอน

“เอาคันนี้มาทำไมจอนนี่.. รถเก๋งตั้งหลายคันทำไมไม่เอามา”

“เอ่อ.. ก็เจ้านายบอกว่าคุณแฟรงค์ป่วย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร ผมก็เลยเอาคันนี้มาเผื่อจะได้เอนลงนอนยังไงล่ะครับ ถ้าทราบว่าคุณแฟรงค์มีแผลผ่าตัดผมก็คงเอาเบ็นซ์มาแทน”

“แกนี่มันรู้มากจริงๆ เลยนะ”

“ขอโทษครับเจ้านาย ขอโทษครับคุณแฟรงค์..”

“ช่างเถอะ คริส.. ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย คันไหนก็ได้ มีคุณนั่งอยู่ใกล้ๆ ผมก็ไม่เจ็บแล้ว” เป็นครั้งแรกที่แฟรงค์อ้อนคริสด้วยคำหวาน

แฟรงค์กุมมือคริสไว้และถามด้วยน้ำเสียงปกติเพราะทำใจได้แล้ว

“แน่ใจนะคริส.. ว่าผมกลับไปแล้วไม่ทำให้คุณมีปัญหากับเธอ”

คริสยังไม่มีโอกาสเล่าเรื่องระหว่างเขากับชารอนให้แฟรงค์ฟัง และยังไม่มีใครในบ้านรู้เรื่องนี้นอกจากไมเคิล

“ไม่ต้องห่วงแฟรงค์ ทุกอย่างจะเรียบร้อย เธออยู่ของเธอ นายอยู่ของนาย โอเค..”

แฟรงค์พยักหน้า ไม่อยากคิดอะไรมาก ขอแค่ได้อยู่ใกล้คริสในฐานะอะไรก็ได้ทั้งนั้น เขาจะได้ไม่ฝันร้ายและถูกไอ้นรกนิครังแกอีก..

“เชื่อหรือเปล่าว่าฉันมีนายคนเดียวในหัวใจ หือ..” คริสกระซิบถามและจูบเบาๆ ที่แก้มของคนรัก

แฟรงค์หน้าร้อนผ่าว ไม่เคยถูกคริสปรนนิบัติอย่างอ่อนหวานทั้งคำพูดและการกระทำเช่นนี้ในรถ จอนนี่คงนั่งอมยิ้มกระดิกหูฟังอยู่แน่ๆ ต่อหน้าคนรถคริสไม่เคยละอายที่จะพูดจาหรือแสดงความรักกับคนที่เขารัก ในขณะที่แฟรงค์เองซึ่งเป็นคนเปิดเผยสนุกสนานเฮฮา กลับไม่ค่อยกล้าแสดงความรักต่อหน้าจอนนี่ ล้อเล่นได้แต่ถ้าเอาจริงแบบที่คริสกำลังทำอยู่เขาไม่เคย

แฟรงค์ไม่ตอบปรับเก้าอี้เอนลง ไม่ใช่อยากจะนอนแต่จะหนีการเอาใจของคริส คริสปรับเก้าอี้ตามลงมา เขาถูกคริสเสยผมไปมาเหมือนเด็กๆ จนต้องกระซิบต่อว่าเบาๆ

“ผมไม่ใช่ไมเคิลนะคริส.. ผมนอนเองได้ อายจอนนี่มัน”

คริสหัวเราะแก้เขิน เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมาก เพราะคนรักได้กลับมาอยู่เคียงข้างอย่างปลอดภัย แม้จะอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บและบอบช้ำ แต่เขาและสมาชิกทุกคนในบ้านบริเจคส์ เต็มใจที่จะดูแลและเฝ้าพยาบาลจนกว่าแฟรงค์จะหาย เขาโทรบอกลูว่าอีกไม่เกิน 3 ชั่วโมงจะพาแฟรงค์กลับถึงบ้าน ป่านนี้หนุ่มน้อยทั้งห้าคนคงตั้งหน้าตั้งตาคอยแล้ว.



 :o8:




TBC >>>>>>>
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 13-10-2008 12:59:02
ยังคงติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 13-10-2008 13:06:52
แฟรงกี้ได้กลับบ้านเสียที
ว่าแต่คริสจะเอาคืนจากไอ้นิคแบบไหนดี :t2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 13-10-2008 13:08:58
รออ่านตอนต่อไป :m4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 13-10-2008 14:08:26
กว่าจะมีวันนี้ได้ :o8:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 13-10-2008 15:51:17
 :m13:

ในที่สุด

อย่าได้มีเรื่องร้ายอะไรอีกเลยน้าาา
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: susukung ที่ 13-10-2008 19:57:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: beboy ที่ 13-10-2008 20:55:53
ขอบคุณมากครับ  ชอบครับ   
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-10-2008 11:54:17
โย่ววววว

ฝันร้ายกลายเป็นดี
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 14-10-2008 14:31:29
ขออย่าให้มีเรื่องร้ายอีกเลย....
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ยังติดตามอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 15-10-2008 02:36:10
ยังไม่มาต่อเลย  งื้อ

รออยู่นะคะ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 15-10-2008 09:53:23

Fatherhood part 2 [12]



“จำไว้นะทุกคน อย่าพูดอะไรให้คุณแฟรงค์สะเทือนใจ  โดยเฉพาะนายนะบอย  ห้ามร้องไห้ต่อหน้าคุณแฟรงค์”

โอเดินวนไปมาสั่งกำชับเพื่อนๆ ในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่ม

“รู้แล้วน่ะ!  พูดอยู่ได้ ทำไมต้องห้ามพวกเราไม่ให้ทำโน่นทำนี่ด้วย”

“คุณคริสสั่งมา ฉันไม่ได้ห้ามเองนะ ทำไม !!.. คำสั่งคุณคริสนายมีปัญหาเหรอ..”

บอยอ้าปากจะเถียงแต่แจ๊ครีบตัดบท

“พอเถอะน่า โอ.. นายอย่าหาเรื่องเลย บอยไม่ได้พูดว่าจะไม่ทำซะหน่อย แล้วนายก็พูดอยู่ได้ตั้งหลายหน พูดทีเดียวก็รู้แล้ว”

โอทำท่าจะเถียงต่อแต่เสียงของไมเคิลดังขัดจังหวะ หนุ่มน้อยยืนเกาะหน้าต่างหันมาร้องบอกพี่ๆ สีหน้าตื่น

“คุณแฟรงค์มาแล้ว!!.. แด๊ดพาคุณแฟรงค์กลับมาบ้านแล้ว  ออกไปรับกันเถอะพวกเรา”



 :laugh:



แฟรงค์ทรุดตัวลงบนเตียงมือจับต้องที่นอนไปมา ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะได้มีโอกาสกลับมาพักอาศัยในห้องนอนที่แสนสบายภายใต้คฤหาสน์หรูหลังงามนี้อีก บรรยากาศยังอบอวลด้วยความรักและความอบอุ่นเหมือนเดิม

คริสทรุดตัวลงนั่งข้างๆ

“ฉันอยากให้นายขึ้นไปพักข้างบน จนกว่าขาและแผลที่ท้องจะหาย”

แฟรงค์ส่ายหน้าปฏิเสธ เมื่อคริสเซ้าซี้อีกก็ตวาดใส่อย่างหัวเสีย

“บ้าหรือเปล่าคริส!!.. ให้ผมขึ้นไปพักข้างบน ถ้าชารอนกลับมาเธอจะรู้สึกยังไง ถึงยังไงเธอก็เป็นภรรยาของคุณ คุณไม่ควรทำลายน้ำใจเธอ จะทำอะไรขอให้นึกถึงจิตใจเธอด้วย”

คริสนิ่งไป เขาไม่ได้โกรธที่แฟรงค์อารมณ์เสียใส่ บ๊อบบอกเขาแล้วว่าอารมณ์ของแฟรงค์ในระยะนี้ไม่ปกติ ฉุนเฉียว โกรธและน้อยใจง่าย เป็นผลมาจากความเจ็บปวดที่จิตใจและร่างกายได้รับ เวลา... จะช่วยให้ความเจ็บปวดคลายลง เมื่อนั้น.. แฟรงค์จะกลับเป็นคนเดิม หัวเราะและสนุกสนานอย่างที่เคยเป็น

คริสนึกในใจว่าควรจะบอกเรื่องระหว่างเขากับชารอนให้แฟรงค์ฟังตอนนี้เลยดีมั้ย เมื่อคริสเงียบไปแฟรงค์ก็ใจเสียรีบสวมกอดและซบกับไหล่ร่างสูงขอโทษเสียงอ่อย

“ผมเสียใจ คริส.. ผมพูดจาไม่ดีกับคุณหลายครั้งแล้ว ผมขอโทษ.. ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วง แต่อยู่ห้องนี้ก็ดีแล้ว ผมคุ้นเคยกับมันมากกว่า..”

“ไม่เป็นไร แฟรงค์.. ฉันเข้าใจ..” คริสโอบกอดคนรักกล่าวปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน

“ฉันอยากให้นายอยู่ข้างบน จะได้ดูแลได้ใกล้ชิดขึ้น ลืมนึกไปว่านายคุ้นเคยกับทุกตารางนิ้วในห้องนี้ อยู่ห้องเดิมสบายกว่าจริงๆ ”

เสียงเคาะประตูและเปิดออกโดยไม่รอฟังคำอนุญาต คริสตั้งใจจะดุว่าแต่คนที่เดินนำหน้ากลุ่มเข้ามาและน่าจะเป็นคนเคาะประตูด้วย กลับกลายเป็นหนุ่มน้อยแก้วตาดวงใจของเขาเอง

โอ แจ๊ค บอยและทิม เดินตามไมเคิลเข้ามา แฟรงค์ผละออกจากคริสเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามกันมาเป็นขบวน

ไมเคิลตรงรี่เข้ามานั่งข้างแฟรงค์

“รู้มั้ยว่าพวกเราคิดถึงคุณทุกคนเลย มีใครนอนร้องไห้คิดถึงคุณด้วย”

แฟรงค์หัวเราะไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร เขาขอกอดหนุ่มน้อยทีละคนให้สมกับความคิดถึงที่ทุกคนมีให้ คริสรู้สึกทึ่งที่แฟรงค์สามารถบอกได้ว่าเด็กหนุ่มที่สวมกอดอยู่เป็นใคร แจ๊คแกล้งเข้ามากอดแฟรงค์เป็นครั้งที่สอง

“กอดไปแล้วไม่ใช่หรือแจ๊ค.. อย่าขี้โกงเพื่อนซี บอยอยู่ไหน”

และเมื่อถึงคิวบอยอยู่ในอ้อมกอดแฟรงค์ เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถทำตามที่รับปากไว้ได้ ซบไหล่แฟรงค์สะอื้นโฮด้วยความคิดถึงและสงสารคุณแฟรงค์

“เฮ้! บอย.. สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ..” เสียงโอแว้ดใส่ด้วยความไม่พอใจ

“ทำไมต้องดุด้วยล่ะโอ.. สัญญาอะไรกับบอยไว้เหรอ..”

“เอ่อ.. เปล่าฮะ ไม่มีอะไร” โอตัดบทและกล่าวกับบอยดีๆ

“บอยอย่าทำอย่างนี้ซี คุณแฟรงค์อยากได้ยินนายหัวเราะมากกว่าร้องไห้ ใช่มั้ยฮะ คุณแฟรงค์..”

แฟรงค์พยักหน้า

อีกครั้งที่คฤหาสน์บริเจคส์มีคนป่วยที่สมาชิกในบ้านต้องดูแลเอาใจใส่ แฟรงค์ได้รับการปรนนิบัติเอาอกเอาใจจากหนุ่มน้อยทุกคน แต่กว่าจะตกลงกันได้ก็เกือบมีปากเสียงกัน คริสต้องเข้าไปไกล่เกลี่ยและช่วยจัดคิวให้

“โอ แจ๊ค บอย ทิมมี่.. วันจันทร์ถึงพฤหัสเรียงลำดับกันไป ไมเคิล.. ลูกดูแลคุณแฟรงค์คนเดียวได้มั้ย..”

“ได้ครับ” ไมเคิลรับปากอย่างมั่นใจ ตอนตัวเองป่วยคุณแฟรงค์ยังช่วยดูแลเลย ตอนนี้คุณแฟรงค์ป่วยไมค์จะอยู่เฉยได้ยังไง...

ไมเคิลได้คิววันศุกร์ ส่วนเสาร์และอาทิตย์ คริสจะเป็นคนดูแลให้เหมือนเดิม ใครติดธุระวันไหนให้สลับเปลี่ยนเวรกันเอง



 o13



“น้าชารอนคงไม่กลับมาแล้วล่ะครับ คุณแฟรงค์..”

ไมเคิลพยายามหาเรื่องพูดคุยไม่ให้แฟรงค์เบื่อ ขณะที่มือบีบนวดต้นขาให้ตามที่แด๊ดสั่งไว้ว่านั่งว่างๆ ก็ให้บีบนวดต้นขาข้างที่เข้าเฝือกไว้ด้วย

“ทำไมคิดยังงั้นล่ะ ไมเคิล..”

“ก็.. ผมสังหรณ์ใจ เธอไปตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว และแด๊ดก็ไม่เคยพูดถึงเธอให้พวกเราฟังเลย ไม่มีใครกล้าถามด้วยครับ โอบอกให้ผมถามผมยังไม่กล้าถามเลย เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว จริงมั้ยครับ คุณแฟรงค์..”

“ก็ต้องดูว่าเป็นเรื่องอะไรและเกิดขึ้นกับใคร บางเรื่องเด็กก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเรื่องถึงจะจบลงด้วยดี”

“จริงของคุณครับ ถ้าเป็นเรื่องคุณ ถึงโอไม่บอกให้ถาม ผมก็จะถามเอง”

แฟรงค์หัวเราะกับความช่างพูดของไมเคิล เขารู้ว่าทุกคนในบ้านพยายามเอาใจและพูดแต่เรื่องดีๆ กับเขา

“วันนี้ผมเพิ่งรู้ว่าที่สังหรณ์ใจไว้ถูกต้องแล้ว”

“ถูกยังไง เธอกำลังจะบอกอะไรกับฉันหรือเปล่า ไมค์..”

ไมค์หยุดมือและขยับเข้าไปกระซิบข้างหูแฟรงค์

“ผมมีเรื่องจะบอกคุณ แต่เราต้องรู้กันสองคนนะครับ”

แฟรงค์ขมวดคิ้ว

“ความลับเหรอ”

“ใช่ครับ”

“เป็นเรื่องแด๊ดล่ะซี แอบรู้อะไรมาหรือไมเคิล..”

“คุณต้องสัญญาว่าจะไม่บอกแด๊ดนะครับ ว่ารู้เรื่องนี้จากใคร”

ไมเคิลพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกระซิบทำไม ไม่มีใครอยู่บ้านสักคน คริสแวะไปดูงานที่ไซด์บอกว่าจะกลับบ่ายๆ สี่หนุ่มไปเรียนหนังสือเหลือไมเคิลอยู่บ้านคนเดียว

แฟรงค์พยักหน้าก็ได้ยินเสียงเหมือนกระดาษถูกคลี่ออก

“ผมมีจดหมายที่น้าชารอนเขียนถึงแด๊ดก่อนจะออกจากบ้านไป คุณอยากฟังมั้ยฮะ”

แฟรงค์รู้สึกตกใจและตื่นเต้นเล็กน้อยแต่พยายามซ่อนความรู้สึกไว้ แสร้งกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ

“เอาจดหมายมาจากไหน ไมเคิล.. แอบหยิบมาใช่มั้ย.. รู้มั้ยว่าแอบขโมยจดหมายของคนอื่นอ่านเป็นนิสัยที่แย่มาก”

“เอ่อ.. ผมไม่ได้ตั้งใจหยิบมา มันตกอยู่ที่พื้นข้างเตียงนอน ผมขึ้นไปหยิบกระเป๋าให้แด๊ด เห็นเข้าก็เลย…”

“ก็เลยเปิดออกอ่านยังงั้นเหรอ..”

“ครับ..” ไมค์รับคำเสียงอ่อย “ถ้าคุณว่ามันไม่ดีผมจะเอาไปเก็บไว้ที่เดิมก่อน คุณไม่อยากรับรู้ด้วยก็ดีฮะจะได้ไม่รู้สึกผิดเหมือนผม เดี๋ยวผมมานะ”

ไมเคิลลุกจากเตียงแต่ยังไปไม่ถึงประตู แฟรงค์ก็ร้องเรียกไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อน!!.. ไมค์.. กลับมานี่ก่อน..”

ชั่วอึดใจเจ้าหนูก็กระโดดขึ้นมานั่งข้างๆ

“ครับ คุณแฟรงค์มีอะไรเหรอ..”

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้ฉันรับรู้ด้วยคน จะได้รู้สึกผิดเป็นเพื่อนกัน คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย โอเค..”

“โอเคครับ” เสียงกระดาษถูกคลี่ออกอีกครั้ง ไมเคิลรีบออกตัวก่อน

“ถ้าคำไหนอ่านผิด คุณแฟรงค์ช่วยบอกผมด้วยนะครับ”

แฟรงค์ส่ายหน้า ....นึกว่าเขากำลังสอนไมเคิลอ่านจดหมายภาษาอังกฤษก็แล้วกัน...



 o13



แฟรงค์ใจหายเมื่อได้ยินเสียงรถ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องตกใจด้วย

“อุ๊ย!!.. แด๊ดกลับมาแล้ว ทำไมกลับเร็วจังยังไม่บ่ายเลย”

...ดูเอาเถอะ!.. ไมเคิลแค่แปลกใจที่พ่อกลับเร็ว แต่ไม่ยักตื่นเต้นทั้งที่จดหมายยังอยู่ในมือ แล้วทำไมเขาต้องตื่นตกใจแทนด้วย...

“ไม่เอาจดหมายไปเก็บคืนที่เดิมก่อนเหรอ.. ไมเคิล.. ”

“จริงด้วยครับ” น้ำเสียงหนุ่มน้อยตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“งั้นผมจะเอาจดหมายขึ้นไปเก็บก่อน ผมจะไปบอกแด๊ดว่าคุณอยากพบนะครับ คุณช่วยถ่วงเวลาแด๊ดอย่าเพิ่งให้ขึ้นไปบนห้องนะ ผมต้องไปเอากุญแจห้องนอนกับลูก่อน ”

ไมเคิลกระโดดลงจากเตียงและผลุนผลันออกจากห้องไป แฟรงค์ถอนใจไม่น่าร่วมรับรู้ด้วยเลย ทำให้เขาต้องตื่นเต้นตกใจและรู้สึกผิดไปด้วย


 :oni1:


แฟรงค์สะดุ้งเมื่อถูกลำแขนแกร่งสวมกอดจากด้านหลัง ทำไมเขาไม่ได้ยินเสียงเลยทั้งที่เงี่ยหูฟังอยู่ อาจเป็นเพราะในสมองมีเรื่องให้คิดมากมาย คริสจูบแก้มเขาทักทายเหมือนทุกครั้ง แปลกเหลือเกินทำไมครั้งนี้เขารู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก

“เบื่อรึเปล่า แฟรงค์.. ทำไมไม่ให้ไมเคิลพาลงไปเดินเล่นข้างล่าง...”

“เปล่า.. ผมไม่ได้เบื่อแค่อยากรับลมเฉยๆ ทำไมคุณกลับเร็วจัง บอกว่าจะกลับบ่ายไม่ใช่เหรอ..”

“แค่แวะไปดู งานไม่มีปัญหาฉันก็รีบกลับ ไม่ค่อยไว้ใจให้ไมเคิลอยู่กับนาย”

แฟรงค์หน้าเสียเบี่ยงตัวออกขยับจะเดินก็ถูกคริสรั้งไว้

“เป็นอะไรแฟรงค์.. ฉันพูดไม่ถูกหูเหรอ.. กับเด็กคนอื่นฉันไม่ค่อยห่วง แต่กับเจ้าหนูฉันไม่รู้ว่าจะดูแลนายได้หรือเปล่า คิดอะไรอยู่ถึงไม่พอใจ ”

แฟรงค์ยิ้มออก รู้สึกฉุนเพราะนึกว่าคริสไม่ไว้ใจเขาเหมือนเมื่อก่อน กลัวเขาจะทำมิดีมิร้ายไมเคิล

คริสโอบไหล่แฟรงค์พาเดินกลับเข้ามาในห้อง

“ไมเคิลบอกว่านายมีธุระจะคุยด้วย มีอะไรหรือแฟรงค์ หือ..”

“เอ่อ.. ไม่มีอะไรแค่อยากจะถามว่า.. เอ่อ.. ถามอะไร ผมจำไม่ได้แล้วอ่ะ… สมองผมไม่ค่อยดีตั้งแต่ถูกพวกมันตีหัว” แฟรงค์แกล้งเอามือกุมศีรษะ

“ขอโทษนะคริส ผมนึกไม่ออก”

คริสกระซิบปลอบและให้กำลังใจเขาเหมือนทุกครั้ง

“นึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึก แฟรงค์.. นึกออกเมื่อไรค่อยพูด ฉันก็มีเรื่องอยากคุยด้วย ฟังเรื่องของฉันก่อนมั้ย”

“เรื่องอะไรหรือคริส..”

“เด็กพวกนี้ดูแลนายดีหรือเปล่า ฉันจะยกเลิกคิวที่จัดไว้และจ้างพยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อนนาย เด็กๆ จะได้ไม่ต้องผลัดกันหยุดเรียนด้วย”

“เหลวไหลน่ะคริส.. เด็กพวกนี้ดูแลผมดีกว่าพยาบาลซะอีก คุณทำเหมือนผมป่วยหนักลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ยังงั้นแหล่ะ ยกเลิกคิวไปก็ดี แต่ไม่ต้องจ้างพยาบาลนะ ผมดูแลตัวเองได้ อยู่บ้านเราผมไม่ต้องกลัวอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ..”

“ใช่!!.. แต่ฉันอยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าแผลและขาจะหาย”

“อีกไม่กี่วันก็จะหายแล้ว ลูก็อยู่ มีอะไรผมจะเรียกหาลูเอง ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากคุยกับคุณเรื่องนี้” แฟรงค์ไม่ชอบใจ แค่ตามองไม่เห็นเท่านั้น คริสก็พยายามเอาใจเหมือนเขาช่วยตัวเองไม่ได้

“โอเค!!.. ไม่คุยก็ไม่คุย” คริสรีบตัดบท ระยะนี้เขาหวั่นใจกับอารมณ์ของแฟรงค์มาก

“คืนนี้ฉันจะลงมาอยู่เป็นเพื่อนนายนะ”

“ไม่ใช่เวรคุณนี่ เวรของไมค์.. แต่ผมคงไม่ให้ไมค์นอนเฝ้าเหมือนเจ้าเด็กพวกนั้นหรอก”

“ฉันแค่ให้พวกเขาช่วยดูแลนายตอนกลางวันเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงเวลานอนเลยนะ ไปๆ มาๆ ต้องนอนเฝ้ากันด้วยเหรอ..”

“ก็.. พวกเขาบอกว่าเป็นสิทธิ์ของเขา จนกว่าจะถึงเช้าอีกวัน”

“ดีจังเลยนะ แพ็ททริค.. มีแต่คนคอยเฝ้าเอาใจ ฉันไม่ต้องห่วงนายแล้วใช่มั้ย”

มือใหญ่ลูบศีรษะคนรักอย่างอ่อนโยน ตั้งแต่แฟรงค์ป่วย คริสเผลอปฏิบัติเหมือนที่ทำกับไมเคิลบ่อยครั้ง แรกๆ แฟรงค์รู้สึกเขิน แต่ตอนนี้เขากลับชอบ เพราะสัมผัสที่ได้รับให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายจนบางครั้งเกือบจะเคลิ้มหลับเลย

“ฉันขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงไปทานกลางวันด้วยกัน”

“เอ่อ..เดี๋ยวซีคริส อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”

แฟรงค์หาทางถ่วงเวลาคริสไว้ เพราะเจ้าหนูไมค์ยังไม่ยอมลงมาซะที

“ไมค์กี้ไปไหนเนี่ย.. เห็นวิ่งถามหาลูจะเอาอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้หน้าที่เลย”

คริสบ่นว่าอย่างเอ็นดูมากกว่าจะตำหนิอย่างจริงจัง

“เมื่อกี้คุณว่าคืนนี้จะลงมาอยู่เป็นเพื่อนผมใช่มั้ย คริส..”

“อะฮะ.. แล้วแต่นายว่าอยากให้อยู่หรือเปล่า” คริสบีบนวดต้นขาข้างที่เข้าเฝือกไว้เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก

“ผมว่าคุณอย่าลงมาเลย…”

มือที่กำลังบีบนวดหยุดชะงัก แฟรงค์ได้ยินเสียงคริสถอนใจเบาๆ

“แล้วแต่นาย แฟรงค์.. ทำอะไรก็ได้ที่สบายใจ ฉันขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวจะตามไมเคิลมาอยู่เป็นเพื่อนให้”

คริสลุกขึ้นยืนแต่ถูกแฟรงค์ดึงมือไว้

“เอ่อ.. เดี๋ยวซี.. ผมหมายถึงคืนนี้คุณไม่ต้องลงมา ผมจะขึ้นไปเอง… ผมเปลี่ยนใจขอขึ้นไปพักกับคุณข้างบนได้มั้ย เด็กพวกนี้จะได้ไม่ต้องมานอนเฝ้าผมอีก ทำเหมือนผมเจ็บหนักใกล้ตายยังงั้นล่ะ”

ร่างสูงโน้มตัวลงกระซิบข้างหูคนรัก

“ด้วยความยินดี แพ็ททริค.. ”

คริสจูบแก้มแฟรงค์เบาๆ แฟรงค์โอบลำคอร่างสูงไว้ไม่ยอมให้ผละจากไปไม่รู้ว่าเป็นเพราะแอบรับรู้ข้อความในจดหมายรึเปล่า จิตใจและร่างกายของเขาถึงเรียกร้องอยากได้รับสัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนหวานกว่านี้ นิ้วเรียวสัมผัสแก้มสากและหยุดวนไปมาที่ริมฝีปากบาง แฟรงค์ไม่ร้องขอเหมือนทุกครั้งแต่บอกความต้องการผ่านสีหน้าและแววตา

คริสระบายยิ้มก่อนมอบสัมผัสที่ดูดดื่มและอ่อนหวานให้คนรัก ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน นี่เป็นจูบแรกที่แฟรงค์ยอมตอบรับสัมผัสเขาอย่างเต็มใจ

แฟรงค์รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองพองโตขึ้น การได้กลับมาอยู่ใกล้ชิดกับคริสเป็นเหมือนยาวิเศษจริงๆ ความเจ็บปวดที่หัวใจและร่างกายได้รับผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ

“อะแฮ่ม!!! ”

คริสผละออกจากแฟรงค์ด้วยอาการตกใจ หันไปพบหนุ่มน้อยจอมแสบของเขาทำหน้าทะเล้นอยู่ที่ประตูก็ส่งเสียงดุกลบเกลื่อนอาการเขิน

“เสียมารยาทรู้มั้ย ไมเคิล.. ทำไมไม่เคาะประตู ไปทำอะไรมา หน้าที่ของตัวเองทำไมไม่รับผิดชอบ ถามหาลูจะเอาอะไร”

แฟรงค์หัวเราะเมื่อคริสปิดบังอาการเขินด้วยการรัวคำถามเป็นชุด ไม่รู้ว่าเจ้าหนูไมค์จะเลือกตอบคำถามไหนก่อน

“มีธุระนิดหน่อยครับ แต่ตอนนี้เรียบร้อยแล้วครับแด๊ด.. เรียบร้อยแล้วครับคุณแฟรงค์..” 

คำตอบของหนุ่มน้อยมีความหมายกับคริสและแฟรงค์คนละอย่าง แฟรงค์พยักหน้ารับรู้ด้วยความพอใจ ในขณะที่ไมเคิลยกนิ้วให้คริสความหมายว่า ทุกอย่างโอเคครับ แด๊ด  o13


เป็นแผนของคริสที่ต้องการให้แฟรงค์รู้เรื่องเขากับชารอนโดยบังเอิญก่อนที่จะบอกเล่าด้วยตัวเอง เพราะทุกครั้งที่พูดเรื่องเธอ แฟรงค์จะปฏิเสธไม่อยากรับรู้และอ้างว่าเมื่อตามองไม่เห็นก็อย่าให้รู้เรื่องอะไรเลย.. ไมเคิลซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับน้าชารอนอาสาช่วยคิดแผนให้ โดยขอรางวัลพาไปเที่ยวเมืองหิมะ ถึงจะเป็นแผนการของเด็กแต่ก็ได้ผลอย่างคาดไม่ถึง...



 :กอด1:



หวังว่าจะมีความสุขกันน้า   :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 15-10-2008 10:23:52
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 15-10-2008 10:55:50
อ่านแล้วค่อยยิ้มออกหน่อย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 15-10-2008 19:14:23
อร๊ายยย  พ่อลูกร่วมมือกัน

น่ารักจิ๊ง

สู้ๆนะคะ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-10-2008 21:32:01
ไมกี้น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 15-10-2008 23:42:57
แฟรงกี้ได้กำลังใจขนาดนี้ คงจะหายวันหายคืน :t2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 17-10-2008 03:32:14
เข้ามารอร๊อรอ

 :oni2:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 17-10-2008 04:41:09
หลังจากน้ำตาตกไปหลายปี๊บหลายตอน

ค่อยยิ้มได้เพราะความฉลาดแสนน่ารักของไมกี้

ขอบคุณเจ๊หมวยครับ o13
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 17-10-2008 10:28:52

Fatherhood part 2 [12] ต่อ






(http://www.yenta4.com/webboard/upload_images/302822_4494771.jpg)



(http://www.yenta4.com/webboard/upload_images/302822_6467749.gif)


Dragonball Z



คฤหาสน์บริเจคส์ เวลา 3 ทุ่ม 45


ร่างสูงยืนกอดอกมองดูสมาชิกในบ้านนั่งหน้าสลอนหน้าทีวีจอยักษ์ ช่วงนี้ไมเคิลติดการ์ตูนเรื่อง Dragon ball มาก ถึงขนาดยอมแคะกระปุกสั่งซื้อดีวีดีทุกภาคมานั่งดู ตอนแรกนั่งดูกับทิมสองคน ดูไปดูมาติดกันทั้งบ้าน หลังอาหารเย็นทุกคนจะมารวมกันที่ห้องพักผ่อนเพื่อดูตอนต่อของหนังการ์ตูนเรื่องนี้ กำหนดเวลาฉายวันละแค่ 2 ชั่วโมง เพราะไมเคิลถูกพ่อกำหนดเวลาเข้านอนไม่เกิน 4 ทุ่ม บางคืนจบตอนกำลังสนุก สี่หนุ่มขอดูต่อแต่ไมเคิลไม่ยอมบอกว่าต้องดูพร้อมกัน!!.. เล่นเอาพรรคพวกเซ็งแต่ไม่มีใครโวยหรือบ่นว่า.. ใครจะกล้าล่ะ!. นอกจากจะเป็นเจ้าของหนังแล้วยังเป็นแก้วตาดวงใจของคุณคริสอีก...

คืนนี้นอกจากเด็กๆ แล้วยังมีแฟรงค์มานั่งร่วมวงด้วย ในขณะที่คนอื่นพยายามเลี่ยงไม่ชวนแฟรงค์ทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตา แต่เจ้าหนูไมค์กลับกล้าออกปากชวนแฟรงค์ดูการ์ตูนโดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ปฏิเสธ

เหตุผลที่เจ้าหนูแอบกระซิบชวนแฟรงค์ รู้กันแค่สองคน

“แด๊ดไม่ยอมให้เปิดเสียงภาษาไทย ดูหนังต้องเปิด sound อังกฤษตลอดเลยฮะ ชุดนี้ไม่มี sup ไทยด้วยมีแต่ภาษาญี่ปุ่นกับจีน คุณแฟรงค์ช่วยนั่งฟังด้วยได้มั้ยฮะ เผื่อผมไม่เข้าใจตรงไหนจะได้ถาม”

ไมเคิลเห็นคริสเดินเข้ามารีบมองดูเวลาทันที

“ยังไม่ 4 ทุ่มนะฮะ แด๊ด.. พรุ่งนี้วันหยุดด้วย ผมขอดูให้จบตอนนี้เลยนะฮะ”

ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างแฟรงค์ พยักหน้าถามลูกชาย

“จบกี่ทุ่มล่ะ”

“ไม่เกินเที่ยงคืนหรอกฮะ พรุ่งนี้วันหยุด ตื่นสายได้ไม่ต้องไปโรงเรียน ”

“จริงด้วยครับ คุณคริส.. ขอให้ไมค์ดูจนจบเถอะนะครับ”

แจ๊คกับพรรคพวกรีบสนับสนุน เพราะถ้าเจ้าหนูต้องขึ้นนอนทุกคนก็อดดูไปด้วย

“หนังกำลังสนุกให้ดูจนจบเถอะคริส..” แฟรงค์ช่วยพูดเพราะอยากดูจนจบด้วยเหมือนกัน

“ก็ดูไปซี!!.. ฉันไม่ได้มาตามไมค์ไปนอน มาตามนายต่างหาก..”

“ตามผม ? ผมยังไม่นอน ขอดูตอนนี้ให้จบก่อน..”

“ไม่ได้นะแฟรงค์!!.. ดึกแล้ว นายต้องพักผ่อนมากๆ ”

“แต่ผมยังไม่ง่วงนี่...”

เหล่าหนุ่มน้อยพากันอมยิ้ม ไม่เคยเห็นคุณคริสเข้มงวดกับคุณแฟรงค์เรื่องนอน และเป็นครั้งแรกที่เห็นคุณแฟรงค์ออกอาการงอแงเหมือนเด็ก โอรีบสนับสนุนคุณคริส

“จริงด้วยครับ.. ถึงเวลาคุณแฟรงค์ต้องพักผ่อนแล้ว ไปนอนเถอะฮะ..”

“ใช่ครับ พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ นะครับ คุณแฟรงค์..”

คิ้วเรียวขมวดไม่สบอารมณ์พรรคพวกที่ยุให้เขาไปนอน แต่จำใจต้องลุก เพราะถ้าไม่ไปคริสก็คงนั่งดูการ์ตูนเป็นเพื่อนด้วย เขาไม่อยากให้บรรยากาศการดูหนังของเด็กๆ กร่อยลง



(http://www.yenta4.com/webboard/upload_images/302822_5747048.gif)



คริสประคองคนรักออกจากห้องน้ำ ขนาดจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยเตรียมจะเข้านอนแล้วแฟรงค์ยังบ่นงึมงำอยู่

“ขอดูให้จบตอนนี้ก่อนก็ไม่ได้.. จะให้รีบนอนทำไมก็ไม่รู้..”

“พรุ่งนี้จะให้ดูทั้งวันเลย แฟรงค์.. ไม่ใช่หนังทีวีซะหน่อย ยืมไมค์มาเปิดดูเมื่อไรก็ได้..”

แฟรงค์ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง มือลูบที่นอนไปมา

“ให้ผมนอนห้องนี้กับคุณเหรอ.. ผมนอนห้องเล็กก็ได้นะ..”

คริสทรุดตัวลงข้างคนรัก

“ไม่ได้หรอก.. ห้องนั้นมีของเธออยู่..”
แฟรงค์ขบริมฝีปากแน่น รู้สึกโกรธตัวเอง นึกว่าทำใจเรื่องเธอได้แล้ว แต่กลับใจหายเมื่อได้ยินคริสพูดถึงเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่เป็นไร.. ที่จริง.. ผมกลับลงไปนอนที่ห้องดีกว่า..”

คริสรวบร่างเพรียวไว้ในอ้อมกอด

“ขึ้นมาแล้วใครจะยอมให้กลับลงไป.. น้อยใจอะไร หือ..”

“เปล่าซะหน่อย.. ผมแค่รู้สึกไม่ดี อยากจะกลับไปนอนห้องตัวเอง”

“รู้สึกไม่ดีเรื่องอะไรอีก.. นายก็รู้ว่าระหว่างฉันกับเธอจบลงแล้ว..”

“ผมรู้.. แต่เธอยังเป็นภรรยาคุณตามกฎหมาย ผมรู้สึกไม่ดีที่ขึ้นมานอนกับคุณบนนี้..”

“เหลวไหล!!.. จนป่านนี้แล้วยังจะห่วงเรื่องนี้อีกเหรอ.. นอกจากนายแล้วไม่เคยมีใครนอนเคียงข้างฉันตลอดคืนในห้องนี้.. ข้างกายฉันเป็นที่ของนายคนเดียวนะ แฟรงค์..”

แฟรงค์ซบหน้ากับไหล่ร่างสูงงึมงำถามปิดบังความเขิน

“ไม่ห่วงแล้วก็ได้ ผมง่วงแล้ว นอนได้รึยัง”

“นอนซี..” คริสซ่อนยิ้มประคองคนรักลงนอนและห่มผ้าให้

“หลับซะแฟรงค์..”

“คุณล่ะ ยังไม่นอนเหรอ..”

“ขอเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวมานอนด้วย นายนอนก่อนนะ”

แฟรงค์นอนนิ่งแอบซ่อนความดีใจไว้ หลายเดือนที่จากกันไปเขาโหยหาและคิดถึงคริสมาก ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่กลับมาอยู่บ้านบริเจคส์ นี่เป็นคืนแรกที่ได้กลับมานอนเคียงข้างคนรัก นึกไม่ถึงเลยว่าหัวใจจะเต้นรัวขนาดนี้

..ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย คริสจะรู้สึกเหมือนเขามั้ยนะ..



 :o8:



คริสออกจากห้องน้ำตรงมาที่เตียง ดวงตาคู่สวยส่อประกายอย่างมีความสุขเมื่อเห็นแฟรงค์นอนหลับตาสีหน้าผ่อนคลาย ปกติเขาไม่เคยนอนก่อนเที่ยงคืน แต่คืนนี้อยากมีเวลานอนนานๆ เพราะมีคนรักกลับมานอนเคียงข้างด้วย

ร่างสูงโน้มกายลงจูบหน้าผากคนรักกล่าวราตรีสวัสดิ์เบาๆ

“กู๊ดไนท์ แฟรงค์..”

“ไนท์ คริส..”

เสียงกู๊ดไนท์ตอบเบาๆ โดยไม่ลืมตา คริสจึงเอนกายลงนอนในระยะห่างช่วงตัว แม้แฟรงค์จะขึ้นมานอนกับเขาด้วยความเต็มใจ แต่การถูกประชิดตัวไม่ว่าในลักษณะใดอาจทำให้แฟรงค์เกิดอาการผวาขึ้นอีก ยกเว้นเอ่ยปากขอก่อน..

................

................


“คริส..”

“แฟรงค์..”

เสียงเรียกอีกฝ่ายดังขึ้นพร้อมกัน ร่างสูงตะแคงกายเท้าแขนมองคนรักผ่านแสงไฟสลัว แฟรงค์นอนลืมตาแต่ไม่ได้หันหน้ามาเขา เมื่อตามองไม่เห็นแฟรงค์จะใช้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นๆ แทน แม้กระทั่งเวลาพูดคุย

“ว่าไง.. แฟรงค์.. มีอะไรเหรอ.. ”

“เอ่อ.. คุณล่ะ!!.. คุณพูดก่อนดีกว่า..”

“ฉันจะถามนายว่า หนาวมั้ย.. แอร์เย็นไปรึเปล่า..”

“ไม่.. กำลังดี.. แต่ถ้าคุณหนาว ปรับให้อุ่นหน่อยก็ได้ ”

“ฉันโอเค.. นายก็รู้ว่าฉันชอบอากาศเย็น บางครั้งเย็นจนนายบ่นหนาว คืนนี้ฉันก็เลยเป็นห่วงกลัวนายจะนอนไม่สบาย..”

“ผมสบายดี ไม่ต้องห่วงหรอก คริส..”

“อะฮะ..” คริสหันใบหน้าคนรักมาทางเขา

“นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้นอนเฝ้านาย..”

“แบบนี้ไม่ได้เรียกว่านอนเฝ้านะ ถ้านอนเฝ้าคุณต้องนอนที่พื้นหรือไม่ก็ที่โซฟา”

“เด็กพวกนั้นนอนเฝ้านายที่พื้นหรอกเหรอ..”

“ผมไม่ได้ขอให้นอนเฝ้านี่.. พวกเขาอยากนอนกันเอง บอยกับโอนอนข้างเตียง แจ๊คกับทิมนอนที่โซฟา..”

“ถ้างั้น..ในฐานะที่เป็นคนเฝ้าไข้เหมือนกัน ฉันก็ควรนอนข้างเตียงหรือที่โซฟาเหมือนกันซีนะ แพ็ททริค..”

“ฮะ ฮะ คุณนอนได้เหรอ..”

“ฉันไม่นอนที่โซฟา มันไกลเกินไป ฉันอยากนอนข้างๆ นาย.. ”

“ถ้างั้นคุณก็ต้องนอนข้างเตียง..”

“ได้.. นอนตรงไหนก็ได้ ขอแค่ได้นอนข้างนาย..”

ร่างสูงขยับกายขึ้นเหมือนจะเปลี่ยนที่นอนจริงๆ แฟรงค์หัวเราะรีบดึงแขนไว้

“ผมล้อเล่น!!.. นี่ห้องนอนของคุณนะ คริส.. ลงไปนอนข้างเตียงได้ยังไง”

คริสโน้มกายลงกระซิบหยอก

“ใครจะนอนข้างเตียงล่ะ ฉันจะนอนข้างๆ นายต่างหาก..” ร่างสูงเอนกายลงนอนสวมกอดคนรัก

“ฉันมีสิทธิ์นอนบนเตียงไม่ใช่เพราะเป็นเจ้าของห้อง แต่เพราะฉันเป็นสวีทฮาร์ทของนายต่างหาก..” นิ้วเรียวไล้แก้มคนรักเบามือ

“ขอนอนกอดได้มั้ย แฟรงค์..”  

แฟรงค์พยักหน้า คว้ามือใหญ่ขึ้นมากุมไว้ที่หน้าอกและนอนนิ่งให้กอดแต่โดยดี คริสระบายยิ้มเมื่ออีกฝ่ายตอบรับด้วยอาการเขิน

“ถ้าได้นอนกอดแบบนี้ ฉันก็ไม่ห่วงว่านายจะหนาวแล้วล่ะ จริงซี!!.. เรื่องที่นายจะพูดล่ะ..”

“เอ่อ.. ผม.. โอเคแล้ว.. ไม่ต้องพูดแล้วก็ได้..”

“โอเค? เรื่องอะไรเหรอ..”

“เรื่อง.. เอ่อ..” เสียงอึกอักเล็กน้อยก่อนตัดสินใจบอกเรื่องที่ตัวเองจะพูด

“ผมอยากถามคุณว่า กอดผมหน่อยได้มั้ย.. แต่คุณกอดผมแล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีก”

“ไม่ได้นะ!!.. ถึงกอดแล้วฉันก็อยากให้ถาม ช่วยถามหน่อยได้มั้ย แฟรงค์..ฉันอยากตอบ”

แฟรงค์เงียบไป คริสไม่อยากเซ้าซี้ อยากให้แฟรงค์พูดด้วยความเต็มใจมากกว่า กำลังจะบอกว่าไม่ต้องพูดก็ได้.. เสียงใสก็เอ่ยขึ้นก่อน

“กอดผมหน่อยได้มั้ย คริส.. ผมอยากให้คุณกอดผม”  

ทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วแท้ๆ แต่น้ำเสียงกลับเว้าวอนโหยหาอยากได้รับความอบอุ่นจากอ้อมแขนของเขา คริสสวมกอดคนรักแน่นขึ้นอีก เสียงกระซิบตอบแผ่วหวาน

“ฉันก็อยากกอดนายใจจะขาด คิดถึงนายทุกวันทุกคืนเลย.. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ยอมให้นายจากไปไหนอีกแล้ว ได้ยินมั้ย แฟรงค์..”

แฟรงค์พยักหน้าและอิงไหล่คนรักหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

“ได้อยู่ในอ้อมกอดคุณ ผมไม่มีวันฝันร้ายอีกต่อไป กู๊ดไนท์ คริส..”

“กู๊ดไนท์ แพ็ททริค.. ฉันรักนายที่สุดของหัวใจฉัน หลับฝันดีที่รัก..”



 :L1:



เสียน้ำตามาเยอะแล้ว  หวานกันให้พอ   :oni1:  :oni1:


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-10-2008 10:52:29
กรี๊ดดดดด หวาน ตัวหนังสือบอกรักเป็นสีชมพูเชียว  :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 17-10-2008 11:36:27
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-10-2008 12:11:48
โอววววววววววววววว

ขอยาลดเบาหวานด่วน

 :jul1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 17-10-2008 13:18:10
น้ำตาลพุ่งพรวด
บ่ายนี้ขอกาแฟดำดีกว่า :t2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 17-10-2008 17:12:20
ยังเลย
ยังหวานไม่พอ
ขมมาจนหัวใจแทบไม่รับรู้รสหวาน
ดังนั้น
ขอหวานอีกคร๊าบบบบบบ


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: susukung ที่ 17-10-2008 19:36:58
เอาอีก  เอาอีก

 หวานยังไม่พอ มันเศร้ามานาน .... :m13: :myeye:

 :pig4: :L2: :L1: :L2:

 :oni2: :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 17-10-2008 23:45:13
ยังหวานได้อีกนะคะเนี่ย...

เป็นกำลังใจให้ตลอดค่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 19-10-2008 18:19:16
มารอส่งกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-10-2008 10:36:02
Fatherhood part 2 [13]  



“สะใจจริงๆ!!.. คนเลวอย่างมันสมควรได้รับโทษทันตาเห็นแบบนี้”

“ใช่!!.. สวรรค์ไม่เข้าข้างคนชั่วอย่างมัน มันต้องตกนรกแน่”

“ไม่รู้คุณคริสกับคุณแฟรงค์รู้เรื่องรึยัง.. ข่าวทีวีน่าจะออกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เรามัวแต่ดูดรากอนบอลล์กันเลยไม่รู้เรื่องเลย..”

โอ แจ๊ค บอย นั่งคุยกันระหว่างรออาหารเช้า หนังสือพิมพ์สองฉบับกางอยู่บนโต๊ะ

“คุณคริสคงรู้แล้วล่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะบอกคุณแฟรงค์รึเปล่า..”

“รู้เรื่องอะไรเหรอ..”

เสียงแฟรงค์ดังแทรกขึ้นทำเอาสามหนุ่มสะดุ้ง ทิมประคองแฟรงค์เดินเข้ามาร่วมโต๊ะอาหารด้วย

“คุณแฟรงค์จะรับอาหารเช้าข้างล่างกับพวกเราหรือครับ..” โอลุกขึ้นดึงเก้าอี้ให้แฟรงค์นั่ง

“ทำไม!!.. กินด้วยไม่ได้เหรอ.. ”

“ได้ซีคร้าบ~~ พวกเราอยากให้คุณแฟรงค์ลงมากินด้วยทุกวันอยู่แล้ว..”

“อยากให้แฟรงค์กินด้วยคนเดียวซีนะ งั้นเราคงต้องกลับขึ้นไปกินข้างบนกันแล้วล่ะ ไมค์กี้..”

โออ้าปากหวอ หันไปยิ้มแห้งๆ ให้ร่างสูงที่ยืนโอบไหล่ลูกชายอยู่หน้าประตู

...นี่วันอะไรเนี่ย.. ทำไมลูไม่บอกสักคำว่าเช้านี้คุณคริสกับคุณแฟรงค์จะลงมาทานอาหารข้างล่าง ...

ลูเดินนำสาวใช้เข้ามาจัดอาหารเช้าให้เจ้านายและสมาชิกในบ้าน สี่หนุ่มต้องขยับที่ทางนั่งกันใหม่ แจ๊ครีบพับหนังสือพิมพ์เก็บ

“เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่ มีเรื่องอะไรที่คุณคริสรู้แต่ฉันไม่รู้งั้นเหรอ..”

“ไม่มีอะไรครับคุณแฟรงค์ เราคุยเรื่องผลการเรียนครับ แจ๊คกับผมสอบไม่ผ่านคนละวิชา เราเรียนให้คุณคริสทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้บอกคุณแฟรงค์ครับ..”

แฟรงค์ขมวดคิ้วไม่ชอบใจที่สองหนุ่มมีผลการเรียนตกลง

“ทำไมถึงไม่ผ่านล่ะ!!.. เรียนไม่รู้เรื่องหรือไม่ได้อ่านหนังสือ ตกวิชาอะไรกันน่ะ แจ๊ค!!..”

แจ๊คแยกเขี้ยวใส่โอ ... ไม่มีเรื่องอื่นจะบอกหรือไงวะ!!.. ทำไมต้องเป็นเรื่องสอบด้วย ไอ้บ้า!!...
“เอ่อ.. ผมตก ‘วงจรอิเล็กทรอนิกส์’
ครับคุณแฟรงค์.. ผมงงอ่ะ..”

“งง!!.. แล้วไปสอบทั้งที่งงๆ เหรอ.. ทำไมไม่ไปถามอาจารย์ให้เข้าใจ หรือหาที่เรียนพิเศษเพิ่มเติม.. นายล่ะ โอ.. ตกวิชาอะไร..”

แฟรงค์ร่ายยาวเอ็ดสองหนุ่ม บอยและทิมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะสอบผ่านทุกวิชา ขณะคุยกับแฟรงค์โอแอบส่งหนังสือพิมพ์ให้คุณคริส





‘ วิสามัญฯ เจ้าพ่อยาสูบกลางกรุง ’

นิค มาร์โบโล สิ้นชื่อ
 




คริสอ่านแค่ข่าวพาดหัวก็ส่งให้ลูเอาไปเก็บ สีหน้านิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

“พอแล้วแฟรงค์!!.. อย่าเสียเวลาดุเลย ต่อไปใช้วิธีหักเบี้ยเลี้ยงดีกว่า..”

“หา!!.. ไม่นะครับ คุณคริส.. วิธีนี้ไม่ดีแน่..” แจ๊ครีบขัด

“ทำไมจะไม่ดี ดีที่สุดเลยไม่ว่า พวกเธอไม่อยากถูกหักเบี้ยเลี้ยงก็ต้องตั้งใจเรียน พยายามสอบให้ผ่าน เห็นด้วยมั้ยแฟรงค์..”

แฟรงค์หัวเราะ ที่จริงเขาไม่เห็นด้วยแต่รู้ว่าคริสไม่ทำจริง จึงพยักหน้าสนับสนุนและบอกให้เริ่มหักจากงวดนี้เลย โอกับแจ๊คร้องครวญ บอยกับทิมบ่นอุบ ถ้าครั้งหน้าตัวเองสอบไม่ผ่านบ้างก็ต้องโดนหักเบี้ยเลี้ยงไปด้วย...

เสียงหัวเราะคิกท่ามกลางเสียงโอดครวญของสี่หนุ่ม

“หัวเราะอะไร ไมค์กี้.. ลูกก็ด้วย.. ดูการ์ตูนถึงดึกดื่นทุกคืนแบบนี้ ถ้าสอบตกขึ้นมาก็ต้องถูกหักเบี้ยเลี้ยงเหมือนกัน..”

“ห๊ะ!!.. ผมด้วยเหรอ..”

“ก็ด้วยซี.. ถึงเป็นลูกก็ไม่มีข้อยกเว้น กฎต้องเป็นกฎ เข้าใจมั้ย..”

“โห!!.. ก็ได้ฮะ ไม่มีปัญหา..”

ไมเคิลยอมรับบทลงโทษด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่เข้าใจพวกพี่ๆ ว่าทำไมต้องร้องครวญกันด้วย ...แค่หักเบี้ยเลี้ยเอง ไม่ได้ถูกตีหรือถูกลงโทษให้ยืนในวงกลมซะหน่อย…

แจ๊คนึกฉุนเจ้าหนูไมค์ในใจ ...แทนที่จะช่วยพูดไม่ให้คุณคริสหักเงิน กลับยอมรับง่ายๆ ซะงั้น ใช่ซี!!.. ตัวเองยังเด็กอยู่ไม่มีเรื่องต้องใช้เงินนี่หว่า!!.. แถมยังเป็นลูกบุญธรรมคุณคริสอีก จะขอเงินพ่อใช้เมื่อไรก็ได้ อิจฉาจริงๆ ว้อย!!! ทำไมคุณคริสไม่รับเราเป็นลูกบ้าง ...



 :a4:




ตำรวจกองปราบบุกทลายรังเจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่
วิสามัญฯ นิค มาร์โบโล
หลังขัดขืนการจับกุมและก่อเหตุยิงนายตำรวจยศ พ.ต.ต. อาการสาหัส
พบของกลางจำนวนมาก ฯลฯ




แฟรงค์นั่งนิ่ง ...เขาควรจะดีใจและสมน้ำหน้ากับการตายของมัน แต่ความรู้สึกขณะนี้กลับหวนนึกถึงตอนตัวเองถูกทำร้าย มันกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว จะตามมาทำร้ายเขาอีกมั้ย...
 :m15:

คริสคว้ารีโมทเปลี่ยนช่องทีวีก่อนโอบร่างเพรียวไว้ในอ้อมแขนเมื่อเห็นอาการสะท้านและสีหน้าซีดของคนรักขณะฟังข่าวการวิสามัญไอ้นรกนิค

“ไม่ต้องกลัวแฟรงค์.. ฝันร้ายผ่านไปจากชีวิตนายแล้ว นับจากวันนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ รู้มั้ย..”

“เรื่องดี? อะไรเหรอ..”

“เรื่องแรก บ๊อบว่านายมีโอกาสมองเห็นได้เหมือนเดิม เพียงแต่ต้องใช้เวลาซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่ถ้ารักษาด้วยการผ่าตัด บ๊อบรับประกันว่านายสามารถมองเห็นได้ทันที เขาติดต่อเพื่อนหมอที่อังกฤษไว้แล้ว อยู่ที่นายว่าจะพร้อมเมื่อไรเท่านั้น..”

“นี่เหรอ..เรื่องดี? ”

“ได้มองเห็นอีกครั้งไม่ใช่เรื่องดีหรือ แฟรงค์..” คริสจับมือแฟรงค์สัมผัสใบหน้าเขา “หรือว่านายไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้ว ไม่อยากเห็นดวงตาเซ็กซี่ของฉันแล้วเหรอ..”

แฟรงค์สัมผัสใบหน้าคนรัก ..เขาชอบเคราเขียวๆ ของคริส โดยเฉพาะตอนถูกไซ้เบาๆ มันทำให้อารมณ์เขาเตลิด ขนลุกทั้งตัว ...

แฟรงค์หน้าร้อนผ่าวกับความคิดของตัวเอง

“อยากซี.. ผมอยากเห็นหน้าคุณ.. แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม รอให้ขาหายก่อนได้มั้ย ระหว่างนี้อาจจะมองเห็นเองโดยไม่ต้องผ่าตัดก็ได้..”

“ได้ซี.. แค่นายรับปากว่าจะรักษา ฉันก็ดีใจแล้ว..”

“แล้วมีเรื่องดีอะไรอีก..”

คริสระบายยิ้มเมื่อสามารถดึงแฟรงค์ออกจากห้วงอารมณ์และความนึกคิดที่เลวร้ายได้

“เรื่องดีต่อไปก็คือ จบ Project สุดท้ายในอีก 2 เดือน ฉันจะพักยาว จะพาพวกเราไปพักผ่อนกัน นายอยากไปเที่ยวไหนแฟรงค์..”

“ไม่รู้ซี.. ที่ไหนก็ได้.. ขอแค่ได้ไปกับคุณ เพราะถ้าตาผมยังมองไม่เห็น ที่สวยงามแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย”

“ใครจะไปทั้งที่นายมองไม่เห็นล่ะ!!.. พวกเราจะรอให้นายรักษาตาหายก่อนค่อยไป..”

“แปลว่าถ้าผมไม่รักษา ทุกคนก็ไม่ได้ไปเที่ยวใช่มั้ย..”

“อะฮะ..”

“ถ้าเด็กพวกนั้นรู้ ต้องผลัดกันเซ้าซี้ผมเช้าจรดเย็นแน่..”

คริสหัวเราะ กระชับร่างเพรียวเข้ามาแนบชิด

“เราไม่ได้ไปพักผ่อนด้วยกันนานแล้วนะแฟรงค์.. หรือว่าเราจะไปกันสองคนดี”

“สองคน?..”

“ใช่!! นายกับฉันแค่สองคน.. ให้เด็กๆ อยู่เฝ้าบ้าน..”

“จะดีเหรอคริส.. หนีไปเที่ยวสองคน ทิ้งเด็กๆ ไว้ไม่เหมาะแน่ ถ้าจะไปก็ไปทั้งบ้าน ไม่งั้นผมไม่ไปหรอก..”

“โอเค.. งั้นเราจะไปกันทั้งบ้าน นายรักษาตาหายเมื่อไร ก็แพ็คกระเป๋าไปกันได้เลย..”

แม้แฟรงค์จะไม่ชอบใจที่คริสเอาการรักษาดวงตามาเป็นเงื่อนไขในการพาสมาชิกครอบครัวไปเที่ยว แต่เมื่อนึกถึงความรักและความเป็นห่วงที่คริสและเด็กทุกคนในบ้านมีต่อเขา แฟรงค์จำต้องยินยอมโดยดี

R..R..R..

เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานดังขัดจังหวะ คริสขอตัวไปรับโทรศัพท์


“ผมสั่งลูกน้องทลายบ่อนนิค นึกไม่ถึงว่าจะออกมารูปนี้ สารวัตรบัญชาเสียชีวิตเมื่อตอนบ่าย ผมโทรมาแจ้งให้ทราบ เผื่อคุณอยากจะไปร่วมงานศพ”

“ผมจะโอนเงิน 25  ล้าน เข้าบัญชีท่าน ฝากช่วยเหลือครอบครัวสารวัตร 5 ล้านบาท ที่เหลือจะนำไปใช้ในราชการหรือส่วนตัวก็แล้วแต่ท่าน ขอบคุณที่ช่วยกวาดคนเลวให้พ้นไปจากโลกได้อีกหนึ่งคน”

“เป็นหน้าที่ผมต้องรับใช้ประชาชนอยู่แล้ว ขอบคุณสำหรับเงินช่วยเหลือครอบครัวสารวัตร ส่วนที่เหลือผมจะจัดสรรเข้าส่วนราชการ มีปัญหาโทรหาผมได้ตลอดเวลา มิสเตอร์บริเจคส์..”


ดวงตาสีน้ำทะเลฉายแววดุกร้าวสะใจแต่เพียงแว่บเดียวก็อ่อนโยนลง เขากดโทรศัพท์อีกสายสั่งโอนเงิน 25 ล้าน เข้าเลขที่บัญชี XXX X XXX XXX

คริสเดินกลับมาหาคนรักโน้มตัวลงกระซิบถาม

“จะอาบน้ำรึยังแฟรงค์.. จะเตรียมน้ำอุ่นให้”

“อย่าบอกนะว่าคุณจะอาบน้ำให้ผมอีกอ่ะ..”

“อะฮะ..”

“ไม่นะ !! วันนี้ผมจะอาบเอง..”

“อย่าดื้อได้มั้ย แฟรงค์.. ตามองไม่เห็น ขาก็ยังเจ็บอยู่ จะอาบเองสะอาดได้ยังไง!!.. เดี๋ยวฉันมา.. ห้ามหนีไปไหนนะ!!..”

ร่างสูงผละไปจัดการเตรียมน้ำอุ่นให้คนรักอาบ แฟรงค์แอบยิ้มกับตัวเอง

...เขาออกปากปฏิเสธไปยังงั้นแหล่ะ ที่จริงอยากให้คริสอาบน้ำให้ คริสมีวิธีให้เขาอาบน้ำในอ่างโดยขาข้างที่เข้าเฝือกไว้ไม่เปียก แถมยังบริการนวดให้ด้วย ไม่รู้ไปฝึกมาจากไหน ไม่อยากเชื่อว่ามหาเศรษฐีบริเจคส์จะปรนนิบัติเขาได้ทุกอย่างจริงๆ บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ...

...อยู่กับคุณอบอุ่นและปลอดภัยแถมยังสบายตัวแบบนี้ ผมไม่มีวันหนีคุณไปไหนอีกแล้ว คริส...  



 :กอด1:



TBC >>>>



วันนี้สั้นหน่อยนะ  แต่ยังหวานอยู่   :oni1:


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 20-10-2008 11:07:13
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 20-10-2008 12:09:04
ขอบคุณนะคร๊าบที่มีหวานๆมาให้อีก
แต่ไม่สะใจเลย
__ชั่วนิคตายง่ายไปหน่อย
แถมตำรวจที่ดีต้องตายเพราะมันอีกด้วย

แต่ก็เอาเหอะ  แฟรงกี้มีโอกาสมองเห็นได้อีก
คนอ่านก็มีความสุข
 :mc4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 20-10-2008 12:34:41
แอบไปอ่านตอนต่อไปมาแหระ  :laugh:


แต่จะอ่านที่นี่อีกรอบ

มาลงต่อไวๆนะ


หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 20-10-2008 12:56:05
ความสุขกำลังค่อยๆกลับเข้ามาอีกครั้ง
รอให้แฟรงกี้หายดีนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 20-10-2008 16:17:03
ดีใจกับแฟรงค์จัง

 :mc4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 21-10-2008 11:13:04
Fatherhood part 2 [13] ต่อ..



หนึ่งเดือนผ่านไป…

ขาของแฟรงค์หายเป็นปกติแล้วแต่ดวงตายังมองไม่เห็น..  เขายังไม่พร้อมจะผ่าตัดเพราะมีเรื่องสำคัญที่ยังกังวลและรอฟังผลอยู่ บ๊อบเจาะเลือดแฟรงค์และคริสไปตรวจ แฟรงค์ถามบ๊อบว่าคริสมีโอกาสติดเชื้อด้วยหรือเปล่าถ้าถูกเขากัดนิ้วจนเลือดออกจริงๆ บ๊อบว่ามีโอกาสแน่นอนถ้าแฟรงค์มีเลือดออกที่ลิ้นอยู่ก่อน และเจ้านิคมีเชื้อไวรัสเอชไอวี

สองวันนี้แฟรงค์กินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้าไม่มีคริสมาเกี่ยวข้องด้วยเขาคงไม่ทุกข์และกังวลใจขนาดนี้ แฟรงค์ไม่เข้าใจว่าทำไมคริสไม่รู้สึกกังวลเรื่องติดเชื้อ คริสไม่เคยพูดคุยกับเขาเรื่องนี้เลย เมื่อไม่พูดเขาก็ไม่ถาม ไม่อยากให้คริสรู้ว่าเขากังวลหรือไม่สบายใจ อะไรจะเกิดก็เกิด..

“คุณคริสอยู่ไหน”

แฟรงค์นั่งรวมกลุ่มอยู่กับหนุ่มน้อยในห้องพักผ่อน ไม่รู้ว่าใครนั่งใกล้เขา จึงถามย้ำอีกครั้งโดยไม่เอ่ยชื่อ

“คุณคริสอยู่ไหน”

“ครับ!!.. อะไรนะครับคุณแฟรงค์..” เสียงแจ๊คย้อนถามกลับเพราะเสียงทีวีดังมาก “ทิม!!.. หรี่เสียงทีวีหน่อย..”

แฟรงค์ส่ายหน้า เด็กพวกนี้อย่าได้ให้นั่งหน้าจอเลย ดูหนังแอคชั่นมันส์ ๆ ทีไรเหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ไม่สนใจโลกภายนอก

“คุณคริสเหรอครับ.. คุยกับคุณหมอบ๊อบอยู่ที่ห้องหนังสือครับ”

แฟรงค์ใจหายวาบ ...บ๊อบมาทำไมไม่บอกเขา มีธุระอะไรกับคริสทำไมต้องไปคุยกันสองคนด้วย...



 :a6: 


“สุขภาพคุณแข็งแรงดีมาก คุณคริส.. แต่ผมอยากให้คุณหาเวลาพักผ่อนบ้าง เงินทองมีมากมายใช้ไม่หมดแล้ว ถ้าผมมีแค่ครึ่งหนึ่งของคุณ ผมคงไม่ทำงานหนักแบบนี้ พักผ่อนอยู่กับลูกเมียที่บ้านดีกว่า”

คริสหัวเราะ บอกว่าจบ Project สุดท้ายนี้เขาก็จะวางมือพักผ่อนแล้ว

บ๊อบขอตัวลากลับโดยไม่ลืมกำชับคริส

“อย่าลืมเรื่องของแฟรงค์นะครับ คุณหาทางกล่อมเขาแทนผมที อาทิตย์หน้าผมกลับมาเราจะพาเขาไปพบดร.ลอส ด้วยกัน”

“ไม่ต้องห่วงบ๊อบ ผมจะคุยกับแฟรงค์เอง”

แฟรงค์หลบตัวลีบข้างเสาเมื่อเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามาและผ่านไป บ๊อบมาคุยธุระกับคริสโดยไม่เรียกเขามาคุยด้วย ทำไมบ๊อบไม่กล้าพูดและบอกกับเขาด้วยตัวเอง

...โอ! พระเจ้า  o7  ในที่สุดเรื่องที่เขากังวลก็เป็นจริง สุขภาพของคริสแข็งแรงดีแต่เขาต้องไปพบหมอ แปลว่าคริสไม่ได้ถูกเขากัดนิ้ว คริสหลอกเขายังงั้นหรือ…

แฟรงค์สะอื้นในอก เขาควรจะดีใจที่ผลออกมาแบบนี้ ดีกว่าที่ทั้งเขาและ คริสจะต้องติดเชื้อด้วยกันทั้งคู่ เขาควรยินดีและไม่เสียใจ...



 :o12:



“แฟรงค์อยู่ไหน โอ..”

“นั่งอยู่กับแจ๊คไงฮะ อ้าว!! ไปไหนแล้ว แจ๊ค.. คุณแฟรงค์ไปไหน”

“คุณแฟรงค์ไปเข้าห้องน้ำครับ ผมจะตามไปด้วยแต่คุณแฟรงค์บอกไม่ต้อง”

แจ๊ครีบออกตัวก่อนถูกตำหนิ แต่ถึงกระนั้นคุณคริสก็ยังมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจจนแจ๊คต้องรีบลุกขึ้นยืน

“ผมจะตามไปดูเดี๋ยวนี้ครับ”

“ไม่ต้อง ฉันไปเอง”

คริสเดินจากไป บอยก็รีบเข้ามาต่อว่าเพื่อนจนแจ๊ครู้สึกฉุน

“โธ่เว้ย!!.. ก็คุณแฟรงค์ไม่ให้ตาม นายก็รู้นิสัยคุณแฟรงค์ว่าไม่ชอบให้ใครคอยช่วยเหลือเอาอกเอาใจเหมือนเห็นเขาเป็นคนป่วย ทำไมนายไม่มานั่งเฝ้าคุณแฟรงค์อยู่ใกล้ๆ ล่ะวะ!!.. จะได้ตามเข้าไปเช็ดก้นให้คุณแฟรงค์ในส้วมด้วย!!..”

แจ๊คลุกขึ้นเดินจากไปด้วยความไม่สบอารมณ์ คุณคริสไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยต่อว่าสักคำ เจ้าบอยตัวแสบมีสิทธิ์อะไรมาว่าเขา..



 o12




คริสขึ้นมาตามหาแฟรงค์ในห้องนอนเมื่อไม่พบในห้องน้ำชั้นล่าง

“แฟรงค์!!.. อยู่หรือเปล่า”

คริสไม่พบแฟรงค์ในห้องนอน เดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือเห็นอัลบั้มรูปวางอยู่บนโต๊ะมีกระดาษเสียบไว้ใต้ปกพลาสติค ลายมือแฟรงค์เขียนข้อความสั้นๆ ไว้

“…ผมอยู่ในนี้ คิดถึงก็เปิดดู รักคุณหมดหัวใจ แฟรงค์..”

คริสรู้สึกใจหายอย่างแรงกับข้อความสั้นๆ นี้ รีบเปิดอัลบั้มพลิกดูก็พบรูปถ่ายอิริยาบทต่างๆ ของสมาชิกในบ้าน เขาชะงักมือเมื่อพบปากกาเปิดปลอกทิ้งไว้ แสดงว่าแฟรงค์เพิ่งเขียนข้อความนี้ แฟรงค์เขียนทั้งที่ตามองไม่เห็น... เขียนทำไม... หรือว่า…

คริสสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกอย่างตื่นตระหนกของโอ

“คุณคริส!!!.. คุณคริสครับ!!!..”    :serius2:

โอโผล่พรวดเข้ามาในห้องละล่ำละลักบอกกล่าวด้วยอาการหอบ

“คุณคริสครับ คุณแฟรงค์อยู่ที่ระเบียงห้องใต้หลังคา”

“แล้วไง!!.. ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย”

“คุณแฟรงค์ไม่ได้อยู่บนระเบียงครับ คุณแฟรงค์ยืนอยู่ที่ราวระเบียง ป่านนี้คงปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาแล้ว ลุงชมบอกว่าคุณแฟรงค์ทำท่าเหมือนจะกระโดดลงไป ลูกำลังช่วยคุยกับคุณแฟรงค์อยู่ คุณคริสขึ้นไปดู..…”

โอพูดไม่จบ คริสก็เผ่นแน่บออกจากห้องวิ่งขึ้นไปชั้นบน เด็กหนุ่มวิ่งตามไปติดๆ



 :o12:



คริสแทบช็อกเมื่อเห็นแฟรงค์นั่งชันเข่าอยู่บนหลังคา สองมือยืดแผ่นกระเบื้องไว้ ไม่มีใครสามารถทรงตัวได้ในความชันกว่า 60 องศา โดยไม่ยึดเกาะ แค่ปล่อยมือแฟรงค์ก็พร้อมจะร่วงลงไปทันที

พ่อบ้านลู นายชม และจอนนี่พยายามพูดคุยถ่วงเวลาแฟรงค์อยู่ด้านล่าง สมาชิกในบ้านพากันออกมายืนร้องห้ามด้วยความตกใจ
 
(http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/duk24.gif)(http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/duk24.gif)(http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/duk24.gif)(http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/duk24.gif)(http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/duk24.gif)


คริสปีนขึ้นไปที่ราวระเบียง แฟรงค์ก็ร้องห้ามทั้งที่สายตาเหม่อมองไปข้างหน้า

“อย่าเข้ามาใกล้ผม!!.. กลับลงไปซะ!!..”

ร่างสูงชะงักก้าวกลับลงมายืนที่ระเบียง ต้องหาทางเกลี้ยกล่อมแฟรงค์ก่อน ผลีผลามตามขึ้นไปไม่ได้แน่

“ฉันเองแฟรงค์.. เกิดอะไรขึ้น นายไม่สบายใจเรื่องอะไร ทำไมไม่คุยกับฉัน ได้โปรดเถอะแฟรงค์.. ลงมาคุยกันก่อน”

แฟรงค์ส่ายหน้า

“ไม่.. ผมไม่คุย ผมไม่อยากฟังคุณพูด ถอยออกไป!!..”

...ให้ตายเถอะ!!.. เขาทำเรื่องให้แฟรงค์ไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไร เมื่อเช้ายังคุยกันดีอยู่เลย...

“ได้โปรดเถอะนะ แฟรงค์.. อย่าทำอย่างนี้ มีอะไรไม่เข้าใจลงมาคุยกันก่อน ฉันทำอะไรผิด บอกให้ฉันรู้ซี..”

“ไม่!!.. คุณไม่ผิด ผมผิดเองที่ทำใจยอมรับไม่ได้~~ ”

“ทำใจเรื่องอะไร ? ไม่เอาน่าแฟรงค์.. ยื่นมือให้ฉัน เข้ามานั่งคุยกันข้างในนะแฟรงค์นะ.. ”

แฟรงค์ส่ายหน้ารู้สึกร้อนและเคืองตามาก เพราะถึงมองไม่เห็นแต่ดวงตาของแฟรงค์ก็เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่สามารถสู้แสงอาทิตย์ได้ แฟรงค์ก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกว่าแสงแดดเริ่มจ้าและร้อนแรงขึ้น

“คุณหลอกผม ผมไม่ได้กัดนิ้วคุณเลือดออกใช่มั้ย..”

“ฉันไม่ได้หลอกนะ ” คริสงงที่จู่ๆ แฟรงค์ก็พูดเรื่องนี้

“ถามแซมก็ได้ เขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทำไมล่ะแฟรงค์ มีปัญหาไม่เข้าใจอะไรลงมาคุยกันก่อน”

“ผมได้ยินคุณคุยกับบ๊อบแล้ว~~ ผมเสียใจที่แอบฟัง แต่ผมมีสิทธิที่จะรู้ไม่ใช่เหรอ..”

“ใช่!!.. นายมีสิทธิจะรู้ ลงมาก่อนเถอะนะแฟรงค์.. ได้โปรด...”

คริสคล้อยตามคำพูดของแฟรงค์ ไม่ทันเอะใจเพราะมัวแต่คิดว่าจะเอาแฟรงค์ลงมาได้ยังไง

“บอกบ๊อบว่าไม่ต้องพาผมไปหาหมอ ผมไม่เสียเวลาและเสียเงินรักษาหรอก ผมดีใจที่คุณไม่ติดเชื้อด้วย ผมเคยคิดว่าอาจจะทำใจได้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วผมรับไม่ได้ ผมทำใจไม่ได้~~ คริส.. ผมไม่อยากอยู่เป็นภาระของคุณ ขอนั่งอีกสักครู่เดี๋ยวผมก็จะไป…”

...โอ!! พระเจ้า.. คริสรู้แล้วว่าแฟรงค์กำลังเข้าใจผิดเรื่องอะไร...

“ไม่นะแฟรงค์.. นายจะไปไหนไม่ได้ นายเข้าใจผิด ฉันไม่ติดเชื้อจากนายก็เพราะนายไม่ได้ติดเชื้อจากไอ้นิค สุขภาพนายแข็งแรง ปกติดีทุกอย่าง ยื่นมือให้ฉันเร็วแฟรงค์ ได้โปรด ~~”

“โกหก!!.. อย่าหลอกผมอีกเลย ผมได้ยินคุณคุยกับบ๊อบ บอกว่าจะพาผมไปหาหมอลอส…”

แฟรงค์รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกหูเริ่มอื้อ  o2   เหมือนบรรยากาศรอบๆ ตัวกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ และเร็วขึ้นๆ

“เข้าใจผิดใหญ่แล้วนะ!!.. บ๊อบจะพานายไปรักษาตากับหมอลอสต่างหาก ยื่นมือมาเร็วแฟรงค์.. ฉันรักนายนะ..”

คำพูดของคริสดังแว่วเข้าหูแฟรงค์

...เขาเข้าใจผิดไปเอง ที่แท้หมอลอสเป็นหมอรักษาดวงตา คริสคงไม่ได้หลอกเขา คริสไม่เคยโกหกใคร ขอบคุณสวรรค์...

แฟรงค์ยื่นมือขวาให้คริส มือซ้ายยึดกระเบื้องไว้ คริสรีบคว้าไว้ด้วยความยินดี หากแต่สติของแฟรงค์ดับวูบลงไปก่อนทำให้มือใหญ่สัมผัสได้แค่ปลายนิ้วมือของคนรัก


“คุณแฟรงค์!!!!
  !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!….”



เสียงหวีดร้องดังประสานกันเบื้องล่าง และข้างๆ คริส คือเสียงร้องของโอ ทุกคนส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ แต่คริสกลับยืนตะลึงดูแฟรงค์ร่วงลงไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่มีส่งเสียงร้องสักแอะ



(http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/duk6.gif)



นับเป็นคราวเคราะห์ครั้งที่ 3 ของแฟรงค์ ร่างของแฟรงค์กระแทกถูกราวระเบียงชั้น 2 ก่อนร่วงลงพื้น กระดูกซี่โครงและแขนซ้ายหัก แฟรงค์ได้รับบาดเจ็บไม่มากเนื่องจากบอยและแจ๊คพร้อมใจกันวิ่งเข้าไปช่วยรับร่างไว้ แรงกระแทกทำให้สองหนุ่มได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แจ๊คข้อมือซ้ายเคลื่อน ส่วนบอยแขนขวาหัก

ความหวังของคริสตอนนี้คือ ขออย่าให้แฟรงค์มีปัญหาทางสมองที่ส่งผลไปถึงความจำหรือการทำงานส่วนอื่นๆ ของร่างกายอีกเลย ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสเกินพอแล้ว





TBC >>>>





(http://i122.photobucket.com/albums/o276/zenjhub/duk1.gif)

แหะ แหะ   อย่าตาเขียวดิ   หยิบยาดมข้างล่างสูดฟืดเข้าไปก่อน  มีหลายแบบเลือกตามวัยได้เลย

 
(http://www.bloggang.com/data/gewoonleven/picture/1155317348.jpg)




หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 21-10-2008 11:46:25
อารายเนี่ย

คนแต่งเป็นซาดิสต์
แล้วคนอ่านก็เป็นมาโซ

รู้ว่าอ่านแล้วต้องเจ็บต้องปวด  ยังมาอ่านอยู่ได้

 :o12:

แต่ก็จะอ่าน  ขอบคุณครับที่ทำให้ปวดใจซ้ำๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-10-2008 11:56:51
ยาดมยัดสองรูจมูกก็ไม่พอค่ะอิเจ้

ขอบคุณคร้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 21-10-2008 12:47:29
โห...

ตอนที่แล้วพึ่งจะดีใจไปหยกๆ

ยาดมอย่างเดียวคงไม่พออ่ะค่ะ

ชงยาหอมให้น้องด้วยได้ป๊ะคะ

 :sad2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 21-10-2008 14:09:52
ยาดมแค่นี้ไม่พอหรอก ป้าขอยาหอมเพิ่มด้วย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 21-10-2008 14:22:29
ติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับผม
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 21-10-2008 20:10:52
เจ้อ่ะ

โหดง่ะ

ถ้ายาวกว่านี้  เจ้ต้องเอาไปเผาบ้านแน่เลยอ่ะ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 22-10-2008 10:33:24
Fatherhood part 2  [The end]




ห้องนอนคริส….

แฟรงค์ครึ่งนั่งครึ่งนอนบนเตียง คริสป้อนข้าวต้มให้คนรัก เขาเฝ้าปรนนิบัติดูแลแฟรงค์ด้วยความรักและห่วงใย แฟรงค์ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ 3 วันแล้ว อาการทางกายไม่น่าเป็นห่วงเพราะแจ๊คกับบอยช่วยรับแรงกระแทกไว้จนทั้งคู่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่สถานการณ์น่าจะดีขึ้นแล้วแต่สภาพจิตใจของแฟรงค์ก็ยังไม่ปกติ ต่อหน้าทุกคนพูดคุยสนุก ลับหลังกลับนั่งเศร้าสีหน้าเหม่อลอย อาจเป็นเพราะตายังมองไม่เห็นจึงทำให้แฟรงค์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระกับทุกคน

“อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่าแฟรงค์.. เราไม่ได้ไปพักผ่อนกันนานแล้ว นายอยากไปไหนมั้ย..”

แฟรงค์ส่ายหน้าเพราะไม่อยากไปไหนจริงๆ เป็นทะเลยิ่งไม่อยากไป ฝันร้ายหลายครั้งจนรู้สึกขยาด กลัวคริสทิ้งเขาไว้กลางทะเลเหมือนในฝัน

“ทำไมล่ะ หือ.. ไม่อยากไปไหนเพราะยังมองไม่เห็นใช่มั้ย”

แฟรงค์ไม่ตอบเบือนหน้าหนีข้าวต้มที่คริสป้อนให้

“อิ่มแล้วเหรอ.. เพิ่งกินได้แค่ครึ่งชามเอง”

คริสวางชามข้าวต้มลง จับมือแฟรงค์กุมไว้และจูบเบาๆ

“ฉันอยากให้นายหาย กลับมาเป็นแฟรงค์คนเดิมเร็วๆ รู้มั้ยว่าฉันปวดร้าวและทรมานใจแค่ไหนที่เห็นนายอยู่ในสภาพนี้วันแล้ววันเล่า ไปรักษาตาเถอะนะ แฟรงค์..”

คริสจับมือแฟรงค์สัมผัสใบหน้าและดวงตาของเขา

“นายไม่อยากเห็นหน้าฉัน ไม่อยากเห็นดวงตาแสนเซ็กซี่คู่นี้อีกแล้วเหรอ..”

“ผมมีเรื่องสำคัญ 2 เรื่องจะบอก ไม่รู้ว่าคุณจะรับได้รึเปล่า”

“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้มีนายอยู่ข้างๆ ขอแค่นายกลับมาเป็นแฟรงค์คนเดิม ไม่ว่าเรื่องอะไรฉันรับได้ทั้งนั้น.. ”

“ผมไม่สามารถลืมเหตุการณ์ในคืนนั้นได้ ผมกลัวและแขยงทุกครั้งที่นึกถึง ผมยังจำความเจ็บปวดได้ฝังใจเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นและผ่านมาเมื่อคืนนี้เอง ถึงผมจะกลับเป็นแฟรงค์คนเดิมก็ไม่สามารถให้ความสุขคุณได้เหมือนเดิม และผมก็ไม่รู้ว่าจะพร้อมเมื่อไร ผมขอโทษนะคริส.. ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้เราอยู่กันแบบเพื่อน แต่ถ้าคุณจะมีใครมาแทนที่ผม ผมก็ยินดี..” แฟรงค์กล่าวน้ำเสียงขื่น

คริสตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน นึกไม่ถึงว่าการกระทำที่แสนเลวร้ายของเจ้านิคจะส่งผลรุนแรงต่อจิตใจของแฟรงค์ขนาดนี้ กว่า 2 เดือนที่กลับมาอยู่บ้าน แฟรงค์ไม่ปฏิเสธอ้อมกอดของเขา แต่จะตัวสั่นทุกครั้งเวลาเขาเผลอสัมผัสด้วยความคิดถึง เขาผละออกด้วยความเข้าใจ คิดว่าแฟรงค์ยังไม่พร้อมเพราะอาการป่วยทางกาย นึกไม่ถึงว่าความไม่พร้อมของคนรักเกิดจากความหวาดกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจ

คริสกุมมือแฟรงค์ไว้และหันหน้ามาสบตาด้วย แม้อีกฝ่ายจะยังมองไม่เห็นแต่เขาก็อยากเห็นดวงตาของคนรักขณะฟังเขาพูด

“ฟังนะ แฟรงค์..  ฉันรักนายสุดหัวใจตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  รู้แต่ว่าวันนี้ชีวิตฉันไม่อาจยืนอยู่เพียงลำพังโดยไม่มีนาย ฉันไม่สนว่านายจะให้ความสุขในเรื่องเซ็กซ์กับฉันได้หรือไม่ ฉันไม่ได้ต้องการให้นายอยู่เคียงข้างเพื่อบำเรอความสุขในเรื่องนี้ ได้โปรดเถอะนะ แพ็ททริค.. อย่าคิดกับฉันแบบนี้ นายเจ็บฉันก็เจ็บด้วย ฉันจะปกป้องดูแลรักษาแผลในใจของนาย ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันก็จะรอ....”

ทุกคำพูดของคริสเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจของแฟรงค์ให้หายจากอาการเจ็บปวด แฟรงค์กล่าวน้ำเสียงสะอื้น

“ผมก็รักคุณสุดหัวใจของผม~ ผมไม่รู้ว่ารักคุณมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร~ รู้อีกทีก็ตอนที่คุณมีชารอนอยู่ใกล้ ผมเจ็บมาก~~  เพิ่งรู้ว่าอกหักเป็นยังไงก็ตอนที่คุณแต่งงานกับเธอ~~ ”   :m15:

“รู้ว่าเจ็บแล้วยังยินดีให้ฉันมีใครมาแทนที่นายอีกรึเปล่า.. หือ..”

แฟรงค์ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนเอนกายซบลงกับอกกว้าง คริสสวมกอดคนรักเบามือ


“คริส..” เสียงอ้อนเบาๆ

“หือ..”

“ผมปวดฉี่..”

คริสหัวเราะ แฟรงค์โอบไหล่ร่างสูงประคองตัวเดินเข้าห้องน้ำ แฟรงค์เป็นคนถนัดซ้ายแขนขวาเพียงข้างเดียวจึงใช้งานไม่ค่อยถนัด ที่สำคัญอาการบาดเจ็บที่ซี่โครงจำเป็นต้องมีคนช่วยพยุงเวลาเดิน

แฟรงค์ยืนนิ่งมองหน้าคนรักเป็นความหมายที่รู้กัน คริสช่วยรูดซิบกางเกงและจัดการนำแพ็ททริคน้อยออกมาให้คนรักได้ปลดทุกข์เบา ตอนที่แฟรงค์ยังลุกเดินไม่ได้เขาได้รับการปรนนิบัติจากคริสจนไม่รู้สึกเขินอายต่อกันแล้ว

“จริงซี!!.. นายบอกมีเรื่องสำคัญ 2 เรื่อง อีกเรื่องล่ะ!!..”

“คุณต้องสัญญาว่าจะไม่โกรธ ผมถึงจะบอก”

คริสรับปากให้สัญญา

“อีกเรื่องก็คือ ผมขอยืนยันว่าจะไม่รักษาดวงตาด้วยการผ่าตัด”

“ทำไมล่ะ!!..”

แฟรงค์พยักหน้าให้ความหมายว่าเสร็จกิจแล้ว

คริสส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ ไม่ใช่เพราะต้องคอยจัดการธุระให้แต่เบื่อที่แฟรงค์ดื้อรั้นเรื่องรักษาดวงตา

“ก็ผมมองเห็นแล้วจะต้องรักษาทำไมอีก ผมได้เห็นใบหน้าและดวงตาเซ็กซี่ของคุณตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาขึ้นที่โรงพยาบาลแล้ว ”

คริสจ้องหน้าแฟรงค์ มิน่าล่ะ!!.. หลายวันมานี้ดวงตาของแฟรงค์ไม่เลื่อนลอยเหมือนก่อน แต่เขาไม่ได้นึกแปลกใจหรือสงสัย

“ผมแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ตั้งนาน ผมแอบมองคุณและเด็กๆ ทำให้ผมรู้ว่าทุกคนรักและเป็นห่วงผมมากแค่ไหน โดยเฉพาะคุณ คริส..”

แฟรงค์สัมผัสใบหน้าคนรัก

“ผมเห็นดวงตาเซ็กซี่คู่นี้มองผมอย่างห่วงใยมาหลายวันแล้ว ผมขอโทษที่ไม่บอกความจริง คุณโกรธหรือเปล่า..”

คริสยิ้มให้แฟรงค์ด้วยความยินดีจากใจ

“ฉันไม่โกรธหรอก แฟรงค์..” คริสกล่าวจบก็รูดซิบกางเกงให้

ร่างเพรียวสะดุ้งเฮือก ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

“อ๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!! อา !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ”

คริสตกใจก้มลงมอง …โอ!.. พระเจ้า เขารูดซิบกางเกงขึ้นโดยลืมเก็บน้องชายแฟรงค์ให้เรียบร้อย…

ร่างสูงทรุดตัวลงช่วยปลดแพ็ททริคน้อยออกจากฟันซิบ แฟรงค์ร้องครางด้วยความเจ็บปวด

“โอย~~~ ฮือ~~~ ไหนบอกว่าไม่โกรธไง ลงโทษอย่างอื่นก็ได้ ทำไมต้องทำร้ายผมด้วย ฮือ~~”

คริสลุกขึ้นสวมกอดคนรักปลอบใจ

“ขอโทษนะ แฟรงค์.. ฉันมัวแต่ดีใจเรื่องตาของนาย ไม่ทันได้ดูว่ายังไม่ได้เก็บเจ้าตัวเล็ก ไปที่เตียงนะ คนดี.. ฉันจะทายาให้..”

คริสประคองคนรักออกจากห้องน้ำ ใบหน้าหล่อเข้มแอบระบายยิ้มพึงใจ ในเมื่อเขาทำแพ็ททริคน้อยบาดเจ็บก็จะขอรับผิดชอบด้วยการเฝ้าปฐมพยาบาลจนกว่าจะหาย จะทายาให้เช้าเย็นเลย แฟรงค์กี้.. ^___^



  :haun5:



ห้องพักผ่อน…

อีกครั้งที่บรรยากาศภายในคฤหาสน์บริเจคส์อบอวลด้วยความสุข สมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าในอิริยาบถต่างๆ แม้จะดูน่าเวทนาบ้างสำหรับสองหนุ่มน้อยและหนึ่งหนุ่มที่อยู่ในสภาพเข้าเฝือกที่แขน แต่ทุกคนก็มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กัน

แฟรงค์กำลังต่อคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ไมเคิลและทิม เขานอนเหยียดยาวหนุนตักเจ้าหนูไมค์โดยมีทิมบีบนวดแข้งขาให้ แจ๊คนั่งเล่นหมากล้อมอยู่กับโอ บอยนั่งดูอยู่ข้างๆ

“คุณแฟรงค์.. ลุกขึ้นเถอะครับ ผมเมื่อยแล้ว”

“ได้ไง เพิ่งต่อถูกแค่ 3 คำเอง ต้องให้ได้ 10 คำก่อน นายก็เหมือนกันทิม..ห้ามหยุดนวดจนกว่าจะต่อถูกครบ 15 คำ”

“โอย!!...” ไมเคิลร้องคราง “แต่ผมปวดฉี่ ผมจะไปเข้าห้องน้ำก่อน”

“เสียใจไมค์.. รู้ทันหลอกน่า ขืนปล่อยให้ลุกไปก็ไม่ยอมกลับมาอีก”

“โอย.. ผมปวดฉี่จริงๆ” หนุ่มน้อยร้องครางเพราะปวดฉี่จริง แล้วก็จะหนีจริงๆ ด้วย ก็คุณแฟรงค์เล่นเปิด Dictionary ถามแต่คำศัพท์ยากๆ ใครจะไปตอบถูก

“แด๊ดฮะ… ผมปวดฉี่ คุณแฟรงค์ไม่ยอมให้ผมไปห้องน้ำ” ไมเคิลรีบฟ้องทันทีที่คริสเดินเข้ามา

คริสเดินเข้ามาใกล้และส่งมือให้แฟรงค์

“ลุกขึ้นแฟรงค์.. ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

แฟรงค์ส่งมือขวาให้และขยับตัวขึ้นนั่งโดยคริสช่วยประคองลำตัวขึ้น ไมเคิลรีบลุกขึ้นตั้งท่าจะวิ่งก็ถูกคริสเรียกไว้

“เร็วๆ นะไมค์กี้.. เราจะโหวตสถานที่ที่จะไปเที่ยวกัน ลูกอยากไปไหน แด๊ดจะให้เลือกก่อนในฐานะที่อายุน้อยสุด”

พูดถึงเรี่องเที่ยวสี่หนุ่มรีบขยับเข้ามานั่งล้อมวง ทุกคนตื่นเต้นดีใจเพราะไม่ได้ไปไหนเลยเกือบ 2 ปีแล้ว ไมเคิลเปลี่ยนใจไม่ไปห้องน้ำ ขยับเข้ามานั่งข้างคริส แฟรงค์เอื้อมมืออ้อมหลังคริสบีบคอเจ้าหนูจอมกะล่อน

“ไหนบอกว่าปวดฉี่ไง ฮึ!!...”

ไมเคิลทำคอย่นร้องให้ปล่อย แฟรงค์ชูสองนิ้วที่ศีรษะเจ้าหนู โอ แจ๊ค บอยและทิมหัวเราะกันคิกคัก คริสส่ายหน้า

“ไม่เอาน่าแฟรงค์.. เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้”

คริสบอกกับสมาชิกทุกคนว่าเขาจบงานสุดท้ายแล้ว และจะวางมือจากงานสักระยะเพื่อหาเวลาพักผ่อนบ้าง ครั้งนี้คริสตั้งใจจะพาสมาชิกไปเที่ยวบ้านเกิดของเขาที่แคลิฟอร์เนียร์

สมาชิกหนุ่มน้อยส่งเสียงเฮด้วยความดีใจ ไมเคิลขอไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ แจ๊คกับบอยอยากไปเที่ยวโรงถ่ายฮอลลีวู้ด โออยากไปชมความงามของน้ำตก ไนแองการา ทิมอยากไปทุกที่ที่ทุกคนไป ส่วนแฟรงค์นิ่งเฉยไม่ออกความเห็น



 :oni2:



ให้หลังหนุ่มน้อยคริสเอ่ยถามความต้องการของคนรัก

“ไม่อยากไปอเมริกาหรือ แฟรงค์.. ฉันคิดว่านายอาจอยากไปเยี่ยมพี่สาวบ้าง ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนที่ใหม่ อยากไปไหนล่ะ..”

“เด็กๆ อยากไปก็ไปเถอะ อย่าห่วงใจผมเลย ถ้าจะให้ออกความเห็นผมไม่อยากไปไหนทั้งนั้น อยากอยู่บ้านมากกว่า ยกโขยงกันไปอย่างนี้ผมเสียดายตังค์”

คริสหัวเราะ แฟรงค์เคยถามเขาว่าจะทำงานหนักไปทำไมอีก ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ตอนนี้ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดแล้ว วันนี้แฟรงค์กลบเกลื่อนความในใจของตัวเองด้วยเหตุผลที่ไม่เข้าท่า

“นายเป็นห่วงกลัวว่าฉันจะไปพบกับชารอนที่นั่นใช่มั้ย”

แฟรงค์สะดุ้ง จู่ๆ คริสก็พูดโพล่งออกมาตรงๆ แบบนี้และยังตรงกับใจเขาอีก แฟรงค์ไม่ตอบและไม่ยอมสบตาด้วย

“เจอแล้วเป็นยังไง นายก็รู้ว่าระหว่างฉันกับเธอ เราจบความสัมพันธ์ต่อกันด้วยความเข้าใจแล้ว” คริสโอบคนรักไว้ในวงแขน

“จนป่านนี้ยังห่วงเรื่องนี้อีกเหรอ.. รู้ก็ทั้งรู้ว่าฉันรักนายมากแค่ไหน”

แฟรงค์หน้าแดง ปฏิเสธด้วยอาการเขิน

“ใครห่วงเรื่องนี้เล่า!!.. ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะเจอกับเธออีกหรือเปล่า ผมไม่อยากคุยด้วยแล้ว”

แฟรงค์ขยับจะลุกขึ้นแต่คริสรั้งไว้

“การห่วงใครสักคนเป็นเรื่องดี แต่ถ้าจะหวงล่ะก็ต้องมีเหตุผลหน่อยนะแฟรงค์”

“บ้าน่ะ คริส.. ผมจะหวงคุณทำไม พูดเข้าข้างตัวเอง”

คริสคลายอ้อมแขนจากคนรักกล่าวสีหน้าเครียด

“ความหึงหวงเกิดจากความรักนะ แพ็ททริค.. ยิ่งรักมากก็หวงมาก ฉันรักนายสุดหัวใจและขอบอกอย่างไม่อายเลยว่า ฉันทั้งห่วงและหวงนายเลย แฟรงค์.. ถึงวันนี้ฉันทนไม่ได้แล้วถ้านายไปมีใจให้ใครอีก..”

แฟรงค์ใจหายกับคำพูดตัดพ้อของคริส ความหมายของคริสคือเขารักคริสน้อยกว่าที่คริสรักเขา ร่างเพรียวผวาเข้าสวมกอดคนรักละล่ำละลั่กความในใจ

“ผมขอโทษที่พูดไม่ตรงกับใจ ผมห่วงเรื่องชารอนจริงๆ ผมกลัวคุณใจอ่อนกับเธอ ผมไม่ได้หวงแบบไม่มีเหตุผล มันเคยเกิดขึ้นแล้วและอาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้ แค่คิดผมก็กลัวแล้ว คุณไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บแค่ไหน ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก ผมทนไม่ได้จริงๆ นะ คริส.. ถ้าอยากเที่ยวต่างประเทศจริงๆ นิวซีแลนด์ก็ไม่เลวนะ  คุณว่ามั้ย.. ”

คริสสวมกอดแฟรงค์ด้วยความรักตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเขาผ่านความทุกข์ร้อนและทรมานใจเพราะต้องพลัดพรากจากคนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นไมเคิลหรือแฟรงค์ต่างก็ให้ความเจ็บปวดแก่เขาไม่น้อยกว่ากันเลย นับจากวันนี้.. ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ เขาจะปกป้องคนที่เขารักด้วยชีวิต

ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง.. วันนี้เกย์อย่างเขาสามารถเป็นพ่อของลูกและมีครอบครัวที่อบอุ่นไม่แพ้ครอบครัวอื่นๆ แฟรงค์เป็นคู่ชีวิต คู่ทุกข์คู่ยากของเขา ไมเคิลคือแก้วตาดวงใจ หนุ่มน้อยทั้งสี่เป็นเหมือนญาติสนิทและลูกหลานที่เขาพร้อมจะส่งเสียและสนับสนุนทุกอย่าง..



 :a2:



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [Hurt story]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 22-10-2008 10:39:52

ต่อ...



ระยะเวลาผ่านไปหนุ่มน้อยแต่ละคนเติบใหญ่ขึ้นเป็นชายหนุ่มรูปงาม   ทิม เป็นนักการตลาดที่มีความสามารถ เป็นชายหนุ่มเต็มตัว ไม่มีพฤติกรรมรักชอบผู้ชายด้วยกัน ที่ผ่านมาทิมทำตามหน้าที่และเพื่อทดแทนบุญคุณของคริส   แจ๊ค วิศวกรหนุ่มรูปงาม อยู่ช่วยงานบริษัทก่อสร้างของคริส เป็นนักแข่งรถสมัครเล่น ควงแฟนสาวและแฟนหนุ่มสลับกันไปแล้วแต่โอกาส

โอ  เป็นสถาปนิก อยู่ประจำบริษัทของคริสเช่นกัน  ในขณะที่ บอย เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ จากที่เคยเป็นคู่กัดกันมาตลอด วันนี้โอและบอยเป็นคู่รักหนุ่มสุดสวีทในบ้าน   ความรักของทั้งคู่เริ่มจากการทะเลาะกันอย่างรุนแรงในคืนหนึ่ง โอใช้กำลังขืนใจบอยกลางดึกเพื่อสั่งสอนความปากดี นับจากคืนนั้นทั้งคู่ก็แอบมีใจให้กันอย่างเงียบๆ 

แม้คริสจะเอ่ยอนุญาตให้แต่ละคนเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง แต่ทุกคนก็ไม่คิดจากไป ต่างให้เหตุผลเดียวกันว่า จะขออยู่ช่วยงานและทำทุกอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณของคริส ที่อุปการะเลี้ยงดูและส่งเสียให้เรียนจนจบการศึกษาในขั้นปริญญา แต่ลึกๆ แล้วใครจะรู้ว่าพวกเขาแต่ละคนคิดอย่างไร ทรัพย์สมบัติมากมายของมหาเศรษฐีบริเจคส์อาจจะตกถึงพวกเขาบ้างก็ได้ ไม่มากก็น้อย   :m4:




  :mc4:    :mc4:    :mc4:










10 YEARS LATER…


สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์บริเจคส์



แฝดสามวัย 2 ขวบ หญิง 1 ชาย 2 วิ่งไล่กันอยู่ที่สนาม คริสและแฟรงค์เฝ้ามองหลานปู่ตัวน้อยอย่างรักใคร่ชื่นชม โดยเฉพาะแฝดหญิงคนสุดท้องสร้างความหลงใหลให้กับคริสอย่างมาก ด้วยเธอเป็นหนูน้อยคนเดียวในจำนวนแฝดสามคนที่มีดวงตาสีฟ้าเหมือนคริส ทั้งที่ แคธี่ แม่ของแฝดน้อยทั้งสามเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ มีดวงตาสีน้ำตาลเหมือนพ่อไมค์ ใครที่ได้พบเห็นหนูน้อยเอลิซ่ามักจะออกปากชมเสมอว่าหนูน้อยได้ดวงตาคู่สวยมาจากปู่ของเธอ คริสอดยิ้มด้วยความภูมิใจไม่ได้ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าดวงตาสีฟ้าใสคู่น้อยนั้นเหมือนดวงตาของปู่เธอจริงๆ แต่เป็นปู่บิลมิใช่ปู่คริสคนนี้ แต่จะแปลกอะไรล่ะ!!.. ในเมื่อบิลและคริสเป็นคนๆ เดียวกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว

“แฟรงค์กี้!!... คริสโตเฟอร์!!... หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!..”

ไมเคิลอุ้มลูกสาวตัวน้อยวิ่งตามลูกชายแฝดแสนซน แต่ร่างเล็กทั้งสองหาหยุดไม่ วิ่งรี่มาหาปู่คริสและปู่แฟรงค์ซึ่งนั่งคุยกันอยู่ เพราะรู้ดีว่าจะปลอดภัยทุกเมื่อถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดของคุณปู่ทั้งสอง

แฟรงค์บ่นพึมพำขณะอุ้มหนูน้อยขึ้นตัก

“ใครนะ!! ตั้งชื่อให้จูเนียร์สองตัวนี่.. ชื่อมีออกเยอะแยะทำไมไม่เรียก แฟรงค์กี้จูเนียร์.. ใครตั้งชื่อให้ลูก หือ..”

หนูน้อยตอบสวนทันควัน

“ไมค์กี้!!!...”



 :m18:




ทุกวันนี้แม้ไมเคิลจะเติบโตเป็นหนุ่ม มีภรรยาแสนสวยและลูกชายลูกสาวตัวน้อยๆ แล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้อยู่ตามลำพังกับคริส ไมเคิลก็อดแสดงกิริยาออดอ้อนคริสอย่างเด็กๆ ไม่ได้

“แด๊ดครับ คิดถึงจัง..” ร่างสูงเอนกายลงนอนหนุนตักคริส

“คิดถึงเรื่องอะไร เห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน ”

“ก็แค่เห็นหน้า ไม่ได้นอนหนุนตักเป็นปีๆ แล้ว เดี๋ยวนี้แด๊ดไม่สนใจผมเลย วันๆ เรียกหาแต่เอลิซ่า.. แฟรงค์กี้.. คริสโตเฟอร์.. ไมเคิลไม่มีความหมายกับแด๊ดแล้ว..”

“เหลวไหล!!.. เจ้าหนูสามคนนั่นเป็นใครกัน เราอิจฉาแม้แต่กับลูกๆ ตัวเองหรือไมเคิล..”

“จะว่างั้นก็ได้ ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมเพิ่งอยู่กับแด๊ดได้ 10 ปีเอง ถ้าจะเทียบไปผมก็เหมือนเด็กอายุ 10 ขวบ ยังมีสิทธิที่จะกอดหรือนอนหนุนตักแด๊ดได้อยู่ จริงมั้ยครับ”

คริสส่ายหน้าเมื่อได้ยินเหตุผลข้างๆ คูๆ แต่ไม่ได้โต้แย้งอะไร เพราะเขาเองก็รู้สึกสุขใจเช่นกันที่ไมเคิลอ้อนเขาอย่างเด็กๆ

“วันที่แฝดน้อยทั้งสามคนนี้คลอดออกมา รู้มั้ยครับว่าผมนึกถึงใคร ผมนึกถึงแด๊ด ถ้าไม่ใช่เพราะแด๊ดช่วยชีวิตผมไว้และให้ชีวิตใหม่กับผม ผมคงไม่มีวันนี้ วันที่ผมได้รู้ความหมายของคำว่าพ่อ ในนาทีนั้นผมให้สัญญากับตัวเองว่าผมจะเป็นพ่อที่ดีของลูกเหมือนที่แด๊ดเป็นพ่อที่ดีของผม ถึงเราจะไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ แต่ความรักที่แด๊ดให้ผมไม่ต่างจากความรักที่ผมมีให้กับลูกๆ ของผมเลย”

คริสระบายยิ้มฟังเจ้าหนุ่มไมค์รำพันความรักของพ่อ

“วันนี้ผมรู้แล้วครับว่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกมากมายแค่ไหน แด๊ดยอมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อผม ต้องทนทุกข์ใจเพราะผมเป็นต้นเหตุ วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าแด๊ดรักผมมากจริงๆ ”

สองพ่อลูกสบตากัน คริสรู้ว่าไมเคิลหมายถึงเรื่องอะไร

…ใช่!!.. เขาพยายามเป็นพ่อที่ดีของลูก นอกจากจะเลิกพฤติกรรมส่วนตัวกับเด็กหนุ่มแล้ว ระหว่างเขากับแฟรงค์เกือบต้องจบสิ้นความสัมพันธ์ที่มีต่อกันด้วย แม้เหตุการณ์จะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังจดจำความทุกข์ใจที่ได้รับในครั้งนั้นได้ไม่มีวันลืม…

“พูดถึงความรักของพ่อ ผมมีเรื่องจะสารภาพผิดครับแด๊ด..”

คริสเลิกคิ้ว

“ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกอกตัญญูรึเปล่า ผมไม่เคยนึกถึงบิลอีกเลย ตั้งแต่รู้ว่าแด๊ดเป็นคนเดียวกับในรูปที่แม่หลอกว่าเป็นพ่อผม”

“ทำไมล่ะ!! ยังไงเขาก็เป็นพ่อจริงๆ ของเรา”

“ผมเคยนึกครับ.. แต่นึกทีไรก็กลายเป็นแด๊ดทุกที นอกจากชื่อแล้วผมไม่มีความทรงจำของคนคนนั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมมีตัวตนอยู่ในโลก ผมจะใส่ใจทำไมว่าบิลเป็นใคร ในเมื่อผมได้อยู่กับแด๊ดที่ให้ชีวิตใหม่กับผมแล้ว..”

ไมเคิลลุกขึ้นสวมกอดพ่อ

“ผมรักแด๊ดครับ.. ในชีวิตนี้ผมมีพ่อเพียงคนเดียวคือ คริส บริเจคส์ ”

คริสลูบศีรษะลูกชายความรู้สึกตื้นตันจนไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูด

...เขาไม่จำเป็นต้องบอกหรืออธิบายว่าเขารักไมเคิลแค่ไหน ทุกวันนี้ไมเคิลรู้ซึ้งแก่ใจแล้วว่าความรักในฐานะพ่อยิ่งใหญ่เพียงใด เพราะวันนี้หนุ่มไมค์ได้อยู่ในฐานะนั้นด้วยตัวเองแล้ว…   :กอด1: :กอด1:





 


… the end ...  


 :bye2: :bye2: :bye2:


 :oni1: :oni1: 









 :laugh:  ใครว่าเจ๊หมวยซาดิสต์ก็ไม่รู้

ซาดิสต์แล้วจะเขียนนิยายหวานๆ แบบนี้ได้งัยยะ!!   :o  ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลย!!

โดยเฉพาะเรื่องเจ้านายจ๊ะจ๋าอ่ะ  น่ารักซะไม่มีอ่ะ   :o8:


 o12  อ่านนิยายเจ๊หมวยต้องจิตใจเข้มแข็ง รู้มั้ย!!

จะหัวเราะ  ยิ้มหวาน ปลาบปลื้ม  ซึ้งใจ  หรือจะแน่นหน้าอก  รู้สึกเหมือนจะเป็นลม  น้ำตาคลอ ไหลพราก  ตอนไหนก็ไม่รู้ได้ (ฟังดูเหมือนคนบ้ายังไงชอบกล)  นั่นแหละ !!    :laugh:  ต้องเตรียมตัวให้พร้อม

นิยายเจ๊หมวยไม่หวานเลี่ยนอย่างเดียว   และไม่ว่าบทจะทุกข์เศร้าเคล้าน้ำตาขนาดไหน  ขอให้รู้ว่าเจ๊ไม่มีวันเขียนให้ พระเอก หรือ นายเอก  จากตาย อย่างแน่นอน  อย่างมากก็จากเป็น ชั่วคราว  ฮิ ๆ 


 


 o15   สุดท้าย  ขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ    เล้าเป็ดที่ติดตามอ่าน Fatherhood

โดยเฉพาะคนที่รอเจ๊หมวยมาโพสให้ที่นี่อย่างใจเย็น   ไม่ไปคุ้ยอ่านก่อนในบ้านพ่อ

ขอบคุณมากๆ  ไม่เช่นนั้นโพสไปแล้วไม่มีใครอ่านและคอมเม้นท์ให้ เซ็งเลย


ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  ขอบคุณ   o14   ขอบคุณ 

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 22-10-2008 10:48:56
ถึงจะแอบไปอ่านที่นู้นมาแล้ว  แต่ก็ อ่านที่นี้ด้วยอีกรอบ เพื่อความสะใจ :laugh: :laugh:

ขอบคุณคับ ที่เรื่องนี้จบด้วยความสุข

บวกหนึ่งให้คับ



จะมีตอนพิเศษ บ้างป่ะคับเนีย อยาก อ่านคู่ โอ กะ บอย








 
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-10-2008 11:38:30
^
^
^

จิ้มตูดไอ้เอ 55555


จบแล้วเหรอเนี่ย ตามอ่านมาตั้งนานอดใจหายไม่ได้ ขอบคุณเจ๊หมวยมากสำหรับเรื่องราวดีๆอบอุ่นหัวใจแบบนี้นะจ๊ะ (แม้จะทรมานใจคนอ่านไปกว่าครึ่งเรื่อง) ว่าแต่อยากอ่านตอนพิเศษโอ-บอยด้วย มีมะๆ เคยนึกอยู่แล้วว่าสองคนนี้ได้ลงเอยด้วยกันแหงๆ ฮิๆๆ

จะรออ่านเรื่องต่อไปค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 22-10-2008 13:40:55
ขอบคุณครับ 
จะติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 22-10-2008 14:22:52
ยกมือขอถอนคำพูดครับ
เจ๊หมวยไม่(ค่อย)ซาดิสต์เลย  มีแต่คนอ่านที่อ่อนแอเอง :a6: :a6:

ต่อไปจะเตรียมตัวซ้อมหนักเพื่ออ่านนิยายของพี่นะครับ :a2:

หงิงๆ  ชอบแบบหวานๆ(น้อย)แต่เจ็บปวด(เยอะ)หยั่งงี้อ่ะ

เห็นคนอื่นขอโอ-บอย
ขอด้วย

ขอบคุณคร๊าบบบ

จะไปอ่านเจ้านายจ๊ะจ๋าแระ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: nez ที่ 22-10-2008 14:39:17
กรี๊ดดด  จบแล้วอ่ะ 

แฮปปี้โคดๆๆ  ดีจัง 

แต่ว่าโอก่ะบอยพลิกล็อกเว่อๆ 

สุขเศร้าเคล้าน้ำตาจิงๆ  อย่างว่าแหล่ะ ถ้าเจ๊ซาดิส  คนอ่านก้อมาโซ

เจ้มาต่อเรื่องใหม่ด้วยนะคะ  เ่ด่วจะตามอ่านอีกนะ

สู้ๆค่ะ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 22-10-2008 14:50:34
ขอบคุณเจ้หมวยสำหรับเรื่องราวดีๆ

หนูเข้มแข็งขึ้นเยอะหลังอ่านเรื่องนี้จบ

 :laugh:

จะติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 22-10-2008 15:06:29
ขอบคุณครับเจ๊หมวย :กอด1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 22-10-2008 17:31:20
 o13 o13น่ารักมากเลยครับ อ่านแล้วรู้สึกดีจัง พ่อที่ดีก็ไม่จำเป็นเฉพาะสายเลือดคริสน่ารักมาก รู้จักแยกแยะน่าเป็นตัวอย่าง ขอบคุณคนเขียนมากนะครับที่มีผลงานดีๆให้อ่านกัน :bye2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: susukung ที่ 22-10-2008 19:34:54
 :pig4: ขอบคุณมากค่ะ  สนุกมาก ๆๆๆๆๆแม้จะต้องใช้บริการยาดมบ่อย ๆ

จะติดตามเรื่องใหม่นะคะ 

 :L2: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 22-10-2008 22:54:17
สนุกมากเลยค่ะ

แม้ว่าจะอ่านแล้วเครียดในบางตอน

จะรอตอนพิเศษ โอกับบอย นะคะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 24-10-2008 11:23:36
นึกว่าเจ้หมวขจะบีบหัวใจให้แหลกเหลวซะแล้ว

ขอบคุณ เจ้หมวย สำหรับเรื่องราวดีๆ

ขอบคุณ หนูบลู สำหรับพื้นที่วิ่งเล่น

ขอบคุณ เซ็งเป็ด ที่ทำให้เรารู้จักกัน

ขอบคุณ เพื่อนๆ สำหรับมิตรภาพ

ขอบคุณครับ

 :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 27-10-2008 21:19:35
เป็นเรื่องที่เข้มข้น และใช้ความอดทนในการอ่านสูงมากสำหรับคนที่ร้องไห้เก่ง
และก็คนที่อ่อนไหวง่ายอย่างหนูอ่ะคะ
(ห้าห้าห้า เล่นขอยาหอมกับผ้าเช็ดหน้า แต่เจ๊ดันให้ผ้าขนหนู อยากบอกว่าใช้แทบจะทุกตอนเลย)
หลังจากไปบ้านนอกเสียนาน พอกลับมาก็พบว่าจบแล้ว มันก็เลย :seng2ped:
ไม่ได้มาคอมเมนท์เลย :เฮ้อ:
 ตอนแรกนึกว่าจะจบแบบหักมุม
ก็เจ๊หมวยอ่ะชอบเรียกน้ำตาจากคนอ่านแบบว่าถ้าไม่เห็นคนอ่านร้องไห้เจ๊นอนไม่หลับอะไรทำนองนั้น
แต่พอเอาเข้าจริงๆปรากฎจบดีมากมาย
แบบว่า ขอบคุณค่ะที่แต่งเรื่องแบบนี้
ถ้ามีเรื่องหนุกๆก็เอามาแบ่งกันอ่านแบบนี้บ่อยๆนะคะ
แบบว่าเอามาลงเล้าเป็นเลยอ่ะคะ



ขอบคุณไว้ก่อน
อิอิ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 28-10-2008 00:03:22
รออ่านตอนของโอและบอยอยุ่เน้อออออ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [part 2] [The end]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-10-2008 17:48:42
อะไรกันจ๊ะ  อาไรกัน    :a4:

มาร้องขอตอนบอยกะโอทำไมกันเนี่ย 

สองตัวยุ่งนี้เป็นแค่ตัวประกอบ  จะมาเอาจริงอะไรกันจ๊ะ  :a11:


มานี่ดีกว่า


มีตอนพิเศษสั้นๆ  สำหรับคู่พระนาง มาให้อ่าน


เป็นช่วงเวลาก่อนที่ชารอนจะเข้ามาแทรกกลาง   


มีคู่กัดโอกะบอย  เข้ามาแจมด้วย   สำหรับคนที่ชอบคู่นี้คงต้องจิ้นต่อกันเอาเองนะ 


เพราะเจ๊หมวยก็ตกใจและงงเหมือนกัน   :laugh:  ว่ามันจับคู่กันเองได้ยังไง!! 







[special]  Frank take a bath



(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/boy43.jpg)




“นวดดีๆ หน่อย บอย..  สูงขึ้นมาหน่อย เออ~~~ อย่างงั้นแหล่ะ”

แฟรงค์หลับตาสีหน้าผ่อนคลาย แต่แล้วก็สะดุ้งเมื่อเจ้าหนุ่มที่อยู่ปลายเท้าใช้สองมือนวดสูงขึ้นมาที่ต้นขา

“เฮ้ย!!..”  แฟรงค์ยกขาขึ้นยันอกเจ้าหนุ่มจอมกะล่อนไว้

“บอกให้นวดแค่เข่าไง   ถอยลงไป!!   อย่าขึ้นมาสูง   เดี๋ยวเป็นเรื่อง”

“เป็นก็ดีซีฮะ จะได้เปลี่ยนที่นวดจากในอ่างน้ำขึ้นไปนวดบนเตียงกัน ดีมั้ย บอย..”

“ดี.. แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนที่กันนวดก่อน”   บอยขอเปลี่ยนที่จากนวดหลังให้แฟรงค์ไปนวดที่ปลายเท้าบ้างแต่โอไม่ยอม

“อะไรวะ!!.. นายก็นวดหลังไปซี  ฉันถนัดนวดเท้า..”

“ก็ฉันเบื่อแล้วอ่ะ ขอเปลี่ยนที่นวดมั่งดิ..”

“เปลี่ยนเพื่ออะไร..” โอย้อนถามบอย

บอยไม่ตอบหันไปมองหน้าแฟรงค์   ก็เจอแฟรงค์ถามประโยคเดียวกัน

“ใช่!!.. เปลี่ยนทำไม.. นวดหลังก็ดีอยู่แล้วนี่ บอย..”

“แต่ผมอยากนวดปลายเท้าบ้างอ่ะ..”

แฟรงค์พยักหน้าให้โอเปลี่ยนที่นวด   สองหนุ่มขยับเปลี่ยนที่และเริ่มทำหน้าที่นวดของตัวเอง โอนวดหลังและไหล่ให้แฟรงค์ ในขณะที่บอยเริ่มนวดจากนิ้วเท้าขึ้นมาที่หน้าขา หนุ่มแฟรงค์นอนยิ้มหน้าบาน สบายและมีความสุดสุดๆ วันนี้เขารู้สึกปวดเมื่อยอยากผ่อนคลายด้วยการนวด ตั้งใจจะไปสปา เห็นโอกับบอยอยู่ว่างๆ เลยชวนไปด้วย แต่แทนที่เจ้าสองคนจะไปสปากับเขา กลับบอกว่าไม่ต้องไปให้คนอื่นนวด จะขอนวดให้เอง

โอบีบนวดหลังให้แฟรงค์สักครู่ก็เปลี่ยนที่หมาย สองมือไล้ผ่านไหล่มาที่กล้ามเนื้อหน้าอกและลูบเบาๆ บอยเห็นแล้วไม่พอใจ o12    ยิ่งเห็นคุณแฟรงค์ยังนอนนิ่งเหมือนพึงใจกับสัมผัสที่ได้รับก็ร้องโวยทันที

“คุณแฟรงค์ให้นวดหลังนะ โอ..  :o  ห้ามนวดหน้าอก!!..”

“อะไรวะ!!.. เกี่ยวอะไรกับนายเนี่ย~~  คุณแฟรงค์ยังไม่ว่าสักคำ..”

แฟรงค์ส่ายหน้าเหนื่อยใจ  เริ่มเบื่อกับการมีปากเสียงกัน

“พอแล้วๆ ทั้งคู่เลย  ออกไปได้แล้ว”

“ไม่เอาอ่ะ เพิ่งนวดแค่แป๊บเดียวเอง ขอนวดต่อนะฮะ~~” บอยร้องอ้อน

“ใช่ฮะ ยังไม่หายเมื่อยเลยไม่ใช่เหรอฮะ คุณแฟรงค์..”

“ใช่!!.. แต่ฉันรำคาญนายสองคนว่ะ ทะเลาะกันอยู่ได้..”

“เราสัญญาจะไม่ทะเลาะแล้วฮะ..”

“ใช่ฮะ ผมสัญญาว่าจะนวดเงียบๆ..”

แฟรงค์หลับตานอนนิ่งให้โอและบอยปลุกปล้ำปลายเท้าและหลังไหล่ต่อไป เมื่อไม่มีเสียงทะเลาะก็รู้สึกผ่อนคลายและสบายจนรู้สึกเคลิ้มอยากจะหลับ แต่จู่ๆ สองหนุ่มก็ผละขึ้นไป สัมผัสความสบายก็หายไปด้วย

แฟรงค์นอนนิ่งรอ ....นึกแล้วก็ปวดประสาทกับเจ้าเด็กพวกนี้ มันจะเปลี่ยนที่กันทำไมบ่อยๆ วะ...

สบายจังเลยนะ แพ็ททริค.. มีเด็กหนุ่มมาบริการนวดให้ในอ่างน้ำ ” เสียงทุ้มกล่าวทักกึ่งประชด

แฟรงค์สะดุ้งเฮือก ลืมตาเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้ร่างสูงที่ยืนกอดอกมองดูเขาอยู่



(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/boy44.jpg)



“แหะๆ กลับมาแล้วเหรอ.. เหนื่อยมั้ยคริส.. อาบน้ำด้วยกันมั้ย”

“ถ้าชวนฉันอาบเพื่อให้ช่วยนวดให้ล่ะก็ เสียใจด้วยนะ แฟรงค์.. ฉันนวดไม่เป็น”

สองหนุ่มผละออกจากห้องน้ำไปอย่างรู้หน้าที่

“ผมหายเมื่อยแล้ว ตอนนี้ผมอยากช่วยให้คุณสบายตัวมากกว่า...”

ร่างเพรียวขยับตัวขึ้นยืน มือปลดกระดุมเสื้อให้คริสและพูดคุยด้วยอาการออดอ้อนเหมือนที่สองหนุ่มทำกับเขาเมื่อครู่ ยังไงยังงั้น...

“อาบน้ำกับผมนะคริส.. ผมจะช่วยถูหลังให้”

ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยสบตาเจ้าเล่ห์ของคนรักหนุ่ม

...ช่างยั่วนักนะ แพ็ททริค... ใจคอจะให้ฉันอาบน้ำด้วยทั้งที่เจ้าเด็กสองคนนั่นเพิ่งออกไปงั้นเหรอ..

แฟรงค์ขยับร่างเปียกเปลือยแนบชิดและโอบกอดร่างสูงไว้เมื่อรู้ทันว่าอีกฝ่ายทำท่าจะปฏิเสธ

“อาบน้ำกับผมนะ.. ผมไม่ได้แค่อยากอาบน้ำ แต่ผมอยากทำอย่างอื่นด้วย นะคริสนะ..”


คนรักหนุ่มอ้อนวอนขอเสียงกระเส่าขนาดนี้ ทายซิว่า คุณคริสของเราจะยอมลงอ่างด้วยมั้ย ???




ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก



ลง


ไม่ลง


ลง


ไม่ลง






พรุ่งนี้มาต่อ .... :oni1:

 
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 28-10-2008 18:59:23
จิ้มๆๆ เจ๊หมวย


มาต่อพรุ่งนี้แน่นะ ป๋มรออ่านนะคับ



แต่ อยากอ่านคู่โอกะบอยจริงๆนะเนีย

จิ้นไม่เก่งอ่ะเจ๊
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 28-10-2008 19:25:41
เนี่ยๆๆๆๆๆๆแหละ
คู่กัดแย่งคุณแฟรงค์แบบนี้แหละ
อยากอ่านว่าทั้งคู่จะกลับมาชอบกันยังไง

ฮี่ๆ

ลง
ไม่ลง

ลงแน่ๆ  คือพรุ่งนี้
เจ้หมวยมาลงให้อ่านต่อแน่

ขอบคุณคร๊าบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 29-10-2008 00:43:16
โอ้ว เรื่องหลักจบไปแบบแฮปปี้ สบายใจขึ้นมามากมาย

ตอนพิเศษนี่ คริสคงไม่ลงอ่างมั๊ง แต่ไปที่อื่นแทน อิอิ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 29-10-2008 10:03:16
มาทำให้อยากแล้วอยากแล้วงจากไปเนี้ยนะ :a5:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-10-2008 11:00:13
รอคร้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 29-10-2008 13:33:16

Frank take a bath  ต่อ...




สองหนุ่มพากันออกจากห้องนอนแฟรงค์อย่างรู้งาน

 :m13:  “นายว่าคุณแฟรงค์เสร็จคุณคริสมั้ย โอ..”   

 :m4:  “เสร็จแน่ แต่ไม่ใช่คุณแฟรงค์นะ คุณคริสต่างหากที่เสร็จคุณแฟรงค์ของเรา”

“ก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ”

“ไม่เหมือนโว้ย คุณคริสไม่มีทางเริ่มก่อนแน่ ถ้าคุณแฟรงค์ไม่อ้อนขอ..”

“แต่คุณคริสไม่ได้มีอะไรกับคุณแฟรงค์นานแล้วนะ   :m1:  เจอคุณแฟรงค์สภาพนี้ฉันว่าคุณคริสต้องเป็นฝ่ายเริ่มแน่..”

 :เฮ้อ:  โอถอนใจบ่นงึมงำ

“เฮ้อ!!.. เสียดายเนอะ  คุณคริสไม่น่ากลับมาขัดจังหวะตอนนี้เลย ไม่งั้นคุณแฟรงค์เสร็จฉันแน่ เนี่ย.. ถ้าไม่ใช่คุณคริส.. อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมถอยออกมา วันนี้ตั้งใจจะงาบคุณแฟรงค์อยู่แล้วเชียว..”

บอยตาเขียวใส่โอ  :m14:

“นึกเหรอว่าฉันจะปล่อยให้นายงาบง่ายๆ ไม่มีทาง!!..”

“ฉันทำเพื่อเราสองคนนะโว้ย!! หรือว่านายไม่อยาก..”

“เอ่อ.. ก็อยากเหมือนกัน  :m13:  แต่คุณแฟรงค์เรียกให้เรามานวด ไม่ได้ต้องการแบบนั้น..”

โอผลักหน้าหนุ่มรุ่นน้อง

“นายนี่มันบื้อว่ะ รอคุณแฟรงค์ออกปาก ชาติหน้าก็ไม่ได้กิน”  :m16:
 
 
 :m30:    :m31:    บอยทุบกลับเข้าที่อกโอ  สองหนุ่มเล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันที่โถงพักผ่อนชั้นสอง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นคุณคริสเดินออกจากห้องคุณแฟรงค์ในสภาพเหมือนตอนที่เข้าไป แค่มีร่องรอยเปียกที่เสื้อผ้านิดหน่อย คริสหันมาสั่งโอให้ลงไปบอกจอนนี่ว่าเขาไม่ออกข้างนอกแล้ว ให้ไปคอยรับไมเคิลที่โรงเรียนได้เลย

สองหนุ่มตาปริบๆ มองร่างสูงเดินขึ้นไปบนที่พักชั้นสาม

“ไหนบอกว่าเสร็จไง โอ.. ทำไมคุณคริสถึงไม่....”

 :m26:  บอยกระซิบถามยังไม่จบประตูห้องนอนแฟรงค์ก็เปิดออก หนุ่มรูปงามในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเดินผิวปากออกจากห้อง

“ไปไหนฮะ คุณแฟรงค์.. ” บอยถามเสียงกระซิบ    :m26:   “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเหรอฮะ เป็นไปได้ยังไง..”

แฟรงค์หัวเราะเมื่อสองหนุ่มมีสีหน้าผิดหวัง

“จะไปอาบน้ำข้างบน”

“อาบข้างบน? ทำไมฮะ น้ำในห้องไม่ไหลเหรอ..”

โอกระเซ้า แต่เจอแฟรงค์ตอบกลับด้วยสีหน้าระบายยิ้ม   o4

“เปล่า น้ำไหลแรงดี แต่อ่างเล็กไป..”





 :oni1: :oni1:




อ่างน้ำวนขนาดใหญ่ ในห้องนอนเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์


“นวดเก่งขึ้นนะ แฟรงค์.. ไปหัดมาจากไหน.. ”

แฟรงค์นั่งที่ขอบอ่างบีบนวดไหล่ให้ร่างสูงที่นั่งอยู่ระหว่างขา

“ผมหัดจากเด็กๆ ครับ โอกับบอยนวดเก่งนะ คริส.. วันไหนเหนื่อยๆ ก็เรียกขึ้นมาใช้บริการได้ แต่ถ้าเรียกขึ้นมาสองคนพร้อมกัน คุณอาจจะรำคาญ พวกชอบทะเลาะและเปลี่ยนที่นวดกันบ่อยๆ ”

คริสหัวเราะ ... เดี๋ยวนี้เด็กๆ ในบ้านไม่กล้าเข้าหาเขา แม้แต่โอที่เคยขึ้นมาอ้อนขอปรนนิบัติเขาบ่อยๆ ทุกคนรู้ดีว่าตอนนี้แฟรงค์อยู่ในฐานะอะไร หน้าที่ปรนนิบัติใกล้ชิดแบบนี้จึงไม่มีใครกล้าเสนอตัว...

“ให้ฉันเรียกเด็กทำไม ในเมื่อนายเองก็มีฝีมือ หรือว่าขี้เกียจนวดให้ฉัน”

“เปล่า ~ ~ ซะหน่อย ผมหมายถึงถ้าคุณปวดเมื่อยอย่างเดียว เรียกเด็กขึ้นมานวดให้ก็ได้ เพราะถ้าเรียกผม ผมไม่รับบริการนวดอย่างเดียว...”

แฟรงค์ดันตัวคริสกระเถิบและหย่อนตัวลงแนบกายกับแผ่นหลังร่างสูง สองมือสวมกอดและไล้แผงอกของอีกฝ่าย ใบหน้าแดงระเรื่อแนบไหล่กว้างกระซิบหยอก   :กอด1:

“ท่านต้องรับบริการต่างตอบแทนของผมด้วยนะครับ มิสเตอร์..”

คริสซ่อนยิ้มกับความช่างอ้อนอย่างเด็กๆ ของชายหนุ่ม

“บริการอะไร ?”

มือเรียวไล้วนที่กล้ามเนื้อแผ่นอกและหน้าท้องและเคลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ

“เป็นบริการที่ผมจะมอบความสุขให้ท่าน แล้วท่านก็ต้องมอบความสุขให้ผมด้วย.. ”

“อืมม์~~ ได้ซี.. งั้นนายเริ่มก่อน”

คริสตอบรับบริการโดยไม่เสียเวลาคิด มือซุกซนของแฟรงค์เร่งการตอบรับของเขา

ร่างเพรียวขยับขึ้นจากน้ำเปิดฝักบัวรดศีรษะและใบหน้าตัวเอง คริสเห็นแล้วแทบจะทนไม่ได้กับอาการยั่วยวนชวนให้หลงของหนุ่มแฟรงค์ ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองหนุ่มคนรักที่ยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้าเขา อา!!.. นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นเรือนกายที่งดงามเต็มตาแบบนี้...

คริสดึงมือแฟรงค์ให้นั่งลง ร่างเพรียวทรุดตัวลงคร่อมร่างสูง ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะความอุ่นของน้ำทำให้ชายหนุ่มเจนเวทีดูเหมือนเด็กหนุ่มไร้เดียงสา

“ให้ผมเริ่มก่อนเหรอ..”  :m1:

“อะฮะ”

แฟรงค์โน้มกายเข้าไปมอบจูบที่ดูดดื่มให้ คริสใช้สองมือแกร่งไล้แผ่นหลังร่างเพรียวและหยุดนิ่งที่เอว เสียงกระซิบแหบพร่า

“อืมม์~ ~ พร้อมรึยัง แฟรงค์.. ”

“ผมพร้อมนานแล้ว..” เสียงใสแหบพร่าทวงสัญญาอีกครั้ง “ผมให้บริการคุณ แต่เดี๋ยวคุณต้องบริการผมมั่งนะ”

“ได้ซี.. แต่ฉันขอเปลี่ยนบรรยากาศบริการนายบนเตียงนะ..”


แฟรงค์พยักหน้าก่อนขยับกายลงช้าๆ ครั้งนี้ใบหน้างามแดงเรื่อด้วยอารมณ์ปรารถนา คริสแทบสำลักความสุขในนาทีที่ร่างกายจมลึกในที่คับแน่น


....อา!!.. ช่างเป็นบริการต่างตอบแทนที่วิเศษจริงๆ แฟรงค์...     :m25:






:m22:





:m10:








 :try2:   ฮู้ว ~ ~ ~ ฉากนี้ ติดเรทแล้วนะ เพราะงั้น....


......................................................


.....................Y o u r......................


......................................................


.....................I m a g I n e...............







 :oni1: 


จบและ   ลัลล้าออกไป

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 29-10-2008 13:39:04
ลั้นลาครับผม :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 29-10-2008 14:55:08
โห่!!!!!!!!!!!นึกว่าจะมีมากกว่านี้ซะอีก
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-10-2008 16:36:20
เจ๊หมวยเล่นให้ใช้ imagination ซะงั้น เค้ายิ่งไม่ค่อยถนัดด้านนี้อยู่ :try2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 29-10-2008 19:39:13
เจ๊คะ ทำแบบนี้ไม่ดีนะคะ อุตส่าห์เตรียมยาโรคหัวใจ เพราะกลัวช๊อค แต่ก็ต้องเก็บยาลงกระเป๋า

หว่า~~~~ เจ๊อ่ะทำแบบนี้อีกและ ชอบทำให้คนนอนไม่หลับใช่ไหม๊คะ

ซาดิส จริงๆเลย>,.< 555+

มาต่อเลย  :angry2: :o o12 :m22:

คราวหน้าถ้าจะทำให้ค้างก็เบิกยานอนหลับจาโรงพยาบาลมาให้ด้วยนะคะ

ร้านขายยา(ห้ามจำหน่าย)และคลีนิคแถวนี้ไม่มี

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 29-10-2008 22:58:15
คำสุดท้ายมันแปลว่าอาราย
กลับมาแปลละเอียดๆให้อ่านเดี๋ยวเน๊

:serius2:

สมองตีบตัน  มิอาจสร้างสรรค์จินตนาการได้
 :sad2:

ขอบคุณเจ้หมวยนะขอรับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 29-10-2008 23:41:31
นี่มันอะไรกันคับ :serius2:

 :angry2:ตัด NC ออกทำม่ายยยยยยย กันห่ะ!!

ทำแบบนี้กะป๋มได้งายยยยยยยยยยย :sad2:

ไม่ยอม ไม่ยอม เค้าไม่ยอม  o9 o9
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: jeje ที่ 30-10-2008 00:33:39
ติดตามอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ภาคแรกก็รู้สึกชอบแฟรงค์มากกกกกกกก............. :กอด1:

สาวกคริส-แฟรงค์คร้าบบบบบบบ..................... :oni2:

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: akaipee ที่ 30-10-2008 14:49:53
 :m1: :m1: :m1:
 :m25: :m25: :m25:
 น่ารักกันจริงๆๆ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 31-10-2008 09:13:36
ลัลลาด้วยคน

 :m1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 01-11-2008 00:59:53
จบแล้ว เย่ๆ

 :m1:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: chatori ที่ 04-11-2008 09:04:05
น่ารักจังเลย กว่าจะ happy น้ำตาตกอยู่หลายตอน

แฟรงค์กับคริสหวานมากๆ หุหุ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

 :m1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 08-11-2008 19:13:20
ขอบคุณหลายหมวยมากมายครับ

ลุงละช๊อบ ชอบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 07-06-2009 22:23:07
พึ่งเข้ามาอ่านครับ
ยี่ห้อเจ้หมวยไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆๆครับ o13
กว่าจะแฮ็ปปี้ได้ เล่นเอาน้ำตาหยดไปหลายแหมะเหมือนกับครับ :sad4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 10-06-2009 20:20:13
 o13 ตอนนี้ไล่ตามอ่านเรื่องที่จบแล้วอยู่ละ

อ่านเรื่องนี้แล้วซึ้งมากความรักมีหลายรูปแบบนะ เรื่องนี้มีครบเลยละ....แต่มันทำให้น้ำตาซึมจนถึงน้ำตาไหล  :monkeysad:ในหลายๆตอน


ขอบคุณนะที่ทำให้ได้อ่านเรื่องดีๆแบบนี้..... :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-06-2009 20:57:42
ตามอ่านมาสองสามวัน
อยากบอกว่าเรื่องนี้บีบหัวใจจริง ๆ เลยเจ๊หมวย
แบบ โอ๊ยยยย น้ำตาหมดไปหลายปีบมาก
แต่ว่าบทจะหวานก็หวานซะ  อ่านไปเขิลไป หุหุ
ขอบคุณเจ๊หมวยจำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้นะค๊ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 21-06-2009 09:10:33
ในที่สุด...ทุกคนก็มีความสุข เจอเส้นทางของตัวเอง
ขอบคุณคุณหมวยมากนะครับ ที่เอาเรื่องสนุกมาลง
แบ่งปันให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 14-11-2009 05:58:23
 :z2:
และแล้ว เราก็กลับมาอ่านจนจบ

หลังจากคราวที่แล้วจบภาคแรกไป
ไม่กล้าอ่านภาคสองเพราะชื่อภาคHurt story :serius2:
55555+

ขอบคุณเจ๊หมวยมากๆเลยค่ะ นิยายบีบหัวใจจี๊ดๆ ได้อารมณ์ดีแท้ o13
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 14-11-2009 12:07:50
นั่งอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ
ยังไม่ได้ลุกไปไหนเลย



ชอบอ่ะ
ชอบแนวนี้

ทุกคนต่างมีเม้นทางของตัวเอง
แต่ก็ยังที่อยู่ด้วยกัน


น่ารักกก ชอบบบ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 14-11-2009 22:24:47
......................................................


.....................Y o u r......................


......................................................


.....................I m a g I n e...............


 :sad4: :z6:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: pollapat ที่ 16-11-2009 21:13:45
นิยายโหดมากมาย  o22
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 23-11-2009 20:40:28
สนุกมากๆเลยค่ะ

อ่านไป บีบคั้นหัวใจไป  น้ำตาท่วมไปไม่รู้เท่าไหร่ โดยเฉพาะภาคแรก  :sad4:

ประทับใจๆ

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: ku_nan_jung ที่ 29-11-2009 00:27:32
สนุกมากอ่ะ ไรเตอร์  o18

มีหลายตอนที่แอบน้ำตาซึมๆ  :monkeysad:

เขียนดีมากค่ะ  :3123:

เด๋วไปจิ้นต่อก่อนนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: fin_never ที่ 05-12-2009 18:06:14
ขอบคุณ สำหรับผ้าขนหนู

ใช่ซับ น้ำตา

 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 22-12-2009 14:20:47
อ่าๆๆๆ ใช้เวลาอ่านนานพอดู
แต่ก็จบจนได้
ต้องใจแข็งมากๆ เลยนะ บางช่วงถึงกับเกือบทำใจไม่ได้
แต่ก็อยากรู้ตอนจบเลยต้องแข็งใจอ่านต่อ
แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ สนุกมากจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณมากๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 24-12-2009 17:50:33
อ่านรวดเดียวจบภายในหนึ่งวัน

ทำเอาใจแกว่งไปหลายรอบ

ตามไปอ่านภาค 2 ดีกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 20-01-2010 15:31:45
อ่าวววววววว~ เรื่องนี้ก็ของเจ๊หมวยด้วยหรอกเหรอ?  แนวdaddy's love? 

พลาดไปได้ยังไงเนี่ยยยยยยยยยยยยยยย    :serius2:

จะเศร้าไหมนะ   :sad4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 23-01-2010 05:02:30
โอยยยยยยยยย~ อ่านแล้วแทบอยากขาดใจตาย...  :o12:  มีแต่เรื่องให้ช็อคตายไปเลยซะจริง   o18

เจ๊นี่..ซาดิสต์จริงๆนะเจ๊    :really2:



ไงก็~ไอจาเป็นกำลังให้ต่อไปนะคะ   :bye2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 23-01-2010 21:16:54
ตามอ่านมาหนึ่งวันเต็ม
กรีดร้องไปกับไมเคิล
เจ็บด้วยปวดด้วย และเสียใจด้วย
น้ำตาไหลพราก.....เศร้าบีบหัวใจโฮกกก

ภาคสองยิ่งบีบหัวใจทั้งไมค์ทั้งแฟรง
น้ำตาไหลพราก...เจ็บปวด
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 26-01-2010 23:37:21
เพิ่งอ่านจบค่ะ สนุกมากมีครบทุกข์รสเลย ไว้จะตามไปอ่านเรื่องอื่นนะคะ

ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 27-01-2010 04:01:28
เพิ่งอ่านจบค่ะ คือว่าตามอ่านเรื่องสายใยรักแล้วติดใจ

เลยมาอ่านเรื่องนี้ด้วย สนุกมากเลย

ได้ครบทุกรสชาติจริงๆ สายใยรักทำให้ปวดใจยังไง

เรื่องนี้ คูณ 10 เลย :sad4:

ขอบคุณเจ้หมวยที่แต่งนิยายดีๆให้อ่าน  จะติดตามเรื่องต่อๆไปแน่นอน :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 06-05-2010 12:15:46
ขอบคุณค้าบบบบบ

หนุกมากเลย

หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 12-05-2010 05:38:43
อ่า่นรวดเดียวจบ... สามชม.
ตาปูดเลยค่า ร้องไห้สลับ สูดยาดม
ผ้าก็เอาไม่อยู่ 
ทำไมรันทดเยี่ยงนี้.. ตอนไมค์ก็จะตายแล้ว มาถึงแฟรงค์ ไม่ไหวจะทนT______T

โชคดีที่จบแบบแฮปปี้
แต่คาใจเรื่องยัยแม่ของไมค์จริงๆ จะเป็นชะนีบ้าไปไหนฟระเนี่ย
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 13-05-2010 12:03:18
 :เฮ้อ:

กว่าจะจบ บีบหัวใจมากมาย สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี

ขอบคุณ ที่ลงเรื่องดีดีให้อ่านค่า :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 13-05-2010 14:28:31
..เรื่องนี้พลิกล๊อคกันน่าดู...แต่เนื้อหาลึกซึ้งกินใจทีเดียว
เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: honeymic ที่ 13-05-2010 20:52:38
เจ๊ หนอ เจ๊ แต่งนิยายแต่ละเรื่อง บีบคั้นจิตใจคนอ่านน่าดู
แต่ก็พอให้อภัยได้ที่อย่างน้อยก็ Happy Ending
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: u4gartoon ที่ 21-05-2010 08:29:55
ตามเรื่องนี้มาจากบ้านพ่อค่ะ พอดีลิงค์เรื่องนี้ในนั้นมันหายไปอ่ะ
 อ่านจบในวันเดียว ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้โหดที่สุดเท่าที่เคยอ่านของเจ๊หมวยเลย  :เฮ้อ:
สงสารไมค์กับแฟรงค์มาก เจ๊หมวยช่างใจร้ายจริงๆ  :o12:
แต่ก็ยังดีที่จบแบบแฮ็ปปี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
ปล. อยากให้มีตอนพิเศษหลังจากแฟรงค์หายดีแล้วจังเลย :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 08-08-2010 17:05:44
สนุกมาก สุข เศร้า เคล้าน้ำตา  (อุปสรรคเยอะจริงๆๆ)
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 10-09-2010 21:15:06
อ่านจบแล้วค่ะ
กว่าจะจบเรียกน้ำตาไปซะหลายรอบเลย
ไมค์น่ารักมากๆๆๆๆ
แล้วเรื่องนี้ก็สนุกมากกกกกก
อ่านแล้วก็ทั้งเศร้า ทั้ง ยิ้ม


^^
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 20-10-2010 03:21:44
โอ๊ยกว่าจะอ่านจบได้ คนอ่านจะตายเอา ยาดมยาหอม ทั้งกินทั้งดมไปหมดไม่รู้เท่าไหร่สำหรับเรื่องนี้

ดราม่ามากกกกกกกกกก ภาคแรกน้องไมค์ว่าดราม่าแล้ว เจอเรื่องคุณแฟรงค์ในภาค 2 แล้วเนี่ยสุดๆ เลย

อ่านไปก็จะตายไป ไม่รู้จะเคราะซ้ำกรรมซัดไปถึงไหน แต่สุดท้ายก็ Happy Ending เนอะ

สนุกมากๆ เลยค่ะ ยังไงก็จะติดตามผลงานของเจ้หมวยต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 22-10-2010 09:28:22
เจ๊...  :serius2: รู้สึกทำให้พูดไม่ออกหลายรอบแล้ว  o22

แต่เป็นนิยายที่ทำให้เสียน้ำตาไปหลายลิตรในเวลาสองวันที่ตามอ่านจนจบ
ชอบตัวละครทุกตัวเลยค่ะ...น่ารักและมีชีวิตชีวามาก ถึงจะแอบเซ็งที่คริสกับแฟรงชอบคิดเองเออเองไม่ค่อยคุยกันให้เคลียร์ก่อนจะเข้าใจอะไรผิด ๆ ซักเท่าไหร่  :sad4:

สุดท้าย...ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ...เดี๋ยวอาจตามอ่านอีกเรื่องเร็ว ๆ นี้  :กอด1:  :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 22-10-2010 10:21:27
อึ้งๆ หนักๆ บอกไม่ถูก
เฮ้อ...เจ๊หมายครับ
ขอฮาๆบ้างเถอะ คนอ่านขอร้อง..
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: TamuNe ที่ 11-12-2010 04:26:43
สนุกมากค่า เรื่องชวนติดตาม แต่ทำเอาเสียน้ำตาไปหลายรอบกว่าจะแฮปปี้ได้ ขอบคุณนะค่า ที่เอามาลงให้อ่าน  :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 09-01-2011 01:46:47
อ่านจนจบ เสียน้ำตาสงสารไมเคิลไป 2 รอบ
แล้วต้องมานั่งสงสารแฟรงค์ ทำไมต้องโดนข่มขืนด้วย
เกลียดไอ้อ้วนนิคทำร้ายแฟรงค์
แต่ชอบแฟรงค์ตอนอ้อนคริส น่ารักดี
และชอบความรักของคริสต่อไมเคิล
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 23-03-2011 01:36:26
ไมค์น่ารักมากๆๆๆๆ เลยครับ

แล้วเรื่องนี้ก็สนุกมากกกกกก

อ่านแล้วก็ทั้งเศร้า ทั้ง ยิ้ม

ตอนแรกไมค์ว่าเศร้า เจอแฟรงค์เข้าไป ไม่รุ้จะอธิบายยังไงจริงๆๆ

อ่าน บีดครั้น ปวดตับ ไต้ ไส้ พุ่งมากๆๆ

แต่ยังดีที่จบแบบแฮปปี้ เอนดิง

ไม่งั้น :fire: :fire: :fire:

ขอบคุนมากๆๆครับ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 16-04-2011 00:17:02
เพิ่งหาเจอเรื่องนี้ ก็เพราะมาเดินเล่นในห้องนิยายจบแล้ว
ชอบนิยายเจ๊หมวยมากค่ะ
แต่เรื่องนี้ มันบีบตับมากค่ะ นั่งเครียดอยู่หน้าคอม
อ่านตั้งแต่เมื่อคืน ถึงตีสี่ แล้วตื่นมาอ่านเที่ยงอีกถึงเที่ยงคืน
ยังดีน่ะ ที่จบแบบมีความสุข ไม่งั้นจะต้องจำว่า นิยายเจ๊หมวยทำพี่ป่วย
ขอบคุณมากๆ ค่ะ
ว่าแต่ มีนิยายอีกเยอะไหมค่ะ ที่บ้านพ่อ (ซึ่งหาทางไปไม่เป็น) :L1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: lastlover ที่ 23-04-2011 16:46:27
ได้อ่านนิยายเรื่องนี้มานานมากแล้วค่ะ แต่กลับมาอ่านอีกรอบ สนุกมากจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: tomodaging ที่ 24-04-2011 05:08:40
สนุกมากๆเลยครับ
วันนี้เจอเรื่องนอยมาอ่านเรื่องนี่เข้า เห้อออ
เหมือนได้ปลดปล่อย(แต่ต้องอ่านจนจบนะ555+)
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: jojobuffy ที่ 24-04-2011 17:16:56
555+
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 25-04-2011 20:32:13
เรื่องนี้มีอารมณ์ครบทุกรสชาติจริงๆ
>โดยเฉพาะที่มันบีบหัวใจ<
 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ^^
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: white_destiny ที่ 19-05-2011 14:32:25
อยากอ่านบอยกับโอ

อยากอ่านแน่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 24-05-2011 23:34:38
เรื่องนี้เรียกทั้งน้ำตา  :sad4:

ทั้งเลือดเลยจ้า โดยเฉพาะฉากสุดท้าย

รู้สึกจะมีน้ำตาลในเลือดด้วย  :-[

อิจฉาว้อย  :o12:

อยากอาบน้ำแบบนี้มั่งจัง  :impress2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥Täsinä→l3€LL♥ ที่ 13-08-2011 20:29:29
กว่าจะมีความสุขได้
ลุ้นแทบแย่ บีบหัวใจมากๆๆ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 14-08-2011 00:02:50
ภาคหนึ่งไมเคิลโชคร้ายแบบสุดๆ พอเริ่มอ่านภาค 2 แล้วรู้สึกเรื่องยุ่งยากกว่าที่คิดคะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 29-08-2011 01:49:10
เป็นเรื่องที่เข้มข้นมากๆเลยครับ อ่านไป แอบน้ำตาไหลไปหลายรอบเลยทีเดียว
เรื่องนี้ สอนผมให้ได้พบกับความรักในอีกหลายมุมมองเลยครับ ขอบคุณจริงๆจากใจครับ ^^
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 29-08-2011 10:01:50
อ่านยาวจนจบ
เล่นเอาน้ำตาแตกไปหลายยก

ของหนูไมเคิลนี่ก็ชวนให้เศร้า สวรรค์รังแกไปหลายรอบ กว่าจะสงบสุขได้
น้ำตาก็เสียไปหลายปี๊บ
มาเจอของแฟรงกี้นี้ เอาให้ร้องไห้โฮกันไปเลยทีเดียว
เป็นฟิคที่บีบหัวใจเอามากๆ
แต่ก็หวานตบท้าย (พอให้อภัย)

เป็นเรื่องที่ดึงอารมณ์ของผู้อ่านร่วมตามได้ดีทีเดียว
รออ่านเรื่องต่อไปนะ....
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 15-09-2011 23:41:11
ตั้งแต่อ่านนิยายเจ้หมวยมา เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจมากที่สุด

แต่ละเหตุการณ์ ไม่รู้จะสะเทือนใจ ไปไหน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 18-09-2011 00:02:09
มาเริ่มอ่านช้าไปหน่อย
แต่สนุกมากเลย  :impress2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 27-09-2011 03:53:18
>//< สนุกมากเลยค่ะ  o13

อยากอ่านคู่โอกะบอยจังงง :impress2: :impress2:




 :pig4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: nongbear ที่ 28-09-2011 09:38:10
อ่านรวดเดียวจบ เปนเรื่องที่อ่านแล้วบีบเค้นหัวใจได้สุดๆ
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดดดดด
ภาคแรกสงสารไมเคิลมาก ภาคสองแฟรงค์ยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่
 :m15:

ส่วนฉากหวานแหววของคริสกะแฟรงค์น่ารักมากมายคร่าาาาา
อยากให้มีตอนพิเศษน่ารักๆออกมาอีก
 :-[



หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-12-2011 07:22:07
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 30-12-2011 16:45:21
อยากจะบอกว่า เรื่องนี้บีบหัวใจมากๆ

อ่านเเล้วรู้สึกเศร้าอ่ะ ทำไมมันรันทดได้ขนาดนี้หนอ  :o12:

เเต่มีทุกรสชาติจริงๆ เศร้า ดราม่า สนุกสนาน  :z2:

ขอบคุณเจ๊หมวยค่ะ ที่เเต่งนิยายดีๆมาให้ได้อ่านกัน

รับประกันว่าเรื่องนี้ เเซ่บจริงๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 13-01-2012 14:55:54
ขอบคุณมากค๊าาาา

เรื่องนี้มันดราม่าจริงๆ ให้ตาย!!!
แต่ก็จบลงอย่างแฮปปี้  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 26-08-2012 17:06:53
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านแล้วน้ำตาไหลไปหลายปีบแล้ว o13 o13
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 09-11-2012 14:46:13
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเครียดที่สุดเลยตั้งแต่อ่านเรื่องของเจ้หมวยมา เราว่าเรื่อง Daddy เครียดแล้วน่ะแต่เทียบเรื่องนี้ไม่ได้เลยน่ะ กว่าจะมีความสุขได้เล่นเอาเหนื่อยและช็อคไปหลายที :a5: แต่เราว่ามันก้อเหมือนกรรมอย่างนึงเน๊อะแต่ก้อยังดีว่าสุดท้ายทุกคนก้อมีความสุขน่ะ แต่กว่าจะถึงโหดจังจ้า :m15:
ป.ล.ชื่นชมงานของเจ้หมวยจ้า รีบกลับไปอ่าน baby แหละ :impress2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 15-11-2012 23:30:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 20-11-2012 20:13:36
เพิ่งเข้ามาอ่านคะ สนุกมาก ๆ สะเทือนใจสุดคะ *0*
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: delothymathawal ที่ 05-01-2013 06:40:14
คุณทำลายศักศรีตัวละครของตัวเองได้เลือดเย็นมาก
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 16-10-2013 17:01:49
อ่านวันเดียวจบ
รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ชีวิตอาภัพมากกกก
แต่ละภาคนี่คนอาภัพนี่ไม่ซ้ำกันเลยจริงๆ
ดีใจที่จบแบบแฮปปี้ไม่มีใครต้องเจ็บปวด
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: kamisama ที่ 16-10-2013 21:06:40
 :z13: :z13: :o8: :o8: :-[ :-[ :o12:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: poisongodx ที่ 17-10-2013 00:16:36
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 17-10-2013 12:33:39
กระทบกระเทือนจิตใจอย่างแรง
= = อ่านแล้วอยากตามไปฆ่า คริส โทนี่ และคนอื่นๆ อยู่เนื่องๆ :fire:
สงสารหนูน้อยไมเคิล กับแฟรงค์  :hao5:

 :กอด1: คนเขียน 555
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 25-02-2014 01:38:39
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 27-02-2014 19:35:25
ชอบ :sad4: o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 01-03-2014 23:59:13
:monkeysad: อ่านนิยายของเจ้หมวยทีไรมีอาการแบบนี้ทุกเรื่องเลย ดีใจ   สุขใจ เสียใจ ทรมานใจ แค้นใจ ปวดใจ สุดท้ายใจหนูอ่อนแรงเหลือเกิน แต่มีความสุขคะ

 :กอด1: ขอบคุณ คะ
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 12-04-2014 06:32:16
เรื่องนี้ทำน้ำตาไหลไปหลายรอบเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 18:34:40
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [NOVEL] FATHERHOOD [Frank take a bath]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 20-03-2024 10:10:51
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)